[เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy  (อ่าน 10012 ครั้ง)

ออฟไลน์ febusapollo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
[เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy
« เมื่อ27-05-2019 23:08:29 »

อ้างถึง
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************



ผลงานเรื่องอื่น

►เรื่องยาว ◄

▥Business Districts Project▥

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2020 17:24:56 โดย febusapollo »

ออฟไลน์ febusapollo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: [เรื่องสั้น] That guy ตอนที่ 1
«ตอบ #1 เมื่อ27-05-2019 23:27:34 »

That Guy

ตอนที่ 1

เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้วที่ผมออกมานั่งทำงานหน้าระเบียงยามค่ำคืนแล้วจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งพักอยู่ห้องถัดลงไปสองชั้นตึกออกมานั่งอยู่บนหน้าต่างระเบียง  อย่างแรกที่ผมจะบอกคุณคือเนื่องด้วยคอนโดของที่นี่จะมีห้องพักสองแบบ คอนโดฝั่งซ้ายที่ผมอยู่จะเป็นห้องราคาแพงกว่าเพราะนอกระเบียงมีพื้นที่กว้างพอจะตั้งโต๊ะทำงานหรือยืนสูดอากาศ  กับอีกฝั่งที่ห้องราคาถูกกว่าจะไม่มีพื้นที่ระเบียงแต่จะมีหน้าต่างกว้างมากจนเกือบเท่าประตูบานเลื่อน  แบบที่ผู้ชายอีกฝั่งที่ผมกำลังพูดถึงพักอยู่นั่นล่ะ  ไม่รู้ว่าสถาปนิกออกแบบคอนโดประหลาดขนาดนี้ได้ยังไง

อย่างที่สองที่ผมจะบอกคุณก็คือ วันแรกผมสงสัยเหลือเกินว่าหากนั่งแบบไม่ระวังเขาจะตกลงมาสภาพศพแย่ขนาดไหน  บางครั้งเขานั่งเฉยๆ  บางครั้งอ่านหนังสือเล่มหนา  และหลายครั้งที่ผมเห็นเขากำลังจดอะไรลงในสมุดเล่มเล็กๆราวกับเขียนบันทึกประจำวัน  ช่วงแรกที่ผมเห็นเขาทุกอย่างมันยังคงปกติ   เพราะงานที่จอสี่เหลี่ยมตรงหน้าย่อมสำคัญกว่า  แต่ต่อมาผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเกะกะสายตาผมนักทั้งที่คนๆนั้นแทบไม่ได้ก่อเรื่องอะไรเลย  หลายครั้งที่เขาน่าจะรู้ตัวว่าถูกมองและพอเขามองขึ้นมาทางนี้ผมก็ต้องหลบสายตาเสียทุกครั้งไป  ช่วงนั้นผมหงุดหงิดมากและตีโพยตีพายไปเองเรื่องที่ว่าถ้าผมเห็นเขาผมจะทำงานไม่ได้

ช่วงหลังนี่แหละที่ผมอยากจะบอกว่าความรู้สึกเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง  ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรเวลาที่ออกไปนั่งทำงานถึงได้เจอเขาทุกครั้งเมื่อมองลงไป  ทั้งที่ไม่ได้ออกไปทำงานทุกวัน  เนื่องจากในหนึ่งอาทิตย์ผมต้องเข้าสำนักพิมพ์ถึงสามครั้ง  สิ่งที่กวนใจที่สุดคือพักหลังมานี้เขาจะใส่เสื้อตัวโคร่งๆซึ่งขัดกับร่างกายของเขาที่ผิวสีน้ำนมและออกจะตัวเล็ก คือไม่เคยเห็นเขาใกล้ในระยะร้อยเมตรหรอกนะ แค่เดา  ยังไม่แย่เท่าเสื้อตัวโคร่งนั้นแหวกอกลงมาถึงสะดือ  โดยที่แมทช์กับอันเดอร์แวร์สั้นกุดอีก  ไหนจะสองอาทิตย์ก่อนที่เขาใส่เสื้อซีทรูตาข่ายยักษ์สีดำนั่งชันเข่าอ่านหนังสือ  ที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือเมื่อวานนี้เขาเปลือยท่อนบน  เคี้ยวหมากฝรั่งอดบุหรี่กล่องเหลืองที่สามารถเห็นได้จากระยะฝั่งตรงข้ามคอนโดพลางอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย เห็นการเปลี่ยนผ่านของเขาแต่ละครั้งข้างในใจคิดอะไรไม่ออกเลยนอกจากคำว่าดูดี เพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆไปจนถึงคำว่างดงาม ทำไมเขาสวยขนาดนี้นะ  นี่มันบ้าชัดๆ สมองผมกลับตาลปัตรไปแล้ว หัวใจของผมเต้นโครมครามตลอด และที่อธิบายมาทั้งหมดยังเทียบไม่ได้กับการที่เขาตั้งใจช้อนสายตามองขึ้นมาแล้วส่งยิ้มแสนยั่วมาด้วย

“บ้าไปแล้วเรา”

ผมบอกตัวเองตอนที่เห็นเขาแล้วรู้สึกหัวใจเต้นแรง รีบปิดโน้ตบุ๊กเก็บของทุกอย่างเดินเข้ามาในห้อง  ตอนนี้เป็นเช้าวันศุกร์ที่ฝนตกพรำใจกลางกรุงวอชิงตัน  ผมทำงานมาได้เกินครึ่งของที่ตั้งใจจะทำในวันนี้  ที่ทำงานได้มากขนาดนั้นเพราะเหลือบมองลงไปยังห้องนั้นแล้วไม่พบร่างคนที่เคยเจอ  แต่พอเมื่อสักครู่นี้แหละ ไม่รู้ว่าเป็นการจงใจแกล้งหรือไม่ที่เขาเดินมาพอดีพร้อมกับถอดเสื้อตัวใหญ่เจ้าปัญหาจนเผยส่วนของร่างกายที่เป็นกล้ามเนื้อแผงสวยงามสู่สายตาอันน่าสงสารของผม
 
เอาล่ะ  ผมสรุปเอาเองในสองนาทีแล้วว่าการที่สามเดือนมานี้งานเขียนของผมไม่ค่อยคืบหน้าเท่าที่ควรนักเป็นเพราะเขา คุณน่าจะเดาออกว่าผมไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้สิ่งอื่นมาครอบงำได้ง่ายๆ  ผมเป็นพวกบ้างานจะตาย  เดี๋ยวจะต้องหาทางจัดการปัญหาอย่างจริงจัง
 …
 

“ทำไมคราวนี้งานถึงไม่คืบหน้าอีกแล้วล่ะคุณโทนี่ เราตกลงกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าภายในวันศุกร์นี้เรื่องจะต้องได้สองในสี่หรือมากกว่านั้น”

ผมยืนก้มหน้างุดต่อหน้าบรรณาธิการ  ไม่อยากจะเอาเหตุผลบ้าๆนั่นมาอ้างเลย

“เอ่อ...คือพอดีช่วงนี้แม่ของผมไม่ค่อยสบาย  ผมก็เลยกังวลนิดหน่อยน่ะครับเพราะไม่ได้กลับบ้านที่โน่นนานแล้ว”

“อ้อ...อย่างนั้นหรอ แล้วถ้าผมอนุญาตให้คุณกลับไปดูแลครอบครัวแล้วส่งงานต่อให้คนอื่น คุณจะว่า...”

“ไม่ๆๆ ไม่ครับ”  ผมรีบแย้ง  แต่ก็นึกได้ว่าเผลอตัวเสียงดัง  “ขอโทษครับ  ผมหมายถึง...ไม่เป็นไรครับ  ผมจะรีบแปลต้นฉบับให้เสร็จ  มาส่งให้ทันเวลาก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้ครับ”

“ดี  อย่างนั้นคุณเก็บอันนี้กลับไป  แล้วพอแปลได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ค่อยเอามาส่งผม  ยิ่งคุณทำเสร็จเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งตรวจสอบและตีพิมพ์เร็วเท่านั้น  คุณรู้ใช่ไหมโทนี่”

“ครับ  เข้าใจแล้วครับ”

ผมเก็บงานปึกใหญ่เข้าซองน้ำตาลแล้วเดินออกมาจากห้อง  ทำให้ตัวเองถึงคอนโดให้เร็วที่สุด  ผมไม่มีสติพอจะทราบว่ามาหยุดอยู่หน้าคอนโดยังไงด้วยซ้ำ

ฝนเริ่มตกพรำอีกครั้งในตอนที่กำลังจะเดินไปขึ้นลิฟต์  บางอย่างดลใจให้มองขึ้นไปด้านบนของคอนโดฝั่งขวา  พอเห็นว่าที่หน้าต่างของชั้นสี่มีร่างอันคุ้นตาพักอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่  ผมตัดสินใจว่าจะไม่ไปห้องของตัวเอง

 

ก๊อก   ก๊อก

ผมเขย่ากลอนประตูที่ออกแบบเป็นทรงโบราณแทนการกดออดสองครั้งตามมารยาท  ระหว่างรอชั่วอึดใจก็นึกเอ็ดมัณฑนากรไปอีกหลายชุด คอนโดออกจะหรู แต่ใช้กลอนโบราณเนี่ยนะ  ไม่เข้าใจจริงๆ

ทันทีที่ประตูเปิด  ผมก็ตระหนักว่าพระเจ้าไม่เข้าข้างผมอีกแล้ว  ร่างอันคุ้นสายตาในระยะห่างไม่เกินฟุต ลองจินตนาการคนที่คุณคิดว่าหล่อที่สุดในชีวิตที่ทวยเทพจะเนรมิตได้ขึ้นมาสักคน  เขาหน้าตาประมาณนั้นแหละ แต่มีดวงตาสีเขียวมะกอกสุกใส  ผมสีน้ำตาลช็อคโกแลตถูกเซ็ตให้หยักม้วน  ผิวเนียนราวน้ำนมที่ออกไปทางโทนสีชมพู และมุมปากที่ยกขึ้นเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา อันที่จริงตัวเขาไม่ได้เล็กอย่างที่ผมเดาเอาไว้สักนิด

“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?”

“ผมมาหาเจ้าของห้องน่ะ”

“ผม...?”

“ใช่ ผมมาหาคุณนั่นแหละ!”  ผมได้สติตอนที่เขาถามขึ้น  แล้วก็ถือวิสาสะดันตัวเขาเข้าไป  ก่อนจะเดินตามเข้ามาแล้วกดปิดล็อคประตูเสียเอง

“เฮ้ ทำอะไรของคุณ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันบ่งบอกว่ากำลังสงสัยปนไม่พอใจ ผมรัวภาษาอังกฤษใส่เขาไม่หยุด

“ผมจะมาเคลียร์เรื่องที่คุณชอบทำตัวยั่วเยใส่ผมที่หน้าต่างนั่น มันทำให้ผมไม่มีสมาธิในการทำงาน! แถมวันนี้ผมก็ถูกหัวหน้าตำหนิด้วย”

“ดะ...เดี๋ยวก่อน ทำตัวอะไรนะ ศัพท์ใหม่หรอ” เขาแค่นหัวเราะ แต่ก็ยังมีมารยาทพอที่จะเชิญผมนั่งเก้าอี้   ร่างนั้นนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามแล้วมองดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อน และมันทำผมหงุดหงิด

“ไม่ตลกนะ  คุณหัวเราะอะไร”

“ก็หัวเราะคุณนั่นแหละ  อยู่ๆก็อ้างว่าไม่มีสมาธิทำงานเพราะคนอย่างผมที่เป็นใครก็ไม่รู้  อัพยาเกินขนาดหรือไง”

“นี่คุณ! มันจะมากไปแล้วนะ”  ผมลุกผึง  กระแทกซองน้ำตาลลงบนโต๊ะทั้งที่อีกคนยังมองเฉย  ประกายสุกสว่างในดวงตาของเขาทำผมเขวไปวูบหนึ่ง แต่ก็นั่นแหละ ผมรู้สึกตัวทัน

“ผมเป็นนักแปลสมัครเล่นของสำนักพิมพ์ XYZ หนังสือเรื่องนี้กำลังจะทำให้ได้เป็นนักแปลเต็มตัว  แต่วันนี้ผมไปที่สำนักพิมพ์เพื่อถูกบรรณาธิการตำหนิที่งานไม่คืบหน้าไปถึงสองในสี่หรือต้องได้มากกว่านั้น  และที่ผมเสียสมาธิจนแปลงานช้าก็เป็นเพราะคุณชอบไปนั่งทำตัวยั่วเยที่หน้าต่างนั่น!”  ผมชี้ไปที่หน้าต่าง  เขามองตามแล้วหันกลับมาหาผมอีกครั้ง  “เป็นบ้าอะไรถึงชอบใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นมานั่งเก๊กเรียกร้องความสนใจ  แถมยังยิ้มกวนมาให้อีก”

เขามองผมตาปริบ ไม่รู้ว่ารอให้ผมพักหายใจจากที่พูดยาวจนแทบไม่หายใจหรือเปล่า  จนแล้วจนรอดผมก็นั่งลงอีก

“คุณจะบอกว่า...คุณทำงานไม่ได้เพราะปิ๊งผมใช่ไหม แบบ หัวใจเต้นแรง  หน้าแดงทุกที  พอผมส่งยิ้มไปก็ ตู้ม! สติกระเจิง  แบบนี้หรอ”  เขาชี้ตัวเองแล้วก็โบกนิ้ววนไปมา

ทำไมเขาถึงพูดได้ตรงกับอาการที่ผมเป็น  บ้าน่า  ผมไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย

“เพ้อเจ้อ ใครจะชอบคุณ รู้จักก็ไม่รู้จัก”

“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง มันไม่ใช่ความผิดของผมเสียหน่อยที่แอบชอบใครแล้วก็เสียสมาธิจนทำงานไม่ได้  แถมยังบุกรุกมาโวยวายถึงห้องอีก  ผมไม่ถีบคุณออกจากห้องก็ดีแค่ไหนแล้วครับแม่เสือสาว”  เอาล่ะ  ผมไม่ได้ระวังตัวเลยจนกระทั่งเขาลุกขึ้นย่างสามขุมเข้ามา

“บอกมาสิว่าจะรับผิดชอบงานผมยังไง” ผมเสียงสั่น แล้วเขาเป็นบ้าอะไรต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมผลักร่างนั้นออก เขาหัวเราะ เสียงนุ่มลึกจนน่าหงุดหงิดที่สุดในโลก

“ผมไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น อย่ามาอ้างเพื่อใกล้ชิดผมดีกว่าน่า คิดว่าผมไม่รู้หรือไงครับ อีกอย่างผมไม่ถนัดหรอกนะเรื่องแปลนิยงนิยายอะไร แล้วก็ไม่ได้ยั่วเยอย่างที่คุณคิดไปเองด้วย” เขาถอดเสื้อแล้วโยนทิ้งไปบนโซฟารับแขก หยิบหมากฝรั่งอดบุหรี่ออกมาเคี้ยวเล่นเหมือนที่เคยเห็น “ผมเป็นทีมรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดี การที่ถูกฝึกจนมีหุ่นแบบนี้แล้วคุณมาชอบเองเนี่ย ผมผิดสินะ”

ตอนนี้สมองผมเริ่มแย้งกันเองแล้ว  ใจหนึ่งก็แย้งจัดว่าเขาต้องรับผิดชอบ  เขากำลังจะทำให้ผมเสียงาน  กับอีกใจก็กลัวว่าจะเป็นแบบที่เขาบอก  คือทั้งหมดมันเกิดจากตัวผมเองโดยที่เขาไม่เกี่ยวอะไรเลย  ถ้าเป็นอย่างหลังนี่ผมจะทำอย่างไร แล้วผมจะหาเรื่องอะไรมาแย้งในตอนนี้ เท่าที่นึกย้อนไปผมโคตรเสียมารยาทที่บุกมาหาเขาถึงที่นี่

“คุณชื่ออะไร”

“ผมเหรอ  เรียกผมว่าจอห์นก็แล้วกัน  จอห์น  คิม”

“โทนี่...แอนโทนี่  ลี”  ผมแนะนำตัวเองเสียงห้วน

“เอาล่ะโทนี่ ทีนี้หมดข้อสงสัยในตัวผมหรือยัง ถ้าไม่มีก็เชิญ หรือจะอยู่ต่อก็ได้นะ ผมไม่ถือ”

จอห์นไม่โกรธและไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเลย  ตรงข้ามเขากลับทำท่าทางสบายๆ  ผมนึกไม่ออกเลยว่าเขาทำงานอันตรายขนาดนั้นได้ยังไง  แต่ดูจากรอยแผลเป็นที่ใกล้หายดีแล้วตรงมุมปาก  มันทำให้ใบหน้าดูคมเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว และช่วยยืนยันอย่างนั้นจริงๆ  ดูเหมือนตอนนี้โทสะผมลดลงเกือบปกติแล้ว  และก็สำนึกได้แล้วว่าผมอาจจะผิดจริง  ผมเอามือลูบหน้าแล้วถอนหายใจแรง

“โอเคจอห์น  ผม...ผมขอโทษ  ผมคงวู่วามไปหน่อย  แต่ผมไม่โอเคที่ถูกเรียกว่าแม่เสือสาวหรอกนะ”

“อ่า...งั้นเรียกว่าบิสกิตก็ได้ ผมไม่ถือสาหรอก ไหนๆคุณก็ไม่มีสมาธิทำงานถ้านั่งริมระเบียงแล้วเห็นผม ทำไมไม่นั่งทำที่ห้องผมเสียเลยล่ะ ได้บรรยากาศดี”

“โอ้...นั่นมันเลวร้ายกว่าเยอะเลย”

“ที่เลวร้ายนี่จะหมายถึงทำงานที่นี่หรือหมายถึงบิสกิตก็แล้วแต่ ถ้าจะอยู่ต่อก็นั่งไป ผมจะไปนั่งตรงนั้น” ว่าแล้วเขาก็ปีนขึ้นไปนั่งบนหน้าต่างพร้อมหนังสือเล่มเล็กๆเล่มหนึ่ง แล้วผมจะทำยังไงต่อล่ะ

อันที่จริงผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมห้องของจอห์นถึงอากาศเย็นสบายกว่าห้องของตัวเอง  แถมยังสว่างกว่าอีกด้วย  ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  ถ้าจะนั่งแปลงานตรงนี้เลยคุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม

ระหว่างที่นั่งแปลงานผมลอบมองเขาหลายครั้งมากจนคิดว่าจอห์นรู้ตัว   แต่จากที่ผมเลือกนั่งแปลงานในห้องของเขาทำให้ได้รู้ว่าเขาไม่ได้เก๊กทำท่ายั่วแต่อย่างใด  ท่าทางแบบนี้มันคือธรรมชาติของตัวเขานี่แหละ  ทั้งที่ชาวอเมริกันควรจะต้องมีร่างกายสูงใหญ่ ผิวขาวธรรมชาติ  แต่จอห์นรูปร่างสูงสันทัด  หน้าตาเขาหล่อเหลาแบบชาวตะวันตกเชื้อสายเอเชียอย่างไรอย่างนั้น  กล้ามเนื้อสวยงามแบบคนที่ถูกฝึกมาอย่างชำนาญกลับมีผิวเนื้ออมชมพูแบบชาวเอเชียเสียอีก  และ...พระเจ้า  ทำไมผมถึงมองว่าเขาในร่างเปลือยอกมันสวยขนาดนี้นะ ผมได้แต่ถอนหายใจเป่าปากเป็นครั้งที่ร้อยที่จะพยายามไม่มองจอห์นแล้วหน้าร้อนวูบวาบ
 


ผมรู้สึกตัวอีกทีก็น่าจะเป็นเวลาค่ำแล้ว มองไปรอบห้องแล้วนั่งทบทวนอยู่สองสามนาทีก็เข้าใจว่ายังไม่ได้กลับห้องแต่อย่างใด  แปลว่าผมยังคงอยู่ในห้องของจอห์น แล้วเขาอยู่ไหน?

คำตอบคงจะไม่ลอยเข้ามาในหัวเองแน่ๆถ้าผมไม่หันไปเห็น  คนที่กำลังคิดถึงนั่งหลับอยู่ที่โซฟาตัวเดียวกันกับที่ผมนั่งแถมนั่งชิดกันเสียจนมดยังเดินผ่านไม่ได้เลยด้วยซ้ำ  แต่เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าผมเพิ่งเด้งตัวจะลุกขึ้นมาเมื่อกี้ นั่งชิดกันขนาดนี้ก็แสดงว่าที่ผ่านมาผมนอนตักเขาน่ะสิ

“ตื่นแล้วหรอคุณบิสกิต”

ผมสะดุ้งเฮือก  จอห์นตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ  เขามองผมด้วยสายตาแบบนั้นแล้วก็ยิ้มงัวเงียให้  ผมรีบขยับตัวออกห่างทันที

“ผะ...ผมจำได้ว่าตอนนั้นนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”

“ผมทนเห็นศีรษะคุณกระแทกหน้าจอเจ้าออปติมัสเป็นสิบครั้งไม่ได้น่ะ แบบว่ามันรู้สึกเจ็บแทน แล้วก็ถ้าผมไม่อุ้มคุณมานอนตรงนี้ นิ้วของคุณก็คงกดแป้นอักษรตัวเจเป็นล้านตัวได้มั้ง” เขาหัวเราะแล้วไหวไหล่ “แต่เรื่องที่คุณนอนตักนี่ผมสาบานได้ว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรทั้งนั้น”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมตั้งชื่อโน้ตบุ๊กว่าออปติมัส” ผมมองอย่างระแวดระวังแต่จอห์นก็กลอกตาใส่หนึ่งครั้ง

“ก็ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามันเดินมาบอกผมก็คงจะเป็นเพราะคุณติดสติ๊กเกอร์เอาไว้ที่ฝาพับนั่นล่ะครับ คุณลี” คราวนี้เขาลุกขึ้นเต็มความสูง บิดขี้เกียจพอประมาณแล้วว่า  “อ้าว  แล้วจะทำยังไงกับชีวิตต่อดีครับ  ถ้ายังคิดไม่ออก  มาดินเนอร์กับผมสักมื้อได้นะ”

ผมไม่สามารถทนความกวนของผู้ชายคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วล่ะ  คนอะไรทำให้ขมวดคิ้วได้เพราะคำพูดวกวนตลอดเวลา  ใช่ว่าผมจะคิดทันเขาไปเสียทุกเรื่อง  และผมก็เลือกที่จะไม่ดินเนอร์กับคนที่ทำการงานของผมเสียหายด้วย!

“ไม่ดีกว่าผมขอตัว ขอโทษที่มารบกวน”

โครกกกก...

ทุกอย่างหยุดนิ่งราวกับโลกหยุดหมุน  ผมกับจอห์นมองหน้ากัน  เขาเป็นฝ่ายยิ้มออกมาก่อน  และผมรู้สึกอายมากจริงๆ ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะตัดบทสนทนาด้วยประโยคนี้

“ขอเวลาสักสิบห้านาที  ผมทำพาสต้าอร่อยนะ”
 


“ให้ผมล้างเถอะ วันนี้ผมมารบกวนคุณมากเกินไปแล้ว” ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคดีเจ้าของห้องก็ดันคว้าจานพาสต้าที่หมดแล้วสองใบออกไปเฉยๆ  เขาดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยสักอย่างกับการที่มีผมมาวุ่นวายทั้งวัน  ผมจึงได้แต่นั่งดูแผ่นหลังกว้างนั้นแล้วถอนหายใจ  คนอะไรหุ่นดีชะมัด

เดี๋ยว  ผมไม่ควรชมเขาแบบนั้น

“คุณเป็นคนเอเชียหรอ” เขาถาม  แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่เขาไม่พูดย้ำเรื่องที่ผมเข้ามาหาเรื่อง

“ผม....พ่อเป็นคนเกาหลีน่ะ”

“ไม่เอาน่า เลิกทำน้ำเสียงเป็นทางการเหมือนตอนพูดกับประธานาธิบดีได้ไหม” เขาถอนหายใจแล้วหันมาตอนที่ล้างจานเสร็จพอดี ไม่รู้ว่าผมทำหน้าแบบไหนเขาถึงได้หัวเราะออกมาเบาๆแล้วยิ้ม

“ปู่ของผมก็เป็นคนเกาหลีเหมือนกัน ถึงได้นามสกุลนี้มา” เขาระบายยิ้มตอนที่เอ่ยถึงคุณปู่ มือหนากำรวบสร้อยคอเอาไว้ ถูมันอย่างกับว่าเป็นของรัก ดวงตาสีเขียวต้องแสงนีออนเป็นประกาย

“จะกลับห้องหรือยัง เดี๋ยวผมไปส่ง”

“เอ่อ...ไม่ดีกว่า รบกวนมากเกินไปแล้ว ผมกลับเองได้ ขอบคุณ พาสต้าอร่อยมาก” หลังจากที่ได้ยินคำถามที่ดูเหมือนจะเป็นการไล่กลับห้องอยู่หน่อยๆ ผมก็ตระหนักได้ว่าควรจะขอบคุณที่จอห์นทำอาหารเย็นมาเพื่อหล่อเลี้ยงท้องน้อยๆของตัวเอง อันที่จริงผมกลัวเขาจะรู้ห้องของผมมากกว่า

“โอเค  ฝันดีครับ”  ร่างสูงโบกมือให้ตอนที่เห็นผมกำลังจะเดินกลับห้อง

“เดี๋ยวก่อนโทนี่”

ผมชะงักไป

“คุณลืมออปติมัสน่ะ  มันคงงอแงแน่ถ้าอยู่กับผมคืนนี้”  เขาชี้มาที่โน้ตบุ๊กสีดำสนิทที่วางอยู่บนโต๊ะ  ผมเอ่ยขอบคุณเขาแล้วเดินกลับเข้ามาหยิบอีกครั้ง

“แล้วถ้าคุณไม่เอาซองกระดาษนั่นไปด้วย ผมคงเอาไปให้ไม่ถูกหรอกนะ”

เอาล่ะ  ผมต้องเดินปั้นยิ้มเข้ามาเอาของอีกรอบเพราะความมึนของตัวเองอีกจนได้  จอห์นหัวเราะเบาๆแล้วส่ายหน้า  แม้ว่าของจะพะรุงพะรังแต่มันไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับผม  ปัญหามันอยู่ที่ตอนนี้ผมเปิดประตูไม่ออก  ผลักเท่าไหร่ก็ไม่ออก  พระเจ้า  ผมไม่อยากอยู่ที่นี่นานกว่านี้อีกแล้วนะ

“จอห์น  ประตูห้องคุณเสียหรือเปล่า  ทำไมเปิดไม่ออก”  ผมเดินเข้ามาด้านในแล้วพูดขึ้นลอยๆ  แอบชนเก้าอี้ไปครั้งหนึ่งด้วย  เนื่องจากเจ้าของห้องไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น  แต่อึดใจเดียวเขาก็เดินออกมา

“ไม่นะ  เมื่อเย็นคุณยังเข้ามาได้เลย”

“ก็มันเปิดไม่ได้ คุณมาดูสิ”  ผมว่าแล้วเดินถือของพะรุงพะรังกลับไปทำแบบเมื่อครู่อีกครั้ง  ประตูก็ยังเปิดไม่ได้เช่นเดิม

“ผมว่าผมควรไปส่งคุณที่ห้องจะดีกว่า” จอห์นเดินไปหยิบเสื้อตัวใหญ่แหวกอกสีเขียวเข้มตัวเดิมมาใส่ คิ้วของผมขมวดยุ่งเป็นปม

“ทำไม?”

เขาตอบคำถามด้วยการดึงประตูเข้าหาตัว  แล้วฉวยซองสีน้ำตาลในมือของผมไป  ผมเบลอจนลืมออปติมัส  ลืมซองงานแปล  แล้วยังเปิดประตูผิดด้าน



“ขอบคุณครับ” ผมรับเอาซองน้ำตาลเข้ามาวางที่โต๊ะในห้อง จอห์นไม่ได้เข้ามา เขาแค่ยืนส่งอยู่ที่นอกประตู

“ผมแค่กังวลว่าถ้าไม่มาส่งแล้วคุณจะไม่ถึงห้อง แบบว่าเช้ามาตำรวจอาจเข้ามาสอบสวนผมเพราะกล้องวงจรปิดแสดงภาพว่าคุณเข้ามาในห้องและคุยกับผมเป็นคนสุดท้าย”

ผมสบถใส่เขาหนึ่งครั้งจนเขาแค่นหัวเราะ  แม้ว่าผมจะชวนให้จอห์นเข้ามาดื่มน้ำ  แต่จอห์นกลับปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่ากลัวจะรบกวน  ผมควรพักผ่อน

“ฝันดีอีกครั้งนะครับ” ตอนที่เราสองคนสบตากันครู่หนึ่ง แววตาของจอห์นดูส่องประกาย บวกกับที่เขาเป็นคนมีรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ทั้งหมดนั้นมันจึงสะกดผมเอาไว้ได้ง่าย ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองยิ้มกว้างขนาดไหน อยู่ๆรองเท้าก็น่าสนใจขึ้นมา

“ฝันดีจอห์น” ผมค่อยๆแง้มประตูปิดรอให้เสียงฝีเท้าแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆแล้วแง้มประตูเปิดอีกที  ร่างสูงค่อยๆเล็กลงกระทั่งเดินเลี้ยวเข้ามุมเพื่อลงบันไดกลับห้อง  ท่าทางของเขาสง่างามแม้มองจากแผ่นหลัง  รู้ตัวอีกทีผมกำลังนั่งอมยิ้มคนเดียวอยู่หน้าประตูเสียอย่างนั้น
 


หลังจากอาบน้ำชำระร่างกาย  ผมเปิดเพลงคลอเบาเป็นเพื่อนอย่างที่เคยทำ  เพราะเมื่อเย็นได้พักผ่อนไปแล้วทำให้ตอนนี้ตาสว่างไม่รู้สึกง่วง ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้แปลงานต่อ  และเมื่อจอสี่เหลี่ยมตรงหน้าปรากฏภาพ  ผมมีความจำเป็นที่จะต้องช็อก  ใช่แล้ว  ผมช็อกจริงๆ

ครั้งสุดท้ายที่จำความได้ก่อนจะวูบหลับไปงานของผมมันค้างอยู่ที่หน้าสามร้อยยี่สิบเจ็ด  แต่ตอนนี้มันกลับเพิ่มขึ้นมาเป็นค้างอยู่ที่หน้าสามร้อยหกสิบ  ด้านล่างสุดของงานมีข้อความสั้นๆประมาณสามบรรทัด  และสาบานได้ว่าผมไม่ได้เห็นภาพหลอนแน่
 

‘ผมคงรับผิดชอบเรื่องที่ทำให้งานของคุณไม่คืบหน้าได้เท่านี้
หวังว่าภาษาของผมคงไม่ได้ห่วยเกินไปนะ  คุณจะลบมันทิ้งก็ได้
จอห์น  03x-xxx-xxx’

 

ผมไล่สายตาอ่านงานในส่วนที่อีกคนทำต่อ  ไหนว่าไม่ถนัดเรื่องนิยายไง  เขาแปลได้ภาษาสวยกว่าผมเสียอีก!  ตอนนี้ไม่รู้ว่าผมกำลังรู้สึกอย่างไร  ดีใจ  ปลื้มใจ  เสียใจ  หรือสับสน  คว้าเอามือถือที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาได้ก็กดเบอร์ตามที่เขาให้ไว้ทันที

“คุณนั่งทำงานให้ผม” ทันทีที่สัญญาณติด ผมรีบชิงพูดก่อนทันที แล้วก็ได้ยินเสียงนุ่มๆตอบกลับมา

“มันไม่โอเคใช่ไหม”

“ไม่โอเค  แบบว่า  มันโอเคมาก โอ๊ย”  ผมสบถ  พูดบ้าบออะไรไม่รู้อยู่คนเดียว  จอห์นหัวเราะผม  “คุณไม่เห็นจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลย   ผมติดหนี้คุณสี่ครั้งแล้วนะ”

“เราจะได้เจอกันอีกไง”

“อะไรนะ?”

“ฝันดีครับแอนโทนี่”

สัญญาณตัดไปแล้ว  และผมยังกรอกพูดฮัลโหลไม่หยุด จนขัดใจและวางมือถือลง ผมต้องทำอะไรสักอย่าง  ไม่อย่างนั้นผมนอนไม่หลับแน่ๆที่ติดหนี้ใครบางคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แต่ถูกผมหาเรื่อง

To Be Continued

____________________

เรื่องสั้นเรื่องแรกที่มาลง แต่งเอาไว้นานแล้ว สำนวนมันค่อนข้างเป็นแบบฝรั๊งฝรั่ง ไม่รู้จะแปลกๆไหม  :a6:
ได้แรงบันดาลใจมาจากการดูหนังเรื่อง White House Down ที่ Channing Tatum เราว่างานนี้ดูเจ๋งมากเลยชอบ
ที่จริงเรื่องนี้เคยเป็นแฟนฟิคมาก่อน ขออภัยที่ตัวละครมีเชื้อสายเกาหลีค่ะ 5555
อ่านให้สนุกนะคะ

ด้วยรัก febusapollo



 :a11:ผลงานเรื่องอื่น :a11:
>>>>> ร้ายนะครับหัวหน้า จบแล้ว
>>>>>Business Districts Project On going

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2019 23:01:12 โดย febusapollo »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น] That guy
«ตอบ #2 เมื่อ28-05-2019 07:00:02 »

 :pig2:

ออฟไลน์ febusapollo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: [เรื่องสั้น] That guy ตอนที่ 2
«ตอบ #3 เมื่อ28-05-2019 14:36:26 »

ตอนที่ 2

ผมไปหาจอห์นที่ห้องสี่ครั้ง  แต่ก็ต้องผิดหวังทุกครั้งที่ไม่มีคนเปิดประตูห้อง  อาจเป็นเพราะเขาทำงานหนัก  หรือผมมาในตอนที่เขาไม่อยู่  โทรไปตามเบอร์ก็ได้ยินแค่ข้อความเสียงของเขาที่ให้ฝากเอาไว้  และผมไม่เคยฝากสักครั้ง

“ผมจอห์น คิม เองนะครับ ตอนนี้ผมอาจกำลังยุ่งอยู่  ฝากข้อความไว้แล้วจะรีบโทรหาทันทีเลยครับ”

“จอห์น นี่ผมเองแอนโทนี่...คนที่หาเรื่องคุณในวันนั้นแหละ  ฟังนะ  มันอาจจะดูแปลกแต่ผมอยากเลี้ยงข้าวเป็นการชดเชย  ถ้าไม่รังเกียจ  โทรหาผมด้วย”  ในที่สุดผมไม่อาจฝืนอดทนไหว  ต้องฝากข้อความไว้ตอนที่ยืนอยู่หน้าห้องของเขา  เดินคอตกกลับห้องตัวเอง  ทั้งที่ผมควรจะดีใจที่เขาไม่ได้มานั่งดึงดูดความสนใจยามที่ออกมานั่งทำงาน  แต่ทำไมตลอดทั้งอาทิตย์ผมกลับคิดถึงเขาเสียอย่างนั้น  คุณรู้ไหมเพราะอะไร?



RRRRRRRRRRRRR

“สวัสดีครับ” ผมกดรับมือถือด้วยความงัวเงีย โดยไม่ได้ทันดูชื่อปลายสาย

“เห็นทีว่าคุณคงต้องทำอย่างอื่นชดเชยแทนการเลี้ยงข้าวแล้วล่ะ”

“จอห์น! คุณหายไปไหนมา  แล้วนี่คุณอยู่ไหน”  ผมไม่ทันนึกอะไรเลยในตอนนี้  เหลือบดูนาฬิกาเป็นเวลาตีสาม  ไม่น่าถามอะไรแบบนั้นออกไปเลย  เขาต้องอยู่ที่ห้องสิ

“เปิดประตูให้ผมหน่อย”

“อะไรนะ?”

“ประตู...” เสียงปลายสายแผ่วมากจนผมแทบไม่ได้ยิน

ก๊อก  ก๊อก

ผมหันขวับไปที่ประตูแล้วเข้าใจในทันที  ไม่ลืมที่จะมองช่องตาแมว  เมื่อเห็นว่าเป็นจอห์นก็รีบปลดล็อคแล้วเปิดประตู ร่างนั้นล้มเซเข้ามาจนมือถือของเราทั้งคู่หล่น เคราะห์ดีที่ผมรับตัวเขาไว้ได้ทัน

“เฮ้ จอห์น คุณโอเคไหม จอห์น...จอห์น” ผมประคองร่างเขาเข้ามาที่โซฟารับแขก จับตามเนื้อตัวดูจากอุณหภูมิที่ขึ้นสูงจนตัวร้อนก็รู้ทันทีว่าเขาไม่โอเคแน่ ผมรีบวิ่งไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำพอหมาด กลับมาที่โซฟาอีกครั้ง ประคองคนที่ตัวใหญ่กว่าแล้วบรรจงเช็ดที่ใบหน้า เขาหลับตาแน่น พ่นลมหายใจร้อนออกมาทางปากจนผมรู้สึกได้

“น้ำ...ขอน้ำหน่อยได้ไหม” เขาเสียงแผ่ว ผมกุลีกุจอรีบไปหยิบน้ำเปล่า วิ่งมาจนจะถึงโซฟาแล้วก็นึกได้ว่าควรหยิบยาลดไข้มาด้วย ต้องวิ่งกลับเข้าไปใหม่แล้วรีบออกมา แกะยาป้อนให้เขาแล้วประคองแก้วน้ำให้เขาดื่ม

“กินยาหน่อย ไข้จะได้บรรเทา”  เขาพยักหน้าช้าๆ  หลังจากรับน้ำแล้วเขาก็แทบจะทิ้งตัวลงอีก  ตัวเขาหนักเป็นบ้า  ผมประคองจะไม่ไหวอยู่แล้ว  แต่ก็สงสารเขาเหลือเกิน  ไม่สบายหนักมากขนาดนี้ผมไม่รู้เลยว่าเขาลากสังขารตัวเองขึ้นมาที่นี่ไหวได้อย่างไร  แต่ก็เช็ดตัวให้จนถึงเช้า  กว่าไข้จะลดจนตัวเย็นลงก็เป็นเวลาเจ็ดโมงแล้ว



ผมตื่นเพราะการสั่นที่แรงมากของโทรศัพท์บนโต๊ะ  มันเป็นของจอห์น  อาจจะเป็นการเสียมารยาทนิดหน่อย  แต่ผมต้องกดรับเพราะหากเป็นเรื่องด่วนจะได้จัดการทัน

“เฮ้ จอห์น...วันนี้มาทำงานหรือเปล่า  ไหนว่าลาพักสองวันไง” เสียงปลายสายเจือความไม่พอใจเล็กน้อย  แต่ผมพยายามตอบด้วยเสียงปกติ

“เอ่อ...ผมเป็นเพื่อนของจอห์น ตอนนี้เขาป่วยหนักมากจนลุกไม่ไหว ผมดูแลเขาอยู่”

“อ้าวเหรอ ขอโทษครับ ว่าแต่ไปโรงพยาบาลหรือยัง”

“ยังครับ  ตอนนี้เขาดีขึ้นนิดหน่อย  ถ้าอาการไม่โอเคผมอาจพาเขาไปหาหมอ  ยังไงช่วยให้เขาลาพักอีกสักหน่อยได้ไหมครับ”

“ได้ เดี๋ยวผมจะรายงานหัวหน้า ฝากดูแลจอห์นด้วยนะครับ”

“ขอบคุณครับ” ผมกดตัดสายแล้ววางมือถือของจอห์นไว้ข้างๆออปติมัส ตอนนี้เขานอนขดตัวอยู่บนตักของผมราวกับว่าเป็นลูกแมวเปอร์เซีย เพียงแต่เป็นเจ้าแมวที่ตัวใหญ่เท่าสุนัขเซนต์เบอร์นาดได้ ผมวูบหลับไปตอนเจ็ดโมงเช้า และตอนนี้สิบเอ็ดโมงแล้ว ร่างกายของคนไม่สบายเริ่มกลับมาอุ่นอีกครั้ง ผมจะต้องหาอะไรให้เขากินเพื่อที่จะได้กินยาแล้วล่ะ

“บิสกิต...?”  จอห์นปรือตาขึ้น ไม่แน่ใจว่าเขาละเมอหรือเรียกผมจริงๆ

“ไง คุณไม่สบายมากเลย” ผมลุกขึ้นประคองให้เขานอนบนหมอนอิง ใช้หลังมืออังหน้าผากและแก้มสลับกัน จอห์นยิ้มบางให้ผม

"ขอโทษที่ต้องมารบกวนกลางดึก...”

“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ปัญหาเลย นอนพักตรงนี้ก่อน ผมจะไปหาอะไรให้กิน คุณจะได้กินยา” ผมลูบหัวเขาเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายหลับตาลงจึงรีบลุกออกไป



ดูเหมือนว่าจอห์นจะฟื้นจากไข้ได้เร็วกว่าที่คิด  เขานั่งพิงโซฟา   พูดและขยับร่างกายเหมือนว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ถ้าไม่สัมผัสร่างกายที่อุ่นจัดก็คงไม่รู้เลยว่าเขาไม่สบาย

“เช็ดตัวเสียหน่อย คุณตัวอุ่นอีกแล้ว” ผมวางถ้วยที่มีผ้าชุบน้ำ ยังไม่ทันได้บิดผ้าเขาก็ยื่นท่อนแขนที่ขนาดใหญ่กว่าของผมมาให้แล้ว แถมยังส่งยิ้มกวนมาให้อีก

ผมบรรจงเช็ดที่ใบหน้า  กดผ้าทาบไว้ที่ลำคออยู่นานเพื่อให้ความร้อนบนร่างกายลงลด  แต่พอบิดผ้าเพื่อจะเช็ดตัวให้เขาผมกลับหน้าร้อนขึ้นมาเฉยๆเมื่อคิดถึงตอนที่ต้องล้วงเข้าไปใต้เสื้อเขา  ทั้งที่เมื่อคืนเป็นคนถอดเสื้อและเช็ดตัวให้โดยไม่รู้สึกอะไรเลย  บ้าที่สุด

“ผมเช็ดเองก็ได้นะ” เขาจะคว้าผ้าไปจากมือแต่ผมห้ามไว้  ไม่เป็นไรหรอก  ผมติดหนี้เขาตั้งสี่ครั้ง  ของแค่นี้สบายมาก

“ไม่เป็นไร ยกเสื้อขึ้นหน่อย” เขาทำตาม แล้วก็ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไรที่จินตนาการว่ากำลังเช็ดส่วนไหนของเขาอยู่ จอห์นใช้มือข้างเดียวจับเสื้อไว้แล้วมือข้างที่ว่างก็วางทาบบนมือของผม กลายเป็นว่าเขาจับมือผมเช็ดตัวของเขาเอง และแขนผมก็ล้วงเข้าไปลึกกว่าเดิม ลมหายใจอุ่นๆเป่ามาถึงใบหน้าของผมเสียด้วย

“เสร็จแล้ว ช่วยเช็ดหลังให้ผมที” หน้าผมยังไม่ทันหายร้อน จอห์นหันหลังแล้วเลิกเสื้อขึ้น ดีหน่อยที่เราไม่ต้องจ้องหน้ากันตรงๆแบบเมื่อครู่ ผมบิดผ้าจนน้ำในถ้วยเริ่มอุ่น ค่อยๆเช็ดหลังกว้างนั้นเพราะมือสั่นเทา

“คุณไม่สบายมานานแค่ไหนแล้ว ทำไมไม่ไปหาหมอ”

“เห็นว่ามันไม่หนักมากก็เลยไม่ไป แต่ไม่คิดว่าไข้จะเล่นงานหนักขนาดนี้”

“แล้วหายไปไหนมาทั้งอาทิตย์” ผมวางทาบผ้าเอาไว้นานๆเพื่อให้ผ้าดูดซับความร้อน แต่ไม่ทันไรเขากลับปล่อยเสื้อลงแล้วหันมาจ้องกันตรงๆ

“คิดถึงผมหรอครับ” ผมชะงัก ดวงตาของเราประสานกัน ลูกกลมสีเขียวสองข้างจ้องมาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนแบบนั้นอีกแล้ว
 “หูคุณแดงไปหมดแล้ว”

“อะ...อ๋อ  สงสัยผมติดไข้คุณแล้วมั้ง”  ผมแกล้งบิดผ้าแล้วเดินหายเข้ามาในครัวเพื่อเปลี่ยนน้ำ  แอนโทนี่เกลียดคนตายิ้มที่สุดเลย  มันทำให้หัวใจเต้นโครมคราม  พอก้อนเนื้อในอกเต้นเป็นปกติแล้วผมถึงได้เดินออกมา  จอห์นกุมขมับแล้วนั่งพิงโซฟา

“ปวดหัวเหรอ ไปโรงพยาบาลกันเถอะ”

“ไม่เป็นไร ผมโอเคแล้ว” เขายกมือห้าม “เมื่อเช้าใครโทรมาหาผมเหรอ?”

“เดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานคุณน่ะ  ผมบอกว่าคุณไม่สบาย  เขาบอกว่าจะรายงานหัวหน้าของคุณให้”

“ผมต้องรีบหายให้เร็วที่สุด งานของผมหยุดนานไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แบบว่ามีคนพร้อมจะเข้ามาแทนที่ตลอดเวลา เราต้องรักษามาตรฐานตัวเองเอาไว้” ผมนั่งท้าวคางมองตอนเขาอธิบาย ไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอยิ้มออกไปหรือเปล่า เขาถึงได้ชะงักไป

“คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่ บางครั้งดูสบายๆ บางทีก็ดูจริงจัง ผม...เดาไม่ออกเลย”

“แล้ว...อยากรู้ไหมล่ะ”  จอห์นลดระดับเสียงลงจนเกือบจะเป็นการกระซิบ  ผมพยักหน้าน้อยๆ  เดาว่าเขาอาจจะเล่าเรื่องอะไรให้ฟังสักหน่อยเหมือนตอนที่ผมบอกว่าตัวเองเป็นนักแปล  แต่เปล่า  เขารั้งตัวผมเข้าไปจูบ  รู้ตัวอีกทีผมไปนั่งอยู่บนตักเขาที่โซฟาแล้ว ผมบอกไม่ได้ว่าร่างกายตัวเองควรทำอย่างไรนอกจากการตอบสนองในสิ่งที่เขาให้มา  ริมฝีปากร้อนรุ่มแทบบดให้ร่างกายของผมละลาย  ลมหายใจร้อนเป่ารดใบหน้าหลายครั้ง  จอห์นถอนจูบอย่างอ้อยอิ่งแล้วจ้องเข้ามาในดวงตาของผม  นี่หรือคำตอบ ทำไมสมองผมถึงโล่งเช่นนี้

จอห์นยังคงกอดผมเอาไว้  เขาซุกกอดที่คอผมแล้วบ่นพึมพำอะไรที่ฟังไม่ถนัด  ไม่นานเขาก็ปล่อยให้ผมนั่งอิสระที่ข้างกายโดยที่เอนหัวมาซบที่ไหล่

“สิ่งแรกที่ผมอยากจะบอกก็คือ...คุณทำให้หัวใจผมเต้นอีกครั้ง”



ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพื่อจะพบว่าจอห์นไม่ได้อยู่ในห้องอีกแล้ว  แม้ว่าเขาจะดีขึ้นจากการที่ผมคอยดูแลช่วยเหลือ เช็ดตัว  หายาให้กิน  แต่คิดว่าเขาน่าจะยังไม่หายดี  ว่าแต่ทำไมผมต้องห่วงเขาด้วยทั้งที่เพิ่งรู้จักได้ไม่กี่วัน

เหตุการณ์เมื่อช่วงสายยังทำให้ผมแคลงใจไม่หายว่าเป็นความฝันหรือเรื่องจริงกันแน่  ที่จอห์นจูบผมแล้วบอกว่าผมทำให้หัวใจเขากลับมาเต้นอีกครั้ง  ทำไมล่ะ  เขาไม่ใช่คนเหรอ  เป็นหุ่นแบบไอออนแมน  คนเหล็ก  หรือแวมไพร์ ดูจากหุ่นแล้วเขาน่าจะเหมาะกับคนเหล็กอยู่นะ

นี่ผมคิดอะไรพิลึกพิลั่นอีกแล้วใช่ไหม

กลับเข้าเรื่องก่อน  ผมทบทวนตัวเองว่าตั้งแต่พบกันในใจตำหนิเขาไปนับครั้งไม่ถ้วน  แต่จากวันนั้นที่ผมไปโวยวาย  ทำไมถึงรู้สึกว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด  ตรงกันข้ามแล้วผมยังเกิดความรู้สึกใหม่อีกด้วย  หรือว่าผมจะชอบจอห์นเข้าแล้วจริงๆ  การที่หัวใจเต้นแรงมันไม่ได้แปลว่าเหนื่อยอย่างเดียวสินะครับ

...



ก๊อก  ก๊อก

ชั่วอึดใจเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมา  แรกพบเขาก็ยิ้มให้ผมแบบที่เคยยิ้ม พร้อมกับเคี้ยวหมากฝรั่งไปด้วย  เชิญให้ผมเข้าห้องโดยไม่ถามด้วยซ้ำว่าผมมาเพราะอะไร

"คิดถึงผมหรอครับ”

"ไม่...ผมแค่จะมาถามว่าคุณทำงานกี่โมง เลิกงานเวลาไหนบ้าง จะได้ไม่ต้องมารบกวนตอนค่ำๆแบบนี้"

"ทำไมผมต้องบอกด้วยล่ะ" อ้าว ถามดีๆก็ต้องกวนด้วยเหรอนี่

"แค่อยากเลี้ยงข้าวขอโทษเรื่องวันนั้น แต่มาทีไรไม่เคยเจอคุณเลย" ผมถอนหายใจ "ช่วยเลิกกวนสักวันจะได้ไหม"

เขาหัวเราะแล้วคายหมากฝรั่งทิ้งในถังขยะข้างๆโซฟา  ผมเพิ่งสังเกตว่าสีหน้าจอห์นดีขึ้นมากหลังจากไม่สบายหนักเมื่อสองวันก่อน

"คุณไม่จำเป็นต้องเลี้ยงหรอก แค่ดูแลผมที่ไม่สบายจนหายดีเราก็หายกันแล้ว"

"อ้อ หายดีแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้ว" ผมลุกขึ้นเตรียมจะกลับห้อง อยู่ๆก็ไอโขลกและรู้สึกปวดหัวขึ้นมาจนต้องนั่งลงอีกครั้ง จอห์นรีบเดินเข้ามาประชิดแล้วใช้หลังมืออังที่หน้าผากของผม

"คุณป่วย?"

"นิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรมาก" ผมดันมือเขาออก ลุกขึ้นอีกครั้ง แต่จอห์นก็ดันให้ผมนั่งลงแล้วใช้มือสัมผัสที่รอบคอ สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมาแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน และแน่นอนว่าผมสู้แรงเขาไม่ได้หรอก

"ตัวร้อน ถ้าปล่อยไว้ไข้จะสูง เดี๋ยวจะไม่ไหวแบบผม มื้อเย็นมีอะไรกินหรือยัง"

ผมส่ายหน้า  แล้วเขาก็ส่ายหน้าตามแบบหน่ายใจ  ตกลงว่าผมทำอะไรผิดล่ะ  วันนั้นเขาทั้งไอทั้งจามใส่ผมหลายครั้ง  ไม่ติดไข้สิแปลก อย่าเพิ่งคิดว่าผมติดไข้เพราะจูบเดียวของเขาหรอกนะ

"อาหารแถวนี้มันไม่ได้อร่อยไปหมดทุกอย่างหรอก ซื้อทุกร้านแล้วหรือยังล่ะ"

ผมเดาว่าเขาประชดผมอยู่แน่ และมันทำผมไม่พอใจนิดๆ

"ก็คนมันทำเองไม่เป็น..."

"ก็ต้องหัดทำสิ  อย่าบอกนะว่าคุณกินแต่เบอร์เกอร์  มิน่าล่ะหน้ากลมจนจะเป็นเบอร์เกอร์อยู่แล้ว"  เขาพูดติดตลกตอนกำลังเปิดตู้เย็นหาอะไรสักอย่าง  นี่เขาหาว่าผมหน้ากลมอย่างนั้นเหรอ?!

"อะไรนะ นี่คุณว่า..." ผมพูดได้ไม่กี่คำก็แสบคอจนไออีก ขัดใจร่างกายจริงๆที่เถียงไม่ทัน พอตั้งตัวได้เขาก็เดินหายเข้าโซนครัวไปแล้ว
 


ผมไม่อยากเชื่อว่าภายนอกดูดิบแต่ความจริงจอห์นเป็นคนค่อนข้างละเอียดอ่อน  เขาทำอาหารที่มีแต่สิ่งจำพวกผักๆต้มๆมาให้ผม  พร้อมกับนั่งประกบข้างกึ่งบังคับว่าผมต้องกินมันให้หมดนะ  แก้วยาที่วางข้างๆก็เหมือนจะเอามาวางเพื่อกดดันผมอีกเช่นกัน  ถ้าไม่กินเขาจะหักแขนผมไปทำราวตากผ้าหรือเปล่า

"กินเสียจะได้กินยา"

ผมเบะปากใส่เขา  ไม่อยากกินเพราะไม่ชอบกินยา  แต่เขากลับดันชามอาหารให้เข้ามาใกล้อีก

"ถ้าคุณไม่กิน ผมจูบ" ไม่พูดเปล่า จอห์นยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมเอี้ยวตัวหนี แค่พูดก็แย่แล้ว นี่ต้องทำท่าทางประกอบด้วยหรือไง ผมลืมเสียสนิทว่าเขาทำอะไรไปเมื่อวันนั้น

"ก็ได้ๆๆ..." ผมตัดสินใจไม่สู้รบกับเขา เห็นแบบนี้เพราะป่วยอยู่หรอกนะ บางทีเขาอาจจะหักคอผมไปทำโมบายประดับห้องก็ได้



เมื่อผมกลั้นใจกลืนยาเม็ดโตลงไปก็รีบดื่มน้ำจนหมดแก้ว  จอห์นหัวเราะแล้วเก็บชามไปล้างทำความสะอาด  นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมต้องรบกวนเขา  แต่ก็รู้สึกดีแปลกๆเวลามองแผ่นหลังจากตรงนี้  และผมเพิ่งสังเกตด้วยว่าที่สะโพกขวาเหนือขอบกางเกงเหมือนจะเป็นรอยสักรูปตัวอักษรอะไรสักอย่าง

"สักด้วยเหรอ ใช่ตัวเอหรือเปล่า" เขาส่งเสียงในลำคอตอบรับ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เดินมาสัมผัสที่ใบหน้าและเนื้อตัวผมอีกครั้ง

"กลับไปที่ห้องอย่าลืมห่มผ้าหนาๆ ดื่มน้ำอุ่นให้มากๆล่ะ เดี๋ยวผมจะให้ยาไปสักแผง ตัวนี้จะออกฤทธิ์แรงกว่ายาทั่วไป คุณจะได้หายไวขึ้น"

"ทำอย่างกับเป็นหมอ" ผมหัวเราะ เขาระบายยิ้มขณะค้นหายาในกล่องปฐมพยาบาล

"ตอนไปรบที่อัฟกานิสถานเราต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ แล้วก็ต้องบอกหมอที่ค่ายได้ว่าเป็นอะไร ไม่อย่างนั้นไม่รอด"

"คุณไปรบที่นั้นด้วยเหรอเนี่ย  สุดยอดไปเลย"  ผมเกยคางกับโต๊ะเพราะเริ่มรู้สึกหนักไปทั้งตัว  แต่ก็ยังฝืนมองเขาอยู่  พอมองจากมุมข้างแล้วตอนที่จอห์นยิ้มยิ่งเน้นแผลเป็นมุมปากของเขาจนชัด  ผมบอกคุณไปหรือยังว่าเขาสวยจริงๆนะ  สันกรามนั่นคมมาก ผมอยากจะมีแบบนี้บ้าง

"เป็นที่มาของรอยสักนั่นด้วย"

สีหน้าเขาไม่สู้ดีนักตอนพูดถึงรอยสัก  แต่ผมไม่ได้เค้นถามเขาต่อ  ผมไอหนักอีกหลายครั้งจนจอห์นทนดูไม่ไหวต้องเดินไปกดน้ำร้อนจากกระติกมาให้  ไม่อยากเป็นภาระให้เขาเลย

"กลับห้องไหวไหมโทนี่ ผมไปส่ง"

ผมไม่ได้ต้องการจะมาอ่อยหรืออะไรทั้งสิ้น  แต่ต้องจำใจส่ายหน้า  เพราะตอนนี้คิดว่าแค่ยืนคงยังทำไม่ได้เลย  ผมปวดหัว  ปวดเนื้อตัวไปหมด  รู้สึกร้อนหนาววูบวาบไปมา

"สงสัยคืนนี้คงต้องนอนที่นี่ไปก่อน เดี๋ยวผมเช็ดตัวแล้วจะเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ ตัวเล็กแบบนี้น่าจะใส่ได้" ประโยคหลังเหมือนเขาพูดกับตัวเองมากกว่า แต่ตอนนี้สายตาผมไม่โฟกัสอะไรทั้งสิ้นแล้ว ในหัวมีเสียงวิ้งๆเป็นครั้งคราว ผมเข้าใจอาการที่จอห์นเป็นแล้วล่ะว่ามันรู้สึกแย่แค่ไหน


[John]

หลังจากที่ผมเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมชุดเสื้อผ้าตัวเล็กที่ใส่ไม่ได้  โทนี่ก็ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะเสียแล้ว  ผมถอนหายใจแล้ววางเสื้อผ้าลงเพื่ออุ้มเขาไปนอนที่เตียงดีๆ จัดแจงไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้  โทนี่ส่งเสียงครางอือตลอดเวลาจนผมมือสั่น  เวลาที่ต้องยกแขนบางนั้นผมพยายามทะนุถนอมมากที่สุดเพราะกลัวมันจะหักเอาได้ถ้าทำแรง  ยามที่เขารู้สึกไม่สบายตัวจะขมวดคิ้วน้อยๆแล้วพยายามพลิกร่างกายไปมา  แต่ผมก็ต้องจับเอาไว้เพราะยังไม่เสร็จการเช็ดตัวให้เลย  ไม่รู้ว่าตอนผมไม่สบาย โทนี่จะลำบากหรือเปล่าที่คอยดูแล

ผมแค่แหย่ให้เขาหงุดหงิดใจเล่นเรื่องที่เขาหน้ากลมอย่างกับแฮมเบอร์เกอร์  ความจริงแล้วโทนี่มีหน้าตาหวานกว่าผู้ชายปกติ  แก้มกลมสองข้างนั้นน่ารักจนผมอยากบีบอยากหอมทั้งวัน  ยามที่คิ้วน้อยๆขมวดเข้าหากันตอนถูกผมกวน  โทนี่จะหน้ายุ่งเป็นพิเศษซึ่งมันทำให้ผมใจเต้นแรงอยู่เหมือนกัน  ก็เพราะมันน่ารักกว่าปกติสองสามเท่าเห็นจะได้  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสดใสก็เหมือนจะใครรู้ใคร่สงสัยตลอดเวลา  ริมฝีปากชมพูสดที่เมื่อยิ้มแล้วโลกจะสว่างขึ้นทันตา  (และผมได้ชิมรสมันไปแล้วครั้งหนึ่ง) ไหนจะการที่มีใบหน้าแบบเอเชียผสมกับความเป็นตะวันตกอย่างลงตัว ดังนั้นเมื่อทุกสิ่งประกอบรวมกันแล้วมันก็เลยมีแค่คำๆเดียวที่สามารถใช้เป็นสิ่งจำกัดความของแอนโทนี่  สำหรับผม

Perfect

คนตรงหน้าผมยังคงหายใจเอาลมร้อนๆออกมาเป่ารดหน้าของผมโดยไม่รู้ตัว  บัดนี้ใบหน้าหวานๆนั่นซีดลงเห็นได้ชัดแม้กระทั่งริมฝีปาก ผมยังคงเช็ดตัวให้เขาสลับกับการเดินไปเปลี่ยนน้ำอุ่น  ร่างกายใต้เสื้อผ้าบอบบางกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก

"ทำไม..."

เขาก็พูดขึ้นเสียงเบา  ผมหยุดเช็ดตัวแล้วเงี่ยหูฟัง

"ทำไมถึงบอกว่าผมทำให้หัวใจของคุณเต้น..." โทนี่เหมือนจะเพ้อเพราะพิษไข้หรือเปล่าไม่แน่ใจเพราะเสียงขาดหาย ผมยังคงเช็ดตัวให้เขา ถ้าพูดอะไรไปตอนนี้เขาน่าจะยังไม่มีสติพอจะเข้าใจหรอก ดังนั้นผมจะพูดเพื่อให้เขารู้สึกว่าไม่เหงาและหลับไปเองก็แล้วกัน

"เพราะว่า...เพราะว่าคุณน่ารักล่ะมั้ง" ผมหัวเราะ  "ผมไม่ได้ตกหลุมรักใครมานานมากแล้วตั้งแต่ตอนไปรบที่นั่น...พักผ่อนเถอะนะ"  ผมปัดเส้นผมเล็กๆสีน้ำตาลที่ปรกหน้าผากออกให้แล้วจูบแผ่วเบาหลังจากเปลี่ยนชุดให้  ไม่ลืมที่จะห่มผ้าให้แน่ใจว่าอุ่นมากพอจะไม่ต้องกอดเอง...นี่ผมคิดอะไรอยู่วะ

กลายเป็นว่าผมต้องลงมาปูผ้านอนที่พื้นเสียเองทั้งที่เตียงก็ไม่ได้แคบอะไร   ถ้านอนบนเตียงด้วยตื่นเช้ามาคงดูไม่ดีสักเท่าไหร่  อีกอย่างผมเพิ่งจะฟื้นจากไข้ด้วย  ถ้าเป็นอีกมีหวังถูกไล่ออกแน่

คุณรู้ไหม  ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเห็นเขาเวลามองจากตรงนี้  มันรู้สึกว่าใช่  ใช่อย่างไม่มีเหตุผลอะไรจะมาแย้งได้เลย  ครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่าจะต้องทำความรู้จักเขาให้ได้  แต่ก็กลัวว่าจะเป็นอย่างในอดีตอีก  ดังนั้นผมเลยทำได้เพียงมองจากมุมนี้  ที่หน้าต่างตรงนี้  เวลาที่เราสบตากันพอดี  หัวใจของผมทำงานหนักมาก  แต่เขากลับไม่ยิ้มให้ผมแล้วเดินเข้าห้องไปเลยนี่สิ  ผมเลยไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้โทนี่โกรธเอาหรือเปล่า

จนวันหนึ่งอาจจะเรียกว่าพระเจ้าเห็นใจ  เขามาเคาะประตูห้องและผมยังไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรทั้งสิ้น  ถึงเสียงหวานๆนั่นจะแหวใส่เพราะเขาหาว่าผมทำงานเขาพัง  ไปนั่งยั่วหรืออะไรก็แล้วแต่  ผมแทบจะฝืนยิ้มไม่อยู่เลยทีเดียว  ชื่อของเขา  แอนโทนี่  ผมจำขึ้นใจ

ที่ผมนั่งทำงานให้เขา  ที่ผมทำมื้อเย็นให้เราดินเนอร์กัน  คุณพอจะรู้แล้วใช่ไหมว่าเพราะอะไร  แม้ว่าหลังจากวันนั้นผมพยายามไม่ติดต่อเขาอีกด้วยเหตุผลบางประการ  แต่เพราะดันมาป่วยไข้  และเบอร์สุดท้ายที่โทรเข้าคือเบอร์ของโทนี่  เลยมีความจำเป็นจะต้องขอความช่วยเหลือจากคนน่ารักคนนี้  และแน่นอนว่าความพยายามที่ผมจะตีตัวออกห่างจากเขาเป็นศูนย์ในทันที  ผมตกหลุมรักแอนโทนี่เต็มๆ

"จริงหรือเปล่า..."

ผมลุกขึ้นมาดูอาการเขาอีกครั้ง  อันที่จริงเรียกว่าตื่นมาเช็ดตัวให้ทุกชั่วโมงจะดีกว่า

"อะไรคือจริงหรือเปล่า" ผมกระซิบพลางเช็ดหน้าและเช็ดจมูกโด่งๆอย่างเบามือ

"ฉันชอบเขาจริงหรือเปล่า..." ดูเหมือนโทนี่จะละเมอ และผมก็อดยิ้มไม่ได้ที่มือเล็กนั่นกอดแขนผมเหมือนเป็นหมอนข้าง

"ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าหมายถึงผมล่ะก็ น่าจะจริงมั้งครับ"

"อา..." คุณดูสิ แอนโทนี่ละเมอยิ้มเฉยเลย แม้จะเป็นยิ้มแบบซีดเซียวอย่างคนป่วยแต่ผมกลับมองว่ามันน่ารักอยู่ดีจนต้องก้มลงไปจูบหน้าผากอีกครั้ง ผมจำไม่ได้ว่าตลอดทั้งคืนผมจูบเขาตรงไหนบ้าง

ถ้าเขาก็รู้สึกแบบที่ผมรู้สึก  มันพอจะมีทางไหนบ้างไหมที่ผมจะรักษาเขาเอาไว้นานๆ

[John]

____________________


:hao7: ต่อตอนที่ 3 ด้านล่างเลยค้าบ
  :hao7:

ออฟไลน์ febusapollo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: [เรื่องสั้น] That guy -END-
«ตอบ #4 เมื่อ28-05-2019 14:52:44 »

ตอนที่ 3 [END]

ร่างกายเบาลงจนแทบจะล่องลอย  ผมรู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อคืนมากที่ไม่ปวดหัวและปวดทุกส่วนของร่างกาย  ไม่รู้สึกเจ็บแม้ตอนที่เสื้อผ้าเสียดสีเพียงเล็กน้อย  ลืมตาดูโลกได้ไม่กี่วินาทีผมก็เห็นจอห์นนั่งอยู่ข้างๆแล้ว  ทุกครั้งที่มองแก้วตาสีเขียวอันงดงามของเขาผมรู้สึกเหมือนได้รับยากระตุ้นชั้นดีที่ทำให้รู้สึกสดชื่นยังไงไม่รู้  เหมือนว่าเขาจะอยู่ตรงนี้มาได้สักพัก  หรืออาจจะตลอดทั้งคืนเลยก็เป็นได้

"เป็นไงเจ้าบิสกิต ตัวไม่ร้อนแล้ว"   

"รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย ขอบคุณที่ดูแลผม" เขาใช้นิ้วมือเกลี่ยเส้นผมแล้วก้มลงมาจูบหน้าผากของผม น่าแปลกที่ผมหลับตายอมให้ทำโดยที่ไม่ได้หันหนีเลย

"ผมเพิ่งทำอาหารเช้าเสร็จ เดี๋ยวพอคุณกินยาเรียบร้อยแล้วผมถึงจะออกไปทำงาน" ใช่เลย วันนี้เขาแต่งชุดสูทดำดูหรูและเท่ในคราวเดียวกัน ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาเซ็ตผมขึ้น จอห์นดูหล่อสมกับหน้าที่การงานมากจนผมอดมองนานๆไม่ได้ เหมือนเขาจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ เพราะร่างกายผมถูกพยุงขึ้นนั่งแล้วเขาก็เดินกลบความเขินออกไปอีกทาง ก่อนจะกลับมาพร้อมถ้วยอาหารที่มีควันหอมกรุ่นข้าวต้ม

"ช่วยเล่าเรื่องของคุณให้ฟังหน่อยได้ไหม"

จอห์นชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหันมาถามผมด้วยสายตา

"ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลย...แบบว่า รู้จักกันไม่เท่าไหร่ก็ต้องมานอนป่วยให้ดูแลกันแล้ว" ผมพูดติดขัดจนเขาหัวเราะ ก็แหงล่ะ เหตุผลมันฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ที่จะไปขอให้เขาเล่าเรื่องส่วนตัว

"ถ้าสัญญาว่าจะกินข้าวให้หมดและกินยา..."

"ตกลง!"  ผมรีบคว้าถ้วยข้าวต้มมาถือ  แต่มันร้อนจนต้องส่งคืนให้เขาแล้วสะบัดมือไล่ความร้อน  ถูกหัวเราะอีกจนได้...เขาอาสาถือให้แต่ให้ผมป้อนกินเอง

"ผมอายุสามสิบ มีเชื้อสายเกาหลีแบบคุณประมาณยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ เคยไปรบที่อัฟกานิสถานมาสามปีแต่ถูกส่งตัวกลับเพราะมีปัญหาสุขภาพ"

"ปัญหาสุขภาพ?"

"ปวดท้องรุนแรงมากจนต้องกลับมาผ่าเอาก้อนเนื้อในกระเพาะออก"

ผมสบถแล้วเลิกคิ้วสูง  "มะเร็งเหรอ?!"

"แค่ก้อนเนื้อ โชคดีที่รีบกลับมาตรวจเจอก็เลยผ่าออกไปแล้ว ตอนนี้ผมปกติ" เขายืนถ้วยมาเพื่อกระตุ้นให้ผมรีบกิน ผมเลยไม่ได้ถามอะไรไปอีกพักใหญ่จนกระทั่งถึงเวลากินยา

"แล้ว...รอยสักนั่นล่ะ?"

จอห์นดูนาฬิกา  อีกไม่นานจะต้องไปแล้ว  เขาจับมือผมทั้งสองข้างแล้วบีบ  ก้มหน้าเล็กน้อยแล้วเงยขึ้นมาราวกับว่ามันพูดลำบาก

"อเล็กซ์เป็นคนที่ดี ดีมากจนผมต้องสักชื่อเขาไว้เพื่อเตือนความจำไปตลอดชีวิต เราพบกันที่ค่ายอัฟกานิสถาน แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสได้พบกันแล้ว...ผมไปทำงานก่อนนะ นี่คีย์การ์ดสำรองของห้องผมเผื่อคุณอยากกลับห้องตัวเองหรือยังไม่ไปก็ได้ ไว้ค่อยเอามาคืน"

จอห์นลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจนผมที่นั่งอยู่บนเตียงต้องเงยหน้ามอง  รับคีย์การ์ดสีขาวนั่นเอาไว้  มือหนาจับแก้มของผมทั้งสองข้างอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าผมไม่มีไข้  แล้วเขาก็โบกมือลาพร้อมสะพายเป้ออกไปจากห้อง

คนที่ดีจนต้องสักชื่อเอาไว้เพื่อเตือนความจำไปตลอดชีวิต  แสดงว่าเขามีคนในใจอยู่แล้วและผมคงจะเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ  เพียงแต่ประโยคมีความติดขัดนิดหน่อยตรงที่บอกว่าจะไม่ได้พบกันอีก  ผมไม่เข้าใจ

ผมนั่งคิดอยู่นานสองนานไม่ยอมหลับ  ไม่รู้เกิดหงุดหงิดอะไรขึ้นมาอีก  งานก็ยังไม่เสร็จ  แถมในหัวก็มีแต่ความสงสัยกับคนที่ชื่ออเล็กซ์  แต่ในที่สุดก็ฝืนฤทธิ์ยาไม่ไหว  ทิ้งร่างนอนลงบนเตียงนุ่มและผ้าห่มอุ่นๆของจอห์นอีกครั้ง

...



ผมเคยบอกคุณหรือยังว่าตัวเองเป็นคนบ้างานพอสมควร  บวกกับความดื้อรั้นนิดหน่อย  พอตื่นขึ้นมารู้สึกดีขึ้นก็รีบกลับห้องไปนั่งทำงานต่อทันที  แต่ก็ไม่ลืมหาอะไรรองท้องเพื่อจะทานยาตามที่คุณหมอจอห์นสั่งหรอกนะ

ระหว่างที่เปิดเว็บแปลคำศัพท์  ที่มุมจอด้านล่างเป็นเหมือนป้ายโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์อะไรสักอย่างผุดขึ้นมา  อักษรมันเล็กพอสมควรทำให้ต้องหยีตาอ่าน  มันคือโฆษณาของการท่องเที่ยว  เป็นการเชิญชวนให้ไปเยี่ยมชมการเปิดห้องต่างๆในทำเนียบขาว

ทำเนียบขาว...ที่จอห์นทำงานอยู่

ผมรีบกดเข้าไปดูข้อมูลทันทีเพื่อหารายละเอียดเกี่ยวกับค่าเข้าชมของทัวร์และรอบเวลา  ไม่ช้าไม่นานผมรีบปิดโน้ตบุ๊กหยิบของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้อง



โชคไม่เข้าข้างเท่าไหร่ที่เดินไปตามห้องต่างๆมาเกือบชั่วโมงแล้ว  แต่ไม่มีวี่แววของคนที่ผมอยากมาเจอเลย  หรือว่าเขาจะทำงานอยู่ในที่ๆไม่ได้ให้คนทั่วไปเข้า  แต่ไม่เป็นไร  ถือเสียว่ามาพักผ่อนหลังจากหายป่วย  เป็นการคลายเครียดไปในตัว

พอไกด์พูดจบการนำทัวร์  ผมก็ไม่รู้จะไปไหนนอกจากเดินออกมาด้านนอกที่มีคนกลุ่มใหม่กำลังจะรอเข้าชมรอบถัดไป  อันที่จริงนอกจากงานแปลนิยายแล้วผมยังเขียนนิยายของตัวเองอีกด้วย  ถ้าหากถ่ายรูปแล้วเอาบรรยากาศไปเป็นส่วนหนึ่งของฉากในนิยายมันคงจะดีไม่น้อย เพราะไม่บ่อยนักที่ผมจะออกไปเก็บบรรยากาศจริง  มีแต่นั่งนึกเค้นเอาความรู้สึกเอง  หวังว่าสักวันงานเขียนของผมจะได้ตีพิมพ์กับเขาบ้าง

ระหว่างที่ผมกำลังจะหยิบกล้อง  มีใครก็ไม่รู้เดินมาประชิดที่ด้านหลังพร้อมกับมีวัตถุแข็งๆมาจ่อที่เอว  ผมตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเขากระซิบ

"อย่าโวยวาย อยู่นิ่งๆแล้วเดินไป"

ผมตระหนกแต่ทำอะไรไม่ถูกนอกจากทำตามคำสั่ง  ในใจร้องตะโกนเป็นร้อยรอบให้คนช่วย  แต่คนร้ายดูเหมือนจะทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเราเดินมาด้วยกันทั้งที่ความจริงแล้วผมถูกปืนจ่ออยู่ที่ใต้เป้  ไม่มีใครสังเกตเห็นเราสักนิด

"แกจะทำอะไร ที่นี่ทำเนียบขาวนะ"

"หุบปากแล้วทำตามที่บอกเถอะน่า!"  คนร้ายพูดเสียงลอดไรฟันแต่พยายามข่มไว้  เขาเอาอะไรบางอย่างยัดใส่มือผมแล้วดันให้เดินต่อไปจนเกือบถึงกลางโถงใหญ่  และผมเห็นจอห์นกำลังเดินลงมาพร้อมเจ้าหน้าที่อีกสองสามคนที่บันไดอีกฟากหนึ่ง  เขาดูเท่มากจนผมมองไม่เห็นคนอื่นเลย

พระเจ้าช่วยผมด้วย  อยากจะร้องเรียกเขาเหลือเกิน  ผมกลัว  ยังไม่อยากตายตอนนี้  จอห์นไม่หันมาหาผมเลย  ลมหายใจของผมสั่นระริกไปหมด

"หยุดก่อน อย่าเพิ่งเดิน ถ้าแกเรียกเจ้าหน้าที่ล่ะก็ฉันจะกดระเบิดในมือแกให้ทำงาน"

โอ้  น่ารักจริงๆ  ผมกำลังจะกลายเป็นมือระเบิดทำเนียบขาวในอีกไม่กี่นาที

"แกไม่รอดหรอก คิดหรอว่าฉันจะกลัว"

"แกไม่กลัว แต่คนอื่นคงวิ่งกันสนุกเลยล่ะถ้าโวยวายออกไป" คนร้ายแค่นหัวเราะ อันที่จริงน้ำตาของผมมันเริ่มรื้นขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำตอนพูดขู่เขา เหงื่อที่ศีรษะไหลเป็นหยด แถมอาการไม่สบายก็ดูจะกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว ในใจภาวนาให้ร่างนั้นหันมาเห็นผม

ได้โปรด

ดวงตาสีเขียวมะกอกเบนมาทางผมพอดีตอนที่กำลังคุยกับเพื่อนร่วมงาน  เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วเพ่งมาก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูง  ในใจผมรู้สึกลิงโลดมากๆ  เขากำลังจะเดินมาทางนี้แล้ว  แต่คนร้ายก็เริ่มดึงผมเดินออกไปอีกทางเช่นกัน  จอห์นจะสังเกตความผิดปกติร้ายแรงนี้ไหม

ผมพยายามทำร่างกายให้นิ่งที่สุดและขยับปากขอความช่วยเหลือแบบไม่มีเสียง  จอห์นเดินเข้ามาใกล้ในระยะไม่ถึงห้าสิบเมตร ยิ่งใกล้ผมยิ่งตัวสั่น  พยายามส่ายหน้าให้น้อยที่สุดเพราะกลัวคนร้ายจะรู้ตัวว่าผมเป็นคนเรียกเขา  และถ้าเดาไม่ผิด  เขารู้แล้วว่าผมต้องการจะสื่ออะไร ร่างหนาแกล้งทำเป็นพูดวอร์แล้วเดินหายไปอีกทาง  ผมแอบได้ยินคนร้ายถอนหายใจ  เขายังคงจี้ปืนย้ำเป็นระยะ

"วางระเบิดไว้ตรงนี้ ถือนี่ไว้" คนร้ายว่าก่อนส่งแท่งอะไรบางอย่างซึ่งคาดว่าจะเป็นชวนระเบิด  "เดี๋ยวฉันจะเดินออกไปก่อน  แต่อย่าคิดหนีนะ  ในมือฉันมีชนวนอีกอันหนึ่ง จะรอดูให้แกเดินออกมาตอนไม่มีคนสังเกต  ถ้าแกเรียกเจ้าหน้าที่ล่ะก็เตรียมตัวเละไปพร้อมพวกมันได้เลย"

ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนเหล่านี้ต้องการจะระเบิดทำเนียบขาวไปเพื่ออะไร  และทำไมต้องเป็นตัวเองที่โชคร้ายมาเจอพอดี

ระหว่างที่คนร้ายเผลอ  จอห์นโผล่มาจากประตูอีกฝั่งที่ใกล้กันแล้วปล่อยหมัดหนักๆใส่เขาจนล้มคว่ำ  เครื่องมือกดชนวนระเบิดหลุดกระเด็นจากมือ  ยังไม่ทันจะลุกขึ้นมาจอห์นก็ต่อยซ้ำอีกรอบ  ผมว่าคนร้ายกรามหักแล้ว  ถ้าฟังจากเสียงเอาน่ะนะ  ผู้คนเริ่มตื่นตระหนกเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ถือปืนสั้นวิ่งมาเป็นสิบคนพร้อมส่งเสียงดังเคลียร์พื้นที่

"โทนี่หยิบเครื่องนั่นมาเร็ว!"

ผมสะดุ้ง  แต่รีบคว้าเครื่องนั่นตามที่จอห์นบอกก่อนคนร้ายจะคว้าเอาไป

"เคลียร์พื้นที่ด่วน มีระเบิด ย้ำ มีระเบิด" จอห์นหันไปบอกเจ้าหน้าที่คนข้างๆตอนที่เขารวบตัวคนร้ายเอาไว้กับพื้น เขาโคตรเท่เลยบอกตรงๆ ประชาชนเริ่มทยอยออกจากพื้นที่เกือบหมด เหลือแต่ผมที่ยังยืนทำอะไรไม่ถูก

"โทนี่ออกไปรอข้างนอก ตรงนี้อันตราย"

ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมามองผม  และนั่นก็ทำให้คนร้ายอาศัยจังหวะพลิกตัวขึ้นให้เขาเสียหลัก  ผมร้องตกใจ  และยังไม่ทันไรเจ้าบ้านั่นก็วิ่งมาจ่อปืนที่หัวผมแทนที่เอว  เยี่ยมไปเลย

"ปล่อยตัวประกันเดี๋ยวนี้!"  จอห์นเสียงเข้มพร้อมคว้าปืนพกออกมาตั้งการ์ด  และปืนนั่นกระบอกใหญ่กว่าอันที่จ่อหัวผมประมาณสองเท่าได้  เจ้าหน้าที่ล้อมเราเต็มไปหมด  เตรียมพร้อมที่จะลั่นไกตลอดเวลา

"ก็เอาสิ ถึงยังไงเราก็ตายกันหมดอยู่ดี เอาชนวนระเบิดมา" ประโยคหลังนี่เหมือนคนร้ายจะพูดกับผมนะ แต่เมื่อผมส่ายหน้า นิ้วของเขาเลื่อนมือไปที่นกปืนเสียงดังกริ๊ก

"เอามาเร็ว!  ไม่งั้นแกตายคนแรกแน่"

"โทนี่อย่าให้มัน" จอห์นเรียกสติ แต่ผมกำลังจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว  ผมหายใจแรงและปวดหัวมาก  ยิ่งมันเลื่อนปืนมาใกล้ที่ขมับผมยิ่งหายใจแรง  เหลือบตามองจอห์นอย่างหวาดกลัว  ดูเหมือนเขาก็กำลังกลัวเช่นกัน  คิ้วเข้มๆนั่นขมวดกันเป็นปม ดวงตาแข็งกร้าวจ้องอย่างไม่ลดละ เขาพูดอะไรบางอย่างในสายไมค์ข้างหูด้วย

สถานการณ์ตึงเครียดเกินไป  ผมต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง  ไม่อย่างนั้นเราจะไม่รอดกันหมด  งานแปลของตัวเองยังไม่เสร็จดีและผมจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางการเป็นนักแปลอาชีพหรอกนะ

"บอกให้ส่งมาเร็วๆ!"  กระบอกปืนจ่อมาที่แก้มของผม

"โอ๊ย!"  ผมแกล้งร้องแล้วทรุดตัวลงทำให้คนร้ายเผลอ  ก่อนจะโยนชนวนระเบิดออกไปให้จอห์นแบบเต็มแรงที่สุดเท่าที่จะไหวพร้อมหันมาผลักไอ้คนที่เอากระบอกปืนมาจี้ให้เสียหลัก  จากนั้นผมวิ่งไม่คิดชีวิตเลยคุณ  ผลที่ตามมาคือจอห์นรับมันได้แล้วรัวปืนใส่ไอ้บ้านั่นจนหมดแม็กก่อนที่มันจะลั่นไก  เจ้าหน้าที่คนอื่นเข้ามาเก็บกู้ระเบิด อีกจำนวนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบร่างคนร้าย ส่วนผม  ยืนตัวสั่นงันงกอยู่ในอ้อมกอดคนตัวใหญ่กว่า

"เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" จอห์นเสียงสั่นเครือ เขาจับตามร่างกายแล้วโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากชื้นเหงื่อของผมเมื่อเห็นว่าผมส่ายหน้า แขนแข็งแรงโอบผมจนเกือบลอย เขาถอนหายใจโล่งอก ผมก็เช่นกัน

"ทำไมไม่นอนพักอยู่ที่คอนโด คุณยังไม่หายดีเลย" หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย จอห์นพาผมมาคุยในห้องๆหนึ่งที่ลับตาคน เสียงนิ่มๆของเขาเหมือนจะดุนิดหน่อย

"ความจริงก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้วผมก็เบื่อ  เลยออกมาเดินเล่น”

"เดินเล่นเหรอ?"  เขาเดินมาประชิดตัวผม แต่พูดเสียงอ่อนลง  "ฟังนะ  ตอนที่ผมไม่ติดต่อคุณเพราะไม่อยากให้คุณอยู่ใกล้ผมมากเกินไป อาชีพที่ทำอยู่มันอันตราย ถ้าคุณเป็นอะไรไปแล้วผมจะทนได้ยังไง"

"หมายความว่ายังไง?"  ผมมองเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ  และเหมือนเขาก็ไม่เข้าใจที่ผมไม่เข้าใจเขาด้วย  ร่างหนาตรงเข้ามาจูบโดยไม่ตอบคำถาม  แผ่นหลังของผมติดผนังห้อง  สัมผัสที่รอบเอวโอบเอาไว้แน่น  จอห์นย้ำสัมผัสที่ริมฝีปากอีกหลายครั้งจนผมตอบสนองเขาไม่ทัน  รสจูบทั้งดุดันและอ่อนโยนผสมกัน  ความกลัวถูกละลายไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะในการทรงตัวของตัวเองด้วย  ได้แต่ใช้มือพยุงโดยการขยำชุดสูทของเขาจนยับยู่  พอเขาผละออกไปก็ยังไม่ห่างไปเกินกว่าคืบหนึ่งเลย

"ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ  ผมไม่อยากเสียคุณไป  ถ้าเมื่อกี้คุณถูกยิ่งแล้วผมจะรู้สึกยังไง  คนโง่  ตอนปืนจ่อที่หัวของคุณใจของผมเต้นไม่เป็นระส่ำ  ผมยิงไม่ได้เพราะถ้ามันพลาด..."  ผมอยากบอกเข้าว่าผมเข้าใจตั้งแต่ที่เขาถามเมื่อกี้  แต่ในเมื่อพูดแทรกไม่ได้  ผมจึงใช้วิธีการเขย่งเท้าแล้วจับใบหน้าเขาโน้มลงมาประกบปากแทน  เราจูบกันอีกพักใหญ่แล้วเขาก็ปล่อยผมเป็นอิสระ  สมองขาวโพลนไปหมดจนลืมไปเลยว่าเมื่อกี้ปวดหัว


กว่าเราจะได้กลับห้องก็ใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง  ทันทีที่เดินออกมาจากทำเนียบขาวได้นักข่าวก็มาสัมภาษณ์กันยกใหญ่  แต่จอห์นก็ตอบคำถามอย่างรวบรัดแล้วขอตัวออกมาก่อน  อันที่จริงนักข่าววิ่งไปสัมภาษณ์ตอนประธานาธิบดีเดินออกมาจากสถานที่ปลอดภัยสักแห่งในนั้น จอห์นฝากผมให้รออยู่กับเพื่อนเจ้าหน้าที่ของเขาแล้วไปทำงาน  จนหมดเวลางานแล้วเขาก็ให้ผมนั่งซ้อนท้ายรถฮาเลย์คันงามกลับมาด้วย ผมกอดเขาจนแน่นเลยล่ะ...คนอะไรขับรถซิ่งสุดๆ

ผมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดและทำใจให้สงบที่ห้อง  หลังจากนั้นก็เดินมาที่ห้องของคนที่ช่วยชีวิตผมไว้เมื่อเย็น  คุณก็รู้ว่าผมทำอาหารไม่เป็นแล้วก็ไม่มีอะไรกินวันนี้ด้วย  ถ้าผมจะฝากชีวิตให้เขาดูแลอีกสักคืนคงไม่เป็นไรใช่ไหม

ผมนั่งรอเขาทำอาหารให้อีกตามเคย  แม้วันนี้จะเหนื่อยกันทั้งคู่  แต่จอห์นก็ยังมีกะจิตกะใจทำไก่อบซอสอะไรสักอย่างมากินด้วยกัน  และเขาใช้เวลาไม่นานเลย  ผมชอบตรงนี้ล่ะ

อ้อ  ผมชอบจอห์นด้วย

"วันนี้ถ้าผมไม่รอด คุณจะทำยังไงต่อไป" ผมถามขณะที่วางช้อนลงหลังจากกินเสร็จ ไม่ได้สนใจแก้วยาสักเท่าไหร่ จอห์นมองผมแล้วคว้าเอามือทั้งสองข้างของผมไปกุมไว้

"ผมคงทำตัวเป็นโสดตลอดชีวิต" เขาหัวเราะ

"เกิดอะไรขึ้นกับอเล็กซ์ที่อัฟกานิสถาน"

"คิดอยู่แล้วว่าต้องถาม" จอห์นถอนหายใจ เขาเงียบไปอึดใจหนึ่งจนผมแอบกลัว

"เราพบกันที่ค่าย อเล็กซ์เป็นแพทย์ทหารในทีมที่มากับเรา เขาเป็นคนวินิจฉัยเรื่องอาการปวดท้องของผม วันหนึ่งที่เราพักการรบ หลังจากที่ผมปวดท้องมาเป็นอาทิตย์ไม่ยอมหาย อเล็กซ์พาผมออกไปเดินเล่นที่ทุ่งใกล้ๆค่าย" จอห์นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ผมเดาว่าต่อจากนี้ไปจะเป็นจุดตึงเครียดมากๆ

"เราสารภาพความในใจต่อกันหลังจากดูใจกันมาปีกว่า ตอนนั้นผมมีความสุขมาก แต่แล้วอเล็กซ์เห็นศัตรูอยู่ในระยะที่สามารถโจมตีค่ายของเรา เราทั้งคู่วิ่งกลับไปที่ค่าย และระหว่างทางเขาเหยียบกับระเบิด..." จอห์นเสียงสั่นเครือ ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เลย สัมผัสที่มือของผมเริ่มแน่นขึ้น ดวงตาสีเขียวคู่นั้นเริ่มมีน้ำใสรื้น

"ระเบิดยังไม่ทำงาน แต่ถ้ายกขาขึ้นเราทั้งคู่จะตาย ตอนนั้นผมเริ่มปวดท้องอีกครั้งและคิดว่าเดินต่อไปไม่ไหวแน่ ผมตัวสั่น แต่เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย...ผมบอกให้เขารออยู่นิ่งๆเพื่อจะรีบวิ่งไปบอกคนที่ค่ายให้มาช่วยเพราะศัตรูเข้ามาใกล้มากแล้ว อเล็กซ์สัญญาว่าจะรอ แต่พอผมวิ่งไปได้ไกลพอที่จะพ้นรัศมี ระเบิดก็ทำงาน"

"พระเจ้าช่วย..." ผมอุทาน หยาดน้ำแห่งความรู้สึกหยดลงบนมือของผม ฝ่ามือหนาบีบมือผมแล้วคลายออกอย่างหมดแรง จอห์นกัดริมฝีปากเสียจนห้อเลือด และเหมือนจะเป็นผมที่ได้สติก่อน ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาให้เขา ดีที่ว่าเรากินมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นมื้อเย็นที่น่าเศร้าที่สุด

"เพราะเขา ครั้งนั้นเลยไม่มีคนบาดเจ็บจากการโจมตีของศัตรู แรงระเบิดทำให้ฝั่งนั้นตายหมด...แต่อเล็กซ์ผิดสัญญากับผม"

"คุณโทษตัวเองหรือเปล่าที่ทำให้เขาตาย"

จอห์นยิ้มเศร้า  เขาไม่พูดอะไรต่อแต่เก็บจานชามไปล้าง  พอล้างเสร็จ  ผมเดินเข้าไปกอดเขา  กอดอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน  ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมจอห์นถึงต้องสักชื่อของคนๆนั้น  มันเป็นเครื่องเตือนใจ  แต่ก็เป็นรอยแผลที่ชวนให้นึกถึงวันที่เลวร้ายในคราวเดียวกันเมื่อต้องมองทุกวัน

"คุณกลัวว่าถ้าผมเป็นอะไรไปอีกมันจะเป็นเพราะคุณใช่หรือเปล่า"

เขาพยักหน้า  โน้มตัวลงมาจูบแก้มผม

"กินยาเสีย แล้วไปนอนพักผ่อน วันนี้เจออะไรหนักมาทั้งวัน อ้อ บอกเลยนะว่าผมจะทวงที่นอนผมคืนแล้ว เพราะฉะนั้นกรุณาทำตัวให้เล็กด้วยครับ"

จอห์นตบก้นผมสองครั้งแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ  ผมล่ะไม่เข้าใจอารมณ์ของผู้ชายคนนี้จริงๆ


 
“เมื่อคืนนี้คุณละเมอบอกชอบผมด้วยล่ะ”

“ไม่จริงน่า”  ผมย่นจมูกใส่เขา  ตอนนี้เรานอนหันหน้าเข้าหากันบนเตียง  จอห์นไม่กลัวจะติดไข้จากผมเลยสักนิด

“จริงๆนะ” เขากระซิบพลางใช้มือบีบจมูกของผมเบาๆแบบมันเขี้ยว “ไหนเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังบ้างสิ”

“อืม...เรื่องไหนดีล่ะ คุณอยากฟังเรื่องไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”

“เรื่องของคุณพิเศษสำหรับผมเสมอ”

นี่เขากำลังบอกรักผมทางอ้อมอยู่หรือเปล่า  สายตาหวานหยดถูกส่งมาจนผมไม่กล้าสบตาเขาแล้ว  หน้าร้อนเป็นเตาถ่านครับ

“แอนโทนี่ ลี  หรือ  แทซอน  ลี  ลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน  อายุยี่สิบเจ็ด   และโสด”  พอผมพูดประโยคจบเขาก็ใช้แขนโอบเอวของผมให้เข้าไปชิดกัน  ใบหน้าเราห่างกันเพียงปลายจมูกแม้ว่าดวงไฟทุกดวงจะดับสนิทจนแทบมองไม่เห็น

“เมื่อสามเดือนก่อนผมเจอผู้ชายคนหนึ่งที่อีกฟากของคอนโด เขาพักถัดลงไปสองชั้นตึก และผมมักแอบมองเขาเสมอเวลานั่งทำงาน”

“เขาเป็นใครกัน” จอห์นเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม

“อืม...ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่ผมสามารถฝากชีวิตไว้ด้วยได้ล่ะมั้ง ผมตกหลุมรักเขาเต็มๆเลยล่ะ คุณว่าผมพอจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักเขาจริงจังบ้างไหม” ผมเอาหัวไปถูกับคางของเขา อากาศเริ่มเย็นจนต้องหาที่อบอุ่นพักพิง

“ได้สิ คุณจะได้รู้จักและฝากชีวิตไว้กับเขาแน่นอน เพราะเขาจะไม่มีวันทิ้งคุณไป” จอห์นจูบหน้าผากผมแล้วกระชับกอด  “มันอาจเร็วไปแต่...ผมรักคุณนะแอนโทนี่”

ผมพยักหน้าแล้วซุกในอ้อมอกแกร่ง  เสียงบอกรักแผ่วๆของเขาเซ็กซี่ที่สุดในโลก

“รักคุณเช่นกัน  จอห์น”


คุณรู้จักผู้ชายคนนั้นไหมครับ  ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง  เวลาที่ผมมองลงไปแทบจะทุกครั้ง  เขาจะชอบทำตัวน่ารำคาญให้ได้หงุดหงิดเล่นเสมอ  ในขณะที่ความรู้สึกคู่ขนานค่อยๆชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

และใช่  ผู้ชายคนนั้นแหละ  คือแฟนผมในวันนี้

-The End-

____________________

ต้องมีแอคชั่นให้สมกับหน้าที่พี่จอห์นเขาหน่อย เอิ้กกก
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

ใครอยากอ่านเรื่องยาวเรามีผลงานอื่นด้วย


>>>>> ร้ายนะครับหัวหน้า จบแล้ว
>>>>>Business Districts Project On going
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2019 23:02:28 โดย febusapollo »

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That guy -END-
«ตอบ #5 เมื่อ28-05-2019 23:12:37 »

สนุกอะะะ ฟีลแบบซีรี่ย์ฝรั่งพระเอกทำงานเท่ๆ ครบรสมากๆเลย  o13

ออฟไลน์ GDNEE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That guy -END-
«ตอบ #6 เมื่อ29-05-2019 13:01:32 »

เขิล :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
«ตอบ #7 เมื่อ07-06-2019 04:28:58 »

คือดีมากกก ชอบเลยค่าาา :mew1:

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
«ตอบ #8 เมื่อ10-06-2019 07:25:57 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
«ตอบ #9 เมื่อ12-06-2019 19:13:14 »

น่ารักกก จนอยากให้เป็นเรื่องยาวเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
« ตอบ #9 เมื่อ: 12-06-2019 19:13:14 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Morgen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
«ตอบ #10 เมื่อ12-06-2019 19:38:49 »

 :hao3:  เขิน

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
«ตอบ #11 เมื่อ12-06-2019 21:38:19 »

จอห์นเท่มาก โทนี่ก็น่าเอ็นดู 555 น่ารักมากเลยค่ะ อ่านเพลินเลย

ออฟไลน์ คุณบี๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
«ตอบ #12 เมื่อ12-06-2019 23:12:44 »

สนุกมากค่าาา  o13  :pig4:

ออฟไลน์ boobee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
«ตอบ #13 เมื่อ13-06-2019 08:45:22 »

รู้สึกละมุนๆ

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
«ตอบ #14 เมื่อ13-06-2019 21:04:55 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Piechicofic

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
«ตอบ #15 เมื่อ20-06-2019 22:15:12 »

คุณเจ้าหน้าที่เขาดูมาดแมน แฮนซั่มมากเลยค่ะ ทางเราชื่นชอบ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
«ตอบ #16 เมื่อ21-06-2019 21:53:13 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
Re: [เรื่องสั้นจบแล้ว] That Guy -END-
«ตอบ #17 เมื่อ02-07-2019 10:58:29 »

 :L1: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด