คลื่นที่ 9
"เร็วสิ!! เกินเวลาแล้วเนี่ย "
ชายร่างท้วมเร่งเด็กที่ตัวเองเรียกมาสนุกฆ่าเวลาก่อนจะถึงเวลาตีหนึ่ง แต่เหมือนจะสนุกเพลินเกินไปนิดจนเลยเวลามาหลายนาทีแล้ว บ้าชะมัด!!
"เสร็จแล้วค่าาา"
สาวน้อยร่างเล็กขานรับเสียงใส พร้อมกับรูดซิปกระโปรงไปเดินไปหาคนที่เร่งเธอไป หึ!สมน้ำหน้า มัวแต่มากตัณหาจนลืมเวลา งี้แหละพวกไม่มีปัญญาซื้อพวกคิวทองก็ได้แต่หันมาซื้อเด็กเกรดล่างๆแบบพวกเธอ ขอโทษเถอะนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กเกรดล่างอย่างเธอ จะมีใครอยากนอนกับพวกตัวเหม็นแบบนี้ไหม แต่ถึงจะบ่นจะด่าลูกค้าในใจขนาดไหนใบหน้าก็ยังคงยิ้มแย้มเดินมาเกาะแขนออเซาะอย่างน่ารัก
ชายกลางคนรีบเดินไปเปิดประตูทันทีที่สาวน้อยเดินมาเกาะแขนแล้วอย่างรีบร้อน
ผลัวะ
เสียงเปิดประตูห้องที่ดังขึ้นมากระทันหัน ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงทางเดินหันไปมองทันที แม้จะเป็นเวลาแค่สั้นๆไม่ถึงเสี้ยววินาทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกแต่มันก็สามารถทำให้คนที่จับกดไวเทลลงกับพื้นชะงักเผลอคลายแรงที่กดลง ไวเทลที่ปรายตามองเพียงเสี้ยววิเห็นคนที่เปิดประตูเป็นแขกก็ไม่รอช้า ดีดตัวจากแรงกดที่ถูกคลายวิ่งไปทางบานประตูที่พึ่งถูกเปิดออกทันที
ฟอร์ทที่ไหวตัวทัน พุ่งตามไวเทลไปติดๆ ไวเทลได้แต่จิ๊ปากขัดใจทันทีที่เห็นว่าฟอร์ทตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของเขาทันทีแบบนี้
ไวเทลไม่มีทางเลือก เขาคว้าหญิงสาวที่ยืนตกใจอยู่ปลายเอื้อมมือโยนเข้าใส่ฟอร์ทที่กำลังจะถึงตัวเขาเข้่าอย่างจังจนทั้งคู่ล้มลงกับพื้น ไวเทลอาศัยจังหวะนี้วิ่งเข้าห้องล็อคประตูอย่างแน่นหนา
ฟอร์ทโยนหญิงสาวไปด้านข้างอย่างไม่สนใจ วิ่งไปหมายจะเปิดประตูห้องแต่ก็ไม่ทัน มันถูกล็อคจากข้างในแล้ว ฟอร์ทได้แต่ทุบประตูอย่างหัวเสีย
"บัดซบ"
เพราะเขารู้ดีว่าประตูทุกบานของที่นี่แน่นหนาขนาดไหน ถ้าไม่มีรีโมทบังคับเปิดจากหัวหน้าของที่นี่หรือคีย์การ์ดห้องต่อให้ใช้แรงช้างสารทขนาดไหนก็ไม่สามารถทำลายประตูได้...
คีย์การ์ด!! ฟอร์ทตวัดสายตาไปมองทางชายร่างอ้วนทันที จนเจ้าตัวสะดุ้งเลิ่กลั่กเห็นสายตาคมดุที่จ้องมองมาก็รู้ทันทีว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร เขารีบคว้านหาคีย์การ์ดไปทั่วตัว ก่อนจะเงยหน้ามาส่งยิ้มแห้งๆใส่ฟอร์ทเพื่อสื่อให้รู้ว่าเขาลืมหยิบคีย์การ์ดออกมา ให้มันได้อย่างนี้สิว่ะ!! ฟอร์ทเสยผมอย่างหงุดหงิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน
“มันหนีไปได้”
“...”
“อืม”
ฟอร์ทกดตัดสายทันทีที่อีกฝ่ายสั่งการเสร็จสิ้น เขามองไปที่ประตูบานนั้นก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“หึ จะรอดไปได้นานแค่ไหนกันเชียว”
ภายในห้องมืดมิด ไวเทลนอนกอดตัวเองอยู่หน้าประตูไม่ขยับไปไหน ไม่สิ ต้องบอกว่าเขาขยับไปไหนไม่ได้ต่างหาก เขาหอบหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง เหงื่อผุดซึมทั่วกรอบหน้าขาว ทันทีที่ปิดประตูได้ร่างกายของเขาก็มีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ไวเทลได้แต่กัดฟัน จิกเล็บเข้ากับต้นแขนแน่นเพื่อพยายามประคองสติตัวเองให้ได้นานที่สุด พวกบ้านั่นมันบังอาจฉีดยาปลุกเซ็กซ์ใส่เขา บ้าชะมัด!!
ไวเทลพยายามกดไปที่กระดุกสีดำที่ปลายแขนเสื้อด้วยมืออันสั่นเทาย้ำๆ สื่อให้ทีมช่วยเหลือรู้ว่าเขาไม่อาจรีรออะไรได้อีกแล้ว เพราะยาที่ถูกฉีดมานี้มันมีฤทธิ์รุนแรงมากเกินกว่าที่เขาจะช่วยเหลือตัวเองได้
สติของเขามันน้อยลงทุกทีจนน่าใจหาย
ไวเทลพ่นลมหายใจเข้าออกก่อนจะพยายามยันตัวเองขึ้นมา ใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดคลานไปทางห้องน้ำหวังว่าน้ำเย็นจะช่วยถ่วงเวลาให้เขาได้บ้างนะ
เฟริซิโอ้ลอยวนอยู่แถวชั้นสามอย่างลนลานสองตามองหาใครบางคนที่เขาหวังว่าจะเจอในไม่ช้านี้ ไวท์...คุณอยู่ไหนกันแน่!! เขาพยายามหาไวเทลทั่วทั้งชั้นสองจนหมดทุกที่ก็ไม่มี เขาเลยขึ้นมาหาที่ชั้นสามแต่ก็ยังไม่เจอ หัวใจของเขามันเต้นรัวเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ลางสังหรณ์เริ่มเด่นชัดขึ้น ยิ่งสัญชาตญาณทำงานมากแค่ไหนเขายิ่งกังวลถึงไวเทลมากขึ้นเท่านั้น
สองตาของเขากวาดมองทุกพื้นที่ สองหูเปิดรับฟังเพื่อฟังเสียงคนที่ตามหา โชคดีที่เสียงดนตรีเบาลงกว่าปกติเพราะการโชว์ตัวของ 3 อันดับร้านไม่จำเป็นต้องใช้เพลงบีทหนักๆ เขาเลยสามารถเปิดประสาทรับฟังได้มากกว่าปกติ และเขามั่นใจต่อให้เสียงไวเทลเบาแค่ไหนเขาก็ได้ยิน
"เกือบไปแล้วไหมล่ะ เพราะความชักช้าของเธอแท้ๆ"
ชายร่างอ้วนหันไปโวยสาวข้างกายด้วยใบหน้าซีดซียวและเหนื่อยหอบ ถ้าเมื่อกี้เขาไม่วิ่งหนีออกมาทันทีที่หาคีย์การ์ดให้คนหน้าดุไม่เจอ เขาอาจจะถูกฆ่าตายก็ได้ นี่ดีแค่ไหนที่พวกมันไม่วิ่งตามมาฆ่าเขา หญิงสาวที่เดินลูบแขนที่มีรอยแดงจางๆหันขวับไปมองค้อนใส่คนโวยวายใส่เธอทันที
" นั่นเพราะความมักมากของแกต่างหาก"
"ว่าไงนะ!!"
"หรือไม่จริง! ถ้าแกไม่มัวแต่จะเอาไม่ลืมหูลืมตาป่านนี้ก็ไม่ต้องมาเจอพวกนั่นหรอก"
"อีนี่ มึงไม่มีสิทธิ์มาด่ากูแบบนี้!"
"เหอะ! เพราะมึงแหละกูถึงซวยไปด้วย"
เสียงด่าทอโวยวายใส่กันของคนสองคนที่ทางขึ้นลงบันไดของชั้นสี่และชั้นสามทำให้เฟริซิโอ้หันไปมองเล็กน้อยก่อนจะลอยผ่านไปเพื่อขึ้นไปหาชั้นสี่บ้างเพราะชั้นสามเขาก็หาจนทั่วทุกซอกทุกมุมแล้วเหมือนกัน แต่จังหวะที่กำลังจะบินผ่านสองคนนั้น ประโยคบางอย่างที่หลุดออกจากการด่าทอกันกลับทำให้เขาชะงักทันที
"แล้วก็ยืนโง่ๆให้ผู้ชายสวยๆนั่นโยนไปทางไอ้โหด สมควรแล้วที่จะแดงช่ำแบบนี้"
"อยู่ๆมีคนเหมือนจะมีเรื่องกันอยู่หน้าห้อง ใครจะไม่ตกใจบ้างเล่า"
"แต่ก็ไม่ควรยืนโง่ๆให้เขาโยนเล่นไหม"
"ฉันไม่ได้ยืนโง่ๆ!"
"นี่ดีแค่ไหนที่ไอ้หัวขาวไม่ยิงเราทิ้งเพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนสวยๆคนนั่นหนีเข้าห้องไปได้ อ่า... ถึงจะเห็นแค่แวบเดียวแต่ก็เป็นผู้ชายที่สวยชะมัดเลย" พอพูดถึงแล้วก็แสดงสีหน้าเคลิบเคลิ้มหื่นกระหายทันที
"ไอ้แก่ตัณหากลับ เวลาจะเป็นจะตายยังจะหื่นได้อีกหรอว่ะ"
"เรื่องของกูโว๊ย!!"
ผู้ชาย? สวย? มีเรื่อง? ไวท์หรอ ถึงจะไม่มีคำพูดไหนหลุดชื่อไวเทลออกมา แต่ผู้ชายที่สวยขนาดมองเพียงแปปเดียวและยังอยู่ในสถานการ์ณอันตรายยังทำให้คนอื่นเคลิบเคลิ้มได้จะมีกี่คนกันเชียว ขนาดอันดับสองของที่นี่ยังทำไม่ได้เลย!!
ไม่รอช้าเฟริซิโอ้พุ่งตัวไปทางชั้นสี่ทันที ทางเดินที่ว่างเปล่าทำให้เขาใจหายวูบ เขากวาดตามองตามพื้นตามประตูหาร่องรอยบางอย่าง อย่างละเอียด จนมาถึงเกือบสุดทางเดิน ตรงนี้มีร่องรอยเหมือนมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น เฟริซิโอ้ไม่รอช้าเขาทะลุประตูเข้าห้องๆหนึ่งบริเวณนั้นทันที ในห้องนี้มีแต่ความมืดมิดและความว่างเปล่า ห้องน้ำก็ไร้คนอยู่อาศัย เขาออกจากห้องนั้นทะลุอีกห้องหนึ่งใกล้ๆกันทันที สิ่งที่เขาเห็นไม่ต่างกันกับอีกห้อง ห้องที่มีแต่ความมืดมิดและว่างเปล่าไร้ผู้คนแต่ห้องนี้กลับมีเสียงฝักบัวดังออกมาจากห้องน้ำบางเบา
ไวเทลกอดตัวเองแน่นขึ้น เอื้อมมืออันสั่นเทาไปหมุนฝักบัวจนสุด สายน้ำเย็นฉ่ำที่รินรดกายเปียกชุ่มไปทั้งตัว ทั้งๆที่น้ำหนาวเย็นขนาดนี้แต่ก็ไม่อาจลดทอนอุณหภูมิร่างกายที่ไต่สูงขึ้นเรื่อยๆนี้ได้เลย เขาทำได้เพียงจิกเล็บบนต้นแขนตัวเองเท่านั้น สติเริ่มเลือนลางลงทุกที ความใคร่ครอบงำไปทั่วสมอง เขาต้องการ เขาอยากปลดปล่อยความทรมาน ได้โปรดใครก็ได้ช่วยเขาที ช่วยเขาจากความทรมานนี้ที...
"ไวท์!!!"
เสียงตะโกนคุ้นหูของใครบางคนฉุดสติที่เริ่มจางหายกลับมา เสียงตะโกนแห่งความห่วงใยทำให้เขาปรือตามองช้าๆ
สีเขียว...นั่นคือสิ่งแรกที่เขาเห็น สีเขียวที่ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง แต่ตอนนี้สีเขียวนั้นฉายชัดหลากหลายอารมณ์ ห่วง กังวล กลัว หึ! คนที่ชอบยิ้มใส่คนอื่นหน้าตายก็ทำหน้าตื่นตูมได้เหมือนกันสินะ ไวเทลยิ้มน้อยๆให้กับความห่วงใยตรงหน้า หัวใจที่เต้นกระหน่ำด้วยความต้องการเมื่อคู่กลับอบอุ่นวาบขึ้นมาจนเหมือนความใคร่จะจางหายไปชั่วขณะ
"ฟ...เฟย์..."
น้ำเสียงแหบพร่าที่เรียกชื่อเขาเป็นครั้งแรกไม่ได้ทำให้เขาดีใจสักนิด เฟริซิโอ้มีแต่ความกังวลอยู่เต็มหัวใจ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"ไวท์..."
เขายื่นมือไปกะพยุงคนงามที่นอนคุ้ดคู้ขึ้นมา แต่แค่เพียงแตะต้นแขนบางมือของเขาก็ทะลุผ่านตัวไวเทลไปอีกด้านทันที เหมือนมีอะไรสักอย่างพังทลาย ไม่ว่าจะพยายามกวาดมือจับอีกคนแค่ไหน ก็เป็นเพียงภาพอันเลือนลางผ่านตัวไวเทลไปมาเท่านั้น เขากำมือตัวเองแน่นขึ้น จ้องมองไปที่ไวเทลด้วยดวงตาแดงก่ำ แม้แต่ตอนที่กำลังจะตายเขายังไม่เสียใจเท่านี้ ทั้งๆที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่เขากลับช่วยอะไรไม่ได้เลย
ไวเทลมองดวงตาสีเขียวที่น้ำตาคลอด้วยความเสียใจ มองมือหนาที่พยายามจะจับเขาแต่ก็ทำไม่ได้นั่นด้วยความเจ็บปวดใจ เขาเข้าใจ เขารู้ และเขาไม่ชอบเลย เขาชอบดวงตาสีเขียวที่ประกายความสดใสนั่นมากกว่าเสียอีก
"จะ...เจ้าโง่"
ไวเทลด่าคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เอาจริงๆก็น่าแปลก เมื่อกี้ยังทุรนทุรายจะเป็นจะตาย ได้แต่อาศัยความเจ็บประคองสติ มาตอนนี้แค่เห็นอีกคนเจ็บปวดเพราะช่วยเขาไม่ได้ ความร้อนรุ่มทรมานก็เหมือนจะจางหาย เรี่ยวแรงที่หดหายก็เหมือนจะกลับมามีแรงอีกครั้ง มันน่าแปลกจริงๆนั่นแหละ
"วะ...ไวท์"
"ตะ...ตัวก็ใหญ่ มาร้องไห้แบบนี้มันน่าเกลียด"
"...."
"ไป...ไปซะ"
"มะ..."
"นายช่วยฉันไม่ได้หรอก"
ไวเทลยิ้มบางเบาให้คนตรงหน้าที่ทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ขี้แยจังนะ...
"แต่นายให้คนอื่นมาช่วยฉันได้"
เฟริซิโอ้ตาโตอ้าปากค้าง แววตาของใครบางคนแวบเข้ามาในสมอง เขายิ้มกว้างตาหยีใส่ไวเทลทันที
" ไวท์!! คุณรอก่อนรอผมนะ ผมจะไปตามคนมาช่วย"
ไวเทลมองรอยยิ้มกว้างอย่างกับเด็กๆก็ได้แต่ยิ้มมุมปากขำๆ ก็ดีว่าสีหน้าเสียใจนักหนานั่นแหละนะ
"อืม"
"ไม่นานผมจะรีบกลับมา"
"ไปสักทีเถอะน่า"
เฟริซิโอ้มองคนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความห่วงใยก่อนจะพุ่งตัวออกนอกห้องน้ำไปตามหาใครบางคนที่หวังจะช่วยไวเทลได้ทันที
ไวท์...อดทนอีกนิดนะ
ไวเทลมองเหม่อไปทางกำแพงที่ใครบางคนพึ่งทะลุออกไป
หึ! บ้าชะมัด ใครเขาจะมองเห็นนายกัน เขาได้แต่ยิ้มให้กับตัวเองอย่างขมขื่น ไม่รู้อีกคนสติแตกหรือโง่ไม่ทันคิดถึงความจริงเรื่องนี้กันแน่ แต่มันก็คงดีกว่ามองตาแดงๆน่าสงสารที่ทำอะไรไม่ได้คู่นั่นล่ะนะ
ไวเทลนอนพิงกำแพงอย่างอ่อนล้า เมื่อกี้เขาเผลอดีใจขึ้นมาจริงๆ ที่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเผชิญความทรมานคนเดียว แม้จะเจ็บที่ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำเพราะเขา แต่ก็ดีใจที่มีใครอีกคนทรมานเป็นเพื่อน ย้อนแยงจริงๆ
ตึกตัก ตึกตัก
"อึก"
ไวเทลทรุดลงกอดตัวเองแน่นทันทีที่อยู่ๆหัวใจก็เต้นเร็วรัว อุณหภูมิร่างกายสูงปี๊ดพุ่งพรวดขึ้นมาจนไม่อาจระงับอะไรได้อีกแล้ว เขาต้องการปลดปล่อย...
มือเรียวขาวเอื้อมไปถอดเข็มขัดอย่างรีบร้อน ไวเทลจิ๊ปากกับความชักช้านี้ เขาจะไม่ไหวแล้วนะ เมื่อถอดได้เขาก็ไม่รอช้ารูดกางเกงสเล็คและซับในลงทันที มือขาวจับเข้ากับความแข็งขืนที่มีน้ำใสปริ่มรดรอการปลดปล่อยมาเนิ่นนาน เขาขยับมืออย่างรวดเร็ว ใบหน้างามแดงก่ำด้วยความกระสัน ทั้งเหงื่อและน้ำเย็นอาบชโลมผิวหน้าและผิวกายจนแยกไม่ออก
"อืมมม"
เขากัดริมฝีปากล่างอย่างอดกลั้น ขยับมือขวาให้เร็วขึ้นสุดกำลัง หัวสมองขาวโพลนคิดเพียงแค่จะกำจัดความร้อนรุ่มนี้ออกไป ความทรมานที่รอการปลดปล่อยมาเนิ่นนานทำให้ไวเทลอดกลั้นไว้ไม่ไหวทะลักทลายเหมือนเห็นแสงดาวพร่างพรายอยู่ตรงหน้าทันที มือขวาที่อ่อนปวกเปียกตกลงข้่างตัวเมื่อสมปรารถนา เสียงหอบหายใจดังก้องห้องน้ำผสมผสานเข้ากับเสียงน้ำไหล แต่ยังไม่ทันได้หายใจให้สงบ ความร้อนก็พุ่งขึ้นมาอีกรอบจนคนงามน้ำตารื่น เขาจะไม่ไว้อยู่แล้ว เหมือนการปลดปล่อยเมื่อกี้มันไม่เพียงพอเลยสักนิด เขาต้องการ ต้องการใครก็ได้มาช่วยปลดเขาจากความทรมานนี้ ไวเทลกัดปากจนเลือดซิบก่อนจะหลับตาขยับมือขวาขึ้นมาอีกครั้ง
ปัง
"แม่ง! ลูกค้าลืมปิดน้ำหรือไงว่ะ"
ไวเทลขยับมืออย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเสียงเปิดประตูและเสียงสบถของใครเลย เขาหวังเพียงพาตัวเองออกจากความทรมานนี้เท่านั้น อ่า...อีกนิด
แก๊ก
"จริงๆเล...เฮ้ย!!"
"อ่าาา"
ชายหนุ่มในชุดทำความสะอาดเบิกตากว้าง จ้องมองน้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งขึ้นมาตกตรงปลายเท้าเขาอย่างตะลึง ชายหนุ่มมองร่างสมส่วนที่นอนหายใจหอบระรัว ใบหน้างามแดงกล่ำชวนมอง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกน้ำจนแนบเนื้อเห็นยอดอกรำไร เรียวขาขาวผ่องเบียดบิดเข้าหากันไปมาจนทำให้คนมองตาพร่า กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก คะ...ใครว่ะ สวยกว่าเด็กเรียกแขกอันดับหนึ่งของที่นี่ซะอีก!!
ไวเทลปรายตามองไปทางประตูอย่างเหนื่อยหอบ เขาเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้น แต่ยังไม่ทันที่สมองจะประมวลผลอะไร ความร้อนสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้งจนสติของไวเทลแตกกระเจิง เขาต้องการแค่เพียงการปลดปล่อย ไม่สนอะไรอีกแล้ว!!
ไวเทลพยุงตัวขึ้นช้าๆเอื้อมมือไปจับขาชายหนุ่มอย่างสั่นเทา ชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ขยับจ้องคนงามที่ค่อยๆลุกขึ้นมาจับเข็มขัดเขาเขม็ง เขาจ้องมองดวงตาเรียวสวยที่ช้อนขึ้นมองอย่างเว้าวอน ริมฝีบากอิ่มแดงกล่ำที่เผยอเล็กน้อยจนใจสั่นไหว
"ชะ...ช่วยด้วย"
เสียงแหบพร่าเซ็กซี่ที่ร้องขอและน้ำตาที่คลอหน่วยทำให้ชายหนุ่มสติขาดผึงทันที เขาพุ่งเข้าไปจับกดไวเทลลงกับพื้น ซุกไซร้ซอกคอขาวอย่่างกระหาย ไวเทลเอียงคอให้ชายหนุ่มซุกได้ถนัดขึ้นอย่างง่ายดาย แม้ภายในส่วนลึกของจิตใจจะตะโกนให้เขาผลักชายหนุ่มออกไป แต่สมองและร่างกายกลับไม่ขยับ มันต้องการ ต้องการอีก มากกว่านี้...ไวเทลอ้าขาเปิดทางกว้าง มองคนบนตัวอย่างยั่วยวน ชายหนุ่มเลียปากอย่างกระหาย ก่อนจะยืดตัวขึ้นรีบร้อนปลดเข็มขัดทันที แต่ยังไม่ทันจะดึงกางเกงลง เสียงเปิดประตูหน้าห้องก็ดังสนั่น
ไวเทลนอนหายใจหอบระรัว ดวงตาจ้องมองตรงหน้าอย่างพร่าเบลอ เขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเสียงดังจากที่ไกลๆ ไกลมากๆ ความหนักของชายหนุ่มบนตัวหายไปแล้ว...ไม่นะ ช่วยเขาก่อน ไวเทลชูมือหวังคว้าใครสักคนตรงหน้าแต่ก็เจอแต่ความวางเปล่า เสียงสะอื้นดังคลอในลำคออย่างทรมาน
"ไวท์!!"
เสียงคุ้นหูดังจากที่ไกลๆ ใครกัน ใครก็ได้ ช่วยเขาที ดวงตาพร่าเลือนพยายามมองหาคนที่สามารถช่วยได้ แต่ก็เลือนลางลงเต็มทน เขาเห็นเพียงดวงตาสีเขียวที่สวยงาม สีเขียวเย็นชา สีเขียวที่เคยชอบทำไมตอนนี้แปลกไปจากเดิมจังนะ ความคิดสติสับสนวุ่นวายตีกันมั่วไปหมด รับรู้เพียงความเจ็บจี๊ดที่ต้นคอก่อนสติของเขาจะดับวูบลงทันที...
-------------------------------------------
เค้ามาแล้วววววววววววว ฮือออขอโทษที่หายไปนานนะคะ เพราะเดือนที่ผ่านมามัวแต่รับงานทั้งเดือนจนอาทิตย์ที่ผ่านมาน็อคไม่สบายไปเลยจ้าา
เลยไม่ได้มาอัพให้เลยยย ตอนนี้เลยจัดเต็ม จัดไปยาวๆ ถือว่าเป็นตอนที่ยากสำหรับเราอีกตอนเลย หลายคนอาจจะสงสัยทำไมมันบู๊กันเร็วจัง เค้าอยากจิบอกว่า นี่แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอ๊งงงง เรื่องนี้ยังมีอะไรอีกเยอะเลยค่าาา ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ
เม้นกำลังใจของทุกคนเป็นแรงฮึดสำหรับเค้ามากๆเลย เม้นนิดเม้นหน่อยให้เค้ารู้ว่ามีคนอ่านอยู่ เค้าก็มีแรงปั่นนิยายตอนต่อไปแล้ววววว
Taaeng