StellarMarine #จักรวาลใต้สมุทร ✳ - 18.5.2019 [CH.15]-END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: StellarMarine #จักรวาลใต้สมุทร ✳ - 18.5.2019 [CH.15]-END  (อ่าน 22203 ครั้ง)

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐



M y N o v e l ::

▆ ▇ █ Maybe….I’ll try?-เล่นของสูง █ ▇ ▆    [F i n i s h e d ]
  ☀ ☼ Dear Sunshine : วาดตะวัน ☼ ☀    [ F i n i s h e d ]
  ※ MR.GREY ※     [ F i n i s h e d ]
  ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦     [ F i n i s h e d ]
❄ Once upon a lie #บันทึกเด็กเลี้ยงแกะ ❄      [ F i n i s h e d ]
❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์     [ F i n i s h e d ]
——Telephone #call123456——————      [ F i n i s h e d ]
☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น     [ F i n i s h e d ]



[เรื่องสั้น] ✡ ส ม ห ม า ย ✎    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] :: ◤| Summer Wine |⊿ ::     [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ♪ ♫ :: SENSORY SERIES :: HEAR ♪ ♫      [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น]░【 GROWTH 】#รีบโต      [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] 。• ✈ Page 49 ✈ •。    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น]♡ ☽ Lucky Cat ☾ ♡    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ✖ Soon We'll be found ✖    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] #อย่าปล่อยให้ความตายหลงรักคุณ    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ▣ Don't kick the chair ▣    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ■ Have a ghost day #ผีของผม ■    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น]┼ In another life ┼ #หากชาติหน้า    [ F i n i s h e d ]
[เรื่องสั้น] ◎ #มนุษย์โอ่ง ◎    [ F i n i s h e d ]






"อยู่กับคุณ...สนุกพอๆ กับศึกษาโลกใต้ทะเล"

"คุยกับคุณก็สนุกพอๆ กับหาวิธีสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว""






#จักรวาลใต้สมุทร
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-05-2019 20:32:58 โดย Raccool »

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
0: Sasin & Annop



ในห้วงอวกาศ เต็มไปด้วยหมู่ดาวน้อยใหญ่เรียงรายกระจัดกระจาย ดาวเคราะห์ทรงกลมลอยหมุนเคว้งกลางสุญญากาศสีดำ เศษฝุ่นจากดาวเคราะห์ลอยเป็นละอองดาว วงแหวนจากดาวเสาร์ กาแล็กซีสีสวยน่าพิศวง เอกภพที่ยิ่งใหญ่ ลึกลับสวยงาม ช่างน่าค้นหา ภาพทั้งหมดเป็นภาพกราฟิกที่ถูกสร้างขึ้นมา ฉายอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ที่มาจากโปรเจกเตอร์ในห้องเรียน



ห้องเรียนมืดสลัว มีเพียงแสงไฟจากโปรเจคเตอร์แสดงเนื้อหาวิชาความรู้ ศาสตร์ว่าด้วยเรื่องดวงดาวและการกำเนิดเอกภพ น้ำเสียงบรรยายของอาจารย์นุ่มทุ้ม แต่ละคำที่เอ่ยดูฉะฉานฟังชัดทุกถ้อยคำ เนื้อหาอาจดูไม่น่าสนใจ รูปภาพและคลิปประกอบการเรียนการสอนอาจชวนให้เคลิ้มง่วงชวนฝัน แต่การบรรยายไม่ได้เรียกว่าน่าเบื่อแต่อย่างใด



ถึงอย่างนั้นก็มีนักศึกษาหลายคนที่หลุดโฟกัส



บ้างนั่งขีดเขียนชีทเล่น บ้างนั่งกระซิบคุยกัน บ้างนั่งเหม่อมองอาจารย์ผู้สอนแทนสไลด์หน้าจอ



อาจารย์ศศินผู้มีใบหน้าราวรูปสลัก งดงามเกินชาย เส้นผมสีดำกรอบใบหน้าให้ดูโดดเด่น จมูกโด่งเชิด หางตาเฉียงขึ้นส่งให้ดูเป็นคนดุ แววตาที่ฉายออกมาไม่มีความรู้สึกอื่นใดนอกจากต้องทำตามหน้าที่ สอนตามเนื้อหาในสไลด์ แม้ห้องจะมืดสลัว แต่แสงไฟอันน้อยนิดที่ฉาบเคลือบใบหน้าสวยทำให้หลายคนตั้งใจมองผู้สอนมากกว่าสื่อการสอน



นิ้วเรียวของอาจารย์คนสวยขยับจับไมค์จ่อปาก  ริมฝีปากได้รูปเผยอออก



“มีใครสงสัยตรงไหนไหมครับ”



แน่นอนว่าทั้งห้องเงียบกริบ ไร้ซึ่งคำถาม ไร้ซึ่งความสงสัย แน่แท้ ไม่ใช่จากใจ ทุกคนทำตัวกลมกลืนไปกับผู้อื่น ไม่มีใครเอ่ยถามและจะไม่มีใครถามให้คาบเรียนยืดยาวออกไป



ศศินจึงเอ่ยปิดการสอนสำหรับวันนี้



ทุกคนไม่มีคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน แต่แสงสะท้อนวาววับที่นิ้วมือของอาจารย์ยามจับไมค์ทำให้นักศึกษาหลายคนสงสัยว่าอาจารย์เจ้าระเบียบและน่าเกรงขามคนนี้ เหตุใดจึงมีคนจับจองเป็นเจ้าของ



ในเทอมที่แล้ว นิ้วเรียวสวยของอาจารย์ยังว่างเปล่า แต่หากวันนี้กลับมีแหวนวงสวยครอบเป็นเจ้าของนิ้วนางข้างซ้าย เด่นชัดเจนและสวยงามไม่ต่างจากวงแหวนดาวเสาร์



อาจารย์แต่งงานแล้ว? อาจารย์แต่งงานกับใคร? แฟนอาจารย์ต้องเป็นคนแบบไหน? ไม่เห็นรู้เลยว่าอาจารย์เคยมีแฟนกับเขาด้วย? อาจารย์ดุขนาดนี้อยู่กับแฟนจะเป็นยังไง?



หลากหลายคำถามซุบซิบในวงนักศึกษา ศศินค่อนข้างโด่งดังในเรื่องของรูปร่างหน้าตา และถูกกล่าวขานให้เป็นตำนานในเรื่องความโหดหินในการให้คะแนน



ศศินไม่ได้ให้คะแนนยาก นักศึกษาต่างหากที่ทำงานออกมาไม่ได้ดั่งใจเขา



ถึงอย่างนั้นศศินก็มีหน้าตาร้ายกาจ มากเสน่ห์จนหลายคนยอมลงเรียนเพื่อนั่งมองอาจารย์ศศินร่ายเนื้อหาวิชาที่ยืดยาว และบางทีมันก็คุ้มค่าแม้ว่าจะต้องทำใจเรื่องเกรดที่ตามมาก็ตาม



ศศินโด่งดัง เป็นที่กล่าวขานมาหลายต่อหลายรุ่น ทุกคนจดจำลักษณะเด่นที่ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าเด็กกว่าวัยของเขา น้ำเสียงน่าฟังยามเอ่ยสอน ความโหดร้ายในการออกข้อสอบ และจดจำว่าศศินเป็นอาจารย์หนุ่มวัยเยาว์ที่โสดสนิท ภาพจำของศศินที่มีต่อนักศึกษาหลายๆ คนเป็นเช่นนี้ อยู่มาวันหนึ่งพวกเขากลับเห็นศศินสวมแหวนที่นิ้วนาง ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย



พวกนักศึกษาต่างแลกเปลี่ยนเรื่องเล่ากล่าวขาน มีทั้งจริงทั้งลวง ว่าด้วยเรื่องของอาจารย์คนสวยที่มีวีรกรรมอันเป็นตำนานหลายอย่าง ทั้งตรวจงานนักศึกษาแต่ละคนนานเป็นชั่วโมง ใช้เวลาเลิกเรียนถึงสามทุ่ม เป็นเวลาที่ศศินไม่ได้คิดว่าดึกมากและยังไม่พอใจกับเนื้องานตรงหน้า ถ้าไม่มีใครแย้งขึ้นมาเขาก็คงตรวจงานต่อไปอย่างนั้น



ศศินมักนั่งทานข้าวคนเดียวเสมอ นานๆ ทีพวกเขาจะเห็นอาจารย์คนนี้นั่งรวมกลุ่มกับอาจารย์ท่านอื่นบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก ทุกคนมักเห็นศศินอยู่คนเดียวไม่ว่าจะไปที่ไหน หรือทำอะไร



ศศินอ่านรายงานนักศึกษาทุกคนอย่างละเอียดและตั้งใจ อาจจะมากเกินไปจนนักศึกษาบางคนโอดครวญ ศศินตาดี จับจุดผิดเล็กๆ น้อยๆ ได้แทบทุกจุด วงแก้จุดผิดที่แม้แต่เจ้าของรายงานยังมองไม่เห็น อาทิการเว้นวรรคคำที่เผลอวรรคมากกว่าหนึ่งครั้ง การจัดบรรทัดไม่ตรงกันเพียงวรรคเดียว คำผิดต่างๆ ราวกับว่าเป็นหุ่นยนต์ตรวจรายงาน แน่นอนว่าถ้าหากเป็นรายงานที่คัดลอกมาจากอินเทอร์เน็ต ศศินจะรู้ได้ทันที และเขาจะไม่ตรวจรายงานเล่มนั้นจนกว่านักศึกษาจะไปแก้มาใหม่ให้เป็นการวิเคราะห์ของตัวเอง



แก้ใหม่เท่านั้น แก้วนไปจนกว่าอาจารย์คนสวยจะพอใจ



วิชาของศศินแม้เป็นวิชาพื้นฐานแต่เรียนยากโหดหิน จนรุ่นพี่ส่งข้อความเตือนกันรุ่นต่อรุ่นว่าอย่าหลงไปลงเรียนวิชานี้เพียงเพราะหลงรักใบหน้าของผู้สอน แต่คำเตือนไม่ได้ผลเสมอไป วิชาของเขายังคงมีคนมาลงเรียนกันอย่างเนืองแน่นคึกคัก ราวกับต้องเสน่ห์ของพ่อมดร้าย ไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายจนกระทั่งคะแนนกลางภาคออกมาให้เห็น



ถึงได้รู้ว่าพวกตนกำลังอยู่ในขุมนรก หาใช่สรวงสวรรค์



อีกหลายเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่มีต่อศศิน เรียกได้ว่าเขาคืออาจารย์ที่โด่งดังและเป็นที่สนใจที่สุดของคณะนี้เลยก็ว่าได้



เปิดเทอมมาเรื่อยๆ จนผ่านกลางเทอมไปยังปลายเทอม ศศินไม่ต่างจากเดิมนอกจากมีแหวนเงินที่จู่ๆ ก็โผล่มา การที่ศศินมีคู่ชีวิตอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก ศศินเป็นคนหน้าตาดีอย่างร้ายกาจ คงไม่ยากถ้าจะหาใครมาคู่เคียงกายสักคน เพียงแต่ครั้งหนึ่ง มีอาจารย์ร่วมคณะหลุดปากพูดออกมา



ว่าคนรักของศศินคืออาจารย์ในคณะ



พากันเป็นที่ฮือฮากันอย่างเงียบๆ เพราะไม่มีใครเคยเห็นศศินสนิทกับอาจารย์คนไหนจนเป็นที่ผิดสังเกตุ ทุกคนต่างส่งต่อความลับแบบปากต่อปาก ใส่สีตีไข่เรื่องราวทั้งว่าอาจารย์อาจจะคบกับอาจารย์ผู้ชาย หรือไม่ก็อาจารย์หญิงที่แก่กว่าสิบปี คณะนี้ใหญ่โตที่สุดในมหาลัย อาจารย์ทั่วทั้งภาควิชาไม่สามารถผ่านตานักศึกษาได้ทุกคน ถึงอย่างนั้นก็มีคนที่ตั้งหน้าตั้งตาหาเจ้าของแหวนอีกวง



แต่จนแล้วจนรอด ผ่านมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ ว่าเจ้าของแหวนที่ศศินสวมอยู่เป็นใคร



เรื่องแบบนี้ย่อมสนุกกว่าเนื้อหาแบบเรียน ทุกคนต่างพูดถึงมันอยู่บ่อยครั้ง แม้จะไม่ได้คำตอบ แต่หลายๆ คนก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนิ้วนางข้างซ้ายของศศิน แหวนเงินเกลี้ยงเกลาถูกสวมอวดตัว ส่องสะท้อนแสงระยิบระยับ
















“อ้าว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”



ศศินเลิกงานเวลาหกโมง ถือว่าช้ากว่าเวลาเลิกงานปกติเพราะเขามัวแต่อยู่จัดการกองงานบนโต๊ะเสียเพลิน เขาเช่าบ้านพักอาจารย์ในมหาลัยไว้ เพื่อที่จะได้สะดวกแก่การเดินทาง ไม่ต้องพบเจอรถติดให้หน่ายใจ อีกอย่างคือศศินไม่ชอบออกไปไหนบ่อย เขาชอบอยู่บ้านอ่านหนังสือ ไม่ก็ไปที่คณะค้นหาข้อมูลเพื่อเขียนหนังสือมากกว่า ชีวิตของเขาเรียกได้ว่าแทบจะไม่ออกไปนอกมหาลัยเลยด้วยซ้ำ



เหมือนกับใครอีกคนที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน



“ตั้งแต่บ่ายแล้ว”



“ออกไปฟิลด์ทริปสนุกไหม”



“สนุก แต่เพลียมาก กลับมาก็นอนอย่างเดียว เพิ่งตื่นตอนคุณมา”



“อืม คุณไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวทำข้าวให้กิน”



“ครับๆ”



อรรณพว่า บิดขี้เกียจก่อนลุกจากโซฟา เดินสวนกับศศินขึ้นไปยังห้องน้ำชั้นสองของบ้าน



คนหนึ่งเปิดเตาแก๊ส อีกคนเปิดฝักบัว ไร้เสียงตอบโต้กันอีก ต่างฝ่ายต่างจัดการธุระของตัวเอง



อย่างที่คิดไว้ อรรณพเป็นเจ้าของแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของศศิน... เพียงแต่ยังไม่มีนักศึกษาคนไหนค้นพบความจริงข้อนี้ สาเหตุไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรเลย อรรณพเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาปริญญาโท วันหนึ่งเข้าไปสอนนักศึกษาในคณะเพียงหนึ่งวันเพื่อตรวจวิทยานิพนธ์ วันอื่นๆ อรรณพจะใช้เวลาอยู่ในแล็ปทดลอง ทำวิจัย ขลุกอยู่ในนั้นทั้งวันไม่ต่างจากศศิน หรือไม่ก็ออกไปฟิลด์ทริปต่างจังหวัดกับนักศึกษาและอาจารย์คนอื่น



ไม่แปลกที่จะหาเขาไม่เจอ



เรื่องซุบซิบนินทาเหล่าอาจารย์ไม่เป็นที่สนใจของนักศึกษาป.โทเท่าไหร่ นักศึกษาป.โทก็ไม่ได้สนใจเรื่องแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของอรรณพเหมือนนักศึกษาป.ตรี พวกเขาใจจดใจจ่อแต่เพียงว่าวันนี้อรรณพจะให้วิทยานิพนธ์ของเขาผ่านและไปต่อในหัวข้อต่อไปหรือไม่ หรือต้องกลับไปแก้ไขเนื้อหาในหัวข้อเดิมวนไปวนมา



อรรณพออกมาจากห้องน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เกาะหมิ่นเหม่อยู่ที่ขอบเอว ร่างสูงใหญ่หยิบแว่นตาที่วางไว้หน้าห้องน้ำ เดินลงชั้นล่างไปหาพ่อครัวที่ตอนนี้กำลังตักข้าวใส่จาน



“ทำอะไรน่ะ”



“ต้มจืดกับไข่เจียว”



ไม่รอฟังศศินพูดเปล่า ชีเปลือยขยับใบหน้ามาวางที่ลาดไหล่ของอีกฝ่าย ศศินตัวเล็กกว่าพออรรณพเข้ามาแนบชิดเกาะแกะแบบนี้ทำให้บังตัวเขามิด และขยับตัวทำอะไรลำบาก



“หลีกหน่อยสิ จะตักซุป”



“หอม”



“ไปแต่งตัว”



“ครับๆ”



อรรณพเอ่ยรับคำ พร้อมกับใช้ปลายจมูกเขี่ยแก้มใสของศศินไปหนึ่งที คนโดนหอมแก้มกัดปากแน่น ขบเม้มริมฝีปาก กลั้นไม่ให้ตัวเองแสดงสีหน้าอะไรออกไป



ถ้าอรรณพรู้ว่าตนเขิน เดี๋ยวก็จะถูกแกล้งอีก



เสียแต่มีหรือที่อรรณพจะไม่รู้ พวกเขาอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย อรรณพรู้นิสัยของศศินดี พอๆ กับที่ศศินรู้จักตน แต่วันนี้อรรณพจะใจดี ปล่อยคนเขินไปก่อนก็แล้วกัน เขาไม่ได้เจอศศินมาตั้งอาทิตย์ ย่อมอยากฟัดคนรักให้ชื่นใจ



ชีเปลือยยอมไปแต่งตัวอย่างที่พ่อครัวว่า หากแต่อรรณพสวมเพียงกางเกงวอร์มตัวเดียว ก่อนเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารตรงข้ามกับศศิน



อาจารย์คนสวยถอนหายใจ ลอบกลอกตา ยังไงก็ดีกว่าให้มานั่งกินข้าวทั้งผ้าเช็ดตัว



พออรรณพจัดแจงท่านั่งได้แล้ว ทั้งคู่ก็เปิดการทานอาหารเย็นโดยที่ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดอะไร



ตักกับข้าวคำแรกเข้าปาก สลับกันตักไข่เจียวป้อนใส่จานให้อีกฝ่าย ไร้คำพูด การกระทำนิ่งเรียบไม่ได้ทำให้รู้สึกเก้อเขิน พวกเขาเพียงตักข้าวกินไปเรื่อยๆ



อรรณพเป็นฝ่ายกินข้าวหมดก่อน แต่ร่างสูงไม่ได้ลุกไปไหน จับจ้องคนตรงหน้าที่ค่อยๆ ใช้ส้อมเกลี่ยเม็ดข้าวที่พูนในช้อนให้ขนาดพอดี ก่อนป้อนมันเข้าปาก  สันกรามขยับขึ้นลง ใช้ฟันบดเคี้ยวอย่างเชื่องช้าและละเอียด ศศินนั่งตัวตรง ดวงตาคู่สวยไม่ได้จ้องมาที่อรรณพ เขามองกับข้าวพร้อมเทียบกับปริมาณข้าวในจาน คำนวณว่าต้องกินอีกกี่คำไข่เจียวถึงจะหมดพร้อมกับข้าวสวยพอดี



ท่าทางที่อรรณพเห็นมาหลายปีไม่ได้ทำให้เขาเบื่อลงเลยแม้แต่น้อย ศศินมีเสน่ห์ทุกการกระทำ ทุกท่วงท่า รูปร่างหน้าตาตั้งแต่เส้นผมจรดปลายนิ้วล้วนน่ามองไปหมดสำหรับเขา



จนเมื่อข้าวคำสุดท้ายของศศินถูกตักเข้าปาก อรรณพรอให้อีกฝ่ายเคี้ยวและกลืน ก่อนจะดื่มน้ำตาม ถึงเริ่มเอ่ยบทสนทนา



“เห็นข่าวเต่ามะเฟืองมั้ย”



“อืม เห็นในเน็ตฯ มันหมายถึงระบบนิเวศน์กำลังจะกลับมาดีใช่มั้ย”



“ใช่แล้ว ผมดูไลฟ์เต่ามะเฟืองวางไข่ด้วย เสียดายไม่ได้ไปเห็นกับตา อยู่ใกล้กันแท้ๆ”



“ตอนนั้นผมคงดูไลฟ์นาซ่าอยู่...ไม่สิ วันนั้นน่าจะเป็นข่าวเรื่องอุกกาบาตยักษ์ที่น่าจะเคยตกใกล้ทะเลเดดซีเมื่อหลายพันปีก่อน”



“โอเค ผมมีของฝากให้คุณ”



อรรณพรีบว่าตัดบท ก่อนที่ศศินจะร่ายยาวถึงที่มาของข่าวเกี่ยวกับดาราศาสตร์ ส่วนคนถูกตัดบททำเพียงลอบยิ้ม



“พวงกุญแจเต่ามะเฟืองหรือไง”



“เปล่า เป็นแม็กเน็ตเต่ามะเฟือง”



ศศินหัวเราะเบาๆ  แบมือรับของฝาก ลุกขึ้นนำมันไปติดกับตู้เย็น ท่ามกลางแม็กเน็ตมากมายที่อรรณพนำกลับมาฝาก พอหันกลับไป ศศินก็เห็นอีกฝ่ายกำลังนำจานลงอ่างล้างจาน



“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมล้างเอง คุณไปพักเถอะ”



“ไม่เป็นไร ผมช่วย”



เมื่อเห็นคนดื้อดึงดันจะล้างจาน ศศินก็ขัดไม่ได้ ตัดสินใจจะหยิบผ้าไปเช็ดโต๊ะทานข้าว เก็บต้มจืดใส่ทับเปอร์แวร์ จัดข้าวของให้เป็นระเบียบ



มีเพียงความเงียบดังก้องไปทั้งบ้าน พวกเขาไม่ได้เปิดโทรทัศน์หรือเล่นเพลงอะไร ถ้าหากไม่นับเสียงพูดของกันและกันแล้ว ทั้งสองชอบความเงียบมากกว่าเสียงอื่นใด



เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ ศศินก็อาบน้ำเตรียมเข้านอน แน่นอนว่าเขาไม่ได้เข้านอนทันทีหลังอาบน้ำ ศศินมีกองงานที่ต้องเคลียร์อยู่ ส่วนอรรณพก็ขังตัวในห้องทำงานของตัวเอง มุ่งมั่นเขียนรายงานที่ได้มาจากทริปออกทะเลครั้งนี้



เข็มนาฬิกาชี้เลขสิบเอ็ดตรง ทั้งคู่พลันละจากงานตรงหน้า ศศินที่ทำงานในห้องนอน บิดตัวคลายกล้ามเนื้อ ส่วนอรรณพก็กดชัตดาวน์แล็ปท็อป เดินเข้ามาในห้องนอนใหญ่ เป็นนิสัยประจำตัวของพวกเขาที่จะเข้านอนเร็ว และนอนให้ครบหกถึงแปดชั่วโมง ไม่ได้มีใครตั้งกฎว่าห้าทุ่มแล้วจะต้องเข้านอนด้วยกัน



แต่พวกเขาก็ทำเช่นนี้เรื่อยมาโดยที่ไม่ต้องมีใครบอก



อรรณพปิดไฟในห้องก่อนพุ่งเข้ามาใส่เตียงใหญ่ ในห้องเหลือเพียงแสงสว่างสีส้มจากโคมไฟดวงน้อย บ้านไม้ผสมปูนทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นเมื่อได้อยู่ร่วมกัน คนตัวโตนอนแผ่อยู่ข้างๆ ศศินที่กำลังจัดเอกสารบนหัวเตียงให้เป็นระเบียบ อรรณพยังคงใส่เพียงกางเกงวอร์มตัวเดียว และไม่รอดพ้นสายตาเรียวดุ ก่อนที่ศศินจะเปลี่ยนห้องให้เป็นความมืดเตรียมจะปิดไฟเข้านอน เขาเอ่ยบอกอีกฝ่าย



“ไปใส่เสื้อก่อน เดี๋ยวไม่สบาย”



อรรณพไม่ได้สนใจคำพูดนั้น ถอดแว่นสายตาวางไว้บนหัวเตียง หันมามองศศิน สบตาดึงดูดให้อีกฝ่ายจมไปในห้วงแห่งท้องทะเล เอ่ยเสียงแผ่วยั่วเย้า วาดรอยยิ้มที่มุมปาก



“ใส่ทำไม เดี๋ยวก็ต้องถอด”



จบคำพูดของอรรณพ ศศินหน้าแดง












มาเปิดเรื่องด้วยอะไรเบาๆ เรียบง่ายกันค่ะ 5555

คิดว่าคงเป็นเรื่องราวเรื่อยๆ เอื่อยๆ อย่างที่ถนัด มาดูกันว่าเนิร์ดสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วจะเป็นยังไง XD

ฝาก #จักรวาลใต้สมุทร ด้วยนะคะ <3


ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|1: Astronomer & Oceanographer|



ศศินหลงใหลในฟากฟ้าและหมู่ดาวตั้งแต่ยังเล็ก เขารักที่จะมองขึ้นไปเหนือหัวตัวเอง ยามค่ำคืนเห็นหมู่ดาวน้อยใหญ่ ยามกลางวันมองหมู่ก้อนเมฆและท้องฟ้ากว้างไกล หลังจากนั้นเขาก็รักที่จะศึกษาเรื่องที่อยู่เหนือหมู่เมฆขึ้นไปอีก ขึ้นไปอีกอย่างกว้างไกล ไปยังนอกโลกและจักรวาล และออกไปไกลโพ้นให้ได้มากที่สุด



เขาหลงใหลความลึกลับของกาแล็กซี วันๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับจักรวาล คล้ายกับว่าเขาได้ลอยไปในอวกาศ อยู่คนละโลกกับเพื่อนร่วมชั้น เพื่อนๆ ไม่ค่อยมีใครคุยกับศศินเท่าไหร่ เด็กหนุ่มสร้างดาวของตัวเองและปกคลุมด้วยชั้นบรรยากาศแน่นหนา ทำให้เพื่อนๆ รู้สึกว่าไม่สามารถเข้าหาได้



การที่ศศินทำตัวไม่เหมือนคนอื่นทำให้มีเพื่อนส่วนหนึ่งเริ่มกลั่นแกล้งรังแก แต่ศศินไม่สนใจ แกล้งก็แกล้งไป เขาก็แค่ตีตัวออกห่างมาให้มากที่สุด



จากเด็กหนุ่มสวมแว่นตาหนาเตอะ ที่วันๆ เอาแต่ขลุกตัวอยู่แต่กับเรื่องของอวกาศอย่างสันโดษ มาวันนี้เขาสามารถสอบติดคณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาฟิสิกส์ได้ดังใจต้องการ ศาสตร์วิชาที่เขาหลงใหล โดยที่เพื่อนวัยเรียนไม่เข้าใจ ศศินคิดว่าที่นี่คงมีเพื่อนที่ชอบเรื่องเดียวกับเขามากมาย



ทว่าความรักสันโดษของศศินทำให้เขาไม่ค่อยได้คุยกับใครเท่าไหร่นัก



คณะวิทยาศาสตร์มีคนมากที่สุดในมหาวิทยาลัย ปีหนึ่งยังไม่แยกสายสาขา นั่งเรียนรวมด้วยกัน แต่จำนวนคนที่เยอะมากไปทำให้ศศินเวียนหัว การพูดคุยของเพื่อนที่ไม่ได้ว่าด้วยศาสตร์วิชาไหนเลยทำให้เขาต่อบทสนทนาด้วยไม่ได้ พอเพื่อนๆ เห็นศศินเงียบจึงไม่กล้าชวนคุยให้รบกวนอะไรอีก



ศศินจึงกลับมาโดดเดี่ยว



แม้ไม่ถึงขนาดโดนรังแกเหมือนสมัยอยู่มัธยม แต่ก็เรียกได้ว่าเขาแทบไม่มีเพื่อนเลย มีเพียงเพื่อนร่วมเซคที่นานๆ ทีคุยกัน หรือไม่ก็เพื่อนร่วมงานกลุ่ม ที่เขาไม่นึกจะชวนทำกิจกรรมอย่างอื่นนอกจากงานกลุ่ม



ศศินจึงเป็นคนน่าเบื่อสำหรับเพื่อนๆ เฟรชชี่ที่กำลังตื่นเต้นกับโลกในมหาลัย



ดวงจันทร์ตัวน้อยล่องลอยอย่างโดดเดี่ยว แต่ความโดดเดี่ยวเป็นสิ่งที่ศศินเคยชินมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ยังเล็กเวลาอยู่บ้าน พ่อแม่เขาส่วนใหญ่จะเลิกงานดึก เขามักจะจมอยู่กับโลกของตัวหนังสือตามลำพัง พอเข้ามหาลัย เขาขอแม่ย้ายมาอยู่หอพักเพียงคนเดียว อันที่จริงความโดดเดี่ยวไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับเขา



ศศินรักความเงียบ



และเลือกพาตัวเองมาอยู่ในที่เงียบๆ อย่างเช่นห้องสมุด จมดิ่งอยู่ในตำราดาราศาสตร์ พาตัวเองไปท่องเที่ยวในจักรวาล ถ้าหากว่าศศินเลือกพาตัวเองออกไปนอกโลกได้เขาก็คงทำ ลอยเคว้งคว้างอยู่ในสุญญากาศที่ไม่มีใครรบกวนนอกจากหินอุกกาบาต เขาคงชอบใจที่ได้เจอหินยักษ์มากกว่าผู้คน



เปิดเทอมผ่านไปได้ครึ่งเทอม ศศินสอบกลางภาคแล้วเสร็จ เนื้อหาวิชาที่เรียนเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป เขามีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว ไม่ได้เจอเนื้อหาที่แปลกใหม่กว่าที่เคยศึกษา ศศินจึงผ่านกลางภาคมาได้ด้วยดี



เขาล้วนใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ห้องสมุดของคณะ ไม่ก็หอสมุดของมหาลัย ทั้งนี้เพราะกลับหอไปก็ไม่มีอะไรทำ การบ้าน งานกลุ่มที่เขารับผิดชอบก็ทำเสร็จตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว แทนที่จะไปนอนหมกตัวอยู่ในหอพักที่ได้ยินเสียงเพื่อนข้างห้องรบกวนเกือบตลอดเวลา เขายอมมาอยู่ในที่ที่ห้อมล้อมด้วยหนังสือดีกว่า



ห้องสมุดจำกัดจำนวนการยืมหนังสือได้แค่ห้าเล่มต่อครั้ง ศศินรู้สึกว่ามันไม่เพียงพอที่จะนำไปอ่านในหอพัก เขามาอยู่ที่นี่ มีหนังสือให้หยิบอ่านตลอดเวลา ดีกว่าอยู่ในหอพักตั้งเยอะ แถมยังเงียบสงบเหมาะกับการสวมชุดอวกาศแล้วลอยตัวอยู่เหนือดาวเทียม



อวกาศในจินตนาการของศศินยอดเยี่ยมไร้ที่ติ



เขาเป็นนักอวกาศอยู่ในห้วงความคิด สำรวจกาแล็กซีและดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ด้วยตัวคนเดียว ลอยจากดาวพุธไปยังยูเรนัส ผละจากวงแหวนดาวเสาร์สู่ละอองอุกกาบาต



ศศินกำลังลอยตัวสำรวจดวงจันทร์ไอโอซึ่งเป็นดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัสบดี ในขณะที่ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่แปลกหน้าที่กำลังเป็นไปได้ด้วยดีนั้น จู่ๆ อวกาศของเขาก็พลันหายไปด้วยห้วงเสียงของคนตรงหน้า



“นั่งตรงนี้ได้ไหม”



ศศินขมวดคิ้ว เงยหน้าออกจากหนังสือสำรวจดวงจันทร์ เขามองผู้มาเยือนพร้อมๆ กับมองไปรอบๆ ห้องสมุด...



ที่นั่งอื่นล้วนถูกจับจองไปหมดแล้ว และดูเหมือนจะมีแค่เขาที่นั่งกินที่สำหรับโต๊ะอ่านหนังสือสี่คน เก้าอี้ว่างเยอะเกินกว่าจะใช้งานคนเดียว ศศินแม้ไม่ใช่คนมนุษยสัมพันธ์ดี แต่ก็ไม่ใจร้าย เขาพยักหน้าให้อีกฝ่ายจับจองเก้าอี้สามตัวที่เหลือ ตัวไหนก็ได้แต่ขอให้เลือกตัวที่ห่างเขาที่สุดและนั่งเงียบๆ ด้วยก็ดี



คนตรงหน้าเอ่ยขอบคุณพอเป็นพิธี นั่งเยื้องจากศศิน พร้อมกับวางหนังสือกองโต



ศศินลอบเหลือบมองชื่อหนังสือที่อีกฝ่ายขนมาตั้งไว้ข้างตัว ทุกชื่อหนังสือล้วนเกี่ยวกับมหาสมุทร



ทะเลหรือ ศศินไม่สนใจ











อรรณพชอบเครื่องจักรยานยนต์ เขาชอบเรือดำน้ำมากที่สุดในบรรดาสิ่งเหล่านี้ เครื่องบินก็เท่ดี รถยนต์หลากหลายรูปแบบก็ดูดีไม่หยอก แต่เรือดำน้ำเป็นยานยนต์ที่เขาไม่ค่อยเจอในของเล่นสักเท่าไหร่ ทุกคนล้วนให้ความสนใจกับเครื่องบิน รถยนต์ และเรือรบมากกว่า



พอมันเป็นของเล่นหายาก อรรณพจึงรู้สึกดีใจเป็นพิเศษที่ได้เจอโมเดลเรือดำน้ำรุ่นต่างๆ เรือทรงประหลาดห่อหุ้มด้วยหนังเหล็กเป็นก้อนวงรีไม่ได้ดูเท่มากมาย แต่อรรณพหลงใหลเจ้าก้อนเหล็กที่ดำดิ่งไปยังทะเลลึกเสียเหลือเกิน



จากเรือดำน้ำ มาสู่มหาสมุทร อรรณพเริ่มเปลี่ยนความสนใจจากเครื่องจักรเป็นเรื่องราวในท้องทะเลแทน เขาชอบที่ได้เห็นฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายในห้วงน้ำ ปะการังหลากสีสัน เม็ดทรายขาว ผืนน้ำสีครามที่มีแสงอาทิตย์ลอดส่องลงมา กระทบกับเม็ดทรายใต้น้ำส่งเป็นแสงระยิบระยับ มองแล้วเพลินตา แพรวพราวมากด้วยเสน่ห์



อรรณพรักหนังและการ์ตูนทุกเรื่องที่ว่าด้วยทะเล ยิ่งเป็นหนังที่มีฉากใต้ท้องทะเลอรรณพจะยิ่งชอบมาก ทั้งสารคดีทั้งจินตนาการ เรื่องราวข้อมูลใต้ท้องทะเล เมืองแอตแลนติกที่หายสาบสูญ ทุกอย่างล้วนน่าสนใจไปหมดสำหรับเขา



เมื่อเติบโตขึ้น เพียงแค่ผิวทะเลไม่เพียงพอต่อความสนใจของอรรณพ จากเพียงผิวสมุทรเริ่มดำดิ่งลึกลงไปมากกว่านั้น อรรณพค้นพบโลกใต้ทะเลลึกที่ไม่มีแสงสว่างส่องถึง มันมืดมิด ดูน่ากลัว ราวกับจะจมหายไปอย่างโดดเดี่ยว มองไม่เห็น หายใจไม่ได้ แรงดันที่มากไปอาจจะทำให้ถูกบีบอัดจนแบนเละ และอาจจะมีปลาตัวใหญ่หรืออสุรกายยักษ์รอคอยที่จะเขมือบอยู่ที่ก้นบึ้งของทะเล



แต่นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้อรรณพตื่นเต้น หลงเสน่ห์ของมนต์แห่งทะเลลึกไปโดยปริยาย



ทะเลยิ่งลึกยิ่งมืดเหรอ เขาขอให้ลึกลงไปกว่านี้ มืดไปกว่านี้อีก ทะเลลึกมีแต่สิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ได้ค้นพบเหรอ เขาขอให้ได้เจอเจ้าพวกนั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก การได้ค้นพบโลกใต้ทะเลเป็นเรื่องที่ทำให้เขาสนุกและยิ่งอยากรู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ



อรรณพใช้เวลาปิดเทอมไปกับการลงเรียนดำน้ำ น่าเสียดายที่เขายังไม่สามารถดำน้ำลึกได้เพราะคุณแม่เป็นห่วง อรรณพเลยได้แต่ลงเรียนครอสดำน้ำพื้นฐาน สอดส่องปะการังและปลาน้อยใหญ่ในผิวทะเลเท่านั้น ยิ่งเขาได้เห็นภาพธรรมชาติจากท้องทะเลด้วยตัวเองแล้ว เขายิ่งอยากรู้จักมันมากขึ้นกว่าเดิม อรรณพไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้มองไปยังพื้นทะเลที่ลึกสุดหยั่งได้จริง



เขาบอกกับตัวเองว่าสักวันจะต้องได้ลงไปใต้ทะเลลึกกว่านี้



เปิดเรียนมหาลัย เขาได้เข้าคณะวิทยาศาสตร์ทางทะเลอย่างที่ตั้งใจ พบเจอเพื่อนฝูงมากมาย อรรณพยินดีที่จะได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ ร่วมทำกิจกรรมรับน้องใหม่ไปพร้อมกับเพื่อนๆ และพร้อมๆ กับการศึกษาเรื่องราวใต้ทะเล



อรรณพมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ แต่เขามักจะขอแยกตัวออกมาบ่อยครั้ง แม้จะโดนแซวหาว่าเป็นคนติดแฟน แต่อรรณพไม่ได้ไปหาแฟนสาวบ่อยนักหรอก เขาเลือกไปใช้ชีวิตใต้ทะเลอย่างเงียบสงบในจินตนาการของตนมากกว่า



อรรณพเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ เขาชอบว่ายน้ำ และนั่นยิ่งเสริมให้กระดูกไหล่ของเขากว้างและแข็งแรง แผ่นหลังแกร่งเป็นรูปสามเหลี่ยมคว่ำอย่างสมบูรณ์แบบ เขารูปร่างสมส่วนดูดีจนใครต่อใครพากันอิจฉา อรรณพเดิมเป็นคนผิวขาว แต่เพราะชอบไปว่ายน้ำดำน้ำจึงถูกแสงอาทิตย์แผดเผา จากผิวขาวกลายเป็นผิวแทนนิดๆ ส่งเสริมขับให้ใบหน้าคมดูดีกว่าเดิม



เขาเป็นที่รักของเพื่อนๆ และสาวๆ ตั้งแต่มัธยมแล้ว เด็กหนุ่มยิ่งโตยิ่งดูดีมากขึ้น จนกระทั่งเขาคบกับแฟนสาวในช่วงมัธยมศึกษาปีที่หก รักกันหวานชื่นจนเข้ามหาลัย เธอเป็นคนที่คอยรับฟังเวลาอรรณพพล่ามฝอยถึงเรื่องทะเล และเขาก็คิดว่าเธอช่างเป็นคนที่เหมาะสมกับเขา



น้อยหน่าหน้าตาน่ารักสะสวย เธอสอบเข้ามหาลัยเดียวกับอรรณพเพียงแต่อยู่คนละคณะ น้อยหน่าเรียนคณะอักษรศาสตร์ พอเข้ามหาลัย พวกเขาเริ่มห่างกันมากขึ้น ด้วยเพราะกิจกรรมและเวลาว่างไม่ตรงกัน



ทั้งนี้น้อยหน่ารู้เสมอว่าจะหาอรรณพได้จากไหน คนที่เหมือนจะเข้ากับทุกคนได้ดี เฮฮาไปกับแก๊งเพื่อนกลุ่มใหญ่ แต่มักหาทางมาอยู่คนเดียวท่ามกลางทะเลหนังสือ เธอมาหาอรรณพบ่อยครั้ง นั่งมองอรรณพอ่านตำราสมุทรศาสตร์ คอยรับฟังเรื่องเล่าที่อรรณพเพิ่งได้เรียนรู้อยู่เสมอ



แม้เธอจะไม่ได้ชอบว่ายน้ำหรือดำน้ำ แต่อรรณพคิดว่ามีเธอคอยฟังเรื่องเล่าของเขาแบบนี้ก็ดีมากแล้ว น้อยหน่าปล่อยให้เขาอยู่กับสิ่งที่เขารัก ไม่มากเรื่องวุ่นวาย อรรณพพอใจกับชีวิตตัวเองในตอนนี้มากถึงมากที่สุด



ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ มีทั้งเพื่อนเก่าที่ยังคบหากัน เพื่อนใหม่ที่เฮฮาอยู่เสมอ แฟนสาวที่สนับสนุนความชอบของเขา และการเรียนในคณะที่ตัวเองคาดหวังว่าจะได้รู้เพิ่มเกี่ยวกับโลกใต้ทะเล



อย่างที่บอกว่าอรรณพชอบแอบปลีกวิเวกมานั่งจมในห้องสมุด ใช้หนังสือความรู้เปิดจินตนาการให้ตัวเองดำดิ่งลงไปใต้ท้องทะเล โลกเบื้องล่างช่างสงบ ไม่มีเสียงรบกวน มีปะการังสีสดสวย ปลาน้อยใหญ่ว่ายผ่านไปมา เขาแหวกว่ายไปในฟองอากาศ ดำดิ่งสู่ท้องทะเลลึกขึ้นเรื่อยๆ



จนกระทั่งวันหนึ่ง ห้องแห่งสมุทรของเขาถูกจับจองไปด้วยผู้คนมากมาย อรรณพที่ตั้งใจจะพาตัวเองไปสู่ท้องทะเลเป็นต้องชะงัก เมื่อเขาหาหนังสือที่ต้องการได้มากมายหลายเล่ม แต่กลับไม่มีที่ให้เขานั่งอ่านมัน...



อรรณพเดินวนห้องสมุดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเขาก็เจอที่นั่งว่างอยู่ชั้นบนสุด ชั้นที่เงียบที่สุด แต่ก็ยังมีคนจับจองโต๊ะจนเต็ม ที่ว่างที่อรรณพเจอเองก็มีคนจับจองแล้วเช่นกัน



ร่างเล็กสวมแว่นตาหนาเตอะ เส้นผมสีดำปรกใบหน้า จดจ่อเรื่องราวในหนังสือตรงหน้าโดยที่คงไม่รู้ตัวว่ารอบตัวเขามีผู้คนรายล้อมจนที่นั่งเต็ม อรรณพมองคนตัวเล็กอยู่นานหลายนาที เจ้าหมอนั่นผมสีดำสนิท ตัวขาวซีด แว่นตากรอบใหญ่บดบังใบหน้าไปมากกว่าครึ่ง ข้อมือผอมที่โผล่ออกมาจากแขนเสื้อยาว เห็นเป็นข้อกระดูกปูดโปน



เขาใช้เวลาสำรวจคนตรงหน้าสักพักก่อนตัดสินใจไปขอนั่งร่วมโต๊ะ ที่ยังมีที่ว่างเหลืออีกสามที่



“นั่งตรงนี้ได้ไหม”



คนตัวเล็กกว่ามุ่นคิ้วไม่พอใจที่ถูกรบกวน อรรณพคิดในใจว่าถ้าที่นั่งไม่เต็มเขาก็ไม่อยากสุงสิงกับหมอนี่นักหรอก เจ้าของที่นั่งมองซ้ายทีขวาที สำรวจเห็นว่าโต๊ะตัวอื่นถูกจับจองไปหมดแล้ว ก่อนจะพยักหน้าให้เขา



อรรณพเลือกที่นั่งเยื้องไกลที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่รบกวนซึ่งกันและกันให้มากที่สุด เขาวางหนังสือเป็นตั้งลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะเริ่มดำดิ่งสู่ท้องทะเล เขาเหลือบเห็นกองหนังสือของอีกฝ่าย



ดาราศาสตร์งั้นหรือ อรรณพไม่ใคร่สนใจ










 “จะสายแล้วนะคุณ”



“รู้แล้วครับ ขออีกนิดนึง”



“คุณกอดผมเกินห้านาทีแล้วนะ”



“อีกนิดนึง นะครับนิ้ง...”



“...บอกว่าอย่าเรียกชื่อเล่นไง”



“ครับนิ้งครับ”



เสียงแหบพร่าของอรรณพดังอยู่ข้างหูศศิน คนตัวเล็กกว่าพยายามบิดตัวหนีมือปลาหมึก ที่ไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่ อรรณพยังคงกอดรัดเขาแน่น กล้ามแขนของคนออกกำลังกายหรือจะรู้สึกสะทกสะท้านกับแรงที่เขาพยายามตีใส่ ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้าใกล้เหยื่อในอ้อมกอดตัวน้อย



“ห้ามจูบ...ยังไม่ได้แปรงฟัน”



อรรณพหัวเราะรับ กดจูบลงที่แก้มนุ่มแทน ก่อนไล่ลงมาที่ลาดไหล่ พรมจูบที่หัวไหล่เนียนขาวซ้ำๆ การออกไปฟิลด์ทริปที่ผ่านมาทำให้เขามีความสุขก็จริง แต่การได้กอดกับศศินเช่นนี้ก็เป็นความสุขสำคัญไม่แพ้กัน



เมื่อคืนเจ้าสมุทรกอดก่ายดวงจันทร์ตัวน้อยจนหมดแรงสิ้น คนตัวโตโหมกระหน่ำความคิดถึงใส่ศศินไม่ยั้ง กระทั่งเขาสลบคาอกอีกฝ่ายอรรณพถึงได้พอใจ ทั้งๆ ที่อาจารย์รูปงามเอ่ยอ้อนวอนร้องขอหลายต่อหลายที เขามีสอนตอนเช้า ขอให้ระวังการกระทำไว้หน่อย กระนั้นอรรณพก็ไม่ปรานีเอาเสียเลย



ในตอนนี้เลยเวลาที่นาฬิกาปลุกไปได้เกือบสิบนาทีแล้ว อรรณพตื่นพร้อมศศินแต่ยังกอดเขาแน่นไม่ปล่อยให้ศศินลุกไปจัดการตัวเองเสียที เอาแต่เบียดเนื้อตัวเปลือยเปล่า ซบใบหน้าลงกับหัวไหล่มน จุมพิตอยู่ที่เดิมซ้ำๆ ใช้ปลายจมูกเขี่ยเนื้อขาวไปมาอยู่อย่างนั้น



อรรณพไม่ต้องรีบไปสอนเหมือนเขานี่ จะทำตัวโอ้เอ้แค่ไหนก็ได้ แต่ศศินไม่ใช่ ถ้าภายในสิบนาทีนี้ยังไม่สามารถลุกจากเตียงได้แล้วล่ะก็ เขาคงไปเข้าห้องเรียนสาย ศศินมักจะตรงต่อเวลาเสมอ และการไปสายเป็นสิ่งที่ศศินรับไม่ได้



“ปล่อยผมได้แล้วครับ...อันอัน”



อรรณพหัวเราะพรืด เขาทั้งขำชื่อเล่นที่ศศินตั้งให้และทั้งเอ็นดูใบหน้าสวยยามอ้อนวอนจนอยากขย้ำแฟนหนุ่มตัวเองอีกรอบ ถ้าเป็นเมื่อก่อนอรรณพคงไม่ชอบใจที่ศศินเรียกเขาด้วยชื่อนี้สักเท่าไหร่ แต่เพราะตอนนี้ศศินกำลังอ้อน ทำให้เขาชอบใจและขบขำ



สุดท้ายอ้อมกอดแกร่งก็ยอมคลายตัว หนวดหมึกยักษ์ยอมปล่อยให้เหยื่อปลาตัวน้อยของตัวเองหลุดรอดออกไปอย่างจงใจ ปลาน้อยรีบสะบัดครีบว่ายหนีขึ้นไปยังผิวทะเล



ศศินตัวเปลือยเปล่าเนื่องจากกิจกรรมที่กระทำร่วมกับอรรณพเมื่อคืน แต่เพราะทั้งคู่บดเบียดแลกไออุ่นให้กัน จึงตื่นมาด้วยความอิ่มเอมอบอุ่น ศศินเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัว คงเพราะอรรณพจัดการเช็ดตัวและทำให้เขาสบายตัวก่อนนอน



ร่างผอมโปร่งลุกขึ้นจากเตียง เผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียน สลับกับรอยกุหลาบสีจาง ศศินขาวเกินไป ขาวจนแทบเห็นเส้นเลือด จับนิดจับหน่อยก็เป็นรอยแดง ศศินเลยไม่ให้อรรณพทำรอยบนตัวเขาเกินความจำเป็น เขากลัวว่าหากนักศึกษาเห็นเข้าคงดูไม่ดี



ศศินมีความลับที่น่ารักตรงที่เวลาตื่นนอนใหม่ๆ เส้นผมสีดำของเขาจะชี้ไปชี้มา ยุ่งฟูไร้ระเบียบ หมดสภาพของอาจารย์มาดเนี้ยบ แน่นอนว่าคนที่เห็นศศินสภาพนี้มีเพียงอรรณพแค่คนเดียว และเขาภูมิใจที่เป็นคนเดียวที่ได้เห็นศศินในมุมนี้



อรรณพลอบยิ้มก่อนเอื้อมหยิบแว่นสายตาบนหัวเตียงมาสวม เมื่อหันกลับไปก็เห็นร่างเนื้อนวลเดินอาดๆ ไปยังห้องน้ำทั้งที่ยังล่อนจ้อน ศศินผอมจนเห็นกระดูกไขสันหลังปูดโปนเป็นข้อ ไล่ยาวลงไปจนกลางหลัง เอวคอดบางเล็กจนเห็นกระดูกสะโพกนูนออกมา ก้อนเนื้อสองก้อนสีขาวอมชมพูสั่นสะเทือนตามจังหวะที่ศศินเดิน ทั้งเนื้อต้นขาขนาดกำลังสมส่วนพอดีไปจนถึงข้อเท้าและปลายนิ้ว ทุกย่างก้าวและทุกตารางนิ้วบนร่างกายของศศินล้วนมีแต่คำว่าน่ามอง



 นิ้วเรียวคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนเข้าสู่ห้องน้ำ ปิดประตูบดบังร่างกายตัวเอง ป้องกันคนแอบมอง เปิดฝักบัวชำระร่างกาย



“นิ้งเอากาแฟมั้ยครับ”



“เอาครับ”



“เดี๋ยวผมทอดไข่ให้นะ”



“ได้ครับ”



ในขณะที่สายน้ำชโลมกายร่างผอมซีด คนอยู่นอกห้องน้ำก็ตะโกนถามศศิน เขามุ่นคิ้วหน่อยๆ ที่อรรณพเรียกชื่อเล่นเขาอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปหงุดหงิดอะไรใส่อีก



ศศินไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกชื่อเล่นเขาเท่าไหร่ คะนิ้งดูเป็นชื่อของหญิงสาวมากกว่า และนั่นทำให้เขามักโดนเหยียดหยามรังแกอยู่บ่อยครั้ง แต่พออรรณพเรียกชื่อนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนรังแก กลับกัน เขาเขินเกินกว่าจะให้อีกฝ่ายเรียกด้วยชื่อที่ไม่คุ้นชิน



คะนิ้งคนสวยเลยเอาคืนด้วยการเรียกอีกฝ่ายว่าอันอัน ตั้งชื่อให้น่ารักไม่เข้ากับหน้าตาอรรณพเอาเสียเลย แต่กระนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไรที่โดนเรียกเช่นนี้ แน่แท้ เฉพาะในเวลานี้ เมื่อก่อนหากศศินเรียกเขาแบบนี้แปลว่ากำลังหาเรื่องกันชัดๆ ในเมื่อเขาชอบเรียกชื่อเล่นอีกฝ่ายที่ไม่ชอบเสียขนาดนี้ เขาจะยอมให้ศศินเรียกคืนด้วยชื่อสาวน้อยนั่นก็ได้



“ของสดในตู้เย็นใกล้จะหมดแล้ว” อรรณพเอ่ยบอกศศินที่แต่งตัวเรียบร้อยเสร็จสรรพ ลงมาจากชั้นบนของบ้าน



“งั้นเสาร์อาทิตย์นี้ค่อยไปซื้อของเข้าบ้าน”



“ได้ครับ”



อรรณพว่า ยื่นกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จให้อีกฝ่าย ศศินรับมาพร้อมกับเดินไปนั่งที่โต๊ะทานข้าว มีไข่ดาวและขนมปังปิ้งสองแผ่นวางอยู่บนจานสองชุด เป็นอาหารเช้าที่ช่างเรียบง่ายธรรมดา อรรณพนั่งลงอีกฝั่ง เริ่มทานอาหารเช้าพร้อมกัน



วันนี้แม้อรรณพจะไม่เข้าคณะ แต่เขามีงานต้องสะสางอีกมากมายทำให้ไม่สามารถนอนกลิ้งเกลือกได้อย่างสบายอารมณ์ อันที่จริงเขาเคยชินกับการตื่นเช้ามากกว่า และการตื่นมาพร้อมกับศศิน ได้ทานข้าวเช้าด้วยกันทุกวันเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นความสุขไม่แพ้กับการได้ศึกษาหมึกกล้วยยักษ์ใต้ทะเล



ศศินทานเสร็จ รวบช้อนส้อม อรรณพรีบเอ่ยว่าตนจะจัดการล้างให้ อีกฝ่ายพยักหน้า มือซ้ายยกแก้วซดกาแฟอึกใหญ่



ลูกกระเดือกนูนชัดที่ลำคอขาว ขยับขึ้นลงตามจังหวะการกลืนน้ำกาแฟ จนหมดสิ้นทุกหยด ศศินวางแก้วกาแฟ ลุกขึ้นสำรวจตัวเองอีกครั้ง หยิบลูกอมดับกลิ่นปากมาอม ก่อนจะเปิดประตูบ้านออกไปทำงาน อรรณพจุมพิตอีกฝ่ายที่ปลายจมูกเบาๆ



“รีบกลับมานะครับ”



ศศินนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง “คุณอย่าลืมโทรมาเตือนผมด้วยล่ะงั้น”



เขามีกองงานที่โต๊ะอาจารย์อยู่กองหนึ่งที่ยังคั่งค้าง และคิดว่าจะใช้เวลาช่วงเย็นไปกับกองงานพวกนี้ ศศินรู้ตัวว่าตนจะต้องทำงานจนลืมเวลาเหมือนเคย จึงบอกให้อีกฝ่ายโทรมาเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เขาจะได้กลับบ้านตรงเวลา



อรรณพวาดรอยยิ้มบนหน้า เข้าใจอีกฝ่ายอย่างถ่องแท้



“ถ้างั้นผมต้องตั้งนาฬิกาปลุกไว้ด้วย”



เพราะตนเองก็มีกองงานที่ต้องสะสางเช่นกัน



ทั้งคู่ยกยิ้มให้กัน ไม่คิดว่าการที่อีกฝ่ายบ้างานจนลืมเวลาเป็นเรื่องเลวร้าย ในเมื่อต่างคนต่างบ้างานเหมือนกัน



เช้าวันนี้ ศศินออกไปทำหน้าที่อาจารย์ด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มบางดูสดใส ที่ใครเห็นเป็นต้องมองตาไม่กะพริบ อาจารย์ศศินคนสวยที่มักจะหน้าดุตลอดเวลาบัดนี้เปื้อนรอยยิ้มน้อยๆ ทำให้น่ามองเป็นบ้า



อาจารย์ยกไมค์จ่อปาก มือซ้ายมีวงแหวนที่นิ้วนางสะท้อนแสงแดดแพรวพราว



เหล่านักศึกษายังคงตามหาเจ้าของหัวใจของอาจารย์คนสวยต่อไป








คิดว่าการดำเนินเรื่องจะเป็นเรื่องราวก่อนหน้าที่ศศินกับอรรณพจะมาอยู่ด้วยกัน

กับเรื่องราวของทั้งสองคนเมื่ออยู่ด้วยกันนะคะ

หวังว่าจะไม่งงน้าา



#จักรวาลใต้สมุทร


ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|2: In the space & Under the sea|



ศศินไม่ชอบคุยกับใครฉันใด อรรณพก็ไม่ชอบคนที่ไร้อัธยาศัยฉันนั้น พวกเขาต่างคิดว่าอีกฝ่ายอยู่คนละโลกและไม่น่าจะได้ยุ่งเกี่ยวกันอีก หากแต่โชคชะตานึกเล่นตลก เหวี่ยงบันดาลให้ทั้งสองคนกลับมารู้จักกันอีกครั้ง ในฐานะเพื่อนร่วมงานกลุ่ม



กลุ่มเพื่อนร่วมงานเก่าของศศินแตกกระจายไปแล้ว และเขาไม่มีกลุ่มอยู่ ทำให้ต้องระเห็จมาขอเพื่อนร่วมเซ็คคนหนึ่งอยู่ร่วมกลุ่มด้วย เพื่อนคนนั้นตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรมาก ใส่ชื่อศศินลงไปเป็นคนสุดท้ายในรายชื่อกลุ่ม



กลุ่มรายงานใหม่ที่ว่าเป็นกลุ่มของเพื่อนๆ อรรณพ



แน่นอนว่าอรรณพย่อมอยู่ในกลุ่มด้วย เสียแต่พวกเขาไม่คิดว่าจะกลับมาเจอกันในรูปแบบนี้ ความสัมพันธ์คนไม่รู้จักควรจะจบลงตั้งแต่เป็นแค่เพื่อนร่วมโต๊ะอ่านหนังสือเมื่อครานั้น เซ็คที่พวกเขาลงเรียนนี้ ผ่านมาครึ่งเทอมก็เพิ่งรู้ว่ามีอีกฝ่ายอยู่ด้วย



อรรณพจำศศินได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เพราะตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาเล่นสำรวจอีกฝ่ายตั้งนานหลายนาทีกว่าจะไปขอร่วมแชร์โต๊ะ ส่วนศศินคงจำอรรณพไม่ได้ ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ได้พกหนังสือสมุทรศาสตร์มาด้วย



“ทะเลหรือ...”



“ทำไม ไม่ชอบรึไง”



ศศินเอ่ยพึมพำขึ้นมาเบาๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน แต่พอเริ่มบทสนทนาแล้วศศินก็ได้แต่ยักไหล่ เอ่ยตอบกลับไป



“ผมว่าทะเลน่ากลัว”



“น่ากลัวน้อยกว่าในอวกาศนั่นแหละ”



คราวนี้ดวงตากลมใต้แว่นสายตาตวัดฉับมองอีกฝ่าย



“ในอวกาศไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน”



“ต่างกันยังไง หายใจไม่ได้ ต้องสู้กับแรงดัน มืดมิดไร้แสงเหมือนกัน”



“แต่ทะเลอาจจะมีปลาอะไรมากินเราก็ได้ ฉลามอย่างงี้”



“ฟังนะ ฉลามไม่กินคน แต่ถ้านายเหมือนแมวน้ำมันอาจจะกินก็ได้”



“ถ้างั้นทะเลก็อันตรายอย่างที่ผมคิดนั่นแหละ”



“อันตรายแต่สวยงาม ถ้าเราได้เรียนรู้มัน เราจะรู้สึกว่าไม่ได้น่ากลัวหรอก”



“ผมยืนมองดาวแบบนี้แหละดีแล้ว สวยงามและไม่ยุ่งยาก”



“อยู่ใต้ทะเลก็เห็นดาวได้เหมือนกัน”



“ดาวอะไร แพลงก์ตอนน่ะสิ”



“รู้จักด้วยหรือ”



“เรื่องพื้นฐานทั่วไป ผมก็พอมีความรู้”



อรรณพคิ้วกระตุกใหญ่ ท่าทางอวดดีของศศินทำให้เขาไม่พอใจ ส่วนศศินก็คิดว่าอีกฝ่ายพยายามพูดข่มตน ทั้งสองตั้งท่าจะเถียงกลับอีกฝ่าย



“เฮ้ๆ ทำงาน”



ถ้าไม่ได้เสียงของคนกลางอย่างกล้าหยุดไว้ พวกเขาคงเถียงกันไม่จบ



พวกเขาได้เจอกันอีกบ่อยครั้งเนื่องจากงานกลุ่มเป็นงานใหญ่ ต้องทำรายงานส่งความคืบหน้าทุกสัปดาห์ และทุกครั้งที่เจอกันทั้งคู่ก็มักเถียงกันเรื่องที่ตัวเองคลั่งไคล้ หลายต่อหลายครั้งจนกล้าและเพื่อนๆ เริ่มระอา



“ก็น่าจะรู้ว่าทะเลเป็นจุดเริ่มต้นให้กำเนิดสิ่งมีชีวิต และก็กำหนดชะตาของชีวิตเราเหมือนกัน”



“แต่ก่อนจะเกิดทะเลต้องเกิดโลกก่อน บิ๊กแบงต่างหากเป็นจุดเริ่มต้น”



“มันคนละอย่าง กำเนิดบิ๊กแบงก็กำเนิดโลก เกิดดาวไป แต่สิ่งมีชีวิตจากโลกมันเริ่มต้นจากท้องทะเล”



“คุณบอกว่าทะเลให้กำเนิดสิ่งมีชีวิต แต่ถ้าไม่มีการเกิดเอกภพก็ไม่มีสิ่งมีชีวิต”



“ก็ไม่ผิด แต่สิ่งมีชีวิตบนโลกนี้มาจากท้องทะเลไง”



“มาจากการระเบิดของ...”



“เลิกเถียงกันได้แล้วโว้ย”



สองเนิร์ดหยุดฟาดฟันความรู้ หันไปสนใจรายงานตรงหน้าแทนตามคำบัญชาของเพื่อนๆ ที่ส่ายหัวเหนื่อยหน่ายแทน

 

เถียงกันทั้งวันไม่เบื่อรึไงนะ



พวกเพื่อนๆ ร่วมกลุ่มต่างคิดเหมือนกัน พวกเขานั่งทำรายงานไปฟังเสียงสองคนนี้ตีกันจนปวดหัว หัวข้อรายงานที่ทำอยู่ก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับสมุทรศาสตร์หรือดาราศาสตร์เลยสักนิด ยังจะหาเรื่องมาตีกันได้ทุกวัน



แต่หารู้ไม่ว่าหลังจากที่ทั้งศศินและอรรณพฟาดฟันกันเรื่องที่ตนสนใจ ทั้งคู่ต่างพยายามกลับไปหาข้อมูลมากกว่าเดิม เพื่อไปเกทับอีกฝ่ายให้หงายเงิบ แต่เพราะต่างคนต่างก็ทำเหมือนกัน ก็เลยไม่สามารถเถียงกันจนรู้ผลแพ้ชนะได้



รู้ตัวอีกทีศศินก็มีเพื่อนคนแรกเป็นอรรณพแล้ว...



รู้ตัวอีกที ทั้งคู่ก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน นั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดร่วมโต๊ะเดียวกัน ถกเถียงประเด็นของตัวเองข่มอีกฝ่าย ศศินเพิ่งรู้ตัวว่าโลกในอวกาศแห่งความเงียบของเขาถูกทำลายลง พร้อมๆ กับอรรณพที่เพิ่งรู้ตัวว่าใต้ทะเลลึกของเขามีเสียง



ศศินถูกชวนให้มานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับอรรณพและเพื่อนๆ เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มมีคนคบหาแบบจริงจัง แม้เขาจะชอบความเงียบมากกว่า แต่กล้าที่เป็นเพื่อนของอรรณพปฏิบัติตัวดีต่อศศิน กล้าไม่เคยว่าที่เขาเงียบจนเกินไป ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้อยู่ร่วมกับมนุษย์คนอื่นก็ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย



ส่วนการคุยกับอรรณพไม่ได้ทำให้ศศินรู้สึกตามไม่ทัน เขาพร้อมที่จะโต้ตอบอรรณพอยู่เสมอ เรื่องแบบนี้เขาสามารถพูดได้ทั้งวันไม่หยุด ถึงแม้ว่าจะเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ห่วยก็ตาม



อรรณพเองก็ไม่มีเพื่อนที่โต้ตอบกับเขาเช่นนี้ น้อยหน่ามีหน้าที่เพียงรับฟังและสิ่งยิ้มมาให้ ลึกๆ แล้วอรรณพชอบการที่อีกฝ่ายเถียงกลับ มันทำให้เขาได้เรียนรู้ศาสตร์อื่นๆ เพิ่มเติมไปด้วย แน่แท้ว่าศศินไม่รู้ตัวหรอกว่าบางครั้งอรรณพก็พยายามพูดให้อีกฝ่ายงัดข้อมูลดาราศาสตร์มาสู้กับตน



อีกอย่างใบหน้าของศศินใต้กรอบแว่นหนาเตอะยามทำหน้ามุ่ยคิ้วขมวด ทำให้อรรณพคิดว่ามันน่ารักดี...



ในที่สุดรายงานก็ถูกส่งไปแล้ว การสอบปลายภาคเทอมแรกใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกเขานัดติวกัน แต่ศศินขอตัวแยกออกมา เขาไม่มีสมาธิเวลามีคนอ่านหนังสือด้วย ทำให้พอจบรายงาน ศศินก็ไม่ค่อยได้เจอแก๊งกล้าและเพื่อนๆ อีก



ยกเว้นแต่อรรณพที่ศศินมักจะเจอบ่อยๆ ที่ห้องสมุด



อรรณพนั้นแปลกคน พอเห็นศศินเข้ามาที่ห้องสมุดทีไรก็มักจะชวนให้มานั่งด้วยกัน หรือไม่ก็ขอมานั่งด้วยแม้ว่าจะมีที่นั่งว่างมากมาย และทั้งๆ ที่รู้ว่าพวกเขาจะต้องเถียงกันด้วยเรื่องที่หาทางจบไม่ได้



ศศินไม่ชอบให้มีคนร่วมอ่านหนังสือด้วย มันทำให้เขาไม่มีสมาธิ แต่ศศินกลับอยากให้อรรณพนั่งกับเขา และไม่ปฏิเสธหากอรรณพจะขอร่วมโต๊ะด้วย ช่วงแรกของการอ่านหนังสือเป็นไปด้วยความสงบ แต่พอมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มบทสนทนาขึ้นมา เนื้อหาที่มีในบทเรียนกลับแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องที่ต่างคนต่างสนใจแทน



 “...อันที่จริงศาสตร์ทุกศาสตร์ล้วนเกี่ยวเนื่องกันทั้งนั้น”



“ที่นายว่ามาก็ใช่ ไม่มีประโยชน์ที่จะเถียงกันเรื่องนี้”



“อืม...แต่ถ้าเราไม่มีการเริ่มต้นของอันตรกิริยาระหว่างสสาร...”



“ดื้อจัง จำนวนคนที่ไปนอกอวกาศมีเยอะกว่าคนที่สำรวจใต้ทะเลลึกผมยังไม่พูดถึงเลย”



“คุณก็พูดแล้วไง...”



“งั้นจะบอกให้อีกอย่างว่ามนุษย์รู้จักพื้นผิวดวงจันทร์มากกว่าพื้นที่ราบก้นสมุทรเสียอีก”



“แล้วยังไง”



“แปลว่าเรายังไม่รู้จักโลกเราดีพอเลย ยังจะไปสรรหาอะไรนอกโลกอีก”



“เราออกไปค้นหาก็เพื่อให้เรารู้จักโลกของเราต่างหาก”



ในขณะที่พวกเขาถกเถียงกัน ในรอบที่หลายร้อย อรรณพคิดว่าศศินเป็นคนแปลกในเรื่องการใช้คำพูด ปกติแล้วเขาไม่แทนตัวเองด้วยคำสุภาพขนาดนี้กับเพื่อน แต่ต่อให้อรรณพหยาบคายแค่ไหน หรือเพื่อนๆ เขาใช้สรรพนามกูมึงกันทุกคน ศศินก็ยังคงแทนตัวเองว่าผม และเรียกคนอื่นว่าคุณอยู่ดี



อรรณพเคยบอกศศินเรื่องนี้แล้ว อาจจะเพราะแบบนี้ทำให้ศศินไม่มีเพื่อน ศศินเรียกทุกคนห่างเหินเกินไป



เสียแต่ศศินปฏิเสธที่จะเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง เขาเคยชินกับการใช้คำพูดแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร หากเพื่อนรับไม่ได้หรือไม่ชอบใจก็ไม่เป็นไร ถ้ามันยุ่งยากที่จะฟังเขาพูดมากนัก เขาแค่ถอยออกมาก็พอ



พูดดังนั้นอรรณพจึงได้แต่ถอนหายใจใส่คนหัวแข็ง เขาไม่ได้อยากเลิกคบศศินเพียงเพราะเรื่องนี้ และหลังๆ มานี้เขาก็เริ่มติดการพูดสุภาพมากขึ้น อรรณพคิดว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร



บทสนทนาไม่จบแค่นั้น อรรณพยังคงเอ่ยข่ม



 “นายรู้ไหมว่าโลกของเราสำรวจใต้ทะเลลึกได้น้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด”



“งั้นหรือ...แต่อวกาศคงไม่สามารถตีเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ เพราะจนตอนนี้ก็ยังหาจุดสิ้นสุดไม่เจอ”



อรรณพยอมใจคนขี้เถียงนี้จริงๆ










“น้อยหน่ามาหาหรือ”



“อืม เอาขนมมาฝาก เห็นว่าเป็นตัวใหม่ของร้านเลยเอามาให้ชิม”



ศศินกลับจากคณะมายังบ้านพักของตัวเอง เห็นรถหน้าตาคุ้นๆ แล่นผ่านหน้าบ้านไป จึงตั้งข้อสงสัยก่อนมาถามกับคนเฝ้าบ้าน



“แล้วเด็กๆ เป็นไงบ้าง”



“แข็งแรงดี เมื่อกี้ก็ลงมาวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้านสักพัก”



“ดีแล้วล่ะ เย็นนี้จะกินอะไร”



“อะไรก็ได้ ต้มจืดเมื่อวานผมกินหมดแล้วนะ ของสดก็เหลืออีกนิดๆ หน่อยๆ เอามาโยนๆ ทำอะไรสักอย่างดีไหม เดี๋ยวผมช่วย”



ศศินพยักหน้า “ถ้างั้นก็เตรียมของเลยนะ ผมเอาเอกสารไปเก็บก่อน”



“ครับ” ไม่ว่าเปล่า ปลาหมึกยักษ์คว้าเอวบางมารวบกอดอย่างรวดเร็ว กดจูบที่แก้มใสหนึ่งที แทนการเอ่ยต้อนรับการกลับบ้านของอีกฝ่าย ศศินทำหน้าบึ้ง ยกมือเช็ดแก้มตัวเองบริเวณจุดที่โดยอีกฝ่ายสัมผัส ถ้าเขาไม่ทำหน้าบึ้งเข้าไว้ เดี๋ยวอรรณพได้ล้อเขาตายพอดี



จะกี่ปี หรือกี่ทีศศินก็เขินและไม่ชินทุกครั้ง



ศศินปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงมาถึงเม็ดที่สอง พับแขนเสื้อที่ยาวคลุมข้อมือขึ้น ก่อนลงไปหาอรรณพที่กำลังปอกเปลือกกระเทียม ศศินแอบย่องเข้าไปข้างหลังด้วยฝีเท้าที่เงียบเชียบที่สุด อรรณพที่กำลังใช้สมาธิคงไม่สังเกตเห็นเขา



คนสวยไม่ได้อยากแกล้งอีกฝ่ายให้ตกใจ จึงทำเพียงซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง เขย่งปลายเท้า ยืดยกตัวเองให้สูงขึ้น เอาคางวางพาดบ่าอีกฝ่ายเท่านั้น



“อันอันจะทำอะไรครับ”



“กวนนะคุณ...” อรรณพหันมาหัวเราะใส่สรรพนามที่ศศินเรียกตน “ว่าจะทำหมูทอดกระเทียม”



“แล้วเมนูน้ำล่ะ”



“ให้นิ้งคิดแล้วกัน”



อรรณพเอาคืนด้วยชื่อเล่นที่อีกฝ่ายไม่ค่อยชอบใจ ศศินอ้าปากขบงับหัวไหล่ของอรรณพแทนการโต้กลับ ก่อนจะผละตัวออกมา เปิดตู้เย็นดูของสดที่เหลือ



“ซุปมันฝรั่งมั้ย ใส่เนื้อหมูแทนเนื้อไก่ มีมะเขือเทศเหลืออยู่ด้วย”



“ได้หมดเลยครับ”



ศศินถือว่าอีกฝ่ายอนุมัติแล้ว เขาหยิบเครื่องมือเตรียมทำซุป ต่างคนต่างยุ่งอยู่กับเมนูของตัวเอง อรรณพหุงข้าวสวยรอไว้แล้ว ตอนนี้เหลือแค่ทำกับข้าวให้เสร็จทั้งคู่ก็จะได้กินข้าวเย็นร่วมกัน



หมูทอดกระเทียมกับซุปมันฝรั่งผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งยังเหลือเพียงพอสำหรับอีกมื้อ หลังจากที่ทานอาหารเย็นกันอย่างเรียบง่ายแล้วเสร็จ พวกเขาก็ต่างพากันเก็บโต๊ะ ปิดไฟชั้นล่าง ขึ้นไปชั้นสองของบ้าน แยกห้องทำงานใครห้องทำงานมัน



ชั้นสองของบ้านมีสามห้อง ศศินทำงานที่ห้องนอนใหญ่ อรรณพมีห้องทำงานส่วนตัวอยู่ใกล้ๆ ห้องนอน ส่วนอีกห้องพวกเขาเอาไว้ใช้เก็บเอกสารและหนังสือต่างๆ



ศศินกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอนในวันพรุ่งนี้ ความรู้เรื่องอวกาศมีเรื่องราวใหม่ๆ ให้อัปเดตเสมอ ศศินเป็นอาจารย์ที่สอนเรื่องพวกนี้ เขาต้องตามให้ทันข่าวสาร ระหว่างที่กำลังอ่านข่าวใหม่อยู่นั้น อรรณพก็เดินเข้ามาพร้อมกับคุกกี้และชาหอมๆ



“ของน้อยหน่าน่ะ เอามาให้ชิม”



“ขอบคุณครับ”



“วางไว้ตรงนี้นะ”



“อืม”



“ขอรางวัลด้วยนะ”



“อืม-” ยังไม่ทันที่ศศินจะได้ถามว่ารางวัลอะไร อีกฝ่ายก็ค่อยๆ โน้มตัวลงมา นำริมฝีปากตัวเองมาแนบแตะริมฝีปากเขา จุมพิตแสนหวาน อ้อยอิ่งเนิบช้า เนิ่นนาน ไม่มีการล่วงล้ำ เป็นการจูบไม่ต่างจากเด็กน้อยทว่าตราตรึงไม่แพ้รสจูบไหนๆ



เมื่ออวกาศและมหาสมุทรบรรจบ ราวกับมีมิติห้วงเวลาหยุดเหตุการณ์ตรงหน้าไว้



ศศินเหมือนตกลงสู่ก้นสมุทรลึก ส่วนอรรณพเหมือนลอยคว้างอยู่ในอวกาศ ริมฝีปากหยักกดแนบหนักๆ สลับกับสัมผัสแผ่วเบา ผิวปากนุ่มหยุ่นของศศินทำให้เขาไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ อรรณพได้แต่ค่อยๆ กดริมฝีปากตัวเองหนักย้ำใส่อีกฝ่าย ขบกัดริมฝีปากล่าง ละเลียดชิมหยาดน้ำหวานที่เล็ดไหล สุดท้ายเขากดมันลงอีกครั้งก่อนผละออก



อรรณพยังไม่พอใจ กดจูบที่หน้าผากมนของศศินอีกครั้ง



“ผมกลับไปทำงานก่อนนะ รีบดื่มชาด้วย เดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”



“อืม”



ศศินรับคำ คิดว่าชาจะเย็นชืดก็เพราะอีกฝ่ายมัวแต่จูบกันเนิ่นนานเนี่ยแหละ



อรรณพไม่อยากทำอะไรไปมากกว่านี้ ถ้าหากเขาล่วงล้ำเขตแดนของจักรวาล ศศินคงได้ระบมพอดี พรุ่งนี้ศศินยังมีสอนอยู่ เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเหนื่อยล้าหมดแรงเอา ถึงอย่างนั้น...วันมะรืนที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ทำให้เขาตั้งหน้าตั้งตารอให้มันมาถึงไวๆ



มหาสมุทรเฝ้ารอที่จะได้เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลอีกครั้ง









#จักรวาลใต้สมุทร


ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|3: Stars & Phytoplankton|



สอบปลายภาคผ่านไปแล้ว พวกเขาได้ปิดเทอมช่วงฤดูฝน ทว่าปิดเทอมไปได้สองวัน นักศึกษาคนอื่นก็ต่างทยอยกลับบ้านกันไปบ้างแล้ว แต่อรรณพยังเจอศศินนั่งอยู่ในห้องสมุดที่มุมเดิม ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเล่มใหญ่ จนเขาคิดแซวศศินในใจว่าอ่านไปหมดห้องสมุดแล้วมั้ง



“ปิดเทอมไม่ไปไหนเหรอ”



เขาถาม ขัดจังหวะห้วงจักรวาลของศศิน



นักอวกาศเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ถือวิสาสะนั่งลงตรงข้าม



“แล้วคุณล่ะไม่ไปไหนหรือ”



“ว่าจะกลับบ้านสุดสัปดาห์นี้ นายไม่กลับบ้านหรือไง”



“รู้ได้ไงว่าไม่กลับ”



“อ้าว ก็เห็นอยู่หอ”



“...คงไม่กลับนั่นแหละ”



ศศินแปลกใจที่อีกฝ่ายจดจำเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ของเขาได้ เขาเคยบอกอรรณพว่าอยู่หอไปครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องราวสำคัญ เป็นประโยชน์แผ่วเบาลอยแทรกกับบทสนทนาอื่น เขาไม่คิดว่าอรรณพจะฟังทันด้วยซ้ำ



“ไม่อยากกลับบ้านหรือไง”



“คงงั้น” ศศินว่า เขาหอบหนังสือจากที่บ้านมาไว้ที่หอหมดแล้ว กลับไปก็คงไม่มีอะไรให้ทำอยู่ดี อยู่บ้านก็เหมือนอยู่คนเดียว ไม่รู้จะกลับไปทำไม “ปิดเทอมแป๊บเดียว ผมอยู่ที่นี่ดีกว่า”



“ถ้างั้น...ไปทะเลกันไหม”



“ฤดูนี้น่ะหรือ? ช่วงมรสุม?”



“ก็มันไม่มีเวลาอื่นนี่หว่า”



“ขอบคุณที่ชวน แต่ขอผ่านดีกว่า”



อรรณพยักไหล่ เขาไม่คาดหวังกับการชวนนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เจ้าแว่นตัวซีดคงไม่ชอบการออกกำลังกาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังนึกชวนเผื่อไว้ อรรณพคิดว่าถ้าหากเขาได้พาศศินไปดูโลกใต้ทะเลที่ตนชอบก็คงดี



จบจากวันนั้น พวกเขาก็ไม่ได้เจอกันอีก ปิดเทอมของศศินผ่านไปอย่างเงียบเชียบ เรียบง่ายและธรรมดา ส่วนอรรณพได้ไปทะเลตามที่ตั้งใจ แม้ว่าจะไม่ได้ออกทะเลไปไกล แต่แค่ได้สัมผัสน้ำทะเลสักนิด อรรณพก็ชื่นใจแล้ว



วันหยุดคืบคลานผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับคนไม่มีอะไรทำ ทว่ากลับรวดเร็วสำหรับนักศึกษาที่พากันออกหาความสุขระหว่างการเรียนที่แสนเหนื่อยล้า พักผ่อนตักตวงความสุขให้มากที่สุดก่อนจะกลับมาสู้กับเทอมถัดไป ส่วนศศินคิดว่าเวลาผ่านไปตามปกติอย่างที่มันควรจะเป็น



เริ่มต้นเทอมใหม่ ศศินไม่ได้เจออรรณพที่ห้องเรียนไหนเลย เขาคิดว่าคงลงเรียนคนละเซ็ค คณะนี้คนเยอะที่สุด ไม่แปลกที่จะไม่มีห้องกว้างพอสำหรับเรียนรวม แม้จะติดใจที่ไม่เห็นหน้ากันที่ห้องเรียน แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็มาเจอกันที่ห้องสมุดอยู่ดี เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจแต่ก็แปลกใจ



อรรณพเดินเข้าไปหาคนตัวเล็ก วางสิ่งของบางอย่างบนโต๊ะแทนคำเอ่ยทักทาย



“อะไร?”



“ของฝาก”



“พวงกุญแจปลาดาว?”



“นี่ไง ดาวใต้ทะเล”



เป็นครั้งแรกที่อรรณพเห็นศศินหัวเราะขำ รอยยิ้มสดใสตัดกับบุคลิกเรียบเฉย ดวงตากลมโตใต้กรอบแว่นที่ตอนนี้โดนแก้มกลมเบียดขึ้นจนตาหยี ริมฝีปากอ้าออกพร้อมเสียงหัวเราะดังกังวาน สั่นหัวใจอรรณพจนเจ้าตัวทำอะไรไม่ถูก



ให้ตายสิ จักรวาลมันสดใสขนาดนี้เลยหรือ



“หัวเราะอะไรขนาดนั้น”



“ดาวใต้ทะเลไม่ใช่พวกแพลงก์ตอนเรืองแสงเหรอ”



“มันจะไปมีอะไรแบบนั้นขายได้ยังไงล่ะ”



ศศินหัวเราะอีกรอบ เป็นครั้งแรกที่เขาหัวเราะถี่ขนาดนี้ มันน่าขำจนขนาดตัวศศินเองยังตกใจตัวเอง เขาไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของตัวเองนานแล้วเช่นกัน คงเป็นการเปิดเทอมวันแรกที่สนุกที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ



ศศินหยิบพวงกุญแจปลาดาวห้าแฉกมาพิจารณา ส่วนอรรณพก็เลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามอีกฝ่าย ครานี้ศศินเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน



“คุณรู้ไหม วันพฤหัสที่ยี่สิบสองจะมีฝนดาวตกนายพราน”



“จะชวนผมไปดูหรือ”



“บอกเฉยๆ มีตอนเช้ามืด ไม่รู้ว่าฟ้าจะเปิดรึเปล่า ถึงเปิดก็ไม่แน่ใจว่าที่นี่จะได้เห็นไหม”



“ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ตามข่าวทางทะเลเท่าไหร่”



“ทำไมล่ะ”



“ก็ไปเที่ยวทะเลมา”



“ไม่ใช่เหตุผลนี่ ผมไปหอดูดาวมาก็ยังได้รู้เรื่องใหม่ๆ ตั้งมาก”



“คุณไม่เข้าใจ ความรู้ทางทะเลมันไม่ค่อยมีคนสนใจ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก็ไม่ค่อยอัปเดตข้อมูล”



“อ้อ...”



ศศินว่าได้แค่นั้นก่อนเงียบไป จ้องมองปลาดาวที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเงียบงัน



“นายว่าทำไมทุกคนถึงดูสนใจอวกาศมากกว่าทะเลล่ะ”



 “คนชอบมองท้องฟ้ามากกว่าไง มนุษย์เรามองท้องฟ้า มองดวงดาวตั้งแต่อดีตกาลแล้ว”



“ไม่ใช่เหตุผลนี้สิ คนชอบทะเลก็มีตั้งเยอะ ทำไมข่าวเรื่องการสำรวจใต้ทะเลถึงไม่ค่อยมีใครพูดถึงบ้างเลย”



“ท้องฟ้าเข้าถึงง่ายกว่าน่านน้ำมั้งนะ แค่เรายืนเฉยๆ มองขึ้นไปก็สัมผัสได้ถึงความกว้างใหญ่ของจักรวาลแล้ว”



ศศินอยากตอบกลับโอ้อวดเรื่องอวกาศของตนมากกว่านี้ แต่พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเครียดจริงจังตนก็ไม่อยากใจร้ายใส่นัก ยอมเผยสมมติฐานที่ตัวเองคิดไว้



 “อันที่จริง...คงเพราะโลกมีวันดับสูญ เราสำรวจอวกาศเพื่อหาทางไปต่อเมื่อโลกหมดอายุขัย แต่การสำรวจทะเลมีแต่ถอยหลังกลับ”



“ถอยหลังก็บ้าแล้ว ใต้ทะเลบางทีอาจจะกำหนดชะตาโลกได้เลยด้วยซ้ำ ทั้งทรัพยากรใหม่ที่อาจจะเป็นส่วนขับเคลื่อนโลก ทั้งปริมาณน้ำชี้ชะตาวันสิ้นโลก”



“นี่ไง พอน้ำท่วมโลกเราก็ไปอยู่ดาวอื่น”



“นี่นายคิดแต่จะไปอยู่ดาวดวงอื่นหรือไง จะทิ้งโลกเหรอ”



“ก็ยังไงมันก็ต้องมีวันหมดอายุอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ดับ โลกของเราจะหายไป เมื่อนั้นต่อให้เจออะไรในทะเลก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”



“ยังไม่เจอจะตัดสินได้ยังไง ทะเลอาจจะมีคำตอบของจักรวาลก็ได้ อีกอย่าง...กว่าโลกจะดับก็ตั้งหลายล้านปี”



“ไม่รู้สิ เราก็แค่หาทางเตรียมตัวไม่ให้มนุษย์สูญพันธุ์ล่ะมั้ง...แต่นี่ก็เป็นแค่ความเห็นของผม”



“เฮ้อ”



อรรณพถอนหายใจ ซบหน้าลงกับโต๊ะ มองปลาดาวสีขาวนวลที่ตัวเองไปซื้อจากร้านขายของฝากแถวนั้น นึกน้อยใจที่ความชอบของตัวเองไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่



“ผมว่า...มันน่าจะเกี่ยวกับงบประมาณ เพราะมีการโปรโมตเกี่ยวกับอวกาศมากกว่าท้องทะเล พวกสปอนเซอร์เลยทุ่มทุนสนับสนุนการออกไปอวกาศมากกว่ามั้ง”



“ที่นายว่าก็คงจะจริง”



เป็นครั้งแรกที่ศศินพยายามพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก



เปิดเทอมสองพวกเขาไม่ได้ลงเรียนเซคเดียวกัน จึงได้เจอกันแค่ช่วงเวลาที่อีกฝ่ายอยู่ห้องสมุด แต่ก็ไม่บ่อยเท่าเทอมแรก เวลาว่างของพวกเขาไม่ค่อยตรงกันนัก



อรรณพแม้จะน้อยใจแต่ไม่ท้อใจในการศึกษาข้อมูลทะเลลึก ส่วนศศินมีเรื่องราวของอวกาศให้ศึกษาอัปเดตทุกวันอยู่แล้ว เขาเพียงแค่ติดตามข่าวล่าสุดของการสำรวจไป อ่านหนังสือดาราศาสตร์ไปตามปกติ หากมีเวลาว่างก็ลงสัมมนาเกี่ยวกับดาราศาสตร์ เท่านั้นความรู้ก็เพิ่มพูน ศศินยังคิดว่าจะไปลงฟังบรรยายพิเศษของคณะที่ว่าด้วยเรื่องการดูดาวอยู่เหมือนกัน



ข้อมูลของศศินล้นท้นจนรอจะเกทับอีกฝ่ายไม่ไหว หากแต่ถ้าศศินไม่ได้คิดไปเอง เขาคิดว่าช่วงนี้อรรณพไม่ค่อยโต้วาทีกับเขาเหมือนเคย อรรณพพูดโต้เขาได้ไม่กี่ทีก็ถอนหายใจ ราวกับเป็นฝ่ายยอมแพ้เสียเอง ศศินแม้ไม่ค่อยมีเพื่อน แต่ยังพอดูออกว่าอีกฝ่ายน่าจะกำลังกลุ้มใจอะไรบางอย่าง



เพียงแต่เขาไม่กล้าเอ่ยถาม ระดับความสนิทของอรรณพที่คนตัวเล็กมอบให้คืออยู่ริมขอบชั้นบรรยากาศนอกดาวศศิน



ดาวศศินมีชั้นบรรยากาศแน่นหนา และเขาไม่คิดว่าจะมีคนฝ่าเข้ามาได้ง่ายๆ ดาวศศินลอยคว้างไม่ต่างจากดาวของคนอื่นๆ แต่อรรณพในตอนนี้เหมือนหินดาวเคราะห์ที่ลอยแตะๆ ชั้นบรรยากาศหนาแน่นของดวงดาว แม้จะเข้ามาใกล้กันมาก แต่ศศินคิดว่าเขาไม่ได้สนิทกับอีกฝ่ายมากขนาดที่สามารถแลกเรื่องราวทุกข์ใจกันได้



ถึงอย่างนั้นศศินก็ไม่อยากให้อรรณพต้องทุกข์ใจ ในอาทิตย์ต่อมา ศศินเห็นอรรณพนั่งอยู่ในห้องสมุดชั้นบนสุด ที่โต๊ะประจำของพวกเขา ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ลำพัง ที่นั่งตรงข้ามมีหญิงสาวที่ศศินไม่รู้จัก ดูจากสถานการณ์แล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เขาตัดสินใจไม่เข้าไปหาอีกฝ่าย เดินจากไป เลือกที่นั่งที่อยู่ไกลๆ แทน



รอจนอาทิตย์ถัดมาถึงเห็นอรรณพนั่งอยู่คนเดียว ศศินสบโอกาส เดินเข้าไปหา



สติ๊กเกอร์ดาวเรืองแสงที่ศศินตั้งใจซื้อมาให้อรรณพถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่ศศินจะนั่งลงอีกฝั่ง



“สติ๊กเกอร์เรืองแสง?”



“อืม เอาไว้แปะเพดาน”



“นายเป็นเด็กประถมหรือไง”



“สวยนะ ลองดูสิ”



อรรณพหัวเราะเสียงต่ำ หยิบซองสติ๊กเกอร์เรืองแสงขึ้นมาดู ในซองใสประกอบไปด้วยรูปดาวห้าแฉกหลายอัน ดาวเสาร์ที่มีวงแหวนสวย ดาวหาง พระอาทิตย์ และดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว



“ขอบคุณ ไว้จะเอาไปติดที่เพดานห้อง”



“อืม”



ศศินยิ้มรับบางเบา เขาไม่รู้ว่าอรรณพมีเรื่องหนักใจอะไร แต่ขอให้ดวงดาวเรืองแสงของเขาช่วยให้อีกฝ่ายผ่านพ้นค่ำคืนเลวร้ายได้



เขาอยากเห็นท้องทะเลที่สดใส








กิจกรรมของวันนี้ไม่ต่างจากวันอื่น ศศินกลับบ้าน ทานข้าว ทำงาน เข้านอน เพียงแต่จะพิเศษกว่าวันอื่นๆ ก็คือวันนี้เป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้พวกเขาจะมีวันหยุดสุดสัปดาห์ ศศินไม่ต้องรีบตื่นไปทำงาน



ทั้งๆ อย่างนั้น แต่พอพวกเขาเข้านอน ปิดไฟเสร็จสรรพ อรรณพกลับเล่นโทรศัพท์มือถือไม่เลิก ไม่ยอมหลับยอมนอน เอาแต่ไถหน้าจอสี่เหลี่ยมท่ามกลางความมืดของห้องอยู่อย่างนั้น ศศินเห็นก็ได้แต่มุ่นคิ้วไม่พอใจ



ดวงตาสีเดียวกับจักรวาลจ้องคนติดมือถือไม่ปล่อย ฉายแววไม่ชอบใจนัก



“หืม ขอโทษนะ แสบตาหรือ”



อรรณพว่าพร้อมลดแสงหน้าจอลงให้มืดที่สุด



ฝ่ามือหนายังคงจับวัตถุสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่ปล่อย นิ้วโป้งเลื่อนไถหน้าจอต่อไป ศศินเคลื่อนตัวเข้าใกล้ ขยับเอาใบหน้ามาวางพาดที่หน้าอกแกร่ง อรรณพที่เห็นการกระทำของศศินแปลกไปก็ได้แต่ฉงน



“มีอะไรรึเปล่า”



ดวงตาสีดำของศศินช้อนมอง สบตากับอีกฝ่ายที่จ้องกลับมาเช่นกัน ศศินไม่เอ่ยตอบอะไร ใช้สายตาสบอรรณพเพียงอย่างเดียว คนตัวโตกว่ายกยิ้ม ขยับมือมาลูบเส้นผมสีดำนุ่ม กดปิดหน้าจอโทรศัพท์ ความมืดสีดำสนิทเข้าครอบงำทั่วทั้งห้อง ศศินหลับตาพริ้ม เคลิ้มลอยกับสัมผัสอ่อนโยน กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ ออดอ้อนเจ้าของ



อรรณพคิดว่าตนทำหน้าที่กล่อมศศินนอนได้สำเร็จแล้วกลับต้องชะงัก



เมื่อฝ่ามือขาวเริ่มเล่นซน ล้วงไปใต้ผ้าห่ม จับต้นขาอีกฝ่ายไล่ไต่จากต้นขาของอรรณพ ลากขึ้นไปเรื่อยๆ จนผ่านส่วนกลางลำตัว... อรรณพสะดุ้ง หันไปสบตากับแมวดำตัวน้อยที่ส่งสายตายั่วยวนมาให้ สายตาสีดำคล้ายหุบเหวแห่งอวกาศลึกสุดหยั่ง ดึงดูดให้อรรณพจมลงไปในอีกห้วงมิติ เขาพลันตกหลุมอวกาศทันที



สติ๊กเกอร์ดาวเรืองแสงที่แปะไว้บนหัวเตียงทำหน้าที่ได้ดี ภายในห้องที่มืดมิด มีเพียงเจ้าสิ่งนี้ที่ส่องแสงแสดงตน



ศศินยังคงจ้องปลาหมึกยักษ์ สะกดให้เจ้าแห่งท้องทะเลอยู่ใต้บัญชาการของตน ร่างขาวนวลค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทาบทับคนตัวโต



“อันอันไม่ทำเหรอ”



คำพูดยั่วเย้า น้ำเสียงยั่วยวนทำให้อรรณพแทบสำลักสุญญากาศ เขาหลุดจากห้วงแห่งจักรวาล มือซ้ายวางโทรศัพท์มือถือไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้เพียงแต่ตอนนี้เขาตะปบก้อนเนื้อกลมและเอวบางเต็มสองมือ



ไม่บ่อยที่ศศินจะทำตัวเช่นนี้ ส่วนมากมักเป็นอรรณพมากกว่าที่เริ่มบทเพลงรัก แต่เขาก็ไม่คิดปฏิเสธโอกาสที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้ อรรณพคิดว่าวันนี้ศศินอาจจะเหนื่อยจากการสอนที่มหาลัย แถมพรุ่งนี้พวกเขามีนัดไปซื้อของสดเข้าบ้านอีก เขาหวังดีกลัวว่าถ้าทำรักแล้วอีกฝ่ายจะอ่อนเพลีย



จึงตั้งใจว่าจะค่อย ‘ทำ’ หลังจากนั้น



ไม่คิดว่าศศินจะเริ่มด้วยการมาอยู่บนตัวเขาเช่นนี้



เมื่อดวงจันทร์ตัวน้อยไม่ได้คำตอบจากอีกฝ่ายเสียที ศศินซบลงที่ซอกคอของอรรณพ แขนขวายันยกน้ำหนักตัวเอง  มือซ้ายลูบไล้ใบหน้าคมคายของอีกฝ่าย แลบลิ้นเลียชิมต้นคอแกร่งราวกับอาหารโปรดจานหลัก ลิ้นเล็กไล่จากซอกคอไปยังติ่งหู ขบเม้มหยอกเย้า ลามมายังปลายคางและหยุดที่จุมพิตที่ริมฝีปาก



 สลัดคราบอาจารย์มาดเนี้ยบสุดโหด ไร้ซึ่งความดุร้าย กลายเป็นแมวน้อยออดอ้อนเจ้าของที่รัก



“จะทำไหม”



ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นคำสั่ง บัญชาการจากดวงจันทร์



“...พรุ่งนี้ต้องออกบ้าน ผมกลัวคุณไม่ไหว”



“ทีอย่างนี้มาคิดแทนผมนะ”



ศศินว่า เหยียดยิ้มขำ ก่อนหน้านี้ที่เป็นวันธรรมดา อรรณพยังกระแทกเขาแทบตาย ร้องขอเท่าไหร่มหาสมุทรก็ไม่เชื่อฟัง พอมาวันนี้มาห่วงอะไรกันในวันหยุดอีก



เหมือนสมุทรจะรู้ความคิดจักรวาล



“ตอนนั้นผมคิดถึงคุณนี่”



เขาไปต่างจังหวัดตั้งหลายวัน กลับมาเจอศศินทั้งทีก็อยากจะกอดให้ชื่นใจ



“ถ้างั้น...ตอนนี้ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”



ศศินกระซิบเสียงแผ่ว ใช่ว่าอรรณพจะเป็นฝ่ายคิดถึงเขาได้แต่เพียงคนเดียวเสียที่ไหน ใช่ว่าเขาจะไม่อยากโอบกอดมหาสมุทร



เมื่อนั้น เหนือมหาสมุทรถูกกดทับด้วยจักรวาล



ศศินนั่งทับกลางลำตัวอีกฝ่าย ปล่อยให้อรรณพล้วงฝ่ามือเข้าไปในสาบเสื้อ มือใหญ่ไล่นิ้วสำรวจทุกตารางผิวของแผ่นหลังขาวเนียน กดลูบกระดูกสะบักที่นูนออกมา ไปจนถึงไล่นิ้วไปแต่ละข้อของกระดูกสันหลังจนสิ้นสุดที่สะโพก ฝ่ามือหยาบลูบล้วงลงไปในกางเกงนอนตัวบางของศศิน



คนตัวเล็กแอ่นสะโพกขึ้นเมื่อถูกบีบก้อนเนื้อนุ่มสองข้าง สะโพกยกขึ้นลอยไปอีกเมื่อถูกลูบช่องทางอ่อนไหว อรรณพขยำก้อนเนื้อจนคนบนร่างเผลอหลุดร้องเสียงหวาน อุทานแผ่วเบา



กางเกงนอนถูกถอดทิ้งไปด้วยความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย เผยให้เห็นเนื้อขาวผ่องยามต้องแสงจันทร์



กระแสรักร้อนเริ่มต้น ดวงจันทร์ตัวน้อยขึ้นคร่อมนำจังหวะรัก เขยื้อนขยับสะโพก นำแก่นกายใหญ่ยักษ์ของจ้าวสมุทรออกมาประคองไว้ในอุ้งมือสวย บดเบียดรูดรั้งไปพร้อมกับแก่นกายตัวเอง มือใหญ่ประคองสะโพกมนไว้ ก่อนมหาสมุทรจะพาศศินเดินทางไปสู่เอกภพไกลโพ้น



ในหัวศศินเหมือนดวงดาวลอยเคว้ง เชิดใบหน้าขึ้น เปลือกตาสวยปิดแน่น ทว่ากลับเห็นหมู่ดาวเรืองแสงระยิบระยับจนตาพร่ามัว







เรื่องนี้เอาลงเว็ปอื่นมาหลายตอนแล้ว

สำหรับในเล้าจะพยายามลงให้ได้มากที่สุดนะคะ

#จักรวาลใต้สมุทร

 

ออฟไลน์ พลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
บรรยายได้นุ่มนวลมากที่สุดเลยค่ะ ชอบมาก

ออฟไลน์ NaunaeZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบการบรรยายมากค่ะ ทำเอาเคลิ้มเลย

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|4: Spacecraft & Submarine|



ช่วงนี้ศศินก็มักจะเห็นอรรณพอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ห้องสมุด เมื่อนั้นเขาจะไม่เข้าไปรบกวน และจะหาที่นั่งให้ห่างจากอรรณพเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่เห็นเขา หลายครั้งที่ศศินเริ่มต้องนั่งคนเดียวมากกว่าเก่า



แต่ก็ไม่เป็นไร



เขาไม่อยากไปรบกวน ท่องโลกจักรวาลของตัวเอง ลอยวนอยู่ในห้วงไร้แรงดึงดูด รอจนกระทั่งอีกฝ่ายกระชากกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริง อรรณพนั่งลงฝั่งตรงข้ามโดยไม่รอคำเชื้อเชิญ ศศินไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหาเขาเจอได้อย่างไร แต่พออรรณพนั่งเสร็จก็ไม่รอให้ศศินหาคำตอบจากความสงสัยนี้ มนุษย์ในมหาสมุทรเปิดคำถามทันที



“นายดูดวงเป็นป่ะ”



“อะไร”



“ก็โหราศาสตร์มันใกล้ๆ กับดาราศาสตร์ไม่ใช่หรือ”



“...เรื่องนั้นผมยังไม่ได้ศึกษา”



เมื่อใดที่อรรณพเข้ามาหา เขาก็พร้อมคุย



“แล้วนายอยากขึ้นยานอวกาศป่ะ”



“...ก็อยาก แต่ไม่หวัง”



“ทำไมล่ะ ผมโคตรอยากนั่งเรือดำน้ำเลย”



“มันไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะได้ขึ้นพาหนะพวกนี้นี่”



“อืม แต่ถ้าผมให้ความสำคัญกับมันมากๆ จนได้เป็นนักวิจัย ก็อาจจะได้ลงไปใต้สมุทรก็ได้นี่”



“ก็ดีสิ”



ศศินว่า เขาอยากขึ้นไปดูโลกทั้งหมดให้เต็มสองตาเหมือนกัน แต่ยิ่งคิดยิ่งเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้อยากทำงานที่นาซ่า แค่ได้ศึกษาเรื่องราวของดวงดาวอยู่กับตัวเองแบบนี้เขาก็พอใจแล้ว



“น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีเรือดำน้ำลำไหนลงไปจุดที่ลึกที่สุดของทะเลได้”



“ร่องน้ำมาเรียน่า?”



“รู้จักด้วย”



“ผมไม่ได้เรียนรู้แค่อย่างเดียวนี่”



โอเค อรรณพจะไม่เถียงกับศศินเรื่องนี้ต่อ เขาเริ่มเรียนรู้อีกฝ่ายมากขึ้น การที่ศศินพูดแบบนี้ไม่ใช่เป็นการกดข่มหรือดูถูกอะไร มันเป็นนิสัยของศศินที่มักจะพูดออกมาตรงๆ



“ผมรู้แล้วว่าทำไมคนถึงให้ความสำคัญกับการออกไปนอกอวกาศมากกว่า”



“ทำไมล่ะ”



“ผมเจอข้อมูลหนึ่ง เขาบอกว่าเรือดำน้ำที่ลงไปสำรวจใต้ทะเลลึกครั้งแรกมีนักสำรวจสองคน แต่ถึงจะไปได้ลึกแค่ไหน สองคนนั้นก็ไม่ได้มีโอกาสออกไปนอกเรือดำน้ำ ไม่เหมือนนักอวกาศที่สามารถออกนอกยานไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์ได้”



“อ้อ...งั้นหรือ”



“แรงดันมันต่างกัน นอกเหนือจากนั้นเราสำรวจใต้ทะเลเพราะคิดว่าอาจจะมี แหล่งทรัพยากรสักอย่าง ที่อาจใช้ได้ในการแพทย์ อย่างยารักษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์ก็ได้มาจากพืชมะพร้าว แต่ยังพบในสัตว์ทะเลลึกด้วย”



อรรณพพูดอย่างตื่นเต้น ครานี้ศศินทำเพียงรับฟังและวาดยิ้มอ่อนๆ เขาไม่มีอะไรมาโต้ตอบหัวข้อนี้ การสำรวจอวกาศเป็นการสำรวจเพื่อศึกษาความรู้นอกโลก เขายังไม่ค้นพบว่าสสารหรือธาตุนอกดาวจะช่วยอะไรคนในโลกได้ อย่างน้อยก็ในตอนนี้



เขาปล่อยให้มหาสมุทรส่องสว่างเจิดจ้า ระยิบระยับไปด้วยแสงอาทิตย์ ก่อนจะสิ้นแสงประกายจากคลื่นน้ำเมื่ออรรณพเจอกับใครบางคน



“น้อยหน่า... มาได้ไงเนี่ย ไม่มีเรียนหรือ”



ศศินหันไปข้างหลังของตน เจอผู้หญิงคนหนึ่ง น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันยืนอมยิ้มอยู่ เธอหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก และน่าจะเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่ศศินเคยเจอเมื่อครั้งก่อน



“วันนี้อาจารย์งดสอน น้อยหน่าเลยคิดว่าณพน่าจะอยู่แถวนี้”



“อ้อ...” อรรณพตอบไปเพียงเท่านั้น ไร้ประกายในแววตาเหมือนเมื่อครู่ ศศินมองสองคนสลับไปมา คิดว่าฝ่ายหญิงคงเป็นแฟนอีกฝ่าย จึงเอ่ย



“ให้ผมออกไปไหม”



“ไม่ต้องๆ” อรรณพว่า ส่วนน้อยหน่าเดินไปนั่งข้างอรรณพโดยไม่ต้องรอให้เชิญ



“น้อยหน่า นี่ศศิน เพื่อนที่คณะ ศิน...นี่น้อยหน่า แฟนผม”



ศศินพยักหน้ารับ ส่วนอรรณพรู้สึกไม่ชินปาก เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่ออีกฝ่าย



อรรณพไม่ได้เล่าเรื่องปฏิบัติการเรือดำน้ำต่อ แต่ถามไถ่เรื่องราวของน้อยหน่าแทน ศศินเห็นดังนั้นจึงหยิบหนังสือมาเปิดอ่าน... จักรวาลที่เงียบสงบของเขากลับมีเสียงรบกวนที่เขาไม่ต้องการได้ยิน



ครั้นจะลุกออกไปก็คงเป็นการเสียมารยาท ศศินจึงได้แต่นั่งจ้องตัวหนังสืออยู่หน้าเดิม ฟังคู่รักสองคนนี้คุยกันไปมาถึงเรื่องที่เขาไม่สนใจ



จนกระทั่งถึงเวลา น้อยหน่าขอตัวกลับไปเรียนต่อ ส่วนพวกเขายังคงนั่งแช่อยู่ที่เดิม



เมื่อสาวเจ้าจากไป อรรณพก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



ศศินทำเพียงเหลือบมองอีกฝ่าย ไม่กล้าเอ่ยถาม ทั้งๆ ที่หน้าของอรรณพมีคำว่าปัญหาเขียนอยู่บนหน้าตัวใหญ่ๆ



อรรณพซบลงกับโต๊ะ เหลือบสายตาจับจ้องศศินไม่วางตา จนอีกฝ่ายเสียสมาธิ



“อะไร”



“ไม่รู้ว่าคุยเรื่องนี้กับคุณได้ไหม”



“เรื่องอะไร”



“เรื่องอื่นที่นอกเหนือจากอวกาศกับทะเล”



“...ไม่รู้สิ ได้มั้ง”



ศศินว่า เขาเองก็ไม่เคยรับฟังเรื่องราวของคนอื่นเท่าไหร่



“กับน้อยหน่า...เหมือนว่าใกล้จะเลิกกันแล้วล่ะ”



“งั้นหรือ ทำไมล่ะ”



“ผมไม่มีเวลาให้...หมายถึง ผมไม่ค่อยอยากไปช็อปปิ้งกับเธอ ไปกินร้านขนมหวาน ไปดูหนังหรืออะไรพวกนี้แล้ว”



“ก็ไม่ต้องไปสิ”



“ไม่ได้หรอก ผมต้องดูแลเธอสิ น้อยหน่ารับฟังเรื่องที่ผมพล่ามน่าเบื่อมาตลอด”



“คุณเลยอยากตอบแทน?”



“ก็ใช่ เธอดีกับผม เลยอยากทำตัวดีๆ กับเธอ เพียงแต่ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไง”



“การตอบแทนนี่เป็นความรักหรือ...”



“...หมายความว่ายังไง”



“ไม่รู้สิ ผมคิดว่าการที่เรารักกัน เราไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายมาตอบแทนอะไร”



“แต่ผมควรจะไปไหนมาไหนกับเธอบ้าง”



“แต่คุณไม่อยาก”



“ก็...อืม...แต่ก็รู้สึกผิด”



“งั้นคุณคงไม่ได้รักแล้วมั้ง”



“จะบ้าหรือไง ผมยังชอบเธออยู่ น้อยหน่าน่ารัก นิสัยดีขนาดนี้ ผมยังอยากดูแลเธออยู่นะ เพียงแต่ผมไม่รู้จะรักษาความสัมพันธ์นี้ไปได้ไหม”



“...ถ้างั้นผมคงช่วยคุณเรื่องนี้ไม่ได้หรอก ผมไม่มีแฟน”



อรรณพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



“หรือผมควรออกไปกับเธอดี”



“แล้วแต่สิ”



จบจากวันนั้น พวกเขาต่างมีเรียนต่อ ต่างคนต่างแยกย้าย จึงไม่ได้คุยกันอีก



ทว่าไม่กี่วันต่อมาอรรณพก็มานั่งถอนหายใจต่อหน้าศศิน



“คราวนี้อะไรอีก”



“น้อยหน่างอนผม”



ศศินเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่เรือดำน้ำต่อเหรือ เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเริ่มบทสนทนาด้วยเรื่องส่วนตัว และไม่รู้ว่าต้องรับมือกับเรื่องแบบนี้ยังไง



“ผมไปเที่ยวกับเธอแล้ว พาไปทานข้าวดูหนัง แต่เธอก็บ่นๆ ว่าผมดูไม่ใส่ใจเธอเหมือนก่อน”



ศศินปล่อยให้อีกฝ่ายระบายความในใจออกมา



“ผมไม่รู้ว่าไม่เหมือนเมื่อก่อนยังไง ก็ทำเหมือนเดิมทุกอย่าง”



“อ่าห้ะ”



ศศินตอบรับอย่างส่งๆ ก้มหน้าพลิกหนังสืออ่านเตรียมสอบย่อย



“เธอบอกว่าผมดูเหมือนจะหมดรักเธอแล้ว นี่ผมหมดรักจริงๆ เหรอวะ”



ศศินคิดในใจ จะไปรู้ได้ไงเล่า



“ผมยังอยากดูแลเธออยู่นะ แต่แค่เบื่อที่ต้องออกไปไหนมาไหนด้วย”



“แล้วทำไมถึงเบื่อล่ะ”



“...ไม่รู้สิ พอเข้ามหาลัยก็อยู่ด้วยกันน้อยลง แทนที่ผมจะคิดถึงเธอ ไปรับไปส่งเธอจะได้เจอกันบ่อยๆ แต่ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น ผมคิดว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีแล้ว แต่เธอกลับกัน น้อยหน่าบอกอยากเจอผมมากกว่านี้”



“งั้นหรือ...”



ศศินไม่เข้าใจนักหรอก ทำได้แค่รับฟังเท่านั้น



“ถึงอย่างนั้นผมก็คิดว่าผมยังชอบเธออยู่นะ ชอบที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ไม่อยากอยู่ด้วยนานๆ อ่ะ นายเข้าใจป่ะ”



ไม่เข้าใจ... ศศินตอบไปในใจ



“แต่น่าแปลก...อยู่กับนายแล้วไม่เบื่อเหมือนอยู่กับน้อยหน่า”



“...”



“อยากอยู่ไปเรื่อยๆ”



“...นั่นเพราะเรามีอะไรให้ถกกันรึเปล่า แต่คุณไม่รู้จะคุยอะไรกับน้อยหน่า?”



“นั่นแหละ ใช่เลย!” อรรณพว่าเสียงดังจนศศินต้องทำหน้าดุใส่ ที่นี่เป็นห้องสมุด ไม่ควรส่งเสียงรบกวนผู้อื่น อรรณพรู้ตัวดังนั้นจึงลดเสียงลงมา “นายนี่เก่งว่ะ ผมคิดแทบตายว่าทำไม แต่นายแค่พูดออกมาแค่ประโยคเดียวผมก็เก็ทเลย”



ศศินถอนหายใจ คิดว่าไม่ใช่เพราะความเก่งกาจอะไรของเขาหรอก เขามองจากมุมมองคนภายนอก ย่อมรับรู้ได้แตกต่างจากอีกฝ่ายอยู่แล้ว



“ขอบคุณนะ ผมว่าผมจะลองไปคุยเรื่องนี้กับน้อยหน่า”



ศศินพยักหน้า...



หลังจากนั้นเขาไม่เจออรรณพอีกเลยจนกระทั่งปิดเทอมใหญ่มาถึง พวกเขาไม่มีช่องทางติดต่อกัน ศศินคิดว่ามันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น อรรณพก็เช่นกัน คิดว่าอย่างไรพวกเขาก็ได้เจอกันในห้องสมุดอยู่แล้ว...ทว่าพอปิดเทอม ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ห้องสมุดรกร้างแทบไร้ผู้คน



จักรวาลแยกตัวออกจากมหาสมุทรอย่างสิ้นเชิงตลอดสามเดือน



คล้ายท้องฟ้ามีเมฆฝนมืดมัว คล้ายทะเลมีคลื่นลมไม่สงบ








“ไหวรึเปล่า”



“ไหว อย่ามาแตะตัวผมหน่า”



ศศินตีมือใหญ่ที่เอื้อมมาประคองเอวของตัวเอง พวกเขาออกไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตตั้งแต่สาย คืนก่อนหน้านั้นอรรณพจัดหนักใส่ดวงจันทร์ตัวน้อยไปหลายยก อย่างห้ามตัวเองไม่ได้ เขากลัวว่าศศินจะเจ็บสะโพก แต่อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีเช่นนั้น เขาปวดเนื้อปวดตัวไม่ใช่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับเดินไม่ได้



และศศินก็ไม่ชอบให้อีกฝ่ายมาแตะตัวเขาต่อหน้าที่สาธารณะด้วย



เหตุผลเหรอ ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากเลย...เขาเขินไง



แค่ผู้ชายสองคนมาเดินเลือกซื้อของสดด้วยกันก็น่าเขินมากแล้ว ยังจะมาโอบมาจับอะไรอีก แต่อรรณพไม่ได้สนใจสายตาชาวบ้านเหมือนศศิน เขาพยายามสัมผัส จับมือถือแขน พยายามแตะคะนิ้งตัวน้อยให้ได้มากที่สุด และก็โดนตีเพี๊ยะๆ กลับมาทุกครั้ง



“เลิกมาวุ่นวายผมได้แล้ว คุณไปดูว่าไข่ไก่ลดราคาไหม เดี๋ยวผมไปดูผัก”



“ครับๆ”

ศศินตัดสินใจให้อีกฝ่ายออกไปไกลๆ จะได้ไม่ต้องมานัวมาเนียใส่กัน ส่วนอรรณพก็ขัดสายตาดุนั่นไม่ได้ ถ้าขืนเขาไม่ทำตามมีหวังศศินคงโกรธแหง



ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปดูของ อรรณพเลือกไข่ไก่มาอย่างรวดเร็ว และมาหาศศินที่โซนผักผลไม้ ช่วยกันเลือกสรรผักแต่ละอย่างด้วยความพิถีพิถัน พลิกดูแล้วดูอีก จนเสร็จสรรพก็มาที่โซนเนื้อสด



“ผมว่าเอาอันนี้ดีกว่า ถูกกว่า” อรรณพเสนอ



“มันใกล้จะหมดอายุแล้วนี่”



“ก็เอาไปก่อน รีบทำกินวันสองวันนี้”



“แต่อีกอันอยู่ได้นานกว่า ได้เยอะด้วย”



“แต่มันแพงนะคุณ”



“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”



“ถ้างั้นซื้อสองอันไปเลยไหม”



“บ้าเหรอ สิ้นเปลือง”



“เอ๊า...” อรรณพทำท่าจะเถียง แต่ก็หุบปากฉับเมื่ออีกฝ่ายตวัดสายตาดุมาให้ จากที่จะเถียงจึงเปลี่ยนเป็นประณีประนอมแทน “หรือว่าเอาอันนี้ มาคนละครึ่งทาง...ราคาไม่แพงไป ยังไม่ใกล้หมดอายุ”



“เอางั้นก็ได้”



จบโซนเนื้อ ต่อที่โซนของทานเล่น ครั้งนี้เถียงกันไม่เท่าไหร่ เพราะต่างคนต่างมียี่ห้อในใจ อรรณพหยิบซองกาแฟที่ตนชอบ ศศินหยิบถุงชาอันเดียวกับที่มีอยู่ หากจะเถียงกัน ก็เป็นเรื่องของขบเคี้ยวมากกว่า



อันนี้ไม่อร่อย อันนี้ไม่ดีต่อสุขภาพ อันนี้แพงไป อยากลองอันใหม่แต่กลัวว่าจะไม่อร่อย



กว่าจะตกลงกันได้ก็ใช้เวลาพอประมาณ



ก่อนจะจ่ายเงิน ศศินถามอีกฝ่ายย้ำอีกครั้ง



“ซื้อมาครบแล้วใช่ไหม...”



“คิดว่านะ หมู ผัก เนื้อ ไข่ ชากาแฟ ขนม”



“แล้วพวกเครื่องปรุงหมดหรือยัง”



ศศินเตือนความจำ



“เอ้อ... น้ำมันหอยใกล้หมดแล้ว”



อรรณพทวนความจำ วิ่งไปหยิบสิ่งของที่ขาดไปใส่รถเข็น ทบทวนกันอีกครั้งก่อนจะไปคิดเงิน



หาอะไรง่ายๆ แถวนั้นทานเป็นข้าวเที่ยง แล้วก็พากันเดินเคียงข้างคู่กันกลับบ้านในช่วงบ่าย



การกระทำและบทสนทนาธรรมดาแสนเรียบง่าย ดังท้องฟ้าที่ไร้การเคลื่อนไหว ดังทะเลที่คลื่นลมสงบ











#จักรวาลใต้มหาสมุทร


ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|5: Cirrocumulus & Wind waves|



และแล้วก็ถึงวันที่มหาสมุทรและอวกาศมาบรรจบ



ศศินปิดเทอมอย่างราบเรียบและน่าเบื่อหน่าย เขาหมกตัวอยู่บ้านเหมือนที่ผ่านๆ มา มีไปหาญาติบ้างบางครั้งคราว และไม่ได้เที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษ ผิวขาวแทบไม่โดนแดดตอนนี้ขาวซีดยิ่งกว่าเดิม นอกเหนือจากค่าสายตาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ กับสีผิวแล้วศศินก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง



อรรณพใช้เวลาช่วงปิดเทอมนี้ไปกับน้อยหน่าเสียส่วนใหญ่ อยู่กับเธอบ่อยขึ้น ดูแลเธอตามที่อรรณพต้องการ ออกไปท่องเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนใหม่เพื่อนเก่า นัดเจอน้อยหน่าอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง สิ่งที่อรรณพเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในปิดเทอมนี้คือเขาสายตาสั้นลง น้อยหน่าจึงพาไปตัดแว่นทรงสี่เหลี่ยมกรอบดำ ทรงแว่นถูกแฟนสาวคัดสรรมาอย่างดี เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าของอรรณพที่สุด



มันเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่น้อยหน่ามอบให้เขา



เพราะในที่สุดก็จบลงที่ทั้งสองตัดสินใจเลิกราต่อกัน...ก่อนเปิดเทอมไม่กี่วัน...



“มันก็ระหองระแหงมาได้สักพักแล้วล่ะ”



“งั้นหรือ”



อรรณพเข้ามาขัดจังหวะการอ่านหนังสือของศศินในสองอาทิตย์หลังจากเปิดเทอม ขึ้นปีสองมาคราวนี้พวกเขาได้ลงเรียนเซ็คเดียวกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้คุยกันมากนัก จนอรรณพหาเวลามาเจอศศินที่เดิมได้ก็พ่นความในใจออกมาทันที



เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีท้องทะเลและเรือดำน้ำใดๆ



ศศินแม้ไม่รู้จะรับมือกับเรื่องราวพวกนี้ยังไง แต่ก็พยายามรับฟัง



“ช่วงปิดเทอมผมก็พยายามไปไหนมาไหนกับเธอแล้ว ดูแลเทคแคร์ แต่สุดท้ายน้อยหน่าก็บอกว่าเธอไม่รู้สึกถึงความรักที่ผมเคยมีให้เธอแล้ว...ตอนนั้นผมพูดไม่ออกไปเลย จะแก้ตัวก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง จะบอกว่ายังรักเธอปากก็ไม่ขยับ... ผมคงหมดรักน้อยหน่าแล้วจริงๆ นั่นแหละ”



“งั้นหรือ”



“อย่าด่าผมนะ ไอ้พวกนั้นด่าผมมาจนครบวงแล้ว บอกว่าหาอย่างน้อยหน่าไม่ได้ง่ายๆ แล้วนะ ยังจะปล่อยให้หลุดมืออีก แต่พวกนั้นไม่เข้าใจผมนี่”



“...”



“ความรู้สึก...มันบังคับกันได้ที่ไหน”



อรรณพเท้าคางถอนหายใจ สายตาเหม่อมองทะลุตัวศศินไปข้างหลัง ไม่ได้โฟกัสอะไร แค่ปลดปล่อยอารมณ์เฉยๆ ส่วนคนรับฟังกลับทำตัวไม่ถูก ศศินไม่รู้ต้องใช้คำไหนอรรณพถึงจะได้สบายใจขึ้น อึกอักอยู่นาน สุดท้ายคนอกหักก็เป็นฝ่ายพูดก่อน



“ตอนโดนบอกเลิกผมเสียใจแทบตาย แต่ไม่ร้องไห้ ไม่มีน้ำตาสักหยด คุณว่ามันแย่ไหม”



ถ้านอกจากเรื่องที่อรรณพสวมแว่นเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงแล้ว เรื่องการเรียกศศินว่าคุณก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน



“ไม่หรอก”



“ทำไมล่ะ ผมควรเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟาย ผมคบกับเธอมาตั้งแต่มัธยมเชียวนะ แต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย”



“ก็...ความเสียใจไม่ได้แสดงออกมาแค่ว่าต้องร้องไห้อย่างเดียวนี่...”



“...” เมื่อนั้น มหาสมุทรพลันเงียบงัน ไม่เคยนึกถึงข้อนี้มาก่อน พวกเพื่อนของเขาด่าทอเขาใหญ่ แต่ศศินกลับแตกต่าง แม้ไม่ได้สนิทมากมายแต่กลับสบายใจที่ได้พูดคุย แถมยังมีความคิดที่เขาคาดไม่ถึงอีกด้วย



“คุณก็คงเสียใจจริงๆ ใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นคงไม่มาระบายให้ผมฟัง”



“ผม...ก็เสียใจ แต่พอไม่ได้ร้องไห้ก็เลยไม่รู้ว่าเสียใจรึเปล่า”



“จะเสียใจมากเสียใจน้อยก็คือเสียใจนั่นแหละ อย่าคิดมากเลย อีกอย่าง เรื่องมันก็จบไปแล้วนี่ คุณกับน้อยหน่าก็เลิกกันด้วยดีไม่ใช่หรือ”



“ก็ใช่ สุดท้ายก็ยังเป็นเพื่อนกันได้...แต่ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แบบนี้แสดงว่าผมไม่ได้รักเธอตั้งแต่แรกรึเปล่า แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นอะไรถึงจะเรียกว่ารัก”



คำถามนี้ศศินก็ตอบไม่ได้เช่นกัน เขาไม่เคยรักใครนอกจากครอบครัว ไม่เคยรักอะไรนอกจากการค้นคว้าจักรวาล ความรักของมนุษย์เป็นเรื่องลี้ลับสำหรับเขา



แต่พอมหาสมุทรเศร้าซึม จักรวาลจึงเอ่ยบอกความลับบางอย่างให้ฟัง



ความลับของจักรวาล... สถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก



ศศินชักชวนให้อรรณพไปที่นั่นด้วยกัน ด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะสบายใจขึ้น



ต้องรอเวลาเลิกเรียนก่อนถึงจะได้ไป อรรณพสงสัยไปทั้งครึ่งภาคบ่ายถึงสถานที่นั้น พวกเขาไม่เคยอยู่ด้วยกันที่อื่นนอกจากห้องสมุดและห้องเรียนเลยสักครั้ง นึกแซวอีกฝ่ายในใจว่าศศินรู้จักที่อื่นที่นอกเหนือจากห้องสมุดกับมหาลัยด้วยหรือ แต่พอนึกถึงน้ำเสียงของศศินแล้ว เขายิ่งอยากรู้จักสถานที่นั้นเร็วๆ



‘มีที่ที่หนึ่งที่ผมชอบไปเวลามีปัญหากวนใจ...



ข้างบนเป็นท้องฟ้า ข้างล่างเป็นผืนน้ำ’



ศศินให้คำใบ้ถึงสถานที่แห่งความลับ อรรณพนั่งหาคำตอบกับมันทั้งวันจนลืมสนใจเรื่องเรียน



ยามเย็นมาถึง อรรณพบอกลาเพื่อนพ้อง ส่วนศศินนั่งรออยู่ใต้โถงของคณะคนเดียวได้สักพักแล้ว พอทั้งคู่เจอกันก็พากันไปยังสถานที่แห่งความลับของศศิน



การเดินทางไม่ได้ลำบาก แต่ระยะทางค่อนข้างไกลไม่ใช่น้อย รวมกับเวลาเร่งด่วนทำให้รถติด กว่าจะไปถึงพระอาทิตย์ก็ใกล้จะตกดินแล้ว ศศินพาอรรณพเดินบนบาทวิถี เข้าตรอกซอกซอย ก่อนจะมาถึงจุดหมาย



มันคือสะพานเก่าแห่งหนึ่ง



“ที่นี่นะเหรอ?...สะพาน?”



“อืม” ไม่ว่าเปล่า ศศินชวนอรรณพให้เดินมากลางสะพานด้วยกัน “มาตรงนี้สิ”



อีกฝ่ายทำตามอย่างว่าง่าย และค้นพบว่าที่ตรงนี้สามารถดูพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างไม่มีอะไรบดบัง... เมื่อมองพุ่งไปตรงกลางจะเห็นพระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า ขีดเส้นแบ่งด้วยผืนนภาและสายธาร มองไปข้างบนเป็นท้องฟ้า เมื่อมองไปข้างล่างเป็นแม่น้ำ...ตรงกับคำใบ้ที่ศศินให้มา



เจ้าสมุทรยกยิ้ม ความคิดที่พันกันยุ่งเหยิงในหัวเริ่มคลี่ออก เขานั่งลงหย่อนขาที่สะพานเก่า หลับตารับลมที่ลอยโชยมาเบาๆ



“ดีขึ้นมั้ย” ศศินผู้สถาปนาตัวเองเป็นเจ้าของสถานที่นี้ถามขึ้น



“ก็ดี...” อรรณพลืมตา มองตรงไปยังสุดปลายน้ำ พระอาทิตย์กำลังส่องแสงเป็นเฮือกสุดท้าย



“ถ้าไม่ชอบก็บอกได้ ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ...ผมแค่...เวลารู้สึกแย่ๆ จะชอบมาที่นี่เท่านั้นเอง”



“ตอนไหนบ้างที่คุณรู้สึกแย่”



“...ก็...อย่างเช่นตอนทำข้อสอบไม่ได้”



อรรณพหัวเราะออกมาเบาๆ คิดว่าสมกับเป็นศศินจริงๆ ร่างสูงหันไปมองคนตัวเล็กที่กำลังหย่อนตัวลงมานั่งข้างๆ ดวงตาใต้กรอบแว่นของอรรณพมองทะลุเข้าไปหาดวงตาใต้กรอบแว่นอีกฝ่าย เงาสะท้อนจากแสงอาทิตย์ส่องประกายวาบขึ้นมาเล็กน้อย



“มีแค่นี้หรือ เรื่องที่คุณรู้สึกแย่...”



ศศินนิ่งนึก เขาไม่ค่อยมีเพื่อน จึงไม่รู้ว่าจะพูดคุยอย่างไร ใบหน้าขาวซีดหันกลับไปจ้องอีกฝ่าย เห็นดวงตาเป็นประกายสบกลับมา



คิดว่าถ้าเป็นอรรณพคงพูดได้ไม่เป็นไร



“ก็มีเรื่องครอบครัวบ้าง...”



“อย่างเดียวหรือ”



“เรื่องเพื่อนก็มีบ้าง...”



ว่าจบพร้อมเหม่อมองท้องฟ้า พ่อแม่เขาไม่ค่อยได้อยู่ดูแลศศินเท่าไหร่ เขามักรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นประจำ ถึงอย่างนั้นนานวันเข้าเขาก็คุ้นเคยกับความเงียบไปเสียแล้ว... ส่วนเรื่องเพื่อน...อย่างที่เห็น ศศินเข้ากับใครไม่ค่อยได้ และเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองต้องถูกเพ่งเล็งกลั่นแกล้งเพราะแค่ไม่ชอบเตะบอลหรือเล่นบาสกับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย



“เล่าให้ผมฟังได้ไหม เรื่องของคุณ” อรรณพถาม “เถอะนะ ผมเล่าเรื่องของตัวเองแล้ว อยากรู้เรื่องของคุณบ้าง”



“มันก็...ไม่มีอะไรหรอก เรื่องทั่วไป”



“อย่างเช่น”



“พ่อแม่...ไม่ค่อยกลับบ้าน บางทีก็เหงา”



“อ๋อ แล้วเรื่องเพื่อนที่ว่าล่ะ” เจ้าสมุทรยิงคำถามไม่หยุด ศศินหยุดคิดไปนาน เหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี สุดท้ายก็ยอมเอ่ยเล่า



“เมื่อตอนมัธยมผมมักโดนเพื่อนแกล้ง โดยที่ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาต้องมายุ่งกับผมนัก แค่ปล่อยให้ผมอยู่เงียบๆ คนเดียวไม่ได้หรือไง... พอเข้ามหาลัยผมก็เลยไม่อยากสุงสิงกับใคร” เขานิ่งคิดจนเวลาผ่านไปนาน



“ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น” และศศินก็ตัดจบมันลงตรงนี้ด้วยรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ



ใช่ เขาไม่อยากสุงสิงกับใคร แต่อรรณพกลับเข้ามาทำให้เขาค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้น ศศินคิดว่าการที่มีเพื่อนให้คุยด้วยเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่น้อย เป็นครั้งแรกที่มีคนฟังเรื่องที่เขาพูด ถกในเรื่องที่เขาอยากฟัง แลกเปลี่ยนความเห็นกันโดยไม่ฝืนธรรมชาติ เขาชอบที่ได้อยู่กับอรรณพ...แน่นอนว่าศศินไม่พูดเรื่องแบบนี้ออกไปหรอก ไม่เด็ดขาด



เมื่อเรื่องราวถูกตัดจบ อรรณพก็ไม่กล้าถามลงลึก ศศินแทบไม่พูดเรื่องตัวเอง การที่เขาตอแยให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องตัวเองได้ขนาดนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว



“มองอะไรอยู่”



คนข้างกายดึงให้เจ้าจักรวาลที่เหม่อมองเมฆอย่างล่องลอยกลับมาในปัจจุบัน ศศินหันไปส่งยิ้มน้อยๆ ให้อีกฝ่าย ยกนิ้วเรียวชี้ไปที่มวลก้อนเมฆบนท้องฟ้า



“คิวมูลัส”



“หา?”



“ชื่อเมฆ”



อรรณพเงยหน้ามองปุยเมฆบนท้องฟ้า พลางอมยิ้มขำที่ได้ยินชื่อคุ้นหู เรื่องพวกนี้เขาก็เคยเรียนสมัยมัธยม แต่ไม่คิดจำ สอบเสร็จก็ลืม แต่อีกฝ่ายไม่ใช่ ศศินสนใจเรื่องท้องฟ้าถึงขนาดจดจำได้แทบทุกเรื่องราวบนนั้น



“...บางวันที่บ้านก็มีเรื่องแย่ๆ ผมมานั่งที่นี่ดูเมฆ ดูน้ำไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าสงบดี”



“อืม...” คราวนี้อรรณพปล่อยให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องราว



“บางวันเจอเมฆฝน วันไหนโชคดีก็จะได้เจอเซอร์โรคิวมูลัส”



ชื่อเมฆชั้นสูง อรรณพพอจะจำได้อยู่บ้าง



“การมองดูเมฆดูท้องฟ้าทำให้รู้ว่าทุกวันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ” ศศินหยุดพูด หันมาสบตากับอีกฝ่ายที่จ้องตนก่อนอยู่แล้ว “เรื่องแฟนคุณ...ผมเสียใจด้วย แต่ผมคิดว่าคิดเรื่องอดีตไปมันก็ไม่ช่วยอะไร ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ท้องฟ้าไม่เคยเหมือนกันสักวัน เพราะงั้น...อย่าคิดมากเลย”



อรรณพถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ เป็นครั้งแรกที่ศศินพูดเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากอวกาศได้ยาวเหยียดขนาดนี้



เมื่อนั้น อรรณพสัมผัสได้ว่า เขาได้ผ่านเข้าชั้นบรรยากาศของดาวศศินได้แล้วหนึ่งชั้น...



เขาฉีกยิ้มให้เจ้าของสถานที่แห่งความลับ เปล่งประกายดุจน้ำทะเลยามกระทบแสงอาทิตย์



“ขอบคุณนะ ผมชอบที่นี่มากเลย”



อรรณพว่า ชอบที่นี่...อย่างไม่แน่ใจว่าแค่ที่นี่จริงๆ หรือเปล่าที่ชอบ







อาจารย์ศศินมาดเนี้ยบกลับเข้าสู่การสอนตามปกติ เขาเริ่มการเรียนการสอนตรงตามเวลา และคิดว่าวันนี้นักศึกษาในคลาสค่อนข้างเสียงดังกว่าวันอื่นๆ จนเขาต้องตักเตือนไปครั้งหนึ่งระหว่างคาบเรียน



ปกติไม่เป็นเช่นนี้ นักศึกษาในคลาสของเขามักนั่งเงียบ ไม่หลับก็ตั้งใจฟังเขา...หรือไม่ก็ตั้งใจจ้องหน้าเขา อย่างมากก็แค่คุยกันเสียงกระซิบ ไม่เสียงดังจ้อกแจ้กขนาดนี้



ศศินได้รู้ความจริงก็ตอนพักเที่ยง ขณะที่เขาทานอาหารเที่ยงร่วมกับอาจารย์ท่านอื่นๆ



หากนักศึกษามักนินทาอาจารย์แล้ว ก็ไม่แปลกที่อาจารย์เองจะสามารถพูดถึงเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน



“คุณรู้ไหม ตอนนี้คุณเป็นที่พูดถึงมากเลยนะ อาจารย์ศศิน”



“ครับ?”



เปิดเรื่องด้วยอาจารย์ภาคชีววิทยา



“เรื่องที่นักศึกษาพูดกันใช่ไหม ผมก็ได้ยินมาเหมือนกัน” ตามด้วยอาจารย์ภาคธรณีวิทยา



“ของผมมีนักศึกษามาถามกับตัวเลยล่ะ แทบหาทางเลี่ยงไม่ได้เลย” ปิดท้ายด้วยอาจารย์ภาคฟิสิกส์



“เรื่องอะไรกันหรือครับ?” ศศินเอ่ยถาม วันนี้อรรณพไม่เข้าสอน เขาจึงนั่งทานข้าวคนเดียว แต่ถึงให้อรรณพเข้าสอน เขากับอีกฝ่ายก็ไม่ค่อยได้เจอกันนัก อรรณพชอบตรวจวิทยานิพนธ์เกินเวลาพักเที่ยงเสมอ และศศินมักจะมีคาบสอนถัดจากพักเที่ยง ทำให้เวลาของพวกเขาไม่ค่อยตรงกัน



แต่ก็ไม่สำคัญอะไร เพราะพวกเขาก็ได้เจอกันทุกวันอยู่แล้ว



“เรื่องของคุณกับอาจารย์อรรณพน่ะสิ”



“มันทำไมหรือ?”



“ผมเคยบอกไปรึยังนะ ว่ามีนักศึกษาสงสัยว่าใครเป็นเจ้าของแหวนที่นิ้วนางของคุณ”



ศศินนึกสักพัก “น่าจะเคยบอกแล้วนะครับ”



“นั่นแหละ เจ้าพวกนั้นดูสนใจเรื่องนี้กันมาก แล้ววันเสาร์ที่ผ่านมานี้คุณกับอาจารย์อรรณพได้ไปห้างที่ไหนรึเปล่า”



“ครับ ผมไปซื้อของสดเข้าบ้าน”



“นั่นไงล่ะ มีนักศึกษาตาดีเจอพวกคุณเข้าน่ะสิ”



“อ้อ...” ศศินว่าแค่นั้น ก่อนตักข้าวเข้าปากอย่างไม่คิดเอ่ยถามถึงสถานการณ์ต่อไป เพราะรู้ว่ายังไงอาจารย์ภาคฟิสิกส์คนนี้ต้องเล่าต่อแน่ๆ



“แล้วก็เลยเป็นข่าวลือโด่งดัง ว่าอาจารย์ศศินคบกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่”



ศศินหัวเราะขำในใจ แทนที่จะเรียกว่าคบกับอาจารย์ผู้ชายคนหนึ่งอยู่กลับเหลือเพียงผู้ชายคนหนึ่ง คงเพราะอรรณพไม่ค่อยปรากฏตัวให้ใครเห็น ไม่แปลกที่มีนักศึกษาจำนวนมากที่ไม่รู้จักอรรณพ



“ผมก็ว่า ทำไมวันนี้คลาสเรียนของผมเสียงดังกัน”



ศศินเอ่ยอย่างมีบทร่วมในวงสนทนา ในเมื่อประเด็นเรื่องนี้เป็นเขา จะให้ไม่พูดอะไรเลยก็คงไม่ได้



“เจ้าพวกนั้นน่าจะสนใจเรื่องเรียนกันให้มากกว่าสนใจเรื่องของคนอื่นนะ”



“ผมก็ว่างั้น”



เป็นที่รู้กันในหมู่อาจารย์อยู่แล้วว่าศศินคบกับอรรณพอยู่ เพียงแต่ไม่ได้รู้กันในหมู่กว้าง ก็แค่อาจารย์ที่ศศินสนิทด้วยเท่านั้น อาจารย์บางคนจะไม่รู้เรื่องนี้ก็ไม่แปลก คณะนี้กว้างใหญ่ หลากหลายสาขา นอกจากนักศึกษาจะมีจำนวนมากแล้ว อาจารย์ก็มีจำนวนเยอะพอกัน



เรื่องที่ศศินคบกับใคร ไม่ได้เป็นความลับมากมาย แต่ศศินก็ไม่ได้อยากป่าวประกาศให้ใครมารับรู้ชีวิตของตน อาจารย์ที่ศศินสนิทด้วยก็เคารพเขาและมีมารยาทพอควร ไม่นำเรื่องของเขาไปเล่าขานเพียงเพื่อให้ตนสนุกปาก



“แล้วตอนโดนนักศึกษาถามคุณตอบไปว่าอะไรล่ะ” อาจารย์ภาคชีววิทยาเอ่ยถามอาจารย์ภาคฟิสิกส์



“ตอบว่าไม่รู้” อาจารย์ฟิสิกส์เอ่ย “เจ้าเด็กนั่นถามผมว่าอาจารย์ศศินเป็นเกย์เหรอ มีคนบอกว่าเห็นอาจารย์ศศินเดินซื้อของกับผู้ชาย เล่นถามกันตรงๆ แบบนี้ผมถึงกับสะอึกไปเลย”



ศศินอมยิ้มเงียบๆ



“เด็กสมัยนี้เนี่ยน้า...”



ฟังบทสนทนาที่กำลังจะเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องของยุคสมัย จวบจนเวลาพักเที่ยงของเขาจบลง



เขารอเวลาอาทิตย์ตกดินแทบไม่ไหว มองแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของตน คิดถึงเจ้าของแหวนที่อยู่ที่บ้านจนอยากกลับไปกอดแรงๆ สักที









#จักรวาลใต้สมุทร


ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|6: Apollo 11 & Bathyscaphe|



“ผมไม่เคยเห็นคุณโดดเรียนเลย ไปไหนมาหรือ ทำไมคาบที่แล้วไม่เข้าเรียน”



ศศินวางหนังสือลง สบตากับผู้มาเยือนที่ห้องสมุดแบบกะทันหัน ลอบถอนหายใจ



“ไปสัมมนาวิชาการมา ผมยื่นใบลาแล้วด้วย”



“สัมมนา? ที่ไหน”



“หอประชุมใหญ่นี่แหละ มีนักดาราศาสตร์มาให้ความรู้เยอะดีผมเลยลงชื่อไว้ตั้งนานแล้ว แต่เวลามันชนกับวิชาที่เรียนเลยต้องขอลา”



“อ้อ...” อรรณพลากเสียงยาว “แล้วสนุกมั้ย”



“สนุก ได้รู้อะไรเยอะแยะเลย ได้ฟังจากปากคนมีความรู้บางทีก็สนุกกว่าอ่านเอง” ดวงตาของศศินเป็นประกาย



“แล้วได้รู้อะไรเพิ่มบ้างล่ะ”



“ก็หลายเรื่อง ทั้งปฏิบัติการอพอลโล11 ทั้งสสารมืด แต่ตอนนี้สนใจเรื่องมิติของเวลา”



“มันเป็นยังไง”



“ผมพอจะรู้ถึงมิติเวลาอยู่หรอกแต่มันไม่ได้มีแค่นั้น ผมชอบประโยคที่เขาเกริ่นนำมากเลย เขาบอกว่าทำไมคนเราถึงจดจำแต่อดีต ไม่ใช่อนาคต แท้จริงแล้วเราอยู่ในกาลเวลาหรือกาลเวลาต่างหากที่อยู่ในตัวเรา...”



ศศินเริ่มต้นพร้อมต่อด้วยความรู้ชุดใหม่ พล่ามพ่นออกมาอย่างตื่นเต้น



“คุณรู้ไหมว่าเวลาบนโลกไม่เท่ากัน เวลาบนที่สูงดำเนินไปไวกว่าที่ต่ำกว่า เวลาบนภูเขาดำเนินเร็วกว่าใต้ท้องทะเล แม้ความแตกต่างจะน้อยมากแต่ก็มีเครื่องมือยืนยันพิสูจน์”



อรรณพฟังเสียงคนตัวเล็กกว่าพล่ามเรื่องมิติเร้นลับอย่างออกรส ส่วนตัวเองอมยิ้มอย่างมีความสุข เขาชอบที่ได้เห็นศศินส่องประกายในแบบของตัวเอง เจ้าตัวหลงใหลจักรวาลที่น่าค้นหามากยิ่งกว่าใคร และในยามที่ศศินพูดถึงเรื่องนี้ เขาดูเป็นตัวของตัวเองมากกว่าตอนไหนๆ เสมือนว่าปลดเปลื้องชั้นบรรยากาศของดาวศศิน เปลือยให้เห็นโลกข้างในโดยไม่รู้ตัว



อรรณพกำลังปฏิบัติการสำรวจดาวศศินอย่างลับๆ เริ่มจากโคจรไปรอบๆ ดาวศศิน จนค่อยๆ เข้าใกล้ชั้นบรรยากาศทีละนิด กระทั่งได้ผ่านชั้นบรรยากาศเข้าสู่ตัวดาว แต่นั่นจะเป็นเพียงการเข้าถึงแค่ชั่ววินาที



เพราะเมื่อศศินเล่าจบ คนตัวเล็กกว่าก็พร้อมที่จะผลักอรรณพออกจากดาวศศินแทบทันที



เมื่อนั้นอรรณพพลันรู้ตัวว่าตัวเองจ้องอีกฝ่ายมากไปแล้ว เขาเสตาหลบ กระแอมหนึ่งที กลับไปลอยโคจรรอบดาวศศินอีกครั้ง



“ตอนคุณหายไป อาจารย์เรียกคุณว่าคะนิ้งด้วย”



“...”



“นั่นชื่อเล่นคุณหรือ”



อรรณพเริ่มบทสนทนาใหม่ เขาได้ยินอาจารย์ในคาบเช็คชื่อ เมื่อจะมาถึงชื่อศศิน อาจารย์เอ่ยออกไมค์ว่าคะนิ้งไม่อยู่สินะ ก่อนจะเอ่ยชื่อคนถัดไป และนั่นทำให้เขาได้รู้จักชื่อใหม่ของอีกฝ่าย...อันที่จริง ต้องบอกว่าทั้งห้อง... แต่คงมีไม่กี่คนที่สนใจเรื่องนี้



ศศินมุ่นคิ้ว ดูเหมือนไม่ค่อยชอบคำถามนี้สักเท่าไหร่ คะนิ้งเป็นชื่อเล่นของเขา ชื่อที่คล้ายชื่อผู้หญิงบวกกับการที่ชอบอยู่ตัวคนเดียว ทำให้เขากลายเป็นที่กลั่นแกล้งของพวกเด็กผู้ชายเสมอ ทั้งการล้อชื่อเอย ทั้งการแกล้งต่างๆ เอย



ด้วยเหตุนี้ ศศินจึงไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกชื่อเล่นเขาเท่าไหร่ เว้นเสียแต่คนในครอบครัว ส่วนอาจารย์คนนั้น ศศินสนิทสนมด้วยเป็นพิเศษ เนื่องจากชอบไปพูดคุยเรื่องเรียนนอกรอบจนอาจารย์จำได้ เขาถามชื่อเล่นของเด็กหนุ่ม และเรียกชื่อนั้นมาตลอดเพื่อเพิ่มความสนิทสนม ศศินไม่ว่าอะไรที่อาจารย์เรียกชื่อเล่นเขา



เพียงแต่ศศินไม่คิดว่าอาจารย์จะประกาศชื่อเขาออกไมค์



เขารู้ว่าอาจารย์ไม่ได้ผิดอะไรหรอก เขาเองก็ไม่เคยบอกว่าไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อนี้



เพราะฉะนั้น...คะนิ้งจึงได้แต่ถอนหายใจ



“อืม...ชื่อเล่นผม แต่ผมไม่ชอบให้ใครมาเรียกเท่าไหร่” ศศินเอ่ยตอบ พร้อมรีบเอ่ยดักทาง



“ทำไมล่ะ น่ารักดีออก”



ศศินหน้ามุ่ย “มันเหมือนชื่อผู้หญิง ผมชอบถูกล้อเพราะเรื่องชื่อนี้บ่อยๆ เลยไม่ชอบ”



“ผมว่าเพราะออก ไม่เห็นต้องสนใจพวกนั้นเลย คะนิ้ง”



คะนิ้งตัวน้อยชักไม่พอใจ “อารมณ์เหมือนถ้ามีคนมาเรียกคุณว่าอันอันคุณจะโกรธไหมล่ะ”



“อ้าว...เกี่ยวอะไรกับอันอัน” อรรณพเว้นไปพักหนึ่งก่อนเข้าใจว่าศศินกำลังโจมตีตัวเขาเอง เขาถอนหายใจให้กับชื่อเล่นใหม่ที่อีกฝ่ายตั้งให้ แน่นอน เขาคงโกรธถ้ามีคนมาล้อชื่อเขาแบบนี้ แต่น่าแปลกที่พอมองคนล้อแล้วกลับโกรธไม่ลง



แต่ก็เข้าใจแล้ว



“ผมไม่เรียกชื่อเล่นคุณก็ได้”



ศศินพยักหน้า ดีใจที่อีกฝ่ายยอมเข้าใจโดยง่าย แต่ก็ไม่เอ่ยบทสนทนาใดต่อจนอรรณพเริ่มเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง



“ผมว่าผมน่าจะลองไปงานสัมมนาแบบนี้ดูบ้าง”



“เอาสิ สนุกนะ”



“แต่ประเด็นคือผมจะหางานสัมมนาเกี่ยวกับทะเลได้ที่ไหนบ้าง...มันไม่ฮ็อตฮิตเท่าอวกาศนี่”



“ผม...เจอป้ายโฆษณาแปะอยู่ที่บอร์ดโรงอาหาร คุณลองหาดูอาจจะมีก็ได้...”



“จะไปมีง่ายๆ อย่างนั้นหรือ”



“หรือไม่ก็ลองสอบถามอาจารย์ไม่ก็บุคลากรที่เกี่ยวข้องดู”



“โอเค ผมจะลองละกัน” อรรณพว่า “จะว่าไป ผมเคยได้ยินเด็กคนนึงพูดว่าใต้ทะเลน่ากลัวกว่าอวกาศอีก” ก่อนเปิดประเด็นเรื่องของตน “ผมถามว่าทำไม เจ้าเด็กนั่นก็บอกว่าใต้ทะเลมีฉลาม แต่อวกาศไม่มีสิ่งมีชีวิตที่จะกินคนได้”



อรรณพอมยิ้มเล็กน้อย “ผมรู้แล้วว่าทำไมอวกาศถึงได้เป็นที่ชมชอบของผู้คนมากกว่าโลกใต้ทะเลนัก แม้ว่าจะต้องต่อสู้กับอะไรหลายอย่างคล้ายๆ กัน ทั้งแรงดัน ความมืด ความเงียบไร้เสียง งบประมาณ แต่ท้ายสุดแล้วโลกใต้ทะเลยังมีสิ่งมีชีวิตที่เรายังไม่ค้นพบอีกมากมาย และเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นผู้ล่าหรือไม่ มนุษย์เปราะบางที่เป็นผู้ถูกล่ายามที่ไม่มีอุปกรณ์พร้อมสู้จึงไม่แปลกที่นึกหวาดกลัวโลกใต้น้ำ”



“ที่คุณว่าก็มีเหตุผลดี ในอวกาศเราต่อสู้แค่กับแรงโน้มถ่วง ชั้นบรรยากาศโลก แม้จะมืดจะเงียบ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นภัยต่อเรา อย่างน้อยก็ไม่มีเอเลี่ยนขับยานอวกาศมาบุกมายิง”



ศศินพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “แต่ผมก็หวังว่ามนุษย์เราจะค้นพบโลกใต้น้ำได้มากกว่านี้นะ”



ครานี้อรรณพทำตาโต “ทำไมล่ะ”



“ตอนแรกผมไม่เคยสนใจเรื่องโลกใต้ทะเลเลย แต่พอได้ยินคุณพูดถึงบ่อยๆ ก็ชักจะสนใจ ข้อมูลพวกนี้ในตอนนี้มีไม่มาก ยังมีพื้นที่อีกมากให้เราได้ค้นพบและเรียนรู้เกี่ยวกับโลกของเรา”



เจ้าสมุทรพลันหัวใจกระตุกชาวาบ จ้องหน้าศศินอย่างเปิดเผย



ให้ตายสิ...ทำไมเขาถึงคิดว่าคนคนนี้ช่างน่าสนใจขนาดนี้กันนะ



อยากจะรู้จักให้มากกว่านี้อีกจริงๆ



อรรณพตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะสำรวจดาวศศินอย่างลึกซึ้งต่อไป กับน้อยหน่ายังไม่ใจเต้นแรงขนาดนี้ กับน้อยหน่าไม่เคยผ่อนคลายได้ขนาดนี้ และต่อให้กับใครคนอื่นก็คงไม่รู้สึกอยากรู้จักอีกฝ่ายขนาดนี้



ปฏิบัติการสำรวจดาวศศินยังคงดำเนินต่อไป ครั้งนี้การสำรวจเพิ่มความจริงจังเข้าไปมากขึ้น มากกว่าแค่การโคจรรอบดวงดาวดวงน้อย










เช้าวันเสาร์ ศศินตื่นสายผิดปกติ เหตุเพราะโดนเจ้าของบ้านอีกคนรังแกไม่จบไม่สิ้น ศศินดุแล้วดุอีก แต่มีหรือที่อรรณพจะยอม เสียงดุของศศินยิ่งช่วยปลุกเร้าอารมณ์ดิบของเขาให้พลุ่งพล่าน เสียงดุของศศินที่ไร้ซึ่งความดุดัน แต่เป็นเสียงครางกระเส่า



ดีแค่ไหนแล้วที่อรรณพยอมอดใจไม่แตะเนื้อต้องตัวคะนิ้งตัวน้อยเกินความจำเป็นตลอดหนึ่งอาทิตย์นี้



ไหนจะตอนที่จู่ๆ ศศินก็กลับบ้านมากอดเขาหมับ คลอเคลียออดอ้อน ทว่ากลับทำอะไรไม่ได้เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะลุกไปทำงานไม่ไหว ในที่สุดอรรณพก็ระเบิดความต้องการของตัวเองในคืนวันศุกร์ กระโจนโหมแรงใส่ทุกท่วงท่าจนเนื้อนวลขึ้นสีแดงจ้ำไปทั้งร่าง ยังดีที่อรรณพพอมีสติ ทำรอยรักแต่ในที่ใต้ร่มผ้า



ศศินลุกจากเตียง รู้สึกปวดตัวอยู่หน่อยๆ ในห้องนอนไม่มีเงาของอรรณพ ในบ้านไม้ผสมปูนสองชั้น ขนาด98ตารางเมตรนี้ อรรณพจะอยู่ตรงส่วนไหนก็ได้ แต่เมื่อกำลังนึกว่าอีกฝ่ายไปไหน ศศินก็พลันได้กลิ่นหอมลอยโชยมาจากชั้นล่าง เขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังทำข้าวเช้าอยู่



ร่างขาวนวลสวมเสื้อยืดตัวใหญ่ของอรรณพ เสื้อยืดสีขาวมีลายคลื่นทะเลตรงกลางหน้าอก ท่อนล่างสวมเพียงกางเกงชั้นในขาสั้น เมื่อเขาลุกขึ้นยืน เสื้อตัวใหญ่ก็ตกลงมาคลุมกางเกงตัวน้อยเสียมิด เสมือนว่าเขาใส่เสื้อเพียงตัวเดียวอย่างนั้น ศศินเดินลงบันไดตัวโอนเอน เส้นผมสีดำยุ่งฟู อรรณพสังเกตเห็นอีกฝ่ายก่อนที่ศศินจะมาถึงห้องครัว



“นิ้ง ตื่นแล้วเหรอครับ”



พลันปิดไฟเตาแก๊ส เดินตรงมาหาศศินที่ก้าวเท้าลงมาถึงพื้นชั้นล่างด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนปวกเปียก เดินโยกเยก อรรณพเข้าประคองอีกฝ่ายทันที



“เจ็บเหรอ”



“อืม...ไม่ค่อยสบายตัว” ศศินว่า มุดอยู่ในอ้อมกอดอุ่น “สงสัยแก่แล้ว”



อรรณพหัวเราะเบาๆ ลูบหัวยุ่งๆ ของอีกฝ่าย ช่างน่ารักน่าชังเกินไปแล้ว



“ถ้าคุณแก่ ผมก็แก่ไม่ต่างกันนั่นแหละ ผมว่านิ้งน่าจะออกกำลังกายให้มากกว่านี้นะ”



คะนิ้งตัวน้อยเบะปากด้วยสาเหตุสองอย่าง ข้อแรก อรรณพพูดชื่อเล่นเขาอีกแล้ว ข้อที่สอง เขาไม่ชอบออกกำลังกาย พลันส่ายหน้าซุกอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโต ปฏิเสธข้อเสนอ



“งั้นผมคงต้องให้นิ้งออกกำลังกายด้วยกันบ่อยๆ”



คะนิ้งตีแขนอีกฝ่ายดังป๊าบ ผละตัวออก



“หยุดเรียกชื่อเล่นผมได้แล้ว แล้วอีกอย่าง...คุณไม่ใช่นักศึกษาของผม ไม่ต้องทำการบ้านมาส่งบ่อยๆ ก็ได้”



อรรณพหัวเราะขำกับมุกติดตลกตอนท้าย “ไม่ไหวหรอก มีอาจารย์อย่างคุณ ผมยิ่งอยากทำการบ้านทุกวัน”



ศศินตีแขนอรรณพดังเพี้ยะๆ



“ก็อย่าน่ารักนักสิครับ”



เพี้ยะ



“หยุดพูดมากได้แล้ว”



“แก้เขินด้วยความรุนแรงแบบนี้ก็น่ารัก”



เพี้ยะ



“โอเค ยอมแล้วครับ” เจ้าสมุทรว่าพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าจะไม่รู้สึกเจ็บกับการถูกอีกฝ่ายตีแม้แต่น้อยก็ตาม ศศินยกยิ้มพอใจ ชะโงกชะเง้อมองห้องครัวที่พากลิ่นหอมลอยมา



“ทำอะไรกินน่ะ หอมเชียว”



“ผัดซีอิ๊วครับ หิวหรือยัง ผมทำเสร็จพอดี จะกินเลยไหม”



ศศินพยักหน้า ครานี้ขยับตัวเข้ามากอดอีกฝ่ายแน่น ช้อนตามอง



“พาผมไปที่โต๊ะหน่อย เดินเองไม่ถนัด” ก็เล่นออดอ้อนกันแบบนี้ ใครเล่าจะอดใจไหว



อรรณพยกอีกฝ่ายขึ้นอุ้ม พาศศินเข้าห้องครัวก็จริง แต่ไม่ได้พาไปที่โต๊ะทานข้าว เจ้าสมุทรวางดวงจันทร์ตัวน้อยลงบนเคาน์เตอร์ครัวที่ยังไม่ถูกใช้งาน ซุกซบใบหน้าของตนเข้ากับแผ่นอกอีกฝ่าย



“ทำอะไรน่ะ”



“กินออเดิร์ฟก่อนครับ” ว่าจบก็ถลกเสื้อยืดสีขาวของตัวเองขึ้น เผยให้เห็นเนื้อเนียนที่เปื้อนร่องรอยรักเมื่อคืน อรรณพไม่รอช้า กดจูบกลางหน้าอกเปลือยเปล่า และก่อนที่จะได้ละเลงลิ้นเลียบนยอดอกสีอ่อน พลันถูกนิ้วเรียวของอีกฝ่ายกระชากหัวของเขาออกเต็มแรง



“หยุดเลยนะคุณ”



อรรณพช้อนตาออดอ้อน จากมุมนี้เขาเตี้ยกว่าอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์เล็กน้อย



“พอแล้ว เมื่อคืนทำผมช้ำหมดแล้ว”



“แล้วจะให้ผมทำยังไง ก็คุณน่ารักขนาดนี้” ไม่ว่าเปล่า อรรณพขยับตัวแทรกเข้าระหว่างขาของศศิน คว้ามือเรียวเล็กตะปบลงกลางลำตัวของตัวเอง...ที่กำลังแข็งตัวรุ่มร้อน



“คุณก็...ไปเอาออกเองสิ”



ศศินว่าเสียงอ้อมแอ้ม เคอะเขินที่ต้องมาจับแก่นกายอีกฝ่ายโดยไม่ทันเตรียมใจ



“นิ้งครับ”



“หยุดครับ อันอัน”



“งั้นช่วยผมหน่อยนะ”



“ไม่เอา...คุณไม่เคยจบลงแค่คำนี้ ฉวยโอกาสตลอด” คนฉวยโอกาสหัวเราะในลำคอเมื่อถูกจับไต๋ได้



“คุณจะปล่อยให้ผมไปช่วยตัวเองจริงๆ น่ะหรือ”



“รู้สึกเองก็รับผิดชอบเอง”



“คะนิ้งครับ”



เถียงกันไปมาไม่จบเรื่องราว ฝ่ายชนะย่อมหนีไม่พ้นเจ้าสมุทรเอาแต่ใจ แต่ศศินก็ไม่ถึงกับแพ้ราบคาบ อย่างน้อยเขาก็หยุดอรรณพไว้ที่ ‘แค่การช่วย’ ไว้ได้ แต่กระนั้นตัวเองก็หนีไม่พ้นสัมผัสของอีกฝ่าย



ฝ่ามือหยายรูดรั้งแก่นกายทั้งสองขึ้นลง ศศินซบหน้าลงกับแผ่นอกของคนขี้แกล้ง สองมือจิกหลังแกร่งแน่น



จนสุดท้ายก็ยอมปลดปล่อยหยาดน้ำขุ่น เปรอะเปื้อนปนกันเลอะเคาน์เตอร์และพื้นห้องครัว



เสร็จสิ้นภารกิจ คะนิ้งตัวน้อยร้องงอแง ด้วยดวงตาที่เคลือบไปด้วยหยาดน้ำตา ใบหน้าแดงระเรื่อ หอบฮัก เม็ดเหงื่อผุดซึม และเส้นผมที่ยุ่งเหยิง สภาพที่น่ารักจนอรรณพอยากหิ้วอีกฝ่ายขึ้นไปที่ห้องนอนแล้วจู่โจมอีกครั้ง



ศศินหน้าบึ้ง มองคราบน้ำที่ตนและอีกฝ่ายร่วมสร้างให้เลอะเทอะ



“คุณจัดการเองเลย ผมจะกินข้าวแล้ว”



“ครับๆ” อรรณพยิ้มรับ ยอมเป็นฝ่ายทำความสะอาดส่วนเปรอะเปื้อนอย่างยินดี อาทิตย์นี้เขาได้กินพระจันทร์ตัวน้อยจนเต็มคราบ อิ่มจนล้นใจเสียจริงๆ









#จักรวาลใต้สมุทร



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: StellarMarine #จักรวาลใต้สมุทร ✳ - 10.5.2019 [CH.6]
« ตอบ #9 เมื่อ: 10-05-2019 21:48:58 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ พลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารักกันทั้งคู่เลย ให้กำลังใจนักเขียนนะคะ

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|7: Universe & Ocean|



“คุณเห็นข่าวเมื่อวานไหม”



“ข่าวอะไร”



“ที่กล้องเคปเลอร์ของนาซ่าค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ในระบบสุริยะอื่นตั้งห้าดวง”



“อ้อ...”



อรรณพตอบรับอีกฝ่ายไปงั้น เขาไม่ได้ติดตามเรื่องนี้เท่าไหร่ และไม่ค่อยชอบดูโทรทัศน์หรืออ่านหนังสือพิมพ์อีกด้วย ทำให้ไม่ได้รับรู้ข่าวสารเหมือนอีกฝ่าย เขาชอบอ่านหนังสือหรือไม่ก็หาสารคดีเกี่ยวกับโลกใต้ทะเลมากกว่า เพราะนานๆ ทีถึงจะมีข่าวเกี่ยวกับใต้ทะเลมาสักครั้ง



แต่ประเด็นก็คือแววตาของศศินยามส่องประกายแวววับ เมื่อพูดถึงข่าวใหม่นอกโลกที่เพิ่งถูกการค้นพบ ดูตื่นเต้นและสูญเสียเกราะป้องกันตัวเองอย่างไม่รู้ตัว



อรรณพสบตาอีกฝ่าย มองลึกลงไปในดวงตาคู่สวย ไล่ไปยังริมฝีปากที่เอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วอย่างที่ไม่ปกติ ศศินมักไม่ค่อยพูด แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ตนสนใจแล้วล่ะก็สามารถพูดได้ไม่หยุด แต่ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่คนฟังต้องการจะฟังด้วย



“เขาจัดเป็นประเภทที่เรียกว่า "พฤหัสร้อน" เนื่องจากมีมวลและอุณหภูมิสูงมาก มีขนาดตั้งแต่ใกล้เคียงกับดาวเนปจูนจนถึงใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดี...”



อรรณพอมยิ้ม นั่งนิ่งฟัง



“...แต่อุณหภูมิสูงเกินไป ร้อนกว่าหินหลอมเหลวภูเขาไฟอีก คงไม่มีสิ่งมีชีวิต...”



“...”



“คุณ...ฟังผมอยู่รึเปล่า”



อรรณพสะดุ้งในใจ ก่อนวาดรอยยิ้มบนใบหน้าส่งให้อีกฝ่าย



“ฟังอยู่”



“รู้ไหมว่าการค้นพบดาวเคราะห์ต่างๆ สำคัญมากนะ เพราะมันจะสามารถบอกเราได้ว่ามีดาวฤกษ์ที่มีดาวเคราะห์เอื้อต่อสิ่งมีชีวิตได้มากแค่ไหน เราอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในจักรวาล หรือไม่ก็อาจจะได้เป็นแหล่งที่อยู่ใหม่ของมนุษย์”



อรรณพชมชอบใบหน้าของศศินยามนี้ก็จริง แต่ถ้าเขาไม่มีบทสนทนาอะไรเลยก็คงจะแปลกเกินไป เขายอมทิ้งสมาธิในการแอบลอบมองคนน่ารัก เอ่ยกลับไป



“คุณนี่ก็ชอบหาเรื่องไปอยู่ดาวอื่นจริงๆ เลยนะ”



“มันไม่ใช่แค่นั้น เราอาจจะเจอสิ่งมีชีวิตในดาวอื่น”



“แล้วยังไง ทำความรู้จักกัน? เป็นเพื่อนต่างดาวกันอย่างนี้น่ะหรือ”



“แลกเปลี่ยนวิทยาการกันต่างหากที่สำคัญ”



“บางทีเอเลี่ยนอาจจะอยู่ใต้ทะเลก็ได้”



“ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่ได้ชื่อว่าเอเลี่ยนหรอก มันอยู่ในโลกเรานี่”



“ไม่...ผมหมายถึง สิ่งมีชีวิตจากต่างดาวอาจจะมีชีวิตอยู่ใต้ท้องทะเลลึกก็ได้นี่ ใครจะรู้  อาจจะเจอสิ่งมีชีวิตแปลกๆ มาแอบซ่อนอยู่ใต้น้ำนั้นก็ได้ ในเมื่อมันยังไม่มีใครสามารถสำรวจได้ถึงจุดลึกสุดของใต้ทะเล”



ศศินเงียบไปพักหนึ่งกับข้อสมมติฐานของอรรณพ ก่อนจะพูดออกมา



“...น่าสนใจเนอะ คุณว่าไหม”



 “อืม ผมก็ว่างั้น”



ประกายในดวงตาของศศินทำให้อรรณพแย้มยิ้ม เปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาจากเรื่องที่สนใจมาเป็นเรื่องปัจจุบัน



“หลังจากคาบนี้คุณจะไปไหนไหม”



“...ก็คงห้องสมุด”



เรื่องราวที่นอกเหนือจากตำราหนังสือ



“อีกแล้วหรือ” อรรณพว่า



“แล้วคุณมีที่อื่นน่าสนใจกว่านี้หรือไง”



“จริงๆ ก็มี...แต่ผมชอบห้องสมุดที่สุด”



“งั้นไปห้องสมุดก็ถูกแล้ว”



“ไม่เบื่อบ้างหรือ”



ศศินส่ายหน้า ก่อนจะชะงักไป “อันที่จริงก็มีบ้างที่เบื่อๆ แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร”



เข้าทางอีกฝ่าย



“ถ้างั้นหลังเลิกเรียนไปร้านหนังสือด้วยกันไหม”



ศศินตาเป็นประกาย เขาไม่ค่อยออกไปไหนเพราะขี้เกียจเบียดเสียดเจอคนเยอะ แต่พอมีเพื่อนไปด้วยก็แปรเป็นอีกความคิดทันที มันน่าสนใจที่มีเพื่อนออกไปไหนด้วยกัน ซ้ำยังเป็นเพื่อนที่ชอบอะไรคล้ายๆ กันด้วยแล้ว



ศศินพยักหน้าตอบรับ



คาบเรียนช่วงบ่ายเป็นไปตามปกติ ทว่าตั้งแต่วันที่ศศินพาอรรณพไปยังสถานที่แห่งความลับของดวงจันทร์ อรรณพก็ย้ายตัวเองมานั่งเป็นเพื่อนข้างๆ ศศินทุกคาบที่ได้เรียนร่วมกัน ถึงจะนั่งข้างกันแต่ก็ไม่มีบทสนทนาระหว่างการเรียนอื่นใด นอกจากเรื่องเรียน อย่างเช่นว่า



“เมื่อกี้อาจารย์พูดว่าอะไรนะคุณ”



“คุณจดสไลด์เมื่อกี้ทันรึเปล่า”



ชะโงกชะเง้อมามองเลกเชอร์กัน ก่อนหันไปตั้งหน้าตั้งตาจดเลกเชอร์ของตัวเอง ตามองจอกระดานที่ฉายโปรเจคเตอร์ สองหูฟังเสียงบรรยายของอาจารย์ผู้สอน มือจดตามรัวๆ ก้มๆ เงยๆ ทั้งคาบอย่างไม่วอกแวก



การเรียนไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับพวกเขา อาจจะมีบ้างบางช่วงที่คาบเรียนค่อนข้างจะง่วง แต่ก็ไม่มีใครเคยโดดเรียน ซ้ำยังตั้งใจฟังอาจารย์เป็นอย่างดี เด็กแว่นสองคนนั่งหน้าห้อง เป็นหน้าเป็นตาให้เพื่อนร่วมชั้นอีกหลายคน หลายครั้งที่เพื่อนอรรณพแซวพวกเขาว่าสองแว่นอยู่บ่อยๆ เหตุเพราะช่วงนี้พวกเขาสนิทกันมากขึ้น อรรณพเริ่มทำตัวติดกับศศิน ในขณะที่ศศินยังเป็นดวงจันทร์ตัวน้อย ลอยไปมาเหมือนเดิม



เขาไม่ใคร่จะไปรวมกลุ่มกับเพื่อนเยอะๆ ไม่ได้รังเกียจ เพียงแต่ศศินรักการอยู่คนเดียวมากกว่า



ในตอนนี้ดาวศศินกำลังมีนักสำรวจดวงดาวลอยโคจรอยู่รอบๆ เจ้าดาวตัวน้อย โดยที่ดาวศศินก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญใจ ในทางกลับกัน ศศินพบว่าตนชอบที่จะได้อยู่กับอรรณพเช่นนี้ในบางครั้ง



ไม่เหงาเกินไป ไม่เงียบเกินไป ไม่เสียงดังเกินไป ไม่วุ่นวายเกินไป



การอยู่กับอรรณพเป็นความกำลังพอดีสำหรับศศิน ดวงจันทร์ตัวน้อยเลยปล่อยให้นักสำรวจดาวลอยวนรอบตัวเองต่อไป อย่างไม่รู้ว่าบางครั้งตนก็เผลอพลั้งลดชั้นบรรยากาศของตัวเอง ทำให้นักสำรวจเข้าใกล้ใจกลางดวงดาวได้มากขึ้น



และถูกผลักกระเด็นออกมาทุกทีเมื่อดาวดวงน้อยรู้ตัว



กระนั้นนักสำรวจอรรณพก็ไม่ย่อท้อ คอยลอยวนรอบๆ ดาวศศินไปเรื่อยๆ



เวลาสี่โมงบอกเวลาเลิกเรียนคาบสุดท้าย อรรณพและศศินต่างเก็บข้าวของ ก่อนอรรณพจะลุกไปบอกเพื่อนของตนว่าเย็นนี้มีนัด ไม่ว่างไปไหนด้วย



โดนแซวกลับมาว่าสองแว่นนี่จะตัวติดกันมากเกินไปแล้ว



อรรณพยักไหล่ ไม่สนใจคำแซว ก่อนจะเดินไปหาอีกฝ่ายที่เก็บของเสร็จสรรพ นั่งหลังตรงรออรรณพอย่างเรียบร้อย



“ไปกันเถอะ”



จบคำชวน ศศินถึงยอมลุกออกจากโต๊ะเลกเชอร์ เดินตามอรรณพไปต้อยๆ ก่อนที่คนตัวโตกว่าจะยอมก้าวสั้นลง เพื่อให้ได้เดินเคียงข้าง คู่กันไปบนบาทวิถีคับแคบ ออกจากมหาลัย เดินมาเรื่อยๆ จนถึงป้ายรถเมล์



“รอรถตรงนี้” ถ้อยคำบอกเล่าสั้นๆ ศศินพยักหน้ารับรู้และเข้าใจ



ในขณะที่ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ ศศินก็นึกในใจว่าควรหาอะไรพูดคุยเพื่อทำลายความเงียบนี้ไหม เป็นความคิดที่แปลก เพราะปกติแล้วเขามักจะชอบความเงียบอยู่เสมอ



เพียงแต่ครั้งนี้...แค่รู้สึกอยากพูดคุยกับอีกฝ่าย



เพียงแต่...ไม่มีข้อมูลเรื่องดาราศาสตร์เรื่องไหนแล้วที่เขาไม่ได้พูดให้อรรณพฟัง หมดหัวข้อเกี่ยวกับดวงดาว ศศินก็หาหัวข้อที่จะพูดกับอีกฝ่ายไม่เจอ



แต่ไม่ใช่กับอรรณพ



“คุณดื่มกาแฟไหม”



“ก็...ดื่มบ้าง แต่ไม่บ่อย”



“แล้วตอนอ่านหนังสือสอบทำยังไง”



“ก็ไม่ทำยังไง อ่านไปเรื่อยๆ ง่วงก็นอน”



“คุณอ่านทันด้วยหรือ”



“ส่วนใหญ่ก็ทันนะ ถ้าไม่ทันก็ค่อยหากาแฟดื่ม แต่ไม่บ่อยนักหรอก ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”



“อ้อ...ผมจะบอกว่าร้านตรงข้ามถนนนี้มีกาแฟอร่อย แต่ถ้าคุณไม่ดื่มก็ไม่เป็นไร”



“อืม ร้านนั้นหรือ”



“ใช่”



“วันหลังผมจะลองไปดูก็ได้”



“...ถ้างั้น วันหลังเราไปด้วยกัน คุณหาหนังสือไปอ่านก็ได้” อรรณพเอ่ยว่า และศศินก็พยักหน้ารับ หากเขาเป็นชาวประมง นี่คงเป็นปลาตัวใหญ่ตัวที่สองแล้วที่ฮุบเบ็ดเขา



ปลาตัวแรกติดกับในการไปร้านหนังสือด้วยกัน ปลาตัวต่อมาติดกับคำชวนไปร้านกาแฟด้วยกัน และปลาสองตัวนั้นเป็นตัวเดียวกัน อรรณพตั้งใจหย่อนคันเบ็ดลงไปในแอ่งน้ำที่มีเพียงปลาตัวนี้ ปล่อยให้มันงับเหยื่อของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วปล่อยออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจะรอจนกว่าเจ้าปลาตัวนี้จะงับเบ็ดของเขาไม่ปล่อย ยอมเป็นปลาเลี้ยงด้วยความต้องการของตัวเอง



รถเมล์มาแล้ว เรื่องปลาปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต อย่างไรเสียอรรณพก็ยังไม่มั่นใจว่าตนรู้สึกยังไงกับอีกฝ่ายกันแน่ รู้แค่ว่ามันพิเศษกว่าคนอื่น...พิเศษกว่าเพื่อนทั่วไป แต่จะเป็นในรูปแบบของคนรักได้ไหม อรรณพไม่กล้าฟันธง



เขาไม่เคยคบผู้ชาย ไม่คิดว่าตนจะชอบผู้ชาย



หากแต่เมื่อมองใบหน้าขาวซีดของอีกฝ่าย ตนพลันรู้สึกได้ถึงความแตกต่างที่มีต่อผู้ชายคนนี้



น่าเศร้านิดหน่อยที่รถเมล์เที่ยวนี้ไม่มีที่นั่ง แต่การได้ยืนเบียดศศินแบบนี้ อรรณพคิดว่ามันก็ดีไปอีกแบบ มือใหญ่คอยพยายามประคองคนตัวผอมบางไม่ให้ล้มหน้าคะมำ เมื่อรถเมล์เบรกกระทันกัน



ศศินตัวผอมกว่าที่อรรณพคิดเมื่อได้ประคองเอวบาง ใจหนึ่งนึกอยากคว้าคนตัวเล็กมากอดแนบเอวเสียด้วยซ้ำ การยืนโยกเยกของศศินทำให้เขาเป็นห่วง กลัวว่าอีกฝ่ายจะปลิวหรือโดนเบียดจนล้ม



สิ้นสุดการเดินทาง พวกเขาออกจากรถเมล์ ศศินเดินตามอรรณพต้อยๆ เขาไม่คุ้นเคยเส้นทางนี้เลยสักนิด ในทีแรกศศินคิดว่าอรรณพจะพาเข้าห้างใหญ่ที่มีร้านหนังสือชื่อดังหลายๆ ร้านเสียอีก



“คุณจะพาผมไปร้านไหนหรือ”



สงสัยจนต้องเอ่ยถาม



“อ้อ เป็นร้านหนังสือที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักน่ะ แต่ค่อนข้างใหญ่อยู่นะ เดี๋ยวไปถึงคุณก็รู้เอง”



“...”



“ไม่ไกลหรอก เดินเข้าซอยนี้แป๊บเดียวเอง”



ศศินไม่ได้กังวลเรื่องเดินไกลไม่ไกลหรอก เขาแค่ไม่คุ้นสถานที่เท่านั้นเอง



ระยะทางไม่ไกลมากอย่างที่อรรณพว่า และเมื่อมาถึง ศศินก็ต้องนึกทึ่งในใจ ดวงตาหลังกรอบแว่นเบิกตากว้างกว่าเดิมเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าร้านที่อรรณพพามาใหญ่กว่าที่คิด และข้างในก็เต็มไปด้วยหนังสือหลากหลายแนว ที่ศศินสนใจก็คือที่นี่ยังเก็บหนังสือเก่าไว้อยู่เลย ไม่เหมือนกับร้านหนังสือตามห้างที่ศศินรู้จัก ที่พอขึ้นเดือนใหม่ หนังสือเก่าๆ ก็เริ่มถูกโละไปไว้ในโกดังหลังร้าน ก่อนส่งกลับให้ตามสำนักพิมพ์ หมดโอกาสไขว่คว้า



ศศินตัวน้อยวิ่งพล่านไปทั่ว ที่นี่นอกจากจะมีหนังสือเก่าแล้วยังราคาถูก แถมสภาพยังดี



ศศินตกหลุมรักที่นี่เข้าเสียแล้ว



อรรณพเห็นอีกฝ่ายเผยประกายในแววตาวิบวับ ก่อนสาวเท้าเดินเร็วไปยังหมวดหมู่ที่ตนสนใจ เขาปล่อยผ่านไป อรรณพเองก็มาหาหนังสือเช่นกัน จึงปล่อยให้ศศินตัวน้อยวิ่งไปทั่ว ก่อนที่ตัวเองจะได้หนังสือที่ต้องการมาหนึ่งเล่ม หยิบมันมาไว้ในมือเสร็จสรรพก็พาตัวเองเดินหาศศิน



นักสำรวจดาวศศินไม่ทำให้ผิดหวัง เขารู้เสมอว่าศศินจะอยู่ตรงไหน



หมวดดาราศาสตร์



ในมือของศศินมือตะกร้าหนึ่งใบ บรรจุด้วยหนังสือนับสิบ ในเวลาเพียงไม่นาน ศศินได้หนังสือที่ต้องการมากมายและล้นหลาม



อรรณพย่องเบาไปหาอีกฝ่าย ลอบสังเกตคนที่จมดิ่งอยู่ในโลกของหนังสืออย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง มองรูปหน้าด้านข้างที่เป็นโครงสวยงาม หน้าผากรับกับจมูก ปลายจมูกเชิดรั้น ปากเป็นกระจับ ดวงตาถูกบดบังด้วยแว่นกรอบหนา แต่อรรณพรู้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังใช้สายตาเพ่งมองหนังสือทีละเล่มอย่างมีสมาธิแน่ๆ



เขาเข้าไปยืนซ้อนตัวอยู่ข้างหลัง พยายามสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลังสนใจหนังสือเล่มไหน



เมื่อฝ่ามือขาวซีดกำลังจะเอื้อมหยิบหนังสือ อรรณพก็เป็นฝ่ายชิงหยิบให้ก่อน จนคนที่ตกอยู่ในสมาธิสะดุ้งจนสติแตกกระเจิง รีบหันไปหาคนข้างหลังอย่างตกใจ อรรณพเข้ามาหาเขาตั้งแต่เมื่อไหร่



พอหันไปก็พบรอยยิ้มของจ้าวสมุทร พร้อมกับหนังสือที่เขาต้องการในมือ



“อยากได้เล่มนี้ใช่ไหม”



ศศินพยักหน้า พร้อมกับยกตะกร้าให้อีกฝ่ายดู



“ที่นี่หนังสือเก่าราคาถูกมาก ผมก็เลยได้มาหลายเล่มเลย”



อรรณพพยักหน้า พอจะเข้าใจจากจำนวนหนังสือที่เต็มตะกร้า



“ผมขอหนังสือนั่นด้วย”



ไม่ว่าเปล่า สองเท้าก้าวประชิดตัวอรรณพ คนตัวโตสะดุ้งเบาๆ กับการเข้าถึงตัวอย่างปุบปับ รีบเดินถอยออกมาหนึ่งก้าว



“เดี๋ยวผมช่วยถือ”



“ไม่เป็นไร”



ศศินยังคงพยายามคว้าจับหนังสือเล่มหนาที่ตัวเองอยากได้



“คุณมีหนังสือเต็มตะกร้าแล้ว ไม่หนักหรือ ให้ผมช่วยถือก็ได้”



“ไม่เป็นไร ผมจะสบายใจมากกว่าถ้าคุณเอามาให้ผม”



ศศินเข้าหา อรรณพเดินหลบ กลั่นแกล้งแย่งยื้อกันไปมา สุดท้ายเจ้าดวงจันทร์ตัวน้อยก็ทนไม่ไหว พุ่งเข้าหาอรรณพด้วยความเร็ว ร่างเล็กแทบจะแนบไปกับร่างสูงของอีกฝ่าย



อรรณพตกใจที่พบศศินในระยะประชิดเช่นนี้



ศศินได้หนังสือเล่มโตมาแล้ว



ทว่าไม่ได้ก้าวออกจากระยะชิดใกล้ ช้อนตาสบมอง ศศินถอนตัวจากมหาสมุทรไม่ได้ ดวงตาที่ดูหนักแน่นทำให้เขาเหมือนโดนผลักลงไปใต้ท้องสมุทร ลึกไร้แสงส่องถึง ไร้อากาศ หายใจไม่ออก ฉับพลันที่ได้สบตาราวกับว่าเขาได้พลัดตกทะเลเสียแล้ว



อรรณพเองก็ไม่คิดจะถอยออก ฉวยโอกาสนี้ไล่สำรวจใบหน้าของศศิน ดวงตาคู่สวยสีรัตติกาลดึงดูดให้เขาหลงเข้าไปในโลกอวกาศ ล่องลอยอย่างไร้แรงดึงดูด ตัวหมุนเคว้งอย่างควบคุมไม่ได้ สายตาคมไล่จากปลายเส้นผมสู่ริมฝีปากบางเป็นกระจับ แวววับราวกับอัญมณี น่าครอบครองราวกับไข่มุกล้ำค่า



จ้าวสมุทรไม่ปล่อยให้ไข่มุกหลุดมือ เขาก้มใบหน้าตัวเองเข้าหาอีกฝ่าย ครอบครองริมฝีปากแสนสวย



ท่ามกลางกลิ่นของหนังสือ ตามซอกชั้นหนังสือเวิ้งว้างไร้ผู้คนเดินผ่าน



หัวใจสองดวงเต้นแรง สั่นระรัว



หากแปลตามชื่อ อรรณพที่แปลว่าผืนน้ำ ศศินที่แปลว่าดวงจันทร์แล้วล่ะก็...ในตอนนี้น้ำทะเลคงกำลังไต่ระดับขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อพยายามแตะดวงจันทร์



ระดับน้ำในตอนนี้...ท่วมเมฆแล้ว











วันหยุดสุดสัปดาห์ของพวกเขาในอาทิตย์นี้ไม่มีกำหนดการออกไปไหน อรรณพเคลียร์งานไปได้เปราะนึงแล้ว ส่วนศศินเองก็ไม่ได้มีงานเยอะอะไร วันอาทิตย์ของพวกเขาจึงเป็นการนอนดูสารคดีที่ห้องโถง



โซฟายาวสำหรับสามที่นั่งถูกผู้ชายคนสองคนนั่งเบียดกัน



ผัดซีอิ๊วหมดไปแล้ว อรรณพได้กินอิ่มเต็มคราบทั้งอาหารทั้งศศิน เขาพอใจแล้ว ไม่คิดจะตอแยคนตัวเล็กที่มานั่งบดเบียดตัวเองต่อ อรรณพรู้ว่าศศินไม่ได้ตั้งใจยั่วยวนหรอก คะนิ้งตัวน้อยเป็นแบบนี้มานานแล้ว เซ็กซี่ ยั่วเย้าโดยที่เจ้าตัวมักไม่รู้ตัว อรรณพคิดว่าควรให้ศศินพักบ้าง ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะไปทำงานไม่ไหว



พวกเขานั่งดูสารคดีเกี่ยวกับสัตว์โลกแอฟริกา เพื่อไม่ให้ต้องทะเลาะกันว่าจะดูสารคดีอวกาศหรือโลกใต้ทะเล



การเปิดรับเรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพวกเขา ดีเสียอีกที่จะได้รับรู้อะไรใหม่ๆ เสียบ้าง



ทว่าไม่นานนัก ดวงจันทร์ตัวน้อยที่ทั้งกินอิ่มทั้งอ่อนเพลียก็เผลอหลับคาไหล่อรรณพในขณะที่วิดีโอสารคดียังคงเล่นอยู่



คนตัวโตกว่าลอบยิ้มเอ็นดู ยกมือลูบเส้นผมสีดำที่ยุ่งเหยิงพันกันเบาๆ



ศศินไม่รู้หรอกว่าตนเป็นความสบายใจให้อีกฝ่ายมากขนาดที่อรรณพสามารถมองศศินได้ทั้งวัน ยิ่งมองยิ่งอารมณ์ดี เพราะฉะนั้นเขาจึงฉวยจังหวะนี้ลูบไล้เส้นผมสีดำ จ้องมองใบหน้าหวานสวยที่หลับตาพริ้ม อมยิ้มอยู่กับตัวเองอย่างมีความสุข



ในขณะเดียวกันดวงดาวศศินที่มีชั้นบรรยากาศแน่นหนาจนยากที่จะให้ใครผ่านเข้ามา ก็มีเพียงอรรณพเพียงคนเดียวที่เขายอมให้อีกฝ่ายโอบอุ้มตัวเองไว้ คนเดียวที่ยอมให้เข้ามาสำรวจดวงดาวศศิน



ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ทุกอย่างกำลังดี



ไม่อยากเห็นจักรวาลแล้วหรือ



ไม่อยากครอบครองมหาสมุทรแล้วหรือ



ไม่จำเป็นแล้ว...ไม่ต้องถึงกับครอบครองจักรวาลหรือมหาสมุทรหรอก



ขอแค่มีกันอยู่อย่างนี้ก็ดีมากพอแล้ว



เป็นความคิดที่ทั้งคู่ต่างคิดในใจ คล้ายคลึงกันโดยมิได้นัดหมาย และคงไม่มีใครได้รับรู้ความในใจของอีกฝ่าย



ไม่หวือหวา แต่ก็ไม่น่าเบื่อ ในบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ การอยู่อย่างเงียบๆ สองคนไม่ได้ทำให้เหงาสักเท่าไหร่ คงเพราะมีน้อยหน่ากับลูกชายทั้งสองคนแวะมาหาอยู่บ่อยครั้ง เสียงเด็กๆ วิ่งเล่นเจี๊ยวจ๊าวทำให้ชีวิตของพวกเขามีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง เจ้าก้องสมุทรกับก้องภพอยู่ในวัยกำลังซน ไม่วิ่งเล่นตะโกนโหวกเหวกก็เอาแต่ถามเสียงใสเป็นเจ้าหนูจำไม



เพียงแต่อาทิตย์นี้น้อยหน่ากับลูกไม่ได้มาเยี่ยมเยียน ทั้งคู่จึงอยู่ด้วยกันอย่างสงบในวันเงียบๆ เช่นนี้



เป็นอีกวันที่ได้ซึมซับความเงียบที่สบายใจ



อรรณพขยับตัวให้อีกฝ่ายได้นอนพิงตัวเขาในท่าที่สบายมากกว่าเดิม ก้มมองศศินตัวน้อยที่แม้จะมีอายุมากขึ้น แต่ความน่ารักกลับไม่ลดน้อยลงเหมือนวันแรกที่เขาใจเต้นเมื่อลองได้ลอบมอง



จ้าวสมุทรประทับริมฝีปากตัวเองลงกับริมฝีปากอีกฝ่าย



ฉกฉวยโอกาสที่ศศินกำลังหลับสนิท คว้าอัญมณีสีสวยมาครอบครองเป็นของตัวเองอีกครั้ง









#จักรวาลใต้สมุทร

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|8: Aliens & Leviathan|



“คุณได้เริ่มอ่านหนังสือที่ซื้อมารึยัง”



“อ่า...ยัง”



“ไม่มีเวลาใช่ไหม รายงานคาบที่แล้วโหดเป็นบ้า”



“ก็...อืม”



ศศินไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไรต่อเจ้าปลาหมึกยักษ์ที่จู่ๆ ก็กระโดดเข้ามาในดาวของเขา แถมยังใช้หนวดใหญ่ยักษ์ตวัดมาเกาะแน่นไม่หลุด ไม่ยอมลอยออกไปนอกชั้นบรรยากาศเหมือนที่แล้วมา



เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานราวกับเป็นความฝัน



ราวกับไม่ได้เกิดขึ้นจริง อรรณพไม่พูดถึงเรื่องนั้น หลังจากถอนริมฝีปากออก อรรณพก็ลากจูงศศินไปจ่ายตังพร้อมกับพูดคุยตามปกติ เวลาผ่านไปหนึ่งคืน สัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากของศศินยังคงติดตรึงอยู่จนไม่เป็นอันทำอะไร



มาวันนี้ อรรณพก็ยังคงเข้าหาเขาเหมือนปกติ ราวกับเรื่องจูบเมื่อวานนั้นไม่เคยเกิดขึ้น หรือไม่ก็ไม่ได้สำคัญอะไร...



แต่ไม่ใช่สำหรับศศิน เขาไม่เข้าใจว่าอรรณพทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรและเพราะอะไร ไม่สามารถหาคำตอบด้วยตัวเองได้ และไม่มีความกล้ามากพอที่จะถาม



เป็นโจทย์ใหม่ที่ยากและท้าทายความสามารถ



คาบเรียนใกล้จะเริ่มขึ้น อรรณพนั่งลงข้างๆ เขาเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือความรู้สึกของศศิน



อรรณพเปรียบเสมือนอุกกาบาต พุ่งชนผ่านชั้นบรรยากาศของดาวศศิน โดยไม่สมยอม รู้ตัวอีกทีจ้าวสมุทรก็ได้ย่ำเหยียบพื้นแผ่นดินของดาวศศินไปแล้ว และน่าแปลกที่ศศินเองก็ยังไม่มีความคิดที่จะไล่สิ่งแปลกปลอมนี้ออกไป



เจ้าของดวงดาวเพียงไม่เข้าใจในการเข้ามาของอรรณพ



กระนั้นก็ยังไม่ด่วนตัดสินใจว่าเป็นการรุกราน



อรรณพยังคงปฏิบัติตัวกับศศินเหมือนเดิม ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดใจ ไม่ได้เข้าใกล้มากเกินไปก็จริง แต่เขากลับคิดว่ามันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จูบในครั้งนั้น...ไม่มีทางทำให้ศศินรู้สึกกับอรรณพได้แบบปกติหรอก แต่ครั้นจะถามก็ไม่กล้า



รวมถึงในตอนนั้นเอง ศศินก็ไม่ได้ผลักอรรณพออกไปหรือแสดงท่าทีต่อต้าน



เขาอาจจะกำลังตกใจจนตัวแข็ง หรือไม่ก็...ไม่คิดรังเกียจ จึงปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไป



ดวงดาวศศินกำลังหมุนติ้ว ปล่อยให้ผู้บุกรุกดาวศศินทำการสำรวจดวงดาวตัวน้อยต่อไป อย่างไม่รู้วิธีรับมือ



อรรณพยังคงมานั่งเรียนข้างเขาไม่ต่างจากเดิม ศศินในตอนนี้มีแต่ความรู้สึกที่สับสน การกระทำของดวงจันทร์ตัวน้อยเลยออกมาดูเงอะๆ งะๆ เด๋อๆ ด๋าๆ



แน่นอนว่าไม่รอดพ้นสายตาของจ้าวสมุทร การที่ได้เห็นศศินมาดเนี้ยบจับปากกาแล้วทำตก หรือมีทีท่าเลิ่กลั่กเวลาหันมาสบตาเขาแล้วนั้นช่างน่ารักสิ้นดี ขณะที่ลอบมองดวงจันทร์ที่กำลังสับสน เขาเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อวานเรียกว่าอะไร



รู้เพียงมันพิเศษกว่าใครๆ และศศินก็เป็นผู้ชายคนแรกที่เขาอยากจูบ และจูบ...



อรรณพไม่ได้ไม่คิดอะไรเหมือนที่แสดงออกมา เพียงแต่เขาค่อนข้างที่จะเก็บความรู้สึกตัวเองได้ดีกว่าศศิน เขาเองก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นานเช่นกัน แต่สุดท้ายก็แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามสมควร ตามหัวใจ...



ในตอนนี้ก็แค่อยากนั่งใกล้ศศิน อยากทำทุกอย่างร่วมกับศศินเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง



เขารู้ว่ามันคงไม่แฟร์กับศศิน การกระทำเมื่อวานที่รุกล้ำอาณาเขตมีแต่ทำให้อีกฝ่ายสับสน เขาควรบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปให้แน่ชัด เพียงแต่เขายังไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองจริงๆ ว่าหลงใหลศศินเพราะเสน่หาหรือเพราะความสนิทสนม



ที่แน่ๆ เขาไม่ได้ทำลงไปโดยไม่ได้คิดแน่นอน



วินาทีนั้น มีความคิดเพียงอย่างเดียววาบเข้ามาในหัว เป็นความคิดที่ตรงกันทั้งหัวใจและสมอง



ต้องจูบ...



จ้าวสมุทรรู้ว่าไม่สมควร แต่ขอเวลาให้เขาตกตะกอนความคิดอีกสักหน่อย เพื่อที่เขาจะได้บอกอีกฝ่ายได้อย่างเต็มปากว่ารู้สึกอย่างไร



เขามั่นใจว่าใช้เวลาไม่นานนักหรอกในการใคร่ครวญหาคำนิยามความรู้สึกนี้



หลายวันผ่านไป ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม อรรณพนั่งเรียนข้างศศินและตามศศินไปที่ห้องสมุดเหมือนทุกที แต่ที่แปลกไปเห็นจะเป็นศศินที่เงียบจนสังเกตได้ชัด ปกติแล้วเจ้าตัวเวลาอ่านหนังสือเรื่องอะไรก็จะเอามาพูดเจื้อยแจ้วให้อรรณพฟังเสมอ



ครั้งนี้กลับไร้เสียง



ดวงจันทร์เฉยชาเสียแล้ว



อรรณพสัมผัสได้ถึงความเงียบ เขารู้ว่าศศินกำลังเปลี่ยนไป และเหตุผลอาจจะเป็นเพราะเขา ศศินไม่พูดอะไร อรรณพโยนคำถาม เจ้าดวงจันทร์ก็ตอบเพียงสั้นๆ คล้ายไม่อยากต่อบทสนทนาอย่างเห็นได้ชัด อรรณพจนใจ ดูท่าการกระทำเรื่อยๆ เอื่อยๆ เช่นนี้จะท่าไม่ดีเสียแล้ว ทางที่ดีเขาควรพูดคุยกับศศินให้ตรงประเด็น



เพียงแต่พอจะเริ่ม กลับไม่รู้จะเริ่มตรงไหน



ทำได้เพียงนั่งมองอีกฝ่ายอ่านหนังสือไปอย่างเงียบๆ



ฝ่ายศศินพอโดนจ้องตลอดเวลาเช่นนี้ก็ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ จนต้องยอมละสายตาตรงหน้า สบตาอีกฝ่าย



“มีอะไร”



“ผมต้องถามคุณต่างหาก”



“ผมทำไม”



“คุณเงียบๆ ไปนะช่วงนี้”



“อืม”



ศศินตอบรับ ไม่ปฏิเสธ เผชิญหน้ากับความจริงโดยตรงไม่มีอ้อมค้อม ใช้โอกาสนี้เอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา



“ผมแค่ไม่เข้าใจการกระทำของคุณ”



“การกระทำของผม?”



“ที่ไปร้านหนังสือ...วันนั้น”



“อ้อ...”



คนมีความผิดตอบเพียงเท่านั้นก่อนเงียบไปพักใหญ่ จนศศินต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาอีกครั้ง



“ผมคิดว่ามันไม่ใช่การกระทำปกติ...หรือคุณคิดว่ามันปกติ”



“ไม่...” อรรณพรีบเอ่ยแย้ง “ผมคิดว่ามันพิเศษ”



“...”



“เพราะคุณ มันถึงพิเศษ”



“ยังไง”



“อยู่กับคุณก็สนุกพอๆ กับศึกษาโลกใต้ทะเล”



“หมายความว่ายังไงหรือ”



“หมายความว่าอยากอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ”



“นานแค่ไหน แล้วในฐานะอะไรล่ะ”



อรรณพยิ้ม “ตอนนี้ยังไม่รู้หรอก ถ้าบอกว่าในฐานะคนพิเศษคุณจะยอมรับได้ไหม”



“ผม...ไม่รู้” ศศินว่า รอยยิ้มอรรณพจางหายไป ก่อนที่เสียงใสของศศินจะเอ่ยต่อ “ผมไม่รู้ว่า...ผมคิดกับคุณเกินเพื่อนไปมากขนาดไหน”



ครานี้รอยยิ้มกลับมาหาอรรณพอีกครั้ง



“ไม่เป็นไร ค่อยๆ เรียนรู้ไปก็ได้”



ศศินพยักหน้า เอ่ยกลับ



“อันที่จริง คุยกับคุณ...ก็สนุกพอๆ กับหาวิธีสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว...”



“...ถ้างั้น...สนุกด้วยกันต่อไปนะ”



“...อืม”









ในเย็นวันอังคาร เมื่อศศินกลับมาถึงบ้านก็ลงมือทานอาหารเย็นฝีมืออรรณพ คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้นมาขณะกินข้าว



“พรุ่งนี้ผมมีกินเลี้ยงกับอาจารย์ประจำสาขา”



“หืม”



“เลี้ยงส่งอาจารย์คนหนึ่งน่ะ เขาจะไปต่อโทที่อังกฤษ”



“อ้อ”



“คุณจะไปด้วยกันไหม”



“อืม...ผมมีตรวจทีสิสนักศึกษา คงไม่สะดวก...”



“...เผื่อผมเมา”



อรรณพเงยหน้าขึ้นมาจากจานกับข้าว เลิกคิ้วใส่อีกฝ่าย นักศึกษาของเขาเพิ่งส่งเนื้อหาของวิทยานิพนธ์บทล่าสุดมาให้เขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ เขาคาดว่าต้องใช้เวลาตรวจมันอย่างละเอียดถี่ถ้วน คงกินเวลาไปไม่น้อย เพียงแต่อรรณพไม่คิดว่าการไปกินเลี้ยงของศศินจะมีสุรามาข้องเกี่ยวด้วย



“จะดื่มหรือ”



“ก็คงเลี่ยงไม่ได้นี่”



“ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปรับ”



“เอางั้นก็ได้”



“...โกรธผมไหมที่ไม่ได้ไปด้วย ขอโทษนะ ผมติดงานจริงๆ”



“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย คุณอย่าคิดมากสิ”



“แน่ใจนะ”



“ครับ ไม่ได้โกรธ”



จบเสียงใส อรรณพก็แย้มยิ้ม ศศินไม่ใช่คนขี้น้อยใจ คิดเล็กคิดน้อยหรือชอบโกหก การที่เขาบอกว่าไม่ก็คือไม่ ไม่มีอะไรซับซ้อนกว่านั้น



“ไปประมาณกี่โมง”



“สักทุ่มล่ะมั้ง ที่โรงแรมXX”



“อ้อ ที่ประจำเลยสิเนี่ย”



“อืม”



ศศินว่าเท่านั้น จบวันด้วยการนอนอยู่ในอ้อมกอดของอรรณพเหมือนทุกที ก่อนจะตื่นเช้าไปสอน และตกเย็นก็ไปกินเลี้ยงส่งเพื่อนร่วมงาน



งานเลี้ยงเริ่มต้น ทุกคนเริ่มบทสนทนา บรรยากาศเป็นไปอย่างครึกครื้นตามแบบฉบับคนสนิท และสักพักเหล้าสุราก็ได้โอกาสออกมาเพิ่มสีสันให้งาน แน่นอนว่าศศินหลีกเลี่ยงการดื่มครั้งนี้ไม่ได้



ดวงจันทร์ตัวน้อยเพียงซัดแอลกอฮอล์ไปแก้วเดียวก็นั่งนิ่ง วาดรอยยิ้มฟังบทสนทนา



“ศศิน คุณดื่มอีกสิ ได้ข่าวว่าคอทองแดงไม่เบา”



“ไม่หรอกครับ”



ศศินยิ้มน้อยๆ เอ่ยปฏิเสธ แต่กลับถูกนำแก้วไปรินใส่แอลกอฮอล์จนปริ่มขอบแก้ว ยกมันขึ้นมาชนกับเพื่อนร่วมงานอย่างช่วยไม่ได้ มันไม่เคยจบที่แก้วเดียว ศศินรู้ และเพราะอย่างนี้ถึงได้กะเวลานัดให้อรรณพมารับได้อย่างพอดิบพอดี ภายนอกศศินแม้จะดูเหมือนยังไม่เมา แต่สักกี่คนจะรู้ว่าศศินดื่มเพียงแก้วเดียวสติสัมปชัญญะก็หายไปแล้วสิ้น



ที่คนอื่นคิดว่าเขาคอแข็งเป็นเพียงเพราะเขาเมาแล้วไม่แสดงออกเท่านั้น



ศศินเก็บอาการได้เก่งขึ้นเรื่อยๆ ได้โดยครูฝึกที่ชื่ออรรณพ



เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาตามที่นัดไว้ อรรณพปรากฏตัว เอ่ยสวัสดีเพื่อนร่วมงานเพียงห่างๆ ก่อนขอตัวศศินกลับบ้านไป เป็นที่น่าเสียดายสำหรับชาวสังสรรค์ แต่ก็ไม่สามารถยุดยื้อบังคับใครได้



อรรณพหอบร่างบางของคนรักที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงขึ้นรถ พากลับไปยังบ้าน



ศศินตัวน้อยพอได้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยก็หลับสลบเหมือด จนกระทั่งถึงบ้าน ถึงได้สะลึมสะลือตื่นขึ้น



“ดื่มมากี่แก้วครับ”



“ห้า”



ดวงจันทร์ตัวน้อยตอบเสียงอ้อแอ้ เดินขาอ่อนปวกเปียก ชูนิ้วห้านิ้วให้อีกฝ่ายดูราวกับเด็กน้อย



“แน่ใจหรือว่าแค่นั้น”



“ไม่รู้ นับได้เท่านี้ หลังจากนั้นไม่รู้”



“คะนิ้ง เดินดีๆ ระวังตกบันได”



“อื้อๆ”



“อื้อแล้วทำตามด้วยครับ” อรรณพกลั้นขำไปดุไป ประคองร่างเล็กไปจนถึงห้องนอน ศศินพลันล้มตัวแผ่ใส่เตียงนุ่ม



“เดี๋ยวผมไปรินน้ำมาให้”



“อื้อ” คนเมาตอบทั้งๆ ที่หน้าซุกหมอน



อรรณพลอบยิ้มพร้อมถอนหายใจ เดินไปรินน้ำมาให้คนเมา



“คะนิ้งครับ ดื่มน้ำก่อน”



“อื้อ”



คนเมาตอบรับ แต่กว่าจะเงยหน้าขึ้นมาก็ผ่านไปหลายวินาที ใบหน้าของศศินขึ้นสีแดง ปรือตาง่วงนอนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ มือสวยรับแก้วน้ำมาดื่มเสร็จก็วางไว้หัวเตียง ไม่รอให้อรรณพได้ขยับตัวทำอะไร ดวงจันทร์ตัวน้อยก็คว้าอีกฝ่ายเข้ามาประกบจูบ



จ้าวสมุทรตกใจเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ก่อนจะรุกจูบคนเมาอย่างต่อเนื่อง



ศศินยามไม่ได้ถูกแอลกอฮอล์ครอบงำจนเสียสติว่าน่าหลงใหลแล้ว ศศินที่ไม่ได้สติเพราะแอลกอฮอล์เช่นในตอนนี้ยิ่งน่าหลงใหลกว่าเดิม ปลุกเร้าอารมณ์ดิบของเขาอย่างง่ายดาย



โดยไม่ทันตั้งตัว อรรณพพลันโดนอีกฝ่ายจับพลิกกดไว้ใต้ร่าง คนเมาขึ้นคร่อมอรรณพอย่างง่ายดาย ไม่ปล่อยให้จ้าวสมุทรตกใจนาน ดวงจันทร์ตัวน้อยรีบตะโบมจูบใส่อย่างบ้าคลั่ง



“อืม พอแล้วครับนิ้ง พรุ่งนี้คุณมีสอน ผมก็มีสอน...”



“...อื้อ”



ตอบรับ แต่ไม่ทำตาม คะนิ้งตัวน้อยตอนนี้พยศเสียจนน่าตีให้ก้นลาย



“นิ้งครับ”



เจ้าของชื่อเอียงหน้าตาปรือ คว้ามือใหญ่ของอรรณพมาตะปบลงกลางลำตัวของตน เอ่ยยั่วเย้า



“นิ้งอยากครับ”



อรรณพกัดปากแน่น ให้ตายสิ แบบนี้ใครมันจะไปทนไหว... แล้วเมื่อก่อนศศินใช่ว่าจะเป็นแบบนี้เสียที่ไหน ทุกอย่างที่ศศินเป็นเกิดจากการสั่งสอนของเขาล้วนๆ



เมื่อก่อนศศินสวมแว่นตาหนาเตอะ แต่พอเรียนจบคนสวยก็ไปทำเลสิก ทำให้ไม่ต้องสวมแว่นอีก ใบหน้าของศศินยามมีแว่นตาใหญ่เทอะทะนั้นน่ารักไม่ใช่น้อย ทว่าใบหน้าสวยยามไร้กรอบแว่นบดบังใบหน้ากลับงดงามจนละสายตาไม่ได้ อรรณพเอื้อมมือไปลูบใบหน้าใสที่อยู่เหนือร่างเขาอย่างเบามือ



อรรณพผู้เป็นอาจารย์สอนสั่งเรื่องรักให้ศศินอดไม่ได้ที่จะนึกภูมิใจในตัวลูกศิษย์ จากที่เริ่มแรกศศินทำอะไรไม่เป็นเลยสักนิด มาจนตอนนี้ ดวงจันทร์ตัวน้อยยั่วยวนเสียจนเขาต้องยอมศิโรราบ ยอมให้จักรวาลอยู่เหนือมหาสมุทร  พร้อมๆ กับช่วยขยับบทเพลงและจังหวะรักให้บรรเลงไปอย่างงดงาม ในค่ำคืนที่เงียบสงบนี้



แน่นอนว่าเช้าวันถัดมาศศินที่ตั้งสติได้แล้วต้องปิดปากเงียบสนิท ไม่สบตาอีกฝ่ายจนอรรณพล้อไปหลายครั้ง และก็ได้ฝ่ามือหนักๆ ทุบมากลางหลังดังอั่ก



เรื่องเมือคืนเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์สุราหรอก ศศินอ้างในใจ ขณะทานข้าวไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย ไม่แม้แต่จะพูดคุยหรือตอบรับ แต่อรรณพรู้ว่าปฏิกิริยาเช่นนี้เป็นเพราะพระจันทร์ตัวน้อยกำลังเขิน



ทั้งที่เขาอุตสาห์ห้ามแล้วแท้ๆ แต่ศศินก็ยังจู่โจมไม่หยุด ถึงเขาจะห้ามแบบพอเป็นพิธีก็ตาม



“เมื่อคืนน้า กว่าคุณจะให้ผมนอน”



ปั่ก!



เสียงทุบหลังเป็นสัญญาณให้หยุดพูด



“บอกแล้วแท้ๆ ว่ามีสอนก็ยัง...”



ปั่ก!



ศศินยังไม่ยอมเปิดปาก เอาแต่ทุบตีอีกฝ่าย จนอรรณพยอมแพ้ ไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืน แต่ยกยิ้มล้อเลียนไม่หยุด แล้วแบบนี้จะทำให้ศศินกล้าสบตาได้อย่างไร



วันนี้พวกเขามีสอนทั้งคู่ อรรณพจึงขับรถพาศศินมาที่คณะพร้อมกันตั้งแต่เช้า พาหนะสี่ล้อจอดที่ข้างคณะ อรรณพตั้งใจส่งศศินลงตรงนี้เพราะใกล้ตึกของศศินมากกว่า เขาตั้งใจว่าจะส่งพระจันทร์ขี้เขินเสร็จถึงจะนำรถไปที่จอดรถของคณะ ก่อนศศินจะลงจากรถ อรรณพเอ่ยบอก



“เดี๋ยวผมรอรับคุณเลิกงานนะ”



ศศินพยักหน้า



“ถ้าวันนี้ปวดเอวจนสอนไม่ไหวก็พักนะครับ”



ปั่ก!



ศศินทุบไหล่อีกฝ่าย ก่อนจะถูกจ้าวสมุทรเป็นฝ่ายคว้าคนตัวเล็กมาประกบจูบอย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้ให้อีกฝ่ายตั้งตัว พอศศินรู้ตัวก็สายไปแล้ว อรรณพถอนจูบออกพร้อมวาดรอยยิ้ม



“ตั้งใจสอนนะครับ”



ผลั่ก!



อนิจจา ดวงจันทร์คล้ายจะไม่สนใจคำอวยพร ศศินผลักอีกฝ่ายออกไปก่อนรีบลงจากรถไปพร้อมกับใบหน้าที่แดงเถือก



และในวันนั้นก็มีข่าวซุบซิบว่าอาจารย์ศศินมีคนมาส่งถึงคณะ









#จักรวาลใต้สมุทร


ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|9: Planetarium & Aquarium|



เรื่อยๆ ของพวกเขาจะไปได้นานแค่ไหน ไม่มีใครรู้ อยู่ในความสัมพันธ์ที่หาคำตอบไม่ได้ เป็นความลับของแผ่นฟ้าเป็นความเร้นลับใต้ผืนน้ำ แม้ว่าจะพึงพอใจ แต่ยังคงติดอยู่ในใจ



ความรู้สึกที่ไม่ได้เป็นเจ้าของซึ่งกัน



แต่ถึงอย่างไร การที่ผู้ชายคบกันในสมัยนั้นถือว่ายังเป็นเรื่องแปลกใหม่ พวกเขาไม่มีใครยอมเอ่ยถึงความสัมพันธ์ที่ชักจะเกินเลยกว่าเพื่อนมากขึ้นทุกที ต่างคนต่างหนักใจ และตั้งใจไม่พูดถึงมัน



ใช้ชีวิตตามปกตินับแต่นั้น จนเวลาล่วงเลยมาใกล้ช่วงสอบปลายเทอม



“สองแว่นนี่ชักจะตัวติดกันมากไปละนะ”



“เออน่ะ กูจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ไปมั้ย”



“ไม่อ่ะ กูสู้พวกมึงไม่ไหวหรอก กูไปผ่อนคลายดีกว่า”



อรรณพยักไหล่ ปล่อยแก๊งเพื่อนๆ ไปอย่างยินดี เขาจะได้มีช่วงเวลาอันสงบสุขกับศศินอย่างเคย ช่วงเวลาที่เขาปรารถนาและรักมันเป็นที่สุด



เข้าสู่ห้วงของอวกาศไปพร้อมกับศศิน



ต่างคนต่างจมอยู่ในโลกของตัวอักษร เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในความรู้สึกของอรรณพ ใกล้ถึงเวลาที่ห้องสมุดจะปิดเข้าไปทุกที อรรณพตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เป็นคำชวนที่เขาครุ่นคิดมาเนิ่นนานกว่าจะทำใจถามออกไปได้



“หลังสอบคุณว่างไหม”



“...ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ทำไมหรือ”



“ว่าจะชวนไปเที่ยว”



“ที่ไหน...”



“ไม่ไกลหรอก ไปอควาเรียมน่ะ”



“...” ศศินตอบกลับเป็นความเงียบจนคนชวนใจหายวาบ รีบเอ่ยต่อ ด้วยคิดว่าศศินอาจจะไม่สนใจ และแม้จะคาดหวังในคำตอบ แต่อรรณพก็ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ



“ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไร”



“อยากไป...” ครานี้เสียงตอบของดวงจันทร์ตัวน้อยรีบตอบกลับทันที ทว่าแผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ



“หืม?”



“ผมอยากไป” เปลี่ยนเป็นเสียงดังฟังชัดเต็มสองหูของจ้าวสมุทร



อรรณพคลี่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ และดีใจที่จะได้พาศศินไปยังสถานที่ที่เขาชมชอบ



“ถ้างั้น หลังสอบเสร็จวิชาสุดท้ายเราไปกันนะ”



“อืม”



สัญญาเพียงลมปาก แต่ต่างคนต่างเฝ้ารอคอยวันนั้นให้มาถึงเร็วๆ



การสอบผ่านพ้นไปแบบไม่น่าจดจำมากนัก พวกเขาล้วนทำข้อสอบได้ดีจากการผ่านการอ่านหนังสืออย่างหนักหน่วงมาหลายวัน แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ คำสัญญาที่ได้ให้กันไว้ เป็นแรงขับเคลื่อนให้พวกเขาตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจสอบ เพื่อที่จะได้ไปเที่ยวหลังสอบได้อย่างสบายใจ



จนในที่สุดวันที่เฝ้ารอคอยก็มาถึง อรรณพนัดศศินที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ระหว่างหอศศินและที่พักของเขา



พบกันครึ่งทางก่อนออกเดินทางไปยังอควาเรียมในเช้าวันอาทิตย์ มีแต่เจ้าตัวที่รู้ว่าตนกำลังตื่นเต้นแค่ไหน ทั้งคนชวนและคนถูกชวน ศศินไม่รู้ว่าตนตื่นเต้นเพราะอะไร ส่วนอรรณพไม่รู้ว่าตัวเองจะตื่นเต้นไปเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่เป็นคนเอ่ยปากชวนแท้ๆ



แต่หัวใจกลับสั่นระรัวเมื่อคิดว่าจะได้เที่ยวกันอย่างสองต่อสอง



หัวใจสองดวง เต้นแรงเป็นจังหวะเดียวกัน



เมื่อถึงอควาเรียม อรรณพจัดการซื้อตั๋วเข้าชมเสร็จสรรพก็พาดวงจันทร์ตัวน้อยที่มัวมองตู้ปลาเล็กๆ หน้าจุดซื้อตั๋ว ไม่ยอมไปไหน



“รีบเข้าไปดูข้างในกัน รับรองว่าสวยกว่านี้แน่ๆ”



เจ้าปลาหมึกยักษ์บอกพร้อมอวดรอยยิ้มสวย เขาตื่นเต้นดีใจที่จะได้ให้ศศินเห็นโลกที่เขาชมชอบ ดีใจที่จะได้แบ่งปันความชอบของตนให้กับคน...ที่ชอบ



จ้าวสมุทรรู้ตัวนานแล้วว่าความรู้สึกพิเศษที่มากเกินกว่าเพื่อนนี้คืออะไร และทำใจยอมรับมันได้สักพักแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดตรงกันไหม บางครั้งศศินก็เหมือนจะอ่านง่าย แต่หลายครั้งที่เขาไม่รู้ว่าเจ้าดวงจันทร์กำลังคิดอะไร



อาจจะเป็นสมการฟิสิกส์ในหัว อาจจะเป็นข้อมูลอวกาศเรื่องใหม่



หรืออาจจะเป็น...เรื่องของเขา...เพียงสักนิด



อรรณพพาศศินเดินเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เริ่มจากผ่านโถงแรกที่เต็มไปด้วยตู้ปลาแสนสวยเรียงราย บ้างจัดตู้โชว์ให้ราวกับเป็นหมู่บ้านน้อยๆ ของปลาตัวจิ๋ว บ้างจัดเป็นโมเดลสถาปัตยกรรมขึ้นชื่อของโลก พอสิ่งของเหล่านี้อยู่ใต้น้ำและห้อมล้อมไปด้วยหมู่ปลาหลากสีสัน ทำให้ตู้ปลาธรรมดาดูสวยงามน่าสนใจเป็นอย่างมาก



ชนิดที่ว่าศศินตั้งใจดูทุกรายละเอียดของทุกตู้ปลาที่ได้เดินผ่าน ส่วนอรรณพเคยมาที่นี่หลายหน ไม่ได้ตื่นเต้นกับตู้ปลาแสนสวยนี้แล้ว



เขาตื่นเต้นกับคนที่พามาด้วยต่างหาก กลัวแกลนว่าอีกฝ่ายอาจจะเบื่อหน่ายหรือไม่ได้ชอบ แต่พอได้เห็นปฏิกิริยาของศศินที่ดูตื่นเต้นกับปลาเล็กปลาน้อยอย่างนี้เขาก็ใจชื้นขึ้นมา ดีใจที่อีกฝ่ายสนใจ



อย่างน้อยเดทครั้งนี้ก็ไม่เก้อ



ใช่ อรรณพเรียกมันว่าการเดท แต่ศศินคิดว่ามันคือการไปเที่ยวกับเพื่อน



อรรณพไม่สนหรอกว่าอีกฝ่ายจะคิดเรียกทริปการเที่ยวครั้งนี้ว่าอย่างไร เพราะสุดท้ายแล้วเขาตั้งใจจะยกระดับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกมานานนี้เสียที



เขาปล่อยให้ดวงจันทร์สำรวจโลกจำลองใต้ท้องสมุทร ศศินเอ่ยเสียดายหลายครั้งที่ไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปมาด้วย เพราะปะการัง ตู้ปลา และฝูงปลาในนี้ควรค่าแก่การบันทึกไว้



จนกระทั่งเดินมาถึงจุดไคล์แมกซ์ของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งก็คืออุโมงค์น้ำขนาดใหญ่ ศศินเงยหน้ามองปลาตัวโตที่ว่ายผ่านหัวเขาไป ชี้ให้อรรณพเห็น นั่นฉลาม นั่นเต่าทะเล นั่นปลาอะไรก็ไม่รู้...



ศศินวิ่งไปดูรายชื่อปลาที่ตั้งไว้ริมทาง



“นั่นปลาแคทฟิช” อรรณพเฉลย เพราะคิดว่าศศินคงหาป้ายบอกชื่อปลาไม่ถูก ปลาหลากหลายสายพันธุ์ว่ายวนเวียนไปมา อรรณพค่อยๆ ชี้ทีละตัว เอ่ยแนะนำชื่อมันให้ศศินรู้จัก



ดวงจันทร์ตัวน้อยพยักหน้าตาม รับฟังข้อมูลใหม่อย่างตั้งใจ



ถึงแม้ว่าไม่รู้จะเอาไปทำอะไรก็เถอะ ศศินเพียงแค่ต้องการจะรู้ เขาเป็นนักเรียนรู้ที่จริงจัง



เดินเข้าไปในอุโมงค์ลึกมากขึ้น พบเจอปลาหลากหลายสายพันธุ์มากขึ้น และตัวใหญ่ขึ้น ศศินตาโต ไม่เคยเห็นปลาตัวโตขนาดนี้กับตามาก่อน บางตัวมีขนาดเกือบเท่าตัวศศินเลยทีเดียว



“ผมว่าผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมคนถึงกลัวทะเลมากกว่าอวกาศ”



“คุณเคยบอกผมแล้ว”



“อืม ตอนนั้นแค่คาดเดา แต่ตอนนี้มีหลักฐานพิสูจน์แล้ว”



“แล้วคืออะไรครับ”



“ใต้สมุทรมีปลามากมายเต็มไปหมด หลากหลายสายพันธุ์จนนับไม่ถ้วน เราไม่รู้เลยว่าข้างใต้โลกเรายังมีปลาหรือตัวอะไรอีกไหม”



“เพราะอย่างนั้นมันถึงน่าสนใจ”



“เพราะอย่างนั้นมันถึงน่ากลัว ข้างใต้โลกเรามีสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะเขมือบเราเมื่อไหร่”



“ทำไมคุณถึงคิดว่าปลามันจะกินคนล่ะ”



“ไม่รู้สิ...ไม่ใช่เรื่องปกติเหรอ เราต่างเป็นอาหารของสัตว์อื่น และเช่นเดียวกับสัตว์ตัวอื่นๆ ก็ต่างเป็นอาหารของเรา”



“บางตัวก็ไม่กินเนื้อ แต่ที่คุณว่าก็ถูก เรายังไม่ค้นพบปลาทุกชนิดในมหาสมุทรของโลกใบนี้ มันอาจจะมีปลากินคนก็ได้”



“นั่นไงล่ะ ใต้สมุทรถึงน่ากลัว อยู่ในสมรภูมิที่เสียเปรียบ กลายเป็นผู้ถูกล่า”



“แล้วทำไมอวกาศถึงไม่น่ากลัว”



“ความเงียบและเวิ้งว้างอาจจะน่ากลัวน้อยกว่าการที่ต้องมาเจอตัวอะไรไล่ตามในน้ำล่ะมั้ง ผมก็ไม่รู้สิ อยากให้มีอวกาศจำลองเหมือนกัน จะได้มีการเปรียบเทียบได้” ศศินนิ่งนึกไปสักพัก ก่อนเอ่ยออกมา



“แต่ความกลัวก็เป็นเรื่องเฉพาะคนนะ ผมว่าคนที่ชอบใต้ทะเลมากกว่าอวกาศแบบคุณก็คงมีอยู่ไม่น้อย”



ข้อความคล้ายคำพูดแก้ตัว หวังให้คนคลั่งไคล้โลกใต้ทะเลไม่น้อยใจ



อรรณพฉีกยิ้มหัวเราะ เขาชอบศศินจริงๆ ชอบที่อีกฝ่ายเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ชอบที่อีกฝ่ายตั้งใจฟังเรื่องราวของเขา ชอบที่ศศินพยายามเข้าใจเขา ชอบที่อีกฝ่ายตั้งใจเล่าเรื่องของตัวเองด้วยความกระตือรือร้น ชอบไปหมดทุกตารางนิ้วของดวงดาวศศิน



จ้าวสมุทรที่ทำการสำรวจดวงจันทร์ตัวน้อยมาสักพัก จนได้คำตอบที่แน่ชัดแล้ว รวมถึงได้คำตอบของหัวใจตัวเองด้วย ถ้าหากไม่รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ มีหวังหัวใจเขาคงหลุดลอยไปในห้วงอวกาศเวิ้งว้าง



ระหว่างที่บทสนทนาเป็นเรื่องโลกใต้ท้องทะเล อรรณพพลันเปลี่ยนบทสนทนานี้ เริ่มหัวข้อใหม่ด้วยใจที่เต้นแรงขึ้น



“ผมรู้สึกเหมือนคุณเป็นสัตว์ทะเลที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ต้องได้รับการปกป้อง”



“หืม”



“ไม่ก็เหมือนปะการัง ที่ต้องดูแลอย่างดีด้วยอุณหภูมิน้ำที่พอเหมาะ เพื่อไม่ให้มันฟอกขาว”



“หมายความว่ายังไงหรือ”



อรรณพส่งยิ้ม สบตาอีกฝ่ายที่ยังคงไม่เข้าใจบทสนทนาของเขา



“เอาตรงๆ ก็คบกันนะ”



ศศินนิ่งเงียบ ไม่มีเสียงใด เพียงแต่จับจ้องไปที่อรรณพไม่วางตา ดวงตาของศศินสีดำเหมือนห้วงอวกาศ ลึกลับน่าค้นหา ดูดร่างกายเขาให้เข้าไปลอยหลงในห้วงจักรวาล ในขณะเดียวกัน อรรณพเองก็ดูดให้ศศินจมลงไปในก้นมหาสมุทร



ดวงจันทร์ตัวน้อยถูกน้ำทะเลท่วมจนมิดเสียแล้ว



หัวใจดวงศศินเต้นเป็นส่ำ เมื่อวิเคราะห์ได้ถึงคำพูดของอีกฝ่าย



ความเงียบเข้าครอบงำทั้งคู่ ท่ามกลางสัตว์น้ำที่ว่ายวนไปมา ราวกับเป็นสักขีพยานในความสัมพันธ์นี้



ถ้าหากถกกันเรื่องฟิสิกส์ที่มีกฎเกณฑ์ศศินคงได้คำตอบกันไปนานแล้ว แต่เพราะพวกเขาไม่ได้ถกเถียงกันเรื่องที่มีสมการเช่นนั้น มันเป็นเรื่องหัวใจ ไร้ซึ่งสมการหรือข้อบังคับใดๆ มารองรับ ทำให้ยากแก่การหาคำตอบ



คำนวณแค่ไหนก็ไม่มีคำตอบที่ถูก หากยังใช้สมองตัดสินใจ



ตัวแปรไม่ได้ผล ศศินเปลี่ยนมาถามหัวใจที่เต้นตึกตัก เร่งรัวกว่าปกติ



เขาชอบเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับอรรณพ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นความชอบแบบไหน เขาไม่เคยชอบใครเป็นบุคคล จะมีก็แต่ชื่นชมเท่านั้น



ศศินไม่เคยมีความรัก แต่ใช่ว่าจะเขลาเกินกว่าจะไม่รู้จักมัน



อย่างน้อยตอนที่อรรณพจูบเขา ศศินก็ไม่คิดจะผลักอีกฝ่ายออกไป



ใช้เวลาเนิ่นนานกว่าดวงจันทร์ตัวน้อยจะตัดสินใจ...อรรณพรออีกฝ่ายอย่างมีความหวัง จนกระทั่งศศินยอมเอ่ยตอบกลับมา



ประโยคที่ใช้เวลาเนิ่นนานในการคิดวิเคราะห์ หลังจากที่ปล่อยให้เจ้าอุกกาบาตพุ่งเข้าชนดาวศศิน ปล่อยให้ปลาหมึกยักษ์นอกโลกเข้ามาสำรวจดวงดาวของเขา ปล่อยให้อรรณพเข้ามาอยู่ในชั้นบรรยากาศนี้เป็นเวลานาน



เขาได้คำตอบ



“อืม เอาสิ”






ศศินเลิกสอนในเย็นวันศุกร์ ไม่ต่างจากชีวิตประจำวันปกติ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือสีหน้าของศศินที่เหนื่อยล้าและอิดโรยกว่าเคยหลายเท่า



“เป็นอะไรไป ทำไมหน้าเป็นอย่างนั้นครับ ทำงานหนักหรือ”



อรรณพเอ่ยกล่าวต้อนรับการกลับบ้านของศศินด้วยคำถาม



ดวงจันทร์ไม่ตอบ ทิ้งน้ำหนักตัวใส่คนตัวโตอย่างเหนื่อยล้า อรรณพรีบพยุงร่างผอมบางของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ล้มลงไปหน้าทิ่มกับพื้น



“เหนื่อยเหรอ”



ศศินพยักหน้า ยกมือกอดเอวหนาอีกฝ่ายไว้หลวมๆ คล้ายต้องการที่พักพิง



“หิวไหม กินข้าวก่อนนะ”



“ผมไม่หิว”



“แต่ต้องกิน คุณก็รู้ใช่ไหม”



ศศินพยักหน้าอีกครั้ง ตัดสินใจดันตัวออกมาจากร่างกายอรรณพ เขาเหนื่อยล้าจากการทำงานจนอยากปีนขึ้นเตียงนอนให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่อรรณพพูดถูก เขาควรกินข้าว เพื่อที่จะได้ไม่เป็นโรคกระเพาะทีหลัง



แต่หลังจากทำตามคำชี้นำของจ้าวสมุทรเสร็จสรรพ ศศินก็ขึ้นห้องนอน รีบอาบน้ำและทิ้งตัวใส่เตียงใหญ่ หลับใหลในทันที  ไม่ต่างจากเด็กน้อยยามนอนกลางวัน อรรณพเมื่อจัดการธุระชั้นล่างของบ้านเสร็จก็ได้แต่อมยิ้มให้กับภาพศศินตัวน้อยที่นอนหลับพริ้ม



เขาเดินไปนั่งข้างๆ ลูบหัวอีกฝ่าย ก้มจูบกลางหน้าผากมน ขอพรอย่างเงียบๆ ให้ศศินได้หลับสนิททั้งคืน



เช้าวันเสาร์ ศศินตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อย แต่เมื่อสองตาได้ทำงาน ศศินก็กระเด้งตัวออกจากที่นอน ไปจัดการอาบน้ำทันที ก่อนจะลงมาหาอรรณพที่นั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขก



“ไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์กัน”



“หืม”



“ผมอยากดูดาว”



“อ้อ เอาสิ”



“คุณขับรถนะ”



“อืม แต่คุณต้องกินข้าวก่อนนะ ผมซื้อโจ๊กกับปาท่องโก๋มาให้”



ศศินฉีกยิ้มรับแทนคำตอบ เดินเข้าไปห้องครัว หยิบถ้วยข้าวออกมานั่งข้างๆ อรรณพที่กำลังดูโทรทัศน์ โซฟาขนาดใหญ่สำหรับสามที่นั่ง แต่ศศินเลือกที่จะนั่งเบียดอีกฝ่าย เขากำลังอ้อนเจ้าปลาหมึกยักษ์โดยที่ไม่รู้ตัว



การกระทำที่มีแต่อรรณพเท่านั้นที่รู้ คนถูกอ้อนได้แต่อมยิ้มอยู่ในใจ อยากจะคว้าคนน่ารักเข้ามากอด แต่กลัวอีกฝ่ายจะรู้ตัว จึงปล่อยให้ศศินนั่งพิงตนไป กินข้าวไป



กับข้าวหมดถ้วย จัดการเก็บบ้านเสร็จสรรพ ศศินก็พร้อมออกบ้านอย่างกระตือรือร้น จนสารถีอดยิ้มไม่ได้อีกแล้ว เมื่อวานศศินดูเหนื่อยล้าจะเป็นจะตาย มาวันนี้ดีดเด้งอย่างกับเด็กน้อย



แม้ศศินจะไม่ได้แสดงหรือออกอาการมากขนาดนั้น แต่เพราะเป็นอรรณพ เพราะอยู่ด้วยกันมานาน การกระทำที่ผิดปกติเพียงนิดเขาก็รับรู้ได้ทันที ศศินที่กำลังตาลุกวาว แต่ยืนทำหน้านิ่งรอเขาเก็บของนั้นไม่ต่างจากพวกเด็กๆ ที่ชอบเร่งเร้า



‘เร็วๆ เข้าซี่’



อรรณพนึกเสียงของเจ้าก้องสมุทรแทนการบรรยายสีหน้าของศศินตอนนี้



เขาตระหนักได้ว่าแม้ศศินจะเป็นผู้ชายวัยกลางคนก็ยังน่ารักได้อยู่ดี หรือต่อให้อีกฝ่ายแก่กว่านี้ ศศินก็คงน่ารักไม่ต่างจากเดิม



สารถีนึกในใจคนเดียว ก่อนรีบไปเปิดรถให้ผู้ใหญ่หัวใจเด็กน้อยรีบขึ้นพาหนะ ตรงไปยังท้องฟ้าจำลองอย่างที่เจ้าตัวต้องการ



ศศินแทบไม่เดินดูโซนอื่นๆ ของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เพราะไม่สนใจ แต่เพราะเขามาบ่อยจนแทบจะหลับตาเดินได้แล้วต่างหาก สิ่งเดียวที่เขาไม่เบื่อในนี้ก็คือท้องฟ้าจำลอง ห้องกว้างทรงครึ่งวงกลม พร่างพรายไปด้วยหมู่ดาวน้อยใหญ่กำลังรอเขาอยู่



รอบถัดไปของการฉายท้องฟ้าจำลองเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เขาจึงเลือกรออยู่ตรงหน้าทางเข้า แทนที่จะไปเดินดูอย่างอื่น



รอไม่นานก็ถึงรอบของเขา ศศินยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ เดินเข้าไปเลือกที่นั่งข้างหลังสุด เพื่อที่จะได้ไม่โดนกล้องบัง และจะได้ไม่มีใครเห็นพวกเขา



การบรรยายเริ่มต้นขึ้น ก่อนที่จะได้ดูดาว กล้องฉายการกำเนิดจักรวาลเป็นการเริ่มต้น ไม่ต่างจากการดูหนังจอกว้าง เขาเห็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะแต่ละดวง เป็นภาพกราฟฟิกที่ทำขึ้นมา วิทยากรอธิบายถึงรายละเอียดของดวงดาวต่างๆ ทีละดวง



ไปจนถึงภาพดวงดาวเล็กๆ ระยิบระยับเต็มท้องฟ้า นั่นกลุ่มดาวไถ นั่นกลุ่มดาวนายพราน



ศศินฟังการบรรยายเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังชมชอบมันไม่เสื่อมคลาย เป็นอีกที่ที่เขาชอบมา เวลามีเรื่องยุ่งเหยิงในใจขอแค่ได้มองดูดาวใกล้ๆ เช่นนี้ก็พอ แม้จะไม่ใช่ดาวจริงก็ตาม แต่ภาพดวงดาวขนาดใหญ่ก็ช่วยทำให้เขาได้ผ่อนคลายได้มากขึ้น และที่สำคัญ ที่นั่งข้างเขาเป็นอรรณพ คนพิเศษและคนรักเพียงคนเดียวของเขา



เท่านี้ พลังงานชีวิตของศศินก็ได้ถูกเติมเต็ม



ในขณะที่วิทยากรกำลังอธิบายกลุ่มดาวต่างๆ อยู่นั้น ศศินก็เบือนหน้าหันไปมองคนข้างตัว ภาพดวงดาวลอยเอื่อยเฉื่อย เสียงเพลงประกอบราวกับเพลงกล่อมนอน ซ้ำยังเสียงบรรยายเนื้อหาของดวงดาวที่เป็นเสียงราบเรียบ อรรณพอาจจะหลับไปแล้วก็ได้



แต่ไม่ใช่ จ้าวสมุทรยังคงมองดวงดาวจำลองตรงหน้าอย่างตั้งใจ จนดวงจันทร์ตัวน้อยลอบยิ้มออกมา



ศศินมองคนข้างๆ ที่กำลังมองท้องฟ้าจำลองอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาตัดสินใจขยับตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะประกบจูบลงที่ริมฝีปากอรรณพในเสี้ยววินาที และรีบกลับมานั่งหลังตรงดังเดิม



อรรณพตกใจที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว แต่หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ไม่มีใครสามารถหุบยิ้มได้เลย จนกระทั่งการบรรยายและฉายท้องฟ้าจำลองจบลงในเวลาห้าสิบนาที



ช่างเป็นห้าสิบนาทีที่มีความหมาย










#จักรวาลใต้สมุทร



ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|10: Martian & Atlantian|



ตอบรับไปแล้ว เขาตอบรับไปแล้ว



ศศินนึกในใจพลางเหงื่อผุดพลั่ก ใจเต้นระรัว แต่สายตายังคงจ้องมองอีกฝ่ายไม่หยุด ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นจนตัวค้าง ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งท่าเดิม หรือไม่ก็เพราะต้องการแน่ใจในคำยืนยัน



สลับกัน ทางฝั่งเจ้าสมุทรก็เงียบงันกับเสียงตอบรับ เขาไม่คิดว่าคำตอบรับที่แสนจะเรียบง่ายของศศินจะมีผลต่อหัวใจเขามากขนาดนี้



กว่าจะประมวลผลได้ ก็ปล่อยให้ความเงียบกลืนกินไปหลายนาที



อรรณพยกยิ้ม พร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ



“ไปเดินโซนนู้นกัน มีพวกปลาใต้ทะเลลึกด้วย”



ศศินไม่มีปัญหากับการเดินดูปลาในอควาเรียม เพียงแต่ในตอนนี้เขาต้องการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ ทว่าอรรณพกลับทำตรงข้าม ไม่มีคำยืนยัน ไม่มีการจับมือถือแขน หรือแตะเนื้อต้องตัวใดๆ ให้รู้สึกถึงความแปลกใหม่ เพียงเดินนำให้ศศินเดินตาม แต่พอศศินเริ่มก้าวขาเดินตาม อรรณพก็เปลี่ยนจังหวะมาเดินเคียงข้าง



สองร่างที่ก้าวเท้าไปพร้อมกัน สองหัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน



อุโมงค์ใต้น้ำยังคงทอดยาว พาพวกเขาไปพบเจอกับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ศศินในตอนนี้ไม่มีสมาธิดูปลาเท่าไหร่ เขามักเผลอหันไปมองคนข้างกายบ่อยๆ



แน่นอนว่าไม่พ้นสายตาจ้าวสมุทร อรรณพเห็นคนน่ารักเหลือบมามองตนก็ได้แต่ยิ้มขำ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มองปลาที่ลอยเหนือหัว บ้างก็ชี้ตัวโน้นทีตัวนี้ที แนะนำชื่อพวกมันให้ศศินรู้จัก



กระทั่งสิ้นสุดอุโมงค์ยักษ์ใต้น้ำ สิ้นสุดการชมอควาเรียม ถัดจากโถงนี้ไปก็เป็นทางออกแล้ว



อรรณพใช้จังหวะนี้ เอ่ยกระซิบข้างหูศศิน



“เมื่อกี้ถ้าผมจูบคุณได้ ผมคงทำไปแล้ว”



เจ้าดวงจันทร์พอได้ฟังก็พลันหน้าแดงเถือก รีบเดินจ้ำอ้าวออกไป สาวเท้ารีบรุดไปยังโซนขายของที่ระลึก ตั้งใจเลือกมองพวงกุญแจปลาดาวอย่างพยายามไม่สนใจเสียงทุ้มข้างหูเมื่อครู่



แต่ใบหูที่ขึ้นสีแดงไม่อาจปกปิด แม้ศศินจะทำเป็นเมินไม่สนใจ แต่อรรณพก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเขิน



พึงพอใจเจ้าปลาหมึกยักษ์แล้ว



เขาอยากจับศศินเข้ามากอดจมอกแล้วฟัดให้หายมันเขี้ยวเสียจริงๆ



“ไปไหนต่อไหม”



อรรณพเอ่ยถามหลังจากรออีกฝ่ายซื้อพวงกุญแจปลาดาวเสร็จสรรพ เขาเองก็ซื้อแม็กเน็ตรูปท้องทะเลมาเช่นกัน แม้ว่าเขาจะมาที่นี่จนเบื่อ แต่เพราะเป็นวันสำคัญ จึงอยากเก็บมันไว้เป็นที่ระลึก ศศินมองของที่ระลึกในถุง ก่อนจะช้อนมองอีกฝ่าย เขาไม่มีแพลนไปไหนต่อ จึงส่ายหน้าเป็นคำตอบ



“ถ้างั้นเรากลับกัน”



ศศินพยักหน้า ในใจผิดหวังเล็กน้อย เขาคิดว่าจะได้อยู่กับอรรณพนานกว่านี้ก่อนจะปิดเทอมใหญ่



“กลับไปหอคุณนะ”



“อืม...หืม?”



ศศินพยักหน้า รับคำ ต้องกลับหอเขาอยู่แล้วสิ แต่เอ๊ะ อรรณพพูดเหมือนจะไปด้วยอย่างนั้นแหละ เจ้าดวงจันทร์ขมวดคิ้ว มองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังกลั้นยิ้มขำ



“ไปหอคุณกัน”



“...จะมาทำไม”



“ก็ไม่ไม่ที่ไป”



“หอผมไม่มีอะไร”



“มีสิ”



“...”



“มีคุณไง”



รู้ตัวอีกทีเจ้าดวงจันทร์น้อยแสนซื่อก็พาแฟนคนแรกเข้าห้องเสียแล้ว... ผิดที่อรรณพนั่นแหละทำให้เขาเขิน เขินจนต้องรีบจ้ำอ้าวออกจากอควาเรียม จ้ำๆ ขึ้นรถเมล์จนมาถึงหอตัวเอง



พาตัวเองมายังที่ลับตา สองต่อสองกับคนรัก



ศศินพอนึกขึ้นได้ก็ยืนตัวแข็งเป็นหิน ปล่อยให้ผู้มาเยือนเดินสำรวจรอบห้องเล็ก ที่เต็มไปด้วยหนังสือที่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงเป็นหมวดหมู่ หนังสือดาราศาสตร์ หนังสือเรียนฟิสิกส์ เคมี ชีวะ หนังสือภาษาอังกฤษ หนังสือสารคดี



“อ๊ะ มีหนังสือทะเลด้วยหรือ”



ดวงจันทร์ตัวน้อยเลิกกลายเป็นหิน สะดุ้งสุดแรงเมื่อถูกค้นพบความลับเข้า



ศศินอยากจะเข้าไปห้ามอรรณพ แต่ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าหมึกยักษ์หยิบหนังสือว่าด้วยเรื่องเรื่องทะเลออกมา



“เล่มนี้ผมก็มี” อรรณพว่า หันไปหาเจ้าของหนังสือที่ตอนนี้หน้าแดงเถือก พร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดซึม



มีอะไรต้องเขินอายหันหนอ... อรรณพคิดไปพร้อมๆ กับจ้องมองศศินตัวน้อยที่แสดงท่าทางเก้ๆ กังๆ



“ผมเห็น...มันลดราคา...เลยซื้อมา” ศศินเอ่ยตะกุกตะกัก เสียงเบา “ไม่ได้ซื้อมาเพราะคุณหรอกนะ” อย่างไม่แนบเนียบ



อรรณพฉีกยิ้มกว้างทันที เขาเก็บหนังสือเล่มใหญ่เข้าชั้น หันหน้ามาเผชิญหน้ากับศศินอีกครั้ง



ก่อนที่ดวงจันทร์ตัวน้อยจะได้ตั้งตัว มือใหญ่ก็ประคองใบหน้าละมุนของอีกฝ่ายไว้ เจ้าสมุทรมอบจุมพิตแสนหวาน ค่อยๆ ดูดดึงริมฝีปากบาง แทะเล็มไปเรื่อยๆ ก่อนจะส่งลิ้นของตนเข้าไปสำรวจโพรงปากอีกฝ่าย



ศศินไม่รู้จักจูบแบบนี้มาก่อน เขาตกใจ พยายามดิ้นหนีเพราะรสสัมผัสประหลาด



อรรณพถอนจูบ



“ไม่ชอบหรือ”



“ป...เปล่า...มันแค่...ผม...ไม่รู้จะทำยังไง...”



เพราะถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว ศศินผู้ไร้ประสบการณ์จึงตื่นตระหนก ไม่ใช่เพราะรังเกียจอย่างทีอรรณพคิดเลย สักนิด ถ้าบอกไปคงถูกมองเป็นเด็กอนุบาล...แต่ศศินเพิ่งรู้ว่าจูบที่แท้จริงมันเป็นเช่นนี้...



ก็จะให้เขาทำอย่างไรเล่า ศศินไม่สนใจผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหน เมื่อไหร่ที่เกิดอาการทางเพศก็แค่ใช้มือช่วยปลดปล่อย ไม่ได้หาอะไรมากระตุ้น หรือชมชอบที่จะดูการสืบพันธุ์ของเหล่ามนุษย์ด้วยกัน เขาสนใจแค่ดวงดาวและจักรวาลเท่านั้น เรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้เป็นเรื่องเสียเวลาสำหรับศศิน



เพราะแบบนี้ จะให้เขารู้จักดีฟคิสได้อย่างไร



“อ้าปากเฉยๆ ก็พอครับ” ผู้เชี่ยวชาญเอ่ยบอก ศศินเผยอปากออกเล็กน้อยตามคำสอน อรรณพไม่รอช้า ประกบจูบเข้ากับอีกฝ่ายอีกครั้ง



ก่อนจะถอนจูบออกมาภายในเวลาไม่กี่วินาที



“ไม่ต้องตาเหลือกขนาดนั้นก็ได้มั้งคุณ” ทั้งขำ ทั้งเอ็นดู



“แล้ว...แล้วต้องทำไง”



“หลับตา”



ศศินหลับตาปี๋ อรรณพหัวเราะขำกับท่าทางของอีกฝ่าย จนจูบแรกของการคบกันหยุดอยู่เพียงแค่การนำริมฝีปากมาแตะกัน



“ทำไมไม่ทำต่อแล้วเหรอ...”



“ค่อยๆ ทำดีกว่า”



“ผมขอโทษ...”



“ขอโทษทำไมครับ”



“ผมคงทำคุณเสียอารมณ์...”



อรรณพหัวเราะขำอีกครั้ง มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบหัวอีกฝ่าย “ไม่เลย ผมพอใจมาก”



“แต่...ผม...”



เจ้าปลาหมึกชิงฉกจูบเจ้าดวงจันทร์แทนการปิดปาก



ก่อนจะพาริมฝีปากตัวเองเคลื่อนไปกลางหน้าผากมน กดจูบแช่ไว้เนิ่นนาน



“ไม่เป็นไร ยังมีเวลาเรียนรู้อีกนาน”



อรรณพว่า ก่อนที่คืนนั้นจะจบลงตรงที่เจ้าปลาหมึกยักษ์เนียนนอนค้างที่ห้องคะนิ้งตัวน้อย กอดก่ายอิงแอบแนบชิด หนวดปลาหมึกยักษ์ลูบล้วงตรงนั้นทีตรงนี้ที หยอกแหย่จนเจ้าของห้องจนนอนตัวแข็งทื่อ ดวงจันทร์ตัวน้อยได้กลายเป็นก้อนหินจริงๆ






หลังจากที่ดูดาวเสร็จ พวกเขาก็แวะซูเปอร์มาเกตก่อนกลับบ้าน คว้ารถเข็นจูงมันเข้าตามซอกซอยต่างๆ ของชั้นวางของเพื่อซื้อของใช้และวัตถุดิบทำอาหารเตรียมไว้สำหรับมื้อต่อๆ ไป มันเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย



ทว่าครานี้มีนักศึกษามือดีคนหนึ่งถ่ายรูปเก็บไว้ได้



เมื่อวันจันทร์มาถึง ศศินออกไปสอนตามปกติ และก็ต้องพบกับความไม่ปกติของแววตานักศึกษาในคาบเรียนของเขา



ศศินรู้สึกว่าตัวเองโดนจ้องมองมากกว่าเมื่อก่อน



ทว่าหน้าที่ต้องเป็นหน้าที่ เขาทำการสอนต่อไปโดยไม่สนใจสายตาเกือบร้อยคู่ที่จับจ้องมาที่เขา ไม่ใช่โปรเจคเตอร์ ศศินแม้จะสงสัยแต่ก็ต้องเก็บงำความสงสัยนี้ไว้ จนกระทั่งหมดคาบเรียน



“มีใครจะถามอะไรไหม”



เขาเอ่ยออกไมค์ เสียงดังก้องทั่วห้อง ทว่าเงียบกริบ ไร้ข้อสงสัย



ไม่ได้แปลกไปกว่าทุกที แค่สายตาที่เขาสัมผัสได้มันแปลกไปก็เท่านั้น



ศศินพยายามไม่ใส่ใจ บอกเลิกคลาส ก่อนไปกินข้าวกลางวันกับเหล่าอาจารย์เพื่อนร่วมงาน



พวกอาจารย์ไม่มีข่าวสารอะไรมาอัพเดท นอกจากบ่นประปรายเรื่องการสอน การทำวิจัย และความขี้เกียจตรวจงานให้นักศึกษา ไม่มีอะไรเกี่ยวกับตัวเขา



“จะว่าไป วันนี้นักศึกษามองผมแปลกๆ”



“จะแปลกอะไรเล่าคุณ อาจารย์ศศินเดิมทีก็ฮ็อตสำหรับเหล่านักศึกษาอยู่แล้ว”



ศศินไม่รู้หรอกว่าเขาฮ็อตหรือไม่ฮ็อต เขาเพียงตั้งใจทำหน้าที่อาจารย์ก็เท่านั้น เรื่องอื่นนอกจากนี้เขาไม่จำเป็นต้องสนใจให้มากนักก็ได้ เพียงแต่สายตานักศึกษาในคาบเรียนวันนี้มันต่างจากเดิมอย่างบอกไม่ถูก เขารู้ตัวว่าถูกจ้องมองตลอด เพียงแต่ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าเพราะตนเป็นผู้สอน ย่อมเป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว



ทว่าการสอนที่ผ่านมาเมื่อสักครู่นี้เขากลับรู้สึกว่ากำลังถูกมองด้วยสายตาที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง ภาพสายตาของนักศึกษาในวันนี้ติดตาและฝังใจ รบกวนสมาธิเขา



แต่ในเมื่อไม่สามารถหาคำตอบจากความรู้สึกประหลาดนี้ได้ เขาจึงพยายามไม่สนใจมัน ไม่เก็บเรื่องพวกนี้มาคิด ทำตามหน้าที่ของตัวเองต่อไป



คาบบ่ายเขาไม่มีสอน จึงนั่งตรวจงานนักศึกษาอยู่ในห้องพักอาจารย์ จวบจนเวลาล่วงเลยผ่าน อาจารย์ฟิสิกส์ที่สอนคาบบ่ายเสร็จก็พุ่งพรวดเข้ามาในห้องพักอาจารย์ ตรงไปยังที่นั่งของศศิน พร้อมเอ่ยด้วยเสียงตระหนก



“อาจารย์ศศิน แย่แล้วล่ะ”



“มีอะไรหรือ”



“นักศึกษาส่วนใหญ่รู้เรื่องคุณแล้วน่ะสิ”



“เรื่องผม? เรื่องอะไรหรือครับ”



“ก็ที่คุณคบกับอาจารย์อรรณพ”



“อ้อ” ศศินว่าออกมาอย่างเรียบง่าย เรื่องนี้นี่เอง “แล้วทำไมหรือครับ”



“พวกนั้นรุมถามผมกันใหญ่ว่าอาจารย์อรรณพเป็นแฟนคุณหรือ คราวนี้เจ้าเด็กพวกนั้นมีรูปถ่ายพวกคุณสองคนที่ซุปเปอร์มาเกตด้วย ยืนตัวชิดกันขนาดที่ว่าผมหาทางแก้ตัวให้ไม่ได้เลย”



“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ” ศศินว่า



“อ้าว...ผมคิดว่าคุณไม่อยากให้ใครรู้เสียอีก”



อาจารย์ภาคฟิสิกส์คนนี้เป็นที่เรื่องลืมเรื่องการสอนที่สนุกสนาน บวกกับนิสัยร่าเริง เป็นมิตรกับนักศึกษา จึงไม่แปลกที่จะมีนักศึกษามากมายชมชอบเขา และรุมล้อมถามเหมือนอาจารย์เป็นเพื่อนเล่น แม้บางครั้งอาจจะมากไปก็ตาม แต่อาจารย์ฟิสิกส์ก็ไม่เคยถือสา นำมาสู่ปัญหาที่เขาต้องรับมือกับคำถามเกี่ยวกับศศินมากมาย พรั่งพร้อมด้วยหลักฐานที่มัดไม่หลุด



ศศินรู้ว่าอาจารย์ฟิสิกส์เป็นที่ชมชอบของเหล่านักศึกษา และตัวอาจารย์เองก็ชอบพูดคุยกับนักศึกษาบ่อยครั้ง จึงไม่แปลกใจที่อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้จะเป็นคนนำเรื่องราวของเขามาเล่าให้ฟัง



นี่คงเป็นสาเหตุที่เขาโดนสายตาของนักศึกษาทั้งห้องมองแปลกๆ



ศศินยักไหล่ “ผมก็ไม่ได้ปิดอะไรนะ” ว่าพร้อมชูแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย “เพียงแต่ก็ไม่ใช่เรื่องของผมที่จะต้องเอาไปป่าวประกาศให้ใครรู้”



“แต่พวกนักศึกษาตื่นเต้นกันใหญ่เลยพอเห็นรูปคุณกับอาจารย์อรรณพ แถมมีนักศึกษาบางคนรู้จักด้วยว่าอาจารย์อรรณพสอนป.โทอยู่”



ก็ไม่แปลก ศศินคิด แม้ว่าอรรณพจะไม่ค่อยได้เข้าคณะเท่าไหร่ แต่ที่นี่จำนวนนักศึกษาไม่ใช่น้อยๆ จะเคยเห็นอรรณพบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย



“เจ้าพวกนั้นถามผมใหญ่ว่าสรุปแล้วพวกคุณคบกันหรือ พวกนักศึกษาสาวๆ บ่นกันระนาว ส่วนพวกนักศึกษาชายบางคนบอกยังพอมีหวัง มีหวังอะไรของพวกมันกัน พวกคุณแต่งงานกันแล้วแท้ๆ”



ศศินยกยิ้ม หัวเราะเบาๆ แทนการตอบกลับ อันที่จริงเขากับอรรณพไม่ได้แต่งงานอย่างถูกกฎหมาย เพราะยังไม่มีกฎหมายรองรับการแต่งงานของพวกเขา อรรณพจึงตัดสินใจครอบครองศศินไว้ด้วยแหวนหมั้นหมาย แสดงถึงความเป็นเจ้าของ และศศินก็ยอมรับที่ถูกจับจอง



เอาเข้าจริง ชีวิตตอนนี้ของพวกเขาก็ไม่ต่างจากแต่งงานกันแล้วสักเท่าไหร่



เพียงแค่ไม่มีกฎหมายมารองรับเท่านั้น



นอกเหนือจากนั้น การกระทำของพวกเขาก็ไม่ต่างจากคู่สามีภรรยาคู่อื่นๆ



“ปล่อยเด็กๆ ไปเถอะครับ” ศศินว่า “เดี๋ยวเวลาผ่านไปข่าวพวกนี้ก็ซาลงเอง”



เขาใช่ว่าจะไม่สนใจเสียทีเดียว ที่ศศินกลัวก็มีแต่คิดว่านักศึกษาจะมัวคิดแต่เรื่องของเขาจนไม่สนใจเรียน ส่วนศศินนั้นต่อให้จะเกิดอะไรขึ้น จะมีการนินทาลับหลังหรือถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ ตนก็ไม่ใคร่จะไปสนใจ ตั้งใจทำตามหน้าที่ของตนต่อไป



“อาจารย์ศศินนี่ใจเย็นจังนะครับ”



“ไม่หรอก ผมแค่ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายอะไร ผมก็แค่สอนตามปกติ” เขาเว้นวรรค “แล้วอีกอย่าง ผมก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบเหมือนคุณด้วย นักศึกษาไม่กล้าเข้ามาวอแวให้เสียการเรียนการสอนหรอกครับ”



“โถ่อาจารย์ศศิน พวกนักศึกษาน่ะอยากคุยกับคุณจะตาย เจ้าพวกนั้นบอกผมมาตั้งหลายเสียงหลายคนว่าอยากรู้จักคุณ แต่คุณทำหน้านิ่ง ดุเสียจนไม่มีใครกล้าคุยเล่น”



ศศินยิ้มจาง เขามักเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว ใบหน้าและแววตาแสดงออกถึงความไร้มนุษยสัมพันธ์ขั้นสุด คล้ายกับมีกำแพงกั้นระหว่างเขากับผู้อื่นเสมอ



กระนั้นก็ยังมีคนหนึ่งที่เข้ามาคุยเล่นกับเขาได้นะ แถมยังพังกำแพงหนาของเขาเสียย่อยยับ



“ดีแล้วล่ะครับ ผมเองก็ชวนคุยกับใครไม่เก่ง”



“ไม่ต้องชวนเลยคุณ เดี๋ยวเจ้าเด็กพวกนั้นคุยกันจะตายไป เกรงว่าจะแย่งกันพูดจนคุณตอบไม่ทันมากกว่า จะว่าไปคุณเองก็ลองคุยเล่นกับเด็กๆ ดูบ้างนะ ไม่เสียหายหรอก”



“ครับ ไว้ผมจะลอง”



“เอ้อ แล้วก็นะ ทุกคนไม่ได้พูดถึงคุณกับอาจารย์อรรณพในแง่ลบเลย มีแต่ตื่นเต้นกันเสียมากกว่า ผมอยากจะบอกก่อน เผื่อคุณคิดมาก”



“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่คิดมาก” ศศินยิ้ม พร้อมว่าต่ออย่างใจจริง “ดีเสียอีก จะได้กล้ากลับบ้านพร้อมกับอรรณพแบบไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ อีก”



อาจารย์ฟิสิกส์เบิกตาโต ตามด้วยรอยยิ้มกว้าง



ไม่นานนักหลังจากนี้ ศศินก็ขอตัวกลับบ้าน



เพราะโทรศัพท์มือถือดังเป็นสัญญาณโทรเรียกเข้าจากคนที่กำลังถูกพูดถึง



วันนี้อรรณพมารับศศิน เพื่อที่จะได้ไปดูหนังที่เพิ่งเข้าใหม่ด้วยกัน



เก็บข้าวของ บอกลาเพื่อนร่วมงาน เดินตัวตรงอย่างสง่าไปยังจุดรับส่งคนหน้าคณะ โดยที่แทบไม่เหลียวมองอะไรนอกจากจุดมุ่งหมายตรงหน้า



ศศินเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างๆ อรรณพอย่างเปิดเผย







#จักรวาลใต้สมุทร

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|11: Solar Storm & Tsunami|



เป็นการปิดเทอมที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เมื่อมีอีกฝ่ายคอยอยู่เคียงข้าง อรรณพตัดสินใจอยู่กับศศินที่หอพักเป็นเวลาหนึ่งเดือน ก่อนจะกลับบ้าน เป็นเวลาที่ศศินได้วางแผนเอาไว้ เขาเคยบอกอีกฝ่ายว่าปิดเทอมใหญ่ครั้งนี้จะกลับบ้านช้าสักหน่อย สาเหตุก็เพราะมีสัมมนาเกี่ยวกับดาราศาสตร์ที่ศศินสนใจ และลงชื่อไว้แล้วว่าจะไปเข้าร่วม



โอกาสงามๆ แบบนี้ หมึกร้ายเจ้าเล่ห์ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปได้หรอก



ปิดเทอม โอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองมากกว่าตอนเปิดเทอมเป็นไหนๆ รู้อย่างนี้แล้วอรรณพมีหรือที่จะรีบกลับบ้านไปอยู่คนเดียว ที่บ้านไม่มีศศินให้หยอกแหย่ กลับไปก็คร้านจะเบื่อแย่



อยู่แกล้งคนขี้เขินให้หนำใจดีกว่า



และอรรณพก็ทำตามเป้าหมายได้อย่างลุล่วง เขาแกล้งหยอกเอินศศิน จนเจ้าตัวเขินม้วนตัวแดงไปหลายต่อหลายครั้ง อรรณพเกาะติดศศินแน่นเป็นปลิงยักษ์ อยู่กับศศินทุกเวลา เขาหอบตัวเองมานอนค้างหอศศินโดยที่ไม่ต้องรอคำเชิญ ส่วนศศินก็ไม่คิดจะเอ่ยปากไล่ แค่ใจเต้นเป็นส่ำเวลาถูกเจ้าปลาหมึกกลั่นแกล้งด้วยสารพัดวิธี



แม้ดวงจันทร์ตัวน้อยจะรู้ตัวว่าถูกแกล้ง แต่กลับไม่รู้สึกรำคาญ อาจเพราะวิธีแกล้งขออรรณพมีแต่ทำให้เขาเขินอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น ทั้งการสัมผัส การพูดหยอดคำหวาน



ทั้งนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าอรรณพจะแกล้งศศินทุกวินาที มีหลายช่วงเวลาที่พวกเขาใช้ความเงียบอยู่ร่วมกัน ไม่มีบทสนทนา จมอยู่ในโลกของตัวเอง และต่างฝ่ายต่างปล่อยให้แต่ละคนอยู่กับตัวเอง เคารพในพื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน เพราะต่างเข้าใจกันดี ว่ายามที่ได้หมกมุ่นกับเรื่องที่ตัวเองชอบแล้วนั้น จะละเลยแวดล้อมรอบข้างเพียงไหน



เพราะแบบนี้ ถึงอยู่ด้วยกันได้ตลอดหนึ่งเดือน โดยที่ไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่น้อย



จะมีก็แต่ศศินที่บ่นอรรณพเวลาเจ้าปลาหมึกซนมาแกล้งตนก็เท่านั้น



ถึงจะบ่น แต่ก็ไม่คิดห้ามจริงจัง



ระยะเวลาหอมหวานของคู่รักคู่ใหม่เติบโตไปอย่างราบรื่น กระทั่งเวลาจากลามาถึง ทั้งสองแม้จะเสียดายที่ไม่ได้อยู่ร่วมกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเสียใจ เดี๋ยวเปิดเทอมใหม่ก็ได้เจอ



อรรณพติดต่อหาศศินบ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่บ่อยนัก และก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรระหว่างทั้งคู่



อยู่ตัวคนเดียวมันก็ดี แต่คงจะดียิ่งกว่าถ้าอีกฝ่ายมาอยู่เคียงข้าง



เวลาเลยผ่าน สองเดือนที่เหลือผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทว่าเมื่อวันเปิดเทอมมาถึง พวกเขาก็ยังเหมือนเดิม ทั้งการกระทำและความรู้สึก ทุกอย่างยังคงสภาพเดิม เพียงแต่อรรณพไม่แกล้งศศินในที่สาธารณะแล้ว เพราะห่วงว่าอีกฝ่ายจะเขินจนตัวแดงแปร๊ดไปเสียก่อน



จะมีก็เพียงแต่...



“คะนิ้งครับ”



เพี้ยะ!



อรรณพพยายามหาโอกาสในช่วงเวลาที่ศศินอยู่คนเดียว อย่างเช่นตอนนี้ ศศินกำลังเข้าห้องน้ำ ขณะที่ล้างมืออยู่ อรรณพก็ลอบมองทั่วห้องน้ำ เมื่อไม่พบใครก็รีบย่องเข้าไปข้างหลังศศินตัวน้อย เอ่ยกระซิบเสียงทุ้มข้างหู พร้อมกับใช้ปลายจมูกแตะแก้มนุ่มของอีกฝ่าย



และถูกศศินโจมตีกลับมาภายในเสี้ยววินาที



อรรณพหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ส่วนศศินตัวแดงเป็นกุ้งเผา กุมแก้มตัวเองที่ถูกคนฉวยโอกาสหอมไปเมื่อครู่



“ผมไปเรียนก่อนนะ”



คนตัวโตเมื่อพอใจก็ฉีกยิ้มร่า วิ่งออกจากห้องน้ำไปพร้อมกับรอยฝ่ามือแดงประดับกลางหลัง ส่วนคนตัวเล็กได้แต่ยืนควบคุมสติ หายใจเข้าออกช้าๆ รอจนกว่าตัวเองจะหน้าแดงถึงค่อยกล้าเดินออกไปพบฝูงชน



พอขึ้นปีสามพวกเขาก็เริ่มมีวิชาที่เรียนไม่ตรงกัน ด้วยเพราะอยู่คนละสาขา วิชาร่วมเริ่มน้อยลง แต่นั่นไม่เป็นปัญหาในการคบกัน แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาก็เจอกันที่ห้องสมุดบ่อยกว่าห้องเรียนอยู่แล้ว



อรรณพรู้เสมอว่าศศินไม่ชอบทำอะไรเปิดเผย ผิดกับน้อยหน่า ที่ต้องการให้คนรอบข้างรู้ว่าตนเป็นแฟนของเธอ ซึ่งก็ไม่ผิด และอรรณพก็ยินดีที่จะปรับเปลี่ยนตนตามนิสัยใจคอของแฟนแต่ละคน



หากศศินไม่ชอบให้เดินจับมือถือแขน หรือแสดงความรักออกทางที่สาธารณะ เขาก็จะไม่ทำมัน แต่ในทางกลับกัน ศศินก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้เขาหยอกเย้าอีกฝ่ายได้ อรรณพเองก็มีความต้องการที่จะแสดงความรักของตนเหมือนกัน ก็แค่แสดงออกในที่สาธารณะไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้ เลือกหาสถานที่ลับตาคนก็พอแล้ว



ความสัมพันธ์เหมือนจะดำเนินไปด้วยดีอย่างราบรื่น เพียงแต่ไม่มีอะไรถาวร เมื่อมีสุขก็ต้องมีทุกข์ เป็นของคู่กัน เป็นเรื่องปกติ



อย่างเช่นในตอนนี้ ศศินที่เลี่ยงการเลี้ยงสายมาหลายปี ครานี้เขาหาข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงการกระชับมิตรนี้ไม่ได้แล้ว จากที่เมื่อก่อนเขาส่งไปแค่เงินร่วมแชร์ แต่ตัวไม่มาร่วมเลี้ยงด้วย คราวนี้ถูกน้องๆ รุมลากไปทานข้าวด้วยกัน และแน่นอนว่าวัยรุ่นเลือดร้อนอย่างพวกเขาย่อมพาไปต่อกันที่ร้านแสงสี



ศศินไม่ใคร่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้พยายามหลบหลีกหลายทีแต่สุดท้ายก็ถูกจับนั่งกลางโต๊ะ ขนาบข้างด้วยรุ่นพี่รุ่นน้องสายรหัสเดียวกัน ป้องกันไม่ให้เขาหนีกลับไปก่อน



ศศินไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนหมู่มากมานานมากแล้ว เขาจึงทำได้เพียงนั่งนิ่ง มองแก้วของตัวเอง ไม่กล้าดื่ม ใครชวนคุยเขาก็ตอบแต่ประโยคสั้นๆ พอให้ได้ใจความสำคัญ จากนั้นก็เงียบกริบ ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดเองคนเดียว



เรื่องแบบนี้อรรณพไม่มีทางไม่รู้ เขาตามติดชีวิตศศินอย่างเงียบๆ และรู้ว่าศศินมีเลี้ยงสาย คนเป็นแฟนก็ได้แต่เป็นห่วงแฟนตัวเองที่มนุษยสัมพันธ์เข้าขั้นแย่ กลัวว่าอีกฝ่ายจะโดนใครรังแกเอา เขาไม่ยอมหรอกนะ ศศินเป็นของเขา ใครก็ห้ามแตะ ห้ามแกล้งทั้งนั้น



อรรณพจึงแอบตามศศินมาอยู่ด้วยที่ร้านเดียวกัน จองโต๊ะนั่งอยู่ห่างๆ คอยสอดส่องสถานการณ์ แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ



จวบจนแอลกอฮอล์ได้เข้าปากศศิน ก็เป็นเรื่องทันที



อรรณพสังเกตเห็นคนน่ารักอยู่ตลอดเวลา พอเห็นศศินเริ่มจิบน้ำเมาก็ยิ่งไม่ละสายตา และไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ศศินก็เมาคอพับ แว่นตากรอบหนาเอียงกระเท่เร่ ศีรษะเริ่มไม่ตั้งตรง เอนไปพิงไหล่รุ่นน้องที่นั่งข้างๆ ใบหน้าแดงก่ำอย่างง่ายดาย เพียงแอลกอฮอล์แก้วเดียวเท่านั้น สติของศศินก็หลุดลอย



ในโต๊ะยิ่งครึกครื้นกันใหญ่เมื่อเห็นคนเรียบร้อยอย่างศศินในมุมที่ไม่เคยเห็น นับว่าการเลี้ยงสายครั้งนี้ประสบผลสำเร็จอย่างสูง ทุกคนเฮฮา ครื้นเครง จะมีก็แต่จ้าวสมุทรที่หน้าดำคร่ำเครียด จ้องมองศศินไม่วางตา พยายามหาจังหวะเข้าไปรับตัวคนเมา



แต่ทั้งโต๊ะไม่เปิดโอกาสให้เขา ทุกคนยังเฮฮา ขืนเขาเข้าไปแทรกตอนนี้คงทำให้บรรยากาศงานกร่อย เลยได้แต่กัดฟันมองแฟนตัวเองซบไหล่ไอ้หนูที่ไหนไม่รู้



อรรณพทำเป็นจิบเบียร์ในแก้วไป มองอีกฝ่ายไป เขาไม่คออ่อนง่ายๆ เหมือนศศิน แม้จะชอบเก็บตัวอ่านหนังสือ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ออกสังคมเลย ทำให้เขานั่งดื่มได้เรื่อยๆ แถมยังพอจะอ่านบรรยากาศได้



ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเป็นอันตรายต่อดวงจันทร์ตัวน้อย



กระทั่งรุ่นน้องที่ศศินใช้เป็นที่ซบนั้นได้ขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ รุ่นพี่ผู้ชายคนข้างๆ ศศินอีกฝั่งจึงดึงตัวศศินให้มาซบไหล่ตนแทน ดูไม่ใช่เรื่องแปลกหากมองในภาพรวมแล้ว ศศินเมามากและไม่สามารถทรงตัวได้ การที่จะมีใครสักคนให้ยึดเกาะเป็นเรื่องที่ดี



แต่อรรณพไม่ชอบใจที่แฟนของตัวเองซบคนนั้นทีคนนี้ที



ทีแรก อรรณพคิดว่าคงจบแค่ซบ ไม่มีอะไรเกินเลย หากแต่ไม่เป็นเช่นนั้น



ในมุมของคนในโต๊ะ ไม่มีใครเห็นมือของรุ่นพี่คนนั้นที่กำลังล้วงเข้าสาบเสื้ออีกฝ่าย แต่ไม่ใช่สำหรับอรรณพ เขานั่งอยู่ข้างหลังศศิน เห็นการกระทำหยาบช้าเต็มสองลูกตา ดวงจันทร์ตัวน้อยที่ไร้เกราะป้องกัน มีหรือจะปฏิเสธสัมผัสของอีกฝ่ายได้



มือเลวไม่หยุดแค่การล้วง แต่เริ่มไล้ลูบเอวบาง ลามขึ้นไปถึงกลางแผ่นหลังอย่างแนบเนียน



เสียใจด้วย ไม่พ้นสายตาจ้าวสมุทร



อรรณพในตอนนี้ไม่สนแล้วว่าตนจะทำให้บรรยากาศงานกร่อยไหม ศศินที่ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ไม่ควรถูกใครก็ตามจับล้วงหรือสัมผัสโดยที่เจ้าของร่างไม่ยินยอม



อรรณพลุกขึ้น เดินตัวตรงไปยังโต๊ะเลี้ยงสายของศศิน ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายมองมาทางตน ที่เรียกได้เต็มปากว่าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ



จ้าวสมุทรไม่ถึงกับขาดสติ เขายกยิ้มให้ทุกคนรอบโต๊ะ รวมถึงรุ่นพี่ชั่วช้าที่นั่งข้างศศินด้วย รุ่นพี่คนนั้นรีบเอามือออกจากเอวศศินเมื่ออรรณพมาถึง แย้มยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



เขาอยากจะต่อยไอ้หมอนี่จริงๆ



แต่อรรณพทำเพียงแต่เอ่ยคำพูดง่ายๆ ไม่กี่คำ เขาไม่อยากทำให้ศศินมีปัญหาภายหลัง และก็ไม่อยากให้ศศินโดนแตะต้องไปมากกว่านี้



“ศศินบอกให้ผมมารับเขาตอนห้าทุ่ม ตอนนี้ก็เลยเวลาแล้ว ผมขอตัวเขากลับก่อนนะครับ”



ว่าจบก็พยุงร่างอ่อนปวกเปียกพาดบ่า ไม่รอให้ใครขัดจังหวะนี้ รีบรุดพาคนเมาออกจากร้านทันที คะนิ้งน้อยหน้าแดงก่ำ ดวงตากึ่งเปิดกึ่งปิด สะลึมสะลือไม่ได้สติ



อรรณพใช้เวลาอยู่นาน กว่าจะพาศศินไปยังหอพัก พาเข้าห้องที่คุ้นเคย ค่อยๆ พาคนเมาล้มตัวนอนบนเตียงช้าๆ



“คุณ?” ศศินเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า จนอรรณพต้องไปเตรียมน้ำมาให้



“ดื่มน้ำก่อน”



คนเมาทำตาม ดื่มน้ำจนหมดแก้ว ถอดแว่น เตรียมตัวทิ้งตัวนอน ทว่าที่อรรณพไม่คาดคิดคือศศินเอื้อมมือมาดึงให้ตนล้มมานอนเคียงข้างกัน



ดวงจันทร์ตัวน้อยที่หัวหมุนเคว้ง เหมือนอยู่ในยานอวกาศที่กำลังร่วงสู่ผืนโลก เขาทำอะไรแทบไม่ได้เลย เพียงแต่ไม่ได้ขาดสติเสียหมด เรื่องราวในวันนี้เขาจำมันได้ เสียงเฮฮารอบโต๊ะ เขาจำมันได้ สัมผัสขยะแขยงนั้น เขาจำมันได้ เพียงแค่ร่างกายไม่ขยับตามคำสั่ง



คะนิ้งน้อยซบเข้าแผ่นอกอีกฝ่าย เอ่ยเสียงเบา



“ผมไม่ชอบเลย...” ซุกเข้าหาอีกฝ่ายมากขึ้น “ไม่ชอบสัมผัสของใครเลย นอกจากคุณ...”



เอ่ยเพียงเท่านี้ก่อนที่ดวงจันทร์จะปิดสวิตช์ตัวเอง  จะว่าเป็นคำพูดที่ทำให้อรรณพโกรธมากขึ้นก็ว่าได้ โกรธตัวเองที่ปล่อยให้คนรักของตนโดนคนอื่นสัมผัส โกรธที่ไม่ทำอะไรไอ้หมอนั่น



แต่อีกใจหนึ่งอรรณพก็คิดว่านี่เป็นคำบอกฝันดี...



ที่ผ่านมาศศินแทบไม่แสดงออกเท่าไหร่ว่ารักชอบเขาเท่าไหน แต่อรรณพรู้ว่าถ้าศศินไม่ชอบเขาคงไม่ตกลงเป็นแฟน ไม่ยอมให้เขาหยอกเล่นด้วยขนาดนี้ ศศินไม่เคยพูดว่าชอบ แต่การกระทำก็ไม่ได้แสดงออกว่าไม่ชอบ



ครั้งนี้มีประโยคชัดถ้อยชัดคำ เติมเต็มจิตใจของอรรณพ ทำให้เขามั่นใจมากขึ้นว่าคนตัวเล็กนี้เองก็รู้สึกไม่ได้ต่างจากเขา



อรรณพนอนเบียดอีกฝ่าย กกกอดดวงจันทร์ตัวน้อยไว้แน่น กดจูบกลางกระหม่อมหนึ่งที



ในเมื่อศศินบอกเองว่าไม่ชอบสัมผัสใครนอกจากเขา เช่นนั้นต่อจากนี้ไป จ้าวสมุทรตั้งมั่น จะไม่ปล่อยให้ใครมาสัมผัสศศินของเขาแล้ว






มีเรื่องกวนหัวใจอรรณพมาสักพักแล้ว สาเหตุมันเริ่มมาจาก หนึ่ง เขาเป็นอาจารย์สอนป.โท ไม่ค่อยได้เข้าคณะบ่อยเท่าไหร่ ถ้าไม่จำเป็นต้องออกไปไหนเขามักจะหมกตัวตรวจวิจัยอยู่ในบ้านมากกว่า จึงทำให้แม้ว่าจะทำงานที่เดียวกับศศินก็ไม่ค่อยได้เจอกันในที่ทำงาน



สอง เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีก้าวไกลไปมากจริงๆ การติดต่อสื่อสารผ่านสัญญาณไร้สายเป็นที่แพร่หลายและยอดนิยม เว็บไซต์ต่างๆ เข้าถึงง่าย และแน่นอนว่าเฟซบุ๊คและไลน์เป็นสิ่งที่คนรอบตัวเขาต้องรู้จัก และมีแอคเคาน์ไว้ทุกคน นั่นทำให้อรรณพต้องยอมสมัครเล่นแอปพลิเคชันพวกนี้ เพื่อให้ก้าวทันโลก และง่ายต่อการสื่อสาร



สาม เพราะเทคโนโลยีก้าวไกล เปิดพื้นที่ให้หลายๆ คนได้แชร์เรื่องราวต่างๆ ของตัวเองลงบนโซเชี่ยล และนั่นทำให้อรรณพได้เห็นโพสต์บนเฟซบุ๊คของศศิน ที่ว่าด้วยเรื่องนักศึกษาคนหนึ่ง เป็นนักศึกษาชายและเป็นลูกศิษย์ของศศิน และได้รางวัลอะไรสักอย่างที่น่าภาคภูมิใจ



สี่ ศศินโพสต์รูปเด็กคนนั้นพร้อมกับข้อความแสดงความยินดี และดีใจในตัวศิษย์



มันควรจะไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น แต่ห้า เขาคิดว่าศศินโพสต์และแชร์เรื่องของเด็กคนนี้มากเกินไปแล้ว...



ในทีแรก อรรณพก็ไม่ใคร่คิดเก็บเอาเรื่องกิ๊กก๊อกนี้มาใส่ใจหรอก แต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาเข้าเฟซบุ๊คที่มีเพื่อนไม่กี่คน ก็มักจะเจอศศินอัพเดทเรื่องราวใหม่ๆ อยู่หน้านิวฟีดเสมอ มันคงไม่มีอะไรให้เขาหนักใจ ถ้าหากว่าเรื่องราวนั้นเกี่ยวข้องกับเด็กนักศึกษาชายคนนั้นทั้งหมด



ย้ำว่าทั้งหมด



ศศินจะปลาบปลื้มลูกศิษย์คนนี้อะไรมากมาย แค่โพสต์สองโพสต์ก็น่าจะพอแล้วรึเปล่า นี่เล่นโพสต์ทุกวัน แชร์ข่าวนักศึกษาดีเด่นคว้ารางวัลบลาๆ นี่ตลอด



อรรณพชักจะไม่ชอบใจ



เมื่อหันไปทางศศินที่นั่งจ้องคอมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาก็ไม่กล้าเอ่ยถาม สลับกลับมาเล่นโทรศัพท์ เจอโพสไม่น่าอภิรมย์ หันไปมองศศิน เป็นอย่างนี้อยู่หลายทีจนอรรณพตัดสินใจเดินไปหาศศิน



และก็ได้รู้ว่าที่ศศินกำลังเคร่งเครียดอยู่นั้น ไม่ใช่เพราะกำลังทำงานนอกเวลา...แต่ศศินกำลังเล่นเกมโซลิแทร์ ที่เป็นเกมในคอมพิวเตอร์อยู่ต่างหาก แถมยังเล่นอย่างจริงจังเสียด้วย ศศินคำนวณความน่าจะเป็นในหัวหลากหลายวิธีเพื่อที่จะได้ชนะ และทำลายสถิติเดิม



อรรณพถอนหายใจ เจ้าดวงจันทร์แสนน่ารักนี่ติดเกมอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ



“มีอะไรรึเปล่า”



คนติดเกมเป็นฝ่ายถามก่อน เมื่อเห็นอรรณพเดินมาหา แต่ไม่พูดอะไรเสียที



“รอคุณเล่นจบก่อนแล้วกัน”



ศศินพยักหน้า เขาไม่ได้รู้สึกร้อนใจเหมือนอีกฝ่าย ตั้งหน้าตั้งตาเล่นโดยที่อรรณพยืนมองอยู่ห่างๆ



สุดท้ายคนตัวโตก็ทนไม่ไหว ศศินยังไม่ทันเล่นให้จบตาดี อรรณพก็เข้ามาแนบกายชิดใกล้



“อะไรของคุณ”



“ลุกหน่อย”



ศศินขมวดคิ้ว แต่ก็ทำตาม ลุกขึ้นจากที่นั่ง และพอเก้าอี้ว่างปุ๊บ อรรณพก็แทรกตัวเข้าไปนั่งแทนทันที ศศินตั้งท่าจะร้องโวยวาย แต่อรรณพจับคนติดเกมลงมานั่งบนตักของตน



“อะไรกันน่ะ”



“เล่นต่อสิ”



อรรณพว่า กอดศศินไว้อย่างหลวมๆ เอาคางเกยไหล่อีกฝ่าย ซบแผ่นหลังเปราะบาง



ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศศินนั่งตักอรรณพ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติเท่าไหร่นัก ถึงแม้ในหัวศศินจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่สุดท้ายเขาก็กลับไปสนใจหน้าจอคอมที่มีเกมกำลังเล่นค้างไว้อยู่ ศศินเพ่งสมาธิ เล่นให้จบเกม และได้รับชัยชนะอย่างสวยงาม



“ใครเป็นคนสอนคุณเล่นเกมนี้น่ะ”



“ไม่มี ผมฝึกเอง”



“...งั้นใครเป็นคนบอกคุณว่าในเครื่องมีเกมอะไรแบบนี้”



อรรณพเปลี่ยนคำถาม เขารู้ว่าศศินมีความสามารถมากพอที่จะศึกษาเกมลับสมองนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่เขาเชื่อมั่นว่าคนอย่างศศินไม่มีทางเล่นเกมนี้ได้ ถ้าไม่มีคนเอ่ยชวนหรือแนะนำ



ก็ศศินของเขาไม่สนอะไรนอกจากงานและเหล่าดวงดาวนี่นา



ถ้าไม่นับรวมอรรณพด้วยล่ะก็นะ จ้าวสมุทรนึกคิด ก่อนศศินจะให้คำตอบกลับมา



“ลูกศิษย์ผมคนนึงบอกมาน่ะ”



“ลูกศิษย์คุณ? คนไหนหรือ”



อรรณพขมวดคิ้วเป็นปม กอดศศินจากด้านหลังแน่นขึ้น ศศินไม่สนิทกับนักศึกษา อรรณพรู้เรื่องนี้มานานแล้ว และไม่คิดว่าศศินจะไปผูกมิตรใหม่กับใครที่ไหน



“คนที่ผมแชร์ลงเฟซบุ๊คบ่อยๆ”



“อ้อ...” ไอ้หมอนั่นน่ะเอง ประโยคหลังสบถอยู่ในใจ



“ผมลองเข้าไปคุยกับนักศึกษาดูตามที่อาจารย์ฟิสิกส์บอก คิดว่าการได้รู้จักคนรุ่นใหม่ๆ น่าจะสามารถนำมาปรับใช้กับการเรียนการสอนได้ แล้วผมก็ได้รู้จักกับนักศึกษาคนนี้ เขาเก่งมากๆ เลยรู้ไหม”



ยังไม่พอ มีการอวดใครก็ไม่รู้ต่อหน้าเขาอีก



อรรณพแอบเบะปาก ก่อนวางใบหน้าตัวเองลงบนไหล่บาง กระชับอ้อมกอด เขาไม่ได้อยากรู้จักนักศึกษาคนนี้ แต่ศศินก็ยังคงพรรณนาเกี่ยวกับเด็กคนนี้ไม่เลิก เก่งอย่างนู้น ขยันอย่างนี้ เขาไม่ได้อยากรู้ เขาอยากให้ศศินสนใจแค่เขาแค่คนเดียว



อีกอย่าง ในตอนนี้นักศึกษาหลายๆ คนรู้แล้วว่าศศินคบกับเขา ศศินเป็นที่ชื่นชอบไม่เบา อรรณพพอรู้ แต่ไม่หึงหวงอะไรเพราะศศินมักมีกำแพงกั้นกับผู้อื่นเสมอ แต่นี่อะไร ศศินเริ่มเปิดใจให้คนอื่นมากขึ้น แถมเจ้าเด็กนี่ต้องรู้แน่ๆ ว่าศศินมีเจ้าของแล้ว ยังจะมายุ่งกับคนของเขาอีก



ถึงแม้เด็กคนนั้นอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับศศินก็เถอะ แต่อรรณพก็ไม่ชอบใจเวลาเห็นแฟนตัวเองพูดถึงคนอื่น มากจนเกินพอดี



“ถึงขั้นโพสต์เกี่ยวกับนักศึกษาคนนั้นทุกวัน ดูท่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณมากสินะ”



“หืม ก็ใช่น่ะสิ ผมบอกไปแล้วว่าเขาเก่งและก็ขยัน แถมสนใจดาราศาสตร์ด้วย สมัยนี้หาเด็กที่พยายามหาความรู้จากหนังสือยากนะคุณ อินเทอร์เน็ตเข้าถึงง่าย ข้อมูลก็เข้าถึงง่าย แต่ก็มีทั้งลวงทั้งจริง...”



และบลาๆ สาธยายเด็กนักศึกษาหนุ่มคนนี้อีกครั้ง



อรรณพชักไม่พอใจ กอดศศินแน่นจนดวงจันทร์น้อยเริ่มอึดอัด ซุกซบแผ่นหลังบอบบาง ยังไม่สมใจ อรรณพยังฝังคมเขี้ยวลงไปที่เนื้อนวลเบาๆ



“ชอบขนาดนั้นเลยหรือ ผมเห็นคุณถ่ายรูปกับเขาด้วย”



“...มันทำไมหรือ”



“ก็เปล่า”



“คุณห-“



“ผมไม่ได้หึงสักหน่อย”



“...ผมจะถามว่าคุณหุงข้าวเสร็จรึยัง”



“...”



อรรณพนิ่งเงียบ ส่วนศศินเอี้ยวตัวมามองหน้าคนขี้หึง พร้อมประดับรอยยิ้มขำ



อรรณพเบือนหน้าหนี เขาไม่ชอบใจนักหรอกเวลาถูกจับไต๋ได้ แต่ให้ทำไงได้ เขากำลังหึงจริงๆ และเถียงอะไรไม่ออก



“หึงหรือ”



“...”



“ปากแข็ง”



“ผมไม่ได้ปากแข็ง”



“งั้นหรือ” ศศินว่าด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ



เขาไม่ค่อยแสดงออกว่ารักอรรณพเท่าไหร่ แต่ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รักหรือกำลังมีใครใหม่ เพียงแค่ตื่นเต้นที่ได้ผูกมิตรกับคนรุ่นใหม่มากความสามารถ ไม่ต่างจากการได้เห็นข่าวสารใหม่ๆ เกี่ยวกับดาราศาสตร์ เพียงแค่ชื่นชมเท่านั้น เขาตั้งใจจะอธิบายเรื่องนี้ให้อรรณพฟัง



แต่แล้วจ้าวสมุทรก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ เมื่อศศินตั้งท่าจะพูด เขารีบคว้าใบหน้าศศินไว้แน่น ประกบริมฝีปากนาบลงไปกับอีกฝ่าย ระดมจูบใส่ดวงจันทร์ที่ไม่ทันตั้งตัวอย่างบ้าคลั่งและอ่อนหวาน



เสียงจูบดังเป็นเสียงเดียวที่ดังกระหึ่มในห้อง กระทั่งพอใจ อรรณพผละตัวออก ยกมือเช็ดริมฝีปากอีกฝ่ายที่น้ำลายไหลเยิ้ม



“ทีนี้รู้หรือยังว่าปากแข็งไม่แข็ง”



คะนิ้งน้อยทำหน้ายู่ ปากแข็งที่ว่าไม่ใช่แบบนี้เสียหน่อย แต่แน่นอน ศศินเขินเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป กี่ปีผ่านไป ยังไงเขาก็เขินกับสัมผัสของอรรณพทุกครั้ง



เขิน...พอๆ กับชอบสัมผัสเช่นนี้เสมอ







#จักรวาลใต้สมุทร


ออฟไลน์ พลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารักมากเลยแต่ละตอน อยากให้ฟีลกู๊ดเรื่อยๆไปจนจบเลยคาา ทั้งสองคนไม่เหมาะแก่การดราม่า คนอ่านต้องขาดใจตายแน่ๆ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เป็นคู่รักที่น่ารักมากๆ อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
อันอันพาคะนิ้งตัวน้อย มาวิ่งเล่นบนดาวเป็ดแล้ววว  :pig2:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|12: Atmosphere & Pressure|



“ผมเล่าให้คุณฟังหรือยังนะ ตอนที่ไปดำน้ำช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาเพื่อนผมเจอฉลามวาฬด้วย”



“ยัง”



“มันเล่าว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ได้เจอสัตว์ตัวโตในทะเล ปกติเจอแต่ปลาเล็กปลาน้อย คุณรู้ไหมว่ามันยากมากเลยนะที่จะได้เจอเจ้าวาฬตัวนี้ ฉลามวาฬขึ้นชื่อว่าเป็นปลาตัวใหญ่ที่สุดในโลก แถมตัวใหญ่ตั้งสิบเมตรเป็นอย่างน้อย ตัวที่เพื่อนผมเจอน่าจะสิบเมตรกว่าๆ ไม่เคยเห็นอะไรตระการตาขนาดนี้มาก่อนเลย เสียดายชะมัดที่ตอนนั้นดำน้ำคนละที่กัน”



คะนิ้งรับฟัง จินตนาการถึงปลาขนาดใหญ่ใต้ผืนน้ำ



“คุณไม่กลัวหรือ”



“กลัวทำไม มันไม่กินคน ผมสิกลัวว่ามันจะกลัวคน พวกเพื่อนผมอยากว่ายเข้าไปดูใกล้ๆ มากเลย แต่ก็ไม่อยากรบกวนธรรมชาติของมัน เลยได้แต่ดำน้ำว่ายอยู่ห่างๆ”



“แต่มัน...ตัวใหญ่”



อรรณพหัวเราะ “ใหญ่มากๆ อาจจะใหญ่กว่าห้องที่หอพักคุณก็ได้”



“นั่นแหละ ที่น่ากลัว...” ในอวกาศยังไม่ค้นพบว่าจะมีสิ่งมีชีวิตไหนอยู่ในผืนจักรวาล “หรือเพราะถูกค้นพบแล้วถึงน่ากลัว?” คะนิ้งตั้งคำถาม เพราะยังไม่เคยเห็นรึเปล่าจึงยังไม่เกิดอาการกลัว



“ไม่รู้สิ ไม่แน่ในจักรวาลของคุณอาจจะมีปลาหมึกยักษ์ขนาดใหญ่กว่าดาวพฤหัสซ่อนตัวอยู่ก็ได้”



“บ้าแล้ว”



“จักรวาลกว้างใหญ่ขนาดนั้น ใครจะรู้”



คะนิ้งไม่ตอบอะไรอีก จินตนาการถึงปลาหมึกยักษ์ขนาดเท่าดวงพฤหัส...เขาคงไม่ต่างจากเศษฝุ่นที่เกาะอยู่บนเนื้อหนังมัน



ไม่มีหรอก ปลาหมึกยักษ์ขนาดนั้นน่ะ เขาสลัดความคิดออก หันไปลอบสบตาคนที่นั่งตรงข้าม



ศศินจำลองภาพเหตุการณ์ว่าตนกำลังว่ายน้ำแล้วบังเอิญเจอสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ใต้ผืนน้ำ เกรงว่าเจ้าสัตว์ร้ายที่จะลากเขาไปกินใต้ก้นบึ้งมหาสมุทรนั้น จะเป็นอรรณพเองนั่นแหละ



ดวงจันทร์ลอบยิ้ม ก่อนที่อรรณพจะขอตัวไปเรียนวิชาต่อไป ส่วนศศินรออีกครึ่งชั่วโมงถึงจะได้เวลาเข้าทำแล็ป จึงยังไม่รีบ รออยู่ในห้องสมุดต่อไป



เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น แม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่อรรณพยังคงนึกโกรธอยู่ไม่หาย แต่ไม่ใคร่แสดงออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้ เพราะไม่อยากให้ศศินลำบากใจ เขาโกรธทั้งตัวเอง ทั้งศศิน และแน่นอนที่สุด ไอ้หมอนั่น



ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเขาไม่ได้ตามมาด้วย ศศินของเขาจะเป็นอย่างไร



โกรธที่ศศินดื่มแล้วขาดสติ แต่เรื่องแบบนี้จะห้ามกันก็ยาก



โกรธที่ไอ้หมอนั่นไร้สำนึก มาแตะต้องคนของคนอื่น แตะต้องคนที่ไร้สติที่ไม่มีการยินยอมในสัมผัส แต่เรื่องมันเกิดไปแล้ว มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด



โกรธที่ตัวเองตัดสินใจช้า ถ้าเขาเข้าไปรับศศินตั้งแต่เนิ่นๆ ที่ศศินเมา ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ โกรธที่ตัวเองปล่อยให้ศศินเอนไปซบคนนั้นทีคนนี้ที ทั้งๆ ที่เข้าไปห้ามก็ได้แท้ๆ โกรธที่ตัวเองปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาแตะตัวคะนิ้งน้อยของเขา



โกรธที่ตัวเองทำให้ศศินเกิดความไม่ชอบ เขาไม่อยากให้ศศินผจญกับความรู้สึกแบบนี้



ในบรรดาทุกอย่างที่เขาโกรธ อรรณพโกรธตัวเองที่สุด เขาควรดูแลศศินให้ดีกว่านี้ เจ็บใจนัก แต่เรื่องมันผ่านไปแล้ว เขากลับไปแก้อะไรไม่ได้ มีแต่ต้องเรียนรู้สถานการณ์นี้ไว้ จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก



ในหัวปลาหมึกยักษ์โลดแล่นไปด้วยจินตนาการ หรือว่าเขาให้คะนิ้งมาฝึกดื่มกับเขาสองต่อสองดี ทำแบบนี้ศศินจะได้รู้ลิมิตของตัวเอง รู้ว่าตอนไหนควรหยุด และรู้วิธีรับมือกับน้ำเมา ไหนๆ ก็เลี่ยงงานแบบนี้ไม่ได้แล้ว ในอนาคตศศินอาจจะต้องพบเจองานเลี้ยงคร่ำสุราอีกมากมาย ศศินคงเห็นด้วยกับวิธีของเขา อยู่กับเขา รับรองว่าศศินจะปลอดภัย...



ที่สำคัญ ศศินตอนเมาเย้ายวนเป็นบ้า



เขาอยากเห็นคะนิ้งตัวน้อย นอนอ้อแอ้หน้าแดงไร้แรงขัดขืนอีก...



จิตใจสกปรกของอรรณพผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ตั้งแต่คบกันมา เขากับศศินทำมากสุดเพียงแค่จูบ เหตุเพราะดวงจันทร์น้อยๆ ยังไม่พร้อมที่เจอเรื่องรุนแรงกว่านี้ และเขาก็ไม่อยากบังคับขืนใจคนน่ารัก



แต่ถ้าขอแตะนิดแตะหน่อยตอนเมาอาจจะได้ก็ได้...



หากไม่ได้แตะ ก็ขอมองอย่างเดียวก็ได้...



แผนการชั่วร้ายของปลาหมึกยักษ์กำลังเริ่มขึ้น



อยู่กับเขา...ศศินจะปลอดภัยอยู่อีกหรือ...



ชักน่าเป็นห่วงดวงจันทร์ตัวน้อย



ถึงอย่างนั้น อรรณพก็ไม่ใช่คนไม่ดี แม้มีความคิดชั่วร้าย แต่เขาก็ไม่คิดจะทำอะไรที่เป็นการฝืนใจอีกฝ่าย อรรณพพาศศินดื่มเหล้าที่ห้องของเขาสองต่อสองอย่างที่วางแผนไว้ เพราะห้องของศศินคับแคบกว่าและเกรงว่าผนังจะไม่กันเสียง



อรรณพกลัวว่าศศินจะโวยวายตอนเมาหรอก เดี๋ยวไปรบกวนชาวบ้านเขาดึกๆ ดื่นๆ แค่นั้นจริงๆ นา...



“ขวดนี้แอลกอฮอล์ไม่เยอะ คุณจำชื่อมันไว้ แล้วลองดื่มดู”



ศศินตั้งใจฟังเลคเชอร์ของมึนเมาจากอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ทั้งเหล้าทั้งเบียร์ อันไหนแพงไปอรรณพก็ทำเพียงแค่กล่าวถึง และพยายามบอกให้ศศินเลี่ยงมัน หรือถ้าไม่รู้ว่าในแก้วตนใส่เครื่องดื่มอะไรไว้ ให้ไม่ดื่มเลยดีกว่า



เนี่ย...เขาหวังดีกับศศินจริงๆ นะ



อรรณพนั่งทำสถิติให้คนน่ารัก สำหรับเบียร์ที่แอลกอฮอล์น้อยที่สุด ศศินเมาในปริมาณสองแก้ว รอจนศศินสร่างเมาก็ดื่มอีกรอบ คราวนี้แรงขึ้นหน่อย ศศินล้มพับไปในหนึ่งแก้วถ้วน แล้วไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย ยังเหลือเบียร์และเหล้าหลายชนิดที่รอเขาอยู่ แต่ไม่เป็นไร ใช่ว่าการทดลองนี้จะต้องทำสำเร็จภายในคืนเดียวเสียหน่อย



ศศินนอนตัวแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อยไร้สติ จนน่าจับฟัดให้สาแก่ใจ



แต่สุดท้ายอรรณพก็ทำได้แต่มองภาพนั้น อมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเนรเทศตัวเองไปนอนบนโซฟาในห้อง...



ให้เขานอนกอดศศินสภาพแบบนี้นะหรือ มีหวังเขาขาดใจตายพอดี เขาเคยอดทนได้ใช่ว่าเขาจะอดทนได้ตลอดไปเสียหน่อย อรรณพเองก็กลัวใจตัวเองเหมือนกัน เขาไม่อยากทำอะไรเจ้าตัวที่ไร้สติและไร้เรี่ยวแรงตอบโต้



มันเป็นการบังคับขืนใจ ถึงแม้จะคบกันเป็นแฟนแล้วก็ตาม แต่อรรณพไม่เอาด้วยหรอก



รอให้ศศินตัวน้อยพร้อมดีกว่า



การดื่มแอลกอฮอล์ครั้งแรกของศศินเป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เขาไม่อยากดื่มของพรรค์นี้อีก แต่อย่างที่อรรณพบอก บางทีอาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เหตุการณ์ที่เขาจำเป็นต้องสังสรรค์ จึงเลือกทำตามข้อเสนอที่อรรณพว่า แน่นอนว่าคนไม่เคยดื่มของมึนเมา เมาพับไปอย่างรวดเร็ว



แต่ไหงตื่นมากลับเป็นว่าอรรณพนอนอยู่บนโซฟาตัวจิ๋วเสียอย่างนั้นล่ะ



ทำไมไม่กอดกันเหมือนทุกที...เตียงอรรณพก็ออกจะกว้าง ใหญ่กว่าเตียงของดวงจันทร์ตัวน้อยแน่ๆ



นึกสงสัย แต่ไม่กล้าปลุกคนกำลังหลับได้ที่ ศศินปวดหัวเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเดินไม่ได้ เขาจึงเลือกไปหาอรรณพที่นอนอยู่ และได้แต่นั่งอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย อรรณพยามถอดแว่นดูดีเป็นพิเศษ ดวงจันทร์น้อยพยายามทำตัวเจ้าเล่ห์ ฉกฉวยโอกาสนี้ในการสำรวจใบหน้าของคนรัก



เขาไม่ค่อยได้มองหน้าอรรณพบ่อยนัก เหตุเพราะเขาเขินเกินกว่าจะจ้องอีกฝ่ายนานๆ ไม่เหมือนกับอรรณพที่จ้องศศินเอา ราวกับจะกลืนกิน



พออรรณพกำลังหลับไม่ได้สติเช่นนี้ ศศินจึงใช้โอกาสนี้สำรวจใบหน้าแสนรักของตน ไล่ตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดแผ่นอก ดูดีหมดจด ไม่ถึงกับหล่อเลิศ แต่ไม่ได้ขี้เหร่ อรรณพเป็นคนมีเสน่ห์ ยิ่งพูดยิ่งมีเสน่ห์ ยิ่งอยากอยู่ด้วยนานๆ ในส่วนของตรงนี้ต่อให้คนหล่อมากแค่ไหน หากแต่ขนาดเสน่ห์ก็ทำได้แค่มองแล้วผ่านไป



แฟนคนแรก...ก็เลือกได้ไม่เลวนี่นา



ศศินคิดในใจ



ก่อนที่ดวงตาของอรรณพจะเปิดขึ้น ดวงจันทร์น้อยผงะ ดีดตัวออกด้วยความตกใจ



“คะนิ้ง...? เช้าแล้วหรือ? มีอะไรรึเปล่า?”



อรรณพขมวดคิ้วมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาที่พร่าเบลอ มือข้างหนึ่งคว้าหาแว่นตาที่ตนถอดโยนไว้เมื่อคืนมาสวมใส่ ชันตัวลุกนั่ง จึงค่อยเห็นศศินเต็มตา



เจ้าดวงจันทร์มีท่าทีเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด ตอนเขาเผลอหลับไป มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าหนอ



“คุณลักหลับผมหรือ”



“จะบ้าหรือไง!” ศศินร้องลั่น หน้าแดงเป็นปื้น เขาไม่มีความคิดแบบนั้นเลยสักนิด



“แล้วมีอะไรรึเปล่า หรือว่าแฮงค์? ปวดหัวไหมครับ?” อรรณพถามต่อ พยายามกลั้นขำกับท่าทีอีกฝ่าย เขารู้ว่าศศินไม่มีทางทำอะไรเช่นนั้นหรอก คนน่ารักขี้เขินจะตายไป



ศศินส่ายหน้า “ทำไมคุณมานอนตรงนี้”



“อ้อ...” คำตอบง่ายแสนง่าย “ผมกลัวตัวเองลวนลามคุณ”



“ห้ะ”



“เล่นนอนตัวแดงน่ารักหมดสติแบบนั้น ใครจะไหวเล่าคุณ” อรรณพบอกออกมาตรงๆ อย่างเปิดเผย



“แต่...แต่ก่อนหน้านี้คุณยังนอนกับผมได้เลย”



“ผมก็คนนะคุณ กับคนที่รัก ย่อมอยากทำอะไรอยู่แล้ว...”



“...”



“...ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ทำอะไรคุณตอนไม่สมยอมหรอกครับ”



“ผม...” คะนิ้งน้อยไม่ได้กังวลเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ เพราะเป็นอรรณพ ตนคิดว่าตนชอบสัมผัสของอีกฝ่าย แต่พอได้ฟังเหตุผลแล้ว คนคนนี้นอกจากมีเสน่ห์ที่ล้นเหลือแล้วยังมีทัศนคติที่ดีเกินคาด จนศศินอดปลื้มในใจไม่ได้



อรรณพไม่รออีกฝ่ายพูดให้จบประโยค ดึงคนตัวเล็กมานั่งบนโซฟาสำหรับสองที่นั่งนี้ด้วยกัน



“หิวข้าวหรือยังครับ”



“ผม...” ศศินก้มหน้างุด “เรื่องเมื่อคืน...ขอบคุณมาก”



“ไม่เป็นไร แต่ยังไม่ได้ลองทั้งหมด ไว้คุณว่างเมื่อไหร่ค่อยมาต่อก็ได้”



“อืม...” ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น “ผม...ถ้าเป็นคุณ ผมไม่รังเกียจหรอกนะ”



ศศินเผยความในใจที่อยากบอกตั้งแต่แรก เพียงแต่เสียงที่ออกเบาแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ



“อะไรนะครับ”



สงสัยจ้าวสมุทรอยู่ใต้น้ำนานไปหน่อย จึงไม่ค่อยได้ใช้หูฟังเสียงคนล่ะมั้ง ศศินนึกค่อนแคะ



ก่อนจะดึงอีกฝ่ายมาประกบจูบ



ใช้มันแทนคำพูด






ศศินกลับมาถึงบ้านช้ากว่าทุกที และก็ต้องประหลาดใจเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วพบกับกลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปทั่วห้องรับแขก



“ดื่มหรือ?”



“อือ ก็คุณกลับดึกตั้งหลายวัน” คนดื่มตอบเสียงอ้อแอ้ นั่งพิงโซฟาคล้ายคนหมดแรง ในมือมีกระป๋องเบียร์ที่เหลือน้ำเมากว่าครึ่ง บนโต๊ะเล็กมีซากกระป๋องเปล่าอีกสี่ถึงห้ากระป๋อง



“ทุ่มครึ่ง...ยังไม่ดึกเสียหน่อย”



“ดึกแล้ว ถ้าเทียบกับห้าโมงปกติของคุณ”



“โอเค ผมผิดเองก็ได้...ทานข้าวหรือยัง”



“ผมซื้อมาไว้แล้ว บนโต๊ะอาหาร”



ศศินเหลือบไปมองอาหารเย็นของตนที่อยู่ในกล่องโฟม นึกเสียดายที่ไม่ได้ทานอาหารฝีมืออรรณพ คนขี้เมาที่นั่งดื่มเบียร์อยู่ในตอนนี้



“ไปทานข้าวกัน”



อรรณพโบกมือ “ผมกินแล้ว คุณกินเลย”



ศศินมุ่นคิ้ว “ทำไมกินไม่รอล่ะ”



“ก็คุณกลับดึก”



อ้อ งั้นหรือ ศศินคิดในใจ อย่างนั้นก็ย่อมได้ เขาทานข้าวเองได้อยู่แล้ว แค่เพียงปกติอีกฝ่ายมักจะรอกินข้าวพร้อมเขาเสมอ แต่คงเพราะเขากลับดึกมาหลายวัน อรรณพคงเหนื่อยที่จะรอแล้วมั้ง



ทำไงได้ ช่วงก่อนสอบและหลังสอบมักจะวุ่นวายเช่นนี้ เขาต้องเขียนข้อสอบ แถมยังต้องนั่งอ่านคำตอบขอนักศึกษาในข้อสอบไปทีละคน ลายมือเด็กแต่ละคนก็ทำเขาปวดหัวใช่ย่อย กว่าจะตรวจข้อสอบเสร็จได้สักคนก็กินเวลามากแล้ว และนี่คงเป็นสาเหตุที่เขาเลิกงานดึก



แต่อรรณพควรจะรู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมเพิ่งมางอแงเอาตอนนี้กันเล่า



ศศินไม่เข้าใจ ได้แต่นั่งตักข้าวผัดปลาหมึกเข้าปากเงียบๆ โดยที่ฝั่งตรงข้ามไร้ซึ่งคนนั่ง



“ผมจะขึ้นห้องนอนแล้วนะ”



หลังจากทานข้าวกล่องเสร็จ จัดการล้างจานชามช้อนส้อม เก็บโต๊ะเสร็จสรรพ ศศินก็เอ่ยบอกขี้เมาหน้าบ้าน อรรณพได้ยินก็ทำเพียงโบกมือเป็นเชิงรับรู้



แต่ไม่ขึ้นไปด้วยกัน



จนศศินอาบน้ำเตรียมนอนแล้ว เจ้าขี้เมาถึงได้ผลักประตูห้องเข้ามา ด้วยกลิ่นเบียร์เหม็นหึ่ง ไม่รอให้ศศินบ่น อรรณพกระโดดขึ้นเตียง ทับร่างอีกฝ่ายแบนแต๊ดแต๋



“โอ๊ย อะไรของคุณเนี่ย” คนโดนทับร้องโวยวาย “ลุกขึ้นได้แล้ว ผมหนัก”



อรรณพไม่ตอบและไม่ทำตาม ใช้ปลายจมูกซุกซอกคอขาว



“ณพ...ลุก”



ศศินเอ่ยเสียงแข็ง จนอรรณพยอมขยับวมานอนบนเตียง แต่ยังคงเกยบางส่วนของร่างกายไว้ที่ตัวศศิน ให้อีกฝ่ายรู้สึกเกะกะเล่นๆ



“อะไรของคุณ ไปอาบน้ำไป”



“ผมอาบน้ำประแป้งรอคุณมาตั้งแต่หกโมงแล้ว”



“เหม็นเบียร์”



“...ไม่เห็นง้อกันเลย” อรรณพเปลี่ยนประเด็น คนโดนงอนคิ้วขมวดทันที



“คุณงอนผมตอนไหน”



“คุณไม่เห็นสนใจผมเลย”



“นั่นคุณต่างหากเล่า”



“เอาแต่สนใจนักศึกษาคนนั้นสินะ ผมมันแก่แล้วใช่มั้ย”



“อรรณพ” ครานี้ ศศินเอ่ยเสียงแข็ง ไม่สนแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนเมา พล่ามอะไรไร้สาระ หากเป็นเรื่องอื่นศศินคงมองข้ามได้ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้



“ผมบอกคุณกี่ครั้งแล้ว ว่าผมมีแค่คุณ”



“...ผมรู้”



“คุณไม่เคยรู้เลยต่างหาก”



ว่าจบ ศศินตัวน้อยสะบัดหน้าหนี อรรณพขี้หึง หึงเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลัวว่าเขาจะมีใหม่หลายครั้งหลายครา เขาพูดจนเบื่อแล้วว่าเขามีสายตามองแต่อรรณพ มีร่างกายที่มอบให้อรรณพสัมผัสเพียงผู้เดียว ตลอดการคบกัน เขาพูดเรื่องนี้มาจนนับครั้งไม่ถ้วน



เขาเหนื่อยจะอธิบายแล้ว



ดวงจันทร์ตัวน้อยหันหลังใส่อีกฝ่าย ครานี้คนเมารีบสร่างเมาทันที



“นิ้งครับ...หันมาคุยกันก่อน”



“...”



“นิ้งครับ ผมขอโทษ”



“อืม”



“หันมาคุยกันเร็ว ผมอยากเห็นหน้าคุณ นะครับ...นะ”



ไม่ว่าเปล่า มือปลาหมึกจับอีกฝ่ายให้หันมาสบตาตัวเองด้วย ศศินจ้องมองอีกฝ่ายด้วยหลากหลายความรู้สึก แต่ที่อรรณพรู้สึกได้มากที่สุด คงเป็นความรู้สึกผิดหวัง



“ผมขอโทษ...”



“ผมรู้แล้ว”



“ก็คุณเล่นสนิทกับนักศึกษาคนนั้นนี่ แถมกลับบ้านดึกตั้งหลายวัน ผมรอคุณแล้วรอคุณอีก ทำอาหารให้ก็เย็นจนชืด คุณก็ยังไม่กลับมาสักที แบบนี้มันน่าน้อยใจไม่ใช่หรือ ในหนังสือหรือเว็บไซต์ที่ผมเจอก็บอกว่านี่เป็นสัญญาณอันตราย”



“อาหารที่คุณทำเอาไปอุ่นก็ได้นี่ แล้วที่พูดมาแบบนี้แสดงว่าคุณเชื่อพวกข้อมูลจากใครที่ไหนไม่รู้มากกว่าผมใช่ไหม...”



“ไม่ใช่นะ ผมแค่กังวล...”



“ทั้งๆ ที่ผมบอกมาตลอดว่าทั้งชีวิตจะมีแค่คุณ”



ศศินกล่าว อรรณพเงียบงัน ศศินไม่ใช่คนช่างพูด อะไรที่คิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดก็จะไม่พูด แต่ถ้าเรื่องไหนสำคัญ ต่อให้เป็นคำไหนเขาก็กล้าพูดทั้งนั้น เขาไม่ใช่คนบอกรักบ่อย แต่ครั้งนี้อรรณพทำตัวงอแงจนเขาต้องตบสติอีกฝ่ายให้กลับมาด้วยคำพูด



บอกแล้วไงว่าจะอยู่ด้วยกัน บอกแล้วไงว่าจะมีแค่คุณคนเดียว ทำไมยังไม่เข้าใจสักทีนะ



ถ้าอรรณพเป็นนักศึกษาของเขา เขาคงปรับตก



“...ต่อให้ผมจะกลายเป็นตาแก่น่ะหรือ” อรรณพเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้น ทำลายความเงียบ



“ตอนนั้นผมก็เป็นตาแก่เหมือนกัน”



“ต่อให้ผมจะแก่เหี่ยว หัวล้านลงพุง คุณก็จะอยู่กับผมน่ะหรือ”



“ตอนนั้นผมก็คงไม่ต่างกัน”



“...”



“บอกไปตั้งกี่ครั้งแล้ว”



“ขอโทษครับ...”



อรรณพหน้าจ๋อย มองอีกฝ่ายที่ทำหน้าเอือมระอา มองริมฝีปากเล็กน่าจูบ สติที่ไม่ค่อยเหลือ บัญชาการให้เขาเข้าไปครอบครองมัน



ทว่าก่อนที่ริมฝีปากจะได้สัมผัสกัน ศศินยกมือมาปิดปากอีกฝ่ายได้ทันท่วงที



“ไปแปรงฟัน เหม็นเบียร์”



แล้วเขาจะทำอย่างไรได้ ยอมลุกไปทำตามคำสั่งคนตรงหน้าเป็นอย่างดี ก่อนจะกลับมาหอมฟัด โรมรันคนตัวเล็กจนคิดว่าเช้าวันใหม่ เขาคงไม่พ้นโดนคะนิ้งน้อยบ่นจนหูชา






#จักรวาลใต้สมุทร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: StellarMarine #จักรวาลใต้สมุทร ✳ - 18.5.2019 [CH.12]
« ตอบ #19 เมื่อ: 18-05-2019 17:47:26 »





ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|13: Black Hole & Vortex Waves|



อรรณพยังคงช่วยศศินวิจัยเรื่องน้ำเมาและปริมาณที่ควรดื่ม ทว่าพอลองได้ครบ พวกเขาก็ได้ข้อสรุป...สรุปว่าศศินไม่ควรแตะน้ำเมาชนิดไหนเลยทั้งนั้น



และสรุปว่า ศศินตอนเมาทำให้อรรณพเหมือนตายทั้งเป็น



เนื้อเข้าปากขนาดนี้ แต่กลับเคี้ยวไม่ได้ เพราะชิ้นเนื้อไม่เต็มใจเป็นชิ้นเนื้อ



เขาแทบบ้าแล้ว



การทดลองหยุดลง พวกเขากลับไปให้ความสนใจในการเรียนตามปกติ ในความปกติ อรรณพมีสิ่งหนึ่งที่ไม่ปกติ เขานึกถึงใบหน้าของศศินยามไร้สติทุกครั้งที่เผลอเหม่อ ไม่เคยคิดว่าจากการไม่รู้จัก แปรเปลี่ยนเป็นเพื่อนคุยเล่น ลอบมอง และจะตกหลุมรักอีกฝ่ายได้มากขนาดนี้



ทั้งหลงทั้งรัก



อยากขยี้อีกฝ่ายให้แหลกคามือ อยากเห็นหยาดน้ำตาใสเปื้อนใบหน้าที่แดงก่ำ แต่ไม่อยากทำให้เสียใจ



ไม่รู้จะปรึกษาใคร ศศินคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา และอรรณพเข้าใจ สมัยนี้ยังไม่เปิดกว้างเรื่องรักร่วมเพศสักเท่าไหร่



ทว่าชะตาช่างเล่นตลก เมื่อคนที่รู้เรื่องนี้คนแรกคือน้อยหน่า แฟนคนก่อนของเขา



มันเป็นความบังเอิญ อรรณพชอบแกล้งศศินเวลาไม่มีใครอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น น้อยหน่าเผลอเห็นฉากปลาหมึกยักษ์ลอบหอมแก้มเจ้าดวงจันทร์น้อยพอดี เธอเก็บความสงสัยนี้ไว้กับตัวเอง ไม่ได้เอาไปป่าวประกาศหรือบอกให้ใครรู้ กระทั่งถึงเวลาที่เหมาะเจาะ เธอเห็นอรรณพนั่งอยู่ในห้องสมุดคนเดียว ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ ทุกครั้งที่เห็นอรรณพ น้อยหน่าทำเพียงยิ้มให้เป็นการทักทาย แล้วก็จากไป แต่ครานี้ สาวน้อยก้าวไปหาอีกฝ่ายด้วยความสงสัยที่เก็บมานาน



“ณพคบกับศศินเหรอ”



แรกเริ่มน้อยหน่าก็เข้ามาถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไป พวกเขาแม้เลิกกันแล้ว ไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนแต่ก่อน แต่ไม่มีเรื่องบาดหมางกัน จึงยังคุยกันได้ แต่คำถามตรงๆ เช่นนี้ของน้อยหน่าทำให้อรรณพแทบเอาหัวปักหนังสือ



ถึงจะเป็นคนคุ้นเคยกัน แต่เล่นถามกันตรงๆ แบบนี้เขาก็เสียหลักเหมือนกัน



แต่ไหนๆ ก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว น้อยหน่าเล่นมีหลักฐานมัดตัวขนาดนั้น อรรณพเลยได้แต่พยักหน้ายอมรับ



“แต่เขาไม่ใช่เหตุผลที่ณพเลิกกับน้อยหน่าหรอกนะ”



“เรื่องนั้นน่ะรู้อยู่แล้ว”



ยังดีที่น้อยหน่าเข้าใจ เขาไม่ได้เลิกรากับเธอเพราะศศิน แต่เป็นเพราะตัวเขาเอง คงเป็นเรื่องแย่ถ้าน้อยหน่าจะเข้าใจศศินผิด



น้อยหน่าลอบถามความสัมพันธ์ของอรรณพและศศินด้วยความกระตือรือร้น จนคนตอบคำถามได้แต่ยิ้มแหย แต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้ กับจำใจตอบเท่าที่จำเป็น



...และไหนๆ ก็เลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว อรรณพกำลังมีเรื่องลำบากใจอยู่พอดี เลยถือโอกาสปรึกษาน้อยหน่าเสียเลย



เขารู้ว่าน้อยหน่าไม่ใช่คนปากพล่อย หากบอกว่าอย่าเอาไปบอกใคร เธอก็จะรักษาคำพูด เรื่องราวน่าอึดอัดของอรรณพจึงถูกเปิดเผยอย่างหมดเปลือก



“อืม...ถ้าณพอยาก ทำไมไม่ลองถามเขาตรงๆ ล่ะ”



จะว่าไป น้อยหน่าก็เป็นผู้หญิงที่ตรงไปตรงมาเสียเหลือเกิน เธอไม่เขินอายเรื่องพวกนี้เลยสักนิด แถมยังถามออกมาตรงๆ ราวกับนักมวยปล่อยหมัดตรงฮุคใส่ใบหน้าคู่แข่ง



“ถามตรงๆ แบบนั้นมีแต่ได้กินแห้วน่ะสิ ศศินขี้อายจะตาย”



พวกเขาปรึกษากันอีกสักพักก็ต้องแยกย้ายเมื่อศศินมาถึง น้อยหน่าไม่อยากขัดช่วงเวลาของคู่รักคู่นี้ จึงขอตัวออกไปก่อน



แต่ปัญหายังไม่ถูกคลี่คลาย



อรรณพยังคงขอคำปรึกษาจากน้อยหน่าอยู่บ่อยครั้ง นอกจากเรื่องใต้สะดือแล้ว ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่น้อยหน่าให้คำแนะนำอีกด้วย ทั้งการเทคแคร์ การดูแลคนรักให้ดี แม้มันจะลำบากนิดหน่อยที่ศศินเป็นผู้ชาย และเธอไม่สามารถเข้าใจจิตใจผู้ชายได้ดี แต่เธอไม่อยากให้สองคนนี้จบความสัมพันธ์ลงเหมือนเธอกับอรรณพ



ทว่าความหวังดี บางครั้งก็ส่งผลร้าย



ในยามที่อรรณพมาจับจองพื้นที่ห้องสมุดก่อนตน ศศินมักเห็นน้อยหน่าอยู่กับอรรณพเสมอ



แม้เธอจะส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร และถอยออกไปทุกครั้งที่ศศินโผล่เข้ามา แต่เมื่อถามอีกฝ่ายว่าคุยอะไรกัน อรรณพกลับเฉไฉ จนน่าสงสัย



เจอเข้าบ่อยๆ จากความสงสัยเริ่มแปรเป็นอย่างอื่น



หึงหวง



ดวงจันทร์ตัวน้อยคิดว่าคงเป็นความรู้สึกนี้ เขาไม่เคยมีรัก ไม่เคยรู้จักความสัมพันธ์แบบนี้ แต่อารมณ์ขุ่นมัวในใจยามเห็นอรรณพอยู่กับแฟนเก่าทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดี และมันคงเป็นการหึง



เมื่อก่อน ศศินคงคิดว่าเรื่องแบบนี้มันงี่เง่า กระทั่งได้เจอกับตัวถึงได้รู้ว่า ความงี่เง่าไม่เข้าใครออกใคร



แต่ตราบใดที่เขายังเก็บอารมณ์ของตัวเองได้อยู่ ความงี่เง่านี้ก็จะไม่ถูกเปิดเผยออกไป



ทว่ายิ่งเก็บ การแสดงออกของศศินยิ่งไม่เหมือนเดิม



อรรณพเริ่มสังเกตท่าทีอีกฝ่าย ศศินตัวน้อยเริ่มคุยกับเขาน้อยลง จากน้อยลงแปรเป็นเงียบขรึม



ดวงจันทร์เฉยชาเสียแล้ว



เขาถามศศิน ได้คำตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร ไม่มีอะไร



เขาจึงเลือกถามน้อยหน่า และหลังจากนั้น ศศินก็ไม่มาให้เห็นหน้าอีกเลย...



จ้าวสมุทรกระวนกระวาย ต่อให้น้ำลึกใต้สมุทรจะติดลบกี่องศาก็ไม่อาจดับความร้อนรนในใจของเขาได้ ศศินไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยหลบหน้าเขาอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้ ดวงจันทร์ของเขาต้องมีอะไรแน่ๆ



ว่าแต่มันคืออะไร...



อรรณพโง่เขลานัก ไม่ทันสังเกตสักนิดว่าตนสนิทสนมกับน้อยหน่ามากเกินไปแล้ว แน่นอนว่าพอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาน้อยหน่า คนละเอียดอ่อนแบบเธอก็รู้ได้ทันที



“ไม่ใช่ว่าศศินกำลังหึงณพกับน้อยหน่าหรอกเหรอ”



เป็นเช่นนั้นหรือ?



เมื่อได้คำตอบ เขาขอบคุณน้อยหน่า และน้อยหน่าก็เอ่ยขอโทษอรรณพเช่นกัน เธอเพียงหวังดี ไม่คิดว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองหวั่นคลอน หลังจากนั้น เธอบอกกับอรรณพว่าจะพยายามไม่มาหา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอรรณพหากไม่จำเป็นแล้ว



ส่วนฝ่ายที่กำลังกระวนกระวายใจ ก็อยากจะหาคำตอบให้ได้เดี๋ยวนั้น แต่เด็กเรียนดีอย่างเขามีแต่ต้องเข้าเรียนก่อน แล้วค่อยรอเวลาเลิกเรียนไปหาศศิน อีกอย่าง...ต่อให้เขาโดดเรียนไปหาอีกฝ่าย ก็ใช่ว่าศศินจะยอมออกจากห้องเรียนมาเพื่อคุยเรื่องนี้กับเขาเสียหน่อย อรรณพคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่ๆ



สุดท้าย หลังเลิกเรียน อรรณพตัดสินใจพุ่งตรงไปยังหอของศศิน เพราะนึกขึ้นได้ว่าถ้าเขารออยู่หน้าห้องเรียนของดวงจันทร์ตัวน้อย มีหวังได้ความแตกแหงๆ และศศินอาจจะไม่พอใจเขามากขึ้นก็ได้



อรรณพแม้มีกุญแจสำรองของศศิน แต่เขาไม่ได้บอกอีกฝ่ายก่อนว่าจะมา จึงไม่บุกรุก ยอมรอเจ้าของห้องมาเชิญเขาด้วยตัวเองดีกว่า



เจ้าของห้องก็มาถึง ในเวลาที่สายผิดปกติ...



“กลับช้าจังเลยนะครับ ไปไหนมา”



“ไปสะพาน” คำตอบของคะนิ้ง ตอบอะไรหลายๆ อย่างในใจอรรณพ



“มีเรื่องไม่สบายใจหรือ”



“มาทำอะไร?” ศศินเปลี่ยนเรื่อง



“มารอคุยกับคุณ”



“ไม่มีอะไรต้องคุยนี่”



“มีสิครับ เต็มเลย”



ศศินมุ่นคิ้ว แม้ไม่เข้าใจแต่ก็ยอมเปิดประตูห้อง อ้ามันออกให้อีกฝ่ายเข้าไปข้างใน ถือว่าเป็นการอนุญาตแล้ว อรรณพรู้ว่าอีกฝ่ายจะไปสะพานก็ต่อเมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ และตนไม่อยากให้ดวงจันทร์ตัวน้อยต้องหม่นแสง เมื่อเห็นช่องทางเปิดจึงรีบมุดเข้าประตูห้อง และปิดมันลง






โซลิแทร์ของศศินไม่น่าสนใจอีกต่อไปแล้ว เมื่อเขาเล่นมันครบทุกเกมจนเบื่อ ครานี้ดวงตาคู่สวยไม่จับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว เมื่อคนรักเลิกสนใจเจ้าจอสี่เหลี่ยม แถมไม่ค่อยพูดถึงเด็กนักศึกษาคนนั้นแล้ว อรรณพเห็นโอกาสนี้ก็รีบคว้าไว้ทันที เจ้าปลาหมึกยักษ์ได้ใจ ออดอ้อนออเซาะทำตัวติดหนึบดวงจันทร์ตัวน้อย



ศศินรู้ดีว่าสิ่งที่ตนทำแม้ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คนข้างๆ ไม่ใช่ เรื่องที่อรรณพหึงจนงอแง เขารับรู้และไม่ได้ปล่อยผ่าน อะไรที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี เขาก็ไม่อยากทำมัน แม้จะแสดงออกไปเช่นนั้น แต่ศศินไม่คิดจะเพิกเฉยต่ออาการของอรรณพ ตนตีตัวออกห่างจากเด็กหนุ่มนักศึกษาคนนั้น ไม่ได้ถึงกับเลิกคุย แต่ให้อยู่ในขอบเขตพอดี เลิกสนใจเกมลับสมองในคอมพิวเตอร์ กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับอรรณพ ตามปกติ



คะนิ้งไม่รู้ตัวถึงการคืบคลานของหมึกยักษ์ เขาแค่นั่งดูโทรทัศน์ เพ่งพินิจถึงเนื้อหาในจอ ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังกระดึ๊บมาอยู่ใกล้ตนมากขึ้นเรื่อยๆ



จับอุ้มได้ก็จะจับอุ้มไปแล้ว



น่าเสียดาย หากทำเช่นนั้นเกรงว่าจะโดนอีกคนขู่ฟ่อ หมึกหนวดยักษ์จึงทำได้เพียงเนียนโอบคออีกฝ่ายเท่านั้น



รอศศินอารมณ์ดีเมื่อไหร่ เขาจะจับกินให้เต็มคราบ



จบรายการ ศศินก็หันมาหาอีกฝ่าย ที่รู้สึกว่าจะใกล้กว่าเดิม ใกล้กว่าปกติเป็นพิเศษ...



“กลางวันนี้จะกินอะไร” ศศินตั้งคำถาม



“ไม่รู้สิ คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”



ศศินนึกสักพัก “ไม่มี”



เกิดความเงียบอย่างเคว้งคว้างรอบตัวทั้งคู่ การต้องคิดว่าจะกินอะไรเป็นเรื่องน่าปวดหัวที่สุดของโลกใบนี้



ศศินพยายามนึกถึงบรรดาอาหารต่างๆ ที่กินทุกวันจนเบื่อ ส่วนอีกฝ่ายนั่งมองศศินตัวน้อยทำหน้าครุ่นคิด พยายามหาทางว่าวันนี้จะจับคนตัวน้อยกินอย่างไรดี ไม่ได้คิดเรื่องมื้ออาหารกลางวันแม้แต่นิด



นั่งคิดกันไปค่อนวันจนจบลงที่ข้าวผัดไข่แสนธรรมดา ก่อนจะพากันขึ้นไปนอนเล่นบนห้องนอน เมื่อรายการทีวีไม่มีอะไรน่าสนใจ



เปิดแอร์ให้ชุ่มฉ่ำดับความร้อนที่แผดเผาในยามบ่าย ศศินน้อยเคลิ้มใกล้จะหลับเต็มทน วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ไม่มีงานต้องสะสาง เขาจึงนอนพักได้อย่างไร้กังวล นอกเหนือจากนี้ยังมีเรื่องให้ดีใจ ภาพถ่ายหลุมดำรูปแรกของมนุษยชาติเพิ่งปรากฏออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาคุยโม้โอ้อวดกับอรรณพได้ทั้งคืน



คนฟังก็ได้แต่อมยิ้ม นั่งฟังเสียงใสเจื้อยแจ้วไปกับทฤษฎีอันน่าเหลือเชื่อ แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ชื่นชอบ แต่ก็สนใจ ตั้งอกตั้งใจฟังเป็นอย่างดี



ในวันนี้ ศศินก็นอนเล่นไอแพ็ดตากแอร์เย็นๆ ไถหน้าจอไปเรื่อยๆ นอนคว่ำยกขาไขว้กันจนกางเกงขากว้างร่นลงมาจนเห็นต้นขาขาว เส้นผมสีดำยุ่งเหยิง ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นทรง ไหนจะเส้นโค้งเว้าส่วนเอวไปยังบั้นท้ายกลมกลึง น่ารักเสียเหลือเกิน



“...อรรณพ”



“ครับ” ปลาหมึกยักษ์ฉีกยิ้มกว้าง ทั้งที่รู้ว่าตนกำลังทำอะไรให้ศศินหันมาค้อนขวับ ส่งเสียงแข็งใส่



“เอามือออกไป”



“ครับ” ตอบรับ ทว่าการกระทำแตกต่าง เจ้าปลาหมึกยักษ์ที่ตะปบจับก้นอีกฝ่ายโดยไม่ขออนุญาต ขณะนี้ขยับฝ่ามือลูบไล้บั้นท้ายน่ารัก บีบเคล้นจนศศินถดตัวกลิ้งออกห่าง มือยักษ์ถูกยกออก



ศศินขู่ด้วยใบหน้า ไม่ส่งเสียงพูดแต่ปั้นหน้าดุ



ก่อนจะกลับมานอนกลิ้งอีกครั้ง น่ารักนักนะ



ปลาหมึกยักษ์จัดการโถมตัวใส่อีกฝ่ายโดยไม่สนว่าจะถูกโกรธแล้ว วันหยุดทั้งที เขายังไม่ได้ทำการบ้านส่งอาจารย์ตัวน้อยเลย ยิ่งอากาศร้อนๆ เปิดแอร์เย็นๆ แบบนี้ สบายตัวสบายใจจนอยากจับอีกฝ่ายกอด อันที่จริง ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากมายให้กอด เรื่องอากาศเป็นแค่ข้ออ้างก็เท่านั้น



และจัดการจับอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอด โดยไม่เกริ่นถามก่อนแม้แต่น้อย



“คุณทำอะไรน่ะ”



แน่นอนว่าศศินตัวน้อยร้องงอแงกับการกระทำที่ไม่ได้ตั้งตัว



“อยากกอดครับ”



อีกฝ่ายเอ่ยบอกความต้องการตัวเองตรงๆ ไม่พอ อ้าปากงับไหล่ของอีกฝ่ายจนเป็นรอยฟัน



ศศินพยายามตีเจ้าหมึกนิสัยไม่ดี เพี้ยะๆ



“บอกแล้วไงว่าอย่าทำรอย”



“แล้วถ้าไม่ทำรอย...ทำอย่างอื่นได้ไหม”



“...”



“ว่าไงครับ”



“ปกติก็ไม่เห็นเคยถาม”



อรรณพอมยิ้ม “ก็ครั้งนี้อยากถาม”



“กอดผมแน่นเสียขนาดนี้ ถ้าบอกว่าไม่แล้วจะยอมหรือ”



อรรณพยังคงยิ้ม แน่นอนว่าคำตอบเป็นปฏิเสธ



เพียงมองหน้าก็รับรู้ได้ถึงคำตอบ ศศินกลอกตา ขยับตัวเข้าหาอ้อมกอดอีกฝ่าย



“ทำสิ...ไหนๆ ก็ว่าง”



ง่ายดายเพียงนี้เอง



เป็นอีกหนึ่งวันเรียบง่าย ในอากาศร้อนจัด ภายในห้องที่เย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ และการร่วมรักที่ร้อนแรง



อรรณพบรรจงวาดรอยกุหลาบลงบนเนื้อนวลสวย ผืนเนื้อขาวช้ำแดงเป็นรอยไปทั้งตัว ร่องรอยสีกุหลาบเยอะแยะจนลายตา ศศินเองก็จำไม่ได้ว่าอรรณพไปทำรอยนั้นรอยนี้กันตอนไหน



เขามัวแต่มึนเมากับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้



ทว่าเมื่อสิ้นสุดการร่วมรัก ศศินสำรวจร่างกายตัวเองก็พบแต่เรื่องที่น่าหงุดหงิด บอกไปกี่ครั้งแล้ว อรรณพได้ยิน ก็ทำตามคำสั่งบ้างไม่ทำบ้าง



“ผมบอกว่าอย่าทำรอยไง”



“ผมทำใต้ร่มผ้า ไม่มีใครเห็นหรอก”



ศศินมุ่นคิ้ว ถึงอรรณพจะพูดจริง แต่เขาก็นึกกลัวว่าจะมีใครมาบังเอิญเห็นเข้า มันคงดูไม่ดี ในหน้าที่การงานของตน แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติก็ตามที



แต่พอสำรวจเสร็จสิ้นแล้วเขาก็ได้คำตอบว่าคงไม่มีใครเห็นร่องรอยรักนี้จริงๆ หรอก ศศินจึงปล่อยวาง ไม่ไปว่าหรือทำโทษเจ้าหมึกชั่วร้ายนี้อีก



เมื่อถึงเช้าวันจันทร์ เขาเริ่มงานตามปกติ ร่องรอยสีแดงยังคงจารึกไว้ทั่วร่าง แม้ว่าจะเริ่มเลือนรางแต่ยังคงเห็นได้ชัด



ศศินสวมเชิ้ตแขนยาวออกบ้านพร้อมกับติดกระดุมทุกเม็ดจนถึงคอ คิดว่าตนได้แต่งกายมิดชิดเรียบร้อย ปกป้องการถูกเห็นร่องรอยไม่สุภาพนี้ทุกรอยแล้ว



โดยที่ดวงจันทร์น้อยผู้น่าสงสารไม่รู้ตัวเลยว่า



ด้านหลังคอของเขา มีรอยจูบรอยหนึ่งประดับไว้ ลอยอยู่เหนือขอบคอเสื้อ โอ้อวดตนแสดงความเป็นเจ้าของอย่างลับๆ






#จักรวาลใต้สมุทร

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|14: Stargazer & Lighthouse guard|



“คุณมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”



อรรณพเริ่มต้นถามอย่างไม่รีรอเมื่อปิดประตูห้องเสร็จสรรพ



“ผมเปล่า”



“จริงหรือ”



ศศินไม่ใช่คนโกหกเก่ง และไม่ชอบการโกหก เขามีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆ ทว่าเขาเพียงไม่ต้องการบอก...



“มันเป็นเรื่องของผม คุณอย่าใส่ใจเลย”



ศศินคิดว่ามันไม่จำเป็นที่อรรณพจะต้องรู้เรื่องนี้ ความรู้สึกงี่เง่าในใจของเขา เขาควรจัดการมันด้วยตัวเอง ปัดความคิดน่ารำคาญนี้ได้เมื่อไหร่ เขาจะกลับไปหาอรรณพเอง ศศินคิดเช่นนี้



“ยิ่งเป็นเรื่องของคุณ ผมยิ่งต้องใส่ใจ”



“มันไม่สำคัญอะไรหรอก”



“เรื่องของคุณ อะไรก็สำคัญทั้งนั้นแหละ”



ดวงจันทร์ขมวดคิ้ว เริ่มไม่พอใจ เขาไม่อยากพูดเรื่องนี้นี่ ทำไมต้องอยากรู้นัก



“ผมไม่อยากพูดถึงมัน”



“แต่ผมอยากรู้...อะไรที่เกี่ยวกับคุณ ผมอยากรู้ทั้งนั้น”



“คุณไม่รู้นั่นแหละดีแล้ว”



“ทำไมล่ะ”



เพราะมันจะทำให้เห็นว่าเขางี่เง่ามากขนาดไหน



ศศินไม่อยากแสดงด้านที่ไร้เหตุผลของตนเอง เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะมองว่าตนนิสัยไม่ดีขนาดไหน



 ศศินยืนนิ่ง เงียบไม่มีคำตอบ จนอรรณพเดินวนจากข้างหลังมาที่ด้านหน้าของคะนิ้งตัวน้อย เอ่ยทักคนที่หลุดไปในโลกของตัวเอง



“คะนิ้งครับ”



คะนิ้งสะดุ้ง



“งอนผมรึเปล่า”



“มีอะไรต้องงอน”



“เพราะเห็นผมอยู่กับน้อยหน่าใช่รึเปล่า”



“นั่นมัน...” เงียบไปหนึ่งอึดใจ “ไม่ใช่เสียหน่อย”



อรรณพอมยิ้ม “ถ้างั้นงอนเรื่องอะไร”



“ผมไม่ได้งอน” ปฏิเสธเสียงแข็ง



“คุณรู้ไหม การเป็นแฟนไม่ได้หมายความว่าแค่อยู่ด้วยกันหรอกนะ ผมอยากรับรู้และเข้าใจความรู้สึกของคุณด้วย ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ ผมก็อยากรับรู้ว่าคุณไม่สบายใจตรงไหน เราจะได้ช่วยกันหาทางแก้ ดีไหมครับ”



“ผม...ไม่รู้สิ” ศศินวรรค “ผมไม่แน่ใจว่าควรพูดมันออกไปไหม ผมควรจัดการกับความรู้สึกตัวเองก่อน มันเป็นความรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมไม่อยากสาดอารมณ์แย่ๆ นี้ใส่คุณ ไม่อยากรบกวนคุณ”



“โถ่ คะนิ้ง”



“บอกว่าอย่าเรียกชื่อเล่น”



อรรณพยิ้ม ก้มหน้ามาฉกจูบอีกฝ่ายไปหนึ่งที



“แค่หึงเอง”



คะนิ้งน้อยหน้าแดง



“...คุณรู้?”



อรรณพทำเพียงส่งยิ้มมาให้เช่นเดิม



“ถ้ารู้แล้วยังจะถามทำไมอีกเล่า”



“ผมอยากให้นิ้งพูดออกมาเอง แต่ดูท่าคงไม่มีวันยอมพูดใช่ไหม”



“ก็มัน...ไร้สาระ”



“ไม่เลย เรื่องที่เกี่ยวกับคุณเป็นเรื่องสำคัญทั้งนั้น”



“แต่มัน...ผมรู้ว่าคุณกับน้อยหน่าไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งกันแล้ว แต่ในใจก็ยัง...มีความคิดไม่ดีอยู่ ผมไม่ชอบเลย...” ในที่สุดศศินก็ยอมเอ่ยความในใจ และเมื่อได้เริ่มพูด หลากหลายความรู้สึกก็พรั่งพรูออกมา “ผมเลยอยากอยู่คนเดียวสักพัก ปัดความคิดน่ารำคาญนี่เสีย จะได้ไปเจอคุณกับน้อยหน่าตามปกติได้อย่างสบายใจ ผมขอโทษที่เป็นแบบนี้...”



“โถ่ คะนิ้งครับ” ว่าพร้อมกดจูบที่หน้าผากมน “ผมสิต้องขอโทษ ทำให้คุณคิดมาก”



“ไม่หรอก เป็นผมเองต่างหากที่คิดงี่เง่า”



“ไม่งี่เง่าหรอก อย่าคิดอย่างนั้นเลย แล้วก็นะ ที่ผมคุยกับน้อยหน่าน่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณทั้งนั้น”



“เอ๊ะ?”



“อืม...ผมปรึกษาน้อยหน่าว่าจะทำอย่างไรกับคุณดี เมื่ออยู่กับคุณในหัวผมก็คิดวิปริตไปหมด อยากจับ อยากสัมผัส อยากแกล้งให้ร้องไห้ อยากเห็นคุณตอนนอนหอบใต้ร่าง...”



อรรณพเหลือบตามองเพดาน คิดว่าตนชักจะพูดตรงเกินไปและมากเกินไป



“ผมมันไม่ดีเอาเสียเลยใช่ไหมล่ะ”



“ม...ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”



“จริงหรือ...ทั้งๆ ที่ผมคิดเสียๆ หายๆ กับคุณน่ะนะ”



“...”



“เอาเป็นว่า ผมปรึกษาน้อยหน่าเพราะไม่อยากรวบรัดรีบปล้ำคุณ และก็พยายามคิดหาวิธีดูแลคุณให้ดีกว่านี้โดยที่ผมไม่เตลิดด้วย” อรรณพพยายามหาข้อแก้ตัว เรื่องในหัวแบบนี้ เขาไม่สมควรพูดให้อีกฝ่ายรู้จริงๆ นั่นแหละ ศศินอาจจะรังเกียจที่เขามีความคิดเช่นนี้ก็ได้ แต่พอพูดแล้วเขากลับหยุดไม่ได้ อยากเปิดเผยความต้องการของตนให้อีกฝ่ายรู้มากยิ่งขึ้น



ทำไงได้ เขาไม่อยากให้ศศินเข้าใจผิด แถมคำพูดที่พูดไปแล้ว เอาคืนไม่ได้ จึงได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่โกรธเขาจนเกินไป



“ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมก็รู้สึกดีมากๆ แล้ว” ศศินว่า เขาไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้เลย “อีกอย่าง...ผมเองก็คิดเหมือนกัน” ทว่าประโยคต่อมาเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบ



“หืม?” จ้าวสมุทรชักไม่แน่ใจกับสิ่งที่ตนได้ยิน



“ผมเคยบอกไปแล้วว่าถ้าเป็นคุณ ผมไม่เคยรังเกียจ” ครานี้พูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม “ผมเองก็อยากสัมผัสคุณไม่ต่างกันนั่นแหละ” ครั้งนี้ พูดเสียงดัง จนเจ้าของเสียงเมื่อพูดจบลงพลันหน้าแดงแจ๋ เขินอายกับคำพูดของตัวเอง



เขาเคยคิดอย่างนี้กับใครที่ไหน แล้วต่อให้เคยคิด เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา



ความรู้สึกและความต้องการอันน่าอายของตัวเองน่ะ



พอดูดจบ ศศินตั้งสติได้ก็เบี่ยงตัวหลบอีกฝ่าย อยากจะมุดหนีเข้าห้องน้ำ ขังตัวเองไว้ ทว่าอรรณพไม่ปล่อยให้ปลาน้อยว่ายหลุดมือ ไม่ทันที่ศศินจะได้เดินออกห่างจากเขาเพียงสักก้าว ก็ถูกอีกฝ่ายคว้าเข้ามากอดแนบอก



เสียงหัวใจอรรณพเต้นเสียงดังระรัวยิ่งกว่าจังหวะกลอง จนคนถูกกอดได้ยินมันชัดเจน



“คุณอย่าน่ารักไปกว่านี้เลย เดี๋ยวผมก็ทนไม่ไหวเอาหรอก”



“ผมไม่ได้น่ารักเสียหน่อย” ศศินแย้ง เอ่ยเสียงอู้อี้เพราะถูกอีกฝ่ายกอดจนแทบจะแบนติดแผ่นอกแกร่ง



“น่ารัก” อรรณพอ่อนใจจะพูดแล้ว เจ้าคนน่ารักนี่ เมื่อไหร่จะทำให้เขาใจเต้นเป็นปกติเสียทีนะ



“อ๊ะ”



“...ขอโทษ ไม่ชอบหรือ”



เจ้าปลาหมึกมือไว ระหว่างที่กอดนั้นอรรณพก็เผลอล้วงเข้าสาบเสื้ออีกฝ่ายไปแล้ว



“ป...เปล่า เปล่า” ศศินว่าเสียงสั่น เขาบอกเองว่าชอบสัมผัสของอรรณพ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรุกเร็วขนาดนี้ คนไม่เคยย่อมตกใจเป็นธรรมดา



“ถ้างั้นผมต่อนะ...ถ้าคุณไม่ชอบก็บอกผม โอเคไหม”



“รู้แล้วน่า อย่าถามมากได้ไหม”



ศศินบ่นอุบ ซุกหน้าลงกับไหล่หนา ปิดบังอาการเขินจนหน้าแดงของตัวเอง



ปล่อยให้มือปลาหมึกไล่จับเอวบาง ลูบไล้สะโพกไปยังกลางหลัง ก่อนลงมาที่บั้นท้าย บีบนวดมันเบาๆ จนศศินส่ายเอวหมายจะหนีสัมผัสประหลาด



ใช้วิธีเดียวกับนกกระจอกเทศยามเจอศัตรู มุดหัวเข้ารูเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่เห็นนักล่า ศศินมองไม่เห็นอรรณพ เท่ากับอรรณพก็มองไม่เห็นศศิน โดยที่หารู้ไม่ว่านักล่ายังคงเห็นเหยื่อตัวน้อยๆ เต็มสองดวงตา



ใบหูของศศินแดงจัด เพียงแค่สัมผัสไม่กี่ทีของอรรณพ นิ้วเรียวเกาะหลังอีกฝ่ายแน่น ยืนตัวเกร็ง ซุกใบหน้าเข้ากับไหล่ ไม่สบตา



น่ารัก



เขาปลดหัวเข็มขัดที่มีตราสัญลักษณ์ประจำมหาลัยออก ก่อนล้วงเข้าไปในกางเกงแสล็คสีดำถูกระเบียบ มือหยาบแสนซน ล้วงลึกเข้าไปมากกว่านั้น ไม่พอแค่ลูบชั้นในภายนอก แต่ยังล้วงเข้าไปถึงเนื้อบั้นท้ายกลมกลึง



ศศินยืนตัวสั่นเกร็งจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว



“ให้หยุดไหม”



คนเกร็งส่ายหัว



มือซนขยับต่อ กางเกงสีดำร่นลงไปกองกับพื้นพร้อมกับเสียงหัวเข็มขัดตกกระทบพื้นห้องดังเคร้ง เผยให้เห็นเรียวขาขาวที่สั่นงันงก



“ไหวไหมครับ”



เขาพยักหน้า



“แล้วชอบไหม”



“คุณเลิกถามสักทีเถอะหน่า” คะนิ้งน้อยเหวี่ยงเสียงไม่พอใจ ซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งมากกว่าเดิม จะให้เขาตอบว่ายังไงล่ะ ห้ามหยุดนะ ไหว ทำต่อเลย ชอบมาก อย่างนี้น่ะเหรอ ให้ตายเขาก็ไม่พูด แค่นี้ก็หน้าร้อนแทบไหม้อยู่แล้ว



พูดจบ อรรณพก็จับคนขี้เขินเหวี่ยงลงเตียง เผยให้เห็นใบหน้าที่เปื้อนสีแดงเต็มตา เจ้านกกระจอกเทศถูกกระชากออกจากรูหลบภัยเสียแล้ว



ให้ตาย ก็เล่นทำหน้าแบบนี้แล้วใครจะทนไหว ยิ่งเห็นยิ่งอยากขยี้ให้แหลกคามือซ้ำแล้วซ้ำเล่า



“คุณ...”



ศศินน้อยคล้ายจะร้องค้าน แต่อีกฝ่ายถอดแว่นตาคนตัวเล็กออก ก่อนจะครอบครองริมฝีปากนุ่ม



“อื้อ...อื้อ...” ครานี้คะนิ้งส่งเสียงค้านอยู่ในลำคอ อีกฝ่ายผละออก กดจูบที่แก้มนิ่ม



“ยังไม่ทำอะไรหรอก” เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า เขาแทบจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน แต่สัญญาณที่คะนิ้งส่งมาทางสายตา ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ ศศินยังไม่พร้อม... “ขอผมสัมผัสเฉยๆ ได้ไหม”



คนใต้ร่างนิ่งนึกกับคำขอร้อง ถ้าเพียงแค่แตะนิดแตะหน่อย คงได้อยู่หรอก...



เขาพยักหน้า



ไม่ใช่รังเกียจ แต่เขากลัว ศศินไม่เคยรู้วิธีร่วมรักระหว่างชายและชาย ที่ผ่านมาเขาเพิ่งเจียดเงินซื้อหนังสือโป๊ชายหญิงมาเปิดดู ราคาหนังสือแสนแพง และเขาอายแทบแทรกแผ่นดินตอนจ่ายตังที่หน้าเคาท์เตอร์



พอเอากลับมาเปิดดูได้แค่หน้าสองหน้า ก็เขินจนทนไม่ไหว โยนหนังสือไปใต้เตียง เขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเพศศึกษาเอาเสียเลย



ที่ว่าไม่พร้อม ก็เห็นจะเป็นเรื่องนี้



และที่ว่าสัมผัส ศศินผู้ใสซื่อก็คิดเพียงแค่ว่าจะลูบๆ คลำๆ เหมือนก่อนหน้า



ไม่ใช่ล้วงเข้าไปในกางเกงในเขาแบบนี้!



“คุณ!” ร้องได้แค่นั้นก่อนจะหวีดออกมาไม่เป็นภาษา จนอรรณพต้องรีบปิดปากคนร้องงอแง ผนังห้องยิ่งบางอยู่ ใครเขาได้ยินเข้าเดี๋ยวเป็นเรื่อง



เอวน้อยบิดส่ายคล้ายจะหนี แต่ถูกอีกฝ่ายจับยึดกับเตียงไว้มั่น อรรณพโน้มตัวมาเอ่ยกระซิบคำขอร้อง



“แค่นิดเดียวนะครับ”



ศศินสบตาอีกฝ่ายน้ำตาคลอในสัมผัสประหลาด นิดเดียวคืออะไร



“ให้ผมสัมผัสคุณ เท่านั้นพอ จะไม่ทำจนสุด”



สัมผัส...สัมผัสอะไร หมายถึงมือใหญ่ที่กำลังจับส่วนกลางลำตัวเขาอยู่งั้นหรือ สัมผัสที่อรรณพพูดถึงแปลว่าแบบนี้ใช่ไหม



ดวงจันทร์น้อยงอแง แบบนี้ก็ไม่เอา เขาเขินจะตายอยู่แล้ว เกิดมานอกจากแม่กับตัวเองก็ไม่เคยมีใครจับตรงนั้นเลยนะ แต่เพราะอรรณพปิดปากอีกฝ่ายอยู่ จึงไม่รับฟังคำงอแงปฏิเสธ ดำเนินการต่ออย่างโหดเหี้ยม



ศศินร้องครวญคราง ไม่เป็นภาษา ใบหน้าขึ้นสีแดงร้อนเห่อ สะโพกบิดวน ดูยั่วเย้าเรียกร้องมากกว่าอยากหลีกหนี



ฝ่ามือหยาบจับแก่นกายคนตัวเล็กด้วยสัมผัสแผ่วเบา ขยับไม่กี่ทีคะนิ้งน้อยก็บิดตัวเกร็ง ปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว ครานี้หยาดน้ำตาที่คลอเบ้าไหลออกมาหนึ่งหยาด อรรณพเอามือที่ปิดปากคนตัวเล็กออก เผยใบหน้าเต็มๆ ของศศินที่ยั่วเย้าเสียเหลือเกิน



สายตาที่ศศินส่งมาหมายตำหนิ กลายเป็นยั่วยวนไม่รู้ตัว



จ้าวสมุทรกลืนน้ำลายเอื้อก ใบหน้าขาวเปื้อนสีแดง เม็ดเหงื่อผุดพรายเกาะใบหน้าและเส้นผม ดวงตากลมที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำใส ร่างกายที่มีเพียงเชิ้ตขาวที่ปกคลุมสั่นกระเพื่อมน้อยๆ หอบเอาลมหายใจเข้า ริมฝีปากแดงเจ่อเพราะเผลอกัดปากตัวเองหลายครา เพิ่มความเซ็กซี่ในตัวศศินมากเท่าทวีคูณ



เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กเนิร์ดที่เอาแต่สนใจจักรวาล ร่างกายผอมแกรน สวมแว่นตาหนาเตอะจะเย้ายวนได้ถึงเพียงนี้



อยากขยี้ให้แหลกคามือ อยากทำให้อีกฝ่ายร้องอ้อนวอนมากกว่านี้



แต่เขาเอ่ยไปแล้วว่าจะไม่ทำไปมากกว่านี้ อรรณพไม่ใช่คนตระบัดสัตย์ เท่านี้ก็เท่านี้



เพียงแต่...ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้ดวงจันทร์ตัวน้อยนอนพัก เขาช้อนตัวศศินให้ขึ้นมานั่งทับตัก เอ่ยกระซิบที่ใบหู



“คราวนี้ช่วยผมหน่อยนะครับ”



หมึกร้ายเจ้าเล่ห์ แม้ไม่ได้กินปลาน้อย แต่ขอแค่ลอบชิมก็ยังดี






ร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของที่โอ้อวดตัวนั้นถูกปิดเป็นความลับแห่งจักรวาล หลายคนเห็นมัน แต่ไม่พูดถึง จนกระทั่งตอนนี้ศศินก็ไม่รู้ตัวว่าโดนกับดักของหมึกยักษ์เจ้าเล่ห์เข้าให้แล้ว แต่ที่แน่ๆ ทุกคนรู้แล้วว่าอาจารย์ศศินมีเจ้าของที่ร้อนแรงเพียงใด



ไม่มีใครกล้ายุ่งเกินขอบเขตอีกแล้ว เป็นชัยชนะของจ้าวสมุทร



ทุกอย่างเหวี่ยงเข้าสู่วงจรปกติอีกครั้ง ชีวิตเนิบนาบเอื่อยเฉื่อยดำเนินต่อไป



ถ้าถามจากใจ ก็คงมีเบื่อๆ บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้าย ชีวิตของพวกเขาไม่ได้ต้องการอะไรหวือหวา แค่อยู่เคียงกันตราบสิ้นลมหายใจ เป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต



ทว่านานๆ ทีออกไปเที่ยวบ้างก็ดี



ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว เหล่านักศึกษาได้พักผ่อนเต็มที่ แต่เหล่าอาจารย์ไม่มีปิดเทอม ถึงอย่างนั้นภาระหน้าที่ก็ไม่หนักเท่าเปิดเทอม แม้ต้องไปมหาลัยทุกวัน แต่ก็เลิกเร็วกว่าปกติได้ และสามารถลาพักร้อนได้



จัดทริปฮันนีมูนสักทริปดีไหมนะ อรรณพนึกคิด



“ไม่เอาทะเล”



ศศินพูดขึ้นทันทีหลังจากอรรณพเสนอความเห็น



“โถ่ ทำไมล่ะครับ ไปช่วงนี้ไม่ได้ลงน้ำหรอก ช่วงมรสุม”



“งั้นไปที่อื่นก็ได้นี่”



“แล้วนิ้งอยากไปที่ไหนล่ะ”



“บอกว่าอย่าเรียกชื่อเล่น” คะนิ้งน้อยดุหนึ่งที คนถูกดุไม่ใส่ใจ ยกยิ้มแพรวพราวรอคำตอบ



“ไม่รู้” ที่ไม่ได้คำตอบ



“งั้นก็ทะเล”



“ไม่เอา ผมเบื่อแล้ว ไปมาจะทุกเกาะแล้วมั้ง”



“ก็ดีออกนี่ครับ”



“ก็ดี แต่อยากไปที่อื่นบ้าง ภูเขาไหม”



“ไปดูดาวตอนตีสามนะหรือ” ครานี้อรรณพขัด พวกเขาใช่ว่าจะไม่เคยไปเที่ยวด้วยกัน แต่ละครั้งที่ไปก็มีอยู่ไม่กี่ที่ ทะเลกับภูเขา ดำน้ำกับดูดาว ซ้ำๆ ซากๆ ไม่ต่างจากชีวิตประจำวัน



ศศินเบะปาก คบกันมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว ไปเที่ยวมาจนจะครบทุกที่ที่อยากไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ทั้งคู่จะเบื่อหน่ายกับการนำเสนอที่เที่ยวของใครอีกคน หรือเบื่อแม้กระทั่งที่ท่องเที่ยวของตัวเอง



“ลองไปต่างประเทศดูไหม ไปไกลๆ ที่ไม่ใช่เอเชียดูบ้าง”



“...ก็ดีนะครับ ที่ไหนล่ะ”



“สวิตเซอร์แลนด์ ดูแสงเหนือ”“ออสเตรเลีย ดำน้ำที่เกรทแบริเออร์ลีฟ” พูดขึ้นพร้อมกัน และต่างไม่ตรงกัน



ศศินหัวเราะออกมาช้าๆ ก่อนที่อรรณพจะหัวเราะตาม ความชอบของพวกเขาไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะสลับกันเที่ยว ต้นปีนี้ไปภูเขา สิ้นปีไปทะเล ต้นปีไปทะเล สิ้นปีไปภูเขา วนไปมาอยู่แบบนี้ ครานี้ไม่รู้ว่าฝั่งไหนจะได้รับชัยชนะ ถูกรับเลือกให้ไปเป็นที่แรกในการเที่ยวต่างประเทศไกลๆ



“ครั้งสุดท้ายที่เราไปเที่ยวกันนี่ที่ไหนนะ”



“สมุยรึเปล่า”



“ไม่ใช่สิ อันนั้นนานแล้ว ไปดอยหลวงรึเปล่า”



“นั่นก็นานแล้วไม่ใช่หรือ”



“...”



เอาเป็นว่าพวกเขาเองก็จำไม่ได้ทั้งคู่ ว่าที่เที่ยวที่พวกเขาไปครั้งล่าสุดคือที่ไหน ต่างฝ่ายพอเห็นแต่ละคนเป็นเช่นนี้แล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมา



“งั้นปีนี้เอายังไงดีล่ะ” อรรณพถามหาข้อสรุป



“ไม่รู้สิ จับฉลากมั้ย”



“ก็ดีนะ”



ศศินอมยิ้ม พลันหุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของอรรณพ



“ต้องเลือกที่ดีๆ จะได้ถือว่าเป็นทริปฮันนีมูน” ครานี้อรรณพยิ้มกว้าง “ที่ผ่านมาแทบไม่ได้ทำอะไรกันเลย พักแต่ในที่ที่ไม่ส่วนตัว” ศศินหน้าแดงแจ๋



“มันใช่เรื่องมั้ยเล่า” โวยวายกลบเกลื่อนความเขิน พวกเขาเคยไปนอนเต็นท์ดูดาวด้วยกันหลายครั้ง นอนพักที่บังกะโลติดทะเล ที่ซึ่งผนังไม่กันเสียง หรือไม่ว่าจะนอนโรงแรมไหน ศศินก็ไม่ไว้ใจให้อรรณพทำไปมากกว่าสัมผัส



หมึกยักษ์ตัวร้ายคืบคลานเข้ามาใกล้



“งั้นวันนี้เรามาลองพรีฮันนีมูนกันดูไหม”



ใบหน้าของศศินร้อนเห่อเมื่อรู้ความหมายของมัน ในใจอยากบังคับตัวเองให้ตีอีกฝ่ายแรงๆ แต่สุดท้ายก็ได้แต่นอนแผ่ให้อรรณพจับปู้ยี่ปู้ยำทำแกงเหมือนเคย



พรีฮันนีมูนในบ้านพัก ไม่ได้ต่างอะไรจากชีวิตปกติเลยสักนิด







#จักรวาลใต้สมุทร

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
|15: Stellar & Marine|



จบจากเรื่องราวคราวนั้น ทุกอย่างก็กลับมาราบรื่นปกติ ชีวิตประจำวันวนลูปเหมือนเดิม ศศินแม้ไม่กล้ามองหน้าอรรณพตรงๆ ในช่วงแรก แต่พอเวลาผ่านไปได้สักพักก็เริ่มสบตาอรรณพได้บ้างแล้ว



ช่วยไม่ได้นี่ ใครใช้ให้ทำเรื่องน่าอายแบบนั้นกันเล่า กว่าเขาจะลบภาพวาบหวิวในหัวออกได้ก็ปาไปหลายเดือนพอดู



เวลาร่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มเรียนปีสี่กันแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรมากวนใจนอกจากหนวดปลาหมึกยักษ์ที่พันแข้งพันขาเขาเมื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสอง ศศินจากเคยเคอะเขินหน้าแดงตัวเกร็ง เริ่มเปลี่ยนเป็นอยากจะใช้กำลัง ตีอีกฝ่ายแรงๆ มากกว่า



เวลาหล่อหลอมให้พวกเขาเข้าใจกันมาขึ้น รู้จักสังเกตอีกฝ่ายมากขึ้น และมีแต่ความรู้สึกดีต่อกันที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ศศินที่เปิดชั้นบรรยากาศให้นักสำรวจแปลกหน้าเข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกัน อรรณพที่ลากดวงจันทร์ตัวน้อยเข้ามาอยู่ในถ้ำลึกใต้สมุทร ครอบครองเจ้าจันทร์ตัวน้อยในบ้านอันแสนสงบของตัวเอง



ปัญหาที่เกิดขึ้น คล้ายจะมีแต่ก็ไม่มี มันมักจบลงที่การเปิดใจพูดคุยกันทุกครั้ง เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มแปลกไป อีกฝ่ายก็จะรีบเข้าหา จากที่ไม่ได้เป็นคนละเอียดอ่อนในเรื่องความรู้สึก กลับพยายามสังเกตอีกฝ่ายอย่างดี ราวกับเป็นเรื่องปกติที่ต้องทำ เพื่อที่จะได้อยู่ร่วมกันได้นานมากขึ้น



แม้ไม่มีคำเอ่ย แต่ไม่มีใครอยากจบความสัมพันธ์นี้ลง ทุกอย่างล้วนแสดงออกมาด้วยการกระทำ



มันลงตัวและพอดีเกินกว่าจะหาใครใหม่มาทดแทนได้



ทั้งคู่ยังคงกิจวัตรประจำวันเหมือนเคย เรียนหนังสือ อ่านหนังสือร่วมกันในหอสมุด บ้างก็ไปห้องใครสักคนเพื่อใช้ความเงียบร่วมกัน บางครั้งจ้าวสมุทรก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ งอกหนวดยักษ์ออกมาพันตัวคะนิ้งน้อย  บางครั้งก็เป็นศศินเองที่เผลอทำตัวน่ารัก ออดอ้อนใส่อีกฝ่ายโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว



อรรณพอยากจับศศินบีบขย้ำหลายต่อหลายครั้งนัก แต่มักจะหยุดแค่การสัมผัส



ตั้งแต่คบกันมา พวกเขายังไม่มีอะไรไปเกินกว่านั้น



แม้อรรณพจะแอบงอแงอยู่ในใจหลายที แต่ก็เก็บความต้องการของตนเอาไว้ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน รอวันที่อีกฝ่ายพร้อมดีกว่ามาขืนใจบังคับ



“เย็นนี้ไปไหนมั้ย”



จ้าวสมุทรเอ่ยถามระหว่างนั่งอยู่ในความเงียบ รอคอยเวลาที่ห้องสมุดปิด



ศศินส่ายหน้า แน่นอน เขาไม่เคยมีธุระอะไรนอกจากนั่งอ่านหนังสือที่นี่ ไม่ก็ที่หอ ไม่มีการไปเที่ยวหลังเลิกเรียนเพราะเขาไม่ชอบที่ที่คนเยอะ ชีวิตเชยเฉิ่มเรียบง่ายที่เขารักยังคงเป็นแบบนี้เสมอมาตลอดสี่ปีในรั้วมหาลัย



เขาพอใจที่จะเป็นแบบนี้ และครานี้แน่นอนว่าศศินหลีกเลี่ยงงานสังสรรค์ให้ได้มากที่สุด หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็จะไม่ดื่มแอลกอฮอล์แม้เพียงอึกเดียว



ศศินไม่อยากให้ตัวเองไร้สติ และอีกอย่าง...อรรณพไม่ชอบนี่นา



ถ้าจะดื่ม ก็ไปดื่มกับอรรณพก็พอ



ดื่มเงียบๆ เสียงเพลงหรือแสงสีเป็นสิ่งรบกวนเขา เขาไม่ได้ต้องการมัน ผู้รักความเงียบย่อมไม่อยากสุงสิงกับความวุ่นวาย



“พรุ่งนี้วันเสาร์ คุณไม่มีวิชาไหนนัดเมคอัพใช่ไหม”



อรรณพถามต่อ ศศินพยักหน้า เรื่องตารางเรียนของแต่ละคน ใครก็รู้ทั้งนั้น



“งั้นเย็นนี้มาห้องผมไหม”



ศศินจ้องเข้าไปในดวงตาของจ้าวสมุทร ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแต่เมื่อต้องมนต์มันแล้ว ก็เห็นว่าคล้ายจะเป็นสีน้ำทะเลมากกว่า



ศศินพยักหน้า



“เอาสิ”



ไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าหรือข้าวของเครื่องใช้ พวกเขาต่างมีเสื้อผ้าอยู่ที่ห้องของอีกฝ่าย ปะปนกันไป เหตุที่ยังไม่ยอมมาอยู่ด้วยกันก็เพราะทั้งคู่ยังต้องการพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองอยู่ แม้หัวใจจะเต้นจังหวะเดียวกัน ต้องการพบเจอพูดคุยกันทุกวัน ต้องการเห็นหน้ากัน กระนั้นก็ยังรักพื้นที่ที่มีเพียงแต่ตัวเองอยู่ดี



ทั้งคู่ต่างเข้าใจอีกฝ่าย และปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควร



ไม่มีใครชวนใครให้ไปอยู่กับใคร มีแต่ชวนกันไปค้างคืนห้องใครในบางครั้งบางครา



และคืนนี้เป็นห้องของอรรณพ



ศศินเข้ามาในพื้นที่นี้ตามปกติ ทิ้งข้าวของลงบนโต๊ะเล็กๆ ที่อรรณพจัดเตรียมให้เป็นพื้นที่ของศศิน ข้าวของของศศินจะถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบตรงนี้ ทั้งกระเป๋า ชีทเรียนหนาเป็นปึกที่ยัดใส่กระเป๋าไม่พอ หนังสือที่ยืมมาจากหอสมุด ถูกวางไว้บนโต๊ะ และรองเท้าคัทชูสีดำถูกระเบียบถูกถอดออกมาสอดไว้ใต้โต๊ะน้อยๆ ตัวนี้



จัดการข้าวของเสร็จสรรพ คะนิ้งน้อยก็ไปหาอรรณพ เตรียมกินมื้อเย็นที่ซื้อมาจากซอยหน้าหอด้วยกัน ไม่ต้องมีบทสนทนาอะไรมากมาย และไม่มีความอึดอัดใจใดๆ ทั้งคู่ต่างอยู่ในความเงียบเดียวกันอย่างเต็มใจ



คืนนี้อรรณพชวนคะนิ้งดูหนังด้วยกัน มันไม่ใช่หนังสารคดีทะเลลึกหรือจักรวาล ไม่ใช่หนังอัตชีวประวัติใคร ไม่ใช่หนังปรัชญา แต่เป็นหนังธรรมดาทั่วไป แนวแอ็คชั่นที่พวกเขาไม่ค่อยได้ดูสักเท่าไหร่



อรรณพชวนเพราะอยากลองดูอะไรใหม่ๆ บ้าง และหนังบู๊ล้างผลาญเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดี อรรณพค่อนข้างประทับใจ เขาถกเถียงเรื่องนี้กับศศิน เต็มไปด้วยความสนุกที่ถกเถียงกัน แม้ไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองชอบก็ตาม แต่การได้ถกกับอีกฝ่าย ได้รู้ความคิดของอีกฝ่ายต่างเป็นเรื่องที่ทั้งสองชมชอบ



จบจากเรื่องแรก เพิ่งจะสามทุ่ม อรรณพเลยชวนดูอีกเรื่อง เป็นหนังแนวที่พวกเขาไม่ดูเช่นกัน แต่เรื่องนี้น้อยหน่าแนะนำมา ศศินไม่มีงานค้างคา เลยตอบตกลงไป



เริ่มต้นดูหนังรักโรแมนติก



จบจากเรื่องนี้ ไม่มีประเด็นอะไรให้ถก... พวกเขาไม่เจนเรื่องความรักมาพอจะเอามาถกเป็นทฤษฎีใส่กันได้ จึงได้แต่แยกย้าย พากันอาบน้ำเข้านอน



ทว่าฉากพระเอกกับนางเอกพลอดรักกันยังคงติดตา



แม้ไร้ซึ่งทฤษฎี แต่รับรู้ได้ด้วยใจ รองรับไว้ด้วยอารมณ์และความรู้สึก



ศศินเป็นฝ่ายอาบน้ำก่อน เมื่อจัดการธุระเสร็จจึงออกมานั่งรออรรณพบนเตียง ขบคิดเรื่องราวต่างๆ ระหว่างรอเจ้าของห้องทำธุระ เมื่ออรรณพอาบน้ำเสร็จ ก็โดดขึ้นเตียง ชวนเข้านอนตามปกติ



เห็นทีคงมีแต่ดวงจันทร์ตัวน้อยที่คิดว่าตัวเองไม่ปกติ



“มีอะไรหรือ”



แน่นอน หนีไม่พ้นสายตาของเจ้าหมึกยักษ์



“ผม...แค่คิดว่าเรา...” พูดได้แค่นี้ก็เงียบหายไปพักใหญ่ อรรณพไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่รอประโยคต่อไปอย่างเงียบๆ รอให้ศศินตกตะกอนความคิดตัวเองจนพร้อมจะพูดออกมาเอง



“ผมกับคุณ...” คะนิ้งน้อยไม่รู้จะเรียบเรียงประโยคอย่างไรดี เอ่ยตะกุกตะกัก เขารู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่แสดงออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เสียอย่างนั้น



“เรามีใจให้กัน แล้วเราก็คบกัน” พูดเหมือนทวนย้ำอดีตที่เป็นความจริง



“เราอยู่ด้วยกันแบบนี้มาก็นาน” วกไปวนมา อรรณพตั้งใจฟัง แต่เป็นศศินเองที่ทนตัวเองไม่ไหว



“ผมอยากสัมผัสคุณ”



ความคิดได้ตกตะกอนแล้ว



ดวงจันทร์ตัวน้อยเอ่ยออกไป พลันใบหน้าก็เริ่มเปลี่ยนสี



อรรณพคงคิดว่าเป็นการสัมผัสทั่วไป หากใบหน้าของคะนิ้งน้อยไม่แดงจัดขนาดนี้ เจ้าปลาหมึกยิ้มแหย่



“สัมผัสแบบไหนหรือ” แกล้งถามหยอกเย้า



“แบบ...” คะนิ้งน้อยโดนปั่นหัว เอ่ยเสียงสั่น ตะกุกตะกักไม่ชัดถ้อยชัดคำ “แบบที่พระเอกกับนางเอก...ทำมันในตอนที่หนังเล่นไปได้ 1 ชั่วโมง 3 นาที...”



อรรณพจำตัวเลขไม่ได้ขนาดนั้น แต่พอรู้ว่าฉากกลางเรื่องเป็นฉากแบบไหน



ฉากร่วมรัก



จ้าวสมุทรยิ้มกว้าง



“ทำสิ” แหย่อีกครั้ง ครานี้คะนิ้งน้อยหันมามองค้อนหน้าแดงใส่



“จะให้ผมเริ่มจากตรงไหน ผมไม่รู้จะทำยังไงนี่”



อรรณพหัวเราะลั่นห้อง คว้าคนตัวเล็กมากอดให้จมอก



“...ก็ผมไม่เคยสักหน่อย” เอ่ยเสียงอู้อี้แก้ตัวให้ตัวเอง



“ครับ ครับ” อรรณพเอ่ยตอบรับ ลูบหัวอีกฝ่ายแผ่วเบา ก่อนจะถอดแว่นตาหนาเตอะของอีกฝ่ายออก รวมถึงถอดแว่นตัวของตัวเองเช่นกัน เพื่อให้สถานการณ์ต่อจากนี้จะไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางให้เสียอารมณ์



สองหัวใจเต้นแข่งกันไม่อย่างไม่ยอมแพ้ จนสองจังหวะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน



อรรณพประคองใบหน้าศศินขึ้นมามอบจุมพิต มือใหญ่ลูบไล้ซนไปทั่วทั้งกายขาว ก่อนจะค่อยๆ ผลักดวงจันทร์น้อยลงบนเตียง จัดแจงถอดเสื้อผ้าชิ้นน้อยทีละชิ้น จนกระทั่งศศินเผยเนื้อขาวทั้งตัว หมึกยักษ์ตั้งใจจะพาดวงจันทร์น้อยไประเริงคลื่นทะเล พร้อมๆ กับดูดาวใต้สมุทร ค่อยๆ พาคนไม่รู้ความเรียนรู้ไปทีละนิด ทีละนิด



เพื่อที่จะได้อยู่เรียนรู้กันไปอีกนานแสนนาน



เมื่อนั้น จักรวาลพลันอยู่ใต้มหาสมุทร






ในห้วงแห่งใต้ทะเล อรรณพนอนกกกอดดวงจันทร์ตัวน้อยอย่างแนบแน่นในถ้ำลับ ที่ปักหลักอยู่ ณ ดินแดนใต้สุดของมหาสมุทร รอบข้างล้อมด้วยน้ำ ไร้ซึ่งแสงส่องถึง มีปลาทะเลน้ำลึกบ้างประปรายที่ว่ายวน แต่ไม่กล้าเข้าใกล้เจ้าปลาหมึกยักษ์ผู้ครอบครองทะเลทั้งปวง อรรณพกอดเหยื่อตัวน้อยอย่างทะนุถนอม ไม่ให้ปลาหน้าไหนมาขโมยไปจากรัง



เขาเฝ้าฟูมฟักดูแลเจ้าดวงจันทร์จมน้ำ จนดวงจันทร์สามารถปรับตัวใช้ชีวิตในน้ำได้อย่างปกติ คะนิ้งน้อยเป็นแสงเดียวในเวิ้งทะเลแห่งนี้ แสงเหลืองนวลอ่อนส่องใต้ทะเลลึก แม้ว่าแสงทองจะเย้ายวนต่อสัตว์ทะเลตัวอื่นมากแค่ไหน แต่เมื่อเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ใต้ทะเลอย่างคราเครนได้ครอบครองพระจันทร์ตัวน้อยนี้ไว้ ก็ไม่มีใครอยากกล้าเข้าไปใกล้ให้หนวดหมึกยักษ์ฟาดตาย



เจ้าหมึกยักษ์จึงใช้เวลาในถ้ำใต้ทะเลกับดวงจันทร์ตัวน้อยอย่างแสนสงบ ตลอดมา ด้วยหวังว่าจะตลอดไป



เปิดเทอมใหม่มาถึง นักศึกษาหลายคนเริ่มรู้แล้วว่าเจ้าของแหวนที่นิ้วนางของซ้ายของศศินคือใคร รู้แล้วว่าใครเป็นคนจับจองอาจารย์ศศินมาดเนี้ยบมาโดยตลอด คนคนนี้คงได้เห็นหลายๆ ด้านที่พวกเขาไม่เคยเห็นมากพอดู



จากร่องรอยที่ต้นคอเมื่อตอนนั้น ก็พอรู้ได้ว่าอีกฝ่ายน่ะขี้หวงเพียงไหน



คะนิ้งกว่าจะรู้เรื่องนี้ก็ปาไปนานหลายเดือน และเขาทำอะไรกับมันไม่ได้แล้วนอกจากตีอรรณพเพี้ยะๆ ปลาหมึกตัวนี้ดื้อนัก ต้องโดนไม้เรียวฟาด ไม่สิ ต้องโดนจับย่างเท่านั้น



แม้จะเคือง แต่ไม่ถึงกับโกรธจนฝังลึก ศศินยอมปล่อยผ่านเรื่องราวครั้งนั้นไป โดยที่พยายามไม่คิดถึงมัน การที่คนอื่นรับรู้ว่าเขามีร่องรอยร่วมรักนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอวดหรือภูมิใจสำหรับศศินสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อมันเกิดไปแล้ว กลับไปแก้อะไรไม่ได้ เขาโกรธไปก็เท่านั้น



แน่นอนว่าอรรณพไม่จบแค่นั้น ในเมื่อข่าวลือเรื่องเขากับศศินขยายเป็นวงกว้างมากขึ้นจนเริ่มจะไม่เป็นความลับ เขาก็มาหาศศินอย่างเปิดเผย แม้ไม่ได้แสดงออกหวือหวา แต่ก็ปรากฏตัวในคณะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน



แถมไม่ใช่แค่การมาสอนนักศึกษาป.โท บางวันอรรณพก็มาทานข้าวกลางวันร่วมกับศศินและอาจารย์คนอื่นๆ บ้างในห้องพักอาจารย์ บ้างที่โรงอาหารของคณะ เผยตัวให้เหล่านักศึกษาขี้สงสัยได้ประจักษ์



ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง



ศศินเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่อีกฝ่ายไม่ทำอะไรเกินสมควรก็พอแล้ว



เขาเองก็ควรแสดงตัวให้แน่ชัดว่าตนมีเจ้าของ และอรรณพเป็นของตน  จะได้ไม่มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในความสัมพันธ์นี้ ลำพังแค่ไม่มีใครมายุ่มย่ามอะไร อรรณพยังหวงคะนิ้งน้อยจะเป็นจะตาย พอมีใครเข้ามาใกล้ชั้นบรรยากาศดาวศศินหน่อยเดียว ผู้ปกป้องดาวศศินก็รีบใช้หนวดยักษ์ฟาดไล่ออกไป



ห้ามใกล้



แม้แต่ชั้นบรรยากาศของศศินเขาก็ไม่ให้แตะ



หมึกยักษ์ขู่แง่งๆ



ส่วนฝ่ายศศินไม่ค่อยมีอะไรให้น่ากังวลนัก อรรณพไม่ค่อยมาที่คณะ ทำให้ไม่ค่อยได้พบปะผู้คน นักศึกษาที่อรรณพสอนเองก็โตเป็นผู้ใหญ่ มีคนคบหาดูใจกันหมดแล้ว ไร้ซึ่งการก่อเกิดความสัมพันธ์ของมือที่สาม



หรือต่อให้มี ศศินก็เชื่อว่าอรรณพจะไม่สานสัมพันธ์นั้นต่อ



เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายรักตนๆ พอๆ กับที่ตนรักอีกฝ่าย



รักจนไม่อยากเสียความสัมพันธ์นี้ไป รักจนอยากคงอยู่กับคนนี้นิรันดร



ถึงแม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นที่ล่วงรู้ไปจนทุกหนแห่ง แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ ศศินยังคงสอนหนังสือเหมือนที่ผ่านมา ให้ข้อสอบยากโหดหิน ส่วนอรรณพก็ตรวจวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาปริญญาโทต่อไป และมาหาศศินบ่อยขึ้นกว่าเดิม



ชีวิตประจำวันเรียบง่ายอันมีค่าของพวกเขาไม่มีใครทำให้มันเปลี่ยนไปได้



เพราะทั้งคู่ต่างรักชีวิตเรื่อยๆ เช่นนี้ และคอยทะนุถนอมมันเรื่อยมา



จันทร์ถึงศุกร์ศศินไปทำงาน อรรณพไปทำงานแค่อังคารและพฤหัส แต่มีบ้างที่บางวันแวะเวียนไปหาศศิน เสาร์อาทิตย์เป็นเวลาพักผ่อน ใช้ความเงียบร่วมกัน



บางครั้งในสุดสัปดาห์ น้อยหน่าก็จะพาลูกชายทั้งสองของเธอมาป่วนความเงียบของพวกเขาเป็นครั้งคราว ซึ่งทั้งคู่ต่างยินดีต้อนรับเจ้าก้องภพกับเจ้าก้องสมุทรตัวน้อย เด็กๆ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว วิ่งเล่นไปทั่วสวนเล็กๆ หน้าบ้าน ส่วนพวกผู้ใหญ่นั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวของชีวิต แบ่งปันเรื่องราวของกันและกันให้กันและกัน ไม่ให้ชีวิตคู่ของพวกเขาเงียบเหงาจนเกินไป



นอกนั้นก็เหมือนที่ผ่านมา... วันเวลาผ่านไปอย่างธรรมดา



และธรรมดานั่นแหละดีที่สุดแล้ว



พวกเขาทำตามตารางชีวิตประจำวันทั่วไป เป้าหมายของชีวิตมีเพียงได้หมดลมหายใจอย่างสงบ โดยที่ระหว่างนั้นยังมีอีกฝ่ายอยู่เคียงข้างกัน ไม่ได้ต้องการชีวิตหวือหวา ไม่ได้อยากบินไปนอกโลก ไม่ได้อยากเป็นนักสำรวจใต้ทะเลผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เป็นเพียงคนที่มีความชอบเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ แต่ไม่ได้คาดหวังว่าตนจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ชอบ



พวกเขาพึงพอใจในชีวิตตอนนี้ ขอแค่ได้มองสิ่งที่ชอบอยู่ที่พื้นที่ของตัวเอง และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว



ศศินคลั่งไคล้จักรวาล แต่ไม่คิดจะเป็นนักอวกาศ แค่เพียงเป็นอาจารย์เผยแพร่ความรู้ในศาสตร์ที่ตัวเองหลงใหลสู่นักศึกษาก็พอใจแล้ว



อรรณพชื่นชอบมหาสมุทร แม้รักการดำน้ำใต้ทะเล แต่ไม่ได้อยากจะเป็นนักสำรวจเหมือนแต่ก่อนแล้ว ขอเพียงนานๆ ทีได้ดำน้ำปีละหนสองหนเขาก็พึงพอใจ รวมไปถึงปกป้องมหาสมุทรที่เขารักจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกัน อรรณพมักชวนนักศึกษาไปออกทริปดูทะเล และช่วยเก็บขยะริมหาด พร่ำสอนเรื่องมลพิษที่เกิดขึ้นในมหาสมุทร



พวกเขาทำเท่าที่พวกเขาจะทำได้ต่อความชอบของตัวเอง



และมีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกวันที่จะมีความสุข แต่เพราะมีอีกฝ่ายเคียงข้าง การประสบปัญหาต่างๆ จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป



ความสุขไม่ได้หาได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพบเจอมัน



พวกเขามีสติมากพอที่จะรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น และจดจ่ออยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด



คืนวันศุกร์วนกลับหวนมารอบที่หลายร้อย ศศินเลิกงานเสร็จก็ตรงกลับบ้านที่มีอรรณพทำกับข้าวรออยู่ ลงมือทานข้าวเย็นพร้อมกัน จัดการทำความสะอาดบ้านด้วยกัน ก่อนจะขึ้นนอนพร้อมกัน



วันศุกร์อาจะเป็นวันส่งการบ้าน แล้วแต่ว่าอาจารย์ศศินจะสั่งให้อรรณพส่ง หรือลูกศิษย์แสนขยันอยากจะทำมัน



และวันนี้เป็นวันส่งการบ้าน เมื่อได้ข้อสรุปจากทั้งอาจารย์และศิษย์ตัวโต



สัปดาห์ที่แสนเหนื่อยล้า ถูกคลายความเครียดลงด้วยอ้อมกอดซึ่งกันและกัน รสสัมผัสของกันและกัน



ศศินพาอรรณพโบยบิน ท่องไปยังผืนนภา ทะลุออกชั้นบรรยากาศไปยังดวงดาวต่างๆ อรรณพเคลิบเคลิ้มหลงใหลในจักรวาลที่มีศศินตัวน้อยคอยจับมือเขาพาไปยังดาวแต่ละดวง กระโดดไปดาวดวงนี้ดวงนั้น ล่องลอยในความมืดไร้แรงดึงดูด



ก่อนหมึกยักษ์จะปรากฏตัว ตวัดหนวดยักษ์พาเจ้าดวงจันทร์ตัวน้อยกระแทกคลื่นน้ำทะเล ดำดิ่งสู่ผืนน้ำ ผ่านปลาน้อยใหญ่และปะการังลึกลงไปเรื่อยๆ จนถึงก้นบึ้งของสมุทร ที่ปรากฏแต่ความมืดแสนเคว้งคว้าง และมีเพียงพวกเขาสองคน



ศศินจากเดิมคร่อมร่างอีกฝ่าย กดจ้าวสมุทรไว้ใต้ร่าง ป้อนจุมพิตแสนหวานให้ ระหว่างที่เคลิบเคลิ้ม โดยไม่ทันตั้งตัว เขาพลันโดนมือใหญ่ตวัดจับเขาพลิกสู่เตียง ดวงจันทร์ตัวน้อยนอนแผ่ใต้ร่างอรรณพ แม้ตกใจแต่กลับยกยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว คล้ายจะเป็นรอยยิ้มที่เจือด้วยส่วนผสมของความสุข



อรรณพส่งยิ้มกลับด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขล้นไม่แพ้กัน



เริ่มต้นบรรเลงเพลงรักรุ่มร้อน



เมื่อนั้น จักรวาลพลันอยู่ใต้มหาสมุทร



จบ









ฉันค้นพบว่าตัวเองหลงรักความเรียบง่าย ธรรมดาและพยายามทำทุกวันให้เป็นเช่นนั้น

ไม่ต้องเยอะแยะมากมาย ยามตื่นก็ภาวนาขอให้กราฟชีวิตวันนี้เป็นเส้นตรง

วันไหนมีความสุขก็โชคดี วันไหนเศร้าก็โชคร้ายหน่อย แต่ถ้าให้ดีที่สุดก็ขอความธรรมดาก็แล้วกัน



เริ่มเรื่องจากข้อความสั้นในทวิตอีกแล้ว ไม่คิดว่ามันจะมาได้หลายตอนขนาดนี้เหมือนกัน

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้ค่ะ



ปล.อย่าลืมรักความเรียบง่ายและธรรมดา.

Raccool



#จักรวาลใต้สมุทร

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ พลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบมากเลยค่ะ หลงรักในความเรียบง่าย ภาษาก็ลื่นไหลน่าติดตาม มาถึงตอนจบก้แอบใจหายค่ะ ถ้ามีเรื่องอื่นอีกเราจะติดตามนะคะ

ออฟไลน์ praewypn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่ารักมากๆๆเลยค่า  :o8: :-[ 

ออฟไลน์ LadyYuly

  • สวัสดีค่าา เลดี้ยูลี่นะคะ LadyYuly เรียกยูก็ได้จ้า
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
    • www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44045.0
เห็นชื่อนักเขียนก็กดเข้ามาเลย 55555555555555555555555555 รักนักเขียนนะคะ เขียนเยอะๆ ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะไม่รู้พลาดไปได้อย่างไรมันอบอุ่นละมุนอวลในหัวใจเหลือเกินขอบคึณที่แต่งเรื่องราวดีๆแบบนี้นะคะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ชอบมากๆเลยค่ะ เป็นความรักที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่เต็มไปด้วยความสุขและบรรยากาศที่อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจมากเลย ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ NanGFa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีมากเลย  :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด