Chapter 2เช้าของวันนี้อาจจะแปลกแยกไปจากทุกๆ วันหน่อย เพราะมันคือ
“วันอาทิตย์”
เป็นวันที่แม่ไม่ได้เปิดร้านขายอาหารทั้งเช้าและเย็นเลย 555 ซึ่งทำให้ไอ้เหมาคนนี้ได้พักผ่อนเต็มที่
แต่ก็มีเหตุที่ทำให้ไม่ได้นอนจนตื่นสายเช่นเคย เพราะว่า
วันนี้ทางมหาวิทยาลัยเขามีกิจกรรมต้อนรับเด็กใหม่อย่างพวกผมก่อนเปิดเทอม นั้นคือ
“กิจกรรม First Date หรือวันแรกพบ” นั้นเอง
ซึ่งผมเองก็ไม่รู้รายละเอียดหรอกนะครับ ว่ากิจกรรมมันมีอะไรบ้าง รู้แค่เขาแบ่งให้อยู่ตามแต่ละบ้าน
และผมก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองได้อยู่บ้านไหน และจะมีเพื่อนหรือคนรู้จักไหม จะมีใครอยากเป็นเพื่อนใหม่กับผมหรือเปล่า แฮ่ๆ
ส่วนทำไมไม่ถามเจ๊หลิน ง่ายๆ เลย คือ “ขี้เกียจถามครับ 555”
ถามอะไรนิดอะไรหน่อยก็จ้องแต่คอยจะด่าไอ้เหมาตาดำๆ อย่างเดียวเลย
พอผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ประมาณหกโมงครึ่งแล้ว
เลยเดินลงมาชั้นล่างของบ้าน ก็เจอป๊ากับแม่กำลังนั่งทานข้าวเช้าอยู่
ส่วนเจ๊หลิน ผมคิดว่าคงยังไม่ตื่นแน่ๆ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ ผมก็ไหว้ลาป๊ากับแม่ เพื่อออกเดินทางไปยังมหาลัยใจกลางเมือง
ด้วยรถประจำทางที่ต้องเดินไปรอที่ป้ายหน้าปากซอย
เช้าวันอาทิตย์บนรถประจำทาง ผู้โดยสารมีค่อยข้างน้อย ทำให้ไอ้เหมาได้นั่ง
ซึ่งโอกาสแบบนี้จะเจอได้เสมอ ถ้าผมนั่งรถโดยสารกลับบ้านค่ำๆ หรือเช้าวันหยุดแบบนี้ แต่ต้องแลกกับการรอรถที่นานหน่อย
นั่งกินลมชมวิวไปสักพัก รถประจำทางก็แล่นมาหยุดที่ป้ายรถหน้ามหาวิทยาลัยของผมแล้ว
“โอโห้!”
นั่นเป็นเสียงอุทานของผมเอง
เพราะว่า พอมองเข้าไปในเขตมหาวิทยาลัยก็เจอผู้คนมากมาย ไม่รู้ว่าใครเป็นรุ่นพี่หรือใครเป็นเด็กปี 1 อย่างผมบ้าง
เพราะในกิจกรรม First Date ทุกๆ คนล้วนแต่ใส่เสื้อสีเดียวกัน
พอมองๆ ไป ก็ทำให้บรรยากาศภาพรวมของงานดูมุ้งมิ้งมากๆ เลย 555
หลังจากที่ผมลงทะเบียนและได้รับป้ายชื่อเสร็จ แล้วก็ถูกเกณฑ์ให้รวมกลุ่มตามบ้านที่ตัวเองสังกัด ทำให้ตอนนี้ผมกำลังนั่งต่อแถวอยู่ในเต็นท์ขนาดใหญ่ ที่มีป้ายด้านหน้าเขียนว่า
“บ้านฟรี”
แต่จะฟรีอะไรยังไง ผมก็ยังสงสัยกับชื่อบ้านอยู่เหมือนกันครับ
ระหว่างรอให้เด็กปี 1 ที่กำลังทยอยลงทะเบียน และเริ่มแยกย้ายเข้าเต็นท์ตามบ้าน รุ่นพี่ที่ดูแลบ้านฟรีของผมก็กำลังชวนน้องๆ พูดคุยปราศัยอยู่ด้านหน้าครับ
ทั้งเล่ากิจกรรมของวันนี้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ มากมายในรั้วมหาวิทยาลัย จากการฟังการแนะนำตัวของพี่ๆ สตาฟแล้ว ทำให้พบว่า
“พวกพี่ๆ อยู่คนละคณะกัน”
ทำให้ผมเองก็แปลกใจในการทำงานร่วมกันของพี่เขา ซึ่งคงมีจิตอาสามาทำกิจกรรมจริงๆ
และอีกอย่างคือพวกเราปี 1 ไม่มีการแบ่งแยกคณะในการเข้าบ้านด้วย
ทำให้ตอนนี้ “บ้านฟรี” เต็มไปด้วยเพื่อนใหม่หลากหลายคณะเลย
จึงเป็นสาเหตุทำให้สายตาซุกซนของผม เริ่มทำการสาดส่องไปรอบๆ ว่ามีใครหน้าตาดี เอ้ย! คุ้นหน้าคุ้นตาผมบ้างหรือเปล่า แต่ก็...ไม่มีคนที่ผมรู้จักเลย 555
ผมจึงก้มหน้าก้มตาส่งข้อความทางไลน์หา “ไอ้ไทม์” ครับ
มันเป็นเพื่อนแก๊งค์เดียวกันกับผมอยู่ห้องเดียวกันตอน ม.ปลาย
แล้วก็บังเอิญมีผมกับมันในแก๊งค์ที่สอบติดได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยกัน
แต่ไอ้ไทม์มันเรียนคณะบัญชีฯ
ที่บ้านวางแผนให้มันได้เรียนสายนี้ แล้วไปต่อ ป.โท กับ ป.เอก ที่เมืองนอก
แล้วกลับมาบริหารงานบริษัทที่บ้านมันต่อ ชีวิตมันดูรุ่งโรจน์ดีครับ 555
—ไอ้ไทม์ มึงมาที่มอหรือยัง
—มึงอยู่บ้านอะไรว่ะ
—กูอยู่บ้านฟรีนะ ชื่อโคตรแปลก เลย 555
ประมาณสัก 1 นาทีต่อมา ข้อความที่ผมกดส่งไปก็ขึ้นว่า “อ่านแล้ว”
เห้ย! กูก็อยู่บ้านฟรีว่ะ—
กูเพิ่งลงทะเบียนเสร็จ เจอกันๆ—
หลังจากอ่านข้อความจบชีวิตของไอ้เหมาก็รู้สึกจะร่าเริงขึ้นมาทันที
เพราะอย่างน้อยก็มีเพื่อนให้ได้คุยระหว่างกิจกรรมทั้งวัน น้ำลายไอ้เหมาไม่บูดแล้ว 555
สักพักผมก็เห็นไอ้ไทม์ ผู้ชายผิวไม่ขาวไม่ดำมาก แต่มันสูง 180 กว่าๆ เดินทำหน้างงๆ ท่าทางตลกๆ เหมือนกำลังมองหาผมอยู่
ผมเลยยกมือขึ้นโบกทักทาย เพื่อให้มันเห็นว่าผมนั่งอยู่ตรงไหน
แต่ทันใดนั้น!!!
“อ้าาาา...เรามีรุ่นน้องปี 1 ผู้้อาสาของเราแล้ว ขอเชิญน้องที่ยกมือออกมาแนะนำตัวเลยค่ะ”
เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ! พี่เขากำลังพูดถึงอะไร ยังไง ผมงง...
แต่คำตอบทุกอย่างก็แจ่มชัด
เมื่อผมมองไปยังรอบๆ ตัว ก็พบกับสายตานับร้อยของทั้งเด็กปี 1 และรุ่นพี่จ้องมองมาที่ผม
คือ...ยังไงล่ะ ซวยแล้ว!
ระหว่างที่ทุกคนรอผมลุกขึ้นไปด้านหน้า ก็เป็นจังหวะที่ไอ้ไทม์กำลังจะนั่งลงข้างๆ ตัวผมพอดี
โดยระหว่างที่มันกำลังจะหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ ผม มันก็หัวเราะขึ้นมา แล้วแซวผมว่า
“แหม่ มึงก็...อยากเด่นอะไรขนาดนั้น”
ทำไงล่ะครับที่นี้ นอกจากเดินออกไปด้านหน้าท่ามกลางเพื่อนๆ ปี 1 ร่วมร้อยอย่างงงๆ
พร้อมทั้งเสียงกลองที่ตีขึ้นด้วยจังหวะสนุกสนานจากรุ่นพี่
“แนะนำตัวเลยจ้า คุณน้อง ชื่ออะไร จบจากโรงเรียนอะไร เป็นน้องใหม่คณะอะไรค่ะ”
“สวัสดีครับ…”
พอผมพูดจบก็หยุดหายใจเข้าหนึ่งเฮือก แล้วแนะนำตัวต่อ
“ผมชื่อ เหมา ครับ จบ ม.ปลาย จากโรงเรียน xxx”
“เป็นนักศึกษาใหม่ ปี 1 คณะทันตแพทยศาตร์ครับ”
“กรี๊ดดดดดด อยากฟันหมอ เอ้ย! อยากให้หมอฟัน เอ้ย! อยากให้หมอมาทำฟันให้”
นั่นคือปฏิกิริยาของพี่สตาฟประจำบ้านที่เป็นพิธีกรครับ -_- ที่มาพร้อมกับเสียงรัวของกลอง
“พี่รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยค่ะ ที่ได้สมาชิกบ้านฟรีของเรา เป็นเด็กทันตแพทย์”
“จัดว่าเป็น rare item เลยก็ว่าได้ เพราะแต่ละรุ่นมีประชากรแค่หยิบมือเอง”
พี่แกก็พูดเสริมต่อด้วยเสียงจริงจังที่ชวนให้ตลกซะมากกว่า
“และบ้านฟรีของเรานั่น ก็มีรุ่นพี่คณะของคุณน้องเป็นสตาฟประจำบ้านเราด้วยนะคะ”
“นู้นค่า ทางนู้นค่ะน้องๆ ด้านหลังของเรา หันไปสวัสดีทักทายพี่ๆ เขาหน่อยซิค่ะ”
แล้วทันใดนั้น สมาชิกบ้านฟรีร่วมร้อยชีวิตรวมทั้งผม ก็หันหน้าไปด้านหลังอย่างพร้อมเพียง
พร้อมกับยกมือไหว้ทักทายพี่ๆ เขาทั้งห้าคน ที่รับไหว้ด้วยสีหน้าเหวอๆ 555
เหตุก็คง เพราะได้รับการไหว้จากน้องๆ ร่วมร้อยชีวิตอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
จากนั้นผมก็ได้รับการปล่อยตัวให้กลับมานั่งที่เดิมข้างๆ ไอ้ไทม์นั่นแหล่ะครับ
มันก็แซวผมใหญ่เลยครับ ผมเลยได้แต่ด่ามันกลับ
จากนั้นกิจกรรมทั้งวันก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่...
…เต้น เต้น เต้น
เล่นเกมส์ เล่นเกมส์ เล่นเกมส์
เดิน เดิน เดิน
แล้วก็เต้นๆๆๆๆๆ… 555
แต่ก็สนุกทั้งวัน ได้รู้จักสถานที่ต่างๆ ในมหาวิทยาลัยอีกเยอะเลยครับ
ข้าวเที่ยงที่มหาลัยเลี้ยงก็อร่อยดี 555
แต่พอตกเย็นนี้ ไอ้เหมาหมดแรงเลยครับ ระหว่างกิจกรรมก็ไดทำความรู้จักเพื่อนใหม่ต่างคณะที่อยู่บ้านฟรีเหมือนกันบ้างประปราย
จนในที่สุดเมื่อกิจกรรมสิ้นสุดลง เด็กใหม่ปี 1 ก็แยกย้ายกันกลับบ้านกลับหอครับ
รวมทั้งผมและไอ้ไทม์ที่แยกย้ายกันกลับบ้านที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย
อีก 1 สัปดาห์ครับ กว่าที่มหาวิทยาลัยจะเปิดเทอม
ซึ่งตัวผมเองจะได้ใช้ชีวิตนักศึกษาอย่างเต็มรูปแบบทั้งการเรียนและการใช้ชีวิตครั้งแรก
สู้โว้ยยยยย ไอ้เหมา