ย้อนแรก (3)
เสียงเตือนข้อความจากแอปโซเชียลดังขึ้น ไม่ต้องเดาผมก็รู้ว่ามาจากไหน
ตั้งแต่ผมคบกับพี่เอก มันก็มีโรคจิตคนนึง คอยส่งข้อความมาหาผมเป็นประจำ
มันมักจะพร่ำเพ้อพรรณนาถึงพี่เอก แต่ผมก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมัน และไม่ได้บอกพี่เอก
จนกระทั่งมันคุดขุ้ยเรื่องของพี่เอกกับผู้หญิงอีกคนมาฟ้องผม ผมไม่ได้จะเชื่อมันเท่าไหร่ เพราะพฤติกรรมของมันแสดงออกว่ามันชอบพี่เอกมากแค่ไหน และต้องการจะให้เราแตกหักกัน
ผมเอาข้อความที่มันส่งให้ผมไปคุยกับพี่เอกตรงๆ ขอคำอธิบายให้ผมสบายใจ เพราะผมก็จิตตกที่ถูกก่อกวนตลอดมา
คำตอบที่ได้ทำให้ผมอึ้งไปเหมือนกัน
พี่เอกอยู่กับมันมานานแล้ว ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ อยู่กับมันหมายถึงได้รับข้อความพร่ำเพ้อพรรณนาจากมันก่อนที่จะมาคบกับผมด้วยซ้ำ
ผู้หญิงที่มันส่งเรื่องมาฟ้องผม ก็เป็นเพื่อนพี่เอกที่เกือบจะได้เป็นแฟนกัน แต่พี่เอกก็สารภาพตามตรงว่าเธอไม่เลือกพี่เอก เธอเป็นถึงอาจารย์ปริญญาเอกที่ฐานะทางสังคมดีกว่าพี่เอกมากเกินไป
พี่เอกไม่ได้พูดคำว่ารักเธอ และผมก็ไม่อยากจะคาดคั้น ไม่อยากฟังคำนั้น เพราะคำว่า รัก ผมก็ไม่เคยได้ยินจากปากพี่เอกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ผมได้แค่คำยืนยันจากพี่เอกว่าไม่มีอะไรเกินเพื่อนกับผู้หญิงคนนั้นแน่นอน ใช่ครับ เพราะเธอไม่เอาพี่เอก
ผมขอดูข้อความที่ไอ้โรคจิตนั่นส่งมาหาพี่เอก แต่เค้าไม่ยอมให้ผมดูจนเราทะเลาะกัน
ผมอยากรู้ว่าเค้าปิดบังอะไรผม แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่อยากให้รู้ ผมก็ทำอะไรไม่ได้
พี่เอกบอกผมว่าเคยสืบหาไอ้โรคจิตนี่เหมือนกัน แต่มันส่งมาจากเครื่องคอมฯ ต่างๆ ทั่วบริษัท ไม่ค่อยซ้ำ จะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ทำให้จับตัวไม่ได้
แต่พี่เอกก็ขอร้องให้ผมอย่าคิดมาก ทำใจให้สบาย เพราะไอ้โรคจิตคนนี้ไม่เคยแสดงตัวออกมาทำร้ายเรา และในชีวิตจริง ผมคือคนที่คบกับพี่เอก ถ้าไม่สบายใจก็บล๊อคมัน ไม่ต้องไปอ่านอะไรที่มันส่งมาอีก
ตอนนั้นผมมั่นใจว่าพี่เอกเป็นคนดี ผมเลยเชื่อใจ หรือถ้าผมรับรู้เรื่องอะไรมาจากมัน ผมก็จะไม่บอกพี่เอกอีก เพื่อตัดปัญหาไม่ให้เราทะเลาะกัน
ผมกับพี่เอกใกล้ชิดกัน เจอกันบ่อย มีกิจกรรมกันเสมอที่เราว่างตรงกัน
แต่มันก็เหมือนมีเส้นบางๆ กั้นผมไว้ ผมรู้สึกเข้าไปไม่ถึงพี่เอกจริงๆ
ผมคงรักมากกว่าจนไม่ทันคิดถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่งบอกถึงความห่างเหินของเรา จนวันเกิดพี่เอก
วันนี้พี่เอกอยู่เวร และผมก็แกล้งบอกว่าไม่ว่างมา เพื่อที่จะเอาเค้กมาเซอร์ไพร์
ผมมาเลยเวลาเดิมไปครึ่งชั่วโมง เพื่อให้พี่เอกตายใจ
เมื่อผมมาถึง ประตูมันล็อค แต่ไฟให้ห้องเปิดอยู่ ผมคิดว่าพี่เอกอาจจะไปซ่อมเครื่องที่ไหนซักแห่งในบริษัทแค่นั้น
แต่ผมก็ลองเคาะประตูดู เผื่อพี่เอกจะหลับ
ประตูเปิดออกจริงๆ แต่คนที่มาเปิดไม่ใช่พี่เอก
ผมรู้จักเค้า เค้าเป็นเพื่อร่วมงานพี่เอกที่นั่งอยู่โต๊ะยาวข้างห้องนี้
ผมยืนยิ้มให้เค้าอยู่ไม่นาน พี่เอกก็เดินมาจากข้างห้อง ทำท่าตกใจเล็กน้อย และพูดขึ้นว่าไหนผมบอกว่าจะไม่มา
เพื่อนพี่เอกเดินเข้าไปปิดคอมฯ และกลับไปแล้ว ส่วนผมที่เห็นด้านหลังห้องมีกับข้าวเทใส่ชามวางอยู่ก็เดินไปวางกล่องเค้กไว้บนโต๊ะข้างๆ กัน
ผมถามพี่เอกว่าทำไมซื้อกับข้าวมาเยอะจัง เยอะพอๆ กับตอนที่ผมมากินด้วย พี่เอกก็ตอบว่าซื้อเอาไว้เผื่อผมมา
ผมดีใจที่เค้านึกถึงผม ผมเลยเปิดกล่องเค้ก จุดเทียน และร้องเพลงอวยพรวันเกิดเค้า พี่เอกยิ้มกว้าง หลับตาอธิษฐาน ก่อนจะเป่าเทียน
แต่เทียนมันไม่ดับ เพราะผมตั้งใจแกล้งซื้อเทียนแบบนี้มา ผมนั่งขำแทบแย่ จนพี่เอกเริ่มหน้าตึง ผมเลยอาสาจะช่วยเป่าให้
พอผมเป่าลงไป พี่เอกรีบยกเค้กหนี พร้อมสีหน้าไม่พอใจ
ผมค่อนข้างแปลกใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่เจอพี่เอกในโหมดนี้
พี่เอกวางเค้กลง มองหน้าผม แล้วพูดว่า "แบบนี้จะกินได้ยังไง"
ผมเข้าใจว่าเพราะเทียนยังไม่ดับ เลยหยิบเทียนออกมาใช้กระดาษฝากล่องเค้กบี้มันจนดับสนิททั้งหมด
แต่ไม่ใช่เพราะเทียนไม่ดับ แต่สิ่งที่เอกหมายถึง คือน้ำลายผมอาจจะลงไปในเค้กตอนที่ผมเป่า แล้วเค้าจะกินได้ยังไง
ผมคิดไม่ทัน จึงขอโทษขอโพยยกใหญ่ และเค้กนั่นก็เป็นเพียงแค่รูปถ่าย ไม่ได้อิ่มท้องขอพี่เอกจริงๆ
ผมทานข้าวกับพี่เอก ก็ยังโดนดุต่อ ว่าทำไมผมไม่ใช้ช้อนกลาง มันไม่ถูกสุขอนามัย ทั้งที่เราก็กินกันแบบนี้มาตลอด
สิ่งที่ผมคิด และวางช้อนอิ่มในทันทีก็คือ มันไม่ใช่เรื่องสุขอนามัย แต่พี่เอกรังเกียจน้ำลายผม น้ำลายที่เราจูบแลกลิ้นกันมาแล้วเกือบปี
ผมนิ่งเงียบ เดินไปนั่งดูคลิปที่คอมฯ เครื่องประจำเหมือนเดิม และลืมทุกอย่าง ปล่อยให้มันผ่านไปเหมือนที่ทำกับทุกสิ่ง
พี่เอกเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างผม หลังจากล้างจานและลงไปล็อคตึกเสร็จ
เค้ากอดผม หอมผม เราเริ่มนัวเนีย คลอเคลียกันเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้พี่เอกตื่นตัวเร็วมาก แค่หอมแก้มผมแค่สองครั้ง แท่งเอ็นใหญ่ก็ตั้งชูชันจนเนื้อผ้าตึง
เค้าลากจูงผมให้ไปล้มนอนลงที่เตียงหลังห้อง
เค้าเร่งรีบถอดเสื้อผมจนแทบจะฉีกทึ้ง
เค้าก้มหน้าดูดดึงหัวนมผม ขบเบาๆ แต่รู้สึกเสียวซ่าน จนเอ็นร้อนของผมตื่นตัว
เค้าเบียดตัวมาซ้อนหลังเปลือยเปล่าของผม ลูบไล้เรือนร่าง และตะโบมจูบไปทั่วหลังคอผม พร้อมทั้งบดเบียดช่วงล่างให้แนบชิดสะโพกผม รวมถึงเสียดสีเอ็นร้อนให้พอดีกับร่องก้นผม
วันนี้พี่เอกแปลกมาก เค้าดูหื่นกระหายมากเกินปกติ ที่ทุกครั้งเค้าหมือนกักเก็บความหื่นกระหายไม่แสดงออกกับผมมากขนาดนี้
พอผมเอื้อมมืออ้อมไปสอดในกางเกงพี่เอก กอบกุมท่อนลำใหญ่ ชักรูด นวดคลึง นอกจากพี่เอกจะไม่ขัดขืนแล้ว ยังเร่งความหนักหน่วงในการเล้าโลมผมไม่หยุด
ผมเร่งสาวมือ เน้นบีบบี้ตรงปลายหัวหยัก จนพี่เอกเผลอส่งเสียง ซี๊ด! ที่ข้างหูผม พลางเอ่ยปากว่า "สุดยอดเลย "
พี่เอกฟ้อนเฟ้นร่างผมหนักหน่วงขึ้น และเปลี่ยนเป็นพลิกตัวนอนหงายรีบดึงกางเกงเค้าลง เพราะท่อนลำใหญ่ฉีดพ่นน้ำขุ่นขาวออกมาจนเลอะหน้าท้องเค้าไปหมด
ผมที่มีอารมณ์มาสักพักแล้ว แต่พี่เอกไม่ได้ช่วย จึงลุกขึ้นถอดกางเกงระหว่างที่พี่เอกยังนอนหมดแรง
ผมขึ้นคร่อม ใช้มือป้ายน้ำขุ่นขาวของพี่เอกมาชโลมรูดรั้งท่อนลำพี่เอก และควานลึกเข้าไปที่ปากทางเข้าเพิ่มความชุ่มชื่นให้รูของผมที่กำลังร่านระริก
ผมยกตัวขึ้น จับท่อนลำใหญ่ของพี่เอกมาจ่อรูร่าน ก่อนจะกดตัวลงไปทีเดียวจนมิดลำ
ครับ พี่เอกไม่ใช่แฟนคนแรกของผม ผมต้องการเค้ามาก เพราะที่ผ่านมาเรามีเซ็กส์กันแค่เพียงภายนอก ไม่เคยลุกล้ำเข้าไปแบบนี้
ผมกดสะโพกลงไปจนไม่มีช่องว่างเหลือระหว่างเราสองคน
ผมบดก้น โยกย้ายซ้ายขวา หมุนควง มันเสียวซ่านจนผมต้องเชิดหน้าชูคอ ร้อง ซี๊ด!
ผมยกร่างขึ้นจนลำท่อนยาวเกือบหลุดออกจากรู และกดลงไปอย่างแรงเร็ว ทำอยู่อย่างนั้นจนผมถึงฝั่งฝันปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาเลอะหน้าท้องของพี่เอกอีกครั้ง
พี่เอกรีบดันล่างผมออก จนผมตกใจ แต่พี่เอกก็รีบจูงมือผมเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างเนื้อตัว พี่เอกบอกให้ผมออกมาก่อน เมื่อผมใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ไปนอนที่เตียงตามเดิม
คืนนั้นพี่เอกนอนหันหลังให้ผม จนเสียงมือถือเค้าดังขึ้น พี่เอกรับสายพร้อมกับตอบปลายสายว่ามาเที่ยวบาร์โฮสอยู่ แล้วก็รีบตัดบทวางสาย
ด้วยความสงสัยว่าทำไมเค้าถึงพูดแบบนั้น จึงเอ่ยถามเค้าว่าใครโทรมา พี่เอกก็ผมว่าเพื่อน แล้วก็หันกลับไปนอนหันหลังให้ผมเหมือนเดิม
เช้าวันนี้ผมไม่ต้องรีบกลับเพื่อแอบคนอื่นตอนเช้ามืด เพราะเป็นเวรวันอาทิตย์ของพี่เอก ซึ่งพี่เอกออกไปซื้อข้าวเช้าอยู่
ผมไปนั่งหน้าจอคอมฯ ของพี่เอก
ผมคลิ๊กเข้าไปในโฟลเดอร์เดิม ที่ผมเคยเข้าทุกเดือน เพื่อ copy ตารางเวรพี่เอก มาจัดเวลามาหาเค้าตามนั้น
แต่คราวนี้โฟลเดอร์นั้นไม่มีข้อมูลอัพเดทของเดือนต่อไป มีแต่ข้อมูลเก่าๆ
พอพี่เอกมา ผมก็ถามถึงตารางเวรว่ายังไม่ได้จัดกันใหม่หรือเปล่า
พี่เอกเงียบ และค่อยๆ พูดขึ้น
"ไทม์ ไม่ควรมาที่นี่บ่อย ยังไงที่นี่ก็เป็นที่ทำงานของพี่"
ผมค่อนข้างแปลกใจ ในเมื่อผมมาที่นี่จนจะปีนึงอยู่แล้ว
"แต่ทุกคนก็รู้จักไทม์นี่ครับ เวลาไทม์เจอคนอื่นก็ทักทายผมดีตลอด ทุกคนก็รู้ว่าเราเป็น..."
"เพื่อนกันครับ เราเป็นเพื่อนกัน"
คำว่า แฟน ที่ผมกำลังจะพูดออกไป ถูกพี่เอกพูดดักว่า เราเป็นแค่ เพื่อน กัน จนผมนิ่งอึ้ง
กว่าที่เสียงแผ่วเบาของผมจะเปล่งออกมาได้ น้ำตาของผมก็ไหลอาบแก้มจนเปียกชุ่มไปก่อนแล้ว
"เพื่อนกัน เค้า ไม่ ทำ แบบนี้ กันหรอกครับ"
ผมพูดคำนั้น และคว้ากระเป๋าวิ่งออกจากห้องไป วิ่งไปให้ไกลจากที่นี่ ผมคิดอะไรไม่ออก ผมไม่รู้ว่าผมทำผิดอะไร ที่ผ่านมาเรารักกันไม่ใช่เหรอ ที่ผ่านมาเราคบกันไม่ใช่เหรอ
ผมเก็บตัวอยู่คนเดียว ทอดอารมณ์เสียใจจนน้ำตาเหือดแห้ง จนลืมเค้า ไม่คิดถึงเค้า ผมมั่นใจว่าผมเป็นคนลืมง่าย ผมเข้มแข็ง และไม่แคร์ใคร กอปรกับที่เค้าไม่เคยติดต่อผมมาอีก ผมใช้เวลาแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้นกับการลืมความรักหนึ่งปีของผม
จนวันนี้ ผมตั้งหลักได้ ผมโทรหาพี่เอก บอกว่าจะมาเอาหนังสือ กับเอกสารของผมที่เคยทิ้งไว้ที่นี่ และนัดแนะให้เค้ามารอแถวที่จอดรถ
พี่เอกตอบกลับผมว่าอยู่เวรพอดี ให้ผมมาเอาได้เลย
ผมขี่มอเตอร์ไซด์มุ่งตรงไปลานจอดรถ ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าอีกแล้ว ผมไม่รักเค้า และไม่เกลียดเค้าด้วยเหมือนกัน ผมไม่มีความรู้สึกใดๆ กับเค้าอีก
ผมเห็นพี่เอกยืนรออยู่ไม่ไกล
ผมจอดรถโดยไม่ดับเครื่อง ข้างๆ เค้า
เค้ายื่นหนังสือและเอกสารมาให้
ผมยิ้มให้เค้า สบตาเค้า และกล่าวขอบคุณ
ระหว่างที่ผมลุกเก็บของไว้ใต้เบาะ พี่เอกก็พูดขึ้นมา
"ขึ้นไปข้างบนมั๊ย"
ผมหยุดฟังไม่นาน ผมหันกลับไปยิ้มให้เค้า และตอบคำถามเค้าก่อนจะขี่มอเตอร์ไซด์ออกมา
"ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่มีธุระที่นี่อีกแล้ว"
ผมเห็นพี่เอกยืนรออยู่ไม่ไกล
ผมจอดรถโดยไม่ดับเครื่อง ข้างๆ เค้า
เค้ายื่นหนังสือและเอกสารมาให้
ผมยิ้มให้เค้า สบตาเค้า และกล่าวขอบคุณ
ระหว่างที่ผมลุกเก็บของไว้ใต้เบาะ พี่เอกก็พูดขึ้นมา
"ขึ้นไปข้างบนมั๊ย"
ผมหยุดฟังไม่นาน ผมหันกลับไปยิ้มให้เค้า และตอบคำถามเค้า...
แต่...เดี๋ยวนะ...
ผม..ผม..นี่มันอะไรกัน
"ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่มีธุระที่นี่อีกแล้ว"
ผมตอบคำถามเค้าก่อนจะขี่มอเตอร์ไซด์ออกมา
ระหว่างที่ผมลุกเก็บของไว้ใต้เบาะ พี่เอกก็พูดขึ้นมา
"ขึ้นไปข้างบนมั๊ย"
ผมหยุดฟังไม่นาน ผมหันกลับไปยิ้มให้เค้า...
ครั้งนี้ผมมั่นใจแล้ว ผมไตร่ตรองอย่างหนัก
ผมชื่อ ไทม์
Time ที่แปลว่า เวลา
ผมเกิดปี 1987
อายุ 32 ปี
ตอนนี้ผมโสด ไม่คบใคร ไม่มีคนคุย และ ไม่รักใคร
และผมคบกับพี่เอกตอนผมอายุ 27 ปี
นี่มันเดจาวูชัดๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้น
ผมหลับตาคิด คิดอย่างหนัก ผมต้องขุดค้นความรู้สึกนึกคิดตอนนั้น ผมต้องนึกให้ออก ต้องคิดให้ออก
ความคิดนึงแล่นเข้ามาในหัว ถ้าผมตอบรับ เดินไปกับพี่เอกล่ะ
ถ้าสิ่งที่พี่เอกทำไปแบบนั้น เป็นแค่กลไกป้องกันการผูกมัดหรือเปล่า เพราะเราทั้งสองคนเคยแลกเปลี่ยนความคิดกันว่า ชีวิตของเราทั้งสองคนไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีบ่วง มีห่วง
เราคบกันด้วยความสบายใจ แค่อยู่ด้วยกันก็มีความสุขดีแล้ว ผมอาจจะทำให้เค้ากดดันมากไป เค้าถึงพูด และแสดงออกกับผมแบบนั้น
ถ้าผมเดินไปกับพี่เอก เราจะกลับมาคบกันเหมือนเดิม เราจะมีความสุขกันเหมือนเดิมใช่มั๊ย
ปวดหัว ผมปวดหัว พอผมหยุดคิด ความปวดก็จางหายไป
ผมเงยหน้าสบตาพี่เอก เค้ามอบรอยยิ้มให้ผม เค้านิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่พูดอะไรต่อ
ทุกสิ่งรอบข้างผมเหมือนกำลังหยุดนิ่ง มีเพียงสมองของผมที่หมุนวนอยู่
ผมหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกให้เต็มปอด ก่อนที่จะลืมตา
ผมมองเค้าอีกครั้ง ผมยิ้มให้เค้า และตอบคำถามเค้าก่อนจะขี่มอเตอร์ไซด์ออกมา
"ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่มีธุระที่นี่อีกแล้ว"
ทุกอย่างเหมือนดับวูบลง มืดสนิทอีกครั้ง
ใช่ ผมตัดสินใจทำแบบเดิม เหมือนตอนที่ผมอายุ 27 ปี
เรายังคงเลิกกัน ไม่มีวันหวนคืนไปอีก
ความทรงจำผมเหมือนทะลักโผล่พรวดขึ้นมา เป็นช่วงเวลาหลังจากที่ผมตัดขาดจากพี่เอกเกือบครึ่งปี
ไอ้โรคจิตคนเดิมส่งรูปคู่บ่าวสาว ถ่ายพรีเวดดิ้งส์ มาให้ผม
ผู้ชาย และหญิงสาวในรูป คือพี่เอก และแพน เมียเก่าของน้องชายผม
ครับ ย้ำว่าเมียเก่าของน้องชายผม ผู้หญิงคนที่ตามจีบน้องชายผมตั้งแต่สมัยเรียนจนพลาดพลั้งตั้งท้อง แล้วแอบพากันไปทำแท้งตามประสาเด็ก และมาสารภาพกับผมทีหลัง ก่อนที่ทั้งสองคนจะเลิกกันตามวัยที่โตขึ้น รู้จักผู้คนมากหน้าหลายตาขึ้น
ผมหัวเราะ นี่เหรอคนที่ไม่อยากแต่งงาน
นี่เหรอผู้ชายที่ดีงาม รักษาตนในศีลในธรรม กลัวความผิดบาป แม้กระทั่งจะมีเซ็กส์กับผม
ผมบล็อคไอ้โรคจิต ไม่อ่านข้อความใดๆ ของมันอีก
แต่ผมก็อดไม่ได้ ที่จะส่งข้อความไปหาพี่เอก ผมไม่เชื่อว่าเวลาครึ่งปีจะทำให้คนสองคนรู้จักกันดีพอจนแต่งงานกันได้ และเพราะผมรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่พี่เอกจะรักใครซักคน โดยเฉพาะผม
ผมพิมพ์สวัสดีลงในข้อความ กล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวขอให้มีความสุขมากๆ ผมบอกว่าผมดีใจเมื่อคนที่ผมเคยรักจะมีความสุข จะมีครอบครัวที่ดี พี่เอกเป็นคนดีสมควรจะได้รับสิ่งดีๆ ได้แต่งงานกับคนที่คู่ควร
และผมทิ้งท้ายข้อความไว้ว่า
"แต่ถ้าพี่อยากจะมีลูกก็คงยากหน่อยนะครับ เพราะผู้หญิงที่เคยทำแท้งเถื่อน ไม่ได้ไปขูดมดลูก เด็กคงไม่เกาะมาเกิดได้ง่ายๆ นัก"
จบข้อความผมก็บล็อคมันทันที ไม่คิดแม้แต่จะเปิดขึ้นมาดูอีก
ผมลืมเรื่องราวของพี่เอกหมดแล้ว ผมมีแฟนใหม่ จนผมเลิกกับแฟนอีกคน แต่ผมก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
มีเสียงโทรศัพท์ และเบอร์แปลกต่อสายมาหาผม ผมกดรับ
"ใครครับ"
"แพนเองค่ะ"
"แพนไหนครับ"
"แพนไงพี่ไทม์ แพนเอง"
คนที่โทรมาคือเมียเก่าของน้องชายผม และเป็นเมียคนปัจจุบันของผัวเก่าผม เธอโทรมาพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น พูดแทบฟังไม่รู้เรื่อง
"มีอะไรครับ"
"พี่ไทม์ พี่ไทม์ ทำไมไม่บอกแพนว่าพี่เคยเป็นแฟนกับพี่เอก"
"พี่จะไปรู้หราครับว่าน้องไปคบกันตอนไหน แล้วนี่รู้ได้ยังไง"
"มันมีไอ้โรคจิต ส่งข้อความมาบอกแพน พี่ไทม์ แพน..แพนเลิกกับพี่เอกแล้ว แพนแท้งลูกของพี่เอก ฮือๆๆ แต่แพนรักเค้า แพนอยากให้เค้ากลับมา แพนเล่าความชั่ว ความเลวของตัวเองทุกอย่าง แพนเปิดใจให้เค้าหมด แพนง้อเค้า แพนทำทุกอย่างแล้ว แต่ทำยังไงเค้าก็ไม่กลับมา"
"พี่คงช่วยแพนไม่ได้นะครับ เพราะชื่อเค้า แม้แต่หน้าเค้าพี่ยังจำไม่ได้ นึกไม่ออกด้วยซ้ำ พี่ช่วยได้แค่บอกให้แพนทำใจแค่นั้น แค่นี้นะครับ ไม่ต้องโทรมาอีก"
ผมวางสาย ทุกอย่างเงียบสนิท มืดมิด และผมก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกับผมได้หลับไปอีกครั้ง
_____________________
#Subconscious
#วาย
#จิตใต้สำนึก
@B_independence