Half of QUARTER | ครึ่งของ15 : -5 | แบบวาด [24/12/2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Half of QUARTER | ครึ่งของ15 : -5 | แบบวาด [24/12/2019]  (อ่าน 2572 ครั้ง)

ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


---------------------------------------------

Half of QUARTER

[ ครึ่งของ 15 ]

BY
t.storytellers


ชีวิตคนนับ 7 และ 7.5 คือเวลาระหว่างเรา
ความรักของคนชื่อวิน พนา ศิริทรัพยจันทร์ เหมือนว่าจะไม่มีทางไปต่อ
การประสบอุบัติเหตุกะทันหัน นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งอย่าง
การได้ย้อนเวลากลับไป ทำให้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนชื่อ ธวิ อีก
หากแต่ก็เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก หรืออาจเป็นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้ว
ถึงได้ทำให้ทั้งสองคนมาเกี่ยวข้องพัวพันกันอีก จนไม่อาจแยกออก.


---

*หมายเหตุ : เนื้อหาของเรื่องนี้ ยาวสั้นไม่เท่ากัน และไร้ซึ่งความสมดุล
บางตอนอาจยาวหลายหน้า บางตอนอาจสั้นจนถึงกับสบถว่าออกมา
แต่มันก็เป็นเช่นนั้นแล กับตะวันและจันทร์คู่นี้.

//t.ss


twitter : @SHANASEI
facebook page : t.storytellers

-------------------------------------------

#ครึ่งของ 15
#tstoytellers


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2019 20:51:32 โดย TsukiAkari »

ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: | ครึ่งของ 15 : 0 | เดือนดับ [17/04/2019]
«ตอบ #1 เมื่อ17-04-2019 17:48:25 »



0

| เดือนดับ |



“ ผม... ”

เสียงที่ส่งออกไปมีความประหม่าและตื่นเต้นอยู่ในที  คนตรงหน้าทำเพียงรอรับคำถามที่กำลังเอื้อนเอ่ย

ความเงียบรอบด้าน ยิ่งกว่าทำให้หยุดหายใจ คนตรงหน้าทำเพียงมองตรงมานิ่ง ทุกอย่างอยู่ในขอบเขตสายตา

ผมไม่อาจละหนีไปไหนได้อีก...

   

วันนี้อีกฝ่ายเรียกผมมาในจุดประจำ ห้องขนาดพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่ในบ้านชั้นเดียวยกพื้นใจกลางเมือง ที่ ๆ ผมแวะวนเวียนมาหลายปี จนลืมไปแล้วว่ามันเริ่มต้นเมื่อไร เวลามากกว่า 7 ปี ที่เราทำมันซ้ำ ๆ เดิม

ข้อความที่ส่งเข้ามา หรืออาจจะเป็นเสียงทุ้มต่ำที่โทรเข้ามาเพื่อบอกจุดประสงค์ที่ต้องการ การทานข้าวเย็นบนระเบียงกว้างที่ทำไว้เป็นที่นั่งเล่น เตียงนอนกว้างที่ได้ทิ้งตัวลงไปอยู่ประจำทุกสัปดาห์

ความสัมพันธ์ที่เรียบเรื่อยที่ดำรงอยู่มาตลอด ถึงจุดหนึ่งมันก็ต้องมีจุดเปลี่ยน การใช้เวลากับอีกฝ่ายมันดีมาก ดีจนเหมือนอยู่ในห้วงฝัน ฝันที่ผมยอมหลับตา และไม่หันมองหน้าความเป็นจริง

คนอื่นอาจบอกว่าผมโง่หรือบ้า

ที่อยู่กับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกนี้มามากกว่า 7 ปี

ฮ่า ๆ มันน่าตลกนะ ที่เราทั้งกินข้าว ท่องเที่ยว และนอนด้วยกัน เหมือนดังคู่สามีภรรยา แต่ในความเป็นจริงของความสัมพันธ์นี้นั้นเราไม่อาจรู้เลยว่ามันถูกเรียกว่าอะไร ผมเลิกถาม เขาก็ไม่พูดถึง

ใจต่อใจ กายต่อกาย แต่ไม่ใช่ความเป็นจริง

ตลกจนอยากหัวเราะ แต่ทุกครั้งก็ทำได้แค่ปล่อยให้หยดน้ำไหลลงไปในมุมเงียบ ๆ ของตัวเอง

และแน่นอน เมื่อถึงจุดหนึ่ง เมล็ดของความอดทนที่เก็บเงียบอยู่ในใจก็ถึงเวลาผลิออก ผลของมันคือระเบิดลูกใหญ่ที่ตะโกนบอกตัวเองว่า เราไม่ควรทนกับเรื่องนี้อีกต่อไป

มันอาจใช่ ที่มีความสุข

แต่อีกด้านของความสุข คือช่วงเวลาที่เขาอยู่กับคนอื่น  เวลาที่ไม่ได้อยู่กับผมทำไมจะไม่รู้ ว่าเราเป็นอิสระต่อกัน ไม่มีความหึงหวง ไม่มีการครอบครอง เราแค่สบายใจในการพบเจอกัน

แต่กับความรักแล้ว เมื่อเราหลงรักก่อน ความรักในความสัมพันธ์แบบนี้ คุณก็คงรู้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร ผมถึงเลือกความสุขที่ได้หลับตาต่อไปเสมอมา

ปิดและหันหน้าหนีเรื่องที่ไม่ต้องการจะเห็น

แต่เชื่อเถอะ ว่าต่อให้ไม่อยากเห็นแค่ไหน ผมก็ไม่ได้หนีความจริง ผมรับรู้แค่ไม่เก็บมาใส่ในใจ แต่ต่อให้ไม่ใส่ในใจ มันก็ถูกบันทึกลงความทรงจำอยู่ดี

 

วันนี้ก็เป็นนัดประจำของเรา ข้อความง่าย ๆ ที่พิมพ์ถามว่า ว่างไหม เจอกันที่เดิม ถูกส่งมาก่อนเวลาเลิกงานไม่นาน การตอบตกลงเหมือนทุก ๆ ครั้งถูกส่งตีกลับไป

แต่ในจิตใจนั้นรู้ดี ว่าวันนี้มันจะไม่เหมือนเดิม

ผมตัดสินใจแล้ว ตัดสินใจเลือกทางเลือกให้กับตัวเอง คำตอบจะเป็น ใช่ หรือ ไม่ใช่ ก็สุดแล้วแต่โชคชะตาจะบันดาล

เชื่อไหม ว่าผมมีคำตอบให้ตัวเอง แต่ข้างในก็ยังคงคาดหวัง ความสัมพันธ์หลายปีของพวกเราจะไม่มีความหมายกับอีกฝ่ายเลยหรือ

ผมเป็นคนเดียวนะที่อยู่ตรงนี้มาตลอด

ข้าง ๆ ที่ไม่ใช่ข้างกาย แต่ก็อยู่ข้าง ๆ บนเบาะโซฟาเดียวกัน

มันต้องมีหวังบ้างสิ !

 

ผมกำลังประหม่าและกำลังรวบรวมความกล้าจนหยดเหงื่อชื้นมือ ทั้งที่อุณหภูมิห้องกำลังเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง

“ ผมชอบพี่ ! ”

เสียงที่เปล่งออกไปราวกับเสียงตะโกนใส่ จากทุกอย่างที่ผมกำลังเป็น ทำไมการบอกรักคนที่ได้กันไปขนาดนั้นแล้วมันถึงตื่นเต้นจังว่ะ ให้ตาย

“ พูดบ้าอะไร ”

นั่นล่ะครับประโยคที่ได้รับกลับมา ทำเอาผมส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้อย่างไม่รู้จะทำตัวยังไง สองมือที่จับกันไว้ด้านหลังบีบกันแน่นอย่างต้องการให้ตัวเองผ่อนคลายกับสถานการณ์ตรงหน้า

หน้าเรียบนิ่งดูไม่ดีใจหรือดูผ่อนคลายมีอารมณ์ขันที่นึกว่าผมพูดมันเล่น ๆ เลยสักนิด

แย่แล้วไหมล่ะ

แต่จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ แม้ใจผมจะไม่ได้แตกกสลาย แต่มันก็เต็มไปด้วยรอยแผลจนรู้สึกว่าไม่อาจทนเก็บไว้ต่อไปได้แล้ว

ช่องว่างของเวลาถูกทิ้งไว้ในความเงียบต่ออีกเป็นนาทีอย่างที่ไม่มีใครขยับทำอะไรหรือเคลื่อนไหว

ก่อนรอบยิ้มบาง ๆ จากอีกฝ่ายจะถูกส่งออกมา อย่างที่ผมไม่อาจเข้าใจ

แต่ก็บอกได้ว่าเรื่องที่ผมพูดออกไป มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากมายนัก ก่อนแรงดึงจากมือหนาจะดึงผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้าไปในวงแขนจนร่างกายพวกเราแนบชิดกัน

หรือว่ามันกำลังจะไปได้ด้วยดีกันนะ

“ พูดมากี่รอบแล้ว ว่ารู้อยู่แล้วน่า ถ้าเธอไม่รักเธอจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง พูดอะไรโง่ ๆ ” ก่อนแรงจูบหนัก ๆ จะถูกกดลงบนหน้าผากของผม

อีกแล้ว บ้าบอว่ะ ลืมได้ยังไงว่าพี่มันเป็นแบบนี้

คำพูดอีกคนที่เหมือนต้องการผ่อนคลายสถานการณ์ และกำลังจะปัดตกมันทิ้ง โดยการ...

“ทำอะไรให้กินหน่อยสิ หิวจะแย่ ”

นั่นไงล่ะผมคิดไว้ไม่มีผิด ปากก็บอกว่าหิวข้าวแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ปากร้อน ๆ เอาแต่แทะเล็มต้นคอผม จนรู้สึกวูบวาบแปลก ๆ

เฮ้อ คนเราจะกินข้าวหรือกินผมกันแน่ล่ะแบบนี้

ไม่สนใจคำพูดกันเลย

“ เฮ้อ... พี่ธี... ”

การเรียกนั้นช่วยหยุดการกระทำของคนตรงหน้าให้หยุดมาสนใจคำพูดกันได้สักที ไม่บ่อยหรอกที่ผมจะเลือกเรียกพี่เขาว่าพี่ธี มีอะไรก็เรียกพี่ เรียกชื่อจริงกันไป

นั่นอาจทำให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าผมเริ่มจริงจัง

“ ที่ผมพูดน่ะ ผมพูดจริง ๆ นะ คราวนี้ผมอยากได้คำตอบ ”

ผมพูดช้า ๆ ชัด ๆ ให้เขาเข้าใจและรับสารไปเสียที ว่าผมต้องการพูดคุยเรื่องนี้จริง ๆ “ พี่ควรให้คำตอบผมได้แล้ว ”

ความเศร้าที่มักถูกกลบไว้กำลังถูกส่งผ่านออกไปให้คนตรงหน้าเข้าใจ เข้าใจตัวผมที่กำลังต้องเผชิญกับสิ่งที่เราเป็น

“ … ” ความเงียบกับสายตาที่กลับไปนิ่งสงบอีกครั้งถูกส่งออกมาเหมือนเคย สองมือที่โอบกอดผมไว้ถูกปล่อยออก ก่อนจะลากผมตรงไปในเส้นทางประจำที่สามารถรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่าเขาคิดจะทำอะไรและพาไปไหน

ทำไมพี่ถึงคิดว่าจะแก้ปัญหาได้ด้วยเซ็กส์ตลอดเลยว่ะ หรือจริง ๆ แล้วพี่ต้องการแค่นั้นจากกันมาตลอดจริง ๆ

“ คุณธวิ ! พอสักที ! ” ผมตะโกนออกไปสุดเสียง รวมถึงพยายามยื้อตัวไว้เพื่อไม่ให้ถูกลากเข้าไปมากกว่านี้ เพราะรู้ดีว่าหากจบที่เตียงนอนนั่นเมื่อไร ก็ไม่พ้นที่ตัวเองจะใจอ่อนกับคนตรงหน้าอีกครั้ง

“ ทำไมคุณพนา ” การเรียกชื่ออย่างสุภาพด้วยเสียงกดต่ำแบบนี้ ก็บอกได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติเช่นกันของคนตรงหน้าได้ดี พอผมประชดไปเขาก็มักประชดประชันกลับมาเสมอ

“ พอเถอะพี่ พอสักที ผม...ผมไม่ไหว ”

เสียงผมสั่นจนตัวเองยังรับรู้ได้ ร่างกายเกร็งเครียดและทรุดตัวลงกลับพื้น ทั้งที่แขนยังถูกจับลากไว้

“ … ”

“ถ้าพี่ไม่รัก พี่ปล่อยผมไปเถอะ มันไม่โอเคแล้ว ”

“ แล้วมาไม่โอเคอะไรตอนนี้ ” ธวิเอ่ยออกมาเสียงเรียบ และเพิ่มแรงบีบตรงข้อมืออีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัวเอง

“ คนเรามันก็ต้อมีจุดที่ทนไม่ได้กันบ้างไหมว่ะพี่ ”

“ กูทำอะไร กูก็เหมือนเดิม มีอะไรให้มึงทนไม่ได้ ”

“ ก็เพราะพี่เหมือนเดิมไง ! เหมือนเดิมจนผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ”

“ กับกูมันไม่ดีแล้วหรือไง หรือมึงมีใคร ”

“ … ” คำถามเรียบ ๆ นั้น ทำเอาผมนิ่งค้าง พี่มันคิดได้ไงว่ะ คิดได้ยังไง ทั้งที่รู้ความรู้สึกกันมาตลอดแท้ ๆ แล้วผมจะไปสนใจใครได้ แย่ว่ะ ความรู้สึกผมเนี่ยล่ะที่แย่ และเลือกที่จะตอบบางอย่างออกไป

เราจะได้เปลี่ยนกันเสียที

 “ ครับ ผมมีคนที่อยากคบด้วยแล้ว  ” ผมเลือกตอบออกไป

 และยังไม่ทันจบประโยคดี คนตรงหน้าก็พูดออกมาโดยไม่รอให้เกิดช่องว่างในอากาศ “แล้วหมาตัวไหนเมื่อกี้มันบอกชอบกู ? ”

“ ผมไม่ใช่หมา ! ”

“ แล้วยังไง ทำไมมึงทำตัวย้อนแย้งว่ะ ก่อนหน้าบอกชอบกู แต่ตอนนี้มาบอกมีคนอื่นแล้ว มึงจะเอายังไง ? ” คนตรงหน้ายังคงพูดออกมาด้วยเสียงเรียบเฉยตรงข้ามกับใจความพวกนั้นอย่างสิ้นเชิง

 มือที่กำข้อมือไว้แน่นก็ไม่มีท่าทีจะปล่อย จนทำเอาผมที่ถูกกระทำ ขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปอีก

คำพูดอีกฝ่ายถูกกระแทกเข้ามาในใจจนวุ่นวายไปหมด ความเศร้าเสียใจที่เพิ่มขึ้นถูกขับดันออกมาเป็นหยดน้ำที่คลอหน่วยจนเต็มตา

ทำไมกัน ทำไมต้องมารู้สึกอะไรกับคนแบบนี้กัน

“ พี่ไม่สนใจมัน แล้วจะเอากลับมาถามทำไม ”

ประโยคนั้นทำเอาคนตรงหน้านิ่งไปชั่วขณะ เราไม่มีคำพูดใด ๆ ให้กันอยู่นาน จนผมไม่อาจทนมันไว้ได้ไหวอีก “ พี่...พี่แค่ตอบผมเอง ”

ผมพูดขึ้นก่อนใช้ตาที่ยังคลอไปด้วยน้ำไม่หายทั้งที่พยายามห้ามมันไว้มองตรงไปหาอีกฝ่าย เหมือนต้องการให้รับรู้มันให้ได้จริง ๆ เสียที ผมเหนื่อยมามากแล้ว

“ พี่ชอบผมบ้างไหม ” ตอบผมทีเถอะ และคุณธวิเขาก็ยังคงใช้ความเงียบเก่งเช่นเคย เก่งมากจนผมยอมใจ

ฮ่า ๆ ไม่เอาแล้ว ผมไม่ไหวจริง ๆ ผมยังคิดว่ามีหวังมาตลอด หวังแม้จะรู้ว่าความเป็นไปได้มันน้อยแค่ไหน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คำถามนี้ถูกส่งออกไป แต่ครั้งนี้ผมปล่อยไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะแบบนั้น

เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ

ผมรู้จักเขาดี ดีพอที่จะรู้ว่าต้องทำยังไง

“ เฮ้อ โอเคครับ ผมไม่เอาคำตอบแล้ว แต่ว่าพี่ครับ เรื่องข้อตกลงของพวกเราน่ะ ”

ผมเว้นช่องว่างไปชั่วอึดใจก่อนพูดต่อ “ ผมมีคนที่จะคบด้วยแล้ว ”   

“ … ”

“ พี่เข้าใจใช่ไหม ”

ผมหมดเรื่องที่ต้องพูดแล้ว เหลือเพียงรอเวลาให้คนตรงหน้าได้ทำความเข้าใจกับมัน

“ แล้วทำไมบอกชอบกู ” คำหยาบที่ยังคงหลุดออกมาไม่หยุด ยิ่งทำให้รู้ว่าคนที่ร้อนเหมือนไฟยังไม่หายหงุดหงิดสักนิดเดียว เป็นแบบนี้ตลอด พูดดีได้ไม่นานหรอก ขึ้นกูขึ้นมึงตลอด

ถ้าไม่ใช่เคยขอไว้ให้พูดกันดี ๆ ได้ไหม โดยมีรางวัลมาแลก มีหรือจะยอม แต่เอาตามจริง ก็พูดดีได้แค่ตอนอย่างว่าเท่านั้นล่ะ ลงเตียงมาก็ทำตัวหยาบคายเหมือนเดิม คนอะไรกัน

“ ผมอยากพูด อยากพูดให้พี่ฟังเป็นครั้งสุดท้าย ” นี่คงเป็นความจริงเดียวที่ผมจะบอกกับเขาได้  “ ผมอยากพูดเพราะผมคงไม่ได้พูดให้พี่ฟังอีก ”

พี่ธีเขาจะรู้บ้างไหมว่าผมต้องพยายามไม่ให้แสดงออกถึงรอยร้าวที่พยายามจะผลิออกมาไว้มากแค่ไหน

“ มึงอย่าโกหกกู มึงจะมีใครได้ ”

ธวิยังคงเชื่อมั่นในความคิดตัวเอง

“ เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด พี่จะมารู้ยังไง  ” ผมเลือกตอบออกไป และมองเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย

ความเงียบถูกทิ้งตัวลงมาไม่นานนักสิ่งที่ผมอาจคาดหวังในใจลึก ๆ ว่าได้โปรดอย่าพูดมันออกมา ทั้งที่รู้ดีว่ามันจะเป็นไปอย่างไร

“ แสดงว่ามึงจะไป ”

คำพูดเรียบ ๆ ถูกส่งออกมา เหมือนเป็นแค่คำพูดลอย ๆ ออกมา หรืออาจเป็นคำถามที่กำลังถามผมมาตรง ๆ ก็ไม่อาจรู้ได้

และคำตอบของผมตอนนี้ มันคงมีเพียงอย่างเดียว

“ ครับพี่ ” พร้อมรอยยิ้มจนตาปิดที่ถูกส่งออกไป

ตอนนี้เขาไม่ได้กำแขนผมด้วยแรงมหาศาลอีกแล้ว เจ้าตัวทำแค่เลื่อนมือมากุมกับมือผมไว้นิ่ง ๆ ผมพยายามฉีกยิ้มให้กว้าง เพื่อกลบลบความแตกร้าวข้างใน

ผมเลือกแล้ว

ในเมื่อไม่เคยได้รับคืนมา ผมก็ขอช่วงเวลาของผมคืน ความรักมันสวยงามเสมอ แต่ว่านะ มันก็ทำให้ผมเห็นแก่ตัว อยากสำคัญ อยากเป็นที่หนึ่ง ไม่อยากใช้เขาร่วมกับใคร อยากให้มีเพียงแค่ตัวเองที่เป็นผู้ครอบครอง

ความรักน่ะ สวยงาม

แต่ผมนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัว ในเมื่อไม่อาจเป็นของเรา ก็อย่าเป็นสิ่งใดต่อกันเลย เวลาที่ผมมีให้กับเขามันถึงจุดตัดแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ผมทำได้

สิ่งสุดท้าย คือการพยายามอีกครั้ง กับเรื่องที่พยายามมาตลอด

ความรักที่ส่งออกไป ผมมีให้เขาเสมอ ตลอดมาและคงเป็นตลอดไปเท่าที่เวลายังเดินไป

และคนประหาลดก็ยังเป็นคนประหลาด ไม่คิดเลยว่าเรื่องสุดท้ายที่เราได้คุยกันจริง ๆ จะเป็นประโยคพวกนี้เลย ให้ตายสิ ธวิ ทวีตะวัน ก็ยังคงเป็นธวิ ทวีตะวัน

“ งั้นนอนด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายเป็นไง ? ”

“ ฮ่าๆ ครับพี่ ” ผมตอบรับออกไปด้วยรอยยิ้ม ยิ้มจากความรักและช่วงเวลาที่มีด้วยกัน เราเริ่มต้นด้วยความประหลาด อยู่กันด้วยเซ็กส์ และจบลงด้วยเซ็กส์อีกครั้ง มันก็คงเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

ที่ผิดพลาดไป คงเป็นตัวผมที่หลงรักเขามาตลอด ตั้งแต่แรกเห็น

ผมชอบพี่นะ

ชอบพี่จริงๆ

แต่ผม...จะตัดใจแล้ว ตัดออกไปจากใจ



0

---------------------------------------------------

>>>  เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ พนาวิน กับ คุณธวิ
หวังว่าจะน่าติดตามและชื่นชอบ ฝากพวกเขาไว้ด้วย
ปล. เจอคำผิดแจ้งและเตือนเราได้เลยนะ

//t.ss

Half of QUARTER
 #ครึ่งของ15


ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: | ครึ่งของ 15 : -15 | ฝังดิน [20/04/2019]
«ตอบ #2 เมื่อ20-04-2019 01:15:03 »


-15

| ฝังดิน |



พนา นายพนา ศิริทรัพยจันทร์เป็นคนประหลาด เป็นเด็กประหลาดที่น่ารัก ผมกับเด็กคนนั้นรู้จักกันมาตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ผมไม่แน่ใจว่าจะบอกพวกคุณว่าอย่างไร หรือตอนนี้กำลังรู้สึกแบบไหน

ข้างในว่างเปล่าแบบที่ไม่เคยรู้สึก

อากาศขุ่นมัว มืดครึ้มไร้แสงอาทิตย์แบบที่ไม่ได้เป็นในช่วงหน้าหนาว ท้องฟ้าทำท่าเหมือนกำลังจะเทหยดฝนลงมาสู่ดินในเวลาอีกไม่นาน

ด้านหน้าเป็นพิธีการวุ่นวายที่แสนเงียบสงบ บรรยากาศโศกเศร้าคละคลุ้งไปทั่วพื้นที่ ดอกไม้กระดาษสีขาวสะอาด มากมายถูกทิ้งลงบนกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอดีตัวคน

คนแล้วคนเล่าที่ขยับผ่านหน้าไป แต่ตัวผมก็ยังเอาแต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ พื้นที่ห่างออกมาอีกนิด แยกตัวจากความวุ่นวาย ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ที่ถูกปลูกไว้มานาน ณ พื้นที่แห่งนี้

ดอกไม้จันทน์ คือการไว้อาลัย

ความหมายของการจากลา

แล้วผมจะลาเขาได้จริง ๆ หรือ ลาคนที่จากไปในคืนวันนั้น เหมือนความผิดที่ติดตัวมา ทั้งที่รู้ดีว่า ถ้าหากอีกฝ่ายมาอยู่ตรงหน้าผมได้ คงจะพูดอย่างใจดีว่า ‘ มันไม่เกี่ยวกันหรอกนะ มันเป็นอุบัติเหตุเท่านั้น ’ แล้วก็คงยิ้มอ่อน ๆ ส่งมาให้แบบที่เจ้าตัวชอบทำอยู่เสมอ

มันน่ามองและทำให้คนที่ร้อนดังไฟแบบผมใจเย็นลงได้เสมอ

ผมเคยคิดว่าเราไม่มีทางผูกพัน แต่ความเคยชินทำให้ผมต้องมีเขาอยู่เสมอ

ผมเคยคิดว่ามันจะเป็นตลอดไป และมันก็เป็นตลอดไปจริงดั่งว่า

แต่ไม่ใช่ในรูปแบบที่ผมต้องการ

และในตอนนี้ผมไม่เข้าใจมันเสียเลย ไม่รู้สึกถึงตัวเองที่มายืนอยู่ตรงนี้สักเท่าไร เหมือนวิญญาณกับร่างกายขยับเลื่อนออกจากกัน

 จนแม้แต่การขยับมือง่าย ๆ ยังรู้สึกราวกับว่ามันไม่ใช่ร่างกายของตัวเอง

ทุกอย่างยังเหมือนกับไม่กี่วันก่อน ตอนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่วางไว้ตรงพื้นที่หัวเตียงดังขึ้น ในช่วงเวลาตอนเช้ามืดของคืนนั้น คืนสุดท้ายที่ผมและเขาอยู่เคียงข้างกันในเตียงอุ่น

เสียงที่แผดดังจากเครื่องมือสื่อสารข้างกายเรียกให้ตัวผมในคืนนั้นลืมตามาพบว่าคนที่ควรอยู่บนเตียงด้วยกันได้ลุกออกไปแล้ว

ในตอนแรกไม่ได้เอะใจอะไรที่สายโทรเข้าเป็นสายจากอีกฝ่ายโทรเข้ามา เพราะบางครั้ง วินก็เป็นแบบนี้ อยู่ดี ๆ ก็กลับไปก่อนหรือชอบออกไปตลาดตอนเช้ามืดเป็นเรื่องปกติ

และก็คงจะโทรมาถามเหมือนทุกครั้งว่ากินนู่นไหมนี่ไหมเหมือนที่ชอบทำ ผมไม่เคยนึกรำคาญเรื่องนั้นของคุณพนาเขาเลยสักครั้ง มันก็ดูน่ารักดี

แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไปมากนัก

เสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงบุคคลอื่น เสียงหวานใสที่บ่งบอกได้ว่าเป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งถูกส่งผ่านมาตามสาย และผมก็จำไม่ได้แล้วว่าเธอพูดอะไรออกมาบ้าง ที่จับใจความได้คงมีแต่คำว่าโรงพยาบาลชื่ออะไร และใครประสบอุบัติเหตุ

ผมรีบร้อนและใจร้อนยิ่งกว่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมากมายจนถึงขนาดนี้ พยาบาลคนนั้นโทรหาผมเพราะผมเป็นรายชื่อแรกและรายชื่อส่วนใหญ่ที่เด็กคนนั้นชอบโทรหา เพราะงั้นผมถึงเป็นคนแรกที่ได้รับรู้เรื่องนี้

ใจไม่เคยจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวได้เท่านี้มาก่อน และตอนที่ก้าวขาถึงโรงพยาบาลและไปถึงจุดหมายที่ต้องไป ข่าวร้ายก็ออกมาประชันอยู่ตรงหน้า อย่างไม่อาจให้รีรอหรือฉุดรั้งไว้

พนาวินไม่รอ ไม่รอใครเลย

ไม่รอแม้แต่ผมที่ร้อนร้น

เหมือนกับว่าเขารู้อย่างนั้นว่าตัวเองจะจากไป คำพูดหลายอย่างของวินถูกขุดออกมาวนเวียนอยู่ในหัว

ผมอาจบอกไม่ได้ว่ารัก แต่ผมพูดได้ว่าผมผูกพันกับเขาที่สุด แบบที่ไม่อาจมีใครมาแทนที่ได้

ผมคิดว่าจะรอให้วินใจเย็นลงกว่านั้น วินเป็นพวกเก็บอารมณ์เก่งและอดทนที่สุดคนหนึ่ง ทำไมผมจะไม่รู้ว่าการกระทำของผมทำร้ายเขาแค่ไหน วินเข้มแข็งแต่ก็เปาะบางข้างใน ผมเป็นคนสร้างรอยร้าวและบาดแผลพวกนั้นเอง ผมรู้ดี

แค่หวังไว้ว่าเมื่อตื่นมา เรายังคุยกันได้ เป็นพี่น้องหรืออะไรก็ได้ที่อาจต่างออกไปจากเดิม แบบที่วินเองต้องการ เรามีเงื่อนไขต่อกันมาตลอด ถ้าใครจะไปเราจะไม่ขัด และผมต้องรู้สึกและรับรู้ได้จริง ๆ ว่าเขาต้องการไป

ครั้งสุดท้ายเขาทำให้ผมเข้าใจว่าผมทำร้ายเขาแค่ไหน

ผมพูดว่ารักไม่ได้

เพราะผมไม่รู้ว่ารักคืออะไร ขอบเขตมันอยู่ตรงไหน หรือเป็นอย่างไร

ผมรู้แค่ว่า ทุกครั้งที่หันไปเห็นเขานั่งกอดหมอนใบใหญ่จ้องมองโทรทัศน์อย่างตั้งใจ หรือกำลังจริงจังกับการทำอาหาร ก็น่ามองและทำให้มีความสุขแบบที่หากับคนอื่นไม่ได้

ความรักนั้นคืออะไร

ผมเองไม่เคยเข้าใจ และไม่เคยเชื่อมั่นในมัน และจนมีใครสักคนที่สำคัญต่อชีวิตหายไป ผมก็ยังคงไม่รู้จักมันอยู่ดี

วินเคยพูดว่าผมเป็นคนน่าสงสารในครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ผมไม่เคยเข้าใจว่าทำไม เพราะตอนนั้น คำพูดของเด็กคนนั้นแค่ทำให้ผมหัวร้อนและเลือกอุ้มเขาไปโยนกับเตียงเท่านั้น และเค้นถามไปว่าทำไม ก็ไม่เคยบอก

แต่ตอนนี้ผมอาจได้คำตอบแล้วก็ได้ ว่าทำไมผมถึงน่าสงสาร

มันอาจเพราะ ผมบอกไม่ได้ว่าอะไรคือรัก อะไรคือความรัก และคนรักกันคือแบบไหน หรือต่อให้อธิบายหรือขยายความเท่าไรผมก็ไม่อาจเข้าใจ

ผมอาจรู้สึกว่างเปล่า แต่มันก็ว่างเปล่ามาตลอด บางครั้งผมก็สงสัยว่าความรู้สึกของผมนั้นไปหล่นอยู่ที่ไหน ถึงไม่เคยเข้าใจมันสักที

พนา ศิริทรัพยจันทร์ ผมไม่รู้ว่าเขามีค่ากับผมไหม แค่ตอนนี้ผมรู้ว่าจะไม่มีทางได้เห็นรอยยิ้มนั้นตรงหน้าอีกครั้งก็เท่านั้นเอง

 



“ ธี ”

หลังจากผมยืนนิ่งมองภาพตรงหน้าอยู่นานก็มีคนเดินมาทักผมด้วยความตั้งใจ

“ ธีไปลาน้องหน่อยสิ แม่คิดว่าน้องคงอยากให้ธีบอกลาเขาได้แล้วนะ ” ผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้ายิ้มออกมาบาง ๆ ให้ผม รอยยิ้มที่คล้ายคลึงกับใครอีกคน คุณวิภา แม่ของพนา

ผมเคยเจอคุณวิภาหลายครั้ง วินมักบอกที่บ้านว่าผมเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกันมาก และผมก็แน่ใจว่าทั้งคุณวิภาและคุณพาสิทธิ์ รู้ดีว่าผมเป็นอะไรกับลูกชายเขา สองคนเป็นพ่อแม่ที่ดีและใจดีแบบที่ผมไม่เคยเจอ ครอบครัวผมเคร่งคัดและมีระเบียบ แต่บ้านวินนั้นเป็นพวกสบาย ๆ และเรียบง่าย และเป็นครอบครัวใหญ่

แม้ผมกับวินจะไม่เคยมีชื่อเรียกความสัมพันธ์ต่อกัน แต่ผมเชื่อว่าครอบครัวนี้ก็คงคิดว่าผมเป็นแฟนของลูกชายสุดที่รักของเขานั่นล่ะ และผมก็ไม่เคยแก้ต่างอะไรกับเรื่องนั้น

“ อย่าเศร้าไปเลยนะธี แม่เชื่อว่าวินคงอยากเห็นทุกคนยิ้มมากกว่า โดยเฉพาะธี เขาคงอยากให้ธีใช้ชีวิตที่เหลือต่ออย่างมีความสุข ” คุณวิภาพูดออกมารวมถึงใช้มือจับมือผมและลูบเบา ๆ เหมือนการให้กำลังใจ

“ ผมไม่เป็นไรครับ ” 

“ ครับ ๆ ไม่เป็นไรแล้วก็ดีแล้วเนอะ งั้นไปลาน้องเถอะ เหลือธีคนเดียวแล้วนะ ” เธอเอ่ยและยิ้มมาให้อีกครั้ง มันเป็นรอยยิ้มที่มีความโศกเศร้าปกคลุมอยู่ ดูก็รู้ว่าเสียใจมากแค่ไหน แต่ก็ยังเข้มแข็งและมองโลกในแง่ที่ดีเสมอ

เหมือนกับใครอีกคน คนที่ตอนนี้ร่างกายเย็นชืดในกล่องไม้สี่เหลี่ยมและไม่อาจรับรู้สิ่งใด ต่อให้บอกว่าไปลา แต่ผมก็เลือกที่จะไม่เข้าไป ผมลาเขาได้ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน ไม่ใช่ตรงนี้เวลานี้ก็ได้

เขาไม่อยู่ตรงหน้าแล้วจะให้ผมบอกลาใคร นั่นแค่ร่างกายแต่ไร้วิญญาณ  เขาไม่อาจรับรู้ได้ด้วยสิ่งนั้น ผมเชื่อแบบนั้น

เราจากลากันแล้วตั้งแต่เขาเลือกหมดลมหายใจจากไปโดยที่ไม่รั้งรอ ผมอาจใจร้ายที่แม้แต่คำบอกลาเรียบง่ายก็ไม่อาจพูดออกไป

ถ้าผมรู้ว่าคืนนั้นเป็นคืนสุดท้าย ผมจะใจร้ายกับเขายิ่งกว่า จะผูกมัดกักขังตัวตนอีกฝ่ายไว้ภายในกล่องเก็บเวลา ล่ามโซ่ตรวนที่มีแต่ผมที่จะไขมันออกมาได้ และโยนกุญแจนั้นทิ้งไป

กอดรัดและดูแลอย่างที่ไม่มีใครจะมาแตะต้องได้อีก เพื่อที่จะได้มีเด็กคนนั้นอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา และเป็นตลอดไป

เจ้าตัวก็เหมือนกับชื่อนั่นล่ะ พนาเป็นป่ารกทึบที่ทำให้คนหลงทาง และวินก็เป็นลมที่คิดจะมาก็มาจะไปก็ไป

ผมคิดว่าตัวผมหลงอยู่ในป่านั้น หากแต่ตรงหน้าไม่มีสายลมที่คอยนำทางอีกต่อไปแล้ว แล้วทางเดินต่อไปผมควรเดินไปทางไหนกัน

ตัวผมนั้นว่างเปล่า มันเคยเป็นแบบนั้นและมันก็ยังเป็นแบบนั้น และตอนนี้มันก็ว่างเปล่าเหมือนหลุมลึกที่ไร้ที่สิ้นสุดเข้าไปทุกที

พนาวินไม่อยู่แล้ว

แล้ว ธวิ ทวีตะวันเล่าจะอยู่ต่ออย่างไร ?


-15
---------------------------------------------------
ฝันยังคงเป็นฝัน แม้มันอยู่ใกล้หรือไกลแค่ไหน
//t.ss

Half of QUARTER
 #ครึ่งของ15


ออฟไลน์ เปลว แว๊บแว๊บ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: | ครึ่งของ 15 : -15 | ฝังดิน [20/04/2019]
«ตอบ #3 เมื่อ21-04-2019 14:11:19 »

เรื่องจะไปต่อยังไงอะ ภาษาดีมากๆค่ะ ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: | ครึ่งของ 15 : -14 | หายใจ [22/04/2019]
«ตอบ #4 เมื่อ22-04-2019 21:48:09 »



-14

| หายใจ |



1 2 3 4 5 6 และ 7 มีคนบอกว่าชีวิตคนนับเจ็ด มีชีวิตก็นับเจ็ด ตายลงก็นับเจ็ด ผมไม่แน่ใจว่าเคยได้ยินจากที่ไหน แต่นั้นก็เป็นเลขที่ผมนับในใจเสมอเวลาต้องอดทนหรือเฝ้ารออะไร

กับคนชื่อ ธวิ ทวีตะวันก็เช่นกัน

7 ปีในความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก และมันก็จบลงจริง ๆ จบแบบที่ผมก็ไม่นึกไม่ฝัน

ไม่คิดไม่ฝันจริง ๆ จบลงด้วยความตายของผมเนี่ยล่ะ

อย่าพึ่งคิดว่าผมเสียใจหรือเดินใจลอยจนคิดสั้นฆ่าตัวตาย เอาตามจริงก็ออกไปในช่วงเวลานั้น แล้วก็เดินข้ามถนนอยู่เป็นประจำเพื่อไปซื้อของที่ตลาดเช้าที่อยู่ไม่ไกลออกไปจากบ้านคุณธวิเขาเท่าไรนัก

แต่คนมันดวงไม่ดี หรืออาจดวงถึงฆาตแล้วนั้นล่ะ อุบัติเหตุรถชนถึงได้ทำเอาหยุดหายใจตามไปด้วย ไม่รู้ว่าจะบอกว่าดีแล้วหรือว่าอะไรดี

ที่อย่างน้อยจะตายทั้งทีก็ได้ตัดขาดและบอกลากับพี่เขาไปแล้ว

เฮ้อ... ทีนี้ก็ได้ตัดขาดกันจริง ๆ แล้วนะ

ความตายเป็นอย่างไร ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะยังไม่เคยตาย คนที่มีชีวิตอยู่จะเสียใจกันแค่ไหน นั้นก็เป็นเรื่องที่ห่วง ทั้งพ่อแม่ทั้งพวกพี่ ๆ ตัวแสบ ไหนจะหลานรักเจ้าวีอีก

ไม่อยากให้ต้องเสียใจกันเลย

ถ้าถามว่าไม่เป็นบ้าร้องไห้ฟูมฟายเหรอที่อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้แล้วตอนนี้ ให้พูดแบบจริง ๆ ก็คงเป็นทำใจได้มากกว่า คนเราจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ ในเมื่อมันมาถึง ตอนนี้จะหวาดกลัวไปให้ได้อะไร จะกลัวก็แต่คนที่ยังอยู่นั่นล่ะ ที่จะแย่เอา

เขาจะเสียใจบ้างไหมนะ จะทรมานบ้างหรือเปล่า

ในหัวก็คงมีแต่คำว่าเป็นห่วงนั่นล่ะ จากกันด้านความสัมพันธ์มันยังไม่ค่อยเท่าไร แต่จากกันด้วยความตาย มันแตกต่างกันเยอะ

กลัว กลัวใจคนคนนั้นจริง ๆ

เป็นห่วง คงมีแต่คำนี้ในหัวสมอง

หลังจากวุ่นวายกับเรื่องในหัว ถึงได้มานั่งพิจารณาตัวตนของตัวเองตอนนี้ว่า อยู่ที่ไหน ทำอะไร ก็ไม่อาจจะบอกออกมาเป็นคำพูดได้ รู้แค่ว่าล่องลอยอยู่ที่ไหนสักที

ไม่อาจมองเห็นถึงสิ่งใด เหมือนกับการนอนหลับตาอยู่ แต่จิตสำนึกยังคงทำงาน ในความมืดและว่างเปล่านี่

นี่ตกลงว่าตายจริง ๆ แล้วใช่ไหม แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน ?

ไม่อาจเห็นสิ่งใด ไม่ได้ไปเป็นวิญญาณวนเวียนอยู่แถวร่างตัวเอง ไม่ได้อยู่บนโลกหรือที่ไหนเลย รับรู้ได้ว่ามันเป็นช่องว่างของอะไรสักอย่าง ว่างเปล่าและมีเพียงตัวเอง

และคงทำได้เพียงล่องลอยไปตามธารของเวลาแบบนี้ ความคิดเรื่อยเปื่อยถูกปล่อยให้ล่องลอยอย่างที่ควรเป็น

นั่นทำให้นึกถึงคนสุดท้ายที่ได้มีชีวิตอยู่ด้วย ความรักที่ผมได้จากมา เรื่องราวถูกเล่าย้อนกลับเข้ามาในมโนสำนึก ก่อนความเงียบที่วนเวียนอยู่จะมาพรากสติอันน้อยนิดที่กำลังมีอยู่

1

2

3

4

5

.

6

.

.

.

7

และทุกอย่างก็ดับมืดอย่างแท้จริง

จากลากันเสียทีนะพี่ มีความสุขให้มาก ๆ ล่ะ

จากผม คนนี้เอง





-14
---------------------------------------------------
//t.ss
Half of QUARTER
 #ครึ่งของ15

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: | ครึ่งของ 15 : -14 | หายใจ [22/04/2019]
«ตอบ #5 เมื่อ24-04-2019 08:32:30 »

+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:

ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: | ครึ่งของ 15 : -13 | ลืมตา [25/04/2019]
«ตอบ #6 เมื่อ25-04-2019 22:04:34 »



-13

| ลืมตา |



“ ไอ้วิน วินเว้ย! ”

เสียเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นเรียกให้จิตสำนึกตื่นขึ้นจากการหลับใหล ก่อนจะถูกแสงแดดแยงเข้าตาจนต้องยกมือขึ้นกัน

การลืมตาในแสงจ้าสร้างความงุนงงไม่มากก็น้อย พร้อมอาการปวดหัวจี๊ด ๆ ที่รับรู้ได้จนน่าหงุดหงิด

“ ไอ้วินตื่นกินข้าวด้วยเว้ย ไอ้เรย์มันซื้อมาให้มึงล่ะ อย่าลืมกิน ” มือข้างที่ยกกันแสงถูกขยับไปนวดขมับที่ปวดจี๊ด ก่อนจะรับรู้และประมวลผลถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้า



ไอ้รัน



ห่า เป็นไอ้รันได้ยังไง นี่ฝันอยู่เหรอ

“ ไอ้วินมึงรู้เรื่องไหมเนี่ย เรย์มึงมาเรียกสติมันดิ กูเหนื่อยล่ะ ” คนพูดทำหน้ายุ่งก่อนละไปแต่งตัวต่อ

ชายหนุ่มร่างสูงขยับมาหยุดตรงหน้าแทน ใช้มือใหญ่ ๆ แตะหน้าผากผมเหมือนต้องการวัดไข้ ก่อนพูดขึ้นมาต่อ

“ วิน มึงกินข้าวด้วย ไข้มึงลดล่ะ เดี๋ยวพวกกูออกไปเรียนกัน วันนี้มึงก็ลาอีกวันไปก่อน ” เรย์พูดขึ้นมาง่าย ๆ

ในขณะที่รูมเมทอีกคน ที่มีชื่อเสียงเรียงนามว่าวศิพลหรือวิศกำลังเทโจ๊กกลิ่นหอมลงถ้วยให้บนโต๊ะหนังสือข้างเตียงให้ ก่อนหันมาพูดกับผมอีกคน

 “ ใช่ วินมาทานโจ๊กก่อน เดี๋ยวพวกผม เก็บชีทไว้ให้ ยังไงเรียนวันนี้ก็วิชานอกอยู่แล้วไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร ” รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้

เหมือนเมื่อครั้งอดีตไม่มีผิด

“ อ่ะ นี่ยา อย่าลืมกินนะมึง พวกกูไปกันก่อน ” รันวางแปะยาลงข้างถ้วยโจ๊กก่อนเตรียมตัวออกจากห้องตามคนอื่น ๆ ไป อีกสองคนก็กำลังหันไปหยิบกระเป๋าประจำตัวของตัวเองกันอยู่

ก่อนจะพากันตั้งขบวนเดินกันออกไปจากห้อง

รัน วิศ เรย์

เพื่อนตอนมหาลัย เดี๋ยวนะ...

พนาลากสังขารตัวเองที่ยังมีอาการตกค้างของการเป็นไข้หวัดอยู่ อย่างที่รู้สึกได้ตั้งแต่ขาแตะลงพื้น ก่อนลากตัวตนของตนเองไปในห้องน้ำภายในเพื่อมองหน้าตัวเองในกระจกได้สำเร็จ

คนตรงหน้าผมมีหน้าตาอิดโรยเล็กน้อยจากอาการป่วย หากแต่กลับดูวัยเยาว์กว่าที่ควรจะเป็นและตัวผมจดจำได้

“ ไอ้คุณพนานี่มันบ้าอะไรว่ะ ”

นั่นมันคือประโยคแรกที่มีให้กับตัวเอง และเพราะอาการไม่สู้ดีของร่างกาย ถึงเลือกตัดสินใจเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าให้เรียบร้อยและทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นอีกหน่อย

สิ่งที่ทำอาจจะช่วงดึงสติที่มึนงงกลับมาได้ไม่มากก็น้อย

ก่อนลากร่างไปนั่งทานอาหารบนโต๊ะและยาที่เพื่อนทิ้งไว้ให้

ขนาดเดียวกันก็ใช้มือกดปุ่มพาวเวอร์เปิดโน้ตบุ๊คตรงหน้าไปด้วย ใช้เวลาไม่นานเพียงยกช้อนขึ้นซดโจ๊กร้อน ๆ สองสามคำ หน้าจอสี่เหลี่ยมก็แสตนบายพร้อมใช้งาน อย่างแรกที่หันไปมองคือวันที่ในมุมขวา

“ เชี่ย...ปีหนึ่งสอง บ้าอะไรว่ะเนี่ย ” แม้สมองจะคิด แต่เรื่องกินก็มาก่อน ท้องว่าง ๆ กำลังโหยหาอาหารมาลงกระเพาะ เป็นสัญญาณว่าร่างกายผมดีขึ้นมากแล้ว เพราะมันรู้สึกอยากอาหารได้ขนาดนี้

ผมจำได้ จำการตายที่เกิดขึ้นได้ ผมควรไปเกิดใหม่ หรือเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลล่องลอยอยู่ที่ในสักแห่งสิ ไม่ใช่นั่งแดกโจ๊กอยู่ตรงนี้

พอคิดดูตอนนี้มันน่าจะช่วงที่เป็นไข้หวัดหนัก ๆ ตอนปีหนึ่งแน่ ๆ ช่วงเวลาที่นอนซมอยู่บนเตียงเป็นสัปดาห์เพราะโดยไข้หวัดที่เขาฮิตเป็นกันช่วงนี้เร่งงาน

แล้วทำไมผมที่มีชีวิตอยู่ในอนาคตถึงย้อนกลับมาอยู่ตรงนี้กัน หรือจริง ๆ นี่มันคือการเกิดใหม่ที่แท้จริงของคนตายไปแล้วกัน

แต่การที่ผมจำเรื่องในอดีตได้แบบนี้มันไม่แย่เอาหรือไง

ถ้าทุกคนตายแล้วเป็นแบบนี้จริง ๆ อะไรต่อมิอะไรมันจะไม่วุ่นวายกันไปหมดหรือ ?

คิดแล้วก็ปวดหัวยิ่งกว่าเก่า สู้จัดการของตรงหน้าให้เสร็จก่อนคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ก่อนจะยกชามที่ใช้ไปล้างให้เรียบร้อย

เสียงน้ำไหลกับมือที่ขยับไปมาอย่างเป็นไปตามอัตโนมัติ ก่อนฉุดคิดขึ้นได้ถึงเรื่องอะไรบางอย่าง

“ เวลานี้มัน...ก่อนเจอพี่เขานี่ ”

ความคิดนี้ทำให้มือที่กำลังขยับล้างชามตรงหน้าหยุดนิ่งและปล่อยให้สายน้ำเปิดผ่านทิ้งไปอย่างไร้ค่า

ถ้าหากว่าผมเลี่ยงได้ล่ะ ในรอบก่อนหรือจะนับเป็นชาติก่อนได้ไหมนะ ผมเจอกับเขาที่ห้องเก็บของคณะเพราะเข้าไปเอาของที่ต้องใช้หลังจากหายป่วยไปสองสามอาทิตย์ และเพราะป่วยรอบนี้มันหนักสุด ๆ ในชีวิตของคนบ้าที่ไม่ค่อยป่วยแบบผมถึงได้จำพวกเรื่องช่วงเวลาได้ดี

และเรื่องฃองอีกฝ่ายก็ยังเป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตผมเสมอไม่ว่าเรื่องใด เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะปฏิเสธมันได้อย่างแท้จริง แต่ว่า...



“ ถ้าเลี่ยงได้ ”



ผมกำลังคิดบางอย่าง อะไรบางอย่างที่รู้ทางเดินต่อไปดี เพราะรู้ดี ตอนนี้ผมถึงได้อยากทำให้ต่างออกไป ไม่มีใครอยากเดินทางเดิมและกลับไปเสียใจซ้ำสองอีก

“ ไม่ว่ากันนะพี่ เราลากันแล้วก็ให้มันแล้วไป ” ผมพึมพำกับตัวเองก่อนปิดก๊อกน้ำและเอาชามพร้อมด้วยช้อนในมือไปเก็บที่

ก่อนวางเป้าหมายไว้ในใจ ในเมื่อรู้อยู่ว่าการพยายามกับผู้ชายคนนั้นหลายครั้งมันมีจุดจบยังไง มันคงไม่ผิดอะไร หากผมจะเลือกให้เราไม่รู้จักกัน

แล้วเรื่องที่มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรนั้น คิดไปก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ในตอนนี้  ถ้าหากจะมีคำตอบกับเรื่องนี้สักวันมันคงเดินทางมาถึงเอง หากแต่ตอนนี้เรื่องที่จะทำได้คงเป็นการที่ต้องกลับบ้านเสียหน่อย

ผมคิดมันไว้ ก่อนจะลงมือทำมันหลังจากนั้น

เมื่อใครสักคนได้ก้าวข้ามหรือเฉียดเข้าไปใกล้เส้นแห่งความตายมาแล้ว ยังไงก็ต้องอยากเจอคนที่รักเป็นที่สุด ตอนนี้ผมก็กำลังรู้สึกแบบนั้น คิดถึงพ่อแม่ พี่ ๆ และหลานตัวเล็กที่บ้านเป็นที่สุด

คิดถึงที่ที่เรียกว่าบ้าน


-13
---------------------------------------------------
//t.ss
Half of QUARTER
 #ครึ่งของ15

ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0


-12

| หว่านเมล็ด |



“ งานอาจารย์รเนศเอาไงว่ะ ? ”

เรย์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หันไปถามวิศที่นั่งอยู่ด้านขวามืออย่างต้องการคำตอบ เอาตามจริง มันคงอยากจะถามทุกคนนั้นล่ะ แต่พอหันไปหาไอ้รัน มันก็หันหน้าหนี ส่วนผมก็ไปทำหน้ายิ้ม ๆ ใส่มัน

เรย์มันทำหน้าเบื่อก่อนหันไปคุยกับคนที่น่าจะให้คำตอบมันได้มากกว่าใคร ก็วิศหรือนายวศิพลมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใครเขาพูดด้วยมันก็เป็นมิตรพูดคุยกับเขาไปเสียหมดนี่สิ

“ ยังไม่รู้เลยเรย์ เราก็กำลังหาข้อมูลเหมือนกันว่าจะทำออกมาแนวไหนดี เพราะอาจารย์ให้อิสระไม่กำหนดอะไรเลยเนี่ยล่ะ กลายเป็นว่ายากไป ” วิศว่าออกมาหลังจากงับขนมปังในมือไปหนึ่งที

“ นั่นสิ แต่ง่ายมึงสองตัวเลยสิ ” เรย์ยังไม่วายหันมากัดอีกสองคนที่นั่งเงียบ

“ พูดมากว่ะ ” รันหรือชื่อเต็มที่ออกเสียงเหมือนกันแต่เขียนต่างกันว่า รัณชน์ ว่าออกมา

“ แต่ก็ดีจริง ๆ นะ ที่อาจารย์ไม่กำหนดอะไร เลยมีอิสระกันเต็มที่ ” ผมพูดต่อ คราวที่แล้วงานที่ทำส่งไฟนอลสมบูรณ์แบบก็จริง หากแต่ยังรู้สึกว่าขาดหายอะไรไปนิดหน่อย ซึ่งไม่รู้คืออะไร

 แต่รอบนี้จะเอาให้สมบูรณ์แบบอย่างใจเลยคอยดู

ถือว่าได้แก้มือไปแล้วกัน และคงต้องเปลี่ยนไปจากเดิมบ้างเพราะปัจจัยหลายอย่างที่ผมกำลังเลือกทำ



ตอนนี้พวกผมกำลังศึกษาอยู่ในคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาทัศนศิลป์ หรือเรียกย่อย ๆ ว่า VA (วีเอ) จากวิช่วลอาร์ต หรือชื่อสาขานั่นเอง และช่วงเวลานี้ก็เป็นเวลาก่อนส่งไฟนอลหนึ่งเดือน ที่อาจารย์จะให้เริ่มต้นทำโปรเจกต์ปลายภาค แต่ต้องส่งความคืบหน้าทุกสัปดาห์

และยังเป็นช่วงที่ทำให้เกิดความบังเอิญเจอกันระหว่างผมกับคุณธวิ ก่อนจะพัฒนาเป็นคนรู้จักและสนิทกันในที่สุดด้วย

คงต้องระวังและเลี่ยงให้มากที่สุด อย่างแรกก็คงต้องไม่ว่าอะไรก็ตาม ห้ามไปเอาของที่ห้องเก็บของคณะเด็ดขาด !



“ ดีพวกมึง แต่กูขี้เกียจคิดจากการไม่มีอะไรนี่หว่า เซ็ง ” เรย์ยังคงบ่นเรื่องเดิมออกมา อย่างไม่มีทีท่าสิ้นสุด

“ เดี๋ยวเรย์ก็ไปหอสมุดกับผมสิ เดี๋ยวผมช่วย ” วศิพลคนดี เสนอความคิดเห็นออกมาในการช่วยเหลือ

“ รักมึงที่สุดเลยว่ะ งั้นก็ช่วยเรื่องไอเดียตั้งต้นกูด้วยนะ ” เรย์ยกมือไปกอดไหล่คนตัวเตี้ยกว่าด้านข้างพร้อมโยกไปมาอย่างดีใจว่ากูรอดแล้ว

รอบที่แล้วก็แบบนี้ เลยกลายเป็นว่ามีอะไรไอ้เรย์มันก็ตามติดวิศเป็นตังเมไม่ไปไหนเลย วิศมันก็แสนใจดี คนขออะไรก็ช่วยเขาไปหมด แต่ถ้าเจ้าตัวไม่ได้เดือดร้อนอะไร ก็ดีแล้วล่ะนะ

ก็ความสุขคนเรามันไม่เหมือนกันนี่

อย่างของผม ความสุขตอนช่วงนี้คงเป็นการได้กลับบ้าน เพราะเคยจากลา ถึงได้รู้สึกยิ่งคิดถึงมากขึ้นไปอีก ทุกครั้งที่ได้กลับ ถึงได้มีแต่ความสบายใจ

คราวที่แล้วที่ได้กลับไปกะทันหัน พอบอกว่าก่อนหน้าเป็นไข้หวัดหนักแค่ไหน คุณวิภาถึงกลับขมวดคิ้วมุ่น ลากผมไปให้คุณอาพิสุทธิ์ตรวจร่างกายผมซ้ำอีกที ทั้งที่ก็บอกไปแล้วว่าไปหาหมอได้ยากินจนจะหายอยู่แล้วถึงได้กลับมาบ้าน ก็ยังไม่ฟัง

หลานวีที่วิ่งวุ่นในความทรงจำก็พึ่งเกิดไม่นานทำตัวคลานเตาะแตะให้หลงรักหัวปักหัวปำอีกครั้งอยู่ดี จนคนเป็นพ่อแบบพี่ดิน ทำหน้าเหนื่อย ๆ มาให้ ก็หลานผมน่ารักจริง ๆ นี่น่าจะให้ทำไงได้

ทุกอย่างและทุกคนยังวิ่งวนในความทรงจำรวมถึงช่วงเวลากับคนคนนั้นด้วย ผมอยู่กับเขามานาน ผูกติดยิ่งกว่าใคร ใครมันจะลืมได้ลง

แต่ว่านะ ผมจะไม่กลับไปที่ตรงนั้นอีกแล้ว

ไม่อีกแล้ว

“ เออ จะว่าไปรอบเรียกพบของกลุ่มเราอาทิตย์หน้าใช่ป่ะว่ะ ได้วันไหนว่ะ ” ไอ้เรย์หรือคุณดิเรกชัย เขากำลังพูดถึงเรื่องงานอาจารย์รเนศเนี่ยล่ะ มันมีรอบพบเพื่อพูดคุยถึงงานที่จะทำอยู่

“ วันจันทร์หน้า ” รัญชน์ที่ดูเหมือนไม่ได้สนใจฟัง แต่ก็ฟังอยู่ตอบออกมา

“ ห่า ทำไมต้องแจ็คพอต กลุ่มแรก ๆ ด้วยว่ะ ”

“เรย์  พูดไม่เพราะ ” วิศที่อยู่ด้านข้างบ่นงึมงำออกมา

“ อะไรไอ้วิศ กูก็พูดแบบนี้ตลอด เรื่องมากนะมึง ” เสียงโต้เถียงยังมีอยู่ต่อไปหากแต่ผมไม่ได้สนใจฟังมากมายนัก

 จิตใจกำลังจดจ่ออยู่กับเรื่องพบอาจารย์วันจันทร์ที่จะถึง การพบครั้งแรกมันยังไม่ใช่จุดที่กังวล แต่แนวทางงานที่จะทำที่เสนอไปจากครั้งนี้ต่างหากที่ทำให้ครั้งถัดไป อาจารย์รเนศถึงได้เสนอตัวเลือกหนึ่งออกมา และมันก็ตามมาด้วยการเจอกันอีกครั้งกับคนคนนั้น

ต้องหาทางให้มันเปลี่ยนไปจากเดิม นั้นคือสิ่งที่อยู่ในหัว และอีกอย่างที่เป็นรหัสแดงยังต้องระวังในสัปดาห์ถัดไป แปะตัวใหญ่ ๆ ขีดเส้นแดงไว้เลยว่า

อย่าไปห้องเก็บของคณะเด็ดขาด !



-12
---------------------------------------------------
ขยับกันไปอย่างช้า ๆ เนอะ : )
//t.ss

Half of QUARTER
 #ครึ่งของ15

ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: | ครึ่งของ 15 : -11 | ก่อนกาล [01/05/2019]
«ตอบ #8 เมื่อ01-05-2019 20:43:48 »

-11

| ก่อนกาล |



ชิบหายล่ะ…

ทำไมถึงเจอ

คนที่เดินเข้ามาจากหน้าประตู ทำเอาผมที่หันหน้าไปทางนั้นพอดีหันหลบเกือบไม่ทัน หัวใจเต้นแรง ร่างกายเหงื่อออก มันอาจเป็นเพราะเหล้าที่ดื่มเข้าไปก็ได้ แต่เชื่อเถอะว่าพี่เขามีผลกับจิตใจผมมากกว่าที่คิด

แต่ว่าไอ้พนามึงลืมไปหรือเปล่า

ว่าพี่เขายังไม่รู้จักมึง !

ความคิดนั้นทำเอาผมพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก ก่อนคิดต่อว่าคราวที่แล้วที่มาร้านเหล้ากับเพื่อนก็อาจเจออีกฝ่ายแบบนี้ก็ได้ แต่อาจเพราะยังไม่รู้จักเลยไม่เคยสนใจหรือสะดุดตาเท่าไร

แต่จะให้พูดก็พูดเถอะ ไอ้คนที่เด่นขนาดนั้นถึงจะเป็นผู้ชายก็ตามที ผมจะมองไม่เห็นเชียวเหรอไง ต่อให้ตอนนั้นจะไม่สนใจผู้ชายเลยสักนิด เพราะพี่มันนั่นล่ะที่ทำให้ผมที่ใช้ชีวิตเรื่อย ๆ มาตลอด ต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายและพลิกผันขนาดนี้

ความคิดนั้นก็ทำเอาผมยิ้มออกมาได้เหมือนกัน

เอาเถอะ ในเมื่อยังไม่รู้จักกันก็คงไม่มีปัญหาอะไร ผมคิดแบบนั้นในใจ ก่อนดื่มเหล้ากับเพื่อนต่อไปแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองอีกฝ่าย

เพราะตำแหน่งที่นั่งมันเห็นกลุ่มโต๊ะพวกพี่เขาพอดี มันก็ต้องอดที่จะไม่มองไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่รู้จักกัน ไม่รู้จักกัน



เวร...

เวลายังผ่านไปไม่กี่เฮือกหายใจ

ก็เผลอไปสบตา แต่อาจจะมองไปเรื่อยก็ได้ใครจะรู้ อย่างพึ่งตื่นตูมน่า ไอ้พนา

“ เฮ้ยไอ้วิน นั่งเงียบเลยนะ ”

เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งส่งเสียงทักขึ้นมา มันเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทีที่มานั่งดื่มเหล้าด้วยกัน

“ ก็ยกแก้วอยู่ จะเอาที่ไหนพูด ” ผมตอบกลับไป

“ ไอ้นี่มันกวนตีน มึงอย่างไปยุ่งกับมัน ” รัณชน์ที่นั่งข้าง ๆ ยกมือมาวางบนไหล่ผมที่อยู่ติดกัน ก่อนพูดกับอีกฝ่ายอย่างกวน ๆ จนได้คำพูดตอกกลับมาจากอีกฝ่าย

“ มึงก็พอกันไอ้รัน กวนกันทั้งกลุ่มมีแต่ไอ้วิศมั้งที่ดูคนดีสุด ” อีกฝ่ายบ่นออกมา

คำพูดนั้นทำเอาพวกผมหันไปมองเจ้าคนที่พวกเราพูดถึงเป็นตาเดียว ไอ้วิศน่ะเหรอไม่กวนตีน กวนตีนหน้าตายน่ะสิ แต่ก็แค่กับไอ้เรย์ล่ะนะ ผมหันมองหน้าไอ้รัน และหัวเราะเบา ๆ ออกมาพร้อม ๆ กัน โดยไม่ได้นัดหมาย และผมก็แน่ใจว่าเรากำลังคิดเรื่องเดียวกัน

ก่อนจะใช้เวลาที่เหลือในการสังสรรค์กันต่อไป นี่มันพึ่งจะสามทุ่มเท่านั้นเอง คืนนี้ยังอีกยาวนาน



ช่วงเวลาเรียบเรื่อยตรงหน้าทำให้อดคิดย้อนไปถึงสิ่งที่มักวนเวียนในหัวไม่ได้

เอาตามจริงช่วงนี้หลังจากที่ตื่นขึ้นมาจากความตาย  ผมก็มักฝันบ่อย ๆ ฝันประหลาดในที่แสนแปลกประหลาด

ผมมักตื่นมาในห้องไม่คุ้นตา ร่างกายที่ขยับอยู่บนผ้านวมแสนหนานุ่ม ม่านขาวบางจากเสาเตียงทิ้งตัวปิดวิสัยทัศน์การมองเห็น

แม้แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ยังไม่คุ้นเคย และไม่เหมือนปกติปัจจุบันทั่วไปเขาใส่กัน

ตัวห้องเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูงเหมือนตึกสองชั้น เครื่องเรือนในห้องมักประกอบด้วยไม้สีอ่อนกับผ้าหลากหลายลายและคละสีกันไป จนเหมือนสวนดอกไม้

หน้าต่างบานใหญ่ในห้องนั้นสูงและกว้างมากเกือบจะเท่ากับความสูงของเพดาน ขอบหน้าต่างมีผ้าโปร่งพลิ้วสีขาวทิ้งตัวลงจรดพื้น และมันยังขยับเล็กน้อยตามแรงลมที่ทอดเข้ามาภายในห้อง

กำแพงทำจากปูนดูหยาบ ๆ พื้นผิวไม่เรียบเนียนมันถูกทาด้วยสีขาวสะอาดตา ทุกอย่างที่เอ่ยมาส่งผลให้ห้องนี้น่าอยู่และดูสบายจนอยากทิ้งตัวลงบนเตียงนอนทั้งวันเลยทีเดียว

ตัวผมในนั้นมักนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในห้องนั้น ทำอย่างมากก็เดินไปนั่งที่มุมหน้าต่างที่มองเห็นทะเลทรายสุดสายตา และกำแพงสูงที่ล้อมรอบอาคารแห่งนี้ไว้ ซึ่งจนจะเป็นกำแพง เหมือนป้อมปราการที่โอบล้อมสถานที่แห่งนี้ไว้ และจากสิ่งที่เห็นมันก็บอกได้ว่าผมอยู่ในตำแหน่งสูง แบบที่จะปีนออกหน้าต่างเพื่อออกไปไม่ได้เช่นกัน

 ความฝันนั้นขาด ๆ หาย ๆ เสื้อผ้าที่สวมใส่เปลี่ยนไปในแต่ละครั้ง

ไม่มีใครเข้ามาให้เห็นอีกในฝันนั้น อย่างมากก็มีชาหรือขนมให้กินเล่นระหว่างนั่งว่าง ๆ เหมือนกับเป็นพื้นที่อิสระแยกห่างจากทุกอย่าง เงียบเชียบและโดดเดี่ยว

แต่ในความโดดเดี่ยวนั้น แสงที่ทอเข้ามาตามบานหน้าต่างขนาดใหญ่ ก็ทำให้อบอุ่นและรู้สึกอ่อนโยนจนรู้สึกสบาย มันอาจไมได้สว่างจ้าเหมือนกับแสงจากดวงอาทิตย์ที่เรารู้จักหากแต่มันกลับสบายตาและสบายใจอย่างไม่อาจเข้าใจว่าทำไม

อาจด้วยเพราะในแต่ละครั้งที่นอนหลับ ผมมักฝันในระยะเวลาไม่นาน และจดจำรายละเอียดไม่ได้มากนัก ถึงยังไม่อาจเข้าใจมันได้

แต่มันก็น่าแปลกใจอยู่ดี ที่ผมเอาแต่ฝันถึงสถานที่เดิม ๆ และเดียวกัน แตกต่างเพียงช่วงเวลาที่ต่างกันออกไป และประเด็นที่ทำให้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในเวลานี้ อาจเพราะว่าครั้งสุดท้ายที่ฝันถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา มันอาจเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ผมก็จำมันได้อย่างชัดเจน

และติดเป็นตระกอนทิ้งอยู่ในหัวใจ

ประตูที่ถูกปิดงับไว้ตลอดถูกเปิดออกโดยใครสักคน คนที่หน้าตาเหมือนคนที่นั่งไกลออกไปบนโซฟาตัวใหญ่ที่ตอนนี้ผมมักหันไปมอง

คนที่คุณก็รู้ว่าใคร



เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ยกแก้วสีใสในมือขึ้นจรดริมฝีปากที่ผมเคยคุ้นดี ทั้งท่าทางทั้งการจัดร่างกายยังคงน่ามองอยู่เสมอ โดดเด่นและดึงดูสายตาให้ผู้คนหันไปมองเหมือนอย่างเคย

พอคิดดูแล้วไม่ว่าเวลาผ่านไปกี่ปี พี่เขาก็ดูดีและมีคนคอยเข้าหาอยู่ตลอดเวลา ไม่น่าแปลกใจเลยที่สุดท้ายความรักนั้นของผมถึงได้จบลงแบบนั้น

และหลายครั้งก็เอาแต่คิดว่าถ้าหากว่าหลังจากคืนนั้นผมยังมีลมหายใจอยู่ มีชีวิตอยู่ตรงนั้นต่อไป เรื่องราวมันจะเป็นยังไงต่อไปนะ

มันจะดีขึ้น ?

มันจะแย่ลง ?

เราจะได้อยู่ข้างกันหรือยังคงจะพรากจากอยู่ดี เอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่อาจรู้ได้เลย แต่คิดไปก็เท่านั้น เวลาเดินหน้าออกมาแล้ว และตามกฎเกณฑ์ของโลกมันก็ไม่เคยย้อนกลับ

และเพราะแบบนั้น ทางเดินเส้นใหม่อาจทำให้ทั้งผมและเขามีช่วงเวลาที่แตกต่างออกไปจากเดิม ไม่มากมายแต่เกิดขึ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดี

ผมอยากเปลี่ยนแปลง ไม่อยากกลับไปเดินย้ำซ้ำเดิมอีกแล้ว

พนา ศิริทรัพยจันทร์เป็นคนแบบนี้ เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้ว จะให้มันเป็นไปอย่างที่ตั้งใจไว้

เราจากลากันแล้ว และจะไม่ย้อนกลับหวนคืนอีก

นั่นคือเรื่องที่กำลังย้ำเตือนตนเองอยู่ในใจ ก่อนยกแก้วเหล้าที่ถือค้างในมือมาได้สักพักขึ้นดื่ม แอลกอฮอล์ดีกรีแรงถูกลดระดับจนอ่อนชืดจากน้ำแข็งที่ละลายจนไม่มีเหลือ เพราะถูกถือค้างไว้อยู่นาน

ไม่ต่างจากการยกน้ำเปล่าเข้าสู่ร่างกาย หากแต่ในความเป็นจริงมันก็ยังคงเป็นสิ่งมึนเมาและมีพิษต่อผู้เสพติดมันอยู่ดี

แต่ต่อให้รู้ว่ามีโทษแค่ไหนผู้คนก็ยังดื่มกินมันกันอยู่ เพราะมันมักพาเราให้มองโลกแตกต่างจากเดิมไปอีกเล็กน้อย หรือช่วยให้ลืมอะไรบางเรื่องที่ไม่อยากจะจดจำ

แก้วที่ถูกยกจนหมด ถูกส่งต่อไปให้เพื่อนมือชง ก่อนประโยคที่ถูกเร่งให้ดังขึ้นอีกนิดเพื่อแข่งกับเสียงเพลงจะเอ่ยออกมา

พร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ ติดหน้าเหมือนที่ผมชอบทำ


“ ขอเข้ม ๆ หน่อยดิวิศ มึงชงไม่เมาเลย ”




-11
---------------------------------------------------
//t.ss
Half of QUARTER
 #ครึ่งของ15

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: | ครึ่งของ 15 : -11 | ก่อนกาล [01/05/2019]
«ตอบ #9 เมื่อ01-05-2019 21:18:39 »

 :pig4:
 :3123:
ติดตามค่ะ
 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: | ครึ่งของ 15 : -11 | ก่อนกาล [01/05/2019]
« ตอบ #9 เมื่อ: 01-05-2019 21:18:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: | ครึ่งของ 15 : -10 | จุดจบ [22/05/2019]
«ตอบ #10 เมื่อ22-05-2019 19:49:54 »



-10

 | จุดจบ |


เจ็ด...

โอเค ผมยังไม่เริ่มนับหนึ่งอีกครั้งก็มีคนช่วยผมนับเจ็ดเสียแล้ว อยากจะร้อง

บ้าอะไรว่ะ !

แรงขัดถูตามพื้นห้องน้ำ กำลังช่วยทำให้ผมหายจากอาการประสาท การได้ออกแรงและหมกมุ่นกับของตรงหน้าอาจทำให้ลืม ๆ ไอ้อาการปวดยอกและเจ็บเฉพาะจุดลงไปได้บ้าง

ผมอาจจะถึกกว่าที่คุณคิด การที่ร่างกายกำลังประท้วงขนาดนี้ แล้วยังมานั่งทำความสะอาดห้องน้ำในบ้านคนอื่น บอกตามตรงว่ามันเป็นทางออกเดียวของผมตอนนี้ที่จะทำให้ผมรู้สึกสบายใจได้สักนิด

จะให้ถ่อสังขารเดินลากร่างออกจากบ้านพี่มันไปตอนตีห้าดูแล้วคงไปไม่ถึงไหนเป็นแน่ ยังไม่ถึงหน้าปากซอยผมคงจะเป็นลมล้มตายไปก่อน เพราะต้องเดินไปถึงถนนใหญ่ที่ไกลออกไป ถึงจะหารถสาธารณะหรือแท็กซี่เพื่อกลับไปได้

หรือจะให้นอนต่อบนเตียง ทั้งที่ลืมตาโพล่งมาเจอเรื่องที่ช็อคแล้วช็อคอีกตรงหน้า รอให้พี่มันตื่นมาเจอหน้ากันก็ใช่ที่ สุดท้ายจุดจบถึงมาสิ้นสุดที่งานประจำเจ้าเดิม พอเครียดหรือคิดอะไรไม่ออก นายพนาคนนี้ก็มักจะเก็บห้อง จัดของ ทำความสะอาดบ้านหรืออะไรก็ว่าไป

จุดจบเลยมาลงที่ห้องน้ำแสนกว้างของบ้านพี่มัน เพราะถ้าคึณเขาตื่นมาอย่างน้อยประตูหนา ๆ หน้าห้องน้ำคงกั้นตัวตนพี่มันไม่ให้ประชิดตัวผมทันทีได้บ้าง

ขอร้องเถอะยังไม่พร้อมจะคุย

ให้ตาย ผมยังไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่เขาเลยจริง ๆ แล้วนี่มันอะไรทำไมถึงมาจบแบบนี้

ก็รู้ดีว่าดื่มหนัก แต่ตามปกติไอ้สามตัวนั้นมันต้องช่วยกันลากร่างพาผมกลับไปด้วยสิ

ทำไมผมถึงมาโผล่ที่บ้านหลังนี้ได้ จะไม่สะดุ้งสะเทือนเลยถ้าผมจะไม่โดยพี่มันนับเจ็ดด้วยตั้งแต่ยังไม่เริ่มคุยกันเลยด้วยซ้ำ แถมยังเป็นตอนที่ผมไม่มีสติติดตัวอีก

นี่คนไม่รู้จักนะเว้ยเฮ้ย !

แล้วทำไมทำกันขนาดนี้ ผมจำได้ว่าพี่มันก็ไม่ใช่ประเภทเห็นใครเมาก็ลากมาเอาหรอกนะ  ต้องมีอะไรเกิดขึ้นหรือไปกระตุ้นพี่มันแน่ ๆ

หรือเมื่อคืนผมไปสร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้กัน

แต่ว่านะ ‘ นี่มันบ้าอะไร ’ ก็ยังเป็นประโยคซ้ำ ๆ ที่ดังวนเวียนไปมาในหัว



แล้วถ้าใครสงสัยว่า นับเจ็ด คืออะไรก็นั่นล่ะครับ คุณเข้าใจถูกแล้ว ผมโดนพี่มันจับกินไปเรียบร้อยโรงเรียนคุณธวิเขา แต่ผมจำได้ว่าในรอบที่แล้ว ผมต้องเจอเขาในสัปดาห์ถัดไปที่ห้องเก็บของสิ

ทำไมโผล่มาสอยกันได้ตั้งแต่คืนวันศุกร์ !

แล้วถึงขั้นข้ามขั้นไปมีอะไรกันตั้งแต่พึ่งเจอ ห่าเอ๊ย ไอ้พนาชาติที่แล้วเสียตัวหลังจากรู้จักเป็นเดือนสองเดือน ทำไมชาตินี้ยังไม่ทันคุยมึงก็เสร็จเขาแล้วว่ะ ไอ้โง่เอ๊ย !

หรือว่านั่นจะไม่ใช่พี่มัน ?

ความคิดขัดแย้งสับสนตีกันในหัว มือก็ยังคงขยับทำงานไปด้วย ก่อนจะเปิดฝักบัวรดน้ำลงไปเพื่อล้างฟองน้ำยาล้างห้องน้ำกับคราบต่าง ๆ ออก

และก่อนที่จะทันได้เริ่มต้นทำอะไรต่อไป เสียเดินและเปิดปิดประตูหลายรอบจากด้านนอกห้องน้ำก็ดังขึ้น

ก้อนเสียงทุบประตูที่ไม่เบาเอาเสียเลยถูกส่งผ่านเข้าระบบประสาทการได้ยิน ตามด้วยเสียงเรียกชื่อเล่นผมดังก้องไปหมด

หากแต่เหมือนร่างกายกำลังตื่นกลัวหรือมันนิ่งค้างไปแล้วก็ไม่อาจรู้ได้

ผมยังไม่อยากเจอ ผมไม่พร้อมคุย แต่ปีศาจที่ผมกลัวมันก็กำลังอยู่ใกล้แค่เอื้อม ถ้าผมไม่เปิดประตูออกไป ผมจะรอด

สมองสั่งการให้ถอยชิดมุมห้องอย่างอัตโนมัติ จากระบบป้องกันตัวโดยสัญชาตญาณ

ก่อนเสียงเหล่านั้นจะเงียบลง ทำให้ผมอดที่จะถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาไม่ได้ หัวใจในอกกำลังทำงานหนักราวกับว่ากำลังจะล้มเหลว มือสั่นเทาจนผมยังรู้สึกได้

แต่หากคิดว่าจะหลบซ่อนในบ้านของเจ้าของพ้น คงเป็นความคิดสั้น ๆ ของเด็กที่ชื่อพนา เพราะเสียงไขกุญแจที่ดังถัดมานี่ต่างหาก ที่กำลังเปิดประตูตอนรับปีศาจเข้ามาให้ผมรู้จักกับความจริงอีกครั้ง

บานประตูถูกผลักเปิดเข้ามาด้านใน ตามมาด้วยร่างกายสูงใหญ่ที่แสนคุ้นเคย เขาสวมแค่กางเกงขายาวที่ดูจะหยิบมาใส่ลวก ๆ หัวยุ่งเหยิงไม่ได้รับการดู หากแต่ก็ยังดูดีเหมือนที่เคย

ดวงตาดุนั่นกำลังหรี่ลง เหมือนต้องการจะทำโทษผมทางสายตาที่ปล่อยให้เขาตะโกนเรียกอยู่นานสองนาน โดยที่ผมไม่คิดจะปริปากออกไปสักนิด

การก้าวเดินอย่างรวดเร็วนั้นเหมือนดูช้าลงจากระยะในความรู้สึก

ก่อนที่ชั่วกระพริบตา อีกฝ่ายก็ใช้สองมือบีบแขนสองข้างของผมที่ยืนนิ่ง และคำทักทายแรกของโลกใบนี้ของพวกเรา ะถูกส่งออกมาจากริมฝีปากน่าสัมผัสนั่น

“ เรียกทำไมไม่ตอบ ? ”

ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น

ตอนนี้อยากแค่หนีไปให้ไกล เราไม่ควรต้องจบลงแบบนี้อีก ไม่ควรรู้จัก ไม่ควรใกล้ชิดกัน หรือคุณอาจจะเกิดคำถามว่าทำไมผมไม่หนีไป ผมก็มีคำตอบให้กับตัวเองไปแล้วว่าออกไปไม่ไหว แต่แน่ใจจริง ๆ หรือพนาว่านั่นไม่ใช่ข้ออ้าง

ข้ออ้างที่จะทำให้เวลาและวงโคจรของเราวนมาบรรจบกันอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว ตัวผมนั้นต้องการอะไรกันแน่ อยากจะหนีให้ไกลแต่ก็ทิ้งตัวเองไว้ใกล้จนเขาเอื้อมมาถึง

บอกว่าจะหลบเลี่ยงได้ไม่เท่าไร สุดท้ายก็ยังวนมาเจอกันอยู่ดี แถมยังเร็วกว่าที่ควรเป็นอย่างก้าวกระโดด หรือว่าอะไรจะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นะ

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน


สุดท้ายก็อาจคงเป็นต้องเผชิญหน้ากับมันดู





-10

---------------------------------------------------

//t.ss

Half of QUARTER
 #ครึ่งของ15

ออฟไลน์ usguinus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: | ครึ่งของ 15 : -10 | จุดจบ [22/05/2019]
«ตอบ #11 เมื่อ23-05-2019 11:22:44 »

ติดตามค่าาาา :katai2-1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: | ครึ่งของ 15 : -10 | จุดจบ [22/05/2019]
«ตอบ #12 เมื่อ23-05-2019 20:09:06 »

 :pig4:
 o13
 :L2:

ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: | ครึ่งของ 15 : -9 | คู่กัน [03/07/2019]
«ตอบ #13 เมื่อ03-07-2019 15:10:23 »


-9

| คู่กัน |



“ ทำไมผมมาอยู่ที่นี่ ”

สุดท้ายแล้วผมก็ตอบคำถามคนที่ลากผมที่เสื้อผ้าเปียกชื้นออกมาในห้องนอนด้วยคำถาม

“ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ” นั่นคือคำตอบที่ผมได้รับ คุยกันคนละเรื่องเลย

“ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ”

ผมเองก็ยืนยันที่จะถามต่อไป โดยไม่ยอมขยับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างที่เขาต้องการ

“ อย่าดื้อ ” เขาพูดเพียงเท่านั้นพร้อมใช้มือแกะกระดุมเสื้อตัวที่ผมใส่อยู่ จริง ๆ มันเป็นเสื้อที่ใส่ไปร้านเหล้านั่นล่ะ ทั้งกลิ่นทั้งอะไรต่อมิอะไรเลอะเทอะไปหมด แต่ก็ต้องใส่

เพราะการตื่นมาเปลือยเปล่าบนเตียงนอนของอีกฝ่าย ไม่ใช่เรื่องสนุกเอาเสียเลย



“ อย่า ! ”

เสียงตะโกนและถอยหนีของผมทำให้พี่เขาชะงักไปชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็เหมือนไม่ได้ฟังกันเลย นิสัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ยังคงบังคับถอดเสื้อผ้าผมเหมือนเดิม

และร่องรอยที่ถูกกระทำก็เผยออกมาสู่สายตา รอยกัดข้างเอวเด่นชัดและกำลังเปลี่ยนสีอย่างน่ากลัว ไหนจะรอยดูดสีแดงสดที่กระจายอยู่ทั่วตัว ต้องบอกว่าลายยิ่งกว่าอะไรดี นี่ยังไม่รวมถึงแถวขาอ่อนด้านในที่เต็มไปด้วยรอยสีแดงจากการขบกัดอีกนะ

แค่คิดก็จินตนาการไม่ออกแล้วว่าเขาทำรุนแรงกับร่างกายผมมากแค่ไหนตอนที่ผมไม่รู้ตัว นั่นยิ่งทำให้ผมต่อต้านเขามากขึ้น “ บอกว่าอย่างไง ! ”

“ ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง ”

“ คุณนั่นละพูดไม่รู้เรื่อง ! ”

ผมตอกกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้​ แต่เหมือนผมจะลืมประเมินความเป็นจริงไปหน่อยว่าคนตรงหน้าอารมณ์ร้อนแค่ไหน

คำพูดไม่จำเป็นอีกต่อไป การกระทำนั้นสำคัญกว่า มือหนาไม่ฟังและไม่สนใจเสียงโวยวายของผมอีก จัดการปอกเปลือกร่างกายที่มีแต่ร่องรอยสีสดกระจายไปทั่ว

ร่างกายเปลือยเปล่าที่ถูกทำให้ล่อนจ้อนกะทันหันจนผมต้องทรุดตัวลงกอดตัวเองไว้ อีกฝ่ายก็ดูมีท่าทีไม่สนใจสิ่งที่กระทำไปเท่าไร ทำแค่เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ก่อนหยิบเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นที่มีเสื้อผูกเอวส่งมาให้

จะเรียกว่าส่งได้ไหม ก็เล่นวางโป๊ะลงมาบนหัวผมแบบนี้

“ ใส่ ”

คนตรงหน้ายืนกอดอกจ้องมาอย่างต้องการจะจับผิด แล้วใครมันจะไปกล้าขยับกัน ต่อให้จะเคยเห็นกันถึงไหนต่อไหนมานานแล้วก็เถอะ แต่ตอนนี้พี่มึงไม่รู้จักผมนะเว้ย เรื่องอะไรจะหน้าด้านให้เขามองร่างกายอย่างหยาบคายกันล่ะ

“ คุณก็หันไป ไม่ก็ออกไปก่อนดิ ”

“ มากเรื่องว่ะ จะใส่ไม่ใส่ ” พี่เขาบอกออกมาเสียงเข้ม

เรื่องอะไรใครจะยอม

“ งั้นกูใส่ให้เอง ” และไม่ต้องรอให้ใครมาเชิญ พี่ท่านก็ก้าวขยับมาจัดการเรื่องตรงหน้าอย่างไม่สนใจอะไร อาการโวยวายดีดดันของผมไม่อาจเป็นผลให้เขารู้สึกหรือสะเทือนอะไรสักนิด ยังคงพยายามสวมใส่เสื้อผ้าให้ผม ราวกับผมเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ก็ไม่ปาน

ความวุ่นวายก่อนหน้าจบลง และหน้าตาผมก็คงงอหงิกจนน่าเกลียด เกลียดเขาจริง ๆ เกลียดความเอาแต่ใจไม่ฟังอะไรเลยนั่น

 และพอเหมือนอารมณ์คนตรงหน้าเหมือน​จะดีขึ้นการพูดคุยถึงได้อยู่ในระดับปกติอีกครั้ง

“ แล้วเป็นบ้าอะไรไปขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ ”

คำถามนั้นทำให้อยากจะตะโกนออกไปว่า ‘ เพราะพี่นั่นล่ะ ’ เสียจริง แต่ก็เลือกจะเงียบเอาไว้ ก่อนจะเลือกตอบออกไปอีกทาง “ แล้วคุณเป็นใคร ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ”

คำถามนั้นทำเอาบรรยากาศรอบด้านเงียบสนิทไปชั่วคราว ไม่มีใครพูดอะไร และผมก็ยังรอให้เขาตอบคำถามผมกลับมาเสียที

“ มาบนเตียง เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ”

ใครมันจะกล้าขึ้นเตียงที่มีเสือนอนอยู่กัน !

“ มา ” แต่เสียงหนัก ๆ นั่นก็ทำให้อดยอมทำตามไม่ได้ อย่างไรเสียความทรงจำเก่า ๆ ที่มีร่วมกัน​มามันก็ยังคงอยู่ ถึงได้ขัดขืนได้ไม่เต็มที่อยู่แบบนี้

สุดท้ายแล้วก็มาจบที่นั่งแปะอยู่บนเตียงข้างอีกฝ่ายจนได้ และคงได้เวลาเริ่มพูดคุยกันเสียที

“ ก็เล่ามาสิครับ ” ผมพูดออกไป

หากแต่คนตรงหน้ากลับขยับร่างกายเข้ามาใกล้ จนทำให้ถอยหนีตามสัญชาตญาณ และเพราะว่าผมนั่งเสียติดขอบเตียงถึงได้เกือบหงายหลังตกลงไป ถ้าไม่ถูกคว้าตัวไว้ได้ทันก่อน

“ ระวังหน่อยสิ กลัวอะไร ” สายตาระยับมองตรงมา ทั้งที่ร่างกายยังคงแนบชิด ไม่ยอมปล่อยเหมือนต้องการแกล้งกัน

“ มีอะไรให้ไม่กลัวด้วยหรือไง ”

“ นั่นสินะ แต่จะกลัวอะไรเมื่อคืนก็ใกล้ชิดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกน่า คงไม่มีอะไรน่าเสียดายมากกว่านั้นแล้ว จริงไหม ? ”

คนเจ้าเล่ห์พูดออกมาหน้าตาย ไม่สนใจผมที่พยายามดันตัวเองให้หลุดจากวงแขนนั้นให้ได้สักนิด

“ เสียดายอะไร ? แล้วคุณมาทำอะไรแบบนี้กับคนไม่รู้จักเนี่ยนะ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงก็ไม่ยอมบอก  จะให้ผมไม่ระวังตัวได้ยังไง ” คนระวังตัวโวยวายออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากปีศาจร้ายได้

“ พูดมากแบบนี้ จะเอาเวลาตรงไหนเล่า ? หืม ? ”

คำพูดนั้นทำเอาผมต้องเงียบปากอย่างไม่ต้องบอกอะไรต่อ และรอคอยที่จะได้รับรู้เรื่องราวตอนที่ไม่มีสติ ถ้ารู้ว่าเมาแล้วจะมาโดนฟันแบบนี้ ผมจะมีทางยอมเมาเด็ดขาด ไม่น่าชะล่าใจเลย

“ พวกเพื่อนเธอ มันเข้ามาทักเพื่อน​ฉัน อ้อ ฉันเป็นรุ่นพี่คณะเธอ จะพูดจะคุยก็ให้รู้เรื่องบ้าง ”

จะเล่าให้ฟังทั้งที ทำไมต้องวนมาเหน็บผมซ้ำกันด้วยนะ ปากเนี่ยน่าตีจริง

“ แล้ว ? ”

“ ก็ยกโขยงมานั่งโต๊ะเดียวกัน เลยได้คุย ถึงได้รู้ว่าเธอคือรุ่นน้องที่อาจารย์รเนศเคยบอกว่าจะให้คุยด้วย ” เออ ตอนย้ายโต๊ะพอจำได้อยู่ว่าถูกไอ้รันมันลากไปด้วยแต่หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้ว   

“ แล้วมันมาถึงตรงที่ผมมาอยู่บนเตียงคุณได้ไง ”

“ เรียกพี่สิ ฉันรุ่นพี่เธอนะ ” คนข้าง ๆสั่งเสียงดุเหมือนไม่พอใจ

“ ก็...ก็ยังไม่รู้จักชื่อเลยด้วยซ้ำ ” แต่กูก็นอนกับเขาไปแล้วไอ้พนาเอ๊ย

“ แน่ใจว่าไม่รู้จัก ”

คำถามนั้นทำเอาผมหันขวับไปมองหน้าอีกฝ่ายทันที ก่อนที่จะได้รับฟังประโยคถัดไป “ ก็ที่โต๊ะแนะนำตัวกันไปแล้ว คิดว่าฉันจะนอนกับคนที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อกันหรือยังไง ? ”

ก็ใครล่ะ ที่ลากคนที่เพิ่งเจอกันมานอนด้วย ใครจะไปรู้ล่ะ เผลอ ๆ อาจเห็นแล้วลากมาโดยไม่สนใจจะแนะนำตัวกันก็ได้ คนแบบนี้

“ ก็จำไม่ได้บอกมาใหม่สิ ”

“ เธอนี่ยังไง ชื่อยังจำไม่ได้ แล้วไอ้ที่ทำกันไปเมื่อคืนจะจำได้ไหม ” อีกฝ่ายเปรยออกมา

จนทำเอาผมอดตอบโต้งออกมาไม่ได้ “ ก็ไม่รู้เรื่องน่ะสิ คนสติดีที่ไหนข่มขืนคนไม่มีสติกัน ! ”

“ พูดดี ๆ ใครทำแบบนั้นกัน ถ้าไม่ใช่มีคนมายั่วก่อน ” เจ้าของมือหนาใช้ปลายนิ้วมือซ้ายจับปลายคางผมบิดให้หันไปมองหน้ากันในระยะประชิด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัวผมถึงได้หลบเลี่ยงไม่ทัน และยังไม่ทันได้ประมวลผล จมูกโด่งก็เฉียดเข้ามาใกล้จนผิวหนังแทบจะสัมผัสกัน ส่งผลให้เลือดในกายสูบฉีดทั่วร่างอย่างไม่อาจควบคุม

“ ใครไปทำแบบนั้นกัน ! ” เขินก็เขิน อายก็อาย แต่เรื่องยอมแพ้อย่าให้พูดถึงไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน แม้จะไม่ชนะก็ตาม

“ จะให้ไปเปิดกล้องวงจรปิดที่ร้านดูไหม ว่าใครกันแน่ที่นั่งมองกูตาเยิ้ม ไม่พอยังกระโดดมานั่งตักคนอื่นอย่างหน้าไม่อาย ”

คำพูดเหล่านั้นยิ่งทำให้เลือดขึ้นหน้ายิ่งกว่าเก่า ใครมันจะไปทำแบบนั้นกัน พี่ธีต้องมั่วแน่ ๆ ต้องมั่วแล้ว

ไม่นะ หรือว่าไอ้พนาจะทำจริงว่ะ พ่อจ้าแม่จ้า พนาไม่ได้ทำเรื่องน่าอายแบบนั้นใช่ไหม

ความหน้าบางทำให้ผมเลือกสะบัดตัวออกมามุมเตียงแล้วซุกหน้ากับหมอนใบใหญ่ไม่กล้ามองหน้าใคร ถือทฤษฎีไม่เห็นคือไม่มีเข้าไว้

หึ ๆ

เสียงหัวเราะในลำคอของคนด้านข้างส่งผลให้ผมต้องรีบหันไม่มองอย่างไม่ต้องสงสัย พอเห็นสายตาที่มองมาเท่านั้นล่ะ

กูโดนเล่นเข้าแล้วไง

“ ล้อเล่น เธอก็คงไม่หน้าด้านได้ขนาดนั้นนี่ จริงไหม ? ” คำถามที่เหมือนคำเสียดสีไปในตัว ยิ่งทำให้หน้าที่งออยู่แล้วงอหงิกขึ้นไปอีก

ไอ้พี่ธี ! ทำไมเป็นคนแบบนี้ว่ะ !

“ ใครมันจะทำ ! ”

“ นั่นสิ แต่ว่า..ไอ้เรื่องยั่วกันน่ะ ของจริง ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์และเหนือกว่าของคนอารมณ์ร้อนกลับทำให้ผมร้อนยิ่งกว่า ปั่นคนเก่งนักนะ

“ ใครจะไปยั่วคุณกัน แล้วชื่อก็ไม่บอก ใครมันจะไปรู้เรื่องด้วย ”

“ ธี ” เสียงพูดประโยคเดียวนั่นพูดออกมาเรียบ ๆ “ ก่อนหน้านี้ก็เรียกจนเสียงแหบเสียงแห้ง ทำไมถึงลืม ”

“ ใครมันจะไปจำเรื่องบ้า ๆ พวกนั้นได้กัน ! ”

“ ก็ไม่ต้องไปจำ แล้วยังไม่ได้เคลียร์เลยนะว่าเป็นบ้าอะไร เธอถึงไปอยู่ในห้องน้ำ ” พี่เขาพูดออกมาในขณะที่ขยับทิ้งตัวลงบนที่นอนในท่าสบาย ๆ

“ ก็อาบน้ำ ” ผมเลือกตอบแบบนั้นออกไปใครมันจะไปบอกได้ว่าเข้าไปสงบสติอารมณ์ด้วยการขัดห้องน้ำ

“ อาบบ้าบออะไรใส่เสื้อผ้าไว้จนเปียก ”

“ กะ...ก็..ห้องน้ำมันสกปรก ” การเถียงอย่างข้าง ๆ คู ๆ ยังคงมีต่อไป

“ สกปรกบ้าอะไร พึ่งทำความสะอาดไป ” คำพูดตรง ๆ นั้นทำเอาผมไปใม่ถูก และจะแถต่อก็ใช่ที่ เปลี่ยนเรื่องมันแม่งเลย

“ แล้วทำไมผมมาอยู่นี่ได้ล่ะ มันยังไม่เคลียร์เลยนะที่บอกมา ”

“ ก็เพื่อนเธอเมากันหมด เธอก็เมา พอจะให้ไปที่ห้องไอ้เจตกัน เธอก็เอาแต่มองมาเหมือนหมาหงอย ทำท่าจะเดินตาม เลยพามาด้วย ” พี่เขาพูดเหมือนเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป แต่คนฟังแบบผมทำไมรู้สึกโคตรอายเลยว่ะ นี่กูทำอะไรลงไปตอนเมา

“ ผมไม่ใช่หมา ! ” ชาติไหน ๆ ก็จะหนีไม่พ้นการเป็นหมาน้อยของพี่เขาเลยหรือไงว่ะ !

“ … ”

อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงมองมาเรียบ ๆ ตามนิสัยเท่านั้น

“ แล้วทำไมพี่ไม่ปล่อยผมไว้กับเพื่อน จะหิ้วผมมาด้วยเพื่อ ” เรื่องนี้คือเรื่องที่สงสัยอยู่ในใจ ก็คุณธวิที่ผมรู้จัก เขาไม่มีทางพาคนแปลกหน้ามาที่บ้านแน่นอน

“ ก็หน้าเธอมันยั่วฉัน อ่อยมาก็ต้องสนองสิ ” พูดไม่พูดเปล่ายังเลือกดึงผมที่นั่งกอดเข่าอยู่ในกลิ้งล้มลงไปนอนเป็นเพื่อน พร้อมทั้งรั้งเอวของผมเข้าหาตัว

“ อ๊ะ ! ”

และด้วยความที่พี่เขาตัวยักษ์หรือร่างกายผมมันเล็กเกินไปก็ไม่รู้ มันถึงได้ดูเหมือนเด็กที่ซุกอยู่ในอ้อมแขนยักษ์ จะขยับหนีก็ไม่ทัน เล่นรัดไว้เสียผมเป็นหมอนข้างเลยทีเดียว

“ แล้วไม่เจ็บแล้วหรือไง ทำไปตั้งเยอะ ยังมีแรงมาเถียงมาทำความสะอาดห้องน้ำอีก ” อีกฝ่ายใช้ปลายคางวางบนหัวผมไว้ ก่อนก้มลงมาหอมหัวเบา ๆ พร้อมกระชับอ้อมแขนเพิ่มไปอีก

ดูเหมือนว่าไม่มีท่าทีจะนอนต่อยังไงก็ไม่รู้

“ เจ็บ แล้วใครมันทำล่ะ ”

คำพูดตรง ๆ ของผมเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดีจากอีกฝ่ายได้ แม้จะไม่เห็นหน้าแต่ก็คิดออกว่ากำลังทำหน้าน่าหมั่นไส้แค่ไหน

“ แล้วพี่นอนกอดคู่นอนที่พึ่งเจอต่อแบบนี้ทุกคนเลยหรือไงกัน ” มันอดที่จะถามออกไปไม่ได้จริง ๆ ก็นี่มันรู้สึกไม่ปกติเอาเสียเลย ถ้าคิดจากตัวผมมันก็ดูปกตินั่นล่ะ ถึงได้โอนอ่อนให้กอดอยู่แบบนี้

แต่ถ้าคิดในแง่ของคนที่พึ่งนอนด้วยกันได้คืนเดียว มันจะใกล้ชิดกันเกินจำเป็นหรือเปล่า

“ พูดมาก จะนอน ” และคำถามของผมก็ถูกโยนออกไปนอกโลกจากคนเอาแต่ใจข้าง ๆ ที่ดูมีท่าทีจะไม่บอกหรือพูดอะไรอีก

“ แต่พี่ธี นี่มันตะวันขึ้นแล้วนะ ยังจะนอนอีกเหรอ ” ผมยังไม่ลดละที่จะส่งเสียงถามออกไป แต่ไอ้เรื่องจะให้ดิ้นออกจากวงแขนนี้ดูจะไม่เป็นผล

“  อย่าเรียกพี่ธี ” เสียงไม่พอใจถูกส่งออกมาพร้อมแรงรัดที่มีมากขึ้นเหมือนลงโทษ

คนบ้าอะไร ก็แนะนำตัวชื่อนี้มาไม่ใช่เหรอไง แล้วจะให้เรียกคุณธวิหรือไง มันจะไม่แปลกเหรอที่คนแปลกหน้าในสายตาพี่เขาอย่างผม จะเรียกออกไป คนอะไรบ้าบอจริง !

“ แล้วจะให้เรียกคุณว่าไงเล่า เรียกคุณก็บอกเป็นรุ่นพี่ เรียกชื่อก็ไม่ให้เรียก ทั้งที่แนะนำมาเองแท้ ๆ ” คนเรานี่ย้อนแย้งจัง

“ จะเรียกอะไรก็เรียก แต่ไม่ใช่แบบนั้น ” อีกฝ่ายพูดเสียงเรียบ พอหันไปมองหน้าอีกฝ่ายดี ๆ ถึงได้รู้ว่าตาที่หลับลงไปก่อนหน้านี้ลืมขึ้นมองตรงมาที่ผมเสียแล้ว ก่อนที่ประโยคที่ไม่ค่อยอยากได้ยินจะถูกส่งออกมา

“ ในเมื่อเด็กมันไม่ยอมนอนสักที เดี๋ยวจะกล่อมนอนเอง ”

คำพูดเรียบง่าย แต่การกระทำไม่เรียบง่ายเอาเสียเลย

ริมฝีปากถูกครอบครอง แรงบดคลึงถูกกดลงมาอย่างใส่อารมณ์ ก่อนเรียวลิ้นชื้นแฉะจะถูกสอดผ่านช่องว่างของริมฝีปากเข้ามาเหมือนจะกวาดต้อนทุกอย่างไปจากผม และสิ่งสุดท้ายที่สติอันน้อยนิดรับรู้ คือประโยคติดหูที่ได้ยินซ้ำวนเวียนไปมาในหัว

“ เดี๋ยวจะสอนให้จำเองว่าเวลาอยู่กับฉัน เธอต้องครางชื่อฉันว่าอะไร พนาวิน ”


-9

---------------------------------------------------


//t.ss


Half of QUARTER


 #ครึ่งของ15

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: | ครึ่งของ 15 : -9 | คู่กัน [03/07/2019]
«ตอบ #14 เมื่อ03-07-2019 23:26:09 »

 :pig4:
 :กอด1:

ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: | ครึ่งของ 15 : -8 | ฝั่งฝัน [01/09/2019]
«ตอบ #15 เมื่อ01-09-2019 18:12:57 »



-8

| ฝั่งฝัน |



การลืมตาตื่นภายใต้เตียงสี่เสาในตอนนี้ดูแตกต่างออกไป ข้างกายขนาบข้างด้วยร่างเปลือยเปล่าของอีกคน เส้นผมรุงรังถูกปล่อยปละไปตามการนอนของเจ้าตัว

ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนคุณธวิที่ผมคุ้นเคย

การมองเห็นอีกฝ่ายอยู่ตรงหน้า ทำให้อดใจไม่ได้ที่จะใช้มือเอื้อมไปเกลี่ยผมแสนยุ่งนั้นให้พ้นจากการบดบังการมองเห็นโครงหน้าคุ้นเคยนั่น

หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะไม่ว่าจะเส้นผมสีดำสนิทหรือโครงหน้าไม่มีส่วนใดแตกต่างจากในความทรงจำที่รู้จักมานานปี

จะแตกต่างก็ตรงความยาวของเส้นผมและเสื้อผ้าเพียงเท่านั้น และอีกอย่างหนึ่งคงเป็นนิสัยที่แตกต่างกันมากจนรู้สึกมึนงง

ธวิคนนี้แสนโรแมนติก แสดงความรักต่อพนาวินที่อยู่ตอนนี้อย่างตรงไปตรงมา บอกรักอย่างง่ายแสนง่าย เหมือนทั้งรักและหวงแหนพนาวินคนนี้ยิ่งกว่าของล้ำค่า

ห้องนอนที่มีเอกลักษณ์ห้องนี้ถูกสร้างเป็นรังรักที่ไว้เก็บพนาวินไว้ภายใน ตัวตนของผมที่อยู่ตรงนี้ไม่เคยได้ย่างกรายออกไปด้านนอกของประตู ถ้าไม่มีธวิกร

เมื่อได้พบชายหนุ่มสิ่งที่ได้รับอย่างแรกมักเป็นแรงจุมพิตบนศีรษะอย่างรักใคร่ ก่อนจะใช้เวลาที่เหลือในการทานอาหารและเดินเล่นรอบสถานที่ที่ราวกับปราสาท

ตอนที่ได้มีโอกาสออกมานอกตัวอาคารถึงได้รับรู้ว่ากำแพงที่เห็นจากด้านบนนั้นสูงใหญ่กว่าที่คิดไว้ และอีกด้านของที่นี่ยังเป็นป่ารกทึบที่ตรงข้ามกับเมล็ดทรายแสนล้านฝั่งตรงข้ามเหลือเกิน เป็นภูมิทัศน์ประหลาดจนไม่คิดว่ามีอยู่จริง

เพราะห้องนอนที่ใช้อยู่อาศัยเป็นหลักหันหน้าออกทะเลทรายแสนเวิ้งว้าง ผมถึงได้รับรู้สภาพแวดล้อมที่แท้จริงของที่นี่ได้ไม่นานเท่าไรนัก จากจำนวนฝันที่เพิ่มมากขึ้น

ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูมีรายละเอียดต่าง ๆ มากกว่าที่เคยคิดไว้

แต่สำหรับพนาวินแล้วที่นี่ก็ยังเป็นปราสาทที่เหมือนโดนทิ้งไว้โดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอยู่ดี เมล็ดทรายมากมายยังคงทิ้งตัวไกลสุดสายตา และผมก็ไม่เคยรู้ว่าที่ตรงนี้ตั้งอนู่ที่ไหน หรือเป็นที่ใดบนแผนที่ แม้แต่เรื่องที่ว่ามันเป็นโลกแบบไหน

หรือแม้กระทั่งสถานที่ธวิคนที่อยู่ตรงหน้านี้เดินทางออกไป ก็ไม่เคยได้รับรู้

หากแต่สิ่งที่รู้ได้คือ ตัวตนของพนาวินคนนี้อยู่เพียงเพื่อรอคอยให้ธวิกรเดินทางมาถึงและใช้เวลาด้วยกัน

ผมไม่เคยถาม และเขาก็ไม่เคยพูดถึงว่าทำไมทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้

นั่นอาจเพราะผมอยากทิ้งมันไว้เป็นพื้นที่สบายใจ ในเมื่อมันเป็นฝันผมก็อยากได้ครอบครองความรักที่มีเพียงผมคนเดียวอย่างแท้จริงนี้ไว้เงียบ ๆ

ธวิ ที่รัก พนา อย่างสุดใจ





“ วิน วิน ”

“ … ”

“ วิน ” เสียงเรียกดังเข้ามาให้รู้สึกตื่นตัวและต้องลืมตา ผู้หญิงวัยกลางคนที่ชื่อคุณวิภา กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ สิ่งนั้นทำให้ผมที่ได้สติคว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้

ตอนนี้คนตรงหน้าคือความสบายใจของผม เธอมีท่าทีแปลกใจที่ลูกชายตัวดี อยู่ดี ๆ ก็ทำท่าทางเหมือนอ้อนกันตั้งแต่ตื่น หากแต่เธอก็เลือกจะลูบหัวยุ่ง ๆ นั่นเงียบ ๆ ให้ลูกชายเธอได้กอดจนพอใจ

ช่วงนี้ผมฝันบ่อยขึ้นอีกและนานขึ้น เรื่องราวที่ไม่ประติดประต่อถูกขยายความมากขึ้น จนเต็มไปด้วยรายละเอียด

แต่เหตุการณ์ส่วนใหญ่ก็มักเป็นเรื่องเดิม ๆ

การใช้ชีวิตประจำ ตัวตนของคนที่เหมือนกับพี่เขา คนที่อยู่ตรงนั้นไม่ได้เหมือนเพียงหน้าตาหากแต่ชื่อก็เหมือนกัน

พนาวิน กับ ธวิกร

อาจต่างไปบ้างแต่มันก็เหมือนจนเกินไป ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพียงความเพ้อฝันของตัวผมเองหรือเปล่า แต่มันก็เหมือนจริงและจับต้องได้ขึ้นทุกครั้ง จนเริ่มสับสนวุ่นวาย

ภาพทุกอย่างทับซ้อนปนเปไปหมด ทั้งธวิจากโลกที่จากมา ธวิกรจากในโลกประหลาด หรือว่า พี่ธวิในโลกนี้ก็ตามที จนผมเริ่มจะไม่เข้าใจมัน

ธวิคนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พัวพันในชีวิต อะไรดูจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไปจากโลกก่อนมากนัก คนไม่สนโลกยังเป็นคนไม่สนโลกอยู่เหมือนเดิม

หากแต่ความสนิทที่ควรค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปนั้น ได้ก้าวกระโดดเป็นเพื่อนร่วมเตียงเพียงข้ามคืน และมันก็กำลังวนเวียนกลับไปที่เดิม

ผมไม่ได้ต้องการมัน หากแต่สิ่งที่ไม่ต้องการเหมือนจะวิ่งมาชนผมอย่างไม่อาจเตรียมตัว

ตั้งแต่คือแรกนั้น ผมก็เจอกับเขาอีกครั้งอย่างรวดเร็วในวันจันทร์ถัดมา หลังจากที่เขามาส่งผมที่หอพักในเย็นวันอาทิตย์ ฟังไม่ผิดหรอก อยู่ดี ๆ คนแบบธวิ ทวีตะวัน ก็มีข้ออ้างมากมายที่จะรั้งให้เด็กบ้า ๆ แบบนายพนาอยู่ด้วยต่ออีกหนึ่งคืน

อย่างที่เขาว่ากันว่าวัวเคยค้าม้าเคยขี่ ความใจอ่อนก็เป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เจอผู้ชายคนนั้นส่งสายตาอ้อน ๆ แบบที่ไม่ค่อยจะทำเข้าหน่อย อะไรมันก็ยอมไปหมด

“ วินตัวแสบของแม่เป็นอะไรครับ เดี๋ยวต้องกลับมอวันนี้แล้วนะ มางอแงอะไร ” คุณวิภาพูดอย่างอารมณ์ดี ขัดความคิดวุ่นวายของผมให้ชะงัก

“ ไม่ได้งอแงสักหน่อย วินแค่อยากกอดจะไม่เจออีกตั้งนาน ”

“ ก็กลับบ้านบ่อย ๆ สิ ดูอย่างพี่น้ำสิ กลับมาทุกอาทิตย์เลย ”

“ ก็มีแต่พี่น้ำแหละน่าที่อยู่ตั้งไกลแต่ยังชอบเทียวกลับบ้าน ดูอย่างพี่เพลิงดิ ไม่เห็นจะค่อยกลับ แล้วอีกอย่างวินก็อยากกลับอยู่หรอกน่าแม่ แต่หลังจากนี้ต้องกลับไปปั่นโปรเจ็คต์หลักของเทอมแล้ว คงไม่ค่อยมีเวลา ” ผมอู้อี้ตอบกลับไป

“ งั้นวันนี้ก็เข้าครัวกับแม่เนอะตัวดี จะได้หายคิดถึงกัน พวกพี่ ๆ เขาจะกลับมากันด้วย นาน ๆ ทีจะมากันครบ ”

“ ได้เลยแม่ วินจะโชว์ฝีมือเสียหน่อยเดี๋ยวพวกพี่ ๆ จะลืมกันหมดว่าความอร่อยสุด ๆ มันเป็นยังไง ”



หลังจบประโยคโอ้อวดนั้น ก็เรียกเสียงหัวเราะอารมณ์ดีจากคนข้าง ๆ ได้อย่างดี วินน่ะทำอาหารอร่อยจริง ๆ นั่นล่ะ แต่คิดจะสู้กับคนสอนแบบเธอนั้น คงจะดูถูกกันเกินไป

แต่ก็ดีแล้วที่เรื่องนี้สามารถดึงลูกชายเธอออกมาจากเรื่องทุกข์ใจที่มีได้ เธอไม่รู้หรอกว่าเด็กแสบของเธอกำลังมีปัญหาอะไร แต่ทั้งเธอและคนอื่น ๆ ในครอบครัวจะยืนอยู่ข้าง พนา ป่าเล็ก ๆ ของบ้านเราคนนี้เสมอ


หวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี และเธอคงได้แต่หวังและให้กำลังใจอยู่ตรงนี้




-8

---------------------------------------------------

//t.ss

Half of QUARTER

 #ครึ่งของ15

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: | ครึ่งของ 15 : -8 | ฝั่งฝัน [01/09/2019]
«ตอบ #16 เมื่อ07-09-2019 19:36:08 »

 :pig4:
 :katai2-1:

ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: | ครึ่งของ 15 : -7 | ติดลบ [30/10/2019]
«ตอบ #17 เมื่อ30-10-2019 19:07:45 »


-7

| ติดลบ |


“ ผมว่าพวกคุณลองไปปรับงานให้เข้ากันมากกว่านี้อีกหน่อยดีกว่านะ หรือถ้าเป็นไปได้ก็รวมเป็นชิ้นเดียวแล้วเพิ่มไซด์งานเอาเลยดีกว่า  ”

อาจารย์รเนศที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะทำงาน กำลังก้มลงพิจาณาแผ่นงานขนาดเอสามสองแผ่นจากคนสองคน

สิ่งที่รเนศกำลังดูคือตัวอย่างและแนวทางคร่าว ๆ ของงานที่ผมและอีกคนนำมาเสนอ และคุณอาจเดาได้ว่าคนที่นั่งบนเก้าอี้อีกตัวข้างกันกับผมคือบุคคลที่มีชื่อว่า ธวิ ทวีตะวัน

อย่างที่เหมือนจะเคยพูดไปแล้วว่าหลังจากถูกปล่อยตัวกลับบ้านในวันอาทิตย์ ผมก็เจอกับเขาอีกทีในวันจันทร์ซึ่งเป็นวันแรกที่อาจารย์นัดพูดคุยเรื่องโปรเจ็ก​ต์ปลายเทอม

โดยการเข้าพบอาจารย์ทีละคนในช่วงคาบเรียน ซึ่งกลุ่มพวกผมก็ได้คิวนัดวันนั้น

และจากการที่ต้องเข้าพบอย่างเป็นส่วนตัวกับอาจารย์รเนศ กลายเป็นมีคนโผล่เพิ่มมาอีกคน อาจารย์แนะนำคุณธวิให้ผมรู้จัก และอธิบายต่อว่าโปรเจ็กต์ของปีสาม ซึ่งคือชั้นปีของธวิต้องทำงานคู่กับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นน้องหรือพี่ในคณะ หรือต่างคณะก็ได้ แต่ต้องตีโจทย์และนำเสนอออกมาได้ตามแต่จะตีความ

และพี่ธวิก็มาขอคำปรึกษาเรื่องโปรเจ็กต์กับทางอาจารย์รเนศ อาจจะด้วยอะไรก็ไม่รู้ล่ะ หวยก็มาออกที่ผมอย่างที่เห็น

เมื่อโลกที่แล้วก็เป็นแบบนี้ และสุดท้ายก็มารู้ว่าเหตุผลของอาจารย์รเนศมันเรียบง่ายมาก เพราะผลงานของผมมักเต็มไปด้วยภาพทิวทัศน์ของตึกสูงระฟ้าช่วงกลางคืน เน้นเส้นตรงและแสงสีเป็นหลัก

ในขณะที่งานของพี่เขานั้น เน้นวาดภาพบุคคล แต่ต่อให้บอกว่าเน้นวาดคน แต่ก็เอาแต่วาดภาพด้านหลังของมนุษย์และใช้สีโทนมืดครึ้มอยู่ตลอด

 อาจารย์คิดว่าได้ทำงานด้วยกันผลงานน่าจะออกมาน่าสนใจ

และแล้วโชคชะตาด้านคะแนนของผมก็ได้รับการผูกติดกับพี่เขานับตั้งแต่นั้น

เอก็เอด้วนกัน เอฟก็เอฟด้วยกัน

เพราะงั้นถึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในคราวก่อนพวกเราถึงได้ใกล้ชิดกัน

และแน่นอนว่าการแนะนำตัวระหว่างกันครั้งนั้น ผมก็เลือกที่จะหลบให้พ้นภัยตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ก็เหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง ตอนที่อ้าปากจะบอกปฏิเสธการทำงานคู่กันออกไป คนที่นิ่งเงียบกลับรีบตอบรับและออกหน้าแทนก่อนจนไม่กล้าปฏิเสธ

แล้วใครใช้ให้พี่มันพูดว่า ‘ น่าจะดีนะครับ วินเขาก็โอเคเหมือนกัน ผมไปคุยกับน้องมากแล้ว ’ กันล่ะ

ถ้าแค่คำพูดมันไม่เท่าไรหรอก แต่ไอ้มือที่เอื้อมมาบีบขาผมที่อยู่ใต้โต๊ะไว้อย่างแรง ก็บอกได้อย่างดีว่าถ้าปฏิเสธไปเรื่องคงไม่จบไม่สิ้นและวนกลับมาหาผมอีกแน่

ใครจะอยากไปสู้ด้วยกัน

แล้วผู้ชายอย่าง ธี ธวิ ทวีตะวันวอแวคนเก่งตั้งแต่เมื่อไรกัน

ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเรื่องที่ไม่เหมือนเดิม ธวิ คนนี้ใกล้เคียงกับธวิกรในฝันเข้าไปทุกที อาจจะยังคงเป็นธวิคนเดิม แต่ก็รู้สึกไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว

คิดมากไปก็เท่านั้น ผมคงจะทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้อีก สงสัยไปก็เท่านั้น





“ วิน ”

“ … ”

“ วิน เหม่อะไร ” เสียงที่ได้ยินยังไม่ค่อยเท่าไร แต่ไอ้หน้าที่ขยับมาใกล้นี่มันอะไร การกระทำนั้นทำเอาผมถอยหลังไปติดโซฟาด้านหลังมากขึ้นอีกนิด

“ เปล่า ”

“ มาเปล่าอะไร ฉันเรียกเธอตั้งนาน ไม่ยอมตอบ ” คนข้าง ๆ ว่าง่าย ๆ ไม่วายใช้มือมาจับแก้มผมเล่น

ทำไมลวนลามเก่งว่ะ

และผมก็คงยอมไม่ได้ ต้องพยายามปัดมืออกเป็นพัลวันและคนขี้แกล้งก็ยังเป็นคนขึ้แกล้ง ยังคงวุ่นวายเกะกะไม่เลิก

“ คิดงานไปดิไอ้พี่ธี วุ่นวายกับผมทำไม ” อ้อ อีกอย่างครับผมกวนตีนเรียกพี่มันพี่ธีได้แล้วครับ โดนที่ไม่โดนพี่มันจับทำอะไร ดูท่าแล้วตอนนี้ก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรกับการเรียกแบบนี้แล้ว เลยเรียกเป็นปกติ

แต่ปกติที่ว่า ผมนึกอยากเรียกอะไรก็เรียกมากกว่า ไม่ได้เจาะจงว่าจะใช้อะไร

“ ก็คิดอยู่ ”

“ คิดอะไร แล้วมาแกล้งผมอยู่เนี่ย พอเลย ” ตอนนี้จากการดึงแก้ม ลามมาถึงจี้เอวแล้วครับ หนีแทบไม่ทัน

และก่อนที่ผมจะล้มโต๊ะตัวเล็กที่วางบนพื้นเพื่อทำงานตรงหน้าไปเสียก่อน เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น และก่อนที่จะได้ขยับตัวทำอะไร คนที่กลั่นแกล้งผมอยู่เมื่อกี้ก็เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ที่วางอยู่

มันจะไม่มีอะไรแปลกหรือประหลาดเลย ถ้ามันไม่ใช่เครื่องของผม

ไอ้พี่มึง !

ความพยายามจะตะกายเอาโทรศัพท์คืนมาดูจะไม่เป็นผล แถมถูกคนที่กดรับโทรศัพท์ไปหันมาใช้มือข้างที่เหลือผลักผมให้นอนลงกับพื้นพร้อมค่อมตัวไว้ ก่อนจบลงที่ใช้มือปิดปากให้ผมเงียบเสียงลง

ก่อนจะหันไปตอบสายที่โทรเข้ามา “ นี่พี่นะ ”

ใครมันจะไปรู้กับพี่มึงว่ะ บอกไปว่าพี่เนี่ย

“ อืม วันนี้วินไม่กลับ ” คนตรงหน้าตอบออกไป  ก็ยังจะคุยกันรู้เรื่องนะ แต่เดี๋ยวนะใครไม่กลับ

คำพูดนั้นทำเอาผมที่ยอมอยู่นิ่ง ทั้งพยายามส่งเสียงทั้งพยายามดิ้นให้หลุด แต่ก็ดูไม่เป็นผลเสียเท่าไร พี่มันส่งเสียงอืม ๆ อีกไม่กี่รอบสายที่ติดต่อเข้ามาก็ถูกวางลง

โทรศัพท์ในมือของอีกฝ่ายถูกโยนไปมุมหนึ่งบนโซฟาที่ไกลจากผม พร้อมร่างกายหนาที่ลุกออกไป

“ ไอ้พี่ธี ใครบอกจะค้าง ! ” ผมโวยวายออกไป

“ ก็ใครบอกให้เธอค้าง ? ” พี่เขาพูดออกมาหน้าตาย

“ แล้วใครมันบอกเพื่อนผมว่า ผมจะไม่กลับ ” เสียงยังคงเพิ่มระดับความเดือดดาลต่อไป แล่ดูจะไม่เป็นผลหรือสะเทือนคนคนนี้เลย และจากเรื่องที่พูดคุยทำให้ผมเดาได้ว่าน่าจะเป็นเพื่อนผมสักคนที่ติดต่อเข้ามา

“ ฉัน ”

“ ก็ใช่ไง ! ”

“ แล้วไง ? ”

“ แล้วไอ้ที่บอกว่าใครบอกให้เธอค้างมันคืออะไร ? ห๊ะ ? ” เขากำลังทำให้ผมเดือดปุด ๆ

“ ก็ไม่ได้บอกไง แต่สั่ง ” รอยยิ้มที่ถูกส่งมาไม่ได้ทำให้รู้สึกใจอ่อนหรือดีขึ้นเลยสักนิด

“ แล้วพี่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม ”

“ อยากให้อ้างสิทธิ์จริง ๆ ? ”

“ ... ” คำพูดนั้นทำเอาผมเงียบไปชั่วครู่อย่างคิดอะไรไม่ออก ก่อนจะพูดต่อเมื่อมีสติ “ คุณไม่มีสิทธิ์”

คำพูดผมทำเอาบรรยากาศเริ่มตึงเครียด ผมไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากเถียง แต่พี่เขาไม่สิทธิ์นั้นจริง ๆ ไม่มีเลย ก็แค่นอนด้วยกันครั้งเดียว รู้จักก็พึ่งรู้จัก หรือต่อให้จะมากกว่านี้อีกสิบหรือร้อยเท่า

เราก็ไม่เคยเป็นอะไรกัน ไม่ใช่เหรอไง ?

สุดท้ายแล้วผมก็ไม่มีทางยอมรับหรือให้สิทธิ์ของคนที่ไม่มีมันจริง ๆ หรอก

จะไม่ยอมเดินกลับไปทางเดิมอีก จะไม่กลับไปเสียใจซ้ำ ๆ อีกแล้ว

“ เธอรู้ดี ว่าฉันมี ”

และแทนที่ร่างกายหรือจิตใจผมถูกทำอะไรจากคนใจร้อนตรงหน้า สิ่งที่ได้รับกลับมีเพียงเสียงพูดลงน้ำหนักที่ส่งผ่านมา ก่อนที่เขาจะลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป

โดยทิ้งผมให้นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นนานสองนาน เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ คนประสาท


แล้วงานก็ยังไม่ขยับเพิ่มขึ้นสักที ให้ตาย




-7

---------------------------------------------------

ช่วงนี้เราค่อนข้างยุ่งยาก อาจอัพช้าหน่อย ไม่ว่ากันนะ : )

//t.ss

Half of QUARTER

 #ครึ่งของ15


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

-6

| ที่เดิม |


ประตูที่ยังปิดสนิทมานานหลายชั่วโมง บ้านที่เงียบเหงายังคงเงียบเหงา ชายหนุ่มนั่งหมกตัวอยู่บนพื้นห้อง

ห้องที่เต็มไปด้วยภาพวาดบนผืนผ้าใบมากมาย ทุกอย่างถูกวางอย่างเกะกะ ทั้งที่มันเคยถูกเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบไม่บนกำแพงก็ชั้นเก็บเฉพาะที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ทุกภาพวาดที่มีความหมายถูกดึงออกมาไว้ในระยะที่มองเห็น

ผมไม่เคยสนใจพวกมัน ทำแค่ยัดมันเก็บไว้ในห้องหรือถูกแขวนทิ้งไว้เฉย ๆ บนกำแพง ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงอยากเห็นมันนักหนา

การจบวันในเย็นวันศุกร์ เหมือนกับช่วงเวลาที่ได้ปลดปล่อยตัวเองจากทุกอย่าง งานหลักที่ทำไม่ได้เกี่ยวข้องหรือเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียนมาสมัยมหาลัย ปริญญาบัตรของคณะศิลปกรรมศาสตร์ถูกทิ้งไว้ประดับความรู้สึกและถูกแทนที่ด้วยความรู้มากมายจากครอบครัวและการเริ่มต้นศึกษาเพื่อปริญญาอีกใบที่เกี่ยวกับการบริหาร

ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในโลกของผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการโรงแรมของที่บ้านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนับแต่นั้น

การจรดพู่กันลงบนผ้าใบถูกจัดเป็นงานอดิเรกที่ทำยามว่างเท่านั้น ความจริงจังของการใช้ชีวิตและการงานที่มีมากขึ้นจากการส่งต่องานมาของบิดา สร้างตัวตนอีกแบบให้กับผม

ผู้ชายที่ต้องใส่หน้ากากยืนต่อหน้าสังคม มันไม่ใช่เรื่องยากกับนายธวิ ทวีตะวัน ทั้งเป็นความเคยชินและเรื่องธรรมดากับชีวิต

มันเป็นแบบนั้นมาหลายปี และไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ผมไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง หรือจะบอกว่าไม่ชอบก็ไม่เชิง เพียงแค่ผมไม่ค่อยรับรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง

ผมชอบที่จะให้ทุกอย่างเป็นอยู่อย่างที่เป็นไปหรืออยู่ในการควบคุม

และผมก็ไม่เคยชินกับมันได้เสียที

ช่วงเวลาที่ขาดหายใครบางคนไป การขาดหายจากไปของเด็กนั่นทำให้รูปแบบชีวิตของผมเปลี่ยนไป

เย็นวันศุกร์ที่มักออกไปทานข้าวหรือเที่ยวสักที่ ถูกแทนที่ด้วยการทิ้งตัวเองไว้ในบ้านเก่าของบิดาที่ผมยึดครองแต่ผู้เดียวมาตั้งแต่ช่วงม.ปลาย เพราะต้องการพื้นที่ของตัวเอง

บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่นัก แต่อยู่กลางใจเมือง เป็นบ้านเก่าชั้นเดียวยกพื้นที่กว้างพอตัว มันถูกตั้งอยู่กลางพื้นที่เป็นไร่ ที่รอบด้านเต็มไปด้วยสวนและต้นไม้นาชนิด

ก่อนจะมันจะตกทอดลงมาเป็นมรดกของบิดา มันคือบ้านเก่าของคุณปู่ ถ้าหากจะบอกว่า ณ ตอนนี้ฐานะทางบ้านผมจัดอยู่ในเกณฑ์มีเงินก็ไม่ผิดนัก แต่ ณ จุดเริ่มต้น มันก็มาจากจากน้ำพักน้ำแรงของวิศวกรรมและสถาปนิกมือดีอย่างคุณปู่และย่าของผมที่สร้างรากฐานที่ดีไว้ให้

ก่อนมันจะเจริญงอกงามยิ่งกว่าเร่งด้วยปุ๋ยด้วยฝีมือบิดาของผมเอง มันกลายเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้จนทำให้ฐานะทางครอบครัวขยับสู่ความเป็นเศรษฐีได้ในเวลาหนึ่งช่วงอายุคน

ที่นี่ได้รับการดูแลมาตลอด จนถึงช่วงม.ต้นที่ที่นี่ถูกทิ้งร้างเพราะการจากไปของคุณปู่ที่รัก มันก็ถูกทิ้งว่างไว้ แต่ผมที่ชื่นชอบชื่นชมที่แห่งนี้เป็นพิเศษเพราะความเป็นหลานรักของคุณปู่ ทำให้ผมมักมาที่นี่อยู่เสมอ

จนถึงช่วงม.ปลายที่ต้องย้ายเข้ามาเรียนในเมืองมากขึ้นและอยากมีพื้นที่ส่วนตัว ถึงได้ขอออกมาอยู่เอง

คุณธาวีไม่ทักท้วงหรือว่าอะไร แม้ว่าคุณรนิสาคนเป็นมารดาจะทำหน้าตาออกแนวเป็นห่วงที่จะปล่อยลูกชายคนกลางออกไปใช้ชีวิตคนเดียวตั้งแต่ตอนนั้น

หากแต่บิดาผมทำเพียงแค่มองตรงมา และลุกไปหยิบกุญแจสถานที่แห่งนี้ส่งมาให้ ก่อนพูดทิ้งท้ายไว้ว่า ‘ ดูแลตัวเอง มีอไรก็กลับมาปรึกษาที่บ้าน ’

คุณธาวีบิดาผมนั้นไม่ใช่คนใจร้ายและก็ไม่ใช่คนใจดี แต่คือสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผลและให้อิสระแก่บุตรเท่าที่อยู่ในขอบเขต

การออกมาอยู่เองของผมอยู่ในขอบเขต หากแต่การเลือกเส้นทางชีวิตในอนาคตก็มีขอบเขตอีกเส้น เลือกที่อยากเรียนได้ แต่สุดท้ายต้องกลับมาช่วยงานที่บ้าน มันคือเรื่องที่ผมรู้ดีอยู่แก่ใจ

และทุกอย่างก็ดำเนินไป แบบที่มันเป็น

ทุกอย่างเดินในจังหวะคงที่เหมือนกับการขยับเวลาของนาฬิกาที่คงเดิมทุกวี่วัน อาทิตย์ถึงเสาร์ วนเวียนไปในเจ็ดวันอย่างไม่รู้จบ

หากแต่ทุกอย่างก็สะดุดลงเหมือนนาฬิกาตาย เมื่อการทะเลาะเอาแต่ใจของเด็กคนนั้น จบลงด้วยการจากไปทั้งที่ยังไม่ได้คุยกันดี ๆ

ภาพวาดบนผ้าใบผืนใหญ่ยักษ์ถูกปดออกมาจากกำแพงในห้องนั่งเล่น เพื่อมาวางไว้กลางห้องที่เต็มไปด้วยภาพวาดอื่น ๆ

ทุกอย่างที่ตรงนี้นั้นสำคัญ วินชอบมาอยู่ในนี้ นั่ง ๆ นอน ๆ บนโซฟาสีฟ้าอ่อนที่ตั้งอยู่ริมห้องติดหน้าต่าง ที่ถูกเลือกด้วยฝีมือเจ้าตัวเอง

พวกเรามักใช้เวลาส่วนหนึ่งขอวันหยุดในการอยู่กับตัวเองและใช้พู่กันลงสีอะไรบางอย่างอยู่ข้าง ๆ กันเงียบ ๆ

เราอาจไม่ได้เจอกันทุกวัน หากแต่ในหนึ่งเดือนต้องมีเวลาให้ได้เข้ามาในห้องนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้งเสมอ สุดท้ายแล้วมันเลยเต็มไปด้วยภาพวาดฝีมืออีกฝ่ายและของผมกระจายไปทั่ว ตามปกติไม่เอาไปเก็บไว้อีกห้องที่ใช้สำหรับเก็บภาพโดยเฉพาะ วินก็จะเอาออกไปจัดตามส่วนต่าง ๆ อยู่เสมอ

เมื่อมันมากขึ้นจนไม่มีที่ติด เจ้าตัวก็จะเอาแต่บ่นงึมงำว่าไม่มีที่ไว้ จนผมต้องหาทางจัดการให้ เพราะแบบนั้นภาพของวินส่วนหนึ่งถึงได้ตกแต่งอยู่ตามโรงแรมในเครือ ทวีตะวัน ทั่วทั้งประเทศ

ผมเคยบอกให้วินเอาไปขายเหมือนงานชิ้นอื่น ๆ ของเจ้าตัวที่ทำ แต่ก็โดนบอกกลับมาว่า อุปกรณ์ที่ใช้เป็นของผมไม่เอาไปขายหรอก พอบอกว่างั้นซื้อต่อ หน้าน่ารักนั่นก็ยิ่งงอเข้าไปอีก สุดท้ายก็จบลงที่ผมได้ผลงานที่ใคร ๆ ต้องจ่ายเป็นแสนเป็นล้าน ในราคาที่ต้องจ่ายคือค่าอุปกรณ์ทั้งหมดที่ผมมักซื้อมากองไว้ให้ กับสถานที่ให้เด็กคนนั้นได้วิ่งวุ่นเท่านั้น

  วินอาจไม่ค่อยจะรู้ตัวเองว่าเป็นคนน่ารัก และมีอะไรก็ออกทางหน้าตาไปหมดจนเดาอารมณ์ได้ตลอด แต่การที่เด็กคนนั้นเก็บอะไรไว้ในใจมากกว่านั้นก็เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้

คืนสุดท้ายที่อยู่ด้วยกันมันเหมือนกับระเบิดลูกย่อม ๆ ที่โดนโยนเข้าใส่ และผมก็รู้ตัวเองดีว่าตัวเองใจร้อนแค่ไหน ไฟกับไฟ มันมักเผาผลาญไปไกลเสมอ

ทั้งที่ปกตินายพนามักเป็นสายลมเย็นให้กับผมเสมอ แต่ผมอาจจะลืมไปว่าสายลมก็คือสิ่งที่ช่วยให้ไฟยิ่งโหมแรงมากยิ่งขึ้นอีก

ปากผมนั้นไม่ดี รวมถึงสิ่งที่เลือกกระทำด้วย ผมรู้ดีว่าเขาไม่ได้มีใคร เด็กคนนั้นจะเอาเวลาไปสนใจใครได้ในเมื่อ เมื่อใดที่ผมมองกลับมาก็มีเขามองตรงมาอยู่เสมอ แต่ก็เลือกจะพูดอะไรที่รู้ดีว่าทำร้ายอีกฝ่ายได้ออกไป

ยอมเดินไปตามทางที่อีกฝ่ายต้องการ

และหวังว่าจะมาแก้ไขเมื่ออีกฝ่ายใจเย็นลง หากแต่มันก็ไม่มีเวลานั้นให้กับผม เวลาเดินไปแล้ว หากแต่ผมยังติดอยู่ตรงนี้



สองตาคมกำลังเหม่อมองตรงไป สิ่งที่สะท้อนอยู่ในสายตาคือผ้าใบผืนใหญ่ที่ตั้งอยู่ มันกินพื้นที่เกือบทั้งกำแพง ภาพที่ใช้เวลาร่วมเดือนจากคนสองคนที่ตอนแรกไม่ได้สามัคคีกันเท่าไร เพราะต่างก็ยึดตัวเองเป็นหลัก

หากแต่สุดท้ายมันก็ออกมาเป็นงานที่มีเอกลักษณ์ของเราปะปนกัน เป็นชิ้นงานที่ถูกกล่าวถึงเป็นเวลานานในช่วงเรียนมหาลัย ทำเอาเด็กน้อยคนนั้นอมยิ้ม ทำหน้าตาอ่อนโยนมาให้ไม่หยุด

บางครั้งก็ยั่วยวนคนอื่นไม่รู้ตัวจริง ๆ

ตอนแรกก็ออกจะต่อต้านที่ผมเลือกใช้เขาเป็นแบบ ทั้งบังคับทั้งขู่ทั้งอ้างเรื่องงานทั้งเรื่องเวลาจนสุดท้ายก็ยอม

หรือว่าจะเป็นตอนที่ยกงานไปส่งและออกแสดง ก็ทำหน้าแดงเขินแล้วเขินอีก ทั้งที่ก็ไม่มีใครรู้เสียหน่อยว่าเป็นแผ่นหลังของตัวเอง

ยิ่งมองก็ยิ่งนึกถึง…

ผมไม่รู้จักความรักและไม่รู้ว่านั่นคือรักหรือเปล่า

ผมรู้เพียงแต่ว่าเวลาของผมได้หยุดลงที่ภาพตรงหน้านี้

‘ Unity of Star ‘

ภาพของเราสองคน



-6

---------------------------------------------------

เนี่ย ทวิมันเป็นคนแบบนี้ ฮ่า ๆ

//t.ss

Half of QUARTER


 #ครึ่งของ15


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Half of QUARTER | ครึ่งของ15 : -6 | ที่เดิม [25/11/2019]
« ตอบ #19 เมื่อ: 25-11-2019 14:50:34 »





ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ TsukiAkari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0


-5

| แบบวาด |


“ นั่งนิ่ง ๆ สิ ”

“ หนาว ไม่เอาแล้วได้ป่ะวะพี่ ” ผมพูดออกไป

“ ยังไม่ได้เอาเลย ” มุกไม่ฮาพาเครียดนั่นหลุดออกมาจากปากคนหน้าตายที่ยืนถือพู่กันรอร่างแบบอยู่ตรงหน้า

“ มุกเชี่ยว่ะ ”

“ พูดมาก ก็บอกให้นิ่ง ๆ ” คนพูดเริ่มมีอารมณ์จากการป่วนไม่เลิกของเด็กแสบ ทำธวิอยากจะเปลี่ยนจากละเลงสีเป็นละเลงตัวใครบางคนเล่น

เพราะรับรู้ถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย คนดื้อถึงได้เงียบปากลงและยอมนั่งนิ่ง แต่ก็นิ่งอยู่ได้ไม่นานก็ขยับตัวไปมาอีกจากความเบื่อหน่าย

ผมนั่งนิ่ง ๆ มานานเป็นชั่วโมงแล้ว แต่เหมือนว่าคนทำงานจะหมกมุ่นกับงานจนไม่ได้สนใจอะไร และเพราะมันก็นานได้สักพักแล้ว อาการอยากพักถึงทำให้ผมเลือกส่งเสียงออกไปอีกครั้งหนึ่ง “ พี่ หิวข้าว ”

“ อีกนิด ”

นั่นเป็นประโยคที่ได้คืนมาโดยที่คนพูดไม่ได้สนใจเท่าไรนอกจากมองมาและขยับสายตาไปบนผืนผ้าใบ

ผมทำได้แต่รอ รอให้คนติดลมบนวางมือเสียที

และก็ไม่ต้องรอนานอย่างที่คิดคนที่มือเต็มไปด้วยสีก็หยุดมือลง เมื่อผมเห็นถึงได้พูดออกไปอีก “ ขยับได้ยัง ขอดูหน่อย ”

“ มา ” คำอนุญาตนั่นทำให้ผมกระโดดแผล่บไปหาอย่างร่าเริง ร่าเริงที่ไม่ต้องนั่งนิ่ง ๆ จนจะหลับอีกแล้ว

ภาพตรงหน้าเป็นเพียงแค่โครงสร้าง โครงสร้างหยาบ ๆ ที่ยังไม่ได้ลงรายละเอียด แต่ถูกกำหนดสีและสัดส่วนเอาไว้แล้ว

“ เดี๋ยวเธอก็ลงโครงสร้างเธอทับเลยแล้วกัน อีกพักถึงจะเก็บรายละเอียดได้ อยากให้ช่วยเพิ่มหรือทำอะไรก็บอก ” คนที่ก้มหน้าก้มตาเก็บสีและกำลังล้างพู่กันว่าออกมา

“ อ่าห๊ะ...อืม...พี่ ไว้เพิ่มสีน้ำเงินสดผ่านตรงนั้นดีไหม ผมว่ามันดึงดูดดีนะ ” ผมบอกออกมาขณะกำลังพิจารณางานตรงหน้า

พวกเราวางแผนงานกันไว้เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกสักพักก่อนจะถึงวันส่งงาน เนื่องจากงานโปรเจกต์สุดท้ายของเทอมนี้จะจัดรวมกันทุกชั้นปีและวันเดียวกันถึงไม่มีปัญหาเรื่องการส่งงาน หรืออื่น ๆ ตามมา

คิดดูแล้วอาจารย์ประจำวิชาปีสามก็แปลก สร้างความยุ่งยากให้ไปหาคู่ทำงาน แต่พวกหัวหมอเลือกเพื่อนในชั้นปี อาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไร

   แล้วคนที่โดดมาคว้าเด็กปีหนึ่งไปทำงานด้วยก็มีแค่พี่ธวิเนี่ยล่ะที่ทำ สงสัยว่าคนอื่นกลัวคะแนนตกกันถึงไม่กล้าเสี่ยงกับฝีมือเด็กปีหนึ่ง

   เอาตามจริงอีกเหตุผลที่ชาติที่แล้วยอมตกลงทำงานร่วมกันคงจะเป็นผลงานของพี่มันนั่นล่ะ ภาพวาดของพี่มันสวยมาก ต่อให้สีจะหม่นแต่ก็ดูเป็นเจ้าตัวดี ในภาพวาดพวกนั้นเหมือนมีอะไรมากมายให้ค้นหาและยังแตกต่างคนละขั้วกับแนวงานของผมเอง

   จะว่าตกหลุมรักงานพี่เขาก็ใช่ หรือจะบอกว่าหลงใหลก็คงไม่ผิด



   “ เอาสิ เธอลงเลยก็ได้ ก็น่าสนใจดี ยังไงธีมก็เป็นจักรวาลกับโลกอยู่แล้ว ” พี่เขาว่าออกมา และก็อดที่จะถามเรื่องหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ จริง ๆ ก็สะกิดใจตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว แต่ไม่เคยคิดจะถาม เพราะอาจจะมัวแต่หลงพี่มันอยู่เลยไม่ได้สนใจอะไร

แต่ตอนนี้กลับเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจ จนตัดสินใจถามออกไป “ พี่ทำไมต้องเรียกผมว่าเธอด้วย ? ”

“ เธอก็คือเธอ จะให้เรียกอะไร ”

“ ทีกับคนอื่นพี่ไม่เห็นเรียก ”

“ รู้ได้ยังไง ? ”

“ ก็พวกเพื่อนผม พี่ยังไม่เรียก ”

“ พวกนั้นมานอนบนเตียงกับฉันหรือไง ” พี่เขาพูดออกมาอย่างไม่สนใจเท่าไร

“ ผมก็ไม่ได้นอน ! ”

“ พูดมาคิดแล้วหรือยัง ” คนที่ตอนแรกไม่สนใจประเด็นที่พูดเท่าไร เริ่มใช้สายตาเงียบ ๆ นั่นมองตรงมายังผม

“ ... ” แล้วจะให้ตอบว่ายังไงล่ะทีนี้ ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายถึงได้ก้าวถอยหลังโดยไม่ต้องบอก “ พี่ ผมหิวอ่ะ ไปกินข้าวกัน ”

“ หิวเหมือนกัน ”

“ หิวข้าว ? ”

“ หิวเธอ ”

“ ฮือออ ไม่เอาดิพี่ ” ด้านหลังก็โต๊ะด้านข้างก็กำแพง แล้วไอ้มือที่วางค่อมมาเนี่ยมันอะไร ฮือ

“ … ” สายตาโลมเลียไล้โลมไปทั่วร่างกายจนทำเอาตัวสั่น “ ไป....กินกัน ”

หลังจบประโยคสั้น ๆ นั่นผมก็ถูกลากออกไปจากห้อง ความตื่นกลัวจะโดยจับกินถึงกับทำให้ต่อต้านไม่ยอมเดินตามดี ๆ จนถูกยกอุ้มขึ้นจนหน้าเหวอ

การหลับตาปี๋เพื่อหนีความจริงเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ ก่อนที่เสียงเปิดประตูจะตามมาถึงได้รู้ว่าถูกพามานอกบ้าน หรือพี่มันจะพามาเปลี่ยนบรรยากาศ ?

 ก่อนจะถูกปล่อยลงข้างรถยนต์คันเก่งของเจ้าตัว

“ ขึ้นไปสิ ” อีกฝ่ายบอกออกมา

“ ไม่ใช่ว่าจะทำที่... ” ผมที่ยังประมวลผลวนเวียนอยู่กับกับเรื่องที่โดนพูดมายังอดคิดตามไม่ได้

“ เป็นเด็กลามกเหรอ ใครบอกหิวข้าว ”

ปุ

เสียงระเบิดเล็ก ๆ เกิดขึ้นในหัว พร้อมเลือดสูบฉีดขึ้นมาทั่วใบหน้า ใครมันจะไปรู้กัน เล่นทำหน้าตาหื่นกามใส่กันขนาดนั้น ใครไม่คิดมันก็ตาบอดแล้ว

และเหมือนอีกฝ่ายจะแกล้งเขาจนพอใจแล้ว มือหนา ๆ ถึงถูกยกมาขยี้หัวผมไปมาจนเส้นผมยุ่งวุ่นวายไปหมด

ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดประตูรถคันใหญ่ตรงหน้าให้ ไม่วายทำสิ่งที่ไม่คิดไม่ฝันโดยการอุ้มผมขึ้นมาและวางแปะลงมาในรถ พร้อมด้วยปิดประตูรถให้เสร็จสรรพ

การกระทำเหล่านั้นทำเอาหน้าที่เปลี่ยนสียิ่งมีสีเข้มขึ้นไปอีก

พี่เขาเป็นบ้าอะไรหรือเปล่าถึงได้ทำตัวไม่ปกติแบบนี้ ทำไมธวิตรงนี้ถึงได้แตกต่างจากธวิในความรู้สึกที่จำได้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกคุ้นชินมันจากฝันที่มีอยู่ไม่รู้จบในทุกคืน

“ แล้วเธออยากไปร้านไหน ” คำถามถูกส่งมาหลังจากอีกฝ่ายนั่งประจำตำแหน่ง


ทำไมถึงได้เป็นคนตามใจแบบนี้กันล่ะ แล้วจิตใจของผมจะรับไหวได้ไง


-5

---------------------------------------------------

คนอะไรเอาใจเก่งที่หนึ่ง

//t.ss

Half of QUARTER


 #ครึ่งของ15

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
คนน้องกำลังจะโดนคนพี่ล่อล่วงให้หลง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด