ขอ เข็ม ผม คืน
วันนี้เป็นวันที่โคตรโชคร้ายเลยอะ
โชคร้ายแบบโชคร้ายชิบหาย
โอ้มายก๊อดดดด
ผมยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลอยู่เต็มหน้าตัวเองช้าๆ รู้สึกเหมือนวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่มีโอกาสได้หายใจอยู่บนโลกเลยว่ะ คือว่าผมเนี่ยะเพิ่งเลิกเรียนครับ กำลังจะเดินกลับบ้านเหมือนอย่างกับทุกวัน แต่วันนี้มันดันมีเด็กโรงเรียนเทศากาฬวิทยามายืนดักอยู่กลางซอย ซึ่งโรงเรียนนี้เป็นอริและมีปัญหากับเด็กโรงเรียนผมมาตั้งแต่สมัยก่อนโน่น
อื้อออ..อ...ผมจะเอาตัวรอดไปได้ยังไง
ปกติผมเป็นพวกเพื่อนไม่ค่อยคบซะด้วย ในโรงเรียนผมไม่ค่อยมีเพื่อนสักเท่าไหร่ ชีวิตนี่โคตรสันโดษ ทำงาน ทำการบ้าน อ่านหนังสือ วันๆ ก็วนอยู่แค่เนี้ยะ อีกอย่างผมเป็นพวกสานสัมพันธ์กับใครไม่ค่อยเก่ง ก็เลยเลือกที่จะอยู่คนเดียวซะมากกว่า
ไม่น่าเลยว่ะหวานเอ๊ย
ผมชื่อ ‘หวาน’ ชื่อนี้เกิดมาจากการที่แม่อยากตั้งชื่อผมให้คล้องจองกับพี่ชายที่ชื่อเปรี้ยวซึ่งเขาไม่ได้สนใจเลยว่าชื่อมันจะเหมือนชื่อของผู้หญิงไปสักหน่อย อีกอย่างคือตั้งแต่ที่ผมเกิดมาจนถึงทุกวันนี้แม่ยังคงเรียกผมว่าน้องหวาน ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ไม่เรียกพี่เปรี้ยวว่าน้องเปรี้ยวบ้าง เขาน่าจะคิดว่าผมอยากมีโมเม้นท์เป็นไอ้หวานบ้างก็ได้นะ
นี่ต้องถูกเรียกว่าน้องหวานไปจนถึงเมื่อไหร่อะ
เอาจริงๆ มันไม่ใช่แค่การเรียกชื่อที่เหมือนผมเป็นเด็กผู้หญิงหรอก ทุกวันนี้สถานะของผมในบ้านก็เหมือนลูกสาวเลยครับ แม่ทะนุถนอมผมมาก โอเคนั่นมันเป็นเรื่องดีอยู่แล้วเรื่องที่ครอบครัวใส่ใจและดูแลเราแต่ผมก็อยากให้พวกเขารู้ว่าผมเป็นผู้ชายนะ ตอนเด็กๆ อยากเรียนมวยไทยมากแต่แม่บอกว่าผมไม่เหมาะ พอเป็นแบบนั้นเขาก็เลยส่งผมไปเรียนทำขนมแทน
เศร้าเนอะ
เนี่ยะ เพราะการส่งไปเรียนทำขนมของแม่มันก็เลยทำให้ผมไม่มีทักษะอะไรที่มากพอจะเอามาปกป้องตัวเองเลย แล้วพอเจอสถานการณ์แบบนี้ผมก็ไม่รู้ว่าต้องเอาชีวิตรอดไปได้ยังไง จะวิ่งหนีก็กลัววิ่งไม่ทันอีก ผมไม่ได้เป็นคนขาสั้นนะแต่เป็นคนวิ่งช้าเฉยๆ เอาไงดีอะ ผมไม่อยากโดนกระทืบเพราะว่านอกจากจะเจ็บตัวแล้วมันยังทำให้ชุดนักเรียนผมเลอะด้วย อีกอย่างคือมันจะโคตรเสียเวลากลับบ้านไปอ่านหนังสือเลย
ปัญหาเยอะจัง
"มึง!!!!" เสียงเข้มดังออกมาจากไอ้ร่างยักษ์ มันดังจนผมถึงกับสะดุ้ง แหม่ พูดเบาๆ ก็ไหมล่ะ จะเสียงดังใส่กันทำไม
"เอ่อ....." พูดอะไรดีวะ พูดอะไรดีที่พูดออกไปแล้วจะปลอดภัย
คนข้างๆ ไอ้ร่างยักษ์คนนึงแบมือมาตรงหน้าผม "เอาเข็มโรงเรียนมึงมา"
"เข็มโรงเรียน" ผมยกมือขึ้นปิดเข็มโรงเรียนที่ติดอยู่ตรงหน้าอกทันที "เอาไปทำไม"
"กูสั่งให้เอามาก็เอามาสิวะ"
"ไม่ได้หรอกคุณ ถ้าผมให้เข็มโรงเรียนพวกคุณไปผมก็ไม่มีใช้น่ะสิ แล้วถ้าผมไม่ติดเข็มไปโรงเรียนนะ อาจารย์ฝ่ายปกครองต้องทำโทษแน่ๆ "
"นั่นมันเรื่องของมึง"
"ถ้าเป็นเรื่องของผม ผมก็มีสิทธิ์ที่จะให้หรือไม่ให้ก็ได้ ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะเอาเข็มผมไปทำไม แต่ถ้าคุณอยากได้มากนักก็ไปซื้อเข็มเทียมสิ ร้านหน้าโรงเรียนผมก็มีขายนะ"
"มึงก็ไปซื้อมาใช้แทนสิวะ"
"ไม่ได้....เข็มประจำโรงเรียนเนี่ยะมีโอกาสได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ คุณคิดดูสิว่ากว่าผมจะสอบเข้าที่นี่ติด อดหลับอดนอนอ่านหนังสือมาตั้งเท่าไหร่ มันไม่ง่ายนะคุณ มันคือความภูมิใจของผมอะ คุณจะมาเอาไปง่ายๆ ได้ยังไง มันแฟร์กับผมไหม ก็ไม่ เพราะงั้น....ผมไม่ให้หรอก"
"มึงนี่มันพูดมากจริงๆ เลยนะไอ้แว่น กระทืบแม่งซะเลยดีไหม" ไอ้หน้าตี๋บ่นออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะทำเหมือนจะเข้ามาจัดการผมแต่โดนเพื่อนดึงไว้ซะก่อน
"ลูกพี่สั่งมายังไง มึงอย่าลืม"
ลูกพี่สั่งมาอย่างงั้นเหรอ
ผมหรี่ตามองพวกตรงหน้าอย่างชั่งใจ อย่าบอกนะว่าที่มาตบเข็มผมเนี่ยะมีคนสั่งมา อาจจะใช่ เพราะว่าถ้าตั้งใจจะมาเอาเข็มอย่างเดียวมันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผมก็ได้ไหม คนอื่นก็มีตั้งเยอะแยะ หรือว่าเป็นเพราะเห็นว่าหวานคนนี้หน้าตาหน้าโง่ ดูข่มง่ายอย่างงั้นสินะ หึ พวกคุณคิดตื้นเกินไปแล้ว ถึงผมจะไม่เก่งเรื่องตีเรื่องต่อย แต่เรื่องสติปัญญาและการใช้วาจาผมไม่ได้ด้อยไปกว่าใครนะครับ
เดี๋ยวรู้เลยว่าเล่นผิดคน
"หนิไอ้แว่น มึงถอดเข็มมึงส่งมาซะดีดี พวกกูไม่มีเวลามายืนเถียงกับมึงมากนักหรอกนะ" ไอ้ร่างยักษ์เอ่ยออกมาเสียงเรียบ
"ผมก็ไม่อยากมายืนเถียงกับพวกคุณหรอกนะ แต่ยังไงผมก็ให้เข็มนี่กับพวกคุณไม่ได้อยู่ดี ถ้าคุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูด รบกวนหลีกทางให้ผมเดินกลับบ้านอย่างปกติสุขด้วย ผมต้องกลับบ้านไปอ่านหนังสือเตรียมสอบของวันพรุ่งนี้"
"มึงนี่แม่ง" ไอ้หน้าตี๋มันเดินเข้ามากระชากคอเสื้อผม "พูดดีดีแล้วไม่ชอบใช่ไหมห้ะ!!!"
แม่งโกรธแล้ว
เอาวะหวาน สู้กันสักตั้ง
"นี่คุณพูดดีดีกับผมแล้วเหรอ ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นคำพูดดีตรงไหนเลย การพูดดีมันต้องออกมาจากจิตใจที่ดีของผู้พูดนะรู้ไหม แต่ดูสิ พวกคุณจ้องแต่จะเอาเข็มของผม คือแค่นี้ก็รู้แแล้วว่าคิดไม่ดี แล้วมันจะพูดดีได้ยังไง อีกอย่างนะ รบกวนปล่อยคอเสื้อผมด้วย กว่าผมจะรีดได้จนเรียบแบบนี้มันไม่ง่ายนะคุณ ผมใช้เวลานานมากแค่ไหนคุณรู้ไหม และอีกอย่างนะ...." ผมทำเป็นถลึงตาใส่อย่างจริงจัง
"เราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดที่คุณจะมาทำให้เสื้อของผมยับได้""นี่มึง!!!!" ไอ้หน้าตี๋ง้างหมัดแต่ก็โดนดึงไว้ก่อน "ปล่อยกูไอ้บีน มึงก็รู้ว่าไอ้เด็กเชี่ยนี่มันกวนตีน"
"ผมไม่ได้กวนตีนคุณนะ ผมพูดตามสิ่งที่ผมคิด คุณไม่มีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้ผมพูดหรือมาคิดว่าการกระทำของผมมันคือการกวนตีนคุณ เพราะผมแค่พูดเฉยๆ "
ก็พูดเฉยๆ จริงๆ
"มึงดูมันสิบีน!!!!"
"เออกูเห็นแล้ว แต่จะทำแบบนั้นได้ไงวะฟิน มึงอยากโดนลูกพี่กระทืบรึไงล่ะ"
"โถ่เว้ย!!!!" ไอ้หน้าตี๋มันคลายมือจากคอเสื้อก่อนจะออกแรงผลักผมจนล้มไป อื้อออ..อ....เจ็บชะมัด เจ็บไม่พอชุดนัดเรียนเลอะอีก
เก่งจริงๆ เรื่องใช้กำลังเนี่ย
"นี่คุณ!!!! คุณไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายร่างกายผมโดยการผลักแบบนี้นะ" ผมโวยใส่ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วปัดเศษฝุ่น "ไม่กลัวผมไปแจ้งความจับคุณรึไง ถึงแม้ว่าคุณจะมีกฎหมายเยาวชนคุ้มครองอยู่แต่ถ้าผมจะเอาผิดคุณจริงๆ คุณต้องโดนโทษแน่"
"เฮ้อ....ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ" ไอ้ร่างยักษ์ถอนหายใจก่อนจะยกมือขยี้หัวตัวเองจนฟูไปหมด "ปวดประสาทชิบหาย"
"เออ พูดไปก็ไม่รู้เรื่อง ชิงมาเลย" สิ้นเสียงของใครสักคนไอ้พวกที่ยืนอยู่ก็กรูกันเข้ามาจับตัวผมทันที
จะทำอะไรเนี่ยยยยยยยยยยย
ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุม แต่เหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ผมมีมันไม่ได้เสี้ยวนึงของไอ้พวกที่จับผมอยู่เลย คือจะแข็งเยอะกันไปไหนเนี่ยะ ผมถูกจับแขนไว้ ไอ้ร่างยักษ์ก็เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะถอดเข็มบนเสื้อผมออกไปทันที เห้ยยยย คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้น่ะ นั่นมันเข็มโรงเรียนผมมมม
"นี่คุณทำผิดกฎหมายอยู่นะ เอาเข็มผมคืนมา"
"ไม่ให้โว้ย" มือหนาเก็บเข็มผมใส่กระเป๋าตัวเอง "กว่าจะได้เข็มมึงนี่หูกูแทบชา"
"ทำไมคุณถึงนิสัยไม่ดีแบบนี้อะ คุณไม่สงสารผมที่ต้องโดนลงโทษบ้างเหรอ ความเห็นอกเห็นใจกันระหว่างเพื่อนมนุษย์อะมีบ้างไหม ทำไมใจร้ายแบบนี้ล่ะครับ"
"มึงหุบปากไปเลยนะไอ้แว่น พวกมึงก็ปล่อยมันได้ละ" สิ้นเสียงสั่ง ไอ้พวกที่จับผมอยู่ก็ยอมปล่อยก่อนจะเดินไปสุมอยู่ตรงไอ้ร่างยักษ์
ผมเบะปากน้อยๆ "นี่คุณจะเอาเข็มผมไปจริงๆ เหรอ"
"เออสิวะ คิดว่ากูมาตบเข็มมึงขำๆ แล้วจะยอมคืนให้ดีดีรึไง"
"คุณ....ไม่อ่อนโยนกับผมเลยอะ"
"เป็นอะไรกับกูรึไง กูถึงต้องอ่อนโยนกับมึงน่ะห้ะ" เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะชูเข็มในมือให้ผมดู "เอางี้นะไอ้แว่น ถ้ามึงอยากได้เข็มคืน พรุ่งนี้มึงต้องไปที่สวนหลังเทศากาฬฯ "
"ทำไมผมต้องไปด้วย"
"มึงอยากได้ไม่ใช่เหรอเข็มมึงน่ะ"
"ทำไมไม่คืนให้ผมตั้งแต่วันนี้ล่ะ"
"มึงอย่ามาถามมากได้ไหม รำคาญว่ะ" ไอ้ร่างยักษ์ทำหน้าบู้บี้ใส่ผมก่อนจะหันไปมองบรรดาเพื่อนๆ "ไปกัน วันนี้กูประสาทแดกมากเกินพอแล้ว" สิ้นเสียงสั่งไอ้พวกนั้นก็วิ่งกันไปทันที
โว้ยยยยย แล้วเข็มของหวานเล่าาาา
"บ้าชิบ" ผมลุกขึ้นมาก่อนจะปัดเนื้อปัดตัวที่เปื้อนฝุ่นออก โดยนตบเข็มไปไม่พอ เสื้อผ้ายังจะมาเลอะ เจ็บแขนเจ็บขาด้วย แถมยังเสียเวลากลับไปอ่านหนังสืออีก
หึ้ยยย..ย...โชคร้ายอะไรของผมวะ
***
“ไหนมึงบอกพี่มาซิน้องหวานว่าใครทำมึง”
“ไม่รู้”
“มึงจะไม่รู้ได้ยังไง”
“ก็หวานไม่รู้ รู้แค่ว่ามากันหลายคนมาก เรียนเทศากาฬวิทยาแล้วก็ตัวใหญ่มากเลยอะ” นึกถึงหน้าแต่ละคนยังรู้สึกกลัวไม่หาย แรงเยอะขนาดนั้น เดินชนทีผมก็ปลิวแล้ว
“ทำไมมึงไม่สู้มันล่ะ งัดหน้าแม่ง”
ผมทำหน้ามุ่ยใส่ร่างสูง “พี่เปรี้ยว หวานไม่ได้ตัวบะเอ้กแบบพี่เปรี้ยวนะ แล้วหวานก็มีแค่ทักษะทำขนม ไม่ได้มีทักษะต่อสู้ ไหนจะตัวคนเดียวอีก เนี่ยะ ถ้าแม่ส่งหวานไปเรียนมวยไทยตั้งแต่แรกน้า หึ้ยย.ย.ย.....”
“ทำห้าวจัด” มือเรียวดึงแก้มผมอย่างมันเขี้ยว “อย่างมึงนี่เตะกระสอบทรายขาก็หักแล้วมั้ง”
“ดูถูกน้องมากๆ ”
“เออน่ะสิ แล้วพรุ่งนี้มึงต้องไปหลังสวนเทศากาฬฯ จริงๆ เหรอ”
“อืม ถ้าอยากได้เข็มคืนก็ต้องไป”
“งั้นเดี๋ยวกูไปเอง”
“ไม่ได้นะ” ผมปรามคุณพี่ชายทันที “ถ้าพวกนั้นไม่เห็นหวาน มันต้องไม่ยอมคืนเข็มดีดีแน่”
“แล้วจะให้กูปล่อยมึงไปคนเดียวเหรอ”
“พี่เปรี้ยวก็แอบอยู่ตามพุ่มไม้รอบุกสิ เนี่ยะ ทำไมเรื่องง่ายๆ คิดไม่ได้ โอ๊ยยยย หวานเจ็บนะ แม่สั่งไว้ว่าห้ามให้พี่ตีหวานไง” ผมลูบหัวตัวเองเบาๆ โขกมาได้ น้องเซลล์ในสมองตายหมดแล้ว ทำไมใจร้ายอย่างนี้วะ
“ถ้าน้องกวนตีน แม่บอกให้เตะได้”
“หวาน ไม่ ได้ กวน ตีน” ผมเน้นให้เขาฟังทีละคำก่อนจะเดินไปนอนลงบนเตียง “ได้เวลานอนของหวานแล้ว พี่เปรี้ยวก็....จะไปไหนก็ไปซะไป”
“มึงนี่จริงๆ เลยนะ....ฝันดีละกัน”
“ฝันดีครับ” สิ้นเสียงบอกของผม ร่างสูงก็เดินออกไปจากห้องเหลือเพียงหวานพี่หมีขาวที่อยู่ตรงนี้
ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่เข้าใจวัฒนธรรมการตบเข็มเลยครับ ทำไมอะ เราจะอยากได้เข็มของโรงเรียนอื่นไปเพื่ออะไร ความภูมิใจเหรอ ไม่เห็นน่าภูมิใจตรงไหนเลย ผมไม่ชอบนะ มันเหมือนรังแกคนอื่น แล้วการตบไปแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการขโมย ผิดกฎหมายอีก แล้วมันก็จะสร้างความบาดหมางระหว่างโรงเรียน ปัญหานี้มันจะไม่มีวันจบ
เนี่ยะ อยู่กันแบบสงบๆ ไม่ได้ไง
“พี่หมี” ผมหันมองพี่หมีขาวที่นอนอยู่ข้างๆ “วันนี้มีคนตบเข็มของหวานไปด้วยล่ะ พรุ่งนี้หวานต้องโดนทำโทษแน่ๆ เลยที่แต่งตัวไม่ถูกระเบียบ”
“.....”
“ชีวิตหวานน่าสงสารเนอะ หวานก็แค่กลับบ้านมาหาพี่หมีเองอะ แล้วพรุ่งนี้หวานต้องไปเอาเข็มคืน หวานไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเจอกับอะไรบ้าง พี่หมีว่าหวานจะเอาชีวิตรอดกลับมาได้ไหม”
“.....”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ พี่หมีจะคิดถึงหวานใช่ไหม”
“.....”
“งื้อออ..อ.อ...หวานก็รักพี่หมีเหมือนกัน” ผมคว้าพี่หมีเข้ามากอดแน่น “หวานจะกลับมาหาพี่หมีให้ได้ พี่หมีต้องรอหวานนะ โอเคไหม”
“.....”
“ดีมากกกก นอนกัน ฝันดีนะพี่หมี” ผมกอดพี่หมีไว้แน่นก่อนจะซุกหน้าลงกับผ้าห่มเตรียมพร้อมที่จะนอน
เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะต้องไปออกรบ เพราะงั้นต้องนอนให้เต็มอิ่ม เท่าที่ผมฟังจากพวกที่มาตบเข็มไปวันนี้คือมีคนสั่งมา อยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนสั่ง ต้องเป็นคนยังไงกันนะถึงสั่งอะไรแบบนี้อะ ที่แน่ๆ ต้องนิสัยไม่ดีเพราะถ้าเป็นคนนิสัยดีเขาจะไม่ทำแบบนี้หรอก ผมจะจำหน้าคนที่ทำเอาไว้ไม่มีวันลืมเลย
คอยดูเถอะ
***
หงุดหงิดมากเลยนะรู้ไหม
คนอย่างหวานก็หงุดหงิดเป็นกับเขาเหมือนกันน้า
ผมยืนหน้ายับอยู่หน้าทางเข้าสวนสาธารณะหลังโรงเรียนเทศากาฬฯ คนเดียว ความจริงตรงนี้ควรมีพี่เปรี้ยวยืนอยู่ด้วยแต่ว่าพี่ชายสุดที่รักของผมดันมีสอบเสริมตอนเย็นไง เพราะแบบนั้นตรงนี้ก็เลยมีแค่หวาน แต่ไม่เป็นไรครับ ผมดูทางหนีทีไล่ของสวนนี้ทั้งหมดแล้ว ถ้าเกิดฉุกเฉินจริงๆ ผมน่าจะหนีทันอยู่ เป้าหมายของการมาครั้งนี้คือต้องได้เข็มกลับบ้านเท่านั้น ถ้าคนพวกนั้นอิดออดไม่ยอมคืนเข็มให้....ผมก็จัดการขั้นเด็ดขาด
ผมจะฟ้องแม่ครับ
แม่ต้องเอาเข็มคืนให้ผมได้แน่ๆ
ความจริงไม่ได้อยากพึ่งบารมีแม่หรอกแต่ถ้ามันจำเป็นผมก็ต้องทำอะ วันนี้ผมโดนอาจารย์ทำโทษด้วยฐานที่ไม่ติดเข็มโรงเรียนมา ดูสิว่าการกระทำของคนกลุ่มเดียวมันทำให้ผมต้องเดือดร้อนขนาดไหน อาจารย์ที่เขาตรวจระเบียบพูดว่าผิดหวังเลยนะ ไม่คิดว่านักเรียนดีเด่นอย่างผมจะทำผิดระเบียบได้ ยังไม่ทันได้อธิบายเขาก็ไล่ให้ผมไปวิ่งรอบสนามซะก่อน ลองนึกภาพแดดร้อนๆ กับหวานที่วิ่งรอบสนามนั่นสิ
ผมเกือบเป็นหวานตากแห้งแล้ว
“คีปไฟท์ติ้งนะหวาน เข็มของหวาน หวานต้องเอาคืนมาให้ได้นะรู้ไหม” หลังจากที่ยกมือแตะไหล่ตัวเองเพื่อสร้างความฮึกเหิมเสร็จ ผมก็เดินเข้ามาในสวน ต้องปั้นหน้าให้ดูโหดที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกที่เอาเข็มผมไปจะได้กลัวไง
ผมเดินมาเรื่อยๆ จนพบรถมอเตอร์ไซค์หลายคันจอดอยู่รวมถึงเด็กมัธยมฯ อีกกลุ่มนึงที่นั่งกันอยู่รอบน้ำพุกลางสวน อักษรย่อบนเสื้อนั่นชัดเจนว่าเป็นเด็กเทศากาฬฯ ผมจำคนที่มาตบเข็มตัวเองได้ดี มันยืนทำหน้าเหี้ยมเหมือนอยากจะฉีกเนื้อผมอยู่ คิดว่าจะกลัวงั้นเหรอ โอเค ก็ขาสั่นนิดหน่อยแต่ผมจะไม่ถอยจนกว่าจะได้เข็มคืนแน่นอน
มุ่งมั่นมากนะบอกเลย
“ผมมาเอาเข็มผมคืน”
“มันมาแล้วพี่แสน” ไอ้หน้าตี๋บอกกับคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง
ร่างสูงลุกออกมาประจันหน้ากับผม ดวงตาคมไล่มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ริมฝีปากบางเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย สำหรับผมแล้วคนที่อยู่ตรงหน้าก็หน้าตาดีนิดหน่อยแต่น้อยกว่าพี่เปรี้ยว ตัวใหญ่เหมือนพี่ชายผมไม่มีผิด ตอนเด็กๆ เนี่ยะ คนพวกนี้ไม่ได้กินนมนะครับ เรียกได้ว่ากินแม่วัวไปทั้งฟาร์มเลยจะดีกว่า สังเกตบนปกเสื้อปักดาว 3 ดวงบ่งบอกว่าเป็นเด็กมอหก
จะเข้ามหา’ลัยอยู่แล้วยังจะมาทำเรื่องไร้สาระอย่างตบเข็มเด็กโรงเรียนอื่นอีก
ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
“น้องหวาน”
รู้จักชื่อผมด้วยแหะ
“ผมไม่ใช่น้องคุณ คนที่จะเรียกผมแบบนั้นได้มีแค่ครอบครัวของผม”
“ถ้าพี่อยากเป็นครอบครัวของน้อง พี่ต้องทำยังไงล่ะครับ”
สถานการณ์แบบนี้มันคืออะไรวะ....ไม่เข้าใจอะ
ผมมองคนตรงหน้าอย่างหยั่งเชิง ตอนแรกที่เขาทำหน้านิ่งก็ดูน่ากลัวอยู่ไม่น้อย แต่พอยิ้มออกมาทีละนิดๆ ก็ทำให้ทุกอย่างมันดูซอฟต์ลง ทำหน้าเหมือนคนใจดีก็เป็นสินะ ช่างเถอะ สิ่งที่ผมควรสนใจมันไม่ใช่หน้าเขาแต่เป็นเข็มของโรงเรียนต่างหาก
“คุณอย่าเพ้อเจ้อได้ไหม”
“พี่พูดจริงๆ นะ ไม่เชื่อเหรอ”
“ขอเข็มผมคืน”
“พี่ชื่อแสนนะครับ”
“ขอเข็ม....”
“พี่ชอบน้องอะ”“ขอ....”
“ลองคบกันดูไหม”“.....”
อะไรวะเนี่ย
ผมหันหลังหนีพร้อมกับประมวลผลในสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี๊ เขาไม่ฟังที่ผมพูดเลยอะ แล้ว....เขาก็บอกว่าชอบผม คือต้องเขินป้ะวะมีคนมาบอกชอบอะ ไม่จำเป็นดิเพราะเวลามีสาวสวยๆ มาบอกชอบพี่เปรี้ยว มันยังไม่เขินเลย แล้วที่เขาบอกว่าลองคบกันดูไหม หึ....ใครจะคบกับคนที่เพิ่งรู้จักแถมคนๆ นั้นยังเป็นคนที่ตบเข็มผมไป เป็นเหตุของความน่าหงุดหงิดทั้งหลายไหนจะโดนอาจารย์ทำโทษอีก
ตอบตกลงก็ตลกแล้ว
“ไม่” ผมหันกลับมาหาเขา “แล้วก็ขอเข็มผมคืนด้วย”
“ไม่คิดหน่อยเหรอ”
“จะให้ผมคิดอะไรอะ คุณฟังนะ ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมคุณถึงมาตบเข็มของผม แต่การกระทำแบบนั้นมันไม่ดีและผมไม่ประทับใจในตัวคุณเอามากๆ มีวิธีตั้งมากมายที่จะทำให้เรารู้จักกันแต่สำหรับวิธีนี้ที่คุณเลือก มันโคตรแย่เลยอะ”
“พี่พยายามยัดตัวเองเข้าไปในชีวิตของน้องแล้ว แต่น้องก็ไม่สนใจ” เจ้าตัวมองผมอยู่อย่างนั้น “พี่สะเหล่อไปเซเว่นฯ สาขาที่น้องต้องเข้าไปซื้อนมอัลมอนต์ทุกเช้าเพื่อให้เห็นหน้าน้องสักนิดก่อนไปเรียนก็ยังดี วันจันทร์น้องต้องซื้อโตเกียวไส้หวานก่อนกลับบ้านพี่ก็จะไปยืนซื้อไส้เค็มอยู่ข้างๆ แต่น้องก็ไม่เคยแลพี่สักนิดเดียว พี่เคยพยายามชวนคุยแต่มันไม่เคยสำเร็จเลย ทุกอาทิตย์ที่มีตลาดตรงอู่รถเมล์พี่ก็เดินตามอยู่ข้างหลัง น้องจะต้องซื้อชานมมะลิไม่มุกก่อนจะเดินทุกครั้งและจบลงที่ร้านเสื้อร้านประจำที่น้องชอบซื้อ พี่เสนอหน้าให้น้องเห็นตลอดแต่มันไม่เคยได้อยู่ในสายตาเลยอะ”
“.....”
“ในฐานะคนแอบชอบแบบพี่แม่งโคตรเจ็บปวด ชอบเขาแทบตายเขาก็ไม่ชอบ อยากจะลองเข้าไปในชีวิตเขา เขาก็ไม่สนใจอีก พี่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำไงแล้วอะ จนมาถึงวันนึงที่น้องทำเข็มร่วงหน้าร้านขายไก่ทอด พี่อะเป็นคนเก็บได้ พี่ก็คืนให้ ตอนนั้นน้องยิ้มให้พี่ด้วย มันเป็นรอยยิ้มแรกเลยที่พี่ได้รับมาจากน้อง ในใจก็คิดว่านั่นคงเป็นโอกาสที่จะได้รู้จักกันแล้วแต่สุดท้ายน้องก็ลืมอยู่ดีว่าพี่เป็นใคร”
“.....”
“เหตุการณ์นั้นทำให้พี่รู้ว่าเข็มโรงเรียนสำคัญกับน้องมาก ก็เลยให้เด็กๆ ไปตบมาให้เพื่อที่น้องจะได้ยืนอยู่ตรงนี้เพื่อฟังพี่เพ้อเจ้ออะไรนักหนาก็ไม่รู้นี่ไง”
“.....”
“พี่ชอบน้องมาจะ 3 ปีแล้วนะ รู้ไว้ด้วย” เสียงเรียบเอ่ยบอกกับผมก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นเหมือนกับต้องการสงบสติอารมณ์
ผมยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเองที่หัวใจกำลังเต้นแรงเอามากๆ อะไรมันจะขนาดนี้วะ แค่คำพูดพวกนั้นก็ทำให้รู้สึกประหม่าได้มากขนาดนี้เลยเหรอ คนตรงหน้าเขาชอบผมขนาดนั้นเชียว มันจริงทุกอย่างเลยที่เขาพูดออกมา ชีวิตประจำวันของผมมันเป็นแบบนั้นและเป็นมานานแล้ว ที่บอกว่าชอบมาเกือบ 3 ปีนี่เอาจริงดิ ชอบตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กชายน่ะนะ โหยยย เกินไปแล้วน้า
หวานเป็นผู้ชายที่มีผู้ชายแอบชอบอะ
เกินไป๊
พวกร่างยักษ์ที่ยืนกันรอบๆ ก็พากันอมยิ้มกรุ้มกริ่มอะไรก็ไม่รู้แต่พอคนตรงหน้าหันไปแยกเขี้ยวใส่ก็หุบยิ้มพร้อมทำหน้าสงบเสงี่ยมเหมือนเดิมทันที มีอิทธิพลกับคนพวกนี้มากขนาดนั้นเลยนะ ก็ไม่แปลกหรอก ขนาดจะเอาเข็มผมยังสั่งคนมาเอาแทนได้เลย เขาก็คงเอาเรื่องอยู่แหละ มันจะดีจริงๆ เหรอวะหวาน ถ้าปล่อยให้ผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตของตัวเองน่ะ
ผู้ชายที่จดจำรายละเอียดของหวานได้ทุกอย่าง
ผู้ชายที่ทำทุกอย่างเพื่อให้หวานสนใจ
ผู้ชายที่ชอบหวาน
“แล้วทำไมต้องเป็นผู้ชายวะ” ผมบ่นอุบอิบพลางมองคนตรงหน้า “คุณ....คือผมคิดว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้ชายหรอกนะ เพราะงั้นเรื่องคบหรืออะไรเนี่ยะ มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก”
“วันนี้ไม่ชอบแต่ไม่ได้หมายความว่าจะชอบไม่ได้หนิจริงไหม”
.....ก็จริง
“คุณคิดว่าจะทำให้ผมชอบคุณได้งั้นเหรอ”
“นั่นสินะ” ใบหน้าคมโน้มลงมาใกล้ “น้องหวานคิดว่าพี่จะทำได้ไหม”
“ใครจะรู้อนาคตล่ะคุณ” ผมหลบสายตาเขา การมองเมื่อกี๊เหมือนท้าทายและตอกย้ำเลยว่าจะชนะผมแน่ๆ
ร้ายกาจว่ะ
“งั้นพี่ก็ขอพูดเอาไว้เลยว่าสักวันนึงในอนาคต
น้องหวานจะต้องหลงรักพี่.....จนหัวปักหัวปรำ”“มั่นใจเกินไปแล้วนะ”
“เพราะมั่นใจถึงได้กล้าพูดไง” มือเรียวหยิบเข็มของโรงเรียนผมขึ้นมาก่อนจะติดมันไว้ที่เสื้อให้เหมือนเดิม “พี่คืนเข็มให้แล้วนะครับ ระวังอย่าให้ใครเอามันไปได้อีก อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่เข็มหรอก หัวใจของน้องหวานเองก็อย่าให้ใครเอามันไปได้”
“.....ทำไม”
“เพราะมันต้องเป็นของพี่แค่คนเดียว”ตึกตัก
พูดอะไรไม่อ่อนโยนกับใจหวานเลย
ผมมองรอยยิ้มบนหน้าเขาอยู่อย่างนั้น มือเลื่อนมาจับที่เข็มโรงเรียนตัวเอง ได้เข็มคืนมามันก็ดีแต่ชีวิตหลังจากนี้มันจะเปลี่ยนไปด้วยนี่สิ ผมรู้เลยว่าเขาพูดจริงทำจริงแน่ๆ เรื่องที่จะทำให้ผมหลงรักน่ะ พอๆ เลิกคิดทุกอย่างแล้วกลับบ้านดีกว่า พอคิดได้แบบนั้นผมก็หันหลังกลับเพื่อจะเดินออกมาจากตรงนั้นทันที เสียงของร่างสูงดังไล่หลังมา ประโยคที่ได้ยินนั่น ผมคงไม่มีวันลืมเลย
“พี่แสนชอบน้องหวานนะ”
“.....”
“อย่าลืมล่ะ”นอกจากจะได้เข็มคืนมาแล้ว....ผมยังได้หัวใจใครบางคนกลับมาด้วยสินะ
‘พี่แสนชอบน้องหวานนะ’“....พี่แสน”
เขามัน....บ้าจริงๆ
---------- END ----------
สวัสดีค่ะชาลมีเรื่องสั้นมาให้อ่านล่ะ แต่งไว้นานมากแล้วค่ะตั้งแต่ปีก่อน เพิ่งสานต่อจนเสร็จก็ปีนี้55555
มาตอนเดียวกรุบกริบนะคะ มีฟีลอยากเขียนแนวมัธยมฯ แต่ในโปรเจ็กต์ที่แต่งอยู่มีแต่มหา’ลัยก็ถือว่าเรื่องสั้นนี้สนองนี้ดตัวเองเลยนะคะ
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้กันได้น้า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ