พิมพ์หน้านี้ - Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 03-02-2019 17:09:15

หัวข้อ: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 03-02-2019 17:09:15
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0





****************************************************************************************



                                                                          บทย่อ


          “เธอเป็นแม่ของกู แต่เธอทิ้งครอบครัวกูมาก็เพราะคนอย่างมึงไง”

          แม่ของพระรามคือแม่ของ ‘ไอติม’ คนที่เข้ามายุ่งกับเขาและทำให้เขาหลงรัก

          “มึงก็เป็นคนทำให้แม่ของกูตาย ไอ้พระราม!”

          ความรักของเขามันไม่มีทางสมหวัง

          “ปล่อยพี่ไปไม่ได้เหรอ อย่าโกรธเคืองกันเลยนะ เรื่องแม่พี่ขอโทษ..."

          "กูบอกให้หุบปากไง ถ้ามึงไม่เงียบ กูจะเอามึงตรงนี้...ในรถนี่แหละ”

          ถ้าหากเขาน่ารักเหมือนชะเอม  ไอติมอาจจะชอบเขาบ้าง

          “ไม่ต้องมาร้องไห้ ทุเรศ”

          มีแค่ตอนอยู่บนเตียงที่เขาเหมือนเป็นคนสำคัญ

          “ราม รักผมมั้ย”

          “ระ รัก รักครับ...พี่รักติม”

          “เพราะมึงแย่งความรักของแม่ไปจากกู กูก็จะทำให้มึงเจ็บปวดทรมานด้วยความรู้สึกเดียวกัน...อย่างสาสม”


             
          ****************************************************************


          เรื่องเกี่ยวข้องกับ Whose Fault ผิดที่ใครของรุยอีกเรื่องนะคะ เป็นคู่ไอติมพระรามค่ะ ติดตามชมได้เลยค่า
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก Introduction 03/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 03-02-2019 17:11:16


                                                                    Introduction



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ตึก...ตึก...ตึก...



เสียงฝีเท้าของรองเท้าหนังดังขึ้นในซอยเปลี่ยว เป็นจังหวะสม่ำเสมอ แม้จะมืดและวังเวงแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนๆ นี้หวาดกลัว เพราะเดินเข้าออกถนนเส้นนี้ทุกวันจนชินชา เกือบๆ สองกิโลเมตรที่ห่างจากปากซอยเป็นระยะทางที่ขาคู่นี้ต้องเดินทุกวัน วันละหลายๆ รอบ



จนเสียงฝีเท้านั้นหยุดลง เท้าคู่นั้นหยุดอยู่หน้าบ้านหนึ่งชั้นหลังเล็กที่เคยเป็นสีขาว ล้อมด้วยกำแพงปูนเตี้ย รั้วขึ้นสนิมที่ไว้เปิดเข้าสู่บริเวณบ้านก็สูงพอที่ใครๆ ก็ข้ามเข้าไปเดินเล่นได้ แต่บ้านของเขาไม่มีอะไรเลย ถ้าเป็นโจรเข้ามาปล้นก็คงต้องหัวเราะเยาะมันเพราะไม่มีอะไรจะให้ จึงไม่จำเป็นต้องมีกำแพงลวดหนามหรือรั้วสูงเพื่อป้องกันคนน่าอันตราย



ทุกสิ่งทุกอย่างที่มองเห็นได้ด้วยตา บัดนี้มันหมองหม่นตามกาลเวลา ทั้งตัวบ้านและกำแพงมีหลายจุดที่สีมันลอกแล้วแต่ก็ไม่ได้แก้ไขมัน ทั้งไม่มีเวลาและไม่มีเงินจะไปทำอะไรแบบนั้นด้วย



ทุกวันนี้มีข้าวกิน มีที่ให้ซุกหัวนอนก็บุญโขแล้ว



แกร๊ก



“กลับมาแล้วครับ” ร่างโปร่งในชุดนักศึกษาไขกุญแจเข้าตัวบ้านถุงพลาสติกบรรจุกับข้าวน่ากินมาหลากหลายมาวางบนโต๊ะกลางบ้าน พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ข้างในห้องมีแต่ความเงียบผิดปกติ “แม่?”



สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบน่าหดหู่ จึงส่งเสียงเรียกอีกครั้งให้ดังกว่าเดิม “แม่ครับ”



“ว้าย!”



“แม่!” ขาเรียวรีบวิ่งไปตามเสียงทันที ในใจร้อนรนอย่างถึงที่สุด



ตุ้บ! ผลั่ก!



“ก็บอกว่าให้เอาเงินมาไงวะ!” ชายคนหนึ่งตัวกำยำตาโหลลึกหนวดรุงรังกำลังยืนอยู่เหนือร่างผอมติดกระดูกของหญิงสาว “ซ่อนเงินไว้ที่ไหน บอกกูมาเดี๋ยวนี้!”



“ไม่ได้ค่ะ นี่เงินที่ลูกอุตส่าห์ลำบากหามา ฉันจะเก็บเอาไว้”



“จะเก็บเอาไว้ทำไม เอามาให้กู!”



“คุณจะเอาไปทำอะไรอีกล่ะคะ”



“ถามโง่ๆ ...ก็กูติดหนี้เสี่ยเอาไว้ เอามากูจะได้เอาไปใช้หนี้”



“นี่คุณนพ...คุณไปเล่นพนันอีกแล้วเหรอ!? ครั้งที่แล้วก็เป็นแบบนี้...ยังไม่เข็ดอีกหรือไงคะ”



“เรื่องของกู ไม่ต้องสะเออะสั่งสอน! เดี๋ยวกูตบแม่ง!” ชายหนุ่มเงื้อมือใหญ่ขึ้นเหนือหัว หญิงสาวหน้าตาโตหน้าซีดเผือด “ว้าย!” ด้วยสัญชาตญาณแขนบางทั้งสองข้างยกขึ้นปกป้องตัวเองทันที



หากแต่...เธอไม่รู้สึกบาดเจ็บใดๆ เลย ดวงตาสีน้ำตาลสวยค่อยๆ ลืมขึ้น เห็นแผ่นหลังของชายหนุ่มร่างสูงกว่าเธอยืนขวางอยู่เบื้องหน้า



“ราม...” เสียงใสแห้งเอื้อนเอ่ยชื่อลูกชายของตัวเอง “ลูกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”



รามไม่ได้หันไปตอบ กลับจ้องชายตรงหน้าเขม็ง “พ่อจะทำอะไร”



“ก็แม่มึงไม่ยอมให้เงินกูนี่หว่า” ชายผู้เป็นพ่อตอบห้วน สีหน้าไม่สบอารมณ์ “มันก็ต้องมีขึ้นกันบ้าง”



“ถึงขนาดต้องลงไม้ลงมือกันเลยเหรอ” ร่างโปร่งพ่นลมหายใจแรง ในใจขุ่นเคืองพ่อบังเกิดเกล้าเหลือเกิน แต่ภาพที่เห็นเมื่อครู่มันทำให้เขาเปลี่ยนความคิดทันใด หันมาถามผู้เป็นแม่ “แม่เก็บเงินไว้ไหนครับ”



“ราม ไม่นะลูก” ร่างเล็กจับแขนลูกชายแน่น ส่ายหน้าส่งสายตาไม่เห็นด้วย



“ไม่เป็นไรครับแม่ ไปเอาเงินมาเถอะ” รามพูดเสียงเบา ยิ้มอ่อน



​ถ้าหากเขามาช้ากว่านี้อีกนิด แม่จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้



“ยัยภารีบๆ ไปเอามาได้แล้ว ไอ้รามมันอนุญาตแล้ว เร็วๆสิ!!” ชายฉกรรจ์ตะโกนดัง โบกมือไล่ หญิงสาวร่างเล็กรีบเดินรุดเข้าไปในห้องด้วยความหวาดกลัว



“คราวหน้าพ่อมาเอาเงินจากผมแทน อย่าทำอะไรแม่อีก แม่ไม่สบายอยู่” เสียงทุ้มใสพูดเรียบนิ่ง สิ่งที่พูดออกมาไม่ใช้เพราะเป็นห่วงพ่อแต่อย่างใด มีแค่แม่คนเดียวต่างหากที่เขาเป็นห่วง



“เออ”



“พ่อสูบบุหรี่มากไปแล้วนะ” รามยกมือขึ้นปิดจมูกเมื่อกลิ่นโชยออกมาจากตัวชายตรงหน้าอย่างแรง “แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเล่นพนันซักที”



ชายหนุ่มหนวดรุงรังจิ๊ปาก “อย่าเสือกเรื่องของกูน่า”



“ทำไมพ่อถึงเป็นแบบนี้ ไม่เป็นห่วงแม่บ้างหรือไง” ร่างโปร่งขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเลยจริงๆ



“ก็บอกอย่าเสือกเรื่องของกูไง!”



ภาวดีเดินออกมาพร้อมกับถุงกระดาษสีน้ำตาลขนาดกลาง นพเห็นดังนั้นก็รีบเดินไปคว้ามันจากมือเล็ก



“คุณนพกร! ใช้อะไรให้มันเพลาๆ หน่อยนะคะ” หญิงสาวพูดเสียงสั่นกลัว แต่ดวงตาฉายแววเข้มแข็ง นั่นมันเงินของรามที่หามาให้เธอเก็บเอาไว้สำรองใช้...แล้วก็ค่าโรงพยาบาล อาหารและหยูกยาอีกมากมาย



ชายฉกรรจ์ทำหูทวนลม แหวกซองมองดูปึกเงินข้างในก็ยิ้มกริ่ม ขาเร่งรีบเดินออกจากบ้านไปทิ้งสองแม่ลูกไว้ในบ้านชั้นเดียวหลังเล็กตามลำพัง



“ราม แม่ขอโทษนะ”



“ไม่เป็นไรครับแม่ แม่อย่าห่วงเลย เดี๋ยวรามก็หามาได้อีกนั่นแหละ” ร่างโปร่งกอดหญิงสาวร่างเล็กกว่าด้วยความเป็นห่วง



ใช่ แค่เงินน่ะจะหาเมื่อไหร่ก็ได้...ถึงจะแลกมาด้วยการอดข้าว อดน้ำ อดนอนก็เถอะ



ยังไงก็ต้องอดทน...เพื่อที่จะทำให้หญิงสาวตรงหน้ามีชีวิตอยู่ต่อไป...แม้เพียงสักนิด



“ถ้าแม่ไม่เป็นแบบนี้ รามก็ไม่ต้องลำบาก” ภาวดีคร่ำครวญน้ำตาซึม ซึ่งรามก็พูดแทรกขึ้นมาทันที



“ไม่เอาครับ แม่อย่าพูดแบบนี้” ร่างโปร่งกอดร่างในอ้อมกอดแน่น ก้มลงสูดดมลาดไหล่ที่ส่งกลิ่นหอมของมารดา



เขาไม่อยากเห็นเธอโทษตัวเอง คนตรงหน้าคือมารดาที่เขารักมากที่สุดที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว "ผมต่างหากที่ต้องพูด แม่อุตส่าห์สงสารผมถึงได้..."



"แม่รักราม" ภาวดีรู้ดีว่ารามกำลังจะพูดอะไร มือผอมบางติดกระดูกเหมือนคนเป็นโรคลูบใบหน้าของลูกชายที่เติบใหญ่เป็นชายหนุ่มอย่างรักใคร่



เธอเลี้ยงเด็กคนนี้มากับมือ เติบโตขึ้นมาเป็นคนดี "รามคือความภาคภูมิใจของแม่นะ"



"ขอบคุณครับ" รามยิ้มบาง แค่คำพูดไม่กี่ประโยคของภาวดีที่ทำให้เขาอดทน...ทำงานทั้งวันทั้งคืนไม่ได้หลับได้นอน เพื่อหาเงิน...ปัจจัยที่ห้าที่ขาดไม่ได้



ขอแค่มีเงิน อยากจะทำอะไรก็ทำได้ ทั้งซื้ออาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค หรือแม้กระทั่งจะต่อเวลาให้ชีวิตของใครบางคนยืดยาวกว่านี้...แค่เพียงสักนิด



แม่ของเขา ภาวดีเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หาย โรคที่ยังหาทางรักษาไม่ได้ ทางเดียวคือมีแต่การต่อชีวิตด้วยเม็ดยาเม็ดเล็กหลากหลายที่อีกฝ่ายต้องทานมันทุกวัน ถ้าหากขาดไป ร่างกายของเธออาจจะอยู่ได้ไม่นานและชีวิตต้องดับสิ้นลง



แต่เขาจะไม่ยอมให้มัน 'จบ' หรอก



เพราะเธอก็เคยต่อชีวิตของรามให้มาถึงจุดๆ นี้...เขาจะไม่ยอมให้ใครหรืออะไรมาพรากชีวิตของแม่ไป



แต่ในวันหนึ่งเขาก็พบว่า...เขามันก็แค่คนตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่อาจฝืนโชคชะตาที่มันจะเกิดขึ้นได้



วงล้อแห่งพรหมลิขิตเริ่มหมุนเวียน...ได้พลัดพราก...และได้พบเจอ...



กับชายคนหนึ่งที่เขารักสุดหัวใจ





********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep1 03/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 03-02-2019 17:12:52


                                                              LS ตอนที่ 1



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



หลังจากที่ความวุ่นวายสงบลงเพราะชายฉกรรจ์ของผู้เป็นพ่อจากไป สองแม่ลูกก็อยู่กันตามลำพังอีกครั้ง ในบ้านหลังเล็กที่มีกลิ่นความเก่าตลบอบอวล แต่ถึงจะเก่าแต่ก็สะอาดเพราะรามคอยทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้มารดาที่ป่วยกระเสาะกระแสะนั้นหายใจลำบากเพราะฝุ่นเยอะไปมากกว่านี้



เราสองคนอยู่ด้วยกันอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่รามยังเด็ก...อยู่ด้วยกันสองคนโดยไม่มีพ่อคอยดูแลมาหลายปีแล้ว พ่อของเขาชอบการเล่นพนันมาก สามารถผลาญเงินได้วันละหลายพันหลายหมื่น ไม่ต้องถามว่าเงินเอามาจากไหน พ่อไม่ได้ทำงานดังนั้นจึงมาเอาจากแม่ที่แม้จะป่วยแต่ก็ยังช่วยเขาบ้างเล็กน้อยโดยการเย็บปักถักร้อยอะไรเล็กๆ น้อยๆ แล้วเอาออกไปเร่ขายแต่หลังจากที่แม่เริ่มป่วยหนักมากขึ้นรามก็ไม่ให้เธอออกจากบ้านอีกเลย ขอร้องให้อยู่ที่บ้าน ให้เขาได้ทำงานคนเดียวอย่างสบายใจไม่ต้องมานั่งกังวลว่าแม่จะเป็นลมที่ไหนหรือเปล่า



ดังนั้นพอแม่ไม่ได้ทำงาน พ่อก็ไม่รู้จะเอาเงินจากที่ไหน เล่นพนันติดหนี้คนใหญ่คนโตจนบางทีโดนซ้อมกลับมานอนซมก็มี...ดังนั้นบางทีพ่อก็ต้องไถเงินแม่เพราะรู้ว่าเขาให้แม่เก็บเงินไว้สำหรับค่ายาหมอ พอแม่ไม่ให้ก็ถึงขั้นจะทำร้ายกัน ถ้าหากเขามาไม่ทันพ่อคงจะตบตีแม่ไปแล้ว



รามล่ะไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อจะทำตัวได้น่าสมเพชได้มากขนาดนี้



และอีกนิสัยหนึ่งที่แย่ที่สุดของพ่อก็คือสูบบุหรี่ พ่อสูบหนักวันละหลายซอง บางทีก็นั่งพ่นควันอยู่ได้ทั้งวัน รามเกลียดมากเพราะมันทำให้แม่สุขภาพทรุดลง



เขาคิดอยู่หลายต่อหลายครั้งว่าทำไมพ่อไม่คิดถึงแม่บ้าง ถ้าหากพ่อรักแม่เหมือนที่แม่รัก...พ่อคงไม่ทำแบบนี้



เขาเกลียดพ่อ



"แม่" รามเอ่ยขึ้นระหว่างยกจานมาตั้งบนโต๊ะไม้เก่าเล็กๆ ส่วนหญิงสาวตัวผอมเซียวแกะถุงกับข้าวเทใส่ชามกระเบื้อง



"หืม ว่าไงราม"



เมื่อเห็นใบหน้าสบายใจพลางยิ้มของมารดา ร่างโปร่งก็ขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ตัดสินใจเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงลังเล "เรื่องเรียนน่ะครับ ผม..."



"ว่าไงจ๊ะ อ่ะแน่ะ ลูกชายแม่จะอวดว่าได้เอชวดอีกแล้วสิ" ใบหน้าสะสวยยิ้มกว้างแซวลูกชาย เพราะรามชอบเล่าว่าได้เอทุกวิชาทุกเทอม รามเป็นคนเรียนเก่งมากถึงมากที่สุด จนอาจารย์เห็นถึงความสามารถจึงเสนอทุนเรียนดีให้ ทำให้ไม่ต้องเสียค่าเทอมเลยสักแดงเดียว ภาวดีกับลูกชายมักจะคุยเรื่องนี้และมีแต่เสียงชมเชยไม่หยุดจากปากของเธอ หากแต่ครั้งนี้ร่างโปร่งมีสีหน้าลำบากใจ



"เปล่าครับ คือ...ผมคิดมาหลายครั้งแล้วล่ะครับ" รามกลืนน้ำลายอย่างลำบากใจ "...ว่าจะเลิกเรียนแล้ว"



ภาวดีหน้าซีดเผือดทันทีเมื่อได้ยิน ปากแห้งผากสั่นระริก มือชะงักวางทุกอย่างลง "อะไรนะ นี่ลูกพูดอะไรออกมา”



“คือช่วงนี้ผมเรียนไม่ค่อยไหว...เกรดก็เริ่มตกด้วย เรื่องทุนก็เลย...”



“ทำไมล่ะ...หรือว่าเป็นเพราะแม่ใช่มั้ยราม" เธอน้ำตาคลอหน่วย ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อตนทำให้ลูกตกอยู่ในที่นั่งลำบาก



"ไม่ใช่หรอกครับ" ร่างโปร่งส่ายหน้าทันที



ด้วยความที่ต้องเรียนและทำงานพร้อมๆ กัน เนื่องจากเขารับภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านและค่ารักษาพยาบาลของมารดา ตอนแรกเขาคิดว่าไม่ว่าจะหนักยังไงก็ต้องไหว แต่นั่นมันก็ทำให้เขาไม่ได้พักผ่อนพอสมควร แล้วมันก็ปรากฏออกมาให้เห็นเมื่อสอบมิดเทอมนี้เองว่าคะแนนของเขามันต่ำกว่าที่ควรจะเป็น...และถ้าหากเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ ทุนเรียนดีที่ตั้งใจเอาไว้ในอีกสามเทอมที่เหลือมันจะต้องหลุดลอยไปอย่างแน่นอน



และถ้าหากไม่มีทุน เขาก็คงไม่มีปัญญาจ่ายค่าเทอมเรียนเอง เพียงแค่ค่าน้ำค่าไฟกับค่ารักษาของภาวดี เขาก็แทบจะต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนจนมาเบียดเวลาเรียนกับอ่านหนังสือจนทำให้ผลลัพธ์มันออกมาเป็นแบบนี้แล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องไปพูดถึงค่าเทอมราคาหลักหลายหมื่นเลย



“ถ้างั้นลูกก็ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นก็ได้ แม่ขาดยาไปสักนิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก...”



“ไม่ได้นะครับ!” เสียงทุ้มใสปฏิเสธดัง ก่อนจะกัดปาก “ถ้าหากไม่มีแม่ล่ะก็...ผม...”



เหตุผลที่เขายังทำแบบนี้อยู่ได้...ก็คือแม่



ภาวดีเป็นคนทำให้รามมีชีวิตดีๆ มีโอกาสได้ร่ำเรียน ถ้าหากไม่มีเธออยู่...เขาก็คงเป็นขอทานข้างทางไปแล้ว



รามเงยหน้าขึ้นเมื่อมือสากผอมยกขึ้นสัมผัสแก้ม "ถ้าอย่างนั้นก็เรียนให้จบสิลูก อีกแค่ไม่กี่เทอมเองไม่ใช่เหรอ ถ้าเรียนจบล่ะก็จะหางานดีๆ ได้เงินดีๆ แม่ว่ามันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับลูกเลยนะ"



ภาวดีเกลี้ยกล่อม ไม่ใช่ว่าเธออยากให้ลูกชายเลี้ยงตัวเองสบายๆ แต่แค่อยากเห็นรามเรียนจบและมีอนาคตสดใสอย่างที่คนอื่นเขาเป็นกัน



เธอรู้สึกเศร้าใจเหลือเกินที่กลายเป็นภาระให้ลูก...ทั้งๆ ที่เธอควรจะเป็นฝ่ายเลี้ยงดูแท้ๆ



"มันก็ใช่ครับ" เสียงทุ้มใสตอบ นั่นก็เป็นสิ่งที่ร่างโปร่งคิดอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นถึงได้ลังเลอยู่แบบนี้ไง



สถานการณ์ทางบ้านตอนนี้เขาไม่ได้บอกเพื่อนอย่างไอ้ดินหรือสินเลยด้วยซ้ำ...ชะเอมก็ด้วย ร่างบางเป็นคนที่เขาไม่อยากบอกที่สุดเลย เพราะเดี๋ยวความใจดีของเอมก็ทำให้มาเป็นห่วงกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่อง



จึงไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เขาตกอยู่ในที่นั่งลำบากขนาดไหน



"ถ้าอย่างนั้นผมขอคิดอีกสักหน่อยแล้วกันครับ"



"ดีแล้วลูก แต่จะทำอะไรช่วยบอกแม่ก่อนได้มั้ย แม่ใจหายหมดเลย" ภาวดีลูบอกอย่างใจชื้น เมื่อครู่แค่เธอได้ยินก็ตกใจแทบช็อค ไม่อยากจะนึกถึงตอนที่รามทำอย่างที่พูดจริงๆ



มารดาเพียงคิดว่าลูกชายคงจะเหนื่อยมากก็เลยพูดไปอย่างนั้น



ร่างโปร่งยิ้มบางเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจขึ้น "ครับแม่"



ใบหน้ามนแย้มยิ้ม แต่ภายในใจหนักอึ้ง



เขา...จะทำยังไงต่อไปดี





********************* Love Substitute *********************





"น้อง...โต๊ะนี้ด้วย"



"ครับ สักครู่นะครับ"



"น้อง กับแกล้มโต๊ะนี้ยังไม่ได้เลย"



"ครับได้ครับ"



เสียงเพลงดังกระหึ่มกับแสงสีวูบวาบในบรรยากาศที่ทั้งมืดและเย็นเฉียบ มันทำให้หลายๆ คนที่มาปลดปล่อยอารมณ์โยกย้ายส่ายสะโพกอวดทรวดทรงของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชาย



ร่างโปร่งถือถาดที่วางแก้วเหล้าหลายแก้วด้วยปลายนิ้วทั้งห้าอย่างสมดุลด้วยความชำนิชำนาญ พระรามทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน และงานนี้ก็รวมอยู่ในนั้น เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านเหล้า ถึงงานจะไม่ค่อยดี เป็นงานกลางคืน แต่เจ้าของร้านนี้ก็เป็นคนใจดีมาก ถึงเขาจะเหนื่อยแทบขาดตัวแต่ได้เงินตอบแทนดี บางทีก็ได้ทิปพิเศษจากลูกค้าอีกด้วย...คุ้มค่ากับเหงื่อและแรงกายที่เสียไป



เนื่องจากเขาทำงานมาหลากหลายรูปแบบ จึงมีประสบการณ์ค่อนข้างมาก ได้รู้จักคนหลายคน นิสัยหลากหลายประเภท อย่างลูกค้าในร้านเหล้านี่ก็มีทั้งคนที่ดีและไม่ดี มาหาความสุขด้วยการปลดปล่อยอารมณ์จากแสงสีเสียงบ้าง ของมึนเมาบ้าง แต่บางคนก็ไม่ได้มาปล่อยอารมณ์อย่างเดียว...มาหาคู่นอนก็มี



"น้องสาวจ๋า สะโพกสวยใช้ได้เลยนะเนี่ย...คืนนี้สนใจให้พี่กระแทกมั้ยจ๊ะ" เสียงยานคางเมาเหล้าของชายหนุ่มซักคนดังขึ้น และเพื่อนๆ ของมันก็พากันหัวเราะร้องแซววี้ดวิ้วประสานเสียงอย่างเฮฮา



พนักงานเสิร์ฟหลายคนเหลือบตามอง ใครที่รู้ดีก็จะค่อยๆ เดินออกห่างอย่างแนบเนียน เพราะมันใกล้จะเริ่มอีกแล้ว...



และทันทีที่สาวสวยสองคนที่ใส่ชุดเดรสสั้นจู๋ เปิดไหล่เปิดหลังโชว์ผิวขาวเนียนหันมายิ้มหวานให้ หนุ่มๆเหล่านั้นก็ยิ้มตาเยิ้มเหมือนจะมีหวัง หากแต่...



"ไปหาอีตัวเถอะค่ะ"



"ว่าไงนะอีนี่!"



เพล้ง!



คำพูดไม่เข้าหูเรียกให้อารมณ์พุ่งปรี๊ด มือขว้างแก้วน้ำลงพื้นจนแตกกระจายด้วยใบหน้าแดงก่ำอย่างโมโหสุดขีด



ตึง! ผัวะ! โครม!



และพวกผู้ชายดิบเถื่อนก็พุ่งตัวเข้าหากัน พวกหนึ่งโมโหเพราะคำพูดไม่เข้าหู อีกพวกก็กรุ่นโกรธเพราะเพื่อนสาวของตัวเองโดนเทียวไล้เทียวขื่อ เกิดการตะลุมบอนและเสียงตุ้บตั้บตามมา...เป็นภาพที่เห็นได้บ่อยๆ ในร้านผับบาร์แบบนี้



พอโดนหาเรื่อง ก็ไปต่อยตีเขา...พอพวกเขาโดนตี ก็รุมตีกลับ เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน



และเขาสมัครงานมาเพื่อเป็นพนักงานเสิร์ฟอย่างเดียวก็ต้องมาเก็บกวาดเศษซากที่พวกมันทำทิ้งเอาไว้ซึ่งอยู่นอกเหนือหน้าที่...ทุกวี่ทุกวันไม่ขาด



ร่างโปร่งถอนหายใจเบื่อหน่ายระคนชินชา รีบเร่งฝีเท้าเดินไปทิศทางหลังร้าน เพื่อที่จะหยิบของเสิร์ฟลูกค้าตามที่สั่ง และเพื่อหนีเอาตัวรอดไปด้วย เพราะไม่อยากจะโดนลูกหลงเจ็บตัวเพราะเรื่องไร้สาระของคนอื่น



ผลัวะ!



แต่แล้วขาเรียวเดินยังไม่พ้นบริเวณที่ทะเลาะวิวาทเมื่อครู่ ก็ถูกใครบางคนกระแทกเข้าที่ด้านหลังอย่างแรงจนร่างโปร่งหน้าเกือบทิ่ม แต่โชคดีที่ยังตั้งหลักทัน และโชคดีที่ในมือเขามีแค่ถาดเปล่า



"โทษที"



รามหันไปมองคนพูด ร่างสูงที่หันหลังให้ยืนเช็ดมุมปากที่มีเลือดซึมหากแต่ใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรไปมากกว่าคำว่าหงุดหงิด แค่ใบหน้าด้านข้างที่เห็นก็หล่อเหลาขนาดนี้ ถ้ามองจากด้านหน้าก็ไม่รู้จะขนาดไหน...อย่างกับนายแบบหรือดาราเลยแฮะหมอนี่



"ครับ..." สายตาเผลอจ้องมองใบหน้าละเอียดอย่างกับรูปปั้นนั้นค้างนานจนตาคมขวางตวัดสบกลับมา



"เป็นอะไรมั้ยครับ" รามไม่หลบดวงตาน่ากลัว กลับเอ่ยถามแทน รามไม่เข้าใจตัวเอง ก่อนหน้านี้ใครจะมีเรื่องอะไรก็ไม่เห็นจะสนใจ แต่กับชายคนนี้...มันมีอะไรที่น่าดึงดูด



"ไม่..." อีกฝ่ายตอบห้วน ร่างที่มีความสูงมากกว่าเขาอยู่ประมาณเกือบยี่สิบเซนติเมตรถุยน้ำลายลงพื้นด้วยท่าทางหยาบคายเหมือนนักเลงชวนตี แต่พอมองน้ำที่คิดว่ามันคือน้ำลายกองอยู่ดีๆ มันก็คือเลือดนี่เอง "ไปไกลๆ เดี๋ยวก็โดนลูกหลงไปด้วยหรอก"



"อ่า ครับ" เขารับคำเดินแล้วออกไปและหลังจากนั้นกลุ่มที่ทะเลาะกันก็ตะลุมบอนกันอีกรอบ อดหันกลับไปมองไม่ได้ ซึ่งร้านนี้เป็นร้านที่แปลกมาก เวลามีเรื่องอะไรไม่มีใครห้าม ใครอยากต่อยอยากทะเลาะกันมึงทำไป...แต่ขอให้จ่ายค่าเสียหายแค่นั้นพอ



ซึ่งไอ้พวกนี้เวลามันทะเลาะก็ทะเลาะจนกว่าจะสบายใจ แล้วสุดท้ายก็วางเงินไว้จริงๆ ...พวกคนรวยนี่เข้าใจยากชะมัด



“เฮ้ยราม”



ร่างโปร่งที่กำลังสะพายกระเป๋าเตรียมกลับบ้านเพราะหมดหน้าที่ ต้องหันกลับไปมอง คือเจ้าของร้านที่บอก “ครับพี่เจ๋ง”



“โทษที เอ็งสนใจรับจ๊อบล้างจานอีกจ๊อบไหมวะ พอดีพี่ขาดคนว่ะ”



“แต่ผม...” นี่ล่วงเลยมาตีหนึ่งแล้ว เขาต้องรีบกลับ ไม่รู้ว่าแม่เป็นยังไงบ้าง...เพราะบางครั้งก็ไข้ขึ้นกลางดึก แล้วอีกอย่างยังมีงานอย่างอื่นตอนเช้าตรู่ด้วย กลัวจะไม่ได้นอนพักเนี่ยสิ



“เดี๋ยวบวกทิปให้ เอาไหม” ร่างสูงกำยำตัวดำปี๋เดินเข้ามาคล้องคอเขาแล้วป้องปากพูดกระซิบ “แล้วอย่าไปบอกใครล่ะ พี่ให้เอ็งเป็นพิเศษเลยนะ”



รามเม้มปากขมวดคิ้วลังเล สนใจที่อีกฝ่ายบอกจะเพิ่มเงินให้ พี่เจ๋งมักจะใจดีแบบนี้เสมอเพราะอีกฝ่ายเหมือนจะรู้สถานการณ์ที่บ้านของเขาอยู่เหมือนกัน...คอยช่วยเหลืออยู่แบบนี้ตลอด



ไม่รู้ถึงคนที่กอดคออยู่มองตนยิ้มกริ่ม สายตากวาดมองหลังหูและซอกคอขาวและต่ำลงไปที่แผ่นอกแบนที่อยู่ใต้ร่มผ้า ลิ้นแลบเลียริมฝีปากแห้งก่อนจะรีบปรับสีหน้าเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าตกลง



“ก็ได้ครับ แต่เดี๋ยวล้างชุดนี้เสร็จผมต้องรีบกลับแล้ว ผมเป็นห่วงแม่”



“โอเค ได้สิ ขอบใจมาก” เจ๋งยิ้มกว้าง “งั้นเดี๋ยวทำเสร็จก็กลับเลย พรุ่งนี้เจอกันเหมือนเดิม” ตบไหล่บางและขยี้ศีรษะพระรามจนยุ่ง ซึ่งร่างโปร่งก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากนี้ยังนับถืออีกฝ่ายด้วยซ้ำไป



“ครับพี่”



กว่าจะเสร็จก็ล่วงเลยมาเกือบตีสามที่ใกล้เวลาร้านปิด เขารู้สึกเหนื่อยเพลียมากจนอยากจะหลับมันซะตรงนั้น มือเรียวสองข้างยกขึ้นจากกะละมังใหญ่ที่มีน้ำเย็นๆ ขังอยู่เต็ม ก่อนจะสะบัดๆ และเช็ดมันกับกางเกง อา...มือเขาเปื่อยยุ่ยไปหมดแล้ว



พระรามมาเข้าห้องน้ำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะต้องเดินกลับบ้านเป็นระยะทางไกลพอสมควรแต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร



ร้านนี้ไว้ปลดปล่อยอารมณ์จริงอย่างที่ชื่อบอก



'ปล่อย'



ทั้งเศร้า สุข เครียด...ไม่เว้นแม้กระทั่งอารมณ์หื่นกาม



"อ๊ะ ซี้ด อ๊า"



"อืม ร่อนสะโพกหน่อย"



"ฮื้อ...อื้ม อื้อ แรงอีก จะเสร็จ...อ๊ะ อ๊า!"



รามเจอเรื่องนี้บ่อยจนชินชา ยิ่งกับในร้านเหล้ากับพวกที่ชอบมาเสาะหาคู่นอนแล้วเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ...และแม้แต่ผู้ชายเอากันเองก็เป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้ว



ทั้งเสียงครางกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อก็ชัดเจน แถมยังอยู่ในห้องน้ำที่ปูด้วยกระเบื้องเสียงยิ่งสะท้อนก้องเข้าไปใหญ่ แค่ไม่เห็นภาพแค่นั้น



ร่างโปร่งยืนล้างมือไม่ออกไปซักที นั่นก็เพราะว่าเสียงของหนึ่งในสองคนนั้นมันคุ้นหูเขาน่ะสิ คุ้นๆเหมือนกับ...



ฟืด...แกร๊ก



เสียงรูดซิปและเสียงเปิดประตูดังขึ้นหลังจากเสร็จกิจกาม



"มึง..." เสียงทุ้มเรียกค้าง เมื่อเห็นเขายืนอยู่หน้าอ่างล้างมือ จะว่าไงดี เขาไม่ได้ดูตกใจอะไรเลย ซ้ำยังเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ



"อ๊ะ แฮ่ก...ใครเหรอ ติม"  จนร่างเล็กของผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำห้องเดียวกัน ใบหน้าหวานน่ารักอย่างกับผู้หญิงยังคงแดงเถือก ตาปรือปรอยเหมือนคนเพิ่งเสร็จจากอารมณ์อย่างว่า แถมเสื้อผ้าหลุดลุ่ยยับยู่ยี่ แล้วก็ยังมีรอยจูบตรงคออีกต่างหาก



รามมองหน้าร่างสูงที่ชื่อติม คนตรงหน้าคือคนๆ เดียวกับที่เจอในผับเมื่อเกิดเหตุทะเลาะวิวาท หลังจากตอนนั้นที่ทุกสิ่งทุกอย่างสงบลง เขาก็ไปปัดกวาดเช็ดถูทั้งซากแก้ว เศษไม้ แอ่งน้ำนองที่ไม่รู้ว่าคือเหล้าหรือเลือดกันแน่ที่กองเจิ่งอยู่บนพื้น ดีนะที่พนักงานเสิร์ฟร้านนี้ไม่ได้มีแค่ราม ไม่งั้นคงต้องเก็บซากพวกนี้จนไม่ได้กลับ และระหว่างนั้นเขาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะได้เจอกับหมอนั่นอีกมั้ย คนที่ทำให้พระรามมองค้างได้...แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะมองหาแค่ไหนก็ไม่เจอ ที่แท้อีกฝ่ายก็กำลังมีภารกิจที่ต้องทำอยู่ในห้องน้ำนี่เอง



ดึกป่านนี้แล้วยังไม่กลับไปอีกเหรอเนี่ย



ตอนนี้มองเห็นชัดแล้วว่าอีกฝ่ายหล่อจริงๆ เมื่อกี้อยู่ในความมืดยิ่งว่าหน้าตาดีแล้วตอนนี้ชัดเจนกว่าเลยว่า...นี่มันเทพบุตรมาจุติชัดๆ



ทั้งตาทั้งจมูกทั้งปากรับกันพอดี คนอะไรจะเกิดมามีเครื่องหน้าที่เพอร์เฟคต์ขนาดนี้



"ขอโทษทีที่แอบฟัง...จริงๆ พวกมึงก็ส่งเสียงซะดัง จะมาว่าว่าแอบฟังก็ไม่ได้หรอกนะ"



"อะ..." ร่างเล็กหน้าแดงเขินอาย



"ก็ไม่ได้แคร์ แค่เรื่องธรรมชาติ...อ่ะนี่" ร่างสูงยักไหล่หน้าเรียบนิ่ง ควักเงินในกระเป๋าออกมายื่นให้หนุ่มร่างเล็กไร้นามที่พอเห็นปุ๊บว่าคืออะไรก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที



"นิลไม่เอาหรอก ก็บอกติมแล้วไงว่าไม่ได้อยากเป็นคู่นอน"



"เอาไปซะ จะได้ไม่ติดค้าง" ติมยัดเงินลงบนมือเล็กเหมือนไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรับไว้หรือไม่ ขายาวก็ก้าวออกจากห้องน้ำไป ทิ้งหนุ่มน้อยน่ารักที่ทำหน้าซึมเอาไว้ ซึ่งพระรามที่ถือว่าเป็นแค่คนนอกก็ยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไร ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย...



เขาคงไม่ได้กลับไปดูแม่แล้ว คงต้องเลยไปที่ทำงานต่อไปเลยเพราะมัวแต่เสียเวลาฟังเสียงครางในห้องน้ำระหว่างทำภารกิจของคนอื่นอยู่นั่นแหละ



ระหว่างที่เดินออกมานอกร้านแล้วสักพักหนึ่ง ยังเดินไม่ทันพ้นซอยมืดวังเวงก็มีคนมาจับแขนเรียวเอาไว้



หมับ!



"เฮ้ย...อะ มึง" ร่างโปร่งสะดุ้งสุดตัวหันไปดูคนที่ดึงข้อมือเขาเอาไว้อย่างตกใจ อีกฝ่ายคือร่างสูงคนที่เพิ่งเจอเมื่อกี้... "ติม"



"หืม รู้ชื่อกูด้วย"



"..." รามกัดปาก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงจำได้ จำได้ยังไม่พอ ยังเผลอเรียกชื่อออกมาอีก ทั้งๆ ที่เรายังไม่รู้จักกัน...ติมยังไม่รู้จักเขาเลยแท้ๆ “ก็เด็กของมึงพูดออกมาไง กูแค่ได้ยิน”



ร่างโปร่งรีบสะบัดข้อมือออกพูดแก้ตะกุกตะกัก ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ล้วงมือลงกระเป๋ากางเกง



"อะไร...เจอตอนแรกทำตัวสุภาพแถมพูดซะเพราะ หรือว่าเมื่อกี้แอ๊บ"



เขาขมวดคิ้ว "ซะที่ไหนล่ะ...นั่นเพราะอยู่ในหน้าที่หรอก มึงเป็นลูกค้า กูก็ต้องพูดดีๆ สิ"



ติมเลิกคิ้ว "อ้าว ทำงานในนั้นหรอกเหรอ"



"อืม" เสียงทุ้มใสครางในลำคอ เพราะในนั้นคงมืดจึงอาจจะไม่ได้สังเกตว่ารามใส่ชุดพนักงานอยู่ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว ก็ไม่ได้หวังว่าจะให้ติมจำเขาได้ทุกกระเบียดนิ้วเหมือนที่เขาจำอีกฝ่ายอยู่แล้ว เพราะว่าหน้าตาของเขาก็ไม่ได้ดูดีโดดเด่นอะไรด้วย ก็แค่คนหน้าจืดคนหนึ่ง



ร่างโปร่งสะดุ้งในใจ เมื่อกี้เขาคิดอะไร...ผิดหวังเหรอ...จำได้ทุกกระเบียดนิ้วเหรอ



“ว่าแต่มีอะไร” มือไม่รู้จะวางไว้ไหนก็เผลอจับสายกระเป๋าที่พาดไหล่แน่น “หรือว่า...มึงพิศวาสกู”



“...กล้าพูดเนอะ” ริมฝีปากยิ้มดูถูก สายตาคมกวาดมองร่างกายโปร่งแต่งตัวมอซอขึ้นลงหนึ่งครั้งเร็วๆ อย่างเสียมารยาท “มึงมีอะไรให้กูพิศวาส”



"อืม งั้นกูไปล่ะ" เขาพูด มือยกนาฬิกาขึ้นมอง มันเสียเวลามากแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่ามันเข้ามาคุยด้วยทำไม แต่ก็ไม่คิดว่าร่างสูงจะพิศวาสอะไรจริงๆ เหมือนที่อีกฝ่ายพูดนั่นแหละ



ถึงจะเสียหน้าไม่น้อยแต่ติมพูดจริง ดวงตาเขาเรียวเล็กจนแทบเรียกว่าตี่ ร่างกายที่เคยมีกล้ามเนื้อแต่ตอนนี้มันหดหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เหลือแค่กระดูกกับหนัง ความสูงที่มากกว่ามาตรฐานเล็กน้อย แล้วก็มีดีแค่ผิวขาวนิดหน่อยแค่นั้น



จริงๆ แค่พูดเรื่องฐานะก็ไม่เหมาะสมกันอยู่แล้ว...อีกฝ่ายเป็นพวกคุณชายมีเงินเหลือเฟือเอาไว้เที่ยวเล่นแถมยังต่อยตีคนอื่นไปทั่ว แต่เขากลับต้องทำงานงกๆ ชีวิตวนเวียนอยู่กับการเรียนและทำงาน



แล้วนี่จะคิดเยอะแยะไปทำไม...จะเหมาะหรือไม่เหมาะก็ช่างสิ



"เดี๋ยวดิ"



ตาเรียวปรายมอง แขนถูกรั้งไว้อีกแล้ว "อะไรอีก กูรีบ"



"รีบไปไหน ชื่ออะไร ยังไม่รู้จักเลย"



ไหนบอกว่าไม่พิศวาสกันไง



"ทำไมต้องรู้ เดี๋ยวก็ไม่เจอกันอีกแล้ว" เขาขมวดคิ้วชักสีหน้า ไม่ได้พูดล้อเล่น คนบนโลกมีเป็นล้านคนเจอกันครั้งเดียวก็ใช่ว่าจะบังเอิญเจอกันอีก...ไม่มีทางที่จะได้เจอกันง่ายๆ อีกหรอก



"ไม่เจอได้ไง ไหนบอกทำงานร้านนี้"



"ก็ทำ"



"งั้นเดี๋ยวก็ได้เจออีก"



ใบหน้าคมที่จ้องมองมามันทำให้ใจเผลอเต้นตุบ...ความหมายที่อีกฝ่ายพูดราวกับจะบอกว่าเดี๋ยวติมจะมาหาเขาไม่วันใดก็วันหนึ่ง



"ชื่อราม พอใจยัง" สุดท้ายก็เลยยอมบอกออกไป



"เออ"



"งั้นกูไปละ"



"เดี๋ยว"



ร่างโปร่งเริ่มจิ๊ปากอย่างรำคาญเมื่อเสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง จริงๆ แล้วเขาจะเดินไปเลยก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมเท้าถึงหยุดเดินแถมยังหันไปหาอีก กลอกตาให้มันรู้ว่าเขาเริ่มไม่ไหวแล้ว "อะไรอีก"



"ยังตอบคำถามไม่ครบเลย รีบไปไหน ถ้ารีบกลับบ้านเดี๋ยวกูไปส่ง นี่มันตีสามครึ่งแล้ว"



อะไร...นี่มันต้องการอะไร แล้วทำไมเขาต้องใจเต้นด้วย เป็นเพราะใบหน้าหล่อเหลาชวนมองนั่นงั้นเหรอ หรือว่า...สัมผัสร้อนผ่าวที่จับตรงแขน



"กะ กูจะไปทำงานต่อ! และมึงก็กำลังทำกูช้าด้วย ปล่อยได้แล้ว!" ร่างโปร่งอึกอักพยายามสะบัดแขน แต่คราวนี้ไม่หลุดง่ายๆ มือใหญ่กำแขนผอมรอบอย่างเหนียวหนึบ



"ทำงาน? ป่านนี้แล้วเนี่ยนะ" ติมเลิกคิ้ว สายตาพลันเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที “ทำทำไม บ้านจน?”



ตาเรียวตวัดมอง บอกเสียงเข้ม “อย่าเสือก”



“แล้วตกลงทำทำไม” ไอ้หมอนี่ไม่ได้ฟังที่เขาด่าเลยหรือไง



“ถ้าทำงานแล้วไม่ได้เงินจะทำทำไมวะ!?”



ไม่เคยของขึ้นง่ายๆ กับใครมาก่อนเลย...กวนประสาทจริงแท้เว้ย



"ถ้ามึงอยากได้เงิน...ทำไมไม่มาทำงานกับกูล่ะ"



คำพูดของติมทำให้พระรามหรี่ตามองอย่างระแวง "ทำงาน? ทำอะไร?"



"ก็แบบง่ายๆ" ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามากระซิบเสียงทุ้มข้างหูที่ฟังแล้วขนลุกเกรียวทั่วร่าง "แค่นอนถ่างขาอ้าปากครางบนเตียงอย่างเดียว...รับรองกูให้เงินมึงได้มากกว่างานที่กำลังจะไปทำแน่นอน สนใจมั้ย"



"!!!" ตาเรียวเบิกกว้างทันที ปฏิกิริยาร่างกายไปก่อนใครเพื่อน



ผัวะ!



“ไหนบอกว่าไม่พิศวาสไงวะ!”



“โอ๊ย มือหนักชะมัด” ร่างสูงโอดครวญจับมุมปากที่เลือดไหลซึมอีกครั้งเพราะกำปั้นของเขาซ้ำไปที่เดิมกับแผลก่อนหน้า



"ไอ้บ้ากาม! ถ้าอยากนักก็ไปหาคนอื่นนอนซะไป! กูไม่มีทางจะให้ผู้ชายอย่างมึงมาเอาหรอกเว้ย!!"



ปั่ก!



“โอ๊ย! เดี๋ยวดิ!”



รามเตะที่ขายาวไปเต็มๆ อีกหนึ่งทีและรีบวิ่งหนีออกมา มือยังคงกำหมัดแน่นสั่นระริก ไม่เคยโมโหใครเท่านี้มาก่อน รู้สึกหน้าร้อนหัวร้อนไปหมด ถึงเขาจะจนจริงแต่ก็ไม่คิดง่ายๆ ที่จะขายตัวเพื่อเอาเงินซักหน่อย



แล้วทำไมเขาต้องใจเต้นด้วย นี่หูเขาร้อนเพราะเสียงทุ้มและลมหายใจร้อนเป่ารดเมื่อกี้...



ไม่ มันเรื่องบ้าๆ ทั้งนั้นแหละ ไม่มีทาง



ฮึ่ย! ให้ตายสิ ขออย่าให้เจอกับไอ้หมอนี่อีกเลยเถอะ!!





********************* Love Substitute *********************

หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep2 03/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 03-02-2019 17:13:53


                                                              LS ตอนที่ 2



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





“แม่ รามไปทำงานก่อนนะ”



“จ้ะ ระวังตัวด้วยนะ”



“แม่ด้วย มีอะไรก็โทรมานะครับ”



รามก้มตัวลงให้ภาวดีหอมแก้มทั้งสองข้างก่อนจะกอดหญิงสาวผู้ผ่ายผอมอีกครั้ง “อย่าฝืนนะลูก”



“ครับผม”



ช่วงนี้สองแม่ลูกมีความสุขสบายอกสบายใจ เพราะนพกรหายไปหลายวันไม่มากวนอีกหลังจากที่ได้เงินก้อนใหญ่ไป จึงไม่ต้องมีเรื่องให้เครียดหรือหนักใจ เพียงแค่รามต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพราะใกล้เวลาที่มารดาจะต้องไปหาหมออีกครั้ง



ภาวดีมีนัดตรวจร่างกายทุกๆ เดือน นั่นคือสิ่งที่พระรามรู้ว่าเขาจะต้องมีเงินจำนวนหนึ่งเตรียมเอาไว้ให้พร้อม



“ขอบคุณมากครับ”



“ขอโทษนะคะ สติกเกอร์ที่ใช้แทนเงินอันนี้ยังใช้ได้อยู่มั้ยคะ”



“อ้า พอดีสติกเกอร์เซ็ตนี้หมดอายุแล้วนะครับ” เสียงทุ้มใสว่าอย่างเสียดายก่อนจะส่งสิ่งที่ว่าคืนกลับให้ลูกค้า



“อ๋อ โอเคค่ะ งั้น...”



ร่างโปร่งจิ้มหน้าจอคิดเงินและเปิดลิ้นชักเก็บเงินทอนเงินแบบนี้ทุกวันวันละหลายๆ รอบจนบางทีหูเขาก็เพี้ยน...ได้ยินเสียงจนหลอน เก็บไปฝันบ้างก็มี



“รามช่วยจัดสต็อกหลังร้านให้ด้วยนะเว้ย”



“ครับ” เสียงทุ้มตอบไป ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ทำหน้าร้านแล้วยังต้องทำหลังร้านอีก เหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่ก็ต้องอดทน



ชีวิตวนเวียนไป



แต่อย่างน้อยพระรามก็รู้สึกดีขึ้นมากเพราะหลายวันที่ผ่านมานี้ ไม่ได้เจอติมอย่างที่ใจขอ การทำงานในร้านผับ ระหว่างเสิร์ฟเหล้าโต๊ะนู้นนั้นนี้ก็ระแวงสุดๆ ว่าจะเจอร่างสูงโผล่มาเมื่อไหร่ แต่วันแล้ววันเล่าก็ผ่านไปอย่างราบรื่นจนทำงานได้อย่างโล่งอกสบายใจ...ขอบคุณพระเจ้าที่บันดาลคำขอของเขาให้สัมฤทธิ์ผล



แต่ทว่า...



พลั่ก!



คำขอของรามมันไม่ได้เป็นจริงตลอดไป!



"โอ๊ะ!"



"ขอโทษครั...อะ อ้าว คุณนี่เอง"



"นี่มึง...! มานี่ได้ไง" ร่างโปร่งยกนิ้วชี้หน้าไอ้คนตัวสูงที่ยืนมองต่ำลงมาเพราะความสูงที่ต่างกัน



เมื่อกี้มันเรียกเขาว่าอะไรนะ...คุณ!? ผิดคนหรือเปล่าวะเนี่ย



ไม่อยากจะเชื่อว่าพระรามที่เคยหวาดระแวงจะเจออีกฝ่ายที่ร้านผับที่เขาทำงานซึ่งมีโอกาสมากกว่ากลับไม่เจอ แต่ดันมาเจอในค่ายของมหาวิทยาลัยที่จัดขึ้นในต่างจังหวัดแทนซะงั้น



มันมีแต่ความบังเอิญเท่านั้นแหละที่จะเสกให้เรามาเจอกัน



ขนาดอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ยังจะเจออีก โอย จะบ้าตาย! ถ้าร่างโปร่งทึ้งหัวตัวเองได้คงทำไปแล้ว แต่อยู่ต่อหน้าเพื่อนแถมยังถูกมองเหมือนเขารู้จักกับติมแบบนี้ ยิ่งวางตัวลำบาก



'ถ้ามึงอยากได้เงิน...ทำไมไม่มาทำงานกับกูล่ะ'



 แม้จะผ่านมาได้หลายสัปดาห์แล้ว แต่รามก็ยังไม่ลืมคำพูดที่อีกฝ่ายดูถูกเอาไว้



'แค่นอนถ่างขาอ้าปากครางบนเตียงอย่างเดียว...รับรองกูให้เงินมึงได้มากกว่างานที่กำลังจะไปทำแน่นอน สนใจมั้ย'



คำปรามาสที่เรียกอารมณ์คุกรุ่นได้เพียงแค่นึกถึงมัน



"ก็ผมเป็นนักศึกษาที่นี่ จะอยู่ที่นี่มันแปลกตรงไหนไม่ทราบ" ติมพูดพลางมองต่ำขยับตัวออกห่างจากเขาเล็กน้อย การใช้คำพูดและน้ำเสียงสุภาพขึ้นอย่างกับเป็นคนละคน ถ้ารามจำหน้ามันไม่ได้อาจจะคิดว่าไม่ใช่ แต่หนังหน้าหล่อๆ นี่ยังไงเขาก็ไม่มีทางลืมหรอก...ดังนั้นร่างสูงตรงหน้านี่ก็คือไอ้หื่นที่เอาคนอย่างน่าไม่อายในห้องน้ำร้านที่รามทำงานเมื่อคืนนั้นจริงๆ!



ความบังเอิญไม่มีในโลกจริงๆ มันเพิ่งบอกว่าเรียนที่เดียวกันกับเขา ว่าแต่อยู่คณะอะไรน่ะ...ที่ถามไม่ใช่อะไร เขาจะได้หลีกเลี่ยงไม่เดินเข้าใกล้!



"เห็นกิริยาหยาบคายไม่สมกับเป็นคนมีการศึกษา เลยไม่คิดว่าจะเป็นนักศึกษาน่ะสิ...แถมดันซวยมาอยู่ที่เดียวกันอีก เวรกรรมแท้ๆ" ร่างโปร่งส่ายหน้าถอนหายใจ ไอ้ประโยคหลังนั่นพูดสำหรับตัวเองล้วน



ด้วยคำพูดและอารมณ์ที่กำลังกรุ่นทำให้ทั้งสองยิ่งยืนจ้องหน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่มีใครยอมใครจนพระรามสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีใครบางคนยืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่แรกแล้ว



"อ้าว เอม!" ตาเรียวเบิกกว้างมองใบหน้าหวานสลับกับใบหน้าหล่อชวนหมั่นไส้ของคนข้างๆ ...ทำไมถึงอยู่กับไอ้หมอนี่ล่ะ!?



"ราม" ชะเอมทำตาโตได้อย่างน่ารัก



"รู้จักกันเหรอ" ร่างบางถามทันที เอมคงหมายถึงเขากับติม



"ไม่รู้จัก/ไม่รู้จักครับ"



สองเสียงประสาน ร่างโปร่งขมวดคิ้วมอง หมอนี่พูดเพราะอีกแล้ว...



"อ้าว แต่เมื่อกี้เห็นคุยกัน" ดวงตาสีดำกลมโตฉายแววงุนงง เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายอยากจะถามว่าอีกฝ่ายรู้จักกับไอ้คนหื่นกามนี่ได้ไง "ตกลงว่าไม่รู้จักกันเหรอ"



รามเงียบกลอกตาเพราะไม่อยากตอบ แต่ร่างผอมดันใจดีแนะนำตัวให้รู้จักกันซะงั้น



"งั้นราม นี่ติม ไอติมนะเป็นน้องปีหนึ่ง ส่วนติมนี่รามเพื่อนพี่เอง" ชะเอมแนะนำไม่ถามความเห็น เพียงแค่ชั่ววินาทีที่เขากับมันมองตากัน ไอ้ห่านี่เด็กกว่าเขาเหรอ ไม่อยากเชื่อ นึกว่าอายุเท่ากันซะอีก และวินาทีต่อมาทั้งสองคนก็เบือนหน้าหนีออก คนหนึ่งเคยโดนต่อย อีกคนหนึ่งโดนพูดลามกใส่จากคนเพศเดียวกัน จะให้พูดกันดีๆ คงยากแล้วล่ะ



"เอ่อ..."



"ผมไปเก็บของก่อน ขอตัวนะครับ" ร่างสูงเอ่ยขึ้น ก้มหัวให้ชะเอมที่มีศักดิ์รุ่นพี่แต่ขนาดตัวย้อนแย้ง กับดินและสินด้วย แต่มันดันเดินผ่านรามไปอย่างเฉยเมย



แบบนี้มันข้ามหัวเขาชัดๆ



ร่างโปร่งยืนกำหมัดแน่น...รู้สึกเสียหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



"ราม เป็นไรมั้ย" สัมผัสแผ่วเบาที่แขนทำให้ร่างโปร่งรู้สึกตัว ทำให้ต้องคลายมือที่กำแน่น เห็นสายตาเป็นห่วงก็ทำให้รามยิ้มแหย



"เอ้อ...โทษที ไม่เป็นไร"



"มึงรู้จักน้องคนเมื่อกี้มาก่อนเหรอ" ดินขมวดคิ้วมองไปทางที่ร่างสูงของปีหนึ่งเพิ่งเดินไป



"ไม่ว่ะ" เสียงทุ้มใสตอบไม่สบอารมณ์และพูดโกหกออกไป "ไม่รู้จัก แต่กูเคยเจอมันก็แค่นั้น"



ใครอยากจะพูดเรื่องน่าอายของตัวเองให้เพื่อนฟังกัน เดี๋ยวไม่วายถูกล้อจนตายเป็นแน่แท้



"มิน่าล่ะ มึงกับน้องเขาถึงดูไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไหร่" สินพูด พลางสบตาทะลวงลึก เขารีบหลบทันทีเพราะไอ้เพื่อนคนนี้มันชอบอ่านแววตา



"เออ อย่าให้เล่า" พระรามถอนหายใจแรง “หรือจะเป็นเวรกรรมของกูวะ”



"เออๆ ก็อย่าทำให้มันต้องเสียบรรยากาศเลยว่ะ เดี๋ยวสี่วันนี้ก็ต้องเจอกัน คุยกัน ทำงานด้วยกัน" สินเตือน



"รามไม่ชอบน้องติมเหรอ" ใบหน้าหวานหงอยซึม กังวลใจจนคนมองเหงื่อตก...เอาแล้วไง "เราเพิ่งได้รู้จักกับน้องเขาเมื่อกี้นี้เอง น้องติมเป็นคนดีนะ" ชะเอมบอกเสียงอ่อนกับเขา แววตาอ้อนเหมือนเด็ก...เจ้าตัวไม่รู้ตัวหรอก



ร่างโปร่งเกาท้ายทอยแกรกๆ ...ชะเอมคงไม่อยากให้เพื่อนอย่างเขาไม่ชอบหน้ากับเพื่อนใหม่ที่ร่างบางเพิ่งหาได้อย่างติม...ชะเอมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อน จะกังวลเป็นพิเศษก็ไม่แปลก



"อะ เอ่อ ก็ไม่ใช่...ว่าไม่ชอบมัน...เอ๊ย น้องมันหรอก แค่เคยเจอกันแล้วก็มีปากเสียงกันนิดหน่อย" เสียงทุ้มใสพูดตะกุกตะกักอยากจะให้ร่างบางคลายกังวล แต่มันก็กระดากปากจนพูดอึกอักรู้สึกไม่เต็มใจเท่าที่ควร



ชะเอมผู้มองโลกในแง่ดียิ้มออกเมื่อได้ยิน "ถ้างั้น...ครั้งหน้าก็คุยกันดีๆ ได้ใช่ไหม"



ตาเรียวกรอกไปมา "เอ่อ ...ดะ ได้แหละ" ...มั้ง



ก็เพราะรอยยิ้มดีใจของชะเอมนั่นแหละที่ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ ใครอยากเห็นใบหน้านี้เศร้ากันล่ะ



"อื้ม อย่างนั้นก็ดีนะ"



เอาเป็นว่าเมื่อไหร่ที่คุยกับมัน แล้วอยู่ต่อหน้าชะเอม เขาก็จะยอมอดทนทำดีด้วยไปก่อนก็แล้วกัน



********************* Love Substitute *********************





ในระหว่างกิจกรรมการทำงานที่ค่ายนั้นเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น



พระรามได้แต่ยืนมองแผ่นหลังบางของชะเอมที่เดินออกไป มันช่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย แววตาสีดำที่สะท้อนความเจ็บออกมามันทำให้คนมองเจ็บไปด้วย...ไม่มีใครที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นแบบนี้ได้นอกจากคนๆ เดียว



"เฮ้อ..." เสียงทุ้มใสถอนหายใจยาวหนักใจ ขาเรียวตวัดกลับหลังกำลังจะเดินตามเพื่อนไป แต่ก็ต้องชะงักคิ้วกระตุกสองที เมื่อเห็นร่างสูงอยู่ในสายตา "นี่มึงยังไม่ไปอีกเหรอวะ"



ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว...ชอบยุ่งจังเลยเรื่องชาวบ้านเนี่ย ดีนะที่เอมไม่พูดอะไร ไม่งั้นเขาคงวีนมันมากกว่านี้



"แล้วคุณตาบอดหรือไงถึงไม่เห็นผมว่ายืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว" ติมตอบนิ่ง สายตายังมองตามทิศทางที่ร่างผอมบางเดินออกไป



"กูไม่ได้ตาบอด...แล้วกูจะเห็นหรือไม่เห็นแล้วจะทำไม มึงสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง" รามย้อนเสียงสูงนี่พอยืนเทียบกับไอ้ปีหนึ่งนี่แล้วมันสูงกว่าเยอะจนต้องเงยหน้าพูดจนคางเชิด



บทสนทนาที่ฟังแล้วคนละขั้วสุดฤทธิ์ ร่างโปร่งฟังแล้วระคายหูสุดๆ เพราะคำพูดสุภาพของอีกฝ่ายนั่นแหละ



"ผมตัวสูงกว่าคุณ ถ้าไม่ได้ตาบอด ก็เห็นจะเป็นตาตี่ๆ นี่ล่ะมั้งที่เป็นอุปสรรคกับการมองเห็น" เสียงทุ้มพูดแกมหัวเราะในลำคอ ทำให้ร่างโปร่งชะงักใบหน้าแดงเข้มด้วยความโกรธ



มันล้อเลียนเขา!



"กูเป็นพี่มึงนะ อย่ามาล้อเล่นกูไม่ขำ" พระรามเอ่ยเสียงเข้มให้รู้ว่าเอาจริง ตั้งแต่เจอครั้งแรกยังไม่เท่าไหร่เพราะยังไม่รู้ว่ามันเป็นรุ่นน้องในมหาลัย แต่จนถึงตอนนี้ร่างโปร่งไม่เห็นว่ามันจะทำเหมือนเขาเป็นรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าเลยแม้แต่นิดเดียว...ไม่มีความเคารพ นอบน้อมอะไรใดๆ มีเพียงแต่คำพูดสุภาพจ๋าที่ยิ่งฟังยิ่งเหมือนเสแสร้งแสดงออกมามากกว่า



"คุณไม่ใช่พี่ผม กิริยาแบบนี้ผมไม่นับถือคุณเป็นพี่หรอก"



คำพูดของติมทำให้เขาน็อตหลุด "แล้วมึงจะมายุ่งวุ่นวายทำไมวะ!"



ไอติมไม่มีท่าทีตกใจหรือหวาดกลัวที่โดนตวาดใส่สักนิด ดูนิ่งเกินไปจนเป็นฝ่ายผมเองต่างหากที่เหมือนคนบ้า โกรธอยู่คนเดียว "ผมไม่ได้อยากยุ่งกับคุณ ผมแค่เป็นห่วงพี่ชะเอม"



ตึก...



คำพูดนั้นทำให้รามชะงักเบิกตา...แววตานั่น "นี่มึง...อย่าบอกนะว่าชอบเอม?"



"ไม่ใช่เรื่องของคุณ"



"ไอ้เวร กูถามดีๆ" เขาฟังแล้วคิ้วกระตุก อารมณ์เริ่มกรุ่นอีกละ



"ไอ้ราม ทำอะไรอยู่วะ!" กำปั้นขนาดพอดีที่กำจนสั่นระริกชะงักเมื่อได้ยินเสียงตะโกนมาแต่ไกล ก่อนจะพ่นลมหายใจแรงๆ "ตามมาเร็วๆ ดิวะ!"



"เออ!!" ร่างโปร่งตะโกนกลับไป ตาเรียวตวัดมองใบหน้าคมตาขวาง พยายามกดอารมณ์...อย่าไปใส่ใจๆก็แค่เด็กปีหนึ่ง ปล่อยมันไปแล้วกัน คงเจอกันไม่บ่อยนักหรอก



...ภาวนาเช่นนั้น...



โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคมเรียบนิ่งมองตามแผ่นหลังของตน พร้อมรอยยิ้มมุมปากกับดวงตาเย็นเยียบ

********************* Love Substitute *********************





ระหว่างทานข้าวเย็นอย่างเอร็ดอร่อย เพราะไม่ได้ทานอาหารครบสามมื้อแบบนี้มานานจึงทำให้พระรามอารมณ์ดีขึ้นเยอะจากเมื่อตอนเช้า



“อื้ม...อร่อยเว้ยอร่อย”



“ถ้าอร่อยก็ดีแล้วล่ะ” เสียงใสแหบโหย จนรามสะกิดใจหันไปมองใบหน้าหวานซีดเซียว



คนตัวสูงอย่างดินที่เคี้ยวข้าวยังไม่หมดปากก็ยกนิ้วโป้งขึ้นชม “มึงสุดยอดเลยเอม” ด้วยคำชมที่อู้อี้มาก สินทำหน้าเอือมแล้วยังแอบด่าว่าสกปรกด้วย



พอได้พักเที่ยงจากการทำกิจกรรมแสนร้อนและลำบากทำให้พวกผู้ชายกระตู้วู้เป็นพิเศษ ยิ่งรู้ว่ามีข้าวกับกับข้าวให้เติมจานสอง บางคนสวาปามเข้าปากใหญ่จนสำลัก



ร่างโปร่งสังเกตเห็นชะเอมที่นั่งหงอยซึม เงียบเป็นพิเศษ แถมข้าวในจานก็ยังไม่พร่องลงไปสักนิด



“เอม ยังไม่ดีขึ้นเหรอ”



“หือ...เปล่า เราไม่เป็นไร”



“...” ได้ยินอีกฝ่ายปฏิเสธมาแบบนี้ รามก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ



ขวับ!



และในขณะที่จดจ่ออยู่กับข้าวสวยและกับข้าวหอมๆ ตรงหน้า อยู่ๆ มันก็หายวับไปกับตา



"เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ" มือใหญ่คว้าจานข้าวที่ถือตรงหน้าออกไป ขาเรียวลุกขึ้นเดินตามร่างสูงที่ในมือถือจานสองจานออกไป โดยมีเพื่อนอย่างดิน สินและชะเอมมองตามอย่างงุนงง



"นี่มึง...ติม! จะทำอะไร เอาคืนมา" เพิ่งจะรู้ว่าความสูงของตัวเองมันเตี้ยก็เพราะไอ้รุ่นน้องตัวสูงชะลูดคนนี้แหละ



เขาพยายามคว้ามันคืนแต่โดนบดบังด้วยกล้ามเนื้อหนาจึงไม่สามารถแย่งกลับคืนมาได้สักที



นี่มันจะทำอะไรอีกแล้วเนี่ย!? ชอบยั่วโมโหอยู่เรื่อยเลย



ทั้งสองเริ่มเดินห่างจากจุดที่นักศึกษานั่งรวมตัวกินข้าวกันมากขึ้นทุกที ทำให้ร่างโปร่งถามขึ้นอีกครั้ง



"เฮ้ จะเดินไปไหนน่ะ" อีกฝ่ายทำหูทวนลมเหมือนเขาโวยวายอยู่คนเดียวอีกแล้ว "เฮ้ย!!"



"พูดเพราะๆ สิครับ คุณเนี่ย" ติมทำหน้าเหมือนถ้ามีมืออีกมือคงอุดหูไปแล้ว เพราะเสียงตะโกนของเขามันดังแสบแก้วหู



"เลิกพูดสุภาพสักที ได้ยินแล้วขนลุกเว้ย!" รามแหวเมื่อคิดว่าไม่มีใครได้ยินเพราะเหลือกันแค่สองคน



เสียงทุ้มหลุดหัวเราะทันที "ฮ่าๆ ทำไมล่ะ มึงยังเคยพูดครับๆ เลย"



ขนาดมันอ้าปากหัวเราะซะกว้างยังน่ามองเลย คนอะไร หน้าตาดีไม่เกรงใจคนอื่น



พระรามมองไอติมตาค้างก่อนจะหน้ามุ่ยเมื่อตั้งสติได้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรกัดเขา



"นั่นเพราะกูทำงาน" ...บอกแล้วไม่เคยจะจำ



"อ๋อ เหรอ" อีกฝ่ายยักไหล่ยียวน เรียกเส้นเลือดปูดข้างขมับเต้นตุบๆ



ร่างสูงหย่อนตัวลงนั่งบนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งที่คนตัวใหญ่อย่างมันสามารถนั่งได้ และวางจานข้าวของเขาลงบนก้อนหินข้างๆ และใช้มือตบแปะๆ



"เอ้า มานั่งสิ"



อะไรของมัน...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ



เขาถอนหายใจ ขี้เกียจพูดแล้ว แถมยังหิวมากด้วยเพราะมันเข้ามาขัดจังหวะการกินนั่นแหละ



ร่างโปร่งยกจานขึ้นก่อนหย่อนตูดลงนั่งบ้าง แถวๆ นี้เงียบมาก แต่ลมพัดเย็นสบายแถมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่พอดีเลย ทำให้เขาตักข้าวเข้าปากเคี้ยวอย่างเชื่องช้า ตาเรียวเงยมองใบไม้สีเขียวพัดไสวแล้วรู้สึกชื่นใจ จนลืมใครอีกคนไป



แต่พอข้าวเข้าปากได้หนึ่งคำ ความอร่อยก็ทำให้มือบางเร่งตักอย่างเร็วด้วยความหิว



อืม...ชะเอมนี่ถ้าทำกับข้าวขายคงรวยเละแน่



"แค่ก! ...แค่ก" ร่างโปร่งไอโขลกสำลักข้าวเพราะรีบกลืน



"เอ้า กินช้าๆ ดิ ตะกละซะทำเหมือนไม่เคยกินข้าวไปได้" มือบางรับขวดน้ำที่ติมยื่นให้มาดื่ม เพราะยังสำลักไม่หาย ไม่วายก็สำลักน้ำซ้ำสอง ร่างโปร่งปิดปากไอติดต่อกันนานเป็นนาทีก็ยังไม่หายจนหน้าแดง



"แค่กๆๆ"



สัมผัสที่หลังทำให้ผมที่ไอจนน้ำตาไหลหรี่ตามอง มือใหญ่ลูบจากบนลงล่างเบาๆ จนอาการร่างโปร่งดีขึ้น



ตึกตัก...



สรุปว่าไอติมมันเป็นคนยังไงกันแน่นะ...เขาไม่เข้าใจเลย ถึงจะเจอมันแค่ไม่กี่ครั้งก็จริง แต่ทุกครั้งที่ได้คุยกัน ร่างโปร่งมักจะแปลกใจว่าคนๆ ไหนคือติมตัวจริง



'ไปไกลๆ เดี๋ยวก็โดนลูกหลงไปด้วยหรอก'



‘รีบไปไหน ถ้ารีบกลับบ้านเดี๋ยวกูไปส่ง’



'คุณไม่ใช่พี่ผม ผมไม่นับถือคุณเป็นพี่หรอก'



แล้วพอมาตอนนี้...ความใจดีของติมกำลังทำให้รามสับสน...เพราะอีกฝ่ายมาทำให้ใจเต้นอีกแล้ว



"ตกลงมึงมีธุระอะไรถึงต้องลากตัวกูมา บอกได้ยัง" มือวางจานเปล่าลงและหันไปถามมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง



อีกฝ่ายรู้ตัวรึเปล่าว่าเพียงแค่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นั่นมันกำลังปั่นหัว(ใจ)เขาอย่างหนัก



อาจเป็นเพราะรอยยิ้มมุมปากที่ดูร้ายๆ นั่นก็ด้วย...หล่อไม่บันยะบันยังจริงๆ



ติมยักไหล่ เปิดขวดดื่มน้ำอึกๆ ก่อนแล้วค่อยตอบ "ก็ไม่มีอะไร แค่จะมาเอาคืน"



"เรื่อง?"



"ที่ต่อยกูวันนั้นไง" ร่างสูงชี้ข้างมุมปากซึ่งตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้ว แต่พอนึกขึ้นได้ ก็รีบแย้งทันที



"อันนั้นเพราะมึงปากไม่ดีใส่กูก่อนเองนะ จะมาเอาคืนกูได้ไง"



ตาคมกลอกไปมา "งั้นที่มึงเตะกูล่ะ แบบนี้คงเอาคืนได้แล้วสินะ" นิ้วยาวย้ายไปชี้ที่หน้าแข้งใต้กางเกงยีนส์สีดำสนิท มันคือตำแหน่งตรงเดียวกับที่เขาเตะเป๊ะๆ ...เห็นแบบนี้ก็แค้นฝังลึกเหมือนกันแฮะ



ร่างโปร่งอึกอัก ถึงรามจะผิดที่ทำร้ายร่างกายติม แต่นั่นเพราะอีกฝ่ายล่วงเกินทางเพศเขาก่อนไม่ใช่เหรอ...ด้วยคำพูดน่ะ



"แล้ว...จะเอาคืนยังไง"



"ก็...อืม” ไอติมคราง ก่อนจะเหลือบมองรามแล้วยิ้ม “ขอหนึ่งน้ำละกัน"



วินาทีแรกที่ได้ยินรามขมวดคิ้ว วินาทีต่อมาเมื่อเขาสบตาติม เห็นสายตาที่มองมาอย่างระยิบระยับ ใบหน้ามนพลันแดงวาบ เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายพูดทันที



"ไอ้...!!!" ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นเด้งตัวออกห่างอย่างรวดเร็ว จะด่าแต่ด่าไม่ออก ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยาย "ไหนบอกว่าไม่พิศวาสกูไง!?"



ไอ้หื่นนี่ สุดท้ายมันก็จะ 'เอา' ให้ได้สินะ!?



"กูเคยพูดเหรอ"



"เคยสิ! ก็..."



'มึงมีอะไรให้กูพิศวาสหรือไง' เสียงทุ้มดังขึ้นในความทรงจำ



"มึง...ไม่ได้พูดก็จริง แต่ความหมายมันใช่นี่หว่า แถมมึงก็มองแบบ..." ตาเรียวกลอกขึ้นลงสาธิตให้ดูว่าอีกฝ่ายมองแบบนี้จริงๆ



อีกฝ่ายขำในลำคอ "มึงก็เป็นคนขี้น้อยใจเหมือนกันนะเนี่ย"



"ไม่ใช่เว้ย" ใบหน้าร้อนผ่าวรีบปฏิเสธ เพราะคำพูดแทงใจดำ



"อ่ะๆ ขอเปลี่ยนคำพูดแล้วกัน แค่นี้ก็ยอมแล้วใช่ป่ะ”



“ยอมกับผีดิ!” รามแหวเสียงสูงหน้าร้อนผ่าว เมื่อไอ้เด็กนี่กล้าพูดเรื่องน่าอายได้ไม่หยุดปาก



“ทำยังไงถึงจะยอมล่ะ”



“ยังไงก็ไม่ยอมเว้ย!”



“อาการปฏิเสธหน้าแดงแบบนี้แสดงว่าไม่เคย” มุมปากคมหยักยิ้ม “โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังไม่เคยอีกเหรอมึง เป็นผู้ชายที่เสียชาติเกิดมาก”



“ไม่เคยแล้วจะทำไม กูเก็บไว้ใช้กับคนที่ชอบเท่านั้นหรอก” ร่างโปร่งตอบหูร้อน ทำไมอีกฝ่ายถึงรู้ล่ะว่าเขายัง ‘บริสุทธิ์’ โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังกระโดดเข้าหลุมกับดักจิ้งจอกด้วยตัวเอง



ร่างสูงหัวเราะเยาะ “ความคิดโบราณจริง นี่อายุเท่าไหร่น่ะ”



“คนสำส่อนอย่างมึงไม่ต้องมาพูดเลย”



“คนสำส่อนอย่างกูก็ทำให้มึงครางได้ก็แล้วกัน”



ร่างสูงลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ขายาวเดินเข้ามาใกล้ร่างโปร่ง ความสูงของมันทำให้รู้สึกเหมือนโดนข่ม ซึ่งใบหน้ามนเงยมองใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้านที่ก้มมองลงมาอย่างไม่เกรงกลัว แม้สายตาของมันจะแทบกลืนกินพระรามเข้าไปแล้วก็ตาม



"ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดูสิ!"



"อย่าท้านะ" ติมยิ้มเหยียดอย่างผู้ชนะ เมื่อคนโดนยั่วอารมณ์ตกหลุมพรางจนได้ มือใหญ่กระชากต้นแขนเรียวแล้วชะโงกหน้ากระซิบข้างใบหูที่แดงก่ำไม่ต่างจากผักชนิดหนึ่งที่เรียกว่ามะเขือเทศ



“เดี๋ยวกูจะทำให้มึงเสียวจนครางไม่ออกเลยคอยดู”





********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep3 03/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 03-02-2019 17:15:17


                                                            LS ตอนที่ 3



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



​“ราม มึงไม่ไปอาบน้ำเหรอ ทำงานมาทั้งวันเหงื่อออกจนตัวเหนียวไปหมด” ดินส่งเสียงเรียกในขณะหยิบข้าวของที่ต้องใช้ในห้องน้ำ พอได้ยินรามตอบกลับว่าเดี๋ยวตามไปมันก็ไม่ได้สนใจอีก



เมื่อดินกับสินกลับมาอีกครั้งพร้อมตัวหอมฉุยด้วยกลิ่นสบู่สักพัก รามก็ยังไม่ลุกไปจนกระทั่งเห็นว่าไม่มีใครเดินเข้าห้องน้ำแล้วร่างโปร่งจึงหยิบของที่วางกองเตรียมไว้



“อ้าว...” รามเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นไอติมที่ยังอยู่ในห้องน้ำแถมยังไม่ได้อาบน้ำด้วย ซึ่งตอนเขาเดินออกมาเพื่อนบางคนมันก็หลับกรนคร่อกไปแล้ว นี่เขากับอีกฝ่ายใจตรงกันเกินไปรึเปล่าที่ออกมาอาบน้ำในเวลาเดียวกัน



...ลืมบทสนทนาเมื่อตอนเย็นไปเสียสนิท...



“อ้าว นี่มึงยังไม่อาบเหมือนกันเหรอ”



“อืม...” รามชะงักหน้าร้อนผ่าวอยู่ๆ อีกฝ่ายก็ถอดเสื้อเปลือยบนโชว์กล้ามเป็นลอน เป็นร่างกายที่น่าอิจฉาสำหรับผู้ชายอย่างเขา อีกอย่างท่าถอดและสะบัดผมโคตรเซ็กซี่เลย ดวงตาเรียวมองค้างก่อนที่จะปรับสีหน้ารวดเร็วตอนร่างสูงหันมอง “ทะ ทำไมไม่ไปถอดข้างในห้องน้ำเล่า...”



แล้วทำไมเสียงเขาต้องแผ่วขนาดนี้ด้วยเนี่ย



ไอติมเงียบ ก่อนจะหยิบข้าวของเข้าห้องน้ำและปิดประตูดัง คนที่ถูกทิ้งไว้กระพริบตามองงง



“อะไรของมันวะ” เสียงทุ้มใสพึมพำ ก่อนที่เจ้าตัวจะส่ายหน้า...อย่าไปสนใจมากนักเลย



​รามเดินเข้าห้องน้ำ แขวนผ้าไว้ตรงกำแพงด้านบน ถอดเสื้อเปลือยกายเผยร่างผอมบางผิวขาวเหลืองออกหมด มือเรียวเอื้อมบิดฝักบัวให้น้ำไหลลงมารดศีรษะจรดเท้าเปียกชุ่ม เผลอสะดุ้งเพราะน้ำที่เย็นเฉียบก่อนที่แขนสองข้างจะลูบไปทั่วตัวให้น้ำเข้าถึง



ก๊อกๆๆ



เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้รามชะงักยืนนิ่ง แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันมาจากห้องน้ำเขาเอง ร่างโปร่งเดินออกจากสายน้ำที่โปรยปราย ก่อนจะเสยผมเปียกขึ้นและลูบน้ำที่หน้าออก ตะโกนถามแทรกเสียงน้ำไหล “ใครครับ!”



“กูเอง” เสียงทุ้มตอบกลับมาให้คิ้วบางขมวด



“ติม มีอะไร”



“กูลืมเอาสบู่มา ขอยืมหน่อยดิ”



ร่างโปร่งฟังแล้วเกาหัวแกรก “ไอ้ห่าหนิ”  ก้มหยิบขวดสบู่บนพื้นมาเทลงบนมือพอใช้ ก่อนจะปิดฝาขวดและพูดอีกครั้ง “เดี๋ยวโยนออกไปให้นะ”



“เฮ้ย อยู่หน้าห้องแค่นี้จะโยนทำไม เปิดประตูแง้มนิดนึงแล้วส่งมาก็พอป่ะวะ” อีกฝ่ายพูด ทำให้รามชะงักท่าที่กำลังจะโยนขวดสบู่ค้าง ร่างโปร่งจิ๊ปากและลดมือลง



“เออๆ ...” แต่เพียงแค่เปิดกลอนและแง้มออกเท่านั้น



ปัง!



จู่ๆ ไอติมก็ดันประตูก้าวขาเข้ามาในห้องอาบน้ำแคบๆ ที่ผู้ชายยืนสองคนแทบจะเนื้อแนบเนื้อ ​"อ๊ะ เฮ้ย นี่มึงคิดจะทำอะไร ออกไปนะเว้ย!" นอกจากโวยวายตาโตแล้ว พอรู้ตัวก็ทำให้รามหันหลังทันที ให้คนนอกยิ้มมุมปากปิดประตูห้องน้ำกักขังตนอย่างง่ายดาย



ก็เขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น...แน่ล่ะคนกำลังอาบน้ำ แล้วทำไมอีกฝ่ายมันยังนุ่งกางเกงสภาพเดิมก่อนที่จะเข้าห้องน้ำไปอยู่เลยล่ะ!?



แสดงว่าไอ้เจ้าหมอนี่มันเล็งช่วงนี้ไว้แล้วสินะ! เรื่องสบู่นั่นก็หลอกกัน...เขาเสียรู้อีกฝ่ายแล้ว!



“ฮึ่ย ออกไปนะ!” รามผลักอกแกร่งของอีกฝ่ายแต่ว่าทั้งน้ำทั้งอะไรมันก็ทำให้ลื่นไปหมด แถมยังต้องทนกับสายตาคมกริบที่กวาดมองทั่วร่างนั่นอีก



คุกคามทางเพศชัดๆ!



"ชู่...เบาๆ สิ ยิ่งโวยวาย ยิ่งทำให้เกิดอารมณ์นะจะบอกให้" ร่างสูงจุ๊ปากพูดเสียงเบา หูทวนลมกับคำไล่



"แล้วมึงเข้ามาทำไมเล่า!"



"กูบอกแล้วไงว่าอย่าท้ากู"



'ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู!'



'กูจะทำให้มึงเสียวจนร้องครางไม่ออกเลย'



"ไม่เอา ปล่อยกู!" รามหน้าซีดปากสั่นเพราะอีกฝ่ายทำท่าเหมือนกำลังจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ร่างโปร่งรีบหันซ้ายหันขวาหาทางหนีในห้องสี่เหลี่ยมล้อมด้วยกำแพงทุกด้าน แต่เขาจะออกไปได้ยังไงก็ร่างสูงใหญ่มันขวางประตูเสียขนาดนั้น ขาคู่เรียวยิ่งถอยกรูดหนักเมื่อติมก้าวเข้ามาเรื่อยๆ จนทั้งสองอยู่ใต้ฝักบัวที่น้ำยังไหลไม่หยุดจนเปียกปอน "อย่าเข้ามานะเว้ย!"



มือแกร่งจับยึดข้อมือผอมเอาไว้แน่น ดึงคนตัวเบาเข้ามาใกล้กระซิบข้างหู



"ถ้ามึงร้องออกไปแล้วไม่อายล่ะก็ ร้องไปเลย"



ร่างโปร่งที่ตัวสั่นระริกถูกดันให้หันหน้าเข้าหากำแพง สะดุ้งเฮือกปิดปากกั้นเสียงที่จะตะโกนเรียกคนข้างนอกแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ มือใหญ่ลูบไล้เคล้นคลึงที่เอวบาง วนเวียนให้คนไม่มีประสบการณ์เสียววูบวาบ "อ๊ะ ชะ ช่วย ฮื้อ..."



"อื้อ..." แถมมือลื่นร้อนผ่าวแทรกความหนาวเย็นจากสายน้ำมันกำลังเลื้อยขึ้นมาด้านบนอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้รามตัวอ่อนปวกเปียก



"ผิวขาวเหลืองแบบนี้ ให้ความรู้สึกแปลกใหม่เหมือนกันนะ" ไอติมพูดเสียงทุ้มสั่นพร่า ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ดูเร้าอารมณ์ให้บรรยากาศมันคุด้วยความเร่าร้อนไปหมด



"อ๊ะ!" มือเรียวกำข้อมือใหญ่ที่กำลังเค้นคลึงอยู่ตรงหัวนมทั้งสองข้าง แต่ก็ห้ามไม่ได้เลย...มันไม่มีแรงขัดขืนแม้แต่นิด สิ่งที่ทำได้มีแต่กัดปากครางเสียงเบาหวิว "อือ"



รู้สึก...เสียวจี๊ด



"ไม่ได้ลองกับคนใหม่ๆ นานขนาดไหนแล้วนะเนี่ย" ร่างสูงพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง พ่นลมหายใจร้อนข้างใบหน้าคนตัวเตี้ยกว่า ขณะเล้าโลมร่างโปร่งบางในอ้อมแขน



"หะ...หยุ...อะ"



"รู้ไหมว่าตรงนี้ของผู้ชายก็รู้สึกดีได้เหมือนกัน" ไม่พูดเปล่าเน้นย้ำจนลมหายใจพระรามหอบกระตุก



ทำไมไอติมถึงทำแบบนี้กับเขาล่ะ อีกฝ่ายไม่ได้ชอบเอมหรอกเหรอ



ดวงตาเรียวปรือมองท่ามกลางสายน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาเปียกปอนเซ็กซี่กับดวงตาที่สบมองมาทำให้ความคิดเมื่อครู่พลันหายวับ ทำอะไรไม่ได้นอกจากหลับตาหนี ใบหน้าร้อนผะผ่าว ยิ่งปฏิกิริยาของร่างกายที่ไม่สามารถต้านทานได้ ขาเรียวอ่อนแรงแทบทรุด...นี่ถ้าหากไม่ได้กำแพงและคนด้านหลังช่วยประคองเอาไว้ป่านนี้ลงไปกองกับพื้นแล้ว



"อือ ไอ้...ติม..."



"หึหึ ไม่เคยจริงๆ ด้วย" ติมมองใบหน้าเหม่อลอยแล้วพลิกตัวให้อีกฝ่ายหันมา เห็นอะไรๆ ชัดเจน



"คะ ใครจะไปหื่นกาม! อ๊ะ ฮือ เหมือน...มึง...ล่ะ" พอรามตั้งท่าจะโวยวาย มือใหญ่ก็ยิ่งเค้นหนักที่ปุ่มสีแดงสองข้างจนแข็งตึงรับมือ ร่างโปร่งทำได้แต่ครางหวิว ไอ้ที่คิดจะด่าก็กระเจิงหายไปหมด ขาเรียวพลันหุบเข้าบดเบียดเสียดสีกับขาแกร่งใต้กางเกงยีนส์ที่แทรกเข้าตรงหว่างขา ทั้งๆ ที่อยากจะปิดบังแต่ก็ทำไม่ได้เพราะร่างสูงใหญ่ขวางเอาไว้ แถมยังถูกบังคับให้อ้าขากว้างอย่างน่าอายอีกต่างหาก



"ของมึงนี่น่ารักจริงๆ" พระรามเม้มปากหน้าแดงด้วยความอายเพราะเสียงทุ้ม ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเข่าเริ่มจู่โจมเสียดสีกลางกายอีกครั้ง "เคยช่วยตัวเองบ้างมั้ย"



“อา...”



“หึหึ...ครางเบาๆ หน่อย อยากให้คนข้างนอกได้ยินหรือไง” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนประกายพึงพอใจ .ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงพูดเสียงเบากับคนที่กัดปากครางอือไม่มีสติและไม่ตอบคำถาม



"ไม่..." ร่างโปร่งส่ายหน้าเพราะคาดเดาได้ลางๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป “ปล่อยกูเถอะติม”



"พูดเพราะๆ แล้วเดี๋ยวจะปล่อย" ร่างสูงว่า เรื่องอะไรจะปล่อยกันง่ายๆ “บอกแล้วไงว่าอย่าท้า”



ลิ้นร้อนแลบเลียริมฝีปาก สายน้ำเย็นไม่อาจดับความอยากที่กำลังปะทุได้ มีโอกาสที่จะได้เป็นคนแรกของใครบางคน มันต้องรีบคว้าเอาไว้สิ



"ติม กู...อื้อ!!"



"แข็งแล้ว" ดวงตาคู่คมอันตรายมองเบื้องล่างของรุ่นพี่ที่ตั้งตรงชี้เข้าหน้าตน ยิ่งใช้สองนิ้วยาวคีบดึงจุกที่แข็งขึงเล่นจนคนถูกกระทำยกมือปิดปากแทนไม่ทัน “ดีมั้ย”



"อื้อ!! อื้อ!" หยาดน้ำตาใสไหลริน ถูกทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีอะไรกับใครและไม่เคยผ่านมือใครมาก่อนก็ต้องรู้สึกมากเป็นธรรมดา ทั้งเบียดเสียด บีบคลึง จนรู้สึกปวดหนึบช่วงล่างอย่างบอกไม่ถูก แต่พระรามก็ไม่อยากขอร้องให้เสียหน้า ร่างโปร่งเม้มปากหอบหายใจอ่อนแรง หน้าที่เคยขาวเหลืองบัดนี้แดงก่ำ รู้สึกร้อนระอุไปทั่วร่างกาย



ไอติมยิ้มมุมปาก แค่นี้ก็น่าจะได้ที่แล้ว



ฟึ่บ!



"อ๊ะ! จะทำอะไร..." ร่างโปร่งถูกพลิกให้หันหน้าเข้าหากำแพงอีกครั้ง รีบขัดขืนทันทีด้วยความหวาดกลัว "ไม่!"



"อยู่เฉยๆ สิวะ"



"ก็มึงจะทำอะไร ไม่เอา!" รามโวยวายทันทีไม่ได้สนใจว่าคนข้างนอกจะเข้าใจผิดว่าอย่างไร ความเร่าร้อนเสียวซ่านเมื่อกี้มันหดหายหมดเพราะความหวาดกลัวเข้าแทรก "มึงชอบเอมไม่ใช่เหรอ...แล้วมึงมาทำแบบนี้กับกูทำไม"



เขางัดเรื่องนี้ขึ้นมาพูดหวังให้มันฟังแล้วจะหยุดสิ่งที่กำลังคิดจะทำ แต่ไม่เลย ไอติมไม่สนใจด้วยซ้ำ ซ้ำยังมองกลับมาด้วยแววตาน่ากลัว



พระรามก็เป็นแค่คนไร้เดียงสาที่แยกเรื่องความรักกับอารมณ์อย่างว่าไม่ออก



"เรื่องเซ็กส์กับเรื่องชอบมันคนละเรื่องกัน หุบปาก...หันไปได้แล้ว" ร่างโปร่งยังคงขัดขืนมือใหญ่ที่กำลังพลิกเขาให้หันหากำแพงเพื่อจะให้อีกฝ่ายทำภารกิจได้ถนัดถนี่



"แต่สำหรับกูมันคือเรื่องเดียวกัน!"



"นั่นมันเรื่องของมึง" คราวนี้ไม่รอให้ขัดขืน ร่างสูงกดคนตัวเล็กกว่าบังคับหันหน้าเข้าหากำแพงกระเบื้องสีขาวทันที รามตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว วอนขออีกฝ่ายเสียงสั่นเครือเมื่อรู้แล้วว่าสู้ด้วยกำลังไม่ได้



"อ๊ะ ไม่เอา...อึก ติม"



"เหอะน่า กูยังไม่เอามึงตอนนี้หรอก เดี๋ยวระบมขึ้นมาจะลำบาก เพราะงั้นอยู่นิ่งๆ!" เสียงทุ้มเค้นอย่างหมดความอดทน กัดฟันจนกรามปูด นี่ก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ได้ยินเสียงครางแล้วจะไม่รู้สึก เขาก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน



"อ๊ะ ซี้ด จะทำอะ...ไร" มือเรียวตะปบข้อมือของคนที่จับแก่นกายของตัวเองแน่น ไม่เท่านั้นมันยังเริ่มขยับเค้นหนักๆ จนต้องร้องซี้ดสำลักอากาศ “ฮะ...!”



ถึงจะเคยช่วยตัวเองมาบ้างตามประสาผู้ชายทั่วไป แต่ไม่เคยให้คนอื่นมาช่วยเลย...สัมผัสมือของคนอื่นมันรู้สึกแปลกประหลาด



ติมหายใจแรงเลียริมฝีปากแห้งผาก มองร่างโปร่งที่ตัวแดง ยืนพิงอกอ้าขาส่งเสียงครางขณะที่เขากำลังช่วยอีกฝ่าย แถมมือเรียวที่จิกกุมข้อมือใหญ่ก็กระตุกบ้างเพราะปฏิกิริยาของร่างกายที่ห้ามไม่ได้ เรียกอารมณ์หื่นได้เป็นอย่างดีเชียว



นี่คือพระราม รุ่นพี่ที่ยืนด่าเขาปาวๆ



"อะ! หะ! ติม..." เสียงทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์ครางเรียกชื่อคนที่มอบความเสียวซ่านให้ตนเบาหวิว ปรือตามองใบหน้าหล่อคมอย่างเหม่อลอย สะโพกเล็กขยับตามจังหวะมือใหญ่ไม่รู้ตัว ใบหน้ามนยื่นหน้าเข้าหาอย่างเหม่อลอย...อยากสัมผัส...ริมฝีปากหยักน่าจูบนั่น



ใบหน้าคมเลี่ยงวูบ ปากบางที่อ้าปากครางอืออาเสียงสั่นจึงได้แต่สัมผัสสันกรามเท่านั้น จากนั้นร่างกายผอมก็กระตุกเสียวแปลบขึ้นมาเพราะมือใหญ่เค้นหนักเร่งจังหวะ จนในหัวสมองมันขาวโพลน คิดอะไรไม่ออก



"อืม...ฮืม อ๊ะ" เสียงครางคละเคล้ากับเสียงน้ำที่เปิดทิ้งไว้เพื่อกลบเสียงน่าอายที่เกิดขึ้น "อ๊ะ ใกล้...ติม...จะถึง ฮ้า..."



ฟึ่บๆๆๆ



"อ๊...อื๊ออออ!!" มือใหญ่ปบตะครุบเข้าที่ใบหน้าเล็กทันท่วงทีพร้อมกับน้ำสีขาวขุ่นพ่นออกมาจากแก่นกายเล็กเหมาะสมกับขนาดตัว ติมมองมือของตัวเอง...ออกมาเยอะกว่าที่คิดเอาไว้



หลังจากที่ร่างกายสั่นระริกปลดปล่อยออกจนหมด ขาเรียวทรุดลงอ่อนแรง แต่ร่างสูงเกี่ยวเอวบางเอาไว้ทัน พยุงร่างปวกเปียกให้ลงมานั่งทับตักแกร่ง แผ่นหลังผอมแนบอกแกร่งเปลือยเปล่าจนรู้สึกถึงกล้ามเนื้อเป็นมัดน่าหลงใหล



"อ๊ะ...ติม มึง..." ร่างเปลือยเปล่าที่นั่งหอบสะดุ้งเฮือก รีบยกตัวขึ้นแต่โดนมือใหญ่กดเอวเอาไว้



"บอกให้พูดเพราะๆ ไง" เสียงทุ้มหัวเราะรู้ดีว่าปฏิกิริยาของอีกฝ่ายคืออะไร "ไม่เป็นไร...ไม่ทำอะไรหรอกแค่ขอปล่อยบ้างเท่านั้น...ได้ไหม"



"อ๊ะ!!" ใบหน้าขาวร้อนไม่รู้จะร้อนอย่างไร ก็อีกฝ่ายไม่แค่พูดกระซิบข้างหูให้ขนลุก แต่ยังดันสะโพกที่แก่นกายตุงคับกางเกงยีนส์จนปูดนูนเข้ากับร่องสะโพกขาวพอดิบพอดี ความร้อนที่แผ่ออกมาตัดความเย็นของสายน้ำกับแรงบดคลึงทำให้ร่างโปร่งวาบหวิว "อา..."



ใหญ่ชะมัด...อะไรกันน่ะ



คนที่โดนมันกระแทกเข้าไปไม่เจ็บบ้างหรือไง



นี่เขาคิดอะไร...เขาไม่ได้อยากจะโดนสักหน่อย



"จะทำอะไร...ก็รีบทำสิ" เสียงทุ้มใสพูดแผ่ว รู้สึกได้เลยว่าตัวเองหน้าแดงขนาดไหน



คำพูดของรามไม่ต่างจากคำอนุญาตที่ทำให้ติมยิ้มหื่นยกคนตัวเบาขึ้นและรูดซิปดังพรืด



"มะ มะ มึงทำอะไร!? ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง!?"



"ก็ไม่ทำอะไร แต่ถ้าทำแบบนี้ซิปจะโดนของรามนะ ไม่เจ็บเหรอ?" เสียงทุ้มต่ำพร่าพูดพลางกลั้วหัวเราะ มือใหญ่ปลดกางเกงออกจากสะโพกเห็นกางเกงในสีดำยี่ห้อแพงที่เปียกและแนบเห็นชัดถึงรูปร่างของแก่นกายใหญ่ที่แข็งตัว



"...อุ" ตาเรียวเบิกโต ถ้ารามตาไม่ฝาดล่ะก็เมื่อกี้เหมือนเห็นหัวมังกรโผล่พ้นกางเกงในสีดำมานิดนึง "อื้อ!"



มือเรียวตะปบปิดปาก ครางเสียงสั่นเมื่อไอติมจับให้นั่งเหมือนเดิมและกดให้สะโพกเล็กของร่างผอมเพรียวรับกับของที่ทั้งร้อนทั้งใหญ่ ขยับบดคลึงหนักหน่วงด้วยท่าทางที่น่าอาย นิ้วไร้เล็บจิกข่วนต้นขาแกร่ง ขาเรียวไร้ไขมันเกร็งหนีบอย่างเสียวซ่าน "ฮึก อื้อ..."



ข้างล่างมันร้อนมาก...ร้อน...ระอุ



"อืม..." เสียงทุ้มครางต่ำในลำคอคล้ายสัตว์ป่า ดวงตาคมกริบจ้องมองร่างขาวบิดเร้าอย่างไร้เดียงสา สายน้ำจากฝักบัวที่พร่างพรายทั่วแผ่นหลัง ตั้งแต่สะบัก กระดูกสันหลังปูดเป็นลูกตามแนวและเอวคอด พระรามเป็นคนผอมมาก แต่ประกอบรวมๆ กันแล้วก็เย้ายวนจนอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นเลียหลังหูและลำคอที่มันแดงไปหมด ยิ่งปฏิกิริยาสะดุ้งเฮือกหดคอหนีของอีกฝ่ายแล้วมันยิ่งกระตุ้นให้อยากทำแรงๆ



แขนยาวโอบกอดเอวบางให้มาแนบชิดกับอกกว้าง ออกแรงทั้งกด ทั้งเบียดคลึง ขยับสะโพกให้มันแนบชิด...บดเบียดให้ตัวตนร้อนผ่าวแทบปริแตก...เร่าร้อนรุนแรงเหมือนมีเซ็กส์กันจริงๆ



แบบนี้มันไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่...แต่ก็ต้องอดทน



อดเปรี้ยวไว้กินหวาน



"ติม...ติม!" ริมฝีปากบางอ้าครางอย่างทนไม่ไหว น้ำลายใสๆ ไหลยืดออกจากมุมปากผ่านคางสู่ลำคอ



เขาไม่เคยมีเซ็กส์ก็จริง แต่โดนทำแค่นี้มันก็แทบไม่ไหว เร่าร้อนเกินไปแล้ว "อื๊อออ"



ไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้จะอยู่ในห้องน้ำรวมที่ใครๆ ก็สามารถเข้ามาได้ยินได้กันทั้งนั้น แต่สัมผัสของไอติมทำให้เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่าง



"ราม ทนอีกนิด" ติมหลับตาครางต่ำยิ่งบดคลึงหนักจนรามดิ้นเร่า



"อ๊ะ อ๊ะ อื๊อ" ร่างโปร่งกัดปากคราง ยกมือขึ้นแตะแผ่นอก เม็ดไตตรงที่โดนติมบดคลึงมันบวมเต่ง เพียงนิ้วเรียวกดเพียงเล็กน้อยร่างกายก็กระตุกเกร็ง น่าอายแต่สองมือทั้งบดคลึงและจิกดึงเหมือนที่อีกฝ่ายเคยทำจนร่างกายบิดเร่าหนัก...จากที่จะช่วยระบายความร้อนจากเบื้องล่างที่เสียดสีแรงนี้...ยิ่งทำให้ปวดมวนหนักเข้าไปใหญ่



"แฮ่ก...ยะ อ๊ะ...!"



"อา..."



ไม่ไหว...รู้สึกเสียวซ่านไปหมดเลย แค่ได้ยินเสียงครางแหบๆ ของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ปวดท้องน้อย แค่เพียงเสียงทุ้มเรียกชื่อ...ทั้งสัมผัสด้านล่างที่เหมือนจะเปียกลื่น ชื้นแฉะ และ...



"อ๊ะ!!!"



พรวด!



"แฮ่ก...แฮ่ก..." ร่างโปร่งหน้าแดงกอบโกยเอาอากาศ หอบหายใจอย่างกับวิ่งมาราธอนมา พิงอกกว้างอย่างอ่อนแรง ตาเรียวปรือมอง เมื่อกี้นี้มัน...



"จุดอ่อนคือที่หูสินะ" เสียงทุ้มด้านหลังหัวเราะในลำคอ "แค่กัดหู ก็เสร็จได้ด้วย หึหึ โคตรน่ารัก"



มะ เมื่อกี้ติมบอกว่าเขา นะ...น่ารั...ก?



"ติม...อือ...อย่า..." เสียงทุ้มใสเรียกชื่อคนที่ใช้ริมฝีปากร้อนแนบหลังคอเบาหวิว ตาเรียวเหลือบมองสายตาคมที่สบมองกลับมาอย่างต้องการ



"ฮ่า...รามเสร็จไปตั้งสองรอบแล้ว ขอผมบ้าง...นะ"



สรรพนามหวานหูเปลี่ยนไปกะทันหันจนคนฟังปรับตัวตามไม่ทัน ร้อนทั้งหน้าและหู แต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกดันให้คุกเข่า พอหันไปมอง อีกฝ่ายก็ปลดกางเกงในออกจากสะโพกสอบจนตัวตนร้อนผ่าวที่รามสัมผัสผ่านเนื้อผ้าบางเมื่อครู่เด้งผึงออกมา ตาเรียวเบิกกว้างทันทีที่เห็นขนาดของมันชัดเจน



ส่วนร่างสูงเลียปาก หายใจเข้าออกแรงเมื่อช่องทางสีชมพูที่ปิดสนิทเริ่มขมิบหนักเพียงแค่เห็นลูกชายพองตัวเขา



แต่เหมือนเจ้าตัวคงไม่รู้...ว่าร่างกายของตนต้องการที่จะให้เขาเข้าไปแทรกลึกมากขนาดไหน



มือใหญ่รูดรั้งของตัวเองสามสี่ที วางท่อนเนื้อร้อนลงบนร่องสะโพกเล็กและขยับถูเบาๆ จนร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก ความร้อนระอุที่เหมือนกับไฟโลกันต์แทบจะแผดเผาผิวกาย...มันเทียบไม่ได้กับตอนที่อยู่ภายใต้ร่มผ้าเลยแม้แต่นิด



"ไม่เป็นไร ไม่ทำอะไรหรอก" ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ก็อดแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งไปมาไม่ได้ ยิ่งต้องกลืนน้ำลายดังเอื้อกเมื่อเห็นช่องทางสีชมพูเล็กๆ ขมิบระรัวเนื่องจากเจ้าของหอบหายใจสั่นระริก



"ติม..."



ร่างสูงหายใจแรงดังฟืดฟาด...อยากตอบสนองความต้องการของตัวเองโดยการเข้าไปกระแทกกระทั้นเสียดสีกับผนังนุ่มอุ่น



...ใจเย็นๆ ...ใจเย็นๆ ...



มือใหญ่จับรอบเอวบางไว้มั่น ก่อนที่จะขยับสะโพกตัวเองให้เข้าจังหวะ มือใหญ่บีบก้อนเนื้อนิ่มอันน้อยนิดให้บีบลูกชายที่พองตัวของตัวเองไว้ ความร้อนที่ถูอยู่กับร่องก้นทำให้ร่างโปร่งต้องร้องครางอีกครั้ง บัดนี้ไม่สนใจแล้วว่าคนข้างนอกจะได้ยินหรือไม่ เพราะความร้อนระอุที่ขยับเสียดสีนี้มันทำให้สมองพร่ามัว หวีดร้องดังๆ ให้สมกับอารมณ์ที่ปะทุขึ้น



“อ๊า ไม่...จะ ฮะ!” พระรามเท้าแขนกับพื้นกระเบื้องลื่น แทบจะประคองตัวเองไว้ไม่ได้เมื่อแรงด้านหลังส่งมาแรงขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้ามนเอี้ยวมองน้ำตาคลอและวอนขอเสียงสั่น “อ๊ะ ติม...ฮึก มันมาอีกแล้ว”



>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep3 03/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 03-02-2019 17:15:43


>>>>>>>>>>>>>>>ต่อจากด้านบน



“อดทนอีกนิด...อีกนิด อา”



น้ำเย็นสาดกระทบผิวกาย แต่ไม่อาจต้านทานความเร่าร้อนของอารมณ์ของทั้งคู่ จนกระทั่ง...



"ซี้ด!"



"ฮื้อออ ฮึก!" น้ำอุ่นๆ มากมายถูกพ่นใส่ร่องก้นขาวและแผ่นหลังจนไหลเยิ้มเหนอะหนะ ร่างสูงหอบหายใจ นิ้วโป้งเผลอคลึงตรงปากช่องทางที่สีแดงก่ำพร้อมขมิบเชิญชวนให้แทรกความร้อนระอุลงไป ยิ่งคิดยิ่งอยากทำอีกรอบ...โดยที่เจ้าของร่างก็นอนโก่งสะโพกหอบหายใจเหม่อลอยไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ากำลังจะโดนงูเห่าเขมือบกิน



ลิ้นร้อนแลบเลียริมฝีปากและกลืนน้ำลายอย่างกระหายครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะความยั่วยวนอย่างไร้เดียงสา จากนี้ต้องรีบๆ ทำให้พระรามชินเข้าไว้...และสักวันหนึ่งเขาจะต้องได้อย่างที่ใจอยาก จะต้องฝังตัวตนเข้าไปในช่องทางนี้ลึกที่สุดและฝากลูกๆ นับล้านภายในร่างกายขาว



'กูไม่มีทางนอนถ่างขาให้มึงมาเอากูหรอกเว้ย!'



พระรามจะรู้สึกยังไงนะ เมื่ออีกฝ่ายกลับคำพูดที่ตัวเองเคยว่าไว้



ไอติมผ่อนลมหายใจ มองร่างโปร่งที่ยังนอนโก้งโค้งหอบหายใจตาปรือปรอยเหม่อลอยทั้งที่ด้านหลังยังเลอะน้ำสีขาวขุ่นที่เริ่มละลายไปกับสายน้ำที่สาดลงมาก็ยิ้มร้ายทันที

ดูท่าว่าจะไม่นานเกินรอ...

********************* Love Substitute *********************

“เป็นยังไงบ้างล่ะ คนสำส่อนอย่างผมลีลาพอใช้ได้มั้ย”



เพียะ!



“อย่ามาแตะ” ร่างโปร่งฟาดมือที่บังอาจจับเอวบางเปลือยเปล่า รามเขม่นหน้าใส่ร่างสูง ฮึ่ย คนกำลังจะใส่เสื้อก็จับอยู่นั่นแหละ



“ทำเป็นหวงตัว เมื่อกี้ใครครางเสียงดังเชียว ไม่รู้จะมีใครได้ยินรึเปล่านะ” คนพูดไม่ได้หนักใจ แต่ยิ้มกริ่มกวนอารมณ์คนฟัง



“ไอ้...!”



“พรุ่งนี้ขออีกรอบนะ” ไอติมเลียริมฝีปากแห้ง รู้สึกอารมณ์ยังค้างๆ อยู่เลย



ท่าทางหื่นกระหายทำเอาใบหน้าขาวแดงวาบ



“ฝัน!” ขาเรียวเดินหนีออกไปโดยไม่ลืมมองซ้ายขวารอบคอบ พอเห็นว่าไม่มีคนแล้วก็เดินออกไปทิ้งร่างสูงยืนผิวปากเอาไว้



“แล้วจะคอยดูว่าฝันหรือจริง”

********************* Love Substitute *********************

วันรุ่งขึ้นในค่ายกลางเขา



ความบังเอิญนี่ช่างเฮงซวยจริงๆ! ของจริงเลย!



พระเจ้ากลั่นแกล้งกันใช่ไหมเนี่ย...ที่ให้เขากับไอ้(หื่น)ติมมาจับคู่ทำงานด้วยกัน!?



“นี่...ใครเขาให้ทำกันแบบนั้น”



“อ้าวไม่ใช่เหรอ”



คิ้วเรียวกระตุก “เออสิ ไปเลย มึงไปยกต้นไม้เลย ส่งพลั่วมาเดี๋ยวกูทำเอง”



ไอติมไม่ค้าน ขายาวผุดลุกขึ้นเดินไปตามทิศทางที่รามชี้ ร่างโปร่งมองตามก่อนจะนั่งยองๆ จับพลั่วมาถือไว้ แขนปาดเหงื่อที่ไหลท่วมใบหน้าเพราะแดดร้อนแรงจนแสบตานี่



รามส่ายหน้าลงมือขุดหลุมเละเทะที่คนรุ่นน้องที่ทำตัวเหมือนไม่ใช่รุ่นน้องทำเอาไว้ให้ดูดีขึ้น แค่ขุดดินมันยังทำไม่ได้เรื่องเล้ย ให้ตายเถอะ



“อ่ะ ราม มาแล้ว”



“เรียก ‘พี่’ ด้วยสิ” เขาขมวดคิ้วพูดกับการเรียกชื่อห้วนๆ ของอีกฝ่าย พลางรับต้นไม้ที่มันส่งมา



“ก็ไม่อยากเรียก”



ร่างโปร่งพ่นลมหายใจ ก็กะไว้แล้วแหละว่ามันพูดดีได้แค่กับชะเอม คนที่มันชอบนี่นะ ในขณะที่ใช้พลั่วตบหน้าดินดังปุๆ เพื่อกลบรากให้เนียนอย่างไม่สนใจ จู่ๆ เสียงทุ้มกระซิบข้างหูแผ่วเบา “อยากเรียก‘เมีย’ มากกว่า”



“!!” ร่างโปร่งสะดุ้งตกใจผละออกมาจนก้นจ้ำเบ้าเปื้อนดิน จนคนรอบข้างหันมามองอย่างแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งไอติมก็โบกมือยิ้มๆ ว่าไม่มีอะไร



ตึกตัก...ตึกตัก



ใบหูเล็กร้อนผ่าวจากสีขาวกลายเป็นแดง เมื่อกี้...เสียงอะไร...หัวใจ



ติมมองท่าทางนิ่งไปของรุ่นพี่ที่ตัวสูงแค่ปลายจมูกแล้วยิ้มกริ่ม



“ลุกได้เปล่าราม” ไอติมยื่นมือให้จับ แต่ถูกรามปัดทิ้งและร่างโปร่งก็ลุกขึ้นปัดเศษดินที่เลอะออกจากกางเกงเก้อๆ ...มือเรียวที่ยังเลอะดินยิ่งปัดกางเกงมันยิ่งเลอะเทอะ

“เมื่อกี้มึงพูดอะไร”



“หืม ได้ยินไม่ชัดเหรอ” ไอติมเลิกคิ้ว เดินเข้ามาจับแขนเรียว และยื่นหน้าเข้าใกล้ชิดอีกครั้ง “เดี๋ยวคืนนี้ถ้า ‘ยอม’ ล่ะก็จะเรียกให้ก็ได้นะ...เมียครับ”



“คะ ใครจะยอมมึงกัน...” เสียงทุ้มใสอุบอิบ ซ่อนหน้าแดงไม่มิด



“ถ้าจะปฏิเสธก็ให้มันหนักแน่นหน่อยสิครับรุ่นพี่” เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ “จริงๆ แล้วติดใจลีลาของผมใช่มั้ยล่ะ?”



แค่ได้ยินก็ทำให้นึกถึงภาพความทรงจำเรื่องเมื่อวานในหัว...ปฏิเสธไม่ออกว่ามันช่ำชองอย่างที่ปากว่าจริงๆ



รามไม่ตอบ ทำเป็นเมินและทำงานตรงหน้าต่อ ซึ่งไอติมก็ไม่ได้ว่าอะไรนั่งยองๆ ตาม



ในขณะที่จดจ่อกับการขุดดินให้เป็นหลุมตรงหน้า จู่ๆ สัมผัสเย็นบางอย่างก็โดนข้างแก้มทำให้รามสะดุ้งเฮือกเหลือบมอง



ผ้าเย็น?



"หลับตาสิ"



ไอติมจับผ้าสีขาวนุ่มไล้ใบหน้ามนที่เต็มไปด้วยเหงื่อให้จนทั่ว เพราะมือเรียวทั้งสองข้างเปรอะเปื้อนดินเต็มไปหมด สายตาคมที่จ้องมองมาทำให้ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ...รู้สึกเขินขึ้นมาซะอย่างนั้น



ตึกตัก...ตึกตัก



แล้วทำไมหัวใจถึงได้เต้นดังแบบนี้



“...นี่มึงเป็นคนยังไงกันแน่”



ทำไมถึงมาใจดีทำให้เขาใจเต้น...ทำให้เข้าใจผิดจนเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายชอบเขาอยู่...



นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก...เพราะไอติมชอบชะเอม...อย่างรามน่ะเทียบกับเพื่อนตัวบางคนนั้นไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว ไม่ว่าจะหน้าตาหรือนิสัย...ดังนั้นไม่มีทางที่ไอติมจะชอบเขา



แล้วสิ่งที่ร่างสูงทำกับเขานั่นมันคืออะไรกันล่ะ...อยากตามประสาผู้ชายทั่วไปเหรอ? ก็ยังตอบไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมต้องเป็นเขา



และบางครั้งถ้าเขาตาไม่ฝาดล่ะก็...แววตาคมกริบก็ดูร้ายเสียจนน่ากลัว



...ไม่เข้าใจเลย



ร่างสูงยิ้มบาง ก่อนจะอ้าปากตอบ “คนหล่อ”



คำตอบที่ได้ยินทำให้รามที่รู้สึกจริงจังกลอกตาถอนหายใจดังทันที “เอาที่สบายใจ”



ไอ้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นชั่ววูบนั่น สงสัยเขาจะเข้าใจผิดไปเองจริงๆ!



“นี่” รามเรียกร่างสูงของรุ่นน้องที่แย่งพลั่วไปขุดเสียเอง แถมดูดีผิดจากตอนแรกลิบลับ...สรุปว่าตอนแรกหลอกให้ทำสินะ



“...”



ดวงตาเรียวเหลือบมองคนด้านข้าง ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังตั้งใจทำงานช่างน่าหลงใหล ไม่ว่าจะมุมไหนไอติมก็ดูดีไปหมด ไม่แปลกเลยที่จะทำให้คนมองใจเต้น



ยิ่งตอนที่มีอารมณ์อย่างว่า เวลาเสียงทุ้มพร่าเอ่ยออดอ้อน...เขาปฏิเสธไม่ได้เลย



จริงสิ จะว่าไป...



"นี่" ไอติมนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ทำให้เขาต้องเรียกอีกครั้ง หูตึงรึไง “นี่!”



ร่างสูงเหลือบมอง “ผมมีชื่อ มาเรียกนี่ๆ ...ไม่มีมารยาทเลย”



“อ๋อ เหรอ มึงมีมารยาทมากกก” พระรามพูดเสียงยานคางประชด...มาว่าเขาไม่มีมารยาท ตัวเองมีตายล่ะ มาเรียกชื่อรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าห้วนๆ เนี่ย สมควรเหรอ?



“เนี่ย พูดไม่เพราะด้วย”



“ครับๆ น้องติมครับ” รามพูดอย่างขอไปที



“ไม่ต้องเพราะขนาดนั้นก็ได้ ขนลุก”



ร่างโปร่งคิ้วกระตุกยิกๆ “ตกลงมึงจะเอายังไง”



อย่าให้เปลี่ยนจากคิ้วเป็นเท้า



“ตกลงรามให้ผม ‘เอา’ แล้วเหรอ” ไอติมถามยิ้มๆ แววตานี่บอกได้เลยว่าเป็นประกายระยิบระยับ ไอ้หื่น!



“เอาเหี้ยไรล่ะ! ไอ้ห่านี่!” เสียงทุ้มใสแหวใส่ จะให้คุยดีๆ แต่ดันกวนตีนแบบนี้...ไอ้เวร!



ไอติมหลุดหัวเราะเสียงดัง ใบหน้าที่หล่อเหมือนดารายิ่งเป็นประกายสดใสจนคนรอบข้างมอง ยิ่งเป็นจุดสนใจมากขึ้นไปอีก “ตกลงรามเรียกทำไม”



เขาเลิกคิ้วก่อนจะนึกขึ้นได้ “เออว่ะ นึกแปป”



“อะไร”



“ก็มัวแต่เถียงกับมึง กูเลยลืมว่าจะพูดอะไรไง”



ไอติมหัวเราะอีกครั้ง ทำให้รามมองตาขวาง



“หัวเราะอะไรนักหนา”



“ก็รามตลก”



“กูไม่ใช่ตัวตลก ไม่ต้องมาขำ...” เขาพูดห้วนทั้งๆ ในใจคันยุบยิบ ถอดถุงดำออกจากรากต้นไม้ก่อนจะวางลงหลุมที่มันขุดรอ “เออ นึกออกละ...กูจะถามว่าปกติ...อ่า ที่มึงทำกับใครต่อใครนี่ป้องกันป่ะ”



คิ้วเข้มเลิกงงๆ “หืม หมายถึงเซ็กส์เหรอ”



“เออสิ” ตาเรียวกลอกมองรอบด้านระแวดระวัง อย่าพูดดังได้ไหมวะ



“ป้องกันสิราม ใครจะเป็นเอดส์บ้างก็ไม่รู้” เสียงทุ้มตอบกลับมาทำให้รามโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย...



โล่งใจ...นี่เขาโล่งใจเรื่องอะไร!?



“ว่าแต่รามถามทำไม”



“มะ ไม่มีอะไร” เสียงทุ้มใสพูดปฏิเสธตะกุกตะกัก แต่หารู้ไม่ว่าหน้าแดงๆ มันซ่อนไม่ได้ ทำให้ไอติมที่จ้องมองอยู่ยิ้มกริ่ม



ดูท่าว่า...น่าจะอีกไม่นาน



เขาจะต้องได้ในสิ่งที่ต้องการภายในสามวันที่เหลือที่ยังอยู่ค่าย



...ไม่น่าเกินความสามารถ...



ร่างสูงคิดในใจอย่างมั่นใจตัวเอง


********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep3 03/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 07-02-2019 13:06:36
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep4 08/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 08-02-2019 22:19:41


                                                   ทดแทนรัก

                                                    ตอนที่ 4





โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



 "ติม...บอกว่าไม่เอาไง" ร่างโปร่งบอกพร้อมขืนตัวไอ้คนที่ลากข้อมือเขาเข้าดงป่าลึก นี่ถ้ามันจะฆ่าเขาหมกป่าไม่น่าจะมีใครรู้เลยด้วยซ้ำ



“เมื่อวานอยู่ในห้องน้ำเลยทำอะไรไม่ได้มาก วันนี้ขอหน่อยน่า นะ”



“พูดบ้าๆ!!” เสียงทุ้มใสตะโกนลั่น ยิ่งรอบข้างไม่มีใครแบบนี้แล้วเขายิ่งไม่จำเป็นต้องกลั้นเสียง แขนเรียวยื้อตัวเองแต่ไม่ได้ผล “ปล่อยกู”



"นะราม รามจะไม่ช่วยผมจริงๆ เหรอ" ไอติมพูดเสียงอ่อนๆ ...แต่อย่าคิดว่าเขาจะหลงกล



"แต่กูง่วงแล้ว...มึงก็สงสารกูบ้างสิ อ๊ะ!" ร่างสูงผลักร่างโปร่งติดต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เมื่อคิดได้ว่าเข้ามาลึกพอควรที่จะทำอะไรๆ (?) ไม่ให้คนอื่นๆ เห็น



"แต่ผมไม่ไหวแล้วนะ" ใบหน้าหล่อเหลายังไม่หยุดทำหน้าน่าสงสาร แต่เขาทำใจแข็ง



"มึงก็ช่วยตัวเองไปสิ"



"แต่ผมอยากให้รามช่วย"



"ไอ้หื่นนี่!" ติมยิ้มกริ่มเมื่อเห็นใบหน้าขาวแดงวาบ แม้ปากจะด่าแต่ก็คิดลึกเหมือนกันล่ะสิ "เมื่อวานก็ทำไปแล้วไง"



"โธ่ ผู้ชายกำลังเติบโตเขาต้องการทุกที่ทุกเวลานั่นแหละ"



"มึงคนเดียวน่ะสิ! อย่า..." เสียงทุ้มใสครางหวิวเมื่อมือใหญ่เลื้อยเข้าใต้เสื้อ สะกิดติ่งไตที่เริ่มชูชัน แม้ยังไม่ได้สัมผัส

"ร่างกายเป็นขนาดนี้แล้วยังมาบอกว่าไม่ต้องการอีกเหรอ...หืม" ใบหน้าคมกระซิบแผ่วข้างหูให้ขนลุก



“นะ นี่มันเพราะอากาศบนเขามันหนาว...”



เขาต้องหลบหน้าไปอีกทางเพราะลมหายใจร้อนๆ เป่ารดต้นคอแต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเล่นงานซะงั้น ลิ้นเปียกชื้นเลียใบหูขาวซึ่งเป็นจุดอ่อนแถมขบกัดให้ร่างโปร่งบิดเร่า



"อ๊า...! มะ ไม่ อ๊ะ" มือเรียวจิกเกร็งข้อมือแกร่งที่จู่โจมทั้งจุกนมเล็กและแหย่ลิ้นเข้ามาในรูหู “ยะ ฮะ...อื๊อออ!”



"...เซ็กซี่ชะมัด" ร่างสูงผละออกพูดเสียงแหบพร่า เผลอกลืนน้ำลาย ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้ตัวหรือไม่ แต่เวลาหน้าแดงๆ ตาปรือคลอหน่วยด้วยน้ำตามองมา แถมเสียงครางทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์นั่นอีก โคตรกระตุ้นอารมณ์ดิบเลย



ปกติไอติมจะเป็นผู้ชายที่ชอบปลดปล่อยอารมณ์กับเรื่องพวกนี้ เลยจะไม่ค่อยยุ่งกับคนบริสุทธิ์เพราะขี้เกียจจะเล้าโลมหรืออะไรที่เสียเวลาทั้งนั้น คู่นอนส่วนใหญ่ก็มืออาชีพพร้อมจะเข้ามาปรนเปรอให้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องบอก...แต่แบบนี้ก็ให้อารมณ์ไปอีกแบบ



แม้จะต้องอดทนเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัว



"วันนี้ขอเข้าไปได้มั้ย" รามกระตุกเฮือกเมื่อนิ้วยาวเค้นหนักที่หน้าอกจนไม่ได้ฟังคำถาม จนติมต้องเอ่ยอีกรอบพร้อมเลียใบหูอีกครั้ง “ได้มั้ยครับ”



"มะ อ๊ะ ฮื้อ...ติม"



พอถูกเล่นจุดอ่อนหนัก ร่างโปร่งก็ครางอ่อนปวกเปียกอย่างทนไม่ไหว เสียงทุ้มใสเผลอเรียกชื่อทำให้ร่างสูงกัดฟันกรอด มือใหญ่รีบถอดเสื้อผ้าของรุ่นพี่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้ามนเหม่อลอยได้แต่ยกแขนยกขาทำตามมือร้อนผ่าวที่ชักจูง "แค่นิ้วก็ได้...นะราม"



"นิ้ว?" คนถามยังเหม่อลอย



"อืม จะได้ชิน...เวลาผมเข้าไปจะได้ไม่เจ็บ"



รามสะดุ้งรู้สึกตัว หน้าร้อนผ่าวทันที "นะ นิ้ว? เข้ามา? พูดบ้าอะไร ใครจะให้มึงเข้ามา แล้วนี่...เสื้อผ้ากูล่ะ!?"



ติมยิ้มไม่สนใจคำโวยวาย กวาดตามองร่างเปลือยเปล่าที่เพิ่งลิ้มลองครั้งแรกเมื่อวาน ร่างสูงก้าวเข้าแทรกกลางหว่างขาเรียวที่ถูกบังคับให้อ้ากว้าง ไม่รอช้าสะโพกแกร่งกดบดเบียด ‘ลูกชาย’ ที่เริ่มพองตัวเติบโตเพราะมีอารมณ์กับหน้าท้องแบนราบ "ผมเป็นขนาดนี้แล้ว รามจะยังไม่สนใจอีกเหรอ?"



รามอ้าปากพะงาบๆ มองค้าง เลือดลมแล่นขึ้นใบหน้าจนเห่อร้อน



ร่างโปร่งเปลือยเปล่ากับร่างสูงที่เปลือยบนเหลือแต่บ็อกเซอร์ขาสั้นตัวบางใส่นอน ซึ่งสำหรับผู้ชายมันก็ไม่ต่างอะไรกับกางเกงใน...แทบไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรเลย



มันน่าอายนักเมื่อคิดว่าพวกเราแก้ผ้าอยู่กลางแจ้ง แม้จะกลางคืนและกลางป่า...แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่มีใครได้ยิน



"ติม"



"ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวผมจะทำให้รู้สึกดีเอง เพราะงั้นอย่าขัดขืน...แล้วก็ไม่ต้องกลั้นเสียงนะ ผมอยากได้ยิน" แขนใหญ่ตวัดโอบเอวบางไว้แน่นด้วยแขนข้างเดียว มืออีกข้างควักท่อนเนื้อที่เริ่มแข็งของตัวเองออกมารวบจับกับของร่างโปร่งไว้แน่น แล้วรูดรั้งมันไปพร้อมๆ กัน



"อ๊ะ ฮะ...ร้อน...มันร้อน" เสียงทุ้มใสครางเครือ กระตุกเฮือกเมื่อถูกเค้นแรงเป็นบางจังหวะ จิกข้อมือแกร่งแรงๆ อย่างเสียวซ่าน



"อืม..."



ตาเรียวปรือมองแก่นกายสมกับตัวของติม เมื่อวานไม่ค่อยเห็นเพราะหันหลังให้แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่ามันใหญ่มากแค่ไหน รามขบกัดปากไม่รู้ตัวว่าสายตาของตนมองมันย่างหลงใหลแค่ไหน ท่าทางเซ็กซี่ที่แสดงออกมาไม่รู้ตัวยิ่งเร่งให้มือใหญ่เค้นหนักตรงปลายยอดยิ่งทำให้ร่างโปร่งสะบัดหน้าหวีดครางเสียงดัง น้ำบางอย่างไหลผุดซึมออกมาจนเปรอะเปื้อนมือใหญ่มากขึ้น



ยิ่งเสียงครางของรามดังมากเท่าไหร่ มือใหญ่ยิ่งลงแรงเค้นหนักรัวเร็ว ร่างผอมขาวบิดเร่า ยิ่งใกล้ถึงปลายทางสะโพกเล็กยิ่งเขย่งเข้าหาตามจังหวะ มือบางที่จิกข้อมือเมื่อครู่เปลี่ยนมาเกาะไหล่กว้างแทน เนื่องจากความสูงที่ต่างกันแต่ก็ได้แขนแกร่งที่โอบเอวช่วยพยุงด้วย "ติม...ติม กูจะ...!"



“พี่...” เสียงทุ้มต่ำพร่าที่เสียดเข้าโสดสมองไม่ต่างกับมนต์สะกดที่ทำให้รามพูดตามอย่างง่ายดาย



“อ๊ะ มะ ไม่ พี่จะถึง...อ๊ะ อ๊า!”



สองแขนผอมเกร็งโอบกอดร่างสูงแน่น ความรู้สึกพุ่งทะยานถูกปลดปล่อย เสียงหอบหายใจแหบพร่าดังประสาน พร้อมๆ กับร่างกายร้อนระอุขึ้นเมื่อติมยังไม่ได้ปลดปล่อย



"แทนตัวเองว่าพี่อีกสิราม" เสียงทุ้มกระซิบพร่า มือมี่โอบเอวบางไล้ต่ำลงไปด้านหลังในขณะที่รามยังหอบตัวโยนตั้งสติไม่ได้ นิ้วยาวคลึงปากทางที่ขมิบตอบรับสัมผัส และสอดนิ้วกลางเข้าไปทันที



"อ๊า!!" รามเกร็งตัวเมื่อรู้สึกจุกเสียด ก็อยู่ๆ มีอะไรบางอย่างแทรกเข้าไปในร่างกาย ก่อนจะเบะปากเมื่อรู้ว่ามันคือนิ้วของอีกฝ่าย “ฮึก ไม่เอา นะ นิ้ว...”



ร่างสูงขมวดคิ้วแน่นหายใจแรงเหมือนสัตว์ป่าหื่นกระหายเพราะแรงตอดรัดตุบๆ เป็นจังหวะแม้จะเข้าไปแค่ปลายนิ้วก็ทำให้อยากจะแทนที่ด้วยแก่นกายร้อนผ่าวที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย ติมกัดฟันพูดอย่างอดทน "ผ่อนคลาย อย่าเกร็ง"



คนได้ยินเม้มปากแน่นไม่ยอมผ่อนคลายตามคำบอก ด้วยความไม่คุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอม แถมยังเข้ามาในช่องทางที่ไม่ควรเข้าแบบนี้...ถึงจะบอกให้ผ่อนคลายก็เถอะ แต่จะให้เขาทำยังไงล่ะ



เล็บจิกลงไหล่กว้างเปลือยเปล่าจนเป็นรอยแดง แต่อีกฝ่ายก็ไม่บ่นอะไร ซ้ำยังกระตุ้นต่อมบางอย่างมากขึ้นไปอีก



ยั่วชิบ



นิ้วที่สอดแทรกถอนออกก่อนจะป้ายน้ำขาวขุ่นของอีกฝ่ายที่ยังหลงเหลืออยู่บนหน้าท้องแบนจนชุ่มและสอดกลับเข้าไปใช้แทนสารหล่อลื่น นิ้วยาวอีกข้างรู้หน้าที่ ยกขึ้นบดคลึงปุ่มสีเชอรี่บนแผ่นอกบางสีขาวเพื่อให้ร่างโปร่งโฟกัสที่อื่นแทน และได้ผล รามเชิดหน้าครางส่วนล่างผ่อนคลายวูบหนึ่งให้นิ้วยาวคืบคลานจนสุด "อะ...อา"



"ซี้ด" ติมสูดปากเสียงดัง หายใจแรง ช่องทางสีหวานตอดตุ้บรัดแน่นจนนิ้วเขาแทบขยับไม่ได้ ลูกชายที่พองตัวแผ่ความร้อนผะผ่าวยังไม่ได้ปลดปล่อย เปียกชุ่มเพราะน้ำไหลผุดซึมจากส่วนปลายอย่างต้องการ



ร่างโปร่งหอบหายใจหนักหน่วง รู้สึกอึดอัดเหลือคณาจนต้องเงยหน้าอ้อนวอน "ติม พี่จะ...ไม่ไหว เอาออก...แฮ่ก...เถอะ"



มือบางที่จับแขนแกร่งเลื่อนลงมาจับข้อมือพลางดึกออกอย่างไร้เรี่ยวแรง "ราม อย่าดิ้น"



"อือ อึก...อื้อ!" ร่างบางกระตุกเกร็งเมื่อนิ้วขยับเข้าออกเสียดสีจนกระทั่งโดนจุดหนึ่งที่รู้สึกเสียววูบ ไม่รอช้านิ้วชี้สอดตามเข้าไปจากหนึ่งกลายเป็นสองและโจมตีจุดนั้นที่อยู่ภายในทันที "อ๊า! อ๊ะๆๆ! ...อื๊อออ!" ร่างโปร่งครางเสียงสั่น จากถอยหนีกลายเป็นขยับรับสัมผัส จากมือเรียวที่เคยผลักไสกลับสัมผัสหน้าท้องแกร่งตอบกลับบ้าง รู้สึกเสียวซ่านจนทนไม่ไหว ใบหน้ามนเงยขึ้นจากการซบอกแกร่งปรือมองใบหน้าคมหล่อเหลาที่กำลังจ้องมองมาทางนี้เหมือนกัน



หลงใหล...ทั้งสายตา ทั้งร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ทั้งสัมผัสร้อนแรง



"อา ติม...ติม พี่...แฮ่ก..." ริมฝีปากอ้ากว้าง แลบลิ้นออกมาครางระบายความเสียวจนน้ำลายไหลหยดจากปลายคางสู่ลำคอ



ริมฝีปากนั่น...อยากสัมผัส...อยากแนบชิด



อยากจูบ



"อ๊ะอ๊า!!!" ใบหน้ามนสะบัดเชิดหวีดร้องเมื่อโดนความรู้สึกเสียววูบโจมตีจนน้ำตาไหล นิ้วที่สามสอดใส่อย่างรุนแรงเข้าออกจนช่องทางด้านหลังชุ่มฉ่ำ ร่างสูงไม่เปิดโอกาสให้รามได้พัก ทั้งบดคลึงหัวนมไม่พอยังโดนสอดใส่ทางด้านหลังจนแก่นกายที่เพิ่งปลดปล่อยแข็งขืนขึ้นอีกครั้ง



"ตะ...ฮื่อ...ไม่ไหว...แล้ว...!" ในขณะที่ร่างโปร่งหวีดร้องพร้อมเกร็งตัวเตรียมปลดปล่อย จู่ๆ ร่างสูงก็หยุดการกระทำทั้งหมด เหมือนอารมณ์ที่จะแตะจุดสูงสุดถูกถีบตกลงมา ปรับอารมณ์แทบไม่ทัน "แฮ่ก...แฮ่ก..."



“ทำ...ไม?” ติมไม่ตอบแต่พอจะรู้ว่ารามจะถามว่าอะไร ดวงตาคู่คมมองต่ำ วูบหนึ่งมันเย็นชาสุดขั้ว แต่กระพริบตาหนึ่งทีก็หายวับไป



แขนแกร่งท้าวลงบนต้นไม้ใหญ่ด้านหลังข้างศีรษะทุย มือใหญ่ยกขึ้นกอบกุมท่อนเนื้อของตัวเอง รูดรั้งมันช้าๆ โดยที่สายตาคมกริบยังจ้องที่ใบหน้ามนนิ่งราวกับงูเห่าจ้องเหยื่อ ทำให้คนถูกมองรู้สึกวูบวาบ



"ราม..."



เขา...กำลังจะถูกกลืนกินทั้งตัว



"ตะ...ติม พี่..."



"ราม..."



เสียงครางทุ้มเรียกชื่อและเสียงขยับมือรูดรั้งเป็นจังหวะของอีกฝ่ายทำให้รามก้มมองเหม่อลอย ภาพตรงหน้านอกจากจะทำให้ใจเต้นรัวหน้าร้อนผ่าวแล้ว มันยังเหมือนมนต์สะกดให้มือบางเอื้อมไปจับของตัวเองแล้วรูดรั้งบ้างเพื่อพาอารมณ์ค้างคาของตัวเองไปให้ถึงจุด



"อือ...อะ..."



เขากำลังช่วยตัวเอง...ซึ่งไม่เคยทำต่อหน้าใครมาก่อน เรื่องน่าอายแบบนี้...แต่ไม่รู้ทำไมกับติม เขาถึง...



เขาอาจจะถูกใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาสีน้ำตาลนั่นสะกดให้หลงใหล...หลงรักเข้าแล้ว



"ซี้ด ราม...เซ็กซี่" ดวงตาคู่คมจ้องมองพระรามที่อยู่ใต้ร่าง ซึ่งกำลังหลับตาพริ้มยกมือรูดรั้งท่อนเนื้อขนาดเล็กน่ารักที่มันแข็งขืนขึ้นอีกครั้งเพราะเขาสอดนิ้วจากด้านหลัง คิ้วบางขมวดน้อยๆ อ้าปากครางเสียงทุ้มใสอันเป็นเอกลักษณ์ เม็ดสีชมพูทั้งสองแข็งเป็นไตและหน้าท้องแบนเรียบหดเกร็งเพราะอารมณ์วาบหวิว



จมูกโด่งก้มลงจนลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดหน้า กลิ่นหอมเย็นๆ ของลมหายใจร่างสูงที่เข้าใกล้ทำให้รามปรือตามองและยื่นหน้าเข้าหา และเป็นอีกครั้งที่ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออย่างไร ใบหน้าคมเลี่ยงซบไหล่บางขบเม้มที่ไหปลาร้าปูดนูนจนเป็นรอยแดง มือใหญ่จับมือของอีกคนให้มาจับของตัวเอง



"ช่วยหน่อย"



รามสะดุ้งกับความร้อนและขนาดอันใหญ่โตจนหน้าแดงเถือก เม้มปากขมวดคิ้วแน่น ทั้งๆ ที่รามก็อยากจะเสร็จ แต่พอใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมจ้องตาในระยะประชิดมันทำให้มือเรียวที่สากเล็กน้อยขยับรูดอัตโนมัติอย่างเก้ๆ กังๆ



ขนาดของเขากับมันต่างกันจริงๆ ...ทั้งร้อน...แล้วยังแข็งโป๊ก



"เร็วสิ"



ตาเรียวหลับแน่น ฝืนขยับเร็วและเค้นหนักๆ ไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงครางทุ้มแหบพร่า เร่งให้มือที่กอบกุมขยับหนักขึ้น เร็วขึ้น



"อา...ราม"



ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มครางเรียกชื่อตนยิ่งปวดมวน ริมฝีปากบางอ้าหอบหายใจทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายช่วยอีกฝ่ายแท้ๆ นานนับหลายนาที ในที่สุดติมก็เชิดคราง ลูกชายได้รับการปลดปล่อยหลังจากอดทนมานาน กระตุกพ่นน้ำอุ่นร้อนเหนียวๆ รดหน้าท้องขาวแบนเรียบ รามเหม่อมองมือของตัวเองที่เต็มไปด้วยน้ำของอีกฝ่าย พลันเสียงหอบหายใจหนักทำให้เงยหน้าขึ้นมอง...เห็นสีหน้าตอนเสร็จของอีกฝ่ายแล้วมัน...



"อึก!" ร่างโปร่งกระตุกพ่นน้ำออกมาบ้าง ก่อนจะหอบหายใจอย่างหมดแรงจนตัวสั่น ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอยิ่งทำให้คนตัวขาวก้มหน้างุดหน้าแดงคอแดงเข้าไปใหญ่



นี่เขาเสร็จเพราะเห็นหน้าสุขสมของติม รู้ถึงไหนอายถึงนั่น



"ดีมั้ย"



ไอติมถามขึ้นตอนที่เรากำลังใส่เสื้อผ้ากัน ร่างโปร่งรับเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ใส่เหมือนเดิมทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เช็ดน้ำอะไรออก รู้สึกร้อนหน้าเพราะอายไม่รู้จะอายยังไง ตอนแรกก็ปฏิเสธมันเสียงเด็ดขาดอยู่แต่พอมันสัมผัสก็ปล่อยอารมณ์จนเลยเถิด



แล้วคำถามเมื่อกี้อีก...จะให้ปฏิเสธก็จะเป็นการโกหก



"ราม"



"...เออ" ร่างโปร่งตอบหน้าแดงไม่สบดวงตาคม "แต่ครั้งหน้าไม่เอาแล้วนะ"



"ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ"



"ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ...เอ๊ย เอ่อ..." เขาอึกอัก เมื่อกี้พูดอะไรออกไป "ยังไงก็ตามไม่เอาก็คือไม่เอา"



รู้สึกได้ว่าครั้งหน้ามันจะเกินเลยมากกว่านี้...ทั้งร่างกาย...และหัวใจด้วย



"ก็ได้" รามหันไปมองหน้าหล่อๆ ของมันอย่างแปลกใจที่ตอบเร็วเหมือนไม่ได้คิด รู้สึกในใจลึกๆ น้อยใจวูบ แต่พอเห็นร่างสูงยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ รามก็กัดปากนึกได้ว่าตัวเองพลาดแล้ว "แต่รามต้องแทนตัวเองว่าพี่นะ"



ร่างโปร่งขมวดคิ้วกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด "ทีมึงยังไม่เห็นกูเป็นพี่เลย"



"ก็รามตัวเตี้ยกว่า จะให้เรียกพี่มันก็แปลกๆ ไง"



เอ๊ะ มันยังไง "กับชะเอมมึงยังเรียกได้"



"ไม่เหมือนกัน"



"ไม่เหมือนยังไง"



"ก็...” ริมฝีปากหยักยิ้มยียวน “ไม่บอก"



"ไอ้เวร งั้นมึงอย่าหวังว่ากูจะพูดดีๆ ด้วยเลย"



ไอติมรีบก้าวยาวๆ จับแขนผอมที่กำลังจะเดินหนี "อะไร เมื่อกี้ยังครางเรียกพี่เรียกติมอยู่เลย"



"ไอ้...!" ร่างโปร่งสะบัดแขนออกทันที กำหมัดแน่น สะกดอารมณ์ที่ไม่รู้เขินหรือโมโหอันไหนมีมากกว่ากัน



"งั้นเอาไว้เรียกตอนนั้นก็ได้ ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ" ร่างสูงพูดเสร็จ ขายาวก็ตวัดหันหลังเดินไป ลมเย็นๆ พัดมาวูบหนึ่งจนได้ยินเสียงหวีดหวิวและใบไม้เสียดสี



"ดะ เดี๋ยว!"



ติมยังคงทำหูทวนลมเดินไป จนในที่สุด...คนที่ทนไม่ไหวคือฝ่ายพระรามเอง



"ติม...พะ พี่..." เสียงทุ้มใสเค้นมันออกมา "พี่เรียกก็ได้!"



แขนของติมยกขึ้นโบกเป็นเชิงรับรู้ ขายาวเดินเอื่อยเฉื่อยไม่หันมามอง "ฮ้าว ผมง่วงแล้ว ไปนอนละครับเจอกันพรุ่งนี้ราม"



ร่างโปร่งยืนนิ่ง สายลมเย็นพัดแผ่วเบาอีกครั้ง



ดูเหมือนเขาจะถูกปั่นหัวอีกแล้ว



การกระทำแบบนี้ของไอติม...พระรามคิดให้หัวแทบแตกยังไงก็ไม่เข้าใจจริงๆ



ถ้าอยาก...ก็ไปหาคนอื่นก็ได้ ด้วยใบหน้าหล่อเหลาปานดารานั่น เพียงแค่กระดิกนิ้วเดียวก็มีเยอะแยะที่พร้อมจะรี่เข้ามารองรับอารมณ์รุนแรงราวกับสัตว์ป่าของอีกฝ่ายได้ เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเขาสักหน่อย



แล้วจะให้บอกว่าติมชอบเขา...ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่



มันเป็นไปไม่ได้เพราะสายตาของติมที่มองเอมตอนนั้น...ทำให้รามแน่ใจ



แต่ถึงจะรู้แบบนั้น...ก็ไม่อาจห้ามเสียงหัวใจของตัวเองที่ดังก้องนี้ได้เลย





********************* Love Substitute *********************





พระรามเกลียดความรัก



เพราะคำว่าความรักมันทำให้คนดูโง่เขลาลง...เพราะต้องเสียเวลามานั่งคิดว่าอีกฝ่ายจะแคร์กันบ้างมั้ย ทำไมถึงไม่สนใจ ทำไมถึงไม่รักกัน...ไม่ได้น่าสงสาร มันยิ่งดูน่าสมเพชมากขึ้น



เพราะอย่างนั้นเขาจึงคิดว่าความรู้สึกนี้ช่างไร้สาระสิ้นดี



ไม่คิดจะมีใจให้ใครและไม่คิดว่าจะมีใครสนใจ...จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมรามถึงใช้ชีวิตโสดมาตลอดยี่สิบสองปี



และอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญคือเพราะว่าชีวิตของพระรามนั้นมีอะไรหลายอย่างที่ต้องคิด ดูแล และรับผิดชอบอยู่แล้ว



ชีวิตของเขาวนเวียนกับแค่การไปทำงานและการตั้งใจเรียนซ้ำไปซ้ำมา...โดยไม่มีความรักเข้ามาแทรกแซง



แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับมีใครบางคนเข้ามาอยู่ในความคิดตลอดเวลา



ต๊อก...ต๊อก...



เสียงหั่นมีดลงบนเขียงไม่ได้เรียกความสนใจเท่ากับใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรจุติ ซึ่งมันอยู่ใกล้เขาแค่เอื้อมนี้เอง



"ราม...ราม" ใบหน้ามนหันข้าง ดวงตาเรียวเหม่อลอยมองคนข้างๆ ที่ชอบรบกวนความคิด โดยยังไม่รู้สึกตัวว่าถูกเรียกชื่อ จนเสียงทุ้มเรียกอีกครั้ง "เฮ้"



นัยน์ตาเริ่มโฟกัสเห็นใบหน้าเนียนใสไร้รูขุมขน "หะ...อะ โทษที..." ร่างโปร่งสะบัดหน้ารัว เมื่อกี้เขามัวแต่เหม่ออะไรอยู่นะ



ติมยิ้มขำก่อนจะผละออก และชี้นิ้วไปที่ด้านหน้าซึ่งมันคือผักสีเขียว...ต้นบ้าอะไรไม่รู้แหละถูกหั่นเป็นท่อนเละเทะนอนนิ่งอยู่บนเขียงข้างมีดคมเล่มใหญ่ "ไอ้นี่ทำยังไงน่ะ"



รามกระพริบตาปริบ ถ้าไม่รู้ก็อย่าไปหั่นมั่วซั่วสิ!



"กู...พี่ก็...ไม่รู้เหมือนกัน" เขาตอบหนักใจเมื่อไม่สามารถช่วยอีกฝ่ายได้ ก็รามทำอาหารไม่เป็นนี่นา...ได้แต่กินอย่างเดียว ไม่ต่างจากดินกับสินเท่าไหร่ล่ะนะ



รามขมวดคิ้วก่อนจะเสนอ "เอมทำอาหารเก่งนะ ลองเรียกมาช่วยดูไหม"



"จริงเหรอ เอาสิ" ติมตอบทันทีแววตาเปลี่ยนไป ใบหน้าคมกดยิ้มมุมปาก ทำให้รามอดจ้องมองอีกครั้งไม่ได้...หมอนี่หล่อจริงๆ ...หล่อสมกับเป็นเดือนคณะนิติศาสตร์ปีหนึ่งที่มีชื่อเสียงอยู่พอสมควร แต่ถามว่าพระรามเคยได้ยินไหม...ก็ไม่แน่นอนอยู่แล้ว เขาแค่ได้ยินมาจากสาวๆ หลายคนที่ซุบซิบนินทากันเสียงดังต่างหาก



ไอติมก็เป็นที่นิยมไม่ต่างจากชะเอมกับคิน...ต่างจากคนธรรมดาอย่างเขา



จะว่าไปพวกผู้หญิงก็ค่อนข้างบ้าคลั่งหมอนี่พอสมควร สาบานได้ว่าถ้าเกิดมีใครรู้ว่าเขาเคยทำร้ายใบหน้าหล่อๆ ของเดือนคณะนิติศาสตร์มาก่อน คงโดนรุมทึ้งตายแหงแซะไม่ต้องสืบ



"เอม...มาทางนี้หน่อยสิ" พอเห็นร่างบางเดินโฉบมาแถวนี้รามก็รีบเรียก



"อื้ม! แปปนึงนะราม"



รามหันไปมองรุ่นน้องที่ตัวสูงกว่าข้างๆ ดูจากท่าทางที่เคยเรียบเฉย เจ้าเล่ห์แล้วตอนนี้กลายร่างเป็นลูกหมาตัวใหญ่ แววตาเปล่งประกาย ถ้าไอติมมีหางล่ะก็รามคงจะได้เห็นว่ามันดุ๊กดิ๊กขนาดไหน



ดูก็รู้ว่ามันชอบเอมชัดๆ ...แล้วทำไม...



"มาแล้วๆ"



ขาเรียวก้าวเขยิบไปข้างๆ ให้ร่างบางที่ตัวพอๆ กันให้เข้ามาแทรกกลางระหว่างเขากับไอติม ดวงตาเรียวมองใบหน้าหวานที่เหงื่อซึมแล้วจะอ้าปากถาม



"พี่ชะเอมเหนื่อยเหรอครับ" แต่ใครบางคนพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน ดูเหมือนร่างสูงก็จะพอสังเกตได้บ้างเหมือนกัน



>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep4 08/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 08-02-2019 22:20:07



>>>>>>>>>>>>>>>ต่อจากด้านบน


"เหะ อ๊ะ อ๋อ...ไม่เป็นไรหรอก พี่แค่...แค่ร้อนน่ะ" ชะเอมตอบเสียงใสรัว พร้อมหัวเราะแหะๆ ก่อนจะทำตาโต "ว่าแต่จะให้ช่วยอะไรเหรอ"



"นี่ครับ" ร่างสูงเขยิบเข้าใกล้ชิด



"อ๋อ...ง่ายๆ นะ ก็แค่..."



สองเสียงคุยกันโดยมีร่างโปร่งยืนอยู่ข้างๆ เงียบๆ ...รอยยิ้มบางๆ ขับให้ใบหน้าหล่อเหลาดูอบอุ่นและยังสายนั่นอีก...สายตาที่มันมองเอมมันไม่เหมือนที่มองเขาสักนิด



ไอติมชอบชะเอม เขารู้ดี



แล้วไอ้ความรู้สึกคันยิบๆ ในใจนี่คืออะไร



รามยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบไอติมเข้าให้แล้ว



ขาข้างหนึ่งเริ่มก้าวเข้าอาณาเขตต้องห้าม มันคือหลุมบางอย่างที่ตกลงไปแล้วจะไม่มีวันตะเกียกตะกายขึ้นมาได้อีก   



"พี่ชะเอม มีพรสวรรค์ด้านนี้นะครับ" ไอติมชมเปาะกับร่างบางที่สูงแค่ปลายคาง ยิ่งขยับเข้าใกล้เมื่อกลุ่มผมหอมนุ่มส่งกลิ่นชวนดม ร่างสูงพยักหน้าจริงจังทำเป็นตั้งใจฟังที่อีกฝ่ายสอน แต่จริงๆ แล้วไม่เลย ก็เพราะเสียงใสกังวานฟังมันหวานหูจนจับใจความไม่ค่อยได้นั่นแหละ



"ไม่หรอก ตอนแรกพี่ทำไม่ได้เรื่องเลยนะรู้เปล่า" ร่างบางส่ายแล้วยิ้มพาซื่อ



"จริงเหรอครับ ผมอยากลองชิมอาหารตอนที่ยังไม่ได้เรื่องดูบ้างจัง" ไอติมยิ้มตาพราว แต่ดูเหมือนคนซื่ออย่างชะเอมจะไม่รู้ตัวหรอกว่าโดนจีบอยู่ ซ้ำยังกระพริบตาปริบก่อนจะหัวเราะขำ



"ไอติมนี่แปลกคน มีแต่คนอยากกินอาหารที่อร่อยๆ"



"ผมก็แค่อยากเห็นพี่ในหลายๆ มุมนี่ครับ" ไอติมขายขนมจีบต่ออีกยกพลางกลั้วหัวเราะขำเมื่อสิ่งที่ได้รับคือ           ดวงตาโตที่มองมากระพริบปริบงุนงงอีกครั้ง



น่ารัก



"เอม" เสียงทุ้มเรียกชื่อทำให้เจ้าตัวหันขวับทันที รามเหลือบตามอง...ไม่ใช่ใครที่ไหน อีกฝ่ายคือผู้ชายที่ชะเอมรักที่สุด ใบหน้าคมเข้มกับดวงตาเรียบนิ่งสบตากับไอติมที่ยิ้มไม่ทุกข์ร้อน



"คิน" ร่างผอมบางทิ้งมีดและเดินไปหาไม่ต้องรอให้เรียกซ้ำ ใบหน้าขาวซีดซับสีเรื่อ แย้มยิ้มบางกับแค่ใครอีกคนเรียกชื่อ



รักเหรอ...รักมากขนาดนั้น



รามมองเพื่อนตัวเล็กของตัวเองยามมีความสุขแล้วยิ้มน้อยๆ อย่างยินดี ก่อนจะหันกลับมามองคนข้างกาย



"นายคิดผิดแล้วล่ะที่ชอบเอม ถ้าห้ามใจตอนนี้ยังทันนะ" รามเตือนไอติมที่ยืนมองแผ่นหลังบางเดินไปพร้อมกับใครอีกคนด้วยความหวังดี เพราะรามรู้ดีว่าชะเอมรักชายคนนั้นหมดใจ...ไม่มีทางที่จะปันใจให้คนอื่น



"ไม่ใช่เรื่องของรามนี่"



เขาฟังแล้วขมวดคิ้วฉับเผลอกัดริมฝีปาก กดความรู้สึกเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นลงไป "ก็แค่เป็นห่วง...เพราะยังไงเขาก็ชอบนายไม่ได้หรอก"



ไอติมมาทำกับเขาแบบนั้นแล้ว...แล้วยังจะมาบอกไม่ใช่เรื่องของเขาเหรอ



"เป็นห่วง? เป็นห่วงทำไม" ร่างสูงยื่นหน้าเข้าใกล้อย่างไม่ทันตั้งตัว "อย่าบอกนะว่ารามชอบผมเข้าให้แล้ว"



ร่างโปร่งชะงักหน้าร้อนเห่อ "...ก็แค่ห่วงในฐานะน้องเท่านั้นแหละ อย่าได้ใจไปหน่อยเลย"



"เหรอ...ถ้าห่วงมากงั้นคืนนี้มาปลอบใจหน่อยสิ" มือใหญ่จับเอวบางลูบลงมาตรงสะโพก ก่อนจะขยำแก้มก้นเล็กอย่างแรง



"หะ เห้ย!!"



พระรามสะดุ้งตกใจ อุทานเสียงดัง จู่ๆ ไอ้รุ่นน้องจอมหื่นกามนี่จะทำอะไร คนรอบข้างเยอะแยะเต็มไปหมด สายตาก็ถูกจับจ้องมองมาเพราะเสียงร้องเมื่อกี้



"หึหึ ปฏิกิริยาดีนี่" คนหน้าด้านยังหัวเราะขำอยู่ได้



ดวงตาเรียวถลึงมอง "ก็นาย...!"



"ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย ความรู้สึกรามไวไปเอง" ติมยกมือสองข้างพูดยิ้มๆ ก่อนจะชะโงกมาใกล้กระซิบชิดใบหูซึ่งเป็นจุดอ่อนจนร่างโปร่งหน้าแดงวาบขนลุกเกรียว “ชินกับสัมผัสผมแล้วล่ะสิ”



"ฮึ่ย...แล้วมันเป็นเพราะใครล่ะวะ" ร่างโปร่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หยิบผักท่อนนึงวางบนเขียงและจับมีดสับหั่นดังปั่ก! ราวกับว่าผักและเขียงบนโต๊ะมันคือใบหน้าของไอ้คนกวนประสาทข้างๆ



"ฮะๆ รามตลกชะมัด"



เสียงทุ้มหัวเราะระรื่น ดูเหมือนมันจะไม่กลัว...ไม่ทุกข์ร้อนเลยแม้แต่นิด



"ไอ้คนหน้าไม่อาย"



ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!



"ฮะๆ"



พระรามเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน จริงๆ เขาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าไอติมเป็นคนที่ภายนอกดูโตกว่าอายุจริงๆ ซ้ำยังมีบุคลิกที่น่าค้นหาและชวนเกรงขาม...แถมตอนนั้นยังมีเรื่องต่อยตีกันในร้านเหล้า...มีเซ็กซ์กับคนไปทั่ว...แล้วบางทีก็ดูน่ากลัวอย่างประหลาดบอกไม่ถูก



ดวงตาคู่คมที่มองมาที่ผม...ไม่ใช่ว่าไม่รู้ตัว เขาเคยเห็นว่าสายตาของอีกฝ่ายมันมืดมิด เย็นชา...โกรธแค้นและมันมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เพียงกระพริบตาแววตานั้นมันก็หายวับไปจึงได้แต่คิดว่าเขาตาฝาดไปเองหรือเปล่า



ถ้าไอติมโกรธเคืองเขาจริง แล้วจะมาโกรธเรื่องอะไรกันล่ะ...เพราะเราทั้งคู่ไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำไป



แล้วอีกคำถามที่รามไม่สามารถหาคำตอบได้



ทำไมไอติมถึงต้องมาทำเรื่องน่าอายแบบนั้นกับเขาด้วย



'นอนอ้าขาครางบนเตียงแค่นี้เอง น่าจะได้เงินเยอะกว่าที่ไปทำนะ สนใจมั้ย'



'ผมอยากเข้าไป...ได้มั้ย'



‘แค่นิ้วก็ได้ จะได้ชิน...’



'ซี้ด ราม...โคตรเซ็กซี่เลย'



เสียงทุ้มครางเสียงแหบพร่าในความทรงจำทำให้รามกลืนน้ำลายหน้าแดง รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาซะเฉยๆ มือที่ออกแรงหั่น(สับ)ผักค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ



เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน



ตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้วที่ชีวิตของเขาจะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใครมากมาย พระรามใช้ชีวิตเติบโตมาเรื่อยโดยมีแต่แม่กับพ่อเฮงซวยประคองกันไปวันๆ แล้วพอขึ้นมหาวิทยาลัยมาก็ได้เพื่อนดีๆ อย่างดินและสินมาเพิ่มสีสันในชีวิตเท่านั้น แล้วเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคนก็คือชะเอม กลุ่มเพื่อนเล็กๆ จากสามคนกลายเป็นสี่ เพื่อนจากสมัยมัธยมก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว คุยบ้างตามประสาแต่ไม่สนิท เพราะหลังเลิกเรียน เขาก็ต้องรีบกลับมาทำงาน ได้ล้างจานบ้างหรืองานร้านสะดวกซื้อบ้างวนเวียนอยู่อย่างนั้นทุกวันจนตีสองตีสาม ถ้าช่วงไหนที่ต้องรีบใช้เงินบางวันก็ไม่ได้นอน



ยอมรับว่ามีหลายครั้งที่เหนื่อยมากรู้สึกท้อแท้ อยากจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง...แต่ว่าชีวิตของแม่...เรื่องของภาวดีทำให้เขาไม่สามารถละเลยได้จริงๆ



ดังนั้นไม่ว่าจะต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงกายมากเท่าไหร่ ถ้าร่างกายของเขายังทนได้เขาก็จะอดทน





แต่นับตั้งแต่มาอยู่ที่ค่ายแห่งนี้ เขาได้รู้จักกับติม ผู้ชายที่แสนจะหื่นกามและดูลึกลับ ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ ได้รู้สึกแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยรู้สึก แม้จะเป็นเรื่องน่าอายแต่เขายอมรับอย่างเต็มใจว่าทั้งร่างกายและจิตใจมีความสุขกับมัน



มันทำให้เขาสุขสมจนหลงลืมความเหน็ดเหนื่อยที่แบกรับบนไหล่อยู่ตลอดเวลา



แค่ในช่วงเวลานี้ ที่เขาไม่ต้องมานั่งเครียดเรื่องที่บ้าน...เรื่องทำงาน...เรื่องหาเงิน...เรื่องของแม่...หรือพ่อเฮงซวยคนนั้น



แค่ในช่วงเวลานี้ที่ไม่ต้องนึกถึงใครนอกจากตัวเองกับคนข้างๆ



แค่ตอนที่พระรามอยู่กับไอติม...ในหัวของเขาก็คิดแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น และพรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่อาจจะได้เจอ...ได้อยู่ใกล้ๆ กับไอติม



‘ถ้าห่วงมากงั้นคืนนี้มาปลอบใจหน่อยสิ’



เพราะฉะนั้น...เขาก็อยากจะ...ทำจนถึงที่สุด...อย่างที่ใจต้องการ



"ติม คืนนี้พี่จะ...ให้ ขะ เข้าก็ได้นะ..." รามก้มหน้างุด มีดในมือแทบจะหลุดร่วง หัวใจเต้นดังกึกก้องจนเสียงทุ้มใสพูดออกมาตะกุกตะกัก



"หืม...?" ไอติมเลิกคิ้ว "เมื่อกี้รามว่าอะไรนะ"



คิ้วบางขมวดฉับ "...ไม่พูดแล้ว ไม่ได้ยินก็ดี"



"หึหึ ไม่ได้ยินซะที่ไหน" ลิ้นแลบเลียริมฝีปากที่รู้สึกแห้งผากขึ้นมา "เตรียม 'ตัว' เตรียมใจเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน"



ร่างโปร่งอดกลืนน้ำลายไม่ได้เมื่อเห็นสายตาคมกริบแสนเจ้าเล่ห์



นี่เขาคิดผิดรึเปล่าเนี่ย?

 

   

********************* Love Substitute *********************





ความหื่นเกิน 1000% ติดเรทเกิน 22++ ใครอายุไม่ถึง 18 ห้ามอ่าน!!   :pighaun:

nc หลายตอนติด(ยังไม่บอกว่าอีกกี่ตอน) นิยายเรื่องไหนมีหื่นกว่านี้อีกบ้าง ค่อกแค่กๆๆ

ตอนหน้านังรามเสร็จคนกามอย่างอีติมแน่นวล

ใครชอบแบบนี้ อย่าลืมมาเปย์ หึหึ เพราะนักเขียนเปิดพรีออเดอร์แล้ว! อ่านรายละเอียดได้หน้าเว็บนิยาย หรือสอบถามได้ที่เพจ H.Rui Novels จ้าาา

หนังสือชุดละ 720 บาท มีสองเล่ม หรืออีบุ๊ค 570 บาท


หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep5 15/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 15-02-2019 16:20:12


                                              ทดแทนรัก

                                               ตอนที่ 5



โปรดใช้วิจารณญาณการรับชม



ร่างโปร่งกำลังรอ...ยิ่งใกล้จะถึงเวลาใจยิ่งเต้นแรง ใบหน้าร้อนผะผ่าวเพียงแค่นึกถึงสิ่งที่กำลังจะเจอ



'คืนนี้เจอกันห้าทุ่มนะครับ...ที่เดิม' เสียงทุ้มดังในความทรงจำเมื่อตอนเย็นหลังกินข้าวเสร็จ อีกฝ่ายเดินมาหาเขาและก้มลงกระซิบชิด 'ผมจะรอนะ'



ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!



'คืนนี้พี่จะให้เข้าก็ได้'



เขาหลับตากัดปากแน่น ยิ่งนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดมันยิ่งน่าอาย มือจับโทรศัพท์พลิกขึ้นและกดปุ่มเช็คเวลาอีกครั้งจนมันสว่างวาบ



10:58 PM



"เฮ้ย ราม จะออกไปไหน" สินถามขึ้นในความมืด หลังจากที่เห็นเพื่อนร่างโปร่งกำลังยันตัวลุกขึ้น ทำเอาคนโดนเรียกสะดุ้งเฮือก ดีนะที่มืดจึงมองไม่เห็นสีหน้าตกใจของเขา ไม่งั้นจะโดนสงสัยมากกว่านี้



"ปะ ไป...เข้าห้องน้ำ" เสียงทุ้มใสตอบอึกอักแผ่วเบา



"เออ กูไปด้วย ปวดฉี่เหมือนกัน" ว่าแล้วสินก็ลุกตามยิ่งทำให้รามร้อนรนกว่าเดิม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จากคำอ้างจึงต้องทำจริง ร่างโปร่งเดินมาเข้าห้องน้ำในเวลาห้าทุ่มเศษกับสินสองคน บรรยากาศวังเวงโรยตัวรอบด้านและเพื่อนผู้ชายคนอื่นยังคงนอนหลับสนิทกรนเสียงดัง



รามเม้มปากแน่นระหว่างทางเดินไปห้องน้ำก็คิดว่าจะทำยังไง พอมาถึงก็เปิดประตูเข้าห้องน้ำที่เป็นคอห่าน จนสินเลิกคิ้วถาม "ท้องไส้ไม่ดีเหรอ"



เขาชะงักตอบแค่อืมดังๆ ในลำคอและเข้าไปนั่งรอให้เพื่อนมันทำธุระเสร็จ "ราม เสร็จยังวะ"



"ไปก่อนเลย" เขาตะโกนบอก



"โอเค..."



พระรามนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นจนแน่ใจว่าสินไปแน่ๆ แล้วก็ทำเป็นกดชักโครกเสียงดังและแง้มประตูออกมาและค่อยๆ เดินไปทิศทางที่ไม่ใช่โรงนอน...ที่ๆ เขานัดกับใครบางคนเอาไว้



'คืนนี้เจอกันห้าทุ่มนะครับ...ที่เดิม'



อย่างกับคนที่แอบนัดชู้แน่ะ...ร่างโปร่งส่ายหน้าเมื่อคิดอะไรไม่เข้าเรื่อง



ขาเรียวเดินมาถึงสถานที่เมื่อวานแล้วกวาดมองรอบ แต่กลับ...ไม่มีใคร



"ติม" เขาส่งเสียงเรียกไม่ดังนัก เพราะมันมืดแล้ว ยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งน่ากลัว มีแค่แสงจากดวงจันทร์ที่ทำให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไรแค่นั้นเอง พอคำตอบที่ได้รับคือเสียงลมพัดไสวกับเสียงพุ่มไม้เสียดสี คราวนี้รามป้องปากและเสียงทุ้มใสก็ร้องเรียกให้ดังกว่าเดิมอีกครั้ง "ติม"



"ทำไมรามมาช้าจัง"



"!" รามสะดุ้งเฮือกหันขวับ ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อกี้ค่อยๆ แผ่วลงเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ขายาวค่อยๆ ก้าวมาจากที่มืดจนดวงจันทร์สาดส่อง ปรากฏใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร



"นึกว่ากลัวจนหนีไปแล้ว"



"พี่ไม่ได้กลัวสักหน่อย..." ใบหน้าขาวเหลืองค่อยๆ แดงเรื่อ "ก็แค่มีเรื่องวุ่นๆ ...โทษทีที่มาช้า"



"ไม่เป็นไร แต่คงต้องให้รางวัลสักหน่อย...อืม หรือเรียกบทลงโทษดีล่ะ"



รามทวนสงสัย "บท...บทลงโทษ?" ขาเรียวถอยกรูดเมื่อคนตัวสูงใหญ่ก้าวเข้าใกล้คุกคามจนแผ่นหลังติดต้นไม้ต้นเดิมกับที่เขาและอีกฝ่ายทำอะไรกันเมื่อวาน



ริมฝีปากหยักคมยิ้มมุมปาก "ก็...บทลงโทษสำหรับคนมาช้าไง"



"อึ๊ก!" มือเล็กจิกเกร็งจับข้อมือแกร่งที่ล้วงเข้าใต้เสื้อจู่โจมหัวนมทั้งสองข้างของตนไม่ทันตั้งตัว



"รามเป็นคนบอกว่าอยากให้ผมเข้าไปแท้ๆ แต่กลับมาสายแบบนี้...จะให้ผมคิดยังไงล่ะ"



"พะ พี่ไม่ได้...อะ บอกว่าอยากให้เข้า ฮึก...สักหน่อย" ร่างโปร่งกระตุกเฮือก เขาแค่บอกว่าจะเข้าก็ได้แค่นั้น...จะพูดให้จบก็ฟังจับใจความไม่ค่อยได้เพราะร่างกายถูกเค้นหนักที่หน้าอกและตอนนี้มันกำลังไล้ลงมาข้างล่างอย่างรวดเร็ว จับขอบกางเกงตัวเล็กและถลกออกจนมันร่วงลงกองที่ข้อเท้า



"ไม่อยากเหรอ?" ดวงตาคมมองลงต่ำจ้องไปที่ชั้นในสีขาวตัวเล็กที่มันเปียกน้ำเล็กน้อยเพียงเพราะเขาบี้ยอดอก "แน่ใจนะ"



รามเม้มปาก หลบตา และหลุดครางหวิวเมื่อโดนสะกิดหนักอีกครั้ง ท่าทางแบบนั้นทำให้ร่างสูงที่กำลังมองอยู่เลียปาก



ถ้าไม่ปฏิเสธแบบนี้ไอติมจะถือคิดเข้าข้างตัวเองก็แล้วกัน



"ติม!?" ร่างโปร่งร้องตกใจเมื่อถูกจับให้หันหน้าเข้าต้นไม้ใหญ่ มือใหญ่ปลดกางเกงในตัวจ้อยออกกองที่ต้นขาเล็กก่อนจะควักของตัวเองออกมาแล้วสอดเข้าช่องหวานระหว่างขาหนีบ "อ๊ะ อะไร...น่ะ ยะ! ฮึก!"



"ซี้ด..." ไม่ต้องพูดอะไรมากพระรามก็ตัวเกร็งหนีบขารัดตัวตนร้อนผ่าวของไอติมแน่น สะโพกปอดขยับสาวกระแทกจนมือเรียวที่เกาะต้นไม้อ่อนแรง



"ฮึก อื๊อ อ๊ะ อ๊ะ..." ใบหน้าแดงก่ำเชิดครางวาบหวิว ได้แต่ตัวเกร็งรับแรงกระแทกจนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อน่าอายดวงตาเรียวก้มมองก่อนจะกัดปากกลั้นความเสียวที่วูบขึ้นมาจนมวนท้อง เพราะความร้อนระอุที่เสียดสีกับขาของเขามันผลุบเข้าออก ขนาดที่ใหญ่ยังไม่พอ ด้วยความยาวที่พอสะโพกแกร่งสาวเข้าเต็มสูบจนมันมาเสียดสีกับแก่นกายเล็กซ้ำยังมีน้ำผุดขึ้นมาจนเปียกชุ่มร่องขา...มันเป็นภาพที่ยิ่งทำให้เขาปวดมวนหนัก



ดวงตาคู่คมมองกริบบนแผ่นหลังสีขาวสะท้อนดวงจันทร์ที่แทบจะหาไขมันและกล้ามเนื้อไม่เจอ พระรามเป็นคนผอม ตอนแรกเขาคิดว่าชะเอมเป็นคนที่ผอมที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ...แต่รามที่สูงกว่าเล็กน้อยและตัวบางพอๆ กันยิ่งดูผอมมากกว่า เพียงแค่แขนข้างเดียวก็สามารถโอบรัดเอวนี่ได้รอบ



"อา..." ติมครางหนักเมื่อรุ่นพี่บิดเร้าหนีบขาแน่นขึ้นจนบีบตัวตนของเขาแทบแตก มองช่องทางปิดสนิทแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องยกนิ้วโป้งคลึงให้อีกฝ่ายตัวสั่นหนัก มือใหญ่สองข้างขย้ำแก้มก้นขาวเนียนไร้ไขมันแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยวจนเป็นรอยนิ้วมือแดงจ้ำ



"ติม...อ๊ะ"



"หืม จะเสร็จแล้วเหรอ" ติมยิ้มบางถามเสียงต่ำเมื่อใบหน้ามนเอี้ยวมองตาปรอย ซ้ำยังยืดตัวเอื้อมจับข้อมือที่เขาจับเอวอีกฝ่ายแน่น แขนแกร่งเอื้อมกอดคนตัวผอมที่ขาใกล้หมดแรงและกระแทกเต็มสูบ ไม่ลืมลูบไล้ตั้งแต่เอวผอม ซี่โครงและบดขยี้หน้าอกจนพระรามครางลั่น



"อ๊าาา!"



"อึก..." ไอติมดันตัวอีกคนให้เท้ากับต้นไม้อีกครั้งเพื่อพยุงตัวเอง ก่อนจะดึงตัวตนออกมาฉีดพ่นเข้าที่แผ่นหลังบางและร่องก้น ร่างสูงจับส่วนปลายที่ยังปลดปล่อยไม่หมดจ่อตรงช่องทางพลางกดเข้าเล็กน้อยพลางรูดรั้งคัดน้ำที่ค้างออก กว่าจะรีดหมดก็นานนับนาทีจนร่างผอมเปียกเหนอะ



ดวงตาคมกริบมองอย่างเสียดาย...ลูกๆ นับล้านของเขาจริงๆ มันควรจะอยู่ในร่างกายผอมนี่ด้วยซ้ำ



...แต่ไม่เป็นไร...วันนี้พระรามเสร็จเขาแน่...



ร่างโปร่งหอบหายใจหนักหน่วง ขาเรียวผอมสั่นระริกจนในที่สุดพยุงน้ำหนักตนไม่ไหวก็ทรุดลง แต่ไอติมก็โอบแขนกอดเอวช่วยประคองเอาไว้ก่อนที่จะกระแทกพื้น



ตาเรียวปรือเหนื่อยอ่อน อยากจะหลับมันเสียตรงนั้น ไม่เคยทำอะไรที่เหนื่อยขนาดนี้มาก่อน



"ราม"



"ติม" หัวทุยซบอกแกร่งเอ่ยเสียงอ่อนแรง "พี่ง่วง..."



ร่างสูงเงียบไป จนรามที่ง่วงอยู่แล้วหลับตาสนิทผ่อนลมหายใจ เหมือนร่างกายเบาหวิวกำลังเข้านิทราแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อร่างกายของเขาถูกแทรกสอดโดยนิ้วยาว แม้เพียงนิ้วเดียวก็ทำให้ดิ้นพล่านได้



"อ๊ะอ๊ะ!! ติม! ฮือ..."



"ผมยังไม่ได้เข้าไปเลยนะ" ดวงตาคมกริบเย็นเยียบซึ่งคนในอ้อมกอดไม่มีวันเห็น



"ตะ แต่พี่ว่าพี่...มะ อ๊ะ ไม่ไหว..." ดวงตาเรียวหน่วยคลอด้วยน้ำตา นิ้วเรียวจิกต้นขาแกร่ง กัดปากครางหวิวเมื่อถูกนิ้วที่สองและสามเข้ามาบดขยี้ภายใน "ไม่ไหวหรอก..."



"วันนี้วันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วนะ รามอดทนหน่อยสิ"



เสียงทุ้มกระซิบข้างหูหลอกล่อ คิดหรือว่าแค่บอกว่าไม่ไหวแล้วงูเห่ามีพิษตัวนี้จะหยุดง่ายๆ ...ถ้าเขายังไม่ได้สิ่งที่อยากได้เขาจะไม่มีวันยอมหยุด



"ฮึก..." รามสะบัดหน้า เกร็งรัดนิ้วทั้งสามแน่น คำว่าวันสุดท้ายทำให้พระรามยอมโอนอ่อนไม่พูดปฏิเสธอีก ด้วยความที่เมื่อวานเพิ่งถูกอีกฝ่ายสอดใส่มาเลยทำให้ช่องทางผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว



สายลมเย็นยามกลางคืนพัดโบกจนกิ่งไม้สั่นไหว ใบไม้เสียดสีกันดัง แต่ไม่อาจทำให้ร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองหนาวเหน็บ เพราะตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในอารมณ์เร่าร้อนราวกับถูกไฟโหมกระหน่ำ



"อ๊ะ อ๊ะ! ตรงนั้น...!"



ติมยิ้มกริ่มเมื่อคนที่ปากบอกว่าไม่ไหวๆ หวีดร้องลั่นน้ำลายไหลเปรอะซ้ำยังขยับสะโพกรับนิ้วยาวให้แทรกลึกกว่าเดิม คนตัวสูงก็งอนิ้วควานผนังนุ่มร้อนภายในให้โดนจุดนั้นเน้นๆ เรียกเสียงครางที่ดังกว่าเดิม



"อ๊า!!! ยะ มะ ไม่!!"



"ซี้ด..." ด้านหลังขมิบตอดรัดถี่ยิบจนเจ้าของนิ้วสูดปากดัง กลืนน้ำลายสอที่ปากและหายใจแรง หน้าท้องแข็งแกร่งเกร็งขมึง แก่นกายใหญ่ตั้งตรงขึ้นอีกครั้งเพราะแรงตอดนั่นแหละ แค่นิ้วยังดีขนาดนี้...ไม่อยากจะคิดถึงตอนแทรกตัวตนของเขาเข้าไป



"อ๊า อ๊า! ติม พะ พี่จะ! ฮะ!!" ก่อนที่รามเชิดหน้าจะเกร็งตัวปลดปล่อยก็ต้องกระตุกเฮือกเมื่อสิ่งที่แทรกในกายมันถอนออกไปอย่างรวดเร็ว "...เฮือก! ...แฮ่ก..."



ใบหน้ามนเอี้ยวมองใบหน้าคมหล่อเหลาที่ยืนรูดรั้งของตัวเองสี่ห้าครั้งก่อนจะกดมันลงที่สะโพกเล็ก ความร้อนผ่าวที่พาดกับร่องก้นทำให้เจ้าของสะดุ้ง



"ตะ ติม..." เสียงทุ้มใสเรียกชื่อ ดวงตาเรียวสั่นไหว...หวาดกลัว



ร่างสูงเลิกคิ้ว แต่มือจับส่วนปลายถูไถช่องทางที่แดงช้ำจนมันขมิบตอบรับ



"พี่..." รามกัดปากขมวดคิ้วกังวล "พี่กลัว"



"กลัวอะไร?"



"...กลัวเจ็บ" ก็เคยได้ยินว่าครั้งแรกสำหรับฝ่ายรับมันน่าจะเจ็บมาก แถมขนาดของไอติมมันก็...แค่คิดใบหน้าขาวก็แดงก่ำ



อีกอย่างพรุ่งนี้เขาต้องนั่งรถทัวร์กลับอีกหลายชั่วโมงนะ



"ไม่เป็นไร...รามเท้าแขนไว้" ติมยิ้มรับคำนั้น ก่อนจะจับแขนผอมให้เท้ากับต้นไม้เช่นเดิม ดึงชายเสื้อขึ้นจนเห็นแผ่นหลังบางทั้งหมด จับต้นขาทั้งสองข้างและแหกกว้างเพื่อที่จะเปิดทางให้เขา "อ้าขากว้างๆ...ผมจะค่อยๆ ใส่เข้าไป...ช้าๆ"



พระรามฟังแล้วหูแดงตัวแดงพยักหน้าก่อนจะก้มงุดๆ และผ่อนลมหายใจ



เขาพร้อมแล้ว...เพราะจากนี้คงจะไม่มีโอกาสอีก



ไอติมกดส่วนปลายเข้าไป มันยากลำบากมากเพราะเจ้าของช่องทางเกร็งรัดแน่นจนเขาสอดเข้าไปไม่ได้เลย



"รามอย่าเกร็ง ผ่อนคลายหน่อย ผมเข้าไม่ได้"



ติมเอื้อมมือไปชักรูดด้านหน้าให้จนรามหลุดครางหวิว มือใหญ่เค้นหนักจนช่องทางผ่อนแรง ได้โอกาสให้สอดส่วนปลายเข้าไป



"โอ๊ย! ฮือ..."



"ซี้ด!" ไอติมเกร็งหน้าท้องแน่นเพราะเหมือนร่างโปร่งจะรัดแน่นทันทีเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมบางอย่างสอดแทรกเข้าไป ซ้ำยังตอดตุบจนเข้าต้องสูดปากอดทน



กับคนอื่นเขายังไม่เห็นต้องอดทนขนาดนี้...ลำบากชิบ



"ยะ หะ ใหญ่..." รามปรือตาหอบแฮ่ก เหนื่อยยิ่งกว่าเสร็จสม ยิ่งอีกฝ่ายฝืนดันเข้ามาอีกยิ่งทำให้เขาจิกมือกับต้นไม้แน่นจนเจ็บนิ้ว ไม่อาจห้ามไม่ให้เกร็งรัดอย่างที่อีกฝ่ายบอกได้



"เห็นมาสองวันยังไม่ชินอีกเหรอ"



"ก็ไม่ได้ใส่เข้ามานี่...อ๊ะ!" รามหยัดเกร็งเมื่อแก่นกายคืบคลานเข้าลึกอีก ทั้งร้อนผ่าวทั้งอึดอัดจนน้ำตาไหล "อย่าเพิ่ง...อุก! อึก..."



ร่างโปร่งอ้าปากครางวอนขอว่าอย่าเพิ่งขยับแต่กลับถูกนิ้วยาวล้วงเข้ามาในปากหยอกล้อกับลิ้นจนหายใจไม่ทัน



แบบนี้มัน...เขาไม่ไหว...ไม่ไหว... "อึก อิม...แผล่บ...จ๊วบ!" ติมกัดฟันแน่นเมื่อตอนแรกเขาตั้งใจจะให้พระรามเบนความสนใจจะได้แทรกกายเข้าง่ายๆ แต่คนไม่เคยมีอะไรกับใครกลับดูดนิ้วเขาแรงๆ ราวกับจะระบายอารมณ์ทำเอาร่างสูงหายใจแรงยิ่งหยอกล้อลิ้นเล็กหนัก



ทำไมถึงได้ยั่วยวนขนาดนี้



ถ้าหากเป็นแบบนี้เขาจะไม่ทน



"อื๊อออ!!!" กายร้อนระอุฝืนกระแทกลึกจนสุดโคนในยามที่ร่างโปร่งมัวแต่สนใจกับสิ่งที่อยู่ในปาก ทำให้ใบหน้ามนสะบัดออกหอบหายใจหนักหน่วง น้ำตาที่คลอหน่วยไหลอาบ ทั้งร้อนทั้งแน่นทั้งอึดอัด รามรู้สึกได้ว่ามันยาวและใหญ่มาก ส่วนปลายเหมือนจะกระแทกลำไส้ของเขาเลย "อ๊า ฮะ..."



คนตัวสูงก็หายใจแรงไม่ต่างกัน กดสะโพกบดคลึงให้พระรามกรีดร้องสูงแผ่นหลังหยัดโค้ง ก่อนจะถอนกายขยับเข้าออกสุด...เชื่องช้าแต่หนักแน่น



"ซี้ด..." ติมหลับตาสูดปาก ฟังเสียงครางทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์แล้วต้องอดทนไม่ให้รุนแรงเกินไป อีกฝ่ายยังใหม่...แต่พอปรือตามองตัวตนใหญ่ร้อนระอุแทรกลึกเข้าไปในช่องทางสีแดงหฤหรรษ์ตัดกับผิวขาวๆ แล้วมันเผลอขยับกระแทกก้นตอบแรงๆ ดังปั่บ! จนรามขมิบรัดแน่นซ้ำยังขมิบถี่ตามแรงหายใจ ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้ร่างสูงพึงพอใจเป็นอย่างมาก



จนกระทั่งผนังนุ่มอุ่นผ่อนคลายสะโพกปอดไม่รอช้าขยับกระแทกแรงๆ จนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อน่าอาย แก่นกายเล็กก็แข็งขืนน้ำไหลผุดซึมเปียกแฉะไม่ต่างกัน



"อ๊ะ! อ๊า! อื๊อ อื๊อ!!" มือเรียวยกขึ้นอุดปากเมื่อรู้สึกได้ว่าเสียงครางของตนดังเกินไปแล้ว มันสะท้อนก้องกับต้นไม้จนเหมือนเขาได้ยินเพียงแค่เสียงครางของตัวเองกับเสียงครางต่ำเหมือนสัตว์คำรามของร่างสูง...ซ้ำยังเสียงเนื้อกระทบเนื้อในยามสะโพกแกร่งกระแทกเข้าลึกนี่อีก



"ฮ่า มะ ไม่ เอา...ฮะ!" แต่แล้วงูเห่าที่กำลังลงมือกินแมวตัวจ้อยอย่างเอร็ดอร่อยก็ดึงมือที่ปิดปากนั้นออก ทำให้ปราการกั้นเสียงของร่างโปร่งหายไป



"อย่าปิดสิ ผมอยากได้ยิน"



"ติม...พะ พี่! พี่ ฮั่ก...เสียว!"



"รู้สึกดีใช่มั้ย"



ติมยิ้มกริ่งพึงใจ ครางต่ำถูกใจกับแรงตอดรัดที่ไม่ค่อยได้เจอกับใครที่ไหน



หรือว่าแบบนี้จะเป็นเฉพาะคนบริสุทธิ์กันนะ?



"อ๊า! อ๊า! มะ..."



ติมดึงต้นแขนให้แผ่นหลังบางแนบอกแกร่ง กอดรัดเอวบางแน่นและขยับกระแทกกระทั้นจนขาเรียวหนีบเข้าหากันอย่างเสียวซ่าน นิ้วเรียวจิกครูดแขนแกร่งเป็นรอยแดง ยิ่งถูกกระแทกกระทั้นหนักหน่วงโดนจุดที่ทำให้เสียวทุกครั้งพระรามยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย ก่อนจะยกมือรูดรั้งช่วยตัวเองเป็นระวิงเพราะทนไม่ไหว



"ติม พี่ไม่ไหว...จะ พี่จะ...อ๊า..."



"ซี้ด..." ช่องทางขมิบถี่ตัวตนร้อนระอุเป็นสัญญาณใกล้ปลดปล่อย แต่ในตอนนั้นเองติมถอนกายที่ร้อนราวกับไฟเผาออกมาอย่างรวดเร็วจนพระรามกระตุกเฮือก ร่างโปร่งหอบหนักปรือตามองอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะถูกตวัดให้หันมาประชันหน้า แขนแกร่งอุ้มร่างเบาหวิวแนบอกช้อนข้อพับขาทั้งสองข้างบังคับให้แหกกว้างจนรามต้องยกมือเกาะไหล่แกร่งเป็นที่ยึดเหนี่ยว ไอติมดันแผ่นหลังบางติดต้นไม้ ดวงตาเรียวเบิกกว้างใบหน้าร้อนผ่าวกับท่าทางน่าอายแต่นาทีต่อมาก็หวีดร้องลั่นเมื่อแก่นกายใหญ่ที่ถอนออกไปให้โล่งวูบก็แทรกเติมเต็มเข้ามาอีกครั้งจนสุดและขยับเข้าออกรุนแรงไม่ทันตั้งตัว



"อ๊า!!! อ๊า!! อ๊ะ! ฮะ!!"



รามผวากอดคอแกร่ง รู้สึกเสียวแปลบปลาบจนต้องเกร็งกายแน่นทุกส่วน อยากจะกลั้นเสียงครางน่าอายของตัวเองเหลือเกิน แต่มันก็กลั้นไม่ได้จริงๆ ยิ่งตอนแก่นกายใหญ่แทรกเข้ามาจนสุดโคน ณ วินาทีที่สะโพกของอีกฝ่ายกระแทกเข้ามาดังลั่น มันทำเขาเสียวจี๊ดจนน้ำตาไหล



นิ้วเรียวทึ้งเสื้อยืดสีเข้มของร่างแกร่งจนมันแทบจะขาดติดมือ มือปัดป่ายยกขยุ้มศีรษะ เงยหน้ามองปรือปรอย ใบหน้าคมหล่อเหลาที่เขาหลงใหลลอยอยู่ใกล้ห่างเพียงแค่ฝ่ามือ



"ติม...จูบ...แฮ่ก จูบได้ไหม" ร่างโปร่งวอนขอ แต่สิ่งที่ได้รับคือสะโพกแกร่งขยับบดขยี้แรงมากกว่าเดิมทำให้เขาลืมเลือนสิ่งที่ต้องการ ซ้ำอีกฝ่ายยังก้มลงมาขบกัดใบหูอันเป็นจุดอ่อนทำให้รามปลดปล่อยออกมาทันที “อื๊อออ”



ช่องทางที่ขมิบรัดตัวตนร้อนระอุแน่นทำให้เจ้าของกัดฟัน ขยับสะโพกเต็มสูบเพียงไม่ช้า...ก็ทะลักทลาย


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง


หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep5 15/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 15-02-2019 16:20:47



ต่อจากด้านบน<<<<<<<<<<<<<<<<<<<





รามปรือตาหอบหายใจซบไหล่แกร่ง เขาตัวสั่นระริกรู้สึกภายในท้องอุ่นร้อน ถึงจะไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนแต่เขาก็รู้ดีว่านี่เรียกว่าอะไร



แต่เขาเป็นผู้ชายเลยไม่ซีเรียสเท่าไหร่



เซ็กส์ครั้งแรกในชีวิตของเขากับไอติม...มันวิเศษมาก...วิเศษจริงๆ



รู้สึกดีราวกับขึ้นสวรรค์



"ราม ยืนไหวมั้ย?" เสียงทุ้มถามแหบพร่าทั้งๆ ที่ยังไม่ถอนออกไป ทำให้พระรามผละกอดจากกายแกร่ง พยักหน้าแดงๆ เบาๆ ไม่กล้าแม้แต่สบตา



ทันทีกายใหญ่ถอนออกจากช่องทางที่ดูดกลืนเขาแน่นตุ้บดังโป๊ะและน้ำสีขาวขุ่นมากมายก็ไหลหยดลงพื้นดังแปะๆ บางส่วนเปรอะเปื้อนร่องก้น รามมองมันแล้วเม้มปากเบาๆ จากนั้นแขนแกร่งค่อยๆ ปล่อยขาเรียวลงทีละข้าง แต่มันก็สั่นระริกยืนไม่ไหวจนไอติมต้องช่วยพยุง



"ขอบใจ..." ร่างโปร่งเขินหน้าแดง ยืนนิ่งตั้งตัวสักพัก พอยืนด้วยตัวเองได้ก็รีบหยิบกางเกงที่กองเกลื่อนบนพื้นขึ้นมาใส่



"เป็นไงราม ชอบมั้ย"



พระรามตัวแดงก่ำ รู้ว่าอีกฝ่ายถามถึงอะไร ถ้าไม่ใช่ 'ลีลา' ที่ชอบอวดอ้าง ร่างโปร่งเม้มปากไม่ยอมตอบคำถาม เขารู้แล้วว่าใครๆ ต่างก็ชอบและเต็มใจมีอะไรกับไอติม ก่อนที่ดวงตาคู่คมจะมองต่ำไปที่สะโพกเล็กและต้นขาเรียวที่เลอะน้ำของตน



“เจ็บรึเปล่า”



“...ไม่...ไม่เลย” เสียงทุ้มใสตอบแผ่วเบา ไม่เจ็บแม้แต่นิด ซ้ำยังรู้สึกดีมากด้วย



ร่างสูงฟังแล้วยิ้มกริ่ม "เดี๋ยวตรงที่เลอะ รามค่อยไปล้างในห้องน้ำก็แล้วกัน"



คนฟังหูแดง "อืม" ยิ่งได้ยินเสียงหลุดหัวเราะเบาๆ ยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่



“ให้ผมช่วยล้างมั้ย” ดวงตาคมกริบมองส่วนล่างไม่วางตา ซ้ำยังเลียริมฝีปากราวกับคนอดอยากปากแห้งมาจากไหน รามมองตาขวางเข่นเขี้ยวทั้งๆ หน้าร้อนเห่อ



“หึย...ไอ้หื่น...”



“ผมหวังดีต่างหาก ก็กลัวว่ารามจะทำไม่เป็นแล้วจะทำไม่สะอาด...ครั้งแรกไม่ใช่เหรอ” ร่างสูงยิ้มหวังดี “ถ้าล้างไม่สะอาดล่ะก็ปวดท้องไม่รู้นะ”



“ไม่ต้อง...!”



แซ่ก...แซ่ก...



"เฮ้ย! ใครน่ะ!?" ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกหันขวับ มือที่กำลังใส่เสื้อสวมกางเกงรีบเร่งจนใส่กลับด้าน เพราะกลัวใครมาเห็น แต่แล้วสิ่งที่ออกมาจากพงหญ้าคือ...แมว



ไอติมเห็นแบบนั้นก็หลุดหัวเราะเสียงดังจนรามหน้าแดงอีกครั้ง



"กะ ก็คนมันตกใจไหมวะ" เสียงทุ้มใสพูดอุบอิบ มองคนที่กุมหน้าท้องตัวงอ...หัวเราะเสียงดังเกินไปแล้วนะเว้ย "...ห่าหนิ..."



ร่างโปร่งรีบใส่กางเกงให้ถูกด้านก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อสัมผัสนุ่มเสียดสีที่ขา



"เมี้ยว~" แมวตัวเมื่อกี้ที่ทำให้พระรามตกใจเดินเข้าใกล้ร่างโปร่งอย่างไม่เกรงกลัว



"เจ้าเหมียว..." มือบางยื่นไปเกาใต้คอซึ่งแมวตัวนั้นก็เอียงคอหลับตาพริ้มนิ่ง เชื่องจนรามยิ้มชอบใจ "น่ารักจัง"



เขาชอบสัตว์ บางทีเวลาเดินข้างทางเจอแมวหรือหมาก็ต้องหยุดเล่นกับมันอยู่นานสองนาน เพราะมันสามารถคลายความเหงาให้เขาได้ ทำให้เขาลืมสิ่งที่ต้องคิด...สิ่งที่เครียด...



"รามชอบแมวเหรอ" เสียงทุ้มถามขึ้น ดวงตาคู่คมมองใบหน้ามนด้านข้างของรุ่นพี่มีรอยยิ้มบาง เป็นมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน



"อืม จริงๆ ก็ชอบหมากับกระต่ายด้วย ต้องพันธ์ตัวเล็กนะ มองแล้วมันน่ารักดี"



"อ๋อ แสดงว่าที่บ้านเลี้ยงอยู่"



"เปล่าหรอก"



"อ้าว ทำไม?" ทั้งๆ ที่พระรามดูเป็นคนน่าจะรักสัตว์มาก บางคนที่ชอบสัตว์



"บ้านพี่ไม่ค่อยมีฐานะ แม่พี่ไม่ค่อยสบายต้องหาหมอทุกเดือน แล้วพี่ก็หาเงินหัวหมุน ไม่มีปัญญาจะมาดูแลเพิ่มอีกหนึ่งชีวิตหรอก สงสารพวกมันเปล่าๆ" เสียงทุ้มใสหัวเราะเจื่อน เขาพูดเรื่องนั้นออกมากับไอติมง่ายดายทั้งๆ ที่ไม่เคยพูดแม้แต่กับเพื่อนสนิท...ไม่รู้ทำไม ดวงตาเรียวเหม่อจ้องหน้าเล็กๆ ของสัตว์ตรงหน้าแล้วใช้มือสองข้างช้อนขาหน้ามันอุ้มขึ้น "เนอะเจ้าเหมียว เมี้ยวๆ"



"แง้ว~"



"ฮ่าๆ ไอ้ตัวนี้น่ารักชะมัด" พระรามหัวเราะกว้าง จมูกเล็กปัดป่ายกับจมูกแมวอย่างหมั่นเขี้ยวจนมันยกอุ้งมือนิ่มดันหน้าขาวออก



"แง้ว~"



เล่นจนพอใจจนรามปล่อยให้มันวิ่งหนีเข้าพงหญ้าไป ลมพัดหวิวเย็นจนต้องกอดเข่าห่อไหล่



“แม่รามป่วยเป็นอะไร”



“หลายโรคเลย เธอร่างกายอ่อนแอแบบนี้มาตั้งหลายปีแล้ว...หลังๆ มานี้ก็ป่วยหนักจนพี่กังวล” รามนั่งพิงต้นไม้ชันเข่าขึ้นกอด มือเรียวสั่นระริกเผลอกำแขนเสื้อตัวเองแน่น เขาไม่เคยระบายกับใคร ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ไม่มีใครรับรู้ถึงความกังวลที่เขามี “หมอบอกว่าโรคที่แม่เป็นรักษาไม่ได้ ได้แต่ยื้อชีวิตให้นานขึ้นโดยต้องกินยา...ห้ามขาด”



“...”



“แม่มีบุญคุณกับพี่มาก...ดังนั้นไม่ว่าจะต้องทำยังไงพี่ก็จะพยายามทำให้แม่มีชีวิตอยู่กับพี่ไปเรื่อยๆ” ไม่ว่าเขาจะต้องเหนื่อยขนาดไหน...เขาก็จะต้องอดทน



เกิดความเงียบระหว่างเราสองคนนาน ไม่มีใครคิดจะกลับไปนอน ทั้งๆ ที่เมื่อวานทำเสร็จก็แยกย้ายแท้ๆ แต่ตอนนี้เรานั่งคุยกันราวกับเป็นเพราะว่าวันนี้คือวันสุดท้ายอย่างที่ไอติมบอก



“รามเป็นคนดีนะ” จู่ๆ ไอติมก็เอ่ยขึ้น ทำให้รามหันขวับมองอึ้ง หัวใจบีบรัดชั่วขณะก่อนจะเต้นตุบรัวแรง



คนดีเหรอ



“หึหึ ไม่เลยติม ไม่เลยสักนิด พี่เป็นคนเห็นแก่ตัวมาก” เสียงทุ้มใสหัวเราะราวกับขมขื่นแกมสมเพชตัวเอง “เพราะว่าพี่ทำให้แม่ต้องมาลำบาก”



ไม่สิ ต้องพูดว่าเขากับพ่อต้องทำให้ภาวดีมาลำบากมากกว่า



“จริงๆ แล้วแม่ของพี่ไม่ใช่แม่แท้ๆ หรอก” พระรามยิ้มบางพลางนึกถึงใบหน้าสะสวยของมารดา ดวงตาสีน้ำตาลสุกสกาวของภาวดี “แม่มาจากไหนพี่ก็ไม่รู้ แต่ว่าแม่รักพ่อ...แล้วก็เป็นห่วงพี่มาก ถึงขนาดทิ้งครอบครัวเก่าเธอมาเลยนะ”



ภาวดีไม่เคยเล่าอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่บอกว่านี่เป็นสิ่งที่เธอเลือกและตัดสินใจแล้ว



“จริงๆ แล้วถ้าเธออยู่กับครอบครัวเก่าของเธอคงจะมีชีวิตดีกว่านี้มาก” ร่างโปร่งก้มหน้าพูดเสียงสั่นเครือ ถ้าหากว่าภาวดีไม่มาช่วยฉุดชีวิตของเขาขึ้นมา เขาคงถูกพ่อเฮงซวยทอดทิ้งและนอนเป็นขอทานอยู่ข้างถนนจริงๆ “เพราะงั้นแม่ถึงมีบุญคุณกับพี่ไง...ที่พี่ทำงานหนักอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อแม่คนเดียว...”



“...” พอเห็นไอติมไม่พูดอะไร ได้แต่เป็นผู้ฟังเงียบๆ ก็ทำให้เขาโล่งใจขึ้นมาก ที่ได้ระบายอะไรออกไป ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ



“อะไรเนี่ย แปลกชะมัด” รามเกาหน้าเขินๆ แก้เก้อ “รู้มั้ย...พี่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้กับใครเลยแม้แต่พวกไอ้ดินกับไอ้สิน ไม่รู้ทำไมพี่ถึงอยากเล่าให้นายฟัง”



ทุกการกระทำของพระรามอยู่ในสายตาคมกริบ จนกระทั่งดวงตาเรียวมองสบ พลันใบหน้าของพระรามร้อนเห่อ หัวใจเต้นดังก้อง



ริมฝีปากบางสั่นระริกกว่าจะเค้นเสียงออกมาได้  "ติม นายกับพี่...ต่อจากนี้...เราจะได้เจอกันอีกมั้ย"



รามรู้ดีว่าตนกำลังพูดอะไรอยู่ แต่สามวันที่อยู่ด้วยกันนี้อีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกว่าอยากจะอยู่ด้วยกัน...อยากคุย...อยากเจอหน้า แต่เพราะเราสองช่างแตกต่างกัน อีกฝ่ายเป็นคนรวยล้นฟ้า หน้าตาดูดีมีชาติตระกูล ไม่ต้องทำอะไรก็สามารถทำให้คนมารุมล้อมได้ ส่วนเขานั้นแสนยากจน วันๆ ทำแต่งานไม่ได้หยุด แต่งตัวมอซอ หน้าตาจืดชืดไร้โหงวเฮ้ง...รู้ดีว่าไม่มีอะไรที่เหมาะสมกันเลยสักอย่าง



แต่ถ้าหากเป็นตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ตอนที่เป็นนักศึกษามันก็พอจะกลบฐานะพวกนั้นได้ เหมือนกับว่าเราเท่าเทียมกัน



ถ้าออกจากค่ายเมื่อไหร่ ระหว่างเราจะกลับไปเป็นแค่คนเคยรู้จักธรรมดาๆ ที่เคยมีเซ็กส์กันแค่นั้น



เขาจะต้องกลับไปเป็นแบบเดิม...อย่างนั้นเหรอ



"ติดใจลีลาผมเหรอ"



พระรามกังวลมาก แต่ไอติมกลับหัวเราะแล้วถามแบบนั้น ทำให้คนกังวลพลันหน้าแดงอย่างแทงใจดำ



สรุปมีแค่เขาคนเดียวที่คิดบ้าบอคอแตกใช่มั้ยเนี่ย



"ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"



จู่ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยประโยคที่ทำให้ใจดวงน้อยเต้นแรง...เต้นหนักหน่วงอย่างมีความหวัง



"ถ้ารามอยากเจอผม ผมมาหาที่ร้านที่รามทำงานก็ได้" เสียงทุ้มเอ่ยออกมา ก่อนจะหันมาพูดยิ้มๆ "หรือว่ารามจะมาที่คอนโด...ผมเลี้ยงแมวด้วยนะ น่ารักมาก ถ้าว่างๆ รามก็มาเล่นกับมันสิ"



"จริงดิ...?" คนถูกหลอกล่อด้วยของชอบอย่างร่างโปร่งเริ่มแย้มรอยยิ้ม ดวงตาเรียวเบิกโตเป็นประกายมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก "ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างนายจะเลี้ยงแมวด้วย"



จริงๆ แล้วสิ่งที่อยากเจอไม่ใช่แค่สัตว์



ไอติมหัวเราะก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเจ้าเล่ห์ "แต่ถ้ามาเจอกันแล้ว...ผมไม่ได้หวังว่าเราจะจบแค่คุยกันหรอกนะ"



สายตาคมกริบที่สื่อความหมายโดยนัย พระรามไม่ใช่เด็กน้อยหรือคนใสซื่อ เขาเข้าใจมันดี



พระรามหน้าร้อนผ่าว ก้มหน้าซ่อนกับท่อนแขนเรียวก่อนจะคิดแล้วคิดอีกจนหัวแทบแตก...อย่างน้อยก็มีโอกาสได้เข้าใกล้...ได้รู้จักอีกฝ่ายมากขึ้น



คนที่ไม่เคยมีใครมายุ่งด้วยเลยอย่างเขา...พอมีคนหล่อเหลาอย่างไอติมเข้ามาในชีวิต...มันก็อดที่จะคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้



"ได้สิ..." สุดท้ายก็ตอบรับไปตามที่ใจปรารถนา...อย่างคาดหวังลึกๆ ว่าสักวันหนึ่งถ้าหากไอติมมองเขาเหมือนที่มองชะเอมบ้าง...ก็คงดี



เป็นคำตอบที่ทำให้งูเห่ามีพิษร้ายแรงใจลิงโลด





********************* Love Substitute *********************



ใครชอบnc และความดราม่า บอกเลยว่าเรื่องนี้ให้คุณได้เต็มๆ ทั้งสองแนว

เรื่องนี้หดหู่ยันตอนจบอ่ะ บอกตรง ใครทนไม่ได้ก็อย่าอ่านนะคะเดี๋ยวจะเป็นโรคหัวใจเหมือนหนูชะเอม

ทดแทนรักเป็นซีรี่ย์เดียวกับผิดที่ใคร ใครเปย์เล่มเปย์อีบุ๊คไปแล้ว เรื่องนี้ก็ห้ามพลาด จริงๆ!

สนใจเล่มโอนได้เลยแล้วแจ้งโอนที่เพจเฟสบุ๊ค H.Rui Novels นะคะ^^

รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับหนังสืออ่านได้หน้าเว็บนิยายจ้า

ไม่เก็บไม่ได้แล้ว อย่ารอช้าาา รีบมาาา


หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep5 15/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-02-2019 14:23:55
รามเอ๊ย


โดนไอ้เด็กติมมันหลอกแล้ว


แค่ขิวิตก็ทุกข์มากแล้ว


ยังหาทุกข์เพิ่มอีกเน๊าะ
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep5 15/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 21-02-2019 00:41:36
เห็นมาม่าชามโตเลย ปมของเรื่องน่าจะแก้ยากน่าดู สงสารรามนะ แต่อยากรู้เหตุผลของติมที่ทำร้ายรามตอนอินโทรมากกว่านี้จัง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep8 08/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 08-03-2019 20:41:04

                                     ทดแทนรัก

                                      ตอนที่ 6



โปรดใช้วิจาณญาณในการรับชม

เนื้อหาต่อไปนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป





"พี่ หวัดดี"



"อ้าวไอติม ว่าไง เพิ่งตื่นเหรอ" ร่างสูงโปร่งในชุดลำลองเนื้อดีราคาแพงกำลังนั่งกินข้าวอยู่บนโต๊ะอาหารอยู่กับใครอีกคน แต่ไอติมกลับไม่สนใจเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่มีจานข้าวอีกจานวางเตรียมไว้อยู่แล้ว



"วันนี้ไม่เข้าเวรเหรอ" ร่างสูงกำยำผู้อายุน้อยกว่ายกน้ำเย็นขึ้นดื่มก่อนจะถามอีกครั้งราวกับในห้องนี้มีกันอยู่แค่สองคน เรียกอมยิ้มละมุนจากฝ่ายพี่



"อื้อ แต่ถึงจะไม่เข้าเวร ยังไงสุดท้ายพี่ก็ต้องไปช่วยงานพ่อที่โรงพยาบาลอยู่ดีน่ะ" ไม่แค่รอยยิ้มที่ละมุน แต่เสียงทุ้มนุ่มก็ละมุนละไมไม่ต่างกัน ไอติมจ้องใบหน้าขาวสว่างของผู้เป็นพี่ชาย ครอบครัวของพวกเขามีกันแค่สองพี่น้อง หน้าตาดูดีทั้งคู่แต่คนนี้อาจจะหล่ออบอุ่นกว่าเพราะมีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววละมุนละไมอยู่ตลอดเวลา เวลาคุยด้วยแล้วสบายใจ ต่างจากผู้เป็นน้องที่ดวงตาเย็นเยียบอันตราย



อิทธิพล ตรานาคเรศ หรืออิฐ พี่ชายคนโตของครอบครัวตรานาคเรศ ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่คณะแพทย์ นักศึกษาแพทย์ปีที่หกจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับไอติม เห็นอิฐบอกว่าที่มาเรียนหมอก็เพราะชอบช่วยเหลือชีวิตคน ชอบทำแผลให้เขาที่ชอบไปต่อยตีกับคนอื่น ไอติมก็เห็นด้วยที่พี่อิฐจะเรียนหมอเพราะบุคลิกของอีกฝ่ายเหมาะด้วยนั่นแหละ อีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญคือครอบครัวตรานาคเรศทำธุรกิจในวงการแพทย์มานานหลายรุ่น และส่งต่อกิจการโรงพยาบาลจนมาถึงรุ่นของอรรถสิทธิ์ บิดาของพวกเขา และต่อไปคงจะเป็นอิทธิพลผู้เป็นพี่ชายคนโตที่จะเป็นผู้สืบทอดและโชคดีที่อิฐเรียนด้านนี้พอดี



หากแต่น้องชายที่คลานตามกันมาอายุน้อยกว่าห้าปีอย่างเขา อิสระ ตรานาคเรศ ลูกชายคนเล็กของครอบครัวที่มีแต่แพทย์ พอเข้ามหาวิทยาลัยดันไปเลือกเรียนนิติซึ่งเกี่ยวกับกฏหมายแทน เรียกว่าผิดแผกแหวกแนวสุดๆ ไม่ใช่ว่าชอบหรือมีเหตุผลอะไรที่น่าฟัง ติมแค่ขอเรียนเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับคนๆ นั้น...และถ้ายิ่งทำให้มันไม่เป็นไปตามที่อีกฝ่ายคาดหวังเอาไว้ยิ่งดี



ไอติมเดาะลิ้นเสียงดังเมื่ออิฐพูดชื่อต้องห้ามขึ้นมา ยิ่งเห็นคนๆ นั้นในสายตาด้วยแล้วความรู้สึกอยากกินข้าวก็หายไปหมด ร่างสูงลุกขึ้นทำให้เก้าอี้หนักลากพื้นเสียงดัง "ติม เดี๋ยวก่อน จะไปไหนน่ะ" แม้แต่พี่ชายก็รั้งเอาไว้ไม่ได้



ก่อนจะเดินพ้นจากอาณาเขตบ้านก็ได้ยินเสียงเรียกจนขายาวต้องชะงัก



“เจ้าติม เดี๋ยว”



“มีอะไรอีกล่ะ” เสียงทุ้มถอนหายใจแรงอย่างไม่มีอารมณ์จะคุย มือล้วงกระเป๋าท่าทางไร้มารยาทเหมือนไม่ได้ถูกฝึกมาในครอบครัวตระกูลชั้นสูง แต่คนมองที่อายุมากกว่ากลับไม่ถือสา



เพราะเข้าใจเหตุผลในกิริยาก้าวร้าวที่ลูกชายแสดงออกมา



“แกยังโกรธพ่อเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ” ร่างสูงกำยำต้นแบบของลูกชายทั้งสองที่รั้งไอติมเอาไว้เดินออกมาในชุดทำงานดูภูมิฐาน บนแขนเสื้อเชิ้ตคล้องเสื้อคลุมสีขาวซึ่งคือเสื้อกาวน์ประจำตัวของหมอเหมือนกำลังจะเตรียมไปทำงาน ติมมองเลยไปด้านหลังของอรรถสิทธิ์ก็เห็นอิทธิพลวิ่งตามออกมาด้วย



“รู้แล้วจะถามทำไม”



“พ่อบอกแล้วไงว่าแม่น่ะ...เขาไปมีครอบครัวอื่นแล้ว”



“อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ!!” ติมตะคอกแรงเมื่อได้ยิน เขาโกรธมากจนหายใจแรงกำหมัดแน่น ดวงตาคมกริบถลึงมองผู้เป็นบิดาคลั่งแค้น สาวใช้รีบก้มหน้างุดๆ เดินผ่านไปตัวสั่นหวาดกลัว แต่คนเป็นพ่อรู้ดีว่าสัตว์ป่าที่กำลังดุร้ายตัวนี้ แท้จริงแล้วข้างในกำลังบาดเจ็บอย่างหนัก “คนที่ไม่เคยคิดจะรั้งแม่เอาไว้อย่างพ่อ...อย่ามาพูดแบบนี้กับผม”



เพราะว่าอิสระรักมารดามาก...จึงเจ็บปวดมากที่สุดเมื่อรู้ว่าเธอทิ้งพวกเราไป ทิ้งไปตั้งแต่ไอติมยังเด็กอยู่เลย



เพราะงั้นที่ไอติมจะไม่เข้าใจก็ไม่แปลก...ให้ลูกชายทิ้งความโกรธไว้ที่เขามันก็ดีแล้ว



อิทธิพลกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างแต่อรรถสิทธิ์ส่ายหน้าห้าม



“แกจะโกรธพ่อก็ได้ แต่อย่าไปเที่ยวเล่นเสเพลกับพวกนักเลงบ่อยๆ ได้มั้ย...พ่อเป็นห่วง”



“อย่ามายุ่ง” ไอติมกัดฟันกรอดเมื่อรู้ว่าอรรถสิทธิ์ส่งคนมาติดตามเขาและคอยส่งข่าวตลอด “ผมจะทำอะไร จะเป็นอะไรก็เรื่องของผม ผมจัดการชีวิตของตัวเองได้”



“จัดการตัวเองได้? แล้วใครกันล่ะที่ชอบไปมีเรื่องจนเจ็บกลับมาให้พี่ชายแกทำแผลให้บ่อยๆ” ร่างสูงพ่นลมออกจากจมูกอย่างแทงใจดำ เมื่อพ่อย้อนเสียงสูง “แล้วแกก็ควรเลิกล้มที่จะตามหาภาเสียที”



“ก็บอกว่าอย่ามายุ่งไง!” คราวนี้ไอติมไม่ทนฟัง ขายาวก้าวขึ้นรถและบึ่งออกไปจนคนมองตามอ่อนใจ



“พ่อก็...ทำไมถึงไม่บอกความจริงกับน้องไปล่ะครับ”



“พ่อแค่อยากจะฝึกให้มันเป็นคนใจเย็นลงบ้างแค่นั้น” อรรถสิทธิ์มองตามรถสปอร์ตหรูเหยียบคันเร่งจนเกิดเสียงดังแล่นออกจากรั้วคฤหาสน์ไป



แล้วก็อยากให้รู้จักคำว่าปล่อยวางด้วย



“ก็น้องยังเด็ก” อิฐถอนใจ รู้สึกเป็นห่วงน้องชายอย่างยิ่งกลัวว่าอารมณ์ร้อนๆ จะไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อนหรือเปล่า ยิ่งขับรถเร็วแบบนั้นแล้ว



“เพราะงั้นพ่อถึงไม่ว่าอะไรเลยไม่เห็นเหรอ ไม่ว่ามันจะทำตัวเกเรแค่ไหนก็เถอะ” จะทำอะไรก็ได้เขาจะปล่อยให้ทำไป ก่อนจะเดินนำไปที่รถทำให้อิทธิพลเปิดประตูฝั่งคนขับเพื่อที่จะขับรถให้พ่อบังเกิดเกล้าไปทำงานที่เดียวกันพร้อมกัน “แกก็คอยๆ เตือนมันแทนพ่อหน่อยก็แล้วกัน นี่พ่อรู้สึกดีหน่อยที่มันยังฟังแกบ้าง”



“ฮะๆ รับทราบครับพ่อ”





บรื้น...บรื้น...



เข็มบอกเลขความเร็วบนหน้าปัดของรถสปอร์ตยุโรปคันหรูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงโมโห ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีกจนต้องตบพวงมาลัยดังเมื่อเจอสี่แยกไฟแดงของเมืองมหานครที่รถติดเป็นอันดับหนึ่งของโลก หน้าปัดจากเกือบสองร้อยลดลงเรื่อยๆ จนเป็นศูนย์



เอี๊ยด!



ไอติมบีบพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ก้มหน้าหายใจแรง พยายามทำใจให้เย็นลงท่ามกลางแอร์หนาวเหน็บที่เร่งจนสุดเป่าเข้าใบหน้าคมหล่อเหลา ทุกครั้งที่เขาคุยกับพ่อไม่พ้นเรื่องของแม่ และมันทำให้โมโหจนน็อตหลุดได้ทุกครั้ง เขาเป็นแบบนี้เฉพาะตอนคุยกับพ่อ...ไม่รู้ทำไม



ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงไม่มีใครร้อนรนตามหามารดาที่รักเลยสักคน...ทั้งพ่อ...ทั้งพี่



‘แม่ไปมีครอบครัวอื่น...’

เรื่องแบบนั้นน่ะ...เขาไม่เชื่อหรอก...เพราะว่าแม่รักทั้งพ่อ ทั้งพี่ และตัวเขามากกว่าใคร...ไม่มีทางที่แม่จะไปมีคนอื่น...



‘แม่รักพ่อ...แล้วก็เป็นห่วงพี่มาก’



เสียงทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นในความทรงจำ เป็นคำพูดของใครบางคนเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน



‘จริงๆ แล้วแม่ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของพี่หรอก...แม่มาจากที่ไหนพี่ก็ไม่รู้’



เขาคิดไว้ตั้งนานแล้วเรื่องตามหาแม่ เพิ่งคิดจริงจังเมื่อไม่นานมานี้ แล้วเขาก็ใช้เงินจ้างคนสืบหาว่าเนตรนภา แม่ของเขาตอนนี้อยู่ที่ไหน ยังคงมีชีวิตอยู่หรือเปล่า และก็ได้คำตอบอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วัน



เนตรนภา ตรานาคเรศ ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อไปแล้ว



ภาวดี เทพเทวพรหม นั่นคือชื่อใหม่ของมารดาเขาเอง และตอนนี้เธอก็อยู่กับครอบครัวๆ หนึ่งซึ่งมีสามีในนามชื่อนพกร และลูกชายอีกคนหนึ่ง



...พระราม เทพเทวพรหม...



ที่ไม่ไปหาแม่เดี๋ยวนั้นเลยเพราะกลัวว่าเธอจะจำตนไม่ได้ ยิ่งคิดแบบนั้นความโมโหยิ่งเพิ่มพูนพร้อมจะเอาไปลงกับคนที่บังอาจมาขโมยแม่ของตัวเอง



เขาให้นักสืบสืบหาข้อมูลของคนๆ นี้มาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการดีที่อีกฝ่ายเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะอักษรศาสตร์ ชั้นปีที่สาม...แสดงว่าอายุมากกว่าไอติมถึงสองปี สืบลึกจนถึงขั้นวันๆ ทำอะไร ทำงานที่ไหนบ้าง จนกระทั่งเขาเข้าไปที่ผับวันนั้นเพราะรู้ว่าร่างโปร่งจะเข้าไปทำงาน วันที่เขาจงใจชนเข้ากับอีกฝ่าย ร่างผอมโปร่งใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟแนบเนื้อเห็นเอวและสะโพกเล็กชัดเจน หุ่นก็ใช้ได้อยู่หรอกแต่หน้าตาจืดชืดไร้สีสันกับเหงื่อไคลเต็มหน้าทำให้คนรักสะอาดอย่างเขาต้องขมวดคิ้ว นี่หรือคือคนที่ทำให้เนตรนภาถึงกับทิ้งครอบครัวเดิมแล้วมาอยู่ด้วย...เขาไม่เห็นจะหาอะไรดีได้จากพระรามเลยด้วยซ้ำ



‘เป็นอะไรมั้ยครับ’ ในตอนนั้นที่ไอติมสบตาตี่ของพระรามที่มองใบหน้าของเขาอย่างหลงใหลแล้วก็คิดแผนการขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง



ถ้าหากมันแย่งความรักของมารดาไป เขาก็จะทำให้พระรามรู้สึกเหมือนกัน โดยการหลอกล่อให้อีกฝ่ายมาหลงรักเขาหัวปักหัวปำ



แล้วก็เขี่ยมันทิ้งไปอย่างน่าสมเพชเหมือนขยะเน่าเปื่อยไร้ค่าชิ้นหนึ่ง



เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาในห้องน้ำเวลานั้นเขาก็เลยไปรออยู่แล้ว โดยการทำให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงตอนที่ไอติมกำลังบรรเลงรักกับใครอีกคน



‘อ้าว ทำงานในนั้นหรอกเหรอ’ ทั้งสายตาผิดหวังในยามที่เขาพูดราวกับว่าจำอีกฝ่ายไม่ได้...แต่มีหรือเขาจะจำคนที่แย่งมารดาของเขาไปไม่ได้



‘มึงมีอะไรให้กูพิศวาส’ ทั้งสายตาดูถูกที่ทำให้ใบหน้าสีขาวเหลืองซีดลงไปอีก ดวงตาเรียวหลุบลงอย่างคนเจ็บใจ



ทุกอย่างก็เพื่อหลอกล่อให้อีกฝ่ายติดกับ



จนสุดท้ายเขาก็ได้ร่างกายของอีกฝ่ายสมใจ ไอติมได้ทำการฉีดพิษเข้าร่างกายนั่นแล้ว แต่แค่นั้นยังไม่พอหรอก...เป็นเจ้าของแค่ร่างกายมันยังไม่พอ ต้องได้หัวใจด้วย ต้องทำให้พระรามหลงรักเขา นึกถึงแต่เขา ขาดเขาไม่ได้...แล้วเมื่อถึงเวลานั้น...



‘ติม ต่อจากนี้...เราจะได้เจอกันอีกมั้ย’ เสียงทุ้มใสเอ่ยวอนขอน้ำตาคลอไม่รู้ตัว ทำให้คนมองยิ้มกริ่มในใจ



‘ถ้ารามอยากเจอผม ผมมาหาที่ร้านที่รามทำงานก็ได้ หรือว่ารามจะมาที่คอนโด...ผมเลี้ยงแมวด้วยนะ น่ารักมาก ถ้าว่างๆ รามก็มาเล่นกับมันสิ’



‘ได้สิ...’ ดวงตาเรียวเหม่อลอยมองใบหน้าของเขาอย่างหลงใหล



เมื่อถึงเวลานั้น...จะถึงตาที่มึงต้องเจ็บแทนกูบ้างแล้ว...พระราม



********************* Love Substitute *********************







ครืด ครืด



เสียงสั่นของมือถือทำให้ร่างโปร่งที่นั่งพักอยู่มุมมืดของร้านกำลังทุบขาปั้กๆ เพราะปวดมากเนื่องจากเดินเสิร์ฟเหล้าลูกค้ามาทั้งวันต้องล้วงหยิบขึ้นมาดู มันคือข้อความจากแชทที่ทำให้ดวงตาเรียวเปล่งประกาย พร้อมกับปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ

Issara : ราม วันนี้เลิกงานกี่โมง 10.05pm Read





อิสระคือชื่อจริงของไอติม



หลังจากกลับจากค่าย อีกฝ่ายก็ให้เบอร์มาติดต่อกับไอดีไลน์เพื่อจะได้คุยกัน ผ่านมาตั้งหลายสัปดาห์แล้วก็ไม่ได้เจอกันเลย แต่อีกฝ่ายก็ยังทักมาคุยกัน



หัวใจเต้นตึกตักรู้สึกเหมือนตนกลายร่างเป็นสาวน้อยที่กำลังคบหาดูใจกับชายหนุ่มคนที่แอบชอบ



เพียงแค่อีกคนส่งข้อความมาก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก



“อันแน้...ใครน้า”



ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงโผล่จากด้านหลัง “อะ อะไรเล่า! พี่เจ๋งอย่าจุ้นน่า” รามแหวหน้าแดงเรื่อ มือรีบเก็บมือถือลงกระเป๋าแทบไม่ทัน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เสียงทุ้มใสพูดอุบอิบกับเจ้าของร้านที่ส่งสายตาล้อเลียนไม่หยุด “ฮึ้ย! ผมไปทำงานดีกว่า...”



ร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อปูดมองแผ่นหลังบางกับสะโพกเล็กภายใต้กางเกงพนักงานเสิร์ฟที่เขาเตรียมไว้ให้แล้วเกาหัวแกรก ก่อนจะบ่นอยู่คนเดียวอย่างเสียดาย “อะไรวะ กะจะถามว่ามีแฟนแล้วเหรอ กูเล็งไว้ว่าจะกินๆ ตั้งนาน”



รามทำงานวุ่นๆ จนลืมไปว่ายังไม่ได้ตอบแชทของไอติมเลย จนกระทั่งเลิกงานแล้วเช็คมือถืออีกรอบถึงได้รู้



RamĀ : โทษทีติม พี่งานยุ่งมากเลยไม่ได้ตอบ ตอนนี้เลิกงานแล้ว กำลังจะกลับ 0.15am



หลังจากที่รามกดปุ่มส่งข้อความ ก็ยืนมองมันนิ่ง มองแล้วมองเล่าก็ไม่เห็นวี่แววจะอ่านก็ถอนหายใจ มันผ่านมาตั้งสองชั่วโมงแล้วอีกฝ่ายคงจะนอนไปแล้วล่ะมั้งนะ มือเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าไปแล้วกำลังจะเดินต่อแต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกตัวเกร็งเมื่อมีคนเข้ามาจากด้านหลังไม่ทันรู้ตัวปิดปากเขาไว้แน่นและมีของแข็งบางอย่างทิ่มอยู่ตรงสะโพก



ปะ ปืน!?



โจรปล้นเหรอ!?



พระรามไม่กล้าทำอะไรได้แต่ยืนนิ่งๆ ได้แต่ตัวสั่นหวาดกลัว เวลานี้ซอยที่เขาเดินก็มืดเปลี่ยวไม่มีใครเดินผ่านเข้ามาสักคน จึงไม่มีใครเห็นว่าเขากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากอย่างใหญ่หลวง



ยิ่งพระรามถูกปืนจี้เข้ามาเรื่อยๆ ขาเรียวต้องเดินไปข้างหน้าตามคำสั่ง



...คะ ใครก็ได้...ช่วยด้วย! ...



ร่างโปร่งหลับตาปี๋ได้แต่ร้องเรียกให้คนมาช่วยอยู่ในใจ จนกระทั่งมาถึงรถสปอร์ตคันหรู โจรชั่วกดรีโมทเปิดประตูและผลักพระรามให้ขึ้นไปนั่งทำให้ดวงตาเรียวกระพริบปริบมองเหวอ



โจรอะไรมันจะรวยขนาดนี้



ปึง! เสียงประตูฝั่งคนขับดังขึ้นทำให้ใบหน้ามนหันไปมอง นี่มันไม่ใช่โจร แต่เป็น... “ติม!”



“หึหึ”



“อยู่ๆ มาทำอะไรแบบนั้น พี่ก็นึกว่าโจรปล้นกลางดึก!”



“ฮ่าๆ” ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มใสแหวอีกฝ่ายยิ่งหัวเราะดังลั่นรถ ท่าทางหวาดกลัวของพระรามทำให้ไอติมทนไม่ไหวจากที่กลั้นขำต้องระเบิดหัวเราะเลย



“หึย...อย่าให้โดนบ้างแล้วจะไม่ขำ” ร่างโปร่งหน้าแดงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ถามอย่างสงสัย “แล้วเมื่อกี้อะไรแข็งๆ มาจิ้มตรงสะโพก...พี่นึกว่าปืน”



“ก็ปืนน่ะสิ” ไอติมยิ่งยิ้มกริ่มเมื่ออีกฝ่ายตาโตอ้าปากค้าง ไม่ทันรู้ตัวว่าถูกจับมือให้ไปวางบนเป้ากางเกงตุงๆ “แต่เป็นปืนฉีด ‘น้ำ’ นะ”



พระรามหน้าแดงก่ำสะบัดมือออกแทบไม่ทันเหมือนจับของร้อน...มันก็ร้อนจริงๆ ร้อนผ่าวจนแผ่มาถึงหน้าเขาเลย



“พะ พี่ต้องกลับบ้านแล้ว” เสียงทุ้มใสพูดตะกุกตะกักทั้งที่ยังหูแดง ด้วยความมืดของฟ้าทำให้มือเรียวต้องคลำหาแต่แล้วพอคลำเจอที่จับกลับเปิดประตูไม่ออก “อ้าว ทำไมเปิดไม่ออกล่ะ!?” แถมยังทุบประตูราวกับมันจะเปิดให้



คนมองหลุดหัวเราะพรืดอีกครั้งกับความตลกขบขัน “ก็ถ้าผมไม่อนุญาต รามก็ออกจากรถไม่ได้น่ะสิ”



“โกหกน่า!” พระรามหน้าซีดทันทีที่ได้ยิน ดูก็รู้ว่าเชื่อที่ไอติมพูดร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ชีวิตของเขาไม่เคยสัมผัสสิ่งของที่ราคาเกินหมื่นบาทเลยยกเว้นโทรศัพท์มือถือ แล้วจะให้มารู้เรื่องระบบพวกนี้ได้ยังไง “ติมปล่อยพี่นะ พี่จะกลับบ้าน มันดึกแล้ว”



“ไม่ไปคอนโดผมเหรอ วันนี้กะจะชวนไปเล่นกับอุริสักหน่อย”



“อุริ?”



“แมวไง แมวที่ผมบอก”



รามครางออ ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างเสียดาย “พี่ก็อยากไปนะ แต่ว่ามีทำงานตอนตีห้าอีกน่ะสิ กลัวมาไม่ทัน”



“ทัน เดี๋ยวผมมาส่ง”



“ไม่ได้ พี่ต้องกลับบ้านไปหาแม่” รามส่ายหน้าทันที แต่หารู้ไม่สิ่งที่พูดออกมาทำให้ดวงตาคมเย็นชาวูบหนึ่ง



“งั้นรามจะไปวันไหนล่ะ”



“ไปไหน?”



ไอติมเผลอพ่นลมหายใจแรงอย่างไม่สบอารมณ์กับคนพูดยาก เสียงทุ้มเริ่มห้วน “คอนโดผมไง”



“พี่...พี่ต้องทำงาน พี่ไม่รู้ว่าจะว่างเมื่อไหร่” พระรามอธิบายเสียงสั่นหน้าซีดเซียวเพราะเห็นว่าไอติมเริ่มไม่พอใจ “ติม...โกรธพี่เหรอ”



“...”



“งั้น...เป็นวันอาทิตย์ได้มั้ย พี่คิดว่าพี่น่าจะว่าง...ประมาณชั่วโมงสองชั่วโมง”



“...” อีกฝ่ายยังเงียบอีก ยิ่งทำให้รามใจเสีย จริงๆ แล้ววันอาทิตย์เป็นวันทำงานเต็มวันของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ที่เขาพูดขึ้นมาเพราะอยากจะเอาใจ ถ้าอีกฝ่ายยอมให้เป็นวันอาทิตย์...เขาจะต้องยอมเจียดเวลานอนพักผ่อนที่เหลืออยู่มาอยู่กับไอติม เพราะเขาขาดงานไม่ได้จริงๆ



เขาต้องหาเงิน



“ก็ได้ วันอาทิตย์นี้นะ” ในที่สุดเสียงทุ้มก็พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้พระรามมองอย่างใจชื้น



ให้ตายสิ รามไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตนถึงดีใจขนาดนี้เพียงเพราะว่าอีกฝ่ายยอมฟังที่เขาพูดบ้าง...แม้จะแค่เพียงเล็กน้อย



“แล้ววันนี้จะเอาไงล่ะ”



“เอาไง? ก็...เดี๋ยวติมเปิดประตูให้ พี่ก็จะได้กลับบ้านพี่ ส่วนติมก็กลับคอนโดไปไง” ร่างโปร่งขมวดคิ้วตอบตามประสาคนไม่เข้าใจคำถามที่มีความหมายโดยนัย สิ่งที่ได้รับจึงเป็นเสียงถอนหายใจดัง



“ผมหมายถึงนี่ต่างหาก” นิ้วยาวชี้ลงตรงกางเกงยีนส์ราคาแพง ตำแหน่งคือกลางเป้าปูดนูน “มันตั้งขึ้นมาแล้ว ใครจะรับผิดชอบ”



พระรามหน้าเหวอแดงเถือก “ความผิดพี่หรือไงวะ!? นายก็ช่วยตัวเองไปสิ!” ครั้นร่างโปร่งจะหนีก็หนีไม่ได้ ทุบประตูหรูดังปึงๆ นี่มันรถบ้าอะไรเนี่ย!?



“จะความผิดใครรามก็ต้องช่วย มานี่เลย ไม่งั้นไม่ต้องกลับบ้าน”



“ฮะ เฮ้ย!!” ด้วยความกว้างของรถทำให้ไม่ยากที่คนตัวสูงจะปีนมาคุกคามร่างโปร่งที่กำลังพยายามจะเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับและถูกตวัดตัวให้ขึ้นมานั่งทับตักแกร่ง ซ้ำยังถูกปลดเปลื้องเสื้อผ้าทีละชิ้น...ทีละชิ้นอย่างง่ายดาย “ยะ อย่าถอด เฮือก! นี่มันในรถนะเว้ยติม...อ๊ะ”



ร่างสูงเลียปากมองคนกัดปากครางหวิวเพียงแค่เค้นยอดอกเบาๆ ...ยังไงวันนี้พระรามก็หนีไม่รอดแน่ๆ ล่ะ



“เดี๋ยวรถ...เปื้อน...อย่า...”



ยิ่งฟังคำพูดห้าม ไอติมยิ่งไม่รอช้าปลดซิบและชั้นในลงให้ลูกชายที่พองตัวออกมาหายใจหายคอและจับแก่นกายเล็กรวบคู่และรูดรั้งไปพร้อมกันจนพระรามตัวอ่อนปวกเปียกซบหน้าลงกับไหล่แกร่งครางเสียงสั่นข้างใบหู



“อ๊า ฮะ...ซี้ด” เสียงสูดปากยิ่งทำให้มือใหญ่เค้นมือหนักจนไม่นานเจ้าตัวก็พ่นน้ำใส่หน้าท้องแกร่งทิ้งตัวหอบหายใจแรง



“รามอยากกิน ‘ไอติม’ มั้ย” ไอติมถามเสียงสั่นพร่าหื่นกระหาย มือใหญ่ยกขึ้นลูบแผ่นหลังเนียนเน้นๆ ให้ร่างผอมบิดเร้าวาบหวิว คำพูดของเขามีความหมายโดยนัยอีกแล้ว และไม่รู้ว่าคนได้ยินจะเข้าใจหรือไม่ เพราะตอนนี้คนเพิ่งเสร็จสมยังตาปรือปรอยเหนื่อยอ่อนอยู่เลย



“ไอติม?” เสียงทุ้มใสงุนงง รามไม่ได้เรียกชื่อของเขา แต่เป็นการทวนคำถามเมื่อครู่



“ใช่ กินไอติม” มือใหญ่จับมือเรียวที่โอบรอบคอของเขาออกให้สัมผัสกับตัวตนร้อนผ่าวที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย “ไอติมนี่ไง...อยากกินมั้ย”



“มะ ไม่...ไม่...” ใบหน้ามนส่ายน้อยๆ น้ำตาคลอ



“แต่ผมอยากให้รามกิน” ติมพูดขัดเสียงเข้ม ก่อนจะจับมือเรียวให้เค้นตรงปลายแดงบานเริ่มมีน้ำผุดซึม เสียงทุ้มเซ็กซี่กระซิบพร่า “มันมีลาวาด้วยนะ ไม่อยากชิมเหรอ”



ยิ่งฟังยิ่งเป็นบทสนทนาที่หื่นกามที่สุด พระรามตัวแดงก่ำหายใจแรง หลับตาปี๋บิดเร้าเมื่อถูกขบกัดที่ใบหู “อ๊ะ อื๊อ...”



“ช่วยชิมไอติมหน่อยนะ ราม”



“พี่ทำมะ...ไม่เป็น อ๊ะ” พระรามถูกอีกฝ่ายเล่นจุดอ่อนหนัก ยิ่งเลียยิ่งขบก็ยิ่งครางเสียงดัง “อ๊า...อ๊า!”



“ใครๆ ก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น ฝึกหน่อยเดี๋ยวก็เป็น” เสียงทุ้มยังไม่หยุดหลอกล่อ ดวงตาคมกริบราวกับงูเห่าจ้องเหยื่อ แหย่ลิ้นเข้าไปในหูเป็นครั้งสุดท้ายและเอ่ยอีกครั้งกับคนหอบหายใจหนักเหม่อลอย “นะครับ”



“คะ ครับ...”



เท่านั้นแหละร่างโปร่งเลยต้องระเห็จไปคุกเข่าที่พื้นรถสะอาดอยู่ตรงระหว่างขายาว ก่อนจะถูกมือใหญ่จับศีรษะให้ใกล้กับลูกชายพองตัวหนัก เพราะมัวแต่เล้าโลมอีกฝ่ายให้ดิ้นเร่าเขาก็รู้สึกไปด้วยจนมันแข็งขึงจนเส้นเลือดปูดแบบนี้ เพราะฉะนั้นพระรามต้องรับผิดชอบ



ดวงตาเรียวมองมันอย่างเขินอายที่สุด ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ต้องช่วยใช้ปากให้กับใครเลย



“อ้าปาก”



“ตะ แต่พี่...อุก!! อึก...” วินาทีที่เขาจะพูดว่าทำไม่เป็น ไอติมก็ยัดของใหญ่เข้ามาในปากเขาทันใด ความร้อนและกลิ่นอับชื้นยังไม่เท่าไหร่เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนรักษาความสะอาดอยู่พอสมควร แต่ขนาดนี่แหละที่เป็นปัญหา ยิ่งอีกฝ่ายดันเข้ามาลึกขึ้นเขายิ่งเหมือนจะสำลัก “อึก...อึก...!”



“เปิดคอกว้างๆ ราม หายใจทางจมูก...ซี้ด” พระรามทำตามที่บอก ยิ่งมันขยับเข้าออกอยู่ในปากผลุบๆ ทำให้เขารู้สึกปวดมวนอย่างบอกไม่ถูก “ห่อปาก อย่าให้โดนฟัน อา...”



ปลายใหญ่กระแทกลึกเข้าสู่ลำคอ ศีรษะทุยถอนออกจนสุดและรัวลิ้นเลียตามคำสั่ง ผ่านไปสักพักพระรามทำเองเป็นก็ขยับศีรษะกลืนกินตัวตนร้อนผ่าวที่ใหญ่คับปากจนน้ำตาไหล เสียงทุ้มครางต่ำยิ่งทำให้ผู้ชายอย่างเขาที่ได้ปรนเปรอคู่นอนบ้างฮึกเหิม น้ำรสชาติแปลกๆ ที่ไหลลงคอไม่ทำให้ร่างโปร่งสนใจเท่าสิ่งที่ขยับเร่งรัวเร็วเข้าออกสุดโคนแทบสำลัก



“อื้อ อุก ฮึก...”



“อา...อา...รามสุดยอด ไอติมเป็นไงบ้าง ซี้ด!” ดวงตาเรียวปรือมอง ยิ่งถูกจับศีรษะให้ขยับรับสะโพกแกร่งกระแทกเข้ามายิ่งทำให้รามต้องล้วงมือลงไปขยับของตัวเองที่แข็งขืนขึ้นมาอีกครั้งแล้วบ้าง “จะเสร็จแล้ว...”



“อู้ อื้อออ” ติมขยับเร็วจนแก่นกายร้อนเสียดสีในปากจนแสบไปหมด ดวงตาเรียวหลับปี๋น้ำตาไหลพราก มือขยับรูดรั้งของตัวเอง และเขาก็แตกทันทีที่ปลายบานกระแทกเข้าสุดลำคอ ร่างสูงเกร็งร่างครางเสียงต่ำเหมือนสัตว์คำราม หน้าท้องเครียดเขม็งเกร็งแน่นจนเป็นลูกคลื่น “อึก! ...อึก...อึก”



สายธารอุ่นร้อนพ่นเข้าลำคอจนต้องกลืนอย่างช่วยไม่ได้เพราะไอติมกดศีรษะเล็กไว้แน่นจนกว่าตัวเองจะปลดปล่อยจนหมดแม็ก “อา...กลืนให้หมดนะ”



“อึก...อึก แค่ก...” ในที่สุดแก่นกายใหญ่ก็ถอนออกไปอ้อยอิ่ง รามหอบหายใจเฮือกใหญ่และสำลักเล็กน้อย ใบหน้ามนซบตักแกร่งอย่างหมดแรง ปากเล็กบวมเจ่อแถมแดงเถือกจนคนมองเลียปากกลืนน้ำลายเสียงดัง เผลอเกลี่ยนิ้วตรงขอบปากที่ร้อนผ่าวจากการเสียดสีไม่ได้



“เป็นไงบ้างราม ไอติมร้อนสอดไส้ลาวา...อร่อยมั้ย”





********************* Love Substitute *********************





หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep8 08/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 08-03-2019 20:42:04


                                     ทดแทนรัก

                                      ตอนที่ 7



โปรดใช้วิจาณญาณในการรับชม



หญิงสาวร่างเล็กผ่ายผอมเท้าคางกับขอบโต๊ะมองลูกชายที่กำลังยกจานเตรียมมาใส่กับข้าว เธอมองสำรวจรูปร่างโปร่ง พระรามผอมลงมากนับตั้งแต่เธอเลิกทำงาน อีกฝ่ายก็รับหน้าที่ทำงานอยู่คนเดียวเธอรู้สึกไม่ค่อยดีเพราะเป็นภาระแก่ลูก รู้สึกผิดทุกครั้งเมื่อเห็นลูกชายกลับมาใบหน้าอิดโรยและหงอยเหงา ยิ่งครอบครัวของพวกเราก็ไม่ได้อบอุ่นและให้ความรักได้มากเพียงพอ แม้พระรามจะไม่พูดอะไรแต่เธอก็รู้ดีว่าพระรามเหงาและต้องการคนที่คอยอยู่ข้างกาย ซึ่งเธอไม่สามารถอยู่ค้ำฟ้าอยู่กับลูกชายได้ตลอดไป

แต่ช่วงนี้รามสดใสมากขึ้น มีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับอยู่ตลอด จนคนมองหรือคนที่อยู่ด้วยรู้สึกได้

ร่างโปร่งหยิบช้อนวางบนจานแล้วก็ต้องชะงักเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นเตือนข้อความ ถ้าเป็นปกติรามก็จะเว้นว่างไว้ก่อน แต่ตอนนี้รามแทบจะหยุดทุกอย่างในสิ่งที่กำลังจะทำและขอให้ได้อ่านและตอบกลับ

เขาคงเป็นบ้าไปแล้ว

"รามลูก เดี๋ยวนี้มีอะไรน่าดีใจเหรอ"

"ครับแม่?"

"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว"

แก้มขาวแดงเรื่อ "ผะ ผมเปล่า..." ซ้ำยังหลบตา ตอบเสียงแผ่ว

"โกหกแม่ไม่เนียนเลยน้า" ภาวดียิ้มกว้างล้อไม่หยุด แถมยังยกนิ้วจิ้มแก้มลูกชายที่ก้มหลบเป็นพลันวันก่อนที่มือใหญ่กว่าจะจับมือเล็กเอาไว้

"โธ่ แม่ก็..."

"คิกๆ แหม รามมีแฟนแม่ก็ดีใจ ลูกชายฉันขายออกแล้ว" พระรามหูแดงก่ำพอได้ยินมารดาพูดว่าแฟน เขาพลันนึกถึงใบหน้าคมหล่อเหลาและรอยยิ้มขำเวลาที่เขาทำอะไรเปิ่นๆ

"ไม่ใช่นะแม่ รามยังไม่ได้บอกสักคำว่าเป็นแบบนั้น!"

"แสดงว่าดูใจกันอยู่ใช่มั้ย แม่เอาใจช่วยนะ"

"แม่!" เสียงทุ้มใสแหว ก่อนจะหัวเราะตามเมื่อภาวดีหัวเราะขำท้องแข็งกับท่าทางเขินอายของเขา

ไอติมยังไม่ใช่แฟนของเขาสักหน่อย

'เป็นไงบ้างราม ไอติมร้อนสอดไส้ลาวา...อร่อยมั้ย'

ถึงจะไม่ใช่แฟนแต่มันก็ทำอะไรกันมากกว่าแฟนแล้ว

ฉ่า...

"เอาล่ะๆ แม่หิวแล้ว...เหม็นความรักคนแถวนี้จริงๆ เลย"

รามเม้มปากแน่นกับคำแซวไม่หยุดของมารดา...ขี้เกียจเถียงแล้ว

“อื้ม นี่อร่อยจังลูก ลองกินดูสิ” ภาวดีดูเจริญอาหารมากกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อยทำให้พระรามยิ้มดีใจ ร่างโปร่งยื่นจานที่มารดาใช้ช้อนกลางตักมาให้

“ขอบคุณครับ”

“เห็นแม่ทานเยอะแบบนี้รามดีใจจัง”

“ก็กับข้าวที่รามซื้อมาอร่อยนี่ จะไม่ให้แม่ทานเยอะได้ยังไงจริงมั้ย”

“แม่ก็ชมซะผมดีใจแทนคนทำเองเลยนะเนี่ย” ภาวดีหัวเราะกับคำกล่าวก่อนจะขอข้าวเพิ่มอีกจาน ร่างโปร่งก็รีบลุกไปตักข้าวในหม้อที่หุงร้อนๆ หอมฉุยมาวางตรงหน้าก่อนที่ทั้งสองจะลงมือทานอีกครั้ง

"แล้วเรื่องเรียนเป็นไงบ้างล่ะ"

"อ่า ก็ดีครับ" รามอึกอัก ก็เรียนไปเรื่อยๆ ที่ทำได้ดีคือตั้งใจเรียนในห้อง แต่ว่ากลับมาหนังสือเขาแทบไม่ได้แตะไม่ได้ทบทวนเลยด้วยซ้ำ กลัวว่าสอบปลายภาคที่จะถึงอีกไม่กี่เดือนนี่จะทำไม่ได้ดีอย่างที่คาดเอาไว้

"สู้ๆ นะลูก! อีกแค่ปีเดียว" ภาวดีกำหมัดทำท่าแข็งแกร่ง ดวงตาสีน้ำตาลสวยเปล่งประกายให้กำลังใจทำให้คนมองหัวเราะออกมา

"ครับ แม่"







"เฮ้ย วันอาทิตย์นี้ไปเที่ยวกันป่ะ"

"..."

"ราม...ไอ้ห่าราม!!"

"ฮะ...ฮะ!? เมื่อกี้มึงว่าไงนะ" ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกก่อนทำตาเหลอหลา มองไปรอบห้องเรียนพบว่าไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากพวกเราสามคน

ดินถอนหายใจ "เป็นไรวะ ช่วงนี้เหม่อๆ นะมึง"

"กูขอโทษว่ะ..."

"มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือไง" สินถามขึ้นมาพลางมองหน้า จะสบตาแต่เขาหลบวูบ

"เปล่า..." ใบหน้าขาวแดงเรื่อ พอถามว่ามีเรื่องอะไร สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือใบหน้าหล่อเหลาของใครอีกคน...เสียงทุ้มครางต่ำในตอนที่พวกเรามีอะไรกัน

"มึงไม่สบายเหรอหน้าแดงๆ" พระรามจะหลบแต่ไม่ทัน มือใหญ่ทาบทับหน้าผากอย่างเร็ว "ก็ไม่นี่หว่า"

"ก็ไม่น่ะสิ ตกลงเมื่อกี้พวกมึงพูดอะไรกัน"

"จะชวนไปเที่ยว มึงนี่จริงเลย...ไม่สนใจกูเลยสักนิด"

"วันอาทิตย์กูไม่ว่างอะ กูต้องทำงานทั้งวัน" รามว่า

"งานอีกและ"

"น่า ไม่มีกู มึงก็มีไอ้สินนี่" เขาไม่บอกเพื่อนว่าเขาไม่มีเงินเก็บไว้เที่ยวเล่น เงินที่สำรองไว้เอาไว้เผื่อแม่ต้องใช้ฉุกเฉิน

"อ้าว นานๆ ทีกูก็อยากจะเที่ยวกับเพื่อนบ้างไรบ้างป่ะ" ดินหน้ามุ่ย ร่างโปร่งเห็นแบบนั้นก็รู้สึกผิด ก็เลยได้แต่ขอโทษออกไป

"กูขอโทษจริงๆ ว่ะดิน สิน ช่วงนี้กูค่อนข้างยุ่งๆ เรื่องที่บ้าน"

"ยุ่งเรื่องอะไรวะ" สินถามขึ้นมาทำให้รามหลบตาอีกครั้ง "มึงมีอะไรไม่เคยบอกพวกกูเลย เหมือนชะเอมไม่มีผิด"

"โทษทีว่ะ..." ได้ยินสินพูดแบบนี้พระรามก็ปฏิเสธไม่ถูกกันเลยทีเดียว เขารู้สึกเข้าใจชะเอมขึ้นมาแล้วสิ

"มีอะไรให้กูช่วยมั้ย" ดินถามสีหน้าเครียดๆ ทำให้พระรามยิ้มจางให้เพื่อนทั้งสองสบายใจ

"ขอบคุณพวกมึงมากเลยว่ะ...ถ้ามีอะไรกูจะบอกนะ"

พระรามรู้สึกโชคดีที่เขาได้เพื่อนทั้งสองมาเป็นห่วง ถ้าวันไหนที่เขาไม่ไหว ก็ยังมีพวกนี้คอยประคับประคองไม่ให้เขาที่รับภาระหนักเกินล้มลงเพียงลำพัง

แล้วอีกอย่างตอนนี้เขาก็ยังมีไอติมอยู่ด้วย







“ฟู่...” รามยกแขนขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาหลังจากที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน หลังจากที่เปลี่ยนเสื้ออะไรเรียบร้อยแล้วร่างโปร่งกำลังจะกลับบ้านแต่ขอแวะห้องน้ำแปปนึง กำลังมองหน้าอิดโรยของตัวเองในกระจก ปรากฏดวงตาลึกโหล ใต้ตาดำปี๋เพราะไม่ได้นอนมาวันหนึ่งเนื่องจากงานรัดตัว เห็นตาปรือๆ แล้วอดทุเรศตัวเองไม่ได้จนต้องควักน้ำมาล้างอีกรอบ กลัวจะไปหลับกลางทางระหว่างกลับบ้านมากกว่า

เขาง่วงจะตายอยู่แล้ว

ครืด ครืด

พระรามสะดุ้งก่อนจะรีบเช็ดหน้าเช็ดตาเช็ดมือกับกางเกงจนเปียกแต่ก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้เขาสนใจว่าใครที่กำลังโทรมา

ติมหรือเปล่า...เขาไม่ได้เจออีกฝ่ายมาสองสามวันแล้ว

แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือคือชื่อของมารดา

...แม่ภาวดี...

“ครับ”

(“ทำไมรับสายชักช้านักวะ”)

“พ่อ...มีอะไร” เสียงแหบห้วนทำให้รามจำได้ทันที ก่อนจะร้อนรนเมื่อนี่คือโทรศัพท์มือถือของภาวดี “ทำไมพ่อถึงใช้มือถือแม่...นี่แม่อยู่ไหน!!”

(“ถ้าอยากรู้ก็รีบๆ กลับมาบ้านซะสิ แล้วมึงก็เอาเงินมาให้กูด้วย!!”) พลันได้ยินเสียงอื้ออึ้งเล็ดลอดมาตามสาย (“ถ้าไม่มีเงินให้กู รู้นะว่ากูจะทำอะไรแม่มึงบ้าง”)

“พ่อจะทำอะไร...อย่านะเว้ย!”

(“ถ้าห่วงนักก็รีบๆ กลับมาได้แล้ว!”)

ติ๊ด!

พระรามลืมความง่วงไปสิ้น กัดฟันแน่นโกรธจนตัวสั่น แทบจะปามือถือทิ้งอย่างโมโห แต่แล้วก็ใช้ความโมโหนั้นออกแรงวิ่งสุดตัวมาตามเส้นทางที่เคยเดินจากเวลาสี่สิบนาทีมาถึงภายในสิบห้านาที พระรามหอบแฮ่กแทบขาดใจ ขาสั่นระริกเพราะเหนื่อยล้าแต่ก็เอื้อมบิดลูกประตูหน้าบ้าน

“แม่! อุ๊บ!” พอเปิดประตูบ้าน ทันใดนั้นก็ต้องยกมือปิดจมูกเมื่อควันบางอย่างที่ลอยฟุ้งอยู่ในบ้านก็โชยออกมา “นี่มัน...”

กลิ่นแบบนี้ไม่ใช่ควันไฟ แต่เป็นควันบุหรี่...นี่ต้องสูบเยอะขนาดไหนมันถึงเกิดควันมากขนาดนี้

“แค่กๆๆ!”

“แม่! ...แม่ครับ”

ภาวดีนอนไออยู่บนพื้นบ้านน้ำตาไหล ซ้ำยังหอบหายใจแรงจนน่ากังวล พระรามรีบเข้าไปใกล้และขมวดคิ้วกำหมัดแน่น น้ำตารื้นเมื่อเห็นสภาพของภาวดี

“แค่สำลักควันบุหรี่ ไม่ต้องโวยวายเสียงดังไปหรอกน่า” ชายฉกรรจ์พูดเสียงเอื่อยเฉื่อยอยู่อีกผนังของบ้าน นั่งชันเข่าสูบบุหรี่และพ่นควันออกมาเป็นวงกลมและมองอย่างเหม่อลอยเหมือนชมภาพศิลป์สวยงามขณะที่ข้างตัวมีก้นบุหรี่ทิ้งไม่ต่ำกว่าสองซอง...แสดงว่ามานานแล้วสินะ

“ไม่โวยวายได้ยังไง นี่แม่กำลังป่วยอยู่นะ ทำไม...ทำไมทำอะไรไม่นึกถึงแม่บ้าง!” ร่างโปร่งค่อยๆ ประคองมารดาที่ผ่ายผอมตัวซีดเซียวขึ้น ดวงตาเรียวของพระรามถลึงมองนพกรอย่างต่อว่าและเคียดแค้น

“เอ้า โวยวายเข้าไป รักแม่มึงจังนะ นี่พ่อบังเกิดเกล้าเองอย่าลืมสิ” นพกรทิ้งบุหรี่ที่อยู่ในมือทั้งๆ ที่ยังไม่หมดเชื้อไฟ ถ้าหากเป็นบ้านที่ทำด้วยไม้คงจะไหม้แล้วทั้งหลัง ก่อนจะก้าวเดินมาใกล้อย่างคุกคาม มองแม่ลูกที่กอดกันกลมแล้วเอ่ยขึ้น “แล้วก็เอาเงินมาได้แล้วอย่าให้กูโมโห กูรอมึงนานแล้ว”

“แค่ก...แค่ก!” เสียงไอของมารดาทำให้พระรามละสายตาไปดูแวบหนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นพ่อ

“พ่อจะเอาไปทำอะไรอีก คราวที่แล้วก็ให้ไปตั้งเยอะยังไม่พอหรือไง”

“คราวที่แล้ว?” นพกรขมวดคิ้วแคะหูก่อนจะทำท่านึก “อ้อ...เศษเงินนั่นแค่ใช้หนี้เสี่ยกูก็เหลือเล่นไม่กี่ตาแล้ว จะไปพอได้ยังไง”

“พ่อเอาไปผลาญเงินกับพนัน แล้วยังไปติดหนี้อีก...ถ้าคิดว่ามาขู่แล้วผมจะให้เงินล่ะก็คิดผิด!”

พลั่ก!

“กรี๊ด!”

พระรามกระเด็นออกจากตัวภาวดีทันทีที่พูดจบ เมื่อถูกพ่อแท้ๆ ของตัวเองถีบเข้าเต็มอก “คุณนพกร ฮือ...ขอร้องล่ะค่ะ อย่าทำร้ายลูก!” ร่างโปร่งทั้งเจ็บทั้งจุกนอนขดโอดโอยได้ยินแต่เสียงมารดาร้องห้าม

“อย่ามาขวางกู!”

เพียะ!

“ไอ้เลวเอ๊ย!” พระรามอึ้งพอเห็นภาพทีภาวดีถูกตบอย่างแรงจนล้มลง ก่อนเปลี่ยนเป็นอารมณ์ร้อนราวกับไฟสุม พระรามโมโหจนลุกขึ้นฮึดกำหมัดแน่นลืมความเจ็บปวด...ต้องซัดหน้าซักทีให้ไอ้พ่อเวรมันเจ็บบ้าง!

ที่บังอาจมาทำร้ายแม่ของเขา!

“รามอย่า! อย่า...ลูกแม่ ให้เงินเขาไปเถอะ ฮือ แม่ขอร้อง” แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างที่ใจคิด ภาวดีก็ดึงแขนรามเอาไว้ ร่างโปร่งใจหายวูบเมื่อเห็นน้ำตาไหลอาบหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นี่เป็นเพราะเขากำลังจะทำร้ายคนที่เธอรักอย่างนั้นหรือ...เธอถึงต้องขอร้องแทบขาดใจแบบนี้ “อย่าไปยุ่งกับเขาเลย”

ร่างโปร่งกำหมัดแน่น รู้สึกเจ็บใจมากแต่ก็ต้องยอม “ครับแม่” ค่อยๆ ย่อตัวลงและจับใบหน้าเล็กของภาวดีเบาๆ เพื่อดูแผล “ไม่ต้องร้องแล้วครับ...แม่เจ็บมากมั้ย”

“ไม่เจ็บเลย...แม่ไม่เจ็บ” ภาวดีน้ำตาคลอเมื่อเห็นลูกชายใจเย็นลง อ้อมแขนบางยกกอดลูกชายแน่นเมื่อเห็นรามไม่เป็นอะไรมาก

“เลิกเล่นบทโศกแล้วรีบๆ เอาเงินมาได้แล้ว” นพกรทำหน้าเอือมระอาก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง “ให้มาตั้งแต่แรกก็จบมั้ยวะ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว”

“ไอ้เหี้ย!” สัตว์เลื้อยคลานสี่ขาหลุดออกจากปากลูกชาย เขาไม่เคยโมโหขนาดนี้มาก่อน พระรามไม่กลัวตกนรกเพราะด่าพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง

ไอ้พ่อเฮงซวยนี่มันไม่สมควรเป็นพ่อใครด้วยซ้ำ!

“รอบนี้หมดไม่ต้องมาแล้วนะ บ้านนี้ไม่ต้อนรับ” พระรามบอกเสียงเย็นชา ควักเงินจากกระเป๋าปาใส่หน้าอีกฝ่ายแรงๆ หวังจะให้กระแทกให้เจ็บซะบ้าง แต่นพกรดันรับไว้ง่ายๆ

“ฝัน เดี๋ยวเงินกูหมดจะมาอีก เตรียมเอาไว้ด้วย” นพกรยิ้มกริ่มเมื่อเห็นปึกเงินที่พอจะใช้ได้สักพัก มีแหล่งเงินดีๆ จากลูกชายแล้วทำไมเขาต้องลำบากหาเงินเองด้วย...แบบนี้ก็สบายดี

เพราะยังไงไอ้รามมันก็ยังต้องหาเงินมารักษายัยภานี่นะ มันคงไม่หยุดทำงานง่ายๆ หรอก

นพกรเดินผิวปากออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดีผิดกับขามา พ้นหลังไปหญิงผ่ายผอมคลานเข้าใกล้ลูกชายถามเสียงสั่น

“รามเจ็บตรงไหนมั้ย มาให้แม่ดูหน่อย” ภาวดีร้องไห้ออกมาทันทีที่เห็นรอยช้ำแดงตรงแผ่นอก ทำเอาพระรามต้องกอดปลอบรีบประคองภาวดีที่ป่วยกระเสาะกระแสะอยู่แล้วยังสะเทือนใจหนักให้มานั่งดีๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่มีอุปกรณ์ทำแผลอย่างง่ายมาวางบนโต๊ะ

“รามไม่เป็นไรมากหรอกครับ ยังไงรามก็เป็นผู้ชาย” ร่างโปร่งโกหก ทั้งๆ ที่ยังจุกอยู่เลยแต่ก็เป็นห่วงมารดาจนต้องข่มความเจ็บในกาย “แต่แม่ต่างหาก ทีหลังอย่าไปขวางเขาสิ”

“ถ้าแม่ไม่ห้าม เขาคงกระทืบลูกตายไปแล้ว”

พระรามยิ้มแค่นสมเพชตัวเอง “ถ้าเขากล้าทำ ก็ให้เขาทำไป” ถ้ากับลูกชายแท้ๆ แบบนี้ยังกล้าทำล่ะก็...นพกรคงไม่ใช่คนจริงๆ

ขนาดหมามันยังห่วงลูกของมัน แล้วนพกรเป็นอะไรถึงทำร้ายลูกได้ลงคอ

“ไม่ได้นะลูก อย่าไปสู้รบปรบมือกับเขาเลย แค่เงินน่ะเมื่อไหร่ก็หาได้ แต่ลูกชายอย่างรามแม่หาไม่ได้แล้วนะ” ภาวดีมือไม้สั่นทันที ถ้าหากตอนนั้นเธอไม่ห้ามนพกรเอาไว้ล่ะก็ รามอาจจะถูกกระทืบจริงๆ ก็ได้ “ถ้ารามเป็นอะไรไปแม่จะทำยังไง”

“ครับแม่ เดี๋ยวทำแผลก่อนนะ...แม่ปากแตก” พระรามพูดเปลี่ยนเรื่องทำให้ภาวดียกมือจับมุมปากที่รู้สึกเจ็บขึ้นมา แถมตรงแก้มยังแสบหน่อยๆ คงจะเป็นรอยฝ่ามือ เธอชะงักเมื่ออะไรบางอย่างแตะลงมาที่แผลมุมปากแต่มันแผ่วเบามาก “เจ็บมั้ยครับ” พระรามถามก่อนจะไล้ครีมที่นิ้วตรงแผลแตกแห้งเบาๆ

“ไม่...แค่ก...แค่ก” ภาวดีปิดปากไอแรงกว่าจะหยุดก่อนหอบหายใจเหนื่อยอ่อนก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อฝ่ามือผอมมีน้ำสีชาดเปรอะเปื้อน

“แม่...เลือด!” พระรามอุทานตาโต รู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น

“ไม่เป็นไรหรอกราม นี่ก็แค่เลือดจากแผลในปากน่ะ...” ภาวดีเอ่ยใจเย็นดึงทิชชู่บนโต๊ะมาเช็ดแล้วทิ้งถังขยะไม่อยากให้ร่างโปร่งติดตา ทั้งๆ ที่โกหกเต็มปากเต็มคำเพื่อให้ลูกชายสบายใจ

“เหรอครับ งั้นไหนแม่อ้าปากให้ผมดูหน่อย” ร่างโปร่งผ่อนลมโล่งอก ก่อนจะเชิดคางภาวดีขึ้นเพื่อสำรวจภายในช่องปาก แต่มารดากลับหลบเลี่ยง

“ไม่เอาหรอก แม่ยังไม่ได้แปรงฟันเลย กลัวรามเป็นลม” เสียงใสแหบๆ พูดพลางปิดปากเหมือนสาวน้อยเขินอายหนุ่มๆ ท่าทางนั้นทำให้พระรามยิ้มขำ

“แม่อย่าพูดเล่นสิครับ ผมอยากสบายใจว่าแม่ไม่เป็นหนักจริงๆ”

เธอใจอ่อน ยอมอ้าปากเล็กน้อย พระรามมองดูแล้วขมวดคิ้ว ภาวดีมีแผลในปากอย่างที่ว่า แต่มันก็ไม่น่าจะมากขนาดที่เลือดจะออกมามากขนาดนั้นเลยนี่

“ระ รามรีบๆ ไปอาบน้ำเถอะ นี่มันจะตีสองแล้ว ลูกต้องรีบไปทำงานอีกไม่ใช่เหรอ” ร่างผ่ายผอมเร่งลุกขึ้นและพูดในสิ่งที่พระรามต้องลืมสิ่งที่เห็นเมื่อครู่

พอร่างโปร่งได้ยินคำว่าต้องไปทำงานเขาก็ต้องถอนหายใจ

‘เดี๋ยวเงินกูหมดจะมาอีก เตรียมเอาไว้ด้วย’

แค่คิดก็เหนื่อยขึ้นมาแล้ว







“ราม...ราม...”

“อือ...”

“ราม ถึงคอนโดแล้ว”

ร่างโปร่งขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกเย็นผิวกายเมื่อแอร์จากรถยนต์กระทบ พระรามรู้สึกตัวตื่นแล้วแต่ตายังปรือเพราะรู้สึกง่วงอยู่ พอรู้สึกว่าดวงตาคู่คมกำลังมองอยู่ก็รีบสะบัดหัวให้หายมึน “โทษทีติม...พี่ง่วงมากเลยเผลอหลับไป”

“ไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวให้ผมไปส่งที่บ้านได้นะ” ร่างสูงเสนอทำให้พระรามรีบปฏิเสธ

“ไม่เป็นไร เหลืออีกแค่ชั่วโมงกว่าเองนี่ แล้วพี่ก็สัญญากับติมไว้แล้วด้วย...ไม่เป็นไรหรอก” ทั้งๆ ที่เสียงทุ้มใสพูดแบบนั้น แต่กลบความเหนื่อยในน้ำเสียงไม่มิด ตั้งแต่เช้าวันเสาร์จนเมื่อครู่นี้ เขายังไม่ได้นอน ทำงานสายตัวแทบขาดจนเกือบจะลืมสิ่งที่บอกกับติมเอาไว้ว่าจะมาเล่นกับแมวที่คอนโด แต่แล้วไอติมก็โทรมาทวงเขาเลยต้องมา แต่พอเอนตัวลงกับเบาะบวกกับแอร์เย็นๆ ของรถสติเขาก็ดับลงทันที

“ต่อไปรามต้องทำงานที่ไหน เดี๋ยวผมจะได้ไปส่ง”

“อ่า แถวๆ ...น่ะ” จริงๆ แล้วพระรามเกรงใจ ตอนแรกจะบอกว่าไม่ต้องแต่คิดไปคิดมาเขาก็อยากอยู่กับติมให้นานขึ้นแม้สักนิดก็ยังดี เพราะว่าช่วงนี้เขาไม่ได้เจอกับติมเลย...คิดถึง

พระรามยังมึนๆ อยู่แต่พอเห็นคอนโดหรูของไอติมก็ต้องร้องโอ้โหตาโต ไม่ต่างจากคอนโดของชะเอมเท่าไหร่ คนรวยนี่ดีจังแฮะ

ปั้ก!

“...อูย...” พระรามลูบจมูกป้อยๆ ตาสว่างทันทีเมื่อจู่ๆ ใบหน้ามนกระแทกเข้าแผ่นหลังแข็ง ก่อนจะบ่นอุบ “อย่าหยุดเดินกะทันหันได้มั้ย”

“รามนั่นแหละมัวแต่มองอะไรอยู่ ถึงแล้ว” ดวงตาคู่คมปรายมองคนที่สูงเพียงปลายคางแล้วเสียบคีย์การ์ดเข้าไปและประตูก็ร้องติ๊ด

“เมี้ยว~” พลันประตูแง้มกว้าง ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงร้องมาก่อนตัว พระรามตาโตเมื่อเจอแมวเหมียวพันธ์เล็กนั่งสุภาพเรียบร้อยเหมือนกำลังรอเจ้านาย “เมี้ยว~” แม้จะเจอคนแปลกหน้าแต่เจ้าเหมียวก็หาได้กลัวไม่ รีบเดินเข้ามาเกาะขากางเกงราคาแพงของเจ้านายและไต่ขึ้นมาโดยใช้เล็บแหลม

“อุริ...ซน” ไอติมพูดแล้วยิ้มอบอุ่นจนคนมองใจเต้นตึก

รอยยิ้มนั่นเหมือนตอนมองชะเอมเลย แสดงว่าแมวตัวนี้ก็สำคัญมากสินะ

มือใหญ่ช้อนเจ้าตัวเล็กขึ้นโดยใช้แค่มือเดียว เพียงเท่านั้นมันก็หุบกงเล็บให้ดึงออกง่ายๆ เพราะจะได้ไม่ทำให้กางเกงของเจ้านายเสียหาย ยอมให้อุ้มขึ้นมาวางบนไหล่แกร่ง “เมี้ยว~” เสียงเล็กร้องออกมาอย่างถูกใจ

“เฮ้ย น่ารัก” ดวงตาเรียวเปล่งประกาย เขาเห็นแมวมาเยอะแต่ไม่เคยถูกใจตัวไหนเท่าตัวนี้ รามเดินเข้าไปใกล้มองแมวตัวน้อยเท่าฝ่ามือเกาะอยู่บนไหล่กว้างแน่น “พี่ขออุ้มบ้างสิ...”

“ได้ แต่ระวังมันจะกัด”

“อื้ม” รามรับคำก่อนจะยกนิ้วลูบหัวเล็กลากลงมาตรงจมูกแผ่วเบา ดวงตากลมสีดำของมันมองอย่างสงสัย ก่อนจะร้องครางออกมาเมื่อนิ้วราวโจมตีเข้าใต้คางอันเป็นจุดอ่อน ก่อนที่มือเรียวจะยกมันออกมาจากไหล่แกร่งและวางไว้บนมือ “ตัวเล็กชะมัด พันธ์อะไรน่ะ”

“สก็อตทิชโฟลด์”

“หะ...?”

“สก็อตทิชโฟลด์” คราวนี้ร่างสูงหันมาพูดช้าๆ ชัดๆ แต่พระรามก็ยังทำหน้างงเหมือนไม่เคยได้ยิน ไอติมก็ทำหน้าเอือมระอา หันหลังเดินเข้าห้องไป ผู้เป็นแขกก็ยืนนิ่งกระพริบตาทำหน้างง กวาดตาสำรวจมองรอบห้องแล้วก็เห็นแต่เฟอร์นิเจอร์ราคาแพงรวมๆ กันแล้วน่าจะหลักแสนขึ้น

“เจ้านายแกนี่ยังไง...ไม่ชวนแขกเข้าห้องสักคำ” เสียงทุ้มใสบ่นอุบ ก่อนที่ขาเรียวจะยืนนิ่งลังเล ถ้าเดินเข้าไปนั่งโซฟานั่นจะถือว่าทำอะไรพลการโดยไม่ได้รับอนุญาตรึเปล่าวะ

“จะ จั๊กจี๋ ฮ่าๆ ...อย่าสิ อุริ” จู่ๆ พระรามก็รู้สึกคันยิกๆ เลยก้มลงมองเจ้าเหมียวตัวจ้อยกำลังใช้ลิ้นเล็กๆ น่ารักเลียฝ่ามือของเขาไม่หยุดจนจั๊กจี๋ นิ้วเรียวเลยดันคางของอุริจนมันไม่สามารถเลียได้ “เมี้ยว!”

พอมันร้องดังรามก็เลยปล่อยมันลงพื้นเสียเลย ให้มันวิ่งไปในที่ๆ มันชอบ ถึงจะน่ารักถูกใจแต่ก็ไม่อยากจับมันจนเฉามือตาย อีกอย่างเขาก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับมันด้วย

พออุริวิ่งหนีหายไปไหนสักที่ ร่างโปร่งก็ตัดสินใจเดินเข้าห้องชุดหรู โดยถอดรองเท้าผ้าใบแสนเก่าเน่าเปื่อยไว้หน้าประตู พระรามทิ้งตัวลงบนโซฟามองไปรอบห้องแล้วสะดุดตากับสิ่งหนึ่งจนต้องลุกขึ้นมาจ้องมองมันใกล้ๆ

...รูปถ่ายสมัยเด็ก...ก็ไม่เด็กมากเท่าไหร่ สมัยม.ต้นล่ะมั้ง ในรูปมีสามคน ไอติมใส่ชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นสีดำถ่ายกับพี่ชายที่หน้าตาคล้ายกัน รามขมวดคิ้ว...ทำไมพี่ชายหน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน ร่างโปร่งทิ้งความสงสัยก่อนจะไล่สายตามองคนต่อไป นี่น่าจะเป็นพ่อ...แล้วแม่ล่ะ?

“ทำอะไร”

“อะ...ติม” ร่างโปร่งหน้าแดงเมื่อเห็นอีกฝ่ายนุ่งแค่ผ้าขนหนูตัวเล็กไว้ที่สะโพกสอบ โชว์กล้ามอกและหน้าท้องที่มีน้ำเกาะพราว ก่อนจะหลบตายิ้มเขินชี้เข้ากรอบรูป “พี่แค่ดูรูปน่ะ...ติมน่ารักดี”

“...” ดวงตาเรียวเหม่อมองคนในรูป ใบหน้าหล่อเหลาออกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแฮะ สงสัยจะมีสาวๆ มารุมจีบตรึมแน่ ไม่ได้สังเกตเห็นดวงตาเย็นเยียบอันตราย มือใหญ่กำหมัดแน่นจนสั่นระริก

“ว่าแต่...คุณแม่ไปไหนเหรอ หรือว่าจะเป็นคนถ่ายรูป...อ๊ะ! ติมเดี๋ยว!” ร่างโปร่งไม่รู้ตัวว่าได้พูดเรื่องต้องห้ามออกมาแล้ว ถ้าหากเป็นคนอื่นอาจจะไม่เกิดอะไรขึ้น แต่พระรามก็ถามขึ้นมาแม้จะไม่ได้ตั้งใจ ไอติมหายใจแรงเดินเข้ามากระชากต้นแขนผอมแล้วลากเข้าห้องนอนโยนเจ้าคนตัวเล็กกว่าจนตัวปลิวลอยลงกลางเตียง ก่อนที่ร่างกายกำยำจะกระโจนขึ้นไปคร่อม

“ติม...เป็นอะไร...โกรธอะไร...” เสียงทุ้มใสเอ่ยสั่นๆ ดวงตาเรียวฉายแววสั่นกลัว เมื่อดวงตาคู่คมมืดมิด เหมือนที่เขาเคยคิดว่าตาฝาด...แต่ตอนนี้มันชัดเจน ร่างโปร่งถดหนีหวาดกลัวแต่กลับถูกกระชากข้อเท้าลงมานอนใต้ร่างเหมือนเดิมและถูกขยำต้นแขนแรงๆ จนพระรามร้องโอ๊ย “ติม! ฮึก พี่เจ็บ!”

“คราวหลังห้ามพูดเรื่องแม่อีก!”

“ฮึก...ครับ...พี่ขอโทษ” พระรามสะดุ้งน้ำตาคลอพูดเสียงสั่นเครือ แต่คำๆ นั้นยิ่งไปกระตุ้นให้คนได้ยินโมโหมากขึ้นหลายเท่า มือใหญ่กระชากกางเกงยีนส์สีซีดตัวมอซอของพระรามออกพร้อมกับชั้นใน

ขอโทษ?...แค่ขอโทษมันไม่พอ! เพราะมึง! เพราะมึงทำให้แม่ทิ้งพวกเราไป...ทิ้งครอบครัวของเราไป! ทั้งพ่อ ทั้งพี่เสียใจแค่ไหน

เขาเจ็บแค่ไหน ไม่มีใครรู้!

“ติม พี่เจ็บ...ขอร้องล่ะ เบาๆ โอ๊ย!!” เสียงทุ้มใสวอนขอ แต่คนที่โกรธไม่คิดจะฟังอะไร ซ้ำยังกระแทกเข้ามาแรงๆ จนช่องทางด้านหลังเลือดไหลซึม “อึก...อึก! เจ็บ...”

พระรามยกนิ้วขึ้นกัดแรงจนเลือดออก แต่ก็ไม่อาจทานความเจ็บที่เกิดขึ้นด้านล่าง

ติมน่ากลัว...น่ากลัวมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ร่างกายของเขาร้อนผ่าวราวกับไฟ ช่องทางด้านหลังเจ็บแสบ...เจ็บปวดจนน้ำตาซึม เป็นความผิดของเขาที่ทำให้อีกฝ่ายโมโห ติมคงจะรักแม่มากจนไม่อยากพูดถึง...เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ได้แต่ต้องยอมกัดปากและผ่อนคลายให้อีกฝ่ายได้ตักตวง...หวังเพียงสักนิดว่าถ้าหากรู้สึกดีกับร่างกายของเขาขึ้นมา อีกฝ่ายจะอ่อนโยนกับเขาเหมือนอย่างเคย

แต่แล้วผ่านไปสองชั่วโมงกว่า พระรามปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า อ้อนวอนจนเสียงแหบ ร่างสูงก็ไม่สงสารเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว







ไอติมที่ระบายอารมณ์จนหมดแรง หอบหายใจมองคนที่นอนขดตัวสลบไปแล้วโดยด้านล่างเปรอะเปื้อนน้ำของเขาเต็มไปหมด แต่ไม่คิดสนใจ ไอติมทิ้งตัวนอนลงข้างๆ ก่อนจะหลับไปรวดเร็ว

ร่างโปร่งที่ไอติมคิดว่าหมดสติไปแล้วนอนกอดตัวเองนิ่งพยายามหายใจให้เบาที่สุด พยายามอย่างยิ่งไม่ให้ร่างกายของตัวเองสั่น พอได้ยินเสียงลมหายใจของคนข้างๆ ผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอพระรามก็ค่อยๆ ขยับตัวแต่ก็ต้องขดตัวนิ่วหน้า อยากร้องโอดครวญดังๆ แต่มันเจ็บมาก ร่างโปร่งต้องกัดปากฝืนค่อยๆ หย่อนขาทีละข้างลงจากเตียง ยืนขึ้นและสวมกางเกงด้วยความทรมานทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ล้างอะไรทั้งสิ้น...เขาเหนื่อย อยากจะกลับบ้านแล้ว

แต่ว่าเขายังมีงานที่ต้องทำ ถึงตอนนี้จะสายไปหน่อย แต่ถ้ายอมโดนด่าก็ยังได้เงิน

‘ต่อไปรามต้องทำงานที่ไหน เดี๋ยวผมจะได้ไปส่ง’ เสียงทุ้มดังขึ้นในความทรงจำ ริมฝีปากบางแห้งผากยิ้มจืดเจื่อน ก่อนจะเสมองคนที่นอนคว่ำหน้าหลับตาพริ้มหันมาทางนี้พอดี

เขาไม่กล้าจะขอให้อีกฝ่ายไปส่งแล้วล่ะ...ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะโกรธอยู่อีกหรือเปล่าด้วย

แต่ระบายไปขนาดนั้นแล้ว หวังว่าตื่นมาแล้วอีกฝ่ายจะหายโกรธเขาสักที

เขาไม่อยากเห็นสายตาเย็นชามืดมิดนั้น...มันเจ็บ

เจ้าแมวน้อยที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ เดินมาเอียงคอมองร่างโปร่งงงๆ เสียงร้องของมันทำให้รามสะดุ้งเฮือก “เมี้ยว~”

“ชู่...อุริ เบาๆ เดี๋ยวเจ้านายตื่นนะ” พระรามรีบจุ๊ปาก เหมือนมันจะรู้เรื่องก็เลยวิ่งเล่นไปทางอื่น

ร่างโปร่งเดินกะโผลกกะเผลกเพราะช่องทางด้านหลังมันเสียดสีจนเจ็บแสบ เดินไปไม่พ้นประตูห้องนอนก็ต้องเกาะกำแพงหอบหายใจแรง หยาดเหงื่อไหลซึมเต็มใบหน้า ย่อตัวหยิบกระเป๋าของตัวเองตรงโซฟา ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องมา

พระรามหอบหายใจหนักหน่วงทุกครั้งที่ก้าวขา ภาพตรงหน้าพร่ามัว รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย รู้สึกมาตั้งแต่เมื่อเช้า...สงสัยจะอักเสบรอยช้ำสีแดงที่บัดนี้เปลี่ยนเป็นม่วงคล้ำจากที่โดนพ่อเตะ...แล้วตอนนี้รามยังมาเป็นแผลตรงนั้นอีก

ติ๊ง

เสียงที่บ่งบอกว่าลิฟต์มาแล้ว ก่อนจะขึ้นเลขชั้นและประตูก็เปิดออก ด้วยความที่คอนโดหรูแปะกระจกแผ่นใหญ่ในลิฟต์เสียรอบด้านจึงทำให้พระรามเห็นสภาพยับเยินของเขาทั้งตัว ทั้งหน้าซีดๆ ดวงตาลึกโหลอย่างคนอิดโรยกับใบหน้าเปียกเหงื่อ ยิ่งเห็นตอนที่ตัวเองเดินเข้าลิฟต์ด้วยการก้าวขาแบบสั้นๆ เพราะกลัวช่องทางจะฉีกหนักกว่าเดิมแล้วยิ่งทุเรศตัวเอง

แค่เดินยังเป็นอย่างนี้ อย่าคิดว่าจะต้องเดินหรือนั่งรถเมล์เบาะแข็งๆ ไปทำงานเลย

...ไม่อยากเสียเงินโดยใช่เหตุเลยแต่ยังไงครั้งนี้เขาก็คงจะต้องยอมนั่งแทกซี่ไปจริงๆ ...





********************* Love Substitute *********************


สนใจหนังสือ จองได้ที่เพจ H.Rui Novels นะคะ ^^



หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep8 08/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 08-03-2019 20:44:48


                                         ทดแทนรัก

                                         ตอนที่ 8



โปรดใช้วิจาณญาณในการรับชม



"เมี้ยว~" เจ้าแมวตัวจ้อยเดินเตาะแตะเข้าห้อง ทั้งหน้าเปรอะเปื้อนด้วยอาหารเม็ดที่เจ้านายสุดหล่อเตรียมไว้ให้แต่ตอนนี้เจ้านายยังไม่มีวี่แววจะตื่นเลย อุริเดินเข้ามาใกล้เตียงเงยหน้ามองผ้าปูสีเข้มที่ยับยู่ยี่เล็กน้อยแล้วกระโดดกางกรงเล็บเกาะและไต่ขึ้นไปจนผ้าเป็นรูจนขึ้นมาถึงตัวเจ้านายจนได้



ด้วยน้ำหนักเบาๆ ของมันแม่จะขึ้นไปเหยียบบนหน้า ก็ดูเหมือนคนหลับจะไม่รู้สึกตัวแม้แต่นิด จึงก้มเลียหน้าเรียกร้องความสนใจ และได้ผลเมื่อใบหน้าหล่อเหลาเริ่มครางอืออาขมวดคิ้ว



"อุ...ริ...อือ...อย่ากวนน่า" ร่างสูงกำยำเปลือยกายไม่ได้ปกปิดสักชิ้นพลิกหนีด้วยความเหนื่อยและง่วงงุนแต่เจ้าเหมียวมันก็ยังตามมาใช้อุ้งมือนุ่มๆ ตบข้างแก้ม



แปะ...แปะ



"เมี้ยว~" และเสียงเล็กร้องเรียกความสนใจอีกครั้ง



"อุริ...เฮ้อ ตื่นแล้วๆ ..." ไอติมเกาหัวด้วยความรำคาญเพราะถูกรบกวนจนต้องตื่น "นี่ต่อไปฉันต้องขังแกไว้ในกรงไหม หือ"



"แง้ว!" อุริกลัวคำขู่จนกระโดดแผล็วลงเตียงและวิ่งหายไป



"?"



มือใหญ่ยกขึ้นมองเมื่อสัมผัสบางอย่างบนความนุ่มลื่นของผ้าปู มันคือคราบจากกามารมณ์ที่เยอะจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร...ซ้ำยังมีคราบสีแดงคล้ายเลือด



'อึก ติม พี่เจ็บ...เบาๆ ขอร้องล่ะ...' เสียงทุ้มใสอ้อนวอนทั้งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด แต่หารู้ไม่การกระทำนั้นยิ่งไปกระตุ้นต่อมโมโหเข้าไปใหญ่



คนอื่นเขาอาจจะยอมฟัง แต่กลับคนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่าโมโหไปหมด



'ติม แม่ไปไหนเหรอ หรือว่าจะเป็นคนถ่ายรูป...'



ถามโง่ๆ! เพราะแบบนั้นไงเขาถึงได้โมโห กับสายตาไม่รู้...ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยว่าเคยทำให้ครอบครัวหนึ่งสูญเสียสิ่งสำคัญไป



ดวงตาหวาดกลัวนั่นตอนที่เห็นธาตุแท้ปิศาจร้ายในตัวเขา เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ใจดีเหมือนที่แสดงออกมาให้เห็น ยิ่งกับคนที่เกลียดยิ่งต้องฝืนทน



'พี่มีงานต้องทำ อีกชั่วโมงกว่าๆ'



'ต่อไปรามต้องไปทำงานที่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง' นึกแล้วสะอิดสะเอียนกับคำพูดตัวเอง ยิ่งเห็นใบหน้าจืดๆ นั่นยิ้มเขินๆ กับคำพูดเล็กน้อยเหมือนเอาใจใส่ของเขานั่น...ยิ่งสะอิดสะเอียน



แต่กว่าพวกเราจะทำอะไรๆ กันเสร็จก็ปาไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว ป่านนี้คงจะไม่ได้ไปทำงานแล้วล่ะมั้ง



เดี๋ยวค่อยตามไปขอโทษทีหลังก็ได้ อ้อนเสียงอ่อนหน่อยพระรามที่หลงเขาหัวปักหัวปำก็คงจะยกโทษให้ง่ายๆ แล้ว



ตรู๊ด...ตรู๊ด...



("...")



"ฮัลโหล ราม" เขาทำเสียงร้อนรนทันทีที่ได้ยินในสายรับแล้ว แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับ ได้ยินเสียงจอแจบางอย่างในสายแทน "ราม?"



("แค่ก...อื้ม") เสียงทุ้มใสแหบกว่าทุกทีตอบกลับมาก่อนที่ไอติมจะได้ยินเสียงฮึ่มฮั่มกระแอมกระไอ และพระรามก็พูดอีกครั้ง ("ตื่นแล้วเหรอ ติม")



"อืม โทษทีนะ ตอนนั้นผมสติแตกไปหน่อย..." ไอติมกำลังจะพูดแต่อีกฝั่งก็แทรกขึ้นมาก่อน



("ไม่เป็นไร พี่รู้ว่าตอนนั้นติมโกรธมาก...พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษที่พูดอะไรไม่เข้าหูนาย คราวหลังพี่จะได้ไม่พูดอีก") ในน้ำเสียงมีความรู้สึกผิดอย่างยิ่ง ทำให้เขามองข้ามมันไป เพราะที่พระรามเข้าใจว่าเป็นความผิดตนน่ะถูกต้องแล้ว



"แล้วรามกลับไปยังไง เลือดออกไม่เจ็บเหรอ" ติมพูดเสียงอ่อนเหมือนคนเป็นห่วง พระรามตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบาไม่แพ้กัน



("...พี่ไม่เป็นไร...")



คู่นอนที่ไม่เรียกร้องค่าเสียหายหรือความเห็นใจนี่ ไอติมไม่ค่อยได้เจอ รู้สึกว่าจะรับมือยากกว่าที่คิด "กลับบ้านไปแล้วเหรอ"



("พี่มาทำงาน...แต่เห็นนายหลับอยู่พี่ก็เลยปล่อยให้นายนอน")



“แต่ไปสายขนาดนั้นไม่เป็นไรเหรอ”



(“ไม่เป็นไร เจ้าของร้านเขาใจดีน่ะ”)



จากนั้นก็เกิดความเงียบระหว่างเราสองคนจนกระทั่งมีเสียงใครไม่รู้ดังขึ้นจากปลายสาย ("...ราม! ทำอะไรอยู่ ลูกค้าเยอะมาช่วยกันเร็วๆ! ...โทษนะติม พี่ต้องไปทำงานต่อแล้ว")



ไอติมที่นั่งอยู่บนรถสปอร์ตได้แต่พยักหน้ารับ "ไว้ผมจะโทรไป"



("อื้ม...") เสียงแหบๆ ตอบกลับมาก่อนที่สายจะตัดไป



ไอติมนั่งนิ่งพลางเคาะนิ้วกับพวงมาลัยแล้วคิดพักหนึ่ง...ถ้าอย่างนั้นวันนี้เขาคงมีอะไรให้ทำ...ก่อนจะหักพวงมาลัยเหยียบคันเร่งมุ่งสู่จุดหมายที่คิดเอาไว้



แต่ในซอยเปลี่ยวๆ ที่เอารถสปอร์ตยุโรปคันใหญ่เข้าไปไม่ได้ ไอติมจึงต้องระเห็จขับไปจอดในที่ไกลกว่านี้อีกนิดมีลานจอดกว้างและต้องเสียค่าที่จอด แล้วก็นั่งแทกซี่มาลงหน้าซอยนั้นอีกครั้ง



ร่างสูงในชุดสะอาดสะอ้านที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็ราคาแพงทั้งหัวจรดเท้า ทำให้เป็นจุดสนใจแก่สายตารอบข้างไม่น้อยเลย และสายตาที่ว่าก็ไม่ได้ประสงค์ดีด้วย



ดวงตาคู่คมมองไปรอบๆ ข้างทางที่เดิน มันเป็นป่าพงหญ้าขึ้นสูงระดับเข่า นานๆ ทีเดินเจอบ้านหลังหนึ่งซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้ใจชื้นขึ้นซักนิด เพราะมันเป็นบ้านเก่าผุพังไปแล้ว



ก็พอจะรู้อยู่บ้างล่ะนะ แต่ไม่คิดว่าจะวังเวงขนาดนี้ นี่ขนาดฟ้าสว่างยังน่ากลัวขนาดนี้ เขายังไม่เท่าไหร่ถ้ามีใครเข้ามาปล้นหรือคิดทำมิดีมิร้ายก็ยังป้องกันตัวได้ แต่พระรามต้องเดินเข้าซอยเปลี่ยวนี่ทุกวันคนเดียวมืดๆ อย่างนั้นเหรอ



อยู่มาตั้งแต่เล็กคงจะชินแล้วล่ะมั้ง



เสียงฝีเท้าดังเป็นจังหวะอยู่นาน จนเดินมาเกือบๆ สองกิโลเมตรตามข้อมูล ขายาวทั้งสองข้างแทบล้าเพราะคนอย่างเขาไม่เคยต้องเดินด้วยขาตัวเองด้วยระยะทางที่ไกลขนาดนี้มาก่อน...จนกระทั่งปรากฏบ้านหลังเล็กชั้นเดียวสีขาว...รั้วกำแพงเก่าๆ ...คงจะเป็นหลังนี้สินะ



ร่างสูงยืนล้วงกระเป๋ามองบ้านหลังเล็กที่ตอนนี้สีที่ทาเริ่มลอกหมดแล้วนิ่งพลางสำรวจทุกซอกทุกมุมราวกับจะต้องจดจำมันเอาไว้ให้ดี...เนตรนภา ตรานาคเรศ...ภาวดี เทพเทวพรหม...ไม่ว่าตอนนี้เธอจะชื่อว่าอะไร แต่แม่ของเขาอยู่ที่นี่ บ้านหลังโทรมๆ นี้ช่างแตกต่างจากคฤหาสน์หรูหราที่บ้านราวฟ้ากับดิน



ในอกรู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อที่เต้นตุบดังอย่างหวาดกลัวระคนตื่นเต้น



ทำไมเธอถึงเลือกที่จะมาอยู่ในที่ๆ ลำบากขนาดนี้โดยทิ้งความสบายไป ทิ้งครอบครัวของเขาไว้ด้านหลัง คำถามนี้วนไปเวียนอยู่ในความคิดมาตลอด...แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ก็ยากที่จะยอมรับได้เพราะความจริงที่เธอทิ้งลูกชายทั้งสองคนเอาไว้มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลง



"เฮ้ย มาทำอะไรหน้าบ้านกูฮะ”



"สวัสดีครับ..." ไอติมเอ่ยเบาๆ พลางมองสำรวจชายฉกรรจ์ผิวคล้ำไว้หนวดรุงรังสกปรกแถมตัวยังมีกลิ่นบุหรี่โชยแรง พร้อมกับสายตาคุกคามของอีกฝ่ายที่มองกลับสำรวจมาที่เขาเช่นกัน



“กูถามว่ามาทำอะไร”



“ผมเป็นเพื่อนรามครับ พอดีจะมาหาราม” ไอติมอ้างชื่อพระรามขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ชายตรงหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นนพกร พ่อของรามสงสัยว่าจริงๆ แล้วเขามาทำอะไร



และเป็นใคร



“อ้อ” พอได้รับคำตอบที่ไม่น่าเชื่อนพกรก็อดกวาดตามองใบหน้าสะอาดสะอ้านอย่างกับคุณชายลูกมหาเศรษฐีที่ไหนตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ได้ “ไม่เห็นมันเคยบอกว่ามีเพื่อนหน้าตาดีและรวยขนาดนี้”



“...” ไอติมตีหน้าทำเป็นนิ่งเฉยที่อีกฝ่ายไร้มารยาททำอย่างกับเขาเป็นตัวประหลาด



นพกร เทพเทวพรหม อายุสี่สิบต้นๆ แต่ใบหน้าแก่วัยราวกับห้าสิบกว่าแล้วเนื่องจากเป็นคนเสพบุหรี่หนักมาก อย่างน้อยต้องสูบวันละสองซอง และยังชอบติดหนี้เสี่ยที่มีอิทธิพลแถวนี้ เพื่อเอาเงินไปเล่นพนันจนหมดตัวครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากหมดทางไปจริงๆ ก็จะกลับมาที่บ้านหลังนี้เพื่อจะเอาเงินจากที่พระรามหามาไปเล่นพนันต่อ แบบนี้เขาเรียกเกาะลูกกิน...วันๆ ทำตัวไม่สมเป็นพ่อคนและไม่สมควรเป็นคนที่แม่ของเขารักด้วย



ยิ่งคิดคำถามว่าทำไมยิ่งผุดขึ้นมาในหัว



“เข้ามาสิ แต่ไม่รู้ว่ามันจะอยู่รึเปล่านะ ท่าทางมันจะงานยุ่ง...รัดตัวๆ” ชายฉกรรจ์เปิดรั้วพร้อมพูดกลั้วหัวเราะเหมือนขำอะไรสักอย่างกับสิ่งที่พูดออกมา ก่อนจะตะโกนเสียงดังจนเขาต้องหรี่ตาเพราะแสบแก้วหู “ยัยภา! เพื่อนไอ้รามมา”



ไอติมเดาะลิ้นขัดใจกับการมาเงียบๆ ของเขาถูกทำลายโดยชายคนนี้ ร่างสูงไม่ได้เข้าบ้านไปตามคำเชิญแต่ยืนอยู่หน้าประตูกวาดตาสำรวจในบ้านคร่าวๆ ก่อนจะโดนเสียงเล็กๆ แหบๆ ดึงความสนใจ



“นี่คุณนพ คุณจะมาทำไมอีก!"



นพกรยักไหล่ก่อนจะเดินเข้าไปตัวบ้านทิ้งตัวลงนั่งมุมเดิม ตบๆ ตามตัวหาไฟแช็คกับบุหรี่และจุดมันสูบอีกครั้งและพ่นควันปุ๋ยๆ ไม่สนใจใคร



"คุณจะมาเอาเงินจากรามอีกแล้วเหรอ!? นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันเงินก็หมดแล้ว ทำไมคุณถึงไม่หยุดเล่นพนันซักที...!"



"หยุดบ่นสักทีเถอะน่า บ่นได้แต่เรื่องเดิมๆ ...โว้ย รำคาญ!"



"ก็ถ้าคุณเลิกเล่นฉันจะบ่นทำไมล่ะ...ที่บ่นเพราะคุณไม่หยุดซักทีไงคะ"



คนเป็นแขกยืนนิ่งรู้สึกอึดอัด สถานการณ์ตรงหน้านี่มันอะไร



"เอ่อ" ทันทีที่เสียงทุ้มเอ่ยออกไปหญิงสาวที่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาก็หันมา ใบหน้าสะสวยยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนหากแต่มีริ้วรอยตามกาลเวลาและผ่ายผอมลงกว่าเดิมมากมายนัก



เขายังจำเธอได้



“อ้าว สวัสดีจ้ะ...นี่เธอ...” ณ วินาทีที่ดวงตาสีน้ำตาลสบกัน ภาวดีเบิกตากว้างชั่ววูบ ดวงตาฉ่ำน้ำวาววับ "ตายจริง..." แต่แล้วก็ต้องทำเหมือนปกติ เมื่อได้ยินเสียงนพกรตะโกนขึ้นมา



"ก็บอกว่าเพื่อนไอ้รามมันมาหาไง"



"...เพื่อนของพระราม?" ดวงตาสีน้ำตาลฉายความแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด



แต่เธอจำเขาไม่ได้...แม่จำลูกชายไม่ได้



"เข้ามาก่อนมั้ยจ๊ะ" ซ้ำยังหันมาชวนเข้าบ้านเหมือนแม่เจอเพื่อนลูกชายปกติทั่วไป เธอไม่มีทีท่าอะไรที่จะบอกว่าจำเขาได้เลยด้วยซ้ำ



"...ขอรบกวนด้วยนะครับ" ไอติมพูดเสียงเรียบและค่อยๆ ถอดรองเท้าไว้ด้านหน้า ทำเป็นไม่แสดงความรู้สึกผิดหวังออกมา



"บ้านเรามีแค่ชาไทยถูกๆ อย่างเดียวทานได้หรือเปล่า" คนถามมีสีหน้าลำบากใจเพราะเพื่อนของพระรามคนนี้ท่าทางจะเป็นลูกคุณหนู ไม่รู้กินของถูกแล้วผื่นจะขึ้นรึเปล่า



"ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว" เขายิ้มปฏิเสธ ดวงตาคู่คมจ้องมองภาวดีไม่วางตา



ได้ยินแบบนั้นคนที่กำลังจะลุกก็ค่อยๆ นั่งลงอีกครั้ง



"ขอโทษทีนะจ๊ะ พอดีพระรามน่าจะออกไปทำงาน ตอนนี้ก็เลยไม่ได้อยู่บ้านน่ะ คงจะกลับมาอีกที เช้าๆเลย" ภาวดีอธิบายยืดยาว คำตอบที่ได้รับมีเพียงพยักหน้าและตอบรับเบาๆ "เป็นเพื่อนที่มหาลัยเหรอ?"



"ครับ" เสียงทุ้มว่า "ผมเป็นห่วงราม เขาทำงานหนักมากก็เลยกลัวว่าจะไม่ไหว เลยจะแวะมาดูให้สบายใจสักหน่อยว่าเขาไม่เป็นไร"



"แค่ก...แค่ก! อย่างนั้นเหรอจ๊ะ ดีใจจังที่เพื่อนของพระรามเป็นคนดีแบบนี้ แต่ว่าตอนนี้รามออกไปทำงานน่ะจ้ะ...คุณนพกรหยุดสูบบุหรี่สักทีเถอะค่ะ ไม่เกรงใจฉัน ก็เกรงใจเพื่อนของลูกบ้าง" ภาวดีไอโขลกแรง พอพูดจบก็ไออีกครั้งติดกันหนักๆส่วนชายฉกรรจ์นั่งสูบบุหรี่ดวงตาเหม่อลอยเหมือนไม่ได้ฟัง



จริงๆ แล้วร่างสูงกำลังจะบอกว่าไม่เป็นไรไม่ต้องถือสาเพราะเขาก็เป็นคนสูบบุหรี่เหมือนกัน ดังนั้นกลิ่นแค่นี้มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรหรอก



จนกระทั่งไอติมเริ่มเห็นท่าทีผิดปกติของหญิงสาว



'แม่ของพี่ป่วยหลายโรคเลย เธอร่างกายอ่อนแอแบบนี้มาตั้งหลายปีแล้ว...หลังๆ มานี้ก็ป่วยหนักจนพี่กังวล'



"แค่กๆๆ!!"



"คุณม...คุณน้า...?" ไอติมสูดลมหายใจอึ้งเมื่อเห็นคนตรงหน้าไอเหมือนไม่ได้สำลักควัน แต่เหมือนเป็นโรคอะไรสักอย่าง



‘หมอบอกว่าโรคที่แม่เป็นรักษาไม่ได้ ได้แต่ยื้อชีวิตให้นานขึ้นโดยต้องกินยา...ห้ามขาด’



"มะ ไม่เป็นไร แค่กๆๆ เดี๋ยวก็หายจ้ะ...แค่ก!" ภาวดีทึ้งเสื้อตรงอกอย่างแรง เพราะยิ่งไอยิ่งเจ็บ เธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ สุดท้ายสิ่งที่ออกมามันคือกองเลือดสีแดงคล้ำคล้ายสีดำเปรอะเปื้อนบนมือ...มากมายกว่าตอนที่พระรามเห็นเมื่อวันก่อน



"คุณน้า!!"



เสียงทุ้มตะโกนลั่น ภาวดีมองเลือดในมือของตนอย่างตกใจค้างเหมือนช็อค ไม่ทันจะได้พูดอะไรร่างทั้งร่างก็ร่วงลงนอนกับพื้นกระเบื้องจนไอติมเห็นท่าไม่ดีรีบช้อนตัวหญิงสาวผ่ายผอมที่สลบไปแล้วขึ้นแนบอก หางตาแอบสังเกตเห็นว่านพกรเริ่มที่จะขยับตัวร้อนรนบ้างแล้ว ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาหรือว่าอะไร แต่เขาก็เมิน ไม่ได้คิดจะหันไปสนใจ



“แม่...แม่ครับ ทำใจดีๆ ไว้นะ!”



ตอนนี้ต้องรีบไปโรงพยาบาลก่อน!





"เป็นไงบ้างครับคุณหมอ" เขาถามทันทีด้วยความเป็นห่วงและร้อนรนอย่างถึงที่สุด ตอนที่โบกรถแทกซี่มาก็ไม่มีคนรับเพราะเห็นท่าทางไม่ดีของภาวดีแล้วกลัวเธอจะตายบนรถ



"คุณเป็นญาติของผู้ป่วยใช่มั้ยครับ" คนตรงหน้าถามด้วยสีหน้าลำบากใจ ขณะกำลังอ่านบางอย่างบนแผ่นกระดาษในมือ



"ใช่ครับ"



"ถ้างั้นฟังแล้วทำใจไว้หน่อยนะครับ ร่างกายของผู้ป่วยอ่อนแอมาก...คงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะครับ" ไอติมยืนช็อก เมื่อได้ยินสิ่งที่พูดออกจากปากของคนเป็นหมอ "ที่ทนอยู่ได้นานถึงตอนนี้ก็น่าเหลือเชื่อมากแล้ว"



"อะไร...นะ?"



เมื่อกี้...กำลังจะบอกว่าแม่ของเขาจะตาย...อย่างนั้นเหรอ?



แม่ของเขา...ทั้งๆ ที่หาเจอและได้พบกันอีกครั้งแล้วแท้ๆ แต่นี่เธอกลับจะหนีไปอีก...จะทิ้งกันไปอีกครั้ง...ทิ้งไปตลอดกาล



ที่มันเป็นแบบนี้เพราะใครกัน ถ้าไม่ใช่พระรามกับพ่อของมัน...เลวทั้งคู่!



ถ้าเป็นเขาล่ะก็จะไม่ทำให้เนตรนภาต้องป่วยกระเสาะกระแสะใกล้ตายแบบนี้หรอก



"แล้ว...แม่จะอยู่...จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนครับ" รู้สึกได้ว่าปากของเขามันสั่นระริก



"คงจะ..."



ดวงตาคมเบิกกว้าง สติล่องลอยไป เมื่อได้ยินคำตอบที่น่าตกใจอีกครั้ง



...คงจะไม่พ้นสองสามวันนี้...





********************* Love Substitute *********************

ต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep8 08/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 08-03-2019 20:45:25



ต่อจากด้านบน







“แม่...แม่!” เสียงเล็กร้องเรียกมาแต่ไกลทำให้หญิงสาวตัวบางใบหน้าสวยสดงดงามราวกับออกมาจากนิตยสารหันมามอง เด็กชายตัวอ้วนกลมวิ่งดุ๊กดิ๊กมาเกาะขา ที่อ้วนแบบนี้เพราะอรรถสิทธิ์ บิดาของเด็กชายตามอกตามใจให้กินทุกอย่างที่อยาก ทั้งขนมนมเนยและของไม่มีประโยชน์ ทำให้ลูกชายคนเล็กของบ้านตรานาคเรศนั้นออกมาอยู่ในรูปแบบนี้



แต่พุงพลุ้ยแบบนี้ก็น่ารักน่าเอ็นดูไปอีกแบบ



“ว่าไงจ๊ะลูกชายตัวกลมของแม่”



“แม่” เด็กชายวัยห้าขวบที่เกาะขามารดายกมือขึ้นชูสองข้าง และเอ่ยอ้อน “อุ้มคับ”



“โอ้โห ไหน...อึ้บ! นี่หนักเท่าไหร่แล้วเนี่ยหือ ถ้าหนักมากกว่านี้สงสัยแม่จะอุ้มไม่ไหวซะแล้วล่ะ” แขนบางช้อนตัวลูกชายขึ้น เนตรนภาผู้เป็นมารดาของเด็กชาย มีดวงตาและเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นเอกลักษณ์ เธอได้เชื้อมาจากคุณยายของเธอ และเธอก็ส่งต่อพันธุกรรมนี้ให้ลูกทั้งสองด้วย เธอเอ่ยหยอกลูกชายตัวกลมขำๆ แต่เด็กชายอิสระวัยห้าขวบไม่หัวเราะกลับเบะปากจะร้องไห้เมื่อได้ยินว่าแม่จะไม่อุ้มตนแล้ว...ไม่อุ้มก็แปลว่าไม่รัก



“อุ...ฮิก...ฮิก!...” น้ำตาเม็ดโตไหลเผาะข้างแก้มยุ้ยไม่ขาดสาย “แม่ไม่อุ้มติม”



“โอ๋เอ๋ แม่ล้อเล่น ไม่เอาๆ เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้นะคับ โอ๋ๆ ไอติมจะอ้วนแค่ไหนแม่ก็อุ้มไหวอยู่แล้ว” มือเล็กของหญิงสาวยกขึ้นปาดคราบน้ำตาบนแก้มที่ยุ้ยเพราะกินเยอะ ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตเด็กชายไอติมจะโตขึ้นมาแล้วหล่อเหลาจนใครๆ ต่างหันมอง “ร้องไห้โยเยแล้วเดี๋ยวสาวๆ จะไม่มองนะคับสุดหล่อของแม่”



“แค่แม่คนเดียว...” เด็กชายไอติมส่ายหน้า สาวๆ เป็นใครไม่เห็นสนใจเลย “แม่ก็พอ”



“หืม ตัวแค่นี้คิดจะจีบแม่เหรอ” คนฟังชื่นใจมากถึงมากที่สุด ว่าแต่เด็กคนนี้ไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากใครกันล่ะเนี่ย



“ติมรักแม่”



“ต๊ายตาย ถ้าไปทำแบบนี้กับสาวอื่นล่ะก็คงตกหลุมเสน่ห์เด็กคนนี้แน่” เนตรนภายิ้มกว้าง ก่อนจะพูดแล้วหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเด็กน้อยไม่เข้าใจหรอก



“แล้วแม่รักไอติมมั้ย”



“รักสิครับ” หญิงสาวใบหน้าสะสวยหอมแก้มยุ้ยๆ ของลูกชายที่น่ารักดังฟอดจนเด็กชายหัวเราะคิกคักเพราะจั๊กจี๋ น้ำตาที่ไหลแห้งเหือดไปเมื่อไหร่ไม่รู้ “รักที่สุด”



“แม่...แม่ไปไหนครับ” แล้ววันหนึ่งเด็กชายไอติมผู้โตขึ้นมาอีกหน่อย ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นประถม เห็นในห้องของมารดาว่างเปล่า ในตู้ก็ไม่มีเสื้อผ้าแขวนอยู่เลยสักตัว



“ติม ลูก” ร่างสูงของผู้เป็นพ่อนิ่วหน้าเจ็บปวดยืนคู่อยู่กับพี่ชายที่โตกว่าห้าปีที่ร้องไห้เสียใจ ยิ่งเห็นลูกชายคนเล็กทำหน้าจะร้องไห้เขายิ่งทนไม่ไหว “แม่หนีพวกเราไปแล้ว”



“ไม่จริง พ่อโกหกผม” น้ำตาเม็ดใสไหลหยด...เขาเข้าใจคำว่าหนี...หนีไปหมายความว่าจะไม่กลับมา...แปลว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่มั้ย “ทำไมล่ะ ทำไมแม่ถึงทิ้งพวกเราไปล่ะครับ”



“แม่เค้า...ไปมีครอบครัวใหม่แล้ว”



คำตอบที่ได้รับทำให้ร่างเล็กๆ วิ่งออกไปนอกบ้านไม่ฟังคำตะโกนห้ามของพ่อบังเกิดเกล้า ร่างเล็กๆ ของเด็กชายอิสระวิ่งไปทั้งๆ ที่ยังไมได้ใส่รองเท้า พลันเห็นแผ่นหลังลิบๆ นั่น...แม่!



ถ้าหากว่าเขาอ้อนวอน แม่อาจจะกลับมาก็ได้...ครอบครัวใหม่อะไรนั่นเขาไม่สนใจหรอก...เพราะแม่รักเขา...แม่รักพวกเราทุกคนนี่นา



“แม่! ...แม่!!” เด็กชายอิสระแย้มยิ้มดีใจเมื่อเห็นแผ่นหลังของมารดานั้นชะงักเล็กน้อย แต่สุดท้ายเนตรนภาก็ไม่หันกลับมา “แม่! รอผมด้วย!”



ร่างเล็กบอบบางของหญิงสาวหิ้วกระเป๋าใบใหญ่และก้าวขึ้นรถไปโดยไม่มองกลับมาสักนิด ทั้งๆ ที่รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าเขากำลังจะมา ทั้งๆ ที่เขาเรียกเสียงดังขนาดนี้



‘รักสิครับ รักที่สุด’



ไหนบอกว่ารักผม...ไหนแม่บอกว่ารักผมไง



หรือว่าตอนนี้แม่ไม่รักผมแล้ว



“แม่ครับ!!” เสียงตะโกนเรียกดังก้องและหายลับไปสู่ท้องฟ้าสุดท้ายแล้วมันก็ไปไม่ถึงใครอีกคน



รถแทกซี่คันนั้นออกตัวไปทิ้งเด็กชายที่ร้องไห้น้ำตานองไว้ด้านหลัง



เด็กชายอิสระที่เคยน่ารักสดใส ใบหน้าประดับรอยยิ้มตลอดเวลา ก็กลายเป็นคนนิ่งเงียบดวงตาเรียบเฉยเย็นชา ซ้ำเวลามีอะไรก็ไม่เคยพูดออกมา



“ติม กลับมาแล้วเหรอ กินข้าวก่อนสิลูก”



“ไม่ครับ ไม่หิว” คำตอบสั้นห้วนทำเอาอรรถสิทธิ์กับอิทธิพลลูกชายคนโตสบตากันอย่างลำบากใจ เพราะรู้ดีว่าลูกชายคนเล็กคนนี้ติดแม่มาก พอสูญเสียเนตรนภาไปก็เลยทำให้กลายเป็นแบบนี้ ไม่มีใครต่อว่าอะไร ได้แต่ให้กำลังใจและคอยอยู่เคียงข้าง



วันเวลาผ่านเลยไปเรื่อยๆ อิสระเริ่มมีเค้าใบหน้าหล่อเหลาเชื้อจากบิดาปรากฏให้เห็นกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของผู้เป็นแม่ แขนขาก็เริ่มยืดยาว ส่วนสูงที่เริ่มเพิ่มขึ้นตอนที่กำลังจะขึ้นมัธยมปลาย จนสาวๆ ที่โรงเรียนและโรงเรียนข้างๆ ต่างก็มารุมล้อม



แต่เขาหาได้สนใจไม่...ในใจยังคงฝังใจกับความใจดีของแม่ ถ้าไม่เจอคนที่งดงามแบบมารดาเขาก็ไม่คิดจะสนใจ



ทั้งๆ ที่เขาทิ้งเราไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงยังยึดติดอยู่ได้นะ



แต่ถึงจะไม่สนใจก็ใช่ว่าจะไม่มีอารมณ์อย่างว่า พี่อิฐ พี่ชายของเขาที่เรียนแพทย์อยู่เคยให้คำปรึกษาว่าถ้ารู้สึกอยากขึ้นมาก็ลองช่วยตัวเองดูหรือไม่ก็ลองมีอะไรกับคนอื่นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ แต่ขอให้ใส่ถุงยางป้องกันเอาไว้ตลอด พี่ชายของเขาไม่เคยหวังร้ายและเขาก็ปฏิบัติตามนั้นมาตลอด



ติมได้เจอเพื่อนที่คุยกันถูกคอคนหนึ่งตอนสมัยมัธยมปลาย...ไม่ต้องพูดอะไรมันก็เหมือนจะรู้ใจ เป็นคนที่ไม่พูดมากน่ารำคาญเหมือนคนอื่นด้วย



จนถึงตอนนี้ก็ยังคบอยู่ แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ



‘ทำไมไม่จ้างนักสืบให้ลองตามหาแม่มึงดูล่ะ ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอ’ เป็นคำแนะนำของเพื่อนสนิทคนนั้น



และตอนนั้นเขาก็ได้พบกับคนที่ขโมยแม่ของเขาไป...คนที่ทำให้แม่ทิ้งพวกเราไป...คนที่ทำให้พ่อกับพี่เสียใจ



คนที่ทำให้แม่ตาย



...ไอ้พระราม...





ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด...



ร่างสูงนั่งเหม่อลอย มองใบหน้าซีดเซียวผ่ายผอมผิดจากรูปลักษณ์สมัยอดีตที่เคยเห็นตอนเด็กๆ ลิบลับ เนตรนภา...ไม่สิ ภาวดีนอนหลับตาสนิทอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องวีไอพีเพราะไอติมเป็นคนบอกว่าให้ย้ายมาเอง ตอนนี้เขากำลังนั่งมองโทรศัพท์ที่โทรออกไปเบอร์ของใครบางคน



...พระราม...



แต่สายแล้วสายเล่าก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะรับสายเป็นสิบยี่สิบสายจนมือใหญ่กดทิ้งไปและไม่คิดจะโทรอีก...ที่คิดจะโทรไปก็เพราะอยากจะบอกข่าวสักหน่อยว่าตอนนี้แม่ของอีกฝ่ายอาการทรุดลงหนักและกำลังจะตาย



แล้วทำไมถึงไม่รับ? งานที่ทำมันสำคัญกว่าชีวิตของมารดาอีกงั้นหรือ?



‘ที่พี่ทำงานหนักอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อแม่คนเดียว’



มือใหญ่กำโทรศัพท์แน่นอย่างโมโห...เขาโทรหาอีกฝ่ายระรัว ถึงจะรู้สึกไม่ชอบใจแค่ไหน แต่เมื่อเนตรนภาลืมตามาก็คงอยากจะเห็นลูกชายคนนั้นในวาระสุดท้าย



วันแล้ว...วันเล่า



(“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”)



มีแค่เขาเท่านั้นที่มาเยี่ยมภาวดีที่หลับตานอนนิ่งมาสองวันแล้ว...เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว



‘แม่มีบุญคุณกับพี่มาก...ดังนั้นไม่ว่าจะต้องทำยังไงพี่ก็จะพยายามทำให้แม่มีชีวิตอยู่กับพี่ไปเรื่อยๆ’



นี่หรือการกระทำที่ควรจะมีต่อผู้มีพระคุณ...หายหัวไปโดยไม่ติดต่อกลับมาเลยตลอดสองสามวันแบบนี้น่ะหรือ!?



“...ร...”



“...คุณน้า! ...” ร่างสูงผุดลุกขึ้น รู้สึกตกใจมากที่ได้ยินเสียงบางอย่างเล็ดลอดออกจากปากคนป่วย เขาไม่ได้หูฝาดเพราะตอนที่กำลังจะกดปุ่มเรียกพยาบาลเข้ามาตรวจกลับได้ยินเสียงห้าม



“มะ...ไม่...ต้อ..ง...”



“...ทำไมล่ะครับ?” เขาถามร้อนรน ในใจกระสับกระส่าย



“...ไอ...ติม...” ดวงตาคู่คมเบิกกว้างน้ำตารื้นเมื่อได้ยิน “แม่...อยากคุย...กับ...ลูก”



“แม่...ยังจำผมได้เหรอ” น้ำตาไหลหยดหลังมือผ่ายผอม...แล้วทำไมตอนที่เจอกันครั้งแรกถึงไม่แสดงท่าทีอะไรเลย ทำไมถึงต้องทำเมินเฉย



“ลูกชายตัวกลมที่น่ารักของแม่...โตขึ้นมาหล่อเหลาเหลือเกิน” คำพูดแผ่วเบาที่เนตรนภาพูดเชื่องช้าอ่อนแรง แต่คนได้ยินยิ่งฟังยิ่งรู้สะเทือนใจ



“แม่ครับ...ติมคิดถึงแม่ ทำไมแม่ถึงทิ้งพวกเราไป ติมอยากถามมาตลอดเลยนะ” มือใหญ่ช้อนกุมมือเล็กสากกร้านผ่ายผอมและแนบมันข้างแก้ม



“แม่ขอโทษ...” เนตรนภามองภาพลูกชายที่เธอไม่เคยได้เลี้ยงดูแต่เติบใหญ่มาได้ขนาดนี้ร้องไห้แล้วเธอรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน “โตแล้วอย่าร้องไห้สิลูก เดี๋ยวสาวๆ ไม่แลนะ” คำแซวเดิมในสมัยเด็กที่เธอยกขึ้นมาใช้ยิ่งทำให้ไอติมที่ได้ฟังเจ็บ



ทุกสิ่งทุกอย่าง แม่ไม่เคยลืมพวกเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว



“คุณอรรถกับลูกอิฐล่ะ สบายดีใช่มั้ย”



“สบาย...สบายดีครับ พ่อกับพี่ก็คงอยากเจอแม่แน่ๆ แม่อดทนหน่อยนะเดี๋ยวติมจะโทรเรียก...!”



“อย่าเลยติม แม่คง...ไม่ไหวแล้ว” เนตรนภาพูดเสียงอ่อนแรง ภาพของลูกชายที่มองมาอย่างอ้อนวอนนั้นแสนพร่ามัว ไม่ต้องให้หมอหรือใครมาบอกเพราะร่างกายของเธอ เธอรู้ดีที่สุด



เธอกำลังจะตาย



“แม่จะทิ้งติมไปอีกแล้ว” ไอติมนิ่วหน้าเจ็บปวดล้นเมื่อได้ยินมารดาพูดแบบนี้



“แม่ขอโทษ” คำๆ นี้คำเดียวที่เธอสามารถเอ่ยออกมาได้ แต่ในใจของเนตรนภายังรู้สึกกังวลถึงใครบางคน ลูกชายอีกคนของเธอ...ต้องรีบ...ต้องรีบแล้ว “แม่รู้ดีว่านี่เป็นคำขอที่เห็นแก่ตัว แต่แม่ขอฝากรามไว้กับลูกได้มั้ย ติม”



“...ราม ทำไม?”



มือผ่ายผอมบีบมือลูกชายกลับ “แม่เป็นห่วงราม ขอร้องล่ะนะติม ต่อจากนี้ช่วยดูแลรามแทนแม่ได้มั้ย”



เขาขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่มารดากำลังบอก “เขาก็มีพ่ออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมติมต้อง...”



“ไม่ได้นะ คุณนพกรน่ะ...! แค่กๆๆๆ!!” ทันใดนั้นเนตรนภาก็ไอโขลกหนักและกระอักเลือดออกมากองโต...คราวนี้เป็นเลือดสีดำ



ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!



“แม่!!!” ไอติมร้องเรียกเสียงดังจับมือผอมของมารดาแน่นก่อนจะกระโจนไปกดปุ่มเรียกพยาบาลรัวๆ อย่างร้อนรน “แม่ครับ...อย่าทิ้งผมไป ขอร้อง...”



“ติม แค่ก! ...แม่ฝาก...แม่ฝากราม...” ทั้งๆ ที่อาการทรุดลงแทบจะทนไม่ไหวแต่เนตรนภาก็ยังคงเป็นห่วงพระราม ทั้งๆ ที่ร่างกายอ่อนแอเจ็บแสบปวดร้อนแทบตายกับโรคหลากหลายรุมเร้าแต่ถ้าหากยังไม่ได้คำตอบจากไอติม เธอก็ไม่อาจวางใจ



ถ้าจากไปแบบนี้ เธอคงนอนตายตาไม่หลับ



เห็นสภาพของมารดาแล้วลูกชายน้ำตาไหลอาบหน้า รู้สึกสงสารจับใจ ไม่สนใจสักนิดว่าเลือดสีดำมันจะกระเซ็นโดนเขาจนเปรอะเปื้อนแค่ไหน ถ้าหากเนตรนภาอยากจะได้ยินคำตอบของเขา เขาก็จะยอม อนแค่ไหน ถ้าเปื้อนแค่ไหน ถ้าหากแต่เนตรนภาก็ยังเป็นห่วง ถ้าหากพร้อมกับที่พยาบาลกรูเข้ามาและร่างสูงที่อยู่ในห้องก็ถูกผลักออกมาเมื“ครับแม่ ติมสัญญาว่าจะดูแลราม”



ติ๊ดดด!



เมื่อได้คำตอบของลูกชายคล้ายราวกับคำมั่นสัญญา เนตรนภาก็คล้ายจะหมดกังวล มือผ่ายผอมที่จับมือใหญ่ปล่อยตกลงข้างเตียงเพราะไม่มีแรงจะเหนี่ยวรั้งอีกต่อไป



“แม่!!!”



เสียงของเครื่องตรวจการเต้นหัวใจดังเป็นสัญญาณยาวแบบนี้มันหมายถึงหัวใจหยุดเต้น



ในเวลาเดียวพยาบาลสองสามคนก็กรูเข้ามาอย่างวุ่นวาย ร่างสูงที่อยู่ในห้องก็ถูกผลักออกมารอด้านนอกเพื่อไม่ให้เกะกะขวางทาง ทั้งๆ ที่ดวงตาคู่คมชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำตานั้นยังมีแต่ความไม่เข้าใจ



ทำไม...ทำไมแม่ถึงต้อง...ทำขนาดนี้



ไม่เข้าใจเลย





********************* Love Substitute *********************


ประกาศสำหรับคนอยากได้รูปเล่มนะคะ เหลือพรีออเดอร์อีกเพียงสามสัปดาห์(ถึงสิ้นเดือนมีนานี้)

จะมาบอกว่าเรื่องทดแทนรักนี้ นักเขียนจะสั่งพิมพ์ตามจำนวนสั่งจองหรืออาจจะเผื่อไว้เล็กน้อยเท่านั้นค่ะ

ดังนั้นถ้าใครหวังเล่มสต็อคนั้นอาจจะได้แค่เพียงบางคน ที่เหลือก็ต้องไปเปย์อีบุ๊คแทนนะคะ

ใครอยากได้รีบสั่งเลยเพราะว่าได้แน่นอน ฟันธง คอนเฟิร์ม

โอเคนะ เข้าใจตรงกันแล้วน้า^^

หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep8 08/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 09-03-2019 19:43:08
 o13 :really2:
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep9 15/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 15-03-2019 21:03:10


                                                   ทดแทนรัก

                                                    ตอนที่ 9



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม


“ขอบคุณมากเลยครับ”



“เออ ไม่ต้องขอบคุณหรอก” คนตัวเล็กเท้าสะเอวเงยหน้าพูดกับคนอายุน้อยกว่าด้วยท่าทางดุๆ ไม่สมกับใบหน้าน่ารักทำให้ร่างโปร่งหน้าจ๋อย “แต่ถ้านายไม่สบายหนักแบบนี้ก็ไม่ควรจะมาทำงานจนเป็นลมเป็นแล้งนะ”



“ผมต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ลำบาก”



“บอกแล้วไงว่าเลิกขอโทษ ขอบคุณซ้ำไปซ้ำมาซักที”



“ขะ ขอ...ครับ”



ร่างเล็กของคนอายุมากกว่ากอดอก เพิ่งจะบอกไปเมื่อกี้แท้ๆ แต่ดูเหมือนพระรามก็เป็นขี้เกรงใจจัด ต้องถลึงตาใส่ถึงจะยอมหยุด ไม่งั้นคงได้ขอบคุณสลับขอโทษแบบนี้ทั้งวัน



“ว่าแต่นายพักแค่นี้พอแล้วเหรอ ยังไม่หายดีเลย”



“ไม่หรอกครับ ตั้งสามวันแล้ว ผมเป็นห่วงแม่ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มใสเอ่ยเครียดๆ อย่างที่ไม่เคยเป็น นั่นก็เพราะว่าเขาไม่เคยไม่กลับบ้านติดกันหลายวันแบบนี้มาก่อน



แต่มันก็มีเหตุจำเป็นบางอย่าง เนื่องจากสองวันก่อนระหว่างที่กำลังทำงานอยู่ จู่ๆ รามก็เกิดอาการเป็นลมล้มพับไปเพราะไข้ขึ้นสูง สาเหตุเพราะร่างกายของเขาที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดันมาเจอเรื่องแบบนั้นติดต่อกันทั้งคืน



‘ติม พี่เจ็บ...ขอร้องล่ะ เบาๆ’



ร่างกายที่ครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่แล้ว เลยอักเสบหนักซ้ำยังฝืนทำงานทั้งๆ แบบนั้นจึงทำให้พระรามไม่สบายนอนซมตั้งสองวันเต็ม ยังดีที่รุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกันชื่อว่าเอ็มนิสัยดี จิตใจดี ให้นอนพักที่หอพักของตนที่อยู่ใกล้ๆ กับที่ทำงานจนกว่าจะหาย หนำซ้ำยังคอยดูแล เช็ดตัวให้ หาข้าวหายาให้ทาน จนพระรามอดซาบซึ้งจนน้ำตาซึมไม่ได้ที่ได้รู้จักกับคนดีๆ แบบนี้



เพราะงั้นตอนนี้เขาถึงเป็นห่วงที่บ้านเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามารดาของเขาจะเป็นยังไงบ้าง...ไม่รู้ว่าพ่อจะกลับมาเมื่อไหร่ ทำอะไรมารดาอีกหรือเปล่า



“พี่รู้ว่านายเป็นคนขยัน แต่บางทีต้องรู้ขีดจำกัดของร่างกายตัวเองบ้าง ทำแบบนี้จนต้องหยุดงานอีกสองวันมันคุ้มกันมั้ย?” เสียงใสพูดจบก็ยกมือขึ้นท่าปรางห้ามญาติเพื่อเบรครุ่นน้องตัวสูงกว่านิดหน่อยที่กำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง “หยุด ห้ามพูดว่าขอโทษ พี่อนุญาตให้พูดว่าครับอย่างเดียวพอ”



ริมฝีปากบางอ้าค้างก่อนจะค่อยๆ หุบ ดวงตาเรียวกระพริบปริบ  “ครับ พี่เอ็ม”



“นี่นายทำงานกี่อย่างกันหา ทำจนไม่ได้กินไม่ได้นอนจนป่วยหนักนี่ไม่ธรรมดาแล้ว รู้ไหมว่าตัวเองโทรมขนาดไหน ผอมจนจะติดกระดูกอยู่แล้ว พี่ยังอ้วนกว่านายเลย”



“ครับ...” ริมฝีปากสีซีดเม้มแน่นลำบากใจ



“นายนี่นะ” เอ็มถอนใจคล้ายเอือมระอาก็ไม่ปาน พอให้พูดแค่ครับ ไอ้รามมันก็จะพูดครับอย่างเดียวจริงๆ ก่อนมือเล็กจะโบกไล่เพราะเราทั้งสองคนคุยกันอยู่หน้าห้องนานพอควรแล้ว “เอ้า ไปได้แล้ว จะกลับก็กลับไป เรื่องทำงานวันนี้เดี๋ยวพี่บอกพี่รุ้งเองว่านายยังไม่ค่อยดี ขอหยุดอีกหนึ่งวัน”



“ครับ พี่เอ็ม สวัสดีครับ” พระรามยิ้มบางขอบคุณในใจเพราะอีกฝ่ายไม่ให้พูด ร่างโปร่งก้มหัวให้ก่อนจะเดินออกมา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกเรียกชื่อไว้ซะก่อน



“ราม ชาร์ตมือถือหน่อยก็ดีนะ พี่เห็นว่าใครโทรมาไม่รู้ตั้งแต่วันแรกแล้ว คิดว่าน่าจะมีเรื่องด่วนอยู่แหละเพราะเห็นโทรมาจนเครื่องมันดับไปเลย”



พอได้ยินเอ็มพูดแบบนั้นพระรามก็ล้วงมือถือขึ้นมา นิ้วเรียวลองกดปุ่มโฮมดู แล้วมันก็ขึ้นสัญลักษณ์แบตหมดจริงๆ “อ่า ครับ”



“โทษทีที่ไม่ได้ชาร์ตให้อ่ะ”



“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เสียงทุ้มใสกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ขาเรียวจะวิ่งลงบันไดเบาๆ ออกมาจากหอของพี่เอ็ม แม้จะนอนมาแล้วสามวัน พิษไข้ก็ยังคงเหลืออยู่แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา แผลตรงนั้นก็ยังเจ็บแสบอยู่ แต่ดีขึ้นมากแล้ว ถ้าให้อธิบายคำว่าดีขึ้นมากล่ะก็...ก็คือเขาสามารถนั่งได้ (แบบรองเบาะนุ่มๆ) ซ้ำยังสามารถเดินได้ปกติให้คนอื่นมองแบบไม่สงสัยได้แล้วด้วย



วันแรกนี่ก้าวขาแทบไม่ออกเพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงนั่ง...เขาเจ็บมากจนนั่งไม่ได้



พระรามมองซ้ายมองขวาหยีตากับแดดที่ส่องเปรี้ยงจนเหงื่อชุ่มใบหน้า มองนาฬิกาและคำนวณดูว่าถ้าหากเดินกลับบ้านจะต้องใช้เวลากี่นาที



หรือว่าเขาจะนั่งรถโดยสารดี?



สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินกลับ รามเป็นคนชอบประหยัด...ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ใช้จ่ายอะไรมั่วซั่ว ถ้าไม่รีบไปไหนเร็วๆ เขาก็จะเผื่อเวลาและใช้กำลังขาเดินเอา บางทีก็นั่งรถเมล์ถ้าระยะทางไกลมาก ยกเว้นแค่วันนั้นที่รีบมาทำงานจนต้องนั่งแท็กซี่ อีกอย่างเขาก็เดินไม่ไหว สุดท้ายเสียไปหนึ่งร้อยกว่าบาท ทำงานแทบตายกว่าจะได้เงินมา กลับต้องมาเสียให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง



ว่าแต่ว่าไอติมจะหายโกรธเขาหรือยังนะ



นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นแล้วร่างโปร่งก็สั่นขึ้นมาเองอย่างควบคุมไม่ได้



รามยอมรับว่าพอเจออารมณ์รุนแรงแบบนั้นของไอติม เขาก็กลัวมาก...ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้โมโหขนาดนั้นเพียงแค่พูดถึงเรื่องของแม่



ซ้ำยังแววตามืดมิดเย็นชาที่มองมาที่เขามันทำให้ในใจบีบรัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก



แต่นับจากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ผ่านมาตั้งสามวัน ร่างสูงน่าจะหายโกรธเขาแล้ว



‘แล้วรามกลับไปยังไง เลือดออกไม่เจ็บเหรอ’



ไม่งั้นวันนั้นคงไม่โทรมาหา...ไม่ถามไถ่ว่าเขาจะเจ็บหรือเปล่าหรอก



ไอติมคงจะนึกเป็นห่วงกันบ้างอยู่แล้ว...ใช่มั้ย?



ร่างโปร่งส่ายหน้ากับความคิดบ้าบอของตัวเอง ใช่สิ มันต้องใช่ ร่างสูงไม่โกรธเขาหรอก ตอนนั้นอีกฝ่ายก็ขอโทษเขาแล้วด้วยที่ทำรุนแรงใส่ อีกอย่างตอนนี้ร่างกายของเขาก็หายดีแล้ว อย่าไปคิดมากนักเลย



เพียงไม่ถึงชั่วโมงพระรามก็มาถึงบ้าน ถึงเขาจะดีขึ้นแล้วแต่ด้วยความที่แดดทั้งร้อนทั้งอบอ้าวแบบนี้ก็ทำให้ตาพร่าหน้ามืดเหมือนกัน ร่างโปร่งยืนหลับตานิ่งอยู่แบบนั้นที่หน้าประตูบ้านให้ตัวเองได้พักหายใจก่อนเพราะถ้าเข้าไปสภาพอิดโรยแบบนี้ให้ภาวดีเห็น เขาก็จะทำให้เธอต้องมาเป็นห่วงอีก



มือขาวซีดยกขึ้นปาดเหงื่อที่กรอบใบหน้าก่อนจะบิดลูกบิดประตู พลันดวงตาของพระรามเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะพบว่ามันไม่ได้ล็อคเอาไว้ พอค่อยๆ แง้มเข้าไปก็รู้สึกได้ว่ามันเงียบเชียบผิดปกติ ไม่มีกลิ่นของชาที่แม่ชอบชง ไม่มีกลิ่นความอบอุ่นหรือกลิ่นของสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย



ร่างโปร่งผลักประตูเปิดกว้างและเดินเข้าไปทันที แล้วส่งเสียงเรียก “แม่...แม่ครับ”



พระรามใจเต้นตึกตักระรัวเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ “แม่!”



หรือว่าเธอจะเป็นลมล้มพับอยู่ที่ไหน!?



ขาเรียววิ่งดูทุกซอกทุกมุมของบ้านอย่างร้อนรน



ปึง!



แม้แต่ในห้องน้ำก็ไม่มี...รามขมวดคิ้วมุ่นหอบหายใจรัว กังวลจนหัวใจเต้นดังไม่สงบ บ้านเขาก็เล็กแค่นี้ ไม่มีทางที่เขาจะมองตรงไหนพลาดไป...แม่ไม่ได้อยู่ที่นี่



แล้วแม่ของเขาหายไปไหน?



ตึกตักๆๆ!



ใจเย็นๆ ...ใจเย็นๆ ...



"ฮึก...แม่ครับ..." พระรามยกมือขยุ้มเส้นผมอย่างคนคิดอะไรไม่ออก นิ่วหน้าน้ำตารื้นขึ้นมาเพราะเป็นห่วงมารดาจับใจ



แม่ไม่เคยออกไปไหนคนเดียว เพราะเขาห้ามเอาไว้แล้ว สัญญาเอาไว้แล้วเพราะกลัวจะเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาข้างนอกและไม่มีใครช่วย ดังนั้นแม่เลยทำตามที่เขาบอกมาตลอด เรื่องซื้อของทุกอย่างรวมถึงวัตถุดิบเข้าบ้านจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระรามเอง



...โทรศัพท์...



พลันบางอย่างผุดเข้ามาในหัว ร่างโปร่งก็รีบหยิบมือถือออกมาแต่ก็ต้องสบถออกมาดังๆ เมื่อเห็นว่ามันแบตหมด พระรามรีบเสียบปลั๊กชาร์ตมันทันที เพียงแค่ห้านาทีก็ยังคิดว่านานเหลือเกินในความรู้สึก พระรามรีบกดเบอร์ของมารดาและโทรออกทันทีที่โทรศัพท์สามารถเปิดใช้งานได้



ตรู๊ด...ตรู๊ด...



เขาเงี่ยหูฟังภายในบ้าน พบว่ายังคงเงียบกริบก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา มันหมายถึงภาวดียังพกโทรศัพท์ไว้ติดตัวไม่ได้ลืมทิ้งเอาไว้ แต่แล้วร่างโปร่งก็นั่งรอสายเรียกเข้าที่ดังอยู่นาน ไม่ว่าจะสิบยี่สิบสายก็ไม่รับสักทีจนกลับมากังวลหนักอีกครั้ง



พระรามเม้มปากแน่นสะอื้นน้ำตารื้น นั่งกุมมือบีบกันอยู่อย่างนั้นเพราะไม่รู้จะต้องทำยังไง...จะทำยังไงดี?



แม่ของเขา...ภาวดีผู้ป่วยกระเสาะกระแสะแบบนั้น อยู่ดีๆ เธอจะหายไปได้ยังไง



"อ้าว...ไอ้ราม กลับมาแล้วเรอะ!?"



เสียงเรียกชื่อทำให้พระรามที่นั่งเครียดหันขวับตาเบิกกว้าง อีกฝ่ายที่ส่งเสียงอยู่หน้าประตูบ้านคือนพกร พ่อของเขาเอง



"ห่า หายไปไหนตั้งสองสามวัน...เรื่องนั้นช่างเหอะ เอาเงินมาให้กูยืมหน่อยดิ้"



ร่างโปร่งค่อยๆ ยืนขึ้นเดินไปหา ไม่ตอบ ไม่หือ ไม่อือ แต่ถามในสิ่งที่อยากรู้แทน "แม่ล่ะ?" ดวงตาเรียวฉ่ำน้ำตาวาววับ



ชายฉกรรจ์เลิกคิ้ว ในแววตามีความแปลกใจ "นี่เพื่อนมึงยังไม่ได้บอกอีกเหรอ"



พระรามงุนงงถึงที่สุด "บอก? บอกอะไร?"



"ว่ายัยภาตายแล้วไง"



นพกรพูดเสียงเรียบเหมือนเป็นเรื่องปกติ...เหมือนพูดว่าจะไปทานข้าวเที่ยง ไม่ได้พูดถึงการตายของใครบางคน มันทำให้คนฟังอย่างพระรามเบิกตากว้าง สูดหายใจเข้าลึกอย่างอดทนก่อนจะหายใจแรงขึ้น ร่างโปร่งกัดฟันกำหมัดแน่น ก่อนจะตะคอกผู้เป็นพ่อเสียงดังอย่างโมโหขีดสุด "พ่อพูดอะไร!!? อย่ามาพูดบ้าๆ นะ!!!"



เรื่องสำคัญแบบนี้กลับมาพูดพล่อยๆ ถึงจะเป็นพ่อเขาก็ไม่ยกโทษให้แน่!!



"กูไม่ได้ล้อเล่นนะ เมื่อสองวันก่อนยัยภามันอาการทรุดหนักต้องเข้าโรงพยาบาล!" ผู้เป็นพ่อรีบยืนยันเพราะลูกชายมันทำหน้าไม่เชื่อ



"!?" ร่างโปร่งมึนงงกับคำบอกเล่าของนพกรที่ดูเหมือนจะไม่ได้โกหก เหมือนกับใครมาทุบสมองของเขาอย่างแรง



สองวันก่อน...? นั่นมันวันที่เขานอนซมไม่สบายพอดีเลย



อะไรกัน...นี่มันเรื่องอะไรกัน?



"เพื่อนของมึงก็พาไปส่ง แล้วกูก็เพิ่งได้ข่าวเหมือนกันว่าเพิ่งจะตายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง!"



คำพูดตอกย้ำเหมือนค้อนทุบรอบที่สองซ้ำยังหนักหน่วงกว่าเดิมจนแทบจะตั้งสติกลับมาไม่ได้



ตาย? นี่แม่ตายแล้วจริงๆ เหรอ? ...แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย



ก่อนที่สมองจะจับใจความคำว่าเพื่อนที่นพกรพูดได้ "เพื่อนของผม...ใคร...เป็นใคร!?" มือเรียวกระชากเสื้อชายฉกรรจ์แต่ถูกปัดออกอย่างแรง



"ก็ไอ้หน้าหล่อๆ กูไม่รู้ว่ามันชื่อว่าอะไร มันไม่ได้บอกชื่อ...เฮ้ย จะไปไหนวะ ไอ้ราม! เอาเงินมาให้กูยืมก่อนดิโว้ย!"



พระรามคว้ากระเป๋าส่วนตัวกับโทรศัพท์มือถือแล้วถลันตัวออกจากบ้านทันทีที่นพกรยังพูดไม่ทันจบ ร่างโปร่งเมินเสียงตะโกนที่ตามมา ได้แต่วิ่งสุดแรงและยกมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบหน้า



ระหว่างที่นั่งบนแท็กซี่กำลังเดินทางไปโรงพยาบาล เขาก็กดดูประวัติการโทร มีคนโทรเข้ามาจริงๆ และเขาก็ไม่ได้รับเลยห้าสิบกว่าสาย



ทั้งหมดคือสายของไอติม



'พี่เห็นว่าใครโทรมาไม่รู้ตั้งแต่วันแรกแล้ว คิดว่าน่าจะมีเรื่องด่วน...'



หนำซ้ำในกล่องข้อความยังมีข้อความที่ไม่ได้อ่านอีกมากมาย รวมถึงแชทด้วย เพราะว่าก่อนหน้านี้พระรามมัวแต่พะวงเรื่องของภาวดีมากก็เลยไม่ได้เปิดดูให้ครบเสียก่อน มันคือข้อความที่ไอติมส่งมา และเนื้อความที่ได้อ่านมันก็ทำให้ร่างโปร่งแทบจะร้องไห้ออกมาดังๆ



'แม่ของรามอาการทรุดหนัก อยู่ที่โรงพยาบาล...'



'ราม ทำไมโทรไปไม่รับ'



'ตอนนี้อยู่ที่ไหน'



'ราม...แม่เสียแล้วนะ'



"อึก...แม่ครับ..." แผ่นหลังผอมบางคู้ตัวลง กุมศีรษะร้องไห้สั่นเครือ



เขาไม่เคยรู้สึกผิดจนแทบอยากตายแบบนี้มาก่อน



 

********************* Love Substitute *********************





ตึกๆๆๆ



"อย่าวิ่งในโรงพยาบาลนะคะ!"



คำติที่ตะโกนตามหลังมาไม่ได้ทำให้ร่างโปร่งหยุดชะงัก ตอนนี้ใจของเขาจดจ่ออยู่แค่สิ่งๆ เดียว



"ขอโทษนะครับ คุณแม่...คุณภาวดี เทพเทวพรหม ตอนนี้อยู่ที่ห้องไหนครับ!"



พระรามหยุดอยู่หน้าหน้าเคาท์เตอร์และตะโกนถามเจือเสียงหอบจนหลายคนหันมามอง ไม่เพียงเท่านั้นยังโดนมองตำหนิจากคนที่มาใช้บริการก่อนหน้าซึ่งก็แน่ล่ะทุกคนมีเรื่องเดือดร้อนกันทั้งนั้นแต่อยู่ๆ ผู้ชายคนนี้ดันมาแซงเฉย...ใครจะไปยอม   



"...รอสักครู่นะคะ" พยาบาลหน้าเคาท์เตอร์ยังบอกอย่างใจเย็นให้พระรามรอคิว ทำให้กำปั้นเล็กกำแน่นจนสั่น รอจนเกือบหมดความอดทน ในที่สุดผู้หญิงคนเดิมหันมาถามด้วยรอยยิ้มทำให้เขาใจเย็นลงเล็กน้อย



"ชื่ออะไรนะคะ"



"ภาวดีครับ นามสกุลเท...อ๊ะ!!" พระรามตกใจเนื่องจากถูกกระชากแขนอย่างแรง โดยร่างสูงที่เขาไม่ได้เจอกันตั้งแต่วันนั้น ไม่รู้ทำไมจู่ๆ น้ำตามันถึงรื้นและไหลออกมา สะอึกสะอื้นราวกับเด็ก



"ติม" พระรามโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างคนต้องการที่พึ่งและพักพิง



...ต่อจากนี้เขาจะไม่เหลือใครอีกแล้ว...



เพียงครู่เดียวก็ถูกดันไหล่ออก “ไม่ต้องแล้วครับ ผมมากับเขา” เสียงทุ้มว่ากับพยาบาลคนนั้นที่หน้าแดงดวงตาเหม่อลอยกับใบหน้าหล่อเหลาไปเรียบร้อยแล้วไม่รู้ได้ฟังหรือเปล่า



ดวงตาเย็นชาตวัดมองมาทำให้ใจดวงน้อยหล่นวูบ มือใหญ่จับข้อมือผอมและลากร่างเบาหวิวให้ตามไป ซึ่งขาเรียวก็เดินตามด้วยก้าวที่ต่างกัน



ทั้งๆ ที่เจอหน้ากันทั้งที แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีคำพูดใดๆ เลย



"ติม แม่พี่..." เสียงทุ้มใสเอ่ยขึ้น แต่กลับถูกตวัดสายตากลับมาอีกครั้งราวกับจะบอกว่าให้เงียบซะ...ไม่มีแม้แต่คำปลอบโยน...มีเพียงดวงตาเย็นเยียบระคนตำหนิติเตียนทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกอีก



"..."



ดวงตาเรียวมองแผ่นหลังกว้างที่แสนพร่ามัวด้วยน้ำตาของคนเดินนำ ก่อนจะหลุบลงฉายความน้อยอกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก ฟันขาวขบกัดริมฝีปากล่างแน่นจนเลือดซึม ทั้งๆ ที่มีเรื่องให้ต้องกังวลเรื่องหนึ่งอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนจะมีอีกเรื่องเพิ่มขึ้นมา



ติมเป็นอะไร...โมโหอะไรเขาอีกแล้ว



ยังโกรธเรื่องวันนั้นอยู่อีกเหรอ



ขาสองคู่หยุดลงหน้าห้องๆ หนึ่ง มือใหญ่ละออกจากข้อมือ พระรามจึงเดินเข้าห้องนั้นช้าๆ เพียงแค่ก้าวผ่านกรอบประตูขาเรียวกลับชะงักหยุดยืนนิ่ง ลมหายใจของเขาหอบสั่นพอๆ กับร่างกายที่สั่นระริก



หวาดกลัวสิ่งที่จะต้องเจอ...หวาดกลัวความจริงที่ต้องเผชิญ



แม้จะทำใจนานแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องก้าวเข้าไปเพื่อยอมรับความจริงอยู่วันยังค่ำ



ภาพเตียงผู้ป่วยมีร่างๆ หนึ่งที่ถูกคลุมผ้าสีขาวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเอาไว้ ทำให้ขาเรียวเดินเข้าไปใกล้อีก...ใกล้อีก และค่อยๆ เปิดผ้าคลุมออกมา น้ำตามากมายร่วงไหลอาบใบหน้า ร้องไห้จนมองภาพข้างหน้าไม่เห็น



ใบหน้าซีดเซียวที่หลับตาพริ้มของภาวดี...นิ่งสงบราวกับแค่นอนหลับไปเฉยๆ



ในระหว่างที่เขากำลังทำงาน กำลังไม่สบาย ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกันนะ



ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับแม่ด้วย...?



"มะ แม่...ฮึก แม่ครับ" มือเรียวค่อยๆ ช้อนมือเล็กเย็นเฉียบขึ้นมา ทั้งกุมทั้งบีบแน่นไม่กลัวว่าเธอจะเจ็บ ดีซะอีก ถ้าหากว่าภาวดีเจ็บจนร้องออกมาได้ยิ่งดี...อย่านิ่งไปแบบนี้ ได้โปรดเถอะ ส่งเสียงออกมาบ้าง



ถ้าหากว่า...นี่เป็นความฝัน...



'ราม วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ยลูก พักสักหน่อยนะ'



ทั้งๆ ที่สัญญาว่าไม่ว่ายังไง ไม่ว่าเขาจะเหนื่อยแค่ไหนก็จะไม่ยอมแพ้ เพื่อที่จะทำให้มารดามีชีวิตอยู่ต่อไปแท้ๆ เพราะว่าภาวดีก็คอยดูแลเขามาตั้งแต่เด็กไม่ต่างกัน



เธอต่อสู้อยู่เพียงลำพังด้วยร่างกายเล็กๆ บอบบาง...ทำเพื่อเด็กชายพระรามคนนี้



แต่ว่าการกระทำของเขา...การทุ่มเททำงานอย่างหนักของเขาที่ทำเพื่อแม่มันไร้ค่าสิ้นดี



หยาดเหงื่อและแรงกายของเขาที่ทำไปทั้งหมด...มันไม่สำคัญอีกแล้ว



เพราะแม่ไม่อยู่อีกแล้ว



"แม่..."



ทำไมถึงจากไป ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้บอกลากัน



ในวาระสุดท้ายของภาวดี เขาที่เป็นลูกชายก็ยังไม่ได้อยู่เคียงข้าง



เธออาจจะเจ็บปวดมากและอาจจะต้องการกำลังใจจากเขาแท้ๆ ...แต่สุดท้ายพระรามกลับไม่โผล่หน้ามาเลย



ลูกชายประสาอะไร...ห่วยแตก...เฮงซวยที่สุด



"ฮึก!"



'แม่ภูมิใจในตัวรามนะ'



"ผมขอโทษครับ"



'แม่รักราม'



"รามขอโทษ..."



ถ้าหากไม่มีแม่อยู่แล้ว...



เขาจะมีชีวิตต่อไปเพื่ออะไรอีกล่ะ?



"ราม..." เสียงทุ้มเรียกชื่อบวกแรงเขย่าที่ไหล่ ทำให้ร่างโปร่งเริ่มรู้สึกตัว "ราม"



"...ติม?" เสียงทุ้มใสแหบโหย ร่างโปร่งค่อยๆ ลุกขึ้นแต่ไม่ค่อยมีแรง หัวสมองเขามึนเบลอจนต้องสะบัดแรงๆ ทั้งแสบตาและปวดหัวหนึบ ความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่มันหายไปเพราะนอนพักไปสองวัน...อาจเป็นเพราะจิตใจที่ส่งผลทำให้ร่างกายแย่ลง



ดวงตาเรียวกระพริบเชื่องช้า...นี่เขาอยู่ที่ไหน?



จำได้ว่าเมื่อกี้เขาอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย...หรือว่ามันคือความฝัน



"นี่ห้องผม" ได้ยินไอติมว่าดังนั้น พระรามก็มองไปรอบๆ อา...จริงด้วย ถึงเขาจะเคยมาเพียงครั้งเดียวแต่ก็จำได้ดี



แล้วทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้



ร่างสูงลุกขึ้นมองต่ำมาที่คนอายุมากกว่าที่ยังดูมึนงง "เรื่องของแม่รามเดี๋ยวผมให้คนมาจัดการทำเรื่องให้ทั้งหมด"



"ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก แต่พี่ทำเองได้" พระรามหันขวับรีบบอก เรื่องของแม่ตน เขาอยากจัดการเองไม่จำเป็นต้องให้ใครมายุ่ง



"อย่าทำเป็นเก่งไปหน่อยเลย!!" ใบหน้าหล่อเหลาขึงขังตะโกนดังทำให้พระรามสะดุ้งเฮือก



"ตะ ติม?" ดวงตาเรียวสั่นไหวเมื่อสบตาคมกร้าว



"ใครกันบอกว่าจะดูแลแม่ แล้วทำไมตอนที่เธออาการทรุดหนักถึงไม่มาเยี่ยมเลยสักครั้ง!"



เสียงทุ้มใสพูดสั่นเครือ "น่ะ นั่นเพราะพี่ไม่..."



"ไม่ต้องมาพูดแก้ตัวอะไรทั้งนั้น"



ฟันขาวขบกัดปากซ้ำแผลที่เดิมจนเจ็บ น้ำตารื้นขึ้นอีกครั้ง แม้จะร้องจนแสบตาแต่พอได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้เขาทนไม่ไหว



"แม้แต่ตอนที่เธอกำลังจะตาย นายก็ยังไม่มา แล้วจะมาร้องไห้สำนึกผิดตอนนี้มันก็สายไปแล้ว!!!"



น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะ กับใบหน้าคมเกรี้ยวกราดกับคำพูดแทงใจดำ



เขารู้ รู้อยู่แล้ว...ว่าสิ่งที่คนตรงหน้าพูดมันเป็นเรื่องจริง แต่จะให้เขาทำยังไงในเมื่อตอนนั้นเขาก็ไม่สบาย ไยอีกฝ่ายไม่คิดจะฟังกัน



กับคนที่อยากให้ปลอบใจ กลับด่าทออย่างไม่ไว้หน้า



ทั้งๆ ที่ตอนนี้เขากำลังเสียใจ แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงมาตอกย้ำกันแบบนี้



มันทำให้เขารู้สึกเจ็บ...เจียนตาย



"แค่ตัวเองยังดูแลไม่ได้ นายก็ไม่ต้องมาพูดว่าจะดูแลแม่!"



ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับร่างสูงอย่างโมโห ได้ยินอีกฝ่ายดูถูกเขาแบบนี้แล้วมันทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป



"นายไม่มีสิทธิ์มาพูดกับพี่แบบนี้นะ!" มือเรียวยกผลักไหล่แกร่งอย่างแรงแต่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังเรียกความโมโหจากดวงตาคมให้ปะทุ มือใหญ่ยกขึ้นบีบข้อมือผอมทั้งสองข้างอย่างแรงจนช้ำ "โอ๊ย!"



"ทำไมกูจะไม่มีสิทธิ์พูด" ใบหน้าหล่อเหลากัดฟันอย่างอดทน "ก็เพราะว่านั่นคือแม่ของกู"



"หะ...? วะ ว่าอะไรนะ?"



"ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นภาวดี เธอเคยชื่อเนตรนภา"



"เนตร...นภา?"



ดวงตาของพระรามสับสน ไอติมกำลังพูดเรื่องอะไร เขาไม่เข้าใจ



‘จริงๆ แล้วแม่ของพี่ไม่ใช่แม่แท้ๆ หรอก...แม่มาจากไหนพี่ก็ไม่รู้’



"เธอเป็นแม่ของกู แต่เธอทิ้งครอบครัวกูมาก็เพราะคนอย่างมึงไง" ดวงตาเรียวเบิกกว้างกับความจริงที่ออกจากปากของร่างสูง



‘แต่ว่าแม่รักพ่อ...แล้วก็เป็นห่วงพี่มาก ถึงขนาดทิ้งครอบครัวเก่าเธอมาเลยนะ’



ร่างโปร่งถูกผลักให้หงายลงบนเตียงกว้างอีกครั้ง ไม่ทันได้ตั้งสติถอยหนี ร่างสูงใหญ่ก็โถมตัวเข้ามากดทั้งแขนทั้งขาของคนตัวเล็กกว่าแทบจมลงเตียง "แล้วตอนนี้มึงก็เป็นคนทำให้แม่ของกูตาย ไอ้พระราม!"



เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยประโยคที่เสียดหูคนฟังให้ใบหน้ามนส่ายหน้า



"ติม ติมพูดเรื่องอะไร พี่ไม่ได้ทำ..."



"มึงทำ"



"...ไม่..." น้ำตาใสไหลจากหางตาหยดลงซึมที่นอน



"มึงทำ! มึงทำให้แม่ป่วย ร่างกายอ่อนแอรักษาไม่ได้ แล้วยังปล่อยให้เธอตาย!!"



"ฮือ..." เสียงทุ้มตะคอกอย่างแรง อารมณ์เกรี้ยวกราดกับกำปั้นหนักๆ ชกลงบนเตียงข้างศีรษะเล็กยิ่งทำให้สะดุ้งตัวสั่น ร้องไห้หนักไปใหญ่



ตอนนี้ไอติมไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว



"คนเฮงซวยอย่างมึง ทำไมแม่ถึงต้องฝากให้กูดูแลด้วยวะ! ทำไม!?"



"ติม ฮึก..." ภาพข้างหน้าพร่ามัว ร่างโปร่งสะอื้นแรงขดตัวกอดตัวเองสั่นระริกอยู่ใต้ร่างกำยำ อยากจะหนีไปให้ไกล...แต่เขาไม่อาจหนีไปได้เลย



...กลัว...



ตอนนี้เขาชัดเจนแล้วว่าดวงตามืดมิดเย็นชานั่นมันคือความแค้นที่มีต่อเขาเอง



'ติม แม่ไปไหนเหรอ'



'อย่าพูดเรื่องของแม่อีก!'



'ครับ พี่ขอโทษ'



การลงโทษเมื่อตอนนั้นที่เขาเผลอพูดเรื่องของแม่ เขารู้แล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงโมโหเขารุนแรงแบบนั้น



‘จริงๆ แล้วถ้าเธออยู่กับครอบครัวเก่าของเธอคงจะมีชีวิตดีกว่านี้มาก’



ลูกชายแท้ๆ ของแม่คือไอติม



พระรามนิ่วหน้ารู้สึกเจ็บปวดใจ



ทำไม...ทำไมถึงต้องเป็นติมด้วย ทำไมชะตาชีวิตของเขาถึงต้องถูกกำหนดมาแบบนี้



ความรักของเขาพังทลายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ



"พี่ขอโทษ" ครั้นจะเอื้อมมือแตะแขนแกร่งก็ถูกสะบัดออกราวกับรังเกียจเดียดฉันท์



"ไม่ต้องมาร้องไห้ ทุเรศ"



คำด่าทอที่แสนร้ายกาจทำให้พระรามต้องกลั้นสะอื้น แต่มันทนไม่ไหว มันรุนแรงเกินไป ความรู้สึกเหมือนรังเกียจกันของไอติมมันทำให้เขาเจ็บ "อึก ฮึก!"



ไม่อาจห้ามทำนบน้ำตาที่ไหลพราก



"แล้วที่นายมายุ่งกับพี่...ตั้งแต่แรก..." ดวงตาเรียวสั่นไหว



ที่มาทำเหมือนสนใจ



‘จุดอ่อนคือที่หูสินะ หึหึ โคตรน่ารัก’



ที่มาทำให้เขาหลงรัก



‘รามเป็นคนดีนะ’



ทั้งหมดเขาเข้าใจผิดไปเอง...ใช่มั้ย



"หึ เพิ่งจะรู้ตัวเหรอ" ใบหน้าหล่อเหลาแสยะยิ้มร้ายกาจ "ก็แค่อยากจะให้มึงรู้ถึงความรู้สึกของการโดนแย่งความรักไปไง"



ที่โทรมาถามด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นห่วงกัน...นั่นก็เป็นสิ่งที่ไอติมฝืนความรู้สึกของตัวเอง...ทั้งๆ ที่เกลียดเขาเข้าไส้


 

ทั้งหมดก็เพื่อทำให้เขาตายใจ



"...ไม่จริง..."



"เพราะมึงแย่งความรักของแม่ไปจากกู"



มือเรียวสองข้างยกขึ้นปิดหู เพราะไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว แต่กลับถูกกระชากออกอย่างแรงจนเจ็บ กรอกคำพูดที่เชือดเฉือนความรู้สึกของเขาให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย "กูก็จะทำให้มึงเจ็บปวดทรมานด้วยความรู้สึกเดียวกัน...อย่างสาสม"



ใบหน้ามนนิ่วหน้าเจ็บปวดมองอีกฝ่ายอย่างตัดพ้อ น้ำตาไหลลงสู่ผ้าปูจนเปียกชื้น ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะสะใจราวกับจอมมาร



"เป็นไง...ที่ผ่านมาฝันดีมากมั้ยครับ พี่ราม"



พระรามขดตัวนอนร้องไห้อยู่แบบนั้น สะเทือนใจ เจ็บปวดกับคำพูดของคนที่เคยไว้ใจ เชื่อใจ แต่ตอนนี้กลับมาทำร้ายกันอย่างไม่แยแสความรู้สึก



‘รู้มั้ย...พี่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้กับใครเลยแม้แต่พวกไอ้ดินกับไอ้สิน ไม่รู้ทำไมพี่ถึงอยากเล่าให้นายฟัง’



ตอนนั้นที่ไอติมนิ่งฟังไม่พูดอะไรแบบนั้นก็เป็นเพราะรู้อยู่แล้วสินะ



ไม่ต้องถามหาแล้วว่าทำไมไอติมถึงไปโผล่ที่บ้านของเขาและพาแม่มาโรงพยาบาลได้ในสถานการณ์ที่พอดิบพอดีเสียขนาดนั้น...ไม่ต้องหาคำตอบแล้ว



เพราะคำตอบมันเฉลยออกมาหมดแล้ว





********************* Love Substitute *********************




อีบุ๊คมาต้นเดือนนน พยายามจะเร่งให้สุดฤทธิ์สุดๆ แว้ว
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep9 15/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-03-2019 21:53:16
 :3123:
:pig4:
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep9 15/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 16-03-2019 08:19:28
 o13 :really2:
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep10 22/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 22-03-2019 19:43:26




ทดแทนรัก

ตอนที่ 10



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



"เลิกร้องได้แล้ว รำคาญ" ไอติมกอดอกถอนหายใจดังๆ อย่างเอือมระอาแกมรำคาญอย่างที่ปากพูด "ไม่ได้น่ารักเหมือนพี่ชะเอมก็อย่าร้อง มันน่าเกลียด"



ดวงตาคู่คมปรายมองต่ำเย็นชา จะให้เขามานั่งปลอบใจเหรอ ฝันดีเกินไปมั้ง



พระรามฟังแล้วกัดปากก่อนจะขยี้ตาแรงๆ ร่างโปร่งค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างอ่อนเพลีย ทั้งปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่ก็ต้องแสดงท่าทางเป็นปกติ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายสมเพชมากกว่านี้



พระรามลงจากเตียงนุ่ม ค่อยๆ เดินเชื่องช้าผ่านอุริที่ยืนร้องเมี้ยวๆ ไปที่หน้าประตู ทุกการกระทำถูกจับจ้องโดยสายตาคมกริบ เสียงทุ้มดังขึ้นถามทันทีที่ขาเรียวกำลังจะใส่รองเท้าผ้าใบเน่าเปื่อยของตน



"จะไปไหน"



"พะ พี่...พี่จะกลับบ้าน" พระรามตอบเสียงสั่น หลุบตาลงไม่กล้าสบ ถอยหลังสองก้าวเพราะว่าจู่ๆ ร่างสูงก็เดินเข้ามาใกล้กว่าที่คิด เพื่อให้รู้สึกระยะห่างมากขึ้นเพื่อความปลอดภัยจนแผ่นหลังบางเกือบติดประตู



"แม่บอกว่าให้กูดูแลมึง"



"มะ ไม่เป็นไร...พี่ดูแลตัวเองได้...!" เสียงทุ้มใสกำลังจะปฏิเสธแต่โดนมือใหญ่ตะครุบต้นแขนผอมแล้วบีบเค้นอย่างแรงจนพระรามนิ่วหน้า "โอ๊ย...เจ็บ"



“ขนาดวาระสุดท้ายแบบนั้นเธอยังนึกถึงมึง กูล่ะสงสัยจริงๆ ว่ามึงมีอะไรดีนักหนา” เสียงทุ้มเค้นเสียงเล็ดรอดไรฟันอย่างเคียดแค้น "แล้วก็อย่ามาทำปากเก่ง มันยิ่งทำให้กูหงุดหงิด”



พระรามเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าน้ำตาเล็ด



“เรื่องที่แม่ขอ กูก็ไม่ได้อยากจะทำนักหรอก แต่จากนี้ไปมึงต้องมานอนกับกูที่นี่"



คนฟังตาโต “ละ แล้วพ่อล่ะ ถ้าพี่ออกมาแล้วพ่อก็ต้องอยู่คนเดียว...”



“พ่อเลวๆ ของมึงน่ะนะ” ร่างสูงเลิกคิ้วย้อนถามเสียงสูง ก่อนจะหัวเราะเหยียด “ไม่เห็นจะมีอะไรต้องห่วงเลยไม่ใช่เหรอ ยังไงพ่อก็ไม่เคยรักมึง...แล้วมึงก็ไม่ได้รักพ่อของมึงด้วย...หรือว่ากูพูดผิด”



ความจริงที่เอ่ยออกมามันแสนทิ่มแทง เขาเงียบไปก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง "แล้วบ้านล่ะ"



"บ้านหลังนั้นก็ทิ้งมันไปซะ มันไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว"



"แต่มันสำคัญสำหรับพี่นะ" พระรามเถียง บ้านที่อยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็กๆ เขาเติบโตมาพร้อมๆ กับมัน แก่ไปพร้อมๆ กับมัน...แล้วก็จะตายที่บ้านหลังนั้น เหมือนกับที่แม่เป็น



แล้วไอติมจะมาบอกง่ายๆ ว่าให้เขาทิ้งมันไป



"นั่นมันเรื่องของมึง แต่มันไม่ได้สำคัญกับกู"



พระรามน้ำตารื้นกับคำพูดโหดร้าย ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนี้ออกมาได้



"เข้าใจที่พูดมั้ย"



"แต่...แต่ติม...เกลียดพี่" ร่างโปร่งเม้มปากแน่น พูดเสียงเบา พลางแงะมือเหนียวหนึบที่บีบแขนเขาแน่นอย่างกับคีมเหล็ก อีกฝ่ายบอกว่าจะดูแลเขา รามไม่เข้าใจเอาเสียเลย ทำไมไอติมถึงต้องทำอะไรแบบนั้น...แม่ภาวดีก็ไม่อยู่แล้ว ถ้าเกลียดเขามากก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำตามเลยนี่



เขาจะเป็นตายร้ายดียังไง ไอติมก็คงไม่แคร์กันอยู่แล้ว



"เกลียดน่ะมันแน่ แล้วก็โคตรเกลียดเลยด้วย" ไม่ใช่แค่คำพูดแต่แววตาของอีกฝ่ายก็สื่อออกมาแบบนั้นจริงๆ "แต่ที่กูรับปากแม่แบบนั้น เพราะว่าเวลากูอยาก มึงต้องมาเป็นที่ระบายให้กู...ปรนเปรอกู"



"..."



"มึงก็ชอบไม่ใช่เหรอ ลีลาของกูน่ะ"



ใบหน้าขาวพลันแดงเรื่อเมื่อรู้ว่าความหมายของอีกฝ่ายคืออะไร และขมวดคิ้วมุ่นในวินาทีต่อมา "ทำไม..."



"เรื่องรักกับเซ็กส์มันคนละเรื่อง กูเคยบอกแล้ว" ร่างสูงพูดขัดออกมาก่อน ราวกับจะรู้ว่าร่างโปร่งคิดจะพูดอะไร "กูไม่เคยพิศวาสมึงอย่าเข้าใจผิด"



ฟันขาวสวยขบกัดริมฝีปากย้ำๆ ข่มความเจ็บที่เกิดขึ้นในใจ



"แต่ว่าพี่ต้องทำงาน" ถึงแม่จะไม่อยู่แล้ว แต่เขาก็ยังคงต้องทำไปเรื่อยๆ ...ก็เผื่อว่าจะได้เอามาจ่ายค่าเทอมถ้าเขาหลุดทุน



"จะทำก็ทำ แต่มึงต้องมานอนที่นี่ กลับไปแล้วขนเสื้อผ้าทั้งหมดมาวันนี้เลย เข้าใจมั้ย"



"..."



ไอติมหงุดหงิดกับคนที่ยืนเม้มปากนิ่งทำเหมือนเขาพูดอยู่คนเดียว "กูพูดด้วยก็ตอบสิวะ!"



"คะ ครับ..." พระรามสะดุ้งพูดเสียงสั่นละล่ำละลักหวาดกลัว พลันมือใหญ่คลายออก ขาเรียวก็รีบวิ่งออกมาจากคอนโดนั้นอย่างรวดเร็ว





พระรามกลับมาถึงบ้านอีกครั้ง



บ้านหลังเล็กสีขาวที่มีกลิ่นอายเก่าๆ โชยออกมา และเขาสดชื่นทุกครั้งที่ได้กลับมาที่นี่



'รามกลับมาแล้วเหรอลูก'



เสียงใสแหบแห้งของหญิงวัยทองหน้าตาสะสวยเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เขากลับมาจากทำงาน ความเหน็ดเหนื่อยหรือความเครียดที่สะสมมาก็ดูเหมือนจะหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้โอบกอดร่างเล็กๆ ได้สูดดมกลิ่นสะอาดหอมๆ ของภาวดี



รอยยิ้มสดใสของเธอ...เขาชอบมองมัน



ดวงตาเรียวน้ำตารื้นเอ่อ ก่อนที่ร่างโปร่งจะปาดมันออกอย่างรวดเร็ว ขาเรียวเร่งเดินเข้าห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่โทรมๆ ออกมา ก่อนจะหยิบเสื้อที่แขวนเอาไว้กับกางเกงที่มีน้อยนิดออกมากอง และค่อยๆ พับเสื้อผ้าของเขาทีละชิ้น



'ตายจริง พระรามใครเขาพับแบบนั้นกันลูก ดูสิ ขยุกขยุยหน้าตาดูไม่ได้เลย'



'โธ่ แม่ครับ ผมพับดีแล้วนะ'



'ดีที่ไหนกัน เวลาหยิบออกมาใส่แล้วมันยับย่นใครจะอยากมองลูกชายสุดหล่อของแม่กันล่ะ'



"ฟืด...ฮ่า..." เขามองเห็นไม่ค่อยชัดเลย ภาพตรงหน้ามันพร่ามัว



อย่าร้องไห้สิ...เราต้องเข้มแข็ง เข้มแข็งเข้าไว้



'ถ้าต่อไปแม่ไม่อยู่ ลูกก็ต้องอยู่คนเดียวแล้วนะ หัดทำเอาไว้ให้ชินซะสิ...'



'แม่ก็...อย่าพูดเป็นลางแบบนั้นสิ...ผมอยากให้แม่อยู่กับผมตลอดไปเลยนะ'



'ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกลูก ซักวันรามก็จะเจอคนที่อยากอยู่ด้วยแทนแม่เองนั่นแหละ'



"อือ..."



แปะ...แปะ



มันไม่ไหว...ไม่ไหวจริงๆ ถ้าอยู่บ้านหลังนี้ต่อไป เขาอาจจะคิดถึงแม่จนตรอมใจตายก็ได้



แกร๊ก!



พระรามสะดุ้งเฮือกปาดน้ำตาอย่างรวดเร็วเพราะได้ยินเสียงบางอย่างเหมือนคนเปิดประตูบ้านเข้ามา ขาเรียวหยัดตัวลุกขึ้นไม่ทันไร คนๆ นั้นก็เดินมาปรากฏตัวอยู่บานประตูห้องนอน



"ไอ้ราม กูนึกว่ามึงจะกลับมาแล้วซะอีก"



เป็นชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ ร่างกายกำยำผิวคล้ำดำจากแดดและสิ่งสกปรก ใบหน้ากร้านไว้หนวดรุงรังเหมือนไม่เคยโกนแม้แต่ครั้งเดียว



"พ่อ...มาทำอะไร"



"ขอยืมเงินหน่อย" ร่างโปร่งถอนหายใจทันทีที่นพกรพูดจบ ถึงจะคาดไว้อยู่แล้ว แต่ก็อดผิดหวังไม่ได้



เขานึกว่ากลับมาบ้านครั้งนี้พ่ออาจจะอยากไถ่ถามเรื่องของภาวดี หรือไม่ก็เอ่ยถามเขาที่เป็นลูกชายว่าจิตใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง



แต่ชายคนนี้ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรใดๆ ต่อใครเลย...มีสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวสมองของนพกรคือเรื่องเงิน



ขนาดแม่ตายไปแล้ว พ่อยังไม่เคยคิดแม้แต่จะสนใจเลยด้วยซ้ำ



"ผมไม่มีให้พ่อแล้ว" พระรามปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนหน้านี้ที่เขายอมให้ก็เพราะว่าแม่ขอร้องทั้งน้ำตา แต่คราวนี้ไม่มีอะไรที่นพกรจะเอามาขู่พระรามได้ "พ่อเอาแต่เล่นพนัน ติดหนี้ไปทั่ว"



"ไม่เอาน่า ขอยืมเงินหน่อย นะๆ ไอ้ลูกชาย อย่าใจร้ายกับพ่อนักเลย" ชายฉกรรจ์เดินเข้าใกล้จับไหล่ผอมของพระรามพูดไกล่เกลี่ยเสียงหวาน แต่ทันทีที่สัมผัส พระรามก็สะบัดออก ตะโกนลั่น



"บอกว่าไม่ไง!!" พระรามหอบหายใจอย่างแรง รู้สึกภาพวูบไหวแต่ทรงตัวทัน



"นี่มึงจะปล่อยให้กูตายเหรอ!" นพกรตาเหลือกร้อนรน "ถ้ากูไม่มีเงินไปใช้หนี้เสี่ย เขาจะมาเก็บกูนะโว้ย!!"



พระรามฟังแล้วอ้าปากค้างไม่อยากจะเชื่อ "นี่พ่อ...ไปติดหนี้มาอีกแล้วเหรอ!?"



"เออสิวะ ก็มึงให้เงินกูน้อย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเล่น!"



"แล้วเมื่อไหร่พ่อจะเลิกเล่นสักที!" ร่างโปร่งตะคอกหน้าแดงที่คนเป็นพ่อไม่เคยคิดจะกล่าวโทษตัวเองเลยสักครั้ง เอาแต่โทษคนอื่น แล้วพอเดือดร้อนก็กลับมาให้เขาช่วย



"ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว กูขอร้องล่ะราม ช่วยพ่อหน่อยเถอะนะ...นะ!" ใบหน้ามนเบือนหนี ทั้งไม่รังเกียจที่จะฟังคำขอ ทั้งกลิ่นบุหรี่ที่โชยออกมาจากตัวนพกร "มึงคงไม่อยากเห็นพ่อตายอีกคนใช่มั้ยราม"



แต่สุดท้ายคำว่า 'พ่อ' ที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา ก็ทำให้เขาใจอ่อนง่ายดาย



นพกรเป็นพ่อ...เป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา



"แล้วพ่อติดหนี้เสี่ยอยู่เท่าไหร่" เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบาและคำตอบที่ได้รับมันก็ทำให้เขาล้มทั้งยืน





********************* Love Substitute *********************

"ราม โต๊ะสิบ"



"น้องครับสั่งออเดอร์หน่อย"



"ล้างจานด้วย จานล้นกะละมังแล้ว!!"



กว่าความวุ่นวายในวันๆ หนึ่งของพระรามจะผ่านไป มันก็ต้องกัดฟันอดทนกับความยากลำบากที่เผชิญและในที่สุดงานนี้ของเขาก็ใกล้จะหมดเวลาและปิดร้านเสียที



"พี่ครับ ผมช่วยเก็บร้าน แต่ว่าขอค่าแรงเพิ่มได้มั้ย" ร่างโปร่งคนหนึ่งเดินไปบอกเจ้าของร้าน หลายคนที่ทำงานเพิ่งเก็บกระเป๋ากำลังแยกย้ายกลับบ้านเพราะโดนใช้งานหนักหน่วงหันมามองเด็กทำงานคนใหม่ที่ใจกล้าขอเงินเพิ่มหน้าด้านๆ กับเจ้าของร้านตัวใหญ่หน้าโหดเหี้ยม



"ฮะ!? ไอ้เวร ยังไม่เคยมีใครขอกูแบบนี้เลย ไปๆ เดี๋ยวเก็บเองเว้ย" เสียงที่พูดว่าโหดแล้ว พอโบกมือไล่ราวกับจะตบศีรษะ คนที่เหลือที่ยืนมองอยู่ยังวิ่งเตลิดหนีแทบไม่ทัน แต่คนโดนไล่กลับยังยืนที่เดิม...ดื้อดึง



"ถ้างั้นผมช่วยเก็บครัวด้วย ล้างทุกอย่างให้ เก็บให้เรียบร้อยเลย"



"...ไอ้นี่" ชายร่างใหญ่เจ้าของร้านขนมน่ารักกุ๊กกิ๊กไม่เข้ากับหน้ากำลังกำหมัดแน่นตัวสั่นระริกเส้นเลือดปูดโปนขึ้นตามขมับ เพราะถูกร่างโปร่งตื๊อ แถมไล่ก็ไม่ไป ไอ้นี่มันไม่กลัวเขาเลยหรือไงฟะ "ได้ ถ้าไม่เรียบร้อยมึงไม่ต้องเอา"



พระรามยิ้มกว้าง "ขอบคุณที่ใช้บริการครับ"



ปึง...



ร่างโปร่งเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว มือเรียวสั่นน้อยๆ ปาดเหงื่อที่ไหลย้อยเต็มหน้า "แฮ่ก..." กว่าจะเก็บห้องครัวจนหมดนี่ก็เหนื่อยใช่ย่อย แต่ดีที่เจ้าของร้านชอบใจเลยให้ทิปมาเยอะแล้วยังขอให้ครั้งหน้าและครั้งต่อๆ ไปทำแบบนี้ทุกครั้ง...ดีจริงๆ



พระรามควักมือถือขึ้นมาดูพลางสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเสื้อผ้าหนักอยู่พอสมควรขึ้นไหล่



ต้องไปทำงานที่ต่อไปแล้ว



ครืด ครืด



ร่างโปร่งที่กำลังมองตัวเลขบอกเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์สะดุ้งเมื่อจู่ๆ ก็มีคนโทรเข้า



...ไอติม...



'เกลียดน่ะมันแน่ แต่เวลากูอยาก มึงต้องมาเป็นที่ระบายให้กู...ปรนเปรอกู’



พระรามเม้มปากมุ่นคิ้วทำใจ พอนิ้วกำลังจะกดปุ่มรับ มันก็ดับไปซะก่อน ร่างโปร่งไม่รู้ตัวว่าตนแอบถอนหายใจโล่งอก แต่พอกำลังจะเก็บใส่กระเป๋ากางเกงมันก็ดังขึ้นมาอีก



...ไอติม...



("รับชักช้านักวะ นี่มัวทำอะไรอยู่ กูบอกให้ขนเสื้อผ้ามา แต่จนป่านนี้แล้วยังไม่โผล่หัวมาอีก!")



"ติม" เขาขมวดคิ้วกับเสียงทุ้มที่คาดคั้นรัว ครั้นจะบอกเหตุผลไปก็ถูกขัดขึ้นมาอีก



("นี่คิดจะขัดคำสั่งกันใช่มั้ย?")



"พี่ไม่ได้จะขัดแต่ว่าตอนนี้พี่มาทำงาน พี่ขนเสื้อผ้ามาแล้วเดี๋ยวทำเสร็จงานก่อนแล้วจะไป"



("กี่โมง")



"...?" รามขมวดคิ้วงงกับคำถามแต่ลืมไปว่าอีกฝ่ายไม่เห็น การเงียบใส่ถือเป็นการกวนประสาทอีกฝ่ายจนโมโหเข้าไปใหญ่



("กูถามว่าทำงานเสร็จกี่โมง!?") เสียงทุ้มตะคอกถามมาตามสาย จนพระรามต้องนิ่วหน้ายกมือถือออกห่าง นึกภาพใบหน้าเกรี้ยวกราดของไอติมออกเลย



"...ตะ ตีหนึ่งกว่า"



("ดึกป่านนั้นแล้วมึงจะกลับยังไง ถ้าคิดจะลีลาแล้วทำเป็นเลี่ยงไม่มาล่ะก็บอกเลยว่าคิดผิด")



พระรามฟังแล้วขมวดคิ้วอีกครั้ง ทำไมร่างสูงถึงเป็นคนแบบนี้นะ "พี่ไม่ได้จะลีลา พี่ต้องทำงานจริงๆ แล้วพี่ก็เลิกตีหนึ่งด้วย"



("...")



พระรามขมวดคิ้วเมื่อหลังจากที่เขาพูดแล้วอีกฝ่ายก็เงียบไปนานจนน่าสงสัย แล้วพอเขายกมือถือขึ้นมาดู ก็พบว่า...วางสายไปแล้ว



อะไรเนี่ย...?



ประตูอัตโนมัติของร้านขายสะดวกซื้อชื่อดังเปิดออกเมื่อร่างโปร่งเดินผ่านเซนเซอร์พร้อมกับเสียงร้องและเสียงต้อนรับของพนักงานดังขึ้นในเวลาเดียวกัน



เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนจะทำงานที่ถัดไป พระรามจึงแวะมาซื้อของที่จำเป็นก่อน



ขาเรียวเดินรอบพลางมองสิ่งที่ต้องการ หยิบทีละอย่างจนเต็มมือ แต่ก็มีสิ่งที่หาไม่เจออยู่สองอย่าง



"ขอโทษนะครับ ที่ร้านมีหน้ากากอนามัยขายมั้ยครับ"



"อ๋อ มีสิครับ อยู่ชั้นวางของด้านซ้ายมือหลังสุดโน่นเลย" พนักงานตอบด้วยรอยยิ้มทำให้พระรามยิ้มตอบคืนก่อนจะเดินไปหาตามที่บอก แต่เขามองแล้วก็ไม่เจอซักทีเลยต้องย้อนกลับมาที่แคชเชียร์อีกครั้ง เมื่อเห็นลูกค้าต่อคิวยาวก็ยืนละล่ำละลักไม่กล้าเข้าไปถามเพราะกลัวจะรบกวนการคิดเงิน



ดึกขนาดนี้ทำไมคนถึงเยอะนักนะ



"ขอโทษนะคะ ต้องการให้ช่วยอะไรหรือเปล่าคะ?" ใบหน้ามนหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงถามไถ่ พบพนักงานหญิงยืนอยู่ข้างๆ พร้อมรอยยิ้ม



"อ่าครับ พอดีผมหาหน้ากากอนามัยไม่เจอ..." พระรามเกาแก้มไม่กล้าบอกว่ารู้ที่อยู่ของมันแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอ



"อ๋อ ทางนี้เลยค่ะ" แต่พนักงานที่นี่ช่างใจดี



สุดท้ายเขาก็ได้ของ แต่ก็ยังไม่ครบ



"มียาแก้ปวดขายมั้ยครับที่นี่"



"หมายถึงยานวดเหรอคะ?" พนักงานเอียงคองุนงง



"ไม่...ไม่ครับ ผมหมายถึงยากิน...ยาพาราน่ะ"



"อ๋อ" หญิงอวบครางออ แล้วก็ทำหน้าเหมือนรู้สึกผิด "ต้องขอโทษด้วยนะคะ ปกติจะขายร้านเภสัชข้างๆ แต่ตอนนี้เขาปิดแล้ว"



ดวงตาเรียวเหลือบมองตามทิศทาง พบว่าร้านติดกันข้างๆ เป็นร้านเภสัชจริงๆ และมันก็มืดตึ๊ดตื๋อ...ป่านนี้ใครๆ ก็กลับไปพักผ่อนกันหมดแล้วล่ะ



มีแต่คนลำบากที่ต้องสู้ชีวิตต่อไป



"ไม่เป็นไรครับ งั้นผมเอาเท่านี้" พระรามยิ้มขอบคุณเจื่อนๆ ...ของที่จำเป็นที่สุดดันไม่มีซะนี่



"ต่อคิวที่แคชเชียร์เลยค่ะ"



ในตอนที่รับเงินทอน เขากลับได้บางอย่างที่ไม่ใช่เงินติดมือมาได้ พอเงยหน้ามอง คนตรงหน้าก็คือผู้หญิงใจดีเมื่อกี้



"ถ้าไม่รังเกียจนะคะ ดิฉันก็มีพกไว้ตลอด...ให้ฟรีไม่คิดเงินค่ะ"



ร่างโปร่งอึ้งกับความใจดีของคนเพิ่งรู้จัก ก่อนจะรีบเอ่ยขอบคุณ



พระรามหย่อนตัวลงนั่งม้านั่งแถวนั้น ฟังเสียงรถยนต์ยามกลางคืนที่เฟี้ยวไปเฟี้ยวมาไม่หยุด มือเรียวแกะเม็ดยาพาราสีขาวสองเม็ดที่ได้มาจากพนักงานหญิงในร้านสะดวกซื้อเมื่อครู่ ก่อนจะกรอกน้ำตาม



ความรู้สึกปวดหัวตุ้บและหนาวๆ ร้อนๆ มันกลับมาอีกแล้ว นอกจากนี้ยังเจ็บคออีก



แต่เขายังไหว...เขาคิดว่ายังไหวอยู่หรอกน่า



"แค่ก...ฟืด..." ร่างโปร่งไอโขลกและสูดน้ำมูก รู้สึกได้ว่าท้องหิวแต่พระรามก็ไม่คิดจะหาอะไรกิน ถึงจะมีอะไรให้กินเขาก็กินไม่ลงหรอก



"แค่ก..." แกะยาอมโยนเข้าปาก หน้ากากอนามัยคาดหูและแปะแผ่นเจลลดไข้ที่หน้าผาก



ที่ทำขนาดนี้เพราะกลัวว่าจะเป็นลมเป็นแล้งไป เพราะตอนนี้ไม่มีใครมาช่วยเขาได้...นึกสภาพพะรุงพะรังของตัวเองออกเลย...มันคงจะตลกน่าดู



ลมกลางคืนหนาวเย็นพัดมายิ่งทำให้ขนลุกขนชัน ร่างโปร่งผอมบางกอดอก กอดตัวเองให้ความอบอุ่นแต่มันไม่ช่วยเลยสักนิด ต้องค้นหาเสื้อผ้าที่เตรียมมาในกระเป๋า แล้วก็เอาเสื้อแขนยาวมาใส่ทับอีกชั้น คราวนี้ก็เหมือนจะช่วยได้นิดหน่อย



ทนอีกนิด...ทนอีกนิดนะพระราม



ถ้านายไม่ทนก็ไม่มีใครช่วยนายได้แล้ว เวลาเหนื่อยหรือท้อแท้ ก็จะไม่มีคำปลอบโยน...ไม่มีคำให้กำลังใจจากแม่อีกต่อไปแล้ว



เขาต้องให้กำลังใจตัวเอง



พระรามหลับตาน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยากจะร้องไห้เหลือเกินกับชะตาชีวิตที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้



'แล้วพ่อติดหนี้เสี่ยอยู่เท่าไหร่'



'...สองล้าน'



สองล้าน...จำนวนเงินที่เขาได้ยินแล้วแทบช็อคตาตั้ง มันไม่ใช่น้อยๆ เลย...มันเยอะมากสำหรับคนจนๆ แบบเขาเก็บเอาไว้ใช้ได้อีกหลายสิบยี่สิบปี



แล้วตั้งสองล้าน...เขาจะหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหน ถ้าหากหาเก็บไปเรื่อยๆ อาจจะครบในสักวันหนึ่ง แต่นอกจากเวลาเรียนแล้วเขาก็ทำงานอยู่ตลอด แม้จะทุ่มเทถึงขนาดนี้แล้วก็ยังหาได้แค่เดือนละหมื่นนิดๆ เอง



ถ้าหากรามฝืนมากกว่านี้แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อน ไม่ใช่ว่ากลัวไม่ได้นอนแต่เขาแค่กลัวร่างกายของตัวเองจะทนไม่ไหวมากกว่า



หรือว่าเขาต้องคิดเรื่องลาออกจากมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง? เลิกเรียนแล้วไปทำงานเต็มตัวแทน



จะดีหรือ...ร่างโปร่งเรียนอยู่ปีสามแล้ว อีกแค่ปีเดียวก็จะจบการศึกษาแล้ว บอกตามตรงเขาไม่อยากจะทำแบบนี้...อย่างน้อยพระรามก็อยากเรียนให้จบ แม่ภาวดีที่อยู่บนสวรรค์จะได้ภาคภูมิใจ



แล้วเรื่องเงินล่ะ? บางทีพระรามก็คิดว่าทำไมถึงต้องทุ่มเทขนาดนั้น พ่อไม่เคยแม้แต่จะดูดำดูดีเขาเลยสักครั้ง ตั้งแต่เด็กจนโตป่านนี้ พ่อยังไม่เคยคิดสงสารเขา...หนำซ้ำยังดีแต่เอาเรื่องมาให้



แต่พ่อก็คือพ่อ...ถ้าเขาไม่ช่วยแล้วหมาที่ไหนมันจะมาช่วย



'ขอร้องล่ะ ช่วยพ่อหน่อยเถอะนะ...นะ!'



แต่มันจะต้องทำยังไงล่ะ...เขาจะต้องทำยังไง?



พระรามกุมศีรษะอย่างคนปวดหัว...จากที่ไม่สบายแต่ตอนนี้ยิ่งคิดมากจนมันปวดตุ้บหนักไปใหญ่



มืดแปดด้านไปหมด



แม่ครับ...ผมจะทำยังไงดีครับแม่?



“...”



แต่แล้วก็มีแต่เสียงลมหวีดหวิวกับเสียงเครื่องยนต์วิ่งไปมาบนท้องถนนเท่านั้นที่เป็นคำตอบ





********************* Love Substitute *********************



หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep10 22/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-03-2019 01:41:36
 :a5: มาม่าเต็มถ้วยยยย
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep12 30/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 30-03-2019 14:16:29


                                                    ทดแทนรัก

                                                    ตอนที่ 11



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

​เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป



พระรามเม้มปากสีหน้าเครียดขึง...เขาลืมไปซะสนิทเลย



ร่างโปร่งจับสายสะพายของกระเป๋าเป้บนไหล่แน่น ดีหน่อยที่ได้ตัวช่วยพวกนั้นที่เขาซื้อมา จึงช่วยบรรเทาอาการร้อนๆ หนาวๆ ลงไปได้เยอะ



แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้น่ะ มันทำให้เขาร้อนๆ หนาวๆ มากกว่า



ถ้าเขาโทรปลุกอีกฝ่ายตอนนี้เขาอาจจะโดนด่า แต่ถ้าเขาไม่เข้าไปเขาก็คงโดนด่าเหมือนกัน



รามตัดสินใจยกมือถือขึ้นมา กว่าจะกลั้นใจกดโทรออกได้ก็อีกสิบนาทีถัดมา



สายเรียกเข้าดังอยู่นานสองนาน จนได้ยินเสียงเหมือนคนรับสายแล้วก็เลยพูดออกไป



"คือว่าติม...พี่ไม่มีกุญแจพี่เข้าห้องไม่ได้" ดวงตาเรียวชำเลืองประตูตรงหน้ากับช่องเสียบคีย์การ์ดที่จำเป็นต้องมีคีย์การ์ดรหัสเดียวกันถึงจะปลดล็อคเข้าไปได้



("...")



"ติม?" ใบหน้ามนงุนงงยกมือถือออกมาดูก็พบว่าสายเพิ่งวางไป แสดงว่าเมื่อกี้รับแล้วน่ะสิ...อีกฝ่ายได้ฟังที่เขาพูดรึเปล่าน่ะ



เสียงแกร๊กของประตูดังขึ้นในวินาทีถัดมา ปรากฏร่างสูงที่หัวชี้ฟูแต่ใบหน้าก็ยังหล่อเหลาไม่เปลี่ยน หน้าใสกิ๊ง สวมเสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นตัวบางเป็นเสื้อนอน



"ไหนบอกว่าเลิกงานตีหนึ่ง" ดวงตาคู่คมกรุ่นขุ่นเคืองบวกง่วงงุน เหล่มองนาฬิกาบนฝาผนังชี้เลขบอกเวลาตีสองกว่า



"คือพี่เดินมาจากที่ทำงาน...ก็เลยช้า..."



"เดิน!?" ไอติมอุทานตาโต ดูตกใจมาก "ทำไมไม่นั่งแทกซี่มา โง่หรือไง"



"..." เวลานี้มันหาง่ายๆ หรือไงล่ะ อีกอย่างตอนนี้เขาก็ต้องเก็บออม จะนั่งแทกซี่ทำไมให้เสียเงินที่ทำงานกว่าจะหามาได้ก็เหน็ดเหนื่อย แค่เดินนิดหน่อยเขาไม่ตายหรอก



ในใจตอบเสียยืดยาว...แต่ข้างนอกเงียบกริบ



ใบหน้ามนที่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไรยิ่งทำให้อารมณ์ของคนมองคุกรุ่น



"มารบกวนตอนกูนอนไม่พอ ยังจะกวนประสาทอีกนะ"



พระรามกระพริบตางุนงง เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แล้วไอติมจะมากล่าวหาว่าเขากวนประสาทได้ยังไง



"ถะ ถ้าพี่กวนติมล่ะก็...พี่กลับไปนอนที่บ้านดีกว่า เพราะพี่ต้องทำงานแบบนี้ทุกวัน"



ดวงตาคู่คมมองกลับมานิ่งทันทีที่เขาพูดจบ "...ข้ออ้างเหรอ...อ๋อ ที่มึงทำแบบนี้ก็เพราะกำลังหาคำปฏิเสธอยู่สินะ?"

ใบหน้ามนอึ้งนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง ทำไมไอติมถึงเข้าใจเป็นแบบนี้ไปได้



"เปล่า ก็ติมบอกว่าพี่รบกวนการนอนของนาย" เสียงทุ้มใสตอบอุบอิบพลางก้าวถอยหลังเกือบติดประตูเมื่ออีกฝ่ายก้าวเข้ามาเรื่อยๆ



"เออ รบกวนมาก จากที่อยากนอนเปลี่ยนเป็นอยากทำอย่างอื่นแทน" ขายาวก้าวประชิดจนแผ่นหลังบางติดประตูจนได้ พระรามไม่มีที่ให้ถอยหนีอีกต่อไป มือเรียวจึงยกขึ้นผลักอกกว้างเป็นระวิง จนกระเป๋าเป้หลุดจากไหล่ผอมหล่นลงพื้นดังตุ้บ! "และมึงที่ทำให้กูเป็นแบบนี้ต้องรับผิดชอบหนักๆ"



เสียงทุ้มที่เน้นคำท้าย ทำให้พระรามรู้ว่าตนไม่รอดคืนนี้ไปง่ายๆ แน่ ใบหน้ามนซีดเซียวจืดเจื่อน แววตาร้อนรน



"มะ ไม่! ติม พี่..." ร่างโปร่งดิ้นรนก่อนจะมุดใต้อ้อมแขนแกร่งเล็ดลอดมาได้แต่ก็ยังวิ่งไม่พ้นอยู่ดี เพราะช่วงขาที่ต่างกันมาก ร่างเล็กกว่าก็ถูกตะครุบอย่างรวดเร็ว "พี่มีงานต้องทำ...ฮึก อย่า!"



"อย่าดิ้นสิวะ" แขนแกร่งพยายามโอบรัดเอวผอมของแมวดื้อที่ดิ้นไม่หยุด และใช้มือปลดเปลื้องเสื้อผ้าเก่าๆโทรมๆ อันเป็นอุปสรรคขวางทางออกไป แต่ยิ่งพระรามดิ้น มันยิ่งถอดยากจนเผลอกระชากเสื้อแรงจนคอเสื้อขาดวิ่น



แควก!



ร่างโปร่งลงไปนั่งบนพื้นอึ้งๆ มองเสื้อของตัวเองแล้วต้องรวบขึ้นเพราะเปิดกว้างจนถึงหน้าท้องบาง



...เสื้อตัวนี้คงใส่ไม่ได้อีกแล้ว...



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหวรุนแรง แขนบางกอดตัวเองก่อนจะค่อยๆ ถดตัวหนีทั้งๆ ที่รู้ว่าหนียังไงก็ไม่พ้น



ทำไมถึงต้องรุนแรงกันขนาดนี้...เกลียดเขามากเลยเหรอ



"จะให้กูทำดีๆ หรืออยากโดนแบบวันนั้นอีกห๊ะ!!"



อย่าตะคอกกันด้วยสีหน้าแบบนั้นได้มั้ย



พอได้ยินจะโดนแบบวันนั้น ร่างกายก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ "ฮึก...ไม่เอา พี่เจ็บ..." ใบหน้ามนส่ายระรัว สะอื้นปฏิเสธเสียงอ้อนวอน



หวาดกลัว



"มึงก็อย่าดื้อ...แล้วกูจะไม่ทำแรงๆ" ไอติมมองท่าทางนั้นแล้วรำคาญ ทำเป็นสะดีดสะดิ้งเหมือนคนไม่เคยเสียตัวไปได้ ขายาวเดินไปกระชากต้นแขนผอมให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามมา ด้วยความที่ยังทรงตัวไม่ได้จึงล้มลงกระแทกพื้นอีกครั้งเรียกรอยช้ำที่เข้าซ้ำยังถลอกเพราะถูกลาก



"ลุกขึ้น! อย่าสำออย แล้วก็อย่าทำให้กูโมโห" มือใหญ่กระตุกร่างเบาหวิวขึ้นยืน พระรามเม้มปากแน่น เพราะความเจ็บที่เข่าสองข้างก่อนจะถูกโยนลงกลางเตียง...ซ้ำรอยกับวันนั้นอีกครั้ง "ถ้ากูโมโหเมื่อไหร่มึงโดนหนักแน่"



นี่คือยังไม่โมโหใช่มั้ย...



ร่างโปร่งไม่กล้าถาม ไม่กล้าพูดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น กลัวว่าจะไปกระตุ้นอารมณ์บ้าคลั่งของร่างสูง เพราะงั้นเขาจะอยู่เฉยๆ ให้อีกฝ่ายกระทำชำเรา



...เพราะไม่อยากเจ็บ...



"ถอด"



ได้ยินคำสั่งมือเรียวก็ค่อยๆ จับชายเสื้อถกขึ้นพ้นศีรษะ ดวงตาคู่คมจดจ้องทุกท่วงท่าเคลื่อนไหว ร่างกายผอมๆ หนังติดกระดูกกับเม็ดเชอรี่สีหวานสองเม็ดเล็กๆ บนแผ่นอกนั่น ลิ้นร้อนเลียปากแห้งผากเหมือนสัตว์ป่าหื่นกระหาย ไม่รู้ทำไมเอวคอดบางๆ นั่นถึงได้ยั่วยวนให้เขาอยากจะสอดใส่ตัวตนแล้วกระแทกแรงๆ ให้ร้องเสียงสูง...ครางอ้อนวอนน้ำตาไหลพราก



ถึงจะบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนา...แต่ตอนมีเซ็กส์กัน คนตรงหน้าก็น่าเย้ายวนใช่ย่อย



"ช้า" ร่างสูงคลานขึ้นเตียงจับข้อเท้าคนตัวเบาหวิวให้ลงมานอนกองใต้ร่าง ใบหน้ามนไม่คลายกังวล ริมฝีปากบางแห้งผากเม้มแน่น ดวงตาเรียวที่เบิกมองมาที่เขาสั่นระริกยิ่งทำให้งูเห่ามีพิษตัวนี้อยากจะกอดรัดกลืนกินแมวแสนดื้อทั้งตัวและหัวใจ



มือใหญ่ไม่รอช้ากระชากกางเกงที่พระรามใส่อย่างแรงจนมันหลุดออกมาพร้อมกับชั้นใน เผยท่อนเนื้อสีอ่อนที่นอนปวกเปียกและพวงไข่อยู่ตรงหว่างขาหนีบ



ร่างสูงยืดตัวขึ้นถอดเสื้อยืดที่ใส่นอนออกอย่างเร็ว และทาบทับร่างเปลือยเปล่าที่นอนขดตัวเพราะความหนาวของเครื่องปรับอากาศ



"ติม เบาๆ ได้มั้ย พี่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย...นะ" พระรามขอร้อง ทั้งเจ็บคอทั้งปวดหัว กลัวว่าถ้าไม่ได้นอนพักสักหน่อยร่างกายเขาจะไม่ไหว



"บอกแล้วไงว่าอย่าสำออย" เสียงทุ้มเอ่ยเข้มแกมรำคาญ คนกำลังอยาก เสียงทุ้มใสดันเอ่ยขึ้นมาขัดอารมณ์



"แต่พี่ต้องทำงานตอนตีห้า ขอร้องล่ะ...รอบเดียว...อื้อ!" ฟันคมขบกัดที่ไหปลาร้าแรง ทั้งยังเลียซ้ำจนร่างขาวสั่นระริก พอดูดดึงจนพอใจก็ย้ายไปที่ไหปลาร้าอีกข้าง ทำรอยตราตรึงแสดงความเป็นเจ้าของ "อ๊ะ อย่า...เจ็บ..."



มือเรียวถูกตรึงไว้เหนือหัวทั้งสองข้าง โทษฐานที่ปัดป่ายขัดขวางการทำภารกิจเล้าโลม



ไอติมเมินคำท้วงของพระรามอย่างสิ้นเชิง...



'พี่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย'



ซ้ำยังมองข้ามอุณหภูมิร้อนผิดปกติของร่างกายผอมบางนี่อีกด้วย



'พี่ต้องทำงานตอนตีห้า ขอร้องล่ะ...'



ไม่เห็นต้องสนใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา



"อื้อ อื้อ อ๊ะ!...ฮึก!!" ร่างโปร่งดิ้นเร่าน้ำตาปริ่ม ริมฝีปากหยักร้อนรุ่มฉกเข้าที่ติ่งไตสีชมพูน่ากินที่ชูชันเชิญชวนเขามาตั้งแต่เมื่อกี้ ยิ่งขบกัดดูดดึงจนแทบหลุดติดปากแผ่นหลังบางก็เดาะขึ้นตาม แค่เสียงครางนี่ก็ทำให้เขาปวดหนึบได้แล้ว ไม่อยากจะนึกถึงตอนที่แทรกกายลึกเข้าร่างกายนี้



"ยะ ฮะ เจ็บ...พี่เจ็บ" ใบหน้ามนส่ายไปมาเกลือกกลิ้งกับเตียงนุ่ม เสียงครางดังขึ้นอีกเมื่อมือใหญ่ลูบไล้ลากต่ำกอบกุมแก่นกายเล็กที่เริ่มแข็งตัวเพียงเพราะยุ่งกับหัวนม "อ๊ะ!!"



ไอติมเลียปากหื่นกระหาย ชักรูดของในมือพลางเค้นหนัก นิ้วโป้งบดขยี้ส่วนปลายให้พระรามหวีดร้องดัง "อ๊ะ ยะ อ๊าาา!"



"..."



"ไม่ ฮือ...ติม" ดวงตาเรียวมองใบหน้าหล่อเหลาปรือปรอย ซ้ำยังขยับสะโพกเล็กเข้าหามือใหญ่เพราะปวดมวนท้องจนทนไม่ไหว "ช่วยพี่...ชะ ช่วยด้วย"



"ซี้ด...โคตรยั่ว" ดวงตาคู่คมมองเรือนร่างบิดเร้ารัญจวนไม่รู้ตัว ยิ่งขยับมือเค้นหนักตามคำขอจนน้ำใสเหนียวๆ ผุดซึมจนเปียกชุ่ม มือเรียวที่ถูกปล่อยเป็นอิสระจิกทึ้งผ้าปูในยามที่จุดสูงสุดกำลังจะมาถึง



"อ๊ะๆๆๆ อ๊า..." แต่แล้วก็เหมือนถูกทรยศให้ถูกโยนลงจากที่สูง เมื่อไอติมละมือออกไปก่อนที่เขาจะเกร็งตัวปลดปล่อย ยิ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยมากกว่าที่เคย "แฮ่ก..."



"อ๊ะๆ อย่าเพิ่ง มึงต้องรอไปพร้อมกู" ร่างสูงจุ๊ปากเอ็นดูเมื่อพระรามกำลังจะช่วยตัวเองให้ถึงฝั่งฝัน ในขณะที่เขากำลังปลดปราการสุดท้ายออกให้ความร้อนระอุดีดผึงชูชัน ไม่รอช้าร่างสูงชันเข่ารูดรั้งของตัวเองจนมันตั้งตรง จับขาเรียวทั้งสองข้างแหกกว้างและแทรกกลาง ใช้ส่วนปลายบานที่กำลังพองตัวเต็มที่ถูไถช่องทางสีหวานที่ขมิบรัดเชิญชวนจนร่างโปร่งครางฮือ



ร่างกายนี้ก็ต้องการเขาไม่แพ้กัน



"ติม...ซี้ด พี่...พี่รักติม" ดวงตาเรียวฉ่ำวาวด้วยน้ำตา รู้สึกร่างกายร้อนวูบวาบเมื่อแก่นกายใหญ่ที่เคยเข้ามาในร่างกายเขาถึงสองครั้งและมันก็กำลังจะเข้ามาอีกครั้ง "ชอบนะ...อ๊า!!!"



"ซี้ด โคตรร้อน" เพียงแค่สอดใส่เข้าไปช่องทางก็ขมิบระรัวรัดสิ่งแปลกปลอมที่ทั้งร้อนทั้งใหญ่ จนเจ้าของสะบัดหน้าสูดปากเสียงดัง



"อ๊ะ! อ๊า! อ๊า!" เสียงทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์หวีดร้องลั่นด้วยความซ่านเสียวถึงที่สุดยามที่มันสอดเข้ามาลึกเติมเต็ม ส่วนปลายบดขยี้จุดๆ หนึ่งภายในทำให้พระรามถึงจุดอย่างรวดเร็ว "อ๊าาา"



ไอติมเชิดหน้าครางไม่ต่างกัน ช่องทางที่ร้อนและบีบรัดมากกว่าปกติยิ่งทำให้เขาทนไม่ไหวดันเข่าสองข้างให้ติดเตียงและโยกสะโพกกระแทกแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนหน้าขากระทบสะโพกเล็กดังลั่น



ปั่บๆๆๆ!!



เอี๊ยดๆๆ



เตียงใหญ่โยกแรงตามการเคลื่อนไหว พระรามปวดมวนในท้องอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายกระแทกไม่หยุดแม้เขาจะปลดปล่อยไปครั้งหนึ่งก็ไม่อาจทานความเสียวที่กำลังสัมผัส แก่นกายเล็กแข็งขึงขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครแตะต้อง ภาพนั้นยิ่งทำให้ร่างสูงเลียปากหื่นในยามเข้าลึกสุดก็บดคลึงหนักหน่วงให้ร่างโปร่งหยัดเกร็งหวีดเสียงสูง



มือเรียวปัดป่ายไปทั่วอย่างระบายอารมณ์ ทั้งดึงทึ้งผ้าปูจนมันหลุดติดมือ ทั้งจิกแขนแกร่งที่กดขาเขาแน่นจนเป็นรอยแดง ทั้งรูดรั้งของตัวเองระวิง ก็ไม่สามารถระบายความวาบหวิวในอกนี้ได้เลย



ไอติมทำอะไรกับร่างกายของเขา



"อ๊ะ ฮ้า! มะ ไม่ไหว!"



"ซี้ด ขมิบแรงๆ อา!" ไอติมก้มลงสูดดมซอกคอขาว พลางดูดเลียเพิ่มรอยให้มากขึ้น มือใหญ่ยกแขนเรียวที่จิกผ้าปูแน่นให้โอบรัดรอบคอก่อนจะดึงทั้งร่างให้นอนทับอกแกร่งโดยที่แก่นกายยังสอดใส่ไม่หยุด



"อ๊ะ อ๊า ติม...จะ อ๊ะ จะทำอะไร..." แขนแกร่งโอบรัดเอวผอมแน่น สะโพกใหญ่โยกขึ้นขยับสอดแทรกแรงๆ แก่นกายเล็กเสียดสีกับหน้าท้องแข็งเกร็งตามแรงกระแทก "อ๊ะ ย๊า เสียว...พี่เสียว!"



เสียงทุ้มใสกรีดร้องข้างใบหู เสียงซ่านอย่างที่ปากบอกจนต้องอ้าปากกว้างครางจนไม่อาจห้ามน้ำลายที่ไหลย้อยเปรอะคาง ลิ้นเล็กแลบเลียใบหูของไอติมจนเปียกชุ่ม การกระทำซื่อๆ แต่เย้ายวนอารมณ์หื่นกาม ยิ่งทำให้ร่างสูงกอดรัดเอวบางแน่นและหลับหูหลับตาใส่สะโพกให้แรงที่สุด...ลึกที่สุด



ใกล้...ใกล้แล้ว!



"อ๊าาา!!!" พระรามถึงจุดเป็นครั้งที่สองพร้อมกับที่อีกฝ่ายปลดปล่อยเข้ามาในส่วนลึกของเขา



"อึก...อา"



ร่างโปร่งนอนหอบแฮ่ก บรรยากาศเร่าร้อนรอบด้าน ทำให้พระรามมองภาพข้างหน้าพร่ามัวราวกับมีไอน้ำลอยอยู่



"อะ อา..." พระรามครางสั่น ร่างกายกระตุกเฮือกเมื่อไอติมดันมันเข้ามาอีกจนเสียววาบ ร่างสูงครางเสียงพร่าชอบที่สุดตรงช่องทางที่มันขมิบตอดเขาถี่ยิบ หยัดกายลึกให้มันบีบรัดเค้นน้ำจากกายออกจนหมด



พระรามหน้าร้อนวูบ ใบหน้าขาวแดงก่ำเขินอาย ในท้องของเขาเต็มไปด้วยน้ำอุ่นๆ ของอีกฝ่าย



"พอแล้วนะ...พี่เหนื่อย..." ร่างโปร่งนอนหอบจนลมหายใจเป็นปกติก็ค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้น แก้มขาวแดงเรื่อเมื่ออะไรๆ ยังค้างคา มองใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มกริ่มแล้วใบหน้าร้อนผะผ่าว ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะค่อยๆ ฝืนดึงแก่นกายใหญ่ออกทีละนิด "แฮ่ก...ฮะ!?" ร่างกายกระตุกเฮือกเมื่อสะโพกแกร่งโยกขยับจนแก่นกายร้อนผ่าวคืบคลานเข้ามา ทั้งๆ ที่เขาอดทนแทบตายกว่าจะเอามันออกได้แล้วทำไมไอติมถึงนิสัยแย่แบบนี้



นอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังซ้ำเติม



มือเรียวยันหน้าท้องแกร่งและยกตัวขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากบางหยักยิ้มดีใจรู้สึกได้ว่ามันกำลังจะหลุด โดยไม่เห็นริมฝีปากคมยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์



ปั่บ!



"อ๊ะ! ฮื้อออ" ริมฝีปากขบกัดเสียวซ่านเมื่อมือกดสะโพกของเขาให้ลงรับแรงกระแทกที่ส่งขึ้นมาอย่างแรงจนช่องทางกลืนกินความร้อนผ่าวอีกครั้ง และขยับขึ้นลงจนหน้าขาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกระแทกสะโพกเล็กเกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังตับๆ ลั่นจนกลัวว่าห้องข้างๆ จะได้ยิน “อ๊ะ อึก ท่านี้มัน...ลึก อื๊อ ลึกจัง...”



ดวงตาคมกริบราวกับงูเห่าจ้องเหยื่อ แค่กินครั้งเดียวมันยังไม่ทำให้ท้องของเขาอิ่ม



คืนนี้มันยังอีกยาวไกล...ไอติมไม่ยอมให้มันจบลงง่ายๆ หรอก



"อ๊ะ! อ๊ะ...อื๊อ! ติม พอแล้ว พี่พอแล้ว..." เสียงทุ้มใสครางเครือ ศีรษะทุยโคลงไปมาอ่อนแรงเพราะถูกบังคับให้ขยับเคลื่อนไหว



"แต่กูยังไม่พอ...เร็ว อยากได้ไม่ใช่เหรอ" แก่นกายใหญ่แทรกบดคลึงผนังนุ่มลึกยามเน้นคำ "ไอ้นี่น่ะ"



ไอติมนอนโยกสะโพกเลียปากมองร่างโปร่งที่นั่งบิดเร้าบนหน้าท้องของเขา ปากบอกว่าพอๆ ไม่ๆ แต่ก็ขยับสะโพกรับของๆ เขาอย่างเต็มใจ ช่องทางนุ่มเปิดกว้างแถมสอดรับ ตอดแน่นตุ้บทั้งตอนเข้าลึกและออกจนเกือบสุดราวกับไม่อยากให้ออกไป



แก่นกายเล็กก็แข็งขืนอีกครั้งโดยที่เจ้าของยังไม่รู้ตัว เพราะสนใจแต่ด้านหลังที่ขยับเสียดสีไม่หยุด



"ร่างกายเป็นขนาดนี้แล้วยังปฏิเสธอีก"



"อ๊า!!"



"...ซี้ด" ไอติมสูดปากเสียงดัง ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มต่ำครางดังก็เหมือนจะยิ่งไปกระตุ้นร่างโปร่งให้ตอดรัดแน่น มือใหญ่สากยกลูบไล้ผิวกายเรียบลื่นจนร่างผอมบิดเร้ารัญจวนตอบรับ เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นขณะที่พระรามกำลังเหม่อลอย "ราม รักผมมั้ย"



"อื๊อ...ฮื่อ!" ดวงตาเรียวมีน้ำตาคลอหน่วยเพราะความเสียวซ่านที่ปะทุในกาย ริมฝีปากบางขบกัดยั่วยวนสายตาคนมองไม่รู้ตัว ซ้ำยังเม็ดติ่งไตสีชมพูแข็งขืนเคลื่อนไหวไปมาเชิญชวน สะโพกแกร่งด้านล่างยิ่งส่งแรง



"ว่าไง เอ้า...ตอบดีๆ มีรางวัล ‘ใหญ่’ นะ"



"อื๊อออ"



"ราม..." เสียงทุ้มเรียกชื่อทำให้เจ้าของปรือตามองใบหน้าหล่อเหลาทรงเสน่ห์อย่างหลงใหล "ว่าไงครับ"



"ระ รัก รักครับ..." เสียงทุ้มใสตอบตะกุกตะกักครางเครือ ไอติมยิ้มแสยะมุมปาก พลางกอบกุมมือเรียวที่ส่งมาหา สอดนิ้วทั้งห้าเข้าหากันแนบแน่นทั้งสองมือ "พี่รักติม"



"ดีมาก"



คำตอบที่ได้ยินทำให้ไอติมส่งแก่นกายที่อีกฝ่ายหลงใหลบดขยี้จนพระรามหวีดร้องไม่เป็นศัพท์ เสียงเนื้อกระทบเนื้อเร่งรัว ขาเรียวจิกเกร็งเพราะสะโพกแกร่งกระแทกแรงจนเตียงโยกเอี๊ยดอ๊าด วาบหวิวในท้อง ไม่มีเรียวแรงแม้แต่จะพยุงตัว แต่ก็ถูกแขนแกร่งช่วยประคองเอาไว้ ดังนั้นร่างโปร่งก็ต้องรองรับอารมณ์รุนแรงของอีกฝ่ายจนกระทั่งทะลักทลาย สายธารอุ่นร้อนฉีดพ่นเข้ามาข้างในจนร้อนวูบวาบ พระรามเกร็งหยัดกัดปากเสียวซ่านจนน้ำตาที่คลอหน่วยไหลลงมา



“อื๊อ!!”



และรอบที่สามสี่ห้าก็ตามมาจนเวลาล่วงเลย



สุดท้ายไอติมก็ตักตวงร่างกายของเขา เมินคำขอร้องที่เขาบอกเอาไว้อย่างสิ้นเชิง



ในความเงียบหลังจากความเร่าร้อนสงบลงไม่นาน ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแผ่วเบาของคนข้างๆ ดังขึ้น ทำให้ร่างโปร่งที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาค่อยๆ ขยับลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่ยังไม่ได้นอน



...ตีสี่แล้ว...



"...ฟืด แค่ก..." พระรามสูดลมหายใจเพราะรู้สึกคัดจมูก เจ็บแสบที่คอ เพียงกลืนน้ำลายก็เจ็บมากจนต้องนิ่วหน้า ความรู้สึกแย่ๆ อย่างปวดหัวและครั่นเนื้อครั่นตัวกลับมาอีกครั้ง



ที่อุตส่าห์กินยาดักไว้จนดีขึ้น มันกลับแย่ลงเพราะไอติมไม่ให้เขาพักผ่อนเลย...ดีหน่อยที่ช่องทางด้านหลังก็ไม่ถูกเอาแต่ใจจนมันฉีกขาดเหมือนครั้งที่แล้ว



พระรามส่ายหน้า จะโทษไอติมก็ไม่ถูก เพราะเขาเองที่ไม่ปฏิเสธ ซ้ำยังรู้สึกดีมากๆ กับสัมผัสของอีกฝ่าย...จนเผลอเรอไปไกล



'ราม รักผมมั้ย'



'พี่รักติม'



คำบอกรักต้องห้าม...ทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายเกลียดก็ยังบอกออกไป



ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเกลียดเขามากแล้วทำไมถึงถามล่ะ?



"แค่ก..." พระรามปิดปาก ยิ่งไอยิ่งปวดหัวแรง ร่างโปร่งค่อยๆ หยิบเสื้อผ้าเข้าไปห้องน้ำ ทำใจสักพักก่อนฝืนกัดปากอดทนล้วงน้ำบางอย่างที่ไอติมปลดปล่อยทุกหยาดหยดในร่างกายของเขา...



ถึงร่างสูงจะบอกว่าเกลียด แต่อย่างน้อยก็ยังรู้สึกดีกับร่างกายของเขาใช่มั้ย?



จากตอนแรกจะเอาน้ำไม่พึงประสงค์ออก แต่พอผ่านไปสักพักมันก็รู้สึกประหลาด



"อึก อื๊อ...ติม...ติม" นิ้วเรียวสองนิ้วขยับเสียดสีผนังนุ่มอุ่น หลับตาพริ้มเมื่อนึกถึงความรู้สึกตอนที่แก่นกายใหญ่ ฟันขาวกัดปากครางจนเสียงทุ้มใสสะท้อนก้องในห้องน้ำ



...ต้องใช่อยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่ทำตั้งหลายรอบหรอก...



"อ๊ะ ฮะ!!?" เสียงใสหวีดดังเป็นครั้งสุดท้าย ยามที่แก่นกายเล็กแข็งขืนเกร็งฉีดพ่นน้ำอีกครั้งและไหลลงท่อไปพร้อมกับสายน้ำ ก่อนหอบหายใจหนักหน่วง



นี่เขาเสร็จสมเพราะช่วยตัวเองจากด้านหลัง



พระรามเม้มปากหน้าแดงกับสิ่งที่ตนทำ ก่อนจะฝืนฉีดน้ำเข้าไปและสอดนิ้วเข้าไปอีกครั้ง ไม่ได้คิดทำอะไรมากกว่าล้วงทำความสะอาดจนคิดว่าน่าจะไม่มีอะไรค้างคาหลงเหลืออยู่แล้วก็อาบน้ำทั้งๆ ที่ไม่สบาย เพราะเขาสกปรกเกินกว่าจะทนอยู่แบบนี้ได้



กึกๆ



แขนบางเกร็งกอดตัวเองแน่น หนาวสั่นจนฟันกระทบกันดัง ถ้าตอนปกติเขาคงไม่หนาวขนาดนี้



"ฟืด..."



และสุดท้ายพระรามก็สวมเสื้อเปื่อยๆ ของตัวเองทับสองชั้นตามด้วยแขนยาว...เขาไม่มีเสื้อหนาวเลยต้องป้องกันแบบนี้แทน ก่อนจะเดินออกจากห้องมา ก็มองหาบางอย่างในห้องหรู



...เจอแล้ว...



ร่างโปร่งค้นยาพาราในตู้ยาแล้วก็หาเจอ แกะโยนเข้าปากสองเม็ด ก่อนจะค้นอีก...มือเรียวหยิบหน้ากากอนามัยสะอาดสะอ้านขึ้นคาดปาก ก่อนจะค่อยๆ เก็บของให้เรียบร้อยและออกจากห้องไป



วันนี้เขามีเรียนที่มหาลัยเก้าโมงด้วย ทำงานเสร็จเจ็ดโมงก็ยังได้กลับมานอนพักผ่อนเล็กน้อยก็ยังดี





"เป็นอะไรวะ แมลงกัดเหรอ"



"ครับ?" พระรามมองรุ่นพี่ที่ทำงานงุนงง ดวงตาเรียวฉ่ำเยิ้มเพราะอุณหภูมิกายร้อนผ่าว จนคนมองหน้าแดง



"มึงอย่ามองกูแบบนั้นสิ...นี่มันยั่วกันชัดๆ" ประโยคหลังพึมพำ โชคดีที่รุ่นน้องตัวบางมันไม่ได้ยิน พักนี้ไอ้รามมันผอมลงเยอะจนเอวสะโพกเล็กน่าลูบทั้งตัว วันนี้ก็ดูจะเหม่อๆ พูดอะไรก็ทำหน้างง ส่งสายตาเยิ้มๆ มาให้อีก เขาเลยสงเคราะห์ส่งนิ้วยาวจิ้มตรงคอขาวให้มันรู้ตัว "ตรงคอมึงเนี่ย...เฮ้ย ทำไมตัวมึงร้อนขนาดนี้"



"ครับ พอดีผมไม่ค่อยสบาย แค่กๆ!"



"ก็ว่าใส่แมสก์มาทำไม นึกว่าไปเหลาคางมา"



คนฟังไม่ขำ...ไม่ได้ฟังด้วยซ้ำเพราะปวดหัวหนึบๆ สนใจแต่สิ่งที่ต้องทำตรงหน้า



ตอนเช้าพระรามต้องมาช่วยล้างจานให้ร้านโจ๊กหมูกับข้าวต้มแห่งหนึ่งที่ขายดีมาก แม้จะเปิดตั้งแต่เช้ามืดก็ยังมีคนมาอุดหนุนเยอะจนมือเรียวไม่ได้ยกขึ้นจากกะละมังเลย ยิ่งทำให้ร่างกายที่ร้อนอยู่แล้วร้อนมากขึ้นไปอีก เพราะความเย็นจากน้ำที่เขาอยู่กับมันมาตลอดสองชั่วโมง



"เออๆ ใกล้จะเจ็ดโมงแล้วมึงกลับไปพักผ่อนไป กูทำเอง" เจ้าของร้านโจ๊กชื่อดังนามว่าโชคโบกมือไล่พระรามที่ท่าทางจะไหวแหล่มิไหวแหล่



"แต่..."



"มึงไม่สบายก็ไปนอนพักไป กูให้ค่าแรงเท่าเดิมแหละน่า ไปๆ"



"ครับ พี่โชค ขอบคุณครับ"



"กูแถมโจ๊กให้ด้วยสองถุง ป่วยอยู่ก็กินอะไรอ่อนๆ ร้อนๆ ถึงจะดีกับร่างกายนะ"



พระรามเก็บของเสร็จและค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าตามข้างทางจนมาถึงคอนโดของ



"แฮ่ก...แค่กๆ" เสียงไอโขลกกับลมหายใจร้อนๆ พ่นใส่หน้ากากอนามัยที่ปิดปากอยู่จนมันพ่นเข้าหน้าตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนจะไม่สบายเข้าไปใหญ่ ในมือเรียวถือโจ๊กหมูสองถุงทีได้รับมา ดีที่มีสองถุง จะได้แบ่งไอติมกินด้วย



ทั้งๆ ที่กินยาเข้าไปแล้วแต่มันก็ไม่ได้ช่วยเลยแม้แต่นิด สงสัยเพราะเขาอาบน้ำจนศีรษะเปียกชื้นด้วยหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ...ร่างกายมันถึงได้หนาวสั่นขนาดนี้



...บ้าจริง...เขาลืมอีกแล้ว...



พระรามไม่มีคีย์การ์ด...เข้าห้องไม่ได้



ดวงตาเรียวกระพริบเชื่องช้าเหนื่อยล้าเหลือเกิน มือล้วงหยิบมือถือขึ้นมาโทรออก แต่สายแล้วสายเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าไอติมจะรับ...หรือว่านอนยังไม่ตื่น



ก๊อกๆๆ



ในเมื่อโทรไม่รับร่างโปร่งก็ใช้มาตรการเคาะประตูแทน ผ่านไปสิบนาทีก็ยังนิ่งเงียบ เคาะจนเจ็บมือ "ติม พี่เข้าห้องไม่ได้ แค่ก..." พระรามไอโขลก อาการไม่สบายรุมเร้าจนไม่อยากจะขยับตัว ร่างโปร่งทิ้งตัวลงนั่งหมดแรงพิงกำแพงข้างประตู ถุงโจ๊กร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมก็วางทิ้งข้างตัว แขนบางกอดเข่าซุกหน้าแน่นเพื่อคลายความหนาวนี้แม้จะไม่ช่วยเลยก็ตาม



สุดท้ายแล้วรอแล้วรอเล่า จนพระรามปรือตาหลับไปด้วยความเพลียก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตู





แกร๊ก



พระรามรู้สึกตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ใบหน้ามนเงยมองเห็นร่างสูงอยู่ในชุดนักศึกษาแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก ขาเรียวลุกขึ้นพรวดจนหน้ามืด เอ่ยถามร้อนรน



"ติม นี่กี่โมงแล้ว"



"แปดโมงครึ่ง" ดวงตาคู่คมมองต่ำ "แล้วมึงมานั่งทำอะไรตรงนี้ ใส่หน้ากากทำไม"



ดวงตาเรียวหลุบลง เสียงทุ้มใสตอบแผ่วเบา "พี่เคาะประตู แต่ว่านายไม่เปิด"



อีกคำถามนึงก็ข้ามมันไปซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว...เหมือนถามไปอย่างนั้นเอง



“กริ่งก็มีจะเคาะทำไมห๊ะ โง่!”



“...”



พอเห็นใบหน้ามนเซียวกัดปากนิ่งเงียบ ไอติมก็จิ๊ปากถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ "มึงออกมาทำไม"



"พี่ทำงาน" ร่างโปร่งตอบเสียงเบาอีก เขาเคยบอกไปแล้ว ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่จำไม่ได้กันนะ...หรือว่าไม่ได้ฟังเลย ระหว่างที่คิดน้อยใจ ร่างสูงก็กำลังจะเดินไปแต่พระรามเอ่ยถามตะกุกตะกัก "ติม จะไปมหาลัยใช่มั้ย พี่ไปด้วย"



สายตาคมกริบปรายมองหางตา "กูมีเรียนเก้าโมง"



"พี่ก็มีคลาสเก้าโมง รอพี่เปลี่ยนชุดแปปนึงนะ" พระรามรีบบอก วิ่งไปเปลี่ยนชุดเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น ถุงโจ๊กก็วางไว้บนโต๊ะทั้งๆ ที่ยังไม่ได้กิน แต่พอเปิดประตูออกมา



...ไอติมก็ไม่อยู่แล้ว...





********************* Love Substitute *********************

หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep12 30/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 30-03-2019 14:17:57


                                                      ทดแทนรัก

                                                      ตอนที่ 12



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



'เรื่องรักกับเซ็กส์มันคนละเรื่องกัน...กูไม่เคยพิศวาสมึง อย่าเข้าใจผิด'



เสียงตอกย้ำดังขึ้นในความทรงจำยิ่งทำให้พระรามแค่นยิ้มสมเพชตัวเอง...นั่นสินะ



แค่ไอติมรู้สึกดีกับร่างกายของเขา ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกเกลียดที่มีต่อเขามันจะหายไป



"เดี๋ยวผมจะให้พวกคุณแบ่งกลุ่มกัน แล้วทำรายงานมาพรีเซนต์ในวันที่..."



"แค่ก..." ร่างโปร่งปิดปากไอโขลก พยายามจะเบาแล้วแต่มันเบาไม่ได้เลย ในห้องสโลปที่เต็มไปด้วยนักศึกษาบางคนก็หันมามองอย่างรำคาญ บางคนก็ไม่ได้สนใจ ไอค่อกแค่กติดกันจนเพื่อนสนิทสองคนหันมามองด้วยความเป็นห่วง



"เฮ้ย ราม มึงไหวมั้ยวะ"



"อืม..." พระรามขมวดคิ้วนิ่วหน้า ร่างโปร่งเรียนไม่รู้เรื่องแม้แต่นิดเพราะสิ่งที่มันบีบรัดอยู่ในหัวของเขารุนแรงเกินกว่าจะมองกระดานและจับใจความสิ่งที่อาจารย์พูดได้ "กูปวดหัวว่ะ พวกมึงมียาให้กูมั้ย"



"...ไม่มี แต่ถ้ามึงจะกินกูไปเอาให้ได้ มึงดูเหมือนจะไม่ไหวแล้วนะ"



"ไม่เป็นไร งั้นรอเลิกเรียนก่อน เดี๋ยวกูไปเอาเองก็ได้" เขาบอกและไออีกครั้ง ปวดหัวตัวร้อนผ่าว ชุดนักศึกษาแขนยาวขนาดนี้ยังทำให้เขาหนาวได้ คิดดูแล้วกัน



ถ้าไม่สบายบ่อยๆ แบบนี้รามคิดว่าตนควรจะพกยาเอาไว้ติดตัวแล้วล่ะ...แล้วก็ควรซื้อเสื้อกันหนาวไว้ด้วย



"เอาล่ะ งั้นไว้เท่านี้นะ เจอกันคาบหน้านักศึกษาทุกคน"



เหมือนกับเสียงสวรรค์ที่ทำให้พระรามเก็บของใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว พลางลุกขึ้นเดินพรวดๆ ออกมาจนดินกับสินเดินตามแทบไม่ทัน



แต่ขาเรียวก็ต้องชะงักไม่ทันพ้นตึกคณะ เมื่อเห็นไอติมเดินมากับชะเอมเพื่อนของเขา ไม่รู้ว่าทั้งสองเดินมาด้วยกันได้อย่างไร คงไม่พ้นร่างสูงคงเดินทางมาหาด้วยตัวเอง



ทั้งๆ ที่เมื่อเช้าร่างโปร่งแค่ขอติดรถมามหาวิทยาลัยด้วย ยังถูกทิ้งให้มาเองเลย



เสียงใสหัวเราะคิกคักพร้อมปิดปากอย่างน่ารัก และใบหน้าหล่อเหลาของติม สายตาอ่อนโยนเวลามองร่างบางข้างๆ ...ช่างดูอบอุ่น...แบบที่เขาไม่เคยได้รับสักครั้ง



ภาพตรงหน้ามันทำให้อดคิดไม่ได้ว่าทั้งคู่เหมาะสมกันมาก...ใจของเขาบีบรัด ดวงตาเรียวรีบหลุบซ่อนน้ำตาที่รื้นขึ้น



‘ไม่ได้น่ารักเหมือนพี่ชะเอมก็อย่าร้อง มันน่าเกลียด’



ถ้าหากไม่มีเรื่องของแม่...ไอติมก็คงไม่ชอบเขาอยู่ดีเพราะหน้าตาเขามันน่าเกลียด



"พี่ชะเอมก็...ผมพูดจริงๆ นะ"



"ไม่เชื่อหรอก ติมหน้าตาดีขนาดนี้ จะบอกว่าไม่มีใครมาชอบเลยเนี่ยนะ" ชะเอมจุ๊ปากเหมือนจะดุรุ่นน้องได้อย่างน่าเอ็นดู "พี่ฉลาดนะ ขอบอก"



"พูดจริงๆ ครับ" เสียงทุ้มยืนยันเช่นเดิม พระรามสะดุ้งเฮือกเมื่อไอติมขึ้นสบตาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักกับชะเอมเช่นเดิม



"เด็กไม่ดีชอบโกหก" ร่างบางขมวดคิ้วพองลม ยังคงคุยกันไม่ได้สังเกตเห็นใครบางคนที่ยืนมองอยู่นานแล้ว



"อ้าว..." ไอติมหัวเราะรับคำที่ชะเอมว่าเด็กไม่ดี ก่อนจะหันมาสบมองดวงตาเรียวและยิ้มกริ่ม แววตาเปลี่ยนไป "นั่นรามนี่" พูดด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน เย็นชา เหมือนเมื่อคืนเราไม่เคยมีอะไรกัน



อีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าเขาเห็น...แต่ก็ยังทำแบบนี้ ทำให้เขาเจ็บ



'มึงแย่งความรักของแม่จากกูไป กูจะทำให้มึงรู้สึกทรมานในแบบเดียวกัน'



ทำให้เขารัก...แล้วก็เจ็บ



"ราม...!" ชะเอมหันขวับเพิ่งมองเห็นเขา ดวงตาสีดำเบิกกว้างน่ารักน่าชัง ก่อนจะมองเลยมาด้านหลังที่เพื่อนสนิททั้งสองก็ยืนอยู่ด้วย "ดินสินด้วย เพิ่งเลิกเรียนเหรอ"



"อืม ใช่" ดินกับสินแย้มยิ้มบางเมื่อเจอร่างบาง ใครๆ ที่อยู่กับชะเอมก็รู้สึกดีกันทั้งนั้น



"รามเป็นอะไร ทำไมต้องใส่หน้ากากอนามัยด้วยล่ะ"



"เปล่า...แค่ก" จะตอบให้เพื่อนที่น่ารักคลายกังวลแต่กลับไอแห้งออกมาอีก เขาทั้งเจ็บและแสบคอมาก...วินาทีนั้นไม่รู้ทำไมสายตาของเขาเผลอเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลา แต่ในยามที่มีชะเอมอยู่ด้วย ไม่มีทางเลยที่ดวงตาคมกริบที่เขาหลงรักจะมองเขา



เพราะติมชอบเอม...และติมเกลียดพระราม



"เปล่าอะไร ไอ้หมอนี่มันไม่สบายมาตั้งแต่เช้าแล้ว กำลังจะไปห้องพยาบาลขอยามากินน่ะ"



 มือบางยกขึ้นทาบทับตรงหน้าผากก่อนจะอุทานดังด้วยความเป็นห่วง "ราม...รามตัวร้อนมากเลย เราว่าไปโรงพยาบาลดีกว่านะ"



"ไม่เป็นไรเอม กินยาหน่อยเดี๋ยวก็หายนะ" มือเรียวยกขึ้นจับมือของชะเอมออกก่อนจะกุมแน่นให้ความสบายใจกับคนตรงหน้า แต่หารู้ไม่ ฝ่ามือของพระรามก็ร้อนระอุไม่แพ้กันยิ่งเรียกสายตากังวลจากชะเอมมากกว่าเดิม



ความเป็นห่วงที่ชะเอมแสดงออกมาทำให้เขารู้สึกดีและชื่นใจมากขึ้นที่ยังมีใครคอยเป็นห่วง



แม้ใครบางคนที่อยากให้เป็นห่วงจะไม่ห่วงเขาเลยก็ตาม



"งั้นเดี๋ยวเราไปห้องพยาบาลด้วย" ชะเอมบอกเพราะกลัวพระรามจะเป็นลมไป หน้าซีดขนาดนี้ใครๆ เห็นก็เป็นห่วง



พระรามพยักหน้าน้อยๆ ด้วยดวงตาเหม่อลอย ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินไปพร้อมกัน ไอติมยืนล้วงกระเป๋ากางเกง ดวงตาคมกริบมองแผ่นหลังร่างโปร่งแล้วเดินตามไปหลังสุดแบบเงียบๆ



ร่างโปร่งได้พารามาสองแผง...แผงละหกเม็ด



"ผมขอแผ่นแปะหน้าผากด้วยได้มั้ยครับ" พระรามบอกเสียงแหบ แต่เห็นพยาบาลทำหน้างง ร่างโปร่งก็บอกอึกอัก "คือว่า แค่ก...ที่ช่วยลดไข้"



สุดท้ายก็ได้มาสองแผ่น แล้วก็ได้ผ้าปิดปากมาอีกสองอัน ดีจริง ไม่ต้องเสียเงินเลย



"รามเป็นไงบ้าง" เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ด้านนอกลุกขึ้นถามทันทีที่เห็นเขาเดินออกมา



"อืม ไม่เป็นไรมากหรอก แค่เป็นไข้ ปวดหัวตัวร้อนนิดหน่อย" พระรามบอกก่อนจะไอเสริมอีกทีหนึ่ง



ร่างโปร่งโกหก หมอบอกว่าไข้ของเขาสูงมาก ตอนแรกบอกให้นอนพักที่เตียงของห้องพยาบาลไปก่อนแต่เขาปฏิเสธโดยอ้างว่าจะไปนอนที่บ้านแทน



แต่ความจริงแล้วรามมีภาระที่ต้องไปทำ...ไม่พ้นเรื่องงาน



พระรามเปลี่ยนแมสก์ก่อนจะเดินเอาอันเก่าที่ใช้แล้วไปทิ้งขยะใกล้ๆ "เดี๋ยวเรา...กลับก่อนนะ"



"เดี๋ยวสินกับดินบอกว่าจะไปส่งนะ รามอย่ากลับเองเลย เราเป็นห่วง" ชะเอมบอกอย่างเป็นห่วง พลางจับแขนรามที่กำลังจะปฏิเสธเบาๆ



"ไม่เป็..."



"เดี๋ยวผมไปส่งรามเองครับ ยังไงผมก็จะกลับแล้ว" ไม่อยากจะเชื่อว่าไอติมเป็นคนเสนอขึ้นมา แม้เขาจะรู้สึกดีใจไม่น้อย แต่ในใจลึกๆ ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงจะอยากทำดีให้ชะเอมเห็นเพียงเท่านั้นแหละ ไม่ได้หวังดีเป็นห่วงเขาเลยแม้แต่นิดเดียว



มาทำแบบนี้เขายิ่งสมเพชตัวเอง เหมือนเป็นเพียงเครื่องมือให้ไอติมดูดีในสายตาคนที่ชอบยังไงยังงั้น



เขาเป็นได้เพียงแค่นั้นเองหรือ



"ไม่เป็นไร เพื่อนกู พวกกูไปส่งเองได้" ดินบอกตาขวาง ตั้งแต่รู้จักมันครั้งแรกแล้ว เขารู้สึกไม่ดียังไงตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นไม่เปลี่ยน



"ไม่ต้องทั้งนั้นแหละ...แค่ก กูต้องไปทำงานต่อ" พระรามบอกก่อนจะเดินหันหลังออกไปไม่สนใจคำท้วงของใครทั้งนั้น



ระหว่างรอรถเมล์เพื่อนั่งรถไปที่ทำงานเพราะวันนี้เขาคงเดินเหมือนปกติไม่ไหว กลับมีรถสปอร์ตคันคุ้นตาแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าจนคนมองเต็มไปหมด ซ้ำคนขับยังเดินลงมา ขาเรียวถอยหลังไม่ทันขายาวที่เดินเข้ามารวบตัวและยัดร่างเบาหวิวใส่ที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะเดินอ้อมมานั่งประจำที่อย่างรวดเร็ว เขาที่นั่งหอบเหนื่อยเพราะต้านแรงนั้นไม่ได้แล้วยังปวดหัวตุ้บๆ ไม่หยุด พระรามหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเพราะหนีก็หนีไม่ได้เพราะเขาปลดล็อคประตูรถหรูคันนี้ไม่เป็น



“ติมจะทำอะไร...พี่บอกว่าพี่จะไปทำงาน!” ดวงตาเรียวรื้นน้ำตาตวัดมองคนขับรถที่เหยียบคันเร่งออกตัว ภาพหัวเราะของคนสองคนนั้นมันติดตรึง...สายตาอบอุ่นที่เขาอยากได้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังกับคำด่าทอว่าร้าย



น้อยใจ...น้อยใจมากๆ



ทำไมกับเขาถึงไม่พูดดีๆ กันบ้าง...เขาก็แค่คนๆ หนึ่งที่อยากมีความรักที่สมหวัง อยากอยู่ในสายตาคนสำคัญ หรือเป็นเพราะว่าเขามันหน้าตาไม่ดี...เพราะว่าจนอย่างนั้นใช่มั้ย เขาถึงไม่มีวันที่จะได้สิ่งดีๆ บ้างเลย



มีแค่ตอนอยู่บนเตียงที่เขาเหมือนเป็นคนสำคัญ...แต่นั่นเขาก็คงคิดไปเองอีก



"เกลียดพี่แล้วจะมารับทำไม!?" ทั้งๆ ที่ปวดหัวแทบตายแต่ก็ยังตะโกนเสียงดังให้มันร้าวขึ้นไปอีก



แต่ไอติมยังคงนั่งนิ่งงัน สายตามองไปข้างหน้า ใบหน้ามนซีดเซียวกัดปาก



"ปล่อยพี่ลงนะ! พี่ต้องไปทำงาน!! ติม ปล่อยพี่!" มือเรียวดึงคันชักพยายามเปิดประตูแต่เปิดไม่ออก ถ้าหากว่าเขากระโดดลงไปได้ก็กระโดดลงไปแล้ว จะตายๆ ไปก็ช่าง! เพราะเขาทนไม่ไหวแล้ว รามไม่อยากทนอารมณ์บ้าบอที่ไม่รู้จะดีหรือร้ายของไอติมแล้ว



เขาเจ็บ



จะเกลียดเขาทำไมนักหนา...เรื่องแม่ภาวดีเขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย



เอี๊ยด!! ปึก!



พระรามตั้งตัวไม่ทันเพราะจู่ๆ รถสปอร์ตก็เบรคกะทันหัน ทำให้คนที่ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยกระเด็นไปชนคอนโซลอย่างแรง



"ติม...!"



"หุบปาก!" ดวงตาคมกริบตอนที่ตวาดนั้นเหมือนกับเขาเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน



ร่างโปร่งได้แต่เม้มปากกลั้นความเจ็บปวดทั้งกายและใจ ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งและคาดเข็มขัดดีๆ เพราะไม่อาจขัดอารมณ์รุนแรงของไอติมได้เลย



‘ไม่ได้น่ารักเหมือนพี่ชะเอม ก็อย่าร้อง มันน่าเกลียด’



น้ำตารื้นขึ้นและไหลลงอาบหน้า ไม่อาจอดทนอดกลั้นมันได้อีกต่อไปแล้ว...จะน่าเกลียดก็ให้มันน่าเกลียดไป เพราะยังไงเขาก็หน้าตาไม่ดีอย่างที่ติมบอกจริงๆ



"ฟืด...ฮึก! ติมจะไปไหน" เสียงทุ้มใสสั่นเครือ



"..."



"ปล่อยพี่ไปไม่ได้เหรอ อย่าโกรธเคืองกันเลยนะ เรื่องแม่พี่ขอโทษ..."



"กูบอกให้หุบปากไง ถ้ามึงไม่เงียบ กูจะเอามึงตรงนี้...ในรถนี่แหละ"



พระรามนั่งเงียบทันที เม้มปากแน่นแต่ก็ไม่อาจกักเก็บอาการไอค่อกแค่กของตนได้ แต่ดีที่ร่างสูงไม่ได้ว่าอะไร



นี่เขาทำอะไรผิดเหรอ แค่เกิดมาแล้วได้พบเจอกับภาวดี...ก็ผิดแล้วใช่มั้ย



ถ้าหาก...ถ้าหากเขาไม่ได้เจอกับภาวดี...ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะไปอยู่ที่ไหน...แล้วก็อาจจะไม่ได้พบเจอกับอีกฝ่ายเลยก็ได้



ถ้าหากเขาเกิดมาเหมือนคนทั่วไป...แล้วได้พบเจอกับร่างสูงในสถานที่ที่ต่างกัน...สถานการณ์ที่ต่างกัน...ไอติมจะใจดีกับเขาบ้างหรือเปล่า



ถ้าหากเขาน่ารักเหมือนเอม  ไอติมอาจจะชอบเขาบ้าง



น้ำตากลั่นและไหลออกมาไม่หยุด แค่เรื่องพ่อเขาก็เครียดจะตายอยู่แล้ว...ปวดหัวปวดตัวเจ็บคอ...แล้วทำไมยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีกนะ



“...แค่ก!”



พระรามลูบแขนก่อนที่มือเรียวจะเลื่อนไปปิดแอร์รถยนต์เพราะมันทำให้เขาหนาวสั่นแต่ไอติมกลับเลื่อนไปเปิด ซ้ำยังเร่งจนสุดแถมจ่อมาที่เขาราวกับจะกลั่นแกล้ง



วิวทิวทัศน์ที่เริ่มพร่ามัว มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางคือที่ไหน ร่างโปร่งที่ยกขาขึ้นนอนขดตัวหันหลังให้อีกฝ่าย ไอค่อกแค่กติดขัด ซ้ำยังหอบหายใจสั่นพร่าไร้เรี่ยวแรง ดวงตาเรียวปรือปรอย ฟันขาวกระทบดังกึกๆ จนในรถที่มีแต่ความเงียบได้ยินชัดเจน



...ง่วง...หนาว...



"...หนาว..."



หนาวจังเลยครับแม่



********************* Love Substitute *********************



ทันทีที่รถสปอร์ตหรูจอดที่ลานจอดและมือใหญ่บิดกุญแจรถดับเครื่อง ไอติมก็กันมามองคนที่นอนกอดเข่าขดตัวแน่นบนเบาะกว้าง หลับตาพริ้มสนิท แต่ลมหายใจภายใต้หน้ากากอนามัยนั่นมันดังฟืดฟาดเหมือนคนหายใจไม่ออก



"เฮ้..."



"..."



"เฮ้ ราม" พอเรียกไม่ตื่นซักที ไม่มีแม้แต่จะรู้สึกตัว เขาจึงต้องยกมือเขย่า แต่ทันทีที่แตะเข้าที่แขนผอมผ่านเสื้อนักศึกษา



...ร้อน...



'รามเป็นอะไร ทำไมต้องใส่หน้ากากอนามัยด้วยล่ะ'



'เปล่า...แค่ก'



'ราม...รามตัวร้อนมากเลย'



'ไม่เป็นไรเอม กินยาหน่อยเดี๋ยวก็หายนะ'



นึกว่าจะสำออยซะอีก



แต่แล้วยังไง? เขาต้องสนใจ?



หลังมือยกขึ้นทาบตรงข้างแก้ม พบว่ามันยิ่งร้อนระอุ พระรามสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสเย็นเฉียบโดนผิวกาย ดวงตาเรียวค่อยๆ ปรือขึ้นมองก่อนจะกระพริบเชื่องช้า ไอติมรีบผละออก นั่งกอดอกมองดูคนป่วยจริงลุกขึ้นนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง



"ที่นี่...แค่ก...ฟืด! แค่กๆๆ" รามพูดขึ้นก่อนจะไอโขลก ร่างโปร่งไอแรงติดต่อกันนาน ท่าทางเหมือนจะอ้วก กว่าจะสงบเสียงทุ้มก็พูดขึ้น



"ถึงแล้ว กูปลุกก็ไม่ตื่น รีบๆ ลงมา...ถึงจะเดินไม่ไหวก็ไม่อุ้มหรอกนะ"



ขายาวก้าวเดินนำไปก่อนส่วนร่างโปร่งก็ค่อยๆ ลงจากรถ ยืนนิ่งและปิดประตู...ความคิดความอ่านที่ประมวลผลช้าจนไอติมต้องยืนกอดอกรออย่างหงุดหงิด



เวลาเขาป่วยก็ไม่สำออยขนาดนี้ไหมวะ?



พอร่างโปร่งเดินมาใกล้ ร่างสูงก็เดินไปกดลิฟต์ลูกศรขึ้น แต่มือเรียวขาวซีดก็ยกขึ้นกดปุ่มลูกศรลงในวินาทีถัดมาเรียกเสียงจิ๊ปากจากเขาดัง



จะเหม่อจะเบลอยังไงก็น่าจะเห็นเขากดชั้นไปแล้ว นี่ยังกดซ้ำลงไปแถมคนละปุ่มอีก...เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิด!



แต่ดวงตาเรียวเหม่อลอยมองแผงอิเล็กทรอนิกส์บอกเลขชั้นที่กำลังเข้าใกล้ชั้นนี้โดยไม่สนใจอารมณ์หงุดหงิดของเขาเลยแม้แต่นิด ซ้ำยังไอค่อกแค่กซ้ำเติมเหมือนราดน้ำมันบนกองไฟ



ครืด ครืด



เสียงสั่นของโทรศัพท์สะเทือนมาจนรู้สึกตัว ติมล้วงมันขึ้นมาดู ก่อนจะกดยิ้มมุมปาก



"ว่าไงครับ พี่ชะเอม"



ดวงตาคมกริบเหลือบมองคนข้างกายที่สะดุ้งเล็กน้อย เป็นปฏิกิริยาที่น่าดูชมยิ่งนัก เรียกรอยยิ้มสะใจจากเขาได้เป็นอย่างดี



"อ๋อ~ รามเหรอ...ผมก็ส่งถึงบ้านเรียบร้อยปลอดภัยแล้วครับผม" ไอติมรู้สึกว่าเสียงตัวเองระรื่นเกินพอดี ปกติเวลาคุยกับชะเอม เขาก็ไม่ได้ชื่นมื่นถึงขนาดนี้สักหน่อย "คราวหลังพี่ก็ให้ผมไปส่งบ้างสิ"



ติ๊ง!



ดวงตาคู่คมมองว่าลิฟต์ที่มาเป็นลิฟต์ที่กำลังจะลง ไม่ใช่เป้าหมายของเขา จึงเอ่ยประโยคถัดไป



"อะไรนะครับ พรุ่งนี้ไปดูหนังเหรอ ไปสิ...เฮ้ย!" เสียงทุ้มอุทานลั่นเมื่อทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก พระรามก็ก้าวเข้าไป ยังดีที่เขาเข้าไปห้ามทันและลากเจ้าตัวออกมา



"ติม...ปล่อย" แขนผอมที่ร้อนระอุพยายามบิดออกแต่เรี่ยวแรงไม่มากพอที่จะขัดขืน



"จะไปไหน นี่มันลิฟต์ลง!"



"พี่จะไปทำงาน..." เสียงทุ้มใสบัดนี้แหบพร่าตอบตาปรือ



"สภาพนี้เนี่ยนะ!?" เขาแหว



"..."



"ไปก็ไปถ่วงเขามากกว่าจะไปช่วยมั้ง!?" ไอติมบอกพลางมองสภาพอิดโรยของพระรามตอนนี้ว่ามันเป็นอย่างที่เขาบอกจริงๆ แต่ดูซิว่าอีกฝ่ายตอบกลับมาว่าอะไร



"เรื่องของพี่ แค่ก...!" ซ้ำยังไอโขลกอีกรอบให้ชวนด่านัก



"เออ ตายห่าไปเลยมึง" แม้ปากจะพูดกระแทกกระทั้นแบบนั้น แต่มือใหญ่ก็กอบกุมแขนผอมไม่ปล่อย ซ้ำยังบีบแน่นเพราะคนป่วยมันยังดิ้นไม่หยุด



รามนิ่งเงียบก่อนจะเอ่ยทั้งขมวดคิ้ว "ถ้าพี่ตายก็สะใจติมแล้วนี่...แล้วจะมาทำแบบนี้ทำไม" เสียงทุ้มใสพูดแหบโหยเจือตัดพ้อน้อยใจ คำพูดเมื่อกี้ของเขาดูเหมือนจะไปสะกิดอะไรบางอย่างในใจของพระราม



ติ๊ง!



ร่างสูงลากคนป่วยที่ปลิวตามแรงเข้ามาในลิฟต์ด้วยและกดชั้นที่เป็นห้องของเขา



"อย่าดิ้นนักได้ไหมวะ" เสียงทุ้มพูดรำคาญ ยิ่งทำให้แรงแงะมือที่แขนหนักขึ้นอีก ทั้งยังขมวดคิ้วน้ำตาคลอหน่วย พระรามที่ป่วยดูเงียบรื่นหูก็จริง แต่ความดื้อคูณสอง ซ้ำยังพูดไม่รู้เรื่องอีก



"โว้ย แม่ง"



พอลิฟต์ขึ้นมาถึงจุดหมาย ไอติมก็ลากพระรามออกไปอย่างรวดเร็ว แน่ล่ะว่ามีหรือร่างโปร่งจะยอม แต่ก็ขัดแรงเขาไม่ได้อยู่ดี



"ปะ แค่กๆ ปล่อยนะ...ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย" เขาหันขวับ เบิกตาโพลงอย่างตกใจ ไม่คิดว่าพระรามจะร้องเรียกคนที่กำลังเดินผ่านไปแบบนั้น จนสองคนนั้นที่ท่าทางจะเป็นแฟนกันหันมามองซ้ำยังขมวดคิ้วเริ่มสงสัยเหมือนเขากำลังลักพาตัวพระรามลากเข้าห้องอะไรแบบนั้นเลย "ช่วย...อุ๊บ!"



ไอติมยิ้มแหย มือใหญ่อุดปากคนป่วยแน่นผ่านหน้ากากอนามัย "เปล่าครับ ไม่มีอะไร แฟนผมกำลังงอนอยู่ครับ" มือล้วงคีย์การ์ดมาเสียบ พลันประตูเปิดกว้างก็ลากร่างโปร่งห้องอย่างรวดเร็ว



"ฤทธิ์เยอะนักนะ" ขายาวก้าวเข้าห้องนอนและโยนพระรามลงเตียงท่าเดิม ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนป่วยหรืออะไร "อยากรู้นัก ว่าโดนแบบนี้แล้วจะยังมีฤทธิ์อยู่มั้ย"



"มะ ไม่...!"



มือใหญ่กระชากกระดุมเสื้อนักศึกษาจนขาดทั้งแผง เผยแผงอกและหน้าท้องแบนราบสีแดงเรื่อเพราะพิษไข้ มือใหญ่ลูบตามหน้าท้องไล่จนถึงแผ่นอก มันร้อนระอุจริงๆ



ไม่อยากจะคิดว่าข้างในจะร้อนขนาดไหน...มันคงมอบความเสียวซ่านให้เขาได้มากกว่าปกติหลายเท่าตัวแน่



"ติม ฮือ ขอร้อง...อย่าทำพี่เลย" คราวนี้คนดื้อร้องไห้หวาดกลัวจนที่นอนที่เขาเพิ่งสั่งให้แม่บ้านมาเปลี่ยนเปียกชุ่ม



แต่คำร้องขอมันเหมือนยิ่งไปกระตุ้นให้เขาอยากทำแรงๆ มากกว่า...อยากกระแทก...แทรกเข้าช่องทางนุ่มร้อนระอุสักครั้ง



ว่าไปเขายังไม่เคยทำอะไรกับคนไม่สบายเลยสักครั้ง



"ติม...ยะอย่า!!" มือใหญ่กระชากกางเกงสแลคสีดำจนหลุดมาพร้อมกับชั้นใน ยิ่งทำให้เสียงทุ้มใสหวีดร้องสูง



เหลือปราการแค่เสื้อเชิ้ตที่ติดกายกับผ้าปิดปากแค่นั้น...ก็เซ็กซี่ไปอีกแบบแฮะ



พระรามได้ทีตั้งท่าวิ่งหนีเหมือนแมวดื้อแต่ไม่อาจร้อนพ้นสายตางูเห่าตัวนี้ แขนแกร่งตวัดอุ้มร่างผอมที่ดิ้นพล่านให้มาอยู่บนเตียงเช่นเดิม



...ทำไมตัวถึงได้ร้อนขนาดนี้นะ...



"ฮึก...! ได้โปรด อย่าทำพี่เลยนะ...พี่เจ็บไปหมดแล้ว..." เสียงทุ้มใสแหบโหยอ้อนวอนทั้งน้ำตาก่อนจะไอโขลกแรงเหมือนจะอ้วก "เจ็บไปทั้งตัวแล้วนะ...ฟืด!! ค่อก!!"



"...ราม?" ร่างสูงนิ่งอึ้งเมื่อเริ่มเห็นความผิดปกติบางอย่าง พระรามจิกทึ้งเสื้อของเขาเหมือนคนทรมานที่เกิดจากร่างกาย ก่อนที่เจ้าตัวจะดึงผ้าปิดปากออกและพยายามหายใจอีกครั้ง



>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่างจ้า
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep12 30/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 30-03-2019 14:18:27

>>>>>>>>>>>>>>>>>ต่อจากด้านบนจ้า




"...ฟืด...ฟืด..." ลมหายใจร้อนยังคงติดขัด แต่ก็ดีขึ้นเป็นลำดับจนดวงตาปรือปรอยค่อยๆ ปิดสนิทเหมือนคนหมดแรง



"เฮ้ย...ราม..." มือใหญ่ยกขึ้นอังใต้จมูกเล็ก แม้จะแผ่วเบาแต่เจ้าตัวก็ยังหายใจ หรือว่านี่เขากดดันอีกฝ่ายมากไปจนเป็นแบบเมื่อกี้เหรอ



ไอติมถอนหายใจดัง เขายอมแพ้ก็ได้ เรื่องที่จะทำคงต้องยกไว้วันอื่นจริงๆ ร่างสูงช้อนร่างโปร่งขึ้นอุ้ม และจัดให้คนป่วยมานอนดีๆ ก่อนจะห่มผ้าให้มิดชิด ก่อนจะไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ



วืด วืด



ร่างสูงที่เพิ่งออกมาหลังจากที่ช่วยตัวเองและอาบน้ำเสร็จสวมเพียงกางเกงนอนเปลือยบน เดินเลิกคิ้วมามองโทรศัพท์ตน ก่อนจะยิ้มมุมปาก



"ว่า..."



("พี่ชะเอมเชี่ยไรของมึง กูขนลุก")



คำทักทายแรกของอีกฝั่งทำให้ไอติมหลุดหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเหลือบมองคนป่วยที่นอนห่มผ้ากระสับกระส่ายอยู่ แล้วขายาวก็เดินออกมานอกห้องนอน



"โทษทีๆ"



("สรุปมีอะไร ทำไมต้องทำอะไรน่าสงสัย")



"...ไม่มีอะไรหรอกน่า..." เสียงทุ้มตอบปัดเหมือนรำคาญ แต่น้ำเสียงนั้นยิ่งทำให้คนที่อยู่ในสายอมยิ้มที่เพื่อนสนิทอย่างไอติมไม่มีวันเห็น



("แน่ะ ยิ่งมึงพูดแบบนี้ ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ อย่าให้กูรู้นะ ไม่งั้นกูจะล้อยันลูกบวช")



"ตกลงมึงโทรมามีอะไรห๊ะไอ้ธาร" ร่างสูงเมินคำล้อเลียน ขว้างผ้าขนหนูที่เช็ดศีรษะจนเปียกชื้นลงบนพนักโซฟาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตาม



("แหม เปลี่ยนเรื่องเฉย...ก็ช่วงนี้มึงหายไปเลยไม่มาดูพวกนี้แข่งกันแล้วหรือไง") เสียงทุ้มของธารพูดขึ้นก่อนที่เสียงเร่งเครื่องยนต์ดังกระหึ่มแทรกเข้ามา



"หนวกหูชิบหาย..." ไอติมพูดเหมือนระอา แต่ใบหน้ายิ้มกริ่ม



("ว่าไง สาวๆ ที่นี่เขาก็บ่นคิดถึงนะ หรือถ้าไม่สนสาวแล้วก็มีหนุ่มหน้าหวานหลายคนนะ พอจะตอบสนองมึงได้") ได้ยินธารพูดแล้วเขาก็ครางในลำคอก่อนจะเลียริมฝีปาก ("สนใจแล้วล่ะสิ เพราะงั้นก็รีบๆ มาหาได้แล้ว ทิ้งช่วงไปนานกูจะแย่งตำแหน่งจ่าฝูงของมึงแล้วนะ")



"ไอ้ห่า กูไม่ใช่ลิง"



("มึงก็...ทุเรศเกิน กูหมายถึงสิงโตป่ะ")



ทั้งสองคนระเบิดหัวเราะพร้อมกันก่อนจะเงียบไป ดวงตาคมกริบมองเลยเข้าไปในห้องนอนแม้จะไม่เห็นแต่ก็ยังนึกถึงใบหน้าขาวซีดออก ก่อนที่จะถอนหายใจเบาๆ ทิ้งศีรษะหงายกับพนักโซฟานุ่ม



"ตอนนี้กูมีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อย"



("เรื่องยุ่งๆ? หมายถึงเรื่องพี่ชะเอมคนที่มึงชอบอ่ะนะ")



ไอติมหัวเราะหึๆ สงสัยตอนคุยโทรศัพท์เมื่อกี้นี้เขาจะทำเสียงหวานเกินไปจนไอ้เพื่อนห่านี่มันสงสัยหนัก ถามไม่หยุดสักที "ไม่เสือกน่า"



อย่างที่ธารว่า ชะเอมน่ะเป็นสเป็คของเขาจริงๆ นั่นแหละ แล้วทุกอย่างตั้งแต่หน้าตารวมนิสัยข้างในก็ถูกใจเขามากด้วย ใบหน้าหวานตอนยิ้มแย้มตอนหัวเราะเสียงใสจนตาปิดมันน่ามองซะขนาดนั้น



("ระวังไว้หน่อย ศัตรูมึงเยอะ เดี๋ยวมันรู้ว่าคนที่มึงหมายตาเป็นใคร มีหวังไม่รอดพ้นไอ้พวกนั้นแน่ๆ") ธารเว้นช่วง ("ยิ่งกับพี่ตัวบางคนนั้นแล้วกูว่าคงจะทนตีนไอ้พวกนั้นไม่ไหว")



คนน่ารักใสซื่อบริสุทธิ์แบบนั้นไม่ควรจะมายุ่งกับคนชั่วๆ อย่างเขา...ไม่ควรจะมาเดือดร้อนเพราะปัญหาของเขา



ถ้าหากว่าการปกป้องชะเอมคือการอยู่ห่างๆ ไม่ไปยุ่ง เขาก็จะทำ



'พี่รักติม'



ยกเว้นแต่จะหาใครบางคนมาเป็นตัวตายตัวแทน



ใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราแสยะยิ้มชั่วร้ายกลายร่างเป็นจอมมารทันทีเมื่อคิดอะไรได้ ก่อนจะกรอกเสียงใส่สายลงไป



"ไม่ต้องห่วงน่า คนอย่างกูไม่ทำอะไรให้พี่ชะเอมเดือดร้อนหรอก" พอนึกถึงสิ่งที่จะทำแล้วก็ต้องหัวเราะกับความเลวของตัวเอง "เดี๋ยวไม่นานกูจะพา 'คนสำคัญ' ของกูไปแนะนำให้ทุกคนรู้จัก"



("มึงแม่งน่ากลัวชิบหาย กูล่ะอยากจะเห็นหน้าคนโชคร้ายคนนี้จริงๆ ") ธารพูดเสียงขนลุกเรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้เป็นอย่างดี ("เออ งั้นไว้เจอกันเว้ย")



ไอติมโยนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ข้างตัวก่อนจะรู้สึกในลำคอแห้งผาก ร่างสูงจึงผุดลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นใหญ่ที่ข้างในไม่มีอะไรเลยนอกจากกระป๋องเบียร์วางเรียงราย มือใหญ่หยิบมันขึ้นมาแล้วใช้นิ้วชี้งัดดังเป๊าะก่อนจะยกขึ้นจิบอึกหนึ่ง



ขายาวเดินอาดเข้าไปในห้องนอน ร่างๆ หนึ่งยังคงนอนอยู่ที่เดิมหอบหายใจหน้าแดงก่ำ หนำซ้ำยังไอค่อกแค่ก เป็นเสียงที่ฟังแล้วน่ารำคาญ



ไอติมยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้นข้างเตียง ยิ่งกระดกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มใกล้หมดเท่าไหร่ ความรู้สึกอดอยากปากแห้งมันก็ยิ่งมากขึ้น



ทั้งๆ ที่ปลดปล่อยไปแล้วด้วยการช่วยตัวเอง แต่เท่านั้นมันไม่เพียงพอ เขาต้องการคนมาตอบสนองเขาได้ถึงใจ...ปลดปล่อยน้ำของเขาเข้าลึกในช่องทางนุ่มอุ่น...ทุกวัน...วันละหลายๆ ครั้ง



และคนๆ นี้ก็ให้เขาได้...ทั้งร่างกาย...ทั้งหัวใจ...อีกฝ่ายมีให้เขาพร้อมสรรพ



เสียงครางทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์ ปากกับใจไม่ตรงกัน ทั้งๆ ที่ร้องบอกว่าไม่เอาๆ แต่ร่างกายขยับสอดรับการเคลื่อนไหวไม่แพ้กัน ยามสะโพกเล็กร่อนรองรับแรงกระแทก...เสียงหวีดร้อง น้ำตาคลอ ริมฝีปากบางอ้อนวอนขอจูบ...และสายตาขอร้องระคนเจ็บปวดยามที่เขาไม่ให้จูบที่ต้องการนั่น...



"ซี้ด..." ยิ่งนึกถึงลูกชายยิ่งพองตัวจนดันกางเกงบางจนเห็นรูปร่างจนต้องหลับตาข่มให้มันสงบ



ไอติมเลียริมฝีปากอีกครั้งก่อนจะยกกระป๋องเบียร์ขึ้น "อึก...อึก..." ไหลผ่านช่องปากจนหยดสุดท้ายลงสู่ลำคอ



กระป๋องเบียร์หนึ่งกระป๋องก็ไม่อาจช่วยให้หายอยาก...หนำซ้ำมันยิ่งกระตุ้นมากขึ้นไปอีก



'พี่รักติม'



ความรู้สึกนั้นของมึง กูจะช่วยตอบแทนให้เอง



...หวังว่ามึงคงจะดีใจนะ...



********************* Love Substitute *********************



ไอติมค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพราะได้ยินเสียงกุกกักบางอย่าง ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาสี่ห้าทุ่มได้ เพราะว่าเขารู้สึกได้ว่าเพิ่งจะหลับไปได้ไม่นาน



และในห้องนี้ไม่มีใครนอกจากแมวกับคนสองคน และเสียงที่เขาได้ยินก็มั่นใจว่าไม่ใช่เสียงของเจ้าเหมียว



แอ๊ด...ปึง



และแมวมันก็คงเปิดปิดประตูเองไม่ได้แน่ๆ!



"เฮ้ย...อย่าบอกนะ...!" คราวนี้ตื่นเต็มตา ร่างสูงสะบัดผ้าและรีบวิ่งมาทางประตูทั้งๆ ที่มืดๆ แต่เนื่องจากอยู่ห้องนี้มานานเขาจึงรู้ทุกซอกทุกมุม



แต่ก็ไม่อาจเห็นบางอย่างที่อยู่ตรงเท้าได้



"แง้ว!!"



"โทษที อุริ...!" เขารีบเอ่ย ไม่มีเวลามานั่งดูว่าแมวของตนเป็นอะไรมั้ยเพราะพระรามหนีออกจากห้องไปแล้ว!



ไม่สบายขนาดนั้นยังอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาอีกนะ!



พอเปิดประตูออกไป ก็เห็นแผ่นหลังไวๆ กำลังจะเดินไปทางลิฟต์ พระรามเหมือนได้ยินบางอย่างจากด้านหลังเลยหันมามองและเบิกตากว้าง เจ้าตัวกดลิฟต์ระรัวแต่ไม่ทันขายาวๆ ที่วิ่งมารวบตัวไว้ทัน



"จะไปไหนอีกแล้วห๊ะ ทำไมมึงถึงดื้อขนาดนี้" ไอติมจับข้อมืออีกฝ่ายแน่น และสำรวจใบหน้าซีดเซียวอิดโรยกับกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่บนไหล่ ทำให้ใบหน้าหล่อขึงขัง ถามเสียงแข็งกว่าเดิม “แล้วมึงหิ้วเป้มาทำไม? จะไปไหน!?”



“พี่จะกลับบ้าน”



“กูอนุญาตเหรอ!?” เสียงทุ้มตวาดทันที ความโมโหมันพุ่งขึ้นมาเพียงคำพูดเดียว “ถ้ากูไม่อนุญาตมึงก็ไม่มีสิทธิ์จะไปไหนทั้งนั้น!”



“ถ้าติมเกลียดพี่ก็ปล่อยพี่ไปเถอะ อย่าทรมานพี่เลย...” คนป่วยพูดตัดพ้อ น้ำตาคลอหน่วยน้อยใจ “ติมก็รู้ว่าพี่ชอบ...แต่ติมมาทำแบบนี้ พี่เจ็บ”



ยิ่งอีกฝ่ายทำดีกับชะเอมมากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกด้อยค่ามากเท่านั้น



และถ้าติมคิดจะทรมานเขาให้ตายด้วยความรู้สึกแบบนั้น...เขาก็รู้สึกเหมือนจะตายแล้วจริงๆ



“...ถ้ามึงชอบกูก็ควรจะอยากอยู่ใกล้ๆ กูสิ”



คนฟังส่ายหน้าเชื่องช้า “ถ้าติมอยากเอาพี่เฉยๆ พี่จะมาให้ก็ได้ แต่พี่อยากอยู่บ้าน...พี่จำเป็นต้อง-”



“งั้นกูจะเอาตอนนี้” ไอติมขี้เกียจฟังคำคร่ำครวญพูดอย่างคนเอาแต่ใจ



คนป่วยบิดแขนไร้เรี่ยวแรงขัดขืนทันที ก็เหมือนเดิมมันไม่มีผล "ติม ปล่อยพี่ไปเถอะ พี่ต้องไปทำงาน"



"มึงจะห่วงงานอะไรนักหนา แม่ก็ตายไปแล้วเพราะมึงไง! เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่มึงต้องทำงานงกๆ แล้ว!"



น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะ "เรื่องแม่...พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ ติมเลิกพูดแบบนี้ทีได้มั้ย" เสียงทุ้มใสสั่นเครือ



"..."



"พี่จำเป็นต้องหาเงินจริงๆ แล้วพี่ก็หยุดงานไม่ได้"



"..."



"ติม..."



"จะหาเงินเอาไปทำอะไรนักหนา" ไอติมพ่นลมหายใจแรง เบือนหน้าออกมองทางอื่น



"...นั่นมันเป็นปัญหาของพี่" คำพูดไม่ต่างอะไรกับคำว่าเรื่องของพี่ นั่นยิ่งเรียกลมโมโหจากคนฟังหนัก เรียกว่ารำคาญมากกว่าโมโหก็ได้



"เออ ถ้ามึงจะบอกว่านั่นคือเรื่องของมึง งั้นกูก็จะไม่สนแล้ว" มือใหญ่คลายออกทำให้ร่างโปร่งดึงแขนกลับมาและหันหลัง



"..." ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นพระรามก็กัดปากและกำสายกระเป๋าของตัวเองแน่น



ปกติติมก็ไม่เคยสนใจเขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าเขาจะป่วย จะอ้อนวอนขอร้องเห็นใจ จะเจ็บปวดทั้งกายและใจเพราะคำพูดของอีกฝ่ายยังไงก็ไม่เคยสนใจเขาสักครั้ง แล้วตอนนี้จะมาพูดอะไร



"อืม..." เสียงแหบครางตอบแผ่วเบาในลำคอรับรู้ สายตามองเพียงแผงลิฟต์ที่บอกตัวเลขมันช่างพร่ามัวขึ้นทุกที



ยังไงชีวิตของเขามันก็มาได้เท่านี้แหละ อยู่ตัวคนเดียว...ไม่มีใครรักแล้วก็ตายจากไป



ตอนแรกที่ติมไม่คิดจะปล่อยเขาไป เขาทรมานแทบตายเพราะความรู้สึกที่เรียกว่ารัก



แต่ตอนนี้ร่างสูงไม่คิดจะรั้งเขาไว้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องดื้อดึงอยู่ทรมานตัวเอง เพราะยังไงชาตินี้เขาก็ไม่มีวันเป็นคนสำคัญของไอติมได้



ถ้าหากอยากสมหวังในรัก...คงต้องตายแล้วเกิดใหม่



'จะหาเงินเอาไปทำอะไรนักหนา'



'รามช่วยพ่อหน่อยเถอะนะ!'



ครอบครัวของเขาเหลือแต่พ่อ...ถ้าลูกชายอย่างเขาไม่ช่วย...แล้วใครกันล่ะจะมาช่วย



ติ๊ง!



พอลิฟต์เปิดออกขาเรียวก็ก้าวเข้าไป หันหลังกลับมาหวังว่าจะได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เขาหลงรักก่อนจากกันครั้งสุดท้าย



'กูจะไม่สนใจมึงแล้ว'



...พื้นที่ตรงนั้นว่างเปล่า...



ริมฝีปากบางแห้งผากแค่นยิ้มสมเพชตน...หวังอะไรอยู่งั้นเหรอพระราม



ช่างเถอะ ต่อจากนี้ไปเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว



********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 19-04-2019 18:38:41



ทดแทนรัก

ตอนที่ 13



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





"พ่อ...ผมกลับมาแล้ว..." พระรามเปิดประตูเข้าบ้านมาไม่ทันไรก็ต้องปิดปากไอโขลก นิ่วหน้าทั้งแสบตาแสบจมูกไปหมด "แค่กๆ พ่อสูบบุหรี่น้อยลงหน่อยได้มั้ย มันไม่ดีนะ"



นี่ผ่านมาห้าวันแล้วนับจากที่เขากลับมาที่บ้านเหมือนเดิม ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาก็เจอพ่อนอนอยู่กลางบ้านที่สกปรก รอบตัวของชายฉกรรจ์เต็มไปด้วยซากก้นบุหรี่ที่มอดแล้วเพราะไม่มีใครทำความสะอาด หนำซ้ำนพกรยังกรนคร่อกๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ถ้าหากว่าบ้านไฟไหม้ขึ้นมา ชายฉกรรจ์ก็คงจะเป็นคนจุดไฟเผาร่างตัวเองและตายไปโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ



"พ่อ" มือโบกไปมาเพื่อปัดควันที่ลอยเต็มบ้าน แต่ไม่อาจทำให้มันจาง จึงเปิดประตูและหน้าต่างออกเพื่อระบายมันออกไป



กลับมาแค่ห้าวันแต่รู้สึกพักนี้ร่างกายเขาก็ไม่ค่อยดีเพราะควันบุหรี่ที่ต้องสูดดมมันตลอดเวลา จึงมักจะมีอาการไอแห้งเป็นประจำ



"ไอ้ราม เงินล่ะ" ทุกวันๆ ที่กลับบ้านเขาเจอแต่คำถามนี้ ไม่เคยมีคำถามอื่นเลยสำหรับลูกชายที่กำลังหาเงินมาใช้หนี้ที่เจ้าตัวทำเอาไว้



"ผมกำลังหาอยู่ พ่อทนหน่อยนะ" เสียงทุ้มใสพูดอย่างลำบากใจพลางปลอบใจบิดา ใช่ว่าเขาจะชอบสภาวะตอนนี้ที่ครอบครัวกำลังเผชิญเสียเมื่อไหร่ เขาทำเท่าที่จะทำได้อย่างเต็มที่แล้วแต่เงินตั้งสองล้านจะให้หาได้ภายในเดือนเดียว...มันเป็นไปไม่ได้หรอก



"แต่กูต้องมานอนอยู่เฉยๆ แบบนี้เพราะมึงไม่ใช้หนี้ซักทีไง!!" นพกรตะโกนดัง พระรามกัดปากแน่น ดวงตาเรียวน้ำตารื้นอย่างน้อยอกน้อยใจ พยายามกล้ำกลืนฝืนทนกับคำว่ากล่าวไร้เหตุผล



"แล้วทำไมพ่อไม่ช่วยผมหาเงินบ้าง...ถ้าพ่อไม่ช่วยพ่อก็ต้องรอ..."



“ให้กูทำงาน? มึงเป็นลูกชาย แต่มึงมาใช้กูที่เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของมึงเนี่ยนะ”



“...” คนฟังได้แต่ยืนกำหมัดแน่น เขาไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้วกับคนเห็นแก่ตัวแบบนี้



บางทีเขาก็คิดว่าเขาเป็นลูกชายที่ดีเกินไปรึเปล่า ได้แต่รองรับอารมณ์ของนพกร ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาอาจจะเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกตายไปก็ได้ใครจะรู้ แบบนั้นอาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่าแล้วให้พ่อไปดิ้นรนเอาเอง



แม้ภาพด้านหน้าจะพร่ามัวด้วยน้ำตา คนที่ปากกล้าอ้างว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้ายังนอนกระดิกเท้าไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ

เขาเบื่อเต็มทน...



"มึงไปกู้มาสิ แล้วค่อยใช้คืน" คำพูดมักง่ายที่สุดแสนจะเห็นแก่ตัวโพล่งมาอีกระลอก จนคนฟังสูดลมหายใจลึก "เสี่ยรอนานแล้ว กูกระวนกระวายไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ได้แต่หลบอยู่ในบ้านเพราะมึงปล่อยให้กูเอาแต่รอๆๆ!"



"พูดบ้าๆ ไปกู้เขามามันก็แค่เปลี่ยนเจ้าหนี้แค่นั้นเองนะ!" พระรามพยายามพูดให้นพกรที่คิดจะหนีจากเสี่ยที่กลัวนักกลัวหนาให้พ้น แต่ความจริงแล้วเราก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่จบสิ้น "แล้วเราจะเอาอะไรไปค้ำประกันเล่า...พ่อหัดคิดบ้างสิ"



บรรยากาศที่เงียบไปทำให้ร่างโปร่งเดินเอื่อยเฉื่อยไปวางกับถุงกับข้าวบนโต๊ะ ก่อนจะเปลี่ยนชุดจากนักศึกษาสีขาวเป็นเสื้อยืดเหี่ยวๆ กางเกงยีนส์เก่าๆ



เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพระรามก็ต้องไปทำงานต่ออีก



"พ่อ...กินข้าว" พระรามนั่งลงประจำที่พร้อมเททุกอย่างให้ครบครันและนั่งรอให้พ่อบังเกิดเกล้าลุกขึ้นมากิน



"ก็บ้านหลังนี้ไง...เหลือแค่บ้านหลังนี้แล้วไม่ใช่เหรอ" นพกรที่นอนนิ่งเงียบไปนานเอ่ยขึ้น มันเป็นคำพูดที่ทำให้พระรามหันขวับตวาดอย่างหมดความอดทน ทบน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลอาบหน้า



"นี่พ่อบ้าไปแล้วจริงๆ ใช่มั้ย ถ้าไม่มีบ้านแล้วผมกับพ่อจะไปซุกหัวนอนที่ไหน!?"



"บ้านหลังนี้มันจะสำคัญไปกว่าชีวิตของกูอีกหรือไงวะ!!" เสียงแหบตวาดกลับมาด้วยเสียงที่ดังกว่า "จริงๆ แล้วมึงก็อยากให้กูตายใช่มั้ย!? มึงแค้นที่กูยืมเงินมึง ทำให้มึงลำบากใช่มั้ยห๊ะ!!?"



เนื้อความของอีกฝ่ายทำให้พระรามไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว



ที่เขาทำอยู่นี่ไม่ใช่เพื่อพ่อหรอกเหรอ...การกระทำของเขา...ความเหนื่อยยากของเขาไม่มีค่าอะไรในสายตาของพ่อเลยหรือยังไง



แล้วยังจะมาบอกว่าเขาอยากให้พ่อตาย?



'ก็ทิ้งไปซะสิ บ้านหลังนั้นไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว'



ไม่ว่าจะใครหน้าไหน...ก็ไม่นึกถึงใจเขาเลยสักคน



บ้านหลังนี้คือบ้านที่แม่เป็นคนหามาด้วยหยาดเหงื่อ มันคือสิ่งสำคัญของภาวดีที่เธอไม่มีชีวิตจะมาปกป้องด้วยตัวเองแล้ว ตอนนี้เขาจึงคิดจะปกป้องมันแทนเธอ



แต่หลังจากแม่ตายไป นพกรกลับไม่เคยถามถึงสักครั้งเดียว...แล้วยังจะเอาบ้านหลังนี้ไปอีกเพื่อความคิดและการกระทำอันเห็นแก่ตัวของตัวเอง



"จะยังไงก็แล้วแต่...ผมไม่เอาบ้านหลังนี้ไปค้ำประกันเพื่อกู้หนี้ของพ่อหรอก ถ้าเสี่ยรอไม่ได้ผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว" พระรามพูดอย่างไม่แยแสอยากจะรู้ว่าพ่อจะทำยังไง ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ลุกขึ้นตวาดหน้าแดง



"ไอ้ราม! ไอ้ลูกทรพี! กูว่าแล้วมึงนี่มันเลวจริงๆ!!"



โครม! เพล้ง!



ไม่เพียงแค่นั้นยังคว่ำโต๊ะอาหารโต๊ะเล็กๆ ที่วางเตรียมทั้งข้าวกับข้าวเอาไว้อย่างระบายอารมณ์โมโหจนมันแตกกระจัดกระจายเละเทะ ก่อนจะเดินตึงตังออกจากบ้านไป



พระรามนั่งนิ่งอึ้งกับการกระทำโหดร้ายและก้มมองกองกับข้าวที่เขาอุตส่าห์เลือกซื้อมา น้ำตารื้นขึ้นก่อนจะไหลลงอีกครั้ง



"ฟืด...ฮึก! ฮือ..." ร่างโปร่งกอดเข่าร้องไห้อยู่คนเดียวเพียงลำพังในบ้านเวิ้งว้าง ในอกมันอึดอัดเหลือเกินกับสถานการณ์และภาระที่เขาต้องแบกรับ



อุตส่าห์คิดว่ายังไงก็ทนไหว...ทนไหว



แต่ตอนนี้เขาไม่แน่ใจแล้ว





พระรามต้องล้มทั้งยืนในวันเดียวกันเพราะหลังจากที่เขากลับมาจากทำงานกำลังเดินเข้ามาก็มีคนน่าสงสัยยืนอยู่เต็มซอย ใบหน้ามนตาโตแตกตื่น ขาเรียวรีบวิ่งไป เขาแทรกตัวผ่านฝูงชนที่มุงเต็มหน้ารั้ว พบว่าคนพวกนี้มีธุระกับที่บ้านของเขาและกำลังค้นภายในบ้านจนเละเทะไปหมด



"นี่พวกคุณจะทำอะไร!? อย่ามาค้นบ้านของผมตามใจชอบนะ!" พระรามตะคอกหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ร่างโปร่งกระโจนเข้าไปหาคนที่เตะกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาจนมันปลิ้นออกมาเละเทะ ซ้ำยังเหยียบจนเป็นรอยรองเท้า แต่ยังไม่ทันพุ่งไปถึงตัวกลับถูกรั้งแขนไว้ทั้งสองข้างและกดให้คุกเข่าลงกับพื้นเสียก่อน



"เด็กนี่ใคร?" ชายคนนั้นถามขึ้นพลางหันมามองแต่เท้ายังไม่ยกจากกระเป๋าเสื้อผ้าของเขา ชายตัวสูงใหญ่แต่อ้วนพุงพลุ้ยสวมเสื้อเชิ้ต พันผ้าพันคอสีแสบตา นิ้วมือสวมแหวนทองวงใหญ่เต็มสิบนิ้ว



"สงสัยจะเป็นลูกชายของไอ้นพกรครับเสี่ย" เสียงตอบมาจากคนที่หิ้วแขนขวาของเขา



ดวงตาเรียวเบิกกว้างทันทีที่ได้ยิน ไอ้พวกนี้มันรู้จักพ่อด้วย? ที่มากกว่านั้นคือเมื่อกี้มันเรียกคนตรงหน้าว่าเสี่ย!?



คนที่พ่อไปกู้มาจนติดหนี้อยู่สองล้าน!



"ลูกชายของนพกร? ไอ้หมอนั่นมันมีลูกด้วยเหรอ" เสี่ยพุงพลุ้ยทำหน้าสงสัยก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างโปร่ง มืออวบอูมใหญ่โตเพราะเชื้อยุโรปเชิดคางขึ้นซึ่งใบหน้ามนเบือนออกทันทีเพราะกลิ่นน้ำหอมฉุนจมูกของอีกฝ่าย "พ่อมึงไปไหน"



"...พ่อ?" พระรามขมวดคิ้วกับคำถาม ก่อนที่ร่างโปร่งจะทำตาขวางกับคนนอกที่ไม่ได้รับอนุญาต เสียงทุ้มใสตะโกนดังไม่เกรงกลัวว่ามันจะเป็นใคร "ผมควรจะถามมากกว่าว่าคุณมาทำบ้าอะไรที่นี่ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาค้นบ้านนี้!?"



"โอ้ ปากกล้า" เสี่ยยิ้มชอบใจ "กูเป็นเสี่ยที่พ่อมึงติดหนี้ไว้สองล้านไง แล้ว..."



“เสี่ยครับ!” เสียงตะโกนดังขึ้นเรียกทำให้คนที่กำลังจะพูดชะงัก จิ๊ปากก่อนจะตวัดสายตาคมกริบมองขวับทำเอาไอ้หมอนั่นหน้าซีดเหมือนไก่ต้ม



“ว่า”



"อะ ไอ้นพกรมันหนีไปแล้วครับ!!"



คำพูดของคนแจ้งข่าวทำให้พระรามที่ฟังตกใจตาโต ว่าอะไรนะ พ่อหนีไปแล้ว!?



แล้วพ่อจะหนีไปไหน หนีไปได้ยังไง!?



ก่อนที่จะได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ ใบหน้ามนก็ถูกกระชากให้กลับมาสบตาคมกริบที่อยู่บนใบหน้าอวบอูมอีกครั้ง



"ก็ตามที่มึงได้ยิน ในเมื่อมันไม่ใช้หนี้กู กูคงต้องเอาบ้านหลังนี้ไปแทน...ถึงจะโกโรโกโสไปหน่อยแต่ถ้าทุบทิ้งไปทำอย่างอื่นก็พอได้อยู่" เสียงทุ้มพูดจบก่อนที่จะยื่นหน้ามาใกล้กับใบหน้ามนจนประชิด แลบลิ้นเลียแก้มขาวอย่างเจ้าของไม่ทันตั้งตัว "แถมไอ้นพกรก็ยังมีลูกชายหน้าตาใช้ได้ พอจะเอามาแก้ขัดฆ่าเวลา"



"ไอ้...ไอ้โรคจิต!!" ร่างโปร่งดิ้นพล่าน แม้ใจจะสั่นกลัวจนใบหน้าขาวซีดเซียวแต่ก็ยังทำกล้าด่ากราด



"ล้อเล่นน่า" ไอ้เสี่ยเลวปล่อยคางของพระราม ก่อนจะลุกขึ้นยืดตัวหัวเราะลั่นเหมือนคำด่าของเขาเป็นมุกตลกขำขัน "ถ้าเป็นผู้หญิงมึงคงเสร็จไปแล้ว แต่กูไม่นิยมเอาตูดผู้ว่ะ"



ว่าจบก็หัวเราะตบท้ายจนไขมันกระเพื่อม ลูกน้องมันเห็นหัวหน้าระเบิดขำก็หัวเราะตามเป็นลูกคลื่น เหมือนเป็นวัฒนธรรมของพวกมันยังไงยังงั้น



"ฮึ่ย! ปล่อยสิวะ!" ร่างโปร่งถลึงตาสะบัดแขนอย่างแรง แต่คนจับมันก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดี



"ปล่อยมัน" สายตาคมกริบสมกับที่อยู่ในวงการมืดมานานปรายมอง ทำเอาพระรามขนลุกแต่ก็ได้รับอิสระในวินาทีต่อมา "รู้แล้วนะว่าบ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของมึง เก็บของแล้วออกไปซะ...กูให้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว"



คราวนี้เขาร้อนรนรีบเอ่ยอ้อนวอน "เดี๋ยวสิ...ผมขอร้อง อย่าเอามันไปเลย" ไม่มีใครที่คิดถึงความสำคัญของบ้านหลังนี้ไปมากกว่าเขาอีกแล้ว



แต่เสี่ยมันฟังแล้วโคลงหัวอย่างหัวเสีย เดาะลิ้นเสียงดัง "โว้ย...ก็กูบอกแล้วว่านี่ชดใช้หนี้สองล้านของพ่อมึงไง ไม่ยึดไม่ได้!!"



คำประกาศิตเสียงดังอย่างเด็ดขาดทำให้ร่างโปร่งน้ำตารื้น ในสมองของรามแล่นเร็วจี๋ คิดสิ...คิดสิว่าจะทำยังไงดี!



"ถ้างั้น...ถ้างั้นผมจะใช้หนี้สองล้านให้ นะครับ เพราะงั้นอย่าเอาบ้านไปเลย" มือเรียวประกบพนมบนหน้าอก ตัวเขาช่างน่าสมเพช...ต้องมายกมือไหว้คนไม่รู้จักเพื่อขอร้องไม่ให้เอาสิ่งสำคัญของเขาไป



เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว...เผื่อว่าอีกฝ่ายจะเห็นใจเขาบ้าง



"มึงนี่นะ?" เสี่ยอ้วนเลิกคิ้วถามเสียงสูง "แล้วกูจะได้เงินเมื่อไหร่"



"ผม...ผมผ่อนได้มั้ย ถ้าเดือนละหมื่น...สะ สองหมื่นก็ได้" พระรามรีบพูดตะกุกตะกัก เขาเก็บได้มากสุดเท่านี้คือหักค่าใช้จ่ายออกไปแล้ว...อย่างน้อยก็คือได้กินข้าวสองวันหนึ่งมื้อ



"สองหมื่น!? บ๊ะ เดือนละแสนยังตั้งสองปี แล้วกูก็ไม่คิดรอเกินหนึ่งปี! ถ้ามึงหามาให้กูไม่ได้เดือนละสองแสนก็ไม่ต้องคุยกัน" ใบหน้าอวบอูมเครียดขึง



"สะ สองแสน?" ใบหน้ามนอึ้งทึ่งตกใจ บ้าแล้ว ตั้งสองแสนเขาจะหามาจากไหน



"จบ! มึงขนของของมึงออกไปได้แล้ว!!!"



ชายพุงพลุ้ยตวาดตัดบทเสร็จก็เดินออกไป ไม่คิดเจรจาไร้สาระอีก ธุระของเขาเป็นเงินเป็นทอง แค่ให้ไอ้นพกรยืมเงินสองล้านไม่ได้คืนก็อารมณ์เสียมากพอ ยังต้องมาคุยกับลูกชายคิดต่อรองหนี้กับบ้านด้วยการผ่อนเงินหมื่น!?



พระรามคุกเข่านั่งมองพวกคนเหล่านั้นค่อยๆ ทยอยเดินออกจากบ้านไปจนหมดโดยทิ้งซากสกปรกระเกะระที่พวกมันทำเอาไว้อย่างไม่แยแส



เขาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง...ถูกทิ้งโดดเดี่ยวไว้ในบ้านเพียงลำพังอีกครั้งเหมือนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ แต่...สถานการณ์ต่างกันลิบลับ



ร่างโปร่งกำหมัดแน่นจนสั่นระริก ไม่รู้จะโมโหใครดี...เสี่ยนั่น...พ่อบังเกิดเกล้าที่หนีหัวซุกหัวซุนไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว



...หรือว่าจะโกรธตัวเขาเองที่ทำอะไรไม่ได้เลย



ทั้งโกรธทั้งเสียใจ ความรู้สึกปนเปกันจนน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้...ค่อยๆ ไหลริน



"อึก..."



แผ่นหลังบางค่อยๆ คู้ตัว สะอึกสะอื้นน้ำตาหยดลงพื้นดังแปะๆ ไม่ขาด มีเพียงเสียงร้องไห้สั่นเครืออย่างเจ็บปวด



เขาปกป้องอะไรไว้ไม่ได้เลยสักอย่าง



"แม่ครับ...ผมขอโทษ..."



ขอโทษที่ปกป้องแม่ไว้ไม่ได้



'เป็นความผิดของมึงที่ทำให้แม่กูตาย!'



ขอโทษที่ปกป้องบ้านหลังนี้ไว้ไม่ได้



'บ้านหลังนี้ไม่มีค่าอะไรอีกต่อไปแล้ว'



"รามขอโทษ"



เขาพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่าง...



ทำงานหนักเพื่อจะยื้อชีวิตแม่เอาไว้...สุดท้ายแม่ก็จากเขาไป



ทำงานหนักเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ ...เพื่อให้พ่อดีใจและเห็นเขาเป็นลูกชายคนหนึ่งบ้าง



แต่สุดท้ายพ่อก็หนีไป...และคราวนี้ยังมาโดนยึดบ้านหลังสำคัญไปอีก



"ฮึก..."



บ้าบอชะมัด



การกระทำของเขา...ทุกสิ่งทุกอย่าง



...มันไร้ค่าสิ้นดี...





********************* Love Substitute *********************





"เฮ้อ..."



'ออกไปได้แล้ว หมดเวลาแล้ว'



เสียงฝีเท้าดังแท่ดๆ ตามทางเดินคอนกรีต ดวงตาเรียวเหม่อลอยมองไปข้างหน้า เจ้าตัวไม่รู้เหมือนกันว่าเดินมาถึงไหนแล้ว ความสิ้นหวังเข้าถาโถมในเวลาคราวเดียวกันจนบ่าเล็กๆ ของเขารับไม่ไหว ตอนนี้พระรามก็ไม่มีจุดหมายปลายทาง ไม่มีความคิด...แม้แต่จะมีชีวิตอยู่



...ตัวคนเดียว...



ร่างโปร่งตอนนี้มีแค่กระเป๋าเสื้อผ้าที่มีอยู่แค่สองสามชิ้นกับหนังสือเรียนนิดหน่อยแค่นั้น



พรุ่งนี้คงต้องหาห้องพักซักที่ที่มันถูกๆ



"แล้ววันนี้ล่ะจะไปนอนที่ไหนดี..." นี่มันก็จะเที่ยงคืนอยู่แล้วคงไม่มีหอพักที่ไหนเปิดอยู่หรอก



มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นมากดไล่เบอร์ที่บันทึกไว้...ไม่รู้ทำไมถึงนึกถึงตอนนั้น...ตอนที่ได้รู้จักกับชะเอมครั้งแรก



...ทำไมชะเอมถึงมีเบอร์ติดต่ออยู่แค่นี้นะ...



จริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่ต่างกัน ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อน แต่ไม่มีคนไหนที่สนิทพอที่จะคุยกันและแลกเบอร์ จนกระทั่งเจอสินกับดิน ตัวเขาก็มีไม่ถึงห้าเบอร์ด้วยซ้ำ



ก่อนจะไล่มาเจอ...ชื่อที่ทำให้เขาหยุดนิ่ง ในอกบีบรัดแน่น



...แม่ภาวดี...



ภาพโทรศัพท์มันพร่ามัวด้วยน้ำตาคลอหน่วย นิ้วสั่นระริกจิ้มผิดจิ้มถูกเพราะมองเห็นไม่ชัดกดโทรออกและแนบหู



("ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดใช้บริการ...")



มือค่อยๆ ลดต่ำลงน้ำตาร่วงเผาะจนตาพร่ามัว แต่นิ้วก็กดมันอีกครั้ง...อีกครั้ง เขาแนบมือถือกับหูนับสิบๆ ครั้ง ฟังเสียงผู้หญิงที่เป็นสายตอบรับอัตโนมัติบอกว่าเบอร์นี้ถูกระงับการใช้งานไปแล้วเพราะเจ้าของเบอร์ไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว



ถึงกระนั้นพระรามก็ยังดื้อด้านที่จะโทรออกซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น...ถ้าหากเป็นความฝันเขาคงได้ยินเสียงแม่ตอบกลับมา



"ฟืด...ฮึก!" ร่างโปร่งสูดจมูกสะอึกสะอื้นเสียงดังท่ามกลางความมืดรอบด้าน เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีใครเห็นหรือสนใจ "คิดถึงจัง...แม่ครับ"



ต่อจากนี้ผมจะทำยังไงต่อไปดี



พระรามเหมือนคนเร่ร่อนไร้ทิศทาง ไร้เป้าหมาย



บรื้นนน



เสียงรถบรรทุกแล่นผ่านไปทำให้ใบหน้ามนหันมองอย่างเหม่อลอย แล้วดวงตาเรียวก็มองเลยไปฝั่งตรงข้ามของถนนเห็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง



...ตรงนั้นมัน...



มือยกขึ้นปาดน้ำตาที่เป็นคราบบนใบหน้า ขาเรียวก้าวลงขอบฟุตบาธและเดินข้ามถนนใหญ่ไป ร่างโปร่งเดินผ่านรั้วเข้าไปในสวนสาธารณะที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบไม่เก็บเงิน ที่นี่มีต้นไม้ใหญ่เยอะปกคลุมโดยรอบทำให้ดูร่มเย็น แถมยังมีเครื่องเล่นอันใหญ่ที่ค่อนข้างใหม่สำหรับเด็กเยอะแยะเลย



ไม่เคยนึกว่าสักวันหนึ่งตนจะกลายเป็นคนไร้บ้านไร้ที่อยู่ แต่ว่าคืนนี้...ขอใช้ที่นี่เป็นที่นอนไปก่อนแล้วกัน



ลมเย็นๆ พัดมากับเสียงใบไม้เสียดสีกัน ทำให้ร่างโปร่งห่อตัวเล็กน้อย เขาค่อยๆ เดินไปทิ้งตัวลงบนตาข่ายเชือกเส้นใหญ่ที่เอาไว้ให้เด็กฝึกปีนขึ้นลง ก่อนจะเปิดกระเป๋าเป้หยิบเสื้อแขนยาวอีกตัวมาใส่ทับ และปากกระเป๋ามันก็แหวกให้เห็นปึกชีทความรู้ของเขา ดวงตาเรียวมองมันอยู่อย่างนั้น



'งั้นก็เรียนให้จบสิลูก จะได้หาเงินได้เยอะๆ'



คำพูดและรอยยิ้มในความทรงจำของแม่มันผุดขึ้นมา



มือขาวหยิบชีทขึ้นมากางดู ปลายนิ้วลูบกระดาษสากๆ ไปมาตามตัวหนังสือ นี่เขาไม่ได้มีเวลาอยู่กับมันมาเกือบสองเดือนเพราะเรื่องต่างๆ นานา



พอมาคิดย้อนดู...สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายเลย ทั้งแม่ ทั้งพ่อ...แม้จะคนละความหมายแต่ทั้งคู่ก็จากเขาไปแล้ว



ตอนนี้เหลือเพียงแค่เขาที่กำลังเดินบนเส้นทางโดยไม่มีใครมาคอยชี้นำอีกต่อไป เส้นทางชีวิตที่เขาเท่านั้นที่จะเป็นคนกำหนดมัน



ถึงภาวดีจะไม่อยู่บนโลกนี้ แต่จิตวิญญาณของเธอยังอยู่ในใจพระราม เขายังจำเธอได้ ยังระลึกถึงคำพูด คำสอนของเธอได้เป็นอย่างดี เพราะความรักและความหวังดีของเธอมันมากมายจนทำให้เด็กชายพระรามเติบโตขึ้นมาได้ขนาดนี้



อีกแค่ปีกว่าเขาก็จะเรียนจบ ดังนั้นเขาจะให้เรียนจบเพื่อให้แม่บนสวรรค์ได้ภูมิใจ และใช้ชีวิตให้สมกับคำที่แม่บอก



'แม่ภูมิใจในตัวรามนะ'



ขอบคุณครับ...ที่เลี้ยงผมมา





********************* Love Substitute *********************





ผ่านไปกว่าสองสัปดาห์ที่ไอติมไม่ได้เข้าไปยุ่งกับรามตามที่ปากว่า พอไม่มีพระรามอะไรๆ ก็ดูจะเงียบไป เขาก็ไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากเรียนกับเที่ยวเล่น ไปนอนกับใครต่อใคร(ป้องกันตลอด) แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนปลดปล่อยได้ไม่เต็มที่ ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกติดใจกับร่างกายของร่างโปร่งเสียเหลือเกิน



กับเสียงทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์เวลาครางเรียกชื่อเขาตอนอยู่บนเตียงนั่นด้วย



เขาจึงค่อนข้างหงุดหงิด เพราะนอกจากจะต้องอดทนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วยังต้องมาเหนื่อยทะเลาะกับสัตว์ในครอบครองอีก



เจ้าอุริ แมวตัวดีของเขาร้องแง้วๆ น่ารำคาญทั้งวัน เพียงแค่เจอพระรามไม่กี่วันก็ดูจะติดร่างโปร่งนั่นมากกว่าเจ้าของที่อยู่ด้วยกันมานานนับปี



มันน่าโมโหมั้ยแบบนี้



"แง้ว!"



"อะไรอีกล่ะ อาหารอยู่โน่น เทไว้ให้แล้วไง!" ไอติมว่าเสียงดัง คุยกับแมวเหมือนจะรู้เรื่องว่ามันพูดอะไร นิ้วยาวชี้ไปที่ถาดอาหารที่เทอาหารเม็ดกรุบกรอบน่ากิน(สำหรับแมว)ยี่ห้อดังที่ว่ากันว่ากินแล้วจะขับถ่ายดีขนสวยและนิสัยจะว่าง่าย(?)



"แง้วๆ!!"



"เฮ้ย!!"



แต่ที่ไหนได้สงสัยโฆษณามันจะหลอก เพราะเจ้าเหมียวอุริมันรีบวิ่งมาเกาะขาไต่ขึ้นมาจนคนตัวโตเป็นยักษ์ตกใจอุทานเสียงดัง นิ้วยาวรีบคีบหลังคอมันจนยืดแต่เหมือนนกรู้ แมวตัวจ้อยขนฟูนุ่มนิ่มรีบกางเล็บจิกกางเกงยีนส์ราคาแพงแน่นจนดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก



จึก



"โอ๊ยๆๆๆ! เจ็บๆ!" เล็บมันแหลมทิ่มทะลุโดนเนื้อขาจนไอติมร้องลั่น "ไอ้แมวบ้า พยศนักเดี๋ยวจับไปขายซะเลย!"



"แง้ว!"



สุดท้ายอุริเผลอตัวมัวแต่ร้องขู่จึงโดนหิ้วคอออกมายกขึ้นในระดับสายตา มันคงไม่รู้ว่ากับตัวขนาดเท่าฝ่ามืออย่างมัน คำขู่ใช้ไม่ได้ผลแม้แต่นิดเดียว ซ้ำยังดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาคนอื่นอีกต่างหาก(ยกเว้นเจ้าของแล้ว)



"หึหึ แกเสร็จแน่ เอาไปขายทิ้งซะเลย" ไอติมเอ่ยเสียงเข้มขู่เจ้าแมว ดูเหมือนอุริฟังรู้เรื่องว่าคนพูดอะไร แต่คนต่างหากที่ฟังไม่ออกว่ามันพูดอะไร



"แง้วๆๆๆ!" แมวตัวจ้อยขู่พองขนกางเล็บสองมือและตวัดข่วนไปมากลางอากาศ ดวงตาคมกริบยิ้มเยาะดวงตาอาฆาตแค้นของเจ้าอุริกับขาสั้นๆ น่าสมเพชของมันที่พยายามยังไงก็เอื้อมมาไม่ถึง



ก็นะ ใครจะยอมโดน...มันคงเจ็บใช่ย่อย



ทะเลาะกับแมวมาสักพัก ไอติมก็ยกมือลูบหน้าระอาตัวเอง



"มัวแต่ทำอะไรอยู่วะเนี่ยเรา"



วืด วืด



"?" ไอติมเลิกคิ้วล้วงมือถือที่สั่นดิกออกจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เหลือบมองหน้าจอก่อนจะกดรับ "ว่า..."



("วันนี้ไปกินเหล้ากัน")



คนฟังเลิกคิ้วกับคำทักทายแรกคือคำชวนไม่มีพูดพร่ำทำเพลงก่อนจะยิ้มออกมา



"เอาสิ แต่กูขอเลือกร้าน...อยู่แถวๆ ..." เสียงทุ้มกรอกเสียงบอกสถานที่ลงไป ขณะที่เดินไปโยนเจ้าเหมียวแสนดื้อใส่กรงทำเอามันดิ้นพล่านร้องง้องแง้งข่วนกรงจนเป็นรอย ไอติมยิ้มสะใจกับการดิ้นรนไม่ได้ผลของสัตว์ตัวน้อยและแลบลิ้นใส่



("หืม") คนในสายส่งเสียงในลำคออย่างสงสัยสุดฤทธิ์ก่อนจะพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ("มีเด็กแซ่บๆ ที่มึงถูกใจหรือไงวะร้านนั้น")



คนฟังขำ นึกถึงร่างโปร่งในความคิด...เด็กแซ่บๆ เหรอ เด็กหน้าจืดมากกว่ามั้ง



"ก็ 'คนสำคัญ' ที่กูบอกไง ไม่ได้เจอนานแล้ว วันนี้ได้ฤกษ์พอดีว่าจะไปรับสักหน่อย"



(“โอ้ ชักอยากจะเห็นแล้วสิ”)



“ของๆ กู”



(“อะไรวะ มึงชอบพี่ชะเอมไม่ใช่เหรอ ทำไมคนนี้ก็ยังหวง อย่าบอกนะ...”)



“ก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง กูกำลังเล่นสนุก มึงอย่ามายุ่ง” เขาพูดขัดขึ้นมาก่อนที่มันจะพูดอะไรไร้สาระไม่เข้าเรื่อง



("มึงเลวมาก")



>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง


หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 19-04-2019 18:39:09



ต่อจากด้านบน



"มึงก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่" ไอติมว่าพลางยิ้มกริ่ม ไม่ได้ปฏิเสธคำกล่าวหานั้น



เผลอๆ ไอ้เพื่อนสนิทของเขาคนนี้ร้ายกาจกว่าอีก



("โอเคเจอกัน เดี๋ยวกูพาน้องๆ สาวๆ ไปด้วย")





ท่ามกลางแสงสีเสียงที่มีทั้งสาวและหนุ่มหลายคนเต้นโยกตามจังหวะ แต่ไม่ทำให้ร่างสูงกำยำและใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราสนใจได้ เพราะสายตาคมกริบกำลังจับจ้องร่างๆ หนึ่งที่ขยับโยกย้ายเดินไปเดินมาตามโต๊ะเหล้าไม่หยุด พอร่างนั้นเดินหายเข้าไปหลังร้าน ไม่เดินออกมาเสียที เจ้าตัวก็หันไปมองอย่างอื่น แต่พอร่างโปร่งนั้นเดินออกมาอีกก็ไม่พ้นสายตางูเห่าตามติดอย่างกับมีเรดาร์



พระรามในชุดเด็กเสิร์ฟ เสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวติดกระดุมมิดชิดเรียบร้อยทุกเม็ด กางเกงแสลคเดฟขายาวสีเดียวกันมันแนบชิดจนเห็นสัดส่วนสะโพกเล็กชัดเจน แม้จะผอมมากแต่มันก็สวยงามยั่วน้ำลายคนมองได้หลายคน...รวมเขาด้วย



แต่น่าสะใจตรงที่มีแค่เขาเท่านั้นที่ได้สัมผัสและเข้าไปสำรวจภายใน



หลังจากไม่ได้อยู่กับเขามานาน พระรามก็ดูจะโอเคขึ้นเยอะ ไม่อิดโรยเท่าที่เป็นตอนที่เห็นครั้งล่าสุดแต่น่าจะผอมลงกว่าเดิม อีกฝ่ายยังคงทำงานขมักเขม้นไม่รู้ตัวว่าเขาก็กำลังนั่งดื่มเหล้าเป็นลูกค้าอยู่ในร้านด้วย



ถ้าพระรามเห็นเขาจะทำหน้ายังไงนะ



"นี่ๆ มองอะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว~ สนใจกันหน่อยสิครับ" เสียงร้องเรียกข้างกายท่ามกลางเสียงดนตรีที่เปิดดังกระหึ่มทำให้ดวงตาคู่คมละสายตาจากใครบางคนหันมามอง ใบหน้าน่ารักคุ้นตากำลังยู่ปากขมวดคิ้ว แขนบางโอบลำคอและซบหน้าแนบอกแกร่งชิดใกล้ "ติม...ตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้เจอกันนานเลย นิล 'คิดถึง' มากเลย..."



"โอ้ว...ประเจิดประเจ้อมากครับนิล" คนรอบโต๊ะหันมามอง แต่ละคนมีสาวอกโตนั่งเกยตักเอาใจ เพราะในกลุ่มของเขาสาวๆ รู้กันดีว่าลีลาเป็นเลิศ บางคนที่ไม่อยู่ที่โต๊ะอาจจะทนไม่ไหวไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวกันอยู่ ยกเว้นไอติมที่เดินเข้าร้านมาปุ๊บ นิลชายหนุ่มร่างเล็กหน้าตาน่าเอ็นดูเหมือนจะรู้ยังไงยังงั้นรีบพุ่งเข้าชาร์จเขาไม่ทันตั้งตัว



นิลก็เป็นคู่นอนคนหนึ่ง ลีลาใช้ได้...แต่ดูจะช่ำชองไปหน่อยอาจจะผ่านมาเยอะ ดังนั้นตรงนั้นจึงไม่ตอดรัดแน่นและถึงใจเท่าคนบางคน



"แน่สิ ถ้าไม่เสนอ แล้วจะโดนสนองได้ยังไง จริงมั้ย" นิลยิ้มยั่วพูดเสียงใส พลางลูบมือกับหน้าท้องแกร่งของเขา พาลจะต่ำลงมาจนต้องยกมือห้ามเอาไว้ก่อน เดี๋ยวอะไรๆ มันจะตื่น



"นิล ไม่ซน"



"ก็นิลอยากได้" คำพูดตรงเผงที่ทำให้คนทั้งโต๊ะร้องวี้ดวิ้วส่งเสียงแซวดัง เขาส่ายหน้าน้อยๆ อมยิ้ม กับความตรงไปตรงมาของนิล...ที่ผิดกับใครบางคนลิบลับ



‘ติม พอแล้ว พี่พอแล้ว...’



ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มทำให้นิลยิ่งมองอย่างหลงใหล ใบหน้าขาวใสยกขึ้นอยากจะประทับริมฝีปาก หวังจะเกี่ยวลิ้นอย่างดูดดื่ม



แม้จะมีอะไรกันมาหลายครั้งก็จริง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ติมไม่เคยทำเลยคือจูบ และการที่ได้ริมฝีปากของคนตรงหน้าเป็นการประกาศว่าเขาเป็นคนสำคัญของไอติม หนุ่มหล่อครองตำแหน่งเดือนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง



ห่างเพียงแค่ไม่ถึงเซนติเมตรปากเล็กก็จะแตะริมฝีปากหยักทรงเสน่ห์ แต่มือใหญ่ผลักไหล่เล็กออกก่อนจนนิลขืนตัวหน้าบึ้งตึง



"อย่าลืมกฏของกู" ทั้งรอยยิ้มและดวงตาคู่คมเปลี่ยนเป็นเย็นชาจนคนมองตัวสั่น



"แต่ติม..."



"กูจะไม่จูบกับใคร ลืมแล้วเหรอ"



"แต่นิลชอบติม" คนตัวเล็กยังไม่ยอมแพ้ ความรักของเขาไม่ใช่ของปลอม ถ้าหากทะลวงจิตใจชายหนุ่มคนนี้ได้ เขาก็จะกลายเป็นคนที่โชคดีที่สุด



"กูไม่ได้ชอบมึง เรื่องเซ็กส์ก็แค่ความสนุกระหว่างเรา ถ้าแยกไม่ได้ก็คือจบ"



'พี่รักติม'



พระรามก็เคยคิดจะทำแบบเดียวกัน แต่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เหมือนเดิม...เขาไม่คิดจะจูบใคร นอกจากคนที่ชอบเท่านั้น...และในหัวตอนนี้ก็มีอยู่แค่คนๆ เดียวคือชะเอมคนนั้น



"แต่ว่านิลชอบติม! ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้ นิลจะทำให้ติมหันมาชอบนิล..."



"ใครที่คิดจะรุกล้ำความเป็นส่วนตัว กูจะตัดมันทิ้งให้หมด" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยเยียบเย็นไม่ปราณี "เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม"



ไอติมรำคาญที่สุดกับคนที่มาวอแวแล้วคิดว่าเขาจะให้ความสำคัญ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรนอกจากเซ็กส์ที่เขาให้ได้เต็มที่ถึงใจ



เขาพูดกับคู่นอนทุกคนอยู่เสมอว่าเซ็กส์กับรักมันคนละเรื่องกัน ใครที่ยอมรับได้เขาก็เต็มใจนอนด้วย แต่ว่าก็มีอยู่หลายคนที่นอนหลายๆ ครั้งแล้วก็คิดว่าเขาจะชอบ?



ไม่เข้าใจคำว่าระบายความใคร่หรือยังไง ผู้ชายน่ะก็เป็นอย่างนี้ทั้งหมดแหละ



"อะไรกัน ทำไมถึงไม่ให้โอกาสกันบ้าง" นิลพูดเสียงสั่นเครือน้ำตารื้น เขาเชื่อมาตลอดว่าความรักไม่เข้าใครออกใคร แล้วเขาก็ไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อะไร หากมีโอกาสได้เข้าใกล้ก็จะทำเต็มที่ไม่ให้ติมนึกถึงใครนอกจากเขา สักวันหนึ่งติมก็จะชอบเขาได้



แต่นี่อะไรกัน รุกเข้าทุกครั้ง กับโดนดันห่างออกมาไม่ยอมให้เข้าใกล้ ถูกตั้งกำแพงสูงขึ้นไปอีก



"อย่าดื้อเลย นิล กูเห็นมาหลายคนแล้วแบบมึงเนี่ย สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ทุกรายน่ะแหละ" เพื่อนสนิทของติมเอ่ยขึ้นด้วยความหวังดี



เพราะไม่มีใครทนความร้ายของไอติมได้สักคน



"แต่นิลมั่นใจว่านิลดีกว่าคนอื่น"



"ก็เห็นพูดแบบนี้ทุกคน เอาเถอะ ถือว่าเตือนแล้วนะ" จากนั้นชายหนุ่มหน้าคมเข้มมีเชื้อของชาวยุโรปแต่ชื่อไทยๆ อย่างสายธารก็ยักไหล่ แขนเอื้อมโอบไหล่หญิงสาวข้างกายเข้ามาแนบชิดและกระดกเหล้าไม่สนใจอีก เพราะยังไงเดี๋ยวไอ้ห่าติมเพื่อนซี้เขามันก็จัดการเองน่ะแหละ



"ถ้ามึงยังจะยืนยันเหมือนเดิม กูก็จะพูดอีกครั้ง...ไม่ว่าใครก็ไม่ได้พิเศษสำหรับกูทั้งนั้น" เสียงทุ้มเข้มพูดขึ้นกับสายตาคมกริบที่ปรายมองคนดื้อดึง ครั้งนี้นิลเป็นหนักกว่าครั้งไหนๆ ทั้งดื้อด้านตื๊อไม่จบ แล้วคิดจะประกาศตนเป็นคนสำคัญต่อหน้าพวกน้องๆ และเพื่อนสนิทของเขา “ทั้งหมดก็แค่เซ็กส์ ระบายความใคร่ น้ำแตกแยกทาง”



เขาไม่คิดจะเอาใครมายุ่งยากชีวิต ยิ่งกับคนที่รู้สึกเกินกว่าคำว่าเซ็กส์เปลี่ยนเป็นชอบหรือรักแล้วคิดจะครอบครองนั่นเขาจะตัดมันออกเป็นคนแรกเลย



และนิลก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังคิดจะก้าวก่ายชีวิตอันแสนสนุกของเขา



"ไม่ว่ามึงจะพูดอะไร ถ้าคิดจะล้ำเส้นก็ห้ามเข้าใกล้กูอีก"



มีแค่เขาเท่านั้นที่จะกำหนดว่าใครจะเป็นคนเข้าคนออก...ถ้าไม่อยากให้เข้าก็ไม่มีสิทธิ์ได้เข้า



แน่นอนว่าใครอยากจะออกไป แต่ถ้าเขาไม่ให้ มันก็ไม่มีสิทธิ์



เพียงแค่บอกว่าห้ามเข้าใกล้คนตัวเล็กก็ร้อนรนรีบบอก "มะ ไม่เอานะ...ถ้างั้น...ถ้างั้นนิลจะเป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์ก็ได้"



นิลส่งสายตาอ้อนวอน พอได้รับคำตอบคือความนิ่ง ใจดวงน้อยก็สั่นไหวรุนแรง และในเวลาไม่ถึงสามวิใบหน้าหล่อเหลาก็พยักหน้ายอมทำให้ใบหน้าน่ารักยิ้มกว้างตาปิดใจลิงโลด



ถ้าแค่ได้เข้าใกล้หลังจากนั้นจะทำอะไรก็ได้ เพราะงั้นเขาจะยอมเป็นแค่นี้ไปก่อน แต่ถ้าไม่ได้เข้าใกล้ก็เท่ากับคนไร้ค่าไปแล้ว



แล้วนิลจะแสดงให้ดูว่าเขาไม่ใช่ 'คนอื่น' อย่างที่ปรามาสกัน!



"พี่ติมนี่ฮอตมากเลย สมกับเป็นลูกพี่ของพวกเราจริงๆ" เจ้าหัวเกรียนตัวล่ำคนหนึ่งพูดขึ้น รอบด้านก็โห่ฮิ้วตามประสา แม้เขาจะดูกำยำกว่าติมมากนัก แต่เรื่องของกำลังและความน่ายำเกรงในกลุ่มคือมีสองคนที่เหนือที่สุดคือไอติมกับสายธารนี่แหละ เห็นว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่สมัยมัธยม คุยกันถูกคอมาก เรียกว่ามองตาก็รู้ใจ



และที่เขามาร่วมกลุ่มด้วยก็เพราะว่าสมัครใจมาเอง ก็ติมกับธารนิสัยดีกว่านักเลงคนอื่น ไม่ยกพวกตีหรือหาเรื่องคนอื่นไปทั่วเหมือนกับแก๊งคู่อริของพวกเขาด้วย



"แต่สาวๆ ก็ต้องคอตกล่ะเพราะพี่ติมเป็นเบี้ยนนี่นา..." ทันทีผู้ชายตัวเล็กที่สุดพูดขึ้นซื่อๆ ทำให้เพื่อนที่ตัวใหญ่กว่าข้างกายโบกหัวจนเจ้าตัวจับหัวหน้ามุ่ย “เจ้ายักษ์บ้ามาตบทำไมเนี่ย...เจ็บ”



“มั่วและมึงอ่ะ ไอ้จิ๋ว...แล้วกูก็ไม่ได้ชื่อยักษ์ ชื่อใหญ่ต่างหาก”



“มั่วอะไร ก็เบี้ยนคือเพศเดียวกันชอบกัน...กูก็ชื่อเล็กไม่ได้ชื่อจิ๋วสักหน่อย” บ่นอุบอิบก่อนจะสะดุ้งโหยงเพราะสบตาไอติมที่มองมา แก้แทบไม่ทัน “เอ๊ย ไม่ได้ชอบกัน...คือแบบมีซัมติงกันเฉยๆ”



ยังไม่ลืมว่าพี่ติมไม่ชอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร...แต่ว่าสายตานั่นน่ากลัวชะมัดเลย คงไม่มีใครกล้าจ้องสายตานั่นเกินสิบวิแน่ เดี๋ยวจะแข็งเป็นหินซะก่อน



"เบี้ยนห่าไร เขาเรียกเกย์ไหมมึง"



"อ้าวเหรอ" คนโดนตบตอบมึนๆ ทำคนตัวยักษ์อ้าปากค้างมองอย่างไม่น่าเชื่อ มันเบลอหรือมันโง่ หรือเขาจะเขกกบาลมันแรงไป



"เบี้ยนคือผู้หญิงกะผู้หญิงว้อย"



ไอ้คนมึนเกาหัว "...ทำไมมันเข้าใจยากจังวะ"



"มึงโง่เองต่างหาก"



ร่างสูงที่เป็นหัวข้อนั่งฟังเงียบๆ เผลอหลุดหัวเราะกับคำแซวอย่างไม่ถือสา รู้จักไอ้พวกนี้มานานพอควรเลยรู้ว่านิสัยของพวกมันไม่มีอะไรนอกจากความรั่ว จริงๆ แล้วตอนแรกเขาอยู่กับธารแค่สองคน บางทีชอบไปเที่ยวเล่นแข่งรถและมักจะแข่งชนะกลับมาเป็นประจำ แน่นอนว่าต้องมีคนไม่พอใจกับชัยชนะของเขากับเพื่อน ทำให้เริ่มมีคนมาหาเรื่องและต่อยตีกัน แล้วก็ดันมีเจ้าพวกนี้เข้ามาอยู่ในโคจรตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ นี่ยังมากันไม่ครบด้วย ปกติกลุ่มจะใหญ่กว่านี้มาก เวลาอยู่ด้วยกันก็เจี๊ยวจ๊าวชิบหายอย่างกับนกกระจอกแตกรัง



"พวกมึงพูดอะไร ไอ้หมอนี่มันเสือไบ...แดกได้หมด" ธารเอ่ยกลั้วขำทำให้ไอติมถอนหายใจกับคำแก้ไขของเพื่อนที่มันไม่ได้ดูดีขึ้นเลย



รักกันจริง...ไอ้ธาร



"อ้าว จริงหรือครับ ก็ผมเห็นพี่เขาอยู่กับแต่หนุ่มหน้าหวานทั้งนั้น"



"แล้วไบคือ..."



"ได้ทั้งหญิงทั้งชายไง เรื่องพื้นฐานแค่นี้ก็รู้ไว้ประดับสมองบ้างนะไอ้จิ๋ว"



"ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลยข้อมูลแบบเนี้ย" เล็กคนมึนโต้กลับซื่อ



ใหญ่เมิน หันไปถามร่างสูงใหญ่ที่เป็นเพื่อนสนิทกับติมมานาน "ว่าแต่ๆ พี่ติมไม่เคยชอบใครเลยเหรอพี่ธาร"



"ก็เท่าที่คบกันมาก็เห็นแต่ควงกับควบบนเตียง น้ำแตกแยกย้าย ไม่เห็นมันจริงจังกับใครสักคน" น้องๆ ต่างหันมามองธารพูด เห็นได้ชัดว่าสนใจเรื่องของลูกพี่เป็นพิเศษ อีกอย่างสายธารน่ะก็น่าเกรงขามไม่แพ้กันเวลาพูดอะไรก็เรียกให้คนหยุดฟังได้เสมอ



"แต่กูไม่ได้บอกว่าไอติมไม่เคยชอบใครนะ"



ธารทิ้งคำพูดเปรียบเสมือนโยนลูกระเบิดทิ้งไว้ให้เจ้าของรับผิดชอบเอาเอง พวกน้องๆ รอบโต๊ะหันมาสนใจมากกว่าเดิม แน่นอนว่านิลหูผึ่งกว่าใคร



ติมมีคนที่ชอบด้วยเหรอ



"โอววว ใครกันครับพี่ติม บอกน้องๆ หน่อย น้องๆ อยากรู้"



คำว่าน้องๆ ทำให้ธารหลุดหัวเราะพรืด “พวกมึงนี่เรียกตัวเองซะน่าเอ็นดูเลย”



ไอติมกวาดสายตามองหน้าทุกคนที่สายตาเปล่งประกายลุ้นยิ่งกว่าแม่จะคลอดลูกออกมาได้หญิงหรือชาย ร่างสูงกระดกเหล้าเข้าปากจนน้ำสีอำพันไหลลงคอดังอึกๆ หมดแก้วก่อนจะวางกระทบโต๊ะดัง



"พวกมึงแม่งขี้เสือกว่ะ" ติมว่านิ่งๆ ก่อนที่คนอื่นที่กำลังทำหน้าลุ้นจะวงแตกหัวเราะลั่น บางคนตบเข่าฉาด



"กูว่าแล้วเชียวพี่ติมแม่งไม่บอกหรอก"



เขายิ้มเมื่อบรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย นั่งมองนู่นนี่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว พอสายตาคมกริบปะทะกับร่างๆ หนึ่งก็เหมือนถูกดึงให้จับจ้องไม่วางตาอีกครั้ง



การกระทำทุกอย่างของร่างสูงอยู่ในสายตานิล ซึ่งไม่ว่าจะลูบอกลูบกล้ามท้องยังไง วันนี้ก็เหมือนจะถูกเมินอย่างสิ้นเชิง





...ไอ้หน้าจืดนั่นมันเป็นใคร?...





********************* Love Substitute *********************


อีบุ๊ควางจำหน่ายแล้วนะคะ ที่ meb,ookbee เปย์ได้ตามสะดวกสบายยย
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 19-04-2019 18:39:54





ทดแทนรัก

ตอนที่ 14



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม​



พวกไอติมนั่งเฮฮากับผู้หญิงและของมึนเมาท่ามกลางแสงสีเสียงจนเกือบตีหนึ่งตีสอง นิลเห็นท่าทางของร่างสูงข้างกายที่เอาแต่กระดกน้ำสีอำพันในมือไม่หยุดแล้วเลียริมฝีปากด้วยท่าทางยั่วยวน มือเล็กอยู่ไม่สุขลูบกล้ามท้องที่หดเกร็งรับ ซ้ำแขนยาวยังโอบรัดไหล่เล็กให้เข้ามาแนบชิดกว่าเดิม นิลใจลิงโลดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มอดอยากปากแห้งไม่แพ้กัน



"ติม...ไปห้องน้ำกันมั้ย" ร่างเล็กกระซิบติดใบหู ทำเสียงพร่าเรียกความสนใจ แต่ไอติมกลับนิ่ง ดวงตาคมไม่มองที่ใบหน้าน่ารักแม้แต่นิด แต่กลับมองใครบางคนที่ยังทำงานขมักเขม้นไม่หยุดตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในร้าน ตั้งนานสองนานแล้วแต่ไม่สนใจเขาที่อยู่ข้างๆ เลยสักนิด!



"ไอ้ติม ไหนคือคนสำคัญที่มึงบอกวะ" ธารพูดขึ้นด้วยความอยากรู้ทำให้คนทั้งโต๊ะหูผึ่งอีกครั้ง บางคนตาสว่างสร่างเมาเลยก็มี



ร่างสูงหน้าแดงแต่ยังไม่เมา มือใหญ่ลูบไล้คลอเคลียร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองเพื่อนอย่างงงๆ ก่อนจะเอียงคอนิ่งคิดแปปหนึ่งและครางออ "อยู่แถวๆ นี้แหละ...เป็นเด็กเสิร์ฟ"



"หืม!!?" คนทั้งโต๊ะอุทานตาโต มองไปรอบๆ พร้อมเผือก นอกจากจะไม่ปฏิเสธเรื่องคนสำคัญแล้วยังบอกออกมาง่ายดาย เมื่อกี้ถามเรื่องคนที่เคยชอบแทบตายกลับไม่ตอบ แล้วทำไมคราวนี้ถึงพูดออกมาง่ายๆ



หรือว่าจะเป็นคนสำคัญจริงๆ



ชักอยากจะเห็นแล้วสิ



นิลกัดปากแน่น เมื่อกี้ร่างสูงบอกว่าคนสำคัญเป็นเด็กเสิร์ฟ งั้นก็เป็นไอ้หน้าจืดที่ติมจับจ้องอยู่ได้ตั้งนานสองนานคนเมื่อกี้น่ะสิ!?



ทำไม...ทำไม?



ใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วมุ่นมองคนที่ว่า ดวงตากลมโตน่ารักจับจ้องทิศทางตามร่างโปร่งผอมนั่นทุกการเคลื่อนไหว...จับผิด



หน้าตาก็งั้นๆ ตาตี่ไม่มีโหงวเฮ้ง จืดชืดซะไม่มี แถมยังดูจนอีก ไม่เห็นมันจะมีอะไรดีเลยสักอย่าง...ถึงเขาจะเตี้ย แต่โดยรวมดีกว่าอีกฝ่ายตั้งเยอะ!



"อ้าวๆ นี่มันๆ คุณอิสระกับพรรคพวกนี่นา" เสียงยานคางลอยเล็ดลอดผ่านเสียงดนตรีที่เปิดดังกระหึ่ม มันช่างคุ้นหูคนบนโต๊ะจนต้องหันมองพร้อมเพรียง



ทันใดนั้นคนทั้งโต๊ะก็ลุกฮือพร้อมส่งเสียงโวยวาย



"ไอ้เชี่ยภูมิ!"



"แม่งมาอีกแล้ว คราวที่แล้วมายุ่งกับสาวๆ แล้วคราวนี้จะเอาอะไรอีกวะ"



"เอาสักตั้งป่ะ! กูกำลังคันตีน"



หลายคนหน้าตึงถือขวดเอาไว้ในมือเตรียมพร้อมรบ แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเพราะคนที่เปรียบเสมือนผู้นำทั้งสองยังนั่งนิ่งไม่สนใจ



ติมถอนหายใจเบาๆ “เบื่อหน้ามึงชิบหาย”



ธารไม่หือไม่อืออะไรแต่เห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนสนิทพูด ไม่ว่าจะไปที่ไหนไอ้ภูมิคู่อริอันดับหนึ่งก็ชอบโผล่หัวสกินเฮดเกลี้ยงเกลาพร้อมกับหาเรื่องชวนคันตีนมาให้ จะเรื่องคู่นอน มองหน้า หรืออะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายทุกครั้งจะจบด้วยการตีกัน



ใช้คำว่าตีกันอาจจะน่ารักเกินไปสำหรับพวกนักเลงน่ะนะ



"คนข้างๆ น่ารักดีนี่หว่า" ภูมิไม่สนใจชะโงกหน้ามองนิลและเลียปากแผล่บๆ น่ารังเกียจ



"อยากได้เหรอ" ไอติมถามพลางดึงนิลเข้ามาใกล้อีก ทำให้คนตัวเล็กเขินอายโอบเอวสอบอย่างถือสิทธิ์เพราะคิดว่าร่างสูงจะปกป้อง แต่แล้วคำพูดต่อมาก็ทำเอาใบหน้าน่ารักซีดเซียว "อยากได้ก็เอาไปดิ"



"ติม!"



คนได้คำตอบสูดปากน้ำลายสอ "เอางั้นเหรอ"



"แต่กูแดกไปหลายครั้งแล้ว ไม่รู้ว่ามึงจะพอใจรึเปล่าที่ต้องแดกของเหลือจากกู" คำพูดไม่ต่างจากการเหยียบหน้าด้วยฝ่าเท้าทำให้ภูมิเปลี่ยนสีหน้าทันใด คนที่เป็นลูกน้องที่ยืนข้างๆ ก็เป็นเดือดเป็นร้อนก้าวออกมาด่าแทน



"มึงว่าไงนะ!!"



ภูมิยกมือห้ามเอาไว้มันเลยก้าวถอยหลังกลับที่เดิม ใบหน้าคมหันกลับมา ริมฝีปากสีเข้มมีห่วงสีเงินสองอันตรงริมแสยะออก "กูไม่จำเป็นต้องเก็บเศษเหลือของใครหรอกว่ะ เพราะแค่กูเดินผ่านเดี๋ยวก็หาของสดใหม่มาแทนได้แล้ว"



คนฟังหลุดหัวเราะพรืด ดูเยาะเย้ยจนใบหน้าของภูมิที่ประดับรอยยิ้มค่อยๆ หุบลงเรื่อยๆ เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ



"ขำอะไรของมึงนักหนา"



"เปล่า ก็แค่คิดว่าอย่างมึงเนี่ยนะจะมีปัญญา"



"ไอ้เวรเอ๊ย!" ร่างสูงหน้าแดงก่ำ คราวนี้ถูกเหยียดหยามชัดเจนแจ่มแจ้ง มือใหญ่คว้าขวดเหล้าตีกับขอบโต๊ะจนแตกครึ่งเป็นหยักแหลมน่าหวาดกลัว ส่วนลูกน้องคว่ำโต๊ะระเนระนาด พุ่งเข้าตะลุมบอนกับพวกใหญ่เล็กที่รอคอยอยู่แล้ว



สายธารถอนหายใจ ตอนแรกกะจะไม่ยุ่ง แต่จะปล่อยไว้เดี๋ยวพวกมันก็ตีกันตายห่าพอดี ร่างสูงผุดลุกขึ้นอืดอาดดวงตาและสีหน้าฉายความเบื่อหน่ายเสียเต็มประดา โคลงหัวดังกร๊อบแกร๊บก่อนจะพุ่งเข้าไปช่วยยำตีนด้วยอีกคน



เพล้ง!! โครม!



"กรี๊ด!"



ตุ้บ! ผัวะ!



ฉากด้านหลังที่คนกลุ่มใหญ่ทะเลาะโหวกเหวกจนโต๊ะรอบด้านเริ่มแตกกระเจิง ภูมิยกมือชี้ปากฉลามขู่ใส่คนที่ยังนั่งนิ่งเฉยได้กวนประสาทที่สุด "คราวนี้กูจะไม่ปล่อยมึงไปแน่ไอ้เชี่ยติม!" ตวาดเสียงดังและพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว



"ทำได้ก็ลองดู!" คนที่นั่งเฉยตะโกนออกไปบ้างก่อนจะผลักนิลไปอีกทาง ก้มตัวต่ำหลบวงแขนที่ฟาดลงมาด้านบนเป็นทางเฉียงและยกเท้าถีบใส่ช่วงกลางตัวของอีกฝ่ายที่เปิดช่องว่างอย่างแรง



พลั่ก!



"อ่อก!" ภูมิกระเด็นไปด้านหลังแต่ไม่ได้ล้ม มือกุมท้องที่โดนถีบ ก่อนจะยกมือปาดน้ำบางอย่างที่สำลักออกมาและพุ่งเข้าใส่คนที่สะบัดมือสะบัดเท้าดูชิลๆ อีกครั้ง ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความอาฆาต



ไอติมยืนนิ่งมองความแหลมคมกำลังตรงมาที่ตน ดวงตาคมกริบยังคงนิ่งเฉยไม่รู้สึกถึงความหวาดหวั่นใดๆ เห็นได้ชัดว่าไอ้ภูมิมันอยากจะฆ่าเขาให้ตาย แต่ต้องไปฝึกมาอีกสิบปีถึงจะชนะเขาได้



ร่างสูงเบี่ยงตัวไปด้านข้างหลบการโจมตีอย่างง่ายดาย จนภูมิที่พุ่งเข้ามาถลันเลยไปเพราะเบรคไม่ทัน กระแทกเข้ากับอีกโต๊ะจนล้มหน้าคว่ำระเนระนาดไป แขกก็วิ่งหนีกรี๊ดกร๊าดกระเจิดกระเจิงหายไป



"ไอ้โง่"



นอกจากจะเจ็บตัวเพราะตนเองแล้ว ยังถูกด่าย้ำการกระทำลงไปอีกไม่ต่างจากการถูกเหยียบหน้า ว่าไปโน่น ถ้าเขาเหยียบหน้ามันจริงๆ วันนี้ดั้งมันคงหักไปแล้วเพราะโดนไปหลายที



ภูมิค่อยๆ ลุกขึ้นมาโซเซ เนื้อตัวมีรอยเลือดบอบช้ำเต็มไปหมด ไม่ได้มาจากเขานะ มันทำตัวเองล้วนๆ



ร่างสูงปาดเลือดบนหน้าอย่างโมโห ยิ่งเห็นท่าทางล้วงกระเป๋าของติมกับดวงตาคู่คมที่มองต่ำมันยโสโอหังจนภูมิตวาดกร้าวตาแดงก่ำ



"อย่ามามองกูแบบนี้นะโว้ย!!"



ร่างสองร่างฟาดงวงฟาดงา ไม่สิ ต้องเรียกว่ามีแต่ภูมิต่างหากที่หายใจฟืดฟาดอย่างโมโห ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ถึงตัวไอ้เวรติมสักที! ท่าทางชิลๆ ที่แค่ขยับเคลื่อนไหวนิดหน่อยก็หลบการโจมตีได้แล้วของไอติม ทำให้เขาดูเหมือนคนโง่เง่าที่ทำอะไรมันไม่ได้เลย!



"ว้อย!"



"!!"



ดวงตาคมกริบที่เคยนิ่งเฉยเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ มีคนด้านหลังโผล่จากไหนไม่รู้มาล็อกตัวเขาไว้ถึงสองคน พยายามดิ้นสะบัดเกือบจะหลุดแล้วแต่ก็ไม่ทันไอ้ภูมิที่ถือปากฉลามกำลังจะแทงถึงตัว



"โดนดีซะบ้างเถอะมึง!"



"เชี่ยเอ๊ย!" เสียงทุ้มสบถดัง



"ติม!!"



ดวงตาคมเบิกกว้างทันทีเมื่อหูได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเขา ทันใดนั้นปฏิกิริยาของร่างกายมันตอบสนองต่อสมองอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใช้คนด้านหลังเป็นเครื่องทุ่นพยุงร่างก่อนจะยกขาคู่ถีบไอ้คนตรงหน้าจนกระเด็นออกไป และถองศอกของไอ้คนด้านหลังอย่างแรงจนจุกอั้กไปทีละคนๆ



"ไอ้พวกหมาหมู่" ร่างสูงหายใจแรง โมโหจนเส้นเลือดปูด กระทืบคนใต้เท้าไปแรงๆ อีกคนละสองสามที หันกลับมาเหลือบมองตรงที่ไอ้ภูมิมันควรจะนอนอยู่แต่มันกลับหายไปแล้ว



และ...สายตาคมกริบตวัดมองทิศทางของเสียงเมื่อครู่...เสียงที่เรียกชื่อเขา...เสียงทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์นั่น



แต่...กลับไม่พบอะไร ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นเลย



"พี่ติม...เอาไงต่อดีอ่ะ" ร่างสูงละสายตาหันมามองพวกน้องๆ ที่ถามเสียงหอบ ด้านหลังมีแต่ซากโต๊ะเก้าอี้ขวดเหล้าที่แตก ส่วนพวกของไอ้ภูมินั้นหายไปแล้ว ไอ้สองคนที่เขาเพิ่งกระทืบเมื่อกี้ด้วย...ใส่เกียร์หนีไวอย่างกับหมา



"พวกมึงแยกย้ายกันกลับได้แล้ว ระวังตัวเอาไว้ด้วย พวกมันชอบเล่นหมาหมู่"



"ครับ" แต่ละคนฟังแล้วพยักหน้า ก่อนจะสลายโต๋เดินโซเซออกไป โดยมีแผลเล็กน้อยไปประดับบารมี แต่ก็ยังดีที่ไม่มีใครเป็นหนัก



"แล้วมึงอะเอาไง" ธารเดินเข้ามาถาม ร่างสูงเป็นคนเดียวที่ไม่บาดเจ็บอะไรเลย แถมไม่มีเหงื่อแม้แต่หยดเดียวเลยด้วยซ้ำ ไม่ต่างจากเขา



แต่เมื่อกี้ก็เกือบจะแย่แล้วเหมือนกัน



"กลับด้วยกันมั้ย"



"เดี๋ยวกูกลับ มึงไปก่อนเลย" ติมพยักเพยิด



"เออ มึงเอาตัวรอดได้กูรู้ แต่ถ้าคนมันเยอะก็สู้ไม่ไหวเหมือนกันนะ"



"เหอะน่า เดี๋ยวจะระวังตัวแล้วรีบกลับ"



"แล้วมึงจะอยู่ทำอะไร"



"ไม่เสือก..."



"ติม" เสียงเล็กมาพร้อมกับน้ำหนักที่โถมเข้ามาโอบรัดทำให้บทสนทนาระหว่างเขากับธารหยุดชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองก็ต้องถอนหายใจ



"นิล ทำไมยังไม่กลับอีก" ไม่รู้ว่าเมื่อกี้นิลหายไปไหน แต่ก็ยังดีที่ไม่โดนลูกหลง



ใบหน้าหวานน่ารักซบอกแกร่งเงยมองน้ำตาคลอ "ติม นิลกลัวมากเลย"



"..."



"ไปส่งนิลหน่อย นะ"



"มึงขับรถมาไม่ใช่เหรอ"



"แต่ว่านิลกลัว ถ้าพวกนั้นมันมายุ่งกับนิลอีกจะทำยังไง"



ติมเงยมองหน้าเพื่อนสนิทที่มันยังยืนอยู่ก่อนจะบอกกับนิลโดยไม่ถามความสมัครใจ "งั้นเดี๋ยวให้ธารมันไปส่ง"



"เอ๊ะ แต่..."



"ธารกูฝากด้วย"



"เฮ้ย..." สายธารตาโต จะออกปากด่าแต่ไม่ทันไอ้เพื่อนตัวดีมันดันรวบรัดเสร็จสรรพ แถมยังดันไหล่เล็กแรงพอประมาณจนนิลเซล้มแต่ธารรับเอาไว้ทัน เงยหน้าขึ้นมาอีกทีไอติมก็เดินไปนู่น ไม่สนใจเสียงเรียกร้องใดๆ ของร่างเล็กแม้แต่นิด



ขายาวเดินเข้าหลังร้านที่เป็นส่วนของคนนอกห้ามเข้า สายตาคมกริบกวาดมองทั่วก่อนที่เสียงทักเข้มๆ จะดังขึ้น



"เฮ้ย คนนอกห้ามเข้าโว้ย...อ้าว ไอห่าติม"



"ไอติม" เสียงทุ้มแก้กับคนร่างใหญ่ เจ้าของร้านที่รู้จักกันเพราะว่าพวกเขาชอบยกพวกมาตีกันในร้านนี่แหละ แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเสียทีเดียว เพราะคนอื่นมันมาหาเรื่องก่อน เขาก็แค่ป้องกันตัวเท่านั้นเอง



"เออ ไอ้ติม มีอะไร ตื้บกันเสร็จแล้วจะมาจ่ายค่าเสียหายหรือไง พวกมึงนี่มาทีไรร้านกูเละเทะตลอดเลย"



"เปล่า..." ไอติมเมิน ดวงตาคมกริบกวาดมองหาแต่กลับไม่เจอคนที่ต้องการ "นี่...เด็กเสิร์ฟไปไหนกัน"



เจ๋งเลิกคิ้วคนไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ "นี่พวกมึงตีกันจนหัวสมองเบลอไปแล้วหรือไง ดูเวลาก่อนถามด้วย ร้านกูปิดแล้วเว้ย เขาก็กลับกันหมดแล้วสิ"



เจ้าของร้านเท้าสะเอว อีกมือแคะขี้หูและเป่ากระเด็นไป เหลือแต่ไอ้หน้าหล่อเนี่ยแหละมาทำอะไรทีหลังร้านกู แล้วมาถามถึงเด็กเสิร์ฟทำไมวะ



เจ๋งหรี่ตา พอคิดได้ก็ยิ้มกริ่ม "ทำไมวะไอ้หล่อ แหม หายากนะเนี่ย ถูกใจเด็กคนไหนในร้านกูเหรอ"



"..." ไอติมไม่ตอบ ก่อนจะตวัดหันหลังเดินออกไปเงียบๆ ทิ้งคนตัวใหญ่เกาหัวมองงงๆ อีกฝ่ายทิ้งความเวิ้งว้างเอาไว้ ปล่อยให้เจ๋งพูดคนเดียวซะอย่างนั้น



"เออ ให้มันได้อย่างนี้"



ขายาวเร่งเดินออกมานอกซอยมืดเปล่าเปลี่ยว เพิ่งเลิกงานน่าจะไปไหนไม่ได้ไกลแต่แล้วเดินออกมาจนถึงต้นซอยก็ยังไม่เจอ...



"ชิท ไปไหนวะ" เสียงทุ้มสบถขัดใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้ามาในซอยเพราะเขาจอดรถไว้แถวๆ ร้าน



"นั่นมัน...ไอ้ติมนี่หว่า เฮ้ยพวกเรา!"



เจ้าของชื่อหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกน เห็นผู้ชายตัวโตห้าหกคนยืนสุมหัวอยู่ข้างเสาไฟฟ้าทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นก่อนจะวิ่งกรูตรงมาทางนี้ ไอ้พวกนี้มันยังไม่กลับกันไปอีกเหรอวะ!?



"จิ๊!"



แม่งเอ๊ย มีเรื่องไม่จบไม่สิ้น



ร่างสูงสับเท้าวิ่งอย่างรวดเร็วออกมาจากซอย เลียบไปทางถนนใหญ่ที่ตอนนี้ไม่มีรถวิ่งอยู่แล้วแน่นอนว่าคนก็เช่นกัน ผ่านมาสักพักไอ้พวกด้านหลังก็ยังตื๊อไม่ยอมแพ้วิ่งด้วยสีหน้าโกรธขึงตามมาติดตูด



จำได้ว่าไม่เคยทำอะไรให้พวกมันนะ



ใบหน้าหล่อเหลากำลังจะหันกลับมา ดวงตาคมพลันตวัดมองเห็นร่างโปร่งที่เขากำลังมองหาเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อและทันใดนั้นก็สบตากันพอดี



เสี้ยววินาทีที่ทันเห็นใบหน้าตกใจของพระราม แต่เขาก็ไม่มีเวลาจะได้ทำอะไรมากกว่านั้นเพราะยังมีพวกหมาหมู่ที่ต้องดูแลตามมาอยู่หกตัว ก่อนที่จะวิ่งผ่านไปและเลี้ยวเข้าซอยใหญ่ข้างหน้า ร่างสูงตวัดหันกลับมาประชันหน้ายืนรอ จนพวกที่เพิ่งตามเข้ามาชะงัก



"หยุดวิ่ง...แล้วหรือไงวะ...สงสัยชาติที่แล้วจะเป็นหมาถึงวิ่งเร็วขนาดนี้" คนหน้าสุดพูดขึ้นพลางหอบแฮ่กเหมือนเวลาหมามันวิ่งจนเหนื่อย พวกมันทั้งหมดนี่คงจะเป็นหนึ่งในลูกน้องของไอ้ภูมิ เขาไม่ค่อยชอบทะเลาะกับใครเท่าไหร่ เพราะเวลาตีกันมันก็เจ็บกาย และเขาก็รำคาญที่สุดเพราะมันไม่หายสักที



‘เอาอีกแล้วเหรอติม วันๆ มีแต่เรื่องระวังพ่อดุเอานะ’



ยังคิดถึงคำบ่นของพี่อิฐที่เป็นหมอรักษาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเพราะตัวเขานี่แหละ อีกฝ่ายควรจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำไปที่ให้ลองฝึกฝีมือก่อนที่จะเป็นหมอจริงๆ



ไอ้พวกนี้ก็ชอบหาเรื่องมาให้เป็นที่หนึ่ง ไม่ไอ้ภูมิก็พวกของมัน แล้วเขาจะทำอะไรได้นอกจากตอบสนอง...ถ้าไม่ป้องกันตัวก็ต้องโดนรุมกระทืบฝ่ายเดียว ซึ่งแน่นอนล่ะ ใครจะไปยอม



"ก็ยังดีกว่าพวกหมาหมู่ล่ะว่ะ เอะอะยกพวกข่ม"



"ถ้าเป็นหมาหมู่แล้วได้กระทืบมึงกูก็ยอมล่ะว่ะ!" เจ้าพวกตรงหน้ายิ้มแสยะไม่สะท้านที่โดนด่า โบกไม้หน้าสามอันใหญ่ในมือขวับไปขวับมาดูน่าหวาดเสียว แต่ร่างสูงก็ยังคงยืนนิ่งเหมือนเคยไม่มีแววตาของความหวาดกลัวแม้แต่นิดทำให้แต่ละคนเส้นเลือดปูดที่ขมับ



"ไอ้นี่มันกวนประสาทเหมือนที่คุณภูมิบอกจริงๆ"



"แล้วจะรออะไร ก็เข้ามาเลยสิวะ!" ไอติมวิ่งเข้าหาเองไม่ให้ได้ทันตั้งตัว ฟาดกำปั้นเข้าที่ข้างจมูกของคนหน้าสุดอย่างแรงจนมันล้มกระแทกพื้นสลบเหมือดทันที คนอื่นๆ ตกใจตาเหลือกก่อนจะตั้งสติได้และใช้วิธีเดิมอย่างขี้ขลาดคือรุมเข้ามา

“ไอ้เวรเอ๊ย!!”



ร่างสูงกระโดดตวัดขาฟาดต้นคอคนที่วิ่งเข้ามาคนแรกจนล้มกระแทกพื้นสลบไปอีกคน ทันใดนั้นอีกสองคนเข้ามา คนหนึ่งตัวเปล่า อีกคนถือไม้หน้าสาม ถึงจะกำจัดไอ้คนที่โถมเข้าใส่ตรงกลางตัวได้หวุดหวิด “ฮึ่ม!” แต่โดนรุมแบบนี้เข้าไปร่างสูงที่เก่งศิลปะป้องกันตัวแค่ไหนก็ไม่อาจรอดพ้นต้องยกแขนกันไม้ใหญ่ที่ฟาดเข้ามาตรงกลางศีรษะจนเจ็บร้าวที่แขน กัดฟันแน่นทนความเจ็บก่อนจะยกเท้าถีบไอ้มือไม้หน้าสามกระเด็นกระแทกกำแพง



ไอติมหอบแฮ่ก เหงื่อท่วมหน้า จับแขนที่สั่นระริกขึ้นมาประคอง แต่จู่ๆ ก็โดนแบบเดิมซ้ำรอยคือมีสองคนเข้าล็อกแขนจากด้านหลังแน่น แล้วอีกคนก็เข้ามาชกเข้าที่ลำตัวทันทีไม่ทันตั้งตัว!



พลั่ก!



"อุก!"



ผัวะ! ผัวะ!



"เอาไปอีกที!" คนที่ได้ใจชกเข้าที่ลำตัวร่างสูงไม่ยั้ง พร้อมกับเสียงหัวเราะสะใจของคนที่ยังไม่ถูกติมจัดการ ร่างสูงไม่ยอมอยู่เฉยกระชากแขนอย่างแรงเพื่อให้หลุดจากการกอบกุม แต่ก็โดนชกเข้ามาอีกหลายทีทำเอาจุกจนตาพร่า จนกระทั่งคนชกเหนื่อยหอบ ติมถมเลือดที่อยู่ในปากออก ก่อนที่ดวงตาคมกริบจะมองอย่างอาฆาต



“อย่าให้กู...หลุดไปได้นะ”



"เหอะ! โดนจับแล้วยังทำเป็นปากเก่งอีกนะ...มึงหลบไป กูขอบ้าง" ชายถือไม้หน้าสามที่ถูกไอติมถีบกระเด็นผลักเพื่อนออกไป เหวี่ยงแขนขึ้นลงยิ้มสะใจกับคนที่ท่าทางหมดสภาพ “จัดการมึงได้คุณภูมิคงให้รางวัลกูอย่างงาม”



“หึ นอกจากหมาหมู่แล้วยังเลียตูดเจ้าของ ถุด!” ไอติมยิ้มมุมปากพูดเยาะทำตัวราวกับไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง ซ้ำยังถุยน้ำลายลงพื้นทำให้รอยยิ้มของคนร้ายหุบลง เงื้อไม้หน้าสามขึ้นเหนือหัวด้วยความโมโหที่ถึงขีดสุด!



"คุณตำรวจครับ ทางนี้ครับ! มีคนตีกันอยู่ทางนี้!"



เสียงตะโกนที่อยู่ต้นซอยพร้อมกับเงาคนรางๆ ทำให้คนที่กำลังจะกระทำลดมือลงทันที ก่อนจะหันไปมองอย่างหวาดระแวงและเดาะลิ้นขัดใจ



"อะไรวะแม่ง!"



ไอ้สองคนที่จับแขนรีบปล่อยไอติมลงอย่างรวดเร็วและไปช่วยพยุงพรรคพวกที่สลบคาพื้นขึ้นบ่า ต่างคนต่างพากันทยอยเดินลึกเข้าซอยไปอีก ไม่กล้าเสี่ยงไปเจอตำรวจ แล้วซักพักพวกมันก็หายไปกับความมืด



“แค่ก...แค่ก”



ร่างสูงไอโขลกทรุดลงกับพื้นจับกล้ามหน้าท้องที่ถูกกระทุ้งทั้งเข่าทั้งกำปั้นไปหลายที แถมแขนข้างที่ถูกฟาดด้วยไม้หนายังเจ็บร้าวจนต้องร้องซี้ด หรี่ตามองทิศทางของเสียงที่ตะโกนเรียกหาตำรวจแต่กลับไม่มีใครมาสักคน



จนกระทั่งบรรยากาศเงียบไป ร่างสูงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นและเดินโซเซออกมาจากซอยนั้น มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นใคร ไม่มีแม้แต่วี่แววของคน ทั้งตำรวจ...และคนที่ตะโกนเรียกตำรวจคนนั้น





********************* Love Substitute *********************





"ฟู่..."



พระรามลอบถอนหายใจ เห็นแผ่นหลังกว้างของไอติมที่เดินกลับไปอีกทางแล้ว ก็ค่อยๆ โผล่ออกมา ดวงตาเรียวสั่นไหวระริก มือเรียวกำกระเป๋าสะพายแน่นก่อนที่จะค่อยๆ หันหลังเดินกลับไปเงียบๆ



ทำไมไอติมถึงชอบมีเรื่องต่อยตีนักนะ เมื่อกี้ก็ท่าทางจะเจ็บหนักด้วย ถ้าหากเขาไม่ตะโกนเรียกตำรวจอีกฝ่ายคงโดนไม้ฟาดเข้าที่ศีรษะไปแล้ว



...ดีจริงที่ช่วยไว้ทัน...



ไม่ได้เจอร่างสูงตั้งสองสัปดาห์แต่อีกฝ่ายก็ยังหล่อเหลาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่สิ หล่อกว่าเดิมด้วยซ้ำ





ต่อด้านล่างค่ะ





หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 19-04-2019 18:40:14



ต่อจากด้านบน



บางที่พระรามก็คิด...ว่าทำไมถึงต้องนึกถึงร่างสูงมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ไอติมก็เกลียดเขา ไม่เคยแคร์หรือเป็นห่วงเวลาที่เขาลำบากเลยสักครั้ง แต่เมื่อกี้...เขารู้สึกได้ว่าถ้าหากไม่ช่วยไอติมไว้...อาจจะต้องมาเสียใจภายหลังก็แค่นั้น



ถ้าหากติมไม่รู้ว่าเป็นเขาคงดีไปหรอก



ก็นะ จะไปรู้ได้ยังไง



'ถ้ามึงพูดว่าเป็นเรื่องของมึง กูจะไม่สนใจมึงอีก'



ก็รามน่ะไม่เคยอยู่ในสายตาของติมอยู่แล้ว



หัวทุยส่ายไปมากับความคิดของตัวเอง อย่าไปนึกเลยน่า ใบหน้ามนแย้มยิ้มเศร้าสร้อย แล้วเขาจะคิดมากไปทำไมนะ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับติม...เขามักเป็นแบบนี้เสมอ พระรามเห็นแล้วว่าไอติมก็ยังมีคนน่ารักคนนั้นคอยปรนเปรอร่างสูงถึงใจอยู่ข้างกายไม่ขาด เพราะฉะนั้นร่างกายของเขาคงไม่จำเป็นอีก



ก่อนที่จะรู้จักกัน ติมก็อยู่ได้ รามก็อยู่ได้ เพราะงั้นแค่การอยู่คนเดียวน่ะ...ง่ายจะตายไปไม่ใช่เหรอ



พวกเราทั้งคู่น่ะ ไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว



ขาเรียวเดินเอื่อยมาจนถึงอพาร์ตเมนท์เก่าๆ หลังหนึ่ง อยู่ในซอยลึกไม่ค่อยมีผู้คน แต่สำหรับเขาที่นี่ค่อนข้างโอเค แม้ภายนอกมันจะดูเก่าและน่ากลัวแต่ข้างในห้องค่อนข้างสะอาด แล้วค่าเช่าก็ถูกมาก เขาอยู่ได้คนเดียวสบายๆ ซ้ำยังมีห้องน้ำเล็กๆ ภายในห้อง พระรามชอบมาก



แต่ถึงอย่างนั้นการอยู่คนเดียวเงียบๆ มันก็เหงาไม่ใช่น้อย



รามยังคงทำงานเหมือนเดิม แต่ไม่ได้หักโหมแล้วเพราะไม่มีสิ่งใดที่ต้องแบกรับไว้บนบ่าเหมือนแต่ก่อน เขามีเวลาพักผ่อนมากขึ้น ได้กินข้าวสองมื้อต่อวัน แล้วก็ได้อ่านหนังสือเพื่อรับผิดชอบการเรียนด้วย



"แค่ก...แค่ก..." มือเรียวปิดปากไอ ไม่รู้ว่าทำไมอาการไอแห้งของเขาไม่ดีขึ้นเลย นับตั้งแต่ตอนที่กลับมาอยู่กับพ่อ ยิ่งตอนอากาศไม่ค่อยดี มันยิ่งเป็นหนัก



แก๊ง...แก๊ง



เท้าเหยียบบนบันไดสังกะสีสนิมกินจะผุแหล่มิผุแหล่ขึ้นไปชั้นสองของอพาร์ทเมนต์และมือเรียวล้วงกุญแจขึ้นมาจากกระเป๋าและไขมันเข้าไป แต่ไม่ทันปิดก็มีมือเข้ามาแทรกขวางไว้และผลักเข้ามาจนพระรามผงะตกใจ



"อ๊ะ!!?"



คนที่ไม่ได้รับอนุญาตนอกจากแทรกมือแล้วยังแทรกกายเข้ามาด้วยและทำตัวเป็นคนมารยาทดีโดยการปิดประตูและล็อคให้อย่างแน่นหนา ทำเอาเจ้าของห้องเบิกตากว้าง ก็เขาเห็นอีกฝ่ายเดินกลับไปแล้วนี่!?



"ติม!"



คนที่ถูกเรียกชื่อมองไปรอบๆ เหมือนไม่ได้ยิน ถือวิสาสะเดินเข้าห้องคนอื่นโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต แต่ดีที่อีกฝ่ายยังมีมารยาทพอที่จะถอดรองเท้าออก



"ติม ดึกดื่นป่านนี้แล้วนายยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ...แล้ว แล้วนี่มาได้ยังไง"



"..."



พระรามถอนหายใจ ก็พอจะรู้อยู่แหละว่าอีกฝ่ายนิสัยเอาแต่ใจแค่ไหน ร่างสูงยังคงเงียบไม่ตอบคำถาม ซ้ำยังกวาดตามองไปรอบห้อง ขณะนั้นดวงตาเรียวก็ได้โอกาสสำรวจร่างกายของไอติม เพราะว่าเมื่อกี้ตอนมีเรื่องร่างสูงจึงมีรอยฟกช้ำที่ใบหน้าและตามตัว แล้วแขนนั่น...



“ติม เจ็บแขนเหรอ” เป็นคำถามที่ลืมตัวไปว่าตนควรจะไม่รู้เรื่องสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พระรามก็ยังถามออกไปด้วยความเป็นห่วงไม่รู้ตัว



แต่ไอติมก็ยังเงียบ ไม่พูดอะไรเหมือนเดิม



ร่างโปร่งนิ่วหน้า ดวงตากลมเจ็บปวดลึก เขารู้สึกเหมือนกลายเป็นคนไร้ค่า คำถาม ความรู้สึกเป็นห่วงของเขามันไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกใดๆ เลยหรือไงกัน



ถ้าหากว่าไอติมไม่สนใจพระราม พระรามก็จะทำเป็นไม่สนใจติมเหมือนกัน



ขาเรียวเดินไปและปลดกระเป๋าออกจากไหล่วางไว้ริมพื้นที่มีโต๊ะกับหนังสือกองอยู่อย่างเรียบร้อย ในห้องไม่มีอะไรมาก แค่ฟูกขนาดพอดีหนึ่งอัน หมอน พัดลมขนาดกลาง โต๊ะเล็กๆ กับโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือ อยู่คนเดียวแค่นี้ก็เหลือเฟือ ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งบันเทิงใดๆ เพราะเขาคงไม่ได้ใช้ ซ้ำยังเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ



"สกปรกชะมัด"



คนฟังขบปาก ห้องนี้เป็นน้ำพักน้ำแรงของเขาที่สามารถหามาได้ด้วยตัวคนเดียว หลังจากที่โดนยึดบ้านไปวันนั้น เขาต้องร่อนเร่อยู่สองวันนอนข้างนอกบ้านกว่าจะหาอพาร์ตเมนท์นี่ได้เพราะคนที่ทำงานแนะนำมา แล้วทำไมไอติมถึงพูดแร้งน้ำใจแบบนั้น



สกปรก...ถ้าสกปรกแล้วจะมาทำไม นี่มันอพาร์ตเมนท์ของคนจน แล้วมันก็เก่ามากแล้วด้วย จะให้มันดูสะอาดเหมือนของใหม่ก็ไม่ใช่ หรือจะให้มันดูดีเหมือนคอนโดหรูหลักล้านของอีกฝ่าย คนอย่างเขาไม่มีปัญญาหรอก



"แค่ก..." พระรามปิดปากทันใด อาการไอแห้งมันเกิดขึ้นมาเป็นระลอก



"ไหนตอนนั้นบอกว่าจะกลับบ้านไง" คำพูดของไอติมทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก



‘พี่จะกลับบ้าน...พี่ต้องไปทำงาน’



‘ไอ้ราม! ไอ้ลูกทรพี! กูว่าแล้วมึงนี่มันเลวจริงๆ!!’



‘ไอ้นพกรมันหนีไปแล้วครับ!!’



"ที่บอกต้องทำงานๆ นั่นคืออะไร มึงโกหกเหรอ"



ความทรงจำเรื่องเก่าๆ ที่มันผ่านมาแล้วกับคำพูดมันทำให้น้ำตารื้นคลอหน่วย



...ทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยแท้ๆ ...



"แล้วนายจะมายุ่งทำไม!?" ร่างโปร่งตวาดดัง ลืมไปแล้วว่าเป็นเวลาอะไร มือกำชายเสื้อสั่นระริก น้ำตาหลุดจากขอบตาไหลผ่านแก้ม "ตอนที่พี่ลำบากนายก็ไม่เคยเห็นใจ รู้มั้ยว่าก่อนที่จะมาเป็นแบบนี้พี่เจออะไรมาบ้าง...”



‘มึงขนของของมึงออกไปได้แล้ว!!!’



“ถ้าบอกว่าจะไม่ยุ่งแล้วก็ไปสิ จะมาเอาอะไรจากพี่อีก!?" แม้จะทำเสียงแข็งแค่ไหนแต่ก็กลั้นสะอื้นไม่ได้เลย



ทั้งๆ ที่เขาพยายามลืมไปแล้ว...พยายามแล้วแท้ๆ



"ฮึก...ฮึก!" พระรามยกมือปาดน้ำตา เพียงพริบตาไอติมก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด ร่างโปร่งถูกดันเข้าชิดผนังไร้ทางหนี



"แล้วมึงมายุ่งกับกูทำไมล่ะ ที่ตะโกนเรียกในร้านนั่น...กับตอนที่เรียกตำรวจเมื่อกี้ด้วย" ไม่ทันถอยหลังหนี แขนแกร่งก็ตวัดโอบรัดเอวผอมไว้แน่น "คิดว่ากูจำไม่ได้เหรอ"



ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้าง หาเสียงตัวเองไม่เจอ



ไอติมรู้??



"ปะ ปล่อยนะ นั่นพี่..."



"จริงๆ แล้วมึงก็ยังรักกูอยู่ไม่ใช่เหรอ" เสียงทุ้มพูดกระซิบ "มึงยังรักกูอยู่ใช่มั้ย ถึงมาช่วยกู"



"มะ ไม่..." เสียงทุ้มใสสั่นเครือ พระรามส่ายหน้าพยายามดันคนตรงหน้าออก



“ว่ายังไง ถ้ามึงไม่ห่วงกูมึงก็ปล่อยให้กูโดนตีหัวให้ตายๆ ไปเลยก็ได้นี่”



“...” ดวงตาเรียวเจ็บปวดลึก ไม่กล้าพูดว่าไม่รัก...



"ก็เพราะรามทำแบบนั้น คราวนี้ผมเลยจะมาตอบแทนความรู้สึกของรามให้ไง" ดวงตาคู่คมจ้องเข้ามาลึก เสียงทุ้มถามอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน "ดีมั้ย"



"...ติม?" สรรพนามเปลี่ยนไปดวงตาเรียวสั่นไหว เพียงแค่ถูกเรียกชื่อหัวใจก็ทรยศกระตุกวูบ ความรู้สึกแย่ทั้งหลายทั้งมวลที่เคยเจอมาก็หายวับไป ใบหน้าขาวค่อยๆ แดงเรื่อ ก่อนจะหลุบลงไม่กล้าสบ เม้มปากแน่น



อะไรกัน...สถานการณ์นี่มันอะไร



นิ้วโป้งยกขึ้นปาดน้ำตาที่เปื้อนแก้มเบาๆ



ติมเป็นอะไร...? ทำไม? ทำไมหัวใจของเขามันสั่นไหวรุนแรง ทั้งสูบฉีดและบีบอัดจนหายใจไม่ออกแบบนี้



“ผมจำเสียงรามได้นะ”



ตอนที่เขาตะโกนเรียกชื่อตอนที่อยู่ในร้านผับที่ทำงาน ปากฉลามแหลมคมกำลังจะทิ่มถึงตัวติม เขาหวาดกลัวจนต้องตะโกนเรียกเตือนสติ แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายปลอดภัยมันก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก



"ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว"



"..."



"เล่าให้ผมฟังได้มั้ย" ในน้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมามันไม่มีความโกรธเจือปนอยู่อีกแล้ว ในอกของเขามันบีบรัด จุกแน่นจนน้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง



"ติม...ติมหายโกรธพี่เรื่องของแม่แล้วเหรอ" รามถามเสียงสั่นเครือ คำตอบที่ได้คือรอยยิ้มบาง ยิ่งทำให้ร่างโปร่งสะอึกสะอื้นมากขึ้น



ทำไมถึงใจดี



"ผมคิดไปคิดมารามก็ไม่ได้ผิดอะไร" ร่างสูงยกมือขึ้นปาดน้ำตา "ผมผิดเองแหละที่ทำไม่ดีกับรามขนาดนั้น รามโกรธผมมากมั้ย"



"ฟืด...! ฮึก! มะ ไม่..." รามหลับตาส่ายหน้าสะอึกสะอื้น ที่เขาเคยรู้สึกคือความเสียใจและน้อยใจที่แรงกล้ามากกว่าความโกรธ หรือต่อให้เคยโกรธ ตอนนี้ก็มันก็เจือจางมลายหายไปเกือบหมด



"ที่ตอนนั้น...พี่บอกว่าไม่ใช่เรื่องของติม เพราะว่าพ่อพี่ติดหนี้ พี่ต้องหาเงินมาใช้หนี้ที่ติดเอาไว้”



ทั้งๆ ที่เขาพยายามจะช่วยพ่อแต่พ่อกลับ...



‘จริงๆ แล้วมึงก็อยากให้กูตายใช่มั้ย!?’



“แต่ว่าพ่อก็หนีไป...ฟืด...แล้วบ้านพี่ก็โดนยึดแทนการใช้หนี้ไปแล้ว"



ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกผิดต่อแม่ที่ตายไป...เพราะเขาปกป้องบ้านหลังนั้นเอาไว้ไม่ได้



"ก็เลยมาอยู่ที่นี่เหรอ" สายตาคมกริบมองไปรอบๆ อีกครั้ง



"อืม ก็...มันถูกดี พี่อยู่คนเดียวมันก็พออยู่ได้"



"แต่มัน...น่ากลัว"



หัวทุยส่ายหน้ารัวยืนยันคำเดิม "พี่อยู่ได้"



"แต่ผมไม่อยากให้อยู่"



"แล้วพี่จะไปอยู่ไหน ถ้าหอแพงกว่านี้พี่หาเงินมาจ่ายไม่ทันนะ..." เขาขมวดคิ้วลำบากใจ พระรามต้องการเก็บออมเพื่อเอาไว้ทำอย่างอื่นด้วย



"จากนี้ผมจะดูแลรามตามที่แม่บอก รามไปอยู่กับผมนะ" เสียงทุ้มกล่าวย้ำลงไปอีกเมื่อเห็นใบหน้ามนลังเล "นะราม ช่วงนี้ที่รามไม่อยู่เจ้าอุริมันก็ดื้อมาก ถ้ารามไปอยู่ด้วยมันอาจจะดีใจ"



"ติม" ฟันขาวเรียงสวยกัดปากขมวดคิ้ว จนถูกเชยคางขึ้นให้สบตา



"รามคิดอะไรอยู่ บอกผม"



"พี่...พี่ต้องทำงาน แล้วกลับมาดึกก็ไม่มีกุญแจ แล้วบางวันก็ต้องอ่านหนังสือดึกๆ พี่ไม่อยากรบกวน" เสียงทุ้มใสเอ่ยสั่นเครือ



ไอติมยิ้มมุมปากกลั้วหัวเราะ "ไม่เห็นยากเลย คีย์การ์ดไปทำเพิ่มก็ได้ ส่วนอ่านหนังสือรามก็อ่านไปจะรบกวนอะไร"

"แต่..."



"ไม่ต้องแต่แล้ว เก็บของ"



แม้จะเป็นการบังคับ แต่พระรามก็ไม่รู้สึกขืนใจใดๆ หนำซ้ำความรู้สึกดีใจเนื้อเต้นนี่คืออะไร จริงๆ แล้วในใจลึกๆ เขาอาจจะหวังมาตลอดว่าจะได้กลับไปอยู่ที่นั่น อยู่ข้างกายคนที่รัก



“ถ้าไม่สบายอยู่คนเดียวแล้วเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง เพราะงั้นรามไปอยู่กับผมเถอะนะ”



คนฟังอุ่นวาบข้างในอก...อบอุ่นจนน้ำตามันรื้นไหลไม่หยุด



ทำไม...ทำไมติมถึงใจดี



...อย่าทำแบบนี้สิ...



การเปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้มันทำให้เขากลัว...กลับไปสู่จุดเดิมอีกครั้ง



จุดที่ถูกทอดทิ้ง...ไม่มีใครต้องการ



********************* Love Substitute *********************

หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 19-04-2019 18:40:57





ทดแทนรัก

ตอนที่ 15



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป



พระรามยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้องหรูหลังจากที่ไม่ได้กลับมาเลยตลอดสองสัปดาห์ ขณะที่คิดว่าต้องทำตัวยังไงดี ก็รู้สึกสัมผัสแผ่วเบาที่เท้าเพราะขนนุ่มๆ ของบางสิ่งบางอย่าง



"เมี้ยว~"



"อุริ หวัดดี คิดถึงจัง" ใบหน้ามนก้มมองและดวงตาเรียวเปล่งประกายระยิบระยับเหมือนได้เจอของถูกอกถูกใจ มือเรียวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมาวางบนมือ ทันใดนั้นเจ้าแมวก็ออดอ้อนโดยการเลียฝ่ามือที่แสนคิดถึง ร่างโปร่งหัวเราะก่อนจะใช้จมูกคลอเคลียมันกลับบ้างอย่างหมั่นเขี้ยว



"เห็นมั้ย มันคิดถึงรามขนาดไหน"



พระรามฟังเสียงทุ้มพูดแล้วยิ้มตาปิด ยิ่งลิ้นเล็กๆ เลียแก้มขาวที่ตอบไปเล็กน้อยยิ่งจั๊กจี๋จนต้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง ท่าทางเหมือนเด็กของพระรามสะกดให้สายตาคมกริบมองนิ่ง



...ใบหน้าของพระรามยามหัวเราะ...



ความเงียบที่เกิดขึ้นกับสายตาคมจ้องนิ่งทำให้เขารู้สึกตัว ก่อนจะรู้สึกร้อนหน้าและแก้มแดงเรื่อขึ้นมา รีบวางอุริลงพื้นก่อนจะพูดตะกุกตะกัก



"ดึกมากแล้ว พี่...พี่ขอไปอาบน้ำ ตัวเหนียว" เขาทำงานมาทั้งวันจนเหงื่อออกท่วมตัว เมื่อครู่หลังจากทำงานที่ผับเสร็จแล้วกลับมาที่อพาร์ตเมนท์ไม่ทันไร ไอติมก็ตามมาถึงห้อง หนำซ้ำพอคุยกันเสร็จยังไม่ทันได้อาบดันโดนบอกให้เก็บของแล้วก็พาตัวมาเลยทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ตอบตกลง



ว่าไปนั่นถึงปากจะไม่ตอบแต่ใจเขาก็ลิงโลดมาถึงนี่แล้ว...ก็รู้ดีว่าตนใจง่าย



"อาบในห้องนอนเลย"



"อืม..." รามเดินเข้ามาในห้องนอนโดยมีไอติมเดินตามหลังมาไม่ห่าง เขาวางกระเป๋าไว้บนพื้นข้างตู้ไม้ราคาแพง กระเป๋าเปื่อยเน่ากับเสื้อสีหมองไม่เหมาะกับห้องหรูในคอนโดนี้เลย มือค่อยๆ แหวกกระเป๋าออกและหยิบเสื้อผ้าที่ต้องใส่และผ้าขนหนูสีหม่นขึ้นมาแนบอก



ทั้งห้องเงียบกริบอีกครั้ง พระรามประหม่าสุดฤทธิ์เพราะสายตาอีกฝ่ายจับจ้องเขาตลอดเวลา



พระรามเม้มปากมองซ้ายมองขวา ก่อนจะสะดุดที่แขนข้างซ้ายของติมที่มันดูบวมๆ รอยช้ำขนาดใหญ่ เขาเดินเข้าไปจับแขนแกร่งเบาๆ สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายแอบสะดุ้ง...คงเจ็บสินะ



“ติม เจ็บเหรอ” ร่างสูงเห็นแววตาเป็นห่วงของร่างโปร่งแล้วก็กลืนน้ำลาย



...อย่าไปรู้สึกอะไร...



“อืม คิดว่าคงช้ำไปอีกนานเลย...ไอ้เวรพวกนั้น” พอพูดถึงแล้วแค้นนัก ไอ้พวกหมาหมู่บังอาจมารุมกันได้



“ทำไมนายถึงไปมีเรื่องทะเลาะได้ล่ะ” รามขมวดคิ้วถามด้วยความกังวล “รู้มั้ยว่าตอนนั้นที่ติมจะถูกแทง...” เขาเงียบไปเพราะรู้สึกมือตัวเองมันสั่นระริก ถ้าหากร่างสูงถูกทำอะไรขึ้นมาจนบาดเจ็บสาหัส ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำยังไง



“ขอบคุณที่มาช่วยนะ แล้วก็ขอบคุณที่เป็นห่วง” มือใหญ่วางบนศีรษะเล็กและขยี้เบาๆ



“อืม” ใบหน้าสะบัดรัว ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะแก้มแดงเรื่อกับคำนั้น “ไม่เป็นไร”



ไอติมขอบคุณเขาด้วย



"ตะ ติมจะอาบน้ำก่อนมั้ย"



เขาเป็นแค่แขกมาอาศัยจะอาบก่อนเจ้าของมันก็จะยังไงๆ อยู่



ริมฝีปากหยักยิ้มมุมปากก่อนจะถอดเสื้อออกมันตรงนั้นเลย "ไป อาบพร้อมกัน"



"หะ...!? มะ..." ใบหน้าขาวแดงเถือก สายตาเผลอกวาดมองกล้ามเนื้อสวยงามบนแผงอกและหน้าท้องที่มีรอยช้ำเหมือนถูกกระทุ้งอย่างแรงหลายครั้ง พระรามรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายชวนอาบน้ำแบบนี้คิดจะทำอะไร



ถึงเราสองคนจะมีอะไรกันมาหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ชินอยู่ดี เรื่องน่าอายแบบนี้น่ะ



"ไม่ใช่แค่อุริที่คิดถึงราม ผมก็คิดถึงรามเหมือนกันนะ"



"แต่ว่า...แต่ว่าพี่..." พระรามไม่ได้ปฏิเสธ ยอมรับว่าเขาก็อยากจะให้ติมเข้ามาเหมือนกัน



ใบหูขาวแดงก่ำเมื่อคิดเรื่องทะลึ่งลามก แต่ที่เขาลังเลน่ะเพราะ...



"รามมีงานต้องทำตอนเช้าเหรอ" เสียงทุ้มถามขึ้นมา



"อะ อืม...แล้วนายก็เจ็บแขนด้วย"



“เรื่องของผมน่ะไม่ต้องสนใจก็ได้” ไอติมถอนหายใจเสียดาย "ทั้งที่อยากจะทำยันเช้าแท้ๆ"



คนฟังหน้าร้อนผะผ่าว "มะ ไม่ได้หรอก พี่มีพรีเซนต์งานด้วย..."



"งั้นพรุ่งนี้ตอนบ่ายล่ะ? พรุ่งนี้มีเรียนตอนไหนบ้าง พรีเซนต์เสร็จกี่โมง"



ร่างสูงถามจดจ่อบอกจุดประสงค์ ใบหน้าแดงก่ำเบี่ยงออกตอบเสียงเบา



"พี่พรีเสร็จสิบเอ็ดโมงหลังจากนั้นก็ว่างไม่มีอะไร...ทำงานอีกทีตอนทุ่มนึงที่ร้านเหล้า" ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องบอกอย่างละเอียดขนาดนั้นด้วย ยิ่งพูดยิ่งหน้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ เพราะใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่มชอบใจบางอย่าง



"ตอนบ่ายเหรอ" ไอติมพึมพำนิ่งคิดไปสองวิ "งั้นเดี๋ยวพรีงานเสร็จผมจะไปรับ เดี๋ยวจะแชทไปนะ"



“มะ มารับ?” พระรามได้ยินแล้วเลิ่กลั่ก "เดี๋ยวติม ไม่ต้องแชท โทรมาดีกว่านะ"



"ทำไม?"



"คือพี่ขายมือถือเก่าทิ้งไปแล้วน่ะ" ช่วงที่เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย เขาจำเป็นต้องใช้เงินมัดจำค่าหอเพื่อจองห้อง เพราะเจ้าของอพาร์ตเมนท์บอกว่าไม่ให้จองด้วยปากเปล่าถ้าหากมีคนอื่นพร้อมก็จะให้เช่าเลย ดังนั้นพระรามที่ไม่มีเงินก็เลยต้องตัดใจขายมือถือทิ้งไปและเอาเงินตรงนั้นมาจ่ายค่ามัดจำแล้วเงินที่เหลือก็ซื้อมือถือถูกๆ มาใช้เพื่อติดต่อในยามจำเป็น



"ตอนนี้มือถือพี่แค่ส่งข้อความกับโทรออกได้แค่นั้นเอง" เขายิ้มแห้งพร้อมกับชูมือถือปุ่มกดพลาสติกสีดำเครื่องเล็กให้ดู ซึ่งไอติมก็มองมันนิ่งและยิ้มเข้าใจ



"เข้าใจแล้ว งั้นผมจะโทรมาก็แล้วกัน"



“อืม” ไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายถึงเข้าใจง่ายๆ แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เขาก็ยังดีใจที่ไอติมรับฟัง



"ตอนนี้ไปอาบน้ำกันเถอะ"



"เอ๊ะ! แต่...!" คนตัวบางร้องเสียงหลงเมื่อถูกลากเข้าห้องน้ำไม่ทันให้ประท้วง "เหวอ~"



แกร๊ก!



"หนะ ไหนบอกจะทำพรุ่งนี้..." พระรามพูดตะกุกตะกักสายตาสอดส่องหาทางหนี นี่มันก็จะตีสามอยู่แล้วถ้าหากเกินเลยล่ะก็เขาคงไม่มีแรงลุกไปทำงานแน่...แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงพรีเซนต์งานเลย



ร่างโปร่งอึ้งหน้าร้อนผ่าวจะเป็นลมเมื่อไอติมถอดกางเกงออกพร้อมกับชั้นในสีดำราคาแพง แท่งเนื้อร้อนสีสวยดีดเด้งตั้งตรงแนบหน้าท้องแกร่ง นี่ไปเกิดอารมณ์กับใคร เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย!?



ร่างสูงยิ้มกริ่มเมื่อรามมองอึ้งแถมสายตายังจดจ้องมาตรงส่วนนั้นของเขาอีก สายตาสั่นไหวนั่นก็ยิ่งทำให้เขาปวดหนึบเข้าไปใหญ่ "ถอดเสื้อสิ"



"อะ...อะ พี่ว่าพี่...พี่ให้ติมอาบก่อนดีกว่า!" คนมองอ้ำอึ้งตาค้างตัวแดงก่ำจนหาสีผิวไม่เจอ ลุกลี้ลุกลนวิ่งออกจากห้องน้ำ แต่เพียงแค่มือเรียวแตะกลอนยังไม่ทันบิดก็ถูกคว้าเอวบางเอาไว้แน่นจนตัวลอยและลากมาจับถอดแก้ผ้าง่ายดาย



“มะ ไม่ อย่านะ...” นี่อีกฝ่ายเจ็บตัวอยู่จริงรึเปล่าเนี่ย ทำไมเขาถึงขัดขืนอะไรไม่ได้เลย!



สุดท้ายทั้งคู่ก็อยู่ใต้ฝักบัว สายน้ำพร่างพรายลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า แม้จะเย็นแค่ไหนแต่ไม่อาจทานผิวกายของทั้งคู่ที่ร้อนรุ่มเหมือนไฟแผดเผาได้



"ติม...ถอยไปหน่อย...ได้มั้ย" พระรามบอกคนที่ยืนซ้อนด้านหลังเสียงอ่อน ศอกผอมดันท้องแกร่งออกไปไม่แรงนัก แต่คนตัวสูงไม่สะทกสะท้าน มือใหญ่สองข้างกลับบีบเค้นแน่นที่เอวกับสะโพกเล็กกลมกลึงอย่างหมั่นเขี้ยว ซ้ำยังลูบลงต่ำมาที่ขาเรียววนเวียนไปมาเว้นกึ่งกลางเอาไว้จนเจ้าของตัวสั่นระริก



"ทำไมล่ะ" เสียงทุ้มกระซิบถามเสียงพร่า ทำให้ดวงตาเรียวตวัดมอง คำตอบของคำถามนั่นคนที่รู้ดีที่สุดก็คือเจ้าตัวนั่นแหละ! “แล้วก็อย่าขัดขืนผมเลย ผมเจ็บแขนเจ็บท้องอยู่รามก็รู้”



คำพูดขอความเห็นใจนี้ทำให้คนฟังยอมโอนอ่อนอย่างง่ายดาย เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเจ็บ พระรามเกร็งตัวกัดปากแน่นเมื่อลูกชายพองตัวแนบสะโพกแถมยังขยับเสียดสีไม่หยุดอีก ร่างโปร่งวาบหวิวซาบซ่านจนแก่นกายเล็กค่อยๆ แข็งตัว "อือ..."



"รามก็ชอบใช่มั้ย" ดวงตาคมกริบมองไล่จากต้นคอลงลาดไหล่ผอม สะบัก แผ่นหลังบางกับสะโพกเล็กที่น่าโหยหา ตอนนี้ท่อนเนื้อร้อนระอุกำลังแนบกับช่วงเอวเพราะด้วยความสูงที่ต่างกัน ซ้ำสะโพกแกร่งยังขยับเสียดสีราวกับจะแกล้ง "ของๆ ผม" มือจับส่วนแข็งแกร่งลากปลายบานลงมาเรื่อยๆ จับมันถูไถกับร่องก้นและช่องทางสีแดงที่ขมิบถี่ยิบตอบรับ พอเห็นเจ้าตัวหลับตาเม้มปากแน่นจนตัวสั่น ไอติมก็กลืนน้ำลายอดทนก่อนจะลากมันผ่านลงมา และสอดผลุบลงหว่างขาจนพระรามตกใจ



"อ๊ะ! ...ฮะ! อ๊ะ! ..." ร่างโปร่งครางหวิวเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านที่เคยได้รับมันกลับมาและยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้นในใจของเขา เสียงทุ้มใสครางก้องดังในห้องน้ำแทรกเสียงสายน้ำที่พร่างพรายกระทบร่างกายและพื้นกระเบื้อง กระตุ้นความหื่นกามของคนฟัง เพิ่มแรงกระทุ้งสะโพกให้แรงขึ้นเร็วขึ้น เสียดสีสิ่งที่ร้อนราวกับไฟกับขาหนีบด้วยท่าทางคล้ายการร่วมรักอย่างลามก ลิ้นร้อนแลบเลียหลังคอสีขาว ขบ กัด เม้ม จนเป็นรอยแดง



"อื๊อ! ฮื้อออ ฮึก!" ร่างโปร่งตัวกระตุกเฮือก กัดปากสะอื้นเพราะนิ้วยาวบดขยี้เม็ดสีชมพูชูชันอย่างแรง



เขาแพ้ติมทุกทางเลย



ไม่ว่าจะทำยังไง เขาก็แพ้



"ติม ช่วย แฮ่ก...ช่วยพี่" มือเรียวปลุกปั่นแก่นกายของตัวเองเป็นระวิงจนหมดแรง ริมฝีปากบางอ้าหอบงับอากาศเหมือนคนหายใจไม่ทัน ก่อนที่ร้องเสียงสูงเมื่อมือใหญ่จับมันไว้มั่น เค้นคลึงแรงพอๆ กับแรงกระแทกด้านหลังจนสะโพกเล็กได้แต่แอ่นหยัดรองรับ



“อื๊อ...!”



"ซี้ด ใกล้แล้ว หนีบแน่นๆ"



ขาเรียวหนีบแน่นตามคำสั่ง เชิดหน้าครางสั่นหวิว เปิดช่องว่างเปลือยเปล่าให้คนด้านหลังได้ทั้งกัดทั้งขบเม้มจนเจ็บจี๊ด พระรามรู้สึกเสียวเหมือนใจจะขาดกับความเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ติมก็จะตักตวงร่างกายของเขาอย่างเต็มที่เสมอ



มือบางทั้งสองข้างยันกับกำแพงลื่นๆ อย่างลำบากยากเย็นเพื่อกันไม่ให้หัวโขกเพราะแรงขับเคลื่อนอย่างแรงจากด้านหลัง สายน้ำที่ร่วงลงมาผ่านกายสาดกระเซ็น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังปั่บๆ ตามแรงกระแทกทั้งเร็วและรัวในวินาทีสุดท้าย



"อ๊ะ! พี่ถึงแล้ว... ฮั่ก!"



ร่างโปร่งสำลักอากาศ ขาแข้งอ่อนยวบหมดแรงยืนจนติมต้องช่วยพยุงเอวเอาไว้



“แฮ่ก...” พระรามโถมกายใส่ร่างสูงทั้งตัว หอบหายใจเหมือนคนวิ่งมาราธอน...เป็นการอาบน้ำที่เหนื่อยที่สุด



ดวงตาเรียวปรือปรอย ในวินาทีที่เสร็จสมและทุกอย่างทะลักทลาย ประสาทรับรู้เหมือนจะหายวับไปชั่วครู่ ในหูดังอื้ออึงไปหมด แต่หลังจากที่ได้พักหอบหายใจ เสียงสายน้ำพร่างพรายกลับมาอีกครั้งพร้อมกับความเย็นเฉียบที่ผิวกาย



และสิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้ ตรงระหว่างขาหนีบของเขามันยังมีบางอย่างที่ร้อนระอุแทบปริแตกนี่แนบอยู่พร้อมกับเสียดสีเบาๆ เสียงหายใจเข้าออกแรงๆ ข้างใบหน้าทำให้แก้มขาวแดงเรื่อ แม้เขาจะเสร็จแล้ว แต่ทว่าร่างสูงยังไม่...



มือเรียวลูบตามแขนแกร่งเกร็งเครียดที่กำลังโอบเอวตน ก่อนที่พระรามจะตัดสินใจพลิกกายเข้าหา เงยหน้ามองความต้องการที่ฉายชัดออกมาผ่านดวงตาคมกริบและลมหายใจแรงเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังกระหาย



"ราม..."



"เดี๋ยวพี่...พี่ช่วยนะ..." เสียงทุ้มใสพูดขึ้น ทำให้ติมอึ้งไปเล็กน้อย เหมือนหูเขาได้ยินอะไรผิดไป แต่ก็ต้องสะดุ้งสูดปากเมื่อมือเล็กกอบกุมเข้าที่แท่งเนื้อร้อนและรูดรั้งแผ่วเบาสลับหนัก "ซี้ด!"



ร่างแกร่งผลักพระรามชิดติดกำแพงและเบียดเค้นพลางกระซิบเสียงพร่า



"เร็ว...เร็วหน่อยราม เร่งมือ"



ใบหน้ามนเบี่ยงเล็กน้อยเพราะริมฝีปากที่ใกล้ชิดที่ใบหูมากเกินไปจนรู้สึกวาบหวิว ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะเค้นหนักรัวเร็วตามที่อีกฝ่ายร้องขอ เน้นส่วนปลายที่มันทั้งบานทั้งแดงก่ำซ้ำยังมีน้ำเหนียวผุดซึมปนเปกับน้ำฝักบัวที่ไหลลงมาจนแยกไม่ออก



"พรุ่งนี้เตรียมตัวไว้...ผมจะเอารามให้เตียงหักเลย ซี้ด" เขาฟังเสียงทุ้มพร่าพูดแล้วต้องกัดปากตัวร้อนผ่าววาบหวิว มือใหญ่ปัดมือเล็กออกก่อนจะลงมือสาวของตัวเองอย่างทนไม่ไหว "ลงโทษฐานที่ทำให้ผมต้องอดทนแบบนี้"



สายธารสีขุ่นพุ่งแรงใส่แผ่นท้องบางบางส่วนเปรอะมาถึงคางมนแต่ก็ถูกน้ำชำระล้างไปอย่างรวดเร็ว ความร้อนที่สุมอยู่ค่อยๆ สลายไปแต่กระนั้นแขนแกร่งก็ยังลูบไล้ร่างกายผอมโปร่งไม่ว่างเว้น ไม่ต่างจากพระรามที่โอบกอดตอบกลับ ลูบไล้กล้ามเนื้อน่าหลงใหลทั้งแผ่นหลังและอกตึงแน่น ซ้ำยังเอียงคอเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทำรอยได้ตามใจชอบ เสียงทุ้มใสครางอืออาไม่จบไม่สิ้นสะท้อนก้องในห้องน้ำ



ราวกับทั้งคู่รอวันนี้มานานแสนนาน





********************* Love Substitute *********************





หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำได้ไม่นาน ร่างสูงก็อุ้มพระรามที่หมดแรงตาปรือมานอนดีๆ ทั้งที่กายผอมยังเปลือยเปล่า หากแต่เรื่องที่ร่างโปร่งขอไว้ทำให้ไอติมกัดฟันสะกดอารมณ์และห่มผ้าหนาคลุมทับจนถึงคอ



ร่างสูงสวมเพียงแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวบางปิดกาย นั่งพิงหัวเตียงและเหลือบมองใบหน้ามนที่หลับพริ้ม ภายในหัวมีความคิดหลายอย่างลอยวนไม่หยุดจนทำให้รำคาญ



ทั้งสายตาเป็นห่วง รอยยิ้มและการกระทำที่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับตน



‘พี่รักติม’



สิ่งที่เขาคิดจะทำ...ทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกผิด



ถ้าจะให้บอกว่าโกรธเรื่องของแม่อยู่ มันก็อาจจะมีแต่เจือจางลงไปบ้างแล้ว



สิ่งที่ตรงต่อความรู้สึกตอนนี้ที่สุดคือไอติมอยากได้พระราม อยากจะมีเซ็กส์กับร่างโปร่งนี้ด้วยกันทุกวันไม่ห่างหาย แน่นอนพระรามที่รู้สึกชอบพอกับเขาต้องยินยอมพร้อมใจ นี่จึงไม่ได้เรียกว่าการฝืนใจ



แล้วเรื่องของพี่ชะเอมล่ะ?



ไม่...ไม่ได้ เขาชอบชะเอมก็จริง แต่ไม่อยากให้คนบริสุทธิ์อย่างนั้นต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา ไอติมเป็นคนที่มีศัตรูรอบด้าน คนที่กลายมาเป็นคนสำคัญหรือคนใกล้ตัวเขาไม่เว้นที่จะโดนหมายตาและกลายเป็นลูกหลง



เพราะงั้นคนที่เป็นตัวตายตัวแทนแทนพี่ชะเอมที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็น...พระราม



แน่นอน มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ไม่งั้นเขาไม่ถ่อไปรับถึงที่ด้วยตัวเองหรอก



ความคิดที่ลอยตีกันวุ่นวายทำให้ไอติมถอนหายใจเสียงดัง หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟและสูบมันเข้าลึกภายในร่างกายและปล่อยออกมาจากปากและจมูก



“ฟู่...”



พอได้สูบบุหรี่แล้วทำให้จิตใจโล่งโปร่ง ไม่ต้องคิดเยอะให้น่ารำคาญตัวเอง



ช่างแม่ง อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป เดี๋ยวค่อยมาคิดทีหลังว่าต้องทำยังไงต่อ



"แค่ก...แค่ก...!" จู่ๆ คนนอนอยู่ก็ไอโขลกขึ้นมาไม่มีสาเหตุ ดวงตาเรียวปรือมองร่างสูงข้างกายที่จุดไฟแช็ค คีบบุหรี่สูบและพ่นควันออกมา "ติม นี่สูบบุหรี่ด้วยเหรอ"



"ใช่..."



ต่อด้านล่าง


หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 19-04-2019 18:41:19



ต่อจากด้านบน



"พี่ไม่เคยเห็น...!" พูดไม่ทันจบ ก็รู้สึกติดขัดในลำคอจนต้องปิดปากไอออกมาอีก กลิ่นควันพวกนั้นทำให้เขารู้สึกแย่ยังไงชอบกล "ติม อย่าสูบเลยนะ มันไม่ค่อยดี"



ไอติมตวัดสายตามามองอย่างรำคาญ "อย่ายุ่งน่า"



"พี่แค่เป็นห่วง" ร่างโปร่งหน้าซีดเซียว พูดเสียงแผ่ว เพราะจู่ๆ เสียงทุ้มก็เย็นชาใส่...เขาอาจจะยุ่งเกินไปจนน่ารำคาญอย่างที่อีกฝ่ายว่า



ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่รามบอกเพราะเป็นห่วงร่างกายของอีกฝ่ายแท้ๆ มันกลับกลายเป็นว่าเขาจุ้นไม่เข้าเรื่อง



‘พ่อสูบบุหรี่น้อยลงหน่อยได้มั้ย มันไม่ดีนะ’



ร่างโปร่งคิดก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น ไอโขลกอีกครั้งหนักหน่วงจนน้ำตาไหล



"จะไปไหน ยังไม่ถึงเวลาทำงานเลย"



"พี่...พี่ไม่ค่อยชอบกลิ่นควันน่ะ" เขาพยายามตอบเลี่ยงว่าไม่ชอบกลิ่นบุหรี่และเกลียดมันมาก เพราะพ่อของเขาก็สูบแบบนี้ สูบหนักและไม่เคยฟังคำเตือนของเขาเลยแม้แต่นิด มันทำให้ร่างกายของผู้สูบไม่แข็งแรงและยังส่งผลกับคนรอบข้าง "ถ้าติมจะสูบ เดี๋ยวพี่จะไปนอนโซฟาข้างนอกก็ได้"



เพราะพระรามก็ไม่อยากเอ่ยจุ้นจ้านให้อีกฝ่ายทำตามที่เขาต้องการ แต่จะให้เขาอยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน



ร่างสูงมองนิ่งก่อนจะผุดลุกขึ้นในวินาทีต่อมา แต่ยังไม่ดับไฟที่อยู่ในมือ "ไม่ต้อง...นอนนี่แหละ"

"พี่นอนโซฟาได้นะ" คิ้วบางขมวดรีบบอก ยังไงเขาก็แค่เป็นคนอาศัย จะไล่อีกฝ่ายออกไปทั้งที่บอกว่าตนไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ก็กระไร



ขนาดนอนที่สวนสาธารณะเขายังเคยนอนมาแล้ว



ไอติมไม่ฟังก่อนจะเลื่อนกระจกเดินออกไปข้างนอกระเบียง เห็นแบบนั้นริมฝีปากบางก็อดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้...แบบนี้มันก็เหมือนกับร่างสูงใส่ใจเขาอยู่บ้างไม่ใช่เหรอ



พระรามค่อยๆ ทรุดตัวลงห่มผ้านอนบนเตียงกว้าง เตียงที่เขาเคยมีอะไรกับติม แต่กลิ่นบุหรี่ที่ยังเจือจางมันก็ยังทำให้เขาไอค่อกแค่ก แม้แต่กับตัวเขาเองยังคิดว่ามันน่ารำคาญ



"แค่กๆ" ร่างกายของเขามันไม่เหมือนเดิม เขารู้ดีว่ามันจะต้องมีอะไรผิดปกติสักอย่าง แต่เขาไม่อยากไปตรวจ...เพราะไม่มีเงินรักษา...แล้วก็กลัว...



ทั้งๆ ที่ชีวิตของเขาไม่เหลือใครอีกแล้ว แต่ก็ยังกลัวความตาย...น่าหัวเราะเยาะไหม



'ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกลูก...ซักวันหนึ่งรามก็จะเจอกับคนที่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยแทนแม่เองนั่นแหละ'



ดวงตาเรียวมองเลยไปที่ระเบียง มองแผ่นหลังเปลือยเปล่าแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามแล้วก็ยิ้มน้อยๆ

ไอติมใจดีแบบนี้...เขาชอบมาก ดีใจมาก มันทำให้ใจดวงน้อยที่ดังแผ่วเบากลับเต้นแรงขึ้นอย่างมีชีวิตชีวาและหลงใหลมากกว่าเดิม



ถ้าหากกลับมาครั้งนี้แล้วทำให้เขามีความสุขได้บ้าง เขาก็ยินดีจะรับมันไว้



'กูจะทำให้มึงเจ็บปวดทรมานด้วยความรู้สึกเดียวกัน'



ดวงตาเรียวหม่นลงและค่อยๆ ปรือปิด



ก็ขอให้ความสุขนี้...ยังเป็นแบบนี้ไว้ให้ได้นานที่สุดก็แล้วกัน





********************* Love Substitute *********************





"วันนี้พวกคุณทำได้ดีมาก ใครเป็นคนทำเนื้อหาเนี่ย" อาจารย์วัยสี่สิบต้นพลิกชีทรายงานเล่มหนาในมือ สีหน้าดูดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากหงุดหงิดจากการฟังพรีเซนต์งานกลุ่มที่แล้ว



จริงๆ แล้วแกอารมณ์ดีขึ้นมากเลยแหละ



"พระรามใช่รึเปล่า"



ร่างโปร่งฟังแล้วยิ้ม ก่อนที่เพื่อนข้างๆ จะพูดขึ้นมาอย่างโอดครวญ



"โห อาจารย์...ทำไมไม่เดาเป็นผมบ้างล่ะครับ"



"อย่างคุณเนี่ยนะ" อาจารย์เลิกคิ้วถามเสียงสูง



"อย่างผมมันทำไมครับ"



"อย่างปฐพีที่ทำการบ้านส่งแล้วลอกทุกครั้งเนี่ยนะ จะทำรายงานเล่มดีๆ อย่างนี้ได้" มือสากตีรายงานลงกับมือดังแปะๆ



ท่าทางแบบนั้นทำให้ปฐพีแหว "โหยยย ดูถูก! อย่างน้อยสอบย่อยผมก็อ่านหนังสือแล้วก็ไม่ได้ลอกใครด้วย"



"ฮ่าๆ! ก็ดีแล้วนี่ ถ้ารู้ว่าลอกล่ะก็ผมให้คุณศูนย์แน่ๆ ล่ะ"



เขากับสินหลุดหัวเราะพร้อมกัน ไอ้ดินมันโดนแม้แต่อาจารย์ปั่นหัวจนพูดอะไรต่อมิอะไรออกมาหมดเปลือก



พวกเขาสนิทกับอาจารย์คนนี้พอสมควรเพราะว่าอาจารย์คนนี้แหละที่เสนอทุนเรียนดีเรียนฟรีให้เขา แล้วอีกอย่างไอ้ดินก็เป็นกันเองคุยกับอาจารย์อย่างกับคุยกับเพื่อน



ดีนะที่อาจารย์แกไม่ถือสา



"ผมชอบมาก รายงานเรื่องนี้ที่พวกคุณทำมา เนื้อหาดี พรีเซนต์ดี" อาจารย์ชมเปาะไม่ขาดปากทำให้คนทำอย่างพระรามยิ้มออกหน้าออกตาชื่นมื่น



"ใช่ซี้ พระรามลูกรักนี่..."



"ฮ่าๆ"



พอได้ยินเสียงอุบอิบราวกับน้อยใจของดินทั้งห้องก็หัวเราะประสานเสียง



"ตัวโตอย่างกับควายยังจะงอนอีกเนาะมึง"



คนตัวโตหน้ามุ่ย "ไอ้สิน ขอร้องเหอะ ไม่ขัดกูซักเรื่องได้มั้ย"



"ไปทะเลาะกันข้างนอกไปๆ เรียกกลุ่มต่อไปเข้ามาด้วย"



"คร้าบ..."



ทั้งสามคนออกจากห้องมาเวลาก็ยังไม่ทันสิบโมงดี เนื่องจากวันนี้งดคลาสเพราะต้องพรีเซนต์งาน อาจารย์จึงอนุญาตให้ใครก็ตามที่พรีเซนต์เสร็จแล้วไปทำอะไรตามอัธยาศัยได้เลย



ในขณะที่พระรามดูนาฬิกาแล้วก็คิดว่ากำลังจะไปไหนดีเพราะมันยังไม่ถึงเวลา เพื่อนตัวใหญ่กว่าอย่างดินก็เข้ามากอดคอจนร่างโปร่งโซเซ



"เฮ้"



"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อาจารย์ชมแล้วยิ้มแป้นเลยนะมึง"



เขาเกาหัวเก้อเขินกับคำล้อของเพื่อน "ก็กูทำเต็มที่นี่หว่า"



"ก็จริง ดีแล้วที่มีรามมันอยู่ในกลุ่มด้วย ไม่งั้นคงไม่โดนชมแบบนี้" สินว่ายิ้มๆ



"หมายความว่าไง...มึงจะบอกว่ากูทำไม่ได้แบบไอ้รามเหรอห๊ะ"



"ความจริงก็ต้องยอมรับนะ" เสียงทุ้มใสพูดแทรกขึ้นมาพลางกลั้วหัวเราะส่งเสริมจนเพื่อนผิวคล้ำหันขวับ



"ไอ้ราม!"



"อ่ะๆ วันนี้ไปหาไรกินกันปะ ฉลองที่วันนี้ทำได้ดี" สินเปลี่ยนเรื่องทำให้ดินชะงักหันมาสนใจ



"เออๆ เอาดิ หิวละ"



พระรามแอบนับถือสินที่ทำให้ดินเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็วราวกับจะรู้ว่าต้องพูดยังไง แต่คำชวนนั้นทำให้เขาลังเล



"แต่กู..."



วืด วืด



มือถือเครื่องเล็กเบาหวิวสั่นดิกในกระเป๋ากางเกงทำให้พระรามล้วงขึ้นมา ก่อนที่จะเม้มปากแน่น...แก้มแดงเรื่อ



"อะ เอ่อ พวกมึงไปกันก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป!" ขาเรียววิ่งไปอีกทางก่อนที่ดินจะตะโกนถาม



"อ้าว แล้วนั่นมึงจะไปไหน!"



"ห้องน้ำ!" เขาตะโกนตอบกลับไปทั้งๆ ที่ไม่ได้จะไปห้องน้ำเสียหน่อย



แผ่นหลังบางแนบชิดกำแพงในมุมๆ หนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครเดินพลุกพล่าน ก่อนจะกดรับ



"ฮัลโหล..."



("ราม พรีเซนต์งานเสร็จแล้วใช่มั้ย")



เขาขมวดคิ้วมองไปรอบๆ "ติมรู้ได้ยังไง?"



อีกฝั่งกลั้วหัวเราะ ("ก็รับสายนี่...ถ้าไม่รับก็น่าจะยังไม่เสร็จ")



"อ๋อ...” พระรามกระพริบตาปริบ นั่นสิ “อื้ม"



("งั้นเดี๋ยวผมไปรับ...")



"เอ่อ...คือพี่ต้องไปกินข้าวกับเพื่อนก่อนน่ะ" พระรามพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเกรงใจด้วย



อีกฝั่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่ เสียงทุ้มจะดังขึ้นเหี้ยมๆ ("จะผิดนัดกับผมเหรอ")



"ปะ เปล่า..." แก้มขาวร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายพูดว่านัด จริงๆ แล้วก็ไม่ได้นัดไปไหนสักหน่อย



'พรุ่งนี้เตรียมตัวไว้ ผมจะเอารามให้เตียงหักเลย...โทษฐานทำให้ผมอดทนขนาดนี้'



...อีกฝ่ายก็แค่อยากเองไม่ใช่เหรอ...



(“สองสัปดาห์แล้วนะ ผมไม่รออีกวันหรอก”)



“หืม...?” เมื่อกี้ติมพูดว่าอะไรนะ



("เปล่า...ถ้ารามจะไปกินข้าว งั้นก็ไปกับผมสิ")



"อือ...พี่กลัวไปกับติมแล้วจะไม่ได้กินข้าวน่ะสิ...ไม่ได้กินถึงเย็นเลย" เสียงทุ้มใสพูดอุบอิบทำให้ไอติมหัวเราะชอบใจ



("งั้นถ้าจะไปกินข้าวกับเพื่อน รามก็ต้องไปกินไอติมกับผมนะ")



"หืม...?" พระรามครางในลำคออย่างแปลกใจเพราะร่างสูงชวนไปกินของหวานกลางวันแสกๆ "อ้าวแล้วติมไม่..." ก่อนจะกัดปากแน่นเขินสุดตัวเมื่อคิดจะพูดอะไรออกไป



เสียงทุ้มหัวเราะแทรกกลับมาอย่างกรุ้มกริ่มจนคนได้ยินกระพริบตาและหน้าแดงก่ำในเวลาต่อมา



("ก็กำลังจะชวนไปกินไอติมร้อนสอดไส้ลาวาอยู่นี่ไงครับ")



“เป็นอะไรหน้าแดงๆ”



“หะ...ปะ เปล่า...” ดินถามเลิกคิ้วเพราะพระรามลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ซ้ำยังหน้าแดงก่ำ ก้มหน้างุดๆ ตอบเสียงแผ่วเบา ทั้งที่เมื่อกี้ตอนพรีเซนต์งานยังไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย



“หรือว่าไม่สบาย” สินถาม



“เออ ไหนดูดิ้” ดินเออออกับเพื่อนแล้วยกมือทาบหน้าผากมน  “ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร”



“กะ ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร” เจ้าตัวตอบอึกอักพลางเหลือบมองนาฬิกา การกระทำเล็กน้อยไม่รอดพ้นสายตาของสิน



“หรือว่ามึงมีธุระแต่ไม่กล้าบอกพวกกู มึงกินข้าวเสร็จแล้วนี่ ไปเลยก็ได้นะ”



ยิ่งพูดถึง ‘ธุระ’ ใบหน้าขาวยิ่งแดงก่ำ “เอางั้นก็ได้”



เพราะทันทีที่สินบอก โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมันก็สั่นขึ้นมาทันที ไม่ต้องล้วงมาดูก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะถึงเวลาที่ ‘นัด’ เอาไว้แล้ว



...ผมให้ถึงแค่สิบโมงครึ่ง ถ้าไม่ตรงต่อเวลาวันนี้ไม่ต้องนอน...



“งั้นกูขอไปก่อน...ไว้เจอกันคาบหน้าที่เข้าเรียนนะ”



“หึหึ ตรงเวลาเป๊ะๆ”



ทันทีที่ก้าวขึ้นรถสปอร์ตคันหรู เสียงทุ้มก็หัวเราะทันทีให้ใบหูแดงก่ำ ก่อนจะแก้ตัวอุบอิบ “ก็นายมาพูดอะไรแบบนั้นกันล่ะ พี่ก็กลัวสิ...”



พระรามมองใบหน้าหล่อเหลาที่สบมองกลับมาเช่นกัน ไอติมในชุดนักศึกษานี่ดูอ่อนอายุลงเยอะจนเขาเพิ่งนึกได้ว่าอีกฝ่ายอายุน้อยกว่าจริงๆ ด้วย ทั้งๆ ที่เมื่อวานยังไปต่อยตีมีเรื่องกับอันธพาลอยู่เลย



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไล่มองลงมาจนปะทะกับบางสิ่งบางอย่างที่มันปูดขึ้นมาจนตุงคับกางเกงแสลคสีดำ ร่างกายของเขาพลันร้อนผ่าว



“นี่นายไปหื่นมาจากไหนอีกล่ะ” ดวงตาเรียวหลุบลงก่อนจะเบนมองออกไปนอกหน้าต่าง ร่างโปร่งเกร็งทั้งตัวจนสะดุ้งเฮือกเมื่อมือร้อนจับหมับเข้าที่หน้าตัก “ติม...”



“ก็เพราะคุยโทรศัพท์กับรามนั่นแหละ”



คนฟังหน้าระเบิดดังปุ้ง “หา...”



“ไม่ต้องคุยแล้ว รอมาครึ่งชั่วโมงแล้ว” พูดไม่ทันจบร่างสูงเข้าเกียร์เหยียบคันเร่ง รถสปอร์ตเฉี่ยวก็พุ่งทะยานกลับคอนโดอย่างรวดเร็ว





-พระราม-

ก็ขอให้ความสุข...ยังเป็นแบบนี้ให้ได้นานที่สุดก็แล้วกัน



********************* Love Substitute *********************


หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 19-04-2019 18:42:11





ทดแทนรัก

ตอนที่ 16

​โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เนื้อหาต่อไปนี้เหมาะสมกับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป



"อุก...อึก..."



ในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศระอุและความเร่าร้อนจนต้องกดรีโมทเร่งแอร์ ร่างเปลือยเปล่าสองร่างกำลังอยู่บนเตียงใหญ่ โดยร่างแกร่งนั่งพิงหัวเตียง อ้าขากว้างให้ร่างผอมขาวคุกเข่าก้มๆ เงยๆ กลืนกินสิ่งร้อนผ่าวราวกับไฟ ดวงตาคมกริบจดจ้องทุกการกระทำ ริมฝีปากบางเล็กนั่นให้ความรู้สึกไม่ต่างจากสอดใส่ด้านล่าง ซ้ำยังเรียกอารมณ์หื่นได้มากกว่าเพราะได้เห็นสีหน้าและดวงตาฉ่ำน้ำหลงใหลปรือปรอยขณะที่ปรนเปรอให้เขาด้วยปาก



"อย่างนั้นแหละราม เก่งมาก ซี้ด อมลึกๆ" เสียงทุ้มครางต่ำซ่านเสียว มือใหญ่แทรกนิ้วขยุ้มท้ายทอยเล็ก ดึงศีรษะทุยให้รับเขาเข้าไปสุดโคน “อู้...อุก!” กดแน่นแบบนั้น ร่างสูงเชิดหน้าสูดปากเกร็งหน้าท้องจนเป็นลูกคลื่นเพราะส่วนปลายบานถูกลำคอด้านในบีบรัดแน่น ซ้ำยังมีลิ้นเล็กขยับเลียไปมาอีก พระรามหายใจรวยรินใส่กลุ่มขนที่อยู่ชิดติดจมูก มือเรียวจิกต้นขาแกร่งแน่น คิ้วบางที่ขมวดเป็นปม เพียงไม่นานร่างแกร่งจึงยอมผ่อนคลายมือออก



"...ฮ่า..." ใบหน้ามนผละออกมาหอบหายใจหนักหน่วง ปาดน้ำลายของตนและน้ำที่ผุดจากของๆ ติมผสมปนเปไหลย้อยออกมาใต้คาง "ฟืด...ฮึก"



มือร้อนผ่าวลูบข้างแก้มและไล้นิ้วตามริมฝีปากแดงบวมเพราะเสียดสีแท่งร้อนขนาดใหญ่ช้าๆ เมื่อมือร้อนสอดแทรกเข้าท้ายทอยทำให้พระรามรู้ถึงสัญญาณก้มลงอ้าปากครอบอมแท่งร้อนอีกครั้ง



"อืม! ...อา"



ร่างสูงสะดุ้งครางเฮือกเสียวจี๊ดเมื่อปากบางดูดตรงปลายแรง ลิ้นเล็กก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดีแลบเลียกินน้ำที่ผุดออกมาจนเยิ้ม มือใหญ่กดศีรษะทุยให้ขยับเข้าลึกอีกครั้ง ขยับเข้าออกระรัวดูดจนแก้มตอบ เสียงดังอึดอัดครางในลำคอยิ่งทำให้หน้าท้องหดเกร็ง ดวงตาคมกริบมองไปทั่วเรือนร่างเห็นจุกนมแข็งเป็นไตกับแก่นกายอันพอดีของพระรามแข็งขืนไม่ต่างจากของเขา



อย่าบอกนะว่าใช้ปากทำให้เขาจนมีอารมณ์?



หึหึ



ร่างโปร่งตัวสั่นระริก ผละออกมาหอบหายใจอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมไอติมถึงได้อึดขนาดนี้ เขาทำมานานเกือบครึ่งชั่วโมงจนเจ็บปากเจ็บคอไปหมดแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เสร็จสักที



"ติม...อึก พี่แสบปาก" เสียงทุ้มใสบอกระคนอ้อนวอน ในท้องปวดมวนไปหมด ยิ่งเห็นร่างกายเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของไอติมอ้าขาโชว์เครื่องเพศตั้งโด่เด่อย่างไม่อายแล้วไม่รู้ทำไมถึงอยากจะให้สิ่งนั้นมันแทรกเข้ามาในร่างกายของตนเสียเหลือเกิน



...เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...



"เหนื่อยแล้วเหรอ" เสียงทุ้มถามพร้อมสายตาคมกริบ ทำให้ใบหน้ามนแดงอยู่แล้วแดงกว่าเดิม



"ติม..."



"หืม?"



"พี่...ฮึก" ดวงตาฉ่ำน้ำตาเพราะต้องการมากเกินไปทำให้ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร้าย "ว่าไงราม" ทั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้พระรามพูดออกมาเองว่าอยากให้เขาทำอะไร



"พะ พี่...พี่..." เสียงทุ้มใสตะกุกตะกักไม่กล้าพูดออกมา เพราะมันน่าอายเกินไป สายตาคมกริบที่ไล่มองร่างโปร่งขาวคุกเข่าอยู่ตรงหน้า แก่นกายเล็กที่แข็งตรงมีน้ำผุดซึมจนไหลย้อยหยดเปรอะเปื้อนผ้าปูสีเข้ม จุกนมเล็กสีแดงก่ำบนแผ่นอกสีน้ำนม หนำซ้ำ...เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวเองว่าสะโพกเล็กโก่งขยับเคลื่อนไหวราวกับต้องการนั่น



เป็นร่างกายที่รัญจวนเป็นบ้า...สุดท้ายไอติมเองที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหว



"รามอยากทำเองมั้ย"



ร่างโปร่งมองเหม่อลอย "ทำเอง?"



"มานี่สิ" มือใหญ่จับแขนผอมดึงให้มานั่งคร่อมหน้าท้องแกร่งโดยมีแก่นกายใหญ่ร้อนผ่าวพาดอยู่ตรงร่องก้นด้านหลัง "รามใส่เข้าไปเอง ขยับเองตามต้องการ..."



"มะ ไม่เอา...พี่อาย"



"จนป่านนี้แล้วนะ" ริมฝีปากหยักยกยิ้มขำ ก่อนจะยกร่างเบาหวิวขึ้นและจ่อแก่นกายร้อนตรงปากทาง จนเจ้าตัวตัวสั่นมากกว่าเดิม "เร็วสิ รามไม่อยากได้เหรอ"



ดวงตาเรียวหลับปี๋ไม่กล้าสบ ไม่กล้ามองอะไรทั้งนั้น ริมฝีปากบางแดงก่ำเม้มแน่น



"แต่ผมอยากได้ราม...อยากเข้าไปข้างในลึกๆ" ไม่พูดเปล่า ถูส่วนปลายแล้วก็กดสะโพกเล็กลงทีละนิดๆ ยิ่งกระซิบเรียกชื่อกระตุ้น ยิ่งสะกดให้เจ้าของชื่อกัดปาก จับไหล่กว้างมั่น ผ่อนลมหายใจและค่อยๆเปิดรับร่างกายของใครอีกคนเข้าไป



"อื๊อ"



พระรามหอบแฮ่ก จับท้องตัวเองที่รู้สึกมันอึดอัดคับแน่นเหลือเกิน แต่เพียงแค่มองลงไปก็ต้องน้ำตาเล็ดเพราะเข้าไปแค่ครึ่งเดียว ฝืนกายเอาไว้เมื่อมือใหญ่จับสะโพกตนกดลงไปอีก เขาทนไม่ไหว



...เหมือนจะตาย...



"ผ่อนคลายหน่อย อา..." มือร้อนลูบไล้แผ่นอกเนียนผ่านจุกนมแข็งขึง เอวคอด สะโพกเล็กและเอื้อมไปด้านหลังขยำก้นทั้งสองข้างแหวกออกอย่างหมั่นเขี้ยว



"ฮึก..."



"อืม ข้างในทั้งนุ่มทั้งอุ่น...ซี้ด"



พระรามปรือตามองไอติมที่กัดปากครางเสียงต่ำอย่างคนรู้สึกดี แล้วแก้มก็แดงจัด ร่างโปร่งกลั้นใจค่อยๆ กดตัวเองลงอย่างยากลำบาก ทีละนิด...จนสุด



เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยากทำให้คนที่นอนด้วยรู้สึกดี...ถึงจะผิดจุดประสงค์ไปหน่อยก็ตาม



แขนผอมโอบรอบคอพร้อมกับใบหน้ามนซบลงซอกคออุ่นอย่างเหนื่อยอ่อน เพียงแค่สอดใส่มันยังเหนื่อยขนาดนี้แล้วอีกฝ่ายบอกว่าจะเอาเขาจนเตียงพัง...เขาคงได้ตายจริงๆ แน่



ลมหายใจร้อนจากร่างโปร่งที่เป่าลงรดรินผิวกาย กับความร้อนจากข้างในและผนังนุ่มบีบรัดมอบความเสียวซ่านให้ร่างสูง ทำให้มือใหญ่บีบเค้นคลึงร่างกายผอมไปทั่วอย่างระบายอารมณ์



พระรามผอมจริงๆ ผอมจนกอดไม่เต็มมือ เอวนี่ก็ผอมเพียงแค่แขนข้างเดียวก็โอบรอบแล้ว...ถ้าหากเขาทำแรงๆ เอวนี่จะหักรึเปล่า



"อ๊า" เสียงทุ้มใสหวีดร้องสูงเมื่อปลายแก่นกายใหญ่เข้ามาลึกบดขยี้ภายใน พลางร้องครางเครือไม่หยุดเมื่อมือใหญ่กดสะโพกเขาแน่น บดคลึงจนร่างโปร่งปวกเปียก



"รามขยับสิ เร็ว"



"แฮ่ก เดี๋ยว พี่ขอ...พัก อ๊ะๆๆ!" ร่างสูงไม่ฟังคำร้องขอยกสะโพกอีกฝ่ายขึ้นลงกลืนกินตัวตนจนพระรามร้องครางไม่เป็นศัพท์ ผ่านไปสักพักร่างโปร่งก็เริ่มขยับสะโพกด้วยตัวเองด้วยท่าทางบิดเร้ายั่วยวนคนมอง "อื๊อ...อ๊า"



ทั้งที่เจ้าตัวบอกว่าอายแท้ๆ นะเนี่ย “อืม ซี้ด”



นิ้วเรียวจิกข่วนไหล่กว้างอย่างเสียวซ่านจนเป็นรอยเล็บสีแดง ไอติมไม่เจ็บแต่ยิ่งเพิ่มอารมณ์หื่นให้พุ่งทะยาน ร่างสูงดันตัวเองให้นอนราบและส่งแรงสะโพกขับเคลื่อนรับกับร่างโปร่งที่กดลงมาจนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกว่าเดิม



"อ๊า!! อ๊า! ฮึก...ลึก!" ริมฝีปากบางอ้ากว้างหวีดร้องน้ำตาไหลพราก ทำอะไรไม่ได้นอกจากขยับสะโพกรับทั้งๆ ที่เสียวแทบจขาดใจแต่เพราะถูกมือใหญ่จับบังคับไม่ให้หนีไปไหน หนำซ้ำสะโพกแกร่งกระแทกขึ้นมาแรงจนหัวทุยโคลงอ่อนไปมา "พี่เสียว...เสียวจะตายอยู่แล้ว!"



"ราม อึก อา รัดโคตรแน่น" ดวงตาคมกริบจ้องมองพระรามที่ไร้สติ เวลารู้สึกถึงที่สุดอีกฝ่ายจะลืมความอาย มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นกดคลึงหัวนมสีแดงของตัวเองพยายามระบายอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีรุนแรงที่ช่องทางด้านหลัง ยิ่งส่วนปลายกระแทกโดนจุดหนึ่งในร่างกาย รามจะกระตุกเฮือกตอดรัดแน่นครางลั่น ซ้ำยังแก่นกายเล็กแข็งขืนที่มีน้ำใสไหลปริ่มจากส่วนปลายหยดเยิ้มเปรอะเปื้อน ซ้ำมันยังกระดกไปมาฟาดกล้ามท้องแข็งเกร็งเป็นพักๆ ตามแรงขับเคลื่อน



...ภาพเหล่านั้นมันช่างรัญจวนจนไอติมต้องขยับสะโพกไม่หยุด...



พระรามคงไม่รุ้ตัวว่าตัวเองกลายเป็นคนเสพติดเซ็กส์และลีลาของเขาไปแล้ว และไอติมเองก็ไม่ต่างกัน



ดวงตาเรียวปรือมองใบหน้าหล่อเหลา พอติมสูดปากเสียวซ่านเสียงดังเขาก็รู้สึกเสียวตามจนตอดท่อนเนื้อที่แทงเข้ามาในร่างกายของเขาแน่นตุ้บ การกระทำนั้นยิ่งส่งผลให้สะโพกแกร่งส่งแรงกระแทกมากขึ้นและนั่นก็ยิ่งทำให้พระรามรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย...เขากำลังจะตายเพราะเซ็กส์อันร้อนแรงของติม



สัญญาณตอดถี่ยิบของร่างโปร่งผอมไม่ทำให้ไอติมผ่อนแรง หนำซ้ำยิ่งจับสะโพกเล็กให้กดแน่นสวนกับเสาร้อนที่ขยับกระแทกตอกลึกจนพระรามดิ้นพล่านครางน้ำลายไหล นิ้วเรียวจิกข่วนอกตึงและหน้าท้องของร่างสูงหวังว่ามันจะช่วยปลดปล่อยความทรมานนี้ออกไปแต่สุดท้ายก็ไม่ช่วย



ในห้วงสุดท้ายของอารมณ์ ไอติมกดสะโพกเล็กรับสัมผัสเป็นครั้งสุดท้าย ใบหน้ามนเชิดครางสูง เป็นครั้งที่ลึกที่สุด รู้สึกวาบหวิวมากที่สุด...และมีความสุขมากที่สุด



"อ๊ะ อ๊าาา"



เสียงหวีดร้องของพระรามทำให้ไอติมสูดปากหลับตาพริ้มและกระตุกพ่นฉีดน้ำในขณะที่ผนังนุ่มตอดยิบๆ "อา..."



...โคตรดี...



ร่างโปร่งไม่มีแรงพยุงร่างกายตัวเอง ล้มตัวลงนอนทับอกแกร่งด้วยลมหายใจหอบสั่น ทั้งๆ ที่ข้างในยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายยังปลดปล่อยไม่หมดและเขาก็ตอดรัดอีกฝ่ายแน่นไม่แพ้กัน



ตึกตักๆๆ



ใบหน้าขาวแดงก่ำ หัวใจของเขาเต้นแรง...พอๆ กับของอีกฝ่ายเลย



ร่างผอมโปร่งถูกจับลุกขึ้นอีกครั้ง คุกเข่าหันหลังโก้งโค้งและจากนั้นก็ถูกสอดใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า



เอี๊ยดๆๆ



เตียงใหญ่ลั่นเอี๊ยดอ๊าดแบบนั้นตลอดหกชั่วโมงไม่หยุดตั้งแต่สิบเอ็ดโมงยันห้าโมงเย็น



ท่าแล้วท่าเล่าที่พระรามถูกจับให้เปลี่ยนไปมาตามที่อีกฝ่ายต้องการ โดยรามนั้นก็นอนปวกเปียกให้กระทำชำเรา ปลดปล่อยเป็นสิบๆ ครั้งจนแทบสลบเหมือด



ถึงพระรามจะร้องอ้อนวอนขอว่าไม่ไหวแล้วแต่ติมก็ไม่หยุด ท่าทางจะเก็บกดสองอาทิตย์ที่ไม่ได้มีอะไรกับใครเลย กักเก็บมาจนถึงขั้นนี้



'เตรียมตัวเอาไว้ ผมจะเอารามให้เตียงหักเลย'



"ตะ แตกแล้ว อ๊ะ อ๊า!!" ครั้งสุดท้ายที่ร่างแกร่งกดสะโพกแนบชิดฉีดพ่นน้ำอุ่นเข้ามาลึก ร่างผอมก็เกร็งตัว เชิดหน้าหวีดร้องเสียงสูง มือเรียวจิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนเกือบขาดติดมือ แก่นกายเล็กกระตุกพ่นน้ำใส่เตียงจนฉ่ำเยิ้ม



ติมทำอย่างที่พูดจริงๆ ถึงเตียงจะไม่หักแต่เอวเขาจะหักแทน และพอแก่นกายใหญ่ถูกช่องทางนุ่มร้อนบีบเค้นจนน้ำหมดก็ยอมถอนออกไปสักที



พระรามนอนโก่งสะโพกอยู่แบบนั้น แนบหน้าหอบหายใจแฮ่กๆ บนเตียงที่เปื้อนคราบน้ำกามเต็มไปหมด...แยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร



ดวงตาเรียวเหม่อลอยสุขสม รู้สึกโหวงๆ ที่ด้านล่างเพราะว่ามันถูกเติมเต็มครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดเป็นเวลาหกชั่วโมง เรียกว่าในท้องของเขามีแต่น้ำของติมทั้งนั้น



ยังจำความรู้สึกที่แก่นกายใหญ่นั่นขยับเสียดสีภายในได้อยู่เลย



"นอนแบบนี้ยั่วกันชัดๆ"



"..."



"ราม อยากโดนอีกเหรอ" เสียงทุ้มพูดพร่าพลางมองรูแดงเป็นช่องว่างขนาดของเขาพอดี ฉ่ำเยิ้มน้ำเหนียวเหนอะไหลย้อยเต็มขาเรียว ก็เขาปลดปล่อยตั้งหลายสิบครั้งจะให้ช่องทางเล็กๆ นั้นกักเก็บหมดได้ยังไง



"พี่เหนื่อย...ไม่มีแรงเลย" แต่พระรามก็เหนื่อยเกินกว่าจะมาอายคำพูดของอีกฝ่าย เสียงทุ้มใสพูดโหย ตาปรือจะปิด "กี่โมงแล้วเหรอติม"



"ห้าโมงนิดๆ รามนอนก่อนก็ได้เดี๋ยวผมปลุก"



คนฟังพยักหน้าก่อนจะทิ้งตัวลงนอนทั้งๆ อย่างนั้นและสลบเหมือดทันที



ด้วยร่างเปลือยเปล่าและแอร์เย็นๆ ทำให้พระรามขดตัวเข้าหากันกอดร่างตัวเองแน่น ส่งเสืองอืออาละเมออย่างคนเหนื่อยเพลีย ทำให้คนมองอยู่ลุกขึ้นห่มผ้าให้ก่อนจะเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมาในเวลาไม่นาน



ร่างสูงรู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก อารมณ์ดีจนมองหน้าไอ้เจ้าอุริแมวตัวน้อยแล้วยิ้มให้มันอย่างไม่มีเหตุผล เปิดตู้เย็นและหยิบเบียร์เย็นๆ มากระป๋องนึงและเปิดซดมันด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม



...รอยยิ้ม? อารมณ์ดี...?



ร่างสูงส่ายหน้า เขาจะอารมณ์ดีอะไร...ก็แค่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ที่อดทนมานาน ร่างกายเลยรู้สึกสบาย...แค่นั้นแหละ



แชะ! ฟู่...



ไอติมจุดไฟที่ก้นบุหรี่ก่อนจะนั่งสูงขณะพิงหัวเตียงเหยียดขายาวและนั่งมองร่างโปร่งที่ขดตัวอยู่ภายในผ้าห่มผืนหนา และใบหน้าอิดโรยของพระรามที่เป็นแบบนี้เพราะเขา



"เมี้ยว~" เจ้าแมวตัวจ้อยเดินเข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กระโดดเกาะขึ้นเตียงด้วยวิธีเดิมๆ จนผ้าปูเป็นรูเล็บเล็กๆ พอขึ้นเตียงมาได้มันก็สังเกตเห็นน้ำขาวๆ บางอย่างที่เลอะเทอะ ก่อนจะก้มดมฟุดฟิดพอได้กลิ่นแปลกๆ ก็ร้องเบาๆ และไม่สนใจอีก



คนมองกลั้วหัวเราะในลำคอ



เออ ดีนะมันไม่กินเข้าไป



"เมี้ยว" อุริวิ่งเข้าไปหาคนที่นอนหลับสนิทอยู่และร้องเรียกความสนใจแต่พระรามที่เหนื่อยเพลียมาตลอดหกชั่วโมงก็ไม่ได้ยินเสียงแมวแม้แต่นิด แม้จะไม่ได้ขยับแต่ก็ต้องรองรับอารมณ์รุนแรงของเขาไม่แปลกที่จะสลบแบบนั้น



ถ้าเป็นปกติพระรามจะต้องลุกขึ้นมาเล่นกับเจ้าอุริแน่ๆ เพราะร่างโปร่งเอ็นดูมันจะตายชัก จนเจ้าเหมียวมันรู้แล้วว่าควรจะอ้อนกับใครที่พร้อมจะตามใจมันได้



มิน่าถึงได้พยศใส่เขาแบบนั้นตอนที่รามไม่อยู่สองอาทิตย์ เพราะเจ้าอุริคิดถึงเจ้านายใหม่นี่เอง



มันน่านัก



"แค่ก...แค่ก!" ในระหว่างนั่งคิดอะไรเหม่อๆ คนที่นอนอยู่ก็ปิดปากไอโขลกและปรือตาขึ้นมา จากนั้นก็ไออีกครั้งติดกันยาวนาน



"ราม?"



"ติม บุหรี่ พี่...แค่ก ไม่เป็นไรติมสูบไปเถอะ เดี๋ยว แค่ก!" พระรามค่อยๆ ลุกขึ้นทั้งยังพูดแล้วก็ไอไปด้วยจนฟังไม่รู้เรื่อง แต่เขาก็ยังพอฟังออก



'พี่ไม่ชอบกลิ่นควันน่ะ'



ไอติมรีบดับมันทิ้งที่แก้วฐานเตี้ยข้างเตียง แต่ไม่ทันร่างโปร่งที่ดึงผ้าห่มออกจากเตียงคลุมไหล่ไปด้วย ค่อยๆ เดินออกไปนอกห้องโดยมีอุริเดินตามรั้งท้ายไม่ห่าง "เฮ้ยราม ผมไม่สูบแล้ว กลับไปนอนที่เตียงเหมือนเดิมไป"



"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จะไปทำงานแล้ว" เจ้าตัวพูดงัวเงียพร้อมล้มตัวนอนที่โซฟาตัวใหญ่ "ขอนอนอีกครึ่งชั่วโมงนะ"



จากนั้นลมหายใจก็ดังแผ่วสม่ำเสมอ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้เจ้าเหมียวมันร้องเรียกตั้งหลายทีไม่เห็นตื่นแต่เรื่องบุหรี่ดูเหมือนรามจะไวต่อกลิ่นของมันอย่างที่ปากพูดจริงๆ



ไม่ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ



"เดี๋ยวผมมารับตอนเลิกงาน" ไอติมพูดขึ้นขณะที่ขับรถมาส่งที่ผับเวลาทุ่มนึงตามเวลา



"แต่พี่เลิกดึก ติมไม่ต้องหรอก"



"แล้วรามจะกลับยังไง อย่าบอกว่าจะเดินเหมือนคราวที่แล้ว"



คนฟังเกาหัว "อืม ก็มันไม่มีทางเลือกนี่"



"ก็เดี๋ยวผมมารับไง อยากให้ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันหน่อย"



"ไปไหน?" เขาเอียงคอมองงง รู้สึกใจเต้นนิดหน่อยที่ติมบอกว่าอยากให้ไปด้วยกัน แต่ว่าเมื่อกี้เขานอนไปไม่ถึงชั่วโมงดีรู้สึกยังง่วงๆ อยู่เลย อยากทำงานแล้วก็กลับไปนอนเร็วๆ



"เอาเถอะ เดี๋ยวมารับแล้วก็รู้เอง"



ถ้าหากพระรามหมกมุ่นกับการทำงานมากๆ จนไม่ได้สนใจเวลา วันๆ หนึ่งจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว และตอนนี้เขาก็เลิกงานแล้ว กำลังยืนรอคนที่บอกว่ากำลังจะมารับ และเพียงไม่นานรถสปอร์ตคันหรูก็แล่นมาจอดตรงหน้า



ปึง!



"ติม ตกลงว่าจะไปไหนเหรอ" พระรามขึ้นนั่งปุ๊บก็ถามปั๊บ ตอนที่ทำงานเมื่อกี้คิดอยู่ตลอดเวลาว่าไอติมจะพาเขาไปไหนกันนะ ถึงขนาดออกปากว่าจะมารับและพาไปด้วยกัน ไม่รู้ตัวว่าใบหน้ามนประดับแย้มยิ้มผิดวิสัยจนลูกค้าผู้ชายที่นั่งดื่มหลายคนมอง แต่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัวว่านอกจากรอยยิ้มชวนมองแล้วทั้งร่างกายของตนน่าสัมผัสขนาดไหน



รถสปอร์ตคันใหญ่ทะยานออกไปโดยที่เจ้าของไม่ตอบคำถาม ดวงตาคมกริบมองไปด้านหน้าอย่างเดียว บรรยากาศเงียบเชียบในรถกับแอร์เย็นๆ ที่เป่าเข้าหน้าทำให้รามที่ง่วงงุนเคลิ้มหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ถึงจุดหมาย



ร่างโปร่งกระพริบตาเชื่องช้าเหมือนยังไม่ตื่นดี เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแทรกเข้ามาข้างใน ที่นี่มัน...เหมือนสนามแข่งรถ



"ลงมา"



"?" แม้จะยังงงๆ แต่ก็ต้องทำตามที่บอก พอขาเรียวแตะพื้นปุ๊บก็ถูกลากให้เดินตามมา ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเข้ามาภายในประตู พระรามก็ต้องร้องโอ้โห ที่นี่คล้ายกับสนามแข่งบอลขนาดใหญ่ มีอัฒจรรย์ที่นั่งคนดูล้อมรอบเพียงแต่สนามตรงกลางไม่ใช่สนามหญ้าสีเขียวแต่กลับเป็นถนนคอนกรีตลาดยางอย่างดี ดูเป็นสถานบันเทิงของคนร่ำรวยที่หนึ่งที่ชอบเล่นสนุกกับความเร็ว



ซึ่งมันไม่ใช่ที่ๆ คนอย่างพระรามจะมาได้เลย



เขามองไปรอบๆ ...ดึกขนาดนี้ยังมีคนมาอีกเหรอเนี่ย



"อ้าว! พี่ติมนี่นา ทางนี้ครับ!" ดวงตาเรียวหันไปมองว่ามีคนเรียกชื่อของไอติม ยังไม่ทันจะได้ตั้งสติเพราะมัวแต่ตื่นตากับรอบด้านก็ถูกลากเดินเข้ามาหาคนหน้าตาน่ากลัวตัวโตกล้ามใหญ่ผมทรงสกินเฮด กับด้านหลังที่ยังมีคนนั่งอีกมากมายมองมาด้วยสายตาเดียวกันคืออยากรู้อยากเห็น



นั่นพี่ไอติมพาใครมา



ต่อด้านล่าง






หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 19-04-2019 18:43:46



ต่อจากด้านบน


ดวงตาเรียวกระพริบปริบ แม้ใบหน้าจะคุ้นๆ บ้างเหมือนเคยเห็นลางๆ ในผับที่เขาทำงานอยู่ ตอนที่ทะเลาะมีเรื่องกันใหญ่โตจนร้านพังเป็นแถบ



นี่เพื่อนของไอติมเหรอ แล้วที่บอกว่าอยากให้มาด้วยกันนั่น...ให้เขามาทำอะไร?



ตั้งแต่ก้าวมาที่นี่ก็มีแต่สายตาจับจ้องมาที่ร่างสูงข้างกาย แน่นอนว่าเขาที่อยู่กับไอติมก็ถูกจ้องไปด้วย กลุ่มตรงหน้าว่าไปอย่างแต่อีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่เยื้องไปคนละฟากของอัฒจรรย์ สายตาไม่เป็นมิตรนั่น...อะไรกันน่ะ



พระรามไม่รู้เรื่องรู้ราวมีแต่ความสงสัยอยู่เต็มหัวพยายามแอบซ่อนอยู่ด้านหลังที่สามารถบังเขาได้มิด แต่ก็ถูกลากออกมาจนได้ ทันใดนั้นร่างเล็กๆ ของใครบางคนพุ่งเข้ามากอดไอติมจนตาเรียวเบิกกว้าง



"ติม"



"นิล" ร่างสูงถามพลางผลักไหล่เล็กออก ทั้งๆ ที่ยังจับมือเรียวไม่ปล่อย "มาได้ไง"



"ก็ติมไม่มาที่ร้านเหล้าซักทีนี่นา ก็เลยมาหาที่นี่เผื่อว่าจะเจอ นิลคิดถึงอะ วันนั้นติมใจร้ายมากเลยไม่มาส่งนิล ทั้งๆ ที่กลัวมากแท้ๆ" เสียงเล็กพูดเจื้อยแจ้วแง่งอน ร่างโปร่งที่มองอยู่ยังรู้สึกว่านี่คือผู้ชายเหรอทำไมถึงได้น่ารักเช่นนี้...ดูไปดูมาก็คล้ายๆ ชะเอม แต่ว่าเพื่อนของเขาตัวสูงกว่า ผอมกว่าและใสซื่อกว่า นิสัยไม่พูดตรงไปตรงมา ชอบเก็บความรู้สึกเอาไว้



รามจำได้ว่าร่างเล็กคนนี้เป็นคนที่ติมมีอะไรด้วยในห้องน้ำที่ผับ...ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราสองคนเจอกัน



ถ้าหากว่านิลกับติมยังเจอกันก็แปลว่าอีกฝ่ายยังคงมีอะไรกับใครไปทั่วสินะ...ใบหน้ามนหม่นลง ใจบีบรัดเมื่อคิดได้ เขาก็เป็นคนๆ หนึ่งที่เป็นได้แค่คู่นอนไม่ต่างกัน



ในขณะที่ริมฝีปากเล็กจ้อไม่หยุด ดวงตากลมจะหันมามองเขาเหมือนเพิ่งเห็นและขมวดคิ้วฉับ



...นี่มันพนักงานเสิร์ฟหน้าจืดตอนนั้นนี่...



นิลตาโตอ้าปากค้างเมื่อเห็นมือใหญ่ของไอติมกอบกุมมือของร่างโปร่งแน่น "นี่นาย...!"



"นั่นใครวะติม" คนยุโรปตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ลุกขึ้นเดินมาใกล้ ร่างสูงกว่าติมเล็กน้อยใส่หมวกแก๊ปปิดหน้าแทบมองไม่เห็นเป็นคนถาม ก่อนที่ริมฝีปากรูปสวยยิ้มเจ้าเล่ห์ "อ้อ หรือว่า..."



"คนสำคัญของกูเอง" ติมตอบยิ้มๆ ในความเงียบแบบนี้เสียงทุ้มที่ตอบมันดังก้องไปทั่วจนมั่นใจว่าน่าจะได้ยินกันทุกคน ทั้งเพื่อนของเขา พรรคพวกที่นั่งตาโตร้องว้าวและคู่อริที่สายตาเปลี่ยนไป



'คนสำคัญ' หันขวับมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยใบหน้าร้อนผ่าว แก้มขาวแดงเรื่อก่อนจะกัดริมฝีปากแน่นอย่างเขินอาย ที่บอกว่าอยากพามาด้วยกันเพราะเรื่องแบบนี้เองเหรอ...เพื่อมาประกาศเรื่องอะไรแบบนี้เนี่ยนะ



“ติม...”



"ติม..." เสียงเล็กครางเรียกชื่อไอติมออกมาพร้อมกันอย่างไม่อยากเชื่อ แต่แม้อย่างนั้นก็ไม่ได้รับความสนใจ นิลเลยหันไปถลึงตาจ้องร่างโปร่งแทนด้วยความเคียดแค้น



ไอ้หน้าจืดเนี่ยนะคนสำคัญ!? แล้วเขาที่ทั้งยั่วทั้งยอมแทบตายทำไมถึงไม่สนใจกันเลย! เขาไม่มีดีตรงไหน อย่างน้อยลีลาบนเตียงเขาก็ต้องดีกว่าแน่ๆ ล่ะ!



"โอ้ววว นี่หรือๆ ไม่น่าเชื่อเลยอ่ะพี่ติม สุดท้ายพี่ก็เลือกผู้ชายเหรอเนี่ย" คนหัวเกรียนเมื่อกี้พูดล้อเสียงดัง ไอติมหน้านิ่งแต่พระรามกลับเขินอายแทน



"ไหนๆ ก็อยากเห็นมั่งอะ มึงอย่าบังสิไอ้ยักษ์นี่!"



"แฟนพี่ติมไม่ใช่สัตว์ประหลาดสักหน่อย มึงจะตื่นเต้นอะไรนักหนา"



"อย่ากระตู้วู้นัก รามกลัวพวกมึงหมดแล้ว" ไอติมพยายามดึงมือเรียวให้ออกมาจากการหลบซ่อนด้านหลังเขาเสียที แล้วใบหน้ามนนั่นจะแดงอะไรนักหนา



...ดีใจขนาดนั้น?...



"ราม...ชื่อรามเหรอ" คนยุโรปพูดทวน ก่อนจะหันมาถามเจ้าตัวที่พยักหน้าน้อยๆ



"รามนี่เพื่อนผมเอง ชื่อธาร" ร่างสูงว่าซึ่งเขาก็พูดตะกุกตะกักทักทาย



"สะ สวัสดี..."



"อืม วันนี้จะมาลงแข่งด้วยป่ะ" ธารตอบรามสั้นๆ ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อน



ร่างสูงพยักหน้า "ซักรอบก็ดี"



"ติมแข่งรถด้วยเหรอ" เขาถามด้วยความแปลกใจ ปกติแล้วตอนติมขับรถก็ขับเร็วจริงๆ แล้วลักษณะท่าทางการขับก็เหมือนนักแข่งรถที่เคยเห็นผ่านๆ ในทีวีด้วย



"อืม ส่วนใหญ่แข่งรถยนต์น่ะ"



"ส่วนใหญ่?"



"ติมมันชอบแข่งรถ แต่บางทีถ้ามีแข่งมอเตอร์ไซค์ไอ้หมอนี่ก็ลงนะ" คนที่ตอบแทนเป็นธารที่ยิ้มนิดๆ ดูเป็นมิตรทำให้พระรามผ่อนคลายยิ้มกว้างตอบ



"เหรอ" เขาดีใจเหมือนได้รู้เรื่องของไอติมเพิ่มมากขึ้น แต่ทันใดนั้นก็ถูกมือใหญ่กระชากต้นแขนลากให้เดินตามไปนั่งใกล้ๆ กับกลุ่มคนเมื่อครู่ที่ตื่นเต้นกับการมาของเขา



"รามรออยู่นี่ เดี๋ยวผมกับธารจะไปแข่งรถซักหน่อย"



พระรามกระพริบตาปริบกับคำสั่ง "อะ อืม"



คล้อยหลังธารกับติม พระรามยิ่งถูกจับจ้องเหมือนเขาเป็นตัวประหลาดทำเอาประหม่าไม่น้อย



"..." ร่างโปร่งนั่งนิ่ง ดวงตามองตรงลงไปในสนามพยายามทำเป็นไม่สนใจ



"นี่นาย!" จู่ๆ ใบหน้าเล็กขาวใสก็ชะโงกเข้ามาใกล้จนเขาผงะ "เป็นใครมาจากไหน!"



นิลคนน่ารักกลายร่างเป็นเด็กดื้อเอาแต่ใจทันที ยิ่งอยู่ๆ มีคนมากับติมแบบนี้ มันน่าสงสัยแปลกๆ ทั้งๆ ที่ไอติมไม่เคยมีใครควงออกหน้าออกตาขนาดนี้มาก่อน...ขนาดเขายังเป็นได้แค่คู่นอน ไอ้หน้าจืดนี่จะเป็นคนสำคัญของติมไปได้ยังไงล่ะ บ้าชัดๆ!



"เอ่อ” คนฟังงุนงงกับคำถาม “พี่ชื่อราม เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย"



"โอ้ เป็นพี่ด้วย นี่พี่ติมสอยรุ่นพี่มาเลยเหรอ" คำพูดคำจาของคนหัวเกรียนทำให้เขาฟังแล้วหน้าร้อนผ่าว สอยเสยอะไร "เป็นพี่กี่ปี"



"สอง"



"รุ่นใหญ่ซะด้วย แต่ตัวแค่นี้ไม่คิดว่าจะเป็นรุ่นพี่นะเนี่ย พี่ติมยังดูเหมือนพี่มากกว่า"



พระรามพยักหน้ารับเห็นด้วย จริงๆ แล้วไอติมน่ะตัวใหญ่ไปเองต่างหาก...อะไรๆ ก็ใหญ่เกินอายุ



“แล้วพวกนายล่ะ อายุเท่าไหร่กันบ้าง ชื่ออะไร” เสียงทุ้มใสถาม ดวงตาเรียวเปล่งประกายอยากรู้อยากเห็นไม่แพ้กันเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้คุยกับเพื่อนของติม รู้เรื่องของติมมากขึ้น



ทั้งๆ ที่อยู่ที่มหาวิทยาลัยก็ดูเหมือนว่าไอติมจะไม่ค่อยมีเพื่อน แต่จริงๆ ก็ถูกรายล้อมด้วยความชื่นชมแกมเคารพจากคนอื่นเหมือนกันนี่



“พวกผมก็เป็นเด็กอาชีวะแถวๆ นี้แหละ ส่วนใหญ่อายุสิบแปดสิบเก้า หรือเด็กกว่านั้น ผมชื่อใหญ่ นี่ไอ้จิ๋ว แดง เขียว ศึก คูน...” เขามองตามการแนะนำตัวทีละคนทั้งหมดเกือบยี่สิบคน ซึ่งจริงๆ แล้วก็จำไม่ค่อยได้หรอกแต่ว่าแต่ละคนก็ดูเป็นมิตร รู้จักเอาไว้ก็ไม่เสียหาย



“กูไม่ได้ชื่อจิ๋วสักหน่อยไอ้ยักษ์! ผมชื่อเล็กนะครับพี่ราม อย่าไปจำอะไรผิดๆ” เจ้าตัวชี้เข้าที่ตัวก่อนพูดแล้วก็ยิ้มกว้างโชว์ฟันครบ



พระรามก็ยิ้มเอ็นดูกับคนตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม ไม่เหมาะจะมาอยู่กับกลุ่มที่คล้ายๆ นักเลงพวกนี้เลยสักนิด



"เสร็จติมแล้วเหรอ" ในระหว่างที่กำลังคุยอยู่ จู่ๆ ร่างเล็กน่ารักก็ถามอะไรขึ้นมาอีกแล้ว เป็นคำถามที่ทำให้คนฟังหน้าแดงเรื่อ อะไรกันเนี่ยเด็กคนนี้ นิสัยไม่เหมือนชะเอมแม้แต่นิดจริงๆ ด้วย แต่ละคำถามไม่สมกับหน้าแบ๊วๆ นี่เลย



พระรามไม่ตอบแต่หน้าแดงๆ นั่นก็ทำให้นิลเดาะลิ้นขัดใจ



"แล้วเคยจูบรึเปล่า" อีกฝ่ายถามมาอีกอย่างเอาแต่ใจ "นี่ตอบสิ นายเคยจูบกับติมรึเปล่า"



คราวนี้เขาส่ายหน้า "มะ ไม่เคย"



แล้วก็ทำให้นิลยิ้มกว้างอย่างคนชนะบางอย่างและหัวเราะออกมาอย่างยิ้มเยาะ "ฮะๆ งั้นนายก็ไม่ใช่คนสำคัญของติมหรอก"



"?"



"ก็เพราะว่าติมจะจูบกับคนที่ชอบเท่านั้น"



คำพูดนั้นทำให้พระรามฟังแล้วนั่งนิ่ง รู้สึกใจบีบรัดเมื่อนึกถึงตอนที่เคยมีอะไรกันด้วยทุกครั้ง ติมไม่เคยจูบจริงๆ อย่างที่อีกฝ่ายบอก ครั้งแรกๆ ที่เขาเผลอไผลอีกฝ่ายก็บ่ายเบี่ยงเห็นได้ชัด



...เพราะอย่างนี้เองเหรอ...



พระรามส่ายหน้าเมื่อรู้สึกเหมือนโดนปั่นหัว...ในใจลึกๆ ยังไม่คลายกังวล...แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเขาได้อยู่ข้างกายร่างสูง ไม่เหมือนกับคนตรงหน้า



"ที่มาพูดแบบนี้ แสดงว่านายก็ไม่เคยได้จูบของติมเหมือนกันใช่ไหมล่ะ"



"อะ มะไม่ใช่สักหน่อย!" ใบหน้าเล็กแดงวาบอย่างคนเสียหน้า ไม่คิดว่าคนนิ่งๆ ไม่มีอะไรอย่างรามจะโต้กลับแบบนี้ "คนอย่างนิลน่ะเดี๋ยวก็ทำให้ติมมาชอบได้อยู่แล้ว ยังไงนิลก็น่ารัก ดีกว่าหน้าตาขี้เหร่ๆ จืดชืดแบบนาย!"



พระรามกำหมัดแน่นนั่งเงียบฟัง ก่อนจะลุกขึ้นถามคนตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ "เล็ก ห้องน้ำอยู่ทางไหน"



"ทาง...ทางโน้นครับ"



"แทงใจดำล่ะสิ อย่าหนีนะ!" รามสะบัดแขนออกเมื่อถูกจับ



"จะพล่ามอะไรก็พล่ามไป แต่คนที่ติมบอกว่าเป็นคนสำคัญคือพี่ ไม่ใช่นาย"



พระรามพูดจบก็เดินออกมา จุดหมายคือทิศทางที่คนตัวเล็กเมื่อกี้เป็นคนบอก มือเรียวกำหมัดแน่นอย่างคนอดทนอดกลั้น



เขายอมรับว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริง เขาหน้าตาไม่ดีเท่านิล ไม่ได้น่ารักเหมือนนิล ไม่ใช่สเป็คของไอติมด้วย แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมติมถึงพูดว่าเขาเป็นคนสำคัญแทนที่จะเป็นนิล



เขาอยากจะเข้าข้างตัวเอง เพราะอย่างน้อยติมก็อาจจะรู้สึกดีกับเขาบ้างไม่งั้นคงไม่พูดแบบนั้นออกมา



'คนสำคัญของกูเอง'



แม้จะยังไม่เคยจูบสักครั้งเลยก็เถอะ



'ติมจะจูบกับคนที่ชอบเท่านั้น'



แต่มีแค่เขาที่ได้อยู่เคียงข้างติมตอนนี้ ไม่ใช่นิลหรือเอมหรือใครทั้งนั้น!



ซ่า!



มือรองน้ำสาดซัดเข้าใบหน้ามนจนเปียกโชกหวังดับอารมณ์ร้อน แต่ก็ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ เลยวักน้ำสาดเข้าไปอีกสองสามทีจนคอเสื้อเปียกชื้น



"โอ๊ะ บังเอิญชะมัด"



ใบหน้ามนหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงไม่คุ้นเคย แล้วก็เป็นใครก็ไม่รู้จริงๆ ด้วย...เขาไม่รู้จัก ที่สะดุดตาที่สุดคือห่วงสีเงินสองห่วงตรงริมฝีปาก หรือว่าอีกฝ่ายทักคนอื่นกันนะ...เขาปลอบใจตัวเอง เพราะว่าในห้องน้ำนี่ไม่มีใครเลยนอกจากเขา



ร่างโปร่งรีบเดินเลี่ยงไปเงียบๆ เพราะอีกฝ่ายดูเป็นคนอันตราย แต่กลับถูกดันกลับไปในห้องน้ำอย่างแรงจนทำให้พระรามล้มลงกับพื้นกระเบื้อง



"โอ๊ย! ทำอะไรวะ!?" เสียงทุ้มใสตวาดดัง เจ็บตูดก็เจ็บ อารมณ์ที่เสียอยู่แล้วก็หนักกว่าเดิม ไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา "มึงเป็นใครเนี่ย!"



"ใครเหรอ? หึหึ เป็นแฟนของไอ้ห่าติมแล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าพวกกูเป็นใคร?"



คนที่ผลักเขาเดินยิ้มร้ายเข้ามาใกล้ แล้วอีกสองสามคนก็ตามเข้ามาจนเขาต้องถดหนีสุดกำแพง ดูเหมือนท่าทางหวาดกลัวของเหยื่อจะเรียกเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากร่างสูงใหญ่ทั้งสี่ได้เป็นอย่างดี



"อื้ม ดูเหมือนรสนิยมของไอติมมันจะถดถอยลงไปเยอะ" คนตัวสูงที่เจาะห่วงตรงปากย่อตัวลงจับใบหน้าของพระรามหันซ้ายหันขวาสำรวจ ก่อนจะถูกมือเรียวปัดออกอย่างแรง



"อย่ามาแตะเว้ย!" เขาตะโกน พลางยกเท้าถีบอีกฝ่ายออกไปจนล้มกลิ้ง ร่างโปร่งได้โอกาสลุกขึ้นวิ่งหนีก็ถูกมือของอีกสองคนจับแขนไว้แน่น พระรามดิ้นพล่านด้วยห้องน้ำแคบๆ แบบนี้กับสี่รุมหนึ่ง ไม่มีทางที่เขาจะหนีออกไปได้เลย



แถมร่างกายของเขาก็เล็กสุดเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้ามนซีดเซียว ตัดสินใจตะโกนเสียงดังเผื่อว่าจะมีคนได้ยิน "เฮ้ย ปล่อยนะเว้ย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!! อุ๊ก...!"



ร่างโปร่งเจ็บจุกจนงอตัวลงกับพื้น พวกมันต่อยท้องเขา!



"หึหึ เท่านี้ก็ไม่มีแรงจะเรียกใครแล้ว พวกมึงจับแขนมันหน่อย" ดวงตาเรียวปรือขึ้นเมื่อถูกจับให้นอนหงายทั้งๆ ที่ยังเจ็บท้องอยู่เลย ขายาวเดินมาคร่อมช่วงต้นขาเอาไว้ไม่ให้ถีบได้เหมือนตอนแรก และอีกสองคนก็จับแขนไว้แน่นส่วนอีกคนดูสถานการณ์หน้าห้องน้ำ



ในสถานการณ์แบบนี้ เขาจนมุมแล้วจริงๆ



"ติม..." ร่างโปร่งน้ำตาซึมเรียกคนในความคิด ทำให้คนได้ยินพากันแสยะยิ้ม



"ร้องเรียกผัวมาช่วยเหรอ หึ ฝันไปเถอะ ตอนนี้มันอยู่ในสนามไม่มีทางที่จะรู้ว่ามึงกำลังจะถูกพวกกูรุมโทรมอยู่ตรงนี้หรอก"



พระรามฟังแล้วตาเบิกกว้าง ตัวสั่นระริก ไอ้พวกนี้มันคิดจะข่มขืน...!



"มะ ไม่...! ปล่อยกู!" เสียงทุ้มใสร้องสั่นเครือ ตะโกนก็เหมือนกระซิบ เขาเจ็บท้องเกินกว่าจะร้องเรียกให้ใครมาช่วยแล้ว



ท่าทางเหมือนถูกขืนใจยิ่งเรียกเสียงหัวเราะสะใจ



"ดิ้น...ดิ้นเข้าไป เดี๋ยวก็จะไม่รอดแล้ว ไหนมาดูหน่อยซิหน้าตาจืดๆ อย่างมึงมีอะไรทำให้ไอติมมันติดใจนักหนา"



"เร็วๆ หน่อยครับ คุณภูมิ ผมอยากลองบ้าง" คนเฝ้าประตูตะโกนมา



"เหอะน่า อู้ว ผิวเนียนเหมือนกันนี่หว่า" ร่างกายของเขาสั่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อมันล้วงเข้ามาใต้เสื้อยืดก่อนจะถกขึ้นไปกองที่คอ ปรากฏผิวขาวเนียนกับรอยจูบรอยฟันเต็มตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงหัวนมสองข้างที่แดงก่ำ "สงสัยติมมันจะเอาหนักว่ะ"



มือร้อนๆ น่ารังเกียจลูบไล้เค้นหนักทั่วส่วนบนของเขา ไม่เว้นแม้แต่ไอ้คนที่จับแขนก็เอากับเขาด้วย ยิ่งถูกบดตรงจุกนมร่างโปร่งก็กระตุกเฮือกกัดปากแน่น มันเป็นไปเองตามปฏิกิริยาร่างกาย



"ยะ อย่า..." ใบหน้ามนส่ายไปมาน้ำตาคลอ พยายามดิ้นรนกระตุกแขนมากเท่าไหร่แต่มันก็ยังตรึงแน่น พระรามตัดสินใจร้องเรียกเป็นครั้งสุดท้าย คนที่สามารถช่วยเขาได้ "ติม ช่วยพี่ด้วย"



"ซี้ด..." ภูมิสูดปากกลืนน้ำลาย ดวงตาคมกริบมองต่ำ ยิ่งลูบผิวกายเนียนๆ นี่ไม่รู้ทำไมถึงยิ่งรู้สึกว่าส่วนล่างมันเริ่มแข็งตัว "ไม่ไหวแล้วว่ะ"



พระรามดิ้นแรงมากขึ้น เมื่อมันเริ่มปลดซิปกางเกงของตัวเองลง และกำลังจะปลดของเขาออกด้วย



"มะ ไม่นะ!!"



พรืด...เสียงรูปซิปลากลงเผยชั้นในสีขาว มันเลียริมฝีปากตัวเองแผล่บๆ ก่อนจะใช้มือลูบบดแก่นกายเล็กผ่านเนื้อผ้าบาง พระรามกัดปากแน่น



นี่เขาต้องโดนจริงๆ เหรอ...ไม่เอา...



"แย่แล้ว คุณภูมิครับ เชี่ยติมมัน...!"



ผัวะ!!



"ราม!"



"ติม?" พระรามเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงทุ้มตะโกนเรียกชื่อ ใจดวงน้อยพองโตเมื่อรู้ว่าเขาจะรอดแล้ว "ติม! พี่อยู่นี่ ชะ ช่วยด้วย!" เสียงทุ้มใสตะโกนเรียกร่างสูง



ไม่รู้เหมือนกันว่ามาได้ยังไง แต่เพียงแค่เห็นใบหน้าหล่อเหลา รามก็ดีใจจนน้ำตาไหล



ไอติมหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ขายาวยกถีบคนที่จับแขนพระรามตรึงเอาไว้กับพื้นกระเด็นกลิ้งไป ก่อนที่ธารจะจัดการอีกคน ภูมิที่นั่งคร่อมร่างโปร่งที่ถูกเปลื้องผ้าจนเกือบหมดหน้าซีดเผือดรีบลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นแล้วถอยกรูด



พระรามค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง และรีบจัดแต่งกายรูดซิปกางเกงด้วยมือสั่นดิก กระดุมต้องพยายามติดถึงสามรอบถึงจะเข้า แขนบางโอบกอดตัวเองที่สั่นรุนแรงด้วยความหวาดกลัว



เขาเกือบจะถูก...ไอ้บ้านั่น...



พระรามไม่รู้ตัวเลยว่าทุกอย่างจบลงตั้งแต่เมื่อไหร่ คนที่ชื่อภูมินั่นถูกไอติมกระทืบจนนอนจมกองเลือดไม่ต่างจากคนอื่นๆ รู้สึกตัวอีกทีคือความอบอุ่นโอบรัดรอบกาย ร่างสูงกำลังกอดเขาแน่น แต่ลมหายใจหอบสั่นยังคงมีอยู่ หยาดน้ำตารื้นไหลสะอึกสะอื้นก่อนที่แขนบางจะกอดแผ่นหลังกว้างตอบ



"ฟืด ฮึก! ติม..."



ไอติมกัดกรามแน่นเมื่อร่างโปร่งในอ้อมแขนสะอื้นแรงอย่างคนขวัญเสีย ใบหน้ามนกดลงกับไหล่กว้างรู้สึกถึงน้ำตาที่ซึมผ่านจนไหล่เปียกชื้น



"ติม เอาไงต่อ"



"กูฝากมึงจัดการต่อที"



คนฟังพยักหน้ารับ มองเพื่อนสนิทช้อนพระรามที่ยังตัวสั่นระริกขึ้นอุ้มด้วยใบหน้าเครียดขึง ธารกำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง สุดท้ายก็เงียบไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาจนทั้งคู่ออกจากห้องน้ำไป



สายธารรู้ว่าเพื่อนสนิทของเขากำลังคิดจะทำอะไร ที่พาพระรามมาแนะนำแบบนี้เพื่อให้ใครต่อใครรู้ทั่วถึงกันว่าคนสำคัญของไอติมเป็นใคร เพื่อจะได้ปกป้องคนที่อยากจะปกป้องจริงๆ คือชะเอม...ร่างบอบบางผู้น่ารักคนนั้น



ส่วนพระรามคือตัวตายตัวแทน



ถ้าหากไอติมมันไม่ได้ชอบรามก็คงจะดีไปหรอก...แต่จากที่เห็นเหตุการณ์ในวันนี้...



หนุ่มยุโรปจับปีกหมวกแก๊ปลงต่ำปิดดวงตา ถอนหายใจยาว



สิ่งที่เพื่อนของเขาพยายามจะทำ มันกำลังจะส่งผลร้ายต่อตัวมันเองรึเปล่า



...ถ้าหากวันใดวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นกับพระรามจริงๆ ...



มึงจะทำยังไง ติม





********************* Love Substitute *********************


สอบถามหนังสือได้ที่ FB :  H.Rui Novels
อีบุ๊ควางจำหน่ายแล้วที่ meb,ookbee จ้า (ตอนพิเศษ 7 ตอนไม่ลงเว็บ)
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep18 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 01-05-2019 20:53:49


ทดแทนรัก

ตอนที่ 17



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เนื้อหาต่อไปนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป



"ราม" เสียงทุ้มเรียกชื่อ ขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง ยังรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดนั้นตัวสั่นขนาดไหน แต่เจ้าตัวก็ส่ายหน้าน้อยๆ พูดเสียงสั่น



"มะ ไม่เป็นไร พี่ ฟืด ไม่เป็นไรแล้ว" คำพูดกับเสียงและการกระทำตรงข้ามกันอย่างเห็นได้ชัด "ขอบคุณนะติมที่มาช่วย พี่นึกว่า...จะ ฮึก!"



แม้จะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เพียงแค่นึกก็สะอื้นออกมาอีก



มันมีกันตั้งสี่คน ถ้าหากเขาอยู่ข้างนอกที่ไม่มีใคร เขาคง...เสร็จพวกมันไปแล้ว



"ขอโทษที่ปล่อยไว้คนเดียว ไอ้ภูมิมันไม่ค่อยถูกกับผม พวกเราตีกันหลายครั้งแต่พอเอาชนะผมไม่ได้ก็เลยคิดจะมาทำกับแฟนผมแทน" ไอติมกอดร่างโปร่งแน่นพลางลูบหัวลูบหลังคนขวัญเสีย "มันคงคิดแก้แค้นผมโดยใช้วิธีแบบนี้"



พออีกฝ่ายพูดจบพระรามผละออก มองใบหน้าหล่อเหลาแล้วถามอุบอิบทั้งๆ ที่แก้มยังเปื้อนน้ำตา "แฟน? ตกลงพี่เป็นแฟนติมแล้วเหรอ"



ยังไม่เคยขอกันสักครั้ง จู่ๆ มาบอกว่าเป็นคนสำคัญ...เป็นแฟน...ที่เขาเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะรู้ตัว



"...แล้วอยากเป็นไหม?" ร่างสูงยิ้มบาง เปิดรถก่อนวางรามลงที่นั่งข้างคนขับ พอเห็นพระรามนั่งเม้มปากแก้มแดงเรื่อ หายตัวสั่นแล้วก็วางใจ



ในเวลาเพียงไม่นาน รถสปอร์ตก็แล่นมาถึงคอนโด ไอติมไล่พระรามไปอาบน้ำ แต่จู่ๆ ก็ถูกโถมเข้าใส่เพราะร่างโปร่งเดินเข้ามากอด ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง ทั้งอึ้งทั้งรู้สึกประหลาดแต่ก็กอดคนผอมตอบ ลูบหัวและแผ่นหลังเบาๆ



พระรามระบายยิ้ม หัวใจเต้นตึกตักกับการกระทำที่ร่างสูงมีให้เขา...ดีใจมากๆ



"ราม หายกลัวแล้วใช่มั้ย"



หัวทุยพยักน้อยๆ



"คราวหน้าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีก รามต้องรีบโทรหาผมนะ เผื่อว่ารามเจอกับมันตอนอยู่คนเดียว"



คนฟังตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง นี่จะมีอีกเหรอ...เขายังต้องเจออะไรแบบนี้อีก?



"ถ้าหากเป็นคนสำคัญของผม ก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้ รามทนได้ไหม"



คิ้วบางขมวดกังวลไม่ได้ตอบในทันที ถ้าหากพูดว่าไม่กลัวก็จะเป็นการโกหก "ถ้าเป็นเรื่องต่อยตีล่ะก็จะง่ายกว่านี้เยอะเลย...แต่ถ้าโดนแบบนั้นอีกพี่ก็..." พูดไม่ทันจบใบหน้ามนก็ซีดเซียวเพียงแค่นึกถึง รู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างในท้องมันเหมือนจะขย้อนออกมา



...ขยะแขยง...



ไม่เหมือนสัมผัสที่ได้จากติมสักนิด...มันรู้สึกดี...เร่าร้อนและวาบหวิว



มือเรียวยกกำเสื้อของอีกฝ่ายแน่น เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาด้วยน้ำตาคลอ "พี่ไม่อยากให้ใครมาทำแบบนั้นนอกจากติม"



ตึก...



คำพูดซื่อตรงที่ออกมาจากความรู้สึก ทำให้หัวใจใครอีกคนกระตุก



แค่คิดว่าจะมาใครเข้ามาในร่างกายของเขาแบบที่ติมทำ เขาก็กลัวมากจริงๆ



"...แค่ติมคนเดียว..."



ตึก...



"ผมก็เหมือนกัน..." ร่างสูงปาดน้ำตาที่คลอหน่วยออกให้ ไอติมไม่รู้ตัวว่าทำไมตอนนั้นถึงพูดออกไปแบบนั้น แต่เพียงแค่คิดว่าจะมีใครมาทำร่างกายนี้นอกจากเขาแล้ว มันก็ทนไม่ได้เหมือนกัน



ริมฝีปากบางเม้มแน่นเงยหน้าสบสายตาคมกริบและตัดสินใจพูดออกมา "พี่...พี่เป็นแฟนติมแล้วใช่มั้ย"



ไอติมเงียบไปก่อนจะแย้มยิ้มบาง "อืม"



คำตอบสั้นๆ ที่ได้ยินทำให้แก้มขาวแดงเรื่อ พระรามยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงสวย เป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจคนมองบีบรัด



ตึก!



ความรู้สึกเมื่อกี้...บ้าน่ะ



เรื่องบ้าๆ ...ไม่มีทาง



พระรามยิ้มกว้างดีใจอย่างที่ไม่เคยยิ้มแบบนี้มาก่อน



ใบหน้ามนขาวเนียน ตาเรียวเกือบตี่เหมือนคนจีนกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายระยิบ อาจจะไม่โดดเด่นเท่าใครๆ แต่เวลาร่างโปร่งยิ้มมันออกทั้งริมฝีปากและดวงตา โชว์ฟันขาวเรียงสวย โดยเฉพาะโหนกแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อมีรอยขีดคล้ายลักยิ้มขึ้นทั้งสองข้าง...เหมือนหนวดแมว



น่ารัก



และช่างติดตรึงตราในใจของคนมอง



ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอพระราม ร่างโปร่งก็ดูเหมือนจะมีอะไรกังวลอยู่ในใจตลอด อาจจะเป็นเรื่องอาการป่วยของแม่และเรื่องของพ่อที่เล่าให้ฟัง ใบหน้ามนจึงหม่นเศร้าอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นครั้งแรกที่ไอติมได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่ออกมาจากใจแบบนี้



“พี่ดีใจมากเลย” ไม่อยากจะเชื่อเลย เขาได้เป็นแฟนกับติมด้วย...ไม่อยากจะเชื่อ



ร่างสูงมองท่าทางนั้นนิ่ง พยายามสะกดความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นให้หายไป



"เป็นแฟนกันแล้ว รามก็ต้องช่วยผมบ่อยๆ" ติมได้โอกาสพูดตักตวง



"ช่วย?" คนที่ตามไม่ทันทำหน้างง แต่เพียงแค่สบตาหน้าก็แดงก่ำ "ปกติพี่ก็ช่วยติมอยู่แล้ว"



"อืม นั่นสิ เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นเยอะ เพราะงั้นรามต้องกินไอติมบ่อยๆ"



คนฟังหน้ามุ่ย แต่แก้มยังคงแดงไม่หาย "หื่น"



"ผมรู้หรอกว่ารามก็ชอบเหมือนกัน" แขนแกร่งกระชับคนในอ้อมแขน ก้มลงกระซิบข้างหูจนคนฟังขนลุก “ไม่งั้นคงไม่ครางเอาอีกๆ หลายๆ รอบหรอก”



ใบหน้ามนแดงก่ำ ควันออกหู รีบดันอีกฝ่ายออก “ปะ ปล่อยนะ...”



“เมื่อกี้ถูกไอ้ภูมิมันจับตรงไหนบ้างน่ะ”



ร่างโปร่งตัวสั่นทันทีที่ได้ยินชื่อของคนในความทรงจำ “...”



“ผมจะลบความทรงจำแย่ๆ ให้นะ บอกมาสิ”



“ไม่ได้โดนอะไรมากหรอก มันแค่...” มือเรียวยกลูบแผ่นอกเบาๆ “...กับ...” แล้วมือก็ย้ายลงมาด้านล่างจับตรงกระดุมกางเกงและเงยหน้าสบตาคมกริบน้ำตาคลอ “ตรงนี้นิดหน่อย”



ไอติมรู้ว่ามันหมายความว่ายังไง ความโมโหมันผุดขึ้นมาทำให้ใบหน้าหล่อเหลาขึงขังกระชากแขนผอมให้นอนบนเตียง “ตะ ติม จะทำอะไร”



พระรามใช้แขนยกศอกขึ้นมามองร่างสูงที่คร่อมด้านบน มือใหญ่ถกเสื้อขึ้นมากองตรงลำคอ ดวงตาเรียวสั่นไหวภาพใบหน้าของไอ้คนที่มันคิดจะข่มขืนเขาซ้อนทับกับใบหน้าหล่อเหลาทำให้ร่างกายเกิดการต่อต้าน



“มะ ไม่! ไม่นะ!” แขนผอมยกขึ้นดันอีกฝ่ายออกไปแรงๆ ดิ้นหนีแต่กลับถูกดันไหล่ให้มานอนที่เดิม พร้อมกับกดลงจมกับเตียง “ไม่เอานะ ได้โปรด”



“ราม นี่ผมเอง ใจเย็นๆ” มือใหญ่กอบกุมใบหน้ามนให้หันมาสบตา ดวงตาคมกริบสบมองแววตาสีน้ำตาลสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่นน้ำตารื้น “ผมเอง ติมไง”



“ติม...” เสียงทุ้มใสสั่นเครือ ในที่สุดแววตาสีน้ำตาลก็สะท้อนภาพของเขา น้ำตาที่ไหลหยดออกจากหางตาซึมผ้าปูเตียง “ฮึก ช่วยพี่ด้วย”



ไอติมกัดฟันจนกรามปูด มือใหญ่กำแน่น โมโหไอ้คนที่มันมาทำให้พระรามเป็นแบบนี้...ไอ้เหี้ยภูมิ



“ไม่เป็นไรแล้ว...ไม่เป็นไรแล้วราม” ร่างสูงค่อยๆ ลดต่ำลงกอดคนที่นอนร้องไห้ ถึงพระรามจะบอกว่าไม่เป็นไรเต็มปากเต็มคำ แต่ในใจก็ยังคงหวาดกลัว



“ติม” มือเรียวดันไหล่กว้างออก ทำให้ไอติมมองสงสัย ก่อนจะเบิกกว้างเมื่อพระรามถกชายเสื้อขึ้นจนสุดและยกขึ้นบีบจุกนมสีแดงก่ำทั้งสองข้าง “พวกมันจับตรงนี้...”



ร่างสูงกลืนน้ำลายเสียงดัง ใบหน้าหล่อเหลาลดต่ำลง ริมฝีปากแห้งผากอ้าออก ลิ้นร้อนแตะลงบนแผ่นอกสีน้ำนม “ฮึก! อื้อ”



มือเรียวจิกทึ้งผ้าปู ก่อนจะยกขึ้นเกาะเกี่ยวเสื้อบริเวณแผ่นหลังกว้าง แผ่นอกบางเดาะขึ้นตามริมฝีปากที่ผละออก “แฮ่ก...” เพียงเสี้ยววินาทีริมฝีปากร้อนก็ครอบลงมาดูดดุนแรงๆ อีกครั้งอย่างต่อเนื่อง



จุ๊บ จุ๊บ



“ฮะ...ฮื้อ...ติม” พระรามขมวดคิ้ว น้ำตาคลอ มือเรียวสอดเข้าท้ายทอยและกลุ่มผมนุ่มกดไม่ให้ศีรษะใหญ่ละออก ร่างสูงยิ่งสนองโดยการใช้ฟันขบกัดเม็ดเชอรี่ที่แดงก่ำแข็งเป็นไต “เจ็บ...”



ริมฝีปากย้ายไปอีกข้างเมื่อได้ยินเสียงทุ้มใสร้อง ทำสลับไปมาอยู่แบบนั้นจนหัวนมสองข้างทั้งบวมเต่งทั้งแดงก่ำ ขาเรียวหนีบบิดไปมาอย่างเสียวซ่าน ปวดตุ้บส่วนล่าง พระรามปรือเปิดมองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้แผ่นอกตน พอไอติมกำลังจะก้มประทุษร้ายพวกมันอีก มือเรียวก็ยกขึ้นดันออก



“ราม?”



“ตรงนี้พอแล้ว...พี่เจ็บ” เสียงทุ้มใสอ้อนวอนสั่นเครือ แต่มือกลับเลื่อนลงไปด้านล่างปดกระดุมกางเกงออกและรูดซิปดังพรืด เผยความอึดอัดที่ตุงคับแน่นอยู่ใต้กางเกงในสีขาวเปียกน้ำเป็นวง “ติม...ตรงนี้ มันจับตรงนี้ด้วย”



ไม่รู้ว่าพระรามรู้ตัวหรือไม่ แต่ท่าทางของร่างโปร่งมันยั่วกิเลสคนมองเหลือร้าย



“ราม”



“อ๊ะ...” เพียงแค่มือร้อนแตะมันผ่านเนื้อผ้าบางๆ ร่างกายก็กระตุกเฮือก ไอติมทนไม่ไหวถกทั้งกางเกงและชั้นในออกไปพร้อมๆ กัน จากนั้นร่างสูงก็แหกขาเรียวออกกว้างแทรกตัวเข้าตรงกลาง “ติม”



“ผมทนไม่ไหวแล้ว รามยั่ว”



“ช่วยพี่ด้วย พี่อยากลืม...อ๊ะ อ๊ะ!!” เสียงทุ้มใสขอร้องไม่ทันจบ แก่นกายร้อนก็แทรกเข้าช่องทางอย่างรวดเร็ว ร่างสูงคุกเข่าและช้อนข้อเข่าของอีกฝ่ายพาดแขนแกร่ง ดันให้แหกกว้างและขยับสะโพกกระแทกแรงจนเตียงลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด



“อา...”



ดวงตาคมกริบมองต่ำลงมาและเลียริมฝีปากหื่นกระหาย ใบหน้ามนส่ายเกลือกกลิ้งน้ำตาไหล ครางเสียงดัง มือยกขึ้นลูบท้องแบน “อ๊า อ๊า ติม...ขะ ข้างใน ร้อนจัง”



“ซี้ด” ติมเชิดหน้าสูดปากดังเพราะผนังนุ่มด้านในตอดแน่นตุ้บ ก่อนที่จะกระชับขาเรียวพาดไหล่และขยับสะโพกให้แรงยิ่งกว่าเดิม



เอี๊ยดๆๆ!



เจ้าแมวตัวนี้ต้องถูกปลอบอย่างหนัก...โทษฐานยั่วกิเลส



“อ๊า...!”





********************* Love Substitute *********************





"เมี้ยว..."



"อุริ อยากอ่านหนังสือด้วยเหรอ" ร่างโปร่งวางปากกาลงกับโต๊ะทันทีที่อุ้งมือนิ่มถูกับต้นขาซ้ำยังร้องเรียกความสนใจ บอกเลยว่าได้ผลเป็นอย่างมาก มือเรียวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะแหย่นิ้วเล่นกับมัน "เจ้าเหมียวๆ น่ารัก"



วันนี้เขาไม่ได้ทำงานตอนเช้าแต่มีตอนค่ำ ไม่มีเรียนจึงตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือแต่เช้าตรู่ที่โต๊ะในห้องนั่งเล่น แล้วโต๊ะมันก็เตี้ยร่างโปร่งจึงนั่งพื้นแผ่นหลังพิงโซฟาใหญ่ หนังสือและชีทที่วางกระจัดกระจายเต็มโต๊ะ ส่วนไอติมยังคงนอนไม่ตื่นอยู่บนเตียงในห้องนอนนั่นแหละ



ในระหว่างที่อ่านหนังสืออยู่เจ้าเหมียวมันก็มาขัดจังหวะ แต่ก็ดีเหมือนกันเขากำลังอยากจะพัก



"แง้วๆ"



"โอ๊ยๆ อย่ากัดแรงสิ มันเจ็บนะ..." พระรามพูดกับแมวที่ตะครุบมือเขาไว้ด้วยขาหน้าสองข้างก่อนจะอ้าปากงับๆ นิ้วเรียวอย่างหมั่นเขี้ยว ถึงจะจั๊กจี้แต่ถ้าแรงเกินไปเลือดก็ซึมได้เหมือนกัน



ว่าแต่เจ้านี่ฉีดยามาหรือยังนะ...น่าจะฉีดแล้วมั้ง



มืออีกข้างจับท้องกลมก่อนจะยกเจ้าเหมียวออกง่ายดาย ก่อนที่มันจะดิ้นขลุกขลักกระโดดแผล็วเกาะเสื้อตรงอกและปีนขึ้นมาบนไหล่ พระรามหยีตาเพราะเล็บแหลมของอุริจิกผ่านเสื้อจนโดนผิวเนื้อแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะสัตว์ตัวน้อยมันอยู่คนเดียวก็คงอยากจะมาเล่นด้วย “ซนจริงๆ เลย”



พระรามนั่งเล่นสักพักก่อนจะอ่านหนังสืออยู่แบบนั้นจนใกล้แปดโมง เสียงท้องร้องทำให้เขาลุกขึ้นและในตอนนั้นเองอุริที่เกาะอยู่บนไหล่ผอมก็ยอมกระโดดลงพื้นวิ่งไปที่อื่น ขาเรียวเดินไปเปิดตู้เย็น...มีแต่เบียร์ ไม่มีอะไรที่สามารถเอามาทำเป็นอาหารได้เลย



ว่าไปนั่น พระรามทำอาหารไม่เป็นสักหน่อย...ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็นึกอยากทำขึ้นมาซะเฉยๆ ...ถ้าหากเขาสามารถทำอาหารให้ไอติมกินได้บ้างก็คงดี



“ลองหัดทำดูดีมั้ยนะ” เสียงทุ้มใสพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินไปสำรวจในครัวอย่างละเอียด เปิดตู้ดูโน่นนั่นนี่ เขาก็ไม่รู้หรอกว่าแต่ละอย่างเอาไว้ทำอะไรได้บ้างแต่ก็ดูครบครันกว่าที่คิด ซ้ำยังใหม่เอี่ยมราวกับไม่เคยโดนแตะต้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว ก็นั่นน่ะสิ ติมก็ทำอาหารไม่เป็นเหมือนกันนี่นา



ไม่มีวัตถุดิบ คงต้องไปซื้อมาตุน เริ่มต้นด้วยของง่ายๆ ก่อน



“ส่วนวิธีการคงต้องศึกษาอย่างละเอียดอีกที...”



พระรามเดินเข้าห้องนอนที่เย็นเฉียบเพราะเปิดแอร์เอาไว้ บนเตียงกว้างมีร่างสูงนอนคลุมโปงอุดอู้ไม่ยอมตื่นอยู่บนนั้น



เขาลงฝีเท้าแผ่วเบาเข้าไปข้างเตียงที่ร่างสูงนอนหันหน้าออกมา ก่อนจะคุกเข่าย่อตัวลงมองใบหน้าหล่อเหลาที่นอนหลับตานิ่ง ดวงตาเรียวสำรวจโครงหน้าที่เพอร์เฟคต์อย่างกับดาราแล้วก็อดชมออกมาไม่ได้



"หล่อชะมัด" เสียงทุ้มใสเหมือนกระซิบพึมพำกับตัวเอง มือเผลอยกขึ้นมา ไล้นิ้วลูบตามโครงหน้าตั้งแต่คิ้วเข้ม ดวงตาปิดสนิท จมูกโด่ง แก้มและจบด้วยริมฝีปากหยักน่าจูบ



ในหัวพลันนึกถึงสิ่งที่นิลหนุ่มน่ารักพูด



'ติมจะจูบกับคนที่ชอบเท่านั้น'



เขาเคยอยากได้จูบจากไอติม แม้จนตอนนี้ก็ยังอยากได้



'พี่เป็นแฟนติมแล้วใช่มั้ย'



แล้วเขาก็เป็นแฟนของอีกฝ่ายแล้วด้วย เพราะงั้น...ริมฝีปากบางหยุดชะงักห่างจากริมฝีปากหยักเพียงไม่กี่เซนต์



ไอติมพยายามหลีกเลี่ยงการจูบแม้กับตอนที่มีอะไรกัน แสดงว่าอีกฝ่ายไม่ได้ชอบเขา



แถมไอติมยังไม่เคยบอกรักเขาสักครั้ง



มีแต่เขาที่...



'พี่รักติม'



ไอติมชอบเอม เรื่องนี้เขามั่นใจมาก...แล้วถ้าติมยังคงชอบชะเอมอยู่ แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงบอกว่าเขาเป็นแฟนล่ะ?



แบบนี้หมายความว่า... "แฟนกับคนที่ชอบ...คนละคนกันสินะ" เสียงทุ้มใสพึมพำออกมาอีกครั้ง ดวงตาเรียวสะท้อนความเจ็บลึก



หรือว่าไอติมยอมแพ้แล้วเพราะว่าชะเอมชอบคินไม่เคยเปลี่ยนแปลง ก็เลยประชดร่างบางโดยการมาขอเขาเป็นแฟน...แบบนั้นน่ะ...



ถ้าเป็นแบบนั้นจริง หัวใจของเขาคงเจ็บปวดจนแหลกสลาย



พระรามกัดปากแน่น ไม่ใช่หรอก หัวทุยส่ายไปมาเอาความคิดทุเรศๆ ที่ทำให้ตัวเองหดหู่ออกไป



ความเป็นห่วงของอีกฝ่ายที่แสดงออกมาเมื่อวานนั่นมันไม่ใช่ของปลอม ติมเป็นห่วงเขาจริงๆ เพราะงั้น...เรื่องเลวร้ายแบบนั้นน่ะไม่มีทางหรอก



ขาเรียวลุกขึ้นและจากนั้นเสียงฝีเท้าในห้องนอนก็ค่อยๆ เบาลง



คล้อยหลังพระรามเดินออกจากห้องไป เปลือกตาที่ปิดอยู่ก็ค่อยๆ หลุกหลิกและเปิดขึ้นเผยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสวย



ร่างสูงไม่ได้หลับ ซ้ำยังไม่มีความงัวเงียอยู่แม้แต่นิด...เพราะตื่นนานแล้ว



เมื่อกี้นึกว่าพระรามจะก้มลงมาจูบเสียอีก



ไอติมมักบอกกับคู่นอนทุกคนทุกครั้งว่ากฎที่ต้องทำตามคืออะไร แต่หลักจากนอนด้วยใครต่อใครมักจะคิดเข้าข้างตัวเอง อยากจะได้ทุกอย่างจากเขา คิดว่าเขาจะให้ความสำคัญ...เรื่องจูบก็เหมือนกัน



ทั้งๆ ที่เขามักจะทำตัวชัดเจนอยู่เสมอในเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าหน้าไหนจะหญิงหรือชายก็พยายามจะดันทุรัง จนต้องไล่ตะเพิดไปถึงจะตาสว่าง



ยกตัวอย่างเช่นนิลเป็นต้น...แต่ว่าราม...



แม้พวกเราจะเป็นแฟนกันแล้ว แต่รามกลับไม่ทำแบบนั้น...ถึงความสัมพันธ์นี้ เขาจะทำเพื่อจุดประสงค์บางอย่างก็เถอะ



ร่างสูงสะบัดผ้าห่มลุกขึ้น หยิบผ้าขนหนูและเดินเข้าห้องน้ำไป



ซ่า...



ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นรับน้ำเย็นที่พร่างพรายลงมา มือเสยผมด้วยท่าทางเซ็กซี่เหมือนนายแบบถ่ายลงนิตยสาร น้ำใสไหลผ่านเส้นผมจนเปียกลู่แนบใบหน้าหล่อเหลา คอและไหลแกร่ง แผ่นอก หน้าท้อง ขายาว กล้ามเนื้อสมส่วนทั่วร่างสวยงาม และส่วนที่แข็งแรงปึ๋งปั๋งเคารพธงชาติแต่เช้า



มือใหญ่ยกขึ้นสาวรูดรั้งด้วยความเคยชิน เพราะอายุของเขาอยู่ในช่วงวัยกำลังเติบโต



'หล่อชะมัด'



...เจ้าแมวยั่วมาพูดกันแบบนี้ อย่าหวังว่าจะรอดไปได้...



"ซี้ด" ร่างสูงห่อปากสูดด้วยความเสียว นึกภาพตอนตัวตนเขาแทรกเข้าผนังนุ่มร้อนผ่าวไม่ว่าจะช่องปากหรือช่องทางด้านล่าง พระรามก็มักจะมอบความหฤหรรษ์ให้เขาเสมอ



แกร๊ก



ร่างสูงออกมาจากห้องน้ำในอีกสามสิบนาทีต่อมา สวมเพียงแค่กางเกงขาสั้นปิดกาย ขายาวเดินไปหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกเพราะไม่รู้ว่าร่างโปร่งไปไหน แถมยังไม่ได้ทิ้งโน๊ตเอาไว้



"รามไปไหน"



("พี่ออกมาซื้อข้าว ติมตื่นแล้วเหรอ อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า") เสียงทุ้มใสตอบกลับมาอย่างแปลกใจ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้เขาออกมาไอติมยังนอนอยู่เลย



"อยากกินราม"



("...")



"วันนี้เดี๋ยวออกไปซื้อของกัน" เขาเปลี่ยนเรื่อง เพราะพระรามไม่ตอบ สงสัยกำลังเขินอยู่



("อื้อ? ...ขอข้าวต้มหมูสามถุงครับ") รามรับคำเขาและเหมือนจะคุยกับคนอื่นอยู่จากนั้นก็กรอกเสียงถามมาอีกรอบ ("ติมจะไปซื้ออะไร ที่ไหน")



"ผมไม่ได้จะซื้อ แต่รามต่างหาก"



("หือ พี่ไม่ได้อยากได้อะไรสักหน่อย")



++++++++++++++++++++++++++++++++++ต่อด้านล่าง




หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep18 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 01-05-2019 20:54:24



+++++++++++++++++++++++ต่อจากด้านบน



"แต่ผมจะพาไป"



พระรามเงียบไปก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ("บอกมาก่อนสิว่าจะซื้ออะไร ถ้าแพงมากพี่ไม่มีเงินซื้อนะบอกไว้ก่อนเลย")



"กลับมาค่อยคุยกัน เร็วๆ นะ หิวข้าวแล้ว" เสียงทุ้มไม่บอกแต่ตัดบทสนทนาห้วนๆ



พระรามคงจะงุนงงกับการเปลี่ยนไปมาปุบปับรวดเร็วของเขา แต่ก็ตอบรับกลับมา ("อ่า ครับๆ")





"ตกลงว่าจะไปไหน" พระรามถามหลังจากที่โดนลากขึ้นรถ คาดเบลท์เมื่อรถสปอร์ตออกตัว ทั้งที่ยังงงไม่หาย



"ไปซื้อเสื้อให้รามใหม่ เสื้อเน่าหมดแล้ว"



ร่างโปร่งหน้าม่อยทันทีที่ถูกว่าแบบนั้น "แต่พี่ใส่ได้ ถึงจะเก่าแต่มันก็ใส่ได้อยู่นะ"



สายตาคมกริบปรายมอง พระรามนอกจากจะเป็นคนขยันทำงานแล้วยังประหยัดมัธยัสถ์ เสื้อและกางเกงที่เขาเห็นที่อยู่ในกระเป๋าเป้เก่าๆ ใบนั้นมันเปื่อยและเก่ามาก ทั้งๆ ที่มีอยู่ไม่กี่ตัวแต่ก็ใส่วนซ้ำไปซ้ำมาไม่คิดจะซื้อใหม่



ซึ่งวันนี้เขาจะโละของพวกนั้นทิ้ง



"แต่ทุกวันนี้ก็ใส่เสื้อของผมไม่ใช่หรือไง"



"นั่นเพราะนายบังคับพี่ไม่ใช่เหรอ" พระรามพูดขึ้น ก่อนจะจับเสื้อขึ้นดู ไอติมบอกว่าเป็นเสื้อเก่าที่อีกฝ่ายใส่ไม่ได้แล้วแต่มันยังดูใหม่อยู่เลย...เสื้อของคนรวยนี่มันก็ใส่สบายจริงๆ น่ะแหละ เนื้อผ้าทำจากขนของตัวอะไรกันนะ



"แล้วติมจะไปซื้อที่ไหน"



"ร้านประจำ เดี๋ยวเขาจะได้ลดให้ถ้าซื้อหลายๆ ตัว"



คนฟังตาโต "หมายถึงร้านของเสื้อที่ใส่อยู่เนี่ยเหรอ พี่ไม่มีเงินซื้อหรอกนะ"



"ผมซื้อให้"



"เฮ้ย ไม่เอา เสื้อเก่าติมพี่ก็ใส่ได้ จะซื้อใหม่ทำไมมันเปลือง"



"จะใส่ยั่วน้ำลายกันใช่มั้ยห๊ะ! บอกให้ซื้อใหม่ก็ซื้อใหม่สิ อย่าดื้อ!" เสียงทุ้มตะคอกจนพระรามสะดุ้งเฮือก อะไรเนี่ย แค่เสื้อเองทำไมต้องโมโหด้วย



...แล้วใครใส่ยั่วน้ำลายใคร...



ร่างโปร่งยอมนั่งเงียบๆ มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้างอง้ำ



ดวงตาคู่คมปรายมองอีกครั้ง ที่เขาให้ใส่เสื้อของเขาก็แค่จะให้ใส่เฉพาะตอนอยู่ที่ห้องเท่านั้นเพราะเวลาจะทำอะไรมันก็ล้วงง่าย ถอดง่าย



ซึ่งพระรามไม่รู้ตัวเลยว่าตอนที่เจ้าตัวใส่เสื้อของเขาที่มันคนละไซส์กันทำให้ไหล่ข้างหนึ่งมันเปิดกว้างเห็นไหปลาร้าชัดเจน มันยั่วยวนให้แนบริมฝีปากฝากรอยจะตาย



เขาชอบที่จะมอง แต่ตอนนี้มันชักจะอันตรายต่อคนอื่นแทนแล้ว เมื่อเช้าพระรามก็เดินออกไปนอกห้องไม่รู้จักระวังตัว



พระรามเป็นของๆ เขา ใครก็ห้ามมองเด็ดขาด



"เออนี่ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วไปซื้อวัตถุดิบด้วยดีกว่า” ร่างโปร่งพูดขึ้น



“วัตถุดิบ?”



“พี่อยากจะลองทำกับข้าวดูบ้างน่ะ"



"หืม คิดยังไงขึ้นมา"



"พี่อยากทำเป็น" ใบหน้าขาวแดงเรื่อ ไม่กล้าพูดตรงๆ ว่าตั้งแต่เป็นแฟนกันก็อยากจะทำอะไรให้ร่างสูงกินเองบ้าง แต่ตอนนี้เขายังทำไม่เป็น ต้องศึกษาและฝึกให้เก่งๆ



"จะกินได้ไหม?" คนฟังหัวเราะในลำคอ "รามไม่ใช่พี่เอมซักหน่อย จะไหวเหรอ"



ไม่รู้ว่านั่นคือคำดูถูกที่พระรามฟังแล้วก็หน้าซีดลง รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ทำไมล่ะ ถ้าเขาไม่ใช่ชะเอมแล้วจะทำไม่ได้เลยหรือไง



ถ้าเขาจะทำก็ทำได้เหมือนกัน



"แต่ตอนแรกเอมก็บอกว่าทำไม่ได้เรื่องเหมือนกันนะ" มือเรียวกำแน่นพูดเสียงแผ่วเบา คำพูดของรามทำให้ดวงตาคู่คมปรายมอง



"อยากจะลองก็ลอง แต่ไม่อร่อยผมก็ไม่กินนะ"



คนฟังนิ่งไป มองออกไปนอกหน้าต่าง "...อืม"



"ไปซื้อวัตถุดิบก่อนนะ"



"นี่รามเอาจริงเหรอ" มือใหญ่เอื้อมมาจับไหล่ "อย่าเลยน่า ผมบอกแล้วว่ารามไม่ใช่..."



"ทำไม คนอย่างพี่จะทำไม่ได้เหรอ ครั้งแรกของคนเรามันก็ต้องมีฝึกกันบ้าง" ใบหน้ามนขมวดคิ้วมุ่นพูกแทรกก่อนที่ร่างสูงจะพูดอะไรออกมา "ถึงพี่ไม่ใช่เอมแต่พี่ก็ทำได้"



"แค่หั่นผักยังไม่เป็นเลยเนี่ยนะ" พระรามเม้มปาก ข้างในอกมันเจ็บหนึบ ติมดูถูกเขาอีกแล้ว



นอกจากจะไม่ช่วยให้กำลังใจแล้วยังซ้ำเติม...ที่แย่กว่านั้นคือเขาถูกเปรียบเทียบกับคนที่อีกฝ่ายชอบแบบนี้ มันรู้สึก...เจ็บจริงๆ



พระรามจะทำให้เห็นว่าเขาก็สามารถทำได้เหมือนกัน...ไม่แพ้ชะเอมหรอก



ร่างโปร่งเงียบ ขณะที่ร่างสูงเดินตามเอื่อยเฉื่อย มองแผ่นหลังบางที่เดินลิ่วนำหน้าไป



จู่ๆ รามก็คิดอะไรขึ้นมาเหมือนพยายามจะทำอะไรเพื่อให้เขาประทับใจ...ทำอาหารเนี่ยนะ ถ้าเป็นชะเอมทำก็น่ากินอยู่หรอกแต่เขาจำได้ว่าตอนอยู่ค่ายพระรามจะจับมีดหั่นผักก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าความสามารถในการเข้าครัวเป็นศูนย์พอๆ กับไอติมนั่นแหละ



นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้พิศวาสรามเรื่องอื่นเลยนอกจากเซ็กส์



ถ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วเขาจะชอบล่ะก็รามคงคิดน้อยไปหน่อย



บอกแล้วว่าที่เป็นแฟนน่ะ...มันไม่ได้มาเพราะความบริสุทธิ์ใจ



แต่แล้วก็บังเอิญ...



"อ้าวราม...ติมด้วย" เจอกับชะเอมที่ทักทายร่างโปร่งและเขา ก่อนที่ใบหน้าน่ารักจะเอียงคอมองงุนงงด้วยตาโตๆ "ทำไมอยู่ด้วยกันล่ะ"



เจอกี่ทีก็น่ารักน่ามองไม่เปลี่ยน ดวงตาคู่คมเป็นประกายระยิบระยับ พระรามเห็นท่าทางนั้นแล้วก็หลุบตาลงยิ้มเจื่อน



"บังเอิญเจอกันน่ะครับ"



คำตอบของร่างสูงทำให้พระรามหันมองอีกครั้ง...ส่งสายตาตัดพ้อ



...บังเอิญเจอกัน? ...



ไม่ใช่ว่าเรามาด้วยกันเหรอ



เรานอนด้วยกัน



เรามีเซ็กส์กันแล้ว



เราเป็น 'แฟน' กันแล้วไม่ใช่เหรอ



แล้วบังเอิญเจอกันนี่มันคืออะไร...ไม่อยากให้เอมเข้าใจผิดว่าเราเป็นอะไรกันอย่างนั้นใช่มั้ย



ไอติมยังชอบชะเอมอยู่จริงๆ อย่างที่คิด...แล้วทำไมถึงบอกคนอื่นว่าเขาเป็นคนสำคัญ ทำไมถึงบอกว่าเราเป็นแฟนกันล่ะ



สรุปว่าที่เขาเข้าใจว่าติมคบเขาเพราะจะประชดชะเอมนี่เรื่องจริงเหรอ?



ในหัวมีแต่ความไม่เข้าใจ ดวงตาเรียวฉายแววปวดร้าวลึก



"แล้วพี่เอมล่ะครับ มาคนเดียวเหรอ"



ใบหน้าหวานหัวเราะเบายิ้มอ่อน ดวงตากลมโตมองไปอีกทาง เห็นร่างสูงกับใบหน้าคมโดดเด่นยืนอยู่ "อ๋อ พอดี..."



รามยิ้มขึ้นมาแม้จะแปลกใจแต่ก็ยินดี "เข้าใจกันแล้วเหรอ" เอ่ยขึ้นมาแบบนั้นเพราะคนข้างๆ เขาก็จะได้รู้ว่าชะเอมมีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว...เลิกหวังลมๆ แล้งๆ เสียที



"ก็เปล่าหรอก"



"ไม่เป็นไรหรอก เอม นายเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว" เขาตบบ่าเล็กให้กำลังใจ ชะเอมที่เป็นอย่างนี้ดีอยู่แล้ว...เพราะใครๆ ก็ต่างชอบนาย รักนาย ไม่เว้นแม้แต่คนที่เขาชอบที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนนี้



พระรามรู้ว่าสักวันคินจะต้องกลับมาชอบชะเอมที่ยังคงซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเองไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน



"อื้ม ขอบใจนะ"



“ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยได้เจอกัน”



ใบหน้าหวานพยักหน้ารับแล้วยิ้มน้อยๆ อย่างน่ารัก “อื้ม เราเข้าใจ”



“แต่มีอะไรก็โทรหาได้ ไลน์มาได้ตลอดเลยนะ” พระรามบอก เขาเปลี่ยนโทรศัพท์แล้ว มันเป็นของเก่าที่ไอติมโยนมาให้เขาใช้และบอกว่าติดต่อสะดวกกว่า ส่วนเจ้าตัวก็ซื้อเครื่องใหม่อย่างไม่เสียดายเงิน



“รามก็เหมือนกันนะ” ชะเอมอมยิ้ม ดวงตากลมโตกวาดมองสำรวจ “ว่าแต่ช่วงนี้รามผอมลงรึเปล่า”



“ก็นิดหน่อย...” ใบหน้ามนยิ้มเจื่อนตอบสั้นๆ ไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวล “เอมก็เหมือนกันแหละ”



อีกฝ่ายบอกว่าเขาผอมแต่เจ้าตัวผอมกว่าอีก



“ผมก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน พี่ชะเอม พี่ผอมเกินไปแล้วนะครับ” ไอติมพูดขึ้นบ้าง ทำให้ชะเอมบุ้ยปาก



“ก็มันกินแล้วได้เท่านี้ จะทำยังไงได้ล่ะ” ร่างบางหัวเราะคิกใช้กำปั้นชกอกตึงแน่นของร่างสูงเบาๆ “ติมสอนพี่กินให้ได้แบบนี้บ้างสิ”



ใบหน้าหล่อเหลายิ้มละมุนอบอุ่นเป็นธรรมชาติจนสาวๆ หันมามองหน้าแดงกันเป็นทิวแถว ติมเป็นแบบนี้แค่ตอนคุยกับชะเอม รอยยิ้มนั่นที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยเห็น...และไม่เคยได้รับสักครั้ง



“ผมว่าพี่ชะเอมอ้วนขึ้นอีกนิดก็น่ารักแล้ว ไม่ต้องเป็นแบบผมหรอก แต่จริงๆ ตอนนี้ก็น่ารักนะครับ” ร่างสูงยิ้มใส่ตา พูดเสียงหวานเชื่อม



“หึ” รามแค่นยิ้ม รู้สึกได้เลยว่าตัวเองกำหมัดแน่นขนาดไหน มันทั้งเจ็บทั้งจุกจนพูดไม่ออก



น่ารักเหรอ...ชมแบบนี้ให้เขาได้ยิน มันต้องชัดเจนขนาดไหนกัน



ความรู้สึกดีอกดีใจกับคำว่าแฟนสลายไปราวกับควัน



...สมเพชตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า...



ร่างบางตาโต “ติมชมพี่ว่าน่ารักอีกแล้ว พี่เป็นผู้ชาย” คนซื่อพูดด้วยความซื่อ ไม่รู้ว่ากำลังโดนงูเห่าตัวร้ายหว่านเสน่ห์ใส่



“ก็...”



"งั้นเดี๋ยวเราไปก่อนนะเอม ไม่อยากอยู่เป็นกอขอคอ...มึงน่ะไปได้แล้ว" รามแทรกและลากคนตัวสูงข้างกายออกมาอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตากลมโตมองตาม



รามกัดปากแน่น ใบหน้ามนซีดเซียว ถ้าหากเขาไม่ขัด ไอติมคงได้อยู่คุยยาวกว่านี้...พอเจอคนที่ถูกใจเข้าหน่อยไม่จำเป็นต้องพยายามเข้าหาเลย เพราะร่างสูงจะเข้าไปหาด้วยตัวเอง



"ทำไมกลับมาพูดแบบเดิม" เสียงทุ้มเอ่ยเหี้ยม



"ก็ติมบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเราบังเอิญเจอกัน..." เขาพูดขึ้นคล้ายประชด ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้เขาเป็นอะไรกัน รู้สึกน้อยอกน้อยใจ ทั้งเจ็บทั้งจุกมันหนักหน่วงจนคำว่าแฟนระหว่างเรามันดูด้อยค่า



...ถ้าหากเขาเป็นคนที่ติมชอบมากกว่าเป็นแฟนมันอาจจะดีกว่านี้...



"บังเอิญเจอกันก็พูดดีๆ ได้ไม่ใช่เหรอ"



"แล้วถ้าหากว่าเอมสงสัยจะทำยังไงล่ะ"



"ก็บอกไปไงว่าเราเป็นแฟนกัน"



รามอึ้งกับคำพูดนั้น บอกว่าบังเอิญเจอกัน? แล้วเป็นแฟนกันเนี่ยนะ?



พระรามสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะสบตาคมแล้วพูดแผ่วเบา "พี่รู้นะว่าติมชอบเอม เพราะงั้นถึงไม่อยากให้เอมเข้าใจผิดว่าพี่กับนายเป็นแฟนกัน...ใช่มั้ย”



“...”



“แต่ที่พี่ไม่เข้าใจคือทำไมนายถึงบอกว่าพี่เป็นแฟน...แล้วที่บอกว่าเป็นคนสำคัญนั่น..." ดวงตาเรียวน้ำตาคลอหน่วย “เพราะอะไร...”



อยากจะให้บอกความจริงมา เพราะตอนนี้เขาอาจจะยังทำใจได้...อย่าให้หัวใจของเขาถลำลึกเข้าไปจนหาทางออกไม่เจอ



"รามไม่จำเป็นต้องรู้หรอก"



"..."



"รามชอบผมแค่นั้นก็พอ"



ภาพแผ่นหลังกว้างนั้นไม่ชัดเจนเลย ก็เพราะน้ำตาที่บดบังนี้ ไอติมที่หันหลังเดินออกไปคงไม่เห็นว่าเขากำลังร้องไห้

อะไรกัน...ถ้าชอบข้างเดียวมันจะไปมีความหมายอะไร อีกฝ่ายบอกว่าแค่เขาชอบติมก็พอ แต่ถ้าหากว่าติมไม่ชอบเขา...แล้วความรู้สึกของเขาล่ะ ความเจ็บปวดของเขาล่ะ?



แล้วความรู้สึกต่อจากนี้ของเขาล่ะ



จะเป็นยังไงก็ช่างเหรอ



ความสุขของเขานั้นมันมีเพียงแค่ชั่ววูบ มันเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว



ในชีวิตของเขาที่คิดว่าจะพบความสุขแล้ว แต่สุดท้ายมันก็แค่การหลอกลวง



‘ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกลูก สักวันหนึ่งรามก็จะพบคนที่อยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตแทนแม่เองนั่นแหละ’



แม่ครับ...ถ้าหากคนที่ผมอยากจะใช้ชีวิตด้วยคนนี้ เขาไม่ได้อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับผมล่ะ?



ผมต้องทำยังไง





"สวัสดีค่ะ คุณอิสระ"



รามยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตูร้าน ยืนมองป้ายหน้าร้านเหนือหัวค้าง...แค่มองก็รู้สึกว่าแพงมากแล้ว ยิ่งเจอคำทักทายเรียกชื่อยิ่งเหวอหนัก นี่ติมมาซื้อบ่อยขนาดไหน พนักงานถึงรู้จักชื่อได้



"ครับ วันนี้จะมาหาเสื้อให้คนนี้ใส่หน่อย รามชอบตัวไหนบอกพนักงานเลย"



ถึงจะบอกแบบนั้นก็เถอะ...



ร่างโปร่งเดินไปทั่วร้าน มองแล้วชอบก็จริงแต่พอมองป้ายก็แอบตาโตอีกครั้ง ลำบากใจเหลือเกินจนต้องเดินไปหาคนที่บอกว่าจะซื้อให้ กำลังนั่งไขว่ห้างเล่นมือถือรอ



"ติม..."



ใบหน้าหล่อเหลาละสายตาจากของในมือก่อนจะมองอย่างแปลกใจ "หือ เลือกเสร็จแล้วเหรอ เร็วจัง"



ระหว่างเรายังแสดงออกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าหากอีกฝ่ายจะให้เขาทำเหมือนเป็นแฟนกันในนาม เขาก็จะทำ



‘รามชอบผมแค่นั้นก็พอ’



เพราะยังไงเขาก็ชอบติม



โง่มากใช่ไหม...ที่ดันทุรังแบบนี้



"เปล่า พี่จะบอกว่าไปร้านอื่นเถอะ เสื้อมันแพง พี่เกรงใจ" พระรามป้องปากกระซิบข้างหูเบาๆ จนคนฟังถอนหายใจ พูดเสียงเบื่อหน่าย



"เลือกๆ ไปเถอะน่า"



"ตะ แต่...งั้นพี่เลือกแค่ตัวเดียวนะ"



"บ้าเหรอ ทั้งอาทิตย์จะใส่เสื้อแค่ตัวเดียว?" ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น ทำให้พระรามส่ายหน้ากับคำประชดนั้น



"ไม่ใช่ ก็พี่เกรงใจ ติมอยากให้ซื้อพี่ก็ซื้อแล้วไง" เสียงทุ้มใสว่าดังขึ้นอีกนิด ใบหน้าบึ้งตึง



ทำไมอีกฝ่ายไม่เข้าใจเขา เสื้อร้านนี้ตัวเดียวไปซื้อร้านอื่นได้ตั้งสิบตัว ซื้อเหมาข้างนอกได้ตั้งห้าสิบตัวเชียวนะ



"งั้นรามนั่งอยู่นี่ ถ้าไม่เลือกเดี๋ยวผมเลือกให้เอง"



"ใครบอกว่าพี่ดื้อ ติมนั่นแหละที่ดื้อ" พระรามขมวดคิ้วว่าแต่ร่างสูงก็เดินไปไม่สนใจ ทำให้เขาทิ้งตัวลงนั่งรอ



สุดท้าย...ได้เสื้อมาห้าตัวกางเกงสองตัวรวมเกือบเจ็ดพัน



"อะไรมันจะแพงขนาดนี้..." มือเรียวยกขึ้นแหวกถุงดู แต่พอเห็นแล้วก็เปลี่ยนใจ มันก็น่าใส่อยู่หรอก



"เดี๋ยวพี่หาเงินทยอยคืนให้นะ"



"ไม่ต้อง"



"น่ะ...จะพูดยังไงก็พูดไปพี่จะคืน นายไม่เอาพี่ก็จะคืน" พระรามว่า ทุกวันนี้เขาแทบจะเกาะติมกินอยู่แล้ว รู้ว่าครอบครัวอีกฝ่ายร่ำรวย จ่ายแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วง แต่ที่เขาอยากจะคืนน่ะ เพราะถ้าหากวันใดวันหนึ่งเราสองคนต้องแยกทางกัน...ตอนนั้นเขาก็จะได้ไม่รู้สึกติดค้างใดๆ กับอีกฝ่าย



ริมฝีปากบางยิ้มอ่อน เพราะยังไงเราสองคนก็ไม่ได้รักกัน...ติมเกลียดเขา



"ดื้อแบบนี้ คืนนี้โดนหนักแน่" เสียงทุ้มบอกทำให้พระรามแก้มแดงเรื่อ



"นายมันหื่น เอะอะอะไรก็จะทำพี่อย่างเดียวเลย"



"ถ้าไม่ชอบก็อย่าครางสิ..."



"ชู่ๆ" พระรามยกมือปิดปากอีกฝ่ายที่พูดอะไรไม่คิดขึ้นกลางห้างสรรพสินค้าชื่อดัง คนรอบข้างหันมามองจนใบหน้าขาวร้อนฉ่า ก่อนที่ขาเรียวจะรีบเดินออกมานำไปที่ลานจอดรถ



"พูดความจริงทำไมต้องอายด้วย"



"ก็พี่ไม่ใช่นายนี่"



คนฟังยิ้มกริ่มรับคำชม "ใช่ ผมมันหน้าไม่อาย ถ้าจะทำตรงนี้ นอกรถ บนรถ ถ้าทำกับรามผมทำได้หมด"



"ไอ้บ้า" พระรามแหว เอะอะจะพูดแต่เรื่องลามก แค่นี้ก็ทำให้เขาเป็นคนคิดเรื่องสัปดนตลอดเวลาอยู่แล้ว ร่างโปร่งกอดอกบอกเสียงเข้ม "เปิดรถเลย พี่จะได้กลับไปอ่านหนังสือต่อ"



ร่างสูงขำในลำคอ ก่อนจะกดรีโมทให้ ทั้งคู่ประจำตำแหน่งและรถสปอร์ตก็ทะยานออกไป





********************* Love Substitute *********************

หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep18 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 01-05-2019 20:55:22


ทดแทนรัก

ตอนที่ 18



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เนื้อหาเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป



"อื๊อ...ไอ้คนลามก" มือเรียวฟาดเพียะเข้าที่แขนคนที่ล้วงเสื้อเข้ามาขณะที่เขากำลังอ่านหนังสืออยู่ดีๆ ว่าแล้วว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่มาขอนั่งซ้อนหลัง เพียงครู่เดียวไม่ถึงห้านาที ริมฝีปากร้อนๆ ก็จูบหลังคอและซุกไซ้ไม่หยุด แถมยังมือเหมือนปลาหมึกนี่อีก



"ถูกว่ามาแบบนั้นก็ต้องสนองกันหน่อย" นิ้วหยิกหัวนมเล็กจนเจ้าของสะดุ้งเฮือก ในระหว่างที่เผลอก็ถูกจับให้นั่งซ้อนตัก เจ้าลูกชายตัวเขื่องที่เริ่มพองตัวก็ดุนดันที่ร่องสะโพก



"อ๊ะ ฮึก..." มือเรียวกำปากกาในมือแน่น ร่างโปร่งกัดปากปรือตาพยายามสะกดอารมณ์ที่ถูกนำพา "พี่จะอ่านหนังสือ...ปล่อยนะ..."



"ก็อ่านไปสิ ดีเลย ผมจะได้ทำสะดวกๆ" เสียงทุ้มกระซิบพร่า พรมจูบหลังใบหู เป็นจุดอ่อนที่ทำให้รามตัวสั่นสะอึกสะอื้น "นี่ รามมีทำงานกี่โมงนะ"



"ไม่บอก..." เพราะถ้าบอกเดี๋ยวติมก็ทำไม่หยุดจนถึงเวลาน่ะสิ



"ถ้าไม่บอกจะทำทั้งวันทั้งคืนเลย แผล่บ..." ติมเลียข้างคอลากยาวและแหย่ลิ้นเข้ารูหู



"ยะ อ๊ะ ไม่เอานะ ฮื้อ!" ร่างโปร่งดิ้นเร่า ทนไม่ไหวอีกต่อไปกับการเล้าโลมแทบทำให้ขาดใจตายนี่ เข่าสองข้างดันขาเรียวให้แยกออกพลางยกสะโพกบดเบียดความร้อนผ่าวผ่านเนื้อผ้า ซ้ำยังมือใหญ่ที่ขยุ้มบดคลึงเป้าของเขาแรงจนต้องยกมือจิกทึ้งข้อมือใหญ่แต่เขาก็มีแรงไม่มากพอจะห้ามการกระทำให้หยุดได้



เพียงไม่นานพระรามก็ถูกเปลื้องผ้าอย่างง่ายดายไม่รู้ตัว ได้แต่นอนแหกขากว้างน่าอายและกดสะโพกรับแก่นกายที่พยายามจะสอดเข้ามาตัวสั่นระริก



"รามจับขาตัวเองไว้ แหกกว้างๆ" มือใหญ่ปล่อยให้ร่างโปร่งจัดการตัวเองตามคำสั่ง ติมเลียริมฝีปากเมื่อพระรามเหม่อลอยจับข้อพับขาตัวเองไว้ทั้งสองข้าง อ้าขาจนแก่นกายเล็กชี้โด่ สะโพกเล็กกดแนบชิดก่อนจะขยับรับแผ่วเบาและค่อยๆ หนักหน่วง



"อื๊อ อ๊า ติม...ติม"



"ชอบใช่มั้ย ราม"



"คะ ครับ" แผ่นหลังบางหยัดโค้งเมื่อส่วนปลายบานเข้ามาลึกจนเสียวจี๊ด มือใหญ่ลูบเค้นหนักทั่วกายผอม หมั่นเขี้ยวคนที่ขยับสะโพกเย้ายวนเหลือเกิน ตอนแรกบอกไม่ ตอนนี้เขาแทบไม่ต้องขยับ สะโพกเล็กก็กดกระแทกลงมาเองตามใจต้องการ



"ซี้ด" ริมฝีปากหยักสูดดังและพรมจูบข้างต้นคอขาว จนพระรามครางหวิวสั่นเครือ



ยิ่งน้ำไหลผุดซึมจากปลายแก่นกายหยดเปื้อนท้องราบทำให้เขายกมือช่วยรูดรั้งเค้นระรัวโดยเฉพาะส่วนปลาย กายบางบิดเร่าหนักกว่าเดิมและช่องทางด้านหลังตอดหนัก



"อื๊อออ!"



"ราม...ราม...อา"



ดวงตาคมกริบ จ้องมองใบหน้าและดวงตาปรือปรอย เวลานี้เขามั่นใจว่าไม่มีคู่นอนคนไหนที่ผ่านมาทำให้เขาอยากบดขยี้เท่านี้อีกแล้ว



ใบหน้ามนส่ายหน้าเกลือกกลิ้งบนไหล่แกร่งอย่างเสียวซ่าน วาบหวิว ริมฝีปากบางยกขึ้นประทับข้างแก้มของร่างสูงแผ่วเบา ก่อนที่ลิ้นเล็กจะแลบเลียคางและสันกรามเหมือนลูกแมว น้ำลายบางส่วนไหลลงเปรอะเปื้อนคางเล็ก



การกระทำที่ทำให้คนมองสูดปากทนไม่ไหว ยั่วเหลือเกินเจ้าแมวตัวนี้



"ซี้ด ราม ทำงานกี่โมง"



"อ๊า อ๊ะ!" รามหวีดครางเสียงดังไร้สติ ไม่ได้ยินแม้แต่คำถามที่อีกฝ่ายกระซิบติดหู เมื่อถูกจู่โจมอย่างแรงไม่ทันตั้งตัว สะโพกปอดกระแทกสวนเร็วแรงจนร่างโปร่งตัวลอยตาม เกร็งตอดแน่นทนไม่ไหว



"ราม..."



"มะ ไม่ไหวแล้ว ระ เร็ว"



"เดี๋ยวชีทเปื้อนนะ" ถึงจะพูดแบบนั้นแต่คนตัวสูงก็ยิ่งซอยสะโพกถี่จนไม่กี่วินาทีต่อมาพระรามก็ถึงจุด



"อ๊า!!" ร่างโปร่งเชิดหน้าร้องเสียงสูง น้ำขาวขุ่นพุ่งแรงอย่างอดกลั้น ก่อนจะเกร็งตัวรับคนด้านล่างที่ตามมาติดๆ สายธารอุ่นร้อนฉีดพ่นปลดปล่อยเต็มช่องทางจนไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนเต็มพื้น



ไม่เป็นไรแค่นี้น่ะทำความสะอาดได้อยู่แล้ว แต่เรื่องหนังสือและชีทนั้น...ที่น้ำของร่างโปร่งมันสาดกระเซ็นไปโดนคงจะล้างไม่ออก ใช้ทิชชู่เช็ดก็ยังเป็นคราบอยู่ดี



แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เวลาพระรามอ่านหนังสือจะได้นึกถึงตอนที่เขาทำแบบนี้กับอีกฝ่าย เพียงแค่นึกถึงตอนที่ร่างโปร่งหน้าแดงก่ำแม้แต่ตอนตั้งใจเรียนแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา



ดวงตาคมกริบเบนมาที่ใบหน้ามนที่ปรือตาค่อยๆ ปิด สิ่งที่ตั้งใจจะทำตั้งแต่ตอนแรกก็ไม่ได้ทำแล้ว



งั้นขออีกรอบแล้วกัน...



"อ๊ะ อื๊อ ไม่..." น้ำตาเม็ดโตคลอปริ่ม "ฮือ ไม่เอาแล้ว"



ก่อนที่เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังยาวนานพร้อมกับเสียงทุ้มใสหวีดร้องเครือก้องในห้องนั่งเล่น



ยังไงเรื่องนี้พระรามก็ต้องยอมเขาอยู่วันยังค่ำ





********************* Love Substitute *********************





“เตรียมปั่นป่วนแล้วใส่รองเท้าไปโบสถ์ของเธอมาด้วย สาวน้อย เพราะเรากำลังจะออกตะลุยกัน”



“รูล์ฟ นายพยายามจะบอกอะไร”



“เราจะเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต”



“ว่าไงนะ!”



ดวงตาเรียวจดจ้องโฆษณาบางอย่างในโทรทัศน์ มันคือการ์ตูนของต่างประเทศที่เพิ่งจะเข้าโรงภาพยนตร์ได้ไม่นานและมันก็น่าดูมาก ถ้าหากถามว่าน่าดูขนาดไหน มันก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งสนใจจนนั่งนิ่งไม่ไหวติงได้ก็แล้วกัน



ไอติมหันมามองพระรามที่จดจ้องตาไม่กระพริบจนข้าวเขิ้วไม่กิน อาหารตั้งอยู่ตรงหน้าแต่ไม่สนใจเท่าสิ่งที่กำลังฉายอยู่



"ราม ข้าวเย็นหมดแล้ว..." เสียงทุ้มเอ่ยเตือน



"..."



ร่างโปร่งไม่ได้ฟัง ก็เลยไม่ได้ตอบ



อย่าหาว่ารามเด็กเพราะจริงๆ แล้วการ์ตูนเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ดูได้เด็กดูดี แก่กว่าเขาก็เข้าโรงดูมาแล้วเยอะแยะ



และตอนนี้เด็กโข่งวัยยี่สิบเอ็ดอย่างพระรามก็อยากดู...



"ติม พี่อยากดูการ์ตูนเรื่องนี้..." พระรามพูดขึ้นขณะที่เขากับอีกฝ่ายกำลังตั้งโต๊ะกินข้าวกันอยู่ แล้ววันนี้นึกครึ้มอยากดูทีวีด้วยเลยจบลงด้วยประการฉะนี้แล



"ก็ไปดูสิ"



"ติมไปด้วยมั้ย?"



"แน่อยู่แล้ว" เสียงทุ้มตอบกลับทันทีเหมือนไม่ได้คิด เอ่ยแซวคนที่ทำตัวเหมือนเด็ก "เพราะงั้นก็กินข้าวได้แล้วนะ น้องรามจะได้อ้วนๆ เวลาพี่ติมกอดมีแต่กระดูก"



แก้มขาวแดงเรื่อเล็กน้อยก่อนจะจ้วงกับข้าวมากินเปล่าๆ แถมยังแย่งส่วนของไอติมมากินด้วย



"อ้าว นั่นมันของผม!"



"ก็นายบอกให้พี่กินเยอะๆ!"



"ก็ไม่ได้บอกให้กินของผมด้วยมั้ยล่ะ เอาคืนมาเลย..."



"ไม่..."



พระรามแย่งส้อมที่จิ้มทอดมันปลากรายชิ้นใหญ่น่ากินยื่นไปอีกด้านแต่ไม่พ้นแขนยาวที่เอื้อมมาจับมือเรียวและป้อนเข้าใส่ปากตนเคี้ยวตุ้ยๆ การกระทำนั้นทำให้ร่างโปร่งมองอึ้งๆ สัมผัสที่มือทำให้ดวงตาเรียวมองไล่ขึ้นไปสบดวงตาคมกริบก่อนแก้มจะแดงขึ้นมา



ในยามที่อยู่กันสองคน  ถ้าหากไอติมไม่พูดเรื่องของเอมขึ้นมา หรือว่าไม่มีเอมอยู่ เขาสามารถมีความสุขได้ เขาสามารถหัวเราะได้ และเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นคนที่สำคัญจริงๆ สำหรับติม



"อร่อยมั้ย?" พระรามถามขณะมองริมฝีปากหยักเป็นรูปสวยมันย่องเพราะทอดมันชิ้นเมื่อกี้ ก่อนจะหยิบทิชชูส่งให้เช็ด



ดวงตาเรียวมองปรือปรอย...ทั้งๆ ที่อยากจะเป็นคนเช็ดมันด้วยตัวเองแท้ๆ



"อืม ก็ดีนะ" ริมฝีปากหยักยิ้มกริ่ม พลางเลียริมฝีปากด้วยท่าทางที่คนเห็นต้องกลืนน้ำลายเลียปากตาม "อร่อย ผมชอบ"



พระรามส่ายหัวดิกสะบัดความคิดใต้กางเกงที่อยู่ในหัวออกไป ก่อนจะยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวซี่เล็กเรียงสวยงามกับลักยิ้มที่โหนกแก้มทั้งสองข้าง คำชมของไอติมมีอิทธิพลทำให้ใจเขาพองโตคับอก แม้กับข้าววันนี้จะเป็นเพียงแค่เขาเลือกซื้อมา แต่ถ้าติมชอบ เขาก็จะลองหัดทำให้เป็นบ้างเหมือนกัน



คราวนี้เป็นฝ่ายไอติมที่กลืนน้ำลายบ้าง รอยยิ้มหยีตาปิดของพระรามแดเมจรุนแรงกว่าที่คิด ซ้ำยังลักยิ้มเหมือนหนวดแมวนั่น...



น่ารัก



"เมี้ยว..."



เสียงร้องเรียกแผ่วเบาดังขึ้นพร้อมกับอุ้งมือนุ่มนิ่มที่ตะกุยต้นขาทำให้ร่างโปร่งก้มมองแล้วยิ้ม "อุริ"



"เมี้ยว~" เจ้าแมวร้องออดอ้อนอีกครั้ง ไม่ต้องรอนานพระรามก็อุ้มมันไว้ในมือ สัมผัสท้องป่องที่มือทำให้ดวงตาเรียวสำรวจ อุริเหมือนจะอ้วนขึ้นนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะเขาให้มันกินเยอะด้วยรึเปล่า ก็น่ารักเสียขนาดนี้อ้อนนิดหน่อยเขาก็ใจอ่อนยวบแล้ว "น้ำหนักขึ้นนะเนี่ย หืม"



"แง้ว" อุริเลียอุ้งมือแผล่บๆ ยกขึ้นลูบหน้าลูบตา



"อยู่กับเจ้านายแกคงได้กินแต่อาหารเม็ดใช่มั้ย"



"แง้วๆ!"



"ฮ่าๆ" ร่างโปร่งหลุดหัวเราะพรืดเสียงดังเมื่อเจ้าเหมียวร้องรับคำนั้นราวกับรู้เรื่องที่เขาพูด "มาๆ งั้นเดี๋ยวฉันแกะปลาทูให้นะ อุริ เอาไหม"



"เมี้ยว~"



รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหมือนเด็กของพระรามเวลาอยู่กับแมว ทำให้ดวงตาคู่คมมองค้าง เสียงทีวีเป็นเพียงแบคกราวน์ที่ทั้งคู่ไม่ได้สนใจ ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าใกล้แก้มขาวขึ้นเรื่อยๆ ...



ฟอด



"!?" พระรามเบิกตากว้าง ตกใจจนปล่อยแมวในมือร่วงหล่นจนมันวิ่งหนีไป พลันใบหน้าร้อนผ่าวราวกับมีไฟลุกไหม้ ดวงตาเรียวหลุบต่ำไม่กล้ามองแม้แต่นิด ผ่านไปสักพักไม่ใช่แค่หน้าแต่คราวนี้กลับร้อนผ่าวทั้งตัว...



ร่างโปร่งเม้มปากแน่น ยังรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้อง จึงเงยขึ้นสบแต่ก็หลบอีก ทำอยู่แบบนั้นเรื่อยจนได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ



"มีอะไรกันตั้งหลายครั้ง กับแค่หอมแก้มจะเขินอะไรปานนั้น"



ดวงหน้ามนแดงก่ำร้อนผ่าวกับคำพูด สายตาคมกริบและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น หัวใจเต้นดังตึกตัก



ถ้าหาก...



ถ้าหากเขา...ได้จูบแก้มของติมบ้าง...คงจะดีไม่น้อย



ใบหน้ามนช้อนมองกล้าๆ กลัวๆ "ติม...พี่ขอ...หอมแก้มนายบ้างได้มั้ย"



ไอติมเลิกคิ้วกับความใจกล้า "ใครห้ามล่ะ"



พอได้รับคำอนุญาตพระรามก็ค่อยๆ ยื่นหน้ามากดจมูกข้างแก้มใสเบาๆ ที่เอียงรับองศา ความหอมทำให้จมูกไล้คลอเคลียไม่ผละออกเสียที ไอติมกำหมัดแน่นก่อนจะคว้าเอวผอมมานั่งคร่อมตัก จนใบหน้ามนเหวอ "ติม...!?"



"อยากหอมเดี๋ยวให้หอมทั้งวันเลยเอาไหม"



มือเรียวจับไหล่แกร่งทั้งสองข้างผละออกมองคนพูด ใบหน้ามนร้อนผ่าวกับคำพูดนั้น "จริงเหรอ"



"แต่แลกเปลี่ยนกัน รามก็ต้องให้ผมทำทั้งวัน"



คราวนี้เสียงทุ้มใสแหวดังกับคำพูดหื่นกาม "บ้า...!?"



ปกติก็ทำเกือบทั้งวันยังไม่พออีกเหรอ



"เมื่อกี้ก็หอมนานด้วย คราวนี้จะทำนานๆ เลย"



“มะ มะ...อ๊ะ”



เอี๊ยดๆ



"อ๊า...อ๊ะ อ๊ะ ฮึกกก" ร่างโปร่งถูกเปลื้องผ้าจับสอดใส่อยากรวดเร็ว ร่างกายของเขาพร้อมจะตอดรัดแก่นกายใหญ่ร้อนระอุตลอดเวลา เพียงแค่มันแทรกเข้ามาเขาก็รู้สึกดีจนแทบบ้า พร้อมกับสติที่ค่อยๆ เลือนหายไป ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องขอให้ทำแรงขึ้นอีก



ใบหน้ามนเชิดหงาย ปลายแก่นกายกระแทกเข้าที่จุดเสียว น้ำตาเม็ดใสไหลอาบเพราะอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก จมูกเล็กกดข้างแก้มใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับริมฝีปากบางแนบไม่ห่าง



"ซี้ด ถ้าหอมหนึ่งครั้งหนึ่งน้ำนะราม" เสียงทุ้มกระซิบพร่าติดหูเล็ก ร่างโปร่งหดคอเล็กน้อยด้วยความจั๊กจี๋แต่สมองกลับเหม่อลอยไม่ได้ฟังคำเตือน ซ้ำยังกดริมฝีปากจูบแรงขึ้นทั้งสันกรามและกกหูดังจุ๊บหลายครั้ง ร่างแกร่งที่กัดฟันกับการกระทำรัญจวนของแมวที่ตกเป็นทาสของกามารมณ์ ทนไม่ไหวขยับสะโพกกระแทกแรงจนโซฟาที่ทั้งใหญ่ทั้งหนักไถลตามแรงขับเคลื่อน



"ยั่วนัก"



พระรามเกร็งตัวรับความหฤหรรษ์ กอดคอคนเอาแต่ใจแน่น เสียงทุ้มใสครางเครือในลำคอเพราะความวาบหวิว



"อื๊อ ติม แรงๆ ...พี่จะเสร็จ อ๊า!"



แมวตัวนี้แสนยั่วยวนยิ่งนัก ครางร้องเรียกให้งูเห่าพ่นพิษใส่ร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า



พิษนี้มีฤทธิ์ร้ายกาจแต่ก็ยอมรับอย่างเต็มใจ พิษที่ทำให้เสพติดเซ็กส์ พิษที่ทำให้หลงใหล...หลงรักคนๆ นี้เพียงคนเดียว



หลังจากนั้นโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่นก็ถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่สนองความหื่นกระหายของสัตว์ป่าไปเรียบร้อย



"ดูเรื่องนี้ครับ ซาวด์แทร็ค สองที่" นิ้วยาวจิ้มลงไปบนหน้าจอกระจกสั่งพนักงานที่จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาเหม่อลอย ไอติมชินแล้วกับปฏิกิริยาแบบนี้ พอสายตาคมกริบเงยขึ้นสบพลันมนต์ที่สะกดก็สลายไป



"นี่"



"คะ ค่ะ!"



พระรามที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นแบบนั้นก็เกิดอาการบางอย่างขึ้นมาในใจ...หวง



"นี่ค่ะ" พนักงานหญิงหุ่นดีมีหน้าอกหน้าใจใหญ่พอควรหน้าตาจิ้มลิ้มยื่นตั๋วหนังสองใบมาให้ แต่ไม่ทันที่มือใหญ่จะยื่นไปรับ ร่างโปร่งกลับฉกมาซะก่อน



รู้หรอกว่าจะแอบแต๊ะอั๋งไอติม เขาไม่ให้โอกาสหรอก



"?" ร่างสูงทำหน้างุนงงเมื่อถูกมือเรียวจับตนลากออกมาจากหน้าเคาท์เตอร์ ระหว่างที่มองแผ่นหลังบางด้วยความไม่เข้าใจ พลันสายตาคมกริบเหลือบเห็นใครบางคนเท่านั้นแหละแขนแกร่งก็ขืนออกจากการกอบกุมทันที



"ติม? ...ไปไหน..." รามมองตามร่างสูงที่เดินไป ทันใดนั้นหัวใจก็บีบรัดแน่น



นั่นมัน...ชะเอม...



"ราม...?" ร่างบางที่กำลังคุยกับร่างสูงอยู่มีสีหน้าตกใจตอนที่ติมเข้าไปทัก ดวงตากลมโตมองเลยมาด้วยความสงสัย สีหน้าที่แสดงออกมาทำให้เขาอ่านออกทันทีว่าเอมจะถามอะไร



คงจะ ‘ทำไมถึงอยู่ด้วยกันอีกแล้ว?’ สินะ



แต่เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าต้องตอบว่าอะไร นอกจากเอ่ยคำทักทายออกไปแทนด้วยน้ำเสียงไม่ยินดีนัก



"ไงเอม"



"ผมกำลังจะไปดูหนัง พี่ชะเอมไปด้วยมั้ยครับ" ติมถามขึ้น มันคงไม่ใช่คำถามตามมารยาทอย่างแน่นอน เพราะสีหน้าของติมก็ดูอยากจะให้ชะเอมไปด้วยเสียขนาดนั้น มันทำให้เขาอึดอัด แต่ก็ไม่ได้พูดแทรกอะไรออกไป



บอกตามตรงว่าไม่อยากให้ไป...ขอให้เอมตอบว่าไม่ไป...ไม่ไปทีเถอะ



รามรู้ตัวดีว่าเป็นความคิดที่แย่มากสำหรับเพื่อนคนหนึ่ง ทั้งๆที่ใบหน้าหวานก็ดูหม่นหมองเหมือนลำบากใจอะไรมาสักอย่าง แต่ตอนนี้เขาก็เจ็บที่ใจไม่แพ้กัน



เพราะแฟน...สนใจคนอื่นมากกว่า



"เอ๋ ดูหนังเหรอ" ไม่เป็นไปตามที่พระรามหวังเพราะดวงตากลมมีประกายสนใจ แต่พอมองหน้าของรามสลับกับติมใบหน้าน่ารักก็ขมวดคิ้วลำบากใจ "แต่ว่าติมมากับรามไม่ใช่เหรอ ทั้งสองคนจะไปดูหนังแล้วมาชวนพี่จะดีเหรอ"



คำพูดของชะเอมทำให้ใบหน้าของรามที่หม่นหมองแดงเห่อขึ้นมา...นี่เอมดูออกด้วยเหรอว่าเราสองคนมาด้วยกัน...



"ไม่หรอกครับ ผมแค่บังเอิญเจอเขา แต่ไม่ได้จะไปด้วยกันหรอก"



ใบหน้ามนพลันซีดเผือด ดวงตาเรียวส่งสายตาตัดพ้อน้ำตารื้นให้กับคนข้างกาย "แต่ติมบอกว่า..." แต่พอสบสายตาคมกริบที่ราวกับจะบอกให้เงียบเขาก็พูดอะไรไม่ออกอีก



...เจ็บ...



"เอ๊ะ อะไรกันเหรอ" ร่างบางงุนงงไม่รู้เรื่องถามด้วยความซื่อไม่อ่านบรรยากาศ



ร่างสูงยิ้มให้กับความน่ารักนั้น "ไม่มีอะไรหรอกครับ"



"จริงเหรอราม"



"อืม ไม่มีอะไร เราขอตัวก่อน" แล้วร่างโปร่งก็เดินออกมาไม่ฟังเสียงใสเรียกจากด้านหลัง



"ราม..."



รู้ดีว่าเขากำลังทำให้เพื่อนกังวล แต่ถ้าไม่รีบออกมา เขาได้ร้องไห้ออกมาตรงนั้นแน่ และคำพูดต่อมาของติม...ก็ทำให้น้ำตาที่กลั้นไว้ร่วงเผาะ



"อย่าไปสนใจเขาเลยครับ พี่ชะเอมไปดูหนังกับผมกันเถอะ"



...ทำไมถึงได้ใจร้ายกับเขาขนาดนี้...


++++++++++++++++++++ต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep18 19/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 01-05-2019 20:55:52




++++++++++++++++++++ต่อจากด้านบน




แค่เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบอย่างนั้นหรือ



"ฮึก..."



พระรามเดินหลบมาไกล ใบหน้ามนเปื้อนน้ำตาก้มมองตั๋วสองใบที่อยู่ในมือ บัดนี้มันยับยู่ยี่เละเทะไปหมดแล้ว ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำหมัดแน่นขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่



'พี่อยากดูการ์ตูนเรื่องนี้...'



'ก็ไปดูสิ'



'ติมไปด้วยมั้ย?'



'แน่อยู่แล้ว'



บอกเขาว่าจะมาด้วยกัน แล้วทำไมถึงทิ้งไปอย่างง่ายดาย



มาทำให้ดีใจ แล้วก็ทำให้เจ็บ



'ที่พี่ไม่เข้าใจคือทำไมนายถึงบอกว่าพี่เป็นแฟน...แล้วที่บอกว่าเป็นคนสำคัญนั่น...เพราะอะไร...'



'รามไม่จำเป็นต้องรู้หรอก...แค่รามชอบผมก็พอ'



อยากจะหวง อยากบอกว่าห้ามไป...แต่เขาไม่มีสิทธิ์ ก็แค่เป็นแฟนในนาม ไม่ได้มีตัวตนอยู่ในใจของอีกฝ่าย



ที่อะไรๆ เป็นไปได้ด้วยดีก็แค่เซ็กส์ระหว่างเราเท่านั้น...แค่ความสัมพันธ์ทางกาย



น่าอิจฉาชะเอมชะมัดที่ไม่ต้องทำอะไร ไอติมก็ชอบ



นิ้วเรียวจิกเล็บเข้าฝ่ามือตน ทำไมเขาถึงเป็นเพื่อนชั่วขนาดนี้



ชะเอมน่ะเป็นคนดีแล้วก็น่ารักกับทุกคน ซื่อตรงไม่เคยเปลี่ยนแปลง...ผิดกับพระรามที่เป็นคนขี้หวงยิ่งกว่าอะไร ไม่อยากให้ไอติมเข้าใกล้ใคร ชอบใครนอกจากเขา



หรือว่าเพราะเขาเป็นคนแบบนี้เลยไม่มีใครมารัก



วืด วืด



Issara : เสียค่าตั๋วมาแล้ว รามก็เอาไปดูนะ เดี๋ยวเสร็จแล้วค่อยออกมาเจอกัน



"อึก...ฟืด..." คนรอบข้างต่างหันมามองว่าไอ้หน้าจืดนี่ร้องไห้ทำไม แต่พระรามก็ไม่ได้สนใจสะอึกสะอื้นน้ำตาไหลไม่หยุด



เขาแค่อยากจะรู้ว่าติมพูดอย่างนั้นทำไม



แฟน...หรือคนสำคัญอะไรนั่น



สถานะบ้าบอ ที่ทำให้เขาสุขใจจนหลงลืมความเป็นจริงว่าติมเกลียดเขา



พระรามก็ดันบ้าจี้ตามที่ติมบอกใช้ตั๋วเข้าไปดูหนัง อีกใบก็เป็นหมันไป นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าทั้งหัวตั๋วและหางตั๋วเพราะไม่มีใครใช้ ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าอยากจะมาดูแต่ตอนนี้ดวงตาเรียวเหม่อลอย ใต้ตาแดงก่ำ ไม่มีสมาธิดูเลยแม้แต่นิด



ผ่านไปสองชั่วโมงอย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งยืนรออยู่หน้าโรงหนังเพราะไม่รู้จะไปที่ไหน ก็พลันเห็นภาพที่ทำให้เขาน้ำตาตก



ติมกำลังจูบเอม



ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจหรือไม่ที่จะให้เขาเห็นภาพนี้



ทำไมเมื่อกี้เขาถึงเลือกที่จะรอ ถ้าหากว่ากลับไปก่อนก็คงไม่ต้องเห็นอะไรแบบนี้



‘ติมจะจูบกับคนที่ชอบเท่านั้น’



พระรามไม่รู้เลยว่าหันหลังเดินออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วตอนนี้ เหม่อลอยจนกระทั่งมาถึงห้อง



ตนมาได้ยังไง...ก็ไม่รู้



"เมี้ยว..."



ขาเรียวชะงัก ก้มลงมองที่พื้นเห็นแมวน้อยตัวจ้อย ก่อนจะนิ่วหน้าและร้องไห้ออกมาอีกครั้ง



พระรามทิ้งตัวลงนั่งพิงกับประตู ก่อนจะอุ้มอุริที่ร้องเหมียวๆ คล้ายปลอบใจเหมือนจะรู้ว่าเขากำลังเศร้าขึ้นแนบอก น้ำตาไหลหยดลงโดนใบหน้าที่มีขนปกคลุม



"เมี้ยว"



"ขอบใจ อึก นะ..." เสียงทุ้มใสสั่นเครือ ยิ่งพูดเหมือนจะยิ่งแย่เพราะน้ำตามันยิ่งทะลักออกมา สะอื้นจนตัวสั่น พออยู่คนเดียวก็คิดมากอีก...ยิ่งกลับมาที่ห้องที่มีแต่กลิ่นของเจ้าของยิ่งเรียกเสียงร้องไห้โฮ



"นี่...ติมทำแบบนี้ทำไมเหรอ อุริ"



ตอนนั้นนายหอมแก้มพี่ทำไม



‘อยากหอมเดี๋ยวให้หอมทั้งวันเลยเอาไหม’



แล้วนายให้พี่หอมแก้มทำไม



"ทำไมถึงทำแบบนี้กับพี่ล่ะ...?"



"...เมี้ยว" เจ้าเหมียวทำหน้าเศร้าร้องเครือในลำคอเมื่อเห็นใบหน้ามนร้องไห้ไม่หยุดสักที อุ้งมือนิ่มลูบแก้มซีดปาดป่ายน้ำตาแล้วก็เลียเผื่อว่าน้ำเหล่านี้จะหายไป



น้ำตาเหล่านี้ทำให้รามเศร้า เพราะฉะนั้นมันจะช่วยเอง



‘อย่าไปสนใจเขาเลยครับ พี่ชะเอมไปดูหนังกับผมกันเถอะ’



"ทำไมถึงไม่แคร์กันบ้างเลย ยังเห็นพี่เป็นคนอยู่หรือเปล่า"



ภาพคนสองคนยืนยิ้มมีความสุข และร่างสูงก้มลงจูบ...



"..."



นี่



ช่วยตอบทีสิ





พระรามนั่งกอดเข่าร้องไห้ทำใจอยู่นานก่อนจะออกมาทำงานด้วยดวงตาแดงช้ำกับรอยยิ้มฝืดเฝื่อน ดีที่เพื่อนร่วมงานและพี่เจ๋งเจ้านายของเขาไม่ได้ซักถามอะไร



ร่างบางยืนพิงผนังซึมซับเสียงเพลงและบรรยากาศ อยากจะปล่อยใจให้สนุกกับมัน แต่มันหดหู่ไปหมด “เฮ้อ...” เบื่อตัวเองที่เป็นแบบนี้ คิดมาก น้อยใจ เสียใจ วนเวียนไม่หยุด เพียงแค่ไอติมใจดีด้วยหน่อยเขาก็ลืมสิ่งที่อีกฝ่ายทำเอาไว้จนหมด...ใจง่าย



วืด วืด



มือเรียวล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูแชท คงไม่ต้องเสียเวลาเดาว่าเป็นใคร ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมันแบบนั้นก่อนจะพึมพำเบาๆ



"อยู่ที่ไหน...เหรอ"



RamĀ : พี่ทำงานอยู่ เดี๋ยวกลับไปนะ



รามกดปิดมือถือทันทีหลังจากที่พิมพ์เสร็จ ไม่สนใจว่าจะสั่นจะเด้งมาอีกเยอะแค่ไหน เพราะว่าเขาไม่มีอารมณ์จะตอบจริงๆ ...ไม่อยากมองมันด้วยซ้ำ



เขาเคยไม่เข้าใจเอม ว่าทำไมถึงต้องรักคินขนาดนั้น ถึงขั้นยอมทำร้ายตน ทรมานตัวเอง



แต่ตอนนี้สภาพของเขาไม่ต่างจากเอมเลย...ไม่สิ น่าสมเพชยิ่งกว่า



เขาคงกลายเป็นคนโง่ไปแล้วเหมือนกับที่เคยว่าและดูถูกใครต่อใครเรื่องของความรัก



“ยืนเหม่อแบบนี้หักเงินนะเว้ย”



ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก เห็นเจ้านายยืนกอดอกมองเขม็งแล้วเหงื่อตก “อ่า ขอโทษครับพี่”



พระรามทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหัวเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารู้สึกผิด บ้าจริง เขามัวแต่คิดบ้าบออะไรอยู่



“เอ็งเป็นอะไรห๊ะ ราม ทำตัวเหมือนคนอกหัก”



ใบหน้ามนหันมองก่อนจะเบะปากจะร้องไห้ “พี่เจ๋ง...ผม...ผมขอโทษครับ”



มือใหญ่ยกขึ้นจับศีรษะทุยโยกไปมา พระรามคนขยันและอดทนทำงานเพื่อครอบครัวถึงเวลาที่จะมีความรัก และดูเหมือนว่าน่าจะเป็นไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เจ๋งก็ไม่อยากว่ามากเพราะเขาก็เอ็นดูเด็กนี่เป็นพิเศษ...เอ็นดูจนเกือบจะแดกมันไปแล้วในตอนแรก



“เออ ไม่ต้องเครียดพี่ไม่ได้ว่าอะไร แต่อย่าเหม่อให้ลูกค้าเห็น ทำงานไม่กระตือรือร้นเดี๋ยวร้านพี่เสียชื่อหมด”



“ครับ” เขารับคำซึมๆ ก่อนจะไปทำงานและพยายามลบความคิดฟุ้งซ่าน แต่มันก็ยากจริงๆ ...เขาเลิกคิดถึงติมไม่ได้เลย



จนกระทั่งพระรามเลิกทำงาน ร่างโปร่งก็เดินออกมาจากร้านเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อย ปล่อยความคิดลอยไป ทั้งๆ ที่เขาเห็นข้อความแชทในมือถือแล้วว่าร่างสูงจะมารับ แต่เขาก็ไม่อยากเจอ...ไม่อยากกลับ



เสียงฝีเท้าเสียดสีกับคอนกรีตบนพื้นดังแท่ดๆ สะท้อนก้องในซอยมืด



‘จากนี้ผมจะดูแลรามตามที่แม่บอก รามไปอยู่กับผมนะ’



อีกแล้ว...



‘คนสำคัญกูเอง’



มันนึกถึงอีกแล้ว



“หยุดซักที...หยุดซักทีเถอะ” พระรามหยุดเดิน ยกมือขึ้นทึ้งหัวของตัวเองแรงๆ และทุบมันหลายๆ ครั้ง น้ำตาเม็ดโตไหลรื้นอาบหน้า เสียงของติมมันดังในหัวไม่หยุดเลย



ไม่อยากนึกถึง...เพราะยังไงเขาก็ไม่ใช่คนที่ติมรัก



ทำไมกัน ทำไมความรักของเขาช่างเจ็บปวด...ทรมานแทบขาดใจแบบนี้



พระรามยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้องสักพัก ขยี้ตาที่แสบแดงผ่านการร้องไห้มาตลอดทางเผื่อว่ามันจะหาย ไม่อยากเจอติมด้วยสภาพน่าสมเพชแบบนี้ แต่สุดท้ายมือก็หยิบคีย์การ์ดเสียบเข้าช่องและประตูก็เปิดออก



ความเงียบในห้องทำให้พระรามถอนใจโล่งอก



“...ไม่อยู่เหรอ”



แกร๊ก



แต่ทันใดนั้นเสียงประตูก็ดังขึ้นด้านหลัง ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาทั้งหายใจหอบแรง พลันดวงตาคมกริบเห็นพระรามอยู่ในห้องก็เหมือนมีไฟแปลบปลาบอยู่ในดวงตา แต่ร่างโปร่งหันหลังให้ ไม่เอ่ยทักทายใดๆ ทั้งสิ้น



“ไปไหนมา” ร่างโปร่งเงียบยิ่งทำให้ไอติมโมโห กระชากแขนผอมให้หันกลับมาประชันหน้า “กูถามว่าไปไหนมา!”



“พี่บอกแล้วไงว่าไปทำงาน!” พระรามตะคอกขึ้นบ้างด้วยน้ำตารื้น ทำไมอีกฝ่ายต้องกระชากเสียง...อยากได้ยินเสียงอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนที่ร่างสูงพูดกับร่างบางคนนั้น



ยิ่งรู้สึกน้อยใจ ความอดทนก็เหมือนจะยิ่งต่ำลงทุกที



“กูบอกว่าจะไปรับ แล้วทำไมไม่รอวะ! ห๊ะ!!”



“ทำไม...ทำไมติมต้องตะคอกพี่ขนาดนี้!?” เสียงทุ้มใสตัดพ้อน้อยใจอย่างถึงที่สุด “เพราะพี่ไม่ใช่เอมใช่มั้ย!!”



เหมือนคำพูดของพระรามจะทำให้ไอติมตั้งสติได้ ร่างสูงพ่นลมออกจมูกและสะบัดแขนในมือออก “พูดอะไรไร้สาระ”



“เออ ก็ใช่สิ พี่จะพูดอะไรมันก็ไม่มีสาระทั้งนั้นแหละ แล้วจะมายุ่งทำไม! แล้วพี่ไปทำงานพี่ก็กลับเองได้ ไม่ต้องให้นายมารับหรอก!”



“อย่ามาทำอวดดีใส่กู” สายตาคมกริบตวัดมองพูดเล็ดไรฟัน “แล้วถ้ามึงเจอไอ้พวกนั้นอีกจะทำไงห๊ะ เอาตัวรอดด้วยตัวเองได้มั้ย!?”



ไอติมพูดถึงคนที่ชื่อภูมิกับพรรคพวกของมัน



แล้วทำไมคราวนี้ถึงพูดเหมือนจะเป็นห่วงกัน...ความรู้สึกจริงๆ ของนายคืออะไรกันแน่



ร่างโปร่งได้ยินแล้วสะอึกสะอื้นร้องไห้ ผลักอกกว้างออกไปอย่างน้อยใจ “ติมสนใจด้วยหรือไง...”



กำปั้นเล็กทุบอกกว้างแรงจนมือใหญ่ต้องจับเอาไว้ ไอติมมองใบหน้ามนเจ็บปวดตะโกนทั้งน้ำตา



“พี่ไม่เข้าใจนายเลยติม เมื่อกี้ตอนไปดูหนังนายยังทิ้งพี่ไปได้ไม่เห็นแคร์ แล้วพอตอนนี้พี่จะเป็นอะไรยังไง นายสนใจด้วยเหรอ!?”



“...”



“ฮึก ฮึก! ถ้าพี่จะโดนไอ้พวกนั้นทำอะไร นายก็ปล่อยพี่ทิ้งไปเหมือนวันนี้เลยสิ!!” เสียงทุ้มใสตวาดกร้าว มือเรียวเงื้อยกหวังฟาดใบหน้าหล่อเหลานั่นให้เจ็บเหมือนที่เขาเจ็บบ้าง แต่กลับถูกจับเอาไว้ก่อน



หมับ!



“ปล่อย! ปล่อยนะ!” ร่างโปร่งดิ้นพล่าน แงะมือใหญ่ที่บีบแน่นราวกับคีมเหล็ก ไอติมหายใจแรงฟืดฟาดและจับพระรามเหวี่ยงลงเตียงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ็บหรือไม่ กระชากเสื้อผ้าของพระรามทิ้งอย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่ใบหน้ามนยังเปื้อนคราบน้ำตา



“ฮือ ฮือ...ปล่อยพี่นะ” มือเรียวปัดป้องผลักไหล่กว้างออกไปแต่ก็ถูกตรึงมือสองข้างไว้เหนือหัว แต่พระรามยังดื้อดึงจนติมต้องหาอะไรมามัดข้อมือผอมไว้กับหัวเตียง จนดวงตาเรียวเบิกกว้าง กรีดร้องเสียงดัง “ไม่!! ฮือ ติมอย่าทำกับพี่แบบนี้!”



“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามาปากเก่ง!”



“ติม ไม่เอา ไม่เอา!” แม้จะมัดมือแล้วแต่เท้าสองข้างก็ดิ้นไม่หยุด แต่ไม่อาจห้ามแรงที่ดึงกางเกงจนร่างโปร่งเปลือยเปล่าบนเตียงกว้าง พระรามดิ้นรนอย่างถึงที่สุดกระชากข้อมือจนเชือกที่รัดอยู่บาดเลือดซึม รามเกร็งตัวอีกครั้งเมื่อถูกจับขาให้ตั้งชันเปิดกว้างรับแก่นกายร้อนผ่าวของร่างสูงที่เปลือยกายไม่ต่างกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ติม ขอร้องล่ะ พี่ยอมแล้ว...”



“ถ้ามึงอยากให้คนอื่นมาเอามึงนัก กูจะสนองมึงแทนให้เอง”



“มะ ไม่ อ๊า!!!” สะโพกแกร่งกระแทกเข้ามาจนสุดไม่ออมแรง ร่างโปร่งแอ่นหยัดรับความร้อนระอุที่เขาชอบ แต่ว่าความโกรธและโมโหที่ใส่ลงมามันรุนแรงจนน้ำตาเม็ดใสไหลริน “เจ็บ! ...ฮึก!”         



“เจ็บที่ไหน ดูสิ ร่างกายมึงชอบของๆ กูขนาดนี้ ซี้ด”



เอี๊ยดๆๆ



“อื๊อ ฮึก ติม” ร่างกายที่ถูกฝึกมานาน เพียงชั่วครู่ลีลาของร่างกายแข็งแกร่งก็ทำให้รู้สึกดี แม้ไอติมจะทำรุนแรงแต่สะโพกเล็กก็โยกรับ เสียงทุ้มใสครางเครือร้องเรียกชื่ออย่างต้องการ ดวงตาฉ่ำน้ำตาปรือปรอย “อ๊า อ๊ะ”



“หึ...ชอบแรงๆ ใช่มั้ย” ไอติมถามแสยะยิ้ม มือใหญ่ลูบเค้นตามผิวเนียนแรงจนขึ้นรอยมือ ใส่สะโพกกระแทกแรงขึ้นอีกจนหัวเตียงกระแทกกำแพงดึงตึงตัง ไม่แพ้ริมฝีปากบางอ้ากว้างเสียงหวีดร้องยิ่งทำให้หน้าท้องแกร่งเครียดเขม็ง “ราม ครางดังๆ เรียกชื่อกู...”



“ติม...ติม!! อ๊า...!”



“รู้สึกดีมั้ย”



“อื๊อ...ยะ...เบาๆ...”



“กูถามว่าดีมั้ย”



ปั่บ!



“อ๊ะอ๊า! ดะ ดีครับ...” ร่างกายบางแอ่นหยัดหวีดร้องสูงเมื่อถูกกระแทกย้ำ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ



ร่างสูงกัดฟันกรอดก่อนจะถามออกมาอีก “ชอบมั้ย” และกระแทกระรัวให้คนอยู่ในภวังค์ตอบอย่างไม่ได้คิด



“ชอบ...!”



ไอติมสูดปาก เขาชอบฟังเสียงทุ้มใสครางเครือเรียกชื่อเขามากที่สุด ต้องบดขยี้ ย้ำลงไปแรงๆ ให้แมวตัวนี้หลงเขามากกว่านี้



คนที่อยู่ในห้วงหฤหรรษ์เหม่อลอย กัดปากปรือมองทั้งๆ ที่ร่างกายร้อนผ่าวเคลื่อนไหวบนร่างกาย ต้องอดทนมากกับความวาบหวิวถึงจะเอ่ยอ้อนวอนออกมาได้ “ติม แขน...พี่เจ็บ ฮึก ปะ ปล่อย...อือ...อ๊ะ”



ร่างสูงมองเชือกที่บาดตรงข้อมือผอมจนเป็นรอยแล้วก็เอื้อมไปปลดออก ทันทีที่พระรามเป็นอิสระก็ไขว่คว้าเอื้อมกอดไหล่กว้างยกโหนจนแผ่นหลังบางลอยจากเตียง ติมเห็นดังนั้นก็ก้มต่ำลงและใช้มือกดเข่าทั้งสองข้างติดเตียงและบดขยี้ไม่ยั้ง



พระรามรู้สึกดีจนเอาคำพูดไหนมาอธิบายไม่ได้ ในที่สุดไอติมก็ปลดปล่อยเต็มช่องทางพร้อมๆ กับเขาที่ฉีดพ่นน้ำออกมาเยอะไม่แพ้กัน นอนหอบเหนื่อยไม่ทันหาย ร่างโปร่งก็ถูกจับให้โก้งโค้งสะโพกสูงและจากนั้นความรู้สึกวูบโหวงก็ถูกเติมเต็มอีกครั้งแล้วครั้งเล่า มือเรียวขยุ้มผ้าปูแน่นขณะที่ด้านหลังมีแก่นกายร้อนผ่าวสอดใส่ไม่หยุดพร้อมๆ กับเสียงทุ้มครางต่ำของสัตว์ป่าหื่นกระหาย



“คราวหลัง ซี้ด จำไว้...อย่าพูดอะไรไร้สาระอีก เข้าใจมั้ย”



‘ทำไมติมต้องตะคอกพี่ขนาดนี้...เพราะพี่ไม่ใช่เอมใช่มั้ย!’



‘พูดอะไรไร้สาระ’



...ไร้สาระ...



ความน้อยอกน้อยใจของเขามันเป็นเรื่องไร้สาระ



ความรู้สึกของเขามันไม่สำคัญต่ออีกฝ่ายแม้แต่นิด



“...ฮึก”



‘ตอนนี้พี่จะเป็นอะไรยังไง นายสนใจด้วยเหรอ!?’



เวลาอีกฝ่ายโมโห แม้ว่าเขาจะขอร้องอ้อนวอนว่าเหนื่อยเพลียแล้วยังไง ไอติมก็ไม่เคยสงสารหรือปล่อยไป...ยังคงทำจนกว่าจะพอใจ



“ราม กูถาม!”



ความเจ็บปวดของเขา...มันจะเป็นยังไงก็ช่าง



“...ครับ”



...เพราะอีกฝ่ายไม่เคยสนใจ...



เหตุผลเดียวคือพระรามไม่ใช่ชะเอม



ใบหน้ามนเศร้าสร้อย คิ้วบางขมวดแน่นก่อนที่น้ำตาเม็ดโตจะไหลหยดซึมผ้าปู...หยดแล้วหยดเล่า





ถึงร่างกายรู้สึกดีเหลือล้น แต่ภายในใจเริ่มปริร้าว





********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:37:06


ทดแทนรัก

ตอนที่ 19



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เนื้อหาเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป





แชะ!



“ฟู่...”



หลังจากที่ทุกอย่างเงียบลง พระรามก็นอนขดตัวหลับสนิท ใบหน้าอิดโรยและใต้ตาบวมช้ำยังมีคราบน้ำตาติดอยู่ ร่างสูงปลดปล่อยสบายตัวเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำจนสะอาด รู้สึกอยากสูบบุหรี่ขึ้นมาก็จุดสูบมันตรงนั้นด้วยความเคยชิน ทิ้งตัวลงนั่งพิงหัวเตียงและพ่นควันอยู่แบบนั้น



ดวงตาคมกริบปรายตามองร่างโปร่งแล้วก็อดนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่ได้



‘เพราะพี่ไม่ใช่เอมใช่มั้ย!!’



เสียงทุ้มแค่นหัวเราะ “...ไร้สาระ”



บอกแล้วว่าที่คบเป็นแฟนกับรามนั้นไม่ใช่เพราะชอบ แต่เพราะ...มันจำเป็นต่างหาก



เพราะอย่างนั้นที่ร่างโปร่งพูดตัดพ้อน้อยใจเรื่องของชะเอมนั้น ถึงเป็นเรื่องไร้สาระ อีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์จะมาเรียกร้องความเห็นใจอะไรใดๆ ทั้งนั้น



แล้วทำไมเขาถึง...รู้สึกผิด



‘ถ้าพี่จะโดนไอ้พวกนั้นทำอะไร นายก็ปล่อยพี่ทิ้งไปเหมือนวันนี้เลยสิ!!’



ทำไมต้องโมโหเมื่อพระรามพูดแบบนั้น



‘ไปไหนมา...กูถามว่าไปไหนมา!’



ทำไมต้องรู้สึกร้อนใจ เพียงแค่อีกฝ่ายไม่รับมือถือ ไม่ตอบแชท



ไอติมส่ายหัวเลิกคิด สงสัยจะอยู่ด้วยกันมากไป ถึงได้รู้สึกอะไรบ้าๆ บอๆ แบบนั้น คนที่เขาชอบคือพี่ชะเอมต่างหาก ร่างบอบบางน่ารักคนนั้นไม่ใช่ไอ้หน้าจืดที่ชื่อพระรามคนนี้



ยังไงก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น กับลูกชายอีกคนของแม่ที่ไม่ใช่พี่อิฐ...คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาทางสายเลือดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น



ร่างสูงเดาะลิ้น ขมวดคิ้วมองพระรามที่หลับพริ้ม รู้สึกโมโหมากที่ร่างโปร่งมาทำให้เขารู้สึกอะไรที่ไม่จำเป็น



“แค่ก...แค่ก!” พระรามไอค่อกแค่กดึงความสนใจ ไอติมพบแล้วว่าแม้ร่างโปร่งจะเหนื่อยเพลียแค่ไหน แต่เจ้าตัวกับไวต่อกลิ่นควันอย่างที่ปากว่าจริงๆ แค่เขาจุดบุหรี่สูบเพียงไม่นาน เจ้าตัวก็ปรือตาปิดปากไอโขลก ร่างโปร่งพยายามจะลุกขึ้นออกจากเตียงอย่างที่เคยทำ แต่คราวนี้เขาไม่ยอมให้ดิ้นหนี พลันมือใหญ่คว้าแขนผอมลงมานอนหงายเหมือนเดิมและคราวนี้ก็พ่นควันใส่ใบหน้ามนอย่างจงใจ “แค่กกก เฮือก...แค่ก!!”



“หึ” ใบหน้าหล่อเหลาแสยะยิ้มมุมปากที่เห็นใบหน้ามนขมวดคิ้วไออย่างรุนแรงต่อเนื่อง เขาไม่เคยเห็นใครที่เป็นแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะผู้ชาย “สำออยชิบหาย”



ไอติมเอ่ยด้วยความหมั่นไส้แกมโมโห เพราะว่าเจ้าหน้าจืดคนนี้มาทำให้เขารู้สึกหลากหลาย...เขาจึงทำแบบนี้ให้อีกฝ่ายรู้สึกเข็ด จะได้ไม่ดื้อกับเขาอีก



“แค่ก...” พระรามปรือตาอ่อนแรง แต่มือสองข้างยังคงปิดทั้งปากและจมูกไอจนน้ำตาไหลและพยายามขดตัวหนีไม่พ้นมือใหญ่ที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากก็พลิกตัวคนผอมไร้เรี่ยวแรงให้นอนหงายใต้ร่างเหมือนเดิม ครั้งแล้วครั้งเล่า



“เฮือก! แค่กๆๆ! ...อ่อก!” จนพระรามทนไม่ไหวอ้วกออกมาเป็นน้ำใสๆ ลงบนเตียง มันไม่มีอะไรนอกจากน้ำย่อยเหม็นเปรี้ยวเพราะเมื่อวานร่างโปร่งยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ “อ่อก...”



ร่างสูงเห็นแบบนั้นก็อึ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว “สกปรก”



“อุ๊บ...” ร่างโปร่งเป็นอิสระจากการกอบกุมก็รีบรุดวิ่งเข้าห้องน้ำหลังจากนั้นเสียงอ้วกก็ดังออกมายาวนานกว่าจะหยุด



วืด วืด



ไอติมที่กำลังนิ่วหน้ากับกลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยโชยออกมาจากกองน้ำบางอย่างบนเตียงที่พระรามทิ้งซากเอาไว้ ก็ได้ยินเสียงสั่นของมือถือ เขาหยิบมันขึ้นมากดรับเพราะเห็นโชว์ชื่อเพื่อนสนิทตนก่อนจะเดินออกมานอกห้องไม่สนใจร่างโปร่งที่ตอนนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง



“ว่า...”



(“ว่าไง”)



“อะไรว่าไงวะ มึงโทรมามีอะไรธาร” ร่างสูงตอบหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเป็นอะไร



(“ก็จะโทรมาถามว่าเป็นไงบ้างไง ทำไมต้องโมโหด้วย”)



ไอติมทิ้งตัวลงตรงโซฟา ก่อนจะพ่นลมหายใจตอบห้วน “ดี”



(“ตอบแค่เนี้ย”) ธารเสียงสูง ถามต่อยิ่งทำให้คนฟังขมวดคิ้ว (“แล้วคนนั้นอะ...รามเป็นไงบ้าง”)



“มึงจะถามทำไม”



(“มึงไปแดกรังแตนที่ไหนมา ทำไมดูอารมณ์ไม่ค่อยดี”)



พอโดนทักไอติมก็ชะงักและค่อยๆ หายใจเบาลง ตอบเสียงเบา “...ก็ไม่มีอะไร”



นั่นน่ะสิ เขาเป็นอะไร...แต่พอคิดได้ว่าเป็นเพราะพระรามทำให้ตนเป็นแบบนี้มันก็โมโหขึ้นมาอีก



(“เรื่องรามหรือเปล่าวะ”)



“ไม่ต้องมาทำเป็นเดา” ร่างสูงพูดเร็วเพราะเพื่อนมันแทงใจดำ



(“ถูกล่ะสิ”)



“...”



(“ทำไม สุดที่รักของมึงคนนี้ไปทำอะไรมา ถึงทำให้ไอติมสุดหล่อพ่อรวยKใหญ่ถึงได้หัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้”) สายธารเอ่ยแซว แต่หารู้ไม่คำพูดบางอย่างไปกระตุ้นยิ่งทำให้ร่างสูงตะคอกเสียงดังอย่างโมโห



“มันไม่ใช่สุดที่รักของกู! ไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรทั้งนั้น! ที่กูทำทั้งหมดนี้เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก!!” ร่างสูงพูดจบก็หอบหายใจแรง มือกำโทรศัพท์แน่น



ใช่ นี่แหละ ทั้งหมดนี่แหละที่เป็นเรื่องจริง พระรามไม่มีอิทธิพลที่จะมาทำให้เขาต้องรู้สึกอะไรใดๆ ทั้งนั้น!



(“เฮ้ย ใจเย็นเว้ย”) ปลายสายคงอึ้งไม่น้อยจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงใจเย็นทำให้ไอติมค่อยๆ รู้สึกตัว (“กูไม่กวนแล้วดีกว่า เดี๋ยวค่อยโทรมาใหม่ตอนมึงร่มๆ กว่านี้”)



หลังจากวางสาย ธารก็มองโทรศัพท์นิ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว



ติม คำพูดเมื่อกี้ มึงกำลังจะบอกกู...หรือบอกกับใจตัวเองกันแน่วะ



ตุบ!



“แม่ง...” ไอติมสบถ โยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนโซฟาก่อนจะหลับตาพิงศีรษะกับพนักโซฟา ลมหายใจแรงเมื่อกี้ค่อยๆ เบาลงจนเป็นสม่ำเสมอ



โดยไม่รู้ว่าหลังกำแพงภายในห้องนอนที่เปิดประตูอ้าไว้ ร่างโปร่งที่ควรจะอยู่ในห้องน้ำกำลังนั่งปิดปากน้ำตาไหลอาบหน้า แผ่นหลังบางกระตุกเพราะแรงสะอื้น หลังจากที่เผลอได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิด



“อึก...อึก!” ไอติมคุยโทรศัพท์กับใครบางคน และคนๆ นั้นน่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่ชื่อธาร แต่สิ่งที่เขาไม่อยากจะเชื่อคือสิ่งที่ร่างสูงตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน เป็นคำพูดที่ทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าภาวดีตาย



ร่างโปร่งคู้ตัวลงนอนขดกับพื้น ร้องไห้น้ำตาไหลไม่มีเสียง แต่ดูทรมานยิ่งกว่าฟูมฟาย มือเรียวยกขึ้นจิกข่วนแผ่นอกตรงตำแหน่งหัวใจจนเป็นรอยแดง ระบายความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นแต่มันไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลย...แม้จะจิกจนเลือดซึม ผิวหนังบางส่วนติดเล็บออกมาก็ไม่ช่วย



“ฮึก!” เสียงสะอื้นที่เล็ดลอดผ่านฝ่ามือทำให้ฟันขาวกัดนิ้วเรียวนอกจากจะเพื่อกลั้นเสียงร้องไห้แล้วก็ทำเพื่อพยายามข่มความเจ็บที่เกิดขึ้นข้างใน แต่แม้จะกัดจนเลือดออกมันก็ไม่หาย



ข้างในมันเจ็บมาก



ไม่รู้ว่าเจ็บที่ติมหลอกเขาหรือเจ็บที่รู้ว่าร่างสูงรักชะเอมมากกันแน่



เขาถูกหลอกใช้...เพราะติมอยากให้ชะเอมปลอดภัยจากคู่อริที่แค้นกันอยู่



แสดงว่าชีวิตของเขาจะเป็นยังไงก็ช่าง...ชีวิตของเขาจะตายไป ติมก็คงไม่เสียดาย



สุดท้ายแล้ว...รามก็เป็นได้แค่ตัวแทนที่แสนไร้ค่าของใครคนหนึ่งที่รอวันจบชีวิตลง...เท่านั้นเอง





********************* Love Substitute *********************





ต่อกๆๆ



ไอติมตื่นขึ้นและลุกจากเตียงเพราะได้ยินเสียงออกมาจากห้องนอน ตอนแรกนึกว่าเป็นเสียงทีวีจากห้องนั่งเล่น แต่จริงๆ แล้วเป็นเสียงมาจากห้องครัวต่างหาก ร่างโปร่งกำลังยืนอยู่หน้าเขียงจับมีดสับเนื้อหมูสีชมพูชิ้นใหญ่จนละเอียด จากนั้นก็เอาผักที่เตรียมไว้มาหั่นเป็นท่อน ยังดูเก้งก้างนิดหน่อยแต่ก็คล่องแคล่วไม่เหมือนมือใหม่ เพราะจริงๆ แล้วเขาศึกษามานานหลายชั่วโมง



"รามทำอะไร" ร่างสูงเกาหัวฟูแกรกๆ ทั้งๆ ที่เพิ่งตื่นแต่ใบหน้าก็ใสกิ๊งหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลง



"พี่จะลองทำอาหารง่ายๆ ก่อน" พระรามพูดขณะที่มือตอกไข่ลงชามสองสามฟอง "ไข่เจียวหมูสับ กับต้มจืด"



"หืม..?" ติมครางในลำคอ ดวงตาคมกริบมองสำรวจร่างโปร่งที่ใส่เสื้อกันเปื้อนสีเทาอ่อนที่สะอาดเอี่ยมอ่องเนื่องจากไม่เคยถูกแตะใช้เลยพอๆ กับหม้อไหกะละมังในห้องนี้แล้วเลียริมฝีปาก ดูแปลกตาแต่น่าปลดเปลื้องไม่น้อย...หมายถึงถอดเสื้อออกแต่เหลือผ้ากันเปื้อนไว้



ถ้าทำตอนใส่ผ้ากันเปื้อนจะเป็นยังไง



"ท้องจะเสียไหม"



คนฟังหัวเราะเจื่อน "ไม่รู้สิ ต้องลองกิน"



"งั้นถ้ารามชิมแล้วโอเค เดี๋ยวผมค่อยกินนะ"



"อืม ได้สิ" พระรามตอบไม่มองหน้า ดวงตาเรียวหม่นเศร้า ฝืนยิ้มฝืดเฝื่อน



ผ่านมาสองวันแล้วตั้งแต่วันนั้น วันที่เขารู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัยมาตลอด



เรื่องที่ว่าทำไมติมถึงเป็นแฟนกับเขาทั้งๆ ที่ชอบเอม...มันไม่ใช่สิ่งที่เขาเข้าใจอย่างที่คิด แต่กลับเป็นอะไรที่โหดร้ายกว่านั้นมาก แต่พระรามก็ทำเป็นเงียบและเก็บเอาไว้



ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆ ที่ควรจะหนีไปให้ไกล...แต่เขามันโง่มากจริงๆ ที่คิดว่าถ้าหากเป็นอย่างที่ติมคุยกับเพื่อนสนิทคนนั้น หากเขาอยู่แบบนี้เอมจะปลอดภัย ส่วนติมก็สามารถปกป้องตัวเองได้



ถ้าหากทั้งคู่ปลอดภัย เขาก็จะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ



ยังไงเขาก็ไม่มีใครอีกแล้ว ครอบครัวเขาตายไปหมดในความรู้สึก...ถ้าหากเขาตายไปก็จะสมใจติม ถ้าหากเขาตายไปจะได้ไปหาแม่ที่อยู่บนสวรรค์ เพราะฉะนั้นชีวิตที่เหลืออยู่เขาจะทดแทนรักที่มีอยู่ให้กับคนที่เขารัก



อยากให้ร่างสูงรู้ในสักวัน ว่าความรักของพระรามที่ให้ไอติมมันมีค่าแค่ไหน



ไม่กล้าพูดว่าจะทดแทนสิ่งที่เขาขโมยจากแม่ภาวดีมาจากร่างสูงตั้งแต่ยังเล็ก แต่อย่างน้อยถ้าช่วยได้บ้าง เขาก็อยากจะช่วย เรื่องทำอาหารก็เป็นส่วนหนึ่งเพราะภาวดีเคยทำอาหารให้เขาทาน จนกระทั่งเธอป่วยกระเสาะกระแสะ เขาก็ไม่ได้ทานอาหารฝีมือแม่อีกเลย



ไอติมที่ไม่ได้ทานอาหารฝีมือของภาวดี เพราะงั้นเขาจะทำให้ทานเอง...ถ้าหากอีกฝ่ายยอมล่ะก็นะ



พระรามยิ้มน้อยๆ เลิกคิดและสนใจสิ่งที่ทำตรงหน้า เขาศึกษามาทั้งคืน ก่อนจะลุกขึ้นมาเตรียมอาหารตามที่ในคลิปบอก เช่นวิธีการหมักหมูให้อร่อย เขาทำตามที่ในคลิปบอกทุกอย่าง เพราะงั้นรสชาดก็น่าจะออกมาดีอยู่พอควรล่ะน่า



จะได้ลบคำสบประมาทของไอติมด้วย...ลึกๆ ในใจหวังจะให้อีกฝ่ายชมว่าสิ่งที่เขาทำมันอร่อย...และดีแค่ไหน



อีกฝ่ายมักจะเปรียบเทียบเขากับชะเอมโดยไม่รู้ตัว...หรืออาจจะเป็นตัวเขาเองมากกว่าที่พอรู้ว่าไอติมชอบเอมแล้วก็อยากจะเป็นแบบร่างบางบ้าง



แต่ยังไงเขาก็เป็นไม่ได้หรอก ทั้งหน้าตาก็จืดชืด นิสัยก็ไม่เหมือน...สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเท่านี้



ดวงตาเรียวหม่นหมอง พอคิดมากแล้วเกิดการเปรียบเทียบ ก็จะรู้สึกด้อยค่าทุกครั้ง



“นิ้วไปโดนอะไรมา” ไอติมถามพลางจ้องไปที่ผ้าพันแผลสีเนื้อที่ติดอยู่ตรงข้อนิ้วเรียว



“มะ มีดบาด” พระรามตอบตะกุกตะกัก...รอยกัดในวันนั้น มันลึกจนเลือดออกและแสบมากเวลาโดนน้ำจึงหาพลาสเตอร์มาปิดเอาไว้...ก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น แค่ปิดบังบาดแผลเอาไว้เท่านั้น



"แล้วใส่ผ้าปิดปากทำไม"



"พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย แค่กๆ...กลัวจะไอลงไปใส่กับข้าวน่ะ" เมื่อวานซืนกลับจากทำงานเวลาเดิมก็ถูกไอติมทำตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า แล้วตอนเช้าทำงานเสร็จก็กลับมาเจอติมที่ตื่นขึ้นพอดีก็โดนอีกหลายรอบจนสลบไป เขายังคิดอยู่เลยว่าทำไมถึงมีแรงมาทำอะไรแบบนี้ แต่ว่านี่เป็นสิ่งที่เขาอยากทำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ไอติมก็คิดแต่เรื่องใต้กางเกง



ไม่ใช่เขาไม่ชอบ แต่ว่าโดนทีไรเขาก็ห้ามไม่ได้ทุกที ปล่อยเลยเถิดจนกายรับไม่ไหว ตัวรุมๆ ขึ้นมา



"ถ้าไม่สบายก็อยู่เฉยๆ ซื้อมากินง่ายกว่ามั้ย"



"..." ริมฝีปากบางยิ้มเจื่อนทันทีที่ฟัง สิ่งที่เขาพยายามทำ อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจกันบ้าง แต่พอฟังคำพูดของติมแล้วเหมือนเขากำลังฝืนดันทุรัง ทำอะไรบ้าบออยู่คนเดียว



ถึงจะคิดโน่นนี่น้อยใจมากเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็คงไม่รับรู้และไม่สนใจ ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้มช่างมืดมิดและว่างเปล่า แต่ก็ยังคงทำสิ่งตรงหน้าไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากข้างใน



ติ๊ง!



"ราม มือถือ"



"พี่ฝากติมดูหน่อยได้มั้ย" พระรามกำลังง่วนอยู่กับแต่ในครัว หม้อกำลังเดือดไม่สามารถละสายตาได้ ทำให้ร่างสูงเดินไปหยิบมือถือให้ตามที่อีกฝ่ายบอก



"พี่เอมชวนไปกินข้าว"



ชื่อที่ติมพูดทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก ต้องรีบเก็บอาการ แม้ทำเป็นนิ่งแต่น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย "อะ อ้าว...เหรอ"



"ไปสิ ราม"



“เอ๊ะ แล้ว...” พระรามเหลือบมองของในห้องครัว แล้วสิ่งที่เขากำลังทำล่ะ ใครจะกิน?



"เดี๋ยวค่อยกลับมาทำตอนเย็นก็ได้”



“แต่พี่มีทำงานตอนบ่าย”



“งั้นก็ทำต่อพรุ่งนี้”



“...” พระรามเม้มปากแน่นจนซีด สงสัยว่าคนชวนไปทานข้าวจะทำให้ไอติมกระตือรือร้นเป็นพิเศษ จนกับข้าวที่เขาคิดจะทำไม่สำคัญ...ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นชะเอมมาทำกับข้าวให้ แล้วเขาชวนไปทานข้าวบ้างล่ะ



ไม่อยากจะคิดเพราะคำตอบมันแน่ชัดอยู่แล้ว



“ยังไงก็ครั้งแรก แถมรามก็ยังมือใหม่ทำไม่อร่อยหรอก วันอื่นก็ยังมีให้ฝึกฝีมืออีก ไม่งั้นก็เลิกทำงานที่ทำอยู่แล้วมานั่งทำกับข้าวทั้งวันเลยสิ” เสียงทุ้มบอกพลางเดินเข้าห้องนอน สงสัยจะไปอาบน้ำ ใบหน้ามนมองตามและหลุบตาต่ำ



“แค่ก...ฟืด” ใบหน้ามนซบลงกับแขนเสื้อขยี้ตา พอละออกก็เปียกชื้นเป็นวง เฮ้อ...บ้าจริงเลย



ไม่รู้ว่าคำพูดนั้นเป็นคำประชดหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้มือเรียวค่อยๆ วางมีดลง ปิดแก๊สที่กำลังอุ่นน้ำซุปหอมกรุ่นแล้วก็ถอดผ้ากันเปื้อนออก ขาเรียวเดินออกจากส่วนครัวไปห้องนั่งเล่น หยิบมือถือขึ้นมาเปิดข้อความที่ถูกส่งมาจากชะเอม เขาอ่านแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนที่นิ้วเรียวจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป



chÄim : ราม วันนี้ว่างมั้ย ออกมาทานข้าวกันนะ ที่ห้าง...ร้าน...สิบเอ็ดโมงนะ ^^ แล้วเจอกัน



RamĀ : อืม ได้ เจอกันนะ



RamĀ ส่งสติกเกอร์



แกร๊ก...



“ติม เสร็จแล้วเหรอ...” ใบหน้ามนร้อนผ่าว มองร่างกายแกร่งที่ปิดด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวด้วยสายตาสั่นไหว “ติม?”



กลางกายมันปูดดุนดันจนชายผ้าเลิกขึ้นมาเห็นต้นขาแกร่ง มันเห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังมีอารมณ์



“ราม ช่วยหน่อย”



“แต่พี่...” ใบหน้ามนภายใต้ผ้าปิดปากซีดเซียว เขากำลังไม่สบาย รู้สึกไม่ค่อยดี แล้วก็มีงานทำตอนบ่ายด้วย ระหว่างที่กำลังคิดหาข้ออ้าง แต่ร่างสูงไม่รอฟังลากร่างโปร่งเหวี่ยงปลิวลงเตียง แม้ร่างโปร่งจะถดหนีก็ถูกลากข้อเท้ากลับมานอนใต้ร่างเช่นเดิม



“จะหนีทำไม” เสียงทุ้มถามเหี้ยม เส้นเลือดปูดที่ขมับเหมือนกำลังจะโมโหทำให้พระรามไม่กล้าขัดอีก แต่เอ่ยอ้อนวอนต่อรองแทน



“ติม รอบเดียวได้มั้ย...นะ”



ร่างสูงไม่ฟัง มือเอื้อมปลดผ้าขนหนูออกเผยอาวุธแข็งแกร่งและปลดเปลื้องเสื้อผ้าของพระรามโดยเว้นผ้าปิดปากเอาไว้ ไม่ใช่เหตุผลอะไรมากมาย ก็แค่เพื่อยั่วสายตาตัวเอง...มันเซ็กซี่อย่างประหลาด มีแค่ดวงตาเรียวปรือปรอยที่โผล่ออกมาให้เห็น แล้วเสียงทุ้มใสเวลาครางผ่านผ้าปิดปากจะเป็นยังไงนะ



“อื๊อ...” พระรามแอ่นอกรับสัมผัสมือที่เย็นกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะร่างกายของเขามันร้อนมากกว่า อุณหภูมิต่างๆ จึงเย็นไปหมด มือเรียวจิกผ้าปูแน่นยามที่มือใหญ่อ้าขาของเขาออกและแก่นกายร้อนสอดแทรกเข้ามาจนสุดโคน ไอติมเชิดหน้าครางแช่ตัวตนไว้ในช่องทางร้อนผ่าว มันตอดแน่นตุ้บซ้ำยังกระตุกถี่ๆ ตามความตื่นเต้นของเจ้าของจากนั้นก็ขยับเข้าออกไม่ฟังเสียงคำขอร้องทั้งน้ำตา



“ฮือ ติม พี่พอแล้ว ได้โปรด...อ๊ะ อ๊า” แม้จะรู้สึกดี แต่ร่างกายของเขาเริ่มร้อนขึ้นมากขึ้นทุกที มือเรียวย้ายขึ้นมาจับแขนแกร่งที่ค้ำข้างศีรษะทั้งจิก ทั้งข่วน เพราะไอติมไม่ผ่อนแรงเลยแม้แต่นิด



ไม่สงสารเขาเลย



“ของกูดีไม่ใช่เหรอ งั้นก็รับไว้สิ...ซี้ด” ร่างสูงสูดปากกับผนังนุ่มร้อนที่ตอดดูดดุนแก่นกายใหญ่แน่นไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าติมจะทำกี่ครั้งก็รู้สึกดีมากทุกครั้ง



ต่อด้านล่าง


หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:37:38



ต่อจากด้านบน




พระรามนอนอ้าขา อ้าปากครางฟังเสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดอยู่แบบนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าปลดปล่อยไปกี่ครั้ง แต่กว่าทุกอย่างจะจบลงก็เกือบถึงเวลาที่นัดไว้กับชะเอม ถ้าหากไม่ได้นัดทานข้าวไว้ เขาคงโดนจนกว่าจะถึงเวลาทำงานเป็นแน่



“ใส่เสื้อผมไปนะ” ไอติมโยนเสื้อไว้บนเตียง ร่างโปร่งมองมันและหยิบมาใส่ หัวสมองของเขามึนเบลอเกินกว่าจะถามไถ่อะไร แขนผอมกอดตัวเองแน่นหลังจากอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย



หนาว



“ไปได้แล้ว สายแล้ว” เสียงทุ้มพูดก่อนจะเดินนำออกไปก่อน ก็ที่สายอยู่นี่ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายหรือยังไงล่ะ



“แค่กๆ” พระรามเดินตามร่างสูงไปที่รถ ปิดปากไอเบาๆ เขาไม่ได้หยิบผ้าปิดปากมาด้วย เพราะถ้าพวกเพื่อนๆ เห็นจะเป็นห่วงและถามจนได้เรื่อง ร่างโปร่งพยายามข่มอาการป่วยซึ่งทำได้ยากมาก แถมยังปวดหัวหนึบๆ



“ติม เบาแอร์หน่อยได้มั้ย พี่...หนาว” ร่างโปร่งผอมขดตัวกอดตนหวังให้ความอบอุ่น แต่ร่างกายไร้ไขมันของเขามันสั่นไม่หยุดเลย แม้จะวอนขอแต่ร่างสูงยังคงนั่งนิ่งเฉย ทั้งๆ ที่อยู่ในรถแค่นี้ก็น่าจะได้ยินสิ่งที่เขาพูดแท้ๆ ดวงตาเรียวตัดพ้อ ใบหน้ามนก้มต่ำซ่อนน้ำตาที่รื้นขึ้น ไม่รู้เลยว่าไอติมคิดอะไรอยู่ แต่เขารับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น



ทำไม...ทั้งๆ ที่คิดว่าจะดีขึ้นแล้วแต่เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเรามันถดถอยกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้เลย



ไอติมคนนั้นใจร้ายและเย็นชา



‘มันไม่ใช่สุดที่รักของกู! ไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรทั้งนั้น! ที่กูทำทั้งหมดนี้เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก!!’



แค่นึกถึงแขนก็กอดตัวเองแน่นขึ้นอีก น้ำตารื้นขึ้นจนวิวทิวทัศน์นอกรถพร่าเลือน



แม่ครับ พ่อไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ผมตัวคนเดียวแล้ว



...ถ้าหาก...ถ้าหากว่าผม...



“ฟืด...” ลมหายใจร้อนผ่าวดังติดขัด ดวงตาเรียวค่อยๆ ปรือหลับลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา



...แม่รอผมด้วยนะ...





********************* Love Substitute *********************





ทันทีที่พระรามกับไอติมเดินเข้ามาในร้านที่นัดเอาไว้ก็แทบไม่ต้องมองหาเพราะว่าเพื่อนของเขาหน้าตาดีทุกคนโดยเฉพาะชะเอมกับคินที่โดดเด่นกว่าใคร พระรามนิ่วหน้าปวดหัวอย่างมากแต่ก็กัดฟันแน่นข่มความรู้สึก เพราะไม่อยากเห็นสายตาเป็นห่วงของชะเอมน่ะนะ



“นั่น...ติมนี่นา” เสียงใสแว่วมาแต่ไกล พร้อมกับดวงหน้าหวาน ตากลมโตสีดำและรอยยิ้มสว่างไสว



"พี่เอม หวัดดีครับ" ร่างสูงข้างกายเขาทักทายร่างบางก่อนใครเพื่อนแถมยังยิ้มกว้าง ราวกับคนอื่นเป็นแค่ตัวประกอบ ยิ่งเรียกสายตาจ้องเขม็งจากร่างสูงที่อยู่ข้างกายชะเอมหนักเข้าไปอีก



"อ่า อื้ม หวัดดี...ราม นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว" เสียงใสตอบตะกุกตะกักและทักทายเขาที่เดินตามมา ซึ่งเขายิ้มรับกับคำพูดนั้น



"มาสิ ต้องมาอยู่แล้ว...แต่โทษทีนะที่มาช้า"



"ไม่เป็นไรๆ ทั้งคู่มานั่งก่อน"



ร่างบางกวักมือทำให้พระรามเดินตามคำชวน แต่เหมือนติมจะแสดงโจ่งแจ้งมากเกินไปหน่อยสำหรับเขา ร่างสูงทิ้งตัวแทรกช่องว่างข้างๆ ชะเอมทำให้ร่างโปร่งมองแล้วยิ้มเจื่อน ขาเรียวจึงเดินมาอีกฝั่งที่เป็นที่นั่งระหว่างคินกับเพื่อนอย่างดินแทน ดวงตาเรียวเหลือบมองใบหน้าคมกริบที่มีความขุ่นเคืองอะไรบางอย่างแล้วก็ก้มหน้า เขาเคยคุยกับคินนิดหน่อยตอนที่อยู่ค่ายต่างจังหวัด จึงไม่ได้รู้สึกสนิทใจอะไรที่จะเริ่มชวนคุยก่อน



แปลบ!



จู่ๆ เส้นประสาทในสมองก็แล่นจี๊ดขึ้นมาจนสะดุ้ง เขาปวดหัวมากแต่ก็เก็บอาการอย่างรวดเร็ว...ไม่มีใครสังเกตเห็น



"ว่าแต่ทำไมทั้งคู่มาด้วยกันล่ะ" สินเป็นคนเอ่ยถาม ทำให้เขาเหลือบมอง หน้าที่ของเขาคือเงียบเพราะเดี๋ยวติมจะเป็นคนตอบเอง



"พอดีผมได้ยินว่าพี่ชะเอมนัดรามมากินข้าวผมก็เลยมาส่ง แต่รามชวนมากินด้วยกัน ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ" ใบหน้าหล่อเหลาหันไปถามร่างบางที่นั่งเหงื่อตกข้างๆ ก่อนจะพยักหน้าไม่พูดอะไร



"ทำไมรามใส่เสื้อตัวใหญ่จัง" เสียงใสเอ่ย เป็นคำถามที่ตอบยากมาก เขาไม่รู้ว่าต้องตอบว่าอะไร "นี่รามผอมลงมากเลยรู้มั้ย"



ร่างโปร่งอึกอัก "อ่า คือ..."



เพราะเดี๋ยวคำตอบไม่เข้าหู ร่างสูงก็จะมาโมโหเขาทีหลังอีก



"นั่นเสื้อผมเองแหละ ผมให้รามยืมใส่น่ะ พอดีเมื่อคืนรามทำงานจนดึกก็เลยไปค้างที่ห้องผม"



"อ๋อ..."



"ว่าแต่มึงไม่เรียกรามว่าพี่วะ ยังไงมันก็เป็นรุ่นพี่มึงนะ" ดินเลิกคิ้วถามเสียงเหี้ยมแทรกขึ้นมา ทำให้เขาที่กำลังเหม่อสะดุ้งน้อยๆ รีบโบกมือ



"เฮ้ยไอ้ดิน..."



อย่าไปพูดหาเรื่องแบบนั้นกับติมสิ



"ก็ผมเรียกแฟนด้วยชื่อก็ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยไม่ใช่เหรอ" ร่างสูงเท้าค้างยิ้มมุมปากหัวเราะน้อยๆ ราวกับสิ่งที่พูดมันไม่ได้แปลกอะไรเลย แต่กับเพื่อนๆ ของเขาหันขวับตาโตและอุทานเสียงดัง



"หา!!!?"



"...จริงเหรอ?" ชะเอมถามพลางแย้มยิ้มน่ารัก สายตากลมมองหน้าเขากับติมสลับไปมาเพื่อขอคำตอบ



"เฮ้ยเอาจริงเหรอวะ" สินถามบ้าง



จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่พวกมันที่ตกใจหรอก เขาก็ด้วย



รามเม้มปากก้มหน้าสีหน้าระเรื่อ มือเรียวกำชายเสื้อที่ยาวจนลงมากองตรงต้นขาแน่น หัวใจเต้นระรัว แต่แค่แวบเดียวหัวใจก็เต้นเบาลงเรื่อยๆ ใบหน้ามนซีดยิ้มฝืดเฝื่อน



‘ที่กูทำทั้งหมดนี้เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก!!’



"อืม ตามนั้นแหละ" เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบา ถ้าหากว่านั่นเป็นสิ่งที่ติมต้องการ...ไม่สิ เขาก็ต้องการเหมือนกัน แม้จะเป็นเรื่องหลอกลวงโกหก เขาก็จะทำตาม...ไม่ขัด



เขานี่แหละที่สมควรถูกเรียกว่าคนโง่อย่างแท้จริง



"ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ" ชะเอมถามขึ้นอีกครั้งอย่างตื่นเต้น ลืมคนข้างๆ ที่ทำหน้าบึ้งตึงไปแล้ว



"ได้สักพักแล้วล่ะครับ"



"พักนี้ก็ว่าไม่ค่อยได้เห็นมึงเลยราม มาเรียนก็สาย เรียนเสร็จก็กลับ คุยก็ไม่ได้คุย" ดินไม่สนใจคำตอบของรุ่นน้องเพียงหนึ่งเดียว ก่อนจะถามความเป็นไปของเพื่อนแทน แกมบ่นด้วย



"โทษทีว่ะ พอดีที่บ้านยุ่งๆ" รามโป้ปด เรื่องครอบครัวของเขาน่ะ มันจบไปตั้งนานแล้วต่างหาก



"เหรอวะ มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะเว้ย" ดินว่าอย่างไม่สงสัย ก่อนจะตบไหล่เขาจนแทบทรุด แต่คำเป็นห่วงของเพื่อนก็ทำให้ร่างโปร่งยิ้มออกมาได้ แม้จะฝืนแค่ไหนก็ตาม



"อืม ขอบใจ"



ร่างกายของเขามันร้อนขึ้นทุกขณะ พอๆ กับศีรษะที่ปวดตุ้บๆ รุนแรงขึ้นทุกที



จะทนไหวรึเปล่าไม่รู้ แต่ขอให้ทนไหวทีเถอะ...อย่างน้อยก็ให้ผ่านพ้นวันนี้ไป



"วันนี้วันดีจังเนอะคิน" ร่างบางพูดกับร่างสูงข้างกายด้วยรอยยิ้ม เรียกความสนใจของคนทั้งโต๊ะได้



"อืม"



คินตอบสั้นยิ้มอ่อนโยนเต็มไปด้วยความเอ็นดูและรักใคร่ มือใหญ่ยกลูบหัวทุยที่เอียงรับสัมผัสพร้อมใบหน้าหวานยิ้มกว้างและหลับพริ้ม



ความรักระหว่างทั้งสองคนที่แสดงออกมาชัดเจน ทำให้ดวงตาเรียวสั่นไหวรุนแรง ดีจัง...ถ้าหากติมทำแบบนั้นกับเขาบ้าง...



พอทั้งโต๊ะเงียบกริบก็ทำให้สองคนที่ทำตัวเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวรู้สึกตัว โดยเฉพาะชะเอมที่สะดุ้งตาโต



"คะ คือว่า..." เสียงใสตะกุกตะกัก ใบหน้าหวานแดงเรื่อ



"สองคนนี้ยังไง" สินถามยิ้มๆ แววตามีความยินดี "สรุปคืนดีกันได้ยังไงเนี่ยเอม"



"คืนดีกันแล้วเหรอ" เขาถามบ้างอย่างนึกขึ้นได้ จริงๆ แล้วเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันตั้งแต่วันนั้น ที่เจอกันในซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ชัดเจนขนาดนี้



"คะ คือ..." ชะเอมเหลือบมองคนข้างกายพอได้รับรอยยิ้มอบอุ่นก็ตอบอย่างมั่นใจ "อื้ม"



"แล้วคืนดีกันได้ไงล่ะ" ดินว่า



"เอ่อ...ก็คือวันก่อนเราไม่สบาย คินอยู่ดูแลเราตลอดเลย...ก็เลย..."



ร่างโปร่งมองใบหน้าหวานที่เหมือนจะแดงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความยินดี แต่ก็มีความรู้สึกอื่นปนเข้ามาด้วย



เขารู้สึกอิจฉา ในยามนี้ที่เขาไม่สบาย นอกจากติมจะไม่เคยคิดจะดูแลแล้วยังปล่อยเขาทิ้งขว้างไม่สนใจอีกต่างหาก...แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว



ดวงตาเรียวมองภาพด้านหน้าด้วยความพร่าเบลอ สมองปวดหนึบมึนงงไม่ได้รับรู้ว่าเพื่อนคุย หัวเราะเฮฮาอะไรกัน เพราะเสียงด้านนอกมันอื้ออึง เปลือกตาบางกระพริบถี่ ริมฝีปากบางยังคงยิ้มน้อยๆ ไม่อยากให้เพื่อนสงสัยและเป็นกังวล



"ราม...ไอ้ห่าราม!"



"หะ...?" ร่างโปร่งสะดุ้งกับเสียงเรียกดัง เสียงทุ้มใสตอบเอื่อย "ว่า?"



"เป็นไรวะ ช่วงนี้ซึมๆ อึนๆ ทำงานเหนื่อยเหรอ" ประโยคหลังพูดกระซิบกระซาบไม่ให้ชะเอมได้ยิน ดินก็คงคิดเหมือนกันว่าไม่อยากให้ชะเอมรู้เรื่องการโหมงานหนักของเขา ก่อนที่ใบหน้ามนจะส่ายหน้าน้อยๆ



"เปล่า โทษที" คำพูดประกอบหายใจแรง เขารู้สึกเหมือนจะไม่ไหวแล้ว



ต้องรีบ...ออกไป



"เออแล้วจะกินไร กินเยอะๆ หน่อย...อย่างที่เอมบอกอะ มึงผอมเกินไปแล้วนะ"



"กูไม่ค่อยหิวว่ะ" รามบอกดินก่อนหันหน้าไปหาเอม "โทษนะเอม วันนี้คงไม่ได้กินข้าวด้วยแล้ว เดี๋ยวเราต้องไปทำงานต่อ"



ที่บอกแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เพื่อนตัวน้อยน้อยใจเพราะอุตส่าห์ชวนเขามาด้วยตัวเอง เขารู้สึกยินดีกับอีกฝ่ายด้วยกับการมาเปิดตัวคบกับคินอย่างเปิดเผย แต่ถ้าจะให้อยู่ทานข้าวด้วยคงไม่ไหว วันนี้ร่างกายเขาไม่พร้อมจริงๆ



แล้วเขาก็ไม่หิวเลยสักนิด



ไอติมหันขวับมาจ้องเขม็ง แต่พระรามทำเมิน ส่วนชะเอมครางทำหน้าเสียดายอย่างชัดเจน ร่างโปร่งจึงขอโทษอีกครั้ง



"ไม่เป็นไรราม ครั้งหน้าก็ได้เนอะ” ร่างบางพยักหน้าอย่างเข้าใจแม้จะเสียดาย หันไปถามรุ่นน้องตัวสูงข้างๆ “แล้วติมล่ะเอาไง"



"ผม..."



"เดี๋ยวติมอยู่ที่นี่ก็ได้ พี่ไปทำงานคนเดียว"



"ไอ้ห่า งานอีกแล้วเหรอวะ วันนี้อุตส่าห์มาเจอกันทั้งทีก็พักหน่อยดิ" ดินบอก



สินพยักหน้ารับ "กูเห็นด้วย"



"ขอโทษจริงๆ ว่ะ..." เขาได้ยินเพื่อนพูดแล้วแต่ว่าไม่คิดฟัง ร่างโปร่งรีบยันตัวลุกขึ้น สงสัยจะเร็วเกินไปจนภาพใบหน้าของเพื่อนวูบไหว หัวสมองขาวโพลนชั่วครู่ รู้ตัวอีกทีเขาก็เซมาอยู่ในอ้อมอกของคินแล้ว มือเรียวดันอกกว้างผละออกอย่างรวดเร็ว



"ขอบใจ..." พูดเสร็จก็หายใจแรงอีกครั้ง แพขนตากระพริบถี่ เมื่อกี้...รู้สึกเหมือนจะเป็นลม



นี่เขาเป็นแบบนี้อีกแล้ว เป็นหนักเหมือนกับวันที่ทำงาน นอนซมไม่สบายตั้งสามวัน พอรู้สึกตัวอีกที...แม่ก็จากไปแล้ว



เพราะมัวแต่คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องอดีตที่ผ่านมา ไม่ทันเห็นว่าเพื่อนๆ มองมาด้วยสายตาเป็นห่วงโดยเฉพาะชะเอม



"ราม เป็นอะไร" ร่างบางเข้าประชิดตัว ดูจากสีหน้าคงตกใจไม่น้อย "ราม..."



"ไม่เป็นไร เอม แค่หน้ามืดนิดหน่อยเท่านั้น" เสียงทุ้มใสเอ่ยย้ำยืนยัน ใบหน้าที่ซีดลงเล็กน้อยยิ้มให้ร่างบางสบายใจ "โทษทีนะที่ทำให้เป็นห่วง"



แต่เจ้าตัวกลับเข้าใจเป็นอีกอย่าง "หรือว่าหิวข้าวรึเปล่า ถ้าไม่รีบก็กินอะไรสักหน่อยรองท้องค่อยไปทำงานก็ได้นะ"



พระรามฟังก็อดระบายยิ้มไม่ได้ "ขอบใจเอม" เพราะงี้แหละถึงไม่อยากให้ชะเอมเห็นว่าเขากำลังรู้สึกแย่แค่ไหน...และเขาก็ไม่อยากอยู่ต่ออีกสักวินาทีเดียว



"ถ้างั้น..."



"แต่ว่ามันเป็นงานด่วนมาก ครั้งหน้าเดี๋ยวเรานัดออกมาอีกทีดีมั้ย" พระรามเสนออย่างเร็ว อยากจะไปจากตรงนี้แล้ว



ชะเอมหน้าซึมแต่ก็ยอม "ก็ได้"



"งั้นเราไปก่อนนะ...พวกมึงกูไปก่อน" เขาพูดเสร็จก็เดินออกมาทันที รู้ว่าทุกคนจะต้องเป็นห่วง แล้วเมื่อกี้คินคงจะต้องรู้แน่แล้วว่าตัวเขาร้อนแค่ไหน แต่ด้วยนิสัยของคินแล้วเขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่บอกชะเอมหรอก



ทั้งร้อนผ่าวทั้งหนาวสั่น ในหัวบีบเค้นหนักจนต้องนิ่วหน้า เป็นอาการที่น่ารำคาญที่สุด



แล้วตอนบ่ายเขาจะทำงานไหวมั้ย



ดูจากร่างกายตอนนี้แล้วคงไม่ไหว คงจะต้องรีบหายามากินกันไว้...



พรึ่บ!



“!” ดวงตาเรียวเบิกกว้าง เผลอสูดลมหายใจอย่างตกใจเมื่อมีคนมากระชากแขน เป็นคนที่ไม่คาดคิด



“ติม” ร่างสูงจ้องมองเขาด้วยสายตาคาดคั้น กินเลือดกินเนื้อ



“ออกมาทำไม”



“พี่บอกแล้วไงว่าต้องมาทำงาน” พระรามพูดเสียงสะบัดรำคาญ พลางบิดแขนออกไร้เรี่ยวแรง



“มึงจะเรียกร้องความสนใจจากกูใช่มั้ย” เสียงทุ้มเค้นหนัก ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองคนตัวผอมที่ฝืนดิ้น รับรู้ถึงความร้อนผ่าวที่เมื่อเช้าร่างโปร่งอ้างว่าไม่สบาย “เห็นมึงออกมาแบบนี้ แล้วถ้ากูไม่ตามออกมาพี่เอมจะมองกูยังไง”



ดวงตาเรียวน้ำตารื้น สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะทำอะไรคนที่แคร์ที่สุดก็คือเอมอยู่ดี “ใครจะมองยังไงก็ให้มองไปสิ ปกตินายสนใจด้วยเหรอติม”



เขาจะไม่สบาย ตัวร้อน จะเป็นลมที่ไหนอีกฝ่ายก็ไม่สนใจ



“ปล่อยพี่...โอ๊ย” เสียงทุ้มใสร้องโอดเมื่อมือใหญ่ออกแรงบีบเค้นข้อมือผอมจนกระดูกแทบหัก น้ำตาเม็ดโตไหลหยด “ฮือ พี่เจ็บ”



“อย่ามาสำออย” ดวงตาคมกริบมองใบหน้ามนร้องไห้แล้วแค่นเสียงข่มความรู้สึกผิดลงไป “ร้องไห้ทำไม หน้าตาน่าเกลียด”



เขาชอบเอม...ร่างบอบบางใบหน้าน่ารัก ไม่ใช่ผู้ชายหน้าจืดไร้เสน่ห์แบบนี้



พระรามก็แค่คู่นอน มีดีแค่เซ็กส์ อย่าคิดว่าร้องไห้แล้วเขาจะเห็นใจ



“ฟืด...ฮึก ติม...” ใจดวงน้อยเจ็บปวด มือบางรีบยกขึ้นขยี้ดวงตาแรงไม่กลัวเจ็บ แม้จะยังสะอึกสะอื้นแรง ดวงตาเรียวปรือมองใบหน้าหล่อเหลาพร่ามัว “พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่หิว ไม่อยากกินข้าว...ก็เลยออกมา”



“...” เขาเงียบฟัง ยิ่งทำให้ใบหน้ามนซีดเซียวกว่าเดิม ริมฝีปากบางแห้งผากเม้มแน่น



“ขอโทษ...ติม...ถ้างั้นพี่กลับไปก็ได้ อย่าโกรธ อย่าโมโหแบบนี้เลยนะ...” เสียงทุ้มใสอ้อนวอนอ่อนแรง มือเรียวที่เหลือข้างเดียวยกขึ้นเกาะเสื้อยืดราคาแพงของเขา โถมน้ำหนักมาเหมือนคนยืนไม่ไหว “ติม”



มือแกร่งปล่อยข้อมือผอมแล้ว แต่ร่างโปร่งยังยืนใกล้ชิด จนต้องเอ่ยเสียงเข้ม “ปล่อย”



พระรามที่ได้ยินก็ผละยืนด้วยขาเรียวของตัวเองที่สั่นระริก แผ่นหลังกว้างเดินห่างออกไป



ติมจะไปไหน?



ทั้งๆ ที่ไม่รู้คำตอบ แต่สมองที่ปวดหนึบก็สั่งให้ร่างกายให้เดินตามไป



หนาว...ปวดหัว...ไม่มีแรงเลย



“ติม...” จำได้ว่านั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาเอ่ยออกมามันแผ่วเบามากในความรู้สึก “ติม”



ร่างกายร้อนผ่าวไร้สติร่วงหล่นลงกระแทกกับพื้นกลางห้างสรรพสินค้า ร่างสูงที่เดินนำไม่สนใจยังไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีเสียงฮือฮาดังจากด้านหลัง



“ตายแล้ว...”



“เฮ้ย นั่นคนเป็นลมใช่มั้ยน่ะ”



“เป็นอะไรมากหรือเปล่าล่ะนั่น”



คำพูดนั้นสะกิดใจให้ไอติมหันมามอง กลุ่มคนมุงสี่ห้าคนค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนที่นอนเป็นลมที่ว่า เสื้อผ้าคุ้นตาทำให้ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง รีบถลาเข้าไปแทรกจนคนมองแตกฮือ แขนแกร่งช้อนตัวคนเบาหวิวขึ้นแนบอก



“ราม...ราม!” พลางส่งเสียงเรียกแต่คนหน้าซีดหอบหายใจแรง ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว ราวกับอดทนกับอาการของตนมานานแล้ว



‘พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย’



‘ติม รอบเดียวได้มั้ย...นะ’



‘ฮือ ติม พี่พอแล้ว ได้โปรด’



“ชิท!” ร่างสูงสบถ อุ้มพระรามขึ้นเดินไปที่รถและพาไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว







“สรุปเป็นอะไร”



“ก็ไม่สบายน่ะสิ พักผ่อนไม่เพียงพอ พิษไข้หนัก ต้องฉีดยา ไม่งั้นได้นอนซมไปอีกสามสี่วันกว่าจะหาย”



คำตอบของพี่ชายที่ยืนล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด ทำให้ร่างสูงยืนมองร่างโปร่งที่นอนหลับปุ๋ยเครียดๆ ...พระรามดูดีขึ้นเยอะหลังจากที่ผ่านไปสองสามชั่วโมงหลังจากมาโรงพยาบาล



“เออ...ว่าแต่นี่ใคร เพื่อนแกเหรอ” ใบหน้าขาวใสเลิกคิ้วถามน้องชายตัวเอง ที่สงสัยน่ะคือใบหน้าร้อนรนตอนพาคนๆ นี้มาต่างหาก...หรือว่าจะเป็น...



“รุ่นพี่”



“อ๋อ...เหรอ” อิฐครางรับ แม้ในใจจะไม่เชื่อสักนิด ปรายตามองคนที่ทำให้ไอติมน้องชายเขาเป็นห่วงกังวลได้ขนาดนี้...น่าสนใจไม่น้อย



ต้องรีบบอกพ่อซะแล้วสิ



ร่างโปร่งยิ้มกริ่ม “งั้นพี่ไปดูแลคนไข้คนอื่นต่อนะ”



ไอติมอุตส่าห์เรียกเขามาดูอาการ ‘รุ่นพี่’ ด้วยตัวเองขณะที่งานยุ่งจะตายอยู่แล้ว...ก็เพราะเห็นสีหน้าไม่สบายใจนั่นด้วยแหละเลยปฏิเสธไม่ลง ยอมทิ้งงานชั่วคราวแล้วมาช่วยน้องชาย ก็ดีใจอยู่หรอกว่าไอติมมันไว้ใจเขา ทั้งๆ ที่ในโรงพยาบาลมีหมอตัวจริงตั้งเยอะแยะ



“...” ดูเหมือนไอ้น้องชายมันไม่ได้ฟัง แต่อิฐก็ไม่คิดเรียกร้องอะไร เดินออกไปไม่ลืมปิดประตูให้ความส่วนตัว



ร่างสูงกำลังนั่งนิ่ง...คิดอะไรอยู่คนเดียว



ดวงตาคมกริบไล่มองใบหน้ามนซีดเซียวที่มีหน้าม้าปรกหน้าผาก ยิ่งตอนไม่สบายหน้าตาจืดชืดยิ่งดูจืดชืดมากขึ้นไปอีก ก็รู้อยู่หรอกว่าที่พระรามเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา ร่างโปร่งบอกแต่เนิ่นแล้วว่าตนไม่สบายแต่เขาก็ยังกระทำชำเราอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจไม่สนคำขอร้อง



แต่นั่นพระรามก็ต้องการด้วยไม่ใช่เหรอ



แล้วน้ำตานั่น...เขาต้องเห็นใจ...หรือว่าสงสาร?



ความคิดหลากหลายมันตีกันวุ่นวายในหัวอีกแล้ว...และเขาก็รำคาญในสิ่งที่ตนเป็นอยู่ตอนนี้



ดวงตาคมกริบหลับลง ตัดใจและบอกตัวเองว่าช่างมัน



อย่าไปคิดอะไรให้ปวดหัวนักเลย



********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:38:24
ทดแทนรัก

ตอนที่ 20





โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป





(“ไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน”)



"เที่ยว...?" เสียงทุ้มใสขึ้นสูงกับคำชวน “ไปกับใครบ้าง”



(“ชะเอมเป็นคนชวน เห็นบอกว่ามีกลุ่มเพื่อนของคินกับพวกเรานี่แหละ”)



เขาฟังแล้วเงียบไป ขมวดคิ้วลำบากใจ "กูไม่ว่างอ่ะ..."



("ทำงานอีกแล้วเหรอวะ?")



"อืม..."



พระรามยิ้มเจื่อน ชีวิตนี้เขาก็ไม่พ้นเรื่องนี้หรอก...เหมือนถูกคำว่างานกับเรียนบ่วงคอเอาไว้จนไม่ได้ไปไหน



("แต่ชะเอมอยากให้มึงไปด้วยนะ พวกกูก็เหมือนกัน...หยุดสักสองวันไม่เป็นไรหรอกมั้งราม")



"..." คำกล่าวนั้นทำให้ร่างโปร่งโต้เถียงไม่ออก



ตอนนี้ชะเอมก็คงมีความสุขดี แต่ยังไม่เคยลืมนึกถึงเพื่อนอย่างเขา...เขาดีใจ



พระรามยิ้มน้อยๆ เงียบไปทั้งๆ ที่ยังยืนถือโทรศัพท์แนบหู สุดท้ายก็ถอนหายใจ "ก็ได้..."

   

เมื่อกี้ภาพในหัวมันผุดขึ้นมา เป็นภาพรอยยิ้มของติมกับเอมและร่างสูงที่ค่อยๆ ก้มลงมองจูบให้กับคนที่ชอบ

   

ถ้าหากว่าติมได้ไปก็อาจจะดีใจรึเปล่า

   

"ฟืด แค่ก..." ร่างโปร่งปิดปากไอโขลก หลังจากหายจากป่วยก็เป็นแบบนี้ไม่หาย จริงๆ แล้วเขารู้ตัวดีว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาการไม่สบายครั้งไหนๆ ทั้งนั้น

   

("มึงไม่สบาย?")

   

"เปล่า แค่ไอเฉยๆ" เขาตอบเลี่ยง

   

("ดีแล้ว พักเยอะๆ นี่มึงจะทำงานแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ระวังเกรดตกแล้วหลุดทุนอ่ะ")

   

"รู้แล้ว กูไม่โหมหรอกน่า"

   

("มึงก็พูดแบบนี้ทุกที มีเรื่องอะไรไม่เคยเล่าให้ฟัง ถ้ากูถามแล้วมึงจะตอบกูมั้ย")

   

"เรื่อง...?"

   

("เรื่องไอติม รุ่นน้องเดือนคณะนิติศาสตร์คนนั้นไง")

   

ลมหายใจของเขากระตุกทันทีที่ได้ยินชื่อที่สินเอ่ยออกมา

   

"ทำไมล่ะ"

   

("มึงอย่าทำไขสือ ถึงจะบอกว่าเป็นแฟนกัน แต่กูก็มองออกนะเว้ย")

   

"..."

   

("มึงชอบมันเหรอวะ")

   

"..."

   

อีกฝั่งถอนหายใจใส่ ("มึงกะจะไม่พูดอะไรจริงๆ ใช่มั้ย ทั้งเรื่องครอบครัวของมึง ก็ไม่เคยคิดจะบอกอะไรเลย") ดวงตาเรียวน้ำตารื้นขึ้น เขาไม่รู้ว่าสินรู้ได้ยังไง แต่เรื่องของครอบครัวมันก็ผ่านมาสักพักแล้ว เขาไม่ได้ติดใจอะไรอีกแล้ว

   

("มึงในตอนนี้ไม่ต่างจากเอมก่อนหน้านี้เลย รู้ตัวเปล่า")

   

...ไม่เคยบอก ไม่เคยพูดเรื่องที่ตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องยากลำบาก...

   

"กูขอโทษ..."

   

("เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นอย่างอื่นได้ป่ะ บอกกูมาตามตรงว่ามึงชอบไอ้ติมมั้ย ถ้ามันชอบมึงบ้างหรือเป็นคนดีกว่านี้กูจะไม่ค้านเลย แต่นี่มัน...")

   

"กูชอบติม แต่มึงอย่าห้ามกูเลยนะ" รามขัดขึ้น เขารู้ว่าสินกำลังจะพูดอะไร...เขารู้ดี

   

("...")

   

"มึงก็รู้ว่ากูไม่เหลือใครอีกแล้ว" ถ้าสินมันพูดแบบนี้ก็แสดงว่าต้องรู้ว่าตอนนี้เขาอาศัยอยู่กับไอติม "กูก็แค่..."

   

อยากจะใช้ชีวิตเฮือกสุดท้ายตามที่ใจต้องการ

   

("มึงบอกว่ามึงไม่เหลือใครแล้ว...แล้วพวกกูล่ะ มึงยังมีดินกับเอมแล้วก็กูนะเว้ย")

   

คำพูดของเพื่อนทำให้น้ำตาไหลผ่านแก้มหยดแล้วหยดเล่า

   

"กู ฮึก ฟืด กูขอโทษ..." ร่างโปร่งทิ้งตัวลงนั่งพิงกำแพง ยกเข่าขึ้นกอด "แต่พวกมึงก็มีกันอยู่แล้ว กู...ไม่อยากเอาเรื่องของกูรบกวนความสุขพวกมึง"

   

มีแค่เขาที่ถูกทิ้ง พ่อก็ทิ้ง แม่ก็จากไปอีก แล้วคราวนี้เป็นคนที่ชอบ...ที่เกลียดกันถึงขั้นหลอกใช้อย่างไม่ไยดีความรู้สึก

   

ไม่ใช่เขาไม่คิดถึงเพื่อน แต่พอคิดแล้วว่าดินกับสินมันก็รักกัน ชะเอมก็มีคิน...โดยเฉพาะชะเอม ร่างบางมีเรื่องของตนลำบากแบกไว้มากมายอยู่แล้ว จะให้มารับรู้เรื่องของเขาเพิ่มอีก ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น

   

("ถ้ามึงพูดอย่างนั้น...") ปลายสายถอนหายใจหมดคำพูด ถ้ารามไม่บอกเขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องหนักใจอะไร แถมเพื่อนของเขาก็ดูเหมือนจะตั้งกำแพงเอาไว้สูงราวกับจะไม่ให้ใครเข้าไปแล้วก็ไม่ออกมารบกวน

   

("แล้วนี่มึงจะเอาติมไปด้วยป่ะ") สินเปลี่ยนเรื่องพูด

   

"อืม" พระรามตอบแผ่วเบา ยังไงถ้าบอกว่าชะเอมชวนไอติมไป เขาไม่คิดว่าร่างสูงจะปฏิเสธหรอก มือเรียวยกขยี้ตาและเช็ดหน้าแต่ยังไม่คลายสะอื้น "ว่าแต่ไปกันวันไหนอะ"

   

("สุดสัปดาห์นี้แหละ")

   

"อืม งั้นเดี๋ยวกูจะได้ลางาน" เขายิ้มอ่อน พอคิดว่าจะได้ออกไปไหนบ้างก็รู้สึกว่าดีเหมือนกัน

   

เที่ยว...ชีวิตนี้เขายังไม่เคยสัมผัสคำๆ นี้เลยสักครั้งเดียว

   

("เออ ดี ไปพักบ้าง อย่าทำให้พวกกูเป็นห่วงไปมากกว่านี้เลย")

   

ร่างโปร่งหลุดหัวเราะ "เหอะน่า"

   

("เจอกันเว้ย")





   

"ติม" พระรามเรียกชื่อร่างสูงที่กำลังนั่งดูมือถืออยู่หน้าโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่หันมาตามเสียงเรียก แต่เพียงแค่พูดชื่อของใครบางคนอีกมาก็เรียกความสนใจให้เงยหน้าได้ทันที "เอมชวนไปต่างจังหวัดสองวัน ไปไหม"

   

ไอติมนิ่งไปสองวิก่อนจะพยักหน้า "...อืม"

   

จากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาระหว่างเราอีก พระรามก็เดินเข้าไปในห้องนอน ทรุดตัวลงนั่งขอบเตียง ก่อนจะหงายตัวลงรับความนุ่มนิ่มของฟูกหนาราคาแพง

   

มัน...อึดอัดยังไงไม่รู้ แม้สถานะเราก็ยังไม่เปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกระหว่างเรามัน...ไม่สิ ความรู้สึกของติมมันบ่งบอกถึงความเกลียดต่อเขาชัดเจน

   

'คนสำคัญกูเอง'

   

'พี่เป็นแฟนติมแล้วใช่มั้ย'

   

คนสำคัญ...แฟน...เหรอ

   

คำเหล่านั้นไม่ทำให้เขารู้สึกดีหรือใจเต้นอีกต่อไปแล้ว...กลับกันยิ่งได้ยินเขายิ่งรู้สึกทั้งเจ็บทั้งจุก

   

'มันไม่ใช่สุดที่รักกู! ไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรทั้งนั้น ที่กูทำทั้งหมดนี่เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก'

   

ไม่รู้ทำไมเขาถึงจำได้ทุกคำพูด ทั้งเสียงทั้งอารมณ์รุนแรง

   

ดวงตาเรียวจ้องมองเพดานนิ่ง คิดโน่นนั่นนี่ไปมาครู่เดียว ความเสียใจและน้อยใจก็ทำให้น้ำตาบดบังจนมองอะไรไม่เห็น เพียงแค่หลับตาน้ำก็ไหลจากหางตาหยดซึมผ้าปูสีเข้ม

   

ตอนนี้ระหว่างเขากับติมห่างกันเพียงกำแพงบางๆ แต่อีกฝ่ายไม่สนใจเขาหรอก เพราะงั้นจะร้องไห้หรืออะไรยังไงติมก็ไม่สนใจ

   

มันทำให้เขานึกถึงวันนั้นที่เขาไม่สบายหนักถึงขั้นเป็นลมหมดสติกลางห้าง รู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่บนเตียงนุ่มภายในห้องสีขาว

   

‘ไง...ดีขึ้นบ้างแล้วใช่มั้ย’ เสียงทุ้มนุ่มไม่คุ้นเคยเอ่ยทักทายทันทีที่ลืมตา

   

ใบหน้ามนที่เริ่มขึ้นเลือดสีฝาดหันมองงุนงง ใบหน้าขาวใสชะโงกเข้ามาใกล้จนตาเรียวกระพริบปริบ อีกฝ่ายใส่ชุดคุณหมอจึงคาดได้ว่าที่นี่น่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือไม่ก็คลินิกแน่ๆ

   

ว่าแต่เขามาได้ยังไง...จำได้ว่า...

   

พระรามค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นโดยมีอีกคนคอยประคองให้ ปรับเตียงให้ชันขึ้นและนั่งพิง ใบหน้ามนไม่ลืมก้มหัวขอบคุณ

   

‘ยังมึนๆ เบลอๆ อยู่เหรอ’ ร่างโปร่งในชุดกาวน์ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างเตียง ก่อนจะแจกรอยยิ้มอบอุ่นมาถึงคนป่วย ‘พี่ชื่ออิฐนะ’

   

อิฐ...เหมือนเคยได้ยินที่ไหน...ทั้งยังคุ้นหน้ามาก...แต่ก็นึกไม่ออก

   

‘พี่เป็นพี่ของไอติม เป็นนักศึกษาแพทย์อยู่มหาวิทยาลัย...ปีหก ปีสุดท้ายแล้ว’

   

‘หืม...’ เสียงทุ้มใสคราง ในที่สุดเขาก็จำได้ พี่คนนี้เป็นพี่ที่ไปค่ายต่างจังหวัดด้วยกัน คนที่เรียนแพทย์คนนั้นเอง

   

ว่าแต่...เมื่อกี้เหมือนเขาได้ยินอะไรแปลกๆ

   

‘พี่...ของติม?’

   

อิฐยิ้มกับใบหน้ามนที่ดูอึ้งๆ ‘ใช่ พี่เป็นพี่ชายของไอติม ชื่ออิฐ’

   

‘พี่ชาย...แท้ๆ?’ ยังอึ้งไม่หาย

   

‘อ่าฮะ’

   

‘...ไม่เหมือนเลย’ คำกล่าวของพระรามทำให้อิฐหัวเราะจนตาปิด ใบหน้าหล่อเหลาปนหวานทำให้ร่างโปร่งมองค้าง ถ้าจะให้พูดว่าเหมือนก็คงเป็นหน้าตาที่ดีมากไม่ทิ้งแถวนี่แหละ แต่ที่บอกว่าไม่เหมือนน่ะคือพี่อิฐเหมือนน้องชายมากกว่าต่างหาก

   

‘จะบอกว่าพี่เหมือนน้องชายของติมมากกว่าล่ะสิ’ อิฐยิ้มกริ่มเมื่อเห็นคนป่วยสะดุ้งเฮือกโดนอ่านความคิด

   

ร่างโปร่งยิ้มแห้งแทงใจดำ ‘อะ หะๆ’ นอกจากความสูงแล้วนิสัยก็คนละขั้วอีกด้วย

   

แต่เขาไม่พูดหรอก

   

‘ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้วนะ ไข้น่ะ’ อิฐทาบหลังมือกับหน้าผากมนแล้วก็ยิ้มโล่งอก

   

‘ขอบคุณมากครับ’

   

‘ขอบคุณติมเถอะ ตอนมาถึงนี่ร้อนรนจนพี่นึกว่าเราเป็นอะไร’

   

พระรามได้ยินแล้วก็เม้มปากแน่น คนอย่างติมเนี่ยนะจะร้อนรนเรื่องของเขา อีกฝ่ายเข้าใจผิดหรือมองผิดไปหรือเปล่า

   

ถึงแม้เขาจะรู้สึกดีใจ แต่ไอติมคงไม่อยากได้ยินคำขอบคุณของเขาหรอก

   

‘พักผ่อนเยอะๆ หน่อยสิ แล้วอีกอย่าง...’ อิฐชะโงกหน้ามาและป้องปาก ทำให้พระรามเงี่ยหู ‘ลดกิจกรรมอย่างว่าด้วย เพลาๆ หน่อย’

   

‘...’ ใบหน้ามนร้อนเห่อ แดงระเรื่อ มือเรียวเผลอกำผ้าปูที่ห่มตนจนยับ...พี่อิฐรู้ได้ไง?

   

‘แค่มองก็รู้แล้ว ติมคงเล่นหนักสิท่า’ ร่างโปร่งในเสื้อกาวน์กอดอก ‘ไม่ไหวก็บอกมันสิ’

   

ริมฝีปากบางเม้มแน่น พูดอึกอัก ‘ผม...ผมบอกเขาหลายครั้งแล้ว แต่ว่าติมไม่ยอม...’

   

อิฐเลิกคิ้วสงสัย คนอย่างไอติมนี่นะ? สงสัยว่าคนตรงหน้าจะถูกใจน้องชายไม่น้อยเลยทีเดียว

   

ติมเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูง อาจจะเป็นเพราะฮอร์โมนวัยรุ่นกำลังพลุ่งพล่าน แต่ถ้าหากคู่นอนไม่เต็มใจ อีกฝ่ายก็จะไม่ขืนใจเด็ดขาด...แต่คนๆ นี้บอกว่าขัดขืนแล้วแต่ติมก็ยังฝืนทำงั้นหรือ

   

‘มันข่มขืนเราหรือเปล่า บอกพี่ได้นะ’ อิฐพูดจริงจัง ถ้าหากว่าน้องชายมันทำตัวไม่ดี นอกลู่นอกทางเกินเหตุ ในฐานะพี่ชายแล้วต้องตักเตือนกันหน่อย

   

‘ปะ เปล่าครับ...’ เสียงทุ้มใสรีบตอบแผ่วเบา ไม่อยากให้พี่ชายของติมเข้าใจผิด

   

‘เหรอ’ อิฐยิ้มโล่งใจ ‘แต่อย่างน้อยก็ขุนร่างกายตัวเองหน่อยนะ จะได้มีแรงไปงัดกับไอติมมัน’

   

‘ครับ’

   

‘ว่าแต่เราชื่ออะไรน่ะ พี่ยังไม่รู้จักเลย’

   

‘รามครับ พระราม...’

   

หลังจากนั้นเขาก็กลับมาที่ห้อง ระหว่างรามกับไอติมก็เหมือนเดิม ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย

   

สรุปว่าตอนนั้นทำไมร่างสูงถึงพาเขาไปโรงพยาบาลกันนะ หรือว่าจะเห็นใจเพราะว่าเห็นเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

   

ถึงจะเป็นแบบไหน เขาก็เอ่ยขอบคุณออกไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบงัน

   

"แค่ก..." ร่างโปร่งพลิกตัวตะแคงข้าง ก่อนจะปิดปากไออย่างทันท่วงที...ไอจนเหนื่อยหอบถึงจะหยุด แค่ผ่อนลมหายใจเบาก็รู้สึกเจ็บจุกภายในอกเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบยังไงยังงั้น

   

คราวก่อนที่ดมกลิ่นบุหรี่จนอ้วกนั่นด้วย มันดูไม่ปกติเลยสักนิด

   

อาการแบบนี้...นี่เราเป็นอะไร

   

"...ไปหาหมอดีมั้ยนะ?" เสียงทุ้มใสพูดแผ่วเบาพึมพำ

   

แต่ไปหาแล้วยังไงต่อล่ะ...แค่ตรวจก็พอไหม แค่อยากรู้ว่าเป็นอะไร

   

แต่ในใจลึกๆ รู้สึกหวาดกลัว อาการของเขาเหมือนกับของแม่ภาวดีเลย สุดท้ายไอเป็นเลือด...แล้วก็ตาย

   

...ตาย...

   

พระรามสะดุ้งเฮือกผุดลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้าซีดเซียว เหงื่อไหลซึม ส่ายหัวสะบัดความคิดที่ร้ายๆ ออกไป ถึงจะเตรียมใจไว้แล้วตั้งแต่วันที่รู้ความจริงเรื่องที่ติมบอกว่าเขาเป็นคนสำคัญ แต่เขาก็...กลัวอยู่ดี กลัวความตาย

   

พระรามกอดตัวเองที่สั่นระริก มาถึงตรงนี้เขาเพิ่งเข้าใจว่าแม่เข้มแข็งขนาดไหน อดทนมาตลอด ทั้งๆ ที่น่าจะเจ็บปวดมากแท้ๆ

   

ไม่เป็นไร...แค่นี้น่ะ เขายังไม่เป็นไรหรอกน่า

   

"...แม่ครับ..."

   

ได้โปรด...ช่วยให้พลังกับผมอดทนต่อไปด้วย



           



ในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด

           

ทันทีที่มาถึงโรงแรมที่นัดกันไว้ก็ดูเหมือนจะเกิดเรื่องร้ายๆ เข้าซะแล้ว

   

"เฮ้ย เอม...เป็นไรวะ!?"

           

พวกเราต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่คาดคิด คินอุ้มชะเอมเข้ามาในเลาจ์โรงแรมร้อนรน

   

"เหมือนจะเป็นลม ใครมียาดมบ้าง ขอหน่อย!" อีกฝ่ายวางร่างบางที่โซฟากว้างก่อนจะตะโกนหน้าซีดเซียว แต่ชะเอมกลับไม่ดีขึ้น ร่างกายยิ่งเกร็งหนักหายใจติดขัดเหมือนขาดอากาศ มือบางยกขึ้นกุมตรงหน้าอกก็รู้ทันทีว่าหมายถึงอะไร

   

โรคประจำตัวกำเริบ

   

"กูว่าไม่ดีแล้ว" ดินพูดออกมา

   

"พี่คินคะ รินว่าเรียกหมอดีกว่า"

   

"ถ้าหากต้องการหมอล่ะก็ ทางเรามีเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้วครับ" พนักงานชายพูดหลังจากนั้นร่างสูงก็ไม่รอช้า รีบยกคนอาการไม่ดีแนบอกและเดินตามไป พร้อมกับเพื่อนๆ ที่มองตามด้วยสีหน้ากังวล

   

“นี่ เอมเป็นอะไรน่ะ” ร่างสูงใหญ่ที่เป็นเพื่อนคนหนึ่งของคินหันมาถามพวกเขาที่ท่าทางเหมือนจะรู้ดี ซ้ำยังรุ่นน้องผู้หญิงที่รู้จักกับชะเอมร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียขวัญ

   

“พี่เอม...ฮือ...”

   

เขาขมวดคิ้วเครียดไม่แพ้กัน ทำไมเอมถึงอาการกำเริบขึ้นมาอีกล่ะ ไม่ได้กินยาตามเวลา...เพราะจะปิดบังเรื่องนี้กับคินเลยไม่อยากให้สังเกตเห็นสินะ

           

“เอม...มีโรคประจำตัว...เป็นโรคหัวใจน่ะ” ดินขมวดคิ้วลำบากใจแต่สุดท้ายก็พูดออกมาจนได้ กลุ่มเพื่อนของคินที่เพิ่งได้รู้ความจริงก็อึ้งและใบหน้าก็สลดลง

         

ขนาดเพื่อนยังเป็นขนาดนี้แล้วคนใกล้ตัวอย่างคินล่ะ จะรู้สึกยังไงบ้าง...แน่นอนล่ะว่าคงเจ็บปวดแทบขาดใจเมื่อรู้ว่าคนสำคัญเป็นแบบนี้

           

ถ้าหากไม่รัก...ก็คงไม่เจ็บแทนกัน

   

ต่อด้านล่าง


หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:38:47



ต่อจากด้านบน


ชะเอมเป็นคนที่เข้มแข็งจนเขานับถือ ถ้าหากเขามีโรคแบบนั้นติดกาย ไม่รู้เลยว่าจะต้องจัดการกับมันยังไง...แต่อย่างน้อยตอนนี้ไม่ว่าใครๆ ก็มีใจเป็นห่วงร่างบาง ยังมีกำลังใจคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา

           

แต่ละคนยังไม่มีใครวางใจ จึงยืนวนเวียนอยู่ตรงนั้นไม่ห่าง กระวนกระวายเพราะไม่รู้ว่าชะเอมเป็นยังไงบ้าง

           

ดวงตาเรียวเหลือบมองร่างสูงข้างกายที่ไม่พูดอะไรแล้วก็หลุบตาต่ำ...คงจะเป็นห่วงสินะ

         

มันก็แน่นอนอยู่แล้ว

           

ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ชะเอมก็เดินออกมาจากห้องพยาบาลของโรงแรมด้วยสีหน้าจืดเจื่อน แต่ก็มีเลือดฝาด สีหน้าดีขึ้นมาก ดูเหมือนจะพักจนร่างกายโอเคขึ้นแล้ว

   

"เป็นไงบ้างเอม"

   

"อืม ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ขอโทษนะทุกคนที่ทำให้ตกใจ" ใบหน้าหวานแย้มยิ้มให้เพื่อนๆ มองคลายความกังวล บอกแล้วว่าชะเอมเป็นคนเข้มแข็งจริงๆ

   

"น้องสา พี่ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ"

   

"คะ ค่ะ พี่ชะเอมไม่เป็นไรแล้ว สาก็ ฮึก ดีใจ"

   

“เอม” เขาเดินเข้าไปใกล้ชะเอมก่อนจะมองสำรวจใบหน้าหวานที่มีเลือดฝาดเล็กน้อยและยกมือขึ้นตบไหล่บางเบาๆ “ดีแล้วล่ะที่ไม่เป็นอะไร”

   

“ราม...” ชะเอมยิ้มแป้น ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อยคล้ายรู้สึกผิด “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”

   

"แล้วเอาไงต่อ ยังมีอารมณ์เที่ยวต่อมั้ย" หญิงสาวใบหน้าสะสวยมากถามขึ้น เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชื่ออะไรแต่คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของคินนั่นแหละ “หรือว่าจะกลับ”

   

"เที่ยวสิ เราเป็นคนชวนทุกคนมา ไม่ให้มาเสียเที่ยวหรอก" ชะเอมรีบโบกมือ ตอบกระตือรือร้น "ยังไงก็เช็คอินโรงแรมก่อน..."

   

"พวกกูทำแทนให้แล้ว...อ่ะ เอากุญแจไป" ดินเดินควงกุญแจและยัดมันลงใส่มือเล็ก "พวกเราแบ่งห้องกันแล้ว ห้องละสองคนพอดี"

           

ห้องละสองคนที่แบ่งเอาไว้แล้ว ทุกอย่างลงตัวและเขาก็ได้นอนห้องเดียวกับติม

           

ไม่แปลกอะไรเพราะว่ายังไงสถานะระหว่างเราตอนนี้ก็คือแฟนกัน

   

"ดีนะแบ่งเป็นบ้านส่วนตัว เวลาจะทำอะไรจะได้ไม่ต้องกังวลว่าใครจะได้ยิน" สินพูดสื่อความหมายโดยนัยที่เข้าใจอยู่คนเดียว

   

"บ้าน?" ชะเอมทำหน้างงอย่างน่ารัก “เป็นบ้านเหรอ”

   

"อ้าว ก็ไอ้คินผัวมึงจองบ้านไว้ไง บ้านส่วนตัวหลังละสองคน อยู่หลังตึกใหญ่ไปนิดหน่อย"

   

ชะเอมหน้าแดงแปร๊ด คงจะไม่ชินกับคำเรียกหยาบคายของไอ้ดินมัน "ดิน คินเป็นแฟนเฉยๆ นะ"

   

"อ้าว อีกหน่อยก็ต้องเป็นผ...อยู่ดีไม่ใช่เหรอวะ"

   

"...งือ" พอเห็นคนขี้เขินบิดอายสุดตัวแล้วเพื่อนๆ ก็ได้แต่หัวเราะ

   

พระรามมองภาพนั้นยิ้มๆ รอบตัวของชะเอมมักจะมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอยู่เสมอ หากแต่...คนข้างๆ เขานิ่งเงียบกว่าที่คิด...เป็นอะไรอีกแล้ว

   

เขามองใบหน้าหล่อเหลาของไอติมแล้วก็ยิ้มจืดเจื่อน เพราะสายตาคมกริบจดจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา

   

   



   

เอี๊ยดๆๆ!

   

“อ๊ะ อ๊า...อื๊อ” ตั้งแต่แยกเข้าห้องมา ไอติมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จับเขาโยนลงเตียงและเปลื้องเสื้อผ้าออก ร่างสองร่างเปลือยกายบนเตียงกว้าง ร่างแข็งแกร่งจับสะโพกปอดที่โก้งโค้งสูงขึ้นโจนจ้วงเข้าไปแรงๆ อย่างระบายอารมณ์ เสียงทุ้มใสร้องครางเครือน้ำลายไหล จิกทึ้งผ้าปูแน่นเสียวซ่านเพราะแก่นกายร้อนเสียดสีภายในช่องทางไม่หยุด ซ้ำปลายบานยังเข้ามาโดนจุดเสียวจนสะดุ้งเฮือกๆ กับแรงกระแทกที่ทำให้หัวสั่นหัวคลอนไม่หยุด

   

“อ๊ะๆๆ!” แขนผอมพยายามดันตัวเองขึ้นคุกเข่า แต่แรงกระแทกไม่น้อยนั่นทำให้เขาหน้าทิ่มลงกับหมอนเหมือนเดิมโดยที่ยังถูกจับก้นให้ยกสูงแทรกตัวตนร้อนผ่าวลึกไม่หยุด หน้าขาแกร่งกระทบสะโพกเล็กจนดังปั่บๆ ลั่น “อ่ะ ลึก เสียว...”

   

“...”

   

“ติม...ชะ ช่วย...”

   

“หุบปาก”

   

เพียะ!

   

“อื้อ!”

   

เพียะ!

   

“อ๊า!” ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงที่แก้มก้นขาวที่ตอนนี้แดงเป็นรอยมือ ซ้ำยังขยำแรงจนเจ็บช้ำ “มะ ไม่ ฮือ พี่เจ็บ”

   

แต่ไอติมไม่สนใจกับคำร้อง ทั้งฟาดทั้งขยำและแทรกกายกระแทกแรงจนเสียงทุ้มใสครางสั่นปนร้องอืออาเจ็บปวด

   

“อย่างมึง แค่อ้าปากครางเฉยๆ ก็พอแล้ว อา...” ดวงตาคมกริบมองต่ำ ร่างผอมจิกทึ้งผ้าปูแถมยังกัดมันแน่นเพื่อกลั้นเสียงครางทำให้ร่างแกร่งก้มลงทาบทับพลางกระซิบทุ้มต่ำติดใบหูแดง “อ้าขา...ขยับสะโพกหน่อย”

         

“อื๊อ...ฮึก!” ร่างโปร่งเกร็งตอดแน่นและโยกสะโพกรับตามแรงกระแทก ทำให้มันเข้ามาลึกมากกว่าเดิม เรียกเสียงครางต่ำถูกใจ

   

“นั่นแหละ ซี้ด...เยี่ยม” ไอติมให้รางวัลคือเปลี่ยนจากกระแทกรัวเร็วเป็นตอกย้ำเชื่องช้าแต่หนักแน่น มือใหญ่กอบกุมข้อมือผอมทั้งสองข้างไว้แน่นและก้มลงพรมจูบ ทั้งขบเม้มและกัดทั่วทั้งหลังคอ ไหล่ผอมและสะบัก

   

“อ๊า...” ใบหน้ามนเชิดสูงหวีดร้องอย่างทนไม่ไหว ยามเข้ามาลึกมันก็ลึกยาวนานจนจุดเสียวของเขาถูกกระทุ้งจนแก่นกายเล็กสั่นระริก น้ำเหนียวไหลยืดหยดลงบนเตียงเลอะเทอะ แต่ไม่มีใครสนใจ “ติม...อ๊า”

   

“ดี เด็กดี” ร่างสูงชมเปาะ เมื่อช่องทางมันตอดรัดยิบๆ ให้ความสุขล้นกับเขา ยิ่งรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้แบบนี้อีก ไอติมก็กดปลายบานเข้าตรงนั้นไม่ยั้ง “เป็นไง แบบนี้ชอบมั้ย”

   

“อ๊า อ๊ะ...มะ ไม่...” เสียงทุ้มใสครางหวิวเหมือนคนใจจะขาด คนมองเลียปากแผล่บ ปากปฏิเสธไปคนละเรื่องกับร่างกายที่ตอดแน่นตุ้บจนก้นผอมเกร็งตอบ

   

“ราม...ชอบแรงๆ หรือลึกๆ” เสียงทุ้มกระซิบถามอีกครั้ง ไม่ถามเปล่าสะโพกแกร่งกดลึกอีกครั้งจนใบหน้ามนเชิดครางหวีดร้องเสียงสูง ดวงตาเรียวปรือปรอยเคลือบน้ำตามองกลับมา

   

“ติม...”

   

“ว่าไง ตอบมาสิ กูจะได้สนองให้”

   

“ติม...พี่ชอบติม”

           

คำตอบที่ไม่ตรงคำถาม ทำให้คนฟังกัดฟันกรอดแก่นกายร้อนระอุถอนออกอย่างแรงจนร่างโปร่งสะดุ้งวูบโหวง แต่เพียงแค่ชั่ววินาทีที่ลมหายใจยังไม่ทันสงบก็ถูกพลิกตัวจับนอนหงายและสอดใส่เข้ามาอีกครั้ง ขาเรียวสองข้างยกขึ้นพาดไหล่ จากนั้นสะโพกแกร่งก็กระแทกอย่างไม่ปราณี

           

“อ๊า อ๊า อ๊า!!!” ใบหน้ามนส่ายเกลือกกลิ้งกับหมอนร้องลั่น มือจิกทึ้งผ้าปูระบายอารมณ์และยกขึ้นรูดรั้งสาวแก่นกายของตัวเองเป็นระวิง

           

“ซี้ด...!”

   

ไอติมลงโทษพระรามอย่างหนักจนร่างกายอ่อนยวบเพราะเจอฤทธิ์ของอาวุธแข็งแกร่ง เพียงไม่นานก็ปลดปล่อยพร้อมกัน พระรามนอนหอบแฮ่กหน้าท้องเลอะน้ำของตนประปราย ส่วนช่องทางด้านหลังก็กระตุกวูบตอดแก่นกายที่ปล่อยน้ำอุ่นๆ เข้าใส่ไม่หยุด ดวงตาเรียวปรือเหนื่อยอ่อนเหมือนจะหลับ

   

แต่แน่นอนว่าทำเพียงครั้งเดียว ร่างสูงก็ยังไม่เต็มอิ่ม

   

“อื๊อ...”

   

“อ้าขากว้างๆ”

   

“มะ ฮือ ไม่เอาแล้ว...”

   

“อย่าดื้อ...เร็ว อย่าให้กูโมโหนะ” เสียงทุ้มกระซิบเหี้ยม มือใหญ่จับขาเรียวให้แหกออกพลางกระทุ้งสะโพกขึ้นจนร่างโปร่งที่นอนอยู่บนกายดิ้นพล่าน “ซี้ด ไม่งั้นมึงจะโดนหนัก”

   

“อ๊า ติม พี่เสียว” ยิ่งพูดยิ่งถูกกระแทกแรงจนตัวลอย “อ๊ะ! อ๊า!!”

   

ตอนนี้ทั้งคู่นอนราบ พระรามถูกจับให้นอนหงายอยู่บนร่างกายของไอติม โดยมีแก่นกายสอดใส่จากด้านหลังอยู่ไม่ห่าง แน่นอนว่าคนตัวเบาหวิวอย่างรามคงไม่ได้ทำให้ร่างแกร่งรู้สึกอะไรอยู่แล้ว ซ้ำยังทำอะไรได้ง่าย ลูบง่าย สัมผัสง่าย มือใหญ่ยกขึ้นลูบกายเนียนที่ผอมจนซี่โครงขึ้น เค้นแรงจนกลัวผิวขาวจะช้ำ บดขยี้หัวนมสองข้างที่แข็งเป็นไตจนกายบางหยัดเกร็ง แหย่ลิ้นข้างหูอันเป็นจุดอ่อนจนร่างโปร่งดิ้นพล่านจะหนีแต่ก็ถูกล็อคเอาไว้ พอขยับกระแทกแรงหน่อยก็ตัวอ่อนปวกเปียกแล้ว

   

เอี๊ยดๆ

   

“อ๊าๆๆ”

   

“เสียงเพราะ” เสียงทุ้มว่าพึงใจ ริมฝีปากหยักยิ้มกริ่ม จากนั้นร่างแกร่งก็หยุดชะงักนิ่งทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มปรือมองสงสัย

   

“ติม?”

   

“ขยับเองบ้าง” ได้ยินแบบนั้น ริมฝีปากบางก็เม้มแน่น น้ำตาคลอหน่วย “ถ้าทำดี เดี๋ยวให้รางวัล”

   

“รางวัล...อะไร” เสียงทุ้มใสเอ่ยถามเสียงแผ่ว นิ้วจิกสะโพกแกร่งแน่นและครางเสียงสั่นเมื่อแก่นกายร้อนหยัดลึกเข้ามา “อื๊อ”

   

“มึงอยากได้อะไร” ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ยิ้มมุมปาก ยิ่งทำให้คนมองหลงใหล

   

ไม่ว่ายังไงเขาก็ชอบคนๆ นี้จริงๆ ...ไม่ว่าติมจะรักเขาหรือไม่...แต่เขาชอบติม

   

“อื๊อ แฮ่ก...” ร่างโปร่งหวีดร้องอีกครั้งเมื่อไอติมแกล้งเขาโดยการยกสะโพกดันขึ้นจนตัวลอย แน่นอนว่าปลายบานก็บดเบียดเข้ามาลึกด้วยเช่นกัน “พะ พี่...พี่อยาก...อ๊า”

   

“หืม ว่าไง”

   

“จะ จูบ...อยากจูบติม” เสียงทุ้มใสวอนขอทั้งน้ำตาคลอหน่วย

   

แม้เพียงสักครั้ง...ความปรารถนาของเขาออกมาจากใจจริง

   

“เรื่องนี้ไม่ได้” เสียงทุ้มเอ่ยตัดความหวัง ทำให้น้ำตาที่รื้นไหลหยด...หยดแล้วหยดเล่าลงบนอกแกร่ง

   

ไม่มีทางเลยใช่มั้ย...ที่เขาจะได้เป็นคนในใจ

   

“ฮึก! คะ แค่หอมแก้ม...ก็ได้...ฮึก” พระรามสะอึกสะอื้นอย่างคนน้อยใจเสียใจ ไหนอีกฝ่ายบอกจะให้รางวัล แต่พอเขาขอกลับไม่ให้

   

ร่างแกร่งมองคนในอ้อมแขนที่ร้องไห้เหมือนเด็ก สะอื้นไห้เสียใจกับแค่ไม่ให้จูบ มือใหญ่ยกขึ้นปาดน้ำตาให้ ทำให้รามมองงุนงงและจากนั้นก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากร้อนประทับข้างแก้ม จมูก และหน้าผาก

         

“ติม” น้ำตาที่ไหลเหือดแห้งทันใด แม้จะดีใจ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่จูบอยู่ดี

           

เหมือนกับเป็นการบอกอ้อมๆ ว่า สำหรับอีกฝ่ายแล้วยังไงเขาก็เป็นได้แค่นี้

           

“ขยับสิ” เสียงทุ้มสั่ง เขาให้สิ่งที่ขอไปแล้วอีกฝ่ายก็ควรทำตามที่เขาบอกเหมือนกัน

           

ร่างโปร่งกัดปาก ขาเรียวชันขึ้นบนเตียงก่อนจะยกร่างกายของตัวเองขึ้นจนแก่นกายใหญ่เกือบหลุด ก่อนจะทำใจปล่อยลงมากระทบหน้าท้องแกร่ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงครางหวิว ไอติมไม่ทำอะไรอย่างที่บอก ให้เขาขยับเองแต่เพียงผู้เดียว

           

“อ๊า อ๊ะ”

           

ดวงตาคมกริบมองพลางเลียปากแห้งและกลืนน้ำลาย ร่างโปร่งขยับบิดเร้าบนร่างกายของเขา ครางเสียงสั่น แถมยังยกมือขึ้นรูดรั้งช่วยตัวเอง โดยที่เขายังนอนนิ่ง ดูซิว่าพระรามจะทำยังไงต่อถ้าหากเขาไม่ช่วย

           

“อื๊อ...”

           

ก๊อกๆๆ

           

เฮือก!

           

ร่างโปร่งตาโตหน้าซีด หยุดขยับทุกการเคลื่อนไหวและหันขวับมองไปที่ประตู

           

“เฮ้ย ถึงเวลานัดกินข้าวเที่ยงแล้วเว้ย”

           

“ตะ ติม...อื้อ!” พระรามคิดจะลุกขึ้นแต่กลับถูกกอดรัดไว้แน่นนอนหงายเงิบเหมือนเดิม ซ้ำยังถูกบดขยี้ สะโพกด้านล่างยกขึ้นกระแทกรัวเร็วเสียงดังจนกลัวว่าคนข้างนอกจะได้ยิน ร่างโปร่งตัวลอยตามแรงหน้าแดงรีบยกมือปิดปากกลั้นเสียงคราง “อื๊อ! อื๊อ!”

   

“ไอ้ห่าราม โทรมาก็ไม่รับ...กูเลยต้องเดินมาตามเองเลย” ดินบ่นฉิบ ร้อนก็ร้อน อารมณ์เสียหนัก

   

ส่วนด้านใน บรรยากาศเร่าร้อนไม่แพ้กัน และยิ่งเร่าร้อนกว่าเดิมเมื่อติมกระซิบข้างหูถาม

   

“เอาไงราม เพื่อนมาหา” ถามแบบนั้นแต่ดันไม่ยอมผ่อนแรง ใบหน้ามนส่ายหวือ มือเรียวสองข้างยิ่งกอบกุมแน่นเพราะกลัวเสียงครางจะหลุดออกไป ดวงตาเรียวปรือน้ำตาคลอหน่วยยิ่งทำให้ไอติมสูดปากกับแรงบีบรัดด้านล่าง ดูเหมือนเพื่อนของรามจะมาแทรกได้ตรงเวลา สร้างอารมณ์ตื่นเต้นให้กับร่างโปร่งจนช่องทางตอดยิบ ไอติมจึงไม่รอช้าสนองโดยการส่งแรงขับเคลื่อนจนเกิดเสียงดังตับๆ ผสมเตียงดังลั่นเอี๊ยดอ๊าด

   

“ซี้ดดด”

   

พระรามหน้าแดงก่ำได้แต่นอนรองรับอารมณ์หื่นกามของร่างสูง พร้อมประท้วงในใจเบาๆ

   

...เบาๆ สิ เดี๋ยวดินมันก็ได้ยินหรอก...

   

ซึ่งคนด้านนอกที่อารมณ์เสียไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จึงเคาะอีกครั้งดังกว่าเดิม

           

ก๊อกๆๆ!

           

“โว้ย!” แถมตะโกนขึ้นมาอย่างหมดความอดทน

           

ทันใดนั้นไอติมก็ยอมหยุดให้พระรามนอนปวกเปียกหอบแฮ่ก จากนั้นก็รีบกระซิบติดหูอีกครั้ง

           

“ตอบไปสิราม เดี๋ยวเพื่อนสงสัยหรอก”

           

“แฮ่ก...ดิน...กู...เดี๋ยวกูไปกินข้าวกับติม” เสียงทุ้มใสตอบโหยไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ดังพอที่คิดว่าดินจะได้ยิน “พวกมึงไปกันเลย...”

           

“โอเค! ...ไอ้ห่า กว่าจะตอบ ทำอะไรกันอยู่วะ” ดินไม่วายบ่นจนเสียงนั้นค่อยๆ หายไป

           

มือใหญ่ลูบร่างกายขาวเนียนที่หายใจหอบสะท้าน สะดุดเข้าที่หัวนมก็หยิกดึงจนเป็นติ่งไต พรมจูบร้อนหลังหูและคอขาวทั้งสองข้าง ดวงตาคมกริบมองพระรามที่ปรือตาครางอืออาเหมือนคนจะหลับ ทั้งๆ ที่ยังไม่เสร็จทั้งคู่ ดูเหมือนจะเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะทำอะไรได้อีก...แต่ไม่ใช่เขาล่ะนะ

           

คิดในใจแล้วแสยะยิ้ม ขยับสะโพกดุนดัน บดคลึงเข้าไปในช่องทางที่เปิดรับและตอดแน่นมอบความเสียวซ่านให้เขาตลอดเวลา

           

“อ๊ะ อ๊า...” สุดท้ายคนไม่มีแรงก็ลุกขึ้นมาขยับสะโพกสวนแรงกระแทกอย่างยั่วยวน จนอดสูดปากให้รางวัลแรงๆ ไม่ได้ “จะแตกแล้ว...!”

           

ร่างกายนี้...เขาสามารถบดขยี้อย่างเอาแต่ใจได้ทั้งวัน







- อิสระ -

อย่างมึง แค่อ้าปากครางเฉยๆ ก็พอแล้ว





********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:39:38




ทดแทนรัก

ตอนที่ 21





โปรดใช้วิจาณญาณในการรับชม

เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป







ไปเที่ยวต่างจังหวัดสองวันติดนั้น เขาแทบไม่ได้ทำอะไร นอกจากกิจกรรมบนเตียง...ไม่สิ ไม่ว่าจะไปไหน เขาก็โดนไอติมเอาแต่ใจอยู่ร่ำไป



“อ๊ะ อ๊า!”



“ซี้ด!”



“ติม...พอแล้ว...” เสียงทุ้มใสครางโหยหมดแรงในคราสุดท้ายที่สายธารอุ่นร้อนตอกย้ำเข้ามาภายใน เขารู้สึกเปียกแฉะไปหมดและร้อนในท้องมาก แถมยังรู้สึกเจ็บแสบตรงช่องทางด้านหลังด้วย



“แฮ่ก...แฮ่ก...” ใบหน้ามนแนบเตียง แผ่นหลังบางโก้งโค้งสะท้อนหอบเหนื่อย ปรือตามองคนด้านหลังที่ถอนแก่นกายออกหันหลังเดินเข้าห้องน้ำก่อนจะปิดประตูดังปัง!



ติมไม่ปราณีเขาแม้แต่นิด



พระรามทิ้งตัวลงนอนกลางเตียงอย่างหมดแรง ก่อนจะเอื้อมมือหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเพราะความเย็นของแอร์ ทำมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่พอใจ ซ้ำยังหงุดหงิดอะไรบางที่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร



ความสัมพันธ์ของเรามันจะเป็นอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันนะ



คลุมเครือ ไม่มีอะไรชัดเจนเลย...นอกจากความรู้สึกของเขา



กายผอมขดตัวใต้ผ้าห่มแน่นขึ้นอีก “ฟืด...ฮึก อึก!” หยาดน้ำตาหยดลงผ้าปูครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่หัวสมองจะรู้สึกเบาหวิวและค่อยๆ จมดิ่งสู่นิทราด้วยความเหนื่อยเพลีย



พรึ่บ!



พระรามสะดุ้งงุนงง จู่ๆ สิ่งที่คลุมกายให้ความอบอุ่นมันก็หายไป ร่างโปร่งขยับกายอ่อนเพลียเพราะรู้สึกเหมือนเพิ่งนอนไปได้แค่แปปเดียวเท่านั้น ดวงตาเรียวปรือมองก็พบร่างสูงที่ยืนทำหน้าขึงขังเหมือนโกรธอะไรมา “ติม...?” เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบา ก่อนจะปิดปากไอโขลกเมื่อได้กลิ่นบุหรี่ลอยโชยออกมาจากร่างสูง



นอกจากนี้ยังมีกลิ่นเบียร์รุนแรงอีกด้วย



นี่ติมดื่มมาเหรอ?



ไม่ทันขยี้ตาให้หายง่วง ก็ถูกจับให้นอนหงายและอีกฝ่ายก็ขึ้นคร่อมร่าง “ติม!?” พระรามตื่นเต็มตา พลางเกร็งตัวแน่น วันนี้ร่างกายของมันรับเขาไม่ไหวแล้วนะ ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่รู้จักพอเสียที



“ไม่...ไม่...”



“อย่าดิ้น!” เสียงทุ้มเข้มตะคอก พลางถลึงตาจนคนมองนิ่วหน้าน้ำตารื้น แต่ติมไม่สนใจ มือใหญ่ทั้งสองข้างตรึงข้อมือผอมไว้กับเตียงแน่นไม่ให้ขัดขืน ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะซุกไซ้ซอกคอ ขบเม้มให้เป็นรอยทั่ว



“ฮือ...อื้อ...” พระรามหลับตาปี๋ “ฮึก ฮึก!”



ทำไม...ทำไมกันนะ? ทำไมใจเขาถึงเจ็บแบบนี้...มันเจ็บมากเลย



“จะร้องไห้ทำไม!” ติมผละออกพูดเสียงดัง หงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นเมื่อเห็นน้ำตาเป็นคราบบนแก้มขาว “ยิ่งมึงร้อง กูยิ่งโมโห!”



“ฮึก” ใบหน้ามนส่ายไปมา อ้อนวอนเสียงสั่นเครือ “พี่เจ็บแล้วติม มันแสบตรงนั้น วันนี้พอก่อนได้มั้ย”



“...”



“ฟืด...พี่ขอร้อง”



ร่างสูงมองร่างโปร่งนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นหยิบเสื้อยืดขึ้นมาสวม “ติม?” ขายาวเดินไปหยิบมือถือและกระเป๋าสตางค์และเดินออกจากห้องนอนไปเงียบๆ ไม่สนใจเสียงทุ้มใสที่เรียกชื่อ ทำให้ร่างโปร่งถลันออกจากเตียงจนเกือบหน้าคว่ำวิ่งตามไปทั้งที่ร่างกายยังเปลือยเปล่า “ติม! ติม...จะไปไหน”



เจ้าของชื่อหยุดชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตู ก่อนจะปรายตามอง



“กูจะไปเอาคนอื่น”



“อะไร...นะ?” เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบา หน้าซีดเซียว หัวใจเต้นตุบรัว



“มึงไม่ยอม กูก็ไปเอาคนอื่น” เสียงทุ้มเอ่ยเย็นเยียบ ไม่แคร์ว่าคนได้ยินจะรู้สึกยังไง “คนที่ลีลาดีกว่ามึงมีถมไป แถมไม่ขัดขืนให้น่ารำคาญ”



“ติม...ติม พี่ยอมก็ได้” ร่างโปร่งวิ่งเข้าไปกอดแผ่นหลังกว้างที่กำลังจะเปิดประตูเดินออกไปแน่น ส่ายหน้าอ้อนวอนทั้งน้ำตา “เพราะงั้นอย่าไปนอนกับคนอื่นเลยนะ”



มีเพียงแค่สิ่งนี้ ที่ไอติมพึงพอใจเขา...ถ้าติมไป...เขาจะกลายเป็นคนที่ไม่มีค่าอีกเลย



“พี่ยอมแล้ว”



จะให้ทำกี่ครั้งก็ได้ เพราะงั้นได้โปรดอยู่กับเขาเถอะ...อย่าไปไหน



“ปล่อย...” ติมพูดเสียงต่ำออกคำสั่ง แต่พระรามไม่ทำตาม “กูบอกให้ปล่อย”



ไอติมงัดแขนผอมออกง่ายดาย ก่อนจะผลักอย่างแรงจนคนทรงตัวไม่ทันล้มกระแทกพื้น “โอ๊ย...” แต่ร่างสูงไม่สนใจเปิดประตูเดินออกไปเลย ทิ้งอีกคนไว้เบื้องหลัง



ร่างโปร่งโอดโอยน้ำตาเล็ด มองประตูที่ปิดลงกับสายตาคมที่ปรายมองมาที่เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่น้ำตามันจะไหลลงมาทั้งสองข้างตาไม่หยุด ร้องไห้สะอึกสะอื้นคนเดียวภายในห้องกว้าง พระรามนอนขดตัวอยู่อย่างนั้นไม่อายสภาพตัวเอง



“ฮึก!”



เพราะยังไงก็ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว

           







********************* Love Substitute *********************









“เป็นอะไรของมึงวะ หงุดหงิดอะไรมาอีก” ธารถาม ขมวดคิ้วมองเพื่อนที่ซดเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า ไอติมมันโทรมาเรียกให้เขาออกมาแล้วก็ให้มานั่งมองมันแดกเหล้าเนี่ยนะ



ให้ตายเถอะ



ไม่อยากจะเดาว่ามันหงุดหงิดเรื่องอะไร เพราะถ้าเดาแล้วแทงใจดำเดี๋ยวก็โมโหหนักอีก...ไอ้พวกคนที่ไม่ยอมรับใจตัวเอง



“เฮ้ย พอได้แล้วมั้ง แดกห่าขนาดนี้เทอาบเลยดีกว่า” เขาเอ่ยเตือน แต่ก็ไม่ได้ห้ามด้วยการกระทำ เผื่อมันเมาแล้วจะได้พูดระบายอะไรออกมาบ้าง แต่นั่งมาตั้งสองชั่วโมงกว่าแล้วก็ยังไม่ปริปาก



“ติม~ ไม่ได้เจอกันนาน นิลคิดถึ๊งคิดถึงครับ” จู่ๆ ร่างบางโผล่จากไหนไม่รู้มานั่งแทรกระหว่างสายธารกับติมจนหนุ่มหน้ายุโรปต้องขยับออกเล็กน้อย มองร่างเล็กนุ่มนิ่มแต่งตัววาบหวิวเสื้อเปิดไหล่กางเกงสั้นจู๋โชว์ขาอ่อนที่ถือสิทธิ์ยกขึ้นหอมแก้มเพื่อนตัวเอง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไร



ก็ขนาดไอติมมันยังไม่ห้าม เขาจะห้ามทำไมล่ะ



“หืม...” คนโดนหอมแก้มใบหน้าแดงเรื่อเล็กน้อยเพราะฤทธิ์เหล้า เพิ่งจะสังเกตเห็นร่างเล็กข้างกายและเอ่ยทัก “อ้าวนิล”



“ครับ” คนโดนเรียกชื่อยิ้มกว้าง “นิลเอง”



ร่างเล็กกระดี๊กระด๊าอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะเห็นว่าไอติมมาที่ร้าน ทั้งๆ ที่เขามาเฝ้าทุกวันกลับไม่เจอ นานมาแล้วตั้งแต่วันนั้นที่ร่างสูงพาไอ้หน้าจืดนั่นมาประกาศว่าเป็นคนสำคัญ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เจอกับติมอีกเลย



ทั้งๆ ที่อยากจะมีอะไรด้วยกันทุกวันแท้ๆ ...ก็แหม ถ้าใครไม่รู้จะบอกให้ว่าของติมน่ะ ทั้งใหญ่ทั้งยาวแถมลีลาเร่าร้อนอีกต่างหาก แม้เขาจะผ่านมาหลายศึกแต่ก็ยังไม่เคยเห็นใครดีเท่าติมสักคน



ลิ้นเล็กแลบเลียปาก แค่นึกถึงก็อยากโดนขึ้นมาแล้วสิ



“ติม...วันนี้อยากมั้ย” เสียงใสกระซิบถามข้างหู ทำให้ร่างสูงปรายตามองก่อนจะยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวนิลช่วย”



“นิลอยากเหรอ” ไม่รู้ทำไม แต่วันนี้เสียงทุ้มอ่อนโยนผิดปกติ ทำให้คนฟังแก้มแดงเรื่อ ซ้ำมือใหญ่ยังลูบไล้เค้นร่างกายของเขาหนักมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ดวงตากลมโตปรือช้อน กัดปากยั่ว มือเล็กลูบอกกว้างไล้ท้องแกร่งกลับบ้าง



ให้มาก็ให้กลับ...จะได้เท่าเทียม



ทั้งหมดทั้งมวลนั้นอยู่ในสายตาของธาร ซึ่งแน่นอนเขาเห็นมาจนชิน แค่นี้ไม่รู้สึกอะไรหรอก เรียกว่าคนทำหน้าหนาแล้ว คนมองก็หน้าหนายิ่งกว่า พลันสายตาเหลือบมองเห็นใครบางคนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้มองมาที่สองคนนี้กำลังจู๋จี๋ได้ที่พอดี



นั่นมัน...



ร่างโปร่งที่ใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟขมวดคิ้วนิ่วหน้าเดินเข้าไปหลังร้าน ทำให้สายธารมองติมที่ดึงนิลขึ้นคร่อมและลูบสะโพกเล็กบดเบียดตักแกร่งอย่างเย้ายวน



ไอ้ห่าติม จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ด้วยแล้วนะ

   

   



‘มึงไม่ยอม กูก็ไปเอาคนอื่น...คนที่ลีลาดีกว่ามึงมีถมไป แถมไม่ขัดขืนให้น่ารำคาญ’



พระรามยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ วักน้ำก๊อกขึ้นสาดใบหน้ามนจนเปียกชุ่ม ก่อนจะมองสภาพตัวเองที่สะท้อนในกระจกแล้วทุเรศทุรัง ใบหน้าจืดชืดตาแดงก่ำดูไม่ได้เอาเสียเลย



ใช่สิ ก็เขาไม่ได้น่ารักเหมือนชะเอมหรือนิล



ไม่ได้ลีลาดีถูกใจ



ซ้ำยังโง่ อ่อนแอ น่ารำคาญ



“ฟืด...” พอคิดน้อยใจแล้วน้ำตามันก็ไหลอีกจนต้องวักน้ำล้างหน้าอีก ภาพเมื่อกี้มันทำให้เขาได้ตระหนักว่ามีคนเยอะแยะที่ดีกว่า พร้อมจะเข้าหาไอติมอยู่ตลอดเวลาและติมก็อาจจะยินดีกว่าที่คู่นอนจะเป็นคนอื่นไม่ใช่เขา ที่ผ่านมาก็แค่เรื่องสนุกเรื่องหนึ่งในชีวิตของไอติม...เขาก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง



ปึง!



พระรามสะดุ้งเฮือกเมื่อมีใครมากระแทกประตูเสียงดัง พอหันไปตาก็เบิกกว้างหน้าชาดิก เพราะสิ่งที่เห็นคือร่างสองร่างที่ยืนบดเบียดกันโจ่งแจ้งไม่แคร์สายตาใคร ร่างเล็กบอบบางเสื้อผ้าและซิปกางเกงหลุดลุ่ยโอบแผ่นหลังกว้างที่กำลังซุกไซ้ซอกคอขาวซ้ายทีขวาทีอย่างหื่นกระหาย สะโพกแกร่งบดเบียดเป้าที่ปูดโปนเข้าแนบชิดกับของใครอีกคนจนเสียงใสครางอื๊ออ๊าหวาดเสียว



เป็นภาพที่เห็นแล้วใจบีบรัดจนน้ำตามันไหลอีกครั้ง



ร่างโปร่งตัวสั่นระริก นิ้วจิกเข้าที่ฝ่ามือจนเจ็บ สิ่งที่เขาพยายามอดทนมาทั้งหมด มันพังทลายเพราะเห็นสิ่งๆ นี้...เขาไม่เคยสมเพชตัวเองเท่านี้มาก่อนเลย ติมตั้งใจจะมีอะไรกับคนอื่นให้เขาเห็น จะตอกย้ำในสิ่งที่พูดว่าคนที่มีดีกว่าก็คือนิล



‘พี่รักติม’



ความรู้สึกของเขามันไม่มีค่า



‘อยากทำกับข้าวให้ติมกินบ้าง’



การกระทำของเขามันก็ไม่มีค่า



อีกฝ่ายจะมีอะไรกับใครก็ได้...เพราะมันก็แค่อารมณ์อยากของผู้ชาย



แต่คำว่ารักของไอติมมีให้แค่คนๆ เดียว...ซึ่งนั่นไม่ใช่เขา



จะร่างกายหรือหัวใจ...เขาก็สู้คนอื่นไม่ได้เลย



และร่างโปร่งก็ไม่อาจทนมองสิ่งนั้นต่อ ขาเรียวเดินเลี่ยงออกมาให้คนสองคนได้ทำธุระส่วนตัวกันไป พระรามทำงานต่อด้วยความรู้สึกเหมือนคนตาย



ป่านนี้ทั้งสองคนนั้นคงจะไปถึงไหนถึงไหนกันแล้ว



พระรามปวดหัวตุ้บ รู้สึกเครียดจนร่างกายของตัวเองมันเริ่มรับไม่ไหว ใบหน้ามนส่ายสะบัดแรงๆ แต่ยังรู้สึกว่าขมับมันบีบรัด จนมือเรียวต้องยกขึ้นนวดขมับสองข้าง



ด่าตัวเองว่าโง่เง่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าไปคิดถึง



“แค่ก...แค่ก!!” พระรามปิดปากไอโขลก เขาดันไปยืนเหม่ออยู่ตรงที่พวกขี้เหล้ามันสุมหัวสูบบุหรี่กันควันโขมง ร่างโปร่งจึงเดินหนีออกมา แต่อาการไอมันยังต่อเนื่อง ไม่หายไป...ไอจนน้ำตาไหล แผ่นอกเจ็บร้าว “แค่กกก...!”



“เฮ้ยๆ เป็นไรวะ ไอ้ราม ไอเหมือนจะตายงั้นอ่ะ”



“ฮะ? แค่ก! คะ แค่กกก!”



“อ้าวทักทีเป็นหนักเลย โว้ย...” เจ้าของร้านเกาหัว มองไอ้พระรามที่ยืนปิดปากไอจนตัวงอน้ำตาเล็ด ตัวมันยิ่งบางๆ อยู่ ไอทีเหมือนตัวจะหัก “ไหวมั้ยเนี่ย”



พระรามพยักหน้ารัว แต่ไม่ตอบเพราะเขายังไออยู่



ผ่านไปกว่าสองนาที รามนั่งหอบเหนื่อยหลังจากไออยู่นาน มือเรียวยกลูบอกที่ทั้งจุกทั้งเจ็บ คนตัวโตมองแล้วขมวดคิ้วเป็นห่วง



“เอ็งเป็นอะไรเนี่ย ตั้งแต่ทำงานมาพี่ไม่เคยเห็นอาการแบบนี้”



“ผมก็...แฮ่ก ไม่แน่ใจเหมือนกัน น่าจะแพ้...ควันบุหรี่หรือสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นเยอะๆ มั้งครับ” รามตอบเว้นจังหวะ จริงๆ แล้วเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่สังเกตตัวเองมานานแล้วก็เป็นไปตามที่บอก



“พวกภูมิแพ้อะไรงี้เหรอ” เจ๋งเกาหัวถามงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกเพราะเขาก็ไม่ได้จบสูง มาเปิดร้านเหล้านี่ก็แค่กิจการของพี่ชาย วันๆ ทำงานใช้แต่กำลัง ไม่ได้ใช้หัวสมอง



“...ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เสียงทุ้มใสตอบแผ่วเบา



“ทำไมเอ็งไม่ไปตรวจ”



“ผมไม่มีเงิน พี่เจ๋งก็รู้” พระรามตอบเลี่ยง แล้วบอกอีก “อีกอย่างผมไม่เป็นไรมากหรอก”



ประโยคเมื่อครู่เหมือนกับเป็นการปลอบใจตัวเอง



ทั้งที่มือสั่นระริกด้วยความกลัว เพียงแค่ภาพแม่ไอหนักจนเลือดกระเซ็นออกมาเปรอะเปื้อนมา เขาจำได้ว่าตัวเองตกใจแค่ไหน ขนาดคนมองยังตกใจ แล้วเจ้าตัวจะไม่ตกใจได้ยังไง



คงช็อคไปเลย



มือเรียวกำแน่น “ก็แค่ไอเอง...”



ใช่ ย้ำเข้าไปอีกรอบ ให้ร่างกายนี้หายหวาดกลัวเสียที






ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:40:00



ต่อจากด้านบน




สิ่งที่ทำให้พระรามเป็นกังวลจนปวดหัวมีสองอย่าง...เรื่องของติม...กับอาการไอของเขา



ร่างโปร่งกลับมาที่ห้องอย่างเอื่อยเฉื่อยในเวลาที่ขึ้นวันใหม่ไม่กี่ชั่วโมง เพราะว่าเหมือนจะมีเรื่องทะเลาะ...เรียกว่าทะเลาะหรือเปล่าไม่รู้ ก็เลยต้องเดินกลับมาที่ห้องเองโดยที่ไอติมไม่ได้มารับเหมือนอย่างที่เคยเป็น...เรื่องนี้สมควรชินได้แล้วเพราะแต่ก่อนเขาก็ทำแบบนี้มาตลอด



เป็นเพราะมีติมอยู่ด้วย เขาก็เลยติดสบาย ให้อีกฝ่ายขับไปรับไปส่งเสียแล้ว...ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมที่ติมดูเหมือนจะเกลียดเขาจะตายชัก แต่ก็ยังทำเหมือนเดิม



แต่ตอนนี้เขาว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว



“อื๊อ...ติม อย่าสิ อ๊า”



พระรามยืนตัวชาหน้าชา มองสองร่างเคลื่อนไหวร่วมรักบนเตียงในห้องนอน ทั้งๆ ที่มันเคยเป็นที่ของเขา แต่ตอนนี้ติมกำลังใช้มันกับคนอื่น



ดวงตาสีน้ำตาลเจ็บปวดลึกยืนจ้องตาค้างเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่น้ำตามันรื้นและไหลลงไม่ขาดสาย ร่างเล็กที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไอติมยังหวีดครางร้องไม่รู้ตัวว่ามีคนนอกเข้ามา แต่ไม่ใช่กับร่างสูง...มีหรืออีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าเขาเข้ามายืนมองอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว



ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขายืนมองอยู่ อีกฝ่ายก็ตั้งใจทำให้เห็น



ไอติมหันมามองเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วส่งแรงจากเบื้องล่างกระแทกตัวตนแทรกลึกเข้าไปในร่างกายคนอื่น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นพร้อมกับฟูกและที่นอนถูกทึ้งจนยับยู่ยี่ เสียงครางสูงกับเสียงทุ้มต่ำประสานกัน...น่าขยะแขยง...จนอยากจะอ้วก



เขารู้สึกเหมือนใจจะขาด...ไม่ต่างกับตอนที่รู้ความจริงในวันนั้นเลย



มันเหมือนถูกฉีกอกแล้วเอาหัวใจออกไปกระทืบซ้ำ...เหยียบย่ำ...อย่างโหดร้าย



“อึก...” พระรามหลุบตาต่ำ ขาเรียวเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบกระเป๋าเน่าๆ ของเขาออกมาทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลนองหน้าจนมองภาพไม่ค่อยเห็น แต่แม้จะฝืนทนไม่มองภาพยังไง หูของเขาก็ยังได้ยิน ต้องฟังคนที่รักกำลังมีเซ็กส์กับคนอื่น เรียกชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่เขา



ริมฝีปากบางขบกัดแน่นจนเลือดออกอดทนอดกลั้นไม่ให้ปล่อยโฮออกมาซึ่งมันยากลำบากเหลือเกิน “ฟืด...อึก!”



สิ่งๆ เดียวที่อยู่ในหัวตอนนี้คือ...ออกไปให้ไกล



อย่ากลับมาอีก



เขาพอแล้ว...พอแล้ว



มือไม้สั่นระริกจับนู่นจับนี่ไม่ได้ดีเหมือนเดิมจนต้องหยิกเข้าที่เนื้อเพื่อกระตุ้นตัวเองว่าอย่าเพิ่งร้องไห้ รีบหยิบเสื้อที่อีกฝ่ายเคยบอกว่าเน่ายัดเข้ากระเป๋า เขาไม่คิดจะเอาอะไรของไอติมไปแม้แต่อย่างเดียว เสื้อและกางเกงราคาแพงที่เขาใส่อยู่ตอนนี้ก็ถอดมันทิ้งแล้วเปลี่ยนมันตรงนั้นอย่างไม่อายสายตา



ขนาดอีกฝ่ายยังไม่อายแล้วเขาจะอายทำไม



ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า โทรศัพท์นี่ก็ด้วย



เขาวางเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่เคยเป็นของติมเอาไว้บนพื้นหน้าตู้เสื้อผ้าก่อนจะปาดน้ำตา ลุกขึ้น ขาเรียวรีบเดินออกนอกห้องนอน โกยหนังสือที่กองไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นใส่กระเป๋าลวกๆ และวิ่งออกมาจากคอนโดนั้นอย่างรวดเร็ว



โดยมีกระเป๋าเสื้อผ้าติดกายเพียงแค่ใบเดียว



กับแมวหนึ่งตัว







********************* Love Substitute *********************









“คุณป้าครับ”



หญิงอวบหยุดชะงักมือที่กำลังกวาดใบไม้หน้าอพาร์ตเมนท์เก่า เธอหันมองตามเสียงเรียก แถวนี้ไม่มีใคร แสดงว่าเสียงนี้ต้องเรียกเธอแน่นอน



“อ้าว รามนี่เอง” ใบหน้ามีรอยยับย่นเล็กน้อยยิ้มกว้าง “ไงจ๊ะ มาแต่เช้า จะมาเช่าห้องป้าอีกหรือไง”



คนถูกแทงใจดำยิ้มแห้ง “ครับ ยังมีห้องเหลืออยู่มั้ยครับ”



สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องระเห็จกลับมาตายรังที่เดิม



“ห้องเดิมหนูยังไม่มีใครเช่านะ”



“โชคดีจังครับ” ใบหน้ามนยิ้มอ่อน “แล้วเรื่องค่ามัดจำ...”



“ป้ารู้แล้วแหละว่าหนูต้องจ่าย เดี๋ยวสิ้นเดือนค่อยจ่ายเต็มทีเดียวเลยก็ได้ ที่ป้าทำแบบนี้เพราะคนเบี้ยวเยอะ ชอบเลื่อนอยู่เรื่อย”



ร่างโปร่งหัวเราะแหะเมื่อเจ้าของอพาร์ตเมนท์ป้องปากกระซิบเสียงเบา



“เมี้ยว...” จู่ๆ เสียงเล็กร้องดังขึ้นในกระเป๋าสะพายข้างขัดบทสนทนา ทำให้คนทั้งสองชะงักและก้มลงมอง ก่อนจะมีอะไรอย่างดิ้นดุกดิกและโผล่หัวออกมา



“แมวเหมียวน่ารักจัง”



“เมี้ยว...” อุริส่งเสียงรับคำชมราวกับฟังรู้เรื่องจนมนุษย์สองคนหัวเราะขำ



“มันคงตอบว่าขอบคุณมั้งครับ”



“ตาย...ฉลาดจริงเชียว” เจ้าของอพาร์ตเมนท์ยิ้มชมเปาะ เจ้าเหมียวก็ร้องดีใจอีกครั้ง แต่สีหน้าของหญิงวัยกลางคนก็เปลี่ยนเป็นลำบากใจ ก่อนจะพูดขึ้น “แต่ว่านะ...ป้าตั้งกฎเอาไว้ว่าอพาร์ตเมนท์นี้ห้ามเลี้ยงสัตว์น่ะจ้ะ”



“เอ๊ะ?” พระรามฟังแล้วซีดเซียว แล้วเจ้าแมวตัวน้อยนี่จะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?



พอก้มลงมองเจ้าตัวน่ารักที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเขาแล้วก็มุ่นคิ้ว เม้มปาก ก่อนจะตัดสินใจ



“ถะ ถ้าเลี้ยงไม่ได้ ผมคงต้องไปหาห้องที่อื่น...ผมทิ้งมันไม่ได้ครับ”



เมื่อวานพอรู้ตัวอีกทีก็เห็นเจ้าแมวตัวนี้เดินตามหลังลงลิฟต์มาด้วย เขาตกใจมากแต่ก็ดีใจเหมือนกัน



อุริอุตส่าห์วิ่งตามเขาออกมา...ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ว่าเจ้านี่มันอาจจะรับรู้ถึงความเสียใจของเขา ถึงได้ตามมาเพราะว่าอาจจะเป็นห่วงก็ได้



นิสัยผิดกับเจ้าของลิบลับ



“ขอโทษนะจ๊ะ ป้าก็อยากจะอนุญาตแต่ว่าถ้าคนอื่นรู้ป้าจะโดนครหาเอา”



“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” ร่างบางก้มหัวให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจากมา ในใจเริ่มเครียดเพราะไม่ได้คิดเอาไว้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน เพราะค่าเช่าหอที่เลี้ยงสัตว์ได้ก็ไม่น่าจะถูกด้วย



เฮ้อ ทั้งๆ ที่อพาร์ตเมนท์เมื่อกี้ก็โอเคมากสำหรับเขาแท้ๆ ...ชักลำบากแล้วสิ



“เมี้ยว”



“ไม่เป็นไรๆ ฉันไม่ทิ้งแกหรอก...อยู่ด้วยกันเนอะ” เสียงทุ้มใสเอ่ยกับสัตว์ที่มองเขาตาแป๋ว พระรามรู้สึกว่าตนยิ้มได้ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ยังไงเขาก็ชอบสัตว์อยู่แล้วเพราะงั้นไม่มีปัญหา ซ้ำยังได้คลายเครียดเพราะเจ้าอุริตัวนี้ก็น่ารักมากและขี้อ้อนเป็นพิเศษ



ดีแล้ว...เพราะถ้าหากเขาอยู่คนเดียวคงคิดมากจนเครียดไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน



ที่เหลือก็ต้องคิดแค่ว่าจะทำยังไงให้อยู่ให้รอดทั้งสัตว์ทั้งคนล่ะนะ







“ขอบคุณมากเลยครับ”



มือเรียวรับกุญแจมาจากนิติบุคคลหลังจากที่จ่ายค่ามัดจำไป แค่ค่ามัดจำก็แพงกว่าค่าเช่าเต็มเดือนของที่เก่าตั้งสองเท่า



ในที่สุดการเดินตามหาที่พักทั้งวันก็เป็นผลสำเร็จ แม้ที่นี่จะเคี่ยวเรื่องเงินไปหน่อย แต่โดยรวมก็ค่อนข้างโอเค...รับได้อยู่



“ฟู่...” พระรามปาดเหงื่อเพราะเดินมาตลอดทาง “หาที่อยู่ให้แกได้แล้วนะ อุริ”



เจ้าเหมียวครางรับด้วยรอยยิ้ม ทำให้เขายิ้มตอบ ท่าทางออดอ้อนของมันน่ารักมากจนอดลูบหัวลูบคางเป็นรางวัลไม่ได้



รามจับสายกระเป๋าก่อนจะมองกุญแจในมือและเดินขึ้นไปดูห้อง ที่นี่ใหม่กว่าที่ก่อนเยอะมาก มีลิฟต์แต่ค่อนข้างเก่าและตัวไม่ใหญ่ เขาไม่จำเป็นต้องใช้เพราะว่าไม่ได้อยู่ชั้นสูงมาก เขาอยู่ชั้นห้า หอพักที่นี่มีทั้งหมดสิบชั้นชั้นละสิบห้อง ใหญ่และใหม่แปลกตาจนอดมองไปรอบๆ ไม่ได้...ทั้งคนทั้งแมว



จนเท้าหยุดอยู่หน้าห้องที่ตรงกับหมายเลขบนกุญแจ



“แกจะอยู่ที่นี่ได้ไหมนะ มันเก่ากว่าห้องคอนโดเจ้านายแกเยอะเลย”



“แง้ว...” เจ้าเหมียวประท้วงเสียงแข็ง ประมาณว่าอย่าพูดถึงติมได้ไหม



เขาแปลเองก็หัวเราะเอง ก่อนจะไขประตูเข้าไปและทันทีที่ประตูเปิดก็งพบว่ามัน...ฝุ่นเยอะมาก



“แค่ก...” มือรีบเอื้อมไปปิดประตูทันทีก่อนจะไอโขลกแรงจนเจ็บหน้าอก



“เอ่อ...เป็นอะไรมั้ยครับ?”



“อ๋...แค่ก! มะ มะ แค่กกก...” พระรามมองคนแปลกหน้าที่กำลังจะไขประตูเข้าห้องถัดจากเขา จะตอบว่าไม่เป็นไรก็ไม่ได้ ก่อนจะหันหลังให้อีกฝ่ายและไอแรงต่อเนื่อง บางคนกลัวติดเชื้อโรคเพราะการไอ ดังนั้นนี่จึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่ไม่ให้อีกฝ่ายรังเกียจเขาตั้งแต่แรกพบ



“เมี้ยว...” ในเสี้ยวความคิดเหมือนได้ยินเสียงอุริร้องขึ้นอย่างเป็นห่วง แต่เขาก็ไม่ทันได้ปลอบมันเพราะว่าอาการบ้าๆ บอๆ น่ารำคาญนี่แหละ



กว่าจะหายก็นานนับนาที หลังไอเสร็จทุกครั้งเขามักจะเหนื่อยหอบ เหงื่อแตกพลั่กอย่างกับวิ่งมาราธอนมา ซ้ำยังเจ็บร้าวที่ข้างในอีกต่างหาก



ให้ตายเถอะ...ถ้าเขาเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ปอดคงได้พังเข้าซักวัน



“เป็นอะไรมากมั้ยครับ” ลมหายใจเริ่มคงที่ ทำให้เขาได้สติ ดวงตาเรียวผินมองคนทักทายอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา



“ครับ ไม่เป็นไรแล้ว” เขาเพิ่งได้สำรวจหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ใบหน้าหวานสวยยามระบายรอยยิ้มกับดวงตาระยิบระยับสวยงามนี่มันทำให้มองไม่รู้เบื่อจริงๆ



ก่อนจะรู้ตัวว่าเสียมารยาทที่จ้องนานเกินไป พระรามก็เอ่ยตะกุกตะกัก “ขอบคุณนะครับ ว่าแต่คุณ...”



“ผมเป็นเจ้าของห้องนี้ ชื่อวาครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” อีกฝ่ายแจกรอยยิ้มทำให้คนมองเผลอยิ้มตาม



“เช่นกันครับ ผมชื่อราม เพิ่งจะย้ายมา...เมื่อกี้นี้เลยครับ” เขาแนะนำตัวบ้าง ดวงตาเรียวเหลือบมองประตูห้องตัวเองและหัวเราะแห้ง “แต่เปิดประตูจะเข้าห้องเข้าไปก็...สงสัยฝุ่นมันจะเยอะไปหน่อย”



“อา ห้องนี้ไม่มีใครมาอยู่นานแล้วล่ะครับ” วาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะขมวดคิ้ว “ว่าแต่คุณแพ้ฝุ่นหรือ”



“ไม่...น่าจะใช่ครับ” พระรามตอบอย่างไม่ค่อยแน่ใจทำให้อีกฝ่ายงุนงง “เอ่อ ผมบอกว่าน่าจะใช่น่ะครับ”



“อ๋อ ถ้างั้นจะยืมหน้ากากอนามัยผมก่อนมั้ย ที่ห้องมีเตรียมเอาไว้เยอะแยะเลย” อีกฝ่ายพูดเสียงทุ้มนุ่มฟังแล้วสบายหู ก่อนจะย่อตัวลงจับไหล่เล็กเป็นเชิงแนะนำตัว เขาถึงเพิ่งได้สังเกตว่ามีเด็กอยู่ด้วย “เพราะเด็กคนนี้ก็ไม่ค่อยชอบฝุ่นเหมือนกัน”



พระรามมองก่อนจะยิ้มน้อยๆ เอ็นดู เพราะเหมือนเด็กผู้ชายตัวจ้อยที่ความสูงไม่ถึงหัวเข่ารีบหลบหลังร่างสูงโปร่งทันทีที่คนแปลกหน้าจ้อง ก่อนที่หัวเล็กจะค่อยๆ โผล่ออกมาเห็นแค่ดวงตากลมโต



“วี...” วาพูดเสียงอ่อน มองเด็กชายที่หลบด้านหลังตนชะโงกหน้าซ้ายๆ ขวาๆ ไม่กล้าสู้คนแปลกหน้า “ขอโทษนะครับ วีเขาขี้อายน่ะ”



“ไม่เป็นไรครับ น้องน่ารักดี ผมไม่ถือ” ริมฝีปากยิ้มบางโบกมือ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “น้องวี”



เสียงทุ้มใสเรียก คราวนี้เจ้าของชื่อยอมโผล่หน้าออกมาแต่ก็แค่ดวงตาเหมือนเดิม อยากรู้ว่าเพื่อนบ้านคนใหม่นี้เรียกเขาทำไม



“พี่รามมีอะไรแนะนำให้รู้จักด้วย...อยากรู้จักรึเปล่า” พระรามพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เด็กอยากรู้อยากเห็น คราวนี้เจ้าตัวเริ่มกล้าโผล่ออกมาหน่อยๆ แต่มือป้อมยังขยำเสื้อวาแน่นไม่ปล่อย



“มันคือ...อะไรฮะ” เสียงเล็กๆ ถามเขา ทำให้ร่างโปร่งอมยิ้มเอากระเป๋ามาไว้ด้านหน้าก่อนจะย่อตัวลงเข้าใกล้ วีเอียงคอมองอย่างสงสัย จะบอกว่าคนตัวโตอย่างวาก็ทำหน้าสงสัยไม่แพ้กัน



ทันทีที่เขาเปิดกระเป๋าออกเจอสัตว์ขนปุยกำลังเลียมือเลียขนตัวเอง พอมันลืมตาเห็นหน้าพระรามก็ร้องเสียงจ้อย “เมี้ยว”



“แมว...มีคุณแมวด้วยล่ะ” ดวงตาโตของเด็กชายวีวาววับเหมือนมีดอกไม้บาน ก่อนจะกระตุกเสื้อในมือและชี้ให้ดูพูดเสียงเจื้อยแจ้ว “แม่วา มีคุณแมวด้วย...เหมียวๆ”



“เมี้ยว” เหมือนเจ้าแมวจะถูกใจเด็กตัวน้อยเลยร้องรับ ทำให้เด็กชายวีตาโต ปิดปากหัวเราะตาหยี



“คิกๆ”



ถึงจะสงสัยว่าทำไมผู้ชายถึงได้ถูกเรียกว่าแม่ แต่พระรามก็ไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน ร่างโปร่งมองข้ามประเด็นที่ไม่จำเป็นไป มองท่าทางตื่นเต้นใสซื่อของวีแล้วหัวเราะ...เด็กอะไร โคตรน่ารัก



“คุณแมวตัวนี้ชื่ออุริ ถ้าว่างๆ น้องวีก็มาเล่นกับมันได้นะ มันจะได้ไม่เหงาด้วย” พระรามเรียกคุณแมวตามวี เพราะคิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่ตรงตามใจเด็กน้อยที่สุด แน่นอนว่าพอวีได้ยินก็ร้องอู้อ้าตาโตระยิบระยับเรียกตามทันที



“คุณแมวชื่ออุริ...คุณอุริ คิกๆ” เสียงเล็กพูดกับตัวเองแล้วหัวเราะตาหยีอีกครั้ง ดูเหมือนเด็กน้อยจะไม่ตั้งกำแพงหวาดกลัวรามอีกแล้ว เพราะใช้อุริเป็นเครื่องมือเปิดใจ ซึ่งเขาก็ให้รางวัลโดยการลูบหัวมันไปหนึ่งทีและมันก็ครางรับ



“จะดีหรือครับ” วาเอ่ยถามลำบากใจ มองเด็กชายตัวจ้อยด้วยความเอ็นดู ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนความสนใจของวีตกอยู่ที่เพื่อนใหม่อย่างอุริไปแล้ว



“ผมต้องขอความกรุณามากกว่าเพราะผมต้องทำงานบ่อยๆ กลัวจะไม่มีเวลาให้มัน...ยังไงก็แค่เวลาว่างก็ได้...” เขาเอ่ยต่อด้วยความลำบากใจยิ่งกว่า จริงๆ ไม่อยากรบกวนเพื่อนร่วมหอพักแบบนี้เลย แต่ที่ทำอยู่นี่เพราะเป็นห่วงสัตว์ตัวจ้อยที่มันต้องอยู่คนเดียวในห้องเวลาที่เขาออกไปข้างนอก ซึ่งกลับมาทีก็ค่ำมืด ถ้าหากมีเพื่อนเล่นเป็นเด็กน้อยที่ชอบสัตว์เหมือนกับเขาอย่างวี มันคงจะอารมณ์ดีมีความสุข



“ได้ครับได้ ไม่มีปัญหา ถ้าคุณรามไว้ใจให้ดูแล...”



“อย่าเรียกคุณเลยครับ ผมอายุแค่ยี่สิบเอ็ดเอง” เขาโบกมือปฏิเสธคำเรียกขานนั้น ที่รามพูดแบบนี้เพราะดูออกว่าอีกฝ่ายน่าจะอายุมากกว่า แม้จะหน้าอ่อนมากก็ตาม



อีกฝ่ายยิ้มรับ “งั้นรามก็เรียกผมว่าพี่ละกันนะ”



“ยินดีครับพี่วา”



เขารู้สึกดีที่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ รู้จักคนใหม่ที่มีน้ำใจกับคนแปลกหน้าอย่างเขา



“แต่ตอนนี้ผมว่าผมขอหน้ากากอนามัยก่อนดีกว่า ถ้าไม่เสร็จเดี๋ยวทั้งคนทั้งแมวจะได้นอนนอกห้องกันพอดี”



“ให้พี่ช่วยมั้ย”



“อย่าเลย แค่นี้ก็เกรงใจแย่แล้วครับ”



“ถ้างั้นมีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับ”



“งั้นช่วยฝากอุริไปเล่นในห้องกับน้องวีก่อนแล้วกันครับ” พระรามได้ยินดังนั้นก็รีบบอก เขาจะทำความสะอาดไม่อยากให้แมวเดินเกะกะ ซึ่งเด็กชายวีได้ยินก็ร้องดีใจ แขนเล็กสองข้างอุ้มแมวขึ้นอย่างไม่กลัวมันกัด ซึ่งอุริยินดีจะให้วีจับก็ร้องเหมียวๆ ไม่หยุด



หลังจากสองคนและหนึ่งตัวเดินเข้าห้องข้างๆ ไป ร่างบางก็คาดหน้ากากอนามัยไว้แน่นก่อนจะลงมือทำความสะอาด



“แค่ก...” ผ่านไปสักพักพระรามหายใจเหนื่อยอ่อน ทั้งหอบทั้งไอ แม้จะมีหน้ากากกั้นขวางแต่ก็ยังกันฝุ่นไม่อยู่



กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็ตั้งสองชั่วโมง...นานกว่าที่คิด



ไม่เป็นไร เขาเต็มที่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเพราะอาจจะต้องอยู่ห้องนี้ไปอีกนาน



ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ก็อาจจะเป็นตลอดชีวิต



พระรามคิดแบบนั้นก็เพราะว่าไม่ได้รู้เลยว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ชีวิตของเขาจะต้องกลับเข้าไปวนอยู่ในวังวนเดิม



วังวนที่มีแต่ความโศกเศร้าและเจ็บปวดทรมาน





********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:40:43



ทดแทนรัก

ตอนที่ 22



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



“เป็นไงบ้างพระราม คุณว่าทุนนี่น่าสนใจมั้ย”



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายวาววับ กวาดตามองกระดาษในมือสั่นระริก และแย้มรอยยิ้มกว้าง “น่าสนใจมากครับ”



   “ผมว่าแล้ว พอเห็นทุนนี่เลยเก็บเอาไว้ให้เลยนะ เพราะผมคิดว่ามันเหมาะกับคุณสุดแล้ว” อาจารย์วีระยิ้มบางมองนักศึกษาชายตรงหน้าด้วยความยินดี เขาเป็นคนให้ทุนเรียนดีเด็กคนนี้เอง นอกจากเรียนดีสอบเข้ามาด้วยคะแนนสูงสุดแล้วยังเป็นเด็กดี พฤติกรรมไม่เคยนอกลู่นอกทาง ทำงานพิเศษหาเงินเลี้ยงชีพตั้งแต่อายุน้อยๆ เพราะว่าฐานะทางบ้านยากจน ทั้งหมดทั้งมวลจึงเป็นเหตุผลให้อาจารย์อย่างเขามอบโอกาสดีๆ ให้กับพระราม แล้วพระรามก็ทำมันได้ดีเสมอมา



   และครั้งนี้ก็มีโอกาสที่ดีกว่าเสนอให้อีกครั้งและเหมือนเขาจะได้คำตอบที่ดี



   “อาจารย์วีระมีรายละเอียดที่มากกว่านี้มั้ยครับ”



   “หึหึ เดี๋ยวถ้าได้มาผมจะส่งให้ทันที” วีระหัวเราะถูกใจเพราะใบหน้ามนถามกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ก็ขนาดคนแก่อย่างเขายังตื่นเต้นเพียงแค่รู้ข่าวเรื่องจะมีทุนที่ให้สำหรับนักศึกษาไปเรียนต่อปริญญาโทและสามารถทำงานต่อที่ประเทศใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาก็รีบมาบอกเด็กคนนี้ทันทีโดยที่ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมาก มีเพียงกระดาษแผ่นเดียวและรายละเอียดคร่าวๆ เท่านั้น



   “ขอบคุณครับ” ใบหน้ามนพยักหงึกหงักว่าง่าย ก่อนจะทำหน้าสงสัยแกมลำบากใจ “ว่าแต่ทุนนี้มีแค่ทุนเดียวหรือครับ”



   “ใช่ ทำไมเหรอ หรือคุณอยากให้ใครไปด้วย?”



   “เปล่าครับ แล้วทำไมอาจารย์ถึงเสนอให้ผม...”



   คนฟังเข้าใจความลำบากใจของเด็กก็แจกแจงให้เข้าใจ “ทุนนี้สำหรับเด็กพฤติกรรมดี ขยันเรียน เกียรตินิยมอันดับหนึ่งนะ ผมถึงนึกถึงคุณไง...หรือว่าคุณไม่อยากได้”



   พระรามรีบโบกมือพูดตะกุกตะกัก “ไม่ใช่นะครับ ผมอยากได้ แต่ว่านอกจากผมแล้วมีคนที่ว่าอีกตั้งเยอะ”



   “แต่ผมเสนอให้คุณ คุณเป็นคนที่มีอนาคตไกล ผมมองออก” วีระพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่ได้ยกยอสรรเสริญ เขาพูดจริงทุกประการ



   “ขอบคุณอาจารย์มากเลยนะครับ” ร่างโปร่งฟังแล้วน้ำตารื้นจนต้องรีบปาดออก “นอกจากแม่แล้วก็มีอาจารย์ที่มีบุญคุณกับผมมาก ผมจะไม่ลืมเลย”



   พระรามตื้นตันในอกที่ได้ยินคำพูดจากปากของคนที่เคารพนับถือ อย่างที่บอกว่าอาจารย์วีระคนนี้ให้โอกาสที่ดีกับเขา ทำให้ช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มาก แล้วตอนนี้ยังได้มีโอกาสที่จะไปต่างประเทศ...ทั้งๆ ที่คนอย่างเขา...ถ้าหากว่าไม่ได้เจอแม่ภาวดีก็คงจะไม่ได้มีโอกาสได้ร่ำเรียนจนมาเจอกับอาจารย์วีระ



   ทั้งสองคนนี้ เขานับถือจากหัวใจ



   “เอาเถอะ แค่คุณตั้งใจตามที่ผมคาดหวังไว้ ผมก็ดีใจมากแล้วล่ะ” วีระฟังแล้วยิ้มตื้นตันไม่แพ้กัน เขาไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากให้เด็กในการดูแลเติบโต เจริญก้าวหน้าอย่างภาคภูมิใจ



   “ครับ”



   “ยังไงเดี๋ยวผมจะเรียกมาอีกทีถ้ามีข่าวดี”



   “ครับ งั้นผมขอตัว”





 

   ขาเรียวเดินเอื่อยเฉื่อยตามถนนคอนกรีตที่ลาดภายในมหาวิทยาลัย สะอาดสะอ้านไร้ขยะเหมือนกับด้านนอกถนนที่มีรถยนต์วิ่งพลุกพล่าน ร่างโปร่งค่อยๆ เดินผ่านทีละตึกสายลมพัดผ่านจนผมสีเข้มสะบัดปลิว ไล่สายตามองตัวหนังสือบนกระดาษสีขาวในมือ รู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ที่จะได้ไปเรียนและยังมีโอกาสทำงานต่อที่ต่างประเทศด้วย



   มันทำให้รู้ว่าคนจนๆ อย่างเขาก็มีโอกาสได้เหมือนกัน...แต่แน่นอนรามไม่ได้หลงระเริง เพราะโอกาสยิ่งใหญ่ที่ได้มานี้มันไม่ได้มาเพราะด้วยน้ำมือของเขาเพียงคนเดียว



   ยังมีอีกสองคนที่กำลังรอดูเขาเติบโตอยู่...แม้คนหนึ่งจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม



   แต่พระรามขอสาบานว่าจะทำมันให้ดีที่สุด



   ตึงตึงตึง!



   เสียงกลองดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกมองซ้ายมองขวาและก็พบกลุ่มคนอยู่ตรงลานกว้างที่มีต้นไม้ปลกคุมร่มเย็นซ้ำยังมีตึกช่วยบังแดดจ้าในตอนเที่ยงด้วย กลุ่มคนพวกนั้นมีสาวหนุ่มหน้าตาดียืนตรงตั้งแถวเป็นระเบียบ ซ้ำยังกางแขนกางขาค้างไว้นานด้วยท่าทางประหลาดอยู่แบบนั้นนานนับชั่วโมง แม้จะเหนื่อยก็ต้องกัดฟันทน...รู้ดีว่ามันคือหน้าที่ของผู้นำเชียร์



   “กางแขนให้มันดีๆ หน่อย!”



   “อย่าอ่อนแอ คนที่สามลดแขนลงอีกแล้ว!! เมื่อกี้เพิ่งกินข้าวไปไม่ใช่เหรอ!”



   พี่คุมที่ทำหน้าที่ไม่ต่างจากพี่ว้ากยืนทำหน้าขึงขังตะโกน...ไม่สิ ตะคอกใส่เสียงดัง



   "มัวทำอะไรกันอยู่! ทำตัวแบบนี้แล้วจะให้พวกพี่มาสอน!? ใช้ได้เหรอ!?"



   "ขอโทษครับ! / ค่ะ!"



   เขามองแล้วระบายยิ้ม



   ชีวิตของเขาวนเวียนเงียบสงบมาหลายสัปดาห์ การทำงานโดยมีแมวกับค่าเช่าที่แพงขึ้นสี่เท่ามันหนักกว่าที่คิด เพราะว่าต้องหาอาหารแมว ของเล่น กรงและของจำเป็นอีกหลายอย่างมาให้อุริด้วย



   ถึงจะเหนื่อย แต่ก็พูดได้ว่าเขามีความสุข อุริก็มีความสุขเหมือนกัน เพราะมันได้เล่นกับวี เด็กชายสดใสวัยห้าขวบข้างห้องเกือบทุกวัน



   แต่ละวันผ่านมาเรื่อยๆ และแปปเดียวก็มาถึงอีกแล้ว...กีฬาสีของมหาวิทยาลัย



   ก็เป็นอะไรที่น่าคิดถึงดี แต่เขาอยู่ตั้งปีสามแล้ว อีกหนึ่งปีก็จะจบ จึงไม่มีความตื่นเต้นที่จะทำอะไรแบบนี้



   อันที่จริงแล้วต้องบอกว่าเขาไม่เคยมีความคิดที่อยากจะทำกิจกรรมอะไรพวกนี้เลยมากกว่า เพราะว่าชีวิตของเขามันขาดสีสัน...ขาดความรักมาแต่ไหนแต่ไร...



   ถ้าหากไม่มีพวกสินกับดินคอยอยู่เป็นเพื่อนเคียงข้าง เขาคงไม่ได้สนุกสนานเหมือนกับคนที่อายุเท่ากันคนอื่นๆ



   นอกจากกลุ่มคนที่ซ้อมผู้น้ำเชียร์แล้วก็ยังมีเหล่านักศึกษาที่เพิ่งเรียนเสร็จมานั่งทำศิลปะระบายสีบางอย่าง น่าจะเอาไว้ประดับตกแต่งในงานกีฬาสีแน่ๆ



   เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่กำลังจะมาเรียนแต่อาจารย์ดันใจดีบอกว่าให้มาช่วยน้องปีหนึ่งทำงานกีฬาสี พวกขี้เกียจนี่ร้องไชโยเสียงดังลั่นห้องไม่เกรงใจอาจารย์แม้แต่นิด ส่วนเขารู้สึกเฉยๆ



   "หนึ่ง! สอง! หนึ่ง! สอง! หนึ่ง! สอง!" เหล่านักวิ่งที่กำลังซ้อมเป็นกลุ่มย่อยกำลังวิ่งสวนมาทำให้พระรามที่เดินอยู่คนเดียวหลีบตัวลีบก่อนจะเผลอไปสบตาคนหนึ่งในกลุ่มนั้นเข้า แม้จะไม่รู้จักกันแต่ก็ส่งรอยยิ้มมาให้



   พลั่ก...



   “เหวอ" เพราะมัวแต่มองตามเหล่าคนพวกนั้นเท้าเลยไปสะดุดทางต่างระดับ หน้าเกือบคว่ำแต่ก็ทรงตัวไว้ได้ แต่มือเจ้ากรรมดันเผลอปล่อยกระดาษสีขาวหลุดลอยไป "ชิบละ! เดี๋ยว...!"



   ร่างโปร่งตกใจมองตาโต นั่นมันเอกสารสำคัญของเขา!



   เขารีบเดินตามไป แต่เหมือนจะโดนกลั่นแกล้งเพราะลมพัดแรงขึ้นอีกจนต้องออกแรงวิ่ง เขาถอนหายใจเมื่อในที่สุดมันก็หยุดลงเสียที แผ่นสีขาวนอนแนบนิ่งอยู่บนพื้นแต่ร่างโปร่งก็ยังไม่วางใจ สายตาเรียวจับจ้องและวิ่งเข้าไปใกล้ ก่อนจะแย้มรอยยิ้มได้เมื่อมือเรียวเอื้อมจะถึงแต่กลับ...มีคนหยิบไปเสียก่อน



   "อ่ะ ขอบคุณ...ครับ..." เขาค่อยๆ ลุกขึ้นและเอ่ยขอบคุณคนที่อุตส่าห์เก็บให้แต่ทันใดนั้นใบหน้ามนก็ซีดเซียวไร้สี เพราะคนตรงหน้าคือใครบางคนที่เขาไม่ได้เจอมานานนับตั้งแต่ออกมาจากคอนโดนั้น...ไม่ได้เจอนานและไม่อยากเจอด้วย



   ทำไม...



   ดวงตาคมกริบจดจ้องสิ่งที่อยู่ในมือ กวาดตามองก่อนจะยิ้มมุมปาก "หืม..."



   "เอาคืนมา" เสียงทุ้มใสเอ่ยสั่นเครือ น้ำตารื้นไหลเพราะนึกเรื่องเก่า มือเรียวยื่นไปคว้าแต่กลับถูกอีกฝ่ายหลบ ชูมันขึ้นสุดเอื้อมแขน



   "ติม...นั่นของๆ พี่...เอาคืนมานะ" เขาเงยมองตามและเขย่งเท้าจนสุดเพื่อเอื้อมคว้ามันกลับมาแต่ก็ไม่ถึง



   ความสูงของเราต่างกันเกินไป



   พระรามกัดปากเจ็บใจ ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ที่จะสู้ทางกายภาพ มองอีกฝ่ายด้วยความพร่ามัว จึงรีบปาดน้ำตาออกก่อนที่มันจะไหล "บอกให้เอาคืนมาไง!"



   เสียงตะโกนที่ดังกว่าเดิมทำให้คนอื่นที่เดินผ่านมาหันมามองเพราะคิดว่าคนทะเลาะกัน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มีแต่ร่างโปร่งเท่านั้นที่กำหมัดแน่นอย่างโมโห



   ทั้งตอนนั้นและตอนนี้...ไอติมคิดจะแกล้งเขา...ปั่นหัวเขาให้บ้าบอ...เสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า



   ทำเหมือนเขาเป็นตัวตลกไม่ก็คนโง่



   "นี่คิดจะทำอะไรอีก!?" ใบหน้ามนกัดฟันกรอดมองเขม็งทั้งน้ำตาคลอ พระรามยอมให้ทำร้ายมาจิตใจมานับกี่ครั้งแล้วเขาก็ยอมได้ แต่เรื่องนี้รามไม่ยอม เพราะนั่นมันเกี่ยวข้องกับเรื่องอนาคตทั้งหมดของเขา "เอากระดาษนั่นคืนมาแล้วก็ไปซะ อย่ามายุ่งกับพี่!"



   สายตาคมกริบตวัดมองขุ่น "ไล่เหรอ...นี่มึงไล่กูเหรอ?"



   เสียงทุ้มเข้มทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวหวาดกลัว แต่ก็กัดฟันสู้



   "ใช่ พี่จะไม่ทนติมแล้ว...นายจะไปนอนเอากับใครที่ไหนก็ไปเลย!"



   พระรามตะโกนไล่ทั้งน้ำตาพลางทุบอกทุบไหล่อย่างโมโหน้อยใจ ยิ่งพูดยิ่งเจ็บลึกเมื่อนึกถึงวันที่กลับไปเจออีกฝ่ายใช้เตียงนอนที่เราใช้ร่วมกันกำลังร่วมรักกับร่างเล็กน่ารักที่ชื่อนิลคนนั้น



   เขาเดินหนีเพราะมันทนมองไม่ได้ แต่เพียงแค่เห็นใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจนี่ รอยยิ้มแสยะสะใจวันนั้นมันก็ผุดขึ้นในความทรงจำ อีกฝ่ายทำเหมือนว่าเขาเป็นได้เพียงแค่ของเล่นโง่ๆ ชิ้นหนึ่งของติมที่หมดอายุการใช้งานแล้ว



   หัวใจของเขามันยิ่งกว่าถูกหนามแหลมทิ่มแทงจนเลือดไหลไม่หยุด เลือดเขาไหลจนหมดตัวกลายเป็นคนตายไร้วิญญาณ



   ร่างสูงไม่มีสิทธิ์จะมาโกรธเขาด้วยซ้ำไปที่เขาเอ่ยไล่ เพราะติมก็เป็นคนไล่เขาก่อนด้วยวิธีแบบนั้นเอง



   เขาตัดสินใจที่จะออกมาแล้ว...อย่ามายุ่งกับเขา...อย่าลากเขากลับไปในสถานที่เดิม...วังวนเดิม



   รามไม่อยากจะกลับไปเป็นแบบนั้นอีก...กลายเป็นคนที่หลงรักจนโง่งม นอนแหกแข้งขาให้อีกฝ่ายเอาแต่ใจฝ่ายเดียว



   พระรามก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง...มีหัวใจแค่หนึ่งดวง



   อยากให้มีใครสักคนมาค้นพบมันและดูแลทะนุถนอมเอาใจใส่



   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวาววับ ก่อนที่ร่างสูงจะลดมือลงและยัดกระดาษแผ่นนั้นใส่มือพระรามง่ายด้ายจนน่าแปลกใจ แม้ด้วยความแรงอาจจะทำให้มีรอยยับแต่มันก็ไม่ได้เสียหายทำให้ริมฝีปากบางยิ้มออกและกอดมันแนบอก แต่ไม่ทันไรมือใหญ่ก็จับหมับเข้าที่ข้อมือผอมแน่นและกระชากให้เข้ามาประชิด



   "มึงคิดจะหนีกูไปเหรอ" เสียงเข้มพูดเบา ฟังดูน่าขนลุก แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของพระรามฉายความไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น ทำให้นิ้วยาวจิ้มเข้าที่แผ่นอกบาง...แท้จริงแล้วร่างสูงหมายถึงเนื้อความในแผ่นกระดาษนั่นต่างหาก



   ดวงตาเรียวเบิกกว้าง



   “กู-ไม่-ให้-ไป” ไอติมเน้นทีละคำ



   “ติมไม่มีสิทธิ์มากำหนดว่าจะให้พี่ไปหรือไม่ให้ไป” เสียงทุ้มใสว่า “นี่ชีวิตของพี่”



   “ชีวิตของมึงเป็นของกู”



   “ไม่ใช่!”



   “ใช่สิ” ไอติมยืดตัวเสยผม ก่อนจะถอนหายใจเหนื่อยหน่ายเหมือนขี้เกียจจะเถียง "จะยังไงก็แล้วแต่...บอกเลยว่าถ้ากูไม่ให้ไปก็คือไม่ให้ไป...มึงไม่มีสิทธิ์แย้งอะไรทั้งนั้น"



พระรามกำหมัดแน่นโมโหเหมือนควันออกจากหูเมื่อฟังคำพูดเอาแต่ได้ ใครจะมากำหนดชีวิตเขาไม่ได้ทั้งนั้นนอกจากเขาจะเลือกด้วยตัวเอง



ยังไงเขาก็จะไป...ไปให้พ้นจากผู้ชายคนนี้



รามไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายแม้แต่นิด ไอติมคิดจะทำอะไรอีก...ต้องการอะไร...จะมาปั่นหัวป่วนชีวิตของเขาให้วุ่นวายอีกแล้วเหรอ



นิลคนนั้นยังสนองความต้องการให้ไม่พอใจอีกหรือไงถึงต้องกลับมายุ่งกับเขา



"ว่าแต่...พี่ชะเอมไปไหนซะล่ะ คิดถึง...อยากเห็นหน้า" เสียงทุ้มนุ่มเปลี่ยนโทนทันทีเมื่อเรียกชื่อของใครบางคน มันทำให้ก้อนเนื้อในอกของคนได้ยินกระตุกบีบรัด อ้อมแขนผอมเผลอเกร็งแน่นจนกระดาษสีขาวยับมากขึ้นไปอีก



   ไม่ทันไร...ไอติมก็ทำให้เขาเจ็บอีกแล้ว



   หลายสัปดาห์ที่เหมือนอยู่ห่างกัน เขาอยากจะรีบลืมและเลียแผลหัวใจที่บาดเจ็บ



   แต่ไม่ทันไร...มันก็ถูกกรีดจนเหวอะหวะ ซ้ำยังเหมือนจะถูกมือใหญ่นั่นยื่นเข้ามาบีบแน่นจนหายใจไม่ออก



   หัวใจเพียงดวงเดียวของเขาที่หวังให้ใครสักคนมาดูแลประคับประคอง กลับถูกคนตรงหน้าเหยียบย่ำอีกครั้งด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ



   ดวงตาเรียวมองอีกฝ่ายค้าง ใบหน้ามนนิ่วเจ็บปวด พยายามอดทนแต่สุดท้ายก็ปล่อยให้หยาดน้ำไหลพรากจากทั้งสองข้างของตา อาบแก้มขาวที่ซีดเซียว ไหลหยดจากคางจนโดนกระดาษแผ่นสำคัญเปียกชื้นไปหมด สายตาคมกริบที่สบกลับมามันไม่สะท้อนสิ่งใดเลย



   เขาอยากจะรู้นักว่าหัวใจของผู้ชายคนนี้ทำด้วยอะไรกัน ถึงได้ทำร้ายเขาโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย



   ให้ตาย...ให้ตายเถอะ



   พระรามหันหลังให้ ก่อนจะยกแขนขยี้ดวงตาแดงก่ำ แต่เช็ดเท่าไหร่ๆ มันก็ไม่หมดจนแขนเสื้อนักศึกษาเปียกชุ่ม ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ถ้าคะ ฮึก คิดถึ...ง ฟืด ก็ไปหาเองสิ..."



   ดวงตาคมกริบที่อ่านไม่ออกเหลือบมองหลังคอขาวที่ยังก้มหน้าป้อยๆ



   “อยู่ไหนล่ะ”



   ร่างโปร่งสะอื้นแรงอีกครั้งกับคำถาม "อยู่ใต้ ฟืด! ...อึก ตึกคณะอักษร..."



“รามพาไปหน่อย”



ร่างโปร่งยังยืนนิ่งอยู่ ไม่ตอบไม่หือไม่อือ...ยังไงเขาก็จะไปอยู่แล้วจึงไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติม ขาเรียวที่สั่นน้อยๆ ก้าวเดินไป...ด้วยหัวใจอ่อนแรง



พอเดินมาพร้อมกัน มันก็ดูเหมือนว่าจะมาด้วยกัน แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย



"อ้าวนั่นไง จริงด้วย" สินพยักเพยิดมาแต่ไกล คำพูดราวกับเดาไว้แล้วว่าเขาจะต้องอยู่กับติมยังไงยังงั้น



นักศึกษาหญิงชายใต้คณะหันมามองกันให้รึ่มทันทีที่เดือนคณะนิติศาสตร์ปีนี้ย่างก้าวเข้ามา ร่างสูงกำยำภายใต้ชุดนักศึกษาเดินล้วงกระเป๋าเข้ามาอย่างมีมาด ใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราหรือพระเอกละครยิ่งทำให้ไอติมเป็นคนที่ยอดนิยมไม่แพ้กัน ด้วยบุคลิกและแววตาไม่เหมือนกับเด็กจึงถูกมองข้ามว่าเป็นแค่รุ่นน้องปีหนึ่งไป นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมที่ลือกันว่าไอติมคนนี้ไม่ธรรมดา สอยดาวคณะและหนุ่มน่ารักไปแล้วหลายคน กิตติศักดิ์ที่ว่าทั้งใหญ่ทั้งยาวและพร้อมด้วยลีลานั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีใครที่อยากรู้อยากลอง และปรี่เข้ามาเสนอตัวเยอะแยะมากมาย



ซ้ำยังมีเบื้องหลังอันตรายๆ อีกหลายอย่างที่ถูกเก็บเงียบเอาไว้



พระรามพยายามก้มหน้าก้มตาหลบไม่อยากให้ใครมอง แม้น้ำตาจะเหือดแห้งไปแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันร้อนผ่าวและน่าจะบวมแดงมากแน่



"พี่ชะเอมหวัดดีครับ" แล้วก็เหมือนเคย ไอติมไม่เคยเห็นผู้ใด ในสายตาของร่างสูงโฟกัสแค่เพียงคนๆ เดียวที่สนใจ...และเอ่ยทักเป็นคนแรกอีกเช่นเคย ทั้งๆ ที่มีดิน สิน แล้วก็เพื่อนในคณะนอนเอกเขนกอยู่เต็มไปหมด



"อื้อ ไม่ได้เจอนานเลย" ชะเอมยิ้มทักทายสดใส ใบหน้าหวานที่เคยซีดเซียวขาวสว่างกว่าเดิมเมื่อผูกจุกหน้าม้าขึ้นไปเพราะมันยาวปรกหน้าปรกตา...น่ารักจนผู้ชายมองกันให้พรึ่บ



น่ารักมาก...จริงๆ



"ไปเที่ยวต่างจังหวัดก็เพิ่งเจอนี่ครับ"



"อ่า จริงด้วย เราไม่ได้คุยกันเลยนี่เนอะ"



เสียงทั้งสองคนคุยกันมันดังอื้ออึงไปหมด ดวงตาเรียวมองค้างที่ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอบอุ่น เขาอยากจะยกมือขึ้นปิดหูซะ ไม่อยากจะฟังเสียงระรื่นที่คุยกันโดยไม่สนใจ...ไม่มีรามอยู่ในสายตา



‘อ๊ะ อ๊า อื๊อ ติม...’



เพียงแค่หลับตาลง ภาพและเสียงมันก็ชัดเจน



ไอติมไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา...เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเตียงวันนั้น



"ก็เกิดเรื่องขึ้นเยอะนี่ครับ...ว่าแต่พี่ชะเอมผูกจุกแบบนี้แล้วน่ารักมากเลย"



เสียงทุ้มนุ่มทำให้พระรามที่ฟังกัดปากแน่น คนโดนชมก็หัวเราะแหะๆ เสียงแห้ง ร่างโปร่งขบกัดให้เจ็บจนเลือดซึมพร้อมกับนิ้วเรียวที่จิกลงบนฝ่ามือ เขาก็คิดไว้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะมีอิทธิพลกับใจขนาดนี้



นี่เขา...ควรจะออกไปที่อื่นเลยดีหรือเปล่า ถ้าออกไปเพื่อนจะมองสงสัยมั้ย...ก็เขา...ไม่อยากอยู่ในพื้นที่นี้แล้ว



หรือว่าจะปล่อยให้มันเป็นไป



ก็ดี ถ้าหากไอติมยังทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...หัวใจของเขาอาจจะไร้ความรู้สึกไปเลยก็ได้



ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:41:07



ต่อจากด้านบน


จะได้...ไม่ต้องรู้สึกอะไรอีก



"...รามมาช่วยเราหน่อยสิ ไม่มีใครช่วยเปลี่ยนน้ำให้เลย"



พระรามรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงใสร้องเรียก ก่อนจะตั้งสติได้และตอบออกไป "ได้สิ"



"งั้นเดี๋ยวเราไปด้วย ต้องล้างแปรง" ชะเอมบอกแล้วลุกขึ้น



"คินช่วย" ร่างสูงข้างกายที่จริงๆ แล้วอยู่วิศวะแต่ดันมาเฝ้าแฟนถึงตึกคณะด้วยความหวงและห่วงคนน่ารักแย่งแปรงเลอะสีในมือเล็กขึ้นมาถือ ทำให้มือใหญ่เปรอะเปื้อนไปด้วย



"งั้นผมไปด้วย"



คำพูดของติมทำให้ใจของเขากระตุกวูบ ไม่ว่าเอมจะไปไหน ติมก็จะตามไป



"มึงจะไปทำไม" คินถามเสียงเข้มคิ้ว



ร่างโปร่งยืนมองสงครามเงียบๆ ชะเอมที่ยืนอยู่ตรงกลางมองซ้ายมองขวาขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ โดยมีร่างสูงทั้งสองยืนจ้องตากันไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบ ทั้งๆ ที่ติมอายุน้อยกว่าตั้งสองปี แต่กลับตัวโตเท่ากับคิน หรือดูไปดูมาอาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำไป



ดังนั้นการเขม่นกันระหว่างสองคนนี้จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม เพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้แน่ สินที่เป็นเพื่อนเห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่สนใจจะฟัง



"เฮ้ยๆ ใจเย็นหน่อยเว้ย คนมองหมดแล้ว"





"จะไปกับแฟน มีปัญหาอะไรครับ" อีกฝ่ายโต้กลับด้วยคำพูดที่ทำให้คนโดนพาดพิงหลุบตาต่ำลง ฝืนยิ้มจืดเจื่อน 



"ไปเถอะเอม"



เขาไม่อยากฟังคำๆ นั้น...เพราะมันไม่มีความหมายใดๆ เลย



ก็แค่คำสมอ้างของติมที่จะใช้ปกป้องคนที่รัก...ที่คนๆ นั้นมันไม่ใช่เขา



พระรามเดินออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง พอๆ กับหัวใจของเขาที่มันช่างเต้นตุบแผ่วเบาอ่อนแรงเหลือเกิน



ในระหว่างที่ร่างโปร่งเดินถือกระป๋องน้ำล้างสีโดยมีร่างบางและอีกสองคนเดินตามมา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องไปเพียงข้างหน้าแต่สมองกลับเหม่อลอย



จู่ๆ ก็มีเรื่องบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น



ขาเรียวเดินผ่านซุ้มบางอย่างที่กำลังต่อเติมไม้เป็นชั้นเวทีหรืออะไรสักอย่าง ดูวุ่นวายจนต้องเดินห่างออกมาเล็กน้อย แต่แล้วก็มีอีกกลุ่มเดินสวนเข้ามาอีกทาง กลุ่มคนพวกนั้นแบกท่อนไม้หน้าสามท่อนใหญ่หลายท่อนซึ่งมองไม่เห็นว่ามีคนกำลังเดินสวนมาเช่นกัน



"ระวัง!!" เสียงของคินตะโกนลั่นแต่ไม่อาจห้ามเหตุการณ์ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ แล้วคนพวกนั้นชนกับรามและชะเอมเข้าอย่างจัง!



โครม!!



เสียงท่อนไม้ที่มันหล่นร่วงกราวลงกับพื้น แต่ดีที่ร่างบางไม่เป็นอะไรเพราะว่าร่างสูงทั้งสองปกป้องไว้ทัน



"เอมไม่เป็นไร” เสียงใสตอบพลางไอค่อกแค่กเพราะฝุ่นจากกองไม้เก่าๆ แต่ดวงตากลมโตเบิกกว้างทันใดเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่างโปร่งไม่ได้ปลอดภัยเหมือนกับเขา “ราม!"



พระรามถูกตะปูขึ้นสนิมตัวใหญ่หลายตัวที่ติดมากับไม้หน้าสามพวกนั้นทิ่มลึกเข้าที่ต้นแขนผอมจนเลือดไหลท่วม



เจ็บ...



ฟันขาวขบกัดริมฝีปากล่างจนเลือดซึม แผลนี้เจ็บมาก...แต่ก็ไม่เจ็บเท่ากับที่เห็นไอติมกระโจนเข้าไปปกป้องชะเอมโดยปล่อยเขาทิ้งไว้



ดวงตาเรียวมองไอติมด้วยความตัดพ้อ...ท้อแท้เหลือเกิน



‘มันไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรของกูทั้งนั้น ที่กูทำแบบนี้เพราะต้องการปกป้องพี่ชะเอมต่างหาก’



รู้อยู่แล้ว...ว่าเขาไม่ใช่คนสำคัญ...ถ้าหากไม่เห็นกับตาก็ไม่อยากจะเชื่อแท้ๆ



แต่คำพูดประโยคนั้นมันก็เพิ่งจะชัดเจนที่สุดก็วันนี้เอง



"ราม...เลือด..." ใบหน้าหวานซีดเซียวรีบปรี่เข้ามาดูก่อนใครเพื่อน สายตาเป็นห่วงน้ำตาคลอเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงชะโลมจิตใจให้รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย...อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้ว่ายังมีคนที่รู้สึกเสียใจตอนที่เขาเจ็บ



ในขณะที่ไอติมยังยืนมองเฉย ทำให้พระรามก้มหน้าน้ำตารื้น ตอบเพื่อนด้วยเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้



"เอม ไม่เป็นไร..."



เขาไม่อยากมองใบหน้าของติมเลย



"ไม่เป็นไรที่ไหน ราม...ติม ช่วยพารามไปห้องพยาบาล..." ชะเอมพยายามร้องขอความช่วยเหลือแทนคนเจ็บที่ไม่คิดจะอ้อนวอนใดๆ



"ไม่! ไม่ต้อง...เดี๋ยวเราไปเอง" เพียงแค่ได้ยินชื่อ เขาก็ปฏิเสธเสียงแข็งทันที หยาดน้ำตาที่ไหลก็ปล่อยให้มันไหลไป ไม่สนใจแล้วว่าจะมีใครมองยังไง



สภาพของเขามันคงไม่น่าสมเพชไปมากกว่านี้หรอก



พระรามยกแขนอีกข้างที่ไม่เป็นไรขึ้นฝืนดึงท่อนไม้ที่มีแท่งเหล็กแหลมขึ้นสนิมทิ่มแทงเข้าที่แขนออก มันเจ็บ...เจ็บมากจริงๆ จนเผลอกัดปากเข้าที่แผลเดิม



มือเรียวโยนท่อนไม้นั้นทิ้งจนเลือดสาดกระเซ็นเต็มพื้น เผลอจิกต้นแขนบริเวณใกล้กับแผลเพื่อกลั้นความเจ็บปวดจนสั่นระริก จากนั้นขาเรียวพยายามฝืนลุกขึ้น เขาอยากจะไปจากที่ตรงนี้แล้ว



ไปให้ไกลจากคนใจร้าย



"โอ๊ย..."



แต่ทันใดนั้นร่างโปร่งก็ล้มลงนั่งเหมือนเดิม กระแทกแรงจนสะเทือนมาถึงแผลที่ต้นแขน ดวงตาเรียวฉ่ำน้ำตารีบก้มลงมองความผิดปกติ



เท้าของเขา...



ยิ่งเห็นยิ่งน้ำตาไหลมากกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าสภาพของข้อเท้าตัวเองมันบวมแดงขนาดไหน



บ้าจริง...ทุเรศที่สุด



ตัวเขาในตอนนี้มันทุเรศจนมองไม่ได้



"อึก..." น้ำตายิ่งไหล่บ่าซึ่งพยายามเช็ดเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมหยุดขยี้จนตาบวมแดง ใบหน้ามนเปื้อนทั้งคราบน้ำตาและเลือดสีแดงฉาน กลิ่นคาวคละคลุ้งเต็มบริเวณ



อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ได้เลย ในอกมันมีแต่จุก...กับเจ็บ



ภาพเมื่อครู่มันติดตรึง...ไม่ยอมหายไปสักที



ในยามมีอันตรายคนที่อีกฝ่ายจะเลือกปกป้องก่อนคือชะเอม ไม่ใช่เขา



และแม้เขาจะบาดเจ็บจากการโดนลูกหลงหรืออะไร ไอติมก็ไม่คิดที่จะสนใจ



เพราะฉะนั้น ถ้าเลือดจะไหลมากเท่าไหร่...น้ำตาจะไหลมากเท่าไหร่...ก็ปล่อยให้มันไหลไป



เพราะว่านี่คือสิ่งที่นายต้องการอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...ติม



"ราม...ไปหาหมอเถอะนะ" เสียงใสบอกแทรกขึ้นมาในความคิดตัดพ้อเสียใจ ชะเอมแตะแขนที่บาดเจ็บเบาๆ ดวงตากลมโตมองสภาพของพระรามด้วยความสงสาร ร่างโปร่งเปียกชุ่มด้วยน้ำสกปรกจากกระป๋องสีที่เขาเป็นคนล้าง มันจะต้องไหลเข้าแผลแน่ถ้าไม่รีบล้างออก แต่ชะเอมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพระรามกลับไม่สนใจมันแม้แต่นิด



รามน้ำตาไหลสะอึกสะอื้นไม่หยุด เขาไม่รู้ว่าเพื่อนเป็นอะไร แต่อีกฝ่ายไม่เคยร้องไห้ให้เขาเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว จึงทำให้เป็นกังวล ทำไมถึงต้องร้องไห้เจ็บปวดขนาดนั้น...หรือเพราะว่าเจ็บแผลมาก มันต้องเจ็บแน่อยู่แล้ว ก็มีทั้งเลือดจำนวนมากที่ไหลกับข้อเท้าที่ยังปูดโปนบวมแดงจนน่าเป็นห่วงนี่ก็ด้วย



ใบหน้าหวานซีดเซียวพอๆ กับคนเจ็บมองมาที่ร่างสูงที่ยังยืนนิ่ง ไม่รู้ว่าอึ้งหรือว่ายังไง จะทะเลาะกันอยู่หรือไม่ร่างบางไม่รู้หรอก ในเมื่อเรียกแล้วไม่ตอบรับชะเอมก็เลือกที่จะขอความช่วยเหลือคนรักแทน



"คิน..."



ร่างสูงเจ้าของชื่อพยักหน้า รีบเข้ามาช้อนตัวพระรามขึ้นอุ้ม แต่ทันใดนั้นไอติมก็เข้ามาแทรกทันทีแล้วเอ่ยเสียงเข้ม



"หลบ"



ร่างสูงกำยำในชุดนักศึกษาดันคินออกไป แต่คนเจ็บกลับถอยกรูดทันทีด้วยความทุลักทุเลเมื่อไอติมเข้าใกล้ ใบหน้ามนนิ่วหน้าฝืนเมินความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นและตวาดเสียงดัง



"ไม่ต้อง! พี่ไปเอง..." ร่างโปร่งปาดน้ำตากัดฟันลุกขึ้นอีกครั้ง จนในที่สุดก็ยืนขึ้นจนได้ ขาเรียวด้านขวาเกร็งสั่นเพราะต้องรับน้ำหนักทั้งตัวเนื่องจากขาซ้ายไม่อาจใช้งานได้



พอคิดว่าน่าจะเดินได้แล้วก็ก้าวเท้าเดินแต่พอลงน้ำหนักเพียงเล็กน้อยมันก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาถึงสมอง ร่างโปร่งเซจะล้มเนื่องจากขาทนรับน้ำหนักไม่ไหว แต่ทันใดนั้นเท้าทั้งสองก็ลอยขึ้นเหนือพื้นในวินาทีต่อมาเพราะถูกช้อนตัวโดยคนที่ไม่อยากมองหน้ามากที่สุด



“ติม!” คนโดนอุ้มไม่ยอมง่ายๆ มือข้างที่เหลือจัดการทุบไหล่ทุบแขนแกร่งทั้งน้ำตา



ทำกันขนาดนี้แล้วจะมาช่วยทำไม!?



"ติมพี่ฝากด้วยนะ" ชะเอมฝากพลางมองพระรามที่ยังดิ้นด้วยความเป็นกังวล



"ครับ" เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกมาไม่สนใจเสียงโวยวายที่ห่างจากใบหูไม่กี่เซนติเมตร



"ปล่อยพี่นะ!"



“อย่าดิ้น!” คล้อยหลังชะเอมไม่ทันไร ติมก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เสียงทุ้มตะคอกพร้อมดวงตาคมกริบไม่มีความเห็นใจ “แล้วก็อย่าโหวกเหวก มันหนวกหู น่ารำคาญ”



พระรามหน้าซีดเซียว น้ำตารื้นไหลอาบหน้า ขนาดเขาเจ็บถึงขั้นนี้ไอติมยังพูดจาใจร้ายกับเขาได้ลงคอ

 

ร่างโปร่งปิดปากสะอื้นแรงจนตัวสั่น “ฮึก! อึก ฮือ...”



คนร้องไห้ทิ้งตัวหมดแรงกับเบาะรถทันทีที่ถูกโยนขึ้นมา รถสปอร์ตทะยานตัวออกไปรวดเร็ว วิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปมาชวนให้เวียนหัว นอกจากนี้ยังเสียเลือดจนตาพร่ามัวไปหมด



“เออ...เออ กูฝากด้วย ขอบใจมาก” ได้ยินเหมือนเสียงทุ้มกำลังพูดกับใครบางคน น่าจะคุยโทรศัพท์ แต่มันก็แค่ดังแผ่วเบาในความคิด กลิ่นเลือดคละคลุ้งฉุนแตะจมูก ดวงตาเรียวค่อยๆ ปรือลง...ไม่ได้สนใจแล้วว่าร่างสูงจะขับรถพาเขาไปที่ไหน



ไม่ว่าจะไปโรงพยาบาลหรือว่าที่ห้องนั้น จะเป็นที่ไหนก็ช่างมัน



“แค่ก...ฟืด...”



ทั้งกายและใจ รวมถึงลมหายใจสะดุดติดขัด



เหนื่อยล้า...ตัดพ้อ...เจ็บปวด



เมื่อไหร่...เมื่อไหร่มันจะ ‘จบ’ เสียที



แม่ครับ...ผมอยากไปหาแม่แล้ว



 แม่มาพาผมไปที



********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:41:44



ทดแทนรัก

ตอนที่ 23



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



“คราวนี้ไปทำอะไรมาอีกล่ะหือ เจ้าน้องคนนี้”



“...”



“นี่ครั้งที่สองแล้วนะ...พระรามอยู่กับแกทีไรมีอันต้องเจ็บตัวทุกที เลิกยุ่งกับเขาซักทีเถอะ”



ไอติมตวัดตามองขุ่นทันทีที่จบประโยค “พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม”



แพทย์หนุ่มใบหน้าขาวใสมองอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะตัวเตี้ยกว่า แต่เขาอายุมากกว่าเจ้านี่ตั้งห้าปี แถมเห็นตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย



ร่างสูงกัดฟันกรอด มันทำให้นึกถึงใบหน้าน้ำตานอง ในใจขุ่นเคืองอย่างไม่รู้สาเหตุ



‘ติมไม่มีสิทธิ์มากำหนดว่าจะให้พี่ไปหรือไม่ให้ไป...นี่ชีวิตของพี่’



ไม่ใช่



“ถ้าพี่ไม่มีสิทธิ์ แกก็ไม่มีเหมือนกัน”



คำพูดเหมือนกีดกันเขาออกจากชีวิตร่างโปร่งทำให้ร่างสูงกำหมัดแน่น “รามเป็นของผม”



ใช่...ทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจนั่น พระรามก็ยกให้เขาทั้งหมดแล้ว ไม่งั้นอีกฝ่ายคงไม่ร้องไห้เสียใจเพราะเขาหรอก



“แกชอบรามเขาหรือไง”



“...”



ความเงียบเป็นคำตอบ ทำให้อิฐระบายยิ้ม “งั้นพระรามก็ไม่ใช่ของแก”



คำพูดก็ชวนโมโหอยู่แล้วยิ่งประกอบกับเสียงนิ่งๆ ของพี่ชายมันยิ่งเสริมความกวนประสาทให้คนฟังเข้าไปใหญ่ ไอติมขมับเต้นตุบ “พี่ไม่ต้องมายุ่งได้มั้ย!?”



ถ้าหากใครที่ไหนมาเจอสภาพนี้ของไอติมคงเตลิดกระเจิง แต่ไม่ใช่กับอิฐ พี่ชายแท้ๆ อย่างเขาแน่นอน



ร่างโปร่งในชุดเสื้อกาวน์กอดอกสีหน้าเรียบนิ่งมองน้องชายที่โมโห หายใจแรงฟืดฟาด ด้านหลังคือพระรามที่นอนหลับหน้าซีดเซียว เมื่อครู่ตอนที่เขากำลังคุยธุระอยู่ในห้องทำงานของพ่อดันมีสายเรียกเข้าจากน้องชายตัวดีที่รู้ทันทีว่าจะให้ทำอะไรอีก สมัยก่อนทุกๆ ครั้งการที่ไอติมจะมาหาเขามีอยู่เรื่องเดียวคือได้รับบาดเจ็บกลับมาและต้องการการรักษา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ไอติม เป็นครั้งที่สองแล้วที่พระรามมาหาเขาด้วยสภาพหมดสติแบบนี้ ครั้งแรกแค่ไม่สบาย แต่คราวนี้มาพร้อมเลือดท่วมแขน อิฐล่ะไม่อยากจะคิดถึงครั้งหน้า



“พี่ไม่ยุ่งไม่ได้ ครั้งที่แล้วพี่คุยกับราม เขาบอกว่าแกข่มขืนเขา” อิฐพูดปด แม้พระรามจะบอกออกจากปากเองว่าเปล่า แต่เขาไม่เชื่อจึงต้องพิสูจน์โดยการดูปฏิกิริยาน้องชายเอง “พี่ไม่ได้สอนให้แกไปขืนใจคนอื่นนะ ติม ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็เป็นคนเหมือนกัน ต่างคนต่างมีจิตใจ”



“ผมไม่ได้ข่มขืนสักหน่อย รามยอมผม” ไอติมตอบไม่ทุกข์ร้อน แม้ขมับจะมีเส้นเลือดปูดไม่น้อยเมื่อได้ยินจากปากอิฐว่ารามบอกว่าเขาข่มขืน



ถ้าหายเมื่อไหร่ จะโดนหนักไม่ใช่น้อย...จัดหนักไม่ให้ลุกจากเตียงอีกเลยสักสิบวัน



ท่าทางล้วงกระเป๋ายืนนิ่งกว่าที่คิดทำให้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหมือนกันจับจ้องนิ่ง



“ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ลองตรวจดูดิ ผมไม่เคยทำให้รามเจ็บ”



อย่างน้อยช่องทางก็ไม่ฉีกขาดจนเลือดไหลสักครั้งล่ะนะ



ไอติมพูดอีกครั้งพร้อมกับสายตาคมกริบวาววับสบกลับและในที่สุดก็เป็นร่างโปร่งเองที่ต้องถอนหายใจออกมา อิฐก็บอกไม่ได้เต็มปากว่าไอติมเป็นคนดี แม้จะเกเรและนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่น้องชายก็ไม่เคยโกหกกับเขาสักครั้ง



แค่ปากหนักไปหน่อยเท่านั้น



“แล้วใส่ถุงยางเป็นปกติใช่รึเปล่า” เสียงทุ้มนุ่มถามอ่อน สุดท้ายคนที่เขาห่วงที่สุดก็ไม่ห่างไกลไปไหน นอกจากคนตรงหน้าที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกันนี่แหละ



“...เปล่า”



คำตอบของไอติมทำให้อิฐหันขวับ “อะไรนะ?”



เขารู้ตัวว่าใบหน้าของตัวเองดูตกใจมาก จะอะไรล่ะ ก็เพราะว่าซีเรียสไง! ทั้งๆ ที่เตือนมาตลอดแท้ๆ ว่าเวลาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับใครให้ใส่ป้องกันทุกครั้งน่ะ!



“นี่แกลืมที่พี่บอกไปแล้วเหรอติม!?”



“มีแค่รามเท่านั้นแหละที่ผมไม่ใส่” ติมว่าพลางเลียปากแห้ง เพราะทุกครั้งที่ทำกับพระรามถ้าไม่ปล่อยเข้าไปลึกๆ ก็อดมองร่างโปร่งตอนหวีดร้อง เกร็งตัวสั่นระริกเพราะชอบน้ำอุ่นๆ ของเขาน่ะสิ



และนี่ก็ห่างหายไปนานพอสมควร เพียงแค่คิดก็รู้สึกปวดหนึบ



‘พี่จะไม่สนใจติมแล้ว นายจะไปทำอะไรกับใครที่ไหนก็เชิญเลย!’



มือเรียวคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนแกร่งสองข้าง เขย่ารุนแรง “กับใครก็ไว้ใจไม่ได้! พี่เตือนแล้วไง เราไม่รู้ว่าใครต่อใครผ่านอะไรมาบ้าง มีโรครึเปล่าก็ไม่รู้!?” คนที่ควรเดือดร้อนกลับไม่แยแส แต่คนเป็นห่วงนี่แหละร้อนใจยิ่งกว่า



“รามไม่เคยทำกับใครมาก่อนน่า พี่อิฐอย่าห่วง” ติมตอบกลับมาเสียงเบื่อหน่าย



“แล้วแกรู้ได้ไงว่าเขาไม่เคย”



“ผมรู้ก็แล้วกัน เลิกคุยเหอะ ชักรำคาญละ” ติมชักแขนออกจากการกอบกุม ขายาวเดินเบี่ยงเข้าไปใกล้เตียง “ผมพารามกลับได้ยัง”



“มันก็ได้อยู่ แล้วแกจะพารามไปไหน”



“ห้องผม”



“แล้วจะดูแลยังไง สภาพแบบนี้แค่คืนเดียวแผลก็อักเสบเป็นไข้แล้ว” อิฐพูดเพราะมั่นใจมากว่าอีกฝ่ายไม่สามารถดูแลคนที่ไม่สบายได้แน่ๆ “เพราะงั้นอยู่โรงพยาบาลจะดีกว่า พี่จะช่วยดูแลได้ใกล้ชิดด้วย”



“เดี๋ยวผมโทรมาถาม” ร่างสูงเมินคำพูดพี่ชาย ก้มตัวลงช้อนคนเบาหวิวที่ยังนอนหลับอยู่ขึ้นแผ่วเบาเพื่อไม่ให้สะเทือนแขนที่พันแน่น “แล้วเมื่อไหร่จะหาย”



อิฐกัดฟันกรอดแต่ทันใดนั้นก็เลิกคิ้วแปลกใจ “หืม? นี่เป็นห่วงด้วยเหรอ”



ไอติมฟังแล้วกลอกตาเหนื่อยหน่าย “ถามก็ตอบให้ตรงหน่อยดิ”



ขมับของอิฐเริ่มปูดโปน ทีคำพูดของเขามันยังเมินเลย!?



“แขนน่ะห้ามโดนน้ำ คงต้องเว้นการอาบน้ำไปสักพักใช้การเช็ดตัวแทน ส่วนเส้นเอ็นข้อเท้าอักเสบ น่าจะอีกสักเดือนกว่าจะหายสนิท บอกไปว่าช่วงนี้ให้งดใช้ขาไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพี่ให้ไม้ค้ำยันไปอันนึง”



“ไม่ต้อง” ไอติมตอบห้วน สายตาคมกริบหลุบมองพระรามที่เวลาหลับแล้วดูสงบ ถ้ามีอุปกรณ์ช่วยล่ะก็เดี๋ยวก็หนีเตลิดไปอีก เจ้าแมวดื้อตัวนี้น่ะ



เพราะงั้นช่วงนี้จะไปไหน อีกฝ่ายจะต้องพึ่งเขา



“แล้วเขาจะเดินยังไงห๊ะ เจ้าน้องบ้า” ร่างโปร่งเท้าสะเอวแหวเดือดร้อนแทน ไม่รู้ว่าพระรามทนอยู่กับไอ้หมอนี่ไปได้ยังไง



“ผมจัดการเอง พี่อิฐไม่ต้องยุ่ง!”



อิฐหน้าเหวอ นั่น ดูมันช่างก้าวร้าวกับพี่ คนอุตส่าห์เป็นห่วง(คนป่วย)



พูดเสร็จไอติมก็เดินหันหลังออกไปไม่สนใจอีกเลย คล้อยประตูปิดเพียงชั่วครู่ก็โผล่หน้ากลับมาอีก ทำให้คนเป็นพี่ชายเลิกคิ้วว่ามีอะไร



“อ้อ ถ้าห่วงเรื่องโรคล่ะก็เดี๋ยวคราวหน้าจะมาให้ตรวจ โอเคป่ะ”



ปัง!



ใบหน้าหล่อๆ ของอิฐที่สาวๆ ชอบกรี๊ดเหวอซ้ำสอง ก่อนจะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน



ใช้งานพี่เสร็จแล้วมันก็ไป...หึย จะมีน้องชายคนไหนดีเท่าคนนี้อีกมั้ยเนี่ย!

           



********************* Love Substitute *********************







“อือ...” ร่างโปร่งที่นอนหลับนิ่งอยู่บนเตียงมาหลายชั่วโมงเริ่มบิดไปมาพร้อมส่งเสียงคราง ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้เปลือกตาปรือเปิด ก่อนจะกระพริบมองไปรอบด้านเชื่องช้า สมองมึนเบลอ



ร่างโปร่งหายใจลึกก่อนจะผ่อนออก รู้สึกเหนื่อย เพลียมากจนต้องปิดตา ในห้วงความคิดที่กำลังจะหลับลึกอีกครั้ง ทันใดนั้นก็เบิกตาโพลงเมื่อจำได้ว่าที่นี่คือที่ไหน



ทำไมรามจะจำไม่ได้กันล่ะ เพราะว่าเคยมาอยู่ตั้งหลายวัน



“!?” พระรามดันตัวลุกขึ้นนั่งเผลอขยับแขนข้างที่เจ็บด้วยความเคยชินจนลืมตัวสะดุ้งร้องโอดโอยเสียงดังและเอนตัวลงนอนเหมือนเดิม



กว่าความเจ็บปวดจะทุเลาลง ร่างโปร่งก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงใหญ่ด้วยความยากลำบากและระมัดระวังมากกว่าเดิมอีกครั้ง ขาและแขนที่ถูกพันผ้าพันแผลแน่นซึ่งไม่รู้ว่าเขาไปรักษาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำให้ทุลักทุเลพอควร



แต่ไม่ว่าร่างกายจะลำบากมากแค่ไหน ตอนนี้ในหัวคิดอยู่เพียงสิ่งเดียว



ต้องรีบออกไปจากที่นี่...เดี๋ยวนี้



เขาไม่สามารถเดินได้เพราะความเจ็บปวดที่ข้อเท้า ทำให้ต้องยกมือขึ้นกัดแรงๆ เพื่อใช้ความเจ็บข่มความเจ็บ...ขาเรียวฝืนเดินเขยกไปจนถึงกรอบประตูห้องนอน ก่อนจะยืนเพื่อพักหอบหายใจเหนื่อยอ่อน



ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้ยังคงเหมือนเดิม



บรรยากาศเงียบเชียบทำให้รู้ว่าไม่มีใครอยู่ ทั้งเจ้าของห้องและคู่นอน รามไม่รู้หรอกว่าติมพานิลมาอยู่ที่ห้องเหมือนที่เขาเคยมาอยู่มั้ย แต่ร่างโปร่งจะไม่อยู่รอเพื่อดูอะไรที่ทำให้รู้สึกทุกข์ทรมานตัวเอง



ก่อนหน้านี้เขาเจ็บมามากพอเพราะเรื่องของความรู้สึกที่ติมมีต่อเอม เขาไม่อยากเจ็บซ้ำซ้อน ไม่อยากร้องไห้แล้ว ที่ไอติมบอกเขาว่าน่ารำคาญ...เขาก็รำคาญตัวเองเหมือนกันที่เป็นแบบนี้



พระรามกัดฟันทนอีกครั้ง ระยะทางจากประตูห้องนอนไปประตูหน้าห้องมันเพียงแค่นิดเดียวถ้าหากไม่บาดเจ็บอะไร แต่ตอนนี้เดินได้แค่สองก้าวก็ทำให้เขาเหงื่อซึม หอบแฮ่กได้แล้ว



ใกล้จะถึง...จะถึงแล้ว



แกร๊ก



แต่ความฝันก็ต้องสลายเมื่อมือที่กำลังจะเอื้อมเปิดประตูสู่ภายนอกกลับมีคนเปิดเข้ามาก่อน คนๆ นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของห้อง



ร่างสูงเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วฉับและแววตาวาววับด้วยความโกรธ



“มึงจะไปไหน!?” เสียงทุ้มถามเข้มเค้นเสียง ตอนนี้พระรามรู้แล้วว่ามันเป็นน้ำเสียงที่เอาไว้คุยกับเขาโดยเฉพาะ



“...”



“กูถามว่าจะไปไหน!!” เสียงทุ้มตะคอกแรงกว่าเดิม เมื่อร่างโปร่งยึดยื้ออยู่หน้าประตู พระรามไม่พูดไม่ตอบอะไรสักคำ แต่ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ แขนผอมแม้ใช้ได้เพียงข้างเดียวก็ยังผลักร่างแกร่งและพยายามจะแทรกตัวออกไปข้างนอกให้ได้ พอร่างสูงเหลือบมองขาที่พันแผลอยู่หยัดยืนบนพื้น เส้นเลือดบนขมับก็ยิ่งปูดโปน



นี่ขนาดไม่มีไม้ค้ำยันก็ยังฝืนเดินออกมาได้อีก



มันน่านัก!



เขาจะทำให้รู้ว่าความพยายามเพื่อที่จะหนีเขาไปของเจ้าตัวมันไร้ค่า



“อ๊ะ!?” ไอติมดันอีกฝ่ายออกและปิดประตูดัง พลันร่างโปร่งเสียการทรงตัวก็ย่อตัวรวบเอวผอมขึ้นอุ้มง่ายดาย ทำให้พระรามที่ตัวเบาหวิวเท้าลอยจากพื้นดิ้นพล่านไม่สนใจแผลตน ซ้ำยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ต่างจากเด็ก “ปะ ปล่อยพี่...นะ ฮึก! ฮือ...”



ไอติมเมินเสียงร่ำไห้น่าสงสาร กระชับคนในอ้อมแขนแน่น ก่อนที่ขายาวจะเดินเอาของที่ซื้อมาไปวางบนโต๊ะอาหารและพาคนเจ็บไปนอนบนเตียงในห้องนอนเหมือนเดิม แต่คนเจ็บก็ดื้อหนักพยายามลุกขึ้นมาเหมือนเดิมจนทำให้เขาโมโหอีกครั้ง



“นอนเฉยๆ สิวะ”



พระรามส่ายหน้าไม่ฟัง ทั้งๆ ที่เขาพยายามจะหนีแทบตาย แต่กลับถูกพามาที่เดิมอย่างง่ายดาย



“ไม่เอา ไม่นอน!” เสียงทุ้มใสตะโกนกลับ ลุกขึ้นกี่ครั้งก็โดนผลักลงนอนหงายบนเตียงใหญ่ จนร่างสูงทนไม่ไหวกดไหล่บางจนติดเตียง “ฮึก เจ็บ...!”



ติมล่ะงงจริงๆ กับอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ของพระราม ใบหน้ามนร้องไห้ ส่ายหน้าไม่หยุด “มึงก็อย่าดื้อ กูจะได้ไม่รุนแรง”



“พี่ไม่นอน...ฮือ”



เพราะเตียงนี้คือเตียงที่ติมมีอะไรกับคนอื่น เขาไม่อยากจะนอนทับรอยบนที่เดียวกัน จริงๆ แล้วอยากจะออกไปจากห้องนี้เลยด้วยซ้ำเพราะไม่รู้ว่านิลจะกลับมาเมื่อไหร่



“พี่จะนอนโซฟา ฟืด...ให้พี่นอนโซฟาก็ได้” พระรามขยี้ตาแดงชุ่มฉ่ำ เสียงทุ้มใสเอ่ยต่อรองเบาๆ ถ้าหากไอติมไม่ให้เขาออกไปก็มีเรื่องแค่นี้ที่เขาอยากจะให้อีกฝ่ายอนุญาต



“เป็นคนเจ็บต้องนอนที่กว้างๆ มึงจะไปนอนที่แคบๆ ทำไม” ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ



ใบหน้ามนนิ่ว สบแววตาคมกริบแล้วน้ำตามันก็รื้นขึ้นมาอีกจนต้องยกแขนขึ้นบัง



“ก็เดี๋ยวนิลกลับมา...” ไอติมฟังขมวดคิ้วฉับ...นิลกลับมา? รามเข้าใจว่าเขาพานิลมาอยู่ด้วย?



“...”



“ติมก็จะทำอะไรกับนิลอีก พี่ก็ ฮึก แค่...ไม่อยากเกะกะ”



ทำไมเรื่องแค่นี้ไอติมถึงไม่เข้าใจ



ไม่อยากเห็น ไม่อยากฟัง อยากจะไปไกลๆ ด้วยซ้ำ



ต่อด้านล่าง

   
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:42:16



ต่อจากด้านบน


เสียงครางของทั้งสองที่ประสานกัน



เขาฟังแล้ว...เจ็บ



เจ็บ...ยิ่งกว่าถูกกระทืบ



เจ็บ...พอๆ กับที่เห็นติมปกป้องชะเอมโดยที่ปล่อยเขาไว้...จะเป็นอะไรก็ช่าง



ทำไมไอติมถึงต้องจงใจให้เขาเห็นอะไรแบบนั้นด้วย



“ติมใจร้าย” เพราะว่ามันทนไม่ไหวแล้วจึงต้องระบายออกมา “ถ้าติมเกลียดพี่มาก ก็ปล่อยพี่ไปซักทีสิ”



เกลียดเขาถึงขั้นไหนถึงต้องทำร้ายหัวใจกัน



“พี่เจ็บครั้งนี้ พอใจติมรึยัง” เสียงทุ้มใสแหบโหยสั่นเครือ เขาถามจากใจจริง แล้วก็อยากให้อีกฝ่ายบอกมาตามตรง “พอได้รึยังติม”



“...”



หรือว่าต้องให้เขาตายก่อน



“ตอบพี่ อึก! สิ”



“...”



ที่เงียบอย่างนี้คืออะไร ไม่คิดจะตอบหรืออธิบายอะไรเลยใช่มั้ย



สุดท้ายแล้วทางเดินของเขาก็ยังพบแต่ความเจ็บปวดไม่จบไม่สิ้น

   



ร่างโปร่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเหนื่อยและในที่สุดก็หลับไปบนเตียงกว้างที่ตนไม่อยากนอนนั่นแหละ



สรุปแล้วที่เขาจับใจความได้คือพระรามไม่อยากนอนบนเตียงนั้นเพราะรู้ว่านิลจะกลับมาและคิดว่าเขามีเซ็กส์กับนิล ซึ่งคิดว่าตัวเองเป็นตัวเกะกะ...ซะที่ไหนล่ะ



ที่เจ้าตัวร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายนั่นน่ะเพราะว่ารักเขามากจนทนเห็นเขามีอะไรกับคนอื่นไม่ได้มากกว่า เป็นสาเหตุให้วันนั้นถึงได้หนีออกจากห้องไป ตอนแรกก็คิดว่าปล่อยไปก็ดี แต่สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวกลับเป็นเขาจนต้องลากพระรามกลับมาเหมือนเดิม



แค่เซ็กส์กับนิลมันไม่ถึงใจเท่าทำกับพระราม แล้วนอกจากนี้...จะพูดว่าให้มาอยู่ในสายตาจะสบายใจมากกว่า แม้อีกฝ่ายดูจะไม่ค่อยมีความสุขก็ตาม



ไอติมยืนมองอยู่สักพักจึงเดินออกมานอกห้องนอนไม่ลืมจัดผ้าห่มคลุมให้ร่างโปร่ง ไอติมเดินไปที่โต๊ะอาหารเพื่อเทถุงข้าวต้มมาใส่ชาม เขาอุตส่าห์ออกไปซื้อมาให้เผื่อให้คนเจ็บกินอะไรอ่อนๆ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้กินแล้ว และอย่าคิดว่าเขาจะปลุกขึ้นมาเรียกกินข้าว ปล่อยให้นอนไปนั่นแหละดี จะได้พักผ่อนแล้วแผลหายเร็วๆ นอกจากนี้ตื่นขึ้นมาก็มีแต่จะร้องไห้ไม่หยุด



วืด วืด



มือใหญ่ล้วงมือถือขึ้นมาและรับทันทีที่มองชื่อ



“ว่าไง”



(“จะคุยเรื่องที่มึงให้กูไปหา ฟังป่ะ”) ปลายสายไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดประเด็นเข้าเรื่องทำให้สายตาคมกริบเหลือบมองห้องนอนที่เปิดอ้ากว้างจนเห็นด้านในก่อนจะเดินไปปิดประตูและทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา



“พูดมาเลย”



(“สิ่งที่มึงสงสัยถูกแล้วติม มันไม่ใช่อุบัติเหตุว่ะ”)



“...”



(“แล้วก็รู้ด้วยว่าใครเป็นคนสั่งให้พวกนั้นทำร้ายพี่เอมของมึง”)



“...” คิ้วเข้มกระตุกเมื่ออีกฝ่ายพูดอะไรที่ไม่จำเป็นออกมา แต่ร่างสูงก็ไม่ได้เอ่ยขัด



(“ถ้ากูฟังไม่ผิด...น่าจะชื่อเรย์มั้ง เห็นว่าเป็นแฟนเก่าของคนที่ชื่อคิน”)



เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อนั้น ชื่ออะไรนะ...เรย์? “ไม่เห็นรู้จัก”



(“ก็แน่ดิ มึงเคยสนใจใครที่ไหน”) สายธารแอบกัด (“อยากให้กูทำอะไรป่ะ”)



“จับตาดูไว้ก็พอ”



(“ครับๆ ได้ทีสั่งเอาๆ เลยนะ...แค่นี้แหละ”)



“ขอบใจ”



สายธารหัวเราะหึๆ จริงๆ แอบขนลุกที่ไอติมมันพูดดี (“ไว้ค่อยขอบคุณตอนงานเสร็จก็แล้วกัน”)



อีกอย่างธารก็ไม่อยากได้คำขอบคุณจากเพื่อนสนิทหรอก สิ่งที่เขาอยากได้คือคำตอบของคำถามที่เขาอยากรู้...และหวังว่าติมมันจะให้เขา



ปลายสายวางไป แต่ดวงตาคมกริบยังจับจ้องหน้าจอที่ดับวูบ



ไอติมคิดว่าจะเป็นพวกของไอ้ภูมิซะอีกที่รู้ความจริงว่าเขาชอบใครกันแน่เลยคิดจะมาทำร้าย



เรย์...ถึงมันจะเป็นคนสั่งแต่คนที่ลงมือคือ ‘พวกมัน’



‘ระวัง!!!’



ในตอนนั้น...กลิ่นเลือดสีแดงฉานคละคลุ้งและความเจ็บปวดที่แสดงออกมาทางแววตา ยิ่งกว่าเจ็บร่างกายคือเจ็บที่ใจเพราะเขาเลือกปกป้องร่างบางของใครอีกคนด้วยสัญชาตญาณ



ไม่คิดเลยว่าคนที่โดนลูกหลงจะเป็นพระราม



‘พี่เจ็บครั้งนี้ พอใจติมรึยัง’



กึด!



เสียงฟันกระทบเสียดสีเมื่อเจ้าของกัดจนกรามปูด ป่านนี้แล้ว...จะมารู้สึกผิดงั้นเหรอ



ไอติมตัดสินใจเลิกคิด ลุกขึ้นยืน เดินไปเทข้าวต้มเพราะว่าท้องมันร้องประท้วงแต่แล้วเสียงโทรศัพท์สั่นมันก็ดังขึ้นอีกครั้ง



แกร๊ง!



มือใหญ่วางช้อนลงชามเสียงดัง ก่อนที่มือหนึ่งจะยังจับปากถุงร้อนที่ควันฉุยออกมาเพราะแกะหนังยางออกแล้ว อีกข้างที่ว่างก็ล้วงมือถือที่สั่นดิกขึ้นมา พอเห็นหน้าจอขึ้นชื่อก็กรอกตาหนึ่งทีก่อนจะกดรับ



“ว่าไงนิล”



(“ติม นิลอยู่หน้าห้องแล้ว เปิดประตูให้หน่อยสิ”)



“บอกแล้วไงว่าไม่ให้มาเอง” เสียงทุ้มไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดแต่อีกฝ่ายกลับเมินไม่รับรู้



(“อ้าว แต่นิลมาถึงแล้วนะ”)



“วันนี้ไม่ว่าง กลับไปก่อน”



ปลายสายเงียบไป ติมเลยเลิกคิ้วเพราะคิดว่าพูดง่ายกว่าที่คิด แต่เสียงใสแทรกกลับมาทันใด (“ทำไมล่ะ”)



เขาถอนหายใจดังตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน “นิลมึงไม่โง่ พูดง่ายๆ แค่นี้ก็น่าจะเข้าใจนะ”



(“ติมไม่อยากเหรอ วันนี้นิลอุตส่าห์...”)



ติ๊ด!



ไอติมวางสายและโยนมันลงบนโต๊ะอย่างไม่ห่วงราคาแพง จัดการเทข้าวต้มลงชามต่อ เวลานิลเป็นแบบนี้คุยไปก็สาวความให้ยืดยาว ทำแบบนี้ง่ายกว่า



สงสัยว่าการที่เขาชวนนิลมานอนที่ห้องทั้งๆ ที่ไม่เคยให้คู่นอนคนไหนขึ้นมาจะทำให้อีกฝ่ายได้ใจเกินไป ทั้งๆ ที่เคยบอกไปแล้วว่าถ้าไม่พามาก็อย่ามาเอง



กิ๊งก่อง



เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น ทำให้ไอติมเดาะลิ้น



กิ๊งก่อง...กิ๊งก่องๆ



ขายาวก้าวเดินไปเปิดประตู ทันใดนั้นร่างเล็กก็ก้าวเข้ามาทันทีราวกับรู้ว่าเขาจะมาเปิดให้



“อ้าว ก็ว่างนี่นา ไหนบอกว่าไม่ว่าง” เสียงเล็กเอ่ยด้วยคำพูดประชดจับผิดเป็นอะไรที่โคตรน่ารำคาญที่สุดสำหรับไอติม



“ไสหัวไป ที่พูดเมื่อกี้ไม่รู้เรื่องหรือไงวะ” รู้สึกได้ถึงเส้นเลือดในสมองมันเต้นตุบ “อย่าให้กูโมโห”



พระรามกับนิลนี่ถึงจะนิสัยคนละแบบแต่ก็ทำให้เขาโมโหได้ไม่ต่างกันเลย



“...อะไรกัน” นิลทำหน้าซึมกับเสียงดุก่อนจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง “อย่าบอกนะว่าติมพาใครมา”



“ไม่ใช่เรื่องของมึง กลับไปได้แล้ว อย่าถึงขั้นให้กูเอารปภ.มาลากมึงนะนิล” ร่างสูงผลักไหล่เล็กที่จะดื้อเดินเข้ามาให้ได้ออกไป



เดี๋ยวรามตื่นขึ้นมาเจอนิลเข้าอีกมันจะยิ่งยุ่ง



“นิลไปก็ได้” ร่างเล็กยิ้มกว้างว่าง่ายพร้อมยื่นถุงบางอย่างมาตรงหน้า “แต่นิลเอาขนมมาฝาก”



“อะไร ไม่ต้องกูไม่กิน”



“น้า อุตส่าห์ไปต่างประเทศซื้อของฝากเพราะนึกถึงติมเลยอะ”



ร่างสูงถอนหายใจแรง รำคาญแรงตื๊อ จึงดึงถุงกระดาษในมือเล็กออกมา “เออ แค่นี้ใช่มั้ย ออกไปซะ คราวหลังอย่ามาแบบนี้อีก รู้ไว้เลยว่าถ้ากูไม่เชิญก็ไม่ต้องเข้า”



“...ก็ได้” นิลพูดเสียงหงอยยอมแต่โดยดี คราวนี้เขาก็ไม่คิดจะฟังแล้ว มือตวัดปิดประตูและหันหลังเดินเข้าห้องไม่วายได้ยินเสียงใสเล็ดลอดมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ประตูจะแง้มปิดเสียงดัง



“ถ้ากินของฝากแล้ว ‘คิดถึง’ ก็โทรมานะครับ”



ปัง!



“แม่ง...วุ่นวายชิบหาย” ไอติมยกมือขยี้หัวอย่างหงุดหงิดเพราะเสียงงุ้งงิ้งมันยังดังอยู่ในหู ก่อนจะแหวกถุงกระดาษดูข้างในและหยิบกล่องขนมบางอย่างมาพลิกๆ ดูหน้าดูหลัง “อะไรวะ?”



ดูเผินๆ ก็แค่ช็อกโกแลตธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาน่าจะเป็นราคาเพราะแพ็คเกจดูหรูหรามากอยู่พอสมควร



แต่แค่แปปเดียวก็เลิกสนใจ พร้อมเดินไปเปิดตู้เย็นและโยนมันเข้าไป พร้อมๆ กับคำพูดสุดท้ายของนิลที่ทำให้เขาสงสัยยังไม่หาย



‘ถ้ากินของฝากแล้ว ‘คิดถึง’ ก็โทรมานะครับ’



อะไรของมัน



********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:42:54



ทดแทนรัก

ตอนที่ 24



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



“ราม ตื่น”



“ฟู่...” ลมหายใจร้อนๆ พ่นออกมาและตามด้วยไอแห้ง “แค่ก...”



“ไม่สบายจริงด้วย”



“อือ” สัมผัสเย็นๆ ที่หน้าผากทำให้ร่างโปร่งพลิกตัวหนี แต่ก็ขมวดคิ้วร้องฮือเมื่อกระทบโดนแผลที่แขน แม้หูจะแว่วเสียงทุ้มคุยกับใครบางคน แต่ก็ไม่ทำให้พระรามรู้สึกตัวตื่น ก่อนที่ไข้พิษและความง่วงงุนจะรุมเร้าพาเขาหลับลึกอีกครั้ง



ในห้วงนิทราอันมืดมิดของพระราม เขานึกถึงอดีต ตอนที่ยังเด็กๆ ...ตอนที่แม่แท้ๆ ของเขาเพิ่งตายไปได้ไม่นาน เด็กชายพระรามได้เจอกับภาวดีครั้งแรกในสภาพมอมแมม



‘เป็นไงบ้างจ๊ะ หนู’



แม่...นั่นแม่...



‘ฮะ? ผมไม่เป็นไร...คุณน้าเป็นใคร’ เด็กชายรามเงยหน้ามองตาหยีเพราะแดดจ้า



‘อะไรกัน จำน้าไม่ได้เหรอ คนที่หนูช่วยเก็บเศษเงินที่หล่นให้เมื่อวันก่อนไง’ เสียงใสถามอย่างแปลกใจ สาวสวยจับแก้มอย่างเสียดาย



เด็กชายเอียงหน้ามองงุนงงก่อนจะยิ้มแป้น ‘อ๋อ จำได้แล้วฮะ’



คนฟังยิ้มรับชื่นใจ ‘ว่าแต่นี่ทำอะไรอยู่เหรอ’



‘เก็บขยะฮะ...จะเอาไปขาย จะได้ได้เงินเยอะๆ’ เด็กชายตอบพาซื่อ ยิ้มตาปิดด้วยสีหน้าเปื้อนรอยดำ การแต่งกายก็มีแต่เสื้อกางเกงขาดๆ ดำปี๋ รองเท้าแตะหนีบที่เปื่อยเน่าจะพังแหล่มิพังแหล่



พระรามไม่รู้อะไรมาก รู้แค่ว่าถ้าหาขยะได้เยอะ ขายได้มากเงินก็จะมากตาม...และนั่นหมายถึงเขาจะได้มีข้าวกินด้วย



แต่คำตอบนั้นทำให้หญิงสาวแต่งตัวผู้ดีหน้าซีดเซียว รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ เด็กตรงหน้าอายุน่าจะมากกว่าลูกเธอแค่สองสามปีเองด้วยซ้ำ แต่กลับใช้ชีวิตแตกต่างราวฟ้ากับเหว



‘ตายจริง อายุยังน้อยแค่นี้แท้ๆ ...แล้วพ่อกับแม่ของหนูล่ะจ๊ะ?’



‘แม่ตายแล้ว’ เด็กชายตอบด้วยแววตาหม่นหมอง และมองผู้หญิงหน้าตาดีตาแป๋ว ‘แต่ว่าพ่อนอนอยู่บ้าน’



‘หือ?’ หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัย



‘พ่อบอกว่าไม่ค่อยสบายฮะ ช่วงนี้เป็นทุกวันก็เลยไล่ให้ผมมาหาคนเดียว’



‘...’ คำพูดเจื้อยแจ้วเหล่านั้นทำให้หญิงสาวเงียบฟัง รู้สึกว่าเนื้อความฟังแล้วมันเริ่มประหลาด



‘พ่อบอกว่าถ้าผมหามาได้เยอะๆ พ่อก็จะเอาเงินที่ผมหามา เอาไปหาเงินให้ได้เยอะกว่าผมอีก’



‘...’



‘นี่ คุณน้าฮะ พนันคืออะไร พ่อบอกเอาไปเล่นพนัน พนันทำให้ได้เงินเยอะเหรอ’ คำพูดซื่อๆ ของเด็กชาย ทำให้คนฟังอึ้ง สูดลมหายใจลึกอย่างไม่อยากจะเชื่อ ‘งั้นถ้าผมไปเล่นพนันบ้าง จะได้เงินเยอะกว่าเก็บขยะรึเปล่า’



หญิงสาวไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะโกหก และแววตาใสๆ นั่นทำให้เธอตัดสินใจบางอย่างอย่างง่ายดาย



เธอจะปล่อยให้เด็กชายตกลงไปในหลุมนรกไม่ได้



‘หนู...หนูชื่ออะไรจ๊ะ’



เด็กชายมองงุนงง ผู้หญิงคนนี้ไม่ตอบคำถามเขาแต่กลับถามกลับมา ‘รามฮะ ผมชื่อราม’



‘น้าชื่อภา’ หญิงสาวยกมือลูบหัวกลมด้วยความเอ็นดู ไม่กลัวสกปรกแม้แต่น้อย ทำให้เด็กชายมองปริบก่อนจะยิ้มหัวเราะกับกลิ่นหอมสบาย ‘ดีใจที่ได้คุยกันนะจ๊ะ’

   

   



ภาพวิวทิวทัศน์เปลี่ยนไป เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่หรูหราที่รามไม่เคยเห็นมาก่อน นี่มัน...เหมือนกับห้องทำงานของใครบางคน



‘คุณคะ ฉันมีเรื่องจะขอร้อง’ เสียงเล็กๆ ของผู้หญิงคนเดิมพูดขึ้น เพียงแต่ต่างสถานที่และต่างคนคุย อีกคนเป็นชายอายุราวสามสิบห้าที่มีใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนใจดี อีกฝ่ายรับฟังและพยักหน้ายิ้มน้อยๆ อย่างเข้าใจ



‘ภา คุณเป็นคนจิตใจดี...เพราะงั้นผมถึงได้รักคุณ’



เนตรนภาปิดปากสะอื้นน้ำตานอง ‘ฉันก็รักคุณเหมือนกันค่ะ...ไม่ว่าจะชาติไหนๆ ฉันจะไม่มีวันรักใครนอกจากคุณ’



ทั้งสองโผเข้ากอดกันเป็นครั้งสุดท้ายและเนตรนภาก็ออกจากบ้านหลังนั้นมาโดยฝากฝังลูกชายแท้ๆ ทั้งสองไว้กับสามีที่อยู่เบื้องหลัง



เนตรนภารู้ดีว่านี่เป็นความเห็นแก่ตัวของเธอฝ่ายเดียว



‘แม่! รอผมด้วย!’



เด็กชายคนหนึ่งวิ่งตามรถจนกระทั่งล้มลงไป



‘แม่ครับ!!!’



เสียงเล็กของเด็กชายไอติมตะโกนเรียกเป็นครั้งสุดท้าย แต่แม่ก็ไม่ยอมกลับมา



‘มึงขโมยแม่กูมา แล้วก็ปล่อยเธอทิ้งไว้ไม่ไยดี แล้วตอนนี้แม่กูต้องมาตายก็เพราะมึง ไอ้พระราม!!’



เสียงทุ้มตวาดเกรี้ยวกราดดังก้องในห้วงความมืด ทำให้เขายกมือขึ้นปิดหูแต่มันก็เสียดเข้ามาจนจี๊ดในสมอง



‘รามรักผมมั้ย’



‘พี่รักติม’



‘คนสำคัญของกูเอง’ สัมผัสของมือใหญ่ที่โอบไหล่เขาให้แนบชิด พลันหัวใจเต้นดังก้องและความหวังที่พองโตอยู่ภายใน



‘งั้นตอนนี้เราก็เป็นแฟนกันแล้วเนอะ’



...แต่ความสุขของเขาเพียงชั่ววูบมันดับอย่างรวดเร็ว...



‘มันไม่ใช่สุดที่รักของกู! ไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรทั้งนั้น ที่กูทำไปทั้งหมดนั่นก็เพราะปกป้องพี่ชะเอมต่างหาก’



...ความจริงที่แสนเจ็บปวด...



‘ระวัง!!!’



ภาพของร่างสูง คนที่เขารักปกป้องคนอื่นที่ไม่ใช่ตน



น้ำตาหยดแล้วหยดเล่า...กับความเสียใจที่ท่วมท้น



ไอติมคงเกลียดเขามากเลยใช่มั้ย



อา...ปวดหัว เจ็บไปหมดทั้งร่างกาย



ไม่อยากฟัง...ไม่อยากฟังแล้ว



‘มึงไม่ให้กูเอา กูก็ไปเอาคนอื่น’



‘อื๊อ ติม แรงๆ ครับ...ตรงนั้น อ๊ะๆๆ’



‘อา...นิล ซี้ด’



ได้โปรดหยุดซักที ภาพพวกนี้เขาไม่อยากเห็น!!



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉ่ำไปด้วยน้ำตา ภาพร่างสองร่างกอดเกี่ยวร้อนแรงบนเตียงพลันสลายหายไปราวกับควันเปลี่ยนเป็นแผ่นหลังของหญิงผอมแห้งที่คุ้นเคย เธอหันมามองและแย้มรอยยิ้มให้



แม่ครับ อย่าเพิ่งไป



ขาเรียววิ่งตามสุดแรงเท่าที่มี แม้ทั้งร่างกายจะเจ็บปวดมากแค่ไหน มือเรียวไขว่คว้าไปข้างหน้าแต่แผ่นหลังบางนั้นกลับห่างออกไปทุกที



ได้โปรด...ได้โปรดพาผมไปด้วย!



เมื่อแผ่นหลังนั้นสลายหายไปกับควันเหมือนสิ่งที่เห็นมันไม่ใช่เรื่องจริง พระรามก็ตะโกนห้ามเป็นครั้งสุดท้าย แต่กลับเป็นเสียงของเด็กชายพระราม ไม่ใช่เขาในตอนนี้



แม่!!!





เฮือก!



“แฮ่กกก...ฟืด...ฮ่า...” ดวงตาเรียวเบิกโพลง ร่างโปร่งหอบหายใจแรงเหมือนคนขาดอากาศหายใจ หัวใจเต้นตุบระรัวกับฝันที่เพิ่งเผชิญ มือยกขึ้นปาดน้ำตาและเหงื่อที่ชุ่มทั้งหน้า พอลมหายใจกลับมาเหมือนเดิมก็ฝืนลุกขึ้นจากเตียงแต่ไม่ทันไรก็มีมือมาดันให้นอนลงเหมือนเดิม



คนป่วยไร้เรี่ยวแรงต้องยอมนอนตามแรงกด ก่อนที่เสียงทุ้มใสจะเรียกชื่อของร่างสูงแผ่วเบา “ติม?”



“มึงจะไปไหน”



พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาแล้วน้ำตามันก็ไหล เพราะนึกถึงเรื่องในฝันที่เคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน “พี่...อยากอาบน้ำ”



“อาบไม่ได้ มึงไม่สบาย แล้วนี่ร้องไห้ทำไมอีกล่ะ” เสียงถามคล้ายรำคาญทำให้เขายกมือขยี้ดวงตา



“...โทษที” เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบา ไม่รู้ว่าคำขอโทษนั้นพูดออกมากับคนตรงหน้าในตอนนี้หรือสมัยเด็กกันแน่



ขนาดตอนที่แม่ภาวดีหายไปเขายังใจหายถึงเพียงนั้น แล้วไอติมตอนที่ยังเด็กๆ ล่ะจะเสียใจแค่ไหนที่แม่ทิ้งตนมา



ไม่แปลกเลยว่าทำไมร่างสูงถึงโกรธเขามากมาย



แม่ภาวดีไม่เคยรักพ่ออย่างที่รามเข้าใจ เขาคิดมาตลอดว่าเธอทิ้งครอบครัวเก่ามาเพราะรักพ่อมากและเห็นแก่รามที่เป็นลูกชาย แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เลย ตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นสาเหตุของทั้งหมด



เพราะฉะนั้นความโกรธเกรี้ยวของไอติมที่โถมเข้าใส่เขา มันถูกต้องแล้วที่เขาควรจะรับเอาไว้...เพราะแม่ภาวดีมอบความรักให้กับเขา แทนที่จะมอบให้ลูกชายแท้ๆ อย่างอีกฝ่าย



“กินข้าว” ไอติมวางชามข้าวต้มร้อนๆ เอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง ร่างสูงโทรไปถามอิฐมาแล้วว่าต้องดูแลคนป่วยไม่สบายยังไง



‘กินข้าว กินยา อย่าเพิ่งให้อาบน้ำ เช็ดตัวไปก่อนจนกว่าไข้จะลด และนอนพักผ่อนเยอะๆ ...แค่นั้นแหละแกทำได้ไหม’



เขาแค่นเสียงใส่ ‘คิดว่าผมเป็นใครล่ะ’



แค่นั้นน่ะง่ายจะตายชัก



“...พี่ไม่ค่อย...”



“...”



“พี่ไม่หิว” พระรามหลบตาตอบเสียงเบา แม้ข้าวต้มที่อีกฝ่ายเตรียมเอาไว้ให้จะดูน่ากินสักแค่ไหน แต่พระรามก็ขมลิ้นไม่อยากอะไรทั้งนั้น



ไอติมมองท่าทางนั้นแล้วเสียงทุ้มของอิฐก็ดังแทรกเข้ามาในความคิดอีกครั้ง



‘คนป่วยมักจะอ่อนแอแล้วก็ชอบดื้อ นายต้องพูดดีๆ แล้วก็ใจเย็นเข้าไว้’



“ไม่หิวก็ต้องกิน มึงต้องกินยา” ร่างสูงไม่คิดจะทำตามอย่างที่พี่ชายบอก...พูดดีๆ อะไรนั่น พระรามไม่ใช่เด็กแล้วแถมยังอายุมากกว่าเขาตั้งสองปี “กูวางยาไว้ให้แล้ว กินซะ”



ร่างโปร่งเงียบไป ก่อนจะค่อยๆ เขยิบทุลักทุเลมาที่ขอบเตียง เพราะแขนและขาข้างซ้ายถูกจำกัดไม่ให้ใช้งาน แต่ร่างสูงก็ยังยืนกอดอกมองนิ่งไม่คิดจะช่วย ซึ่งพระรามยิ้มเจื่อนเข้าใจดี แค่ไอติมอุตส่าห์เตรียมข้าวเตรียมยาเอาไว้ให้ก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องทำก็ยังได้



แม้จะปวดหัวปวดตัวอยากนอนมากแค่ไหน ร่างโปร่งก็กัดฟันอดทน มือเรียวค่อยๆ ยกช้อนตักข้าวต้มขึ้นเป่า อ้าปากงับทีละคำ...ทีละคำโดยที่ถูกสายตาคมกริบจับจ้องไม่ห่าง แต่แล้วก็วางช้อนลงเมื่อจบคำที่สาม พระรามปิดปากไอเบาๆ ก่อนที่มือเรียวจะหยิบยาข้างๆ แต่ก่อนที่จะโยนเข้าปากมือใหญ่ก็จับหมับเข้าที่ข้อมือผอมแผ่ความร้อนระอุ



ร่างกายร้อนผะผ่าวมากจนส่งผลมาถึงดวงตาสีน้ำตาลฉ่ำเยิ้ม พระรามมองคนจับข้อมือด้วยความงุนงง



“กินเข้าไปอีก”



ต่อด้านล่าง
   
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 17-06-2019 19:43:14



ต่อจากด้านบน



ดวงตาเรียวกระพริบเชื่องช้า เหลือบมองข้าวต้มเต็มชามด้วยความผะอืดผะอม ถ้าหากเขากินเข้าไปอีกต้องอ้วกออกมาแน่ “แต่...แต่พี่...”



พระรามกำลังต่อรองแต่ไอติมไม่เห็นใจ



“กูบอกว่าให้กินไง”



“คะ ฮึก...ครับ” แววตาเยียบเย็นทำให้คนป่วยน้ำตาคลอตอบตะกุกตะกัก แต่กินอีกเพียงครึ่งคำพระรามก็ส่ายหน้าหวือ “พี่ไม่ไหว”



“...”



“ไม่อยากกินแล้ว มันจะอ้วก”



“มึงแม่ง...สำออยชิบหาย” ร่างสูงพูดก่อนจะเดินออกนอกห้องนอนราวกับรำคาญเหลือเกิน



คนฟังมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยน้ำตาคลอ ทั้งที่เขาพูดความจริงทำไมไอติมไม่เคยเชื่อเขาเลยสักครั้ง



มือเรียวสั่นระริกยกขึ้นขยี้ตาและหยิบยากรอกเข้าปากตามด้วยน้ำ พระรามล้มตัวนอนและดึงผ้าห่มคลุมกายที่ทั้งร้อนผ่าวและหนาวสั่น ไม่รู้ทำไมเวลาเป็นไข้ถึงต้องเจ็บปวดขนาดนี้



เพียงไม่นานก็หลับลงไป



ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้วเหมือนกัน พอรามลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นอ่างน้ำและผ้าขาววางไว้แทนชามข้าว ร่างโปร่งค่อยๆ ลุกขึ้นอีกครั้ง รู้สึกยังหนักหัวและตัวร้อน ไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่นิด มือเรียวบิดน้ำที่ยังอุ่นอยู่ด้วยมือข้างเดียว อาจจะชื้นไปหน่อยเพราะไม่มีแรงบีบ แต่ก็ค่อยๆ เช็ดตัวตามจุดต่างๆ ด้วยความหนาวสั่นจนฟันกระทบกันดังกึก เช็ดหน้าเช็ดตาจนทั่วและล้มตัวลงนอนอีกครั้ง



ไม่รู้ว่าใจร้ายหรือใจดี แม้จะไม่ได้ดูแลเหมือนใครคนอื่น แต่ไอติมก็ยังเตรียมของเอาไว้ให้



แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ

   





ผ่านไปสี่วันไข้ก็เริ่มทุเลา แต่เท้ากับต้นแขนก็ยังเจ็บไม่หายอยู่ดี เห็นติมบอกว่าห้ามเดินไปซักพักใหญ่ เขาจึงขออุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือตัวเองอย่างไม้ค้ำยัน ถ้าหากไอติมไม่ชอบราม รามก็ไม่อยากจะรบกวน



“ไม่ให้” ติมตอบกลับมา “ถ้ามึงเดินได้ก็หนีไปอีกน่ะสิ...ขนาดขาเป๋ยังดิ้นรนจนไปถึงหน้าห้อง”



ประโยคหลังเป็นคำบ่นพึมพำ ทำให้ใบหน้ามนจืดเจื่อนก้มหน้ายอมรับอย่างช่วยไม่ได้ แล้วแบบนี้เขาจะเดินยังไงล่ะ อยู่แต่บนเตียงมันน่าเบื่อซึ่งบอกไปติมก็คงไม่เข้าใจและไม่สนใจด้วย



“ติม” เสียงทุ้มใสเรียก “พี่เป็นห่วงอุริน่ะ อย่างน้อยเอามันมาที่ห้องได้มั้ย”



“อุริ?” ร่างสูงเลิกคิ้วกับคำพูดนั้น เจ้าแมวที่มันหายไปจากห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้หลายสัปดาห์ทำให้เขาคิดว่ามันคงหนีไปแล้ว



“คือว่า...อุริมันอยู่กับพี่เอง”



“นี่มึงขโมยแมวกูเหรอ” เสียงทุ้มถามเรียบนิ่ง ทำให้คนฟังกัดปาก ถ้าบอกว่ามันตามเขาไป ติมก็คงไม่เชื่ออยู่ดี



เพราะงั้นก็ให้เข้าใจไปอย่างนั้นก็แล้วกัน



“พี่ไม่อยู่ห้อง ไม่รู้ว่ามันอยู่ตัวเดียวจะเป็นยังไงบ้าง...” พระรามยังคงเป็นห่วงแมวตัวน้อยที่ตอนนี้มันอาจจะทั้งหิว ทั้งเหงาเพราะไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนตั้งหลายวันแล้ว



“อยู่ไหน”



พระรามเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาเพราะคำถามห้วนชวนงง ไอติมคงรู้ว่าเขาไม่เข้าใจเลยถามต่อ



“ห้องมึง”



“ดะ เดี๋ยวพี่...” พระรามขยับกายทุลักทุเลไปขอบเตียง



“ไม่ต้อง บอกมาก็พอว่าอยู่ที่ไหน” ไอติมพูดแทรกเพราะรู้ว่าร่างโปร่งจะขอไปด้วย ขายาวเดินไปหยิบกระเป๋าตังและกุญแจรถ “เดี๋ยวกูไปเอง ส่วนมึงอยู่ในห้องนี่แหละ”



“เอ๊ะ...แต่...”



“อย่าคิดจะหนีออกไปไหนให้เหนื่อยเปล่า เพราะสุดท้ายกูก็จะลากมึงกลับมาเหมือนเดิม จำไว้”



แผ่นหลังกว้างเดินออกจากห้องนอนและเสียงประตูห้องที่ปิดลงในเวลาต่อมา



ดวงตาเรียวมองค้างก่อนจะฝืนยิ้มบาง แววตาหม่นเศร้า...ร่างผอมค่อยๆ ทิ้งตัวนอนกลางเตียงและขดตัวกอดท่ามกลางความเงียบเหงาในห้องกว้างใหญ่

   



********************* Love Substitute *********************







“ไอ้แมวนั่น ดันหนีออกไปได้นะ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางกัดฟันกรอดอย่างหมั่นไส้ แสดงว่าที่หายไปตั้งแต่วันนั้นแสดงว่าออกไปพร้อมกับพระรามล่ะสิท่า รอโอกาสนี้อยู่สินะ “เจอล่ะจะตีให้ก้นลาย”



นี่เขาเลี้ยงมันไม่ดีตรงไหน

 

รถสปอร์ตแล่นเข้ามาจอดหน้าอพาร์ตเมนท์ที่ค่อนข้างดูดีกว่าตึกผีสิงก่อนหน้านี้ที่พระรามอยู่มาก ขายาวก้าวลงจากรถด้วยท่วงท่าที่สาวคนหนึ่งยืนตากผ้าอยู่ตรงระเบียงมองลงมาอ้าปากค้าง แค่รถก็หรูจนเรียกสายตามองมากพอ แต่คนขับนี่เรียกเสียงกรี๊ด(ในใจ)มากขึ้นไปอีก



ไอติมไม่แม้แต่จะกวาดตามองสำรวจสถานที่ที่ร่างโปร่งอยู่ นิ้วยาวควงกุญแจห้องและกดปุ่มลิฟต์ตามชั้นที่พระรามบอกมา ในขณะที่ยืนมองเลขลิฟต์ที่กำลังเลื่อนลงมาก็มีอีกสองคนยืนอยู่ด้านหลังรอขึ้นลิฟต์เหมือนกัน



“คิกๆ” เสียงหัวเราะเล็กๆ ของเด็กชายดังนำมาก่อนตัว ทำให้ผู้ใหญ่คนข้างๆ ที่จับมือป้อมเอ่ยเตือน



“วี อย่ากระโดดโลดเต้นนักสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก...ล้มแล้วเจ็บ เป็นแผลนะครับ”



“แม่วา...วีจะได้เจอคุณอุริ คุณอุริ คิกๆ” คำตอบของวีทำให้วายิ้มเอ็นดู แต่กลับสะดุดหูคนฟังอย่างไอติมเป็นอย่างมาก

 

ชื่อเป็นเอกลักษณ์ที่เขาตั้งให้แมวตัวเองทำให้สายตาคมกริบเหลือบมามอง ดันไปสบตากับผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างเด็กชายเลยหันกลับมาเหมือนเดิมก่อนจะคิด



ไม่ใช่หรอกมั้ง คงจะบังเอิญ...เรียกคุณอุริ ก็น่าจะเป็นคน...ว่าแต่คนที่ไหนมันดันชื่อเหมือนแมวของเขาวะ



“ปกติได้เจอคุณอุริทุกวันอยู่แล้ว ยังไม่เบื่อหรือไงครับ”



“ไม่ฮะ วีชอบ ก็คุณอุริแมวเหมียวน่ารัก”



คนตัวสูงเพียงหนึ่งเดียวขมวดคิ้วฉับ เอ๊ะ มันชักจะยังไง สรุปอุริที่ว่าคือแมว...แมวชื่ออุริ ครอบครัวนี้ก็มีแมวชื่ออุริเหมือนกันเรอะ



“นั่นน่ะสิ ว่าแต่...ไม่รู้ว่าช่วงนี้รามหายไปไหนกันเนอะ ไม่กลับมาเอาคุณอุริกลับไปสักที”



ชัดเจน



เด็กชายหันขวับตาเป็นประกาย “งั้นวีจะเลี้ยงคุณอุริเองฮะ!”



“ไม่ได้ครับ นั่นไม่ใช่ของๆ เรา ไหนวีสัญญากับแม่วาแล้วไงว่าจะไม่เลี้ยงสัตว์ คราวนี้มันจำเป็นเพราะว่ารามเขาไม่อยู่ต่างหากครับ” วาพูดเสียงดุนิดหน่อยแต่ใช้เหตุผลเพราะอยากให้เด็กชายวีเข้าใจ มือป้อมกำนิ้วเรียวแน่นและพองแก้มงอน



“งือ”



ติ๊ง!



ในที่สุดลิฟต์ก็มา ทั้งสามคนเดินเข้าลิฟต์โดยที่ไอติมเป็นคนกดปุ่มให้ วาก้มลงอุ้มวีขึ้นแนบอก ก่อนจะบอกชั้นที่ต้องการและเอ่ยขอบคุณ สายตาสำรวจคนที่ยืนนิ่งเงียบพลางขมวดคิ้วเพราะใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย



โดยปกติแล้วเขาจะชอบทักทายคนอื่น แต่บรรยากาศไม่ค่อยเป็นมิตรทำให้วาไม่อยากยุ่งด้วย เลยหันมาคุยกับเด็กชายอีกครั้ง



“น่าเสียดาย แม่ว่าน่าจะขอเบอร์รามเอาไว้ หายไปแบบนี้น่าเป็นห่วง ใช่มั้ยครับวี” แต่คนตัวเล็กยังพองแก้มงอนไม่หายและร้องงึมงำ



“คุณอุริ งือ...” เพราะมัวห่วงแต่กับเจ้าแมว ไม่ห่วงเจ้าของสักนิด



“นี่” ในที่สุดคนที่เปรียบเสมือนเป็นคนนอกอย่างไอติมก็เปิดปาก วีสะดุ้งโหยงและก้มหน้าลงกับซอกคอร่างโปร่งของผู้เป็นแม่ทันที เนื่องจากเด็กชายไวต่อเสียงของคนแปลกหน้า



“ครับ?” วาเลิกคิ้วรับคำ ในลิฟต์ไม่มีใครแสดงว่าอีกฝ่ายต้องเรียกเขาแน่นอน



“นาย...คุณรู้จักกับรามเหรอ” ไอติมตัดสินใจเปลี่ยนสรรพนามเพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะอายุมากกว่า ก็เด็กนั่นเรียกว่าแม่...แม้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ



แม้ร่างโปร่งจะสงสัยแต่ก็ตอบไป “ใช่ครับ เป็นเพื่อนข้างห้องกัน”



ติ๊ง!



ทั้งสองเดินออกมานอกลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่หมาย



“แล้วแมวที่ชื่ออุริตอนนี้อยู่ที่ไหน ฟังจากที่คุยกันรามฝากมันไว้ที่ห้องคุณงั้นเหรอ”



“ใช่ครับ แล้วคุณคือ?”



“ผมเป็น...แฟนราม ตอนนี้รามไม่สบายนอนอยู่ที่คอนโดผม เขาเป็นห่วงแมวก็เลยให้ผมมาเอา”



เด็กชายวีที่ได้ยินว่าจะมีคนมาเอาคุณอุริไปเลยเงยหน้ามอง แต่พอสบสายตาคมกริบน่ากลัวก็มุดหน้าเข้าที่เดิม



“อ๋อครับ งั้นเชิญทางนี้เลย” วายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินนำ “แล้วรามเป็นยังไงบ้างตอนนี้”



เขาเหลือบมองคนถาม ก่อนจะตอบสั้นๆ “ดีขึ้นแล้ว”



วาไม่ถือสาอีกคน ไขประตูด้วยความทุลักทุเลเพราะวีเกาะคอเขาไม่ปล่อย จริงๆ แล้วเจอคนแปลกหน้าคนอื่นก็เป็นแบบนี้ล่ะ แต่คนมาใหม่คนนี้น่าจะน่ากลัวเป็นพิเศษเลยไม่เงยหน้าแม้แต่เสี้ยว



แกร๊ก



“เมี้ยว...” อุริทำหน้าที่ต้อนรับคนกลับมาเหมือนเคย เพราะพระรามไม่อยู่เจ้าแมวก็เลยต้องมาอาศัยกับวาและวีชั่วคราว แต่พอประตูแง้มกว้างเห็นเจ้านายเก่าอย่างไอติมมันก็พองขนร้อง “แง้ว!”



ร่างสูงยืนเท้าสะเอวมองแมวตัวเท่ามือส่งเสียงขู่ ดูมันทำท่า...เขาว่าเขาไม่เคยไปทรมานทรกรรมมันสักครั้ง อาหารก็ให้ไม่เคยขาด ที่อยู่อาศัยก็สะอาดสะอ้านกว้างขวางน่าวิ่งเล่น แต่ทำไมเดี๋ยวนี้ดูไอ้แมวมันชักต่อต้านไอติมเสียเหลือเกิน ตรงข้ามกับพระรามที่ออดอ้อนออเซาะยิ่งกว่าอะไร



“อุริ...ไป กลับห้องของเรา”



“แง้ว” ไอ้เหมียวมันรู้เรื่อง พลันวิ่งหันหลังหนีเข้าห้องทั้งๆ ที่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง เขาก็รู้ทันทีว่ามันไม่อยากกลับ จึงใช้ท่าไม้ตาย “จะไปหามั้ย พระรามน่ะ”



แค่นั้นแหละมันก็โผล่หน้าร้องเหมียวๆ มาเลย...ไอ้แมวทรยศนี่



ใครเป็นคนจ่ายเงินนับหลักหมื่นซื้อมึงมากันหา?



“มาเร็ว เสียเวลาจริงๆ เลย” อุริยอมเดินขึ้นมือใหญ่อย่างง่ายดายเพียงเพราะได้ยินชื่อราม ดูเหมือนว่าการที่รามหายไปหลายวันก็ทำให้มันเป็นกังวลไม่น้อย



“คุณอุริ...” เสียงเล็กสั่นเครือเรียกชื่อทำให้สัตว์ตัวขนร้องครางรับ



“เมี้ยว”



“บ๊ายบาย” มือป้อมโบกมือลาพร้อมแขนอีกข้างรัดคอวาแน่น ใบหน้าของเด็กชายวีบิดเบี้ยวเหมือนจะร้องไห้เพราะต้องจากกับเพื่อนตัวเล็กที่อยู่ด้วยกันหลายวัน



“แล้วรามจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ” วาถามขึ้น ขณะมองร่างสูงที่กำลังไขประตูเข้าห้องพระราม “พอดีพี่จะได้ให้เขาช่วยชิมอาหารกับขนมที่ทำใหม่ซักหน่อย...”



“ไม่มาแล้ว” ไอติมตอบขัดเสียงห้วน พลางปรายตามอง “วันนี้ผมจะเก็บของของเขาทั้งหมดแล้วให้ย้ายไปอยู่กับผมถาวร”



“อ้าว...เหรอ” เสียงทุ้มครางเสียดาย อุตส่าห์มีคนย้ายมาอยู่ข้างห้องที่ร้างมานาน แถมยังเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดีซะด้วย เขาเลยได้คุยและคลายเครียดไปอีกแบบ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ห้องก็ต้องกลับไปว่างเหมือนเดิมอีกครั้งซะแล้วสิ “งั้นฝากบอกว่าถ้าคิดถึงวีก็มาหากันบ้างนะ แม้จะไม่นานแต่พี่ก็ดีใจที่ได้รู้จักกับราม”



ร่างสูงนิ่งไม่ตอบอะไร ก่อนจะเดินเข้าห้องไป วาเห็นแบบนั้นก็มองค้างก่อนจะเกาคองงๆ และเดินเข้าห้องตัวเองบ้าง



ดวงตาคมกริบกวาดมองรอบห้องว่างเปล่า มีแค่โต๊ะกลมอันเล็กกับพัดลม เห็นกรงแมวอันหนึ่งตรงมุมห้องด้วย สงสัยร่างโปร่งจะซื้อมาให้อุริ สำรวจรอบห้องเสร็จก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่มีเพียงเล็กน้อยและของส่วนตัวของพระรามทั้งหมดใส่กระเป๋า เพราะว่ามีไม่มากเพียงไม่นานก็เก็บเสร็จ ไอติมคืนกุญแจให้นิติบุคคลของตึก ควักเงินจ่ายค่าเช่าของเดือนนี้ให้เป็นครั้งสุดท้ายและรถสปอร์ตคันหรูที่เพิ่งมาจอดก็แล่นออกจากอพาร์ตเมนท์นั้นไป




********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep24 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-06-2019 20:43:54
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep25 25/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 25-06-2019 20:36:17


ทดแทนรัก

ตอนที่ 25



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ในช่วงเวลาที่ไอติมออกจากห้องเพียงแค่ประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ ก็ไม่ได้รู้ว่ามีเรื่องวุ่นวายบางอย่างเกิดขึ้น ร่างเล็กของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านล่างคอนโดสังเกตเห็นรถสปอร์ตคันคุ้นเคยแล่นออกไป ทำให้ใบหน้าหวานแย้มรอยยิ้ม



ติมออกไปแล้ว



อุตส่าห์นั่งรอมาหลายวัน วันนี้ก็ได้โอกาสสักที



ร่างเล็กเดินไปกดลิฟต์ชั้นเดิมกับเมื่อวันก่อนที่เอาของฝากมาให้ไอติม ครั้นจะเอามาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ได้เข้าไปในห้องแท้ๆ ...ก็เขาไปเที่ยวต่างประเทศมาตั้งหลายวันเผื่อว่าร่างสูงจะอยากอยู่เหมือนกัน นิลก็กะจะมาสนองให้เต็มที่



‘ออกไปซะ คราวหลังอย่ามาแบบนี้อีก รู้ไว้เลยว่าถ้ากูไม่เชิญก็ไม่ต้องเข้า’



แต่กลับโดนไล่ออกมาซะอย่างนั้น



เขาล่ะอยากรู้จริงๆ ว่ามีอะไรอยู่ในห้องถึงไม่ให้เข้าไป...ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเข้าได้แท้ๆ



หรือว่าติมจะเก็บกิ๊กเอาไว้...หึย แค่คิดก็โมโหแล้ว



กิ๊งก่อง



นิ้วเล็กตัดสินใจกดปุ่มหน้าห้องเพราะมั่นใจมากว่าเจ้าของห้องไม่อยู่แน่ๆ ก็เขาเห็นกับตาว่าร่างสูงขับสปอร์ตคันเก่งออกไป



แต่รออยู่นานสองนานก็ไม่มีใครมาเปิด หรือว่าจะไม่ได้ยิน? คิดได้ดังนั้นก็รัวนิ้วไปอีกสองสามครั้ง...ก็ยังไม่มีใครมาเปิด



หรือว่าเขาเข้าใจผิดไปเอง



นิลขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจแรง ตวัดขาเดินหันหลังไปเพราะตัดสินใจจะกลับและทันใดนั้น...



แกร๊ก...



“ครับ...อ้าว” ประตูก็เปิดออกและเสียงทุ้มใสของใครบางคนเล็ดลอดออกมาจากห้อง เท้าเล็กชะงักหันขวับเบิกตากว้าง จากตรงนี้คนในห้องอาจจะไม่เห็นเขาแต่เขาเห็นอีกฝ่ายเต็มๆ



มีคนอยู่จริงๆ ด้วย! และนั่นมันก็คือไอ้หน้าจืดพนักงานเสิร์ฟคนนั้น!



นิลหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห อารามเหมือนตอนเจอแฟนหมกกิ๊กไว้ในห้องไม่มีผิด ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่...แต่เขาน่ะยังไงก็ต้องเป็นที่หนึ่งในใจของไอติมให้ได้สักวันแน่นอน เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาต้องทวงสิทธิ์!



พระรามชะโงกหน้าออกมาเล็กน้อย มองซ้ายมองขวาไม่เห็นคนกดกริ่งก็ขมวดคิ้ว เขาอุตส่าห์พยายามเดินออกมาอย่างยากลำบากเพราะคิดว่าน่าจะเป็นใครสักคนมาหาเพราะมีธุระกับเจ้าของห้อง ซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนของไอติม แล้วทำไมเขาถึงคิดว่าจะไม่ใช่เจ้าของห้อง? ก็เพราะว่าร่างสูงน่ะเพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง แล้วถ้าเป็นอีกฝ่ายจริง ก็คงไม่มานั่งเสียเวลากดกริ่งรอให้คนคล้ายพิการอย่างเขามาเปิดหรอก



ดูสิ กว่าเขาจะเดินออกมาได้ เล่นเอาแทบแย่...สุดท้ายก็ไม่เจอใคร



คงจะมีเด็กมากดกริ่งเล่นล่ะมั้ง



ร่างโปร่งคิดก่อนจะปิดประตูแต่ทันใดนั้นก็มีมือของใครบางคนแทรกเข้ามาตรงช่องว่าง ก่อนที่จะผลักเข้ามาอย่างแรงจนประตูกระแทกเขาอย่างจัง



ปึ่ก!



“โอ๊ย!” คนที่ข้อเท้าไม่สมบูรณ์เสียการทรงตัวแต่ก็ไม่ได้ล้มลงไปเพราะใช้ขาข้างที่เจ็บนี่แหละช่วยพยุง แต่มันก็เจ็บมากจนต้องร้องออกมาเสียงดัง พระรามจิกต้นขาระบายความเจ็บที่เกิดขึ้นก่อนจะมองว่าใครกันที่มาเล่นแบบนี้...ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย “นี่...!”



ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใครก่อนจะสั่นไหวรุนแรง สรุปว่าติมให้นิลมาอยู่ด้วยจริงๆ และตอนนี้อีกฝ่ายกลับมาแล้ว แถมยังยืนกำหมัดแน่นทำหน้าโกรธแค้นอย่างกับเขาไปทำอะไรให้



“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?”



พระรามฟังแล้วขมวดคิ้วนิ่วหน้า ฟันขาวกัดปากล่างแน่นเพราะยังเจ็บไม่หาย ซ้ำยังปวดตุ้บเหมือนมีเส้นเลือดเดินอยู่ที่เท้ายังไงยังงั้น



“ติม...พาพี่มา”



“ไม่เชื่อ!”



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาสบกับดวงตากลมโตที่มองมาด้วยแรงหึงหวง



พระรามมองค้าง อารมณ์แบบนั้น...เขาก็เคย...เป็นแบบนั้น



นิลก็ชอบติมเหมือนกับเขา



“เรื่องของนาย” เสียงทุ้มใสตอบไม่แยแส หันหลังค่อยๆ เดินกะเผลกเกาะกำแพงไปที่ห้องนอนและกัดฟันข่มความเจ็บ เขาอยากจะพักเต็มทนแล้ว



ไม่น่าเลย...ถ้ารู้ว่าร่างเล็กมาเขาไม่คิดจะเดินมาเปิดประตูหรอก ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ แต่พระรามไม่มีสิทธิ์ นี่ไม่ใช่ห้องของเขา จึงไม่อาจถือสิทธิ์เอ่ยไล่คนที่ติมให้เข้ามาอยู่ด้วยตัวเองได้หรอก



คำตอบของรามยิ่งทำให้นิลโมโหหนักกระชากแขนที่พันแผลเอาไว้ข้างในที่ที่ร่างเล็กมองไม่เห็นและบีบมันอย่างแรง “โอ๊ย เจ็บ!!!”



พระรามร้องลั่นหน้าซีดเหงื่อซึม เอื้อมมือไปผลักอีกฝ่ายออกแต่ด้วยแรงโมโหหึงของนิลทั้งๆ ที่ตัวเล็กกว่าแต่คนอย่างเขากลับผลักไม่ไป ซ้ำอีกฝ่ายยังแรงเยอะมากขึ้น ขย้ำตรงที่เป็นแผลจนปากแผลเปิด เลือดสีแดงซึม “โอ๊ย...!”



“นายนี่มันจอมตื๊อยิ่งกว่านิลอีก...ต้องตื๊อจนติมรำคาญแน่ใช่มั้ย!? ไม่งั้นติมคงไม่ยอมให้คนหน้าทุเรศๆ อย่างนายมาอยู่ที่นี่ได้หรอก!” ขนาดเขาขอมาอยู่ติมยังไม่ให้มาเลย แล้วคนตรงหน้าบอกง่ายๆ ว่าร่างสูงพามา จะโกหกยังไงก็ให้มันมีขอบเขตหน่อย



“จะคิดยังไงก็เรื่องของมึง ปล่อย...สิวะ!” รามไม่คิดจะพูดเพราะกับร่างเล็กคนนี้อีกแล้ว ริมฝีปากบางเม้มแน่นใบหน้ามนซีดเซียวหนัก ทั้งๆ ที่กลิ่นเลือดเริ่มคละคลุ้งแต่นิลเหมือนจะไม่ได้กลิ่น ดวงตากลมพลางมองสำรวจร่างกายของเขาแล้วแสยะยิ้ม



“อย่าบอกนะว่าใช้แผลนี่สำออยจนให้ติมสงสาร แผนการใช้ได้เหมือนกันนี่” คนที่หึงหวงจนหน้ามืดตามัวมักจะน่ากลัว รามเพิ่งเคยเห็นก็วันนี้ นิลเริ่มพูดอะไรบ้าๆ บอๆ เหมือนคนเสียสติ



“คิดอะไรบ้าๆ บอกให้ปล่อยกูไงวะ!”



ผัวะ!



รามแกะมือเล็กนี้ออกไม่ได้ จึงใช้กำปั้นต่อยเข้าที่ใบหน้าใสอย่างแรงแทนเพื่อระบายอารมณ์ที่มาทำกับเขาแบบนี้และเตือนสติไปในตัว คราวนี้ได้ผล นิลเสียการทรงตัวเซล้มลงกับพื้นอย่างไม่แรงนักอาจเพราะแรงของเขาไม่หนักมาก แต่ดีที่พระรามหลุดรอดออกจากการกอบกุมของอีกฝ่ายได้ ทันใดนั้นร่างโปร่งก็หนีเข้าห้องนอน แต่ไม่ทันคนที่แข็งแรงกว่าลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “อย่าหนีนะ!”



นิลกระแทกประตูห้องนอนที่กำลังจะปิดอีกครั้งจนคนเจ็บกระเด็นเซลงบนเตียงพอดิบพอดี พระรามไม่เคยแค้นร่างกายตัวเองมากเท่าครั้งนี้ เพราะเขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากกระถดตัวหนีนิลที่ตัวเล็กกว่ามากคืบคลานเข้ามาใกล้



“โอ๊ย ไอ้เหี้ย ปล่อยกู! บอกให้ปล่อย!” ขาเรียวสะบัดออกเมื่อถูกจับ พลางยกตีนขึ้นถีบถองเข้าที่ท้องแบนราบของนิลอย่างแรงจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยวหนัก ทั้งน้ำหนักลงเข่ามาที่ข้อเท้าข้างที่เจ็บของเขาอย่างแรง!



“โอ๊ยยย!!!” พระรามร้องลั่นน้ำตาไหลพราก ความเจ็บปวดแล่นจี๊ดขึ้นมาราวกับกระดูกกำลังร่ำร้อง



เจ็บ...เจ็บ!



“เมื่อกี้มึงทั้งต่อยทั้งถีบกู กูจะเอาคืนบ้าง” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอย่างคลั่งแค้น ใบหน้าน่ารักของเขาเป็นรอยก็เพราะมัน! ไอ้หน้าจืด ไอ้ทุเรศ!



“...” ร่างโปร่งนอนเกร็งตัวสั่นระริกหัวสมองอื้ออึงไม่ได้ฟังว่าร่างเล็กพูดว่าอะไร พยายามผลักอีกฝ่ายที่อยู่เหนือร่างออกไปแต่ไร้เรี่ยวแรงเพราะความเจ็บปวดกำลังทำพิษ จะดิ้นหนีก็ไม่ได้ ในขณะที่กำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ก็รู้สึกถึงมือสองข้างที่ยกกอบกุมลำคอผอมพลางกดเค้นอย่างแรง



“อ่อก...!” คนขาดอากาศหายใจดิ้นพล่าน แขนผอมสองข้างพยายามยกขึ้นปาดป่ายช่วยตัวเอง นิ้วเรียวจิกทึ้งเสื้อผ้าคนตรงหน้าและจิกแขนเล็กอย่างคนทรมาน จะยกแรงที่กดมาทั้งหมดนี่ออกมันก็ยากลำบากเสียเหลือเกิน ภาพข้างหน้าก็พร่ามัวมองอะไร...ไม่ค่อยเห็น



เห็นเพียงดวงตากลมโตที่มีประกายไฟบางอย่างวูบวาบไปมา...ราวกับอยากจะฆ่าเขาให้ตาย



นิลกดแรงหนักมาอีกเป็นหนสุดท้าย ยังไม่ถึงนาทีแต่ยาวนานเหลือเกินสำหรับคนไม่ได้รับอากาศเข้าปอด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเริ่มเหลือกค้าง แขนทั้งสองข้างตกลงบนที่นอนอย่างไร้เรี่ยวแรง เหมือนกับจะรู้ตัวว่าตนกำลังจะตาย ในห้วงสุดท้ายของความคิดก็ยังนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของร่างสูง...คนที่รัก



ติม...พี่...

           





เอี๊ยดดด!!! ปริ๊นนน!!!



จู่ๆ รถสปอร์ตคันหรูที่กำลังจะแล่นกลับคอนโดก็เบรกกะทันหันกลางถนนใหญ่ จนโดนรถคันข้างหลังที่ตามมาด้วยความเร็วไม่แพ้กันบีบแตรใส่ดังลั่นเพราะต้องเบรคกะทันหันตามทั้งๆ ที่ข้างหน้าไม่มีอะไรแม้แต่ไฟแดง



“อะไรวะแม่ง!!!” เสียงสบถจากคนขับในรถคันดังกล่าวพลางตบหน้าพวงมาลัยดังอย่างโมโหเพราะรถสปอร์ตคันข้างหน้ามันไม่ยอมขยับเขยื้อนสักที



ปริ๊นๆๆ!!



แต่แน่นอนว่าคำสบถเหล่านั้น(ที่รถอีกคันไม่มีวันได้ยิน)กับเสียงแตรดังจนคนรอบถนนหันมามองไม่เข้าหูร่างสูงเจ้าของรถสปอร์ตแม้แต่นิด ดวงตาคมเบิกกว้างเหมือนกับตกใจบางอย่าง



เสียงเมื่อกี้มัน...



“ราม...?”



ไอติมกัดฟันกรอด อะไรกัน ความรู้สึกใจไม่ดีนี่ ก่อนที่เท้าจะเหยียบคันเร่งแล้วรถสปอร์ตก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว







“เฮือก!! ...แค่กกก! แค่ก...” จู่ๆ มือที่กอบกุมรอบคอก็ละออกไปทำให้คนที่กำลังจะสิ้นลมก็หายใจเฮือกเหมือนคนจมน้ำและไอโขลกรุนแรง ร่างเล็กผุดลุกขึ้นและลงจากเตียงอย่างลนลาน ใบหน้าเล็กเหงื่อซึมหน้าซีดเหมือนคนใจไม่ดี ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบนกลับไปมองพระรามที่นอนไอจนตัวโยนบนเตียงแล้วก็รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย เมื่อกี้เขาเกือบจะฆ่าอีกฝ่ายไปแล้ว...ด้วยอารมณ์โมโหเพียงชั่ววูบ



ถ้าอีกฝ่ายเอาไปฟ้องติมล่ะก็เขาคงโดนร่างสูงจัดการหนักแน่ คิดดังนั้น...นิลก็รีบวิ่งออกมาจากห้องนั้นอย่างรวดเร็วโดยทิ้งพระรามที่เจ็บอ่วมทั้งกายเอาไว้



ร่างโปร่งนอนหอบหายใจตัวสั่น เขาเจ็บทั้งขาทั้งแขนทั้งลำคอ พิษไข้ที่เพิ่งหายไปกลับรุมเร้าให้ปวดหัวหนึบอีกครั้ง พระรามไม่รู้ว่านิลหายไปไหนแล้ว อาจจะออกไปแล้วก็ได้แต่เขาก็ไม่สนใจ...แม้อีกฝ่ายเกือบจะลงมือฆ่าเขาแล้วก็ตาม



แต่กับสภาพแบบนี้เรียกว่าไม่มีเรี่ยวแรงจะไปยุดยื้อแล้วดีกว่า



ช่างมัน...ช่างมันเถอะ



“ฮึก...ฮึก!” แม้ใจจะคิดอย่างนั้นก็อดหวาดกลัวไม่ได้ น้ำตาแห่งความหวาดหวั่นมันกลั่นกรองออกมาเป็นเม็ดไหลหยดลงเตียงจนเปียกชุ่ม



ทำไมถึงต้องทำถึงขั้นนั้น เขาไม่ได้ทำอะไรให้นิลเลยสักครั้ง...นอกจากต่อยเพื่อเตือนสติอันบ้าคลั่ง เพียงแค่นั้นถึงกับต้องฆ่ากันเลยเหรอ



ทำไม...ทำไมกัน



ทำไม...เขาต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย



ทำไมเวลาที่เขาเจ็บ ติมไม่เคยอยู่ช่วยเขาสักครั้ง



ทำไมตอนที่เขากำลังจะตาย...ต้องนึกถึงอีกฝ่ายด้วย



แม้จะคิดถึงอีกฝ่ายแค่ไหน ภาวนาแค่ไหน มันก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายเห็นใจ



ความรักของเขามันไม่มีค่าในสายตาของไอติมเลย



จะร้องไห้ ขอร้องอ้อนวอน ขอความเห็นใจ หรือตายไปตรงหน้า



อีกฝ่ายก็คงจะยืนมองด้วยสายตาเย็นเยียบราวกับเขาเป็นขยะอย่างไม่สนใจไยดี



ร่างโปร่งสะอึกสะอื้นกับความคิดที่ดิ่งลงต่ำอย่างตัดพ้อน้อยใจ ร้องไห้จนเหนื่อยและตาแดงช้ำ เลือดที่ไหลซึมตรงแขนเสื้อก็ไม่คิดจะปิดแผลหรือรักษามัน พระรามหมดเรี่ยวแรงที่จะขยับตัวแล้ว ก่อนที่จะเพลียหลับมือเรียวก็ดึงผ้าห่มมาคลุมกายให้ความอบอุ่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สติจะหลุดลอยไป





********************* Love Substitute *********************







“เมี้ยว” แมวเหมียวรู้หน้าที่กระโดดแผล็วออกจากมือใหญ่ทันทีที่เปิดประตูห้อง อุริไม่ลังเลวิ่งเข้าห้องนอนทันทีเพราะได้กลิ่นของพระรามอยู่ในนั้น ขายาวก็รีบวิ่งตามอย่างร้อนรนเพราะสิ่งที่รู้สึกก่อนหน้า พอก้าวตามไปก็ถอนหายใจโล่งอกเพราะภาพที่เห็นคือพระรามนอนขดตัวหลับอยู่ใต้ผ้าห่มแม้จะดูยับย่นหลุดลุ่ยน่าแปลกใจไปหน่อยก็ตาม



เจ้าตัวขนปุยเกาะผ้าปูปีนขึ้นเตียงไปง่ายดาย นี่เขาต้องเปลี่ยนผ้าปูไปกี่ผืนแล้วนะเพราะไอ้อุริมันทำแบบนี้...แต่ยังไงก็ไม่เปลี่ยนบ่อยเท่าตอนที่เขามีเซ็กส์กับพระรามหรอก



เจ้าเหมียวมันร้องครางเดินวนไปมา เพราะตอนนี้ร่างโปร่งนอนหลับอยู่ไม่มีใครให้ออดอ้อน ลิ้นเล็กเลียทั่วใบหน้าขาวจนแพขนตาเริ่มขยับหลุกหลิกและค่อยๆ ปรือเปิดขึ้น



รู้สึกว่าตาเรียวนั้นจะแดงผิดปกติ



“อุริ...” ดวงตาเรียวกระพริบปริบก่อนจะแย้มรอยยิ้ม ดวงตาคมกริบจ้องมองรอยยิ้มแรกบนใบหน้ามน ตั้งแต่กลับมาที่ห้องนี้ไม่เคยปรากฏเลยสักครั้ง “กลับมาแล้วเหรอ”



“เมี้ยว” พระรามดันตัวขึ้นนั่งทุลักทุเล แม้จะปวดหัวมากแค่ไหนก็ต้องรีบยกมือลูบหัวลูบตัวเจ้าตัวเล็ก ช้อนมันขึ้นบนมือและใช้จมูกทั้งหอมทั้งฟัดด้วยความคิดถึง อุริร้องครางรับ อุ้งมือนุ่มดันแก้มใสออกและเลียกลับบ้างจนรามหัวเราะแผ่วเบาออกมา



เขาอยู่กับมันมาหลายสัปดาห์ มีเพียงแค่มันเท่านั้นที่เป็นห่วงเขา คลายเหงาให้ตลอด แล้วตอนที่ร่างโปร่งอยู่ที่นี่คนเดียว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มันยิ่งหดหู่รู้สึกเศร้า ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี...อย่างน้อยก็ขอให้ได้มีเพื่อนคุย



แม้อุริจะเป็นแค่สัตว์แต่มันก็เข้าใจความรู้สึกของพระรามได้เป็นอย่างดี



“ดีจัง สงสัยพี่วาคงจะให้แกกินอาหารดีๆ ตลอดสินะ” รามสำรวจทั่วตัวเล็กก่อนจะพูด นอกจากนี้เนื้อตัวยังสะอาดสะอ้าน พี่วากับน้องวีคงดูแลมันได้เป็นอย่างดีจริงๆ



“เมี้ยว”



คนกับสัตว์คุยกันหนุงหนิง ทำให้ร่างสูงที่ยืนหัวโด่กอดอกพิงกรอบประตูอยู่รู้สึกแปลกประหลาด การที่ได้เห็นร่างโปร่งยิ้มและหัวเราะมันทำให้เขา...สบายใจ



ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep25 25/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 25-06-2019 20:36:54


ต่อจากด้านบน


สายตาคมกริบมองสำรวจทั่วร่างกายผอมที่ดูยับยุ่งเป็นพิเศษ เขาจำได้ว่าพระรามไม่ใช่คนนอนดิ้นดังนั้นไม่น่าจะมาจากสาเหตุนั้น ก่อนที่จะสะดุดตรงลำคอขาว มันมีรอยบางอย่างสีคล้ำๆ พลันดวงตาคมเบิกกว้าง...นั่นมัน?



พรึ่บ!



“แง้ว!” ติมเดินเข้ามากระชากข้อมือผอมอย่างแรงจนแมวตัวเล็กกระเด็นหล่นตุ้บลงบนเตียงนุ่ม แม้จะไม่บาดเจ็บด้วยทักษะของแมวแต่อุริก็ไม่พอใจจนร้องขู่ออกมาดังๆ



“ติม...!” ดวงตาเรียวเบิกกว้างตกใจสบกับสายตาคมกริบที่จ้องเขม็งมาที่ใบหน้าของเขา ก่อนที่เสียงทุ้มจะตะคอกถาม



“รอยนี่มันอะไร!?”



“รอย?” พระรามงุนงงไม่เข้าใจคำถาม



“รอยนิ้วมือบนคอมึงนี่ไง ใครทำ!?” คำพูดต่อมาทำให้เขาเผลอยกมือขึ้นหวังจะลูบมันแต่ก็ต้องร้องโอ๊ยเมื่อแขนอีกข้างก็บาดเจ็บไม่แพ้กัน ไม่ทันได้คิดอะไรก็ถูกกระชากถามย้ำอีกครั้ง “กูถามว่าใครเป็นคนทำ!”



“ติม...พี่...” ดวงตาเรียวล่อกแล่ก อึกอักไม่กล้าพูด...พูดไปก็ใช่ว่าติมจะเชื่อ เพราะว่านิลคนนั้นเป็นคู่นอนคนสำคัญของอีกฝ่าย ในขณะที่เขาไม่ใช่ใครนอกจากคนนอก



“กูจะถามอีกแค่ครั้งเดียว ตอบกูมาว่าใครเป็นคนทำมึงแบบนี้!?”



“นะ นิล...นิลทำ” ในที่สุดพระรามก็ตอบออกมา ร่างสูงคาดคั้นรุนแรงจนใจคนฟังเสีย



“มันมาที่นี่อีกแล้วเหรอ” เสียงทุ้มพึมพำก่อนจะสบถเสียงดังอย่างหัวเสีย “แล้วมึงเปิดประตูทำไมห๊ะ โง่เหรอ!? ขาเป๋อย่างกับคนพิการอย่างนี้ยังจะเดินไปเปิดได้อีกนะ...ให้ตายสิ เชื่อเลยเว้ย”



“พี่นึกว่า...” คนฟังน้ำตาไหลอย่างน้อยใจ สุดท้ายคำถามนั้นก็ไม่ใช่คำเป็นห่วง ไอติมแค่อยากจะด่าเขาซ้ำแค่นั้น “พี่นึกว่าเป็นเพื่อนของนาย”



“เพื่อน?”



“นึกว่าเขามีธุระกับติม ก็เลย...” เสียงทุ้มใสอธิบายแผ่วเบาลงทุกทีจนเงียบไป ทำให้ร่างสูงขยี้ผมถอนหายใจแรง ก่อนจะปล่อยข้อมือผอมให้เป็นอิสระ



“แล้วนิลมันมาทำอะไร”



พระรามเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาก่อนจะก้มงุด “...ก็น่าจะมาหาติมหรือเปล่า พี่ก็ไม่รู้”



“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้รอยนี้มา” ดวงตาคมกริบจ้องมองรอยนิ้วมือคล้ำบนลำคอขาว มันเห็นชัดเจน ก่อนจะยกมือไล้นิ้วแผ่วเบาจนพระรามตัวเกร็ง



“ก็...ทะเลาะกันนิดหน่อย” เขาตอบเสียงเบา รู้สึกร้อนวูบวาบตามสัมผัสตรงคอ



“ทะเลาะ? ...ไม่อยากจะเชื่อ”



คำพูดของร่างสูงขึ้นเสียงสูงราวกับสงสัยสิ่งที่เขาพูด ทำให้พระรามกัดปากแน่น ดวงตาหม่น “ถะ ถ้าติมไม่เชื่อ พี่ก็...”



“เล่าต่อสิ” เสียงทุ้มของติมพูดขัดทำให้ร่างโปร่งชะงักเงียบไปและพูดต่อเสียงเบา



“พะ พี่...คิดว่านิลโมโหที่เห็นพี่อยู่ในห้องของนาย เขาจับตรงแผลพี่ พี่ก็เลยโมโห...เลยต่อยเขากลับ”



“...”



“จากนั้นนิลก็ตามเข้ามาในห้องนอน แล้วก็ทับเท้า บะ บีบคอ...” ดูเหมือนยิ่งเล่าเรื่อยๆ จะยิ่งทำให้นึกถึงเหตุการณ์เฉียดตาย เสียงทุ้มใสสั่นเครือและพระรามก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก



“ตอนนั้น...พี่นึกถึงนายด้วย”



ร่างโปร่งเม้มปากแน่น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลุบต่ำไม่กล้าสบ...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้บอกออกไป ก็แค่อยากจะให้รับรู้ว่าแม้วาระสุดท้ายของชีวิต คนที่เขานึกถึงคนแรกและคนสุดท้ายก็คือคนตรงหน้า



ทั้งห้องเงียบไป ทำให้ริมฝีปากบางยิ้มจืดเจื่อน ก็รู้อยู่แล้วล่ะนะว่าอีกฝ่ายไม่สนใจหรอก...ก่อนที่ดวงตาเรียวจะเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะแขนแกร่งโอบรัดเข้าที่ลำตัว...ความอบอุ่นที่โจมตีเข้ามาทำให้ใจดวงน้อยเต้นระรัว น้ำตารื้นขึ้นไหลลงมาไม่ขาด



“ตะ ติม?” ยิ่งกระพริบตาอึ้งไม่เข้าใจเท่าไหร่ น้ำตามันก็ไหลหยดกระทบไหล่แกร่งจนเปียก



ถึงแม้จะไม่เข้าใจ ก็ห้ามความดีใจนี้ไม่ได้ แขนสองข้างไร้เรี่ยวแรงยกขึ้นกอดตอบแผ่นหลังกว้าง นิ้วเรียวเกาะเกี่ยวเสื้อยืดแน่น ใบหน้ามนกดซบสะอึกสะอื้นบนไหล่สูง แม้จะร้องไห้แต่ก็มีรอยยิ้ม



แค่ตอนนี้...แค่ตอนนี้เท่านั้นที่จะขอคิดไปเองว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงกัน



ใบหน้าแกร่งซบลงกับไหล่บางไม่ต่างกัน สูดดมกลิ่นที่ไม่ได้ดมมานานที่ไหล่บาง กลิ่นกายเจือปนเหงื่อเล็กน้อยไม่ได้ทำให้รู้สึกรังเกียจ



เสียงเรียกตอนนั้น...คือแบบนี้เองสินะ



สัญชาตญาณที่เรียกร้องในตอนนั้นคือเรื่องนี้เอง



ดี...ที่ไม่เป็นไร



“เมี้ยว” เสียงร้องของแมวทำให้ร่างแกร่งได้สติและผละออกรีบลงจากเตียง พระรามกระพริบตาปริบก่อนจะเม้มปากหน้าร้อน มองใบหน้าหล่อเหลาแล้วหลุบตาต่ำไม่กล้ามอง หัวใจของเขายังเต้นแรงอยู่เลย



ความสุขแม้มาเพียงชั่วครู่ มันก็รู้สึกดีได้เหมือนกัน



“กูเอาเสื้อทั้งหมดของมึงมาแล้ว” ไอติมเดินเข้ามาห้องนอนอีกทีพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบเก่าคุ้นตา...นั่นมันของๆ เขา พระรามมองมันกระเด็นกลิ้งลงบนเตียงเมื่อร่างสูงโยนให้



“ติมหมายถึง...”



“คราวนี้มึงต้องอยู่กับกูถาวร ห้าม...ไปไหนอีก ห้ามออกจากห้องนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย” เสียงทุ้มสั่ง ทำให้คนฟังยิ้มฝืด นี่เขาต้องกลับมาอยู่ห้องนี้อีกแล้วหรือ



“แล้ว...นิลล่ะ” เสียงทุ้มใสถามแผ่วเบา การอยู่ห้องนี้ไม่ได้ลำบากใจเท่าเห็นอีกฝ่ายพาคนอื่นมาอยู่ห้องนี้แล้วทำอะไรที่ไม่เกรงใจจิตใจของเขา แต่พอเงยหน้าสบตาคมกริบแล้วก็ต้องหน้าเจื่อน สงสัยเขาจะถามคำถามที่ไร้สาระ “เปล่า...ไม่มีอะไร”



ในห้องเงียบอีกครั้ง คราวนี้เจ้าแมวช่วยเขาเอาไว้ด้วยการร้องเหมียวๆ ออดอ้อนไม่ให้อึดอัดกับบรรยากาศนี้



“ถอดเสื้อออก”



“เอ๊ะ เอ่อ” ใบหน้ามนขาวซีดเม้มปากมองหวาดหวั่น



“คิดอะไร กูไม่ทำอะไรคนพิการอย่างมึงหรอกน่า แค่จะดูแผลตรงแขน”



พระรามกระพริบตามองคนที่เดิมอ้อมมาใกล้ “ติม นายทำแผลเป็นเหรอ”



“ทำเป็นไม่เป็นแล้วยังไง กูแค่จะขอดูเฉยๆ” ร่างสูงเดาะลิ้นขัดใจกับคนที่ถามเยอะ สงสัยจัง “หุบปากแล้วถอดเร็วๆ”



“อ่า...” เขาครางอึกอักในลำคอก่อนที่มือจะค่อยๆ ยกปลดกระดุมทีละเม็ดและถอดเสื้อเนื้อนิ่มออก ไม่รู้ว่าเสื้อนี้มาได้ยังไง คิดได้อย่างเดียวว่าอีกฝ่ายเป็นคนเปลี่ยนเสื้อให้ตอนที่เขานอนซมไม่สบาย และตอนนี้อาการไข้ของเขามันกำลังจะกลับมาอีกครั้ง



ดวงตาคมกริบมองร่างโปร่งที่ค่อยๆ ปลดกระดุมด้วยตัวเองและคอเสื้อที่ตกลงบนแผ่นหลังบาง ไหล่บางกลมกลึงสองข้างเปลือยเปล่าแล้วมันยั่วอารมณ์หื่น ลิ้นร้อนเลียปากกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าเขาอดทนมานานมากพอสมควร ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะไม่อดทนกับอะไรแบบนี้แท้ๆ



แต่เขาก็ไม่คิดจะทำอะไรหรอก เพราะพอจะรู้หลังจากได้สัมผัสผิวกายร้อนระอุของพระราม...พิษไข้คงจะกลับมาเพราะแผลอักเสบ ต้นแขนผอมที่พันผ้าพันแผลสีขาวเลือดซึมจนเปียกเป็นวง แผลที่เกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนมันกำลังจะปิดแต่กลับมีใครบางคนมาทำให้เปิด ดูแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร่างโปร่งถึงตัวรุมๆ ...มันคงจะเจ็บไม่ใช่น้อย



ไอติมกัดฟันกรอด นี่เขาอยู่แค่ไม่ถึงสองชั่วโมงยังเกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้



นิล ย้ำนักย้ำหนาหลายต่อหลายครั้งว่าอย่ามาหาที่ห้อง แต่นี่ไม่ใช่แค่ไม่ฟังเขาพูด แต่ดันมาก่อเรื่องใหญ่แบบนี้อีก



อย่าคิดว่ารู้เรื่องแล้วจะปล่อยไปง่ายๆ



“เดี๋ยวให้พี่อิฐมาทำแผลให้ ตอนนี้มึงนอนซะ” ร่างสูงพูดอีกครั้งก่อนที่ร่างโปร่งจะขยับตัวใส่เสื้อเชื่องช้าเพราะรู้สึกอาการปวดหัวปวดตัวเริ่มรุมเร้า ไอแห้งค่อกแค่ก ก่อนจะค่อยๆ เอนตัวลงนอนอย่างว่าง่าย พอหัวถึงหมอนก็ปรือตาเหมือนจะหลับได้ทันทีทั้งๆ ที่กายยังรู้สึกหนาวสั่น มือข้างที่ยังใช้คล่องก็ทำหน้าที่เดิม ปาดป่ายหาผ้าห่มที่ขยุกขยุยอยู่อีกฟากของเตียง พอหาไม่เจอร่างผอมก็ขดตัวเข้าหากันแทนให้ความอบอุ่นแทน



ไอติมมองภาพนั้นก็เดินอ้อมไปหยิบผ้าห่มมาคลี่และคลุมให้จนถึงลำคอ พอร่างกายได้รับความอบอุ่น คิ้วบางที่ขมวดก็เหมือนจะคลายลงนิดหน่อย



“...เด็กชิบ”



นิ้วยาวเกลี่ยหน้าม้าที่ปรกหน้าผากมนออก ก่อนจะไล้หลังมือทั่วใบหน้าร้อนผ่าว ก่อนจะไล่ลงมาที่ลำคอเห็นรอยนิ้วมือที่เกิดจากการเค้นหนักชัดเจน ร่างสูงละออกยืนกำหมัดแน่นก่อนจะเดินออกจากห้องนอน



ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนกำลังมองพระรามด้วยสายตาแบบไหน



ไม่ได้รู้ตัวเลย...ว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่



เขาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเกิดเบอร์ของคนในครอบครัว ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะรับทันทีทั้งๆ ที่เสียงรอสายยังดังไม่ถึงสองรอบ



เขารู้ว่าอีกฝ่ายงานยุ่งมาก แต่ยังไงอิฐก็ไม่เคยให้เขารอนาน



“พี่”



(“ว่าไงไอ้น้องชายตัวแสบ พี่ว่าพี่รู้สึกลางไม่ค่อยดีทุกทีที่เห็นเบอร์แก”)



ผู้เป็นน้องชายฟังแล้วยิ้มมุมปาก “พี่อิฐมาดูรามให้หน่อยสิ แผลที่แขนเหมือนจะเปิด เลือดออก”



(“นั่นไง งานเข้าพี่อีกแล้ว”)



“ไข้ขึ้นด้วย”



(“โอเค แต่ว่าตอนนี้พี่ติดงาน อาจจะไปได้ตอนเย็น...อยู่ที่คอนโดใช่ป่ะ”)



“ใช่”



(“เดี๋ยวโทรไป แค่นี้ก่อน”)



“ขอบคุณครับ” ทุกครั้งจริงๆ ที่พี่ชายไม่เคยปฏิเสธการขอความช่วยเหลือของเขา แม้เขาจะทำตัวไม่ค่อยดี(?) เกเรมากแค่ไหน ทั้งพ่อกับพี่ก็ไม่เคยว่า เพียงแต่เอ่ยตักเตือนเท่านั้น



จะว่าไปไอติมไม่ได้กลับบ้านอีกเลย แล้วเขาก็ยังไม่ได้บอกเรื่องของแม่ให้พ่อรู้เลย...ว่าเนตรนภาตายแล้ว...แต่ไม่แน่พ่ออาจจะรู้แล้วก็ได้เพราะส่งคนมาตามสืบเขาตลอดเพราะความเป็นห่วง



(“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นตอบมาดีกว่าว่าพระรามเป็นอะไรสำหรับแก ทำไมถึง...”)



ติ๊ด!



ไอติมตัดสายทิ้งทันที รู้ว่าปลายสายคงหน้าเหวอแล้วก็สบถด่าเขาเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แน่นอน ก็ทำแบบนี้เพราะไม่มีอะไรมากขี้เกียจจะตอบ ตอบไปตอบมาแล้วเดี๋ยวก็ถามมากอีก รำคาญ



นิ้วยาวไถหาชื่อคนต่อไปและกดโทรออกไม่ให้เสียเวลา



(“ว่าไงครับเพื่อน ทำไมกูรู้สึกถึงมีลางไม่ค่อยดี”) เสียงทุ้มนุ่มพูดขึ้นทันทีที่รับสาย ซ้ำยังกลั้วหัวเราะจนเขาพ่นลมออกจากจมูก ทั้งพี่ชายและเพื่อนสนิท สองคนนี้พูดเหมือนกันเป๊ะภายในเวลาไล่เลี่ยกัน



“ธาร ฝากจัดการนิลให้หน่อย เอาแบบ...ไม่ให้กลับมายุ่งกับกูอีกเลย”



(“ได้ แล้วอยากให้จัดการแบบไหนดี”)



“แล้วแต่มึง วิธีการไหนก็ได้ อย่าให้กูเห็นหน้ามันอีก” ร่างสูงตอบสีหน้าเหม็นเบื่อ น้ำเสียงรำคาญอย่างเห็นได้ชัด



(“จัดไปครับ ว่าแต่ถามได้ป่ะว่าเขาไปทำอะไรให้มึง ถึงได้ดูโมโหจัดขนาดนี้”) ธารว่ากลับ ก็อย่างที่บอกว่าคู่นอนทั่วไปของไอติมแม้จะมีตื๊อบ้างแต่พอตวาดกลับหรือพูดนิดๆ หน่อยๆ ก็เตลิดกันให้วุ่นไม่ต้องพูดซ้ำ ก็พอจะเข้าใจว่าหนุ่มน้อยน่ารักร่างเล็กคนนี้อาจจะแรงตื๊อหนักกว่าคนอื่น แต่ก็ไม่เคยมีใครที่เพื่อนสนิทต้องขอร้องให้เขามา ‘จัดการ’ เลยสักครั้ง (“หรือว่าเกี่ยวกับ...พี่ชะเอมของมึง”)



สายธารเดาสุ่ม แม้ในใจของเขาจะคิดไปถึงอีกคน แต่นับตั้งแต่วันนั้นที่คุยกัน เขาก็ไม่กล้าเรียกรามว่าสุดที่รักหรือคนสำคัญให้ไอติมได้ยินอีกเลย กลัวคนไม่รู้ใจตัวเองมันจะโมโหหนัก แล้วก็รู้ดีว่าคนที่จะโดนลูกหลงจากอารมณ์พาลของติมไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากตัวพระรามเอง



ไอติมได้ยินแล้วก็หัวเราะเบา “ไม่ใช่เว้ย” นิลยังไม่รู้จักพี่ชะเอมด้วยซ้ำไป จะไปเกี่ยวกันได้ยังไง



(“งั้นก็...”)



“มึงไม่ต้องมาเดา กูบอกให้ไปทำอะไรก็ทำเหอะน่า” ร่างสูงพูดขัดทันที นั่งไขว่ห้างที่โซฟากว้าง ศีรษะใหญ่ทิ้งลงบนพนัก



เขารู้อยู่หรอกว่าสายธารจะพูดอะไร...มันคงจะไม่ต่างจากคำถามของพี่อิฐซักเท่าไหร่



(“อ่ะๆ แหม นี่กูฟังมึงคนเดียวนะเนี่ย...จะเอาแต่ใจแค่ไหนกูก็ยังฟังมึงนา ตอบแค่นี้ไม่ได้เหรอ”) อีกฝ่ายทำเสียงแง่งอน ถ้าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายตัวเล็กๆ อย่างพี่ชะเอมก็อาจจะดูน่ารักอยู่หรอก แต่เสียงทุ้มต่ำพูดแบบนี้ทำให้ไอติมหลุดหัวเราะพรืด



“เอาไว้...กูจะตอบ” ดวงตาคมกริบหลับลงก่อนจะตอบเสียงเบา...พลันลืมตาขึ้นเผยดวงตาสีน้ำตาลอ่อน “ซักวัน”



ไม่รู้ว่าจริงๆ ว่าคำพูดนั้นพูดกับใคร...เพื่อนสนิทหรือตัวเขาเองกันแน่



(“ฮ่าๆ เออ อย่างน้อยก็มีโอกาสเว้ย”) สายธารพูดอย่างอารมณ์ดี (“ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยมีแรงทำงานหน่อย”)



ไอติมยิ้มมุมปากก่อนจะเดาะลิ้นเปลี่ยนสีหน้า “วางได้ยัง”



(“ครับๆ แหม แค่นี้ทำเสียงรำคาญ เอาไว้งานเสร็จจะมารายงาน”)



“เออ”



ในที่สุดห้องนั่งเล่นก็กลับมาเงียบอีกครั้ง



‘พระรามเป็นอะไรสำหรับแก’



‘หรือว่าเกี่ยวกับ...พี่เอม’



‘ตอนนั้น...พี่นึกถึงนายด้วย’



‘ตะ ติม?’ สัมผัสของแขนผอมที่โอบกอดแผ่นหลัง น้ำตาที่หยดลงมาบนไหล่ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่หวาดกลัวมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขา รู้สึกแค้นคนที่ทำให้พระรามเป็นแบบนี้ บาดเจ็บหนักทั้งตอนนี้และก่อนหน้า...เพราะงั้นเขาถึงได้บอกให้ธารไปจัดการตัวการซะ



เขาไม่อยากเห็นหน้านิลอีก...ตลอดกาลเลย



   

********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep25 25/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-06-2019 22:37:27
 :pig4:
 :L2:
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep25 25/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 15-07-2019 08:38:17
 :m15: คู่นี้ดราม่ามากกกกกกก
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 22-07-2019 21:45:05
ทดแทนรัก

ตอนที่ 26



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



“พี่เอมเข้าโรงพยาบาล”



“จริงเหรอ” รามขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วงร่างบางจับใจ ตอนนี้เขาหายป่วยแล้วเพราะพี่อิฐมาฉีดยาให้จึงนอนเหงื่อท่วมเพียงคืนเดียวตื่นเช้ามาก็หายเป็นปลิดทิ้งพร้อมกับพันผ้าพันแผลที่ต้นแขนและพันข้อเท้าให้ใหม่แน่นกว่าเดิม



แต่ว่า...เขาก็โดนพี่อิฐดุแถมมาด้วย



‘นี่ไปทำอะไรมาข้อเท้าถึงได้บวมขนาดนี้หา!? แล้วรอยที่คอนี่มันอะไร? โอย ให้ตายสิ ทั้งเราทั้งติมเล้ย...พี่ล่ะปวดหัวจริงๆ’



ว่าที่หมอกุมขมับแล้วจากนั้นก็บ่นยาวอีกมากมายทำเอาพระรามอึ้งพูดไม่ออก เถียงไม่ทัน ใครบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนอบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์บอกเลยว่าอาจจะไม่ใช่ตอนที่อารมณ์กำลังโมโหอยู่แน่



แม้ไข้จะหายแล้ว แต่อาการบาดเจ็บก็ยังไม่หายสนิทอยู่ดี เขายังคงต้องนอนเตียงอยู่เกือบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แล้วจู่ๆ ร่างสูงก็เดินเข้ามาบอกเขาเรื่องที่น่าตกใจคือชะเอมเพื่อนที่น่ารักคนนั้นเข้าโรงพยาบาล



“อืม โรคหัวใจกำเริบ”



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไอติมที่ทำหน้าเครียดเดินหยิบของจำเป็นอย่างกุญแจรถและกระเป๋าเงินยัดใส่กระเป๋ากางเกงแล้วก็รีบบอกขึ้นมา “ติมจะไปเยี่ยมเหรอ พี่ไปด้วย”



“สภาพแบบนี้เนี่ยนะ” ดวงตาคมกริบตวัดมองข้อเท้าที่พันผ้าแน่น ดูก็รู้ว่ายังไม่หาย



“พี่เริ่มเดินได้แล้ว”



“แล้วมึงจะเดินให้มันอาการหนักกว่าเดิมหรือไง” เสียงทุ้มพูดเป็นครั้งสุดท้าย “อยู่เฉยๆ ไปเหอะ”



“ถ้าติมไม่พาพี่ไป พี่ไปเองก็ได้” ร่างโปร่งพูด ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นยืนโดยใช้ขอบเตียงพยุง อย่างน้อยอาการเขาก็ดีขึ้นมากแล้วนับตั้งแต่วันแรกล่ะ



เขาเป็นห่วงชะเอม ถ้าอาการกำเริบถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลแสดงว่ามันต้องหนักมาก พระรามเป็นเพื่อนจะไม่ไปเยี่ยมไม่ได้ ถ้าติมไม่พาไป เขาไปเองได้ หรือไม่ก็โทรให้พวกสินมารับก็ได้



“เออๆ ไปก็ไป” ร่างสูงเดาะลิ้นขัดใจราวกับจะรู้ความคิดของราม ตอนแรกจะหันหลังเดินออกมาเลยแต่พอได้ยินพระรามพูดแบบนั้นก็ชะงัก ท่าทางร่างโปร่งจะเอาจริง พอหายไข้แล้วก็ซ่า...ดื้อชิบหาย ไม่สำเหนียกตัวเลยว่าร่างกายไหวหรือไม่ไหว



ไอติมมองร่างโปร่งที่เดินทุลักทุเลไปหยิบไม้ค้ำที่อิฐหยิบติดมือมาให้แล้วก็เดินตามออกมาจากห้อง แม้จะช้าแต่พระรามก็พยายามค่อยๆ เดิน ขายาวก็เดินช้าลงบางทีหันมามองและหยุดยืนรอ



พระรามอดอมยิ้มไมได้เพราะช่วงนี้แม้ไอติมจะพูดเหมือนเดิม แต่ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะยอมฟังเขามากขึ้น ใจดีมากขึ้น ตอนนี้ก็เหมือนกัน แม้จะมองเหมือนรำคาญแต่ก็หยุดรอให้เขาเดินไปถึงแล้วค่อยเดินต่อ จนกระทั่งมาถึงรถจนได้



“อืม...อืม ห้อง...นะ กูกำลังจะไป ก็ยังไม่หายหรอกแต่พอเดินได้แล้ว ใช้ไม้ค้ำยัน...อ๋อ อืม มาด้วยกัน โอเคๆ แล้วเจอกัน” เขาวางโทรศัพท์จากสินเพื่อโทรถามว่าชะเอมเป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้เขาไม่ได้ไปมหาลัยเพราะร่างกายเป็นแบบนี้ จึงไม่ได้เจอกับใครเลย “สินบอกว่าเอมนอนพักฟื้นอยู่ห้อง...”



“...”



ไอติมไม่ตอบไม่หือไม่อือกับคำพูดของรามเลยแม้แต่นิด เพราะดูเหมือนว่าติมจะเป็นห่วงชะเอมมากจนคำพูดของเขามันไม่เข้าหู



ก็รู้อยู่แล้วว่าใครๆ ก็คงเป็นห่วงชะเอมไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่เขา...แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันพอเป็นติมแล้วอดเจ็บหน่วงในใจไม่ได้เลย



ช่างมันเถอะ ได้แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว...เพราะยังไงเขาก็เปลี่ยนใจติมไม่ได้ รามแทรกลงไปในหัวใจของติมไม่ได้ ทั้งสี่ห้องนั้นเต็มไปด้วยความรักและคิดถึงต่อร่างบาง เหมือนกับเขาที่ทั้งสี่ห้องหัวใจก็ไม่คิดจะแบ่งที่ไว้ให้คิดถึงใครนอกจากไอติม



ไอติมจะเคยรู้บ้างไหมว่าเขารักและคิดถึงอีกฝ่ายมากแค่ไหน



ร่างสูงเหยียบคันเร่งจนรถสปอร์ตพุ่งทะยาน จนพวกเราสองคนมาถึงโรงพยาบาลได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

   





“อ้าว หลับอยู่เหรอ”



“อืม โทษทีนะ อุตส่าห์มาเยี่ยม”



“ไม่เป็นไรๆ ให้เอมหลับไปเถอะ จะได้พักผ่อนด้วย” เขาโบกมือปฏิเสธ แล้วชะโงกหน้ามอง “แต่ขอเข้าไปดูหน่อยได้มั้ย จะไม่ทำเสียงดังรบกวนเลย”



“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” พระรามพยักหน้าขอบคุณ พลางมองใบหน้าคมหล่อเหลา คินเปลี่ยนไปมาก แม้แววตาจะดูโศกเศร้าเรื่องอะไรบางอย่างแต่ก็ประดับรอยยิ้มอบอุ่นตลอดเวลา...เขาเคยบอกแล้วว่าสุดท้ายยังไงคินก็ต้องกลับมารักเอม เพราะว่าชะเอมน่ะเป็นคนดี น่ารัก...ใครๆ ก็ชอบ



คินคงจะเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุดที่เห็นเอมเจ็บ...อีกฝ่ายจะเคยร้องไห้หรือเปล่านะ ร้องไห้เพราะว่ารักมาก น่าจะต้องเคยอยู่แล้ว คินรักชะเอมแล้วเอมก็รักคิน



เขาก็อยากเห็นไอติมที่ร้องไห้เพราะเขาเหมือนกัน...ชีวิตนี้อาจจะไม่มีวันได้เห็น แต่ถ้าหากว่าตอนนั้นเป็นตอนที่เขากำลังจะตาย พระรามคงมีความสุขมากจนตายตาหลับ



ชะเอมนอนหลับด้วยใบหน้าซีดเซียวแต่กลับประดับรอยยิ้มบาง ดูน่ารักเหมือนเทวดาตัวน้อยไม่มีผิด ซ้ำยังสงบเพราะรู้ว่าคนที่อยู่ข้างกายคือคนที่รักที่คอยเป็นห่วงจึงหลับลึกได้อย่างวางใจ



เขาช้อนมือบางขึ้นมาก่อนจะกอบกุมเบาๆ ให้กำลังใจ...ขอให้อีกฝ่ายหายไวๆ ทั้งเขาทั้งติมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าหากชะเอมหายแล้วก็จะได้กลับมาหัวเราะอย่างร่าเริงได้เหมือนเดิม ใครๆ ก็ว่าใบหน้าของชะเอมน่ะน่ารักที่สุดเวลายิ้มกว้างอย่างมีความสุขอยู่แล้วล่ะนะ



“คนอื่นๆ ล่ะ”



“น่าจะลงไปข้างล่าง”



“อ๋อ” เขาครางรับเบาๆ ก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย “นี่คิน จู่ๆ เอมอาการกำเริบได้ยังไง คงไม่ใช่ว่าลืมทานยาหรอกใช่มั้ย”



พอเหมือนพูดถึงแล้วก็ทำให้อีกฝ่ายนึกถึง คินกัดฟัน กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้น



“มันเกิดอะไรขึ้น”



“มีคนเปลี่ยนขวดยาของเอม ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหน แต่อากฤษบอกว่านี่เป็นเจตนาฆ่า...เพราะถ้าหากมาส่งโรงพยาบาลไม่ทันเอมคงจะ...ตายไปแล้ว”



“บ้าไปแล้ว...พูดจริงเหรอ” เขาฟังแล้วหน้าซีด รู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้อีกฝ่ายไม่มีทางล้อเล่นกันแน่ๆ “รู้หรือยังว่าใครเป็นคนทำ”



“อืม...เรย์น่ะ” เป็นคำตอบที่ไม่ได้ผิดจากที่คาดเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนว่าคนๆ นี้จะมีเรื่องขัดใจกับเอมมาหลายครั้งหลายหนและสาเหตุที่ทำให้เรย์คิดไม่ดีกับเอมมันก็ไม่ใช่คนไกลที่ไหน...ตัวคินเองนี่แหละ “แต่เรย์ไม่ได้ทำเองหรอก คิดว่าใช้คนอื่นให้มาทำ ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐาน ออกหมายจับเพื่อควบคุมตัว”



“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ” เขาถามอีก ถึงเรย์จะเป็นหัวโจกในการคิดทำเรื่องชั่ว แต่คนทำก็ไม่ใช่เรย์ “พวกลูกจ้างของเรย์น่ะ”



“พบลายนิ้วมือที่ขวดยา แต่เราคิดหาทางออกได้แล้ว รอให้พวกมันมามอบตัว”



“ทำยังไง?”



“ก็...”



“คิดเหรอว่าพวกมันจะยอมรับ ถ้าไม่มีหลักฐานบ่งชี้” คราวนี้คนที่เงียบฟังอยู่นานพูดขึ้น ตวัดสบมองสายตาของคินที่มองมาเช่นกัน คำพูดนั้นทำให้คินอึกอักตอบไม่ได้ อีกฝ่ายก็คงจะไม่แน่ใจในวิธีการของตนเช่นกันว่าจะจับพวกคนร้ายได้ “ลายนิ้วมือตรวจพบแล้วจริง แต่ก็ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่าใครเป็นใครนี่?”



พระรามฟังแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยกับที่ติมพูด การตรวจหาลายนิ้วมือโดยไม่ได้ถูกเทียบกับเจ้าของจริงๆ ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นใคร...เป็นคนร้ายจริงหรือเปล่า แล้วพวกคินบอกว่าจะให้คนพวกนั้นมามอบตัวได้ยังไง



“...” คินเงียบไปก่อนจะตอบ “เรื่องนี้กูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คนที่กำลังจนตรอกน่ะ กูไม่คิดว่ามันจะหนี...”



“ไม่มีทางหรอกที่มันจะไม่หนี คนที่มีหลักฐานมัดตัวบางคนมันยังไม่ยอมรับเลย มึงไม่เคยเห็นเหรอ” ไอติมล้วงกระเป๋าเดาะลิ้นขัดใจ พอพูดจบทั้งห้องก็เหมือนจะเงียบไปอีกครั้ง ก่อนที่ติมจะพูดอีกครั้ง “งั้นเดี๋ยวกูช่วย”



“หา?” คินเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย ถามอย่าระแวง “...แล้วจะช่วยยังไง”



คินไม่อยากยอมรับความช่วยเหลือของไอ้รุ่นน้องคนนี้เท่าไหร่เพราะไม่ชอบหน้ามัน เหตุผลไม่ไกล ก็เพราะว่ามันชอบคนรักของเขานี่ แม้จะประกาศปาวๆ ว่าเป็นแฟนของพระรามแต่ความรู้สึกของมันแสดงออกมาชัดเจนจนเขายังมองออก มันอาจจะคิดทำเรื่องนี้เพื่อหาช่องว่างมาเสียบก็ได้



“กูก็มีวิธีการของกู มึงรอให้พวกมันมามอบตัวอย่างไร้ทางหนีก็พอ” ไอติมแสยะยิ้ม เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนสีหน้า หันมาพูดกับร่างโปร่งที่ยืนทำหน้าซึม “ไปราม กลับได้แล้ว”



เขาขยับตัวเล็กน้อยเมื่อร่างสูงเดินออกจากห้องไป รามหันไปบอกลาชะเอมที่ยังนอนหลับอยู่เบาๆ และยิ้มให้กับคินที่ยังขมวดคิ้วไม่หาย แขนผอมกระชับไม้ค้ำกับจักกะแร้และเดินออกมา ร่างสูงเดินลิ่วไปโน่นแล้วแถมยังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วเครียด



“เออๆ โอเค...อีกชั่วโมงครึ่งเจอกัน”



เขาไม่รู้ว่าไอติมจะไปไหน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ออกปากบอกว่าจะช่วยจับคนที่คิดปองร้ายเอาชีวิตของชะเอม รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายชอบชะเอมมาก แต่ไอติมจะทำยังไง ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นว่าจะจับคนพวกนั้นได้จริงๆ อย่างที่พูด



ระหว่างกลับคอนโดไม่มีบทสนทนาอะไรทำให้ในห้องโดยสารเงียบฉี่เพราะรถสปอร์ตเก็บเสียงภายนอกได้เป็นอย่างดี แม้แต่เสียงแอร์ก็ยังไม่ค่อยได้ยิน



“ติม...จะไปไหน”



“ไม่มีอะไร ออกไปธุระ มึงก็ทำตัวดีๆ รออยู่เฉยๆ ในห้องนี่แหละ” ร่างสูงตอบห้วน



เขาเม้มปากแน่น มองไอติมที่กำลังจะออกไปจากห้องทันทีที่มาส่งเขา “นายจะไปหาคนร้ายที่ทำร้ายเอมเหรอ”



เหมือนกับว่าคำพูดของเขาไม่เข้าหูอีกฝ่าย สายตาคมกริบถึงได้ตวัดมองดุกลับมา “ไม่เสือกสักเรื่องได้มั้ยวะ”



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มอ่อนแสง “พี่แค่เป็นห่วง...”



“มึงห่วงสภาพของตัวเองเถอะ”



ไอติมหันหลังเดินออกไปไม่รับความหวังดี ตวัดปิดประตูดังปังให้คนในห้องมองตามหลังอย่างตัดพ้อ ถ้าหากเป็นเรื่องของเขาอีกฝ่ายจะเดือดร้อนขนาดนี้มั้ย



คิดไปก็ได้คำตอบออกมาทันที...ว่ามันไม่มีทางหรอก



   



ปัง!



“เป็นยังไง” เขาถามขึ้นทันทีที่สายธารก้าวขึ้นรถ



“พวกมันอยู่ที่เดิม แต่ดูเหมือนจะกระวนกระวายน่าดู กับเรื่องในเฟสน่ะ” คนตอบกลั้วหัวเราะ



“ในเฟส? มีอะไรวะ”



ต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 22-07-2019 21:45:27



ต่อจากด้านบน



“หึหึ ก็ไม่มีอะไรมาก แค่พี่ชะเอมคนดังของมึงเดือดร้อนทีนี่แอดมินเพจของมหาลัยก็ประกาศหาตัวคนร้ายกันให้วุ่น บอกให้รีบมามอบตัวซะ...น่ะ”



“อ๋อ” ไอติมครางรับ เนี่ยเหรอวิธีการของพวกรุ่นพี่ที่สุมหัวคิดกัน...ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคันเร่งให้พุ่งทะยานออกไป “แล้วกูต้องไปที่ไหน”



แม้จะถามแต่กลับไม่ลดความเร็วลงแม้แต่นิด ซ้ำยังเหยียบแรงขึ้นไปอีก คนข้างๆ ก็ดูเหมือนจะชินบอกเสียงเรียบ “มึงเลยมาไกลละติม”



“ไอ้ห่า แล้วก็ไม่บอก” คนตอบก็ตอบเนิบๆ หน้านิ่งพลางเปลี่ยนเกียร์เหยียบเบรก ดริฟท์ให้รถหมุนน่าหวาดเสียว



เอี๊ยดดด!



แล้วรถสปอร์ตคันหรูก็กลับมาอยู่ในถนนอีกด้านหนึ่งที่ดูยังไงๆ จากที่ตรงเมื่อกี้ก็ไม่น่าจะสามารถกลับรถได้เลย



“บอกกูล่วงหน้าก่อนสิวะ ให้เสียเวลากลับรถทำไม” ติมบ่นรำคาญ



“แหม่ กูอยากเห็นฝีมือขับรถเทพๆ ของมึงไง” ธารไม่สนใจกลับชมเปาะ ดูกี่ครั้งก็ชอบ “แล้วอีกอย่างมึงขับเร็วขนาดนี้ จีพีเอสยังตามไม่ทันเลยเว้ย จะให้กูบอกมันก็เลยแล้วป่ะวะ ขับช้าลงหน่อยดิ”



พอเพื่อนสนิทมันบ่นก็เลยลดลงนิดหน่อย...นิดหน่อยจริงๆ



“อีกสองซอยเลี้ยวซ้าย” ร่างสูงบนเบาะข้างคนขับไขว่ห้างผิวปาก พลางมองทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปเร็ว แล้วก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาเปิด ล้วงอาวุธอันตรายขึ้นมาสำรวจ มันคือปืนสองกระบอกสีดำมันเลื่อมแต่ไอติมไม่ยักจะตกใจ ธารตบรังลูกปืนเสียบเข้าไปทั้งสองกระบอกดังแกร๊กก่อนจะไขว้แขนเป็นรูปกากบาททำท่าเล็งออกไปนอกกระจกหลับตาปี๋ข้างหนึ่ง ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมา “วันนี้กูจะได้ยิงป่ะ”



“ก็ขึ้นอยู่กับว่าไอ้พวกนั้นมันจะปฏิบัติตัวยังไง” คนขับตอบเสียงเรียบราวกับไม่สะทกสะท้านว่ามันจะดูโหดร้ายแค่ไหน “ถ้าก้าวร้าวก็จัดมันให้พรุน ก่อนที่จะส่งถึงมือตำรวจ”



คนฟังเลิกคิ้วกับคำพูดนั้นก่อนจะหลุดหัวเราะ “กูว่าแบบนั้นจะกลายเป็นพวกเราต้องถึงมือตำรวจซะเองนะเพื่อน...ข้างหน้าอีกสามซอยเลี้ยวขวา”



“อะไร กูไม่คิดว่าเวลามึงทำงานจะทิ้งหลักฐานเอาไว้โง่ๆ แบบพวกนั้นหรอกใช่มั้ย” ไอติมพูดง่าย ก่อนจะหักพวงมาลัยแรงจนธารเซหัวโขกกระจก คนขับหัวเราะหึๆ ไม่ห่วงเพื่อนคนนี้สักนิด “ไม่งั้นมึงคงไม่รอดมาได้จนป่านนี้”



ที่เขาพูดแบบนี้ได้ก็เพราะรู้น่ะสิ...ว่าครอบครัวของธารมันรับทำงานด้านมืดพวกนี้บ่อยๆ อยู่แล้ว



“งานอะไรก็รับได้ไม่ใช่เหรอครับ คุณสายธาร”



“มึงก็ให้กูรับหน้าที่เลวๆ นี่ตลอด ทั้งๆ ที่มึงนั่นแหละตัวบงการเลย”



“แต่กูให้เงินดีนะ” เขาเลิกคิ้วใส่ ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน



“ใกล้ถึงแล้ว...เตรียมตัวไว้”



แล้วรถสปอร์ตก็แล่นอย่างเงียบเชียบหน้าบ้านโทรมๆ หลังหนึ่ง ติมยิ้มนิดๆ หันมามองหน้าคนข้างกาย “เสร็จแล้วไปแดกเหล้ากัน”



“กูกำลังจะชวน” ธารยิ้มกริ่มถูกใจ “มึงเลี้ยงกูด้วย”



“จัดไปครับเพื่อน”



ทั้งสองคนลงจากรถและเดินไปหน้าประตูบ้านหลังนั้น ซึ่งข้างในกำลังโหวกเหวกเสียงดังวุ่นวายพอดู ทั้งสายธารและไอติมยืนพิงหลังกับกำแพงเหลือบมองผ่านหน้าต่างที่แตกร้าวและสกปรกเหมือนไม่ได้มีการทำความสะอาดอยู่นานหลายสิบปี



"เห้ย มึง เห็นในเฟสป่ะวะ นั่นมันคนที่เราไปเปลี่ยนยานี่หว่า เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้ได้ไงวะ เหี้ยเอ๊ยทำไงดี"



"ก็ไหนเรย์บอกว่าไม่เป็นไรไง... โธ่เว้ย!" อีกคนเตะเก้าอี้พลาสติกจนปลิวกระเด็นไปกระแทกกำแพงเสียงดัง "แม่งหลอกเรา!"



"รีบโทรหามันสิวะ!"



"มันไม่รับว่ะ...ทำไงดี นี่กูต้องโดนตำรวจจับเข้าคุกใช่มั้ยวะ"



พอมีคนหนึ่งเริ่มขวัญเสีย คนอื่นๆ ก็เริ่มสั่นกลัวตามมาไม่แพ้กัน



"หรือเราจะยอมมอบตัว ถ้าเราบอกว่าถูกจ้างมาเขาอาจจะไม่เอาผิดเราก็ได้"



"บ้าหรือไง ใครจะไปเชื่อ"



"แล้วทำไมถึงไม่รับสายวะเนี่ย!?"



"ทำไงดี ทำไงดี"



ตึง!



“ทุกคนใจเย็นๆ” คนที่ทุบโต๊ะเสียงดังพูดขึ้นเสียงเรียบทั้งที่ใบหน้ามีเหงื่อผุดซึม “กูว่ามันต้องหลอกพวกเราแน่ๆ จริงๆ แล้วมันยังไม่รู้หรอกว่าเราเป็นคนทำ ถึงจะมีรอยนิ้วมือแต่ถ้าไม่เอาไปเทียบก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าคนร้ายคือใคร”



เขามองหน้าธารและพยักหน้าให้ช้าๆ เป็นสัญญาณ อีกฝ่ายหยิบหมวกแก๊ปขึ้นมากดปีกหมวกลงต่ำเพื่อปิดบังใบหน้าทุกครั้งเวลาทำงาน แม้จะไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ก็เถอะ



“จริงเหรอ?”



“เออ พวกเราต้องอยู่เฉยๆ อย่ามีพิรุธ...”



แกร๊ก...



“โอ๊ะโอ๋...กูว่าพวกมึงคงจะอยู่เฉยไม่ได้แล้วล่ะนะ” เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ เสียงเหี้ยมพูดขึ้นทำให้เหล่าคนที่กำลังประชุมกันอยู่แตกตื่นทันใด



“!!!”

 

“อย่าขยับ ถ้าไม่อยากให้หัวของเพื่อนมึงมีรูไปประดับ” ธารยกปืนขึ้นจ่อศีรษะของไอ้หัวโจกที่พูดอย่างใจเย็นเมื่อครู่ บัดนี้มันปากสั่นยิ่งกว่าอะไรเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อยู่ชิดกับสมองของมันคือลูกกระสุนที่ยังไม่ได้ถูกเหนี่ยวไก ธารแสยะยิ้ม เหลือบมองต่ำพูดเสียงเหี้ยมไม่ต่างกัน “แล้วก็อย่าโวยวายด้วย”

           

ไอติมกวาดสายตามองหน้าเหล่าคนที่มีแต่พวกหน้าปลวกทั้งนั้นแล้วเลิกคิ้วถามเพื่อน “ไอ้พวกนี้เหรอวะ”

           

“ใช่ กูเห็นพวกมันสุมหัวกันตั้งแต่ครั้งแรก” ธารหมายถึงเรื่องที่เขาให้ไปสืบพวกคนที่คิดจะทำร้ายพี่ชะเอมตั้งแต่ตอนงานกีฬาสี แล้วรามก็โดนลูกหลงบาดเจ็บหนัก จนบัดนี้แล้วก็ยังไม่หายดี

         

“อ้อ...” เขาครางรับกัดฟันกรอด ก่อนจะกระชากผมตรงท้ายทอยไอ้เวรที่น่าจะเป็นหัวหน้าอย่างแรงจนใบหน้ามันหงายเงิบ

           

แกร๊ก!

           

“กูบอกว่าอย่าขยับไง หรืออยากได้รูบนหัว” ไอติมหันขวับเมื่อธารจ่อปืนไปที่อีกคนที่ตัวสั่นยิ่งกว่าใครในห้อง สงสัยมันทำท่าจะหนี เพื่อนสนิทที่ตาไวยิ่งกว่าเหยี่ยวจึงชักปืนขึ้นมาอีกกระบอกจ่อไปที่มันให้หยุดนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลายิ้มมุมปากขำ ไอ้ธารมันไม่ได้มาเล่นๆ เพื่อนสนิทของเขาคนนี้ถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กและถนัดสองข้างจริงๆ ไม่ได้เอาไว้แค่โชว์เท่ห์ไปอย่างนั้น

           

“ขะ ขอโทษครับ! อย่ายิงนะ...” คนขี้ขลาดบอกเสียงสั่น ยกมือขึ้นบังราวกับจะช่วยอะไรได้

           

ธารเดาะลิ้นขัดใจกับคนพูดไม่รู้เรื่อง “กูบอกว่าอย่าเสียงดังไง เดี๋ยวยิงแม่งเลย”

           

เขาหลุดขำก่อนจะบอก “ใจเย็นๆ สิธาร”

           

“พวกมึงเป็นใคร” หัวโจกถามขึ้น แววตาหวาดหวั่น “ต้องการอะไร”

           

ไอติมปรายตามอง...มองไปทั่วใบหน้า ถึงจะไม่ค่อยคุ้นหน้า แต่ว่า ‘พวกมัน’ คือคนที่บังอาจมาทำร้าย... ‘คนสำคัญ’

           

กลิ่นเลือดคละคลุ้งที่ลอยแตะจมูกกับน้ำตานองหน้า ทำให้ดวงตาคมกริบฉายแววอาฆาตชั่ววูบก่อนจะดับลง

           

“ไม่ได้ต้องการอะไร”

           

“...”

           

“แค่จะมาบอกว่าอย่าคิดหนี” ไอติมยิ้มมุมปากก่อนจะล้วงบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือไอพอด “เพราะพวกกูมีหลักฐาน”

           

ก่อนจะกดปุ่มเล่นมันซะให้คนทั้งห้องฟังแล้วตาเหลือก เพราะมันคือเสียงของพวกมันและนายจ้างที่ชื่อเรย์เคยตกลงกันเรื่องงานถูกบันทึกเอาไว้

           

ไอติมยิ้มชอบใจเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวธารไม่ลืมหลักฐานที่สามารถเอามาแบล็คเมล์พวกมันไว้ได้เป็นอย่างดี...คงจะต้องให้รางวัลอย่างงาม

           

เขาหย่อนมันลงกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมแล้วก็บอกอีกครั้ง “คงได้ยินกันแล้วนะ แต่กูจะให้โอกาสพวกมึงได้ไปมอบตัวด้วยตัวเอง...โดยไม่ส่งหลักฐานชิ้นนี้ไปด้วย”

           

“...”

           

“เพราะฉะนั้น...กูก็หวังว่าพวกมึงจะทำตัวกันดีๆ” มือใหญ่ละออกปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระและปัดกับกางเกงแรงๆ อย่างรังเกียจ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะพยักเพยิดให้เพื่อนสนิทเดินตามออกมาเพราะหมดธุระแล้ว และทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ให้คนทั้งกลุ่มขนลุก

   

“เข้าใจแล้วนะ”



           

“อ้า...สุดท้ายกูก็ไม่ได้ยิง” ธารคราง ฟังจากน้ำเสียงรู้ได้เลยว่าเสียดายขนาดไหน

           

เสียงทุ้มกลั้วหัวเราะ “เอาน่า มึงเก็บลูกกระสุนไว้บ้างก็ไม่เป็นไรไหมวะ”

           

“แต่มึงเป็นคนบอกให้กูยิงได้”

           

“นั่นมันกรณีที่คิดขัดขืนเว้ย” ไอติมปรายตามอง พอเห็นเพื่อนมันทำหน้าเซ็งนิดๆ ก็แอบขำไม่ได้

           

ท่าทางอารมณ์ดีของไอติมทำให้เพื่อนสนิทมองอย่างสงสัย...สงสัยเกินทนจนต้องถามออกมา

           

“ติม กูถามอะไรหน่อยได้ไหมวะ”

           

“ว่า” คนขับเคาะนิ้วชี้กับพวงมาลัยเป็นจังหวะ นี่ถ้ามันผิวปากด้วยได้มันคงทำไปแล้ว

           

“เรื่องที่มึงทำอยู่เนี่ย” ธารลากเสียง “เพราะพี่เอมเหรอวะ”

           

ไอติมได้ยินชื่อแล้วก็ชะงัก อารมณ์ดีๆ เมื่อกี้สะดุดทันที ก่อนจะหันมาขมวดคิ้วใส่คนถาม

           

“มึงจะถามอะไร”

           

“กูรู้ว่ามึงเข้าใจติม” ใบหน้าหล่อเหลาอย่างคนยุโรปถอนหายใจเฮือกใหญ่ “หรือจะให้กูอธิบายคำถาม...ได้ กูจะถามว่าที่มึงทำไปนี่เพื่อจะจับคนร้ายที่มาคิดไม่ดีกับพี่เอม...มึงทำเพื่อพี่ชะเอมใช่มั้ย หรือว่าทำเพื่อรามกันแน่”



“...ก็แน่อยู่แล้วสิวะ” ไอติมเงียบไปนานก่อนจะพึมพำเสียงเบา “ก็พวกมันมาทำร้ายพี่เอม ถ้าไม่ทำเพื่อเขาแล้วจะให้ทำเพื่อใคร”

           

จากนั้นทั้งรถก็กลับมาเงียบอีกครั้งโดยที่สายธารไม่ถามอะไรอีก ปล่อยให้ไอ้คนปากแข็งพูดไม่ตรงกับใจคิดอะไรอยู่คนเดียว...เผื่อว่ามันจะคิดอะไรออกได้บ้าง

           

แค่นี้มึงยังไม่ยอมรับเลยว่าที่มึงทำทั้งหมดนี่เพื่อใคร

           

สุดท้ายแล้ว...มึงจะพูดแบบนี้ได้ไปถึงเมื่อไหร่กันวะ ไอ้ห่าติม




********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 22-07-2019 21:46:11




ทดแทนรัก

ตอนที่ 27



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ร่างสูงไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ยกรีโมทยิงเปลี่ยนช่อง รู้สึกว่าอะไรก็ราบรื่นไปหมดเพราะดูเหมือนไอ้พวกนั้นที่เขาขู่เอาไว้มันจะไปมอบตัวแล้ว ธารเป็นคนโทรมาแจ้งข่าว และในระหว่างจดจ้องดูข่าวที่กำลังฉายอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ ร่างโปร่งกะเผลกออกจากห้องนอนบอกด้วยใบหน้าซีดเซียว



“ติม” เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบาตะกุกตะกัก “เมื่อกี้ดินโทรมาบอกว่าคินถูกยิง อาการบาดเจ็บสาหัสอยู่โรงพยาบาล...ติมพาพี่ไปหน่อยสิ”



แล้วจากนั้นทั้งสองคนมาถึงโรงพยาบาลในเวลาไม่นาน ไม่ใช่ว่าไอติมเป็นห่วงคนที่ชื่อคินแต่อย่างใด เขาเป็นห่วงพี่ชะเอมต่างหากว่าจะเป็นอย่างไร ปลอดภัยดีรึเปล่า



“พวกมึง” ร่างโปร่งที่เดินทุลักทุเลเข้ามาในห้องที่ชะเอมกำลังนอนพักฟื้นอยู่ด้วยใบหน้าซีดเซียวไม่ต่างกัน แน่ล่ะ เป็นใครฟังก็ต้องตกใจอยู่แล้วล่ะ “เป็นไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น”



พระรามถามอย่างไม่รู้เรื่อง ตัวเขาเองก็เป็นแบบนี้ เขาถึงได้อยู่แต่ในห้องมีไอติมเฝ้าอยู่ทั้งวันจะให้ออกไปไหนตามใจก็ไม่ได้ แต่ก็เพราะเป็นแบบนั้นแหละอาการของเขาถึงได้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว



ไอติมเดินเข้าไปใกล้เตียงที่ชะเอมนอนอยู่ ดวงตาคมกริบจดจ้องผ้าก๊อซสีขาวที่แปะอยู่ตรงศีรษะเล็กและเสื้อของผู้ป่วยสีอ่อนที่เปรอะเปื้อนเลือด คงจะเป็นเลือดของตัวเองผสมกับเลือดของคนๆ นั้นที่เป็นคนสำคัญต่อร่างบาง นิ้วยาวยกขึ้นเกลี่ยผมหน้าม้าที่ปรกใบหน้าออกและไล้ขอบตาแดง แม้ในตอนหลับใบหน้าหวานก็ยังมีคราบน้ำตาติดอยู่...น่าสงสาร



ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของพระราม ตอนนี้ร่างสูงช่างอบอุ่นอ่อนโยน...ไม่เหมือนไอติมที่เขารู้จัก ดวงตาเรียวหลุบต่ำกดความน้อยใจลงไป



ไม่มีใครตอบคำถามของเขา ทั้งห้องเงียบงันมีแต่ความเสียขวัญ ก่อนที่พระรามจะหันมาถามไถ่เพื่อนอย่างเป็นห่วงแทน “เอมเป็นอะไร”



“ถูกตีหัวแล้วก็เสียเลือดมาก แค่เป็นลมหมดสติไป แต่จนผ่าตัดไอ้คินเสร็จแล้วยังไม่ฟื้นเลย”



“แล้วคินล่ะ...คินเป็นยังไง ปลอดภัยรึเปล่า”



“ปลอดภัย...แต่...” ดินหลบตา ปากสั่นระริก พระรามที่ไม่ได้คำตอบก็หันไปมองสินแทนอย่างไม่เข้าใจ เพื่อนๆ คนอื่นต่างก็มีสีหน้าลำบากใจ



เขาถึงได้รู้สึกว่ามันแปลกๆ ดวงตาเบิกกว้าง หน้าซีดเซียวกว่าเดิมและหัวใจเต้นรัว นี่มันอะไรกัน...หมายความว่ายังไง?



ปกติพูดว่าปลอดภัยแล้วก็ต้องโล่งอก สีหน้าดีใจไม่ใช่หรือ



พระรามไม่อยากจะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าหาก...ถ้าหากว่าคินเป็นอะไรไป ชะเอมจะโทษตัวเองมากแค่ไหน



อย่างน้อยแต่ละคนก็คงรู้สึกดีที่ร่างบางคนนี้ยังไม่ฟื้น เขาก็ภาวนาเช่นนั้น...ขอให้อยู่ในความฝันไปก่อน อย่าเพิ่งตื่นขึ้นมารับรู้ความเป็นจริงอันโหดร้าย



แต่แล้วคำขอมันก็ไม่เป็นจริง



“อือ...” เสียงใสแหบเล็กน้อยครางอือรู้สึกตัว ทำให้ทุกคนในห้องขยับตัวอย่างตกใจ เป็นดินและสินที่ตั้งสติได้เดินเข้าไปหาเป็นคนแรก



"เอม ฟื้นแล้วเหรอ"



ชะเอมถูกพยุงลุกขึ้นนั่งจับศีรษะกระพริบตาอย่างมึนงง แต่พอดวงตากลมโตมองไปที่เสื้อของตนก็เบิกตากว้างถามเสียงดัง "คิน! คินเป็นไงบ้าง!?" และน้ำตาก็ไหลรินอีกครั้งผ่านขอบตาแดงคล้ายว่าจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะหมดสติไปได้ทั้งหมดแล้ว



"เอม นายเป็นลมเพราะขาดเลือดนะ อย่าลุกขึ้นกะทันหันแบบนั้นสิ" สินเตือนสติชะเอมที่เขย่าตัวดินอย่างแรง ใบหน้าหวานส่ายระรัวร้องไห้อย่างคนไร้สติ



"คิน...คินล่ะ ฮือออ คินเป็นไงบ้าง ดินบอกเราสิ! ...คินเป็นยังไงบ้าง!" แต่ถามออกมาก็ไม่มีใครอยากจะให้คำตอบ เสียงใสตะโกนกร้าวอีกครั้ง "ทำไมถึงไม่พูดเล่า!?"



พระรามมองท่าทางนั้นของชะเอมด้วยใจที่หวาดหวั่น ปกติชะเอมไม่เป็นแบบนี้ แต่ละคนเข้าใจว่าร่างบางกำลังร้อนรนเพราะว่าคนรักได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกยิงเข้าที่แผ่นหลังดังนั้นจึงต้องอยากรู้อยู่แล้วว่าคินเป็นยังไงบ้าง



"เอม...คือ..." ดินทำหน้าลำบากใจเหมือนตอนที่ตอบเขา แต่คงจะมากกว่าเป็นสิบเท่าล้านเท่า



"เอม คินปลอดภัยแล้ว" ทุกคนในห้องหันขวับ กฤษณะหมอประจำตัวของชะเอมเดินเข้ามา ซ้ำยังเป็นคนรู้จักกับครอบครัวของชะเอมมานานแล้ว แพทย์วัยสี่สิบกว่าแต่ใบหน้ายังสามสิบทำหน้าลำบากใจไม่แพ้กัน



"จริงเหรอครับอาหมอ" ชะเอมมีสีหน้าดีขึ้นทันใด ดวงตากลมโตประกายยินดี แต่ก็หม่นลงอย่างรวดเร็วเพราะสีหน้าของเพื่อนในห้อง กฤษณะเดินเข้ามาใกล้และกอดร่างเล็กแนบอก



"คินปลอดภัยแล้วจริงๆ แต่...เอมฟังอาดีๆ ...ทำใจดีๆ ไว้นะ"



"อาหมอ...อาหมอพูดเรื่องอะไรน่ะครับ" คำพูดนั้นทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างแล้วน้ำตาก็ไหลริน เสียงใสถามสั่นเครือ ส่ายหน้าไปมาช้าๆ อย่างคนไม่เข้าใจ...ไม่อยากเข้าใจ



กฤษณะจับไหล่บางและสบตา พูดอย่างจริงจัง



"เอม คินปลอดภัยแล้วก็จริง แต่..." นายแพทย์สูดลมหายใจเข้าลึกที่ดูจะยากลำบากกว่าทุกครั้ง "กระสุนที่ยิงเข้าแผ่นหลังนั้น ไปโดนเส้นประสาทที่เกี่ยวกับการควบคุมขาทั้งสองข้างจนเสียหาย"



"ไม่...จริง..."



"ตั้งแต่สะโพกลงไป คินอาจจะไม่มีความรู้สึก...และไม่สามารถกลับมาเดินได้อีก"



ชะเอมเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง น้ำตาไหลลงอีกครั้ง มือบางยกขึ้นกุมหัวและกรีดร้องคล้ายสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บหนัก



"อ๊า...ไม่จริง...ไม่!!" รามน้ำตาไหลหลุดสะอื้นกับความเป็นจริงที่ได้รับรู้ไปพร้อมกัน แต่ชะเอมคงจะเจ็บปวดมากกว่าเขาหลายล้านเท่านัก หรืออาจจะเจ็บปวดจนบรรยายไม่ได้เลยทีเดียว



"อาหมอโกหก!"



"เอม...เอมใจเย็นๆ" กฤษณะบอกอย่างใจเย็น ไม่ได้โกรธสักนิดกับกำปั้นที่รัวทุบร่างกายตน นายแพทย์คงจะเป็นห่วงร่างบางมากกว่า กลัวว่าจะเป็นอะไรไปอีกคน เพราะว่าชะเอมก็เป็นโรคหัวใจ ถ้าหากเครียดหนักแบบนี้อาการอาจจะกำเริบขึ้นมาได้ตลอด ไม่มีใครรู้



"ไม่จริง...ไม่จริง!! อาหมอโกหก! โกหก!!" ชะเอมยังคงตะโกนไปร้องไห้ไปเหมือนคนใจจะขาด ร้องเรียกชื่อของคนที่รักจนพระรามทนมองไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว "ฮือ คิน...คิน...!"



ร่างโปร่งได้แต่หลับตาและปล่อยให้น้ำตาไหลไป...ฟังเสียงร่ำไห้คร่ำครวญของคนเพียงหนึ่งเดียวเจือเสียงสะอึกสะอื้นของเพื่อนๆ ไปพร้อมกัน

   

   



หลังจากเยี่ยมคินที่ยังไม่ฟื้นแค่เพียงครู่เดียว ไอติมก็บอกว่าจะกลับ...ทำให้เขาต้องออกมาด้วย ร่างสูงเป็นแบบนี้อีกแล้ว...นิ่งเงียบ  เย็นชา เขารู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร



เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ อีกฝ่ายคงจะตระหนักได้แล้วว่าชะเอมรักเพียงแค่คินคนเดียว แม้ติมจะคอยเป็นห่วงร่างบางมากแค่ไหน ชะเอมก็ไม่มีวันรับรู้ความหวังดี และถึงแม้จะรู้ก็ไม่สามารถปันใจมาให้แม้แต่เสี้ยวเดียว



นี่มันไม่ต่างจากรักสี่เส้า ชะเอมกับคินรักกัน ไอติมรักชะเอม เขารักติม...วังวนที่ไม่มีวันบรรจบ



ทั้งติมและราม ไม่มีวันสมหวัง



...แต่มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ไม่มีใครรัก...



“ติม เป็นอะไรรึเปล่า” ร่างโปร่งเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา จับไหล่กว้างที่อีกฝ่ายสะบัดออกอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังตวัดมองด้วยสายตาขุ่นๆ อีกด้วย



“กูไม่ได้เป็นอะไร”



พระรามขมวดคิ้ว แบบนั้นน่ะนะ? “โกหก”



“จะเป็นอะไรมึงก็ไม่ต้องมาเสือกหรอกน่า!!”



เสียงตะคอกรุนแรงนั้นทำให้คนฟังหน้าหม่น...เป็นพี่ไม่ได้เหรอ



พี่ยังอยู่ตรงนี้...อยู่ข้างๆ นายนะติม



“เป็นพี่ไม่ได้เหรอ” ความปรารถนาที่อยู่ในใจ มันเรียกร้องดังก้องจนต้องพูดออกมา “เป็นพี่ไม่ได้เหรอที่นายจะหันมามองกันบ้าง”



“อยู่ๆ มึงพูดอะไร” เสียงทุ้มเย็นเยียบ เขารู้ดีว่าไอติมไม่ได้ไม่เข้าใจ “คิดจะเรียกร้องอะไร”



“พี่เปล่า...” เสียงทุ้มใสพูดแผ่วเบา เขาแค่รักอีกฝ่ายแต่กลับถูกมองว่าเรียกร้องงั้นหรือ “ติม นายเลิกคิดถึงเอมซักทีเถอะ ยังไงเขาก็ไม่ชอบนายหรอก”



“บอกว่าไม่ต้องเสือกไง ไม่ใช่เรื่องของมึง”



พระรามเม้มปากแน่น เมื่อถูกกีดกันอีกครั้ง



“มาบอกว่าให้กูเลิกชอบพี่เอม มึงล่ะเลิกชอบกูได้รึเปล่า ถ้าไม่ได้ก็อย่ามาสะเออะบอกคนอื่น...เพราะยังไงกูก็ไม่ชอบมึง”



ร่างสูงลุกขึ้นและเดินผ่านไปทำให้พระรามเดินตามด้วยความทุลักทุเลเพราะไม้ค้ำยันที่ใช้ไม่ค่อยถนัด จับแขนแกร่งของอีกฝ่ายให้หันมาก่อนที่ทำท่าจะเดินออกจากห้องไป



“แต่พี่สามารถรักนายได้มากกว่าใคร!”



“แต่ถ้ากูไม่อยากได้ ความรักของมึงมันก็ไม่มีค่า!!” ไอติมตะคอกเสียงดังจนคนฟังสะดุ้งตกใจ เบิกตากว้างมองใบหน้าหล่อเหลาเกรี้ยวกราด ใจดวงน้อยกระตุกบีบรัดกับสิ่งที่ออกมาจากปาก คำพูดนี้แรงเกินไป น้ำตาที่คลอหน่วยไหลลงอาบใบหน้า “อย่ามายัดเยียดความรู้สึกของมึงให้กู เพราะมันจะทำให้มึงยิ่งน่าสมเพช”



มือเรียวที่กอบกุมต้นแขนแกร่งค่อยๆ ปล่อยตกลงข้างตัว เสียงทุ้มใสเอ่ยสั่นเครือสะอึกสะอื้น “ติม ฮึก นายพูดแรงเกินไปแล้ว...”



“...”



“พี่ก็แค่รักนาย...อยากให้นาย...” พระรามเงียบไป รู้อยู่แล้วว่าความรักมันมาพร้อมกับความโลภ...สุดท้ายสิ่งที่เขาเคยบอกตัวเองว่าแค่อยู่ข้างกายร่างสูงเท่านี้ก็เพียงพอ...มันไม่จริงเลย



เขาอยากได้มากกว่านั้น



อยากได้ความรัก...ความเป็นห่วง...ความอ่อนโยน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ชะเอมได้จากอีกฝ่ายโดยไม่ต้องร้องขอ แต่กับเขาที่เรียกร้องอย่างน่าสมเพชกลับถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า



“นายไม่เคยคิดอะไรกับพี่จริงเหรอ ติม”



อยู่ด้วยกันมาตลอด...ร่างกายก็มีความสัมพันธ์ที่เกินคนรักไปแล้ว



แต่กับหัวใจ รู้สึกไม่ต่างอะไรกับคนนอก...เขาเป็นเพียงแค่นั้นหรือ



“แล้วที่นาย อึก ที่นายดูแลพี่...” ตลอดเวลาที่เขาไม่สบาย...ตลอดเวลาที่เขาใช้เท้าไม่ได้ เดินไม่ได้แบบนี้ ทำไมติมถึงอยู่ด้วยกัน...ดูแลกัน



“ก็แค่รู้สึกผิด”



“ติม...โกหก...” ร่างโปร่งส่ายหน้าทั้งน้ำตา ยิ่งรู้สึกรับไม่ได้กับคำตอบแบบนี้...เขาไม่ได้อยากฟังคำตอบแบบนี้ “พี่ไม่เชื่อ...”



หัวใจมันบีบรัดแทบหายใจไม่ออก



แม้น้ำตาจะไหลมากเท่าไหร่...ก็ไม่อาจอธิบายความรู้สึกเจ็บนี้ได้เลย



“ถ้ามึงเข้าใจผิดว่ากูรู้สึกดีด้วย...กูก็จะไม่ทำอีก” เสียงทุ้มบอกย้ำอีกครั้ง ปรายตามองและพูดเป็นครั้งสุดท้าย “เพราะกูไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่านั้น”



“ติม อย่าเพิ่งไป!” พระรามเอ่ยห้าม ร่างโปร่งปล่อยไม้ค้ำยันจนหล่นกระแทกพื้นเสียงดังเดินกะเผลกเข้าไปเกาะเสื้อที่แผ่นหลังกว้าง



ขอร้องล่ะ ครั้งสุดท้าย...แค่เรื่องนี้ที่เขาอยากได้คำตอบของความรู้สึกที่ติดใจมาตลอด



“ละ แล้ว ที่ เรื่องของนิล...ฮึก ทะ ทำไมตอนนั้น...ถึงกอดพี่”



ถ้าแค่คำว่าเป็นห่วงกัน...เป็นห่วงเขาบ้าง แค่นี้...



“นั่นกูก็แค่รู้สึกผิด”



“...”



“ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงทั้งนั้น” ติมพูดเสียงเรียบ ไม่แม้แต่จะหันมามอง “พอใจรึยัง ปล่อยกูได้แล้ว”



ร่างสูงเดินออกไป เสียงประตูที่ปิดลง...พระรามมองภาพแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และความเจ็บปวดมันก็เพิ่มทวีมากขึ้นทุกที...ทุกที



ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่าที่เขาจะต้องเจ็บแบบนี้



อา...เจ็บ...เจ็บจัง



มือขาวยกขึ้นกอบกุมแผ่นอก ก้อนเนื้อข้างในมันบีบตัวแน่นทรมาน นิ้วเรียวทั้งจิก ทั้งข่วน แต่มันก็ไม่ทุเลาลงเลย



“เมี้ยว...”



เสียงร้องของสัตว์ตัวเล็กไม่เข้าประสาทรับรู้ของร่างโปร่งแม้แต่นิด รามทรุดนั่งพื้นตรงนั้นคู้ตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลหยดลงพื้นเปียกนอง



“ฮือ...ฮือ...” เสียงร้องไห้คร่ำครวญแผ่วเบา ในเวลาที่เขาเสียใจไม่เคยมีใครเลยที่ได้ยิน



พระรามทนไม่ไหวแล้ว ข้างในมันบีบรัดทรมานมาก ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือไม่...แต่นี่ไม่ใช่แค่อาการทางจิตใจ อาการทางกายก็เริ่มแสดงออกมาให้เห็น



เจ็บ...เจ็บ!

   “แฮ่ก...!” แต่เจ้าตัวยังคิดว่ามันไม่ใช่ เขาไม่ได้ป่วยเป็นโรคหัวใจเหมือนชะเอม ก็แค่เสียใจมากเท่านั้น พระรามถอดเสื้อออกเพราะความร้อนรุ่มเหมือนไฟแผดเผา ถ้าหากว่าเจ็บที่หัวใจมากล่ะก็ต้องทำให้ตรงอื่นเจ็บมากกว่า มือทึ้งแผลต้นแขนที่กำลังจะหายสนิทจนมันเลือดออกอีกครั้ง กลิ่นคาวของน้ำสีชาดคละคลุ้งจนอุริวิ่งหนีหลบไปที่อื่น



แต่เจ็บแค่นี้มันยังไม่พอ



“แฮ่ก...เฮือก...” ร่างโปร่งอ้าปากหอบหายใจติดขัดเหมือนคนขาดอากาศ ดวงตาเรียวเหลือกกว้างน้ำตาไหลเพราะทรมานกายและใจ นิ้วเรียวจิกทึ้งแผลไม่หยุดแหวกตรงปากที่ปิดสนิทให้มันเปิดกว้าง...ให้เลือดมันไหลออกมาให้เยอะ...ให้มันเจ็บมากกว่าที่ใจ



อยากให้หัวใจไม่รู้สึกอะไร เขาจะได้ไม่ต้องทรมานแบบนี้



ในที่สุดลมหายใจก็ค่อยๆ แผ่วเบาลง ร่างทั้งร่างหยุดนิ่ง แขนตกลงกระทบพื้นพร้อมกับเลือดที่เปรอะเปื้อน



พระรามหมดสติอย่างสิ้นเชิง

   



********************* Love Substitute *********************

   





ผู้ชายหล่อเหลาสองคนกำลังนั่งอยู่ในมุมมืดท่ามกลางร้านผับบาร์ร้านเดิม แสงสีเสียงไม่ได้ทำให้ร่างสูงคนหนึ่งหยุดซดเหล้าอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อนสนิทข้างกายก็กระดกแก้วเหล้าพลางเหล่มองอย่างเป็นห่วง



ห่าติมมันเป็นอะไรอีกแล้ววะ...ทำไมไม่เคยพูดอะไรให้กูฟังซักคำ เรียกมาเป็นเพื่อนนั่งแดกเหล้าตลอด



“ติม มึงเป็นอะไร” ในที่สุดสายธารก็พูดออกมาอย่างทนไม่ไหว แม้ก้นผู้หญิงมันจะน่าดูแต่อยู่กับคนบรรยากาศทะมึนแบบนี้อึดอัดเป็นบ้าเลย “ระบายให้กูฟังบ้างก็ได้นะเว้ย เก็บไว้เดี๋ยวอกแตกตาย”



ใบหน้าหล่อเหลาแบบยุโรปตบอกดังปั้ก ตบเองก็จุกเอง ทำขนาดนี้ไอติมมันยังเมินไม่สนใจ ซ้ำยังยกมือเรียกพนักงานให้เอาเหล้ามาเพิ่มอีก



ให้ตายสิเว้ย



“พี่ชะเอมหรือรามล่ะคราวนี้” เขาเดา มีแค่สองคนนี้แหละที่ดูมันจะวุ่นวายใจเหลือเกิน



ได้ผลครับ มันตวัดตาดุมาเชียว “มึงอย่าพูดชื่อนั้นออกมา กูไม่อยากได้ยิน”



เขาขมวดคิ้วฉับ มันหมายถึงใคร?



พี่ชะเอมก็คนในใจ ส่วนรามก็เป็นคนข้างกาย...บอกตามตรง ตอนนี้แม้แต่สายธารที่เป็นเพื่อนสนิทก็ไม่รู้แล้วว่าตกลงไอติมมันจะเอายังไงกันแน่ จะโลเล ปากแข็ง หรือทิฐิมากก็เอามันสักอย่างดิ



“มึงหมายถึงใคร” เขาถามเพราะขี้เกียจเดา เดาก็ด่า ถามก็ด่า ช่วงนี้ไอ้ห่านี่มันเหมือนผู้หญิงที่อยู่ในช่วงเวลานั้นของเดือน อารมณ์แปรปรวนเสียเหลือเกิน



นั่น ไม่ทันขาดคำมันตวัดสายตาใส่เหมือนผู้หญิงอีกแล้ว ถ้าไม่ติดที่ใบหน้าหล่อเหลากับท่าทางเถื่อนๆ นี่ล่ะก็เขาจะคิดว่ามันไม่ใช่ผู้ชาย



“...” แต่แล้วมันก็แค่มอง วางแก้วกระแทกโต๊ะดัง สายตาเหม่อลอย



“ติม!” เสียงเล็กๆ แทรกผ่านเสียงเพลงดังกระหึ่มทำให้ธารที่กำลังกระดกแก้วสำลักน้ำเมาพรวด มองตาโตเมื่อเห็นร่างเล็กถลาเข้ามากอดแขนเพื่อนทำเสียงออดอ้อน



“ติม...ติมอย่าโกรธนิลเลยนะ นิลมาขอโทษเรื่องวันนั้น...” ร่างเล็กช้อนตามองออดอ้อนพูดเสียงกระเง้ากระงอด “นิลคิดถึงติมมากเลย” ไม่ลืมท่าไม้ตายยกมือลูบอกแกร่งไล้ลงมาหน้าท้อง



สายธารกลืนน้ำลายมองตาเหลือก ก่อนจะเขยิบถอยหนีไปอีกฟากของโซฟา เขาไม่รู้แล้วนะว่าอะไรจะเกิดขึ้น



นิลนี่ก็เหลือทน ขนาดให้ผู้ชายรุมโทรมตั้งห้าคน ยังไม่เข็ดอีก...สงสัยมันคงจะชอบแทนที่จะกลัว



เวรแล้ว



ตึง!



“มึงมาทำอะไร”



“ตะ ติม” นิลสะดุ้งตัวสั่นระริก สบตาคมกริบอันแสนน่ากลัวแล้วหวาดหวั่น แต่มือยังโอบไม่ปล่อยจากต้นแขนแกร่ง เอ่ยอย่าใจสู้ “ติม ติมยังโกรธนิลอยู่เหรอ วันนั้นนิลขอโทษที่ไปที่ห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต”



“...”



“หรือว่า...หรือว่าไอ้หน้าจืดคนนั้นมันฟ้องอะไรติม นิลอธิบายได้นะ”



ต่อด้านล่าง



หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 22-07-2019 21:46:33



ต่อจากด้านบน



ดวงตาคมกริบปรายมองก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง “อธิบายมาสิ”



ท่าทางของติมทำให้ร่างเล็กยิ้มกว้าง เริ่มใจชื้นขึ้นมาเมื่อได้โอกาสทำแต้มตีตื้น “วันนั้นนิลแค่ขอเข้าห้อง แต่ไอ้หน้าจืด...พี่คนนั้นเขาไม่ให้นิลเข้า แถมยังต่อยหน้านิลด้วย” นิลอธิบายโดยเปลี่ยนคำเรียกเพื่อความปลอดภัย แถมยังคิดว่าน่าจะได้ความเห็นใจเพิ่มมาอีกโข



“ติมดูหน้านิลสิ ยังเป็นรอยไม่หายเลย พี่คนนั้นต่อยนิลไม่ยั้งแรงเลย”



“แล้วมึงทำอะไรราม”



“นะ นิลแค่ผลักเขานิดหน่อย”



“แล้วรอยบีบที่คอล่ะ” คราวนี้เสียงทุ้มเหี้ยม เพียงสบตานิลก็ตัวสั่นงันงก “มึงบีบคอรามใช่มั้ย”



“นั่นนิลแค่ป้องกันตัว พี่เขาจะทำร้ายนิล” ร่างเล็กอธิบายแต่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอเพราะร่างสูงจ้องเขม็งทำให้นิลว่าต่อ “นิลก็แค่เอาคืนแค่นั้นเอง! ติมอย่าไปเชื่อคนโกหก...พี่คนนั้นร้ายกว่าที่ติมคิดนะ!”



ร่างสูงนั่งนิ่ง ฟังความของนิลแล้วแกว่งแก้วเหล้าในมือไปมา ดวงตาคมกริบจับจ้องแก้วน้ำแข็งที่ลอยวนค่อยๆ ละลาย



‘พะ พี่...คิดว่านิลโมโหที่เห็นพี่อยู่ในห้องของนาย เขาจับตรงแผลพี่ พี่ก็เลยโมโห...เลยต่อยเขากลับ’ เสียงทุ้มใสดังขึ้นในความทรงจำ เล่าทั้งๆ ที่เสียงสั่น ตัวสั่น ‘จากนั้นนิลก็ตามเข้ามาในห้องนอน แล้วก็ทับเท้า บะ บีบคอ...’



“ติม? จะทำอะไร!? ยะ อ่อก...อ่อก!” นิลตกใจแทบสิ้นสติเมื่อถูกมือใหญ่จับหมับเข้าที่ลำคอเพียงมือข้างเดียวและถูกกระแทกให้นอนราบที่โซฟา ร่างเล็กดิ้นพล่านตาเหลือกพยายามแงะสิ่งที่ทำให้เขาขาดอากาศหายใจออกไป แต่แรงที่โถมใส่ลงมาทั้งหมดทำให้นิลกำลังจะตายเพราะไม่มีลมเข้าปอด



‘ตอนนั้น...พี่นึกถึงนายด้วย’



“มึงทำแบบนี้ใช่มั้ย”



กึด...



“อ่อกกก” ร่างเล็กตาเหลือกขาว น้ำลายไหลย้อยและลิ้นจุกปาก



“กูจะทำแบบที่มึงเคยทำ!”



“เฮ้ยเชี่ยติม นี่มันเกินไปแล้วเว้ย” แล้วธารที่นั่งอยู่ก็เริ่มทนดูไม่ไหว ลุกขึ้นมาดึงไหล่เพื่อนอย่างแรงเตือนสติ “ปล่อยสิวะ เดี๋ยวมันก็ตายหรอก!”



“เฮือกกก...แค่กๆๆๆ!!” ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดทันทีที่ได้รับอิสระ ไอค่อกแค่กน้ำหูน้ำตาไหลผิดรูปลักษณ์อันน่ารัก สายตาที่เคยมองไอติมเปลี่ยนไปกลายเป็นหวาดกลัวก่อนที่นิลจะวิ่งหนีหายไป



“แฮ่ก...แฮ่ก...”



ร่างสูงหายใจแรงดังฟืดฟาด หัวสมองขาวโพลน ไม่รู้ตัวเลยว่าเมื่อกี้กำลังจะทำอะไร รู้แค่ว่าเสียงร่ำไห้ของร่างโปร่งมันดังก้องอยู่ในหัว



นี่เขาเป็นอะไร



‘พี่ก็แค่รักนาย’



ไอติมไม่ได้รักพระรามสักหน่อย



‘ติม อย่าเพิ่งไป!’



ทำไมถึงต้องนึกถึงด้วย



‘ทำไมตอนนั้น...ถึงกอดพี่’



มึงอย่ามาวุ่นวายในหัวกูนักได้มั้ยวะ!



“ไอ้เวรเอ๊ย!!”



เพล้ง!



ธารมองดูเพื่อนตัวสูงที่ขว้างแก้วเหล้าลงพื้นอย่างแรงราวกับจะระบายอารมณ์อะไรสักอย่าง ก่อนที่ร่างสูงจะทิ้งตัวลงบนโซฟาหมดสภาพ



“คนที่กูชอบน่ะ...”



‘ฮือ คิน...คิน...!’



เสียงร้องไห้คร่ำครวญ...เป็นเสียงใสของชะเอม



ร่างบางคนนั้นกำลังร้องไห้เพื่อคนที่รัก...ที่ไม่ใช่เขา



“คือพี่ชะเอมต่างหาก”



ใช่ ที่เขามากินเหล้าย้อมใจและเมาเละเทะอยู่นี่ก็เพราะว่าชอบพี่เอม และติมก็รู้ดีว่ารุ่นพี่ที่น่ารักคนนั้นไม่มีวันชอบเขา เหมือนกับที่เขาไม่มีวันชอบราม



เสียงยานคางพึมพำอะไรไม่รู้ของไอติมทำให้ธารถอนหายใจ



ไอติมเมาแล้ว...เมาหนักด้วย



“อะไรของมึงวะไอ้ติม หมดหล่อเลยเพื่อนกู” เขาทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม ยกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟมาเปลี่ยนแก้วใหม่ให้ไอติมและสั่งมาเพิ่มอีกหลายขวด “เมาอย่างกับหมา”



แม้จะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็ยอมให้มันเมาหนึ่งวัน เพื่อที่จะระบายทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดอั้นออกมา



ปล่อยความรู้สึกนี้ไป แล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มต้นใหม่

   

   

********************* Love Substitute *********************

   

   

   พระรามรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที...ก็ผ่านมาได้แล้ววันกว่าๆ

   ร่างโปร่งขยับยันตัวลุกขึ้นจากพื้น มองไปรอบๆ มึนงง นี่เขา...หมดสติไปเหรอ ขยับมากเข้าก็สะดุ้งเพราะแผลที่แขน เลือดที่ไหลแห้งเกรอะกรังไปแล้ว แต่ความเจ็บแสบแทรกเข้ามาแทน สภาพแบบนี้ถ้าพี่อิฐเห็นเข้าล่ะก็จะต้องโดนดุอีกแน่ เพราะฉะนั้นเขาจะทำแค่พันแผลเอาไว้ก็พอแล้ว...แม้มันจะทุลักทุเลและทุเรศมากก็ตาม

   

อาการเมื่อวานของเขาดีขึ้นมาก สิ่งที่เจ็บทรมานในอกมันหายไปแล้วเหมือนหลับเพียงตื่นเดียวอาการทั้งหมดก็หายวับไป รวมถึงความรู้สึกก็ลืมไปหมด



“ลืมเหรอ...” เสียงทุ้มใสพึมพำ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มอ่อนแสงลง



ถ้าหากคนเรารีความทรงจำใหม่ในทุกๆ เช้าหรือลืมความรู้สึกทุกข์ในวันก่อนได้...มันก็คงจะดีนะ



พระรามอาบน้ำโดยไม่ให้โดนแผลที่แขน ก่อนที่จะมาทำความสะอาดพื้นที่เลอะเทอะเพราะกลัวว่าเจ้าของห้องจะกลับมาเห็น จากนั้นเลยได้โอกาสทำความสะอาดให้รอบห้อง ปัดกวาด เช็ดถู ล้างห้องน้ำ ทำโน่นทำนี่ ที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะไม่อยากจะมานั่งเฉยๆ ให้ความคิดมันฟุ้งซ่าน...ขยับกายไปมาทั่วห้องหลายรอบทั้งๆ ที่ข้อเท้าก็ยังไม่หายดี



เขาทำเสร็จหมดทุกอย่างจนห้องสะอาดเอี่ยมอ่องจนแม่บ้านเห็นแล้วต้องชม พอไม่มีอะไรทำแล้ว ร่างโปร่งก็ทรุดนั่งลงบนโซฟาในห้องเงียบเชียบ เปิดดูโทรทัศน์ เล่นกับอุริไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกเหนื่อยเพลียก็นอนหลับไปทั้งๆ อย่างนั้นโดยไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานตอนทะเลาะกัน



รามลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที เวลาก็ล่วงเลยมาถึงค่ำ รู้สึกตัวได้ว่าเปิดทีวีทิ้งไว้ก็รีบปิด ดวงตาเรียวเหลือบมองออกไปข้างนอก ท้องฟ้าก็มืดตึ๊ดตื๋อแล้ว...แต่ไอติมก็ยังไม่กลับมา...



จะว่าไปร่างสูงคงจะไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อวาน...ออกไปไหนกันนะ



โครก...



“หิว” มือยกขึ้นลูบเอวผอมแห้งของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นและถอนหายใจ



...ไม่มีอะไรเลยนอกจากกระป๋องเบียร์...



ร่างโปร่งนิ่งคิดก่อนจะตัดสินใจ มันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่พระรามต้องเดินไปเปิดอีกตู้หนึ่งและหยิบกระป๋องอาหารกึ่งสำเร็จรูปออกมามองดูมัน



ถึงจะไม่อยากกินซักเท่าไหร่แต่ตอนนี้เขาไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว จะให้ออกไปหาอะไรกินข้างนอกก็ไม่ได้ ช่วงนี้พระรามไม่ได้ทำงานพิเศษเลยก็เพราะว่าขาเป็นแบบนี้ รามก็อยากจะไปทำแต่โดนไอติมห้ามไว้...ซ้ำยังขู่หนักอีกต่างหาก



ดวงตาเรียวไหววูบอีกครั้ง



ยังไงเขาก็ไม่เข้าใจติมเลย...บางครั้งก็คิดว่าใจดี แต่สุดท้ายทำไมถึงต้องลงเอยแบบนี้ก็ไม่รู้



‘ถ้ามึงเข้าใจผิดว่ากูรู้สึกดีด้วย...กูก็จะไม่ทำอีก’



‘อย่ามายัดเยียดความรู้สึกของมึงให้กู เพราะมันจะทำให้มึงยิ่งน่าสมเพช’



“ฟืดๆ ...” พระรามสูดน้ำมูก ขยี้ตาแรงๆ เพราะน้ำตามันรื้นขึ้นมาอีกแล้วเพียงแค่นึกถึง



‘ถ้ากูไม่อยากได้ ความรักของมึงมันก็ไม่มีค่า’



แล้วที่เขาเกิดมาแบบนี้มันผิดนักหรือ...ก็แค่หน้าตาและนิสัยไม่น่ารักเหมือนเอมแค่นั้นเอง



วี้...



เสียงกาน้ำร้องเตือนเสียงดังพร้อมกับไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาทำให้คนยืนเหม่อสะดุ้ง น้ำเดือดได้ที่แล้ว ขาเรียวเดินไปหยิบกาน้ำเทลงใส่กระป๋องเส้นบะหมี่สี่เหลือง เทเครื่องปรุงลงไปจนหอมฉุย ก่อนจะนั่งกินที่หน้าโซฟาที่เดิม



“เมี้ยว” เสียงเล็กร้องเรียกความสนใจทำให้ร่างโปร่งหันขวับแย้มรอยยิ้มบาง



“อุริ...หิวเหรอ”



“เมี้ยว...”



“งั้นเดี๋ยวไปเทอาหารให้นะ” พระรามที่กำลังเป่าเส้นรีบวางถ้วยลง ผุดลุกขึ้นเดินกะเผลกโดยมีแมวตัวจ้อยเดินตามไม่ห่าง เขาไม่ได้ใช้ไม้ค้ำยันแล้วเพราะมันเกะกะแถมยังเดินไม่ค่อยถนัดด้วย ระหว่างที่เปิดถุงอาหารยกขึ้นเทอุริก็เดินมาคลอเคลียที่ขา สัมผัสนุ่มนิ่มจั๊กจี๋ทำให้ร่างโปร่งนั่งเล่นกับมัน ก่อนจะยอมปล่อยให้ได้ทานข้าวเสียที



ขาเรียวทรุดลงที่พื้นหน้าโซฟาอีกครั้ง มองดูทีวีที่กำลังฉายหนังละครชื่อดัง พระเอกกับนางเอกยุดยื้อแขนกันไปมา ก่อนที่คนตัวใหญ่จะคว้าคนตัวเล็กเข้ามาสวมกอดอย่างรักใคร่พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น ทั้งที่นางเอกยังน้ำตานอง...เขาว่ากันว่าละครไทยที่ฉายนั้น ไม่ว่าจะดราม่าเรียกน้ำตามากแค่ไหน



แต่สุดท้าย...ก็จบแฮปปี้ทุกเรื่องไป



เขาก็อยากจะให้ชีวิตของตัวเองเป็นแบบนั้นเหมือนกัน...ถึงยังดันทุรังอยู่ที่นี่ได้แม้จะโดนทำร้ายจิตใจไปมากมายซะขนาดนั้น



แล้วอีกอย่าง...พอคิดว่าออกไปแล้วต้องอยู่คนเดียว...เขากลับไม่มีความกล้า



กลัวความเหงา



กลัวโดดเดี่ยว



ซึ่งตอนนี้อันที่จริงก็รู้สึกไม่ต่างกัน...ภายในห้องกว้างใหญ่แบบนี้ ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเลยนอกจากแมว ไม่มีเสียงพูดคุยหรือเสียงหัวเราะอบอุ่น ทำให้ร่างโปร่งต้องนั่งกอดเข่าตัวเองจดจ้องโทรทัศน์ไม่ละสายตา มาม่าในถ้วยเย็นชืดเส้นบวมอืดไปหมด เลยไม่มีอารมณ์จะกิน



“ฉันรักคุณนะ”



“ผมก็...รักคุณมากเหมือนกัน”



‘พี่สามารถรักนายได้มากกว่าใคร!’



‘แต่ถ้ากูไม่อยากได้ ความรักของมึงมันก็ไม่มีค่า!! ...อย่ามายัดเยียดความรู้สึกของมึงให้กู เพราะมันจะทำให้มึงยิ่งน่าสมเพช’



พอคนทั้งสองในทีวีค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าหากันเหมือนมีแรงดึงดูด พระรามก็ยิ่งเกร็งแขนกอดเข่าแน่น ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกหนาวกายเลย...แต่กลับหนาวที่หัวใจ



แกร๊ก...



เสียงเปิดประตูทำให้พระรามหันขวับ...ในที่สุดเจ้าของห้องกลับมาแล้ว




********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 22-07-2019 21:47:23



ทดแทนรัก

ตอนที่ 28



ขอเตือนว่าตอนนี้ บีบหัวใจยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มา เตรียมรับไว้ให้ดีค่ะ

และขอให้นักอ่านทุกท่านได้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



หลังจากเมื่อวาน ไอติมก็ไม่ได้กลับมานอนที่ห้องเกือบวัน ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายออกไปไหนมา...แต่ตอนนี้ร่างสูงกลับมาแล้ว



“ติม” เสียงทุ้มใสร้องเรียก รีบผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินกะเผลกเข้าไปใกล้ มือเรียวยกขึ้นปิดจมูกนิ่วหน้าเมื่อได้กลิ่นเหล้าโชยหึ่ง “ติม...”



“...” อีกฝ่ายยืนนิ่ง ดวงตาจดจ้องที่ใบหน้ามนนิ่ง ทำให้เขาอึดอัด...ไม่รู้ว่าติมกำลังคิดอะไรอยู่



“ติม กินอะไรมาหรือยัง ให้พี่ลงไปซื้ออะไรมาให้มั้ย” พระรามตัดสินใจจะไม่ถามว่าอีกฝ่ายไปทำอะไรมา เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรำคาญ...แค่มาอยู่อาศัยโดยที่เจ้าของห้องไม่ได้รู้สึกดีด้วยแค่นี้เขาก็ลำบากใจมากแล้ว



ถึงจะโดนว่าหรือทำร้ายใจมากเท่าไหร่แต่พระรามยังคงเป็นห่วง เมื่อไอติมยืนนิ่ง ไม่ตอบรับอะไร ขาเรียวก็กะเผลกเข้าไปใกล้อีกนิดอังหลังมือข้างแก้มและลำคอของคนที่ยังคงมองมาเหม่อลอย “นายเมาเหรอ”



ก่อนที่ดวงตาคมกริบจะโฟกัสเห็นใบหน้ามนชัดเจนและสีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่ได้ทันตั้งตัว



หมับ!



“ติม? ติม! เป็นอะไร...จะไปไหน”



พลั่ก!



“โอ๊ย!” แม้จะถูกโยนตัวปลิวลงกลางเตียงนุ่มแต่เขาก็ยังเจ็บแขนและเท้าอยู่ แต่ไม่ทันจะได้ร้องโอดโอยก็ต้องตั้งสติเมื่อร่างแกร่งคืบคลานเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยนแปลง...มันน่ากลัวกว่าใบหน้าโกรธขึงหรือถูกตะคอกแรงๆ อีก



“ติม” ใบหน้ามนซีดเผือด ร่างผอมโปร่งถดตัวหนีมองซ้ายมองขวาหาทางไป “จะทำอะไร...ไม่เอานะ...นายเมาแล้ว”



อีกฝ่ายในตอนนี้ดูน่ากลัวเหลือเกิน น่ากลัวจนตัวเขาสั่นไปหมด



“อย่าดิ้น...วันนี้กูไม่ทำแรง” เสียงทุ้มพูดพลางหายใจหอบกลิ่นเหล้าชวนมึนเมาออกมา มือใหญ่จับข้อเท้าผอมข้างที่ไม่มีผ้าพันแผล ก่อนจะลากให้ลงมานอนหงายที่เดิม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหว ถึงจะได้ยินแบบนั้นร่างกายก็ยังขัดขืนเล็กน้อยยามที่ไอติมถกเสื้อและกางเกงออกจากตัวจนร่างทั้งร่างเปลือยเปล่า



“ไม่...”



“เร็ว อย่าให้กูโมโห...” คราวนี้อีกฝ่ายยืดตัวถอดเสื้อผ้าออกบ้างจนกายแกร่งเปลือย เผยตัวตนอันใหญ่ที่กำลังพองตัวหนัก ดวงตาคมกริบกวาดมองกายขาวทั่ว ก่อนที่เสียงทุ้มสั่งเข้มเจือเสียงหายใจแรงดังฟืดฟาด “แหกขา”



พระรามสะอื้นไม่มีเสียงก่อนจะทำตามคำสั่ง ขาเรียวสองข้างอ้ากว้างเป็นรูปตัวเอ็ม ให้ร่างสูงคืบคลานเข้าแทรกกลาง ก่อนที่ความร้อนระอุของสิ่งนั้นจะดุนดันที่ช่องทางด้านหลังให้เจ้าของหลับตาปี๋



เขากลัว...กลัวมาก



เป็นเพราะเขาไม่ยอมหนีไป...ถึงต้องเจออะไรแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...แต่พอหนีไปก็โดนลากให้กลับมา



ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายบอกเต็มปากว่าไม่รู้สึกอะไรกับเขา...แต่กลับทำเรื่องแบบนี้ได้ลง...ทำรักกับคนที่ไม่ได้รัก



‘ก็แค่รู้สึกผิด’



อีกฝ่ายเรียกมันว่าเซ็กส์เฟรนด์...



‘กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงทั้งนั้น’



แล้วหัวใจที่รักอีกฝ่ายหมดใจไปแล้วดวงนี้ล่ะ ใครจะรับผิดชอบ



“ฮึก” ร่างโปร่งเกร็งตัวแน่นเมื่อแก่นกายร้อนผ่าวเริ่มสอดแทรกส่วนปลายเข้ามา มือใหญ่บีบเค้นกายขาวทั่วร่างจนเป็นจ้ำๆ ก่อนจะรั้งเอวผอมที่ถดหนีให้รับตัวตนจนสุดโคน ใบหน้าหล่อเหลาหงายเชิดสูดปากเมื่อผนังนุ่มอุ่นมันบีบรัดเป็นคลื่น ตอดรับทุกสัดส่วนของแก่นกายเขา “อื๊อ”



ดวงตาคมกริบมองใบหน้ามนที่หลับตาปี๋ ฟันขาวกัดปากล่างแน่น น้ำตาเม็ดใสค่อยๆ ไหลจากหางตา ดูเจ็บปวดระคนเสียวซ่านจนคนมองต้องส่งสะโพกบดคลึงจนพระรามครางอื๊ออ๊า...ปากบางนี่ปฏิเสธมากเท่าไหร่ แต่ร่างกายและหัวใจก็ยังเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว



ไอติมเลียปากยังคงนิ่งไม่ไหวติง แช่แก่นกายทั้งแท่งไว้ในความอบอุ่น ส่งมือใหญ่ที่ร้อนผ่าวเพราะฤทธิ์เหล้าลูบผิวกายเนียนเรียบจนเจ้าตัวเกร็งรับ ผนังนุ่มตอดตุ้บเมื่อนิ้วโป้งยกบดขยี้หัวนมสองข้าง



ร่างกายนี้เหมาะกับเขามาก...บนเตียงนอน



ตอบรับได้ทุกท่วงท่า เสียงทุ้มใสครางเครือเรียกชื่อเขาหวานหูตลอดเวลา ยิ่งใกล้ถึงจุดมากเท่าไหร่ สะโพกเล็กก็สวนรับแรงกระแทกมากขึ้นเท่านั้น



“ฮึก อื๊อ ติม” ร่างแกร่งโน้มตัวลงมา ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ซอกคอขาว ริมฝีปากเม้มดูดดึงทำรอยทั่ว รอยคล้ำที่ลำคอเริ่มจางหายแทนที่ด้วยรอยจูบของเขาแทน กลิ่นเหล้าและบุหรี่ทำให้ใบหน้ามนหันหนี แต่ก็หนีไม่ได้ไกล ต้องกัดปากครางหวิวเมื่อส่วนล่างบดคลึงเข้าลึก เรียวขาจิกผ้าปูเสียวซ่าน สะดุ้งเฮือกเจ็บจี๊ดแผลตรงต้นแขนที่มันเปิดเพราะตัวเขาเอง เลือดซึมไหลออกมาอีกครั้งแต่ก็ไม่มีใครสนใจ



ไอติมพรมจูบไปทั่วพลางหยัดสะโพกส่ายบดคลึง แม้จะสุดโคนแล้วแต่ก็ยังไม่พอใจ ต้องการให้ปลายยอดไปกระทบจุดเสียวให้บีบรัดแน่นขึ้นอีก...ต้องการความร้อนที่บีบรัดทำให้รู้สึกดีมากกว่านี้...



“อือ อา” ใบหน้ามนส่ายไปมา สะอื้นเสียวกระสันเพราะด้านล่าง ร่างสูงโถมกอดลงมาทั้งตัวไซ้คอขาวไม่หยุด จากที่ร่างโปร่งพยายามหันหนีก็ทนไม่ไหว ริมฝีปากบางไซ้อีกฝ่ายกลับบ้าง แขนผอมยกขึ้นกอดไหล่กว้างแน่น ขบกัดทำรอยที่ไหล่และคอ แลบลิ้นเลียใบหูจนร่างสูงหายใจแรง ลมหายใจร้อนของไอติมเป่ารดใบหูเล็กให้ขนลุกเกรียวทั่วร่าง ก่อนที่ลิ้นร้อนจะแหย่เข้าที่รูหูจนพระรามเกร็งตอด ครางเสียงสูง ยิ่งตอดแน่นมากเท่าไหร่ ไอติมก็ยิ่งฮึกเหิม ทั้งตอกสะโพกบดคลึงทั้งแหย่ลิ้น จนอีกคนน้ำหูน้ำตาไหลเพราะความเสียว “อ๊ะอ๊า!!!” ก่อนที่จะละออกให้พระรามได้หอบหายใจเหนื่อยอ่อน ระหว่างนั้นริมฝีปากร้อนก็พรมจูบทั่วใบหน้าโดยเว้นริมฝีปากไว้...มันยิ่งทำให้อยาก...อยากได้ริมฝีปากนั้นมากขึ้นไปอีกทวีคูณ



ร่างโปร่งโดนความเร่าร้อนเข้าโจมตีจนอ่อนระทวย ยามมีเซ็กส์ไอติมจะอ่อนโยนใจดีจนเขาใจเต้นระรัวทุกครั้ง



“ติม...ฮ่า...”



ในระหว่างที่หัวสมองขาวโพลน ร่างกายร้อนผละออกไปก่อนจะจับหมับแน่นเข้าที่เอวผอม เค้นมันอย่างหื่นกระหายก่อนจะถอนกายออกเกือบหลุดและตอกเสาเข็มลงไปแรงๆ!



“อ๊า!!” เสียงทุ้มใสกรีดร้องเพราะแก่นกายยักษ์ใหญ่ทั้งร้อนผ่าวทั้งยาวมันสาวกระแทกเข้ามาโดนจุดเสียวเต็มๆ ทำให้แก่นกายขนาดพอดีตั้งโด่เด่ทันที จากนั้นร่างแกร่งก็ขยับเคลื่อนตามใจอยากจนหน้าขาแกร่งไร้ไขมันกระทบสะโพกเล็กดังปั่บๆ ระรัว ร่างโปร่งจิกทึ้งผ้าปูแทบขาด ไอติมใส่แรงจนรามหัวสั่นหัวคลอน ร่างโปร่งโดนความเสียวโจมตีจนอ้าปากร้องครางแทบไม่ทัน “อ๊ะๆๆๆ ซี้ด อ๊ะๆ บะ เบาๆ อ๊า...”



พระรามเอื้อมแขนโอบรัดแผ่นหลังกว้างจนแผ่นหลังบางลอยออกจากเตียง ทั้งปาดป่าย นิ้วจิกข่วนอย่างทนไม่ไหว ความร้อนระอุมันเสียดสีรุนแรงจนร่างกายจะระเบิด แก่นกายสีแดงสวยบวมเป่งใกล้ปริแตกทั้งๆ ที่ไม่มีใครแตะต้อง...ร่างกายโปร่งผอมเกร็งแน่น ผนังนุ่มตอดรัดเป็นสัญญาณ เขากำลังจะเสร็จเพราะถูกทำจากด้านหลัง “อ๊ะ อ๊า ติม! ...ติม!”



ยิ่งได้รับความเสียวซ่านมากเท่าไหร่ ร่างกายโปร่งยิ่งยกขึ้นขยับสะโพกรับด้วยตัวเองอย่างยั่วยวน เร่าร้อน...รัญจวนจนไอติมต้องใส่แรงเข้าไปจนสุด กระแทกจนเตียงดังลั่น เสียงเนื้อกระทบกัน เสียงครางเรียกชื่อเขา



เอี๊ยดๆๆๆ



“อ๊ะ อ๊า แตก แตกแล้ว...อ๊า!”



สองร่างเกร็งตัวกระตุกพ่นน้ำพร้อมกัน ร่างโปร่งเสียววูบในท้องจนแผ่นหลังเดาะจากเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหอบหายใจ...แต่ภายใน...แท่งเนื้อข้างในมันยังกระตุกพ่นน้ำอุ่นๆ ไม่หยุด พระรามกัดปากแน่นระงับเสียงคราง ปรือตามองใบหน้าหล่อเหลาที่หลับตาพริ้ม แต่ทว่าเสียงทุ้มที่สูดปากเรียกชื่อออกมาทำให้เขาเหมือนตกนรก



“ซี้ด เอม...พี่เอม”



...พี่เอม...ชะเอม? ...



ก้อนเนื้อในอกกระตุกวูบ ความอ่อนโยนเมื่อครู่ที่ทำให้ใจเต้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นหนามคมทิ่มแทงให้เลือดไหล



“ติม...พี่ไม่ใช่...” ดวงตาเรียวน้ำตารื้นเอ่อ ไม่ทันได้ประท้วง สะโพกแกร่งขยับทันทีที่พลิกตัวร่างโปร่งให้คว่ำลง ยกสะโพกเล็กก่อนจะโจนจ้วงจนเตียงสั่น ใบหน้ามนทิ่มลงกับหมอน ครางเสียงสูงน้ำลายไหลย้อย “อื๊อ อ๊า อ๊ะๆๆ”



ปั่บๆๆๆ



“พี่เอมครับ อา ผมรักพี่นะ” มือใหญ่ลูบก้นขาวก่อนจะแหวกออกสอดแทรกแรงๆ หัวสมองมึนงงเพราะฤทธิ์เหล้าอีกครั้ง “รัดโคตรแน่นเลย ซี้ด”



“อ๊า...”



“พี่เอม...ครางดังๆ เรียกชื่อผม” เสียงทุ้มครางต่ำพูดพร่ำเพ้อ ยิ่งทำให้ในอกของอีกคนบีบรัดแน่นหายใจไม่ออก มือเรียกจิกผ้าปูแน่นเชิดหน้าครางเสียงดังเมื่อสะโพกปอดกระแทกกระทบ ร่างกายปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีมาก แต่ในหัวของอีกฝ่ายนั้นเขาไม่ใช่พระราม อีกฝ่ายไม่ได้กำลังมีเซ็กส์กับเขา



“พ...” เสียงทุ้มหลุดสั่นเครือก่อนจะครางอืออา ร่างสูงเท้าลงกับเตียงก้มหน้าก้มตากระแทกสะโพกจนคนใต้ร่างสั่นไหว ใบหน้ามนเอี้ยวมองน้ำตาคลอ



ติม พี่ชื่อพระราม...เรียกชื่อพี่สิ



“พ...พี่เอม อะ อา พี่เอม”



ไม่ใช่...ไม่ใช่!



“อึ๊ก ฮือ...” ไม่มีอีกแล้วความสุขเพียงหนึ่งเดียวของเขา แม้แต่เรื่องบนเตียง...เขายังเป็นตัวแทนของใครอีกคน ร่างโปร่งนอนน้ำตาไหลร้องไห้คร่ำครวญขณะที่ร่างสูงยังไม่หยุดตักตวงความสุขจากร่างกายของเขา “ฮือ”



เอี๊ยดๆๆ



ตลอดเวลาที่ผ่านมา...ที่เรียกชื่อเขา...มันหมายความว่ายังไงกัน



“พี่ชะเอมครับ ซี้ด ผมรักพี่” ไอติมโน้มตัวทับร่างผอมแนบชิดติดทุกส่วน จับคางเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้กัดผ้าปูแน่นให้ยกขึ้น ก่อนที่ดวงตาเรียวจะเบิกกว้างเมื่อสัมผัสนุ่มที่ริมฝีปาก



...ติมกำลังจูบเขา...



หลังจากแนบความอบอุ่นอยู่เพียงชั่ววูบ อีกฝ่ายก็ผละออกไปแล้วริมฝีปากร้อนก็ประทับลงมาอีกครั้ง คราวนี้ลิ้นร้อนลื่นไหลเข้ากลีบปากที่แย้มออก ริมฝีปากหยักประกบติดส่งลิ้นกวาดต้อนจนร่างโปร่งจิกผ้าปูแน่น พระรามยกตัวเอี้ยวหน้าเก็บเกี่ยวสิ่งที่อยากได้มานาน ส่งลิ้นกระหวัดเกี่ยวเร่าร้อนกลับไป



จูบแรกของเขา...รู้สึกดี...รู้สึกดีจัง



นานนับนาทีจนร่างสูงผละออก ลูบขอบตาแดงช้ำพร้อมกับพูดปลอบใจ “อย่าร้องไห้ ถ้าหากเป็นผม...จะไม่มีวันทำให้พี่ร้องไห้”



แต่คำพูดนั้น...มันไม่ใช่...สำหรับเขา



ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั่น...ก็ไม่ได้มองเขา ไม่ได้สะท้อนภาพของเขา มันเหม่อลอยเหมือนกำลังนึกถึงคนอื่น ไม่ได้มองคนที่อยู่ตรงหน้า ไอติมไม่ได้มองพระราม



คำพูดที่ปลอบใจชะเอมที่ร้องไห้เสียใจเพราะคิน...ยิ่งย่ำยีหัวใจคนฟังให้จมดิน



กว่าจะตระหนักได้ มันก็ไม่ทันเสียแล้ว จูบที่รู้สึกดีเมื่อครู่นี้...ไม่ต่างจากคำสาป...ที่ทำให้เขาเหมือนตายทั้งเป็น



ไอติมจูบเพราะเห็นเขาเป็นชะเอม...ไม่ใช่...ไม่ใช่ตัวเขา...ไม่ใช่พระราม



“ถ้าหากพี่ชอบผม ผมจะไม่ทำให้พี่ร้องไห้เลย...พี่เอม” พูดจบก็แนบริมฝีปากอีกครั้งอย่างเร่าร้อน รามทำอะไรไม่ได้นอกจากจูบตอบ คำพูดและชื่อนั้นที่ออกจากปากกับการกระทำ...มันยิ่งชัดเจน



‘ติมจะจูบกับคนที่ชอบเท่านั้น’



ใบหน้ามนบิดเบี้ยวน้ำตาไหลรินอีกครั้ง ส่งเสียงเรียกให้คนเมาได้สติ “ติม...พี่มีชื่อนะ พี่ชื่อ...ฮึก!”



ร่างสูงส่งแรงขับเคลื่อน บดเบียดร่างกายแกร่งให้คนใต้ร่างหวีดครางดิ้นพล่าน พร้อมก้มลงมาจูบอีกครั้ง...อีกครั้ง ปิดริมฝีปากบาง ผนึกคำพูดที่กำลังจะพูดออกไป



ได้โปรด...อย่าทำให้เขาไร้ค่าไปมากกว่านี้



ร่างกายสุขสมนัก...แต่ไม่ไม่มีใครเห็นว่าหัวใจโดนทึ้งทำร้ายจนเละเทะขนาดไหน



“...พี่ชื่อ...”



...พี่ชื่อรามนะ...

   



********************* Love Substitute *********************

   



กิจกรรมบนเตียงที่ดำเนินมานานหลายชั่วโมงจบลงแล้ว คนที่ควรจะเหนื่อยนอนหลับไปกลับค่อยๆ ขยับตัวออกจากใต้ผ้าห่ม



แม้จะตีสามแล้วแต่พระรามก็ยังไม่ได้หลับ...หรือจะเรียกว่าหลับไม่ลงมากกว่าดีล่ะ



ร่างโปร่งเปลือยเปล่าลุกขึ้นนั่งที่ขอบเตียงแผ่วเบา ได้ยินเสียงกรนเบาๆ อยู่ด้านหลังทำให้รู้สึกโล่งใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกสักพักใหญ่ มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาที่แสบทั้งสองข้าง แม้จะมองไม่เห็นเพราะมืดมาก แต่คิดว่ามันน่าจะบวมแดงพอสมควร



“ฟืด...” พระรามสูดลมหายใจติดขัด รู้สึกคัดจมูกหายใจไม่ค่อยออก ซ้ำยังปวดหัวครั่นเนื้อครั่นตัว...เหมือนจะเป็นไข้อีกแล้ว



ช่วงนี้เขาไม่สบายบ่อยจนขี้เกียจนับ มันก็คงเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่แขนคงอักเสบบวกกับการไม่ได้พักผ่อนนั่นแหละ



หรือเพราะอาการทางใจมันส่งผลถึงร่างกายด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน



ตอนนี้พระรามรู้สึกอย่างไร...บอกได้คำเดียวว่ารู้สึกว่างเปล่า



แขนที่เจ็บจนแทบขยับไม่ได้ก็ปล่อยให้มันเจ็บไป ไม่คิดจะรักษา ไม่กลัวว่าจะเป็นหนักขึ้นหรืออะไรทั้งนั้น เท้าก็เจ็บแต่ก็ยังลุกขึ้น กัดปากฝืนเดินกะเผลกออกจากห้องนอนพร้อมผ้าห่มผืนบางผืนหนึ่งคลุมกายที่โล่งเปลือยแทนเสื้อผ้า ขนาดเสื้อกับกางเกงยังขี้เกียจจะหามาใส่เลย



อากาศรอบด้านมันเย็นจนรู้สึกหนาวสั่น ฟันขาวกระทบกันดังกึกแต่ก็ไม่คิดจะทำให้ร่างกายอุ่น เพียงแต่นั่งกอดเข่าขดอยู่บนโซฟามองเลยออกไปนอกระเบียง...แสงจันทร์สว่างสาดส่องเข้ามา เปลือกตาบางกระพริบเชื่องช้า ในเวลานี้ช่างเงียบเหงา



ไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงหายใจติดขัดของตัวเอง...เสียงไอแห้ง...เสียงหัวใจที่เต้นตุบแผ่วเบา...มันทำให้รู้สึกว่าเขายังมีชีวิตอยู่นะ



น้ำตาเม็ดใสไหลจากดวงตาแดงก่ำอย่างเงียบเชียบ...พระรามร้องไห้ไม่มีเสียงสะอื้นอยู่แบบนั้น...อยู่คนเดียว



จนฟ้าสาง





********************* Love Substitute *********************





“ราม ทำอะไร”



คนถูกเรียกชื่อยังไม่หันมาตอบ พอสะบัดผ้าชิ้นสุดท้ายแขวนไม้แขวนและขึ้นตาก เท่านั้นแหละถึงจะหันมายิ้มบางให้ร่างสูงที่ชะโงกหน้ามองสงสัย “พี่ช่วยซักผ้า”



“นั่นงานแม่บ้าน”



คนฟังส่ายหน้าน้อยๆ “พี่อยากช่วย”



“ตามใจมึง” ใบหน้าหล่อเหลาพยักเพยิดราวกับขี้เกียจพูดกับคนหัวดื้อ “กับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะ...”



“พี่ซื้อมา ติมกินได้เลย” พระรามยิ้มเจื่อนโคลงหัวลุแก่โทษ “โทษทีนะที่ถือวิสาสะหยิบเงินนายไป” แม้จะรู้อยู่แล้วว่าแค่หนึ่งร้อยสองร้อย คนรวยล้นฟ้าอย่างติมคงไม่สะเทือน แต่เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ดีนั่นแหละ



“อ้าว แล้ว...”



“พี่กินแล้วน่ะ นายกินเลย” เขาว่าก่อนจะหยิบตะกร้าผ้าว่างเปล่าขึ้นมาถือ “เดี๋ยวเสร็จนี่พี่จะเปลี่ยนชุดแล้วก็ไปเรียน”



แล้วร่างสูงก็โคลงหัวเดินออกไปในชุดนักศึกษาที่ตื่นขึ้นมา อาบน้ำและเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว



ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 22-07-2019 21:47:41



ต่อจากด้านบน



จริงๆ แล้วกับข้าวที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะน่ะ ร่างโปร่งเป็นคนทำเองแหละ เมื่อเช้าเขาไปเดินตลาดสดมา พอนอนไม่หลับก็ไม่อยากนั่งอยู่เฉยๆ ทำนู่นทำนี่ไม่ได้พักจนป่านนี้ ดวงตาเรียวเหลือบมองนาฬิกา ใกล้จะแปดโมงครึ่งแล้ว ขาเรียวเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำเร็วๆ ก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักศึกษาเตรียมไปมหาวิทยาลัย



พระรามเดินเข้าออกเปิดตู้เสื้อผ้าราวกับเป็นห้องของตัวเองไปแล้ว ร่างโปร่งนั่งขอบเตียงก่อนจะใส่ถุงเท้า จากนี้ไปเขาจะได้ใช้ชีวิตปกติ เรียนเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานเหมือนเดิมได้สักที...ฝืนเดินนิดหน่อยก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก ส่วนไข้นี่...อัดยาเข้าไปแล้วเดี๋ยวก็คงดีขึ้น



ไอติมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไม่ค่อยดี...เพราะว่ารามอดทนไม่แสดงออกไป เทียบกับก่อนหน้านี้ที่เคยเป็นหนักมาแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย อีกอย่างไม่อยากเอาอาการป่วยมาอ้างโน่นนี่ให้อีกฝ่ายเห็นใจ เขากลัวว่านอกจากจะไม่เห็นใจแล้วยังรำคาญมากขึ้นไปมากกว่าเดิมอีก



ส่วนเซ็กส์ระหว่างเราเมื่อคืน ก็แค่...ปล่อยผ่านไป ขนาดอีกฝ่ายยังจำไม่ได้ว่าทำอะไรลงไป เขาจะไปฝืนทำไม...หลังจากนี้ก็คงใช้ชีวิตไปวันๆ เรียนให้จบและทำงาน สักวันหนึ่งทั้งเขาทั้งติมก็จะเจอคนที่ใช่แล้วจากนั้นความสัมพันธ์ของเราก็จบเพียงเท่านี้



แกร๊ก



“อ้าว ติมจะไปไหน ไม่กินข้าวแล้วเหรอ” พระรามออกมาจากห้องนอนมองงุนงงเพราะข้าวกับกับข้าวไม่เห็นจะพร่องลงเลย แถมร่างสูงยังถือกระเป๋าในมือและกุญแจรถเหมือนจะเตรียมตัวไปมหาลัยแล้วยังไงยังงั้น



“แดกไม่ลง” เสียงทุ้มเอ่ยห้วน “มึงไปซื้อกับข้าวที่ไหนมา ห่วยแตกมาก”



“คะ คือ...”



“คราวหลังไม่ต้องซื้อมาแล้วนะร้านนี้ กูไม่กิน” ก่อนจะถามกลับมาเสียงสูง “แล้วมึงบอกว่ากินข้าวมาแล้ว นี่มึงทนไปได้ยังไง ห๊ะ”



“อืม...กะ ก็...” ริมฝีปากบางสั่นระริกอ้าออกก่อนจะขบกันแน่น ไม่รู้จะต้องพูดอะไร



ก็เพราะรามยังไม่ได้กินข้าวน่ะสิ ไอ้ที่บอกว่ากินแล้วน่ะโกหกเพราะเขากินไม่ลง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำมันมีรสชาดยังไง เขาเสมองไปที่โต๊ะหลบตา แต่อีกฝ่ายหันหลังกำลังจะเดินออกไป ถึงไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้ “นั่นสิโทษที คราวหน้าพี่จะไม่ซื้อร้านนี้แล้วล่ะ...”



ปัง!



เสียงปิดประตูดังแทรกก่อนที่แผ่นหลังกว้างจะหายลับไป ไม่รู้ว่าไอติมได้ฟังที่เขาพูดหรือเปล่า แต่ก็ดีแล้วล่ะ...



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉ่ำวาวด้วยน้ำใสๆ คลอหน่วย เขาร้องไห้จนแสบตาไปหมดเพราะคำพูดแล้งน้ำใจของไอติม ถึงจะไม่ได้ซื้อมาจริงก็พูดดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ...มันมีคำพูดให้เลือกใช้มาพูดตั้งเยอะแยะ



ร่างโปร่งเลื่อนเก้าอี้นั่งก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวหนึ่งคำและซดน้ำซุปทั้งน้ำตานองหน้า



“เค็ม...ฮะๆ ไม่อร่อยจริงด้วย” พระรามพูดเสียงแผ่วเบาสะอึกสะอื้น ไม่รู้เค็มจากอะไร น้ำตานี่หรือเปล่า



เสียงหัวเราะแห้งๆ เจือเสียงร้องไห้ดังขึ้นในห้องกว้าง สงสัยเขาจะหนักน้ำปลาไปหน่อย แต่ถึงจะรู้ตัวมันก็คงสายเกินไปแล้ว พระรามคงไม่มีกำลังใจทำอีกแล้ว



ส่วนมื้อเย็นและมื้อต่อไปก็คงต้องซื้อกับข้าวมาแทน

   



********************* Love Substitute *********************





สองเดือนผ่านไปไว ชีวิตของพระรามวนเวียนอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไปหน่อยก็แค่ใจของเขาที่มันเริ่มไร้ชีวิตชีวา กับอาการไอแห้งที่มีบ่อยมากขึ้นทุกที ขนาดไม่ได้กลิ่นบุหรี่ก็ยังไอแห้งเกือบจะตลอดเวลา หลายสัปดาห์มานี้จึงต้องผันจากเด็กเสิร์ฟมาเป็นเด็กล้างจานแทน เพราะทั้งพี่เจ๋งและผู้จัดการหลายร้านบอกว่ามันเป็นภาพลักษณ์ไม่ดี



เขาเข้าใจ...เข้าใจเลยล่ะ



“แค่ก!” ใบหน้ามนซุกหน้ากับไหล่ไอโขลก กระพริบตาเชื่องช้าแสนเหนื่อยล้า เดี๋ยวจบนี่ก็ต้องกลับไปที่ห้อง ดีที่ช่วงนี้ไอติมไม่ค่อยยุ่งวุ่นวายกับเขามากเท่าไหร่นอกจากเรื่องบนเตียง ซึ่งมันก็เหมือนเดิม ร่างกายของเขาตอบสนองต่อสัมผัสของร่างสูงเป็นอย่างดี มันก็เลยจบลงด้วยดี...ตามมาด้วยอาการตัวร้อนรุมๆ ของเขาที่เกิดขึ้นทุกค่ำคืน



ยังไงสอบปลายภาคก็ผ่านไปแล้ว เพราะว่าเขาค่อนข้างเร่งอ่านหนังสือในตอนกลางคืนยามนอนไม่หลับ จึงสามารถทำข้อสอบได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้และคิดว่าเทอมหน้าน่าจะได้ทุนเรียนฟรีเหมือนเดิม



ส่วนเรื่องของอาจารย์วีระตอนนั้น เขาก็ตอบตกลงไปเรียบร้อยแล้ว...โดยที่ไม่มีใครรู้



“แค่กๆๆ” ยิ่งอากาศตอนช่วงเย็นก็ยิ่งไม่ค่อยสะอาด คนทำงานก็กลับบ้านกัน รถติดไฟแดงยาว ทั้งควันรถเผาขยะซ้ำยังมีคนยืนสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ทำให้พระรามต้องเอาหน้ากากอนามัยขึ้นมาปิดแต่ก็ยังไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่



ขาเรียวเดินมาหยุดที่ไฟแดงข้ามทางม้าลายเพื่อจะข้ามถนน ร่างโปร่งไอแรงตัวงอจนคนข้างๆ เริ่มหันมามอง แถมยังถอยห่างรังเกียจ เขาก็ไม่อยากจะเป็นแบบนี้ รำคาญเหมือนกันแต่มันบังคับให้หยุดไม่ได้



ร่างกายของเขา...มันรู้สึกแย่มาก



ข้ามถนนมาได้ พอเห็นม้านั่งเก่าๆ จึงทรุดลงนั่งตรงนั้นเพื่อนั่งพัก พระรามหายใจเฮือกติดขัด ทั้งฝุ่นทั้งควันในกรุงเทพฯมันเยอะเกินไปจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขนาดใช้ผ้าปิดปากช่วยแล้วก็ยังยากที่จะป้องกันไว้ได้หมด



ในอกเจ็บร้าวราน...อยากจะหยุดแล้ว เขาเหนื่อยเหลือเกิน



“แค่ก!!” ครั้งสุดท้ายที่อาการทุกอย่างหยุดลง พร้อมกับที่ร่างโปร่งรู้สึกเปียกชื้นที่ริมฝีปากและคาง จนต้องถอดผ้ากันเปื้อนออกมาดูแล้วก็ต้องตกใจจนหัวใจกระตุกหยุดเต้นไปวูบหนึ่ง จากนั้นมันก็เต้นรัวแรงด้วยความหวาดกลัว รู้สึกได้แค่ว่าหูมันอื้ออึงและร่างกายทั้งร่างสั่นระริกไม่หยุด



มือเรียวทั้งสองข้างกำสิ่งที่อยู่ในมือแน่นให้พ้นจากสายตา...ไม่อยากจะเห็น



สิ่งที่กังวล...ที่อยู่ในความคิดของเขามาตลอดมันปรากฏขึ้นมาชัดเจนแล้ว



หลักฐานก็คือรอยเลือดที่ติดอยู่บนผ้าปิดปากที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้



“มะ ไม่นะ ไม่...ฮึก! ไม่เอาแบบนี้” คิ้วบางขมวดมุ่นบิดเบี้ยวเจ็บปวด เสียงทุ้มใสสั่นเจือร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะหยดลงบนหลังมือ...ทั้งๆ ที่คนเดินผ่านไปมาส่งเสียงจอแจแต่กลับมีผู้ชายคนหนึ่งก้มหน้าร้องไห้ ไหล่ทั้งสองข้างห่อลู่ลงอย่างหนักใจ



นี่อาการของเขาถือว่าเป็นโรคร้ายแรงรึเปล่า...ต้องกินยาเพื่อรักษาเหรอ แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นโรคเยอะแยะแบบมารดา สิ่งที่เป็นเหมือนกันและเห็นได้ชัดก็มีเพียงอาการไอจนเป็นเลือดเท่านั้น



ตกลงพระรามป่วยเป็นอะไรกันแน่



สุดท้ายแล้ว เขา...จะต้องตาย...เหมือนกับแม่ภาวดีใช่มั้ย



รามอยากจะปรึกษา...หรือพูดเรื่องนี้กับใครสักคน...และไม่รู้ทำไมในหัวของเขา คนๆ นั้นถึงต้องเป็นไอติม



ยะ...อย่างน้อยก็ให้ช่วยรับฟัง...



คิดได้ดังนั้นก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาด้วยความสั่นเทา เลื่อนหาเบอร์และพอกำลังจะกดโทรออกก็ต้องชะงัก



แล้วถ้าร่างสูงไม่สนใจบอกกลับมาว่าตายไปซะก็ดี...หลังจากนั้นเขาต้องทำยังไงต่อนะ



“...อึก” ยิ่งคิดมาก น้ำตามันก็ไหลลงมาอีก แค่เรื่องนี้ก็กังวลจะตายอยู่แล้ว ทำไมถึงต้อง...ร่างโปร่งขยุ้มศีรษะราวกับปวดหัวคิดอะไรไม่ออก เขาจะต้องทำยังไงดี...ไม่รู้อะไรเลย



ถ้าหากลองปรึกษาหมอกฤษณะที่เป็นหมอประจำตัวของชะเอมดูล่ะ...แต่เขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่าตรวจ ถ้าหากว่าต้องจ่ายค่ายาอีก...คงไม่ไหว



งั้นลองไปหา...พี่อิฐดูดีมั้ยนะ...รุ่นพี่คนนั้นใจดี คงไม่คิดเงินกับเขาหรอก



คิดได้ดังนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้น หายใจเข้าลึกก่อนจะทำใจให้เย็น



ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรหรอก อาจจะไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงอย่างที่คิดก็ได้



แล้วถ้าหากว่าเป็นโรคร้ายแรงล่ะ?



ไม่...ไม่...เลิกคิดเถอะ



แม้จะสะกดจิตให้ตัวเองเลิกคิดมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเหมือนทำให้คิดมากขึ้นเท่านั้น



นิ้วเรียวยกนวดขมับที่ปวดหนึบ รามเอาความคิดร้ายๆ ออกจากหัวไม่ได้เลย...ทั้งหวาดกลัว ทั้งกังวล



ถ้าหากมีคนที่คอยอยู่เคียงข้าง...คอยเอ่ยปลอบใจว่าไม่เป็นไร...มันคงจะดีกว่านี้



“แค่ก...แค่ก” มือหยิบผ้าปิดปากอันใหม่ที่สำรองเอาไว้ตลอดคาดหู คราวนี้คอยเอามือกั้นไว้อีกชั้นเพราะไม่อยากไอหนักจนเจ็บอีก ขาเรียวเดินเอื่อยเฉื่อยแม้จะมีจุดหมายปลายทางที่ต้องไป แต่ก็ไม่ได้รีบกลับเหมือนทุกวัน เพิ่งจะคิดได้ก็วันนี้เองว่าอยากจะใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มันคุ้มค่า ดังนั้นมีอะไรที่เขายังไม่เคยเห็น ไม่เคยดู ก็ต้องเก็บเกี่ยวเอาไว้



พระรามแวะดูโน่นนี่ข้างทางตลอดกว่าจะมาถึงห้องก็ผ่านไปสองชั่วโมงกว่า...มาถึงช้ากว่าปกติเป็นชั่วโมงจนร่างสูงที่คราวนี้กลับมาถึงก่อนทำหน้าทะมึนทึงใส่ตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา



“ติม?”



“ไปไหนมา” เสียงทุ้มดุ กับท่าทางกอดอกคาดคั้นเอาคำตอบทำให้ใบหน้ามนซีดเซียว



“พะ พี่...” พระรามค่อยๆ ถอดผ้าปิดปากออกเก็บเข้ากระเป๋า ก่อนจะเม้มปากแน่น อธิบายอึกอัก “พี่รู้สึกไม่ค่อยดีก็เลยค่อยๆ เดินกลับมา...ก็เลยช้า”



“ไม่รู้หรือไงว่ากูรอกินข้าวอยู่”



“พี่ขอโทษ แต่คราวหลังถ้าติมหิวก็กินเข้ามาก่อนเลยก็ได้นะ” เขาบอกอย่างรู้สึกผิด ถือถุงกับข้าวที่ซื้อมาเทใส่ชามและเอาไปอุ่น ซึ่งร่างสูงก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะ ใบหน้าหล่อเหลาหงุดหงิดทำให้ขาเรียวต้องรีบเดิน ยังไม่ทันที่เขานั่งลงอีกฝ่ายก็ตักข้าวเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย...สงสัยจะโมโหหิว



ร่างโปร่งวางช้อนลงเบาๆ หลังจากจับได้ไม่ถึงนาที อาจจะเพราะกังวลเรื่องของตนจนกินไม่ลง เพียงแค่กินสองคำก็รู้สึกผะอืดผะอมอยากจะอ้วก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าลุกไปไหน นั่งเงียบๆ แบบนั้นกระสับกระส่าย คิดแล้วคิดอีกก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อคนตรงข้าม “ติม...”



ร่างสูงเงยหน้ามองแล้วเลิกคิ้ว



“ปกติ พี่อิฐเขาทำงานที่โรงพยาบาล...อยู่แล้วใช่มั้ย”



คนได้ยินคำถามขมวดคิ้วสงสัย แต่ก็ตอบ “ใช่”



ใบหน้ามนพยักช้าๆ “งั้น...พี่ขอเบอร์พี่อิฐหน่อยได้มั้ย”



คราวนี้มือใหญ่วางช้อนกระทบจาน “บอกมาก่อนสิว่าถามหาทำไม ถึงจะให้”



ทันทีที่ได้ยินคำพูดของไอติม ร่างโปร่งก็เม้มปากแน่น “ช่วงนี้ร่างกายพี่ไม่ค่อยดี...เลยอยากให้พี่อิฐลองตรวจดูหน่อยว่าเป็นอะไรรึเปล่า”



“ไม่ค่อยดี? ยังไง” คิ้วเข้มขมวดฉับถามต่อทันทีจนเขารู้สึกแปลกใจแต่ก็ดีใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายยังเอ่ยถาม



“พี่...พี่ไอบ่อยมาก เจอควันเจอฝุ่นไม่ค่อยได้ ยิ่งกลิ่นบุหรี่...ถ้าดมเข้าไปก็จะไอไม่หยุด”



“...”



“แล้วเมื่อกี้...” คำพูดของเขามันค้างอยู่ที่ลำคอ พอจะพูดออกไปก็พูดไม่ออก ก่อนที่ริมฝีปากจะคลี่ยิ้ม “เปล่า...ไม่มีอะไร”



“แค่นี้?”



“ก็...อืม ประมาณนั้นแหละ แต่พี่กังวล เลยอยากวานพี่อิฐให้ช่วยตรวจดูหน่อย...”



“ไหนมึงบอกว่าแพ้กลิ่นควัน...นี่แพ้ฝุ่นด้วยเหรอ”



“อะ อืม ใช่” พระรามตอบตะกุกตะกักหลบตา “ก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น”



แล้วจากนั้นไอติมก็ดูเหมือนจะไม่สนใจอีก พระรามก็ได้แต่มองอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบๆ เสียงช้อนส้อมกระทบจานข้าวเป็นพักๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลุบตาลงต่ำมองจานข้าวของตนที่ยังมีข้าวสีขาวสวยน่ากินกองอยู่เกินครึ่ง ท้องส่งเสียงร้องคร่ำครวญตอบรับกลิ่นหอมหวนแต่มันกลับกินไม่ลง



ภายในแววตานั้น...ขมุกขมัวด้วยความเศร้าใจ



ดีแล้ว...แบบนี้แหละ





ไม่บอกไป...น่าจะดีกว่า

   



********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 22-07-2019 21:48:25



ทดแทนรัก

ตอนที่ 29



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





(“วันนี้คินจะออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ”)



“จริงเหรอ” เสียงทุ้มใสเอ่ยอย่างดีใจก่อนจะแนบโทรศัพท์ติดหูเข้าไปอีกเมื่อเสียงจอแจรอบข้างดังจนแทบไม่ได้ยินปลายสายพูด แค่ได้ยินก็รู้สึกยินดีมาก ถ้าเป็นอย่างที่พูดจริงชะเอมคงจะดีใจจนยิ้มกว้างแน่



จะว่าไป นับแต่วันนั้นก็ผ่านมาตั้งสองเดือนแล้ว ร่างบางทำใจเรื่องของคินได้หรือยังนะ



ทันใดนั้นคนคิดก็ส่ายหน้ายิ้มอ่อน แววตาฉายความสงสารและเห็นใจ...ไม่หรอก มันคงจะไม่ง่ายขนาดนั้น...คงต้องใช้เวลากันอีกนาน



หลังจากที่คินเข้าโรงพยาบาล ทั้งคู่ก็ดร็อปเรียนไปเลย ไม่รู้จะเอายังไงกันต่อด้วย ต่างฝ่ายต่างเป็นห่วงซึ่งกันและกัน ชะเอมก็คงอยากจะดูแลอยู่เคียงข้างคนรักอยู่ตลอดเวลา ส่วนคินก็ห่วงอนาคตของชะเอมเพราะต้องหยุดเรียนเนื่องจากตัวเองเป็นสาเหตุ



เพราะงั้นรามก็เลยไม่ได้เจอกับชะเอมที่เคยเป็นนักศึกษาร่วมคณะอีกเลย พูดไปนั่นขนาดเพื่อนอย่างดินกับสินเจอหน้าก็ไม่ได้คุยมาก เพราะเขาก็ยุ่งตัวเป็นเกลียวไม่แพ้กัน



ต่างคนต่างก็ต้องดิ้นรน



(“อืม มึงจะไม่มาหาจริงดิ”)



“อา เดี๋ยวกูไปน่า”



(“ไอ้เดี๋ยวเนี่ย มันเมื่อไหร่ มาก็คงไม่เจอแล้วมั้ง พวกกูก็จะกลับกันแล้วด้วย”)



“เหอะน่า เดี๋ยวทำงานเสร็จแล้วรีบไปเลย” ร่างโปร่งที่กำลังนั่งรถเมล์อยู่พูดปด สายตามองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดกว้างให้ลมพัดเข้ามาก็เห็นทั้งรถยนต์รถจักรยานยนต์วิ่งฉิวพ่นควันดำโขมงจนต้องปิดจมูกหันหน้าหนี



("น้ำเสียงมึงเหมือนรับปากไปงั้นๆ เลย")



เสียงทุ้มใสกลั้วหัวเราะ "นี่มึงเห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย...ก็บอกแล้วไงว่ากูต้องทำงานน่ะ"



วันนี้เขาไม่ได้ไปทำงานอย่างที่ปากบอกกับดินหรอก จุดมุ่งหมายที่กำลังจะไปก็เป็นโรงพยาบาลที่คินนอนพักฟื้นอยู่ด้วย...แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปหาคินกับชะเอม เพราะรามก็มีธุระของรามเหมือนกัน



เพื่อไปพบใครบางคน



ปลายสายพ่นลมหายใจใส่ (“ทำงานอีกแล้ว นี่ลมหายใจของมึงจะมีแต่คำว่าทำงานหรือไงวะ หัดพูดว่ากินข้าวอยู่ นอนอยู่ ดูทีวีอยู่บ้างดิ กูจะได้สบายใจ”)



“ดิน มึงก็ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อย” ร่างโปร่งหัวเราะแห้ง จะให้เขาเอาแต่กินนอนอย่างเดียวแล้วจะเอาข้าวที่ไหนกิน “เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูไปหาแน่ๆ ล่ะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทันหรือเปล่า”



(“...”)



“ดิน?”



(“ราม มึงรู้หรือเปล่าว่าช่วงนี้มึงแปลกๆ ไป”)



“หืม” คนฟังครางรับสงสัย “ยังไงวะ”



พยายามอย่างยากลำบากไม่ให้แสดงพิรุธออกไป



(“มึงทำตัวห่างเหิน เป็นอะไรไม่เคยบอก เหมือนกำลังจะไปที่ไหนสักแห่งโดยที่ไม่บอกเพื่อนอย่างพวกกูเลยว่ะ”)



มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาก่อนที่น้ำบางอย่างมันจะไหล  “มึงคิดมากไปแล้ว ดิน ทั้งมึงทั้งสินเลย”



("...")



"..."



("...พวกกูรู้เรื่องของพ่อกับแม่มึงแล้วนะ")



"...อืม ขอโทษว่ะที่ไม่ได้บอก"



("แม่มึงเสียทั้งคน แถมยังเรื่องพ่อกับหนี้อีก มันย่ำแย่ถึงขนาดนั้นแล้ว ทำไมถึงยังปิดบังไว้อีกล่ะ กูไม่เข้าใจเลย")



ฟันขาวขบกัดปากล่างของตน



...ก็เพราะมันมีอีกหลายเรื่องน่ะสิที่พวกมึงไม่รู้...



จุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ไม่รู้ว่าจะจบยังไง



"ตอนนี้กูก็โอเคแล้วไง กูอยู่คนเดียวสบายดี"



(“แล้วยังมีเรื่องของไอ้หมอนั่นอีก แต่ช่างหัวมันเหอะ สิ่งที่กูห่วงน่ะคือเรื่องของมึง กูรู้สึกได้จริงๆ ว่ามันเหมือนกับ...”)



“มันไม่มีอะไรทั้งนั้นล่ะน่า” ร่างโปร่งเอ่ยขัด



ไม่รู้ว่านั่น...เป็นคำพูดต่อเพื่อน...หรือต่อตนเอง



พยายามปลอบใจว่าสิ่งที่กำลังเผชิญ...ความจริงนั้นคงจะไม่มีอะไร



(“มึงก็รู้ว่ากูไม่เชื่อคำพูดที่ว่าไม่มีอะไรของมึง”)



“ที่มึงรู้สึกอาจจะเป็นเพราะกูจะไปเมืองนอกก็ได้” พระรามกลืนน้ำลายกล้ำกลืนบางอย่างที่จุกอก เสียงทุ้มใสพูดยานคางให้คนฟังสบายใจ



(“หืม มึงหมายถึงเรื่องทุนที่อาจารย์วีระเสนอมาน่ะเหรอวะ”)



“ก็เออดิ”



(“...ถ้ามันมีแค่นั้นกูก็สบายใจ เพราะสักวันหนึ่งมึงจะกลับมาอยู่แล้วใช่มั้ย”)



ไม่รู้ทำไมคำพูดเหล่านั้นเหมือนสื่อความหมายบางอย่างทำให้พระรามใจกระตุกวูบหนึ่ง



กลับมา...เหรอ



“...” ทั้งๆ ที่มันก็แค่คำถามง่ายๆ ที่เพื่อนอย่างไอ้ดินก็คงไม่ได้มีความหมายนัยแอบแฝงอะไร แต่คนฟังอย่างเขาไม่สามารถตอบได้จึงเลือกที่จะเงียบแทน พอเงยหน้าขึ้นจุดหมายของเขาก็อยู่ข้างหน้าแล้วจึงบอกปลายสาย ลุกขึ้นกดกริ่งบอกคนขับอย่างรีบร้อน “ดิน...แค่นี้ก่อนนะ เอาไว้ค่อยคุยกัน”



(“เออ ไว้กูจะโทรไป”)



ขาเรียวก้าวลงรถโดยสารขนาดใหญ่ก่อนที่มันจะแล่นออกไป ใบหน้ามนเงยมองตึกสีขาวขนาดใหญ่หลายตึกคุ้นตาก่อนจะล้วงมือถือขึ้นมากดเบอร์และโทรออก ดังไม่ถึงสองครั้งอีกฝ่ายก็รับ



“ฮัลโหล พี่อิฐครับ นี่ผมเอง...ราม”



(“ราม? มาถึงแล้วเหรอ”) ปลายสายเงียบไปก่อนจะได้ยินเสียงกุกกักและกระซิบกระซาบกลับมา (“รอสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม พี่ยุ่งนิดหน่อย”)



“ดะ ได้ครับ” คิ้วบางขมวดลำบากใจ นี่เขามารบกวนเวลางานของอีกฝ่ายหรือเปล่านะ “หรือว่าถ้าวันนี้พี่ไม่ว่างแล้วผม...”



(“ไม่ๆ พี่ว่างๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่โทรไปนะ รอก่อนอย่าเพิ่งกลับ”)



ติ๊ด!



จู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดเร็วและตัดสายไปทำให้พระรามมองหน้าจอมือถืออย่างงุนงง ก่อนจะตัดสินใจนั่งรอแถวนั้นอย่างที่บอก ใบหน้ามนกวาดมองไปรอบ เวลาช่วงเช้าเกือบสายคนที่แวะเวียนเข้ามาก็ยังเยอะไม่เปลี่ยน



เขาไม่ได้มาโรงพยาบาลนานแล้ว...ก็ตั้งแต่แม่ตายไป จนป่านนี้รามยังคิดอยู่ตลอดว่าเป็นเพราะเรื่องของแม่ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับติมไม่ค่อยดี ติมจึงไม่ชอบหน้าเขา ไม่ว่าจะพูดอะไรคำพูดของเขาก็ไม่เคยเข้าหูร่างสูงเลย



ไม่กล้าถามว่าถ้าไม่มีเรื่องของแม่มาเกี่ยวข้อง ระหว่างเราจะดีกว่านี้มั้ย ติมจะชอบเขาบ้างรึเปล่า

เพราะรู้ว่ายังไงก็เป็นไปได้ยาก ร่างสูงชอบชะเอม และถ้าไม่มีภาวดี ก็คงจะไม่มีเขาที่เป็นอยู่ตอนนี้ และพระรามก็คงไม่มีวันที่จะได้พบกับไอติม



ไม่ว่าจะคิดยังไง...เราสองคนก็ไม่มีทางบรรจบกันได้



“ฮือ...ฮือ” เสียงร้องไห้ของคนข้างๆ ทำให้ร่างโปร่งที่กำลังเหม่อคิดอะไรอยู่ก้มมอง เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่าเอ็นดูยกแขนขึ้นถูตาน้ำตาไหลพราก



“เป็นอะไรลูก หือ เป็นผู้ชายอย่าร้องไห้สิครับ”



“ผม ฮือ ก็ผมเจ็บนี่ฮะ ฮือ”



“แค่ฉีดยาเอง ดูซิ น้องไอยังไม่ร้องเลย” คนที่เหมือนจะเป็นมารดาของเด็กทั้งสองหันไปถามเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนมองพี่ชายนั่งร้องไห้ด้วยน้ำตารื้นไม่แพ้กัน “น้องไอเจ็บมั้ยคะ”



เด็กหญิงจับต้นแขนแล้วพยักหน้า ริมฝีปากเล็กแย้มยิ้มกว้างเห็นฟันหลอ “เจ็บค่ะ”



“แล้วทำไมน้องไอไม่ร้องคะ” คุณแม่ถามต่ออีก เพราะเธอก็คงดูออกว่าเด็กหญิงคงปวดแผลที่ฉีดยามาจนอยากจะร้องไห้แน่ๆ แต่ไอกลับตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเครือ



“ก็ถ้าไอร้องไห้ แล้วใครจะปลอบพี่เอ็มล่ะคะ”



...เป็นคำตอบที่น่าภูมิใจสำหรับคนที่ได้ฟัง...



เท่านั้นแหละ เด็กชายเอ็มก็ค่อยๆ หยุดร้องเปลี่ยนเป็นสะอึกสะอื้นกลั้นน้ำตาแทน หลังจากนั้นไม่นานก็หัวเราะออกมาได้



พระรามยิ้มกับภาพนั้น เป็นครอบครัวที่น่ารัก...มีความเป็นห่วงเป็นใยกัน



เห็นผู้หญิงที่ยิ้มให้เด็กทั้งสองคนแล้วภาพภาวดีมันซ้อนทับ...แม่บนสวรรค์จะรู้ไหมว่าเขาคิดถึงเธออยู่ตลอดเวลา



ยิ่งในครานี้ที่เขาตัวคนเดียวไม่เหลือใคร...ความคำนึงถึงยิ่งทวีคูณ



นั่งรอเพียงครึ่งชั่วโมงเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างตรงเวลา



“ครับพี่อิฐ”



(“โทษทีราม ถามทางพยาบาลว่าห้องตรวจของพี่อยู่ไหนแล้วก็เดินมานะ มาถึงก็เปิดประตูเข้ามาได้เลย”)



“เอ่อ...”



ติ๊ด!



แล้วร่างโปร่งก็ต้องงงอีกครั้งเมื่อโดนวางสายใส่ จากนั้นพระรามเดินไปหาพยาบาลอย่างงงๆ ถามว่าห้องที่รุ่นพี่คนนั้นบอกอยู่ที่ไหน



ถ้าหากว่าพี่อิฐรีบร้อนขนาดนั้น เขามาวันอื่นดีกว่าไหม...อีกฝ่ายดูยุ่งเหลือเกิน



ขาคู่เรียวภายใต้กางเกงยีนส์ก็เดินมาถึงหน้าห้องที่บอก ป้ายชื่อหน้าห้องก็ยืนยันว่าเป็นชื่อของพี่อิฐ ขนาดอีกฝ่ายยังเรียนไม่จบยังมีห้องตรวจเป็นของตัวเองในโรงพยาบาลด้วยเหรอเนี่ย เก่งมาจากไหน



หารู้ไม่...โรงพยาบาลที่เจ้าตัวยืนอยู่ เจ้าของก็คือพ่อของอิฐและไอติมนั่นแหละ



ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าให้เข้าไปได้เลย แต่เขาก็ไม่กล้า ต้องยกมือเคาะตามมารยาทก่อนเผื่อว่าพี่เขากำลังทำธุระบางอย่างที่ไม่อยากให้คนนอกเข้าไปเห็น



ก๊อกๆ



“เข้ามาเลย” เสียงในห้องดังแทรกขึ้นมาทันที พระรามจึงค่อยๆ แง้มประตูเปิด



“ขออนุญาตครับ”



“มาๆ โทษทีนะพี่ติดงาน เฮ้อ กว่าจะเคลียร์เสร็จ” ดวงตาเรียวจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาชื้นเหงื่อไม่ต่างจากน้องชายแต่รู้สึกให้ความอบอุ่นกว่ามาก พร้อมกับน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ทำให้พระรามรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ร่างโปร่งหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงโต๊ะพลางมองไปรอบห้องอย่างสนใจ...อันที่จริงก็ไม่ได้ต่างไปจากห้องตรวจทั่วๆ ไปที่เคยเห็น



“ขอบคุณนะครับ ทั้งๆ ที่ยุ่งมากแท้ๆ แต่กลับปลีกเวลาให้ผม” พระรามเอ่ยด้วยน้ำเสียงอึกอัก รู้สึกเกรงใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก



“ไม่มีปัญหา พี่ก็บอกเองว่าให้มาวันนี้”



เขาได้ยินจึงพยักหน้าเล็กน้อยและแย้มยิ้มบาง วันก่อนเขาโทรหาพี่อิฐบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษา อีกฝ่ายเลยบอกให้เขาเข้ามาหาได้ที่โรงพยาบาลวันนี้โดยไม่อิดออดเลยแม้แต่นิด เป็นคนที่ใจดีและน่านับถือ



“ว่าไง มีเรื่องอะไรเหรอ ที่บอกอยากจะปรึกษา” อิฐเดินถือแก้วน้ำมาและหย่อนตัวนั่งลงตรงข้าม คำถามที่ถามขึ้นมาทำให้เขาเม้มปาก ไม่รู้จะเริ่มอธิบายยังไงดี แต่ท่าทางนั้นทำให้ว่าที่หมอติดใจคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้องชายตนรึเปล่าอีกฝ่ายถึงดูลำบากใจที่จะพูด



“หรือว่าจะเป็นเรื่องไอติม นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าน้องชายมันทำอะไรเรา” เสียงที่เคยอ่อนโยนเข้มขึ้นเล็กน้อย



“ปะ เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น” ใบหน้ามนส่ายหวือ “ไม่ใช่เรื่องของติมหรอกครับ”



“แล้วเรื่องอะไร" พระรามหลบตาวูบ พี่อิฐจะรู้ตัวมั้ยว่าเวลาตวัดสายตามองดุๆ มันเหมือนกับไอติมหรือแม่ภาวดีเปี๊ยบเลย "ว่าจะถามอยู่ ทำไมต้องใส่ผ้าปิดปากด้วยล่ะ นี่ไม่สบายอีกแล้วเหรอ”



“ปะ เปล่าครับ” พอโดนทักก็ค่อยๆ ถอดออกเก็บใส่กระเป๋าด้วยความเคยชิน พอเงยขึ้นสบดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแล้วรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันใด “อันที่จริงผมจะมาปรึกษาพี่เรื่องนี้แหละครับ”



อิฐพยักหน้าช้าๆ เข้าโหมดจริงจัง “ว่ามาเลย”



ร่างโปร่งกลืนน้ำลาย “คือช่วงนี้ร่างกายของผม...มันแปลกๆ ครับ”



“หืม” อิฐขมวดคิ้ว มองใบหน้ามนตรงหน้าที่ขมวดคิ้วแน่นดูท่าทางกังวลใจมาก ก็เอ่ยถามคำถามที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายอึดอัด “แปลกเหรอ...ยังไง ไหนลองอธิบายให้พี่ฟัง”



“คือ...ผม...สองเดือนก่อนหน้านี้ นานๆ ทีผมจะมีอาการไอแห้งซักที...เวลาได้กลิ่นบุหรี่หรือควันก็อาจจะไอหนักบ้าง แต่ช่วงนี้ผมเป็นหนักขึ้นมาก...ผมสูดกลิ่นควันหรือเจอฝุ่นไม่ได้เลย แค่เดินผ่านนิดหน่อยก็ไอจนเจ็บหน้าอกไปหมด ผ้าปิดปากที่เคยช่วยได้บ้างก็กันไม่อยู่แล้วด้วยครับ” พอเล่าออกไปแล้ว น้ำเสียงยิ่งสั่น น้ำตาก็รื้นขึ้นมาก่อนที่มันจะไหลลงผ่านแก้ม



"ช่วงแรกที่ไอผมก็คิดว่าแค่แพ้เฉยๆ แต่ว่า...อึก..." นิ้วเรียวจิกเข้าฝ่ามือจนเจ็บ ตรงตำแหน่งเดียวกับที่หยาดเลือดของตนเปรอะเปื้อน “ก่อนที่ผมจะโทรหาพี่ หลายวันก่อนก็ไอจนมีเลือดออกมาด้วย ผมกังวลมากเลย...ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องทำยังไง”



“...”



“ผม ฮึก ผมเป็นอะไรเหรอครับ” ร่างโปร่งยกมือขึ้นขยุ้มผม ไม่อาจห้ามร่างกายไม่ให้สั่นหวาดกลัวได้เลย



แค่ใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่นยังทำได้ยาก กังวลมากจนไม่รู้ต้องทำยังไงกับมันดี



“เราใจเย็นๆ ก่อนนะ ราม” อิฐรีบเอ่ยปลอบ ร่างโปร่งในเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดผุดลุกขึ้นเดินอ้อมไปนั่งข้างๆ ก่อนจะเอื้อมจับไหล่ผอมให้หันมาเผชิญหน้า



พออิฐสบแววตาฉ่ำน้ำก็อดเห็นใจไม่ได้



มีมากที่คนเจ็บป่วยแล้วไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรกระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูก แล้วตอนนี้พระรามก็กำลังเผชิญในสิ่งเดียวกัน “พ่อกับแม่ล่ะ บอกเรื่องนี้ไปหรือยัง เป็นถึงขนาดนี้แล้วทำไมวันนี้ไม่พามาด้วย จะได้รับรู้ไปพร้อมกัน”



ร่างโปร่งส่ายหน้าเบาๆ สะอึกสะอื้น มือยกขึ้นเช็ดแก้มเปียกชื้น “ฟืด...ผมไม่มีครับ ผมตัวคนเดียว”



อิฐเข้าใจในทันที คราวนี้เครียดกว่าเดิม สถานการณ์ครอบครัวของผู้ป่วยก็เหมือนกับของๆ แพทย์ผู้รักษา ส่วนมากอาการของผู้ป่วยส่วนใหญ่จะบรรเทาได้ถ้าหากมีครอบครัวช่วยรับรู้และคอยช่วยเหลือ ปรึกษาหาทางแก้ไข



ใบหน้าหล่อเครียดขึง การไอออกเป็นเลือดนั้นมีหลายสาเหตุมาก หากไม่ตรวจอย่างละเอียดก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นอะไร...แต่ด้วยความที่เขาเจอผู้ป่วยมาหลากหลายอาการ เขาก็พอจะเดาโรคที่พระรามน่าจะเป็นได้อยู่



คนเป็นแพทย์ลูบหลังพระรามที่ยังร้องไห้ด้วยความกังวลเบาๆ



ถ้าหากรุ่นน้องคนนี้ได้รับรู้ไป...จะรับได้หรือ



เพราะบางคนแค่รู้เรื่องก็ช็อคจนไม่มีสติรับรู้เรื่องอื่นอีก...กลายเป็นโรคซึมเศร้า...บางคนฆ่าตัวตายไปเลยก็มี เพราะหาทางออกในชีวิตไม่เจอ



อิฐถึงได้เครียดมากตอนที่ร่างโปร่งบอกว่าอยู่ตัวคนเดียว ถ้าหากอารมณ์อยู่ในจุดต่ำสุดแล้วใครกันเล่าจะมาอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจ



“แล้วตอนนี้นายอยู่คนเดียวเหรอ”



“เปล่าครับ...” ใบหน้ามนก้มงุด มือเรียวยกขยี้ตา ก่อนจะสูดจมูกตอบเสียงเครือ “ผม...อยู่กับติมครับ”



“แล้วทำไมไม่ให้ติมมาด้วย” คำถามของอิฐทำให้พระรามส่ายหน้าอีกครั้งแรงกว่าเดิม



“ไม่ครับ...ผมก็แค่ไปอาศัยอยู่กับเขา เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”



“...”



“เราไม่ได้เป็นแฟนกัน เขา...ไม่ได้รักผม” น้ำเสียงน้อยใจทำให้อิฐรู้ทันทีว่าคนตรงหน้าชอบน้องชายตน



แพทย์หนุ่มมองคนที่อายุน้อยกว่าสามปีสะอื้นอย่างกับเด็กแล้วถอนหายใจ



ทั้งๆ ที่ติมกับรามมีเซ็กส์กันหลายต่อหลายครั้ง แต่นั่นก็ความสัมพันธ์ทางกาย หัวใจทั้งสองดวงกลับแยกห่าง



‘พี่ ช่วยมาดูรามหน่อย ไม่สบายไข้ขึ้นหนัก’



‘พี่อิฐ ผมต้องทำยังไง...’



เสียงของน้องชายที่มักจะโทรมากวนทุกครั้งอย่างไม่เกรงใจในยามที่ใครบางคนป่วย...คนๆ นั้นก็คือพระราม



...เขาไม่ได้รักผม...



ความรู้สึกขัดแย้งในใจนี่มันอะไร



เขาก็ไม่รู้ว่าติมไปทำอะไรให้ร่างโปร่งรู้สึกแบบนั้น...แต่มันจะใช่แบบนั้นจริงเหรอ



“แล้วเราล่ะ รักติมหรือเปล่า”



ใบหน้ามนนิ่วหน้า “ความรักของผมมันไม่มีค่าอะไรสำหรับติมหรอกครับ”



“รามตอบไม่ตรงคำถาม” อิฐจับไหล่ผอมแล้วดันออกเพื่อสบตา “พี่ถามว่าเรารักน้องชายพี่หรือเปล่า”



ใบหน้าและแววตาสีน้ำตาลอ่อนของอิฐดุดันขึ้นจนน่ากลัวจนพระรามเม้มปากแน่นจนซีด “...รักครับ”



แต่พูดไปก็เท่านั้น พระรามไม่เข้าใจว่าทำไมอิฐถึงอยากฟังนัก ขนาดเจ้าตัวเองยังไม่อยากได้ยินเลย



อิฐที่จู่ๆ นิ่งไปเหมือนคิดอะไรบางอย่างทำให้ร่างโปร่งปาดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่าจนใบหน้าชื้น ดวงตาแดงก่ำ



“แล้วสรุปอาการป่วยของผม...” พระรามเข้าเรื่องที่กังวลที่สุดในเวลานี้ “ผมเป็นอะไรครับพี่”



เรื่องของติมมันกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว



อีกฝ่ายอยู่เกินเอื้อม...เขาไม่สามารถเข้าถึงได้



ตอนนี้จึงสนใจตัวเองก่อน...แต่ก็มีทั้งความอยากรู้และไม่อยากรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร



“เวลาไอผมทรมานมากเลย มันหยุดไม่ได้ แถมยัง...น่ารังเกียจสำหรับคนรอบข้าง ผมไม่อยากเป็นแบบนี้เลย”



"โอเค พี่พอเข้าใจแล้ว..." คนโตกว่ายกมือลูบหัวคนขี้กังวล แต่ทว่าอีกคนยังไม่หายมือสั่น



"นะ นี่ผมจะเป็นโรคร้ายแรงรึเปล่า"



"พี่เข้าใจ เราใจเย็นก่อน" อิฐตบไหล่ขัด ก่อนจะลุกขึ้นกลับไปนั่งที่เดิม หยิบปากกาและกระดาษสีขาวขึ้นมาจดขยุกขยิก “งั้นพี่ขอรายละเอียดก่อนนะ จะได้วิเคราะห์สาเหตุได้คร่าวๆ ...รามมีโรคประจำตัวหรือเปล่า พวกหอบหืดหรือเหนื่อยง่าย เคยเป็นมั้ย”





ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 22-07-2019 21:48:51



ต่อจากด้านบน




พระรามนิ่งฟังก่อนจะส่ายหน้า “ผมไม่เคยเป็น...คิดว่าไม่มีครับ”



“อืม...ฟังจากที่เราเล่า อาการแบบนี้พี่คิดว่าน่าจะป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ...ไอเรื้อรัง” ใบหน้ามนขมวดคิ้ว ไม่เคยได้ยินชื่อโรคแบบนั้นมาก่อน ก่อนที่พี่อิฐจะถามขึ้นอีกครั้ง “แต่โรคนี้ส่วนใหญ่คนที่เป็นก็จะสูบบุหรี่หนัก รามเป็นคนสูบบุหรี่หรือเปล่า”



“ไม่ครับ” ใบหน้ามนส่ายหวือทันที...แค่จับเขายังไม่เคยเลยด้วยซ้ำ



“แล้วคนใกล้ตัวที่สูบบุหรี่ล่ะ มีมั้ย”



“ตอนที่พ่อยังอยู่สูบวันละหลายซองจนควันเต็มบ้านเลยครับ” คราวนี้พระรามเม้มปากตอบเสียงเบา "จะว่าไปช่วงนั้นผมก็เริ่มไอขึ้นมาจริงๆ"



ส่วนคนใกล้ตัวอีกคน...ก็ไอติม



แต่ร่างโปร่งไม่ได้พูดออกไป เดี๋ยวพี่ชายอย่างอิฐจะหาว่าเขาโทษน้องชายตัวเอง



อิฐเคาะหัวปากกาลงบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด “ถ้ารามบอกพี่ว่าไม่มีโรคประจำตัวอะไรและไม่ได้เป็นคนสูบบุหรี่เอง ก็น่าจะมีแต่สิ่งภายนอกเท่านั้นที่จะทำให้ร่างกายเกิดอาการแบบนี้ และนั่นคือสาเหตุหลัก”



"..."



“พี่ไม่แน่ใจว่าภายในเราเป็นมากกว่านี้รึเปล่า เพราะนายบอกว่าไอมานานแล้วใช่มั้ย...ก่อนหน้านี้เคยไอมีเลือดอีกหรือเปล่า”



“ไม่ครับ แต่เคยไอจนอาเจียนอยู่ครั้งหนึ่ง”



อิฐถามไปจดขยุกขยิกลงบนกระดาษไปตอนที่เขาตอบ ก่อนจะขมวดคิ้วและพยักหน้าเป็นครั้งสุดท้าย “ต้องลองตรวจดูอย่างละเอียดอีกที ถึงจะพอบอกได้ว่าเป็นอะไร แต่นั่นพี่แค่สันนิษฐาน...ที่ตรวจเพื่อยืนยันสิ่งที่พี่คิดเท่านั้น”



คนฟังพยักหน้าด้วยความลำบากใจ



“แต่พี่ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้อาการเป็นหนักและในขณะเดียวกันก็รักษาอย่างสม่ำเสมอให้ดีขึ้นเท่านั้น”



“...ผมต้องกินยาเหรอครับ...ถ้าหากต้องกินทุกเดือน ผม...ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้น” ใบหน้ามนก้มงุด มือบนตักสั่นระริกกำชายเสื้อแน่น “ที่ผมมาปรึกษาพี่อิฐก็เพราะเหตุผลเดียวกันครับ...ผมขอโทษ”



คนฟังนิ่งไป เข้าใจเหตุผลนั้น...แต่ที่สงสัยคืออาศัยอยู่กับติมแต่ไม่ได้ใช้เงินมันเลยเหรอ...คนส่วนใหญ่ที่ได้นอนด้วยก็คิดจะเกาะน้องชายเขากินทั้งนั้น



เป็นคนดีกว่าที่คิด...หรือเรียกว่าซื่อดีล่ะ



“ไม่เป็นไร แค่นี้พี่ไม่เก็บเงินกับเราหรอก” อิฐพูดประกอบรอยยิ้ม



“ขอบคุณมากครับ” ริมฝีปากบางเริ่มยิ้มออก แต่แล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความกังวลอีกครั้ง “แล้วอาการแบบนี้เป็นหนักมากๆ ผะ ผม...ผมจะตายหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าตอนไอมันเจ็บข้างในอกมาก...”



"การไอแล้วสะเทือนแผ่นอกและหลังมันเป็นเรื่องปกติ เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องทางเดินหายใจและปอด" อิฐอธิบาย “อย่างที่พี่บอกถ้าไม่ตรวจอย่างละเอียดดูว่าเป็นโรคอะไรกันแน่พี่ก็ไม่สามารถตอบได้นะ...แต่ถ้าเป็นไปตามที่พี่คิดเอาไว้ แม้สถิติคนตายจากโรคนี้ค่อนข้างน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี...ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ก็มีโอกาสเหมือนกัน”



ปกติหากเป็นคนอื่นเขาจะพูดซอฟท์กว่านี้ แต่นี่เห็นเป็นคนรู้จักและไม่อยากให้ร่างโปร่งคิดมองข้ามความอันตรายที่อาจเกิดขึ้น แต่คำพูดนั้นมันทำให้คนฟังหน้าซีดเซียว



“ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรผิดปกติ รามปรึกษาพี่ได้ตลอด แต่ตอนนี้พี่อยากแนะนำเป็นอย่างแรกคือตรวจโดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ของโรงพยาบาลก่อน”



พระรามพยักหน้าเบาๆ “แล้วถ้าผมไม่ตรวจ...”



“ไม่ได้ เราต้องรู้ว่าเป็นอะไร พี่จะได้แน่ใจและจะได้รักษาถูก”



คนฟังเม้มปากแน่น “แล้วมันต้องใช้เงินเท่าไหร่เหรอครับ”



อิฐรู้ว่าพระรามกำลังลำบากและเข้าใจความหมาย แต่ก็พูดออกไป “อย่างเราแค่เอกซเรย์ทรวงอกก็พอ ค่าใช้จ่ายราวๆ ห้าพัน”



อยากจะรู้ว่า...อีกฝ่ายจะทำยังไง ถ้าไม่มีทางออก...จะเข้าหาไอติมแล้วเรียกร้องความสนใจ...หรือว่า...



“ห้าพัน...” คนฟังฟังแล้วอึ้ง หนักใจขึ้นมาทันที จำนวนเงินนั้นแค่สองสัปดาห์ก็น่าจะหามาได้ทัน แต่นั่นก็ไม่ได้รวมถึงค่ารักษา...ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเขาเอาเม็ดเงินมารักษาตัวเอง แล้วเขาจะได้กินข้าวหรือเปล่า...แต่ถ้ามัวแต่ห่วงเรื่องอาหารการกิน...แล้วร่างกายของเขาล่ะ



รามเม้มปาก ขมวดคิ้วลำบากใจ ไม่ว่าจะทางไหน...มันก็ไม่ดีที่สุด



ทำไมแค่ตรวจอย่างเดียวมันถึงแพงอย่างนี้



“ถ้างั้นผมขอ...กลับไปคิดดูก่อนละกันครับ”



“ได้ แต่อย่าช้านักล่ะ รู้เร็วรักษาเร็วไว้ก่อนดีกว่า ยังไงช่วงนี้ก็เลี่ยงๆ สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีไปก่อนก็แล้วกัน”



ร่างโปร่งพยักหน้าเนือยๆ ก่อนจะไหว้และลุกขึ้น “วันนี้ขอบคุณพี่อิฐมากเลยครับ”



อิฐยิ้มอบอุ่น ส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร มองตามแผ่นหลังที่กำลังจะออกจากห้องไป



“เอ่อ...” ว่าที่แพทย์หนุ่มเลิกคิ้วเมื่อรามหันกลับมาและเอ่ยตะกุกตะกัก “คือผมก็ไม่ได้แน่ใจว่าติมจะถามพี่อิฐมั้ย แต่ว่าถ้าเขาถาม พี่อย่าบอกเรื่องที่ผมเล่าวันนี้ให้เขาฟังได้มั้ยครับ”



คนฟังเลิกคิ้ว “เราบอกพี่ว่าไอติมเขาไม่ได้รักเราไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นเขาคงไม่สนใจหรอกมั้ง”



รามยิ้มเจื่อนพยักหน้าเบา “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีครับ”



“เราบอกพี่ได้มั้ยว่าทำไมถึงไม่อยากบอกติม”



ร่างโปร่งเกาแก้มก่อนจะหัวเราะแห้งออกมาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “ก็แค่เหตุผลเห็นแก่ตัวน่ะครับ...”



“บอกมาเถอะ พี่อยากรู้”



พระรามอ้าปากจะพูดก่อนจะยกมือปิดอย่างรวดเร็วไอค่อกแค่ก ริมฝีปากบางแห้งผากอ้าหอบหายใจเหนื่อยอ่อน “พี่อิฐคงไม่รู้ว่าติมเกลียดผมมากด้วยเหตุผลบางอย่าง ถ้าหากเขารู้ว่าผมป่วย...ผมแค่ไม่อยากได้ยินเขาพูดว่าสมน้ำหน้าหรืออะไรแบบนั้น” นี่ขนาดเพียงแค่นึกถึงใบหน้ามนก็นิ่วเจ็บปวดแทบขาดใจ “ผม...ไม่อยากร้องไห้เพราะติมอีกแล้วครับ”



“...”



“อีกอย่างตอนนี้ผมก็ไม่เหลือใครแล้ว ทั้งพ่อทั้งแม่ก็จากไปหมด”



“...”



“ถ้าหาก...ถ้าหากผมหายไป...มันก็คงจะดีกับเราสองคนมากกว่า” เสียงทุ้มใสตัดพ้อ



ถ้าหากเขาไม่มีทางเลือก...อาการป่วยนี้เขาอาจจะไม่ทำอะไรกับมัน แม้จะรู้ว่าเจ็บก็ต้องอดทน



...จนกว่าร่างกายมันจะทนไม่ไหว...



อิฐมองร่างโปร่งผ่ายผอมที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ น้ำตารื้นมองกลับมาแล้วก็อดพูดออกมาไม่ได้



“ราม พี่ไม่ได้เข้าข้างน้องชายของตัวเองหรอกนะ แต่ว่ารามกำลังเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า...ที่ว่าเกลียดอะไรนั่น...”



คำพูดที่เหมือนกับจะปล่อยให้ตัวเองตายนั่น...มันไม่ดีเลย อิฐชัดเจนแล้วว่ารามเป็นคนนิสัยยังไง แล้วถ้าเป็นแบบนั้นแสดงว่าไอติมคงจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้แม้แต่นิด...ทั้งเรื่องอาการป่วยและสิ่งที่รามกำลังคิดจะทำ



“ไม่หรอกครับ...ไม่เลย” รามส่ายหน้าพูดขัดแผ่วเบา ทั้งใจที่บีบรัดกับความรู้สึกที่เจ็บปวด "ติมเขาเป็นคนพูดเอง..."



‘แต่ถ้ากูไม่อยากได้ ความรักของมึงมันก็ไม่มีค่า!!’



น้ำเสียงเกรี้ยวกราดและใบหน้าของติมตอนนั้น น้ำตาเม็ดโตก็ร่วงเผาะอย่างกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป



เขาไม่เคยลืม...และจะไม่มีวันลืม



‘ก็แค่รู้สึกผิด กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงทั้งนั้น’



“มันชัดเจนมากครับ”



ชัดเจน...จนไม่ว่าใครจะพูดยังไง เขาก็ปักใจไปแล้วว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ



ความรู้สึกดีๆ ของเขามันเปลี่ยนความเกลียดของไอติมไม่ได้เลย กลับกันมันยิ่งจะทวีคูณมากขึ้น...



ดวงตาเรียวช้อนมองใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ไม่แตกต่างจากน้องชาย...แววตาของแม่ภาวดีที่กำลังฉายความสงสารและเห็นใจ



ที่พี่อิฐดีกับเขาแบบนี้เพราะว่ายังไม่รู้หรือเปล่าว่าพระรามเป็นคนแย่งแม่ตัวเองไป...ถ้าหากรู้ แววตาที่เอ็นดูและสงสารจะเปลี่ยนเป็นเกลียดชังอีกหรือเปล่า?



พระรามขบปาก เขาไม่กล้าพูดออกไป...อย่างน้อยขอเว้นไว้อีกสักคนที่ยังใจดีกับเขา แม้อาจจะรู้ว่าถ้าพี่อิฐรู้เองภายหลังก็อาจจะเกลียดเขามากไม่ต่างจากติม



กว่าจะถึงตอนนั้นเขาอาจจะไม่อยู่แล้ว



อย่างน้อยก็ให้ช่วงเวลานี้มันดำเนินไปให้ยาวที่สุดก็พอ



ในห้องเงียบเชียบไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทำให้พระรามก้มหัวขอบคุณเป็นครั้งสุดท้ายและเปิดประตูออกไป

 



 

********************* Love Substitute *********************

 







ขาคู่เรียวเดินออกจากห้องของอิฐไปพร้อมกับในหัวที่คิดอะไรมากมาย



ทั้งเรื่องของติม...และเรื่องของตัวเอง ถ้าหากเรากลับไปขยันทำงานเหมือนเดิมหาเงินมาตรวจและรักษาก็น่าจะได้อยู่



บอกตามตรงว่าลังเล...อยากรักษาไม่ให้ไอแห้งแบบนี้อีก มันเจ็บปวดทรมาน



แต่ถ้าหาก...ถ้าหากว่าเขา...



ไม่แน่ว่า...ความตายอาจจะทำให้สิ่งที่รู้สึกทั้งหมดทั้งมวลแบบนี้จบลงก็ได้ เขาจะได้ไม่ทรมานจากการเป็นแบบนี้ รวมถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อไอติมด้วย



เรื่องทุนไปเรียนต่อต่างประเทศรามก็ตอบตกลงอาจารย์วีระไปแล้ว จะให้ยกเลิกตอนนี้ก็ดูไม่ดี...เพราะงั้นปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน



ไม่มีใคร...ที่ล่วงรู้อนาคต



พระรามเหม่อลอย ไม่รู้เลยว่าเดินวนเวียนไปทางไหนของโรงพยาบาล ที่นี่มันใหญ่มากจนหลงทาง...จนบังเอิญมาเจอกับคินและชะเอมที่กำลังออกจากห้องพักฟื้นพอดี ราวกับเตรียมตัวกำลังจะกลับบ้าน ถึงเพิ่งจำได้ว่าดินโทรมาบอกเขาเมื่อเช้านี้เรื่องของทั้งคู่



"ราม!"



ดวงตากลมโตหันมาเจอเขาเข้าพอดี แววตาระยิบระยับฉายแววสดใสทำให้รามยิ้มรับเดินเข้าไปใกล้



"ไงเอม" ไม่ลืมสำรวจคินที่นั่งรถเข็นวีลแชร์ ก่อนจะยิ้มทักทายให้ร่างสูง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบกลับมา



...แม้จะเดินไม่ได้แล้วแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่...



"รามมาทำอะไรเหรอ" เสียงใสถาม อีกฝ่ายก็สำรวจร่างกายของเขาไม่ต่างกัน อาจจะเพราะล่าสุดที่เจอกันก่อนจะเกิดเรื่องวุ่นวายก็คือเขาบาดเจ็บแขนขาใช้การไม่ได้ ชะเอมยิ้มดีใจเมื่อเห็นพระรามหายดีแล้ว



แต่คนได้ยินคำถามเริ่มกลอกตาเลิ่กลั่กเล็กน้อย "ก็ได้ข่าวว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายเลยมาแสดงความยินดี"



จะให้รู้ว่าเขามาทำอะไรที่โรงพยาบาลไม่ได้



คินผงกหัวยิ้มบาง "ขอบใจ แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้าง"



พระรามชะงักมองตาคิน มันสื่อความหมาย ทำให้นึกถึงบทสนทนาที่ชายทะเลในวันนั้น



ร่างโปร่งที่ควรจะหลับอยู่บนเตียงนั่งกอดเข่าริมทะเลท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงสลัวจากไฟของโรงแรมตึกใหญ่ที่ส่องให้เห็นว่ายังมีใครนั่งอยู่ตรงนี้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแสนว่างเปล่าไม่ทันได้รู้ว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาหย่อนกายนั่งถัดไปเล็กน้อย ใบหน้ามนหันมอง



...คิน...



'กับเอมเป็นไงบ้าง' เสียงทุ้มใสเอ่ย เขาไม่เคยคุยกับคินเป็นการส่วนตัว แต่การมาเที่ยวครั้งนี้เหมือนเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งหมด ไม่รู้ทำไมคินถึงมานั่งข้างๆ และไม่รู้ทำไมอยู่ๆ พระรามถึงเอ่ยถามออกไป

   

คนฟังหัวเราะหึ 'ดี...ดีมาก แต่...' ร่างสูงเงียบไป เป็นพระรามที่ยิ้มออกมา...รู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

   

'ถ้ามึงรู้แล้วก็คอยอยู่เคียงข้างเอมสิ เอมไม่เป็นอะไรหรอกน่า...ขนาดตอนที่ไม่มีมึงอยู่ข้างๆ ยังไม่เป็นอะไรเลย'

   

'...'

   

'เห็นแบบนั้นแต่เอมก็เข้มแข็งมากกว่าที่มึงคิด'

   

แม้จะไม่เห็นแต่ก็รู้ว่าคินยิ้มรับ เพราะคนที่รู้ดีที่สุดไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เพื่อนอย่างเขาแต่เป็นคนรักอย่างคินต่างหาก

   

ดวงตาเรียวเหลือบมอง ใบหน้าคมหล่อเหลาเดือนคณะวิศวะกรรมศาสตร์เมื่อสามปีที่แล้วกำลังมองตรงไปนอกทะเลอันมืดมิด พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่มุมปาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ตำแหน่งเดือน

   

แววตานั่น...แม้ชะเอมไม่ได้อยู่ข้างๆ แต่คินก็ยังนึกถึง ยืนยันด้วยดวงตาระยิบระยับฉายความสุขล้นและความเอ็นดูในร่างบางของคนรัก

   

ไม่ต่างจากตอนที่ติมนึกถึงชะเอมเลย...เป็นแววตาที่เขาอยากได้

   

'แล้วมึงล่ะเป็นยังไงบ้าง'

   

รามเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจที่จู่ๆ ร่างสูงชวนคุย 'มึงหมายถึง?'

   

'กับไอ้...ติมไง'

   

'อืม...' ร่างโปร่งครางซบหน้าลงกับเข่า ไม่ค่อยอยากตอบและไม่อยากให้เห็นสีหน้าตอนนี้ของเขา 'ก็ดี'

   

'แต่เสียงมึงไม่ค่อยดี'

   

พระรามเงยหน้ามอง ก่อนจะยิ้มเฝื่อน 'มึงก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเพราะอะไร'

   

ไอติมชอบชะเอม

   

หลังจากนั้นระหว่างพวกเราสองคนก็มีแต่เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งดังซ่าๆ เป็นระยะ ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยขึ้นมา

   

'กูคิดว่า...สักวันหนึ่ง...'

   

ความทรงจำที่ย้อนกลับมา ทำให้พระรามยิ้มเฝื่อน รอยยิ้มของเขาในตอนนี้คงจะไม่ต่างจากตอนนั้นสักเท่าไหร่ คำถามของคินเขาก็เงียบไม่ตอบ เท่านี้ก็คงทำให้ร่างสูงรู้แล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง

   

ความลับระหว่างเขากับคินที่ปิดบังเอาไว้ไม่ให้ใครรู้

   

"แค่ก...แค่ก!" รามปิดปากไอหนักสามสี่ครั้งก่อนจะหอบหายใจแรง

   

จู่ๆ มันก็เป็นขึ้นมาอีกแล้ว อีกทั้งยังต่อหน้าเพื่อนทั้งสอง

   

"ราม?" คนตัวเล็กขมวดคิ้ว เดินเข้ามาใกล้อย่างเป็นห่วง "เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ"

   

"ไม่เป็นไร..." ร่างโปร่งรีบเอ่ย ยิ้มเก็บสีหน้าให้เหมือนเดิมเพื่อให้ทั้งคู่ที่มองอยู่ไม่สงสัยอะไรไปมากกว่านี้

   

"ไอติมล่ะ? ไม่ได้มาด้วยเหรอ..."

   

"นายได้เจอรักแท้ของนายแล้วนะเอม...ขอให้พวกนายทั้งคู่มีความสุข รักกันนานๆ" รามพูดอวยพรยิ้มๆ น้ำเสียงจริงใจ แต่ในนั้นมีความรีบร้อนอยู่

   

ต้องรีบไปแล้ว...ก่อนที่จะ...ทนไม่ไหว

   

แต่คำพูดนั้นเขาพูดจริงๆ ชะเอมที่ทนกับความทุกข์มานานได้พบกับความรักและความสุขอย่างแท้จริง แม้คนรักจะใช้ขาไม่ได้...แต่หัวใจทั้งคู่ก็ยังรักกัน...เป็นห่วงกัน...ได้อยู่เคียงข้างกัน

   

"ขอบใจนะราม" ชะเอมยิ้มกว้างรับจนแก้มขาวใสแดงเรื่อ

   

"ฉันก็ขอบใจมาก แล้วก็ขอให้นายมีความสุข" คินอวยพรกลับมาด้วยรอยยิ้มมีความสุขไม่ต่างกับร่างบาง แต่ความหมายของคำพูดสื่อต่อเนื่องมาจากวันที่คุยกันเมื่อนานมาแล้ว

   

พระรามโบกมือลาให้คนทั้งสองก่อนจะเดินออกมานอกโรงพยาบาล แดดสว่างจ้าทำให้ต้องยกแขนขึ้นบังตา

   

แม้แดดจะแรงแต่เขาก็ได้ยินเสียงทะเล...เสียงคลื่นสาดซัด...และเสียงทุ้มในความทรงจำ

   

'กูคิดว่า...สักวันหนึ่ง...ไอ้หมอนั่นมันคงจะรักมึงเอง...เชื่อกูสิ'

   

ใบหน้ามนเงยขึ้น ริมฝีปากบางยิ้มออกมา แต่น้ำตากลับไหลลงผ่านแก้มขาว

   

"อึก...!"

   

...ในชีวิตของเขา...มันไม่มี 'สักวันหนึ่ง' หรอก...

   

'ขอให้นายมีความสุข'

   

มีเพียงเขาที่รู้ดีกว่าใคร...ว่ามันไม่มีทางมีวันนั้น

   

ขาเรียวเดินออกมาจากที่แห่งนั้น ก้าวขึ้นรถและมองวิวทิวทัศน์ที่วิ่งผ่านไปเรื่อยๆ

   

'คินกับเอมดร็อปเรียนไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลับมาเรียนต่ออีกเมื่อไหร่'

   

ต่อจากนี้คงได้ใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนเดิม...ทางเดินชีวิตของใครก็ต้องมีเป็นของตัวเอง

   

ไม่แน่ว่าการพบกันครั้งนี้ระหว่างเรา...อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย

   



...ไม่มีใคร...ล่วงรู้อนาคต...

   





********************* Love Substitute *********************

หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 23-07-2019 03:15:07
ขอบคุณที่เอามาลงในเล้าเป็ดนะคะ ตามมาจากใน RAW ค่า ตอนนี้น้ำตาไหลพรากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 21-08-2019 21:01:04
ทดแทนรัก

ตอนที่ 30



โปรดใช้วิจารณญาณและอย่าลืมเตรียมหมอนผ้าห่มทิชชู่เอาไว้ซับน้ำตาระหว่างการรับชม





“...บ้าแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ” หนุ่มลูกครึ่งเอเชียยุโรปอุทานอ้าปากค้างทิ้งร่างบนโซฟาใหญ่ในห้องของคอนโดตัวเอง ข้างๆ เป็นเพื่อนสนิทที่ถือแก้วเหล้าซึ่งอ่านสีหน้าไม่ออก



แต่ก็พอจะรู้ว่ามีเรื่องค่อนข้างหนักใจ ไม่งั้นไม่มาหาถึงที่



"..."



"นี่มึงทำจริงเหรอ" ไอติมมองหน้าเพื่อนที่หันมาถามย้ำก็เดาะลิ้นใส่



“อืม ตามที่กูเล่าแหละ”



"มึงแม่ง...โคตรโง่" คนตัวสูงใหญ่กระแทกเสียงใส่ ยกแก้วกระดกเหล้าเข้าปากได้ยินเสียงน้ำแข็งกระทบแก้วดังก๊องแก๊ง แต่อีกคนเส้นเลือดที่ขมับปูดขึ้นเป็นรอยหยักทันทีที่ได้ยิน



"กูอุตส่าห์มาเล่าเพราะคิดว่าจะมาปรึกษามึงได้นะไอ้ธาร"



"มึงจะปรึกษาอะไรกูไม่ทราบ ในเมื่อมึงทำลงไปแล้ว" ดวงตาสีฟ้าเทาที่มักจะเป็นประกายตวัดมอง "มึงโง่ไม่พอ...ยังเลวชาติชั่ว"



"ไอ้เหี้ยธาร!!" เสียงทุ้มตวาดดัง หากเป็นคนอื่นคงกลัวหัวหดกับท่าทางน่ากลัวเช่นนี้ ทั้งร่างสูงที่ยืนกำหมัดแน่นและ ถลึงตามองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ



"เอาเลย ต่อยกูเลย ถ้าโมโหนัก" แต่ธารกลับนั่งนิ่งซดเหล้าราคาแพงดังอึกๆ ก่อนจะกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ ยกขวดเทลงไปจนเต็มแก้วอีกครั้ง "ที่กูพูดคงแทงใจดำมึงสิ"



ร่างสูงนั่งลงที่เดิมอย่างแรงไม่กลัวโซฟาพังทั้งๆ ที่ไม่ใช่ของตน



"กูไม่เคยรู้ว่ามึงเป็นคนชอบเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น"



"..." คนฟังไม่ตอบแต่หายใจฟึดฟัด



"มึงเกลียดราม"



"...ก็เคย..."



ร่างสูงใหญ่เสยผม "โว้ หมายถึงตอนนี้ดิ"



"..."



เป็นธารที่อารมณ์ขึ้นบ้าง "ถ้าไม่พูดกูจะไม่คุยกับมึงแล้วนะ" ยิ่งดื่มเหล้าอารมณ์มันยิ่งกรุ่นง่ายอยู่ด้วย



"ไม่ได้เกลียด" ติมตอบเสียงเรียบ สีหน้าไร้อารมณ์



"แล้วรักมั้ย" ดวงตาคมกริบตวัดขวับ ทำให้ธารเปลี่ยนคำ "อ่ะๆ ชอบมั้ยก็ได้"



"...อาจจะ"



ธารเงียบไปกับคำตอบถามคำตอบคำของเพื่อน ดวงตาสีฟ้าเทาจับจ้องนิ่ง ทำให้ไอติมจิ๊ปาก



"อะไรอีกล่ะ มีอะไรจะพูดก็พูดมา"



"นี่มึงมาขอปรึกษากูด้วยน้ำเสียงแบบนี้เหรอวะ"



"..."



"กูล่ะไม่เข้าใจมึงจริงๆ กับพี่เอมคนนั้นมึงยังพูดดีๆ ด้วยได้ แต่กับคนนี้ ทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะวะ"



ไอติมนิ่งคิด อันที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...แต่กับพระรามพูดดีด้วยได้ไม่ถึงวัน แววตาเศร้ากับน้ำตามันทำให้เขาเกลียดมาก ไม่ชอบเห็นมัน



"หรือว่ามึงยังติดใจเรื่องของแม่"



"..."



สายธารปรายตามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเพื่อนก่อนจะก้มลงมองน้ำมึนเมาในแก้วกับน้ำแข็งลอยตัว



"กูไม่ถามมึงแล้วก็ได้ มึงตอบกูมาแค่คำเดียว...ถ้ารามหายไป...มึงจะรู้สึกยังไง"



ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง ไอติมหันขวับมองเพื่อนทันทีที่พูดจบ



ในใจรู้สึกหวิวไปชั่ววูบ...



"มึงพูดเหี้ยอะไร รามไม่มีทางหายไปจากกู" เสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างมั่นใจทำให้อีกคนแค่นหัวเราะ



"ไม่มีอะไรที่แน่นอนหรอก ยิ่งจิตใจของคน ถ้าหากถูกทำร้ายมากเข้า มีหรือที่เขาจะไม่ไปหาคนที่จะทะนุถนอมหัวใจของตัวเองได้ดีกว่า?"



ร่างสูงที่นั่งฟังขบกรามเพียงนึกถึงร่างโปร่งอยู่ข้างกายคนอื่นที่ไม่ใช่เขา



"สักวันรามอาจจะหนีไปจากมึง...หรือถ้าไม่เป็นแบบนั้น สักวันก็อาจจะต้องตายเพราะคู่อริของมึงอย่างพวกไอ้ภูมิ"



"ไอ้ธาร...มึงหยุด..." คนฟังกัดฟันกรอดอย่างอดทน มือค่อยๆ กำแน่นอีกครั้ง หน้าแดงก่ำก่อนที่จะทนไม่ไหวเมื่อธารเอ่ยประโยคถัดมา



"เขาจะต้องตายเพราะมึงเป็นต้นเหตุ!"



"ไอ้เหี้ย หยุดพูด!! มึงหยุดพูดเดี๋ยวนี้!"



เพล้ง!



ติมที่ตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อยลุกขึ้นขยุ้มคอเสื้อคนตัวโตด้วยมือทั้งสองข้าง ทำให้สายธารไม่ทันตั้งตัวเผลอปล่อยแก้วตกลงพื้นแตกกระจาย แต่กระนั้นคนโดนกระชากคอเสื้อกลับยิ้มกริ่มไม่มีความตกใจ พอดวงตาสีเทาสบมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มีความกรุ่นโกรธเหมือนมีไฟแผดเผาอยู่ในนั้นแล้วอดหัวเราะเยาะไม่ได้ "หึ กูว่ากูได้คำตอบแล้วว่ะ"



"...ไอ้เวร" ติมสะบัดมือออกเมื่อเห็นว่าธารไม่ได้พูดอะไรยั่วโมโหอีก แถมดูเหมือนเพื่อนมันก็แค่อยากจะทดสอบบางอย่างกับเขามากกว่าด้วย



ร่างสูงทิ้งตัวลงกระแทกหลังกับพนักโซฟา

         

“มึงรู้รึเปล่า ว่ากูรู้สึกแปลกๆ ได้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

           

“ตอนไหน แปลกอะไร...อะไรแปลก”

           

“จำตอนที่คุยโทรศัพท์ได้ป่ะ ที่กูแซวว่ารามเป็นที่รักมึง”

         

“...”

           

“ที่มึงตะคอกกลับมาตอนนั้น มึงบอกกูหรือบอกตัวเอง...กูคิดในใจมาตลอด แต่ตอนนี้กูได้คำตอบที่ชัดเจน”

           

อาจจะเป็นตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...ตอนที่เพื่อนมันกระทืบไอ้เหี้ยภูมิจนน่วมโทษฐานคิดจะข่มขืนร่างโปร่งคนนั้น ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าติมมันจะรู้มั้ยว่าความรู้สึกของมันเปลี่ยนไปไม่ใช่เพราะพี่ชะเอม แต่เป็นพระรามต่างหาก

   

"ความรู้สึกในใจของมึงชัดเจน เพราะงั้นเลิกหลอกตัวเองว่าชอบพี่เอมได้แล้ว”

   

“...”

   

“แล้วเรื่องรามน่ะ มึงหยุดทำร้ายเขาด้วยวิธีแบบนี้เถอะ ถ้าเป็นห่วงนัก...แทนที่จะปล่อยไป สู้เก็บเขาเอาไว้ข้างกายให้อยู่ในสายตาตลอดเวลามันไม่ดีกว่าเหรอ"

   

"..."

   

"แสดงออกกับรามเหมือนที่ทำกับพี่เอมบ้างไม่ได้เลยหรือไง...ทิฐิน่ะลดลงมั่งสิวะ"

   

ติมขมวดคิ้วพอนึกถึงหลายเรื่องที่ทำให้พระรามเสียน้ำตา เอ่ยถามในสิ่งที่คนฟังอยากหัวเราะดังๆ "แล้วถ้าทำแบบนั้น...มันจะทดแทนเรื่องเก่าๆ ได้เหรอ"

   

"โอ๊ย ไอติมผู้เชี่ยวชาญเรื่องบนเตียงครับ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงได้โง่ขนาดนี้" คนโดนด่าย้ำขมวดคิ้วเตรียมจะวีนแตก แต่กลับชะงักเมื่อนิ้วชี้ยาวจิ้มลงบนอก "อดีตมันจะสำคัญตรงไหน ความรู้สึกตอนนี้ต่างหากที่สำคัญที่สุด มึงก็แค่ต้องแสดงออกมา...ต้องเหมือนกับที่โมโหกูเมื่อกี้"

   

"..." ก็ไม่รู้ทำไมเวลาคุยกับรามมันถึงเก็บอารมณ์ไม่ได้ทุกครั้งไป

   

เป็นเพราะอีกฝ่ายดื้อดึงไม่ยอมทำตามที่เขาบอก

   

"ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน มึงก็ต้องใจเย็นและลดทิฐิลงด้วย เพราะคนที่รักมึง เขามีแต่จะเจ็บปวดเพราะทุกการกระทำและคำพูดของมึงเอง กูไม่พูดตัวมึงก็คงจะรู้ดีที่สุด"

   

"..."

   

ธารเห็นเพื่อนเงียบไปจึงเดินออกมาเพื่อหยิบแก้วใบใหม่ ร่างสูงก้มหน้ายกนิ้วนวดคลึงที่ขมับ ก่อนจะหลับตา

   

'กูล่ะไม่เข้าใจมึงจริงๆ กับพี่เอมคนนั้นยังทำดีด้วยได้ แต่กับคนนี้ทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะวะ...หรือว่ายังติดใจเรื่องของแม่'

   

เขายังไม่ลืม...เรื่องที่แม่จากไปเป็นเพราะราม

   

'ติม หยุดพูดแบบนั้นได้มั้ย เรื่องแม่พี่ขอโทษ'

   

เขาตั้งใจมาตั้งแต่ต้น เพราะอยากจะให้รู้สึกเจ็บบ้าง

   

...แล้วตอนนี้ล่ะพอใจรึยัง...

   

'พี่เจ็บขนาดนี้ พอใจนายรึยังติม'

   

หยาดน้ำตาและใบหน้ามนนิ่วหน้าเจ็บปวด

   

'พี่สามารถรักนายได้มากกว่าใคร!'

   

'ทำไม...ตอนนั้นถึงกอดพี่'

   

'ติม อย่าไป!'

   

'คนของมึงคนนี้หน้าจืดก็จริง แต่ร่างกายยั่วน้ำลายกูโคตรๆ เลยว่ะ คราวหน้าถ้าเจอก็ขอลองสักน้ำนะ ดูซิว่าจะเด็ดแค่ไหน' เสียงหัวเราะระรื่นสะท้อนในหูยามที่เจอพวกไอ้เวรภูมิในร้านเหล้ามันทำให้อยากจะแจกตีนหลายๆ ที

   

'ก็แค่...รู้สึกผิด'

   

'กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงทั้งนั้น'

   

คำพูดเลวๆ ที่พูดออกไปเพราะอยากให้ไปให้ไกล แม้จะโทษตัวเองที่ไปลากร่างโปร่งกลับมาตั้งแต่แรก...แต่ทำไมพอกลับมาพระรามกลับยังอยู่ในห้อง...ไม่ไปไหน

   

พอยิ่งเมา...แค่เห็นร่างโปร่งมันก็ยิ่งอยาก

   

'อะ อา พี่เอม...ผมรักพี่'

   

ริมฝีปากบางสีชืดนั่นยามครางเรียกชื่อเขามันยิ่งทำให้น่าจูบ...ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้

   

'ติม ฮึก พี่มีชื่อนะ...พี่ชื่อ...'

   

เพียงคิดง่ายๆ ว่าถ้าหากมีอะไรกันแล้วเรียกชื่อคนอื่น...รามจะรีบเก็บของไปเหมือนคราวนั้นที่ลากนิลมานอนบนเตียงในห้อง

   

ทว่าตื่นเช้ามา...ก็ยังเห็นร่างโปร่งอยู่เหมือนเดิม ยิ้มให้เหมือนเดิม

   

'มึงไปซื้อกับข้าวที่ไหนมา ห่วยแตกมาก แดกไม่ลง' ทั้งๆ ที่รู้ว่ารามเป็นคนทำก็ยังพูดทำร้ายจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า...จนแววตาเศร้าสร้อยนั้นค่อยๆ ว่างเปล่า...ใบหน้ามนประดับรอยยิ้มจืดเจื่อนทุกครั้งที่คุยกับเขา

   

ผ่านไปหลายวัน...หลายวันจนนานนับเดือนสองเดือน พระรามก็ยังไม่ไปไหน บทสนทนาระหว่างเราสองคนน้อยลงทุกวัน แต่อีกฝ่ายยังคงซื้อกับข้าวติดมือมาให้ทานสม่ำเสมอโดยไม่ขอเงินเขาแม้แต่บาทเดียว...แม้เขาจะรู้ดีว่าร่างโปร่งกลับไปทำงานอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยห้ามอะไร

   

และเมื่อไม่กี่วันก่อน จู่ๆ รามก็เอ่ยบทสนทนาขึ้นมา

   

'ช่วงนี้ร่างกายพี่ไม่ค่อยดีเลย พี่ไอบ่อยมาก แล้วก็ยัง...’ ริมฝีปากบางอ้าค้างก่อนจะเปลี่ยนเป็นแย้มรอยยิ้มโศกเศร้า ‘ไม่มีอะไร’

   

จากนั้นเขาก็ทำเป็นกินข้าวโดยไม่สนใจ ทั้งๆ ที่เหลือบตามองร่างโปร่งอยู่ตลอดเวลา

   

ตอนนั้น...รามจะพูดอะไร...เรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับตัวเองใช่รึเปล่า

   

'ถ้ารามหายไป มึงจะรู้สึกยังไง'

   

'มีเบอร์พี่อิฐมั้ย พี่อยากปรึกษาอะไรนิดหน่อย'

   

พรึ่บ!

   

ไอติมลืมตาโพลงผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้าวเดินออกจากห้องทำให้ธารตะโกนออกมาอย่างงงๆ

   

"อ้าว เฮ้ย! ไปไหนวะ..."



           



รถสปอร์ตคันหรูแล่นออกมาจากคอนโดของเพื่อนสนิทได้สักพักแล้ว แต่จุดมุ่งหมายของเขาไม่ใช่ห้องพักของตัวเอง แต่เป็นโรงพยาบาลของพี่ชายต่างหาก

   

‘มีเบอร์พี่อิฐมั้ย พี่อยากปรึกษาอะไรนิดหน่อย’

   

ในยามที่เขาให้เบอร์ไป...

   

‘ขอบคุณนะติม’ เสียงทุ้มใสที่พูดกับเขา และรอยยิ้มนั่น...มันดูเศร้ามาก ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องของเขา มันมีอะไรที่มากกว่านั้น...

   

‘ไหนบอกว่าแพ้แค่กลิ่นควันไง...นี่ฝุ่นด้วยเหรอ’

   

‘อะ อื้ม ก็...ประมาณนั้นแหละ’

   

เพียงแค่นึกถึงเท้าก็เหยียบคันเร่งให้พุ่งเร็วอีก แม้เข็มความเร็วของรถสปอร์ตพุ่งแตะร้อยยี่สิบ...ร้อยสามสิบ...เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ยังไม่ทันใจเขา ซ้ำยังเจอติดไฟแดงรถติดยาว จนต้องล้วงมือถือขึ้นมาโทรออก

   

(“ว่าไง คงไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้พี่อีกหรอกนะ”)

   

“รามไปหาพี่รึเปล่า” ร่างสูงเปิดเข้าประเด็นทันทีไม่สนใจคำทักทายแกมเหน็บแนม พอไฟจราจรเปลี่ยนเป็นเขียว เท้าก็เหยียบคันเร่ง สายตามองไปรอบด้านอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิมเพราะแบ่งสมาธิครึ่งหนึ่งเพื่อคุยโทรศัพท์ ใช้มือข้างเดียวสาวพวงมาลัยขับรถปาดซ้ายปาดขวาแบบไม่เดือดร้อน ซ้ำยังทำได้ดีกว่าคนขับสองมือด้วยซ้ำ

   

(“อ้อ...ใช่ มาตั้งแต่วันก่อนแล้ว เพิ่งจะคิดได้เลยโทรมาหรือไง”) ปลายสายกรอกเสียงมาทำให้คิ้วเข้มขมวดฉับ

   

“พี่อิฐอย่ากวนได้ไหมวะ” เสียงทุ้มพูดห้วนไม่สบอารมณ์ คำลงท้ายที่รู้ว่าเริ่มโมโหไม่ทำให้อีกฝ่ายกลัวแต่กลับหัวเราะออกมาทันทีอย่างอารมณ์ดี “เขาพูดอะไรบ้าง ไปหาพี่ทำไม ป่วยเหรอ”

   

(“อืม จะบอกดีหรือเปล่า...รามวานพี่อย่าบอกนายซะด้วยสิ”) อยากจะตลกขบขันกับคำถามที่เอ่ยออกมารัว แต่อิฐทำเสียงยานคางราวกับจะกวนอารมณ์อีกครั้ง คราวนี้ติมไม่สนใจ คำพูดนั้นต่างหากที่ทำให้ดวงตาคมกริบเบิกกว้างก่อนจะหรี่ลง

   

รามบอกพี่อิฐว่าไม่ให้บอกเขางั้นเหรอ?

   

“หมายความว่าไง”

   

(“ก็ตามนั้นนั่นแหละติม”)

   

“พี่บอกผมมาว่าตกลงรามเป็นอะไร” มือใหญ่วางโทรศัพท์ไว้ที่คอนโซลก่อนจะเชื่อมต่อกับรถยนต์คุยแบบไม่ต้องถือโทรศัพท์ ตั้งสมาธิกับการขับรถเพื่อให้ได้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่ปลายสายอยู่เร็วที่สุด "เขาป่วยเป็นอะไร"

   

'พี่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย ช่วงนี้ไอบ่อยมาก...'

   

"รามบอกว่าช่วงนี้ไอบ่อยๆ ...สรุปคือไม่ได้แพ้ฝุ่นหรือควันเหรอ"

   

("แล้วทำไมแกไม่ไปถามเจ้าตัวเองล่ะ")

   

"ถ้ารู้ว่าถามแล้วไม่บอกแล้วผมจะไปถามทำไม!?"

   

ปลายสายครางในลำคอ ("แล้วทำไมเขาถึงไม่บอกแกล่ะ...รามไม่บอกหรือแกไม่เคยรับฟังกันแน่")

   

"พี่อิฐ!" เสียงทุ้มตะโกน มือใหญ่ทั้งสองข้างบีบพวงมาลัยจนเส้นเลือดปูด

   

("พี่ก็ไม่รู้นะว่าทำไมรามถึงบอกเอาไว้ว่าห้ามบอกแก แต่พี่ว่าสาเหตุมันก็มาจากแกนั่นแหละติม...")

   

"..."

   

("เขาบอกว่าแกเกลียดเขา ที่ไม่บอกเรื่องนี้ก็คิดว่าเพราะยังไงแกก็ไม่สนใจ...แล้วกลัวแกจะว่าสมน้ำหน้า")

   

ยิ่งฟังมากเท่าไหร่ ความกรุ่นโกรธมันยิ่งทวีคูณ...

   

("พี่ยังไม่ได้ตรวจรามหรอก เลยยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นโรคอะไร")

   

"แล้วทำไมพี่ไม่ตรวจเล่า" คนที่ถามอยากรู้ใจจะขาดแต่กลับได้คำตอบที่ไม่อยากได้ มือใหญ่ตบพวงมาลัยดังลั่นเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็นไฟแดงอีกแล้วจนต้องเหยียบเบรคดังเอี๊ยดลั่นถนน อะไรๆ ก็ไม่สบอารมณ์ไปหมด

   

("นี่สรุปว่าแกชอบรามใช่มั้ย อาการแบบนี้พี่ไม่เคยเห็นแกเป็นกับใคร")

   

"แล้วถ้าชอบไม่ชอบ มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย ตกลงว่าทำไมพี่ไม่ตรวจว่ารามเป็นอะไร!?" เขาไม่ชอบคนกวนประสาท แล้วยิ่งตอนที่อยากรู้คำตอบแต่อีกฝ่ายกลับพูดวกไปวนมามันยิ่งทำให้อารมณ์พุ่งสูงอย่างง่ายดาย

   

("นี่ แกใจเย็นก่อนสิติม ที่พี่ไม่ตรวจเพราะพระรามไม่มีเงินจ่ายค่าตรวจ มันต้องใช้เครื่องเอ็กซเรย์")

   

"โรงพยาบาลก็เป็นของเราพี่จะเดือดร้อนอะไรกับแค่เอ็กซเรย์"

   

("พี่ไม่ใช่พ่อสักหน่อย") อิฐพยายามจะบอกว่าเขาไม่ใช่เจ้าของอยู่ๆ จะมาตัดสินใจเอาเองไม่ได้...ไม่ใช่ว่าอยากจะทำอะไรก็ทำได้

   

ไอติมนี่ยังเด็กจริงๆ คิดอะไรไร้เหตุไร้ผล...ยิ่งตอนโมโหนี่ก็เอาแต่ใจสุดๆ

   

คนฟังพ่นลมออกจมูก "งั้นเดี๋ยวผมจ่ายให้"

   

("เงินแกก็คือเงินพ่อหรือเปล่าฮึ") อิฐพูดขัดพลางกลั้วหัวเราะ ก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าน้องชายจะพูดแบบนี้ ("แกคิดเหรอว่าทำแบบนั้นแล้วรามจะยอม เขาบอกพี่เองว่าที่เขามาหาพี่เพราะไม่มีเงินไปหาหมอ ถ้าหากเขาคิดจะเอาเงินแกคงเอาไปนานแล้ว")

   

"..."

   

("แปลกดีนะ คู่นอนคนอื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้")

   

ใช่น่ะสิ ก็เพราะร่างโปร่งดื้อดึงแบบนี้มันยิ่งทำให้เขาโมโหเข้าไปใหญ่

   

("ที่พี่ถามแกว่าชอบรามรึเปล่า มันเป็นเรื่องสำคัญ เพราะอาการป่วยของเขาตอนนี้ จากที่รามเล่าให้พี่ฟังค่อนข้างน่าเป็นห่วง พ่อกับแม่ก็ไม่มี ยิ่งตัวคนเดียว อยู่คนเดียวมันก็ยิ่งคิดมากนะ ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการทรุดลงอย่างรวดเร็วเพราะอาการทางจิตใจนี่แหละ") อิฐเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดออกมา ("เพราะงั้นถ้าแกชอบเขาล่ะก็สนใจความรู้สึกเขาหน่อย")

   

"..."

   

("จริงๆ แล้วพ่อก็มีเรื่องอยากจะคุยกับแกอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแกจะต้องมีเรื่องไปจัดการก่อน")

   

"..."

   

("พี่ไม่มีอะไรจะพูดมากกว่านี้แล้ว ที่เหลือก็ลองกล่อมให้รามเขามาตรวจดูก็แล้วกัน จะได้รู้ว่าเป็นอะไรและหาทางรักษาได้ทัน")

   

พออิฐพูดจบไอติมก็กดวางสายและทันทีที่ไฟเขียวรถก็พุ่งทะยานออกไป

   

เส้นทางและจุดหมายเปลี่ยนเป็นคอนโด



   



ตึกๆๆๆๆๆ!!

   

“เฮ้ย อย่าหนีนะเว้ย!”

   

บ้าจริง...จะตามทันแล้ว!

   

“แฮ่ก แฮ่ก...แฮ่ก...” ร่างโปร่งหอบหายใจแรงก่อนที่จะรีบอุดปากเมื่อเสียงฝีเท้าหลายคู่ใกล้เข้ามาในซอยที่เขากำลังนั่งขดตัวหลบอยู่ข้างกองไม้ผุพังกองใหญ่

   

“มันไปไหนแล้ว!? ไอ้เวรนั่น...ทางนั้น ตามไป!” พระรามหลับตาปี๋เกร็งตัวเมื่อเสียงตะโกนอยู่ใกล้มากเหมือนอยู่เหนือหัวเขานี่เอง

   

ถ้าหากโดนเจอล่ะก็ชีวิตเขาจบเห่แน่

   

‘นั่นมันราม คนของไอ้เหี้ยติมนี่หว่า!? พวกมึง...จับมันมา!’ ก่อนหน้านี้เขากำลังจะเดินกลับห้อง แต่เพราะดันบังเอิญไปเจอกับเหล่าคนที่เดินผ่านหน้าไป แต่พอมันจำหน้าเขาได้ก็รีบหันกลับมาพูดเสียงดังลั่น 'จับมันให้ได้ เพื่อแก้แค้นให้คุณภูมิที่ถูกไอ้เหี้ยติมมันกระทืบจนเสียโฉม!'

   

ตอนแรกยังจำไม่ได้ว่าเป็นใครแต่เพียงแค่ได้ยินชื่อของภูมิคนที่เคยคิดจะข่มขืนเขา ใบหน้ามนพลันซีดเผือด ขาคู่เรียวทำงานอัตโนมัติทันที วิ่งเข้าออกตรอกซอกซอยมืดๆ ไร้ผู้คน หนีหัวซุกหัวซุนจนมาหลบอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้...พระรามอุดปากแน่นแทบจะไม่ให้เสียงหายใจเล็ดลอดออกมา นึกหวาดกลัวไปไกลว่าถ้าหากถูกเจอตัวจะโดนทำอะไร...จะกระทืบเขา...หรือจับไปให้ลูกพี่ของพวกมันกระทำชำเราร่างกายของเขา

   

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 21-08-2019 21:01:31


ต่อจากด้านบน



ที่เขาต้องมาเจอแบบนี้ก็เพราะไอติม...นี่คือสิ่งที่ติมอยากให้เขาเจอ...เลือกที่จะปกป้องเอมออกจากวงโคจรอันโหดร้าย โดยที่ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรก็ช่าง

   

หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลริน เจือเสียงสะอื้นในความมืดมิด ไม่รู้เหมือนกันว่าร่างโปร่งนั่งขดตัวรออยู่ตรงซอกนั้นนานกี่นาที อาจจะเป็นชั่วโมงเพราะอยากให้แน่ใจว่าถ้าเดินออกไปจะไม่ถูกใครเห็นเข้า

   

ร่างโปร่งขยี้ตาแรงๆ ตัดสินใจค่อยๆ ลุกขึ้นและวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นโดยไม่ลืมมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง

   

ในที่สุดพระรามก็กลับมาถึงห้องพักจนได้

   

“แฮ่ก...” ร่างโปร่งยืนพิงกำแพงหายใจหอบสั่นอยู่หน้าประตู นอกจากจะเรื่องไอแล้ว เขายังหายใจลำบาก...หายใจตื้น...เหนื่อยง่าย มันมาเกือบทุกอย่าง...ทรมานมาก

   

ทั้งหมดเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องทางเดินหายใจอย่างที่พี่อิฐบอกทั้งนั้น

   

แกร๊ก...

   

พรึ่บ!

   

"อ๊ะ!" ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องมา ร่างโปร่งก็ถูกกระชากต้นแขนจนตัวปลิวด้วยแรงมหาศาล ในห้องมืดจนมองแทบไม่เห็นอะไร แต่แววตาวาววับ ทำให้รู้ว่าเป็นใคร "ติม...ปะ ปล่อย โอ๊ย เจ็บ..."

   

อีกฝ่ายบีบแขนเขาแรงเกินไปจนต้องร้องออกมา เพียงแวบเดียวที่มือนั้นคลายออกเล็กน้อยก่อนจะโดนลากเข้าห้องนอนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดไฟ แล้วตัวเขาก็ปลิวลงเตียงตามด้วยร่างสูงที่เข้ามาคร่อมทาบทับ ทำให้ดิ้นหนีไม่ได้อีกตามเคย

   

แม้กระนั้นพระรามก็ยังดิ้นขลุกขลัก ให้มือใหญ่ตามจับไหล่และพลิกกลับมานอนที่เดิม ได้ยินแต่เสียงสวบสาบระหว่างผิวกายกับผ้าปู และเสียงของร่างโปร่งที่ประท้วงแผ่วเบาโดยที่ไม่ได้รับการสนใจ

   

อีกฝ่ายโกรธอะไรมาอีกแล้ว...แล้วทำไมเขาถึงต้องโดนแบบนี้อยู่เรื่อยเลย

   

"ติมเป็นอะไร โกรธอะไร...ฮึก! พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย..." แขนผอมพยายามดันตัวเองลุกขึ้นแต่ก็ถูกกดให้แผ่นหลังติดเตียงเหมือนเดิม เสียงทุ้มใสสั่นเครือน้ำตารื้นด้วยความน้อยใจ ยิ่งเจอพวกนักเลงไล่กวดมาก็หวาดกลัวจะตายอยู่แล้ว ทำไมกลับมายังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก

   

ร่างสูงตรึงแขนผอมทั้งสองข้างไว้เหนือหัวก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาว จมูกโด่งและริมฝีปากร้อนพรมจูบแผ่วเบา ก่อนจะขบกัดและเลียซ้ำจนเจ็บแสบ

   

"อึ๊ก!"

   

ยิ่งทำมากเท่าไหร่ แรงขัดขืนยิ่งน้อยลงทุกที จนกลายเป็นโอนอ่อน เปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายซุกไซ้ได้เต็มที่และเริ่มครางอืออาวาบหวิวกับสัมผัสแผ่วเบาเหมือนขนนก ร่างโปร่งนอนหมดแรงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไร...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างกายของตนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเปิดเปลือยตั้งแต่เมื่อไหร่

   

จนกระทั่งอีกฝ่ายผละออก คุกเข่ามองต่ำลงมาปลดเสื้อโชว์กล้ามเนื้อน่าหลงใหลและก้มลงมาบดเบียดร่างกายอีกครั้ง

   

วันนี้ก็จะเป็นอีกวันที่เขาต้องคอยปรนเปรออารมณ์อยากของไอติม...มันก็เหมือนทุกๆ วันที่เขาเป็นแค่คู่นอนคนหนึ่ง

   

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองใบหน้าของคนที่รักลดต่ำลงมาเรื่อยๆ และในที่สุดก็แนบชิดไร้ช่องว่าง

   

ดวงตาเรียวเบิกกว้างก่อนจะค่อยๆ ปรือหลับลงรับสัมผัสที่ลื่นไหลกวาดต้อนเข้ามาในช่องปาก เสียงน้ำลายชื้นแฉะดังน่าอายแต่ไม่อาจต้านทานความต้องการ

   

จมูกเล็กได้กลิ่นเหล้าโชยออกจากลมหายใจของไอติม ซ้ำยังรสชาดที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้นนี่...

   

ติมเมามาอีกแล้ว...ไม่แคล้วอีกฝ่ายคงคิดว่าเขาเป็นใครอีกคน

   

'อะ อา พี่...พี่ชะเอม'

   

วันนี้เขาจะต้องโดนอีกแล้ว

   

'พี่เอม ผมรักพี่'

   

ต้องเจอแบบนั้นอีกแล้ว

   

'ถ้าพี่ชอบผม ผมจะไม่ทำให้พี่ร้องไห้เลย'

   

"อือ...ฮ่า...จุ๊บ...จุ๊บ!" เสียงใสครางเครือจนอดกระหวัดเกี่ยวลิ้นตอบรุนแรงไม่ได้...เป็นจูบที่รู้สึกดีเหลือเกิน

   

แต่แล้วทำไม...ทำไมน้ำตามันถึงไหลออกมาไม่หยุดเลย

   

ทำไมหัวใจของเขาถึงได้เจ็บ

   

ทำไม...ทำไม

   

ขาเรียวไร้เรี่ยวแรงถูกจับให้อ้ากว้าง สัมผัสเปียกชื้นที่ดุนดันด้านหลังที่ขมิบระรัวราวกับรู้ว่าจะต้องเจออะไร

   

"อะ...ฮะ!?" แก่นกายร้อนผ่าวสอดใส่เข้าช่องทางนุ่มที่เปิดกว้างรับก่อนจะตอดแน่นตุ้บเมื่อเข้าไปจนสุดโคน หน้าขาแกร่งแนบชิดสะโพกเล็กที่สั่นระริกก่อนจะถอนออกและกระแทกกลับลงไปจนร่างกายผอมสั่นไหวพร้อมๆ กับเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด "อื๊อ อ๊า"

   

ร่างกายผ่ายผอมขาวซีดอยู่ภายใต้สายตาคมกริบทุกอากัปกิริยา ขาเรียวอ้ากว้างกับเสียงร้องครวญครางในยามที่ตัวตนแข็งขึงแทรกลึกเข้าไปทุกครั้งยิ่งทำให้คนมองกลืนน้ำลายและทำรุนแรงขึ้นทุกขณะ

   

ร่างสูงเท้าข้อศอกข้างศีรษะทุย โน้มคร่อมกายผอมก่อนจะส่งสะโพกหยัดกายเข้าลึกจนพระรามหวีดร้องลั่น มือเรียวกอดก่ายแขนแกร่งแผ่นหลังกว้าง นิ้วจิกข่วนปาดป่ายไปทั่วจนเป็นรอยแดงยาว

   

"อ๊ะ ฮ๊า!! ตะ ติม...อ๊ะ ฮะ อ๊าๆ!" ใบหน้ามนเกลือกกับผ้าปูที่ตนจิกจนยับย่น เสียวซ่านจนไม่รู้จะระบายออกมายังไงนอกจากครางดังไม่เป็นภาษา สุดท้ายไม่รู้ว่าร่างสูงรำคาญหรืออย่างไรจับคางเล็กให้หันมาและประกบปากปิดกั้นเสียงนั้นซะ แต่ไม่หยุดขยับสะโพกจนลิ้นเล็กในปากสั่นระริก "อือ! ฮืม...จุ๊บ ฮึก"

   

อยากจะครางก็ครางไม่ได้เพราะโดนล็อคคางไว้แน่น "ฮ่า...แฮ่ก อุ๊บ!" ริมฝีปากหยักร้อนระอุละออกไปแค่แวบเดียวยังไม่ทันหอบหายใจก็ประกบลงมาอีก...ครั้งแล้วครั้งเล่า

   

แขนผ่ายผอมโอบรอบคอแกร่ง เอียงศีรษะเกี่ยวลิ้นจูบตอบอย่างที่ต้องการ รู้สึกดีจนอยากร้องไห้...ร่างกายสุขสมเหลือคณา แต่รู้ดีว่าในเวลานี้อีกฝ่ายไม่ได้เห็นเขาเป็นพระราม

   

ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ติมถึงเงียบไม่พูดอะไรเลย...แต่มันคงดีกว่าให้อีกฝ่ายครางเรียกชื่อชะเอมตอนที่กำลังมีเซ็กส์กับเขา

   

...ได้แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว...

   

พระรามครางเสียงสูงเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อร่างแกร่งปลดปล่อยน้ำอุ่นเข้าเต็มช่องทาง กว่าติมจะเสร็จสมอารมณ์อยาก เขาก็ทะลักทลายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...ร่างโปร่งพลิกกายตะแคงข้างหอบหายใจเข้าปอด

   

ทันทีที่ร่างสูงถอนกายออกไปและเดินเข้าห้องน้ำ อีกฝ่ายเสร็จเพียงครั้งเดียวแต่เขาเหนื่อยมากกว่าทุกครั้ง "แฮ่ก...แค่กๆ"

   

ตาเรียวปรือกระพริบช้าๆ มองอะไรไม่เห็นสักอย่างในความมืด ก่อนที่มือเรียวจะปาดป่ายหาผ้าห่มเพื่อคลุมกายให้ความอบอุ่น

   

"แค่ก...!" คนตัวผอมไร้ไขมันขดตัวเข้าหากันและกอดตัวเองแน่นเมื่อผ้าห่มไม่ได้ช่วยเขามากนัก

   

อีกไม่นาน...ร่างโปร่งจะมีไข้...พระรามตัวรุมรู้สึกหนาวสั่นอย่างนี้ทุกคืน อาจเป็นเพราะผลพวงจากอาการป่วยน่ารำคาญเหล่านี้ก็เป็นได้

   

'มาตรวจแล้วจะได้รู้ว่าเป็นอะไรจะได้รักษาทัน'

   

'ตรวจเอ็กซเรย์ทรวงอก ค่าใช้จ่ายประมาณห้าพันบาท'

   

เขาจะเอายังไงดี...คิดไม่ตกมาตลอดตั้งแต่วันที่คุยกับพี่อิฐ

   

ไม่อยากกู้เงินเพื่อมารักษา เขาไม่อยากเป็นหนี้เหมือนกับที่พ่อเป็น...จนสุดท้ายก็โดนยึดบ้านหลังสำคัญไป

   

ทำงานหาเงินอย่างนี้ไปเรื่อยไม่มีสิ้นสุด...ชีวิตของเขาจะต้องขึ้นอยู่กับเม็ดยาพวกนั้นเหมือนกับแม่ภาวดีจริงๆ เหรอ

   

เขาเหนื่อยมากเลย บนโลกที่ไม่มีใครคอยอยู่เคียงข้างหรือให้กำลังใจ

   

อยากจะหยุดมันแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่าง...ทั้งการกระทำของเขา...และชีวิตด้วย

   

คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ความคิดก็เหมือนจะล่องลอยไป แต่ไม่ทันได้ลงลึกสู่นิทราก็รู้สึกได้ว่าผ้าห่มที่คลุมกายให้ความอบอุ่นหายไป ดวงตาเรียวปรือมองก็ไม่มีใครนอกจากไอติม

   

"ติม? มีอะไร...พี่ง่วง" มือเรียวเอื้อมออกคิดคว้าผ้าห่มคืนแต่อีกฝ่ายกลับไม่ให้ "ขอผ้าห่มหน่อย แค่ก พี่หนาว...ติม"

   

"มาคุยกันก่อน"

   

"คุย...คุยอะไร" พระรามง่วงมากแต่ก็ต้องหยัดกายลุกขึ้นนั่งอ่อนแรง ผิวกายกระทบแอร์เย็นๆ จนขนลุกหนาวสั่น...ตอนนี้ร่างกายเขาก็ยังคงเปลือยเปล่าไม่ได้สวมอะไรทับ

   

"มึงไปหาพี่อิฐที่โรงพยาบาลเป็นอะไร บอกกูมาเดี๋ยวนี้"

   

"พะ พี่บอกแล้วว่าแค่ปรึกษานิดหน่อย..."

   

"มึงป่วยหนัก แต่ไม่ยอมให้ตรวจใช่มั้ย"

   

"ติมรู้..." คำพูดของติมทำให้ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ดวงตาเรียวสั่นไหวหลุบลงไม่กล้าสบ

   

"พี่อิฐบอกสิ กูถึงจะได้รู้"

   

ทำไมพี่อิฐถึง...?

   

ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าอย่าบอกติมแท้ๆ

   

ดวงตาเรียวกลอกล่อกแล่กหาทาง "คุยพรุ่งนี้ได้ไหม..."

   

"ไม่ได้!" ไอติมกระชากข้อมือของคนที่กำลังคิดจะถอยหนี

   

พอโดนตวาดใจดวงน้อยก็ตกลงตาตุ่ม น้ำตารื้นขึ้นตอบเสียงตะกุกตะกักสั่นเครือ

   

"แล้วติมจะสนใจทำไม พี่จะตรวจหรือไม่ตรวจ ฮึก ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนายนี่” คำพูดของพระรามทำให้ดวงตาคมกริบประกายวาวโรจน์ เผลอบีบแขนในมือจนอีกฝ่ายร้องโอดครวญ “เจ็บ”

   

'สักวันเขาจะไปจากมึง...ไปหาคนที่ดีกว่า'

   

'รู้ว่าตัวเองใจร้อนก็เย็นลงหน่อยดิวะ ทิฐิน่ะหัดลดลงซะบ้าง'

   

แล้วมึงดู...ไอ้ธาร กับคำตอบแบบนี้จะไม่ให้กูโมโหได้ยังไง!?

   

"จะไม่เกี่ยวได้ยังไง! มึงเป็นของกู...ทั้งร่างกาย รวมถึงหัวใจด้วย"

   

ใช่ มันควรเป็นแบบนั้น...แล้วมันก็จะเป็นแบบนั้นตลอดไป!

   

"ไม่เอา...ปล่อยพี่นะ...!" นิ้วเรียวพยายามแงะมือแกร่งออกจากแขนผอมที่รุมอุ่น ดวงตาเรียวสั่นไหวรุนแรง คำพูดนั่นมันอะไรกัน...เขาเป็นของติมอะไรกัน อย่าพูดเหมือนเป็นสิ่งไร้ค่าที่อยากจะเก็บไว้ก็เก็บ ไม่อยากได้ก็ทิ้งได้มั้ย

   

"อย่าดิ้นสิวะ"

   

"พี่ไม่ได้เป็นของนาย!! ปล่อย!!"

   

เสียงทุ้มใสตวาดดัง ร่างเปลือยเปล่ายุดยื้อไร้เรี่ยวแรง...ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ภายใต้แรงมหาศาลของร่างสูง จึงเปลี่ยนจากแงะมาจิกมือนั้นแทน

   

บอกว่าเขาเป็นของอีกฝ่าย...แต่หัวใจของไอติมล่ะ...มันไม่ได้เป็นของเขานี่

   

"พี่ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว..." ร่างโปร่งพูดแผ่วเบา ตัดพ้อน้อยใจ แต่ไอติมกัดฟันกรอด

   

...คำพูดราวกับจะจากไปนั่น...

   

"จะหนีไปหาผู้ชายคนอื่นหรือไง คราวนี้จะเกาะใครกินอีกล่ะ" มันก็แค่คำพูดที่ห้ามไม่ให้พระรามไป ด้วยอารมณ์โมโห แต่คนฟังชาตั้งแต่หัวจรดเท้า

   

คราวนี้จะไปเกาะใครกิน...น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นไม่ขาดสาย สะอึกสะอื้นแรงเมื่อได้ยินคำดูถูก ทุกวันนี้เขาแทบจะไม่ได้ขออะไรจากอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ เงินเขาก็หามาใช้เอง ซื้อของเอง...มีเพียงที่อยู่อาศัยนี่เท่านั้นที่เขาจะกลับมานอน

   

แบบนี้เรียกว่าเกาะอีกฝ่ายกินงั้นหรือ

   

"ถ้ามึงไม่มีเงิน เดี๋ยวกูจะให้เงินไปตรวจ...เท่าไหร่ล่ะ"

   

"ไม่เอา! ฮือ..." ได้ยินแล้วพระรามปฏิเสธทันทีทั้งน้ำตา คำพูดที่ออกจากปากไอติม ไม่ต่างจากเขาเป็นพวกขายตัว นอนอ้าขาให้เอาแล้วก็ใช้เงินฟาดหัว

   

แล้วถ้าพระรามรับเงินไป...แบบนี้ต่างหากที่เรียกว่าเกาะอีกฝ่ายกิน

   

เขาไม่ใช่คนแบบนั้น!

   

"พี่ไม่ตรวจ! แล้วพี่จะไปตายที่ไหนก็เรื่องของพี่!"

   

เพียะ!

   

ใบหน้ามนสะบัดแรง แรงจนร่างเบาหวิวล้มลงกระแทกเตียงนุ่ม ใบหน้าด้านขวาชา ความรู้สึกต่อมาคือเจ็บแสบ ดวงตาเรียวเบิกกว้างมองร่างสูงที่หอบหายใจแรง...

   

ไม่อยากจะเชื่อ...ไอติมตบหน้าเขา

   

เป็นครั้งแรก...อีกฝ่ายทำร้ายร่างกายของเขา

   

"ห้ามพูดว่าตายอีก!" เสียงทุ้มตวาดดังแต่ไม่เข้าโสตประสาทของร่างโปร่งอีกต่อไปแล้ว

   

พระรามขดตัวแน่นราวกับจะปกป้องตัวเอง แต่ไม่เลย ก็แค่รู้สึกว่าโลกใบนี้เขาไม่เหลือใครอีกแล้วก็เท่านั้น

   

มือเรียวยกจับแก้มขาวที่เป็นรอยฝ่ามือแดง มุมปากแสบเหมือนแผลในปากแตกได้เลือดแต่ก็ไม่ได้คิดสนใจ...มันเจ็บแสบไม่ต่างจากโดนพูดทำร้ายจิตใจสาดใส่

   

พระรามไม่อยากอยู่แล้ว...ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว

   

"ฮึก...ฮึก"

   

เพราะเขาไม่ได้น่าทะนุถนอมอย่างชะเอม...อีกฝ่ายก็เลยลงไม้ลงมือกับเขาได้อย่างไม่ลังเล

   

ถ้าหากเขาตายไป...มันคงดีกว่านี้

   

เสียงร้องไห้ดังคร่ำครวญไม่ปิดบังใครอีกคนที่ยังอึ้งกับการกระทำของตัวเอง ดวงตาคมกริบเบิกกว้างไม่แพ้กัน สติที่ขาดผึงเผลอลงมือทำร้าย...ก็แค่อยากจะให้หยุดพูดคำๆ นั้น

   

พี่จะไปตายที่ไหนก็เรื่องของพี่!

   

'รู้ว่าตัวเองอารมณ์ร้อน ก็ใจเย็นลงหน่อย'

   

...มันไม่ทันแล้ว...

   

'คนที่รักมึง ก็มีแต่จะเสียใจกับคำพูดและการกระทำทุกๆ อย่างของมึงเท่านั้นแหละ'

   

ไอติมทำให้พระรามเสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า

   

'มึงก็แค่ลดทิฐิลง...กับพี่เอมมึงยังทำดีด้วยได้ แล้วทำไมกับคนนี้ถึงจะทำไม่ได้ล่ะวะ'

   

'ถ้าแกชอบเขาล่ะก็สนใจความรู้สึกเขาหน่อย'

   

"ราม..."

   

ร่างสูงคลานขึ้นเตียงเข้าไปใกล้และเรียกชื่อ ซึ่งคนได้ยินถึงกับสะดุ้งเฮือกขดตัวแน่นกว่าเดิม ยกมือบังใบหน้าตนราวกับกลัวว่าเขาจะทำร้ายอีกครั้ง ใบหน้าที่เคยขาวกลับแดงเป็นรอยนิ้วมือ แสงจันทร์สาดส่องเห็นหยาดน้ำตากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหวหวาดกลัว

   

เพียงแค่ทำร้ายหนึ่งครั้ง...จิตใจที่เปราะบางก็ถูกทำลายลงไปแล้ว

   

"ตะ ติม พี่ขอโทษ ยะ ฮึก! อย่าทำพี่เลยนะ" เสียงทุ้มใสสั่นเครือขอความเห็นใจ รีบรุดลุกขึ้นคลานหนีเมื่อไอติมเข้าใกล้มากขึ้น มือใหญ่รีบคว้าข้อเท้าผอมเอาไว้ก่อนที่ร่างโปร่งจะหนีพ้นเตียง เพียงแค่แตะลงบนผิวกายรุมอุ่น พระรามก็สะบัดอย่างแรง "เฮือก! ไม่เอา! ปล่อย พี่เจ็บ...!"

   

"ราม อย่าดิ้น" คราวนี้ไอติมไม่ได้จับออกแรงอะไรเลย ก็แค่ทำให้พระรามหนีไปไม่ได้เท่านั้น แต่ร่างโปร่งก็ดิ้นพล่านทั้งกายเปลือยเปล่าแบบนั้นเหมือนเขาเป็นคนร้ายยังไงยังงั้น

   

ดวงตาคมกริบสะท้อนความเจ็บปวด ร่างสูงคว้าร่างผอมเข้ามากอดแนบอกแกร่งแน่น แขนแกร่งโอบรัดเอวบางไม่ให้ดิ้นหนี และมือใหญ่อีกข้างก็จับศีรษะทุยให้ซบตรงซอกคอพลางลูบแผ่วเบา

   

"ผมไม่ทำอะไรแล้ว ราม...ขอโทษ...ขอโทษนะ"

   

คราวนี้...ไอติมเห็นเขาเป็นใครอีกล่ะ

   

ถ้าใจดีแบบนี้...แสดงว่าเขาเป็นชะเอมสินะ

   

"ราม ผมขอโทษ...ขอโทษ"

   

"ฮึก...!" น้ำตาใสไหลไม่ขาดสาย ใบหน้ามนซบลงกับไหล่แกร่งสะอึกสะอื้นจนแผ่นหลังบางสะท้อนแรง แขนผอมยอมกอดตอบ

   

ทั้งๆ ที่ไอติมเรียกชื่อเขาอย่างเต็มปาก ได้ยินเต็มสองหู แต่หัวใจกลับไม่เชื่อ...เพราะมันไม่มีทางเลยที่พระรามจะได้รับความอ่อนโยนแบบนี้

   

...ไม่มีทาง...

   

ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ตัวตนของเขาอยู่ที่ไหน...มันอาจจะล่องลอยหายไปตั้งนานแล้ว...ตั้งแต่วันนั้น...วันที่ติมเรียกเขาว่าเอมนั่น

   

จนกระทั่งเสียงสะอื้นในห้องค่อยๆ จางลง ไอติมดันร่างกายอุ่นของพระรามออก ยกมือลูบแก้มและถามด้วยเสียงเบาราวกับรู้สึกผิด

   

"เจ็บมั้ย"

   

"..." ดวงตาแดงช้ำสะท้อนความว่างเปล่า แต่ริมฝีปากบางกลับยิ้มออกมา "...พี่...พี่ไม่เป็นไร..."

   

"ผมขอโทษ"

   

สรรพนามที่เปลี่ยนไปนี้ก็ด้วย น้ำเสียงที่ใช้กับเขา...เขาคือชะเอม

   

"พี่ไม่เป็นไร...หายเจ็บแล้ว" พระรามยิ้มบางเอ่ยคำโกหก มุมปากเขายังคงเจ็บแสบแทบพูดไม่ได้แต่ก็ยกมือลูบใบหน้าหล่อเหลาปลอบใจคนที่มีดวงตาฉายความเจ็บปวด "นายไม่ต้องขอโทษแล้วนะ"

   

เขาคือ...ชะเอม

   

ริมฝีปากหยักเริ่มยิ้มออกมาได้เมื่อพระรามไม่ดิ้นหนีตนแล้ว ซ้ำยังยิ้มให้...คำขอโทษของเขาคงจะทันเวลาสินะ

   

เมื่อบรรยากาศดีขึ้นแล้ว ประสาทสัมผัสเริ่มทำงาน คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อสัมผัสได้ถึงผิวกายนุ่มลื่นนี้มันร้อนรุมๆ "รามไม่สบาย..."

   

"พี่ไม่เป็นไร" เสียงทุ้มใสพูดขัดขึ้นทันใด ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยราวกับจะบอกให้ปล่อยตนไป "ติมปล่อย...พี่จะไปใส่เสื้อ"

   

"จูบก่อน"

   

พระรามชะงัก ปกติอีกฝ่ายจะทำอะไรไม่เคยขออนุญาตสักครั้ง แต่แล้วก็เข้าใจ...เพราะเขาไม่ใช่พระรามไง

   

ไม่งั้นอีกฝ่ายคงไม่ขอจูบ...จูบที่รักษาไว้ให้คนที่ชอบเท่านั้น

   

ใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อเมื่อจ้องแววตาคมกริบ ดวงตาเรียวหลุบลงก่อนจะเอ่ยท้วงแผ่วเบา "อย่าเลย พี่รู้สึกไม่ค่อยดี...เดี๋ยวนายจะติดไข้ไปด้วยนะ"

   

"ถ้าจะติดคงติดไปนานแล้ว ทำอะไรๆ มากกว่าจูบไปตั้งเยอะแล้วนี่"

   

"...งั้นครั้งเดียวได้มั้ย...นะ"

   

คนฟังไม่ตอบรับคำอ้อนวอนนั้น มือใหญ่ประคองท้ายทอยเล็กเข้าใกล้ ดวงตาสองคู่สบกันค่อยๆ ปรือปิด ก่อนที่กลีบปากจบประกบเข้าหากัน ลิ้นร้อนสอดตวัด...แลกลิ้นชิมน้ำลายดังจ๊วบจ๊าบ หยอกเย้าจนเร่าร้อน

   

บรรยากาศในห้องกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง และไอติมก็ดันพระรามให้นอนหงาย ถกกางเกงจนความร้อนผ่าวดีดผึง จับแก่นกายใหญ่สอดเข้าช่องทางนุ่มลื่นที่ยังคงมีน้ำของเขาอยู่เต็ม เสียงทุ้มใสหวีดร้องดังให้คนหื่นกระหายเลียปากและขยับกระแทกอย่างเอาแต่ใจ

   

มือเรียวยกขึ้นจิกทึ้งผ้าปูที่นอนข้างศีรษะอย่างเสียวซ่าน แผลมุมปากที่เจ็บไม่อาจต้านทานความรู้สึกด้านล่างที่แทงลึกเข้ามาจนต้องอ้าปากกว้างคราง

   

ความนุ่มอุ่นที่ร้อนกว่าเดิมยิ่งรู้สึกดี ทำให้ร่างสูงส่งแรงขับเคลื่อนจนตัวพระรามไถลเกือบหลุดเตียง ร่างกายทั้งสองกอดเกี่ยวเปลี่ยนท่า ทะลักทลายครั้งแล้วครั้งเล่า...จนเกือบรุ่งสาง

   

โดยที่ไอติมปล่อยให้สิ่งที่อยากจะพูดให้ล่องลอยไปในยามปลดปล่อยครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างโปร่งจะสลบไป ร่างสูงจับคนตัวอุ่นให้มานอนดีๆ และห่มผ้าคลุมกายผอมบางให้แผ่วเบา

   

นิ้วยาวเกลี่ยหน้าม้าที่ปรกหน้าผากมนออกก่อนจะล้มตัวนอนตะแคงข้างๆ กัน ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้ามนกับขอบตาแดงช้ำที่ผ่านการร้องไห้มาหลายคราเพราะตน

   

'ลองกล่อมให้พระรามมาตรวจดู ถ้ารู้ว่าเป็นอะไรแล้วจะได้รักษาทัน'

   

ไม่เป็นไร...เดี๋ยวตื่นมาค่อยว่ากันอีกทีก็ได้

   

'พี่จะไปตายที่ไหนมันก็เรื่องของพี่!'

   

'ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการทรุดลงอย่างรวดเร็วเพราะอาการทางจิตใจนี่แหละ'

   

...จะไม่ยอม...ให้ตายหรอก...

   

ซึ่งในตอนนั้นไอติมไม่รู้เลย...ว่ามันไม่ทันแล้ว



.

.

.

   

...ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว...





********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 21-08-2019 21:03:07
ทดแทนรัก

ตอนที่ 31



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





พระรามนอนได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะความรู้สึกแปลกๆ ในร่างกาย



ดวงตาเรียวปรือมองคนข้างกายที่นอนตะแคงข้างหันเข้าหา แขนแกร่งพาดก่ายร่างกายของเขา ใบหน้าหล่อเหลาหลับพริ้มทำให้ร่างโปร่งต้องยกแขนอีกฝ่ายเบาๆ ท่าทางจะง่วงมากไอติมจึงไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิด



"แค่ก..." ในลำคอแห้งผาก พระรามยกมือขึ้นปิดปากไอแห้งแผ่วเบา ก่อนที่ริมฝีปากบางจะอ้างับอากาศเพื่อหายใจเมื่อรู้สึกว่าจมูกไม่สามารถเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพียงพอ



ลมหายใจของเขา...มันมีเสียงประหลาด...ดังวี้ด...วี้ดแผ่วเบาตามจังหวะการหายใจ ดีที่มันเบามากจนถ้าไม่ตั้งใจฟังก็อาจจะไม่ได้ยิน



...มันคืออะไร...



จู่ๆ ร่างกายของตนมันก็สั่น แขนผอมยกขึ้นกอดไม่ใช่เพราะหนาว แต่เพื่อปลอบประโลม...เพราะความไม่รู้จึงหวาดกลัว



'มาตรวจนะ จะได้รู้ว่าเป็นอะไร'



'ถ้าไม่มีเงินเดี๋ยวกูให้...เท่าไหร่ล่ะ'



หยาดน้ำตาที่เพิ่งหยุดได้ไม่นานไหลรินอีกครั้งจนขอบตาแสบไปหมด น้ำใสหยดลงบนแขน ไหลซึมสู่เตียง เสียงสะอึกสะอื้นกลั้นในลำคอเพราะไม่อยากให้คนนอนหลับได้ยิน







"รับอะไรดีจ๊ะ"



"ผมขอ...ข้าวต้มหมูใส่ไข่สองฟองสาม...อืม สองชุดครับ"



ครึ่งชั่วโมงถัดมาหลังจากตื่น พระรามออกมาด้านนอก โดยอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว ไม่ลืมนำผ้าปิดปากมาใส่ด้วย อาการป่วยไข้ขึ้นของเขา...มันขึ้นๆ ลงๆ ตอนกลางคืนมักจะชอบตัวรุมๆ แต่พอตื่นเช้ามาก็ดีขึ้น...เป็นแบบนี้ทุกวัน



ทั้งๆ ที่เหนื่อยเพลียมากแต่ร่างโปร่งกลับไม่มีความง่วงงุนเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเพลียจากกิจกรรมบนเตียงหรือเพลียจากอาการป่วยสะสมบ้าๆ บอๆ ของตัวเองกันแน่



มือเรียวรับถุงข้าวต้มที่ต่อคิวนานหลายนาทีก่อนจะยื่นจำนวนเงินพอดิบพอดีไปให้ เขามาซื้อหลายครั้งแล้วจึงรู้ว่าข้าวต้มของที่นี่ราคาเท่าไหร่



ร้านนี้เป็นร้านติดอันดับที่ไอติมชอบกินมากที่สุด เขามาซื้อให้ทุกเช้าในตลาดที่ห่างจากคอนโดสองกิโลเมตร...ไกลแต่เดินมาเรื่อยๆ ก็ไม่เหนื่อย อากาศตอนเช้าในวันหยุดไร้รถยนต์บนถนนทำให้เขารู้สึกดีมาก หลังจากได้ของ ขาคู่เรียวก็เดินมาเรื่อยๆ ซึ่งไม่นึกว่าเลยว่าจะได้เจอกับ...



"อ้าว หวัดดี ราม"



"เอม...สวัสดีครับ" พระรามเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงเบา ก่อนจะยกมือไหว้คนที่เดินมาพร้อมกับร่างบาง...ผู้ปกครองของชะเอม ศักดิ์เป็นพ่อบุญธรรม เป็นพ่อแท้ๆ ของคิน ชื่อเกษมศักดิ์ อนันต์โภคทรัพย์ ประธานบริษัทชื่อดังที่ทำธุรกิจเติบโตได้กำไรหลักหลายล้านต่อปี...ทั้งคู่สวมชุดที่ดูมีราคาล่อตาพวกขโมย ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเดินตลาดแถวนี้ได้



"สวัสดี เพื่อนคนนี้ลุงเคยเจอมั้ย" คนแก่รับไหว้ ก่อนจะหันไปถามลูกชายสุดที่รักเสียงอ่อน



"อ่า น่าจะเคยเจอครับ ที่โรงพยาบาล" ชะเอมยิ้มแหย ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะช่วงนั้นเกินเรื่องวุ่นๆ มากมาย จำเหตุการณ์ไม่ค่อยได้



"ผมชื่อรามครับ เป็นเพื่อนที่อยู่คณะเดียวกับชะเอม เคยเจอกับ...คุณลุงแค่แวบเดียว เห็นยุ่งๆ กันอยู่ผมก็ไม่กล้าเข้าไปทัก"



"อ๋อ" เกษมศักดิ์พยักหน้าแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ชะเอมมองซ้ายมองขวาลังเลเหมือนอยากจะคุยกับเพื่อน แต่ก็ไม่อยากรบกวนเกษมศักดิ์ ท่านประธานเหมือนจะรับรู้ความกังวลนั้น "งั้นเดี๋ยวลุงไปรอที่รถก่อนก็แล้วกัน อย่าช้านะ จะได้รีบกลับไปก่อนเจ้าคินตื่น"



ชะเอมยิ้มกว้างพยักหน้าหงึกหงัก "ครับคุณลุง"



หลังเกษมศักดิ์เดินไป ชะเอมก็เข้ามาใกล้ประชิด จ้องมองตรงริมฝีปากของเขา ทำให้ต้องยกมือขึ้นจับพบว่ามันคือหน้ากากอนามัย



"รามเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ"



"อืม นิดหน่อยนะ"



"ทำไมเจอกันกี่ครั้งรามก็ไม่สบายตลอดเลย" เสียงใสเป็นห่วงจริงใจ พลางยกมือขึ้นทาบทับหน้าผากเพื่อน อาจจะรุมๆ นิดหน่อย...แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนแล้ว



พระรามเกาหัวหัวเราะ โล่งใจที่ตนใส่ผ้าปิดปากมาเพราะแผลมุมปากมันเริ่มบวมและแห้งกรัง เจ็บยิ่งกว่าเมื่อวานอีก ถ้าชะเอมเห็นคงเป็นห่วงหนักมากกว่านี้แน่ "ผอมลงอีกแล้ว รามได้กินข้าวบ้างมั้ย"



"กินอยู่แล้ว...แต่อาจจะกินน้อยมันเลยขุนไม่ขึ้นน่ะ" พูดจบก็หัวเราะเสียงแห้งปิดท้าย



"งั้นก็กินเยอะหน่อยสิ ตอนนี้เราน่าจะอ้วนกว่ารามแล้วนะ" เจ้าคนตัวบางยกแขนผอมขึ้นเบ่งกล้าม แล้วก็หลุดขำตาปิดเพราะมันไม่มีออกมาเลยแม้แต่นิด



"แปลกใจที่นายมาเดินตลาดที่นี่นะ" ร่างโปร่งมองรอยยิ้มสดใสที่ทำให้โลกสดใสก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย



"พอดีว่าแถวนี้ใกล้บ้านใหญ่...หมายถึงบ้านจริงๆ ที่ไม่ใช่คอนโดของคินน่ะ พวกเราย้ายมาอยู่ที่บ้านเพราะจะได้มีคนดูแลคินได้ทั่วถึงมากกว่า" ในยามที่พูดถึงคนรัก ดวงตากลมโตก็เปล่งประกายความสุขล้นจนคนมองอดยิ้มตามไม่ได้



ใครที่ได้ความรักจากเอมคงเป็นคนที่โชคดีที่สุด...คินคือคนๆ นั้น



"เหรอ..."



"แล้วรามล่ะ มาซื้อ...ข้าวต้มเหรอ น่ากินจัง" ร่างบางกวาดมองสะดุดที่ถุงในมือของเพื่อนแล้วเอ่ยทักอย่างสนอกสนใจ พระรามยกถุงขึ้นมาในระดับสายตาและโฆษณาชวนชิม



"อร่อยนะร้านนี้ เรากินบ่อย อยากลองซื้อให้คินกินดูบ้างไหม...ร้านอยู่ตรงสุดหัวมุมโน่นแน่ะ แต่คนเยอะหน่อยนะ รอนาน"



เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงักรับคำ "เหรอๆ ถ้างั้นเอาไว้คราวหน้าเราจะมาซื้อนะ ตอนนี้คุณลุงคงรอนานแล้วล่ะ" คำพูดของชะเอมไม่ได้รับปากไปเฉยๆ ในน้ำเสียงจริงใจเหมือนกับว่าครั้งหน้าจะมาซื้อจริงๆ ตามคำแนะนำของเขา



"อืม รีบกลับเถอะ เดี๋ยวเราเดินไปส่ง"



"จะดีเหรอ"



"อืม ยังไงก็จะกลับอยู่แล้วด้วย" เสียงทุ้มใสพูดเบา พลางคิดไปถึงใครอีกคนที่ยังนอนคลุมโปงอยู่...ไม่รู้ว่าติมจะตื่นหรือยัง



"ใช่เหรอวะ ฮ่าๆ"



"ก็ไอ้เวรนี่อ่ะดิ มันบอกว่าน้องนิลคนน่ารักไปยั่วพี่ภูมิ หุ่นนี่แซ่บไม่แพ้ผู้หญิงเลยนะเว้ย กูยังอยากกระแทกสักที"



"ระวังเป็นเอดส์นะ เห็นแบบนั้นกูว่าใช่ย่อย คงอ้าขาให้ใครเอาไปทั่วแหละว่ะ"



กึก!



ชื่อเสียงเรียงนามที่กลุ่มคนที่กำลังเดินตรงมาพูดมันช่างคุ้นหู ขาเรียวหยุดชะงักเพียงชั่วครู่แต่ก็เดินต่ออย่างไม่ให้มีพิรุธ รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นทุกขณะและเหงื่อก็ซึม ใบหน้ามนก้มต่ำ...ไม่เป็นไร วันนี้เขาใส่ผ้าปิดปากมาด้วย พวกมันคงจำไม่ได้หรอก



ยิ่งเสียงคุยนั้นผ่านด้านข้างไปหัวใจยิ่งเต้นแรง มือเรียวรีบโอบแผ่นหลังผอมบางของคนข้างกาย และก้าวให้เดินไปเร็วขึ้น แม้ชะเอมจะสีหน้างุนงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร



พอกลุ่มคนประมาณห้าคนเดินผ่านไป พระรามก็พรูลมหายใจโล่งอก



"อ๊ะ เดี๋ยวครับ!" ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อชะเอมตะโกนเรียกคนกลุ่มนั้น ร่างบางก้มหยิบบางอย่างบนพื้นและหันหลังพร้อมยื่นสิ่งที่ว่าให้ "เอ่อ ทำเงินตกรึเปล่าครับ"



โดยที่ร่างโปร่งยืนนิ่งตัวแข็งหน้าซีดเซียวอยู่เหมือนเดิม...ความดีของชะเอมมาทำงานอะไรตอนนี้!?



"เฮ้ยนั่นของกู" ชายคนหนึ่งพูดขึ้นทันใด แต่คนอื่นกลับยกพวกเดินมาเป็นกลุ่มพร้อมสีหน้าหาเรื่องทำเอาใบหน้าหวานเลิกลั่ก



"ขโมยเหรอวะ"



"ปะ เปล่าครับ...พอดีเห็นมันตกอยู่บนพื้นตอนพวกคุณเดินผ่านก็เลยเก็บให้..." เสียงใสว่าตะกุกตะกัก แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายที่ไม่ใช่เจ้าของเงินจะไม่เชื่อ ดูเดือนร้อนยิ่งกว่าเพื่อนตัวเอง ล้วงกระเป๋าก้าวสองก้าวยื่นหน้าเข้าประชิดและตะโกนเสียดังจนคนรอบตลาดหันมามอง



"หา!? ว่าไรนะ!"



"เฮ้ยใจเย็นเว้ย" อีกคนเข้ามากระชากไหล่



"มึงอย่าขัดกูดิ นี่กูกำลังช่วยสอบสวนความจริงให้มึงอยู่"



"ไม่ได้ขัด แต่แทนที่จะไปหาเรื่อง ดูหน้าก่อน นี่มันลูกคุณหนูชัดๆ ...น่ารักแบบนี้น่าจะเอาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ง"



ไอ้คนหน้าขึงขังคลายคิ้ว พอมองดีๆ ใบหน้าขาวใสแม้จะเป็นผู้ชายแต่หน้าหวานชะมัด "เออก็จริง"



"เอ่อคือ..."



หลายคนพากันกลืนน้ำลายสอเสียงดัง ไม่สนใจเสียงใสที่อึกอักเริ่มรู้สึกแย่ พระรามกลืนน้ำลายก่อนจะกัดฟันกรอด



ขวับ!



"เฮ้ย อะไรวะ ไอ้ตาตี่นี่" คนยื่นหน้าเข้าใกล้ชะเอมผงะถอยหลังเมื่อจู่ๆ ก็มีคนมาแทรกกลาง



แขนผอมรีบดันเพื่อนที่ทำอะไรไม่ถูกให้หลบด้านหลังก่อนจะประจันหน้ากับพวกนักเลงแทน "นี่เพื่อนกู อย่ามาเสือก...เอาเงินแล้วไสหัวไปซะ"



ตอนแรกก็ว่าจะไม่ยุ่ง แต่ดูเหมือนไอ้พวกนี้มันชักลามปามเพื่อนของเขาเกินกว่าที่ควร ชะเอมก็ซื่อๆ ไม่รู้หรอกว่าไอ้พวกนี้มันพูดจริงหรือเล่น แต่จะเป็นแบบไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น



ถ้าหากไอติมรู้ว่าพวกนี้ยุ่งกับชะเอมล่ะก็...คงไม่ตายดีแน่



"กูว่ามึงนั่นแหละที่เสือก กูกำลังคุยกับคนสวยอยู่ คนหน้าจืดอย่างมึงก็หลีกไป!"



"มึงนี่ชอบใจร้อนอยู่เรื่อยเลยนะ...แต่เรื่องนี้กูเห็นด้วยว่ะ มึงมาเสือกอะไรด้วยวะ"



"เอม เดี๋ยวเราให้สัญญาณแล้ววิ่งเลยนะ" ในขณะที่พวกมันยังจำเขาไม่ได้...ใบหน้ามนหันข้างแล้วพูดกระซิบเสียงเบาผ่านผ้าปิดปากที่คิดว่าน่าจะได้ยินกันแค่สองคน



"เอ๊ะ" แต่ชะเอมทำหน้างงไม่เข้าใจ



"เดี๋ยวเพื่อน กูว่าไอ้นี่มันหน้าคุ้นๆ นะ"



"ใส่ผ้าปิดปากแบบนี้แล้วมันก็คุ้นหมดแหละ หน้าโหลๆ แบบเนี้ย"



"เฮ้ย มึง...ไอ้หน้าจืดนี่มันแฟนเหี้ยติมนี่!?" แต่แล้วคนอยู่ข้างหลังสุดตะโกนขึ้นมาให้เพื่อนหันขวับมองก่อนจะกลับมาจ้องหน้าพระรามที่หน้าซีดเบิกตากว้าง



มันจำเขาได้!



"เอม วิ่ง!" ร่างโปร่งตะโกนลั่น คว้าข้อมือผอมและออกวิ่งไม่เหลียวหลังทันที เขาไม่มีเวลาจะมาถามว่าวิ่งไหวมั้ยแล้ว ขอเพียงให้อีกฝ่ายรอดจากตรงนี้ส่งไปถึงรถของคุณเกษมศักดิ์ก็พอ



ขาคู่เรียวสองคู่สับขาวิ่งเป็นพัลวัน ชะเอมเริ่มออกอาการหอบหายใจแม้จะวิ่งมาได้ไม่ถึงสองร้อยเมตร



จะทำยังไง...จะทำยังไงดี



"ว้าย! อะไรน่ะ!?"



"ขอโทษครับ!" เสียงทุ้มใสตะโกนขอโทษเมื่อวิ่งเฉี่ยวผู้หญิงท่านหนึ่ง ร่างบางสองร่างแหวกฝูงชนที่ยืนประปรายจนแตกฮือ



ถ้าหากจะวิ่งไปแบบนี้มันจะกลายเป็นเป้าทั้งคู่...สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเขาหรือเอม...จะไม่มีใครที่รอดไปได้เลยสักคน



ดวงตาเรียวเหลือบมองด้านหลังมือบางข้างหนึ่งยังถูกเขาจูงเอาไว้ไม่ปล่อย ส่วนอีกข้างเริ่มยกจับตำแหน่งอกข้างซ้าย...หน้าซีดและเหงื่อผุดซึม



"โว้ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย วันนี้มึงไม่รอดแน่ไอ้หน้าจืด!!"



"ถ้าพวกเราจับตัวมึงกับคนสวยไปได้ พี่ภูมิจะต้องดีใจมากแน่ๆ!"



"ใช่ๆ!!"



ริมฝีปากบางเม้มแน่นกับเสียงตะโกนเฮโลที่ฝ่ามา พวกมันทำอย่างกับกำลังเล่นเกมวิ่งไล่จับสนุกสนาน แต่พระรามหน้าเครียดขึง ชะเอมคงไม่เข้าใจสถานการณ์อะไร ต้องมาถูกบังคับให้ทำในเรื่องที่ไม่ถนัดอย่างการวิ่ง "แค่ก...แค่ก!" หนำซ้ำร่างกายของเขาก็ไม่เอื้ออำนวย ถอดผ้าปิดปากที่เริ่มเปรอะเลือดและขยำทิ้งข้างทาง



...ทำไมต้องเป็นเอาตอนนี้ด้วยนะ...



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววกังวลใจ เหลือบมองคนตัวบางเป็นระยะซึ่งไม่ผิดจากที่คาด...อีกฝ่ายอาการแย่ลงทุกขณะเพราะโรคหัวใจที่เป็นอยู่



ร่างโปร่งกัดปากตนจนเลือดซิบและตัดสินใจ พวกเขาจะวิ่งต่อไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง



ขอเพียง...ขอเพียงให้ชะเอมปลอดภัย



ครืด ครืด



โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นระริกอย่างถูกเวลา มือเรียวรีบล้วงขึ้นมาดูและเป็นใครบางคนอย่างที่คิด



...ไอติม...



พระรามสาบานได้ว่าไม่เคยรู้สึกใจชื้นเท่านี้มาก่อน ทั้งดีใจ...และเสียใจ



ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาได้ สายตาพลันเห็นซอกตึกด้านข้าง พระรามจึงรีบดึงชะเอมเข้าซอยนั้นทันที



"แฮ่ก...แฮ่ก...ราม...นี่เราหนีอะไรกันเหรอ" ชะเอมถามเจือหอบ ไม่เข้าใจสักนิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำไมถึงต้องวิ่งหนีด้วย แล้วคนพวกนั้นมันอะไร



"อย่าเพิ่งพูดอะไร รีบมานี่ก่อน" ยังได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงโวยวายอยู่เลย มือเรียวลากคนตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อยที่หอบหนักและดูเลิ่กลั่กกับซอยสกปรกเหมือนไม่เคยเห็น



"นี่...แฮ่ก...ยะ ยังต้องวิ่งต่ออีกเหรอ" ชะเอมถามพลางกุมอกแน่น ในนั้นมันช่างบีบรัดและเต้นระรัว ร่างบางเกร็งขืนตัวพยายามยืนนิ่งเพื่อผ่อนลมหายใจซึ่งรามก็เห็นใจ



...แต่เราจะยังหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้...



"อดทนอีกหน่อยนะเอม" พอเดินเข้ามาลึกอีกนิดมีทางแยกซ้ายและขวา ใบหน้ามนมองสำรวจ ก่อนจะยัดโทรศัพท์ที่ยังสั่นดิกของตนใส่มือบาง ชะเอมมองมันอย่างงุนงง



"ถ้าหากเราอยู่กันสองคน ไม่มีทางที่จะหนีพวกมันทันแน่...เอม เอามือถือนี่ไปแล้วบอกให้ติมมาช่วย หมอนั่นจะต้องมาช่วยนายในทันทีแน่"



ดวงตากลมโตส่งแววสับสน เสียงใสรีบถาม "แล้วรามล่ะ"



"ไม่เป็นไร...เราไม่เป็นไรหรอก" คนปลอบยกมือขึ้นลูบหัวเพื่อนตัวบาง สายตาหลุบลงมองหน้าจอมือถือที่สั่นมีสายเรียกเข้าไม่หยุดแล้วฝืนยิ้ม



'มันไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรทั้งนั้น! ที่กูทำทั้งหมดนี้เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก!!'



ขอเพียง...ให้นายปลอดภัย



...ตัวเขาจะเป็นยังไงก็ช่าง...



"เอมไปทางนั้น ตรงไปน่าจะมีทางออก" นิ้วเรียวชี้ไปทางแยกขวามือ "ส่วนเราจะไปทางนี้เอง ไม่ต้องห่วง เราไม่ให้ไอ้พวกนั้นไล่ตามนายไปเด็ดขาด"



"ไม่เอานะราม" ใบหน้าหวานส่ายไปมาน้ำตาคลอ เพราะรู้แล้วว่าพระรามกำลังคิดจะทำอะไร เขาไม่เห็นด้วยที่เพื่อนจะเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ พวกนักเลงพวกนั้น...ถ้าหากเขาไม่ไปยุ่งตั้งแต่แรก มันคงไม่เป็นแบบนี้



ตึกๆๆ!



"อยู่ไหนวะ!?"



"แถวๆ นี้แหละ หาให้ทั่ว!"



"รีบไป...เร็ว!" พระรามรีบผลักให้ชะเอมวิ่งหันหลังไป ซึ่งดวงตากลมมีน้ำตารื้นออกมาคลอหน่วย



"เฮ้ย มันอยู่นั่น!" เสียงตะโกนที่ต้นซอยทำให้ชะเอมสะดุ้งรีบซอยเท้าเร็วขึ้นอีก



"ราม!"



"อย่าหันกลับมา!" เขาตะคอกใส่คนที่หันมามองลังเล นั่นทำให้ชะเอมค่อยๆ วิ่งออกไป



"ราม! เดี๋ยวเราจะรีบตามคนมาช่วยนะ!!" เสียงใสตะโกนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่แผ่นหลังบางจะค่อยๆ เล็กลง ร่างโปร่งหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปอีกทางตามที่บอก...เพียงเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเล็ดลอดตามชะเอมไป



ริมฝีปากบางยิ้มเจื่อน พร้อมดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่อ่อนแสงลง



...เท่านี้ก็พอ...ขอแค่นายปลอดภัย...



พี่ทำดีแล้วใช่มั้ยติม



พระรามถอยเล็กน้อยจากรังสีคุกคามจากคนทั้งห้า "มึงกล้ามากเลยนะที่หยุดรอพวกกู"



"กูบอกแล้วไงว่าอย่าเสือกยุ่งกับเพื่อนของกู"



"หึๆ กูว่ามึงคิดผิดแล้วล่ะที่คิดเอาตัวเองมาล่อพวกกูเพื่อให้เพื่อนมึงหนีไป"



ดวงตาเรียวเบิกกว้าง หน้าซีดเผือด "พวกมึง...หมายความว่ายังไง"



"ก็หมายความว่าถึงพวกกูจะไม่ได้คนสวยไปเชยชิมแต่ก็ได้มึงที่เป็นเป้าอันดับหนึ่งของคุณภูมิอยู่ดีไงล่ะวะ" คนพูดแสยะยิ้มก่อนจะพยักหน้าให้อีกสามคนที่หัวเราะหึๆ ไม่ต่างกันก้าวล้ำหน้าเข้าหาร่างโปร่งที่หันซ้ายหันขวาหาทางหนีแต่ไม่ทันแล้ว "เฮ้ยพวกมึง จับมัน!"





********************* Love Substitute *********************



   

"จิ๊! ทำไมไม่รับสักทีวะ!"

   

ร่างสูงที่ลุกจากเตียง อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่งรอแล้วรออีกพระรามก็ไม่กลับมาเสียที จนต้องโทรตาม นี่ก็โทรเป็นสิบสายแล้ว แต่เสียงรอสายที่ดังอยู่นานหลายครา มันยิ่งทำให้ไอติมหงุดหงิดหนักมากขึ้น

   

...ในใจรู้สึกเต้นรัวผิดปกติ...

   

ระหว่างที่ถือเครื่องมือสื่อสารแนบหูฟังเสียงรอสายต่อไป ขายาวก็เดินเข้าห้องนอนเปิดตู้เสื้อผ้า...ทั้งเสื้อทั้งกางเกงยังอยู่ครบ



แล้วร่างโปร่งไปไหน?

   

แกร๊ก!

   

มือใหญ่ปล่อยประตูตู้เสื้อผ้ากระแทกดังปังทันทีที่ได้ยินเสียงคนรับสาย "ฮัลโหล ราม นี่มัวไปไหน ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่กลับมาสักที!” เสียงทุ้มพลันตวาดถามอีกฝั่งอย่างโมโห ไม่ให้พระรามได้ทันพูดอะไร ก็เพราะร่างโปร่งชอบทำอะไรให้เขาใจหายอยู่เรื่อยแบบนี้ ไม่ให้อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนมีเมนส์มาอย่างกับผู้หญิงแบบนี้ได้ไง

   

("ฮะ ฮัล- แฮ่ก...แฮ่ก!")

   

แต่เสียงที่ตอบกลับ ไม่ใช่เสียงทุ้มใสของคนที่อยากฟัง ดวงตาคมกริบหรี่ลง "นั่นใคร!?"

   

("ตะ ติม...พี่เอง ชะ...ชะเอม") เสียงใสที่ตอบกลับมายังเจือหอบหายใจไม่หาย ไอติมลดท่าทีลง อารมณ์โมโหเหมือนจะต่ำลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่คลายความกังวล

   

"ครับ พี่เอม แล้วรามล่ะ ทำไม..."

   

("พี่ พี่ขอโทษ ติม ฮึก ช่วยรามด้วย...พี่ขอโทษ") เสียงใสสั่นเครือเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาคมกริบเบิกกว้างตกใจ ทั้งคำพูดและเสียงร้องไห้สะอื้นยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่รู้สึก

   

ราม!

   

ขายาวไม่รอคอยรีบวิ่งออกจากห้องแล้วกรอกเสียงตามสาย "พี่เอม ใจเย็นๆ เกิดอะไรขึ้น แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน"

   

("พะ พี่อยู่แถวๆ ...")

           

รถสปอร์ตพุ่งออกจากคอนโดทันทีและร่างสูงก็ติดต่อสายไปหาใครอีกคนด้วยความร้อนรน



   



แกร๊ง...

   

เสียงเหล็กกระทบพื้นในโกดังร้างแห่งหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเฮฮาของกลุ่มชายฉกรรจ์เหมือนกำลังเล่นสนุกกับอะไรบางอย่าง

   

ผัวะ! ตุ้บ!

   

"ฮ่าๆ มีกระสอบทรายเป็นคนนี่ก็สนุกไม่เบาว่ะ!"

   

คนรอบข้างนั่งบนถังน้ำมันสังกะสีเป่าปากตบมือแซว "เอาให้หนำใจไปเลยเว้ย นานๆ ทีมาสักคน"

   

"แค้นไอ้เหี้ยติมนักแม่งชอบอวดดี เอานี่ไปกินอีกที!" คนพูดเหวี่ยงเตะเข้าสีข้างของคนยืนโงนเงนจนล้มคว่ำไปรอบ

   

พลั่ก!

   

"อึก...แค่ก!" ร่างโปร่งผอมนอนขดตัวจับท้อง สำลักเลือดและน้ำบางอย่างออกมาเลอะเทอะ เสื้อผ้าคลุกฝุ่นทั่วตัว ตามตัวถลอกปอกเปิกไปหมด แต่ใบหน้าไม่มีรอยเลือดหรือรอยช้ำแม้แต่นิด

   

'จะทำยังไงก็ตามสบาย แต่อย่าเล่นหน้ามัน เดี๋ยวเละแล้วกูเอาไม่ลง'

   

เพราะหัวหน้าของพวกมันสั่งเอาไว้...ไอ้คนชื่อภูมินั่น

   

พระรามกัดฟันกรอดค่อยๆ ดันตัวของตนลุกขึ้น ทั้งๆ ที่ขาสั่นแทบลุกไม่ไหว แต่แล้วก็ล้มลงไปนอนอีกครั้งกลางพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น

   

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มปรือมอง เสียงหัวเราะเยาะรอบข้างเริ่มอื้ออึงไม่เข้าหู แต่ริมฝีปากบางดันยกยิ้มออกมา ไม่รู้ทำไม...อาจจะเพราะสมเพชตัวเองอยู่ล่ะมั้ง

   

ในใจของเขานั้นแสนว่างเปล่า ไม่มีกำลังใจ ไม่ได้หวังว่าใครคนนั้นจะมาช่วย ก็เพราะคนสำคัญตัวจริงปลอดภัยแล้ว...ตัวปลอมอย่างเขาก็คงต้องนอนรอความตายเพราะถูกพวกนี้ซ้อมจนสาแก่ใจ

   

"เฮ้ย มันหัวเราะว่ะ...ไอ้เวรนี่แม่ง กวนประสาทเหมือนเหี้ยติมไม่มีผิด" คนมองสบถและถุยน้ำลายถมพื้น เหวี่ยงขาหวดฝ่าเท้าเข้าที่หน้าท้องแบนอย่างไม่ปราณีจนคนตัวเบาไถลไปไกลสำลักไอค่อกแค่ก

   

ข้อเท้าเล็กข้างหนึ่งหนักหน่วงเพราะถูกกุญแจโซ่เหล็กเส้นใหญ่กอบกุมเอาไว้ ราวกับจะไม่ให้หนีไปไหนได้ มีคนล้อมรอบเกือบยี่สิบคนแบบนี้ถึงจะไม่ถูกล่ามเอาไว้เขาก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ

   

แต่ถึงกระนั้น...รอยยิ้มบางนั้นก็ยังไม่หายไป จนคนมองกัดฟันกรอดเตรียมจะหวดเข้าอีกรอบแต่ถูกเบรคเอาไว้ก่อน

   

"เดี๋ยว หยุดก่อน กูขอจัดการเอง" อีกคนเดินเข้ามาดันไหล่คนง้างขาออกไป พระรามหอบหายใจแรง ปรือตามองภาพตรงหน้าที่แสนพร่ามัว ร่างสูงกำยำกล้ามล่ำบึ้กอยู่ในคลองสายตา ในมือใหญ่ถือท่อนเหล็กขนาดกลางความยาวพอดีเอาไว้แน่น เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะก้องในโกดังร้าง ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

   

แกร๊ง!

   

"คนอวดดีอย่างมึงต้องเจอกู" คนพูดกระแทกท่อนเหล็กกับพื้นเหมือนทดสอบความแข็ง แววตาที่มองต่ำลงมาไม่ต่างกับมองแมลงตัวหนึ่ง

   

"เฮ้ยๆๆ ไอ้พจ มึงจะทำอะไร" คนรอบด้านเริ่มฮือฮามองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อเห็นท่าทางของคนชื่อ 'พจ' ที่ดูคุกคามมากผิดปกติ

   

"ก็พวกมึงมัวแต่เล่น กูเห็นแล้วคันไม้คันมืออยากตีมันให้ตายคาที่" และจะต้องเล่นงานที่หัวเท่านั้นมันถึงจะตายสนิท!

   

"อย่านะเว้ย เดี๋ยวคุณภูมิก็ด่ามึงตายห่า เผลอๆ ไม่ด่าอย่างเดียว โดนซ้อมหนักด้วยนะเว้ย"

   

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 21-08-2019 21:03:52

ต่อจากด้านบน


คนฟังหัวเราะหยัน "คิดว่ากูกลัวเหรอ นี่กูกำลังทำเพื่อคุณภูมิต่างหาก แก้แค้นให้กับเขาที่โดนไอ้เหี้ยติมกระทืบจนต้องไปศัลยกรรมจมูกมาอีกรอบไงล่ะ" พจพูดจบก่อนจะง้างมันขึ้นเหนือหัวด้วยแขนสองข้าง หวดลงมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี...เป้าหมายคือศีรษะเล็กที่นอนนิ่งอยู่กับพื้นไม่ขยับ

   

"เฮ้ย!!" หลายคนยกแขนขึ้นบังตา ไม่อยากมองภาพสยดสยองอย่างหัวสมองบุบหรือแตกเละเทะเลือดกระจาย...เพราะรู้ดีว่าคนอย่างไอ้พจมันไม่เคยออมแรงให้ใคร

   

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง ทั้งๆ ที่ควรจะกลัว...แต่ตอนนี้ใจกลับสงบ ได้ยินเสียงท่อนเหล็กดังแหวกฝ่าลมเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกวินาที

   

เขา...กำลังจะตาย

   

...แม่ครับ...

   

...ไอติม...พี่...

   

"มึงจะทำอะไร ไอ้พจ"

   

ทุกสิ่งที่วุ่นวายพลันเงียบสงบ ท่อนเหล็กหยุดชะงักห่างจากใบหน้ามนเพียงแค่คืบเดียว พจจิ๊ปากไม่เดือดเนื้อร้อนใจซ้ำยังโยนสิ่งที่อยู่ในมือไปไกลจนเกิดเสียงดัง เดินล้วงกระเป๋าเดินไปอีกทาง

   

ภูมิเดินเข้ามาพร้อมกับร่างเล็กอ้อนแอ้นเกาะแขนแกร่ง แต่สายตากลมโตที่เคยใสกลับคลั่งแค้นเมื่อเห็นพระรามนอนโทรมอยู่กลางพื้น แสงแดดสาดส่องผ่านหลังคาเห็นใบหน้ามนชัดเจน

   

ไอ้เวรหน้าจืด!!

   

"นิล ปล่อยแปป" เมื่อเดินมาหยุดตรงหน้าพระราม ร่างสูงก็บอกคนข้างกาย เจ้าตัวพองแก้มงอแงเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อย ขายาวเดินเข้าใกล้ตัวประกันชั้นหนึ่งก่อนจะย่อตัวลงนั่งยองๆ มองใกล้ "กูบอกว่าตามสบายก็เล่นซะหนักเลยนะพวกมึง"

   

"นี่ภูมิจับตัวมันมาทำไมน่ะ" เสียงใสถามสะบัด

   

"รู้จักเหรอ" ภูมิเลิกคิ้วถามเมื่อใบหน้าน่ารักออกอาการบิดเบี้ยวอย่างประหลาด พ่นลมหายใจฟึดฟัด

   

"ก็ใช่อยู่หรอก"

   

"หืม โลกกลมชะมัด" เสียงทุ้มหัวเราะหึ ก่อนจะยกมือตบข้างแก้มคนปรือตาเหมือนจะหลับ เจ็บช้ำทั่วทั้งกาย "เฮ้ย ตายยัง"

   

"..."

   

"มึงยังตายไม่ได้นะเว้ย กูยังต้องให้มึงล่อไอ้เหี้ยติมมาชดใช้ที่ทำจมูกกูหัก" พอพูดแล้วยิ่งแค้น ฟันขบกัดเสียดสีจนได้ยินเสียงเสียดโสตประสาท แต่ร่างโปร่งที่นอนจมกองเลือดของตนนิ่งเงียบไม่ตอบรับอะไร ภูมิก็ถอนหายใจ "เห็นสภาพมึงแล้วเอาไม่ลงว่ะ แบบนี้คงเจ็บจะตายมากกว่ามีอารมณ์เสียว"

   

"นี่ภูมิจับมันมาเพื่อจะเอามันเหรอ?" เสียงใสถามเล็ดไรฟัน ดวงตากลมโตตวัดมองสบกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เปิดขึ้นมาพอดี

   

คนได้ยินลูบคาง ยิ้มกริ่ม "อืม...ก็ก่อนหน้านี้เคยลูบผิวมันไปที เป้างี้ตุงเลย...มิน่าไอ้ติมมันถึงติดใจ เห็นหน้าจืดแบบนี้ แต่ผิวเนี๊ยนเนียน หึหึ" ซ้ำยังหัวเราะในลำคอเอ่ยคำต่อมาให้นิลกำหมัดแน่นแค้นทวีคูณ "เผลอๆ ผิวเนียนกว่านายอีกนะนิล"

   

"ไม่ได้นะ นิลไม่ยอมหรอก" นิลเอียงศีรษะซบแขนแกร่ง พูดออเซาะประหนึ่งเมียหลวงพูดกับผัวเพราะไม่อยากยอมให้เมียน้อยเข้าบ้านใหญ่ "ภูมิต้องสนใจแต่นิลคนเดียวสิ ถ้าเมื่อกี้ยังไม่พอใจเดี๋ยวนิล 'ทำ' ให้อีกก็ได้นะ ให้เอาทั้งคืนเลยดีไหม" ร่างเล็กรีบเสนอตัวพลางถูไถแก้มเบาๆ ช้อนตามองด้วยท่าทางที่ผู้ชายจะต้องสยบทุกราย ไม่เว้นผู้ชายข้างๆ เขาตอนนี้

   

แต่ในใจแสดงออกตรงกันข้าม

   

ไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ มันมีดีอะไร!? ใครๆ ก็สนใจแต่มัน! กับคู่นอนคนใหม่ที่เขากำลังป้อได้ที่ สุดท้ายก็สนใจไอ้หน้าจืดๆ จนๆ!

   

ทั้งไอติม...ทั้งไอ้ภูมิ...มีแต่คนตาบอด!

   

"เอาน่า สภาพเหมือนจะตายอยู่แล้ว ไม่ไปเอาตูดให้เสียเวลาหรอกน่า"

   

"แค่ก...!" เสียงไอดังขัดทุกการเคลื่อนไหวและความคิดของใครบางคน พระรามเจ็บร้าว เพียงแค่ไอครั้งเดียวก็เหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบ ซี่โครงของเขา...มันเจ็บมาก

   

เจ็บจนอยากตาย...เพื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บอีก

   

"จะฆ่า...ก็ฆ่า...เลยสิ" เสียงทุ้มใสแหบโหยดังขึ้นพร้อมกับดวงตาเรียวที่ช้อนมอง...แรงจะพยุงตัวลุกขึ้นยังไม่มี แค่เค้นเสียงออกมาก็เจ็บมาก แต่เพราะคำพูดของภูมิ...มันทำให้เขาต้องฝืนพูด

   

'กูต้องล่อไอ้เหี้ยติมมาชดใช้ที่ทำจมูกของกูหัก'

   

ภูมิตาโตอึ้ง ก่อนจะระเบิดหัวเราะลั่นและตบหน้าขาดังฉาด ลูกน้องคนอื่นหัวเราะตามจนเสียงหัวเราะดังครืนเป็นลูกคลื่น คนที่ไม่อยู่ในอารมณ์คงจะมีแต่พระรามกับนิลที่ดวงตาเหมือนมีไฟลุก หลังจากนั้นไม่นานร่างสูงตรงหน้าก็หุบยิ้มเปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งตึงและตะโกนหน้าแดงก่ำ "อวดดีจริงๆ! อวดดีเหมือนกับไอ้เวรติมไม่มีผิด!"

   

"..."

   

"ถ้ามึงอยากตายนักเดี๋ยวกูจะสนองให้ แต่ต้องรอให้ผัวมึงมาที่นี่ก่อนล่ะนะ...แล้วกูจะทำการเชือดไก่ให้ลิงดู"

   

"ภูมิ นิลขอฆ่ามันเองได้มั้ย เกลียดหน้าจืดๆ ของมันมานานแล้ว" มือบางยกขึ้นลูบอกแกร่งคนข้างกายอย่างเอาใจ น้ำเสียงใสรื่นหู แต่คำพูดและแววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นเหลือล้น...แค้นมันที่ทำให้เป้าหมายอันดับหนึ่งของเขาหลุดมือไป ทั้งๆ ที่ถ้าไม่มีมัน ติมจะหันมามองเขาแท้ๆ

   

ตั้งแต่วันนั้นที่ติมบีบคอของเขาเพราะจะเอาคืนให้มัน เขาก็รู้ทันทีว่าไอ้พระรามเด็กเสิร์ฟแสนจนและหน้าจืดคนนี้เป็นคนสำคัญอย่างที่ไอติมบอกจริงๆ หลังจากนั้นเขาก็หาทางแก้แค้นมาโดยตลอด แล้วก็มาเจอกับภูมิที่เป็นคู่อริของไอติม ยิ่งอีกฝ่ายถูกไอติมอัดเละมาเพราะพระรามเหมือนเขาแล้วมันยิ่งง่าย...ยั่วยุเป่าหู...ปรนเปรอเอาใจทุกวันๆ จากคนที่เคยกลัวผู้นำคู่อริอย่างไอติม กลับมาผงาดก้าวร้าวอีกครั้ง จนในที่สุดก็มีวันนี้ที่จับตัวมันมาได้

   

โอกาสมาถึงแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไปได้อีกเด็ดขาด...เขาจะฆ่ามันต่อหน้าไอติม ให้ใบหน้าหล่อเหลาที่เขาหลงรักหัวปักหัวปำรู้ซะว่าไอ้หน้าจืดนี่มันเปรียบเทียบอะไรกับเขาไม่ได้แม้แต่นิด

   

"ได้สิ" ภูมิยิ้มและยกขึ้นลูบไหล่กลมกลึง ทำให้นิลยิ้มรับลิงโลด เห็นมั้ยล่ะ ผู้ชายคนนี้ยังตกหลุมเสน่ห์ของเขาอย่างจัง...ก็มีแต่ติมนั่นแหละที่ขายอ้อยตั้งนานแล้วยังไม่สนใจ...ไอ้คนโง่

   

"ขอบคุณนะครับ" คนตัวเล็กเขย่งขึ้นกดจมูกข้างแก้ม ไม่สนใจบรรยากาศรอบด้าน

   

"ไม่ว่า...จะทำยังไง ติม...ก็ แฮ่ก ไม่มาที่นี่หรอก" คำพูดนั้นมีความตัดพ้อในน้ำเสียง แต่คนฟังอย่างภูมิกลับมองว่ายิ่งว่าอวดเก่ง หมายความว่าไอติมจะฉลาดพอที่จะไม่มาติดกับงั้นสิ!?

   

"มันจะไม่มาได้ไง!? มันบอกว่ามึงเป็นคนสำคัญ วันนั้นแค่กูลูบตัวมึงนิดหน่อยก็โดนกระทืบจนดั้งหักเลยเห็นมั้ย!!"

   

"อึก!" ศีรษะทุยถูกจิกผมรั้งขึ้นให้จ้องตาคมที่มีความแค้นคลั่งสุมอยู่

   

"มาดูซิว่าถ้ากูฆ่ามึงซะ กูจะได้เห็นเจ้าเสือตัวนั้นร้องไห้หรือเปล่า" มือใหญ่ปล่อยผมพระรามที่นอนขดตัวไอโขลก ก่อนจะลุกขึ้นยืดเต็มความสูงและควักมีดที่เหน็บอยู่ที่กางเกงด้านหลังส่งให้นิล

   

"อ่ะ จะทำยังไงตามใจนิลเลย แต่ขอให้รอไอติมมาก่อน" ร่างเล็กรับมีดคมวาววับมาไว้ในมือก่อนจะยกมันขึ้นส่องใบมีดที่สะท้อนชัดราวกับกระจก ปรากฏดวงตากลมโตฉายแววชอบใจและรอยยิ้มเหยียดหยันฉายชัด ลับหลังร่างสูงที่เดินไปนิลยกตัวขึ้นคร่อมร่างโปร่งที่นอนตะแคงและถูกพลิกให้นอนหงาย ก่อนจะเงื้อสิ่งที่อยู่ในมือขึ้นเหนือหัว

   

ฉึก!!

   

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แม้แต่พระรามเองก็ยังไม่ทันได้ร้องอะไรนอกจาก...

   

"อะ...อ๊ากกก!!" เสียงทุ้มใสกรีดร้องดังจนทุกสายตาที่ชะล่าใจหันมามอง ภูมิหันขวับมองตาเหลือกโตก่อนจะตะโกนลั่น

   

"นิลทำอะไร!? บอกว่าให้รอก่อนไม่ใช่เหรอ!"

   

"ก็แค่..." ร่างเล็กตอบไม่มองหน้า ก่อนจะกดมีดลงอีกจนพระรามดิ้นพล่าน "ทดสอบความคม"

   

"อ๊ากกก!!!" ยิ่งร่างโปร่งกรีดร้องด้วยความทรมานมากเท่าไหร่ยิ่งเรียกรอยยิ้มสะใจของนิลได้มากขึ้นเท่านั้น พระรามกระตุกเกร็งตัวแน่น จะดิ้นหนีก็ไม่ได้ ขาถูกล่ามเอาไว้ ลำตัวก็ถูกทับ...แรงจะผลักคนตรงหน้าออกไปเขายังไม่มี หูได้ยินแต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของตัวเองดังก้องและความเจ็บที่เสียดขึ้นก้านสมองจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง

   

นี่เขา...เขาไปทำอะไรให้

   

ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

   

เจ็บ...เขาเจ็บยิ่งกว่าถูกซ้อมเมื่อถูกอาวุธอันตรายกดลงบนต้นแขนข้างซ้ายจนคมมีดจมมิด

   

เจ็บจนน้ำตาไหล

   

เจ็บจนแทบสิ้นสติ

   

"นิล พอแล้ว! เดี๋ยวมันก็ตายก่อนที่ไอ้ติมมันจะมาหรอก"

   

เพียงแค่ได้ยินชื่อ สติก็เหมือนจะกลับมา...

   

ติมจะมา...เหรอ

   

"ติ...ม..."

   

พระรามนั้น...ช่างโง่เง่า ตัวเขาเคยด่าทอต่อว่าเหล่าคนที่มีความรัก...คนที่ทำเพื่อความรักซึ่งมันไม่เคยมีอยู่จริง...เหลวไหล...โกหกทั้งเพ

   

แต่ตอนนี้...เขากำลังแลกชีวิต...เพื่อความรัก...เพื่อคนที่เขารัก...เพื่อคนที่ไม่เคยเห็นตัวตนของรามเลยสักครั้ง...เพื่อคนที่ไม่เคยเห็นค่าของความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน

   

...เพื่อไอติม...

   

"ไม่ต้องคร่ำครวญเรียกหาผัว เดี๋ยวกูจะสนองให้...หมั่นไส้มึงมานานแล้ว" ร่างของพระรามกระตุกเฮือก เมื่อมีดที่ปักอยู่ถูกถอนออกไปอย่างเร็ว เลือดสีแดงฉานไหลนองเต็มพื้นจนเสื้อเปียกเป็นดวง มือขวาสั่นระริกยกขึ้นไร้เรี่ยวแรงกดแผลฉกรรจ์ที่เปิดกว้าง ปวดแสบปวดร้อนเหลือคณา หน้าเผือดขาวเหมือนคนจะเป็นลมเพราะขาดเลือดมาก "คนอย่างมึงมันมีอะไรดี!?"

   

"อะ ฮั่ก..." คนที่แทบจะไร้สติส่ายหน้าเหงื่อชุ่ม หอบหายใจหนักหน่วงร้องครวญครางน้ำตาไหล ไม่ได้ตอบอะไรออกไปยิ่งกระตุ้นอารมณ์หมั่นไส้มากยิ่งขึ้น

   

ในคราที่ร่างเล็กเงื้อมือขึ้นหวังจะปักลงที่แขนอีกข้าง ทันใดนั้นเสียงด้านนอกโกดังก็โหวกเหวกโวยวายให้การกระทำทั้งหมดของคนในโกดังหยุดชะงักและเงี่ยหูฟัง เสียงหนึ่งที่แทรกเข้ามานั่นคือ...เสียงของคนเฝ้า เสียงทะเลาะ เสียงเนื้อหวดเนื้อและเสียงปืน!

   

โครม!

   

ไม่ทันถึงสองนาทีที่เสียงนั้นเกิดขึ้นและจบลง ต่อมาประตูโกดังที่ขึ้นสนิมจะพังแหล่มิพังแหล่ก็ล้มครืนลงมาเพราะใครบางคนใช้เท้ายัน ใบหน้าหล่อเหลาที่ปรากฏพร้อมกับดวงตาคมกริบที่กวาดมองและหยุดลงที่ร่างโปร่งนอนคลุกฝุ่นอยู่กับพื้น...และเลือด!

   

"ราม!!" เสียงทุ้มตะโกนดังราวกับสัตว์ป่าคำราม แต่พระรามไม่มีทีท่าว่าจะได้ยิน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันทำให้ประสาทสัมผัสทุกอย่างอื้ออึงไปหมด

   

"กูกำลังรอมึงอยู่เลย ไอติม เป็นไงบ้าง เซอร์ไพรส์มั้ย!" ภูมิทำใจดีสู้เสือทั้งหน้าซีด พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนอยู่เหนือกว่า แน่สิ...ตอนนี้เขาก็เหนือกว่าจริงๆ อย่างที่พูด...ติมมันไม่กล้าทำอะไรหรอกถ้าเขายังมีตัวประกันอยู่ “พวกมึงกล้ามากนะที่มากันแค่สองคน อวดดีทั้งผัวทั้งเมีย!”

   

"ไอ้เหี้ยภูมิ! ไอ้หมาลอบกัด!" ไอติมเตรียมพุ่งตัวเข้าไปแต่ถูกรั้งไว้ก่อนโดยเพื่อนสนิทที่อยู่ข้างกาย ธารส่ายหน้าให้ใจเย็น แต่ใจเขาช่างร้อนรนเพราะพระรามหน้าซีดปานนั้น เลือดนั่นก็คงจะเป็นของราม ไม่รู้ว่าอาการจะเป็นยังไงบ้าง! ไอติมกัดฟันกรอด “มึงนี่มันชั่วไม่มีวันจบสิ้นจริงๆ!”

   

"ก็คนอย่างมึงมันชอบอวดเก่ง ปากดี คราวนี้เป็นไงล่ะ รู้สึกยังไงบ้าง คนของมึงกำลังจะตาย...ถ้ากูสั่งคำเดียว คนของกูก็เตรียมปักมีดเข้าหัวใจเมียมึงทันที!"

   

"ไอ้เลวเอ๊ย!!!" ไอติมเพิ่งสังเกตเห็นร่างเล็กคุ้นตาที่กำลังนั่งคร่อมร่างโปร่งที่ยกมือขึ้นกุมแขนที่อาบเลือด ในมือถือมีดเปื้อนเลือดสีแดงฉานไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนทำราม "นิล มึงแค้นกูมากก็มาทำกับกูสิ! อย่าทำราม!"

   

"ไม่!" เจ้าของชื่อตวัดมองแสยะยิ้มตอบชัดเจน นัยน์ตามีแววอิจฉาริษยา เพราะคำที่เอ่ยออกมามันเต็มไปด้วยความห่วงใยไอ้หมอนี่ "ทำไม...ทำไมติมต้องเลือกมัน ไอ้หน้าจืดนี่มีอะไรดีกว่านิล นิลไม่เห็นเข้าใจเลย!"

   

"..."

   

"รู้มั้ย...ยิ่งติมทำแบบนี้นิลยิ่งแค้นมัน ยิ่งติมทำดีกับมัน นิลยิ่งแค้น! ยิ่งติมปกป้องมันนิลยิ่งอยากทำให้มันเจ็บ!!" มือเล็กเงื้อมีดขึ้นเหนือหัว ทั้งๆ ที่พระรามไม่มีแรงจะต่อต้านแล้วก็ยังไม่สะใจ...ต้องให้สาสมกับที่เขาต้องรู้สึกที่โดนติมบีบคอจนเกือบตายในวันนั้น!

   

"อย่านะ!!!" เสียงทุ้มตวาดกร้าวให้อีกคนชะงัก ปลายมีดอยู่ห่างจากร่างโปร่งไม่ถึงนิ้ว ดวงตาคมกริบฉ่ำวาวด้วยน้ำบางอย่าง หมัดกำแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างสูงตัวสั่นระริกด้วยอารมณ์โกรธ...โกรธแค้นพวกมันทุกคน รวมถึงตัวเอง

   

ที่รามเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา รามต้องมาเจ็บ...ต้องมาเจ็บเกือบตายแบบนี้เพราะเขา

   

"ราม...รามอดทนไว้ก่อนนะ ผมกำลังจะไปช่วย...!" ไอติมพยายามตะโกนเรียกร้องแต่ร่างโปร่งไม่ตอบหรือส่งเสียงกลับมา ดูคล้ายกับคนจะหมดสติ ใบหน้ามนซีดเซียวลมหายใจแผ่วอ่อนจนน่ากังวล เลือดคงไหลมากจนร่างกายไร้เรี่ยวแรง นี่ยังไม่นับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

   

ถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้นานๆ มีหวังเสียเลือดจนตายแน่

   

...ต้องรีบทำอะไรสักอย่าง...

   

"ฮ่าๆ!" เสียงหัวเราะเย้ยหยันของภูมิดังขัดขึ้น ให้ดวงตาคมกริบตวัดมอง "สะใจชิบหายเห็นมึงเป็นแบบนี้ จากเสือกลายร่างเป็นแมวเชื่องๆ"



"..."

   

"เจ็บใจมั้ยล่ะที่คนสำคัญของมึงต้องมาเป็นแบบนี้เพราะตัวมึงเอง!"

   

"มึงต้องการอะไร...ไอ้ภูมิ" คนพูดขี้เกียจจะเสวนา ยิ่งนานยิ่งเป็นอันตรายต่อพระราม ดวงตาคมกริบเหลือบมองเพื่อนข้างกายที่ยืนนิ่งเงียบแต่สายตาลอบมองไปรอบด้านอย่างสำรวจ

   

แม้จะขัดใจ...แต่เขาต้องรอสินะ

   

"มึงถามว่ากูต้องการอะไรเหรอ เฮ้ย พวกมึง!" ภูมิพยักเพยิดเรียกลูกน้องราวสิบกว่าคนที่ถืออาวุธครบมือให้เดินเข้ามาบริเวณกลางโกดัง "พวกนี้กับมึงคนเดียวด้วยมือเปล่า ไอติม กล้ารึเปล่าล่ะ"

   

ไอติมหัวเราะหึ พวกนักเลงอย่างไอ้ภูมิเป็นคนที่ทุเรศที่สุดเท่าที่เคยเจอ เอาเปรียบทุกอย่างได้ก็เอา จับคนเป็นตัวประกัน ซ้ำยังเล่นหมาหมู่ แต่เขาไม่ได้กลัว...ก็แค่จะเอาคืนมันให้สาสม

   

ขายาวก้าวออกไปประจันหน้าและพวกลูกน้องของภูมิก็ก้าวล้อมเป็นวงกลมทันทีปิดทางหนี

   

"ถ้าพวกมึงแพ้ คืนคนของกูมาแล้วไสหัวไป" ไอติมว่า ก่อนจะมองไปรอบๆ

   

"ส่วนถ้ามึงแพ้ ไอติม มึงต้องปาดคอให้พวกกูดู ส่วนคนของมึง กูจะคอย 'ดูแล' เป็นอย่างดี" ภูมิพูดพร้อมเลียปากหื่นกระหาย รู้ได้เลยว่าคำว่าดูแลคงไม่พ้นเรื่องบนเตียง

   

ฟังยังไงก็ไม่คุ้มแม้แต่นิด แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับนิ่งเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสงบ "ได้"

   

มือสองข้างสะบัดวอร์มคล้ายจะไปออกกำลังกายมากกว่าต่อยคน บิดคอซ้ายขวาและกวักมือยั่วอารมณ์ "พวกมึงก็เข้ามาได้แล้ว เสียเวลา"

   

หลังจากนั้นกลุ่มคนก็กรูเข้าตะลุมบอนด้วยมีดและไม้หน้าสามพัลวัน แต่คนกว่าสิบคนทำอะไรไอติมไม่ได้แม้แต่นิด ซ้ำยังค่อยๆ ถูกสอยร่วงไปทีละคนๆ

   

ส่วนร่างโปร่งที่นอนหน้าซีดอยู่สติค่อยๆ กลับมา แม้ความเจ็บปวดยังคงอยู่แต่ก็เริ่มรับรู้เสียงวุ่นวายรอบด้าน

   

"ตะ...ติม" เสียงทุ้มใสหอบแผ่วเรียกชื่อ ทำให้นิลที่มองลีลาการต่อสู้ของร่างสูงอยู่ละสายตามอง ดวงตาสีน้ำตาลปรือมองคนที่อยู่ตรงนั้น

   

ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่...แต่อีกฝ่ายก็มาช่วยเขา...

   

'ราม! เดี๋ยวเราจะรีบตามคนมาช่วยนะ!!'

   

น้ำตารื้นขึ้นมาเมื่อเสียงใสของร่างบางดังขึ้นในความทรงจำ

   

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 21-08-2019 21:04:14


ต่อจากด้านบน


อา...ติมแค่มาช่วยเพราะว่าเป็นคำขอของชะเอมแน่เลย

   

...เขาควรจะดีใจสิ...ใช่มั้ย...

   

แต่ก่อนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อร่างสูงกำลังถูกใครบางคนลอบทำร้ายด้านหลัง

   

"ติม...ติม ระวัง! อุ๊บ...อื้อ..." ใบหน้ามนขืนออกจากฝ่ามือเล็กที่ตะปบปากเขาแน่นอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่สายตายังคงมองเป็นห่วงไอติมที่เหมือนจะได้ยินเสียงของเขาเลยหลบรอดมาได้อย่างหวุดหวิด

   

"ราม!"

   

"อื้อ!" พระรามส่งเสียงผ่านลำคอ พยายามส่ายหน้าบอกว่าอย่าละสายตาจากสิ่งรอบด้านที่พร้อมจะทำร้ายร่างสูงอยู่ตลอดเวลา แต่ใบหน้ามนก็ถูกกระชากกลับมาจึงต้องละสายตาจากดวงตาคมกริบโดยร่างเล็กที่ครานี้เหมือนจะแรงเยอะกว่าเขามาก

   

ดวงตากลมโตที่เคยใสน่ารัก บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความแค้นที่รุนแรง รามเหลือบมองมือเล็กที่กำมีดแน่น ใบมีดที่ยังเปรอะเปื้อนเลือดของเขาเองค่อยๆ ชูขึ้นสูงอีกครั้ง

   

"มึงนี่มันน่ารำคาญ...รกหูรกตาที่สุด!"

   

"ราม! ...โธ่เว้ย!!" ร่างสูงตวาดลั่น พยายามหลบเลี่ยงทั้งหมัดทั้งเท้าซ้ำยังอาวุธมากมายที่โถมเข้าใส่ ไม่มีช่องว่างให้เข้าไปหา ร่างโปร่งได้แต่นอนรับชะตากรรมสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น "มึงอย่าทำนะนิล ไม่งั้นกูจะฆ่ามึง ได้ยินมั้ย!"

   

ในชั่ววินาทีที่คมมีดกำลังจะเข้าเนื้อบริเวณท้อง ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ความเจ็บปวดแล่นจี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง เจ็บยิ่งกว่าที่แขน เสียดขึ้นสมองให้พระรามร้องในลำคอลั่น

   

"อื้อ!!!"

   

ฟุ่บ! โพละ!

   

เสียงบางอย่างวิ่งผ่านอากาศแค่เสี้ยววินาที ก่อนที่ร่างเล็กที่มีดวงตาอาฆาตแค้นจะร่วงหล่นกระแทกกับพื้นเสียงดัง ทุกคนในโกดังที่กำลังโหวกเหวกโวยวายหยุดชะงักเงียบงัน ภูมิมองตาค้างเมื่อดวงตากลมโตเหลือกมองมาทางเขาอย่างน่าสยดสยอง ใบหน้าน่ารักบัดนี้เต็มไปด้วยเลือดเพราะรูบนหน้าผาก เลือดไหลเจิ่งนองผสมปนเปกับเลือดของพระรามจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร

   

นิลตายแล้ว แบบไม่ทันรู้ตัวว่าตัวเองตายด้วยซ้ำ

   

"เชี่ย!" ร่างสูงสบถลั่นหันหลังวิ่งหนีจุกตูดทิ้งลูกน้องทันทีเพราะรู้แล้วว่าไอติมมันไม่ได้มาแค่สองคนที่เห็น มันมีมือปืนลอบซุ่มอยู่ด้วย!

   

"อย่าให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว!" ธารตะโกนสั่งการด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ เงามืดด้านนอกที่เคลื่อนไหวผ่านหน้าต่างทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว แต่ละคนยังยืนเลิ่กลั่กเมื่อเห็นหัวหน้าวิ่งหนีไปแต่ยังไม่ทันพ้นโกดังก็ถูกธารขวางทางถือปืนจ่อศีรษะไม่ให้วิ่งหนีไว้เสียก่อน บางคนเริ่มโวยวายเหมือนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

   

ไอติมใช้ช่วงเวลานั้นรีบวิ่งเข้าไปหาพระราม ขายาวชะงักยืนแข็งค้างก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงเข้าใกล้คนนอนนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลานิ่งอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก

   

มีดเล่มนั้นปักมิดเข้าที่หน้าท้องของร่างโปร่งไปแล้ว

   

"ราม...ราม!" ไอติมช้อนมือสีซีดเบาหวิวขึ้นมากอบกุม ตะโกนเรียกเสียงดังทั้งๆ ที่ใบหน้ามนอยู่ใกล้เพียงแค่นี้ พระรามก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เปลือกตาปิดสนิท เลือดสีแดงไหลออกจากปากแผลไม่หยุด

   

นี่เขา...มาช้าไปเหรอ

   

ไม่ทันเหรอ

   

ในความคิดอันสิ้นหวัง ไอติมค่อยๆ ยื่นมือสั่นระริกอังเหนือจมูกเล็ก...แม้จะสัมผัสได้แผ่วเบาแต่ก็ยังคงมีลมหายใจอยู่!

   

ร่างสูงช้อนร่างโปร่งขึ้นอุ้มทันที เดินผ่านความวุ่นวายที่เขายกให้ธารเป็นคนจัดการทั้งหมด ไม่สนใจอีกแล้วว่าคู่อริจะเป็นยังไง เพียงสิ่งเดียวที่เขานึกได้ในตอนนี้คือพระรามห้ามตายเด็ดขาด

   

ห้ามตายโดยที่ยังไม่ได้ฟัง...คำๆ นั้นจากปากของเขา

   

บรื้น!

   

รถสปอร์ตวิ่งบนถนนด้วยความเร็วที่เรียกได้ว่าพุ่งทะยาน ภายในมีกลิ่นคาวเลือดส่งกลิ่นคละคลุ้ง ยิ่งทำให้ใจไม่ดี มือใหญ่กอบกุมมือเรียวที่เย็นชืดขึ้นทุกขณะเพื่อให้ความอบอุ่น

   

'ถ้ารามหายไป...มึงจะรู้สึกยังไง'

   

‘สักวันรามอาจจะหนีไปจากมึง...หรือถ้าไม่เป็นแบบนั้น สักวันก็อาจจะต้องตายเพราะคู่อริของมึงอย่างพวกไอ้ภูมิ...เขาจะต้องตายเพราะมึงเป็นต้นเหตุ!’

   

นี่เขา...นี่เขาทำอะไรลงไป

   

'พี่เจ็บครั้งนี้ พอใจติมรึยัง'

   

"ราม ทำใจดีๆ ไว้นะ จะถึงโรงพยาบาลแล้ว" คนพูดเสียงสั่นเครือ คนที่หมดสติคงไม่ได้ยินแต่ก็อยากจะพูด เผื่อว่าร่างโปร่งจะตอบกลับมา

   

ร่างสูงไม่เคยร้องไห้ให้กับใครนอกจากเรื่องของแม่ แต่ตอนนี้ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวเมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ ที่ติมเคยร้ายและเลวกับพระรามเอาไว้มาก แต่ถึงกระนั้น...

   

'พี่รักติม'

   

รามก็ไม่เคยเกลียดเขา

   

"ต..." เสียงทุ้มใสเล็กลอดออกจากลำคอทำให้ดวงตาคมกริบเบิกกว้างหันมามอง แต่ก็ไม่ประมาทในการขับรถด้วยมือข้างเดียว เปลือกตาสีขาวเปิดปรือขึ้นอย่างอ่อนแรง รู้สึกผิวกายตนเย็นเฉียบ...หนาว...แต่ตรงแผลที่โดนแทงร้อนผะผ่าว

   

ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้เพียงนี้...แต่สมองของพระรามพร่าเลือน เหมือนตัวเองกำลังจะล่องลอยไปไกลแสนไกล

   

"ราม..! อดทนไว้...อย่าเพิ่งหลับ ผมกำลังจะพาไปโรงพยาบาล...กำลังจะถึงแล้ว" ติมส่งเสียงและกุมมือแน่นขึ้นอีกเพื่อให้พระรามไม่เคลิ้มหลับไป ถ้าอีกฝ่ายหลับไปทั้งๆ แบบนี้ ไม่มีใครการันตีว่าร่างโปร่งจะลืมตาขึ้นมาอีก

   

"ติม..." พระรามไม่ได้ฟัง แต่กลับฝืนพูดออกไปทั้งที่ลำคอแห้งผาก มือเรียวขยับเล็กน้อย ออกแรงเพื่อกุมตอบฝ่ามือใหญ่ เขาอยากจะ...พูดสิ่งที่ติดอยู่ในใจ "พี่...ย...คุยกั...บ...นาย"

   

รู้สึกเหมือนสติกำลังจะล่องลอยไป...สิ่งที่ทำให้รั้งอยู่ได้คือสิ่งที่ต้องพูดออกไปแต่ยังไม่ได้พูด

   

...ความปรารถนาครั้งสุดท้าย...

   

ในระหว่างที่กำลังมีสติอยู่นี่...ไม่อยากติดค้าง...แล้วจากไปทั้งๆ แบบนี้

   

"แต่...!" ไอติมส่งสายตาไม่เห็นด้วย อีกนิดเดียวก็จะโรงพยาบาลแล้ว ถ้าหากส่งถึงมือหมอ จากนั้นจะคุยกันเมื่อไหร่ก็ได้

   

"ขอ...ร้อ...ง" เพียงกระพริบตาน้ำตาก็ไหลหยดเป็นสายอาบแก้มที่เปื้อนเลือดและหยดลงบนเบาะ

   

...ได้โปรดอย่าขัดสิ่งที่เขาต้องการในวาระสุดท้ายเลย...

   

เท่านั้นเองไอติมก็ตวัดพวงมาลัยจอดลงข้างทาง ไม่อยากจะขัดใจ...เท่าที่จำได้เขาไม่เคยตามใจพระรามเลยสักครั้ง

   

"ขอบคุณ" พระรามยิ้มอ่อนแรง ดวงตาเรียวกระพริบเชื่องช้า ภาพข้างหน้าช่างพร่ามัวเพราะงั้นเหมือนตาจะฝาดเลยว่าเห็นไอติมร้องไห้

   

...ร้องไห้ทำไม...

   

"รามจะพูดอะไร" มือใหญ่ยกขึ้นกอบกุมทั้งสองข้าง พยายามมองดวงตาสีน้ำตาลเข้มอ่อนแสง ในใจของเขาอยากจะบึ่งรถไปซะเดี๋ยวนี้ แต่คำพูดต่อมาทำเอาไอติมน้ำตาร่วงเผาะอย่างง่ายดาย

   

"...พี่...ขอโทษ"

   

"ขอโทษ...ขอโทษทำไม ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ...ราม..." ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาดวงตาที่เคยดุดันฉายแววเจ็บปวดล้น ทั้งๆ ที่เขาเลวขนาดนี้ยังมีเรื่องอะไรที่รามจะต้องมาขอโทษอีก

   

พี่คิดมา...ตลอดเลย

   

สิ่งที่ทำให้นายเกลียดพี่...มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว

   

"เรื่องของแม่ พี่ขอโทษ" มือเรียวกุมมือใหญ่ตอบแผ่วเบา "นายอย่าเกลียด...พี่อีกเลย...นะ"

   

เพราะว่าสายตาเกลียดชังของนาย ทำให้พี่เจ็บ

   

ถ้าหากว่า...ไม่มีเรื่องของแม่และชะเอม นายจะชอบพี่บ้างหรือเปล่า

   

ถ้าหากว่า...พี่กับนายได้เจอกันในสถานการณ์อื่น...มันคงจะดีกว่านี้มั้ย

   

"ได้โปรด อย่าเกลียดพี่..."

   

ความปรารถนาของพี่...ขอเพียงแค่นี้ ถ้าไม่รักก็อย่าเกลียดกัน

   

อีกไม่นานพี่จะได้ไปหาแม่แล้ว...และนี่คือสิ่งที่นายต้องการมาตลอดใช่หรือไม่

   

“พี่ได้ยิน...วันนั้น...” มือเรียวสั่นระริกค่อยๆ ยกขึ้นให้มือใหญ่เข้ากอบกุม “นายคุยโทรศัพท์”

   

ดวงตาคมกริบเบิกกว้างทันทีที่ได้ฟัง “ราม”

   

'มันไม่ใช่คนสำคัญหรืออะไรของกูทั้งนั้น กูแค่อยากให้พี่เอมไม่เป็นอันตรายต่างหาก!'

   

“พี่รู้อยู่แล้ว...รู้ดี...ว่าไม่เคย...เป็นคนสำคัญของนาย”

   

ติมอยากให้พี่ตายไปให้พ้นๆ หน้า...ใช่หรือเปล่า

   

“แต่ว่าพี่...ดีใจ”

   

ดีใจ...ที่ได้อยู่ด้วยกัน...ได้หัวเราะ...และร้องไห้

   

“ที่ผ่านมา...ขอบคุณ” เสียงทุ้มใสแผ่วเบาลงทุกขณะ ราวกับรู้ว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเอื้อนเอ่ย น้ำตามันก็ไหลลงมา “ขอบคุณ”



"ไม่ใช่นะราม...ผมไม่ได้เกลียดนะ ผมรักรามต่างหาก..." ไอติมรีบพูด แต่ดวงตานั้นไม่สะท้อนสิ่งใดอีกแล้ว หูก็ไม่ได้ยินอะไร เหลือเพียงสัมผัสที่รู้สึกได้คือน้ำตาที่ไหลหยดลงฝ่ามือขาวหยดแล้วหยดเล่า ไม่ได้รู้สึกว่ารถคันนี้ออกตัวแล่นไปรวดเร็วเพียงใด ร่างสูงพยายามปาดน้ำตาออกแต่มือข้างซ้ายกลับกุมมือเรียวไม่ยอมปล่อย แม้ร่างโปร่งจะนิ่งไปแล้ว แต่สติสุดท้ายยังคงเหลือ

   

นายร้องไห้ทำไมติม...เสียใจเรื่องอะไร

   

ถ้าหากเป็นห่วงเรื่องของชะเอมล่ะก็...ตอนนี้ร่างบางก็ปลอดภัยแล้วนี่นา

   

'ถ้าน้องไอร้องไห้แล้วใครจะปลอบพี่เอ็มล่ะคะ' ไม่รู้ทำไมเสียงของเด็กสาวที่เขาเคยเจอที่โรงพยาบาลมันถึงดังขึ้นมา อาจเป็นเพราะเห็นน้ำตาของร่างสูง

   

ใช่...ใช่แล้ว ครั้งสุดท้ายนี้ พี่จะไม่ร้องไห้เพราะว่านายกำลังร้องไห้

   

พี่จะขอ...อวยพรให้นายเจอความสุข เจอคนที่นายชอบ...และชอบนาย

   

"อย่าร้องไห้เลย...ติม" เสียงทุ้มใสแหบโหย พยายามยิ้มออกมาทั้งที่ตาปิดสนิท อยากจะปลอบคนที่กำลังเสียใจ ไม่ได้รู้ตัวว่าถูกอุ้มขึ้นแนบอกและนอนแนบลงกับเตียงเข็น

   

สติสุดท้ายที่เหลืออยู่นี้...ร่างโปร่งก็ยังนึกถึงแค่คนๆ เดียว

   

"ตอนนี้เอมปลอดภัยแล้วนะ...พี่ปกป้อง...คนที่นายรักเอาไว้ได้นะ"

   

พระรามปกป้องหัวใจของไอติมไว้ได้...โดยแลกกับชีวิตของตัวเอง

   

พี่ทำดีแล้วใช่มั้ย

   

เพราะงั้นชมพี่ว่าเก่งทีสิ...ลูบหัวพี่...ยิ้มให้พี่...ใจดีกับพี่บ้าง

   

...นะติม...

   

เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่...หัวใจของพี่

   

"พี่รักนาย"

   

.

.

.



ก็มีแค่นายคนเดียวนะ





********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 21-08-2019 21:05:30


ทดแทนรัก

ตอนที่ 32



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



   

เพียะ!!

   

ใบหน้าหล่อเหลาหันไปด้านหนึ่งเมื่อถูกบิดาบังเกิดเกล้าสะบัดหลังมือใส่ โดยที่พี่ชายยืนนิ่งอยู่เฉยๆ ข้างกาย คราวนี้เขาไม่ได้เอ่ยห้ามอะไรเลย เพราะคราวนี้น้องชายทำเกินไปแล้วจริงๆ

   

เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้

   

ไอติมก็นิ่งเงียบกว่าที่คาด เพราะอะไรน่ะเหรอ แค่เห็นดวงตาคมกริบฉายแววสำนึกผิดนั่นก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้คิดว่าจะให้สิ่งนี้เกิดขึ้น

   

แต่ถึงอย่างไรมันก็สายเกินไป เพราะอิสระเกือบทำให้คนๆ หนึ่งตายไปแล้ว

 

   



หลายชั่วโมงก่อน

   

ติ๊ด...ติ๊ด...

   

ร่างสูงยืนมองพระรามที่กำลังนอนซมอยู่ในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลชื่อดังเพื่อดูอาการ อาการโคม่า บาดเจ็บสาหัส เนื้อตัวบอบช้ำ กระดูกซี่โครงร้าว มีแผลฉกรรจ์ถูกแทงด้วยของมีคมสองจุดที่ต้นแขนและบริเวณหน้าท้อง ดีที่ไม่โดนอวัยวะสำคัญแต่กว่าจะมาถึงก็เสียเลือดมาก หนำซ้ำที่โรงพยาบาลนี้ยังไม่มีกรุ๊ปเลือดเดียวกันกับพระรามสำรองเอาไว้ด้วย

   

...กรุ๊ปเลือดที่หายากที่สุด...

   

“แบบนี้แย่แน่” อิฐพูดด้วยน้ำเสียงกังวล

   

“หมายความว่ายังไง พี่อิฐ”

   

“กรุ๊ปเลือดแบบเดียวกันกับของรามมันไม่มีสำรองเอาไว้”

   

“เลือดกรุ๊ปอะไร ผมสามารถหาให้ได้ตอนนี้เลย” ไอติมพูดด้วยความร้อนรน ควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมโทร ถึงพ่อจะว่าเขาเกเรอย่างไร แต่คนพวกนั้นก็คบหาเพื่อช่วยเหลือกันในยามยากลำบากได้ แต่ร่างสูงต้องชะงักเมื่อพี่ชายเอ่ยขัด

   

“มันไม่ง่ายขนาดนั้นสิ เลือดของพระรามเป็นประเภท RH Negative ซึ่งหายากมากๆ ตั้งแต่พี่ทำงานมายังหาผู้ป่วยเลือดประเภทนี้ได้แค่ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์...ไม่อยากจะเชื่อเลย” อิฐหลุดมาดที่เคยรักษาเอาไว้ ทั้งสบถทั้งขยี้หัวหงุดหงิดเพราะความไม่ได้ดั่งใจ

   

ท่าทางแบบนั้นทำให้คนฟังใจหายวูบ ทั้งตัวชาดิกจะพูดก็พูดไม่ออก “แล้ว...แบบนี้...” หาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ

   

“ถ้าหากไม่มีเลือดเราคงต้องทำใจเอาไว้”

   

ทำไมถึงต้องเป็นตอนนี้...สถานการณ์แบบนี้ด้วย

   

พี่รักติม

   

“หมายความว่ารามจะต้องตายงั้นเหรอ!? ผมไม่ยอมหรอกนะ!!” ไอติมตวาดลั่น มองอิฐด้วยความพร่ามัว ไหนบอกว่าคนเป็นหมอสามารถรักษาผู้ป่วยได้ไม่ใช่เหรอ แล้วแบบนี้มันจะไปมีความหมายอะไร

   

ร่างโปร่งที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัดไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย

   

...เพิ่งจะมารู้ตอนที่สายเกินไปว่าขาดไม่ได้...

   

พี่รักติม

   

ไม่ยอม...เขาไม่ยอมเสียรามไปหรอก!

   

“แล้วแกจะให้พี่ทำยังไง!? พี่เป็นหมอนะไม่ใช่พระเจ้า แล้วที่รามเป็นแบบนี้มันก็เพราะแกไม่ใช่เหรอติม!” คำพูดของพี่ชายทำให้หัวใจกระตุก ตอกย้ำคำพูดของเพื่อนที่เคยเอ่ยเตือนกัน

   

สักวันรามจะต้องตายเพราะมึงเป็นต้นเหตุ!

   

“อิฐ...พ่อบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเป็นแพทย์ต้องทำใจให้เย็น” เสียงหนึ่งแทรกบทสนทนาที่กำลังจะกลายเป็นทะเลาะกันมากกว่าคุยระหว่างพี่น้อง ปรากฏร่างของอรรถสิทธิ์ที่กำลังเดินตรงมา เพราะได้ยินว่ามี ‘ใครบางคน’ อยู่ในห้องฉุกเฉิน ลูกชายทั้งสองมองพ่อด้วยสายตาที่แตกต่างกัน

   

“ครับ ขอโทษครับพ่อ” น้ำเสียงทุ้มกับร่างโปร่งที่ค่อยๆ ก้มหน้าลงเพราะรู้สึกผิด คำสั่งสอนของบิดาที่เต็มไปด้วยเหตุและผลมักทำให้เขาคิดได้เสมอ “พี่ขอโทษนะติม ไม่ได้คิดจะโทษแกแบบนั้น”

   

ไอติมไม่ตอบอะไรเพราะรู้ดีว่าที่พี่อิฐพูด...มันก็เป็นความจริง

   

“ติม” ร่างสูงเงยหน้าสบดวงตาคมคนละสีแต่ใบหน้าคลับคล้าย “ไม่ว่าแกจะยังโกรธพ่ออะไรยังไงเกี่ยวกับเรื่องของภา พ่อไม่สน...ถ้าแกยังอยากจะช่วยคนที่ชื่อพระรามคนนั้นก็ตอบพ่อมาตามตรง”

   

“...”

   

“แกรู้สึกยังไงกับเขา...กับคนที่แม่แกยอมทิ้งชีวิตและครอบครัวของเราไปเพื่ออยู่ด้วยจนสิ้นใจนั่น”

   

ใบหน้าหล่อเหลาแค่นยิ้มสมเพช “พ่อรู้เหรอ”

   

ชีวิตของเขาไม่เคยไม่อยู่ในสายตาของพ่อเลยแม้แต่วินาทีเดียว

   

“มีเรื่องอะไรที่พ่อไม่รู้บ้างล่ะ เรื่องที่เกี่ยวกับภาและแก ทุกสิ่งทุกอย่าง คิดจะปิดบังพ่อไปถึงไหนกัน...ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แกก็ไม่เคยคิดจะขอความช่วยเหลือจากพ่อบังเกิดเกล้าเลยสักนิดใช่ไหม”



ติมจับใจความได้แค่เรื่องที่กังวล ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเริ่มมีประกายความหวัง “พ่อพูดแบบนี้หมายความว่า...พ่อช่วยรามได้เหรอ”

   

“ได้ไม่ได้ก็ตอบคำถามพ่อมาก่อนสิ”

   

“ผม...” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวูบไหว ถ้าหากคำตอบนี้จะช่วยชีวิตของพระรามได้

   

อย่าเกลียดพี่เลยนะ

   

เขาก็จะบอกออกไป

   

“ผมชอบเขา...ผมชอบราม”

   

พี่ปกป้องคนที่นายรักเอาไว้ได้นะ

   

ได้โปรดเถอะ ให้เขาได้มีโอกาสอธิบาย...ไม่อยากให้เข้าใจผิดแล้วจากกันไปแบบนี้

   

กี่ครั้งกี่หนที่ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าตนเป็นตัวแทนของชะเอม ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่

   

“รัก? กับคนที่แย่งแม่แกไปน่ะเหรอ” เสียงของพ่อดังขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงเผลอเกร็งมือกำหมัดแน่นจนสั่นระริก

   

“ไม่ใช่...”

   

เรื่องของแม่...เขาไม่มีวันลืม

   

ความผิดไม่ใช่ของแม่หรือราม อาจจะเป็นเขาเองที่ไม่เคยคิดจะปล่อยวาง ทางเลือกที่แม่เดินมันคือการตัดสินใจของเธอ...แต่เขาก็แค่รับไม่ได้ที่จะต้องเสียแม่อันเป็นที่รักไป

   

“รามไม่ผิด นั่นเป็นสิ่งที่แม่ตัดสินใจต่างหาก”

   

อรรถสิทธิ์ยิ้มมุมปาก...ดูเหมือนว่าจะเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้วสินะ

   

“จะยังไงก็ช่างเถอะ พ่อบอกจะช่วยราม...จะช่วยยังไงก็พี่อิฐบอกว่าไม่มีเลือดสำรอง” ติมถามด้วยความร้อนรน สิ่งที่เป็นห่วงในตอนนี้มากกว่าสิ่งใดคือคนที่กำลังปางตาย ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายไม่รู้จะไปทางไหน

   

“กรุ๊ปเลือดของพระรามหายากก็จริง จะไปประกาศหาคนที่มีกรุ๊ปเลือดแบบนี้ทั่วเมืองก็อาจจะไม่มีเลยสักคน” คำพูดที่เหมือนจะสิ้นหวัง ทำให้ไอติมกัดฟันกรอด “แต่ถ้าเป็นพ่อแท้ๆ ล่ะก็ ยังไงก็คงให้เลือดกับลูกได้อยู่แล้ว จริงไหม”

   

“พ่อหมายความว่า...” ดวงตาคมเบิกกว้าง เห็นรอยยิ้มมุมปากของอรรถสิทธิ์ยกขึ้นอีกครั้ง

   

“หลังจากนี้แกต้องขอบคุณพ่อกับอิฐให้มากๆ ล่ะรู้ไว้ซะ”

 

   

ไอติมค่อยๆ เงยหน้ามองอรรถสิทธิ์ที่มีแววตาเจ็บปวด เพราะว่าทำร้ายลูกชายที่เลี้ยงมาด้วยตัวเอง

   

ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยแดงของฝ่ามือใหญ่ที่แก้มข้างซ้าย แต่ร่างสูงไม่โกรธเลยแม้แต่นิด ก็เพราะว่าพ่อเป็นคนช่วยชีวิตรามเอาไว้...ชีวิตของคนสำคัญที่เขาเกือบทำหลุดลอยไป

   

"แกคงรู้ตัวดี...ว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะใคร" อรรถสิทธิ์เสมองร่างโปร่งที่ใบหน้ายังคงซีดเซียว แม้จะผ่านการผ่าตัดมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่พระรามก็ยังนอนนิ่ง “นี่พ่อแค่ลงโทษแกแค่นิดหน่อยเท่านั้น โทษฐานไปเกเรหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง แถมยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก”

   

แค่โดนตบแค่นี้ ถือว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ

   

ไอติมเงียบเพราะรู้ดี ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่สงสัย "พ่อ...หา 'เขา' เจอได้ยังไง"

   

"แกคิดว่าพ่อจะไม่คอยดูหรือติดตามคนที่เกี่ยวข้องกับภาเลยหรือไง"

   

"แล้วทำไม...ทั้งๆ ที่รู้มาตลอดแล้วทำไมถึงไม่พาแม่กลับมาบ้านล่ะ" ไอติมถามอย่างไม่เข้าใจ "พ่อไม่รักแม่แล้วเหรอ"

   

"พูดบ้าๆน่า...พ่อน่ะรักภาที่สุด เธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเจอในชีวิตและในชาตินี้พ่อจะขอรักเธอคนเดียว" แววตาของคนพูดหม่นลง "พ่อรู้ว่าเธอเป็นคนจิตใจดีงามแค่ไหน เพราะฉะนั้นตอนที่รู้ว่าเธอมาขอพ่อ...ออกจากบ้านนี้เพื่อไปดูแลเด็กคนหนึ่ง พ่อรู้ว่าพ่อจะต้องขัดเธอไม่ได้ เพราะแววตาของภาบอกกับพ่อว่ายังไงเธอก็จะต้องไป"

   

"..."

   

"สิ่งที่เธอแลกทั้งหมดก็เพื่อชีวิตของเด็กคนนี้" อรรถสิทธิ์ปัดหน้าม้าที่เริ่มยาวปรกหน้าซีดเซียวของคนป่วยออกไปแล้วยิ้ม "ถึงภาจะจากไปแต่ก็ยังฝากให้ลูกดูแลเขาต่อ"

   

เห็นมั้ยว่าเนตรนภาเป็นคนดีมากขนาดไหน...อย่าพูดไปเลย เขาก็ไม่รู้จะบรรยายตัวเองยังไงที่ยอมให้ภรรยาที่รักจากตนไปแบบนั้น เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าใคร ที่ปล่อยเธอไป...ที่ปล่อยเธอตายไป

   

ใครว่าไม่รัก...รักมาก

   

ใครว่าไม่เจ็บ...เจ็บมาก

   

...แต่เขายังมีลูกชายทั้งสองที่ยังต้องดูแลเอาใจใส่...ต้องยืนขึ้นและต่อสู้...

   

"เรื่องนพกร พ่อแค่ส่งคนติดตามเขาเอาไว้แค่นั้น พอเกิดเรื่องก็คิดว่าจะต้องได้ใช้งานเลยพามา...ถ้าหากไม่มีเขา คนของแกก็คงตายไปแล้ว แต่พ่อไม่ได้จะบอกให้ขอบคุณหรอกนะ เพราะทางนั้นก็เรียกร้องเงินมาเยอะพอดู"

   

"ไอ้เวรนั่น...เรียกเงินจากพ่อเพราะให้เลือดลูกตัวเองเนี่ยนะ"

   

"แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้น รามจะต้องตายนะ"

   

"..."

   

“เงินสองล้านคงมีค่ามากกว่าชีวิตของคนสำคัญใช่มั้ยล่ะ”

   

ดวงตาคมกริบหรี่ลง นึกถึงคำฝากฝังของแม่ในวาระสุดท้าย

   

'ไม่ได้นะ คุณนพกรน่ะ...!'

   

เขาเข้าใจแล้วว่าความเป็นห่วงของแม่ในตอนนั้นคืออะไร สิ่งที่แม่พยายามจะบอก...ที่แม่ออกจากบ้านเพราะต้องการให้พระรามเติบโตมามีชีวิตที่ไม่ตกต่ำเพราะพ่อเฮงซวยอย่างนพกร

   

...เนตรนภาเป็นผู้หญิงที่ประเสริฐที่สุด...

   

และตลอดมาที่เขาเข้าใจคนตรงหน้าผิดไปอย่างมหันต์

   

'คนที่ไม่เคยรั้งแม้ไว้อย่างพ่อ ไม่ต้องมาพูดเลย!'

   

โดยที่อรรถสิทธิ์ไม่เคยแก้ตัวอะไร...ยอมรับความโกรธของลูกชายเอาแต่ใจอย่างเขาอย่างเต็มใจ

   

"พ่อ ผม..."

   

"หึหึ จะขอโทษหรือขอบคุณล่ะ" อรรถสิทธิ์ยิ้มขำ เขาน่ะไม่เคยรู้สึกโกรธหรือกล่าวโทษลูกชายเลยสักครั้ง ซ้ำยังรู้สึกชื่นใจที่ไอติมเริ่มโอนอ่อนและรู้สึกรักคนอื่นได้แล้ว

   

"ผมอยากจะขอโทษ...เรื่องที่พูดไม่ดีเกี่ยวกับแม่แล้วก็ขอบคุณ...ที่ช่วยรามด้วยครับ"

   

อิฐหลุดหัวเราะออกมากับคำพูดคำจาไพเราะผิดหูผิดตา ทำให้ติมมองตาขวาง

   

"มองพี่แบบนั้นได้ไง แกก็ต้องขอบคุณพี่เหมือนกันนะ"

   

น้องชายตัวโตอึกอักเพราะรู้ดีว่าเรื่องของราม ไม่มีใครมีบุญคุณเท่ากับพี่ชายอีกแล้ว ร่างสูงเกาต้นคอและพูดเสียงแผ่วเบา "...ขอบคุณครับพี่"

   

อรรถกับอิฐมองหน้ากันแล้วก็หลุดหัวเราะ

   

...ทั้งหมดนี้ต้องขอขอบคุณพระรามที่ทำให้ไอติมเปลี่ยนไป...

   

ไม่เคยคิดว่าวันนี้จะได้มีจริงๆ วันที่ครอบครัวตรานาคเรศมีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้

   

ราวกับมีสายลมพัดผ่าน ทั้งๆ ที่ทั้งห้องเป็นห้องปิดแท้ๆ แต่เสียงหัวเราะแว่วหวานอีกหนึ่งเสียงก็ลอยมากับสายลมนั้นให้อรรถเบิกตากว้าง

   

"ภา...!" พอมองตาม เสียงหัวเราะนั้นก็แผ่วเบาลง ซ้ำพอหันมองลูกชายก็ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเลย

   

"พ่อ?" อิฐมองตามสายตาของบิดาที่มองเพดานแล้วทำหน้างง ไม่เห็นจะมีอะไร

   

"...เปล่า...ไม่มีอะไร..." คนเป็นพ่อพึมพำ

   

ภา...หรือว่านี่คือสิ่งที่เธอตั้งใจให้มันเกิดขึ้น...ให้ไอติมได้จากลาและพบพาน...ได้รักกับพระราม...และกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต

   

"ไอติม หลังจากนี้พ่อขอสั่งห้ามไม่ให้ไปทำตัวเหลวไหลแล้ว แกต้องมาช่วยพ่อทำงานชดใช้สิ่งที่พ่อต้องจ่ายไป...เพื่อช่วยชีวิตคนรักของแก" คำพูดจริงจังของพ่อทำให้ติมเสมองคนบนเตียงและตอบอย่างไม่ลังเล

   

"ครับ พ่อ"

   

เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธอีกแล้ว

 



   

"ราม!"

   

"ดิน พยาบาลเขาเตือนแล้วว่าห้ามส่งเสียงดังไง"

   

"ก็กูเป็นห่วง..."

   

"เป็นห่วงเงียบๆ ก็ได้ไหมฮึ"

   

"มึงชอบขัดกูตลอด"

   

ร่างบางไม่สนใจคำเถียงของเพื่อน รีบเดินเข้ามาเกาะข้างเตียงดูพระรามที่ยังคงนอนหลับพริ้ม

   

"ราม...อาการหนักเลย" ดวงตากลมโตมองเพื่อนที่มีแต่ผ้าพันแผลกับผ้าก๊อซสีขาวแล้วน้ำตารื้นอย่างสงสาร "เราขอโทษนะ...ราม"

   

"..."

   

"รามต้องเจ็บขนาดนี้ เพราะช่วยเราแท้ๆ ..." เสียงใสสั่นเครือ น้ำตาที่กลั้นเอาไว้หยดลงเผาะๆ

   

ไอติมที่นั่งมองอยู่ก็ยิ้มฝืดเฝื่อน ไม่มีอะไรจะปลอบ มือใหญ่ช้อนมือขาวซีดขึ้นกอบกุม

   

ที่เห็นด้วยตายังไม่หนักเท่าใต้ร่มผ้า...ถ้าหากรามฟื้นขึ้นมาก็น่าจะยังขยับตัวไม่ได้ไปอีกพักใหญ่...แต่อย่างน้อยเขาก็อยากเห็นร่างโปร่งลืมตามามากกว่าที่จะหลับไปแบบนี้

   

"มันเป็นแบบนี้ได้ไง กูจำได้ว่าวันๆ เอาแต่ทำงาน...ไม่เคยมีอริที่ไหน" ดินก็อดเจ็บแทนเพื่อนไม่ได้ "เว้นแต่จะเป็นเรื่องของมึง"

   

คนถูกกล่าวหาค่อยๆ ยืนขึ้นขณะที่ชะเอมปาดน้ำตามองเลิ่กลั่กพร้อมเบะปาก "ทะ ทุกคน อย่าทะเลาะกันเลยนะ...เป็นความผิดเราเอง"

   

ทั้งห้องเงียบไปเพราะชะเอมร้องไห้สะอึกสะอื้น โทษตัวเองไม่หยุด

   

"เราไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร ถ้าหากว่าเราไม่ไปยุ่ง..."

   

"ไม่หรอกครับ พี่เอม นี่ความผิดของผมเอง อย่างที่...พี่เขาบอกนั่นแหละ" ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะว่าเป็นเขาเองที่ลากรามเข้ามาตั้งแต่แรก เพราะจุดประสงค์เลวๆ ของเขา...ทำให้รามเจ็บตัวเกือบปางตาย

   

อย่าเกลียดพี่เลยนะ...พี่ปกป้องคนที่นายรักเอาไว้ได้นะ ติม

   

...ซ้ำยังเจ็บหัวใจ...ไม่จบไม่สิ้น...

   

"รามถูกพวกอริผมจับตัวไป ตอนนี้ถึงจะปลอดภัยแล้ว แต่ต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายวันจนกว่าแผลจะหายสนิท" นิ้วยาวลูบมือขาวเนียนทะนุถนอมอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร "พี่อิฐบอกว่าหลังจากออกมาจากห้องผ่าตัดไม่กี่ชั่วโมง ยานอนหลับจะหมดฤทธิ์ คนป่วยควรจะรู้สึกตัว...แต่นี่ก็ผ่านมาตั้งวันนึงแล้ว รามยังไม่ลืมตาเลยสักครั้ง"

   

"..."

   

ไอติมยกมือขึ้นแนบริมฝีปากลงกับหลังมือเย็นชืด

   

ได้โปรด...ตื่นขึ้นมาซักทีเถอะ

   

เพื่อนอย่างดินแทนที่จะโมโหกลับนิ่งเงียบจนสินแปลกใจ เหตุการณ์นี้ซ้ำรอยอีกครั้งแล้ว เหมือนกับที่คินกับชะเอมเคยเจอ แล้วสภาพของชะเอมกับพระรามเลวร้ายไม่ต่างกัน

   

คนสุดท้ายที่เจ็บปวดที่สุด...ไม่พ้นใคร



นึกแล้วแค้นนัก จริงๆ แล้วดินอยากจะให้มันสำนึกผิดยิ่งกว่านี้ ทำไมต้องทำให้เรื่องร้ายๆ มันเกิดขึ้นอยู่เรื่อย...คนพวกนี้ควรจะได้เรียนรู้กับคำว่าสายเกินไปซะบ้าง...แต่เขาก็ไม่อยากจะแช่งเพื่อนตัวเอง ได้แต่ภาวนาให้เพื่อนหายดีในเร็ววัน

   

ดินถอนหายใจยาว พึมพำด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “พวกกูก็ผิดด้วยเหมือนกัน ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน แต่ก็ไม่พามันมาจากมึง”

   

คนที่เลว...ก็ไม่ได้มีแค่คนตรงหน้า

   

“เอาน่า อย่าโทษตัวเอง” สินตบไหล่และโอบคนข้างกายเข้ามากระชับ “รามมันก็ตัดสินใจให้เป็นแบบนี้ด้วย ไม่มีใครผิดหรอก”

   

“...”

   

"พวกเรากลับกันก่อนดีมั้ย ส่งเสียงโหวกเหวกมันจะรบกวนคนป่วยนะ" สินเสนอ ทำให้ดินพยักหน้าเบาๆ

   

"งั้นเดี๋ยวเรามาหาใหม่นะ" ชะเอมบอกลา เขาจะต้องมาขอบคุณรามที่ช่วยเขาเอาไว้ คุณลุงกับคินก็อยากจะขอบคุณเหมือนกัน...ที่ช่วยคนสำคัญของพวกเขาเอาไว้ "หายไวๆ นะราม"

   

ไอติมยิ้มตอบใบหน้าน่ารัก ก่อนที่ร่างผอมจะเดินตามเพื่อนไป ไม่ลืมปิดประตูให้ก่อนที่ห้องจะกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง

   

"เพื่อนมาเยี่ยมขนาดนี้แล้ว รีบตื่นขึ้นมาได้แล้วนะราม" ไอติมฟุบหน้าลงกับฟูก น้ำตาที่รื้นขึ้นไหลลงซึมไปอย่างรวดเร็ว

   

ได้โปรด...อย่าให้รอนานไปมากกว่านี้

   

ตื่นขึ้นมา...ฟังคำแก้ตัวของผม คำขอโทษของผม

   

แล้วก็ความรู้สึกของผมด้วย

 

   



"นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ทำไมรามยังไม่ฟื้นอีกล่ะ!?" ว่าที่แพทย์ได้ยินคำถามแล้วก็ขมวดคิ้ว อันที่จริงเขาก็สงสัยอยู่เหมือนกัน บาดแผลตามตัวค่อยๆ สมานกันอย่างต่อเนื่องแล้วดีขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ผิดปกติคือเจ้าตัวไม่รู้สึกตัวเลย ทั้งๆ ที่ผ่านไปนับสัปดาห์แล้วหลังจากเข้ามานอนในโรงพยาบาล

   

"สมองไม่ได้ถูกกระทบกระเทือนรุนแรง บาดแผลก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ...หรือเป็นเพราะสภาพจิตใจ" อิฐกุมคางพึมพำ ก็เคยเรียนมาอยู่บ้างเหมือนกันที่สภาพจิตใจของผู้ป่วยก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ร่างกายหายอย่างรวดเร็ว แต่ตรงกันข้ามถึงแม้ร่างกายจะหายดีแล้วแต่จิตใจยังป่วยอยู่ก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ คลับคล้ายกับนอนหลับไป...เหมือนเจ้าชายนิทรา

   

"พี่หมายถึง..."

   

"พี่คิดว่ารามอาจจะไม่อยากตื่นขึ้นมาเพราะจิตสำนึกสั่งเอาไว้...ล่ะมั้ง" พอเห็นน้องทำหน้าไม่เข้าใจ ก็รีบพูดต่อ "หมายความว่า...อืม ถ้าพูดตรงๆ คือความเป็นจริงมันไม่อยากเผชิญเลยขออยู่ในโลกแห่งความฝันดีกว่า...ทั้งหมดนี้ก็แค่สันนิษฐานน่ะ เพราะพี่ก็ไม่เคยเจอเคสแบบนี้เหมือนกัน"

   

"..."

   

'ติมเกลียดผมมากครับ'

   

อิฐเหลือบมองน้องชายที่ยืนนิ่ง แม้จะรู้ดีว่าพูดไปก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด แต่เขาก็คิดว่าสิ่งที่คาดเดามันค่อนข้างเป็นไปได้สูง

   

"หรือไม่...จิตสำนึกสุดท้ายก่อนจะดับลงไป เจ้าตัวคงคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นพระรามอาจจะต้องเป็นเจ้าชายนิทรา...ไม่ตื่นขึ้นมาอีก"

   

ร่างสูงที่ยืนฟังนิ่งอึ้ง เบิกตาค้าง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ

   

"เหอะ พี่อิฐต้องล้อเล่นแน่ๆ"

   

...มันไม่จริงหรอก...

   

"ติม..."

   

"พี่อิฐเป็นหมอทำไมถึงพูดแบบนั้น"

   

...เรื่องบ้าๆ แบบนั้น...

   

"นายต้องทำใจเอาไว้นะ เผื่อ..."

   

"ไม่มีทางหรอก รามรักผม! เขาจะต้องไม่ทิ้งผมไป!"

   

'พระรามอาจจะต้องเป็นเจ้าชายนิทรา...ไม่ตื่นขึ้นมาอีก'

   

หมายความว่า...

   

'พี่ขอ...หอมแก้มนายบ้างได้ไหม'

   

รอยยิ้มนั่น...เขาจะไม่มีวันได้เห็นอีกแล้ว

   

'อย่าเกลียดพี่เลยนะ'

   

เขาจะไม่มีวันได้ขอโทษในสิ่งที่ทำผิดอีกแล้ว

   

'พี่รักติม'

   

จะไม่มีวัน...ได้ฟังคำว่ารักจากริมฝีปากนั่นอีกแล้ว...อย่างนั้นใช่ไหม

   

"ติม" ใบหน้าของพี่ชายนิ่วเจ็บปวด น้องชายของเขาหมดสภาพอย่างแท้จริง ร่างสูงคุกเข่าข้างเตียงและซบหน้าร้องไห้ มือทั้งสองทึ้งผ้าปูแน่นราวกับอดทนอดกลั้น

   

ไม่แม้แต่จะให้โอกาสเขาได้ชดใช้ความผิด

   

นี่คือบทลงโทษของคนเห็นแก่ตัว

   

จงเสียใจและสำนึกผิดไปจนตาย โทษฐานทำร้ายหัวใจดวงหนึ่งจนบอบช้ำไม่อาจเยียวยา

   

ขาเรียวเดินเข้าไปใกล้และโอบไหล่กว้างที่สั่นระริกเข้ากระชับ "ติม ไม่เป็นไรหรอก พี่แค่สันนิษฐาน พระรามไม่เป็นไรหรอกน่า..."

   

"..."

   

"ไม่เป็นไร" ปลอบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

   

แต่เพียงแค่ภาวนาด้วยความเห็นใจ

   

'ติมเขาเกลียดผม'

   

เพราะแบบนั้นงั้นหรือ นายถึงไม่ยอมตื่นมา

   

แต่ถ้าหากนายเห็นสภาพของติมที่เป็นแบบนี้แล้วนายจะยกโทษให้น้องชายพี่มั้ย

   

...พระราม...

 

   



ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 21-08-2019 21:06:02


ต่อจากด้านบน


"...ม"

   

"ราม..."

   

"ราม ตื่นสิลูก"

   

"อือ..." ร่างโปร่งนอนบิดกายหนีเสียงปลุกบวกกับแรงเขย่า แต่พอนึกอะไรได้ก็ลืมตาโพลงสะบัดผ้าห่มลุกขึ้นนั่งหน้าตั้ง "แม่? แม่เหรอ!?"

   

ภาพตรงหน้าคือภาวดีที่นั่งอมยิ้มกับหัวกระเซิงของลูกชาย แต่หัวสมองของพระรามในตอนนี้ตื้อตึงงุนงงปรับไม่ถูก มึนงงทั้งความทรงจำและร่างกายที่อ่อนเพลียอ่อนล้า นี่เขาไปทำอะไรมา?

   

เขาจำอะไรไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

   

...เหมือนตื่นขึ้นมาจากความว่างเปล่า...

   

"เอ้า ไม่ใช่แม่แล้วจะเป็นใครกันล่ะหือ ลูกคนนี้ เมื่อวานทำงานมาเสียดึกล่ะสิ ปลุกกี่ทีก็ไม่ยอมตื่น...นี่จะได้เวลาเรียนแล้วหรือเปล่า แบบนี้จะเดินทางทันเหรอจ๊ะ"

   

“...”

   

เพียะ!

   

มารดาตีเพียะเข้าที่ต้นแขนลูกชายที่เหม่อมองใบหน้าเธอเหมือนยังเมาขี้ตา “ยัง ยังเบลออยู่อีก ได้ฟังที่แม่พูดมั้ยเนี่ย”

   

ดวงตาเรียวกระพริบปริบ "อะไรนะครับ? เรียน?" ร่างผอมกับใบหน้าสวยของภาวดีที่กำลังยิ้มมาให้ นิ้วเรียวชี้ไปที่นาฬิกาแขวนอยู่ผนังห้องเก่าๆ แล้วสมองที่กำลังเบลอๆ กับตาก็เบิกโพลง "จริงด้วย!"

   

ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทันด้วยหัวยุ่งเหยิง ได้ยินเสียงใสหัวเราะตามหลังมาให้ชื่นใจ

   

แสดงว่าทั้งหมดนั่น...เขาฝันไปเหรอ...รู้สึกว่ามันเป็นฝันที่ยาวนานมาก

   

ฝันว่าแม่ภาวดีตายไป ...ได้เจอกับคนๆ หนึ่งที่เขารัก...แล้วก็ฝันว่าตัวเขาเองก็โดนใครก็ไม่รู้ใช้มีดแทงจนตายเหมือนกัน

   

บ้าจริงๆ เลยนะ...ฝันแบบนั้นน่ะ...

   

"แม่ครับผมไปก่อนนะ"

   

"อ้าว ไม่กินข้าวก่อนเหรอ"



คิ้วบางขมวดลำบากใจ "มันไม่ทันแล้วครับ เดี๋ยวสาย"

   

"จ้ะ นักเรียนทุนดีเด่น เดินทางดีๆ นะลูก" ภาวดีเอ่ยแซว เดินมาส่งพระรามที่แต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้วที่หน้าประตูบ้าน พร้อมยื่นกล่องข้าวเตรียมเอาไว้ให้ "นี่แม่ห่อเอาไว้ให้ รู้ว่าลูกคงเหนื่อยมาก ขอบคุณที่ทำงานหนักเพื่อแม่มาตลอดนะ"

   

"ครับ รักแม่นะ" จมูกเล็กกดข้างแก้มเย็น และสูดดมกลิ่นกายหอมเป็นเอกลักษณ์ให้ชื่นใจ

   

"แม่ก็รักลูกจ้ะ" ใบหน้ามนหันข้างให้ภาวดีหอมกลับ เธอจับหน้าหอมอีกข้างหนึ่งดังฟอดเหมือนสมัยเด็ก พระรามรู้สึกหัวใจพองโต คล้ายเติมแรงที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานให้หายเป็นปลิดทิ้ง

   

...มีความสุขที่สุด...

   

ร่างโปร่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งด้วยใบหน้าแย้มยิ้มออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเดินด้วยระยะทางที่ไกลสักแค่ไหนก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยสักนิดเพราะใจที่เป็นสุข

   

...แต่ทำไมบางที่ในส่วนลึกของหัวใจกลับวูบโหวงอย่างประหลาด...

   

"ไอ้ราม ทำไมวันนี้ห่อข้าวมากินวะ แหมๆ น่าอิจฉา" ดินแซว

   

ร่างโปร่งเกาแก้มเขินๆ กับคำนั้น เปิดข้าวกล่องอย่างไม่อายใคร ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าโตจนป่านนี้แล้วยังเอากล่องข้าวแพ็คจากที่บ้านมากิน

   

...ใครจะคิดยังไงก็ช่าง...

   

"เฮ้ยอย่าแย่งดิ้" พระรามยกกล่องหนีส้อมที่จะจิ้มของโปรดของเขาไปกิน

   

"ทำไมอ่ะ ขอชิมมั่งสิ กับข้าวฝีมือคุณแม่มึงอะ"

   

"ดิน มึงหิวก็มาเอาของกู" สินนั่งข้างๆ ยื่นจานมาให้ตรงหน้าแต่เจ้าตัวไม่สน "ไปแย่งไอ้รามกินเดี๋ยวมันก็ไม่โต"

   

"หมั่นไส้ไง เห็นทำหน้ามีความสุขก็อยากลองชิมว่ามันอร่อยขนาดไหน ยิ้มแป้นขนาดนี้"

   

"มึงนี่มันนิสัยโคตรแย่" เสียงทุ้มใสแขวะ

   

"แหม อย่าชมๆ ฮ่าๆ" เจ้าตัวหัวเราะดังลูบท้ายทอยไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะไม่สนใจและหันไปกระหนุงกระหนิงกับผัว(?)เช่นเดิม โดยมีสินเท้าคางมองยิ้มมุมปาก

   

ร่างโปร่งมองภาพนั้นอย่างโล่งอกโล่งใจ สิ่งที่เผชิญอยู่นี้คือความจริง...ไม่ใช่ความฝัน

   

เขามีเพื่อนสองคนที่สนิทมากตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมาคือดินกับสิน กับร่างบางผู้น่ารักที่ชื่อว่าชะเอมที่รู้จักกันไม่นาน

   

แล้ว...เขาลืมอะไร

   

แปะ...

   

"อะ...?"

   

เปาะแปะๆๆ

   

"เฮ้ย!" จู่ๆ วิวทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไป จากโรงอาหารที่มีผู้คนจอแจก็เป็นป้ายรถเมล์ที่เขามายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่ซวยกว่านั้นคือฝนดันตกลงมา!

   

"นี่มันอะไรกันเนี่ย..." พระรามพึมพำอย่างไม่เข้าใจ ใช้ผ้าที่พกมาเช็ดตามตัวเพื่อไม่ให้มีหยดน้ำเกาะ พลางกระพือเสื้อนักศึกษาตัวบางไม่ให้แนบเนื้อจนน่าเกลียด ถ้าไม่สบายภายหลังจะซวยเอา นี่เขายังต้องไปทำงานต่ออีก...

   

เขาจะไปทำงาน? นี่เขากำลังจะไปทำงานงั้นเหรอ?

   

"...จำไม่เห็นได้..." เจ้าตัวพึมพำเบาๆ ในหัวงุนงงไม่หาย ดวงตาเรียวจ้องมองหยาดฝนที่ตกกระทบพื้นถนน จนกระทั่งตกหนักจนมองภาพข้างหน้าไม่เห็น ขาคู่เรียวก้าวถอยหลังเล็กน้อยเมื่อฝนเริ่มสาดหนักแต่ก็ถอยไม่ได้มากเพราะว่าคนมาหลบที่ป้ายรถเมล์มากเหมือนกัน

   

พลั่ก!

   

"โอ๊ะ..." ร่างโปร่งเซเล็กน้อยเมื่อถูกชน พระรามเกือบจะไถลออกไปนอกกันสาดแล้ว แต่ก็ถูกรั้งข้อศอกเอาไว้ทันท่วงที

   

"ขอโทษ..."

   

"มะ ไม่เป็นไร" เสียงทุ้มใสตอบหอบสั่น เพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มพร่าของคนไม่รู้จัก ก้อนเนื้อในอกพลันกระตุกเล็กน้อยและสั่นระรัว...ไม่รู้ทำไม ก่อนที่มือร้อนผ่าวนั้นจะละออกไป ดวงตาสีน้ำตาลคนละเฉดสบกัน

   

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลุบลงหลบซ่อน เขาไม่รู้จักจริงๆ นั่นแหละ...ก็ถ้าเคยเห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดารานี่เพียงครั้งหนึ่งแล้วคงไม่มีทางลืม

   

ขายาวก้าวขึ้นรถเมล์ที่จอดตรงหน้า ริมฝีปากบางอ้าออกพลันจะเรียกแต่ก็ต้องรีบหุบ

   

ทำไมวันนี้ถึงได้นั่งรถโดยสารล่ะ? แล้วรถสปอร์ตไปไหน?

   

ใบหน้ามนขมวดคิ้วมุ่นแปลกใจอีกครั้ง

   

แล้วเขารู้ได้ไงว่าอีกฝ่ายขับรถสปอร์ตล่ะ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก...ทั้งที่เมื่อกี้คือครั้งแรกที่ได้เจอ

   

ก่อนที่รถเมล์จะแล่นออกไป ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหันมาสบอีกครั้งผ่านหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ ครานี้หัวใจเต้นรัวแรงจนแทบจะระเบิด สูบฉีดให้ใบหน้าร้อนผ่าวท่ามกลางสายฝนเย็นฉ่ำ

   

...นั่นมันอะไรกันน่ะ...

   

"พี่เจ๋ง เหล้าปั่นสองที่ครับ โต๊ะสี่!"

   

"โอเค! ห้านาที!"

   

ร่างโปร่งในชุดพนักงานเสิร์ฟร้านเหล้าชื่อว่า 'ปล่อย' เดินใจเหม่อลอยเหมือนยังติดอยู่ในเสน่ห์ของดวงตาคมกริบที่เพิ่งสบมองมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ คนเมื่อกี้...ใครกันนะ ทั้งคุ้นหน้า คุ้นเสียง...ทั้งๆ ที่พระรามมั่นใจว่าไม่เคยเจอมาก่อนแน่ๆ

   

หรือว่าจะเป็นคนในชาติที่แล้ว...เขาระลึกชาติได้

   

...บ้ากันไปใหญ่...

   

ใบหน้ามนส่ายรัว มันจะเป็นไปได้ยังไง

   

"น้องสาวจ๋า ก้นสวยจังเลย" เสียงเมายานคางของใครบางคนดังขึ้นแทรกเสียงเพลงกระหึ่ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มปรายมอง เมื่อวางของที่ลูกค้าสั่งที่โต๊ะสี่เรียบร้อยแล้วก็ค่อยๆ ถอยห่างออกมาจากที่ตรงนั้นราวกับนกรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป "สนใจให้พี่กระแทกมั้ยจ๊ะ"

   

สาวก้นสวยสะบัดผมยาวสยายเปิดไหล่ก่อนจะปรายตามองและเบะปาก "ไปหาอีตัวเถอะค่ะ"

   

เท่านั้นแหละหายนะก็บังเกิด...พระรามมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างคุ้นเคย ไม่ใช่คุ้นเคยเพราะเจอบ่อยๆ ...แต่คุ้นเคยเพราะประโยคแบบนี้...สถานการณ์แบบนี้เขาเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง

   

เพล้ง! ผัวะ!

   

พลั่ก!

   

"อ๊ะ..." ร่างโปร่งเซแท่ดไปด้านหน้าแต่ทรงตัวเอาไว้ทันก่อนจะหันมาพบกันกับใบหน้าหล่อเหลาดุดันที่เข้าไปตะลุมบอนกับวงเมื่อกี้ด้วย คนที่พระรามเจอที่ป้ายรถเมล์

   

ร่างสูงปาดมุมปากและถมเลือดลงพื้น "ไปไกลๆ เดี๋ยวก็โดนลูกหลงหรอก"

   

ใช่แล้ว...คนๆ นี้ชื่อ 'ไอติม'

   

เขาจำได้แล้ว...!

   

พลันทุกอย่างดับมืด แต่เสียงทุ้มดังก้องเสียดหูจนต้องยกมือขึ้นปิด

   

"อยากมาทำงานกับกูมั้ย ได้เงินดีกว่าเยอะ"

   

"แต่ผมอยากให้รามกิน"

   

"ต่อไปนี้ผมจะดูแลรามตามที่แม่บอก"

   

"คนสำคัญของกูเอง ชื่อราม"

   

"มันไม่ใช่สุดที่รักหรืออะไรสำหรับกูทั้งนั้น! ที่กูทำไปทั้งหมดนี่ก็เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก!!"

   

"อึก..." ไม่เอา...ไม่อยากฟังแล้ว

   

ได้โปรด หยุดที!

   

เขาลืมไปได้ยังไง...ไม่มีวันลืมความเจ็บปวดนี้

   

"แต่ถ้ากูไม่ต้องการ ความรู้สึกของมึงก็ไม่มีค่า!"

   

ถ้าหาก...

   

"อย่ามายัดเยียดความรู้สึกของมึงให้กู เพราะมันจะยิ่งทำให้มึงน่าสมเพช"

   

"ผมขอโทษนะ ขอโทษ...ราม"

   

"คนอย่างมึงมีดีอะไร!?"

   

ถ้าหากเขากับติมไม่ได้มาเจอกัน...

   

เสียงกรีดร้องกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งต้องยกมือขึ้นปิดจมูกปิดตากับภาพสยดสยองของตน

   

"อย่าเกลียดพี่เลยนะ พี่ขอโทษ" คำสั่งเสียสุดท้ายก่อนที่สติจะดับลง

   

...และคำบอกรัก...

   

"พี่รักนาย"

   

อา...เขาตายไปแล้ว...เขาตายไปแล้ว

   

แขนสองข้างทิ้งลงข้างตัวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม ความทรงจำอันแสนเจ็บปวด ที่ไม่ว่าจะนึกกี่ร้อยกี่พันครั้ง เขาก็ต้องร้องไห้แบบนี้เป็นล้านๆ ครั้งไม่รู้จบ...

   

พระรามตายแล้ว นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น...เขาไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ตั้งแต่แรก

   

"หนูชื่ออะไรจ๊ะ"

   

ถ้าหากเขาไม่ไปเจอกับเธอ

   

"มึงเป็นคนทำให้แม่ของกูตาย ไอ้พระราม!"

   

ความแค้นและความเกลียดชังของไอติมคงไม่มากมายถึงเพียงนั้น...มันมากมายจนเขารับไม่ไหวอีกแล้ว

   

"ผมขอโทษ ผมขอโทษครับแม่...ขอโทษครับ" ร่างโปร่งทรุดลงคุกเข่า ร้องไห้เสียงดังโหยหวนในความมืด ในห้วงแห่งความตายนี้เขาจะต้องโศกเศร้าไม่รู้จบเช่นเดิมหรือ

   

"ร้องไห้ทำไมจ๊ะ ราม โอ๋เอ๋" เสียงใสดังขึ้นในความมืด ให้น้ำตาที่ไหลหยุดชะงัก ใบหน้ามนหันขวับมองที่มา แล้วบางสิ่งบางอย่างก็ปรากฏขึ้นมาเป็นรูปร่าง

   

นั่นมัน...ภาวดีกับเขาสมัยเด็ก

   

ร่างเล็กของหญิงสาวอุ้มเด็กชายตัวผอมขึ้นแนบอก ดวงตาโตฉ่ำน้ำกับแก้มเล็กน่าหมั่นเขี้ยวทำให้จมูกเล็กต้องกดหอมซ้ายขวาจนคนร้องไห้โยเยน้ำตาแห้งผาก "คนดีของแม่ ไหนเล่าให้ฟังหน่อยว่าร้องไห้ทำไมกันน้า"

   

พระรามค่อยๆ เช็ดน้ำตาและลุกขึ้นยืน น้ำตาค่อยๆ แห้งเผือด ไม่รู้ทำไมทั้งๆ ที่แม่เอ่ยปลอบเด็กชายแต่เขาก็รู้สึกเหมือนโดนปลอบไปด้วย

   

...ริมฝีปากแย้มยิ้มบาง...

   

ปากเล็กเบะออก เสียงเล็กตอบเครือเจือสะอื้น "พะ เพื่อนล้อผมฮะแม่"

   

คนฟังเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มมุมปากขำ "ล้อว่าอะไรเอ่ย"

   

"บอกว่าผมไม่เหมือนแม่ ถูกเก็บมาเลี้ยงฮะ"

   

คำพูดซื่อของเด็กชายรามทำให้ภาวดีเงียบไป ที่ร้องไห้ไม่ใช่เพราะเถียงเพื่อนไม่ได้ แต่เพราะว่ามันคือความจริง...แม้จะยังเด็กแต่พระรามรู้และเข้าใจมาตลอด

   

ก็แค่น้อยใจ...อยากให้มารดาคนนี้เป็นมารดาของตนจริงๆ

   

"ใครจะพูดอะไรก็ให้เขาพูดไปสิลูก ไม่เหมือนแล้วยังไง เราสองคนก็ยังเป็นแม่ลูกกันอยู่ดีนะ"

   

พระรามเงียบไปก่อนจะพยักหน้า สักพักหนึ่งช้อนหน้ามองและถามคำถามพาซื่ออีกครั้ง "แม่ฮะ ทำไมแม่ถึงมาที่นี่ แล้ว...แล้วลูกชายจริงๆ ของแม่ล่ะ เขาอยู่ที่ไหน"

   

"หืม...ลูกชายของแม่ก็อยู่ที่นี่แล้วไง" ภาวดียิ้มบางก้มลงหอมแก้มอีกหลายฟอดและตอบเลี่ยงหลอกล่อ เด็กคนนี้ฉลาดมากจนบางทีคำถามที่ถามออกมาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร หลายคราที่เธอตอบตอบแบบนี้เพื่อให้พระรามลืมความเป็นจริง...ให้เด็กน้อยเข้าใจว่าเธอมาที่นี่เพราะรักนพกร...เพราะภาวดีไม่อยากให้รามโทษตัวเอง

   

"..." คำตอบของแม่ทำให้ใบหน้าเล็กยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะถูกมือเล็กทั้งสองข้างจับให้หันมอง

   

"ลูกฟังแม่นะราม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่อยากให้ลูกรู้เอาไว้ว่าแม่รักและภูมิใจในตัวลูกเสมอ"

   

พระรามกระพริบตาและพยักหน้า "ฮะ"

   

"ถ้าหากวันใดวันหนึ่งลูกเติบโตขึ้นและพบเจอคนในโชคชะตา แม่อยากให้ลูกรักคนๆ นั้นจากหัวใจ ถ้าหากเป็นลูกล่ะก็จะต้องทำให้ 'เขา' รักลูกได้เหมือนกันแน่นอน"

   

พระรามสะดุ้งเฮือกเมื่อครานี้แม่ไม่ได้พูดกับเด็กคนนั้น ไม่ใช่เขาในสมัยเด็ก แต่เป็นเขาที่ยืนมองอยู่ตรงนี้ต่างหาก...ยืนยันด้วยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่จ้องมองมา

   

"แม่ครับ?" แม่เห็นผมด้วยเหรอ...?

   

"เพราะฉะนั้นตอนนี้ลูกก็ 'ตื่น' ได้แล้ว...กลับไปซะ แม้จะเจ็บปวดจากความเป็นจริงจนอยากจะหนียังไง แต่ที่นี่ยังไม่ใช่ที่ๆ ลูกควรมาอยู่"

   

"..."

   

"กลับไปซะ...กลับไป"

 

 

   



"นี่ก็ผ่านมาตั้งสองสัปดาห์แล้วนะพ่อ ดูลูกชายสิ จะเป็นซอมบี้อยู่แล้ว ข้าวปลาไม่ยอมกิน"

   

"ใช่มันคนเดียวซะที่ไหน พระรามก็เหมือนกันไม่ใช่เรอะ ไม่ตื่นขึ้นมารับสารอาหารจนต้องให้อาหารทางสายยางแบบเนี้ย...จะโทษก็โทษเจ้าติมน้องแกเถอะ"

   

ทั้งสองคนขมวดคิ้วมองอย่างลำบากใจไป ลูกชายคนเล็กของครอบครัวตรานาคเรศ ร่างสูงนอนฟุบหน้าไม่ห่างกายพระรามนานเกิดสิบนาที กินข้าวนับคำได้ นี่ยังดีที่ยังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้างไม่งั้นในห้องผู้ป่วยวีไอพีแห่งนี้คงจะไม่อนามัยอีกต่อไป

   

ดวงตาคมกริบของบิดาอ่อนแสง ตั้งแต่มารดาออกจากบ้านไป ติมก็ไม่เคยร้องไห้หรืออ่อนข้อให้กับใคร ไม่เคยเลย...นี่เป็นครั้งแรกนับหลายสิบปี คนที่ทำให้ไอติมเป็นแบบนี้คือพระราม ลูกชายอีกคนของเนตรนภา จากความเกลียดแค้นแสนชังเปลี่ยนเป็นรักสุดหัวใจ

   

...นี่ไม่ใช่โชคชะตา แต่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของผู้หญิงคนหนึ่ง...

   

เฮือก!

   

จู่ๆ คนที่นอนฟุบหน้าก็เด้งตัวขึ้นอย่างเร็วจนคนมองอย่างอรรถกับอิฐต้องสะดุ้ง

   

"เป็นอะไรของแก ติม" อิฐถามพลางลูบอก ขนาดเขายังใจหายวาบ แล้วพ่อที่แก่กว่าจะไม่หัวใจวายตายเลยหรือ ทำอะไรปุบปับเสียเหลือคนหนุ่มนี่

   

ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง คำของพี่ชายในสายเลือดไม่เข้าหู ชะโงกหน้ามองใบหน้าของราม แต่เปลือกตาบางยังนิ่งไม่ไหวติง เมื่อกี้เขารู้สึกว่ามือเรียวที่เขากุมอยู่เริ่มขยับ...แม้จะเล็กน้อยแต่ไม่ได้รู้สึกไปเองแน่นอน!

   

"พ่อ! พี่! ราม...รามขยับตัวแล้ว"

   

ตลอดสองสัปดาห์ที่แผลตามร่างกายผอมเริ่มดีขึ้น แต่สติยังไม่กลับคืน เพื่อนทุกคนสิ้นหวังและรับไม่ได้อย่างแรง โดยเฉพาะไอติมที่หดหู่จนไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่พอได้ยินว่าพระรามขยับแล้วความหวังก็เริ่มส่องประกายในแววตา

   

ไอติมรีบผละออกห่างให้อรรถสิทธิ์เดินเข้ามาสำรวจ มือกรำเชี่ยวชาญในวงการแพทย์จับนู่นแตะนี่ เปิดเปลือกตาบางออกและส่องไฟลงไปเช็ครูม่านตา ก่อนจะแหวกเสื้อแนบเครื่องมือกับอกฟังเสียงหัวใจ

   

"ยังไม่ได้สติ"

   

"แต่เมื่อกี้มือของรามขยับนิดหนึ่ง...ผมรู้สึกได้จริงๆ"

   

"อาจจะเป็นปฏิกิริยาของสภาพร่างกายน่ะ" พอเห็นลูกชายคนเล็กทำหน้าผิดหวัง อรรถก็รีบพูดต่ออย่างให้กำลังใจ "แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความหวัง"

   

"..."

   

"นี่เป็นสัญญาณที่ดี"

 

   



ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 21-08-2019 21:06:28



ต่อจากด้านบน


"ยังไม่ฟื้นเลยเหรอวะ"

   

"..."

   

"เรื่องพวกไอ้ภูมิกับนิล..."

   

"เดี๋ยวกูจ่ายเงินทีหลัง มึงจัดการเรียบร้อยดีใช่มั้ย"

   

"นายจ้างสั่งมายังไง กูไม่เคยบิดพลิ้วอยู่แล้ว"

   

"ขอบใจ" ไอติมพูดอ่อนแรง ดวงตาคมกริบแห้งผากไร้ชีวิตชีวา "อย่าลืมปิดเรื่องนี้ไว้ให้ด้วยนะ"

   

"มึงนี่เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคนเลยว่ะ รู้ตัวมั้ย" ธารเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาอีก "เพื่อนกูไม่เคยอ่อนแอขนาดนี้"

   

คนฟังนิ่งงัน ไม่หือไม่อือ

   

"มึงจะทำยังไงต่อ ถ้ารามไม่..."

   

พูดยังไม่ทันจบคนที่เคยนั่งนิ่งก็หันขวับตาดุ "รามต้องฟื้น มึงอย่ามาพูดพล่อยๆ ...ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็กลับไปเลย"

   

"แหม ได้ทีไล่เลย...กูแค่เป็นห่วงนะเว้ย พ่อกับพี่มึงเห็นสภาพแบบนี้ก็ต้องเป็นห่วงเหมือนกัน"

   

ไอติมมีท่าทีอ่อนลงเมื่อได้ยินคำว่าพ่อกับพี่ เปลือกตาปิดลงก่อนจะยกมือขึ้นกอบกุมมือเรียวเหมือนที่เคยทำ ทำแบบนี้เพราะถ้าหากรามรู้สึกตัว...เขาจะได้รู้เป็นคนแรก ดวงตาคมกริบมองใบหน้ามนซีดเซียวที่หายใจแผ่วอ่อน

   

"รามยังไม่ฟังคำขอโทษจากกูเลย...เขายัง...เข้าใจกูผิดอยู่..."

   

ต้องบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป...ไม่งั้นเขาไม่ยอมหรอก

   

ผมไม่ยอมหรอกนะ ราม

   

ในห้องมีแต่ความเงียบงัน จนธารถอนหายใจและกำลังจะก้าวออกจากห้องเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับคนทั้งสอง แต่แล้วเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ร่างสูงตื่นตัวขึ้นทันที ธารหันขวับตาโตเช่นกัน เพราะมันเป็นเสียงจากคนที่ไม่คาดคิด

   

"อะ อือ..."

   

"!!!"



ไอติมกดปุ่มเรียกพยาบาลทันใด ก่อนที่ธารจะบอกเสียงดังและรีบวิ่งออกจากห้อง "เดี๋ยวกูเรียกพี่อิฐให้!"

   

"ราม...ราม!" ไอติมเบิกตากว้าง น้ำตารื้นขึ้นมาทันใดด้วยความยินดี ก่อนที่มันจะไหลอาบหน้าและหยดลงบนผ้าปู...ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเป็นได้ถึงขนาดนี้

   

"แค่ก...จะ"

   

"...ราม"

   

"เจ็บ..." คนป่วยขมวดคิ้วนิ่วหน้าก่อนจะไอแห้งตามมาจนกระเทือนแผลที่ท้อง "แค่ก! แค่ก...ฮือ เจ็บ"

   

คำโอดครวญบวกน้ำตาไหลซึมทำให้ร่างสูงบีบมือเรียวแน่น เอ่ยปลอบซึ่งไม่รู้จะเข้าหูคนเจ็บหรือเปล่า "อดทนหน่อยนะ ผมเรียกพยาบาลให้แล้ว"

   

เพียงไม่นานความวุ่นวายก็เกิดขึ้นและสงบลงพร้อมกับพระรามที่หลับลงไปอีกครั้งด้วยฤทธิ์ยาที่อิฐฉีดให้กับร่างโปร่ง พยาบาลพากันกรูออกไปนอกห้องและร่างสูงค่อยๆ ก้าวเข้ามานั่งที่เดิม มองเปลือกตาบางที่หลับพริ้ม

   

ไอติมยังไม่ทันได้คุยกับพระรามเลย แต่ความรู้สึกข้างในก็แตกต่างกันมาก ครั้งนี้เขาแค่รอให้อีกฝ่ายตื่นจากการนอนหลับธรรมดา การรอคอยแค่เพียงแปปเดียวมันไม่นานเลยถ้าเทียบกับสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น...ร่างโปร่งอาจจะรอคอยมานานยิ่งกว่าเขาหลายเท่าตัวนัก

   

รอยยิ้มแรกเริ่มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา มือใหญ่ช้อนมือที่อุ่นขึ้นเล็กน้อยในความรู้สึกกระชับไว้เหมือนเดิม

   

"ราม..."

   

สิ่งที่เขาอยากจะพูด...อยากให้อีกฝ่ายได้ยินแล้ว

 

   



เหนื่อย...เจ็บ...เจ็บมาก

   

ความนึกคิดสิ่งแรกในทันทีที่รู้สึกตัวคือโอดครวญ แพขนตาขยับหลุกหลิกเปิดปรือขึ้นมองไปรอบๆ

   

...มืด...

   

"แค่ก..." ลำคอแห้งผากจนต้องไอออกมา แต่ทันใดนั้นก็เกร็งตัวเพราะเจ็บที่หน้าท้องอย่างมาก พอยกมือขึ้นก็เจ็บแขนอีกต่อหนึ่ง น้ำตาแทบไหล...เขาไม่เคยเจ็บตัวหนักขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ดีที่แขนข้างถนัดยังใช้การได้จึงยกขึ้นเช็ดหน้าเปียกชื้น จมูกเล็กสูดน้ำมูกฟึดฟัด "ฮึก...ฮึก!"

   

...ในห้องไม่มีใครเลย...

   

ก่อนหน้านี้ที่ได้ยินเสียงเหมือนเป็นห่วงของไอติมนั่นเขาฝันอีกแล้วเหรอ...ในหัวสมองมึนงง พระรามเริ่มไม่รู้แล้วว่าสิ่งไหนเป็นความจริงหรือความฝัน

   

'ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ ลูกควรอยู่...กลับไป...'

   

"ราม ตื่นแล้วเหรอ" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างร้อนรน ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องและได้ยินเสียงร้องไห้ รีบวางถุงที่ปลีกตัวออกไปซื้อเพียงไม่ถึงสิบนาทีลงบนโต๊ะ และเดินเข้าไปใกล้เตียงผู้ป่วย “เป็นอะไร เจ็บตรงไหน”

   

"เจ็บท้อง..."

   

ดวงตาคมกริบสะท้อนเจ็บปวด "แผลยังไม่หาย ทนหน่อยนะ" ไม่ลืมกระชับมือบางแน่นประกอบคำพูด แต่ผู้ป่วยส่ายหน้าน้ำตาคลอ ออกอาการงอแง

   

"แต่พี่ไอแล้วพี่เจ็บ..."

   

"ไม่เอาแล้วไม่ร้องครับ เดี๋ยวผมเรียกพี่อิฐให้นะ..." ร่างสูงลูบหัวทุยเบาๆ หนึ่งครั้งก่อนจะลุกเดินไปนอกห้อง แต่ถูกรั้งไว้ก่อนด้วยเสียงเรียกแผ่วเบา

   

"ติม"

   

"หือ" ดวงตาคมสีน้ำตาลอ่อนหันสบตาเรียวของพระราม ทำให้ร่างสูงเดินกลับมานั่งเก้าอี้ข้างเตียงเช่นเดิม ความอบอุ่นเข้ากอบกุมฝ่ามือผอมที่วางแนบเตียงขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่านับไม่ถ้วนในยามอีกฝ่ายยังหลับใหลไม่ได้สติ



"ติม..." เสียงทุ้มใสเรียกอีกครั้ง สัมผัสอบอุ่นและอ่อนโยน...ฝันอีกหรือ

   

"ครับ"

   

แค่คำๆ เดียว...ให้คนฟังกระพริบตาถี่รัว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉ่ำน้ำวาววับ สูดจมูกฟึดฟัด

   

"นายไม่เกลียดพี่แล้ว...ใช่มั้ย"

   

หลักฐานของคำตอบคือรอยยิ้มที่ได้กลับมา ใบหน้าหล่อเหลากำลังยิ้มให้เขา และฝ่ามือที่กอบกุมแน่นขึ้น

   

แต่เขาอยากได้ยิน...อยากได้ยิน แต่ก็ไม่อยากโลภมาก ถ้าหาก...ถ้าหากกลับไปเป็นแบบเดิมอีก เขาไม่อยากเจ็บ

   

แค่นี้ก็พอ แค่ไม่เกลียดแต่ไม่ต้องรัก...แค่นี้ก็ได้

   

"ขอบคุณนะ" ริมฝีปากบางแย้มยิ้มกลับ น้ำตาร่วงจากหางตาหยดซึมใส่ผ้าปูที่นอน

   

'ถ้าหากเป็นลูกล่ะก็จะต้องทำให้ 'เขา' รักลูกได้เหมือนกันแน่นอน'

   

...แม่ครับ...คนตรงหน้านี้ไม่ใช่คนในโชคชะตาของผมหรอก...เพราะเขาไม่ได้รักผม...

   

"รามรู้มั้ยว่านอนมาตลอดไม่ตื่นเลย...สองสัปดาห์"

   

"เหรอ" คนตอบรู้สึกแปลกใจ เขารู้สึกเหมือนฝันแค่เพียงแปปเดียว จากนั้นก็ตื่นขึ้นพร้อมกับรู้สึกเจ็บ พระรามพยายามสำรวจร่างกายตัวเองแม้จะลุกขึ้นนั่งเองไม่ได้ แต่พอถูกมือใหญ่กระชับแน่นจึงเรียกความสนใจอีกครั้ง

   

ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะเอ่ยออกมาแผ่วเบา "...ผมขอโทษ..."

   

"ติม?"

   

"ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง"

   

ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อ...ว่าจะได้ยินคำนี้

   

"ขอโทษที่ทำให้รามเจ็บมาตลอด...ขอโทษที่ปล่อยให้ไอ้พวกนั้นมันทำอะไรตามอำเภอใจ”

   

“อืม พี่รู้อยู่แล้วว่านายทำไปเพื่อปกป้องเอม” ใบหน้ามนส่ายช้าๆ ยิ้มอย่างเข้าใจ...เข้าใจตั้งแต่วันนั้นแล้ว

   

“ไม่ใช่นะ ราม ผมขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดเรื่องพี่ชะเอม"

   

"เข้าใจผิด? เรื่องของเอม?"

   

"คือผม จริงๆ แล้วไม่ได้ชอบพี่เอมตั้งนานแล้ว แต่เรื่องวันนั้นที่ผม..."

   

"เรื่องวันนั้น?" พระรามแทรก ลมหายใจเริ่มหอบถี่ หัวใจเต้นรัว ภาพด้านหน้าสั่นไหว “นายจะพูดอะไรติม พี่ไม่เข้าใจ”

   

นี่เขากำลังจะต้องฟังความจริงเรื่องอะไรอีก

   

เรื่องวันนั้น...ที่ไอติมไม่ต้องพูดเพิ่มเติมความทรงจำมันก็ผุดมาเอง

   

'อะ อา พี่เอม ผมรักพี่'

   

'อย่าร้องไห้เลย ถ้าหากพี่ชอบผม ผมจะไม่ทำให้พี่ร้องไห้'

   

เขาเจ็บขนาดไหน ตัดพ้อและท้อแท้ขนาดไหน

   

"นายทำแบบนั้น อึก! ...ทำแบบนั้นทำไม?"

   

"...ราม ผมมีเหตุผลนะ..."

   

"เห็นพี่เป็นคนไม่มีหัวใจเหรอ!?" เสียงทุ้มใสตะโกนดัง พระรามน้ำตารื้นพยายามดิ้นหนีถอยห่างคนที่เข้ามาใกล้ ใบหน้ามนส่ายไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ

   

ทั้งๆ ที่เขาเจ็บแทบตาย...แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าทำไปเพราะมีเหตุผล...เหตุผลอะไรล่ะ นอกจากจะไม่แคร์กัน

   

"ราม ผม..."

   

"อย่ามาจับนะ!" ร่างโปร่งถดตัวสะดุ้งเฮือกเมื่อกระเทือนแผล แต่พอแขนแกร่งยื่นเข้ามาคล้ายจะช่วยเหลือมือเรียวก็ต้องปัดออก เจ็บแผลจนต้องกัดปาก แต่ก็ต้องทน

   

"พี่รู้อยู่แล้วว่านายเกลียดพี่มาก แต่พี่ก็เคยคิดว่าพี่จะทำให้นายรู้สึกชอบพี่ได้...แต่วันนั้น...วันที่นายเรียกชื่อของเอม มันทำให้พี่รู้ว่าไม่มีวันที่จะได้เป็นคนสำคัญของนาย"

   

น้ำตาของเขามันไม่เคยมีค่าหรือความหมายสำหรับติม...คำว่ารักก็ด้วย

   

"รู้อย่างนี้ ฮึก! ...รู้อย่างนี้พี่ไม่ตื่นมาซะก็ดีหรอก!"

   

ถ้าหากจะต้องตื่นขึ้นมาและรู้ความจริงแบบนี้ เขาไม่อยากฟัง!

   

ไอติมใจกระตุกกับน้ำตาและคำพูดตัดพ้อน้อยใจ ทั้งหมดนั่น...ที่พระรามกำลังแสดงออกอยู่ก็เป็นเพราะเขา

   

"ราม อย่าพูดแบบนั้น..."

   

“ออกไปเลยนะ ออกไป!!”

   

“...”

   

“ฮือ...ฮือ!”

   

"เธอไม่ควรพูดแบบนั้นนะ พระราม"

   

คนทั้งสองที่อยู่ในบรรยากาศไม่สู้ดีสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ มีเสียงของคนแปลกหน้าดังขึ้น พระรามรีบปาดน้ำตา สูดจมูกเสียงดังเก็บอาการสะอึกสะอื้น แววตาส่งความงุนงงออกมาเมื่อไม่รู้จักว่าคนตรงหน้าเป็นใคร คนที่เดินเยื้องตามหลังมาคือพี่อิฐ

   

"พ่อ" เสียงทุ้มเรียกชื่อคนตรงหน้าทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง

   

...พ่อเหรอ...

   

งั้นก็แสดงว่า...เป็น 'สามี' ของแม่

   

พระรามรีบพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่มันเจ็บท้องจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ คนเห็นรีบเอ่ยห้ามทันที

   

"ไม่ต้องลุกหรอก เดี๋ยวแผลเปิดจะยุ่งเอานะ"

   

"คะ ครับ..." ปากว่าแต่ยังไม่หยุดพยายามดันตัวเองขึ้น "โอ๊ย..."

   

"ดื้อจริงๆ เลย ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง...นอนลงเถอะ" อรรถสิทธิ์เดินเข้ามาใกล้เตียง พูดเสียงอ่อน มองดูร่างโปร่งผอมซูบคนนี้แล้ว...ยิ่งสบตา เขายิ่งเข้าใจขึ้นมาอย่างประหลาดว่าทำไมภาถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้น

   

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหวสบมองเพียงชั่ววูบก่อนจะหลบ ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าด้วยซ้ำ เพราะว่าเขาเป็นคนทำให้คนรักของอีกฝ่าย 'ตาย'

   

"ฟื้นแล้วเป็นยังไงบ้าง"



พระรามก้มหน้าตอบเสียงเบา “เจ็บแผลครับ”

   

"อืม แน่ล่ะ แผลเธอสาหัสมาก กว่าจะหายสนิทก็น่าจะเป็นเดือน"

   

"..."

   

"เธอรู้ใช่มั้ยว่าอาเป็นใคร"

   

คำถามที่ทำให้พระรามพยักหน้าระรัวน้ำตารื้นและหลุดสะอื้นออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว

   

"ระ เรื่องของแม่...เรื่องคุณเนตรนภา ผม...ผมขอโทษครับ..." พระรามยกมือไหว้ ใบหน้ามนก้มต่ำ น้ำตาหยดหนึ่งไหลผ่านแก้มซีดก่อนจะตามด้วยหยดต่อมาไม่ขาดสาย "ฟืด...ผมต้องขอโทษจริงๆ"

   

เสียงร้องไห้และคำขอโทษที่ออกมาจากหัวใจและความรู้สึกผิด ทำให้คนฟังอย่างไอติมนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด ทั้งๆ ที่พระรามก็รักแม่ไม่ต่างกัน แต่ในตอนนั้นเขากลับ...โทษอีกฝ่ายอยู่เพียงข้างเดียว

   

'มึงเป็นคนทำให้แม่ของกูตาย ไอ้พระราม!'

   

แล้วแบบนี้พระรามจะยังให้อภัยกับเขาไหม

   

"ราม เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษเลย" อรรถยืนมองคนที่ยกมือไหว้เขาปะหลกๆ "นี่คือความตั้งใจของภาเอง"

   

"อึก...แต่ แต่ผม...!"

   

พระรามส่ายหน้า...ได้โปรด อย่าดีกับเขา อย่าอ่อนโยนกับเขา...มันยิ่งทำให้รู้สึกผิดต่อคนตรงหน้าทวีคูณมากยิ่งขึ้น

   

"อาคิดว่าภาคงอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป เขาคงไม่ดีใจที่เธอพูดแบบนั้นออกมาซักเท่าไหร่ อาก็เหมือนกัน"

   

‘รู้อย่างนี้ไม่ตื่นมาซะก็ดีหรอก’

   

"อาอยากให้เธอเติบโตให้สมภาคภูมิที่ภาได้ชุบเลี้ยงเธอมาอย่างเต็มที่นะ เขาจะได้มองดูเธออย่างมีความสุขอยู่บนสวรรค์"

   

ร่างโปร่งปล่อยโฮออกมาเสียงดังอย่างทนไม่ไหว แม้อรรถสิทธิ์จะไม่ได้รับคำตอบที่ชื่นใจ แต่เขาก็ยิ้มออกมาได้

   

...ไม่ต้องคอยเป็นห่วงอีกต่อไปแล้วนะภา เด็กคนนี้เติบโตพอที่จะยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองแล้ว เพราะงั้นก็หลับให้สบายเถอะ...

   

ไอติมหน้าหมอง มองพระรามที่ร้องไห้อย่างสะเทือนใจแต่เขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปปลอบ ซ้ำยังเพิ่งจะโดนปฏิเสธแถมไล่ตะเพิดมาอีกด้วย

   

อรรถมองลูกชายคนเล็กแล้วถอนใจ ก่อนจะเรียกให้อิฐเข้ามาตรวจร่างกายคนป่วยที่ร้องไห้อย่างหมดแรง

   

"รามนอนลงนะ ไม่ต้องนั่งแล้วเดี๋ยวแผลเปิด" อิฐพูดเสียงอ่อน คนที่สะอื้นเหมือนเด็กก็พยักหน้าฮักๆ ค่อยๆ เอนตัวนอนลงทุลักทุเล พอไอติมกุลีกุจอลุกขึ้นจะช่วยเจ้าตัวกลับปฏิเสธและถอยหนี แต่ร่างโปร่งยอมให้อิฐประคองอย่างไม่อิดออด

   

หมอใหญ่ของโรงพยาบาลมองแล้วหัวเราะร่วน "ส่วนเรื่องของไอติม อาก็แล้วแต่รามนะ จะไม่ยกโทษให้ก็ได้ไม่ต้องเกรงใจอา เพราะมันก็ทำเรามาเยอะเหมือนกัน"

   

"พ่อ" เสียงทุ้มเอ่ยขัดก่อนจิ๊ปาก ดูสิ คนกำลังง้อ(?)...แค่นี้ก็ยิ่งลำบากอยู่แล้วเพราะความผิดที่ทำมันเยอะซะจนนับไม่ถ้วน แต่นี่บิดากำลังจะทำให้เรื่องมันยากขึ้นไปอีก

   

รามกระพริบตาปริบ ก่อนจะหน้าแดงเรื่อ เพราะคำพูดของอรรถสิทธิ์ที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องของเขากับติมไม่น้อย แต่พอดวงตาเรียวสบตาคมเพียงชั่วครู่ก็เบนออก

   

ไอติมผุดลุกขึ้น เดินเข้าไปหาคนล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์ที่ยืนยิ้มระรื่น ก่อนที่ลูกชายจะแยกเขี้ยวพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน "นี่ไม่คิดจะให้กำลังใจกันเลยใช่มั้ย"

   

"เอ้า ถ้าเขายกโทษให้แกง่ายๆ มันก็ไม่แฟร์สิ"

   

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหม่นแสง กัดฟันจนกรามปูด...ก็รู้อยู่หรอก

   

"ถ้ารู้จักง้อ ก็รุกเข้าใส่ซะเลยสิ ถ้าพระรามยังรักแก ยังไงซะเดี๋ยวก็ใจอ่อน...แล้วอย่าทำผิดซ้ำอีกล่ะ" คนกรำวัยป้องปากกระซิบกระซาบให้คำแนะนำ ยกมือขึ้นตบไหล่กว้าง มุมปากยกยิ้มกริ่มเมื่อมองข้ามไหล่ติมไปใบหน้ามนกำลังมองมาทางนี้พอดี ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของพระรามโดยที่ไอติมที่ยืนหันหลังให้มองไม่เห็น "พ่อเป็นกำลังใจให้น่า"

   

ไอติมนิ่งไปก่อนจะค่อยๆ คลายคิ้วที่ขมวดแน่น  "ครับพ่อ"

   

ก็ไม่ใช่ว่าอรรถสิทธิ์ไม่อยากเห็นรอยยิ้มของลูกชายสักหน่อย แต่ต่อจากนี้ไปมันก็ขึ้นอยู่กับตัวแกเองแล้วล่ะนะ...ติม





********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 21-08-2019 21:08:07


ทดแทนรัก

ตอนที่ 33



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



   

"อ่ะ ราม"

   

"ติม พี่กินเองได้"

   

"ไม่ได้ เป็นแผลอยู่ห้ามขยับเกินความจำเป็น"

   

"..."

   

พระรามขมวดคิ้วมุ่นมองคนที่อยู่ข้างกายเขาไม่ห่าง ดวงตาสีน้ำตาลจดจ้องช้อนที่จ่ออยู่ไม่ไกล เป็นข้าวต้มที่ไอติมซื้อมาให้เขาทาน เพราะว่าร่างโปร่งยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลอีกพักใหญ่เนื่องจากบาดแผลสาหัสตามตัว

   

เขาได้พูดคุยกับพี่อิฐและอาอรรถและได้รับการตรวจทุกวัน ผลของการตรวจคือดีขึ้น แต่ที่ไม่ดีก็คือ...คนตรงหน้านี่แหละที่เขาไม่เข้าใจมากที่สุด

   

'ผมมีเหตุผล'

   

อีกฝ่ายไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมก็จริง การกระทำที่ชัดเจน แต่ความรู้สึกของร่างสูงล่ะ? ความจริงคืออะไร?

   

ริมฝีปากบางอ้างับข้าวต้มอุ่นหอมกรุ่นอย่างจำใจ ก่อนจะเคี้ยวมันและกลืนลงไป พอช้อนยื่นมาอีกใบหน้ามนก็เลี่ยงหน้าออก

   

"ติม...บอกพี่มาเถอะ ติมทำแบบนี้ทำไม"

   

ร่างสูงฟังเงียบ ยังยื่นช้อนเข้ามาใกล้ราวกับเมินคำของพระราม

   

"คราวนี้จะทำอะไรอีก" ดวงตาเรียวคลอน้ำตาหน่วย "ถ้าติมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ ก็อย่าทำแบบนี้เลยนะ...พี่ไม่โกรธนายแล้วก็ได้"

   

"..."

   

"พี่ไม่อยากร้องไห้เพราะนายอีกแล้ว" พระรามร้องไห้บ่อยมากและครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ไม่อยากแต่ความรู้สึกจุกอกมันทำให้เขากลั้นไว้ไม่ได้

   

ไอติมไม่เคยรู้ว่าเขาทรมานแค่ไหน รู้สึกมีความสุขแล้วก็เจ็บไปพร้อมกัน หัวปั่นกับการกระทำและคำพูดที่ไม่แน่นอน

   

เขาจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว

   

"ราม..." ร่างสูงรีบวางชามข้าวต้มที่ร่างโปร่งไม่ค่อยมีอารมณ์จะกินเพราะตัวเขาเอง

   

ไอติมรีบช้อนมือเรียว ซึ่งเจ้าตัวสะบัดออกอย่างเร็วเหมือนไม่อยากให้จับ แต่ไม่ทันมือปลาหมึกเหนียวหนึบที่รีบจับไว้แน่น "ราม...รามฟังผมนะ..."

   

พอหนีไม่ได้ริมฝีปากบางก็เม้มแน่น สะอื้นฮัก กลั้นน้ำตาไม่อยู่

   

ครั้นจะอ้าปากพูดอะไร พระรามก็ไม่อยากฟัง

   

แบบนี้จะให้เขาทำอะไรได้ นอกจากแสดงให้เห็น

   

แน่นอนติมไม่คิดจะบ่นหรอก ทำอะไรต่อมิอะไรให้รามเจ็บมาตั้งมาก แค่นี้เรื่องเล็ก

   

ไม่เคยมีใครทำให้ติมกระวนกระวายมากเท่านี้อีกแล้ว

   

"ฮึก...ฮึก" ตอนนี้พระรามไม่ต่างจากผู้หญิงขี้แยที่ไม่ว่าจะได้ยินอะไร ถูกกระทำแบบไหนก็ร้องไห้น้ำตาแตก ใบหน้ามนส่ายระรัว มืออีกข้างยกขึ้นปิดหู รู้ดีว่าไม่มีทางกั้นเสียงจากภายนอกได้แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะฟังอะไรทั้งนั้น

   

ปากถามหาคำตอบจากร่างสูง แต่การกระทำกลับแสดงตรงข้าม

   

แต่แล้วแพขนตาที่ชื้นน้ำตาก็ต้องเบิกกว้างเมื่อริมฝีปากถูกผนึกแน่น ใบหน้าหล่อขาวใสอยู่ในระยะใกล้จนพร่าเบลอ ดวงตาคมกริบที่จ้องลึกเข้ามาค่อยๆ ถอนออกไปพร้อมกับสัมผัสที่จากหายแต่ทันใดนั้นมือใหญ่ก็เข้าช้อนประคองท้ายทอยเล็กและประทับลงมาอีกครั้ง ห้ามไม่ได้เลยต้องปรือเปลือกตาลง

   

สัมผัสนุ่มอุ่นแนบลงแผ่วเบา...ครั้งที่หนึ่ง...ครั้งที่สอง...ครั้งที่สาม...ไม่มีการสอดลิ้น...แต่หัวใจกลับเต้นแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

   

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าริมฝีปากหยักถอนออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกตัวอีกทีคือฝ่ามือกว้างทั้งสองที่แนบแก้มและนิ้วยาวปาดน้ำตาที่ไหลลงมาจากขอบตา

   

"ผมชอบรามนะ" เสียงทุ้มเอ่ยเชื่องช้า หนักแน่น จนก้อนเนื้อในอกกระตุกรุนแรง ดวงตาฉ่ำน้ำเบิกกว้าง พระรามแทบหาเสียงไม่เจอ

   

"ตะ ติม นายพูดอะไร..."

   

"ราม...ผมไม่รู้จะพูดหรืออธิบายยังไงดี เพราะมันไม่ต่างจากคำแก้ตัว"

   

"..."

   

"ถ้าหากว่ารามพร้อมจะฟังตอนไหนผมจะเล่าให้ฟัง แต่อย่าพูดว่าผมไม่ได้ชอบรามได้มั้ย...มันไม่ใช่ความจริงเลย"

   

"ตะ แต่นายบอก...ว่าชอบเอม วันนั้นที่นาย...แล้ว”

   

"..."

   

"...อึก! พะ พี่ไม่ใช่เอมนะ"

   

ได้โปรด มองเขาให้ชัดๆ เขาไม่ใช่ร่างบางคนนั้น...ไม่ใช่

   

พี่ชื่อ ‘พระราม’ นะ

   

คำพูดมันพรั่งพรูออกมามากมายจนพระรามไม่สามารถเรียบเรียงได้ แต่คนฟังเข้าใจดี

   

"...ราม วันนั้นน่ะ..."

   

"พี่รู้ว่านายรักเอม...แล้วพี่ก็คิดแบบนั้นมาตลอด สิ่งที่นายทำทั้งหมดเหตุผลคือเอม ที่ไปช่วยพี่ครั้งนี้ก็เพราะว่าเอมบอกให้มา..."

   

"ไม่ใช่! ...ไม่ใช่..." เสียงทุ้มขัดทันทีที่ได้ยิน เมื่อพระรามเข้าใจผิดไปไกล จุดประสงค์แรกของติมที่เขาจงใจทำ มันทำร้ายจิตใจของร่างโปร่งจนแหลกสลาย

   

ไอติมกำหมัดแน่น แสดงความจริงใจออกไป ไม่มีทางที่รามจะไม่ใจอ่อน...ที่รามตัดพ้อแบบนี้เพราะว่าร่างโปร่งยังคงรักเขาอยู่

   

ติมผ่อนลมหายใจ หัวสมองคิดหาคำพูดอย่างใจเย็น

   

"ราม ฟังผม...ผมผิดเองที่ทำให้รามคิดแบบนั้น แต่ว่าคำว่าชอบของผมมันมันคือเรื่องจริงนะ"

   

"..."

   

"ตอนนี้ยังไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่ขอให้ผมพิสูจน์..."

   

ร่างโปร่งก้มหน้าสูดน้ำมูกฟืดฟาด น้ำตาร่วงเผาะ ดีใจที่ได้ยินคำว่าชอบออกจากปากของติมถึงสองครั้ง แต่แล้วใครบอกกันล่ะว่ามันจะยั่งยืน

   

...พิสูจน์เหรอ...

   

"แล้วถ้ามันไม่ใช่...ถ้าพิสูจน์แล้วมันไม่ใช่ล่ะ?” คนถามสะอื้นทั้งน้ำตา

   

คำว่ารักของนาย...ถ้าหากกลับไปคิดใหม่แล้วบอกว่าแค่คิดไปเอง...หรือรู้สึกผิดล่ะ

   

"พี่ไม่อยาก...เจ็บแล้วนะ"

   

ถ้าสุดท้ายแล้วพระรามไม่ใช่คนในโชคชาตาของไอติม เขาจะต้องตกสู่วังวนเดิมงั้นหรือ

   

เขาทนรับแบบเดิมไม่ไหวแล้ว

   

ไอติมเงียบไป รู้สึกท้อใจขึ้นมา เขาเข้าใจแล้วว่าเวลาปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้มันมารู้สึกยังไง

   

ไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว หัวใจของพระรามเจ็บมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเข็ดหลาบ

   

'ติม อย่าเพิ่งไป!'

   

'พี่สามารถรักนายได้มากกว่าใคร!'

   

...ความหวังของเขาช่างริบหรี่...

   

'พี่รักติม พี่แค่อยากให้นาย...มองพี่บ้าง'

   

พระรามที่เคยสู้เพราะความรัก แม้จะเจ็บปวดหลายครั้งเพราะถูกเขาปฏิเสธ แต่ก็ยังสู้...แล้วเขาเจอแค่นี้ จะยอมแพ้ได้ยังไง

   

"ตอนที่เห็นรามเจ็บ ผมรู้สึกใจเหมือนจะขาด" ร่างสูงจับมือเรียวแบทาบทับที่อกกว้างข้างซ้าย "คำพูดของรามในตอนนั้น ทำให้ผมร้องไห้..."

   

"..."

   

"ตอนที่รามหลับไปก็เหมือนกัน ผมนึกว่ารามจะไม่ตื่นขึ้นมาฟังคำขอโทษจากผมแล้ว" ยอมรับเลยว่าตอนนั้นมีแต่ความเสียใจและรู้สึกผิดมากมาย "ถ้าหากว่ารามไม่ตื่นขึ้นมาแล้วจากไปโดยทิ้งคำพูดนั้นไว้..."

   

'พี่รักนาย'

   

"ผมคงจะรู้สึกผิดไปจนตาย"

   

พระรามน้ำตารื้นเมื่อเห็นไอติมร้องไห้ แม้จะแค่น้ำตาเพียงหยดเดียว แต่มันก็ทำให้คนมองเจ็บปวดได้เหมือนกัน

   

"ผมไม่เคยร้องไห้ให้กับใครเลย นอกจากแม่แล้วก็มีรามคนเดียว"

   

พระรามยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้ติมบ้าง ก่อนที่มือใหญ่จะเข้ากอบกุมไม่ให้ห่าง มือบางแนบข้างแก้มอยู่แบบนั้นจนพระรามต้องหลุบตาแก้มแดงเพราะเขินอายเสียเอง

   

...ก็ติมไม่เคยมองกันแบบนั้น...

   

“ผมรู้ดีว่าจะให้รามยกโทษง่ายๆ มันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ว่า...รามจะให้โอกาสผมได้มั้ย”

   

"...ติม"

   

"ได้มั้ยราม...ให้โอกาสผมเถอะนะ" เสียงทุ้มเอ่ยต่อทันใดเมื่อเห็นร่างโปร่งเริ่มโอนอ่อน

   

รามเป็นคนใจง่าย...รักคนง่ายๆ และยกโทษให้คนผิดได้อย่างง่ายดาย คำอ้อนของอีกฝ่ายมันทำให้อยากจะพยักหน้ารับไป แต่...

   

"พี่ไม่อยากให้โอกาสนายเลย"

   

คำพูดของพระรามทำให้ใจของติมตกลงไปที่ตาตุ่ม

   

"ติมรู้ใช่มั้ยว่าเป็นเพราะอะไร?"

   

ร่างสูงก้มหน้าต่ำและตอบแผ่วเบา "...ผมรู้"

   

บรรยากาศในห้องเงียบสงัดจนไอติมใจแป้ว

   

“นายมันคิดเอาแต่ได้ เอาแต่ใจ...ไม่เคยนึกถึงพี่เลย พี่เจ็บและเสียใจมากแค่ไหน นายรู้บ้างไหม” คนที่เคยกระทำเขาอย่างเอาแต่ใจแต่ตอนนี้ผิดกันลิบลับ ก้มหน้ารับคำด่าทอแต่โดยดี...อย่าคิดว่าพระรามจะใจอ่อนง่ายๆ

   

“...”

   

“พี่ให้โอกาสนายก็ได้”

   

เสียงทุ้มใสพูดทำให้ริมฝีปากหยักยิ้มกว้าง ดวงตาคมกริบประกาย

   

“แต่พี่ก็จะให้โอกาสตัวเองด้วย” พระรามพูดต่อ ดวงหน้ามนยิ้มอ่อน เพราะเขาไม่อยากจะตกจากที่สูงอีก...และคราวหน้าคงไม่รอดตายเหมือนครั้งนี้

   

คนฟังขมวดคิ้วฉับทันที “ยังไง”

   

“พี่จะให้โอกาสนายพิสูจน์คำว่ารัก...แต่พี่ยังไม่ยกโทษให้นายหรอกนะ”

   

“อืม”

   

“เงื่อนไขของพี่คือ...เราจะต้องห่างกันสองปี หลังจากเรียนจบปริญญาตรี พี่คิดเอาไว้แล้วว่าจะไปเรียนต่อโทที่อเมริกา” เขาคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังและที่เอ่ยครั้งนี้ก็ไม่คิดล้อเล่น ดูเหมือนว่าติมจะรู้เลยเบิกตากว้างตกใจไม่น้อย

   

“ที่พี่บอกว่าให้โอกาสตัวพี่เอง ก็คือให้ติมได้ลองทบทวนความรู้สึกตัวเองไปด้วย ถ้าผ่านไปสองปีแล้วยังยืนยันว่าคิดเหมือนเดิม...พี่จะยอมรับคำว่ารักของนาย”

   

“...”

   

“แต่ถ้าหากว่าติมคิดได้ว่าไม่ได้รักพี่ พี่จะปล่อยนายไป...เราสองคนจะเป็นอิสระซึ่งกันและกัน” พระรามยิ้มบาง น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงเปื้อนแก้ม “พี่จะไม่ฟูมฟายหรือร้องไห้เพื่อให้นายกลับมา”

   

หมายความว่าสองปีที่ระยะห่างแสนไกลคนละซีกโลกนั้นเป็นการให้โอกาสตัวเองได้ทำใจ...กับความผิดหวัง

   

“โอเคมั้ย”

   

สีหน้าของติมออกอาการลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

   

การเดิมพันครั้งนี้...อยู่ที่ตัวเขา

   

“ผม...”

   

“นายลองกลับไปคิดดูก่อนก็ได้ จะขอโอกาสแล้วยึดติดอยู่กับพี่...หรืออยากจะไปหาคนอื่นเหมือนอย่างที่เคยทำ...ตัดสินใจได้แล้วค่อยกลับมาให้คำตอบก็ได้” พระรามใจดีมากแค่ไหน ไอติมจะรับรู้บ้างหรือยัง

   

รักมากแค่ไหน...จะรับรู้บ้างหรือยัง

   

“มันไม่มีทางเลือกอื่นเลยเหรอ”

   

ใบหน้ามนส่ายช้าๆ ตอบเสียงแผ่ว “นี่เป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้เราสองคนรู้ถึงความรู้สึกตัวเอง ถ้าหากนายไม่อยากได้โอกาสแล้ว...”

   

“ผมโอเค...โอเคก็ได้” เสียงทุ้มพูดตัดบท ยกมือขึ้นกุมหัวอย่างหมดทาง รู้สึกเหมือนจะเห็นอนาคตอยู่รำไรว่าเขาจะต้องยอมแพ้พระรามทุกทางเลย

   

ริมฝีปากบางแย้มยิ้ม ยกมือขึ้นลูบศีรษะนุ่มก่อนจะไล้ลงใบหน้าหล่อเหลา...นี่คือลูกชายของแม่...คนที่เขารัก

   

“ตัดสินใจแล้วนะ”

   

“อืม”

   

“โอเค ต่อไปนี้พี่จะให้โอกาสได้นายพิสูจน์ จนกว่าพี่จะจบตรี...และอีกสองปีหลังจากนั้นเราค่อยว่ากันอีกที”

   

“ครับ" เสียงทุ้มรับคำอย่างว่าง่าย แต่ใครจะทำใจได้ง่ายๆ อย่างปากพูด

   

สองปีเชียวนะ...พระรามยกข้ออ้างนี้มาลงโทษเขาได้อย่างสาสมจริงๆ

   

มือสองคู่ต่างขนาดกอบกุมกันท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่ใบหน้าจะแดงเรื่อเมื่อจู่ๆ ร่างสูงก็เอ่ยขออะไรแปลกๆ

   

"ติม?"

   

"นะครับ..." ใบหูเล็กแดงก่ำเมื่ออีกฝ่ายพูดครับกับเขา

   

"ปกติไม่เคยขอเลยแท้ๆ จะมาขออะไรตอนนี้..." เสียงทุ้มใสแผ่วเบาลงทุกขณะเมื่อดวงตาคมกริบเข้ามาใกล้ เปลือกตาสีขาวปรือปิด ก่อนที่ความนุ่มอุ่นจะเข้าประทับให้ขนลุกเกรียว

   

...ครั้งแรกที่ได้จูบกับไอติมในฐานะ 'พระราม'...

   

สัมผัสเปียกชื้นเพราะน้ำตาทำให้ร่างสูงผละออก ซึ่งรามก็ยกมือเช็ดทันที แต่ไม่ทันแล้ว

   

"ราม ร้องไห้ทำไม"

   

"เปล่า" ใบหน้ามนส่ายหนี แต่ก็ถูกจับคางให้หันมาสบตา ให้รู้ว่าขอบตาแดงฉ่ำน้ำมันซ่อนไม่มิด

   

"อย่าโกหกผมสิ"

   

พระรามสูดจมูกฟึดฟัด "มะ ไม่มีอะไรจริงๆ ...พี่แค่คิดเรื่องเก่าๆ จู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง"

   

"..."

   

“แค่จำได้ว่า นายจะจูบกับคนที่ชอบ...แล้วพี่ก็เห็นนายจูบกับเอม...ที่ห้างหน้าโรงหนัง พี่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านายชอบชะเอมมาก...แต่ก็ชัดเจนตอนที่เห็นนั่นแหละ”

   

“...”

   

“พี่คิดแบบนั้นมาตลอดเลย ขนาดตอนที่นายบอกชอบพี่ พี่ยังไม่อยากเชื่อ...หรือคิดว่าเป็นฝันด้วยซ้ำ...หรือก็กำลังคิดว่านายกำลังหลอกพี่อยู่...”

   

“...”

   

“พี่ไม่เคยแน่ใจในความรู้สึกที่นายมีต่อพี่ มันชัดเจนแค่ความเกลียดชัง...มีแค่ความรู้สึกนั้นที่พี่คิดว่าเป็นของจริง”

   

ทั้งๆ ที่มาขอโอกาสกับเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่

   

“พอจูบกับนาย พี่ก็คิดว่านายเห็นพี่เป็นตัวแทนของเอม...ประมาณนั้นน่ะ ฮะๆ" ร่างโปร่งพยายามหัวเราะ แต่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด สภาพน่าสงสารที่คนมองเจ็บช้ำหัวใจ

   

"ผมขอโทษ ราม" ไม่มีคำใดที่สามารถแทนความรู้สึกของเขาได้มากกว่านี้ มือใหญ่กอบกุม "แต่ตอนนั้นผมไม่ได้จูบพี่เอมนะ"

   

"...แต่พี่เห็น..."

   

"นั่นผมแค่หอมแก้ม...แต่ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำแบบนั้น" ไอติมรู้สึกผิดและลุแก่โทษ “คนที่ผมจูบด้วยมีแค่รามคนเดียว รู้ตัวรึเปล่า”

   

ดวงตาฉ่ำน้ำอึ้งก่อนจะหลุดหัวเราะแผ่วเบา “จริงเหรอ”

   

หมายความว่าเขาเข้าใจผิดไปเอง หัวใจดวงน้อยค่อยๆ พองโตขึ้นเมื่อรู้ว่าริมฝีปากของอีกฝ่าย...ยังเป็นของเขาคนเดียว

   

ไม่รู้ทำไมพระรามถึงได้เชื่อคำของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย อาจเพราะไอติมอุตส่าห์ลดตัวมาขอโทษเขา...ซ้ำยังทำเสียงอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

   

"ดีใจ...พี่ดีใจที่พี่เข้าใจผิด มันไม่ใช่ความจริง" พระรามแย้มรอยยิ้มกว้าง ไม่เคยรู้สึกดีใจมากเท่านี้มาก่อนเลย



ตึกตัก...ตึกตัก

   

ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง หัวใจของไอติมกระตุกและเต้นถี่รัวอย่างกับกลอง ใบหน้าคมร้อนผ่าวเพียงเห็นรอยยิ้มสดใส ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะยิ้มออกมาบ้าง

   

รอยยิ้มที่เขาหลงรักแต่แรกเห็น

   

ชะเอมอาจจะเป็นคนในอุดมคติ แต่ตัวจริงในชีวิตของเขาต้องเป็นคนตรงหน้านี้เท่านั้น

   

...พระรามคนเดียว...

   

ใบหน้าหล่อเหลาและยิ้มอบอุ่นทำให้พระรามค่อยๆ หุบยิ้ม ก่อนที่พวงแก้มจะแดงเรื่อ...นั่นคือสิ่งที่เขาใฝ่หามาตลอด

   

ดวงตาและรอยยิ้มที่เขาอยากได้

   

"ติม...พี่ชอบติมมากนะ" ร่างโปร่งเอ่ยคำหวานด้วยใบหน้าร้อนผ่าว เขาชอบติม...ไม่ว่ายังไงเขาก็อยากจะบอก...ตลอดมาที่ถูกปฏิเสธเจ็บมามาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไอติมจะเข้าใจความรู้สึกและเริ่มมองเห็นตัวตนของเขาแล้ว

   

พระรามปรือตาอีกครั้งเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวยื่นเข้าใกล้ ร่างโปร่งเผยอปากให้อีกฝ่ายได้เชยชิมและสอดลิ้นเข้ามา

   

"อึก...อือ" ดวงตาเรียวหลับปี๋สะดุ้งเฮือกทุกครั้งที่ไอติมกวาดลิ้นไปตรงที่ไม่คาดคิด ลิ้นเล็กหลบหลีกเพราะสู้ไม่ไหว มันเสียววูบวาบเมื่อถูกเสียดสี แต่สุดท้ายพระรามก็ถูกดันให้นอนราบและกวาดต้อนจนต้องยอมจำนน "ดะ จุ๊บ เดี๋ยว...ฮื่อ ติม...อื้อ"

   

ไอติมยอมผละออกเพียงเสี้ยววิก่อนจะประกบแนบแน่นใหม่อีกครั้ง เสียงแลกน้ำลายกับเสียงหอบหายใจแรงผ่านจมูกเนื่องจากร่างสูงเริ่มมีอารมณ์ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่าการตะโบมจูบรุนแรงให้สาสม มือเรียวกำคอเสื้อร่างสูงแน่นเพราะหายใจไม่ออก

   

"อื้อ! ฟู่...ฮ่า...อุ๊บ" แต่พอได้อ้าปากหายใจก็ถูกเอาแต่ใจอีกหลายๆ ครั้ง เมื่อปรือตาฉ่ำมองก็ต้องหลับลงอีกครั้งเมื่อดวงตาคมกริบวาววับด้วยความต้องการบางอย่าง

   

ไม่...ไม่ไหว เขา...ข้างล่างมัน...

   

"ฮ่ะ! แฮ่ก...ติม พี่เจ็บปาก ไม่เอาแล้ว ฮือ..." ริมฝีปากบางอ้ากว้างหอบหายใจเหนื่อยอ่อน ใบหน้ามนหันหนีเมื่อริมฝีปากร้อนตามติดไม่ให้เข้าได้พัก จนสุดท้ายงูเห่าก็ฉกได้เพียงมุมปากและข้างแก้ม ก่อนที่จมูกโด่งจะคลอเคลียสูดดมความหอมที่แก้มและซอกคอจนคนใต้ร่างเขินไม่รู้จะเขินยังไง

   

"นี่ถ้ารามไม่เจ็บอยู่ คงโดนผมปล้ำคาเตียงผู้ป่วยไปแล้วนะ" เสียงทุ้มแหบพร่าก่อนจะฉกลงมาแนบริมฝีปากอีกครั้งก่อนจะผละออกยิ้มเจ้าเล่ห์

   

คนฟังเม้มปากควันออกหู...คนอะไรหื่นกามที่สุด

   

เปลือกตาบางปรือจะปิดอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนเข้าใกล้และ...เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น

   

"จะเจ็บหรือไม่เจ็บก็ห้ามทำอะไรในโรงพยาบาลของพ่อทั้งนั้นแหละ ไอ้ลูกชายนี่"

   

พระรามสะดุ้งเฮือกรีบผลักร่างสูงออกไปอย่างแรง หน้าแดงก่ำเป็นมะเขือเทศ เมื่อในห้องไม่ได้มีแค่เขากับติม

   

"พ่อ/คุณอา! พี่อิฐ!?" ดวงตาเรียวเบิกสองเท่าเมื่อด้านหลังของอรรถสิทธิ์มีรุ่นพี่หน้าหล่อยืนโบกไม้โบกมือพลางยิ้มล้อ ร่างโปร่งเกร็งตัวมองซ้ายมองขวาหาทางหนีความอายที่แทบแทรกแผ่นดินแต่เขาเจ็บตัวเกินกว่าจะลุกขึ้นด้วยซ้ำ ก่อนจะส่งสายตาคาดโทษ โยนความผิดให้ร่างสูงเพียงหนึ่งเดียว

   

ทั้งหมดก็เพราะติมนั่นแหละ!

   

"ทำอะไรทะลึ่งตึงตัง นี่ถ้าพยาบาลมาเห็นเข้าจะทำยังไงห๊า!?"

   

คนผิดทำหูทวนลมไม่สำนึก ซ้ำยังจิ๊ปากไม่พอใจ "เข้ามาไม่รู้จักเวลา ขัดอารมณ์เป็นบ้า"

   

"บ่นพึมพำอะไร" เจ้าของโรงพยาบาลเดินเข้าไปเขกหัวร่างสูงอย่างไม่ปราณีดังโป๊กอย่างกับลงโทษเด็กซนๆ จนไอติมต้องมือจับศีรษะที่โดนกำปั้นกระแทกหน้าบึ้งตึง

   

"พ่อทำอะไรเนี่ย!?"

   

"สั่งสอนไอ้เด็กไม่รู้จักกาลเทศะ พ่อจะมาตรวจร่างกายพระราม แกออกไปข้างนอกเลยไป๊!"

   

ไอติมแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ "เรื่องดิ!"

   

"เกะกะ!"

   

"ห้องก็ตั้งกว้าง จะเกะกะอะไรนักหนาวะ!?"

   

"เกะกะลูกตาพ่อน่ะสิ แหม คืนดีกันยังไม่ทันไร จะขืนใจเขาอีกแล้วหรือไงห๊ะ ไอ้เจ้าหมอนี่!" อรรถเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหมั่นไส้ วันก่อนไอติมมันยังเรียกพ่อครับๆ น่ารักน่าชัง...แต่ตอนนี้ไอติมมันคงฟื้นคืนชีพแล้ว ถึงได้ปีกกล้าขาแข็งพูดหยาบคายกับพ่อบังเกิดเกล้า

   

"อาอรรถ!" พระรามแหวหน้าแดง พูดอะไร...ขืนใจอะไรกัน!?

   

"ขืนใจที่ไหน ถ้าพ่อดูอยู่ก็น่าจะเห็นว่ารามยอมผม"

   

ฟังคำพูดอันไร้ยางอายของติมแล้วใบหน้าขาวร้อนผ่าวและแดงจัด ถ้าเอาหม้อต้มมาวางน่าจะเดือดได้ในทันที

   

หลังจากนั้นความวุ่นวายในห้องผู้ป่วยวีไอพีจึงบังเกิด อิฐที่ยืนมองก็ถอนหายใจและเดินเข้ามาตรวจร่างกายของรามแทนบิดา ปล่อยให้สองพ่อลูกคู่นี้นี่รักกันปานจะกลืนกินเถียงคอเป็นเอ็นกันไป เสียงแว้ดๆ เสียดเข้าหูจนต้องยกมือขึ้นปิด สงสัยคราวหน้ามาต้องพกที่อุดหูมาด้วยซะแล้ว

   

"หึ..." แต่อย่างน้อยภาพตรงหน้าก็ดีกว่าบรรยากาศหดหู่ก่อนหน้านี้เป็นไหนๆ





   

"วู้ววว!!"

   

ซ่า!!

   

"โอ๊ย...ไอ้ห่าดิน อย่าสาดแรง มันเข้าจมูกกูแล้ว!" ร่างโปร่งตวาดพลางสำลักไอค่อกแค่ก ความเค็มที่เข้าจมูกและปากมันเค็มปะแล่มจนต้องแลบลิ้นถมน้ำลายออกมาเพราะไม่อยากกลืนลงคอ

   

"ไอ้รามนี่ เดี๋ยวนี้มีผัวแล้วปากเสียเหรอ เอาไปอีกที"

   

พระรามรีบหันหลังหลบทันทีที่เพื่อนสุดที่รัก(?)สาดน้ำทะเลเข้าให้เต็มหน้า ตัวมันก็ไม่ใช่เล็กๆ กวาดน้ำมาทีอย่างกับรถถังฉีดน้ำ

   

"เหวอ!" เสียงทุ้มใสร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ร่างของตนลอยจากผิวน้ำ พระรามดิ้นขลุกขลักเมื่อตั้งสติได้ "โอ๊ย พวกมึงทำอะไรเนี่ย ปล่อย...!"

   

ก่อนที่จะร้องเหวอหลุดมาดมากกว่าเดิมเมื่อโดนสินกับดินที่จับขาและแขนเหวี่ยงเหมือนเปล "เฮ้ยๆๆ อย่า!" ก่อนที่ตัวจะลอยขึ้นหางตาเห็นชะเอมปิดปากหัวเราะอยู่ไม่ไกล...นี่วางแผนกันมาใช่มั้ย!?

   

ตูม!

   

น้ำใสแตกกระจายเมื่อวัตถุหนักราวห้าสิบกระทบผิวน้ำและจมลงไป เพียงไม่นานสิ่งนั้นก็แหวกน้ำโผล่หัวขึ้นมาทำหน้าขึงขัง "พวก...มึง...หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ชะเอมมานี่เลย รู้หรอกว่าเป็นคนต้นคิด!"

   

"หนีเร็ว! ฮ่าๆๆ" ร่างบางวิ่งในทะเลทุลักทุเลหนีไป

   

เนื่องจากชะเอมว่ายน้ำไม่เป็น พวกเราเลยได้แต่

   

"เดี๋ยว...แค่กๆ!" พระรามไอโขลกเพราะน้ำทะเลเมื่อกี้ แต่นอกจากนี้มีอาการอื่นเข้ามาแทรกด้วย...ไอจนตัวโยน จนหอบเหนื่อยแล้วก็ค่อยๆ เดินมาทิ้งตัวลงบนพื้นทรายอย่างหมดแรง "แฮ่ก..."

   

"รามไหวมั้ย" เสียงใสถามให้พระรามเงยหน้ามอง ชะเอมเดินเข้ามานั่งข้างๆ ใกล้ๆ กันก็มีดินกับสินมองด้วยสายตาเป็นห่วง

   

"อืม ขอพักแปป" ใบหน้ามนพยักน้อยๆ ก่อนจะยิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าหวานงอง้ำน้ำตาคลอเหมือนหมาหงอย "อย่าทำหน้าเหมือนเราป่วยจะตายอย่างนั้นสิ พักหน่อยเดี๋ยวก็หายแล้ว"

   

“ไอ้โรค...ของมึงเนี่ย ทำยังไงถึงจะดีขึ้นอ่ะ”

   

“พี่อิฐบอกว่าให้พักผ่อนเยอะๆ กินยาตามที่สั่ง แล้วก็หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้อาการแย่ลงน่ะ”

   

“สิ่งที่ทำให้อาการแย่ลง?”

   

“ก็พวกควันรถ ควันบุหรี่ ฝุ่นหรืออะไรพวกนั้น”

   

“โห ยากนะนั่น”

   

“ใช่ เวลาเดินทางออกนอกถนนกูก็ต้องใส่หน้ากากตลอด” พระรามตอบก่อนแผ่ตัวลงนอนกับทราย เหม่อมองท้องฟ้าไร้เมฆปกคลุม

   

ใช่...มันไม่ลำบากเท่าไหร่หรอก ก็แค่นี้เอง

   

‘ราม เรื่องโรคของเราน่ะ รู้แน่ชัดแล้วนะว่าเป็นอะไร’

   

‘เราเคยมีโรคประจำตัวคือหอบหืดนะ อาจจะเป็นไม่หนักมากเลยไม่รู้ตัว กับไอเรื้อรังที่พี่เคยบอกไว้ ไม่ร้ายแรงแต่ห้ามละเลย’

   

‘รู้แล้วก็รักษานะ ถ้าอยากกลับมาใช้ชีวิตเหมือนปกติ...พี่จะจ่ายยาให้ ส่วนคำแนะนำอื่นๆ เราต้องระวังและดูแลตัวเอง’

   

เพื่อชีวิตประจำวันที่สามารถใช้ได้อย่างปกติสุขเหมือนคนอื่นๆ

   

“ติมก็ช่วยดูแลด้วย ไม่ต้องห่วงหรอก”

   

“แต่ที่มึงเป็นอย่างนี้ก็เพราะมันไม่ใช่เรอะ ถ้าไม่ดูแลสิกูจะเขกกบาลมันให้”

   

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 21-08-2019 21:08:33



ต่อจากด้านบน


“อย่าโทษติมเลย ถ้าจะผิดก็ผิดทั้งคู่นั่นแหละ”

   

“เออๆๆ เกลียดจริงพวกห่วงผัวเนี่ย”

   

ไม่ใช่แค่ราม แต่เหมือนชะเอมจะโดนหางเลขไปด้วย จึงหน้าแดงก่ำกันทั้งคู่

   

"เอม...มาพักกินน้ำหน่อยมั้ย" เสียงทุ้มเรียกแต่ไกล แต่ก็ทำให้เจ้าของชื่อได้ยินหันขวับ ร่างสูงนั่งพักอยู่ริมชายหาดบนรถเข็น ข้างๆ ก็เป็นเกษมศักดิ์ที่มาพักผ่อนด้วย

   

"คิน" ดวงตากลมโตประกายทันใด ทำหูตั้งสะบัดหางกลมดิกๆ เป็นกระต่ายเจอเจ้าของ(?) ก่อนจะลุกขึ้นเดินไป ทิ้งเพื่อนทั้งสามเอาไว้

   

“นั่นไง คนห่วงผัวรายแรกเลย” ดินทิ้งคำพูดคล้อยหลังชะเอม ทำให้เจ้าตัวหันมาย่นจมูกใส่อย่างน่ารัก คนที่เหลือก็หัวเราะร่วน

   

“แล้วมึงล่ะ ไม่ห่วงกูบ้างเหรอ” สินเอื้อมมือกอดเอวเปลือยเปล่าของดินเอาไว้แน่นหนึบ “กูก็ผัวมึงนะ”

   

“อะ ไอ้เวร...ไปไกลๆ เลย” ดินแงะมือปลาหมึกออกก่อนจะเดินหนี แน่นอนสินก็เดินตามไป

   

“เขินได้น่ารักดีนะมึง”

   

“ไม่ได้เขินว้อย”

   

“แล้วทำไมหน้าแดง”

   

“นี่มันแสงอาทิตย์”

   

“ดวงจันทร์จะขึ้นอยู่แล้ว มึงนี่อ้างไม่เข้าท่า เขินก็บอกเหอะน่า...”

   

คำพูดที่แว่วตามมาทำให้คนที่ถูกทิ้งไว้อยู่คนเดียวหัวเราะขำ

   

“เฮ้อ...”

   

เพื่อนๆ ต่างก็มีความสุขกัน...เขาก็มีความสุข

   

ก่อนที่ด้านหลังจะมีใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ เท้าใหญ่เหยียบย่ำทรายจนยุบลงเป็นรอยตามน้ำหนักกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัม และหย่อนตัวลงนั่งข้างร่างโปร่งที่เปียกชื้นทั้งตัว

   

ใบหน้ามนหันข้าง พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบลุกขึ้นนั่ง “ติม”

   

"ตัวเปียก...นั่งตากลมนานๆ มันไม่ดี เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก" ดวงตาคมกริบสบกลับ "ผมเป็นห่วงนะ"

   

“ก็มาทะเลทั้งที...คราวที่แล้วมายังไม่ได้เล่นเลยนะ พี่ขอเล่นนิดเดียวเอง”

   

“หึ” ไอติมหัวเราะ ยกยิ้มมุมปาก “รามโตกว่าตั้งสองปี แต่ทำตัวเป็นเด็กๆ”

   

“พี่โตกว่าแล้วทำไมนายไม่เรียกพี่ว่าพี่ล่ะ”

   

“ก็ผมไม่ได้อยากให้เป็นพี่” แขนแกร่งตวัดร่างโปร่งขึ้นอุ้มจนพระรามที่ไม่ได้ตั้งตัวร้องเหวอเสียงดัง “อยากให้เป็นเมียมากกว่า”

   

“อ๊ะ ตะ ติม...จะพาพี่ไปไหน” เสียงทุ้มใสถามอย่างแตกตื่น แขนผอมรีบโอบกอดลำคอแน่นเพราะกลัวตก เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับอุ้มอย่างไม่สะทกสะท้านหรือทำท่าหมดแรงเลย ไม่หนักเหรอเนี่ย?

   

“กลับห้องสิ”

   

“อ้าว แต่พี่ยังเล่นน้ำไม่เสร็จ!” คนโตกว่าแต่ทำตัวเด็กร้องโวยวาย ดวงตาเรียวมองกลับไปที่ชายทะเลที่เพิ่งลงได้ไม่ถึงสองชั่วโมง

   

ดวงตาคมกริบมองใบหน้ามนที่พะว้าพะวงเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นแล้วแม่ไม้ให้ซื้อ ริมฝีปากหยักยิ้มเอ็นดู “พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นก็ได้ เดี๋ยวผมมาเล่นด้วย ตอนนี้รีบไปอาบน้ำก่อน ลมพัดแบบนี้เดี๋ยวไข้จับ”

   

ได้ยินคำเป็นห่วงดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็หลุบลง ไม่อยากตอบรับ แต่จมูกเล็กขยับยุกยิก “ฮะ ฮัดชิ่ว! ขะ ขอโทษที” พระรามเอ่ยขอโทษตะกุกตะกักก่อนจะปิดปากจามอีกสองสามครั้งติดกัน

   

“เห็นมั้ย” ไอติมแซวล้อคนดื้อ แขนแกร่งกระชับคนที่เริ่มตัวสั่นหนาวในอ้อมกอดเข้ามาอีกเพื่อให้ความอบอุ่น

   

“...ก็ได้” ปากบางยู่ตอบเสียงเบาอย่างไม่เต็มใจ

   

มันน่าจูบลงโทษนัก

   

   

   

"รามมานั่งนี่ เดี๋ยวผมเช็ดหัวให้" ไม่พูดเปล่า ร่างสูงลากพระรามที่เพิ่งเปิดประตูออกจากห้องน้ำมานั่งตรงหว่างขาที่ปลายเตียง ร่างโปร่งผมยาวขึ้นมาก ผมสีดำเปียกชื้นระต้นคอขาวผ่อง ชวนให้แนบริมฝีปากร้อนลงทำร่องรอยที่เคยมีแต่จางหายไปแล้ว

   

ร่างโปร่งผอมมาก ผิวที่เคยขาวเหลืองตอนนี้กลายเป็นซีดจนสว่าง กรอบหน้ามนที่ปรกด้วยผมยาวทำให้ดูน่ารักขึ้นหลายเท่านับจากครั้งแรกที่เคยเจอ ยิ่งยามแย้มยิ้ม...รอยยิ้มนั้นทำให้เขารู้สึกหวง...อยากจะขังอีกฝ่ายเอาไว้ ไม่อยากให้ใครมองเลยแม้แต่คนเดียว

   

'ติม...พี่มีอะไรจะบอก' จู่ๆ เขาก็นึกถึงเสียงของพี่ชายตน 'เรื่องของรามน่ะ...'

   

"ติม?"

   

เสียงเรียกและใบหน้ามนที่หันมามองทำให้ไอติมหลุดจากภวังค์ มือใหญ่จับผ้าขนหนูนุ่มซับผมจากต้นคอ จับมันขึ้นและขยี้เบาๆ จนหัวทุยโคลงเคลง ผ่านไปสักพักเส้นผมก็เริ่มหมาด จึงพาดผ้าไว้บนลาดไหล่บางเช่นเดิม

   

"..."

   

ไอติมยังไม่ได้อาบน้ำเพราะเขาไม่ได้ลงไปเล่นน้ำเหมือนกับราม จึงนั่งอยู่เช่นนั้น แขนแกร่งเอื้อมกอดรอบตัวคนผอม ที่เขาได้ 'กอด' ทุกวันเป็นประจำ

   

ความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างเราไม่ได้ทำให้เขาอึดอัด พระรามเองก็เช่นกัน หนำซ้ำยังรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่ค่อยๆ เต้นดังขึ้นเรื่อยๆ จากแผ่นอกบาง...มันสะท้อนดังเหมือนกลองตอนงานกีฬาของมหาลัยไม่มีผิด

   

"ติม" พระรามเรียกชื่ออีกฝ่ายแผ่วเบาเรียกความสนใจ "ตอนนี้พี่เหมือนกับฝันอยู่เลย"

   

คนฟังพูดกลั้วหัวเราะ "ยังไง? รามไม่ได้หลับสักหน่อย"

   

มือเรียวลูบไล้แขนแกร่งที่อบอุ่นแผ่วเบา "ติมใจดีกับพี่แบบนี้ พี่ดีใจมาก" พระรามว่าแล้วยิ้มอีกครั้ง ยิ้มน่ารัก...มีลักยิ้มตรงโหนกแก้มเป็นรอยขีดเหมือนหนวดแมว ติมไม่เคยเห็นใครยิ้มแบบนี้มาก่อน

   

"เป็นแบบนี้แล้วชอบมั้ย"

   

แมวตัวขาวพยักหน้ายิ้มเขิน "ชอบมาก" ใบหน้ามนเงยมอง ก่อนจะกดจมูกลงข้างแก้มขาวของไอติม "พี่ชอบนาย"

   

การกระทำออดอ้อนที่ทำให้ไอติมหมันเขี้ยว มือร้อนสองข้างจับขาเรียวแหกกว้างพาดตัก และจู่โจมลูบไล้กลางกายจนร่างโปร่งต้องบิดเร้า

   

"อื๊อ ฮึก ติม..." มือเล็กจิกข้อมือแกร่งแน่นเมื่ออีกฝ่ายล้วงเข้าไปในกางเกงควักส่วนลับขึ้นมารูดรั้ง เค้นหนักสลับเบา "ไม่เอา เดี๋ยวมัน อ๊ะ เลอะ พี่เพิ่งจะ...อาบน้ำมานะ"

   

"งั้นก็ถอดให้หมด" พูดแล้วก็ถกกางเกงรวมถึงชั้นในออกทันทีให้ท่อนล่างเปลือยเปล่า "แค่นี้ก็ไม่เลอะแล้ว"

   

"ฮือ..." ยิ่งอีกฝ่ายเร่งมือ ใบหน้ามนยิ่งส่ายบนอกกว้าง ขาเรียวที่พยายามหุบเข้าก็ถูกจับให้อ้ากว้างอีกครั้ง "ฮะ! อืม..."

   

ใบหน้าหล่อเหลาที่จ้องตาเรียวฉ่ำปรือในระยะประชิดก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงป้อนจูบเร่าร้อน มือใหญ่บีบเค้นหนักเร่งความเร็ว ริมฝีปากร้อนชื้นละออกมาเพื่อพรมจูบซอกคอ เม้มขบ กัดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

   

พระรามครางเครือ บิดตัววาบหวิว ปรือสบกับดวงตาสีอ่อน น้ำตาคลอหน่วยเมื่อรู้สึกดีอย่างไม่อาจต้านทาน

   

"ติม...พี่ไม่ไหว" ริมฝีปากบางอ้ากว้างหอบอากาศเข้าปอดจนน้ำลายไหลลงมุมปาก

   

"ปล่อยเลย...ไม่ต้องอดทน"

   

"อ๊ะ...อ๊ะ!!" น้ำสีขาวขุ่นฉีดพ่นเต็มฝ่ามือใหญ่ ทิ้งตัวหมดแรง หอบหายใจและอ้าขากว้างตั้งชันกับขอบเตียงอย่างไม่อาย น้ำตาที่ขังอยู่ตรงขอบไหลอาบแก้ม ก่อนที่ไอติมยกคนตัวเบาขึ้นมานั่งทับลูกชายที่พองตัวปูดโปนผ่านเนื้อผ้า โยกตัวเสียดสีกับร่องก้นขาวเนียนรุนแรง

   

"ฮื้อ! ฮึก!" พระรามกัดปากเกร็งตัว ไม่ได้เสียวเหมือนโดนสอดแทรก แต่มันก็ดีจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ออกเลย

   

"อา...อา รามโยกหน่อย" ไอติมบอกเสียงพร่าจับเอวผอมแน่นและออกแรงกดถูไถจนเป้าใหญ่เริ่มเปียกชื้น ลูกชายยิ่งพยศแข็งตัวดันผ้าบางออกมาแทบปริแตก แม้จะไม่ได้เรียกว่าเซ็กส์เต็มตัว แต่ทำแบบนี้ก็เร่าร้อนได้เหมือนกัน

   

"อื๊อ ฮื้อ เสียว...ฮึก!" สะโพกแกร่งยกบดเบียดจนแผ่นหลังบางหยัดเกร็ง ขาเรียวหนีบเข้าหากันปวดมวนท้องน้อยอย่างแรง พระรามพยายามกลั้นเสียงให้มากที่สุด เพราะบ้านพักแถวนี้มันติดกันมากกว่าครั้งก่อน แถมผนังก็ไม่ได้หนาอะไรมากด้วย

   

ชั้นในเปียกชื้นถูกถกลงเพราะร่างสูงเริ่มทนไม่ไหว ก่อนที่พระรามจะสะดุ้งเฮือกเมื่อแก่นกายใหญ่สอดเข้าที่ขาหนีบก่อนจะขยับกระแทกจนเนื้อกระทบกันดังลั่น "อื๊อ!! อื๊อ!!!"

   

เอี๊ยดๆๆ!

   

แก่นกายเสียดสีพวงไข่จนกลางกายพระรามตั้งโด่อย่างรวดเร็ว ร่างกายผอมงองุ้ม เสียวซ่านจนทนไม่ไหว ก่อนจะหงายเงิบนอนทับร่างกายแกร่งเมื่อร่างสูงดึงให้นอนลงและกอดเกี่ยวแน่น สะโพกแกร่งขับเคลื่อนไม่หยุดจนสะโพกเล็กลอยหวือและตกลงกระทบตามแรงโน้มถ่วง "ซี้ด หนีบขาแน่นๆ นะราม ผมจะใส่เต็มแรงแล้ว"

   

เสียงครางสองโทนเคล้าคลอเหมือนดนตรีบรรเลงยิ่งทำให้อารมณ์พุ่งทะยาน มือเรียวจิกทึ้งผ้าปูรวมถึงข่วนแขนแกร่งยาวจนเป็นรอยแดง ในยามที่ความเสียวเข้าจู่โจมระรัวด้านล่าง ทั้งลึกทั้งยาว แถมยังรุนแรง

   

"เฮือก! ติม...ติม~! อ๊ะๆๆ อ๊า!" อะไรที่คิดจะกลั้นเอาไว้ก็ทนไม่ไหว เสียงครางทุ้มใส่หวีดสูงก่อนจะทะลักทลาย น้ำขาวขุ่นพุ่งเปรอะเปื้อนท้องและแผ่นอกบางก่อนจะถูกจับหันไปรับจูบแลกน้ำลายอีกครั้ง

   

"ฟุฮ่า! แฮ่ก...แฮ่ก..." พระรามหอบหายใจหนักหน่วง ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียแต่ก็มีความสุขมาก เปลือกตาบางปรือปิด ในขณะที่กำลังจะตกสู่นิทรา ก็เหมือนมีใครยกให้ตนลอยขึ้นจากพื้นเตียง แล้วร่างโปร่งก็ต้องถูกอุ้มไปอาบน้ำอีกหลายๆ ครั้งในห้องน้ำ...เพราะความไม่พอของใครบางคน

   

“อ๊ะ อ๊า...ติม ฮึก เสียงพี่”

   

“บ้านหลังนี้มีแค่เราสองคน รามไม่ต้องกลั้น ครางดังๆ อา...ซี้ด ตอดชิบ”

   

ปั่บๆๆ!

   

“ฮึก มะ มาแล้ว...แตก แตกแล้ว! อ๊า!”

   

ไม่จบไม่สิ้น



   

"แค่ก...แค่ก..." คนหลับไอค่อกแค่กแผ่วเบา แต่ไม่รู้สึกตัวตื่น คิ้วบางที่ขมวดมุ่นทำให้ไอติมเครียด ยกมือขึ้นลูบแก้มและทาบหน้าผากมนร้อนรุม...ถึงเวลาเช็ดตัวแล้ว

   

'รามป่วยอยู่นะ โรคก็ไม่ได้น่าเป็นห่วงมาก แต่ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้...อาการของโรคที่มักเกิดขึ้นคือไอแห้งอยู่ตลอดเวลา ตกกลางคืนอาจจะไข้ขึ้น หนักหน่อยก็ไอเป็นเลือด เจ้าตัวเคยเป็นมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่รู้จะเกิดขึ้นอีกรึเปล่า'

   

...ไอเป็นเลือด...

   

ทำไม เขาถึงไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน...มันเกิดขึ้นตอนไหน

   

‘เขาไม่บอกเพราะไม่อยากให้แกสมน้ำหน้าเขาไง จำไม่ได้เหรอ’

   

อา...

   

'รามป่วยเป็นอะไรพี่อิฐ'

   

'รามป่วยเป็นโรคไอเรื้อรัง พี่แปลกใจมากๆ คนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ทำไมถึงได้เป็นขนาดนี้ รามเคยบอกพี่ว่าพ่อเป็นคนสูบบุหรี่หนัก แต่มันจะเป็นได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ...'

   

'ติม พี่ไม่ค่อยชอบกลิ่นควันเลย...'

   

ในยามที่พระรามดมกลิ่นควันบุหรี่ที่เขาพ่นใส่จนอ้วกในห้องน้ำนั่น...ตอนที่อีกฝ่ายอยู่กับเขา เขาไม่เคยคิดเอะใจ คิดแต่เพียงว่าเรียกร้องความสนใจ และสำออย...เพียงแค่นั้น

   

เขาเป็นคนทำให้รามต้องป่วยแบบนี้...แต่รามก็ไม่เคยโทษเขาสักครั้ง...ไม่เคยบอกว่าสาเหตุอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้รามป่วยนั่นก็คือเขา

   

'พี่ดีใจมากเลย ที่นายใจดีกับพี่...เหมือนกำลังฝันอยู่เลย' ใบหน้าและรอยยิ้มที่มีความสุข

   

อา...

   

ร่างสูงค่อยๆ ไล้ผ้าขนหนูตามแขนและตัว ไม่ว่าร่างโปร่งจะถูกเอาแต่ใจ ถูกตักตวงจนเหนื่อยเพลียก็ไม่เคยบ่น ถ้าหากเอากระจกมาส่องใบหน้าของติมตอนนี้ คงจะเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเงียบๆ

   

ทั้งเสียใจทั้งเจ็บปวดที่เห็นคนที่รักนอนไม่สบายทุกวัน พระรามยังคงฝันร้ายถึงเรื่องเก่าๆ ละเมอพึมพำในสิ่งที่ไอติมไม่เคยรู้มาก่อน

   

“ฮือ เจ็บ...เจ็บ”

   

แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ เงียบลงไปเอง ต้องกอดต้องปลอบนานแค่ไหนก็แล้วแต่วัน...หากพระรามนอนอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าจะพ้นจากฝันร้ายได้เมื่อไหร่

   

‘ถ้าผ่านไปสองปีแล้วยังยืนยันว่าคิดเหมือนเดิม...พี่จะยอมรับคำว่ารักของนาย แต่ถ้าหากว่าติมคิดได้ว่าไม่ได้รักพี่ พี่จะปล่อยนายไป...เราสองคนจะเป็นอิสระซึ่งกันและกัน’

   

อีกฝ่ายใจแข็งแค่ไหน ที่ยอมรับปากและให้โอกาสกับเขา

   

‘พี่จะไม่ฟูมฟายหรือร้องไห้เพื่อให้นายกลับมา’

   

ร่างโปร่งเตรียมใจที่จะผิดหวัง แต่น้ำตาและความเจ็บปวดแทบขาดใจในแววตาทำให้เขารู้เลยว่าพระรามคงทนไม่ได้อีกแน่ถ้าหากกลับไปเป็นเหมือนเดิม

   

ร่างสูงล้มตัวลงนอนข้างกายคนป่วยที่ไอค่อกแค่กอย่างไม่รังเกียจ ลูบหัวปัดหน้าม้าและโน้มลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อด้วยความรัก

   

ไอติมจะขอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้พระรามเจ็บอีก...และจะรอจนกว่าอีกฝ่ายจะกลับมารับฟังคำว่ารักของเขาอีกครั้ง...อย่างเต็มใจ

   

   



********************* Love Substitute *********************

   

   



แสงสว่างของวันใหม่สาดส่องเข้ามาในบ้านพัก ร่างสูงที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงดิ้นหนีเล็กน้อยเมื่อมันสว่างแยงตา แขนปาดป่ายหาร่างกายนุ่มอุ่นที่มักกอดเวลานอน กลับพบแต่ความเย็นลื่นของผ้าปู

           

“ราม?” เสียงทุ้มเอ่ยงัวเงีย ผงกหัวหรี่ตาขึ้นมอง พระรามไม่อยู่อีกแล้ว แม้จะนอนป่วยตัวร้อนตอนกลางคืน แต่มักจะตื่นเช้า...เป็นแบบนี้ประจำ

         

ยังเช้าตรู่อยู่เลย

           

ถ้าอยู่ในห้องที่คอนโด ก็จะได้กลิ่นของอาหารลอยเข้ามาเพราะพระรามจะเตรียมเอาไว้ให้ แต่ตอนนี้มาเที่ยวต่างจังหวัดอยู่ ไอติมจึงไม่อาจคาดเดาว่าเจ้าตัวไปไหน

           

ร่างสูงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เกาหัวและเดินเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกทีตัวหอมฉุย ออกจากบ้านพักไม่ลืมล็อคประตู

           

อยู่นี่นี่เอง

           

แผ่นหลังบางคุ้นตา สวมเสื้อฮาวายตัวบาง นั่งกอดเข่ามองวิวอยู่ริมหาดทราย เสียงคลื่นซ่าๆ พัดเข้าฝั่งกับลมเย็นสบายยามเช้าไร้แดด ทำให้ร่างสูงหยักยิ้มเดินเข้าไปใกล้และหย่อนตัวนั่งข้างๆ ซ้อนทับกับเมื่อวานเปี๊ยบ

           

“ทำไมไม่ปลุกผมล่ะ”

           

“นายกำลังหลับสบาย พี่เลยไม่อยากกวน” ร่างโปร่งยิ้มกับคำทักทายยามเช้า สายตายังไม่ละออกจากทิวทัศน์ด้านหน้า “พี่รู้ว่านายนอนดึกเพราะพี่ ขอบคุณมากนะ”

         

“รามไม่จำเป็นต้องขอบคุณเลย ผมเป็นคนทำให้รามเป็นแบบนี้...รามก็รู้ดี” แขนแกร่งโอบร่างโปร่งให้เข้ามาใกล้ จมูกโด่งหอมหัวทุยอย่างรักใคร่

           

เสียงคลื่นสาดซัดดังซู่ซ่าเป็นจังหวะ ดวงตาสองคู่มองออกไปสุดขอบฟ้า...พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น

           

“ติมรู้มั้ย ว่าพี่เคยคิดว่าอยากตายอยู่หลายครั้ง” ร่างสูงหันมองเสี้ยวหน้าขาวที่ยังคงมองออกไปนอกทะเล พระรามนั่งชันเข่าเอนพิงอกเขาเล็กน้อย รอยยิ้มบางที่พยายามฝืนพูดมันช่างเจ็บปวด “พี่ทั้งป่วย...ไม่เหลือใคร...ไม่มีปัญญารักษาอาการที่เป็นอยู่”

           

มันหนักขึ้น...หนักขึ้นจนแบกรับไม่ไหว

   

“พี่ทั้งกลัวทั้งกังวล...ไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงดี พอไอหนักจนเป็นเลือดก็คิดว่าสักวันหนึ่งอาจจะต้องตายเหมือนแม่แน่ๆ” เสียงทุ้มใสหลุดหัวเราะแผ่วเบา ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องตลกซักนิด “คนที่พี่อยากปรึกษาที่สุดคือนาย แต่ว่าไม่รู้ทำไม นายอยู่ใกล้พี่แค่นี้ แต่กลับเหมือนอยู่ไกลมาก สุดท้ายพี่เลยไม่บอกใคร”

   

ไอติมรับฟังทุกคำพูดที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เจ็บปวดจนคนฟังก็รู้สึกไม่ต่างกัน อ้อมแขนแกร่งกระชับคนตัวผอมเข้ามาใกล้ขึ้นอีก...อยากจะปลอบว่าตอนนี้เขากำลังรับฟังอีกฝ่ายอยู่นะ

   

ตอนนี้พระรามไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว

   

“ที่พี่ไม่แน่ใจ...ลังเลเรื่องความรู้สึกของติม ก็เพราะพี่เคยมีความสุข...แล้วก็เหมือนถูกทำให้ตกนรก...หลายครั้ง” ร่างโปร่งตัวสั่นระริก ความรู้สึกที่ทำให้หลงระเริงกับความเป็นคนสำคัญแต่มันไม่ใช่นั้นเป็นยังไง...พระรามเจอมากับตัว...เข็ดหลาบ “แล้วพอนายมาบอกรักพี่หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา ก็แค่กลัว...กลัวจริงๆ”

   

กลัวจะถูกถีบตกเหว...เหวลึกที่มีแต่ความมืด หาจุดสิ้นสุดไม่เจอ

   

“พี่ขอโทษ” น้ำตาคลอหน่วยขังที่ขอบตาก่อนจะรื้นไหล...คำขอโทษที่เอ่ยออกมา...ก็เพราะตนรู้สึกเหมือนกักขังไอติมเอาไว้ สองปีหลังจากนี้...สองปีที่เห็นแก่ตัว เขาก็แค่...

   

“รามไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ใบหน้ามนเงยมองคนพูด มือใหญ่จับข้างแก้มและคอยเช็ดน้ำตาให้ กับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งมา “รามทำแบบนี้ถูกต้องแล้ว”

   

“ติม”

   

“หากไม่มั่นใจ...ผมจะทำให้มั่นใจ” ร่างสูงจับท้ายทอยเล็กให้เข้ามาซบอก ไล้นิ้วที่ปอยผมและลูบศีรษะทุยเบาๆ “ก่อนหน้านี้ผมแค่หลอกตัวเองว่าผมไม่ได้ชอบพี่ ผมก็แค่...มีทิฐิ ผมแค่ติดใจเรื่องของแม่”

   

“...”

   

“ผมไม่มีวัน...รักคนที่ขโมยแม่ไป” ใช่...เขาคิดแบบนั้นมาตลอด “แต่รามทำให้ผมหลงรักมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งรอยยิ้ม...และความรักที่รามมีให้ผม”

   

“...”

   

“ผมมันบ้าเอง...ที่ปล่อยให้เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้น” กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งยังคงติดตรึง...ยังคงจำความรู้สึกตอนที่ตัวเองกำลังจะบ้าคลั่งได้เลย ณ วินาทีที่นิลขึ้นคร่อมและใช้มีดนั้นจ้วงแทงเข้าที่ร่างกายนี้ “กว่าจะรู้ตัวว่ารักราม...มันก็เกือบสายเกนไป”

   

ขอบคุณ...ขอบคุณที่พระรามตื่นขึ้นมา

   

ทั้งสองฝ่ายกอดกันแบบนั้นโดยที่ร่างสูงโอบกอดเอวผอมโยกไปโยกมาเหมือนปลอบเด็กน้อยที่ร้องไห้โยเย พระรามหลุดหัวเราะออกมา พร้อมสูดจมูกฟึดฟัด พอได้คุยแล้วก็สบายใจขึ้นมากมาย

   

จมูกเล็กกดข้างแก้มอีกฝ่ายกลับ “เหนื่อยมั้ย” หมายถึงต้องมานั่งดูแลคนป่วยอย่างเขา

           

ร่างสูงคว้ามือเรียวเข้ามากอบกุม ตอบหนักแน่น “ไม่เหนื่อยแม้แต่นิด”

           

“เสือใหญ่หมดท่าแล้ว ใหญ่กับเล็กมาเห็นจะว่ายังไงนะ” พระรามแก้มแดงเรื่อ กลั้วหัวเราะแซวคนตัวสูง

           

“ก็ให้แค่คนนี้คนเดียวแหละ”

           

“พี่จะคอยดู” ร่างโปร่งเบะปาก พ่นลมออกจมูกดังฮึ อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นบีบจมูกโด่งนั่นอย่างหมั่นไส้ “ว่าสองปีถัดไปจะยังพูดเหมือนเดิมมั้ย”

         

 พูดไปเค้นแรงหนักขึ้นจนร่างสูงโอดครวญ “โอ๊ยๆๆ”

           

“ฮ่าๆ”

           

“ได้เลย จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย” ไอติมคว้าอีกคนเข้ามากอดแน่น ลงมือจี้เอวผอมจนพระรามดิ้นพล่าน

           

“โอ๊ยๆ ฮ่าๆๆ ยอมแล้ว...พี่ยอมแล้ว” คนบ้าจี้หัวเราะจนเจ็บท้องแต่ดูเหมือนร่างสูงจะไม่ปราณี รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มช้อนใต้สะโพกตัวลอยเหมือนอุ้มเด็กอนุบาล พระรามร้องเหวอเมื่อขายาวเดินเข้าทะเล

         

“ไม่เอาน่า ติม อย่าแกล้งพี่” เสียงทุ้มใสเริ่มสั่นเมื่อเริ่มเข้ามาลึก ไม่ใช่ว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็น แต่ว่ายน้ำไม่แข็ง แขนผอมเกร็งกอดไหล่กว้างแน่นไม่ปล่อย

           

แต่สุดท้ายไปไม่ลึกเท่าไหร่ ไอติมก็หยุดนิ่งอยู่แบบนั้นและค่อยๆ ลดตัวพระรามลงให้ใบหน้าตรงกัน “ทำแบบนี้ รามจะได้หนีไปไหนไม่ได้ไง”

           

ริมฝีปากหยักจู่โจมทันใด โดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวคิดว่าหนีไปไหนไม่ได้หมายความว่าอย่างไร ลิ้นร้อนก็แทรกเข้ามากวาดต้อนให้เหนื่อยหอบ คลื่นที่สาดซัดให้ทั้งสองเคลื่อนไหวไปตามแรงน้ำไม่อาจห้ามความรู้สึกรักหมดใจของทั้งสองได้ มือเรียวเกาะเกี่ยวไหล่แกร่ง เอียงคอรับการฉกจูบรุนแรงไม่อาจถอยหนี

         

“แฮ่ก...อือ...อืม”

           

แค่ลิ้นก็ทำให้เสียววูบวาบไปทั้งกาย ยิ่งกายแกร่งบดเบียดเข้ามาก็ยิ่งทำให้สะดุ้งเฮือกๆ จนในที่สุดร่างสูงก็ยอมผละออก แต่ไม่หยุดคลอเคลีย

           

“แค่นี้พี่ก็ไปไหนไม่รอดแล้วนะ” น้ำเสียงทุ้มใสเจือหอบสั่น จมูกโด่งยังไล้ข้างแก้ม จังหวะการหายใจทำให้รู้เลยว่าไอติมยังไม่พอ “แค่ลีลาของนายพี่ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว”

           

ไอติมยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ “บอกแล้วไงว่าคนสำส่อนอย่างผมจะทำให้รามติดใจได้”

         

 แก้มขาวแดงปลั่ง ปรือตารับจูบเค็มเพราะน้ำทะเล แลกน้ำลายจนอ่อนแรง “ติม พี่ไม่ไหวแล้ว”

           

ถ้าจะทำอะไรแบบนี้ ก็ไปทำบนเตียงได้ไหม “กลางแจ้งแบบนี้ มันน่าอายนะ”

           

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่มีใครตื่นเช้าเท่ารามอีกแล้ว” ดวงตาคมกริบจ้องมองทั่วใบหน้าขาวใส ดวงตาเรียวตี่ที่เขาเคยว่าหน้าจืด แต่ตอนนี้กลับทำให้เขาชอบมาก ริมฝีปากบางนี่ด้วย

           

“มองอะไรเล่า” พระรามอุบอิบ หยุดลวนลามเขาทางสายตาเสียที

   

“หึหึ ก็แค่กำลังคิดว่าทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณแม่...ที่ทำให้เราสองคนมาเจอกัน”

           

“ติม”

           

“ขอบคุณที่ทำให้ผมเจอราม...”

           

รามยิ้มกว้าง ดีใจที่สุดในชีวิต ติมกำลังขอบคุณที่ได้เจอเขา...นี่แปลว่ายินดีใช่หรือไม่

           

“พี่ก็ดีใจที่ได้เจอติม”

           

รอยยิ้มน่ารักของราม เป็นของเขาเพียงคนเดียว

           

จังหวะของหัวใจทั้งสองคน เต้นตรงกันแล้ว

         

“ถ้างั้นแสดงความดีใจให้ดูหน่อยสิ” งูเห่าเจ้าเล่ห์พูดตักตวงอีกครั้ง ยื่นริมฝีปากเข้าใกล้แต่ไม่ละลาบละล้วง ร่างโปร่งหน้าแดงเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

         

แน่นอนว่าใครจะไปขัดได้ ก็ต้องมอบให้อยู่แล้ว...ทั้งกายและใจเลย

           

“เฮ้ยๆๆ! ไอ้สองคนนั้น จะทำอะไรแต่เช้าตรู่วะนะ เล่นเสียวกันในน้ำเหรอ!?” พระรามหันขวับตาโต หน้าร้อนผะผ่าว    นั่นไง ไม่ทันขาดคำ มีคนเห็นเข้าแล้ว! ซ้ำยังเป็นไอ้ดินด้วย...ดินรู้โลกรู้!

           

คนหน้าด้านหัวเราะขำในลำคอเหมือนรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

           

นี่ตั้งใจสินะ! ฮึ่ม!!

           

“ติม ปล่อยพี่” ร่างโปร่งบอกร้อนรน ผลักไหล่กว้างใบหูแดงก่ำ

           

“เดี๋ยวจมนะ”

           

“งั้นก็เอาพี่ขึ้นฝั่งสิ!”

           

“ขึ้นฝั่งแล้วไม่อายเพื่อนเหรอ ตรงนี้แข็งแล้วนี่”

           

“ก็เพราะใครกันเล่า ปล่อยพี่เลยนะ! ไอ้คนบ้า หื่นกาม!” กำปั้นเล็กทุบตุ้บตั้บบนไหล่แกร่งทั้งสองข้างแต่ไอติมไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังหัวเราะร่าเสียอีก

           

มือใหญ่เคลื่อนไหวใต้น้ำล้วงผลุบเข้ากางเกงและกอบกุมแก่นกายให้ร่างโปร่งกัดปากตัวงอ “อ๊ะ ฮือ” คนหื่นกามมันเอาอีกแล้ว

           

“เอาออกก่อนนะแล้วค่อยขึ้น” แน่นอนว่าไม่ได้ขึ้นไปไหน ไปต่อบนเตียงไง ไอติมเลียปากแผล่บ วันนี้มีแพลนแล้ว แมวตัวนี้เสร็จเขาแน่

           

มือทั้งสองข้างจิกเกร็ง กอดคอซบไหล่ พระรามลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง สะโพกเล็กโยกรับความรู้สึกดี จากเอ่ยห้ามเปลี่ยนเป็นครางดังให้เสียงคลื่นของทะเลกลืนกิน

           

เขาจะไปห้ามได้ยังไงเล่า...ไม่เคยห้ามได้อยู่แล้ว

           

ปล่อยตัวปล่อยใจให้แค่เพียงคนเดียว

   

รักนายที่สุด ไอติมของพี่





-THE END-





********************* Love Substitute *********************
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: โฮเซกิ รุย ที่ 21-08-2019 21:10:15

สปอยล์ตอนพิเศษที่มีแต่ในเล่มเท่านั้น
ทั้งหมด 7 ตอน

Special EP 1

ฝันร้าย



"ราม วันนี้เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ"



"เอ๊ะ ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวติม..."



"อ่า วันนี้ติมอาจจะไม่มานะ" รุ่นพี่เกาหน้าทำหน้าลำบากใจ คำพูดนั้นทำให้พระรามล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู ไม่เห็นมีข้อความหรือสายโทรเข้ามาเลย



"พี่อิฐรู้ได้ยังไงครับ" เสียงทุ้มใสสงสัยมาก ทำให้คนตอบอึกอักอีกครั้ง เวลาตอบก็ไม่มองหน้าหรือสบตา



"ติมเขาคงต้องไปหา...อ่า ไปทำธุระกับพ่อน่ะ"



"เหรอครับ" พระรามพยักหน้าไม่ได้คิดมากอะไร แม้จะติดสงสัยเรื่องคำพูดอ้ำๆ อึ้งๆ มาก แต่ร่างโปร่งก็ก้มหยิบกระเป๋าแล้วกำลังจะออกจากห้องทำงานของอิฐ "งั้นเดี๋ยวผมกลับเองก็ได้ จะได้ไม่ลำบากพี่อิฐ"



เพราะจำได้ว่าบ้านกับคอนโดของติมมันอยู่คนละทางกันเลย ติมเคยเล่าให้ฟัง...เขาไม่เคยไปหรอก



"ไม่ๆ ไม่ลำบากเลย เดี๋ยวพี่จะไปส่งนะ"



ใบหน้ามนหันมองแล้วขมวดคิ้ว "วันนี้พี่อิฐแปลกจังครับ"



คนโดนว่าแปลก กลอกตาล่อกแล่กแทบไปไม่ถูก "อ่า ก็ติมมันฝากให้พี่ไปส่ง ถ้าพี่ไม่ไปพี่โดนด่ายับสิ"



นี่เขาแสดงพิรุธมากไปเหรอ



พระรามหัวเราะน้อยๆ นี่พี่อิฐจะเป็นเชื่อฟังน้องชายมากเกินไปรึเปล่า "ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมบอกเขาเอง ไปนะครับ"



"เฮ้ย เดี๋ยวสิ...ตายๆ ตายแน่...ราม รอพี่ด้วย!"



เสียงเรียกชื่อแว่วออกมาจากในห้อง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าก้องทางเดิน



"อย่าไปทางนั้น..." คนเป็นหมอที่เพิ่งถอดเสื้อกาวน์แขวนไว้ในห้องรีบวิ่งออกมาตามแต่ร่างโปร่งยืนอยู่ตรงนั้น ดูไปไม่ได้ยืนรอเขา แต่ยืนมองอะไรสักอย่างตาค้าง



ไอติมกำลังเปิดประตูรถให้กับหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง เสื้อผ้าหน้าผมเหมาะสมและสะสวยจนผู้ชายหลายคนมองตาม ซึ่งเธอก็ยิ้มหัวเราะไหว้ขอบคุณก่อนจะก้าวขึ้นรถไป ร่างสูงหันกลับมาคุยกับอรรถสิทธิ์ที่ยืนอยู่ไม่ห่างสักพัก ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูรถขึ้นนั่งประจำที่ รถสปอร์ตแล่นออกไปแต่ใครบางคนยังมองตาม



'เดี๋ยวพี่ไปส่ง'



ทุกคนต่างกีดกันเขา...ทั้งอาอรรถ ทั้งพี่อิฐ อยากให้ติมไปส่งผู้หญิงคนนั้น คนที่กำลังจะมาเป็นคู่หมั้นของติม คนที่กำลังจะมาเป็นครอบครัวเดียวกัน...ที่ไม่ใช่เขา



อยากจะให้เขาเลิกยุ่งกับติมทำไมไม่บอกกันตรงๆ ...ไล่กันตรงๆ ยังจะง่ายเสียกว่าให้ใครมาแทนที่เขา



'ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง'



ถึงจะรู้แบบนั้น แต่ทำไมถึงเจ็บเหลือเกิน



นี่เขายังเชื่อใจติมได้ใช่มั้ย



‘ให้โอกาสผมเถอะนะ’



โอกาสที่ไอติมขอเขา...ยังอยากได้อยู่ใช่มั้ย



มือยกขึ้นจับที่หน้าอก น้ำบางอย่างที่หยดใส่มือและแขนทำให้รู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้



...เจ็บ...เจ็บ...



ความจริงกับความฝัน...ไม่ว่าจะโลกไหนเขาก็ไม่มีวันได้มีความสุข







Special EP 2

แฟน รัก หวง



"มาแล้วครับ โซดาสาม น้ำแข็งเปล่าสาม ขอโทษที่ให้รอนาน"



"รอไม่นานเลยครับ" เดือนตอบยิ้มแป้น ซ้ำยังช่วยเอาของบนถาดลงวางบนโต๊ะผิดหน้าที่ลูกค้าจนพนักงานชายกระพริบตาปริบ เผลอสัมผัสมือเรียวที่ขาวเนียนเล็กน้อยและส่งสายตาอย่างสื่อความหมาย



"อ๊ะ..." แต่แน่นอนคนอย่างร่างโปร่งที่ไม่คิดว่าจะมีใครมาสนใจตนไม่รู้เรื่องแม้แต่นิด กลับก้มหัวขอโทษขอโพยกลับคืนเมื่อคิดว่าตนเป็นคนสัมผัสมืออีกฝ่ายเสียเอง



หมับ!



"เดี๋ยว"



ครั้นกำลังจะหันหลังเดินออกไปทำหน้าที่ต่อเพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล กลับโดนจับมือไว้แน่น...คราวนี้เดือนจงใจอย่างแรง ซ้ำยังยึดกุมมือเรียวเอาไว้ไม่ให้พนักงานเสิร์ฟยื้อกลับ



"เอ่อ คือ...ช่วยปล่อยมือผมด้วยครับ"



"เดี๋ยวสิ พี่แค่อยากให้น้องนั่งดื่มกับพวกพี่หน่อย...ได้มั้ยครับ" เขาว่ากันว่าพูดเพราะๆ แล้วส่งสายตาอ้อนนี่มักจะเสร็จทุกราย แต่อีกฝ่ายส่งสายตางุนงง ขมวดคิ้วกลับมาแทน



"น้อง...?" ริมฝีปากบางพึมพำเบา ก่อนจะแย้มยิ้ม "ผมทำงานอยู่ คงไม่ได้หรอก"



"งั้นไม่เป็นไร ขอเบอร์มือถือของน้องหน่อยได้ไหม" เดือนไม่ยอมแพ้ ถูกปฏิเสธมาก็รุกต่ออย่างรวดเร็ว ซ้ำยังได้ยินเพื่อนพึมพำตามหลังมาว่าหน้าด้านชิบหาย



คำนั้นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เดือนรักษายิ้มเอาไว้ได้...เขาถือคติด้านได้อายอดเฟ้ย



"ไม่ได้" เสียงทุ้มตอบ กลับไม่ใช่เสียงของร่างโปร่ง แต่มันดังขึ้นจากด้านหลังแทน ปรากฏร่างสูงที่ทำหน้าเครียดขึงน่ากลัว ดวงตาเรียวเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเซเมื่อถูกแขนแกร่งโอบเอวบางและดึงให้ห่างจากเดือนจนข้อมือหลุดออกจากการกอบกุม



"เฮ้ย นี่นายเป็นใคร...!" เดือนส่งเสียงเตรียมหาเรื่องแต่พอเห็นชัดว่าเป็นใครก็ตาถลน "พี่ไอติม!?"



สงสัยเกียรติศักดิ์เรียงนามจะโด่งดังทั่วมหาลัย ทันทีที่เดือนเรียกชื่อ เพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะหลายสิบคนก็หันขวับ ลุกขึ้นก้มหัวทักทายเสียงดังระงม



"เออ กูเอง" ไอติมตอบเสียงเรียบ กระชับคนในอ้อมกอดแน่นขึ้น ดวงตาคมกริบไร้ความปราณี



"นี่พี่...กับ...เอ่อ..." เดือนกลืนน้ำลาย มองสลับกับร่างโปร่งที่เกาแก้มยิ้มแห้งแต่ไม่ขัดขืนอ้อมอกกว้างเหมือนกับตอนที่เขาจับมือสักนิด



"นี่แฟนกู ชื่อพระราม...แล้วเขาก็เป็นพี่มึงด้วย อยู่อักษรปีสี่ ไม่ใช่น้องหรือเด็กมัธยมอะไรที่พวกมึงนินทาทั้งนั้น"



ทั้งเดือนและเพื่อนอีกสองคนหน้าซีดทันใด...ดันซวยเพราะคนได้ยินคือพี่ติมสุดโหดซะนี่!



"ขอโทษครับ!"



"คราวหลังจะพูดอะไร ก็อย่าล่วงเกินนัก เพราะเดี๋ยวพวกมึงจะได้ชิมรสตีนกู"



"ขอโทษคร้าบ!!"





Special EP 3

พระรามกับของมึนเมา

   

"ไม่เคยดื่มไม่ใช่เหรอ"



"เคยแล้ว ไม่อร่อย" ใบหน้ามนส่ายอีก ยิ่งหันหน้าหนีแก้วบรรจุสีน้ำอำพันที่เข้าใกล้ ก็เมื่อก่อนตอนที่ดินกับสินชอบชวนไปครั้งแรกๆ นั่นน่ะ เพียงแค่จิบเท่านั้นเขาก็เข็ดเลย...กินเข้าไปได้ไง ขมคอจะตาย



"งั้นก็สั่งน้ำผลไม้ที่มีแอลกอฮอล์ผสมหน่อยๆ ก็ได้"



ดวงตาเรียวโตขึ้นเล็กน้อยอย่างสนใจ "มีเหรอ"

   

“อืม ลองมั้ย”

   

“ก็ได้”

   

ร่างสูงไม่รอช้า ยกมือเรียกพนักงานสั่งเครื่องดื่มไป ไม่นานก็นำมาเสิร์ฟ เป็นแก้วบรรจุน้ำสีสวยน่ากินมากกว่าเหล้าสีเหลืองเป็นไหนๆ

   

จมูกเล็กดมฟุดฟิด ก่อนจะอมยิ้ม "หอม"

   

"กินสิ ถ้าชอบเดี๋ยวสั่งอีก"

   

"แพงไหมน่ะ"

   

"ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า" ไอติมนวดคลึงเอวผอม เสียงทุ้มกระซิบพร่า มองริมฝีปากบางจรดริมแก้วและน้ำสีสวยค่อยๆ ไหลเข้าลำคอ...แม้แอลกอฮอล์จะไม่เยอะ แต่เขาก็อยากเห็นว่าพระรามตอนเมาเป็นยังไง

   

ราวกับที่นี้มีอยู่กันสองคน

   

"อื้ม หอม อร่อยดี" พระรามเลียปากถูกใจ ยกขึ้นจิบแล้วจิบอีกจนหมดแก้ว อร่อยจนไม่อยากจะเชื่อว่ามีแอลกอฮอล์ผสมอยู่

   

ไอติมก็ทำหน้าที่ดีเหลือเกิน สั่งแก้วแล้วแก้วเล่ามาให้ทันทีที่หมด หลังจากนั้นทั้งโต๊ะก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศจนกระทั่งร่างโปร่งเริ่มออกอาการที่แก้วที่สี่

   

โดยเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์

   

"ไหวมั้ยราม" ร่างสูงหลุดหัวเราะ แปลกใจมากที่คนในอ้อมแขนโงนเงน...ไม่รู้มาก่อนว่าร่างโปร่งจะคออ่อนขนาดนี้

   

"อื้ม...ครับ" ใบหน้ามนพยักหงึกหงัก

   

"เมาแล้วนะ" ใบหน้าหล่อเหลากระซิบชิดใกล้ ดวงตาประกายเอ็นดูขำจนสาวๆ ในอ้อมกอดคนบนโต๊ะมองอิจฉา เจ้าตัวส่ายหน้าจนตัวสั่น มือจับแก้วไม่นิ่งจนต้องช่วยประคองเอามาวางบนโต๊ะ

   

"เหะๆ ไม่เมานะ" แมวเกาแก้มหัวเราะ ปากเล็กขมุบขมิบใกล้ใบหน้าคม ได้กลิ่นลมหายใจเจือจางกลิ่นผลไม้หอมจนติมอยากจะลอง 'ชิม' บ้างเลย

   

"ไม่เมาเหรอเนี่ย"

   

"ก็บอกว่า อึ๊ก! ...ไม่มาวไงครับ" เจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็งหน้าบึ้งตึง คนทั้งโต๊ะหัวเราะจนติมเพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่กันสองคน คนที่อายุมากสุดแต่ดูเหมือนจะคออ่อนที่สุด รู้สึกหัวหมุนติ้วจนนั่งไม่ตรง พิงอกแกร่งทั้งกาย ร่างสูงก็โอบกอดอย่างเต็มใจ ซ้ำยังเลิกดื่มทันทีที่เห็นพระรามเป็นแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่มีใครดูแลใครกันพอดี

   

ดูท่าทางเจ้าตัวก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเมาง่ายเสียยิ่งกว่าอะไร ดื่มน้ำผลไม้ที่ผสมเพียงน้อยนิดแค่สามแก้วก็พูดไม่รู้เรื่องแล้ว

   

“ไม่เอาครับ รามเมาแล้ว” แขนยาวจับแก้วสีสวยออกห่างเมื่อพระรามจะจับคว้าขึ้นมาดื่มอีก ไอติมยืดสุดแขน คนในแขนก็คว้าตาม จมูกเล็กหอมเข้าข้างแก้มหลายต่อหลายครั้งเพราะเสียการทรงตัว...งูเห่าได้ฉวยโอกาสอย่างเต็มที่

   

“พี่เอาอีก ยังไม่เมา ฮือ...” ร่างโปร่งยู่ปากเมื่อคนรักไม่ตามใจก่อนจะพูดเสียงอ้อน “นะนะ อร่อย...อีกนิดนะครับ”

   

“แก้วนี้พอแล้วนะ”

   

พระรามยิ้มรับพร้อมหัวเราะแหะๆ ไม่ตอบอะไร แปลว่าไม่ตกลง

   

“งั้นไม่ต้องกิน”



“แก้วนี้ๆ” เสียงทุ้มใสตอบทันใด ร่างสูงถอนใจยอมยื่นให้แต่โดยดี มือเรียวสองข้างประคองแนบแน่นจิบน้ำหอมหวานเข้าปากทีละนิดราวกับกลัวจะหมดด้วยหน้าแดงตาปรือ





Special EP 4

แมวยั่ว Part I แมวเหมียว

   

"เซ็กส์ทอย" ไอติมพูดทวน เลิกคิ้วมองหน้าเพื่อนสนิทที่อยู่ๆ มากระซิบเสนอของให้เขาเพราะมันบอกว่าจะไปญี่ปุ่น "ยาปลุก?"

   

"เออ ลองป่ะ"

   

"ไม่เห็นจำเป็น" ร่างสูงพูดไม่ยี่หระ กระดกแก้วเหล้าซดน้ำสีอำพันให้ไหลลงลำคอ ไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้น พระรามก็อยากได้ของเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว

   

"กูรู้ว่ามึงลีลาดี แต่นี่เพื่อสร้างอารมณ์ไง เฮ้ย...สนใจหน่อยดิเว้ย" ธารลากคอเขาไปฟังและกระซิบอีก "ได้ยินว่ามีของเล่นเหมือนหางแมวด้วยนะเว้ยแบบคล้ายๆ ดิลโด้สอดเข้าไปตรงนั้น หูแมว มือแมว ไม่อยากได้เหรอวะ อยากเห็นพระรามใส่เปล่า"

   

ไอ้เพื่อนเวรโฆษณาอย่างกับเป็นเซลล์ขายของยังไงยังงั้น ถึงขยันบอกข้อดีชวนเขาซื้อจังเลย

   

หางแมวเหรอ

   

ในหัวจินตนาการไปไกล ร่างขาวเปลือยเปล่าสวมหูแมวกับหางแมว คลานมาหาเขาแล้วร้องเหมียวๆ เวลาหิวนม

   

"เฮ้ย กำเดาไหล" ธารโวย ทำเอาเขาต้องปาดจมูก "ไอ้ห่าเอ๊ย ออกหน้าออกตามาก บอกไม่สนใจแต่ก็นึกภาพเหมือนกันนี่หว่าไอ้หื่น"

   

"เออ มึงไปซื้อมา เอาอย่างอื่นมาด้วย" ไอติมว่าเสียงนิ่ง เริ่มสนใจขึ้นมาซะงั้น

   

"ยาปลุกด้วยป่ะ แค่นิดเดียวก็ร้องขอตลอดคืนเลยนะเว้ย"

   

เขานิ่งคิดและพยักหน้า "เอามาด้วย"

   

"จัดไป" ธารรับคำ เห็นเพื่อนเก๊กนิ่งแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้...มันทำเหมือนของที่เขาเสนอไม่ค่อยน่าสนใจ

   

"แล้วของ...จะได้เมื่อไหร่" แต่พอมันถามออกมาแบบนั้นออกมาสายธารก็ระเบิดหัวเราะทันที



แหม ที่แท้ก็อยากเห็นแมวเหมียวเหมือนกันนี่หว่า...ไอ้คนหลงเมียเอ๊ย





Special EP 5

แมวยั่ว Part II ครั้งแรกกับผู้หญิง



"ติม ติมครับ" เสียงทุ้มใสร้องเรียก ชัดเจนในโสตประสาท คนหลับแกล้งหลับกัดฟันอดทน ความนุ่มอุ่นที่โอบกอดร่างกายเขาแล้วค่อยๆ พยุงจนถึงเตียงนอนในห้อง พอรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจะผละออก แขนแกร่งก็รีบตวัดกายบางเข้ากอด พลันลืมตาไร้ความเมาและความง่วงงุนให้คนในอ้อมแขนตาโต

   

"ติม ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่"

   

"ตื่นนานแล้ว" จมูกโด่งหอมฟอดแก้มขาวซ้ายขวาและไล้ลงซอกคอขบเม้มจนพระรามวาบหวิวร้องอืออา...ขาดมาเป็นอาทิตย์ใช่ว่าเจ้าตัวไม่ต้องการ ที่ทำไปทั้งหมดแค่อยากลงโทษคนหื่นกามก็แค่นั้นเอง

   

"นี่แกล้งพี่อีกแล้วเหรอ"

   

"ไม่ได้แกล้ง ก็แค่อยากอ้อนเมีย...ได้มั้ยล่ะครับ"



คนเป็นเมียแก้มแดง "พูดจาทะลึ่ง" ทุบอกหนาดังปั้ก

   

"พี่โกรธนะ"

   

"ไหนบอกไม่ได้โกรธไง"

   

ใบหูเล็กแดงก่ำ นี่แสดงว่าได้ยินหมดเลยใช่ไหม "ตอนนี้โกรธแล้ว"

   

"แล้วทำยังไงถึงจะหาย" ร่างสูงตวัดคนตัวเบาให้นอนหงายแล้วคร่อมทับ จับขาเรียวอ้าออกและแทรกกายเข้าตรงกลางแทน "ง้อแบบเดิมแล้วจะหายมั้ย"

   

"มะ ไม่หาย อ๊ะ...อือ คนเอาแต่ใจ"

   

"ก็รามไม่รู้ว่าผมรู้สึกดีแค่ไหน ตอนเข้าไปข้างใน"

   

"..."

   

ในหัวคนหื่นกามหมุนเร็วจี๋ ทำอย่างไรเขาถึงจะได้อีกฝ่ายในวันนี้ ไม่อยากจะผลัดมันไปอีกแล้ว เขาทนไม่ไหวแล้ว "อยากรู้มั้ยว่าเวลาเป็นฝ่ายทำรู้สึกยังไง หืม รามอยากรู้มั้ย" จมูกโด่งไล้ซอกคอ ถามจู่โจมคนอ่อนแรง

   

"มะ ไม่รู้"

   

"แล้วอยากรู้มั้ย" ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหวรุนแรง เม้มปากแน่น "ถ้ารามรู้แล้วจะเข้าใจผม"

   

"..."

   

"ผมมีวิธี"



   

"ติม ไม่เอาแบบนี้ ฮือ พี่อาย" ร่างโปร่งตัวขาวจั๊วะเปลือยกายล่อนจ้อนบนเตียงใหญ่ ถูกจับให้หันเข้ากับตุ๊กตายางที่มีเพียงแค่ส่วนล่างคือก้น ทำได้เหมือนจริงมาก นุ่มนิ่มเหมือนคนจริงๆ เพียงแค่อุณหภูมิเย็นชืดที่ไม่เหมือนผิวกายของมนุษย์เท่านั้น

   

'ผมแค่อยากให้รู้ว่าเวลาเข้าไปรู้สึกยังไง ดีแค่ไหน รามจะได้ไม่ห้ามผมอีกไง ไม่รู้หรือว่าผมเก็บกดขนาดไหนที่ไม่ได้มีเซ็กส์กับรามตั้งหนึ่งอาทิตย์'



หื่นกามที่สุด!

   

"เอาเถอะน่า ลองดู ผมอยากเห็นด้วย" ร่างสูงคุกเข่าซ้อนหลัง จับขาเรียวที่หุบเข้าแหกกว้าง บีบแก้มก้นเล็กแรงๆ ก่อนจะอ้อมไปด้านหน้ารูดรั้งแก่นกายเล็กพร้อมรบ "แข็งแล้วนี่ สอดเข้าไปเลย"

   

"ฮึก...ไม่เอา ไม่เอา" พระรามส่ายหน้าน้ำตาคลอ แต่กลับไม่อาจต้านทานเสียงทุ้มกระซิบข้างหูและการชักนำของร่างกาย มือใหญ่จัดแจงให้ร่างโปร่งคุกเข่าคร่อมและจับแก่นกายเล็กจ่อที่ปากทางของตุ๊กตายาง

   

"สอดเข้าไปสิ เร็ว" ริมฝีปากคมหยักยิ้มกระซิบข้างหูเล็กอีกครั้ง เป่าหูให้ต้องมนต์ สะโพกเล็กดันแก่นกายตนสอดเข้าช่องแคบ ทันใดนั้นก็เกร็งร่างสูดปากเสียงดัง

   

"เสียวล่ะสิ ดีใช่มั้ย...เข้าไปให้สุดเลย แล้วขยับสะโพก แบบนั้น...แบบนั้นแหละ" ไอติมยิ้มร้าย มองก้นขาวขยับตามคำสั่ง เสียงทุ้มใสครางเครือร้องว่าเสียวๆ เหม่อลอย พระรามใช้ศอกค้ำเตียงขยับสะโพกกระแทกเข้าออก ยิ่งเสียวส่วนปลายยิ่งโยกแรงและจิกทึ้งผ้าปูทนไม่ไหว

   

"อ๊ะ อ๊า...!"

   

ความรู้สึกหฤหรรษ์แบบใหม่ที่ไม่เคยได้รับมาก่อนทำให้ในหูอื้ออึง คิดอะไรไม่ออก ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีใครจ้องมองอยู่แต่ก็หยุดขยับสะโพกไม่ได้เลย อยากเข้าไปลึกๆ ที่ๆ แน่นที่สุด ตอดรัดที่สุด ทำให้เขารู้สึกดีที่สุด

   

"รู้สึกดีใช่มั้ย ราม" มัจจุราชตัวร้ายกระซิบข้างหู ทำให้พระรามเงยหน้ามองเหม่อลอย หอบหายใจแฮ่กๆ รุนแรง แต่สะโพกยังขยับบดแก่นกายตนเข้าร่องแคบ

   

"อื้ม อือ...ดี ซี้ด" ศีรษะทุยพยักระรัวสูดปาก ยิ่งสบดวงตาคมกริบ ยิ่งทำให้รู้สึกวาบหวิว ใบหน้ามนยื่นเข้าใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะอ้าออก ยื่นลิ้นแดงวอนขอริมฝีปากหยักที่อยากได้ "จูบพี่หน่อย...นะครับ พี่ไม่ไหว อื้อ..."



"ยั่วนักนะ"





Special EP 6

จากลา รอคอย



"ยินดีด้วยสำหรับบัณฑิตทุกท่าน..."

   

"มา ติม มาถ่ายรูปกันนะ" อยากจะบันทึกความทรงจำในเวลานี้กับคนสำคัญเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ เสียงทุ้มใสชวนไอติมที่พยักหน้ารับทันที

   

"กำลังจะบอกเลย" ใบหน้าหล่อเหลายิ้ม ควักมือถือขึ้นมา ส่งช่อดอกไม้ให้รามถือประดับ ทั้งคู่ขยับเข้ามาใหล้กัน แขนแกร่งโอบไหล่บางแนบชิดจนแก้มใสแดงเรื่อ พระรามมองกล้องและยิ้มกว้าง หัวใจพองโตด้วยความสุข ก่อนที่ร่างสูงจะนับ "หนึ่ง สอง...จุ๊บ!"

   

ภาพที่ได้ออกมาคือเดือนคณะนิติศาสตร์หอมแก้มพระรามที่ทำตาโตตกใจได้น่ารักที่สุด

   

"คนหน้าไม่อาย" มือเรียวยกขึ้นลูบแก้มเบาๆ ก้มหน้างุดซ่อนหนังหน้าที่ร้อนผ่าวเหมือนใครเอาเหล็กรอนมาแนบ แอบกลอกตามองรอบข้างแต่ก็ถอนหายใจโล่งอกเมื่อไม่มีใครสังเกต

   

คนโดนว่าหัวเราะในลำคอ มองภาพในมือถือตนและอมยิ้ม...ชอบมาก

   

"เดี๋ยวผมจะไปอัดรูปนี้ใส่กรอปวางไว้ในห้องนอนของเรา"

   

"..."

   

"เวลารามไม่อยู่ ผมจะได้มองภาพนี้และนึกถึงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน"

   

"ติม" ใบหน้ามนบิดเบี้ยว น้ำตาคลอหน่วย

   

"ผมจะรอรามกลับมานะ...อีกสองปี"

   

ทั้งสองคนโผเข้าหาและโอบกอดกันแนบแน่น ร่างสูงก้มลงสูดดมกลิ่นหอมที่ลาดไหล่บาง ความทรงจำที่ผ่านมาในอดีตแม้เพียงไม่นานแต่ก็มีคุณค่าและเป็นบทเรียนอย่างดี

   

พระรามคนนี้ที่รักเขา เสียใจและเจ็บปวด ร้องไห้ตัดพ้อ...มีความสุขด้วยรอยยิ้ม ทั้งหมดของการกระทำมีเหตุผลเพียงข้อเดียวคือตัวเขา

   

และตอนนี้อีกฝ่ายไม่เหลือใครอีกแล้ว

   

"ผมจะไม่มีวันทำให้พี่ร้องไห้อีก...ไม่มีวัน"



พระรามจะต้องเสียน้ำตาอีกครั้ง จะต้องมีเพียงเรื่องเดียวคือตอนที่เขาตายจากโลกนี้ไป



.

.

   

"ได้เวลาแล้วไม่ใช่เหรอ" สินพูดขึ้นทำให้พระรามที่มองร่างสูงตาละห้อยยกนาฬิกาขึ้นดู

   

"จริงด้วย" เสียงทุ้มใสว่าอย่างแผ่วเบา

   

...ถึงเวลาแล้ว...

   

ผู้คนรอบข้างค่อยๆ ทยอยกันขึ้นเครื่อง ราวกับภาพสโลวโมชั่น เดินผ่านร่างโปร่งที่ยังยืนนิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลสองเฉดสบกันแบบนั้นไม่พูดอะไร จนเพื่อนๆ ต่างมองหน้ากันและโบกมือลาเพื่อให้ความเป็นส่วนตัว

   

"ติม พี่...พี่ไปแล้วนะ" เสียงทุ้มใสพยายามเค้นออกมาอย่างยากลำบาก กลืนน้ำลายกลั้นน้ำตาสุดฤทธิ์ เมื่อคืนคิดว่าร้องมาจนพอแล้ว แต่เวลานี้กลับรู้เลยว่ามันไม่พอ "รักษาตัวด้วยนะ ฝากสวัสดีอาอรรถกับพี่อิฐด้วย ขอให้ทั้งคู่ร่างกายแข็งแรง"

   

แม้จะเคยเอ่ยขอบคุณไปแล้วเพราะทั้งคู่ก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาขึ้นมาจากความตาย แต่พระรามก็ยังคงติดหนี้ครอบครัวนี้อย่างมากมายนัก...ครอบครัวของแม่

   

ร่างโปร่งอึกอัก เขาไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เมื่อคืนก็พูดออกไปหมดแล้ว...ฟันขาวขบกัดริมฝีปากปากก่อนจะค่อยๆ ฝืนหมุนตัวหันหลังอย่างยากลำบาก ลากกระเป๋าเดินทางมาเรื่อยๆ ...เรื่อยๆ โดยไม่มีเสียงเรียกรั้งเอาไว้

   

เมื่อคืนก็คุยกันมากพอแล้วนี่ กอดกัน จูบกัน มันควรจะพอเพียงเท่านี้

   

"นี่ครับ" พระรามยื่นตั๋วให้ตรวจ ก้มหน้างุดกลัวพนักงานจะเห็นน้ำตาที่คลอหน่วย

   

"เรียบร้อยค่ะ"

   

"ขอบคุณครับ" มือเรียวกระชับที่จับกระเป๋าในมือแน่น ใบหน้ามนมองตรงไปข้างหน้า

   

...อย่าหันกลับไปมองเชียว...



"ราม"

   

ขาเรียวชะงัก ทั้งๆ ที่เสียงทุ้มไม่ได้ดัง เสียงด้านนอกก็จอแจ แต่เขากลับได้ยินชัดเจน

   

"ไม่ต้องร้องไห้"

   

หัวใจบีบอัด น้ำตาที่กลั้นไว้ร่วงหล่น

   

"ห่างกันแค่ซีกโลกเอง คิดถึงก็โทรมาหา ทนไม่ไหวเดี๋ยวผมบินไปก็ได้"

   

"ฮึก..."

   

"ยังไงหัวใจเราก็ยังอยู่ใกล้กันเสมอ"

   

ทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป พระรามเดินกลับออกไปไม่ฟังเสียงห้ามของคนยืนเฝ้าประตู ร่างโปร่งโผเข้ากอดเป็นครั้งสุดท้าย แขนแกร่งอ้าตอบรับอย่างเต็มใจ

   

"พี่รักนาย"

   

"ผมก็รักพี่"

   

บอกรักกันและกัน

   

ไม่รู้ว่าทั้งสองกอดกันนานเท่าไหร่ จนเสียงประกาศดังเป็นครั้งสุดท้าย พระรามจึงยอมผละจาก เดินหันหลังไปคราวนี้ไม่เหลียวกลับมาอีก แต่แตกต่างจากก่อนหน้าเพราะใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

   

เพราะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การจากลาตลอดไป



สองปีหลังจากนี้เราจะได้เจอกัน









Special EP 7

เราสองคน

   

สวบ...

   

ทันทีที่มาถึงห้อง ขายาวก็เดินมาทิ้งตัวนั่งที่โซฟา หัวพิงพนัก ดวงตาเหม่อมองออกนอกหน้าต่างซึ่งท้องฟ้าดำมืดสุดลูกหูลูกตา ดวงจันทร์ส่องสว่างกระทบใบหน้าขาวใส แต่กลับไม่มีดวงดาวสักดวง

   

"เมี้ยว" เสียงร้องของแมวไม่ได้ทำให้เจ้าของห้องสนใจเท่าที่ควร ช่วงนี้ทั้งมันทั้งเขาต่างคนต่างปลอบซึ่งกันและกัน เพราะว่าคิดถึงใครอีกคนไม่ต่างกัน

   

"อุริ" ไอติมเรียกชื่อ เจ้าแมวตัวเท่าฝ่ามือเลยกระโดดแผล็วขึ้นบนตักและเดินเหยียบย่ำมาที่อกแกร่งโดยน้ำหนักเบาหวิวทำให้ติมแทบไม่รู้สึก ลิ้นแมวเลียที่ปลายให้รู้สึกเปียกชื้น จนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงใครบางคน

   

'เดี๋ยวช่วงปิดเทอม ผมไปหานะ'

   

'ไม่ต้องหรอก พี่ยุ่งมาก นายรอพี่กลับไปนะ อีกไม่กี่เดือนเอง'

   

"เมื่อไหร่จะกลับมาซักทีนะ"

   

เสียงทุ้มพร่ำเพ้อ รู้ว่ายังไงพระรามก็ไม่ได้ยิน...

   

'ว่าไงนะ ไหนบอกจะกลับอาทิตย์นี้ไง'

   

'พี่ต้องขอโทษจริงๆ มีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย...'

   

"จะปล่อยให้ผมรอไปถึงเมื่อไหร่"

   

แขนแกร่งยกขึ้นปิดดวงตาที่พร่ามัว...หรือว่ามีแค่เขาที่คิดถึงร่างโปร่งจนจะเป็นบ้าอยู่คนเดียวกันนะ

   

"ราม"

   

อีกแค่หนึ่งสัปดาห์...นับเวลาถอยหลังแบบนี้ไม่เคยหยุดตั้งแต่สองปีที่แล้ว ไม่รู้เลยหรือว่าคนรอแทบขาดใจ

   

...ได้โปรดอย่าให้ผมรอนานไปมากกว่านี้เลย...

   



"เฮ...!"

   

สองปีผ่านไปเหมือนจะไวแต่ก็ช้ามากสำหรับการรอคอย คล้ายกับภาพซ้อนทับ เมื่อสองปีที่แล้วเขาได้เข้ามายินดีและถ่ายรูปกับพระรามที่กลายเป็นบัณฑิต แต่ว่าปีนี้กลับกัน



ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันที่เขาเรียนจบ แต่กลับไม่มีอารมณ์จะยินดี

   

ขายาวเดินเลี่ยงออกมาไกล ออกมาจากชุมชนจอแจ ร่างสูงถอดชุดครุยบัณฑิตออกพาดแขน เดินขึ้นตึกมาชั้นสูงสุดที่เป็นดาดฟ้ากว้างกั้นด้วยรั้วสูง หากปีนแล้วตกลงไปสามารถฆ่าตัวตายได้เลย

   

เบื่อหน่าย...อยากกลับคอนโดแล้ว แต่ตอนบ่ายก็มีพิธี ไม่รู้จะไปไหน อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ

   

ขนาดอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเสียงหัวเราะของความยินดีจากด้านล่างไปทั่ว ก็แน่ล่ะ นักศึกษาเรียนจบ พ่อแม่พี่น้องเพื่อนๆ ก็อยากจะมายินดีเป็นธรรมดา แน่นอนว่าแม้เรื่องครอบครัวเขาจะมีพร้อม แต่ก็ติดงานกันทั้งคู่ ก็เลยไม่ได้มาด้วย

   

มือใหญ่กำเหล็กดัดแน่นจนมันสีกันดังเอี๊ยดเสียดหู "ฮ่า..."

   

ไม่ได้น้อยใจอะไร...ก็แค่...อยากเห็นรอยยิ้มน่ารักนั้นในวันนี้

   

'ยินดีด้วยที่เรียนจบ ตั้งแต่วันนี้ก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วสิ'

   

อยากได้ยินเสียงหัวเราะและคำยินดี

   

'พี่รักติม'

   

อยากได้ยินคำว่ารักอีกครั้ง..อีกหลายๆ ครั้ง

   

'รอพี่ด้วยนะ'

   

แล้วไหนบอกว่าให้ผมรอ

   

'อีกแค่ไม่กี่วันเอง'

   

แล้วไหนบอกว่าจะกลับมาไง

   

'พี่ต้องขอโทษจริงๆ'

   

"ถ้าหากนี่เป็นบทลงโทษล่ะก็ ผมเข็ดแล้วนะ"

   

'ถ้าหากนายรอพี่ไม่ได้ บอกพี่ก่อนนะ พี่จะได้ไม่ต้องกลับมา...'



การกระทำของเขายังไม่ชัดเจนพออีกหรือ...ต้องทำยังไงถึงจะได้รับการยกโทษ







+++++++++++++++


สนใจรูปเล่มติดต่อได้ที่ page FB : H.Rui Novels
อีบุ๊คก็มีนะคะ meb,ookbee สามารถเสิร์ชชื่อเรื่องได้เลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-08-2019 23:33:06
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Geawgard ที่ 21-09-2019 09:17:08
จบเเล้วว สงสารพี่พระรามคนดีมากกโดนหนักเหลือเกินเเต่อึดมากเช่นเดียวกันส่วนนังติมอยากให้โดนเอาคืนเยอะๆเลยเเต่ไม่เป็นไรเห็นเค้ารักกันเราก้อชุ่มชื่นหัวใจ แล้วก็ขอบคุนคนแต่งนะคะที่เขียนนิยายสนุกๆให้เราได้อ่าน :pig4: o13
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 08:51:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep10 22/03/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 28-04-2022 04:55:43
 
'แล้วพ่อติดหนี้เสี่ยอยู่เท่าไหร่'



'...สองล้าน'
 
เสี่ยที่ไหนโง่จัง ให้คนไม่มีงานทำ หลักทรัพย์ก็ไม่มียืมเงินตั้ง2ล้าน บ้าไปแล้ว