ตอนที่ 7
ห่างเหิน
แสงแดดยามเช้าที่ลอดเข้ามาในกระท่อมทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมา กระพริบตาถี่ๆไล่ความง่วง ก่อนจะหันไปที่ว่างข้างๆ
ก็ต้องแปลกใจเพราะคนที่ควรจะนอนอยู่ข้างๆ กลับหายไป ผมลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกไปเพื่อหาพี่ธาร เดินไปถึงลานดูดาวก็เห็น
คนตัวโตยืนอยู่ที่ลาน มองวิวทิวทัศน์เบื้องหน้า แต่เหมือนไม่ได้ชื่นชมธรรมชาติน่าจะจมอยู่กับความคิดตัวเองมากกว่า
"พี่ธาร ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังครับ" ผมเรียกเขาเมื่อเดินมาถึงตัว เขาหันมามองหน้าผมนิ่งๆก่อนค่อยๆยิ้มให้แต่เป็นยิ้มที่มันทำให้ผม
รู้สึกถึงระยะห่างที่มันไม่เหมือนเดิม
"นอนไม่ค่อยหลับนะ เลยออกมาเดินเล่น เมื่อกี้ฉันโทรหาไอ้กรณ์แล้วมันกำลังมา"
ผมพยักหน้ารับแล้วก็ไม่มีบทสนทนา
อะไรเกิดขึ้นอีก ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันน่าอึดอัด ผมไปทำอะไรให้โกรธหรือเปล่านะ อาจจะนอนกินที่เขาก็ได้ ผมกำลังจะ
ถามออกไป แต่คุณกรณ์ก็เข้ามาทักขึ้นพอดี
"นายครับ ผมมาแล้วกลับเลยไหมครับ"
"อืม" แล้วพี่ธารก็เดินนำไปโดยไม่ได้หันมามองผมแม้แต่น้อย เกิดอะไรขึ้น
หลังจากที่กลับมาจากบนดอยต่างคนก็ต่างทำงานของตัวเอง ผมกับพี่ธารจึงไม่ได้คุยกันมากนัก กลับมาก็ต่างคนต่างเก็บของ
เพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพ ในตอนเช้า ผมคิดว่าเขาคงเหนื่อยเลยไม่อยากจะพูดอะไรมากคงต้องการพักผ่อน แต่ผมคิดผิด
พอกลับมากรุงเทพระยะห่างก็ยิ่งห่างจนดูออกอย่างชัดเจน ในตอนเช้าเขาจะออกไปทำงานก่อนทุกวันโดยให้คุณกรณ์มาบอก
ผมส่วนตัวผมออกไปเวลาปกติ ออกไปพร้อมคุณกรณ์ บนโต๊ะอาหารตอนเช้าจึงเหลือแค่ผมกับคุณกรณ์ พอไปที่ทำงานก็ต่างคน
ต่างทำงาน ผมพยายามมองเขาแต่ก็เห็นเขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ปกติเวลาจะเอาเอกสาร หรือของว่างจะเรียกผมแต่นี้กลับโทร
ไปสั่งคุณกรณ์ที่นั่งทำงานอยู่ข้างนอกให้เอาเข้ามาให้ ตอนเย็นเขาก็บอกมีนัดเกือบทุกวัน เช่นเดิมโต๊ะอาหารตอนเย็นคงมีแค่ผม
กับคุณกรณ์ผมไม่รู้ว่าคิดในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า พี่ธารเหมือนกำลังหลบหน้าผม ทั้งที่ผมคิดว่าความสัมพันธ์เราดีขึ้นมากเหนือ
ความคาดหมายแล้ว
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขามีนัดแล้วคงกลับดึกอีกตามเคย ผมไม่รู้หรอกว่ากลับกี่โมงเพราะผมหลับก่อนตลอดเลย วันนี้มันครบอาทิตย์พอดี พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ ยังไงผมก็จะคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าผมทำอะไรผิด
ห้าทุ่ม
เที่ยงคืน
ตีหนึ่ง
"ทำไมกูต้องมารอเคลียทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยว่ะเนี่ย"
ตีสอง
ตีสาม
ผมนั่งตาจะปิดอยู่ที่โซฟาหัวเริ่มเอียงต่ำลงเรื่อยๆ ทันใดนั้น
แกร๊ก
รีบยกตัวขึ้นให้ตรงแล้วมองไปที่ประตู คนที่พึ่งเข้ามาในห้องปิดประตูแล้วหันมา พอเจอผมก็ชะงักเล็กน้อยก่อนทำสีหน้าปกติ
"ยังไม่นอนหรอ"
"ยังครับผมรอพี่ มีเรื่องอยากคุยด้วย" เขาขมวดคิ้ว
"มีอะไรทำไมไม่คุยพรุ่งนี้นี่มันดึกแล้ว"
"ถ้าคุยพรุ่งนี้ผมคิดว่า ผมคงไม่ได้คุยเพราะพี่คงหาเรื่องหลบหน้าผมอีก"
"พูดอะไรของนายง่วงมากก็ไปนอนไป" เขาเดินเลี่ยงไปที่ตู้เสื้อผ้า ผมจึงเดินตามหลังเขาไป
"ช่วงนี้พี่เป็นอะไร หลบหน้าผมตลอดเลย" เขาหันมากระตุกยิ้มใส่ผม
"นี่ ใครหลบ ฉันงานยุ่งนายก็เห็น"เขาส่ายหัว
"ผมทำอะไรให้พี่โกรธหรอ มีอะไรก็บอกผมสิถ้าไม่คุยกันจะรู้ได้ยังไงว่าพลาดตรงไหน" ผมมองหน้าเขา
"อย่ามโนได้ไหม นายก็เห็นฉันยืนตรงนี้ หลบนายที่ไหนกัน" เขาเถียงกลับมา
"ก็ปกติเวลาพี่มีอะไรจะใช้ผมตลอดเลย แต่เดี๋ยวนี้พี่ใช้แต่คุณกรณ์ ไปก่อนกลับทีหลังมันแปลกนะพี่ พูดกับผมเถอะนะว่าผมทำอะไรผิด ผมจะได้แก้ไข" เขาจ้องหน้าผมอยู่สักพัก
"หึ นี่นายสำคัญตัวผิดเปล่า ปกติตอนไม่มีนายฉันก็ใช้ไอ้กรณ์ อีกอย่างนายไม่ได้เป็นอะไรกับฉันนะอย่าลืม"
"พี่ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ตกลงผมทำให้พี่โกรธมากใช่ไหม" ผมจับแขนเขาแล้วเขย่า
"นี่ หยุดได้แล้วฉันบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรก็คือไม่เป็น เห็นฉันให้เรียกพี่ก็คิดว่าจะมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้หรือไง นายนะแค่คนที่พ่อฉันจ้างมานะ"
ผมสะอึกกับคำที่เขาพูด นั้นสินะ ผมแค่คนที่พ่อเขาจ้างมา เขาแค่ให้เรียกพี่ ทำดีด้วยหน่อยก็คิดว่าเขาเปิดใจหรือไง โง่ชะมัด
"นั้นสินะครับ ผมคงคิดมากไปเองขอโทษที่เข้าใจผิดนะครับ พี่ไม่ได้เป็นอะไรก็ดีแล้ว ตามสบายเถอะครับผมไปนอนก่อน"
จากนั้นผมก็เดินไปที่โซฟาแล้วทิ้งตัวลงนอนโดยหันหน้าเขาพนักพิง ตอนนี้ผมเหมือนกำลังหายใจไม่ออก ผมค่อยๆคุมลมหายใจ
จนตอนนี้เจ้าของห้องทำธุระตัวเองเสร็จแล้ว และทิ้งตัวลงนอนไฟในห้องก็ดับลง ถึงตอนนี้ผมก็ยังเจ็บจนจุกไปหมด ผมอาจจะ
เคยตัวกับการดูแลเขาจนลืมว่าตัวเองเป็นใคร ผมเอามือจับที่หน้าอกทุบมันเบาๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา ผมคงรู้สึกกับพิเศษกับ
เขาเข้าแล้วแต่เมื่อนึกถึงคำพูดเขาแล้วน้ำตาก็พลันไหลออกมาไม่รู้ตัว ไหลออกมาเงียบๆไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น จนเผลอหลับไป
ตอนไหนไม่รู้
ในตอนเช้าผมลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเองปกติ แต่ผมคงไม่อยู่ทานข้าวเช้าด้วยหรอกถึงจะเป็นวันเสาร์ก็ตามเมื่อไม่ได้อยากเห็นหน้าผม ผมก็จะไม่อยู่กวนใจ ผมตัดสินใจกลับมาเยี่ยมแม่ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ได้แต่คุยโทรศัพท์เท่านั้น
"แม่ครับต้นกลับมาแล้ว" ผมไขกุญแจเข้าบ้านได้ก็ตะโกนเรียกแม่
"อ้าวต้น มายังไงไม่โทรมาบอกแม่ก่อนล่ะ แล้วกินข้าวมาหรือยัง" คุณนายเขายิ้มร่ามาจากหลังบ้าน ผมจึงเดินไปกอด
"ยังเลยครับ ก็จะมากินกับแม่นี้แหละ" ผมยิ้ม
"งั้นไปทำอะไรกินกันดีกว่า ต้องฉลองนะต้นกลับมาเนี่ย" แล้วคุณนายก็ลากผมไปทำโน้นทำนี้ จนผมลืมเรื่องเครียดไปเลย
"ต้นวันนี้ค้างกับแม่ไหมลูก" แม่ถามขึ้นคงเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว ผมคิดอยู่แปปนึง
"ครับแม่ พรุ่งนี้เย็นๆค่อยกลับ อยากนอนกอดแม่จะแย่" ผมพูดแล้วเข้าไปกอดเอวแม่
"แหม ปากนี้หนอช่างหวานมีใครเคยชิมไหมจ๊ะ" ฮั่นแน่
"ใครเขาจะมาชิมล่ะแม่ก็" แม่ผมยิ้มเจ้าเล่ห์
"ก็แล้วแต่นะ ไปๆ อาบน้ำนอนกันดีกว่า"
"ครับ" ผมและแม่ต่างทำธุระแล้วมานอนกองกันบนเตียง เล่าโน้นนี้ให้กันฟังว่าเจออะไรกันมาบ้าง
"แม่ครับ ต้นถามอะไรหน่อยสิ" แม่หันมามองผม
"ว่ามาสิ" แม่ทำหน้าตั้งใจฟังเกินเหตุมาก
"คือ แม่ว่าคนที่ความสัมพันธ์กำลังดีแต่จู่ๆก็กลับแย่ลงเกิดจากอะไรหรือครับ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังคุยกันดีๆอยู่เลย"
"แย่ลงยังไงลูก"
"อยู่ๆก็หลบหน้า ไม่ค่อยคุยเหมือนเก่าแถมยังไม่อธิบายให้เราฟังแต่กลับมาว่าเราแทน" แม่ทำหน้าคิดสักพัก
"แม่ไม่รู้หรอกนะเพราะแม่ไม่ใช่เขา"
"อ้าว"
"หึๆ แต่แม่ว่าเขาอาจกำลังกลัวอยู่ก็ได้นะต้น กลัวความสัมพันธ์ หรือกลัวอะไรสักอย่าง แล้วคนนั้นเคยมีปมเรื่องพวกนี้บ้างไหมล่ะ"
"ก็พอมีนะครับ แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะหนักอะไร"
"หรือต้นไปทำอะไรให้เขาโกรธ"
"ต้นถามแล้วเขาก็ไม่บอก ดะ เดี๋ยว แม่หลอกถามต้นหรอ" ผมหัวเสียทำหน้างอใส่แม่
"โถ่ แกลูกฉันนะทำไมฉันจะไม่รู้ ว่าแต่หล่อไหม"
"แม่ มั่วแล้ว เขาอาจจะผู้หญิงก็ได้" แม่เบะปากส่ายหัว
"ถ้าผู้หญิงแกไม่เรียกเขาหรอก" ผมอ้าปากมองแม่
"เฮ้อ ครับผู้ชาย" ผมก้มหน้ามองมือ แล้วแม่ก็เอามือมาลูบหัวผม
"เขานะแม่ไม่รู้ แล้วต้นล่ะกลัวไหมกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น" แม่มองหน้าผมจริงจัง
"ทุกคนมีความกลัวทั้งนั้นแหละแม่ แต่ถ้ามันเป็นทางที่เราเลือกทางที่เรารักก็ต้องผ่านมันไปให้ได้แบบที่แม่เคยสอนต้นไง"
แม่ยิ้มให้ผม
"ยังไงแม่ก็อยู่ข้างต้นนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่อยู่บ้านนี้ตลอดนะ มาได้ทุกเมื่อ หนูไผ่ด้วยก็จะอยู่ข้างต้นเหมือนกัน" ผมยิ้มแล้วโผกอดแม่
"ครับ รักแม่ที่สุดเลย" แต่สิ่งที่ผมไม่ได้บอกแม่คือความสัมพันธ์ที่ผมพูดถึงอาจไม่มีวันได้เริ่มขึ้นเลยก็ได้ แล้วจะให้ผมทำยังไง
นอกจากก้มหน้าทำหน้าที่ให้จบๆไป
ผมกลับมาถึงบ้านหลังใหญ่ช่วงเย็นๆ ขึ้นไปวางของที่ห้องแล้วลงมาช่วยป้านิ่มทำอาหารเย็น
"คุณต้นกลับมานานหรือยังครับ" คุณกรณ์พึ่งเดินออกมาจากครัวทักขึ้น
"พึ่งมาได้แปปเดียวครับ กำลังจะไปช่วยป้านิ่มพอดี"
"ไม่ต้องหรอกครับ วันนี้นายน้อยไปทานข้างนอกนะครับ คุณต้นทานอะไรหรือยังครับเดี๋ยวผมโทรสั่งให้" ผมพยักหน้า
"ทานกับแม่แล้วครับ ถ้างั้นผมขึ้นไปพักก่อนนะครับ"ผมกำลังจะหันหลังเดินไปก็มีเสียงขัดขึ้น
"เหนื่อยหน่อยนะครับ อยู่กับคนที่ปากแข็ง" ผมหันไปมองหน้าคุณกรณ์
"ครับ?"
"ไปพักเถอะครับ" พูดจบคุณกรณ์ก็เดินจากไปปล่อยผมงงอยู่คนเดียว
คืนนี้พี่ธารก็ยังคงกลับดึก ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกกี่โมงเพราะผมไปเฝ้าพระอินทร์แล้ว ส่วนในเช้าวันจันทร์แสนน่าเบื่อ ผมยังคงโดยสาร
รถไปกับคุณกรณ์เหมือนเดิม แต่วันนี้ก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด เพราะพอเริ่มทำงาน จนถึงตอนเกือบเที่ยง โทรศัพท์ที่โต๊ะพี่ธารก็
ดังขึ้น
"ว่าไง"
"อืม ปล่อยเข้ามา" ผมไม่ได้สนใจบทสนทนาต่อตั้งหน้าตั้งตาทำงานก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตู ผมจึงหันไปมองตรงทางเข้า
ผมก็เห็นหญิงสาวสวย ตัวพอดีมือ ใส่กระโปรงสั้นเสมอหู กับเสื้อแขนกุดสีดำ ปากแดงดูก็รู้นี่มันนางเอกชัดๆ(ประชด)
"ธารขา มารุมาแล้วค่ะไปทานข้าวกันนะคะ" เจ้าของชื่อเงยหน้ามองแล้วยิ้มเล็กๆ
"ไปสิผมหิวพอดี ผมขอเก็บของก่อน" หล่อนยิ้มหวานแล้วกวาดตามองรอบห้องก่อนมาสะดุดที่ผม
"นี่ใครคะธาร ทำไมมาทำงานในห้องคุณล่ะ" พี่ธารเงยหน้าขึ้น เหลือบตามาทางผมเล็กน้อยก่อนหันไปยิ้มให้สาวสวยอีกรอบ
"คนที่คุณพ่อหาให้นะ ชื่อต้น" เขาบอกผู้หญิงของเขาก่อนหันมาหาผม
"ต้น นี่คุณมารุ " ผมหันไปมองเจ๊ปากแดงแล้วก้มหัวให้
"สวัสดีครับ"
"อ่อ คนนี้คงเป็นคนที่เขาลือๆกันใช่ไหมคะว่า พ่อคุณจะดันให้คุณ" ผมขมวดคิ้ว
"แหมหน้าตาก็ดี แต่ท่าจะยากนะจ๊ะ ธารนะเขาผู้ชาย" ผมถอนหายใจ ไม่อยากต่อปากต่อคำ
"ผมขอตัวไปทานข้าวก่อนนะครับ" ผมจงใจหันไปพูดกับพี่ธารก่อนเดินผ่านคุณมารุซึ่งหล่อนก็ไม่ยอมให้ผ่านไปง่ายๆ
เธอใช้มือจับแขนผม แล้วจิกเล็บลงมา เล็บยาวๆจิกแบบนี้ผมเลือดซิบแน่ๆ
"ฉันพูดกับนายอยู่กล้าเสียมารยาทหรอ"
"ผมขอโทษครับ แต่ผมไม่รู้จะตอบอะไร ขอตัวนะครับ" แต่หล่อนไม่ยอมยังคงจิกเล็บลงมาหนักกว่าเดิม
"มารุไปทานข้าวเถอะ อย่าไปแกล้งเลขาผมแบบนั้น" ผมหันไปมอง เลยสบตาเข้ากับแววตาเรียบเฉยของคนพูด ความน้อยใจ
ตีตื้นขึ้นมา ที่ผ่านมาเขาคงเห็นผมเป็นตัวตลก ที่เคยพูดดีกัน คงแค่แกล้งสินะ คิดแล้วขอบตาก็ร้อนผ่าว จุกในอก ผมคิดว่าเขาจะ
เปิดใจกับผม แล้วซะอีก วันนี้ผมเข้าใจแล้ว
"ไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะครับ" ผมรีบดึงข้อมือจากคุณมารุที่ยังกำแน่นออก จะมีแผลข่วนแถมก็ช่างมันเถอะผมอยากออกจากที่นี่
ผมรีบเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วล็อกประตู ยืนพิงประตูก่อนค่อยๆนั่งลงกับพื้น น้ำตาไหลแต่ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น คงเพราะผมพยายามกลืน
มันลงไปก่อนเข้ามาแล้ว ผมน้ำตาไหลอยู่อย่างนั้นสักพักจนสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าสั่น
ครืด ครืด
ผมจึงหยิบมากดรับสาย
"ครับคุณกรณ์" ผมพยายามทำน้ำเสียงให้นิ่งที่สุด
(คุณต้นอยู่ไหนครับ นายน้อยแจ้งผมว่าคงไม่กลับเข้ามาแล้ว เรากลับไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านเถอะครับ)
"ผมอยู่ห้องน้ำครับ เดี๋ยวผมออกไป"
(ครับ ผมรอลานจอดรถนะครับ)
"ครับ" ผมวางสายไปแล้วค่อยๆเช็ดน้ำตา ผมบอกกับตัวเองว่าผมต้องไม่ร้องไห้อีก ต้องไม่ร้อง
.....................
นั่งรถกลับมาถึงบ้าน ผมก็นั่งรอทานข้าวเที่ยงอยู่ที่โต๊ะอาหาร จนคุณกรณ์ที่หายไปตอนจอดรถเดินกลับมา แล้ว
วางบางอย่างตรงหน้าผม มันคือชุดปฐมพยาบาล ผมเงยหน้ามองคุณกรณ์ที่ตอนนี้นั่งข้างๆ ผมแล้ว
"ยื่นแขนมาครับเดี๋ยวผมทำแผลให้"
"ไม่เป็นไรครับ ผมทำเองก็ได้" ผมรีบบอก
"คุณทำไม่ถนัดหรอกครับ มาเถอะ"
"ขอบคุณครับ" คุณกรณ์ค่อยๆเอาสำลีที่ชุบแอลกอฮอลล์เช็ดที่แผลของผม
"ซี๊ดดดด" ผมสะดุ้งเล็กๆ
"เล็บนี้ร้ายกาจเหมือนกันนะครับ แผลคุณลึก แล้วไหนจะรอยข่วนนี้อีก"คุณกรณ์ส่ายหัว
"ไม่เป็นไรหรอกครับ" หลังจากทำแผลเสร็จก็ทานข้าวกันตามปกติ เสร็จแล้วผมก็ขึ้นไปพักผ่อนคงเพราะผมเหนื่อยมาก
แถมยังร้องไห้อีกผมจึงเผลอหลับกลางวันไปได้ ตื่นมาก็ทำอาหารเย็น เดินเล่นนิดหน่อยแล้วก็เข้านอนเร็วหลังจากที่นอนดึก
มาหลายคืนเพราะใครบางคน ต่อไปนี้ผมจะไม่นั่งรอเขาเพราะเป็นห่วงอีกแล้ว ผมรู้แล้วว่าเขาไม่ได้ไปไหนเขาอยู่กับผู้หญิง
ของเขา เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ผมต้องห่วงเขาอีกแล้ว
..............
อีกด้านหนึ่งหลังจากที่ต้นขึ้นไปนอนแล้ว ก็มีใครบางคนมายืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ห้องทำงานของเจ้านาย
(ต้นเป็นบ้างว่ะกรณ์) ปลายสายคือนายน้อยเจ้าของห้อง
"ดูเหนื่อยๆนะครับ ป่านนี้คงหลับไปแล้วล่ะครับ"
(แล้วแผลแกทำให้เขาแล้วใช่ไหม แผลรุนแรงหรือเปล่า)
"ลึกแล้วก็เยอะพอควรครับ ผมทำแผลให้แล้ว นายไม่ต้องห่วง"
(ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วแค่นี้ก่อนแล้วกัน)
"เดี๋ยวครับนาย ถ้านายห่วงคุณต้นขนาดนี้ทำไมต้องทำหมางเมินกับคุณต้นด้วยครับ"
(แบบนี้ก็ดีแล้ว ให้เราห่างกันเยอะๆ เวลาจากกันจะได้ไม่ผูกพันธ์กัน)
"นายกลัวอะไรครับ ทำแบบนี้ผมสงสารคุณต้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรผิด ที่ต้องมาเจอแบบนี้"
(ที่ผ่านมาก็ได้รู้จักต้นมากพอแล้ว ยิ่งถลำลึกสักวันฉันจะขาดเขาไม่ได้ปล่อยไปแบบนี้ดีแล้ว)
"ผมว่าตอนนี้นายก็กำลังขาดคุณต้นไม่ได้ครับ แสดงความรู้สึกจริงๆจากใจออกมาก่อนจะสายนะครับ"
(ฉันรู้ว่าฉันต้องทำอะไร แค่นี้นะ)
"ครับ" กรณ์วางสายแล้วได้แต่ถอนหายใจ
..............
วันนี้ผมตื่นมาทำงานด้วยความสดใส บรรยากาศก็กดดันเหมือนเดิม ผมพยายามทำตัวปกติของผมอยู่ในที่ของผม
สงบสุขเรื่อยมา จนพอใกล้เที่ยง เหตุการณ์ก็เหมือนเมื่อวานเป๊ะ คุณมารุเธอมาอีกแล้ว แล้ววันสงบก็ไม่สงบอีกต่อไป
เธอมาที่นี้ทุกวัน และก่อนออกไปทานข้าวกับพี่ธาร เธอก็ต้องแกล้งแขวะ แกล้งแซะ หรือแม้กระทั่ง แกล้งทำน้ำหกใส่ผม
ผมสงบจนถึงที่สุด ผมพยายามมองเจ้าของห้อง ผมไม่ได้หวังว่าเขาจะช่วยผม แค่เขาห้ามปรามเธอบ้างก็ยังดี ไม่รักกันก็
เห็นใจผมไม่ใจร้ายกับผมนักก็พอ แต่ก็ไม่ได้รับเสียงสะท้อนอะไรกลับมา คุณมารุยิ่งไม่มีคนห้ามก็ยิ่งเอาใหญ่
ในที่สุดก็ถึงวันที่ผมรอคอยวันเสาร์ที่ผมจะได้ไม่ต้องเจอคุณมารุ ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรปกติ พอเกือบๆเที่ยงผมก็
เดินลงไปเตรียมตัวจะทำมื้อเที่ยง กำลังเดินลงมาก็ได้ยินเสียงเหมือนใครคุยกันจึงเดินไปดู แล้วนั้นแหละครับ คุณมารุปากแดง
"ธารคะ พอมารุไปเดินดูรอบบ้านหน่อยนะคะ" อ้อนเข้าไป
"ไปสิ ป้านิ่มครับเดี๋ยวขอของว่างไปตั้งตรงสระว่ายน้ำด้วยนะครับ"
"ได้ค่ะ"
บทสนทนาอยู่ในหูผม ผมเดินเลี่ยงไปเข้าครัว เพื่อเตรียมของให้ป้านิ่ม ส่วนป้านิ่มเมื่อเดินเข้ามาก็จัดของว่างให้แขกทันที จัดเสร็จก็หันมาหาผม
"คุณต้นคะ ป้าวานเอาขนมไปให้นายที่สระว่ายน้ำหน่อยนะคะ เดี๋ยวป้าทำอาหารเที่ยงไม่ทัน" ผมทำหน้าเบ้
"แต่ว่า"
"นะคะคุณต้น" เฮ้อ
"ก็ได้ครับ" ผมรับคำแล้วเดินไปยกของว่างไปรอที่สระน้ำ เดินไปก็เห็นคู่รักโดยมีฝ่ายหญิงเกาะแขนฝ่ายชายชี้โน้นนี้
ผมเดินเอาของไปวางที่โต๊ะริมสระน้ำ แล้วเอ่ยขึ้น
"ของว่างได้แล้วนะครับ" แล้วก็จะเดินหลบไปแต่คุณมารุเอ่ยทักขึ้น
"ตายแล้วนี่อยู่นี้ด้วยหรอ เกาะติด 24 ชั่วโมงเลยนะย่ะ" ผมได้แต่ยิ้มให้ ว่าตัวเองทำไมยายคนนี้
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ของพี่ธารดังขึ้นขัดจังหวะก่อนที่คุณมารุจะแซะผมต่อ
"ต้นนายอยู่เป็นเพื่อนมารุแปปนะ ฉันไปคุยธุระก่อน" แล้วพี่ธารก็เดินไปโดยไม่ถามสุขภาพผมสักคำ
เมื่อเจ้าของบ้านเดินไปผมจึงยืนนิ่งๆเป็นหุ่นเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเจ๊ปากแดง
"นายนี้มันหน้าด้านจริงๆเลยนะ ฉันทำขนาดนี้น่าจะรู้ว่าไม่ต้อนรับยังทนอยู่ได้"
"เจ้านายผมยังไม่ได้ไล่ผมออกนี้ครับ"
"ต๊ายยย นี่นายไม่รู้จริงๆหรือไง คนอย่างธารนะเขาไม่ออกปากไล่ตรงๆหรอก" ผมคิ้วกระตุก
"โถๆๆ ที่ฉันด่าแก แกล้งแกกดดันให้แกทนไม่ได้ แล้วเขาก็ไม่ว่าไม่ห้ามฉัน แกก็น่าจะรู้นะว่า เขาอนุญาตให้ฉันทำ" ผมช็อคกับคำพูดเธอ
"หมายความว่า เขาเป็นคนให้คุณทำแบบนี้งั้นหรอ" ไม่จริงใช่ไหม ผมคิดว่าที่พี่ธารไม่ห้ามเพราะเห็นเป็นผู้หญิงและเป็นคนที่ควงด้วยเลยไม่อยากว่าเพราะยังไงผมก็เป็นผู้ชาย โดนผู้หญิงแซะคงไม่ใช่เรื่องใหญ่
"อยากรู้แกก็มานี้สิ ฉันจะบอกให้ ถือว่าเอาบุญ" เธอเรียกผมให้ไปที่ริมสระน้ำ ผมเดินไปตามที่เธอบอกก่อนเธอจะโน้มตัวผมเพื่อไปกระซิบข้างหู
"เขาให้ฉันทำอีกอย่างด้วยนะ รู้ไหมอะไร" ผมส่ายหน้าและตั้งใจฟัง
"ก็ แบบนี้ไง"
ตู้มมม
ว่าเสร็จเธอก็ผลักผมลงน้ำ
" ฮ่าฮ่าฮ่า โง่สิ้นดี สมควรแล้วที่ธารไม่เอา หลอกง่ายชะมัด" ผมโผล่ขึ้นจากน้ำได้ยินคำพูดนั้นพอดีแต่ผมไม่ได้สนใจ
เพราะสิ่งที่สนใจตอนนี้คือผมว่ายน้ำไม่เป็น เธอกำลังจะหันหลังไปผมต้องเรียกเธอ
"ช่วยด้วย คุณมารุ ผม ว่าย น้ำ ไม่เป็น "
"โอ๊ย แกนี้มันโง่จริงๆ ฉันไม่เชื่อแกหรอกจะดึงฉันตกน้ำด้วยล่ะสิ ฉันไม่โง่หรอก ไปหาธารดีกว่าที่นี่ร้อน ชิ" เธอสะบัดหน้า
แล้วเดินไปทันที ก่อนหันมายิ้มแสยะ แล้วพูดบางคำที่ผมพอจะอ่านปากได้
"สมน้ำหน้า"
"เดี๋ยว ช่วยผม ชะ ช่วย ผม ดะ ด้วย ผะ ผม ว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆ"
ไม่มีใครอยู่แล้วเรียกใครไปก็ไม่มีใครได้ยิน พี่ธารก็จะไล่ผมไป อยากให้ไปทำไมไม่บอกผมตรงๆ ไม่เห็นต้องใช้คนอื่นให้วุ่นวาย
ผมค่อยๆหยุดดิ้นแล้วปล่อยให้ตัวเองค่อยๆจมลงในน้ำ ผมทำอะไรผิดถึงต้องทำแบบนี้
ฮึก ฮึก เสียงสะอื้นที่แม้แต่ตัวผมเองยังไม่ได้ยิน ถ้าผมไปให้พ้นๆ คุณคงดีใจ เข้าใจแล้วที่ไม่เคยพูดไม่เคยปกป้อง มันเป็นแบบนี้
เอง ผมรู้สึกดีกับพี่นะ พี่ได้ยินหรือเปล่า แต่ผมคงไม่ได้มีโอกาสบอกแล้วล่ะ ถึงพี่จะเกลียดผมก็เถอะ ผมขอโทษนะที่เข้ามาทำให้
ชีวิตพี่วุ่นวายไปหมด ผมมันผิดเอง ต่อไปผมจะไม่มากวนพี่อีกแล้ว ลาก่อน ก่อนที่สติผมจะดับวูบไป
...........................
ลานจอดรถหน้าบ้านมีรถหรูคันหนึ่งมาจอด ก่อนที่เจ้าของรถจะลงจากรถแล้วเดินมาทักเลขาหน้าหล่อที่กำลังคุยกับลูุกน้องอยู่
"กรณ์หวัดดี เป็นไงว่ะ"
"สบายดี แล้วแกมาทำไม"
"ฉันมาหาต้น ไม่ได้เจอนานพอดีไปธุระให้คุณลุงมาเลยซื้อของมาฝากด้วย"
"อ่อ มีแผนนี่เอง คุณต้นอยู่ในบ้านนะไปสิ เดินไปด้วยกัน" 2ร่างสูงหล่อเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะเดินมาหาป้านิ่มที่จัดโต๊ะอยู่
"ป้านิ่มครับคุณต้นล่ะครับ" กรณ์ถามร่างท้วมที่จัดโต๊ะอยู่
"ป้าให้เอาขนมไปให้คุณธารที่สระค่ะ" ก่อนที่ทั้งหมดจะได้ยินเสียงใครคุยกันมาแว่วๆ
"อ้าว คุณธารแล้วคุณต้นล่ะคะ" เจ้าของชื่อขมวดคิ้ว
"เมื่อกี้มารุเขาบอกเข้ามาในบ้านแล้วนะครับ"
"ใช่ค่ะ ไปอู้ที่ไหนหรือเปล่าก็ไม่รู้" มารุพูด
"แต่ตั้งแต่เดินเข้ามาผมยังไม่เห็นเลยนะครับ" เทียนพูดขึ้น
"เดี๋ยวผมไปดูที่สระให้ดีกว่าครับ" กรณ์เอ่ยอาสา
"ผมไปด้วยครับ" เทียนกล่าว
"ฉันเดินไปด้วยแล้วกันหาหลายๆคนจะได้เจอไวๆ" เจ้าของบ้านกล่าวขึ้นก่อนจะเดินตามไปแต่ถูกหญิงสาวดึงแขนไว้เสียก่อน
"โอ๊ยไม่ต้องไปหรอกค่ะ ป่านนี้คงแช่น้ำสบายใจแล้ว"
"คุณหมายความว่าไงครับ" กรณ์ที่กำลังเดินหันมาถามหญิงสาว
"ก็เห็นอากาศร้อน มารุเลยให้เขาเล่นน้ำคลายร้อนนิดหน่อยค่ะ" กรณ์ตาโต
"คุณจะบ้าไปแล้วหรอ คุณต้นเขาว่ายน้ำไม่เป็น" จบคำของกรณ์ เทียนก็ตกใจรีบวิ่งไปยังสระน้ำทันที รวมถึงธารที่แทบจะผลัก
มารุแล้ววิ่งตามไปด้วยอีกคน แต่โดนดึงแขนไว้ไม่ปล่อย
"ถ้าคุณต้นเป็นอะไรไป คุณไม่ได้มายืนแบบนี้แน่ๆคุณมารุ" กรณ์พูดกับมารุก่อนวิ่งตามไปอีกคน
ถึงสระน้ำเทียนแทบคลั่งกับภาพที่เห็น ต้นนอนจมอยู่ที่สระว่ายน้ำ เทียนจึงรีบกระโดดลงไปทันที
เทียนดำลงไปประคองร่างของต้นขึ้นมาให้เหนือผิวน้ำแล้วว่ายเข้าฝั่ง เอาร่างของต้นขึ้นจากสระแล้วตนเองก็ขึ้นตามมา
"ต้นได้ยินพี่ไหม ฟื้นสิต้น" เทียนใช้มือตบเบาๆที่แก้ม ธารกับกรณ์ที่วิ่งตามมาทีหลัง รีบเข้าไปดูต้น ธารกำลังจะขาดใจกับภาพตรงหน้าร่างซีดเผือดของต้นแน่นิ่ง ธารค่อยๆเดินมาจับที่ขาของต้นแล้วเขย่าเบาๆ
"ต้น ฟื้นมาคุยกับพี่สิ พี่ยังไม่ได้บอกต้นเลยนะว่าพี่โกรธอะไร" ธารพึมเพาเบา เขารู้สึกเหมือนร่างกายอ่อนแรงไปหมด มันเกิดอะไรกับเขา
"ตื่นขึ้นมาสิ ที่ไม่ตื่นเพราะโกรธพี่ใช่ไหม พี่รู้แล้วตื่นขึ้นมาคุยกันก่อนนะ พี่สัญญาจะไม่ทำตัวใจร้ายอีก"
ธารรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบจนเจ็บ ขอบตาร้อนเหมือนน้ำตาจะไหล แต่เขาก็พยายามกลั้นเอาไว้ แล้วจ้องร่างของต้นส่งสายตา
อ้อนวอนเพื่อให้คนตรงหน้าฟื้นขึ้นมา
"ต้นครับ นี่พี่เทียนนะ ได้ยินไหมฟื้นสิ" ขณะที่ธารกำลังจะขาดใจ เทียนก็พยายามที่จะเรียกต้นกลับมา ด้วยการทำ cpr
"ต้น ฟื้นสิ "เทียนทำอยู่เป็นสิบครั้งก็ไม่มีทีท่าว่าร่างแน่นิ่งจะฟื้นเลย เทียนนั่งหอบ จนคิดวิธีสุดท้ายได้คือการผายปอด
ธารได้แต่นิ่งมองดูเทียนช่วยชีวิตต้น แต่ตัวเองแม้แต่ยอมรับใจตัวเองยังไม่กล้าพอเลย เทียนค่อยๆก้มลงไปจะผายปอดให้ต้น
หน้าขยับเข้าใกล้เรื่อยๆ ใกล้จนปากเกือบชนปาก
"แค่ก แค่ก " ร่างที่นอนแน่นิ่งสำลักน้ำขึ้นมา ทำให้ทุกคนได้สติ ธารที่กำลังจะเข้าไปกอด กลับโดนเทียนชิงตัดหน้าดึงต้นขึ้นมา
กอดไว้แนบอกแล้วลูบหลังไปมา
"ฟื้นแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ดีใจที่สุด" เทียนกอดต้นไว้แนบอก ก่อนคนในอ้อมกอดจะค่อยๆประคองสติขยับมาดูหน้าเจ้าของอ้อมกอด
"พะ พี่เทียน" ก่อนจะค่อยๆหันไปดูรอบๆแล้วมาหยุดตรงคนที่อยู่ปลายขา จนเผลอส่งสายตาตัดพ้อไปให้ ทำเอาธาร ช็อคกับ
สายตานั้น เพราะเขาไม่เคยได้รับสายตาแบบนั้นจากน้องเลย ต้นจ้องอยู่สักพักก่อนสติจะค่อยๆหายไปแล้วสลบลงในอ้อมแขน
ของเทียนอีกครั้ง
"ต้น ต้น กรณ์ตามหมอเร็ว" ธารสั่งกรณ์
"รีบพาคุณต้นเข้าบ้านเถอะครับ"กรณ์บอก เทียนจึงอุ้มต้นขึ้นมาแล้วเดินตามกรณ์ไปยังห้องนอน และจัดการให้ป้านิ่มเช็ดตัว
แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนปล่อยให้หมอดูอาการ
..........................
ต่อด้านล่างค่ะ
[/color]