รักเป็นโจ๊ก : Chapter 13 (14/07/2019)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักเป็นโจ๊ก : Chapter 13 (14/07/2019)  (อ่าน 2928 ครั้ง)

ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: รักเป็นโจ๊ก : Chapter 11 (11/05/2019)
«ตอบ #30 เมื่อ11-05-2019 13:17:59 »

Chapter 11


หลังจากวันนั้นที่เช้าสดใสของผมต้องแปรเปลี่ยนเป็น “สนามอารมณ์” ให้ป๊า แม่และเจ๊หลินบ่นด่าตามความเข้าใจผิดที่สร้างจาก “ไอ้เอี่ย” นั้น


อ๋อ...ผมรู้ชื่อมันแล้วครับ


แต่ไม่ได้เกิดจากการที่ผมเสน่หา นึกชื่อมันขึ้นมาได้เองนะ อย่าเข้าใจผมผิด ถึงแม้มันจะหน้าตาดีก็เหอะ! เพราะผมรู้มาจากป๊าที่เอ่ยถึงชื่อมันตอนบ่นผมนี้แหล่ะครับ


ไอ้นั้นมันชื่อ “ไอ้เอี่ยภูมิ”


แต่แล้วเรื่องราวของ “ไอ้เอี่ยภูมิ” ก็สลายไปตามกาลเวลา

เพราะผมก็ไม่ได้สนใจใส่ใจอะไรมันอยู่แล้ว และหลังจากเปิดเทอมมาได้หนึ่งสัปดาห์ กิจกรรมรับน้องต่างๆ และการเรียนก็เริ่มเข้มข้นขึ้นมาบ้างแล้ว

โดยเฉพาะไฮไลท์ของห้องเชียร์วันสุดท้าย ที่ผมได้มีพี่รหัสและได้รับของขวัญต้อนรับเข้าสายอย่างมากมายจากพี่ปี 2 ถึงปี 6 ซึ่งทำให้ “ไอ้เหมา” สนิทสนมกับพี่ปี 2 เพิ่มมากขึ้นไปโดยปริยาย

ซึ่งผมที่ภูมิใจนำเสนอพี่รหัสของผม นั่นคือ


“พี่นานา” !!!  :impress2:


คนอะไรไม่รู้ทั้งสวย น่ารัก ใจดี และชอบชวนผมไปเลี้ยงขนมที่ร้านน่ารักๆ รอบมหาวิทยาลัย เหมาะกับตำแหน่งดาวคณะของรุ่นพี่ปีสองจริงๆ เลย และนี้เป็นเรื่องราวที่ทำให้ไอ้ตาว ไอ้ข้าวและเพื่อนผู้ชายในรุ่นคนอื่นๆ อิจฉาผมเป็นแถว


แต่เรื่องราวที่เด็ดกว่านั้น คงหนีไม่พ้น การประกาศผลดาวและเดือนของรุ่นผมเอง 555

แค่นึกขึ้นมาก็กลั้นขำแทบไม่อยู่แล้วล่ะครับ

ด้วยความที่คณะของผมในแต่ละรุ่นมีประชากรน้อยกว่าคณะอื่น และคณะก็มีอยู่แค่สาขาเดียว เลยได้ตัวแทนจากการโหวตของเพื่อนๆ และรุ่นพี่ที่ดูแลกิจกรรม ซึ่งผลของการคัดเลือกดาวก็เป็นไปตามความคาดหมาย คือ

“มารี” ลูกครึ่งไทยเยอรมันได้ตำแหน่งนี้ไปครองอย่าง “ใสๆ”

แม้หน้าจะหน้าฝรั่ง แต่ทีเด็ดอยู่ที่การพูดภาษาไทยติดทองแดงที่ทำให้เธอมีเสน่ห์มากๆ เวลาพูด เพราะมารีเรียนและโตที่ไทย เรียนจบมัธยมจากจังหวัดภูเก็ต และความสามารถพิเศษคือ เล่นเปียโน ได้แบบเก่งเวอร์ๆ

แต่ส่วน “ไอ้ที่ขุ่นๆ” เนี่ยะ 555

ก็ผลการคัดเลือก “เดือนคณะ” นั้นแหล่ะ ไม่รู้มีการล็อคผลหรือนับคะแนนผิดหรือเปล่า เพราะไอ้คนที่ได้ตำแหน่งเดือนคณะ ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวผมเลย เพราะเดือนทันตะปีนี้ คือ


“ไอ้ข้าว” นะซิ!!!  :oni3:


และหลังจากเสียงประกาศตำแหน่งเดือนคณะในห้องเชียร์วันสุดท้ายจบลง หูของผมนี้ก็ชาและก้องไปด้วยเสียงประกาศชื่อของมัน เหมือนมีเสียง echo ลอยอยู่ในหู


“น้องข้าว ข้าว ข้าว ข้าว ...”


ผมล่ะงงจริงๆ แค่คิดว่า มีคนโหวตให้มันก็ขำแล้ว แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ผมแน่นอน


แต่นี้???

มีคนโหวตให้มันเยอะ...เยอะจนชนะ!! ได้เป็นเดือนของรุ่น ผมก็ช็อคเลยซิครับ  o22


แล้ววันนั้นหลังจากเสียงประกาศ มันที่นั่งเก้าอี้อยู่ข้างๆ ผมก็เก๊กหล่อเดินขึ้นเวทีไปรับช่อดอกไม้และสายสะพาย พร้อมกล่าวคำขอบคุณเล็กๆ น้อบๆ ที่สมควรจะได้รับมอบ “การถีบก้นงามๆ” จากผมหนึ่งที ในฐานความผิดที่พูดจาโม้โอ้อวด หลงตัวเอง


"ผมต้องขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ และเอฟซีทุกคนที่โหวตให้ผมนะครับ ผมจะพยายามใช้หน้าตาอันหล่อเหล่าที่มี"

"ทำชื่อเสียงให้คณะ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องต่อไปครับ”


และค่ำคืนนั้น ก็จบลงด้วยคำกล่าวชวนอ้วกของมัน พร้อมทั้งเสียงกรี๊ด เสียงโห่ เสียงขำหัวเราะมากมาย

จนทุกวันนี้ “ไอ้ข้าว” กลายเป็นคนดังในคณะไปแล้ว เดินไปไหนด้วยกันสามคนกับผมและไอ้ตาว มันจะได้รับการทักทายจากรุ่นพี่ตลอดเลยทางเลย ไม่เว้นแม้แต่พี่ปี 5-6 ที่เข้าร่วมงาน ทั้งพูดหยอกล้อ หรือขอสมัครเป็นเอฟซีมันบ้างก็มี

แต่ถ้าเรื่องราวมันจะมีแค่นั้นผมก็คงหมั่นไส้มันเฉยๆ แต่เหตุจากไอ้ข้าวเป็นเดือนคณะ เพื่อนของมันอย่างผมและไอ้ตาวก็ต้องมีภาระเพิ่มมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว คือ หน้าที่ “ดูแลเดือนคณะ”

ให้ตายเถอะ บ้าเอ้ย! เพราะมีวันหนึ่งไอ้ข้าวถูกพี่ๆ ปีสองเรียกพบประชุมเรื่องการเตรียมตัวประกวดาวเดือนของมหาวิทยาลัย แล้วมันก็ลากพวกผมสองคนให้ไปเป็นเพื่อนมัน แต่ระหว่างประชุมคุยงาน ผมและไอ้ตาวที่กำลังนั่งเล่นเกมมือถือรอมันอยู่ ก็ถูกพี่ปีสองเรียกให้มาฟังการอธิบายที่ชวนให้ตกใจ ในภาระหน้าที่นี้


“คนดูแลเดือน คือ ประมาณเป็นพี่เลี้ยงให้เดือนอ่ะน้อง แบบวันประกวดและวันซ้อม หยิบจับของดูแลอาหารการกิน และอาจจะต้องช่วยเดือนในการแสดงความสามารถพิเศษ"

"แต่ก็จะมีพวกพี่ปีสองเป็นคนประสานหลักๆ อยู่แล้ว แต่พี่แค่อยากให้เพื่อนของข้าวมาดูแลจะสะดวกและสนิทใจกว่าไง”


พอผมกับไอ้ตาวได้ฟังคำอธิบายจากปากพี่ๆ เขาแล้ว แทบจะลากไอ้ตัวดีมารุมกระทืบ เพราะหน้าที่ที่ได้รับผมกับไอ้ตาวไม่เคยมีความรู้หรือประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนเลย ลำพังถ้าให้ไปนั่งเป็นเพื่อนมันตอนซ้อมหรือดูแลให้มันมีชีวิตรอดถึงวันประกวดก็พอจะทำได้อยู่

ทางด้านไอ้ข้าวเอง มันก็มาอ้อนวอนให้ไปเป็นเพื่อนมัน ตอนซ้อมหรือทำกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยให้หน่อย ซึ่งผมและไอ้ตาวก็คงจะปฏิเสธอะไรไม่ได้ เพราะเพื่อนทั้งคน!

แต่ไอ้เรื่องการแสดงอะไรนั้น ผมกับไอ้ตาวคงต้องไปอธิบายให้พี่ๆ เขาเข้าใจอีกทีหนึ่ง ว่าพวกผมไม่มีสมรรถภาพ หรือความสามารถใดๆ เลยที่จะไปช่วยไอ้ข้าวเรียกคะแนนจากกรรมการได้ แต่ถ้าให้ช่วยยกของแบกหามนี้

“ผมเต็มที่! ว่ามาเลย” 555


//////////////


แม้จะเพิ่งเปิดเทอมมาได้ไม่กี่สัปดาห์ แต่การเรียนและกิจกรรมต่างๆ ในรั้วมหาลัยกลับทำให้ผมรู้สึกสนุกและเกิดสีสันต่างๆ ในชีวิต (ถ้าไม่นับการที่จะต้องไปดูแลไอ้ข้าว) การเรียนการทำงาน การจัดการบริหารเรื่องต่างๆ ที่เข้ามา รวมทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตของผม

ตอนนี้พวกผมกำลังจะเลิกเรียนคาบบ่าย ซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายของวันศุกร์แล้ว


“เห้ย ไอ้ตาว ไอ้ข้าว เลิกเรียนพวกมึงจะไปสนามบินเลยใช่ป่ะ”

“ใช่ว่ะ กูกับไอ้ข้าวจะนั่งแท็กซี่ไปสนามบินเลย ไฟลท์เวลาใกล้ๆ กัน อีกอย่างพวกกูก็กลัวตกเครื่อง”

“อ๋อ เดินทางปลอดภัยนะเว้ย อย่าลืมของฝากด้วย 555”


แล้วพวกผมก็เก็บข้าวของเดินออกมาจากห้องเรียนเลทเชอร์มายังบริเวณหน้ามหาลัย แล้วก็ส่งไอ้ข้าวและไอ้ตาวขึ้นแท็กซี่ไปสนามบิน ก็เพราะช่วงสุดสัปดาห์นี้ เสาร์-จันทร์ เป็นวันหยุดชดเชยทางราชการพอดี พวกมันเลยถือโอกาสกลับบ้าน

แต่สำหรับผม เมื่อบ้านอยู่ที่นี้ก็เลยไม่ได้ไปไหน แผนจะไปเที่ยวก็ไม่มี อย่างมากที่สุดคงนัดพวกไอ้ไทม์และเพื่อนสมัยมัธยมไปนั่งกินบุปเฟต์สักวัน ถือเป็นการคืนสู่เหย้า

และต้องทำหน้าที่ลูกกตัญญูให้เต็มที่อีกครั้ง ด้วยการช่วยแม่ขายโจ๊ก

แต่วันศุกร์ที่แสนสุขของผมวันนี้

ผมมีนัดกับพี่นานาอีกแล้ว แต่จะมีพี่แปลนสายรหัสปี 3 อีกคนด้วย เพราะพี่แปลนนัดเลี้ยงสายที่ร้านขนมและเครื่องดื่มแห่งหนึ่งใกล้ๆ มหาลัย ซึ่งเป็นร้านที่พี่นานายังไม่เคยพาผมไป 555

เป็นน้องรหัสสายนี้มันจะเสี่ยงต่อการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักหน่อยๆ ก็เพราะเหตุนี้แหล่ะครับ แต่คนอย่างไอ้เหมาก็เต็มใจ

หลังจากการเลี้ยงสายรหัสโดยพี่แปลนเสร็จแล้ว ผมก็ร่ำลาพี่นานาและพี่แปลนเพื่อที่จะกลับบ้าน แต่โชคชะตา ความบังเอิญ หรือพรหมลิขิตอย่างไรก็ไม่ทราบ

เพราะขณะนี้เหลือเพียงพี่นานาที่กำลังรอรถมารับ และผมที่ยืนรอเป็นเพื่อนพี่นานาอีกที ในฐานะรุ่นน้องที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งก็เป็นห่วงสวัสดิภาพของพี่รหัสที่สวยน่ารักเป็นธรรมดา

และถ้าส่งพี่นานาขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ก็คงจะเดินไปรอรถเมล์ที่ป้ายอย่างปกติที่เคยทำ

ระหว่างที่รอรถมารับ ผมกับพี่นานาก็คุยแลกเปลี่ยนชีวิตการเรียน และพูดคุยไร้สาระกันไปพลาง สักพักก็มีไลน์เข้ามือถือพี่นานา


“น้องชายพี่ไลน์มาบอกว่าติดไฟแดงตรงแยกด้านหน้าอยู่ ใกล้จะถึงแล้ว”

“จริงๆ พี่ว่าให้น้องชายพี่ขับรถไปส่งเหมาที่บ้านก็ได้นะ เพราะไอ้ภูมิน้องชายพี่ มันก็ว่างอยู่แล้วแหล่ะ”


ห่ะ!!! “ภูมิ”


น้องชายที่จะมารับพี่นานา เอ่อ...คงแค่คนชื่อซ้ำกันล่ะมั้ง ใครๆ ในโลกนี้ก็ชื่อภูมิกันได้ทั้งนั้น

แต่แล้วฝันในทุ่งลาเวนเดอร์ของไอ้เหมาก็สลายไปในพริบตา เพราะรถเก๋งคันสวยสีดำกำลังตีไฟเลี้ยวเข้ามาจอดริมฟุตบาท ซึ่งไม่รู้ว่าทำไม


“ผมสามารถจดจำลักษณะรถ และป้ายทะเบียนของมันได้ขึ้นใจ”


แม้ว่าใครๆ ในโลกนี้จะสามารถชื่อ “ภูมิ” ได้ทั้งนั้น แต่ไอ้คนที่ขับรถคันนี้ ก็ไม่ใช่ภูมิไหนทั้งนั้นที่กำลังโผล่ใบหน้าและยกยิ้มมุมปากผ่านกระจกรถข้างคนขับที่ถูกเลื่อนต่ำลง พร้อมเอ่ยเรียกพี่นานา


“ไอ้เชี่ยภูมิ” นั่นเอง


คุณเชื่อไหมครับว่าสุดท้ายแล้ว

ตอนนี้ผมนั่งอยู่เบาะหน้าคนขับของรถไอ้เอี่ยภูมิ “เป็นครั้งที่ 2” แล้ว และเป็นทั้งสองครั้งที่ผมไม่เต็มใจและไม่อยากจะมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของมันเลย แต่ครั้งนี้ต้องยอม เพราะลูกตื้อและติดเกรงใจพี่นานา

และ ไอ้เอี่ยภูมิ ยังกล่าวเสริมพี่นานาไปอีกด้วยว่า


“เห้ยนาย! ไม่ต้องเกรงใจเราหรอก รุ่นน้องพี่นานาก็เป็นเหมือนเพื่อนของเราคนหนึ่ง เรียนมอเดียวกันด้วย เราเต็มใจ!”


พร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจของมัน ส่วนผมก็ทำอะไรไม่ได้ ติดเกรงใจพี่นานา และก็โดนคาดโทษจากป๊า แม่ และเจ๊หลินอยู่

ฮือๆ ช่วงนี้ชีวิตของไอ้เหมาโดนพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกป่ะว่ะ สงสัยจะต้องเพิ่มตารางนัดเพื่อน นอกจากไปกินชาบูบุฟเฟตืแล้ว คงต้องนัดพวกผมพาผมไปทำบุญปล่อยนก ปล่อยปลาด้วย

ไอ้ไทม์! ช่วยกูด้วย T-T


ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: รักเป็นโจ๊ก : Chapter 12 (12/05/2019)
«ตอบ #31 เมื่อ12-05-2019 23:08:36 »

Chapter 12


ในที่สุด “ไอ้เชี่ยภูมิ” ก็วนเวียนกลับเข้ามาอยู่ในชีวิตของผมอีกครั้งจนได้…เฮ้ออออ

ตอนนี้รถของไอ้ภูมิมาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ใหญ่มากๆ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไร เพราะพี่นานาก็ perfect ขนาดนั้น สวย รวย เก่ง แต่หลังจากร่ำลาพี่นานาและเดินเข้าบ้านไปแล้ว บรรยากาศบนรถก็ชวนให้ผมอยากจะวิ่งลงไปอ้อนวอนขอค้างที่บ้านพี่นานา หรือไม่ก็ขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเองทันที ดีกว่าที่จะต้องนั่งรถร่วมกับไอ้ภูมิอีกครั้งหนึ่ง T-T


“มึงจะนั่งเงียบและเกร็งอีกนานไหม”

“ห่ะ หาาา อะไร? ใครนั่งเกร็ง มึงอย่ามาพูดมั่วๆ นะเว้ย”

“ถ้ามึงไม่เต็มใจหรือไม่อยากจะไปส่งกู กูเรียกแท็กซี่กลับเองได้ ไปก่อนนะเว้ย”


ด้วยความตั้งใจของผมที่มีแต่เริ่มแรก ทำให้มือรีบคว้าที่เปิดประตูรถ เพียงหวังจะลงจากรถไป แต่ก็ไม่ทันเสียงล็อคประตูรถที่ดังขึ้นก่อนหน้าเพียงเสี้ยววินาที พร้อมกับน้ำเสียงโมโหของไอ้ภูมิที่ดังขึ้น


“กูไม่อนุญาตให้มึงลง!”

“ถ้าไม่อยากมีปัญหา นั่งนิ่งๆ ของมึงไปเลย

“เดี๋ยวกูไปส่งที่บ้าน”


ผมเลยทำได้แค่ปล่อยมือจากประตูรถ แล้วนั่งนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งหน้ารถมันต่อไป จนในที่สุดรถก็แล่นมาถึงหน้าบ้านของผม แต่...


“วันนี้กูจะนอนบ้านมึง”

“ห่ะ” ผมรีบสะบัดหน้าหันไปถาม คอแทบเคล็ด

“กูบอกว่าจะนอนที่บ้านมึง คืนนี้!!”

“ลงไปเปิดประตูให้กูเอารถเข้าด้วย!”


ไอ้เอี่ย!!! ผมได้แต่อุทานในใจแล้วหันไปถามมันอย่างแทบจะกินหัวมันได้แล้ว


“มึงจะมาค้างบ้านกูทำไม?

“บ้านกะ ก่ะ กู...ไม่มีห้องนอนรับแขกให้มึงหรอกนะเว้ย

“บ้านกูก็เล็กด้วย”

“แล้วนี้...ก็ยังไม่ดึก กูว่ามึงกลับบ้านไปเถอะ เดี๋ยวที่บ้านมึงเขาจะเป็นห่วงเอาได้”


ผมพยายามพูดจาหว่านล้อม แต่พอเผลอสบตากับมัน ก็เจอเพียงสายตาดุๆ บ่งบอกว่า คำพูดของผมไม่มีผลต่อการตัดสินใจของมันสักนิดเลย และกำลังขัดใจมันอยู่ พร้อมส่งสัญญาณว่าใกล้จะโมโหเต็มทนแล้ว


“ไอ้เหมา!”

“ก่อนหน้านี้ กู-พูด-ว่า-อะ-ไร”

“เอ่อออ...กูลงไปเปิดประตูบ้านก็ได้”


และแล้วผมก็ต้องวิ่งลงจากรถอย่างจำยอม เพื่อไปเปิดประตูบ้านให้มันขับรถเข้าไปจอดข้างๆ กับรถของป๊า ถ้างั้นก็แสดงว่า ตอนนี้สมาชิกในครอบครัวของผม ต้องอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแน่ๆ


ชีวิตไอ้เหมา!!!
ว่าแต่ว่า...
มันจะมาค้างบ้านผมทำไมว่ะ ?

ไอ้เอี่ยภูมิ!


ตั้งแต่วันนี้ไป ชีวิตของกูจะวุ่นวายเพิ่มขึ้นอีกมากแค่ไหน หวังว่ามึงจะไม่ทำให้ชีวิตวันหยุดยาวของกูพังลงนะ

เมื่อมันดับรถพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่เงียบไป ผมจึงเดินไปเปิดประตูรถของมัน เพื่อหยิบกระเป๋าสะพายข้างออกมา

แล้วเดินนำหน้ามันเข้าบ้าน แต่หลังจากถอดรองเท้า แล้วกำลังจะเดินเข้าบ้านก็เจอกับป๊าที่กำลังเดินออกมาหน้าบ้านพอดี


“อ้าว เหมาลูก!”

“ป๊านึกว่าใคร ว่าแต่ป๊าได้ยินเสียงรถยนต์”

“รถใครที่ไหนเหรอ ป๊ากำลังจะเดินมาดูพอดี”

“เอ่อออ...คือ..คือว่า”

“อ้าววววว ภูมิ!”

“เสียงรถของเราเองเหรอ แล้วภูมิมากับเจ้าเหมาเหรอ?”


ป๊าทั้งถามทั้งชี้ไม้ชี้มือไปที่รถไอ้ภูมิบ้าง ชี้มาที่ผมและมันสลับกันบ้าง แล้วป๊าก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง..ที่ผิดไป


“อ๋ออออ คงมาส่งเจ้าเหมาเหมือนวันนั้น อาต้องขอบใจเรามากๆ เลยที่มีน้ำใจ มาๆ เข้ามานั่งพักในบ้านอาก่อนล่ะกัน”


ไปแล้วครับ ป๊าของผม T-T ที่หน้าบ้านตอนนี้คงเหลือแค่ผมที่ยังยืนเป็นหมาหัวเน่าเพียงลำพัง หลังจากที่ป๊าโอบไหล่พา

“ไอ้เอี่ยภูมิ” ลูกรักคนใหม่เข้าไปในบ้าน เฮ้อออออ

พอเดินเข้ามาในโซนห้องนั่งเล่นที่จะใช้รับแขกและห้องนั่งเล่นดูทีวีของคนในบ้าน ก็ต้องพบกับภาพสะเทือนใจ คือ ป๊าและแม่กำลังนั่งคุยกับไอ้ภูมิอย่างออกรสชาติ พร้อมกับเจ๊หลินที่กำลังเดินประคองแก้วน้ำ แล้วยื่นวางบนโต๊ะให้ไอ้ภูมิ ที่มารยาทงามไหว้ขอบคุณเจ๊ของผมไป

ทีแรกนึกว่าจะไม่มีใครสนใจผมแล้ว แต่เหมือนฟ้ามาโปรด แล้วโปรดถีบผมตกจากสวรรค์

เพราะเจ๊หลินทักทายผมให้ได้มีตัวตน แต่ถ้าจะทักแบบนี้ เรียกว่า “ด่า” น่าจะถูกต้องมากกว่า แต่ปล่อยให้ผมเดินผ่านอย่างเงียบๆ อาจจะดีกว่า T-T


“ไอ้เหมา มานี้เลยแก” พร้อมกับเดินมาลากแขนของผมเดินไปนั่งโซฟาข้างๆ ไอ้ภูมิ


พอก้นของผมแตะโซฟาเท่านั้น ก็ต้องเด้งตัวสะดุ้งขึ้นมา คล้ายกับนั่งบนพื้นร้อนๆ แต่ความเป็นจริง คือ สะดุ้งเสียงด่าที่มาจากเจ๊หลินต่างหาก


“ยังดีนะแก ที่รู้ซึ้งในน้ำใจของเพื่อนแกบ้าง เขาอุตส่าห์มาส่ง”

“แค่พาเขาเข้ามาดื่มน้ำดื่มท่าแค่นี้จะลำบากอะไร!”


///// (โปรดปรับการอ่านเป็นเสียงสองหรือขั้นกว่า)

“น้องภูมิ พี่ต้องขอโทษแทนไอ้เหมาด้วยนะ ที่ครั้งก่อนมันไม่มีมารยาท”

//// (และปรับมาเป็นเสียงธรรมชาติอันดุดัน)


“นี้! ไม่คิดจะแนะนำเพื่อนใหม่ให้ป๊า แม่และฉันได้รู้จักอย่างเป็นทางการเลยหรือไง ไอ้เหมา!”


นี้เจ๊หลินของผมแกเป็นไบโพลาร์หรือเปล่า ทำไมน้ำเสียงกับคำพูดที่คุยกับไอ้ภูมิและน้องชายสุดที่รักถึงต่างกันเพียงนี้
เหมือนเจ๊คุยกับ “โอปปาเกาหลีในฝัน” และ “ทาสในเรือนเบี้ย” นี้มันสองมาตรฐานชัดๆ

ผมเลยได้แต่หันไปมองป๊าและแม่คนละที แล้วหันกลับมามองไอ้ตัวปัญหาที่กำลังยิ้มแฉ่งอวดฟันขาวให้ทุกคนที่กำลังตกหลุมพรางหน้ากากคุณชายผู้แสนดีของมันอยู่


“เอ่ออ มัน เอ้ย! เขาเป็นเพื่อนใหม่ของเหมา ชื่อ ภูมิ”

“เจอกันตอนที่ป๊าพาไปทานข้าวกับเจ้านายของป๊า ที่เป็นลุงของมัน เอ้ย! ของภูมิ”

“แล้วก็...เราบังเอิญได้เจอกันบ่อยๆ ที่มหาลัย เพราะเรียนที่เดียวกัน แต่คนละคณะ เลยได้เจอกัน”

“แต่จริงๆ ทุกคนน่าจะรู้จักอยู่แล้วนะ ไม่น่าให้ผมแนะนำมันเลย”


ประโยคสุดท้ายผมแอบพูดกระซิบเบาๆ ให้ตัวเองได้ยิน และผมก็ได้อธิบายที่มาที่ไปของ “เพื่อนใหม่” ให้ทุกคนได้รู้จักอย่างทางการ เฮ้ออออ ขนาดเผลอเรียกว่า “มัน” ยังโดนสายตาดุจากแม่และเจ๊เลย

ต่อไปไอ้เหมาคงใช้ชีวิตลำบากแน่ๆ เพราะประเมินสถานการณ์แล้ว

ป๊ากับแม่คงต้องฝากให้มันดูแลผมเป็นแน่ แล้วมันคงจะใช้เหตุผลนี้ มาวนเวียนกวนประสาทผมบ่อยๆ แน่นอน เวรกรรม!


“จะว่าไป น้องภูมิไม่น่าจะเป็นเพื่อนไอ้เหมา น้องชายของพี่ได้เลยนะ ดูนิสัยไม่ค่อยเหมือนกันเลย”


โห้!! เจ๊หลินของผม ไอ้เอี่ยภูมิมันจ้างเท่าไรเนี้ยะ


“ไม่หรอกครับ พี่หลิน”

“ผมกับเหมาเรามีอะไรคล้ายๆ กันเยอะเลย อยู่กับเหมา ผมก็สนุกมีความสุขดี เหมาเป็นคนร่าเริงสนุกสนาน ยิ้มง่าย”

“ร่าเริง ยิ้มง่าย? หรือเป็นบ้ากันแน่น้องพี่อ่ะ ภูมิคิดดีๆ นะ”

“เจ๊หลินนนนนน T-T แม่ครับ”


ผมรีบอ้อนแม่ เพื่อช่วยเหลือผมจากการโดนเผา ก่อนที่จะไม่เหลืออะไรดีไปมากกว่านี้ แต่พอมองแว๊บผ่านไปทางไอ้ภูมิที่นั่งข้างๆ ผม มันกลับยกยิ้มคล้ายกลั้นหัวเราะอยู่

และพอนั่งคุยกันไปได้สักพัก ผมที่นั่งเป็นอากาศอยู่รอบๆ ก็ได้ข้อมูลอะไรมากมายเกี่ยวกับไอ้ภูมิ เช่น

มันมีพี่ชายหนึ่งคนตอนนี้เรียนจบแล้ว กำลังทำงานช่วยบริษัทครอบครัวอยู่ แล้วอนาคตไอ้ภูมิก็ต้องมาช่วยสานต่อเช่นกัน เพราะตอนนี้ประธานบริษัทคือ ปู่ของมัน

ส่วนพ่อของมันก็เป็นรองประธานเช่นเดียวกับลุงของมัน โห้ย! ไอ้คนรวย!

หรือเรื่องที่มันไปเรียนมัธยมที่เมืองนอก แล้วกลับมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ไทย หมั่นไส้คนเก่งอังกฤษโว้ย!

หรือจะเป็น “การนอนค้างที่บ้านของผมในคืนนี้” หาาาาาาาา! เดี๋ยวนะ หลังจากที่มันพูดออกมา โดยอ้างว่าตกลงกับผมไว้แล้ว

ผลลัพธ์ก็คือ ป๊ากับแม่ก็ยิ้มดีใจพร้อมต้อนรับขับสู้เต็มที่เลย รวมทั้งเจ๊หลินด้วย ว่าแต่ว่า จะให้มันนอนไหนล่ะ?

แต่เจ๊หลินสุดที่รักของผม ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยสักครั้ง รีบเฉลยข้อสงสัยของผมในทันที


“น้องภูมินอนห้องเดียวกับไอ้เหมาล่ะกันนะ บ้านนี้ไม่มีห้องรับแขกเลย อาจจะลำบากหน่อยนะ”


ซวยขั้นสุดยอดแล้วผม T-T


“ไม่เป็นไรเลยครับ แค่นี้ผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว ถ้ามีงานบ้านหรืออะไรให้ผมช่วย บอกได้นะครับ”

“ผมทำอาหารได้นะครับ ตอนอยู่เมืองนอกต้องทำกินเองตลอดเลย”


โม้ไปอี้กกกกก! ไอ้ภูมิ 555

ต้องมาประลองฝีมือกับกูหน่อยแล้ว เรื่องทำอาหาร แต่แล้ว...


“โอ๊ยยยยย น้องภูมิของเจ๊ จะ perfect อะไรขนาดนั้น ทั้งหล่อ รวย แล้วยังทำอาหารเก่งอีก”

“ไอ้เหมาดูแย่ไปเลย”

“เจ๊หลินนนนนนนน T-T”


อาการปลาบปลื้มไอ้ภูมิของเจ๊หลินเก็บไว้ไม่อยู่แล้วครับ แสดงออกมาซะเต็มที่ ป๊า แม่ และไอ้ภูมิยังอดขำกับท่าทางและคำพูดของเจ๊ไม่ไหวเลย แต่ติดอยู่เรื่องหนึ่ง คือ


“ทำไมต้องโยงมาด่าไอ้เหมาอีกแล้ว?”


ผมไม่เข้าใจ T-T



ป.ล.คนอ่านสามารถแสดงความคิดเห็น ร่วมติชมนิยายของคนเขียนได้นะ เพราะเป็นเรื่องแรกที่ลองแต่งนิยายให้ได้อ่านกัน จะได้นำไปปรับปรุงและพัฒนาต่อไปให้ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเป็นนักอ่านที่ดีในวงการนิยายวายมาร่วมจะ 7 ปีแล้ว หาทางออกไม่เจอเลย 555

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: รักเป็นโจ๊ก : Chapter 12 (12/05/2019)
«ตอบ #32 เมื่อ13-05-2019 23:50:31 »

น่าติดตามดีนะครับ,,,

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: รักเป็นโจ๊ก : Chapter 12 (12/05/2019)
«ตอบ #33 เมื่อ14-05-2019 01:26:51 »

 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:

 o13

ออฟไลน์ everlastingly

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: รักเป็นโจ๊ก : Chapter 13 (14/07/2019)
«ตอบ #34 เมื่อ14-07-2019 22:08:32 »

Chapter 13


ตอนนี้ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่บนห้องนอนคนเดียว หึๆ...ถ้าถามถึงไอ้ตัวดีตอนนี้ก็คงกำลังถูกป๊า แม่ชักประวัติอยู่ชั้นล่างที่ห้องรับแขกเหมือนเดิม

ซึ่งผมก็เลิกกังวลแล้วล่ะครับ ว่ามันจะมาแย่งป๊ากับแม่เป็นลูกรักแทนผม เพราะมานั่งคิดไปเรื่อยๆ ระหว่างเช็ดหัวตัวเองไปด้วยแล้ว ว่า


“ยังไง๊ยังไง มันก็มาบ้านผมแค่วันนี้ จะมาสู้ไอ้เหมา ลูกกตัญญูคนนี้ได้ไง”

“ก๊อกๆ”


นั้นไงเสียงเคาะประตู ผมจะเตรียมใจยังไงดี จะให้มันนอนตรงไหน เมื่อมองไปรอบๆ ห้องขนาดเล็กของผม จะมีแค่เตียงขนาดไม่กว้างมากตรงกลางห้อง และมีโต๊ะเก้าอี้ไว้ทำการบ้านที่มุมห้อง ตู้หนังสือและตู้เสื้อผ้าอยู่อีกมุมหนึ่ง


“เหมา! แม่เปิดประตูเข้าไปนะ”


เป็นเสียงของแม่ผมเอง พร้อมกับเดินนำหน้าไอ้ภูมิเข้ามา


“แม่พาภูมิมาส่ง”

“ตามสบายเลยนะภูมิ ขาดเหลืออะไรบอกเจ้าเหมาได้เลย ส่วนเสื้อผ้าให้เจ้าเหมาเอาตัวใหญ่ๆ มาให้เราเปลี่ยนก่อนล่ะกัน ลูกน้าตัวเล็กกว่าชาวบ้านเขาไปหน่อย”

แม่!!! แทนที่จะบ่นว่าไอ้ภูมิตัวสูงใหญ่กว่าชาวบ้านเขา แต่ดันมาบ่นผม ลูกชายที่สูงตามเกณฑ์มาตรฐานชายไทยอ่ะนะ  :sad4:


“แม่ไปแล้วนะ ดูแลเพื่อนดีๆ ล่ะ เหมา”


แม่เข้ามาฝากฝังมันไว้กับผม แล้วก็ปิดประตูห้องเดินออกไป

ทุกอย่างตอนนี้อยู่ในความเงียบไร้การเคลื่อนไหว เพราะผมกับไอ้ภูมิต่างกำลังจ้องหน้ากัน ไม่มีใครเริ่มพูดหรือขยับตัวใดๆ คล้ายสงครามประสาทที่ฝ่ายผมกำลังพยายามเพ่งกระแสจิตด่าไล่มันให้กลับไปนอนที่บ้านของมันเอง

และดูเหมือนจะเป็นมันที่ยอมแพ้ก่อน 555 ผมชนะแล้วคราวนี้ เพราะมันเริ่มขยับตัวและถอนหายใจหนักๆ ออกมาหนึ่งที

แต่...เหตุการณ์มันไม่ใช่อย่างที่คิดไว้ เพราะมันเริ่มขยับตัวด้วยการก้าวเดินตรงเข้ามาหาผม ที่กำลังนั่งถือผ้าเช็ดตัวอยู่ปลายเตียง พร้อมกับรอยยิ้มที่น่ากลัวของมันเหมือนที่เคยเห็นก่อนหน้านี้


“อะ อะ อะไร มึงจะเดินเข้ามาทำไม”


ผมรีบถามมันออกไปพร้อมกับลุกขึ้นไปยืนพิงเก้าอี้ที่มุมห้อง ก่อนที่มันจะเดินก้าวเข้ามาใกล้ตัวผมเองมากกว่านี้


“อะไรของมึง?”


คำพูดของมันเหมือนจะมีความสงสัย แต่สีหน้าที่แสดงออกมาคือ กำลังกวนเบื้องล่างของผมแน่นอน


“มึง มึงไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวกูเอาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าไปให้เปลี่ยนให้ห้องน้ำ”

“แล้วกูขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่า มึงมาขอนอนที่บ้านของกูเอง แล้วเตียงของกูก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดจะให้มึงมาเบียดด้วย”

“ฉะนั้น กูเอาเอาเบาะยาวมาปูให้มึงนอนที่พื้น มึงไม่มีสิทธิ์เลือกนะ...นะ กู..กู กูบอกไว้ก่อน”


บ้าเอ่ย! ทำไมเสียงตอนที่สั่งมันต้องสั่นด้วยว่ะ เสียฟอร์มหมดเลยกู

ผมจึงไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าที่คิดว่าขนาดใหญ่ที่สุด แล้วส่งให้มัน พร้อมกับไล่ให้มันเข้าไปอาบน้ำ หลังจากที่มันเดินเข้าไป สักพักก็ได้ยินเสียงน้ำไหลกระทบกับพื้น ผมจึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ทำไมมันถึงเหนื่อยเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากจัดการชีวิตที่มีไอ้เอี้ยภูมิเข้ามาวุ่นวาย

ดังนั้นแผนการช่วงวันหยุดนี้ ต้องเริ่มจากการสลัดมันให้ออกจากชีวิตของผมก่อน ด้วยการหยิบมือถือมาไลน์หาเพื่อนๆ ในแก๊งค์สมัยมัธยม เพื่อรวมตัวกันไปสังสรรค์ และหลีกหนีไอ้เอี้ยภูมิด้วย หมั่นไส้มันโว้ย!!!


—พวกมึง เสาร์นี้ว่างกันไหม
—ไปกินชาบูหรืออะไรก็ได้
—กูอยากกิน

ได้ๆ ทางกูและไอ้เล้งว่าง—


ข้อความของผมถูกอ่านและตอบกลับทันทีจากไอ้วิน ซึ่งไอ้วินและไอ้เล้งเรียนด้วยกันที่มหาลัยแห่งหนึ่งแถบชานเมืองหน่อยๆ พวกมันสองคนเรียนวิศวะ แล้วก็พักเป็นรูมเมทด้วยกัน

สักพักก็ได้รับการแจ้งเตือนไลน์มาอีก 4-5 ข้อความ


กูก็ว่าง—
ว่างเช่นกัน—
นัดเวลาสถานที่มาเลยเพื่อน—
แหม่! ไอ้เหมา—


ข้อความสุดท้ายถูกส่งมาจากไอ้ไทม์ ที่อ่านแล้วชวนให้คิ้วของผมต้องขมวดปมเข้ามาหากันอย่างสงสัย


ทางกระผมนึกว่า น้องเหมาจะลืมเพื่อนซะแล้ว—
กระผมเห็นนะว่า น้องเหมาของเรายืนหัวเราะกับผู้หญิงน่ารักๆ—
หน้าร้านขนมแถวมหาลัย—
หู้ววว—
จริงอ่ะ ไอ้ไทม์—
น้องเหมา พอเข้ามหาลัย ร้ายกาจนะครับ—


เอากับพวกมันซิครับ มากันครบทั้งแก๊งค์ เริ่มจากไอ้ไทม์ตัวจุดประเด็น ไอ้วิน ไอ้เล้ง ไอ้ณะ และไอ้เคน แก๊งค์ของผมก็มีกันอยู่ 6 คน ตามที่บอกไปก่อนครับว่า ไอ้วินและไอ้เล้งเรียนวิศวะที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ยังมีไอ้เคนอีกคน ที่เรียนรัฐศาสตร์ มหาลัยเดียวกับไอ้วินและไอ้เล้ง

ส่วนไอ้ณะเรียนแพทย์ครับ มหาวิทยาลัยก็ไม่ใกล้ไม่ไกล แค่ข้ามฝั่งแม่น้ำไปเรียน แต่ยังไงความเป็นเพื่อนก็ยังสำคัญ ที่ทำให้พวกเรานัดเจอพบปะกันได้เสมอ แต่มันจะพังเพราะไอ้ไทม์ตัวดีนี้แหล่ะครับ


—บ้าอะไรของมึง ไอ้ไทม์
—มึงใส่ร้ายกู

แหม่ น้องเหมา—
จะให้กูส่งรูปให้ดูไหม—
ส่งเลยๆ ไอ้ไทม์—
555—


และแล้วไอ้ไทม์ตัวดีก็ส่งรูปลงกลุ่มไลน์ พร้อมกับข้อความและสติกเกอร์มากมายจากไอ้เพื่อนตัวดีแต่ละคน


น่ารักเวอร์ คณะไหนๆ ไอ้เหมา—
ไอ้เหมา ไอ้ร้าย!—
สวยมาก—
เขาคิดผิดป่ะว่ะ ที่มาเป็นแฟนไอ้เหมา—
555—


ผมจะบ้าตายกับพวกมันแต่ละคน ซึ่งผู้หญิงที่พวกมันกำลังพูดถึงและชื่นชม รวมทั้งแอบหลอกด่าผม คือ “พี่นานา” พี่รหัสปีสองของผมเอง แล้วในรูปเป็นจังหวะที่กำลังคุย เรื่องตลกอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ เพราะสภาพใบหน้าของผมคือ "ยิ้ม" และหัวเราะไปทั้งหน้า

แต่ขณะที่กำลังคันนิ้วมือ จะพิมพ์ด่าพวกมันในไลน์ ก็มีเสียงทักขึ้นมาก่อน


“มึงทำอะไรอ่ะ”

“เห้ย!!”


เสียงทักนั้นทำให้ผมตกใจหมดเลย ทุกคนน่าจะเคยเป็นนะ เวลาเราตั้งใจหรือจดจ่อกับอะไรมากๆ ก็ไม่ได้สนใจสภาพแวดล้อมเท่าไรหรอก

แต่ก็ตกใจกับเสียงทักของมันได้ไม่นาน ก็ต้องตกใจซ้ำอีกครั้ง เมื่อผมมองไปตัวไอ้ภูมิ เพราะตอนนี้มันนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว และยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ตามตัว


ตอนนี้พวกคุณหวังอะไรกัน?

หวังให้ผมเคลิ้ม และทอดสายตาจดจ้องไปยังลำตัวที่มีซิคแพคเบาๆ พร้อมกับหยดน้ำเกาะตามตัวหรือ?

หรือหวังให้จ้องใบหน้าหล่อๆ ที่เส้นผมถูกเสยรวบไปด้านหลัง โชว์หน้าและสันกรามคมๆ ของมัน?


ม่ายยยยยยยย...เพราะผมกำลังจะด่ามัน


“ไอ้ภูมิ มึงมายืนโชว์อะไรแถวนี้ แล้วมาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมกูไม่รู้”

“เสื้อผ้ากู..กู ก็เอาให้แล้ว มึงก็ต้องเอาเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วยซิว่ะ นี้มันห้องนอนกูนะเว้ย!”

“อะไรกันมึง? แค่กูนุ่งผ้าขนหนูแค่นี้ก็มาด่ากูซะงั้น หรือมึงเขินหุ่นกูเหรอ”

“อยากลองจับไหมล่ะ”

“ไอ้เอี้ยภูมิ ใครจะไปอยากจับ ไอ้ทะลึ่ง! มึงไปใส่เสื้อผ้าเลยนะเว้ย”


แล้วมันก็เดินหันหลังโชว์กล้ามแผ่นหลังเข้าห้องน้ำไป? คือ ไอ้เหมาจะบ้าตาย คำพูดของมันดูทะลึ่งตึงตังมาก และไหนจะสายตาเจ้าเล่ห์ของมันอีก เบื่อโว้ยยยยย

แต่ดูเหมือนผมเกือบจะลืมสิ่งที่ถืออยู่ในมือไปแล้ว ถ้าไม่มีแจ้งเตือนข้อความขึ้นมาบนหน้าจอแบบรัวๆ

ผมเองก็ขี้เกียจพิมพ์อธิบายอะไรไปยาวเหยียด เอาแค่สั้นๆ พอ


—พวกมึงหยุดคิดไปไกลเลย
—ไม่มีอะไรทั้งนั้น เอาไว้พรุ่งนี้กูจะอธิบายให้ฟังทีเดียว
—งั้น พรุ่งนี้บ่ายโมงเจอกันที่หน้าสถานีรถไฟฟ้า xxx ล่ะกัน
—วันนี้เหนื่อย จะนอนแล้ว
—ห้ามมีใครมาสายนะเว้ย ไม่งั้นเจอดีแน่!!!


สักพักนั่งวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างเตียง แล้วไอ้ภูมิก็เดินออกมาพร้อมกับใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย


“นั้น ข้างๆ คือ ที่นอนของมึง มีหมอนและผ่าห่มให้ แล้วก็ไม่ต้องบ่นด้วย ห้องกูมันก็แคบเท่านี้แหล่ะ”

“และกูก็ไม่ให้มึงขึ้นมานอนเบียดกูด้วย” ผมรีบพูดออกไป เมื่อเห็นมันกำลังจะอ้าปากพูด

“อ๋อ กูจะนอนแล้ว มึงจะทำอะไรก็เชิญตามสบาย แต่อย่าลืมปิดไฟด้วย”


ผมจึงหันหลังให้มันแล้วพยายามข่มตานอน เพราะพรุ่งนี้ยังจะต้องตื่นเช้าไปช่วยแม่เปิดร้าน นี้แหล่ะครับหน้าที่ของลูกกตัญญูดีเด่น ให้มันรู้ซะบางอย่างไอ้คุณชายภูมิ มันคงนอนตื่นสายแน่ๆ ในวันหยุดแบบนี้

5555 ตำแหน่งลูกรักของป๊าและแม่ รวมทั้งตำแหน่งน้องรักของเจ๊หลินต้องกลับมาเป็นของ “ไอ้เหมา” ผู้นี้ให้จงได้





>>> พูดคุย

*** คนเขียนต้องขออภัยคนอ่านทุกๆ ท่าน ที่หายไปนานร่วมสองเดือน สำหรับการลงนิยายตอนที่ 13 นี้ เพราะคนเขียนเรียนหนักและยุ่งมาก ตอนนี้ก็เรียนปีสุดท้ายแล้ว แต่พยายามหาเวลาว่างเท่าที่มีมาลงให้ทุกคนได้อ่านกันต่อแล้วนะ

** ขอกำลังใจด้วย comment จากคนอ่านทุกๆ คนหน่อยนะ ถ้ามีสัก 2-3 ข้อความ เดี๋ยวช่วงกลางคืนของวันพรุ่งนี้จะรีบมาลงตอนที่ 14 ให้ได้อ่านกันต่อไป

* คนเขียนอยากอ่านคำแนะนำ คำติชม เพื่อนำไปพัฒนาผลงานต่อไป ขอบคุณนะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: รักเป็นโจ๊ก : Chapter 13 (14/07/2019)
«ตอบ #35 เมื่อ15-07-2019 00:09:09 »

มาแล้วๆๆ. ใครจะตื่นก่อนกันนะ,,,

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด