กลิ่นควันธูปลอยคละคลุ้งเคล้ากับเสียงร้องห่มร้องไห้ของผู้คนที่มางานศพ ท้องฟ้าวันนี้มืดครึ้มวี่แววของแสงดาวและดวงจันทร์ มีเพียงความชืดชาของกลุ่มควันที่ลอยขึ้นฟ้าที่คอยบอกกล่าวผู้คนที่มาร่วมงานในวันนี้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่พวกเขาจะได้บอกลากันต์ธีร์เพื่อนรักของพวกเขาแล้ว
“ทำไมมีอะไรมึงไม่บอกเพื่อนวะ กันต์! ทำไมมึงไม่บอกพวกกู!!”
ถึงแม้งานจะจัดมาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนที่ไม่อาจทำใจได้ที่อยู่ๆ คนที่เป็นคนที่ดูจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในรุ่นหลังเรียนจบเลือกที่จะฆ่าตัวตายในบ้านโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ
เพราะแม้แต่จดหมายลาเจ้าตัวก็ไม่ได้เขียนด้วยซ้ำไป
คนแรกที่พบร่างไร้วิญญาณกันต์ธีร์คือนิรันดร์ เพื่อนสนิทที่สุดของกันต์ธีร์ที่เพิ่งพูดคุยกันก่อนที่เจ้าตัวจะลงมือก่อเหตุได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง นิรันดร์แวะเข้ามาหากันต์ธีร์เพราะตั้งใจจะพาเจ้าตัวไปหอศิลป์เพื่อใช้เป็นนายแบบถ่ายรูป
แต่น่าเสียดายที่แผนทุกอย่างที่ร่างไว้ในใจนิรันดร์ก็ต้องถูกพับเก็บไปอย่างถาวร เมื่อคนที่สมควรจะนั่งยิ้มโง่ๆ กับผืนผ้าใบแผ่นใหญ่กลับกลายเป็นคนที่ล่องลอยอยู่ในอากาศด้วยเชือกเส้นหนึ่ง
ไม่มีใครรับได้และไม่มีใครเข้าใจกับการจากไปของกันต์ธีร์ แต่ประโยคเหล่านี้ก็ใช้แค่กับเพื่อนและคนรู้จักใกล้ชิดของกันต์ธีร์เท่านั้น
เพราะคนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อเดียวกันของกันต์ธีร์นั้นกลับไม่มีใครมาร่วมงานสักคน กันต์ธีร์นั้นสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ญาติที่รู้จักก็เหลือเพียงคนเดียวก็คือพ่อของตัวเองที่ไปสร้างครอบครัวใหม่เรียบร้อยแล้ว
“มึงทำแบบนั้นทำไมวะ กันต์”
ตั้งแต่วันที่พบศพนิรันดร์เป็นคนเดียวที่ไม่ฟูมฟายเรื่องที่กันต์ธีร์จากไป ใบหน้าคมคายที่กันต์ธีร์มักจะนำไปเป็นแบบวาดส่งอาจารย์บ่อยๆ ขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจนัก
“กูดูแลมึงไม่ดีพอเหรอ”
นิรันดร์พูดเสียงกระซิบกับภาพสีขาวดำซึ่งตั้งอยู่ในงาน
ไม่ใช่ว่านิรันดร์ไม่เจ็บปวดแต่สิ่งที่นิรันดร์รู้สึกมากกว่าคือความไม่เข้าใจ เขาทุ่มเทเวลามากมายไปกับการอยู่เคียงข้างกันต์ธีร์มาตลอดในฐานะเพื่อนสนิทที่สุด ซึ่งเขาก็รู้ว่ากันต์ธีร์ไม่ได้โง่เกินไปว่าเขาคิดอะไรกับตัวเอง
หรือไม่ก็กันต์ธีร์อาจจะรู้มาตลอดแต่ก็เลือกที่จะทำให้มันไม่ชัดเจน
“มึงทำแบบนี้มันไม่ได้ช่วยทำให้กูตัดใจจากมึงได้หรอกนะ”
นิรันดร์หัวเราะในลำคอก่อนจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตัวเอง มือหนาล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ปกติจะใช้เช็ดให้กันต์ธีร์มาเช็ดหน้าตัวเองแต่ก็พบมันไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
“..ต่อให้มึงตายกูก็ยังรักมึงว่ะ กันต์”
นิรันดร์พูดกับภาพของกันต์ธีร์อย่างดื้อดึง แม้ว่าตัวจะสั่นไปทั้งตัว หัวใจในอกเต้นระรัวเมื่อนึกถึงครั้งแรกที่ตกหลุมรักอีกฝ่ายและเต้นช้าลงเมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองเห็นกันต์ธีร์ที่ยังมีชีวิตครั้งล่าสุด
“ถ้ามึงจะไป ทำไมมึงไม่ลากูก่อนวะ”
ร่างสูงใหญ่ของนิรันดร์ทรุดตัวลงกับพื้น หัวเราะเสียงฝาดเฝื่อนเพราะยังจดจำคนพูดสุดท้ายของกันต์ธีร์ได้ดี
‘แล้วเจอกัน’
ตอนนั้นเขาก็แปลกใจว่าทำไมกันต์ธีร์ถึงได้ยิ้มกว่าปกติมากนัก หนำซ้ำยังไล่เขาไปหาแฟนด้วย ทั้งๆ ที่ผ่านมาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
“ไหวไหม นิรันดร์”
น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามนิรันดร์ที่นั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น หมดมาดช่างภาพชื่อดังโดยสิ้นเชิงเหลือเพียงคนๆ นึงที่พยายามหลอกตัวเองว่าไม่เป็นไร
ทั้งๆ ที่ใจสลายไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอร่างไร้วิญญาณ
“อย่ามายุ่งกับกู”
นิรันดร์จำเสียงของอีกฝ่ายได้จึงแค่นเสียงตอบอย่างเย็นชา นัยน์ตาที่ขึ้นสีแดงก่ำจดจ้องอดีตเพื่อนร่วมห้องสมัย ม.ปลาย ตัวเองด้วยความรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง
อารมณ์โกรธ ไม่เข้าใจ และอีกหลายสิ่งหลายอย่างก่อตัวขึ้นในอกของนิรันดร์อย่างช้าๆ
“นิรันดร์ เรารู้ว่านายไม่ชอบเรา แต่นายมีอะไรก็ระบายกับเราได้นะ เรายินดีรับฟัง”
เมฆาพยายามพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแม้ว่าในใจจะรู้สึกเจ็บแทบตาย รู้สึกหงุดหงิดและไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดว่าทำไมถึงยอมให้คนๆ นี้ทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั้งๆ ที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าใครอยู่ใจนิรันดร์มาตลอดแปดปีมานี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะเลิกชอบอีกฝ่ายสักที จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าสมองตัวเองเป็นวุ้นเหลวๆ หรือก้อนอะไร ทำไมถึงได้ยอมรับความเจ็บปวดแล้วแบกหน้าให้คนๆ นี้ทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อย่ามายุ่งกับกู!”
นิรันดร์ตะคอกซ้ำ ปัดมือเมฆที่ยื่นให้จับทิ้งและหยัดกายขึ้นมายืนเต็มความสูง
“ขอโทษที่ให้รำคาญนะ แต่เรามีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับนิรันดร์จริงๆ”
เมฆาพยายามยิ้มแม้ว่าจะรู้สึกอยากร้องไห้เต็มทน
เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมนิรันดร์ถึงได้เกลียดชังเขานัก ทั้งๆ ที่เขาก็แค่ชอบนิรันดร์เท่านั้น สิ่งนี้มันถือเป็นความผิดด้วยเหรอ ทำไมถึงไม่ยอมคุยกับเขาดีๆ สักที
“มึงก็รู้ตัวอยู่แล้วนี่ว่าทำกูรำคาญ” นิรันดร์ใช้แววตาคมกริบแบบเดียวกับที่สิ่งที่ตัวเองเกลียดใส่เมฆโดยไม่สนใจสักนิดว่าคนตรงหน้านั้นตัวสั่นขนาดไหน "แล้วทำไมถึงไม่กลับบ้านไปสักทีวะ!"
เพราะสิ่งที่นิรันดร์สนใจมีแค่กันต์ธีร์เท่านั้น อะไรที่ไม่ใช่กันต์ธีร์สิ่งนั้นก็ไม่ได้มีค่าพอที่จะใส่ใจ
“..ถ้าเราจะบอกว่าเรารู้ล่ะ นิรันดร์” เมฆจิกเล็บใส่แขนอีกข้างของตัวเอง พยายามใช้ความเจ็บปวดประคับประคองรอยยิ้มของตัวเองไม่ให้ร้องไห้ ไม่อย่างนั้นเขาก็อาจจะปล่อยโฮใส่อีกฝ่ายก็ได้ ซึ่งเมฆก็รู้อีกว่าตัวเองต้องเจ็บกว่าเดิมจากท่าทีอีกฝ่ายแน่ๆ
“มึงรู้อะไร”
นิรันดร์แค่นเสียงถาม ใกล้หมดความสนใจเมฆเต็มทน ในอกยังคงมีความรู้สึกคั่งค้าง ทั้งความเจ็บปวดผสมรวมกับความหงุดหงิดที่ไม่อาจหาที่ระบายได้
ซึ่งนิรันดร์ก็มั่นใจว่าถ้าหากเมฆลองพูดจาไม่เข้าหูเขาสักคำสองคำ หมัดและเท้าของเขาต้องได้ประดับหน้าอีกฝ่ายเป็นการตอบแทนอย่างแน่นอน
“..สัญญาก่อนว่าหลังจากนี้จะยอมเรียกชื่อเรา”
เมฆยื่นข้อเสนอทั้งๆ ที่ตัวสั่นและกลัวนิรันดร์มาก จนได้ยินเสียงสั่นๆ ของตัวเองในหัวและเสียงหัวใจที่เต้นรัวจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา
“ทำไมกูต้องทำ”
นิรันดร์ขมวดคิ้วหงุดหงิด เผลอเลียริมฝีปากและไล้เขี้ยวคมที่ซ่อนในปากตามความเคยชินเวลาที่หงุดหงิดมากๆ นัยน์ตาคมกริบจ้องมองใบหน้าของคนที่กันต์ธีร์ชอบนักชอบหนา
ใช่..
กันต์ธีร์ที่เขารักและให้เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตชอบเมฆา
อดีตเพื่อนร่วมห้องหน้าจืดที่เขาไม่เห็นมันจะประสบความสำเร็จอะไรในชีวิตสักอย่าง แต่กันต์ธีร์ก็ยังชอบมันมากๆ จนเขาที่พยายามเปลี่ยนความสัมพันธ์กับกันต์ธีร์แทบตายไม่สามารถเลื่อนขั้นอะไรได้นอกจากการเป็นเพื่อนสนิทสักที
เขาถึงได้เกลียดเมฆานัก..
ถ้าไม่มีมันเขาก็มั่นใจว่ากันต์ธีร์ไม่มีวันมองคนอื่นนอกจากเขาอย่างแน่นอน!
“เรารู้ว่าทำไมกันต์ถึงทำแบบนั้น”
เมฆพูดเสียงเบาก่อนที่จะร้องเสียงหลงเมื่อถูกมือหนากระชากไหล่เข้าหาตัวและเขย่าแรงๆ อย่างตื่นตระหนก
“มึงไม่ได้โกหกกูใช่ไหม ถ้ามึงโกหกกู มึงตายแน่ไอ้เหี้ยเมฆ!!!”
“..เราพูดจริงๆ ”
เมฆพยักหน้าเบาๆ รู้สึกดีใจที่ได้ยินชื่อของตัวเองหลุดออกจากปากคนที่ตัวเองแอบมาชอบตลอดหลายปี ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการเรียกที่ยังอัดแน่นไปด้วยความเกลียดชัง แต่มันก็ยังทำให้เมฆดีใจ เพราะอย่างน้อยๆ มันยังทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นอยู่ในสายตาของนิรันดร์บ้าง
“งั้นมึงก็พูด”
นิรันดร์ปล่อยมือจากตัวเมฆและกอดอกจ้องมองคนตัวเล็กกว่าอย่างกดดัน
“..สัญญาอีกได้ไหมว่าถ้าฟังแล้วจะไม่ทำอะไร”
เมฆยื่นข้อเสนออีกแม้ว่าจะกลัวคนตรงหน้าโกรธเต็มทน
“เออ มึงพูดมาเหอะ ก่อนที่กูจะหมดความอดทน”
นิรันดร์ตอบส่งๆ อย่างรำคาญ และเผลอเหลือบมองภาพของกันต์ธีร์ที่ตั้งอยู่ข้างๆ โดยไม่รู้ตัว มือหนาที่มักจะจับกล้องเพื่อถ่ายรูปนั้นกำแน่น พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้กระเจิดกระเจิงไปมากกว่านี้
“นิรันดร์รู้ใช่ไหมว่าการอยู่ข้างนอก มันจะเห็นอะไรได้ชัดกว่าคนที่อยู่ข้างใน”
“…”
“ถึงนิรันดร์จะดูไม่ออกแต่เราดูออกว่ากันต์ชอบนิรันดร์เหมือนกัน”
เมฆพยายามยิ้มแม้ว่าจะรู้สึกอยากจะร้องไห้เต็มทน ที่จะต้องมาเฉลยความสัมพันธ์ของคนที่ควรจะเป็นแฟนกันตั้งนานแล้วอย่างกันต์กับนิรันดร์
สองคนนี้ชอบกัน ใครก็ดูออก โดยเฉพาะกับเขาที่เป็นคนนอกตั้งแต่ต้น ไม่มีสิทธิ์คิดหรือเป็นส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับความสัมพันธ์นี้ทั้งนั้น นอกจากใจสลายอยู่ห่างๆ
“แต่ที่กันต์ไม่ยอมเป็นแฟนกับนิรันดร์สักที ก็เพราะแม่นิรันดร์นั่นแหละ”
“ไอ้สัสเมฆ มึงอย่ามาพูดพล่อยๆ !”
นิรันดร์กระชากคอเสื้อเมฆจนตัวลอยจนคนอื่นที่มาร่วมกันพากันส่งเสียงร้องกันแตกตื่น เพื่อนของทั้งฝั่งเมฆและนิรันดร์หลายคนรีบถลาเข้ามาจะห้ามนิรันดร์แต่ก็ยืนตัวชาเพราะคำพูดของเมฆซะก่อน
“นิรันดร์ไม่เคยรู้หรอกว่าแม่ของนิรันดร์น่ะเกลียดกันต์ขนาดไหน”
สุดท้ายเมฆก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองได้ แต่ถึงแม้น้ำตาจะไหลอาบใบหน้า เมฆก็ไม่คิดจะสะอึกสะอื้นให้นิรันดร์สมเพขตัวเองไปมากกว่านี้
“มึงจะไปรู้อะไรวะ แม่กู กูรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง!”
นิรันดร์กำคอเสื้อกันต์ธีร์แรงขึ้นอีก นัยน์ตาคมดุวาวโรจน์ ไม่คิดจะเชื่อในสิ่งที่เมฆพูดสักนิดเพราะเชื่อว่าแม่ที่แสนดีของตัวเองไม่มีวันทำอะไรแบบนั้นกับกันต์แน่ๆ
ครั้งล่าสุดที่ไปเที่ยวยังซื้อขนมมาฝากกันต์ธีร์อยู่เลย
“ก็เพราะมึงไม่เคยเห็นไง”
เมฆแค่นยิ้มเมื่อนึกถึงครั้งล่าสุดที่เจอกันต์ธีร์ อีกฝ่ายร้องไห้ใส่เขาแทบจะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเพราะถูกแม่ของนิรันดร์ด่าและให้เลิกยุ่งกับนิรันดร์สักที
ซึ่งทั้งกันต์ธีร์ก็ไม่เคยรู้สักนิดว่าเขาก็ชอบนิรันดร์เหมือนกัน..
ชอบก่อนที่ทั้งสองคนจะสนิทกันด้วยซ้ำ
“กูรู้ว่าเรื่องนี้กูไม่ควรพูดเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ แต่กูก็อยากพูดเพราะกันต์ก็เป็นเพื่อนกูเหมือนกัน”
เมฆจ้องตานิรันดร์กลับซึ่งก็เป็นอย่างที่คิด
นิรันดร์ไม่เชื่อเขา
“ไอ้สัสเมฆ ถ้าขืนมึงยังพูดถึงแม่กูแบบนั้นอีกคำเดียว กูต่อยมึงแน่!”
“เออมึงจะต่อยก็ตอย กูไม่สน! กูสนแค่ว่าเพื่อนกูตายแล้วเพราะแม่มึงนั่นแหละ!!!”
ผลั่ก!!
ใบหน้าของเมฆสะบัดไปตามแรงหมัด กลิ่นคาวเลือดที่อวลในปากทำให้เมฆาหัวเราะหึๆ ออกมาทั้งน้ำตา ซึ่งมันก็ทำให้นิรันดร์หงุดหงิดมากขึ้นไปอีกและต่อยเมฆอีกหลายหมัด
“ไอ้นิรันดร์ พอ!! อย่างน้อยไอ้กันต์มันก็อยู่ที่นี่นะ!”
ด้วยเรี่ยวแรงที่ค่อนข้างมากของนิรันดร์ทำให้ต้องใช้คนถึงสองคนในการห้ามมวย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถระงับอารมณ์ของนิรันดร์ลงได้ เจ้าตัวยังคงพยายามกระชากตัวไปหาเมฆไม่หยุด ราวกับสัตว์ป่าคลุ้มคลั่งที่ขาดสติไปแล้ว
“..กูไม่สนหรอกนะ นิรันดร์ว่ามึงจะเชื่อกูหรือเปล่า”
เมฆที่ล้มไปกองบนพื้นลุกขึ้นมาและปัดฝุ่นตัวเองออกง่ายๆ คล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยไม่สนใจเพื่อนอีกคนที่พยายามจะมาช่วยประคองตัวเองสักนิด
ใบหน้าขาวของเมฆานั้นปรากฏรอยฟกช้ำน่ากลัว บริเวณหางคิ้วมีรอยแตก แต่เมฆาก็ทำเพียงแค่ใช้หลังมือเช็ดเลือดที่เลอะมุมปากเท่านั้น ไม่แยแสความเจ็บปวดทางร่างกายที่ได้รับ
“แต่กูถือว่ากูบอกมึงแล้ว มึงจะได้ไม่คาใจว่าทำไมกันต์ถึงทำแบบนั้น”
เมฆรู้ตัวดีว่าตัวเองสามารถปล่อยให้นิรันดร์ไม่รู้ไปจนตายก็ได้ แต่ก็ทำไม่ลงเพราะทนเห็นคนที่ตัวเองชอบโทษตัวเองไปตลอดชีวิตไม่ได้
เขาชอบนิรันดร์มาก
ชอบทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเกลียดเขาแทบตาย
ชอบทั้งๆ ที่รู้ว่าเขากับนิรันดร์นั้นไม่มีวันเป็นไปได้
ทำไมเขาถึงยังโง่อยู่ตรงนี้ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“ถ้ามึงเกลียดกูมึงก็ด่ากู!!” นิรันดร์คำรามใส่เมฆ “มึงพูดมาเลยดีกว่าว่ามึงไม่พอใจอะไร กูไปทำอะไรให้มึงวะ ไอ้เมฆ!”
เสียงตะโกนของนิรันดร์นั้นดังลั่นไปทั่วบริเวณ ซึ่งก็ดีหน่อยที่งานของกันต์ธีร์นั้นถูกจัดขึ้นเงียบๆ ส่วนใหญ่คนที่มางานนั้นจะเป็นคนที่กันต์ธีร์ทำงานด้วยและเพื่อนสมัยเรียน ทำให้การกระทำของนิรันดร์มีคนเห็นไม่มากนัก
แต่คนที่เห็นและรู้สึกอย่างชัดเจนก็ยังคงเป็นเมฆ
“กูไม่ได้เกลียดมึง”
เมฆเหยียดยิ้มแม้จะรู้ว่าใบหน้าของตัวเองตอนนี้ไม่ได้น่ามองสักนิด
“กูชอบมึง”
“…”
“กูชอบมึงมานานแล้ว นิรันดร์ ชอบก่อนไอ้กันต์ด้วย”
เมฆพูดออกมาโดยไม่เข้าใจตัวเองสักนิดว่าจะพูดทำไม
ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมกับการบอกนิรันดร์สักนิดและอีกฝ่ายก็คงไม่เชื่อด้วย
“มึงโกหก”
เมฆหัวเราะกับสีหน้าของนิรันดร์ที่ตอนนี้เริ่มจะสับสน
“อือ กูโกหก คนอย่างกูไม่เคยมีอะไรดีหรอก นิรันดร์”
เมฆโคลงหัวยิ้มๆ แม้ว่าจะเจ็บไปทั้งอกแต่ก็ไม่คิดจะหยุดยิ้ม
“วันนี้กูก็มาแค่นี้แหละ ไอ้ที่กูพูดมึงก็ลืมๆ ไปเหอะ” เมฆพูดขณะจัดคอเสื้อของตัวเองที่ยับจากกระถูกกระชากให้เข้าที่และยิ้มให้คนที่ตัวเองชอบที่สุด
เพราะมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาเจออีกฝ่ายแล้ว
หลังจากนี้เขาจะตัดใจจากนิรันดร์ให้ได้ ระยะเวลาแปดปีนั้นยาวนานเกินไปสำหรับเขา เขาคิดว่าตัวเองคงทนกับความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแบบนี้ไปจนวันตายไม่ได้
มันเจ็บปวดเกินไป
สิ่งที่เขาอยากทำทิ้งท้ายคือเขาอยากให้นิรันดร์รู้ความจริง แม้ว่ามันอาจจะแลกกับการที่เขาโดนเกลียดก็ตาม เขาบอกความจริงที่เขารู้ไปหมดแล้ว นิรันดร์อาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อเขาไม่รู้
แต่ที่เขารู้คือเขายอมให้นิรันดร์เกลียดตัวเองได้
เขาทำได้แค่นี้จริงๆ
“มึงโกหก”
นิรันดร์ยังคงอยู่ในวังวงของความสับสนและงุนงง ทุกอย่างดูจะประดังประเดเข้ามาหาเข้าไม่หยุด ทั้งเรื่องที่กันต์ชอบเขาและเรื่องที่แม่ของเขาอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้กันต์ฆ่าตัวตาย ไหนจะเรื่องคนที่เขาเกลียดที่สุดดันมาชอบเขาอีก
เมฆชอบเขา..?
และกันต์ก็ชอบเขาเหมือนกัน
นิรันดร์นิ่งคิดไปนานมากเรื่องหลังและค้นพบว่ามันเป็นความจริง เพราะถึงแม้กันต์จะพูดถึงเมฆบ่อยๆ ว่าชอบอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นกันต์จริงจังกับการจีบเมฆสักที เอาแต่วาดรูปของเขาไม่หยุดจนเขาแทบจะไม่มีที่แขวนรูปที่กันต์วาดให้ที่ห้องแล้ว
“…”
นิรันดร์พูดอะไรไม่ออก เพราะพอจะเดาได้แล้วว่ากันต์ธีร์หลอกตัวเองเรื่องชอบเมฆ และเมฆก็ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวด้วยว่าถูกกันต์ธีร์หลอกใช้
เขาทำอะไรลงไป..
นิรันดร์ก้มมองมือตัวเองที่ยังมีคราบเลือดของเมฆติดอยู่ประปราย แต่พอเงยหน้าขึ้นไปมองเมฆก็พบว่าอีกฝ่ายเดินตัวปลิวออกไปแล้ว
“นิรันดร์! เป็นอะไรไหมลูก ไหวหรือเปล่า”
เสียงคุ้นเคยเอ่ยเรียกเขาอย่างลนลาน มาพร้อมกับร่างสะสวยที่ยืนบดบังหลังเล็กๆ ของคนที่เพิ่งเดินจากไปจนมิด ซึ่งคนที่เพิ่งมาถึงก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล
เป็นแม่ของนิรันดร์นั่นเอง
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ”
นิรันดร์ฉีกยิ้มให้กับแม่ตัวเองและสวมกอดอีกฝ่ายแน่นด้วยความคิดถึง
“ไม่ต้องคิดมากนะ ลูกยังมีแม่นะ”
มือบางปลอบโยนลูกชายตัวเองอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงที่พูดเครือนิดๆ
“แม่เชื่อว่าหนูกันต์เขาไปสบายแล้ว ฉะนั้นลูกแม่ไม่ต้องห่วงหรอก”
นิรันดร์หลับตานิ่งกอดแม่ตัวเองแน่นขึ้น
“ลูกแม่เก่งอยู่แล้วเนอะ”
“ครับ ลูกแม่เก่งอยู่แล้ว”
นิรันดร์รับคำเสียงแผ่ว
เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เมฆพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
“ลูกจำลูกสาวคุณขจรเพื่อนที่ทำงานแม่ได้ไหม”
“จำได้ครับ”
มือที่กอดแผ่นหลังบางสั่นระริก
“เดี๋ยวเดือนหน้าไปรับที่สนามบินเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะ ลูก”
“ครับ”
นิรันดร์รับคำเสียงแผ่ว ใบหน้าคมคายที่คนเป็นแม่ไม่เห็นนั้นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
มันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น… นิรันดร์
ไอ้เมฆมันโกหก
แม่ของเขาไม่มีวันเป็นฆาตกรหรอก===========
ลองเขียนแนวใหม่ดูค่ะ 555