สถานีพิเศษ : สถานีอยุธยา
ตุ้บ!
โอ๊ยย ไอ้บ้า! เจ็บ!
ผมลูบหน้าที่โดนโทรศัพท์ร่วงมาใส่ เจ็บจนน้ำตาซึมเลยเพราะไอ้ข้อความล่าสุดในไลน์ที่ส่งมาจากมนุษย์(เคย)แปลกหน้าจอมวอแวนั่นแหละ
‘จุ๊บเหม่งน้องต่ายยยย จุ๊บ ๆ ’
พออ่านข้อความที่พี่อินน์มันส่งมาจบปุ๊บนี่มือไม้อ่อนไม่มีแรงทันที แต่รู้ตัวอีกทีก็ดันเผลอเอาหน้าซุกหมอนกลิ้งไปมาแล้ว
ให้ตาย ทำไมต้องหูร้อนด้วย อ๊ากก!!!
สติ๊กเกอร์กระต่ายจุ๊บนี่มันอะไรเนี่ย! โว้ยยย ไม่น่าส่งสติ๊กเกอร์กู้ดไนท์ไปให้เลย พี่แกนี่ก็ขยันหาเรื่องมาแซวกวนประสาทผมได้ทุกวัน
เผลอแป๊บ ๆ ก็เกือบเดือนนึงแล้ว นับจากวันที่ผมไปงานหนังสือมา ดันมีเจ้ากรรมนายเวร...ที่ เอ่อ ก็หน้าตาดีในระดับนึงนั่นแหละ เขาดันแอบมาฟอลไอจีผม!
ไม่พอยังทักมาชวนคุยไปเรื่อย ขยันหาเรื่องมาวอแวอยู่ได้ทุกวัน หลัง ๆ ตั้งแต่ได้ไลน์ผมไปนี่พี่แกเล่นคอลไลน์มาหาอีก
จะว่าน่ารำคาญมันก็ไม่เชิง...มั้งนะ
มันก็ดีแหละที่มีเพื่อนมาคุยด้วย ยิ่งช่วงนี้ปิดเทอมผมก็ไม่ได้คุยกับเพื่อนฝูงอะไรเท่าไร ส่วนใหญ่หลายคนก็มีเรียนพิเศษยุ่ง ๆ กัน ต่างจากผมที่เลือกจะอยู่บ้าน อ่านหนังสือนิยายบ้าง หรือไม่ก็อ่านหนังสือเรียนบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ
แต่มันก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่เขาส่งข้อความมาผมจะเผลอยิ้มขำไปด้วยทุกที นึกภาพผู้ชายอย่างเท่ส่งข้อความตะมุตะมิงุ้งงิ้งปัญญาอ่อ--
เอ่อ เอาเป็นว่ามันขัดกับลุคพี่แกมากจริง ๆ นะ ใครจะไปคิดว่าตัวจริงอย่างเท่เหมือนเดือนมหาลัย
แต่พอมาในแช็ตนี่ดันเหมือนเด็กประถม ฮ่า ๆ
แปลก ๆ ตรงพี่แกขยันหยอดได้หยอดดี หยอดถี่ หยอดได้ทุกวัน
ถึงบางวันจะมาโหมดจริงจังยอมแนะนำพวกเทคนิคเตรียมตัวสอบอะไรแบบนี้บ้างก็เหอะ แต่ก็ถือว่าน้อยถ้าเทียบกับที่คุยเรื่องไร้สาระต่าง ๆ นานา
ตั้งแต่วันนั้นที่เจอพี่อินน์ผมก็รู้สึกดีนิด ๆ ที่เขามาช่วยอะไรหลาย ๆ อย่างนั่นแหละ แต่พอได้เริ่มคุยมันก็อดคิดเข้าข้างตัวเองแปลก ๆ ไม่ได้ รู้สึกว่ามันชักจะเกินเส้นแบ่งของพี่น้องขึ้นไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยคุยกับใครแบบนี้มาก่อนเลยก็เถอะ
มันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าที่เขาทำแบบนี้เพราะอะไร...
ผมยังจำเมนต์แรกที่เขาพิมพ์ตอบมาในไอจีได้จนถึงตอนนี้เลย
‘ถ้าพี่เป็นเมะแล้วเราจะยอมมาเป็นเคะของพี่มั้ยล่ะ’
สารภาพตรง ๆ ว่าตอนนั้นพออ่านจบผมก็ตกใจอยู่เหมือนกันนะ เขาแกล้งแหย่เล่นหรือเปล่า
ทำไมพี่ถึงพิมพ์แบบนี้ ไม่ดีต่อใจผมเลยนะเว้ย!!
แต่ผมก็ไม่กล้าถามออกมาตรง ๆ ทุก ๆ ครั้งที่เขาพิมพ์ข้อความหยอด ๆ ส่งมา ใจผมมันก็แกว่ง ๆ บ้างแหละ เอ่อ แค่นิดเดียว...ใจแกว่งนิดเดียว ได้แต่พยายามฮึบไว้ไม่ให้หัวใจมันเต้นเร็วมากนัก
ยิ่งเหมือนจะอดทนไว้มากเท่าไร เหมือนยิ่งจะมีความรู้สึกแปลก ๆ ก่อตัวมามากขึ้นเท่านั้น
กลัวก็แต่จะติดเขาจนเผลอถลำตัวถลำใจเข้าไปเยอะจนหนีออกมาไม่ได้นี่แหละ
เฮ้อ มีนิยายวายเรื่องไหนที่มีพล็อตประมาณนี้มั้ยนะ ผมจะได้อ่านเอาไว้ศึกษาบ้าง
ตกลงพี่บ้านั่น...คิดยังไงกับผมกันแน่นะ
ผมตื่นเช้าตามปกติด้วยความเคยชิน สิ่งแรกที่ทำคือควานหาโทรศัพท์ข้างตัวเข้ามาเลื่อนดูนั่นนี่เล่น ไล่เช๊คทวิตและเปิดดูข้อความค้างจากเพื่อน...และพี่อินน์ เมื่อคืนผมรีบกดออกตั้งแต่เห็นจุ๊บ ๆ แล้ว!
IN.me : ‘......อ้าว’
IN.me : ‘เขินจนหนีเลยหรอครับ กิ๊ว ๆ’
IN.me : ‘ป.ล. พรุ่งนี้อย่าเพิ่งหนีไปไหนนะครับ : P’
เนี่ย ชอบพิมพ์แบบนี้อีกละ.... คือกะจะทำให้ผมหัวใจจะวายแต่เช้าเลยว่างั้น
ติดใจก็ตรง ป.ล. พี่แกนี่แหละ หมายความว่ายังไง?
เลื่อนดูข้อความต่อมาที่เพิ่งส่งมาเมื่อสามสิบนาทีก่อน
IN.me : ‘สะใภ้คร้าบบบ เอ๊ย เซอร์ไพรส์!!! ตื่นแล้วทักพี่มาหน่อยน้า อิอิ’
แทบกุมขมับ... สาบานมั้ยพี่ว่าไม่ได้ตั้งใจ?
Book’worm : ตื่นแล้ว พี่มีปัญหาอะไรแต่เช้าเนี่ย
IN.me : รอพี่เขาจอดรถแป๊บนะจ๊ะ
Book’worm : ..... (สติ๊กเกอร์แมวงง)
IN.me : มาแล้วจ้า คืองี้.... เอาแบบสั้นหรือแบบยาวอะ
Book’worm : ขอสรุป ๆ ผมเพิ่งตื่น ขี้เกียจประมวลผลอะ
IN.me : พี่กำลังจะขับรถไปยุดยาจ้า
Book’worm : .....ฮะ!!!! มาทำไมเนี่ย
IN.me : หึหึ เรื่องมันยาวอะ ขี้เกียจพิมพ์ คอลไปนะครับ รับด้วยเด้อออออ
Book’worm : เดี๋ยวสิ!
ตื้ด ๆ
ไม่ทันขาดคำพี่อินน์ก็คอลมาหาผมทันที
[พี่กำลังขับรถไปยุดยาจ้า เซอร์ไพรส์พอมั้ยล่ะ หึหึ]
“มาเที่ยวหรอครับ แล้วบอกผมทำไมอะ เกี่ยวไรด้วยเนี่ย”
[อ้าว คุณไกด์ครับ ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดหน่อยได้มั้ยครับเนี่ย เที่ยวไทยเท่อะ เคยได้ยินโฆษณามั้ย มาเป็นไกด์ให้พี่หน่อยน้า นะ ๆ น้องบุ๊คครับ พี่ทำตาปิ๊ง ๆ อยู่นะ]
“เอ่อ... วันนี้ผมคงไม่สะดวกเท่าไร จู่ ๆ พี่ก็มาไม่บอกอะ”
จริง ๆ ว่างทั้งวันแหละ แต่ให้ตายสิ แบบนี้ผมรับไม่ทันมั้ยล่ะ ไม่ให้ตั้งตัวเลยอะ!!
[ทำไมใจร้ายเนี่ย เมื่อคืนใครบอกว่าว่างน้า พี่มีหลักฐาน แคปไว้ด้วยนะ]
“นั่นมันเมื่อคืนไงครับ”
[จริง ๆ แล้ว...แม่พี่มาด้วยแหละ จู่ ๆ คุณนายเขาก็นึกอยากไหว้พระ 9 วัดที่อยุธยาขึ้นมาน่ะสิ พอดีวันนี้พี่ไม่มีเรียนด้วย อาจารย์งดคลาส เลยอาสาขับรถมาให้เนี่ย]
“เอ่อ...” หมายความว่า...แม่พี่อินน์มาด้วย ยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่มั้ยล่ะ! ฮือ
[นะ ๆ แม่พี่ใจดี๊ใจดี มาให้แม่พี่เห็นหน้าด้วยไงจะได้ฝากเนื้อฝากตัวไว้แต่เนิ่น ๆ ไงจ๊ะ โอ๊ย! แม่ตีผมทำไมอ่า
เจ็บน้า]
“...”
[สวัสดีจ้ะหนูบุ๊ค แม่พี่อินน์เองนะ หนูไม่ต้องไปสนใจพี่เขาก็ได้ แม่อยากมาไหว้พระจริง ๆ ถ้าหนูสะดวกแม่ก็อยากจะขอรบกวนให้มาช่วยแนะนำหน่อยน่ะจ้ะ ถือว่าแม่ขอร้องนะ]
“เอ่อ..."
[นะจ๊ะ คงไม่รบกวนหนูนานเท่าไรนะ แม่กับอินน์ไม่เคยมาอยุธยามาก่อนด้วย ถ้าหนูบุ๊คมาด้วยคงจะช่วยได้เยอะเลยจ้ะ]
"ก็ได้ครับ”
[แล้วเจอกันจ้ะ ตอนนี้กำลังออกจากกรุงเทพมาสักพักแล้วจ้ะ เดี๋ยวคุยกับอินน์ต่อนะ...]
คิดถูกมั้ยเนี่ย... แต่ผมไม่ชอบปฏิเสธผู้ใหญ่ซะด้วย
[เย่ ต้องแบบนี้สิ ตอนนี้ออกมาเกือบถึงปทุมละ เดี๋ยวพี่ไปรับเราที่บ้านนะ]
“หืม ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ถึงแล้วบอกก็ได้ ให้ไปเจอกันที่ไหนก่อน”
[ไม่ได้สิ เดี๋ยวคุณนายเขาตีพี่ง่า แชร์โลฯมาให้พี่หน่อยนะ อ้อ ไม่เอารูปโลมานะ!]
“ครับ ๆ ถ้าจะมัดมือชกกันขนาดนี้ เดีี๋ยวผมส่งให้ งั้นแค่นี้นะครับ”
[แล้วเจอกันครับ หึหึ]
พี่อินน์วางสายไป...ปล่อยให้ผมนั่งสตั๊นอยู่สักพัก สรุปว่าเขากำลังมาที่นี่...
อ๊ากกกก ไอ้พี่อินน์ไม่ให้ผมได้ตั้งตัวสักนิด พี่มึงนึกจะมาก็มาแบบนี้ได้ไงฮะ!
พอตั้งสติได้ผมก็รีบเตรียมชุดคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าไปอาบน้ำแปรงฟัน ออกจากห้องนอนมาก็หากับข้าวกินรองท้องทันที กว่าจะถึงอยุธยาก็คงจะใช้เวลาขับรถอีกประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ถ้าเขาไม่ได้เหยียบซิ่งมากนะ
เสร็จแล้วผมก็เปิดคอมเตรียมแพลนลิสต์รายชื่อสถานที่น่าสนใจเตรียมตัวเป็นไกด์แนะนำให้แม่พี่อินน์ จดไฮไลท์ ดูเส้นทางให้ไปง่ายที่สุด อ้อ แล้วก็หาร้านอาหารแนะนำไว้ด้วย ปกตินักท่องเที่ยวจะชอบกินก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาหรือไม่ก็หาร้านอาหารกินกุ้งเผา จริงๆผมก็มีร้านประจำที่ชอบไปอยู่แต่ไม่รู้ว่าเขาจะชอบมั้ย ว่าแล้วก็อยากกินกุ้งเผาบ้างอะ ฮือ
เอาเป็นว่าตอนนี้ข้อมูลพร้อมแล้ว บอกเลยว่าแน่นเหมือนตอนลิสต์นิยายวายนั่นแหละ!
อย่างน้อยจะได้ไม่เสียชื่อว่าเป็นคนอยุธยาไง ขืนตอบไม่ได้นี่แย่เลยเด้อ
จะว่าไปขนาดเป็นคนอยุธยาแท้ ๆ ผมก็ยังไม่เคยไปไหว้พระ 9 วัดในวันเดียวเลยนะเนี่ย พอหาข้อมูลก็เหมือนจะสนุกไปโดยที่ไม่รู้ตัว บางวัดนี่ไปเป็นประจำตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยหอยสังข์ บางวัดก็ไม่เคยไปเลยด้วยซ้ำได้แต่ผ่าน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ได้โอกาสไปเที่ยวด้วย
...เอ่อ ถึงจะร้อนนรกแตกไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าพอรับไหว แค่อุณหภูมิแค่สามสิบกว่า ๆ ก่อนอื่นต้องเตรียมพกร่มกับหมวกด้วยสินะ
อ้อ โบกครีมกันแดดด้วย โบก ๆ อย่าดูถูกรังสียูวีที่นี่เด็ดขาด
เมื่อก่อนนี่ก็เคยอยากลองมาปั่นจักรยานเที่ยวถ่ายรูปเล่น เนียน ๆ เป็นนักท่องเที่ยวบ้างอะไรบ้าง
แต่พอเห็นแดดประเทศอยุธยาทีไร ใจมันก็พลอยจะฝ่อทุกที นอนตากแอร์อยู่บ้านดีกว่า ฮือ
ตากแดดนาน ๆ นี่ไข้ขึ้นได้เลยนะ อย่าดูถูก!
ติ๊ง
IN.me : ถึงอยุธยาแล้วน้า ><
ผมเลื่อนดูข้อความที่เพิ่งส่งมาจากพี่อินน์ ให้ตายเถอะ อยู่ ๆ ก็ตื่นเต้นตัวเย็นขึ้นมาเลย
พ่อฮะ แม่ฮะ บุ๊คไม่ได้จะหนีตามผู้ชายไปไหนนะ!
ฮือ วันนี้พ่อกับแม่ผมออกไปทำงานข้างนอกที่บ้านเลยไม่มีคนอยู่ด้วย หวังว่าผมคงจะไม่โดนหลอกไปขายใช่มั้ยเนี่ยยยยย!
ปี๊น ๆ
IN.me : อยู่หน้าบ้านเราแล้วครับ ^^
ผมแง้มม่านหน้าตาชะโงกหน้าแอบดูรถสีดำคันหรูที่จอดอยู่หน้าบ้าน ไม่นานนักคนขับก็เปิดประตูลงจากรถมายืนโบกไม้โบกมือเข้ามา
ร่างสูงคุ้นตามาในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำ สวมเสื้อคลุมแขนสั้นสีดำ ยิ่งดูเท่เหมือนพวกนักท่องเที่ยวเกาหลี เขาค่อย ๆ ถอดแว่นกันแดดออกพร้อมกับส่งยิ้มเข้ามาจนผมตาพร่า
...พี่อินน์ ตัวจริงเสียงจริง
มือสั่นทำไมเนี่ย ประหม่าสุด ๆ ไปเลย ฮือ
ถึงจะเคยเจอกันเมื่อตอนที่ไปงานหนังสือก็เถอะ แต่ก็แค่ครั้งเดียว... ไม่นับที่เราแช็ตกันทุกวัน
มันก็เหมือนกับยังไม่คุ้นเคยกันเท่าไรอยู่ดี
ฮึบ เอาวะ ไหน ๆ ผมก็รับปากแม่เขาไว้แล้วด้วยว่าจะเป็นไกด์ให้ คงไม่แย่หรอกมั้ง อย่างน้อยแม่พี่อินน์ก็อยู่ด้วย เขาคงไม่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้ามาแกล้งผมหรอก
ผมสูดหายใจฮึบเรียกความกล้า ก่อนจะคว้ากระเป๋าและล็อกประตูบ้านเดินออกมาหาพี่อินน์ที่ยืนยิ้มแป้นอยู่
“เซอร์ไพรส์จ้า”
มีการทำไม้ทำมืออีก เชื่อแล้วว่าเซอร์ไพรส์จริง ๆ ไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัวเลยนะ
“เอ่อ... หวัดดีครับ” ผมเผลอยกมือขึ้นไหว้เขา
... พี่อินน์ชะงักไปนิด ๆ แต่ก็ยังยิ้มขำ ๆ ให้ตาย ผมทำอะไรไม่ถูกนี่นา!
“คิดถึงจังเลยยย น่ารักขึ้นปะเนี่ยเรา"
"...." ผมไม่รู้จะตอบยังไงเลยเลิกลั่กมองไปที่อื่น ทำเป็นสำรวจข้าวของในกระเป๋า
"ฮ่า ๆ ไม่เขินน้าตัวเล็ก ขึ้นรถดีกว่า ไปครับ เรากินข้าวเช้าแล้วใช่มั้ย” เขาว่าพลางคว้าข้อมือผมเดินนำมาที่รถ เปิดประตูหน้าด้านข้างคนขับให้
“เอ่อ.. แล้วแม่พี่ล่ะครับ”
“รายนั้นเขาอยากนั่งเบาะหลังสบาย ๆ มากกว่าน่ะ อีกอย่างเราเป็นไกด์ด้วยไง ต้องคอยช่วยบอกทางให้พี่สิ”
ผมพยักหน้าตอบนิด ๆ แล้วรีบมุดตัวเข้าไปนั่งที่เบาะตามที่เขาบอกทันที ไม่ลืมหันไปยกมือไหว้คุณแม่พี่อินน์ที่นั่งอยู่เบาะด้านหลัง
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะหนูบุ๊ค ตาอินน์เขาเล่าเรื่องเราให้แม่ฟังเยอะเลย ถ้ายังไงวันนี้ขอรบกวนเราหน่อยนะจ้ะ”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ เอ่อ...อากาศค่อนข้างร้อนนะครับ ไม่ทราบว่าคุณป้าได้พกร่มมาด้วยมั้ยครับ
ถ้าไม่มีผมจะได้หยิบจากในบ้านมาให้”
“โอ๊ย เรียกแม่ก็ได้จ้ะ เราคนกันเอง แม่เตรียมมาพร้อมเรียบร้อยหายห่วง ยาดงยาดมแม่มีพร้อม”
“เรียบร้อยแล้วเนอะ งั้นเราไปกันเลยมั้ยครับ” พี่อินน์เตรียมสตาร์ทรถแล้วหันมาถาม “ที่แรกไปที่ไหนดีครับไกด์”
“ออกไปตามถนนเส้นนี้ก่อนครับ อ้อ..พี่อินน์อย่าลืมคาดเบลท์ด้วยสิ!”
“ครับ ๆ คาดแล้วครับคุณ ดุพี่ง่า”
“ตาอินน์นี่ก็อย่าแซวน้องสิ น้องเขาอุตส่าห์เป็นห่วง”
“อ้าว เหมือนผมโดนรุมเลยอะ”
“พอเลยพี่อินน์ ตั้งใจขับรถไปเลย เดี๋ยวแยกหน้าเลี้ยวขวานะครับ เราจะไปที่วัดพนัญเชิงกันก่อน”
“ได้เลยจ้า รับทราบครับกัปตัน” เขาว่าแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี มีการฮัมเพลงเบา ๆ ตามที่เปิดไว้ด้วย
“แหม ลั้นลาเชียวนะ ทีเมื่อก่อนแม่อยากมาทำไมเราไม่เห็นกระตือรือร้นแบบนี้เลยฮะ”
“โถ่คุณนายครับ ผมก็อยากมาเที่ยวยุดยาบ้างเหมือนกันนะ ไหน ๆ ก็พาแม่มาไหว้พระด้วยไง”
“จ้า ๆ นี่อาสาขับรถมาให้เลยด้วย แม่นึกว่าเราผีเข้าซะแล้ว”
“ผมก็มีโมเม้นต์อยากมาไหว้พระบ้างนะ มาดูของดีอยุธยาไรงี้ หึหึ”
“ถึงวัดแล้วจะรอในรถก็ได้นะ เดี๋ยวแม่เข้าไปกับหนูบุ๊คเอง”
“ได้ไงอ่า คนเขาอุตส่าห์ขับรถมาให้พร้อมหาไกด์ให้อีก จะทิ้งผมไว้ไม่ได้นะแม่”
“เข้าวัดได้ไม่ร้อนใช่มั้ย”
“แม๊! นี่ลูกไง ไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อนนะ”
“อย่าถือสาตาอินน์เลยนะจ้ะ”
“ครับ ผมเริ่มชินแล้วครับ” ผมบอกอย่างปลง ๆ นี่ถือว่าเบามาก ถ้าคุณแม่เจอพี่อินน์ในไลน์นี่จะต้องตกใจแน่นอน
“บุ๊คอ่า!” พี่อินน์ทำเสียงงอแงโวยวาย ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปโดยไม่บ่นอะไร ผมลอบมองเขายิ้ม ๆ พอได้มาลองคุยแบบนี้ค่อยยังชั่วขึ้นหน่อย หายเกร็งไปเยอะเลย คุณแม่พี่อินน์ก็ดูเหมือนจะเอ็นดูผมด้วยอีกต่างหาก
หลังจากที่เราเข้ามาในวัดพนัญเชิงกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาพี่อินน์กับแม่เดินเข้ามาในพระวิหาร
วันนี้เป็นวันธรรมดา ยังมีนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าเสาร์อาทิตย์แต่วัดพนัญเชิงก็ยังมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้ากราบไหว้และถ่ายรูปพอสมควร
“พระพุทธไตรรัตนนายกหรือหลวงพ่อโตองค์นี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดอยุธยาเลยครับ ชาวไทยเชื้อสายจีนต่างก็นับถือ บ้างก็เรียกว่าซำปอกง ว่ากันว่าวัดนี้สร้างก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาด้วย คือถ้ามาที่อยุธยาต้องไม่พลาดวัดนี้เลยนะครับ”
ผมสวมวิญญาณไกด์ท้องถิ่นแนะนำข้อมูลพื้นฐานของวัดที่พอจะรู้มาบ้างให้นักท่องเที่ยวสองคนที่กำลังยืนชื่นชมหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ หลังจากที่พากันไปไหว้พระเรียบร้อยแล้ว
“สนใจไปไหว้เจ้าแม่สร้อยดอกหมากกันมั้ยครับ”
“คืออะไรหรอจ้ะ”
“ในวัดมีเจ้าแม่ด้วยเหรอ” พี่อินน์หันมาถามผมด้วยสีหน้างง ๆ
“ที่นี่มีตำนานรักระหว่างพระนางสร้อยดอกหมากกับพระเจ้าสายน้ำผึ้งน่ะครับ” ผมบอกพลางนึกถึงตำนานที่พวกผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟังตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ๆ พร้อมกับพาทั้งสองคนเดินมาด้านหลังวิหาร ชมตำหนักพระนางสร้อยดอกหมากที่เป็นสถาปัตยกรรมจีน
“ตามตำนานเขาว่ากันว่าพระนางสร้อยดอกหมากพระธิดาของพระเจ้ากรุงจีนได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสายน้ำผึ้งแห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อขบวนเรือของพระนางสร้อยดอกหมากมาถึงแม่น้ำบริเวณนี้ พระนางพบว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งไม่ได้เสด็จมารับพระนางด้วยพระองค์เองก็เลยน้อยพระทัยไม่ยอมเสด็จลงจากเรือ ด้วยความเข้าพระทัยผิดเลยเสียพระทัยหนักจนทิวงคตบนเรือสำเภาพระที่นั่งนั้นเอง เท่าที่ผมพอจะจำได้ก็ประมาณนี้น่ะครับ”
“น่าสงสารพระนางเนอะ” คุณแม่พี่อินน์พูดขึ้นมาเบา ๆ ระหว่างที่มองดูภายในตำหนัก
“ครับ บางตำนานก็ว่ากันไปคล้าย ๆ กัน เลยมีการสร้างศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมากไว้ที่นี่ เห็นว่าจะขอเรื่องความรักก็จะประสบความสำเร็จสมหวังด้วยนะครับ”
“โอ้ งั้นเดี๋ยวพี่ขอไหว้เจ้าแม่ก่อนนะ” พี่อินน์ว่าแล้วรีบนั่งลงพนมมือตั้งใจไหว้เจ้าแม่ทันที
“เห็นแบบนี้เจ้าแม่ไม่น่าช่วยนะ”
“โถ่ แม่ครับ ขอที่พึ่งนิดนึงนะ”
ผมยิ้มขำ ๆ เมื่อได้ยินแม่ลูกเขาแซวกัน แต่ในใจก็แอบหวิว ๆ อยากรู้เหมือนกันว่าพี่อินน์จะขอพรจากเจ้าแม่ว่าอะไรนะ
“โอ๊ะ ข้างล่างริมแม่น้ำนั่นเป็นแพไว้ให้อาหารปลาหรอ ไปให้อาหารปลากัน”
ไม่ว่าเปล่าคุณพี่เขาก็เดินนำลงไปในแพริมแม่น้ำด้านล่างทันที ผมเลยได้แต่ช่วยประคองคุณแม่พี่อินน์ให้ค่อย ๆ ก้าวลงบันไดมาแล้วจึงเดินตามเขาไป
ทันทีที่ถึงแพด้านล่าง ผมก็เห็นเด็กชายอินน์กำลังยืนหน้าเครียดหน้าตู้ให้อาหารปลา ตู้นี้มันต้องหยอดเหรียญใส่ไป ถึงจะมีอาหารปลาหล่นออกมาในถึง
“บุ๊คครับ พอจะมีสักหนึ่งร้อยไหม” พอเขาเห็นผมก็เดินปรี่เข้ามาเกาะชายเสื้อผมทำตาปริบ ๆ
“หืม?” ผมมองหน้าเขางง ๆ
“ขอยืมหน่อย ที่ตัวพี่ไม่มีแบงค์ย่อยเลยง่า ที่นี่รับบัตรมั้ยล่ะ”
“เว่อร์ไปแล้วครับ ไม่ลองขอยืมคุณแม่พี่ล่ะ”
“เดี๋ยวคุณนายได้ล้อพี่ตายเลย นะ ๆ ขอยืมหน่อยนะ”
“ครับ ๆ ขูดรีดเด็กตาดำ ๆ จังเลย” ผมแกล้งถอนหายใจนิด ๆ แต่ก็ยอมยื่นแบงค์ยี่สิบให้ห้าใบ ให้พี่เขาไปแลกซื้ออาหารเม็ดมาให้ปลา
“เย่ ขอบคุณครับผม เอาไว้พี่คืนให้คราวหน้าเนอะ แฮ่” พี่อินน์ยิ้มกว้างพร้อมกับหิ้วถังใส่อาหารปลามาส่งให้ผมกับแม่
“คราวหน้านี่ตอนไหนเนี่ย”
“ตอนที่เราเจอกันคราวหน้าไง”
“ยังจะมีคราวหน้าอีกหรอครับ!”
“ไหงพูดงั้นอ่า พี่เสียใจนะเนี่ย” เขาว่าแล้วแกล้งทำท่าหงอยคอตก ผมหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับหันไปให้อาหารปลาแทน
“โอ๊ะ ตัวนั้นทำหน้าเหมือนลูกแม่ตอนนี้เลยนะเนี่ย” คุณแม่พี่อินน์ชี้ไปที่ปลาบึกหน้าทู่ตัวโตที่กำลังอ้าปากกว้างว่ายเข้ามาแย่งอาหาร
“แม๊! ผมลูกแม่นะครับ”
“ฉันรู้ทันหรอกย่ะ ไม่ต้องแผนสูงใส่น้องเลย”
“ผมเปล่าน้า งื้อ”
พี่อินน์โหมดขี้อ้อนคุณแม่นี่เห็นทีไรก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที ผู้ชายตัวโตทำท่างุ้งงิ้งงอแง แถมยังเอาก้มหน้าไปถูไหล่แม่เขาอีก นี่พี่อายุเท่าไรกันแน่เนี่ย
ตู้ม!! ฝูงปลาบึกปัดป่ายไปมาตีน้ำจนสะบัดกระเด็นขึ้นมาอย่างแรง ผมรู้ทันเลยย้ายไปหลบหลังพี่อินน์ เป็นอันว่างานนี้พี่เขาอินน์รับน้ำไปเต็ม ๆ
“เฮ้ย!”
“ขนาดปลามันยังรำคาญพี่เลยอะคิดดูแล้วกันครับ” ผมแซวขำ ๆ ระหว่างที่หันไปโยนอาหารเม็ดให้ปลาต่อ
“ทำไมใจร้ายอ๊า!”
“ฮ่า ๆ”
สุดท้ายก็จบลงตรงที่ว่าพวกเราให้อาหารน้องปลาบึกจนพวกมันคงจุกไปเป็นแถบ ๆ ซัดไปห้ากระป๋อง ผมโยนเล่นแข่งกันกับพี่อินน์ว่าใครขว้างไปได้ไกลกว่ากันหมดไปสองกระป๋อง พี่อินน์เผลอสะดุดจนเทหกไปพรวดเดียวหนึ่งกระป๋อง เล่นเอาปลาแตกตื่นว่ายมารุมแย่งกันกินจนตีน้ำกระเด็นแรงมาก อีกสองกระป๋องเป็นของคุณแม่ที่ค่อย ๆ ให้ทีละนิดแบบผู้ดี
ทั้งแม่ทั้งพี่อินน์ต่างก็ดูอิ่มอกอิ่มใจที่ได้ทำบุญไปตาม ๆ กัน สาธุ
เอ๊ะ ตังค์ผมนี่นา...
หลังจากนั้นเราออกมาไม่ไกลจากวัดพนัญเชิงเท่าไร ย้อนกลับมาทางเดิมก่อนจะเข้าเมืองทางด้านขวามือมีพระเจดีย์องค์ใหญ่ ตั้งอยู่ในวัดใหญ่ชัยมงคลสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของจังหวัดที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และถ่ายภาพ พิเศษก็ตรงที่สามารถขึ้นบันไดไปบนเจดีย์เพื่อชมวิวอยุธยาจากมุมสูงได้ด้วย
“วัดนี้เดิมชื่อว่าวัดป่าแก้วครับ ปัจจุบันนิยมเรียกว่าวัดใหญ่ชัยมงคล จุดเด่นก็จะมีพระนอนด้านหน้า พระตำหนักพระนเรศวรด้านหลัง แล้วก็พระเจดีย์องค์ใหญ่ที่เห็นนี่คือพระเจดีย์ชัยมงคล เชื่อกันว่าสร้างขึ้นหลังจากที่พระนเรศวรมีชัยชนะแก่พระมหาอุปราชาของฝั่งพม่าครับ สามารถเดินขึ้นบันไดไปด้านบนเจดีย์ได้ด้วยนะครับ”
พอเราไหว้พระกันเรียบร้อยแล้ว แม่พี่อินน์บอกว่าอยากนั่งรอข้างล่างมากกว่าขึ้นเจดีย์ไม่ไหว
ผมเลยโดนลากให้มาเป็นเพื่อนพี่อินน์ที่ดูระริกระรี้เป็นพิเศษ ปัญหาไม่ใช่อะไรครับ
...นี่กลัวความสูงไง!
แต่จะไม่ขึ้นไปเดี๋ยวพี่อินน์มันแซวนั่นนี่อีก ผมเลยฮึบแล้วพาเขาขึ้นบันไดไปบนเจดีย์
แบบแข้งขาสั่นอะ คือสำหรับผมนี่บันไดมันชันอะครับ ต้องค่อย ๆ ไต่ก้าวไปทีละขั้น มือก็เกาะขอบแน่น
“ไหวมั้ยครับน้อง” พี่อินน์ที่เดินนำอยู่ด้านบนหันมามองผมที่ยืนขาสั่นอยู่ แถมขำผมอีกน้ำตาจะไหลเนี่ย
“พี่ไหวก็ไปก่อนเลยไป” ผมพยายามไม่ใส่ใจน้ำเสียงกวนประสาท ค่อย ๆ ใช้สมาธิในการก้าวขึ้นบันไดชัน ๆ นี่ทีละขั้น
ห้ามหันลงไป ห้ามหันลงไป ฮือ
“กลัวหันมาอีกทีมีคนตกลงไปข้างล่างน่ะสิ ไม่ร้องไห้นะ เอ่เอ๊”
“ใครตก! ผมไม่ได้กลัวสักหน่อย มั่วเปล่า”
“ครับ ๆ มือเกาะแน่นขนาดนั้นอะ ฮ่า ๆ”
“ขึ้นไปเลย เดี๋ยวตกลงมาจะขำให้ ไม่เก็บซากด้วยนะ”
“น่ากลัวจังง่า” เขาว่าขำ ๆ แต่ก็ยอมหันกลับไป ถึงจะคอยมองกลับมาดูผมตลอดก็เถอะ
กดดันนะเนี่ย!
ในที่สุดผมก็รอดถึงขั้นบนสุด เราเข้ามาดูด้านในตัวเจดีย์ที่มีการค้นพบชัยมงคลคาถา จริง ๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ขึ้นมาบนนี้จากนั้นเราก็เดินออกไปดูวิวริมระเบียง ผมยังคงคอนเซปเกาะระเบียงแน่นระหว่างที่มองลงมาชมวิวตัวเมืองอยุธยาด้านล่าง โชคยังดีที่แดดเช้ายังไม่ร้อนมากเท่าไรนักท่องเที่ยวก็ยังไม่เยอะมาก
“แฮ่ ร่วงแล้ว” จู่ ๆ พี่อินน์ก็เดินเข้ามาด้านหลังแล้วแกล้งจิ้มไหล่ผม
“จิ๊ เล่นเป็นเด็ก ๆ ไปได้”
“ง่า ไม่กลัวแหะ บนนี้สวยดีเนอะ เราเคยขึ้นมาก่อนมั้ย”
“ไม่เคยครับ นี่ขึ้นมาครั้งแรก”
“ดีจังเลยน้า” เขาพูดยิ้ม ๆ หันมามองผมสักพักแล้วก็มองออกไปดูวิวด้านนอกต่อ
“หืม?”
“ก็ถ้าเราผ่านมาเห็นเจดีย์นี่ทีไรเราก็ต้องคิดถึงพี่แน่นอนเลย ...เนอะ”
“...คงงั้นมั้งครับ” ผมตอบเบา ๆ พยายามกลั้นใจไม่ให้หัวใจตื่นเต้นไปมากกว่านี้
ผมอยากถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจมาเกือบหนึ่งเดือน...
แต่ก็ ยังไม่กล้าพอที่จะถามว่าพี่คิดยังไงกับผม