คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คลื่นแม่เหล็ก​ : แนววิญญาณ​ สืบสวน​ มาเฟีย  (อ่าน 3256 ครั้ง)

ออฟไลน์ sawapalm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คลื่นที่​ 14


"และแล้วเวลาที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึง..."

น้ำเสียงร่าเริงของพิธีกรชายที่กำลังพูดอยู่บนเวทีทำให้ไวเทลได้สติรีบหันหน้าที่แดงระเรื่อไปอีกทางทันที​ ก่อนจะทำเป็นไอสองสามทีแก้เก้อและลุกขึ้นโดยไม่หันไปมองทางเฟาสต์เลยแม้แต่น้อย

"ดะ...ได้เวลาแล้ว"

"เดี๋ยว"  ยังไม่ทันเดินหนีไปไหนเสียงทุ้มและแรงจับที่ข้อมือเรียวก็ทำให้คนหูแดงหยุดชะงัก

แต่ยังไม่ทันถามว่ามีอะไร​ มือแกร่งก็ยื่นมาจับข้อเท้าให้เจ้าตัวได้แต่ยืนตัวแข็งทำอะไรไม่​ถูก​ รู้ตัวอีกทีก็มีรองเท้าผ้าใบสีขาวพอดีตัวถูกสวมใส่เสร็จแล้วทั้งสองข้าง​

"ใส่รองเท้าผ้าใบจะทำให้คล่องตัวกว่านะ"

"...."

"คุณไปเถอะ​ เสียเวลามามากแล้ว"

เมื่อเสียงทุ้มพูดจบลง​ ไวเทลก็รีบเดินไปที่ประตูทันที​


ปัง!!


นัยน์ตา​คมจ้องมองที่ประตูด้วยรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะหุบลงและหันไปมองทางบอดี้การ์ด​ด้วยแววตาเย็นชา​

"ทำตามแผนได้"

"ครับ"





ไวเทลก้าวเร็วๆตามจังหวะหัวใจที่เต้นดังระรัว​ ยิ่งเต้นเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งก้าวไวขึ้น​เท่านั้น พอคิดว่าไกลห่างจากประตูบานนั้นมากพอ​ก็ทรุดตัวนั่งลงอย่างหมดแรง​ บ้าบอที่สุด!!   
ไวเทลสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์​ตัวเอง เขานั่งปรับอารมณ์​ให้คงที่สักพักก่อนจะตบหน้าตัวเองเรียกสติและความพร้อมอีกที นี่ไม่ใช่เวลามาบ้อบอนะไวเทล​ สิ่งที่ควรโฟกัสที่สุดคือการไปห้องผู้จัดการ​ เอาของให้จบๆและกลับบ้านนอน!!
เมื่อได้แรงฮึดก็ลุกยืนตัวตรง​ หันมองนาฬิกาข้อมือที่บอกว่ามีเวลาไม่ถึง​ 15 นาที​ก่อนที่การ์ดจะเปลี่ยนกะ เขาต้องรีบแล้วตอนนี้

ไวเทลทบทวนแผนที่ของที่นี่มาอย่างดี​ เส้นทางเดินไม่ใช่ปัญหาของเขา​ ยิ่งกล้องวงจรปิดที่เขาแอบปล่อยไวรัสให้หน้าจอมันนิ่งค้างเป็นเวลาครึ่งชม.ทันทีเมื่อการประมูลเริ่ม​ ยิ่งทำให้ทุกอย่างสะดวกเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นเวลานี้เขาต้องทำทุกอย่างให้ทันเวลาเท่านั้น

และไม่ถึง​ 5​ นาที​ เขาก็มาถึงมุมทางเลี้ยวที่จะไปห้องของผู้จัดการแล้ว​ เขาชะโงกหน้ามองจากมุมทางเดินเห็นการ์ด​ 2​ คนยืนหน้านิ่งเฝ้าประตูไม่ขยับ​ ไวเทลมองที่นาฬิกา​อีกรอบ​ อีกประมาณ​ 10​ นาทีจะเปลี่ยนกะ​ เวลานี้ล่ะ!!

มือเรียวล้วงเข้าไปในเสื้อสูท​ หยิบหน้ากากผืนบางสีขาวเรียบๆแต่คุณสมบัติดีเยี่ยมมาใส่​ ก่อนจะล้วงหยิบแท่งพลาสติกเล็กๆสีใสที่มองเหมือนว่างเปล่า​แต่แท้จริงแล้วข้างในบรรจุแก๊สยาสลบอย่างดีไว้​ ไร้สีไร้กลิ่นไร้รสที่แท้จริง​

ไวเทลเปิดจุกแล้วกลิ้งแท่งพลาสติดสีขาวไปตามทางเดิน​ให้ไปใกล้การ์ดมากที่สุด รอไม่ถึง​ 1​นาที​ การ์ดทั้ง​ 2​ คนก็ล้มหมดสติทันที​ รวดเร็วทันใจสมกับเป็นแก๊สยาสลบคุณภาพเยี่ยม

ขาเรียวรีบวิ่งไปที่หน้าประตูที่มีการ์ดนอนหมดสติ​ เขาเปิดประตูห้องผู้จัดการและลากการ์ดตัวโตไปหลบข้างในทันที​ นี่แหละงานยากที่สุด​ หนักชะมัดเลยเว้ย!

เมื่อลากเข้าไปได้ก็ปิดประตู​ ยืนหอบอยู่แปปนึงก่อนจะมองเวลา​ เหลืออีก​ 5​ นาที​

ดวงตาสีฟ้าสวยกวาดมองรอบห้องหนึ่งที ก่อนจะเดินไปหาของที่เขาต้องมาเอา​ มันอยู่บนเอ่อ...เฟาสต์เรียกมันว่าหิ้ง​ หน้าตาแปลกชะมัด

สิ่งที่เขาต้องมาเอาคือสมุดเล่มเล็กๆเก่าๆที่กระดาษเป็นสีเหลืองกรอบๆแห้งๆเล่มหนึ่ง​ที่มีลวดลายอักขระแปลกๆบนหน้าปก​รวมทั้งด้ายสีขาวๆก้อนใหญ่ที่ถูกวางข้างๆสมุดนั่นด้วย​ เอาจริงๆเขาก็ไม่รู้ว่าเฟาสต์จะเอาไอ้นี่ไปทำไม​ และยิ่งงงเข้าไปใหญ่ที่ผู้จัดการดันมาวางไว้อย่างดีบนนี้อีก  เอาเถอะ​ รีบทำงานให้จบๆไปดีกว่า

ไวเทลเมื่อได้ของที่ต้องการแล้วก็ออกจากห้องผู้จัดการทันที​ เขาเดินกลับไปทางเดิม​ ตามทางยังคงราบรื่นเหมือนขามา​ เขารู้สึกว่างานนี้มันง่ายเกินไปหรือว่าพวกลูกน้องเขามันหละหลวม​เกินไปกันนะ​ สงสัยกลับไปคราวนี้ต้องรื้อระบบกันใหญ่แล้วละ​ ทำงานแบบนี้​โจรที่ไหนก็เข้ามาขโมยของได้ไหม​ล่ะ

พอไวเทลจะเลี้ยวออกจากมุมทางเดินไปตาเรียวก็เบิกกว้างและหลบเข้ามุมแทบไม่ทัน​ เขาชะโงกหน้าออกไปมองทันที​ นั่นมันไอ้หัวขาวที่ผับนี่!!

ไวเทลมองไปที่ไอ้คนที่เคยจับเขาฉีดยาตาไม่ประพริบ​  มันมาทำอะไรที่นี่และที่สำคัญมันมายืนอยู่หน้าห้องประมูลของเฟาสต์ทำไม​
ไวเทลยืนนิ่งไม่กล้าขยับ​ตอนนี้เขาสับสนมากว่าเรื่องเป็นไงมาไงกันแน่​ และอาจจะเพราะมัวแต่มองทางไอ้หัวขาวที่กำลังเคาะประตูห้องประมูลของเฟาสต์มากเกินไปจนเขาไม่รู้สึกตัวว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลัง​ รู้ตัวอีกทีก็มีมือแกร่งยื่นมาปิดปากไวเทลซะแล้ว

!!

-----------------------------

สวัสดีค่าซิสสสสสสสสส​ ก่อนอื่นเลย​ ต้องขอโทษที่ผิดคำพูดน้าาาา​ ตอนแรกว่าจะอีก​ สองสามวันลง​ นี่ดันผ่านมาเดือนกว่าแล้ว​ ฮือออ
ต้องขอโทษจริงๆค่ะ​ เค้าติดงานมรสุมรุมเร้ากระทันหันขยับไปไหนไม่ได้เล​ย​ กว่าจะหลุดลอยมาขึ้นฝั่งได้​ รู้ตัวอีกทีก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้ววว

ส่วนใครที่กลัวว่าเค้าจะทิ้งนิยายไม่ต้องกลัวน้าาา​ เรื่องนี้เค้าแต่งพล็อตไว้จนจบแล้วค่าาา​ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่จบนะคะ​ จบแน่นอน​ แค่ว่าเมื่อไหร่เท่านั่นเอ๊งงงงง

เม้นคนละเม้น​ ถือเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยนะคะ











ออฟไลน์ sawapalm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คลื่นที่​ 15

"ชู่​ ผมเอง"


!!


ยังไม่ทันที่ไวเทลจะตั้งตัวดิ้นให้หลุดก็มีเสียงกระซิบคุ้นหูดังขึ้นเบาๆ

"ค่อยๆหันมานะ"

ไวเทลพยักหน้า​ตอบรับก่อนจะหันไปมองคนข้างหลังทันทีที่มือแกร่งละออกจากปากเขาแล้ว

"คุณ.."

คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ​

"ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้"

" ผมออกมาตามคุณ​ แต่ดูเหมือนว่า​ตอนนี้จะกลับเข้าไปไม่ได้แล้ว"

เฟาสต์พูดเสียงเบาในขณะที่ตาคมจ้องมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเขาด้วยสายตาเคร่งเครียด... ทำไมหมอนั่นมาอยู่ที่นี่ได้

ไวเมลมองตามสายตาของเฟาสต์ก่อนจะพยักหน้า​เห็นด้วย​

"ได้ของมาหรือยัง​"

" เรียบร้อย"

" ดี​ งั้นไปกันเถอะ​ ลูกน้องผมรออยู่ที่ประตูเข้าตึกแล้ว"

ไม่พูดเปล่า​ เฟาสต์จับมือไวเทลเดินออกไปอีกทางทันที​ ไวเทลที่ถูกจับมือแบบไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่ตาโตกำลังจะอ้าปากด่าคนฉวยโอกาส​ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อคนตรงหน้าหันมาบอกเหมือนรู้ทัน​

"อย่าเสียงดัง​ เดี๋ยวพวกมันรู้ตัว"

พูดจบก็ยังคงหน้ามึนจับมือเขาไม่ปล่อย...ไอ้...


ไอ้คนฉวยโอกาส!!


ถึงจะขัดใจแค่ไหนก็ได้แต่เก็บความขัดเคืองไว้ในใจเท่านั้น​ เพราะเวลานี้ไม่เหมาะกับ​การโวยวายจริงๆนั่นแหละ

เฟาสต์ยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี​เมื่อคุณเลขาขี้หงุดหงิด​ได้แต่ถลึงตาจ้องมองอย่างโกรธแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้... น่ารักดีแฮะ

เขาจับมือนิ่มลัดเลาะไปตามทางอย่างชำนาญเมื่ิ้อเจอพนักงานหรือการ์ดยืนเฝ้าก็จะรีบหลบมุมพาไวเทลเปลี่ยนทางเดินไปอีกทางได้อย่างสบายจนไวเทลอดแปลกใจไม่ได้​ นี่ชั้นใต้ดินที่ขึ้นชื่อว่าคือเขาวงกตถ้าไม่มีพนักงานนำทางมันเดินง่ายขนาดนี้เลยหรอ  ท่าทางเขาต้องเอาเรื่องปรับปรุงที่นี่เข้าที่ประชุมอย่างจริงจังซะแล้ว​  เพราะถ้ามันลอบเข้าลอบออกง่ายขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

เดินทางไม่นานพวกเขาก็เจอลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนจนได้​ แต่ยังไม่ทันเข้าลิฟท์​เฟาสต์ก็หันมาฉีดอะไรบางอย่างใส่เขาแบบไม่ทันตั้งตัว

"นี่!!"

"เข้าลิฟท์​ก่อนเดี๋ยวผมอธิบาย"

พูดดักขนาดนี้ก็ได้แต่กัดฟันกรอดก้าวตามคนหน้าตายนี่เข้าไปในลิฟท์​ลูกเดียวน่ะสิ
แต่เอาเข้าใจจริงพอเข้ามาแล้วหมอดีก็ไม่พูดอะไรอยู่ดี  เอาเถอะ...เขาพอจะเดาเหตุผลได้แล้ว​ ในเมื่อไอ้ที่ฉีดใส่เขากลิ่นเหล้าแรงขนาดนี้​ แต่ก็ควรบอกดีๆไหม​ อยู่ดีๆก็มาฉีดอะไรไม่รู้ใส่แบบไม่พูดไม่จาเป็นใครก็ตกใจ​โดยเฉพาะเขาที่ยังคงฝั่งใจจากการโดนฉีดยาสลบใส่เมื่อวานซืนก่อนอยู่เลย

ติ้ง

เสียงลิฟท์เปิดทำให้ไวเทลได้สติ​ ทำตามแผนคนปากหนักที่ไม่ยอมอธิบายแต่เขาก็เข้าใจได้ทันที​

อยู่ๆสาวงามข้างกายก็ตัวอ่อนปวกเปียกเอนพิงอกกว้่าง​ ดวงตาฉ่ำปรือช้อนมองอย่างอ่อนหวาน​ ริมฝีปากอิ่มแดงก่ำขบกันบางเบาอย่างเย้ายวน
บัดซบ!! ก็ไม่ต้องแสดงสมจริงขนาดนี้ก็ได้ไหม เจ้าของธุรกิจหลายหมื่นล้านได้แต่ยืนแข็งทื่ออย่างโง่งม​ สติเหมือนหลุดลอยเข้าไปในดวงตาฉ่ำวาวคู่นั้น​หลงทางอยู่ในดวงตาสีอำพันกระจ่่างใสอย่างหาทางกลับไม่ได้​ จนพนักงานของชั้น  1​ ต้องเข้ามาดูว่าทำไมแขกถึงไม่ยอมก้าวออกจากลิฟท์สักที

"มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?"

เหมือนตื่นจากภวังค์​ เฟาสต์ได้แต่กัดฟันคาดโทษคนขี้ยั่วอยู่ในใจ​

จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม​ ได้!!

"ไม่เป็นไรครับ​ พอดีคู่ของผมเขาเมามากไปหน่อย​ เลยจะกลับกันแล้ว"

"เอ่อ...ให้เรียกพนักงานหญิงมาช่วยพยุงไหมครับ"

"ไม่ดีกว่าครับ​ แค่นี้​สบายมาก​"

คนจริงไม่ใช่แค่พูดแต่ทำให้ดูเลยอีกด้วย!

เฟาสต์ช้อนอุ้มไวเทลขึ้นอย่างรวดเร็ว​ จนคนที่แกล้งทำเป็นตัวอ่อนอยู่ในอ้อมแขนได้แต่ผวา​ เผลอยกแขนโอบรอบคอแกร่งอย่างตกใจ​ สีหน้าตกใจจนปากหวอทำให้เฟาสต์กลับมาอารมณ์​ดีได้อีกครั้ง

คิดจะเอาคืนเขานะหรอ​ ยังเร็วเกินไป!!

เมื่อเขาอุ้มคนงามเข้ามาในรถได้แล้ว​ ไวเทลก็ดีดตัวไปหลบอยู่มุมอีกฝั่งทันที​ เฟาสต์ได้แต่มองลูกแมวน้อยที่แยกเขี้ยวพองขนขู่ด้วยสายตาอย่างขบขัน​   เมื่อเห็นอีกคนขำใส่อย่างไม่ปิดบังก็ยิ่งทำให้ไวเทล​ถลึงตาใส่เข้าไปอีก​ แต่เหมือนจะไม่สำนึกยังมีหน้ามามองด้วยดวงตาสีมรกตแพรวพราวนั่นอีก​

ไอ้ดวงตานี่ทำเขาหวั่นใจอีกแล้ว​

เพราะไม่อยากเห็นและโมโห​ไวเทลเลยกระชากวิกผมปาใส่หน้าคนตรงหน้าและหันไปมองวิวข้างทางอย่างไม่สนใจทันที

เมื่อไหร่เขาจะหนีไอ้สายตานี่พ้นสักที...

เฟาสต์ได้แต่เฝ้ามองคนตรงหน้าที่แม้ตอนนี้จะไร้วิกผมยาวสลวย​ แต่ก็ยังคงงดงามเปร่งประกาย

งดงาม

แข็งแกร่ง

และไม่อาจเอื้อม



เหมือนที่เคยเฝ้ามองเสมอมา...


---------------------------------------------------

ตอนนี้ไม่มีบู้อะไรทั้งนั้นนะค่าาาาา​ เป็นแค่ตอนที่พัฒนาความสัมพันธ์​ ถามว่าพัฒนา​ความสัมพันธ์​ของใครกับใคร​ ก็ของพระเอกกับนายเอกนะสิ!! 5555555​  //// หัวเราะอย่างชั่วร้าย

เป็นกำลังใจให้นุ้งเฟย์ด้วยนะทุกคนนนน​







ออฟไลน์ sawapalm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คลื่นที่​ 16


ตุบ

ไวเทลทิ้งตัวลงเตียงอย่างกับของเหลว​  สัมผัสนุ่มนิ่มหลังแช่น้ำอุ่นนี่แหละที่เขาต้องการ

เฮ้อ

เหนื่อย...ทั้งๆที่ทุก​อย่างราบรื่นแท้​ๆ​ แต่กลับรู้สึกเป็นวันที่ใช้พลังมากกว่าปกติ​ โดยเฉพาะหัวใจข้างซ้าย​ รู้สึกวันนี้เอ๊งจะทำงานมากเกินไปจริงๆ

แต่นอนเหม่อมองเพดานได้ไม่นาน​ ก็ต้องหันไปมองผียิ้มแฉ่งที่นั่งเท้าคางมองหน้าเขามาสักพักแล้ว​อย่างหงุดหงิดทันที เพราะไอ้บ้านี่แท้ๆ​ ว่าแล้วก็ถอนหายใจใส่หน้ามันสักเฮือก

"เหนื่อยหรอ?"

แต่เหมือนผีจะไม่รู้ตัว​ เอียงคอถามเขาอย่างบ๊องแบ๋ว.... น่ารักตายล่ะ

"อืม"

"งั้นก็นอนพักเยอะๆเลยนะ​ พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้หายเหนื่อย"

บอกให้เขานอนพัก​ แต่ผีบางตัวก็ยังคงยิ้มแฉ่งมองจ้องเขาต่อไป​ ใครจะไปนอนหลับกันฟ่ะ!
ได้แต่ด่าในใจ​ แต่เอาเข้าใจจริงๆแล้ว​สาเหตุที่เขานอนไม่หลับ​คือเรื่องนั้นต่างหาก​ ถ้าเขาไม่ได้รู้วันนี้​ ต้องนอนไม่หลับแน่ๆ

"นายทำได้ยังไง"

" หือ? "

ผีหน้าซื่อ​ เอียงคอมองก่อนจะทำท่าอ้อ​และควักลูกตากลิ้งไปบนพื้นเตียงทันที

"นี่น่ะหรอ"

!!

ไวเทลเบิกตากว้างสะดุ้งสุดตัว

"ไม่ใช่โว้ยยยย"

"อ้าว"

โอเค...สบายใจล่ะ​ แค่เห็นแมวพองขน​ถลึงตาใส่​ ก็เหมือนผีแบบเขาบรรลุอะไรบางอย่างแล้ว​

ไวเทลได้แต่หลับตา​ข่มจิตข่มใจ​ ทำเป็นไม่เห็นสายตาแพรวพราวที่เหมือนกำจุดอ่อนของเขาได้อยู่หมัดนั่น​ อย่าไปเต้นตามมันไวเทล!!

พอตั้งสติได้ก็หันไปมองผีหน้าเป็นที่ตอนนี้ตาอยู่ครบไม่มีส่วนไหนหลุดหาย​ ไวเทลหรี่ตาลงอย่างจับผิดทันที

"นายทำได้ยังไง"

วันนี้เขาต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้!

"เรื่อ..."

"นายไปอยู่ในร่างเฟาสต์ได้ยังไง"

!!

แม้จะเสี้ยววิแต่เขาก็เห็นแววตาตื่นตระหนกในดวงตาสีมรกตคู่นั้นชัดเจน​ ใช่จริงๆสินะ​ ถึงเฟริซิโอ​จะกลับมาทำหน้างงๆทันทีก็เถอะ​ แต่ปิดคนสายตาไวอย่างไวเทลไม่ได้หรอก

"อย่าโกหก"

เมื่อเจอดักขนาดนี้​ คนที่พยายามทำหน้างงก็ต้องยิ้มเจื่อนใส่ทันที​ เมื่อกี้ยังเป็นแมวอยู่​เลยแปปเดียวก็กลายร่างเป็นเสือซะแล้ว

"ผม..."

ยิ่งสบตามองดวงตาสีฟ้าใสที่หรี่่มองมาอย่างจับผิด​นั่นแล้ว​ ก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอทันที​

ไม่ให้เวลาคิดคำแก้ตัวเลยสินะ

"ร่างทรง"

เสียงงึมงำแผ่วเบา​ ทำให้ไวเทลขมวดคิ้วและขยับเข้าไปใกล้ผีตรงหน้ามากขึ้น

"อะไรนะ​ พูดให้มันดังขึ้นสิ"

"เฟาสต์บอก​ เขาเป็นร่างทรง!!"

เฟริซิโอตะโกนออกไปอย่างหมดเปลือก​ เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน  ยังไงเฟาสต์ก็ไม่เคยบอกให้ไม่บอกใครอยู่แล้ว​ เพราะงั้นไวเทลรู้ก็คงไม่เปนไรหรอกมั้ง...

"ร่างทรง?"

เกิดมาก็พึ่งเคยได้ยิิน​ ไวเทลขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม​ มันคืออะไรล่ะนั่น...

" แล้วมันคืออะไร​ "

"ผมก็ไม่รู้จักหรอก​ แต่เฟาสต์บอกว่า​ บรรพบุรุษของเขามีคนนึงสืบเชื้อสายมาจากประเทศหนึ่งในเอเซีย​ ที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องไสยศาสตร์​ เอ่อ...เรื่องลี้ลับ​ หมอผี​ ผู้ปราบปีศาจประมาณนั้น"

"นักปราบปีศาจหรอ?"

ยิ่งฟังก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น​ นี่มันสมัยไหนแล้ว​ เขาเคยได้ยินถึงผู้ปราบปีศาจมาบ้าง​ แต่นั่นมันเรื่องเล่าหลอกเด็กนิ  ไม่ใช่หรอ?

" ตอนแรกผมก็คิดว่ามันคือเรื่องหลอกเด็ก​ แต่เหมือนจะไม่ใช่​ เพราะเหตุนี้ทำให้เฟาสต์พอมีวิชาด้านปราบผีติดตัว​ เขาเลยมองเห็นและรู้อะไรที่เกี่ยวกับวิญญาณเยอะมาก​ และหนึ่งในนั้นคือ... ทำให้ผมสามารถสิงร่างเขาได้"

ฟังมาถึงตรงนี้​ไวเทลก็ขนลุกขึ้นมาทันที​ เขารีบลงไปนั่งกับพื้นข้างๆเฟริซิโอ​อย่างหวาด​ๆ​ ดวงตาเรียวกวาดมองรอบตัวอย่างระแวง​

บ้าจริง! ผีมันสิงกันได้ด้วยหรอว่ะ

เฟริซิโอที่เห็นปฎิกิริยา​แบบนี้ของไวเทลก็ได้แต่รอบแอบขำ​กับตัวเองและเฝ้ามองท่าทางหายากนั้นอย่างเอ็นดู​ ท่าทางเจ้าตัวจะลืมว่าเขาก็เป็นผีนะ​ แถมเป็นผีที่พึ่งสิงคนอื่นมาอีกด้วย

"ไม่ต้องห่วง​ ถ้าเจ้าของร่างไม่ยินยอม​ ผีตัวไหนก็สิงไม่ได้หรอก"

เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนที่กระซิบบอกข้างหู​ ทำให้ไวเทลหันกลับมามองคนพูดทันที ดวงตาสีฟ้าใสสบกับนัยน์ตา​สีเขียวมรกตคู่นั่น​อย่างต้องมนต์​ สีเขียวที่ทอประกายอบอุ่นเหมือนผืนป่าที่เงียบสงบ​นั่น​ ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ทำให้เขาเหมือนหลุดลอยไปที่ไหนสักที่​ มีเพียงแต่เสียงเต้นของหัวใจเท่านั้นที่ดังชัดขึ้นมาในความรู้สึก​

นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาได้มองใกล้ขนาดนี้​ หลังจากที่เฝ้ามองไกลๆมาแสนนาน​ คนตรงหน้าเขาใครเห็นก็ยากที่จะละสายตาได้จริงๆ​ เฟริซิโอมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าใสที่เวลานี้สายชัดถึงความหวั่นไหวชัดเจน​ เขายิ้มให้กับมัน​แม้ในใจจะเศร้าหมองแค่ไหนก็ตาม​ เขาละจากสายตาคู่นั่นมามองริมฝีปากบางแดงระเรื่อ​ เขามองอย่างปรารถนา​ ถ้าได้สัมผัสสักครั้งก็คงจะดี​ แต่นั่นก็คงทำได้แค่คิด​เพราะเพียงยกมือหมายจะทัดผมให้อีกคน​ มือเขาก็ทะลุผ่านเส้นผมไปอย่างง่ายดาย​

ไวเทลเห็นความเศร้านัยน์ตา​คู่นั้น​ ความเศร้าที่เขาก็ช่วยเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้​  ไวเทลหลุบตาลงต่ำ​อย่างไม่อยากจะมองสิ่งที่เขาแก้ไขมันไม่ได้ไปมากกว่านี้

บรรยากาศหม่นๆที่ลอยฟรุ้งอยู่รอบตัวเขาทั้งคู่​ ทำให้เฟริซิโอได้แต่ลอบถอนหายใจ​ และชวนคุยเรื่องอื่นเปลี่ยนเรื่องทันที

"จริงสิ​ คุณตกใจที่เจอฟอร์ททำไม"

"หือ?"

ไวเทลเงยหน้ามาสบตาคนเปลี่ยนเรื่องอย่างงุนงง

"ใครนะ?"

"ฟอร์ทไง​ คนหัวขาวที่เคาะประตูห้องประมูลของเฟาสต์อ่ะ"

"ว่าไงนะ!"

ไวเทลลุกขึ้นยืนและตาโตมองไปที่ผีหนุ่มอย่างตกใจทันที​ เฟริซิโอที่เห็นไวเทลอยู่ๆก็ลุกขึ้นยืน​ ก็เลยยืนตามขึ้นด้วย

" นายรู้จักหมอนั่นหรอ!"

"หือ? คุณไม่รู้จักหรอ​ ฟอร์ทเขาเป็นมือซ้ายของบอสเลยนะ"

!!

---------------------------------

เป็นอย่างที่คิดกันไหมค่าาาาาาาาา​ สรุปนุ้งเฟย์​ ไม่ได้หายไปไหนน้าาาา​ นางอยู่ข้างไวท์ตลอดนั่นแหละจ้าาาาา














ออฟไลน์ sawapalm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คลื่นที่​ 17



[ อดีตค่ะ​ มาสเตอร์​ ]​

เมื่อเห็นเจ้านายยังคงขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยไม่หาย เอ็ดน่า​หรือเอไอคู่ใจของไวเทลก็ร่ายข้อมูลที่หามาได้ให้แก่เจ้านายอย่างหมดเปลือกทันที

[ ฟอร์ทเป็นอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองขององค์กรเรา​ มีความสามารถด้านการแทรกซึมและปลอมตัวสูงมาก​ ส่วนมากงานที่ฟอร์ททำจะเป็นการแทรกซึมเข้าไปหาข้อมูลในถิ่นศัตรู​ ไม่ค่อยกลับมาที่ฐาน เลยมีคนรู้จักคุณฟอร์ทน้อยมาก​ค่ะ​ ]​

งั้นก็ไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้จัก​ ปกติงานส่วนมากของไวเทลคืองานเบื้องหน้าที่คอยช่วยเหลือบอสในด้านการจัดการและเจรจาธุรกิจ​ อาจจะมีไปช่วยงานใต้ดินบ้างแต่ไม่บ่อยมากนัก​ เพราะงานส่วนนั้นจะมีเลขาของบอสอีกคนคอยดูแลอยู่แล้ว​

ไวเทลได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่โจทย์เป็นคนใกล้ตัวกว่าที่คิด

"ทำไมหมอนั่นถึงเล่นงานฉัน"

[ไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ค่ะมาสเตอร์​ แต่จากข้อมูลพอจะบอกได้ว่า​ ฟอร์ทเป็นบุคคลที่ขึ้นแบล็คลิสคนหนึ่งขององค์กรเรา​ เนื่องจากเมื่อหลายปีก่อนเขา​ทรยศองค์กรโดยการขายข้อมูลของเราให้กับศัตรู กว่าเราจะรู้ตัว​เขาก็หายตัวไปแล้ว​ จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถตามจับเขาได้ค่ะ​ ด้วยเหตุนี้​ เป็นไปได้ว่า​เขาอาจจะกลับมาแก้แค้นที่เราตามล่าเขามาหลายปีด้วยการเล่นงานมาสเตอร์ก็ได้ค่ะ]​

"หึ  เธอจะบอกว่ายอดฝีมือขององค์กรเป็นร้อยคนตามล่าจับเขามาหลายปีก็ยังทำไม่ได้ แต่ฉันดันโชคดีอยู่เฉยๆก็เจอหมอนั้นซะงั้น​"

[มาสเตอร์ช่างโชคดีจริงๆค่ะ]​

น้ำเสียงแสดงความยินดีแบบโมโนโทนของเอไอสาว​ ทำให้ไวเทลได้แต่ปลงตก นี่ยินดีด้วยความจริงใจหรือประชดกันแน่ว่ะ​

เฟริซิโอมองเหตุการณ์​ตรงหน้าด้วยดวงตาลุกวาว  เขากวาดตามองไปรอบๆห้องอย่างตื่นเต้น​

นี่มันห้องปฎิบัติการ​ลับแบบในหนังชัดๆ!!

ห้องโทนสีขาวที่ไม่มีอะไรประดับตกแต่งเลยนอกจาก​โซฟานุ่ม​ขนาดใหญ่ที่ปรับนั่งปรับนอนได้กับโต๊ะกระจกเล็กๆที่วางอยู่ข้างๆโซฟาและตู้เย็นสีขาวแบบฝังกับผนังขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ผนังห้องฟากหนึ่งทั้งหมด​ ถ้าสั่งการด้วยเสียงผนังที่แต่เดิมมีสีขาวจะมีสีใสเห็นภายในตู้เย็นมีทั้งขนมน้ำและอาหารแช่แข็ง​เต็มแน่น​เอี๊ยด พอลองลอยไปมองใกล้ๆก็จะเจอไมโคเวฟแบบฝังกับผนังข้างๆตู้เย็นเช่นกัน​ แถมถัดไปยังเป็นประตูสีขาวที่พอเปิดเข้าไปจะเจอห้องน้ำขนาดใหญ่​ที่ใหญ่พอๆกับห้องน้ำบนห้องของไวเทลอีกต่างหาก

ที่นี่อยู่ได้หลายปีแบบไม่ต้องออกไปไหนเลยได้สบายๆ

ตอนแรกที่อยู่ๆก็เห็นไวเทลตกใจกับอะไรบางอย่างวิ่งหน้าตื่นทะลุร่างของเขาเข้าห้องน้ำ​ไปแบบไม่บอกไม่กล่าว เขาที่ตกใจกับปฎิกิริยานั้นก็ลอยตามไปติดๆด้วยเช่นกัน​

ในห้องน้ำเขาเห็นไวเทลพึมพำคำแปลกๆก่อนผนังข้างอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่จะเลื่อนเปิดขึ้นจนเห็นบันไดทางลงไปไหนสักที่​ เห็นแบบนั้นว่าตกใจแล้ว ยิ่งตามไวเทลเข้ามาเจอสภาพห้องแบบนี้อีก  ยิ่งตกใจตกตะลึงตื่นเต้นคูณสอง​เข้าไปอีก

หึหึ​ เจ้าพวกแฟนคลับราชินี​ทั้งหลาย​ เขาได้เข้าห้องลับของไวเทลที่พวกแกไม่เคยรู้ว่ามันมีอยู่ด้วยนะเว้ย​ นี่แหละอภิสิทธิ์​ของผีแบบเขาล่ะ!

ไวเทลเดินไปนั่งที่โซฟาโดยไม่สนใจผีที่ยิ้มแปลกๆอย่างกับคนพี้ยา​ เขามองตรงไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด​ ดูท่างานนี้ต้องคิดทุกอย่างให้รอบคอบมากกว่าเดิมซะแล้ว





อีกทางด้านหนึ่ง

ภายในห้องที่มืดสนิท​  มีเพียงแสงจากเทียนไฟไม่กี่เล่มที่รายล้อมร่างของชายหนุ่มไว้  ตรงกลางพื้นด้านหน้ามีสายสิญจน์​และเครื่องรางของขลังแปลกตาวางเต็มพื้น
เม็ดเหงื่อผุดซึมไปทั่วไรผมทั้งๆที่ภายในห้องเปิดแอร์ไว้เย็นเชียบ ริมฝีปากสีซีดทำให้คนที่ยืนมองมาสักพักรู้สึกอดเป็นกังวลไม่ได้​ แม้จะอยากเข้าไปช่วยเหลือชายตรงหน้ามากแค่ไหน​ เขาก็ทำได้แค่ยืนรอเงียบๆเท่านั้น

ผ่านไปสักพักดวงตาสีเขียวเย็นชาก็ลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ เขาปรายตามองไปที่เลขาหนุ่มที่ยืนอยู่มุมห้องเขามาสักพักแล้วนิ่งๆ

เลขาหนุ่มค่อยๆนั่งคลานเข้าไปใกล้พร้อมกับยื่นของบางให้อย่างนอบน้อม

“นี่ครับของที่ประมูลมาได้”

เฟาสต์รับของชิ้นนั้นมาด้วยดวงตาเปร่งประกาย วันนี้ถือว่าคุมค่าจริงๆ แม้จะบอกว่าให้ไวเทลไปเอาของชิ้นหนึ่งมาให้ แต่วัตถุประสงค์หลักของเขาจริงๆแล้วอยู่ของชิ้นนี้ต่างหาก ของหายากที่ต้องให้ลูกน้องไปประมูลแย่งชิงมา​ โชคดีที่คนที่นี่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและทำอะไรได้บ้าง​ เขาเลยประมูลมาได้ในราคาถูกแสนถูก​

ดวงตาสีเขียวหม่นมองกริช​สีแดงเล่มเล็กที่ให้ความรู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด​

เลขาหนุ่มเมื่อเห็นว่าเจ้านายที่เคารพมองของชิ้นนั้นนิ่งก็รู้สึกไม่สบายใจจนอดจะถามออกไปไม่ได้

“มันจะดีจริงๆหรือครับ”

เฟาสต์นิ่งเงียบไม่ตอบคำ เขาเหม่อมองออกที่นอกหน้าต่างบานใหญ่ที่ภายนอกมีแต่เพียงแสงดาวริบหรี่​ไร้ดวงจันทร์กลมโต ความมืดสนิททำให้อำนาจบางอย่างของเขายิ่งมีพลังรวมถึงกริชเล่มนี้ด้วย​

“ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”

ใช่ทุกอย่าง...ทุกอย่างจะต้องไปได้สวยเพราะหมากที่เขาวางไว้เริ่มเดินไปอย่างที่เขาต้องการแล้ว



----------------------

มาถึงตรงนี้ใครเจอปริศนาอะไรบ้างคะ​ พอจะเดาได้ยั้งว่าใครกันนะที่ใส่ร้ายนุ้งเฟย์​   เรื่องนี้เงื่อนงำเยอะมากกกกก​ ตามต่อกันไปด้วยนะคะ​

ขอบคุณทุกแรงสนับสนุนนะ​ คอมเม้นติชม​ได้เลยจ้าาา​









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2019 17:50:48 โดย sawapalm »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ sawapalm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คลื่นที่​ 18


"เอ็ดน่า​ เปิดโปรเจ็ค​ 'ส่งผีไปเกิด'​ ทีสิ"

[รับทราบค่ะ​ มาสเตอร์]​

พรึ่บ

สิ้นเสียงโมโนโทนตอบรับของเอไอ​ ทั้งห้องก็ถูกหรี่ไฟลงเล็กน้อยทันที​ ผนังรอบด้านที่มีสีขาว​ก็ค่อยๆปรากฏ​ข้อมูลมากมายขึ้นจนเต็มผนังทุกด้าน​ เฟริซิโอได้แต่มองทุกอย่างอย่างตะลึง​

นี่มันข้อมูลเรื่องของเขานิ!!

แค่ไม่กี่วันทำไมถึงมีข้อมูลมากมายขนาดนี้ เฟริซิโอได้แต่มองรอบๆห้องอย่างตกใจก่อนจะหันไปมองไวเทลที่ตอนนี้ตรงหน้าเจ้าตัวปรากฏ​ภาพโฮโลแกรมเป็นรูปร่างของเขาแบบเต็มตัว​ ข้างๆกันก็มีข้อมูลส่วนตัวของเขามากมายผุดขึ้นมา​ แถมบนหัวภาพโฮโลแกรมตัวเขานั้นก็ยังมีข้อความขนาดใหญ่ว่า​ ส่งผีไปเกิด? อะไรล่ะนั่น​

เขาลอยเข้าไปดูภาพโฮโลแกรมจำลองตัวเองแบบใกล้ๆ​


“เอ็ดน่า ข้อมูลมันเกินจำเป็นมากไป เอาที่สำคัญต่อภารกิจก็พอ”

[ค่ะ]

ภายในพริบตาข้อมูลมากมายที่มีอยู่รอบผนังห้องทุกด้านก็หายไป เหลือเพียงภาพโฮโลแกรมและข้อมูลนิดหน่ออยู่ตรงหน้าไวเทลเท่านั้น

เฟริซิโออ่านข้อมูลหรือหลักฐานที่ไวเทลรวบรวมมาอย่างอึ้งๆ นี่ใช้เวลาไม่กี่วันจริงดิ​!! ว่าแล้วก็หันไปมองไวเทลสลับกับข้อมูลไปมา...สุดยอดสมเป็นเลขาบอสจริงๆ

“ไวท์ คุณหาข้อมูลได้เร็วจัง”

ไวเทลมองเห็นประกายของความชื่นชมในดวงตาคู่นั้นก็เงียบไป แน่นอนเขาไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้คนเดียวหรอก​ เขาแค่เจออะไรน่าสงสัยมีข้อมูลอะไรที่ได้มาก็โยนให้เอ็ดน่าไปทั้งหมด​ แล้วเอ็ดน่าก็จะแบ่งแยกข้อมูล​ เรียบเรียง​ เชื่อมโยงความเป็นไปได้และสรุปออกมา​ แค่นี้งานของเขาก็จะง่ายขึ้น​ แต่ถึงจะอย่างนั้น​ ข้อมูลนี่ก็ยังมีช่องโหว่​อีกมาก

“แต่ไม่สุดสักข้อมูล ตอนนี้เหมือนฉันกำลังต่อจิ๊กซอร์เลย มีแต่ข้อมูลเป็นชิ้นๆทั้งนั้น”

ใช่  เรียกว่าข้อมูลเป็นชิ้นๆ ไม่ประติดประต่อสักอย่าง ทุกอย่างไม่มีการเชื่อมโยงถึงได้กันได้เลย ดูมั่วไปหมด เห็นแล้วก็เหนื่อยใจสุดๆ ท่าทางงานนี้ยังอีกยาวไกลแน่ๆ

เฟริซิโอที่เห็นไวเทลทำหน้าหงอยๆก็หันไปยิ้มกว้างให้กำลังใจทันที

“เก่งแล้วครับ แค่ไม่กี่วันเอง ได้เท่านี้ถือว่าสุดยอดมากแล้วนะ”

“เหอะ”

พอพ่นลมใส่ก็หันหน้านี้สายตาวิบวับอ่อนโยนนั่นทันที คนอะไรชอบยิ้มพร่ำเพรื่อ

“แต่...มันก็งงๆจริงๆนั่นแหละ อย่างข้อมูลนี้คืออะไร” ว่าแล้วก็ชี้ไปที่ข้อมูลหนึ่ง ที่บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเบอร์สอง อะไรคือเบอร์สอง?

“หึ”

พอไวเทลเห็นข้อมูลนั้นก็ยิ้มหยันออกมาทันที

“ก็คนที่นายโกงเงินหลายร้อยล้านขององค์กรไปประมูลให้ออกมาจากโรงประมูลใต้ดินไง”

“ห๊ะ” เฟริซิโอถึงกับหันไปมองไวเทลอย่างงุนงง

มาถึงตรงนี้ไวเทลก็ลุกขึ้นยืนนำนิ้วไปจิ้มที่ข้อมูลนั้น ลากมาไว้ตรงกลางและอธิบายเป็นฉากๆให้ผีหนุ่มฟังทันที

"นี่คือบัตเตอร์หลายเลข​ 2​ ของผับ​ ราเวล​ เลซี่"

แล้วภาพของเด็กหนุ่มร่างบางที่หน้าตาอ่อนเยาว์ไร้เดียวสานุ่มนิ่มเหมือนตุ๊กตาก็ปรากฎขึ้นมาตรงหน้า

"เมื่อก่อนราเวลเป็นลูกคุณหนูที่ถูกพ่อที่เป็นหนี้พนันในคาสิโนของเราส่งมาขายประมูล​ แน่นอนรูปร่างหน้าตาแบบนี้คงถูกใจใครหลายๆคน​ จนมีคนแย่งกันประมูลอย่างล้นหลาม​หนึ่งในนั่นก็คือนายที่ไปแย่งประมูลกับคนอื่นจนชนะประมูลไปในราคาร้อยล้านดอลล่าร์​  แต่นายเป็นแค่หัวหน้าคุมผับที่ไม่ได้มีเงินถึงขนาดนั้นเลยทำการโกงเงินองค์กรไป​จ่ายค่าตัวราเวลแทน ต่อมาไม่นานนายก็ถูกจับได้​และตาย"

!?

มาถึงตรงนี้เฟริซิโอก็เหวอหนักทำตัวไม่ถูกทันทียิ่งมาเห็นสายตาเย็นชาที่ถูกตวัดมองมายิ่งไปไม่เป็น

" ผะ.. ผมไม่ได้ทำนะ!! "

เห็นผีหนุ่มรนรานตอบแบบนี้​ก็ได้แต่ยิ้มขำในใจ​ เรื่องนั้นเขารู้อยู่แล้ว

" ใช่​ นายไม่ได้ทำ​ นายคงไม่รู้จักราเวลด้วยซ้ำ​ ตอนที่ไปผับคราวก่อน​นายไม่มองขึ้นไปบนเวทีเลยสักนิด​ ข้อมูลนี้น่าจะผิดพลาดมีคนใส่ความนาย​"

"อ่า..."

เฟริซิโอถึงกับพูดอะไรไม่ออก  ได้แต่ยืนเงียบๆอยู่ข้างๆเท่านั้น​ เขาปิดปากเงียบไปถามอะไรอีกเลย​เพราะกลัวจะงานเข้าแบบไม่ทันตั้งตัวอีก!

ไวเทลมองตรงไปที่ข้อมูลทั้งหลายอย่างปลงตก​ ถ้าเฟริซิโอไม่ได้โกงเงินไปประมูลราเวลแล้วเงินหายไปไหน? ไหนจะเรื่องของฟอร์ท​ เรื่องของหน่วยรักษาความปลอดภัยของเขาที่คาดจะมีคนทรยศอยู่อีก​ ทุกอย่างไม่รู้จะเกี่ยวเนื่องกันไหม​ ตอนนี้ได้แต่ปลงกับความข้อมูลอันน้อยนิดนี้จริงๆ​ แต่เขาก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว​ นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่จะสามารถหามาได้​ ถ้าอยากได้มากกว่า​นี้เห็นที่ต้องลงมือไปสืบด้วยตัวเองจริงๆแล้วล่ะ

"งานนี้ไม่ง่ายเลย"

"..."

"คงมีแต่ต้องแฝงตัวเข้าไปเท่านั้นสินะ"

"อะไรนะ!"

ไวเทลหันไปมองเฟริซิโอก่อนจะตอบอย่างหนักแน่น

"ถ้าเรื่องทั้งหมดเกิดที่ผับนั่นมีแต่ต้องไปอยู่ที่นั่นเท่านั้นถึงจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด"

เฟริซิโอเห็นสายตามุ่งมั่นเอาจริงเอาจังคู่นั้นแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายหนักใจ​ เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้วสิงานนี้

------------------------------------

ได้เวลาลุยเดี่ยวแล้วพี่น้องงงงงงง​ มาลุ้นกันว่าไวท์จะแฝงตัวไปสืบยังไงกันนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนและทุกกำลังใจ​ ฝากเม้นให้กำลังใจเค้าด้วยนะ​ เค้าจะได้มีแรงมาอัพให้ไวไว​ 55555





ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ sawapalm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คลื่นที่​ 19



"ฟะ...."

"เฟ.."

"เฟาสต์!"

เฟาสต์ค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ​ ความรู้สึกเหมือนมีคนเรียกอยู่ไกลๆก่อนจะใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนต้องลืมตามาดู​ ทันทีที่นัยน์ตา​สีเขียวเย็นชาสบกับดวงตาสีเขียวที่กำลังตื่นตระหนก​ ก็ขมวดคิ้วยุ่งใส่ทันที

ยิ่งหันไปมองนาฬิกาบอกเวลาตีสาม​ เขาก็ถอนหายใจใส่ผีตรงหน้าอย่างเบื่อหน่ายไม่ปิดบัง

"มีอะไร"

ผีร้อนใจไม่รอช้าพุ่งไปพูดธุระที่ตัวเองมากวนใครบางคนตอนตีสามทันที

"แย่แล้วล่ะ! ไวเทลจะแฝงตัวเข้าไปในตึกซิริโนแล้ว"

พอได้ยินแบบนั้นคนที่พึ่งลืมตาตื่นก็ยิ่งทำหน้าเหม็นเบื่อมากกว่าเดิม

"ตอนนี้? "

"เปล่าหรอก​ แต่ก็ไม่เกินอาทิตย์นี้แน่นอน"

"แล้วมาบอกฉันทำไม...ตอนนี้"

เฟาสต์เน้นเสียงหนักคำสุดท้ายก่อนจะพ่นลมใส่​อย่างเหนื่อยใจ มีเรื่องให้ไม่เว้นแต่ละวัน​แม้แต่เวลานอน​ หรือเขาคิดผิดที่ยื่นมือไปช่วยหมอนี่กัน?

ยิ่งเห็นว่าผีบางตัวทำหน้าเหมือนพึ่งนึกได้ว่าทำไมต้องรีบแจ้นมาบอกเขาตอนนี้แทนที่จะรอเช้าสายตาที่เขามองไปก็ยิ่งเย็นชาขึ้นทันที

"เออ...ผมร้อนใจมาก"

ก็คงจะมากจริงๆ​ มากถึงขนาดรีบมาหาเขาตอนตีสาม!

ยิ่งเห็นสีหน้ามืดครึ้มของเฟาสต์​ เฟริซิโอก็ยิ่งยิ้มเจื่อนมากขึ้น

"เอาเป็นว่า...คุณพักเถอะ​ เดี๋ยวผมมาพรุ่งนี้เช้าใหม่ก็ได้"

เท่านั้นแหละเฟาสต์ก็ตวัดตาคมมองอย่างเย็นชายิ่งกว่าเดิมทันที​ ตอนนี้เขาตื่นแล้ว​ แต่ผีบ้าบางตัวดันบอกว่าจะจากไปเพื่อมาใหม่เนี่ยนะ

"มีิอะไรก็พูดมา"

"เออ...คือ"

"ถ้านายไม่พูด​ ฉันบอกเจ้าที่ที่นี่ไม่ให้นายเข้าได้อีก"

เพียงเท่านี้เฟริซิโอก็ตาโต​ รีบพูดบอกทันที​ ถ้าหมอนี่ไม่ให้เขาเข้า​มาที่นี่ เขาแย่แน่ๆ!​ เพราะโลกนี้คนที่มองเห็นเขามีแค่ไวท์และเฟาสต์เพียงเท่านั้น

"ผมต้องการให้คุณช่วย"

"..."

"ผมต้องการยืมร่างของคุณ"

"..."

เฟริซิโอมองคนตรงหน้าอย่างคาดหวังแม้ในตาคู่นั้นจะเย็นชาจนเดาความคิดไม่ออกเลยก็ตาม​
ผีนี่ท่าจะได้ใจมากไปจริงๆ​

"ทำไมฉันต้องช่วยนาย"

พอเห็นเฟริซิโอจะอ้าปากพูดเฟาสต์ก็สวนขึ้นมาทันที

"นายจะอ้างอะไรอีก​ จะยอมช่วยทุกอย่างที่ฉันขอ​ โดยจะใช้ร่างของฉันเนี่ยนะ? ฉันทำเองดีกว่าไหม​ รู้ตัวหรือเปล่าว่านายไม่ใช่คนอีกแล้ว​ นายคือวิญญาณ​ วิญญาญเร่ร่อนที่รอเวลาไปเกิดเท่านั้น​ แล้วยังจะขอยืมใช้ร่างฉันพร่ำเพรื่ออีก​ ทำไมฉันต้องให้นาย​ ครั้งก่อนมันก็มากเกินพอแล้ว​ "

เจอความจริงกระแทกใส่หน้าเต็มๆ​ เฟริซิโอก็ได้แต่นิ่งอึ้ง​หน้าสลดลงทันที​ ใช่...เฟาสต์พูดถูก​ เขาตายแล้ว​ คนตายมีสิทธิ​อะไรมายุ่งกับร่างคนเป็นแค่ครั้งก่อนหมอนี่ให้ยืมก็ดีแค่ไหน​ สงสัยการที่ทำให้เขามีเนื้อหนังเพื่อดูแลใครบางคนที่ปรารถนามานานจะทำให้เขาได้ใจจริงๆ

เฟาสต์เฝ้ามองสีหน้่าเศร้าหมองของผีตรงหน้าอย่างสมใจ​ ก่อนจะเปิดปากพูดในสิ่งที่จะทำให้แผนของเขาดำเนินไปอย่างราบรื่น​ จริงๆก็ไม่คิดว่าทุกอย่างที่วาดไว้จะมาถึงเร็วขนาดนี้​ ก็ถือว่าเป็นข้อดีล่ะนะ

"ก็ได้"

เฟริซิโอรีบเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดด้วยประกายแห่งความหวังทันที​

"แต่มีข้อแม้​  นายจะต้องไปเอาข้อมูลอย่างหนึ่งจากตึกซิริโนมาให้ฉัน​ ถ้าตกลง​ ฉันจะให้นายยืมร่าง​ แต่ร่างที่จะให้นายยืมไม่ใช่ร่างฉันอย่าง
แน่นอน​ ว่าไงล่ะ​"

เฟริซิโอแทบไม่ต้องคิดเขาพยักหน้าตอบตกลงด้วยความดีใจทันที​ เวลานี้เฟาสต์จะเอาข้อมูลอะไรเขายินดีไปหาให้ได้หมด​ เพราะตอนนี้เขาหมดหนทางแล้วจริงๆ​ ถ้าเขาเป็นแค่วิญญานอยู่แบบนี้​ แม้จะอยู่เคียงข้างไวเทลได้แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี​ ถ้ามีร่างเนื้ออย่างน้อยก็พอจะช่วยเหลือได้บ้าง​ ถามว่าทำไมไม่ห้ามให้ไวเทลไม่ไปเสี่ยงอันตราย​ ใครจะไปห้ามได้! 

ก่อนมาหาเฟาสต์เขาทะเลาะและเถียงกับไวเทลมาแล้วใหญ่โต​ เจ้าตัวไม่ยอมท่าเดียวยืนยันนอนยันต้องเข้าไปสืบด้วยตัวเองให้ได้​ แม้เขาจะใช้มุกตาหลุดเดิมๆ​แล้วก็ตาม​ เจ้าตัวก็ทำเป็นเข้มแข็งไม่หวาดแค่ตาจะหลุดต่อไปอีกแล้ว​ จะทำมากกว่านี้ก็พลังเริ่มจะไม่พอ​ นี่ความลับเลยนะ​ภาพลักษณ์​แบบวันแรกที่เจอกับไวเทลทำได้แค่วันนั้นเท่านั้นแหละ​ ที่เหลือคือขู่ทั้งนั้น! ดื้อ! น่าตีเป็นที่สุด​ อย่าให้เขามีร่างเนื้ิอนะ​ จะจับมาลงโทษซะให้เข็ด!

"แล้วนายจะให้ฉันไปเอาข้อมูลอะไรมาให้"

เฟาสต์เงียบไปสักพักก่อนน้ำเสียงแหบพร่าเย็นชาจะพูดออกมา

"ข้อมูลส่วนผสมของยา​ LC-00 ที่กำลังระบาดอย่างเงียบๆในหมู่บัตเตอร์ของพวกนาย"

----------------------------

ใครถามหาร่างให้นังเฟย์​ ตอนหน้าเจ้าตัวจะมีร่างสิงสถิติไม่เป็นผีลอยไปลอยมาแล้วจ้าาาาา​ ตบมือออ

ขอบคุณทุกแรงใจนะคะ​ มาร่วมด้วยช่วยเข็นกันต่อไป​ด้วยนะคะ นิยายเรื่องนี้กำลังกระตืบๆไปแล้ววว




ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sawapalm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คลื่นที่​ 20

"แปลกจังนะครับ​ ไม่คิดว่าคุณจะชอบอะไรแบบนี้"

เมื่อมองตามสายตาของช่างทำผม​ ไวเทลก็ยิ้มกว้างออกมาทันที

"ผมว่ามันก็น่ารักดีนะครับ"

ช่างทำผมมองสิ่งนั้นอีกรอบ​ก่อนจะยิ้มบางๆส่งให้เท่านั้นแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ารสนิยมคนเรานี่แปลกชะมัด​ ของแบบนั้นมันน่ารักตรงไหนกัน

ไวเทลมองเจ้าของประหลาดที่ถูกห้อยอยู่กับอกเสื้อด้วยแววตาขบขับ​ นัยน์ตาสีฟ้า​ไหวระริกด้วยความสนุก​ ยิ่งมองก็ยิ่งแปลกจริงๆนั่นแหละ​ ตัวเขาที่ใช้ของแบรนด์เนม​เรียบหรูตั้งแต่หัวจรดเท้า​ กลับมีของประหลาดๆอย่างตุ๊กตาเชือกโง่ๆห้อยอยู่กับอกเสื้อ​ไม่ห่าง​ ดูยังไงก็ไม่เข้ากับบุคลิก​ของเขาสุดๆ​​ แต่พอคิดว่าสิ่งที่อยู่ข้างในคืออะไรก็พอจะหยวนๆมองว่ามันน่ารักได้ล่ะนะ

'มองพอยั้ง'​

แต่เหมือนอีกคนจะไม่คิดแบบนั้นแฮะ

เฟริซิโอ​มองประกายความขบขันในดวงตาคู่นั้นด้วยความหงุดหงิด​ แล้วยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ที่อยากทำหน้างอลก็ทำไม่ได้​ ไอ้ตุ๊กตานี่หน้าตาไร้ชีวิตชะมัด!!

ว่าแล้วผีที่อยู่ในร่างตุ๊กตาก็ได้แต่ทำหน้าเซ็งสุดขีด​ ใครจะไปคิดว่าไอ้ร่างชั่วคราวของเฟาสต์จะเป็นร่างนี้ว่ะ​ ไอ้ร่างนี้มันจะไปทำอะไรได้ นอกจากห้อยต่องแต่งไปวันๆเนี่ย!

'นายสามารถบังคับให้มันขยับได้​ ถ้าจิตนายแกร่งพอ'

แล้วเสียงเย็นชาของใครบางคนก็ลอยเข้ามา​

ยิ่งนึก​ก็ยิ่งอยากจะเบ้ปากใส่​ เมื่ออาทิตย์ก่อนตอนที่รู้ว่าต้องเข้าไปอยู่ในตุ๊กตาตัวนี้​ เขาถึงกับอึ้งไปไม่เป็น​ แต่คนตรงหน้ามันไม่สนความอึ้งของเขาเลยสักนิด​ ได้แต่พูดอธิบายเยอะแยะมากมายจนเขาตามแทบไม่ทัน​ พูดเสร็จก็จับวิญญาณเขายัดเข้่าตุ๊กตาผีนี่ทันที​  แถมยังใจดีมาส่งเขาให้ถึงมือไวเทลด้วยตัวเองอีกต่างหาก

ตอนแรกที่ไวท์รู้เรื่องก็อึ้งไปสักพักก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะเสียงใสกังวาลอย่่างไม่ปิดบัง​ เห็นประกายความตลกขบขันใจในตาคู่นั้นแล้วก็ทั้งอยากฟัดและอยากงอลไปในเวลาเดียวกัน

ให้ตายเถอะว่ะ!

ตอนเจอก่อนตายก็โคตรย้ำแย่​ ตายแล้วยิ่งย้ำแย่กว่า​อีก จะไม่มีลุคเท่ๆให้เขามาปกป้องไวเทลแบบในหนังบ้างเลยหรือไง!

ดูดิ​ ขนาดผ่านมาหลายวันแล้วแต่เมื่อไวเทลเหลือบตามองเขาทีไรเป็นต้องยิ้มหรือไม่ก็หลุดขำทุกที​ น่าตลกนักหรือไง​ คนเป็นผีได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่าน​ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างอยู่ในตุ๊กตา​ แม้ความขุ่นเคืองนั้นไวเทลจะสัมผัสได้​ แต่จะให้เขาไม่ขำทุกครั้งที่เห็นเกรงว่าจะไม่ได้!  ถือว่าการเอาคืนเรื่องก่อนหน้านี้ทั้งหมดเลยล่ะกัน



"เสร็จแล้วครับ"

ช่างทำผมปิดเครื่องที่ครอบอยู่บนผมของไวเทลก่อนกดปุ่มยกมันออกมา​ ทันทีที่ครอบผมถูกยกออกไป​ เส้นผมยาวตรงสีขาวก็ตกลงมาเคลียบั้นเอวคอดทันที

ไวเทลละสายตาจากเฟริซิโอไปมองผมตัวเองที่ทำเสร็จแล้วช้าๆ​ สีผมแปลกตาทำให้เขาค่อยๆสางมันเบาๆ​ สัมผัสนุ่มลื่นมีน้ำหนัก​ต่อให้กระชากแรกก็ไม่หลุดนี่​ถือได้ว่าเหมือนของจริงๆ​สุดๆ

ในขณะที่ไวเทลกำลังสำรวจผมตัวเอง​อยู่นั้น​ เฟริซิโอก็อดจะตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่บนกระจกตรงหน้าไม่ได้​ ก่อนหน้านี้ด้วยความหงุดหงิดเลยไม่ทันสังเกตนัก​ว่าการปลอมตัวของไวเทลครั้งนี้จะสวยขนาดนี้​ นี่บัตเตอร์อันดับหนึ่งของผับต้องถึงคราวมัวหมองแล้วแน่ๆ​!

เพราะเทคโนโลยี​ที่ก้าวไกล​ แม้แต่การแต่งหน้าทำผมเดี๋ยวนี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึงระดับ​ DNA แล้ว! แม้จะชั่วคราวแต่ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย

ไวเทลได้แอบติดต่อช่างหน้าช่างผมไว้แล้ว​ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ต่างกับการทำศัลยกรรมชั่วคราวที่มีระยะเวลา​แค่ 1​ เดือนก่อนที่ทุกอย่างจะหายไปและกลับไปเป็นแบบเดิม​ สำหรับคนทั่วไปการแต่งหน้าทำผมระดับนี้ถือว่าเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อมไปสักนิด​ เพราะรัฐบาลป้องกันด้วยการที่จะแต่งหน้าทำผมระดับนี้ต้องขออนุญาต​ก่อน​เสมอ​ แม้ไม่ได้ขอยากอะไรแต่ค่าขออนุญาต​ก็ไม่ได้น้อยเลย​สักนิด แถมคนทำยังต้องขึ้นทะเบียนว่าทำอีกด้วย​

แน่นอนว่าไวเทลต้องจ้างช่างเถื่อนอยู่แล้วเพื่อยากต่อการตรวจสอบ​  ก็นะมีเงินมากหน่อย​เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย​ ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้น่ะหรอ? ถ้าเขาไม่ปลอมตัวแบบเนียนๆเข้าไปเกรงว่าแค่ลงจากรถทุกคนก็คงจำเขาได้​ทันที จนสืบอะไรไม่ได้เลยแน่ๆ​ และแน่นอนไหนๆก็จะสืบเรื่องของบัตเตอร์ทั้งที​ เขาก็ต้องเข้าไปอยู่ในผับ​และใกล้ชิดกับเหล่าบัตเตอร์เท่านั้น​ ใครจะใกล้ชิดกับเหล่าบัตเตอร์ได้เท่ากับบัตเตอร์กันเอง​จริงไหม? แล้วยิ่งพวกระดับสูงไม่ค่อยคุยกับพวกระดับล่าง​ด้วยแล้วเขาจึงต้องปลอมตัวให้สวยมากพอที่จะไต่ไปถึงระดับสูงได้​

เมื่อคิดแบบนี้แล้วไวเทลก็รับเคลียร์​งานทั้งหมด​ที่ค้างภายในเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเต็มๆก่อนจะทำการยื่นเรื่องลาพักร้อน​ 3​ เดือนและผลักภาระทั้งหมดให้อูบาร์โดทันที

เมื่อจัดการงานเสร็จก็หาจ้างช่างหน้าช่างผมที่เชี่ยวชาญการทำหน้าทำผมมือฉมังมาช่วยแปลงโฉมเขาด้วยเงินสูงลิบทันที​ โชคดีที่พื้นเพไวเทลเป็นคนหน้าตา​ ผิวพรรณและรูปร่างถือว่าดีมากอยู่แล้ว​ ช่างหน้าช่างผมเลยไม่ปรับอะไรมากนักนอกจากปรับโครงหน้าเรียวบางคล้ายผู้หญิงมากขึ้น​ กับปรับรูปลักษณ์​ให้ดูโดดเด่นกระแทกตา​ แม้มองจากหอคอยงาช้างลงมาก็มองเห็นได้  และด้วยเหตุนี้เองการปรับโฉมของไวเทลเลยใช่เวลาแค่หนึ่งวันเท่านั้น!

แถมพอทำเสร็จแล้วพวกเขาก็หมุนไวเทลไปมาอย่างชื่นชม​ นี่ถือเป็นผมงานชิ้นโบว์แดงเลยก็ว่าได้​ จากดวงหน้าเรียวคมที่จะมองว่าสวยแบบผู้ชายหรือบางมุมก็งามแบบผู้หญิงโซนยุโรปของไวเทลก็ได้​ ถูกปรับให้เรียวบางค่อนไปทางเอเซีย​มากขึ้น​ ผิวขาวกระจ่างใสอมชมพูที่ช่วยขับให้ดวงตาเรียวคมสีแดงทับทิมดูโดดเด่นเป็นประกายงดงาม ขี้แมลงเล็กๆตรงมุมปากช่วยเสริมเสน่ห์​ให้ใบหน้าและปากอิ่มมีเสน่ห์เย้ายวนแบบแปลกๆ​ ประกอบกับเส้นผมยาวสลวยเคลียบั้นเอวสีขาวที่เป็นประกายทุกครั้งที่ต้องกับแสงไฟด้วยแล้ว​ ยิ่งทำให้คนมองตาพร่าเบลอเข้าไปใหญ่​ นี่นางฟ้าตกสวรรค์​หรือนางมารจำแลงที่จะล่อลวงผู้คนให้ลุ่มหลงเมามายจนถอนตัวไม่ขึ้นกันแน่!

"โอ๊ยยย! สวยมากจริงๆค่ะคุณน้อง"

ไวเทลพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดปลื้มปริ่มปานจะขาดใจของช่างแต่งหน้าชายใจหญิงนั่นเบาๆ​ ยอมรับว่ารูปลักษณ์​แบบนี้สวยมากจริงๆ​ แบบนี้ละที่เหมาะจะไต่เต้าขึ้นไประดับสูงๆของพวกบัตเตอร์ได้​ ไวเทลยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ​จนไม่รู้สึกถึงกระแสทะมึนไม่พอใจจากตุ๊กตาที่ห้อยอยู่ตรงอกเสื้อเลยสักนิด

แม้ตอนแรกจะตะลึงจนตาพร่าแต่พอมองไปมองมาดีๆแล้วก็อดจะหงุดหงิดไม่ได้​ ปกติไวเทลก็สวยอยู่แล้ว​ติดแค่ชอบทำหน้านิ่ง​ แต่นี่ช่างหน้ากับทำให้ปากเป็นกระจับยกขึ้นน้อยๆเหมือนยิ้มบางๆตลอดเวลา​ ดูเป็นมิตรน่าเข้าหามากขึ้นแถมยังสวยมากกว่าปกติไปอีก​

บัดซบ! ไม่อยากให้ใคนเห็นเลยเว้ย​ เขาหวง​ หวงแทบบ้า!  แต่นอกจากความหวงก็มีความเป็นห่วงจนล้นใจ​อีกด้วย ด้วยรูปร่างหน้าตาแบบนี้​แน่นอนว่าจะต้องสืบข่าวจากพวกระดับสูงได้แน่ๆ​ แต่ก็เพราะแบบนี้ด้วยแหละที่จะดึงดูดพวกอันตรายให้เข้าหามากขึ้น​ แล้วไอ้ร่างตุ๊กตาโง่ๆนี่จะไปช่วยอะไรได้​

โอ๊ยยย! เขาคิดผิดหรือเปล่าว่ะ

 ถ้าตอนนี้สารภาพออกไป​ ไวเทลจะหยุดที่กำลังทำมทั้งหมดนี่ไหม​  ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน​ หวาดหลัว​ หวง​ ห่วง​ ปนกันมั่วไปหมด​ แต่ทุกอย่างก็มาไกลจนยากจะย้อนกลับหรือเขาจะปล่อยเลยตามเลยรีบสืบหารีบจบงานดี...เวลานี้เขาควรทำไง​กันดี

ไวเทลได้แต่มองตัวเองในกระจกโดยไม่รับรู้ถึงความกังวลของเฟริซิโอเลยสักนิด​ นัยน์ตาสีทับทิมมีประกายความมุ่งมั่นแน่วแน่จ้องตรงไปทางกระจกนิ่งๆ

นี่แหละ...ที่จะทำให้เขาหาความจริงทั้งหมดมาได้​

รอก่อนเถอะ​ตึกซิริโน​ ถ้าความลับมันเยอะนัก​ เขานี่แหละจะเข้าไปล้วงมันออกมาให้หมดเอง!


-----------------------

จบเฟส​  1​ แล้วนะคะ​ ไปต่อเฟส​ 2​ โลดดดด​ ลุยในผับกันยาวๆล่ะที่นี้







ออฟไลน์ sawapalm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คลื่นที่​ 21

"ทำไมคนมีแค่นี้"

นิโคโรขมวดคิ้วฉับทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า​ เขาทำงานที่นี่มาหลายปีแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนเข้าผับน้อยขนาดนี้​ น้อยขนาดที่กวาดตามองรอบหนึ่งยังนับนิ้วได้​...เกิดอะไรขึ้นกัน

"เอ่อ..."

เมื่อหันมาเห็นสีหน้าอึกอักไม่มั่นใจของเลขาก็ยิ่งทำให้คิ้วเข้มขมวดยิ่งกว่าเดิม

"มีอะไรก็พูดมา"

เลขาคู่ใจที่เห็นเจ้านายเริ่มฉายรังสีอำมหิตก็ยิ่งหลั่งเหงื่อเย็น​ เรื่องนี้ออกจะพูดยากสักนิด​ ตอนแรกที่เขาเห็นคนมาเข้าผับน้อยขนาดนี้เขาก็ตกตะลึงมากแล้วแต่ยิ่งรู้สาเหตุยิ่งตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม​ แล้วถ้านิโคโรรู้ว่าสาเหตุคืออะไรโบนัสสิ้นปีของเขาต้องปลิวแน่ๆ!
คนเป็นเลขาที่กำลังปลงตกจากโบนัส​ ถอนหายใจเฮือกใหญ่​ ปลายตามองเจ้านายตาปรอยเผื่อเจ้านายจะเวทนาไม่ลดโบนัสเขาบ้าง

"คุณ...ตามมาดูด้วยตาตัวเองเถอะครับ"





เขาไม่ได้คาดหวัง​ เรียกว่าไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งที่ทำให้ผับเขาต้องคนน้อยในรอบสิบปีจะงดงามขนาดนี้​ แต่น่าเสียดายที่ความสวยงามนี่ดันมาอยู่ในที่แคบๆอย่างร้านนั่งดริ้งค์​ชิคๆเล็กๆที่อยู่ในหลืบหนึ่งของย่านมิสติโคแห่งนี้เท่านั้น​

เส้นผมสีขาวที่ทอประกายล้อกับแสงไฟ​ ดวงตาสีแดงที่แค่กวาดตามองไปที่ใครก็เหมือนจะทำให้คนคนนั้นหยุดหายใจ​ รอยยิ้มมุมปากบางๆที่ชวนให้ลุ่มหลง...ก็ไม่น่าแปลกที่ฝูงชนจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเพียงได้ยลสักเสี้ยวก็ยังดี​

เวลานี้แค่เจ้าตัวขยับไปซ้ายหน่อยกวาดตานิดผู้คนก็พร้อมใจกันกลั้นหายใจอยู่แล้ว​ มาถึงตรงนี้นิโคโรก็ตวัดสายตาเย็นชาใส่เลขาตัวเองทันที​ คุณเลขาที่หลั่งเหงื่อเย็นมาสักพักพอมาเห็นสายตานี้ก็ได้แต่สะดุ้งและคิดว่า... ลาก่อนนะเจ้าโบนัส

"ขอโทษครับ"

นอกจากก้มหน้ายอมรับผิดเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว!

นิโคโรได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่​ลูกน้องเขานี่มันตาถั่วจริงๆ​ คนที่มีแรงดึงดูดขนาดนี้กลับมาอยู่ที่เล็กๆแทนที่จะเชิดฉายที่ตึกซิริโนของเขา​ ปกติคนสวยๆแรงดึงดูดเยอะๆถ้าหลุดมาย่านนี้เมื่อไหร่​ ลูกน้องเขาจะทาบทามมาเป็นบัตเตอร์ทันที​ แล้วที่งดงามระดับเทียบเท่าหมายเลขหนึ่งของผับขนาดนี้ ทำไมพวกลูกน้องถึงตาถั่วมองไม่เห็นได้กัน​ งานนี้มีตัดเงินเดือนแน่นอน!

"จบคืนนี้​ ติดต่อให้ไปอยู่ที่ตึกใหญ่ซะ​แล้วก็สืบประวัติให้เรียบร้อยอย่าให้พลาดอีก"

นิโคโรปรายตามองคนผมขาวนัยน์ตา​ทับทิมด้วยประกายประหลาดบางอย่างก่อนจะหันหลังเดินจากไป​ ทิ้งให้ลูกน้องจัดการเรื่องทั้งหมดแทน




'นิคมันเดินไปแล้ว'​

"อืม"

ไวเทลมองตามแผ่นหลังกว้างเรือนผมสีแดงเพลิงโดดเด่นที่แม้จะอยู่ไกลก็สามารถมองเห็นได้อย่างสมใจ​ คาดว่าเดี๋ยวต้องมีคนมาติดต่อให้เขาเข้าไปอยู่ในตึกซิริโนแน่ๆ​

ต้องบอกก่อนว่าการจะมาปรากฎอยู่ที่ร้านเล็กๆแห่งนี้ในย่านมิสติโคนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินไปเช่นกัน​ แถมเขายังมาถึงที่นี่ได้สามวันแล้วแต่คนของนิโคโรพึ่งโผล่มาถือว่าช้ากว่าที่คาดไปจริงๆ​ เขาคิดว่าแค่คนหน้าตาแบบนี้หลงเข้ามาที่นี่พวกหมาล่าเนื้องามของนิโคโรจะโผล่พรวดมาเชิญไปตึกซิริโนเลยทันทีซะอีก แต่ผิดคาดเขาต้องอยู่ที่เล็กๆนี่ถึงสามวัน​ ทำกำไรให้ร้านมหาศาลในรอบสิบปีเพียงแค่นั่งเฉยๆจนผู้จัดการร้านยิ้มแก้มฉีก เรียกว่าทำงานล่าช้ามากเกินไปจริงๆ


เอาเถอะถึงจะช้าไปสักนิดแต่การที่เขาอยู่นี่ถึงสามวันก็พอจะได้ข้อมูลอะไรมาบ้างแม้จะน้อยแต่ก็ถือว่าคิดถูกจริงๆที่โยนตัวเองเข้ามาสืบถึงถิ่นเสือ แต่ตอนนี้มันมีปัญหาอยู่เล็กน้อยที่...

ไวเทลปรายตามองตุ๊กตาเชือกที่ห้อยอยู่ตรงอกนิ่งๆ หลายวันแล้วที่เฟริซิโอ​ขลุกอยู่แต่ในตุ๊กตานี่แถมยังเงียบขรึมผิดปกติ​ บางทีถามคำตอบคำด้วยซ้ำ​ จะโผล่ออกมาให้เห็นก็แค่ช่วงกลางคืนแถมโผล่มาแล้วก็ไม่คุยอะไรอีก​เห็นแต่นั่งหลับตาโง่ๆอยู่ทั้งคืน​ พอเขาถามว่าเป็นอะไรก็บ่ายเบี่ยง​  เฮอะ! คิดว่าอยากรู้เรื่องของนายมากหรือไง​ ว่าแล้วก็เชิดหน้่าไม่สนใจ​แต่ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็ปรายตามองเจ้าก้อนเชือกนี่อีกครั้ง​แล้วก็เป็นแบบนี้ไปจนถึงเวลาร้านปิด...





ตุบ

ไวเทลทิ้งกายลงบนเตียงในห้องพักเล็กๆที่ทางร้านจัดให้อย่างเหนื่อยอ่อน​ ใช่...เหนื่อย​ แม้จะนั่งเฉยๆก็เหนื่อยนะเฟ้ย​ ว่าแล้วก็ปรายตามองผีบางตัวที่พึ่งออกมาจากตุ๊กตามาลอยอยู่แถวๆตัวเขาอย่างเหม่อลอย​ นอกจากจะเหม่อไม่สนใจเขาแล้วยังถอนหายใจใส่อากาศอีกเฮือกแล้วเตรียมจะนั่งหลับตาโง่ๆเหมือนคืนก่อนๆอีกแล้ว​ มีอะไรก็พูดออกมาสิเว้ย

และเหมือนคนงามจะหมดความอดทนแล้ว

"มีอะไรก็พูดมา!"

เขาหงุดหงิดแล้วนะ!

เฟริซิโอหันไปมองคนที่ตะโกนใส่เขาอย่างงุนงงก่อนจะเงียบไปอย่างเข้าใจ​ เขาพอจะเข้าใจ​ในสิ่งที่ไวเทลจะบอก​ แน่ล่ะ​ บรรยากาสอึดอัดระหร่างเราใช่จะมองไม่เห็น​ แต่เป็นเขาที่มีเรื่องให้คิดเยอะจนมองข้ามไปต่างหาก​ สามวันที่คิดอย่างไม่ตก​ ยิ่งพรุ่งนี้คนของนิคมันคงมาพาตัวไวเทลไปแล้วแน่ๆ​ยิ่งเครียด​และคิดหนักขึ้น​ ผีหนุ่มมองคนในดวงใจตาปรอย​  กัดปากอย่างชั่งใจก่อนจะลอยช้าๆมาหยุดตรงหน้าไวเทล

เอาว่ะ! อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด​ ยังไงซะก็ดีกว่าไวท์เอาตัวเองไปเสี่ยงอีกนั่นแหละ​ มันไม่คุ้มกันเลยสักนิด

"ไวท์"

เสียงทุ้มแหบพร่าที่เปร่งออกมาอย่างหงอยๆทำให้คนงามตวัดตามองอย่างเคืองๆแต่ก็ตั้งใจฟัง

"ผม..."

"...."

"...."

เฟริซิโอมองหน้าไวเทลก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าคนงาม​ มองลึกไปถึงดวงตาคู่งามที่แม้เวลานี้จะคนละสีแต่เขาก็นึกรักมันอยู่เสมอทุกครั้งที่ได้มอง​

"ความจริง...คุณไม่ต้องทำแบบนี้หรอก"

ไวเทลมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจแต่ก่อนจะพูดอะไรผีหนุ่มก็เปิดปากพูดออกมาก่อนแล้ว

"ผมขอโทษที่โกหก"  คิ้วเรียวขมวดยุ่ง​ทันที

"เรื่องอะไร"

ดวงตาสีเขียวคู่เดิมมองตรงมาอย่างมั่นคง​ เขาอยากให้ไวเทลเห็นว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้เขาจริงใจไม่ได้อยากหลอกลวงเลยสักนิด

"คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองมาหาความจริงอะไรทั้งนั้น"

"..."

"เพราะว่าสุดท้ายไม่ว่าผมจะถูกใครใส่ร้าย​ก็ตาม เมื่อครบ​ 100​ วันผมก็ต้องหายไปอยู่ดี"

!!!!

รอยยิ้มบางเบาปรากฎเมื่อคนฟังคำสารภาพตกใจจนตาโต​ ไวเทลอึ้งไปพักใหญ่​ เหมือนอยู่ๆสมองของเขาก็น็อคขึ้นมาเฉยๆกับความจริงที่พึ่งรับรู้​ แม้ที่ผ่านมาเขาจะพยายามหาความจริงเพื่อให้อีกคนไปสู่สุขคติ​มากแค่ไหน​ พยายามห้ามใจให้เรื่องทุกอย่างจบเร็วๆจะได้ไม่ผูกพันธ์​ไปมากกว่านี้​

 แต่เมื่อความจริงถูกตีกระแทกหน้าว่าไม่ว่าจะทำอะไรอีกคนก็จะหายไปอยู่ดี ใจดวงน้อยกับวูบโหวงเหมือนวันนั้นไม่มีผิด​ วันที่เขาเป็นคนสั่งให้ลูกน้องยิงปลิดชีพคนตรงหน้าคนนี้

ไวเทลกัดปากจนเจ็บช่ำหวังให้มันบรรเทาความรู้สึก​ประหลาดในใจ​ เขากระพริบตาถี่ๆทันทีที่มันทำท่าจะมีอะไรบางอย่างไหลออกมา​

"นาย..."  เสียงเปร่งปร่าที่เหมือนไม่ใช่เสียงตัวเองทำให้ไวเทลกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนจะถามอย่างไม่เข้าใจ

"ทะ...ทำไมต้องโกหกด้วย"

ชายหนุ่มยิ้มบางให้กับคนถาม​และตอบอย่างไม่ลังเล

"ผมแค่อยากอยู่กับคุณ"

แค่เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างรุนแรงเหมือนรู้เต็มตื้นแปลกๆทั้งๆที่เมื่อกี้ยังใจหายเหมือนจะขาดใจอยู่เลย

....เขาก็เหมือนกัน...

ไวเทลเก็บคำที่ล้นใจอยากจะเอ่ยแต่ไม่ได้พูดออกไป​

"ผมแค่อยากอยู่กับคุณก่อนที่จะหายไป​ ถึงกุเรื่องทั้งหมดนี่มา​ อยากใช้เวลาร่วมกับคุณ​ให้นานที่สุด​ ผมรู้ว่าถ้าไม่มีข้ออ้างอะไรเลยคุณจะไม่คุยกับผมจะทำเหมือนผมไม่มีตัวตน...ผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว"

"..."

"ไวท์​ ขอโทษนะ"

"..."

"ผมต้องการแค่นี้แต่เหมือนมันจะทำให้คุณอันตรายขึ้นเรื่อยๆ​ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมหวังเลย​ คุณอย่าทำอะไรแบบนี้อีกเลยนะ​ มันไม่มีความหมายอะไรหรอก​ อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงอีกเลย"

" ทำไม... ทำไมถึงพึ่งมาบอก"

เฟริซิโอถอนหายใจก่อนจะสารภาพอย่างหมดเปลือก

"ถ้าคุณไม่ให้อยู่ผมจะอยู่ข้างคุณจนกว่าจะถึงเวลาไม่ได้"

!!

"ที่ผมยังปรากฎตัวอยู่รอบๆคุณได้เพราะคุณอนุญาต​แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณไล่ผมไป  ผมจะไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้คุณอีกแล้ว​และผมรู้ว่าถ้าบอกไปแต่แรกคุณต้องไล่ผมแน่ๆ"

ก็จริง​ ไม่ลังเลที่จะไล่ไปไกลๆเลยล่ะ

ไวเทลนิ่งเงียบเหม่อมองไปไกลแสนไกล​ ก่อนจะหันมามองคนที่ยังคงคุกเข่าอยู่​ตรงหน้า​ไม่ไปไหน  มองคนที่พยายามไล่นิ้วบนมือเขาเบาๆ​เพราะถ้าเพียงลงแรงสักนิดมันคงจะทะลุเหมือนเดิม​ แม้เขาจะสัมผัส​อะไรไม่ได้​ แต่หัวใจกับสั่นไหวอย่างรุนแรง​ ไวเทลกัดปากชั่งใจก่อนจะพูดตัดสินใจบางอย่างออกไป

"ฉันคงทำตามที่ขอไม่ได้"

เฟริซิโอเงยหน้ามองไวเทลอย่างตกใจ​

"ฟังนะ​ นี่ไม่เกี่ยวกับนายแต่เกี่ยวกับองค์กร​ ยิ่งสืบยิ่งรู้​ว่าที่นี่มีความไม่ชอบมาพากล​หลายอย่างมาก​ ฉันปล่อยไปเฉยๆไม่ได้หรอก​ นี่องค์กรของฉัน​ ฉันต้องรู้ให้ได้​และหาทางกำจัดสิ่งที่จะเป็นภัยออกจากองค์กรของฉันไปซะ!! "

"ไวท์"

เฟริซิโอครางเสียงแผ่วอย่างจนปัญญา​ เรื่องทั้งหมดมันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

"แต่ยังไงนายก็มีความผิดที่โกหกฉัน"

"โถ...ไวท์ครับ"

เสียงหงอยๆที่มองผ่านๆเหมือนเห็นหูลู่หางตกก็ทำให้คนงามที่เก๊กหน้าเข้มตั้งนานเกือบหลุดขำ

"ชดใช้ความผิดซะ"

เฟริซิโอเงยหน้ามองไวเทลอย่างเศร้าเสียใจแม้จะเตรียมตัวโดนไล่มาแล้ว​ แต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้​อยู่ดี อย่างน้อยก่อนจะต้องห่างออกไปไกลขอแค่มองหน้านี้เป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี

"อยู่ข้่างๆและคอยช่วยจนกว่าจะหาความจริงของเรื่องราวได้ทั้งหมดซะ! "

คำประกาศกร้าวที่มาพร้อมกับใบหน้าเชิดรั้นและดวงตาประกายขบขำทำให้เฟริซิโออ้าปากค้างไปไม่ถูกแล้วจริงๆคราวนี้

----------------------------------------------------

ลืมกันยังค่าาา อย่าพึ่งลืมเค้าน้าาา
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนะคะ​ 
อย่าพึ่งทิ้งเขาไปไหนนะ​ ต่อไปนี้จะเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ​ เพราะอาการป่วยที่ถูกสั่งห้ามอยู่หน้าจอไปพักใหญ่ๆทำให้ไม่ได้มาแจ้งให้ทุกคนทราบ​ ตอนนี้เค้าแข็งแรงกลับมาอัพได้ตามปกติแล้วววว​ คิดถึงทุกคนมากกกกกก

ออฟไลน์ sawapalm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คลื่นที่  22

“สวัสดีค่ะ คุณลอฟท์” 
เจ๊ลิซหรือแม่ของเหล่าบัตเตอร์ยิ้มแย้มทักทายเสียงใสทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องส่วนตัวบนชั้น 3

คนที่เดินตามหลังเจ๊ลิซเข้ามาอดจะแปลกใจไม่ได้ที่ชั้น 3​ จะมีห้อง​ VIP ส่วนตัวให้เรียกบัตเตอร์ที่สนใจมาบริการได้ด้วย พึ่งรู้เลยนะเนี่ย

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาคนเดียวในห้องมองไปทางคนที่เดินตามหลังเจ๊ลิซมาอย่างสนใจทันทีเพราะส่วนมากบัตเตอร์ที่จะมายังโซนนี้ได้มักจะเป็นตัวท็อปหน้าเก่าๆที่พวกเขาคุ้นเคยกันดี เลยอดจะแปลกใจไม่ได้ที่นานๆจะมีหน้าใหม่มาให้ดูสักที

แถมยัง...สวยกว่าบางคนที่เขาเคยเห็นซะด้วย

“แหมๆ คุณลอฟท์ จ้องเด็กลิซไม่วางตาเลยนะคะ”

“ก็เด็กของคุณลิซ น่ามอง...ไปทั้งตัวนี่ครับ”

แววตาประกายกล้าที่กวาดมองจากบนลงล่างในประโยคสุดท้ายทำให้ไวเทลต้องนับหนึ่งถึงร้อยในใจทันที

อย่านะ อย่าหลุดเด็ดขาดไวเทล!

แม้ตอนนี้อยากจะพุ่งไปชกไอ้หน้าหล่อตรงหน้ามากแค่ไหนก็ตาม 




‘มองอะไรของแกว่ะ!’

ผีในร่างตุ๊กตาว่าแล้วก็แกว่งตัวเองที่ถูกห้อยอยู่ตรงข้างสะโพกมนด้วยความโมโหทันที เห็นแบบนี้คนขี้หงุดหงิดก็สงบใจตัวเองขึ้นมาได้เฉยๆ ตัวก็มีแค่นี้​ เอาอะไรไปโกรธคนอื่นเขากัน เจ้าโง่...

แต่รอยยิ้มบางเบาที่อยู่ๆก็ปรากฏที่มุมปากกลับทำให้แววตาคมที่มองแบบไม่ละสายตาตั้งแต่อีกคนเดินเข้ามาแทบหยุดหายใจ ชั่วขณะหนึ่งเขาเห็นภาพนั้นซ้อนทับกับใครอีกคนทันที

เป็นไปไม่ได้!

แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่ดวงตาสีเทาหม่นก็ปรากฏร่องรอยความหลงใหลคลั่งไคล้​แบบไม่ปิดบังอยู่ดี​

เห็นแบบนี้เฟริซิโอก็ยิ่งทวีความหงุดหงิดงุ่นง่าน​มากขึ้นไปอีก...อย่าให้มีกายเนื้อนะเว้ย จะชกให้ไม่เลี้ยงแลยแม่ง! หรือจะเป็นผีไปหลอกมันให้ช็อคตายดีว่ะ คิดมาถึงตอนนี้ก็สบถอย่างหัวเสีย

ทำไม่ได้อีก! 

ถ้าไม่ติดว่าเฟาสต์ย้ำหนักย้ำหนาว่าให้เขาอยู่แต่ในตุ๊กตาเชือกนี้และออกมาแค่หลังเที่ยงคืนเพื่อนั่งสมาธิเท่านั้น ป่านนี้เขาคงพุ่งไปหาไอ้หมอนี้และหลอกให้มันช็อคตายไปแล้ว

เฟริซิโอได้แต่บอกให้ตัวเองสงบจิตสงบใจ ท่องหยุบหนอพองหนอตามที่เฟาสต์สอนมาช้าๆ รอหน่อยเถอะแก ถ้ามีพลังมากกว่านี้เมื่อไหร่ จะออกไปหลอกแกคนเป็นคนที่ 23 แน่นอน!

ใช่...คนที่ 23 เพราะตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา​ ทันทีที่คนของนิโคโรไปพาไวเทลมาที่นี่  เจ๊ลิซก็กรีดร้องโวยวายดีใจจับหมุนนู้นหมุนนี่สั่งเด็กๆให้ลากไวเทลไปแปลงโฉมเล็กน้อยอย่างไม่ทันตั้วตัวทันที​ จากที่สวยเด่นสะดุดตาอยู่แล้วยิ่งเปร่งประกายมากยิ่งขึ้นไปอีก แถมยังพาไปแนะนำตัวกับบรรดาลูกค้า VIP อยู่หลายวัน แถมทุกครั้งยังต้องได้รับสายตาแบบนี้ตลอด แรกๆเฟริซิโอก็โมโหมากจนอยากจะเอานิ้วจิ้มตาพวกมันให้รู้แล้วรู้รอด​ แต่อาจจะเพราะเขานั่งสมาธิสงบจิตใจทุกวันเลยมีช่วงหลังๆนี้พอจะระงับมันได้บ้าง หรืออาจจะเป็นเพราะ​ถ้อยคำปลอบใจของไวเทลวันนั้นก็ได้...


'โวยวายอะไรของนาย เพ้อเจ้อชะมัด'​

'ผมไม่ชอบที่พวกนั้นมองไวท์แบบนี้เลย'​

'พวกนั้นก็ทำได้แค่มองป่ะ​ ไม่มีใครเข้ามาใกล้ฉันได้เท่านายอีกแล้วล่ะ เจ้าโง่'​



ถ้าจะพูดจาน่ารักขนาดนี้ เขาเป็นไอ้โง่ก็ได้ ! และตั้งแต่นั้นมาเขาก็ยึดโมเมเอาประโยคนั้นว่าเป็นประโยคปลอบใจที่ไวเทลมีให้เขาทันที​

และถ้าไวเทลรู้ว่าเจ้าผีตัวดีคิดแบบนี้​ คงจะเบะปากแล้วมองด้วยแววตาสมเพชอย่างแน่นอน



“นี่เจวาค่ะ​ คุณลอฟท์”

ลอฟท์พยักหน้ารับคำของเจ๊ลิซอย่างเหม่อลอย ยิ่งมองใกล้ๆก็ยิ่งเหมือนจริงๆ สายตาลุ่มหลงของลอฟท์ทำให้เจ๊ลิซได้แต่ยิ้มกริ่มในใจ นานมากแล้วที่ไม่มีบัตเตอร์หน้าใหม่ที่สวยโดดเด่นเข้ามาเลย แม้พวกครองอันดับต้นๆจะยังคงเรียกแขกได้ดีเสมอต้นเสมอปลายแต่ก็อดไม่ได้ที่เจ๊ลิซก็อยากจะได้คนใหม่ๆสวยๆมาเรียกแขกเพิ่มบ้าง ตอนเจอเจวาครั้งแรกถึงได้ดีใจจนสติเกือบหลุด แถมบวกกับที่พาแนะนำตัวกับแขกอยู่หลายวันทำให้รู้ว่าตัวเองคิดไม่ผิด เจวาจะต้องเป็นดาวดวงใหม่ที่จะมาเพิ่มสีสันให้กับตึกซิริโนแห่งนี้แน่นอน เจ๊ลิซคอมเฟิร์ม!!

เมื่อแนะนำตัวและพูดคุยอีกเล็กน้อยเจ็ลิซก็ขอตัวเพราะมีอีกหลายคนที่ต้องแนะนำเจวาให้ลูกค้าได้รู้จัก ในขณะที่กำลังเปิดประตูออกมาทั้งสองคนก็สวนเข้ากับบัตเตอร์ที่ลอฟท์ได้เรียกเข้ามาพอดี

จริงอยู่ที่การพาเด็กใหม่ที่โดดเด่นมาแนะนำให้ลูกค้ารู้จักไม่ใช่เรื่องผิด แต่การที่แนะนำให้แต่คนใหญ่คนโตแบบนี้นั้นเรียกได้ว่าเกิดขึ้นได้น้อยมาก เมื่อเหล่าบัตเตอร์รู้ข่าวก็อดหวั่นใจกันไม่ได้ว่าตัวเองจะต้องถูกแย่งตำแหน่งไปอย่างรวดเร็วแน่นอน ดังนั้นสายตาของบัตเตอร์ที่ลอฟท์เรียกมาจึงมองเจวาอย่างไม่เป็นมิตรทันที แม้ไวเทลจะเห็นสายตาแบบนี้แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้เขาสนใจแค่เมื่อไหร่จะจบการแนะนำตัวบ้าๆบอๆนี่สักที การที่ต้องถูกเจ๊ลิซตามติดตลอดเวลาแบบนี้มันทำให้เขาขยับตัวลำบากมาก งานที่ว่าจะสืบก็ไม่คืบหน้าสักที ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด แต่สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจและปล่อยเลยตามเลย

ปัง

“ท่านคะ”

สิ้นเสียงปิดประตูรอยยิ้มหวานและดวงตาคมสวยฉ่ำเยิ้มตามแบบสาวสเปนและเสน่ห์​ของบัตเตอร์หมายเลข​ 3​  ก็ถูกส่งให้ลอฟท์ทันที​  แต่นั่นไม่ได้ทำให้ลอฟท์สนใจเลยสักนิด สีหน้าของเขามีแต่จะดำมืดลงเรื่อยๆ​ ก่อนจะฉุดแขนคนที่ตัวเองเรียกมาลงมาที่โซฟาอย่างแรง จนสาวเจ้าอดจะหวีดร้องด้วยความตตกใจไม่ได้  ลอฟท์จ้องไปที่เธออย่างเย็นชา มือที่บีบอยู่ที่ต้นแขนยิ่งเพิ่มแรงบีบเข้าไปอีกจนหญิงสาวได้แต่กัดปากกลั้นความเจ็บที่ตีตื้นขึ้นมาจากการกระทำของคนตรงหน้า

“ทะ...ท่าน”

“เมื่อไหร่เธอจะได้ที่หนึ่ง”

คำถามเยือกเย็นที่ถูกปล่อยออกมาทำให้คาร์ล่าเย็นสันหลังวาบอย่างไม่รู้ตัว เธอพยายามกลืนก้อนสะอื้นข่มความเจ็บและความกลัวลงไปก่อนจะพยายามยิ้มเอาใจคนตรงหน้า

“รออีกหน่อยนะคะท่าน อีกอาทิตย์หนึ่งผลของเดือนนี้ก็จะประกาศออกมาแล้วค่ะ​ คราวนี้ต้องได้ที่ 1 อย่างแน่นอน”

“ถ้าคราวนี้ไม่สำเร็จ เธอคงรู้นะว่าจะเจอกับอะไร”

เมื่อพูดจบลอฟท์ก็สะบัดแขนเธอทิ้งอย่างไม่ใยดีทันที หญิงสาวอดที่จะลูบรอยยแดงที่ขึ้นเป็นปื้นที่ต้นแขนไม่ได้ น่ากลัวว่าถ้าบีบแรงอีกนิดแขนเธออาจจะหักได้

ลอฟท์หยิบแก้วที่บรรจุแอ​กอฮอล์​ดีกรีแรงขึ้นมาดื่มรวดเดียวลงคอก่อนจะวางลงอย่างแรงจนหญิงสาวข้างกายอดจะสะดุ้งไม่ได้ เขามองไปที่แก้วใบนั่นนิ่งๆก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ

เจวา งั้นหรอ น่าสนุกจริงๆ...


-----------------------------------

กระดืบ​ กระดืบ​ กำลังค่อยๆกระดืบๆไปค่ะ​
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2020 00:53:46 โดย sawapalm »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด