Season 2 เฮียบิ๊กรักมารวยนะ : Season 2 บท 2 (8/11/62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Season 2 เฮียบิ๊กรักมารวยนะ : Season 2 บท 2 (8/11/62)  (อ่าน 18448 ครั้ง)

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
 
บทที่ 17
ไม่ได้ผิดสังเกตแค่พิรุธมันออก

Maruay’ s talk

ผมมองเห็นเฮียบิ๊กคุกเข่าอ้อนวอนพี่คิมโดยที่ตรงหน้ามีเงินกองอยู่มากมาย...บทสนทนาทุกอย่างที่ผมได้ยินและความคิดทุกอย่างของเฮียบิ๊กมันดังก้องอยู่ในหัวของผมซ้ำไปซ้ำมาแววตาของเฮียบิ๊กดูกังวล กลัวว่าผมจะรู้ แต่เฮียคงไม่รู้ว่าผมได้ยินมันทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เฮียบิ๊กได้ทำกับผมทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง ผมยอมรับว่าผมเป็นคนใจดีแต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ต้องเลิกผมก็ยอม

“เฮียทำแบบนี้กับผมได้อย่างไง!!!” ด้วยความโมโหทำให้ผมกล้าเข้าไปกระชากคอเสื้อของเฮียบิ๊กทันทีหลังจากที่ยืนฟังมานาน “ทำแบบนี้ได้ไง!!!!!”

“ค่อยๆ พูดได้ไหมไม่มีใครแย่งบทเราหรอก”

“ไม่ตลก!!!!!!” ผมยังคงแหกปากใส่หน้าเฮียบิ๊กด้วยความโมโห “เฮียเอาผมมาพนันกับพี่คิมอย่างนั้นเหรอ?! จิตใจทำด้วยอะไรวะ!!!”

“คิมไหน? คิมเบอร์รี่? คิมบอม? หรือคิมจองอึล?” ช่วยบอกผมทีว่าตอนนี้สีหน้าของเฮียบิ๊กไม่ได้มีแววกังวลเหมือนตอนที่ผมแอบยืนดูก่อนหน้านี้ ผมไม่คิดว่าการที่เฮียบิ๊กไปเรียนการแสดงไม่กี่อาทิตย์จะทำให้ตีบทเนียนได้แตกขนาดนี้

“เฮีย!! พี่คิมธรรมดา คิมที่เป็นนักบอล!”

“ไหน? หันไปดู” เฮียบิ๊กชี้ไปทางด้านหลังที่ก่อนหน้านี้ผมเห็นว่าเป็นพี่คิมนั่งอยู่บนเก้าอี้ ทำให้ตอนนี้ผมค่อยๆ หันไปมองทางด้านหลังอย่างช้าๆ และภาพที่ปรากฏก็คือ...

“คิมเบอร์รี่ คิมบอม คิมจองอึล เห้ย! มีเจนนิเฟอร์คิมด้วย!!” ผมเอามือปิดปากตะโกนออกมาด้วยความลืมตัว ลืมทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งเรื่องที่เกิดขึ้น มันเหมือนผมล่องลอยผมไม่มีสติที่จะรับรู้อะไรสักอย่างนอกจากสิ่งตรงหน้า

“เจนนี่เฟอร์คิ้ม!” ผมแอบได้ยินเสียงของเฮียบิ๊กแก้คำผิดให้ แต่ผมไม่มีเวลามาสนใจนอกจากหากระดาษกับปากกามาขอลายเซ็น ไวเท่าความคิดที่อยู่กระดาษกับปากกามาปรากฏอยู่ในมือของผมทันที

“ขอลายเซ็นได้ไหมครับ” ผมยื่นกระดาษไปตรงหน้าคิมๆ คิ้มๆ ทั้งหลายก่อนจะเดินไปยืนเทียบแล้วคว้าคอของพวกเขามากอดเอาไว้โดยมีผมอยู่ตรงกล้าทำท่าทะเล้นโดยมีเฮียบิ๊กคอยถ่ายรูปให้ ผมไม่รู้ว่าในมือของเฮียบิ๊กมีกล้องโปรได้อย่างไร แต่เอาเถอะแค่ผมได้ถ่ายรูปกับคนดังก็เกินพอแล้วครับ

“หนึ่ง สอง สาม! ชีสสสสส” ทุกอย่างไวเหมือนโกหกอีกแล้วครับเมื่อรูปที่ถ่ายถูกปริ้นออกมาใส่กรอบติดผนังที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“เฮีย....ผมต้องต่อยเฮียซิวะ” เมื่อคิดได้ว่าผมต้องโมโหที่เฮียบิ๊กหลอกผมหักหลังผม ผมสมควรที่จะเอาหมัดไปกระแทกหน้าเฮียแรงๆ ให้สมกับที่หักหลังคนอย่างมารวย

“เปลี่ยนจากต่อยมาเป็นจูบได้ไหม?”

“ได้!” ผมกระชากเฮียบิ๊กมาจูบแรงๆ พร้อมบดขยี้อย่างเมามันจนเราสองคนไม่รับรู้ถึงสิ่งรอบข้าง มันเป็นจูบที่ร้อนแรงเท่าที่ผมเคยสัมผัสมาและผมเองก็ค่อนข้างดีใจอย่างมากเพราะเกมนี้...ผมเป็นคนคุม ถึงเวลาที่เฮียบิ๊กจะต้องตกมาเป็นเมียของผมสักที!

ไวเท่าความคิดสภาพแวดล้อมที่อยู่ก่อนหน้าตอนนี้กลายเป็นห้องนอนผมกำลังผลักเฮียบิ๊กให้ล้มลงบนเตียงโดยมีตัวของผมตามคร่อมตัวของเฮียไปด้วย...มือทั้งสองข้างค่อยๆ กระชากเสื้อของเฮียบิ๊กออกจนหมดก่อนจะใช้ความสามารถที่พึ่งค้นพบคือจูบที่ร้อนแรงที่สุดเล่นงานจนเฮียบิ๊กอ่อนระทวย

“อื้อ..มารวยอ่า” มันแปลกมากที่อยู่ๆ เฮียบิ๊กกลับครางออกมาด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยพร้อมกับร่างกายของเฮียบิ๊กเห่อไปด้วยไอร้อน

“ชอบไหมครับ” ผมก้มลงไปใช้ลิ้นร้อนดูดเม้มตามซอกคอของเฮียบิ๊กพร้อมกับใช้มือลูบตามร่างกายอรชรอ้อนแอ้นของเฮียอย่างช้าๆ เพื่อกระตุ้นอารมณ์บางอย่างที่ตอนนี้มันกำลังจะเกิดขึ้น

พรึ่บ!

ผมพลิกตัวเฮียบิ๊กให้นอนคว่ำก่อนจะดึงกางเกงของเฮียบิ๊กลงจนเผยให้เห็นซาลาเปาขาวนวลที่อยู่เป็นเป้าสายตา ไวเท่าความคิดผมรีบถอดกางเกงของตัวเองออกพร้อมกับจับอาวุธที่ขยายใหญ่อย่างเต็มที่จ่อไปทีซาลาเปานั้น

“พร้อมจะเป็นเมียผมหรือยังครับ”

“พร้อมค่า” เมื่อได้จังหวะผมจึงค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ๆ ก่อนที่จะ...

ตุบ!!!

“ไอ้รวยตื่น!!!!” อยู่ๆ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการที่ไอ้บุ๊คใช้อะไรบางอย่างผลักผมจนกลิ้งล้มลงมากระแทกพื้นอย่างแรง

“ถีบกูทำไมเนี่ย เจ็บตูดฉิบหาย” แผลเก่ายังไม่หายแต่ผมกลับได้แผลใหม่เพราะฝีมือของไอ้บุ๊ค แต่..เอ๊ะเหมือนผมลืมอะไรไปบางอย่าง “เฮียไปไหน”

“กูจะไปรู้เหรออยู่กับมึงเนี่ย แล้วมึงก็หลับไปแถมยังมาละเมอจะเอากู กูก็ต้องปกป้องตัวเองด้วยการถีบมึงหน่ะซิ” อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้คือผมฝัน? ฝันว่าเฮียหักหลัง มาหลอกให้รักแล้วแพ้ใจตัวเองมารักผมจริงๆ จึงไปยกเลิกสัญญากับพี่คิม ซึ่งพี่คิมกับเฮียบิ๊กเท่าที่ผมรู้คือทั้งสองไม่มีทางที่จะรู้จักกัน แต่ทำไม..ผมยังรู้สึกว่าความฝันนี้มันเหมือนจริงอย่างประหลาด แล้วถ้าสมมติว่าฝันของผมเป็นจริงผมจะจัดการกับเฮียบิ๊กอย่างไรถ้ารู้ว่าเขาไม่ซื่อสัตย์กับผม

“ไอ้บุ๊คถ้าเฮีบยมึงหลอกกู..แบบหลอกว่ารักแล้วกูมารู้ทีหลัง”

“เฮียกูไม่ใช่คนอย่างนั้น ถึงกูจะไม่อยากเข้าข้างแต่มึงลองคิดดูว่าที่ผ่านมาเฮียกูแทบจะตามติดมึงทุกฝีก้าวหายใจเข้าออกก็มึงตลอดเวลา ถ้าจะหลอกพิรุธมันก็ต้องออกตั้งนานแล้วไหม?” ผมนั่งคิดตามที่ไอ้บุ๊คพูดซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงทุกอย่าง แล้วทำไมผมต้องมาไขว้เขวกับความฝันด้วย “เอางี้นะ มึงอาจจะพึ่งผ่านการจึ๊กๆ กับเฮียกูมา จนมึงอาจจะเก็บเอาไปกังวลว่าเขาได้มึงแล้วเขาจะทิ้งมึงไหม แล้วไอ้ที่มึงหลับไปมึงก็เลยฝัน กูเดาถูกไหม??”

“อืม”

“อย่าคิดมากไอ้รวย” ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ควรคิดมากอย่างนั้นใช่ไหมครับ?

หลังจากที่ผมฝันแปลกๆ ฝันว่าเฮียบิ๊กหลอกใช้ผมโดยร่วมมือกับพี่ในทีมคือ..พี่คิม ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองคนไม่มีทางรู้จักกันแน่ๆ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังคงไม่เลิกคิดมากเรื่องความฝัน...

“เฮียซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย” ผมมองขนมมากมายในมือของเฮียบิ๊กที่หอบเข้ามาให้หลังจากที่เฮียกลับมาจากการไปเรียนการแสดงในช่วงค่ำ

“ก็ของที่เราชอบทั้งนั้นแหละ กินเยอะๆ” เฮียบิ๊กจัดการเดินเอาขนมเก็บไว้ในตู้เย็นก่อนจะออกมาพร้อมกับเค้กในจานและเดินตรงมานั่งลงข้างๆ ผมที่กำลังดูหนังอยู่บนโซฟา

“ผมพึ่งกินขนมไปเองเฮีย ยังอิ่มอยู่เฮียกินเลย”

“แต่เฮียซื้อมาให้เรา”

“ก็ได้ครับ” ผมไม่อยากขัดใจเฮียบิ๊กแม้ว่าท้องจะอิ่มแค่ไหน “อร่อยมากเลย ขอบคุณนะ” แต่ผมลืมบอกไปว่าท้องของผมยังมีที่ว่างให้กับอาหารที่อร่อยอยู่เสมอ

“ช่วงนี้เราอยากได้อะไรไหม เฮียไม่ได้ซื้อของให้เราเลย” อยู่ๆ เฮียบิ๊กก็ถามออกมาทั้งๆ ที่ก่อนหน้าไม่เคยถามผมแบบนี้ “กระเป๋าไหม รองเท้า หรือจะเอาโทรศัพท์ใหม่”

“อะไรจะสายเปย์ขนาดนั้นเนี่ย ไม่เอาหรอกเฮียผมไม่อยากได้” ผมนั่งตักเค้กกินจนหมดเตรียมจะเอาจานไปเก็บ แต่อยู่ๆ เฮียบิ๊กกลับแย่งจานที่อยู่ในมือของผมและเดินไปเก็บให้แทน

“ทำไมเอาใจแปลกๆ” การกระทำของเฮียบิ๊กกับสิ่งที่ผมฝันทำไมมันดูเชื่อมโยงกันแปลกๆ เหมือนเฮียบิ๊กพยายามเอาใจผมเพื่อชดเชยความผิดหรือสิ่งที่กำลังปิดบังผมไว้

“อยากไปเที่ยวไหนไหม” ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงเฮียบิ๊กนั่งอยู่ๆ ข้างๆ ผมเหมือนเดิมแต่เขาไม่ได้สนใจหนังที่เปิดอยู่ กลับนั่งค้นหาอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ “ไปเกาหลี ญี่ปุ่น หรือที่ไหนไหมเราไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันเลย”

“เฮียเป็นอะไรไป ผมเริ่มสงสัยแล้วนะ” ผมเลิกสนใจหนังที่กำลังเล่นอยู่และหันกลับมาให้ความสนใจกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมในตอนนี้ “ถามจริงนะ ท่าทางของเฮียมันเหมือนคนที่ทำผิดอะไรสักอย่าง”

“มันดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ใช่..อย่าบอกนะว่าเฮียกำลังปิดบังอะไรผมอยู่?”

“ไม่มีครับไม่ได้ปิดบังอะไรเลย ไม่มีอะไรนะอย่าคิดมาก” ผมก็ไม่ได้อยากจะคิดมากแต่ท่าทางของเฮียบิ๊กมันทำให้ผมอดที่จะไม่คิดมากไม่ได้เลยจริงๆ

“......” เรื่องนี้ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าเฮียบิ๊กกำลังปิดบังอะไรอยู่

“เฮียรักเราจริงๆ นะมารวย”

“......” การบอกรักแบบไม่มีสาเหตุมันทำให้ผมคิดมากจริงๆ ...


BIG’ s talk

การที่จะบอกความจริงกับเด็กบื้อเป็นอะไรที่ยากสำหรับคนอย่างผม เพราะ..ผมกลัวคำตอบ ผมกลัวความผิดหวัง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่คนทำผิดอย่างผมไม่สมควรที่จะกลัว แต่ผมกลับกลัวไปแล้วเพราะสถานการณ์ตอนนี้สำหรับเราสองคนมันดีมากๆ ดีชนิดที่ผมคิดว่าถ้าบอกไปทุกอย่างมันจะหายไปซึ่งผมไม่ต้องการที่จะเป็นแบบนั้น ตอนนี้ผมจึงกลายเป็นเหมือนคนที่ขี้ระแวงทุกอย่าง ระแวงว่าเด็กบื้อจะรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ผมกำลังปิดไว้ ผมจะกลายเป็นคนไม่ดีแต่สิ่งที่ผมกำลังปิดบังผมบอกใครไม่ได้จริงๆ

“ไอ้บิ๊กเป็นอะไรวะทำไมทำหน้าเครียดจัง” ไอ้วสุที่เดินเข้ามานั่งข้างๆ ตบไหล่ผมแรงๆ

“กู...”

“บอกกูได้นะเพื่อน” ผมมองหน้าไอ้วสุเพื่อนรัก ผมกำลังลังเลว่าจะบอกมันดีไหม “มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ทำไมหน้ามึง..”
 
“ถ้าสมมตินะมึงมีแฟนแล้วมึงจับได้ว่าแฟนมึงมีเรื่องที่ปิดบังมึงอยู่ แล้วมึงมารู้ทีหลังมึงจะโกรธไหมวะ”

“กูต้องดูว่าเป็นเรื่องอะไร” ไอ้วสุนั่งลูบคางอย่างใช้ความคิด

“ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เหี้ยมากๆ”

“กูก็ต้องพิจารณาว่าจะให้อภัยได้ไหม แต่ถ้ากูรับไม่ได้ร้ายแรงสุดก็คงต้องเลิก”

“เลิก?” และสิ่งที่ผมกลัวก็คือ..เลิกนั่นแหละครับ “เลิกทั้งๆ ที่ยังรัก?”

“ก็คงงั้นกูไม่รู้ว่ะ แต่ถ้ารับได้กูจะไม่เลิก” แล้วผมจะรู้ได้อย่างไงถ้าผมตัดสินใจบอกเด็กบื้อไปอะไรจะเป็นเครื่องยืนยันว่าเด็กบื้อจะไม่บอกเลิกผม “มึงมีอะไรปิดบัง หรือน้องรวยปิดบังอะไรมึง”

“กูแค่ซ้อมบท” ขอโทษนะไอ้วสุตอนนี้กูยังไม่พร้อมที่จะบอกใครจริงๆ

หลังจากที่เลิกเรียนผมตรงมาที่เรียนการแสดงทันทีโดยที่ไม่ได้แวะกลับห้องหรือติดต่อใคร ถ้าถามว่าตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่ ผมตอบได้เลยว่าไม่รู้ ผมไม่สามารถหาคำตอบให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นได้

“พี่บิ๊กกังวลอะไรเหรอครับ? ทำไมวันนี้ดูไม่มีสมาธิเลย” ในช่วงพักครึ่งของคาสการแสดงอชิเดินเข้ามานั่งข้างๆ ผม ผมลืมบอกไปว่าจริงๆ แล้วนิสัยของอชิค่อนข้างน่ารักมากๆ แต่น่ารักในที่นี้ผมขอละเว้นไว้ในฐานะน้องชายมันไม่สามารถพัฒนาเป็นอย่างอื่นได้แล้วเพราะหัวใจของผมมีแค่เด็กบื้อเท่านั้น

“มีเรื่องนิดหน่อย แต่ช่างเถอะวันนี้พี่ขอโทษที่รับส่งบทให้เราไม่ดีนะ”

“เรื่องเล็กมากพี่บิ๊ก ชิจะบอกอะไรให้นะตอนแรกๆ ที่ชิแสดงละครชิมีเรื่องให้กังวลเหมือนกันทางออกคือการปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเองออกมา มันมีหลายวิธีนะแต่วิธีที่ชิชอบใช้มันค่อนข้างแย่แต่ถ้าพี่บิ๊กอยากฟังชิจะเล่าให้...”

“พี่อยากฟัง”

“ถ้าผมกังวลผมจะดื่ม ดื่มให้ลืมมันช่วยได้แค่แป๊บเดียวก็จริงแต่ความรู้สึกตอนนั้นมันโคตรเยียวยาเราเลยพี่บิ๊ก”

“ดื่มอย่างนั้นเหรอ?” จะว่าไปช่วงนี้ผมก็ห่างหายจากแอลกอฮอล์ไปนานพอสมควรถ้าผมลองทำตามวิธีของอชิมันก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร

“ผมไปเป็นเพื่อนพี่ได้นะพี่บิ๊ก เผื่อพี่..อย่ามีคนไปนั่งรับฟัง”

“งั้น..เอาดิ” ถ้าทุกคนกำลังผิดหวังกับผม ผมขอโทษไว้ล่วงหน้าเพราะนี่มันคืออีกตัวตนของผมที่ทุกคนไม่เคยรับรู้มาก่อน คนเรามันมีทั้งดีอยู่ที่ว่าเราจะเลือกแสดงออกมาแบบไหนแต่สำหรับคนเห็นแก่ตัวอย่างผม ผมขอเลือกแสดงด้านที่ดีออกมาให้คนที่ผมรักได้รับรู้แค่ด้านนั้นของผมก็พอ


Maruay’ s talk

วันนี้ก็ถึงวันที่ผมได้ฤกษ์กลับมาซ้อมสักทีหลังจากที่หายไปหลายเดือนเพราะเข้าเฝือกจากอุบัติเหตุคราวก่อน เมื่อได้เห็นสนามได้กลิ่นหญ้าแล้วรู้สึกคันมือคันเท้าอยากจะเตะบอลจริงๆ ครับ คิดแล้วก็ไปเปลี่ยนชุดดีกว่าจะได้ไปวิ่งใกล้ชิดกับหญ้าในสนามไว้ๆ

ผลัก!

ด้วยความที่รีบมากเกินไปทำให้ผมไม่ทันได้สังเกตคนที่กำลังเดินเข้ามาพอดี ทำให้ผมวิ่งชนเขาเต็มๆ แต่โชคดีที่ว่าคนที่ผมวิ่งชนไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพี่ในทีมเหมือนกัน

“พี่คิมผมขอโทษครับ” ผมยกมือขอโทษพี่คิมทันที

“เออๆ ไม่เป็นไรทีหลังมึงก็เดินให้ระวังๆ หน่อยก็แล้วกัน” ผมโค้งให้พี่คิมและเตรียมที่จะเดินเข้าไปด้านในแต่พี่คิมกลับเรียกผมเอาไว้ก่อน “ไอ้รวย”

“ครับพี่” ผมหันหลังกลับไปมองพี่คิมที่มองหน้าผมด้วยสายตานิ่งๆ แต่มุมปากของเขากลับยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“ถ้ามึงรู้ความจริงบางอย่างจากแฟนมึงว่าเขาตั้งใจทรยศมึง มึงจะทำไง”

“ทรยศ?” ผมไม่เข้าใจว่าคำถามที่พี่คิมถามผมต้องการหรือคาดหวังให้ผมตอบแบบไหน แต่ที่แน่ๆ ถ้าผมเลือกตอบตามความจริง โดยอิงจากเฮียบิ๊กที่เป็นคนรักของผม ผมก็คงจะตอบได้เพียงแค่ว่า “ถ้ามันร้ายแรงจนผมรับไม่ได้ก็คงเลิก”

“แล้วมึงไม่รักเขาเหรอวะ?”

“ก็รักนะพี่..แต่ความรักกับการที่เขาตั้งใจทรยศเรามันคนละเรื่องกัน พี่ถามอะไรซีเรียสจังวะพี่คิม”

“เปล่า กูแค่ถามดูพอดีเพื่อนสนิทกูกำลังมีเรื่องปิดบังแฟนมันอยู่มันมาปรึกษากู แต่กูไม่รู้จะตอบอย่างไงเลยหาถามเขาไปเลื่อยเผื่อมีคำตอบดีๆ ไปให้มัน” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“งั้นผมไปก่อนนะพี่ เจอกันในสนาม” ผมหันหลังเดินกลับมา จะว่าไปพี่คิมก็เป็นพี่ในทีมที่ผมไม่ค่อยได้คุยเรื่องส่วนตัวกันเท่าไหร่ ส่วนมากก็เป็นเรื่องบอลมากกว่า แต่พอมาคราวนี้พี่คิมถามผมด้วยคำถามบวกกับสายตาและรอยยิ้มแบบนั้น ลางสังหรณ์ของผมมันบอกว่าเรื่องนี้มันอาจจะเกี่ยวข้องกับผม..ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ผมมั่นใจว่าเฮียบิ๊กไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอนแต่ถ้าเป็น..ผมคิดว่าผมใจดีกับทุกเรื่องแต่เรื่องการทรยศหรือหักหลังเรื่องนี้น่าจะเป็นข้อยกเว้น

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่คิมต้องเจอกระทืบ

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 18
แตกเป็นแตก (ความลับไม่ได้มีในโลก)

“มึงไม่มีสมาธิเลยนะไอ้รวย เป็นอะไรของมึงวะ?” หลังจากช่วงซ้อมเสร็จผมถูกพี่ๆ ในทีมตำหนิเรื่องฟอร์มการเล่นของผมวันนี้ ซึ่งมันเป็นอย่างที่พี่ๆ พูดไม่มีผิดผมยอมรับเลยว่าผมไม่ค่อยมีสมาธิกับกิจกรรมตรงหน้าสักเท่าไหร่ เพราะในหัวของผมมันยึดติดกับความฝันรวมถึง...ท่าทางแปลกๆ ของเฮียบิ๊กกับสิ่งที่พี่คิมถามผมวันนี้ มันดูทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมดจนหน้าประหลาด ผมไม่ค่อยฝันซักเท่าไหร่แต่ถ้าผมฝันเรื่องทุกอย่างที่ฝันมันมักจะเป็นเรื่องจริงเสมอ

“ขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ” มีเพียงแค่คำว่าขอโทษเท่านั้นที่ผมจะสามารถพูดออกไปได้ ไม่มีข้อแก้ตัว สายตาของพี่ๆ ในทีมมองผมด้วยความผิดหวังเพราะเมื่อก่อนผมไม่เคยเป็นแบบนี้ สิ่งที่ผมโฟกัสมากที่สุดคือฟุตบอลเพียงแต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่

“ไม่ได้อยากจะก้าวก่ายแต่ถ้าเป็นเพราะเรื่องส่วนตัวโค้ชก็คงต้องพิจารณามึงใหม่เรื่องตัวจริงในการแข่งครั้งหน้า นี่มันไม่ใช่ครั้งแรก ไอ้คิมมึงเตรียมตัวลงแทนไอ้รวยมันด้วยหละ” โค้ชทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้ผมนั่งพิจารณาอยู่กับตัวเองที่เดิม

“ไง?” ผมเงยหน้าขึ้นก่อนจะเห็นว่าเป็นพี่คิมที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผม “มึงคิดมากอะไรวะ”

“ไม่มีครับ”

“ถ้าเป็นเรื่องที่กูพูดมึงก็อย่างใส่ใจเพราะกูก็พูดไปอย่างนั้น หรือว่าเรื่องที่กูพูดมันดันไปตรงกับเรื่องของมึงอย่างนั้นเหรอ?” ผมมองหน้าพี่คิมอย่างไม่เข้าใจกับคำถามที่ถามผม

“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ ผมไปก่อนนะ” ผมยันตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากสนามตรงไปที่ห้องเปลี่ยนชุดแต่ผมกลับต้องหยุดชะงักเพราะคำพูดของพี่คิม

“กูบอกตามตรงว่ากูไม่ชอบมึงตั้งแต่เข้ามาเป็นตัวจริง จนกระทั่งถึงตอนนี้กูก็ยังไม่ชอบ อะไรที่มันทำให้มึงล้มได้กูก็ทำ..แต่ไม่มคิดว่ามันจะไวขนาดนี้....” ผมว่างานนี้พี่คิมเกี่ยวด้วยเต็มๆ แต่มันจะตรงกับความฝันของผมไหมก็ต้องมาตามสืบกันอีกที

“ถ้าผมล้มผมไม่ยอมล้มคนเดียว” ผมทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกมาจากสนามโดยไม่สนใจสายตาของพี่คิมที่มองตามผมมาเรื่อยๆ

“เด็กอวดดี” ถ้าถามว่าอะไรคือความเกลียดที่เขามีต่อเด็กที่ชื่อมารวยก็คงเป็นเพราะ..ความมั่นใจที่ไม่ได้ออกผ่านทางคำพูดแต่มันออกมาจากการกระทำและแววตา วันแรกที่มารวยถูกคัดเข้ามาเล่นเป็นตัวแทนของมหาลัย เขายอมรับเลยว่าฝีมือของเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจก็คือ

‘คิมเดี๋ยวให้รวยลงแทนมึงนะ เป็นตัวสำรองไปก่อน..’

‘แต่โค้ชบอกว่าผมเป็นกองหน้าที่เก่งที่สุดไม่ใช่เหรอครับ? แล้วทำไมถึงไว้ใจเด็กใหม่ในแมตใหญ่ๆ แบบนี้’

‘ให้โอกาสน้องมันหน่อยก็แล้วกัน’ มันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามีอคติกับเด็กคนนี้ แต่ยังคงสงวนท่าทีเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ แต่แล้วเขาก็มองเห็นโอกาสเมื่อเพื่อนโง่ๆ อีกคนของเขากำลังอยากจะสนุกเขาก็มีอะไรสนุกๆ ให้มันทำโดยใช้เด็กที่เขาต้องการจะกำจัดเป็นเครื่องมือ ยอมรับว่าเลวแต่..อยากบอกว่าเลวได้มากกว่านี้ ไม่เชื่อคอยดู


Say’ s talk

ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมถึงมีบทพูดให้ตัวประกอบอย่างผม ผมเซย์ อย่างที่ทุกคนรู้ดีว่าผมเคยชอบมารวยแต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปเพราะคนที่ผมชอบคือคนที่ผมเคยเกลียด ไม่ใช่แค่ผมแต่เป็นมันด้วยที่เกลียดผมเหมือนกัน

“ไอ้บุ๊คมึงไม่กินผักอีกแล้วนะ” หลังจากเลิกซ้อมผมตรงมาที่ร้านข้าวที่นัดกับไอ้บุ๊คไว้ ใช่ครับเรื่องของผมกับไอ้บุ๊คมันค่อนข้างยาวมากเอาไว้ถ้ามีโอกาสผมจะมาเล่าตั้งแต่ต้นจนจบให้ฟังนะครับ

“เสือกจัง งั้นก็แดกให้กู” ไอ้บุ๊คตักผักในจานของมันมาใส่ในจานของผมด้วยสีหน้าหงุดหงิด ไอ้บุ๊คมันมีความสามารถพิเศษอยู่หนึ่งอย่างครับคือการมีสีหน้าหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา

“กินเหล้ากันไหมคืนนี้” ไอ้บุ๊คเงยหน้าขึ้นมามองผมทันทีที่ออกปากชวนมัน

“นึกไงชวน?”

“ตกลงไหมละ กูเลี้ยง”

“ก็ไม่ขัด” ไอ้บุ๊คยักไหล่ด้วยท่าทางเหมือนไม่สนใจแต่มุมปากของมันแอบยิ้มเล็กน้อย ไอ้นี่มันขี้เหล้าครับถ้าอยากเอาใจก็แค่เอ่ยปากว่าจะเลี้ยงเหล้าเท่านั้นจากหน้ามือจะเปลี่ยนเป็นหลังตีนเลยครับ “ชวนไอ้รวยไหม มันน่าจะอยู่ห้องคนเดียวช่วงนี้เฮียกูกลับดึก”

“ทำไมกลับดึก”

“ไม่เสือกดิ”

“แต่มึงพูดให้อยากรู้นะไอ้บุ๊ค” ถ้าอยู่กับไอ้บุ๊คได้เกินหนึ่งชั่วโมงคุณจะมีความสามารถในเรื่องของการฝึกความอดทนไปในตัว แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่เคยโมโหกับมันนะแต่ถ้าอยากได้มันก็ต้องใจเย็น “เออ จะบอกว่าช่วงนี้รวยมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า เห็นตอนซ้อมไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่” ผมนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อเย็นที่รวยโดนโค้ชว่าก็เพราะโค้ชคาดหวังกับรวยเอาไว้มากๆ เขาก็คงไม่อยากให้รวยโฟกัสเรื่องอื่น

“เฮียกูมั้ง โดนเอาแล้วคงระแวงกลัวโดนทิ้ง”

“แล้วมึงกลัวกูทิ้งไหม ที่โดนกูเอา”

เคร้ง!

“ถ้าไม่อยากเลือดออกก็แดกไป อย่าทำให้กูโมโหไอ้เหี้ยเซย์”

“ก็พึ่งรู้ว่ามึงโมโหแล้วหน้าแดง”

“สัด!!” ก็อย่างนี้แหละครับอย่างที่โบราณเขาว่าทะเลาะบ่อยๆ ลูกจะดกความรักจะยืนยาวแม้ว่าตอนนี้มันจะยันปากแข็งอยู่ก็ตาม แต่ผมรู้ว่ามันอะก็เริ่มมีใจให้ผมบ้างแล้วไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่ผมดูออก “ไอ้เซย์ผู้หญิงโต๊ะหลังมองมึงนานละ ไปคุยให้จบๆ ไปกูรำคาญ”

“แน่ใจว่าอยากให้กูไป?”

“ก็ถ้าไปมึงจะรู้ว่ากูอยากหรือเปล่า”

“กูไม่ไปหรอก หึ” ไม่อยากเสี่ยงครับเคยเจอมันต่อยจนเลือดกบปากมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่อยากจะเจออีก เก็บไว้ให้มันต่อยตอนทำมันเจ็บดีกว่าคุ้มกว่าเยอะ

“งั้นกูไปพร้อมไอ้รวยนะ มึงไปเจอที่ร้านเลย” หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมกับไอ้บุ๊คก็เตรียมตัวกันแยกย้าย โดยที่ไอ้บุ๊คมันจะกลับไปอาบน้ำที่หอส่วนผมก็จะกลับไปอาบน้ำที่หอของตัวเอง

“ได้”

“ไอ้เซย์” ผมหันกลับไปมองไอ้บุ๊คหลังจากที่ผมเตรียมคร่อมมอเตอร์ไซต์ขับกลับหอ

“ว่า?”

“มึงอย่าขับเร็วนะ..เอ่อ กูไปละ” และแล้วไอ้คนปากอย่างใจอย่างก็รีบหันหลังเดินหนีไป ก็อย่างนี้แหละครับก็ต้องให้เวลากันไป ผมรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันทำใจยอมรับยากโดยเฉพาะคนที่ไม่เคยคิดว่าจะได้คบกับผู้ชายด้วยกันอย่างไอ้บุ๊ค



@KJH Bar

ผมมาก่อนพวกนั้นเพราะต้องมาจองโต๊ะเดี๋ยวจะไม่มีที่นั่งขนาดผมมาเร็วแล้วโต๊ะยังเกือบเต็ม ทำให้ผมต้องมานั่งแถวๆ มุมอับของร้าน ปรกติถ้าเลี่ยงได้ผมจะไม่นั่งตรงนี้เพราะหาเหยื่อยากแต่ช่วงนี้ผมจำศีลเลยไม่ค่อยแคร์เรื่องโลเคชั่นเท่าเมื่อก่อน

“เดี๋ยว..เซย์ ไอ้บุ๊คกูงง” ทันทีที่รวยเห็นผมจึงหันกลับไปมองหน้าเพื่อนสนิทของตัวเองด้วยความสงสัย ในสายตารวยผมกับไอ้บุ๊คคือคนที่ไม่กินเส้นกันซักเท่าไหร่

“เออ เดี๋ยวบอก” ไอ้บุ๊คดันหลังรวยให้นั่งลงบนเก้าอี้ส่วนมันเองก็นั่งลงข้างๆ รวยอีกที “เอาไร เบียร์หรือเหล้า”

“เหล้า เบียร์เดี๋ยวลงพุง” ผมตอบไอ้บุ๊คก่อนที่มันจะลุกออกไปจัดการกับเครื่องดื่มที่บาร์อีกด้าน ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมกับรวยสองคน

“เซย์บอกเราที เราไม่เข้าใจ”

“คือ..เราไม่รู้ว่าบุ๊คบอกอะไรรวยไปบ้าง แต่ถ้าบุ๊คพูดประมาณว่าช่วงนี้หายไปไหนก็คือมาอยู่กับเรา” ผมเองตอบกั๊กเอาไว้เพราะผมไม่รู้ว่าไอ้บุ๊คมันบอกอะไรรวยไปบ้าง แต่ที่แน่ๆ ปฏิกิริยาของรวยตอนที่เห็นผมนั่งอยู่ก็เดาได้ไม่ยากว่าไอ้บุ๊คน่าจะไม่ได้บอกว่ามันหายไปกับผม

“อย่าบอกนะว่าเซย์คือคนที่ทำให้ไอ้บุ๊คร้องไห้?”

“ห้ะ? เดี๋ยวอันนี้เราไม่รู้”

“คือ...ช่างเถอะเดี๋ยวเราถามไอ้บุ๊คเอง” อันนี้เป็นความรู้หใม่เลยก็ว่าได้ว่าผมทำไอ้บุ๊คร้องไห้เพราะต่อหน้าผมไม่ว่ามันจะเจ็บแค่ไหนผมก็ไม่เคยได้เห็นน้ำตาของมัน..

“มาแล้ว ของมึงไอ้รวยเอาให้เต็มที่ไอ้เซย์เลี้ยง กูแดกเบียร์ไปเหล้ามันแพง” ผมมองหน้าไอ้บีคยิ้มๆ แต่ก็ไม่ได้พูดขัดอะไร จนกระทั่งดนตรีสดในร้านเริ่มเล่น ผมก็ไม่รู้นะว่าทำไมร้านเหล้าชอบเปิดเพลงเศร้าๆ แต่ที่แน่ๆ เพื่อนของผมคนหนึ่งแม่งอินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

สุดท้ายแล้วเธอไม่โกหกแต่ลืมบอกกันว่าไม่รัก ฉันโดนหลอกเธอบอกกันเธอใจร้าย
สุดท้ายแล้วเป็นไง เธอทิ้งตัวฉันไป แต่อันที่จริงฉันไม่รักเธออยู่แล้ว

“เนื้อเพลงแม่งโดนฉิบหาย!” ตั้งแต่สามปีที่เป็นเพื่อนหรืออยู่ทีมเดียวกับรวยมาผมไม่เคยได้ร่วมวงกินเหล้ากับรวยเลยสักครั้ง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เห็นว่ารวยค่อนข้างที่จะปล่อยอารมณ์ผมผสมแอลกอฮอล์แบบนี้ “ไอ้บุ๊คไปเอามาให้กูอีก”

“ไอ้รวยเบาก่อนยังไม่ค่อนคืนเลย” บุ๊คเอ่ยปรามเพื่อนรัก

“เดี๋ยวเราไปเอาให้”

“ไอ้เซย์!” ผมยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนจะเดินไปเอาเบียร์มาเพิ่มอีก แต่แล้วสายตาผมดันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่มีหน้าตาคล้ายกับไอ้บุ๊คอย่างไม่มีผิด โดยที่ข้างๆ ของเขามีผู้ชายหน้าตาดีนั่งอยู่ด้วย...

“พี่ไอ้บุ๊คนี่หว่า” เมื่อมองดีๆ แล้วผู้ชายคนนั้นคือพี่ชายของไอ้บุ๊คที่ผมเคยเจออยู่หลายครั้ง ส่วนมากจะเจอในรูปแบบที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ สีหน้าตอนนี้ของพี่ชายไอ้บุ๊คอมทุกข์ไม่ต่างจากรวยสักเท่าไหร่ อย่าบอกนะว่าสองคนนี้มีเรื่องกันอย่างนั้น

“เบียร์สามขวดครับ” ผมรับขวดเบียร์มาถือไว้ก่อนจะเดินกลับโต๊ะไปด้วยความสงสัยแต่ผมก็ไม่ได้บอกทั้งสองคนว่าผมเจอพี่ชายของไอ้บุ๊ค

“แต๊ง!” รวยคว้าเบียร์ในมือของผมยกขึ้นกระดก “กูเกลียดฉิบหายไอ้รุ่นพี่เหี้ยๆ ต่อหน้าคนอื่นทำดีกับกู มาสอนมาแนะนำสุดท้ายแม่งก็ต้องการให้กูล้ม กูบอกแล้วถ้ากูล้มมึงก็ต้องล้ม สัด!” ผมกับไอ้บุ๊คมองหน้ากันอึ้งๆ เมื่ออยู่ๆ รวยอีกเวอร์ชันที่ผมไม่เคยเห็นก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า

“มึงเครียดอะไร ไหนบอกกู” ไอ้บุ๊คขยับเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะโอบคอของมารวยและดึงเข้ามาใกล้ๆ ตัวมัน ยอมรับว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่พยายามจะเข้าใจก็แล้วกัน

“ไอ้เหี้ยคิม...ไอ้เหี้ยนี่มันไม่ชอบกู”

“แล้วอย่างไงต่อ” ผมนั่งฟังในสิ่งที่รวยพูดออกมา เขาบอกว่าคนเมามักจะไม่โกหกผมว่าผมพอจะเข้าใจก็วันนี้ สรุปใจความจากเรื่องที่รวยเล่าก็คือพี่คิม พี่ในทีมพูดกับรวยในช่วงเย็นประมาณว่าไม่ชอบรวยตั้งนานแล้ว อันนี้ผมก็พอจะรู้จากสายตาที่พี่คิมมองรวย แต่รวยเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเลยไม่สนใจสายตาหรือท่าทางของพี่คิมสักเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเพราะเรื่องหลังจากนั้น

“กูว่าพี่คิมกับเฮียบิ๊กต้องมีอะไรปิดบังกูสักอย่าง”

“เกี่ยวอะไรกับเฮียกูวะ?”

“ก็กูฝันว่าเกี่ยว”

“ไอ้รวยเลอะเทอะแล้วมึง” ไอ้บุ๊คตบหัวรวยเบาๆ แต่สิ่งที่ผมเหลือบไปเห็นต่อจากนี้คือพี่คิม..เดินตรงไปหาพี่ชายของไอ้บุ๊คก่อนที่พี่ชายของไอ้บุ๊คจะลากพี่คิมออกไปด้านนอก

“ไอ้บุ๊ค นั่น” ผมชี้ไปด้านหลังทำให้ไอ้บุ๊คหันไปมองก่อนที่มันจะกลับมามองมารวยที่ตอนนี้ฟุบหน้าไปกับโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย

“ไปกับกู” ไอ้บุ๊ครีบลุกขึ้นเดินตามหลังพี่ชายมันไปติดๆ ก่อนที่ผมจะรีบเดินตามไปด้วย จังหวะที่ไอ้บุ๊คจะโผล่หน้าออกไปผมรั้งคอเสื้อมันไว้ก่อน

“ทำไม? กูจะไปถามเฮียกูให้รู้เรื่อง”

“เชื่อกูว่าฟังตรงนี้ก่อน” ผมลากไอ้บุ๊คที่ใจร้อนมาหลบอยู่อีกฝั่งแต่สามารถได้ยินบทสนทนาของพี่ชายมันได้ ตอนนี้พี่คิมจุดบุหรี่สูบก่อนจะยื่นไปให้พี่ชายให้บุ๊คอีกตัว

“ไอ้คิมมึงตามกูมาทำไม” พี่ชายไอ้บุ๊คเป็นฝ่ายเปิดหลังจากที่รับบุหรี่ขึ้นมาสูบด้วยสีหน้าเครียดๆ “กูว่ากูบอกมึงไปชัดแล้วนะ”

“กูไม่ตกลงไง” พี่คิมตอบ

“มึงต้องการอะไร”

“ทำอย่างไงก็ได้ให้ไอ้เด็กนั่นเลิกเล่นฟุตบอล”

“.....!!!” ไม่ใช่แค่พี่ชายไอ้บุ๊คที่ตกใจผมกับไอ้บุ๊คเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่พี่คิมพูดออกมาแบบนั้น ตอนนี้ผมเริ่มปะติดปะต่อกับสิ่งที่มารวยพูดออกมาก่อนหน้า

“แต่รวยรักฟุตบอล...”

“มึงเคยรั้งให้มันโดดซ้อมตั้งหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ..อย่ามาบอกว่าตอนนี้ทำไม่ได้” อย่าบอกว่าที่ผ่านมาพี่ชายไอ้บุ๊คเป็นต้นเหตุให้มารวยโดดซ้อม..ผมก็คิดไม่มีผิดเพราะปรกติรวยไม่ใช่คนแบบนี้

“ไอ้คิมแค่นี้กูก้รู้สึกผิดจะแย่แล้ว ถ้าให้กูทำแบบนั้นอีกกูทำไม่ได้จริงๆ”

“งั้นมึงก็เลิกกับมันซิ เลิกกับมันให้กูดูแล้วกูจะหยุดทุกอย่าง”

“แต่กูรักมารวย กูรักมารวยจริงๆ ไอ้คิม!” พี่ชายไอ้บุ๊คตะโกนใส่หน้าพี่คิมด้วยความเหลืออด แต่สิ่งที่ผมรับรู้ได้ตอนนี้คือไอ้บุ๊ค.. “กูรักมารวยคือเรื่องจริงได้ยินไหม!”

“เฮียกู..กับไอ้พี่คิมนั่นมันอย่างไงวะ” คือไม่บุ๊คยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“รอดู.....” ยังไม่ทันที่ผมพูดจบพี่คิมกลับยื่นหน้าเข้าไปจูบพี่ชายของมารวยทันทีโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว แต่แล้วพี่คิมก็ถูกผลักกระเด็นออกมา

“เหี้ย......” ผมกับไอ้บุ๊คอุทานออกมาพร้อมกันทันทีที่เห็นแบบนั้น ด้วยความที่ผมมีสติมากกว่ารีบเอามือปิดปากไอ้บุ๊คเอาไว้ก่อนที่มันจะตะโกนออกไป

“ไอ้คิมเรื่องของกูกับมึงมันจบไปแล้ว! มึงมีแฟนกูก็มีแฟนแล้ว!!!” พี่ชายไอ้รวยกระชากคอเสื้อของพี่คิมแรงๆ ก่อนจะดันหลังพี่คิมไปติดกับกำแพง “เราสองคนไม่เคยรักกันมันแค่..สนุกตอนนั้น โอเคกูขอโทษที่กูมักง่ายแต่มันก็แค่ครั้งนั้นป่าววะ”

“ไอ้บิ๊กมึงเหี้ยเนอะ! ตอนมึงทะเลาะกับแตมมึงก็มาเอากับกู ขอร้องให้กูอยู่ด้วย..แต่พอมึงสนุกกับไอ้เด็กนั่นมึงทิ้งกูง่ายๆ อย่างนั้น?”

“มึงไม่ใช่เหรอที่แนะนำรวยให้กู”

“.....”

“กูเหี้ยเองไอ้คิม ให้มันจบแค่นี้เถอะกูขอร้อง จะทำอะไรก็มาลงที่กูอย่ายุ่งกับรวย” พี่ชายของไอ้บุ๊คกำลังจะเดินออกมาทางนี้ทำให้ผมรีบดึงไอ้บุ๊คให้หลบไปอีกทาง

พรึบ!

“ไอ้บิ๊ก...กูว่ากูรักมึง” ทุกอย่างมันซับซ้อนมากกว่าที่พวกผมคิด..เมื่ออยู่ๆ พี่คิมวิ่งมากอดเอวพี่ชายของไอ้บุ๊คเอาไว้ พี่คิม..ที่ผมไม่เคยคิดว่าพี่เขาจะเป็นแบบนี้เพราะภายนอกพี่คิมโคตรแมนแถมยังมีแฟนเป็นผู้หญิงที่โคตรสวยแล้วทำไมถึงมาอ้อนวอนพี่ชายของไอ้บุ๊คอย่างไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้

“แต่กูไม่ได้รักมึง...” ผมว่าตอนนี้มีคนช็อคหนึ่งอัตราแล้วครับ ใครก็ได้ช่วยผมลากไอ้บุ๊คไปเก็บที งานนี้มีแตกแน่นอนผมรับประกัน


Book’ s talk

ถ้าถามว่าผมรักเฮียบิ๊กมากแค่ไหนผมตอบเลยว่ารักมาก แต่การที่ผมได้ยินและรับรู้ในเรื่องเมื่อสักครู่บอกได้คำเดียวว่าผิดหวัง ผมผิดหวังกับเฮียมากๆ ผมผิดหวังที่ผมไว้ใจและเคยยืนยันกับไอ้รวยว่าเฮียบิ๊กไม่มีทางหลอกมัน แต่แล้วคำพูดของผมมันก็เชื่อไม่ได้เพราะเฮียบิ๊กคนนี้ไม่ใช่เฮียที่ผมเคยรู้จัก เฮียบิ๊กเลวมากกว่าที่ผมคาดคิด ถ้าเฮียบิ๊กมาขอโทษบอกได้เลยว่าผมไม่ให้อภัยกับสิ่งที่ทำไว้กับเพื่อนผมอย่างแน่นอน ไอ้รวยมันเป็นคนดีเกินกว่าที่จะต้องมาเจอเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้ ผมว่าผมเจอเรื่องที่เหี้ยแล้วแต่มันยังไม่ถึงครึ่งกับสิ่งที่ไอ้รวยเจอเลย

“มึงจะเอาไงไอ้บุ๊ค” ผมกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับไอ้เซย์มองดูไอ้รวยที่ยังคงฟุบอยู่กับโต๊ะไม่รู้เรื่อง

“ไอ้เซย์ถ้าสมมติว่ามึงกับกูได้เป็นแฟนไอ้รวยจริงๆ อย่างที่เราหวัง มันคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้มึงว่าไหม?” และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกผิดคือผมควรแย่งไอ้รวยกลับมาไม่ควรปล่อยให้ไอ้รวยต้องเจอกับสิ่งที่เลวร้ายแบบนี้ ผมว่าผมเป็นเพื่อนที่เหี้ยแต่ผมคงเป็นแฟนหรือคนรักที่ดีของมันได้

“บุ๊ค..มึงอย่าทิ้งกูดิ เมื่อก่อนกูชอบรวยอันนี้จริง แต่ตอนนี้กูชอบมึง”

“ไม่ใช่เวลามาพูดความในใจไหมไอ้สัด เครียดอยู่” ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างใช้ความคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่อยู่ๆ โทรศัพท์ของไอ้รวยดังขึ้นก่อนจะเห็นว่าเป็นเฮียของผมเองที่โทรเข้ามา

“กูรับดีไหม?” ผมถามคนตรงหน้าเพื่อขอความคิดเห็น

“รับดิ ทำเหมือนมึงไม่รู้เรื่อง”

“โอเค” ผมสุดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกดรับสายแทนไอ้รวย “ผมเองเฮีย ไอ้รวยเมาหลับไปแล้ว”

(ห้ะ?? เด็กบื้ออยู่กับตี๋เหรอ? อยู่ที่ไหนทำไมไม่บอกเฮีย) ผมกัดฟันเพื่อระงับอารมณ์ของตัวเองที่ตอนนี้อยากจะตะโกนด่าเฮีย..ไม่ซิผมอยากต่อยให้เลือดชั่วๆ ของเฮียไหลออกมาเพื่อลบล้างสิ่งที่ทำกับเพื่อนของผม

“อยู่ KJH เฮียจะมารับมันไหม”

(เอ่อ.. เดี๋ยวเฮียไปรับนะ ตี๋อยู่กับรวยก่อน)

“เฮียอยู่ไหน”

(เฮียอยู่...) ถ้าเฮียโกหกผม.. (เฮียอยู่หอ)

“ครับ” ขอโทษนะ..เฮียเลือกที่จะโกหกผมเอง ตอนนี้ผมก็ไม่สามารถช่วยอะไรเฮียได้ แต่สิ่งที่ผมช่วยได้คือพาไอ้รวยออกมาจากชีวิตเฮีย

“ไอ้บุ๊คใจเย็น นั่นพี่ชายมึง” ไอ้เซย์เลื่อนมือมากุมมือของผมเอาไว้เบาๆ พยายามเตือนสติและให้ผมระงับอารมณ์โกรธของตัวเองให้ได้ “กูรู้มึงโกรธแต่ถ้ามึงโกรธตอนนี้มันไม่ช่วยอะไรนอกจากมึงจะได้แค่ความสะใจ”

“....”

“มึงร้อน..กูจะเย็นให้มึงนะ” ก็บอกแล้วไงว่าอย่ามาทำซึ้งทำโรแมนติกแถวนี้ ไอ้ฉิบหายเอ้ย! กูจะร้อนมากกว่าเก่าก็เพราะมึงนี่แหละ แต่เอาเถอะครับแค่คำพูดกับมือที่สัมผัสกันเบาๆ มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย และรอเวลาให้เฮียบิ๊กมารับไอ้รวยกลับ ผมอยากดูหน้าคนตอแหลครับว่าเฮียผมมันจะตอแหลได้เนียนขนาดไหน

“เฮียทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมตี๋มองหน้าเฮียแบบนั้น?” หลังจากที่เฮียบิ๊กแสร้างว่าอยู่หอกำลังมารับไอ้รวย พอมาถึงผมก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่มองเฮียนิ่งๆ ก็เท่านั้น “แล้วมึงมาได้ไง” เฮียชี้ไปที่ไอ้เซย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม

“พาไอ้รวยกลับไปก่อนเฮียอย่าพึ่งถามมาก” ผมพยายามคุมเสียงของตัวเองแล้ว แต่มันไม่ได้จริงๆ จนกระทั่งไอ้เซย์เอื้อมมือของมันมากุมมือของผมไว้ใต้โต๊ะแล้วเขี่ยเบาๆ ให้ผมใจเย็น

“อืม งั้นเฮียไปก่อนนะ” เฮียบิ๊กอุ้มไอ้รวยเดินออกไปแต่สายตาของเฮียยังมองมาที่ไอ้เซย์อย่างไม่ไว้ใจ

“เฮียมึงมองหน้ากูเหมือนอยากเข้ามาต่อยอะ ถ้ารู้ว่ากูกับมึง...”

“พอได้แล้วไหม แล้วก็ไม่ต้องมาจับมือกู” ผมสะบัดมือของมันออกก่อนจะยกเหล้าที่เหลือขึ้นมาดื่มให้เมา เผื่อมันจะได้ลืมความเครียดนี้บ้าง

แต่ใครจะไปรู้ว่าน้ำตาของคนที่แสร้งว่าไม่รู้เรื่อง ปล่อยให้ทุกคนคิดว่าเมากลับไหลออกมาอย่างไม่หยุดจนกระทั่ง....

“เฮียรักเราจริงๆ นะครับเด็กบื้อ”

ทันทีที่สัมผัสจากริมฝีปากประทับลงมาบนหน้าผากของเขาเบาๆ สมองสั่งการว่ายังไหว แต่ใจตอนนี้เต็มไปด้วยแผล..


#ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่าเฮียบิ๊ก
#ส่วน เซย์บุ๊ค อาจจะมา...............( มั้ง)

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
งานนี้ต้องพามารวยหนี!!! หนีออกจากชีวิตเฮีย

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 19
เลวได้มากกว่านี้

BIG’ s talk

“น้ำตาไหลทำไมครับ?” หลังจากที่ผมอุ้มร่างของเด็กบื้อมาไว้ที่เตียงจัดการเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ตอนนี้ผมนอนตะแคงพลิกตัวหันมาเกลี่ยผมเด็กบื้อเบาๆ แต่สิ่งที่ผิดสังเกตคือน้ำตาที่ไหลออกมาภายใต้ดวงตาที่ปิดสนิท หรือว่าเด็กบื้อของผมกำลังฝันร้าย

“อย่าโกรธเฮียเลยนะ อย่าโกรธเฮียเลย” ผมไม่รู้ว่าทำไม..ผมถึงรู้สึกเจ็บปวดกับท่าทางของเด็กบื้อขนาดนี้ ผมรู้สึกผิดที่ปิดบังและเคยคิดที่จะทำลายอนาคตของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผม...รักมารวยมาก รักแบบที่ไม่เคยรักใครมาก่อน

ทุกคนอยากรู้ไหมครับว่าผมทำเลวไว้กับเด็กบื้อเรื่องไหนบ้าง..ถ้าให้เล่าให้หมดก็คงจะใช้เวลายาวนานสักหน่อย แต่ถ้าอยากฟังผมจะเล่าให้ฟังครับ เริ่มจากเรื่องแรกเลยก็แล้วกันผมรู้จักกับไอ้คิมผ่านทางแตมที่เป็นแฟนเก่าของผม แตมกับคิมเป็นเพื่อนคณะเวลาที่ผมไปหาแตมก็จะต้องเจอกับไอ้คิมอยู่เกือบทุกครั้งจนผมเริ่มสนิทกับมัน มีอะไรผมก็เลือกที่จะเล่าให้มันฟังทุกอย่างแม้กระทั่งวันที่ผมกับแตมทะเลาะกันหนักๆ ก็มีไอ้คิมที่คอยรับฟัง ด้วยความเมาบวกกับความเหงาหรืออะไรก็ตามทำให้ผมเผลอมีอะไรกับไอ้คิมซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน...

ใช่ครับ ผมโกหกทุกคนว่าเด็กบื้อคือผู้ชายคนแรกของผม ทุกคนไม่สงสัยเหรอว่าทำไมผมต้องไปตรวจร่างกายขนาดนั้นก็เพราะ..ผมมีอะไรกับไอ้คิมโดยที่ไม่ป้องกันแม้ว่ามันจะไม่ได้บ่อยแต่ก็ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ถึงผมเลวแต่ผมเองก็ไม่เลวพอที่จะเห็นแก่ตัวเอาเชื้อโรคไปติดคนที่ผมรักอย่างนั้น โดยที่ผมกับมันตกลงกันเอาไว้ว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนมันคือเพื่อนธรรมดาแค่นั้นไม่มีความลึกซึ้งแอบแฝงเพราะมันเองก็มีแฟนอยู่แล้วเหมือนกัน จนกระทั่งวันที่ผมถูกแตมบอกเลิก..ผมยอมรับว่าเสียใจมากแต่สาเหตุหลักๆ ก็มาเพราะนิสัยส่วนตัวของผมที่ขี้หึงระแวงไปเองว่าแตมจะแอบไปมีคนอื่นเหมือนอย่างที่ผมทำ สำนวนที่ว่าวัวสันหลังหวะโคตรจะตรงกับผมเลย จนกระทั่งแตมทนไม่ไหวและจบความสัมพันธ์กับผมทันที และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมหาความสนุกเล่นๆ ใส่ตัวโดยพนันกับไอ้คิมว่าถ้าผมสามารถทำให้เด็กบื้อรักผมได้ไอ้คิมต้องให้เงินผมตามที่ตกลงกันเอาไว้ เอาจริงๆ เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะเรื่องสำคัญจริงๆ คือความสนุกและสะใจเท่านั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าการที่ผมเอาตัวเองเข้ามาใกล้ๆ มันทำให้ผมถลำลึกไปเอง ผมแพ้ให้กับนิสัยซื่อๆ ของเด็กบื้อ การเอาใจใส่ เรียกได้ว่าทุกอย่างเลยที่ทำให้ผมรักจริงๆ

แต่ข้อตกลงของผมกับไอ้คิมมันไม่ได้มีเงินพนันเท่านั้น เพราะ..ไอ้คิมมันต้องการให้ผมรั้งเด็กบื้อเอาไว้ไม่ให้ไปซ้อมในช่วงเย็น หรือถ้าซ้อมผมต้องไปนั่งเฝ้า...ไม่ใช่อะไรแต่เพราะต้องการให้เด็กบื้อเสียสมาธิเท่านั้น มันให้เหตุผลว่าเด็กบื้อของผมทำให้มันต้องตกอันดับการแข่งขัน อะไรที่สามารถทำให้ฟอร์มการเล่นของเด็กบื้อดรอบลงได้และหนึ่งในนั้นก็คือผมเองที่เป็นต้นเหตุให้ฟอร์มการเล่นของเด็กบื้อเป็นไปอย่างที่ไอ้คิมต้องการ แรกๆ ผมก็สนุกหลังๆ ผมไม่สนุกด้วยเพราะผมรู้ว่าฟุตบอลเป็นสิ่งที่เด็กบื้อของผมรักมากที่สุด แต่ความรู้สึกผิดมันเข้ามาจู่โจมหัวใจของผมในแค่ช่วงหลังๆ เท่านั้น ที่ผ่านมาผมทำให้เด็กบื้อสูญเสียโอกาสไปหลายอย่างโดยตั้งใจ ผมผิดผมยอมรับ

เรื่องที่ผมโกหกมันก็มีเท่านี้แหละครับหรืออาจจะมากกว่านี้ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

“.......” ผมนอนกุมมือของเด็กบื้อตลอดทั้งคืนเหมือนกำลังกลัวว่าวันหนึ่งผมจะไม่มีคนที่คอยอยู่ข้างๆ เหมือนอย่างวันนี้ แต่แล้วความรู้สึกบางอย่างของผมมันก็ผุดขึ้นมา ในเมื่อผมกลายเป็นคนเลวแล้วผมก็สามารถเลวได้มากกว่านี้ ใช้ความเลวของผมรั้งเด็กบื้อเอาไว้ ใครจะว่าเห็นแก่ตัวก็ช่างเพราะมันเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ผมไม่ต้องเสียเด็กบื้อไป หรือไม่ก็อาจจะเสียไปตลอดการ


Maruay’ s talk

อย่าทำร้ายผมไปมากกว่านี้อีกเลย....

นี่คือสิ่งที่ผมคิดในตอนนี้หลังจากที่บังเอิญไปรู้ความจริงบางอย่าง ความรู้สึกที่เหมือนโดนผลักลงเหวมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ผมยอมรับว่าผมโง่แต่ผมแค่ไม่คิดว่าความโง่ของผมมันจะกลายเป็นตัวที่ทำให้ผมพบเจอกับความรู้สึกเจ็บขนาดนี้ เจ็บที่ไว้ใจคนง่ายๆ โดยไม่ฉุกคิดตั้งแต่แรกที่เขาเข้ามาหาผมด้วยเหตุผลแปลกๆ คนอื่นอาจจะไม่เชื่อแต่นั่นเป็นผม ผมเลยเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข สมเพชตัวเองจริงๆ ครับ ผมอาจจะเป็นไอ้ขี้แพ้คนหนึ่งแต่เชื่อผมซิว่าไอ้ขี้แพ้คนนี้ก็มีหัวใจเหมือนกัน ผมรักได้ผมก็เกลียดได้...

“ตื่นแล้วเหรอครับ?” ผมลืมตาขึ้นมาในช่วงเช้าของอีกวันหลังจากที่เมื่อคืนผมไปกินเหล้ากับไอ้บุ๊คและเซย์ ผมไม่ได้เมาแต่ผมแค่อยากระบายให้ใครสักคนรับฟัง จนผมเผลอไปได้ยินเรื่องทุกอย่างจากปากของ...พี่บิ๊กและพี่คิม ผมได้ยินตั้งแต่ต้นได้เห็นทุกอย่างและผมเองก็รู้ด้วยว่าไอ้บุ๊คเองก็เห็นเหมือนกันเพียงแค่มันไม่ได้สังเกตเห็นผมก็เท่านั้น ผมหนีกลับมาที่โต๊ะก่อนเพราะไม่รู้ว่าผมควรทำอย่างไรต่อไป จนกระทั่งทำตามน้ำไปก่อนจนถึงตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าผมจะทนได้อีกเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ ทุกคนไม่ต้องห่วงหรอกครับ คนโง่อย่างไงก็ไม่พลาดโง่ซ้ำสองอย่างแน่นอน

“ครับ”

“เฮียทำอาหารไว้ให้ จะกินก่อนหรืออาบน้ำก่อน” ผมมองเขาที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อ่อ ผมลืมไปว่าผู้ชายคนนี้แสดงละครเก่ง

“อาบน้ำก่อนครับ”

“งั้นเฮียไปรอด้านนอกนะ” เขาหันมายิ้มให้ผม รอยยิ้มที่เหมือนวันแรกที่ผมรู้จักเขา รอยยิ้มที่ไม่มีความจริงใจ รอยยิ้มที่ผมเคยหลงรัก “ทำไมมองเฮียแบบนั้นเอ่ย?”

“ไม่มีอะไรครับ” ผมยันตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายรวมถึงคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ถ้าถามว่ารักไหมผมรักนะรักมากแต่ถ้าถามว่าให้อภัยได้ไหมก็คงตอบว่าไม่ แผลมันสดเกินไปจริงๆ ครับ รู้ว่าตอนนี้เขารักผมจริงๆ แต่แล้วไงในเมื่อเขาเลือกที่จะเข้าหาผมด้วยการหลอก ผมก็จะไปจากเขาทั้งๆ ที่รักเหมือนกัน

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จผมก็ไม่เห็นเขาอยู่ในห้องแล้ว ทำให้ตอนนี้ผมเลือกที่จะเก็บของบางอย่างลงกระเป๋า ลาก่อนเตียงนอนนุ่มๆ ที่เคยนอน ลาก่อนห้องนอนที่คุ้นเคย สถานที่นี้มันมีเรื่องราวครั้งหนึ่งของผมแต่ตอนนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว หวังว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นมากกว่าตอนนี้

“มานั่งเร็วเฮียอุ่นอาหารไว้ให้แล้วจะได้กินตอนร้อนๆ” ทันทีที่ผมเดินออกจากห้อง เขาเดินเข้ามาจูงมือผมและพาไปนั่งลงตรงข้ามกับเขาที่จัดแจงทุกอย่าง ผมมองอาหารที่หน้าตาน่าทานเหล่านี้ด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะชะงักเมื่อเฮียบิ๊กยื่นของบางอย่างมาให้ผมตรงหน้า

“อะไรครับ?”

“เปิดดูซิ” ผมรับกล่องจากมือของเขาก่อนจะค่อยๆ เปิดออก..ทันทีที่เห็นของด้านในผมตัดสินใจปิดมันและวางมันลงที่โต๊ะ “อ่าว..ทำไมทำหน้าไม่ดีใจอย่างนั้นหละครับ เฮียตั้งใจเลือกมาให้เราเลยนะ”

“ขอบคุณครับ” ผมไม่สนใจว่าสีหน้าและท่าทางของเขาจะเป็นอย่างไรหรือจะมองผมด้วยสายตาแบบไหนเพราะตอนนี้อาหารตรงหน้าทำให้ผมสนใจมันมากกว่า

“สงสัยเราอาจจะหิว กินก่อนค่อยดีใจก็ได้” ผมรู้ว่าตอนนี้เขากำลังฝืนยิ้มออกมาทำท่าเหมือนไม่คิดอะไรก่อนจะก้มลงกินอาหารเหมือนอย่างทุกครั้งที่เรากินด้วยกัน แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือการกินอาหารที่ปราศจากบทสนทนาเหมือนอย่างทุกที

“มารวยครับ..เฮียมีอะไรอยากจะบอก”

“ผมก็มีเหมือนกันครับ” หลังจากที่ผมกับเขากินเสร็จเราทั้งคู่ต่างพูดขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ผมมองเข้าไปนัยน์ตาของเขาส่วนเขาก็มองเข้ามาที่ผมอยู่เหมือนกัน

“เราพูดก่อนก็ได้” ผมพยักหน้าก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อไล่เศษอาหารที่อยู่ด้าน ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับพูดในสิ่งที่ผมตั้งใจ

“เราเลิกกันเถอะครับ”

“......”

“ผมรู้ทุกอย่างหมดแล้ว ผมเห็นทุกอย่าง ผมได้ยินทุกอย่างด้วยตาและหูของผม ถึงผมจะโง่แต่ผมก็ไม่ยอมโง่อีกต่อไปแล้ว ขอโทษที่รู้ความจริงก่อนที่พี่จะพูดนะครับ”

“พี่? ..พี่อย่างนั้นเหรอ?” สีหน้าของเขาไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกอะไรนอกจากคำพูดที่พึมพำออกมาเท่านั้น

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ ทั้งคำว่ารัก” ผมเลื่อนตัวลุกขึ้นออกจากเก้าอี้ “และคำว่าเกลียด” ผมเดินหนีออกมาในจังหวะที่เขากำลังช็อกกับการกระทำและคำพูดของผม

หมับ!

“เดี๋ยวก่อน.. เฮียไม่เลิกฟังก่อนได้ไหม ขอเฮียอธิบาย” เขาตามมารั้งแขนผมเอาไว้หลังจากที่ผมเข้าไปเอากระเป๋าในห้องและเตรียมจะเดินออกไป

“อธิบายกับแก้ตัวมันต่างกันไหมครับ? ถ้าไม่ต่างผมไม่ฟัง”

“เฮียยอมรับว่ามันเป็นอย่างนั้นทุกอย่าง..แต่ตอนนี้เฮียรักเราจริงๆ ไม่ได้โกหกหรือแสแสร้งอะไรเลย” ผมมองหน้าเฮียบิ๊กนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มออกมา

“ผมก็รักพี่นะ แต่ผมไปต่อไม่ได้จริงๆ ว่ะ ผมโคตรผิดหวังเลย”

“เฮียขอโทษ..แต่ไม่ไปได้ไหม..ได้ไหม ขอโอกาสเฮียขอโอกาส” เขาดึงตัวผมเข้ามากอดเอาไว้ “ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษจริงๆ ขอโทษ..ไม่ไปได้ไหม ให้โอกาสอีกสักครั้งได้ไหม”

“ถ้าพี่คิดว่าโอกาสมันขอจากใครง่ายๆ พี่จำไว้นะครับว่านั่นไม่ใช่ผม ปล่อย..” ผมดันตัวออกจากอ้อมกอดที่แสนจะคุ้นเคย อ้อมกอดที่ครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่ามันปลอดภัย อ้อมกอดที่เคยคิดว่าเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นอ้อมกอดที่แสนจะเจ็บปวด ผมเกลียดอ้อมกอดนี้ ผมเกลียดทุกอย่างที่ผู้ชายคนนี้ทำ

“ทำไม....”

“สะใจมั้งครับ” ผมเห็นน้ำตาของตาเขาที่ไหลออกมาอย่างช้าๆ ผ่านดวงตาทั้งสองข้าง “น้ำตาของพี่มันเรียกได้จริงๆ ผมเชื่อแล้ว”

“เราใจร้ายมากเลยรู้ไหม...”

“แต่ก็ไม่เท่าพี่ ผมพูดถูกใช่ไหม?” ผมขยับออกห่างจากเขาก่อนที่จะเดินหันหลังเตรียมออกจากห้องไป ผมพึ่งรู้ก็วันนี้ว่าการก้าวขาออกจากสิ่งที่คุ้นเคยมันทรมานอย่างนี้นี่เอง

“เฮียเลวใช่ไหม?” แต่ก่อนที่ผมจะออกไปผมหันหน้ากลับพร้อมกับพยักหน้าให้กับคำถามของเขา “เฮียเลวได้มากกว่านี้ เผื่อไม่รู้”

“.....?”

พรึบ!

ตัวของผมทุกกระชากกลับเข้าไปด้านในเหมือนเดิมแต่ครั้งนี้ผมถูกผลักลงบนโซฟาพร้อมกับร่างของเขาที่ตามขึ้นมาคร่อมผมเอาไว้ ใบหน้าของเราสองคนใกล้ชิดกันจนสัมผัสถึงลมหายใจ

“เอาซิครับ..อยากทำอะไรก็ทำ” เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของผมเขาก้มลงมาประกบจูบลงบนริมฝีปากของผมเหมือนอย่างทุกที แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือความรู้สึกของผม ผมนอนนิ่งเพื่อให้เขาทำตามใจ ผมเองก็อยากรู้ว่าไอ้การที่เขาบอกว่าเลวได้มากกว่านี้มันจะมากขนาดไหนเชียว

“ถ้าจะไปแล้ว...ก็ช่วยมีอารมณ์ให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอครับ?” ผมรั้งคอของเขาเอาไว้บดขยี้ริมฝีปากของตัวเอง พร้อมกับสอดลิ้นเข้าไปด้านในหยอกล้อกับลิ้นหนาของเขา ร่างกายของเราสองคนปราศจากเสื้อผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ จนกระทั่ง...

“ขอทำให้นะ ครั้งสุดท้ายก็ได้” เขาเลื่อนตัวลงมาด้านล่างให้ปากของเขาเสมอกับส่วนนั้นของผมก่อนจะครอบลงมาเหมือนครั้งนั้นที่เขาเคยทำให้

“แต่ผมไม่ทำนะ” ผมกลั้นใจบอกไปแม้ว่ามันจะขัดกับอารมณ์และความรู้สึกของผมก็ตาม แต่ในเมื่อตอนนี้สมองเป็นใหญ่ผมก็ต้องเลือกฟังสมองมากกว่า

“อื้ม...” ผมยกแขนของตัวเองขึ้นมากัดเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา แม้ว่าบทเรียนนี้มันจะสนุกแค่ไหนแต่ผมไม่ควรลืมว่าถ้าเรียนเสร็จทุกอย่างก็จะจบเหมือนความสัมพันธ์ของเรา

เขายกตัวของผมพลิกคว่ำหน้าลงกับโซฟา ผมรับรู้ได้เลยว่าอีกไม่กี่นาทีผมจะต้องกลับไปเป็นเหมือนครั้งที่แล้ว ประสบการณ์มันสอนให้ผมยอมรับความเจ็บปวด ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ถ้าผมเกร็งผมก็จะเจ็บดังนั้นผมก็จะต้องยอมผ่อนเพื่อให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในความเจ็บนั้นมันก็ไม่ได้เจ็บอย่างเดียวเสมอไป..

“......”

“.....”

ผมลุกขึ้นสวมเสื้อกับกางเกงที่วางอยู่บนพื้นห้องหลังจากที่เสร็จ.. ส่วนเขานอนมองผมด้วยสายตานิ่งๆ

“เราจะเอาอย่างนี้จริงๆ เหรอ? ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยใช่ไหม”

“รู้ซิครับ รู้มากด้วย แต่ผมแยกออกว่าอันไหนความรักอันไหนเซ็กส์”

“แต่ที่เฮียทำมันคือความรัก”

“แต่ที่ผมทำมันก็แค่เซ็กส์” ผมยักไหล่อย่างไม่สนใจแม้ว่าด้านในมันจะแหลกเหลวไปแล้วก็ตาม ทันทีที่สวมเสื้อผ้าเสร็จผมหันกลับไปมองหน้าเขาอีกครั้ง

“อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกนะครับ ให้ผมเป็นคนสุดท้ายที่จะเจ็บแบบนี้ก็พอ” ทันทีที่เดินออกมาจากห้อง น้ำตาที่พยายามอดกลั้นไว้ตั้งนานของผมมันกลับไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

ใจผมอยากให้โอกาส แต่สมองมันสั่งว่าให้พอ...ผมเจ็บจนไม่สามารถที่จะเดินต่อไปไหวเลยครับ แรงที่จะใช้ก้าวเดินมันแทบจะไม่มี จนกระทั่งผมยอมแพ้ทิ้งตัวทรุดนั่งลงกับพื้นลิฟท์ที่กำลังเลื่อนลงมาชั้นล่าง ผมไม่สนใจว่าลิฟต์จะเปิดที่ชั้นไหน หรือใครที่จะเข้ามาแต่ตอนนี้ผมรับรู้เพียงแค่ว่า....ผมไม่ได้เข้มแข็งเหมือนที่ปากของผมพูดออกมาเลย

ติ่ง!

“ไอ้รวย!!!” ผมไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งน้ำเสียงหรืออ้อมกอดของใครที่เข้ามากอดผมเอาไว้ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก

“ไอ้เซย์พามันกลับหอมึงก่อนได้ไหม...”

“เดี๋ยวกูช่วย”

“กูขอโทษแทนเฮียกูนะไอ้รวย..ที่ทำมึงเจ็บขนาดนี้ กูไม่น่า...”

“พูดตอนนี้มันก็ไม่ทันหรอก แค่ตอนนี้เราอยู่ข้างๆ รวยก็พอ”

“อืม..”

“ในฐานะเพื่อน”

“เออ! ย้ำจังไอ้เหี้ยนี่!!!”

#มันจบแล้วจริงๆเหรอ.... (ไม่จริง!!!)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พาน้องหนีไป!!!!หนีจากคนใจร้าย

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ทำไมเฮียทำแบบนี้ เฮียเลวมาก,,,

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 20
ไม่ได้จบมันแค่เริ่มต้น (อกหักมันเจ็บแบบนี้นี่เอง)

“ไอ้รวยมึงโอเคไหม?” หลังจากที่ตัวผมถูกเคลื่อนย้ายมาที่ไหนสักแห่ง ตอนนี้ผมค่อยๆ ได้สติกลับคืนมาแม้ว่าจะไม่เต็มที่แต่มันก็ดีกว่าเมื่อสักครู่นี้ค่อนข้างมาก ผมพยายามปรับโฟกัสปาดน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุดออกจากดวงตา บอกตามตรงว่าไม่เคยอ่อนแอขนาดนี้มาก่อน

“อย่าพึ่งไปถามอะไรเพื่อนเลยไอ้บุ๊ค”

“มึงอย่าขัดกูได้ไหมไอ้เซย์ กูจะคุยกับเพื่อนกู”

“ให้เวลารวยก่อนดิ สภาพตอนนี้น่าจะยังไม่พร้อม” ผมอยากจะพูดขอบคุณเซย์ที่เข้าใจแต่ปากของผมมันไม่สามารถที่จะขยับหรือพูดออกมาได้เพราะมีก้อนบางอย่างจุกที่คอของผม

“ไอ้รวย...” ผมสัมผัสถึงฝ่ามือของไอ้บุ๊คที่ลูกหลังผมเบาๆ ผมรู้ว่าไอ้บุ๊คมันเป็นห่วงและรู้สึกผิดแทนพี่ชายของมัน ผมไม่โกรธเพราะไม่ใช่ความผิดของไอ้บุ๊ค

“ไอ้บุ๊คกูบอกว่าอย่าพึ่งไปยุ่งกับรวย ปล่อยให้รวยอยู่กับตัวเองก่อน”

“ดุกูหาพ่อมึงเหรอไอ้เหี้ยเซย์ แม่ง กูไม่อยู่ละ”

“มึงจะไปไหนเนี่ย งอนเป็นเด็กเลย”

“เด็กเหี้ยอะดิ”

“ก็รู้” ทั้งบุ๊คและเซย์ออกไปข้างนอกปล่อยให้มารวยนอนอยู่ในห้อง ทบทวนกับสิ่งที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่เขามีความรักและเป็นครั้งแรกที่เขาได้เรียนรู้ถึงความเจ็บปวด แต่สิ่งที่มารวยเชื่อว่า....เดี๋ยวมันก็คงผ่านไป รักครั้งนี้มีทั้งประสบการณ์ที่ดีและไม่ดี

‘เฮียบิ๊กรักมารวยนะ...’

ต่อไปนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว ถ้าถามว่าอกหักต้องทำตัวอย่างไงผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันแต่ผมไม่อยากจมกับน้ำตาแบบนี้ เสียใจได้แต่มันควรน่าสมเพชแบบนี้

“เห้ย ไอ้รวยมึงจะไปไหน” ขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้อง ระหว่างทางผมเดินสวนทางกับไอ้บุ๊คและเซย์ที่หายไปไหนไม่รู้กันมา แต่ในมือของสองคนมีอาหารและเอ่อ..แอลกอฮอล์มากมาย

“กูจะไปเตะบอล เศร้าไปก็ช่วยไรไม่ได้”

“ไอ้ห่า มึงมานี่เลย เตะบอลเหี้ยไรไม่รู้เวลา” ผมถูกไอ้บุ๊คลากคอเข้ามาในห้องเหมือนเดิมโดยที่มีเซย์ตามเข้ามาติดๆ “นั่งนี่แล้วแดกข้าวซะ” ผมถูกกดให้นั่งลงบนพื้นห้องข้างๆ โซฟาโดยที่มีไอ้บุ๊คและเซย์คอยจัดแจงหาข้าวน้ำมาวางไว้ตรงหน้าผม

“ตามจริงมึงไม่ต้องหามาให้กูก็ได้นะ กูโอเค” ผมไม่อยากให้เพื่อนๆ ของผมต้องลำบากเพราะผมไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าผมจะพูดอะไรผิดเพราะอยู่ๆ ไอ้บุ๊คที่กำลังเทกับข้าวใส่จานละมือและเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมด้วยท่าทีเหนื่อยใจ

“โอเคแล้วน้ำตาไหลทำไม?”

“มันไหลเอง...กูไม่รู้”

“ร้องเถอะกูไม่ล้อมึงหรอกไอ้รวย” ไอ้บุ๊คจำใจทิ้งผมไว้กับเซย์ที่นั่งเลือกหนังอยู่ข้างๆ ผม

“รวย...อกหักมันเจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ? เราไม่เคยเห็นรวยเป็นแบบนี้เลย” หลังจากที่ผมหยิบทิชชูเช็ดหน้าเช็ดตาของตัวเองเรียบร้อยหลังจากที่ปล่อยโฮออกมาอีกชุดใหญ่ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องร้องไห้ออกมาแบบนี้ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าผมก็ร้องไปเยอะอยู่เหมือนกัน

“เราอธิบายไม่ถูกหรอก แต่แค่คิดว่าต่อไปนี้จะไม่มีเขาอีกแล้วมันก็โคตรปวดใจเลย” เซย์ไม่ตอบอะไรเพียงแต่ขยับเข้ามาใกล้ๆ ผม

“ตอนที่เราเห็นรวยมีแฟน..เราก็เสียใจนะที่ไม่ทำอะไรเลย ได้แค่แอบมองรวยอยู่ห่างๆ เพราะคิดว่ารวยคงไม่ชอบเรา แต่เราแค่เสียใจยังไม่ได้ร้องไห้หนักขนาดนี้”

“เซย์ชอบเราแต่เซย์ไม่ได้รักเรา..ถ้าวันหนึ่งเซย์รักใครจากใจจริงๆ เซย์จะรู้เองว่าการที่ต้องเลิกทั้งๆ ที่ยังรักมันรู้สึกอย่างไง”
 
“ถึงรวยจะไม่มีเขาแต่รวยยังมีเรากับบุ๊คนะ” ผมยิ้มทั้งน้ำตาให้กับมิตรภาพที่เซย์มีให้ผม ผมไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างไอ้บุ๊คกับเซย์มันลึกซึ้งมากขนาดไหน แต่ถ้าเพื่อนผมมันลงเอยกับเซย์ในฐานะคนรักผมกล้าที่เป็นประกันเลยว่าเซย์เป็นคนดีโดยเนื้อแท้จริงๆ แต่ที่ผ่านมาไอ้บุ๊คมันยึดอยู่กับอคติของมันเท่านั้น แต่ตอนนี้ผมหวังว่าเพื่อนของผมจะใช้ใจมองมากกว่าอคติที่มันมี

“ขอบใจนะเซย์”

“อย่ามายุ่งกับเพื่อนกู ขยับไปเลย เผลอไม่ได้นะมึงไอ้เซย์” ไอ้บุ๊คที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนมากลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าพร้อมผ้าเช็ดตัวหนึ่งผื่นยื่นมาให้ผมตรงหน้า “ไปอาบน้ำไปมึง จะได้สดชื่นมากกว่านี้ อ่อ แล้วก็ยากินเผื่อไว้เดี๋ยวมึงไม่สบาย กูซื้อมาให้แล้วค่อยออกมากินข้าวก็ได้ถ้ามึงไม่หิว”

“อืม ขอบใจมึง”

“ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนเรา รวยไปใช้ห้องนั้นดีกว่า” ผมเดินตามที่เซย์ชี้ทางบอกและปล่อยให้เซย์ได้อยู่กับเพื่อนผมสองคน มันถึงเวลาที่ผมจะทำให้เพื่อนของผมทั้งสองคนมีความสุขบ้างแล้วแหละครับ



BIG’ s talk

เชื่อไหมว่าการที่เรานอนมองแผ่นหลังของคนที่เรารักเดินจากไปมันรู้สึกแย่มากแค่ไหน ไม่มีสิทธิ์รั้ง ไม่มีสิทธิ์ยื้อ นับตั้งแต่ต่อนี้ไปผม..ผมไม่มีสิทธิ์นั้นอีกแล้ว คงไม่ต้องบรรยายว่าผมรู้สึกอย่างไงหรอกมั้งครับ เพราะทุกคนก็คงสมน้ำหน้าที่บทสรุปของคนเลวๆ อย่างผม มันคงน้อยไปถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมทำแต่ผมอยากให้รู้ว่าผมรักเด็กบื้อ...ไม่ซิ มารวยคือเรื่องจริง ต่อไปนี้ผมคงเรียกมารวยว่าเด็กบื้อไม่ได้อีกแล้ว..

“เฮีย...มึงนอนอย่างนี้มาตั้งแต่กี่โมง อย่าบอกว่าตั้งแต่ไอ้รวยไป?” ผมไม่รู้แม้กระทั่งว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมง ผมไม่รู้ว่าท้องฟ้าจะเริ่มเปลี่ยนสี ในห้องที่เคยสว่างตอนนี้กลับมืดมน ผมมองไม่เห็นหรือรับรู้อะไรได้นอกจากความเจ็บปวดที่ผมได้รับ

“...ไม่รู้”

“สภาพอย่างหมา” ผมได้ยินเสียงตี๋สบถกับสภาพของผมตอนนี้ แต่ช่างมันเถอะครับตี๋คงรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว ผมก็คงหมดความน่าเชื่อถือในฐานะพี่ชายที่แสนดีที่ตี๋เคยนับถือ

“ถ้าไม่ใช่พี่ชายเชื่อไหมว่าผมไม่ปล่อยเฮียไว้แน่” สัมผัสเย็นๆ ของผ้าชุบน้ำถูกถูมาตามร่างกายของผมเบาๆ ผมค่อยๆ เอียงคอมองมาที่ตี๋ ที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่พื้นใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ตี๋ไม่ต้องคิดว่าเฮียเป็นพี่ชายก็ได้นะ”

“ไม่คิดก็เหี้ยละ พ่อแม่ก็เดียวกัน” ถึงแม้ความเจ็บมันจะมากมายและถาโถมเท่าไหร่ แต่เชื่อไหมว่าผมยังสามารถยิ้มได้เมื่อเห็นท่าทางห่ามๆ ที่แฝงด้วยความเป็นห่วงของตี๋

“เฮียทำเลวกับเพื่อนของเรา...”

“ก็ดีที่ยังรู้ตัวว่าเลว”

“ไม่ด่าหน่อยเหรอ ถ้าด่าเฮียจะรู้สึกดีกว่าที่เรามานั่งเช็ดตัวให้แบบนี้นะตี๋”

“ที่ทำให้ก็แค่ในฐานะน้องชายเท่านั้นแหละพี่ชายสภาพแย่ขนาดนี้แล้วผมปล่อยไว้ก็คงเป็นน้องชายที่แย่มาก แต่...ในฐานะเพื่อนของไอ้รวยผมไม่อยากซ้ำเติมว่ะ เฮียเองก็น่าจะเจ็บไม่แพ้มัน” ผมมองดูการกระทำของตี๋เรื่อยๆ พยายามไม่คิดฟุ้งซ่านแต่ภาพของตี๋ก็มีภาพของมารวยซ้อนขึ้นมาเหมือนภาพหลอน ไม่ว่าจะมองไปทางไหนทุกที่ภายในห้องก็เคยมีมารวยอยู่ แต่ตอนนี้มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว...

“เจอคนร้องไห้หนักๆ พร้อมกันสองคนก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไง แต่..เฮียอย่าตายก็พอสงสารป๊ากับม้าที่ยังไม่ได้บวชลูกชายคนโต” คำพูดที่โคตรจะกวนตีนแต่ในตอนนี้ผมกลับมองว่าน่ารัก “แต่ถ้าเฮียสภาพจิตใจดีกว่านี้ มีคุยกันยาวแน่ๆ ไอ้เรื่องที่ปิดบังถ้ายังไม่บอกผมตรงๆ ก็ไม่ช่วย”

“ตี๋กำลังจะบอกว่าถ้าเฮียตามง้อรวย..ตี๋จะช่วยอย่างนั้นเหรอ”

“ถ้ามันได้บุญก็ทำ” เห็นสัญญาณแบบนี้ของตี๋ผมก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย “แต่บอกไว้ก่อนนะว่าไอ้รวยเห็นมันแบบนั้น แต่ไอ้เหี้ยนี่เจ็บแล้วจำเฮียก็คงยากหน่อย”

“ยากแค่ไหนก็พร้อม”

“เออ ขอเตือนอีกเรื่องคือเฮียเจ็บได้แต่อย่าทิ้งการงานเซนต์สัญญากับเขาไปแล้วก็มีความรับผิดชอบด้วย เรื่องไอ้รวยเฮียจัดการหน้าที่ตัวเองเสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันอีกทีแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ให้เพื่อนผมมันเข้มแข็งมากกว่านี้ก่อน” ผมพยักหน้าตกลงก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องมองโทรศัพท์ที่ผมไม่ได้หยิบขึ้นมาดูเลย

KIM : กูขอโทษที่รู้สึกกับมึงมากกว่าที่ตกลง

ACHI : พี่บิ๊กเมื่อคืนเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหนีกลับไปแบบนั้น?

ผมมองข้อความเหล่านั้นโดยที่ไม่ตอบกลับแต่แล้วต้องมาหยุดชะงักกับเบอร์ที่แสนจะคุ้นเคย อยากกดโทรออกใจแทบขาดแต่ต้องอดทนไว้เพราะก่อนหน้าที่จะลุกกลับเข้ามาในห้อง ตี๋ให้ผมสัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งหรือไปให้มารวยเห็นหน้าจนกว่าผมจะปิดกล้องซีรีส์และมารวยแข่งเสร็จ แต่นั่นมันก็เกือบๆ ปีถึงตอนนั้นผมก็เรียนจบไปแล้ว แต่ทำไงได้ครับ ผมเป็นคนไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรอยู่แล้วก็คงต้องก้มหน้ารับชะตากรรมที่ตัวเองทำไว้ต่อไป

ภาพเก่าๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ยังคงติดอยู่ในห้วงคำนึงของผมมันยังคงไม่ไปไหน ที่นอนที่เคยนอนด้วยกัน ภาพห่มที่เคยซุกตัวกอดกัน แปรงสีฟันที่วางอยู่ที่เดิม ของใช้ต่างๆ ยังเหมือนเดิม... ผมทำใจไม่ได้จริงๆ ผมไม่อยากเลิกกับมารวย

‘ผมรักเฮียบิ๊กนะครับ’

“เฮีย....รักมารวยจริงๆ ฮึก” ขอโทษที่ไม่สามารถห้ามน้ำตาของตัวเองที่ไหลออกมาเมื่อคิดถึงและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมจะกลับมาเหมือนเดิม แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่เหมือนเดิมของผมคือหัวใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง



1 เดือนผ่านไป

ทุกอย่างยังคงดำเนินเหมือนปรกติบิ๊กไปซ้อมการแสดงเกือบๆ ทุกวันจนไม่มีเวลาพัก มารวยกลับมาซ้อมบอลหนักขึ้นกว่าเดิมจนฟอร์มกลับมาดีเหมือนเดิมโดยมีเซย์คอยเป็นเพื่อนในช่วงฝึกซ้อมเพราะดูเหมือนสถานการณ์ระหว่างมารวยกับคิมจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถ้าใครถามว่าคนอย่างมารวยจะยอมไหมเขาขอตอบแทนเลยว่า...ทุกคนจะมองมารวยเปลี่ยนไปอีกแง่มุม

“ไอ้รวยเมื่อกี้สวยว่ะ ฟอร์มกลับมาดีกว่าเดิมอีกถือว่าพัฒนา” ในระหว่างการประชุมตัดสินตัวเล่นในครั้งสุดท้ายโค้ชเอ่ยปากชมมารวยโดยที่คนอื่นๆ ในทีมเห็นด้วยเพราะตลอดเวลาหนึ่งเดินที่ผ่านมามารวยได้พิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนในทีมรวมถึงโค้ชได้เห็น

“ขอบคุณครับ” เซย์นั่งสังเกตปฏิกิริยาของคิมที่เอาแต่จ้องมารวยด้วยความไม่พอใจแต่ต้องเงียบไว้เพราะสิ่งที่เขาไม่พอใจคือเรื่องจริง

“กูให้มึงเล่นเป็นตัวจริงส่วนไอ้คิมมึงเป็นตัวสำรองไปก่อนส่วนเกมที่เราจะเล่น...” ยังไม่ทันที่โค้ชจะได้อธิบายรายละเอียด คิมพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่พอใจผมการตัดสิน

“แต่โค้ชบอกไว้แล้วว่าครั้งนี้จะให้ผมเล่นตัวจริง”

“ก็ไอ้รวยมันกลับมาฟอร์มดีแล้วมึงก็เห็น”

“โค้ชจะไปเอาอะไรกับเด็กอย่างมัน หน้าไหว้หลังหลอกเอาแต่ประจบประแจงพอโค้ชมามันถึงซ้อมพอโค้ชไปมันก็หายเหมือนเดิม” ด้วยความโมโหจนขาดสติทำให้คิมปั้นเรื่องโกหกขึ้นมา

“โค้ชครับขออนุญาตนะครับ ถ้าพี่คิมเขาอยากเล่นเป็นตัวจริงผมก็เป็นตัวสำรองได้นะครับ ผมไม่ขัดผมเล่นตำแหน่งไหนก็ได้อยู่แล้ว” เซย์ยกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทันเพราะเขารู้ว่ามารวยกำลังคิดอะไรอยู่

“ไม่ต้องๆ ถ้ามันเป็นอย่างที่ไอ้คิมพูด..กูก็อยากจะชื่นชมมึงเพราะขนาดมึงหายฟอร์มการเล่นของมึงก็ดีกว่าไอ้คิม กูพูดตามตรงนะไอ้คิม มึงจะโกรธกูก็ได้”

“ก็ตามนั้นครับโค้ช” ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากมองไปที่ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องมีสภาพแบบนี้ หลังจากที่ไม่มีข้อสงสัยอะไรแล้วโค้ชอธิบายเกมการเล่นของแมตที่จะถึงต่อโดยที่ทุกคนมีหน้าที่คอยรับฟังและนำคำพูดของโค้ชมาปฏิบัติและฝึกซ้อมจนกว่าจะถึงการแข่งขัน

ในช่วงหลังต่างคนต่างแยกย้ายไปเปลี่ยนชุดเตรียมกลับแต่มารวยถูกคิ้วรั้งตัวเอาไว้ก่อนในจังหวะที่เซย์เผลอ

“มึงจะเอาไง?” คิมผลักจนมารวยหลังติดกำแพง

“ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพี่”

“อย่าทำไม่รู้ไอ้รวย”

“แต่ผมว่ามีแต่พี่ที่มีปัญหากับผมมากกว่า เอาชนะผมไม่ได้ถึงขนาดเล่นสกปรกอย่างนั้นเลยเหรอครับ? ทำไมพี่ไม่เอาเวลามาคิดเรื่องฝึกให้ตัวเองเก่งหรือพัฒนาไม่ดีกว่าเหรอ” มารวยมองหน้ารุ่นพี่ที่เขาเคยเคารพด้วยสายตานิ่งๆ ส่วนคิมเมื่อได้ยินดังนั้นยิ่งโมโหมารวยเข้าไปใหญ่

“ไอ้เหี้ยรวย!”

“ผมพูดความจริงแล้วรับไม่ได้? ผมจะบอกอะไรให้นะพี่คิมผมไม่โกรธกับเรื่องที่ผ่านมา แต่...เรื่องต่อไปผมเอาจริง ถ้าพี่แน่พอก็ล้มผมให้ได้ด้วยฝีมือแล้วผมจะเป็นฝ่ายถอยไปเอง แค่เรื่องตัวสำรองผมไม่ขัดอยู่แล้วถ้าต้องไปเล่นตำแหน่งนั้น”

“มึงจำคำพูดของมึงไว้นะไอ้รวย”

“ผมจำได้ทุกคำครับ”

“ไอ้เด็กอวดดี”

“ส่วนเรื่องของพี่บิ๊ก...ก็สู้ๆ นะครับเรื่องรักเพื่อนไม่ใช่เรื่องผิด แต่ที่จะผิดก็น่าจะเป็นเรื่องที่แอบกินกับเพื่อนทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้ว” มารวยผลักคิมให้พ้นทางเดินของเขาแต่ก็ต้องชะงักเพราะคำพูดของคิม

“ถ้าไอ้บิ๊ก..มึงไม่เอาแล้วกูขอ”

“เรื่องนั้นผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ถ้าพี่จะลุยก็ไปเลิกกับแฟนของพี่ก่อน” มารวยพยายามทำเหมือนเขาไม่สนหรือแคร์อะไร แต่..มันก็มีวูบไหวอยู่บ้างเมื่อคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ยอมรับว่ายังรักอยู่ลืมไม่ได้และไม่เคยคิดจะลืม

อีกด้านหนึ่งของความเสียใจแน่นอนว่าถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยมีเวลาว่างให้คิดถึงเรื่องนี้แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่คิดเพราะทุกครั้งที่หัวสมองว่างความรู้สึกเก่าๆ จะกลับมา มันยังคงยอมรับและทำใจไม่ได้เมื่อคิดถึงความเป็นจริงที่ไม่มีกันและกันอยู่อีกต่อไป เขาโทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทั้งหมด

“ซูดดดด” เสียงซูดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหน้าเซเว่นเป็นอะไรที่ชินตาของคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวๆ นี้เสมอ เพราะทุกวันจะมีผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาซื้อบะหมี่ก่งสำเร็จรูปและกดน้ำร้อนออกมานั่งกินอยู่ด้านนอกโดยมีเจ้าหมาคอยอยู่เป็นเพื่อน เรียกได้ว่าทั้งคู่สนิทกันเป็นที่เรียบร้อย

“ไอ้น้องหมาวันนี้พี่คนหล่อซื้ออกไก่มาให้นะ นั่งเป็นเพื่อนพี่กินมาม่าก่อน” ถ้าถามว่าเขาทำแบบนี้ทำไม เพราะการที่เขาทำแบบนี้มันเหมือนว่ามารวยไม่ได้หายไปไหน ทำให้เขาสามารถเอาตัวเองมาใกล้ชิดกับมารวยได้แม้ว่านี่จะเป็นเหตุการณ์แรกที่ทำให้เขารู้จักเด็กคนนี้ บิ๊กมักจะจินตนาการอยู่เสมอว่าข้างๆ เขามีเด็กผู้ชายที่รักนั่งซูดบะหมี่เป็นเพื่อน แม้ว่าความเป็นจริงแล้วมันจะไม่มีก็ตาม

“น้องหมา น้องหมาว่าพี่บิ๊กจะหายเศร้าได้เมื่อไหร่นี่ก็ผ่านมาเดือนแล้วพี่บิ๊กยังทำใจไม่ได้เลย” เขาเองอยากจะเข้าไปหามารวยใจแทบขาด พยายามเดินผ่านตึกเรียนหรือแม้กระทั่งสนามฟุตบอลทั้งๆ ที่เป็นคนละทางกับทางที่เขาไปเรียน แต่บิ๊กก็เลือกที่จะมาเพราะ..มันเยียวยาจิตใจของเขาได้ในระดับหนึ่ง ความรู้สึกในครั้งนี้เจ็บกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาหรือไม่มันก็เทียบไม่ได้เลย บิ๊กอยากจะใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวทำให้ลืมอยากเมาอยากปล่อยตัวปล่อยใจกับทุกอย่าง แต่เขาไม่สามารถทำได้สิ่งที่เขาทำได้ก็คือก้มหน้ายอมรับความเจ็บปวด

“ไอ้เกมมึงมันแย่มากเลยนะเว้ยที่ทำกับแฟนมึงแบบนั้น” บิ๊กที่นั่งเหม่ออยู่หน้าเซเว่นเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กอดคอพูดคุยมุ่งหน้ามาทางเขา “ถ้าแฟนมึงรู้ว่ามึงโกหกเขามึงจะทำอย่างไง”

“ไม่ทำไง เพราะมันจะไม่มีวันนั้น” ผมได้แต่ยิ้มเยาะให้กับบทสนทนาของเด็กสองคนนั้น เพราะ..ผมก็เคยคิดแบบพวกเขา คิดมาตลอดว่าความลับมันจะไม่ถูกเปิดเผย ผมเคยไม่เคยชื่อว่าคำว่าความลับไม่มีในโลกมีอยู่จริงจนได้มาพบกับตัวเอง

“น้องหมาพี่ไปก่อนนะ...” หลังจากที่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจนหมดบิ๊กเดินไปทิ้งขยะก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงกลับห้องไปด้วยความรู้สึกไม่มีแรงจูงใจที่อยากจะทำให้เขารีบกลับห้องเหมือนอย่างทุกที เพราะตอนนี้ห้องก็มีไว้แค่นอนไม่ได้มีคนรอเหมือนอย่างทุกที...

“หมากินไหม อร่อยนะ” ถ้าถามว่ามีแค่บิ๊กเพียงคนเดียวหรือเปล่าที่ยังยึดติดกับอดีต บอกได้เลยว่าพวกคุณคิดผิดเพราะมีอีกคนที่ยังวนเวียนอยู่ที่เดิม นั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ที่เดิมไปในจุดเดิมๆ เพียงแค่..ต่างเวลากันเท่านั้น

“ซูดดดด อร่อยดีเนอะ อร่อยจนน้ำตาไหลเลย” แม้ภายนอกมารวยอาจจะดูเข้มแข็งและฟื้นตัวเร็วในสายตาของเพื่อนๆ แต่แท้จริงแล้วในใจของเขาไม่ต่างจาเกวันแรกสักเท่าไหร่ ความอ่อนแอที่พยายามปกปิดมันถูกเปิดเผยต่อหน้าเจ้าหมาที่นอนอยู่หน้าเซเว่น มารวยเลือกที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองทั้งหมดให้กับเจ้าหมาฟังเพราะเขารู้ดีว่าเจ้าหมาตัวนี้ไม่มีทางเอาเรื่องของเขาไปบอกใครได้

“หมา...รวยคิดถึงเขาว่ะ แต่รวยกลับไปไม่ได้จริงๆ” เจ้าหมาเงยหน้ามองมารวยด้วยสายตาเห็นใจแต่มันทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ทั้งสองกลับมานั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเวลาเดียวกัน

“ถ้ามันคู่กันแล้วมันก็ไม่แคล้วกันหรอกเนอะ รวยจะรอวันนั้นนะหมา”

หมาเองก็อยากตอบกลับไปว่า..หมาเองก็รอวันนั้นอยู่เหมือนกัน



เย้!!! วันนี้ก็มาถึงวันที่จบ....ไม่ใช่ จบซีซั่น 1 เท่านั้นเป็นแค่ครึ่งแรกของบทเรียนรักของเฮียบิ๊กและน้องมารวย ถ้าอยากรู้ว่าเฮียบิ๊กจะสามารถเอาชนะใจน้องมารวยได้ไหม ต้องรอซีซั่น 2 นะจ๊ะ รับรองว่าสนุกไม่แพ้ซีซั่นหนึ่งแน่ๆทั้งความฮา ความบ้า และความ..อะไรดี คิดไม่ออกแล้ว
และที่อยากจะบอกทุกคนว่า ขอบคุณมากนะคะที่ติดตามทั้งคอยอ่านหรือการคอมเม้นต์ให้กำลังใจเรารู้สึกดีใจมากๆเลย ตัวเองทำให้เรามีกำลังใจในการแต่งนิยายต่อไป เราไม่สัญญานะแต่เราจะพยายามพัฒนาฝีมือของตัวเองและเอาชนะความกลัวในหลายๆด้านของตัวเองให้ได้

ปล.เกือบสุดท้าย ถ้าไม่เป็นการรบกวนช่วยรีวิวให้หน่อยได้อะเป่า อยากให้เฮียบิ๊กเป็นที่รู้จักมากขึ้น หาแนวร่วมสาปแช่งเฮียกันค่าาา สุดท้าย เรารักทุกคนมากเลยนะ
ปล. สุดท้ายจริงๆ..... จะมาเปิดเรื่อง #เซย์บุ๊คเร็วๆนี้
ด้วยความรักถึงนักอ่านตัวน้อย
ไก่ทอดมาแล้วจ้า

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เอาใจช่วยคู่นี้จ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
อดทนรอวันนั้นนะครับ,,,

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
Say Yes! If you love me
#เซย์เท่ไหมบุ๊ค

คลิ๊กไปยังเรื่อง Say Yes! If you love me


ลิ้นกับฟันมันกระทบกันยังไม่เท่ากูกับมึง
เรื่องระหว่างศัตรูคู่แค้นที่ประกาศตัวว่าจะไม่มีวันเป็นเพื่อน
แต่ทำไมกลับกลายเป็นความสัมพันธ์แบบ FWB ไปได้ซะอย่างนั้น

 “ กูไม่ใช่เพื่อนมึง!”

“ หรืออยากเป็นเมีย?”

“ เป็นเมียมึง? ใช้ส้นตีนหรือสมองคิดถามจริง”

 “ ก็ไม่แน่ ส้นตีนกูอาจจะคิดถูกก็ได้”


OPEN
27.08.62

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
Season 2
บทนำ
ยิ่งรักยิ่งห่าง

‘บิ๊ก บริบท’ ดาราชายขวัญใจวัยรุ่นกับบทบาทใหม่ในซีรีส์สุดฮ็อต เพียงแต่ปล่อยทีเซอร์ตัวแรกก็ได้รับความสนใจจนติดเทรนทวิตเตอร์

‘รวย มารวย’ แจ้งเกิดเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของทีมชาติจากสโมสร SCC เหมืองแร่ ยูไนเต็ด ลงแข่งในนัดคัดเลือกฟุตบอลโลก ในปีแรกที่ผ่านการคัดทีมชาติในปีแรกด้วยอายุ 23 ปี ในเกมที่แข่งกับเพื่อนบ้านทำให้มารวยเป็นที่พูดถึงในโซเชียล ด้วยผลงานและน้ำใจนักกีฬาที่เล่นอย่างมีมารยาทแม้ว่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามกวนสมาธิด้วยเกมรุกที่ออกนอกกติกา แต่นั่นก็ไม่สามารถทำลายสมาธิและสติของเขาได้ จนท้ายที่สุดก็กลายเป็น Man of the match ในเกมการแข่งขัน

ชีวิตของทั้งคู่เหมือนเส้นขนานของกันและกันโดยเฉพาะโลกของมารวยที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเวลาว่างให้คิดเรื่องอื่นนอกจากแข่งขัน คัดเลือก หลังจากเรียนจบได้เพียงปีเดียวเขาก็ตัดสินใจเป็นนักบอลจริงจังโดยสังกัด SCC เหมืองแร่ ยูไนเต็ดได้ไม่ถึงปีก็เข้ามาคัดเลือกเป็นนักกีฬาทีมชาติอีกครั้ง

ส่วนบิ๊ก หลังจากเรียนจบเขาก็ไม่ได้ทำงานที่ตรงสายที่เล่าเรียนมาอย่างวิศกรรมศาสตร์ สาขาเคมี ก่อนหน้าเขาเคยพูดเอาไว้ว่าจะไม่เล่นละครอีก แต่นั่นก็เป็นตอนที่เขายังมีมารวยอยู่ แต่ตอนนี้เขาตัวคนเดียวจะทำอะไรก็ได้ จะเรียกว่าหลงใหลในโลกมายาก็ไม่ปราน ทั้งชื่อเสียง เงินทอง มันได้มาง่ายๆ เพียงแค่เล่นละครและเซอร์วิสแฟนๆ เท่านั้นเขาก็สามารถมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงได้อีกยาวนาน ถ้าเรื่องไหนเขามีเคมีเข้ากับนักแสดงที่เล่นด้วยจะยิ่งได้รับผลตอบรับที่มากกว่าเดิม ทั้งอีเว้นต์ หรือพรีเซนเตอร์สินค้าต่างๆ แต่คู่จิ้นของเขาไม่ว่าจะเรื่องไหนที่เล่นด้วยหรือไม่ได้เล่นด้วยก็ยังได้รับการตอบรับก็คือ  ‘อชิ’ ทำให้บิ๊กจำเป็นต้องติดต่ออชิอยู่เสมอเพื่อเซอร์วิสแฟนคลับ

“พี่บิ๊กคะขอถ่ายรูปได้ไหมคะ” วันนี้เป็นวันพักผ่อนบิ๊กเลือกที่จะมาโรงพยาบาลเด็กเพื่อทำกิจกรรมอาสาที่น้อยคนนักที่จะรู้

“ได้ครับ แต่ต้องกินยาด้วยนะไม่อย่างนั้นพี่บิ๊กจะไม่ให้ถ่ายอีก” บิ๊กย่อตัวลงนั่งถ่ายรูปกับเด็กๆ ที่ป่วย กิจกรรมที่เขาทำส่วนมากจะมาเล่นดนตรีให้เด็กฟังหรือไม่ก็มาเป็นอาสาเล่านิทานหรือชวนเด็กๆ ทำศิลปะเพื่อไม่ให้เขาฟุ้งซ่านเรื่องที่อยู่ในใจ เป็นเรื่องเดียวที่เขายังคงตัดออกไม่ได้

“เฮียรู้หรือยัง?” ตี๋หรือบุ๊ค น้องชายของบิ๊กจะมาด้วยทุกครั้งหากเขาสองคนว่างตรงกัน แต่ตอนนี้บุ๊ควิ่งหน้าตาตื่นมาหาผู้เป็นพี่เพราะพึ่งได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานอย่างมารวย

“รู้อะไรวะตี๋” บิ๊กขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ไอ้รวยมันกลับมาจากไปแข่งที่มาเลแล้วเมื่อวันก่อน วันนี้มันนัดผมกินข้าว เฮียไปด้วยไหม?” บิ๊กมองหน้าน้องชายอย่างพิจารณา

“เขาคงไม่อยากเจอเฮียหรอก” บิ๊กหันหน้าหนีไปเล่นกับเด็กๆ ต่อ

“ทำเป็นเศร้า ผมรู้เฮียหน้าด้านอะ ไปเถอะๆ ไปเป็นเพื่อนผมก็ได้ไอ้เซย์มันไม่ว่าง”

“ที่แท้ไอ้เซย์ก็ไม่ว่างถึงมาชวนเฮียนะตี๋” เฮียบิ๊กส่ายหัวเล็กน้อย “ไปก็ได้” ลึกๆ แล้วในใจของบิ๊กเองก็ตื่นเต้นที่จะได้เจอกับมารวยอีกครั้ง แม้ว่าจะเคยเจอในข่าวอยู่บ้าง แต่หลังจากเลิกกันเขาก็ไม่ค่อยได้เจอมารวยตัวจริงเลย โดยเฉพาะตอนที่มารวยเล่นฟุตบอลจริงจัง ถ้าถามว่าเขาตามข่าวมารวยไหมบิ๊กตอบได้เลยว่าไม่มีวันไหนที่ไม่ตาม ยังคงคิดถึงมารวยอยู่เสมอ

“เฮียทำไมไม่ยิ้มเลยวะ เก๊กหน้าเพื่ออะไรเอ่ย?” ตอนนี้บิ๊กและบุ๊คมารอมารวยที่ร้านอาหารกึ่งบาร์ที่มารวยนัดทั้งคู่เอาไว้ โดยบุ๊คเลือกโต๊ะในสุดเพื่อไม่ให้พี่ชายของตนตกเป็นเป้าสายตา

“ไม่อยากทำตัวเหมือนเดิม เดี๋ยวมารวยจะตกใจ ตอนนี้เฮียมาในฐานะพี่ชายตี๋” บุ๊คส่ายหน้าเล็กน้อยหลังจากที่ฟังพี่ชายของเขาพูด

“เอาเถอะ จะรอดูว่าจะแสดงได้สักเท่าไหร่นะ” ไม่นานมารวยก็มาถึงร้าน บิ๊กที่นั่งหันหลังไม่ได้หันกลับไปมองเพียงแค่รอมารวยมานั่งด้วยหัวใจที่พองโต เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เจอคนที่อยากเจอมาตลอด และนี่ก็ทำให้เขารู้ว่าไม่ว่าจะพามานานเท่าไหร่เขาก็เลิกตื่นเต้นให้กับคนคนเดิมไม่ได้สักที

“ไงมึง” มารวยทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามกับบิ๊กพร้อมยกมือขึ้นไหว้บิ๊กอย่างมีมารยาท “สวัสดีครับพี่บิ๊ก”

“ยังจำชื่อกันได้เหรอ...” บิ๊กอยากจะตบปากตัวเองแรงๆ เมื่อเขาเผลอประชดออกไป ส่วนบุ๊คที่เป็นคนกลางก็รีบเอามือตบหัวของตัวเองแรงๆ หลังจากที่บิ๊กพูดออกมา

“ทำไมจะไม่ได้ครับ ก็พี่เป็นพี่ชายเพื่อนสนิทผม” มารวยยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ

“แค่เพื่อนพี่ชายอย่างนั้นเหรอ?”

“ผมจำได้แค่นั้นจริงๆ” เป็นบิ๊กเองที่เก็บอาการไม่ได้จนบุ๊คต้องยื่นมือเข้ามาเคลียร์ไม่ให้บรรยากาศกลายเป็นศาลาคนอกหักเหมือนอย่างตอนนี้ เขาสังเกตหน้าพี่ชายของเขาตลอดที่เอาแต่ยกเหล้าขึ้นดื่ม แต่มารวยกลับคุยกับเขาเหมือนปรกติ บุ๊คเองก็พึ่งรู้ว่าเพื่อนของเขาโคตรเย็นชาก็วันนี้

“แล้วแมตหน้าแข่งที่ไหนวะไอ้รวย” บุ๊คเอ่ยถาม

“ที่บ้านเรานี่แหละมึงแต่แมตนี้แม่งโค้ชให้กูเปลี่ยนตำแหน่งเล่น อย่าไปบอกใครนะเว้ยว่า.......” มารวยคุยกับุ๊คเรื่องฟุตบอลอย่างออกรสออกชาติโดยไม่ทันได้สังเกตคนที่นั่งตรงข้ามที่เอาแต่นั่งจ้องริมฝีปากเวลามารวยพูด จ้องหน้าด้วยความคิดถึง จ้องทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นมารวยเพื่อกักเก็บความรู้สึกในวันนี้เอาไว้

มารวยวันนี้เปลี่ยนไปมากแม้ว่าจะมีหน้าตาเหมือนเดิมแต่รูปลักษณ์ภายนอกของมารวยคือนักกีฬาที่สมบูรณ์แบบ และสิ่งที่เปลี่ยนที่สุดคือแววตาของมารวยที่มองเขาเปลี่ยนไป บิ๊กเองรู้ดีว่าเพราะอะไร

“กูขอเลี้ยงนะ” มารวยเตรียมยื่นเงินจ่ายแต่บิ๊กกลับแย่งวางบัตรเครดิตก่อนที่มารวยจะควักเงินออกมา

“พี่โตสุดขอเลี้ยงนะครับ” บิ๊กที่นั่งทำใจอยู่นาน ตอนนี้เขาสวมบทบาทตามที่สมองเขาสั่งให้ทำ แม้ว่าในใจอยากทำอย่างอื่นมากก็ตาม

“ขอบคุณครับพี่” มารวยยิ้มอย่างมีมารยาทเหมือนปรกติ

ทั้งสามนั่งรอพนักงานที่เอาบัตรของบิ๊กไปรูด เธอเดินกลับมาก่อนจะยื่นบัตรมาให้บิ๊กตรงหน้า

“อันนี้บัตรประชาชนค่ะ...” บิ๊กแทบจะเอาหน้ามุดโต๊ะด้วยความอาย ทำให้มารวยยื่นเงินให้พนักงานแทน

“โทษทีนะมึงเหมือนพี่กูจะเมา” บุ๊ครีบพูดแก้ตัวให้พี่ชาย “เฮียเป็นเหี้ยไรเนี่ยวันนี้”

“แม่งเอ้ย! เฮีย เฮีย คิดถึงเราว่ะเด็กบื้อ...” เป็นบิ๊กอีกครั้งที่แพ้ให้กับตัวเอง เขามองหน้ามารวยด้วยความอ้อนวอน บุ๊คที่มองหน้าพี่ชายและเพื่อนสนิทสลับไปมาก่อนจะพูดขึ้น

“ไปห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา” เป็นประโยคที่บุ๊คกำลังจะสื่อว่า อยากคุยอะไรก็คุยกันไป ทำให้บิ๊กตัดสินใจยื่นมือไปจับมือของมารวย แต่มารวยกลับดึงมือออกทันทีทั้งที่ยังไม่ทันที่มือของบิ๊กจะสัมผัส

“เป็นไงบ้างครับพี่” มารวยถามขึ้นมาก่อน

“สบายดีแต่ไม่ชินสักที”

“เดี๋ยวก็ชินพี่ ผมเองก็ใช้เวลากว่าจะชิน” มารวยตอบยิ้มๆ “เดี๋ยวนี้เป็นพระเอกแล้วนิ ผมเห็นในทีวีติดตามพี่อยู่นะ”

“ขอโอกาสไม่ได้เหรอ?” บิ๊กกลับพูดอีกเรื่อง

“ละครพี่สนุกมากเลยนะ ผมนี่โคตรอินเลย”

“ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงเลย ภาพเก่าๆ มันย้อนกลับมาเสมอ”

“ผมขอลายเซ็นได้ไหมพี่” มารวยหยิบโทรศัพท์ของเขาออกก่อนจะยื่นไปตรงหน้าบิ๊กด้วยมือสั่นๆ “งั้นถ่ายรูปก็ได้” มารวยเตรียมจะกดถ่ายรูปกับบิ๊กแต่จังหวะนั้นเองที่มารวยเอาหน้ายื่นไปใกล้เพื่อที่จะได้เข้าเฟรมทั้งคู่ แต่บิ๊กกลับใช้โอกาสนั้นยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มของมารวยแรงๆ ก่อนจะผละออก

“พี่อย่าทำแบบนี้เลย เรื่องของเรามันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ผมเลือกทางนี้แล้วพี่ควรเคารพการตัดสินใจผมนะเว้ย” มารวยมองหน้าบิ๊กนิ่งๆ “อย่าเอาชื่อเสียงของพี่มาแลกกับคนอย่างผมเลย ไม่คุ้ม” ลึกๆ ในใจของมารวยก็ยังรู้สึกดีแต่เขากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ

“ชื่อเสียงของพี่หรือของเรา? เป็นนักบอลทีมชาติคงต้องคีพลุคไม่อย่างนั้นแฟนบอลจะไม่ศรัทธา กูพูดถูกไหม?” ด้วยความเมาบวกกับความน้อยใจทำให้สรรพนามต่างๆ เปลี่ยนไปหมด หน้าของมารวยตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน

“แล้วแต่พี่จะคิด ผมไม่ห้าม”

“หนีได้หนีไป แต่ถ้าหนีไม่ได้ก็กลับมานะ” บิ๊กพูดทิ้งท้ายขณะที่มารวยกำลังหันหลังเดินออกไป

“ผมรักพี่นะพี่บิ๊กแต่ในฐานะน้องชาย ผมโอเคถ้าพี่จะรักผมในฐานะน้องชายเหมือนกัน แต่ในฐานะเด็กบื้อมันจบไปแล้วจริงๆ หวัดดีครับ” มารวยยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะเดินออกไปโดยที่ไม่หันกลับมามองบิ๊กอีก

“มันไม่จบแค่นี้หรอก”

“เฮียพูดกับใครวะ แล้วไอ้รวยไปไหน?” บุ๊คเดินกลับมาเห็นตอนที่บิ๊กพูดคนเดียวพอดี

“กล้องสอง มึงไม่รู้จักเหรอตี๋ เวรเอ้ย!!” ในเมื่อลงที่มารวยไม่ได้ เขาก็ขอลงกับที่น้องชายของตัวเองก็แล้วกัน

“กูผิดไรวะ?” บุ๊คเกาหัวด้วยความงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น


ปล. กำแพงรวยหนานะเฮียไหวเหรอ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
มาแล้ว ดีใจมากครับ,,,

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
Ss2 บทที่ 1
วงโคจร

Maruay’ s talk

เวลาผ่านไปอะไรๆ ก็ย่อมเปลี่ยนเสมอเลยนะครับ โดยเฉพาะความรู้สึกของผม จากที่เคยเจ็บตอนนี้มันหายเจ็บไปแล้ว จากเคยผิดหวังตอนนี้ผมไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ถ้าถามว่าจะกลับไปไหมผมคงให้คำตอบอะไรมากไม่ได้ในตอนนี้ ความรู้สึกดีๆ มันยังคงมีอยู่ แต่ว่า..มันก็ช่างน้อยเหลือเกิน

ผมไม่ได้ปิดตัวเองแต่ก็ไม่ได้เปิดซะทีเดียวมันยังคงมีกำแพงสำหรับเขา ผมยอมรับเลยว่าเคยรักเขามากและก็เกลียดมากๆ เช่นกัน แต่นั่นมันเป็นเพียงแค่อดีตเพราะปัจจุบันผมว่าผมโอเคเลยกับความรู้สึกและสิ่งที่ผมเลือก

มารวย อายุยี่สิบสามพึ่งเล่นลีคได้ไม่นานแต่ก็ผ่านการคัดเลือกเป็นทีมชาติชุดใหญ่ จากนักฟุตบอลโนเนมกลายเป็นดาวเด่นเพียงชั่วข้ามคืน

ชีวิตของผมเปลี่ยนไปมากๆ ประวัติต่างๆ ผมถูกขุดคุ้ยแม้กระทั่งชื่อพ่อแม่บ้านเกิดและอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องความรักของผมเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ถูกพูดถึงหรือจะเรียกได้ว่าไม่มีข้อมูลในส่วนนั้นน่าจะดีกว่า

“.......” หลังจากที่ปลีกตัวออกมาจากร้านอาหารได้ก็เล่นเอาแทบแย่ ตามจริงผมก็ไม่ได้รู้สึกเฉยอะไรขนาดนั้น ยิ่งเห็นหน้าผมก็ยิ่งคิดถึง แต่คิดถึงในรูปแบบที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากมองดูเขาอยู่ห่างๆ ตอนนี้สถานะของเราสองคนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เรียกได้ว่าน่าจะเป็นไปไม่ได้ในฐานะคนรักเลยเพราะเส้นทางที่ผมเลือกมันค่อนข้างปิดกั้นเรื่องเพศสภาพหรือรสนิยมทางเพศ และเขาก็มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ผมสองคนไม่ใช่นักศึกษาธรรมดาอีกต่อไป

ความรักมันเคยกินได้สำหรับผมนะ แต่ตอนนี้มันกินไม่ได้แล้วว่ะ แม้ว่าจะอยากกินแค่ไหนก็ตาม

ผมยืนทำสมาธิอยู่หน้าร้านอาหารอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจโบกรถเพื่อไปนอนคอนโดกับรุ่นพี่ในสโมสร รุ่นพี่ที่ผมสนิทที่สุดตั้งแต่ผมผันตัวมาอยู่วงการนี้ ระยะเวลาสั้นๆ แต่ผมสามารถสนิทกับพี่เขาอย่างไม่น่าเชื่อ และเป็นเพียงคนเดียวที่รู้อดีตผมทุกๆ อย่างแม้กระทั่งเรื่องความรัก

“มาดึกเลยนะมึง”

“ไม่รบกวนพี่ใช่ไหม” ผมยิ้มให้กับรุ่นพี่ที่เปิดประตูห้องให้ผม “พี่พัดผมไปเจอเขามาว่ะ ตอนแรกก็เตรียมใจไว้ว่าอย่างไงก็ต้องเจอแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้” ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาห้องของรุ่นพี่ที่ชื่อว่า  ‘ใบพัด’ หรือเรียกสั้นๆ ว่าพี่พัด ถึงชื่อพี่เขาจะดูน่ารักแต่ลักษณะของพี่พัดไม่ได้น่ารักเหมือนชื่อเลย โดยเฉพาะหนวดที่ไว้โคตรเหมือนโจร ทั้งๆ ที่เป็นคนขาวแต่พอมีหนวดพี่พัดจึงกลายเป็นคนหน้าโหดเลยทันที

“แล้วไง คิดถึง? หรือหัวใจเต้นจนระเบิดออกมา?” พี่พัดโยนขวดน้ำเย็นๆ ลงมาบนตักก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ผม

“ก็ไม่เชิงแต่ผมว่าสถานะของเราสองคนไม่ควรที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม พี่จำได้ไหมตอนที่ผมเปิดใจคุยกับแจม ตอนนั้นโคตรดีเลย ผมคิดว่าผมจะชอบแจมได้แต่พอผมจะขอแจมเป็นแฟนภาพของเขาก็ลอยกลับมาทุกครั้งจนผมต้องยอมปล่อยแจมไป” เรื่องราวตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมเลิกกับเขามาได้สักพัก ยอมรับว่าไม่อยากเปิดใจให้ใคร แต่กับแจมมันเป็นข้อยกเว้น แจมคือเพื่อนที่ผมบังเอิญเจอตอนที่ไปทำงานพิเศษช่วงเสาร์อาทิตย์ ตอนแรกก็แค่คิดว่าคุยกันถูกคอแต่ไปๆมาๆ กลับกลายเป็นคนคุย รู้ตัวอีกทีผมกับแจมตัวติดกันยิ่งกว่าผมกับไอ้บุ๊คเมื่อก่อน แจมเองเป็นผู้หญิงที่เข้าใจผมทุกอย่าง เรานิสัยเข้ากันมาก แต่มันยังเข้ากันไม่มากพอที่จะทำให้ผมลืมอดีต... อดีตที่ตอกย้ำกับผมว่าผมยังเลิกรักเขาไม่ได้

“กูต้องปรับทุกข์กับมึงอีกแล้วสินะ”

“แน่นอนดิพี่ ไม่มีพี่ผมก็ไม่มีใครแล้ว ไม่มีใครอยากคบกับผม” พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็เศร้าเหมือนกัน อย่างที่บอกว่าผมพึ่งผันตัวมาเล่นฟุตบอลอาชีพก็ตอนอายุยี่สิบสองยี่สิบสาม และแน่นอนว่าการที่ผมติดทีมชาติทั้งๆ ที่อยู่สโมสรไม่ถึงปีนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่ค่อยมีเพื่อนในทีมเท่าไหร่

“ทำเศร้านะไอ้หมารวย” พี่พัดยื่นมือของเขามาลูบศีรษะผมเบาๆ “ที่ลูบเพราะเอ็นดูนะมึง อย่ามาหวั่นไหวกับกูล่ะ”

“โถ่พี่พูดแบบนี้อีกแล้ว ผมก็ไม่ได้หวั่นไหวกับผู้ชายทุกคนนะ”

“ก็กูหล่อ”

“โทษนะพี่พัด แต่พี่หล่อน้อยกว่าแฟนเก่าผม......” ไอ้รวยเอ้ย! มึงเผลอพูดอะไรออกมา ทั้งๆ ที่พยายามไม่คิดถึงเขาแล้วแต่สุดท้ายก็กลืนน้ำลายตัวเอง แต่ช่างเถอะคิดถึงตอนที่เขาไม่รู้คงไม่เป็นไร

“รู้ครับ ใครจะไปหล่อเท่าพระเอกดาวรุ่งล่ะครับ” พี่พัดพูดประชดออกมา “คืนนี้มึงนอนไปก่อนเลยนะ กูดูหนังแปบ” พี่พัดไม่คุยกับผมต่อเพราะเขาหยิบหูฟังขึ้นมาดื่มด่ำกับซีรีส์ที่ดูค้างไว้อยู่ในไอแพด ส่วนผมที่ไม่มีคนคุยด้วยก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ส่วนมากก็ไถ่หน้าฟีดไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยได้คุยกับใครสักเท่าไหร่ ไม่ได้ว่าหยิ่งอะไรนะแต่ไม่มีคนทักมา นอกจากจะแท็กสตอรี่ตอนที่ผมมีแข่งช่วงนั้นก็จะมีคนให้ตอบบ้าง

ผมกดสลับแอคเคาท์เปลี่ยนเป็นอีกแอคเคาท์จะเรียกได้ว่าเป็นแอคลับก็ได้ แอคนี้ผมสมัครเอาไว้ส่องเขาคนนั้น คอยติดตามความเคลื่อนไหว หรือเอาไว้ดูดาราคนอื่นๆ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมหายคิดถึงเขาบ้าง

‘ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแม้ว่า..จะไม่เป็นเหมือนเดิมแล้วก็ตาม’

ผมนั่งอ่านแคปชั่นของเขาอยู่สามรอบอย่างไม่เข้าใจ แคปชั่นที่มาพร้อมกับรูปของเขาที่ถ่ายที่ร้านอาหาร ถ้าไม่เป็นการเข้าข้างตัวเองมากเกินไป ผมจะคิดว่าเขาคงหมายถึงผม ผมก็อยากลงรูปตอบนะแต่พอดีว่าในบทของผมที่วางไว้ต้องทำเป็นตัวละครที่เจ็บแล้วจำ แผลลึกฝังในใจไม่เคยลืม (ไรท์บอกมางี้อะครับ)

โทรศัพท์ของผมสั่นพร้อมกับวิดีโอคอลที่กดให้รับจากไอ้บุ๊ค ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะกดรับอย่างไม่คิดอะไร

(สวัสดีครับ ความรักมาส่ง)

“......” ผมมองภาพตรงหน้านิ่งๆ คนที่โทรมาไม่ใช่ไอ้บุ๊คแต่เป็นพี่ชายของมันหรือคนที่ผมคิดถึง “ผิดคนหรือเปล่าครับ?”

(ถ้าน้องชื่อมารวย คนนั้นก็ถูกอะครับ ไม่ผิดคนเล้ยยย) น้ำเสียงและสีหน้าของเขาเหมือนคนเมาไม่มีผิดเพี้ยน ผมว่าน่าจะเมาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรมาหาผมแบบนี้

“ถ้าไม่มีอะไรผมวางนะ” ผมพยายามควบคุมเสียงไม่ให้ตื่นเต้นหรือยิ้มไปกับคนตรงหน้าและทำท่าเหมือนจะกดปิดบวกกับความรำคาญเล็กน้อยเพื่อให้แนบเนียน

(ใจร้ายง่า ไม่คิดถึงเฮียเหรอ เฮียคิดถึงเรานะ วันนี้เราน่ารักเหมือนเดิมเลย แต่เฮียเข้าไม่ค่อยถึงเราเท่าไหร่ เราดังใหญ่แล้วคงไม่สนใจเฮียสินะ) ประโยคตัดพ้อบวกกับน้ำเสียงเศร้าๆ มันทำให้ผมเกือบที่จะหลุดยิ้มออกมา

“ผมว่าพี่ไปพักเถอะครับดึกแล้ว ผมวางนะ” คราวนี้ผมตัดสินใจเตรียมที่จะกดปิดแม้ว่าในใจลึกๆ ไม่อยากจะวางก็ตาม

(เดี๋ยวครับ)

“.....” ผมไม่ได้ว่าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพื่อรอดูว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไรขึ้นมา

(ยินดีด้วยนะเฮียไม่เคยพูดคำนี้กับเราเลย ยินดีกับความสำเร็จของเราเสมอ เฮียเป็นกำลังใจให้นะแม้ว่าสถานะนั้นเฮียจะเป็นได้แค่พี่ชายของเพื่อนเราก็ตาม)

“.....”

(ไม่ได้จะดราม่าแค่อยากจะบอกจริงๆ อยากบอกตั้งนานแล้วแต่ไม่กล้าพอ)

“ฝันดีครับ..ติ๊ด” ผมกดตัดสายทันทีก่อนที่จะเผลอไปมากกว่านี้ แค่คำว่ายินดีของเขามันทำให้ผมเกือบร้องไห้ออกมา

คำยินดีที่ผมเฝ้ารอคอยมาตลอดตั้งแต่ผมได้คัดเลือกเข้าสโมสร คำยินดีที่ผมได้ลงเล่นครั้งแรก คำยินดีที่ผมติดทีมชาติ คำพูดเหล่านั้นผมได้ยินจากหลายๆ คน แต่คนที่ผมอยากได้ยินที่สุด ตอนนี้ผมได้ยินมันแล้ว

“มึงร้องไห้เหรอไอ้รวย?”

“ฝุ่นพี่ ฝุ่นห้องพี่เยอะฉิบหายเลย” ผมยกหลังมือขึ้นมาเช็ดไอ้น้ำบ้าๆ ออกจากตาทั้งสองข้างก่อนจะพยายามไม่โฟกัสสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น

“ฝ่นเคอะไร กูได้ยินหรอก”

“พี่ไม่ได้ดูหนัง?”

“กูดูแต่พอแฟนเก่ามึงโทรมากูเลย..กดหยุดไว้ ไม่ได้เสือกเลยนะ แค่เป็นห่วงน้อง”

“โคตรน่าเชื่อเลย” อย่างน้อยคืนนี้ผมก็ไม่ได้นอนคนเดียว


Big’ s talk

“พอใจแล้วนะเฮีย” ผมยื่นโทรศัพท์ให้ตี๋ก่อนจะเอนหลังนอนลงบนที่นอนเหมือนเดิม ใช่ครับ ผมขอร้องเพื่อยืมโทรศัพท์ตี๋มาโทรหาเด็กบื้อของผม แกล้งทำเป็นเหมือนคนเมา ไม่อย่างนั้นเด็กบื้อคงไม่ยอมคุยกับผมแน่ๆ และที่สำคัญผมมั่นใจว่าฝีมือการแสดงละครของผมแนบเนียนจนเด็กบื้อจับไม่ได้แน่ๆ

“ได้บอกคำที่อยากบอกมาตลอด พอใจแล้ว แต่อยากคุยอีก” คำยินดีเป็นสิ่งที่ผมอยากบอกเด็กบื้อมาตลอดเพียงแค่ผมไม่กล้าเพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับกลับมาหรือไม่ก็ไม่มีคำตอบเลย นั่นมันยิ่งปวดใจมากกว่าอ่านแล้วไม่ตอบ ผมพิมพ์คำยินดีเหล่านี้เอาไว้เพียงแค่ไม่กล้ากดส่ง

เฮียบิ๊กที่กล้ากับทุกอย่างยกเว้นเรื่องนี้ที่ผมไม่กล้า

“พอเถอะให้เพื่อนผมมันได้ตั้งหลักก่อน”

“หนึ่งปีแปดเดือนสิบห้าวันแล้วนะที่เลิกกัน เสียดายเวลาช่วงนั้นจัง” ผมจำได้นะว่าผมเลิกกับเด็กบื้อวันไหน ผมจำได้ทุกอย่าง

“เอาเวลาที่จำเนี่ยไปเถอะบทดีกว่าไหมเฮีย ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้มีถ่ายละครแต่เช้า” ตี๋นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆ บ่นออกมา

“สมองเฮียเยอะมีพื้นที่ให้จดจำมากมาย และเรื่องที่เฮียจำส่วนมากก็เป็นเรื่องของเด็กบื้อทั้งนั้น”

“จะอ้วกว่ะเฮียถ้าไม่ใช่พี่ชายนี่ด่าไปนานแล้ว”

“ตอนนี้ตี๋ก็ด่านะรู้เป่า” ทำอย่างไรทุกครั้งที่ผมหลับตาหรือนอนหลับในทุกๆ คืนไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่ฝันถึงเด็กบื้อ ผมเคยไปหาจิตแพทย์นะแต่นั่นก็ไม่เคยช่วยอะไร แม้ว่าจะได้ยามากินในช่วงแรกๆ มันก็ไม่ทำให้ผมดีขึ้นเลยจนผมต้องหยุดยาและเลิกไปรักษา ผมคิดด้วยตัวเองว่าอาการที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะความคิดถึง ผมคิดถึงเด็กบื้อเหลือเกิน

บทนี้คงเป็นบทที่มีแต่คำว่าคิดถึงนะครับ ก็ไรท์เขาเขียนให้ผมต้องเป็นฝ่ายคิดถึงอยู่ฝ่ายเดียว ต้องเดินหน้าง้อเด็กบื้อของผมให้สำเร็จ ชื่อเสียง เงินทอง มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับเด็กบื้อ ผมยอมทิ้งทุกอย่าง ถึงทิ้งอย่างไรผมก็รวย เพราะผมเกาะตี๋รวยอีกอย่างบ้านผมก็รวย ไม่ทำงานยังได้เลย นั่งเป็นอาซาเฝ้าเก๊ะยังได้เพียงแค่ตอนนี้สิ่งที่ผมขาดคือความรัก...

“รักมารวยโว้ยย!!”

“เฮียจะรู้รึเปล่าว่ายังมีคนอยู่ในห้องด้วย อย่างน้อยก็ผม” และเสียงที่แทรกเข้ามาขัดฟิลลิ่งของผมก็คือตี๋น้องรักนั่นเอง “ถ้าเสียงดังอีกนะเฮีย ผมจะให้ไอ้เซย์มารับ”

“รักมารวยโว้ย!!!!”

“.......”


30 นาทีผ่านไป

“ตี๋นอนยัง?” ผมลืมตาขึ้นมาในความมืดหลังจากที่ผมเสียงดังไปเมื่อก่อนหน้า ตี๋เลยโทรให้ไอ้เซย์มารับจริงๆ แต่ผมเองก็ดื้อตามตี๋มาห้องไอ้เซย์ด้วยเพราะไม่อยากนอนคนเดียว โดยเฉพาะตอนที่พึ่งเจอเด็กบื้อมาวันนี้ ทำให้ตอนนี้ผมนอนอยู่ตรงกลางระหว่างตี๋กับไอ้เซย์

“ถ้าเฮียยังไม่หยุดพูดผมจะทิ้งเฮียนอนคนเดียว” ตี๋พูดออกมาด้วยนำเสียงหงุดหงิด

“ตี๋.....”

“จะเงียบไหม?”

“ไอ้เซย์เล่านิทานให้กูฟังหน่อยดิ กูนอนไม่หลับจริงๆ น้องชายกูไม่สงสาร ทีกูยังเคยช่วยมึงเลย...” ได้ทีผมก็ต้องพึ่งไอ้เซย์และหาเรื่องทวงบุญคุณที่เคยช่วยมันไป

“พี่บิ๊กคือ...”

“ไอ้เซย์ถ้าไม่ได้กูนะป่านนี้มึง”

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วนะพี่บิ๊กมีควายตัวใหญ่หนึ่งตัวไม่ยอมนอน ถ้าควายไม่ยอมนอนควายจะไม่แข็งแรงและไม่เติบโตเป็นควายหนุ่ม.........” และผมก็หลับไปเพราะนิทานของไอ้เซย์ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมนอนหลับและมาเจอกับเด็กบื้อของผมในฝัน

คิดถึงจังเลยยยยยย

ยังคง Concept เดิมนะจ๊ะ อิอิ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เฮียจะทำไงต่อเนี๊ยะ???  เดินหน้าหรือหยุด,,,

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
SS 2 บทที่ 2
เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ

Maruay’ s talk

ตื่นเช้ามาผมได้รับข้อความจากผู้จัดการ จริงๆ ก็ไม่ได้ดังอะไรขนาดที่ต้องมีผู้จัดการแต่ทางสโมสรจัดหาไว้ให้หลังจากที่ผมเริ่มถูกพูดถึงในโซเชียลมากขึ้น โดยงานแรกของผมได้รับเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าที่เข้ากับไลฟ์สไตล์และอีกอย่างคือช่วงนี้ผมว่างเลยสามารถรับงานได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะกะทันหันขนาดนี้

“พี่แยมครับถ้ามันมีงานแบบนี้พี่แยมควรแจ้งผมก่อนล่วงหน้าก็ดีนะครับ” ระหว่างทางที่ยังสตูดิโอถ่ายผมบ่นกับพี่แยมผู้จัดการที่เริ่มเข้ามาดูแลผมได้ไม่นาน

“ขอโทษค่ะน้องรวยแต่พี่ก็ถูกบรีฟมาเมื่อคืนเหมือนกัน”

“ครับ” ผมสวมหูฟังเช่นเดิมโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง และไม่รู้รายละเอียดอะไรเลยนอกจากไปคุยกับลูกค้าเรื่องคอนเซ็ปต์และเซ็นต์สัญญา วันนี้ก็คงจะมีเท่านี้มั้งผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

หลังจากที่มาถึงสถานที่นัดหมายผมกับพี่แยมเดินเข้าไปด้านในบริษัทโดยที่มีตัวแทนมารอต้อนรับ และผมก็พึ่งได้ทราบตอนนี้ว่าสินค้าที่ผมต้องมาเป็นพรีเซ็นต์เตอร์ให้คือผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมยี่ห้อดัง ผมเองก็เคยเห็นพรีเซ็นต์เตอร์ของน้ำอัดลมยี่ห้อนี้มาบ้างแต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งผมจะเป็นหนึ่งในนั้นเอง

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ทุกคนที่อยู่ในห้องตอนนี้ เท่าที่ผมดูน่าจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งนั้นทำให้ผมจำเป็นต้องระมัดระวังตัวในเรื่องการวางตัวมากที่สุด

“สวัสดีครับน้องมารวยไม่คิดว่าจะได้เจอตัวจริง ตัวจริงหล่อกว่าในทีวีอีกนะครับ” ผู้ชายท่าทางมีภูมิฐานยื่นมือมาจับผมพร้อมกับรอยยิ้ม

“ขอบคุณครับ ผมก็ไม่ได้หล่ออะไรขนาดนั้นหรอกครับ” ถ้าผมตอบว่าแน่นอนผมหล่อมากเดี๋ยวจะไม่ถูกจ้างงานพอดี

“เดี๋ยวเชิญนั่งตรงนี้ก่อนนะครับ ขาดเหลืออะไรบอกผมได้เลย” ผมโค้งให้เขาเล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ พี่แยม ระหว่างนั้นพี่แยมก็รีบบอกผมในเรื่องที่ผมควรรู้อย่างเช่นคอนเซ็ปต์ของการโฆษณาครั้งนี้ที่ต้องการนักกีฬารุ่นใหม่มาเป็นพรีเซ็นต์เตอร์น้ำอัดลมที่ออกรสชาติใหม่อย่าง...น้ำอัดลมกลิ่นเบอรี่ ผมไม่เข้าใจว่าถ้าเป็นพวกเบอรี่ทำไมไม่จ้างดาราน่ารักๆ มามากกว่าที่จะเป็นนักฟุตบอลอย่างผม หรือหน้าผมเหมือนเบอรี่วะ? ก็ยังไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์อยู่ดี

รอไม่นานก็ถึงเวลาประชุมแต่ดูเหมือนว่าจะเริ่มประชุมไม่ได้เพราะขาดใครบางคน ใครบางคนที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเหมือนกัน จนกระทั่งมีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา

“ขอโทษค่ะคุณสมิทพอดีว่าน้องท้องเสียเลยมาช้านิดหน่อยค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ” ทำไมพี่ผู้หญิงคนนี้ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเธอจังเหมือนว่าเคยเห็นที่ไหน

“ไม่เป็นไรเจนแล้วเป็นอย่างไรบ้างอาการดีขึ้นรึยัง?”

“ดีขึ้นแล้วค่ะ...น้องรวย หวัดดีจ้า” ผมยกมือขึ้นไหว้ทันทีที่เธอทักผมด้วยท่าทางที่เหมือนรู้จักกันมาก่อน ผมพยายามเพ่งสายตาไปมองหน้าเธอดีๆ ทั้งชื่อและน้ำเสียงที่ห้าวหาญขัดกับหน้าตาสวยๆ ผมรู้สึกว่าผมคุ้นๆ อย่างประหลาดเหมือนเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน แต่คิดแล้วคิดอีกก็ยังคิดไม่ออกจนกระทั่งใครบางคนปรากฏตัวขึ้น ผมถึงบางอ้อทันทีว่าผมรู้จักเธอจากที่ไหน

พี่เจนนี่คือพี่ผู้จัดการของเขา...เขาที่ทุกคนรู้ดีว่าเป็นใคร

“ขอโทษครับพอดีผมท้องเสีย ขอโทษนะครับ ขอโทษทุกคนเลย....” ผมขออนุญาตเรียกเขาว่าพี่บิ๊กก็แล้วกันนะครับ (ตามภาษาคนคุ้นเคยเก่า) พี่บิ๊กยกมือขอโทษทุกคนก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ผมพร้อมกับยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ผมนั่งนะ” พี่บิ๊กเดินมาหยุดอยู่ที่ว่างข้างๆ พี่แยม

“น้องบิ๊กนั่งนี่ก็ได้ค่ะ” พี่แยมลุกขึ้นเพื่อให้พี่บิ๊กนั่ง และที่ตรงนั้นคือที่นั่งข้างๆ ผม

“ผมนั่งได้ไหมครับ?”

“เชิญครับ” ผมไม่รู้ว่าพี่บิ๊กต้องการอะไรถึงเปลี่ยนสรรพนามไปมา หรือว่าเขากำลังแสดงละครสวมบทบาทใหม่อยู่ ถ้าให้ผมเดาก็คงจะเป็นอย่างหลังเพราะคนอย่างพี่บิ๊กชอบทำอะไรที่คนส่วนมากคาดไม่ถึง และผมเดาได้เลยว่าการที่ผมมาเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ตอนนี้พี่บิ๊กน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง

ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญกับคนอย่างเขาไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมว่าเขาตั้งใจ และเรื่องนี้ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน

“มาเข้าเรื่องกันเลยนะครับอย่างที่น้องรวยทราบคร่าวๆ แล้วว่าทางเรากำลังจะเปิดตัวน้ำอัดลมรสชาติใหม่ที่ต้องการพรีเซนเตอร์ที่แตกต่างออกไปและน้องรวยตอนนี้อยู่ในกระแสและตรงคอนเซ็ปต์ที่สุดทำให้ทางเราเลือกน้องรวยเข้ามาร่วมงานนี้ ทางเรายินดีมากๆ เลยนะครับ”

“ผมก็ยินดีครับที่ได้มาร่วมงานกับทางบริษัท” ผมยิ้มตอบรับหลังจากที่คุณสมิทกล่าวขึ้น

“เดี๋ยวนี้เก่งหนิหนา” เสียงพูดรอดไล่ฟันของผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำให้ผมหันไปมองหน้าเขานิ่งๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นถาม “ไม่มีอะไรแค่แซว”

“ครับ”

“มีอะไรกันรึเปล่าครับ อ่อ! ผมลืมบอกเลยว่าน้องบิ๊กก็เป็นอีกหนึ่งพรีเซนเตอร์ที่ทางเราทำสัญญาสามปี น้องสองคนอาจจะได้ร่วมงานกันบ่อยๆ ทำความรู้จักกันเอาไว้นะครับ เอ๋ แต่ได้ยินมาว่าทั้งสองเคยอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน เคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าครับ?” คำถามของคุณสมิทเป็นคำถามที่ยากพอๆ กับข้อสอบวัดระดับตอนปอสี่เลย ถ้ามันยากมากผมก็ขอเลือกที่จะไม่ตอบและโยนให้คนข้างๆ ผมตอบแทน

“เคยครับ” พี่บิ๊กหันมามองหน้าผมยิ้มๆ แต่ผมไม่ยิ้มด้วยกับคำพูดของพี่บิ๊กเพราะมันดูเหมือนเขากับผมเคยมีอะไรกันบางอย่างทั้งท่าทางและแววตา พี่บิ๊กสามารถทำให้คนอื่นคิดไปทางนั้นได้อย่างชัดเจนเพียงแค่เขาแสดงออกมา

“แสดงว่าสนิทกันหรือเปล่าครับเนี่ยดูน้องบิ๊กยิ้มแย้มขนาดนี้”

“เคยเจอผ่านๆ ครับเห็นว่าคุณรวยเขาเป็นนักกีฬามหาลัยผมก็เคยเห็นมาบ้างแต่เข้าไม่ถึงหรอกครับ เขาดังจะตาย” ฟังดูอาจจะเป็นประโยคแซวเล่นแต่สำหรับผมมันโคตรจะประชดประชันแต่เอาเถอะผมคงไม่ถือสาอะไรกับคนอย่างพี่บิ๊กน่าจะดีกว่า

“อ่อผมก็คิดว่ารู้จักกันเป็นพิเศษ มาๆ เข้าเรื่องดีกว่านะครับ”

ตลอดทั้งการเจรจาและเสนอข้อตกลงผมนั่งเกร็งจนจบงานเพราะคนข้างๆ ที่คอยขยับตัวมาถูกผมแสร้งทำเหมือนว่าไม่ตั้งใจหรือบางครั้งก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆ จนเกือบจะโดนหน้าผม ผมว่าถ้าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังผมคงต้องกลับไปหวั่นไหวเหมือนเดิม

“พี่เป็นเหี้ยอะไรอะครับ”

“......”

“อุตส่าห์บอกว่าเป็นพี่น้องได้พี่ยังทำตัวไม่ให้เกียรติผมแบบนี้ผมว่าไม่ต้องเป็นพี่น้องกันดีกว่ามั้ง”

“.....ก็ไม่ได้อยากเป็นพี่น้องตั้งแต่แรก”

“แต่ผมก็กลับไปเป็นแบบเดิมเหมือนตอนแรกไม่ได้” หลังจากที่ที่ทุกคนออกจากห้องไป ผมรั้งตัวพี่บิ๊กเอาไว้ก่อน พร้อมกับสวมบทบาทมารวยคนใหม่ทันที มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากให้ผมกลายเป็นคนหยาบคาย “ยอมรับว่าเห็นหน้าพี่แล้วผมเองก็เริ่มหวั่นไหว”

“หวั่นไหวเราหวั่นไหวกับเฮียเหรอเด็กบื้อ!” เฮียบิ๊กเข้ามาจับตัวผมเขย่าเบาๆ ด้วยความดีใจ แต่นั่นก็หายไปเพราะคำพูดต่อไปของผม

“หวั่นไหวแต่ไม่คิดจะกลับไป เลิกเซ้าซี้ผมเถอะรำคาญ” การที่จะเค้นคำว่ารำคาญออกมาได้มันโคตรยากเลย แต่ผมก็จำเป็นต้องพูดออกไปแม้ว่ามันจะเป็นการทำร้ายเขาก็เถอะ “ผมกับพี่ต้องทำงานร่วมกันอีกนาน บอกตามตรงไม่อยากมีปัญหาวะ”

“อะไรทำให้เราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้? เหมือนไม่ใช่มารวยคนเดิมที่เฮียรู้จัก” ในเมื่อบทตลกไม่ได้ผลตอนนี้พี่บิ๊กเขาเล่นบทโศกกับผมแทนทั้งหน้าตาและน้ำเสียง

“แล้วพี่รู้จักผมดีขนาดนั้นแล้วเหรอ?”

“ที่ผ่านมาก็คิดว่าจะรู้จักดีที่สุด”

“ถ้าพี่คิดว่าที่ผ่านมาผมเป็นเด็กดีเชื่อฟังพี่มาตลอดบางทีพี่อาจจะคิดผิดก็ได้นะ เพราะผมเองอาจจะแสดงละครเก่งกว่าพี่”

“ไม่จริงไม่มีใครแสดงเก่งกว่าผมแล้ว ที่ผ่านมาถ้าเราแสดงละครเฮียต้องรู้ดิ” พี่บิ๊กขยับเข้ามาจับไหล่ผมเบาๆ “อย่าโกหกฉัน”

“โทษนะขอคัตก่อน พี่ไปตกลงกับตัวเองเรื่องสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองว่าจะใช้พี่ จะใช้ผม จะใช้เหี้ยอะไรก็ใช้เถอะ แบบนี้มันฟังแล้วขัดหู”

“ทำไม....เรานิสัยเริ่มเหมือนตี๋ไปทุกที” พี่บิ๊กเบิกตาโตทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดออกมา

“ผมเหี้ยกว่าไอ้บุ๊คอีกไม่รู้เหรอ?”

“โทษนะนั่นเรากำลังด่าน้องชายพี่อยู่ ตกลงจะเรียกแทนตัวเองว่าพี่แต่ถ้าโมโหจะพูดกูคงไม่โกรธกันเนอะ”

“ตามที่สะดวกอะครับ ผมไม่ติด” ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันหลังเพื่อเดินออกจากห้อง แต่แล้วก็ถูกพี่บิ๊กรั้งตัวเองไว้ก่อน

“ขอโอกาสได้เริ่มใหม่ได้ไหม บอกตามตรงว่าขัดใจเวลาเห็นหน้าเราใกล้ๆ พี่ทำใจไม่ได้จริงๆ ภาพต่างๆ มันย้อนกลับมาทุกครั้ง ภาพที่เราจับมือกัน กอดกัน เล่นกัน มันย้อนกลับมาในหัวของพี่ซ้ำไปมา เหมือนมีลิโดอยู่ในหัวเราพอจะเข้าใจไหม” ผมมองหน้าของพี่บิ๊กนิ่งๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

“โอเคไม่ตลกล่ะ ที่พี่พูดพี่พูดจริงนะให้โอกาสพี่จีบเราอีกครั้งก็ได้”

“ผมจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะพี่บิ๊ก เรื่องของเรามันจบไปแล้วปล่อยให้มันจบไปเถอะพี่”

“แล้วความรักล่ะ?”

“ความรักเหรอ? อย่าถามถึงมันเลยพี่เพราะที่ผ่านมาแม่งคืออดีต ขอโทษที่พูดตรงๆ หวัดดีครับแล้วเจอกันวันถ่าย” ผมยกมือขึ้นไหว้พี่บิ๊กเพื่อบอกลาพร้อมกับเดินออกมาโดยที่ไม่หันหลังกลับไปมองเพราะผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเผลอไปกอดปลอบเขาเหมือนเดิมหรือเปล่า

ทางนี้น่าจะเป็นทางที่ดีสำหรับผมกับพี่บิ๊กแล้วแหละครับ อยากด่าผมก็ได้นะแต่ผมขอด่ากลับเพราะผมไม่ใช่มารวยยอมคนเหมือนเดิมอีกต่อไป พี่เขาทำผมเจ็บจริงๆ ว่ะครับ


Big’ s talk

เห็นหลังของคนใจร้ายคนนั้นไหมครับ ตอนนี้แม้ว่าน้ำตาผมจะไม่ไหลออกมาแต่แน่นอนว่าหัวใจของผมโคตรเจ็บปวด มารวยไม่ใช่เด็กบื้อของผมอีกต่อไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นมารวยเวอร์ชันอัพเกรด ยิ่งเห็นแบบนี้ผมก็ยิ่งเหมือนเห็นน้องชายตัวเองในเวอร์ชันที่ซอฟกว่า ถ้าผมจะจีบมารวยต่อผมก็คงต้องไปถามวิธีจากไอ้เซย์ที่มันจีบน้องผมได้ แต่เอาเถอะตอนนี้ขอเวลาพระเอกตัดพ้อก่อนนะ

“น้องบิ๊กอาร์ยูวโอเค้?” พี่เจนนี่โผล่หน้าเข้ามาถามผมที่ยืนอยู่ที่เดิม

“เห็นหน้าผมยิ้มไหมอะพี่”

“โถ่พระเอกของพี่” พี่เจนนี่เดินเข้ามากอดปลอบผมเบาๆ ก่อนจะผละออก “เริ่มใหม่ก็ได้นิหนา แบบว่าจีบใหม่”

“ผมขอแล้วเขาไม่โอเค ไม่ให้ผมจีบแถมยังบอกว่ารำคาญ ตั้งแต่เป็นดารามาไม่เคยมีใครเคยบอกว่ารำคาญผมเลยนะพี่ ผมไม่หล่อเหรอ?”

“หล่อดิ หล่อมากแต่บางทีความหล่อก็ไม่ช่วยในเรื่องความรักนะ”

“เป็นท้อ หมดกำลังใจ” ผมทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ “ผมทำถึงขนาดให้พี่สนิทดีลรวยมาได้เขายังไม่เห็นใจผมเลยเหรอ แต่เอาเถอะผมจะใช้วิธีผูกมัดนี่แหละทำให้มารวยตกหลุมรักผมอีกรอบ”

“โดยที่หักค่าจ้างครึ่งหนึ่งของน้องบิ๊กไปจ้างน้องรวย?”

“เรื่องเงินโคตรเล็กน้อยสำหรับผมพี่ก็รู้ว่าผมรวยแค่ไหน”

“ยิ่งคุยกับน้องบิ๊กพี่ก็ยิ่งเหนื่อยค่ะ เอาเป็นว่าถ้าน้องบิ๊กสงบสติอารมณ์ได้แล้วตามออกไปนะคะ เรามีงานที่เดอะมอลต่อ แต่ขอบอกว่าอย่าช้าเพราะรถติดมาก” พี่เจนนี่เดินออกไปทิ้งให้ผมอยู่ในห้องคนเดียว ถึงเวลาเข้าซีนอารมณ์แล้วครับ

ทุกคนว่าผมงี่เง่าไหมอะที่ลงทุนทำขนาดนี้ แต่มันก็เป็นเพียงวิธีเดียวที่ทำให้มารวยอยู่ใกล้ๆ ผมทุกนาทีที่ทำงานร่วมกัน และอีกอย่างที่ผมตัดสินใจได้ทันทีว่าต้องเป็นมารวยเพราะผมได้ยินมาว่า...งานนี้เป็นที่ใช้เวลาถ่ายทำนานอีกอย่างคือต้องออกต่างจังหวัดหลายวัน ผมว่าผมสามารถคิดแผนอะไรดีๆ ออกเยอะเลย บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เราสองคนกลับมารักกัน

ผมเลิกคิดเรื่องที่จะเกิดขึ้นและปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตตอนนี้ผมไปตั้งใจทำงานดีกว่า เพราะอนาคตผมจะต้องมีเงินเยอะๆ ไปสู่ขอมารวยมาเป็นแฟน ให้มารวยเห็นว่าผมจริงใจแค่ไหน โดยใช้เงินฟาดหัว ฮ่าๆ ความคิดผมนี่โคตรแย่เลย

“พี่บิ๊กคะขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ”

“ถ่ายวิดีโอก็ได้นะครับ” ผมย่อตัวให้น้องๆ แฟนคลับเพื่อจะได้ถ่ายรูปแต่แล้วโทรศัพท์ของน้องก็ดับไปต่อหน้าต่อตาผมทันที

“เอ่อ...แบตหนูหมดค่ะ ฮื่อออ”

“เอาของพี่ก็ได้ งั้นพี่ก็ถ่ายลงในสตอรี่นะ เราไปแคปเอากันเน้อ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดถ่ายสตอรี่น้องๆ ที่มาขอถ่ายรูปผมหลังจากที่ลงจากเวทีงาน

การที่มีแฟนคลับมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีกำลังใจเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมหมดกำลังใจก็คือ...

“ใครวะ บิ๊กไหนวะ? เล่นช่องไรวะนั่น ไม่เคยเห็นเลย” นั่นแหละครับ แต่เอาเถอะผมอาจจะไม่เจาะกลุ่มวัยรุ่นผู้ชายก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่ผมจะทำก็คือ

“พี่ชื่อบิ๊กครับตอนนี้เล่นซีรีส์เรื่องรักนะจ๊ะหมูกระทะของฉันออนแอร์ทางช่อง XNXX มีผลงานมากมายเลย มีเฟซบุ๊คแฟนเพจด้วยนะไปกดถูกใจกันได้ แล้วที่สำคัญไปเสิร์ชกูลเกิ้ลคำว่า บิ๊ก บริบท น่าจะรู้จักพี่มากขึ้น ขอบคุณครับ” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นหล่อๆ ก่อนจะเดินออกมาจากวงล้อมในช่วงจังหวะที่ทุกคนกำลังอึ้ง วันนี้ได้ติดเทรนทวิตเตอร์แน่นอน ไอ้บิ๊กมึงทำอะไรของมึงลงไป

“เธอๆ พี่เขาเต็มใช่ไหม?”

“เอ่อ..ตอนนี้เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่พี่เขาหล่อดีกรี๊ดๆ ไปเถอะ”

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BuzZenitH

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-0
สนุกกกกกก ติดตาม  :katai5:
อยากรู้ว่าจะจีบใหม่ยังไง

ออฟไลน์ BuzZenitH

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-0
 :z13:อยากให้มาต่อจังเลยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด