Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019  (อ่าน 14351 ครั้ง)

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
«ตอบ #30 เมื่อ19-04-2019 18:40:57 »






ทดแทนรัก

ตอนที่ 15



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป



พระรามยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้องหรูหลังจากที่ไม่ได้กลับมาเลยตลอดสองสัปดาห์ ขณะที่คิดว่าต้องทำตัวยังไงดี ก็รู้สึกสัมผัสแผ่วเบาที่เท้าเพราะขนนุ่มๆ ของบางสิ่งบางอย่าง



"เมี้ยว~"



"อุริ หวัดดี คิดถึงจัง" ใบหน้ามนก้มมองและดวงตาเรียวเปล่งประกายระยิบระยับเหมือนได้เจอของถูกอกถูกใจ มือเรียวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมาวางบนมือ ทันใดนั้นเจ้าแมวก็ออดอ้อนโดยการเลียฝ่ามือที่แสนคิดถึง ร่างโปร่งหัวเราะก่อนจะใช้จมูกคลอเคลียมันกลับบ้างอย่างหมั่นเขี้ยว



"เห็นมั้ย มันคิดถึงรามขนาดไหน"



พระรามฟังเสียงทุ้มพูดแล้วยิ้มตาปิด ยิ่งลิ้นเล็กๆ เลียแก้มขาวที่ตอบไปเล็กน้อยยิ่งจั๊กจี๋จนต้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง ท่าทางเหมือนเด็กของพระรามสะกดให้สายตาคมกริบมองนิ่ง



...ใบหน้าของพระรามยามหัวเราะ...



ความเงียบที่เกิดขึ้นกับสายตาคมจ้องนิ่งทำให้เขารู้สึกตัว ก่อนจะรู้สึกร้อนหน้าและแก้มแดงเรื่อขึ้นมา รีบวางอุริลงพื้นก่อนจะพูดตะกุกตะกัก



"ดึกมากแล้ว พี่...พี่ขอไปอาบน้ำ ตัวเหนียว" เขาทำงานมาทั้งวันจนเหงื่อออกท่วมตัว เมื่อครู่หลังจากทำงานที่ผับเสร็จแล้วกลับมาที่อพาร์ตเมนท์ไม่ทันไร ไอติมก็ตามมาถึงห้อง หนำซ้ำพอคุยกันเสร็จยังไม่ทันได้อาบดันโดนบอกให้เก็บของแล้วก็พาตัวมาเลยทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ตอบตกลง



ว่าไปนั่นถึงปากจะไม่ตอบแต่ใจเขาก็ลิงโลดมาถึงนี่แล้ว...ก็รู้ดีว่าตนใจง่าย



"อาบในห้องนอนเลย"



"อืม..." รามเดินเข้ามาในห้องนอนโดยมีไอติมเดินตามหลังมาไม่ห่าง เขาวางกระเป๋าไว้บนพื้นข้างตู้ไม้ราคาแพง กระเป๋าเปื่อยเน่ากับเสื้อสีหมองไม่เหมาะกับห้องหรูในคอนโดนี้เลย มือค่อยๆ แหวกกระเป๋าออกและหยิบเสื้อผ้าที่ต้องใส่และผ้าขนหนูสีหม่นขึ้นมาแนบอก



ทั้งห้องเงียบกริบอีกครั้ง พระรามประหม่าสุดฤทธิ์เพราะสายตาอีกฝ่ายจับจ้องเขาตลอดเวลา



พระรามเม้มปากมองซ้ายมองขวา ก่อนจะสะดุดที่แขนข้างซ้ายของติมที่มันดูบวมๆ รอยช้ำขนาดใหญ่ เขาเดินเข้าไปจับแขนแกร่งเบาๆ สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายแอบสะดุ้ง...คงเจ็บสินะ



“ติม เจ็บเหรอ” ร่างสูงเห็นแววตาเป็นห่วงของร่างโปร่งแล้วก็กลืนน้ำลาย



...อย่าไปรู้สึกอะไร...



“อืม คิดว่าคงช้ำไปอีกนานเลย...ไอ้เวรพวกนั้น” พอพูดถึงแล้วแค้นนัก ไอ้พวกหมาหมู่บังอาจมารุมกันได้



“ทำไมนายถึงไปมีเรื่องทะเลาะได้ล่ะ” รามขมวดคิ้วถามด้วยความกังวล “รู้มั้ยว่าตอนนั้นที่ติมจะถูกแทง...” เขาเงียบไปเพราะรู้สึกมือตัวเองมันสั่นระริก ถ้าหากร่างสูงถูกทำอะไรขึ้นมาจนบาดเจ็บสาหัส ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำยังไง



“ขอบคุณที่มาช่วยนะ แล้วก็ขอบคุณที่เป็นห่วง” มือใหญ่วางบนศีรษะเล็กและขยี้เบาๆ



“อืม” ใบหน้าสะบัดรัว ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะแก้มแดงเรื่อกับคำนั้น “ไม่เป็นไร”



ไอติมขอบคุณเขาด้วย



"ตะ ติมจะอาบน้ำก่อนมั้ย"



เขาเป็นแค่แขกมาอาศัยจะอาบก่อนเจ้าของมันก็จะยังไงๆ อยู่



ริมฝีปากหยักยิ้มมุมปากก่อนจะถอดเสื้อออกมันตรงนั้นเลย "ไป อาบพร้อมกัน"



"หะ...!? มะ..." ใบหน้าขาวแดงเถือก สายตาเผลอกวาดมองกล้ามเนื้อสวยงามบนแผงอกและหน้าท้องที่มีรอยช้ำเหมือนถูกกระทุ้งอย่างแรงหลายครั้ง พระรามรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายชวนอาบน้ำแบบนี้คิดจะทำอะไร



ถึงเราสองคนจะมีอะไรกันมาหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ชินอยู่ดี เรื่องน่าอายแบบนี้น่ะ



"ไม่ใช่แค่อุริที่คิดถึงราม ผมก็คิดถึงรามเหมือนกันนะ"



"แต่ว่า...แต่ว่าพี่..." พระรามไม่ได้ปฏิเสธ ยอมรับว่าเขาก็อยากจะให้ติมเข้ามาเหมือนกัน



ใบหูขาวแดงก่ำเมื่อคิดเรื่องทะลึ่งลามก แต่ที่เขาลังเลน่ะเพราะ...



"รามมีงานต้องทำตอนเช้าเหรอ" เสียงทุ้มถามขึ้นมา



"อะ อืม...แล้วนายก็เจ็บแขนด้วย"



“เรื่องของผมน่ะไม่ต้องสนใจก็ได้” ไอติมถอนหายใจเสียดาย "ทั้งที่อยากจะทำยันเช้าแท้ๆ"



คนฟังหน้าร้อนผะผ่าว "มะ ไม่ได้หรอก พี่มีพรีเซนต์งานด้วย..."



"งั้นพรุ่งนี้ตอนบ่ายล่ะ? พรุ่งนี้มีเรียนตอนไหนบ้าง พรีเซนต์เสร็จกี่โมง"



ร่างสูงถามจดจ่อบอกจุดประสงค์ ใบหน้าแดงก่ำเบี่ยงออกตอบเสียงเบา



"พี่พรีเสร็จสิบเอ็ดโมงหลังจากนั้นก็ว่างไม่มีอะไร...ทำงานอีกทีตอนทุ่มนึงที่ร้านเหล้า" ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องบอกอย่างละเอียดขนาดนั้นด้วย ยิ่งพูดยิ่งหน้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ เพราะใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่มชอบใจบางอย่าง



"ตอนบ่ายเหรอ" ไอติมพึมพำนิ่งคิดไปสองวิ "งั้นเดี๋ยวพรีงานเสร็จผมจะไปรับ เดี๋ยวจะแชทไปนะ"



“มะ มารับ?” พระรามได้ยินแล้วเลิ่กลั่ก "เดี๋ยวติม ไม่ต้องแชท โทรมาดีกว่านะ"



"ทำไม?"



"คือพี่ขายมือถือเก่าทิ้งไปแล้วน่ะ" ช่วงที่เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย เขาจำเป็นต้องใช้เงินมัดจำค่าหอเพื่อจองห้อง เพราะเจ้าของอพาร์ตเมนท์บอกว่าไม่ให้จองด้วยปากเปล่าถ้าหากมีคนอื่นพร้อมก็จะให้เช่าเลย ดังนั้นพระรามที่ไม่มีเงินก็เลยต้องตัดใจขายมือถือทิ้งไปและเอาเงินตรงนั้นมาจ่ายค่ามัดจำแล้วเงินที่เหลือก็ซื้อมือถือถูกๆ มาใช้เพื่อติดต่อในยามจำเป็น



"ตอนนี้มือถือพี่แค่ส่งข้อความกับโทรออกได้แค่นั้นเอง" เขายิ้มแห้งพร้อมกับชูมือถือปุ่มกดพลาสติกสีดำเครื่องเล็กให้ดู ซึ่งไอติมก็มองมันนิ่งและยิ้มเข้าใจ



"เข้าใจแล้ว งั้นผมจะโทรมาก็แล้วกัน"



“อืม” ไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายถึงเข้าใจง่ายๆ แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เขาก็ยังดีใจที่ไอติมรับฟัง



"ตอนนี้ไปอาบน้ำกันเถอะ"



"เอ๊ะ! แต่...!" คนตัวบางร้องเสียงหลงเมื่อถูกลากเข้าห้องน้ำไม่ทันให้ประท้วง "เหวอ~"



แกร๊ก!



"หนะ ไหนบอกจะทำพรุ่งนี้..." พระรามพูดตะกุกตะกักสายตาสอดส่องหาทางหนี นี่มันก็จะตีสามอยู่แล้วถ้าหากเกินเลยล่ะก็เขาคงไม่มีแรงลุกไปทำงานแน่...แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงพรีเซนต์งานเลย



ร่างโปร่งอึ้งหน้าร้อนผ่าวจะเป็นลมเมื่อไอติมถอดกางเกงออกพร้อมกับชั้นในสีดำราคาแพง แท่งเนื้อร้อนสีสวยดีดเด้งตั้งตรงแนบหน้าท้องแกร่ง นี่ไปเกิดอารมณ์กับใคร เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย!?



ร่างสูงยิ้มกริ่มเมื่อรามมองอึ้งแถมสายตายังจดจ้องมาตรงส่วนนั้นของเขาอีก สายตาสั่นไหวนั่นก็ยิ่งทำให้เขาปวดหนึบเข้าไปใหญ่ "ถอดเสื้อสิ"



"อะ...อะ พี่ว่าพี่...พี่ให้ติมอาบก่อนดีกว่า!" คนมองอ้ำอึ้งตาค้างตัวแดงก่ำจนหาสีผิวไม่เจอ ลุกลี้ลุกลนวิ่งออกจากห้องน้ำ แต่เพียงแค่มือเรียวแตะกลอนยังไม่ทันบิดก็ถูกคว้าเอวบางเอาไว้แน่นจนตัวลอยและลากมาจับถอดแก้ผ้าง่ายดาย



“มะ ไม่ อย่านะ...” นี่อีกฝ่ายเจ็บตัวอยู่จริงรึเปล่าเนี่ย ทำไมเขาถึงขัดขืนอะไรไม่ได้เลย!



สุดท้ายทั้งคู่ก็อยู่ใต้ฝักบัว สายน้ำพร่างพรายลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า แม้จะเย็นแค่ไหนแต่ไม่อาจทานผิวกายของทั้งคู่ที่ร้อนรุ่มเหมือนไฟแผดเผาได้



"ติม...ถอยไปหน่อย...ได้มั้ย" พระรามบอกคนที่ยืนซ้อนด้านหลังเสียงอ่อน ศอกผอมดันท้องแกร่งออกไปไม่แรงนัก แต่คนตัวสูงไม่สะทกสะท้าน มือใหญ่สองข้างกลับบีบเค้นแน่นที่เอวกับสะโพกเล็กกลมกลึงอย่างหมั่นเขี้ยว ซ้ำยังลูบลงต่ำมาที่ขาเรียววนเวียนไปมาเว้นกึ่งกลางเอาไว้จนเจ้าของตัวสั่นระริก



"ทำไมล่ะ" เสียงทุ้มกระซิบถามเสียงพร่า ทำให้ดวงตาเรียวตวัดมอง คำตอบของคำถามนั่นคนที่รู้ดีที่สุดก็คือเจ้าตัวนั่นแหละ! “แล้วก็อย่าขัดขืนผมเลย ผมเจ็บแขนเจ็บท้องอยู่รามก็รู้”



คำพูดขอความเห็นใจนี้ทำให้คนฟังยอมโอนอ่อนอย่างง่ายดาย เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเจ็บ พระรามเกร็งตัวกัดปากแน่นเมื่อลูกชายพองตัวแนบสะโพกแถมยังขยับเสียดสีไม่หยุดอีก ร่างโปร่งวาบหวิวซาบซ่านจนแก่นกายเล็กค่อยๆ แข็งตัว "อือ..."



"รามก็ชอบใช่มั้ย" ดวงตาคมกริบมองไล่จากต้นคอลงลาดไหล่ผอม สะบัก แผ่นหลังบางกับสะโพกเล็กที่น่าโหยหา ตอนนี้ท่อนเนื้อร้อนระอุกำลังแนบกับช่วงเอวเพราะด้วยความสูงที่ต่างกัน ซ้ำสะโพกแกร่งยังขยับเสียดสีราวกับจะแกล้ง "ของๆ ผม" มือจับส่วนแข็งแกร่งลากปลายบานลงมาเรื่อยๆ จับมันถูไถกับร่องก้นและช่องทางสีแดงที่ขมิบถี่ยิบตอบรับ พอเห็นเจ้าตัวหลับตาเม้มปากแน่นจนตัวสั่น ไอติมก็กลืนน้ำลายอดทนก่อนจะลากมันผ่านลงมา และสอดผลุบลงหว่างขาจนพระรามตกใจ



"อ๊ะ! ...ฮะ! อ๊ะ! ..." ร่างโปร่งครางหวิวเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านที่เคยได้รับมันกลับมาและยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้นในใจของเขา เสียงทุ้มใสครางก้องดังในห้องน้ำแทรกเสียงสายน้ำที่พร่างพรายกระทบร่างกายและพื้นกระเบื้อง กระตุ้นความหื่นกามของคนฟัง เพิ่มแรงกระทุ้งสะโพกให้แรงขึ้นเร็วขึ้น เสียดสีสิ่งที่ร้อนราวกับไฟกับขาหนีบด้วยท่าทางคล้ายการร่วมรักอย่างลามก ลิ้นร้อนแลบเลียหลังคอสีขาว ขบ กัด เม้ม จนเป็นรอยแดง



"อื๊อ! ฮื้อออ ฮึก!" ร่างโปร่งตัวกระตุกเฮือก กัดปากสะอื้นเพราะนิ้วยาวบดขยี้เม็ดสีชมพูชูชันอย่างแรง



เขาแพ้ติมทุกทางเลย



ไม่ว่าจะทำยังไง เขาก็แพ้



"ติม ช่วย แฮ่ก...ช่วยพี่" มือเรียวปลุกปั่นแก่นกายของตัวเองเป็นระวิงจนหมดแรง ริมฝีปากบางอ้าหอบงับอากาศเหมือนคนหายใจไม่ทัน ก่อนที่ร้องเสียงสูงเมื่อมือใหญ่จับมันไว้มั่น เค้นคลึงแรงพอๆ กับแรงกระแทกด้านหลังจนสะโพกเล็กได้แต่แอ่นหยัดรองรับ



“อื๊อ...!”



"ซี้ด ใกล้แล้ว หนีบแน่นๆ"



ขาเรียวหนีบแน่นตามคำสั่ง เชิดหน้าครางสั่นหวิว เปิดช่องว่างเปลือยเปล่าให้คนด้านหลังได้ทั้งกัดทั้งขบเม้มจนเจ็บจี๊ด พระรามรู้สึกเสียวเหมือนใจจะขาดกับความเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ติมก็จะตักตวงร่างกายของเขาอย่างเต็มที่เสมอ



มือบางทั้งสองข้างยันกับกำแพงลื่นๆ อย่างลำบากยากเย็นเพื่อกันไม่ให้หัวโขกเพราะแรงขับเคลื่อนอย่างแรงจากด้านหลัง สายน้ำที่ร่วงลงมาผ่านกายสาดกระเซ็น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังปั่บๆ ตามแรงกระแทกทั้งเร็วและรัวในวินาทีสุดท้าย



"อ๊ะ! พี่ถึงแล้ว... ฮั่ก!"



ร่างโปร่งสำลักอากาศ ขาแข้งอ่อนยวบหมดแรงยืนจนติมต้องช่วยพยุงเอวเอาไว้



“แฮ่ก...” พระรามโถมกายใส่ร่างสูงทั้งตัว หอบหายใจเหมือนคนวิ่งมาราธอน...เป็นการอาบน้ำที่เหนื่อยที่สุด



ดวงตาเรียวปรือปรอย ในวินาทีที่เสร็จสมและทุกอย่างทะลักทลาย ประสาทรับรู้เหมือนจะหายวับไปชั่วครู่ ในหูดังอื้ออึงไปหมด แต่หลังจากที่ได้พักหอบหายใจ เสียงสายน้ำพร่างพรายกลับมาอีกครั้งพร้อมกับความเย็นเฉียบที่ผิวกาย



และสิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้ ตรงระหว่างขาหนีบของเขามันยังมีบางอย่างที่ร้อนระอุแทบปริแตกนี่แนบอยู่พร้อมกับเสียดสีเบาๆ เสียงหายใจเข้าออกแรงๆ ข้างใบหน้าทำให้แก้มขาวแดงเรื่อ แม้เขาจะเสร็จแล้ว แต่ทว่าร่างสูงยังไม่...



มือเรียวลูบตามแขนแกร่งเกร็งเครียดที่กำลังโอบเอวตน ก่อนที่พระรามจะตัดสินใจพลิกกายเข้าหา เงยหน้ามองความต้องการที่ฉายชัดออกมาผ่านดวงตาคมกริบและลมหายใจแรงเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังกระหาย



"ราม..."



"เดี๋ยวพี่...พี่ช่วยนะ..." เสียงทุ้มใสพูดขึ้น ทำให้ติมอึ้งไปเล็กน้อย เหมือนหูเขาได้ยินอะไรผิดไป แต่ก็ต้องสะดุ้งสูดปากเมื่อมือเล็กกอบกุมเข้าที่แท่งเนื้อร้อนและรูดรั้งแผ่วเบาสลับหนัก "ซี้ด!"



ร่างแกร่งผลักพระรามชิดติดกำแพงและเบียดเค้นพลางกระซิบเสียงพร่า



"เร็ว...เร็วหน่อยราม เร่งมือ"



ใบหน้ามนเบี่ยงเล็กน้อยเพราะริมฝีปากที่ใกล้ชิดที่ใบหูมากเกินไปจนรู้สึกวาบหวิว ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะเค้นหนักรัวเร็วตามที่อีกฝ่ายร้องขอ เน้นส่วนปลายที่มันทั้งบานทั้งแดงก่ำซ้ำยังมีน้ำเหนียวผุดซึมปนเปกับน้ำฝักบัวที่ไหลลงมาจนแยกไม่ออก



"พรุ่งนี้เตรียมตัวไว้...ผมจะเอารามให้เตียงหักเลย ซี้ด" เขาฟังเสียงทุ้มพร่าพูดแล้วต้องกัดปากตัวร้อนผ่าววาบหวิว มือใหญ่ปัดมือเล็กออกก่อนจะลงมือสาวของตัวเองอย่างทนไม่ไหว "ลงโทษฐานที่ทำให้ผมต้องอดทนแบบนี้"



สายธารสีขุ่นพุ่งแรงใส่แผ่นท้องบางบางส่วนเปรอะมาถึงคางมนแต่ก็ถูกน้ำชำระล้างไปอย่างรวดเร็ว ความร้อนที่สุมอยู่ค่อยๆ สลายไปแต่กระนั้นแขนแกร่งก็ยังลูบไล้ร่างกายผอมโปร่งไม่ว่างเว้น ไม่ต่างจากพระรามที่โอบกอดตอบกลับ ลูบไล้กล้ามเนื้อน่าหลงใหลทั้งแผ่นหลังและอกตึงแน่น ซ้ำยังเอียงคอเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทำรอยได้ตามใจชอบ เสียงทุ้มใสครางอืออาไม่จบไม่สิ้นสะท้อนก้องในห้องน้ำ



ราวกับทั้งคู่รอวันนี้มานานแสนนาน





********************* Love Substitute *********************





หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำได้ไม่นาน ร่างสูงก็อุ้มพระรามที่หมดแรงตาปรือมานอนดีๆ ทั้งที่กายผอมยังเปลือยเปล่า หากแต่เรื่องที่ร่างโปร่งขอไว้ทำให้ไอติมกัดฟันสะกดอารมณ์และห่มผ้าหนาคลุมทับจนถึงคอ



ร่างสูงสวมเพียงแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวบางปิดกาย นั่งพิงหัวเตียงและเหลือบมองใบหน้ามนที่หลับพริ้ม ภายในหัวมีความคิดหลายอย่างลอยวนไม่หยุดจนทำให้รำคาญ



ทั้งสายตาเป็นห่วง รอยยิ้มและการกระทำที่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับตน



‘พี่รักติม’



สิ่งที่เขาคิดจะทำ...ทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกผิด



ถ้าจะให้บอกว่าโกรธเรื่องของแม่อยู่ มันก็อาจจะมีแต่เจือจางลงไปบ้างแล้ว



สิ่งที่ตรงต่อความรู้สึกตอนนี้ที่สุดคือไอติมอยากได้พระราม อยากจะมีเซ็กส์กับร่างโปร่งนี้ด้วยกันทุกวันไม่ห่างหาย แน่นอนพระรามที่รู้สึกชอบพอกับเขาต้องยินยอมพร้อมใจ นี่จึงไม่ได้เรียกว่าการฝืนใจ



แล้วเรื่องของพี่ชะเอมล่ะ?



ไม่...ไม่ได้ เขาชอบชะเอมก็จริง แต่ไม่อยากให้คนบริสุทธิ์อย่างนั้นต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา ไอติมเป็นคนที่มีศัตรูรอบด้าน คนที่กลายมาเป็นคนสำคัญหรือคนใกล้ตัวเขาไม่เว้นที่จะโดนหมายตาและกลายเป็นลูกหลง



เพราะงั้นคนที่เป็นตัวตายตัวแทนแทนพี่ชะเอมที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็น...พระราม



แน่นอน มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ไม่งั้นเขาไม่ถ่อไปรับถึงที่ด้วยตัวเองหรอก



ความคิดที่ลอยตีกันวุ่นวายทำให้ไอติมถอนหายใจเสียงดัง หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟและสูบมันเข้าลึกภายในร่างกายและปล่อยออกมาจากปากและจมูก



“ฟู่...”



พอได้สูบบุหรี่แล้วทำให้จิตใจโล่งโปร่ง ไม่ต้องคิดเยอะให้น่ารำคาญตัวเอง



ช่างแม่ง อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป เดี๋ยวค่อยมาคิดทีหลังว่าต้องทำยังไงต่อ



"แค่ก...แค่ก...!" จู่ๆ คนนอนอยู่ก็ไอโขลกขึ้นมาไม่มีสาเหตุ ดวงตาเรียวปรือมองร่างสูงข้างกายที่จุดไฟแช็ค คีบบุหรี่สูบและพ่นควันออกมา "ติม นี่สูบบุหรี่ด้วยเหรอ"



"ใช่..."



ต่อด้านล่าง



ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
«ตอบ #31 เมื่อ19-04-2019 18:41:19 »




ต่อจากด้านบน



"พี่ไม่เคยเห็น...!" พูดไม่ทันจบ ก็รู้สึกติดขัดในลำคอจนต้องปิดปากไอออกมาอีก กลิ่นควันพวกนั้นทำให้เขารู้สึกแย่ยังไงชอบกล "ติม อย่าสูบเลยนะ มันไม่ค่อยดี"



ไอติมตวัดสายตามามองอย่างรำคาญ "อย่ายุ่งน่า"



"พี่แค่เป็นห่วง" ร่างโปร่งหน้าซีดเซียว พูดเสียงแผ่ว เพราะจู่ๆ เสียงทุ้มก็เย็นชาใส่...เขาอาจจะยุ่งเกินไปจนน่ารำคาญอย่างที่อีกฝ่ายว่า



ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่รามบอกเพราะเป็นห่วงร่างกายของอีกฝ่ายแท้ๆ มันกลับกลายเป็นว่าเขาจุ้นไม่เข้าเรื่อง



‘พ่อสูบบุหรี่น้อยลงหน่อยได้มั้ย มันไม่ดีนะ’



ร่างโปร่งคิดก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น ไอโขลกอีกครั้งหนักหน่วงจนน้ำตาไหล



"จะไปไหน ยังไม่ถึงเวลาทำงานเลย"



"พี่...พี่ไม่ค่อยชอบกลิ่นควันน่ะ" เขาพยายามตอบเลี่ยงว่าไม่ชอบกลิ่นบุหรี่และเกลียดมันมาก เพราะพ่อของเขาก็สูบแบบนี้ สูบหนักและไม่เคยฟังคำเตือนของเขาเลยแม้แต่นิด มันทำให้ร่างกายของผู้สูบไม่แข็งแรงและยังส่งผลกับคนรอบข้าง "ถ้าติมจะสูบ เดี๋ยวพี่จะไปนอนโซฟาข้างนอกก็ได้"



เพราะพระรามก็ไม่อยากเอ่ยจุ้นจ้านให้อีกฝ่ายทำตามที่เขาต้องการ แต่จะให้เขาอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน



ร่างสูงมองนิ่งก่อนจะผุดลุกขึ้นในวินาทีต่อมา แต่ยังไม่ดับไฟที่อยู่ในมือ "ไม่ต้อง...นอนนี่แหละ"

"พี่นอนโซฟาได้นะ" คิ้วบางขมวดรีบบอก ยังไงเขาก็แค่เป็นคนอาศัย จะไล่อีกฝ่ายออกไปทั้งที่บอกว่าตนไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ก็กระไร



ขนาดนอนที่สวนสาธารณะเขายังเคยนอนมาแล้ว



ไอติมไม่ฟังก่อนจะเลื่อนกระจกเดินออกไปข้างนอกระเบียง เห็นแบบนั้นริมฝีปากบางก็อดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้...แบบนี้มันก็เหมือนกับร่างสูงใส่ใจเขาอยู่บ้างไม่ใช่เหรอ



พระรามค่อยๆ ทรุดตัวลงห่มผ้านอนบนเตียงกว้าง เตียงที่เขาเคยมีอะไรกับติม แต่กลิ่นบุหรี่ที่ยังเจือจางมันก็ยังทำให้เขาไอค่อกแค่ก แม้แต่กับตัวเขาเองยังคิดว่ามันน่ารำคาญ



"แค่กๆ" ร่างกายของเขามันไม่เหมือนเดิม เขารู้ดีว่ามันจะต้องมีอะไรผิดปกติสักอย่าง แต่เขาไม่อยากไปตรวจ...เพราะไม่มีเงินรักษา...แล้วก็กลัว...



ทั้งๆ ที่ชีวิตของเขาไม่เหลือใครอีกแล้ว แต่ก็ยังกลัวความตาย...น่าหัวเราะเยาะไหม



'ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกลูก...ซักวันหนึ่งรามก็จะเจอกับคนที่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยแทนแม่เองนั่นแหละ'



ดวงตาเรียวมองเลยไปที่ระเบียง มองแผ่นหลังเปลือยเปล่าแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามแล้วก็ยิ้มน้อยๆ

ไอติมใจดีแบบนี้...เขาชอบมาก ดีใจมาก มันทำให้ใจดวงน้อยที่ดังแผ่วเบากลับเต้นแรงขึ้นอย่างมีชีวิตชีวาและหลงใหลมากกว่าเดิม



ถ้าหากกลับมาครั้งนี้แล้วทำให้เขามีความสุขได้บ้าง เขาก็ยินดีจะรับมันไว้



'กูจะทำให้มึงเจ็บปวดทรมานด้วยความรู้สึกเดียวกัน'



ดวงตาเรียวหม่นลงและค่อยๆ ปรือปิด



ก็ขอให้ความสุขนี้...ยังเป็นแบบนี้ไว้ให้ได้นานที่สุดก็แล้วกัน





********************* Love Substitute *********************





"วันนี้พวกคุณทำได้ดีมาก ใครเป็นคนทำเนื้อหาเนี่ย" อาจารย์วัยสี่สิบต้นพลิกชีทรายงานเล่มหนาในมือ สีหน้าดูดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากหงุดหงิดจากการฟังพรีเซนต์งานกลุ่มที่แล้ว



จริงๆ แล้วแกอารมณ์ดีขึ้นมากเลยแหละ



"พระรามใช่รึเปล่า"



ร่างโปร่งฟังแล้วยิ้ม ก่อนที่เพื่อนข้างๆ จะพูดขึ้นมาอย่างโอดครวญ



"โห อาจารย์...ทำไมไม่เดาเป็นผมบ้างล่ะครับ"



"อย่างคุณเนี่ยนะ" อาจารย์เลิกคิ้วถามเสียงสูง



"อย่างผมมันทำไมครับ"



"อย่างปฐพีที่ทำการบ้านส่งแล้วลอกทุกครั้งเนี่ยนะ จะทำรายงานเล่มดีๆ อย่างนี้ได้" มือสากตีรายงานลงกับมือดังแปะๆ



ท่าทางแบบนั้นทำให้ปฐพีแหว "โหยยย ดูถูก! อย่างน้อยสอบย่อยผมก็อ่านหนังสือแล้วก็ไม่ได้ลอกใครด้วย"



"ฮ่าๆ! ก็ดีแล้วนี่ ถ้ารู้ว่าลอกล่ะก็ผมให้คุณศูนย์แน่ๆ ล่ะ"



เขากับสินหลุดหัวเราะพร้อมกัน ไอ้ดินมันโดนแม้แต่อาจารย์ปั่นหัวจนพูดอะไรต่อมิอะไรออกมาหมดเปลือก



พวกเขาสนิทกับอาจารย์คนนี้พอสมควรเพราะว่าอาจารย์คนนี้แหละที่เสนอทุนเรียนดีเรียนฟรีให้เขา แล้วอีกอย่างไอ้ดินก็เป็นกันเองคุยกับอาจารย์อย่างกับคุยกับเพื่อน



ดีนะที่อาจารย์แกไม่ถือสา



"ผมชอบมาก รายงานเรื่องนี้ที่พวกคุณทำมา เนื้อหาดี พรีเซนต์ดี" อาจารย์ชมเปาะไม่ขาดปากทำให้คนทำอย่างพระรามยิ้มออกหน้าออกตาชื่นมื่น



"ใช่ซี้ พระรามลูกรักนี่..."



"ฮ่าๆ"



พอได้ยินเสียงอุบอิบราวกับน้อยใจของดินทั้งห้องก็หัวเราะประสานเสียง



"ตัวโตอย่างกับควายยังจะงอนอีกเนาะมึง"



คนตัวโตหน้ามุ่ย "ไอ้สิน ขอร้องเหอะ ไม่ขัดกูซักเรื่องได้มั้ย"



"ไปทะเลาะกันข้างนอกไปๆ เรียกกลุ่มต่อไปเข้ามาด้วย"



"คร้าบ..."



ทั้งสามคนออกจากห้องมาเวลาก็ยังไม่ทันสิบโมงดี เนื่องจากวันนี้งดคลาสเพราะต้องพรีเซนต์งาน อาจารย์จึงอนุญาตให้ใครก็ตามที่พรีเซนต์เสร็จแล้วไปทำอะไรตามอัธยาศัยได้เลย



ในขณะที่พระรามดูนาฬิกาแล้วก็คิดว่ากำลังจะไปไหนดีเพราะมันยังไม่ถึงเวลา เพื่อนตัวใหญ่กว่าอย่างดินก็เข้ามากอดคอจนร่างโปร่งโซเซ



"เฮ้"



"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อาจารย์ชมแล้วยิ้มแป้นเลยนะมึง"



เขาเกาหัวเก้อเขินกับคำล้อของเพื่อน "ก็กูทำเต็มที่นี่หว่า"



"ก็จริง ดีแล้วที่มีรามมันอยู่ในกลุ่มด้วย ไม่งั้นคงไม่โดนชมแบบนี้" สินว่ายิ้มๆ



"หมายความว่าไง...มึงจะบอกว่ากูทำไม่ได้แบบไอ้รามเหรอห๊ะ"



"ความจริงก็ต้องยอมรับนะ" เสียงทุ้มใสพูดแทรกขึ้นมาพลางกลั้วหัวเราะส่งเสริมจนเพื่อนผิวคล้ำหันขวับ



"ไอ้ราม!"



"อ่ะๆ วันนี้ไปหาไรกินกันปะ ฉลองที่วันนี้ทำได้ดี" สินเปลี่ยนเรื่องทำให้ดินชะงักหันมาสนใจ



"เออๆ เอาดิ หิวละ"



พระรามแอบนับถือสินที่ทำให้ดินเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็วราวกับจะรู้ว่าต้องพูดยังไง แต่คำชวนนั้นทำให้เขาลังเล



"แต่กู..."



วืด วืด



มือถือเครื่องเล็กเบาหวิวสั่นดิกในกระเป๋ากางเกงทำให้พระรามล้วงขึ้นมา ก่อนที่จะเม้มปากแน่น...แก้มแดงเรื่อ



"อะ เอ่อ พวกมึงไปกันก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป!" ขาเรียววิ่งไปอีกทางก่อนที่ดินจะตะโกนถาม



"อ้าว แล้วนั่นมึงจะไปไหน!"



"ห้องน้ำ!" เขาตะโกนตอบกลับไปทั้งๆ ที่ไม่ได้จะไปห้องน้ำเสียหน่อย



แผ่นหลังบางแนบชิดกำแพงในมุมๆ หนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครเดินพลุกพล่าน ก่อนจะกดรับ



"ฮัลโหล..."



("ราม พรีเซนต์งานเสร็จแล้วใช่มั้ย")



เขาขมวดคิ้วมองไปรอบๆ "ติมรู้ได้ยังไง?"



อีกฝั่งกลั้วหัวเราะ ("ก็รับสายนี่...ถ้าไม่รับก็น่าจะยังไม่เสร็จ")



"อ๋อ...” พระรามกระพริบตาปริบ นั่นสิ “อื้ม"



("งั้นเดี๋ยวผมไปรับ...")



"เอ่อ...คือพี่ต้องไปกินข้าวกับเพื่อนก่อนน่ะ" พระรามพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเกรงใจด้วย



อีกฝั่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่ เสียงทุ้มจะดังขึ้นเหี้ยมๆ ("จะผิดนัดกับผมเหรอ")



"ปะ เปล่า..." แก้มขาวร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายพูดว่านัด จริงๆ แล้วก็ไม่ได้นัดไปไหนสักหน่อย



'พรุ่งนี้เตรียมตัวไว้ ผมจะเอารามให้เตียงหักเลย...โทษฐานทำให้ผมอดทนขนาดนี้'



...อีกฝ่ายก็แค่อยากเองไม่ใช่เหรอ...



(“สองสัปดาห์แล้วนะ ผมไม่รออีกวันหรอก”)



“หืม...?” เมื่อกี้ติมพูดว่าอะไรนะ



("เปล่า...ถ้ารามจะไปกินข้าว งั้นก็ไปกับผมสิ")



"อือ...พี่กลัวไปกับติมแล้วจะไม่ได้กินข้าวน่ะสิ...ไม่ได้กินถึงเย็นเลย" เสียงทุ้มใสพูดอุบอิบทำให้ไอติมหัวเราะชอบใจ



("งั้นถ้าจะไปกินข้าวกับเพื่อน รามก็ต้องไปกินไอติมกับผมนะ")



"หืม...?" พระรามครางในลำคออย่างแปลกใจเพราะร่างสูงชวนไปกินของหวานกลางวันแสกๆ "อ้าวแล้วติมไม่..." ก่อนจะกัดปากแน่นเขินสุดตัวเมื่อคิดจะพูดอะไรออกไป



เสียงทุ้มหัวเราะแทรกกลับมาอย่างกรุ้มกริ่มจนคนได้ยินกระพริบตาและหน้าแดงก่ำในเวลาต่อมา



("ก็กำลังจะชวนไปกินไอติมร้อนสอดไส้ลาวาอยู่นี่ไงครับ")



“เป็นอะไรหน้าแดงๆ”



“หะ...ปะ เปล่า...” ดินถามเลิกคิ้วเพราะพระรามลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ซ้ำยังหน้าแดงก่ำ ก้มหน้างุดๆ ตอบเสียงแผ่วเบา ทั้งที่เมื่อกี้ตอนพรีเซนต์งานยังไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย



“หรือว่าไม่สบาย” สินถาม



“เออ ไหนดูดิ้” ดินเออออกับเพื่อนแล้วยกมือทาบหน้าผากมน  “ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร”



“กะ ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร” เจ้าตัวตอบอึกอักพลางเหลือบมองนาฬิกา การกระทำเล็กน้อยไม่รอดพ้นสายตาของสิน



“หรือว่ามึงมีธุระแต่ไม่กล้าบอกพวกกู มึงกินข้าวเสร็จแล้วนี่ ไปเลยก็ได้นะ”



ยิ่งพูดถึง ‘ธุระ’ ใบหน้าขาวยิ่งแดงก่ำ “เอางั้นก็ได้”



เพราะทันทีที่สินบอก โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมันก็สั่นขึ้นมาทันที ไม่ต้องล้วงมาดูก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะถึงเวลาที่ ‘นัด’ เอาไว้แล้ว



...ผมให้ถึงแค่สิบโมงครึ่ง ถ้าไม่ตรงต่อเวลาวันนี้ไม่ต้องนอน...



“งั้นกูขอไปก่อน...ไว้เจอกันคาบหน้าที่เข้าเรียนนะ”



“หึหึ ตรงเวลาเป๊ะๆ”



ทันทีที่ก้าวขึ้นรถสปอร์ตคันหรู เสียงทุ้มก็หัวเราะทันทีให้ใบหูแดงก่ำ ก่อนจะแก้ตัวอุบอิบ “ก็นายมาพูดอะไรแบบนั้นกันล่ะ พี่ก็กลัวสิ...”



พระรามมองใบหน้าหล่อเหลาที่สบมองกลับมาเช่นกัน ไอติมในชุดนักศึกษานี่ดูอ่อนอายุลงเยอะจนเขาเพิ่งนึกได้ว่าอีกฝ่ายอายุน้อยกว่าจริงๆ ด้วย ทั้งๆ ที่เมื่อวานยังไปต่อยตีมีเรื่องกับอันธพาลอยู่เลย



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไล่มองลงมาจนปะทะกับบางสิ่งบางอย่างที่มันปูดขึ้นมาจนตุงคับกางเกงแสลคสีดำ ร่างกายของเขาพลันร้อนผ่าว



“นี่นายไปหื่นมาจากไหนอีกล่ะ” ดวงตาเรียวหลุบลงก่อนจะเบนมองออกไปนอกหน้าต่าง ร่างโปร่งเกร็งทั้งตัวจนสะดุ้งเฮือกเมื่อมือร้อนจับหมับเข้าที่หน้าตัก “ติม...”



“ก็เพราะคุยโทรศัพท์กับรามนั่นแหละ”



คนฟังหน้าระเบิดดังปุ้ง “หา...”



“ไม่ต้องคุยแล้ว รอมาครึ่งชั่วโมงแล้ว” พูดไม่ทันจบร่างสูงเข้าเกียร์เหยียบคันเร่ง รถสปอร์ตเฉี่ยวก็พุ่งทะยานกลับคอนโดอย่างรวดเร็ว





-พระราม-

ก็ขอให้ความสุข...ยังเป็นแบบนี้ให้ได้นานที่สุดก็แล้วกัน



********************* Love Substitute *********************



ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
«ตอบ #32 เมื่อ19-04-2019 18:42:11 »






ทดแทนรัก

ตอนที่ 16

​โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เนื้อหาต่อไปนี้เหมาะสมกับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป



"อุก...อึก..."



ในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศระอุและความเร่าร้อนจนต้องกดรีโมทเร่งแอร์ ร่างเปลือยเปล่าสองร่างกำลังอยู่บนเตียงใหญ่ โดยร่างแกร่งนั่งพิงหัวเตียง อ้าขากว้างให้ร่างผอมขาวคุกเข่าก้มๆ เงยๆ กลืนกินสิ่งร้อนผ่าวราวกับไฟ ดวงตาคมกริบจดจ้องทุกการกระทำ ริมฝีปากบางเล็กนั่นให้ความรู้สึกไม่ต่างจากสอดใส่ด้านล่าง ซ้ำยังเรียกอารมณ์หื่นได้มากกว่าเพราะได้เห็นสีหน้าและดวงตาฉ่ำน้ำหลงใหลปรือปรอยขณะที่ปรนเปรอให้เขาด้วยปาก



"อย่างนั้นแหละราม เก่งมาก ซี้ด อมลึกๆ" เสียงทุ้มครางต่ำซ่านเสียว มือใหญ่แทรกนิ้วขยุ้มท้ายทอยเล็ก ดึงศีรษะทุยให้รับเขาเข้าไปสุดโคน “อู้...อุก!” กดแน่นแบบนั้น ร่างสูงเชิดหน้าสูดปากเกร็งหน้าท้องจนเป็นลูกคลื่นเพราะส่วนปลายบานถูกลำคอด้านในบีบรัดแน่น ซ้ำยังมีลิ้นเล็กขยับเลียไปมาอีก พระรามหายใจรวยรินใส่กลุ่มขนที่อยู่ชิดติดจมูก มือเรียวจิกต้นขาแกร่งแน่น คิ้วบางที่ขมวดเป็นปม เพียงไม่นานร่างแกร่งจึงยอมผ่อนคลายมือออก



"...ฮ่า..." ใบหน้ามนผละออกมาหอบหายใจหนักหน่วง ปาดน้ำลายของตนและน้ำที่ผุดจากของๆ ติมผสมปนเปไหลย้อยออกมาใต้คาง "ฟืด...ฮึก"



มือร้อนผ่าวลูบข้างแก้มและไล้นิ้วตามริมฝีปากแดงบวมเพราะเสียดสีแท่งร้อนขนาดใหญ่ช้าๆ เมื่อมือร้อนสอดแทรกเข้าท้ายทอยทำให้พระรามรู้ถึงสัญญาณก้มลงอ้าปากครอบอมแท่งร้อนอีกครั้ง



"อืม! ...อา"



ร่างสูงสะดุ้งครางเฮือกเสียวจี๊ดเมื่อปากบางดูดตรงปลายแรง ลิ้นเล็กก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดีแลบเลียกินน้ำที่ผุดออกมาจนเยิ้ม มือใหญ่กดศีรษะทุยให้ขยับเข้าลึกอีกครั้ง ขยับเข้าออกระรัวดูดจนแก้มตอบ เสียงดังอึดอัดครางในลำคอยิ่งทำให้หน้าท้องหดเกร็ง ดวงตาคมกริบมองไปทั่วเรือนร่างเห็นจุกนมแข็งเป็นไตกับแก่นกายอันพอดีของพระรามแข็งขืนไม่ต่างจากของเขา



อย่าบอกนะว่าใช้ปากทำให้เขาจนมีอารมณ์?



หึหึ



ร่างโปร่งตัวสั่นระริก ผละออกมาหอบหายใจอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมไอติมถึงได้อึดขนาดนี้ เขาทำมานานเกือบครึ่งชั่วโมงจนเจ็บปากเจ็บคอไปหมดแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เสร็จสักที



"ติม...อึก พี่แสบปาก" เสียงทุ้มใสบอกระคนอ้อนวอน ในท้องปวดมวนไปหมด ยิ่งเห็นร่างกายเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของไอติมอ้าขาโชว์เครื่องเพศตั้งโด่เด่อย่างไม่อายแล้วไม่รู้ทำไมถึงอยากจะให้สิ่งนั้นมันแทรกเข้ามาในร่างกายของตนเสียเหลือเกิน



...เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...



"เหนื่อยแล้วเหรอ" เสียงทุ้มถามพร้อมสายตาคมกริบ ทำให้ใบหน้ามนแดงอยู่แล้วแดงกว่าเดิม



"ติม..."



"หืม?"



"พี่...ฮึก" ดวงตาฉ่ำน้ำตาเพราะต้องการมากเกินไปทำให้ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร้าย "ว่าไงราม" ทั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้พระรามพูดออกมาเองว่าอยากให้เขาทำอะไร



"พะ พี่...พี่..." เสียงทุ้มใสตะกุกตะกักไม่กล้าพูดออกมา เพราะมันน่าอายเกินไป สายตาคมกริบที่ไล่มองร่างโปร่งขาวคุกเข่าอยู่ตรงหน้า แก่นกายเล็กที่แข็งตรงมีน้ำผุดซึมจนไหลย้อยหยดเปรอะเปื้อนผ้าปูสีเข้ม จุกนมเล็กสีแดงก่ำบนแผ่นอกสีน้ำนม หนำซ้ำ...เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวเองว่าสะโพกเล็กโก่งขยับเคลื่อนไหวราวกับต้องการนั่น



เป็นร่างกายที่รัญจวนเป็นบ้า...สุดท้ายไอติมเองที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหว



"รามอยากทำเองมั้ย"



ร่างโปร่งมองเหม่อลอย "ทำเอง?"



"มานี่สิ" มือใหญ่จับแขนผอมดึงให้มานั่งคร่อมหน้าท้องแกร่งโดยมีแก่นกายใหญ่ร้อนผ่าวพาดอยู่ตรงร่องก้นด้านหลัง "รามใส่เข้าไปเอง ขยับเองตามต้องการ..."



"มะ ไม่เอา...พี่อาย"



"จนป่านนี้แล้วนะ" ริมฝีปากหยักยกยิ้มขำ ก่อนจะยกร่างเบาหวิวขึ้นและจ่อแก่นกายร้อนตรงปากทาง จนเจ้าตัวตัวสั่นมากกว่าเดิม "เร็วสิ รามไม่อยากได้เหรอ"



ดวงตาเรียวหลับปี๋ไม่กล้าสบ ไม่กล้ามองอะไรทั้งนั้น ริมฝีปากบางแดงก่ำเม้มแน่น



"แต่ผมอยากได้ราม...อยากเข้าไปข้างในลึกๆ" ไม่พูดเปล่า ถูส่วนปลายแล้วก็กดสะโพกเล็กลงทีละนิดๆ ยิ่งกระซิบเรียกชื่อกระตุ้น ยิ่งสะกดให้เจ้าของชื่อกัดปาก จับไหล่กว้างมั่น ผ่อนลมหายใจและค่อยๆเปิดรับร่างกายของใครอีกคนเข้าไป



"อื๊อ"



พระรามหอบแฮ่ก จับท้องตัวเองที่รู้สึกมันอึดอัดคับแน่นเหลือเกิน แต่เพียงแค่มองลงไปก็ต้องน้ำตาเล็ดเพราะเข้าไปแค่ครึ่งเดียว ฝืนกายเอาไว้เมื่อมือใหญ่จับสะโพกตนกดลงไปอีก เขาทนไม่ไหว



...เหมือนจะตาย...



"ผ่อนคลายหน่อย อา..." มือร้อนลูบไล้แผ่นอกเนียนผ่านจุกนมแข็งขึง เอวคอด สะโพกเล็กและเอื้อมไปด้านหลังขยำก้นทั้งสองข้างแหวกออกอย่างหมั่นเขี้ยว



"ฮึก..."



"อืม ข้างในทั้งนุ่มทั้งอุ่น...ซี้ด"



พระรามปรือตามองไอติมที่กัดปากครางเสียงต่ำอย่างคนรู้สึกดี แล้วแก้มก็แดงจัด ร่างโปร่งกลั้นใจค่อยๆ กดตัวเองลงอย่างยากลำบาก ทีละนิด...จนสุด



เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยากทำให้คนที่นอนด้วยรู้สึกดี...ถึงจะผิดจุดประสงค์ไปหน่อยก็ตาม



แขนผอมโอบรอบคอพร้อมกับใบหน้ามนซบลงซอกคออุ่นอย่างเหนื่อยอ่อน เพียงแค่สอดใส่มันยังเหนื่อยขนาดนี้แล้วอีกฝ่ายบอกว่าจะเอาเขาจนเตียงพัง...เขาคงได้ตายจริงๆ แน่



ลมหายใจร้อนจากร่างโปร่งที่เป่าลงรดรินผิวกาย กับความร้อนจากข้างในและผนังนุ่มบีบรัดมอบความเสียวซ่านให้ร่างสูง ทำให้มือใหญ่บีบเค้นคลึงร่างกายผอมไปทั่วอย่างระบายอารมณ์



พระรามผอมจริงๆ ผอมจนกอดไม่เต็มมือ เอวนี่ก็ผอมเพียงแค่แขนข้างเดียวก็โอบรอบแล้ว...ถ้าหากเขาทำแรงๆ เอวนี่จะหักรึเปล่า



"อ๊า" เสียงทุ้มใสหวีดร้องสูงเมื่อปลายแก่นกายใหญ่เข้ามาลึกบดขยี้ภายใน พลางร้องครางเครือไม่หยุดเมื่อมือใหญ่กดสะโพกเขาแน่น บดคลึงจนร่างโปร่งปวกเปียก



"รามขยับสิ เร็ว"



"แฮ่ก เดี๋ยว พี่ขอ...พัก อ๊ะๆๆ!" ร่างสูงไม่ฟังคำร้องขอยกสะโพกอีกฝ่ายขึ้นลงกลืนกินตัวตนจนพระรามร้องครางไม่เป็นศัพท์ ผ่านไปสักพักร่างโปร่งก็เริ่มขยับสะโพกด้วยตัวเองด้วยท่าทางบิดเร้ายั่วยวนคนมอง "อื๊อ...อ๊า"



ทั้งที่เจ้าตัวบอกว่าอายแท้ๆ นะเนี่ย “อืม ซี้ด”



นิ้วเรียวจิกข่วนไหล่กว้างอย่างเสียวซ่านจนเป็นรอยเล็บสีแดง ไอติมไม่เจ็บแต่ยิ่งเพิ่มอารมณ์หื่นให้พุ่งทะยาน ร่างสูงดันตัวเองให้นอนราบและส่งแรงสะโพกขับเคลื่อนรับกับร่างโปร่งที่กดลงมาจนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกว่าเดิม



"อ๊า!! อ๊า! ฮึก...ลึก!" ริมฝีปากบางอ้ากว้างหวีดร้องน้ำตาไหลพราก ทำอะไรไม่ได้นอกจากขยับสะโพกรับทั้งๆ ที่เสียวแทบจขาดใจแต่เพราะถูกมือใหญ่จับบังคับไม่ให้หนีไปไหน หนำซ้ำสะโพกแกร่งกระแทกขึ้นมาแรงจนหัวทุยโคลงอ่อนไปมา "พี่เสียว...เสียวจะตายอยู่แล้ว!"



"ราม อึก อา รัดโคตรแน่น" ดวงตาคมกริบจ้องมองพระรามที่ไร้สติ เวลารู้สึกถึงที่สุดอีกฝ่ายจะลืมความอาย มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นกดคลึงหัวนมสีแดงของตัวเองพยายามระบายอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีรุนแรงที่ช่องทางด้านหลัง ยิ่งส่วนปลายกระแทกโดนจุดหนึ่งในร่างกาย รามจะกระตุกเฮือกตอดรัดแน่นครางลั่น ซ้ำยังแก่นกายเล็กแข็งขืนที่มีน้ำใสไหลปริ่มจากส่วนปลายหยดเยิ้มเปรอะเปื้อน ซ้ำมันยังกระดกไปมาฟาดกล้ามท้องแข็งเกร็งเป็นพักๆ ตามแรงขับเคลื่อน



...ภาพเหล่านั้นมันช่างรัญจวนจนไอติมต้องขยับสะโพกไม่หยุด...



พระรามคงไม่รุ้ตัวว่าตัวเองกลายเป็นคนเสพติดเซ็กส์และลีลาของเขาไปแล้ว และไอติมเองก็ไม่ต่างกัน



ดวงตาเรียวปรือมองใบหน้าหล่อเหลา พอติมสูดปากเสียวซ่านเสียงดังเขาก็รู้สึกเสียวตามจนตอดท่อนเนื้อที่แทงเข้ามาในร่างกายของเขาแน่นตุ้บ การกระทำนั้นยิ่งส่งผลให้สะโพกแกร่งส่งแรงกระแทกมากขึ้นและนั่นก็ยิ่งทำให้พระรามรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย...เขากำลังจะตายเพราะเซ็กส์อันร้อนแรงของติม



สัญญาณตอดถี่ยิบของร่างโปร่งผอมไม่ทำให้ไอติมผ่อนแรง หนำซ้ำยิ่งจับสะโพกเล็กให้กดแน่นสวนกับเสาร้อนที่ขยับกระแทกตอกลึกจนพระรามดิ้นพล่านครางน้ำลายไหล นิ้วเรียวจิกข่วนอกตึงและหน้าท้องของร่างสูงหวังว่ามันจะช่วยปลดปล่อยความทรมานนี้ออกไปแต่สุดท้ายก็ไม่ช่วย



ในห้วงสุดท้ายของอารมณ์ ไอติมกดสะโพกเล็กรับสัมผัสเป็นครั้งสุดท้าย ใบหน้ามนเชิดครางสูง เป็นครั้งที่ลึกที่สุด รู้สึกวาบหวิวมากที่สุด...และมีความสุขมากที่สุด



"อ๊ะ อ๊าาา"



เสียงหวีดร้องของพระรามทำให้ไอติมสูดปากหลับตาพริ้มและกระตุกพ่นฉีดน้ำในขณะที่ผนังนุ่มตอดยิบๆ "อา..."



...โคตรดี...



ร่างโปร่งไม่มีแรงพยุงร่างกายตัวเอง ล้มตัวลงนอนทับอกแกร่งด้วยลมหายใจหอบสั่น ทั้งๆ ที่ข้างในยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายยังปลดปล่อยไม่หมดและเขาก็ตอดรัดอีกฝ่ายแน่นไม่แพ้กัน



ตึกตักๆๆ



ใบหน้าขาวแดงก่ำ หัวใจของเขาเต้นแรง...พอๆ กับของอีกฝ่ายเลย



ร่างผอมโปร่งถูกจับลุกขึ้นอีกครั้ง คุกเข่าหันหลังโก้งโค้งและจากนั้นก็ถูกสอดใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า



เอี๊ยดๆๆ



เตียงใหญ่ลั่นเอี๊ยดอ๊าดแบบนั้นตลอดหกชั่วโมงไม่หยุดตั้งแต่สิบเอ็ดโมงยันห้าโมงเย็น



ท่าแล้วท่าเล่าที่พระรามถูกจับให้เปลี่ยนไปมาตามที่อีกฝ่ายต้องการ โดยรามนั้นก็นอนปวกเปียกให้กระทำชำเรา ปลดปล่อยเป็นสิบๆ ครั้งจนแทบสลบเหมือด



ถึงพระรามจะร้องอ้อนวอนขอว่าไม่ไหวแล้วแต่ติมก็ไม่หยุด ท่าทางจะเก็บกดสองอาทิตย์ที่ไม่ได้มีอะไรกับใครเลย กักเก็บมาจนถึงขั้นนี้



'เตรียมตัวเอาไว้ ผมจะเอารามให้เตียงหักเลย'



"ตะ แตกแล้ว อ๊ะ อ๊า!!" ครั้งสุดท้ายที่ร่างแกร่งกดสะโพกแนบชิดฉีดพ่นน้ำอุ่นเข้ามาลึก ร่างผอมก็เกร็งตัว เชิดหน้าหวีดร้องเสียงสูง มือเรียวจิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนเกือบขาดติดมือ แก่นกายเล็กกระตุกพ่นน้ำใส่เตียงจนฉ่ำเยิ้ม



ติมทำอย่างที่พูดจริงๆ ถึงเตียงจะไม่หักแต่เอวเขาจะหักแทน และพอแก่นกายใหญ่ถูกช่องทางนุ่มร้อนบีบเค้นจนน้ำหมดก็ยอมถอนออกไปสักที



พระรามนอนโก่งสะโพกอยู่แบบนั้น แนบหน้าหอบหายใจแฮ่กๆ บนเตียงที่เปื้อนคราบน้ำกามเต็มไปหมด...แยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร



ดวงตาเรียวเหม่อลอยสุขสม รู้สึกโหวงๆ ที่ด้านล่างเพราะว่ามันถูกเติมเต็มครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดเป็นเวลาหกชั่วโมง เรียกว่าในท้องของเขามีแต่น้ำของติมทั้งนั้น



ยังจำความรู้สึกที่แก่นกายใหญ่นั่นขยับเสียดสีภายในได้อยู่เลย



"นอนแบบนี้ยั่วกันชัดๆ"



"..."



"ราม อยากโดนอีกเหรอ" เสียงทุ้มพูดพร่าพลางมองรูแดงเป็นช่องว่างขนาดของเขาพอดี ฉ่ำเยิ้มน้ำเหนียวเหนอะไหลย้อยเต็มขาเรียว ก็เขาปลดปล่อยตั้งหลายสิบครั้งจะให้ช่องทางเล็กๆ นั้นกักเก็บหมดได้ยังไง



"พี่เหนื่อย...ไม่มีแรงเลย" แต่พระรามก็เหนื่อยเกินกว่าจะมาอายคำพูดของอีกฝ่าย เสียงทุ้มใสพูดโหย ตาปรือจะปิด "กี่โมงแล้วเหรอติม"



"ห้าโมงนิดๆ รามนอนก่อนก็ได้เดี๋ยวผมปลุก"



คนฟังพยักหน้าก่อนจะทิ้งตัวลงนอนทั้งๆ อย่างนั้นและสลบเหมือดทันที



ด้วยร่างเปลือยเปล่าและแอร์เย็นๆ ทำให้พระรามขดตัวเข้าหากันกอดร่างตัวเองแน่น ส่งเสืองอืออาละเมออย่างคนเหนื่อยเพลีย ทำให้คนมองอยู่ลุกขึ้นห่มผ้าให้ก่อนจะเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมาในเวลาไม่นาน



ร่างสูงรู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก อารมณ์ดีจนมองหน้าไอ้เจ้าอุริแมวตัวน้อยแล้วยิ้มให้มันอย่างไม่มีเหตุผล เปิดตู้เย็นและหยิบเบียร์เย็นๆ มากระป๋องนึงและเปิดซดมันด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม



...รอยยิ้ม? อารมณ์ดี...?



ร่างสูงส่ายหน้า เขาจะอารมณ์ดีอะไร...ก็แค่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ที่อดทนมานาน ร่างกายเลยรู้สึกสบาย...แค่นั้นแหละ



แชะ! ฟู่...



ไอติมจุดไฟที่ก้นบุหรี่ก่อนจะนั่งสูงขณะพิงหัวเตียงเหยียดขายาวและนั่งมองร่างโปร่งที่ขดตัวอยู่ภายในผ้าห่มผืนหนา และใบหน้าอิดโรยของพระรามที่เป็นแบบนี้เพราะเขา



"เมี้ยว~" เจ้าแมวตัวจ้อยเดินเข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กระโดดเกาะขึ้นเตียงด้วยวิธีเดิมๆ จนผ้าปูเป็นรูเล็บเล็กๆ พอขึ้นเตียงมาได้มันก็สังเกตเห็นน้ำขาวๆ บางอย่างที่เลอะเทอะ ก่อนจะก้มดมฟุดฟิดพอได้กลิ่นแปลกๆ ก็ร้องเบาๆ และไม่สนใจอีก



คนมองกลั้วหัวเราะในลำคอ



เออ ดีนะมันไม่กินเข้าไป



"เมี้ยว" อุริวิ่งเข้าไปหาคนที่นอนหลับสนิทอยู่และร้องเรียกความสนใจแต่พระรามที่เหนื่อยเพลียมาตลอดหกชั่วโมงก็ไม่ได้ยินเสียงแมวแม้แต่นิด แม้จะไม่ได้ขยับแต่ก็ต้องรองรับอารมณ์รุนแรงของเขาไม่แปลกที่จะสลบแบบนั้น



ถ้าเป็นปกติพระรามจะต้องลุกขึ้นมาเล่นกับเจ้าอุริแน่ๆ เพราะร่างโปร่งเอ็นดูมันจะตายชัก จนเจ้าเหมียวมันรู้แล้วว่าควรจะอ้อนกับใครที่พร้อมจะตามใจมันได้



มิน่าถึงได้พยศใส่เขาแบบนั้นตอนที่รามไม่อยู่สองอาทิตย์ เพราะเจ้าอุริคิดถึงเจ้านายใหม่นี่เอง



มันน่านัก



"แค่ก...แค่ก!" ในระหว่างนั่งคิดอะไรเหม่อๆ คนที่นอนอยู่ก็ปิดปากไอโขลกและปรือตาขึ้นมา จากนั้นก็ไออีกครั้งติดกันยาวนาน



"ราม?"



"ติม บุหรี่ พี่...แค่ก ไม่เป็นไรติมสูบไปเถอะ เดี๋ยว แค่ก!" พระรามค่อยๆ ลุกขึ้นทั้งยังพูดแล้วก็ไอไปด้วยจนฟังไม่รู้เรื่อง แต่เขาก็ยังพอฟังออก



'พี่ไม่ชอบกลิ่นควันน่ะ'



ไอติมรีบดับมันทิ้งที่แก้วฐานเตี้ยข้างเตียง แต่ไม่ทันร่างโปร่งที่ดึงผ้าห่มออกจากเตียงคลุมไหล่ไปด้วย ค่อยๆ เดินออกไปนอกห้องโดยมีอุริเดินตามรั้งท้ายไม่ห่าง "เฮ้ยราม ผมไม่สูบแล้ว กลับไปนอนที่เตียงเหมือนเดิมไป"



"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จะไปทำงานแล้ว" เจ้าตัวพูดงัวเงียพร้อมล้มตัวนอนที่โซฟาตัวใหญ่ "ขอนอนอีกครึ่งชั่วโมงนะ"



จากนั้นลมหายใจก็ดังแผ่วสม่ำเสมอ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้เจ้าเหมียวมันร้องเรียกตั้งหลายทีไม่เห็นตื่นแต่เรื่องบุหรี่ดูเหมือนรามจะไวต่อกลิ่นของมันอย่างที่ปากพูดจริงๆ



ไม่ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ



"เดี๋ยวผมมารับตอนเลิกงาน" ไอติมพูดขึ้นขณะที่ขับรถมาส่งที่ผับเวลาทุ่มนึงตามเวลา



"แต่พี่เลิกดึก ติมไม่ต้องหรอก"



"แล้วรามจะกลับยังไง อย่าบอกว่าจะเดินเหมือนคราวที่แล้ว"



คนฟังเกาหัว "อืม ก็มันไม่มีทางเลือกนี่"



"ก็เดี๋ยวผมมารับไง อยากให้ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันหน่อย"



"ไปไหน?" เขาเอียงคอมองงง รู้สึกใจเต้นนิดหน่อยที่ติมบอกว่าอยากให้ไปด้วยกัน แต่ว่าเมื่อกี้เขานอนไปไม่ถึงชั่วโมงดีรู้สึกยังง่วงๆ อยู่เลย อยากทำงานแล้วก็กลับไปนอนเร็วๆ



"เอาเถอะ เดี๋ยวมารับแล้วก็รู้เอง"



ถ้าหากพระรามหมกมุ่นกับการทำงานมากๆ จนไม่ได้สนใจเวลา วันๆ หนึ่งจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว และตอนนี้เขาก็เลิกงานแล้ว กำลังยืนรอคนที่บอกว่ากำลังจะมารับ และเพียงไม่นานรถสปอร์ตคันหรูก็แล่นมาจอดตรงหน้า



ปึง!



"ติม ตกลงว่าจะไปไหนเหรอ" พระรามขึ้นนั่งปุ๊บก็ถามปั๊บ ตอนที่ทำงานเมื่อกี้คิดอยู่ตลอดเวลาว่าไอติมจะพาเขาไปไหนกันนะ ถึงขนาดออกปากว่าจะมารับและพาไปด้วยกัน ไม่รู้ตัวว่าใบหน้ามนประดับแย้มยิ้มผิดวิสัยจนลูกค้าผู้ชายที่นั่งดื่มหลายคนมอง แต่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัวว่านอกจากรอยยิ้มชวนมองแล้วทั้งร่างกายของตนน่าสัมผัสขนาดไหน



รถสปอร์ตคันใหญ่ทะยานออกไปโดยที่เจ้าของไม่ตอบคำถาม ดวงตาคมกริบมองไปด้านหน้าอย่างเดียว บรรยากาศเงียบเชียบในรถกับแอร์เย็นๆ ที่เป่าเข้าหน้าทำให้รามที่ง่วงงุนเคลิ้มหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ถึงจุดหมาย



ร่างโปร่งกระพริบตาเชื่องช้าเหมือนยังไม่ตื่นดี เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแทรกเข้ามาข้างใน ที่นี่มัน...เหมือนสนามแข่งรถ



"ลงมา"



"?" แม้จะยังงงๆ แต่ก็ต้องทำตามที่บอก พอขาเรียวแตะพื้นปุ๊บก็ถูกลากให้เดินตามมา ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเข้ามาภายในประตู พระรามก็ต้องร้องโอ้โห ที่นี่คล้ายกับสนามแข่งบอลขนาดใหญ่ มีอัฒจรรย์ที่นั่งคนดูล้อมรอบเพียงแต่สนามตรงกลางไม่ใช่สนามหญ้าสีเขียวแต่กลับเป็นถนนคอนกรีตลาดยางอย่างดี ดูเป็นสถานบันเทิงของคนร่ำรวยที่หนึ่งที่ชอบเล่นสนุกกับความเร็ว



ซึ่งมันไม่ใช่ที่ๆ คนอย่างพระรามจะมาได้เลย



เขามองไปรอบๆ ...ดึกขนาดนี้ยังมีคนมาอีกเหรอเนี่ย



"อ้าว! พี่ติมนี่นา ทางนี้ครับ!" ดวงตาเรียวหันไปมองว่ามีคนเรียกชื่อของไอติม ยังไม่ทันจะได้ตั้งสติเพราะมัวแต่ตื่นตากับรอบด้านก็ถูกลากเดินเข้ามาหาคนหน้าตาน่ากลัวตัวโตกล้ามใหญ่ผมทรงสกินเฮด กับด้านหลังที่ยังมีคนนั่งอีกมากมายมองมาด้วยสายตาเดียวกันคืออยากรู้อยากเห็น



นั่นพี่ไอติมพาใครมา



ต่อด้านล่าง







ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
«ตอบ #33 เมื่อ19-04-2019 18:43:46 »




ต่อจากด้านบน


ดวงตาเรียวกระพริบปริบ แม้ใบหน้าจะคุ้นๆ บ้างเหมือนเคยเห็นลางๆ ในผับที่เขาทำงานอยู่ ตอนที่ทะเลาะมีเรื่องกันใหญ่โตจนร้านพังเป็นแถบ



นี่เพื่อนของไอติมเหรอ แล้วที่บอกว่าอยากให้มาด้วยกันนั่น...ให้เขามาทำอะไร?



ตั้งแต่ก้าวมาที่นี่ก็มีแต่สายตาจับจ้องมาที่ร่างสูงข้างกาย แน่นอนว่าเขาที่อยู่กับไอติมก็ถูกจ้องไปด้วย กลุ่มตรงหน้าว่าไปอย่างแต่อีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่เยื้องไปคนละฟากของอัฒจรรย์ สายตาไม่เป็นมิตรนั่น...อะไรกันน่ะ



พระรามไม่รู้เรื่องรู้ราวมีแต่ความสงสัยอยู่เต็มหัวพยายามแอบซ่อนอยู่ด้านหลังที่สามารถบังเขาได้มิด แต่ก็ถูกลากออกมาจนได้ ทันใดนั้นร่างเล็กๆ ของใครบางคนพุ่งเข้ามากอดไอติมจนตาเรียวเบิกกว้าง



"ติม"



"นิล" ร่างสูงถามพลางผลักไหล่เล็กออก ทั้งๆ ที่ยังจับมือเรียวไม่ปล่อย "มาได้ไง"



"ก็ติมไม่มาที่ร้านเหล้าซักทีนี่นา ก็เลยมาหาที่นี่เผื่อว่าจะเจอ นิลคิดถึงอะ วันนั้นติมใจร้ายมากเลยไม่มาส่งนิล ทั้งๆ ที่กลัวมากแท้ๆ" เสียงเล็กพูดเจื้อยแจ้วแง่งอน ร่างโปร่งที่มองอยู่ยังรู้สึกว่านี่คือผู้ชายเหรอทำไมถึงได้น่ารักเช่นนี้...ดูไปดูมาก็คล้ายๆ ชะเอม แต่ว่าเพื่อนของเขาตัวสูงกว่า ผอมกว่าและใสซื่อกว่า นิสัยไม่พูดตรงไปตรงมา ชอบเก็บความรู้สึกเอาไว้



รามจำได้ว่าร่างเล็กคนนี้เป็นคนที่ติมมีอะไรด้วยในห้องน้ำที่ผับ...ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราสองคนเจอกัน



ถ้าหากว่านิลกับติมยังเจอกันก็แปลว่าอีกฝ่ายยังคงมีอะไรกับใครไปทั่วสินะ...ใบหน้ามนหม่นลง ใจบีบรัดเมื่อคิดได้ เขาก็เป็นคนๆ หนึ่งที่เป็นได้แค่คู่นอนไม่ต่างกัน



ในขณะที่ริมฝีปากเล็กจ้อไม่หยุด ดวงตากลมจะหันมามองเขาเหมือนเพิ่งเห็นและขมวดคิ้วฉับ



...นี่มันพนักงานเสิร์ฟหน้าจืดตอนนั้นนี่...



นิลตาโตอ้าปากค้างเมื่อเห็นมือใหญ่ของไอติมกอบกุมมือของร่างโปร่งแน่น "นี่นาย...!"



"นั่นใครวะติม" คนยุโรปตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ลุกขึ้นเดินมาใกล้ ร่างสูงกว่าติมเล็กน้อยใส่หมวกแก๊ปปิดหน้าแทบมองไม่เห็นเป็นคนถาม ก่อนที่ริมฝีปากรูปสวยยิ้มเจ้าเล่ห์ "อ้อ หรือว่า..."



"คนสำคัญของกูเอง" ติมตอบยิ้มๆ ในความเงียบแบบนี้เสียงทุ้มที่ตอบมันดังก้องไปทั่วจนมั่นใจว่าน่าจะได้ยินกันทุกคน ทั้งเพื่อนของเขา พรรคพวกที่นั่งตาโตร้องว้าวและคู่อริที่สายตาเปลี่ยนไป



'คนสำคัญ' หันขวับมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยใบหน้าร้อนผ่าว แก้มขาวแดงเรื่อก่อนจะกัดริมฝีปากแน่นอย่างเขินอาย ที่บอกว่าอยากพามาด้วยกันเพราะเรื่องแบบนี้เองเหรอ...เพื่อมาประกาศเรื่องอะไรแบบนี้เนี่ยนะ



“ติม...”



"ติม..." เสียงเล็กครางเรียกชื่อไอติมออกมาพร้อมกันอย่างไม่อยากเชื่อ แต่แม้อย่างนั้นก็ไม่ได้รับความสนใจ นิลเลยหันไปถลึงตาจ้องร่างโปร่งแทนด้วยความเคียดแค้น



ไอ้หน้าจืดเนี่ยนะคนสำคัญ!? แล้วเขาที่ทั้งยั่วทั้งยอมแทบตายทำไมถึงไม่สนใจกันเลย! เขาไม่มีดีตรงไหน อย่างน้อยลีลาบนเตียงเขาก็ต้องดีกว่าแน่ๆ ล่ะ!



"โอ้ววว นี่หรือๆ ไม่น่าเชื่อเลยอ่ะพี่ติม สุดท้ายพี่ก็เลือกผู้ชายเหรอเนี่ย" คนหัวเกรียนเมื่อกี้พูดล้อเสียงดัง ไอติมหน้านิ่งแต่พระรามกลับเขินอายแทน



"ไหนๆ ก็อยากเห็นมั่งอะ มึงอย่าบังสิไอ้ยักษ์นี่!"



"แฟนพี่ติมไม่ใช่สัตว์ประหลาดสักหน่อย มึงจะตื่นเต้นอะไรนักหนา"



"อย่ากระตู้วู้นัก รามกลัวพวกมึงหมดแล้ว" ไอติมพยายามดึงมือเรียวให้ออกมาจากการหลบซ่อนด้านหลังเขาเสียที แล้วใบหน้ามนนั่นจะแดงอะไรนักหนา



...ดีใจขนาดนั้น?...



"ราม...ชื่อรามเหรอ" คนยุโรปพูดทวน ก่อนจะหันมาถามเจ้าตัวที่พยักหน้าน้อยๆ



"รามนี่เพื่อนผมเอง ชื่อธาร" ร่างสูงว่าซึ่งเขาก็พูดตะกุกตะกักทักทาย



"สะ สวัสดี..."



"อืม วันนี้จะมาลงแข่งด้วยป่ะ" ธารตอบรามสั้นๆ ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อน



ร่างสูงพยักหน้า "ซักรอบก็ดี"



"ติมแข่งรถด้วยเหรอ" เขาถามด้วยความแปลกใจ ปกติแล้วตอนติมขับรถก็ขับเร็วจริงๆ แล้วลักษณะท่าทางการขับก็เหมือนนักแข่งรถที่เคยเห็นผ่านๆ ในทีวีด้วย



"อืม ส่วนใหญ่แข่งรถยนต์น่ะ"



"ส่วนใหญ่?"



"ติมมันชอบแข่งรถ แต่บางทีถ้ามีแข่งมอเตอร์ไซค์ไอ้หมอนี่ก็ลงนะ" คนที่ตอบแทนเป็นธารที่ยิ้มนิดๆ ดูเป็นมิตรทำให้พระรามผ่อนคลายยิ้มกว้างตอบ



"เหรอ" เขาดีใจเหมือนได้รู้เรื่องของไอติมเพิ่มมากขึ้น แต่ทันใดนั้นก็ถูกมือใหญ่กระชากต้นแขนลากให้เดินตามไปนั่งใกล้ๆ กับกลุ่มคนเมื่อครู่ที่ตื่นเต้นกับการมาของเขา



"รามรออยู่นี่ เดี๋ยวผมกับธารจะไปแข่งรถซักหน่อย"



พระรามกระพริบตาปริบกับคำสั่ง "อะ อืม"



คล้อยหลังธารกับติม พระรามยิ่งถูกจับจ้องเหมือนเขาเป็นตัวประหลาดทำเอาประหม่าไม่น้อย



"..." ร่างโปร่งนั่งนิ่ง ดวงตามองตรงลงไปในสนามพยายามทำเป็นไม่สนใจ



"นี่นาย!" จู่ๆ ใบหน้าเล็กขาวใสก็ชะโงกเข้ามาใกล้จนเขาผงะ "เป็นใครมาจากไหน!"



นิลคนน่ารักกลายร่างเป็นเด็กดื้อเอาแต่ใจทันที ยิ่งอยู่ๆ มีคนมากับติมแบบนี้ มันน่าสงสัยแปลกๆ ทั้งๆ ที่ไอติมไม่เคยมีใครควงออกหน้าออกตาขนาดนี้มาก่อน...ขนาดเขายังเป็นได้แค่คู่นอน ไอ้หน้าจืดนี่จะเป็นคนสำคัญของติมไปได้ยังไงล่ะ บ้าชัดๆ!



"เอ่อ” คนฟังงุนงงกับคำถาม “พี่ชื่อราม เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย"



"โอ้ เป็นพี่ด้วย นี่พี่ติมสอยรุ่นพี่มาเลยเหรอ" คำพูดคำจาของคนหัวเกรียนทำให้เขาฟังแล้วหน้าร้อนผ่าว สอยเสยอะไร "เป็นพี่กี่ปี"



"สอง"



"รุ่นใหญ่ซะด้วย แต่ตัวแค่นี้ไม่คิดว่าจะเป็นรุ่นพี่นะเนี่ย พี่ติมยังดูเหมือนพี่มากกว่า"



พระรามพยักหน้ารับเห็นด้วย จริงๆ แล้วไอติมน่ะตัวใหญ่ไปเองต่างหาก...อะไรๆ ก็ใหญ่เกินอายุ



“แล้วพวกนายล่ะ อายุเท่าไหร่กันบ้าง ชื่ออะไร” เสียงทุ้มใสถาม ดวงตาเรียวเปล่งประกายอยากรู้อยากเห็นไม่แพ้กันเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้คุยกับเพื่อนของติม รู้เรื่องของติมมากขึ้น



ทั้งๆ ที่อยู่ที่มหาวิทยาลัยก็ดูเหมือนว่าไอติมจะไม่ค่อยมีเพื่อน แต่จริงๆ ก็ถูกรายล้อมด้วยความชื่นชมแกมเคารพจากคนอื่นเหมือนกันนี่



“พวกผมก็เป็นเด็กอาชีวะแถวๆ นี้แหละ ส่วนใหญ่อายุสิบแปดสิบเก้า หรือเด็กกว่านั้น ผมชื่อใหญ่ นี่ไอ้จิ๋ว แดง เขียว ศึก คูน...” เขามองตามการแนะนำตัวทีละคนทั้งหมดเกือบยี่สิบคน ซึ่งจริงๆ แล้วก็จำไม่ค่อยได้หรอกแต่ว่าแต่ละคนก็ดูเป็นมิตร รู้จักเอาไว้ก็ไม่เสียหาย



“กูไม่ได้ชื่อจิ๋วสักหน่อยไอ้ยักษ์! ผมชื่อเล็กนะครับพี่ราม อย่าไปจำอะไรผิดๆ” เจ้าตัวชี้เข้าที่ตัวก่อนพูดแล้วก็ยิ้มกว้างโชว์ฟันครบ



พระรามก็ยิ้มเอ็นดูกับคนตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม ไม่เหมาะจะมาอยู่กับกลุ่มที่คล้ายๆ นักเลงพวกนี้เลยสักนิด



"เสร็จติมแล้วเหรอ" ในระหว่างที่กำลังคุยอยู่ จู่ๆ ร่างเล็กน่ารักก็ถามอะไรขึ้นมาอีกแล้ว เป็นคำถามที่ทำให้คนฟังหน้าแดงเรื่อ อะไรกันเนี่ยเด็กคนนี้ นิสัยไม่เหมือนชะเอมแม้แต่นิดจริงๆ ด้วย แต่ละคำถามไม่สมกับหน้าแบ๊วๆ นี่เลย



พระรามไม่ตอบแต่หน้าแดงๆ นั่นก็ทำให้นิลเดาะลิ้นขัดใจ



"แล้วเคยจูบรึเปล่า" อีกฝ่ายถามมาอีกอย่างเอาแต่ใจ "นี่ตอบสิ นายเคยจูบกับติมรึเปล่า"



คราวนี้เขาส่ายหน้า "มะ ไม่เคย"



แล้วก็ทำให้นิลยิ้มกว้างอย่างคนชนะบางอย่างและหัวเราะออกมาอย่างยิ้มเยาะ "ฮะๆ งั้นนายก็ไม่ใช่คนสำคัญของติมหรอก"



"?"



"ก็เพราะว่าติมจะจูบกับคนที่ชอบเท่านั้น"



คำพูดนั้นทำให้พระรามฟังแล้วนั่งนิ่ง รู้สึกใจบีบรัดเมื่อนึกถึงตอนที่เคยมีอะไรกันด้วยทุกครั้ง ติมไม่เคยจูบจริงๆ อย่างที่อีกฝ่ายบอก ครั้งแรกๆ ที่เขาเผลอไผลอีกฝ่ายก็บ่ายเบี่ยงเห็นได้ชัด



...เพราะอย่างนี้เองเหรอ...



พระรามส่ายหน้าเมื่อรู้สึกเหมือนโดนปั่นหัว...ในใจลึกๆ ยังไม่คลายกังวล...แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเขาได้อยู่ข้างกายร่างสูง ไม่เหมือนกับคนตรงหน้า



"ที่มาพูดแบบนี้ แสดงว่านายก็ไม่เคยได้จูบของติมเหมือนกันใช่ไหมล่ะ"



"อะ มะไม่ใช่สักหน่อย!" ใบหน้าเล็กแดงวาบอย่างคนเสียหน้า ไม่คิดว่าคนนิ่งๆ ไม่มีอะไรอย่างรามจะโต้กลับแบบนี้ "คนอย่างนิลน่ะเดี๋ยวก็ทำให้ติมมาชอบได้อยู่แล้ว ยังไงนิลก็น่ารัก ดีกว่าหน้าตาขี้เหร่ๆ จืดชืดแบบนาย!"



พระรามกำหมัดแน่นนั่งเงียบฟัง ก่อนจะลุกขึ้นถามคนตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ "เล็ก ห้องน้ำอยู่ทางไหน"



"ทาง...ทางโน้นครับ"



"แทงใจดำล่ะสิ อย่าหนีนะ!" รามสะบัดแขนออกเมื่อถูกจับ



"จะพล่ามอะไรก็พล่ามไป แต่คนที่ติมบอกว่าเป็นคนสำคัญคือพี่ ไม่ใช่นาย"



พระรามพูดจบก็เดินออกมา จุดหมายคือทิศทางที่คนตัวเล็กเมื่อกี้เป็นคนบอก มือเรียวกำหมัดแน่นอย่างคนอดทนอดกลั้น



เขายอมรับว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริง เขาหน้าตาไม่ดีเท่านิล ไม่ได้น่ารักเหมือนนิล ไม่ใช่สเป็คของไอติมด้วย แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมติมถึงพูดว่าเขาเป็นคนสำคัญแทนที่จะเป็นนิล



เขาอยากจะเข้าข้างตัวเอง เพราะอย่างน้อยติมก็อาจจะรู้สึกดีกับเขาบ้างไม่งั้นคงไม่พูดแบบนั้นออกมา



'คนสำคัญของกูเอง'



แม้จะยังไม่เคยจูบสักครั้งเลยก็เถอะ



'ติมจะจูบกับคนที่ชอบเท่านั้น'



แต่มีแค่เขาที่ได้อยู่เคียงข้างติมตอนนี้ ไม่ใช่นิลหรือเอมหรือใครทั้งนั้น!



ซ่า!



มือรองน้ำสาดซัดเข้าใบหน้ามนจนเปียกโชกหวังดับอารมณ์ร้อน แต่ก็ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ เลยวักน้ำสาดเข้าไปอีกสองสามทีจนคอเสื้อเปียกชื้น



"โอ๊ะ บังเอิญชะมัด"



ใบหน้ามนหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงไม่คุ้นเคย แล้วก็เป็นใครก็ไม่รู้จริงๆ ด้วย...เขาไม่รู้จัก ที่สะดุดตาที่สุดคือห่วงสีเงินสองห่วงตรงริมฝีปาก หรือว่าอีกฝ่ายทักคนอื่นกันนะ...เขาปลอบใจตัวเอง เพราะว่าในห้องน้ำนี่ไม่มีใครเลยนอกจากเขา



ร่างโปร่งรีบเดินเลี่ยงไปเงียบๆ เพราะอีกฝ่ายดูเป็นคนอันตราย แต่กลับถูกดันกลับไปในห้องน้ำอย่างแรงจนทำให้พระรามล้มลงกับพื้นกระเบื้อง



"โอ๊ย! ทำอะไรวะ!?" เสียงทุ้มใสตวาดดัง เจ็บตูดก็เจ็บ อารมณ์ที่เสียอยู่แล้วก็หนักกว่าเดิม ไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา "มึงเป็นใครเนี่ย!"



"ใครเหรอ? หึหึ เป็นแฟนของไอ้ห่าติมแล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าพวกกูเป็นใคร?"



คนที่ผลักเขาเดินยิ้มร้ายเข้ามาใกล้ แล้วอีกสองสามคนก็ตามเข้ามาจนเขาต้องถดหนีสุดกำแพง ดูเหมือนท่าทางหวาดกลัวของเหยื่อจะเรียกเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากร่างสูงใหญ่ทั้งสี่ได้เป็นอย่างดี



"อื้ม ดูเหมือนรสนิยมของไอติมมันจะถดถอยลงไปเยอะ" คนตัวสูงที่เจาะห่วงตรงปากย่อตัวลงจับใบหน้าของพระรามหันซ้ายหันขวาสำรวจ ก่อนจะถูกมือเรียวปัดออกอย่างแรง



"อย่ามาแตะเว้ย!" เขาตะโกน พลางยกเท้าถีบอีกฝ่ายออกไปจนล้มกลิ้ง ร่างโปร่งได้โอกาสลุกขึ้นวิ่งหนีก็ถูกมือของอีกสองคนจับแขนไว้แน่น พระรามดิ้นพล่านด้วยห้องน้ำแคบๆ แบบนี้กับสี่รุมหนึ่ง ไม่มีทางที่เขาจะหนีออกไปได้เลย



แถมร่างกายของเขาก็เล็กสุดเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้ามนซีดเซียว ตัดสินใจตะโกนเสียงดังเผื่อว่าจะมีคนได้ยิน "เฮ้ย ปล่อยนะเว้ย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!! อุ๊ก...!"



ร่างโปร่งเจ็บจุกจนงอตัวลงกับพื้น พวกมันต่อยท้องเขา!



"หึหึ เท่านี้ก็ไม่มีแรงจะเรียกใครแล้ว พวกมึงจับแขนมันหน่อย" ดวงตาเรียวปรือขึ้นเมื่อถูกจับให้นอนหงายทั้งๆ ที่ยังเจ็บท้องอยู่เลย ขายาวเดินมาคร่อมช่วงต้นขาเอาไว้ไม่ให้ถีบได้เหมือนตอนแรก และอีกสองคนก็จับแขนไว้แน่นส่วนอีกคนดูสถานการณ์หน้าห้องน้ำ



ในสถานการณ์แบบนี้ เขาจนมุมแล้วจริงๆ



"ติม..." ร่างโปร่งน้ำตาซึมเรียกคนในความคิด ทำให้คนได้ยินพากันแสยะยิ้ม



"ร้องเรียกผัวมาช่วยเหรอ หึ ฝันไปเถอะ ตอนนี้มันอยู่ในสนามไม่มีทางที่จะรู้ว่ามึงกำลังจะถูกพวกกูรุมโทรมอยู่ตรงนี้หรอก"



พระรามฟังแล้วตาเบิกกว้าง ตัวสั่นระริก ไอ้พวกนี้มันคิดจะข่มขืน...!



"มะ ไม่...! ปล่อยกู!" เสียงทุ้มใสร้องสั่นเครือ ตะโกนก็เหมือนกระซิบ เขาเจ็บท้องเกินกว่าจะร้องเรียกให้ใครมาช่วยแล้ว



ท่าทางเหมือนถูกขืนใจยิ่งเรียกเสียงหัวเราะสะใจ



"ดิ้น...ดิ้นเข้าไป เดี๋ยวก็จะไม่รอดแล้ว ไหนมาดูหน่อยซิหน้าตาจืดๆ อย่างมึงมีอะไรทำให้ไอติมมันติดใจนักหนา"



"เร็วๆ หน่อยครับ คุณภูมิ ผมอยากลองบ้าง" คนเฝ้าประตูตะโกนมา



"เหอะน่า อู้ว ผิวเนียนเหมือนกันนี่หว่า" ร่างกายของเขาสั่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อมันล้วงเข้ามาใต้เสื้อยืดก่อนจะถกขึ้นไปกองที่คอ ปรากฏผิวขาวเนียนกับรอยจูบรอยฟันเต็มตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงหัวนมสองข้างที่แดงก่ำ "สงสัยติมมันจะเอาหนักว่ะ"



มือร้อนๆ น่ารังเกียจลูบไล้เค้นหนักทั่วส่วนบนของเขา ไม่เว้นแม้แต่ไอ้คนที่จับแขนก็เอากับเขาด้วย ยิ่งถูกบดตรงจุกนมร่างโปร่งก็กระตุกเฮือกกัดปากแน่น มันเป็นไปเองตามปฏิกิริยาร่างกาย



"ยะ อย่า..." ใบหน้ามนส่ายไปมาน้ำตาคลอ พยายามดิ้นรนกระตุกแขนมากเท่าไหร่แต่มันก็ยังตรึงแน่น พระรามตัดสินใจร้องเรียกเป็นครั้งสุดท้าย คนที่สามารถช่วยเขาได้ "ติม ช่วยพี่ด้วย"



"ซี้ด..." ภูมิสูดปากกลืนน้ำลาย ดวงตาคมกริบมองต่ำ ยิ่งลูบผิวกายเนียนๆ นี่ไม่รู้ทำไมถึงยิ่งรู้สึกว่าส่วนล่างมันเริ่มแข็งตัว "ไม่ไหวแล้วว่ะ"



พระรามดิ้นแรงมากขึ้น เมื่อมันเริ่มปลดซิปกางเกงของตัวเองลง และกำลังจะปลดของเขาออกด้วย



"มะ ไม่นะ!!"



พรืด...เสียงรูปซิปลากลงเผยชั้นในสีขาว มันเลียริมฝีปากตัวเองแผล่บๆ ก่อนจะใช้มือลูบบดแก่นกายเล็กผ่านเนื้อผ้าบาง พระรามกัดปากแน่น



นี่เขาต้องโดนจริงๆ เหรอ...ไม่เอา...



"แย่แล้ว คุณภูมิครับ เชี่ยติมมัน...!"



ผัวะ!!



"ราม!"



"ติม?" พระรามเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงทุ้มตะโกนเรียกชื่อ ใจดวงน้อยพองโตเมื่อรู้ว่าเขาจะรอดแล้ว "ติม! พี่อยู่นี่ ชะ ช่วยด้วย!" เสียงทุ้มใสตะโกนเรียกร่างสูง



ไม่รู้เหมือนกันว่ามาได้ยังไง แต่เพียงแค่เห็นใบหน้าหล่อเหลา รามก็ดีใจจนน้ำตาไหล



ไอติมหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ขายาวยกถีบคนที่จับแขนพระรามตรึงเอาไว้กับพื้นกระเด็นกลิ้งไป ก่อนที่ธารจะจัดการอีกคน ภูมิที่นั่งคร่อมร่างโปร่งที่ถูกเปลื้องผ้าจนเกือบหมดหน้าซีดเผือดรีบลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นแล้วถอยกรูด



พระรามค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง และรีบจัดแต่งกายรูดซิปกางเกงด้วยมือสั่นดิก กระดุมต้องพยายามติดถึงสามรอบถึงจะเข้า แขนบางโอบกอดตัวเองที่สั่นรุนแรงด้วยความหวาดกลัว



เขาเกือบจะถูก...ไอ้บ้านั่น...



พระรามไม่รู้ตัวเลยว่าทุกอย่างจบลงตั้งแต่เมื่อไหร่ คนที่ชื่อภูมินั่นถูกไอติมกระทืบจนนอนจมกองเลือดไม่ต่างจากคนอื่นๆ รู้สึกตัวอีกทีคือความอบอุ่นโอบรัดรอบกาย ร่างสูงกำลังกอดเขาแน่น แต่ลมหายใจหอบสั่นยังคงมีอยู่ หยาดน้ำตารื้นไหลสะอึกสะอื้นก่อนที่แขนบางจะกอดแผ่นหลังกว้างตอบ



"ฟืด ฮึก! ติม..."



ไอติมกัดกรามแน่นเมื่อร่างโปร่งในอ้อมแขนสะอื้นแรงอย่างคนขวัญเสีย ใบหน้ามนกดลงกับไหล่กว้างรู้สึกถึงน้ำตาที่ซึมผ่านจนไหล่เปียกชื้น



"ติม เอาไงต่อ"



"กูฝากมึงจัดการต่อที"



คนฟังพยักหน้ารับ มองเพื่อนสนิทช้อนพระรามที่ยังตัวสั่นระริกขึ้นอุ้มด้วยใบหน้าเครียดขึง ธารกำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง สุดท้ายก็เงียบไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาจนทั้งคู่ออกจากห้องน้ำไป



สายธารรู้ว่าเพื่อนสนิทของเขากำลังคิดจะทำอะไร ที่พาพระรามมาแนะนำแบบนี้เพื่อให้ใครต่อใครรู้ทั่วถึงกันว่าคนสำคัญของไอติมเป็นใคร เพื่อจะได้ปกป้องคนที่อยากจะปกป้องจริงๆ คือชะเอม...ร่างบอบบางผู้น่ารักคนนั้น



ส่วนพระรามคือตัวตายตัวแทน



ถ้าหากไอติมมันไม่ได้ชอบรามก็คงจะดีไปหรอก...แต่จากที่เห็นเหตุการณ์ในวันนี้...



หนุ่มยุโรปจับปีกหมวกแก๊ปลงต่ำปิดดวงตา ถอนหายใจยาว



สิ่งที่เพื่อนของเขาพยายามจะทำ มันกำลังจะส่งผลร้ายต่อตัวมันเองรึเปล่า



...ถ้าหากวันใดวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นกับพระรามจริงๆ ...



มึงจะทำยังไง ติม





********************* Love Substitute *********************


สอบถามหนังสือได้ที่ FB :  H.Rui Novels
อีบุ๊ควางจำหน่ายแล้วที่ meb,ookbee จ้า (ตอนพิเศษ 7 ตอนไม่ลงเว็บ)

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep18 19/05/2019
«ตอบ #34 เมื่อ01-05-2019 20:53:49 »



ทดแทนรัก

ตอนที่ 17



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เนื้อหาต่อไปนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป



"ราม" เสียงทุ้มเรียกชื่อ ขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง ยังรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดนั้นตัวสั่นขนาดไหน แต่เจ้าตัวก็ส่ายหน้าน้อยๆ พูดเสียงสั่น



"มะ ไม่เป็นไร พี่ ฟืด ไม่เป็นไรแล้ว" คำพูดกับเสียงและการกระทำตรงข้ามกันอย่างเห็นได้ชัด "ขอบคุณนะติมที่มาช่วย พี่นึกว่า...จะ ฮึก!"



แม้จะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เพียงแค่นึกก็สะอื้นออกมาอีก



มันมีกันตั้งสี่คน ถ้าหากเขาอยู่ข้างนอกที่ไม่มีใคร เขาคง...เสร็จพวกมันไปแล้ว



"ขอโทษที่ปล่อยไว้คนเดียว ไอ้ภูมิมันไม่ค่อยถูกกับผม พวกเราตีกันหลายครั้งแต่พอเอาชนะผมไม่ได้ก็เลยคิดจะมาทำกับแฟนผมแทน" ไอติมกอดร่างโปร่งแน่นพลางลูบหัวลูบหลังคนขวัญเสีย "มันคงคิดแก้แค้นผมโดยใช้วิธีแบบนี้"



พออีกฝ่ายพูดจบพระรามผละออก มองใบหน้าหล่อเหลาแล้วถามอุบอิบทั้งๆ ที่แก้มยังเปื้อนน้ำตา "แฟน? ตกลงพี่เป็นแฟนติมแล้วเหรอ"



ยังไม่เคยขอกันสักครั้ง จู่ๆ มาบอกว่าเป็นคนสำคัญ...เป็นแฟน...ที่เขาเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะรู้ตัว



"...แล้วอยากเป็นไหม?" ร่างสูงยิ้มบาง เปิดรถก่อนวางรามลงที่นั่งข้างคนขับ พอเห็นพระรามนั่งเม้มปากแก้มแดงเรื่อ หายตัวสั่นแล้วก็วางใจ



ในเวลาเพียงไม่นาน รถสปอร์ตก็แล่นมาถึงคอนโด ไอติมไล่พระรามไปอาบน้ำ แต่จู่ๆ ก็ถูกโถมเข้าใส่เพราะร่างโปร่งเดินเข้ามากอด ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง ทั้งอึ้งทั้งรู้สึกประหลาดแต่ก็กอดคนผอมตอบ ลูบหัวและแผ่นหลังเบาๆ



พระรามระบายยิ้ม หัวใจเต้นตึกตักกับการกระทำที่ร่างสูงมีให้เขา...ดีใจมากๆ



"ราม หายกลัวแล้วใช่มั้ย"



หัวทุยพยักน้อยๆ



"คราวหน้าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีก รามต้องรีบโทรหาผมนะ เผื่อว่ารามเจอกับมันตอนอยู่คนเดียว"



คนฟังตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง นี่จะมีอีกเหรอ...เขายังต้องเจออะไรแบบนี้อีก?



"ถ้าหากเป็นคนสำคัญของผม ก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้ รามทนได้ไหม"



คิ้วบางขมวดกังวลไม่ได้ตอบในทันที ถ้าหากพูดว่าไม่กลัวก็จะเป็นการโกหก "ถ้าเป็นเรื่องต่อยตีล่ะก็จะง่ายกว่านี้เยอะเลย...แต่ถ้าโดนแบบนั้นอีกพี่ก็..." พูดไม่ทันจบใบหน้ามนก็ซีดเซียวเพียงแค่นึกถึง รู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างในท้องมันเหมือนจะขย้อนออกมา



...ขยะแขยง...



ไม่เหมือนสัมผัสที่ได้จากติมสักนิด...มันรู้สึกดี...เร่าร้อนและวาบหวิว



มือเรียวยกกำเสื้อของอีกฝ่ายแน่น เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาด้วยน้ำตาคลอ "พี่ไม่อยากให้ใครมาทำแบบนั้นนอกจากติม"



ตึก...



คำพูดซื่อตรงที่ออกมาจากความรู้สึก ทำให้หัวใจใครอีกคนกระตุก



แค่คิดว่าจะมาใครเข้ามาในร่างกายของเขาแบบที่ติมทำ เขาก็กลัวมากจริงๆ



"...แค่ติมคนเดียว..."



ตึก...



"ผมก็เหมือนกัน..." ร่างสูงปาดน้ำตาที่คลอหน่วยออกให้ ไอติมไม่รู้ตัวว่าทำไมตอนนั้นถึงพูดออกไปแบบนั้น แต่เพียงแค่คิดว่าจะมีใครมาทำร่างกายนี้นอกจากเขาแล้ว มันก็ทนไม่ได้เหมือนกัน



ริมฝีปากบางเม้มแน่นเงยหน้าสบสายตาคมกริบและตัดสินใจพูดออกมา "พี่...พี่เป็นแฟนติมแล้วใช่มั้ย"



ไอติมเงียบไปก่อนจะแย้มยิ้มบาง "อืม"



คำตอบสั้นๆ ที่ได้ยินทำให้แก้มขาวแดงเรื่อ พระรามยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงสวย เป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจคนมองบีบรัด



ตึก!



ความรู้สึกเมื่อกี้...บ้าน่ะ



เรื่องบ้าๆ ...ไม่มีทาง



พระรามยิ้มกว้างดีใจอย่างที่ไม่เคยยิ้มแบบนี้มาก่อน



ใบหน้ามนขาวเนียน ตาเรียวเกือบตี่เหมือนคนจีนกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายระยิบ อาจจะไม่โดดเด่นเท่าใครๆ แต่เวลาร่างโปร่งยิ้มมันออกทั้งริมฝีปากและดวงตา โชว์ฟันขาวเรียงสวย โดยเฉพาะโหนกแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อมีรอยขีดคล้ายลักยิ้มขึ้นทั้งสองข้าง...เหมือนหนวดแมว



น่ารัก



และช่างติดตรึงตราในใจของคนมอง



ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอพระราม ร่างโปร่งก็ดูเหมือนจะมีอะไรกังวลอยู่ในใจตลอด อาจจะเป็นเรื่องอาการป่วยของแม่และเรื่องของพ่อที่เล่าให้ฟัง ใบหน้ามนจึงหม่นเศร้าอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นครั้งแรกที่ไอติมได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่ออกมาจากใจแบบนี้



“พี่ดีใจมากเลย” ไม่อยากจะเชื่อเลย เขาได้เป็นแฟนกับติมด้วย...ไม่อยากจะเชื่อ



ร่างสูงมองท่าทางนั้นนิ่ง พยายามสะกดความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นให้หายไป



"เป็นแฟนกันแล้ว รามก็ต้องช่วยผมบ่อยๆ" ติมได้โอกาสพูดตักตวง



"ช่วย?" คนที่ตามไม่ทันทำหน้างง แต่เพียงแค่สบตาหน้าก็แดงก่ำ "ปกติพี่ก็ช่วยติมอยู่แล้ว"



"อืม นั่นสิ เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นเยอะ เพราะงั้นรามต้องกินไอติมบ่อยๆ"



คนฟังหน้ามุ่ย แต่แก้มยังคงแดงไม่หาย "หื่น"



"ผมรู้หรอกว่ารามก็ชอบเหมือนกัน" แขนแกร่งกระชับคนในอ้อมแขน ก้มลงกระซิบข้างหูจนคนฟังขนลุก “ไม่งั้นคงไม่ครางเอาอีกๆ หลายๆ รอบหรอก”



ใบหน้ามนแดงก่ำ ควันออกหู รีบดันอีกฝ่ายออก “ปะ ปล่อยนะ...”



“เมื่อกี้ถูกไอ้ภูมิมันจับตรงไหนบ้างน่ะ”



ร่างโปร่งตัวสั่นทันทีที่ได้ยินชื่อของคนในความทรงจำ “...”



“ผมจะลบความทรงจำแย่ๆ ให้นะ บอกมาสิ”



“ไม่ได้โดนอะไรมากหรอก มันแค่...” มือเรียวยกลูบแผ่นอกเบาๆ “...กับ...” แล้วมือก็ย้ายลงมาด้านล่างจับตรงกระดุมกางเกงและเงยหน้าสบตาคมกริบน้ำตาคลอ “ตรงนี้นิดหน่อย”



ไอติมรู้ว่ามันหมายความว่ายังไง ความโมโหมันผุดขึ้นมาทำให้ใบหน้าหล่อเหลาขึงขังกระชากแขนผอมให้นอนบนเตียง “ตะ ติม จะทำอะไร”



พระรามใช้แขนยกศอกขึ้นมามองร่างสูงที่คร่อมด้านบน มือใหญ่ถกเสื้อขึ้นมากองตรงลำคอ ดวงตาเรียวสั่นไหวภาพใบหน้าของไอ้คนที่มันคิดจะข่มขืนเขาซ้อนทับกับใบหน้าหล่อเหลาทำให้ร่างกายเกิดการต่อต้าน



“มะ ไม่! ไม่นะ!” แขนผอมยกขึ้นดันอีกฝ่ายออกไปแรงๆ ดิ้นหนีแต่กลับถูกดันไหล่ให้มานอนที่เดิม พร้อมกับกดลงจมกับเตียง “ไม่เอานะ ได้โปรด”



“ราม นี่ผมเอง ใจเย็นๆ” มือใหญ่กอบกุมใบหน้ามนให้หันมาสบตา ดวงตาคมกริบสบมองแววตาสีน้ำตาลสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่นน้ำตารื้น “ผมเอง ติมไง”



“ติม...” เสียงทุ้มใสสั่นเครือ ในที่สุดแววตาสีน้ำตาลก็สะท้อนภาพของเขา น้ำตาที่ไหลหยดออกจากหางตาซึมผ้าปูเตียง “ฮึก ช่วยพี่ด้วย”



ไอติมกัดฟันจนกรามปูด มือใหญ่กำแน่น โมโหไอ้คนที่มันมาทำให้พระรามเป็นแบบนี้...ไอ้เหี้ยภูมิ



“ไม่เป็นไรแล้ว...ไม่เป็นไรแล้วราม” ร่างสูงค่อยๆ ลดต่ำลงกอดคนที่นอนร้องไห้ ถึงพระรามจะบอกว่าไม่เป็นไรเต็มปากเต็มคำ แต่ในใจก็ยังคงหวาดกลัว



“ติม” มือเรียวดันไหล่กว้างออก ทำให้ไอติมมองสงสัย ก่อนจะเบิกกว้างเมื่อพระรามถกชายเสื้อขึ้นจนสุดและยกขึ้นบีบจุกนมสีแดงก่ำทั้งสองข้าง “พวกมันจับตรงนี้...”



ร่างสูงกลืนน้ำลายเสียงดัง ใบหน้าหล่อเหลาลดต่ำลง ริมฝีปากแห้งผากอ้าออก ลิ้นร้อนแตะลงบนแผ่นอกสีน้ำนม “ฮึก! อื้อ”



มือเรียวจิกทึ้งผ้าปู ก่อนจะยกขึ้นเกาะเกี่ยวเสื้อบริเวณแผ่นหลังกว้าง แผ่นอกบางเดาะขึ้นตามริมฝีปากที่ผละออก “แฮ่ก...” เพียงเสี้ยววินาทีริมฝีปากร้อนก็ครอบลงมาดูดดุนแรงๆ อีกครั้งอย่างต่อเนื่อง



จุ๊บ จุ๊บ



“ฮะ...ฮื้อ...ติม” พระรามขมวดคิ้ว น้ำตาคลอ มือเรียวสอดเข้าท้ายทอยและกลุ่มผมนุ่มกดไม่ให้ศีรษะใหญ่ละออก ร่างสูงยิ่งสนองโดยการใช้ฟันขบกัดเม็ดเชอรี่ที่แดงก่ำแข็งเป็นไต “เจ็บ...”



ริมฝีปากย้ายไปอีกข้างเมื่อได้ยินเสียงทุ้มใสร้อง ทำสลับไปมาอยู่แบบนั้นจนหัวนมสองข้างทั้งบวมเต่งทั้งแดงก่ำ ขาเรียวหนีบบิดไปมาอย่างเสียวซ่าน ปวดตุ้บส่วนล่าง พระรามปรือเปิดมองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้แผ่นอกตน พอไอติมกำลังจะก้มประทุษร้ายพวกมันอีก มือเรียวก็ยกขึ้นดันออก



“ราม?”



“ตรงนี้พอแล้ว...พี่เจ็บ” เสียงทุ้มใสอ้อนวอนสั่นเครือ แต่มือกลับเลื่อนลงไปด้านล่างปดกระดุมกางเกงออกและรูดซิปดังพรืด เผยความอึดอัดที่ตุงคับแน่นอยู่ใต้กางเกงในสีขาวเปียกน้ำเป็นวง “ติม...ตรงนี้ มันจับตรงนี้ด้วย”



ไม่รู้ว่าพระรามรู้ตัวหรือไม่ แต่ท่าทางของร่างโปร่งมันยั่วกิเลสคนมองเหลือร้าย



“ราม”



“อ๊ะ...” เพียงแค่มือร้อนแตะมันผ่านเนื้อผ้าบางๆ ร่างกายก็กระตุกเฮือก ไอติมทนไม่ไหวถกทั้งกางเกงและชั้นในออกไปพร้อมๆ กัน จากนั้นร่างสูงก็แหกขาเรียวออกกว้างแทรกตัวเข้าตรงกลาง “ติม”



“ผมทนไม่ไหวแล้ว รามยั่ว”



“ช่วยพี่ด้วย พี่อยากลืม...อ๊ะ อ๊ะ!!” เสียงทุ้มใสขอร้องไม่ทันจบ แก่นกายร้อนก็แทรกเข้าช่องทางอย่างรวดเร็ว ร่างสูงคุกเข่าและช้อนข้อเข่าของอีกฝ่ายพาดแขนแกร่ง ดันให้แหกกว้างและขยับสะโพกกระแทกแรงจนเตียงลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด



“อา...”



ดวงตาคมกริบมองต่ำลงมาและเลียริมฝีปากหื่นกระหาย ใบหน้ามนส่ายเกลือกกลิ้งน้ำตาไหล ครางเสียงดัง มือยกขึ้นลูบท้องแบน “อ๊า อ๊า ติม...ขะ ข้างใน ร้อนจัง”



“ซี้ด” ติมเชิดหน้าสูดปากดังเพราะผนังนุ่มด้านในตอดแน่นตุ้บ ก่อนที่จะกระชับขาเรียวพาดไหล่และขยับสะโพกให้แรงยิ่งกว่าเดิม



เอี๊ยดๆๆ!



เจ้าแมวตัวนี้ต้องถูกปลอบอย่างหนัก...โทษฐานยั่วกิเลส



“อ๊า...!”





********************* Love Substitute *********************





"เมี้ยว..."



"อุริ อยากอ่านหนังสือด้วยเหรอ" ร่างโปร่งวางปากกาลงกับโต๊ะทันทีที่อุ้งมือนิ่มถูกับต้นขาซ้ำยังร้องเรียกความสนใจ บอกเลยว่าได้ผลเป็นอย่างมาก มือเรียวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะแหย่นิ้วเล่นกับมัน "เจ้าเหมียวๆ น่ารัก"



วันนี้เขาไม่ได้ทำงานตอนเช้าแต่มีตอนค่ำ ไม่มีเรียนจึงตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือแต่เช้าตรู่ที่โต๊ะในห้องนั่งเล่น แล้วโต๊ะมันก็เตี้ยร่างโปร่งจึงนั่งพื้นแผ่นหลังพิงโซฟาใหญ่ หนังสือและชีทที่วางกระจัดกระจายเต็มโต๊ะ ส่วนไอติมยังคงนอนไม่ตื่นอยู่บนเตียงในห้องนอนนั่นแหละ



ในระหว่างที่อ่านหนังสืออยู่เจ้าเหมียวมันก็มาขัดจังหวะ แต่ก็ดีเหมือนกันเขากำลังอยากจะพัก



"แง้วๆ"



"โอ๊ยๆ อย่ากัดแรงสิ มันเจ็บนะ..." พระรามพูดกับแมวที่ตะครุบมือเขาไว้ด้วยขาหน้าสองข้างก่อนจะอ้าปากงับๆ นิ้วเรียวอย่างหมั่นเขี้ยว ถึงจะจั๊กจี้แต่ถ้าแรงเกินไปเลือดก็ซึมได้เหมือนกัน



ว่าแต่เจ้านี่ฉีดยามาหรือยังนะ...น่าจะฉีดแล้วมั้ง



มืออีกข้างจับท้องกลมก่อนจะยกเจ้าเหมียวออกง่ายดาย ก่อนที่มันจะดิ้นขลุกขลักกระโดดแผล็วเกาะเสื้อตรงอกและปีนขึ้นมาบนไหล่ พระรามหยีตาเพราะเล็บแหลมของอุริจิกผ่านเสื้อจนโดนผิวเนื้อแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะสัตว์ตัวน้อยมันอยู่คนเดียวก็คงอยากจะมาเล่นด้วย “ซนจริงๆ เลย”



พระรามนั่งเล่นสักพักก่อนจะอ่านหนังสืออยู่แบบนั้นจนใกล้แปดโมง เสียงท้องร้องทำให้เขาลุกขึ้นและในตอนนั้นเองอุริที่เกาะอยู่บนไหล่ผอมก็ยอมกระโดดลงพื้นวิ่งไปที่อื่น ขาเรียวเดินไปเปิดตู้เย็น...มีแต่เบียร์ ไม่มีอะไรที่สามารถเอามาทำเป็นอาหารได้เลย



ว่าไปนั่น พระรามทำอาหารไม่เป็นสักหน่อย...ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็นึกอยากทำขึ้นมาซะเฉยๆ ...ถ้าหากเขาสามารถทำอาหารให้ไอติมกินได้บ้างก็คงดี



“ลองหัดทำดูดีมั้ยนะ” เสียงทุ้มใสพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินไปสำรวจในครัวอย่างละเอียด เปิดตู้ดูโน่นนั่นนี่ เขาก็ไม่รู้หรอกว่าแต่ละอย่างเอาไว้ทำอะไรได้บ้างแต่ก็ดูครบครันกว่าที่คิด ซ้ำยังใหม่เอี่ยมราวกับไม่เคยโดนแตะต้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว ก็นั่นน่ะสิ ติมก็ทำอาหารไม่เป็นเหมือนกันนี่นา



ไม่มีวัตถุดิบ คงต้องไปซื้อมาตุน เริ่มต้นด้วยของง่ายๆ ก่อน



“ส่วนวิธีการคงต้องศึกษาอย่างละเอียดอีกที...”



พระรามเดินเข้าห้องนอนที่เย็นเฉียบเพราะเปิดแอร์เอาไว้ บนเตียงกว้างมีร่างสูงนอนคลุมโปงอุดอู้ไม่ยอมตื่นอยู่บนนั้น



เขาลงฝีเท้าแผ่วเบาเข้าไปข้างเตียงที่ร่างสูงนอนหันหน้าออกมา ก่อนจะคุกเข่าย่อตัวลงมองใบหน้าหล่อเหลาที่นอนหลับตานิ่ง ดวงตาเรียวสำรวจโครงหน้าที่เพอร์เฟคต์อย่างกับดาราแล้วก็อดชมออกมาไม่ได้



"หล่อชะมัด" เสียงทุ้มใสเหมือนกระซิบพึมพำกับตัวเอง มือเผลอยกขึ้นมา ไล้นิ้วลูบตามโครงหน้าตั้งแต่คิ้วเข้ม ดวงตาปิดสนิท จมูกโด่ง แก้มและจบด้วยริมฝีปากหยักน่าจูบ



ในหัวพลันนึกถึงสิ่งที่นิลหนุ่มน่ารักพูด



'ติมจะจูบกับคนที่ชอบเท่านั้น'



เขาเคยอยากได้จูบจากไอติม แม้จนตอนนี้ก็ยังอยากได้



'พี่เป็นแฟนติมแล้วใช่มั้ย'



แล้วเขาก็เป็นแฟนของอีกฝ่ายแล้วด้วย เพราะงั้น...ริมฝีปากบางหยุดชะงักห่างจากริมฝีปากหยักเพียงไม่กี่เซนต์



ไอติมพยายามหลีกเลี่ยงการจูบแม้กับตอนที่มีอะไรกัน แสดงว่าอีกฝ่ายไม่ได้ชอบเขา



แถมไอติมยังไม่เคยบอกรักเขาสักครั้ง



มีแต่เขาที่...



'พี่รักติม'



ไอติมชอบเอม เรื่องนี้เขามั่นใจมาก...แล้วถ้าติมยังคงชอบชะเอมอยู่ แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงบอกว่าเขาเป็นแฟนล่ะ?



แบบนี้หมายความว่า... "แฟนกับคนที่ชอบ...คนละคนกันสินะ" เสียงทุ้มใสพึมพำออกมาอีกครั้ง ดวงตาเรียวสะท้อนความเจ็บลึก



หรือว่าไอติมยอมแพ้แล้วเพราะว่าชะเอมชอบคินไม่เคยเปลี่ยนแปลง ก็เลยประชดร่างบางโดยการมาขอเขาเป็นแฟน...แบบนั้นน่ะ...



ถ้าเป็นแบบนั้นจริง หัวใจของเขาคงเจ็บปวดจนแหลกสลาย



พระรามกัดปากแน่น ไม่ใช่หรอก หัวทุยส่ายไปมาเอาความคิดทุเรศๆ ที่ทำให้ตัวเองหดหู่ออกไป



ความเป็นห่วงของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาเมื่อวานนั่นมันไม่ใช่ของปลอม ติมเป็นห่วงเขาจริงๆ เพราะงั้น...เรื่องเลวร้ายแบบนั้นน่ะไม่มีทางหรอก



ขาเรียวลุกขึ้นและจากนั้นเสียงฝีเท้าในห้องนอนก็ค่อยๆ เบาลง



คล้อยหลังพระรามเดินออกจากห้องไป เปลือกตาที่ปิดอยู่ก็ค่อยๆ หลุกหลิกและเปิดขึ้นเผยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสวย



ร่างสูงไม่ได้หลับ ซ้ำยังไม่มีความงัวเงียอยู่แม้แต่นิด...เพราะตื่นนานแล้ว



เมื่อกี้นึกว่าพระรามจะก้มลงมาจูบเสียอีก



ไอติมมักบอกกับคู่นอนทุกคนทุกครั้งว่ากฎที่ต้องทำตามคืออะไร แต่หลักจากนอนด้วยใครต่อใครมักจะคิดเข้าข้างตัวเอง อยากจะได้ทุกอย่างจากเขา คิดว่าเขาจะให้ความสำคัญ...เรื่องจูบก็เหมือนกัน



ทั้งๆ ที่เขามักจะทำตัวชัดเจนอยู่เสมอในเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าหน้าไหนจะหญิงหรือชายก็พยายามจะดันทุรัง จนต้องไล่ตะเพิดไปถึงจะตาสว่าง



ยกตัวอย่างเช่นนิลเป็นต้น...แต่ว่าราม...



แม้พวกเราจะเป็นแฟนกันแล้ว แต่รามกลับไม่ทำแบบนั้น...ถึงความสัมพันธ์นี้ เขาจะทำเพื่อจุดประสงค์บางอย่างก็เถอะ



ร่างสูงสะบัดผ้าห่มลุกขึ้น หยิบผ้าขนหนูและเดินเข้าห้องน้ำไป



ซ่า...



ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นรับน้ำเย็นที่พร่างพรายลงมา มือเสยผมด้วยท่าทางเซ็กซี่เหมือนนายแบบถ่ายลงนิตยสาร น้ำใสไหลผ่านเส้นผมจนเปียกลู่แนบใบหน้าหล่อเหลา คอและไหลแกร่ง แผ่นอก หน้าท้อง ขายาว กล้ามเนื้อสมส่วนทั่วร่างสวยงาม และส่วนที่แข็งแรงปึ๋งปั๋งเคารพธงชาติแต่เช้า



มือใหญ่ยกขึ้นสาวรูดรั้งด้วยความเคยชิน เพราะอายุของเขาอยู่ในช่วงวัยกำลังเติบโต



'หล่อชะมัด'



...เจ้าแมวยั่วมาพูดกันแบบนี้ อย่าหวังว่าจะรอดไปได้...



"ซี้ด" ร่างสูงห่อปากสูดด้วยความเสียว นึกภาพตอนตัวตนเขาแทรกเข้าผนังนุ่มร้อนผ่าวไม่ว่าจะช่องปากหรือช่องทางด้านล่าง พระรามก็มักจะมอบความหฤหรรษ์ให้เขาเสมอ



แกร๊ก



ร่างสูงออกมาจากห้องน้ำในอีกสามสิบนาทีต่อมา สวมเพียงแค่กางเกงขาสั้นปิดกาย ขายาวเดินไปหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกเพราะไม่รู้ว่าร่างโปร่งไปไหน แถมยังไม่ได้ทิ้งโน๊ตเอาไว้



"รามไปไหน"



("พี่ออกมาซื้อข้าว ติมตื่นแล้วเหรอ อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า") เสียงทุ้มใสตอบกลับมาอย่างแปลกใจ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้เขาออกมาไอติมยังนอนอยู่เลย



"อยากกินราม"



("...")



"วันนี้เดี๋ยวออกไปซื้อของกัน" เขาเปลี่ยนเรื่อง เพราะพระรามไม่ตอบ สงสัยกำลังเขินอยู่



("อื้อ? ...ขอข้าวต้มหมูสามถุงครับ") รามรับคำเขาและเหมือนจะคุยกับคนอื่นอยู่จากนั้นก็กรอกเสียงถามมาอีกรอบ ("ติมจะไปซื้ออะไร ที่ไหน")



"ผมไม่ได้จะซื้อ แต่รามต่างหาก"



("หือ พี่ไม่ได้อยากได้อะไรสักหน่อย")



++++++++++++++++++++++++++++++++++ต่อด้านล่าง





ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep18 19/05/2019
«ตอบ #35 เมื่อ01-05-2019 20:54:24 »




+++++++++++++++++++++++ต่อจากด้านบน



"แต่ผมจะพาไป"



พระรามเงียบไปก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ("บอกมาก่อนสิว่าจะซื้ออะไร ถ้าแพงมากพี่ไม่มีเงินซื้อนะบอกไว้ก่อนเลย")



"กลับมาค่อยคุยกัน เร็วๆ นะ หิวข้าวแล้ว" เสียงทุ้มไม่บอกแต่ตัดบทสนทนาห้วนๆ



พระรามคงจะงุนงงกับการเปลี่ยนไปมาปุบปับรวดเร็วของเขา แต่ก็ตอบรับกลับมา ("อ่า ครับๆ")





"ตกลงว่าจะไปไหน" พระรามถามหลังจากที่โดนลากขึ้นรถ คาดเบลท์เมื่อรถสปอร์ตออกตัว ทั้งที่ยังงงไม่หาย



"ไปซื้อเสื้อให้รามใหม่ เสื้อเน่าหมดแล้ว"



ร่างโปร่งหน้าม่อยทันทีที่ถูกว่าแบบนั้น "แต่พี่ใส่ได้ ถึงจะเก่าแต่มันก็ใส่ได้อยู่นะ"



สายตาคมกริบปรายมอง พระรามนอกจากจะเป็นคนขยันทำงานแล้วยังประหยัดมัธยัสถ์ เสื้อและกางเกงที่เขาเห็นที่อยู่ในกระเป๋าเป้เก่าๆ ใบนั้นมันเปื่อยและเก่ามาก ทั้งๆ ที่มีอยู่ไม่กี่ตัวแต่ก็ใส่วนซ้ำไปซ้ำมาไม่คิดจะซื้อใหม่



ซึ่งวันนี้เขาจะโละของพวกนั้นทิ้ง



"แต่ทุกวันนี้ก็ใส่เสื้อของผมไม่ใช่หรือไง"



"นั่นเพราะนายบังคับพี่ไม่ใช่เหรอ" พระรามพูดขึ้น ก่อนจะจับเสื้อขึ้นดู ไอติมบอกว่าเป็นเสื้อเก่าที่อีกฝ่ายใส่ไม่ได้แล้วแต่มันยังดูใหม่อยู่เลย...เสื้อของคนรวยนี่มันก็ใส่สบายจริงๆ น่ะแหละ เนื้อผ้าทำจากขนของตัวอะไรกันนะ



"แล้วติมจะไปซื้อที่ไหน"



"ร้านประจำ เดี๋ยวเขาจะได้ลดให้ถ้าซื้อหลายๆ ตัว"



คนฟังตาโต "หมายถึงร้านของเสื้อที่ใส่อยู่เนี่ยเหรอ พี่ไม่มีเงินซื้อหรอกนะ"



"ผมซื้อให้"



"เฮ้ย ไม่เอา เสื้อเก่าติมพี่ก็ใส่ได้ จะซื้อใหม่ทำไมมันเปลือง"



"จะใส่ยั่วน้ำลายกันใช่มั้ยห๊ะ! บอกให้ซื้อใหม่ก็ซื้อใหม่สิ อย่าดื้อ!" เสียงทุ้มตะคอกจนพระรามสะดุ้งเฮือก อะไรเนี่ย แค่เสื้อเองทำไมต้องโมโหด้วย



...แล้วใครใส่ยั่วน้ำลายใคร...



ร่างโปร่งยอมนั่งเงียบๆ มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้างอง้ำ



ดวงตาคู่คมปรายมองอีกครั้ง ที่เขาให้ใส่เสื้อของเขาก็แค่จะให้ใส่เฉพาะตอนอยู่ที่ห้องเท่านั้นเพราะเวลาจะทำอะไรมันก็ล้วงง่าย ถอดง่าย



ซึ่งพระรามไม่รู้ตัวเลยว่าตอนที่เจ้าตัวใส่เสื้อของเขาที่มันคนละไซส์กันทำให้ไหล่ข้างหนึ่งมันเปิดกว้างเห็นไหปลาร้าชัดเจน มันยั่วยวนให้แนบริมฝีปากฝากรอยจะตาย



เขาชอบที่จะมอง แต่ตอนนี้มันชักจะอันตรายต่อคนอื่นแทนแล้ว เมื่อเช้าพระรามก็เดินออกไปนอกห้องไม่รู้จักระวังตัว



พระรามเป็นของๆ เขา ใครก็ห้ามมองเด็ดขาด



"เออนี่ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วไปซื้อวัตถุดิบด้วยดีกว่า” ร่างโปร่งพูดขึ้น



“วัตถุดิบ?”



“พี่อยากจะลองทำกับข้าวดูบ้างน่ะ"



"หืม คิดยังไงขึ้นมา"



"พี่อยากทำเป็น" ใบหน้าขาวแดงเรื่อ ไม่กล้าพูดตรงๆ ว่าตั้งแต่เป็นแฟนกันก็อยากจะทำอะไรให้ร่างสูงกินเองบ้าง แต่ตอนนี้เขายังทำไม่เป็น ต้องศึกษาและฝึกให้เก่งๆ



"จะกินได้ไหม?" คนฟังหัวเราะในลำคอ "รามไม่ใช่พี่เอมซักหน่อย จะไหวเหรอ"



ไม่รู้ว่านั่นคือคำดูถูกที่พระรามฟังแล้วก็หน้าซีดลง รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ทำไมล่ะ ถ้าเขาไม่ใช่ชะเอมแล้วจะทำไม่ได้เลยหรือไง



ถ้าเขาจะทำก็ทำได้เหมือนกัน



"แต่ตอนแรกเอมก็บอกว่าทำไม่ได้เรื่องเหมือนกันนะ" มือเรียวกำแน่นพูดเสียงแผ่วเบา คำพูดของรามทำให้ดวงตาคู่คมปรายมอง



"อยากจะลองก็ลอง แต่ไม่อร่อยผมก็ไม่กินนะ"



คนฟังนิ่งไป มองออกไปนอกหน้าต่าง "...อืม"



"ไปซื้อวัตถุดิบก่อนนะ"



"นี่รามเอาจริงเหรอ" มือใหญ่เอื้อมมาจับไหล่ "อย่าเลยน่า ผมบอกแล้วว่ารามไม่ใช่..."



"ทำไม คนอย่างพี่จะทำไม่ได้เหรอ ครั้งแรกของคนเรามันก็ต้องมีฝึกกันบ้าง" ใบหน้ามนขมวดคิ้วมุ่นพูกแทรกก่อนที่ร่างสูงจะพูดอะไรออกมา "ถึงพี่ไม่ใช่เอมแต่พี่ก็ทำได้"



"แค่หั่นผักยังไม่เป็นเลยเนี่ยนะ" พระรามเม้มปาก ข้างในอกมันเจ็บหนึบ ติมดูถูกเขาอีกแล้ว



นอกจากจะไม่ช่วยให้กำลังใจแล้วยังซ้ำเติม...ที่แย่กว่านั้นคือเขาถูกเปรียบเทียบกับคนที่อีกฝ่ายชอบแบบนี้ มันรู้สึก...เจ็บจริงๆ



พระรามจะทำให้เห็นว่าเขาก็สามารถทำได้เหมือนกัน...ไม่แพ้ชะเอมหรอก



ร่างโปร่งเงียบ ขณะที่ร่างสูงเดินตามเอื่อยเฉื่อย มองแผ่นหลังบางที่เดินลิ่วนำหน้าไป



จู่ๆ รามก็คิดอะไรขึ้นมาเหมือนพยายามจะทำอะไรเพื่อให้เขาประทับใจ...ทำอาหารเนี่ยนะ ถ้าเป็นชะเอมทำก็น่ากินอยู่หรอกแต่เขาจำได้ว่าตอนอยู่ค่ายพระรามจะจับมีดหั่นผักก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าความสามารถในการเข้าครัวเป็นศูนย์พอๆ กับไอติมนั่นแหละ



นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้พิศวาสรามเรื่องอื่นเลยนอกจากเซ็กส์



ถ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วเขาจะชอบล่ะก็รามคงคิดน้อยไปหน่อย



บอกแล้วว่าที่เป็นแฟนน่ะ...มันไม่ได้มาเพราะความบริสุทธิ์ใจ



แต่แล้วก็บังเอิญ...



"อ้าวราม...ติมด้วย" เจอกับชะเอมที่ทักทายร่างโปร่งและเขา ก่อนที่ใบหน้าน่ารักจะเอียงคอมองงุนงงด้วยตาโตๆ "ทำไมอยู่ด้วยกันล่ะ"



เจอกี่ทีก็น่ารักน่ามองไม่เปลี่ยน ดวงตาคู่คมเป็นประกายระยิบระยับ พระรามเห็นท่าทางนั้นแล้วก็หลุบตาลงยิ้มเจื่อน



"บังเอิญเจอกันน่ะครับ"



คำตอบของร่างสูงทำให้พระรามหันมองอีกครั้ง...ส่งสายตาตัดพ้อ



...บังเอิญเจอกัน? ...



ไม่ใช่ว่าเรามาด้วยกันเหรอ



เรานอนด้วยกัน



เรามีเซ็กส์กันแล้ว



เราเป็น 'แฟน' กันแล้วไม่ใช่เหรอ



แล้วบังเอิญเจอกันนี่มันคืออะไร...ไม่อยากให้เอมเข้าใจผิดว่าเราเป็นอะไรกันอย่างนั้นใช่มั้ย



ไอติมยังชอบชะเอมอยู่จริงๆ อย่างที่คิด...แล้วทำไมถึงบอกคนอื่นว่าเขาเป็นคนสำคัญ ทำไมถึงบอกว่าเราเป็นแฟนกันล่ะ



สรุปว่าที่เขาเข้าใจว่าติมคบเขาเพราะจะประชดชะเอมนี่เรื่องจริงเหรอ?



ในหัวมีแต่ความไม่เข้าใจ ดวงตาเรียวฉายแววปวดร้าวลึก



"แล้วพี่เอมล่ะครับ มาคนเดียวเหรอ"



ใบหน้าหวานหัวเราะเบายิ้มอ่อน ดวงตากลมโตมองไปอีกทาง เห็นร่างสูงกับใบหน้าคมโดดเด่นยืนอยู่ "อ๋อ พอดี..."



รามยิ้มขึ้นมาแม้จะแปลกใจแต่ก็ยินดี "เข้าใจกันแล้วเหรอ" เอ่ยขึ้นมาแบบนั้นเพราะคนข้างๆ เขาก็จะได้รู้ว่าชะเอมมีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว...เลิกหวังลมๆ แล้งๆ เสียที



"ก็เปล่าหรอก"



"ไม่เป็นไรหรอก เอม นายเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว" เขาตบบ่าเล็กให้กำลังใจ ชะเอมที่เป็นอย่างนี้ดีอยู่แล้ว...เพราะใครๆ ก็ต่างชอบนาย รักนาย ไม่เว้นแม้แต่คนที่เขาชอบที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนนี้



พระรามรู้ว่าสักวันคินจะต้องกลับมาชอบชะเอมที่ยังคงซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเองไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน



"อื้ม ขอบใจนะ"



“ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยได้เจอกัน”



ใบหน้าหวานพยักหน้ารับแล้วยิ้มน้อยๆ อย่างน่ารัก “อื้ม เราเข้าใจ”



“แต่มีอะไรก็โทรหาได้ ไลน์มาได้ตลอดเลยนะ” พระรามบอก เขาเปลี่ยนโทรศัพท์แล้ว มันเป็นของเก่าที่ไอติมโยนมาให้เขาใช้และบอกว่าติดต่อสะดวกกว่า ส่วนเจ้าตัวก็ซื้อเครื่องใหม่อย่างไม่เสียดายเงิน



“รามก็เหมือนกันนะ” ชะเอมอมยิ้ม ดวงตากลมโตกวาดมองสำรวจ “ว่าแต่ช่วงนี้รามผอมลงรึเปล่า”



“ก็นิดหน่อย...” ใบหน้ามนยิ้มเจื่อนตอบสั้นๆ ไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวล “เอมก็เหมือนกันแหละ”



อีกฝ่ายบอกว่าเขาผอมแต่เจ้าตัวผอมกว่าอีก



“ผมก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน พี่ชะเอม พี่ผอมเกินไปแล้วนะครับ” ไอติมพูดขึ้นบ้าง ทำให้ชะเอมบุ้ยปาก



“ก็มันกินแล้วได้เท่านี้ จะทำยังไงได้ล่ะ” ร่างบางหัวเราะคิกใช้กำปั้นชกอกตึงแน่นของร่างสูงเบาๆ “ติมสอนพี่กินให้ได้แบบนี้บ้างสิ”



ใบหน้าหล่อเหลายิ้มละมุนอบอุ่นเป็นธรรมชาติจนสาวๆ หันมามองหน้าแดงกันเป็นทิวแถว ติมเป็นแบบนี้แค่ตอนคุยกับชะเอม รอยยิ้มนั่นที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยเห็น...และไม่เคยได้รับสักครั้ง



“ผมว่าพี่ชะเอมอ้วนขึ้นอีกนิดก็น่ารักแล้ว ไม่ต้องเป็นแบบผมหรอก แต่จริงๆ ตอนนี้ก็น่ารักนะครับ” ร่างสูงยิ้มใส่ตา พูดเสียงหวานเชื่อม



“หึ” รามแค่นยิ้ม รู้สึกได้เลยว่าตัวเองกำหมัดแน่นขนาดไหน มันทั้งเจ็บทั้งจุกจนพูดไม่ออก



น่ารักเหรอ...ชมแบบนี้ให้เขาได้ยิน มันต้องชัดเจนขนาดไหนกัน



ความรู้สึกดีอกดีใจกับคำว่าแฟนสลายไปราวกับควัน



...สมเพชตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า...



ร่างบางตาโต “ติมชมพี่ว่าน่ารักอีกแล้ว พี่เป็นผู้ชาย” คนซื่อพูดด้วยความซื่อ ไม่รู้ว่ากำลังโดนงูเห่าตัวร้ายหว่านเสน่ห์ใส่



“ก็...”



"งั้นเดี๋ยวเราไปก่อนนะเอม ไม่อยากอยู่เป็นกอขอคอ...มึงน่ะไปได้แล้ว" รามแทรกและลากคนตัวสูงข้างกายออกมาอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตากลมโตมองตาม



รามกัดปากแน่น ใบหน้ามนซีดเซียว ถ้าหากเขาไม่ขัด ไอติมคงได้อยู่คุยยาวกว่านี้...พอเจอคนที่ถูกใจเข้าหน่อยไม่จำเป็นต้องพยายามเข้าหาเลย เพราะร่างสูงจะเข้าไปหาด้วยตัวเอง



"ทำไมกลับมาพูดแบบเดิม" เสียงทุ้มเอ่ยเหี้ยม



"ก็ติมบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเราบังเอิญเจอกัน..." เขาพูดขึ้นคล้ายประชด ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้เขาเป็นอะไรกัน รู้สึกน้อยอกน้อยใจ ทั้งเจ็บทั้งจุกมันหนักหน่วงจนคำว่าแฟนระหว่างเรามันดูด้อยค่า



...ถ้าหากเขาเป็นคนที่ติมชอบมากกว่าเป็นแฟนมันอาจจะดีกว่านี้...



"บังเอิญเจอกันก็พูดดีๆ ได้ไม่ใช่เหรอ"



"แล้วถ้าหากว่าเอมสงสัยจะทำยังไงล่ะ"



"ก็บอกไปไงว่าเราเป็นแฟนกัน"



รามอึ้งกับคำพูดนั้น บอกว่าบังเอิญเจอกัน? แล้วเป็นแฟนกันเนี่ยนะ?



พระรามสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะสบตาคมแล้วพูดแผ่วเบา "พี่รู้นะว่าติมชอบเอม เพราะงั้นถึงไม่อยากให้เอมเข้าใจผิดว่าพี่กับนายเป็นแฟนกัน...ใช่มั้ย”



“...”



“แต่ที่พี่ไม่เข้าใจคือทำไมนายถึงบอกว่าพี่เป็นแฟน...แล้วที่บอกว่าเป็นคนสำคัญนั่น..." ดวงตาเรียวน้ำตาคลอหน่วย “เพราะอะไร...”



อยากจะให้บอกความจริงมา เพราะตอนนี้เขาอาจจะยังทำใจได้...อย่าให้หัวใจของเขาถลำลึกเข้าไปจนหาทางออกไม่เจอ



"รามไม่จำเป็นต้องรู้หรอก"



"..."



"รามชอบผมแค่นั้นก็พอ"



ภาพแผ่นหลังกว้างนั้นไม่ชัดเจนเลย ก็เพราะน้ำตาที่บดบังนี้ ไอติมที่หันหลังเดินออกไปคงไม่เห็นว่าเขากำลังร้องไห้

อะไรกัน...ถ้าชอบข้างเดียวมันจะไปมีความหมายอะไร อีกฝ่ายบอกว่าแค่เขาชอบติมก็พอ แต่ถ้าหากว่าติมไม่ชอบเขา...แล้วความรู้สึกของเขาล่ะ ความเจ็บปวดของเขาล่ะ?



แล้วความรู้สึกต่อจากนี้ของเขาล่ะ



จะเป็นยังไงก็ช่างเหรอ



ความสุขของเขานั้นมันมีเพียงแค่ชั่ววูบ มันเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว



ในชีวิตของเขาที่คิดว่าจะพบความสุขแล้ว แต่สุดท้ายมันก็แค่การหลอกลวง



‘ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกลูก สักวันหนึ่งรามก็จะพบคนที่อยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตแทนแม่เองนั่นแหละ’



แม่ครับ...ถ้าหากคนที่ผมอยากจะใช้ชีวิตด้วยคนนี้ เขาไม่ได้อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับผมล่ะ?



ผมต้องทำยังไง





"สวัสดีค่ะ คุณอิสระ"



รามยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตูร้าน ยืนมองป้ายหน้าร้านเหนือหัวค้าง...แค่มองก็รู้สึกว่าแพงมากแล้ว ยิ่งเจอคำทักทายเรียกชื่อยิ่งเหวอหนัก นี่ติมมาซื้อบ่อยขนาดไหน พนักงานถึงรู้จักชื่อได้



"ครับ วันนี้จะมาหาเสื้อให้คนนี้ใส่หน่อย รามชอบตัวไหนบอกพนักงานเลย"



ถึงจะบอกแบบนั้นก็เถอะ...



ร่างโปร่งเดินไปทั่วร้าน มองแล้วชอบก็จริงแต่พอมองป้ายก็แอบตาโตอีกครั้ง ลำบากใจเหลือเกินจนต้องเดินไปหาคนที่บอกว่าจะซื้อให้ กำลังนั่งไขว่ห้างเล่นมือถือรอ



"ติม..."



ใบหน้าหล่อเหลาละสายตาจากของในมือก่อนจะมองอย่างแปลกใจ "หือ เลือกเสร็จแล้วเหรอ เร็วจัง"



ระหว่างเรายังแสดงออกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าหากอีกฝ่ายจะให้เขาทำเหมือนเป็นแฟนกันในนาม เขาก็จะทำ



‘รามชอบผมแค่นั้นก็พอ’



เพราะยังไงเขาก็ชอบติม



โง่มากใช่ไหม...ที่ดันทุรังแบบนี้



"เปล่า พี่จะบอกว่าไปร้านอื่นเถอะ เสื้อมันแพง พี่เกรงใจ" พระรามป้องปากกระซิบข้างหูเบาๆ จนคนฟังถอนหายใจ พูดเสียงเบื่อหน่าย



"เลือกๆ ไปเถอะน่า"



"ตะ แต่...งั้นพี่เลือกแค่ตัวเดียวนะ"



"บ้าเหรอ ทั้งอาทิตย์จะใส่เสื้อแค่ตัวเดียว?" ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น ทำให้พระรามส่ายหน้ากับคำประชดนั้น



"ไม่ใช่ ก็พี่เกรงใจ ติมอยากให้ซื้อพี่ก็ซื้อแล้วไง" เสียงทุ้มใสว่าดังขึ้นอีกนิด ใบหน้าบึ้งตึง



ทำไมอีกฝ่ายไม่เข้าใจเขา เสื้อร้านนี้ตัวเดียวไปซื้อร้านอื่นได้ตั้งสิบตัว ซื้อเหมาข้างนอกได้ตั้งห้าสิบตัวเชียวนะ



"งั้นรามนั่งอยู่นี่ ถ้าไม่เลือกเดี๋ยวผมเลือกให้เอง"



"ใครบอกว่าพี่ดื้อ ติมนั่นแหละที่ดื้อ" พระรามขมวดคิ้วว่าแต่ร่างสูงก็เดินไปไม่สนใจ ทำให้เขาทิ้งตัวลงนั่งรอ



สุดท้าย...ได้เสื้อมาห้าตัวกางเกงสองตัวรวมเกือบเจ็ดพัน



"อะไรมันจะแพงขนาดนี้..." มือเรียวยกขึ้นแหวกถุงดู แต่พอเห็นแล้วก็เปลี่ยนใจ มันก็น่าใส่อยู่หรอก



"เดี๋ยวพี่หาเงินทยอยคืนให้นะ"



"ไม่ต้อง"



"น่ะ...จะพูดยังไงก็พูดไปพี่จะคืน นายไม่เอาพี่ก็จะคืน" พระรามว่า ทุกวันนี้เขาแทบจะเกาะติมกินอยู่แล้ว รู้ว่าครอบครัวอีกฝ่ายร่ำรวย จ่ายแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วง แต่ที่เขาอยากจะคืนน่ะ เพราะถ้าหากวันใดวันหนึ่งเราสองคนต้องแยกทางกัน...ตอนนั้นเขาก็จะได้ไม่รู้สึกติดค้างใดๆ กับอีกฝ่าย



ริมฝีปากบางยิ้มอ่อน เพราะยังไงเราสองคนก็ไม่ได้รักกัน...ติมเกลียดเขา



"ดื้อแบบนี้ คืนนี้โดนหนักแน่" เสียงทุ้มบอกทำให้พระรามแก้มแดงเรื่อ



"นายมันหื่น เอะอะอะไรก็จะทำพี่อย่างเดียวเลย"



"ถ้าไม่ชอบก็อย่าครางสิ..."



"ชู่ๆ" พระรามยกมือปิดปากอีกฝ่ายที่พูดอะไรไม่คิดขึ้นกลางห้างสรรพสินค้าชื่อดัง คนรอบข้างหันมามองจนใบหน้าขาวร้อนฉ่า ก่อนที่ขาเรียวจะรีบเดินออกมานำไปที่ลานจอดรถ



"พูดความจริงทำไมต้องอายด้วย"



"ก็พี่ไม่ใช่นายนี่"



คนฟังยิ้มกริ่มรับคำชม "ใช่ ผมมันหน้าไม่อาย ถ้าจะทำตรงนี้ นอกรถ บนรถ ถ้าทำกับรามผมทำได้หมด"



"ไอ้บ้า" พระรามแหว เอะอะจะพูดแต่เรื่องลามก แค่นี้ก็ทำให้เขาเป็นคนคิดเรื่องสัปดนตลอดเวลาอยู่แล้ว ร่างโปร่งกอดอกบอกเสียงเข้ม "เปิดรถเลย พี่จะได้กลับไปอ่านหนังสือต่อ"



ร่างสูงขำในลำคอ ก่อนจะกดรีโมทให้ ทั้งคู่ประจำตำแหน่งและรถสปอร์ตก็ทะยานออกไป





********************* Love Substitute *********************


ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep18 19/05/2019
«ตอบ #36 เมื่อ01-05-2019 20:55:22 »



ทดแทนรัก

ตอนที่ 18



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เนื้อหาเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป



"อื๊อ...ไอ้คนลามก" มือเรียวฟาดเพียะเข้าที่แขนคนที่ล้วงเสื้อเข้ามาขณะที่เขากำลังอ่านหนังสืออยู่ดีๆ ว่าแล้วว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่มาขอนั่งซ้อนหลัง เพียงครู่เดียวไม่ถึงห้านาที ริมฝีปากร้อนๆ ก็จูบหลังคอและซุกไซ้ไม่หยุด แถมยังมือเหมือนปลาหมึกนี่อีก



"ถูกว่ามาแบบนั้นก็ต้องสนองกันหน่อย" นิ้วหยิกหัวนมเล็กจนเจ้าของสะดุ้งเฮือก ในระหว่างที่เผลอก็ถูกจับให้นั่งซ้อนตัก เจ้าลูกชายตัวเขื่องที่เริ่มพองตัวก็ดุนดันที่ร่องสะโพก



"อ๊ะ ฮึก..." มือเรียวกำปากกาในมือแน่น ร่างโปร่งกัดปากปรือตาพยายามสะกดอารมณ์ที่ถูกนำพา "พี่จะอ่านหนังสือ...ปล่อยนะ..."



"ก็อ่านไปสิ ดีเลย ผมจะได้ทำสะดวกๆ" เสียงทุ้มกระซิบพร่า พรมจูบหลังใบหู เป็นจุดอ่อนที่ทำให้รามตัวสั่นสะอึกสะอื้น "นี่ รามมีทำงานกี่โมงนะ"



"ไม่บอก..." เพราะถ้าบอกเดี๋ยวติมก็ทำไม่หยุดจนถึงเวลาน่ะสิ



"ถ้าไม่บอกจะทำทั้งวันทั้งคืนเลย แผล่บ..." ติมเลียข้างคอลากยาวและแหย่ลิ้นเข้ารูหู



"ยะ อ๊ะ ไม่เอานะ ฮื้อ!" ร่างโปร่งดิ้นเร่า ทนไม่ไหวอีกต่อไปกับการเล้าโลมแทบทำให้ขาดใจตายนี่ เข่าสองข้างดันขาเรียวให้แยกออกพลางยกสะโพกบดเบียดความร้อนผ่าวผ่านเนื้อผ้า ซ้ำยังมือใหญ่ที่ขยุ้มบดคลึงเป้าของเขาแรงจนต้องยกมือจิกทึ้งข้อมือใหญ่แต่เขาก็มีแรงไม่มากพอจะห้ามการกระทำให้หยุดได้



เพียงไม่นานพระรามก็ถูกเปลื้องผ้าอย่างง่ายดายไม่รู้ตัว ได้แต่นอนแหกขากว้างน่าอายและกดสะโพกรับแก่นกายที่พยายามจะสอดเข้ามาตัวสั่นระริก



"รามจับขาตัวเองไว้ แหกกว้างๆ" มือใหญ่ปล่อยให้ร่างโปร่งจัดการตัวเองตามคำสั่ง ติมเลียริมฝีปากเมื่อพระรามเหม่อลอยจับข้อพับขาตัวเองไว้ทั้งสองข้าง อ้าขาจนแก่นกายเล็กชี้โด่ สะโพกเล็กกดแนบชิดก่อนจะขยับรับแผ่วเบาและค่อยๆ หนักหน่วง



"อื๊อ อ๊า ติม...ติม"



"ชอบใช่มั้ย ราม"



"คะ ครับ" แผ่นหลังบางหยัดโค้งเมื่อส่วนปลายบานเข้ามาลึกจนเสียวจี๊ด มือใหญ่ลูบเค้นหนักทั่วกายผอม หมั่นเขี้ยวคนที่ขยับสะโพกเย้ายวนเหลือเกิน ตอนแรกบอกไม่ ตอนนี้เขาแทบไม่ต้องขยับ สะโพกเล็กก็กดกระแทกลงมาเองตามใจต้องการ



"ซี้ด" ริมฝีปากหยักสูดดังและพรมจูบข้างต้นคอขาว จนพระรามครางหวิวสั่นเครือ



ยิ่งน้ำไหลผุดซึมจากปลายแก่นกายหยดเปื้อนท้องราบทำให้เขายกมือช่วยรูดรั้งเค้นระรัวโดยเฉพาะส่วนปลาย กายบางบิดเร่าหนักกว่าเดิมและช่องทางด้านหลังตอดหนัก



"อื๊อออ!"



"ราม...ราม...อา"



ดวงตาคมกริบ จ้องมองใบหน้าและดวงตาปรือปรอย เวลานี้เขามั่นใจว่าไม่มีคู่นอนคนไหนที่ผ่านมาทำให้เขาอยากบดขยี้เท่านี้อีกแล้ว



ใบหน้ามนส่ายหน้าเกลือกกลิ้งบนไหล่แกร่งอย่างเสียวซ่าน วาบหวิว ริมฝีปากบางยกขึ้นประทับข้างแก้มของร่างสูงแผ่วเบา ก่อนที่ลิ้นเล็กจะแลบเลียคางและสันกรามเหมือนลูกแมว น้ำลายบางส่วนไหลลงเปรอะเปื้อนคางเล็ก



การกระทำที่ทำให้คนมองสูดปากทนไม่ไหว ยั่วเหลือเกินเจ้าแมวตัวนี้



"ซี้ด ราม ทำงานกี่โมง"



"อ๊า อ๊ะ!" รามหวีดครางเสียงดังไร้สติ ไม่ได้ยินแม้แต่คำถามที่อีกฝ่ายกระซิบติดหู เมื่อถูกจู่โจมอย่างแรงไม่ทันตั้งตัว สะโพกปอดกระแทกสวนเร็วแรงจนร่างโปร่งตัวลอยตาม เกร็งตอดแน่นทนไม่ไหว



"ราม..."



"มะ ไม่ไหวแล้ว ระ เร็ว"



"เดี๋ยวชีทเปื้อนนะ" ถึงจะพูดแบบนั้นแต่คนตัวสูงก็ยิ่งซอยสะโพกถี่จนไม่กี่วินาทีต่อมาพระรามก็ถึงจุด



"อ๊า!!" ร่างโปร่งเชิดหน้าร้องเสียงสูง น้ำขาวขุ่นพุ่งแรงอย่างอดกลั้น ก่อนจะเกร็งตัวรับคนด้านล่างที่ตามมาติดๆ สายธารอุ่นร้อนฉีดพ่นปลดปล่อยเต็มช่องทางจนไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนเต็มพื้น



ไม่เป็นไรแค่นี้น่ะทำความสะอาดได้อยู่แล้ว แต่เรื่องหนังสือและชีทนั้น...ที่น้ำของร่างโปร่งมันสาดกระเซ็นไปโดนคงจะล้างไม่ออก ใช้ทิชชู่เช็ดก็ยังเป็นคราบอยู่ดี



แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เวลาพระรามอ่านหนังสือจะได้นึกถึงตอนที่เขาทำแบบนี้กับอีกฝ่าย เพียงแค่นึกถึงตอนที่ร่างโปร่งหน้าแดงก่ำแม้แต่ตอนตั้งใจเรียนแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา



ดวงตาคมกริบเบนมาที่ใบหน้ามนที่ปรือตาค่อยๆ ปิด สิ่งที่ตั้งใจจะทำตั้งแต่ตอนแรกก็ไม่ได้ทำแล้ว



งั้นขออีกรอบแล้วกัน...



"อ๊ะ อื๊อ ไม่..." น้ำตาเม็ดโตคลอปริ่ม "ฮือ ไม่เอาแล้ว"



ก่อนที่เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังยาวนานพร้อมกับเสียงทุ้มใสหวีดร้องเครือก้องในห้องนั่งเล่น



ยังไงเรื่องนี้พระรามก็ต้องยอมเขาอยู่วันยังค่ำ





********************* Love Substitute *********************





“เตรียมปั่นป่วนแล้วใส่รองเท้าไปโบสถ์ของเธอมาด้วย สาวน้อย เพราะเรากำลังจะออกตะลุยกัน”



“รูล์ฟ นายพยายามจะบอกอะไร”



“เราจะเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต”



“ว่าไงนะ!”



ดวงตาเรียวจดจ้องโฆษณาบางอย่างในโทรทัศน์ มันคือการ์ตูนของต่างประเทศที่เพิ่งจะเข้าโรงภาพยนตร์ได้ไม่นานและมันก็น่าดูมาก ถ้าหากถามว่าน่าดูขนาดไหน มันก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งสนใจจนนั่งนิ่งไม่ไหวติงได้ก็แล้วกัน



ไอติมหันมามองพระรามที่จดจ้องตาไม่กระพริบจนข้าวเขิ้วไม่กิน อาหารตั้งอยู่ตรงหน้าแต่ไม่สนใจเท่าสิ่งที่กำลังฉายอยู่



"ราม ข้าวเย็นหมดแล้ว..." เสียงทุ้มเอ่ยเตือน



"..."



ร่างโปร่งไม่ได้ฟัง ก็เลยไม่ได้ตอบ



อย่าหาว่ารามเด็กเพราะจริงๆ แล้วการ์ตูนเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ดูได้เด็กดูดี แก่กว่าเขาก็เข้าโรงดูมาแล้วเยอะแยะ



และตอนนี้เด็กโข่งวัยยี่สิบเอ็ดอย่างพระรามก็อยากดู...



"ติม พี่อยากดูการ์ตูนเรื่องนี้..." พระรามพูดขึ้นขณะที่เขากับอีกฝ่ายกำลังตั้งโต๊ะกินข้าวกันอยู่ แล้ววันนี้นึกครึ้มอยากดูทีวีด้วยเลยจบลงด้วยประการฉะนี้แล



"ก็ไปดูสิ"



"ติมไปด้วยมั้ย?"



"แน่อยู่แล้ว" เสียงทุ้มตอบกลับทันทีเหมือนไม่ได้คิด เอ่ยแซวคนที่ทำตัวเหมือนเด็ก "เพราะงั้นก็กินข้าวได้แล้วนะ น้องรามจะได้อ้วนๆ เวลาพี่ติมกอดมีแต่กระดูก"



แก้มขาวแดงเรื่อเล็กน้อยก่อนจะจ้วงกับข้าวมากินเปล่าๆ แถมยังแย่งส่วนของไอติมมากินด้วย



"อ้าว นั่นมันของผม!"



"ก็นายบอกให้พี่กินเยอะๆ!"



"ก็ไม่ได้บอกให้กินของผมด้วยมั้ยล่ะ เอาคืนมาเลย..."



"ไม่..."



พระรามแย่งส้อมที่จิ้มทอดมันปลากรายชิ้นใหญ่น่ากินยื่นไปอีกด้านแต่ไม่พ้นแขนยาวที่เอื้อมมาจับมือเรียวและป้อนเข้าใส่ปากตนเคี้ยวตุ้ยๆ การกระทำนั้นทำให้ร่างโปร่งมองอึ้งๆ สัมผัสที่มือทำให้ดวงตาเรียวมองไล่ขึ้นไปสบดวงตาคมกริบก่อนแก้มจะแดงขึ้นมา



ในยามที่อยู่กันสองคน  ถ้าหากไอติมไม่พูดเรื่องของเอมขึ้นมา หรือว่าไม่มีเอมอยู่ เขาสามารถมีความสุขได้ เขาสามารถหัวเราะได้ และเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นคนที่สำคัญจริงๆ สำหรับติม



"อร่อยมั้ย?" พระรามถามขณะมองริมฝีปากหยักเป็นรูปสวยมันย่องเพราะทอดมันชิ้นเมื่อกี้ ก่อนจะหยิบทิชชูส่งให้เช็ด



ดวงตาเรียวมองปรือปรอย...ทั้งๆ ที่อยากจะเป็นคนเช็ดมันด้วยตัวเองแท้ๆ



"อืม ก็ดีนะ" ริมฝีปากหยักยิ้มกริ่ม พลางเลียริมฝีปากด้วยท่าทางที่คนเห็นต้องกลืนน้ำลายเลียปากตาม "อร่อย ผมชอบ"



พระรามส่ายหัวดิกสะบัดความคิดใต้กางเกงที่อยู่ในหัวออกไป ก่อนจะยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวซี่เล็กเรียงสวยงามกับลักยิ้มที่โหนกแก้มทั้งสองข้าง คำชมของไอติมมีอิทธิพลทำให้ใจเขาพองโตคับอก แม้กับข้าววันนี้จะเป็นเพียงแค่เขาเลือกซื้อมา แต่ถ้าติมชอบ เขาก็จะลองหัดทำให้เป็นบ้างเหมือนกัน



คราวนี้เป็นฝ่ายไอติมที่กลืนน้ำลายบ้าง รอยยิ้มหยีตาปิดของพระรามแดเมจรุนแรงกว่าที่คิด ซ้ำยังลักยิ้มเหมือนหนวดแมวนั่น...



น่ารัก



"เมี้ยว..."



เสียงร้องเรียกแผ่วเบาดังขึ้นพร้อมกับอุ้งมือนุ่มนิ่มที่ตะกุยต้นขาทำให้ร่างโปร่งก้มมองแล้วยิ้ม "อุริ"



"เมี้ยว~" เจ้าแมวร้องออดอ้อนอีกครั้ง ไม่ต้องรอนานพระรามก็อุ้มมันไว้ในมือ สัมผัสท้องป่องที่มือทำให้ดวงตาเรียวสำรวจ อุริเหมือนจะอ้วนขึ้นนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะเขาให้มันกินเยอะด้วยรึเปล่า ก็น่ารักเสียขนาดนี้อ้อนนิดหน่อยเขาก็ใจอ่อนยวบแล้ว "น้ำหนักขึ้นนะเนี่ย หืม"



"แง้ว" อุริเลียอุ้งมือแผล่บๆ ยกขึ้นลูบหน้าลูบตา



"อยู่กับเจ้านายแกคงได้กินแต่อาหารเม็ดใช่มั้ย"



"แง้วๆ!"



"ฮ่าๆ" ร่างโปร่งหลุดหัวเราะพรืดเสียงดังเมื่อเจ้าเหมียวร้องรับคำนั้นราวกับรู้เรื่องที่เขาพูด "มาๆ งั้นเดี๋ยวฉันแกะปลาทูให้นะ อุริ เอาไหม"



"เมี้ยว~"



รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหมือนเด็กของพระรามเวลาอยู่กับแมว ทำให้ดวงตาคู่คมมองค้าง เสียงทีวีเป็นเพียงแบคกราวน์ที่ทั้งคู่ไม่ได้สนใจ ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าใกล้แก้มขาวขึ้นเรื่อยๆ ...



ฟอด



"!?" พระรามเบิกตากว้าง ตกใจจนปล่อยแมวในมือร่วงหล่นจนมันวิ่งหนีไป พลันใบหน้าร้อนผ่าวราวกับมีไฟลุกไหม้ ดวงตาเรียวหลุบต่ำไม่กล้ามองแม้แต่นิด ผ่านไปสักพักไม่ใช่แค่หน้าแต่คราวนี้กลับร้อนผ่าวทั้งตัว...



ร่างโปร่งเม้มปากแน่น ยังรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้อง จึงเงยขึ้นสบแต่ก็หลบอีก ทำอยู่แบบนั้นเรื่อยจนได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ



"มีอะไรกันตั้งหลายครั้ง กับแค่หอมแก้มจะเขินอะไรปานนั้น"



ดวงหน้ามนแดงก่ำร้อนผ่าวกับคำพูด สายตาคมกริบและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น หัวใจเต้นดังตึกตัก



ถ้าหาก...



ถ้าหากเขา...ได้จูบแก้มของติมบ้าง...คงจะดีไม่น้อย



ใบหน้ามนช้อนมองกล้าๆ กลัวๆ "ติม...พี่ขอ...หอมแก้มนายบ้างได้มั้ย"



ไอติมเลิกคิ้วกับความใจกล้า "ใครห้ามล่ะ"



พอได้รับคำอนุญาตพระรามก็ค่อยๆ ยื่นหน้ามากดจมูกข้างแก้มใสเบาๆ ที่เอียงรับองศา ความหอมทำให้จมูกไล้คลอเคลียไม่ผละออกเสียที ไอติมกำหมัดแน่นก่อนจะคว้าเอวผอมมานั่งคร่อมตัก จนใบหน้ามนเหวอ "ติม...!?"



"อยากหอมเดี๋ยวให้หอมทั้งวันเลยเอาไหม"



มือเรียวจับไหล่แกร่งทั้งสองข้างผละออกมองคนพูด ใบหน้ามนร้อนผ่าวกับคำพูดนั้น "จริงเหรอ"



"แต่แลกเปลี่ยนกัน รามก็ต้องให้ผมทำทั้งวัน"



คราวนี้เสียงทุ้มใสแหวดังกับคำพูดหื่นกาม "บ้า...!?"



ปกติก็ทำเกือบทั้งวันยังไม่พออีกเหรอ



"เมื่อกี้ก็หอมนานด้วย คราวนี้จะทำนานๆ เลย"



“มะ มะ...อ๊ะ”



เอี๊ยดๆ



"อ๊า...อ๊ะ อ๊ะ ฮึกกก" ร่างโปร่งถูกเปลื้องผ้าจับสอดใส่อยากรวดเร็ว ร่างกายของเขาพร้อมจะตอดรัดแก่นกายใหญ่ร้อนระอุตลอดเวลา เพียงแค่มันแทรกเข้ามาเขาก็รู้สึกดีจนแทบบ้า พร้อมกับสติที่ค่อยๆ เลือนหายไป ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องขอให้ทำแรงขึ้นอีก



ใบหน้ามนเชิดหงาย ปลายแก่นกายกระแทกเข้าที่จุดเสียว น้ำตาเม็ดใสไหลอาบเพราะอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก จมูกเล็กกดข้างแก้มใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับริมฝีปากบางแนบไม่ห่าง



"ซี้ด ถ้าหอมหนึ่งครั้งหนึ่งน้ำนะราม" เสียงทุ้มกระซิบพร่าติดหูเล็ก ร่างโปร่งหดคอเล็กน้อยด้วยความจั๊กจี๋แต่สมองกลับเหม่อลอยไม่ได้ฟังคำเตือน ซ้ำยังกดริมฝีปากจูบแรงขึ้นทั้งสันกรามและกกหูดังจุ๊บหลายครั้ง ร่างแกร่งที่กัดฟันกับการกระทำรัญจวนของแมวที่ตกเป็นทาสของกามารมณ์ ทนไม่ไหวขยับสะโพกกระแทกแรงจนโซฟาที่ทั้งใหญ่ทั้งหนักไถลตามแรงขับเคลื่อน



"ยั่วนัก"



พระรามเกร็งตัวรับความหฤหรรษ์ กอดคอคนเอาแต่ใจแน่น เสียงทุ้มใสครางเครือในลำคอเพราะความวาบหวิว



"อื๊อ ติม แรงๆ ...พี่จะเสร็จ อ๊า!"



แมวตัวนี้แสนยั่วยวนยิ่งนัก ครางร้องเรียกให้งูเห่าพ่นพิษใส่ร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า



พิษนี้มีฤทธิ์ร้ายกาจแต่ก็ยอมรับอย่างเต็มใจ พิษที่ทำให้เสพติดเซ็กส์ พิษที่ทำให้หลงใหล...หลงรักคนๆ นี้เพียงคนเดียว



หลังจากนั้นโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่นก็ถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่สนองความหื่นกระหายของสัตว์ป่าไปเรียบร้อย



"ดูเรื่องนี้ครับ ซาวด์แทร็ค สองที่" นิ้วยาวจิ้มลงไปบนหน้าจอกระจกสั่งพนักงานที่จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาเหม่อลอย ไอติมชินแล้วกับปฏิกิริยาแบบนี้ พอสายตาคมกริบเงยขึ้นสบพลันมนต์ที่สะกดก็สลายไป



"นี่"



"คะ ค่ะ!"



พระรามที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นแบบนั้นก็เกิดอาการบางอย่างขึ้นมาในใจ...หวง



"นี่ค่ะ" พนักงานหญิงหุ่นดีมีหน้าอกหน้าใจใหญ่พอควรหน้าตาจิ้มลิ้มยื่นตั๋วหนังสองใบมาให้ แต่ไม่ทันที่มือใหญ่จะยื่นไปรับ ร่างโปร่งกลับฉกมาซะก่อน



รู้หรอกว่าจะแอบแต๊ะอั๋งไอติม เขาไม่ให้โอกาสหรอก



"?" ร่างสูงทำหน้างุนงงเมื่อถูกมือเรียวจับตนลากออกมาจากหน้าเคาท์เตอร์ ระหว่างที่มองแผ่นหลังบางด้วยความไม่เข้าใจ พลันสายตาคมกริบเหลือบเห็นใครบางคนเท่านั้นแหละแขนแกร่งก็ขืนออกจากการกอบกุมทันที



"ติม? ...ไปไหน..." รามมองตามร่างสูงที่เดินไป ทันใดนั้นหัวใจก็บีบรัดแน่น



นั่นมัน...ชะเอม...



"ราม...?" ร่างบางที่กำลังคุยกับร่างสูงอยู่มีสีหน้าตกใจตอนที่ติมเข้าไปทัก ดวงตากลมโตมองเลยมาด้วยความสงสัย สีหน้าที่แสดงออกมาทำให้เขาอ่านออกทันทีว่าเอมจะถามอะไร



คงจะ ‘ทำไมถึงอยู่ด้วยกันอีกแล้ว?’ สินะ



แต่เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าต้องตอบว่าอะไร นอกจากเอ่ยคำทักทายออกไปแทนด้วยน้ำเสียงไม่ยินดีนัก



"ไงเอม"



"ผมกำลังจะไปดูหนัง พี่ชะเอมไปด้วยมั้ยครับ" ติมถามขึ้น มันคงไม่ใช่คำถามตามมารยาทอย่างแน่นอน เพราะสีหน้าของติมก็ดูอยากจะให้ชะเอมไปด้วยเสียขนาดนั้น มันทำให้เขาอึดอัด แต่ก็ไม่ได้พูดแทรกอะไรออกไป



บอกตามตรงว่าไม่อยากให้ไป...ขอให้เอมตอบว่าไม่ไป...ไม่ไปทีเถอะ



รามรู้ตัวดีว่าเป็นความคิดที่แย่มากสำหรับเพื่อนคนหนึ่ง ทั้งๆที่ใบหน้าหวานก็ดูหม่นหมองเหมือนลำบากใจอะไรมาสักอย่าง แต่ตอนนี้เขาก็เจ็บที่ใจไม่แพ้กัน



เพราะแฟน...สนใจคนอื่นมากกว่า



"เอ๋ ดูหนังเหรอ" ไม่เป็นไปตามที่พระรามหวังเพราะดวงตากลมมีประกายสนใจ แต่พอมองหน้าของรามสลับกับติมใบหน้าน่ารักก็ขมวดคิ้วลำบากใจ "แต่ว่าติมมากับรามไม่ใช่เหรอ ทั้งสองคนจะไปดูหนังแล้วมาชวนพี่จะดีเหรอ"



คำพูดของชะเอมทำให้ใบหน้าของรามที่หม่นหมองแดงเห่อขึ้นมา...นี่เอมดูออกด้วยเหรอว่าเราสองคนมาด้วยกัน...



"ไม่หรอกครับ ผมแค่บังเอิญเจอเขา แต่ไม่ได้จะไปด้วยกันหรอก"



ใบหน้ามนพลันซีดเผือด ดวงตาเรียวส่งสายตาตัดพ้อน้ำตารื้นให้กับคนข้างกาย "แต่ติมบอกว่า..." แต่พอสบสายตาคมกริบที่ราวกับจะบอกให้เงียบเขาก็พูดอะไรไม่ออกอีก



...เจ็บ...



"เอ๊ะ อะไรกันเหรอ" ร่างบางงุนงงไม่รู้เรื่องถามด้วยความซื่อไม่อ่านบรรยากาศ



ร่างสูงยิ้มให้กับความน่ารักนั้น "ไม่มีอะไรหรอกครับ"



"จริงเหรอราม"



"อืม ไม่มีอะไร เราขอตัวก่อน" แล้วร่างโปร่งก็เดินออกมาไม่ฟังเสียงใสเรียกจากด้านหลัง



"ราม..."



รู้ดีว่าเขากำลังทำให้เพื่อนกังวล แต่ถ้าไม่รีบออกมา เขาได้ร้องไห้ออกมาตรงนั้นแน่ และคำพูดต่อมาของติม...ก็ทำให้น้ำตาที่กลั้นไว้ร่วงเผาะ



"อย่าไปสนใจเขาเลยครับ พี่ชะเอมไปดูหนังกับผมกันเถอะ"



...ทำไมถึงได้ใจร้ายกับเขาขนาดนี้...


++++++++++++++++++++ต่อด้านล่าง


ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep18 19/05/2019
«ตอบ #37 เมื่อ01-05-2019 20:55:52 »





++++++++++++++++++++ต่อจากด้านบน




แค่เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบอย่างนั้นหรือ



"ฮึก..."



พระรามเดินหลบมาไกล ใบหน้ามนเปื้อนน้ำตาก้มมองตั๋วสองใบที่อยู่ในมือ บัดนี้มันยับยู่ยี่เละเทะไปหมดแล้ว ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำหมัดแน่นขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่



'พี่อยากดูการ์ตูนเรื่องนี้...'



'ก็ไปดูสิ'



'ติมไปด้วยมั้ย?'



'แน่อยู่แล้ว'



บอกเขาว่าจะมาด้วยกัน แล้วทำไมถึงทิ้งไปอย่างง่ายดาย



มาทำให้ดีใจ แล้วก็ทำให้เจ็บ



'ที่พี่ไม่เข้าใจคือทำไมนายถึงบอกว่าพี่เป็นแฟน...แล้วที่บอกว่าเป็นคนสำคัญนั่น...เพราะอะไร...'



'รามไม่จำเป็นต้องรู้หรอก...แค่รามชอบผมก็พอ'



อยากจะหวง อยากบอกว่าห้ามไป...แต่เขาไม่มีสิทธิ์ ก็แค่เป็นแฟนในนาม ไม่ได้มีตัวตนอยู่ในใจของอีกฝ่าย



ที่อะไรๆ เป็นไปได้ด้วยดีก็แค่เซ็กส์ระหว่างเราเท่านั้น...แค่ความสัมพันธ์ทางกาย



น่าอิจฉาชะเอมชะมัดที่ไม่ต้องทำอะไร ไอติมก็ชอบ



นิ้วเรียวจิกเล็บเข้าฝ่ามือตน ทำไมเขาถึงเป็นเพื่อนชั่วขนาดนี้



ชะเอมน่ะเป็นคนดีแล้วก็น่ารักกับทุกคน ซื่อตรงไม่เคยเปลี่ยนแปลง...ผิดกับพระรามที่เป็นคนขี้หวงยิ่งกว่าอะไร ไม่อยากให้ไอติมเข้าใกล้ใคร ชอบใครนอกจากเขา



หรือว่าเพราะเขาเป็นคนแบบนี้เลยไม่มีใครมารัก



วืด วืด



Issara : เสียค่าตั๋วมาแล้ว รามก็เอาไปดูนะ เดี๋ยวเสร็จแล้วค่อยออกมาเจอกัน



"อึก...ฟืด..." คนรอบข้างต่างหันมามองว่าไอ้หน้าจืดนี่ร้องไห้ทำไม แต่พระรามก็ไม่ได้สนใจสะอึกสะอื้นน้ำตาไหลไม่หยุด



เขาแค่อยากจะรู้ว่าติมพูดอย่างนั้นทำไม



แฟน...หรือคนสำคัญอะไรนั่น



สถานะบ้าบอ ที่ทำให้เขาสุขใจจนหลงลืมความเป็นจริงว่าติมเกลียดเขา



พระรามก็ดันบ้าจี้ตามที่ติมบอกใช้ตั๋วเข้าไปดูหนัง อีกใบก็เป็นหมันไป นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าทั้งหัวตั๋วและหางตั๋วเพราะไม่มีใครใช้ ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าอยากจะมาดูแต่ตอนนี้ดวงตาเรียวเหม่อลอย ใต้ตาแดงก่ำ ไม่มีสมาธิดูเลยแม้แต่นิด



ผ่านไปสองชั่วโมงอย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งยืนรออยู่หน้าโรงหนังเพราะไม่รู้จะไปที่ไหน ก็พลันเห็นภาพที่ทำให้เขาน้ำตาตก



ติมกำลังจูบเอม



ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจหรือไม่ที่จะให้เขาเห็นภาพนี้



ทำไมเมื่อกี้เขาถึงเลือกที่จะรอ ถ้าหากว่ากลับไปก่อนก็คงไม่ต้องเห็นอะไรแบบนี้



‘ติมจะจูบกับคนที่ชอบเท่านั้น’



พระรามไม่รู้เลยว่าหันหลังเดินออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วตอนนี้ เหม่อลอยจนกระทั่งมาถึงห้อง



ตนมาได้ยังไง...ก็ไม่รู้



"เมี้ยว..."



ขาเรียวชะงัก ก้มลงมองที่พื้นเห็นแมวน้อยตัวจ้อย ก่อนจะนิ่วหน้าและร้องไห้ออกมาอีกครั้ง



พระรามทิ้งตัวลงนั่งพิงกับประตู ก่อนจะอุ้มอุริที่ร้องเหมียวๆ คล้ายปลอบใจเหมือนจะรู้ว่าเขากำลังเศร้าขึ้นแนบอก น้ำตาไหลหยดลงโดนใบหน้าที่มีขนปกคลุม



"เมี้ยว"



"ขอบใจ อึก นะ..." เสียงทุ้มใสสั่นเครือ ยิ่งพูดเหมือนจะยิ่งแย่เพราะน้ำตามันยิ่งทะลักออกมา สะอื้นจนตัวสั่น พออยู่คนเดียวก็คิดมากอีก...ยิ่งกลับมาที่ห้องที่มีแต่กลิ่นของเจ้าของยิ่งเรียกเสียงร้องไห้โฮ



"นี่...ติมทำแบบนี้ทำไมเหรอ อุริ"



ตอนนั้นนายหอมแก้มพี่ทำไม



‘อยากหอมเดี๋ยวให้หอมทั้งวันเลยเอาไหม’



แล้วนายให้พี่หอมแก้มทำไม



"ทำไมถึงทำแบบนี้กับพี่ล่ะ...?"



"...เมี้ยว" เจ้าเหมียวทำหน้าเศร้าร้องเครือในลำคอเมื่อเห็นใบหน้ามนร้องไห้ไม่หยุดสักที อุ้งมือนิ่มลูบแก้มซีดปาดป่ายน้ำตาแล้วก็เลียเผื่อว่าน้ำเหล่านี้จะหายไป



น้ำตาเหล่านี้ทำให้รามเศร้า เพราะฉะนั้นมันจะช่วยเอง



‘อย่าไปสนใจเขาเลยครับ พี่ชะเอมไปดูหนังกับผมกันเถอะ’



"ทำไมถึงไม่แคร์กันบ้างเลย ยังเห็นพี่เป็นคนอยู่หรือเปล่า"



ภาพคนสองคนยืนยิ้มมีความสุข และร่างสูงก้มลงจูบ...



"..."



นี่



ช่วยตอบทีสิ





พระรามนั่งกอดเข่าร้องไห้ทำใจอยู่นานก่อนจะออกมาทำงานด้วยดวงตาแดงช้ำกับรอยยิ้มฝืดเฝื่อน ดีที่เพื่อนร่วมงานและพี่เจ๋งเจ้านายของเขาไม่ได้ซักถามอะไร



ร่างบางยืนพิงผนังซึมซับเสียงเพลงและบรรยากาศ อยากจะปล่อยใจให้สนุกกับมัน แต่มันหดหู่ไปหมด “เฮ้อ...” เบื่อตัวเองที่เป็นแบบนี้ คิดมาก น้อยใจ เสียใจ วนเวียนไม่หยุด เพียงแค่ไอติมใจดีด้วยหน่อยเขาก็ลืมสิ่งที่อีกฝ่ายทำเอาไว้จนหมด...ใจง่าย



วืด วืด



มือเรียวล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูแชท คงไม่ต้องเสียเวลาเดาว่าเป็นใคร ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมันแบบนั้นก่อนจะพึมพำเบาๆ



"อยู่ที่ไหน...เหรอ"



RamĀ : พี่ทำงานอยู่ เดี๋ยวกลับไปนะ



รามกดปิดมือถือทันทีหลังจากที่พิมพ์เสร็จ ไม่สนใจว่าจะสั่นจะเด้งมาอีกเยอะแค่ไหน เพราะว่าเขาไม่มีอารมณ์จะตอบจริงๆ ...ไม่อยากมองมันด้วยซ้ำ



เขาเคยไม่เข้าใจเอม ว่าทำไมถึงต้องรักคินขนาดนั้น ถึงขั้นยอมทำร้ายตน ทรมานตัวเอง



แต่ตอนนี้สภาพของเขาไม่ต่างจากเอมเลย...ไม่สิ น่าสมเพชยิ่งกว่า



เขาคงกลายเป็นคนโง่ไปแล้วเหมือนกับที่เคยว่าและดูถูกใครต่อใครเรื่องของความรัก



“ยืนเหม่อแบบนี้หักเงินนะเว้ย”



ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก เห็นเจ้านายยืนกอดอกมองเขม็งแล้วเหงื่อตก “อ่า ขอโทษครับพี่”



พระรามทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหัวเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารู้สึกผิด บ้าจริง เขามัวแต่คิดบ้าบออะไรอยู่



“เอ็งเป็นอะไรห๊ะ ราม ทำตัวเหมือนคนอกหัก”



ใบหน้ามนหันมองก่อนจะเบะปากจะร้องไห้ “พี่เจ๋ง...ผม...ผมขอโทษครับ”



มือใหญ่ยกขึ้นจับศีรษะทุยโยกไปมา พระรามคนขยันและอดทนทำงานเพื่อครอบครัวถึงเวลาที่จะมีความรัก และดูเหมือนว่าน่าจะเป็นไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เจ๋งก็ไม่อยากว่ามากเพราะเขาก็เอ็นดูเด็กนี่เป็นพิเศษ...เอ็นดูจนเกือบจะแดกมันไปแล้วในตอนแรก



“เออ ไม่ต้องเครียดพี่ไม่ได้ว่าอะไร แต่อย่าเหม่อให้ลูกค้าเห็น ทำงานไม่กระตือรือร้นเดี๋ยวร้านพี่เสียชื่อหมด”



“ครับ” เขารับคำซึมๆ ก่อนจะไปทำงานและพยายามลบความคิดฟุ้งซ่าน แต่มันก็ยากจริงๆ ...เขาเลิกคิดถึงติมไม่ได้เลย



จนกระทั่งพระรามเลิกทำงาน ร่างโปร่งก็เดินออกมาจากร้านเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อย ปล่อยความคิดลอยไป ทั้งๆ ที่เขาเห็นข้อความแชทในมือถือแล้วว่าร่างสูงจะมารับ แต่เขาก็ไม่อยากเจอ...ไม่อยากกลับ



เสียงฝีเท้าเสียดสีกับคอนกรีตบนพื้นดังแท่ดๆ สะท้อนก้องในซอยมืด



‘จากนี้ผมจะดูแลรามตามที่แม่บอก รามไปอยู่กับผมนะ’



อีกแล้ว...



‘คนสำคัญกูเอง’



มันนึกถึงอีกแล้ว



“หยุดซักที...หยุดซักทีเถอะ” พระรามหยุดเดิน ยกมือขึ้นทึ้งหัวของตัวเองแรงๆ และทุบมันหลายๆ ครั้ง น้ำตาเม็ดโตไหลรื้นอาบหน้า เสียงของติมมันดังในหัวไม่หยุดเลย



ไม่อยากนึกถึง...เพราะยังไงเขาก็ไม่ใช่คนที่ติมรัก



ทำไมกัน ทำไมความรักของเขาช่างเจ็บปวด...ทรมานแทบขาดใจแบบนี้



พระรามยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้องสักพัก ขยี้ตาที่แสบแดงผ่านการร้องไห้มาตลอดทางเผื่อว่ามันจะหาย ไม่อยากเจอติมด้วยสภาพน่าสมเพชแบบนี้ แต่สุดท้ายมือก็หยิบคีย์การ์ดเสียบเข้าช่องและประตูก็เปิดออก



ความเงียบในห้องทำให้พระรามถอนใจโล่งอก



“...ไม่อยู่เหรอ”



แกร๊ก



แต่ทันใดนั้นเสียงประตูก็ดังขึ้นด้านหลัง ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาทั้งหายใจหอบแรง พลันดวงตาคมกริบเห็นพระรามอยู่ในห้องก็เหมือนมีไฟแปลบปลาบอยู่ในดวงตา แต่ร่างโปร่งหันหลังให้ ไม่เอ่ยทักทายใดๆ ทั้งสิ้น



“ไปไหนมา” ร่างโปร่งเงียบยิ่งทำให้ไอติมโมโห กระชากแขนผอมให้หันกลับมาประชันหน้า “กูถามว่าไปไหนมา!”



“พี่บอกแล้วไงว่าไปทำงาน!” พระรามตะคอกขึ้นบ้างด้วยน้ำตารื้น ทำไมอีกฝ่ายต้องกระชากเสียง...อยากได้ยินเสียงอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนที่ร่างสูงพูดกับร่างบางคนนั้น



ยิ่งรู้สึกน้อยใจ ความอดทนก็เหมือนจะยิ่งต่ำลงทุกที



“กูบอกว่าจะไปรับ แล้วทำไมไม่รอวะ! ห๊ะ!!”



“ทำไม...ทำไมติมต้องตะคอกพี่ขนาดนี้!?” เสียงทุ้มใสตัดพ้อน้อยใจอย่างถึงที่สุด “เพราะพี่ไม่ใช่เอมใช่มั้ย!!”



เหมือนคำพูดของพระรามจะทำให้ไอติมตั้งสติได้ ร่างสูงพ่นลมออกจมูกและสะบัดแขนในมือออก “พูดอะไรไร้สาระ”



“เออ ก็ใช่สิ พี่จะพูดอะไรมันก็ไม่มีสาระทั้งนั้นแหละ แล้วจะมายุ่งทำไม! แล้วพี่ไปทำงานพี่ก็กลับเองได้ ไม่ต้องให้นายมารับหรอก!”



“อย่ามาทำอวดดีใส่กู” สายตาคมกริบตวัดมองพูดเล็ดไรฟัน “แล้วถ้ามึงเจอไอ้พวกนั้นอีกจะทำไงห๊ะ เอาตัวรอดด้วยตัวเองได้มั้ย!?”



ไอติมพูดถึงคนที่ชื่อภูมิกับพรรคพวกของมัน



แล้วทำไมคราวนี้ถึงพูดเหมือนจะเป็นห่วงกัน...ความรู้สึกจริงๆ ของนายคืออะไรกันแน่



ร่างโปร่งได้ยินแล้วสะอึกสะอื้นร้องไห้ ผลักอกกว้างออกไปอย่างน้อยใจ “ติมสนใจด้วยหรือไง...”



กำปั้นเล็กทุบอกกว้างแรงจนมือใหญ่ต้องจับเอาไว้ ไอติมมองใบหน้ามนเจ็บปวดตะโกนทั้งน้ำตา



“พี่ไม่เข้าใจนายเลยติม เมื่อกี้ตอนไปดูหนังนายยังทิ้งพี่ไปได้ไม่เห็นแคร์ แล้วพอตอนนี้พี่จะเป็นอะไรยังไง นายสนใจด้วยเหรอ!?”



“...”



“ฮึก ฮึก! ถ้าพี่จะโดนไอ้พวกนั้นทำอะไร นายก็ปล่อยพี่ทิ้งไปเหมือนวันนี้เลยสิ!!” เสียงทุ้มใสตวาดกร้าว มือเรียวเงื้อยกหวังฟาดใบหน้าหล่อเหลานั่นให้เจ็บเหมือนที่เขาเจ็บบ้าง แต่กลับถูกจับเอาไว้ก่อน



หมับ!



“ปล่อย! ปล่อยนะ!” ร่างโปร่งดิ้นพล่าน แงะมือใหญ่ที่บีบแน่นราวกับคีมเหล็ก ไอติมหายใจแรงฟืดฟาดและจับพระรามเหวี่ยงลงเตียงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ็บหรือไม่ กระชากเสื้อผ้าของพระรามทิ้งอย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่ใบหน้ามนยังเปื้อนคราบน้ำตา



“ฮือ ฮือ...ปล่อยพี่นะ” มือเรียวปัดป้องผลักไหล่กว้างออกไปแต่ก็ถูกตรึงมือสองข้างไว้เหนือหัว แต่พระรามยังดื้อดึงจนติมต้องหาอะไรมามัดข้อมือผอมไว้กับหัวเตียง จนดวงตาเรียวเบิกกว้าง กรีดร้องเสียงดัง “ไม่!! ฮือ ติมอย่าทำกับพี่แบบนี้!”



“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามาปากเก่ง!”



“ติม ไม่เอา ไม่เอา!” แม้จะมัดมือแล้วแต่เท้าสองข้างก็ดิ้นไม่หยุด แต่ไม่อาจห้ามแรงที่ดึงกางเกงจนร่างโปร่งเปลือยเปล่าบนเตียงกว้าง พระรามดิ้นรนอย่างถึงที่สุดกระชากข้อมือจนเชือกที่รัดอยู่บาดเลือดซึม รามเกร็งตัวอีกครั้งเมื่อถูกจับขาให้ตั้งชันเปิดกว้างรับแก่นกายร้อนผ่าวของร่างสูงที่เปลือยกายไม่ต่างกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ติม ขอร้องล่ะ พี่ยอมแล้ว...”



“ถ้ามึงอยากให้คนอื่นมาเอามึงนัก กูจะสนองมึงแทนให้เอง”



“มะ ไม่ อ๊า!!!” สะโพกแกร่งกระแทกเข้ามาจนสุดไม่ออมแรง ร่างโปร่งแอ่นหยัดรับความร้อนระอุที่เขาชอบ แต่ว่าความโกรธและโมโหที่ใส่ลงมามันรุนแรงจนน้ำตาเม็ดใสไหลริน “เจ็บ! ...ฮึก!”         



“เจ็บที่ไหน ดูสิ ร่างกายมึงชอบของๆ กูขนาดนี้ ซี้ด”



เอี๊ยดๆๆ



“อื๊อ ฮึก ติม” ร่างกายที่ถูกฝึกมานาน เพียงชั่วครู่ลีลาของร่างกายแข็งแกร่งก็ทำให้รู้สึกดี แม้ไอติมจะทำรุนแรงแต่สะโพกเล็กก็โยกรับ เสียงทุ้มใสครางเครือร้องเรียกชื่ออย่างต้องการ ดวงตาฉ่ำน้ำตาปรือปรอย “อ๊า อ๊ะ”



“หึ...ชอบแรงๆ ใช่มั้ย” ไอติมถามแสยะยิ้ม มือใหญ่ลูบเค้นตามผิวเนียนแรงจนขึ้นรอยมือ ใส่สะโพกกระแทกแรงขึ้นอีกจนหัวเตียงกระแทกกำแพงดึงตึงตัง ไม่แพ้ริมฝีปากบางอ้ากว้างเสียงหวีดร้องยิ่งทำให้หน้าท้องแกร่งเครียดเขม็ง “ราม ครางดังๆ เรียกชื่อกู...”



“ติม...ติม!! อ๊า...!”



“รู้สึกดีมั้ย”



“อื๊อ...ยะ...เบาๆ...”



“กูถามว่าดีมั้ย”



ปั่บ!



“อ๊ะอ๊า! ดะ ดีครับ...” ร่างกายบางแอ่นหยัดหวีดร้องสูงเมื่อถูกกระแทกย้ำ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ



ร่างสูงกัดฟันกรอดก่อนจะถามออกมาอีก “ชอบมั้ย” และกระแทกระรัวให้คนอยู่ในภวังค์ตอบอย่างไม่ได้คิด



“ชอบ...!”



ไอติมสูดปาก เขาชอบฟังเสียงทุ้มใสครางเครือเรียกชื่อเขามากที่สุด ต้องบดขยี้ ย้ำลงไปแรงๆ ให้แมวตัวนี้หลงเขามากกว่านี้



คนที่อยู่ในห้วงหฤหรรษ์เหม่อลอย กัดปากปรือมองทั้งๆ ที่ร่างกายร้อนผ่าวเคลื่อนไหวบนร่างกาย ต้องอดทนมากกับความวาบหวิวถึงจะเอ่ยอ้อนวอนออกมาได้ “ติม แขน...พี่เจ็บ ฮึก ปะ ปล่อย...อือ...อ๊ะ”



ร่างสูงมองเชือกที่บาดตรงข้อมือผอมจนเป็นรอยแล้วก็เอื้อมไปปลดออก ทันทีที่พระรามเป็นอิสระก็ไขว่คว้าเอื้อมกอดไหล่กว้างยกโหนจนแผ่นหลังบางลอยจากเตียง ติมเห็นดังนั้นก็ก้มต่ำลงและใช้มือกดเข่าทั้งสองข้างติดเตียงและบดขยี้ไม่ยั้ง



พระรามรู้สึกดีจนเอาคำพูดไหนมาอธิบายไม่ได้ ในที่สุดไอติมก็ปลดปล่อยเต็มช่องทางพร้อมๆ กับเขาที่ฉีดพ่นน้ำออกมาเยอะไม่แพ้กัน นอนหอบเหนื่อยไม่ทันหาย ร่างโปร่งก็ถูกจับให้โก้งโค้งสะโพกสูงและจากนั้นความรู้สึกวูบโหวงก็ถูกเติมเต็มอีกครั้งแล้วครั้งเล่า มือเรียวขยุ้มผ้าปูแน่นขณะที่ด้านหลังมีแก่นกายร้อนผ่าวสอดใส่ไม่หยุดพร้อมๆ กับเสียงทุ้มครางต่ำของสัตว์ป่าหื่นกระหาย



“คราวหลัง ซี้ด จำไว้...อย่าพูดอะไรไร้สาระอีก เข้าใจมั้ย”



‘ทำไมติมต้องตะคอกพี่ขนาดนี้...เพราะพี่ไม่ใช่เอมใช่มั้ย!’



‘พูดอะไรไร้สาระ’



...ไร้สาระ...



ความน้อยอกน้อยใจของเขามันเป็นเรื่องไร้สาระ



ความรู้สึกของเขามันไม่สำคัญต่ออีกฝ่ายแม้แต่นิด



“...ฮึก”



‘ตอนนี้พี่จะเป็นอะไรยังไง นายสนใจด้วยเหรอ!?’



เวลาอีกฝ่ายโมโห แม้ว่าเขาจะขอร้องอ้อนวอนว่าเหนื่อยเพลียแล้วยังไง ไอติมก็ไม่เคยสงสารหรือปล่อยไป...ยังคงทำจนกว่าจะพอใจ



“ราม กูถาม!”



ความเจ็บปวดของเขา...มันจะเป็นยังไงก็ช่าง



“...ครับ”



...เพราะอีกฝ่ายไม่เคยสนใจ...



เหตุผลเดียวคือพระรามไม่ใช่ชะเอม



ใบหน้ามนเศร้าสร้อย คิ้วบางขมวดแน่นก่อนที่น้ำตาเม็ดโตจะไหลหยดซึมผ้าปู...หยดแล้วหยดเล่า





ถึงร่างกายรู้สึกดีเหลือล้น แต่ภายในใจเริ่มปริร้าว





********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #38 เมื่อ17-06-2019 19:37:06 »



ทดแทนรัก

ตอนที่ 19



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เนื้อหาเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป





แชะ!



“ฟู่...”



หลังจากที่ทุกอย่างเงียบลง พระรามก็นอนขดตัวหลับสนิท ใบหน้าอิดโรยและใต้ตาบวมช้ำยังมีคราบน้ำตาติดอยู่ ร่างสูงปลดปล่อยสบายตัวเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำจนสะอาด รู้สึกอยากสูบบุหรี่ขึ้นมาก็จุดสูบมันตรงนั้นด้วยความเคยชิน ทิ้งตัวลงนั่งพิงหัวเตียงและพ่นควันอยู่แบบนั้น



ดวงตาคมกริบปรายตามองร่างโปร่งแล้วก็อดนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่ได้



‘เพราะพี่ไม่ใช่เอมใช่มั้ย!!’



เสียงทุ้มแค่นหัวเราะ “...ไร้สาระ”



บอกแล้วว่าที่คบเป็นแฟนกับรามนั้นไม่ใช่เพราะชอบ แต่เพราะ...มันจำเป็นต่างหาก



เพราะอย่างนั้นที่ร่างโปร่งพูดตัดพ้อน้อยใจเรื่องของชะเอมนั้น ถึงเป็นเรื่องไร้สาระ อีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์จะมาเรียกร้องความเห็นใจอะไรใดๆ ทั้งนั้น



แล้วทำไมเขาถึง...รู้สึกผิด



‘ถ้าพี่จะโดนไอ้พวกนั้นทำอะไร นายก็ปล่อยพี่ทิ้งไปเหมือนวันนี้เลยสิ!!’



ทำไมต้องโมโหเมื่อพระรามพูดแบบนั้น



‘ไปไหนมา...กูถามว่าไปไหนมา!’



ทำไมต้องรู้สึกร้อนใจ เพียงแค่อีกฝ่ายไม่รับมือถือ ไม่ตอบแชท



ไอติมส่ายหัวเลิกคิด สงสัยจะอยู่ด้วยกันมากไป ถึงได้รู้สึกอะไรบ้าๆ บอๆ แบบนั้น คนที่เขาชอบคือพี่ชะเอมต่างหาก ร่างบอบบางน่ารักคนนั้นไม่ใช่ไอ้หน้าจืดที่ชื่อพระรามคนนี้



ยังไงก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น กับลูกชายอีกคนของแม่ที่ไม่ใช่พี่อิฐ...คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาทางสายเลือดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น



ร่างสูงเดาะลิ้น ขมวดคิ้วมองพระรามที่หลับพริ้ม รู้สึกโมโหมากที่ร่างโปร่งมาทำให้เขารู้สึกอะไรที่ไม่จำเป็น



“แค่ก...แค่ก!” พระรามไอค่อกแค่กดึงความสนใจ ไอติมพบแล้วว่าแม้ร่างโปร่งจะเหนื่อยเพลียแค่ไหน แต่เจ้าตัวกับไวต่อกลิ่นควันอย่างที่ปากว่าจริงๆ แค่เขาจุดบุหรี่สูบเพียงไม่นาน เจ้าตัวก็ปรือตาปิดปากไอโขลก ร่างโปร่งพยายามจะลุกขึ้นออกจากเตียงอย่างที่เคยทำ แต่คราวนี้เขาไม่ยอมให้ดิ้นหนี พลันมือใหญ่คว้าแขนผอมลงมานอนหงายเหมือนเดิมและคราวนี้ก็พ่นควันใส่ใบหน้ามนอย่างจงใจ “แค่กกก เฮือก...แค่ก!!”



“หึ” ใบหน้าหล่อเหลาแสยะยิ้มมุมปากที่เห็นใบหน้ามนขมวดคิ้วไออย่างรุนแรงต่อเนื่อง เขาไม่เคยเห็นใครที่เป็นแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะผู้ชาย “สำออยชิบหาย”



ไอติมเอ่ยด้วยความหมั่นไส้แกมโมโห เพราะว่าเจ้าหน้าจืดคนนี้มาทำให้เขารู้สึกหลากหลาย...เขาจึงทำแบบนี้ให้อีกฝ่ายรู้สึกเข็ด จะได้ไม่ดื้อกับเขาอีก



“แค่ก...” พระรามปรือตาอ่อนแรง แต่มือสองข้างยังคงปิดทั้งปากและจมูกไอจนน้ำตาไหลและพยายามขดตัวหนีไม่พ้นมือใหญ่ที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากก็พลิกตัวคนผอมไร้เรี่ยวแรงให้นอนหงายใต้ร่างเหมือนเดิม ครั้งแล้วครั้งเล่า



“เฮือก! แค่กๆๆ! ...อ่อก!” จนพระรามทนไม่ไหวอ้วกออกมาเป็นน้ำใสๆ ลงบนเตียง มันไม่มีอะไรนอกจากน้ำย่อยเหม็นเปรี้ยวเพราะเมื่อวานร่างโปร่งยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ “อ่อก...”



ร่างสูงเห็นแบบนั้นก็อึ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว “สกปรก”



“อุ๊บ...” ร่างโปร่งเป็นอิสระจากการกอบกุมก็รีบรุดวิ่งเข้าห้องน้ำหลังจากนั้นเสียงอ้วกก็ดังออกมายาวนานกว่าจะหยุด



วืด วืด



ไอติมที่กำลังนิ่วหน้ากับกลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยโชยออกมาจากกองน้ำบางอย่างบนเตียงที่พระรามทิ้งซากเอาไว้ ก็ได้ยินเสียงสั่นของมือถือ เขาหยิบมันขึ้นมากดรับเพราะเห็นโชว์ชื่อเพื่อนสนิทตนก่อนจะเดินออกมานอกห้องไม่สนใจร่างโปร่งที่ตอนนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง



“ว่า...”



(“ว่าไง”)



“อะไรว่าไงวะ มึงโทรมามีอะไรธาร” ร่างสูงตอบหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเป็นอะไร



(“ก็จะโทรมาถามว่าเป็นไงบ้างไง ทำไมต้องโมโหด้วย”)



ไอติมทิ้งตัวลงตรงโซฟา ก่อนจะพ่นลมหายใจตอบห้วน “ดี”



(“ตอบแค่เนี้ย”) ธารเสียงสูง ถามต่อยิ่งทำให้คนฟังขมวดคิ้ว (“แล้วคนนั้นอะ...รามเป็นไงบ้าง”)



“มึงจะถามทำไม”



(“มึงไปแดกรังแตนที่ไหนมา ทำไมดูอารมณ์ไม่ค่อยดี”)



พอโดนทักไอติมก็ชะงักและค่อยๆ หายใจเบาลง ตอบเสียงเบา “...ก็ไม่มีอะไร”



นั่นน่ะสิ เขาเป็นอะไร...แต่พอคิดได้ว่าเป็นเพราะพระรามทำให้ตนเป็นแบบนี้มันก็โมโหขึ้นมาอีก



(“เรื่องรามหรือเปล่าวะ”)



“ไม่ต้องมาทำเป็นเดา” ร่างสูงพูดเร็วเพราะเพื่อนมันแทงใจดำ



(“ถูกล่ะสิ”)



“...”



(“ทำไม สุดที่รักของมึงคนนี้ไปทำอะไรมา ถึงทำให้ไอติมสุดหล่อพ่อรวยKใหญ่ถึงได้หัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้”) สายธารเอ่ยแซว แต่หารู้ไม่คำพูดบางอย่างไปกระตุ้นยิ่งทำให้ร่างสูงตะคอกเสียงดังอย่างโมโห



“มันไม่ใช่สุดที่รักของกู! ไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรทั้งนั้น! ที่กูทำทั้งหมดนี้เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก!!” ร่างสูงพูดจบก็หอบหายใจแรง มือกำโทรศัพท์แน่น



ใช่ นี่แหละ ทั้งหมดนี่แหละที่เป็นเรื่องจริง พระรามไม่มีอิทธิพลที่จะมาทำให้เขาต้องรู้สึกอะไรใดๆ ทั้งนั้น!



(“เฮ้ย ใจเย็นเว้ย”) ปลายสายคงอึ้งไม่น้อยจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงใจเย็นทำให้ไอติมค่อยๆ รู้สึกตัว (“กูไม่กวนแล้วดีกว่า เดี๋ยวค่อยโทรมาใหม่ตอนมึงร่มๆ กว่านี้”)



หลังจากวางสาย ธารก็มองโทรศัพท์นิ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว



ติม คำพูดเมื่อกี้ มึงกำลังจะบอกกู...หรือบอกกับใจตัวเองกันแน่วะ



ตุบ!



“แม่ง...” ไอติมสบถ โยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนโซฟาก่อนจะหลับตาพิงศีรษะกับพนักโซฟา ลมหายใจแรงเมื่อกี้ค่อยๆ เบาลงจนเป็นสม่ำเสมอ



โดยไม่รู้ว่าหลังกำแพงภายในห้องนอนที่เปิดประตูอ้าไว้ ร่างโปร่งที่ควรจะอยู่ในห้องน้ำกำลังนั่งปิดปากน้ำตาไหลอาบหน้า แผ่นหลังบางกระตุกเพราะแรงสะอื้น หลังจากที่เผลอได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิด



“อึก...อึก!” ไอติมคุยโทรศัพท์กับใครบางคน และคนๆ นั้นน่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่ชื่อธาร แต่สิ่งที่เขาไม่อยากจะเชื่อคือสิ่งที่ร่างสูงตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน เป็นคำพูดที่ทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าภาวดีตาย



ร่างโปร่งคู้ตัวลงนอนขดกับพื้น ร้องไห้น้ำตาไหลไม่มีเสียง แต่ดูทรมานยิ่งกว่าฟูมฟาย มือเรียวยกขึ้นจิกข่วนแผ่นอกตรงตำแหน่งหัวใจจนเป็นรอยแดง ระบายความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นแต่มันไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลย...แม้จะจิกจนเลือดซึม ผิวหนังบางส่วนติดเล็บออกมาก็ไม่ช่วย



“ฮึก!” เสียงสะอื้นที่เล็ดลอดผ่านฝ่ามือทำให้ฟันขาวกัดนิ้วเรียวนอกจากจะเพื่อกลั้นเสียงร้องไห้แล้วก็ทำเพื่อพยายามข่มความเจ็บที่เกิดขึ้นข้างใน แต่แม้จะกัดจนเลือดออกมันก็ไม่หาย



ข้างในมันเจ็บมาก



ไม่รู้ว่าเจ็บที่ติมหลอกเขาหรือเจ็บที่รู้ว่าร่างสูงรักชะเอมมากกันแน่



เขาถูกหลอกใช้...เพราะติมอยากให้ชะเอมปลอดภัยจากคู่อริที่แค้นกันอยู่



แสดงว่าชีวิตของเขาจะเป็นยังไงก็ช่าง...ชีวิตของเขาจะตายไป ติมก็คงไม่เสียดาย



สุดท้ายแล้ว...รามก็เป็นได้แค่ตัวแทนที่แสนไร้ค่าของใครคนหนึ่งที่รอวันจบชีวิตลง...เท่านั้นเอง





********************* Love Substitute *********************





ต่อกๆๆ



ไอติมตื่นขึ้นและลุกจากเตียงเพราะได้ยินเสียงออกมาจากห้องนอน ตอนแรกนึกว่าเป็นเสียงทีวีจากห้องนั่งเล่น แต่จริงๆ แล้วเป็นเสียงมาจากห้องครัวต่างหาก ร่างโปร่งกำลังยืนอยู่หน้าเขียงจับมีดสับเนื้อหมูสีชมพูชิ้นใหญ่จนละเอียด จากนั้นก็เอาผักที่เตรียมไว้มาหั่นเป็นท่อน ยังดูเก้งก้างนิดหน่อยแต่ก็คล่องแคล่วไม่เหมือนมือใหม่ เพราะจริงๆ แล้วเขาศึกษามานานหลายชั่วโมง



"รามทำอะไร" ร่างสูงเกาหัวฟูแกรกๆ ทั้งๆ ที่เพิ่งตื่นแต่ใบหน้าก็ใสกิ๊งหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลง



"พี่จะลองทำอาหารง่ายๆ ก่อน" พระรามพูดขณะที่มือตอกไข่ลงชามสองสามฟอง "ไข่เจียวหมูสับ กับต้มจืด"



"หืม..?" ติมครางในลำคอ ดวงตาคมกริบมองสำรวจร่างโปร่งที่ใส่เสื้อกันเปื้อนสีเทาอ่อนที่สะอาดเอี่ยมอ่องเนื่องจากไม่เคยถูกแตะใช้เลยพอๆ กับหม้อไหกะละมังในห้องนี้แล้วเลียริมฝีปาก ดูแปลกตาแต่น่าปลดเปลื้องไม่น้อย...หมายถึงถอดเสื้อออกแต่เหลือผ้ากันเปื้อนไว้



ถ้าทำตอนใส่ผ้ากันเปื้อนจะเป็นยังไง



"ท้องจะเสียไหม"



คนฟังหัวเราะเจื่อน "ไม่รู้สิ ต้องลองกิน"



"งั้นถ้ารามชิมแล้วโอเค เดี๋ยวผมค่อยกินนะ"



"อืม ได้สิ" พระรามตอบไม่มองหน้า ดวงตาเรียวหม่นเศร้า ฝืนยิ้มฝืดเฝื่อน



ผ่านมาสองวันแล้วตั้งแต่วันนั้น วันที่เขารู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัยมาตลอด



เรื่องที่ว่าทำไมติมถึงเป็นแฟนกับเขาทั้งๆ ที่ชอบเอม...มันไม่ใช่สิ่งที่เขาเข้าใจอย่างที่คิด แต่กลับเป็นอะไรที่โหดร้ายกว่านั้นมาก แต่พระรามก็ทำเป็นเงียบและเก็บเอาไว้



ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆ ที่ควรจะหนีไปให้ไกล...แต่เขามันโง่มากจริงๆ ที่คิดว่าถ้าหากเป็นอย่างที่ติมคุยกับเพื่อนสนิทคนนั้น หากเขาอยู่แบบนี้เอมจะปลอดภัย ส่วนติมก็สามารถปกป้องตัวเองได้



ถ้าหากทั้งคู่ปลอดภัย เขาก็จะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ



ยังไงเขาก็ไม่มีใครอีกแล้ว ครอบครัวเขาตายไปหมดในความรู้สึก...ถ้าหากเขาตายไปก็จะสมใจติม ถ้าหากเขาตายไปจะได้ไปหาแม่ที่อยู่บนสวรรค์ เพราะฉะนั้นชีวิตที่เหลืออยู่เขาจะทดแทนรักที่มีอยู่ให้กับคนที่เขารัก



อยากให้ร่างสูงรู้ในสักวัน ว่าความรักของพระรามที่ให้ไอติมมันมีค่าแค่ไหน



ไม่กล้าพูดว่าจะทดแทนสิ่งที่เขาขโมยจากแม่ภาวดีมาจากร่างสูงตั้งแต่ยังเล็ก แต่อย่างน้อยถ้าช่วยได้บ้าง เขาก็อยากจะช่วย เรื่องทำอาหารก็เป็นส่วนหนึ่งเพราะภาวดีเคยทำอาหารให้เขาทาน จนกระทั่งเธอป่วยกระเสาะกระแสะ เขาก็ไม่ได้ทานอาหารฝีมือแม่อีกเลย



ไอติมที่ไม่ได้ทานอาหารฝีมือของภาวดี เพราะงั้นเขาจะทำให้ทานเอง...ถ้าหากอีกฝ่ายยอมล่ะก็นะ



พระรามยิ้มน้อยๆ เลิกคิดและสนใจสิ่งที่ทำตรงหน้า เขาศึกษามาทั้งคืน ก่อนจะลุกขึ้นมาเตรียมอาหารตามที่ในคลิปบอก เช่นวิธีการหมักหมูให้อร่อย เขาทำตามที่ในคลิปบอกทุกอย่าง เพราะงั้นรสชาดก็น่าจะออกมาดีอยู่พอควรล่ะน่า



จะได้ลบคำสบประมาทของไอติมด้วย...ลึกๆ ในใจหวังจะให้อีกฝ่ายชมว่าสิ่งที่เขาทำมันอร่อย...และดีแค่ไหน



อีกฝ่ายมักจะเปรียบเทียบเขากับชะเอมโดยไม่รู้ตัว...หรืออาจจะเป็นตัวเขาเองมากกว่าที่พอรู้ว่าไอติมชอบเอมแล้วก็อยากจะเป็นแบบร่างบางบ้าง



แต่ยังไงเขาก็เป็นไม่ได้หรอก ทั้งหน้าตาก็จืดชืด นิสัยก็ไม่เหมือน...สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเท่านี้



ดวงตาเรียวหม่นหมอง พอคิดมากแล้วเกิดการเปรียบเทียบ ก็จะรู้สึกด้อยค่าทุกครั้ง



“นิ้วไปโดนอะไรมา” ไอติมถามพลางจ้องไปที่ผ้าพันแผลสีเนื้อที่ติดอยู่ตรงข้อนิ้วเรียว



“มะ มีดบาด” พระรามตอบตะกุกตะกัก...รอยกัดในวันนั้น มันลึกจนเลือดออกและแสบมากเวลาโดนน้ำจึงหาพลาสเตอร์มาปิดเอาไว้...ก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น แค่ปิดบังบาดแผลเอาไว้เท่านั้น



"แล้วใส่ผ้าปิดปากทำไม"



"พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย แค่กๆ...กลัวจะไอลงไปใส่กับข้าวน่ะ" เมื่อวานซืนกลับจากทำงานเวลาเดิมก็ถูกไอติมทำตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า แล้วตอนเช้าทำงานเสร็จก็กลับมาเจอติมที่ตื่นขึ้นพอดีก็โดนอีกหลายรอบจนสลบไป เขายังคิดอยู่เลยว่าทำไมถึงมีแรงมาทำอะไรแบบนี้ แต่ว่านี่เป็นสิ่งที่เขาอยากทำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ไอติมก็คิดแต่เรื่องใต้กางเกง



ไม่ใช่เขาไม่ชอบ แต่ว่าโดนทีไรเขาก็ห้ามไม่ได้ทุกที ปล่อยเลยเถิดจนกายรับไม่ไหว ตัวรุมๆ ขึ้นมา



"ถ้าไม่สบายก็อยู่เฉยๆ ซื้อมากินง่ายกว่ามั้ย"



"..." ริมฝีปากบางยิ้มเจื่อนทันทีที่ฟัง สิ่งที่เขาพยายามทำ อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจกันบ้าง แต่พอฟังคำพูดของติมแล้วเหมือนเขากำลังฝืนดันทุรัง ทำอะไรบ้าบออยู่คนเดียว



ถึงจะคิดโน่นนี่น้อยใจมากเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็คงไม่รับรู้และไม่สนใจ ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้มช่างมืดมิดและว่างเปล่า แต่ก็ยังคงทำสิ่งตรงหน้าไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากข้างใน



ติ๊ง!



"ราม มือถือ"



"พี่ฝากติมดูหน่อยได้มั้ย" พระรามกำลังง่วนอยู่กับแต่ในครัว หม้อกำลังเดือดไม่สามารถละสายตาได้ ทำให้ร่างสูงเดินไปหยิบมือถือให้ตามที่อีกฝ่ายบอก



"พี่เอมชวนไปกินข้าว"



ชื่อที่ติมพูดทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก ต้องรีบเก็บอาการ แม้ทำเป็นนิ่งแต่น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย "อะ อ้าว...เหรอ"



"ไปสิ ราม"



“เอ๊ะ แล้ว...” พระรามเหลือบมองของในห้องครัว แล้วสิ่งที่เขากำลังทำล่ะ ใครจะกิน?



"เดี๋ยวค่อยกลับมาทำตอนเย็นก็ได้”



“แต่พี่มีทำงานตอนบ่าย”



“งั้นก็ทำต่อพรุ่งนี้”



“...” พระรามเม้มปากแน่นจนซีด สงสัยว่าคนชวนไปทานข้าวจะทำให้ไอติมกระตือรือร้นเป็นพิเศษ จนกับข้าวที่เขาคิดจะทำไม่สำคัญ...ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นชะเอมมาทำกับข้าวให้ แล้วเขาชวนไปทานข้าวบ้างล่ะ



ไม่อยากจะคิดเพราะคำตอบมันแน่ชัดอยู่แล้ว



“ยังไงก็ครั้งแรก แถมรามก็ยังมือใหม่ทำไม่อร่อยหรอก วันอื่นก็ยังมีให้ฝึกฝีมืออีก ไม่งั้นก็เลิกทำงานที่ทำอยู่แล้วมานั่งทำกับข้าวทั้งวันเลยสิ” เสียงทุ้มบอกพลางเดินเข้าห้องนอน สงสัยจะไปอาบน้ำ ใบหน้ามนมองตามและหลุบตาต่ำ



“แค่ก...ฟืด” ใบหน้ามนซบลงกับแขนเสื้อขยี้ตา พอละออกก็เปียกชื้นเป็นวง เฮ้อ...บ้าจริงเลย



ไม่รู้ว่าคำพูดนั้นเป็นคำประชดหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้มือเรียวค่อยๆ วางมีดลง ปิดแก๊สที่กำลังอุ่นน้ำซุปหอมกรุ่นแล้วก็ถอดผ้ากันเปื้อนออก ขาเรียวเดินออกจากส่วนครัวไปห้องนั่งเล่น หยิบมือถือขึ้นมาเปิดข้อความที่ถูกส่งมาจากชะเอม เขาอ่านแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนที่นิ้วเรียวจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป



chÄim : ราม วันนี้ว่างมั้ย ออกมาทานข้าวกันนะ ที่ห้าง...ร้าน...สิบเอ็ดโมงนะ ^^ แล้วเจอกัน



RamĀ : อืม ได้ เจอกันนะ



RamĀ ส่งสติกเกอร์



แกร๊ก...



“ติม เสร็จแล้วเหรอ...” ใบหน้ามนร้อนผ่าว มองร่างกายแกร่งที่ปิดด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวด้วยสายตาสั่นไหว “ติม?”



กลางกายมันปูดดุนดันจนชายผ้าเลิกขึ้นมาเห็นต้นขาแกร่ง มันเห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังมีอารมณ์



“ราม ช่วยหน่อย”



“แต่พี่...” ใบหน้ามนภายใต้ผ้าปิดปากซีดเซียว เขากำลังไม่สบาย รู้สึกไม่ค่อยดี แล้วก็มีงานทำตอนบ่ายด้วย ระหว่างที่กำลังคิดหาข้ออ้าง แต่ร่างสูงไม่รอฟังลากร่างโปร่งเหวี่ยงปลิวลงเตียง แม้ร่างโปร่งจะถดหนีก็ถูกลากข้อเท้ากลับมานอนใต้ร่างเช่นเดิม



“จะหนีทำไม” เสียงทุ้มถามเหี้ยม เส้นเลือดปูดที่ขมับเหมือนกำลังจะโมโหทำให้พระรามไม่กล้าขัดอีก แต่เอ่ยอ้อนวอนต่อรองแทน



“ติม รอบเดียวได้มั้ย...นะ”



ร่างสูงไม่ฟัง มือเอื้อมปลดผ้าขนหนูออกเผยอาวุธแข็งแกร่งและปลดเปลื้องเสื้อผ้าของพระรามโดยเว้นผ้าปิดปากเอาไว้ ไม่ใช่เหตุผลอะไรมากมาย ก็แค่เพื่อยั่วสายตาตัวเอง...มันเซ็กซี่อย่างประหลาด มีแค่ดวงตาเรียวปรือปรอยที่โผล่ออกมาให้เห็น แล้วเสียงทุ้มใสเวลาครางผ่านผ้าปิดปากจะเป็นยังไงนะ



“อื๊อ...” พระรามแอ่นอกรับสัมผัสมือที่เย็นกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะร่างกายของเขามันร้อนมากกว่า อุณหภูมิต่างๆ จึงเย็นไปหมด มือเรียวจิกผ้าปูแน่นยามที่มือใหญ่อ้าขาของเขาออกและแก่นกายร้อนสอดแทรกเข้ามาจนสุดโคน ไอติมเชิดหน้าครางแช่ตัวตนไว้ในช่องทางร้อนผ่าว มันตอดแน่นตุ้บซ้ำยังกระตุกถี่ๆ ตามความตื่นเต้นของเจ้าของจากนั้นก็ขยับเข้าออกไม่ฟังเสียงคำขอร้องทั้งน้ำตา



“ฮือ ติม พี่พอแล้ว ได้โปรด...อ๊ะ อ๊า” แม้จะรู้สึกดี แต่ร่างกายของเขาเริ่มร้อนขึ้นมากขึ้นทุกที มือเรียวย้ายขึ้นมาจับแขนแกร่งที่ค้ำข้างศีรษะทั้งจิก ทั้งข่วน เพราะไอติมไม่ผ่อนแรงเลยแม้แต่นิด



ไม่สงสารเขาเลย



“ของกูดีไม่ใช่เหรอ งั้นก็รับไว้สิ...ซี้ด” ร่างสูงสูดปากกับผนังนุ่มร้อนที่ตอดดูดดุนแก่นกายใหญ่แน่นไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าติมจะทำกี่ครั้งก็รู้สึกดีมากทุกครั้ง



ต่อด้านล่าง



ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #39 เมื่อ17-06-2019 19:37:38 »




ต่อจากด้านบน




พระรามนอนอ้าขา อ้าปากครางฟังเสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดอยู่แบบนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าปลดปล่อยไปกี่ครั้ง แต่กว่าทุกอย่างจะจบลงก็เกือบถึงเวลาที่นัดไว้กับชะเอม ถ้าหากไม่ได้นัดทานข้าวไว้ เขาคงโดนจนกว่าจะถึงเวลาทำงานเป็นแน่



“ใส่เสื้อผมไปนะ” ไอติมโยนเสื้อไว้บนเตียง ร่างโปร่งมองมันและหยิบมาใส่ หัวสมองของเขามึนเบลอเกินกว่าจะถามไถ่อะไร แขนผอมกอดตัวเองแน่นหลังจากอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย



หนาว



“ไปได้แล้ว สายแล้ว” เสียงทุ้มพูดก่อนจะเดินนำออกไปก่อน ก็ที่สายอยู่นี่ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายหรือยังไงล่ะ



“แค่กๆ” พระรามเดินตามร่างสูงไปที่รถ ปิดปากไอเบาๆ เขาไม่ได้หยิบผ้าปิดปากมาด้วย เพราะถ้าพวกเพื่อนๆ เห็นจะเป็นห่วงและถามจนได้เรื่อง ร่างโปร่งพยายามข่มอาการป่วยซึ่งทำได้ยากมาก แถมยังปวดหัวหนึบๆ



“ติม เบาแอร์หน่อยได้มั้ย พี่...หนาว” ร่างโปร่งผอมขดตัวกอดตนหวังให้ความอบอุ่น แต่ร่างกายไร้ไขมันของเขามันสั่นไม่หยุดเลย แม้จะวอนขอแต่ร่างสูงยังคงนั่งนิ่งเฉย ทั้งๆ ที่อยู่ในรถแค่นี้ก็น่าจะได้ยินสิ่งที่เขาพูดแท้ๆ ดวงตาเรียวตัดพ้อ ใบหน้ามนก้มต่ำซ่อนน้ำตาที่รื้นขึ้น ไม่รู้เลยว่าไอติมคิดอะไรอยู่ แต่เขารับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น



ทำไม...ทั้งๆ ที่คิดว่าจะดีขึ้นแล้วแต่เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเรามันถดถอยกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้เลย



ไอติมคนนั้นใจร้ายและเย็นชา



‘มันไม่ใช่สุดที่รักของกู! ไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรทั้งนั้น! ที่กูทำทั้งหมดนี้เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก!!’



แค่นึกถึงแขนก็กอดตัวเองแน่นขึ้นอีก น้ำตารื้นขึ้นจนวิวทิวทัศน์นอกรถพร่าเลือน



แม่ครับ พ่อไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ผมตัวคนเดียวแล้ว



...ถ้าหาก...ถ้าหากว่าผม...



“ฟืด...” ลมหายใจร้อนผ่าวดังติดขัด ดวงตาเรียวค่อยๆ ปรือหลับลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา



...แม่รอผมด้วยนะ...





********************* Love Substitute *********************





ทันทีที่พระรามกับไอติมเดินเข้ามาในร้านที่นัดเอาไว้ก็แทบไม่ต้องมองหาเพราะว่าเพื่อนของเขาหน้าตาดีทุกคนโดยเฉพาะชะเอมกับคินที่โดดเด่นกว่าใคร พระรามนิ่วหน้าปวดหัวอย่างมากแต่ก็กัดฟันแน่นข่มความรู้สึก เพราะไม่อยากเห็นสายตาเป็นห่วงของชะเอมน่ะนะ



“นั่น...ติมนี่นา” เสียงใสแว่วมาแต่ไกล พร้อมกับดวงหน้าหวาน ตากลมโตสีดำและรอยยิ้มสว่างไสว



"พี่เอม หวัดดีครับ" ร่างสูงข้างกายเขาทักทายร่างบางก่อนใครเพื่อนแถมยังยิ้มกว้าง ราวกับคนอื่นเป็นแค่ตัวประกอบ ยิ่งเรียกสายตาจ้องเขม็งจากร่างสูงที่อยู่ข้างกายชะเอมหนักเข้าไปอีก



"อ่า อื้ม หวัดดี...ราม นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว" เสียงใสตอบตะกุกตะกักและทักทายเขาที่เดินตามมา ซึ่งเขายิ้มรับกับคำพูดนั้น



"มาสิ ต้องมาอยู่แล้ว...แต่โทษทีนะที่มาช้า"



"ไม่เป็นไรๆ ทั้งคู่มานั่งก่อน"



ร่างบางกวักมือทำให้พระรามเดินตามคำชวน แต่เหมือนติมจะแสดงโจ่งแจ้งมากเกินไปหน่อยสำหรับเขา ร่างสูงทิ้งตัวแทรกช่องว่างข้างๆ ชะเอมทำให้ร่างโปร่งมองแล้วยิ้มเจื่อน ขาเรียวจึงเดินมาอีกฝั่งที่เป็นที่นั่งระหว่างคินกับเพื่อนอย่างดินแทน ดวงตาเรียวเหลือบมองใบหน้าคมกริบที่มีความขุ่นเคืองอะไรบางอย่างแล้วก็ก้มหน้า เขาเคยคุยกับคินนิดหน่อยตอนที่อยู่ค่ายต่างจังหวัด จึงไม่ได้รู้สึกสนิทใจอะไรที่จะเริ่มชวนคุยก่อน



แปลบ!



จู่ๆ เส้นประสาทในสมองก็แล่นจี๊ดขึ้นมาจนสะดุ้ง เขาปวดหัวมากแต่ก็เก็บอาการอย่างรวดเร็ว...ไม่มีใครสังเกตเห็น



"ว่าแต่ทำไมทั้งคู่มาด้วยกันล่ะ" สินเป็นคนเอ่ยถาม ทำให้เขาเหลือบมอง หน้าที่ของเขาคือเงียบเพราะเดี๋ยวติมจะเป็นคนตอบเอง



"พอดีผมได้ยินว่าพี่ชะเอมนัดรามมากินข้าวผมก็เลยมาส่ง แต่รามชวนมากินด้วยกัน ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ" ใบหน้าหล่อเหลาหันไปถามร่างบางที่นั่งเหงื่อตกข้างๆ ก่อนจะพยักหน้าไม่พูดอะไร



"ทำไมรามใส่เสื้อตัวใหญ่จัง" เสียงใสเอ่ย เป็นคำถามที่ตอบยากมาก เขาไม่รู้ว่าต้องตอบว่าอะไร "นี่รามผอมลงมากเลยรู้มั้ย"



ร่างโปร่งอึกอัก "อ่า คือ..."



เพราะเดี๋ยวคำตอบไม่เข้าหู ร่างสูงก็จะมาโมโหเขาทีหลังอีก



"นั่นเสื้อผมเองแหละ ผมให้รามยืมใส่น่ะ พอดีเมื่อคืนรามทำงานจนดึกก็เลยไปค้างที่ห้องผม"



"อ๋อ..."



"ว่าแต่มึงไม่เรียกรามว่าพี่วะ ยังไงมันก็เป็นรุ่นพี่มึงนะ" ดินเลิกคิ้วถามเสียงเหี้ยมแทรกขึ้นมา ทำให้เขาที่กำลังเหม่อสะดุ้งน้อยๆ รีบโบกมือ



"เฮ้ยไอ้ดิน..."



อย่าไปพูดหาเรื่องแบบนั้นกับติมสิ



"ก็ผมเรียกแฟนด้วยชื่อก็ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยไม่ใช่เหรอ" ร่างสูงเท้าค้างยิ้มมุมปากหัวเราะน้อยๆ ราวกับสิ่งที่พูดมันไม่ได้แปลกอะไรเลย แต่กับเพื่อนๆ ของเขาหันขวับตาโตและอุทานเสียงดัง



"หา!!!?"



"...จริงเหรอ?" ชะเอมถามพลางแย้มยิ้มน่ารัก สายตากลมมองหน้าเขากับติมสลับไปมาเพื่อขอคำตอบ



"เฮ้ยเอาจริงเหรอวะ" สินถามบ้าง



จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่พวกมันที่ตกใจหรอก เขาก็ด้วย



รามเม้มปากก้มหน้าสีหน้าระเรื่อ มือเรียวกำชายเสื้อที่ยาวจนลงมากองตรงต้นขาแน่น หัวใจเต้นระรัว แต่แค่แวบเดียวหัวใจก็เต้นเบาลงเรื่อยๆ ใบหน้ามนซีดยิ้มฝืดเฝื่อน



‘ที่กูทำทั้งหมดนี้เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก!!’



"อืม ตามนั้นแหละ" เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบา ถ้าหากว่านั่นเป็นสิ่งที่ติมต้องการ...ไม่สิ เขาก็ต้องการเหมือนกัน แม้จะเป็นเรื่องหลอกลวงโกหก เขาก็จะทำตาม...ไม่ขัด



เขานี่แหละที่สมควรถูกเรียกว่าคนโง่อย่างแท้จริง



"ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ" ชะเอมถามขึ้นอีกครั้งอย่างตื่นเต้น ลืมคนข้างๆ ที่ทำหน้าบึ้งตึงไปแล้ว



"ได้สักพักแล้วล่ะครับ"



"พักนี้ก็ว่าไม่ค่อยได้เห็นมึงเลยราม มาเรียนก็สาย เรียนเสร็จก็กลับ คุยก็ไม่ได้คุย" ดินไม่สนใจคำตอบของรุ่นน้องเพียงหนึ่งเดียว ก่อนจะถามความเป็นไปของเพื่อนแทน แกมบ่นด้วย



"โทษทีว่ะ พอดีที่บ้านยุ่งๆ" รามโป้ปด เรื่องครอบครัวของเขาน่ะ มันจบไปตั้งนานแล้วต่างหาก



"เหรอวะ มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะเว้ย" ดินว่าอย่างไม่สงสัย ก่อนจะตบไหล่เขาจนแทบทรุด แต่คำเป็นห่วงของเพื่อนก็ทำให้ร่างโปร่งยิ้มออกมาได้ แม้จะฝืนแค่ไหนก็ตาม



"อืม ขอบใจ"



ร่างกายของเขามันร้อนขึ้นทุกขณะ พอๆ กับศีรษะที่ปวดตุ้บๆ รุนแรงขึ้นทุกที



จะทนไหวรึเปล่าไม่รู้ แต่ขอให้ทนไหวทีเถอะ...อย่างน้อยก็ให้ผ่านพ้นวันนี้ไป



"วันนี้วันดีจังเนอะคิน" ร่างบางพูดกับร่างสูงข้างกายด้วยรอยยิ้ม เรียกความสนใจของคนทั้งโต๊ะได้



"อืม"



คินตอบสั้นยิ้มอ่อนโยนเต็มไปด้วยความเอ็นดูและรักใคร่ มือใหญ่ยกลูบหัวทุยที่เอียงรับสัมผัสพร้อมใบหน้าหวานยิ้มกว้างและหลับพริ้ม



ความรักระหว่างทั้งสองคนที่แสดงออกมาชัดเจน ทำให้ดวงตาเรียวสั่นไหวรุนแรง ดีจัง...ถ้าหากติมทำแบบนั้นกับเขาบ้าง...



พอทั้งโต๊ะเงียบกริบก็ทำให้สองคนที่ทำตัวเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวรู้สึกตัว โดยเฉพาะชะเอมที่สะดุ้งตาโต



"คะ คือว่า..." เสียงใสตะกุกตะกัก ใบหน้าหวานแดงเรื่อ



"สองคนนี้ยังไง" สินถามยิ้มๆ แววตามีความยินดี "สรุปคืนดีกันได้ยังไงเนี่ยเอม"



"คืนดีกันแล้วเหรอ" เขาถามบ้างอย่างนึกขึ้นได้ จริงๆ แล้วเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันตั้งแต่วันนั้น ที่เจอกันในซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ชัดเจนขนาดนี้



"คะ คือ..." ชะเอมเหลือบมองคนข้างกายพอได้รับรอยยิ้มอบอุ่นก็ตอบอย่างมั่นใจ "อื้ม"



"แล้วคืนดีกันได้ไงล่ะ" ดินว่า



"เอ่อ...ก็คือวันก่อนเราไม่สบาย คินอยู่ดูแลเราตลอดเลย...ก็เลย..."



ร่างโปร่งมองใบหน้าหวานที่เหมือนจะแดงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความยินดี แต่ก็มีความรู้สึกอื่นปนเข้ามาด้วย



เขารู้สึกอิจฉา ในยามนี้ที่เขาไม่สบาย นอกจากติมจะไม่เคยคิดจะดูแลแล้วยังปล่อยเขาทิ้งขว้างไม่สนใจอีกต่างหาก...แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว



ดวงตาเรียวมองภาพด้านหน้าด้วยความพร่าเบลอ สมองปวดหนึบมึนงงไม่ได้รับรู้ว่าเพื่อนคุย หัวเราะเฮฮาอะไรกัน เพราะเสียงด้านนอกมันอื้ออึง เปลือกตาบางกระพริบถี่ ริมฝีปากบางยังคงยิ้มน้อยๆ ไม่อยากให้เพื่อนสงสัยและเป็นกังวล



"ราม...ไอ้ห่าราม!"



"หะ...?" ร่างโปร่งสะดุ้งกับเสียงเรียกดัง เสียงทุ้มใสตอบเอื่อย "ว่า?"



"เป็นไรวะ ช่วงนี้ซึมๆ อึนๆ ทำงานเหนื่อยเหรอ" ประโยคหลังพูดกระซิบกระซาบไม่ให้ชะเอมได้ยิน ดินก็คงคิดเหมือนกันว่าไม่อยากให้ชะเอมรู้เรื่องการโหมงานหนักของเขา ก่อนที่ใบหน้ามนจะส่ายหน้าน้อยๆ



"เปล่า โทษที" คำพูดประกอบหายใจแรง เขารู้สึกเหมือนจะไม่ไหวแล้ว



ต้องรีบ...ออกไป



"เออแล้วจะกินไร กินเยอะๆ หน่อย...อย่างที่เอมบอกอะ มึงผอมเกินไปแล้วนะ"



"กูไม่ค่อยหิวว่ะ" รามบอกดินก่อนหันหน้าไปหาเอม "โทษนะเอม วันนี้คงไม่ได้กินข้าวด้วยแล้ว เดี๋ยวเราต้องไปทำงานต่อ"



ที่บอกแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เพื่อนตัวน้อยน้อยใจเพราะอุตส่าห์ชวนเขามาด้วยตัวเอง เขารู้สึกยินดีกับอีกฝ่ายด้วยกับการมาเปิดตัวคบกับคินอย่างเปิดเผย แต่ถ้าจะให้อยู่ทานข้าวด้วยคงไม่ไหว วันนี้ร่างกายเขาไม่พร้อมจริงๆ



แล้วเขาก็ไม่หิวเลยสักนิด



ไอติมหันขวับมาจ้องเขม็ง แต่พระรามทำเมิน ส่วนชะเอมครางทำหน้าเสียดายอย่างชัดเจน ร่างโปร่งจึงขอโทษอีกครั้ง



"ไม่เป็นไรราม ครั้งหน้าก็ได้เนอะ” ร่างบางพยักหน้าอย่างเข้าใจแม้จะเสียดาย หันไปถามรุ่นน้องตัวสูงข้างๆ “แล้วติมล่ะเอาไง"



"ผม..."



"เดี๋ยวติมอยู่ที่นี่ก็ได้ พี่ไปทำงานคนเดียว"



"ไอ้ห่า งานอีกแล้วเหรอวะ วันนี้อุตส่าห์มาเจอกันทั้งทีก็พักหน่อยดิ" ดินบอก



สินพยักหน้ารับ "กูเห็นด้วย"



"ขอโทษจริงๆ ว่ะ..." เขาได้ยินเพื่อนพูดแล้วแต่ว่าไม่คิดฟัง ร่างโปร่งรีบยันตัวลุกขึ้น สงสัยจะเร็วเกินไปจนภาพใบหน้าของเพื่อนวูบไหว หัวสมองขาวโพลนชั่วครู่ รู้ตัวอีกทีเขาก็เซมาอยู่ในอ้อมอกของคินแล้ว มือเรียวดันอกกว้างผละออกอย่างรวดเร็ว



"ขอบใจ..." พูดเสร็จก็หายใจแรงอีกครั้ง แพขนตากระพริบถี่ เมื่อกี้...รู้สึกเหมือนจะเป็นลม



นี่เขาเป็นแบบนี้อีกแล้ว เป็นหนักเหมือนกับวันที่ทำงาน นอนซมไม่สบายตั้งสามวัน พอรู้สึกตัวอีกที...แม่ก็จากไปแล้ว



เพราะมัวแต่คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องอดีตที่ผ่านมา ไม่ทันเห็นว่าเพื่อนๆ มองมาด้วยสายตาเป็นห่วงโดยเฉพาะชะเอม



"ราม เป็นอะไร" ร่างบางเข้าประชิดตัว ดูจากสีหน้าคงตกใจไม่น้อย "ราม..."



"ไม่เป็นไร เอม แค่หน้ามืดนิดหน่อยเท่านั้น" เสียงทุ้มใสเอ่ยย้ำยืนยัน ใบหน้าที่ซีดลงเล็กน้อยยิ้มให้ร่างบางสบายใจ "โทษทีนะที่ทำให้เป็นห่วง"



แต่เจ้าตัวกลับเข้าใจเป็นอีกอย่าง "หรือว่าหิวข้าวรึเปล่า ถ้าไม่รีบก็กินอะไรสักหน่อยรองท้องค่อยไปทำงานก็ได้นะ"



พระรามฟังก็อดระบายยิ้มไม่ได้ "ขอบใจเอม" เพราะงี้แหละถึงไม่อยากให้ชะเอมเห็นว่าเขากำลังรู้สึกแย่แค่ไหน...และเขาก็ไม่อยากอยู่ต่ออีกสักวินาทีเดียว



"ถ้างั้น..."



"แต่ว่ามันเป็นงานด่วนมาก ครั้งหน้าเดี๋ยวเรานัดออกมาอีกทีดีมั้ย" พระรามเสนออย่างเร็ว อยากจะไปจากตรงนี้แล้ว



ชะเอมหน้าซึมแต่ก็ยอม "ก็ได้"



"งั้นเราไปก่อนนะ...พวกมึงกูไปก่อน" เขาพูดเสร็จก็เดินออกมาทันที รู้ว่าทุกคนจะต้องเป็นห่วง แล้วเมื่อกี้คินคงจะต้องรู้แน่แล้วว่าตัวเขาร้อนแค่ไหน แต่ด้วยนิสัยของคินแล้วเขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่บอกชะเอมหรอก



ทั้งร้อนผ่าวทั้งหนาวสั่น ในหัวบีบเค้นหนักจนต้องนิ่วหน้า เป็นอาการที่น่ารำคาญที่สุด



แล้วตอนบ่ายเขาจะทำงานไหวมั้ย



ดูจากร่างกายตอนนี้แล้วคงไม่ไหว คงจะต้องรีบหายามากินกันไว้...



พรึ่บ!



“!” ดวงตาเรียวเบิกกว้าง เผลอสูดลมหายใจอย่างตกใจเมื่อมีคนมากระชากแขน เป็นคนที่ไม่คาดคิด



“ติม” ร่างสูงจ้องมองเขาด้วยสายตาคาดคั้น กินเลือดกินเนื้อ



“ออกมาทำไม”



“พี่บอกแล้วไงว่าต้องมาทำงาน” พระรามพูดเสียงสะบัดรำคาญ พลางบิดแขนออกไร้เรี่ยวแรง



“มึงจะเรียกร้องความสนใจจากกูใช่มั้ย” เสียงทุ้มเค้นหนัก ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองคนตัวผอมที่ฝืนดิ้น รับรู้ถึงความร้อนผ่าวที่เมื่อเช้าร่างโปร่งอ้างว่าไม่สบาย “เห็นมึงออกมาแบบนี้ แล้วถ้ากูไม่ตามออกมาพี่เอมจะมองกูยังไง”



ดวงตาเรียวน้ำตารื้น สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะทำอะไรคนที่แคร์ที่สุดก็คือเอมอยู่ดี “ใครจะมองยังไงก็ให้มองไปสิ ปกตินายสนใจด้วยเหรอติม”



เขาจะไม่สบาย ตัวร้อน จะเป็นลมที่ไหนอีกฝ่ายก็ไม่สนใจ



“ปล่อยพี่...โอ๊ย” เสียงทุ้มใสร้องโอดเมื่อมือใหญ่ออกแรงบีบเค้นข้อมือผอมจนกระดูกแทบหัก น้ำตาเม็ดโตไหลหยด “ฮือ พี่เจ็บ”



“อย่ามาสำออย” ดวงตาคมกริบมองใบหน้ามนร้องไห้แล้วแค่นเสียงข่มความรู้สึกผิดลงไป “ร้องไห้ทำไม หน้าตาน่าเกลียด”



เขาชอบเอม...ร่างบอบบางใบหน้าน่ารัก ไม่ใช่ผู้ชายหน้าจืดไร้เสน่ห์แบบนี้



พระรามก็แค่คู่นอน มีดีแค่เซ็กส์ อย่าคิดว่าร้องไห้แล้วเขาจะเห็นใจ



“ฟืด...ฮึก ติม...” ใจดวงน้อยเจ็บปวด มือบางรีบยกขึ้นขยี้ดวงตาแรงไม่กลัวเจ็บ แม้จะยังสะอึกสะอื้นแรง ดวงตาเรียวปรือมองใบหน้าหล่อเหลาพร่ามัว “พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่หิว ไม่อยากกินข้าว...ก็เลยออกมา”



“...” เขาเงียบฟัง ยิ่งทำให้ใบหน้ามนซีดเซียวกว่าเดิม ริมฝีปากบางแห้งผากเม้มแน่น



“ขอโทษ...ติม...ถ้างั้นพี่กลับไปก็ได้ อย่าโกรธ อย่าโมโหแบบนี้เลยนะ...” เสียงทุ้มใสอ้อนวอนอ่อนแรง มือเรียวที่เหลือข้างเดียวยกขึ้นเกาะเสื้อยืดราคาแพงของเขา โถมน้ำหนักมาเหมือนคนยืนไม่ไหว “ติม”



มือแกร่งปล่อยข้อมือผอมแล้ว แต่ร่างโปร่งยังยืนใกล้ชิด จนต้องเอ่ยเสียงเข้ม “ปล่อย”



พระรามที่ได้ยินก็ผละยืนด้วยขาเรียวของตัวเองที่สั่นระริก แผ่นหลังกว้างเดินห่างออกไป



ติมจะไปไหน?



ทั้งๆ ที่ไม่รู้คำตอบ แต่สมองที่ปวดหนึบก็สั่งให้ร่างกายให้เดินตามไป



หนาว...ปวดหัว...ไม่มีแรงเลย



“ติม...” จำได้ว่านั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาเอ่ยออกมามันแผ่วเบามากในความรู้สึก “ติม”



ร่างกายร้อนผ่าวไร้สติร่วงหล่นลงกระแทกกับพื้นกลางห้างสรรพสินค้า ร่างสูงที่เดินนำไม่สนใจยังไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีเสียงฮือฮาดังจากด้านหลัง



“ตายแล้ว...”



“เฮ้ย นั่นคนเป็นลมใช่มั้ยน่ะ”



“เป็นอะไรมากหรือเปล่าล่ะนั่น”



คำพูดนั้นสะกิดใจให้ไอติมหันมามอง กลุ่มคนมุงสี่ห้าคนค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนที่นอนเป็นลมที่ว่า เสื้อผ้าคุ้นตาทำให้ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง รีบถลาเข้าไปแทรกจนคนมองแตกฮือ แขนแกร่งช้อนตัวคนเบาหวิวขึ้นแนบอก



“ราม...ราม!” พลางส่งเสียงเรียกแต่คนหน้าซีดหอบหายใจแรง ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว ราวกับอดทนกับอาการของตนมานานแล้ว



‘พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย’



‘ติม รอบเดียวได้มั้ย...นะ’



‘ฮือ ติม พี่พอแล้ว ได้โปรด’



“ชิท!” ร่างสูงสบถ อุ้มพระรามขึ้นเดินไปที่รถและพาไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว







“สรุปเป็นอะไร”



“ก็ไม่สบายน่ะสิ พักผ่อนไม่เพียงพอ พิษไข้หนัก ต้องฉีดยา ไม่งั้นได้นอนซมไปอีกสามสี่วันกว่าจะหาย”



คำตอบของพี่ชายที่ยืนล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด ทำให้ร่างสูงยืนมองร่างโปร่งที่นอนหลับปุ๋ยเครียดๆ ...พระรามดูดีขึ้นเยอะหลังจากที่ผ่านไปสองสามชั่วโมงหลังจากมาโรงพยาบาล



“เออ...ว่าแต่นี่ใคร เพื่อนแกเหรอ” ใบหน้าขาวใสเลิกคิ้วถามน้องชายตัวเอง ที่สงสัยน่ะคือใบหน้าร้อนรนตอนพาคนๆ นี้มาต่างหาก...หรือว่าจะเป็น...



“รุ่นพี่”



“อ๋อ...เหรอ” อิฐครางรับ แม้ในใจจะไม่เชื่อสักนิด ปรายตามองคนที่ทำให้ไอติมน้องชายเขาเป็นห่วงกังวลได้ขนาดนี้...น่าสนใจไม่น้อย



ต้องรีบบอกพ่อซะแล้วสิ



ร่างโปร่งยิ้มกริ่ม “งั้นพี่ไปดูแลคนไข้คนอื่นต่อนะ”



ไอติมอุตส่าห์เรียกเขามาดูอาการ ‘รุ่นพี่’ ด้วยตัวเองขณะที่งานยุ่งจะตายอยู่แล้ว...ก็เพราะเห็นสีหน้าไม่สบายใจนั่นด้วยแหละเลยปฏิเสธไม่ลง ยอมทิ้งงานชั่วคราวแล้วมาช่วยน้องชาย ก็ดีใจอยู่หรอกว่าไอติมมันไว้ใจเขา ทั้งๆ ที่ในโรงพยาบาลมีหมอตัวจริงตั้งเยอะแยะ



“...” ดูเหมือนไอ้น้องชายมันไม่ได้ฟัง แต่อิฐก็ไม่คิดเรียกร้องอะไร เดินออกไปไม่ลืมปิดประตูให้ความส่วนตัว



ร่างสูงกำลังนั่งนิ่ง...คิดอะไรอยู่คนเดียว



ดวงตาคมกริบไล่มองใบหน้ามนซีดเซียวที่มีหน้าม้าปรกหน้าผาก ยิ่งตอนไม่สบายหน้าตาจืดชืดยิ่งดูจืดชืดมากขึ้นไปอีก ก็รู้อยู่หรอกว่าที่พระรามเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา ร่างโปร่งบอกแต่เนิ่นแล้วว่าตนไม่สบายแต่เขาก็ยังกระทำชำเราอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจไม่สนคำขอร้อง



แต่นั่นพระรามก็ต้องการด้วยไม่ใช่เหรอ



แล้วน้ำตานั่น...เขาต้องเห็นใจ...หรือว่าสงสาร?



ความคิดหลากหลายมันตีกันวุ่นวายในหัวอีกแล้ว...และเขาก็รำคาญในสิ่งที่ตนเป็นอยู่ตอนนี้



ดวงตาคมกริบหลับลง ตัดใจและบอกตัวเองว่าช่างมัน



อย่าไปคิดอะไรให้ปวดหัวนักเลย



********************* Love Substitute *********************

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
« ตอบ #39 เมื่อ: 17-06-2019 19:37:38 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #40 เมื่อ17-06-2019 19:38:24 »

ทดแทนรัก

ตอนที่ 20





โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป





(“ไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน”)



"เที่ยว...?" เสียงทุ้มใสขึ้นสูงกับคำชวน “ไปกับใครบ้าง”



(“ชะเอมเป็นคนชวน เห็นบอกว่ามีกลุ่มเพื่อนของคินกับพวกเรานี่แหละ”)



เขาฟังแล้วเงียบไป ขมวดคิ้วลำบากใจ "กูไม่ว่างอ่ะ..."



("ทำงานอีกแล้วเหรอวะ?")



"อืม..."



พระรามยิ้มเจื่อน ชีวิตนี้เขาก็ไม่พ้นเรื่องนี้หรอก...เหมือนถูกคำว่างานกับเรียนบ่วงคอเอาไว้จนไม่ได้ไปไหน



("แต่ชะเอมอยากให้มึงไปด้วยนะ พวกกูก็เหมือนกัน...หยุดสักสองวันไม่เป็นไรหรอกมั้งราม")



"..." คำกล่าวนั้นทำให้ร่างโปร่งโต้เถียงไม่ออก



ตอนนี้ชะเอมก็คงมีความสุขดี แต่ยังไม่เคยลืมนึกถึงเพื่อนอย่างเขา...เขาดีใจ



พระรามยิ้มน้อยๆ เงียบไปทั้งๆ ที่ยังยืนถือโทรศัพท์แนบหู สุดท้ายก็ถอนหายใจ "ก็ได้..."

   

เมื่อกี้ภาพในหัวมันผุดขึ้นมา เป็นภาพรอยยิ้มของติมกับเอมและร่างสูงที่ค่อยๆ ก้มลงมองจูบให้กับคนที่ชอบ

   

ถ้าหากว่าติมได้ไปก็อาจจะดีใจรึเปล่า

   

"ฟืด แค่ก..." ร่างโปร่งปิดปากไอโขลก หลังจากหายจากป่วยก็เป็นแบบนี้ไม่หาย จริงๆ แล้วเขารู้ตัวดีว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาการไม่สบายครั้งไหนๆ ทั้งนั้น

   

("มึงไม่สบาย?")

   

"เปล่า แค่ไอเฉยๆ" เขาตอบเลี่ยง

   

("ดีแล้ว พักเยอะๆ นี่มึงจะทำงานแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ระวังเกรดตกแล้วหลุดทุนอ่ะ")

   

"รู้แล้ว กูไม่โหมหรอกน่า"

   

("มึงก็พูดแบบนี้ทุกที มีเรื่องอะไรไม่เคยเล่าให้ฟัง ถ้ากูถามแล้วมึงจะตอบกูมั้ย")

   

"เรื่อง...?"

   

("เรื่องไอติม รุ่นน้องเดือนคณะนิติศาสตร์คนนั้นไง")

   

ลมหายใจของเขากระตุกทันทีที่ได้ยินชื่อที่สินเอ่ยออกมา

   

"ทำไมล่ะ"

   

("มึงอย่าทำไขสือ ถึงจะบอกว่าเป็นแฟนกัน แต่กูก็มองออกนะเว้ย")

   

"..."

   

("มึงชอบมันเหรอวะ")

   

"..."

   

อีกฝั่งถอนหายใจใส่ ("มึงกะจะไม่พูดอะไรจริงๆ ใช่มั้ย ทั้งเรื่องครอบครัวของมึง ก็ไม่เคยคิดจะบอกอะไรเลย") ดวงตาเรียวน้ำตารื้นขึ้น เขาไม่รู้ว่าสินรู้ได้ยังไง แต่เรื่องของครอบครัวมันก็ผ่านมาสักพักแล้ว เขาไม่ได้ติดใจอะไรอีกแล้ว

   

("มึงในตอนนี้ไม่ต่างจากเอมก่อนหน้านี้เลย รู้ตัวเปล่า")

   

...ไม่เคยบอก ไม่เคยพูดเรื่องที่ตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องยากลำบาก...

   

"กูขอโทษ..."

   

("เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นอย่างอื่นได้ป่ะ บอกกูมาตามตรงว่ามึงชอบไอ้ติมมั้ย ถ้ามันชอบมึงบ้างหรือเป็นคนดีกว่านี้กูจะไม่ค้านเลย แต่นี่มัน...")

   

"กูชอบติม แต่มึงอย่าห้ามกูเลยนะ" รามขัดขึ้น เขารู้ว่าสินกำลังจะพูดอะไร...เขารู้ดี

   

("...")

   

"มึงก็รู้ว่ากูไม่เหลือใครอีกแล้ว" ถ้าสินมันพูดแบบนี้ก็แสดงว่าต้องรู้ว่าตอนนี้เขาอาศัยอยู่กับไอติม "กูก็แค่..."

   

อยากจะใช้ชีวิตเฮือกสุดท้ายตามที่ใจต้องการ

   

("มึงบอกว่ามึงไม่เหลือใครแล้ว...แล้วพวกกูล่ะ มึงยังมีดินกับเอมแล้วก็กูนะเว้ย")

   

คำพูดของเพื่อนทำให้น้ำตาไหลผ่านแก้มหยดแล้วหยดเล่า

   

"กู ฮึก ฟืด กูขอโทษ..." ร่างโปร่งทิ้งตัวลงนั่งพิงกำแพง ยกเข่าขึ้นกอด "แต่พวกมึงก็มีกันอยู่แล้ว กู...ไม่อยากเอาเรื่องของกูรบกวนความสุขพวกมึง"

   

มีแค่เขาที่ถูกทิ้ง พ่อก็ทิ้ง แม่ก็จากไปอีก แล้วคราวนี้เป็นคนที่ชอบ...ที่เกลียดกันถึงขั้นหลอกใช้อย่างไม่ไยดีความรู้สึก

   

ไม่ใช่เขาไม่คิดถึงเพื่อน แต่พอคิดแล้วว่าดินกับสินมันก็รักกัน ชะเอมก็มีคิน...โดยเฉพาะชะเอม ร่างบางมีเรื่องของตนลำบากแบกไว้มากมายอยู่แล้ว จะให้มารับรู้เรื่องของเขาเพิ่มอีก ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น

   

("ถ้ามึงพูดอย่างนั้น...") ปลายสายถอนหายใจหมดคำพูด ถ้ารามไม่บอกเขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องหนักใจอะไร แถมเพื่อนของเขาก็ดูเหมือนจะตั้งกำแพงเอาไว้สูงราวกับจะไม่ให้ใครเข้าไปแล้วก็ไม่ออกมารบกวน

   

("แล้วนี่มึงจะเอาติมไปด้วยป่ะ") สินเปลี่ยนเรื่องพูด

   

"อืม" พระรามตอบแผ่วเบา ยังไงถ้าบอกว่าชะเอมชวนไอติมไป เขาไม่คิดว่าร่างสูงจะปฏิเสธหรอก มือเรียวยกขยี้ตาและเช็ดหน้าแต่ยังไม่คลายสะอื้น "ว่าแต่ไปกันวันไหนอะ"

   

("สุดสัปดาห์นี้แหละ")

   

"อืม งั้นเดี๋ยวกูจะได้ลางาน" เขายิ้มอ่อน พอคิดว่าจะได้ออกไปไหนบ้างก็รู้สึกว่าดีเหมือนกัน

   

เที่ยว...ชีวิตนี้เขายังไม่เคยสัมผัสคำๆ นี้เลยสักครั้งเดียว

   

("เออ ดี ไปพักบ้าง อย่าทำให้พวกกูเป็นห่วงไปมากกว่านี้เลย")

   

ร่างโปร่งหลุดหัวเราะ "เหอะน่า"

   

("เจอกันเว้ย")





   

"ติม" พระรามเรียกชื่อร่างสูงที่กำลังนั่งดูมือถืออยู่หน้าโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่หันมาตามเสียงเรียก แต่เพียงแค่พูดชื่อของใครบางคนอีกมาก็เรียกความสนใจให้เงยหน้าได้ทันที "เอมชวนไปต่างจังหวัดสองวัน ไปไหม"

   

ไอติมนิ่งไปสองวิก่อนจะพยักหน้า "...อืม"

   

จากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาระหว่างเราอีก พระรามก็เดินเข้าไปในห้องนอน ทรุดตัวลงนั่งขอบเตียง ก่อนจะหงายตัวลงรับความนุ่มนิ่มของฟูกหนาราคาแพง

   

มัน...อึดอัดยังไงไม่รู้ แม้สถานะเราก็ยังไม่เปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกระหว่างเรามัน...ไม่สิ ความรู้สึกของติมมันบ่งบอกถึงความเกลียดต่อเขาชัดเจน

   

'คนสำคัญกูเอง'

   

'พี่เป็นแฟนติมแล้วใช่มั้ย'

   

คนสำคัญ...แฟน...เหรอ

   

คำเหล่านั้นไม่ทำให้เขารู้สึกดีหรือใจเต้นอีกต่อไปแล้ว...กลับกันยิ่งได้ยินเขายิ่งรู้สึกทั้งเจ็บทั้งจุก

   

'มันไม่ใช่สุดที่รักกู! ไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรทั้งนั้น ที่กูทำทั้งหมดนี่เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก'

   

ไม่รู้ทำไมเขาถึงจำได้ทุกคำพูด ทั้งเสียงทั้งอารมณ์รุนแรง

   

ดวงตาเรียวจ้องมองเพดานนิ่ง คิดโน่นนั่นนี่ไปมาครู่เดียว ความเสียใจและน้อยใจก็ทำให้น้ำตาบดบังจนมองอะไรไม่เห็น เพียงแค่หลับตาน้ำก็ไหลจากหางตาหยดซึมผ้าปูสีเข้ม

   

ตอนนี้ระหว่างเขากับติมห่างกันเพียงกำแพงบางๆ แต่อีกฝ่ายไม่สนใจเขาหรอก เพราะงั้นจะร้องไห้หรืออะไรยังไงติมก็ไม่สนใจ

   

มันทำให้เขานึกถึงวันนั้นที่เขาไม่สบายหนักถึงขั้นเป็นลมหมดสติกลางห้าง รู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่บนเตียงนุ่มภายในห้องสีขาว

   

‘ไง...ดีขึ้นบ้างแล้วใช่มั้ย’ เสียงทุ้มนุ่มไม่คุ้นเคยเอ่ยทักทายทันทีที่ลืมตา

   

ใบหน้ามนที่เริ่มขึ้นเลือดสีฝาดหันมองงุนงง ใบหน้าขาวใสชะโงกเข้ามาใกล้จนตาเรียวกระพริบปริบ อีกฝ่ายใส่ชุดคุณหมอจึงคาดได้ว่าที่นี่น่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือไม่ก็คลินิกแน่ๆ

   

ว่าแต่เขามาได้ยังไง...จำได้ว่า...

   

พระรามค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นโดยมีอีกคนคอยประคองให้ ปรับเตียงให้ชันขึ้นและนั่งพิง ใบหน้ามนไม่ลืมก้มหัวขอบคุณ

   

‘ยังมึนๆ เบลอๆ อยู่เหรอ’ ร่างโปร่งในชุดกาวน์ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างเตียง ก่อนจะแจกรอยยิ้มอบอุ่นมาถึงคนป่วย ‘พี่ชื่ออิฐนะ’

   

อิฐ...เหมือนเคยได้ยินที่ไหน...ทั้งยังคุ้นหน้ามาก...แต่ก็นึกไม่ออก

   

‘พี่เป็นพี่ของไอติม เป็นนักศึกษาแพทย์อยู่มหาวิทยาลัย...ปีหก ปีสุดท้ายแล้ว’

   

‘หืม...’ เสียงทุ้มใสคราง ในที่สุดเขาก็จำได้ พี่คนนี้เป็นพี่ที่ไปค่ายต่างจังหวัดด้วยกัน คนที่เรียนแพทย์คนนั้นเอง

   

ว่าแต่...เมื่อกี้เหมือนเขาได้ยินอะไรแปลกๆ

   

‘พี่...ของติม?’

   

อิฐยิ้มกับใบหน้ามนที่ดูอึ้งๆ ‘ใช่ พี่เป็นพี่ชายของไอติม ชื่ออิฐ’

   

‘พี่ชาย...แท้ๆ?’ ยังอึ้งไม่หาย

   

‘อ่าฮะ’

   

‘...ไม่เหมือนเลย’ คำกล่าวของพระรามทำให้อิฐหัวเราะจนตาปิด ใบหน้าหล่อเหลาปนหวานทำให้ร่างโปร่งมองค้าง ถ้าจะให้พูดว่าเหมือนก็คงเป็นหน้าตาที่ดีมากไม่ทิ้งแถวนี่แหละ แต่ที่บอกว่าไม่เหมือนน่ะคือพี่อิฐเหมือนน้องชายมากกว่าต่างหาก

   

‘จะบอกว่าพี่เหมือนน้องชายของติมมากกว่าล่ะสิ’ อิฐยิ้มกริ่มเมื่อเห็นคนป่วยสะดุ้งเฮือกโดนอ่านความคิด

   

ร่างโปร่งยิ้มแห้งแทงใจดำ ‘อะ หะๆ’ นอกจากความสูงแล้วนิสัยก็คนละขั้วอีกด้วย

   

แต่เขาไม่พูดหรอก

   

‘ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้วนะ ไข้น่ะ’ อิฐทาบหลังมือกับหน้าผากมนแล้วก็ยิ้มโล่งอก

   

‘ขอบคุณมากครับ’

   

‘ขอบคุณติมเถอะ ตอนมาถึงนี่ร้อนรนจนพี่นึกว่าเราเป็นอะไร’

   

พระรามได้ยินแล้วก็เม้มปากแน่น คนอย่างติมเนี่ยนะจะร้อนรนเรื่องของเขา อีกฝ่ายเข้าใจผิดหรือมองผิดไปหรือเปล่า

   

ถึงแม้เขาจะรู้สึกดีใจ แต่ไอติมคงไม่อยากได้ยินคำขอบคุณของเขาหรอก

   

‘พักผ่อนเยอะๆ หน่อยสิ แล้วอีกอย่าง...’ อิฐชะโงกหน้ามาและป้องปาก ทำให้พระรามเงี่ยหู ‘ลดกิจกรรมอย่างว่าด้วย เพลาๆ หน่อย’

   

‘...’ ใบหน้ามนร้อนเห่อ แดงระเรื่อ มือเรียวเผลอกำผ้าปูที่ห่มตนจนยับ...พี่อิฐรู้ได้ไง?

   

‘แค่มองก็รู้แล้ว ติมคงเล่นหนักสิท่า’ ร่างโปร่งในเสื้อกาวน์กอดอก ‘ไม่ไหวก็บอกมันสิ’

   

ริมฝีปากบางเม้มแน่น พูดอึกอัก ‘ผม...ผมบอกเขาหลายครั้งแล้ว แต่ว่าติมไม่ยอม...’

   

อิฐเลิกคิ้วสงสัย คนอย่างไอติมนี่นะ? สงสัยว่าคนตรงหน้าจะถูกใจน้องชายไม่น้อยเลยทีเดียว

   

ติมเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูง อาจจะเป็นเพราะฮอร์โมนวัยรุ่นกำลังพลุ่งพล่าน แต่ถ้าหากคู่นอนไม่เต็มใจ อีกฝ่ายก็จะไม่ขืนใจเด็ดขาด...แต่คนๆ นี้บอกว่าขัดขืนแล้วแต่ติมก็ยังฝืนทำงั้นหรือ

   

‘มันข่มขืนเราหรือเปล่า บอกพี่ได้นะ’ อิฐพูดจริงจัง ถ้าหากว่าน้องชายมันทำตัวไม่ดี นอกลู่นอกทางเกินเหตุ ในฐานะพี่ชายแล้วต้องตักเตือนกันหน่อย

   

‘ปะ เปล่าครับ...’ เสียงทุ้มใสรีบตอบแผ่วเบา ไม่อยากให้พี่ชายของติมเข้าใจผิด

   

‘เหรอ’ อิฐยิ้มโล่งใจ ‘แต่อย่างน้อยก็ขุนร่างกายตัวเองหน่อยนะ จะได้มีแรงไปงัดกับไอติมมัน’

   

‘ครับ’

   

‘ว่าแต่เราชื่ออะไรน่ะ พี่ยังไม่รู้จักเลย’

   

‘รามครับ พระราม...’

   

หลังจากนั้นเขาก็กลับมาที่ห้อง ระหว่างรามกับไอติมก็เหมือนเดิม ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย

   

สรุปว่าตอนนั้นทำไมร่างสูงถึงพาเขาไปโรงพยาบาลกันนะ หรือว่าจะเห็นใจเพราะว่าเห็นเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

   

ถึงจะเป็นแบบไหน เขาก็เอ่ยขอบคุณออกไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบงัน

   

"แค่ก..." ร่างโปร่งพลิกตัวตะแคงข้าง ก่อนจะปิดปากไออย่างทันท่วงที...ไอจนเหนื่อยหอบถึงจะหยุด แค่ผ่อนลมหายใจเบาก็รู้สึกเจ็บจุกภายในอกเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบยังไงยังงั้น

   

คราวก่อนที่ดมกลิ่นบุหรี่จนอ้วกนั่นด้วย มันดูไม่ปกติเลยสักนิด

   

อาการแบบนี้...นี่เราเป็นอะไร

   

"...ไปหาหมอดีมั้ยนะ?" เสียงทุ้มใสพูดแผ่วเบาพึมพำ

   

แต่ไปหาแล้วยังไงต่อล่ะ...แค่ตรวจก็พอไหม แค่อยากรู้ว่าเป็นอะไร

   

แต่ในใจลึกๆ รู้สึกหวาดกลัว อาการของเขาเหมือนกับของแม่ภาวดีเลย สุดท้ายไอเป็นเลือด...แล้วก็ตาย

   

...ตาย...

   

พระรามสะดุ้งเฮือกผุดลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้าซีดเซียว เหงื่อไหลซึม ส่ายหัวสะบัดความคิดที่ร้ายๆ ออกไป ถึงจะเตรียมใจไว้แล้วตั้งแต่วันที่รู้ความจริงเรื่องที่ติมบอกว่าเขาเป็นคนสำคัญ แต่เขาก็...กลัวอยู่ดี กลัวความตาย

   

พระรามกอดตัวเองที่สั่นระริก มาถึงตรงนี้เขาเพิ่งเข้าใจว่าแม่เข้มแข็งขนาดไหน อดทนมาตลอด ทั้งๆ ที่น่าจะเจ็บปวดมากแท้ๆ

   

ไม่เป็นไร...แค่นี้น่ะ เขายังไม่เป็นไรหรอกน่า

   

"...แม่ครับ..."

   

ได้โปรด...ช่วยให้พลังกับผมอดทนต่อไปด้วย



           



ในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด

           

ทันทีที่มาถึงโรงแรมที่นัดกันไว้ก็ดูเหมือนจะเกิดเรื่องร้ายๆ เข้าซะแล้ว

   

"เฮ้ย เอม...เป็นไรวะ!?"

           

พวกเราต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่คาดคิด คินอุ้มชะเอมเข้ามาในเลาจ์โรงแรมร้อนรน

   

"เหมือนจะเป็นลม ใครมียาดมบ้าง ขอหน่อย!" อีกฝ่ายวางร่างบางที่โซฟากว้างก่อนจะตะโกนหน้าซีดเซียว แต่ชะเอมกลับไม่ดีขึ้น ร่างกายยิ่งเกร็งหนักหายใจติดขัดเหมือนขาดอากาศ มือบางยกขึ้นกุมตรงหน้าอกก็รู้ทันทีว่าหมายถึงอะไร

   

โรคประจำตัวกำเริบ

   

"กูว่าไม่ดีแล้ว" ดินพูดออกมา

   

"พี่คินคะ รินว่าเรียกหมอดีกว่า"

   

"ถ้าหากต้องการหมอล่ะก็ ทางเรามีเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้วครับ" พนักงานชายพูดหลังจากนั้นร่างสูงก็ไม่รอช้า รีบยกคนอาการไม่ดีแนบอกและเดินตามไป พร้อมกับเพื่อนๆ ที่มองตามด้วยสีหน้ากังวล

   

“นี่ เอมเป็นอะไรน่ะ” ร่างสูงใหญ่ที่เป็นเพื่อนคนหนึ่งของคินหันมาถามพวกเขาที่ท่าทางเหมือนจะรู้ดี ซ้ำยังรุ่นน้องผู้หญิงที่รู้จักกับชะเอมร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียขวัญ

   

“พี่เอม...ฮือ...”

   

เขาขมวดคิ้วเครียดไม่แพ้กัน ทำไมเอมถึงอาการกำเริบขึ้นมาอีกล่ะ ไม่ได้กินยาตามเวลา...เพราะจะปิดบังเรื่องนี้กับคินเลยไม่อยากให้สังเกตเห็นสินะ

           

“เอม...มีโรคประจำตัว...เป็นโรคหัวใจน่ะ” ดินขมวดคิ้วลำบากใจแต่สุดท้ายก็พูดออกมาจนได้ กลุ่มเพื่อนของคินที่เพิ่งได้รู้ความจริงก็อึ้งและใบหน้าก็สลดลง

         

ขนาดเพื่อนยังเป็นขนาดนี้แล้วคนใกล้ตัวอย่างคินล่ะ จะรู้สึกยังไงบ้าง...แน่นอนล่ะว่าคงเจ็บปวดแทบขาดใจเมื่อรู้ว่าคนสำคัญเป็นแบบนี้

           

ถ้าหากไม่รัก...ก็คงไม่เจ็บแทนกัน

   

ต่อด้านล่าง



ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #41 เมื่อ17-06-2019 19:38:47 »




ต่อจากด้านบน


ชะเอมเป็นคนที่เข้มแข็งจนเขานับถือ ถ้าหากเขามีโรคแบบนั้นติดกาย ไม่รู้เลยว่าจะต้องจัดการกับมันยังไง...แต่อย่างน้อยตอนนี้ไม่ว่าใครๆ ก็มีใจเป็นห่วงร่างบาง ยังมีกำลังใจคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา

           

แต่ละคนยังไม่มีใครวางใจ จึงยืนวนเวียนอยู่ตรงนั้นไม่ห่าง กระวนกระวายเพราะไม่รู้ว่าชะเอมเป็นยังไงบ้าง

           

ดวงตาเรียวเหลือบมองร่างสูงข้างกายที่ไม่พูดอะไรแล้วก็หลุบตาต่ำ...คงจะเป็นห่วงสินะ

         

มันก็แน่นอนอยู่แล้ว

           

ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ชะเอมก็เดินออกมาจากห้องพยาบาลของโรงแรมด้วยสีหน้าจืดเจื่อน แต่ก็มีเลือดฝาด สีหน้าดีขึ้นมาก ดูเหมือนจะพักจนร่างกายโอเคขึ้นแล้ว

   

"เป็นไงบ้างเอม"

   

"อืม ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ขอโทษนะทุกคนที่ทำให้ตกใจ" ใบหน้าหวานแย้มยิ้มให้เพื่อนๆ มองคลายความกังวล บอกแล้วว่าชะเอมเป็นคนเข้มแข็งจริงๆ

   

"น้องสา พี่ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ"

   

"คะ ค่ะ พี่ชะเอมไม่เป็นไรแล้ว สาก็ ฮึก ดีใจ"

   

“เอม” เขาเดินเข้าไปใกล้ชะเอมก่อนจะมองสำรวจใบหน้าหวานที่มีเลือดฝาดเล็กน้อยและยกมือขึ้นตบไหล่บางเบาๆ “ดีแล้วล่ะที่ไม่เป็นอะไร”

   

“ราม...” ชะเอมยิ้มแป้น ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อยคล้ายรู้สึกผิด “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”

   

"แล้วเอาไงต่อ ยังมีอารมณ์เที่ยวต่อมั้ย" หญิงสาวใบหน้าสะสวยมากถามขึ้น เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชื่ออะไรแต่คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของคินนั่นแหละ “หรือว่าจะกลับ”

   

"เที่ยวสิ เราเป็นคนชวนทุกคนมา ไม่ให้มาเสียเที่ยวหรอก" ชะเอมรีบโบกมือ ตอบกระตือรือร้น "ยังไงก็เช็คอินโรงแรมก่อน..."

   

"พวกกูทำแทนให้แล้ว...อ่ะ เอากุญแจไป" ดินเดินควงกุญแจและยัดมันลงใส่มือเล็ก "พวกเราแบ่งห้องกันแล้ว ห้องละสองคนพอดี"

           

ห้องละสองคนที่แบ่งเอาไว้แล้ว ทุกอย่างลงตัวและเขาก็ได้นอนห้องเดียวกับติม

           

ไม่แปลกอะไรเพราะว่ายังไงสถานะระหว่างเราตอนนี้ก็คือแฟนกัน

   

"ดีนะแบ่งเป็นบ้านส่วนตัว เวลาจะทำอะไรจะได้ไม่ต้องกังวลว่าใครจะได้ยิน" สินพูดสื่อความหมายโดยนัยที่เข้าใจอยู่คนเดียว

   

"บ้าน?" ชะเอมทำหน้างงอย่างน่ารัก “เป็นบ้านเหรอ”

   

"อ้าว ก็ไอ้คินผัวมึงจองบ้านไว้ไง บ้านส่วนตัวหลังละสองคน อยู่หลังตึกใหญ่ไปนิดหน่อย"

   

ชะเอมหน้าแดงแปร๊ด คงจะไม่ชินกับคำเรียกหยาบคายของไอ้ดินมัน "ดิน คินเป็นแฟนเฉยๆ นะ"

   

"อ้าว อีกหน่อยก็ต้องเป็นผ...อยู่ดีไม่ใช่เหรอวะ"

   

"...งือ" พอเห็นคนขี้เขินบิดอายสุดตัวแล้วเพื่อนๆ ก็ได้แต่หัวเราะ

   

พระรามมองภาพนั้นยิ้มๆ รอบตัวของชะเอมมักจะมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอยู่เสมอ หากแต่...คนข้างๆ เขานิ่งเงียบกว่าที่คิด...เป็นอะไรอีกแล้ว

   

เขามองใบหน้าหล่อเหลาของไอติมแล้วก็ยิ้มจืดเจื่อน เพราะสายตาคมกริบจดจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา

   

   



   

เอี๊ยดๆๆ!

   

“อ๊ะ อ๊า...อื๊อ” ตั้งแต่แยกเข้าห้องมา ไอติมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จับเขาโยนลงเตียงและเปลื้องเสื้อผ้าออก ร่างสองร่างเปลือยกายบนเตียงกว้าง ร่างแข็งแกร่งจับสะโพกปอดที่โก้งโค้งสูงขึ้นโจนจ้วงเข้าไปแรงๆ อย่างระบายอารมณ์ เสียงทุ้มใสร้องครางเครือน้ำลายไหล จิกทึ้งผ้าปูแน่นเสียวซ่านเพราะแก่นกายร้อนเสียดสีภายในช่องทางไม่หยุด ซ้ำปลายบานยังเข้ามาโดนจุดเสียวจนสะดุ้งเฮือกๆ กับแรงกระแทกที่ทำให้หัวสั่นหัวคลอนไม่หยุด

   

“อ๊ะๆๆ!” แขนผอมพยายามดันตัวเองขึ้นคุกเข่า แต่แรงกระแทกไม่น้อยนั่นทำให้เขาหน้าทิ่มลงกับหมอนเหมือนเดิมโดยที่ยังถูกจับก้นให้ยกสูงแทรกตัวตนร้อนผ่าวลึกไม่หยุด หน้าขาแกร่งกระทบสะโพกเล็กจนดังปั่บๆ ลั่น “อ่ะ ลึก เสียว...”

   

“...”

   

“ติม...ชะ ช่วย...”

   

“หุบปาก”

   

เพียะ!

   

“อื้อ!”

   

เพียะ!

   

“อ๊า!” ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงที่แก้มก้นขาวที่ตอนนี้แดงเป็นรอยมือ ซ้ำยังขยำแรงจนเจ็บช้ำ “มะ ไม่ ฮือ พี่เจ็บ”

   

แต่ไอติมไม่สนใจกับคำร้อง ทั้งฟาดทั้งขยำและแทรกกายกระแทกแรงจนเสียงทุ้มใสครางสั่นปนร้องอืออาเจ็บปวด

   

“อย่างมึง แค่อ้าปากครางเฉยๆ ก็พอแล้ว อา...” ดวงตาคมกริบมองต่ำ ร่างผอมจิกทึ้งผ้าปูแถมยังกัดมันแน่นเพื่อกลั้นเสียงครางทำให้ร่างแกร่งก้มลงทาบทับพลางกระซิบทุ้มต่ำติดใบหูแดง “อ้าขา...ขยับสะโพกหน่อย”

         

“อื๊อ...ฮึก!” ร่างโปร่งเกร็งตอดแน่นและโยกสะโพกรับตามแรงกระแทก ทำให้มันเข้ามาลึกมากกว่าเดิม เรียกเสียงครางต่ำถูกใจ

   

“นั่นแหละ ซี้ด...เยี่ยม” ไอติมให้รางวัลคือเปลี่ยนจากกระแทกรัวเร็วเป็นตอกย้ำเชื่องช้าแต่หนักแน่น มือใหญ่กอบกุมข้อมือผอมทั้งสองข้างไว้แน่นและก้มลงพรมจูบ ทั้งขบเม้มและกัดทั่วทั้งหลังคอ ไหล่ผอมและสะบัก

   

“อ๊า...” ใบหน้ามนเชิดสูงหวีดร้องอย่างทนไม่ไหว ยามเข้ามาลึกมันก็ลึกยาวนานจนจุดเสียวของเขาถูกกระทุ้งจนแก่นกายเล็กสั่นระริก น้ำเหนียวไหลยืดหยดลงบนเตียงเลอะเทอะ แต่ไม่มีใครสนใจ “ติม...อ๊า”

   

“ดี เด็กดี” ร่างสูงชมเปาะ เมื่อช่องทางมันตอดรัดยิบๆ ให้ความสุขล้นกับเขา ยิ่งรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้แบบนี้อีก ไอติมก็กดปลายบานเข้าตรงนั้นไม่ยั้ง “เป็นไง แบบนี้ชอบมั้ย”

   

“อ๊า อ๊ะ...มะ ไม่...” เสียงทุ้มใสครางหวิวเหมือนคนใจจะขาด คนมองเลียปากแผล่บ ปากปฏิเสธไปคนละเรื่องกับร่างกายที่ตอดแน่นตุ้บจนก้นผอมเกร็งตอบ

   

“ราม...ชอบแรงๆ หรือลึกๆ” เสียงทุ้มกระซิบถามอีกครั้ง ไม่ถามเปล่าสะโพกแกร่งกดลึกอีกครั้งจนใบหน้ามนเชิดครางหวีดร้องเสียงสูง ดวงตาเรียวปรือปรอยเคลือบน้ำตามองกลับมา

   

“ติม...”

   

“ว่าไง ตอบมาสิ กูจะได้สนองให้”

   

“ติม...พี่ชอบติม”

           

คำตอบที่ไม่ตรงคำถาม ทำให้คนฟังกัดฟันกรอดแก่นกายร้อนระอุถอนออกอย่างแรงจนร่างโปร่งสะดุ้งวูบโหวง แต่เพียงแค่ชั่ววินาทีที่ลมหายใจยังไม่ทันสงบก็ถูกพลิกตัวจับนอนหงายและสอดใส่เข้ามาอีกครั้ง ขาเรียวสองข้างยกขึ้นพาดไหล่ จากนั้นสะโพกแกร่งก็กระแทกอย่างไม่ปราณี

           

“อ๊า อ๊า อ๊า!!!” ใบหน้ามนส่ายเกลือกกลิ้งกับหมอนร้องลั่น มือจิกทึ้งผ้าปูระบายอารมณ์และยกขึ้นรูดรั้งสาวแก่นกายของตัวเองเป็นระวิง

           

“ซี้ด...!”

   

ไอติมลงโทษพระรามอย่างหนักจนร่างกายอ่อนยวบเพราะเจอฤทธิ์ของอาวุธแข็งแกร่ง เพียงไม่นานก็ปลดปล่อยพร้อมกัน พระรามนอนหอบแฮ่กหน้าท้องเลอะน้ำของตนประปราย ส่วนช่องทางด้านหลังก็กระตุกวูบตอดแก่นกายที่ปล่อยน้ำอุ่นๆ เข้าใส่ไม่หยุด ดวงตาเรียวปรือเหนื่อยอ่อนเหมือนจะหลับ

   

แต่แน่นอนว่าทำเพียงครั้งเดียว ร่างสูงก็ยังไม่เต็มอิ่ม

   

“อื๊อ...”

   

“อ้าขากว้างๆ”

   

“มะ ฮือ ไม่เอาแล้ว...”

   

“อย่าดื้อ...เร็ว อย่าให้กูโมโหนะ” เสียงทุ้มกระซิบเหี้ยม มือใหญ่จับขาเรียวให้แหกออกพลางกระทุ้งสะโพกขึ้นจนร่างโปร่งที่นอนอยู่บนกายดิ้นพล่าน “ซี้ด ไม่งั้นมึงจะโดนหนัก”

   

“อ๊า ติม พี่เสียว” ยิ่งพูดยิ่งถูกกระแทกแรงจนตัวลอย “อ๊ะ! อ๊า!!”

   

ตอนนี้ทั้งคู่นอนราบ พระรามถูกจับให้นอนหงายอยู่บนร่างกายของไอติม โดยมีแก่นกายสอดใส่จากด้านหลังอยู่ไม่ห่าง แน่นอนว่าคนตัวเบาหวิวอย่างรามคงไม่ได้ทำให้ร่างแกร่งรู้สึกอะไรอยู่แล้ว ซ้ำยังทำอะไรได้ง่าย ลูบง่าย สัมผัสง่าย มือใหญ่ยกขึ้นลูบกายเนียนที่ผอมจนซี่โครงขึ้น เค้นแรงจนกลัวผิวขาวจะช้ำ บดขยี้หัวนมสองข้างที่แข็งเป็นไตจนกายบางหยัดเกร็ง แหย่ลิ้นข้างหูอันเป็นจุดอ่อนจนร่างโปร่งดิ้นพล่านจะหนีแต่ก็ถูกล็อคเอาไว้ พอขยับกระแทกแรงหน่อยก็ตัวอ่อนปวกเปียกแล้ว

   

เอี๊ยดๆ

   

“อ๊าๆๆ”

   

“เสียงเพราะ” เสียงทุ้มว่าพึงใจ ริมฝีปากหยักยิ้มกริ่ม จากนั้นร่างแกร่งก็หยุดชะงักนิ่งทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มปรือมองสงสัย

   

“ติม?”

   

“ขยับเองบ้าง” ได้ยินแบบนั้น ริมฝีปากบางก็เม้มแน่น น้ำตาคลอหน่วย “ถ้าทำดี เดี๋ยวให้รางวัล”

   

“รางวัล...อะไร” เสียงทุ้มใสเอ่ยถามเสียงแผ่ว นิ้วจิกสะโพกแกร่งแน่นและครางเสียงสั่นเมื่อแก่นกายร้อนหยัดลึกเข้ามา “อื๊อ”

   

“มึงอยากได้อะไร” ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ยิ้มมุมปาก ยิ่งทำให้คนมองหลงใหล

   

ไม่ว่ายังไงเขาก็ชอบคนๆ นี้จริงๆ ...ไม่ว่าติมจะรักเขาหรือไม่...แต่เขาชอบติม

   

“อื๊อ แฮ่ก...” ร่างโปร่งหวีดร้องอีกครั้งเมื่อไอติมแกล้งเขาโดยการยกสะโพกดันขึ้นจนตัวลอย แน่นอนว่าปลายบานก็บดเบียดเข้ามาลึกด้วยเช่นกัน “พะ พี่...พี่อยาก...อ๊า”

   

“หืม ว่าไง”

   

“จะ จูบ...อยากจูบติม” เสียงทุ้มใสวอนขอทั้งน้ำตาคลอหน่วย

   

แม้เพียงสักครั้ง...ความปรารถนาของเขาออกมาจากใจจริง

   

“เรื่องนี้ไม่ได้” เสียงทุ้มเอ่ยตัดความหวัง ทำให้น้ำตาที่รื้นไหลหยด...หยดแล้วหยดเล่าลงบนอกแกร่ง

   

ไม่มีทางเลยใช่มั้ย...ที่เขาจะได้เป็นคนในใจ

   

“ฮึก! คะ แค่หอมแก้ม...ก็ได้...ฮึก” พระรามสะอึกสะอื้นอย่างคนน้อยใจเสียใจ ไหนอีกฝ่ายบอกจะให้รางวัล แต่พอเขาขอกลับไม่ให้

   

ร่างแกร่งมองคนในอ้อมแขนที่ร้องไห้เหมือนเด็ก สะอื้นไห้เสียใจกับแค่ไม่ให้จูบ มือใหญ่ยกขึ้นปาดน้ำตาให้ ทำให้รามมองงุนงงและจากนั้นก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากร้อนประทับข้างแก้ม จมูก และหน้าผาก

         

“ติม” น้ำตาที่ไหลเหือดแห้งทันใด แม้จะดีใจ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่จูบอยู่ดี

           

เหมือนกับเป็นการบอกอ้อมๆ ว่า สำหรับอีกฝ่ายแล้วยังไงเขาก็เป็นได้แค่นี้

           

“ขยับสิ” เสียงทุ้มสั่ง เขาให้สิ่งที่ขอไปแล้วอีกฝ่ายก็ควรทำตามที่เขาบอกเหมือนกัน

           

ร่างโปร่งกัดปาก ขาเรียวชันขึ้นบนเตียงก่อนจะยกร่างกายของตัวเองขึ้นจนแก่นกายใหญ่เกือบหลุด ก่อนจะทำใจปล่อยลงมากระทบหน้าท้องแกร่ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงครางหวิว ไอติมไม่ทำอะไรอย่างที่บอก ให้เขาขยับเองแต่เพียงผู้เดียว

           

“อ๊า อ๊ะ”

           

ดวงตาคมกริบมองพลางเลียปากแห้งและกลืนน้ำลาย ร่างโปร่งขยับบิดเร้าบนร่างกายของเขา ครางเสียงสั่น แถมยังยกมือขึ้นรูดรั้งช่วยตัวเอง โดยที่เขายังนอนนิ่ง ดูซิว่าพระรามจะทำยังไงต่อถ้าหากเขาไม่ช่วย

           

“อื๊อ...”

           

ก๊อกๆๆ

           

เฮือก!

           

ร่างโปร่งตาโตหน้าซีด หยุดขยับทุกการเคลื่อนไหวและหันขวับมองไปที่ประตู

           

“เฮ้ย ถึงเวลานัดกินข้าวเที่ยงแล้วเว้ย”

           

“ตะ ติม...อื้อ!” พระรามคิดจะลุกขึ้นแต่กลับถูกกอดรัดไว้แน่นนอนหงายเงิบเหมือนเดิม ซ้ำยังถูกบดขยี้ สะโพกด้านล่างยกขึ้นกระแทกรัวเร็วเสียงดังจนกลัวว่าคนข้างนอกจะได้ยิน ร่างโปร่งตัวลอยตามแรงหน้าแดงรีบยกมือปิดปากกลั้นเสียงคราง “อื๊อ! อื๊อ!”

   

“ไอ้ห่าราม โทรมาก็ไม่รับ...กูเลยต้องเดินมาตามเองเลย” ดินบ่นฉิบ ร้อนก็ร้อน อารมณ์เสียหนัก

   

ส่วนด้านใน บรรยากาศเร่าร้อนไม่แพ้กัน และยิ่งเร่าร้อนกว่าเดิมเมื่อติมกระซิบข้างหูถาม

   

“เอาไงราม เพื่อนมาหา” ถามแบบนั้นแต่ดันไม่ยอมผ่อนแรง ใบหน้ามนส่ายหวือ มือเรียวสองข้างยิ่งกอบกุมแน่นเพราะกลัวเสียงครางจะหลุดออกไป ดวงตาเรียวปรือน้ำตาคลอหน่วยยิ่งทำให้ไอติมสูดปากกับแรงบีบรัดด้านล่าง ดูเหมือนเพื่อนของรามจะมาแทรกได้ตรงเวลา สร้างอารมณ์ตื่นเต้นให้กับร่างโปร่งจนช่องทางตอดยิบ ไอติมจึงไม่รอช้าสนองโดยการส่งแรงขับเคลื่อนจนเกิดเสียงดังตับๆ ผสมเตียงดังลั่นเอี๊ยดอ๊าด

   

“ซี้ดดด”

   

พระรามหน้าแดงก่ำได้แต่นอนรองรับอารมณ์หื่นกามของร่างสูง พร้อมประท้วงในใจเบาๆ

   

...เบาๆ สิ เดี๋ยวดินมันก็ได้ยินหรอก...

   

ซึ่งคนด้านนอกที่อารมณ์เสียไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จึงเคาะอีกครั้งดังกว่าเดิม

           

ก๊อกๆๆ!

           

“โว้ย!” แถมตะโกนขึ้นมาอย่างหมดความอดทน

           

ทันใดนั้นไอติมก็ยอมหยุดให้พระรามนอนปวกเปียกหอบแฮ่ก จากนั้นก็รีบกระซิบติดหูอีกครั้ง

           

“ตอบไปสิราม เดี๋ยวเพื่อนสงสัยหรอก”

           

“แฮ่ก...ดิน...กู...เดี๋ยวกูไปกินข้าวกับติม” เสียงทุ้มใสตอบโหยไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ดังพอที่คิดว่าดินจะได้ยิน “พวกมึงไปกันเลย...”

           

“โอเค! ...ไอ้ห่า กว่าจะตอบ ทำอะไรกันอยู่วะ” ดินไม่วายบ่นจนเสียงนั้นค่อยๆ หายไป

           

มือใหญ่ลูบร่างกายขาวเนียนที่หายใจหอบสะท้าน สะดุดเข้าที่หัวนมก็หยิกดึงจนเป็นติ่งไต พรมจูบร้อนหลังหูและคอขาวทั้งสองข้าง ดวงตาคมกริบมองพระรามที่ปรือตาครางอืออาเหมือนคนจะหลับ ทั้งๆ ที่ยังไม่เสร็จทั้งคู่ ดูเหมือนจะเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะทำอะไรได้อีก...แต่ไม่ใช่เขาล่ะนะ

           

คิดในใจแล้วแสยะยิ้ม ขยับสะโพกดุนดัน บดคลึงเข้าไปในช่องทางที่เปิดรับและตอดแน่นมอบความเสียวซ่านให้เขาตลอดเวลา

           

“อ๊ะ อ๊า...” สุดท้ายคนไม่มีแรงก็ลุกขึ้นมาขยับสะโพกสวนแรงกระแทกอย่างยั่วยวน จนอดสูดปากให้รางวัลแรงๆ ไม่ได้ “จะแตกแล้ว...!”

           

ร่างกายนี้...เขาสามารถบดขยี้อย่างเอาแต่ใจได้ทั้งวัน







- อิสระ -

อย่างมึง แค่อ้าปากครางเฉยๆ ก็พอแล้ว





********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #42 เมื่อ17-06-2019 19:39:38 »





ทดแทนรัก

ตอนที่ 21





โปรดใช้วิจาณญาณในการรับชม

เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป







ไปเที่ยวต่างจังหวัดสองวันติดนั้น เขาแทบไม่ได้ทำอะไร นอกจากกิจกรรมบนเตียง...ไม่สิ ไม่ว่าจะไปไหน เขาก็โดนไอติมเอาแต่ใจอยู่ร่ำไป



“อ๊ะ อ๊า!”



“ซี้ด!”



“ติม...พอแล้ว...” เสียงทุ้มใสครางโหยหมดแรงในคราสุดท้ายที่สายธารอุ่นร้อนตอกย้ำเข้ามาภายใน เขารู้สึกเปียกแฉะไปหมดและร้อนในท้องมาก แถมยังรู้สึกเจ็บแสบตรงช่องทางด้านหลังด้วย



“แฮ่ก...แฮ่ก...” ใบหน้ามนแนบเตียง แผ่นหลังบางโก้งโค้งสะท้อนหอบเหนื่อย ปรือตามองคนด้านหลังที่ถอนแก่นกายออกหันหลังเดินเข้าห้องน้ำก่อนจะปิดประตูดังปัง!



ติมไม่ปราณีเขาแม้แต่นิด



พระรามทิ้งตัวลงนอนกลางเตียงอย่างหมดแรง ก่อนจะเอื้อมมือหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเพราะความเย็นของแอร์ ทำมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่พอใจ ซ้ำยังหงุดหงิดอะไรบางที่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร



ความสัมพันธ์ของเรามันจะเป็นอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันนะ



คลุมเครือ ไม่มีอะไรชัดเจนเลย...นอกจากความรู้สึกของเขา



กายผอมขดตัวใต้ผ้าห่มแน่นขึ้นอีก “ฟืด...ฮึก อึก!” หยาดน้ำตาหยดลงผ้าปูครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่หัวสมองจะรู้สึกเบาหวิวและค่อยๆ จมดิ่งสู่นิทราด้วยความเหนื่อยเพลีย



พรึ่บ!



พระรามสะดุ้งงุนงง จู่ๆ สิ่งที่คลุมกายให้ความอบอุ่นมันก็หายไป ร่างโปร่งขยับกายอ่อนเพลียเพราะรู้สึกเหมือนเพิ่งนอนไปได้แค่แปปเดียวเท่านั้น ดวงตาเรียวปรือมองก็พบร่างสูงที่ยืนทำหน้าขึงขังเหมือนโกรธอะไรมา “ติม...?” เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบา ก่อนจะปิดปากไอโขลกเมื่อได้กลิ่นบุหรี่ลอยโชยออกมาจากร่างสูง



นอกจากนี้ยังมีกลิ่นเบียร์รุนแรงอีกด้วย



นี่ติมดื่มมาเหรอ?



ไม่ทันขยี้ตาให้หายง่วง ก็ถูกจับให้นอนหงายและอีกฝ่ายก็ขึ้นคร่อมร่าง “ติม!?” พระรามตื่นเต็มตา พลางเกร็งตัวแน่น วันนี้ร่างกายของมันรับเขาไม่ไหวแล้วนะ ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่รู้จักพอเสียที



“ไม่...ไม่...”



“อย่าดิ้น!” เสียงทุ้มเข้มตะคอก พลางถลึงตาจนคนมองนิ่วหน้าน้ำตารื้น แต่ติมไม่สนใจ มือใหญ่ทั้งสองข้างตรึงข้อมือผอมไว้กับเตียงแน่นไม่ให้ขัดขืน ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะซุกไซ้ซอกคอ ขบเม้มให้เป็นรอยทั่ว



“ฮือ...อื้อ...” พระรามหลับตาปี๋ “ฮึก ฮึก!”



ทำไม...ทำไมกันนะ? ทำไมใจเขาถึงเจ็บแบบนี้...มันเจ็บมากเลย



“จะร้องไห้ทำไม!” ติมผละออกพูดเสียงดัง หงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นเมื่อเห็นน้ำตาเป็นคราบบนแก้มขาว “ยิ่งมึงร้อง กูยิ่งโมโห!”



“ฮึก” ใบหน้ามนส่ายไปมา อ้อนวอนเสียงสั่นเครือ “พี่เจ็บแล้วติม มันแสบตรงนั้น วันนี้พอก่อนได้มั้ย”



“...”



“ฟืด...พี่ขอร้อง”



ร่างสูงมองร่างโปร่งนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นหยิบเสื้อยืดขึ้นมาสวม “ติม?” ขายาวเดินไปหยิบมือถือและกระเป๋าสตางค์และเดินออกจากห้องนอนไปเงียบๆ ไม่สนใจเสียงทุ้มใสที่เรียกชื่อ ทำให้ร่างโปร่งถลันออกจากเตียงจนเกือบหน้าคว่ำวิ่งตามไปทั้งที่ร่างกายยังเปลือยเปล่า “ติม! ติม...จะไปไหน”



เจ้าของชื่อหยุดชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตู ก่อนจะปรายตามอง



“กูจะไปเอาคนอื่น”



“อะไร...นะ?” เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบา หน้าซีดเซียว หัวใจเต้นตุบรัว



“มึงไม่ยอม กูก็ไปเอาคนอื่น” เสียงทุ้มเอ่ยเย็นเยียบ ไม่แคร์ว่าคนได้ยินจะรู้สึกยังไง “คนที่ลีลาดีกว่ามึงมีถมไป แถมไม่ขัดขืนให้น่ารำคาญ”



“ติม...ติม พี่ยอมก็ได้” ร่างโปร่งวิ่งเข้าไปกอดแผ่นหลังกว้างที่กำลังจะเปิดประตูเดินออกไปแน่น ส่ายหน้าอ้อนวอนทั้งน้ำตา “เพราะงั้นอย่าไปนอนกับคนอื่นเลยนะ”



มีเพียงแค่สิ่งนี้ ที่ไอติมพึงพอใจเขา...ถ้าติมไป...เขาจะกลายเป็นคนที่ไม่มีค่าอีกเลย



“พี่ยอมแล้ว”



จะให้ทำกี่ครั้งก็ได้ เพราะงั้นได้โปรดอยู่กับเขาเถอะ...อย่าไปไหน



“ปล่อย...” ติมพูดเสียงต่ำออกคำสั่ง แต่พระรามไม่ทำตาม “กูบอกให้ปล่อย”



ไอติมงัดแขนผอมออกง่ายดาย ก่อนจะผลักอย่างแรงจนคนทรงตัวไม่ทันล้มกระแทกพื้น “โอ๊ย...” แต่ร่างสูงไม่สนใจเปิดประตูเดินออกไปเลย ทิ้งอีกคนไว้เบื้องหลัง



ร่างโปร่งโอดโอยน้ำตาเล็ด มองประตูที่ปิดลงกับสายตาคมที่ปรายมองมาที่เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่น้ำตามันจะไหลลงมาทั้งสองข้างตาไม่หยุด ร้องไห้สะอึกสะอื้นคนเดียวภายในห้องกว้าง พระรามนอนขดตัวอยู่อย่างนั้นไม่อายสภาพตัวเอง



“ฮึก!”



เพราะยังไงก็ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว

           







********************* Love Substitute *********************









“เป็นอะไรของมึงวะ หงุดหงิดอะไรมาอีก” ธารถาม ขมวดคิ้วมองเพื่อนที่ซดเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า ไอติมมันโทรมาเรียกให้เขาออกมาแล้วก็ให้มานั่งมองมันแดกเหล้าเนี่ยนะ



ให้ตายเถอะ



ไม่อยากจะเดาว่ามันหงุดหงิดเรื่องอะไร เพราะถ้าเดาแล้วแทงใจดำเดี๋ยวก็โมโหหนักอีก...ไอ้พวกคนที่ไม่ยอมรับใจตัวเอง



“เฮ้ย พอได้แล้วมั้ง แดกห่าขนาดนี้เทอาบเลยดีกว่า” เขาเอ่ยเตือน แต่ก็ไม่ได้ห้ามด้วยการกระทำ เผื่อมันเมาแล้วจะได้พูดระบายอะไรออกมาบ้าง แต่นั่งมาตั้งสองชั่วโมงกว่าแล้วก็ยังไม่ปริปาก



“ติม~ ไม่ได้เจอกันนาน นิลคิดถึ๊งคิดถึงครับ” จู่ๆ ร่างบางโผล่จากไหนไม่รู้มานั่งแทรกระหว่างสายธารกับติมจนหนุ่มหน้ายุโรปต้องขยับออกเล็กน้อย มองร่างเล็กนุ่มนิ่มแต่งตัววาบหวิวเสื้อเปิดไหล่กางเกงสั้นจู๋โชว์ขาอ่อนที่ถือสิทธิ์ยกขึ้นหอมแก้มเพื่อนตัวเอง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไร



ก็ขนาดไอติมมันยังไม่ห้าม เขาจะห้ามทำไมล่ะ



“หืม...” คนโดนหอมแก้มใบหน้าแดงเรื่อเล็กน้อยเพราะฤทธิ์เหล้า เพิ่งจะสังเกตเห็นร่างเล็กข้างกายและเอ่ยทัก “อ้าวนิล”



“ครับ” คนโดนเรียกชื่อยิ้มกว้าง “นิลเอง”



ร่างเล็กกระดี๊กระด๊าอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะเห็นว่าไอติมมาที่ร้าน ทั้งๆ ที่เขามาเฝ้าทุกวันกลับไม่เจอ นานมาแล้วตั้งแต่วันนั้นที่ร่างสูงพาไอ้หน้าจืดนั่นมาประกาศว่าเป็นคนสำคัญ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เจอกับติมอีกเลย



ทั้งๆ ที่อยากจะมีอะไรด้วยกันทุกวันแท้ๆ ...ก็แหม ถ้าใครไม่รู้จะบอกให้ว่าของติมน่ะ ทั้งใหญ่ทั้งยาวแถมลีลาเร่าร้อนอีกต่างหาก แม้เขาจะผ่านมาหลายศึกแต่ก็ยังไม่เคยเห็นใครดีเท่าติมสักคน



ลิ้นเล็กแลบเลียปาก แค่นึกถึงก็อยากโดนขึ้นมาแล้วสิ



“ติม...วันนี้อยากมั้ย” เสียงใสกระซิบถามข้างหู ทำให้ร่างสูงปรายตามองก่อนจะยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวนิลช่วย”



“นิลอยากเหรอ” ไม่รู้ทำไม แต่วันนี้เสียงทุ้มอ่อนโยนผิดปกติ ทำให้คนฟังแก้มแดงเรื่อ ซ้ำมือใหญ่ยังลูบไล้เค้นร่างกายของเขาหนักมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ดวงตากลมโตปรือช้อน กัดปากยั่ว มือเล็กลูบอกกว้างไล้ท้องแกร่งกลับบ้าง



ให้มาก็ให้กลับ...จะได้เท่าเทียม



ทั้งหมดทั้งมวลนั้นอยู่ในสายตาของธาร ซึ่งแน่นอนเขาเห็นมาจนชิน แค่นี้ไม่รู้สึกอะไรหรอก เรียกว่าคนทำหน้าหนาแล้ว คนมองก็หน้าหนายิ่งกว่า พลันสายตาเหลือบมองเห็นใครบางคนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้มองมาที่สองคนนี้กำลังจู๋จี๋ได้ที่พอดี



นั่นมัน...



ร่างโปร่งที่ใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟขมวดคิ้วนิ่วหน้าเดินเข้าไปหลังร้าน ทำให้สายธารมองติมที่ดึงนิลขึ้นคร่อมและลูบสะโพกเล็กบดเบียดตักแกร่งอย่างเย้ายวน



ไอ้ห่าติม จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ด้วยแล้วนะ

   

   



‘มึงไม่ยอม กูก็ไปเอาคนอื่น...คนที่ลีลาดีกว่ามึงมีถมไป แถมไม่ขัดขืนให้น่ารำคาญ’



พระรามยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ วักน้ำก๊อกขึ้นสาดใบหน้ามนจนเปียกชุ่ม ก่อนจะมองสภาพตัวเองที่สะท้อนในกระจกแล้วทุเรศทุรัง ใบหน้าจืดชืดตาแดงก่ำดูไม่ได้เอาเสียเลย



ใช่สิ ก็เขาไม่ได้น่ารักเหมือนชะเอมหรือนิล



ไม่ได้ลีลาดีถูกใจ



ซ้ำยังโง่ อ่อนแอ น่ารำคาญ



“ฟืด...” พอคิดน้อยใจแล้วน้ำตามันก็ไหลอีกจนต้องวักน้ำล้างหน้าอีก ภาพเมื่อกี้มันทำให้เขาได้ตระหนักว่ามีคนเยอะแยะที่ดีกว่า พร้อมจะเข้าหาไอติมอยู่ตลอดเวลาและติมก็อาจจะยินดีกว่าที่คู่นอนจะเป็นคนอื่นไม่ใช่เขา ที่ผ่านมาก็แค่เรื่องสนุกเรื่องหนึ่งในชีวิตของไอติม...เขาก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง



ปึง!



พระรามสะดุ้งเฮือกเมื่อมีใครมากระแทกประตูเสียงดัง พอหันไปตาก็เบิกกว้างหน้าชาดิก เพราะสิ่งที่เห็นคือร่างสองร่างที่ยืนบดเบียดกันโจ่งแจ้งไม่แคร์สายตาใคร ร่างเล็กบอบบางเสื้อผ้าและซิปกางเกงหลุดลุ่ยโอบแผ่นหลังกว้างที่กำลังซุกไซ้ซอกคอขาวซ้ายทีขวาทีอย่างหื่นกระหาย สะโพกแกร่งบดเบียดเป้าที่ปูดโปนเข้าแนบชิดกับของใครอีกคนจนเสียงใสครางอื๊ออ๊าหวาดเสียว



เป็นภาพที่เห็นแล้วใจบีบรัดจนน้ำตามันไหลอีกครั้ง



ร่างโปร่งตัวสั่นระริก นิ้วจิกเข้าที่ฝ่ามือจนเจ็บ สิ่งที่เขาพยายามอดทนมาทั้งหมด มันพังทลายเพราะเห็นสิ่งๆ นี้...เขาไม่เคยสมเพชตัวเองเท่านี้มาก่อนเลย ติมตั้งใจจะมีอะไรกับคนอื่นให้เขาเห็น จะตอกย้ำในสิ่งที่พูดว่าคนที่มีดีกว่าก็คือนิล



‘พี่รักติม’



ความรู้สึกของเขามันไม่มีค่า



‘อยากทำกับข้าวให้ติมกินบ้าง’



การกระทำของเขามันก็ไม่มีค่า



อีกฝ่ายจะมีอะไรกับใครก็ได้...เพราะมันก็แค่อารมณ์อยากของผู้ชาย



แต่คำว่ารักของไอติมมีให้แค่คนๆ เดียว...ซึ่งนั่นไม่ใช่เขา



จะร่างกายหรือหัวใจ...เขาก็สู้คนอื่นไม่ได้เลย



และร่างโปร่งก็ไม่อาจทนมองสิ่งนั้นต่อ ขาเรียวเดินเลี่ยงออกมาให้คนสองคนได้ทำธุระส่วนตัวกันไป พระรามทำงานต่อด้วยความรู้สึกเหมือนคนตาย



ป่านนี้ทั้งสองคนนั้นคงจะไปถึงไหนถึงไหนกันแล้ว



พระรามปวดหัวตุ้บ รู้สึกเครียดจนร่างกายของตัวเองมันเริ่มรับไม่ไหว ใบหน้ามนส่ายสะบัดแรงๆ แต่ยังรู้สึกว่าขมับมันบีบรัด จนมือเรียวต้องยกขึ้นนวดขมับสองข้าง



ด่าตัวเองว่าโง่เง่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าไปคิดถึง



“แค่ก...แค่ก!!” พระรามปิดปากไอโขลก เขาดันไปยืนเหม่ออยู่ตรงที่พวกขี้เหล้ามันสุมหัวสูบบุหรี่กันควันโขมง ร่างโปร่งจึงเดินหนีออกมา แต่อาการไอมันยังต่อเนื่อง ไม่หายไป...ไอจนน้ำตาไหล แผ่นอกเจ็บร้าว “แค่กกก...!”



“เฮ้ยๆ เป็นไรวะ ไอ้ราม ไอเหมือนจะตายงั้นอ่ะ”



“ฮะ? แค่ก! คะ แค่กกก!”



“อ้าวทักทีเป็นหนักเลย โว้ย...” เจ้าของร้านเกาหัว มองไอ้พระรามที่ยืนปิดปากไอจนตัวงอน้ำตาเล็ด ตัวมันยิ่งบางๆ อยู่ ไอทีเหมือนตัวจะหัก “ไหวมั้ยเนี่ย”



พระรามพยักหน้ารัว แต่ไม่ตอบเพราะเขายังไออยู่



ผ่านไปกว่าสองนาที รามนั่งหอบเหนื่อยหลังจากไออยู่นาน มือเรียวยกลูบอกที่ทั้งจุกทั้งเจ็บ คนตัวโตมองแล้วขมวดคิ้วเป็นห่วง



“เอ็งเป็นอะไรเนี่ย ตั้งแต่ทำงานมาพี่ไม่เคยเห็นอาการแบบนี้”



“ผมก็...แฮ่ก ไม่แน่ใจเหมือนกัน น่าจะแพ้...ควันบุหรี่หรือสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นเยอะๆ มั้งครับ” รามตอบเว้นจังหวะ จริงๆ แล้วเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่สังเกตตัวเองมานานแล้วก็เป็นไปตามที่บอก



“พวกภูมิแพ้อะไรงี้เหรอ” เจ๋งเกาหัวถามงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกเพราะเขาก็ไม่ได้จบสูง มาเปิดร้านเหล้านี่ก็แค่กิจการของพี่ชาย วันๆ ทำงานใช้แต่กำลัง ไม่ได้ใช้หัวสมอง



“...ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เสียงทุ้มใสตอบแผ่วเบา



“ทำไมเอ็งไม่ไปตรวจ”



“ผมไม่มีเงิน พี่เจ๋งก็รู้” พระรามตอบเลี่ยง แล้วบอกอีก “อีกอย่างผมไม่เป็นไรมากหรอก”



ประโยคเมื่อครู่เหมือนกับเป็นการปลอบใจตัวเอง



ทั้งที่มือสั่นระริกด้วยความกลัว เพียงแค่ภาพแม่ไอหนักจนเลือดกระเซ็นออกมาเปรอะเปื้อนมา เขาจำได้ว่าตัวเองตกใจแค่ไหน ขนาดคนมองยังตกใจ แล้วเจ้าตัวจะไม่ตกใจได้ยังไง



คงช็อคไปเลย



มือเรียวกำแน่น “ก็แค่ไอเอง...”



ใช่ ย้ำเข้าไปอีกรอบ ให้ร่างกายนี้หายหวาดกลัวเสียที






ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #43 เมื่อ17-06-2019 19:40:00 »




ต่อจากด้านบน




สิ่งที่ทำให้พระรามเป็นกังวลจนปวดหัวมีสองอย่าง...เรื่องของติม...กับอาการไอของเขา



ร่างโปร่งกลับมาที่ห้องอย่างเอื่อยเฉื่อยในเวลาที่ขึ้นวันใหม่ไม่กี่ชั่วโมง เพราะว่าเหมือนจะมีเรื่องทะเลาะ...เรียกว่าทะเลาะหรือเปล่าไม่รู้ ก็เลยต้องเดินกลับมาที่ห้องเองโดยที่ไอติมไม่ได้มารับเหมือนอย่างที่เคยเป็น...เรื่องนี้สมควรชินได้แล้วเพราะแต่ก่อนเขาก็ทำแบบนี้มาตลอด



เป็นเพราะมีติมอยู่ด้วย เขาก็เลยติดสบาย ให้อีกฝ่ายขับไปรับไปส่งเสียแล้ว...ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมที่ติมดูเหมือนจะเกลียดเขาจะตายชัก แต่ก็ยังทำเหมือนเดิม



แต่ตอนนี้เขาว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว



“อื๊อ...ติม อย่าสิ อ๊า”



พระรามยืนตัวชาหน้าชา มองสองร่างเคลื่อนไหวร่วมรักบนเตียงในห้องนอน ทั้งๆ ที่มันเคยเป็นที่ของเขา แต่ตอนนี้ติมกำลังใช้มันกับคนอื่น



ดวงตาสีน้ำตาลเจ็บปวดลึกยืนจ้องตาค้างเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่น้ำตามันรื้นและไหลลงไม่ขาดสาย ร่างเล็กที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไอติมยังหวีดครางร้องไม่รู้ตัวว่ามีคนนอกเข้ามา แต่ไม่ใช่กับร่างสูง...มีหรืออีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าเขาเข้ามายืนมองอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว



ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขายืนมองอยู่ อีกฝ่ายก็ตั้งใจทำให้เห็น



ไอติมหันมามองเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วส่งแรงจากเบื้องล่างกระแทกตัวตนแทรกลึกเข้าไปในร่างกายคนอื่น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นพร้อมกับฟูกและที่นอนถูกทึ้งจนยับยู่ยี่ เสียงครางสูงกับเสียงทุ้มต่ำประสานกัน...น่าขยะแขยง...จนอยากจะอ้วก



เขารู้สึกเหมือนใจจะขาด...ไม่ต่างกับตอนที่รู้ความจริงในวันนั้นเลย



มันเหมือนถูกฉีกอกแล้วเอาหัวใจออกไปกระทืบซ้ำ...เหยียบย่ำ...อย่างโหดร้าย



“อึก...” พระรามหลุบตาต่ำ ขาเรียวเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบกระเป๋าเน่าๆ ของเขาออกมาทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลนองหน้าจนมองภาพไม่ค่อยเห็น แต่แม้จะฝืนทนไม่มองภาพยังไง หูของเขาก็ยังได้ยิน ต้องฟังคนที่รักกำลังมีเซ็กส์กับคนอื่น เรียกชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่เขา



ริมฝีปากบางขบกัดแน่นจนเลือดออกอดทนอดกลั้นไม่ให้ปล่อยโฮออกมาซึ่งมันยากลำบากเหลือเกิน “ฟืด...อึก!”



สิ่งๆ เดียวที่อยู่ในหัวตอนนี้คือ...ออกไปให้ไกล



อย่ากลับมาอีก



เขาพอแล้ว...พอแล้ว



มือไม้สั่นระริกจับนู่นจับนี่ไม่ได้ดีเหมือนเดิมจนต้องหยิกเข้าที่เนื้อเพื่อกระตุ้นตัวเองว่าอย่าเพิ่งร้องไห้ รีบหยิบเสื้อที่อีกฝ่ายเคยบอกว่าเน่ายัดเข้ากระเป๋า เขาไม่คิดจะเอาอะไรของไอติมไปแม้แต่อย่างเดียว เสื้อและกางเกงราคาแพงที่เขาใส่อยู่ตอนนี้ก็ถอดมันทิ้งแล้วเปลี่ยนมันตรงนั้นอย่างไม่อายสายตา



ขนาดอีกฝ่ายยังไม่อายแล้วเขาจะอายทำไม



ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า โทรศัพท์นี่ก็ด้วย



เขาวางเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่เคยเป็นของติมเอาไว้บนพื้นหน้าตู้เสื้อผ้าก่อนจะปาดน้ำตา ลุกขึ้น ขาเรียวรีบเดินออกนอกห้องนอน โกยหนังสือที่กองไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นใส่กระเป๋าลวกๆ และวิ่งออกมาจากคอนโดนั้นอย่างรวดเร็ว



โดยมีกระเป๋าเสื้อผ้าติดกายเพียงแค่ใบเดียว



กับแมวหนึ่งตัว







********************* Love Substitute *********************









“คุณป้าครับ”



หญิงอวบหยุดชะงักมือที่กำลังกวาดใบไม้หน้าอพาร์ตเมนท์เก่า เธอหันมองตามเสียงเรียก แถวนี้ไม่มีใคร แสดงว่าเสียงนี้ต้องเรียกเธอแน่นอน



“อ้าว รามนี่เอง” ใบหน้ามีรอยยับย่นเล็กน้อยยิ้มกว้าง “ไงจ๊ะ มาแต่เช้า จะมาเช่าห้องป้าอีกหรือไง”



คนถูกแทงใจดำยิ้มแห้ง “ครับ ยังมีห้องเหลืออยู่มั้ยครับ”



สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องระเห็จกลับมาตายรังที่เดิม



“ห้องเดิมหนูยังไม่มีใครเช่านะ”



“โชคดีจังครับ” ใบหน้ามนยิ้มอ่อน “แล้วเรื่องค่ามัดจำ...”



“ป้ารู้แล้วแหละว่าหนูต้องจ่าย เดี๋ยวสิ้นเดือนค่อยจ่ายเต็มทีเดียวเลยก็ได้ ที่ป้าทำแบบนี้เพราะคนเบี้ยวเยอะ ชอบเลื่อนอยู่เรื่อย”



ร่างโปร่งหัวเราะแหะเมื่อเจ้าของอพาร์ตเมนท์ป้องปากกระซิบเสียงเบา



“เมี้ยว...” จู่ๆ เสียงเล็กร้องดังขึ้นในกระเป๋าสะพายข้างขัดบทสนทนา ทำให้คนทั้งสองชะงักและก้มลงมอง ก่อนจะมีอะไรอย่างดิ้นดุกดิกและโผล่หัวออกมา



“แมวเหมียวน่ารักจัง”



“เมี้ยว...” อุริส่งเสียงรับคำชมราวกับฟังรู้เรื่องจนมนุษย์สองคนหัวเราะขำ



“มันคงตอบว่าขอบคุณมั้งครับ”



“ตาย...ฉลาดจริงเชียว” เจ้าของอพาร์ตเมนท์ยิ้มชมเปาะ เจ้าเหมียวก็ร้องดีใจอีกครั้ง แต่สีหน้าของหญิงวัยกลางคนก็เปลี่ยนเป็นลำบากใจ ก่อนจะพูดขึ้น “แต่ว่านะ...ป้าตั้งกฎเอาไว้ว่าอพาร์ตเมนท์นี้ห้ามเลี้ยงสัตว์น่ะจ้ะ”



“เอ๊ะ?” พระรามฟังแล้วซีดเซียว แล้วเจ้าแมวตัวน้อยนี่จะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?



พอก้มลงมองเจ้าตัวน่ารักที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเขาแล้วก็มุ่นคิ้ว เม้มปาก ก่อนจะตัดสินใจ



“ถะ ถ้าเลี้ยงไม่ได้ ผมคงต้องไปหาห้องที่อื่น...ผมทิ้งมันไม่ได้ครับ”



เมื่อวานพอรู้ตัวอีกทีก็เห็นเจ้าแมวตัวนี้เดินตามหลังลงลิฟต์มาด้วย เขาตกใจมากแต่ก็ดีใจเหมือนกัน



อุริอุตส่าห์วิ่งตามเขาออกมา...ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ว่าเจ้านี่มันอาจจะรับรู้ถึงความเสียใจของเขา ถึงได้ตามมาเพราะว่าอาจจะเป็นห่วงก็ได้



นิสัยผิดกับเจ้าของลิบลับ



“ขอโทษนะจ๊ะ ป้าก็อยากจะอนุญาตแต่ว่าถ้าคนอื่นรู้ป้าจะโดนครหาเอา”



“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” ร่างบางก้มหัวให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจากมา ในใจเริ่มเครียดเพราะไม่ได้คิดเอาไว้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน เพราะค่าเช่าหอที่เลี้ยงสัตว์ได้ก็ไม่น่าจะถูกด้วย



เฮ้อ ทั้งๆ ที่อพาร์ตเมนท์เมื่อกี้ก็โอเคมากสำหรับเขาแท้ๆ ...ชักลำบากแล้วสิ



“เมี้ยว”



“ไม่เป็นไรๆ ฉันไม่ทิ้งแกหรอก...อยู่ด้วยกันเนอะ” เสียงทุ้มใสเอ่ยกับสัตว์ที่มองเขาตาแป๋ว พระรามรู้สึกว่าตนยิ้มได้ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ยังไงเขาก็ชอบสัตว์อยู่แล้วเพราะงั้นไม่มีปัญหา ซ้ำยังได้คลายเครียดเพราะเจ้าอุริตัวนี้ก็น่ารักมากและขี้อ้อนเป็นพิเศษ



ดีแล้ว...เพราะถ้าหากเขาอยู่คนเดียวคงคิดมากจนเครียดไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน



ที่เหลือก็ต้องคิดแค่ว่าจะทำยังไงให้อยู่ให้รอดทั้งสัตว์ทั้งคนล่ะนะ







“ขอบคุณมากเลยครับ”



มือเรียวรับกุญแจมาจากนิติบุคคลหลังจากที่จ่ายค่ามัดจำไป แค่ค่ามัดจำก็แพงกว่าค่าเช่าเต็มเดือนของที่เก่าตั้งสองเท่า



ในที่สุดการเดินตามหาที่พักทั้งวันก็เป็นผลสำเร็จ แม้ที่นี่จะเคี่ยวเรื่องเงินไปหน่อย แต่โดยรวมก็ค่อนข้างโอเค...รับได้อยู่



“ฟู่...” พระรามปาดเหงื่อเพราะเดินมาตลอดทาง “หาที่อยู่ให้แกได้แล้วนะ อุริ”



เจ้าเหมียวครางรับด้วยรอยยิ้ม ทำให้เขายิ้มตอบ ท่าทางออดอ้อนของมันน่ารักมากจนอดลูบหัวลูบคางเป็นรางวัลไม่ได้



รามจับสายกระเป๋าก่อนจะมองกุญแจในมือและเดินขึ้นไปดูห้อง ที่นี่ใหม่กว่าที่ก่อนเยอะมาก มีลิฟต์แต่ค่อนข้างเก่าและตัวไม่ใหญ่ เขาไม่จำเป็นต้องใช้เพราะว่าไม่ได้อยู่ชั้นสูงมาก เขาอยู่ชั้นห้า หอพักที่นี่มีทั้งหมดสิบชั้นชั้นละสิบห้อง ใหญ่และใหม่แปลกตาจนอดมองไปรอบๆ ไม่ได้...ทั้งคนทั้งแมว



จนเท้าหยุดอยู่หน้าห้องที่ตรงกับหมายเลขบนกุญแจ



“แกจะอยู่ที่นี่ได้ไหมนะ มันเก่ากว่าห้องคอนโดเจ้านายแกเยอะเลย”



“แง้ว...” เจ้าเหมียวประท้วงเสียงแข็ง ประมาณว่าอย่าพูดถึงติมได้ไหม



เขาแปลเองก็หัวเราะเอง ก่อนจะไขประตูเข้าไปและทันทีที่ประตูเปิดก็งพบว่ามัน...ฝุ่นเยอะมาก



“แค่ก...” มือรีบเอื้อมไปปิดประตูทันทีก่อนจะไอโขลกแรงจนเจ็บหน้าอก



“เอ่อ...เป็นอะไรมั้ยครับ?”



“อ๋...แค่ก! มะ มะ แค่กกก...” พระรามมองคนแปลกหน้าที่กำลังจะไขประตูเข้าห้องถัดจากเขา จะตอบว่าไม่เป็นไรก็ไม่ได้ ก่อนจะหันหลังให้อีกฝ่ายและไอแรงต่อเนื่อง บางคนกลัวติดเชื้อโรคเพราะการไอ ดังนั้นนี่จึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่ไม่ให้อีกฝ่ายรังเกียจเขาตั้งแต่แรกพบ



“เมี้ยว...” ในเสี้ยวความคิดเหมือนได้ยินเสียงอุริร้องขึ้นอย่างเป็นห่วง แต่เขาก็ไม่ทันได้ปลอบมันเพราะว่าอาการบ้าๆ บอๆ น่ารำคาญนี่แหละ



กว่าจะหายก็นานนับนาที หลังไอเสร็จทุกครั้งเขามักจะเหนื่อยหอบ เหงื่อแตกพลั่กอย่างกับวิ่งมาราธอนมา ซ้ำยังเจ็บร้าวที่ข้างในอีกต่างหาก



ให้ตายเถอะ...ถ้าเขาเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ปอดคงได้พังเข้าซักวัน



“เป็นอะไรมากมั้ยครับ” ลมหายใจเริ่มคงที่ ทำให้เขาได้สติ ดวงตาเรียวผินมองคนทักทายอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา



“ครับ ไม่เป็นไรแล้ว” เขาเพิ่งได้สำรวจหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ใบหน้าหวานสวยยามระบายรอยยิ้มกับดวงตาระยิบระยับสวยงามนี่มันทำให้มองไม่รู้เบื่อจริงๆ



ก่อนจะรู้ตัวว่าเสียมารยาทที่จ้องนานเกินไป พระรามก็เอ่ยตะกุกตะกัก “ขอบคุณนะครับ ว่าแต่คุณ...”



“ผมเป็นเจ้าของห้องนี้ ชื่อวาครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” อีกฝ่ายแจกรอยยิ้มทำให้คนมองเผลอยิ้มตาม



“เช่นกันครับ ผมชื่อราม เพิ่งจะย้ายมา...เมื่อกี้นี้เลยครับ” เขาแนะนำตัวบ้าง ดวงตาเรียวเหลือบมองประตูห้องตัวเองและหัวเราะแห้ง “แต่เปิดประตูจะเข้าห้องเข้าไปก็...สงสัยฝุ่นมันจะเยอะไปหน่อย”



“อา ห้องนี้ไม่มีใครมาอยู่นานแล้วล่ะครับ” วาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะขมวดคิ้ว “ว่าแต่คุณแพ้ฝุ่นหรือ”



“ไม่...น่าจะใช่ครับ” พระรามตอบอย่างไม่ค่อยแน่ใจทำให้อีกฝ่ายงุนงง “เอ่อ ผมบอกว่าน่าจะใช่น่ะครับ”



“อ๋อ ถ้างั้นจะยืมหน้ากากอนามัยผมก่อนมั้ย ที่ห้องมีเตรียมเอาไว้เยอะแยะเลย” อีกฝ่ายพูดเสียงทุ้มนุ่มฟังแล้วสบายหู ก่อนจะย่อตัวลงจับไหล่เล็กเป็นเชิงแนะนำตัว เขาถึงเพิ่งได้สังเกตว่ามีเด็กอยู่ด้วย “เพราะเด็กคนนี้ก็ไม่ค่อยชอบฝุ่นเหมือนกัน”



พระรามมองก่อนจะยิ้มน้อยๆ เอ็นดู เพราะเหมือนเด็กผู้ชายตัวจ้อยที่ความสูงไม่ถึงหัวเข่ารีบหลบหลังร่างสูงโปร่งทันทีที่คนแปลกหน้าจ้อง ก่อนที่หัวเล็กจะค่อยๆ โผล่ออกมาเห็นแค่ดวงตากลมโต



“วี...” วาพูดเสียงอ่อน มองเด็กชายที่หลบด้านหลังตนชะโงกหน้าซ้ายๆ ขวาๆ ไม่กล้าสู้คนแปลกหน้า “ขอโทษนะครับ วีเขาขี้อายน่ะ”



“ไม่เป็นไรครับ น้องน่ารักดี ผมไม่ถือ” ริมฝีปากยิ้มบางโบกมือ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “น้องวี”



เสียงทุ้มใสเรียก คราวนี้เจ้าของชื่อยอมโผล่หน้าออกมาแต่ก็แค่ดวงตาเหมือนเดิม อยากรู้ว่าเพื่อนบ้านคนใหม่นี้เรียกเขาทำไม



“พี่รามมีอะไรแนะนำให้รู้จักด้วย...อยากรู้จักรึเปล่า” พระรามพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เด็กอยากรู้อยากเห็น คราวนี้เจ้าตัวเริ่มกล้าโผล่ออกมาหน่อยๆ แต่มือป้อมยังขยำเสื้อวาแน่นไม่ปล่อย



“มันคือ...อะไรฮะ” เสียงเล็กๆ ถามเขา ทำให้ร่างโปร่งอมยิ้มเอากระเป๋ามาไว้ด้านหน้าก่อนจะย่อตัวลงเข้าใกล้ วีเอียงคอมองอย่างสงสัย จะบอกว่าคนตัวโตอย่างวาก็ทำหน้าสงสัยไม่แพ้กัน



ทันทีที่เขาเปิดกระเป๋าออกเจอสัตว์ขนปุยกำลังเลียมือเลียขนตัวเอง พอมันลืมตาเห็นหน้าพระรามก็ร้องเสียงจ้อย “เมี้ยว”



“แมว...มีคุณแมวด้วยล่ะ” ดวงตาโตของเด็กชายวีวาววับเหมือนมีดอกไม้บาน ก่อนจะกระตุกเสื้อในมือและชี้ให้ดูพูดเสียงเจื้อยแจ้ว “แม่วา มีคุณแมวด้วย...เหมียวๆ”



“เมี้ยว” เหมือนเจ้าแมวจะถูกใจเด็กตัวน้อยเลยร้องรับ ทำให้เด็กชายวีตาโต ปิดปากหัวเราะตาหยี



“คิกๆ”



ถึงจะสงสัยว่าทำไมผู้ชายถึงได้ถูกเรียกว่าแม่ แต่พระรามก็ไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน ร่างโปร่งมองข้ามประเด็นที่ไม่จำเป็นไป มองท่าทางตื่นเต้นใสซื่อของวีแล้วหัวเราะ...เด็กอะไร โคตรน่ารัก



“คุณแมวตัวนี้ชื่ออุริ ถ้าว่างๆ น้องวีก็มาเล่นกับมันได้นะ มันจะได้ไม่เหงาด้วย” พระรามเรียกคุณแมวตามวี เพราะคิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่ตรงตามใจเด็กน้อยที่สุด แน่นอนว่าพอวีได้ยินก็ร้องอู้อ้าตาโตระยิบระยับเรียกตามทันที



“คุณแมวชื่ออุริ...คุณอุริ คิกๆ” เสียงเล็กพูดกับตัวเองแล้วหัวเราะตาหยีอีกครั้ง ดูเหมือนเด็กน้อยจะไม่ตั้งกำแพงหวาดกลัวรามอีกแล้ว เพราะใช้อุริเป็นเครื่องมือเปิดใจ ซึ่งเขาก็ให้รางวัลโดยการลูบหัวมันไปหนึ่งทีและมันก็ครางรับ



“จะดีหรือครับ” วาเอ่ยถามลำบากใจ มองเด็กชายตัวจ้อยด้วยความเอ็นดู ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนความสนใจของวีตกอยู่ที่เพื่อนใหม่อย่างอุริไปแล้ว



“ผมต้องขอความกรุณามากกว่าเพราะผมต้องทำงานบ่อยๆ กลัวจะไม่มีเวลาให้มัน...ยังไงก็แค่เวลาว่างก็ได้...” เขาเอ่ยต่อด้วยความลำบากใจยิ่งกว่า จริงๆ ไม่อยากรบกวนเพื่อนร่วมหอพักแบบนี้เลย แต่ที่ทำอยู่นี่เพราะเป็นห่วงสัตว์ตัวจ้อยที่มันต้องอยู่คนเดียวในห้องเวลาที่เขาออกไปข้างนอก ซึ่งกลับมาทีก็ค่ำมืด ถ้าหากมีเพื่อนเล่นเป็นเด็กน้อยที่ชอบสัตว์เหมือนกับเขาอย่างวี มันคงจะอารมณ์ดีมีความสุข



“ได้ครับได้ ไม่มีปัญหา ถ้าคุณรามไว้ใจให้ดูแล...”



“อย่าเรียกคุณเลยครับ ผมอายุแค่ยี่สิบเอ็ดเอง” เขาโบกมือปฏิเสธคำเรียกขานนั้น ที่รามพูดแบบนี้เพราะดูออกว่าอีกฝ่ายน่าจะอายุมากกว่า แม้จะหน้าอ่อนมากก็ตาม



อีกฝ่ายยิ้มรับ “งั้นรามก็เรียกผมว่าพี่ละกันนะ”



“ยินดีครับพี่วา”



เขารู้สึกดีที่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ รู้จักคนใหม่ที่มีน้ำใจกับคนแปลกหน้าอย่างเขา



“แต่ตอนนี้ผมว่าผมขอหน้ากากอนามัยก่อนดีกว่า ถ้าไม่เสร็จเดี๋ยวทั้งคนทั้งแมวจะได้นอนนอกห้องกันพอดี”



“ให้พี่ช่วยมั้ย”



“อย่าเลย แค่นี้ก็เกรงใจแย่แล้วครับ”



“ถ้างั้นมีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับ”



“งั้นช่วยฝากอุริไปเล่นในห้องกับน้องวีก่อนแล้วกันครับ” พระรามได้ยินดังนั้นก็รีบบอก เขาจะทำความสะอาดไม่อยากให้แมวเดินเกะกะ ซึ่งเด็กชายวีได้ยินก็ร้องดีใจ แขนเล็กสองข้างอุ้มแมวขึ้นอย่างไม่กลัวมันกัด ซึ่งอุริยินดีจะให้วีจับก็ร้องเหมียวๆ ไม่หยุด



หลังจากสองคนและหนึ่งตัวเดินเข้าห้องข้างๆ ไป ร่างบางก็คาดหน้ากากอนามัยไว้แน่นก่อนจะลงมือทำความสะอาด



“แค่ก...” ผ่านไปสักพักพระรามหายใจเหนื่อยอ่อน ทั้งหอบทั้งไอ แม้จะมีหน้ากากกั้นขวางแต่ก็ยังกันฝุ่นไม่อยู่



กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็ตั้งสองชั่วโมง...นานกว่าที่คิด



ไม่เป็นไร เขาเต็มที่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเพราะอาจจะต้องอยู่ห้องนี้ไปอีกนาน



ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ก็อาจจะเป็นตลอดชีวิต



พระรามคิดแบบนั้นก็เพราะว่าไม่ได้รู้เลยว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ชีวิตของเขาจะต้องกลับเข้าไปวนอยู่ในวังวนเดิม



วังวนที่มีแต่ความโศกเศร้าและเจ็บปวดทรมาน





********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #44 เมื่อ17-06-2019 19:40:43 »




ทดแทนรัก

ตอนที่ 22



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



“เป็นไงบ้างพระราม คุณว่าทุนนี่น่าสนใจมั้ย”



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายวาววับ กวาดตามองกระดาษในมือสั่นระริก และแย้มรอยยิ้มกว้าง “น่าสนใจมากครับ”



   “ผมว่าแล้ว พอเห็นทุนนี่เลยเก็บเอาไว้ให้เลยนะ เพราะผมคิดว่ามันเหมาะกับคุณสุดแล้ว” อาจารย์วีระยิ้มบางมองนักศึกษาชายตรงหน้าด้วยความยินดี เขาเป็นคนให้ทุนเรียนดีเด็กคนนี้เอง นอกจากเรียนดีสอบเข้ามาด้วยคะแนนสูงสุดแล้วยังเป็นเด็กดี พฤติกรรมไม่เคยนอกลู่นอกทาง ทำงานพิเศษหาเงินเลี้ยงชีพตั้งแต่อายุน้อยๆ เพราะว่าฐานะทางบ้านยากจน ทั้งหมดทั้งมวลจึงเป็นเหตุผลให้อาจารย์อย่างเขามอบโอกาสดีๆ ให้กับพระราม แล้วพระรามก็ทำมันได้ดีเสมอมา



   และครั้งนี้ก็มีโอกาสที่ดีกว่าเสนอให้อีกครั้งและเหมือนเขาจะได้คำตอบที่ดี



   “อาจารย์วีระมีรายละเอียดที่มากกว่านี้มั้ยครับ”



   “หึหึ เดี๋ยวถ้าได้มาผมจะส่งให้ทันที” วีระหัวเราะถูกใจเพราะใบหน้ามนถามกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ก็ขนาดคนแก่อย่างเขายังตื่นเต้นเพียงแค่รู้ข่าวเรื่องจะมีทุนที่ให้สำหรับนักศึกษาไปเรียนต่อปริญญาโทและสามารถทำงานต่อที่ประเทศใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาก็รีบมาบอกเด็กคนนี้ทันทีโดยที่ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมาก มีเพียงกระดาษแผ่นเดียวและรายละเอียดคร่าวๆ เท่านั้น



   “ขอบคุณครับ” ใบหน้ามนพยักหงึกหงักว่าง่าย ก่อนจะทำหน้าสงสัยแกมลำบากใจ “ว่าแต่ทุนนี้มีแค่ทุนเดียวหรือครับ”



   “ใช่ ทำไมเหรอ หรือคุณอยากให้ใครไปด้วย?”



   “เปล่าครับ แล้วทำไมอาจารย์ถึงเสนอให้ผม...”



   คนฟังเข้าใจความลำบากใจของเด็กก็แจกแจงให้เข้าใจ “ทุนนี้สำหรับเด็กพฤติกรรมดี ขยันเรียน เกียรตินิยมอันดับหนึ่งนะ ผมถึงนึกถึงคุณไง...หรือว่าคุณไม่อยากได้”



   พระรามรีบโบกมือพูดตะกุกตะกัก “ไม่ใช่นะครับ ผมอยากได้ แต่ว่านอกจากผมแล้วมีคนที่ว่าอีกตั้งเยอะ”



   “แต่ผมเสนอให้คุณ คุณเป็นคนที่มีอนาคตไกล ผมมองออก” วีระพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่ได้ยกยอสรรเสริญ เขาพูดจริงทุกประการ



   “ขอบคุณอาจารย์มากเลยนะครับ” ร่างโปร่งฟังแล้วน้ำตารื้นจนต้องรีบปาดออก “นอกจากแม่แล้วก็มีอาจารย์ที่มีบุญคุณกับผมมาก ผมจะไม่ลืมเลย”



   พระรามตื้นตันในอกที่ได้ยินคำพูดจากปากของคนที่เคารพนับถือ อย่างที่บอกว่าอาจารย์วีระคนนี้ให้โอกาสที่ดีกับเขา ทำให้ช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มาก แล้วตอนนี้ยังได้มีโอกาสที่จะไปต่างประเทศ...ทั้งๆ ที่คนอย่างเขา...ถ้าหากว่าไม่ได้เจอแม่ภาวดีก็คงจะไม่ได้มีโอกาสได้ร่ำเรียนจนมาเจอกับอาจารย์วีระ



   ทั้งสองคนนี้ เขานับถือจากหัวใจ



   “เอาเถอะ แค่คุณตั้งใจตามที่ผมคาดหวังไว้ ผมก็ดีใจมากแล้วล่ะ” วีระฟังแล้วยิ้มตื้นตันไม่แพ้กัน เขาไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากให้เด็กในการดูแลเติบโต เจริญก้าวหน้าอย่างภาคภูมิใจ



   “ครับ”



   “ยังไงเดี๋ยวผมจะเรียกมาอีกทีถ้ามีข่าวดี”



   “ครับ งั้นผมขอตัว”





 

   ขาเรียวเดินเอื่อยเฉื่อยตามถนนคอนกรีตที่ลาดภายในมหาวิทยาลัย สะอาดสะอ้านไร้ขยะเหมือนกับด้านนอกถนนที่มีรถยนต์วิ่งพลุกพล่าน ร่างโปร่งค่อยๆ เดินผ่านทีละตึกสายลมพัดผ่านจนผมสีเข้มสะบัดปลิว ไล่สายตามองตัวหนังสือบนกระดาษสีขาวในมือ รู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ที่จะได้ไปเรียนและยังมีโอกาสทำงานต่อที่ต่างประเทศด้วย



   มันทำให้รู้ว่าคนจนๆ อย่างเขาก็มีโอกาสได้เหมือนกัน...แต่แน่นอนรามไม่ได้หลงระเริง เพราะโอกาสยิ่งใหญ่ที่ได้มานี้มันไม่ได้มาเพราะด้วยน้ำมือของเขาเพียงคนเดียว



   ยังมีอีกสองคนที่กำลังรอดูเขาเติบโตอยู่...แม้คนหนึ่งจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม



   แต่พระรามขอสาบานว่าจะทำมันให้ดีที่สุด



   ตึงตึงตึง!



   เสียงกลองดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกมองซ้ายมองขวาและก็พบกลุ่มคนอยู่ตรงลานกว้างที่มีต้นไม้ปลกคุมร่มเย็นซ้ำยังมีตึกช่วยบังแดดจ้าในตอนเที่ยงด้วย กลุ่มคนพวกนั้นมีสาวหนุ่มหน้าตาดียืนตรงตั้งแถวเป็นระเบียบ ซ้ำยังกางแขนกางขาค้างไว้นานด้วยท่าทางประหลาดอยู่แบบนั้นนานนับชั่วโมง แม้จะเหนื่อยก็ต้องกัดฟันทน...รู้ดีว่ามันคือหน้าที่ของผู้นำเชียร์



   “กางแขนให้มันดีๆ หน่อย!”



   “อย่าอ่อนแอ คนที่สามลดแขนลงอีกแล้ว!! เมื่อกี้เพิ่งกินข้าวไปไม่ใช่เหรอ!”



   พี่คุมที่ทำหน้าที่ไม่ต่างจากพี่ว้ากยืนทำหน้าขึงขังตะโกน...ไม่สิ ตะคอกใส่เสียงดัง



   "มัวทำอะไรกันอยู่! ทำตัวแบบนี้แล้วจะให้พวกพี่มาสอน!? ใช้ได้เหรอ!?"



   "ขอโทษครับ! / ค่ะ!"



   เขามองแล้วระบายยิ้ม



   ชีวิตของเขาวนเวียนเงียบสงบมาหลายสัปดาห์ การทำงานโดยมีแมวกับค่าเช่าที่แพงขึ้นสี่เท่ามันหนักกว่าที่คิด เพราะว่าต้องหาอาหารแมว ของเล่น กรงและของจำเป็นอีกหลายอย่างมาให้อุริด้วย



   ถึงจะเหนื่อย แต่ก็พูดได้ว่าเขามีความสุข อุริก็มีความสุขเหมือนกัน เพราะมันได้เล่นกับวี เด็กชายสดใสวัยห้าขวบข้างห้องเกือบทุกวัน



   แต่ละวันผ่านมาเรื่อยๆ และแปปเดียวก็มาถึงอีกแล้ว...กีฬาสีของมหาวิทยาลัย



   ก็เป็นอะไรที่น่าคิดถึงดี แต่เขาอยู่ตั้งปีสามแล้ว อีกหนึ่งปีก็จะจบ จึงไม่มีความตื่นเต้นที่จะทำอะไรแบบนี้



   อันที่จริงแล้วต้องบอกว่าเขาไม่เคยมีความคิดที่อยากจะทำกิจกรรมอะไรพวกนี้เลยมากกว่า เพราะว่าชีวิตของเขามันขาดสีสัน...ขาดความรักมาแต่ไหนแต่ไร...



   ถ้าหากไม่มีพวกสินกับดินคอยอยู่เป็นเพื่อนเคียงข้าง เขาคงไม่ได้สนุกสนานเหมือนกับคนที่อายุเท่ากันคนอื่นๆ



   นอกจากกลุ่มคนที่ซ้อมผู้น้ำเชียร์แล้วก็ยังมีเหล่านักศึกษาที่เพิ่งเรียนเสร็จมานั่งทำศิลปะระบายสีบางอย่าง น่าจะเอาไว้ประดับตกแต่งในงานกีฬาสีแน่ๆ



   เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่กำลังจะมาเรียนแต่อาจารย์ดันใจดีบอกว่าให้มาช่วยน้องปีหนึ่งทำงานกีฬาสี พวกขี้เกียจนี่ร้องไชโยเสียงดังลั่นห้องไม่เกรงใจอาจารย์แม้แต่นิด ส่วนเขารู้สึกเฉยๆ



   "หนึ่ง! สอง! หนึ่ง! สอง! หนึ่ง! สอง!" เหล่านักวิ่งที่กำลังซ้อมเป็นกลุ่มย่อยกำลังวิ่งสวนมาทำให้พระรามที่เดินอยู่คนเดียวหลีบตัวลีบก่อนจะเผลอไปสบตาคนหนึ่งในกลุ่มนั้นเข้า แม้จะไม่รู้จักกันแต่ก็ส่งรอยยิ้มมาให้



   พลั่ก...



   “เหวอ" เพราะมัวแต่มองตามเหล่าคนพวกนั้นเท้าเลยไปสะดุดทางต่างระดับ หน้าเกือบคว่ำแต่ก็ทรงตัวไว้ได้ แต่มือเจ้ากรรมดันเผลอปล่อยกระดาษสีขาวหลุดลอยไป "ชิบละ! เดี๋ยว...!"



   ร่างโปร่งตกใจมองตาโต นั่นมันเอกสารสำคัญของเขา!



   เขารีบเดินตามไป แต่เหมือนจะโดนกลั่นแกล้งเพราะลมพัดแรงขึ้นอีกจนต้องออกแรงวิ่ง เขาถอนหายใจเมื่อในที่สุดมันก็หยุดลงเสียที แผ่นสีขาวนอนแนบนิ่งอยู่บนพื้นแต่ร่างโปร่งก็ยังไม่วางใจ สายตาเรียวจับจ้องและวิ่งเข้าไปใกล้ ก่อนจะแย้มรอยยิ้มได้เมื่อมือเรียวเอื้อมจะถึงแต่กลับ...มีคนหยิบไปเสียก่อน



   "อ่ะ ขอบคุณ...ครับ..." เขาค่อยๆ ลุกขึ้นและเอ่ยขอบคุณคนที่อุตส่าห์เก็บให้แต่ทันใดนั้นใบหน้ามนก็ซีดเซียวไร้สี เพราะคนตรงหน้าคือใครบางคนที่เขาไม่ได้เจอมานานนับตั้งแต่ออกมาจากคอนโดนั้น...ไม่ได้เจอนานและไม่อยากเจอด้วย



   ทำไม...



   ดวงตาคมกริบจดจ้องสิ่งที่อยู่ในมือ กวาดตามองก่อนจะยิ้มมุมปาก "หืม..."



   "เอาคืนมา" เสียงทุ้มใสเอ่ยสั่นเครือ น้ำตารื้นไหลเพราะนึกเรื่องเก่า มือเรียวยื่นไปคว้าแต่กลับถูกอีกฝ่ายหลบ ชูมันขึ้นสุดเอื้อมแขน



   "ติม...นั่นของๆ พี่...เอาคืนมานะ" เขาเงยมองตามและเขย่งเท้าจนสุดเพื่อเอื้อมคว้ามันกลับมาแต่ก็ไม่ถึง



   ความสูงของเราต่างกันเกินไป



   พระรามกัดปากเจ็บใจ ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ที่จะสู้ทางกายภาพ มองอีกฝ่ายด้วยความพร่ามัว จึงรีบปาดน้ำตาออกก่อนที่มันจะไหล "บอกให้เอาคืนมาไง!"



   เสียงตะโกนที่ดังกว่าเดิมทำให้คนอื่นที่เดินผ่านมาหันมามองเพราะคิดว่าคนทะเลาะกัน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มีแต่ร่างโปร่งเท่านั้นที่กำหมัดแน่นอย่างโมโห



   ทั้งตอนนั้นและตอนนี้...ไอติมคิดจะแกล้งเขา...ปั่นหัวเขาให้บ้าบอ...เสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า



   ทำเหมือนเขาเป็นตัวตลกไม่ก็คนโง่



   "นี่คิดจะทำอะไรอีก!?" ใบหน้ามนกัดฟันกรอดมองเขม็งทั้งน้ำตาคลอ พระรามยอมให้ทำร้ายมาจิตใจมานับกี่ครั้งแล้วเขาก็ยอมได้ แต่เรื่องนี้รามไม่ยอม เพราะนั่นมันเกี่ยวข้องกับเรื่องอนาคตทั้งหมดของเขา "เอากระดาษนั่นคืนมาแล้วก็ไปซะ อย่ามายุ่งกับพี่!"



   สายตาคมกริบตวัดมองขุ่น "ไล่เหรอ...นี่มึงไล่กูเหรอ?"



   เสียงทุ้มเข้มทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวหวาดกลัว แต่ก็กัดฟันสู้



   "ใช่ พี่จะไม่ทนติมแล้ว...นายจะไปนอนเอากับใครที่ไหนก็ไปเลย!"



   พระรามตะโกนไล่ทั้งน้ำตาพลางทุบอกทุบไหล่อย่างโมโหน้อยใจ ยิ่งพูดยิ่งเจ็บลึกเมื่อนึกถึงวันที่กลับไปเจออีกฝ่ายใช้เตียงนอนที่เราใช้ร่วมกันกำลังร่วมรักกับร่างเล็กน่ารักที่ชื่อนิลคนนั้น



   เขาเดินหนีเพราะมันทนมองไม่ได้ แต่เพียงแค่เห็นใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจนี่ รอยยิ้มแสยะสะใจวันนั้นมันก็ผุดขึ้นในความทรงจำ อีกฝ่ายทำเหมือนว่าเขาเป็นได้เพียงแค่ของเล่นโง่ๆ ชิ้นหนึ่งของติมที่หมดอายุการใช้งานแล้ว



   หัวใจของเขามันยิ่งกว่าถูกหนามแหลมทิ่มแทงจนเลือดไหลไม่หยุด เลือดเขาไหลจนหมดตัวกลายเป็นคนตายไร้วิญญาณ



   ร่างสูงไม่มีสิทธิ์จะมาโกรธเขาด้วยซ้ำไปที่เขาเอ่ยไล่ เพราะติมก็เป็นคนไล่เขาก่อนด้วยวิธีแบบนั้นเอง



   เขาตัดสินใจที่จะออกมาแล้ว...อย่ามายุ่งกับเขา...อย่าลากเขากลับไปในสถานที่เดิม...วังวนเดิม



   รามไม่อยากจะกลับไปเป็นแบบนั้นอีก...กลายเป็นคนที่หลงรักจนโง่งม นอนแหกแข้งขาให้อีกฝ่ายเอาแต่ใจฝ่ายเดียว



   พระรามก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง...มีหัวใจแค่หนึ่งดวง



   อยากให้มีใครสักคนมาค้นพบมันและดูแลทะนุถนอมเอาใจใส่



   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาววับ ก่อนที่ร่างสูงจะลดมือลงและยัดกระดาษแผ่นนั้นใส่มือพระรามง่ายด้ายจนน่าแปลกใจ แม้ด้วยความแรงอาจจะทำให้มีรอยยับแต่มันก็ไม่ได้เสียหายทำให้ริมฝีปากบางยิ้มออกและกอดมันแนบอก แต่ไม่ทันไรมือใหญ่ก็จับหมับเข้าที่ข้อมือผอมแน่นและกระชากให้เข้ามาประชิด



   "มึงคิดจะหนีกูไปเหรอ" เสียงเข้มพูดเบา ฟังดูน่าขนลุก แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของพระรามฉายความไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น ทำให้นิ้วยาวจิ้มเข้าที่แผ่นอกบาง...แท้จริงแล้วร่างสูงหมายถึงเนื้อความในแผ่นกระดาษนั่นต่างหาก



   ดวงตาเรียวเบิกกว้าง



   “กู-ไม่-ให้-ไป” ไอติมเน้นทีละคำ



   “ติมไม่มีสิทธิ์มากำหนดว่าจะให้พี่ไปหรือไม่ให้ไป” เสียงทุ้มใสว่า “นี่ชีวิตของพี่”



   “ชีวิตของมึงเป็นของกู”



   “ไม่ใช่!”



   “ใช่สิ” ไอติมยืดตัวเสยผม ก่อนจะถอนหายใจเหนื่อยหน่ายเหมือนขี้เกียจจะเถียง "จะยังไงก็แล้วแต่...บอกเลยว่าถ้ากูไม่ให้ไปก็คือไม่ให้ไป...มึงไม่มีสิทธิ์แย้งอะไรทั้งนั้น"



พระรามกำหมัดแน่นโมโหเหมือนควันออกจากหูเมื่อฟังคำพูดเอาแต่ได้ ใครจะมากำหนดชีวิตเขาไม่ได้ทั้งนั้นนอกจากเขาจะเลือกด้วยตัวเอง



ยังไงเขาก็จะไป...ไปให้พ้นจากผู้ชายคนนี้



รามไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายแม้แต่นิด ไอติมคิดจะทำอะไรอีก...ต้องการอะไร...จะมาปั่นหัวป่วนชีวิตของเขาให้วุ่นวายอีกแล้วเหรอ



นิลคนนั้นยังสนองความต้องการให้ไม่พอใจอีกหรือไงถึงต้องกลับมายุ่งกับเขา



"ว่าแต่...พี่ชะเอมไปไหนซะล่ะ คิดถึง...อยากเห็นหน้า" เสียงทุ้มนุ่มเปลี่ยนโทนทันทีเมื่อเรียกชื่อของใครบางคน มันทำให้ก้อนเนื้อในอกของคนได้ยินกระตุกบีบรัด อ้อมแขนผอมเผลอเกร็งแน่นจนกระดาษสีขาวยับมากขึ้นไปอีก



   ไม่ทันไร...ไอติมก็ทำให้เขาเจ็บอีกแล้ว



   หลายสัปดาห์ที่เหมือนอยู่ห่างกัน เขาอยากจะรีบลืมและเลียแผลหัวใจที่บาดเจ็บ



   แต่ไม่ทันไร...มันก็ถูกกรีดจนเหวอะหวะ ซ้ำยังเหมือนจะถูกมือใหญ่นั่นยื่นเข้ามาบีบแน่นจนหายใจไม่ออก



   หัวใจเพียงดวงเดียวของเขาที่หวังให้ใครสักคนมาดูแลประคับประคอง กลับถูกคนตรงหน้าเหยียบย่ำอีกครั้งด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ



   ดวงตาเรียวมองอีกฝ่ายค้าง ใบหน้ามนนิ่วเจ็บปวด พยายามอดทนแต่สุดท้ายก็ปล่อยให้หยาดน้ำไหลพรากจากทั้งสองข้างของตา อาบแก้มขาวที่ซีดเซียว ไหลหยดจากคางจนโดนกระดาษแผ่นสำคัญเปียกชื้นไปหมด สายตาคมกริบที่สบกลับมามันไม่สะท้อนสิ่งใดเลย



   เขาอยากจะรู้นักว่าหัวใจของผู้ชายคนนี้ทำด้วยอะไรกัน ถึงได้ทำร้ายเขาโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย



   ให้ตาย...ให้ตายเถอะ



   พระรามหันหลังให้ ก่อนจะยกแขนขยี้ดวงตาแดงก่ำ แต่เช็ดเท่าไหร่ๆ มันก็ไม่หมดจนแขนเสื้อนักศึกษาเปียกชุ่ม ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ถ้าคะ ฮึก คิดถึ...ง ฟืด ก็ไปหาเองสิ..."



   ดวงตาคมกริบที่อ่านไม่ออกเหลือบมองหลังคอขาวที่ยังก้มหน้าป้อยๆ



   “อยู่ไหนล่ะ”



   ร่างโปร่งสะอื้นแรงอีกครั้งกับคำถาม "อยู่ใต้ ฟืด! ...อึก ตึกคณะอักษร..."



“รามพาไปหน่อย”



ร่างโปร่งยังยืนนิ่งอยู่ ไม่ตอบไม่หือไม่อือ...ยังไงเขาก็จะไปอยู่แล้วจึงไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติม ขาเรียวที่สั่นน้อยๆ ก้าวเดินไป...ด้วยหัวใจอ่อนแรง



พอเดินมาพร้อมกัน มันก็ดูเหมือนว่าจะมาด้วยกัน แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย



"อ้าวนั่นไง จริงด้วย" สินพยักเพยิดมาแต่ไกล คำพูดราวกับเดาไว้แล้วว่าเขาจะต้องอยู่กับติมยังไงยังงั้น



นักศึกษาหญิงชายใต้คณะหันมามองกันให้รึ่มทันทีที่เดือนคณะนิติศาสตร์ปีนี้ย่างก้าวเข้ามา ร่างสูงกำยำภายใต้ชุดนักศึกษาเดินล้วงกระเป๋าเข้ามาอย่างมีมาด ใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราหรือพระเอกละครยิ่งทำให้ไอติมเป็นคนที่ยอดนิยมไม่แพ้กัน ด้วยบุคลิกและแววตาไม่เหมือนกับเด็กจึงถูกมองข้ามว่าเป็นแค่รุ่นน้องปีหนึ่งไป นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมที่ลือกันว่าไอติมคนนี้ไม่ธรรมดา สอยดาวคณะและหนุ่มน่ารักไปแล้วหลายคน กิตติศักดิ์ที่ว่าทั้งใหญ่ทั้งยาวและพร้อมด้วยลีลานั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีใครที่อยากรู้อยากลอง และปรี่เข้ามาเสนอตัวเยอะแยะมากมาย



ซ้ำยังมีเบื้องหลังอันตรายๆ อีกหลายอย่างที่ถูกเก็บเงียบเอาไว้



พระรามพยายามก้มหน้าก้มตาหลบไม่อยากให้ใครมอง แม้น้ำตาจะเหือดแห้งไปแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันร้อนผ่าวและน่าจะบวมแดงมากแน่



"พี่ชะเอมหวัดดีครับ" แล้วก็เหมือนเคย ไอติมไม่เคยเห็นผู้ใด ในสายตาของร่างสูงโฟกัสแค่เพียงคนๆ เดียวที่สนใจ...และเอ่ยทักเป็นคนแรกอีกเช่นเคย ทั้งๆ ที่มีดิน สิน แล้วก็เพื่อนในคณะนอนเอกเขนกอยู่เต็มไปหมด



"อื้อ ไม่ได้เจอนานเลย" ชะเอมยิ้มทักทายสดใส ใบหน้าหวานที่เคยซีดเซียวขาวสว่างกว่าเดิมเมื่อผูกจุกหน้าม้าขึ้นไปเพราะมันยาวปรกหน้าปรกตา...น่ารักจนผู้ชายมองกันให้พรึ่บ



น่ารักมาก...จริงๆ



"ไปเที่ยวต่างจังหวัดก็เพิ่งเจอนี่ครับ"



"อ่า จริงด้วย เราไม่ได้คุยกันเลยนี่เนอะ"



เสียงทั้งสองคนคุยกันมันดังอื้ออึงไปหมด ดวงตาเรียวมองค้างที่ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอบอุ่น เขาอยากจะยกมือขึ้นปิดหูซะ ไม่อยากจะฟังเสียงระรื่นที่คุยกันโดยไม่สนใจ...ไม่มีรามอยู่ในสายตา



‘อ๊ะ อ๊า อื๊อ ติม...’



เพียงแค่หลับตาลง ภาพและเสียงมันก็ชัดเจน



ไอติมไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา...เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเตียงวันนั้น



"ก็เกิดเรื่องขึ้นเยอะนี่ครับ...ว่าแต่พี่ชะเอมผูกจุกแบบนี้แล้วน่ารักมากเลย"



เสียงทุ้มนุ่มทำให้พระรามที่ฟังกัดปากแน่น คนโดนชมก็หัวเราะแหะๆ เสียงแห้ง ร่างโปร่งขบกัดให้เจ็บจนเลือดซึมพร้อมกับนิ้วเรียวที่จิกลงบนฝ่ามือ เขาก็คิดไว้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะมีอิทธิพลกับใจขนาดนี้



นี่เขา...ควรจะออกไปที่อื่นเลยดีหรือเปล่า ถ้าออกไปเพื่อนจะมองสงสัยมั้ย...ก็เขา...ไม่อยากอยู่ในพื้นที่นี้แล้ว



หรือว่าจะปล่อยให้มันเป็นไป



ก็ดี ถ้าหากไอติมยังทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...หัวใจของเขาอาจจะไร้ความรู้สึกไปเลยก็ได้



ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #45 เมื่อ17-06-2019 19:41:07 »




ต่อจากด้านบน


จะได้...ไม่ต้องรู้สึกอะไรอีก



"...รามมาช่วยเราหน่อยสิ ไม่มีใครช่วยเปลี่ยนน้ำให้เลย"



พระรามรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงใสร้องเรียก ก่อนจะตั้งสติได้และตอบออกไป "ได้สิ"



"งั้นเดี๋ยวเราไปด้วย ต้องล้างแปรง" ชะเอมบอกแล้วลุกขึ้น



"คินช่วย" ร่างสูงข้างกายที่จริงๆ แล้วอยู่วิศวะแต่ดันมาเฝ้าแฟนถึงตึกคณะด้วยความหวงและห่วงคนน่ารักแย่งแปรงเลอะสีในมือเล็กขึ้นมาถือ ทำให้มือใหญ่เปรอะเปื้อนไปด้วย



"งั้นผมไปด้วย"



คำพูดของติมทำให้ใจของเขากระตุกวูบ ไม่ว่าเอมจะไปไหน ติมก็จะตามไป



"มึงจะไปทำไม" คินถามเสียงเข้มคิ้ว



ร่างโปร่งยืนมองสงครามเงียบๆ ชะเอมที่ยืนอยู่ตรงกลางมองซ้ายมองขวาขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ โดยมีร่างสูงทั้งสองยืนจ้องตากันไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบ ทั้งๆ ที่ติมอายุน้อยกว่าตั้งสองปี แต่กลับตัวโตเท่ากับคิน หรือดูไปดูมาอาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำไป



ดังนั้นการเขม่นกันระหว่างสองคนนี้จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม เพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้แน่ สินที่เป็นเพื่อนเห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่สนใจจะฟัง



"เฮ้ยๆ ใจเย็นหน่อยเว้ย คนมองหมดแล้ว"





"จะไปกับแฟน มีปัญหาอะไรครับ" อีกฝ่ายโต้กลับด้วยคำพูดที่ทำให้คนโดนพาดพิงหลุบตาต่ำลง ฝืนยิ้มจืดเจื่อน 



"ไปเถอะเอม"



เขาไม่อยากฟังคำๆ นั้น...เพราะมันไม่มีความหมายใดๆ เลย



ก็แค่คำสมอ้างของติมที่จะใช้ปกป้องคนที่รัก...ที่คนๆ นั้นมันไม่ใช่เขา



พระรามเดินออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง พอๆ กับหัวใจของเขาที่มันช่างเต้นตุบแผ่วเบาอ่อนแรงเหลือเกิน



ในระหว่างที่ร่างโปร่งเดินถือกระป๋องน้ำล้างสีโดยมีร่างบางและอีกสองคนเดินตามมา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องไปเพียงข้างหน้าแต่สมองกลับเหม่อลอย



จู่ๆ ก็มีเรื่องบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น



ขาเรียวเดินผ่านซุ้มบางอย่างที่กำลังต่อเติมไม้เป็นชั้นเวทีหรืออะไรสักอย่าง ดูวุ่นวายจนต้องเดินห่างออกมาเล็กน้อย แต่แล้วก็มีอีกกลุ่มเดินสวนเข้ามาอีกทาง กลุ่มคนพวกนั้นแบกท่อนไม้หน้าสามท่อนใหญ่หลายท่อนซึ่งมองไม่เห็นว่ามีคนกำลังเดินสวนมาเช่นกัน



"ระวัง!!" เสียงของคินตะโกนลั่นแต่ไม่อาจห้ามเหตุการณ์ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ แล้วคนพวกนั้นชนกับรามและชะเอมเข้าอย่างจัง!



โครม!!



เสียงท่อนไม้ที่มันหล่นร่วงกราวลงกับพื้น แต่ดีที่ร่างบางไม่เป็นอะไรเพราะว่าร่างสูงทั้งสองปกป้องไว้ทัน



"เอมไม่เป็นไร” เสียงใสตอบพลางไอค่อกแค่กเพราะฝุ่นจากกองไม้เก่าๆ แต่ดวงตากลมโตเบิกกว้างทันใดเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่างโปร่งไม่ได้ปลอดภัยเหมือนกับเขา “ราม!"



พระรามถูกตะปูขึ้นสนิมตัวใหญ่หลายตัวที่ติดมากับไม้หน้าสามพวกนั้นทิ่มลึกเข้าที่ต้นแขนผอมจนเลือดไหลท่วม



เจ็บ...



ฟันขาวขบกัดริมฝีปากล่างจนเลือดซึม แผลนี้เจ็บมาก...แต่ก็ไม่เจ็บเท่ากับที่เห็นไอติมกระโจนเข้าไปปกป้องชะเอมโดยปล่อยเขาทิ้งไว้



ดวงตาเรียวมองไอติมด้วยความตัดพ้อ...ท้อแท้เหลือเกิน



‘มันไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรของกูทั้งนั้น ที่กูทำแบบนี้เพราะต้องการปกป้องพี่ชะเอมต่างหาก’



รู้อยู่แล้ว...ว่าเขาไม่ใช่คนสำคัญ...ถ้าหากไม่เห็นกับตาก็ไม่อยากจะเชื่อแท้ๆ



แต่คำพูดประโยคนั้นมันก็เพิ่งจะชัดเจนที่สุดก็วันนี้เอง



"ราม...เลือด..." ใบหน้าหวานซีดเซียวรีบปรี่เข้ามาดูก่อนใครเพื่อน สายตาเป็นห่วงน้ำตาคลอเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงชะโลมจิตใจให้รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย...อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้ว่ายังมีคนที่รู้สึกเสียใจตอนที่เขาเจ็บ



ในขณะที่ไอติมยังยืนมองเฉย ทำให้พระรามก้มหน้าน้ำตารื้น ตอบเพื่อนด้วยเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้



"เอม ไม่เป็นไร..."



เขาไม่อยากมองใบหน้าของติมเลย



"ไม่เป็นไรที่ไหน ราม...ติม ช่วยพารามไปห้องพยาบาล..." ชะเอมพยายามร้องขอความช่วยเหลือแทนคนเจ็บที่ไม่คิดจะอ้อนวอนใดๆ



"ไม่! ไม่ต้อง...เดี๋ยวเราไปเอง" เพียงแค่ได้ยินชื่อ เขาก็ปฏิเสธเสียงแข็งทันที หยาดน้ำตาที่ไหลก็ปล่อยให้มันไหลไป ไม่สนใจแล้วว่าจะมีใครมองยังไง



สภาพของเขามันคงไม่น่าสมเพชไปมากกว่านี้หรอก



พระรามยกแขนอีกข้างที่ไม่เป็นไรขึ้นฝืนดึงท่อนไม้ที่มีแท่งเหล็กแหลมขึ้นสนิมทิ่มแทงเข้าที่แขนออก มันเจ็บ...เจ็บมากจริงๆ จนเผลอกัดปากเข้าที่แผลเดิม



มือเรียวโยนท่อนไม้นั้นทิ้งจนเลือดสาดกระเซ็นเต็มพื้น เผลอจิกต้นแขนบริเวณใกล้กับแผลเพื่อกลั้นความเจ็บปวดจนสั่นระริก จากนั้นขาเรียวพยายามฝืนลุกขึ้น เขาอยากจะไปจากที่ตรงนี้แล้ว



ไปให้ไกลจากคนใจร้าย



"โอ๊ย..."



แต่ทันใดนั้นร่างโปร่งก็ล้มลงนั่งเหมือนเดิม กระแทกแรงจนสะเทือนมาถึงแผลที่ต้นแขน ดวงตาเรียวฉ่ำน้ำตารีบก้มลงมองความผิดปกติ



เท้าของเขา...



ยิ่งเห็นยิ่งน้ำตาไหลมากกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าสภาพของข้อเท้าตัวเองมันบวมแดงขนาดไหน



บ้าจริง...ทุเรศที่สุด



ตัวเขาในตอนนี้มันทุเรศจนมองไม่ได้



"อึก..." น้ำตายิ่งไหล่บ่าซึ่งพยายามเช็ดเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมหยุดขยี้จนตาบวมแดง ใบหน้ามนเปื้อนทั้งคราบน้ำตาและเลือดสีแดงฉาน กลิ่นคาวคละคลุ้งเต็มบริเวณ



อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ได้เลย ในอกมันมีแต่จุก...กับเจ็บ



ภาพเมื่อครู่มันติดตรึง...ไม่ยอมหายไปสักที



ในยามมีอันตรายคนที่อีกฝ่ายจะเลือกปกป้องก่อนคือชะเอม ไม่ใช่เขา



และแม้เขาจะบาดเจ็บจากการโดนลูกหลงหรืออะไร ไอติมก็ไม่คิดที่จะสนใจ



เพราะฉะนั้น ถ้าเลือดจะไหลมากเท่าไหร่...น้ำตาจะไหลมากเท่าไหร่...ก็ปล่อยให้มันไหลไป



เพราะว่านี่คือสิ่งที่นายต้องการอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...ติม



"ราม...ไปหาหมอเถอะนะ" เสียงใสบอกแทรกขึ้นมาในความคิดตัดพ้อเสียใจ ชะเอมแตะแขนที่บาดเจ็บเบาๆ ดวงตากลมโตมองสภาพของพระรามด้วยความสงสาร ร่างโปร่งเปียกชุ่มด้วยน้ำสกปรกจากกระป๋องสีที่เขาเป็นคนล้าง มันจะต้องไหลเข้าแผลแน่ถ้าไม่รีบล้างออก แต่ชะเอมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพระรามกลับไม่สนใจมันแม้แต่นิด



รามน้ำตาไหลสะอึกสะอื้นไม่หยุด เขาไม่รู้ว่าเพื่อนเป็นอะไร แต่อีกฝ่ายไม่เคยร้องไห้ให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว จึงทำให้เป็นกังวล ทำไมถึงต้องร้องไห้เจ็บปวดขนาดนั้น...หรือเพราะว่าเจ็บแผลมาก มันต้องเจ็บแน่อยู่แล้ว ก็มีทั้งเลือดจำนวนมากที่ไหลกับข้อเท้าที่ยังปูดโปนบวมแดงจนน่าเป็นห่วงนี่ก็ด้วย



ใบหน้าหวานซีดเซียวพอๆ กับคนเจ็บมองมาที่ร่างสูงที่ยังยืนนิ่ง ไม่รู้ว่าอึ้งหรือว่ายังไง จะทะเลาะกันอยู่หรือไม่ร่างบางไม่รู้หรอก ในเมื่อเรียกแล้วไม่ตอบรับชะเอมก็เลือกที่จะขอความช่วยเหลือคนรักแทน



"คิน..."



ร่างสูงเจ้าของชื่อพยักหน้า รีบเข้ามาช้อนตัวพระรามขึ้นอุ้ม แต่ทันใดนั้นไอติมก็เข้ามาแทรกทันทีแล้วเอ่ยเสียงเข้ม



"หลบ"



ร่างสูงกำยำในชุดนักศึกษาดันคินออกไป แต่คนเจ็บกลับถอยกรูดทันทีด้วยความทุลักทุเลเมื่อไอติมเข้าใกล้ ใบหน้ามนนิ่วหน้าฝืนเมินความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นและตวาดเสียงดัง



"ไม่ต้อง! พี่ไปเอง..." ร่างโปร่งปาดน้ำตากัดฟันลุกขึ้นอีกครั้ง จนในที่สุดก็ยืนขึ้นจนได้ ขาเรียวด้านขวาเกร็งสั่นเพราะต้องรับน้ำหนักทั้งตัวเนื่องจากขาซ้ายไม่อาจใช้งานได้



พอคิดว่าน่าจะเดินได้แล้วก็ก้าวเท้าเดินแต่พอลงน้ำหนักเพียงเล็กน้อยมันก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาถึงสมอง ร่างโปร่งเซจะล้มเนื่องจากขาทนรับน้ำหนักไม่ไหว แต่ทันใดนั้นเท้าทั้งสองก็ลอยขึ้นเหนือพื้นในวินาทีต่อมาเพราะถูกช้อนตัวโดยคนที่ไม่อยากมองหน้ามากที่สุด



“ติม!” คนโดนอุ้มไม่ยอมง่ายๆ มือข้างที่เหลือจัดการทุบไหล่ทุบแขนแกร่งทั้งน้ำตา



ทำกันขนาดนี้แล้วจะมาช่วยทำไม!?



"ติมพี่ฝากด้วยนะ" ชะเอมฝากพลางมองพระรามที่ยังดิ้นด้วยความเป็นกังวล



"ครับ" เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกมาไม่สนใจเสียงโวยวายที่ห่างจากใบหูไม่กี่เซนติเมตร



"ปล่อยพี่นะ!"



“อย่าดิ้น!” คล้อยหลังชะเอมไม่ทันไร ติมก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เสียงทุ้มตะคอกพร้อมดวงตาคมกริบไม่มีความเห็นใจ “แล้วก็อย่าโหวกเหวก มันหนวกหู น่ารำคาญ”



พระรามหน้าซีดเซียว น้ำตารื้นไหลอาบหน้า ขนาดเขาเจ็บถึงขั้นนี้ไอติมยังพูดจาใจร้ายกับเขาได้ลงคอ

 

ร่างโปร่งปิดปากสะอื้นแรงจนตัวสั่น “ฮึก! อึก ฮือ...”



คนร้องไห้ทิ้งตัวหมดแรงกับเบาะรถทันทีที่ถูกโยนขึ้นมา รถสปอร์ตทะยานตัวออกไปรวดเร็ว วิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปมาชวนให้เวียนหัว นอกจากนี้ยังเสียเลือดจนตาพร่ามัวไปหมด



“เออ...เออ กูฝากด้วย ขอบใจมาก” ได้ยินเหมือนเสียงทุ้มกำลังพูดกับใครบางคน น่าจะคุยโทรศัพท์ แต่มันก็แค่ดังแผ่วเบาในความคิด กลิ่นเลือดคละคลุ้งฉุนแตะจมูก ดวงตาเรียวค่อยๆ ปรือลง...ไม่ได้สนใจแล้วว่าร่างสูงจะขับรถพาเขาไปที่ไหน



ไม่ว่าจะไปโรงพยาบาลหรือว่าที่ห้องนั้น จะเป็นที่ไหนก็ช่างมัน



“แค่ก...ฟืด...”



ทั้งกายและใจ รวมถึงลมหายใจสะดุดติดขัด



เหนื่อยล้า...ตัดพ้อ...เจ็บปวด



เมื่อไหร่...เมื่อไหร่มันจะ ‘จบ’ เสียที



แม่ครับ...ผมอยากไปหาแม่แล้ว



 แม่มาพาผมไปที



********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #46 เมื่อ17-06-2019 19:41:44 »




ทดแทนรัก

ตอนที่ 23



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



“คราวนี้ไปทำอะไรมาอีกล่ะหือ เจ้าน้องคนนี้”



“...”



“นี่ครั้งที่สองแล้วนะ...พระรามอยู่กับแกทีไรมีอันต้องเจ็บตัวทุกที เลิกยุ่งกับเขาซักทีเถอะ”



ไอติมตวัดตามองขุ่นทันทีที่จบประโยค “พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม”



แพทย์หนุ่มใบหน้าขาวใสมองอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะตัวเตี้ยกว่า แต่เขาอายุมากกว่าเจ้านี่ตั้งห้าปี แถมเห็นตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย



ร่างสูงกัดฟันกรอด มันทำให้นึกถึงใบหน้าน้ำตานอง ในใจขุ่นเคืองอย่างไม่รู้สาเหตุ



‘ติมไม่มีสิทธิ์มากำหนดว่าจะให้พี่ไปหรือไม่ให้ไป...นี่ชีวิตของพี่’



ไม่ใช่



“ถ้าพี่ไม่มีสิทธิ์ แกก็ไม่มีเหมือนกัน”



คำพูดเหมือนกีดกันเขาออกจากชีวิตร่างโปร่งทำให้ร่างสูงกำหมัดแน่น “รามเป็นของผม”



ใช่...ทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจนั่น พระรามก็ยกให้เขาทั้งหมดแล้ว ไม่งั้นอีกฝ่ายคงไม่ร้องไห้เสียใจเพราะเขาหรอก



“แกชอบรามเขาหรือไง”



“...”



ความเงียบเป็นคำตอบ ทำให้อิฐระบายยิ้ม “งั้นพระรามก็ไม่ใช่ของแก”



คำพูดก็ชวนโมโหอยู่แล้วยิ่งประกอบกับเสียงนิ่งๆ ของพี่ชายมันยิ่งเสริมความกวนประสาทให้คนฟังเข้าไปใหญ่ ไอติมขมับเต้นตุบ “พี่ไม่ต้องมายุ่งได้มั้ย!?”



ถ้าหากใครที่ไหนมาเจอสภาพนี้ของไอติมคงเตลิดกระเจิง แต่ไม่ใช่กับอิฐ พี่ชายแท้ๆ อย่างเขาแน่นอน



ร่างโปร่งในชุดเสื้อกาวน์กอดอกสีหน้าเรียบนิ่งมองน้องชายที่โมโห หายใจแรงฟืดฟาด ด้านหลังคือพระรามที่นอนหลับหน้าซีดเซียว เมื่อครู่ตอนที่เขากำลังคุยธุระอยู่ในห้องทำงานของพ่อดันมีสายเรียกเข้าจากน้องชายตัวดีที่รู้ทันทีว่าจะให้ทำอะไรอีก สมัยก่อนทุกๆ ครั้งการที่ไอติมจะมาหาเขามีอยู่เรื่องเดียวคือได้รับบาดเจ็บกลับมาและต้องการการรักษา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ไอติม เป็นครั้งที่สองแล้วที่พระรามมาหาเขาด้วยสภาพหมดสติแบบนี้ ครั้งแรกแค่ไม่สบาย แต่คราวนี้มาพร้อมเลือดท่วมแขน อิฐล่ะไม่อยากจะคิดถึงครั้งหน้า



“พี่ไม่ยุ่งไม่ได้ ครั้งที่แล้วพี่คุยกับราม เขาบอกว่าแกข่มขืนเขา” อิฐพูดปด แม้พระรามจะบอกออกจากปากเองว่าเปล่า แต่เขาไม่เชื่อจึงต้องพิสูจน์โดยการดูปฏิกิริยาน้องชายเอง “พี่ไม่ได้สอนให้แกไปขืนใจคนอื่นนะ ติม ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็เป็นคนเหมือนกัน ต่างคนต่างมีจิตใจ”



“ผมไม่ได้ข่มขืนสักหน่อย รามยอมผม” ไอติมตอบไม่ทุกข์ร้อน แม้ขมับจะมีเส้นเลือดปูดไม่น้อยเมื่อได้ยินจากปากอิฐว่ารามบอกว่าเขาข่มขืน



ถ้าหายเมื่อไหร่ จะโดนหนักไม่ใช่น้อย...จัดหนักไม่ให้ลุกจากเตียงอีกเลยสักสิบวัน



ท่าทางล้วงกระเป๋ายืนนิ่งกว่าที่คิดทำให้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหมือนกันจับจ้องนิ่ง



“ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ลองตรวจดูดิ ผมไม่เคยทำให้รามเจ็บ”



อย่างน้อยช่องทางก็ไม่ฉีกขาดจนเลือดไหลสักครั้งล่ะนะ



ไอติมพูดอีกครั้งพร้อมกับสายตาคมกริบวาววับสบกลับและในที่สุดก็เป็นร่างโปร่งเองที่ต้องถอนหายใจออกมา อิฐก็บอกไม่ได้เต็มปากว่าไอติมเป็นคนดี แม้จะเกเรและนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่น้องชายก็ไม่เคยโกหกกับเขาสักครั้ง



แค่ปากหนักไปหน่อยเท่านั้น



“แล้วใส่ถุงยางเป็นปกติใช่รึเปล่า” เสียงทุ้มนุ่มถามอ่อน สุดท้ายคนที่เขาห่วงที่สุดก็ไม่ห่างไกลไปไหน นอกจากคนตรงหน้าที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกันนี่แหละ



“...เปล่า”



คำตอบของไอติมทำให้อิฐหันขวับ “อะไรนะ?”



เขารู้ตัวว่าใบหน้าของตัวเองดูตกใจมาก จะอะไรล่ะ ก็เพราะว่าซีเรียสไง! ทั้งๆ ที่เตือนมาตลอดแท้ๆ ว่าเวลาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับใครให้ใส่ป้องกันทุกครั้งน่ะ!



“นี่แกลืมที่พี่บอกไปแล้วเหรอติม!?”



“มีแค่รามเท่านั้นแหละที่ผมไม่ใส่” ติมว่าพลางเลียปากแห้ง เพราะทุกครั้งที่ทำกับพระรามถ้าไม่ปล่อยเข้าไปลึกๆ ก็อดมองร่างโปร่งตอนหวีดร้อง เกร็งตัวสั่นระริกเพราะชอบน้ำอุ่นๆ ของเขาน่ะสิ



และนี่ก็ห่างหายไปนานพอสมควร เพียงแค่คิดก็รู้สึกปวดหนึบ



‘พี่จะไม่สนใจติมแล้ว นายจะไปทำอะไรกับใครที่ไหนก็เชิญเลย!’



มือเรียวคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนแกร่งสองข้าง เขย่ารุนแรง “กับใครก็ไว้ใจไม่ได้! พี่เตือนแล้วไง เราไม่รู้ว่าใครต่อใครผ่านอะไรมาบ้าง มีโรครึเปล่าก็ไม่รู้!?” คนที่ควรเดือดร้อนกลับไม่แยแส แต่คนเป็นห่วงนี่แหละร้อนใจยิ่งกว่า



“รามไม่เคยทำกับใครมาก่อนน่า พี่อิฐอย่าห่วง” ติมตอบกลับมาเสียงเบื่อหน่าย



“แล้วแกรู้ได้ไงว่าเขาไม่เคย”



“ผมรู้ก็แล้วกัน เลิกคุยเหอะ ชักรำคาญละ” ติมชักแขนออกจากการกอบกุม ขายาวเดินเบี่ยงเข้าไปใกล้เตียง “ผมพารามกลับได้ยัง”



“มันก็ได้อยู่ แล้วแกจะพารามไปไหน”



“ห้องผม”



“แล้วจะดูแลยังไง สภาพแบบนี้แค่คืนเดียวแผลก็อักเสบเป็นไข้แล้ว” อิฐพูดเพราะมั่นใจมากว่าอีกฝ่ายไม่สามารถดูแลคนที่ไม่สบายได้แน่ๆ “เพราะงั้นอยู่โรงพยาบาลจะดีกว่า พี่จะช่วยดูแลได้ใกล้ชิดด้วย”



“เดี๋ยวผมโทรมาถาม” ร่างสูงเมินคำพูดพี่ชาย ก้มตัวลงช้อนคนเบาหวิวที่ยังนอนหลับอยู่ขึ้นแผ่วเบาเพื่อไม่ให้สะเทือนแขนที่พันแน่น “แล้วเมื่อไหร่จะหาย”



อิฐกัดฟันกรอดแต่ทันใดนั้นก็เลิกคิ้วแปลกใจ “หืม? นี่เป็นห่วงด้วยเหรอ”



ไอติมฟังแล้วกลอกตาเหนื่อยหน่าย “ถามก็ตอบให้ตรงหน่อยดิ”



ขมับของอิฐเริ่มปูดโปน ทีคำพูดของเขามันยังเมินเลย!?



“แขนน่ะห้ามโดนน้ำ คงต้องเว้นการอาบน้ำไปสักพักใช้การเช็ดตัวแทน ส่วนเส้นเอ็นข้อเท้าอักเสบ น่าจะอีกสักเดือนกว่าจะหายสนิท บอกไปว่าช่วงนี้ให้งดใช้ขาไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพี่ให้ไม้ค้ำยันไปอันนึง”



“ไม่ต้อง” ไอติมตอบห้วน สายตาคมกริบหลุบมองพระรามที่เวลาหลับแล้วดูสงบ ถ้ามีอุปกรณ์ช่วยล่ะก็เดี๋ยวก็หนีเตลิดไปอีก เจ้าแมวดื้อตัวนี้น่ะ



เพราะงั้นช่วงนี้จะไปไหน อีกฝ่ายจะต้องพึ่งเขา



“แล้วเขาจะเดินยังไงห๊ะ เจ้าน้องบ้า” ร่างโปร่งเท้าสะเอวแหวเดือดร้อนแทน ไม่รู้ว่าพระรามทนอยู่กับไอ้หมอนี่ไปได้ยังไง



“ผมจัดการเอง พี่อิฐไม่ต้องยุ่ง!”



อิฐหน้าเหวอ นั่น ดูมันช่างก้าวร้าวกับพี่ คนอุตส่าห์เป็นห่วง(คนป่วย)



พูดเสร็จไอติมก็เดินหันหลังออกไปไม่สนใจอีกเลย คล้อยประตูปิดเพียงชั่วครู่ก็โผล่หน้ากลับมาอีก ทำให้คนเป็นพี่ชายเลิกคิ้วว่ามีอะไร



“อ้อ ถ้าห่วงเรื่องโรคล่ะก็เดี๋ยวคราวหน้าจะมาให้ตรวจ โอเคป่ะ”



ปัง!



ใบหน้าหล่อๆ ของอิฐที่สาวๆ ชอบกรี๊ดเหวอซ้ำสอง ก่อนจะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน



ใช้งานพี่เสร็จแล้วมันก็ไป...หึย จะมีน้องชายคนไหนดีเท่าคนนี้อีกมั้ยเนี่ย!

           



********************* Love Substitute *********************







“อือ...” ร่างโปร่งที่นอนหลับนิ่งอยู่บนเตียงมาหลายชั่วโมงเริ่มบิดไปมาพร้อมส่งเสียงคราง ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้เปลือกตาปรือเปิด ก่อนจะกระพริบมองไปรอบด้านเชื่องช้า สมองมึนเบลอ



ร่างโปร่งหายใจลึกก่อนจะผ่อนออก รู้สึกเหนื่อย เพลียมากจนต้องปิดตา ในห้วงความคิดที่กำลังจะหลับลึกอีกครั้ง ทันใดนั้นก็เบิกตาโพลงเมื่อจำได้ว่าที่นี่คือที่ไหน



ทำไมรามจะจำไม่ได้กันล่ะ เพราะว่าเคยมาอยู่ตั้งหลายวัน



“!?” พระรามดันตัวลุกขึ้นนั่งเผลอขยับแขนข้างที่เจ็บด้วยความเคยชินจนลืมตัวสะดุ้งร้องโอดโอยเสียงดังและเอนตัวลงนอนเหมือนเดิม



กว่าความเจ็บปวดจะทุเลาลง ร่างโปร่งก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงใหญ่ด้วยความยากลำบากและระมัดระวังมากกว่าเดิมอีกครั้ง ขาและแขนที่ถูกพันผ้าพันแผลแน่นซึ่งไม่รู้ว่าเขาไปรักษาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำให้ทุลักทุเลพอควร



แต่ไม่ว่าร่างกายจะลำบากมากแค่ไหน ตอนนี้ในหัวคิดอยู่เพียงสิ่งเดียว



ต้องรีบออกไปจากที่นี่...เดี๋ยวนี้



เขาไม่สามารถเดินได้เพราะความเจ็บปวดที่ข้อเท้า ทำให้ต้องยกมือขึ้นกัดแรงๆ เพื่อใช้ความเจ็บข่มความเจ็บ...ขาเรียวฝืนเดินเขยกไปจนถึงกรอบประตูห้องนอน ก่อนจะยืนเพื่อพักหอบหายใจเหนื่อยอ่อน



ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้ยังคงเหมือนเดิม



บรรยากาศเงียบเชียบทำให้รู้ว่าไม่มีใครอยู่ ทั้งเจ้าของห้องและคู่นอน รามไม่รู้หรอกว่าติมพานิลมาอยู่ที่ห้องเหมือนที่เขาเคยมาอยู่มั้ย แต่ร่างโปร่งจะไม่อยู่รอเพื่อดูอะไรที่ทำให้รู้สึกทุกข์ทรมานตัวเอง



ก่อนหน้านี้เขาเจ็บมามากพอเพราะเรื่องของความรู้สึกที่ติมมีต่อเอม เขาไม่อยากเจ็บซ้ำซ้อน ไม่อยากร้องไห้แล้ว ที่ไอติมบอกเขาว่าน่ารำคาญ...เขาก็รำคาญตัวเองเหมือนกันที่เป็นแบบนี้



พระรามกัดฟันทนอีกครั้ง ระยะทางจากประตูห้องนอนไปประตูหน้าห้องมันเพียงแค่นิดเดียวถ้าหากไม่บาดเจ็บอะไร แต่ตอนนี้เดินได้แค่สองก้าวก็ทำให้เขาเหงื่อซึม หอบแฮ่กได้แล้ว



ใกล้จะถึง...จะถึงแล้ว



แกร๊ก



แต่ความฝันก็ต้องสลายเมื่อมือที่กำลังจะเอื้อมเปิดประตูสู่ภายนอกกลับมีคนเปิดเข้ามาก่อน คนๆ นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของห้อง



ร่างสูงเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วฉับและแววตาวาววับด้วยความโกรธ



“มึงจะไปไหน!?” เสียงทุ้มถามเข้มเค้นเสียง ตอนนี้พระรามรู้แล้วว่ามันเป็นน้ำเสียงที่เอาไว้คุยกับเขาโดยเฉพาะ



“...”



“กูถามว่าจะไปไหน!!” เสียงทุ้มตะคอกแรงกว่าเดิม เมื่อร่างโปร่งยึดยื้ออยู่หน้าประตู พระรามไม่พูดไม่ตอบอะไรสักคำ แต่ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ แขนผอมแม้ใช้ได้เพียงข้างเดียวก็ยังผลักร่างแกร่งและพยายามจะแทรกตัวออกไปข้างนอกให้ได้ พอร่างสูงเหลือบมองขาที่พันแผลอยู่หยัดยืนบนพื้น เส้นเลือดบนขมับก็ยิ่งปูดโปน



นี่ขนาดไม่มีไม้ค้ำยันก็ยังฝืนเดินออกมาได้อีก



มันน่านัก!



เขาจะทำให้รู้ว่าความพยายามเพื่อที่จะหนีเขาไปของเจ้าตัวมันไร้ค่า



“อ๊ะ!?” ไอติมดันอีกฝ่ายออกและปิดประตูดัง พลันร่างโปร่งเสียการทรงตัวก็ย่อตัวรวบเอวผอมขึ้นอุ้มง่ายดาย ทำให้พระรามที่ตัวเบาหวิวเท้าลอยจากพื้นดิ้นพล่านไม่สนใจแผลตน ซ้ำยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ต่างจากเด็ก “ปะ ปล่อยพี่...นะ ฮึก! ฮือ...”



ไอติมเมินเสียงร่ำไห้น่าสงสาร กระชับคนในอ้อมแขนแน่น ก่อนที่ขายาวจะเดินเอาของที่ซื้อมาไปวางบนโต๊ะอาหารและพาคนเจ็บไปนอนบนเตียงในห้องนอนเหมือนเดิม แต่คนเจ็บก็ดื้อหนักพยายามลุกขึ้นมาเหมือนเดิมจนทำให้เขาโมโหอีกครั้ง



“นอนเฉยๆ สิวะ”



พระรามส่ายหน้าไม่ฟัง ทั้งๆ ที่เขาพยายามจะหนีแทบตาย แต่กลับถูกพามาที่เดิมอย่างง่ายดาย



“ไม่เอา ไม่นอน!” เสียงทุ้มใสตะโกนกลับ ลุกขึ้นกี่ครั้งก็โดนผลักลงนอนหงายบนเตียงใหญ่ จนร่างสูงทนไม่ไหวกดไหล่บางจนติดเตียง “ฮึก เจ็บ...!”



ติมล่ะงงจริงๆ กับอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ของพระราม ใบหน้ามนร้องไห้ ส่ายหน้าไม่หยุด “มึงก็อย่าดื้อ กูจะได้ไม่รุนแรง”



“พี่ไม่นอน...ฮือ”



เพราะเตียงนี้คือเตียงที่ติมมีอะไรกับคนอื่น เขาไม่อยากจะนอนทับรอยบนที่เดียวกัน จริงๆ แล้วอยากจะออกไปจากห้องนี้เลยด้วยซ้ำเพราะไม่รู้ว่านิลจะกลับมาเมื่อไหร่



“พี่จะนอนโซฟา ฟืด...ให้พี่นอนโซฟาก็ได้” พระรามขยี้ตาแดงชุ่มฉ่ำ เสียงทุ้มใสเอ่ยต่อรองเบาๆ ถ้าหากไอติมไม่ให้เขาออกไปก็มีเรื่องแค่นี้ที่เขาอยากจะให้อีกฝ่ายอนุญาต



“เป็นคนเจ็บต้องนอนที่กว้างๆ มึงจะไปนอนที่แคบๆ ทำไม” ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ



ใบหน้ามนนิ่ว สบแววตาคมกริบแล้วน้ำตามันก็รื้นขึ้นมาอีกจนต้องยกแขนขึ้นบัง



“ก็เดี๋ยวนิลกลับมา...” ไอติมฟังขมวดคิ้วฉับ...นิลกลับมา? รามเข้าใจว่าเขาพานิลมาอยู่ด้วย?



“...”



“ติมก็จะทำอะไรกับนิลอีก พี่ก็ ฮึก แค่...ไม่อยากเกะกะ”



ทำไมเรื่องแค่นี้ไอติมถึงไม่เข้าใจ



ไม่อยากเห็น ไม่อยากฟัง อยากจะไปไกลๆ ด้วยซ้ำ



ต่อด้านล่าง

   

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #47 เมื่อ17-06-2019 19:42:16 »




ต่อจากด้านบน


เสียงครางของทั้งสองที่ประสานกัน



เขาฟังแล้ว...เจ็บ



เจ็บ...ยิ่งกว่าถูกกระทืบ



เจ็บ...พอๆ กับที่เห็นติมปกป้องชะเอมโดยที่ปล่อยเขาไว้...จะเป็นอะไรก็ช่าง



ทำไมไอติมถึงต้องจงใจให้เขาเห็นอะไรแบบนั้นด้วย



“ติมใจร้าย” เพราะว่ามันทนไม่ไหวแล้วจึงต้องระบายออกมา “ถ้าติมเกลียดพี่มาก ก็ปล่อยพี่ไปซักทีสิ”



เกลียดเขาถึงขั้นไหนถึงต้องทำร้ายหัวใจกัน



“พี่เจ็บครั้งนี้ พอใจติมรึยัง” เสียงทุ้มใสแหบโหยสั่นเครือ เขาถามจากใจจริง แล้วก็อยากให้อีกฝ่ายบอกมาตามตรง “พอได้รึยังติม”



“...”



หรือว่าต้องให้เขาตายก่อน



“ตอบพี่ อึก! สิ”



“...”



ที่เงียบอย่างนี้คืออะไร ไม่คิดจะตอบหรืออธิบายอะไรเลยใช่มั้ย



สุดท้ายแล้วทางเดินของเขาก็ยังพบแต่ความเจ็บปวดไม่จบไม่สิ้น

   



ร่างโปร่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเหนื่อยและในที่สุดก็หลับไปบนเตียงกว้างที่ตนไม่อยากนอนนั่นแหละ



สรุปแล้วที่เขาจับใจความได้คือพระรามไม่อยากนอนบนเตียงนั้นเพราะรู้ว่านิลจะกลับมาและคิดว่าเขามีเซ็กส์กับนิล ซึ่งคิดว่าตัวเองเป็นตัวเกะกะ...ซะที่ไหนล่ะ



ที่เจ้าตัวร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายนั่นน่ะเพราะว่ารักเขามากจนทนเห็นเขามีอะไรกับคนอื่นไม่ได้มากกว่า เป็นสาเหตุให้วันนั้นถึงได้หนีออกจากห้องไป ตอนแรกก็คิดว่าปล่อยไปก็ดี แต่สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวกลับเป็นเขาจนต้องลากพระรามกลับมาเหมือนเดิม



แค่เซ็กส์กับนิลมันไม่ถึงใจเท่าทำกับพระราม แล้วนอกจากนี้...จะพูดว่าให้มาอยู่ในสายตาจะสบายใจมากกว่า แม้อีกฝ่ายดูจะไม่ค่อยมีความสุขก็ตาม



ไอติมยืนมองอยู่สักพักจึงเดินออกมานอกห้องนอนไม่ลืมจัดผ้าห่มคลุมให้ร่างโปร่ง ไอติมเดินไปที่โต๊ะอาหารเพื่อเทถุงข้าวต้มมาใส่ชาม เขาอุตส่าห์ออกไปซื้อมาให้เผื่อให้คนเจ็บกินอะไรอ่อนๆ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้กินแล้ว และอย่าคิดว่าเขาจะปลุกขึ้นมาเรียกกินข้าว ปล่อยให้นอนไปนั่นแหละดี จะได้พักผ่อนแล้วแผลหายเร็วๆ นอกจากนี้ตื่นขึ้นมาก็มีแต่จะร้องไห้ไม่หยุด



วืด วืด



มือใหญ่ล้วงมือถือขึ้นมาและรับทันทีที่มองชื่อ



“ว่าไง”



(“จะคุยเรื่องที่มึงให้กูไปหา ฟังป่ะ”) ปลายสายไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดประเด็นเข้าเรื่องทำให้สายตาคมกริบเหลือบมองห้องนอนที่เปิดอ้ากว้างจนเห็นด้านในก่อนจะเดินไปปิดประตูและทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา



“พูดมาเลย”



(“สิ่งที่มึงสงสัยถูกแล้วติม มันไม่ใช่อุบัติเหตุว่ะ”)



“...”



(“แล้วก็รู้ด้วยว่าใครเป็นคนสั่งให้พวกนั้นทำร้ายพี่เอมของมึง”)



“...” คิ้วเข้มกระตุกเมื่ออีกฝ่ายพูดอะไรที่ไม่จำเป็นออกมา แต่ร่างสูงก็ไม่ได้เอ่ยขัด



(“ถ้ากูฟังไม่ผิด...น่าจะชื่อเรย์มั้ง เห็นว่าเป็นแฟนเก่าของคนที่ชื่อคิน”)



เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อนั้น ชื่ออะไรนะ...เรย์? “ไม่เห็นรู้จัก”



(“ก็แน่ดิ มึงเคยสนใจใครที่ไหน”) สายธารแอบกัด (“อยากให้กูทำอะไรป่ะ”)



“จับตาดูไว้ก็พอ”



(“ครับๆ ได้ทีสั่งเอาๆ เลยนะ...แค่นี้แหละ”)



“ขอบใจ”



สายธารหัวเราะหึๆ จริงๆ แอบขนลุกที่ไอติมมันพูดดี (“ไว้ค่อยขอบคุณตอนงานเสร็จก็แล้วกัน”)



อีกอย่างธารก็ไม่อยากได้คำขอบคุณจากเพื่อนสนิทหรอก สิ่งที่เขาอยากได้คือคำตอบของคำถามที่เขาอยากรู้...และหวังว่าติมมันจะให้เขา



ปลายสายวางไป แต่ดวงตาคมกริบยังจับจ้องหน้าจอที่ดับวูบ



ไอติมคิดว่าจะเป็นพวกของไอ้ภูมิซะอีกที่รู้ความจริงว่าเขาชอบใครกันแน่เลยคิดจะมาทำร้าย



เรย์...ถึงมันจะเป็นคนสั่งแต่คนที่ลงมือคือ ‘พวกมัน’



‘ระวัง!!!’



ในตอนนั้น...กลิ่นเลือดสีแดงฉานคละคลุ้งและความเจ็บปวดที่แสดงออกมาทางแววตา ยิ่งกว่าเจ็บร่างกายคือเจ็บที่ใจเพราะเขาเลือกปกป้องร่างบางของใครอีกคนด้วยสัญชาตญาณ



ไม่คิดเลยว่าคนที่โดนลูกหลงจะเป็นพระราม



‘พี่เจ็บครั้งนี้ พอใจติมรึยัง’



กึด!



เสียงฟันกระทบเสียดสีเมื่อเจ้าของกัดจนกรามปูด ป่านนี้แล้ว...จะมารู้สึกผิดงั้นเหรอ



ไอติมตัดสินใจเลิกคิด ลุกขึ้นยืน เดินไปเทข้าวต้มเพราะว่าท้องมันร้องประท้วงแต่แล้วเสียงโทรศัพท์สั่นมันก็ดังขึ้นอีกครั้ง



แกร๊ง!



มือใหญ่วางช้อนลงชามเสียงดัง ก่อนที่มือหนึ่งจะยังจับปากถุงร้อนที่ควันฉุยออกมาเพราะแกะหนังยางออกแล้ว อีกข้างที่ว่างก็ล้วงมือถือที่สั่นดิกขึ้นมา พอเห็นหน้าจอขึ้นชื่อก็กรอกตาหนึ่งทีก่อนจะกดรับ



“ว่าไงนิล”



(“ติม นิลอยู่หน้าห้องแล้ว เปิดประตูให้หน่อยสิ”)



“บอกแล้วไงว่าไม่ให้มาเอง” เสียงทุ้มไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดแต่อีกฝ่ายกลับเมินไม่รับรู้



(“อ้าว แต่นิลมาถึงแล้วนะ”)



“วันนี้ไม่ว่าง กลับไปก่อน”



ปลายสายเงียบไป ติมเลยเลิกคิ้วเพราะคิดว่าพูดง่ายกว่าที่คิด แต่เสียงใสแทรกกลับมาทันใด (“ทำไมล่ะ”)



เขาถอนหายใจดังตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน “นิลมึงไม่โง่ พูดง่ายๆ แค่นี้ก็น่าจะเข้าใจนะ”



(“ติมไม่อยากเหรอ วันนี้นิลอุตส่าห์...”)



ติ๊ด!



ไอติมวางสายและโยนมันลงบนโต๊ะอย่างไม่ห่วงราคาแพง จัดการเทข้าวต้มลงชามต่อ เวลานิลเป็นแบบนี้คุยไปก็สาวความให้ยืดยาว ทำแบบนี้ง่ายกว่า



สงสัยว่าการที่เขาชวนนิลมานอนที่ห้องทั้งๆ ที่ไม่เคยให้คู่นอนคนไหนขึ้นมาจะทำให้อีกฝ่ายได้ใจเกินไป ทั้งๆ ที่เคยบอกไปแล้วว่าถ้าไม่พามาก็อย่ามาเอง



กิ๊งก่อง



เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น ทำให้ไอติมเดาะลิ้น



กิ๊งก่อง...กิ๊งก่องๆ



ขายาวก้าวเดินไปเปิดประตู ทันใดนั้นร่างเล็กก็ก้าวเข้ามาทันทีราวกับรู้ว่าเขาจะมาเปิดให้



“อ้าว ก็ว่างนี่นา ไหนบอกว่าไม่ว่าง” เสียงเล็กเอ่ยด้วยคำพูดประชดจับผิดเป็นอะไรที่โคตรน่ารำคาญที่สุดสำหรับไอติม



“ไสหัวไป ที่พูดเมื่อกี้ไม่รู้เรื่องหรือไงวะ” รู้สึกได้ถึงเส้นเลือดในสมองมันเต้นตุบ “อย่าให้กูโมโห”



พระรามกับนิลนี่ถึงจะนิสัยคนละแบบแต่ก็ทำให้เขาโมโหได้ไม่ต่างกันเลย



“...อะไรกัน” นิลทำหน้าซึมกับเสียงดุก่อนจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง “อย่าบอกนะว่าติมพาใครมา”



“ไม่ใช่เรื่องของมึง กลับไปได้แล้ว อย่าถึงขั้นให้กูเอารปภ.มาลากมึงนะนิล” ร่างสูงผลักไหล่เล็กที่จะดื้อเดินเข้ามาให้ได้ออกไป



เดี๋ยวรามตื่นขึ้นมาเจอนิลเข้าอีกมันจะยิ่งยุ่ง



“นิลไปก็ได้” ร่างเล็กยิ้มกว้างว่าง่ายพร้อมยื่นถุงบางอย่างมาตรงหน้า “แต่นิลเอาขนมมาฝาก”



“อะไร ไม่ต้องกูไม่กิน”



“น้า อุตส่าห์ไปต่างประเทศซื้อของฝากเพราะนึกถึงติมเลยอะ”



ร่างสูงถอนหายใจแรง รำคาญแรงตื๊อ จึงดึงถุงกระดาษในมือเล็กออกมา “เออ แค่นี้ใช่มั้ย ออกไปซะ คราวหลังอย่ามาแบบนี้อีก รู้ไว้เลยว่าถ้ากูไม่เชิญก็ไม่ต้องเข้า”



“...ก็ได้” นิลพูดเสียงหงอยยอมแต่โดยดี คราวนี้เขาก็ไม่คิดจะฟังแล้ว มือตวัดปิดประตูและหันหลังเดินเข้าห้องไม่วายได้ยินเสียงใสเล็ดลอดมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ประตูจะแง้มปิดเสียงดัง



“ถ้ากินของฝากแล้ว ‘คิดถึง’ ก็โทรมานะครับ”



ปัง!



“แม่ง...วุ่นวายชิบหาย” ไอติมยกมือขยี้หัวอย่างหงุดหงิดเพราะเสียงงุ้งงิ้งมันยังดังอยู่ในหู ก่อนจะแหวกถุงกระดาษดูข้างในและหยิบกล่องขนมบางอย่างมาพลิกๆ ดูหน้าดูหลัง “อะไรวะ?”



ดูเผินๆ ก็แค่ช็อกโกแลตธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาน่าจะเป็นราคาเพราะแพ็คเกจดูหรูหรามากอยู่พอสมควร



แต่แค่แปปเดียวก็เลิกสนใจ พร้อมเดินไปเปิดตู้เย็นและโยนมันเข้าไป พร้อมๆ กับคำพูดสุดท้ายของนิลที่ทำให้เขาสงสัยยังไม่หาย



‘ถ้ากินของฝากแล้ว ‘คิดถึง’ ก็โทรมานะครับ’



อะไรของมัน



********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #48 เมื่อ17-06-2019 19:42:54 »




ทดแทนรัก

ตอนที่ 24



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



“ราม ตื่น”



“ฟู่...” ลมหายใจร้อนๆ พ่นออกมาและตามด้วยไอแห้ง “แค่ก...”



“ไม่สบายจริงด้วย”



“อือ” สัมผัสเย็นๆ ที่หน้าผากทำให้ร่างโปร่งพลิกตัวหนี แต่ก็ขมวดคิ้วร้องฮือเมื่อกระทบโดนแผลที่แขน แม้หูจะแว่วเสียงทุ้มคุยกับใครบางคน แต่ก็ไม่ทำให้พระรามรู้สึกตัวตื่น ก่อนที่ไข้พิษและความง่วงงุนจะรุมเร้าพาเขาหลับลึกอีกครั้ง



ในห้วงนิทราอันมืดมิดของพระราม เขานึกถึงอดีต ตอนที่ยังเด็กๆ ...ตอนที่แม่แท้ๆ ของเขาเพิ่งตายไปได้ไม่นาน เด็กชายพระรามได้เจอกับภาวดีครั้งแรกในสภาพมอมแมม



‘เป็นไงบ้างจ๊ะ หนู’



แม่...นั่นแม่...



‘ฮะ? ผมไม่เป็นไร...คุณน้าเป็นใคร’ เด็กชายรามเงยหน้ามองตาหยีเพราะแดดจ้า



‘อะไรกัน จำน้าไม่ได้เหรอ คนที่หนูช่วยเก็บเศษเงินที่หล่นให้เมื่อวันก่อนไง’ เสียงใสถามอย่างแปลกใจ สาวสวยจับแก้มอย่างเสียดาย



เด็กชายเอียงหน้ามองงุนงงก่อนจะยิ้มแป้น ‘อ๋อ จำได้แล้วฮะ’



คนฟังยิ้มรับชื่นใจ ‘ว่าแต่นี่ทำอะไรอยู่เหรอ’



‘เก็บขยะฮะ...จะเอาไปขาย จะได้ได้เงินเยอะๆ’ เด็กชายตอบพาซื่อ ยิ้มตาปิดด้วยสีหน้าเปื้อนรอยดำ การแต่งกายก็มีแต่เสื้อกางเกงขาดๆ ดำปี๋ รองเท้าแตะหนีบที่เปื่อยเน่าจะพังแหล่มิพังแหล่



พระรามไม่รู้อะไรมาก รู้แค่ว่าถ้าหาขยะได้เยอะ ขายได้มากเงินก็จะมากตาม...และนั่นหมายถึงเขาจะได้มีข้าวกินด้วย



แต่คำตอบนั้นทำให้หญิงสาวแต่งตัวผู้ดีหน้าซีดเซียว รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ เด็กตรงหน้าอายุน่าจะมากกว่าลูกเธอแค่สองสามปีเองด้วยซ้ำ แต่กลับใช้ชีวิตแตกต่างราวฟ้ากับเหว



‘ตายจริง อายุยังน้อยแค่นี้แท้ๆ ...แล้วพ่อกับแม่ของหนูล่ะจ๊ะ?’



‘แม่ตายแล้ว’ เด็กชายตอบด้วยแววตาหม่นหมอง และมองผู้หญิงหน้าตาดีตาแป๋ว ‘แต่ว่าพ่อนอนอยู่บ้าน’



‘หือ?’ หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัย



‘พ่อบอกว่าไม่ค่อยสบายฮะ ช่วงนี้เป็นทุกวันก็เลยไล่ให้ผมมาหาคนเดียว’



‘...’ คำพูดเจื้อยแจ้วเหล่านั้นทำให้หญิงสาวเงียบฟัง รู้สึกว่าเนื้อความฟังแล้วมันเริ่มประหลาด



‘พ่อบอกว่าถ้าผมหามาได้เยอะๆ พ่อก็จะเอาเงินที่ผมหามา เอาไปหาเงินให้ได้เยอะกว่าผมอีก’



‘...’



‘นี่ คุณน้าฮะ พนันคืออะไร พ่อบอกเอาไปเล่นพนัน พนันทำให้ได้เงินเยอะเหรอ’ คำพูดซื่อๆ ของเด็กชาย ทำให้คนฟังอึ้ง สูดลมหายใจลึกอย่างไม่อยากจะเชื่อ ‘งั้นถ้าผมไปเล่นพนันบ้าง จะได้เงินเยอะกว่าเก็บขยะรึเปล่า’



หญิงสาวไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะโกหก และแววตาใสๆ นั่นทำให้เธอตัดสินใจบางอย่างอย่างง่ายดาย



เธอจะปล่อยให้เด็กชายตกลงไปในหลุมนรกไม่ได้



‘หนู...หนูชื่ออะไรจ๊ะ’



เด็กชายมองงุนงง ผู้หญิงคนนี้ไม่ตอบคำถามเขาแต่กลับถามกลับมา ‘รามฮะ ผมชื่อราม’



‘น้าชื่อภา’ หญิงสาวยกมือลูบหัวกลมด้วยความเอ็นดู ไม่กลัวสกปรกแม้แต่น้อย ทำให้เด็กชายมองปริบก่อนจะยิ้มหัวเราะกับกลิ่นหอมสบาย ‘ดีใจที่ได้คุยกันนะจ๊ะ’

   

   



ภาพวิวทิวทัศน์เปลี่ยนไป เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่หรูหราที่รามไม่เคยเห็นมาก่อน นี่มัน...เหมือนกับห้องทำงานของใครบางคน



‘คุณคะ ฉันมีเรื่องจะขอร้อง’ เสียงเล็กๆ ของผู้หญิงคนเดิมพูดขึ้น เพียงแต่ต่างสถานที่และต่างคนคุย อีกคนเป็นชายอายุราวสามสิบห้าที่มีใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนใจดี อีกฝ่ายรับฟังและพยักหน้ายิ้มน้อยๆ อย่างเข้าใจ



‘ภา คุณเป็นคนจิตใจดี...เพราะงั้นผมถึงได้รักคุณ’



เนตรนภาปิดปากสะอื้นน้ำตานอง ‘ฉันก็รักคุณเหมือนกันค่ะ...ไม่ว่าจะชาติไหนๆ ฉันจะไม่มีวันรักใครนอกจากคุณ’



ทั้งสองโผเข้ากอดกันเป็นครั้งสุดท้ายและเนตรนภาก็ออกจากบ้านหลังนั้นมาโดยฝากฝังลูกชายแท้ๆ ทั้งสองไว้กับสามีที่อยู่เบื้องหลัง



เนตรนภารู้ดีว่านี่เป็นความเห็นแก่ตัวของเธอฝ่ายเดียว



‘แม่! รอผมด้วย!’



เด็กชายคนหนึ่งวิ่งตามรถจนกระทั่งล้มลงไป



‘แม่ครับ!!!’



เสียงเล็กของเด็กชายไอติมตะโกนเรียกเป็นครั้งสุดท้าย แต่แม่ก็ไม่ยอมกลับมา



‘มึงขโมยแม่กูมา แล้วก็ปล่อยเธอทิ้งไว้ไม่ไยดี แล้วตอนนี้แม่กูต้องมาตายก็เพราะมึง ไอ้พระราม!!’



เสียงทุ้มตวาดเกรี้ยวกราดดังก้องในห้วงความมืด ทำให้เขายกมือขึ้นปิดหูแต่มันก็เสียดเข้ามาจนจี๊ดในสมอง



‘รามรักผมมั้ย’



‘พี่รักติม’



‘คนสำคัญของกูเอง’ สัมผัสของมือใหญ่ที่โอบไหล่เขาให้แนบชิด พลันหัวใจเต้นดังก้องและความหวังที่พองโตอยู่ภายใน



‘งั้นตอนนี้เราก็เป็นแฟนกันแล้วเนอะ’



...แต่ความสุขของเขาเพียงชั่ววูบมันดับอย่างรวดเร็ว...



‘มันไม่ใช่สุดที่รักของกู! ไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรทั้งนั้น ที่กูทำไปทั้งหมดนั่นก็เพราะปกป้องพี่ชะเอมต่างหาก’



...ความจริงที่แสนเจ็บปวด...



‘ระวัง!!!’



ภาพของร่างสูง คนที่เขารักปกป้องคนอื่นที่ไม่ใช่ตน



น้ำตาหยดแล้วหยดเล่า...กับความเสียใจที่ท่วมท้น



ไอติมคงเกลียดเขามากเลยใช่มั้ย



อา...ปวดหัว เจ็บไปหมดทั้งร่างกาย



ไม่อยากฟัง...ไม่อยากฟังแล้ว



‘มึงไม่ให้กูเอา กูก็ไปเอาคนอื่น’



‘อื๊อ ติม แรงๆ ครับ...ตรงนั้น อ๊ะๆๆ’



‘อา...นิล ซี้ด’



ได้โปรดหยุดซักที ภาพพวกนี้เขาไม่อยากเห็น!!



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉ่ำไปด้วยน้ำตา ภาพร่างสองร่างกอดเกี่ยวร้อนแรงบนเตียงพลันสลายหายไปราวกับควันเปลี่ยนเป็นแผ่นหลังของหญิงผอมแห้งที่คุ้นเคย เธอหันมามองและแย้มรอยยิ้มให้



แม่ครับ อย่าเพิ่งไป



ขาเรียววิ่งตามสุดแรงเท่าที่มี แม้ทั้งร่างกายจะเจ็บปวดมากแค่ไหน มือเรียวไขว่คว้าไปข้างหน้าแต่แผ่นหลังบางนั้นกลับห่างออกไปทุกที



ได้โปรด...ได้โปรดพาผมไปด้วย!



เมื่อแผ่นหลังนั้นสลายหายไปกับควันเหมือนสิ่งที่เห็นมันไม่ใช่เรื่องจริง พระรามก็ตะโกนห้ามเป็นครั้งสุดท้าย แต่กลับเป็นเสียงของเด็กชายพระราม ไม่ใช่เขาในตอนนี้



แม่!!!





เฮือก!



“แฮ่กกก...ฟืด...ฮ่า...” ดวงตาเรียวเบิกโพลง ร่างโปร่งหอบหายใจแรงเหมือนคนขาดอากาศหายใจ หัวใจเต้นตุบระรัวกับฝันที่เพิ่งเผชิญ มือยกขึ้นปาดน้ำตาและเหงื่อที่ชุ่มทั้งหน้า พอลมหายใจกลับมาเหมือนเดิมก็ฝืนลุกขึ้นจากเตียงแต่ไม่ทันไรก็มีมือมาดันให้นอนลงเหมือนเดิม



คนป่วยไร้เรี่ยวแรงต้องยอมนอนตามแรงกด ก่อนที่เสียงทุ้มใสจะเรียกชื่อของร่างสูงแผ่วเบา “ติม?”



“มึงจะไปไหน”



พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาแล้วน้ำตามันก็ไหล เพราะนึกถึงเรื่องในฝันที่เคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน “พี่...อยากอาบน้ำ”



“อาบไม่ได้ มึงไม่สบาย แล้วนี่ร้องไห้ทำไมอีกล่ะ” เสียงถามคล้ายรำคาญทำให้เขายกมือขยี้ดวงตา



“...โทษที” เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบา ไม่รู้ว่าคำขอโทษนั้นพูดออกมากับคนตรงหน้าในตอนนี้หรือสมัยเด็กกันแน่



ขนาดตอนที่แม่ภาวดีหายไปเขายังใจหายถึงเพียงนั้น แล้วไอติมตอนที่ยังเด็กๆ ล่ะจะเสียใจแค่ไหนที่แม่ทิ้งตนมา



ไม่แปลกเลยว่าทำไมร่างสูงถึงโกรธเขามากมาย



แม่ภาวดีไม่เคยรักพ่ออย่างที่รามเข้าใจ เขาคิดมาตลอดว่าเธอทิ้งครอบครัวเก่ามาเพราะรักพ่อมากและเห็นแก่รามที่เป็นลูกชาย แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เลย ตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นสาเหตุของทั้งหมด



เพราะฉะนั้นความโกรธเกรี้ยวของไอติมที่โถมเข้าใส่เขา มันถูกต้องแล้วที่เขาควรจะรับเอาไว้...เพราะแม่ภาวดีมอบความรักให้กับเขา แทนที่จะมอบให้ลูกชายแท้ๆ อย่างอีกฝ่าย



“กินข้าว” ไอติมวางชามข้าวต้มร้อนๆ เอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง ร่างสูงโทรไปถามอิฐมาแล้วว่าต้องดูแลคนป่วยไม่สบายยังไง



‘กินข้าว กินยา อย่าเพิ่งให้อาบน้ำ เช็ดตัวไปก่อนจนกว่าไข้จะลด และนอนพักผ่อนเยอะๆ ...แค่นั้นแหละแกทำได้ไหม’



เขาแค่นเสียงใส่ ‘คิดว่าผมเป็นใครล่ะ’



แค่นั้นน่ะง่ายจะตายชัก



“...พี่ไม่ค่อย...”



“...”



“พี่ไม่หิว” พระรามหลบตาตอบเสียงเบา แม้ข้าวต้มที่อีกฝ่ายเตรียมเอาไว้ให้จะดูน่ากินสักแค่ไหน แต่พระรามก็ขมลิ้นไม่อยากอะไรทั้งนั้น



ไอติมมองท่าทางนั้นแล้วเสียงทุ้มของอิฐก็ดังแทรกเข้ามาในความคิดอีกครั้ง



‘คนป่วยมักจะอ่อนแอแล้วก็ชอบดื้อ นายต้องพูดดีๆ แล้วก็ใจเย็นเข้าไว้’



“ไม่หิวก็ต้องกิน มึงต้องกินยา” ร่างสูงไม่คิดจะทำตามอย่างที่พี่ชายบอก...พูดดีๆ อะไรนั่น พระรามไม่ใช่เด็กแล้วแถมยังอายุมากกว่าเขาตั้งสองปี “กูวางยาไว้ให้แล้ว กินซะ”



ร่างโปร่งเงียบไป ก่อนจะค่อยๆ เขยิบทุลักทุเลมาที่ขอบเตียง เพราะแขนและขาข้างซ้ายถูกจำกัดไม่ให้ใช้งาน แต่ร่างสูงก็ยังยืนกอดอกมองนิ่งไม่คิดจะช่วย ซึ่งพระรามยิ้มเจื่อนเข้าใจดี แค่ไอติมอุตส่าห์เตรียมข้าวเตรียมยาเอาไว้ให้ก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องทำก็ยังได้



แม้จะปวดหัวปวดตัวอยากนอนมากแค่ไหน ร่างโปร่งก็กัดฟันอดทน มือเรียวค่อยๆ ยกช้อนตักข้าวต้มขึ้นเป่า อ้าปากงับทีละคำ...ทีละคำโดยที่ถูกสายตาคมกริบจับจ้องไม่ห่าง แต่แล้วก็วางช้อนลงเมื่อจบคำที่สาม พระรามปิดปากไอเบาๆ ก่อนที่มือเรียวจะหยิบยาข้างๆ แต่ก่อนที่จะโยนเข้าปากมือใหญ่ก็จับหมับเข้าที่ข้อมือผอมแผ่ความร้อนระอุ



ร่างกายร้อนผะผ่าวมากจนส่งผลมาถึงดวงตาสีน้ำตาลฉ่ำเยิ้ม พระรามมองคนจับข้อมือด้วยความงุนงง



“กินเข้าไปอีก”



ต่อด้านล่าง
   

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #49 เมื่อ17-06-2019 19:43:14 »




ต่อจากด้านบน



ดวงตาเรียวกระพริบเชื่องช้า เหลือบมองข้าวต้มเต็มชามด้วยความผะอืดผะอม ถ้าหากเขากินเข้าไปอีกต้องอ้วกออกมาแน่ “แต่...แต่พี่...”



พระรามกำลังต่อรองแต่ไอติมไม่เห็นใจ



“กูบอกว่าให้กินไง”



“คะ ฮึก...ครับ” แววตาเยียบเย็นทำให้คนป่วยน้ำตาคลอตอบตะกุกตะกัก แต่กินอีกเพียงครึ่งคำพระรามก็ส่ายหน้าหวือ “พี่ไม่ไหว”



“...”



“ไม่อยากกินแล้ว มันจะอ้วก”



“มึงแม่ง...สำออยชิบหาย” ร่างสูงพูดก่อนจะเดินออกนอกห้องนอนราวกับรำคาญเหลือเกิน



คนฟังมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยน้ำตาคลอ ทั้งที่เขาพูดความจริงทำไมไอติมไม่เคยเชื่อเขาเลยสักครั้ง



มือเรียวสั่นระริกยกขึ้นขยี้ตาและหยิบยากรอกเข้าปากตามด้วยน้ำ พระรามล้มตัวนอนและดึงผ้าห่มคลุมกายที่ทั้งร้อนผ่าวและหนาวสั่น ไม่รู้ทำไมเวลาเป็นไข้ถึงต้องเจ็บปวดขนาดนี้



เพียงไม่นานก็หลับลงไป



ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้วเหมือนกัน พอรามลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นอ่างน้ำและผ้าขาววางไว้แทนชามข้าว ร่างโปร่งค่อยๆ ลุกขึ้นอีกครั้ง รู้สึกยังหนักหัวและตัวร้อน ไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่นิด มือเรียวบิดน้ำที่ยังอุ่นอยู่ด้วยมือข้างเดียว อาจจะชื้นไปหน่อยเพราะไม่มีแรงบีบ แต่ก็ค่อยๆ เช็ดตัวตามจุดต่างๆ ด้วยความหนาวสั่นจนฟันกระทบกันดังกึก เช็ดหน้าเช็ดตาจนทั่วและล้มตัวลงนอนอีกครั้ง



ไม่รู้ว่าใจร้ายหรือใจดี แม้จะไม่ได้ดูแลเหมือนใครคนอื่น แต่ไอติมก็ยังเตรียมของเอาไว้ให้



แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ

   





ผ่านไปสี่วันไข้ก็เริ่มทุเลา แต่เท้ากับต้นแขนก็ยังเจ็บไม่หายอยู่ดี เห็นติมบอกว่าห้ามเดินไปซักพักใหญ่ เขาจึงขออุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือตัวเองอย่างไม้ค้ำยัน ถ้าหากไอติมไม่ชอบราม รามก็ไม่อยากจะรบกวน



“ไม่ให้” ติมตอบกลับมา “ถ้ามึงเดินได้ก็หนีไปอีกน่ะสิ...ขนาดขาเป๋ยังดิ้นรนจนไปถึงหน้าห้อง”



ประโยคหลังเป็นคำบ่นพึมพำ ทำให้ใบหน้ามนจืดเจื่อนก้มหน้ายอมรับอย่างช่วยไม่ได้ แล้วแบบนี้เขาจะเดินยังไงล่ะ อยู่แต่บนเตียงมันน่าเบื่อซึ่งบอกไปติมก็คงไม่เข้าใจและไม่สนใจด้วย



“ติม” เสียงทุ้มใสเรียก “พี่เป็นห่วงอุริน่ะ อย่างน้อยเอามันมาที่ห้องได้มั้ย”



“อุริ?” ร่างสูงเลิกคิ้วกับคำพูดนั้น เจ้าแมวที่มันหายไปจากห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้หลายสัปดาห์ทำให้เขาคิดว่ามันคงหนีไปแล้ว



“คือว่า...อุริมันอยู่กับพี่เอง”



“นี่มึงขโมยแมวกูเหรอ” เสียงทุ้มถามเรียบนิ่ง ทำให้คนฟังกัดปาก ถ้าบอกว่ามันตามเขาไป ติมก็คงไม่เชื่ออยู่ดี



เพราะงั้นก็ให้เข้าใจไปอย่างนั้นก็แล้วกัน



“พี่ไม่อยู่ห้อง ไม่รู้ว่ามันอยู่ตัวเดียวจะเป็นยังไงบ้าง...” พระรามยังคงเป็นห่วงแมวตัวน้อยที่ตอนนี้มันอาจจะทั้งหิว ทั้งเหงาเพราะไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนตั้งหลายวันแล้ว



“อยู่ไหน”



พระรามเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาเพราะคำถามห้วนชวนงง ไอติมคงรู้ว่าเขาไม่เข้าใจเลยถามต่อ



“ห้องมึง”



“ดะ เดี๋ยวพี่...” พระรามขยับกายทุลักทุเลไปขอบเตียง



“ไม่ต้อง บอกมาก็พอว่าอยู่ที่ไหน” ไอติมพูดแทรกเพราะรู้ว่าร่างโปร่งจะขอไปด้วย ขายาวเดินไปหยิบกระเป๋าตังและกุญแจรถ “เดี๋ยวกูไปเอง ส่วนมึงอยู่ในห้องนี่แหละ”



“เอ๊ะ...แต่...”



“อย่าคิดจะหนีออกไปไหนให้เหนื่อยเปล่า เพราะสุดท้ายกูก็จะลากมึงกลับมาเหมือนเดิม จำไว้”



แผ่นหลังกว้างเดินออกจากห้องนอนและเสียงประตูห้องที่ปิดลงในเวลาต่อมา



ดวงตาเรียวมองค้างก่อนจะฝืนยิ้มบาง แววตาหม่นเศร้า...ร่างผอมค่อยๆ ทิ้งตัวนอนกลางเตียงและขดตัวกอดท่ามกลางความเงียบเหงาในห้องกว้างใหญ่

   



********************* Love Substitute *********************







“ไอ้แมวนั่น ดันหนีออกไปได้นะ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางกัดฟันกรอดอย่างหมั่นไส้ แสดงว่าที่หายไปตั้งแต่วันนั้นแสดงว่าออกไปพร้อมกับพระรามล่ะสิท่า รอโอกาสนี้อยู่สินะ “เจอล่ะจะตีให้ก้นลาย”



นี่เขาเลี้ยงมันไม่ดีตรงไหน

 

รถสปอร์ตแล่นเข้ามาจอดหน้าอพาร์ตเมนท์ที่ค่อนข้างดูดีกว่าตึกผีสิงก่อนหน้านี้ที่พระรามอยู่มาก ขายาวก้าวลงจากรถด้วยท่วงท่าที่สาวคนหนึ่งยืนตากผ้าอยู่ตรงระเบียงมองลงมาอ้าปากค้าง แค่รถก็หรูจนเรียกสายตามองมากพอ แต่คนขับนี่เรียกเสียงกรี๊ด(ในใจ)มากขึ้นไปอีก



ไอติมไม่แม้แต่จะกวาดตามองสำรวจสถานที่ที่ร่างโปร่งอยู่ นิ้วยาวควงกุญแจห้องและกดปุ่มลิฟต์ตามชั้นที่พระรามบอกมา ในขณะที่ยืนมองเลขลิฟต์ที่กำลังเลื่อนลงมาก็มีอีกสองคนยืนอยู่ด้านหลังรอขึ้นลิฟต์เหมือนกัน



“คิกๆ” เสียงหัวเราะเล็กๆ ของเด็กชายดังนำมาก่อนตัว ทำให้ผู้ใหญ่คนข้างๆ ที่จับมือป้อมเอ่ยเตือน



“วี อย่ากระโดดโลดเต้นนักสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก...ล้มแล้วเจ็บ เป็นแผลนะครับ”



“แม่วา...วีจะได้เจอคุณอุริ คุณอุริ คิกๆ” คำตอบของวีทำให้วายิ้มเอ็นดู แต่กลับสะดุดหูคนฟังอย่างไอติมเป็นอย่างมาก

 

ชื่อเป็นเอกลักษณ์ที่เขาตั้งให้แมวตัวเองทำให้สายตาคมกริบเหลือบมามอง ดันไปสบตากับผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างเด็กชายเลยหันกลับมาเหมือนเดิมก่อนจะคิด



ไม่ใช่หรอกมั้ง คงจะบังเอิญ...เรียกคุณอุริ ก็น่าจะเป็นคน...ว่าแต่คนที่ไหนมันดันชื่อเหมือนแมวของเขาวะ



“ปกติได้เจอคุณอุริทุกวันอยู่แล้ว ยังไม่เบื่อหรือไงครับ”



“ไม่ฮะ วีชอบ ก็คุณอุริแมวเหมียวน่ารัก”



คนตัวสูงเพียงหนึ่งเดียวขมวดคิ้วฉับ เอ๊ะ มันชักจะยังไง สรุปอุริที่ว่าคือแมว...แมวชื่ออุริ ครอบครัวนี้ก็มีแมวชื่ออุริเหมือนกันเรอะ



“นั่นน่ะสิ ว่าแต่...ไม่รู้ว่าช่วงนี้รามหายไปไหนกันเนอะ ไม่กลับมาเอาคุณอุริกลับไปสักที”



ชัดเจน



เด็กชายหันขวับตาเป็นประกาย “งั้นวีจะเลี้ยงคุณอุริเองฮะ!”



“ไม่ได้ครับ นั่นไม่ใช่ของๆ เรา ไหนวีสัญญากับแม่วาแล้วไงว่าจะไม่เลี้ยงสัตว์ คราวนี้มันจำเป็นเพราะว่ารามเขาไม่อยู่ต่างหากครับ” วาพูดเสียงดุนิดหน่อยแต่ใช้เหตุผลเพราะอยากให้เด็กชายวีเข้าใจ มือป้อมกำนิ้วเรียวแน่นและพองแก้มงอน



“งือ”



ติ๊ง!



ในที่สุดลิฟต์ก็มา ทั้งสามคนเดินเข้าลิฟต์โดยที่ไอติมเป็นคนกดปุ่มให้ วาก้มลงอุ้มวีขึ้นแนบอก ก่อนจะบอกชั้นที่ต้องการและเอ่ยขอบคุณ สายตาสำรวจคนที่ยืนนิ่งเงียบพลางขมวดคิ้วเพราะใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย



โดยปกติแล้วเขาจะชอบทักทายคนอื่น แต่บรรยากาศไม่ค่อยเป็นมิตรทำให้วาไม่อยากยุ่งด้วย เลยหันมาคุยกับเด็กชายอีกครั้ง



“น่าเสียดาย แม่ว่าน่าจะขอเบอร์รามเอาไว้ หายไปแบบนี้น่าเป็นห่วง ใช่มั้ยครับวี” แต่คนตัวเล็กยังพองแก้มงอนไม่หายและร้องงึมงำ



“คุณอุริ งือ...” เพราะมัวห่วงแต่กับเจ้าแมว ไม่ห่วงเจ้าของสักนิด



“นี่” ในที่สุดคนที่เปรียบเสมือนเป็นคนนอกอย่างไอติมก็เปิดปาก วีสะดุ้งโหยงและก้มหน้าลงกับซอกคอร่างโปร่งของผู้เป็นแม่ทันที เนื่องจากเด็กชายไวต่อเสียงของคนแปลกหน้า



“ครับ?” วาเลิกคิ้วรับคำ ในลิฟต์ไม่มีใครแสดงว่าอีกฝ่ายต้องเรียกเขาแน่นอน



“นาย...คุณรู้จักกับรามเหรอ” ไอติมตัดสินใจเปลี่ยนสรรพนามเพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะอายุมากกว่า ก็เด็กนั่นเรียกว่าแม่...แม้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ



แม้ร่างโปร่งจะสงสัยแต่ก็ตอบไป “ใช่ครับ เป็นเพื่อนข้างห้องกัน”



ติ๊ง!



ทั้งสองเดินออกมานอกลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่หมาย



“แล้วแมวที่ชื่ออุริตอนนี้อยู่ที่ไหน ฟังจากที่คุยกันรามฝากมันไว้ที่ห้องคุณงั้นเหรอ”



“ใช่ครับ แล้วคุณคือ?”



“ผมเป็น...แฟนราม ตอนนี้รามไม่สบายนอนอยู่ที่คอนโดผม เขาเป็นห่วงแมวก็เลยให้ผมมาเอา”



เด็กชายวีที่ได้ยินว่าจะมีคนมาเอาคุณอุริไปเลยเงยหน้ามอง แต่พอสบสายตาคมกริบน่ากลัวก็มุดหน้าเข้าที่เดิม



“อ๋อครับ งั้นเชิญทางนี้เลย” วายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินนำ “แล้วรามเป็นยังไงบ้างตอนนี้”



เขาเหลือบมองคนถาม ก่อนจะตอบสั้นๆ “ดีขึ้นแล้ว”



วาไม่ถือสาอีกคน ไขประตูด้วยความทุลักทุเลเพราะวีเกาะคอเขาไม่ปล่อย จริงๆ แล้วเจอคนแปลกหน้าคนอื่นก็เป็นแบบนี้ล่ะ แต่คนมาใหม่คนนี้น่าจะน่ากลัวเป็นพิเศษเลยไม่เงยหน้าแม้แต่เสี้ยว



แกร๊ก



“เมี้ยว...” อุริทำหน้าที่ต้อนรับคนกลับมาเหมือนเคย เพราะพระรามไม่อยู่เจ้าแมวก็เลยต้องมาอาศัยกับวาและวีชั่วคราว แต่พอประตูแง้มกว้างเห็นเจ้านายเก่าอย่างไอติมมันก็พองขนร้อง “แง้ว!”



ร่างสูงยืนเท้าสะเอวมองแมวตัวเท่ามือส่งเสียงขู่ ดูมันทำท่า...เขาว่าเขาไม่เคยไปทรมานทรกรรมมันสักครั้ง อาหารก็ให้ไม่เคยขาด ที่อยู่อาศัยก็สะอาดสะอ้านกว้างขวางน่าวิ่งเล่น แต่ทำไมเดี๋ยวนี้ดูไอ้แมวมันชักต่อต้านไอติมเสียเหลือเกิน ตรงข้ามกับพระรามที่ออดอ้อนออเซาะยิ่งกว่าอะไร



“อุริ...ไป กลับห้องของเรา”



“แง้ว” ไอ้เหมียวมันรู้เรื่อง พลันวิ่งหันหลังหนีเข้าห้องทั้งๆ ที่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง เขาก็รู้ทันทีว่ามันไม่อยากกลับ จึงใช้ท่าไม้ตาย “จะไปหามั้ย พระรามน่ะ”



แค่นั้นแหละมันก็โผล่หน้าร้องเหมียวๆ มาเลย...ไอ้แมวทรยศนี่



ใครเป็นคนจ่ายเงินนับหลักหมื่นซื้อมึงมากันหา?



“มาเร็ว เสียเวลาจริงๆ เลย” อุริยอมเดินขึ้นมือใหญ่อย่างง่ายดายเพียงเพราะได้ยินชื่อราม ดูเหมือนว่าการที่รามหายไปหลายวันก็ทำให้มันเป็นกังวลไม่น้อย



“คุณอุริ...” เสียงเล็กสั่นเครือเรียกชื่อทำให้สัตว์ตัวขนร้องครางรับ



“เมี้ยว”



“บ๊ายบาย” มือป้อมโบกมือลาพร้อมแขนอีกข้างรัดคอวาแน่น ใบหน้าของเด็กชายวีบิดเบี้ยวเหมือนจะร้องไห้เพราะต้องจากกับเพื่อนตัวเล็กที่อยู่ด้วยกันหลายวัน



“แล้วรามจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ” วาถามขึ้น ขณะมองร่างสูงที่กำลังไขประตูเข้าห้องพระราม “พอดีพี่จะได้ให้เขาช่วยชิมอาหารกับขนมที่ทำใหม่ซักหน่อย...”



“ไม่มาแล้ว” ไอติมตอบขัดเสียงห้วน พลางปรายตามอง “วันนี้ผมจะเก็บของของเขาทั้งหมดแล้วให้ย้ายไปอยู่กับผมถาวร”



“อ้าว...เหรอ” เสียงทุ้มครางเสียดาย อุตส่าห์มีคนย้ายมาอยู่ข้างห้องที่ร้างมานาน แถมยังเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดีซะด้วย เขาเลยได้คุยและคลายเครียดไปอีกแบบ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ห้องก็ต้องกลับไปว่างเหมือนเดิมอีกครั้งซะแล้วสิ “งั้นฝากบอกว่าถ้าคิดถึงวีก็มาหากันบ้างนะ แม้จะไม่นานแต่พี่ก็ดีใจที่ได้รู้จักกับราม”



ร่างสูงนิ่งไม่ตอบอะไร ก่อนจะเดินเข้าห้องไป วาเห็นแบบนั้นก็มองค้างก่อนจะเกาคองงๆ และเดินเข้าห้องตัวเองบ้าง



ดวงตาคมกริบกวาดมองรอบห้องว่างเปล่า มีแค่โต๊ะกลมอันเล็กกับพัดลม เห็นกรงแมวอันหนึ่งตรงมุมห้องด้วย สงสัยร่างโปร่งจะซื้อมาให้อุริ สำรวจรอบห้องเสร็จก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่มีเพียงเล็กน้อยและของส่วนตัวของพระรามทั้งหมดใส่กระเป๋า เพราะว่ามีไม่มากเพียงไม่นานก็เก็บเสร็จ ไอติมคืนกุญแจให้นิติบุคคลของตึก ควักเงินจ่ายค่าเช่าของเดือนนี้ให้เป็นครั้งสุดท้ายและรถสปอร์ตคันหรูที่เพิ่งมาจอดก็แล่นออกจากอพาร์ตเมนท์นั้นไป




********************* Love Substitute *********************

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
« ตอบ #49 เมื่อ: 17-06-2019 19:43:14 »





ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
«ตอบ #50 เมื่อ17-06-2019 20:43:54 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep25 25/06/2019
«ตอบ #51 เมื่อ25-06-2019 20:36:17 »



ทดแทนรัก

ตอนที่ 25



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ในช่วงเวลาที่ไอติมออกจากห้องเพียงแค่ประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ ก็ไม่ได้รู้ว่ามีเรื่องวุ่นวายบางอย่างเกิดขึ้น ร่างเล็กของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านล่างคอนโดสังเกตเห็นรถสปอร์ตคันคุ้นเคยแล่นออกไป ทำให้ใบหน้าหวานแย้มรอยยิ้ม



ติมออกไปแล้ว



อุตส่าห์นั่งรอมาหลายวัน วันนี้ก็ได้โอกาสสักที



ร่างเล็กเดินไปกดลิฟต์ชั้นเดิมกับเมื่อวันก่อนที่เอาของฝากมาให้ไอติม ครั้นจะเอามาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ได้เข้าไปในห้องแท้ๆ ...ก็เขาไปเที่ยวต่างประเทศมาตั้งหลายวันเผื่อว่าร่างสูงจะอยากอยู่เหมือนกัน นิลก็กะจะมาสนองให้เต็มที่



‘ออกไปซะ คราวหลังอย่ามาแบบนี้อีก รู้ไว้เลยว่าถ้ากูไม่เชิญก็ไม่ต้องเข้า’



แต่กลับโดนไล่ออกมาซะอย่างนั้น



เขาล่ะอยากรู้จริงๆ ว่ามีอะไรอยู่ในห้องถึงไม่ให้เข้าไป...ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเข้าได้แท้ๆ



หรือว่าติมจะเก็บกิ๊กเอาไว้...หึย แค่คิดก็โมโหแล้ว



กิ๊งก่อง



นิ้วเล็กตัดสินใจกดปุ่มหน้าห้องเพราะมั่นใจมากว่าเจ้าของห้องไม่อยู่แน่ๆ ก็เขาเห็นกับตาว่าร่างสูงขับสปอร์ตคันเก่งออกไป



แต่รออยู่นานสองนานก็ไม่มีใครมาเปิด หรือว่าจะไม่ได้ยิน? คิดได้ดังนั้นก็รัวนิ้วไปอีกสองสามครั้ง...ก็ยังไม่มีใครมาเปิด



หรือว่าเขาเข้าใจผิดไปเอง



นิลขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจแรง ตวัดขาเดินหันหลังไปเพราะตัดสินใจจะกลับและทันใดนั้น...



แกร๊ก...



“ครับ...อ้าว” ประตูก็เปิดออกและเสียงทุ้มใสของใครบางคนเล็ดลอดออกมาจากห้อง เท้าเล็กชะงักหันขวับเบิกตากว้าง จากตรงนี้คนในห้องอาจจะไม่เห็นเขาแต่เขาเห็นอีกฝ่ายเต็มๆ



มีคนอยู่จริงๆ ด้วย! และนั่นมันก็คือไอ้หน้าจืดพนักงานเสิร์ฟคนนั้น!



นิลหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห อารามเหมือนตอนเจอแฟนหมกกิ๊กไว้ในห้องไม่มีผิด ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่...แต่เขาน่ะยังไงก็ต้องเป็นที่หนึ่งในใจของไอติมให้ได้สักวันแน่นอน เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาต้องทวงสิทธิ์!



พระรามชะโงกหน้าออกมาเล็กน้อย มองซ้ายมองขวาไม่เห็นคนกดกริ่งก็ขมวดคิ้ว เขาอุตส่าห์พยายามเดินออกมาอย่างยากลำบากเพราะคิดว่าน่าจะเป็นใครสักคนมาหาเพราะมีธุระกับเจ้าของห้อง ซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนของไอติม แล้วทำไมเขาถึงคิดว่าจะไม่ใช่เจ้าของห้อง? ก็เพราะว่าร่างสูงน่ะเพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง แล้วถ้าเป็นอีกฝ่ายจริง ก็คงไม่มานั่งเสียเวลากดกริ่งรอให้คนคล้ายพิการอย่างเขามาเปิดหรอก



ดูสิ กว่าเขาจะเดินออกมาได้ เล่นเอาแทบแย่...สุดท้ายก็ไม่เจอใคร



คงจะมีเด็กมากดกริ่งเล่นล่ะมั้ง



ร่างโปร่งคิดก่อนจะปิดประตูแต่ทันใดนั้นก็มีมือของใครบางคนแทรกเข้ามาตรงช่องว่าง ก่อนที่จะผลักเข้ามาอย่างแรงจนประตูกระแทกเขาอย่างจัง



ปึ่ก!



“โอ๊ย!” คนที่ข้อเท้าไม่สมบูรณ์เสียการทรงตัวแต่ก็ไม่ได้ล้มลงไปเพราะใช้ขาข้างที่เจ็บนี่แหละช่วยพยุง แต่มันก็เจ็บมากจนต้องร้องออกมาเสียงดัง พระรามจิกต้นขาระบายความเจ็บที่เกิดขึ้นก่อนจะมองว่าใครกันที่มาเล่นแบบนี้...ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย “นี่...!”



ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใครก่อนจะสั่นไหวรุนแรง สรุปว่าติมให้นิลมาอยู่ด้วยจริงๆ และตอนนี้อีกฝ่ายกลับมาแล้ว แถมยังยืนกำหมัดแน่นทำหน้าโกรธแค้นอย่างกับเขาไปทำอะไรให้



“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?”



พระรามฟังแล้วขมวดคิ้วนิ่วหน้า ฟันขาวกัดปากล่างแน่นเพราะยังเจ็บไม่หาย ซ้ำยังปวดตุ้บเหมือนมีเส้นเลือดเดินอยู่ที่เท้ายังไงยังงั้น



“ติม...พาพี่มา”



“ไม่เชื่อ!”



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาสบกับดวงตากลมโตที่มองมาด้วยแรงหึงหวง



พระรามมองค้าง อารมณ์แบบนั้น...เขาก็เคย...เป็นแบบนั้น



นิลก็ชอบติมเหมือนกับเขา



“เรื่องของนาย” เสียงทุ้มใสตอบไม่แยแส หันหลังค่อยๆ เดินกะเผลกเกาะกำแพงไปที่ห้องนอนและกัดฟันข่มความเจ็บ เขาอยากจะพักเต็มทนแล้ว



ไม่น่าเลย...ถ้ารู้ว่าร่างเล็กมาเขาไม่คิดจะเดินมาเปิดประตูหรอก ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ แต่พระรามไม่มีสิทธิ์ นี่ไม่ใช่ห้องของเขา จึงไม่อาจถือสิทธิ์เอ่ยไล่คนที่ติมให้เข้ามาอยู่ด้วยตัวเองได้หรอก



คำตอบของรามยิ่งทำให้นิลโมโหหนักกระชากแขนที่พันแผลเอาไว้ข้างในที่ที่ร่างเล็กมองไม่เห็นและบีบมันอย่างแรง “โอ๊ย เจ็บ!!!”



พระรามร้องลั่นหน้าซีดเหงื่อซึม เอื้อมมือไปผลักอีกฝ่ายออกแต่ด้วยแรงโมโหหึงของนิลทั้งๆ ที่ตัวเล็กกว่าแต่คนอย่างเขากลับผลักไม่ไป ซ้ำอีกฝ่ายยังแรงเยอะมากขึ้น ขย้ำตรงที่เป็นแผลจนปากแผลเปิด เลือดสีแดงซึม “โอ๊ย...!”



“นายนี่มันจอมตื๊อยิ่งกว่านิลอีก...ต้องตื๊อจนติมรำคาญแน่ใช่มั้ย!? ไม่งั้นติมคงไม่ยอมให้คนหน้าทุเรศๆ อย่างนายมาอยู่ที่นี่ได้หรอก!” ขนาดเขาขอมาอยู่ติมยังไม่ให้มาเลย แล้วคนตรงหน้าบอกง่ายๆ ว่าร่างสูงพามา จะโกหกยังไงก็ให้มันมีขอบเขตหน่อย



“จะคิดยังไงก็เรื่องของมึง ปล่อย...สิวะ!” รามไม่คิดจะพูดเพราะกับร่างเล็กคนนี้อีกแล้ว ริมฝีปากบางเม้มแน่นใบหน้ามนซีดเซียวหนัก ทั้งๆ ที่กลิ่นเลือดเริ่มคละคลุ้งแต่นิลเหมือนจะไม่ได้กลิ่น ดวงตากลมพลางมองสำรวจร่างกายของเขาแล้วแสยะยิ้ม



“อย่าบอกนะว่าใช้แผลนี่สำออยจนให้ติมสงสาร แผนการใช้ได้เหมือนกันนี่” คนที่หึงหวงจนหน้ามืดตามัวมักจะน่ากลัว รามเพิ่งเคยเห็นก็วันนี้ นิลเริ่มพูดอะไรบ้าๆ บอๆ เหมือนคนเสียสติ



“คิดอะไรบ้าๆ บอกให้ปล่อยกูไงวะ!”



ผัวะ!



รามแกะมือเล็กนี้ออกไม่ได้ จึงใช้กำปั้นต่อยเข้าที่ใบหน้าใสอย่างแรงแทนเพื่อระบายอารมณ์ที่มาทำกับเขาแบบนี้และเตือนสติไปในตัว คราวนี้ได้ผล นิลเสียการทรงตัวเซล้มลงกับพื้นอย่างไม่แรงนักอาจเพราะแรงของเขาไม่หนักมาก แต่ดีที่พระรามหลุดรอดออกจากการกอบกุมของอีกฝ่ายได้ ทันใดนั้นร่างโปร่งก็หนีเข้าห้องนอน แต่ไม่ทันคนที่แข็งแรงกว่าลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “อย่าหนีนะ!”



นิลกระแทกประตูห้องนอนที่กำลังจะปิดอีกครั้งจนคนเจ็บกระเด็นเซลงบนเตียงพอดิบพอดี พระรามไม่เคยแค้นร่างกายตัวเองมากเท่าครั้งนี้ เพราะเขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากกระถดตัวหนีนิลที่ตัวเล็กกว่ามากคืบคลานเข้ามาใกล้



“โอ๊ย ไอ้เหี้ย ปล่อยกู! บอกให้ปล่อย!” ขาเรียวสะบัดออกเมื่อถูกจับ พลางยกตีนขึ้นถีบถองเข้าที่ท้องแบนราบของนิลอย่างแรงจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยวหนัก ทั้งน้ำหนักลงเข่ามาที่ข้อเท้าข้างที่เจ็บของเขาอย่างแรง!



“โอ๊ยยย!!!” พระรามร้องลั่นน้ำตาไหลพราก ความเจ็บปวดแล่นจี๊ดขึ้นมาราวกับกระดูกกำลังร่ำร้อง



เจ็บ...เจ็บ!



“เมื่อกี้มึงทั้งต่อยทั้งถีบกู กูจะเอาคืนบ้าง” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอย่างคลั่งแค้น ใบหน้าน่ารักของเขาเป็นรอยก็เพราะมัน! ไอ้หน้าจืด ไอ้ทุเรศ!



“...” ร่างโปร่งนอนเกร็งตัวสั่นระริกหัวสมองอื้ออึงไม่ได้ฟังว่าร่างเล็กพูดว่าอะไร พยายามผลักอีกฝ่ายที่อยู่เหนือร่างออกไปแต่ไร้เรี่ยวแรงเพราะความเจ็บปวดกำลังทำพิษ จะดิ้นหนีก็ไม่ได้ ในขณะที่กำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ก็รู้สึกถึงมือสองข้างที่ยกกอบกุมลำคอผอมพลางกดเค้นอย่างแรง



“อ่อก...!” คนขาดอากาศหายใจดิ้นพล่าน แขนผอมสองข้างพยายามยกขึ้นปาดป่ายช่วยตัวเอง นิ้วเรียวจิกทึ้งเสื้อผ้าคนตรงหน้าและจิกแขนเล็กอย่างคนทรมาน จะยกแรงที่กดมาทั้งหมดนี่ออกมันก็ยากลำบากเสียเหลือเกิน ภาพข้างหน้าก็พร่ามัวมองอะไร...ไม่ค่อยเห็น



เห็นเพียงดวงตากลมโตที่มีประกายไฟบางอย่างวูบวาบไปมา...ราวกับอยากจะฆ่าเขาให้ตาย



นิลกดแรงหนักมาอีกเป็นหนสุดท้าย ยังไม่ถึงนาทีแต่ยาวนานเหลือเกินสำหรับคนไม่ได้รับอากาศเข้าปอด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเริ่มเหลือกค้าง แขนทั้งสองข้างตกลงบนที่นอนอย่างไร้เรี่ยวแรง เหมือนกับจะรู้ตัวว่าตนกำลังจะตาย ในห้วงสุดท้ายของความคิดก็ยังนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของร่างสูง...คนที่รัก



ติม...พี่...

           





เอี๊ยดดด!!! ปริ๊นนน!!!



จู่ๆ รถสปอร์ตคันหรูที่กำลังจะแล่นกลับคอนโดก็เบรกกะทันหันกลางถนนใหญ่ จนโดนรถคันข้างหลังที่ตามมาด้วยความเร็วไม่แพ้กันบีบแตรใส่ดังลั่นเพราะต้องเบรคกะทันหันตามทั้งๆ ที่ข้างหน้าไม่มีอะไรแม้แต่ไฟแดง



“อะไรวะแม่ง!!!” เสียงสบถจากคนขับในรถคันดังกล่าวพลางตบหน้าพวงมาลัยดังอย่างโมโหเพราะรถสปอร์ตคันข้างหน้ามันไม่ยอมขยับเขยื้อนสักที



ปริ๊นๆๆ!!



แต่แน่นอนว่าคำสบถเหล่านั้น(ที่รถอีกคันไม่มีวันได้ยิน)กับเสียงแตรดังจนคนรอบถนนหันมามองไม่เข้าหูร่างสูงเจ้าของรถสปอร์ตแม้แต่นิด ดวงตาคมเบิกกว้างเหมือนกับตกใจบางอย่าง



เสียงเมื่อกี้มัน...



“ราม...?”



ไอติมกัดฟันกรอด อะไรกัน ความรู้สึกใจไม่ดีนี่ ก่อนที่เท้าจะเหยียบคันเร่งแล้วรถสปอร์ตก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว







“เฮือก!! ...แค่กกก! แค่ก...” จู่ๆ มือที่กอบกุมรอบคอก็ละออกไปทำให้คนที่กำลังจะสิ้นลมก็หายใจเฮือกเหมือนคนจมน้ำและไอโขลกรุนแรง ร่างเล็กผุดลุกขึ้นและลงจากเตียงอย่างลนลาน ใบหน้าเล็กเหงื่อซึมหน้าซีดเหมือนคนใจไม่ดี ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบนกลับไปมองพระรามที่นอนไอจนตัวโยนบนเตียงแล้วก็รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย เมื่อกี้เขาเกือบจะฆ่าอีกฝ่ายไปแล้ว...ด้วยอารมณ์โมโหเพียงชั่ววูบ



ถ้าอีกฝ่ายเอาไปฟ้องติมล่ะก็เขาคงโดนร่างสูงจัดการหนักแน่ คิดดังนั้น...นิลก็รีบวิ่งออกมาจากห้องนั้นอย่างรวดเร็วโดยทิ้งพระรามที่เจ็บอ่วมทั้งกายเอาไว้



ร่างโปร่งนอนหอบหายใจตัวสั่น เขาเจ็บทั้งขาทั้งแขนทั้งลำคอ พิษไข้ที่เพิ่งหายไปกลับรุมเร้าให้ปวดหัวหนึบอีกครั้ง พระรามไม่รู้ว่านิลหายไปไหนแล้ว อาจจะออกไปแล้วก็ได้แต่เขาก็ไม่สนใจ...แม้อีกฝ่ายเกือบจะลงมือฆ่าเขาแล้วก็ตาม



แต่กับสภาพแบบนี้เรียกว่าไม่มีเรี่ยวแรงจะไปยุดยื้อแล้วดีกว่า



ช่างมัน...ช่างมันเถอะ



“ฮึก...ฮึก!” แม้ใจจะคิดอย่างนั้นก็อดหวาดกลัวไม่ได้ น้ำตาแห่งความหวาดหวั่นมันกลั่นกรองออกมาเป็นเม็ดไหลหยดลงเตียงจนเปียกชุ่ม



ทำไมถึงต้องทำถึงขั้นนั้น เขาไม่ได้ทำอะไรให้นิลเลยสักครั้ง...นอกจากต่อยเพื่อเตือนสติอันบ้าคลั่ง เพียงแค่นั้นถึงกับต้องฆ่ากันเลยเหรอ



ทำไม...ทำไมกัน



ทำไม...เขาต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย



ทำไมเวลาที่เขาเจ็บ ติมไม่เคยอยู่ช่วยเขาสักครั้ง



ทำไมตอนที่เขากำลังจะตาย...ต้องนึกถึงอีกฝ่ายด้วย



แม้จะคิดถึงอีกฝ่ายแค่ไหน ภาวนาแค่ไหน มันก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายเห็นใจ



ความรักของเขามันไม่มีค่าในสายตาของไอติมเลย



จะร้องไห้ ขอร้องอ้อนวอน ขอความเห็นใจ หรือตายไปตรงหน้า



อีกฝ่ายก็คงจะยืนมองด้วยสายตาเย็นเยียบราวกับเขาเป็นขยะอย่างไม่สนใจไยดี



ร่างโปร่งสะอึกสะอื้นกับความคิดที่ดิ่งลงต่ำอย่างตัดพ้อน้อยใจ ร้องไห้จนเหนื่อยและตาแดงช้ำ เลือดที่ไหลซึมตรงแขนเสื้อก็ไม่คิดจะปิดแผลหรือรักษามัน พระรามหมดเรี่ยวแรงที่จะขยับตัวแล้ว ก่อนที่จะเพลียหลับมือเรียวก็ดึงผ้าห่มมาคลุมกายให้ความอบอุ่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สติจะหลุดลอยไป





********************* Love Substitute *********************







“เมี้ยว” แมวเหมียวรู้หน้าที่กระโดดแผล็วออกจากมือใหญ่ทันทีที่เปิดประตูห้อง อุริไม่ลังเลวิ่งเข้าห้องนอนทันทีเพราะได้กลิ่นของพระรามอยู่ในนั้น ขายาวก็รีบวิ่งตามอย่างร้อนรนเพราะสิ่งที่รู้สึกก่อนหน้า พอก้าวตามไปก็ถอนหายใจโล่งอกเพราะภาพที่เห็นคือพระรามนอนขดตัวหลับอยู่ใต้ผ้าห่มแม้จะดูยับย่นหลุดลุ่ยน่าแปลกใจไปหน่อยก็ตาม



เจ้าตัวขนปุยเกาะผ้าปูปีนขึ้นเตียงไปง่ายดาย นี่เขาต้องเปลี่ยนผ้าปูไปกี่ผืนแล้วนะเพราะไอ้อุริมันทำแบบนี้...แต่ยังไงก็ไม่เปลี่ยนบ่อยเท่าตอนที่เขามีเซ็กส์กับพระรามหรอก



เจ้าเหมียวมันร้องครางเดินวนไปมา เพราะตอนนี้ร่างโปร่งนอนหลับอยู่ไม่มีใครให้ออดอ้อน ลิ้นเล็กเลียทั่วใบหน้าขาวจนแพขนตาเริ่มขยับหลุกหลิกและค่อยๆ ปรือเปิดขึ้น



รู้สึกว่าตาเรียวนั้นจะแดงผิดปกติ



“อุริ...” ดวงตาเรียวกระพริบปริบก่อนจะแย้มรอยยิ้ม ดวงตาคมกริบจ้องมองรอยยิ้มแรกบนใบหน้ามน ตั้งแต่กลับมาที่ห้องนี้ไม่เคยปรากฏเลยสักครั้ง “กลับมาแล้วเหรอ”



“เมี้ยว” พระรามดันตัวขึ้นนั่งทุลักทุเล แม้จะปวดหัวมากแค่ไหนก็ต้องรีบยกมือลูบหัวลูบตัวเจ้าตัวเล็ก ช้อนมันขึ้นบนมือและใช้จมูกทั้งหอมทั้งฟัดด้วยความคิดถึง อุริร้องครางรับ อุ้งมือนุ่มดันแก้มใสออกและเลียกลับบ้างจนรามหัวเราะแผ่วเบาออกมา



เขาอยู่กับมันมาหลายสัปดาห์ มีเพียงแค่มันเท่านั้นที่เป็นห่วงเขา คลายเหงาให้ตลอด แล้วตอนที่ร่างโปร่งอยู่ที่นี่คนเดียว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มันยิ่งหดหู่รู้สึกเศร้า ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี...อย่างน้อยก็ขอให้ได้มีเพื่อนคุย



แม้อุริจะเป็นแค่สัตว์แต่มันก็เข้าใจความรู้สึกของพระรามได้เป็นอย่างดี



“ดีจัง สงสัยพี่วาคงจะให้แกกินอาหารดีๆ ตลอดสินะ” รามสำรวจทั่วตัวเล็กก่อนจะพูด นอกจากนี้เนื้อตัวยังสะอาดสะอ้าน พี่วากับน้องวีคงดูแลมันได้เป็นอย่างดีจริงๆ



“เมี้ยว”



คนกับสัตว์คุยกันหนุงหนิง ทำให้ร่างสูงที่ยืนหัวโด่กอดอกพิงกรอบประตูอยู่รู้สึกแปลกประหลาด การที่ได้เห็นร่างโปร่งยิ้มและหัวเราะมันทำให้เขา...สบายใจ



ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep25 25/06/2019
«ตอบ #52 เมื่อ25-06-2019 20:36:54 »



ต่อจากด้านบน


สายตาคมกริบมองสำรวจทั่วร่างกายผอมที่ดูยับยุ่งเป็นพิเศษ เขาจำได้ว่าพระรามไม่ใช่คนนอนดิ้นดังนั้นไม่น่าจะมาจากสาเหตุนั้น ก่อนที่จะสะดุดตรงลำคอขาว มันมีรอยบางอย่างสีคล้ำๆ พลันดวงตาคมเบิกกว้าง...นั่นมัน?



พรึ่บ!



“แง้ว!” ติมเดินเข้ามากระชากข้อมือผอมอย่างแรงจนแมวตัวเล็กกระเด็นหล่นตุ้บลงบนเตียงนุ่ม แม้จะไม่บาดเจ็บด้วยทักษะของแมวแต่อุริก็ไม่พอใจจนร้องขู่ออกมาดังๆ



“ติม...!” ดวงตาเรียวเบิกกว้างตกใจสบกับสายตาคมกริบที่จ้องเขม็งมาที่ใบหน้าของเขา ก่อนที่เสียงทุ้มจะตะคอกถาม



“รอยนี่มันอะไร!?”



“รอย?” พระรามงุนงงไม่เข้าใจคำถาม



“รอยนิ้วมือบนคอมึงนี่ไง ใครทำ!?” คำพูดต่อมาทำให้เขาเผลอยกมือขึ้นหวังจะลูบมันแต่ก็ต้องร้องโอ๊ยเมื่อแขนอีกข้างก็บาดเจ็บไม่แพ้กัน ไม่ทันได้คิดอะไรก็ถูกกระชากถามย้ำอีกครั้ง “กูถามว่าใครเป็นคนทำ!”



“ติม...พี่...” ดวงตาเรียวล่อกแล่ก อึกอักไม่กล้าพูด...พูดไปก็ใช่ว่าติมจะเชื่อ เพราะว่านิลคนนั้นเป็นคู่นอนคนสำคัญของอีกฝ่าย ในขณะที่เขาไม่ใช่ใครนอกจากคนนอก



“กูจะถามอีกแค่ครั้งเดียว ตอบกูมาว่าใครเป็นคนทำมึงแบบนี้!?”



“นะ นิล...นิลทำ” ในที่สุดพระรามก็ตอบออกมา ร่างสูงคาดคั้นรุนแรงจนใจคนฟังเสีย



“มันมาที่นี่อีกแล้วเหรอ” เสียงทุ้มพึมพำก่อนจะสบถเสียงดังอย่างหัวเสีย “แล้วมึงเปิดประตูทำไมห๊ะ โง่เหรอ!? ขาเป๋อย่างกับคนพิการอย่างนี้ยังจะเดินไปเปิดได้อีกนะ...ให้ตายสิ เชื่อเลยเว้ย”



“พี่นึกว่า...” คนฟังน้ำตาไหลอย่างน้อยใจ สุดท้ายคำถามนั้นก็ไม่ใช่คำเป็นห่วง ไอติมแค่อยากจะด่าเขาซ้ำแค่นั้น “พี่นึกว่าเป็นเพื่อนของนาย”



“เพื่อน?”



“นึกว่าเขามีธุระกับติม ก็เลย...” เสียงทุ้มใสอธิบายแผ่วเบาลงทุกทีจนเงียบไป ทำให้ร่างสูงขยี้ผมถอนหายใจแรง ก่อนจะปล่อยข้อมือผอมให้เป็นอิสระ



“แล้วนิลมันมาทำอะไร”



พระรามเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาก่อนจะก้มงุด “...ก็น่าจะมาหาติมหรือเปล่า พี่ก็ไม่รู้”



“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้รอยนี้มา” ดวงตาคมกริบจ้องมองรอยนิ้วมือคล้ำบนลำคอขาว มันเห็นชัดเจน ก่อนจะยกมือไล้นิ้วแผ่วเบาจนพระรามตัวเกร็ง



“ก็...ทะเลาะกันนิดหน่อย” เขาตอบเสียงเบา รู้สึกร้อนวูบวาบตามสัมผัสตรงคอ



“ทะเลาะ? ...ไม่อยากจะเชื่อ”



คำพูดของร่างสูงขึ้นเสียงสูงราวกับสงสัยสิ่งที่เขาพูด ทำให้พระรามกัดปากแน่น ดวงตาหม่น “ถะ ถ้าติมไม่เชื่อ พี่ก็...”



“เล่าต่อสิ” เสียงทุ้มของติมพูดขัดทำให้ร่างโปร่งชะงักเงียบไปและพูดต่อเสียงเบา



“พะ พี่...คิดว่านิลโมโหที่เห็นพี่อยู่ในห้องของนาย เขาจับตรงแผลพี่ พี่ก็เลยโมโห...เลยต่อยเขากลับ”



“...”



“จากนั้นนิลก็ตามเข้ามาในห้องนอน แล้วก็ทับเท้า บะ บีบคอ...” ดูเหมือนยิ่งเล่าเรื่อยๆ จะยิ่งทำให้นึกถึงเหตุการณ์เฉียดตาย เสียงทุ้มใสสั่นเครือและพระรามก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก



“ตอนนั้น...พี่นึกถึงนายด้วย”



ร่างโปร่งเม้มปากแน่น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลุบต่ำไม่กล้าสบ...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้บอกออกไป ก็แค่อยากจะให้รับรู้ว่าแม้วาระสุดท้ายของชีวิต คนที่เขานึกถึงคนแรกและคนสุดท้ายก็คือคนตรงหน้า



ทั้งห้องเงียบไป ทำให้ริมฝีปากบางยิ้มจืดเจื่อน ก็รู้อยู่แล้วล่ะนะว่าอีกฝ่ายไม่สนใจหรอก...ก่อนที่ดวงตาเรียวจะเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะแขนแกร่งโอบรัดเข้าที่ลำตัว...ความอบอุ่นที่โจมตีเข้ามาทำให้ใจดวงน้อยเต้นระรัว น้ำตารื้นขึ้นไหลลงมาไม่ขาด



“ตะ ติม?” ยิ่งกระพริบตาอึ้งไม่เข้าใจเท่าไหร่ น้ำตามันก็ไหลหยดกระทบไหล่แกร่งจนเปียก



ถึงแม้จะไม่เข้าใจ ก็ห้ามความดีใจนี้ไม่ได้ แขนสองข้างไร้เรี่ยวแรงยกขึ้นกอดตอบแผ่นหลังกว้าง นิ้วเรียวเกาะเกี่ยวเสื้อยืดแน่น ใบหน้ามนกดซบสะอึกสะอื้นบนไหล่สูง แม้จะร้องไห้แต่ก็มีรอยยิ้ม



แค่ตอนนี้...แค่ตอนนี้เท่านั้นที่จะขอคิดไปเองว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงกัน



ใบหน้าแกร่งซบลงกับไหล่บางไม่ต่างกัน สูดดมกลิ่นที่ไม่ได้ดมมานานที่ไหล่บาง กลิ่นกายเจือปนเหงื่อเล็กน้อยไม่ได้ทำให้รู้สึกรังเกียจ



เสียงเรียกตอนนั้น...คือแบบนี้เองสินะ



สัญชาตญาณที่เรียกร้องในตอนนั้นคือเรื่องนี้เอง



ดี...ที่ไม่เป็นไร



“เมี้ยว” เสียงร้องของแมวทำให้ร่างแกร่งได้สติและผละออกรีบลงจากเตียง พระรามกระพริบตาปริบก่อนจะเม้มปากหน้าร้อน มองใบหน้าหล่อเหลาแล้วหลุบตาต่ำไม่กล้ามอง หัวใจของเขายังเต้นแรงอยู่เลย



ความสุขแม้มาเพียงชั่วครู่ มันก็รู้สึกดีได้เหมือนกัน



“กูเอาเสื้อทั้งหมดของมึงมาแล้ว” ไอติมเดินเข้ามาห้องนอนอีกทีพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบเก่าคุ้นตา...นั่นมันของๆ เขา พระรามมองมันกระเด็นกลิ้งลงบนเตียงเมื่อร่างสูงโยนให้



“ติมหมายถึง...”



“คราวนี้มึงต้องอยู่กับกูถาวร ห้าม...ไปไหนอีก ห้ามออกจากห้องนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย” เสียงทุ้มสั่ง ทำให้คนฟังยิ้มฝืด นี่เขาต้องกลับมาอยู่ห้องนี้อีกแล้วหรือ



“แล้ว...นิลล่ะ” เสียงทุ้มใสถามแผ่วเบา การอยู่ห้องนี้ไม่ได้ลำบากใจเท่าเห็นอีกฝ่ายพาคนอื่นมาอยู่ห้องนี้แล้วทำอะไรที่ไม่เกรงใจจิตใจของเขา แต่พอเงยหน้าสบตาคมกริบแล้วก็ต้องหน้าเจื่อน สงสัยเขาจะถามคำถามที่ไร้สาระ “เปล่า...ไม่มีอะไร”



ในห้องเงียบอีกครั้ง คราวนี้เจ้าแมวช่วยเขาเอาไว้ด้วยการร้องเหมียวๆ ออดอ้อนไม่ให้อึดอัดกับบรรยากาศนี้



“ถอดเสื้อออก”



“เอ๊ะ เอ่อ” ใบหน้ามนขาวซีดเม้มปากมองหวาดหวั่น



“คิดอะไร กูไม่ทำอะไรคนพิการอย่างมึงหรอกน่า แค่จะดูแผลตรงแขน”



พระรามกระพริบตามองคนที่เดิมอ้อมมาใกล้ “ติม นายทำแผลเป็นเหรอ”



“ทำเป็นไม่เป็นแล้วยังไง กูแค่จะขอดูเฉยๆ” ร่างสูงเดาะลิ้นขัดใจกับคนที่ถามเยอะ สงสัยจัง “หุบปากแล้วถอดเร็วๆ”



“อ่า...” เขาครางอึกอักในลำคอก่อนที่มือจะค่อยๆ ยกปลดกระดุมทีละเม็ดและถอดเสื้อเนื้อนิ่มออก ไม่รู้ว่าเสื้อนี้มาได้ยังไง คิดได้อย่างเดียวว่าอีกฝ่ายเป็นคนเปลี่ยนเสื้อให้ตอนที่เขานอนซมไม่สบาย และตอนนี้อาการไข้ของเขามันกำลังจะกลับมาอีกครั้ง



ดวงตาคมกริบมองร่างโปร่งที่ค่อยๆ ปลดกระดุมด้วยตัวเองและคอเสื้อที่ตกลงบนแผ่นหลังบาง ไหล่บางกลมกลึงสองข้างเปลือยเปล่าแล้วมันยั่วอารมณ์หื่น ลิ้นร้อนเลียปากกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าเขาอดทนมานานมากพอสมควร ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะไม่อดทนกับอะไรแบบนี้แท้ๆ



แต่เขาก็ไม่คิดจะทำอะไรหรอก เพราะพอจะรู้หลังจากได้สัมผัสผิวกายร้อนระอุของพระราม...พิษไข้คงจะกลับมาเพราะแผลอักเสบ ต้นแขนผอมที่พันผ้าพันแผลสีขาวเลือดซึมจนเปียกเป็นวง แผลที่เกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนมันกำลังจะปิดแต่กลับมีใครบางคนมาทำให้เปิด ดูแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร่างโปร่งถึงตัวรุมๆ ...มันคงจะเจ็บไม่ใช่น้อย



ไอติมกัดฟันกรอด นี่เขาอยู่แค่ไม่ถึงสองชั่วโมงยังเกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้



นิล ย้ำนักย้ำหนาหลายต่อหลายครั้งว่าอย่ามาหาที่ห้อง แต่นี่ไม่ใช่แค่ไม่ฟังเขาพูด แต่ดันมาก่อเรื่องใหญ่แบบนี้อีก



อย่าคิดว่ารู้เรื่องแล้วจะปล่อยไปง่ายๆ



“เดี๋ยวให้พี่อิฐมาทำแผลให้ ตอนนี้มึงนอนซะ” ร่างสูงพูดอีกครั้งก่อนที่ร่างโปร่งจะขยับตัวใส่เสื้อเชื่องช้าเพราะรู้สึกอาการปวดหัวปวดตัวเริ่มรุมเร้า ไอแห้งค่อกแค่ก ก่อนจะค่อยๆ เอนตัวลงนอนอย่างว่าง่าย พอหัวถึงหมอนก็ปรือตาเหมือนจะหลับได้ทันทีทั้งๆ ที่กายยังรู้สึกหนาวสั่น มือข้างที่ยังใช้คล่องก็ทำหน้าที่เดิม ปาดป่ายหาผ้าห่มที่ขยุกขยุยอยู่อีกฟากของเตียง พอหาไม่เจอร่างผอมก็ขดตัวเข้าหากันแทนให้ความอบอุ่นแทน



ไอติมมองภาพนั้นก็เดินอ้อมไปหยิบผ้าห่มมาคลี่และคลุมให้จนถึงลำคอ พอร่างกายได้รับความอบอุ่น คิ้วบางที่ขมวดก็เหมือนจะคลายลงนิดหน่อย



“...เด็กชิบ”



นิ้วยาวเกลี่ยหน้าม้าที่ปรกหน้าผากมนออก ก่อนจะไล้หลังมือทั่วใบหน้าร้อนผ่าว ก่อนจะไล่ลงมาที่ลำคอเห็นรอยนิ้วมือที่เกิดจากการเค้นหนักชัดเจน ร่างสูงละออกยืนกำหมัดแน่นก่อนจะเดินออกจากห้องนอน



ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนกำลังมองพระรามด้วยสายตาแบบไหน



ไม่ได้รู้ตัวเลย...ว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่



เขาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเกิดเบอร์ของคนในครอบครัว ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะรับทันทีทั้งๆ ที่เสียงรอสายยังดังไม่ถึงสองรอบ



เขารู้ว่าอีกฝ่ายงานยุ่งมาก แต่ยังไงอิฐก็ไม่เคยให้เขารอนาน



“พี่”



(“ว่าไงไอ้น้องชายตัวแสบ พี่ว่าพี่รู้สึกลางไม่ค่อยดีทุกทีที่เห็นเบอร์แก”)



ผู้เป็นน้องชายฟังแล้วยิ้มมุมปาก “พี่อิฐมาดูรามให้หน่อยสิ แผลที่แขนเหมือนจะเปิด เลือดออก”



(“นั่นไง งานเข้าพี่อีกแล้ว”)



“ไข้ขึ้นด้วย”



(“โอเค แต่ว่าตอนนี้พี่ติดงาน อาจจะไปได้ตอนเย็น...อยู่ที่คอนโดใช่ป่ะ”)



“ใช่”



(“เดี๋ยวโทรไป แค่นี้ก่อน”)



“ขอบคุณครับ” ทุกครั้งจริงๆ ที่พี่ชายไม่เคยปฏิเสธการขอความช่วยเหลือของเขา แม้เขาจะทำตัวไม่ค่อยดี(?) เกเรมากแค่ไหน ทั้งพ่อกับพี่ก็ไม่เคยว่า เพียงแต่เอ่ยตักเตือนเท่านั้น



จะว่าไปไอติมไม่ได้กลับบ้านอีกเลย แล้วเขาก็ยังไม่ได้บอกเรื่องของแม่ให้พ่อรู้เลย...ว่าเนตรนภาตายแล้ว...แต่ไม่แน่พ่ออาจจะรู้แล้วก็ได้เพราะส่งคนมาตามสืบเขาตลอดเพราะความเป็นห่วง



(“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นตอบมาดีกว่าว่าพระรามเป็นอะไรสำหรับแก ทำไมถึง...”)



ติ๊ด!



ไอติมตัดสายทิ้งทันที รู้ว่าปลายสายคงหน้าเหวอแล้วก็สบถด่าเขาเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แน่นอน ก็ทำแบบนี้เพราะไม่มีอะไรมากขี้เกียจจะตอบ ตอบไปตอบมาแล้วเดี๋ยวก็ถามมากอีก รำคาญ



นิ้วยาวไถหาชื่อคนต่อไปและกดโทรออกไม่ให้เสียเวลา



(“ว่าไงครับเพื่อน ทำไมกูรู้สึกถึงมีลางไม่ค่อยดี”) เสียงทุ้มนุ่มพูดขึ้นทันทีที่รับสาย ซ้ำยังกลั้วหัวเราะจนเขาพ่นลมออกจากจมูก ทั้งพี่ชายและเพื่อนสนิท สองคนนี้พูดเหมือนกันเป๊ะภายในเวลาไล่เลี่ยกัน



“ธาร ฝากจัดการนิลให้หน่อย เอาแบบ...ไม่ให้กลับมายุ่งกับกูอีกเลย”



(“ได้ แล้วอยากให้จัดการแบบไหนดี”)



“แล้วแต่มึง วิธีการไหนก็ได้ อย่าให้กูเห็นหน้ามันอีก” ร่างสูงตอบสีหน้าเหม็นเบื่อ น้ำเสียงรำคาญอย่างเห็นได้ชัด



(“จัดไปครับ ว่าแต่ถามได้ป่ะว่าเขาไปทำอะไรให้มึง ถึงได้ดูโมโหจัดขนาดนี้”) ธารว่ากลับ ก็อย่างที่บอกว่าคู่นอนทั่วไปของไอติมแม้จะมีตื๊อบ้างแต่พอตวาดกลับหรือพูดนิดๆ หน่อยๆ ก็เตลิดกันให้วุ่นไม่ต้องพูดซ้ำ ก็พอจะเข้าใจว่าหนุ่มน้อยน่ารักร่างเล็กคนนี้อาจจะแรงตื๊อหนักกว่าคนอื่น แต่ก็ไม่เคยมีใครที่เพื่อนสนิทต้องขอร้องให้เขามา ‘จัดการ’ เลยสักครั้ง (“หรือว่าเกี่ยวกับ...พี่ชะเอมของมึง”)



สายธารเดาสุ่ม แม้ในใจของเขาจะคิดไปถึงอีกคน แต่นับตั้งแต่วันนั้นที่คุยกัน เขาก็ไม่กล้าเรียกรามว่าสุดที่รักหรือคนสำคัญให้ไอติมได้ยินอีกเลย กลัวคนไม่รู้ใจตัวเองมันจะโมโหหนัก แล้วก็รู้ดีว่าคนที่จะโดนลูกหลงจากอารมณ์พาลของติมไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากตัวพระรามเอง



ไอติมได้ยินแล้วก็หัวเราะเบา “ไม่ใช่เว้ย” นิลยังไม่รู้จักพี่ชะเอมด้วยซ้ำไป จะไปเกี่ยวกันได้ยังไง



(“งั้นก็...”)



“มึงไม่ต้องมาเดา กูบอกให้ไปทำอะไรก็ทำเหอะน่า” ร่างสูงพูดขัดทันที นั่งไขว่ห้างที่โซฟากว้าง ศีรษะใหญ่ทิ้งลงบนพนัก



เขารู้อยู่หรอกว่าสายธารจะพูดอะไร...มันคงจะไม่ต่างจากคำถามของพี่อิฐซักเท่าไหร่



(“อ่ะๆ แหม นี่กูฟังมึงคนเดียวนะเนี่ย...จะเอาแต่ใจแค่ไหนกูก็ยังฟังมึงนา ตอบแค่นี้ไม่ได้เหรอ”) อีกฝ่ายทำเสียงแง่งอน ถ้าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายตัวเล็กๆ อย่างพี่ชะเอมก็อาจจะดูน่ารักอยู่หรอก แต่เสียงทุ้มต่ำพูดแบบนี้ทำให้ไอติมหลุดหัวเราะพรืด



“เอาไว้...กูจะตอบ” ดวงตาคมกริบหลับลงก่อนจะตอบเสียงเบา...พลันลืมตาขึ้นเผยดวงตาสีน้ำตาลอ่อน “ซักวัน”



ไม่รู้ว่าจริงๆ ว่าคำพูดนั้นพูดกับใคร...เพื่อนสนิทหรือตัวเขาเองกันแน่



(“ฮ่าๆ เออ อย่างน้อยก็มีโอกาสเว้ย”) สายธารพูดอย่างอารมณ์ดี (“ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยมีแรงทำงานหน่อย”)



ไอติมยิ้มมุมปากก่อนจะเดาะลิ้นเปลี่ยนสีหน้า “วางได้ยัง”



(“ครับๆ แหม แค่นี้ทำเสียงรำคาญ เอาไว้งานเสร็จจะมารายงาน”)



“เออ”



ในที่สุดห้องนั่งเล่นก็กลับมาเงียบอีกครั้ง



‘พระรามเป็นอะไรสำหรับแก’



‘หรือว่าเกี่ยวกับ...พี่เอม’



‘ตอนนั้น...พี่นึกถึงนายด้วย’



‘ตะ ติม?’ สัมผัสของแขนผอมที่โอบกอดแผ่นหลัง น้ำตาที่หยดลงมาบนไหล่ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่หวาดกลัวมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขา รู้สึกแค้นคนที่ทำให้พระรามเป็นแบบนี้ บาดเจ็บหนักทั้งตอนนี้และก่อนหน้า...เพราะงั้นเขาถึงได้บอกให้ธารไปจัดการตัวการซะ



เขาไม่อยากเห็นหน้านิลอีก...ตลอดกาลเลย



   

********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep25 25/06/2019
«ตอบ #53 เมื่อ25-06-2019 22:37:27 »

 :pig4:
 :L2:

ออฟไลน์ BuzZenitH

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-0
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep25 25/06/2019
«ตอบ #54 เมื่อ15-07-2019 08:38:17 »

 :m15: คู่นี้ดราม่ามากกกกกกก

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
«ตอบ #55 เมื่อ22-07-2019 21:45:05 »

ทดแทนรัก

ตอนที่ 26



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



“พี่เอมเข้าโรงพยาบาล”



“จริงเหรอ” รามขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วงร่างบางจับใจ ตอนนี้เขาหายป่วยแล้วเพราะพี่อิฐมาฉีดยาให้จึงนอนเหงื่อท่วมเพียงคืนเดียวตื่นเช้ามาก็หายเป็นปลิดทิ้งพร้อมกับพันผ้าพันแผลที่ต้นแขนและพันข้อเท้าให้ใหม่แน่นกว่าเดิม



แต่ว่า...เขาก็โดนพี่อิฐดุแถมมาด้วย



‘นี่ไปทำอะไรมาข้อเท้าถึงได้บวมขนาดนี้หา!? แล้วรอยที่คอนี่มันอะไร? โอย ให้ตายสิ ทั้งเราทั้งติมเล้ย...พี่ล่ะปวดหัวจริงๆ’



ว่าที่หมอกุมขมับแล้วจากนั้นก็บ่นยาวอีกมากมายทำเอาพระรามอึ้งพูดไม่ออก เถียงไม่ทัน ใครบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนอบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์บอกเลยว่าอาจจะไม่ใช่ตอนที่อารมณ์กำลังโมโหอยู่แน่



แม้ไข้จะหายแล้ว แต่อาการบาดเจ็บก็ยังไม่หายสนิทอยู่ดี เขายังคงต้องนอนเตียงอยู่เกือบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แล้วจู่ๆ ร่างสูงก็เดินเข้ามาบอกเขาเรื่องที่น่าตกใจคือชะเอมเพื่อนที่น่ารักคนนั้นเข้าโรงพยาบาล



“อืม โรคหัวใจกำเริบ”



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไอติมที่ทำหน้าเครียดเดินหยิบของจำเป็นอย่างกุญแจรถและกระเป๋าเงินยัดใส่กระเป๋ากางเกงแล้วก็รีบบอกขึ้นมา “ติมจะไปเยี่ยมเหรอ พี่ไปด้วย”



“สภาพแบบนี้เนี่ยนะ” ดวงตาคมกริบตวัดมองข้อเท้าที่พันผ้าแน่น ดูก็รู้ว่ายังไม่หาย



“พี่เริ่มเดินได้แล้ว”



“แล้วมึงจะเดินให้มันอาการหนักกว่าเดิมหรือไง” เสียงทุ้มพูดเป็นครั้งสุดท้าย “อยู่เฉยๆ ไปเหอะ”



“ถ้าติมไม่พาพี่ไป พี่ไปเองก็ได้” ร่างโปร่งพูด ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นยืนโดยใช้ขอบเตียงพยุง อย่างน้อยอาการเขาก็ดีขึ้นมากแล้วนับตั้งแต่วันแรกล่ะ



เขาเป็นห่วงชะเอม ถ้าอาการกำเริบถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลแสดงว่ามันต้องหนักมาก พระรามเป็นเพื่อนจะไม่ไปเยี่ยมไม่ได้ ถ้าติมไม่พาไป เขาไปเองได้ หรือไม่ก็โทรให้พวกสินมารับก็ได้



“เออๆ ไปก็ไป” ร่างสูงเดาะลิ้นขัดใจราวกับจะรู้ความคิดของราม ตอนแรกจะหันหลังเดินออกมาเลยแต่พอได้ยินพระรามพูดแบบนั้นก็ชะงัก ท่าทางร่างโปร่งจะเอาจริง พอหายไข้แล้วก็ซ่า...ดื้อชิบหาย ไม่สำเหนียกตัวเลยว่าร่างกายไหวหรือไม่ไหว



ไอติมมองร่างโปร่งที่เดินทุลักทุเลไปหยิบไม้ค้ำที่อิฐหยิบติดมือมาให้แล้วก็เดินตามออกมาจากห้อง แม้จะช้าแต่พระรามก็พยายามค่อยๆ เดิน ขายาวก็เดินช้าลงบางทีหันมามองและหยุดยืนรอ



พระรามอดอมยิ้มไมได้เพราะช่วงนี้แม้ไอติมจะพูดเหมือนเดิม แต่ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะยอมฟังเขามากขึ้น ใจดีมากขึ้น ตอนนี้ก็เหมือนกัน แม้จะมองเหมือนรำคาญแต่ก็หยุดรอให้เขาเดินไปถึงแล้วค่อยเดินต่อ จนกระทั่งมาถึงรถจนได้



“อืม...อืม ห้อง...นะ กูกำลังจะไป ก็ยังไม่หายหรอกแต่พอเดินได้แล้ว ใช้ไม้ค้ำยัน...อ๋อ อืม มาด้วยกัน โอเคๆ แล้วเจอกัน” เขาวางโทรศัพท์จากสินเพื่อโทรถามว่าชะเอมเป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้เขาไม่ได้ไปมหาลัยเพราะร่างกายเป็นแบบนี้ จึงไม่ได้เจอกับใครเลย “สินบอกว่าเอมนอนพักฟื้นอยู่ห้อง...”



“...”



ไอติมไม่ตอบไม่หือไม่อือกับคำพูดของรามเลยแม้แต่นิด เพราะดูเหมือนว่าติมจะเป็นห่วงชะเอมมากจนคำพูดของเขามันไม่เข้าหู



ก็รู้อยู่แล้วว่าใครๆ ก็คงเป็นห่วงชะเอมไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่เขา...แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันพอเป็นติมแล้วอดเจ็บหน่วงในใจไม่ได้เลย



ช่างมันเถอะ ได้แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว...เพราะยังไงเขาก็เปลี่ยนใจติมไม่ได้ รามแทรกลงไปในหัวใจของติมไม่ได้ ทั้งสี่ห้องนั้นเต็มไปด้วยความรักและคิดถึงต่อร่างบาง เหมือนกับเขาที่ทั้งสี่ห้องหัวใจก็ไม่คิดจะแบ่งที่ไว้ให้คิดถึงใครนอกจากไอติม



ไอติมจะเคยรู้บ้างไหมว่าเขารักและคิดถึงอีกฝ่ายมากแค่ไหน



ร่างสูงเหยียบคันเร่งจนรถสปอร์ตพุ่งทะยาน จนพวกเราสองคนมาถึงโรงพยาบาลได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

   





“อ้าว หลับอยู่เหรอ”



“อืม โทษทีนะ อุตส่าห์มาเยี่ยม”



“ไม่เป็นไรๆ ให้เอมหลับไปเถอะ จะได้พักผ่อนด้วย” เขาโบกมือปฏิเสธ แล้วชะโงกหน้ามอง “แต่ขอเข้าไปดูหน่อยได้มั้ย จะไม่ทำเสียงดังรบกวนเลย”



“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” พระรามพยักหน้าขอบคุณ พลางมองใบหน้าคมหล่อเหลา คินเปลี่ยนไปมาก แม้แววตาจะดูโศกเศร้าเรื่องอะไรบางอย่างแต่ก็ประดับรอยยิ้มอบอุ่นตลอดเวลา...เขาเคยบอกแล้วว่าสุดท้ายยังไงคินก็ต้องกลับมารักเอม เพราะว่าชะเอมน่ะเป็นคนดี น่ารัก...ใครๆ ก็ชอบ



คินคงจะเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุดที่เห็นเอมเจ็บ...อีกฝ่ายจะเคยร้องไห้หรือเปล่านะ ร้องไห้เพราะว่ารักมาก น่าจะต้องเคยอยู่แล้ว คินรักชะเอมแล้วเอมก็รักคิน



เขาก็อยากเห็นไอติมที่ร้องไห้เพราะเขาเหมือนกัน...ชีวิตนี้อาจจะไม่มีวันได้เห็น แต่ถ้าหากว่าตอนนั้นเป็นตอนที่เขากำลังจะตาย พระรามคงมีความสุขมากจนตายตาหลับ



ชะเอมนอนหลับด้วยใบหน้าซีดเซียวแต่กลับประดับรอยยิ้มบาง ดูน่ารักเหมือนเทวดาตัวน้อยไม่มีผิด ซ้ำยังสงบเพราะรู้ว่าคนที่อยู่ข้างกายคือคนที่รักที่คอยเป็นห่วงจึงหลับลึกได้อย่างวางใจ



เขาช้อนมือบางขึ้นมาก่อนจะกอบกุมเบาๆ ให้กำลังใจ...ขอให้อีกฝ่ายหายไวๆ ทั้งเขาทั้งติมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าหากชะเอมหายแล้วก็จะได้กลับมาหัวเราะอย่างร่าเริงได้เหมือนเดิม ใครๆ ก็ว่าใบหน้าของชะเอมน่ะน่ารักที่สุดเวลายิ้มกว้างอย่างมีความสุขอยู่แล้วล่ะนะ



“คนอื่นๆ ล่ะ”



“น่าจะลงไปข้างล่าง”



“อ๋อ” เขาครางรับเบาๆ ก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย “นี่คิน จู่ๆ เอมอาการกำเริบได้ยังไง คงไม่ใช่ว่าลืมทานยาหรอกใช่มั้ย”



พอเหมือนพูดถึงแล้วก็ทำให้อีกฝ่ายนึกถึง คินกัดฟัน กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้น



“มันเกิดอะไรขึ้น”



“มีคนเปลี่ยนขวดยาของเอม ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหน แต่อากฤษบอกว่านี่เป็นเจตนาฆ่า...เพราะถ้าหากมาส่งโรงพยาบาลไม่ทันเอมคงจะ...ตายไปแล้ว”



“บ้าไปแล้ว...พูดจริงเหรอ” เขาฟังแล้วหน้าซีด รู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้อีกฝ่ายไม่มีทางล้อเล่นกันแน่ๆ “รู้หรือยังว่าใครเป็นคนทำ”



“อืม...เรย์น่ะ” เป็นคำตอบที่ไม่ได้ผิดจากที่คาดเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนว่าคนๆ นี้จะมีเรื่องขัดใจกับเอมมาหลายครั้งหลายหนและสาเหตุที่ทำให้เรย์คิดไม่ดีกับเอมมันก็ไม่ใช่คนไกลที่ไหน...ตัวคินเองนี่แหละ “แต่เรย์ไม่ได้ทำเองหรอก คิดว่าใช้คนอื่นให้มาทำ ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐาน ออกหมายจับเพื่อควบคุมตัว”



“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ” เขาถามอีก ถึงเรย์จะเป็นหัวโจกในการคิดทำเรื่องชั่ว แต่คนทำก็ไม่ใช่เรย์ “พวกลูกจ้างของเรย์น่ะ”



“พบลายนิ้วมือที่ขวดยา แต่เราคิดหาทางออกได้แล้ว รอให้พวกมันมามอบตัว”



“ทำยังไง?”



“ก็...”



“คิดเหรอว่าพวกมันจะยอมรับ ถ้าไม่มีหลักฐานบ่งชี้” คราวนี้คนที่เงียบฟังอยู่นานพูดขึ้น ตวัดสบมองสายตาของคินที่มองมาเช่นกัน คำพูดนั้นทำให้คินอึกอักตอบไม่ได้ อีกฝ่ายก็คงจะไม่แน่ใจในวิธีการของตนเช่นกันว่าจะจับพวกคนร้ายได้ “ลายนิ้วมือตรวจพบแล้วจริง แต่ก็ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่าใครเป็นใครนี่?”



พระรามฟังแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยกับที่ติมพูด การตรวจหาลายนิ้วมือโดยไม่ได้ถูกเทียบกับเจ้าของจริงๆ ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นใคร...เป็นคนร้ายจริงหรือเปล่า แล้วพวกคินบอกว่าจะให้คนพวกนั้นมามอบตัวได้ยังไง



“...” คินเงียบไปก่อนจะตอบ “เรื่องนี้กูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คนที่กำลังจนตรอกน่ะ กูไม่คิดว่ามันจะหนี...”



“ไม่มีทางหรอกที่มันจะไม่หนี คนที่มีหลักฐานมัดตัวบางคนมันยังไม่ยอมรับเลย มึงไม่เคยเห็นเหรอ” ไอติมล้วงกระเป๋าเดาะลิ้นขัดใจ พอพูดจบทั้งห้องก็เหมือนจะเงียบไปอีกครั้ง ก่อนที่ติมจะพูดอีกครั้ง “งั้นเดี๋ยวกูช่วย”



“หา?” คินเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย ถามอย่าระแวง “...แล้วจะช่วยยังไง”



คินไม่อยากยอมรับความช่วยเหลือของไอ้รุ่นน้องคนนี้เท่าไหร่เพราะไม่ชอบหน้ามัน เหตุผลไม่ไกล ก็เพราะว่ามันชอบคนรักของเขานี่ แม้จะประกาศปาวๆ ว่าเป็นแฟนของพระรามแต่ความรู้สึกของมันแสดงออกมาชัดเจนจนเขายังมองออก มันอาจจะคิดทำเรื่องนี้เพื่อหาช่องว่างมาเสียบก็ได้



“กูก็มีวิธีการของกู มึงรอให้พวกมันมามอบตัวอย่างไร้ทางหนีก็พอ” ไอติมแสยะยิ้ม เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนสีหน้า หันมาพูดกับร่างโปร่งที่ยืนทำหน้าซึม “ไปราม กลับได้แล้ว”



เขาขยับตัวเล็กน้อยเมื่อร่างสูงเดินออกจากห้องไป รามหันไปบอกลาชะเอมที่ยังนอนหลับอยู่เบาๆ และยิ้มให้กับคินที่ยังขมวดคิ้วไม่หาย แขนผอมกระชับไม้ค้ำกับจักกะแร้และเดินออกมา ร่างสูงเดินลิ่วไปโน่นแล้วแถมยังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วเครียด



“เออๆ โอเค...อีกชั่วโมงครึ่งเจอกัน”



เขาไม่รู้ว่าไอติมจะไปไหน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ออกปากบอกว่าจะช่วยจับคนที่คิดปองร้ายเอาชีวิตของชะเอม รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายชอบชะเอมมาก แต่ไอติมจะทำยังไง ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นว่าจะจับคนพวกนั้นได้จริงๆ อย่างที่พูด



ระหว่างกลับคอนโดไม่มีบทสนทนาอะไรทำให้ในห้องโดยสารเงียบฉี่เพราะรถสปอร์ตเก็บเสียงภายนอกได้เป็นอย่างดี แม้แต่เสียงแอร์ก็ยังไม่ค่อยได้ยิน



“ติม...จะไปไหน”



“ไม่มีอะไร ออกไปธุระ มึงก็ทำตัวดีๆ รออยู่เฉยๆ ในห้องนี่แหละ” ร่างสูงตอบห้วน



เขาเม้มปากแน่น มองไอติมที่กำลังจะออกไปจากห้องทันทีที่มาส่งเขา “นายจะไปหาคนร้ายที่ทำร้ายเอมเหรอ”



เหมือนกับว่าคำพูดของเขาไม่เข้าหูอีกฝ่าย สายตาคมกริบถึงได้ตวัดมองดุกลับมา “ไม่เสือกสักเรื่องได้มั้ยวะ”



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มอ่อนแสง “พี่แค่เป็นห่วง...”



“มึงห่วงสภาพของตัวเองเถอะ”



ไอติมหันหลังเดินออกไปไม่รับความหวังดี ตวัดปิดประตูดังปังให้คนในห้องมองตามหลังอย่างตัดพ้อ ถ้าหากเป็นเรื่องของเขาอีกฝ่ายจะเดือดร้อนขนาดนี้มั้ย



คิดไปก็ได้คำตอบออกมาทันที...ว่ามันไม่มีทางหรอก



   



ปัง!



“เป็นยังไง” เขาถามขึ้นทันทีที่สายธารก้าวขึ้นรถ



“พวกมันอยู่ที่เดิม แต่ดูเหมือนจะกระวนกระวายน่าดู กับเรื่องในเฟสน่ะ” คนตอบกลั้วหัวเราะ



“ในเฟส? มีอะไรวะ”



ต่อด้านล่าง


ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
«ตอบ #56 เมื่อ22-07-2019 21:45:27 »




ต่อจากด้านบน



“หึหึ ก็ไม่มีอะไรมาก แค่พี่ชะเอมคนดังของมึงเดือดร้อนทีนี่แอดมินเพจของมหาลัยก็ประกาศหาตัวคนร้ายกันให้วุ่น บอกให้รีบมามอบตัวซะ...น่ะ”



“อ๋อ” ไอติมครางรับ เนี่ยเหรอวิธีการของพวกรุ่นพี่ที่สุมหัวคิดกัน...ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคันเร่งให้พุ่งทะยานออกไป “แล้วกูต้องไปที่ไหน”



แม้จะถามแต่กลับไม่ลดความเร็วลงแม้แต่นิด ซ้ำยังเหยียบแรงขึ้นไปอีก คนข้างๆ ก็ดูเหมือนจะชินบอกเสียงเรียบ “มึงเลยมาไกลละติม”



“ไอ้ห่า แล้วก็ไม่บอก” คนตอบก็ตอบเนิบๆ หน้านิ่งพลางเปลี่ยนเกียร์เหยียบเบรก ดริฟท์ให้รถหมุนน่าหวาดเสียว



เอี๊ยดดด!



แล้วรถสปอร์ตคันหรูก็กลับมาอยู่ในถนนอีกด้านหนึ่งที่ดูยังไงๆ จากที่ตรงเมื่อกี้ก็ไม่น่าจะสามารถกลับรถได้เลย



“บอกกูล่วงหน้าก่อนสิวะ ให้เสียเวลากลับรถทำไม” ติมบ่นรำคาญ



“แหม่ กูอยากเห็นฝีมือขับรถเทพๆ ของมึงไง” ธารไม่สนใจกลับชมเปาะ ดูกี่ครั้งก็ชอบ “แล้วอีกอย่างมึงขับเร็วขนาดนี้ จีพีเอสยังตามไม่ทันเลยเว้ย จะให้กูบอกมันก็เลยแล้วป่ะวะ ขับช้าลงหน่อยดิ”



พอเพื่อนสนิทมันบ่นก็เลยลดลงนิดหน่อย...นิดหน่อยจริงๆ



“อีกสองซอยเลี้ยวซ้าย” ร่างสูงบนเบาะข้างคนขับไขว่ห้างผิวปาก พลางมองทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปเร็ว แล้วก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาเปิด ล้วงอาวุธอันตรายขึ้นมาสำรวจ มันคือปืนสองกระบอกสีดำมันเลื่อมแต่ไอติมไม่ยักจะตกใจ ธารตบรังลูกปืนเสียบเข้าไปทั้งสองกระบอกดังแกร๊กก่อนจะไขว้แขนเป็นรูปกากบาททำท่าเล็งออกไปนอกกระจกหลับตาปี๋ข้างหนึ่ง ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมา “วันนี้กูจะได้ยิงป่ะ”



“ก็ขึ้นอยู่กับว่าไอ้พวกนั้นมันจะปฏิบัติตัวยังไง” คนขับตอบเสียงเรียบราวกับไม่สะทกสะท้านว่ามันจะดูโหดร้ายแค่ไหน “ถ้าก้าวร้าวก็จัดมันให้พรุน ก่อนที่จะส่งถึงมือตำรวจ”



คนฟังเลิกคิ้วกับคำพูดนั้นก่อนจะหลุดหัวเราะ “กูว่าแบบนั้นจะกลายเป็นพวกเราต้องถึงมือตำรวจซะเองนะเพื่อน...ข้างหน้าอีกสามซอยเลี้ยวขวา”



“อะไร กูไม่คิดว่าเวลามึงทำงานจะทิ้งหลักฐานเอาไว้โง่ๆ แบบพวกนั้นหรอกใช่มั้ย” ไอติมพูดง่าย ก่อนจะหักพวงมาลัยแรงจนธารเซหัวโขกกระจก คนขับหัวเราะหึๆ ไม่ห่วงเพื่อนคนนี้สักนิด “ไม่งั้นมึงคงไม่รอดมาได้จนป่านนี้”



ที่เขาพูดแบบนี้ได้ก็เพราะรู้น่ะสิ...ว่าครอบครัวของธารมันรับทำงานด้านมืดพวกนี้บ่อยๆ อยู่แล้ว



“งานอะไรก็รับได้ไม่ใช่เหรอครับ คุณสายธาร”



“มึงก็ให้กูรับหน้าที่เลวๆ นี่ตลอด ทั้งๆ ที่มึงนั่นแหละตัวบงการเลย”



“แต่กูให้เงินดีนะ” เขาเลิกคิ้วใส่ ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน



“ใกล้ถึงแล้ว...เตรียมตัวไว้”



แล้วรถสปอร์ตก็แล่นอย่างเงียบเชียบหน้าบ้านโทรมๆ หลังหนึ่ง ติมยิ้มนิดๆ หันมามองหน้าคนข้างกาย “เสร็จแล้วไปแดกเหล้ากัน”



“กูกำลังจะชวน” ธารยิ้มกริ่มถูกใจ “มึงเลี้ยงกูด้วย”



“จัดไปครับเพื่อน”



ทั้งสองคนลงจากรถและเดินไปหน้าประตูบ้านหลังนั้น ซึ่งข้างในกำลังโหวกเหวกเสียงดังวุ่นวายพอดู ทั้งสายธารและไอติมยืนพิงหลังกับกำแพงเหลือบมองผ่านหน้าต่างที่แตกร้าวและสกปรกเหมือนไม่ได้มีการทำความสะอาดอยู่นานหลายสิบปี



"เห้ย มึง เห็นในเฟสป่ะวะ นั่นมันคนที่เราไปเปลี่ยนยานี่หว่า เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้ได้ไงวะ เหี้ยเอ๊ยทำไงดี"



"ก็ไหนเรย์บอกว่าไม่เป็นไรไง... โธ่เว้ย!" อีกคนเตะเก้าอี้พลาสติกจนปลิวกระเด็นไปกระแทกกำแพงเสียงดัง "แม่งหลอกเรา!"



"รีบโทรหามันสิวะ!"



"มันไม่รับว่ะ...ทำไงดี นี่กูต้องโดนตำรวจจับเข้าคุกใช่มั้ยวะ"



พอมีคนหนึ่งเริ่มขวัญเสีย คนอื่นๆ ก็เริ่มสั่นกลัวตามมาไม่แพ้กัน



"หรือเราจะยอมมอบตัว ถ้าเราบอกว่าถูกจ้างมาเขาอาจจะไม่เอาผิดเราก็ได้"



"บ้าหรือไง ใครจะไปเชื่อ"



"แล้วทำไมถึงไม่รับสายวะเนี่ย!?"



"ทำไงดี ทำไงดี"



ตึง!



“ทุกคนใจเย็นๆ” คนที่ทุบโต๊ะเสียงดังพูดขึ้นเสียงเรียบทั้งที่ใบหน้ามีเหงื่อผุดซึม “กูว่ามันต้องหลอกพวกเราแน่ๆ จริงๆ แล้วมันยังไม่รู้หรอกว่าเราเป็นคนทำ ถึงจะมีรอยนิ้วมือแต่ถ้าไม่เอาไปเทียบก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าคนร้ายคือใคร”



เขามองหน้าธารและพยักหน้าให้ช้าๆ เป็นสัญญาณ อีกฝ่ายหยิบหมวกแก๊ปขึ้นมากดปีกหมวกลงต่ำเพื่อปิดบังใบหน้าทุกครั้งเวลาทำงาน แม้จะไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ก็เถอะ



“จริงเหรอ?”



“เออ พวกเราต้องอยู่เฉยๆ อย่ามีพิรุธ...”



แกร๊ก...



“โอ๊ะโอ๋...กูว่าพวกมึงคงจะอยู่เฉยไม่ได้แล้วล่ะนะ” เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ เสียงเหี้ยมพูดขึ้นทำให้เหล่าคนที่กำลังประชุมกันอยู่แตกตื่นทันใด



“!!!”

 

“อย่าขยับ ถ้าไม่อยากให้หัวของเพื่อนมึงมีรูไปประดับ” ธารยกปืนขึ้นจ่อศีรษะของไอ้หัวโจกที่พูดอย่างใจเย็นเมื่อครู่ บัดนี้มันปากสั่นยิ่งกว่าอะไรเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อยู่ชิดกับสมองของมันคือลูกกระสุนที่ยังไม่ได้ถูกเหนี่ยวไก ธารแสยะยิ้ม เหลือบมองต่ำพูดเสียงเหี้ยมไม่ต่างกัน “แล้วก็อย่าโวยวายด้วย”

           

ไอติมกวาดสายตามองหน้าเหล่าคนที่มีแต่พวกหน้าปลวกทั้งนั้นแล้วเลิกคิ้วถามเพื่อน “ไอ้พวกนี้เหรอวะ”

           

“ใช่ กูเห็นพวกมันสุมหัวกันตั้งแต่ครั้งแรก” ธารหมายถึงเรื่องที่เขาให้ไปสืบพวกคนที่คิดจะทำร้ายพี่ชะเอมตั้งแต่ตอนงานกีฬาสี แล้วรามก็โดนลูกหลงบาดเจ็บหนัก จนบัดนี้แล้วก็ยังไม่หายดี

         

“อ้อ...” เขาครางรับกัดฟันกรอด ก่อนจะกระชากผมตรงท้ายทอยไอ้เวรที่น่าจะเป็นหัวหน้าอย่างแรงจนใบหน้ามันหงายเงิบ

           

แกร๊ก!

           

“กูบอกว่าอย่าขยับไง หรืออยากได้รูบนหัว” ไอติมหันขวับเมื่อธารจ่อปืนไปที่อีกคนที่ตัวสั่นยิ่งกว่าใครในห้อง สงสัยมันทำท่าจะหนี เพื่อนสนิทที่ตาไวยิ่งกว่าเหยี่ยวจึงชักปืนขึ้นมาอีกกระบอกจ่อไปที่มันให้หยุดนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลายิ้มมุมปากขำ ไอ้ธารมันไม่ได้มาเล่นๆ เพื่อนสนิทของเขาคนนี้ถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กและถนัดสองข้างจริงๆ ไม่ได้เอาไว้แค่โชว์เท่ห์ไปอย่างนั้น

           

“ขะ ขอโทษครับ! อย่ายิงนะ...” คนขี้ขลาดบอกเสียงสั่น ยกมือขึ้นบังราวกับจะช่วยอะไรได้

           

ธารเดาะลิ้นขัดใจกับคนพูดไม่รู้เรื่อง “กูบอกว่าอย่าเสียงดังไง เดี๋ยวยิงแม่งเลย”

           

เขาหลุดขำก่อนจะบอก “ใจเย็นๆ สิธาร”

           

“พวกมึงเป็นใคร” หัวโจกถามขึ้น แววตาหวาดหวั่น “ต้องการอะไร”

           

ไอติมปรายตามอง...มองไปทั่วใบหน้า ถึงจะไม่ค่อยคุ้นหน้า แต่ว่า ‘พวกมัน’ คือคนที่บังอาจมาทำร้าย... ‘คนสำคัญ’

           

กลิ่นเลือดคละคลุ้งที่ลอยแตะจมูกกับน้ำตานองหน้า ทำให้ดวงตาคมกริบฉายแววอาฆาตชั่ววูบก่อนจะดับลง

           

“ไม่ได้ต้องการอะไร”

           

“...”

           

“แค่จะมาบอกว่าอย่าคิดหนี” ไอติมยิ้มมุมปากก่อนจะล้วงบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือไอพอด “เพราะพวกกูมีหลักฐาน”

           

ก่อนจะกดปุ่มเล่นมันซะให้คนทั้งห้องฟังแล้วตาเหลือก เพราะมันคือเสียงของพวกมันและนายจ้างที่ชื่อเรย์เคยตกลงกันเรื่องงานถูกบันทึกเอาไว้

           

ไอติมยิ้มชอบใจเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวธารไม่ลืมหลักฐานที่สามารถเอามาแบล็คเมล์พวกมันไว้ได้เป็นอย่างดี...คงจะต้องให้รางวัลอย่างงาม

           

เขาหย่อนมันลงกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมแล้วก็บอกอีกครั้ง “คงได้ยินกันแล้วนะ แต่กูจะให้โอกาสพวกมึงได้ไปมอบตัวด้วยตัวเอง...โดยไม่ส่งหลักฐานชิ้นนี้ไปด้วย”

           

“...”

           

“เพราะฉะนั้น...กูก็หวังว่าพวกมึงจะทำตัวกันดีๆ” มือใหญ่ละออกปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระและปัดกับกางเกงแรงๆ อย่างรังเกียจ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะพยักเพยิดให้เพื่อนสนิทเดินตามออกมาเพราะหมดธุระแล้ว และทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ให้คนทั้งกลุ่มขนลุก

   

“เข้าใจแล้วนะ”



           

“อ้า...สุดท้ายกูก็ไม่ได้ยิง” ธารคราง ฟังจากน้ำเสียงรู้ได้เลยว่าเสียดายขนาดไหน

           

เสียงทุ้มกลั้วหัวเราะ “เอาน่า มึงเก็บลูกกระสุนไว้บ้างก็ไม่เป็นไรไหมวะ”

           

“แต่มึงเป็นคนบอกให้กูยิงได้”

           

“นั่นมันกรณีที่คิดขัดขืนเว้ย” ไอติมปรายตามอง พอเห็นเพื่อนมันทำหน้าเซ็งนิดๆ ก็แอบขำไม่ได้

           

ท่าทางอารมณ์ดีของไอติมทำให้เพื่อนสนิทมองอย่างสงสัย...สงสัยเกินทนจนต้องถามออกมา

           

“ติม กูถามอะไรหน่อยได้ไหมวะ”

           

“ว่า” คนขับเคาะนิ้วชี้กับพวงมาลัยเป็นจังหวะ นี่ถ้ามันผิวปากด้วยได้มันคงทำไปแล้ว

           

“เรื่องที่มึงทำอยู่เนี่ย” ธารลากเสียง “เพราะพี่เอมเหรอวะ”

           

ไอติมได้ยินชื่อแล้วก็ชะงัก อารมณ์ดีๆ เมื่อกี้สะดุดทันที ก่อนจะหันมาขมวดคิ้วใส่คนถาม

           

“มึงจะถามอะไร”

           

“กูรู้ว่ามึงเข้าใจติม” ใบหน้าหล่อเหลาอย่างคนยุโรปถอนหายใจเฮือกใหญ่ “หรือจะให้กูอธิบายคำถาม...ได้ กูจะถามว่าที่มึงทำไปนี่เพื่อจะจับคนร้ายที่มาคิดไม่ดีกับพี่เอม...มึงทำเพื่อพี่ชะเอมใช่มั้ย หรือว่าทำเพื่อรามกันแน่”



“...ก็แน่อยู่แล้วสิวะ” ไอติมเงียบไปนานก่อนจะพึมพำเสียงเบา “ก็พวกมันมาทำร้ายพี่เอม ถ้าไม่ทำเพื่อเขาแล้วจะให้ทำเพื่อใคร”

           

จากนั้นทั้งรถก็กลับมาเงียบอีกครั้งโดยที่สายธารไม่ถามอะไรอีก ปล่อยให้ไอ้คนปากแข็งพูดไม่ตรงกับใจคิดอะไรอยู่คนเดียว...เผื่อว่ามันจะคิดอะไรออกได้บ้าง

           

แค่นี้มึงยังไม่ยอมรับเลยว่าที่มึงทำทั้งหมดนี่เพื่อใคร

           

สุดท้ายแล้ว...มึงจะพูดแบบนี้ได้ไปถึงเมื่อไหร่กันวะ ไอ้ห่าติม




********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
«ตอบ #57 เมื่อ22-07-2019 21:46:11 »





ทดแทนรัก

ตอนที่ 27



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ร่างสูงไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ยกรีโมทยิงเปลี่ยนช่อง รู้สึกว่าอะไรก็ราบรื่นไปหมดเพราะดูเหมือนไอ้พวกนั้นที่เขาขู่เอาไว้มันจะไปมอบตัวแล้ว ธารเป็นคนโทรมาแจ้งข่าว และในระหว่างจดจ้องดูข่าวที่กำลังฉายอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ ร่างโปร่งกะเผลกออกจากห้องนอนบอกด้วยใบหน้าซีดเซียว



“ติม” เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบาตะกุกตะกัก “เมื่อกี้ดินโทรมาบอกว่าคินถูกยิง อาการบาดเจ็บสาหัสอยู่โรงพยาบาล...ติมพาพี่ไปหน่อยสิ”



แล้วจากนั้นทั้งสองคนมาถึงโรงพยาบาลในเวลาไม่นาน ไม่ใช่ว่าไอติมเป็นห่วงคนที่ชื่อคินแต่อย่างใด เขาเป็นห่วงพี่ชะเอมต่างหากว่าจะเป็นอย่างไร ปลอดภัยดีรึเปล่า



“พวกมึง” ร่างโปร่งที่เดินทุลักทุเลเข้ามาในห้องที่ชะเอมกำลังนอนพักฟื้นอยู่ด้วยใบหน้าซีดเซียวไม่ต่างกัน แน่ล่ะ เป็นใครฟังก็ต้องตกใจอยู่แล้วล่ะ “เป็นไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น”



พระรามถามอย่างไม่รู้เรื่อง ตัวเขาเองก็เป็นแบบนี้ เขาถึงได้อยู่แต่ในห้องมีไอติมเฝ้าอยู่ทั้งวันจะให้ออกไปไหนตามใจก็ไม่ได้ แต่ก็เพราะเป็นแบบนั้นแหละอาการของเขาถึงได้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว



ไอติมเดินเข้าไปใกล้เตียงที่ชะเอมนอนอยู่ ดวงตาคมกริบจดจ้องผ้าก๊อซสีขาวที่แปะอยู่ตรงศีรษะเล็กและเสื้อของผู้ป่วยสีอ่อนที่เปรอะเปื้อนเลือด คงจะเป็นเลือดของตัวเองผสมกับเลือดของคนๆ นั้นที่เป็นคนสำคัญต่อร่างบาง นิ้วยาวยกขึ้นเกลี่ยผมหน้าม้าที่ปรกใบหน้าออกและไล้ขอบตาแดง แม้ในตอนหลับใบหน้าหวานก็ยังมีคราบน้ำตาติดอยู่...น่าสงสาร



ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของพระราม ตอนนี้ร่างสูงช่างอบอุ่นอ่อนโยน...ไม่เหมือนไอติมที่เขารู้จัก ดวงตาเรียวหลุบต่ำกดความน้อยใจลงไป



ไม่มีใครตอบคำถามของเขา ทั้งห้องเงียบงันมีแต่ความเสียขวัญ ก่อนที่พระรามจะหันมาถามไถ่เพื่อนอย่างเป็นห่วงแทน “เอมเป็นอะไร”



“ถูกตีหัวแล้วก็เสียเลือดมาก แค่เป็นลมหมดสติไป แต่จนผ่าตัดไอ้คินเสร็จแล้วยังไม่ฟื้นเลย”



“แล้วคินล่ะ...คินเป็นยังไง ปลอดภัยรึเปล่า”



“ปลอดภัย...แต่...” ดินหลบตา ปากสั่นระริก พระรามที่ไม่ได้คำตอบก็หันไปมองสินแทนอย่างไม่เข้าใจ เพื่อนๆ คนอื่นต่างก็มีสีหน้าลำบากใจ



เขาถึงได้รู้สึกว่ามันแปลกๆ ดวงตาเบิกกว้าง หน้าซีดเซียวกว่าเดิมและหัวใจเต้นรัว นี่มันอะไรกัน...หมายความว่ายังไง?



ปกติพูดว่าปลอดภัยแล้วก็ต้องโล่งอก สีหน้าดีใจไม่ใช่หรือ



พระรามไม่อยากจะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าหาก...ถ้าหากว่าคินเป็นอะไรไป ชะเอมจะโทษตัวเองมากแค่ไหน



อย่างน้อยแต่ละคนก็คงรู้สึกดีที่ร่างบางคนนี้ยังไม่ฟื้น เขาก็ภาวนาเช่นนั้น...ขอให้อยู่ในความฝันไปก่อน อย่าเพิ่งตื่นขึ้นมารับรู้ความเป็นจริงอันโหดร้าย



แต่แล้วคำขอมันก็ไม่เป็นจริง



“อือ...” เสียงใสแหบเล็กน้อยครางอือรู้สึกตัว ทำให้ทุกคนในห้องขยับตัวอย่างตกใจ เป็นดินและสินที่ตั้งสติได้เดินเข้าไปหาเป็นคนแรก



"เอม ฟื้นแล้วเหรอ"



ชะเอมถูกพยุงลุกขึ้นนั่งจับศีรษะกระพริบตาอย่างมึนงง แต่พอดวงตากลมโตมองไปที่เสื้อของตนก็เบิกตากว้างถามเสียงดัง "คิน! คินเป็นไงบ้าง!?" และน้ำตาก็ไหลรินอีกครั้งผ่านขอบตาแดงคล้ายว่าจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะหมดสติไปได้ทั้งหมดแล้ว



"เอม นายเป็นลมเพราะขาดเลือดนะ อย่าลุกขึ้นกะทันหันแบบนั้นสิ" สินเตือนสติชะเอมที่เขย่าตัวดินอย่างแรง ใบหน้าหวานส่ายระรัวร้องไห้อย่างคนไร้สติ



"คิน...คินล่ะ ฮือออ คินเป็นไงบ้าง ดินบอกเราสิ! ...คินเป็นยังไงบ้าง!" แต่ถามออกมาก็ไม่มีใครอยากจะให้คำตอบ เสียงใสตะโกนกร้าวอีกครั้ง "ทำไมถึงไม่พูดเล่า!?"



พระรามมองท่าทางนั้นของชะเอมด้วยใจที่หวาดหวั่น ปกติชะเอมไม่เป็นแบบนี้ แต่ละคนเข้าใจว่าร่างบางกำลังร้อนรนเพราะว่าคนรักได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกยิงเข้าที่แผ่นหลังดังนั้นจึงต้องอยากรู้อยู่แล้วว่าคินเป็นยังไงบ้าง



"เอม...คือ..." ดินทำหน้าลำบากใจเหมือนตอนที่ตอบเขา แต่คงจะมากกว่าเป็นสิบเท่าล้านเท่า



"เอม คินปลอดภัยแล้ว" ทุกคนในห้องหันขวับ กฤษณะหมอประจำตัวของชะเอมเดินเข้ามา ซ้ำยังเป็นคนรู้จักกับครอบครัวของชะเอมมานานแล้ว แพทย์วัยสี่สิบกว่าแต่ใบหน้ายังสามสิบทำหน้าลำบากใจไม่แพ้กัน



"จริงเหรอครับอาหมอ" ชะเอมมีสีหน้าดีขึ้นทันใด ดวงตากลมโตประกายยินดี แต่ก็หม่นลงอย่างรวดเร็วเพราะสีหน้าของเพื่อนในห้อง กฤษณะเดินเข้ามาใกล้และกอดร่างเล็กแนบอก



"คินปลอดภัยแล้วจริงๆ แต่...เอมฟังอาดีๆ ...ทำใจดีๆ ไว้นะ"



"อาหมอ...อาหมอพูดเรื่องอะไรน่ะครับ" คำพูดนั้นทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างแล้วน้ำตาก็ไหลริน เสียงใสถามสั่นเครือ ส่ายหน้าไปมาช้าๆ อย่างคนไม่เข้าใจ...ไม่อยากเข้าใจ



กฤษณะจับไหล่บางและสบตา พูดอย่างจริงจัง



"เอม คินปลอดภัยแล้วก็จริง แต่..." นายแพทย์สูดลมหายใจเข้าลึกที่ดูจะยากลำบากกว่าทุกครั้ง "กระสุนที่ยิงเข้าแผ่นหลังนั้น ไปโดนเส้นประสาทที่เกี่ยวกับการควบคุมขาทั้งสองข้างจนเสียหาย"



"ไม่...จริง..."



"ตั้งแต่สะโพกลงไป คินอาจจะไม่มีความรู้สึก...และไม่สามารถกลับมาเดินได้อีก"



ชะเอมเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง น้ำตาไหลลงอีกครั้ง มือบางยกขึ้นกุมหัวและกรีดร้องคล้ายสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บหนัก



"อ๊า...ไม่จริง...ไม่!!" รามน้ำตาไหลหลุดสะอื้นกับความเป็นจริงที่ได้รับรู้ไปพร้อมกัน แต่ชะเอมคงจะเจ็บปวดมากกว่าเขาหลายล้านเท่านัก หรืออาจจะเจ็บปวดจนบรรยายไม่ได้เลยทีเดียว



"อาหมอโกหก!"



"เอม...เอมใจเย็นๆ" กฤษณะบอกอย่างใจเย็น ไม่ได้โกรธสักนิดกับกำปั้นที่รัวทุบร่างกายตน นายแพทย์คงจะเป็นห่วงร่างบางมากกว่า กลัวว่าจะเป็นอะไรไปอีกคน เพราะว่าชะเอมก็เป็นโรคหัวใจ ถ้าหากเครียดหนักแบบนี้อาการอาจจะกำเริบขึ้นมาได้ตลอด ไม่มีใครรู้



"ไม่จริง...ไม่จริง!! อาหมอโกหก! โกหก!!" ชะเอมยังคงตะโกนไปร้องไห้ไปเหมือนคนใจจะขาด ร้องเรียกชื่อของคนที่รักจนพระรามทนมองไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว "ฮือ คิน...คิน...!"



ร่างโปร่งได้แต่หลับตาและปล่อยให้น้ำตาไหลไป...ฟังเสียงร่ำไห้คร่ำครวญของคนเพียงหนึ่งเดียวเจือเสียงสะอึกสะอื้นของเพื่อนๆ ไปพร้อมกัน

   

   



หลังจากเยี่ยมคินที่ยังไม่ฟื้นแค่เพียงครู่เดียว ไอติมก็บอกว่าจะกลับ...ทำให้เขาต้องออกมาด้วย ร่างสูงเป็นแบบนี้อีกแล้ว...นิ่งเงียบ  เย็นชา เขารู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร



เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ อีกฝ่ายคงจะตระหนักได้แล้วว่าชะเอมรักเพียงแค่คินคนเดียว แม้ติมจะคอยเป็นห่วงร่างบางมากแค่ไหน ชะเอมก็ไม่มีวันรับรู้ความหวังดี และถึงแม้จะรู้ก็ไม่สามารถปันใจมาให้แม้แต่เสี้ยวเดียว



นี่มันไม่ต่างจากรักสี่เส้า ชะเอมกับคินรักกัน ไอติมรักชะเอม เขารักติม...วังวนที่ไม่มีวันบรรจบ



ทั้งติมและราม ไม่มีวันสมหวัง



...แต่มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ไม่มีใครรัก...



“ติม เป็นอะไรรึเปล่า” ร่างโปร่งเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา จับไหล่กว้างที่อีกฝ่ายสะบัดออกอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังตวัดมองด้วยสายตาขุ่นๆ อีกด้วย



“กูไม่ได้เป็นอะไร”



พระรามขมวดคิ้ว แบบนั้นน่ะนะ? “โกหก”



“จะเป็นอะไรมึงก็ไม่ต้องมาเสือกหรอกน่า!!”



เสียงตะคอกรุนแรงนั้นทำให้คนฟังหน้าหม่น...เป็นพี่ไม่ได้เหรอ



พี่ยังอยู่ตรงนี้...อยู่ข้างๆ นายนะติม



“เป็นพี่ไม่ได้เหรอ” ความปรารถนาที่อยู่ในใจ มันเรียกร้องดังก้องจนต้องพูดออกมา “เป็นพี่ไม่ได้เหรอที่นายจะหันมามองกันบ้าง”



“อยู่ๆ มึงพูดอะไร” เสียงทุ้มเย็นเยียบ เขารู้ดีว่าไอติมไม่ได้ไม่เข้าใจ “คิดจะเรียกร้องอะไร”



“พี่เปล่า...” เสียงทุ้มใสพูดแผ่วเบา เขาแค่รักอีกฝ่ายแต่กลับถูกมองว่าเรียกร้องงั้นหรือ “ติม นายเลิกคิดถึงเอมซักทีเถอะ ยังไงเขาก็ไม่ชอบนายหรอก”



“บอกว่าไม่ต้องเสือกไง ไม่ใช่เรื่องของมึง”



พระรามเม้มปากแน่น เมื่อถูกกีดกันอีกครั้ง



“มาบอกว่าให้กูเลิกชอบพี่เอม มึงล่ะเลิกชอบกูได้รึเปล่า ถ้าไม่ได้ก็อย่ามาสะเออะบอกคนอื่น...เพราะยังไงกูก็ไม่ชอบมึง”



ร่างสูงลุกขึ้นและเดินผ่านไปทำให้พระรามเดินตามด้วยความทุลักทุเลเพราะไม้ค้ำยันที่ใช้ไม่ค่อยถนัด จับแขนแกร่งของอีกฝ่ายให้หันมาก่อนที่ทำท่าจะเดินออกจากห้องไป



“แต่พี่สามารถรักนายได้มากกว่าใคร!”



“แต่ถ้ากูไม่อยากได้ ความรักของมึงมันก็ไม่มีค่า!!” ไอติมตะคอกเสียงดังจนคนฟังสะดุ้งตกใจ เบิกตากว้างมองใบหน้าหล่อเหลาเกรี้ยวกราด ใจดวงน้อยกระตุกบีบรัดกับสิ่งที่ออกมาจากปาก คำพูดนี้แรงเกินไป น้ำตาที่คลอหน่วยไหลลงอาบใบหน้า “อย่ามายัดเยียดความรู้สึกของมึงให้กู เพราะมันจะทำให้มึงยิ่งน่าสมเพช”



มือเรียวที่กอบกุมต้นแขนแกร่งค่อยๆ ปล่อยตกลงข้างตัว เสียงทุ้มใสเอ่ยสั่นเครือสะอึกสะอื้น “ติม ฮึก นายพูดแรงเกินไปแล้ว...”



“...”



“พี่ก็แค่รักนาย...อยากให้นาย...” พระรามเงียบไป รู้อยู่แล้วว่าความรักมันมาพร้อมกับความโลภ...สุดท้ายสิ่งที่เขาเคยบอกตัวเองว่าแค่อยู่ข้างกายร่างสูงเท่านี้ก็เพียงพอ...มันไม่จริงเลย



เขาอยากได้มากกว่านั้น



อยากได้ความรัก...ความเป็นห่วง...ความอ่อนโยน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ชะเอมได้จากอีกฝ่ายโดยไม่ต้องร้องขอ แต่กับเขาที่เรียกร้องอย่างน่าสมเพชกลับถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า



“นายไม่เคยคิดอะไรกับพี่จริงเหรอ ติม”



อยู่ด้วยกันมาตลอด...ร่างกายก็มีความสัมพันธ์ที่เกินคนรักไปแล้ว



แต่กับหัวใจ รู้สึกไม่ต่างอะไรกับคนนอก...เขาเป็นเพียงแค่นั้นหรือ



“แล้วที่นาย อึก ที่นายดูแลพี่...” ตลอดเวลาที่เขาไม่สบาย...ตลอดเวลาที่เขาใช้เท้าไม่ได้ เดินไม่ได้แบบนี้ ทำไมติมถึงอยู่ด้วยกัน...ดูแลกัน



“ก็แค่รู้สึกผิด”



“ติม...โกหก...” ร่างโปร่งส่ายหน้าทั้งน้ำตา ยิ่งรู้สึกรับไม่ได้กับคำตอบแบบนี้...เขาไม่ได้อยากฟังคำตอบแบบนี้ “พี่ไม่เชื่อ...”



หัวใจมันบีบรัดแทบหายใจไม่ออก



แม้น้ำตาจะไหลมากเท่าไหร่...ก็ไม่อาจอธิบายความรู้สึกเจ็บนี้ได้เลย



“ถ้ามึงเข้าใจผิดว่ากูรู้สึกดีด้วย...กูก็จะไม่ทำอีก” เสียงทุ้มบอกย้ำอีกครั้ง ปรายตามองและพูดเป็นครั้งสุดท้าย “เพราะกูไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่านั้น”



“ติม อย่าเพิ่งไป!” พระรามเอ่ยห้าม ร่างโปร่งปล่อยไม้ค้ำยันจนหล่นกระแทกพื้นเสียงดังเดินกะเผลกเข้าไปเกาะเสื้อที่แผ่นหลังกว้าง



ขอร้องล่ะ ครั้งสุดท้าย...แค่เรื่องนี้ที่เขาอยากได้คำตอบของความรู้สึกที่ติดใจมาตลอด



“ละ แล้ว ที่ เรื่องของนิล...ฮึก ทะ ทำไมตอนนั้น...ถึงกอดพี่”



ถ้าแค่คำว่าเป็นห่วงกัน...เป็นห่วงเขาบ้าง แค่นี้...



“นั่นกูก็แค่รู้สึกผิด”



“...”



“ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงทั้งนั้น” ติมพูดเสียงเรียบ ไม่แม้แต่จะหันมามอง “พอใจรึยัง ปล่อยกูได้แล้ว”



ร่างสูงเดินออกไป เสียงประตูที่ปิดลง...พระรามมองภาพแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และความเจ็บปวดมันก็เพิ่มทวีมากขึ้นทุกที...ทุกที



ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่าที่เขาจะต้องเจ็บแบบนี้



อา...เจ็บ...เจ็บจัง



มือขาวยกขึ้นกอบกุมแผ่นอก ก้อนเนื้อข้างในมันบีบตัวแน่นทรมาน นิ้วเรียวทั้งจิก ทั้งข่วน แต่มันก็ไม่ทุเลาลงเลย



“เมี้ยว...”



เสียงร้องของสัตว์ตัวเล็กไม่เข้าประสาทรับรู้ของร่างโปร่งแม้แต่นิด รามทรุดนั่งพื้นตรงนั้นคู้ตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลหยดลงพื้นเปียกนอง



“ฮือ...ฮือ...” เสียงร้องไห้คร่ำครวญแผ่วเบา ในเวลาที่เขาเสียใจไม่เคยมีใครเลยที่ได้ยิน



พระรามทนไม่ไหวแล้ว ข้างในมันบีบรัดทรมานมาก ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือไม่...แต่นี่ไม่ใช่แค่อาการทางจิตใจ อาการทางกายก็เริ่มแสดงออกมาให้เห็น



เจ็บ...เจ็บ!

   “แฮ่ก...!” แต่เจ้าตัวยังคิดว่ามันไม่ใช่ เขาไม่ได้ป่วยเป็นโรคหัวใจเหมือนชะเอม ก็แค่เสียใจมากเท่านั้น พระรามถอดเสื้อออกเพราะความร้อนรุ่มเหมือนไฟแผดเผา ถ้าหากว่าเจ็บที่หัวใจมากล่ะก็ต้องทำให้ตรงอื่นเจ็บมากกว่า มือทึ้งแผลต้นแขนที่กำลังจะหายสนิทจนมันเลือดออกอีกครั้ง กลิ่นคาวของน้ำสีชาดคละคลุ้งจนอุริวิ่งหนีหลบไปที่อื่น



แต่เจ็บแค่นี้มันยังไม่พอ



“แฮ่ก...เฮือก...” ร่างโปร่งอ้าปากหอบหายใจติดขัดเหมือนคนขาดอากาศ ดวงตาเรียวเหลือกกว้างน้ำตาไหลเพราะทรมานกายและใจ นิ้วเรียวจิกทึ้งแผลไม่หยุดแหวกตรงปากที่ปิดสนิทให้มันเปิดกว้าง...ให้เลือดมันไหลออกมาให้เยอะ...ให้มันเจ็บมากกว่าที่ใจ



อยากให้หัวใจไม่รู้สึกอะไร เขาจะได้ไม่ต้องทรมานแบบนี้



ในที่สุดลมหายใจก็ค่อยๆ แผ่วเบาลง ร่างทั้งร่างหยุดนิ่ง แขนตกลงกระทบพื้นพร้อมกับเลือดที่เปรอะเปื้อน



พระรามหมดสติอย่างสิ้นเชิง

   



********************* Love Substitute *********************

   





ผู้ชายหล่อเหลาสองคนกำลังนั่งอยู่ในมุมมืดท่ามกลางร้านผับบาร์ร้านเดิม แสงสีเสียงไม่ได้ทำให้ร่างสูงคนหนึ่งหยุดซดเหล้าอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อนสนิทข้างกายก็กระดกแก้วเหล้าพลางเหล่มองอย่างเป็นห่วง



ห่าติมมันเป็นอะไรอีกแล้ววะ...ทำไมไม่เคยพูดอะไรให้กูฟังซักคำ เรียกมาเป็นเพื่อนนั่งแดกเหล้าตลอด



“ติม มึงเป็นอะไร” ในที่สุดสายธารก็พูดออกมาอย่างทนไม่ไหว แม้ก้นผู้หญิงมันจะน่าดูแต่อยู่กับคนบรรยากาศทะมึนแบบนี้อึดอัดเป็นบ้าเลย “ระบายให้กูฟังบ้างก็ได้นะเว้ย เก็บไว้เดี๋ยวอกแตกตาย”



ใบหน้าหล่อเหลาแบบยุโรปตบอกดังปั้ก ตบเองก็จุกเอง ทำขนาดนี้ไอติมมันยังเมินไม่สนใจ ซ้ำยังยกมือเรียกพนักงานให้เอาเหล้ามาเพิ่มอีก



ให้ตายสิเว้ย



“พี่ชะเอมหรือรามล่ะคราวนี้” เขาเดา มีแค่สองคนนี้แหละที่ดูมันจะวุ่นวายใจเหลือเกิน



ได้ผลครับ มันตวัดตาดุมาเชียว “มึงอย่าพูดชื่อนั้นออกมา กูไม่อยากได้ยิน”



เขาขมวดคิ้วฉับ มันหมายถึงใคร?



พี่ชะเอมก็คนในใจ ส่วนรามก็เป็นคนข้างกาย...บอกตามตรง ตอนนี้แม้แต่สายธารที่เป็นเพื่อนสนิทก็ไม่รู้แล้วว่าตกลงไอติมมันจะเอายังไงกันแน่ จะโลเล ปากแข็ง หรือทิฐิมากก็เอามันสักอย่างดิ



“มึงหมายถึงใคร” เขาถามเพราะขี้เกียจเดา เดาก็ด่า ถามก็ด่า ช่วงนี้ไอ้ห่านี่มันเหมือนผู้หญิงที่อยู่ในช่วงเวลานั้นของเดือน อารมณ์แปรปรวนเสียเหลือเกิน



นั่น ไม่ทันขาดคำมันตวัดสายตาใส่เหมือนผู้หญิงอีกแล้ว ถ้าไม่ติดที่ใบหน้าหล่อเหลากับท่าทางเถื่อนๆ นี่ล่ะก็เขาจะคิดว่ามันไม่ใช่ผู้ชาย



“...” แต่แล้วมันก็แค่มอง วางแก้วกระแทกโต๊ะดัง สายตาเหม่อลอย



“ติม!” เสียงเล็กๆ แทรกผ่านเสียงเพลงดังกระหึ่มทำให้ธารที่กำลังกระดกแก้วสำลักน้ำเมาพรวด มองตาโตเมื่อเห็นร่างเล็กถลาเข้ามากอดแขนเพื่อนทำเสียงออดอ้อน



“ติม...ติมอย่าโกรธนิลเลยนะ นิลมาขอโทษเรื่องวันนั้น...” ร่างเล็กช้อนตามองออดอ้อนพูดเสียงกระเง้ากระงอด “นิลคิดถึงติมมากเลย” ไม่ลืมท่าไม้ตายยกมือลูบอกแกร่งไล้ลงมาหน้าท้อง



สายธารกลืนน้ำลายมองตาเหลือก ก่อนจะเขยิบถอยหนีไปอีกฟากของโซฟา เขาไม่รู้แล้วนะว่าอะไรจะเกิดขึ้น



นิลนี่ก็เหลือทน ขนาดให้ผู้ชายรุมโทรมตั้งห้าคน ยังไม่เข็ดอีก...สงสัยมันคงจะชอบแทนที่จะกลัว



เวรแล้ว



ตึง!



“มึงมาทำอะไร”



“ตะ ติม” นิลสะดุ้งตัวสั่นระริก สบตาคมกริบอันแสนน่ากลัวแล้วหวาดหวั่น แต่มือยังโอบไม่ปล่อยจากต้นแขนแกร่ง เอ่ยอย่าใจสู้ “ติม ติมยังโกรธนิลอยู่เหรอ วันนั้นนิลขอโทษที่ไปที่ห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต”



“...”



“หรือว่า...หรือว่าไอ้หน้าจืดคนนั้นมันฟ้องอะไรติม นิลอธิบายได้นะ”



ต่อด้านล่าง




ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
«ตอบ #58 เมื่อ22-07-2019 21:46:33 »




ต่อจากด้านบน



ดวงตาคมกริบปรายมองก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง “อธิบายมาสิ”



ท่าทางของติมทำให้ร่างเล็กยิ้มกว้าง เริ่มใจชื้นขึ้นมาเมื่อได้โอกาสทำแต้มตีตื้น “วันนั้นนิลแค่ขอเข้าห้อง แต่ไอ้หน้าจืด...พี่คนนั้นเขาไม่ให้นิลเข้า แถมยังต่อยหน้านิลด้วย” นิลอธิบายโดยเปลี่ยนคำเรียกเพื่อความปลอดภัย แถมยังคิดว่าน่าจะได้ความเห็นใจเพิ่มมาอีกโข



“ติมดูหน้านิลสิ ยังเป็นรอยไม่หายเลย พี่คนนั้นต่อยนิลไม่ยั้งแรงเลย”



“แล้วมึงทำอะไรราม”



“นะ นิลแค่ผลักเขานิดหน่อย”



“แล้วรอยบีบที่คอล่ะ” คราวนี้เสียงทุ้มเหี้ยม เพียงสบตานิลก็ตัวสั่นงันงก “มึงบีบคอรามใช่มั้ย”



“นั่นนิลแค่ป้องกันตัว พี่เขาจะทำร้ายนิล” ร่างเล็กอธิบายแต่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอเพราะร่างสูงจ้องเขม็งทำให้นิลว่าต่อ “นิลก็แค่เอาคืนแค่นั้นเอง! ติมอย่าไปเชื่อคนโกหก...พี่คนนั้นร้ายกว่าที่ติมคิดนะ!”



ร่างสูงนั่งนิ่ง ฟังความของนิลแล้วแกว่งแก้วเหล้าในมือไปมา ดวงตาคมกริบจับจ้องแก้วน้ำแข็งที่ลอยวนค่อยๆ ละลาย



‘พะ พี่...คิดว่านิลโมโหที่เห็นพี่อยู่ในห้องของนาย เขาจับตรงแผลพี่ พี่ก็เลยโมโห...เลยต่อยเขากลับ’ เสียงทุ้มใสดังขึ้นในความทรงจำ เล่าทั้งๆ ที่เสียงสั่น ตัวสั่น ‘จากนั้นนิลก็ตามเข้ามาในห้องนอน แล้วก็ทับเท้า บะ บีบคอ...’



“ติม? จะทำอะไร!? ยะ อ่อก...อ่อก!” นิลตกใจแทบสิ้นสติเมื่อถูกมือใหญ่จับหมับเข้าที่ลำคอเพียงมือข้างเดียวและถูกกระแทกให้นอนราบที่โซฟา ร่างเล็กดิ้นพล่านตาเหลือกพยายามแงะสิ่งที่ทำให้เขาขาดอากาศหายใจออกไป แต่แรงที่โถมใส่ลงมาทั้งหมดทำให้นิลกำลังจะตายเพราะไม่มีลมเข้าปอด



‘ตอนนั้น...พี่นึกถึงนายด้วย’



“มึงทำแบบนี้ใช่มั้ย”



กึด...



“อ่อกกก” ร่างเล็กตาเหลือกขาว น้ำลายไหลย้อยและลิ้นจุกปาก



“กูจะทำแบบที่มึงเคยทำ!”



“เฮ้ยเชี่ยติม นี่มันเกินไปแล้วเว้ย” แล้วธารที่นั่งอยู่ก็เริ่มทนดูไม่ไหว ลุกขึ้นมาดึงไหล่เพื่อนอย่างแรงเตือนสติ “ปล่อยสิวะ เดี๋ยวมันก็ตายหรอก!”



“เฮือกกก...แค่กๆๆๆ!!” ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดทันทีที่ได้รับอิสระ ไอค่อกแค่กน้ำหูน้ำตาไหลผิดรูปลักษณ์อันน่ารัก สายตาที่เคยมองไอติมเปลี่ยนไปกลายเป็นหวาดกลัวก่อนที่นิลจะวิ่งหนีหายไป



“แฮ่ก...แฮ่ก...”



ร่างสูงหายใจแรงดังฟืดฟาด หัวสมองขาวโพลน ไม่รู้ตัวเลยว่าเมื่อกี้กำลังจะทำอะไร รู้แค่ว่าเสียงร่ำไห้ของร่างโปร่งมันดังก้องอยู่ในหัว



นี่เขาเป็นอะไร



‘พี่ก็แค่รักนาย’



ไอติมไม่ได้รักพระรามสักหน่อย



‘ติม อย่าเพิ่งไป!’



ทำไมถึงต้องนึกถึงด้วย



‘ทำไมตอนนั้น...ถึงกอดพี่’



มึงอย่ามาวุ่นวายในหัวกูนักได้มั้ยวะ!



“ไอ้เวรเอ๊ย!!”



เพล้ง!



ธารมองดูเพื่อนตัวสูงที่ขว้างแก้วเหล้าลงพื้นอย่างแรงราวกับจะระบายอารมณ์อะไรสักอย่าง ก่อนที่ร่างสูงจะทิ้งตัวลงบนโซฟาหมดสภาพ



“คนที่กูชอบน่ะ...”



‘ฮือ คิน...คิน...!’



เสียงร้องไห้คร่ำครวญ...เป็นเสียงใสของชะเอม



ร่างบางคนนั้นกำลังร้องไห้เพื่อคนที่รัก...ที่ไม่ใช่เขา



“คือพี่ชะเอมต่างหาก”



ใช่ ที่เขามากินเหล้าย้อมใจและเมาเละเทะอยู่นี่ก็เพราะว่าชอบพี่เอม และติมก็รู้ดีว่ารุ่นพี่ที่น่ารักคนนั้นไม่มีวันชอบเขา เหมือนกับที่เขาไม่มีวันชอบราม



เสียงยานคางพึมพำอะไรไม่รู้ของไอติมทำให้ธารถอนหายใจ



ไอติมเมาแล้ว...เมาหนักด้วย



“อะไรของมึงวะไอ้ติม หมดหล่อเลยเพื่อนกู” เขาทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม ยกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟมาเปลี่ยนแก้วใหม่ให้ไอติมและสั่งมาเพิ่มอีกหลายขวด “เมาอย่างกับหมา”



แม้จะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็ยอมให้มันเมาหนึ่งวัน เพื่อที่จะระบายทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดอั้นออกมา



ปล่อยความรู้สึกนี้ไป แล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มต้นใหม่

   

   

********************* Love Substitute *********************

   

   

   พระรามรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที...ก็ผ่านมาได้แล้ววันกว่าๆ

   ร่างโปร่งขยับยันตัวลุกขึ้นจากพื้น มองไปรอบๆ มึนงง นี่เขา...หมดสติไปเหรอ ขยับมากเข้าก็สะดุ้งเพราะแผลที่แขน เลือดที่ไหลแห้งเกรอะกรังไปแล้ว แต่ความเจ็บแสบแทรกเข้ามาแทน สภาพแบบนี้ถ้าพี่อิฐเห็นเข้าล่ะก็จะต้องโดนดุอีกแน่ เพราะฉะนั้นเขาจะทำแค่พันแผลเอาไว้ก็พอแล้ว...แม้มันจะทุลักทุเลและทุเรศมากก็ตาม

   

อาการเมื่อวานของเขาดีขึ้นมาก สิ่งที่เจ็บทรมานในอกมันหายไปแล้วเหมือนหลับเพียงตื่นเดียวอาการทั้งหมดก็หายวับไป รวมถึงความรู้สึกก็ลืมไปหมด



“ลืมเหรอ...” เสียงทุ้มใสพึมพำ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มอ่อนแสงลง



ถ้าหากคนเรารีความทรงจำใหม่ในทุกๆ เช้าหรือลืมความรู้สึกทุกข์ในวันก่อนได้...มันก็คงจะดีนะ



พระรามอาบน้ำโดยไม่ให้โดนแผลที่แขน ก่อนที่จะมาทำความสะอาดพื้นที่เลอะเทอะเพราะกลัวว่าเจ้าของห้องจะกลับมาเห็น จากนั้นเลยได้โอกาสทำความสะอาดให้รอบห้อง ปัดกวาด เช็ดถู ล้างห้องน้ำ ทำโน่นทำนี่ ที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะไม่อยากจะมานั่งเฉยๆ ให้ความคิดมันฟุ้งซ่าน...ขยับกายไปมาทั่วห้องหลายรอบทั้งๆ ที่ข้อเท้าก็ยังไม่หายดี



เขาทำเสร็จหมดทุกอย่างจนห้องสะอาดเอี่ยมอ่องจนแม่บ้านเห็นแล้วต้องชม พอไม่มีอะไรทำแล้ว ร่างโปร่งก็ทรุดนั่งลงบนโซฟาในห้องเงียบเชียบ เปิดดูโทรทัศน์ เล่นกับอุริไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกเหนื่อยเพลียก็นอนหลับไปทั้งๆ อย่างนั้นโดยไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานตอนทะเลาะกัน



รามลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที เวลาก็ล่วงเลยมาถึงค่ำ รู้สึกตัวได้ว่าเปิดทีวีทิ้งไว้ก็รีบปิด ดวงตาเรียวเหลือบมองออกไปข้างนอก ท้องฟ้าก็มืดตึ๊ดตื๋อแล้ว...แต่ไอติมก็ยังไม่กลับมา...



จะว่าไปร่างสูงคงจะไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อวาน...ออกไปไหนกันนะ



โครก...



“หิว” มือยกขึ้นลูบเอวผอมแห้งของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นและถอนหายใจ



...ไม่มีอะไรเลยนอกจากกระป๋องเบียร์...



ร่างโปร่งนิ่งคิดก่อนจะตัดสินใจ มันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่พระรามต้องเดินไปเปิดอีกตู้หนึ่งและหยิบกระป๋องอาหารกึ่งสำเร็จรูปออกมามองดูมัน



ถึงจะไม่อยากกินซักเท่าไหร่แต่ตอนนี้เขาไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว จะให้ออกไปหาอะไรกินข้างนอกก็ไม่ได้ ช่วงนี้พระรามไม่ได้ทำงานพิเศษเลยก็เพราะว่าขาเป็นแบบนี้ รามก็อยากจะไปทำแต่โดนไอติมห้ามไว้...ซ้ำยังขู่หนักอีกต่างหาก



ดวงตาเรียวไหววูบอีกครั้ง



ยังไงเขาก็ไม่เข้าใจติมเลย...บางครั้งก็คิดว่าใจดี แต่สุดท้ายทำไมถึงต้องลงเอยแบบนี้ก็ไม่รู้



‘ถ้ามึงเข้าใจผิดว่ากูรู้สึกดีด้วย...กูก็จะไม่ทำอีก’



‘อย่ามายัดเยียดความรู้สึกของมึงให้กู เพราะมันจะทำให้มึงยิ่งน่าสมเพช’



“ฟืดๆ ...” พระรามสูดน้ำมูก ขยี้ตาแรงๆ เพราะน้ำตามันรื้นขึ้นมาอีกแล้วเพียงแค่นึกถึง



‘ถ้ากูไม่อยากได้ ความรักของมึงมันก็ไม่มีค่า’



แล้วที่เขาเกิดมาแบบนี้มันผิดนักหรือ...ก็แค่หน้าตาและนิสัยไม่น่ารักเหมือนเอมแค่นั้นเอง



วี้...



เสียงกาน้ำร้องเตือนเสียงดังพร้อมกับไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาทำให้คนยืนเหม่อสะดุ้ง น้ำเดือดได้ที่แล้ว ขาเรียวเดินไปหยิบกาน้ำเทลงใส่กระป๋องเส้นบะหมี่สี่เหลือง เทเครื่องปรุงลงไปจนหอมฉุย ก่อนจะนั่งกินที่หน้าโซฟาที่เดิม



“เมี้ยว” เสียงเล็กร้องเรียกความสนใจทำให้ร่างโปร่งหันขวับแย้มรอยยิ้มบาง



“อุริ...หิวเหรอ”



“เมี้ยว...”



“งั้นเดี๋ยวไปเทอาหารให้นะ” พระรามที่กำลังเป่าเส้นรีบวางถ้วยลง ผุดลุกขึ้นเดินกะเผลกโดยมีแมวตัวจ้อยเดินตามไม่ห่าง เขาไม่ได้ใช้ไม้ค้ำยันแล้วเพราะมันเกะกะแถมยังเดินไม่ค่อยถนัดด้วย ระหว่างที่เปิดถุงอาหารยกขึ้นเทอุริก็เดินมาคลอเคลียที่ขา สัมผัสนุ่มนิ่มจั๊กจี๋ทำให้ร่างโปร่งนั่งเล่นกับมัน ก่อนจะยอมปล่อยให้ได้ทานข้าวเสียที



ขาเรียวทรุดลงที่พื้นหน้าโซฟาอีกครั้ง มองดูทีวีที่กำลังฉายหนังละครชื่อดัง พระเอกกับนางเอกยุดยื้อแขนกันไปมา ก่อนที่คนตัวใหญ่จะคว้าคนตัวเล็กเข้ามาสวมกอดอย่างรักใคร่พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น ทั้งที่นางเอกยังน้ำตานอง...เขาว่ากันว่าละครไทยที่ฉายนั้น ไม่ว่าจะดราม่าเรียกน้ำตามากแค่ไหน



แต่สุดท้าย...ก็จบแฮปปี้ทุกเรื่องไป



เขาก็อยากจะให้ชีวิตของตัวเองเป็นแบบนั้นเหมือนกัน...ถึงยังดันทุรังอยู่ที่นี่ได้แม้จะโดนทำร้ายจิตใจไปมากมายซะขนาดนั้น



แล้วอีกอย่าง...พอคิดว่าออกไปแล้วต้องอยู่คนเดียว...เขากลับไม่มีความกล้า



กลัวความเหงา



กลัวโดดเดี่ยว



ซึ่งตอนนี้อันที่จริงก็รู้สึกไม่ต่างกัน...ภายในห้องกว้างใหญ่แบบนี้ ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเลยนอกจากแมว ไม่มีเสียงพูดคุยหรือเสียงหัวเราะอบอุ่น ทำให้ร่างโปร่งต้องนั่งกอดเข่าตัวเองจดจ้องโทรทัศน์ไม่ละสายตา มาม่าในถ้วยเย็นชืดเส้นบวมอืดไปหมด เลยไม่มีอารมณ์จะกิน



“ฉันรักคุณนะ”



“ผมก็...รักคุณมากเหมือนกัน”



‘พี่สามารถรักนายได้มากกว่าใคร!’



‘แต่ถ้ากูไม่อยากได้ ความรักของมึงมันก็ไม่มีค่า!! ...อย่ามายัดเยียดความรู้สึกของมึงให้กู เพราะมันจะทำให้มึงยิ่งน่าสมเพช’



พอคนทั้งสองในทีวีค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าหากันเหมือนมีแรงดึงดูด พระรามก็ยิ่งเกร็งแขนกอดเข่าแน่น ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกหนาวกายเลย...แต่กลับหนาวที่หัวใจ



แกร๊ก...



เสียงเปิดประตูทำให้พระรามหันขวับ...ในที่สุดเจ้าของห้องกลับมาแล้ว




********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
«ตอบ #59 เมื่อ22-07-2019 21:47:23 »




ทดแทนรัก

ตอนที่ 28



ขอเตือนว่าตอนนี้ บีบหัวใจยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มา เตรียมรับไว้ให้ดีค่ะ

และขอให้นักอ่านทุกท่านได้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



หลังจากเมื่อวาน ไอติมก็ไม่ได้กลับมานอนที่ห้องเกือบวัน ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายออกไปไหนมา...แต่ตอนนี้ร่างสูงกลับมาแล้ว



“ติม” เสียงทุ้มใสร้องเรียก รีบผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินกะเผลกเข้าไปใกล้ มือเรียวยกขึ้นปิดจมูกนิ่วหน้าเมื่อได้กลิ่นเหล้าโชยหึ่ง “ติม...”



“...” อีกฝ่ายยืนนิ่ง ดวงตาจดจ้องที่ใบหน้ามนนิ่ง ทำให้เขาอึดอัด...ไม่รู้ว่าติมกำลังคิดอะไรอยู่



“ติม กินอะไรมาหรือยัง ให้พี่ลงไปซื้ออะไรมาให้มั้ย” พระรามตัดสินใจจะไม่ถามว่าอีกฝ่ายไปทำอะไรมา เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรำคาญ...แค่มาอยู่อาศัยโดยที่เจ้าของห้องไม่ได้รู้สึกดีด้วยแค่นี้เขาก็ลำบากใจมากแล้ว



ถึงจะโดนว่าหรือทำร้ายใจมากเท่าไหร่แต่พระรามยังคงเป็นห่วง เมื่อไอติมยืนนิ่ง ไม่ตอบรับอะไร ขาเรียวก็กะเผลกเข้าไปใกล้อีกนิดอังหลังมือข้างแก้มและลำคอของคนที่ยังคงมองมาเหม่อลอย “นายเมาเหรอ”



ก่อนที่ดวงตาคมกริบจะโฟกัสเห็นใบหน้ามนชัดเจนและสีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่ได้ทันตั้งตัว



หมับ!



“ติม? ติม! เป็นอะไร...จะไปไหน”



พลั่ก!



“โอ๊ย!” แม้จะถูกโยนตัวปลิวลงกลางเตียงนุ่มแต่เขาก็ยังเจ็บแขนและเท้าอยู่ แต่ไม่ทันจะได้ร้องโอดโอยก็ต้องตั้งสติเมื่อร่างแกร่งคืบคลานเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยนแปลง...มันน่ากลัวกว่าใบหน้าโกรธขึงหรือถูกตะคอกแรงๆ อีก



“ติม” ใบหน้ามนซีดเผือด ร่างผอมโปร่งถดตัวหนีมองซ้ายมองขวาหาทางไป “จะทำอะไร...ไม่เอานะ...นายเมาแล้ว”



อีกฝ่ายในตอนนี้ดูน่ากลัวเหลือเกิน น่ากลัวจนตัวเขาสั่นไปหมด



“อย่าดิ้น...วันนี้กูไม่ทำแรง” เสียงทุ้มพูดพลางหายใจหอบกลิ่นเหล้าชวนมึนเมาออกมา มือใหญ่จับข้อเท้าผอมข้างที่ไม่มีผ้าพันแผล ก่อนจะลากให้ลงมานอนหงายที่เดิม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหว ถึงจะได้ยินแบบนั้นร่างกายก็ยังขัดขืนเล็กน้อยยามที่ไอติมถกเสื้อและกางเกงออกจากตัวจนร่างทั้งร่างเปลือยเปล่า



“ไม่...”



“เร็ว อย่าให้กูโมโห...” คราวนี้อีกฝ่ายยืดตัวถอดเสื้อผ้าออกบ้างจนกายแกร่งเปลือย เผยตัวตนอันใหญ่ที่กำลังพองตัวหนัก ดวงตาคมกริบกวาดมองกายขาวทั่ว ก่อนที่เสียงทุ้มสั่งเข้มเจือเสียงหายใจแรงดังฟืดฟาด “แหกขา”



พระรามสะอื้นไม่มีเสียงก่อนจะทำตามคำสั่ง ขาเรียวสองข้างอ้ากว้างเป็นรูปตัวเอ็ม ให้ร่างสูงคืบคลานเข้าแทรกกลาง ก่อนที่ความร้อนระอุของสิ่งนั้นจะดุนดันที่ช่องทางด้านหลังให้เจ้าของหลับตาปี๋



เขากลัว...กลัวมาก



เป็นเพราะเขาไม่ยอมหนีไป...ถึงต้องเจออะไรแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...แต่พอหนีไปก็โดนลากให้กลับมา



ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายบอกเต็มปากว่าไม่รู้สึกอะไรกับเขา...แต่กลับทำเรื่องแบบนี้ได้ลง...ทำรักกับคนที่ไม่ได้รัก



‘ก็แค่รู้สึกผิด’



อีกฝ่ายเรียกมันว่าเซ็กส์เฟรนด์...



‘กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงทั้งนั้น’



แล้วหัวใจที่รักอีกฝ่ายหมดใจไปแล้วดวงนี้ล่ะ ใครจะรับผิดชอบ



“ฮึก” ร่างโปร่งเกร็งตัวแน่นเมื่อแก่นกายร้อนผ่าวเริ่มสอดแทรกส่วนปลายเข้ามา มือใหญ่บีบเค้นกายขาวทั่วร่างจนเป็นจ้ำๆ ก่อนจะรั้งเอวผอมที่ถดหนีให้รับตัวตนจนสุดโคน ใบหน้าหล่อเหลาหงายเชิดสูดปากเมื่อผนังนุ่มอุ่นมันบีบรัดเป็นคลื่น ตอดรับทุกสัดส่วนของแก่นกายเขา “อื๊อ”



ดวงตาคมกริบมองใบหน้ามนที่หลับตาปี๋ ฟันขาวกัดปากล่างแน่น น้ำตาเม็ดใสค่อยๆ ไหลจากหางตา ดูเจ็บปวดระคนเสียวซ่านจนคนมองต้องส่งสะโพกบดคลึงจนพระรามครางอื๊ออ๊า...ปากบางนี่ปฏิเสธมากเท่าไหร่ แต่ร่างกายและหัวใจก็ยังเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว



ไอติมเลียปากยังคงนิ่งไม่ไหวติง แช่แก่นกายทั้งแท่งไว้ในความอบอุ่น ส่งมือใหญ่ที่ร้อนผ่าวเพราะฤทธิ์เหล้าลูบผิวกายเนียนเรียบจนเจ้าตัวเกร็งรับ ผนังนุ่มตอดตุ้บเมื่อนิ้วโป้งยกบดขยี้หัวนมสองข้าง



ร่างกายนี้เหมาะกับเขามาก...บนเตียงนอน



ตอบรับได้ทุกท่วงท่า เสียงทุ้มใสครางเครือเรียกชื่อเขาหวานหูตลอดเวลา ยิ่งใกล้ถึงจุดมากเท่าไหร่ สะโพกเล็กก็สวนรับแรงกระแทกมากขึ้นเท่านั้น



“ฮึก อื๊อ ติม” ร่างแกร่งโน้มตัวลงมา ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ซอกคอขาว ริมฝีปากเม้มดูดดึงทำรอยทั่ว รอยคล้ำที่ลำคอเริ่มจางหายแทนที่ด้วยรอยจูบของเขาแทน กลิ่นเหล้าและบุหรี่ทำให้ใบหน้ามนหันหนี แต่ก็หนีไม่ได้ไกล ต้องกัดปากครางหวิวเมื่อส่วนล่างบดคลึงเข้าลึก เรียวขาจิกผ้าปูเสียวซ่าน สะดุ้งเฮือกเจ็บจี๊ดแผลตรงต้นแขนที่มันเปิดเพราะตัวเขาเอง เลือดซึมไหลออกมาอีกครั้งแต่ก็ไม่มีใครสนใจ



ไอติมพรมจูบไปทั่วพลางหยัดสะโพกส่ายบดคลึง แม้จะสุดโคนแล้วแต่ก็ยังไม่พอใจ ต้องการให้ปลายยอดไปกระทบจุดเสียวให้บีบรัดแน่นขึ้นอีก...ต้องการความร้อนที่บีบรัดทำให้รู้สึกดีมากกว่านี้...



“อือ อา” ใบหน้ามนส่ายไปมา สะอื้นเสียวกระสันเพราะด้านล่าง ร่างสูงโถมกอดลงมาทั้งตัวไซ้คอขาวไม่หยุด จากที่ร่างโปร่งพยายามหันหนีก็ทนไม่ไหว ริมฝีปากบางไซ้อีกฝ่ายกลับบ้าง แขนผอมยกขึ้นกอดไหล่กว้างแน่น ขบกัดทำรอยที่ไหล่และคอ แลบลิ้นเลียใบหูจนร่างสูงหายใจแรง ลมหายใจร้อนของไอติมเป่ารดใบหูเล็กให้ขนลุกเกรียวทั่วร่าง ก่อนที่ลิ้นร้อนจะแหย่เข้าที่รูหูจนพระรามเกร็งตอด ครางเสียงสูง ยิ่งตอดแน่นมากเท่าไหร่ ไอติมก็ยิ่งฮึกเหิม ทั้งตอกสะโพกบดคลึงทั้งแหย่ลิ้น จนอีกคนน้ำหูน้ำตาไหลเพราะความเสียว “อ๊ะอ๊า!!!” ก่อนที่จะละออกให้พระรามได้หอบหายใจเหนื่อยอ่อน ระหว่างนั้นริมฝีปากร้อนก็พรมจูบทั่วใบหน้าโดยเว้นริมฝีปากไว้...มันยิ่งทำให้อยาก...อยากได้ริมฝีปากนั้นมากขึ้นไปอีกทวีคูณ



ร่างโปร่งโดนความเร่าร้อนเข้าโจมตีจนอ่อนระทวย ยามมีเซ็กส์ไอติมจะอ่อนโยนใจดีจนเขาใจเต้นระรัวทุกครั้ง



“ติม...ฮ่า...”



ในระหว่างที่หัวสมองขาวโพลน ร่างกายร้อนผละออกไปก่อนจะจับหมับแน่นเข้าที่เอวผอม เค้นมันอย่างหื่นกระหายก่อนจะถอนกายออกเกือบหลุดและตอกเสาเข็มลงไปแรงๆ!



“อ๊า!!” เสียงทุ้มใสกรีดร้องเพราะแก่นกายยักษ์ใหญ่ทั้งร้อนผ่าวทั้งยาวมันสาวกระแทกเข้ามาโดนจุดเสียวเต็มๆ ทำให้แก่นกายขนาดพอดีตั้งโด่เด่ทันที จากนั้นร่างแกร่งก็ขยับเคลื่อนตามใจอยากจนหน้าขาแกร่งไร้ไขมันกระทบสะโพกเล็กดังปั่บๆ ระรัว ร่างโปร่งจิกทึ้งผ้าปูแทบขาด ไอติมใส่แรงจนรามหัวสั่นหัวคลอน ร่างโปร่งโดนความเสียวโจมตีจนอ้าปากร้องครางแทบไม่ทัน “อ๊ะๆๆๆ ซี้ด อ๊ะๆ บะ เบาๆ อ๊า...”



พระรามเอื้อมแขนโอบรัดแผ่นหลังกว้างจนแผ่นหลังบางลอยออกจากเตียง ทั้งปาดป่าย นิ้วจิกข่วนอย่างทนไม่ไหว ความร้อนระอุมันเสียดสีรุนแรงจนร่างกายจะระเบิด แก่นกายสีแดงสวยบวมเป่งใกล้ปริแตกทั้งๆ ที่ไม่มีใครแตะต้อง...ร่างกายโปร่งผอมเกร็งแน่น ผนังนุ่มตอดรัดเป็นสัญญาณ เขากำลังจะเสร็จเพราะถูกทำจากด้านหลัง “อ๊ะ อ๊า ติม! ...ติม!”



ยิ่งได้รับความเสียวซ่านมากเท่าไหร่ ร่างกายโปร่งยิ่งยกขึ้นขยับสะโพกรับด้วยตัวเองอย่างยั่วยวน เร่าร้อน...รัญจวนจนไอติมต้องใส่แรงเข้าไปจนสุด กระแทกจนเตียงดังลั่น เสียงเนื้อกระทบกัน เสียงครางเรียกชื่อเขา



เอี๊ยดๆๆๆ



“อ๊ะ อ๊า แตก แตกแล้ว...อ๊า!”



สองร่างเกร็งตัวกระตุกพ่นน้ำพร้อมกัน ร่างโปร่งเสียววูบในท้องจนแผ่นหลังเดาะจากเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหอบหายใจ...แต่ภายใน...แท่งเนื้อข้างในมันยังกระตุกพ่นน้ำอุ่นๆ ไม่หยุด พระรามกัดปากแน่นระงับเสียงคราง ปรือตามองใบหน้าหล่อเหลาที่หลับตาพริ้ม แต่ทว่าเสียงทุ้มที่สูดปากเรียกชื่อออกมาทำให้เขาเหมือนตกนรก



“ซี้ด เอม...พี่เอม”



...พี่เอม...ชะเอม? ...



ก้อนเนื้อในอกกระตุกวูบ ความอ่อนโยนเมื่อครู่ที่ทำให้ใจเต้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นหนามคมทิ่มแทงให้เลือดไหล



“ติม...พี่ไม่ใช่...” ดวงตาเรียวน้ำตารื้นเอ่อ ไม่ทันได้ประท้วง สะโพกแกร่งขยับทันทีที่พลิกตัวร่างโปร่งให้คว่ำลง ยกสะโพกเล็กก่อนจะโจนจ้วงจนเตียงสั่น ใบหน้ามนทิ่มลงกับหมอน ครางเสียงสูงน้ำลายไหลย้อย “อื๊อ อ๊า อ๊ะๆๆ”



ปั่บๆๆๆ



“พี่เอมครับ อา ผมรักพี่นะ” มือใหญ่ลูบก้นขาวก่อนจะแหวกออกสอดแทรกแรงๆ หัวสมองมึนงงเพราะฤทธิ์เหล้าอีกครั้ง “รัดโคตรแน่นเลย ซี้ด”



“อ๊า...”



“พี่เอม...ครางดังๆ เรียกชื่อผม” เสียงทุ้มครางต่ำพูดพร่ำเพ้อ ยิ่งทำให้ในอกของอีกคนบีบรัดแน่นหายใจไม่ออก มือเรียกจิกผ้าปูแน่นเชิดหน้าครางเสียงดังเมื่อสะโพกปอดกระแทกกระทบ ร่างกายปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีมาก แต่ในหัวของอีกฝ่ายนั้นเขาไม่ใช่พระราม อีกฝ่ายไม่ได้กำลังมีเซ็กส์กับเขา



“พ...” เสียงทุ้มหลุดสั่นเครือก่อนจะครางอืออา ร่างสูงเท้าลงกับเตียงก้มหน้าก้มตากระแทกสะโพกจนคนใต้ร่างสั่นไหว ใบหน้ามนเอี้ยวมองน้ำตาคลอ



ติม พี่ชื่อพระราม...เรียกชื่อพี่สิ



“พ...พี่เอม อะ อา พี่เอม”



ไม่ใช่...ไม่ใช่!



“อึ๊ก ฮือ...” ไม่มีอีกแล้วความสุขเพียงหนึ่งเดียวของเขา แม้แต่เรื่องบนเตียง...เขายังเป็นตัวแทนของใครอีกคน ร่างโปร่งนอนน้ำตาไหลร้องไห้คร่ำครวญขณะที่ร่างสูงยังไม่หยุดตักตวงความสุขจากร่างกายของเขา “ฮือ”



เอี๊ยดๆๆ



ตลอดเวลาที่ผ่านมา...ที่เรียกชื่อเขา...มันหมายความว่ายังไงกัน



“พี่ชะเอมครับ ซี้ด ผมรักพี่” ไอติมโน้มตัวทับร่างผอมแนบชิดติดทุกส่วน จับคางเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้กัดผ้าปูแน่นให้ยกขึ้น ก่อนที่ดวงตาเรียวจะเบิกกว้างเมื่อสัมผัสนุ่มที่ริมฝีปาก



...ติมกำลังจูบเขา...



หลังจากแนบความอบอุ่นอยู่เพียงชั่ววูบ อีกฝ่ายก็ผละออกไปแล้วริมฝีปากร้อนก็ประทับลงมาอีกครั้ง คราวนี้ลิ้นร้อนลื่นไหลเข้ากลีบปากที่แย้มออก ริมฝีปากหยักประกบติดส่งลิ้นกวาดต้อนจนร่างโปร่งจิกผ้าปูแน่น พระรามยกตัวเอี้ยวหน้าเก็บเกี่ยวสิ่งที่อยากได้มานาน ส่งลิ้นกระหวัดเกี่ยวเร่าร้อนกลับไป



จูบแรกของเขา...รู้สึกดี...รู้สึกดีจัง



นานนับนาทีจนร่างสูงผละออก ลูบขอบตาแดงช้ำพร้อมกับพูดปลอบใจ “อย่าร้องไห้ ถ้าหากเป็นผม...จะไม่มีวันทำให้พี่ร้องไห้”



แต่คำพูดนั้น...มันไม่ใช่...สำหรับเขา



ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั่น...ก็ไม่ได้มองเขา ไม่ได้สะท้อนภาพของเขา มันเหม่อลอยเหมือนกำลังนึกถึงคนอื่น ไม่ได้มองคนที่อยู่ตรงหน้า ไอติมไม่ได้มองพระราม



คำพูดที่ปลอบใจชะเอมที่ร้องไห้เสียใจเพราะคิน...ยิ่งย่ำยีหัวใจคนฟังให้จมดิน



กว่าจะตระหนักได้ มันก็ไม่ทันเสียแล้ว จูบที่รู้สึกดีเมื่อครู่นี้...ไม่ต่างจากคำสาป...ที่ทำให้เขาเหมือนตายทั้งเป็น



ไอติมจูบเพราะเห็นเขาเป็นชะเอม...ไม่ใช่...ไม่ใช่ตัวเขา...ไม่ใช่พระราม



“ถ้าหากพี่ชอบผม ผมจะไม่ทำให้พี่ร้องไห้เลย...พี่เอม” พูดจบก็แนบริมฝีปากอีกครั้งอย่างเร่าร้อน รามทำอะไรไม่ได้นอกจากจูบตอบ คำพูดและชื่อนั้นที่ออกจากปากกับการกระทำ...มันยิ่งชัดเจน



‘ติมจะจูบกับคนที่ชอบเท่านั้น’



ใบหน้ามนบิดเบี้ยวน้ำตาไหลรินอีกครั้ง ส่งเสียงเรียกให้คนเมาได้สติ “ติม...พี่มีชื่อนะ พี่ชื่อ...ฮึก!”



ร่างสูงส่งแรงขับเคลื่อน บดเบียดร่างกายแกร่งให้คนใต้ร่างหวีดครางดิ้นพล่าน พร้อมก้มลงมาจูบอีกครั้ง...อีกครั้ง ปิดริมฝีปากบาง ผนึกคำพูดที่กำลังจะพูดออกไป



ได้โปรด...อย่าทำให้เขาไร้ค่าไปมากกว่านี้



ร่างกายสุขสมนัก...แต่ไม่ไม่มีใครเห็นว่าหัวใจโดนทึ้งทำร้ายจนเละเทะขนาดไหน



“...พี่ชื่อ...”



...พี่ชื่อรามนะ...

   



********************* Love Substitute *********************

   



กิจกรรมบนเตียงที่ดำเนินมานานหลายชั่วโมงจบลงแล้ว คนที่ควรจะเหนื่อยนอนหลับไปกลับค่อยๆ ขยับตัวออกจากใต้ผ้าห่ม



แม้จะตีสามแล้วแต่พระรามก็ยังไม่ได้หลับ...หรือจะเรียกว่าหลับไม่ลงมากกว่าดีล่ะ



ร่างโปร่งเปลือยเปล่าลุกขึ้นนั่งที่ขอบเตียงแผ่วเบา ได้ยินเสียงกรนเบาๆ อยู่ด้านหลังทำให้รู้สึกโล่งใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกสักพักใหญ่ มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาที่แสบทั้งสองข้าง แม้จะมองไม่เห็นเพราะมืดมาก แต่คิดว่ามันน่าจะบวมแดงพอสมควร



“ฟืด...” พระรามสูดลมหายใจติดขัด รู้สึกคัดจมูกหายใจไม่ค่อยออก ซ้ำยังปวดหัวครั่นเนื้อครั่นตัว...เหมือนจะเป็นไข้อีกแล้ว



ช่วงนี้เขาไม่สบายบ่อยจนขี้เกียจนับ มันก็คงเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่แขนคงอักเสบบวกกับการไม่ได้พักผ่อนนั่นแหละ



หรือเพราะอาการทางใจมันส่งผลถึงร่างกายด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน



ตอนนี้พระรามรู้สึกอย่างไร...บอกได้คำเดียวว่ารู้สึกว่างเปล่า



แขนที่เจ็บจนแทบขยับไม่ได้ก็ปล่อยให้มันเจ็บไป ไม่คิดจะรักษา ไม่กลัวว่าจะเป็นหนักขึ้นหรืออะไรทั้งนั้น เท้าก็เจ็บแต่ก็ยังลุกขึ้น กัดปากฝืนเดินกะเผลกออกจากห้องนอนพร้อมผ้าห่มผืนบางผืนหนึ่งคลุมกายที่โล่งเปลือยแทนเสื้อผ้า ขนาดเสื้อกับกางเกงยังขี้เกียจจะหามาใส่เลย



อากาศรอบด้านมันเย็นจนรู้สึกหนาวสั่น ฟันขาวกระทบกันดังกึกแต่ก็ไม่คิดจะทำให้ร่างกายอุ่น เพียงแต่นั่งกอดเข่าขดอยู่บนโซฟามองเลยออกไปนอกระเบียง...แสงจันทร์สว่างสาดส่องเข้ามา เปลือกตาบางกระพริบเชื่องช้า ในเวลานี้ช่างเงียบเหงา



ไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงหายใจติดขัดของตัวเอง...เสียงไอแห้ง...เสียงหัวใจที่เต้นตุบแผ่วเบา...มันทำให้รู้สึกว่าเขายังมีชีวิตอยู่นะ



น้ำตาเม็ดใสไหลจากดวงตาแดงก่ำอย่างเงียบเชียบ...พระรามร้องไห้ไม่มีเสียงสะอื้นอยู่แบบนั้น...อยู่คนเดียว



จนฟ้าสาง





********************* Love Substitute *********************





“ราม ทำอะไร”



คนถูกเรียกชื่อยังไม่หันมาตอบ พอสะบัดผ้าชิ้นสุดท้ายแขวนไม้แขวนและขึ้นตาก เท่านั้นแหละถึงจะหันมายิ้มบางให้ร่างสูงที่ชะโงกหน้ามองสงสัย “พี่ช่วยซักผ้า”



“นั่นงานแม่บ้าน”



คนฟังส่ายหน้าน้อยๆ “พี่อยากช่วย”



“ตามใจมึง” ใบหน้าหล่อเหลาพยักเพยิดราวกับขี้เกียจพูดกับคนหัวดื้อ “กับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะ...”



“พี่ซื้อมา ติมกินได้เลย” พระรามยิ้มเจื่อนโคลงหัวลุแก่โทษ “โทษทีนะที่ถือวิสาสะหยิบเงินนายไป” แม้จะรู้อยู่แล้วว่าแค่หนึ่งร้อยสองร้อย คนรวยล้นฟ้าอย่างติมคงไม่สะเทือน แต่เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ดีนั่นแหละ



“อ้าว แล้ว...”



“พี่กินแล้วน่ะ นายกินเลย” เขาว่าก่อนจะหยิบตะกร้าผ้าว่างเปล่าขึ้นมาถือ “เดี๋ยวเสร็จนี่พี่จะเปลี่ยนชุดแล้วก็ไปเรียน”



แล้วร่างสูงก็โคลงหัวเดินออกไปในชุดนักศึกษาที่ตื่นขึ้นมา อาบน้ำและเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว



ต่อด้านล่าง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด