คำเตือน...ไม่มี...กุ๊กกู๋จ้า
15. ใครเอ่ย
การถ่ายทำดำเนินมาถึงช่วงท้าย ช่วงเดือนแรกกองถ่ายปักหลักอยู่ที่อยุธยาและนนทบุรี หลังจากนั้นก็ย้ายกองมาปักหลักในกรุงเทพฯ ทำให้ทุกคนเดินทางได้สะดวกมากขึ้นรวมถึงสิงหา วันนี้เขามาถึงกองถ่ายตั้งแต่ตีสี่ ถ่ายตั้งแต่เช้ามืดจนถึงห้าโมงเย็น คนขับรถมาจอดรอได้สักพักสิงหาก็บอกลาทีมงานและนักแสดงมาขึ้นรถ ออกจากบ้านเช่าที่เป็นโลเคชั่นถ่ายทำก็มุ่งหน้าไปรับน่านนทีที่บ้าน
“ถ้าปิงซุ่มซ่ามทำของที่ห้องพักก็ดุได้เลยนะพี่สิง รายนี้ชอบซุ่มซ่าม ขนาดแค่ในบ้านตัวเองอะไรเปลี่ยนที่นิดหน่อยก็เดินชนตลอด ทนไม่ไหวก็ไล่ขึ้นแท็กซี่กลับมาได้เลย” แม่ยืนฝากฝังลูกชายคนเล็กด้วยความเป็นห่วง นานๆ ลูกจะขอไปนอนค้างที่อื่น
“โหแม่ ปิงขึ้นไปเอากระเป๋าแป๊บเดียวเผาใหญ่เลยนะ ไม่ได้เป็นขนาดนั้นสักหน่อย”
“ไปนอนห้องเขาก็ทำตัวดีๆ นะลูก ห้องเขามีแต่ของสวยๆ แพงๆ อย่าลืมหยิบปิ่นโตไปด้วยล่ะ แม่เขาเตรียมของกินไว้ให้” พ่อโบกพัดคลายร้อน มองลูกชายหิ้วกระเป๋าเป้ลงมาจากห้อง คนเป็นพ่อเป็นแม่มีหรือจะดูไม่ออกถึงความสัมพันธ์ของลูกชายกับเพื่อนใหม่ลูกคนนี้ ทั้งหน้าตาฐานะหรือแม้แต่อาชีพ ไม่มีอะไรที่ทำให้มาสนิทกันได้เลย แต่อีกคนกลับค่อยๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตของลูกชาย เริ่มจากผูกปิ่นโต ช่วยงานบุญ จนเริ่มไปรับไปส่ง พ่อคุยกับแม่หลายครั้งว่ามันยังไง มันจะดีหรือถ้าปล่อยไป แต่เห็นลูกมีความสุขมากขึ้นทุกวันก็ได้แต่ยอมรับด้วยความเป็นห่วง หวังว่าคนที่แม่ค้นหาประวัติจนผันตัวเป็นแฟนคลับจะดีจริง ไม่มาหลอกให้ลูกของพ่อเสียใจ
“ไปแล้วน้า นอนสองคืนเองเดี๋ยวก็กลับ มากอดก่อน อย่าพากันนอนดึกล่ะ เดี๋ยวปิงโทรหา สวัสดีครับผม” น่านนทีเดินไปหยิบปิ่นโตตามที่พ่อบอก แวะกอดแม่แล้วเหวี่ยงไปมาเบาๆ จนได้ยินเสียงบ่นก็ปล่อย เดินมากอดพ่อแน่นๆ อีกครั้ง ก่อนเดินตามสิงหาที่ไหว้ลาพ่อแม่ออกจากบ้าน พ่อเดินมาส่งถึงข้างรถ กำชับว่าอย่าลืมโทรมา ใจคนที่ไม่ค่อยไปค้างนอกบ้านเริ่มแกว่ง พ่อแม่ต้องเหงาแน่ๆ เลย หันไปกอดอีกสักที โบกมือบ๊ายบายแม่อีกรอบก่อนขึ้นรถจากมา
“ปกติไม่ค่อยไปค้างนอกบ้านเหรอปิง” สิงหาถามน่านนทีที่นั่งคนเดียวด้านหลัง หน้าตาเริ่มหงอยตั้งแต่กอดลาพ่อแม่ ขึ้นรถยกมือไหว้สวัสดีคนขับรถแล้วก็เหลียวไปมองพ่อแม่ที่เดินกลับเข้าบ้าน เพิ่งจะหันหน้ากลับมาตอนรถพ้นซอยบ้าน
“แทบไม่เคยเลย เพื่อนสนิทปิงเป็นผู้หญิงไง จะไปค้างด้วยก็ไม่ได้ พอตอนพวกมันอยู่หอก็มีแฟนอีก ปิงก็ไปค้างไม่ได้อีก ตื่นเต้นนะเนี่ย” น่านนทีคิดว่าเข้าใจพ่อแม่เพื่อนดี ถึงเขาจะไม่สนใจผู้หญิง แต่เขาก็คือผู้ชายคนหนึ่ง จะให้ไปเที่ยวค้างคืนกับลูกสาวคนอื่นมันก็ยังดูไม่ดีอยู่ดี แต่เรื่องแอบอยู่หอพักกับแฟน ถ้าพ่อแม่ไม่รู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ผมมีแผนจะชวนปิงไปเที่ยวด้วย อย่างนี้จะไปได้ไหมครับ ไปหลายวันนะ”
“ได้สิ ไม่มีปัญหาหรอก พ่อแม่ปิงไม่ได้หวงอะไร แต่ส่วนใหญ่ปิงไม่ค่อยได้ไปไงก็เลยห่วงนิดนึง เคยไปเที่ยวทะเลกับพี่หมุดพ่อแม่ก็ไม่ว่า ถ้าไปค้างคืนส่วนใหญ่ปิงไปกับกลุ่มพี่หมุดมากกว่า คุณสิงจะชวนไปไหนเหรอ”
“ยังไม่รู้เลย แค่อยากไปนอนพักผ่อนต่างจังหวัด ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้เที่ยวเลย” สิงหายอมรับว่าห่างหายจากงานแสดงไปนานแต่เขาเชื่อมั่นในตัวเองว่าความสามารถยังมีอยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าตัวละครล่าสุดที่ได้รับบทบาทนี้จะทำให้เขาเครียดได้ขนาดนี้ ถ่ายทำเสร็จเมื่อไรต้องหาเวลาว่างไปปรับสภาพจิตใจตัวเองสักนิด
“ช่วงนี้มีที่เที่ยวฮิตๆ เยอะเลยนะ ปิงชอบนั่งดูคลิปในยูทูป สวยๆ ทั้งนั้น คุณสิงเน้นกินหรือเน้นถ่ายรูปล่ะ”
“เน้นนอน”
“โหหห นอนอยู่บ้านก็ได้เหอะ”
“ฮ่าๆๆ ก็ผมอยากไปนอนเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ พักผ่อนสมอง ไปดูไว้ก่อนเผื่อพ่อแม่มาถึงจะได้พาไปไง พ่อแม่ผมไม่ค่อยชอบที่คนเยอะๆ ให้นอนในโรงแรมทั้งวันก็ได้ถ้าบรรยากาศดี อยากได้แนวนั้นน่ะ มีแนะนำไหมครับคุณคอนเซียซ”
“อ๋อออ ถ้าแนะนำในฐานะคอนเซียซก็มีเยอะเลยครับ ถ้าเน้นธรรมชาติช่วงนี้ขึ้นเหนือก็ดี อากาศจะเย็นกว่าภาคอื่นหน่อย เชียงใหม่เชียงรายหรือน่านก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว หลังๆ กระแสท่องเที่ยวที่น่านมาแรง อย่างคุณสิงน่าจะเคยไปเชียงใหม่เชียงรายบ้างแล้ว ที่สวยๆ ก็ยังเป็นที่เดิมๆ แต่น่านเพิ่งฮิตเป็นกระแสไม่นาน ลองไปน่านก็ดีนะครับ หรือถ้าอยากไปทะเลก็ลงใต้ไปเลย นอกจากกระบี่ ภูเก็ต ระนอง ปิงแนะนำพังงากับสตูล ที่พักติดหาด เป็นธรรมชาติมาก ถ้าถึงห้องเดี๋ยวปิงเปิดรีวิวในเว็บให้ดู” พอสิงหาเอ่ยถึงหน้าที่ตัวเอง ความรู้และข้อมูลที่สั่งสมมาเริ่มพรั่งพรูออกจากปากเล็กๆ ไม่หยุด แนะนำที่นั่นต่อด้วยที่นี่ ถ้าไปจังหวัดนี้ต้องลองไปกินอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่ออันนั้น ถ้าไปที่นี่อย่าลืมซื้อของฝากประจำจังหวัด หากินยาก เสียงแจ้วๆ พูดจนคนขับรถยังแอบอมยิ้มกับความช่างจ้อ
ในลิฟต์ระหว่างขึ้นห้องน่านนทีก็ยังไม่หยุดพูด จบเรื่องแนะนำที่เที่ยวต่อเรื่องสถานที่ที่ตัวเองเคยไปเที่ยวกับวีรกรรมต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นการเผาพี่ชายพี่สาวทั้งนั้น สิงหาช่วยหิ้วปิ่นโต มองกระเป๋าใบเล็กที่เจ้าของถือไว้ในมือ เทียบกับสัมภาระของเพื่อนตัวเองแล้วต้องส่ายหน้าเบาๆ ถ้าน่านนทีเตรียมมาเยอะได้ครึ่งหนึ่งของพวกนั้นจะดีมากเลย
“คุณสิงส่ายหน้าทำไมครับ ไม่เชื่อหรือว่าพี่ๆ ชอบแอบแกล้งปิงลับหลังจริงๆ”
“ไม่ใช่ ผมเชื่อว่าพี่ชายปิงต้องแกล้งปิงแน่ๆ เป็นธรรมดาของน้องคนเล็กที่มักโดนแกล้ง แต่เขาก็แกล้งเพราะรักนั่นแหละ ทำไม ปิงแอบโกรธย้อนหลังด้วยเหรอ”
“ไม่ใช่ แต่บางทีก็นึกแค้นเหมือนกัน สองคนนั้นเวลารวมหัวกันชอบแกล้งแต่ปิง มีแค่พ่อที่เข้าข้างปิงคนเดียว ส่วนแม่ก็นั่งหัวเราะ ปิงเลยหยวนๆ ถือว่าสองต่อสอง จริงๆ ที่โกรธเพราะบางครั้งแกล้งแรงไปไง อย่างแกล้งทิ้งปิงไว้ในปั๊มแล้วขับรถออกไปงี้ กว่าจะไปขับรถวนกลับมารับตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่เห็นสนุกเลย” เขารักพี่ๆ นะ แต่เวลาพี่ๆ รวมตัวกันแกล้งเขาแล้วมันโมโห อยากด่าแรงๆ แต่เคยโดนพ่อตีเลยไม่กล้าด่าอีก ช่างเถอะ เรื่องพวกนี้มันผ่านมานานแล้ว เขาโตแล้วไม่ค่อยมีใครแกล้งแล้วล่ะ ที่เล่าให้สิงหาฟังเพราะจะได้รู้ว่าเขาไม่ชอบให้แกล้งแรงๆ ยิ่งเคยบอกว่าอยากแกล้งเขา พอเริ่มคบกันตอนนี้เลยระแวงว่าจะโดนอะไรหรือเปล่า โชคดีที่ที่ผ่านมาไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไร ยกเว้นเดี๋ยวชอบแตะนั่นแตะนี่ ไม่ได้หวงตัวนะ แค่ไม่ชอบให้จับเอวโดยไม่บอกก่อน มันแขม่วพุงไม่ทัน เนี่ย! แค่เดินออกจากลิฟต์ก็แตะหลังอีกแล้ว
น่านนทีนั่งมองเพื่อนสิงหาที่ทยอยกันเอาข้าวของที่เตรียมมาไปจัดเก็บ ก่อนนี้ตอนที่มาถึงห้องสิงหาก็โทรไปบ่นเพื่อนแล้วรอบหนึ่ง เพราะเพื่อนทั้งสามไม่ยอมมาเตรียมอาหารรอแต่ไปนั่งรอบนห้องชวิน พอลงมาถึงห้องก็ทำตัวแปลกๆ ซุบซิบกันเสียงดังแต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง นอกจากกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมมายังมีอาหาร ขนม เครื่องดื่ม และ...พระพุทธรูป
“คุณชวินเอาพระมาทำไมเหรอครับ” น่านนทีมองคนอุ้มพระที่ยังหาที่วางไม่เจอ ทำท่าจะเดินไปทางห้องทำงานแต่ก็เดินย้อนกลับมาห้องนั่งเล่น เขานั่งมองอยู่ในครัวมาสักพักแล้ว
“เอาไว้ไหว้ไงปิง ห้องสิงมันไม่มีพระเลย เราคนไทยนับถือพุทธก็ต้องมีพระติดห้องนะ” ชวินตะโกนตอบแฟนเพื่อนที่นั่งกินขนมบนเก้าอี้สตูลหน้าเคาน์เตอร์ครัว ส่วนเจ้าของห้องจัดแจงเอาหม้อไฟฟ้ามาต่อสายเสียบกลางห้องนั่งเล่น บอกให้ย้ายไปกินในครัวก็ไม่ไป ให้เอาพระไปไว้ในตู้ก็ไล่ให้เอาไปไว้เอง ถ้าเขากล้าเข้าไปเองจะต้องยืนอุ้มพระอยู่ทำไม ส่วนเต้กับโบ้บอกจะเอากระเป๋าไปเก็บในห้องแต่งตัวสิงหา เข้าไปสิบนาทีแล้วยังไม่ออกมาเลย ทีตอนจะลงมาล่ะแย่งกันขออุ้ม พอมาถึงเกี่ยงกันเอาไปวาง…ไอ้พวกป๊อด
“แล้วจะไปวางไว้ตรงไหนล่ะครับ ห้องคุณสิงไม่มีตรงไหนวางได้เลย” น่านนทีลุกจากเก้าอี้มาช่วยมองหา ห้องของสิงหาไม่ค่อยมีชั้นวางสูงสำหรับวางพระพุทธรูปได้ แถมยังองค์ใหญ่ขนาดนี้ยิ่งหาที่ยาก
“ว่าจะเอาไว้ในห้องทำงานมันน่ะปิง มีตู้หนังสืออยู่”
“ไอ้เหี้ยวิน” สิงหาที่วุ่นกับการเตรียมอาหารเพราะแฟนเริ่มหิวหันมาด่าเพื่อนทันที
“อะไรมึง ไว้ห้องทำงานน่ะดีนะ การงานจะได้ราบรื่น” ชวินทำหน้าซื่อ พูดแนะนำเพิ่มความน่าเชื่อถือให้คนตาแป๋วยืนฟัง
“เอาไปวางโต๊ะหัวเตียงก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปไว้ที่ตู้” สิงหาแนะนำ ตอนนี้เขากำลังปรุงซุปสำเร็จรูปในหม้อยังไม่สามารถวางมือได้ เพื่อนอีกสองคนก็หายหัว ไม่มีใครช่วยเขาเลย
“เอาไปไว้เลยก็ได้ เดี๋ยวปิงช่วย” คนอยากช่วยเดินลิ่วนำไปที่ห้องทำงาน สิงหาหันขวับไปจะห้ามแต่อีกฝ่ายถึงหน้าประตูห้องแล้ว
“มาสิครับคุณชวิน หนักนะ ถือนานแล้ว” คนใจดีถอยหลังกลับมากวักมือเรียก ไม่ได้สังเกตว่าสองมือที่อุ้มพระกำลังสั่น สองขาค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ อยากปฏิเสธแต่...ไม่ทัน
แอดดด
น่านนทีเปิดประตูเข้าห้องไปแล้ว สิงหารีบวางงานทุกอย่าง ลากชวินเดินเข้าห้องตามน่านนทีไปติดๆ คนกลัวผีแต่ขี้ลืมมันเป็นเรื่องดีใช่ไหม สิงหารู้ว่าแฟนตัวเองขี้กลัวมากเลยไม่เล่าอัพเดทเกี่ยวกับผีในห้อง ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจไปเองว่าทำบุญห้องแล้วช่วยไล่ผีได้ ไม่ใช่ยิ่งไล่ยิ่งเฮี้ยน
“ไว้ที่ตู้นี้ใช่ไหมครับ ชั้นยังว่างอยู่เลย วางช่องนี้น่าจะได้ คุณชวินลองเอามาวางสิครับ ปิงว่าน่าจะพอดีนะ” น่านนทียืนมองตู้หนังสือบิวท์อินติดผนัง ส่วนใหญ่ยังว่างไม่มีอะไรวาง มีบางช่องที่เก็บถ้วยรางวัลต่างๆ มีหนังสือบ้างนิดหน่อย
“เอาวางตรงนี้ก็ได้ปิง เปิดให้หน่อยครับ” ชวินนั่งลงที่หน้าตู้ชั้นล่างสุดริมสุด เขาจำได้ แม้จะเห็นแค่จากคลิปก็ตาม แต่จำได้แม่น...มุมนี้เลย
“อ้าว ทำไมไว้ชั้นล่างล่ะ พระต้องไว้สูงๆ”
“เอ้อ...คือ ผมไปดูฮวงจุ้ยมา มุมนี้ดี วางแล้วดี เปิดสิวะสิง” ชวินพยักหน้าให้เจ้าของห้อง บอกตามตรงเขาไม่ได้ตั้งใจจะนั่ง แต่พอเห็นตู้แล้วเข่ามันอ่อน มือไม้ก็เริ่มอ่อน จะอุ้มพระไม่ไหวแล้ว
สิงหาเปิดตู้ให้เพื่อน ถามว่ากลัวไหม ก็มีหวั่นๆ บ้าง แต่มือสั่นให้คนที่ยืนงงอยู่กลางห้องเห็นไม่ได้ ด้านในตู้โล่งว่างอย่างที่ควรจะเป็น เพื่อนสะกิดหลังแล้วส่งพระพุทธรูปใส่มือเชิงบังคับ เขาค่อยๆ วางลงในตู้ พื้นที่ของตู้มีขนาดพอดี เหลือความสูงนิดหน่อย วางเรียบร้อยก็เลื่อนให้เข้าไปข้างในอีกนิด ยกมือพนมท่องนโมสามจบ เพื่อนที่นั่งข้างหลังก็เริ่มท่องตาม น่านนทีที่ยืนงงเลยนั่งลงท่องด้วย กราบพระสามครั้งแล้วปิดตู้เป็นอันจบภารกิจ
“อ๊าก!!!” เสียงชวินร้องตะโกนประสานกับอีกสองเสียงจนสิงหาสะดุ้ง ผงะห่างจากตู้ตามสัญชาตญาณ น่านนทีที่กำลังจะลุกก็ตกใจจนเซเกือบล้ม
“ไอ้พวกเหี้ย!!! เสือกมายืนหน้าประตู กูหันมาตกใจหมด ไอ้ห่านี่”
“ขอโทษๆ ก็เห็นหายไปเงียบๆ เลยมาดู มาๆ ออกมาเหอะ” เต้กวักมือเรียกคนในห้องให้ออกมา เขากับโบ้เอากระเป๋าไปเก็บในห้องแต่งตัวสิงหาแล้วก็ยืนถ่วงเวลารอให้ใครสักคนเอาพระพุทธรูปไปเก็บในตู้ แต่พอเสียงข้างนอกห้องเงียบ สองคนเพื่อนเกลอก็เริ่มใจไม่ดี ข้างนอกมีสามข้างในมีสอง สุดท้ายเลยเดินตามๆ กันออกมามองหาเพื่อน เห็นประตูห้องทำงานแง้มอยู่เลยจับมือกันทำใจกล้าเดินมาดู ทันยกมือไหว้ก่อนปิดตู้พอดี ใครจะไปคิดว่าเจ้าของพระจะหันมาเห็นแล้วตกใจขนาดนี้ เล่นเอาตกใจตามไปด้วยเลย
“คุณสิงๆ...อืม” น่านนทีเดินมาจับชายเสื้อสิงหาตอนเดินเบียดกันออกจากห้องทำงาน ใจหนึ่งก็อยากถาม แต่อีกใจก็คิดว่าไม่ถามดีกว่า ถ้าไม่พูดออกมาก็คือไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็ไม่ต้องกลัว แต่อาการของเพื่อนๆ สิงหามันส่อพิรุธเหลือเกิน...อยากรู้แต่ไม่อยากกลัว ทำยังไงดี
“ว่าไงครับ” สิงหาปิดประตู ดึงมือที่จับเสื้อมากุมไว้ พาเดินมานั่งลงกลางห้อง ปล่อยให้แขกอีกสามคนจัดอาหารเครื่องดื่ม
“ถ้าปิงถามปิงคิดว่าต้องกลัวแน่เลย ปิงควรถามไหม”
“ไม่ควรครับ”
“ฮือออออ กลัวแล้วอะ” เสียงครางฮือแบบไม่มีน้ำตาทำให้สิงหาหัวเราะออกมา แม้แต่ชวินก็หลุดยิ้ม ขนาดยังไม่บอกอะไรยังทำท่าจะร้องไห้ มือเกาะติดสิงหาไม่ปล่อยเหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่
“อ้าว ฮ่าๆๆ เอาน่า มีพระแล้วไง”
“ฮือออ พระเป็นๆ ยังเอาไม่อยู่ พระจำลองจะเอาอยู่เหรอ”
“โห พูดซะหมดความขลังเลย คนอยู่เยอะแยะ ไม่มีอะไรหรอกน่า ก่อนนี้ก็มาห้องบ่อยไม่เห็นเป็นไรเลย อย่าคิดมาก ไอ้พวกนี้มันบ้า” คนบ้าสามคนแทบอยากจะด่ากลับคนไม่บ้า เห็นผีแล้วกลัวเรียกว่าบ้า แล้วไอ้คนที่เห็นก็แล้ว โดนลากขาก็แล้ว แต่ยังอยู่ร่วมกับผีได้ควรเรียกอะไร