Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019  (อ่าน 14389 ครั้ง)

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0





****************************************************************************************



                                                                          บทย่อ


          “เธอเป็นแม่ของกู แต่เธอทิ้งครอบครัวกูมาก็เพราะคนอย่างมึงไง”

          แม่ของพระรามคือแม่ของ ‘ไอติม’ คนที่เข้ามายุ่งกับเขาและทำให้เขาหลงรัก

          “มึงก็เป็นคนทำให้แม่ของกูตาย ไอ้พระราม!”

          ความรักของเขามันไม่มีทางสมหวัง

          “ปล่อยพี่ไปไม่ได้เหรอ อย่าโกรธเคืองกันเลยนะ เรื่องแม่พี่ขอโทษ..."

          "กูบอกให้หุบปากไง ถ้ามึงไม่เงียบ กูจะเอามึงตรงนี้...ในรถนี่แหละ”

          ถ้าหากเขาน่ารักเหมือนชะเอม  ไอติมอาจจะชอบเขาบ้าง

          “ไม่ต้องมาร้องไห้ ทุเรศ”

          มีแค่ตอนอยู่บนเตียงที่เขาเหมือนเป็นคนสำคัญ

          “ราม รักผมมั้ย”

          “ระ รัก รักครับ...พี่รักติม”

          “เพราะมึงแย่งความรักของแม่ไปจากกู กูก็จะทำให้มึงเจ็บปวดทรมานด้วยความรู้สึกเดียวกัน...อย่างสาสม”


             
          ****************************************************************


          เรื่องเกี่ยวข้องกับ Whose Fault ผิดที่ใครของรุยอีกเรื่องนะคะ เป็นคู่ไอติมพระรามค่ะ ติดตามชมได้เลยค่า
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2019 20:59:56 โดย โฮเซกิ รุย »

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก Introduction 03/02/2019
«ตอบ #1 เมื่อ03-02-2019 17:11:16 »



                                                                    Introduction



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ตึก...ตึก...ตึก...



เสียงฝีเท้าของรองเท้าหนังดังขึ้นในซอยเปลี่ยว เป็นจังหวะสม่ำเสมอ แม้จะมืดและวังเวงแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนๆ นี้หวาดกลัว เพราะเดินเข้าออกถนนเส้นนี้ทุกวันจนชินชา เกือบๆ สองกิโลเมตรที่ห่างจากปากซอยเป็นระยะทางที่ขาคู่นี้ต้องเดินทุกวัน วันละหลายๆ รอบ



จนเสียงฝีเท้านั้นหยุดลง เท้าคู่นั้นหยุดอยู่หน้าบ้านหนึ่งชั้นหลังเล็กที่เคยเป็นสีขาว ล้อมด้วยกำแพงปูนเตี้ย รั้วขึ้นสนิมที่ไว้เปิดเข้าสู่บริเวณบ้านก็สูงพอที่ใครๆ ก็ข้ามเข้าไปเดินเล่นได้ แต่บ้านของเขาไม่มีอะไรเลย ถ้าเป็นโจรเข้ามาปล้นก็คงต้องหัวเราะเยาะมันเพราะไม่มีอะไรจะให้ จึงไม่จำเป็นต้องมีกำแพงลวดหนามหรือรั้วสูงเพื่อป้องกันคนน่าอันตราย



ทุกสิ่งทุกอย่างที่มองเห็นได้ด้วยตา บัดนี้มันหมองหม่นตามกาลเวลา ทั้งตัวบ้านและกำแพงมีหลายจุดที่สีมันลอกแล้วแต่ก็ไม่ได้แก้ไขมัน ทั้งไม่มีเวลาและไม่มีเงินจะไปทำอะไรแบบนั้นด้วย



ทุกวันนี้มีข้าวกิน มีที่ให้ซุกหัวนอนก็บุญโขแล้ว



แกร๊ก



“กลับมาแล้วครับ” ร่างโปร่งในชุดนักศึกษาไขกุญแจเข้าตัวบ้านถุงพลาสติกบรรจุกับข้าวน่ากินมาหลากหลายมาวางบนโต๊ะกลางบ้าน พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ข้างในห้องมีแต่ความเงียบผิดปกติ “แม่?”



สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบน่าหดหู่ จึงส่งเสียงเรียกอีกครั้งให้ดังกว่าเดิม “แม่ครับ”



“ว้าย!”



“แม่!” ขาเรียวรีบวิ่งไปตามเสียงทันที ในใจร้อนรนอย่างถึงที่สุด



ตุ้บ! ผลั่ก!



“ก็บอกว่าให้เอาเงินมาไงวะ!” ชายคนหนึ่งตัวกำยำตาโหลลึกหนวดรุงรังกำลังยืนอยู่เหนือร่างผอมติดกระดูกของหญิงสาว “ซ่อนเงินไว้ที่ไหน บอกกูมาเดี๋ยวนี้!”



“ไม่ได้ค่ะ นี่เงินที่ลูกอุตส่าห์ลำบากหามา ฉันจะเก็บเอาไว้”



“จะเก็บเอาไว้ทำไม เอามาให้กู!”



“คุณจะเอาไปทำอะไรอีกล่ะคะ”



“ถามโง่ๆ ...ก็กูติดหนี้เสี่ยเอาไว้ เอามากูจะได้เอาไปใช้หนี้”



“นี่คุณนพ...คุณไปเล่นพนันอีกแล้วเหรอ!? ครั้งที่แล้วก็เป็นแบบนี้...ยังไม่เข็ดอีกหรือไงคะ”



“เรื่องของกู ไม่ต้องสะเออะสั่งสอน! เดี๋ยวกูตบแม่ง!” ชายหนุ่มเงื้อมือใหญ่ขึ้นเหนือหัว หญิงสาวหน้าตาโตหน้าซีดเผือด “ว้าย!” ด้วยสัญชาตญาณแขนบางทั้งสองข้างยกขึ้นปกป้องตัวเองทันที



หากแต่...เธอไม่รู้สึกบาดเจ็บใดๆ เลย ดวงตาสีน้ำตาลสวยค่อยๆ ลืมขึ้น เห็นแผ่นหลังของชายหนุ่มร่างสูงกว่าเธอยืนขวางอยู่เบื้องหน้า



“ราม...” เสียงใสแห้งเอื้อนเอ่ยชื่อลูกชายของตัวเอง “ลูกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”



รามไม่ได้หันไปตอบ กลับจ้องชายตรงหน้าเขม็ง “พ่อจะทำอะไร”



“ก็แม่มึงไม่ยอมให้เงินกูนี่หว่า” ชายผู้เป็นพ่อตอบห้วน สีหน้าไม่สบอารมณ์ “มันก็ต้องมีขึ้นกันบ้าง”



“ถึงขนาดต้องลงไม้ลงมือกันเลยเหรอ” ร่างโปร่งพ่นลมหายใจแรง ในใจขุ่นเคืองพ่อบังเกิดเกล้าเหลือเกิน แต่ภาพที่เห็นเมื่อครู่มันทำให้เขาเปลี่ยนความคิดทันใด หันมาถามผู้เป็นแม่ “แม่เก็บเงินไว้ไหนครับ”



“ราม ไม่นะลูก” ร่างเล็กจับแขนลูกชายแน่น ส่ายหน้าส่งสายตาไม่เห็นด้วย



“ไม่เป็นไรครับแม่ ไปเอาเงินมาเถอะ” รามพูดเสียงเบา ยิ้มอ่อน



​ถ้าหากเขามาช้ากว่านี้อีกนิด แม่จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้



“ยัยภารีบๆ ไปเอามาได้แล้ว ไอ้รามมันอนุญาตแล้ว เร็วๆสิ!!” ชายฉกรรจ์ตะโกนดัง โบกมือไล่ หญิงสาวร่างเล็กรีบเดินรุดเข้าไปในห้องด้วยความหวาดกลัว



“คราวหน้าพ่อมาเอาเงินจากผมแทน อย่าทำอะไรแม่อีก แม่ไม่สบายอยู่” เสียงทุ้มใสพูดเรียบนิ่ง สิ่งที่พูดออกมาไม่ใช้เพราะเป็นห่วงพ่อแต่อย่างใด มีแค่แม่คนเดียวต่างหากที่เขาเป็นห่วง



“เออ”



“พ่อสูบบุหรี่มากไปแล้วนะ” รามยกมือขึ้นปิดจมูกเมื่อกลิ่นโชยออกมาจากตัวชายตรงหน้าอย่างแรง “แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเล่นพนันซักที”



ชายหนุ่มหนวดรุงรังจิ๊ปาก “อย่าเสือกเรื่องของกูน่า”



“ทำไมพ่อถึงเป็นแบบนี้ ไม่เป็นห่วงแม่บ้างหรือไง” ร่างโปร่งขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเลยจริงๆ



“ก็บอกอย่าเสือกเรื่องของกูไง!”



ภาวดีเดินออกมาพร้อมกับถุงกระดาษสีน้ำตาลขนาดกลาง นพเห็นดังนั้นก็รีบเดินไปคว้ามันจากมือเล็ก



“คุณนพกร! ใช้อะไรให้มันเพลาๆ หน่อยนะคะ” หญิงสาวพูดเสียงสั่นกลัว แต่ดวงตาฉายแววเข้มแข็ง นั่นมันเงินของรามที่หามาให้เธอเก็บเอาไว้สำรองใช้...แล้วก็ค่าโรงพยาบาล อาหารและหยูกยาอีกมากมาย



ชายฉกรรจ์ทำหูทวนลม แหวกซองมองดูปึกเงินข้างในก็ยิ้มกริ่ม ขาเร่งรีบเดินออกจากบ้านไปทิ้งสองแม่ลูกไว้ในบ้านชั้นเดียวหลังเล็กตามลำพัง



“ราม แม่ขอโทษนะ”



“ไม่เป็นไรครับแม่ แม่อย่าห่วงเลย เดี๋ยวรามก็หามาได้อีกนั่นแหละ” ร่างโปร่งกอดหญิงสาวร่างเล็กกว่าด้วยความเป็นห่วง



ใช่ แค่เงินน่ะจะหาเมื่อไหร่ก็ได้...ถึงจะแลกมาด้วยการอดข้าว อดน้ำ อดนอนก็เถอะ



ยังไงก็ต้องอดทน...เพื่อที่จะทำให้หญิงสาวตรงหน้ามีชีวิตอยู่ต่อไป...แม้เพียงสักนิด



“ถ้าแม่ไม่เป็นแบบนี้ รามก็ไม่ต้องลำบาก” ภาวดีคร่ำครวญน้ำตาซึม ซึ่งรามก็พูดแทรกขึ้นมาทันที



“ไม่เอาครับ แม่อย่าพูดแบบนี้” ร่างโปร่งกอดร่างในอ้อมกอดแน่น ก้มลงสูดดมลาดไหล่ที่ส่งกลิ่นหอมของมารดา



เขาไม่อยากเห็นเธอโทษตัวเอง คนตรงหน้าคือมารดาที่เขารักมากที่สุดที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว "ผมต่างหากที่ต้องพูด แม่อุตส่าห์สงสารผมถึงได้..."



"แม่รักราม" ภาวดีรู้ดีว่ารามกำลังจะพูดอะไร มือผอมบางติดกระดูกเหมือนคนเป็นโรคลูบใบหน้าของลูกชายที่เติบใหญ่เป็นชายหนุ่มอย่างรักใคร่



เธอเลี้ยงเด็กคนนี้มากับมือ เติบโตขึ้นมาเป็นคนดี "รามคือความภาคภูมิใจของแม่นะ"



"ขอบคุณครับ" รามยิ้มบาง แค่คำพูดไม่กี่ประโยคของภาวดีที่ทำให้เขาอดทน...ทำงานทั้งวันทั้งคืนไม่ได้หลับได้นอน เพื่อหาเงิน...ปัจจัยที่ห้าที่ขาดไม่ได้



ขอแค่มีเงิน อยากจะทำอะไรก็ทำได้ ทั้งซื้ออาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค หรือแม้กระทั่งจะต่อเวลาให้ชีวิตของใครบางคนยืดยาวกว่านี้...แค่เพียงสักนิด



แม่ของเขา ภาวดีเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หาย โรคที่ยังหาทางรักษาไม่ได้ ทางเดียวคือมีแต่การต่อชีวิตด้วยเม็ดยาเม็ดเล็กหลากหลายที่อีกฝ่ายต้องทานมันทุกวัน ถ้าหากขาดไป ร่างกายของเธออาจจะอยู่ได้ไม่นานและชีวิตต้องดับสิ้นลง



แต่เขาจะไม่ยอมให้มัน 'จบ' หรอก



เพราะเธอก็เคยต่อชีวิตของรามให้มาถึงจุดๆ นี้...เขาจะไม่ยอมให้ใครหรืออะไรมาพรากชีวิตของแม่ไป



แต่ในวันหนึ่งเขาก็พบว่า...เขามันก็แค่คนตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่อาจฝืนโชคชะตาที่มันจะเกิดขึ้นได้



วงล้อแห่งพรหมลิขิตเริ่มหมุนเวียน...ได้พลัดพราก...และได้พบเจอ...



กับชายคนหนึ่งที่เขารักสุดหัวใจ





********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep1 03/02/2019
«ตอบ #2 เมื่อ03-02-2019 17:12:52 »



                                                              LS ตอนที่ 1



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



หลังจากที่ความวุ่นวายสงบลงเพราะชายฉกรรจ์ของผู้เป็นพ่อจากไป สองแม่ลูกก็อยู่กันตามลำพังอีกครั้ง ในบ้านหลังเล็กที่มีกลิ่นความเก่าตลบอบอวล แต่ถึงจะเก่าแต่ก็สะอาดเพราะรามคอยทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้มารดาที่ป่วยกระเสาะกระแสะนั้นหายใจลำบากเพราะฝุ่นเยอะไปมากกว่านี้



เราสองคนอยู่ด้วยกันอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่รามยังเด็ก...อยู่ด้วยกันสองคนโดยไม่มีพ่อคอยดูแลมาหลายปีแล้ว พ่อของเขาชอบการเล่นพนันมาก สามารถผลาญเงินได้วันละหลายพันหลายหมื่น ไม่ต้องถามว่าเงินเอามาจากไหน พ่อไม่ได้ทำงานดังนั้นจึงมาเอาจากแม่ที่แม้จะป่วยแต่ก็ยังช่วยเขาบ้างเล็กน้อยโดยการเย็บปักถักร้อยอะไรเล็กๆ น้อยๆ แล้วเอาออกไปเร่ขายแต่หลังจากที่แม่เริ่มป่วยหนักมากขึ้นรามก็ไม่ให้เธอออกจากบ้านอีกเลย ขอร้องให้อยู่ที่บ้าน ให้เขาได้ทำงานคนเดียวอย่างสบายใจไม่ต้องมานั่งกังวลว่าแม่จะเป็นลมที่ไหนหรือเปล่า



ดังนั้นพอแม่ไม่ได้ทำงาน พ่อก็ไม่รู้จะเอาเงินจากที่ไหน เล่นพนันติดหนี้คนใหญ่คนโตจนบางทีโดนซ้อมกลับมานอนซมก็มี...ดังนั้นบางทีพ่อก็ต้องไถเงินแม่เพราะรู้ว่าเขาให้แม่เก็บเงินไว้สำหรับค่ายาหมอ พอแม่ไม่ให้ก็ถึงขั้นจะทำร้ายกัน ถ้าหากเขามาไม่ทันพ่อคงจะตบตีแม่ไปแล้ว



รามล่ะไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อจะทำตัวได้น่าสมเพชได้มากขนาดนี้



และอีกนิสัยหนึ่งที่แย่ที่สุดของพ่อก็คือสูบบุหรี่ พ่อสูบหนักวันละหลายซอง บางทีก็นั่งพ่นควันอยู่ได้ทั้งวัน รามเกลียดมากเพราะมันทำให้แม่สุขภาพทรุดลง



เขาคิดอยู่หลายต่อหลายครั้งว่าทำไมพ่อไม่คิดถึงแม่บ้าง ถ้าหากพ่อรักแม่เหมือนที่แม่รัก...พ่อคงไม่ทำแบบนี้



เขาเกลียดพ่อ



"แม่" รามเอ่ยขึ้นระหว่างยกจานมาตั้งบนโต๊ะไม้เก่าเล็กๆ ส่วนหญิงสาวตัวผอมเซียวแกะถุงกับข้าวเทใส่ชามกระเบื้อง



"หืม ว่าไงราม"



เมื่อเห็นใบหน้าสบายใจพลางยิ้มของมารดา ร่างโปร่งก็ขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ตัดสินใจเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงลังเล "เรื่องเรียนน่ะครับ ผม..."



"ว่าไงจ๊ะ อ่ะแน่ะ ลูกชายแม่จะอวดว่าได้เอชวดอีกแล้วสิ" ใบหน้าสะสวยยิ้มกว้างแซวลูกชาย เพราะรามชอบเล่าว่าได้เอทุกวิชาทุกเทอม รามเป็นคนเรียนเก่งมากถึงมากที่สุด จนอาจารย์เห็นถึงความสามารถจึงเสนอทุนเรียนดีให้ ทำให้ไม่ต้องเสียค่าเทอมเลยสักแดงเดียว ภาวดีกับลูกชายมักจะคุยเรื่องนี้และมีแต่เสียงชมเชยไม่หยุดจากปากของเธอ หากแต่ครั้งนี้ร่างโปร่งมีสีหน้าลำบากใจ



"เปล่าครับ คือ...ผมคิดมาหลายครั้งแล้วล่ะครับ" รามกลืนน้ำลายอย่างลำบากใจ "...ว่าจะเลิกเรียนแล้ว"



ภาวดีหน้าซีดเผือดทันทีเมื่อได้ยิน ปากแห้งผากสั่นระริก มือชะงักวางทุกอย่างลง "อะไรนะ นี่ลูกพูดอะไรออกมา”



“คือช่วงนี้ผมเรียนไม่ค่อยไหว...เกรดก็เริ่มตกด้วย เรื่องทุนก็เลย...”



“ทำไมล่ะ...หรือว่าเป็นเพราะแม่ใช่มั้ยราม" เธอน้ำตาคลอหน่วย ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อตนทำให้ลูกตกอยู่ในที่นั่งลำบาก



"ไม่ใช่หรอกครับ" ร่างโปร่งส่ายหน้าทันที



ด้วยความที่ต้องเรียนและทำงานพร้อมๆ กัน เนื่องจากเขารับภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านและค่ารักษาพยาบาลของมารดา ตอนแรกเขาคิดว่าไม่ว่าจะหนักยังไงก็ต้องไหว แต่นั่นมันก็ทำให้เขาไม่ได้พักผ่อนพอสมควร แล้วมันก็ปรากฏออกมาให้เห็นเมื่อสอบมิดเทอมนี้เองว่าคะแนนของเขามันต่ำกว่าที่ควรจะเป็น...และถ้าหากเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ ทุนเรียนดีที่ตั้งใจเอาไว้ในอีกสามเทอมที่เหลือมันจะต้องหลุดลอยไปอย่างแน่นอน



และถ้าหากไม่มีทุน เขาก็คงไม่มีปัญญาจ่ายค่าเทอมเรียนเอง เพียงแค่ค่าน้ำค่าไฟกับค่ารักษาของภาวดี เขาก็แทบจะต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนจนมาเบียดเวลาเรียนกับอ่านหนังสือจนทำให้ผลลัพธ์มันออกมาเป็นแบบนี้แล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องไปพูดถึงค่าเทอมราคาหลักหลายหมื่นเลย



“ถ้างั้นลูกก็ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นก็ได้ แม่ขาดยาไปสักนิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก...”



“ไม่ได้นะครับ!” เสียงทุ้มใสปฏิเสธดัง ก่อนจะกัดปาก “ถ้าหากไม่มีแม่ล่ะก็...ผม...”



เหตุผลที่เขายังทำแบบนี้อยู่ได้...ก็คือแม่



ภาวดีเป็นคนทำให้รามมีชีวิตดีๆ มีโอกาสได้ร่ำเรียน ถ้าหากไม่มีเธออยู่...เขาก็คงเป็นขอทานข้างทางไปแล้ว



รามเงยหน้าขึ้นเมื่อมือสากผอมยกขึ้นสัมผัสแก้ม "ถ้าอย่างนั้นก็เรียนให้จบสิลูก อีกแค่ไม่กี่เทอมเองไม่ใช่เหรอ ถ้าเรียนจบล่ะก็จะหางานดีๆ ได้เงินดีๆ แม่ว่ามันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับลูกเลยนะ"



ภาวดีเกลี้ยกล่อม ไม่ใช่ว่าเธออยากให้ลูกชายเลี้ยงตัวเองสบายๆ แต่แค่อยากเห็นรามเรียนจบและมีอนาคตสดใสอย่างที่คนอื่นเขาเป็นกัน



เธอรู้สึกเศร้าใจเหลือเกินที่กลายเป็นภาระให้ลูก...ทั้งๆ ที่เธอควรจะเป็นฝ่ายเลี้ยงดูแท้ๆ



"มันก็ใช่ครับ" เสียงทุ้มใสตอบ นั่นก็เป็นสิ่งที่ร่างโปร่งคิดอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นถึงได้ลังเลอยู่แบบนี้ไง



สถานการณ์ทางบ้านตอนนี้เขาไม่ได้บอกเพื่อนอย่างไอ้ดินหรือสินเลยด้วยซ้ำ...ชะเอมก็ด้วย ร่างบางเป็นคนที่เขาไม่อยากบอกที่สุดเลย เพราะเดี๋ยวความใจดีของเอมก็ทำให้มาเป็นห่วงกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่อง



จึงไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เขาตกอยู่ในที่นั่งลำบากขนาดไหน



"ถ้าอย่างนั้นผมขอคิดอีกสักหน่อยแล้วกันครับ"



"ดีแล้วลูก แต่จะทำอะไรช่วยบอกแม่ก่อนได้มั้ย แม่ใจหายหมดเลย" ภาวดีลูบอกอย่างใจชื้น เมื่อครู่แค่เธอได้ยินก็ตกใจแทบช็อค ไม่อยากจะนึกถึงตอนที่รามทำอย่างที่พูดจริงๆ



มารดาเพียงคิดว่าลูกชายคงจะเหนื่อยมากก็เลยพูดไปอย่างนั้น



ร่างโปร่งยิ้มบางเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจขึ้น "ครับแม่"



ใบหน้ามนแย้มยิ้ม แต่ภายในใจหนักอึ้ง



เขา...จะทำยังไงต่อไปดี





********************* Love Substitute *********************





"น้อง...โต๊ะนี้ด้วย"



"ครับ สักครู่นะครับ"



"น้อง กับแกล้มโต๊ะนี้ยังไม่ได้เลย"



"ครับได้ครับ"



เสียงเพลงดังกระหึ่มกับแสงสีวูบวาบในบรรยากาศที่ทั้งมืดและเย็นเฉียบ มันทำให้หลายๆ คนที่มาปลดปล่อยอารมณ์โยกย้ายส่ายสะโพกอวดทรวดทรงของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชาย



ร่างโปร่งถือถาดที่วางแก้วเหล้าหลายแก้วด้วยปลายนิ้วทั้งห้าอย่างสมดุลด้วยความชำนิชำนาญ พระรามทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน และงานนี้ก็รวมอยู่ในนั้น เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านเหล้า ถึงงานจะไม่ค่อยดี เป็นงานกลางคืน แต่เจ้าของร้านนี้ก็เป็นคนใจดีมาก ถึงเขาจะเหนื่อยแทบขาดตัวแต่ได้เงินตอบแทนดี บางทีก็ได้ทิปพิเศษจากลูกค้าอีกด้วย...คุ้มค่ากับเหงื่อและแรงกายที่เสียไป



เนื่องจากเขาทำงานมาหลากหลายรูปแบบ จึงมีประสบการณ์ค่อนข้างมาก ได้รู้จักคนหลายคน นิสัยหลากหลายประเภท อย่างลูกค้าในร้านเหล้านี่ก็มีทั้งคนที่ดีและไม่ดี มาหาความสุขด้วยการปลดปล่อยอารมณ์จากแสงสีเสียงบ้าง ของมึนเมาบ้าง แต่บางคนก็ไม่ได้มาปล่อยอารมณ์อย่างเดียว...มาหาคู่นอนก็มี



"น้องสาวจ๋า สะโพกสวยใช้ได้เลยนะเนี่ย...คืนนี้สนใจให้พี่กระแทกมั้ยจ๊ะ" เสียงยานคางเมาเหล้าของชายหนุ่มซักคนดังขึ้น และเพื่อนๆ ของมันก็พากันหัวเราะร้องแซววี้ดวิ้วประสานเสียงอย่างเฮฮา



พนักงานเสิร์ฟหลายคนเหลือบตามอง ใครที่รู้ดีก็จะค่อยๆ เดินออกห่างอย่างแนบเนียน เพราะมันใกล้จะเริ่มอีกแล้ว...



และทันทีที่สาวสวยสองคนที่ใส่ชุดเดรสสั้นจู๋ เปิดไหล่เปิดหลังโชว์ผิวขาวเนียนหันมายิ้มหวานให้ หนุ่มๆเหล่านั้นก็ยิ้มตาเยิ้มเหมือนจะมีหวัง หากแต่...



"ไปหาอีตัวเถอะค่ะ"



"ว่าไงนะอีนี่!"



เพล้ง!



คำพูดไม่เข้าหูเรียกให้อารมณ์พุ่งปรี๊ด มือขว้างแก้วน้ำลงพื้นจนแตกกระจายด้วยใบหน้าแดงก่ำอย่างโมโหสุดขีด



ตึง! ผัวะ! โครม!



และพวกผู้ชายดิบเถื่อนก็พุ่งตัวเข้าหากัน พวกหนึ่งโมโหเพราะคำพูดไม่เข้าหู อีกพวกก็กรุ่นโกรธเพราะเพื่อนสาวของตัวเองโดนเทียวไล้เทียวขื่อ เกิดการตะลุมบอนและเสียงตุ้บตั้บตามมา...เป็นภาพที่เห็นได้บ่อยๆ ในร้านผับบาร์แบบนี้



พอโดนหาเรื่อง ก็ไปต่อยตีเขา...พอพวกเขาโดนตี ก็รุมตีกลับ เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน



และเขาสมัครงานมาเพื่อเป็นพนักงานเสิร์ฟอย่างเดียวก็ต้องมาเก็บกวาดเศษซากที่พวกมันทำทิ้งเอาไว้ซึ่งอยู่นอกเหนือหน้าที่...ทุกวี่ทุกวันไม่ขาด



ร่างโปร่งถอนหายใจเบื่อหน่ายระคนชินชา รีบเร่งฝีเท้าเดินไปทิศทางหลังร้าน เพื่อที่จะหยิบของเสิร์ฟลูกค้าตามที่สั่ง และเพื่อหนีเอาตัวรอดไปด้วย เพราะไม่อยากจะโดนลูกหลงเจ็บตัวเพราะเรื่องไร้สาระของคนอื่น



ผลัวะ!



แต่แล้วขาเรียวเดินยังไม่พ้นบริเวณที่ทะเลาะวิวาทเมื่อครู่ ก็ถูกใครบางคนกระแทกเข้าที่ด้านหลังอย่างแรงจนร่างโปร่งหน้าเกือบทิ่ม แต่โชคดีที่ยังตั้งหลักทัน และโชคดีที่ในมือเขามีแค่ถาดเปล่า



"โทษที"



รามหันไปมองคนพูด ร่างสูงที่หันหลังให้ยืนเช็ดมุมปากที่มีเลือดซึมหากแต่ใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรไปมากกว่าคำว่าหงุดหงิด แค่ใบหน้าด้านข้างที่เห็นก็หล่อเหลาขนาดนี้ ถ้ามองจากด้านหน้าก็ไม่รู้จะขนาดไหน...อย่างกับนายแบบหรือดาราเลยแฮะหมอนี่



"ครับ..." สายตาเผลอจ้องมองใบหน้าละเอียดอย่างกับรูปปั้นนั้นค้างนานจนตาคมขวางตวัดสบกลับมา



"เป็นอะไรมั้ยครับ" รามไม่หลบดวงตาน่ากลัว กลับเอ่ยถามแทน รามไม่เข้าใจตัวเอง ก่อนหน้านี้ใครจะมีเรื่องอะไรก็ไม่เห็นจะสนใจ แต่กับชายคนนี้...มันมีอะไรที่น่าดึงดูด



"ไม่..." อีกฝ่ายตอบห้วน ร่างที่มีความสูงมากกว่าเขาอยู่ประมาณเกือบยี่สิบเซนติเมตรถุยน้ำลายลงพื้นด้วยท่าทางหยาบคายเหมือนนักเลงชวนตี แต่พอมองน้ำที่คิดว่ามันคือน้ำลายกองอยู่ดีๆ มันก็คือเลือดนี่เอง "ไปไกลๆ เดี๋ยวก็โดนลูกหลงไปด้วยหรอก"



"อ่า ครับ" เขารับคำเดินแล้วออกไปและหลังจากนั้นกลุ่มที่ทะเลาะกันก็ตะลุมบอนกันอีกรอบ อดหันกลับไปมองไม่ได้ ซึ่งร้านนี้เป็นร้านที่แปลกมาก เวลามีเรื่องอะไรไม่มีใครห้าม ใครอยากต่อยอยากทะเลาะกันมึงทำไป...แต่ขอให้จ่ายค่าเสียหายแค่นั้นพอ



ซึ่งไอ้พวกนี้เวลามันทะเลาะก็ทะเลาะจนกว่าจะสบายใจ แล้วสุดท้ายก็วางเงินไว้จริงๆ ...พวกคนรวยนี่เข้าใจยากชะมัด



“เฮ้ยราม”



ร่างโปร่งที่กำลังสะพายกระเป๋าเตรียมกลับบ้านเพราะหมดหน้าที่ ต้องหันกลับไปมอง คือเจ้าของร้านที่บอก “ครับพี่เจ๋ง”



“โทษที เอ็งสนใจรับจ๊อบล้างจานอีกจ๊อบไหมวะ พอดีพี่ขาดคนว่ะ”



“แต่ผม...” นี่ล่วงเลยมาตีหนึ่งแล้ว เขาต้องรีบกลับ ไม่รู้ว่าแม่เป็นยังไงบ้าง...เพราะบางครั้งก็ไข้ขึ้นกลางดึก แล้วอีกอย่างยังมีงานอย่างอื่นตอนเช้าตรู่ด้วย กลัวจะไม่ได้นอนพักเนี่ยสิ



“เดี๋ยวบวกทิปให้ เอาไหม” ร่างสูงกำยำตัวดำปี๋เดินเข้ามาคล้องคอเขาแล้วป้องปากพูดกระซิบ “แล้วอย่าไปบอกใครล่ะ พี่ให้เอ็งเป็นพิเศษเลยนะ”



รามเม้มปากขมวดคิ้วลังเล สนใจที่อีกฝ่ายบอกจะเพิ่มเงินให้ พี่เจ๋งมักจะใจดีแบบนี้เสมอเพราะอีกฝ่ายเหมือนจะรู้สถานการณ์ที่บ้านของเขาอยู่เหมือนกัน...คอยช่วยเหลืออยู่แบบนี้ตลอด



ไม่รู้ถึงคนที่กอดคออยู่มองตนยิ้มกริ่ม สายตากวาดมองหลังหูและซอกคอขาวและต่ำลงไปที่แผ่นอกแบนที่อยู่ใต้ร่มผ้า ลิ้นแลบเลียริมฝีปากแห้งก่อนจะรีบปรับสีหน้าเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าตกลง



“ก็ได้ครับ แต่เดี๋ยวล้างชุดนี้เสร็จผมต้องรีบกลับแล้ว ผมเป็นห่วงแม่”



“โอเค ได้สิ ขอบใจมาก” เจ๋งยิ้มกว้าง “งั้นเดี๋ยวทำเสร็จก็กลับเลย พรุ่งนี้เจอกันเหมือนเดิม” ตบไหล่บางและขยี้ศีรษะพระรามจนยุ่ง ซึ่งร่างโปร่งก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากนี้ยังนับถืออีกฝ่ายด้วยซ้ำไป



“ครับพี่”



กว่าจะเสร็จก็ล่วงเลยมาเกือบตีสามที่ใกล้เวลาร้านปิด เขารู้สึกเหนื่อยเพลียมากจนอยากจะหลับมันซะตรงนั้น มือเรียวสองข้างยกขึ้นจากกะละมังใหญ่ที่มีน้ำเย็นๆ ขังอยู่เต็ม ก่อนจะสะบัดๆ และเช็ดมันกับกางเกง อา...มือเขาเปื่อยยุ่ยไปหมดแล้ว



พระรามมาเข้าห้องน้ำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะต้องเดินกลับบ้านเป็นระยะทางไกลพอสมควรแต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร



ร้านนี้ไว้ปลดปล่อยอารมณ์จริงอย่างที่ชื่อบอก



'ปล่อย'



ทั้งเศร้า สุข เครียด...ไม่เว้นแม้กระทั่งอารมณ์หื่นกาม



"อ๊ะ ซี้ด อ๊า"



"อืม ร่อนสะโพกหน่อย"



"ฮื้อ...อื้ม อื้อ แรงอีก จะเสร็จ...อ๊ะ อ๊า!"



รามเจอเรื่องนี้บ่อยจนชินชา ยิ่งกับในร้านเหล้ากับพวกที่ชอบมาเสาะหาคู่นอนแล้วเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ...และแม้แต่ผู้ชายเอากันเองก็เป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้ว



ทั้งเสียงครางกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อก็ชัดเจน แถมยังอยู่ในห้องน้ำที่ปูด้วยกระเบื้องเสียงยิ่งสะท้อนก้องเข้าไปใหญ่ แค่ไม่เห็นภาพแค่นั้น



ร่างโปร่งยืนล้างมือไม่ออกไปซักที นั่นก็เพราะว่าเสียงของหนึ่งในสองคนนั้นมันคุ้นหูเขาน่ะสิ คุ้นๆเหมือนกับ...



ฟืด...แกร๊ก



เสียงรูดซิปและเสียงเปิดประตูดังขึ้นหลังจากเสร็จกิจกาม



"มึง..." เสียงทุ้มเรียกค้าง เมื่อเห็นเขายืนอยู่หน้าอ่างล้างมือ จะว่าไงดี เขาไม่ได้ดูตกใจอะไรเลย ซ้ำยังเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ



"อ๊ะ แฮ่ก...ใครเหรอ ติม"  จนร่างเล็กของผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำห้องเดียวกัน ใบหน้าหวานน่ารักอย่างกับผู้หญิงยังคงแดงเถือก ตาปรือปรอยเหมือนคนเพิ่งเสร็จจากอารมณ์อย่างว่า แถมเสื้อผ้าหลุดลุ่ยยับยู่ยี่ แล้วก็ยังมีรอยจูบตรงคออีกต่างหาก



รามมองหน้าร่างสูงที่ชื่อติม คนตรงหน้าคือคนๆ เดียวกับที่เจอในผับเมื่อเกิดเหตุทะเลาะวิวาท หลังจากตอนนั้นที่ทุกสิ่งทุกอย่างสงบลง เขาก็ไปปัดกวาดเช็ดถูทั้งซากแก้ว เศษไม้ แอ่งน้ำนองที่ไม่รู้ว่าคือเหล้าหรือเลือดกันแน่ที่กองเจิ่งอยู่บนพื้น ดีนะที่พนักงานเสิร์ฟร้านนี้ไม่ได้มีแค่ราม ไม่งั้นคงต้องเก็บซากพวกนี้จนไม่ได้กลับ และระหว่างนั้นเขาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะได้เจอกับหมอนั่นอีกมั้ย คนที่ทำให้พระรามมองค้างได้...แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะมองหาแค่ไหนก็ไม่เจอ ที่แท้อีกฝ่ายก็กำลังมีภารกิจที่ต้องทำอยู่ในห้องน้ำนี่เอง



ดึกป่านนี้แล้วยังไม่กลับไปอีกเหรอเนี่ย



ตอนนี้มองเห็นชัดแล้วว่าอีกฝ่ายหล่อจริงๆ เมื่อกี้อยู่ในความมืดยิ่งว่าหน้าตาดีแล้วตอนนี้ชัดเจนกว่าเลยว่า...นี่มันเทพบุตรมาจุติชัดๆ



ทั้งตาทั้งจมูกทั้งปากรับกันพอดี คนอะไรจะเกิดมามีเครื่องหน้าที่เพอร์เฟคต์ขนาดนี้



"ขอโทษทีที่แอบฟัง...จริงๆ พวกมึงก็ส่งเสียงซะดัง จะมาว่าว่าแอบฟังก็ไม่ได้หรอกนะ"



"อะ..." ร่างเล็กหน้าแดงเขินอาย



"ก็ไม่ได้แคร์ แค่เรื่องธรรมชาติ...อ่ะนี่" ร่างสูงยักไหล่หน้าเรียบนิ่ง ควักเงินในกระเป๋าออกมายื่นให้หนุ่มร่างเล็กไร้นามที่พอเห็นปุ๊บว่าคืออะไรก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที



"นิลไม่เอาหรอก ก็บอกติมแล้วไงว่าไม่ได้อยากเป็นคู่นอน"



"เอาไปซะ จะได้ไม่ติดค้าง" ติมยัดเงินลงบนมือเล็กเหมือนไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรับไว้หรือไม่ ขายาวก็ก้าวออกจากห้องน้ำไป ทิ้งหนุ่มน้อยน่ารักที่ทำหน้าซึมเอาไว้ ซึ่งพระรามที่ถือว่าเป็นแค่คนนอกก็ยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไร ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย...



เขาคงไม่ได้กลับไปดูแม่แล้ว คงต้องเลยไปที่ทำงานต่อไปเลยเพราะมัวแต่เสียเวลาฟังเสียงครางในห้องน้ำระหว่างทำภารกิจของคนอื่นอยู่นั่นแหละ



ระหว่างที่เดินออกมานอกร้านแล้วสักพักหนึ่ง ยังเดินไม่ทันพ้นซอยมืดวังเวงก็มีคนมาจับแขนเรียวเอาไว้



หมับ!



"เฮ้ย...อะ มึง" ร่างโปร่งสะดุ้งสุดตัวหันไปดูคนที่ดึงข้อมือเขาเอาไว้อย่างตกใจ อีกฝ่ายคือร่างสูงคนที่เพิ่งเจอเมื่อกี้... "ติม"



"หืม รู้ชื่อกูด้วย"



"..." รามกัดปาก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงจำได้ จำได้ยังไม่พอ ยังเผลอเรียกชื่อออกมาอีก ทั้งๆ ที่เรายังไม่รู้จักกัน...ติมยังไม่รู้จักเขาเลยแท้ๆ “ก็เด็กของมึงพูดออกมาไง กูแค่ได้ยิน”



ร่างโปร่งรีบสะบัดข้อมือออกพูดแก้ตะกุกตะกัก ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ล้วงมือลงกระเป๋ากางเกง



"อะไร...เจอตอนแรกทำตัวสุภาพแถมพูดซะเพราะ หรือว่าเมื่อกี้แอ๊บ"



เขาขมวดคิ้ว "ซะที่ไหนล่ะ...นั่นเพราะอยู่ในหน้าที่หรอก มึงเป็นลูกค้า กูก็ต้องพูดดีๆ สิ"



ติมเลิกคิ้ว "อ้าว ทำงานในนั้นหรอกเหรอ"



"อืม" เสียงทุ้มใสครางในลำคอ เพราะในนั้นคงมืดจึงอาจจะไม่ได้สังเกตว่ารามใส่ชุดพนักงานอยู่ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว ก็ไม่ได้หวังว่าจะให้ติมจำเขาได้ทุกกระเบียดนิ้วเหมือนที่เขาจำอีกฝ่ายอยู่แล้ว เพราะว่าหน้าตาของเขาก็ไม่ได้ดูดีโดดเด่นอะไรด้วย ก็แค่คนหน้าจืดคนหนึ่ง



ร่างโปร่งสะดุ้งในใจ เมื่อกี้เขาคิดอะไร...ผิดหวังเหรอ...จำได้ทุกกระเบียดนิ้วเหรอ



“ว่าแต่มีอะไร” มือไม่รู้จะวางไว้ไหนก็เผลอจับสายกระเป๋าที่พาดไหล่แน่น “หรือว่า...มึงพิศวาสกู”



“...กล้าพูดเนอะ” ริมฝีปากยิ้มดูถูก สายตาคมกวาดมองร่างกายโปร่งแต่งตัวมอซอขึ้นลงหนึ่งครั้งเร็วๆ อย่างเสียมารยาท “มึงมีอะไรให้กูพิศวาส”



"อืม งั้นกูไปล่ะ" เขาพูด มือยกนาฬิกาขึ้นมอง มันเสียเวลามากแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่ามันเข้ามาคุยด้วยทำไม แต่ก็ไม่คิดว่าร่างสูงจะพิศวาสอะไรจริงๆ เหมือนที่อีกฝ่ายพูดนั่นแหละ



ถึงจะเสียหน้าไม่น้อยแต่ติมพูดจริง ดวงตาเขาเรียวเล็กจนแทบเรียกว่าตี่ ร่างกายที่เคยมีกล้ามเนื้อแต่ตอนนี้มันหดหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เหลือแค่กระดูกกับหนัง ความสูงที่มากกว่ามาตรฐานเล็กน้อย แล้วก็มีดีแค่ผิวขาวนิดหน่อยแค่นั้น



จริงๆ แค่พูดเรื่องฐานะก็ไม่เหมาะสมกันอยู่แล้ว...อีกฝ่ายเป็นพวกคุณชายมีเงินเหลือเฟือเอาไว้เที่ยวเล่นแถมยังต่อยตีคนอื่นไปทั่ว แต่เขากลับต้องทำงานงกๆ ชีวิตวนเวียนอยู่กับการเรียนและทำงาน



แล้วนี่จะคิดเยอะแยะไปทำไม...จะเหมาะหรือไม่เหมาะก็ช่างสิ



"เดี๋ยวดิ"



ตาเรียวปรายมอง แขนถูกรั้งไว้อีกแล้ว "อะไรอีก กูรีบ"



"รีบไปไหน ชื่ออะไร ยังไม่รู้จักเลย"



ไหนบอกว่าไม่พิศวาสกันไง



"ทำไมต้องรู้ เดี๋ยวก็ไม่เจอกันอีกแล้ว" เขาขมวดคิ้วชักสีหน้า ไม่ได้พูดล้อเล่น คนบนโลกมีเป็นล้านคนเจอกันครั้งเดียวก็ใช่ว่าจะบังเอิญเจอกันอีก...ไม่มีทางที่จะได้เจอกันง่ายๆ อีกหรอก



"ไม่เจอได้ไง ไหนบอกทำงานร้านนี้"



"ก็ทำ"



"งั้นเดี๋ยวก็ได้เจออีก"



ใบหน้าคมที่จ้องมองมามันทำให้ใจเผลอเต้นตุบ...ความหมายที่อีกฝ่ายพูดราวกับจะบอกว่าเดี๋ยวติมจะมาหาเขาไม่วันใดก็วันหนึ่ง



"ชื่อราม พอใจยัง" สุดท้ายก็เลยยอมบอกออกไป



"เออ"



"งั้นกูไปละ"



"เดี๋ยว"



ร่างโปร่งเริ่มจิ๊ปากอย่างรำคาญเมื่อเสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง จริงๆ แล้วเขาจะเดินไปเลยก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมเท้าถึงหยุดเดินแถมยังหันไปหาอีก กลอกตาให้มันรู้ว่าเขาเริ่มไม่ไหวแล้ว "อะไรอีก"



"ยังตอบคำถามไม่ครบเลย รีบไปไหน ถ้ารีบกลับบ้านเดี๋ยวกูไปส่ง นี่มันตีสามครึ่งแล้ว"



อะไร...นี่มันต้องการอะไร แล้วทำไมเขาต้องใจเต้นด้วย เป็นเพราะใบหน้าหล่อเหลาชวนมองนั่นงั้นเหรอ หรือว่า...สัมผัสร้อนผ่าวที่จับตรงแขน



"กะ กูจะไปทำงานต่อ! และมึงก็กำลังทำกูช้าด้วย ปล่อยได้แล้ว!" ร่างโปร่งอึกอักพยายามสะบัดแขน แต่คราวนี้ไม่หลุดง่ายๆ มือใหญ่กำแขนผอมรอบอย่างเหนียวหนึบ



"ทำงาน? ป่านนี้แล้วเนี่ยนะ" ติมเลิกคิ้ว สายตาพลันเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที “ทำทำไม บ้านจน?”



ตาเรียวตวัดมอง บอกเสียงเข้ม “อย่าเสือก”



“แล้วตกลงทำทำไม” ไอ้หมอนี่ไม่ได้ฟังที่เขาด่าเลยหรือไง



“ถ้าทำงานแล้วไม่ได้เงินจะทำทำไมวะ!?”



ไม่เคยของขึ้นง่ายๆ กับใครมาก่อนเลย...กวนประสาทจริงแท้เว้ย



"ถ้ามึงอยากได้เงิน...ทำไมไม่มาทำงานกับกูล่ะ"



คำพูดของติมทำให้พระรามหรี่ตามองอย่างระแวง "ทำงาน? ทำอะไร?"



"ก็แบบง่ายๆ" ใบหน้าหล่อยื่นเข้ามากระซิบเสียงทุ้มข้างหูที่ฟังแล้วขนลุกเกรียวทั่วร่าง "แค่นอนถ่างขาอ้าปากครางบนเตียงอย่างเดียว...รับรองกูให้เงินมึงได้มากกว่างานที่กำลังจะไปทำแน่นอน สนใจมั้ย"



"!!!" ตาเรียวเบิกกว้างทันที ปฏิกิริยาร่างกายไปก่อนใครเพื่อน



ผัวะ!



“ไหนบอกว่าไม่พิศวาสไงวะ!”



“โอ๊ย มือหนักชะมัด” ร่างสูงโอดครวญจับมุมปากที่เลือดไหลซึมอีกครั้งเพราะกำปั้นของเขาซ้ำไปที่เดิมกับแผลก่อนหน้า



"ไอ้บ้ากาม! ถ้าอยากนักก็ไปหาคนอื่นนอนซะไป! กูไม่มีทางจะให้ผู้ชายอย่างมึงมาเอาหรอกเว้ย!!"



ปั่ก!



“โอ๊ย! เดี๋ยวดิ!”



รามเตะที่ขายาวไปเต็มๆ อีกหนึ่งทีและรีบวิ่งหนีออกมา มือยังคงกำหมัดแน่นสั่นระริก ไม่เคยโมโหใครเท่านี้มาก่อน รู้สึกหน้าร้อนหัวร้อนไปหมด ถึงเขาจะจนจริงแต่ก็ไม่คิดง่ายๆ ที่จะขายตัวเพื่อเอาเงินซักหน่อย



แล้วทำไมเขาต้องใจเต้นด้วย นี่หูเขาร้อนเพราะเสียงทุ้มและลมหายใจร้อนเป่ารดเมื่อกี้...



ไม่ มันเรื่องบ้าๆ ทั้งนั้นแหละ ไม่มีทาง



ฮึ่ย! ให้ตายสิ ขออย่าให้เจอกับไอ้หมอนี่อีกเลยเถอะ!!





********************* Love Substitute *********************


ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep2 03/02/2019
«ตอบ #3 เมื่อ03-02-2019 17:13:53 »



                                                              LS ตอนที่ 2



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





“แม่ รามไปทำงานก่อนนะ”



“จ้ะ ระวังตัวด้วยนะ”



“แม่ด้วย มีอะไรก็โทรมานะครับ”



รามก้มตัวลงให้ภาวดีหอมแก้มทั้งสองข้างก่อนจะกอดหญิงสาวผู้ผ่ายผอมอีกครั้ง “อย่าฝืนนะลูก”



“ครับผม”



ช่วงนี้สองแม่ลูกมีความสุขสบายอกสบายใจ เพราะนพกรหายไปหลายวันไม่มากวนอีกหลังจากที่ได้เงินก้อนใหญ่ไป จึงไม่ต้องมีเรื่องให้เครียดหรือหนักใจ เพียงแค่รามต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพราะใกล้เวลาที่มารดาจะต้องไปหาหมออีกครั้ง



ภาวดีมีนัดตรวจร่างกายทุกๆ เดือน นั่นคือสิ่งที่พระรามรู้ว่าเขาจะต้องมีเงินจำนวนหนึ่งเตรียมเอาไว้ให้พร้อม



“ขอบคุณมากครับ”



“ขอโทษนะคะ สติกเกอร์ที่ใช้แทนเงินอันนี้ยังใช้ได้อยู่มั้ยคะ”



“อ้า พอดีสติกเกอร์เซ็ตนี้หมดอายุแล้วนะครับ” เสียงทุ้มใสว่าอย่างเสียดายก่อนจะส่งสิ่งที่ว่าคืนกลับให้ลูกค้า



“อ๋อ โอเคค่ะ งั้น...”



ร่างโปร่งจิ้มหน้าจอคิดเงินและเปิดลิ้นชักเก็บเงินทอนเงินแบบนี้ทุกวันวันละหลายๆ รอบจนบางทีหูเขาก็เพี้ยน...ได้ยินเสียงจนหลอน เก็บไปฝันบ้างก็มี



“รามช่วยจัดสต็อกหลังร้านให้ด้วยนะเว้ย”



“ครับ” เสียงทุ้มตอบไป ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ทำหน้าร้านแล้วยังต้องทำหลังร้านอีก เหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่ก็ต้องอดทน



ชีวิตวนเวียนไป



แต่อย่างน้อยพระรามก็รู้สึกดีขึ้นมากเพราะหลายวันที่ผ่านมานี้ ไม่ได้เจอติมอย่างที่ใจขอ การทำงานในร้านผับ ระหว่างเสิร์ฟเหล้าโต๊ะนู้นนั้นนี้ก็ระแวงสุดๆ ว่าจะเจอร่างสูงโผล่มาเมื่อไหร่ แต่วันแล้ววันเล่าก็ผ่านไปอย่างราบรื่นจนทำงานได้อย่างโล่งอกสบายใจ...ขอบคุณพระเจ้าที่บันดาลคำขอของเขาให้สัมฤทธิ์ผล



แต่ทว่า...



พลั่ก!



คำขอของรามมันไม่ได้เป็นจริงตลอดไป!



"โอ๊ะ!"



"ขอโทษครั...อะ อ้าว คุณนี่เอง"



"นี่มึง...! มานี่ได้ไง" ร่างโปร่งยกนิ้วชี้หน้าไอ้คนตัวสูงที่ยืนมองต่ำลงมาเพราะความสูงที่ต่างกัน



เมื่อกี้มันเรียกเขาว่าอะไรนะ...คุณ!? ผิดคนหรือเปล่าวะเนี่ย



ไม่อยากจะเชื่อว่าพระรามที่เคยหวาดระแวงจะเจออีกฝ่ายที่ร้านผับที่เขาทำงานซึ่งมีโอกาสมากกว่ากลับไม่เจอ แต่ดันมาเจอในค่ายของมหาวิทยาลัยที่จัดขึ้นในต่างจังหวัดแทนซะงั้น



มันมีแต่ความบังเอิญเท่านั้นแหละที่จะเสกให้เรามาเจอกัน



ขนาดอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ยังจะเจออีก โอย จะบ้าตาย! ถ้าร่างโปร่งทึ้งหัวตัวเองได้คงทำไปแล้ว แต่อยู่ต่อหน้าเพื่อนแถมยังถูกมองเหมือนเขารู้จักกับติมแบบนี้ ยิ่งวางตัวลำบาก



'ถ้ามึงอยากได้เงิน...ทำไมไม่มาทำงานกับกูล่ะ'



 แม้จะผ่านมาได้หลายสัปดาห์แล้ว แต่รามก็ยังไม่ลืมคำพูดที่อีกฝ่ายดูถูกเอาไว้



'แค่นอนถ่างขาอ้าปากครางบนเตียงอย่างเดียว...รับรองกูให้เงินมึงได้มากกว่างานที่กำลังจะไปทำแน่นอน สนใจมั้ย'



คำปรามาสที่เรียกอารมณ์คุกรุ่นได้เพียงแค่นึกถึงมัน



"ก็ผมเป็นนักศึกษาที่นี่ จะอยู่ที่นี่มันแปลกตรงไหนไม่ทราบ" ติมพูดพลางมองต่ำขยับตัวออกห่างจากเขาเล็กน้อย การใช้คำพูดและน้ำเสียงสุภาพขึ้นอย่างกับเป็นคนละคน ถ้ารามจำหน้ามันไม่ได้อาจจะคิดว่าไม่ใช่ แต่หนังหน้าหล่อๆ นี่ยังไงเขาก็ไม่มีทางลืมหรอก...ดังนั้นร่างสูงตรงหน้านี่ก็คือไอ้หื่นที่เอาคนอย่างน่าไม่อายในห้องน้ำร้านที่รามทำงานเมื่อคืนนั้นจริงๆ!



ความบังเอิญไม่มีในโลกจริงๆ มันเพิ่งบอกว่าเรียนที่เดียวกันกับเขา ว่าแต่อยู่คณะอะไรน่ะ...ที่ถามไม่ใช่อะไร เขาจะได้หลีกเลี่ยงไม่เดินเข้าใกล้!



"เห็นกิริยาหยาบคายไม่สมกับเป็นคนมีการศึกษา เลยไม่คิดว่าจะเป็นนักศึกษาน่ะสิ...แถมดันซวยมาอยู่ที่เดียวกันอีก เวรกรรมแท้ๆ" ร่างโปร่งส่ายหน้าถอนหายใจ ไอ้ประโยคหลังนั่นพูดสำหรับตัวเองล้วน



ด้วยคำพูดและอารมณ์ที่กำลังกรุ่นทำให้ทั้งสองยิ่งยืนจ้องหน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่มีใครยอมใครจนพระรามสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีใครบางคนยืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่แรกแล้ว



"อ้าว เอม!" ตาเรียวเบิกกว้างมองใบหน้าหวานสลับกับใบหน้าหล่อชวนหมั่นไส้ของคนข้างๆ ...ทำไมถึงอยู่กับไอ้หมอนี่ล่ะ!?



"ราม" ชะเอมทำตาโตได้อย่างน่ารัก



"รู้จักกันเหรอ" ร่างบางถามทันที เอมคงหมายถึงเขากับติม



"ไม่รู้จัก/ไม่รู้จักครับ"



สองเสียงประสาน ร่างโปร่งขมวดคิ้วมอง หมอนี่พูดเพราะอีกแล้ว...



"อ้าว แต่เมื่อกี้เห็นคุยกัน" ดวงตาสีดำกลมโตฉายแววงุนงง เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายอยากจะถามว่าอีกฝ่ายรู้จักกับไอ้คนหื่นกามนี่ได้ไง "ตกลงว่าไม่รู้จักกันเหรอ"



รามเงียบกลอกตาเพราะไม่อยากตอบ แต่ร่างผอมดันใจดีแนะนำตัวให้รู้จักกันซะงั้น



"งั้นราม นี่ติม ไอติมนะเป็นน้องปีหนึ่ง ส่วนติมนี่รามเพื่อนพี่เอง" ชะเอมแนะนำไม่ถามความเห็น เพียงแค่ชั่ววินาทีที่เขากับมันมองตากัน ไอ้ห่านี่เด็กกว่าเขาเหรอ ไม่อยากเชื่อ นึกว่าอายุเท่ากันซะอีก และวินาทีต่อมาทั้งสองคนก็เบือนหน้าหนีออก คนหนึ่งเคยโดนต่อย อีกคนหนึ่งโดนพูดลามกใส่จากคนเพศเดียวกัน จะให้พูดกันดีๆ คงยากแล้วล่ะ



"เอ่อ..."



"ผมไปเก็บของก่อน ขอตัวนะครับ" ร่างสูงเอ่ยขึ้น ก้มหัวให้ชะเอมที่มีศักดิ์รุ่นพี่แต่ขนาดตัวย้อนแย้ง กับดินและสินด้วย แต่มันดันเดินผ่านรามไปอย่างเฉยเมย



แบบนี้มันข้ามหัวเขาชัดๆ



ร่างโปร่งยืนกำหมัดแน่น...รู้สึกเสียหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



"ราม เป็นไรมั้ย" สัมผัสแผ่วเบาที่แขนทำให้ร่างโปร่งรู้สึกตัว ทำให้ต้องคลายมือที่กำแน่น เห็นสายตาเป็นห่วงก็ทำให้รามยิ้มแหย



"เอ้อ...โทษที ไม่เป็นไร"



"มึงรู้จักน้องคนเมื่อกี้มาก่อนเหรอ" ดินขมวดคิ้วมองไปทางที่ร่างสูงของปีหนึ่งเพิ่งเดินไป



"ไม่ว่ะ" เสียงทุ้มใสตอบไม่สบอารมณ์และพูดโกหกออกไป "ไม่รู้จัก แต่กูเคยเจอมันก็แค่นั้น"



ใครอยากจะพูดเรื่องน่าอายของตัวเองให้เพื่อนฟังกัน เดี๋ยวไม่วายถูกล้อจนตายเป็นแน่แท้



"มิน่าล่ะ มึงกับน้องเขาถึงดูไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไหร่" สินพูด พลางสบตาทะลวงลึก เขารีบหลบทันทีเพราะไอ้เพื่อนคนนี้มันชอบอ่านแววตา



"เออ อย่าให้เล่า" พระรามถอนหายใจแรง “หรือจะเป็นเวรกรรมของกูวะ”



"เออๆ ก็อย่าทำให้มันต้องเสียบรรยากาศเลยว่ะ เดี๋ยวสี่วันนี้ก็ต้องเจอกัน คุยกัน ทำงานด้วยกัน" สินเตือน



"รามไม่ชอบน้องติมเหรอ" ใบหน้าหวานหงอยซึม กังวลใจจนคนมองเหงื่อตก...เอาแล้วไง "เราเพิ่งได้รู้จักกับน้องเขาเมื่อกี้นี้เอง น้องติมเป็นคนดีนะ" ชะเอมบอกเสียงอ่อนกับเขา แววตาอ้อนเหมือนเด็ก...เจ้าตัวไม่รู้ตัวหรอก



ร่างโปร่งเกาท้ายทอยแกรกๆ ...ชะเอมคงไม่อยากให้เพื่อนอย่างเขาไม่ชอบหน้ากับเพื่อนใหม่ที่ร่างบางเพิ่งหาได้อย่างติม...ชะเอมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อน จะกังวลเป็นพิเศษก็ไม่แปลก



"อะ เอ่อ ก็ไม่ใช่...ว่าไม่ชอบมัน...เอ๊ย น้องมันหรอก แค่เคยเจอกันแล้วก็มีปากเสียงกันนิดหน่อย" เสียงทุ้มใสพูดตะกุกตะกักอยากจะให้ร่างบางคลายกังวล แต่มันก็กระดากปากจนพูดอึกอักรู้สึกไม่เต็มใจเท่าที่ควร



ชะเอมผู้มองโลกในแง่ดียิ้มออกเมื่อได้ยิน "ถ้างั้น...ครั้งหน้าก็คุยกันดีๆ ได้ใช่ไหม"



ตาเรียวกรอกไปมา "เอ่อ ...ดะ ได้แหละ" ...มั้ง



ก็เพราะรอยยิ้มดีใจของชะเอมนั่นแหละที่ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ ใครอยากเห็นใบหน้านี้เศร้ากันล่ะ



"อื้ม อย่างนั้นก็ดีนะ"



เอาเป็นว่าเมื่อไหร่ที่คุยกับมัน แล้วอยู่ต่อหน้าชะเอม เขาก็จะยอมอดทนทำดีด้วยไปก่อนก็แล้วกัน



********************* Love Substitute *********************





ในระหว่างกิจกรรมการทำงานที่ค่ายนั้นเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น



พระรามได้แต่ยืนมองแผ่นหลังบางของชะเอมที่เดินออกไป มันช่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย แววตาสีดำที่สะท้อนความเจ็บออกมามันทำให้คนมองเจ็บไปด้วย...ไม่มีใครที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นแบบนี้ได้นอกจากคนๆ เดียว



"เฮ้อ..." เสียงทุ้มใสถอนหายใจยาวหนักใจ ขาเรียวตวัดกลับหลังกำลังจะเดินตามเพื่อนไป แต่ก็ต้องชะงักคิ้วกระตุกสองที เมื่อเห็นร่างสูงอยู่ในสายตา "นี่มึงยังไม่ไปอีกเหรอวะ"



ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว...ชอบยุ่งจังเลยเรื่องชาวบ้านเนี่ย ดีนะที่เอมไม่พูดอะไร ไม่งั้นเขาคงวีนมันมากกว่านี้



"แล้วคุณตาบอดหรือไงถึงไม่เห็นผมว่ายืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว" ติมตอบนิ่ง สายตายังมองตามทิศทางที่ร่างผอมบางเดินออกไป



"กูไม่ได้ตาบอด...แล้วกูจะเห็นหรือไม่เห็นแล้วจะทำไม มึงสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง" รามย้อนเสียงสูงนี่พอยืนเทียบกับไอ้ปีหนึ่งนี่แล้วมันสูงกว่าเยอะจนต้องเงยหน้าพูดจนคางเชิด



บทสนทนาที่ฟังแล้วคนละขั้วสุดฤทธิ์ ร่างโปร่งฟังแล้วระคายหูสุดๆ เพราะคำพูดสุภาพของอีกฝ่ายนั่นแหละ



"ผมตัวสูงกว่าคุณ ถ้าไม่ได้ตาบอด ก็เห็นจะเป็นตาตี่ๆ นี่ล่ะมั้งที่เป็นอุปสรรคกับการมองเห็น" เสียงทุ้มพูดแกมหัวเราะในลำคอ ทำให้ร่างโปร่งชะงักใบหน้าแดงเข้มด้วยความโกรธ



มันล้อเลียนเขา!



"กูเป็นพี่มึงนะ อย่ามาล้อเล่นกูไม่ขำ" พระรามเอ่ยเสียงเข้มให้รู้ว่าเอาจริง ตั้งแต่เจอครั้งแรกยังไม่เท่าไหร่เพราะยังไม่รู้ว่ามันเป็นรุ่นน้องในมหาลัย แต่จนถึงตอนนี้ร่างโปร่งไม่เห็นว่ามันจะทำเหมือนเขาเป็นรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าเลยแม้แต่นิดเดียว...ไม่มีความเคารพ นอบน้อมอะไรใดๆ มีเพียงแต่คำพูดสุภาพจ๋าที่ยิ่งฟังยิ่งเหมือนเสแสร้งแสดงออกมามากกว่า



"คุณไม่ใช่พี่ผม กิริยาแบบนี้ผมไม่นับถือคุณเป็นพี่หรอก"



คำพูดของติมทำให้เขาน็อตหลุด "แล้วมึงจะมายุ่งวุ่นวายทำไมวะ!"



ไอติมไม่มีท่าทีตกใจหรือหวาดกลัวที่โดนตวาดใส่สักนิด ดูนิ่งเกินไปจนเป็นฝ่ายผมเองต่างหากที่เหมือนคนบ้า โกรธอยู่คนเดียว "ผมไม่ได้อยากยุ่งกับคุณ ผมแค่เป็นห่วงพี่ชะเอม"



ตึก...



คำพูดนั้นทำให้รามชะงักเบิกตา...แววตานั่น "นี่มึง...อย่าบอกนะว่าชอบเอม?"



"ไม่ใช่เรื่องของคุณ"



"ไอ้เวร กูถามดีๆ" เขาฟังแล้วคิ้วกระตุก อารมณ์เริ่มกรุ่นอีกละ



"ไอ้ราม ทำอะไรอยู่วะ!" กำปั้นขนาดพอดีที่กำจนสั่นระริกชะงักเมื่อได้ยินเสียงตะโกนมาแต่ไกล ก่อนจะพ่นลมหายใจแรงๆ "ตามมาเร็วๆ ดิวะ!"



"เออ!!" ร่างโปร่งตะโกนกลับไป ตาเรียวตวัดมองใบหน้าคมตาขวาง พยายามกดอารมณ์...อย่าไปใส่ใจๆก็แค่เด็กปีหนึ่ง ปล่อยมันไปแล้วกัน คงเจอกันไม่บ่อยนักหรอก



...ภาวนาเช่นนั้น...



โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคมเรียบนิ่งมองตามแผ่นหลังของตน พร้อมรอยยิ้มมุมปากกับดวงตาเย็นเยียบ

********************* Love Substitute *********************





ระหว่างทานข้าวเย็นอย่างเอร็ดอร่อย เพราะไม่ได้ทานอาหารครบสามมื้อแบบนี้มานานจึงทำให้พระรามอารมณ์ดีขึ้นเยอะจากเมื่อตอนเช้า



“อื้ม...อร่อยเว้ยอร่อย”



“ถ้าอร่อยก็ดีแล้วล่ะ” เสียงใสแหบโหย จนรามสะกิดใจหันไปมองใบหน้าหวานซีดเซียว



คนตัวสูงอย่างดินที่เคี้ยวข้าวยังไม่หมดปากก็ยกนิ้วโป้งขึ้นชม “มึงสุดยอดเลยเอม” ด้วยคำชมที่อู้อี้มาก สินทำหน้าเอือมแล้วยังแอบด่าว่าสกปรกด้วย



พอได้พักเที่ยงจากการทำกิจกรรมแสนร้อนและลำบากทำให้พวกผู้ชายกระตู้วู้เป็นพิเศษ ยิ่งรู้ว่ามีข้าวกับกับข้าวให้เติมจานสอง บางคนสวาปามเข้าปากใหญ่จนสำลัก



ร่างโปร่งสังเกตเห็นชะเอมที่นั่งหงอยซึม เงียบเป็นพิเศษ แถมข้าวในจานก็ยังไม่พร่องลงไปสักนิด



“เอม ยังไม่ดีขึ้นเหรอ”



“หือ...เปล่า เราไม่เป็นไร”



“...” ได้ยินอีกฝ่ายปฏิเสธมาแบบนี้ รามก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ



ขวับ!



และในขณะที่จดจ่ออยู่กับข้าวสวยและกับข้าวหอมๆ ตรงหน้า อยู่ๆ มันก็หายวับไปกับตา



"เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ" มือใหญ่คว้าจานข้าวที่ถือตรงหน้าออกไป ขาเรียวลุกขึ้นเดินตามร่างสูงที่ในมือถือจานสองจานออกไป โดยมีเพื่อนอย่างดิน สินและชะเอมมองตามอย่างงุนงง



"นี่มึง...ติม! จะทำอะไร เอาคืนมา" เพิ่งจะรู้ว่าความสูงของตัวเองมันเตี้ยก็เพราะไอ้รุ่นน้องตัวสูงชะลูดคนนี้แหละ



เขาพยายามคว้ามันคืนแต่โดนบดบังด้วยกล้ามเนื้อหนาจึงไม่สามารถแย่งกลับคืนมาได้สักที



นี่มันจะทำอะไรอีกแล้วเนี่ย!? ชอบยั่วโมโหอยู่เรื่อยเลย



ทั้งสองเริ่มเดินห่างจากจุดที่นักศึกษานั่งรวมตัวกินข้าวกันมากขึ้นทุกที ทำให้ร่างโปร่งถามขึ้นอีกครั้ง



"เฮ้ จะเดินไปไหนน่ะ" อีกฝ่ายทำหูทวนลมเหมือนเขาโวยวายอยู่คนเดียวอีกแล้ว "เฮ้ย!!"



"พูดเพราะๆ สิครับ คุณเนี่ย" ติมทำหน้าเหมือนถ้ามีมืออีกมือคงอุดหูไปแล้ว เพราะเสียงตะโกนของเขามันดังแสบแก้วหู



"เลิกพูดสุภาพสักที ได้ยินแล้วขนลุกเว้ย!" รามแหวเมื่อคิดว่าไม่มีใครได้ยินเพราะเหลือกันแค่สองคน



เสียงทุ้มหลุดหัวเราะทันที "ฮ่าๆ ทำไมล่ะ มึงยังเคยพูดครับๆ เลย"



ขนาดมันอ้าปากหัวเราะซะกว้างยังน่ามองเลย คนอะไร หน้าตาดีไม่เกรงใจคนอื่น



พระรามมองไอติมตาค้างก่อนจะหน้ามุ่ยเมื่อตั้งสติได้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรกัดเขา



"นั่นเพราะกูทำงาน" ...บอกแล้วไม่เคยจะจำ



"อ๋อ เหรอ" อีกฝ่ายยักไหล่ยียวน เรียกเส้นเลือดปูดข้างขมับเต้นตุบๆ



ร่างสูงหย่อนตัวลงนั่งบนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งที่คนตัวใหญ่อย่างมันสามารถนั่งได้ และวางจานข้าวของเขาลงบนก้อนหินข้างๆ และใช้มือตบแปะๆ



"เอ้า มานั่งสิ"



อะไรของมัน...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ



เขาถอนหายใจ ขี้เกียจพูดแล้ว แถมยังหิวมากด้วยเพราะมันเข้ามาขัดจังหวะการกินนั่นแหละ



ร่างโปร่งยกจานขึ้นก่อนหย่อนตูดลงนั่งบ้าง แถวๆ นี้เงียบมาก แต่ลมพัดเย็นสบายแถมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่พอดีเลย ทำให้เขาตักข้าวเข้าปากเคี้ยวอย่างเชื่องช้า ตาเรียวเงยมองใบไม้สีเขียวพัดไสวแล้วรู้สึกชื่นใจ จนลืมใครอีกคนไป



แต่พอข้าวเข้าปากได้หนึ่งคำ ความอร่อยก็ทำให้มือบางเร่งตักอย่างเร็วด้วยความหิว



อืม...ชะเอมนี่ถ้าทำกับข้าวขายคงรวยเละแน่



"แค่ก! ...แค่ก" ร่างโปร่งไอโขลกสำลักข้าวเพราะรีบกลืน



"เอ้า กินช้าๆ ดิ ตะกละซะทำเหมือนไม่เคยกินข้าวไปได้" มือบางรับขวดน้ำที่ติมยื่นให้มาดื่ม เพราะยังสำลักไม่หาย ไม่วายก็สำลักน้ำซ้ำสอง ร่างโปร่งปิดปากไอติดต่อกันนานเป็นนาทีก็ยังไม่หายจนหน้าแดง



"แค่กๆๆ"



สัมผัสที่หลังทำให้ผมที่ไอจนน้ำตาไหลหรี่ตามอง มือใหญ่ลูบจากบนลงล่างเบาๆ จนอาการร่างโปร่งดีขึ้น



ตึกตัก...



สรุปว่าไอติมมันเป็นคนยังไงกันแน่นะ...เขาไม่เข้าใจเลย ถึงจะเจอมันแค่ไม่กี่ครั้งก็จริง แต่ทุกครั้งที่ได้คุยกัน ร่างโปร่งมักจะแปลกใจว่าคนๆ ไหนคือติมตัวจริง



'ไปไกลๆ เดี๋ยวก็โดนลูกหลงไปด้วยหรอก'



‘รีบไปไหน ถ้ารีบกลับบ้านเดี๋ยวกูไปส่ง’



'คุณไม่ใช่พี่ผม ผมไม่นับถือคุณเป็นพี่หรอก'



แล้วพอมาตอนนี้...ความใจดีของติมกำลังทำให้รามสับสน...เพราะอีกฝ่ายมาทำให้ใจเต้นอีกแล้ว



"ตกลงมึงมีธุระอะไรถึงต้องลากตัวกูมา บอกได้ยัง" มือวางจานเปล่าลงและหันไปถามมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง



อีกฝ่ายรู้ตัวรึเปล่าว่าเพียงแค่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นั่นมันกำลังปั่นหัว(ใจ)เขาอย่างหนัก



อาจเป็นเพราะรอยยิ้มมุมปากที่ดูร้ายๆ นั่นก็ด้วย...หล่อไม่บันยะบันยังจริงๆ



ติมยักไหล่ เปิดขวดดื่มน้ำอึกๆ ก่อนแล้วค่อยตอบ "ก็ไม่มีอะไร แค่จะมาเอาคืน"



"เรื่อง?"



"ที่ต่อยกูวันนั้นไง" ร่างสูงชี้ข้างมุมปากซึ่งตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้ว แต่พอนึกขึ้นได้ ก็รีบแย้งทันที



"อันนั้นเพราะมึงปากไม่ดีใส่กูก่อนเองนะ จะมาเอาคืนกูได้ไง"



ตาคมกลอกไปมา "งั้นที่มึงเตะกูล่ะ แบบนี้คงเอาคืนได้แล้วสินะ" นิ้วยาวย้ายไปชี้ที่หน้าแข้งใต้กางเกงยีนส์สีดำสนิท มันคือตำแหน่งตรงเดียวกับที่เขาเตะเป๊ะๆ ...เห็นแบบนี้ก็แค้นฝังลึกเหมือนกันแฮะ



ร่างโปร่งอึกอัก ถึงรามจะผิดที่ทำร้ายร่างกายติม แต่นั่นเพราะอีกฝ่ายล่วงเกินทางเพศเขาก่อนไม่ใช่เหรอ...ด้วยคำพูดน่ะ



"แล้ว...จะเอาคืนยังไง"



"ก็...อืม” ไอติมคราง ก่อนจะเหลือบมองรามแล้วยิ้ม “ขอหนึ่งน้ำละกัน"



วินาทีแรกที่ได้ยินรามขมวดคิ้ว วินาทีต่อมาเมื่อเขาสบตาติม เห็นสายตาที่มองมาอย่างระยิบระยับ ใบหน้ามนพลันแดงวาบ เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายพูดทันที



"ไอ้...!!!" ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นเด้งตัวออกห่างอย่างรวดเร็ว จะด่าแต่ด่าไม่ออก ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยาย "ไหนบอกว่าไม่พิศวาสกูไง!?"



ไอ้หื่นนี่ สุดท้ายมันก็จะ 'เอา' ให้ได้สินะ!?



"กูเคยพูดเหรอ"



"เคยสิ! ก็..."



'มึงมีอะไรให้กูพิศวาสหรือไง' เสียงทุ้มดังขึ้นในความทรงจำ



"มึง...ไม่ได้พูดก็จริง แต่ความหมายมันใช่นี่หว่า แถมมึงก็มองแบบ..." ตาเรียวกลอกขึ้นลงสาธิตให้ดูว่าอีกฝ่ายมองแบบนี้จริงๆ



อีกฝ่ายขำในลำคอ "มึงก็เป็นคนขี้น้อยใจเหมือนกันนะเนี่ย"



"ไม่ใช่เว้ย" ใบหน้าร้อนผ่าวรีบปฏิเสธ เพราะคำพูดแทงใจดำ



"อ่ะๆ ขอเปลี่ยนคำพูดแล้วกัน แค่นี้ก็ยอมแล้วใช่ป่ะ”



“ยอมกับผีดิ!” รามแหวเสียงสูงหน้าร้อนผ่าว เมื่อไอ้เด็กนี่กล้าพูดเรื่องน่าอายได้ไม่หยุดปาก



“ทำยังไงถึงจะยอมล่ะ”



“ยังไงก็ไม่ยอมเว้ย!”



“อาการปฏิเสธหน้าแดงแบบนี้แสดงว่าไม่เคย” มุมปากคมหยักยิ้ม “โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังไม่เคยอีกเหรอมึง เป็นผู้ชายที่เสียชาติเกิดมาก”



“ไม่เคยแล้วจะทำไม กูเก็บไว้ใช้กับคนที่ชอบเท่านั้นหรอก” ร่างโปร่งตอบหูร้อน ทำไมอีกฝ่ายถึงรู้ล่ะว่าเขายัง ‘บริสุทธิ์’ โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังกระโดดเข้าหลุมกับดักจิ้งจอกด้วยตัวเอง



ร่างสูงหัวเราะเยาะ “ความคิดโบราณจริง นี่อายุเท่าไหร่น่ะ”



“คนสำส่อนอย่างมึงไม่ต้องมาพูดเลย”



“คนสำส่อนอย่างกูก็ทำให้มึงครางได้ก็แล้วกัน”



ร่างสูงลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ขายาวเดินเข้ามาใกล้ร่างโปร่ง ความสูงของมันทำให้รู้สึกเหมือนโดนข่ม ซึ่งใบหน้ามนเงยมองใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้านที่ก้มมองลงมาอย่างไม่เกรงกลัว แม้สายตาของมันจะแทบกลืนกินพระรามเข้าไปแล้วก็ตาม



"ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดูสิ!"



"อย่าท้านะ" ติมยิ้มเหยียดอย่างผู้ชนะ เมื่อคนโดนยั่วอารมณ์ตกหลุมพรางจนได้ มือใหญ่กระชากต้นแขนเรียวแล้วชะโงกหน้ากระซิบข้างใบหูที่แดงก่ำไม่ต่างจากผักชนิดหนึ่งที่เรียกว่ามะเขือเทศ



“เดี๋ยวกูจะทำให้มึงเสียวจนครางไม่ออกเลยคอยดู”





********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep3 03/02/2019
«ตอบ #4 เมื่อ03-02-2019 17:15:17 »



                                                            LS ตอนที่ 3



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



​“ราม มึงไม่ไปอาบน้ำเหรอ ทำงานมาทั้งวันเหงื่อออกจนตัวเหนียวไปหมด” ดินส่งเสียงเรียกในขณะหยิบข้าวของที่ต้องใช้ในห้องน้ำ พอได้ยินรามตอบกลับว่าเดี๋ยวตามไปมันก็ไม่ได้สนใจอีก



เมื่อดินกับสินกลับมาอีกครั้งพร้อมตัวหอมฉุยด้วยกลิ่นสบู่สักพัก รามก็ยังไม่ลุกไปจนกระทั่งเห็นว่าไม่มีใครเดินเข้าห้องน้ำแล้วร่างโปร่งจึงหยิบของที่วางกองเตรียมไว้



“อ้าว...” รามเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นไอติมที่ยังอยู่ในห้องน้ำแถมยังไม่ได้อาบน้ำด้วย ซึ่งตอนเขาเดินออกมาเพื่อนบางคนมันก็หลับกรนคร่อกไปแล้ว นี่เขากับอีกฝ่ายใจตรงกันเกินไปรึเปล่าที่ออกมาอาบน้ำในเวลาเดียวกัน



...ลืมบทสนทนาเมื่อตอนเย็นไปเสียสนิท...



“อ้าว นี่มึงยังไม่อาบเหมือนกันเหรอ”



“อืม...” รามชะงักหน้าร้อนผ่าวอยู่ๆ อีกฝ่ายก็ถอดเสื้อเปลือยบนโชว์กล้ามเป็นลอน เป็นร่างกายที่น่าอิจฉาสำหรับผู้ชายอย่างเขา อีกอย่างท่าถอดและสะบัดผมโคตรเซ็กซี่เลย ดวงตาเรียวมองค้างก่อนที่จะปรับสีหน้ารวดเร็วตอนร่างสูงหันมอง “ทะ ทำไมไม่ไปถอดข้างในห้องน้ำเล่า...”



แล้วทำไมเสียงเขาต้องแผ่วขนาดนี้ด้วยเนี่ย



ไอติมเงียบ ก่อนจะหยิบข้าวของเข้าห้องน้ำและปิดประตูดัง คนที่ถูกทิ้งไว้กระพริบตามองงง



“อะไรของมันวะ” เสียงทุ้มใสพึมพำ ก่อนที่เจ้าตัวจะส่ายหน้า...อย่าไปสนใจมากนักเลย



​รามเดินเข้าห้องน้ำ แขวนผ้าไว้ตรงกำแพงด้านบน ถอดเสื้อเปลือยกายเผยร่างผอมบางผิวขาวเหลืองออกหมด มือเรียวเอื้อมบิดฝักบัวให้น้ำไหลลงมารดศีรษะจรดเท้าเปียกชุ่ม เผลอสะดุ้งเพราะน้ำที่เย็นเฉียบก่อนที่แขนสองข้างจะลูบไปทั่วตัวให้น้ำเข้าถึง



ก๊อกๆๆ



เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้รามชะงักยืนนิ่ง แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันมาจากห้องน้ำเขาเอง ร่างโปร่งเดินออกจากสายน้ำที่โปรยปราย ก่อนจะเสยผมเปียกขึ้นและลูบน้ำที่หน้าออก ตะโกนถามแทรกเสียงน้ำไหล “ใครครับ!”



“กูเอง” เสียงทุ้มตอบกลับมาให้คิ้วบางขมวด



“ติม มีอะไร”



“กูลืมเอาสบู่มา ขอยืมหน่อยดิ”



ร่างโปร่งฟังแล้วเกาหัวแกรก “ไอ้ห่าหนิ”  ก้มหยิบขวดสบู่บนพื้นมาเทลงบนมือพอใช้ ก่อนจะปิดฝาขวดและพูดอีกครั้ง “เดี๋ยวโยนออกไปให้นะ”



“เฮ้ย อยู่หน้าห้องแค่นี้จะโยนทำไม เปิดประตูแง้มนิดนึงแล้วส่งมาก็พอป่ะวะ” อีกฝ่ายพูด ทำให้รามชะงักท่าที่กำลังจะโยนขวดสบู่ค้าง ร่างโปร่งจิ๊ปากและลดมือลง



“เออๆ ...” แต่เพียงแค่เปิดกลอนและแง้มออกเท่านั้น



ปัง!



จู่ๆ ไอติมก็ดันประตูก้าวขาเข้ามาในห้องอาบน้ำแคบๆ ที่ผู้ชายยืนสองคนแทบจะเนื้อแนบเนื้อ ​"อ๊ะ เฮ้ย นี่มึงคิดจะทำอะไร ออกไปนะเว้ย!" นอกจากโวยวายตาโตแล้ว พอรู้ตัวก็ทำให้รามหันหลังทันที ให้คนนอกยิ้มมุมปากปิดประตูห้องน้ำกักขังตนอย่างง่ายดาย



ก็เขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น...แน่ล่ะคนกำลังอาบน้ำ แล้วทำไมอีกฝ่ายมันยังนุ่งกางเกงสภาพเดิมก่อนที่จะเข้าห้องน้ำไปอยู่เลยล่ะ!?



แสดงว่าไอ้เจ้าหมอนี่มันเล็งช่วงนี้ไว้แล้วสินะ! เรื่องสบู่นั่นก็หลอกกัน...เขาเสียรู้อีกฝ่ายแล้ว!



“ฮึ่ย ออกไปนะ!” รามผลักอกแกร่งของอีกฝ่ายแต่ว่าทั้งน้ำทั้งอะไรมันก็ทำให้ลื่นไปหมด แถมยังต้องทนกับสายตาคมกริบที่กวาดมองทั่วร่างนั่นอีก



คุกคามทางเพศชัดๆ!



"ชู่...เบาๆ สิ ยิ่งโวยวาย ยิ่งทำให้เกิดอารมณ์นะจะบอกให้" ร่างสูงจุ๊ปากพูดเสียงเบา หูทวนลมกับคำไล่



"แล้วมึงเข้ามาทำไมเล่า!"



"กูบอกแล้วไงว่าอย่าท้ากู"



'ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู!'



'กูจะทำให้มึงเสียวจนร้องครางไม่ออกเลย'



"ไม่เอา ปล่อยกู!" รามหน้าซีดปากสั่นเพราะอีกฝ่ายทำท่าเหมือนกำลังจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ร่างโปร่งรีบหันซ้ายหันขวาหาทางหนีในห้องสี่เหลี่ยมล้อมด้วยกำแพงทุกด้าน แต่เขาจะออกไปได้ยังไงก็ร่างสูงใหญ่มันขวางประตูเสียขนาดนั้น ขาคู่เรียวยิ่งถอยกรูดหนักเมื่อติมก้าวเข้ามาเรื่อยๆ จนทั้งสองอยู่ใต้ฝักบัวที่น้ำยังไหลไม่หยุดจนเปียกปอน "อย่าเข้ามานะเว้ย!"



มือแกร่งจับยึดข้อมือผอมเอาไว้แน่น ดึงคนตัวเบาเข้ามาใกล้กระซิบข้างหู



"ถ้ามึงร้องออกไปแล้วไม่อายล่ะก็ ร้องไปเลย"



ร่างโปร่งที่ตัวสั่นระริกถูกดันให้หันหน้าเข้าหากำแพง สะดุ้งเฮือกปิดปากกั้นเสียงที่จะตะโกนเรียกคนข้างนอกแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ มือใหญ่ลูบไล้เคล้นคลึงที่เอวบาง วนเวียนให้คนไม่มีประสบการณ์เสียววูบวาบ "อ๊ะ ชะ ช่วย ฮื้อ..."



"อื้อ..." แถมมือลื่นร้อนผ่าวแทรกความหนาวเย็นจากสายน้ำมันกำลังเลื้อยขึ้นมาด้านบนอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้รามตัวอ่อนปวกเปียก



"ผิวขาวเหลืองแบบนี้ ให้ความรู้สึกแปลกใหม่เหมือนกันนะ" ไอติมพูดเสียงทุ้มสั่นพร่า ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ดูเร้าอารมณ์ให้บรรยากาศมันคุด้วยความเร่าร้อนไปหมด



"อ๊ะ!" มือเรียวกำข้อมือใหญ่ที่กำลังเค้นคลึงอยู่ตรงหัวนมทั้งสองข้าง แต่ก็ห้ามไม่ได้เลย...มันไม่มีแรงขัดขืนแม้แต่นิด สิ่งที่ทำได้มีแต่กัดปากครางเสียงเบาหวิว "อือ"



รู้สึก...เสียวจี๊ด



"ไม่ได้ลองกับคนใหม่ๆ นานขนาดไหนแล้วนะเนี่ย" ร่างสูงพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง พ่นลมหายใจร้อนข้างใบหน้าคนตัวเตี้ยกว่า ขณะเล้าโลมร่างโปร่งบางในอ้อมแขน



"หะ...หยุ...อะ"



"รู้ไหมว่าตรงนี้ของผู้ชายก็รู้สึกดีได้เหมือนกัน" ไม่พูดเปล่าเน้นย้ำจนลมหายใจพระรามหอบกระตุก



ทำไมไอติมถึงทำแบบนี้กับเขาล่ะ อีกฝ่ายไม่ได้ชอบเอมหรอกเหรอ



ดวงตาเรียวปรือมองท่ามกลางสายน้ำ ใบหน้าหล่อเหลาเปียกปอนเซ็กซี่กับดวงตาที่สบมองมาทำให้ความคิดเมื่อครู่พลันหายวับ ทำอะไรไม่ได้นอกจากหลับตาหนี ใบหน้าร้อนผะผ่าว ยิ่งปฏิกิริยาของร่างกายที่ไม่สามารถต้านทานได้ ขาเรียวอ่อนแรงแทบทรุด...นี่ถ้าหากไม่ได้กำแพงและคนด้านหลังช่วยประคองเอาไว้ป่านนี้ลงไปกองกับพื้นแล้ว



"อือ ไอ้...ติม..."



"หึหึ ไม่เคยจริงๆ ด้วย" ติมมองใบหน้าเหม่อลอยแล้วพลิกตัวให้อีกฝ่ายหันมา เห็นอะไรๆ ชัดเจน



"คะ ใครจะไปหื่นกาม! อ๊ะ ฮือ เหมือน...มึง...ล่ะ" พอรามตั้งท่าจะโวยวาย มือใหญ่ก็ยิ่งเค้นหนักที่ปุ่มสีแดงสองข้างจนแข็งตึงรับมือ ร่างโปร่งทำได้แต่ครางหวิว ไอ้ที่คิดจะด่าก็กระเจิงหายไปหมด ขาเรียวพลันหุบเข้าบดเบียดเสียดสีกับขาแกร่งใต้กางเกงยีนส์ที่แทรกเข้าตรงหว่างขา ทั้งๆ ที่อยากจะปิดบังแต่ก็ทำไม่ได้เพราะร่างสูงใหญ่ขวางเอาไว้ แถมยังถูกบังคับให้อ้าขากว้างอย่างน่าอายอีกต่างหาก



"ของมึงนี่น่ารักจริงๆ" พระรามเม้มปากหน้าแดงด้วยความอายเพราะเสียงทุ้ม ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเข่าเริ่มจู่โจมเสียดสีกลางกายอีกครั้ง "เคยช่วยตัวเองบ้างมั้ย"



“อา...”



“หึหึ...ครางเบาๆ หน่อย อยากให้คนข้างนอกได้ยินหรือไง” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนประกายพึงพอใจ .ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงพูดเสียงเบากับคนที่กัดปากครางอือไม่มีสติและไม่ตอบคำถาม



"ไม่..." ร่างโปร่งส่ายหน้าเพราะคาดเดาได้ลางๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป “ปล่อยกูเถอะติม”



"พูดเพราะๆ แล้วเดี๋ยวจะปล่อย" ร่างสูงว่า เรื่องอะไรจะปล่อยกันง่ายๆ “บอกแล้วไงว่าอย่าท้า”



ลิ้นร้อนแลบเลียริมฝีปาก สายน้ำเย็นไม่อาจดับความอยากที่กำลังปะทุได้ มีโอกาสที่จะได้เป็นคนแรกของใครบางคน มันต้องรีบคว้าเอาไว้สิ



"ติม กู...อื้อ!!"



"แข็งแล้ว" ดวงตาคู่คมอันตรายมองเบื้องล่างของรุ่นพี่ที่ตั้งตรงชี้เข้าหน้าตน ยิ่งใช้สองนิ้วยาวคีบดึงจุกที่แข็งขึงเล่นจนคนถูกกระทำยกมือปิดปากแทนไม่ทัน “ดีมั้ย”



"อื้อ!! อื้อ!" หยาดน้ำตาใสไหลริน ถูกทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีอะไรกับใครและไม่เคยผ่านมือใครมาก่อนก็ต้องรู้สึกมากเป็นธรรมดา ทั้งเบียดเสียด บีบคลึง จนรู้สึกปวดหนึบช่วงล่างอย่างบอกไม่ถูก แต่พระรามก็ไม่อยากขอร้องให้เสียหน้า ร่างโปร่งเม้มปากหอบหายใจอ่อนแรง หน้าที่เคยขาวเหลืองบัดนี้แดงก่ำ รู้สึกร้อนระอุไปทั่วร่างกาย



ไอติมยิ้มมุมปาก แค่นี้ก็น่าจะได้ที่แล้ว



ฟึ่บ!



"อ๊ะ! จะทำอะไร..." ร่างโปร่งถูกพลิกให้หันหน้าเข้าหากำแพงอีกครั้ง รีบขัดขืนทันทีด้วยความหวาดกลัว "ไม่!"



"อยู่เฉยๆ สิวะ"



"ก็มึงจะทำอะไร ไม่เอา!" รามโวยวายทันทีไม่ได้สนใจว่าคนข้างนอกจะเข้าใจผิดว่าอย่างไร ความเร่าร้อนเสียวซ่านเมื่อกี้มันหดหายหมดเพราะความหวาดกลัวเข้าแทรก "มึงชอบเอมไม่ใช่เหรอ...แล้วมึงมาทำแบบนี้กับกูทำไม"



เขางัดเรื่องนี้ขึ้นมาพูดหวังให้มันฟังแล้วจะหยุดสิ่งที่กำลังคิดจะทำ แต่ไม่เลย ไอติมไม่สนใจด้วยซ้ำ ซ้ำยังมองกลับมาด้วยแววตาน่ากลัว



พระรามก็เป็นแค่คนไร้เดียงสาที่แยกเรื่องความรักกับอารมณ์อย่างว่าไม่ออก



"เรื่องเซ็กส์กับเรื่องชอบมันคนละเรื่องกัน หุบปาก...หันไปได้แล้ว" ร่างโปร่งยังคงขัดขืนมือใหญ่ที่กำลังพลิกเขาให้หันหากำแพงเพื่อจะให้อีกฝ่ายทำภารกิจได้ถนัดถนี่



"แต่สำหรับกูมันคือเรื่องเดียวกัน!"



"นั่นมันเรื่องของมึง" คราวนี้ไม่รอให้ขัดขืน ร่างสูงกดคนตัวเล็กกว่าบังคับหันหน้าเข้าหากำแพงกระเบื้องสีขาวทันที รามตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว วอนขออีกฝ่ายเสียงสั่นเครือเมื่อรู้แล้วว่าสู้ด้วยกำลังไม่ได้



"อ๊ะ ไม่เอา...อึก ติม"



"เหอะน่า กูยังไม่เอามึงตอนนี้หรอก เดี๋ยวระบมขึ้นมาจะลำบาก เพราะงั้นอยู่นิ่งๆ!" เสียงทุ้มเค้นอย่างหมดความอดทน กัดฟันจนกรามปูด นี่ก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ได้ยินเสียงครางแล้วจะไม่รู้สึก เขาก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน



"อ๊ะ ซี้ด จะทำอะ...ไร" มือเรียวตะปบข้อมือของคนที่จับแก่นกายของตัวเองแน่น ไม่เท่านั้นมันยังเริ่มขยับเค้นหนักๆ จนต้องร้องซี้ดสำลักอากาศ “ฮะ...!”



ถึงจะเคยช่วยตัวเองมาบ้างตามประสาผู้ชายทั่วไป แต่ไม่เคยให้คนอื่นมาช่วยเลย...สัมผัสมือของคนอื่นมันรู้สึกแปลกประหลาด



ติมหายใจแรงเลียริมฝีปากแห้งผาก มองร่างโปร่งที่ตัวแดง ยืนพิงอกอ้าขาส่งเสียงครางขณะที่เขากำลังช่วยอีกฝ่าย แถมมือเรียวที่จิกกุมข้อมือใหญ่ก็กระตุกบ้างเพราะปฏิกิริยาของร่างกายที่ห้ามไม่ได้ เรียกอารมณ์หื่นได้เป็นอย่างดีเชียว



นี่คือพระราม รุ่นพี่ที่ยืนด่าเขาปาวๆ



"อะ! หะ! ติม..." เสียงทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์ครางเรียกชื่อคนที่มอบความเสียวซ่านให้ตนเบาหวิว ปรือตามองใบหน้าหล่อคมอย่างเหม่อลอย สะโพกเล็กขยับตามจังหวะมือใหญ่ไม่รู้ตัว ใบหน้ามนยื่นหน้าเข้าหาอย่างเหม่อลอย...อยากสัมผัส...ริมฝีปากหยักน่าจูบนั่น



ใบหน้าคมเลี่ยงวูบ ปากบางที่อ้าปากครางอืออาเสียงสั่นจึงได้แต่สัมผัสสันกรามเท่านั้น จากนั้นร่างกายผอมก็กระตุกเสียวแปลบขึ้นมาเพราะมือใหญ่เค้นหนักเร่งจังหวะ จนในหัวสมองมันขาวโพลน คิดอะไรไม่ออก



"อืม...ฮืม อ๊ะ" เสียงครางคละเคล้ากับเสียงน้ำที่เปิดทิ้งไว้เพื่อกลบเสียงน่าอายที่เกิดขึ้น "อ๊ะ ใกล้...ติม...จะถึง ฮ้า..."



ฟึ่บๆๆๆ



"อ๊...อื๊ออออ!!" มือใหญ่ปบตะครุบเข้าที่ใบหน้าเล็กทันท่วงทีพร้อมกับน้ำสีขาวขุ่นพ่นออกมาจากแก่นกายเล็กเหมาะสมกับขนาดตัว ติมมองมือของตัวเอง...ออกมาเยอะกว่าที่คิดเอาไว้



หลังจากที่ร่างกายสั่นระริกปลดปล่อยออกจนหมด ขาเรียวทรุดลงอ่อนแรง แต่ร่างสูงเกี่ยวเอวบางเอาไว้ทัน พยุงร่างปวกเปียกให้ลงมานั่งทับตักแกร่ง แผ่นหลังผอมแนบอกแกร่งเปลือยเปล่าจนรู้สึกถึงกล้ามเนื้อเป็นมัดน่าหลงใหล



"อ๊ะ...ติม มึง..." ร่างเปลือยเปล่าที่นั่งหอบสะดุ้งเฮือก รีบยกตัวขึ้นแต่โดนมือใหญ่กดเอวเอาไว้



"บอกให้พูดเพราะๆ ไง" เสียงทุ้มหัวเราะรู้ดีว่าปฏิกิริยาของอีกฝ่ายคืออะไร "ไม่เป็นไร...ไม่ทำอะไรหรอกแค่ขอปล่อยบ้างเท่านั้น...ได้ไหม"



"อ๊ะ!!" ใบหน้าขาวร้อนไม่รู้จะร้อนอย่างไร ก็อีกฝ่ายไม่แค่พูดกระซิบข้างหูให้ขนลุก แต่ยังดันสะโพกที่แก่นกายตุงคับกางเกงยีนส์จนปูดนูนเข้ากับร่องสะโพกขาวพอดิบพอดี ความร้อนที่แผ่ออกมาตัดความเย็นของสายน้ำกับแรงบดคลึงทำให้ร่างโปร่งวาบหวิว "อา..."



ใหญ่ชะมัด...อะไรกันน่ะ



คนที่โดนมันกระแทกเข้าไปไม่เจ็บบ้างหรือไง



นี่เขาคิดอะไร...เขาไม่ได้อยากจะโดนสักหน่อย



"จะทำอะไร...ก็รีบทำสิ" เสียงทุ้มใสพูดแผ่ว รู้สึกได้เลยว่าตัวเองหน้าแดงขนาดไหน



คำพูดของรามไม่ต่างจากคำอนุญาตที่ทำให้ติมยิ้มหื่นยกคนตัวเบาขึ้นและรูดซิปดังพรืด



"มะ มะ มึงทำอะไร!? ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไง!?"



"ก็ไม่ทำอะไร แต่ถ้าทำแบบนี้ซิปจะโดนของรามนะ ไม่เจ็บเหรอ?" เสียงทุ้มต่ำพร่าพูดพลางกลั้วหัวเราะ มือใหญ่ปลดกางเกงออกจากสะโพกเห็นกางเกงในสีดำยี่ห้อแพงที่เปียกและแนบเห็นชัดถึงรูปร่างของแก่นกายใหญ่ที่แข็งตัว



"...อุ" ตาเรียวเบิกโต ถ้ารามตาไม่ฝาดล่ะก็เมื่อกี้เหมือนเห็นหัวมังกรโผล่พ้นกางเกงในสีดำมานิดนึง "อื้อ!"



มือเรียวตะปบปิดปาก ครางเสียงสั่นเมื่อไอติมจับให้นั่งเหมือนเดิมและกดให้สะโพกเล็กของร่างผอมเพรียวรับกับของที่ทั้งร้อนทั้งใหญ่ ขยับบดคลึงหนักหน่วงด้วยท่าทางที่น่าอาย นิ้วไร้เล็บจิกข่วนต้นขาแกร่ง ขาเรียวไร้ไขมันเกร็งหนีบอย่างเสียวซ่าน "ฮึก อื้อ..."



ข้างล่างมันร้อนมาก...ร้อน...ระอุ



"อืม..." เสียงทุ้มครางต่ำในลำคอคล้ายสัตว์ป่า ดวงตาคมกริบจ้องมองร่างขาวบิดเร้าอย่างไร้เดียงสา สายน้ำจากฝักบัวที่พร่างพรายทั่วแผ่นหลัง ตั้งแต่สะบัก กระดูกสันหลังปูดเป็นลูกตามแนวและเอวคอด พระรามเป็นคนผอมมาก แต่ประกอบรวมๆ กันแล้วก็เย้ายวนจนอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นเลียหลังหูและลำคอที่มันแดงไปหมด ยิ่งปฏิกิริยาสะดุ้งเฮือกหดคอหนีของอีกฝ่ายแล้วมันยิ่งกระตุ้นให้อยากทำแรงๆ



แขนยาวโอบกอดเอวบางให้มาแนบชิดกับอกกว้าง ออกแรงทั้งกด ทั้งเบียดคลึง ขยับสะโพกให้มันแนบชิด...บดเบียดให้ตัวตนร้อนผ่าวแทบปริแตก...เร่าร้อนรุนแรงเหมือนมีเซ็กส์กันจริงๆ



แบบนี้มันไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่...แต่ก็ต้องอดทน



อดเปรี้ยวไว้กินหวาน



"ติม...ติม!" ริมฝีปากบางอ้าครางอย่างทนไม่ไหว น้ำลายใสๆ ไหลยืดออกจากมุมปากผ่านคางสู่ลำคอ



เขาไม่เคยมีเซ็กส์ก็จริง แต่โดนทำแค่นี้มันก็แทบไม่ไหว เร่าร้อนเกินไปแล้ว "อื๊อออ"



ไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้จะอยู่ในห้องน้ำรวมที่ใครๆ ก็สามารถเข้ามาได้ยินได้กันทั้งนั้น แต่สัมผัสของไอติมทำให้เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่าง



"ราม ทนอีกนิด" ติมหลับตาครางต่ำยิ่งบดคลึงหนักจนรามดิ้นเร่า



"อ๊ะ อ๊ะ อื๊อ" ร่างโปร่งกัดปากคราง ยกมือขึ้นแตะแผ่นอก เม็ดไตตรงที่โดนติมบดคลึงมันบวมเต่ง เพียงนิ้วเรียวกดเพียงเล็กน้อยร่างกายก็กระตุกเกร็ง น่าอายแต่สองมือทั้งบดคลึงและจิกดึงเหมือนที่อีกฝ่ายเคยทำจนร่างกายบิดเร่าหนัก...จากที่จะช่วยระบายความร้อนจากเบื้องล่างที่เสียดสีแรงนี้...ยิ่งทำให้ปวดมวนหนักเข้าไปใหญ่



"แฮ่ก...ยะ อ๊ะ...!"



"อา..."



ไม่ไหว...รู้สึกเสียวซ่านไปหมดเลย แค่ได้ยินเสียงครางแหบๆ ของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ปวดท้องน้อย แค่เพียงเสียงทุ้มเรียกชื่อ...ทั้งสัมผัสด้านล่างที่เหมือนจะเปียกลื่น ชื้นแฉะ และ...



"อ๊ะ!!!"



พรวด!



"แฮ่ก...แฮ่ก..." ร่างโปร่งหน้าแดงกอบโกยเอาอากาศ หอบหายใจอย่างกับวิ่งมาราธอนมา พิงอกกว้างอย่างอ่อนแรง ตาเรียวปรือมอง เมื่อกี้นี้มัน...



"จุดอ่อนคือที่หูสินะ" เสียงทุ้มด้านหลังหัวเราะในลำคอ "แค่กัดหู ก็เสร็จได้ด้วย หึหึ โคตรน่ารัก"



มะ เมื่อกี้ติมบอกว่าเขา นะ...น่ารั...ก?



"ติม...อือ...อย่า..." เสียงทุ้มใสเรียกชื่อคนที่ใช้ริมฝีปากร้อนแนบหลังคอเบาหวิว ตาเรียวเหลือบมองสายตาคมที่สบมองกลับมาอย่างต้องการ



"ฮ่า...รามเสร็จไปตั้งสองรอบแล้ว ขอผมบ้าง...นะ"



สรรพนามหวานหูเปลี่ยนไปกะทันหันจนคนฟังปรับตัวตามไม่ทัน ร้อนทั้งหน้าและหู แต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกดันให้คุกเข่า พอหันไปมอง อีกฝ่ายก็ปลดกางเกงในออกจากสะโพกสอบจนตัวตนร้อนผ่าวที่รามสัมผัสผ่านเนื้อผ้าบางเมื่อครู่เด้งผึงออกมา ตาเรียวเบิกกว้างทันทีที่เห็นขนาดของมันชัดเจน



ส่วนร่างสูงเลียปาก หายใจเข้าออกแรงเมื่อช่องทางสีชมพูที่ปิดสนิทเริ่มขมิบหนักเพียงแค่เห็นลูกชายพองตัวเขา



แต่เหมือนเจ้าตัวคงไม่รู้...ว่าร่างกายของตนต้องการที่จะให้เขาเข้าไปแทรกลึกมากขนาดไหน



มือใหญ่รูดรั้งของตัวเองสามสี่ที วางท่อนเนื้อร้อนลงบนร่องสะโพกเล็กและขยับถูเบาๆ จนร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก ความร้อนระอุที่เหมือนกับไฟโลกันต์แทบจะแผดเผาผิวกาย...มันเทียบไม่ได้กับตอนที่อยู่ภายใต้ร่มผ้าเลยแม้แต่นิด



"ไม่เป็นไร ไม่ทำอะไรหรอก" ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ก็อดแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งไปมาไม่ได้ ยิ่งต้องกลืนน้ำลายดังเอื้อกเมื่อเห็นช่องทางสีชมพูเล็กๆ ขมิบระรัวเนื่องจากเจ้าของหอบหายใจสั่นระริก



"ติม..."



ร่างสูงหายใจแรงดังฟืดฟาด...อยากตอบสนองความต้องการของตัวเองโดยการเข้าไปกระแทกกระทั้นเสียดสีกับผนังนุ่มอุ่น



...ใจเย็นๆ ...ใจเย็นๆ ...



มือใหญ่จับรอบเอวบางไว้มั่น ก่อนที่จะขยับสะโพกตัวเองให้เข้าจังหวะ มือใหญ่บีบก้อนเนื้อนิ่มอันน้อยนิดให้บีบลูกชายที่พองตัวของตัวเองไว้ ความร้อนที่ถูอยู่กับร่องก้นทำให้ร่างโปร่งต้องร้องครางอีกครั้ง บัดนี้ไม่สนใจแล้วว่าคนข้างนอกจะได้ยินหรือไม่ เพราะความร้อนระอุที่ขยับเสียดสีนี้มันทำให้สมองพร่ามัว หวีดร้องดังๆ ให้สมกับอารมณ์ที่ปะทุขึ้น



“อ๊า ไม่...จะ ฮะ!” พระรามเท้าแขนกับพื้นกระเบื้องลื่น แทบจะประคองตัวเองไว้ไม่ได้เมื่อแรงด้านหลังส่งมาแรงขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้ามนเอี้ยวมองน้ำตาคลอและวอนขอเสียงสั่น “อ๊ะ ติม...ฮึก มันมาอีกแล้ว”



>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep3 03/02/2019
«ตอบ #5 เมื่อ03-02-2019 17:15:43 »



>>>>>>>>>>>>>>>ต่อจากด้านบน



“อดทนอีกนิด...อีกนิด อา”



น้ำเย็นสาดกระทบผิวกาย แต่ไม่อาจต้านทานความเร่าร้อนของอารมณ์ของทั้งคู่ จนกระทั่ง...



"ซี้ด!"



"ฮื้อออ ฮึก!" น้ำอุ่นๆ มากมายถูกพ่นใส่ร่องก้นขาวและแผ่นหลังจนไหลเยิ้มเหนอะหนะ ร่างสูงหอบหายใจ นิ้วโป้งเผลอคลึงตรงปากช่องทางที่สีแดงก่ำพร้อมขมิบเชิญชวนให้แทรกความร้อนระอุลงไป ยิ่งคิดยิ่งอยากทำอีกรอบ...โดยที่เจ้าของร่างก็นอนโก่งสะโพกหอบหายใจเหม่อลอยไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ากำลังจะโดนงูเห่าเขมือบกิน



ลิ้นร้อนแลบเลียริมฝีปากและกลืนน้ำลายอย่างกระหายครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะความยั่วยวนอย่างไร้เดียงสา จากนี้ต้องรีบๆ ทำให้พระรามชินเข้าไว้...และสักวันหนึ่งเขาจะต้องได้อย่างที่ใจอยาก จะต้องฝังตัวตนเข้าไปในช่องทางนี้ลึกที่สุดและฝากลูกๆ นับล้านภายในร่างกายขาว



'กูไม่มีทางนอนถ่างขาให้มึงมาเอากูหรอกเว้ย!'



พระรามจะรู้สึกยังไงนะ เมื่ออีกฝ่ายกลับคำพูดที่ตัวเองเคยว่าไว้



ไอติมผ่อนลมหายใจ มองร่างโปร่งที่ยังนอนโก้งโค้งหอบหายใจตาปรือปรอยเหม่อลอยทั้งที่ด้านหลังยังเลอะน้ำสีขาวขุ่นที่เริ่มละลายไปกับสายน้ำที่สาดลงมาก็ยิ้มร้ายทันที

ดูท่าว่าจะไม่นานเกินรอ...

********************* Love Substitute *********************

“เป็นยังไงบ้างล่ะ คนสำส่อนอย่างผมลีลาพอใช้ได้มั้ย”



เพียะ!



“อย่ามาแตะ” ร่างโปร่งฟาดมือที่บังอาจจับเอวบางเปลือยเปล่า รามเขม่นหน้าใส่ร่างสูง ฮึ่ย คนกำลังจะใส่เสื้อก็จับอยู่นั่นแหละ



“ทำเป็นหวงตัว เมื่อกี้ใครครางเสียงดังเชียว ไม่รู้จะมีใครได้ยินรึเปล่านะ” คนพูดไม่ได้หนักใจ แต่ยิ้มกริ่มกวนอารมณ์คนฟัง



“ไอ้...!”



“พรุ่งนี้ขออีกรอบนะ” ไอติมเลียริมฝีปากแห้ง รู้สึกอารมณ์ยังค้างๆ อยู่เลย



ท่าทางหื่นกระหายทำเอาใบหน้าขาวแดงวาบ



“ฝัน!” ขาเรียวเดินหนีออกไปโดยไม่ลืมมองซ้ายขวารอบคอบ พอเห็นว่าไม่มีคนแล้วก็เดินออกไปทิ้งร่างสูงยืนผิวปากเอาไว้



“แล้วจะคอยดูว่าฝันหรือจริง”

********************* Love Substitute *********************

วันรุ่งขึ้นในค่ายกลางเขา



ความบังเอิญนี่ช่างเฮงซวยจริงๆ! ของจริงเลย!



พระเจ้ากลั่นแกล้งกันใช่ไหมเนี่ย...ที่ให้เขากับไอ้(หื่น)ติมมาจับคู่ทำงานด้วยกัน!?



“นี่...ใครเขาให้ทำกันแบบนั้น”



“อ้าวไม่ใช่เหรอ”



คิ้วเรียวกระตุก “เออสิ ไปเลย มึงไปยกต้นไม้เลย ส่งพลั่วมาเดี๋ยวกูทำเอง”



ไอติมไม่ค้าน ขายาวผุดลุกขึ้นเดินไปตามทิศทางที่รามชี้ ร่างโปร่งมองตามก่อนจะนั่งยองๆ จับพลั่วมาถือไว้ แขนปาดเหงื่อที่ไหลท่วมใบหน้าเพราะแดดร้อนแรงจนแสบตานี่



รามส่ายหน้าลงมือขุดหลุมเละเทะที่คนรุ่นน้องที่ทำตัวเหมือนไม่ใช่รุ่นน้องทำเอาไว้ให้ดูดีขึ้น แค่ขุดดินมันยังทำไม่ได้เรื่องเล้ย ให้ตายเถอะ



“อ่ะ ราม มาแล้ว”



“เรียก ‘พี่’ ด้วยสิ” เขาขมวดคิ้วพูดกับการเรียกชื่อห้วนๆ ของอีกฝ่าย พลางรับต้นไม้ที่มันส่งมา



“ก็ไม่อยากเรียก”



ร่างโปร่งพ่นลมหายใจ ก็กะไว้แล้วแหละว่ามันพูดดีได้แค่กับชะเอม คนที่มันชอบนี่นะ ในขณะที่ใช้พลั่วตบหน้าดินดังปุๆ เพื่อกลบรากให้เนียนอย่างไม่สนใจ จู่ๆ เสียงทุ้มกระซิบข้างหูแผ่วเบา “อยากเรียก‘เมีย’ มากกว่า”



“!!” ร่างโปร่งสะดุ้งตกใจผละออกมาจนก้นจ้ำเบ้าเปื้อนดิน จนคนรอบข้างหันมามองอย่างแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งไอติมก็โบกมือยิ้มๆ ว่าไม่มีอะไร



ตึกตัก...ตึกตัก



ใบหูเล็กร้อนผ่าวจากสีขาวกลายเป็นแดง เมื่อกี้...เสียงอะไร...หัวใจ



ติมมองท่าทางนิ่งไปของรุ่นพี่ที่ตัวสูงแค่ปลายจมูกแล้วยิ้มกริ่ม



“ลุกได้เปล่าราม” ไอติมยื่นมือให้จับ แต่ถูกรามปัดทิ้งและร่างโปร่งก็ลุกขึ้นปัดเศษดินที่เลอะออกจากกางเกงเก้อๆ ...มือเรียวที่ยังเลอะดินยิ่งปัดกางเกงมันยิ่งเลอะเทอะ

“เมื่อกี้มึงพูดอะไร”



“หืม ได้ยินไม่ชัดเหรอ” ไอติมเลิกคิ้ว เดินเข้ามาจับแขนเรียว และยื่นหน้าเข้าใกล้ชิดอีกครั้ง “เดี๋ยวคืนนี้ถ้า ‘ยอม’ ล่ะก็จะเรียกให้ก็ได้นะ...เมียครับ”



“คะ ใครจะยอมมึงกัน...” เสียงทุ้มใสอุบอิบ ซ่อนหน้าแดงไม่มิด



“ถ้าจะปฏิเสธก็ให้มันหนักแน่นหน่อยสิครับรุ่นพี่” เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ “จริงๆ แล้วติดใจลีลาของผมใช่มั้ยล่ะ?”



แค่ได้ยินก็ทำให้นึกถึงภาพความทรงจำเรื่องเมื่อวานในหัว...ปฏิเสธไม่ออกว่ามันช่ำชองอย่างที่ปากว่าจริงๆ



รามไม่ตอบ ทำเป็นเมินและทำงานตรงหน้าต่อ ซึ่งไอติมก็ไม่ได้ว่าอะไรนั่งยองๆ ตาม



ในขณะที่จดจ่อกับการขุดดินให้เป็นหลุมตรงหน้า จู่ๆ สัมผัสเย็นบางอย่างก็โดนข้างแก้มทำให้รามสะดุ้งเฮือกเหลือบมอง



ผ้าเย็น?



"หลับตาสิ"



ไอติมจับผ้าสีขาวนุ่มไล้ใบหน้ามนที่เต็มไปด้วยเหงื่อให้จนทั่ว เพราะมือเรียวทั้งสองข้างเปรอะเปื้อนดินเต็มไปหมด สายตาคมที่จ้องมองมาทำให้ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ...รู้สึกเขินขึ้นมาซะอย่างนั้น



ตึกตัก...ตึกตัก



แล้วทำไมหัวใจถึงได้เต้นดังแบบนี้



“...นี่มึงเป็นคนยังไงกันแน่”



ทำไมถึงมาใจดีทำให้เขาใจเต้น...ทำให้เข้าใจผิดจนเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายชอบเขาอยู่...



นั่นมันเป็นไปไม่ได้หรอก...เพราะไอติมชอบชะเอม...อย่างรามน่ะเทียบกับเพื่อนตัวบางคนนั้นไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว ไม่ว่าจะหน้าตาหรือนิสัย...ดังนั้นไม่มีทางที่ไอติมจะชอบเขา



แล้วสิ่งที่ร่างสูงทำกับเขานั่นมันคืออะไรกันล่ะ...อยากตามประสาผู้ชายทั่วไปเหรอ? ก็ยังตอบไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมต้องเป็นเขา



และบางครั้งถ้าเขาตาไม่ฝาดล่ะก็...แววตาคมกริบก็ดูร้ายเสียจนน่ากลัว



...ไม่เข้าใจเลย



ร่างสูงยิ้มบาง ก่อนจะอ้าปากตอบ “คนหล่อ”



คำตอบที่ได้ยินทำให้รามที่รู้สึกจริงจังกลอกตาถอนหายใจดังทันที “เอาที่สบายใจ”



ไอ้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นชั่ววูบนั่น สงสัยเขาจะเข้าใจผิดไปเองจริงๆ!



“นี่” รามเรียกร่างสูงของรุ่นน้องที่แย่งพลั่วไปขุดเสียเอง แถมดูดีผิดจากตอนแรกลิบลับ...สรุปว่าตอนแรกหลอกให้ทำสินะ



“...”



ดวงตาเรียวเหลือบมองคนด้านข้าง ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังตั้งใจทำงานช่างน่าหลงใหล ไม่ว่าจะมุมไหนไอติมก็ดูดีไปหมด ไม่แปลกเลยที่จะทำให้คนมองใจเต้น



ยิ่งตอนที่มีอารมณ์อย่างว่า เวลาเสียงทุ้มพร่าเอ่ยออดอ้อน...เขาปฏิเสธไม่ได้เลย



จริงสิ จะว่าไป...



"นี่" ไอติมนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ทำให้เขาต้องเรียกอีกครั้ง หูตึงรึไง “นี่!”



ร่างสูงเหลือบมอง “ผมมีชื่อ มาเรียกนี่ๆ ...ไม่มีมารยาทเลย”



“อ๋อ เหรอ มึงมีมารยาทมากกก” พระรามพูดเสียงยานคางประชด...มาว่าเขาไม่มีมารยาท ตัวเองมีตายล่ะ มาเรียกชื่อรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าห้วนๆ เนี่ย สมควรเหรอ?



“เนี่ย พูดไม่เพราะด้วย”



“ครับๆ น้องติมครับ” รามพูดอย่างขอไปที



“ไม่ต้องเพราะขนาดนั้นก็ได้ ขนลุก”



ร่างโปร่งคิ้วกระตุกยิกๆ “ตกลงมึงจะเอายังไง”



อย่าให้เปลี่ยนจากคิ้วเป็นเท้า



“ตกลงรามให้ผม ‘เอา’ แล้วเหรอ” ไอติมถามยิ้มๆ แววตานี่บอกได้เลยว่าเป็นประกายระยิบระยับ ไอ้หื่น!



“เอาเหี้ยไรล่ะ! ไอ้ห่านี่!” เสียงทุ้มใสแหวใส่ จะให้คุยดีๆ แต่ดันกวนตีนแบบนี้...ไอ้เวร!



ไอติมหลุดหัวเราะเสียงดัง ใบหน้าที่หล่อเหมือนดารายิ่งเป็นประกายสดใสจนคนรอบข้างมอง ยิ่งเป็นจุดสนใจมากขึ้นไปอีก “ตกลงรามเรียกทำไม”



เขาเลิกคิ้วก่อนจะนึกขึ้นได้ “เออว่ะ นึกแปป”



“อะไร”



“ก็มัวแต่เถียงกับมึง กูเลยลืมว่าจะพูดอะไรไง”



ไอติมหัวเราะอีกครั้ง ทำให้รามมองตาขวาง



“หัวเราะอะไรนักหนา”



“ก็รามตลก”



“กูไม่ใช่ตัวตลก ไม่ต้องมาขำ...” เขาพูดห้วนทั้งๆ ในใจคันยุบยิบ ถอดถุงดำออกจากรากต้นไม้ก่อนจะวางลงหลุมที่มันขุดรอ “เออ นึกออกละ...กูจะถามว่าปกติ...อ่า ที่มึงทำกับใครต่อใครนี่ป้องกันป่ะ”



คิ้วเข้มเลิกงงๆ “หืม หมายถึงเซ็กส์เหรอ”



“เออสิ” ตาเรียวกลอกมองรอบด้านระแวดระวัง อย่าพูดดังได้ไหมวะ



“ป้องกันสิราม ใครจะเป็นเอดส์บ้างก็ไม่รู้” เสียงทุ้มตอบกลับมาทำให้รามโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย...



โล่งใจ...นี่เขาโล่งใจเรื่องอะไร!?



“ว่าแต่รามถามทำไม”



“มะ ไม่มีอะไร” เสียงทุ้มใสพูดปฏิเสธตะกุกตะกัก แต่หารู้ไม่ว่าหน้าแดงๆ มันซ่อนไม่ได้ ทำให้ไอติมที่จ้องมองอยู่ยิ้มกริ่ม



ดูท่าว่า...น่าจะอีกไม่นาน



เขาจะต้องได้ในสิ่งที่ต้องการภายในสามวันที่เหลือที่ยังอยู่ค่าย



...ไม่น่าเกินความสามารถ...



ร่างสูงคิดในใจอย่างมั่นใจตัวเอง


********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep3 03/02/2019
«ตอบ #6 เมื่อ07-02-2019 13:06:36 »

 :L1: :pig4:

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep4 08/02/2019
«ตอบ #7 เมื่อ08-02-2019 22:19:41 »



                                                   ทดแทนรัก

                                                    ตอนที่ 4





โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



 "ติม...บอกว่าไม่เอาไง" ร่างโปร่งบอกพร้อมขืนตัวไอ้คนที่ลากข้อมือเขาเข้าดงป่าลึก นี่ถ้ามันจะฆ่าเขาหมกป่าไม่น่าจะมีใครรู้เลยด้วยซ้ำ



“เมื่อวานอยู่ในห้องน้ำเลยทำอะไรไม่ได้มาก วันนี้ขอหน่อยน่า นะ”



“พูดบ้าๆ!!” เสียงทุ้มใสตะโกนลั่น ยิ่งรอบข้างไม่มีใครแบบนี้แล้วเขายิ่งไม่จำเป็นต้องกลั้นเสียง แขนเรียวยื้อตัวเองแต่ไม่ได้ผล “ปล่อยกู”



"นะราม รามจะไม่ช่วยผมจริงๆ เหรอ" ไอติมพูดเสียงอ่อนๆ ...แต่อย่าคิดว่าเขาจะหลงกล



"แต่กูง่วงแล้ว...มึงก็สงสารกูบ้างสิ อ๊ะ!" ร่างสูงผลักร่างโปร่งติดต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เมื่อคิดได้ว่าเข้ามาลึกพอควรที่จะทำอะไรๆ (?) ไม่ให้คนอื่นๆ เห็น



"แต่ผมไม่ไหวแล้วนะ" ใบหน้าหล่อเหลายังไม่หยุดทำหน้าน่าสงสาร แต่เขาทำใจแข็ง



"มึงก็ช่วยตัวเองไปสิ"



"แต่ผมอยากให้รามช่วย"



"ไอ้หื่นนี่!" ติมยิ้มกริ่มเมื่อเห็นใบหน้าขาวแดงวาบ แม้ปากจะด่าแต่ก็คิดลึกเหมือนกันล่ะสิ "เมื่อวานก็ทำไปแล้วไง"



"โธ่ ผู้ชายกำลังเติบโตเขาต้องการทุกที่ทุกเวลานั่นแหละ"



"มึงคนเดียวน่ะสิ! อย่า..." เสียงทุ้มใสครางหวิวเมื่อมือใหญ่เลื้อยเข้าใต้เสื้อ สะกิดติ่งไตที่เริ่มชูชัน แม้ยังไม่ได้สัมผัส

"ร่างกายเป็นขนาดนี้แล้วยังมาบอกว่าไม่ต้องการอีกเหรอ...หืม" ใบหน้าคมกระซิบแผ่วข้างหูให้ขนลุก



“นะ นี่มันเพราะอากาศบนเขามันหนาว...”



เขาต้องหลบหน้าไปอีกทางเพราะลมหายใจร้อนๆ เป่ารดต้นคอแต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเล่นงานซะงั้น ลิ้นเปียกชื้นเลียใบหูขาวซึ่งเป็นจุดอ่อนแถมขบกัดให้ร่างโปร่งบิดเร่า



"อ๊า...! มะ ไม่ อ๊ะ" มือเรียวจิกเกร็งข้อมือแกร่งที่จู่โจมทั้งจุกนมเล็กและแหย่ลิ้นเข้ามาในรูหู “ยะ ฮะ...อื๊อออ!”



"...เซ็กซี่ชะมัด" ร่างสูงผละออกพูดเสียงแหบพร่า เผลอกลืนน้ำลาย ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้ตัวหรือไม่ แต่เวลาหน้าแดงๆ ตาปรือคลอหน่วยด้วยน้ำตามองมา แถมเสียงครางทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์นั่นอีก โคตรกระตุ้นอารมณ์ดิบเลย



ปกติไอติมจะเป็นผู้ชายที่ชอบปลดปล่อยอารมณ์กับเรื่องพวกนี้ เลยจะไม่ค่อยยุ่งกับคนบริสุทธิ์เพราะขี้เกียจจะเล้าโลมหรืออะไรที่เสียเวลาทั้งนั้น คู่นอนส่วนใหญ่ก็มืออาชีพพร้อมจะเข้ามาปรนเปรอให้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องบอก...แต่แบบนี้ก็ให้อารมณ์ไปอีกแบบ



แม้จะต้องอดทนเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัว



"วันนี้ขอเข้าไปได้มั้ย" รามกระตุกเฮือกเมื่อนิ้วยาวเค้นหนักที่หน้าอกจนไม่ได้ฟังคำถาม จนติมต้องเอ่ยอีกรอบพร้อมเลียใบหูอีกครั้ง “ได้มั้ยครับ”



"มะ อ๊ะ ฮื้อ...ติม"



พอถูกเล่นจุดอ่อนหนัก ร่างโปร่งก็ครางอ่อนปวกเปียกอย่างทนไม่ไหว เสียงทุ้มใสเผลอเรียกชื่อทำให้ร่างสูงกัดฟันกรอด มือใหญ่รีบถอดเสื้อผ้าของรุ่นพี่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้ามนเหม่อลอยได้แต่ยกแขนยกขาทำตามมือร้อนผ่าวที่ชักจูง "แค่นิ้วก็ได้...นะราม"



"นิ้ว?" คนถามยังเหม่อลอย



"อืม จะได้ชิน...เวลาผมเข้าไปจะได้ไม่เจ็บ"



รามสะดุ้งรู้สึกตัว หน้าร้อนผ่าวทันที "นะ นิ้ว? เข้ามา? พูดบ้าอะไร ใครจะให้มึงเข้ามา แล้วนี่...เสื้อผ้ากูล่ะ!?"



ติมยิ้มไม่สนใจคำโวยวาย กวาดตามองร่างเปลือยเปล่าที่เพิ่งลิ้มลองครั้งแรกเมื่อวาน ร่างสูงก้าวเข้าแทรกกลางหว่างขาเรียวที่ถูกบังคับให้อ้ากว้าง ไม่รอช้าสะโพกแกร่งกดบดเบียด ‘ลูกชาย’ ที่เริ่มพองตัวเติบโตเพราะมีอารมณ์กับหน้าท้องแบนราบ "ผมเป็นขนาดนี้แล้ว รามจะยังไม่สนใจอีกเหรอ?"



รามอ้าปากพะงาบๆ มองค้าง เลือดลมแล่นขึ้นใบหน้าจนเห่อร้อน



ร่างโปร่งเปลือยเปล่ากับร่างสูงที่เปลือยบนเหลือแต่บ็อกเซอร์ขาสั้นตัวบางใส่นอน ซึ่งสำหรับผู้ชายมันก็ไม่ต่างอะไรกับกางเกงใน...แทบไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรเลย



มันน่าอายนักเมื่อคิดว่าพวกเราแก้ผ้าอยู่กลางแจ้ง แม้จะกลางคืนและกลางป่า...แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่มีใครได้ยิน



"ติม"



"ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวผมจะทำให้รู้สึกดีเอง เพราะงั้นอย่าขัดขืน...แล้วก็ไม่ต้องกลั้นเสียงนะ ผมอยากได้ยิน" แขนใหญ่ตวัดโอบเอวบางไว้แน่นด้วยแขนข้างเดียว มืออีกข้างควักท่อนเนื้อที่เริ่มแข็งของตัวเองออกมารวบจับกับของร่างโปร่งไว้แน่น แล้วรูดรั้งมันไปพร้อมๆ กัน



"อ๊ะ ฮะ...ร้อน...มันร้อน" เสียงทุ้มใสครางเครือ กระตุกเฮือกเมื่อถูกเค้นแรงเป็นบางจังหวะ จิกข้อมือแกร่งแรงๆ อย่างเสียวซ่าน



"อืม..."



ตาเรียวปรือมองแก่นกายสมกับตัวของติม เมื่อวานไม่ค่อยเห็นเพราะหันหลังให้แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่ามันใหญ่มากแค่ไหน รามขบกัดปากไม่รู้ตัวว่าสายตาของตนมองมันย่างหลงใหลแค่ไหน ท่าทางเซ็กซี่ที่แสดงออกมาไม่รู้ตัวยิ่งเร่งให้มือใหญ่เค้นหนักตรงปลายยอดยิ่งทำให้ร่างโปร่งสะบัดหน้าหวีดครางเสียงดัง น้ำบางอย่างไหลผุดซึมออกมาจนเปรอะเปื้อนมือใหญ่มากขึ้น



ยิ่งเสียงครางของรามดังมากเท่าไหร่ มือใหญ่ยิ่งลงแรงเค้นหนักรัวเร็ว ร่างผอมขาวบิดเร่า ยิ่งใกล้ถึงปลายทางสะโพกเล็กยิ่งเขย่งเข้าหาตามจังหวะ มือบางที่จิกข้อมือเมื่อครู่เปลี่ยนมาเกาะไหล่กว้างแทน เนื่องจากความสูงที่ต่างกันแต่ก็ได้แขนแกร่งที่โอบเอวช่วยพยุงด้วย "ติม...ติม กูจะ...!"



“พี่...” เสียงทุ้มต่ำพร่าที่เสียดเข้าโสดสมองไม่ต่างกับมนต์สะกดที่ทำให้รามพูดตามอย่างง่ายดาย



“อ๊ะ มะ ไม่ พี่จะถึง...อ๊ะ อ๊า!”



สองแขนผอมเกร็งโอบกอดร่างสูงแน่น ความรู้สึกพุ่งทะยานถูกปลดปล่อย เสียงหอบหายใจแหบพร่าดังประสาน พร้อมๆ กับร่างกายร้อนระอุขึ้นเมื่อติมยังไม่ได้ปลดปล่อย



"แทนตัวเองว่าพี่อีกสิราม" เสียงทุ้มกระซิบพร่า มือมี่โอบเอวบางไล้ต่ำลงไปด้านหลังในขณะที่รามยังหอบตัวโยนตั้งสติไม่ได้ นิ้วยาวคลึงปากทางที่ขมิบตอบรับสัมผัส และสอดนิ้วกลางเข้าไปทันที



"อ๊า!!" รามเกร็งตัวเมื่อรู้สึกจุกเสียด ก็อยู่ๆ มีอะไรบางอย่างแทรกเข้าไปในร่างกาย ก่อนจะเบะปากเมื่อรู้ว่ามันคือนิ้วของอีกฝ่าย “ฮึก ไม่เอา นะ นิ้ว...”



ร่างสูงขมวดคิ้วแน่นหายใจแรงเหมือนสัตว์ป่าหื่นกระหายเพราะแรงตอดรัดตุบๆ เป็นจังหวะแม้จะเข้าไปแค่ปลายนิ้วก็ทำให้อยากจะแทนที่ด้วยแก่นกายร้อนผ่าวที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย ติมกัดฟันพูดอย่างอดทน "ผ่อนคลาย อย่าเกร็ง"



คนได้ยินเม้มปากแน่นไม่ยอมผ่อนคลายตามคำบอก ด้วยความไม่คุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอม แถมยังเข้ามาในช่องทางที่ไม่ควรเข้าแบบนี้...ถึงจะบอกให้ผ่อนคลายก็เถอะ แต่จะให้เขาทำยังไงล่ะ



เล็บจิกลงไหล่กว้างเปลือยเปล่าจนเป็นรอยแดง แต่อีกฝ่ายก็ไม่บ่นอะไร ซ้ำยังกระตุ้นต่อมบางอย่างมากขึ้นไปอีก



ยั่วชิบ



นิ้วที่สอดแทรกถอนออกก่อนจะป้ายน้ำขาวขุ่นของอีกฝ่ายที่ยังหลงเหลืออยู่บนหน้าท้องแบนจนชุ่มและสอดกลับเข้าไปใช้แทนสารหล่อลื่น นิ้วยาวอีกข้างรู้หน้าที่ ยกขึ้นบดคลึงปุ่มสีเชอรี่บนแผ่นอกบางสีขาวเพื่อให้ร่างโปร่งโฟกัสที่อื่นแทน และได้ผล รามเชิดหน้าครางส่วนล่างผ่อนคลายวูบหนึ่งให้นิ้วยาวคืบคลานจนสุด "อะ...อา"



"ซี้ด" ติมสูดปากเสียงดัง หายใจแรง ช่องทางสีหวานตอดตุ้บรัดแน่นจนนิ้วเขาแทบขยับไม่ได้ ลูกชายที่พองตัวแผ่ความร้อนผะผ่าวยังไม่ได้ปลดปล่อย เปียกชุ่มเพราะน้ำไหลผุดซึมจากส่วนปลายอย่างต้องการ



ร่างโปร่งหอบหายใจหนักหน่วง รู้สึกอึดอัดเหลือคณาจนต้องเงยหน้าอ้อนวอน "ติม พี่จะ...ไม่ไหว เอาออก...แฮ่ก...เถอะ"



มือบางที่จับแขนแกร่งเลื่อนลงมาจับข้อมือพลางดึกออกอย่างไร้เรี่ยวแรง "ราม อย่าดิ้น"



"อือ อึก...อื้อ!" ร่างบางกระตุกเกร็งเมื่อนิ้วขยับเข้าออกเสียดสีจนกระทั่งโดนจุดหนึ่งที่รู้สึกเสียววูบ ไม่รอช้านิ้วชี้สอดตามเข้าไปจากหนึ่งกลายเป็นสองและโจมตีจุดนั้นที่อยู่ภายในทันที "อ๊า! อ๊ะๆๆ! ...อื๊อออ!" ร่างโปร่งครางเสียงสั่น จากถอยหนีกลายเป็นขยับรับสัมผัส จากมือเรียวที่เคยผลักไสกลับสัมผัสหน้าท้องแกร่งตอบกลับบ้าง รู้สึกเสียวซ่านจนทนไม่ไหว ใบหน้ามนเงยขึ้นจากการซบอกแกร่งปรือมองใบหน้าคมหล่อเหลาที่กำลังจ้องมองมาทางนี้เหมือนกัน



หลงใหล...ทั้งสายตา ทั้งร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ทั้งสัมผัสร้อนแรง



"อา ติม...ติม พี่...แฮ่ก..." ริมฝีปากอ้ากว้าง แลบลิ้นออกมาครางระบายความเสียวจนน้ำลายไหลหยดจากปลายคางสู่ลำคอ



ริมฝีปากนั่น...อยากสัมผัส...อยากแนบชิด



อยากจูบ



"อ๊ะอ๊า!!!" ใบหน้ามนสะบัดเชิดหวีดร้องเมื่อโดนความรู้สึกเสียววูบโจมตีจนน้ำตาไหล นิ้วที่สามสอดใส่อย่างรุนแรงเข้าออกจนช่องทางด้านหลังชุ่มฉ่ำ ร่างสูงไม่เปิดโอกาสให้รามได้พัก ทั้งบดคลึงหัวนมไม่พอยังโดนสอดใส่ทางด้านหลังจนแก่นกายที่เพิ่งปลดปล่อยแข็งขืนขึ้นอีกครั้ง



"ตะ...ฮื่อ...ไม่ไหว...แล้ว...!" ในขณะที่ร่างโปร่งหวีดร้องพร้อมเกร็งตัวเตรียมปลดปล่อย จู่ๆ ร่างสูงก็หยุดการกระทำทั้งหมด เหมือนอารมณ์ที่จะแตะจุดสูงสุดถูกถีบตกลงมา ปรับอารมณ์แทบไม่ทัน "แฮ่ก...แฮ่ก..."



“ทำ...ไม?” ติมไม่ตอบแต่พอจะรู้ว่ารามจะถามว่าอะไร ดวงตาคู่คมมองต่ำ วูบหนึ่งมันเย็นชาสุดขั้ว แต่กระพริบตาหนึ่งทีก็หายวับไป



แขนแกร่งท้าวลงบนต้นไม้ใหญ่ด้านหลังข้างศีรษะทุย มือใหญ่ยกขึ้นกอบกุมท่อนเนื้อของตัวเอง รูดรั้งมันช้าๆ โดยที่สายตาคมกริบยังจ้องที่ใบหน้ามนนิ่งราวกับงูเห่าจ้องเหยื่อ ทำให้คนถูกมองรู้สึกวูบวาบ



"ราม..."



เขา...กำลังจะถูกกลืนกินทั้งตัว



"ตะ...ติม พี่..."



"ราม..."



เสียงครางทุ้มเรียกชื่อและเสียงขยับมือรูดรั้งเป็นจังหวะของอีกฝ่ายทำให้รามก้มมองเหม่อลอย ภาพตรงหน้านอกจากจะทำให้ใจเต้นรัวหน้าร้อนผ่าวแล้ว มันยังเหมือนมนต์สะกดให้มือบางเอื้อมไปจับของตัวเองแล้วรูดรั้งบ้างเพื่อพาอารมณ์ค้างคาของตัวเองไปให้ถึงจุด



"อือ...อะ..."



เขากำลังช่วยตัวเอง...ซึ่งไม่เคยทำต่อหน้าใครมาก่อน เรื่องน่าอายแบบนี้...แต่ไม่รู้ทำไมกับติม เขาถึง...



เขาอาจจะถูกใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาสีน้ำตาลนั่นสะกดให้หลงใหล...หลงรักเข้าแล้ว



"ซี้ด ราม...เซ็กซี่" ดวงตาคู่คมจ้องมองพระรามที่อยู่ใต้ร่าง ซึ่งกำลังหลับตาพริ้มยกมือรูดรั้งท่อนเนื้อขนาดเล็กน่ารักที่มันแข็งขืนขึ้นอีกครั้งเพราะเขาสอดนิ้วจากด้านหลัง คิ้วบางขมวดน้อยๆ อ้าปากครางเสียงทุ้มใสอันเป็นเอกลักษณ์ เม็ดสีชมพูทั้งสองแข็งเป็นไตและหน้าท้องแบนเรียบหดเกร็งเพราะอารมณ์วาบหวิว



จมูกโด่งก้มลงจนลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดหน้า กลิ่นหอมเย็นๆ ของลมหายใจร่างสูงที่เข้าใกล้ทำให้รามปรือตามองและยื่นหน้าเข้าหา และเป็นอีกครั้งที่ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออย่างไร ใบหน้าคมเลี่ยงซบไหล่บางขบเม้มที่ไหปลาร้าปูดนูนจนเป็นรอยแดง มือใหญ่จับมือของอีกคนให้มาจับของตัวเอง



"ช่วยหน่อย"



รามสะดุ้งกับความร้อนและขนาดอันใหญ่โตจนหน้าแดงเถือก เม้มปากขมวดคิ้วแน่น ทั้งๆ ที่รามก็อยากจะเสร็จ แต่พอใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมจ้องตาในระยะประชิดมันทำให้มือเรียวที่สากเล็กน้อยขยับรูดอัตโนมัติอย่างเก้ๆ กังๆ



ขนาดของเขากับมันต่างกันจริงๆ ...ทั้งร้อน...แล้วยังแข็งโป๊ก



"เร็วสิ"



ตาเรียวหลับแน่น ฝืนขยับเร็วและเค้นหนักๆ ไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงครางทุ้มแหบพร่า เร่งให้มือที่กอบกุมขยับหนักขึ้น เร็วขึ้น



"อา...ราม"



ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มครางเรียกชื่อตนยิ่งปวดมวน ริมฝีปากบางอ้าหอบหายใจทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายช่วยอีกฝ่ายแท้ๆ นานนับหลายนาที ในที่สุดติมก็เชิดคราง ลูกชายได้รับการปลดปล่อยหลังจากอดทนมานาน กระตุกพ่นน้ำอุ่นร้อนเหนียวๆ รดหน้าท้องขาวแบนเรียบ รามเหม่อมองมือของตัวเองที่เต็มไปด้วยน้ำของอีกฝ่าย พลันเสียงหอบหายใจหนักทำให้เงยหน้าขึ้นมอง...เห็นสีหน้าตอนเสร็จของอีกฝ่ายแล้วมัน...



"อึก!" ร่างโปร่งกระตุกพ่นน้ำออกมาบ้าง ก่อนจะหอบหายใจอย่างหมดแรงจนตัวสั่น ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอยิ่งทำให้คนตัวขาวก้มหน้างุดหน้าแดงคอแดงเข้าไปใหญ่



นี่เขาเสร็จเพราะเห็นหน้าสุขสมของติม รู้ถึงไหนอายถึงนั่น



"ดีมั้ย"



ไอติมถามขึ้นตอนที่เรากำลังใส่เสื้อผ้ากัน ร่างโปร่งรับเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ใส่เหมือนเดิมทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เช็ดน้ำอะไรออก รู้สึกร้อนหน้าเพราะอายไม่รู้จะอายยังไง ตอนแรกก็ปฏิเสธมันเสียงเด็ดขาดอยู่แต่พอมันสัมผัสก็ปล่อยอารมณ์จนเลยเถิด



แล้วคำถามเมื่อกี้อีก...จะให้ปฏิเสธก็จะเป็นการโกหก



"ราม"



"...เออ" ร่างโปร่งตอบหน้าแดงไม่สบดวงตาคม "แต่ครั้งหน้าไม่เอาแล้วนะ"



"ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ"



"ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ...เอ๊ย เอ่อ..." เขาอึกอัก เมื่อกี้พูดอะไรออกไป "ยังไงก็ตามไม่เอาก็คือไม่เอา"



รู้สึกได้ว่าครั้งหน้ามันจะเกินเลยมากกว่านี้...ทั้งร่างกาย...และหัวใจด้วย



"ก็ได้" รามหันไปมองหน้าหล่อๆ ของมันอย่างแปลกใจที่ตอบเร็วเหมือนไม่ได้คิด รู้สึกในใจลึกๆ น้อยใจวูบ แต่พอเห็นร่างสูงยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ รามก็กัดปากนึกได้ว่าตัวเองพลาดแล้ว "แต่รามต้องแทนตัวเองว่าพี่นะ"



ร่างโปร่งขมวดคิ้วกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด "ทีมึงยังไม่เห็นกูเป็นพี่เลย"



"ก็รามตัวเตี้ยกว่า จะให้เรียกพี่มันก็แปลกๆ ไง"



เอ๊ะ มันยังไง "กับชะเอมมึงยังเรียกได้"



"ไม่เหมือนกัน"



"ไม่เหมือนยังไง"



"ก็...” ริมฝีปากหยักยิ้มยียวน “ไม่บอก"



"ไอ้เวร งั้นมึงอย่าหวังว่ากูจะพูดดีๆ ด้วยเลย"



ไอติมรีบก้าวยาวๆ จับแขนผอมที่กำลังจะเดินหนี "อะไร เมื่อกี้ยังครางเรียกพี่เรียกติมอยู่เลย"



"ไอ้...!" ร่างโปร่งสะบัดแขนออกทันที กำหมัดแน่น สะกดอารมณ์ที่ไม่รู้เขินหรือโมโหอันไหนมีมากกว่ากัน



"งั้นเอาไว้เรียกตอนนั้นก็ได้ ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ" ร่างสูงพูดเสร็จ ขายาวก็ตวัดหันหลังเดินไป ลมเย็นๆ พัดมาวูบหนึ่งจนได้ยินเสียงหวีดหวิวและใบไม้เสียดสี



"ดะ เดี๋ยว!"



ติมยังคงทำหูทวนลมเดินไป จนในที่สุด...คนที่ทนไม่ไหวคือฝ่ายพระรามเอง



"ติม...พะ พี่..." เสียงทุ้มใสเค้นมันออกมา "พี่เรียกก็ได้!"



แขนของติมยกขึ้นโบกเป็นเชิงรับรู้ ขายาวเดินเอื่อยเฉื่อยไม่หันมามอง "ฮ้าว ผมง่วงแล้ว ไปนอนละครับเจอกันพรุ่งนี้ราม"



ร่างโปร่งยืนนิ่ง สายลมเย็นพัดแผ่วเบาอีกครั้ง



ดูเหมือนเขาจะถูกปั่นหัวอีกแล้ว



การกระทำแบบนี้ของไอติม...พระรามคิดให้หัวแทบแตกยังไงก็ไม่เข้าใจจริงๆ



ถ้าอยาก...ก็ไปหาคนอื่นก็ได้ ด้วยใบหน้าหล่อเหลาปานดารานั่น เพียงแค่กระดิกนิ้วเดียวก็มีเยอะแยะที่พร้อมจะรี่เข้ามารองรับอารมณ์รุนแรงราวกับสัตว์ป่าของอีกฝ่ายได้ เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเขาสักหน่อย



แล้วจะให้บอกว่าติมชอบเขา...ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่



มันเป็นไปไม่ได้เพราะสายตาของติมที่มองเอมตอนนั้น...ทำให้รามแน่ใจ



แต่ถึงจะรู้แบบนั้น...ก็ไม่อาจห้ามเสียงหัวใจของตัวเองที่ดังก้องนี้ได้เลย





********************* Love Substitute *********************





พระรามเกลียดความรัก



เพราะคำว่าความรักมันทำให้คนดูโง่เขลาลง...เพราะต้องเสียเวลามานั่งคิดว่าอีกฝ่ายจะแคร์กันบ้างมั้ย ทำไมถึงไม่สนใจ ทำไมถึงไม่รักกัน...ไม่ได้น่าสงสาร มันยิ่งดูน่าสมเพชมากขึ้น



เพราะอย่างนั้นเขาจึงคิดว่าความรู้สึกนี้ช่างไร้สาระสิ้นดี



ไม่คิดจะมีใจให้ใครและไม่คิดว่าจะมีใครสนใจ...จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมรามถึงใช้ชีวิตโสดมาตลอดยี่สิบสองปี



และอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญคือเพราะว่าชีวิตของพระรามนั้นมีอะไรหลายอย่างที่ต้องคิด ดูแล และรับผิดชอบอยู่แล้ว



ชีวิตของเขาวนเวียนกับแค่การไปทำงานและการตั้งใจเรียนซ้ำไปซ้ำมา...โดยไม่มีความรักเข้ามาแทรกแซง



แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับมีใครบางคนเข้ามาอยู่ในความคิดตลอดเวลา



ต๊อก...ต๊อก...



เสียงหั่นมีดลงบนเขียงไม่ได้เรียกความสนใจเท่ากับใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรจุติ ซึ่งมันอยู่ใกล้เขาแค่เอื้อมนี้เอง



"ราม...ราม" ใบหน้ามนหันข้าง ดวงตาเรียวเหม่อลอยมองคนข้างๆ ที่ชอบรบกวนความคิด โดยยังไม่รู้สึกตัวว่าถูกเรียกชื่อ จนเสียงทุ้มเรียกอีกครั้ง "เฮ้"



นัยน์ตาเริ่มโฟกัสเห็นใบหน้าเนียนใสไร้รูขุมขน "หะ...อะ โทษที..." ร่างโปร่งสะบัดหน้ารัว เมื่อกี้เขามัวแต่เหม่ออะไรอยู่นะ



ติมยิ้มขำก่อนจะผละออก และชี้นิ้วไปที่ด้านหน้าซึ่งมันคือผักสีเขียว...ต้นบ้าอะไรไม่รู้แหละถูกหั่นเป็นท่อนเละเทะนอนนิ่งอยู่บนเขียงข้างมีดคมเล่มใหญ่ "ไอ้นี่ทำยังไงน่ะ"



รามกระพริบตาปริบ ถ้าไม่รู้ก็อย่าไปหั่นมั่วซั่วสิ!



"กู...พี่ก็...ไม่รู้เหมือนกัน" เขาตอบหนักใจเมื่อไม่สามารถช่วยอีกฝ่ายได้ ก็รามทำอาหารไม่เป็นนี่นา...ได้แต่กินอย่างเดียว ไม่ต่างจากดินกับสินเท่าไหร่ล่ะนะ



รามขมวดคิ้วก่อนจะเสนอ "เอมทำอาหารเก่งนะ ลองเรียกมาช่วยดูไหม"



"จริงเหรอ เอาสิ" ติมตอบทันทีแววตาเปลี่ยนไป ใบหน้าคมกดยิ้มมุมปาก ทำให้รามอดจ้องมองอีกครั้งไม่ได้...หมอนี่หล่อจริงๆ ...หล่อสมกับเป็นเดือนคณะนิติศาสตร์ปีหนึ่งที่มีชื่อเสียงอยู่พอสมควร แต่ถามว่าพระรามเคยได้ยินไหม...ก็ไม่แน่นอนอยู่แล้ว เขาแค่ได้ยินมาจากสาวๆ หลายคนที่ซุบซิบนินทากันเสียงดังต่างหาก



ไอติมก็เป็นที่นิยมไม่ต่างจากชะเอมกับคิน...ต่างจากคนธรรมดาอย่างเขา



จะว่าไปพวกผู้หญิงก็ค่อนข้างบ้าคลั่งหมอนี่พอสมควร สาบานได้ว่าถ้าเกิดมีใครรู้ว่าเขาเคยทำร้ายใบหน้าหล่อๆ ของเดือนคณะนิติศาสตร์มาก่อน คงโดนรุมทึ้งตายแหงแซะไม่ต้องสืบ



"เอม...มาทางนี้หน่อยสิ" พอเห็นร่างบางเดินโฉบมาแถวนี้รามก็รีบเรียก



"อื้ม! แปปนึงนะราม"



รามหันไปมองรุ่นน้องที่ตัวสูงกว่าข้างๆ ดูจากท่าทางที่เคยเรียบเฉย เจ้าเล่ห์แล้วตอนนี้กลายร่างเป็นลูกหมาตัวใหญ่ แววตาเปล่งประกาย ถ้าไอติมมีหางล่ะก็รามคงจะได้เห็นว่ามันดุ๊กดิ๊กขนาดไหน



ดูก็รู้ว่ามันชอบเอมชัดๆ ...แล้วทำไม...



"มาแล้วๆ"



ขาเรียวก้าวเขยิบไปข้างๆ ให้ร่างบางที่ตัวพอๆ กันให้เข้ามาแทรกกลางระหว่างเขากับไอติม ดวงตาเรียวมองใบหน้าหวานที่เหงื่อซึมแล้วจะอ้าปากถาม



"พี่ชะเอมเหนื่อยเหรอครับ" แต่ใครบางคนพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน ดูเหมือนร่างสูงก็จะพอสังเกตได้บ้างเหมือนกัน



>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep4 08/02/2019
«ตอบ #8 เมื่อ08-02-2019 22:20:07 »




>>>>>>>>>>>>>>>ต่อจากด้านบน


"เหะ อ๊ะ อ๋อ...ไม่เป็นไรหรอก พี่แค่...แค่ร้อนน่ะ" ชะเอมตอบเสียงใสรัว พร้อมหัวเราะแหะๆ ก่อนจะทำตาโต "ว่าแต่จะให้ช่วยอะไรเหรอ"



"นี่ครับ" ร่างสูงเขยิบเข้าใกล้ชิด



"อ๋อ...ง่ายๆ นะ ก็แค่..."



สองเสียงคุยกันโดยมีร่างโปร่งยืนอยู่ข้างๆ เงียบๆ ...รอยยิ้มบางๆ ขับให้ใบหน้าหล่อเหลาดูอบอุ่นและยังสายนั่นอีก...สายตาที่มันมองเอมมันไม่เหมือนที่มองเขาสักนิด



ไอติมชอบชะเอม เขารู้ดี



แล้วไอ้ความรู้สึกคันยิบๆ ในใจนี่คืออะไร



รามยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบไอติมเข้าให้แล้ว



ขาข้างหนึ่งเริ่มก้าวเข้าอาณาเขตต้องห้าม มันคือหลุมบางอย่างที่ตกลงไปแล้วจะไม่มีวันตะเกียกตะกายขึ้นมาได้อีก   



"พี่ชะเอม มีพรสวรรค์ด้านนี้นะครับ" ไอติมชมเปาะกับร่างบางที่สูงแค่ปลายคาง ยิ่งขยับเข้าใกล้เมื่อกลุ่มผมหอมนุ่มส่งกลิ่นชวนดม ร่างสูงพยักหน้าจริงจังทำเป็นตั้งใจฟังที่อีกฝ่ายสอน แต่จริงๆ แล้วไม่เลย ก็เพราะเสียงใสกังวานฟังมันหวานหูจนจับใจความไม่ค่อยได้นั่นแหละ



"ไม่หรอก ตอนแรกพี่ทำไม่ได้เรื่องเลยนะรู้เปล่า" ร่างบางส่ายแล้วยิ้มพาซื่อ



"จริงเหรอครับ ผมอยากลองชิมอาหารตอนที่ยังไม่ได้เรื่องดูบ้างจัง" ไอติมยิ้มตาพราว แต่ดูเหมือนคนซื่ออย่างชะเอมจะไม่รู้ตัวหรอกว่าโดนจีบอยู่ ซ้ำยังกระพริบตาปริบก่อนจะหัวเราะขำ



"ไอติมนี่แปลกคน มีแต่คนอยากกินอาหารที่อร่อยๆ"



"ผมก็แค่อยากเห็นพี่ในหลายๆ มุมนี่ครับ" ไอติมขายขนมจีบต่ออีกยกพลางกลั้วหัวเราะขำเมื่อสิ่งที่ได้รับคือ           ดวงตาโตที่มองมากระพริบปริบงุนงงอีกครั้ง



น่ารัก



"เอม" เสียงทุ้มเรียกชื่อทำให้เจ้าตัวหันขวับทันที รามเหลือบตามอง...ไม่ใช่ใครที่ไหน อีกฝ่ายคือผู้ชายที่ชะเอมรักที่สุด ใบหน้าคมเข้มกับดวงตาเรียบนิ่งสบตากับไอติมที่ยิ้มไม่ทุกข์ร้อน



"คิน" ร่างผอมบางทิ้งมีดและเดินไปหาไม่ต้องรอให้เรียกซ้ำ ใบหน้าขาวซีดซับสีเรื่อ แย้มยิ้มบางกับแค่ใครอีกคนเรียกชื่อ



รักเหรอ...รักมากขนาดนั้น



รามมองเพื่อนตัวเล็กของตัวเองยามมีความสุขแล้วยิ้มน้อยๆ อย่างยินดี ก่อนจะหันกลับมามองคนข้างกาย



"นายคิดผิดแล้วล่ะที่ชอบเอม ถ้าห้ามใจตอนนี้ยังทันนะ" รามเตือนไอติมที่ยืนมองแผ่นหลังบางเดินไปพร้อมกับใครอีกคนด้วยความหวังดี เพราะรามรู้ดีว่าชะเอมรักชายคนนั้นหมดใจ...ไม่มีทางที่จะปันใจให้คนอื่น



"ไม่ใช่เรื่องของรามนี่"



เขาฟังแล้วขมวดคิ้วฉับเผลอกัดริมฝีปาก กดความรู้สึกเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นลงไป "ก็แค่เป็นห่วง...เพราะยังไงเขาก็ชอบนายไม่ได้หรอก"



ไอติมมาทำกับเขาแบบนั้นแล้ว...แล้วยังจะมาบอกไม่ใช่เรื่องของเขาเหรอ



"เป็นห่วง? เป็นห่วงทำไม" ร่างสูงยื่นหน้าเข้าใกล้อย่างไม่ทันตั้งตัว "อย่าบอกนะว่ารามชอบผมเข้าให้แล้ว"



ร่างโปร่งชะงักหน้าร้อนเห่อ "...ก็แค่ห่วงในฐานะน้องเท่านั้นแหละ อย่าได้ใจไปหน่อยเลย"



"เหรอ...ถ้าห่วงมากงั้นคืนนี้มาปลอบใจหน่อยสิ" มือใหญ่จับเอวบางลูบลงมาตรงสะโพก ก่อนจะขยำแก้มก้นเล็กอย่างแรง



"หะ เห้ย!!"



พระรามสะดุ้งตกใจ อุทานเสียงดัง จู่ๆ ไอ้รุ่นน้องจอมหื่นกามนี่จะทำอะไร คนรอบข้างเยอะแยะเต็มไปหมด สายตาก็ถูกจับจ้องมองมาเพราะเสียงร้องเมื่อกี้



"หึหึ ปฏิกิริยาดีนี่" คนหน้าด้านยังหัวเราะขำอยู่ได้



ดวงตาเรียวถลึงมอง "ก็นาย...!"



"ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย ความรู้สึกรามไวไปเอง" ติมยกมือสองข้างพูดยิ้มๆ ก่อนจะชะโงกมาใกล้กระซิบชิดใบหูซึ่งเป็นจุดอ่อนจนร่างโปร่งหน้าแดงวาบขนลุกเกรียว “ชินกับสัมผัสผมแล้วล่ะสิ”



"ฮึ่ย...แล้วมันเป็นเพราะใครล่ะวะ" ร่างโปร่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หยิบผักท่อนนึงวางบนเขียงและจับมีดสับหั่นดังปั่ก! ราวกับว่าผักและเขียงบนโต๊ะมันคือใบหน้าของไอ้คนกวนประสาทข้างๆ



"ฮะๆ รามตลกชะมัด"



เสียงทุ้มหัวเราะระรื่น ดูเหมือนมันจะไม่กลัว...ไม่ทุกข์ร้อนเลยแม้แต่นิด



"ไอ้คนหน้าไม่อาย"



ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!



"ฮะๆ"



พระรามเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน จริงๆ เขาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าไอติมเป็นคนที่ภายนอกดูโตกว่าอายุจริงๆ ซ้ำยังมีบุคลิกที่น่าค้นหาและชวนเกรงขาม...แถมตอนนั้นยังมีเรื่องต่อยตีกันในร้านเหล้า...มีเซ็กซ์กับคนไปทั่ว...แล้วบางทีก็ดูน่ากลัวอย่างประหลาดบอกไม่ถูก



ดวงตาคู่คมที่มองมาที่ผม...ไม่ใช่ว่าไม่รู้ตัว เขาเคยเห็นว่าสายตาของอีกฝ่ายมันมืดมิด เย็นชา...โกรธแค้นและมันมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เพียงกระพริบตาแววตานั้นมันก็หายวับไปจึงได้แต่คิดว่าเขาตาฝาดไปเองหรือเปล่า



ถ้าไอติมโกรธเคืองเขาจริง แล้วจะมาโกรธเรื่องอะไรกันล่ะ...เพราะเราทั้งคู่ไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำไป



แล้วอีกคำถามที่รามไม่สามารถหาคำตอบได้



ทำไมไอติมถึงต้องมาทำเรื่องน่าอายแบบนั้นกับเขาด้วย



'นอนอ้าขาครางบนเตียงแค่นี้เอง น่าจะได้เงินเยอะกว่าที่ไปทำนะ สนใจมั้ย'



'ผมอยากเข้าไป...ได้มั้ย'



‘แค่นิ้วก็ได้ จะได้ชิน...’



'ซี้ด ราม...โคตรเซ็กซี่เลย'



เสียงทุ้มครางเสียงแหบพร่าในความทรงจำทำให้รามกลืนน้ำลายหน้าแดง รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาซะเฉยๆ มือที่ออกแรงหั่น(สับ)ผักค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ



เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน



ตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้วที่ชีวิตของเขาจะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใครมากมาย พระรามใช้ชีวิตเติบโตมาเรื่อยโดยมีแต่แม่กับพ่อเฮงซวยประคองกันไปวันๆ แล้วพอขึ้นมหาวิทยาลัยมาก็ได้เพื่อนดีๆ อย่างดินและสินมาเพิ่มสีสันในชีวิตเท่านั้น แล้วเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคนก็คือชะเอม กลุ่มเพื่อนเล็กๆ จากสามคนกลายเป็นสี่ เพื่อนจากสมัยมัธยมก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว คุยบ้างตามประสาแต่ไม่สนิท เพราะหลังเลิกเรียน เขาก็ต้องรีบกลับมาทำงาน ได้ล้างจานบ้างหรืองานร้านสะดวกซื้อบ้างวนเวียนอยู่อย่างนั้นทุกวันจนตีสองตีสาม ถ้าช่วงไหนที่ต้องรีบใช้เงินบางวันก็ไม่ได้นอน



ยอมรับว่ามีหลายครั้งที่เหนื่อยมากรู้สึกท้อแท้ อยากจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง...แต่ว่าชีวิตของแม่...เรื่องของภาวดีทำให้เขาไม่สามารถละเลยได้จริงๆ



ดังนั้นไม่ว่าจะต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงกายมากเท่าไหร่ ถ้าร่างกายของเขายังทนได้เขาก็จะอดทน





แต่นับตั้งแต่มาอยู่ที่ค่ายแห่งนี้ เขาได้รู้จักกับติม ผู้ชายที่แสนจะหื่นกามและดูลึกลับ ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ ได้รู้สึกแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยรู้สึก แม้จะเป็นเรื่องน่าอายแต่เขายอมรับอย่างเต็มใจว่าทั้งร่างกายและจิตใจมีความสุขกับมัน



มันทำให้เขาสุขสมจนหลงลืมความเหน็ดเหนื่อยที่แบกรับบนไหล่อยู่ตลอดเวลา



แค่ในช่วงเวลานี้ ที่เขาไม่ต้องมานั่งเครียดเรื่องที่บ้าน...เรื่องทำงาน...เรื่องหาเงิน...เรื่องของแม่...หรือพ่อเฮงซวยคนนั้น



แค่ในช่วงเวลานี้ที่ไม่ต้องนึกถึงใครนอกจากตัวเองกับคนข้างๆ



แค่ตอนที่พระรามอยู่กับไอติม...ในหัวของเขาก็คิดแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น และพรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่อาจจะได้เจอ...ได้อยู่ใกล้ๆ กับไอติม



‘ถ้าห่วงมากงั้นคืนนี้มาปลอบใจหน่อยสิ’



เพราะฉะนั้น...เขาก็อยากจะ...ทำจนถึงที่สุด...อย่างที่ใจต้องการ



"ติม คืนนี้พี่จะ...ให้ ขะ เข้าก็ได้นะ..." รามก้มหน้างุด มีดในมือแทบจะหลุดร่วง หัวใจเต้นดังกึกก้องจนเสียงทุ้มใสพูดออกมาตะกุกตะกัก



"หืม...?" ไอติมเลิกคิ้ว "เมื่อกี้รามว่าอะไรนะ"



คิ้วบางขมวดฉับ "...ไม่พูดแล้ว ไม่ได้ยินก็ดี"



"หึหึ ไม่ได้ยินซะที่ไหน" ลิ้นแลบเลียริมฝีปากที่รู้สึกแห้งผากขึ้นมา "เตรียม 'ตัว' เตรียมใจเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน"



ร่างโปร่งอดกลืนน้ำลายไม่ได้เมื่อเห็นสายตาคมกริบแสนเจ้าเล่ห์



นี่เขาคิดผิดรึเปล่าเนี่ย?

 

   

********************* Love Substitute *********************





ความหื่นเกิน 1000% ติดเรทเกิน 22++ ใครอายุไม่ถึง 18 ห้ามอ่าน!!   :pighaun:

nc หลายตอนติด(ยังไม่บอกว่าอีกกี่ตอน) นิยายเรื่องไหนมีหื่นกว่านี้อีกบ้าง ค่อกแค่กๆๆ

ตอนหน้านังรามเสร็จคนกามอย่างอีติมแน่นวล

ใครชอบแบบนี้ อย่าลืมมาเปย์ หึหึ เพราะนักเขียนเปิดพรีออเดอร์แล้ว! อ่านรายละเอียดได้หน้าเว็บนิยาย หรือสอบถามได้ที่เพจ H.Rui Novels จ้าาา

หนังสือชุดละ 720 บาท มีสองเล่ม หรืออีบุ๊ค 570 บาท



ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep5 15/02/2019
«ตอบ #9 เมื่อ15-02-2019 16:20:12 »



                                              ทดแทนรัก

                                               ตอนที่ 5



โปรดใช้วิจารณญาณการรับชม



ร่างโปร่งกำลังรอ...ยิ่งใกล้จะถึงเวลาใจยิ่งเต้นแรง ใบหน้าร้อนผะผ่าวเพียงแค่นึกถึงสิ่งที่กำลังจะเจอ



'คืนนี้เจอกันห้าทุ่มนะครับ...ที่เดิม' เสียงทุ้มดังในความทรงจำเมื่อตอนเย็นหลังกินข้าวเสร็จ อีกฝ่ายเดินมาหาเขาและก้มลงกระซิบชิด 'ผมจะรอนะ'



ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!



'คืนนี้พี่จะให้เข้าก็ได้'



เขาหลับตากัดปากแน่น ยิ่งนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดมันยิ่งน่าอาย มือจับโทรศัพท์พลิกขึ้นและกดปุ่มเช็คเวลาอีกครั้งจนมันสว่างวาบ



10:58 PM



"เฮ้ย ราม จะออกไปไหน" สินถามขึ้นในความมืด หลังจากที่เห็นเพื่อนร่างโปร่งกำลังยันตัวลุกขึ้น ทำเอาคนโดนเรียกสะดุ้งเฮือก ดีนะที่มืดจึงมองไม่เห็นสีหน้าตกใจของเขา ไม่งั้นจะโดนสงสัยมากกว่านี้



"ปะ ไป...เข้าห้องน้ำ" เสียงทุ้มใสตอบอึกอักแผ่วเบา



"เออ กูไปด้วย ปวดฉี่เหมือนกัน" ว่าแล้วสินก็ลุกตามยิ่งทำให้รามร้อนรนกว่าเดิม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จากคำอ้างจึงต้องทำจริง ร่างโปร่งเดินมาเข้าห้องน้ำในเวลาห้าทุ่มเศษกับสินสองคน บรรยากาศวังเวงโรยตัวรอบด้านและเพื่อนผู้ชายคนอื่นยังคงนอนหลับสนิทกรนเสียงดัง



รามเม้มปากแน่นระหว่างทางเดินไปห้องน้ำก็คิดว่าจะทำยังไง พอมาถึงก็เปิดประตูเข้าห้องน้ำที่เป็นคอห่าน จนสินเลิกคิ้วถาม "ท้องไส้ไม่ดีเหรอ"



เขาชะงักตอบแค่อืมดังๆ ในลำคอและเข้าไปนั่งรอให้เพื่อนมันทำธุระเสร็จ "ราม เสร็จยังวะ"



"ไปก่อนเลย" เขาตะโกนบอก



"โอเค..."



พระรามนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นจนแน่ใจว่าสินไปแน่ๆ แล้วก็ทำเป็นกดชักโครกเสียงดังและแง้มประตูออกมาและค่อยๆ เดินไปทิศทางที่ไม่ใช่โรงนอน...ที่ๆ เขานัดกับใครบางคนเอาไว้



'คืนนี้เจอกันห้าทุ่มนะครับ...ที่เดิม'



อย่างกับคนที่แอบนัดชู้แน่ะ...ร่างโปร่งส่ายหน้าเมื่อคิดอะไรไม่เข้าเรื่อง



ขาเรียวเดินมาถึงสถานที่เมื่อวานแล้วกวาดมองรอบ แต่กลับ...ไม่มีใคร



"ติม" เขาส่งเสียงเรียกไม่ดังนัก เพราะมันมืดแล้ว ยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งน่ากลัว มีแค่แสงจากดวงจันทร์ที่ทำให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไรแค่นั้นเอง พอคำตอบที่ได้รับคือเสียงลมพัดไสวกับเสียงพุ่มไม้เสียดสี คราวนี้รามป้องปากและเสียงทุ้มใสก็ร้องเรียกให้ดังกว่าเดิมอีกครั้ง "ติม"



"ทำไมรามมาช้าจัง"



"!" รามสะดุ้งเฮือกหันขวับ ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อกี้ค่อยๆ แผ่วลงเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ขายาวค่อยๆ ก้าวมาจากที่มืดจนดวงจันทร์สาดส่อง ปรากฏใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร



"นึกว่ากลัวจนหนีไปแล้ว"



"พี่ไม่ได้กลัวสักหน่อย..." ใบหน้าขาวเหลืองค่อยๆ แดงเรื่อ "ก็แค่มีเรื่องวุ่นๆ ...โทษทีที่มาช้า"



"ไม่เป็นไร แต่คงต้องให้รางวัลสักหน่อย...อืม หรือเรียกบทลงโทษดีล่ะ"



รามทวนสงสัย "บท...บทลงโทษ?" ขาเรียวถอยกรูดเมื่อคนตัวสูงใหญ่ก้าวเข้าใกล้คุกคามจนแผ่นหลังติดต้นไม้ต้นเดิมกับที่เขาและอีกฝ่ายทำอะไรกันเมื่อวาน



ริมฝีปากหยักคมยิ้มมุมปาก "ก็...บทลงโทษสำหรับคนมาช้าไง"



"อึ๊ก!" มือเล็กจิกเกร็งจับข้อมือแกร่งที่ล้วงเข้าใต้เสื้อจู่โจมหัวนมทั้งสองข้างของตนไม่ทันตั้งตัว



"รามเป็นคนบอกว่าอยากให้ผมเข้าไปแท้ๆ แต่กลับมาสายแบบนี้...จะให้ผมคิดยังไงล่ะ"



"พะ พี่ไม่ได้...อะ บอกว่าอยากให้เข้า ฮึก...สักหน่อย" ร่างโปร่งกระตุกเฮือก เขาแค่บอกว่าจะเข้าก็ได้แค่นั้น...จะพูดให้จบก็ฟังจับใจความไม่ค่อยได้เพราะร่างกายถูกเค้นหนักที่หน้าอกและตอนนี้มันกำลังไล้ลงมาข้างล่างอย่างรวดเร็ว จับขอบกางเกงตัวเล็กและถลกออกจนมันร่วงลงกองที่ข้อเท้า



"ไม่อยากเหรอ?" ดวงตาคมมองลงต่ำจ้องไปที่ชั้นในสีขาวตัวเล็กที่มันเปียกน้ำเล็กน้อยเพียงเพราะเขาบี้ยอดอก "แน่ใจนะ"



รามเม้มปาก หลบตา และหลุดครางหวิวเมื่อโดนสะกิดหนักอีกครั้ง ท่าทางแบบนั้นทำให้ร่างสูงที่กำลังมองอยู่เลียปาก



ถ้าไม่ปฏิเสธแบบนี้ไอติมจะถือคิดเข้าข้างตัวเองก็แล้วกัน



"ติม!?" ร่างโปร่งร้องตกใจเมื่อถูกจับให้หันหน้าเข้าต้นไม้ใหญ่ มือใหญ่ปลดกางเกงในตัวจ้อยออกกองที่ต้นขาเล็กก่อนจะควักของตัวเองออกมาแล้วสอดเข้าช่องหวานระหว่างขาหนีบ "อ๊ะ อะไร...น่ะ ยะ! ฮึก!"



"ซี้ด..." ไม่ต้องพูดอะไรมากพระรามก็ตัวเกร็งหนีบขารัดตัวตนร้อนผ่าวของไอติมแน่น สะโพกปอดขยับสาวกระแทกจนมือเรียวที่เกาะต้นไม้อ่อนแรง



"ฮึก อื๊อ อ๊ะ อ๊ะ..." ใบหน้าแดงก่ำเชิดครางวาบหวิว ได้แต่ตัวเกร็งรับแรงกระแทกจนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อน่าอายดวงตาเรียวก้มมองก่อนจะกัดปากกลั้นความเสียวที่วูบขึ้นมาจนมวนท้อง เพราะความร้อนระอุที่เสียดสีกับขาของเขามันผลุบเข้าออก ขนาดที่ใหญ่ยังไม่พอ ด้วยความยาวที่พอสะโพกแกร่งสาวเข้าเต็มสูบจนมันมาเสียดสีกับแก่นกายเล็กซ้ำยังมีน้ำผุดขึ้นมาจนเปียกชุ่มร่องขา...มันเป็นภาพที่ยิ่งทำให้เขาปวดมวนหนัก



ดวงตาคู่คมมองกริบบนแผ่นหลังสีขาวสะท้อนดวงจันทร์ที่แทบจะหาไขมันและกล้ามเนื้อไม่เจอ พระรามเป็นคนผอม ตอนแรกเขาคิดว่าชะเอมเป็นคนที่ผอมที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ...แต่รามที่สูงกว่าเล็กน้อยและตัวบางพอๆ กันยิ่งดูผอมมากกว่า เพียงแค่แขนข้างเดียวก็สามารถโอบรัดเอวนี่ได้รอบ



"อา..." ติมครางหนักเมื่อรุ่นพี่บิดเร้าหนีบขาแน่นขึ้นจนบีบตัวตนของเขาแทบแตก มองช่องทางปิดสนิทแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องยกนิ้วโป้งคลึงให้อีกฝ่ายตัวสั่นหนัก มือใหญ่สองข้างขย้ำแก้มก้นขาวเนียนไร้ไขมันแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยวจนเป็นรอยนิ้วมือแดงจ้ำ



"ติม...อ๊ะ"



"หืม จะเสร็จแล้วเหรอ" ติมยิ้มบางถามเสียงต่ำเมื่อใบหน้ามนเอี้ยวมองตาปรอย ซ้ำยังยืดตัวเอื้อมจับข้อมือที่เขาจับเอวอีกฝ่ายแน่น แขนแกร่งเอื้อมกอดคนตัวผอมที่ขาใกล้หมดแรงและกระแทกเต็มสูบ ไม่ลืมลูบไล้ตั้งแต่เอวผอม ซี่โครงและบดขยี้หน้าอกจนพระรามครางลั่น



"อ๊าาา!"



"อึก..." ไอติมดันตัวอีกคนให้เท้ากับต้นไม้อีกครั้งเพื่อพยุงตัวเอง ก่อนจะดึงตัวตนออกมาฉีดพ่นเข้าที่แผ่นหลังบางและร่องก้น ร่างสูงจับส่วนปลายที่ยังปลดปล่อยไม่หมดจ่อตรงช่องทางพลางกดเข้าเล็กน้อยพลางรูดรั้งคัดน้ำที่ค้างออก กว่าจะรีดหมดก็นานนับนาทีจนร่างผอมเปียกเหนอะ



ดวงตาคมกริบมองอย่างเสียดาย...ลูกๆ นับล้านของเขาจริงๆ มันควรจะอยู่ในร่างกายผอมนี่ด้วยซ้ำ



...แต่ไม่เป็นไร...วันนี้พระรามเสร็จเขาแน่...



ร่างโปร่งหอบหายใจหนักหน่วง ขาเรียวผอมสั่นระริกจนในที่สุดพยุงน้ำหนักตนไม่ไหวก็ทรุดลง แต่ไอติมก็โอบแขนกอดเอวช่วยประคองเอาไว้ก่อนที่จะกระแทกพื้น



ตาเรียวปรือเหนื่อยอ่อน อยากจะหลับมันเสียตรงนั้น ไม่เคยทำอะไรที่เหนื่อยขนาดนี้มาก่อน



"ราม"



"ติม" หัวทุยซบอกแกร่งเอ่ยเสียงอ่อนแรง "พี่ง่วง..."



ร่างสูงเงียบไป จนรามที่ง่วงอยู่แล้วหลับตาสนิทผ่อนลมหายใจ เหมือนร่างกายเบาหวิวกำลังเข้านิทราแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อร่างกายของเขาถูกแทรกสอดโดยนิ้วยาว แม้เพียงนิ้วเดียวก็ทำให้ดิ้นพล่านได้



"อ๊ะอ๊ะ!! ติม! ฮือ..."



"ผมยังไม่ได้เข้าไปเลยนะ" ดวงตาคมกริบเย็นเยียบซึ่งคนในอ้อมกอดไม่มีวันเห็น



"ตะ แต่พี่ว่าพี่...มะ อ๊ะ ไม่ไหว..." ดวงตาเรียวหน่วยคลอด้วยน้ำตา นิ้วเรียวจิกต้นขาแกร่ง กัดปากครางหวิวเมื่อถูกนิ้วที่สองและสามเข้ามาบดขยี้ภายใน "ไม่ไหวหรอก..."



"วันนี้วันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วนะ รามอดทนหน่อยสิ"



เสียงทุ้มกระซิบข้างหูหลอกล่อ คิดหรือว่าแค่บอกว่าไม่ไหวแล้วงูเห่ามีพิษตัวนี้จะหยุดง่ายๆ ...ถ้าเขายังไม่ได้สิ่งที่อยากได้เขาจะไม่มีวันยอมหยุด



"ฮึก..." รามสะบัดหน้า เกร็งรัดนิ้วทั้งสามแน่น คำว่าวันสุดท้ายทำให้พระรามยอมโอนอ่อนไม่พูดปฏิเสธอีก ด้วยความที่เมื่อวานเพิ่งถูกอีกฝ่ายสอดใส่มาเลยทำให้ช่องทางผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว



สายลมเย็นยามกลางคืนพัดโบกจนกิ่งไม้สั่นไหว ใบไม้เสียดสีกันดัง แต่ไม่อาจทำให้ร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองหนาวเหน็บ เพราะตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในอารมณ์เร่าร้อนราวกับถูกไฟโหมกระหน่ำ



"อ๊ะ อ๊ะ! ตรงนั้น...!"



ติมยิ้มกริ่มเมื่อคนที่ปากบอกว่าไม่ไหวๆ หวีดร้องลั่นน้ำลายไหลเปรอะซ้ำยังขยับสะโพกรับนิ้วยาวให้แทรกลึกกว่าเดิม คนตัวสูงก็งอนิ้วควานผนังนุ่มร้อนภายในให้โดนจุดนั้นเน้นๆ เรียกเสียงครางที่ดังกว่าเดิม



"อ๊า!!! ยะ มะ ไม่!!"



"ซี้ด..." ด้านหลังขมิบตอดรัดถี่ยิบจนเจ้าของนิ้วสูดปากดัง กลืนน้ำลายสอที่ปากและหายใจแรง หน้าท้องแข็งแกร่งเกร็งขมึง แก่นกายใหญ่ตั้งตรงขึ้นอีกครั้งเพราะแรงตอดนั่นแหละ แค่นิ้วยังดีขนาดนี้...ไม่อยากจะคิดถึงตอนแทรกตัวตนของเขาเข้าไป



"อ๊า อ๊า! ติม พะ พี่จะ! ฮะ!!" ก่อนที่รามเชิดหน้าจะเกร็งตัวปลดปล่อยก็ต้องกระตุกเฮือกเมื่อสิ่งที่แทรกในกายมันถอนออกไปอย่างรวดเร็ว "...เฮือก! ...แฮ่ก..."



ใบหน้ามนเอี้ยวมองใบหน้าคมหล่อเหลาที่ยืนรูดรั้งของตัวเองสี่ห้าครั้งก่อนจะกดมันลงที่สะโพกเล็ก ความร้อนผ่าวที่พาดกับร่องก้นทำให้เจ้าของสะดุ้ง



"ตะ ติม..." เสียงทุ้มใสเรียกชื่อ ดวงตาเรียวสั่นไหว...หวาดกลัว



ร่างสูงเลิกคิ้ว แต่มือจับส่วนปลายถูไถช่องทางที่แดงช้ำจนมันขมิบตอบรับ



"พี่..." รามกัดปากขมวดคิ้วกังวล "พี่กลัว"



"กลัวอะไร?"



"...กลัวเจ็บ" ก็เคยได้ยินว่าครั้งแรกสำหรับฝ่ายรับมันน่าจะเจ็บมาก แถมขนาดของไอติมมันก็...แค่คิดใบหน้าขาวก็แดงก่ำ



อีกอย่างพรุ่งนี้เขาต้องนั่งรถทัวร์กลับอีกหลายชั่วโมงนะ



"ไม่เป็นไร...รามเท้าแขนไว้" ติมยิ้มรับคำนั้น ก่อนจะจับแขนผอมให้เท้ากับต้นไม้เช่นเดิม ดึงชายเสื้อขึ้นจนเห็นแผ่นหลังบางทั้งหมด จับต้นขาทั้งสองข้างและแหกกว้างเพื่อที่จะเปิดทางให้เขา "อ้าขากว้างๆ...ผมจะค่อยๆ ใส่เข้าไป...ช้าๆ"



พระรามฟังแล้วหูแดงตัวแดงพยักหน้าก่อนจะก้มงุดๆ และผ่อนลมหายใจ



เขาพร้อมแล้ว...เพราะจากนี้คงจะไม่มีโอกาสอีก



ไอติมกดส่วนปลายเข้าไป มันยากลำบากมากเพราะเจ้าของช่องทางเกร็งรัดแน่นจนเขาสอดเข้าไปไม่ได้เลย



"รามอย่าเกร็ง ผ่อนคลายหน่อย ผมเข้าไม่ได้"



ติมเอื้อมมือไปชักรูดด้านหน้าให้จนรามหลุดครางหวิว มือใหญ่เค้นหนักจนช่องทางผ่อนแรง ได้โอกาสให้สอดส่วนปลายเข้าไป



"โอ๊ย! ฮือ..."



"ซี้ด!" ไอติมเกร็งหน้าท้องแน่นเพราะเหมือนร่างโปร่งจะรัดแน่นทันทีเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมบางอย่างสอดแทรกเข้าไป ซ้ำยังตอดตุบจนเข้าต้องสูดปากอดทน



กับคนอื่นเขายังไม่เห็นต้องอดทนขนาดนี้...ลำบากชิบ



"ยะ หะ ใหญ่..." รามปรือตาหอบแฮ่ก เหนื่อยยิ่งกว่าเสร็จสม ยิ่งอีกฝ่ายฝืนดันเข้ามาอีกยิ่งทำให้เขาจิกมือกับต้นไม้แน่นจนเจ็บนิ้ว ไม่อาจห้ามไม่ให้เกร็งรัดอย่างที่อีกฝ่ายบอกได้



"เห็นมาสองวันยังไม่ชินอีกเหรอ"



"ก็ไม่ได้ใส่เข้ามานี่...อ๊ะ!" รามหยัดเกร็งเมื่อแก่นกายคืบคลานเข้าลึกอีก ทั้งร้อนผ่าวทั้งอึดอัดจนน้ำตาไหล "อย่าเพิ่ง...อุก! อึก..."



ร่างโปร่งอ้าปากครางวอนขอว่าอย่าเพิ่งขยับแต่กลับถูกนิ้วยาวล้วงเข้ามาในปากหยอกล้อกับลิ้นจนหายใจไม่ทัน



แบบนี้มัน...เขาไม่ไหว...ไม่ไหว... "อึก อิม...แผล่บ...จ๊วบ!" ติมกัดฟันแน่นเมื่อตอนแรกเขาตั้งใจจะให้พระรามเบนความสนใจจะได้แทรกกายเข้าง่ายๆ แต่คนไม่เคยมีอะไรกับใครกลับดูดนิ้วเขาแรงๆ ราวกับจะระบายอารมณ์ทำเอาร่างสูงหายใจแรงยิ่งหยอกล้อลิ้นเล็กหนัก



ทำไมถึงได้ยั่วยวนขนาดนี้



ถ้าหากเป็นแบบนี้เขาจะไม่ทน



"อื๊อออ!!!" กายร้อนระอุฝืนกระแทกลึกจนสุดโคนในยามที่ร่างโปร่งมัวแต่สนใจกับสิ่งที่อยู่ในปาก ทำให้ใบหน้ามนสะบัดออกหอบหายใจหนักหน่วง น้ำตาที่คลอหน่วยไหลอาบ ทั้งร้อนทั้งแน่นทั้งอึดอัด รามรู้สึกได้ว่ามันยาวและใหญ่มาก ส่วนปลายเหมือนจะกระแทกลำไส้ของเขาเลย "อ๊า ฮะ..."



คนตัวสูงก็หายใจแรงไม่ต่างกัน กดสะโพกบดคลึงให้พระรามกรีดร้องสูงแผ่นหลังหยัดโค้ง ก่อนจะถอนกายขยับเข้าออกสุด...เชื่องช้าแต่หนักแน่น



"ซี้ด..." ติมหลับตาสูดปาก ฟังเสียงครางทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์แล้วต้องอดทนไม่ให้รุนแรงเกินไป อีกฝ่ายยังใหม่...แต่พอปรือตามองตัวตนใหญ่ร้อนระอุแทรกลึกเข้าไปในช่องทางสีแดงหฤหรรษ์ตัดกับผิวขาวๆ แล้วมันเผลอขยับกระแทกก้นตอบแรงๆ ดังปั่บ! จนรามขมิบรัดแน่นซ้ำยังขมิบถี่ตามแรงหายใจ ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้ร่างสูงพึงพอใจเป็นอย่างมาก



จนกระทั่งผนังนุ่มอุ่นผ่อนคลายสะโพกปอดไม่รอช้าขยับกระแทกแรงๆ จนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อน่าอาย แก่นกายเล็กก็แข็งขืนน้ำไหลผุดซึมเปียกแฉะไม่ต่างกัน



"อ๊ะ! อ๊า! อื๊อ อื๊อ!!" มือเรียวยกขึ้นอุดปากเมื่อรู้สึกได้ว่าเสียงครางของตนดังเกินไปแล้ว มันสะท้อนก้องกับต้นไม้จนเหมือนเขาได้ยินเพียงแค่เสียงครางของตัวเองกับเสียงครางต่ำเหมือนสัตว์คำรามของร่างสูง...ซ้ำยังเสียงเนื้อกระทบเนื้อในยามสะโพกแกร่งกระแทกเข้าลึกนี่อีก



"ฮ่า มะ ไม่ เอา...ฮะ!" แต่แล้วงูเห่าที่กำลังลงมือกินแมวตัวจ้อยอย่างเอร็ดอร่อยก็ดึงมือที่ปิดปากนั้นออก ทำให้ปราการกั้นเสียงของร่างโปร่งหายไป



"อย่าปิดสิ ผมอยากได้ยิน"



"ติม...พะ พี่! พี่ ฮั่ก...เสียว!"



"รู้สึกดีใช่มั้ย"



ติมยิ้มกริ่งพึงใจ ครางต่ำถูกใจกับแรงตอดรัดที่ไม่ค่อยได้เจอกับใครที่ไหน



หรือว่าแบบนี้จะเป็นเฉพาะคนบริสุทธิ์กันนะ?



"อ๊า! อ๊า! มะ..."



ติมดึงต้นแขนให้แผ่นหลังบางแนบอกแกร่ง กอดรัดเอวบางแน่นและขยับกระแทกกระทั้นจนขาเรียวหนีบเข้าหากันอย่างเสียวซ่าน นิ้วเรียวจิกครูดแขนแกร่งเป็นรอยแดง ยิ่งถูกกระแทกกระทั้นหนักหน่วงโดนจุดที่ทำให้เสียวทุกครั้งพระรามยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย ก่อนจะยกมือรูดรั้งช่วยตัวเองเป็นระวิงเพราะทนไม่ไหว



"ติม พี่ไม่ไหว...จะ พี่จะ...อ๊า..."



"ซี้ด..." ช่องทางขมิบถี่ตัวตนร้อนระอุเป็นสัญญาณใกล้ปลดปล่อย แต่ในตอนนั้นเองติมถอนกายที่ร้อนราวกับไฟเผาออกมาอย่างรวดเร็วจนพระรามกระตุกเฮือก ร่างโปร่งหอบหนักปรือตามองอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะถูกตวัดให้หันมาประชันหน้า แขนแกร่งอุ้มร่างเบาหวิวแนบอกช้อนข้อพับขาทั้งสองข้างบังคับให้แหกกว้างจนรามต้องยกมือเกาะไหล่แกร่งเป็นที่ยึดเหนี่ยว ไอติมดันแผ่นหลังบางติดต้นไม้ ดวงตาเรียวเบิกกว้างใบหน้าร้อนผ่าวกับท่าทางน่าอายแต่นาทีต่อมาก็หวีดร้องลั่นเมื่อแก่นกายใหญ่ที่ถอนออกไปให้โล่งวูบก็แทรกเติมเต็มเข้ามาอีกครั้งจนสุดและขยับเข้าออกรุนแรงไม่ทันตั้งตัว



"อ๊า!!! อ๊า!! อ๊ะ! ฮะ!!"



รามผวากอดคอแกร่ง รู้สึกเสียวแปลบปลาบจนต้องเกร็งกายแน่นทุกส่วน อยากจะกลั้นเสียงครางน่าอายของตัวเองเหลือเกิน แต่มันก็กลั้นไม่ได้จริงๆ ยิ่งตอนแก่นกายใหญ่แทรกเข้ามาจนสุดโคน ณ วินาทีที่สะโพกของอีกฝ่ายกระแทกเข้ามาดังลั่น มันทำเขาเสียวจี๊ดจนน้ำตาไหล



นิ้วเรียวทึ้งเสื้อยืดสีเข้มของร่างแกร่งจนมันแทบจะขาดติดมือ มือปัดป่ายยกขยุ้มศีรษะ เงยหน้ามองปรือปรอย ใบหน้าคมหล่อเหลาที่เขาหลงใหลลอยอยู่ใกล้ห่างเพียงแค่ฝ่ามือ



"ติม...จูบ...แฮ่ก จูบได้ไหม" ร่างโปร่งวอนขอ แต่สิ่งที่ได้รับคือสะโพกแกร่งขยับบดขยี้แรงมากกว่าเดิมทำให้เขาลืมเลือนสิ่งที่ต้องการ ซ้ำอีกฝ่ายยังก้มลงมาขบกัดใบหูอันเป็นจุดอ่อนทำให้รามปลดปล่อยออกมาทันที “อื๊อออ”



ช่องทางที่ขมิบรัดตัวตนร้อนระอุแน่นทำให้เจ้าของกัดฟัน ขยับสะโพกเต็มสูบเพียงไม่ช้า...ก็ทะลักทลาย


>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep5 15/02/2019
« ตอบ #9 เมื่อ: 15-02-2019 16:20:12 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep5 15/02/2019
«ตอบ #10 เมื่อ15-02-2019 16:20:47 »




ต่อจากด้านบน<<<<<<<<<<<<<<<<<<<





รามปรือตาหอบหายใจซบไหล่แกร่ง เขาตัวสั่นระริกรู้สึกภายในท้องอุ่นร้อน ถึงจะไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนแต่เขาก็รู้ดีว่านี่เรียกว่าอะไร



แต่เขาเป็นผู้ชายเลยไม่ซีเรียสเท่าไหร่



เซ็กส์ครั้งแรกในชีวิตของเขากับไอติม...มันวิเศษมาก...วิเศษจริงๆ



รู้สึกดีราวกับขึ้นสวรรค์



"ราม ยืนไหวมั้ย?" เสียงทุ้มถามแหบพร่าทั้งๆ ที่ยังไม่ถอนออกไป ทำให้พระรามผละกอดจากกายแกร่ง พยักหน้าแดงๆ เบาๆ ไม่กล้าแม้แต่สบตา



ทันทีกายใหญ่ถอนออกจากช่องทางที่ดูดกลืนเขาแน่นตุ้บดังโป๊ะและน้ำสีขาวขุ่นมากมายก็ไหลหยดลงพื้นดังแปะๆ บางส่วนเปรอะเปื้อนร่องก้น รามมองมันแล้วเม้มปากเบาๆ จากนั้นแขนแกร่งค่อยๆ ปล่อยขาเรียวลงทีละข้าง แต่มันก็สั่นระริกยืนไม่ไหวจนไอติมต้องช่วยพยุง



"ขอบใจ..." ร่างโปร่งเขินหน้าแดง ยืนนิ่งตั้งตัวสักพัก พอยืนด้วยตัวเองได้ก็รีบหยิบกางเกงที่กองเกลื่อนบนพื้นขึ้นมาใส่



"เป็นไงราม ชอบมั้ย"



พระรามตัวแดงก่ำ รู้ว่าอีกฝ่ายถามถึงอะไร ถ้าไม่ใช่ 'ลีลา' ที่ชอบอวดอ้าง ร่างโปร่งเม้มปากไม่ยอมตอบคำถาม เขารู้แล้วว่าใครๆ ต่างก็ชอบและเต็มใจมีอะไรกับไอติม ก่อนที่ดวงตาคู่คมจะมองต่ำไปที่สะโพกเล็กและต้นขาเรียวที่เลอะน้ำของตน



“เจ็บรึเปล่า”



“...ไม่...ไม่เลย” เสียงทุ้มใสตอบแผ่วเบา ไม่เจ็บแม้แต่นิด ซ้ำยังรู้สึกดีมากด้วย



ร่างสูงฟังแล้วยิ้มกริ่ม "เดี๋ยวตรงที่เลอะ รามค่อยไปล้างในห้องน้ำก็แล้วกัน"



คนฟังหูแดง "อืม" ยิ่งได้ยินเสียงหลุดหัวเราะเบาๆ ยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่



“ให้ผมช่วยล้างมั้ย” ดวงตาคมกริบมองส่วนล่างไม่วางตา ซ้ำยังเลียริมฝีปากราวกับคนอดอยากปากแห้งมาจากไหน รามมองตาขวางเข่นเขี้ยวทั้งๆ หน้าร้อนเห่อ



“หึย...ไอ้หื่น...”



“ผมหวังดีต่างหาก ก็กลัวว่ารามจะทำไม่เป็นแล้วจะทำไม่สะอาด...ครั้งแรกไม่ใช่เหรอ” ร่างสูงยิ้มหวังดี “ถ้าล้างไม่สะอาดล่ะก็ปวดท้องไม่รู้นะ”



“ไม่ต้อง...!”



แซ่ก...แซ่ก...



"เฮ้ย! ใครน่ะ!?" ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกหันขวับ มือที่กำลังใส่เสื้อสวมกางเกงรีบเร่งจนใส่กลับด้าน เพราะกลัวใครมาเห็น แต่แล้วสิ่งที่ออกมาจากพงหญ้าคือ...แมว



ไอติมเห็นแบบนั้นก็หลุดหัวเราะเสียงดังจนรามหน้าแดงอีกครั้ง



"กะ ก็คนมันตกใจไหมวะ" เสียงทุ้มใสพูดอุบอิบ มองคนที่กุมหน้าท้องตัวงอ...หัวเราะเสียงดังเกินไปแล้วนะเว้ย "...ห่าหนิ..."



ร่างโปร่งรีบใส่กางเกงให้ถูกด้านก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อสัมผัสนุ่มเสียดสีที่ขา



"เมี้ยว~" แมวตัวเมื่อกี้ที่ทำให้พระรามตกใจเดินเข้าใกล้ร่างโปร่งอย่างไม่เกรงกลัว



"เจ้าเหมียว..." มือบางยื่นไปเกาใต้คอซึ่งแมวตัวนั้นก็เอียงคอหลับตาพริ้มนิ่ง เชื่องจนรามยิ้มชอบใจ "น่ารักจัง"



เขาชอบสัตว์ บางทีเวลาเดินข้างทางเจอแมวหรือหมาก็ต้องหยุดเล่นกับมันอยู่นานสองนาน เพราะมันสามารถคลายความเหงาให้เขาได้ ทำให้เขาลืมสิ่งที่ต้องคิด...สิ่งที่เครียด...



"รามชอบแมวเหรอ" เสียงทุ้มถามขึ้น ดวงตาคู่คมมองใบหน้ามนด้านข้างของรุ่นพี่มีรอยยิ้มบาง เป็นมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน



"อืม จริงๆ ก็ชอบหมากับกระต่ายด้วย ต้องพันธ์ตัวเล็กนะ มองแล้วมันน่ารักดี"



"อ๋อ แสดงว่าที่บ้านเลี้ยงอยู่"



"เปล่าหรอก"



"อ้าว ทำไม?" ทั้งๆ ที่พระรามดูเป็นคนน่าจะรักสัตว์มาก บางคนที่ชอบสัตว์



"บ้านพี่ไม่ค่อยมีฐานะ แม่พี่ไม่ค่อยสบายต้องหาหมอทุกเดือน แล้วพี่ก็หาเงินหัวหมุน ไม่มีปัญญาจะมาดูแลเพิ่มอีกหนึ่งชีวิตหรอก สงสารพวกมันเปล่าๆ" เสียงทุ้มใสหัวเราะเจื่อน เขาพูดเรื่องนั้นออกมากับไอติมง่ายดายทั้งๆ ที่ไม่เคยพูดแม้แต่กับเพื่อนสนิท...ไม่รู้ทำไม ดวงตาเรียวเหม่อจ้องหน้าเล็กๆ ของสัตว์ตรงหน้าแล้วใช้มือสองข้างช้อนขาหน้ามันอุ้มขึ้น "เนอะเจ้าเหมียว เมี้ยวๆ"



"แง้ว~"



"ฮ่าๆ ไอ้ตัวนี้น่ารักชะมัด" พระรามหัวเราะกว้าง จมูกเล็กปัดป่ายกับจมูกแมวอย่างหมั่นเขี้ยวจนมันยกอุ้งมือนิ่มดันหน้าขาวออก



"แง้ว~"



เล่นจนพอใจจนรามปล่อยให้มันวิ่งหนีเข้าพงหญ้าไป ลมพัดหวิวเย็นจนต้องกอดเข่าห่อไหล่



“แม่รามป่วยเป็นอะไร”



“หลายโรคเลย เธอร่างกายอ่อนแอแบบนี้มาตั้งหลายปีแล้ว...หลังๆ มานี้ก็ป่วยหนักจนพี่กังวล” รามนั่งพิงต้นไม้ชันเข่าขึ้นกอด มือเรียวสั่นระริกเผลอกำแขนเสื้อตัวเองแน่น เขาไม่เคยระบายกับใคร ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ไม่มีใครรับรู้ถึงความกังวลที่เขามี “หมอบอกว่าโรคที่แม่เป็นรักษาไม่ได้ ได้แต่ยื้อชีวิตให้นานขึ้นโดยต้องกินยา...ห้ามขาด”



“...”



“แม่มีบุญคุณกับพี่มาก...ดังนั้นไม่ว่าจะต้องทำยังไงพี่ก็จะพยายามทำให้แม่มีชีวิตอยู่กับพี่ไปเรื่อยๆ” ไม่ว่าเขาจะต้องเหนื่อยขนาดไหน...เขาก็จะต้องอดทน



เกิดความเงียบระหว่างเราสองคนนาน ไม่มีใครคิดจะกลับไปนอน ทั้งๆ ที่เมื่อวานทำเสร็จก็แยกย้ายแท้ๆ แต่ตอนนี้เรานั่งคุยกันราวกับเป็นเพราะว่าวันนี้คือวันสุดท้ายอย่างที่ไอติมบอก



“รามเป็นคนดีนะ” จู่ๆ ไอติมก็เอ่ยขึ้น ทำให้รามหันขวับมองอึ้ง หัวใจบีบรัดชั่วขณะก่อนจะเต้นตุบรัวแรง



คนดีเหรอ



“หึหึ ไม่เลยติม ไม่เลยสักนิด พี่เป็นคนเห็นแก่ตัวมาก” เสียงทุ้มใสหัวเราะราวกับขมขื่นแกมสมเพชตัวเอง “เพราะว่าพี่ทำให้แม่ต้องมาลำบาก”



ไม่สิ ต้องพูดว่าเขากับพ่อต้องทำให้ภาวดีมาลำบากมากกว่า



“จริงๆ แล้วแม่ของพี่ไม่ใช่แม่แท้ๆ หรอก” พระรามยิ้มบางพลางนึกถึงใบหน้าสะสวยของมารดา ดวงตาสีน้ำตาลสุกสกาวของภาวดี “แม่มาจากไหนพี่ก็ไม่รู้ แต่ว่าแม่รักพ่อ...แล้วก็เป็นห่วงพี่มาก ถึงขนาดทิ้งครอบครัวเก่าเธอมาเลยนะ”



ภาวดีไม่เคยเล่าอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่บอกว่านี่เป็นสิ่งที่เธอเลือกและตัดสินใจแล้ว



“จริงๆ แล้วถ้าเธออยู่กับครอบครัวเก่าของเธอคงจะมีชีวิตดีกว่านี้มาก” ร่างโปร่งก้มหน้าพูดเสียงสั่นเครือ ถ้าหากว่าภาวดีไม่มาช่วยฉุดชีวิตของเขาขึ้นมา เขาคงถูกพ่อเฮงซวยทอดทิ้งและนอนเป็นขอทานอยู่ข้างถนนจริงๆ “เพราะงั้นแม่ถึงมีบุญคุณกับพี่ไง...ที่พี่ทำงานหนักอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อแม่คนเดียว...”



“...” พอเห็นไอติมไม่พูดอะไร ได้แต่เป็นผู้ฟังเงียบๆ ก็ทำให้เขาโล่งใจขึ้นมาก ที่ได้ระบายอะไรออกไป ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ



“อะไรเนี่ย แปลกชะมัด” รามเกาหน้าเขินๆ แก้เก้อ “รู้มั้ย...พี่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้กับใครเลยแม้แต่พวกไอ้ดินกับไอ้สิน ไม่รู้ทำไมพี่ถึงอยากเล่าให้นายฟัง”



ทุกการกระทำของพระรามอยู่ในสายตาคมกริบ จนกระทั่งดวงตาเรียวมองสบ พลันใบหน้าของพระรามร้อนเห่อ หัวใจเต้นดังก้อง



ริมฝีปากบางสั่นระริกกว่าจะเค้นเสียงออกมาได้  "ติม นายกับพี่...ต่อจากนี้...เราจะได้เจอกันอีกมั้ย"



รามรู้ดีว่าตนกำลังพูดอะไรอยู่ แต่สามวันที่อยู่ด้วยกันนี้อีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกว่าอยากจะอยู่ด้วยกัน...อยากคุย...อยากเจอหน้า แต่เพราะเราสองช่างแตกต่างกัน อีกฝ่ายเป็นคนรวยล้นฟ้า หน้าตาดูดีมีชาติตระกูล ไม่ต้องทำอะไรก็สามารถทำให้คนมารุมล้อมได้ ส่วนเขานั้นแสนยากจน วันๆ ทำแต่งานไม่ได้หยุด แต่งตัวมอซอ หน้าตาจืดชืดไร้โหงวเฮ้ง...รู้ดีว่าไม่มีอะไรที่เหมาะสมกันเลยสักอย่าง



แต่ถ้าหากเป็นตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ตอนที่เป็นนักศึกษามันก็พอจะกลบฐานะพวกนั้นได้ เหมือนกับว่าเราเท่าเทียมกัน



ถ้าออกจากค่ายเมื่อไหร่ ระหว่างเราจะกลับไปเป็นแค่คนเคยรู้จักธรรมดาๆ ที่เคยมีเซ็กส์กันแค่นั้น



เขาจะต้องกลับไปเป็นแบบเดิม...อย่างนั้นเหรอ



"ติดใจลีลาผมเหรอ"



พระรามกังวลมาก แต่ไอติมกลับหัวเราะแล้วถามแบบนั้น ทำให้คนกังวลพลันหน้าแดงอย่างแทงใจดำ



สรุปมีแค่เขาคนเดียวที่คิดบ้าบอคอแตกใช่มั้ยเนี่ย



"ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"



จู่ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยประโยคที่ทำให้ใจดวงน้อยเต้นแรง...เต้นหนักหน่วงอย่างมีความหวัง



"ถ้ารามอยากเจอผม ผมมาหาที่ร้านที่รามทำงานก็ได้" เสียงทุ้มเอ่ยออกมา ก่อนจะหันมาพูดยิ้มๆ "หรือว่ารามจะมาที่คอนโด...ผมเลี้ยงแมวด้วยนะ น่ารักมาก ถ้าว่างๆ รามก็มาเล่นกับมันสิ"



"จริงดิ...?" คนถูกหลอกล่อด้วยของชอบอย่างร่างโปร่งเริ่มแย้มรอยยิ้ม ดวงตาเรียวเบิกโตเป็นประกายมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก "ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างนายจะเลี้ยงแมวด้วย"



จริงๆ แล้วสิ่งที่อยากเจอไม่ใช่แค่สัตว์



ไอติมหัวเราะก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเจ้าเล่ห์ "แต่ถ้ามาเจอกันแล้ว...ผมไม่ได้หวังว่าเราจะจบแค่คุยกันหรอกนะ"



สายตาคมกริบที่สื่อความหมายโดยนัย พระรามไม่ใช่เด็กน้อยหรือคนใสซื่อ เขาเข้าใจมันดี



พระรามหน้าร้อนผ่าว ก้มหน้าซ่อนกับท่อนแขนเรียวก่อนจะคิดแล้วคิดอีกจนหัวแทบแตก...อย่างน้อยก็มีโอกาสได้เข้าใกล้...ได้รู้จักอีกฝ่ายมากขึ้น



คนที่ไม่เคยมีใครมายุ่งด้วยเลยอย่างเขา...พอมีคนหล่อเหลาอย่างไอติมเข้ามาในชีวิต...มันก็อดที่จะคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้



"ได้สิ..." สุดท้ายก็ตอบรับไปตามที่ใจปรารถนา...อย่างคาดหวังลึกๆ ว่าสักวันหนึ่งถ้าหากไอติมมองเขาเหมือนที่มองชะเอมบ้าง...ก็คงดี



เป็นคำตอบที่ทำให้งูเห่ามีพิษร้ายแรงใจลิงโลด





********************* Love Substitute *********************



ใครชอบnc และความดราม่า บอกเลยว่าเรื่องนี้ให้คุณได้เต็มๆ ทั้งสองแนว

เรื่องนี้หดหู่ยันตอนจบอ่ะ บอกตรง ใครทนไม่ได้ก็อย่าอ่านนะคะเดี๋ยวจะเป็นโรคหัวใจเหมือนหนูชะเอม

ทดแทนรักเป็นซีรี่ย์เดียวกับผิดที่ใคร ใครเปย์เล่มเปย์อีบุ๊คไปแล้ว เรื่องนี้ก็ห้ามพลาด จริงๆ!

สนใจเล่มโอนได้เลยแล้วแจ้งโอนที่เพจเฟสบุ๊ค H.Rui Novels นะคะ^^

รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับหนังสืออ่านได้หน้าเว็บนิยายจ้า

ไม่เก็บไม่ได้แล้ว อย่ารอช้าาา รีบมาาา



ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep5 15/02/2019
«ตอบ #11 เมื่อ19-02-2019 14:23:55 »

รามเอ๊ย


โดนไอ้เด็กติมมันหลอกแล้ว


แค่ขิวิตก็ทุกข์มากแล้ว


ยังหาทุกข์เพิ่มอีกเน๊าะ

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep5 15/02/2019
«ตอบ #12 เมื่อ21-02-2019 00:41:36 »

เห็นมาม่าชามโตเลย ปมของเรื่องน่าจะแก้ยากน่าดู สงสารรามนะ แต่อยากรู้เหตุผลของติมที่ทำร้ายรามตอนอินโทรมากกว่านี้จัง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep8 08/03/2019
«ตอบ #13 เมื่อ08-03-2019 20:41:04 »


                                     ทดแทนรัก

                                      ตอนที่ 6



โปรดใช้วิจาณญาณในการรับชม

เนื้อหาต่อไปนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป





"พี่ หวัดดี"



"อ้าวไอติม ว่าไง เพิ่งตื่นเหรอ" ร่างสูงโปร่งในชุดลำลองเนื้อดีราคาแพงกำลังนั่งกินข้าวอยู่บนโต๊ะอาหารอยู่กับใครอีกคน แต่ไอติมกลับไม่สนใจเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่มีจานข้าวอีกจานวางเตรียมไว้อยู่แล้ว



"วันนี้ไม่เข้าเวรเหรอ" ร่างสูงกำยำผู้อายุน้อยกว่ายกน้ำเย็นขึ้นดื่มก่อนจะถามอีกครั้งราวกับในห้องนี้มีกันอยู่แค่สองคน เรียกอมยิ้มละมุนจากฝ่ายพี่



"อื้อ แต่ถึงจะไม่เข้าเวร ยังไงสุดท้ายพี่ก็ต้องไปช่วยงานพ่อที่โรงพยาบาลอยู่ดีน่ะ" ไม่แค่รอยยิ้มที่ละมุน แต่เสียงทุ้มนุ่มก็ละมุนละไมไม่ต่างกัน ไอติมจ้องใบหน้าขาวสว่างของผู้เป็นพี่ชาย ครอบครัวของพวกเขามีกันแค่สองพี่น้อง หน้าตาดูดีทั้งคู่แต่คนนี้อาจจะหล่ออบอุ่นกว่าเพราะมีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววละมุนละไมอยู่ตลอดเวลา เวลาคุยด้วยแล้วสบายใจ ต่างจากผู้เป็นน้องที่ดวงตาเย็นเยียบอันตราย



อิทธิพล ตรานาคเรศ หรืออิฐ พี่ชายคนโตของครอบครัวตรานาคเรศ ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่คณะแพทย์ นักศึกษาแพทย์ปีที่หกจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับไอติม เห็นอิฐบอกว่าที่มาเรียนหมอก็เพราะชอบช่วยเหลือชีวิตคน ชอบทำแผลให้เขาที่ชอบไปต่อยตีกับคนอื่น ไอติมก็เห็นด้วยที่พี่อิฐจะเรียนหมอเพราะบุคลิกของอีกฝ่ายเหมาะด้วยนั่นแหละ อีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญคือครอบครัวตรานาคเรศทำธุรกิจในวงการแพทย์มานานหลายรุ่น และส่งต่อกิจการโรงพยาบาลจนมาถึงรุ่นของอรรถสิทธิ์ บิดาของพวกเขา และต่อไปคงจะเป็นอิทธิพลผู้เป็นพี่ชายคนโตที่จะเป็นผู้สืบทอดและโชคดีที่อิฐเรียนด้านนี้พอดี



หากแต่น้องชายที่คลานตามกันมาอายุน้อยกว่าห้าปีอย่างเขา อิสระ ตรานาคเรศ ลูกชายคนเล็กของครอบครัวที่มีแต่แพทย์ พอเข้ามหาวิทยาลัยดันไปเลือกเรียนนิติซึ่งเกี่ยวกับกฏหมายแทน เรียกว่าผิดแผกแหวกแนวสุดๆ ไม่ใช่ว่าชอบหรือมีเหตุผลอะไรที่น่าฟัง ติมแค่ขอเรียนเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับคนๆ นั้น...และถ้ายิ่งทำให้มันไม่เป็นไปตามที่อีกฝ่ายคาดหวังเอาไว้ยิ่งดี



ไอติมเดาะลิ้นเสียงดังเมื่ออิฐพูดชื่อต้องห้ามขึ้นมา ยิ่งเห็นคนๆ นั้นในสายตาด้วยแล้วความรู้สึกอยากกินข้าวก็หายไปหมด ร่างสูงลุกขึ้นทำให้เก้าอี้หนักลากพื้นเสียงดัง "ติม เดี๋ยวก่อน จะไปไหนน่ะ" แม้แต่พี่ชายก็รั้งเอาไว้ไม่ได้



ก่อนจะเดินพ้นจากอาณาเขตบ้านก็ได้ยินเสียงเรียกจนขายาวต้องชะงัก



“เจ้าติม เดี๋ยว”



“มีอะไรอีกล่ะ” เสียงทุ้มถอนหายใจแรงอย่างไม่มีอารมณ์จะคุย มือล้วงกระเป๋าท่าทางไร้มารยาทเหมือนไม่ได้ถูกฝึกมาในครอบครัวตระกูลชั้นสูง แต่คนมองที่อายุมากกว่ากลับไม่ถือสา



เพราะเข้าใจเหตุผลในกิริยาก้าวร้าวที่ลูกชายแสดงออกมา



“แกยังโกรธพ่อเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ” ร่างสูงกำยำต้นแบบของลูกชายทั้งสองที่รั้งไอติมเอาไว้เดินออกมาในชุดทำงานดูภูมิฐาน บนแขนเสื้อเชิ้ตคล้องเสื้อคลุมสีขาวซึ่งคือเสื้อกาวน์ประจำตัวของหมอเหมือนกำลังจะเตรียมไปทำงาน ติมมองเลยไปด้านหลังของอรรถสิทธิ์ก็เห็นอิทธิพลวิ่งตามออกมาด้วย



“รู้แล้วจะถามทำไม”



“พ่อบอกแล้วไงว่าแม่น่ะ...เขาไปมีครอบครัวอื่นแล้ว”



“อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ!!” ติมตะคอกแรงเมื่อได้ยิน เขาโกรธมากจนหายใจแรงกำหมัดแน่น ดวงตาคมกริบถลึงมองผู้เป็นบิดาคลั่งแค้น สาวใช้รีบก้มหน้างุดๆ เดินผ่านไปตัวสั่นหวาดกลัว แต่คนเป็นพ่อรู้ดีว่าสัตว์ป่าที่กำลังดุร้ายตัวนี้ แท้จริงแล้วข้างในกำลังบาดเจ็บอย่างหนัก “คนที่ไม่เคยคิดจะรั้งแม่เอาไว้อย่างพ่อ...อย่ามาพูดแบบนี้กับผม”



เพราะว่าอิสระรักมารดามาก...จึงเจ็บปวดมากที่สุดเมื่อรู้ว่าเธอทิ้งพวกเราไป ทิ้งไปตั้งแต่ไอติมยังเด็กอยู่เลย



เพราะงั้นที่ไอติมจะไม่เข้าใจก็ไม่แปลก...ให้ลูกชายทิ้งความโกรธไว้ที่เขามันก็ดีแล้ว



อิทธิพลกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างแต่อรรถสิทธิ์ส่ายหน้าห้าม



“แกจะโกรธพ่อก็ได้ แต่อย่าไปเที่ยวเล่นเสเพลกับพวกนักเลงบ่อยๆ ได้มั้ย...พ่อเป็นห่วง”



“อย่ามายุ่ง” ไอติมกัดฟันกรอดเมื่อรู้ว่าอรรถสิทธิ์ส่งคนมาติดตามเขาและคอยส่งข่าวตลอด “ผมจะทำอะไร จะเป็นอะไรก็เรื่องของผม ผมจัดการชีวิตของตัวเองได้”



“จัดการตัวเองได้? แล้วใครกันล่ะที่ชอบไปมีเรื่องจนเจ็บกลับมาให้พี่ชายแกทำแผลให้บ่อยๆ” ร่างสูงพ่นลมออกจากจมูกอย่างแทงใจดำ เมื่อพ่อย้อนเสียงสูง “แล้วแกก็ควรเลิกล้มที่จะตามหาภาเสียที”



“ก็บอกว่าอย่ามายุ่งไง!” คราวนี้ไอติมไม่ทนฟัง ขายาวก้าวขึ้นรถและบึ่งออกไปจนคนมองตามอ่อนใจ



“พ่อก็...ทำไมถึงไม่บอกความจริงกับน้องไปล่ะครับ”



“พ่อแค่อยากจะฝึกให้มันเป็นคนใจเย็นลงบ้างแค่นั้น” อรรถสิทธิ์มองตามรถสปอร์ตหรูเหยียบคันเร่งจนเกิดเสียงดังแล่นออกจากรั้วคฤหาสน์ไป



แล้วก็อยากให้รู้จักคำว่าปล่อยวางด้วย



“ก็น้องยังเด็ก” อิฐถอนใจ รู้สึกเป็นห่วงน้องชายอย่างยิ่งกลัวว่าอารมณ์ร้อนๆ จะไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อนหรือเปล่า ยิ่งขับรถเร็วแบบนั้นแล้ว



“เพราะงั้นพ่อถึงไม่ว่าอะไรเลยไม่เห็นเหรอ ไม่ว่ามันจะทำตัวเกเรแค่ไหนก็เถอะ” จะทำอะไรก็ได้เขาจะปล่อยให้ทำไป ก่อนจะเดินนำไปที่รถทำให้อิทธิพลเปิดประตูฝั่งคนขับเพื่อที่จะขับรถให้พ่อบังเกิดเกล้าไปทำงานที่เดียวกันพร้อมกัน “แกก็คอยๆ เตือนมันแทนพ่อหน่อยก็แล้วกัน นี่พ่อรู้สึกดีหน่อยที่มันยังฟังแกบ้าง”



“ฮะๆ รับทราบครับพ่อ”





บรื้น...บรื้น...



เข็มบอกเลขความเร็วบนหน้าปัดของรถสปอร์ตยุโรปคันหรูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงโมโห ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีกจนต้องตบพวงมาลัยดังเมื่อเจอสี่แยกไฟแดงของเมืองมหานครที่รถติดเป็นอันดับหนึ่งของโลก หน้าปัดจากเกือบสองร้อยลดลงเรื่อยๆ จนเป็นศูนย์



เอี๊ยด!



ไอติมบีบพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ก้มหน้าหายใจแรง พยายามทำใจให้เย็นลงท่ามกลางแอร์หนาวเหน็บที่เร่งจนสุดเป่าเข้าใบหน้าคมหล่อเหลา ทุกครั้งที่เขาคุยกับพ่อไม่พ้นเรื่องของแม่ และมันทำให้โมโหจนน็อตหลุดได้ทุกครั้ง เขาเป็นแบบนี้เฉพาะตอนคุยกับพ่อ...ไม่รู้ทำไม



ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงไม่มีใครร้อนรนตามหามารดาที่รักเลยสักคน...ทั้งพ่อ...ทั้งพี่



‘แม่ไปมีครอบครัวอื่น...’

เรื่องแบบนั้นน่ะ...เขาไม่เชื่อหรอก...เพราะว่าแม่รักทั้งพ่อ ทั้งพี่ และตัวเขามากกว่าใคร...ไม่มีทางที่แม่จะไปมีคนอื่น...



‘แม่รักพ่อ...แล้วก็เป็นห่วงพี่มาก’



เสียงทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นในความทรงจำ เป็นคำพูดของใครบางคนเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน



‘จริงๆ แล้วแม่ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของพี่หรอก...แม่มาจากที่ไหนพี่ก็ไม่รู้’



เขาคิดไว้ตั้งนานแล้วเรื่องตามหาแม่ เพิ่งคิดจริงจังเมื่อไม่นานมานี้ แล้วเขาก็ใช้เงินจ้างคนสืบหาว่าเนตรนภา แม่ของเขาตอนนี้อยู่ที่ไหน ยังคงมีชีวิตอยู่หรือเปล่า และก็ได้คำตอบอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วัน



เนตรนภา ตรานาคเรศ ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อไปแล้ว



ภาวดี เทพเทวพรหม นั่นคือชื่อใหม่ของมารดาเขาเอง และตอนนี้เธอก็อยู่กับครอบครัวๆ หนึ่งซึ่งมีสามีในนามชื่อนพกร และลูกชายอีกคนหนึ่ง



...พระราม เทพเทวพรหม...



ที่ไม่ไปหาแม่เดี๋ยวนั้นเลยเพราะกลัวว่าเธอจะจำตนไม่ได้ ยิ่งคิดแบบนั้นความโมโหยิ่งเพิ่มพูนพร้อมจะเอาไปลงกับคนที่บังอาจมาขโมยแม่ของตัวเอง



เขาให้นักสืบสืบหาข้อมูลของคนๆ นี้มาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการดีที่อีกฝ่ายเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะอักษรศาสตร์ ชั้นปีที่สาม...แสดงว่าอายุมากกว่าไอติมถึงสองปี สืบลึกจนถึงขั้นวันๆ ทำอะไร ทำงานที่ไหนบ้าง จนกระทั่งเขาเข้าไปที่ผับวันนั้นเพราะรู้ว่าร่างโปร่งจะเข้าไปทำงาน วันที่เขาจงใจชนเข้ากับอีกฝ่าย ร่างผอมโปร่งใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟแนบเนื้อเห็นเอวและสะโพกเล็กชัดเจน หุ่นก็ใช้ได้อยู่หรอกแต่หน้าตาจืดชืดไร้สีสันกับเหงื่อไคลเต็มหน้าทำให้คนรักสะอาดอย่างเขาต้องขมวดคิ้ว นี่หรือคือคนที่ทำให้เนตรนภาถึงกับทิ้งครอบครัวเดิมแล้วมาอยู่ด้วย...เขาไม่เห็นจะหาอะไรดีได้จากพระรามเลยด้วยซ้ำ



‘เป็นอะไรมั้ยครับ’ ในตอนนั้นที่ไอติมสบตาตี่ของพระรามที่มองใบหน้าของเขาอย่างหลงใหลแล้วก็คิดแผนการขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง



ถ้าหากมันแย่งความรักของมารดาไป เขาก็จะทำให้พระรามรู้สึกเหมือนกัน โดยการหลอกล่อให้อีกฝ่ายมาหลงรักเขาหัวปักหัวปำ



แล้วก็เขี่ยมันทิ้งไปอย่างน่าสมเพชเหมือนขยะเน่าเปื่อยไร้ค่าชิ้นหนึ่ง



เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาในห้องน้ำเวลานั้นเขาก็เลยไปรออยู่แล้ว โดยการทำให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงตอนที่ไอติมกำลังบรรเลงรักกับใครอีกคน



‘อ้าว ทำงานในนั้นหรอกเหรอ’ ทั้งสายตาผิดหวังในยามที่เขาพูดราวกับว่าจำอีกฝ่ายไม่ได้...แต่มีหรือเขาจะจำคนที่แย่งมารดาของเขาไปไม่ได้



‘มึงมีอะไรให้กูพิศวาส’ ทั้งสายตาดูถูกที่ทำให้ใบหน้าสีขาวเหลืองซีดลงไปอีก ดวงตาเรียวหลุบลงอย่างคนเจ็บใจ



ทุกอย่างก็เพื่อหลอกล่อให้อีกฝ่ายติดกับ



จนสุดท้ายเขาก็ได้ร่างกายของอีกฝ่ายสมใจ ไอติมได้ทำการฉีดพิษเข้าร่างกายนั่นแล้ว แต่แค่นั้นยังไม่พอหรอก...เป็นเจ้าของแค่ร่างกายมันยังไม่พอ ต้องได้หัวใจด้วย ต้องทำให้พระรามหลงรักเขา นึกถึงแต่เขา ขาดเขาไม่ได้...แล้วเมื่อถึงเวลานั้น...



‘ติม ต่อจากนี้...เราจะได้เจอกันอีกมั้ย’ เสียงทุ้มใสเอ่ยวอนขอน้ำตาคลอไม่รู้ตัว ทำให้คนมองยิ้มกริ่มในใจ



‘ถ้ารามอยากเจอผม ผมมาหาที่ร้านที่รามทำงานก็ได้ หรือว่ารามจะมาที่คอนโด...ผมเลี้ยงแมวด้วยนะ น่ารักมาก ถ้าว่างๆ รามก็มาเล่นกับมันสิ’



‘ได้สิ...’ ดวงตาเรียวเหม่อลอยมองใบหน้าของเขาอย่างหลงใหล



เมื่อถึงเวลานั้น...จะถึงตาที่มึงต้องเจ็บแทนกูบ้างแล้ว...พระราม



********************* Love Substitute *********************







ครืด ครืด



เสียงสั่นของมือถือทำให้ร่างโปร่งที่นั่งพักอยู่มุมมืดของร้านกำลังทุบขาปั้กๆ เพราะปวดมากเนื่องจากเดินเสิร์ฟเหล้าลูกค้ามาทั้งวันต้องล้วงหยิบขึ้นมาดู มันคือข้อความจากแชทที่ทำให้ดวงตาเรียวเปล่งประกาย พร้อมกับปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ

Issara : ราม วันนี้เลิกงานกี่โมง 10.05pm Read





อิสระคือชื่อจริงของไอติม



หลังจากกลับจากค่าย อีกฝ่ายก็ให้เบอร์มาติดต่อกับไอดีไลน์เพื่อจะได้คุยกัน ผ่านมาตั้งหลายสัปดาห์แล้วก็ไม่ได้เจอกันเลย แต่อีกฝ่ายก็ยังทักมาคุยกัน



หัวใจเต้นตึกตักรู้สึกเหมือนตนกลายร่างเป็นสาวน้อยที่กำลังคบหาดูใจกับชายหนุ่มคนที่แอบชอบ



เพียงแค่อีกคนส่งข้อความมาก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก



“อันแน้...ใครน้า”



ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงโผล่จากด้านหลัง “อะ อะไรเล่า! พี่เจ๋งอย่าจุ้นน่า” รามแหวหน้าแดงเรื่อ มือรีบเก็บมือถือลงกระเป๋าแทบไม่ทัน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เสียงทุ้มใสพูดอุบอิบกับเจ้าของร้านที่ส่งสายตาล้อเลียนไม่หยุด “ฮึ้ย! ผมไปทำงานดีกว่า...”



ร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อปูดมองแผ่นหลังบางกับสะโพกเล็กภายใต้กางเกงพนักงานเสิร์ฟที่เขาเตรียมไว้ให้แล้วเกาหัวแกรก ก่อนจะบ่นอยู่คนเดียวอย่างเสียดาย “อะไรวะ กะจะถามว่ามีแฟนแล้วเหรอ กูเล็งไว้ว่าจะกินๆ ตั้งนาน”



รามทำงานวุ่นๆ จนลืมไปว่ายังไม่ได้ตอบแชทของไอติมเลย จนกระทั่งเลิกงานแล้วเช็คมือถืออีกรอบถึงได้รู้



RamĀ : โทษทีติม พี่งานยุ่งมากเลยไม่ได้ตอบ ตอนนี้เลิกงานแล้ว กำลังจะกลับ 0.15am



หลังจากที่รามกดปุ่มส่งข้อความ ก็ยืนมองมันนิ่ง มองแล้วมองเล่าก็ไม่เห็นวี่แววจะอ่านก็ถอนหายใจ มันผ่านมาตั้งสองชั่วโมงแล้วอีกฝ่ายคงจะนอนไปแล้วล่ะมั้งนะ มือเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าไปแล้วกำลังจะเดินต่อแต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกตัวเกร็งเมื่อมีคนเข้ามาจากด้านหลังไม่ทันรู้ตัวปิดปากเขาไว้แน่นและมีของแข็งบางอย่างทิ่มอยู่ตรงสะโพก



ปะ ปืน!?



โจรปล้นเหรอ!?



พระรามไม่กล้าทำอะไรได้แต่ยืนนิ่งๆ ได้แต่ตัวสั่นหวาดกลัว เวลานี้ซอยที่เขาเดินก็มืดเปลี่ยวไม่มีใครเดินผ่านเข้ามาสักคน จึงไม่มีใครเห็นว่าเขากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากอย่างใหญ่หลวง



ยิ่งพระรามถูกปืนจี้เข้ามาเรื่อยๆ ขาเรียวต้องเดินไปข้างหน้าตามคำสั่ง



...คะ ใครก็ได้...ช่วยด้วย! ...



ร่างโปร่งหลับตาปี๋ได้แต่ร้องเรียกให้คนมาช่วยอยู่ในใจ จนกระทั่งมาถึงรถสปอร์ตคันหรู โจรชั่วกดรีโมทเปิดประตูและผลักพระรามให้ขึ้นไปนั่งทำให้ดวงตาเรียวกระพริบปริบมองเหวอ



โจรอะไรมันจะรวยขนาดนี้



ปึง! เสียงประตูฝั่งคนขับดังขึ้นทำให้ใบหน้ามนหันไปมอง นี่มันไม่ใช่โจร แต่เป็น... “ติม!”



“หึหึ”



“อยู่ๆ มาทำอะไรแบบนั้น พี่ก็นึกว่าโจรปล้นกลางดึก!”



“ฮ่าๆ” ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มใสแหวอีกฝ่ายยิ่งหัวเราะดังลั่นรถ ท่าทางหวาดกลัวของพระรามทำให้ไอติมทนไม่ไหวจากที่กลั้นขำต้องระเบิดหัวเราะเลย



“หึย...อย่าให้โดนบ้างแล้วจะไม่ขำ” ร่างโปร่งหน้าแดงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ถามอย่างสงสัย “แล้วเมื่อกี้อะไรแข็งๆ มาจิ้มตรงสะโพก...พี่นึกว่าปืน”



“ก็ปืนน่ะสิ” ไอติมยิ่งยิ้มกริ่มเมื่ออีกฝ่ายตาโตอ้าปากค้าง ไม่ทันรู้ตัวว่าถูกจับมือให้ไปวางบนเป้ากางเกงตุงๆ “แต่เป็นปืนฉีด ‘น้ำ’ นะ”



พระรามหน้าแดงก่ำสะบัดมือออกแทบไม่ทันเหมือนจับของร้อน...มันก็ร้อนจริงๆ ร้อนผ่าวจนแผ่มาถึงหน้าเขาเลย



“พะ พี่ต้องกลับบ้านแล้ว” เสียงทุ้มใสพูดตะกุกตะกักทั้งที่ยังหูแดง ด้วยความมืดของฟ้าทำให้มือเรียวต้องคลำหาแต่แล้วพอคลำเจอที่จับกลับเปิดประตูไม่ออก “อ้าว ทำไมเปิดไม่ออกล่ะ!?” แถมยังทุบประตูราวกับมันจะเปิดให้



คนมองหลุดหัวเราะพรืดอีกครั้งกับความตลกขบขัน “ก็ถ้าผมไม่อนุญาต รามก็ออกจากรถไม่ได้น่ะสิ”



“โกหกน่า!” พระรามหน้าซีดทันทีที่ได้ยิน ดูก็รู้ว่าเชื่อที่ไอติมพูดร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ชีวิตของเขาไม่เคยสัมผัสสิ่งของที่ราคาเกินหมื่นบาทเลยยกเว้นโทรศัพท์มือถือ แล้วจะให้มารู้เรื่องระบบพวกนี้ได้ยังไง “ติมปล่อยพี่นะ พี่จะกลับบ้าน มันดึกแล้ว”



“ไม่ไปคอนโดผมเหรอ วันนี้กะจะชวนไปเล่นกับอุริสักหน่อย”



“อุริ?”



“แมวไง แมวที่ผมบอก”



รามครางออ ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างเสียดาย “พี่ก็อยากไปนะ แต่ว่ามีทำงานตอนตีห้าอีกน่ะสิ กลัวมาไม่ทัน”



“ทัน เดี๋ยวผมมาส่ง”



“ไม่ได้ พี่ต้องกลับบ้านไปหาแม่” รามส่ายหน้าทันที แต่หารู้ไม่สิ่งที่พูดออกมาทำให้ดวงตาคมเย็นชาวูบหนึ่ง



“งั้นรามจะไปวันไหนล่ะ”



“ไปไหน?”



ไอติมเผลอพ่นลมหายใจแรงอย่างไม่สบอารมณ์กับคนพูดยาก เสียงทุ้มเริ่มห้วน “คอนโดผมไง”



“พี่...พี่ต้องทำงาน พี่ไม่รู้ว่าจะว่างเมื่อไหร่” พระรามอธิบายเสียงสั่นหน้าซีดเซียวเพราะเห็นว่าไอติมเริ่มไม่พอใจ “ติม...โกรธพี่เหรอ”



“...”



“งั้น...เป็นวันอาทิตย์ได้มั้ย พี่คิดว่าพี่น่าจะว่าง...ประมาณชั่วโมงสองชั่วโมง”



“...” อีกฝ่ายยังเงียบอีก ยิ่งทำให้รามใจเสีย จริงๆ แล้ววันอาทิตย์เป็นวันทำงานเต็มวันของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ที่เขาพูดขึ้นมาเพราะอยากจะเอาใจ ถ้าอีกฝ่ายยอมให้เป็นวันอาทิตย์...เขาจะต้องยอมเจียดเวลานอนพักผ่อนที่เหลืออยู่มาอยู่กับไอติม เพราะเขาขาดงานไม่ได้จริงๆ



เขาต้องหาเงิน



“ก็ได้ วันอาทิตย์นี้นะ” ในที่สุดเสียงทุ้มก็พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้พระรามมองอย่างใจชื้น



ให้ตายสิ รามไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตนถึงดีใจขนาดนี้เพียงเพราะว่าอีกฝ่ายยอมฟังที่เขาพูดบ้าง...แม้จะแค่เพียงเล็กน้อย



“แล้ววันนี้จะเอาไงล่ะ”



“เอาไง? ก็...เดี๋ยวติมเปิดประตูให้ พี่ก็จะได้กลับบ้านพี่ ส่วนติมก็กลับคอนโดไปไง” ร่างโปร่งขมวดคิ้วตอบตามประสาคนไม่เข้าใจคำถามที่มีความหมายโดยนัย สิ่งที่ได้รับจึงเป็นเสียงถอนหายใจดัง



“ผมหมายถึงนี่ต่างหาก” นิ้วยาวชี้ลงตรงกางเกงยีนส์ราคาแพง ตำแหน่งคือกลางเป้าปูดนูน “มันตั้งขึ้นมาแล้ว ใครจะรับผิดชอบ”



พระรามหน้าเหวอแดงเถือก “ความผิดพี่หรือไงวะ!? นายก็ช่วยตัวเองไปสิ!” ครั้นร่างโปร่งจะหนีก็หนีไม่ได้ ทุบประตูหรูดังปึงๆ นี่มันรถบ้าอะไรเนี่ย!?



“จะความผิดใครรามก็ต้องช่วย มานี่เลย ไม่งั้นไม่ต้องกลับบ้าน”



“ฮะ เฮ้ย!!” ด้วยความกว้างของรถทำให้ไม่ยากที่คนตัวสูงจะปีนมาคุกคามร่างโปร่งที่กำลังพยายามจะเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับและถูกตวัดตัวให้ขึ้นมานั่งทับตักแกร่ง ซ้ำยังถูกปลดเปลื้องเสื้อผ้าทีละชิ้น...ทีละชิ้นอย่างง่ายดาย “ยะ อย่าถอด เฮือก! นี่มันในรถนะเว้ยติม...อ๊ะ”



ร่างสูงเลียปากมองคนกัดปากครางหวิวเพียงแค่เค้นยอดอกเบาๆ ...ยังไงวันนี้พระรามก็หนีไม่รอดแน่ๆ ล่ะ



“เดี๋ยวรถ...เปื้อน...อย่า...”



ยิ่งฟังคำพูดห้าม ไอติมยิ่งไม่รอช้าปลดซิบและชั้นในลงให้ลูกชายที่พองตัวออกมาหายใจหายคอและจับแก่นกายเล็กรวบคู่และรูดรั้งไปพร้อมกันจนพระรามตัวอ่อนปวกเปียกซบหน้าลงกับไหล่แกร่งครางเสียงสั่นข้างใบหู



“อ๊า ฮะ...ซี้ด” เสียงสูดปากยิ่งทำให้มือใหญ่เค้นมือหนักจนไม่นานเจ้าตัวก็พ่นน้ำใส่หน้าท้องแกร่งทิ้งตัวหอบหายใจแรง



“รามอยากกิน ‘ไอติม’ มั้ย” ไอติมถามเสียงสั่นพร่าหื่นกระหาย มือใหญ่ยกขึ้นลูบแผ่นหลังเนียนเน้นๆ ให้ร่างผอมบิดเร้าวาบหวิว คำพูดของเขามีความหมายโดยนัยอีกแล้ว และไม่รู้ว่าคนได้ยินจะเข้าใจหรือไม่ เพราะตอนนี้คนเพิ่งเสร็จสมยังตาปรือปรอยเหนื่อยอ่อนอยู่เลย



“ไอติม?” เสียงทุ้มใสงุนงง รามไม่ได้เรียกชื่อของเขา แต่เป็นการทวนคำถามเมื่อครู่



“ใช่ กินไอติม” มือใหญ่จับมือเรียวที่โอบรอบคอของเขาออกให้สัมผัสกับตัวตนร้อนผ่าวที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย “ไอติมนี่ไง...อยากกินมั้ย”



“มะ ไม่...ไม่...” ใบหน้ามนส่ายน้อยๆ น้ำตาคลอ



“แต่ผมอยากให้รามกิน” ติมพูดขัดเสียงเข้ม ก่อนจะจับมือเรียวให้เค้นตรงปลายแดงบานเริ่มมีน้ำผุดซึม เสียงทุ้มเซ็กซี่กระซิบพร่า “มันมีลาวาด้วยนะ ไม่อยากชิมเหรอ”



ยิ่งฟังยิ่งเป็นบทสนทนาที่หื่นกามที่สุด พระรามตัวแดงก่ำหายใจแรง หลับตาปี๋บิดเร้าเมื่อถูกขบกัดที่ใบหู “อ๊ะ อื๊อ...”



“ช่วยชิมไอติมหน่อยนะ ราม”



“พี่ทำมะ...ไม่เป็น อ๊ะ” พระรามถูกอีกฝ่ายเล่นจุดอ่อนหนัก ยิ่งเลียยิ่งขบก็ยิ่งครางเสียงดัง “อ๊า...อ๊า!”



“ใครๆ ก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น ฝึกหน่อยเดี๋ยวก็เป็น” เสียงทุ้มยังไม่หยุดหลอกล่อ ดวงตาคมกริบราวกับงูเห่าจ้องเหยื่อ แหย่ลิ้นเข้าไปในหูเป็นครั้งสุดท้ายและเอ่ยอีกครั้งกับคนหอบหายใจหนักเหม่อลอย “นะครับ”



“คะ ครับ...”



เท่านั้นแหละร่างโปร่งเลยต้องระเห็จไปคุกเข่าที่พื้นรถสะอาดอยู่ตรงระหว่างขายาว ก่อนจะถูกมือใหญ่จับศีรษะให้ใกล้กับลูกชายพองตัวหนัก เพราะมัวแต่เล้าโลมอีกฝ่ายให้ดิ้นเร่าเขาก็รู้สึกไปด้วยจนมันแข็งขึงจนเส้นเลือดปูดแบบนี้ เพราะฉะนั้นพระรามต้องรับผิดชอบ



ดวงตาเรียวมองมันอย่างเขินอายที่สุด ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ต้องช่วยใช้ปากให้กับใครเลย



“อ้าปาก”



“ตะ แต่พี่...อุก!! อึก...” วินาทีที่เขาจะพูดว่าทำไม่เป็น ไอติมก็ยัดของใหญ่เข้ามาในปากเขาทันใด ความร้อนและกลิ่นอับชื้นยังไม่เท่าไหร่เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนรักษาความสะอาดอยู่พอสมควร แต่ขนาดนี่แหละที่เป็นปัญหา ยิ่งอีกฝ่ายดันเข้ามาลึกขึ้นเขายิ่งเหมือนจะสำลัก “อึก...อึก...!”



“เปิดคอกว้างๆ ราม หายใจทางจมูก...ซี้ด” พระรามทำตามที่บอก ยิ่งมันขยับเข้าออกอยู่ในปากผลุบๆ ทำให้เขารู้สึกปวดมวนอย่างบอกไม่ถูก “ห่อปาก อย่าให้โดนฟัน อา...”



ปลายใหญ่กระแทกลึกเข้าสู่ลำคอ ศีรษะทุยถอนออกจนสุดและรัวลิ้นเลียตามคำสั่ง ผ่านไปสักพักพระรามทำเองเป็นก็ขยับศีรษะกลืนกินตัวตนร้อนผ่าวที่ใหญ่คับปากจนน้ำตาไหล เสียงทุ้มครางต่ำยิ่งทำให้ผู้ชายอย่างเขาที่ได้ปรนเปรอคู่นอนบ้างฮึกเหิม น้ำรสชาติแปลกๆ ที่ไหลลงคอไม่ทำให้ร่างโปร่งสนใจเท่าสิ่งที่ขยับเร่งรัวเร็วเข้าออกสุดโคนแทบสำลัก



“อื้อ อุก ฮึก...”



“อา...อา...รามสุดยอด ไอติมเป็นไงบ้าง ซี้ด!” ดวงตาเรียวปรือมอง ยิ่งถูกจับศีรษะให้ขยับรับสะโพกแกร่งกระแทกเข้ามายิ่งทำให้รามต้องล้วงมือลงไปขยับของตัวเองที่แข็งขืนขึ้นมาอีกครั้งแล้วบ้าง “จะเสร็จแล้ว...”



“อู้ อื้อออ” ติมขยับเร็วจนแก่นกายร้อนเสียดสีในปากจนแสบไปหมด ดวงตาเรียวหลับปี๋น้ำตาไหลพราก มือขยับรูดรั้งของตัวเอง และเขาก็แตกทันทีที่ปลายบานกระแทกเข้าสุดลำคอ ร่างสูงเกร็งร่างครางเสียงต่ำเหมือนสัตว์คำราม หน้าท้องเครียดเขม็งเกร็งแน่นจนเป็นลูกคลื่น “อึก! ...อึก...อึก”



สายธารอุ่นร้อนพ่นเข้าลำคอจนต้องกลืนอย่างช่วยไม่ได้เพราะไอติมกดศีรษะเล็กไว้แน่นจนกว่าตัวเองจะปลดปล่อยจนหมดแม็ก “อา...กลืนให้หมดนะ”



“อึก...อึก แค่ก...” ในที่สุดแก่นกายใหญ่ก็ถอนออกไปอ้อยอิ่ง รามหอบหายใจเฮือกใหญ่และสำลักเล็กน้อย ใบหน้ามนซบตักแกร่งอย่างหมดแรง ปากเล็กบวมเจ่อแถมแดงเถือกจนคนมองเลียปากกลืนน้ำลายเสียงดัง เผลอเกลี่ยนิ้วตรงขอบปากที่ร้อนผ่าวจากการเสียดสีไม่ได้



“เป็นไงบ้างราม ไอติมร้อนสอดไส้ลาวา...อร่อยมั้ย”





********************* Love Substitute *********************






ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep8 08/03/2019
«ตอบ #14 เมื่อ08-03-2019 20:42:04 »



                                     ทดแทนรัก

                                      ตอนที่ 7



โปรดใช้วิจาณญาณในการรับชม



หญิงสาวร่างเล็กผ่ายผอมเท้าคางกับขอบโต๊ะมองลูกชายที่กำลังยกจานเตรียมมาใส่กับข้าว เธอมองสำรวจรูปร่างโปร่ง พระรามผอมลงมากนับตั้งแต่เธอเลิกทำงาน อีกฝ่ายก็รับหน้าที่ทำงานอยู่คนเดียวเธอรู้สึกไม่ค่อยดีเพราะเป็นภาระแก่ลูก รู้สึกผิดทุกครั้งเมื่อเห็นลูกชายกลับมาใบหน้าอิดโรยและหงอยเหงา ยิ่งครอบครัวของพวกเราก็ไม่ได้อบอุ่นและให้ความรักได้มากเพียงพอ แม้พระรามจะไม่พูดอะไรแต่เธอก็รู้ดีว่าพระรามเหงาและต้องการคนที่คอยอยู่ข้างกาย ซึ่งเธอไม่สามารถอยู่ค้ำฟ้าอยู่กับลูกชายได้ตลอดไป

แต่ช่วงนี้รามสดใสมากขึ้น มีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับอยู่ตลอด จนคนมองหรือคนที่อยู่ด้วยรู้สึกได้

ร่างโปร่งหยิบช้อนวางบนจานแล้วก็ต้องชะงักเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นเตือนข้อความ ถ้าเป็นปกติรามก็จะเว้นว่างไว้ก่อน แต่ตอนนี้รามแทบจะหยุดทุกอย่างในสิ่งที่กำลังจะทำและขอให้ได้อ่านและตอบกลับ

เขาคงเป็นบ้าไปแล้ว

"รามลูก เดี๋ยวนี้มีอะไรน่าดีใจเหรอ"

"ครับแม่?"

"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว"

แก้มขาวแดงเรื่อ "ผะ ผมเปล่า..." ซ้ำยังหลบตา ตอบเสียงแผ่ว

"โกหกแม่ไม่เนียนเลยน้า" ภาวดียิ้มกว้างล้อไม่หยุด แถมยังยกนิ้วจิ้มแก้มลูกชายที่ก้มหลบเป็นพลันวันก่อนที่มือใหญ่กว่าจะจับมือเล็กเอาไว้

"โธ่ แม่ก็..."

"คิกๆ แหม รามมีแฟนแม่ก็ดีใจ ลูกชายฉันขายออกแล้ว" พระรามหูแดงก่ำพอได้ยินมารดาพูดว่าแฟน เขาพลันนึกถึงใบหน้าคมหล่อเหลาและรอยยิ้มขำเวลาที่เขาทำอะไรเปิ่นๆ

"ไม่ใช่นะแม่ รามยังไม่ได้บอกสักคำว่าเป็นแบบนั้น!"

"แสดงว่าดูใจกันอยู่ใช่มั้ย แม่เอาใจช่วยนะ"

"แม่!" เสียงทุ้มใสแหว ก่อนจะหัวเราะตามเมื่อภาวดีหัวเราะขำท้องแข็งกับท่าทางเขินอายของเขา

ไอติมยังไม่ใช่แฟนของเขาสักหน่อย

'เป็นไงบ้างราม ไอติมร้อนสอดไส้ลาวา...อร่อยมั้ย'

ถึงจะไม่ใช่แฟนแต่มันก็ทำอะไรกันมากกว่าแฟนแล้ว

ฉ่า...

"เอาล่ะๆ แม่หิวแล้ว...เหม็นความรักคนแถวนี้จริงๆ เลย"

รามเม้มปากแน่นกับคำแซวไม่หยุดของมารดา...ขี้เกียจเถียงแล้ว

“อื้ม นี่อร่อยจังลูก ลองกินดูสิ” ภาวดีดูเจริญอาหารมากกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อยทำให้พระรามยิ้มดีใจ ร่างโปร่งยื่นจานที่มารดาใช้ช้อนกลางตักมาให้

“ขอบคุณครับ”

“เห็นแม่ทานเยอะแบบนี้รามดีใจจัง”

“ก็กับข้าวที่รามซื้อมาอร่อยนี่ จะไม่ให้แม่ทานเยอะได้ยังไงจริงมั้ย”

“แม่ก็ชมซะผมดีใจแทนคนทำเองเลยนะเนี่ย” ภาวดีหัวเราะกับคำกล่าวก่อนจะขอข้าวเพิ่มอีกจาน ร่างโปร่งก็รีบลุกไปตักข้าวในหม้อที่หุงร้อนๆ หอมฉุยมาวางตรงหน้าก่อนที่ทั้งสองจะลงมือทานอีกครั้ง

"แล้วเรื่องเรียนเป็นไงบ้างล่ะ"

"อ่า ก็ดีครับ" รามอึกอัก ก็เรียนไปเรื่อยๆ ที่ทำได้ดีคือตั้งใจเรียนในห้อง แต่ว่ากลับมาหนังสือเขาแทบไม่ได้แตะไม่ได้ทบทวนเลยด้วยซ้ำ กลัวว่าสอบปลายภาคที่จะถึงอีกไม่กี่เดือนนี่จะทำไม่ได้ดีอย่างที่คาดเอาไว้

"สู้ๆ นะลูก! อีกแค่ปีเดียว" ภาวดีกำหมัดทำท่าแข็งแกร่ง ดวงตาสีน้ำตาลสวยเปล่งประกายให้กำลังใจทำให้คนมองหัวเราะออกมา

"ครับ แม่"







"เฮ้ย วันอาทิตย์นี้ไปเที่ยวกันป่ะ"

"..."

"ราม...ไอ้ห่าราม!!"

"ฮะ...ฮะ!? เมื่อกี้มึงว่าไงนะ" ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกก่อนทำตาเหลอหลา มองไปรอบห้องเรียนพบว่าไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากพวกเราสามคน

ดินถอนหายใจ "เป็นไรวะ ช่วงนี้เหม่อๆ นะมึง"

"กูขอโทษว่ะ..."

"มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือไง" สินถามขึ้นมาพลางมองหน้า จะสบตาแต่เขาหลบวูบ

"เปล่า..." ใบหน้าขาวแดงเรื่อ พอถามว่ามีเรื่องอะไร สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือใบหน้าหล่อเหลาของใครอีกคน...เสียงทุ้มครางต่ำในตอนที่พวกเรามีอะไรกัน

"มึงไม่สบายเหรอหน้าแดงๆ" พระรามจะหลบแต่ไม่ทัน มือใหญ่ทาบทับหน้าผากอย่างเร็ว "ก็ไม่นี่หว่า"

"ก็ไม่น่ะสิ ตกลงเมื่อกี้พวกมึงพูดอะไรกัน"

"จะชวนไปเที่ยว มึงนี่จริงเลย...ไม่สนใจกูเลยสักนิด"

"วันอาทิตย์กูไม่ว่างอะ กูต้องทำงานทั้งวัน" รามว่า

"งานอีกและ"

"น่า ไม่มีกู มึงก็มีไอ้สินนี่" เขาไม่บอกเพื่อนว่าเขาไม่มีเงินเก็บไว้เที่ยวเล่น เงินที่สำรองไว้เอาไว้เผื่อแม่ต้องใช้ฉุกเฉิน

"อ้าว นานๆ ทีกูก็อยากจะเที่ยวกับเพื่อนบ้างไรบ้างป่ะ" ดินหน้ามุ่ย ร่างโปร่งเห็นแบบนั้นก็รู้สึกผิด ก็เลยได้แต่ขอโทษออกไป

"กูขอโทษจริงๆ ว่ะดิน สิน ช่วงนี้กูค่อนข้างยุ่งๆ เรื่องที่บ้าน"

"ยุ่งเรื่องอะไรวะ" สินถามขึ้นมาทำให้รามหลบตาอีกครั้ง "มึงมีอะไรไม่เคยบอกพวกกูเลย เหมือนชะเอมไม่มีผิด"

"โทษทีว่ะ..." ได้ยินสินพูดแบบนี้พระรามก็ปฏิเสธไม่ถูกกันเลยทีเดียว เขารู้สึกเข้าใจชะเอมขึ้นมาแล้วสิ

"มีอะไรให้กูช่วยมั้ย" ดินถามสีหน้าเครียดๆ ทำให้พระรามยิ้มจางให้เพื่อนทั้งสองสบายใจ

"ขอบคุณพวกมึงมากเลยว่ะ...ถ้ามีอะไรกูจะบอกนะ"

พระรามรู้สึกโชคดีที่เขาได้เพื่อนทั้งสองมาเป็นห่วง ถ้าวันไหนที่เขาไม่ไหว ก็ยังมีพวกนี้คอยประคับประคองไม่ให้เขาที่รับภาระหนักเกินล้มลงเพียงลำพัง

แล้วอีกอย่างตอนนี้เขาก็ยังมีไอติมอยู่ด้วย







“ฟู่...” รามยกแขนขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาหลังจากที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน หลังจากที่เปลี่ยนเสื้ออะไรเรียบร้อยแล้วร่างโปร่งกำลังจะกลับบ้านแต่ขอแวะห้องน้ำแปปนึง กำลังมองหน้าอิดโรยของตัวเองในกระจก ปรากฏดวงตาลึกโหล ใต้ตาดำปี๋เพราะไม่ได้นอนมาวันหนึ่งเนื่องจากงานรัดตัว เห็นตาปรือๆ แล้วอดทุเรศตัวเองไม่ได้จนต้องควักน้ำมาล้างอีกรอบ กลัวจะไปหลับกลางทางระหว่างกลับบ้านมากกว่า

เขาง่วงจะตายอยู่แล้ว

ครืด ครืด

พระรามสะดุ้งก่อนจะรีบเช็ดหน้าเช็ดตาเช็ดมือกับกางเกงจนเปียกแต่ก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้เขาสนใจว่าใครที่กำลังโทรมา

ติมหรือเปล่า...เขาไม่ได้เจออีกฝ่ายมาสองสามวันแล้ว

แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือคือชื่อของมารดา

...แม่ภาวดี...

“ครับ”

(“ทำไมรับสายชักช้านักวะ”)

“พ่อ...มีอะไร” เสียงแหบห้วนทำให้รามจำได้ทันที ก่อนจะร้อนรนเมื่อนี่คือโทรศัพท์มือถือของภาวดี “ทำไมพ่อถึงใช้มือถือแม่...นี่แม่อยู่ไหน!!”

(“ถ้าอยากรู้ก็รีบๆ กลับมาบ้านซะสิ แล้วมึงก็เอาเงินมาให้กูด้วย!!”) พลันได้ยินเสียงอื้ออึ้งเล็ดลอดมาตามสาย (“ถ้าไม่มีเงินให้กู รู้นะว่ากูจะทำอะไรแม่มึงบ้าง”)

“พ่อจะทำอะไร...อย่านะเว้ย!”

(“ถ้าห่วงนักก็รีบๆ กลับมาได้แล้ว!”)

ติ๊ด!

พระรามลืมความง่วงไปสิ้น กัดฟันแน่นโกรธจนตัวสั่น แทบจะปามือถือทิ้งอย่างโมโห แต่แล้วก็ใช้ความโมโหนั้นออกแรงวิ่งสุดตัวมาตามเส้นทางที่เคยเดินจากเวลาสี่สิบนาทีมาถึงภายในสิบห้านาที พระรามหอบแฮ่กแทบขาดใจ ขาสั่นระริกเพราะเหนื่อยล้าแต่ก็เอื้อมบิดลูกประตูหน้าบ้าน

“แม่! อุ๊บ!” พอเปิดประตูบ้าน ทันใดนั้นก็ต้องยกมือปิดจมูกเมื่อควันบางอย่างที่ลอยฟุ้งอยู่ในบ้านก็โชยออกมา “นี่มัน...”

กลิ่นแบบนี้ไม่ใช่ควันไฟ แต่เป็นควันบุหรี่...นี่ต้องสูบเยอะขนาดไหนมันถึงเกิดควันมากขนาดนี้

“แค่กๆๆ!”

“แม่! ...แม่ครับ”

ภาวดีนอนไออยู่บนพื้นบ้านน้ำตาไหล ซ้ำยังหอบหายใจแรงจนน่ากังวล พระรามรีบเข้าไปใกล้และขมวดคิ้วกำหมัดแน่น น้ำตารื้นเมื่อเห็นสภาพของภาวดี

“แค่สำลักควันบุหรี่ ไม่ต้องโวยวายเสียงดังไปหรอกน่า” ชายฉกรรจ์พูดเสียงเอื่อยเฉื่อยอยู่อีกผนังของบ้าน นั่งชันเข่าสูบบุหรี่และพ่นควันออกมาเป็นวงกลมและมองอย่างเหม่อลอยเหมือนชมภาพศิลป์สวยงามขณะที่ข้างตัวมีก้นบุหรี่ทิ้งไม่ต่ำกว่าสองซอง...แสดงว่ามานานแล้วสินะ

“ไม่โวยวายได้ยังไง นี่แม่กำลังป่วยอยู่นะ ทำไม...ทำไมทำอะไรไม่นึกถึงแม่บ้าง!” ร่างโปร่งค่อยๆ ประคองมารดาที่ผ่ายผอมตัวซีดเซียวขึ้น ดวงตาเรียวของพระรามถลึงมองนพกรอย่างต่อว่าและเคียดแค้น

“เอ้า โวยวายเข้าไป รักแม่มึงจังนะ นี่พ่อบังเกิดเกล้าเองอย่าลืมสิ” นพกรทิ้งบุหรี่ที่อยู่ในมือทั้งๆ ที่ยังไม่หมดเชื้อไฟ ถ้าหากเป็นบ้านที่ทำด้วยไม้คงจะไหม้แล้วทั้งหลัง ก่อนจะก้าวเดินมาใกล้อย่างคุกคาม มองแม่ลูกที่กอดกันกลมแล้วเอ่ยขึ้น “แล้วก็เอาเงินมาได้แล้วอย่าให้กูโมโห กูรอมึงนานแล้ว”

“แค่ก...แค่ก!” เสียงไอของมารดาทำให้พระรามละสายตาไปดูแวบหนึ่งก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นพ่อ

“พ่อจะเอาไปทำอะไรอีก คราวที่แล้วก็ให้ไปตั้งเยอะยังไม่พอหรือไง”

“คราวที่แล้ว?” นพกรขมวดคิ้วแคะหูก่อนจะทำท่านึก “อ้อ...เศษเงินนั่นแค่ใช้หนี้เสี่ยกูก็เหลือเล่นไม่กี่ตาแล้ว จะไปพอได้ยังไง”

“พ่อเอาไปผลาญเงินกับพนัน แล้วยังไปติดหนี้อีก...ถ้าคิดว่ามาขู่แล้วผมจะให้เงินล่ะก็คิดผิด!”

พลั่ก!

“กรี๊ด!”

พระรามกระเด็นออกจากตัวภาวดีทันทีที่พูดจบ เมื่อถูกพ่อแท้ๆ ของตัวเองถีบเข้าเต็มอก “คุณนพกร ฮือ...ขอร้องล่ะค่ะ อย่าทำร้ายลูก!” ร่างโปร่งทั้งเจ็บทั้งจุกนอนขดโอดโอยได้ยินแต่เสียงมารดาร้องห้าม

“อย่ามาขวางกู!”

เพียะ!

“ไอ้เลวเอ๊ย!” พระรามอึ้งพอเห็นภาพทีภาวดีถูกตบอย่างแรงจนล้มลง ก่อนเปลี่ยนเป็นอารมณ์ร้อนราวกับไฟสุม พระรามโมโหจนลุกขึ้นฮึดกำหมัดแน่นลืมความเจ็บปวด...ต้องซัดหน้าซักทีให้ไอ้พ่อเวรมันเจ็บบ้าง!

ที่บังอาจมาทำร้ายแม่ของเขา!

“รามอย่า! อย่า...ลูกแม่ ให้เงินเขาไปเถอะ ฮือ แม่ขอร้อง” แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างที่ใจคิด ภาวดีก็ดึงแขนรามเอาไว้ ร่างโปร่งใจหายวูบเมื่อเห็นน้ำตาไหลอาบหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นี่เป็นเพราะเขากำลังจะทำร้ายคนที่เธอรักอย่างนั้นหรือ...เธอถึงต้องขอร้องแทบขาดใจแบบนี้ “อย่าไปยุ่งกับเขาเลย”

ร่างโปร่งกำหมัดแน่น รู้สึกเจ็บใจมากแต่ก็ต้องยอม “ครับแม่” ค่อยๆ ย่อตัวลงและจับใบหน้าเล็กของภาวดีเบาๆ เพื่อดูแผล “ไม่ต้องร้องแล้วครับ...แม่เจ็บมากมั้ย”

“ไม่เจ็บเลย...แม่ไม่เจ็บ” ภาวดีน้ำตาคลอเมื่อเห็นลูกชายใจเย็นลง อ้อมแขนบางยกกอดลูกชายแน่นเมื่อเห็นรามไม่เป็นอะไรมาก

“เลิกเล่นบทโศกแล้วรีบๆ เอาเงินมาได้แล้ว” นพกรทำหน้าเอือมระอาก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง “ให้มาตั้งแต่แรกก็จบมั้ยวะ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว”

“ไอ้เหี้ย!” สัตว์เลื้อยคลานสี่ขาหลุดออกจากปากลูกชาย เขาไม่เคยโมโหขนาดนี้มาก่อน พระรามไม่กลัวตกนรกเพราะด่าพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง

ไอ้พ่อเฮงซวยนี่มันไม่สมควรเป็นพ่อใครด้วยซ้ำ!

“รอบนี้หมดไม่ต้องมาแล้วนะ บ้านนี้ไม่ต้อนรับ” พระรามบอกเสียงเย็นชา ควักเงินจากกระเป๋าปาใส่หน้าอีกฝ่ายแรงๆ หวังจะให้กระแทกให้เจ็บซะบ้าง แต่นพกรดันรับไว้ง่ายๆ

“ฝัน เดี๋ยวเงินกูหมดจะมาอีก เตรียมเอาไว้ด้วย” นพกรยิ้มกริ่มเมื่อเห็นปึกเงินที่พอจะใช้ได้สักพัก มีแหล่งเงินดีๆ จากลูกชายแล้วทำไมเขาต้องลำบากหาเงินเองด้วย...แบบนี้ก็สบายดี

เพราะยังไงไอ้รามมันก็ยังต้องหาเงินมารักษายัยภานี่นะ มันคงไม่หยุดทำงานง่ายๆ หรอก

นพกรเดินผิวปากออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดีผิดกับขามา พ้นหลังไปหญิงผ่ายผอมคลานเข้าใกล้ลูกชายถามเสียงสั่น

“รามเจ็บตรงไหนมั้ย มาให้แม่ดูหน่อย” ภาวดีร้องไห้ออกมาทันทีที่เห็นรอยช้ำแดงตรงแผ่นอก ทำเอาพระรามต้องกอดปลอบรีบประคองภาวดีที่ป่วยกระเสาะกระแสะอยู่แล้วยังสะเทือนใจหนักให้มานั่งดีๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่มีอุปกรณ์ทำแผลอย่างง่ายมาวางบนโต๊ะ

“รามไม่เป็นไรมากหรอกครับ ยังไงรามก็เป็นผู้ชาย” ร่างโปร่งโกหก ทั้งๆ ที่ยังจุกอยู่เลยแต่ก็เป็นห่วงมารดาจนต้องข่มความเจ็บในกาย “แต่แม่ต่างหาก ทีหลังอย่าไปขวางเขาสิ”

“ถ้าแม่ไม่ห้าม เขาคงกระทืบลูกตายไปแล้ว”

พระรามยิ้มแค่นสมเพชตัวเอง “ถ้าเขากล้าทำ ก็ให้เขาทำไป” ถ้ากับลูกชายแท้ๆ แบบนี้ยังกล้าทำล่ะก็...นพกรคงไม่ใช่คนจริงๆ

ขนาดหมามันยังห่วงลูกของมัน แล้วนพกรเป็นอะไรถึงทำร้ายลูกได้ลงคอ

“ไม่ได้นะลูก อย่าไปสู้รบปรบมือกับเขาเลย แค่เงินน่ะเมื่อไหร่ก็หาได้ แต่ลูกชายอย่างรามแม่หาไม่ได้แล้วนะ” ภาวดีมือไม้สั่นทันที ถ้าหากตอนนั้นเธอไม่ห้ามนพกรเอาไว้ล่ะก็ รามอาจจะถูกกระทืบจริงๆ ก็ได้ “ถ้ารามเป็นอะไรไปแม่จะทำยังไง”

“ครับแม่ เดี๋ยวทำแผลก่อนนะ...แม่ปากแตก” พระรามพูดเปลี่ยนเรื่องทำให้ภาวดียกมือจับมุมปากที่รู้สึกเจ็บขึ้นมา แถมตรงแก้มยังแสบหน่อยๆ คงจะเป็นรอยฝ่ามือ เธอชะงักเมื่ออะไรบางอย่างแตะลงมาที่แผลมุมปากแต่มันแผ่วเบามาก “เจ็บมั้ยครับ” พระรามถามก่อนจะไล้ครีมที่นิ้วตรงแผลแตกแห้งเบาๆ

“ไม่...แค่ก...แค่ก” ภาวดีปิดปากไอแรงกว่าจะหยุดก่อนหอบหายใจเหนื่อยอ่อนก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อฝ่ามือผอมมีน้ำสีชาดเปรอะเปื้อน

“แม่...เลือด!” พระรามอุทานตาโต รู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น

“ไม่เป็นไรหรอกราม นี่ก็แค่เลือดจากแผลในปากน่ะ...” ภาวดีเอ่ยใจเย็นดึงทิชชู่บนโต๊ะมาเช็ดแล้วทิ้งถังขยะไม่อยากให้ร่างโปร่งติดตา ทั้งๆ ที่โกหกเต็มปากเต็มคำเพื่อให้ลูกชายสบายใจ

“เหรอครับ งั้นไหนแม่อ้าปากให้ผมดูหน่อย” ร่างโปร่งผ่อนลมโล่งอก ก่อนจะเชิดคางภาวดีขึ้นเพื่อสำรวจภายในช่องปาก แต่มารดากลับหลบเลี่ยง

“ไม่เอาหรอก แม่ยังไม่ได้แปรงฟันเลย กลัวรามเป็นลม” เสียงใสแหบๆ พูดพลางปิดปากเหมือนสาวน้อยเขินอายหนุ่มๆ ท่าทางนั้นทำให้พระรามยิ้มขำ

“แม่อย่าพูดเล่นสิครับ ผมอยากสบายใจว่าแม่ไม่เป็นหนักจริงๆ”

เธอใจอ่อน ยอมอ้าปากเล็กน้อย พระรามมองดูแล้วขมวดคิ้ว ภาวดีมีแผลในปากอย่างที่ว่า แต่มันก็ไม่น่าจะมากขนาดที่เลือดจะออกมามากขนาดนั้นเลยนี่

“ระ รามรีบๆ ไปอาบน้ำเถอะ นี่มันจะตีสองแล้ว ลูกต้องรีบไปทำงานอีกไม่ใช่เหรอ” ร่างผ่ายผอมเร่งลุกขึ้นและพูดในสิ่งที่พระรามต้องลืมสิ่งที่เห็นเมื่อครู่

พอร่างโปร่งได้ยินคำว่าต้องไปทำงานเขาก็ต้องถอนหายใจ

‘เดี๋ยวเงินกูหมดจะมาอีก เตรียมเอาไว้ด้วย’

แค่คิดก็เหนื่อยขึ้นมาแล้ว







“ราม...ราม...”

“อือ...”

“ราม ถึงคอนโดแล้ว”

ร่างโปร่งขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกเย็นผิวกายเมื่อแอร์จากรถยนต์กระทบ พระรามรู้สึกตัวตื่นแล้วแต่ตายังปรือเพราะรู้สึกง่วงอยู่ พอรู้สึกว่าดวงตาคู่คมกำลังมองอยู่ก็รีบสะบัดหัวให้หายมึน “โทษทีติม...พี่ง่วงมากเลยเผลอหลับไป”

“ไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวให้ผมไปส่งที่บ้านได้นะ” ร่างสูงเสนอทำให้พระรามรีบปฏิเสธ

“ไม่เป็นไร เหลืออีกแค่ชั่วโมงกว่าเองนี่ แล้วพี่ก็สัญญากับติมไว้แล้วด้วย...ไม่เป็นไรหรอก” ทั้งๆ ที่เสียงทุ้มใสพูดแบบนั้น แต่กลบความเหนื่อยในน้ำเสียงไม่มิด ตั้งแต่เช้าวันเสาร์จนเมื่อครู่นี้ เขายังไม่ได้นอน ทำงานสายตัวแทบขาดจนเกือบจะลืมสิ่งที่บอกกับติมเอาไว้ว่าจะมาเล่นกับแมวที่คอนโด แต่แล้วไอติมก็โทรมาทวงเขาเลยต้องมา แต่พอเอนตัวลงกับเบาะบวกกับแอร์เย็นๆ ของรถสติเขาก็ดับลงทันที

“ต่อไปรามต้องทำงานที่ไหน เดี๋ยวผมจะได้ไปส่ง”

“อ่า แถวๆ ...น่ะ” จริงๆ แล้วพระรามเกรงใจ ตอนแรกจะบอกว่าไม่ต้องแต่คิดไปคิดมาเขาก็อยากอยู่กับติมให้นานขึ้นแม้สักนิดก็ยังดี เพราะว่าช่วงนี้เขาไม่ได้เจอกับติมเลย...คิดถึง

พระรามยังมึนๆ อยู่แต่พอเห็นคอนโดหรูของไอติมก็ต้องร้องโอ้โหตาโต ไม่ต่างจากคอนโดของชะเอมเท่าไหร่ คนรวยนี่ดีจังแฮะ

ปั้ก!

“...อูย...” พระรามลูบจมูกป้อยๆ ตาสว่างทันทีเมื่อจู่ๆ ใบหน้ามนกระแทกเข้าแผ่นหลังแข็ง ก่อนจะบ่นอุบ “อย่าหยุดเดินกะทันหันได้มั้ย”

“รามนั่นแหละมัวแต่มองอะไรอยู่ ถึงแล้ว” ดวงตาคู่คมปรายมองคนที่สูงเพียงปลายคางแล้วเสียบคีย์การ์ดเข้าไปและประตูก็ร้องติ๊ด

“เมี้ยว~” พลันประตูแง้มกว้าง ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงร้องมาก่อนตัว พระรามตาโตเมื่อเจอแมวเหมียวพันธ์เล็กนั่งสุภาพเรียบร้อยเหมือนกำลังรอเจ้านาย “เมี้ยว~” แม้จะเจอคนแปลกหน้าแต่เจ้าเหมียวก็หาได้กลัวไม่ รีบเดินเข้ามาเกาะขากางเกงราคาแพงของเจ้านายและไต่ขึ้นมาโดยใช้เล็บแหลม

“อุริ...ซน” ไอติมพูดแล้วยิ้มอบอุ่นจนคนมองใจเต้นตึก

รอยยิ้มนั่นเหมือนตอนมองชะเอมเลย แสดงว่าแมวตัวนี้ก็สำคัญมากสินะ

มือใหญ่ช้อนเจ้าตัวเล็กขึ้นโดยใช้แค่มือเดียว เพียงเท่านั้นมันก็หุบกงเล็บให้ดึงออกง่ายๆ เพราะจะได้ไม่ทำให้กางเกงของเจ้านายเสียหาย ยอมให้อุ้มขึ้นมาวางบนไหล่แกร่ง “เมี้ยว~” เสียงเล็กร้องออกมาอย่างถูกใจ

“เฮ้ย น่ารัก” ดวงตาเรียวเปล่งประกาย เขาเห็นแมวมาเยอะแต่ไม่เคยถูกใจตัวไหนเท่าตัวนี้ รามเดินเข้าไปใกล้มองแมวตัวน้อยเท่าฝ่ามือเกาะอยู่บนไหล่กว้างแน่น “พี่ขออุ้มบ้างสิ...”

“ได้ แต่ระวังมันจะกัด”

“อื้ม” รามรับคำก่อนจะยกนิ้วลูบหัวเล็กลากลงมาตรงจมูกแผ่วเบา ดวงตากลมสีดำของมันมองอย่างสงสัย ก่อนจะร้องครางออกมาเมื่อนิ้วราวโจมตีเข้าใต้คางอันเป็นจุดอ่อน ก่อนที่มือเรียวจะยกมันออกมาจากไหล่แกร่งและวางไว้บนมือ “ตัวเล็กชะมัด พันธ์อะไรน่ะ”

“สก็อตทิชโฟลด์”

“หะ...?”

“สก็อตทิชโฟลด์” คราวนี้ร่างสูงหันมาพูดช้าๆ ชัดๆ แต่พระรามก็ยังทำหน้างงเหมือนไม่เคยได้ยิน ไอติมก็ทำหน้าเอือมระอา หันหลังเดินเข้าห้องไป ผู้เป็นแขกก็ยืนนิ่งกระพริบตาทำหน้างง กวาดตาสำรวจมองรอบห้องแล้วก็เห็นแต่เฟอร์นิเจอร์ราคาแพงรวมๆ กันแล้วน่าจะหลักแสนขึ้น

“เจ้านายแกนี่ยังไง...ไม่ชวนแขกเข้าห้องสักคำ” เสียงทุ้มใสบ่นอุบ ก่อนที่ขาเรียวจะยืนนิ่งลังเล ถ้าเดินเข้าไปนั่งโซฟานั่นจะถือว่าทำอะไรพลการโดยไม่ได้รับอนุญาตรึเปล่าวะ

“จะ จั๊กจี๋ ฮ่าๆ ...อย่าสิ อุริ” จู่ๆ พระรามก็รู้สึกคันยิกๆ เลยก้มลงมองเจ้าเหมียวตัวจ้อยกำลังใช้ลิ้นเล็กๆ น่ารักเลียฝ่ามือของเขาไม่หยุดจนจั๊กจี๋ นิ้วเรียวเลยดันคางของอุริจนมันไม่สามารถเลียได้ “เมี้ยว!”

พอมันร้องดังรามก็เลยปล่อยมันลงพื้นเสียเลย ให้มันวิ่งไปในที่ๆ มันชอบ ถึงจะน่ารักถูกใจแต่ก็ไม่อยากจับมันจนเฉามือตาย อีกอย่างเขาก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับมันด้วย

พออุริวิ่งหนีหายไปไหนสักที่ ร่างโปร่งก็ตัดสินใจเดินเข้าห้องชุดหรู โดยถอดรองเท้าผ้าใบแสนเก่าเน่าเปื่อยไว้หน้าประตู พระรามทิ้งตัวลงบนโซฟามองไปรอบห้องแล้วสะดุดตากับสิ่งหนึ่งจนต้องลุกขึ้นมาจ้องมองมันใกล้ๆ

...รูปถ่ายสมัยเด็ก...ก็ไม่เด็กมากเท่าไหร่ สมัยม.ต้นล่ะมั้ง ในรูปมีสามคน ไอติมใส่ชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นสีดำถ่ายกับพี่ชายที่หน้าตาคล้ายกัน รามขมวดคิ้ว...ทำไมพี่ชายหน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน ร่างโปร่งทิ้งความสงสัยก่อนจะไล่สายตามองคนต่อไป นี่น่าจะเป็นพ่อ...แล้วแม่ล่ะ?

“ทำอะไร”

“อะ...ติม” ร่างโปร่งหน้าแดงเมื่อเห็นอีกฝ่ายนุ่งแค่ผ้าขนหนูตัวเล็กไว้ที่สะโพกสอบ โชว์กล้ามอกและหน้าท้องที่มีน้ำเกาะพราว ก่อนจะหลบตายิ้มเขินชี้เข้ากรอบรูป “พี่แค่ดูรูปน่ะ...ติมน่ารักดี”

“...” ดวงตาเรียวเหม่อมองคนในรูป ใบหน้าหล่อเหลาออกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแฮะ สงสัยจะมีสาวๆ มารุมจีบตรึมแน่ ไม่ได้สังเกตเห็นดวงตาเย็นเยียบอันตราย มือใหญ่กำหมัดแน่นจนสั่นระริก

“ว่าแต่...คุณแม่ไปไหนเหรอ หรือว่าจะเป็นคนถ่ายรูป...อ๊ะ! ติมเดี๋ยว!” ร่างโปร่งไม่รู้ตัวว่าได้พูดเรื่องต้องห้ามออกมาแล้ว ถ้าหากเป็นคนอื่นอาจจะไม่เกิดอะไรขึ้น แต่พระรามก็ถามขึ้นมาแม้จะไม่ได้ตั้งใจ ไอติมหายใจแรงเดินเข้ามากระชากต้นแขนผอมแล้วลากเข้าห้องนอนโยนเจ้าคนตัวเล็กกว่าจนตัวปลิวลอยลงกลางเตียง ก่อนที่ร่างกายกำยำจะกระโจนขึ้นไปคร่อม

“ติม...เป็นอะไร...โกรธอะไร...” เสียงทุ้มใสเอ่ยสั่นๆ ดวงตาเรียวฉายแววสั่นกลัว เมื่อดวงตาคู่คมมืดมิด เหมือนที่เขาเคยคิดว่าตาฝาด...แต่ตอนนี้มันชัดเจน ร่างโปร่งถดหนีหวาดกลัวแต่กลับถูกกระชากข้อเท้าลงมานอนใต้ร่างเหมือนเดิมและถูกขยำต้นแขนแรงๆ จนพระรามร้องโอ๊ย “ติม! ฮึก พี่เจ็บ!”

“คราวหลังห้ามพูดเรื่องแม่อีก!”

“ฮึก...ครับ...พี่ขอโทษ” พระรามสะดุ้งน้ำตาคลอพูดเสียงสั่นเครือ แต่คำๆ นั้นยิ่งไปกระตุ้นให้คนได้ยินโมโหมากขึ้นหลายเท่า มือใหญ่กระชากกางเกงยีนส์สีซีดตัวมอซอของพระรามออกพร้อมกับชั้นใน

ขอโทษ?...แค่ขอโทษมันไม่พอ! เพราะมึง! เพราะมึงทำให้แม่ทิ้งพวกเราไป...ทิ้งครอบครัวของเราไป! ทั้งพ่อ ทั้งพี่เสียใจแค่ไหน

เขาเจ็บแค่ไหน ไม่มีใครรู้!

“ติม พี่เจ็บ...ขอร้องล่ะ เบาๆ โอ๊ย!!” เสียงทุ้มใสวอนขอ แต่คนที่โกรธไม่คิดจะฟังอะไร ซ้ำยังกระแทกเข้ามาแรงๆ จนช่องทางด้านหลังเลือดไหลซึม “อึก...อึก! เจ็บ...”

พระรามยกนิ้วขึ้นกัดแรงจนเลือดออก แต่ก็ไม่อาจทานความเจ็บที่เกิดขึ้นด้านล่าง

ติมน่ากลัว...น่ากลัวมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ร่างกายของเขาร้อนผ่าวราวกับไฟ ช่องทางด้านหลังเจ็บแสบ...เจ็บปวดจนน้ำตาซึม เป็นความผิดของเขาที่ทำให้อีกฝ่ายโมโห ติมคงจะรักแม่มากจนไม่อยากพูดถึง...เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ได้แต่ต้องยอมกัดปากและผ่อนคลายให้อีกฝ่ายได้ตักตวง...หวังเพียงสักนิดว่าถ้าหากรู้สึกดีกับร่างกายของเขาขึ้นมา อีกฝ่ายจะอ่อนโยนกับเขาเหมือนอย่างเคย

แต่แล้วผ่านไปสองชั่วโมงกว่า พระรามปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า อ้อนวอนจนเสียงแหบ ร่างสูงก็ไม่สงสารเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว







ไอติมที่ระบายอารมณ์จนหมดแรง หอบหายใจมองคนที่นอนขดตัวสลบไปแล้วโดยด้านล่างเปรอะเปื้อนน้ำของเขาเต็มไปหมด แต่ไม่คิดสนใจ ไอติมทิ้งตัวนอนลงข้างๆ ก่อนจะหลับไปรวดเร็ว

ร่างโปร่งที่ไอติมคิดว่าหมดสติไปแล้วนอนกอดตัวเองนิ่งพยายามหายใจให้เบาที่สุด พยายามอย่างยิ่งไม่ให้ร่างกายของตัวเองสั่น พอได้ยินเสียงลมหายใจของคนข้างๆ ผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอพระรามก็ค่อยๆ ขยับตัวแต่ก็ต้องขดตัวนิ่วหน้า อยากร้องโอดครวญดังๆ แต่มันเจ็บมาก ร่างโปร่งต้องกัดปากฝืนค่อยๆ หย่อนขาทีละข้างลงจากเตียง ยืนขึ้นและสวมกางเกงด้วยความทรมานทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ล้างอะไรทั้งสิ้น...เขาเหนื่อย อยากจะกลับบ้านแล้ว

แต่ว่าเขายังมีงานที่ต้องทำ ถึงตอนนี้จะสายไปหน่อย แต่ถ้ายอมโดนด่าก็ยังได้เงิน

‘ต่อไปรามต้องทำงานที่ไหน เดี๋ยวผมจะได้ไปส่ง’ เสียงทุ้มดังขึ้นในความทรงจำ ริมฝีปากบางแห้งผากยิ้มจืดเจื่อน ก่อนจะเสมองคนที่นอนคว่ำหน้าหลับตาพริ้มหันมาทางนี้พอดี

เขาไม่กล้าจะขอให้อีกฝ่ายไปส่งแล้วล่ะ...ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะโกรธอยู่อีกหรือเปล่าด้วย

แต่ระบายไปขนาดนั้นแล้ว หวังว่าตื่นมาแล้วอีกฝ่ายจะหายโกรธเขาสักที

เขาไม่อยากเห็นสายตาเย็นชามืดมิดนั้น...มันเจ็บ

เจ้าแมวน้อยที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ เดินมาเอียงคอมองร่างโปร่งงงๆ เสียงร้องของมันทำให้รามสะดุ้งเฮือก “เมี้ยว~”

“ชู่...อุริ เบาๆ เดี๋ยวเจ้านายตื่นนะ” พระรามรีบจุ๊ปาก เหมือนมันจะรู้เรื่องก็เลยวิ่งเล่นไปทางอื่น

ร่างโปร่งเดินกะโผลกกะเผลกเพราะช่องทางด้านหลังมันเสียดสีจนเจ็บแสบ เดินไปไม่พ้นประตูห้องนอนก็ต้องเกาะกำแพงหอบหายใจแรง หยาดเหงื่อไหลซึมเต็มใบหน้า ย่อตัวหยิบกระเป๋าของตัวเองตรงโซฟา ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องมา

พระรามหอบหายใจหนักหน่วงทุกครั้งที่ก้าวขา ภาพตรงหน้าพร่ามัว รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย รู้สึกมาตั้งแต่เมื่อเช้า...สงสัยจะอักเสบรอยช้ำสีแดงที่บัดนี้เปลี่ยนเป็นม่วงคล้ำจากที่โดนพ่อเตะ...แล้วตอนนี้รามยังมาเป็นแผลตรงนั้นอีก

ติ๊ง

เสียงที่บ่งบอกว่าลิฟต์มาแล้ว ก่อนจะขึ้นเลขชั้นและประตูก็เปิดออก ด้วยความที่คอนโดหรูแปะกระจกแผ่นใหญ่ในลิฟต์เสียรอบด้านจึงทำให้พระรามเห็นสภาพยับเยินของเขาทั้งตัว ทั้งหน้าซีดๆ ดวงตาลึกโหลอย่างคนอิดโรยกับใบหน้าเปียกเหงื่อ ยิ่งเห็นตอนที่ตัวเองเดินเข้าลิฟต์ด้วยการก้าวขาแบบสั้นๆ เพราะกลัวช่องทางจะฉีกหนักกว่าเดิมแล้วยิ่งทุเรศตัวเอง

แค่เดินยังเป็นอย่างนี้ อย่าคิดว่าจะต้องเดินหรือนั่งรถเมล์เบาะแข็งๆ ไปทำงานเลย

...ไม่อยากเสียเงินโดยใช่เหตุเลยแต่ยังไงครั้งนี้เขาก็คงจะต้องยอมนั่งแทกซี่ไปจริงๆ ...





********************* Love Substitute *********************


สนใจหนังสือ จองได้ที่เพจ H.Rui Novels นะคะ ^^




ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep8 08/03/2019
«ตอบ #15 เมื่อ08-03-2019 20:44:48 »



                                         ทดแทนรัก

                                         ตอนที่ 8



โปรดใช้วิจาณญาณในการรับชม



"เมี้ยว~" เจ้าแมวตัวจ้อยเดินเตาะแตะเข้าห้อง ทั้งหน้าเปรอะเปื้อนด้วยอาหารเม็ดที่เจ้านายสุดหล่อเตรียมไว้ให้แต่ตอนนี้เจ้านายยังไม่มีวี่แววจะตื่นเลย อุริเดินเข้ามาใกล้เตียงเงยหน้ามองผ้าปูสีเข้มที่ยับยู่ยี่เล็กน้อยแล้วกระโดดกางกรงเล็บเกาะและไต่ขึ้นไปจนผ้าเป็นรูจนขึ้นมาถึงตัวเจ้านายจนได้



ด้วยน้ำหนักเบาๆ ของมันแม่จะขึ้นไปเหยียบบนหน้า ก็ดูเหมือนคนหลับจะไม่รู้สึกตัวแม้แต่นิด จึงก้มเลียหน้าเรียกร้องความสนใจ และได้ผลเมื่อใบหน้าหล่อเหลาเริ่มครางอืออาขมวดคิ้ว



"อุ...ริ...อือ...อย่ากวนน่า" ร่างสูงกำยำเปลือยกายไม่ได้ปกปิดสักชิ้นพลิกหนีด้วยความเหนื่อยและง่วงงุนแต่เจ้าเหมียวมันก็ยังตามมาใช้อุ้งมือนุ่มๆ ตบข้างแก้ม



แปะ...แปะ



"เมี้ยว~" และเสียงเล็กร้องเรียกความสนใจอีกครั้ง



"อุริ...เฮ้อ ตื่นแล้วๆ ..." ไอติมเกาหัวด้วยความรำคาญเพราะถูกรบกวนจนต้องตื่น "นี่ต่อไปฉันต้องขังแกไว้ในกรงไหม หือ"



"แง้ว!" อุริกลัวคำขู่จนกระโดดแผล็วลงเตียงและวิ่งหายไป



"?"



มือใหญ่ยกขึ้นมองเมื่อสัมผัสบางอย่างบนความนุ่มลื่นของผ้าปู มันคือคราบจากกามารมณ์ที่เยอะจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร...ซ้ำยังมีคราบสีแดงคล้ายเลือด



'อึก ติม พี่เจ็บ...เบาๆ ขอร้องล่ะ...' เสียงทุ้มใสอ้อนวอนทั้งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด แต่หารู้ไม่การกระทำนั้นยิ่งไปกระตุ้นต่อมโมโหเข้าไปใหญ่



คนอื่นเขาอาจจะยอมฟัง แต่กลับคนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่าโมโหไปหมด



'ติม แม่ไปไหนเหรอ หรือว่าจะเป็นคนถ่ายรูป...'



ถามโง่ๆ! เพราะแบบนั้นไงเขาถึงได้โมโห กับสายตาไม่รู้...ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยว่าเคยทำให้ครอบครัวหนึ่งสูญเสียสิ่งสำคัญไป



ดวงตาหวาดกลัวนั่นตอนที่เห็นธาตุแท้ปิศาจร้ายในตัวเขา เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ใจดีเหมือนที่แสดงออกมาให้เห็น ยิ่งกับคนที่เกลียดยิ่งต้องฝืนทน



'พี่มีงานต้องทำ อีกชั่วโมงกว่าๆ'



'ต่อไปรามต้องไปทำงานที่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง' นึกแล้วสะอิดสะเอียนกับคำพูดตัวเอง ยิ่งเห็นใบหน้าจืดๆ นั่นยิ้มเขินๆ กับคำพูดเล็กน้อยเหมือนเอาใจใส่ของเขานั่น...ยิ่งสะอิดสะเอียน



แต่กว่าพวกเราจะทำอะไรๆ กันเสร็จก็ปาไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว ป่านนี้คงจะไม่ได้ไปทำงานแล้วล่ะมั้ง



เดี๋ยวค่อยตามไปขอโทษทีหลังก็ได้ อ้อนเสียงอ่อนหน่อยพระรามที่หลงเขาหัวปักหัวปำก็คงจะยกโทษให้ง่ายๆ แล้ว



ตรู๊ด...ตรู๊ด...



("...")



"ฮัลโหล ราม" เขาทำเสียงร้อนรนทันทีที่ได้ยินในสายรับแล้ว แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับ ได้ยินเสียงจอแจบางอย่างในสายแทน "ราม?"



("แค่ก...อื้ม") เสียงทุ้มใสแหบกว่าทุกทีตอบกลับมาก่อนที่ไอติมจะได้ยินเสียงฮึ่มฮั่มกระแอมกระไอ และพระรามก็พูดอีกครั้ง ("ตื่นแล้วเหรอ ติม")



"อืม โทษทีนะ ตอนนั้นผมสติแตกไปหน่อย..." ไอติมกำลังจะพูดแต่อีกฝั่งก็แทรกขึ้นมาก่อน



("ไม่เป็นไร พี่รู้ว่าตอนนั้นติมโกรธมาก...พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษที่พูดอะไรไม่เข้าหูนาย คราวหลังพี่จะได้ไม่พูดอีก") ในน้ำเสียงมีความรู้สึกผิดอย่างยิ่ง ทำให้เขามองข้ามมันไป เพราะที่พระรามเข้าใจว่าเป็นความผิดตนน่ะถูกต้องแล้ว



"แล้วรามกลับไปยังไง เลือดออกไม่เจ็บเหรอ" ติมพูดเสียงอ่อนเหมือนคนเป็นห่วง พระรามตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบาไม่แพ้กัน



("...พี่ไม่เป็นไร...")



คู่นอนที่ไม่เรียกร้องค่าเสียหายหรือความเห็นใจนี่ ไอติมไม่ค่อยได้เจอ รู้สึกว่าจะรับมือยากกว่าที่คิด "กลับบ้านไปแล้วเหรอ"



("พี่มาทำงาน...แต่เห็นนายหลับอยู่พี่ก็เลยปล่อยให้นายนอน")



“แต่ไปสายขนาดนั้นไม่เป็นไรเหรอ”



(“ไม่เป็นไร เจ้าของร้านเขาใจดีน่ะ”)



จากนั้นก็เกิดความเงียบระหว่างเราสองคนจนกระทั่งมีเสียงใครไม่รู้ดังขึ้นจากปลายสาย ("...ราม! ทำอะไรอยู่ ลูกค้าเยอะมาช่วยกันเร็วๆ! ...โทษนะติม พี่ต้องไปทำงานต่อแล้ว")



ไอติมที่นั่งอยู่บนรถสปอร์ตได้แต่พยักหน้ารับ "ไว้ผมจะโทรไป"



("อื้ม...") เสียงแหบๆ ตอบกลับมาก่อนที่สายจะตัดไป



ไอติมนั่งนิ่งพลางเคาะนิ้วกับพวงมาลัยแล้วคิดพักหนึ่ง...ถ้าอย่างนั้นวันนี้เขาคงมีอะไรให้ทำ...ก่อนจะหักพวงมาลัยเหยียบคันเร่งมุ่งสู่จุดหมายที่คิดเอาไว้



แต่ในซอยเปลี่ยวๆ ที่เอารถสปอร์ตยุโรปคันใหญ่เข้าไปไม่ได้ ไอติมจึงต้องระเห็จขับไปจอดในที่ไกลกว่านี้อีกนิดมีลานจอดกว้างและต้องเสียค่าที่จอด แล้วก็นั่งแทกซี่มาลงหน้าซอยนั้นอีกครั้ง



ร่างสูงในชุดสะอาดสะอ้านที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็ราคาแพงทั้งหัวจรดเท้า ทำให้เป็นจุดสนใจแก่สายตารอบข้างไม่น้อยเลย และสายตาที่ว่าก็ไม่ได้ประสงค์ดีด้วย



ดวงตาคู่คมมองไปรอบๆ ข้างทางที่เดิน มันเป็นป่าพงหญ้าขึ้นสูงระดับเข่า นานๆ ทีเดินเจอบ้านหลังหนึ่งซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้ใจชื้นขึ้นซักนิด เพราะมันเป็นบ้านเก่าผุพังไปแล้ว



ก็พอจะรู้อยู่บ้างล่ะนะ แต่ไม่คิดว่าจะวังเวงขนาดนี้ นี่ขนาดฟ้าสว่างยังน่ากลัวขนาดนี้ เขายังไม่เท่าไหร่ถ้ามีใครเข้ามาปล้นหรือคิดทำมิดีมิร้ายก็ยังป้องกันตัวได้ แต่พระรามต้องเดินเข้าซอยเปลี่ยวนี่ทุกวันคนเดียวมืดๆ อย่างนั้นเหรอ



อยู่มาตั้งแต่เล็กคงจะชินแล้วล่ะมั้ง



เสียงฝีเท้าดังเป็นจังหวะอยู่นาน จนเดินมาเกือบๆ สองกิโลเมตรตามข้อมูล ขายาวทั้งสองข้างแทบล้าเพราะคนอย่างเขาไม่เคยต้องเดินด้วยขาตัวเองด้วยระยะทางที่ไกลขนาดนี้มาก่อน...จนกระทั่งปรากฏบ้านหลังเล็กชั้นเดียวสีขาว...รั้วกำแพงเก่าๆ ...คงจะเป็นหลังนี้สินะ



ร่างสูงยืนล้วงกระเป๋ามองบ้านหลังเล็กที่ตอนนี้สีที่ทาเริ่มลอกหมดแล้วนิ่งพลางสำรวจทุกซอกทุกมุมราวกับจะต้องจดจำมันเอาไว้ให้ดี...เนตรนภา ตรานาคเรศ...ภาวดี เทพเทวพรหม...ไม่ว่าตอนนี้เธอจะชื่อว่าอะไร แต่แม่ของเขาอยู่ที่นี่ บ้านหลังโทรมๆ นี้ช่างแตกต่างจากคฤหาสน์หรูหราที่บ้านราวฟ้ากับดิน



ในอกรู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อที่เต้นตุบดังอย่างหวาดกลัวระคนตื่นเต้น



ทำไมเธอถึงเลือกที่จะมาอยู่ในที่ๆ ลำบากขนาดนี้โดยทิ้งความสบายไป ทิ้งครอบครัวของเขาไว้ด้านหลัง คำถามนี้วนไปเวียนอยู่ในความคิดมาตลอด...แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ก็ยากที่จะยอมรับได้เพราะความจริงที่เธอทิ้งลูกชายทั้งสองคนเอาไว้มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลง



"เฮ้ย มาทำอะไรหน้าบ้านกูฮะ”



"สวัสดีครับ..." ไอติมเอ่ยเบาๆ พลางมองสำรวจชายฉกรรจ์ผิวคล้ำไว้หนวดรุงรังสกปรกแถมตัวยังมีกลิ่นบุหรี่โชยแรง พร้อมกับสายตาคุกคามของอีกฝ่ายที่มองกลับสำรวจมาที่เขาเช่นกัน



“กูถามว่ามาทำอะไร”



“ผมเป็นเพื่อนรามครับ พอดีจะมาหาราม” ไอติมอ้างชื่อพระรามขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ชายตรงหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นนพกร พ่อของรามสงสัยว่าจริงๆ แล้วเขามาทำอะไร



และเป็นใคร



“อ้อ” พอได้รับคำตอบที่ไม่น่าเชื่อนพกรก็อดกวาดตามองใบหน้าสะอาดสะอ้านอย่างกับคุณชายลูกมหาเศรษฐีที่ไหนตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ได้ “ไม่เห็นมันเคยบอกว่ามีเพื่อนหน้าตาดีและรวยขนาดนี้”



“...” ไอติมตีหน้าทำเป็นนิ่งเฉยที่อีกฝ่ายไร้มารยาททำอย่างกับเขาเป็นตัวประหลาด



นพกร เทพเทวพรหม อายุสี่สิบต้นๆ แต่ใบหน้าแก่วัยราวกับห้าสิบกว่าแล้วเนื่องจากเป็นคนเสพบุหรี่หนักมาก อย่างน้อยต้องสูบวันละสองซอง และยังชอบติดหนี้เสี่ยที่มีอิทธิพลแถวนี้ เพื่อเอาเงินไปเล่นพนันจนหมดตัวครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากหมดทางไปจริงๆ ก็จะกลับมาที่บ้านหลังนี้เพื่อจะเอาเงินจากที่พระรามหามาไปเล่นพนันต่อ แบบนี้เขาเรียกเกาะลูกกิน...วันๆ ทำตัวไม่สมเป็นพ่อคนและไม่สมควรเป็นคนที่แม่ของเขารักด้วย



ยิ่งคิดคำถามว่าทำไมยิ่งผุดขึ้นมาในหัว



“เข้ามาสิ แต่ไม่รู้ว่ามันจะอยู่รึเปล่านะ ท่าทางมันจะงานยุ่ง...รัดตัวๆ” ชายฉกรรจ์เปิดรั้วพร้อมพูดกลั้วหัวเราะเหมือนขำอะไรสักอย่างกับสิ่งที่พูดออกมา ก่อนจะตะโกนเสียงดังจนเขาต้องหรี่ตาเพราะแสบแก้วหู “ยัยภา! เพื่อนไอ้รามมา”



ไอติมเดาะลิ้นขัดใจกับการมาเงียบๆ ของเขาถูกทำลายโดยชายคนนี้ ร่างสูงไม่ได้เข้าบ้านไปตามคำเชิญแต่ยืนอยู่หน้าประตูกวาดตาสำรวจในบ้านคร่าวๆ ก่อนจะโดนเสียงเล็กๆ แหบๆ ดึงความสนใจ



“นี่คุณนพ คุณจะมาทำไมอีก!"



นพกรยักไหล่ก่อนจะเดินเข้าไปตัวบ้านทิ้งตัวลงนั่งมุมเดิม ตบๆ ตามตัวหาไฟแช็คกับบุหรี่และจุดมันสูบอีกครั้งและพ่นควันปุ๋ยๆ ไม่สนใจใคร



"คุณจะมาเอาเงินจากรามอีกแล้วเหรอ!? นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันเงินก็หมดแล้ว ทำไมคุณถึงไม่หยุดเล่นพนันซักที...!"



"หยุดบ่นสักทีเถอะน่า บ่นได้แต่เรื่องเดิมๆ ...โว้ย รำคาญ!"



"ก็ถ้าคุณเลิกเล่นฉันจะบ่นทำไมล่ะ...ที่บ่นเพราะคุณไม่หยุดซักทีไงคะ"



คนเป็นแขกยืนนิ่งรู้สึกอึดอัด สถานการณ์ตรงหน้านี่มันอะไร



"เอ่อ" ทันทีที่เสียงทุ้มเอ่ยออกไปหญิงสาวที่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาก็หันมา ใบหน้าสะสวยยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนหากแต่มีริ้วรอยตามกาลเวลาและผ่ายผอมลงกว่าเดิมมากมายนัก



เขายังจำเธอได้



“อ้าว สวัสดีจ้ะ...นี่เธอ...” ณ วินาทีที่ดวงตาสีน้ำตาลสบกัน ภาวดีเบิกตากว้างชั่ววูบ ดวงตาฉ่ำน้ำวาววับ "ตายจริง..." แต่แล้วก็ต้องทำเหมือนปกติ เมื่อได้ยินเสียงนพกรตะโกนขึ้นมา



"ก็บอกว่าเพื่อนไอ้รามมันมาหาไง"



"...เพื่อนของพระราม?" ดวงตาสีน้ำตาลฉายความแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด



แต่เธอจำเขาไม่ได้...แม่จำลูกชายไม่ได้



"เข้ามาก่อนมั้ยจ๊ะ" ซ้ำยังหันมาชวนเข้าบ้านเหมือนแม่เจอเพื่อนลูกชายปกติทั่วไป เธอไม่มีทีท่าอะไรที่จะบอกว่าจำเขาได้เลยด้วยซ้ำ



"...ขอรบกวนด้วยนะครับ" ไอติมพูดเสียงเรียบและค่อยๆ ถอดรองเท้าไว้ด้านหน้า ทำเป็นไม่แสดงความรู้สึกผิดหวังออกมา



"บ้านเรามีแค่ชาไทยถูกๆ อย่างเดียวทานได้หรือเปล่า" คนถามมีสีหน้าลำบากใจเพราะเพื่อนของพระรามคนนี้ท่าทางจะเป็นลูกคุณหนู ไม่รู้กินของถูกแล้วผื่นจะขึ้นรึเปล่า



"ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว" เขายิ้มปฏิเสธ ดวงตาคู่คมจ้องมองภาวดีไม่วางตา



ได้ยินแบบนั้นคนที่กำลังจะลุกก็ค่อยๆ นั่งลงอีกครั้ง



"ขอโทษทีนะจ๊ะ พอดีพระรามน่าจะออกไปทำงาน ตอนนี้ก็เลยไม่ได้อยู่บ้านน่ะ คงจะกลับมาอีกที เช้าๆเลย" ภาวดีอธิบายยืดยาว คำตอบที่ได้รับมีเพียงพยักหน้าและตอบรับเบาๆ "เป็นเพื่อนที่มหาลัยเหรอ?"



"ครับ" เสียงทุ้มว่า "ผมเป็นห่วงราม เขาทำงานหนักมากก็เลยกลัวว่าจะไม่ไหว เลยจะแวะมาดูให้สบายใจสักหน่อยว่าเขาไม่เป็นไร"



"แค่ก...แค่ก! อย่างนั้นเหรอจ๊ะ ดีใจจังที่เพื่อนของพระรามเป็นคนดีแบบนี้ แต่ว่าตอนนี้รามออกไปทำงานน่ะจ้ะ...คุณนพกรหยุดสูบบุหรี่สักทีเถอะค่ะ ไม่เกรงใจฉัน ก็เกรงใจเพื่อนของลูกบ้าง" ภาวดีไอโขลกแรง พอพูดจบก็ไออีกครั้งติดกันหนักๆส่วนชายฉกรรจ์นั่งสูบบุหรี่ดวงตาเหม่อลอยเหมือนไม่ได้ฟัง



จริงๆ แล้วร่างสูงกำลังจะบอกว่าไม่เป็นไรไม่ต้องถือสาเพราะเขาก็เป็นคนสูบบุหรี่เหมือนกัน ดังนั้นกลิ่นแค่นี้มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรหรอก



จนกระทั่งไอติมเริ่มเห็นท่าทีผิดปกติของหญิงสาว



'แม่ของพี่ป่วยหลายโรคเลย เธอร่างกายอ่อนแอแบบนี้มาตั้งหลายปีแล้ว...หลังๆ มานี้ก็ป่วยหนักจนพี่กังวล'



"แค่กๆๆ!!"



"คุณม...คุณน้า...?" ไอติมสูดลมหายใจอึ้งเมื่อเห็นคนตรงหน้าไอเหมือนไม่ได้สำลักควัน แต่เหมือนเป็นโรคอะไรสักอย่าง



‘หมอบอกว่าโรคที่แม่เป็นรักษาไม่ได้ ได้แต่ยื้อชีวิตให้นานขึ้นโดยต้องกินยา...ห้ามขาด’



"มะ ไม่เป็นไร แค่กๆๆ เดี๋ยวก็หายจ้ะ...แค่ก!" ภาวดีทึ้งเสื้อตรงอกอย่างแรง เพราะยิ่งไอยิ่งเจ็บ เธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ สุดท้ายสิ่งที่ออกมามันคือกองเลือดสีแดงคล้ำคล้ายสีดำเปรอะเปื้อนบนมือ...มากมายกว่าตอนที่พระรามเห็นเมื่อวันก่อน



"คุณน้า!!"



เสียงทุ้มตะโกนลั่น ภาวดีมองเลือดในมือของตนอย่างตกใจค้างเหมือนช็อค ไม่ทันจะได้พูดอะไรร่างทั้งร่างก็ร่วงลงนอนกับพื้นกระเบื้องจนไอติมเห็นท่าไม่ดีรีบช้อนตัวหญิงสาวผ่ายผอมที่สลบไปแล้วขึ้นแนบอก หางตาแอบสังเกตเห็นว่านพกรเริ่มที่จะขยับตัวร้อนรนบ้างแล้ว ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาหรือว่าอะไร แต่เขาก็เมิน ไม่ได้คิดจะหันไปสนใจ



“แม่...แม่ครับ ทำใจดีๆ ไว้นะ!”



ตอนนี้ต้องรีบไปโรงพยาบาลก่อน!





"เป็นไงบ้างครับคุณหมอ" เขาถามทันทีด้วยความเป็นห่วงและร้อนรนอย่างถึงที่สุด ตอนที่โบกรถแทกซี่มาก็ไม่มีคนรับเพราะเห็นท่าทางไม่ดีของภาวดีแล้วกลัวเธอจะตายบนรถ



"คุณเป็นญาติของผู้ป่วยใช่มั้ยครับ" คนตรงหน้าถามด้วยสีหน้าลำบากใจ ขณะกำลังอ่านบางอย่างบนแผ่นกระดาษในมือ



"ใช่ครับ"



"ถ้างั้นฟังแล้วทำใจไว้หน่อยนะครับ ร่างกายของผู้ป่วยอ่อนแอมาก...คงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะครับ" ไอติมยืนช็อก เมื่อได้ยินสิ่งที่พูดออกจากปากของคนเป็นหมอ "ที่ทนอยู่ได้นานถึงตอนนี้ก็น่าเหลือเชื่อมากแล้ว"



"อะไร...นะ?"



เมื่อกี้...กำลังจะบอกว่าแม่ของเขาจะตาย...อย่างนั้นเหรอ?



แม่ของเขา...ทั้งๆ ที่หาเจอและได้พบกันอีกครั้งแล้วแท้ๆ แต่นี่เธอกลับจะหนีไปอีก...จะทิ้งกันไปอีกครั้ง...ทิ้งไปตลอดกาล



ที่มันเป็นแบบนี้เพราะใครกัน ถ้าไม่ใช่พระรามกับพ่อของมัน...เลวทั้งคู่!



ถ้าเป็นเขาล่ะก็จะไม่ทำให้เนตรนภาต้องป่วยกระเสาะกระแสะใกล้ตายแบบนี้หรอก



"แล้ว...แม่จะอยู่...จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนครับ" รู้สึกได้ว่าปากของเขามันสั่นระริก



"คงจะ..."



ดวงตาคมเบิกกว้าง สติล่องลอยไป เมื่อได้ยินคำตอบที่น่าตกใจอีกครั้ง



...คงจะไม่พ้นสองสามวันนี้...





********************* Love Substitute *********************

ต่อด้านล่าง


ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep8 08/03/2019
«ตอบ #16 เมื่อ08-03-2019 20:45:25 »




ต่อจากด้านบน







“แม่...แม่!” เสียงเล็กร้องเรียกมาแต่ไกลทำให้หญิงสาวตัวบางใบหน้าสวยสดงดงามราวกับออกมาจากนิตยสารหันมามอง เด็กชายตัวอ้วนกลมวิ่งดุ๊กดิ๊กมาเกาะขา ที่อ้วนแบบนี้เพราะอรรถสิทธิ์ บิดาของเด็กชายตามอกตามใจให้กินทุกอย่างที่อยาก ทั้งขนมนมเนยและของไม่มีประโยชน์ ทำให้ลูกชายคนเล็กของบ้านตรานาคเรศนั้นออกมาอยู่ในรูปแบบนี้



แต่พุงพลุ้ยแบบนี้ก็น่ารักน่าเอ็นดูไปอีกแบบ



“ว่าไงจ๊ะลูกชายตัวกลมของแม่”



“แม่” เด็กชายวัยห้าขวบที่เกาะขามารดายกมือขึ้นชูสองข้าง และเอ่ยอ้อน “อุ้มคับ”



“โอ้โห ไหน...อึ้บ! นี่หนักเท่าไหร่แล้วเนี่ยหือ ถ้าหนักมากกว่านี้สงสัยแม่จะอุ้มไม่ไหวซะแล้วล่ะ” แขนบางช้อนตัวลูกชายขึ้น เนตรนภาผู้เป็นมารดาของเด็กชาย มีดวงตาและเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นเอกลักษณ์ เธอได้เชื้อมาจากคุณยายของเธอ และเธอก็ส่งต่อพันธุกรรมนี้ให้ลูกทั้งสองด้วย เธอเอ่ยหยอกลูกชายตัวกลมขำๆ แต่เด็กชายอิสระวัยห้าขวบไม่หัวเราะกลับเบะปากจะร้องไห้เมื่อได้ยินว่าแม่จะไม่อุ้มตนแล้ว...ไม่อุ้มก็แปลว่าไม่รัก



“อุ...ฮิก...ฮิก!...” น้ำตาเม็ดโตไหลเผาะข้างแก้มยุ้ยไม่ขาดสาย “แม่ไม่อุ้มติม”



“โอ๋เอ๋ แม่ล้อเล่น ไม่เอาๆ เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้นะคับ โอ๋ๆ ไอติมจะอ้วนแค่ไหนแม่ก็อุ้มไหวอยู่แล้ว” มือเล็กของหญิงสาวยกขึ้นปาดคราบน้ำตาบนแก้มที่ยุ้ยเพราะกินเยอะ ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตเด็กชายไอติมจะโตขึ้นมาแล้วหล่อเหลาจนใครๆ ต่างหันมอง “ร้องไห้โยเยแล้วเดี๋ยวสาวๆ จะไม่มองนะคับสุดหล่อของแม่”



“แค่แม่คนเดียว...” เด็กชายไอติมส่ายหน้า สาวๆ เป็นใครไม่เห็นสนใจเลย “แม่ก็พอ”



“หืม ตัวแค่นี้คิดจะจีบแม่เหรอ” คนฟังชื่นใจมากถึงมากที่สุด ว่าแต่เด็กคนนี้ไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากใครกันล่ะเนี่ย



“ติมรักแม่”



“ต๊ายตาย ถ้าไปทำแบบนี้กับสาวอื่นล่ะก็คงตกหลุมเสน่ห์เด็กคนนี้แน่” เนตรนภายิ้มกว้าง ก่อนจะพูดแล้วหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเด็กน้อยไม่เข้าใจหรอก



“แล้วแม่รักไอติมมั้ย”



“รักสิครับ” หญิงสาวใบหน้าสะสวยหอมแก้มยุ้ยๆ ของลูกชายที่น่ารักดังฟอดจนเด็กชายหัวเราะคิกคักเพราะจั๊กจี๋ น้ำตาที่ไหลแห้งเหือดไปเมื่อไหร่ไม่รู้ “รักที่สุด”



“แม่...แม่ไปไหนครับ” แล้ววันหนึ่งเด็กชายไอติมผู้โตขึ้นมาอีกหน่อย ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นประถม เห็นในห้องของมารดาว่างเปล่า ในตู้ก็ไม่มีเสื้อผ้าแขวนอยู่เลยสักตัว



“ติม ลูก” ร่างสูงของผู้เป็นพ่อนิ่วหน้าเจ็บปวดยืนคู่อยู่กับพี่ชายที่โตกว่าห้าปีที่ร้องไห้เสียใจ ยิ่งเห็นลูกชายคนเล็กทำหน้าจะร้องไห้เขายิ่งทนไม่ไหว “แม่หนีพวกเราไปแล้ว”



“ไม่จริง พ่อโกหกผม” น้ำตาเม็ดใสไหลหยด...เขาเข้าใจคำว่าหนี...หนีไปหมายความว่าจะไม่กลับมา...แปลว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่มั้ย “ทำไมล่ะ ทำไมแม่ถึงทิ้งพวกเราไปล่ะครับ”



“แม่เค้า...ไปมีครอบครัวใหม่แล้ว”



คำตอบที่ได้รับทำให้ร่างเล็กๆ วิ่งออกไปนอกบ้านไม่ฟังคำตะโกนห้ามของพ่อบังเกิดเกล้า ร่างเล็กๆ ของเด็กชายอิสระวิ่งไปทั้งๆ ที่ยังไมได้ใส่รองเท้า พลันเห็นแผ่นหลังลิบๆ นั่น...แม่!



ถ้าหากว่าเขาอ้อนวอน แม่อาจจะกลับมาก็ได้...ครอบครัวใหม่อะไรนั่นเขาไม่สนใจหรอก...เพราะแม่รักเขา...แม่รักพวกเราทุกคนนี่นา



“แม่! ...แม่!!” เด็กชายอิสระแย้มยิ้มดีใจเมื่อเห็นแผ่นหลังของมารดานั้นชะงักเล็กน้อย แต่สุดท้ายเนตรนภาก็ไม่หันกลับมา “แม่! รอผมด้วย!”



ร่างเล็กบอบบางของหญิงสาวหิ้วกระเป๋าใบใหญ่และก้าวขึ้นรถไปโดยไม่มองกลับมาสักนิด ทั้งๆ ที่รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าเขากำลังจะมา ทั้งๆ ที่เขาเรียกเสียงดังขนาดนี้



‘รักสิครับ รักที่สุด’



ไหนบอกว่ารักผม...ไหนแม่บอกว่ารักผมไง



หรือว่าตอนนี้แม่ไม่รักผมแล้ว



“แม่ครับ!!” เสียงตะโกนเรียกดังก้องและหายลับไปสู่ท้องฟ้าสุดท้ายแล้วมันก็ไปไม่ถึงใครอีกคน



รถแทกซี่คันนั้นออกตัวไปทิ้งเด็กชายที่ร้องไห้น้ำตานองไว้ด้านหลัง



เด็กชายอิสระที่เคยน่ารักสดใส ใบหน้าประดับรอยยิ้มตลอดเวลา ก็กลายเป็นคนนิ่งเงียบดวงตาเรียบเฉยเย็นชา ซ้ำเวลามีอะไรก็ไม่เคยพูดออกมา



“ติม กลับมาแล้วเหรอ กินข้าวก่อนสิลูก”



“ไม่ครับ ไม่หิว” คำตอบสั้นห้วนทำเอาอรรถสิทธิ์กับอิทธิพลลูกชายคนโตสบตากันอย่างลำบากใจ เพราะรู้ดีว่าลูกชายคนเล็กคนนี้ติดแม่มาก พอสูญเสียเนตรนภาไปก็เลยทำให้กลายเป็นแบบนี้ ไม่มีใครต่อว่าอะไร ได้แต่ให้กำลังใจและคอยอยู่เคียงข้าง



วันเวลาผ่านเลยไปเรื่อยๆ อิสระเริ่มมีเค้าใบหน้าหล่อเหลาเชื้อจากบิดาปรากฏให้เห็นกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของผู้เป็นแม่ แขนขาก็เริ่มยืดยาว ส่วนสูงที่เริ่มเพิ่มขึ้นตอนที่กำลังจะขึ้นมัธยมปลาย จนสาวๆ ที่โรงเรียนและโรงเรียนข้างๆ ต่างก็มารุมล้อม



แต่เขาหาได้สนใจไม่...ในใจยังคงฝังใจกับความใจดีของแม่ ถ้าไม่เจอคนที่งดงามแบบมารดาเขาก็ไม่คิดจะสนใจ



ทั้งๆ ที่เขาทิ้งเราไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงยังยึดติดอยู่ได้นะ



แต่ถึงจะไม่สนใจก็ใช่ว่าจะไม่มีอารมณ์อย่างว่า พี่อิฐ พี่ชายของเขาที่เรียนแพทย์อยู่เคยให้คำปรึกษาว่าถ้ารู้สึกอยากขึ้นมาก็ลองช่วยตัวเองดูหรือไม่ก็ลองมีอะไรกับคนอื่นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ แต่ขอให้ใส่ถุงยางป้องกันเอาไว้ตลอด พี่ชายของเขาไม่เคยหวังร้ายและเขาก็ปฏิบัติตามนั้นมาตลอด



ติมได้เจอเพื่อนที่คุยกันถูกคอคนหนึ่งตอนสมัยมัธยมปลาย...ไม่ต้องพูดอะไรมันก็เหมือนจะรู้ใจ เป็นคนที่ไม่พูดมากน่ารำคาญเหมือนคนอื่นด้วย



จนถึงตอนนี้ก็ยังคบอยู่ แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ



‘ทำไมไม่จ้างนักสืบให้ลองตามหาแม่มึงดูล่ะ ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอ’ เป็นคำแนะนำของเพื่อนสนิทคนนั้น



และตอนนั้นเขาก็ได้พบกับคนที่ขโมยแม่ของเขาไป...คนที่ทำให้แม่ทิ้งพวกเราไป...คนที่ทำให้พ่อกับพี่เสียใจ



คนที่ทำให้แม่ตาย



...ไอ้พระราม...





ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด...



ร่างสูงนั่งเหม่อลอย มองใบหน้าซีดเซียวผ่ายผอมผิดจากรูปลักษณ์สมัยอดีตที่เคยเห็นตอนเด็กๆ ลิบลับ เนตรนภา...ไม่สิ ภาวดีนอนหลับตาสนิทอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องวีไอพีเพราะไอติมเป็นคนบอกว่าให้ย้ายมาเอง ตอนนี้เขากำลังนั่งมองโทรศัพท์ที่โทรออกไปเบอร์ของใครบางคน



...พระราม...



แต่สายแล้วสายเล่าก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะรับสายเป็นสิบยี่สิบสายจนมือใหญ่กดทิ้งไปและไม่คิดจะโทรอีก...ที่คิดจะโทรไปก็เพราะอยากจะบอกข่าวสักหน่อยว่าตอนนี้แม่ของอีกฝ่ายอาการทรุดลงหนักและกำลังจะตาย



แล้วทำไมถึงไม่รับ? งานที่ทำมันสำคัญกว่าชีวิตของมารดาอีกงั้นหรือ?



‘ที่พี่ทำงานหนักอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อแม่คนเดียว’



มือใหญ่กำโทรศัพท์แน่นอย่างโมโห...เขาโทรหาอีกฝ่ายระรัว ถึงจะรู้สึกไม่ชอบใจแค่ไหน แต่เมื่อเนตรนภาลืมตามาก็คงอยากจะเห็นลูกชายคนนั้นในวาระสุดท้าย



วันแล้ว...วันเล่า



(“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”)



มีแค่เขาเท่านั้นที่มาเยี่ยมภาวดีที่หลับตานอนนิ่งมาสองวันแล้ว...เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว



‘แม่มีบุญคุณกับพี่มาก...ดังนั้นไม่ว่าจะต้องทำยังไงพี่ก็จะพยายามทำให้แม่มีชีวิตอยู่กับพี่ไปเรื่อยๆ’



นี่หรือการกระทำที่ควรจะมีต่อผู้มีพระคุณ...หายหัวไปโดยไม่ติดต่อกลับมาเลยตลอดสองสามวันแบบนี้น่ะหรือ!?



“...ร...”



“...คุณน้า! ...” ร่างสูงผุดลุกขึ้น รู้สึกตกใจมากที่ได้ยินเสียงบางอย่างเล็ดลอดออกจากปากคนป่วย เขาไม่ได้หูฝาดเพราะตอนที่กำลังจะกดปุ่มเรียกพยาบาลเข้ามาตรวจกลับได้ยินเสียงห้าม



“มะ...ไม่...ต้อ..ง...”



“...ทำไมล่ะครับ?” เขาถามร้อนรน ในใจกระสับกระส่าย



“...ไอ...ติม...” ดวงตาคู่คมเบิกกว้างน้ำตารื้นเมื่อได้ยิน “แม่...อยากคุย...กับ...ลูก”



“แม่...ยังจำผมได้เหรอ” น้ำตาไหลหยดหลังมือผ่ายผอม...แล้วทำไมตอนที่เจอกันครั้งแรกถึงไม่แสดงท่าทีอะไรเลย ทำไมถึงต้องทำเมินเฉย



“ลูกชายตัวกลมที่น่ารักของแม่...โตขึ้นมาหล่อเหลาเหลือเกิน” คำพูดแผ่วเบาที่เนตรนภาพูดเชื่องช้าอ่อนแรง แต่คนได้ยินยิ่งฟังยิ่งรู้สะเทือนใจ



“แม่ครับ...ติมคิดถึงแม่ ทำไมแม่ถึงทิ้งพวกเราไป ติมอยากถามมาตลอดเลยนะ” มือใหญ่ช้อนกุมมือเล็กสากกร้านผ่ายผอมและแนบมันข้างแก้ม



“แม่ขอโทษ...” เนตรนภามองภาพลูกชายที่เธอไม่เคยได้เลี้ยงดูแต่เติบใหญ่มาได้ขนาดนี้ร้องไห้แล้วเธอรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน “โตแล้วอย่าร้องไห้สิลูก เดี๋ยวสาวๆ ไม่แลนะ” คำแซวเดิมในสมัยเด็กที่เธอยกขึ้นมาใช้ยิ่งทำให้ไอติมที่ได้ฟังเจ็บ



ทุกสิ่งทุกอย่าง แม่ไม่เคยลืมพวกเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว



“คุณอรรถกับลูกอิฐล่ะ สบายดีใช่มั้ย”



“สบาย...สบายดีครับ พ่อกับพี่ก็คงอยากเจอแม่แน่ๆ แม่อดทนหน่อยนะเดี๋ยวติมจะโทรเรียก...!”



“อย่าเลยติม แม่คง...ไม่ไหวแล้ว” เนตรนภาพูดเสียงอ่อนแรง ภาพของลูกชายที่มองมาอย่างอ้อนวอนนั้นแสนพร่ามัว ไม่ต้องให้หมอหรือใครมาบอกเพราะร่างกายของเธอ เธอรู้ดีที่สุด



เธอกำลังจะตาย



“แม่จะทิ้งติมไปอีกแล้ว” ไอติมนิ่วหน้าเจ็บปวดล้นเมื่อได้ยินมารดาพูดแบบนี้



“แม่ขอโทษ” คำๆ นี้คำเดียวที่เธอสามารถเอ่ยออกมาได้ แต่ในใจของเนตรนภายังรู้สึกกังวลถึงใครบางคน ลูกชายอีกคนของเธอ...ต้องรีบ...ต้องรีบแล้ว “แม่รู้ดีว่านี่เป็นคำขอที่เห็นแก่ตัว แต่แม่ขอฝากรามไว้กับลูกได้มั้ย ติม”



“...ราม ทำไม?”



มือผ่ายผอมบีบมือลูกชายกลับ “แม่เป็นห่วงราม ขอร้องล่ะนะติม ต่อจากนี้ช่วยดูแลรามแทนแม่ได้มั้ย”



เขาขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่มารดากำลังบอก “เขาก็มีพ่ออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมติมต้อง...”



“ไม่ได้นะ คุณนพกรน่ะ...! แค่กๆๆๆ!!” ทันใดนั้นเนตรนภาก็ไอโขลกหนักและกระอักเลือดออกมากองโต...คราวนี้เป็นเลือดสีดำ



ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!



“แม่!!!” ไอติมร้องเรียกเสียงดังจับมือผอมของมารดาแน่นก่อนจะกระโจนไปกดปุ่มเรียกพยาบาลรัวๆ อย่างร้อนรน “แม่ครับ...อย่าทิ้งผมไป ขอร้อง...”



“ติม แค่ก! ...แม่ฝาก...แม่ฝากราม...” ทั้งๆ ที่อาการทรุดลงแทบจะทนไม่ไหวแต่เนตรนภาก็ยังคงเป็นห่วงพระราม ทั้งๆ ที่ร่างกายอ่อนแอเจ็บแสบปวดร้อนแทบตายกับโรคหลากหลายรุมเร้าแต่ถ้าหากยังไม่ได้คำตอบจากไอติม เธอก็ไม่อาจวางใจ



ถ้าจากไปแบบนี้ เธอคงนอนตายตาไม่หลับ



เห็นสภาพของมารดาแล้วลูกชายน้ำตาไหลอาบหน้า รู้สึกสงสารจับใจ ไม่สนใจสักนิดว่าเลือดสีดำมันจะกระเซ็นโดนเขาจนเปรอะเปื้อนแค่ไหน ถ้าหากเนตรนภาอยากจะได้ยินคำตอบของเขา เขาก็จะยอม อนแค่ไหน ถ้าเปื้อนแค่ไหน ถ้าหากแต่เนตรนภาก็ยังเป็นห่วง ถ้าหากพร้อมกับที่พยาบาลกรูเข้ามาและร่างสูงที่อยู่ในห้องก็ถูกผลักออกมาเมื“ครับแม่ ติมสัญญาว่าจะดูแลราม”



ติ๊ดดด!



เมื่อได้คำตอบของลูกชายคล้ายราวกับคำมั่นสัญญา เนตรนภาก็คล้ายจะหมดกังวล มือผ่ายผอมที่จับมือใหญ่ปล่อยตกลงข้างเตียงเพราะไม่มีแรงจะเหนี่ยวรั้งอีกต่อไป



“แม่!!!”



เสียงของเครื่องตรวจการเต้นหัวใจดังเป็นสัญญาณยาวแบบนี้มันหมายถึงหัวใจหยุดเต้น



ในเวลาเดียวพยาบาลสองสามคนก็กรูเข้ามาอย่างวุ่นวาย ร่างสูงที่อยู่ในห้องก็ถูกผลักออกมารอด้านนอกเพื่อไม่ให้เกะกะขวางทาง ทั้งๆ ที่ดวงตาคู่คมชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำตานั้นยังมีแต่ความไม่เข้าใจ



ทำไม...ทำไมแม่ถึงต้อง...ทำขนาดนี้



ไม่เข้าใจเลย





********************* Love Substitute *********************


ประกาศสำหรับคนอยากได้รูปเล่มนะคะ เหลือพรีออเดอร์อีกเพียงสามสัปดาห์(ถึงสิ้นเดือนมีนานี้)

จะมาบอกว่าเรื่องทดแทนรักนี้ นักเขียนจะสั่งพิมพ์ตามจำนวนสั่งจองหรืออาจจะเผื่อไว้เล็กน้อยเท่านั้นค่ะ

ดังนั้นถ้าใครหวังเล่มสต็อคนั้นอาจจะได้แค่เพียงบางคน ที่เหลือก็ต้องไปเปย์อีบุ๊คแทนนะคะ

ใครอยากได้รีบสั่งเลยเพราะว่าได้แน่นอน ฟันธง คอนเฟิร์ม

โอเคนะ เข้าใจตรงกันแล้วน้า^^


ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep8 08/03/2019
«ตอบ #17 เมื่อ09-03-2019 19:43:08 »

 o13 :really2:

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep9 15/03/2019
«ตอบ #18 เมื่อ15-03-2019 21:03:10 »



                                                   ทดแทนรัก

                                                    ตอนที่ 9



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม


“ขอบคุณมากเลยครับ”



“เออ ไม่ต้องขอบคุณหรอก” คนตัวเล็กเท้าสะเอวเงยหน้าพูดกับคนอายุน้อยกว่าด้วยท่าทางดุๆ ไม่สมกับใบหน้าน่ารักทำให้ร่างโปร่งหน้าจ๋อย “แต่ถ้านายไม่สบายหนักแบบนี้ก็ไม่ควรจะมาทำงานจนเป็นลมเป็นแล้งนะ”



“ผมต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ลำบาก”



“บอกแล้วไงว่าเลิกขอโทษ ขอบคุณซ้ำไปซ้ำมาซักที”



“ขะ ขอ...ครับ”



ร่างเล็กของคนอายุมากกว่ากอดอก เพิ่งจะบอกไปเมื่อกี้แท้ๆ แต่ดูเหมือนพระรามก็เป็นขี้เกรงใจจัด ต้องถลึงตาใส่ถึงจะยอมหยุด ไม่งั้นคงได้ขอบคุณสลับขอโทษแบบนี้ทั้งวัน



“ว่าแต่นายพักแค่นี้พอแล้วเหรอ ยังไม่หายดีเลย”



“ไม่หรอกครับ ตั้งสามวันแล้ว ผมเป็นห่วงแม่ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มใสเอ่ยเครียดๆ อย่างที่ไม่เคยเป็น นั่นก็เพราะว่าเขาไม่เคยไม่กลับบ้านติดกันหลายวันแบบนี้มาก่อน



แต่มันก็มีเหตุจำเป็นบางอย่าง เนื่องจากสองวันก่อนระหว่างที่กำลังทำงานอยู่ จู่ๆ รามก็เกิดอาการเป็นลมล้มพับไปเพราะไข้ขึ้นสูง สาเหตุเพราะร่างกายของเขาที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดันมาเจอเรื่องแบบนั้นติดต่อกันทั้งคืน



‘ติม พี่เจ็บ...ขอร้องล่ะ เบาๆ’



ร่างกายที่ครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่แล้ว เลยอักเสบหนักซ้ำยังฝืนทำงานทั้งๆ แบบนั้นจึงทำให้พระรามไม่สบายนอนซมตั้งสองวันเต็ม ยังดีที่รุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกันชื่อว่าเอ็มนิสัยดี จิตใจดี ให้นอนพักที่หอพักของตนที่อยู่ใกล้ๆ กับที่ทำงานจนกว่าจะหาย หนำซ้ำยังคอยดูแล เช็ดตัวให้ หาข้าวหายาให้ทาน จนพระรามอดซาบซึ้งจนน้ำตาซึมไม่ได้ที่ได้รู้จักกับคนดีๆ แบบนี้



เพราะงั้นตอนนี้เขาถึงเป็นห่วงที่บ้านเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามารดาของเขาจะเป็นยังไงบ้าง...ไม่รู้ว่าพ่อจะกลับมาเมื่อไหร่ ทำอะไรมารดาอีกหรือเปล่า



“พี่รู้ว่านายเป็นคนขยัน แต่บางทีต้องรู้ขีดจำกัดของร่างกายตัวเองบ้าง ทำแบบนี้จนต้องหยุดงานอีกสองวันมันคุ้มกันมั้ย?” เสียงใสพูดจบก็ยกมือขึ้นท่าปรางห้ามญาติเพื่อเบรครุ่นน้องตัวสูงกว่านิดหน่อยที่กำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง “หยุด ห้ามพูดว่าขอโทษ พี่อนุญาตให้พูดว่าครับอย่างเดียวพอ”



ริมฝีปากบางอ้าค้างก่อนจะค่อยๆ หุบ ดวงตาเรียวกระพริบปริบ  “ครับ พี่เอ็ม”



“นี่นายทำงานกี่อย่างกันหา ทำจนไม่ได้กินไม่ได้นอนจนป่วยหนักนี่ไม่ธรรมดาแล้ว รู้ไหมว่าตัวเองโทรมขนาดไหน ผอมจนจะติดกระดูกอยู่แล้ว พี่ยังอ้วนกว่านายเลย”



“ครับ...” ริมฝีปากสีซีดเม้มแน่นลำบากใจ



“นายนี่นะ” เอ็มถอนใจคล้ายเอือมระอาก็ไม่ปาน พอให้พูดแค่ครับ ไอ้รามมันก็จะพูดครับอย่างเดียวจริงๆ ก่อนมือเล็กจะโบกไล่เพราะเราทั้งสองคนคุยกันอยู่หน้าห้องนานพอควรแล้ว “เอ้า ไปได้แล้ว จะกลับก็กลับไป เรื่องทำงานวันนี้เดี๋ยวพี่บอกพี่รุ้งเองว่านายยังไม่ค่อยดี ขอหยุดอีกหนึ่งวัน”



“ครับ พี่เอ็ม สวัสดีครับ” พระรามยิ้มบางขอบคุณในใจเพราะอีกฝ่ายไม่ให้พูด ร่างโปร่งก้มหัวให้ก่อนจะเดินออกมา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกเรียกชื่อไว้ซะก่อน



“ราม ชาร์ตมือถือหน่อยก็ดีนะ พี่เห็นว่าใครโทรมาไม่รู้ตั้งแต่วันแรกแล้ว คิดว่าน่าจะมีเรื่องด่วนอยู่แหละเพราะเห็นโทรมาจนเครื่องมันดับไปเลย”



พอได้ยินเอ็มพูดแบบนั้นพระรามก็ล้วงมือถือขึ้นมา นิ้วเรียวลองกดปุ่มโฮมดู แล้วมันก็ขึ้นสัญลักษณ์แบตหมดจริงๆ “อ่า ครับ”



“โทษทีที่ไม่ได้ชาร์ตให้อ่ะ”



“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เสียงทุ้มใสกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ขาเรียวจะวิ่งลงบันไดเบาๆ ออกมาจากหอของพี่เอ็ม แม้จะนอนมาแล้วสามวัน พิษไข้ก็ยังคงเหลืออยู่แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา แผลตรงนั้นก็ยังเจ็บแสบอยู่ แต่ดีขึ้นมากแล้ว ถ้าให้อธิบายคำว่าดีขึ้นมากล่ะก็...ก็คือเขาสามารถนั่งได้ (แบบรองเบาะนุ่มๆ) ซ้ำยังสามารถเดินได้ปกติให้คนอื่นมองแบบไม่สงสัยได้แล้วด้วย



วันแรกนี่ก้าวขาแทบไม่ออกเพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงนั่ง...เขาเจ็บมากจนนั่งไม่ได้



พระรามมองซ้ายมองขวาหยีตากับแดดที่ส่องเปรี้ยงจนเหงื่อชุ่มใบหน้า มองนาฬิกาและคำนวณดูว่าถ้าหากเดินกลับบ้านจะต้องใช้เวลากี่นาที



หรือว่าเขาจะนั่งรถโดยสารดี?



สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินกลับ รามเป็นคนชอบประหยัด...ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ใช้จ่ายอะไรมั่วซั่ว ถ้าไม่รีบไปไหนเร็วๆ เขาก็จะเผื่อเวลาและใช้กำลังขาเดินเอา บางทีก็นั่งรถเมล์ถ้าระยะทางไกลมาก ยกเว้นแค่วันนั้นที่รีบมาทำงานจนต้องนั่งแท็กซี่ อีกอย่างเขาก็เดินไม่ไหว สุดท้ายเสียไปหนึ่งร้อยกว่าบาท ทำงานแทบตายกว่าจะได้เงินมา กลับต้องมาเสียให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง



ว่าแต่ว่าไอติมจะหายโกรธเขาหรือยังนะ



นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นแล้วร่างโปร่งก็สั่นขึ้นมาเองอย่างควบคุมไม่ได้



รามยอมรับว่าพอเจออารมณ์รุนแรงแบบนั้นของไอติม เขาก็กลัวมาก...ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้โมโหขนาดนั้นเพียงแค่พูดถึงเรื่องของแม่



ซ้ำยังแววตามืดมิดเย็นชาที่มองมาที่เขามันทำให้ในใจบีบรัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก



แต่นับจากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ผ่านมาตั้งสามวัน ร่างสูงน่าจะหายโกรธเขาแล้ว



‘แล้วรามกลับไปยังไง เลือดออกไม่เจ็บเหรอ’



ไม่งั้นวันนั้นคงไม่โทรมาหา...ไม่ถามไถ่ว่าเขาจะเจ็บหรือเปล่าหรอก



ไอติมคงจะนึกเป็นห่วงกันบ้างอยู่แล้ว...ใช่มั้ย?



ร่างโปร่งส่ายหน้ากับความคิดบ้าบอของตัวเอง ใช่สิ มันต้องใช่ ร่างสูงไม่โกรธเขาหรอก ตอนนั้นอีกฝ่ายก็ขอโทษเขาแล้วด้วยที่ทำรุนแรงใส่ อีกอย่างตอนนี้ร่างกายของเขาก็หายดีแล้ว อย่าไปคิดมากนักเลย



เพียงไม่ถึงชั่วโมงพระรามก็มาถึงบ้าน ถึงเขาจะดีขึ้นแล้วแต่ด้วยความที่แดดทั้งร้อนทั้งอบอ้าวแบบนี้ก็ทำให้ตาพร่าหน้ามืดเหมือนกัน ร่างโปร่งยืนหลับตานิ่งอยู่แบบนั้นที่หน้าประตูบ้านให้ตัวเองได้พักหายใจก่อนเพราะถ้าเข้าไปสภาพอิดโรยแบบนี้ให้ภาวดีเห็น เขาก็จะทำให้เธอต้องมาเป็นห่วงอีก



มือขาวซีดยกขึ้นปาดเหงื่อที่กรอบใบหน้าก่อนจะบิดลูกบิดประตู พลันดวงตาของพระรามเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะพบว่ามันไม่ได้ล็อคเอาไว้ พอค่อยๆ แง้มเข้าไปก็รู้สึกได้ว่ามันเงียบเชียบผิดปกติ ไม่มีกลิ่นของชาที่แม่ชอบชง ไม่มีกลิ่นความอบอุ่นหรือกลิ่นของสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย



ร่างโปร่งผลักประตูเปิดกว้างและเดินเข้าไปทันที แล้วส่งเสียงเรียก “แม่...แม่ครับ”



พระรามใจเต้นตึกตักระรัวเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ “แม่!”



หรือว่าเธอจะเป็นลมล้มพับอยู่ที่ไหน!?



ขาเรียววิ่งดูทุกซอกทุกมุมของบ้านอย่างร้อนรน



ปึง!



แม้แต่ในห้องน้ำก็ไม่มี...รามขมวดคิ้วมุ่นหอบหายใจรัว กังวลจนหัวใจเต้นดังไม่สงบ บ้านเขาก็เล็กแค่นี้ ไม่มีทางที่เขาจะมองตรงไหนพลาดไป...แม่ไม่ได้อยู่ที่นี่



แล้วแม่ของเขาหายไปไหน?



ตึกตักๆๆ!



ใจเย็นๆ ...ใจเย็นๆ ...



"ฮึก...แม่ครับ..." พระรามยกมือขยุ้มเส้นผมอย่างคนคิดอะไรไม่ออก นิ่วหน้าน้ำตารื้นขึ้นมาเพราะเป็นห่วงมารดาจับใจ



แม่ไม่เคยออกไปไหนคนเดียว เพราะเขาห้ามเอาไว้แล้ว สัญญาเอาไว้แล้วเพราะกลัวจะเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาข้างนอกและไม่มีใครช่วย ดังนั้นแม่เลยทำตามที่เขาบอกมาตลอด เรื่องซื้อของทุกอย่างรวมถึงวัตถุดิบเข้าบ้านจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระรามเอง



...โทรศัพท์...



พลันบางอย่างผุดเข้ามาในหัว ร่างโปร่งก็รีบหยิบมือถือออกมาแต่ก็ต้องสบถออกมาดังๆ เมื่อเห็นว่ามันแบตหมด พระรามรีบเสียบปลั๊กชาร์ตมันทันที เพียงแค่ห้านาทีก็ยังคิดว่านานเหลือเกินในความรู้สึก พระรามรีบกดเบอร์ของมารดาและโทรออกทันทีที่โทรศัพท์สามารถเปิดใช้งานได้



ตรู๊ด...ตรู๊ด...



เขาเงี่ยหูฟังภายในบ้าน พบว่ายังคงเงียบกริบก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา มันหมายถึงภาวดียังพกโทรศัพท์ไว้ติดตัวไม่ได้ลืมทิ้งเอาไว้ แต่แล้วร่างโปร่งก็นั่งรอสายเรียกเข้าที่ดังอยู่นาน ไม่ว่าจะสิบยี่สิบสายก็ไม่รับสักทีจนกลับมากังวลหนักอีกครั้ง



พระรามเม้มปากแน่นสะอื้นน้ำตารื้น นั่งกุมมือบีบกันอยู่อย่างนั้นเพราะไม่รู้จะต้องทำยังไง...จะทำยังไงดี?



แม่ของเขา...ภาวดีผู้ป่วยกระเสาะกระแสะแบบนั้น อยู่ดีๆ เธอจะหายไปได้ยังไง



"อ้าว...ไอ้ราม กลับมาแล้วเรอะ!?"



เสียงเรียกชื่อทำให้พระรามที่นั่งเครียดหันขวับตาเบิกกว้าง อีกฝ่ายที่ส่งเสียงอยู่หน้าประตูบ้านคือนพกร พ่อของเขาเอง



"ห่า หายไปไหนตั้งสองสามวัน...เรื่องนั้นช่างเหอะ เอาเงินมาให้กูยืมหน่อยดิ้"



ร่างโปร่งค่อยๆ ยืนขึ้นเดินไปหา ไม่ตอบ ไม่หือ ไม่อือ แต่ถามในสิ่งที่อยากรู้แทน "แม่ล่ะ?" ดวงตาเรียวฉ่ำน้ำตาวาววับ



ชายฉกรรจ์เลิกคิ้ว ในแววตามีความแปลกใจ "นี่เพื่อนมึงยังไม่ได้บอกอีกเหรอ"



พระรามงุนงงถึงที่สุด "บอก? บอกอะไร?"



"ว่ายัยภาตายแล้วไง"



นพกรพูดเสียงเรียบเหมือนเป็นเรื่องปกติ...เหมือนพูดว่าจะไปทานข้าวเที่ยง ไม่ได้พูดถึงการตายของใครบางคน มันทำให้คนฟังอย่างพระรามเบิกตากว้าง สูดหายใจเข้าลึกอย่างอดทนก่อนจะหายใจแรงขึ้น ร่างโปร่งกัดฟันกำหมัดแน่น ก่อนจะตะคอกผู้เป็นพ่อเสียงดังอย่างโมโหขีดสุด "พ่อพูดอะไร!!? อย่ามาพูดบ้าๆ นะ!!!"



เรื่องสำคัญแบบนี้กลับมาพูดพล่อยๆ ถึงจะเป็นพ่อเขาก็ไม่ยกโทษให้แน่!!



"กูไม่ได้ล้อเล่นนะ เมื่อสองวันก่อนยัยภามันอาการทรุดหนักต้องเข้าโรงพยาบาล!" ผู้เป็นพ่อรีบยืนยันเพราะลูกชายมันทำหน้าไม่เชื่อ



"!?" ร่างโปร่งมึนงงกับคำบอกเล่าของนพกรที่ดูเหมือนจะไม่ได้โกหก เหมือนกับใครมาทุบสมองของเขาอย่างแรง



สองวันก่อน...? นั่นมันวันที่เขานอนซมไม่สบายพอดีเลย



อะไรกัน...นี่มันเรื่องอะไรกัน?



"เพื่อนของมึงก็พาไปส่ง แล้วกูก็เพิ่งได้ข่าวเหมือนกันว่าเพิ่งจะตายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง!"



คำพูดตอกย้ำเหมือนค้อนทุบรอบที่สองซ้ำยังหนักหน่วงกว่าเดิมจนแทบจะตั้งสติกลับมาไม่ได้



ตาย? นี่แม่ตายแล้วจริงๆ เหรอ? ...แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย



ก่อนที่สมองจะจับใจความคำว่าเพื่อนที่นพกรพูดได้ "เพื่อนของผม...ใคร...เป็นใคร!?" มือเรียวกระชากเสื้อชายฉกรรจ์แต่ถูกปัดออกอย่างแรง



"ก็ไอ้หน้าหล่อๆ กูไม่รู้ว่ามันชื่อว่าอะไร มันไม่ได้บอกชื่อ...เฮ้ย จะไปไหนวะ ไอ้ราม! เอาเงินมาให้กูยืมก่อนดิโว้ย!"



พระรามคว้ากระเป๋าส่วนตัวกับโทรศัพท์มือถือแล้วถลันตัวออกจากบ้านทันทีที่นพกรยังพูดไม่ทันจบ ร่างโปร่งเมินเสียงตะโกนที่ตามมา ได้แต่วิ่งสุดแรงและยกมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบหน้า



ระหว่างที่นั่งบนแท็กซี่กำลังเดินทางไปโรงพยาบาล เขาก็กดดูประวัติการโทร มีคนโทรเข้ามาจริงๆ และเขาก็ไม่ได้รับเลยห้าสิบกว่าสาย



ทั้งหมดคือสายของไอติม



'พี่เห็นว่าใครโทรมาไม่รู้ตั้งแต่วันแรกแล้ว คิดว่าน่าจะมีเรื่องด่วน...'



หนำซ้ำในกล่องข้อความยังมีข้อความที่ไม่ได้อ่านอีกมากมาย รวมถึงแชทด้วย เพราะว่าก่อนหน้านี้พระรามมัวแต่พะวงเรื่องของภาวดีมากก็เลยไม่ได้เปิดดูให้ครบเสียก่อน มันคือข้อความที่ไอติมส่งมา และเนื้อความที่ได้อ่านมันก็ทำให้ร่างโปร่งแทบจะร้องไห้ออกมาดังๆ



'แม่ของรามอาการทรุดหนัก อยู่ที่โรงพยาบาล...'



'ราม ทำไมโทรไปไม่รับ'



'ตอนนี้อยู่ที่ไหน'



'ราม...แม่เสียแล้วนะ'



"อึก...แม่ครับ..." แผ่นหลังผอมบางคู้ตัวลง กุมศีรษะร้องไห้สั่นเครือ



เขาไม่เคยรู้สึกผิดจนแทบอยากตายแบบนี้มาก่อน



 

********************* Love Substitute *********************





ตึกๆๆๆ



"อย่าวิ่งในโรงพยาบาลนะคะ!"



คำติที่ตะโกนตามหลังมาไม่ได้ทำให้ร่างโปร่งหยุดชะงัก ตอนนี้ใจของเขาจดจ่ออยู่แค่สิ่งๆ เดียว



"ขอโทษนะครับ คุณแม่...คุณภาวดี เทพเทวพรหม ตอนนี้อยู่ที่ห้องไหนครับ!"



พระรามหยุดอยู่หน้าหน้าเคาท์เตอร์และตะโกนถามเจือเสียงหอบจนหลายคนหันมามอง ไม่เพียงเท่านั้นยังโดนมองตำหนิจากคนที่มาใช้บริการก่อนหน้าซึ่งก็แน่ล่ะทุกคนมีเรื่องเดือดร้อนกันทั้งนั้นแต่อยู่ๆ ผู้ชายคนนี้ดันมาแซงเฉย...ใครจะไปยอม   



"...รอสักครู่นะคะ" พยาบาลหน้าเคาท์เตอร์ยังบอกอย่างใจเย็นให้พระรามรอคิว ทำให้กำปั้นเล็กกำแน่นจนสั่น รอจนเกือบหมดความอดทน ในที่สุดผู้หญิงคนเดิมหันมาถามด้วยรอยยิ้มทำให้เขาใจเย็นลงเล็กน้อย



"ชื่ออะไรนะคะ"



"ภาวดีครับ นามสกุลเท...อ๊ะ!!" พระรามตกใจเนื่องจากถูกกระชากแขนอย่างแรง โดยร่างสูงที่เขาไม่ได้เจอกันตั้งแต่วันนั้น ไม่รู้ทำไมจู่ๆ น้ำตามันถึงรื้นและไหลออกมา สะอึกสะอื้นราวกับเด็ก



"ติม" พระรามโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างคนต้องการที่พึ่งและพักพิง



...ต่อจากนี้เขาจะไม่เหลือใครอีกแล้ว...



เพียงครู่เดียวก็ถูกดันไหล่ออก “ไม่ต้องแล้วครับ ผมมากับเขา” เสียงทุ้มว่ากับพยาบาลคนนั้นที่หน้าแดงดวงตาเหม่อลอยกับใบหน้าหล่อเหลาไปเรียบร้อยแล้วไม่รู้ได้ฟังหรือเปล่า



ดวงตาเย็นชาตวัดมองมาทำให้ใจดวงน้อยหล่นวูบ มือใหญ่จับข้อมือผอมและลากร่างเบาหวิวให้ตามไป ซึ่งขาเรียวก็เดินตามด้วยก้าวที่ต่างกัน



ทั้งๆ ที่เจอหน้ากันทั้งที แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีคำพูดใดๆ เลย



"ติม แม่พี่..." เสียงทุ้มใสเอ่ยขึ้น แต่กลับถูกตวัดสายตากลับมาอีกครั้งราวกับจะบอกว่าให้เงียบซะ...ไม่มีแม้แต่คำปลอบโยน...มีเพียงดวงตาเย็นเยียบระคนตำหนิติเตียนทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกอีก



"..."



ดวงตาเรียวมองแผ่นหลังกว้างที่แสนพร่ามัวด้วยน้ำตาของคนเดินนำ ก่อนจะหลุบลงฉายความน้อยอกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก ฟันขาวขบกัดริมฝีปากล่างแน่นจนเลือดซึม ทั้งๆ ที่มีเรื่องให้ต้องกังวลเรื่องหนึ่งอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนจะมีอีกเรื่องเพิ่มขึ้นมา



ติมเป็นอะไร...โมโหอะไรเขาอีกแล้ว



ยังโกรธเรื่องวันนั้นอยู่อีกเหรอ



ขาสองคู่หยุดลงหน้าห้องๆ หนึ่ง มือใหญ่ละออกจากข้อมือ พระรามจึงเดินเข้าห้องนั้นช้าๆ เพียงแค่ก้าวผ่านกรอบประตูขาเรียวกลับชะงักหยุดยืนนิ่ง ลมหายใจของเขาหอบสั่นพอๆ กับร่างกายที่สั่นระริก



หวาดกลัวสิ่งที่จะต้องเจอ...หวาดกลัวความจริงที่ต้องเผชิญ



แม้จะทำใจนานแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องก้าวเข้าไปเพื่อยอมรับความจริงอยู่วันยังค่ำ



ภาพเตียงผู้ป่วยมีร่างๆ หนึ่งที่ถูกคลุมผ้าสีขาวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเอาไว้ ทำให้ขาเรียวเดินเข้าไปใกล้อีก...ใกล้อีก และค่อยๆ เปิดผ้าคลุมออกมา น้ำตามากมายร่วงไหลอาบใบหน้า ร้องไห้จนมองภาพข้างหน้าไม่เห็น



ใบหน้าซีดเซียวที่หลับตาพริ้มของภาวดี...นิ่งสงบราวกับแค่นอนหลับไปเฉยๆ



ในระหว่างที่เขากำลังทำงาน กำลังไม่สบาย ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกันนะ



ทำไมถึงต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับแม่ด้วย...?



"มะ แม่...ฮึก แม่ครับ" มือเรียวค่อยๆ ช้อนมือเล็กเย็นเฉียบขึ้นมา ทั้งกุมทั้งบีบแน่นไม่กลัวว่าเธอจะเจ็บ ดีซะอีก ถ้าหากว่าภาวดีเจ็บจนร้องออกมาได้ยิ่งดี...อย่านิ่งไปแบบนี้ ได้โปรดเถอะ ส่งเสียงออกมาบ้าง



ถ้าหากว่า...นี่เป็นความฝัน...



'ราม วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ยลูก พักสักหน่อยนะ'



ทั้งๆ ที่สัญญาว่าไม่ว่ายังไง ไม่ว่าเขาจะเหนื่อยแค่ไหนก็จะไม่ยอมแพ้ เพื่อที่จะทำให้มารดามีชีวิตอยู่ต่อไปแท้ๆ เพราะว่าภาวดีก็คอยดูแลเขามาตั้งแต่เด็กไม่ต่างกัน



เธอต่อสู้อยู่เพียงลำพังด้วยร่างกายเล็กๆ บอบบาง...ทำเพื่อเด็กชายพระรามคนนี้



แต่ว่าการกระทำของเขา...การทุ่มเททำงานอย่างหนักของเขาที่ทำเพื่อแม่มันไร้ค่าสิ้นดี



หยาดเหงื่อและแรงกายของเขาที่ทำไปทั้งหมด...มันไม่สำคัญอีกแล้ว



เพราะแม่ไม่อยู่อีกแล้ว



"แม่..."



ทำไมถึงจากไป ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้บอกลากัน



ในวาระสุดท้ายของภาวดี เขาที่เป็นลูกชายก็ยังไม่ได้อยู่เคียงข้าง



เธออาจจะเจ็บปวดมากและอาจจะต้องการกำลังใจจากเขาแท้ๆ ...แต่สุดท้ายพระรามกลับไม่โผล่หน้ามาเลย



ลูกชายประสาอะไร...ห่วยแตก...เฮงซวยที่สุด



"ฮึก!"



'แม่ภูมิใจในตัวรามนะ'



"ผมขอโทษครับ"



'แม่รักราม'



"รามขอโทษ..."



ถ้าหากไม่มีแม่อยู่แล้ว...



เขาจะมีชีวิตต่อไปเพื่ออะไรอีกล่ะ?



"ราม..." เสียงทุ้มเรียกชื่อบวกแรงเขย่าที่ไหล่ ทำให้ร่างโปร่งเริ่มรู้สึกตัว "ราม"



"...ติม?" เสียงทุ้มใสแหบโหย ร่างโปร่งค่อยๆ ลุกขึ้นแต่ไม่ค่อยมีแรง หัวสมองเขามึนเบลอจนต้องสะบัดแรงๆ ทั้งแสบตาและปวดหัวหนึบ ความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่มันหายไปเพราะนอนพักไปสองวัน...อาจเป็นเพราะจิตใจที่ส่งผลทำให้ร่างกายแย่ลง



ดวงตาเรียวกระพริบเชื่องช้า...นี่เขาอยู่ที่ไหน?



จำได้ว่าเมื่อกี้เขาอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย...หรือว่ามันคือความฝัน



"นี่ห้องผม" ได้ยินไอติมว่าดังนั้น พระรามก็มองไปรอบๆ อา...จริงด้วย ถึงเขาจะเคยมาเพียงครั้งเดียวแต่ก็จำได้ดี



แล้วทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้



ร่างสูงลุกขึ้นมองต่ำมาที่คนอายุมากกว่าที่ยังดูมึนงง "เรื่องของแม่รามเดี๋ยวผมให้คนมาจัดการทำเรื่องให้ทั้งหมด"



"ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก แต่พี่ทำเองได้" พระรามหันขวับรีบบอก เรื่องของแม่ตน เขาอยากจัดการเองไม่จำเป็นต้องให้ใครมายุ่ง



"อย่าทำเป็นเก่งไปหน่อยเลย!!" ใบหน้าหล่อเหลาขึงขังตะโกนดังทำให้พระรามสะดุ้งเฮือก



"ตะ ติม?" ดวงตาเรียวสั่นไหวเมื่อสบตาคมกร้าว



"ใครกันบอกว่าจะดูแลแม่ แล้วทำไมตอนที่เธออาการทรุดหนักถึงไม่มาเยี่ยมเลยสักครั้ง!"



เสียงทุ้มใสพูดสั่นเครือ "น่ะ นั่นเพราะพี่ไม่..."



"ไม่ต้องมาพูดแก้ตัวอะไรทั้งนั้น"



ฟันขาวขบกัดปากซ้ำแผลที่เดิมจนเจ็บ น้ำตารื้นขึ้นอีกครั้ง แม้จะร้องจนแสบตาแต่พอได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้เขาทนไม่ไหว



"แม้แต่ตอนที่เธอกำลังจะตาย นายก็ยังไม่มา แล้วจะมาร้องไห้สำนึกผิดตอนนี้มันก็สายไปแล้ว!!!"



น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะ กับใบหน้าคมเกรี้ยวกราดกับคำพูดแทงใจดำ



เขารู้ รู้อยู่แล้ว...ว่าสิ่งที่คนตรงหน้าพูดมันเป็นเรื่องจริง แต่จะให้เขาทำยังไงในเมื่อตอนนั้นเขาก็ไม่สบาย ไยอีกฝ่ายไม่คิดจะฟังกัน



กับคนที่อยากให้ปลอบใจ กลับด่าทออย่างไม่ไว้หน้า



ทั้งๆ ที่ตอนนี้เขากำลังเสียใจ แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงมาตอกย้ำกันแบบนี้



มันทำให้เขารู้สึกเจ็บ...เจียนตาย



"แค่ตัวเองยังดูแลไม่ได้ นายก็ไม่ต้องมาพูดว่าจะดูแลแม่!"



ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับร่างสูงอย่างโมโห ได้ยินอีกฝ่ายดูถูกเขาแบบนี้แล้วมันทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป



"นายไม่มีสิทธิ์มาพูดกับพี่แบบนี้นะ!" มือเรียวยกผลักไหล่แกร่งอย่างแรงแต่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังเรียกความโมโหจากดวงตาคมให้ปะทุ มือใหญ่ยกขึ้นบีบข้อมือผอมทั้งสองข้างอย่างแรงจนช้ำ "โอ๊ย!"



"ทำไมกูจะไม่มีสิทธิ์พูด" ใบหน้าหล่อเหลากัดฟันอย่างอดทน "ก็เพราะว่านั่นคือแม่ของกู"



"หะ...? วะ ว่าอะไรนะ?"



"ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นภาวดี เธอเคยชื่อเนตรนภา"



"เนตร...นภา?"



ดวงตาของพระรามสับสน ไอติมกำลังพูดเรื่องอะไร เขาไม่เข้าใจ



‘จริงๆ แล้วแม่ของพี่ไม่ใช่แม่แท้ๆ หรอก...แม่มาจากไหนพี่ก็ไม่รู้’



"เธอเป็นแม่ของกู แต่เธอทิ้งครอบครัวกูมาก็เพราะคนอย่างมึงไง" ดวงตาเรียวเบิกกว้างกับความจริงที่ออกจากปากของร่างสูง



‘แต่ว่าแม่รักพ่อ...แล้วก็เป็นห่วงพี่มาก ถึงขนาดทิ้งครอบครัวเก่าเธอมาเลยนะ’



ร่างโปร่งถูกผลักให้หงายลงบนเตียงกว้างอีกครั้ง ไม่ทันได้ตั้งสติถอยหนี ร่างสูงใหญ่ก็โถมตัวเข้ามากดทั้งแขนทั้งขาของคนตัวเล็กกว่าแทบจมลงเตียง "แล้วตอนนี้มึงก็เป็นคนทำให้แม่ของกูตาย ไอ้พระราม!"



เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยประโยคที่เสียดหูคนฟังให้ใบหน้ามนส่ายหน้า



"ติม ติมพูดเรื่องอะไร พี่ไม่ได้ทำ..."



"มึงทำ"



"...ไม่..." น้ำตาใสไหลจากหางตาหยดลงซึมที่นอน



"มึงทำ! มึงทำให้แม่ป่วย ร่างกายอ่อนแอรักษาไม่ได้ แล้วยังปล่อยให้เธอตาย!!"



"ฮือ..." เสียงทุ้มตะคอกอย่างแรง อารมณ์เกรี้ยวกราดกับกำปั้นหนักๆ ชกลงบนเตียงข้างศีรษะเล็กยิ่งทำให้สะดุ้งตัวสั่น ร้องไห้หนักไปใหญ่



ตอนนี้ไอติมไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว



"คนเฮงซวยอย่างมึง ทำไมแม่ถึงต้องฝากให้กูดูแลด้วยวะ! ทำไม!?"



"ติม ฮึก..." ภาพข้างหน้าพร่ามัว ร่างโปร่งสะอื้นแรงขดตัวกอดตัวเองสั่นระริกอยู่ใต้ร่างกำยำ อยากจะหนีไปให้ไกล...แต่เขาไม่อาจหนีไปได้เลย



...กลัว...



ตอนนี้เขาชัดเจนแล้วว่าดวงตามืดมิดเย็นชานั่นมันคือความแค้นที่มีต่อเขาเอง



'ติม แม่ไปไหนเหรอ'



'อย่าพูดเรื่องของแม่อีก!'



'ครับ พี่ขอโทษ'



การลงโทษเมื่อตอนนั้นที่เขาเผลอพูดเรื่องของแม่ เขารู้แล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงโมโหเขารุนแรงแบบนั้น



‘จริงๆ แล้วถ้าเธออยู่กับครอบครัวเก่าของเธอคงจะมีชีวิตดีกว่านี้มาก’



ลูกชายแท้ๆ ของแม่คือไอติม



พระรามนิ่วหน้ารู้สึกเจ็บปวดใจ



ทำไม...ทำไมถึงต้องเป็นติมด้วย ทำไมชะตาชีวิตของเขาถึงต้องถูกกำหนดมาแบบนี้



ความรักของเขาพังทลายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ



"พี่ขอโทษ" ครั้นจะเอื้อมมือแตะแขนแกร่งก็ถูกสะบัดออกราวกับรังเกียจเดียดฉันท์



"ไม่ต้องมาร้องไห้ ทุเรศ"



คำด่าทอที่แสนร้ายกาจทำให้พระรามต้องกลั้นสะอื้น แต่มันทนไม่ไหว มันรุนแรงเกินไป ความรู้สึกเหมือนรังเกียจกันของไอติมมันทำให้เขาเจ็บ "อึก ฮึก!"



ไม่อาจห้ามทำนบน้ำตาที่ไหลพราก



"แล้วที่นายมายุ่งกับพี่...ตั้งแต่แรก..." ดวงตาเรียวสั่นไหว



ที่มาทำเหมือนสนใจ



‘จุดอ่อนคือที่หูสินะ หึหึ โคตรน่ารัก’



ที่มาทำให้เขาหลงรัก



‘รามเป็นคนดีนะ’



ทั้งหมดเขาเข้าใจผิดไปเอง...ใช่มั้ย



"หึ เพิ่งจะรู้ตัวเหรอ" ใบหน้าหล่อเหลาแสยะยิ้มร้ายกาจ "ก็แค่อยากจะให้มึงรู้ถึงความรู้สึกของการโดนแย่งความรักไปไง"



ที่โทรมาถามด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นห่วงกัน...นั่นก็เป็นสิ่งที่ไอติมฝืนความรู้สึกของตัวเอง...ทั้งๆ ที่เกลียดเขาเข้าไส้


 

ทั้งหมดก็เพื่อทำให้เขาตายใจ



"...ไม่จริง..."



"เพราะมึงแย่งความรักของแม่ไปจากกู"



มือเรียวสองข้างยกขึ้นปิดหู เพราะไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว แต่กลับถูกกระชากออกอย่างแรงจนเจ็บ กรอกคำพูดที่เชือดเฉือนความรู้สึกของเขาให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย "กูก็จะทำให้มึงเจ็บปวดทรมานด้วยความรู้สึกเดียวกัน...อย่างสาสม"



ใบหน้ามนนิ่วหน้าเจ็บปวดมองอีกฝ่ายอย่างตัดพ้อ น้ำตาไหลลงสู่ผ้าปูจนเปียกชื้น ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะสะใจราวกับจอมมาร



"เป็นไง...ที่ผ่านมาฝันดีมากมั้ยครับ พี่ราม"



พระรามขดตัวนอนร้องไห้อยู่แบบนั้น สะเทือนใจ เจ็บปวดกับคำพูดของคนที่เคยไว้ใจ เชื่อใจ แต่ตอนนี้กลับมาทำร้ายกันอย่างไม่แยแสความรู้สึก



‘รู้มั้ย...พี่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้กับใครเลยแม้แต่พวกไอ้ดินกับไอ้สิน ไม่รู้ทำไมพี่ถึงอยากเล่าให้นายฟัง’



ตอนนั้นที่ไอติมนิ่งฟังไม่พูดอะไรแบบนั้นก็เป็นเพราะรู้อยู่แล้วสินะ



ไม่ต้องถามหาแล้วว่าทำไมไอติมถึงไปโผล่ที่บ้านของเขาและพาแม่มาโรงพยาบาลได้ในสถานการณ์ที่พอดิบพอดีเสียขนาดนั้น...ไม่ต้องหาคำตอบแล้ว



เพราะคำตอบมันเฉลยออกมาหมดแล้ว





********************* Love Substitute *********************




อีบุ๊คมาต้นเดือนนน พยายามจะเร่งให้สุดฤทธิ์สุดๆ แว้ว

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep9 15/03/2019
«ตอบ #19 เมื่อ15-03-2019 21:53:16 »

 :3123:
:pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep9 15/03/2019
« ตอบ #19 เมื่อ: 15-03-2019 21:53:16 »





ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep9 15/03/2019
«ตอบ #20 เมื่อ16-03-2019 08:19:28 »

 o13 :really2:

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep10 22/03/2019
«ตอบ #21 เมื่อ22-03-2019 19:43:26 »





ทดแทนรัก

ตอนที่ 10



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



"เลิกร้องได้แล้ว รำคาญ" ไอติมกอดอกถอนหายใจดังๆ อย่างเอือมระอาแกมรำคาญอย่างที่ปากพูด "ไม่ได้น่ารักเหมือนพี่ชะเอมก็อย่าร้อง มันน่าเกลียด"



ดวงตาคู่คมปรายมองต่ำเย็นชา จะให้เขามานั่งปลอบใจเหรอ ฝันดีเกินไปมั้ง



พระรามฟังแล้วกัดปากก่อนจะขยี้ตาแรงๆ ร่างโปร่งค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างอ่อนเพลีย ทั้งปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่ก็ต้องแสดงท่าทางเป็นปกติ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายสมเพชมากกว่านี้



พระรามลงจากเตียงนุ่ม ค่อยๆ เดินเชื่องช้าผ่านอุริที่ยืนร้องเมี้ยวๆ ไปที่หน้าประตู ทุกการกระทำถูกจับจ้องโดยสายตาคมกริบ เสียงทุ้มดังขึ้นถามทันทีที่ขาเรียวกำลังจะใส่รองเท้าผ้าใบเน่าเปื่อยของตน



"จะไปไหน"



"พะ พี่...พี่จะกลับบ้าน" พระรามตอบเสียงสั่น หลุบตาลงไม่กล้าสบ ถอยหลังสองก้าวเพราะว่าจู่ๆ ร่างสูงก็เดินเข้ามาใกล้กว่าที่คิด เพื่อให้รู้สึกระยะห่างมากขึ้นเพื่อความปลอดภัยจนแผ่นหลังบางเกือบติดประตู



"แม่บอกว่าให้กูดูแลมึง"



"มะ ไม่เป็นไร...พี่ดูแลตัวเองได้...!" เสียงทุ้มใสกำลังจะปฏิเสธแต่โดนมือใหญ่ตะครุบต้นแขนผอมแล้วบีบเค้นอย่างแรงจนพระรามนิ่วหน้า "โอ๊ย...เจ็บ"



“ขนาดวาระสุดท้ายแบบนั้นเธอยังนึกถึงมึง กูล่ะสงสัยจริงๆ ว่ามึงมีอะไรดีนักหนา” เสียงทุ้มเค้นเสียงเล็ดรอดไรฟันอย่างเคียดแค้น "แล้วก็อย่ามาทำปากเก่ง มันยิ่งทำให้กูหงุดหงิด”



พระรามเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าน้ำตาเล็ด



“เรื่องที่แม่ขอ กูก็ไม่ได้อยากจะทำนักหรอก แต่จากนี้ไปมึงต้องมานอนกับกูที่นี่"



คนฟังตาโต “ละ แล้วพ่อล่ะ ถ้าพี่ออกมาแล้วพ่อก็ต้องอยู่คนเดียว...”



“พ่อเลวๆ ของมึงน่ะนะ” ร่างสูงเลิกคิ้วย้อนถามเสียงสูง ก่อนจะหัวเราะเหยียด “ไม่เห็นจะมีอะไรต้องห่วงเลยไม่ใช่เหรอ ยังไงพ่อก็ไม่เคยรักมึง...แล้วมึงก็ไม่ได้รักพ่อของมึงด้วย...หรือว่ากูพูดผิด”



ความจริงที่เอ่ยออกมามันแสนทิ่มแทง เขาเงียบไปก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง "แล้วบ้านล่ะ"



"บ้านหลังนั้นก็ทิ้งมันไปซะ มันไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว"



"แต่มันสำคัญสำหรับพี่นะ" พระรามเถียง บ้านที่อยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็กๆ เขาเติบโตมาพร้อมๆ กับมัน แก่ไปพร้อมๆ กับมัน...แล้วก็จะตายที่บ้านหลังนั้น เหมือนกับที่แม่เป็น



แล้วไอติมจะมาบอกง่ายๆ ว่าให้เขาทิ้งมันไป



"นั่นมันเรื่องของมึง แต่มันไม่ได้สำคัญกับกู"



พระรามน้ำตารื้นกับคำพูดโหดร้าย ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนี้ออกมาได้



"เข้าใจที่พูดมั้ย"



"แต่...แต่ติม...เกลียดพี่" ร่างโปร่งเม้มปากแน่น พูดเสียงเบา พลางแงะมือเหนียวหนึบที่บีบแขนเขาแน่นอย่างกับคีมเหล็ก อีกฝ่ายบอกว่าจะดูแลเขา รามไม่เข้าใจเอาเสียเลย ทำไมไอติมถึงต้องทำอะไรแบบนั้น...แม่ภาวดีก็ไม่อยู่แล้ว ถ้าเกลียดเขามากก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำตามเลยนี่



เขาจะเป็นตายร้ายดียังไง ไอติมก็คงไม่แคร์กันอยู่แล้ว



"เกลียดน่ะมันแน่ แล้วก็โคตรเกลียดเลยด้วย" ไม่ใช่แค่คำพูดแต่แววตาของอีกฝ่ายก็สื่อออกมาแบบนั้นจริงๆ "แต่ที่กูรับปากแม่แบบนั้น เพราะว่าเวลากูอยาก มึงต้องมาเป็นที่ระบายให้กู...ปรนเปรอกู"



"..."



"มึงก็ชอบไม่ใช่เหรอ ลีลาของกูน่ะ"



ใบหน้าขาวพลันแดงเรื่อเมื่อรู้ว่าความหมายของอีกฝ่ายคืออะไร และขมวดคิ้วมุ่นในวินาทีต่อมา "ทำไม..."



"เรื่องรักกับเซ็กส์มันคนละเรื่อง กูเคยบอกแล้ว" ร่างสูงพูดขัดออกมาก่อน ราวกับจะรู้ว่าร่างโปร่งคิดจะพูดอะไร "กูไม่เคยพิศวาสมึงอย่าเข้าใจผิด"



ฟันขาวสวยขบกัดริมฝีปากย้ำๆ ข่มความเจ็บที่เกิดขึ้นในใจ



"แต่ว่าพี่ต้องทำงาน" ถึงแม่จะไม่อยู่แล้ว แต่เขาก็ยังคงต้องทำไปเรื่อยๆ ...ก็เผื่อว่าจะได้เอามาจ่ายค่าเทอมถ้าเขาหลุดทุน



"จะทำก็ทำ แต่มึงต้องมานอนที่นี่ กลับไปแล้วขนเสื้อผ้าทั้งหมดมาวันนี้เลย เข้าใจมั้ย"



"..."



ไอติมหงุดหงิดกับคนที่ยืนเม้มปากนิ่งทำเหมือนเขาพูดอยู่คนเดียว "กูพูดด้วยก็ตอบสิวะ!"



"คะ ครับ..." พระรามสะดุ้งพูดเสียงสั่นละล่ำละลักหวาดกลัว พลันมือใหญ่คลายออก ขาเรียวก็รีบวิ่งออกมาจากคอนโดนั้นอย่างรวดเร็ว





พระรามกลับมาถึงบ้านอีกครั้ง



บ้านหลังเล็กสีขาวที่มีกลิ่นอายเก่าๆ โชยออกมา และเขาสดชื่นทุกครั้งที่ได้กลับมาที่นี่



'รามกลับมาแล้วเหรอลูก'



เสียงใสแหบแห้งของหญิงวัยทองหน้าตาสะสวยเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เขากลับมาจากทำงาน ความเหน็ดเหนื่อยหรือความเครียดที่สะสมมาก็ดูเหมือนจะหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้โอบกอดร่างเล็กๆ ได้สูดดมกลิ่นสะอาดหอมๆ ของภาวดี



รอยยิ้มสดใสของเธอ...เขาชอบมองมัน



ดวงตาเรียวน้ำตารื้นเอ่อ ก่อนที่ร่างโปร่งจะปาดมันออกอย่างรวดเร็ว ขาเรียวเร่งเดินเข้าห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่โทรมๆ ออกมา ก่อนจะหยิบเสื้อที่แขวนเอาไว้กับกางเกงที่มีน้อยนิดออกมากอง และค่อยๆ พับเสื้อผ้าของเขาทีละชิ้น



'ตายจริง พระรามใครเขาพับแบบนั้นกันลูก ดูสิ ขยุกขยุยหน้าตาดูไม่ได้เลย'



'โธ่ แม่ครับ ผมพับดีแล้วนะ'



'ดีที่ไหนกัน เวลาหยิบออกมาใส่แล้วมันยับย่นใครจะอยากมองลูกชายสุดหล่อของแม่กันล่ะ'



"ฟืด...ฮ่า..." เขามองเห็นไม่ค่อยชัดเลย ภาพตรงหน้ามันพร่ามัว



อย่าร้องไห้สิ...เราต้องเข้มแข็ง เข้มแข็งเข้าไว้



'ถ้าต่อไปแม่ไม่อยู่ ลูกก็ต้องอยู่คนเดียวแล้วนะ หัดทำเอาไว้ให้ชินซะสิ...'



'แม่ก็...อย่าพูดเป็นลางแบบนั้นสิ...ผมอยากให้แม่อยู่กับผมตลอดไปเลยนะ'



'ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอกลูก ซักวันรามก็จะเจอคนที่อยากอยู่ด้วยแทนแม่เองนั่นแหละ'



"อือ..."



แปะ...แปะ



มันไม่ไหว...ไม่ไหวจริงๆ ถ้าอยู่บ้านหลังนี้ต่อไป เขาอาจจะคิดถึงแม่จนตรอมใจตายก็ได้



แกร๊ก!



พระรามสะดุ้งเฮือกปาดน้ำตาอย่างรวดเร็วเพราะได้ยินเสียงบางอย่างเหมือนคนเปิดประตูบ้านเข้ามา ขาเรียวหยัดตัวลุกขึ้นไม่ทันไร คนๆ นั้นก็เดินมาปรากฏตัวอยู่บานประตูห้องนอน



"ไอ้ราม กูนึกว่ามึงจะกลับมาแล้วซะอีก"



เป็นชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ ร่างกายกำยำผิวคล้ำดำจากแดดและสิ่งสกปรก ใบหน้ากร้านไว้หนวดรุงรังเหมือนไม่เคยโกนแม้แต่ครั้งเดียว



"พ่อ...มาทำอะไร"



"ขอยืมเงินหน่อย" ร่างโปร่งถอนหายใจทันทีที่นพกรพูดจบ ถึงจะคาดไว้อยู่แล้ว แต่ก็อดผิดหวังไม่ได้



เขานึกว่ากลับมาบ้านครั้งนี้พ่ออาจจะอยากไถ่ถามเรื่องของภาวดี หรือไม่ก็เอ่ยถามเขาที่เป็นลูกชายว่าจิตใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง



แต่ชายคนนี้ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรใดๆ ต่อใครเลย...มีสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวสมองของนพกรคือเรื่องเงิน



ขนาดแม่ตายไปแล้ว พ่อยังไม่เคยคิดแม้แต่จะสนใจเลยด้วยซ้ำ



"ผมไม่มีให้พ่อแล้ว" พระรามปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนหน้านี้ที่เขายอมให้ก็เพราะว่าแม่ขอร้องทั้งน้ำตา แต่คราวนี้ไม่มีอะไรที่นพกรจะเอามาขู่พระรามได้ "พ่อเอาแต่เล่นพนัน ติดหนี้ไปทั่ว"



"ไม่เอาน่า ขอยืมเงินหน่อย นะๆ ไอ้ลูกชาย อย่าใจร้ายกับพ่อนักเลย" ชายฉกรรจ์เดินเข้าใกล้จับไหล่ผอมของพระรามพูดไกล่เกลี่ยเสียงหวาน แต่ทันทีที่สัมผัส พระรามก็สะบัดออก ตะโกนลั่น



"บอกว่าไม่ไง!!" พระรามหอบหายใจอย่างแรง รู้สึกภาพวูบไหวแต่ทรงตัวทัน



"นี่มึงจะปล่อยให้กูตายเหรอ!" นพกรตาเหลือกร้อนรน "ถ้ากูไม่มีเงินไปใช้หนี้เสี่ย เขาจะมาเก็บกูนะโว้ย!!"



พระรามฟังแล้วอ้าปากค้างไม่อยากจะเชื่อ "นี่พ่อ...ไปติดหนี้มาอีกแล้วเหรอ!?"



"เออสิวะ ก็มึงให้เงินกูน้อย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเล่น!"



"แล้วเมื่อไหร่พ่อจะเลิกเล่นสักที!" ร่างโปร่งตะคอกหน้าแดงที่คนเป็นพ่อไม่เคยคิดจะกล่าวโทษตัวเองเลยสักครั้ง เอาแต่โทษคนอื่น แล้วพอเดือดร้อนก็กลับมาให้เขาช่วย



"ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว กูขอร้องล่ะราม ช่วยพ่อหน่อยเถอะนะ...นะ!" ใบหน้ามนเบือนหนี ทั้งไม่รังเกียจที่จะฟังคำขอ ทั้งกลิ่นบุหรี่ที่โชยออกมาจากตัวนพกร "มึงคงไม่อยากเห็นพ่อตายอีกคนใช่มั้ยราม"



แต่สุดท้ายคำว่า 'พ่อ' ที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา ก็ทำให้เขาใจอ่อนง่ายดาย



นพกรเป็นพ่อ...เป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา



"แล้วพ่อติดหนี้เสี่ยอยู่เท่าไหร่" เสียงทุ้มใสเอ่ยแผ่วเบาและคำตอบที่ได้รับมันก็ทำให้เขาล้มทั้งยืน





********************* Love Substitute *********************

"ราม โต๊ะสิบ"



"น้องครับสั่งออเดอร์หน่อย"



"ล้างจานด้วย จานล้นกะละมังแล้ว!!"



กว่าความวุ่นวายในวันๆ หนึ่งของพระรามจะผ่านไป มันก็ต้องกัดฟันอดทนกับความยากลำบากที่เผชิญและในที่สุดงานนี้ของเขาก็ใกล้จะหมดเวลาและปิดร้านเสียที



"พี่ครับ ผมช่วยเก็บร้าน แต่ว่าขอค่าแรงเพิ่มได้มั้ย" ร่างโปร่งคนหนึ่งเดินไปบอกเจ้าของร้าน หลายคนที่ทำงานเพิ่งเก็บกระเป๋ากำลังแยกย้ายกลับบ้านเพราะโดนใช้งานหนักหน่วงหันมามองเด็กทำงานคนใหม่ที่ใจกล้าขอเงินเพิ่มหน้าด้านๆ กับเจ้าของร้านตัวใหญ่หน้าโหดเหี้ยม



"ฮะ!? ไอ้เวร ยังไม่เคยมีใครขอกูแบบนี้เลย ไปๆ เดี๋ยวเก็บเองเว้ย" เสียงที่พูดว่าโหดแล้ว พอโบกมือไล่ราวกับจะตบศีรษะ คนที่เหลือที่ยืนมองอยู่ยังวิ่งเตลิดหนีแทบไม่ทัน แต่คนโดนไล่กลับยังยืนที่เดิม...ดื้อดึง



"ถ้างั้นผมช่วยเก็บครัวด้วย ล้างทุกอย่างให้ เก็บให้เรียบร้อยเลย"



"...ไอ้นี่" ชายร่างใหญ่เจ้าของร้านขนมน่ารักกุ๊กกิ๊กไม่เข้ากับหน้ากำลังกำหมัดแน่นตัวสั่นระริกเส้นเลือดปูดโปนขึ้นตามขมับ เพราะถูกร่างโปร่งตื๊อ แถมไล่ก็ไม่ไป ไอ้นี่มันไม่กลัวเขาเลยหรือไงฟะ "ได้ ถ้าไม่เรียบร้อยมึงไม่ต้องเอา"



พระรามยิ้มกว้าง "ขอบคุณที่ใช้บริการครับ"



ปึง...



ร่างโปร่งเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว มือเรียวสั่นน้อยๆ ปาดเหงื่อที่ไหลย้อยเต็มหน้า "แฮ่ก..." กว่าจะเก็บห้องครัวจนหมดนี่ก็เหนื่อยใช่ย่อย แต่ดีที่เจ้าของร้านชอบใจเลยให้ทิปมาเยอะแล้วยังขอให้ครั้งหน้าและครั้งต่อๆ ไปทำแบบนี้ทุกครั้ง...ดีจริงๆ



พระรามควักมือถือขึ้นมาดูพลางสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเสื้อผ้าหนักอยู่พอสมควรขึ้นไหล่



ต้องไปทำงานที่ต่อไปแล้ว



ครืด ครืด



ร่างโปร่งที่กำลังมองตัวเลขบอกเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์สะดุ้งเมื่อจู่ๆ ก็มีคนโทรเข้า



...ไอติม...



'เกลียดน่ะมันแน่ แต่เวลากูอยาก มึงต้องมาเป็นที่ระบายให้กู...ปรนเปรอกู’



พระรามเม้มปากมุ่นคิ้วทำใจ พอนิ้วกำลังจะกดปุ่มรับ มันก็ดับไปซะก่อน ร่างโปร่งไม่รู้ตัวว่าตนแอบถอนหายใจโล่งอก แต่พอกำลังจะเก็บใส่กระเป๋ากางเกงมันก็ดังขึ้นมาอีก



...ไอติม...



("รับชักช้านักวะ นี่มัวทำอะไรอยู่ กูบอกให้ขนเสื้อผ้ามา แต่จนป่านนี้แล้วยังไม่โผล่หัวมาอีก!")



"ติม" เขาขมวดคิ้วกับเสียงทุ้มที่คาดคั้นรัว ครั้นจะบอกเหตุผลไปก็ถูกขัดขึ้นมาอีก



("นี่คิดจะขัดคำสั่งกันใช่มั้ย?")



"พี่ไม่ได้จะขัดแต่ว่าตอนนี้พี่มาทำงาน พี่ขนเสื้อผ้ามาแล้วเดี๋ยวทำเสร็จงานก่อนแล้วจะไป"



("กี่โมง")



"...?" รามขมวดคิ้วงงกับคำถามแต่ลืมไปว่าอีกฝ่ายไม่เห็น การเงียบใส่ถือเป็นการกวนประสาทอีกฝ่ายจนโมโหเข้าไปใหญ่



("กูถามว่าทำงานเสร็จกี่โมง!?") เสียงทุ้มตะคอกถามมาตามสาย จนพระรามต้องนิ่วหน้ายกมือถือออกห่าง นึกภาพใบหน้าเกรี้ยวกราดของไอติมออกเลย



"...ตะ ตีหนึ่งกว่า"



("ดึกป่านนั้นแล้วมึงจะกลับยังไง ถ้าคิดจะลีลาแล้วทำเป็นเลี่ยงไม่มาล่ะก็บอกเลยว่าคิดผิด")



พระรามฟังแล้วขมวดคิ้วอีกครั้ง ทำไมร่างสูงถึงเป็นคนแบบนี้นะ "พี่ไม่ได้จะลีลา พี่ต้องทำงานจริงๆ แล้วพี่ก็เลิกตีหนึ่งด้วย"



("...")



พระรามขมวดคิ้วเมื่อหลังจากที่เขาพูดแล้วอีกฝ่ายก็เงียบไปนานจนน่าสงสัย แล้วพอเขายกมือถือขึ้นมาดู ก็พบว่า...วางสายไปแล้ว



อะไรเนี่ย...?



ประตูอัตโนมัติของร้านขายสะดวกซื้อชื่อดังเปิดออกเมื่อร่างโปร่งเดินผ่านเซนเซอร์พร้อมกับเสียงร้องและเสียงต้อนรับของพนักงานดังขึ้นในเวลาเดียวกัน



เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนจะทำงานที่ถัดไป พระรามจึงแวะมาซื้อของที่จำเป็นก่อน



ขาเรียวเดินรอบพลางมองสิ่งที่ต้องการ หยิบทีละอย่างจนเต็มมือ แต่ก็มีสิ่งที่หาไม่เจออยู่สองอย่าง



"ขอโทษนะครับ ที่ร้านมีหน้ากากอนามัยขายมั้ยครับ"



"อ๋อ มีสิครับ อยู่ชั้นวางของด้านซ้ายมือหลังสุดโน่นเลย" พนักงานตอบด้วยรอยยิ้มทำให้พระรามยิ้มตอบคืนก่อนจะเดินไปหาตามที่บอก แต่เขามองแล้วก็ไม่เจอซักทีเลยต้องย้อนกลับมาที่แคชเชียร์อีกครั้ง เมื่อเห็นลูกค้าต่อคิวยาวก็ยืนละล่ำละลักไม่กล้าเข้าไปถามเพราะกลัวจะรบกวนการคิดเงิน



ดึกขนาดนี้ทำไมคนถึงเยอะนักนะ



"ขอโทษนะคะ ต้องการให้ช่วยอะไรหรือเปล่าคะ?" ใบหน้ามนหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงถามไถ่ พบพนักงานหญิงยืนอยู่ข้างๆ พร้อมรอยยิ้ม



"อ่าครับ พอดีผมหาหน้ากากอนามัยไม่เจอ..." พระรามเกาแก้มไม่กล้าบอกว่ารู้ที่อยู่ของมันแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอ



"อ๋อ ทางนี้เลยค่ะ" แต่พนักงานที่นี่ช่างใจดี



สุดท้ายเขาก็ได้ของ แต่ก็ยังไม่ครบ



"มียาแก้ปวดขายมั้ยครับที่นี่"



"หมายถึงยานวดเหรอคะ?" พนักงานเอียงคองุนงง



"ไม่...ไม่ครับ ผมหมายถึงยากิน...ยาพาราน่ะ"



"อ๋อ" หญิงอวบครางออ แล้วก็ทำหน้าเหมือนรู้สึกผิด "ต้องขอโทษด้วยนะคะ ปกติจะขายร้านเภสัชข้างๆ แต่ตอนนี้เขาปิดแล้ว"



ดวงตาเรียวเหลือบมองตามทิศทาง พบว่าร้านติดกันข้างๆ เป็นร้านเภสัชจริงๆ และมันก็มืดตึ๊ดตื๋อ...ป่านนี้ใครๆ ก็กลับไปพักผ่อนกันหมดแล้วล่ะ



มีแต่คนลำบากที่ต้องสู้ชีวิตต่อไป



"ไม่เป็นไรครับ งั้นผมเอาเท่านี้" พระรามยิ้มขอบคุณเจื่อนๆ ...ของที่จำเป็นที่สุดดันไม่มีซะนี่



"ต่อคิวที่แคชเชียร์เลยค่ะ"



ในตอนที่รับเงินทอน เขากลับได้บางอย่างที่ไม่ใช่เงินติดมือมาได้ พอเงยหน้ามอง คนตรงหน้าก็คือผู้หญิงใจดีเมื่อกี้



"ถ้าไม่รังเกียจนะคะ ดิฉันก็มีพกไว้ตลอด...ให้ฟรีไม่คิดเงินค่ะ"



ร่างโปร่งอึ้งกับความใจดีของคนเพิ่งรู้จัก ก่อนจะรีบเอ่ยขอบคุณ



พระรามหย่อนตัวลงนั่งม้านั่งแถวนั้น ฟังเสียงรถยนต์ยามกลางคืนที่เฟี้ยวไปเฟี้ยวมาไม่หยุด มือเรียวแกะเม็ดยาพาราสีขาวสองเม็ดที่ได้มาจากพนักงานหญิงในร้านสะดวกซื้อเมื่อครู่ ก่อนจะกรอกน้ำตาม



ความรู้สึกปวดหัวตุ้บและหนาวๆ ร้อนๆ มันกลับมาอีกแล้ว นอกจากนี้ยังเจ็บคออีก



แต่เขายังไหว...เขาคิดว่ายังไหวอยู่หรอกน่า



"แค่ก...ฟืด..." ร่างโปร่งไอโขลกและสูดน้ำมูก รู้สึกได้ว่าท้องหิวแต่พระรามก็ไม่คิดจะหาอะไรกิน ถึงจะมีอะไรให้กินเขาก็กินไม่ลงหรอก



"แค่ก..." แกะยาอมโยนเข้าปาก หน้ากากอนามัยคาดหูและแปะแผ่นเจลลดไข้ที่หน้าผาก



ที่ทำขนาดนี้เพราะกลัวว่าจะเป็นลมเป็นแล้งไป เพราะตอนนี้ไม่มีใครมาช่วยเขาได้...นึกสภาพพะรุงพะรังของตัวเองออกเลย...มันคงจะตลกน่าดู



ลมกลางคืนหนาวเย็นพัดมายิ่งทำให้ขนลุกขนชัน ร่างโปร่งผอมบางกอดอก กอดตัวเองให้ความอบอุ่นแต่มันไม่ช่วยเลยสักนิด ต้องค้นหาเสื้อผ้าที่เตรียมมาในกระเป๋า แล้วก็เอาเสื้อแขนยาวมาใส่ทับอีกชั้น คราวนี้ก็เหมือนจะช่วยได้นิดหน่อย



ทนอีกนิด...ทนอีกนิดนะพระราม



ถ้านายไม่ทนก็ไม่มีใครช่วยนายได้แล้ว เวลาเหนื่อยหรือท้อแท้ ก็จะไม่มีคำปลอบโยน...ไม่มีคำให้กำลังใจจากแม่อีกต่อไปแล้ว



เขาต้องให้กำลังใจตัวเอง



พระรามหลับตาน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยากจะร้องไห้เหลือเกินกับชะตาชีวิตที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้



'แล้วพ่อติดหนี้เสี่ยอยู่เท่าไหร่'



'...สองล้าน'



สองล้าน...จำนวนเงินที่เขาได้ยินแล้วแทบช็อคตาตั้ง มันไม่ใช่น้อยๆ เลย...มันเยอะมากสำหรับคนจนๆ แบบเขาเก็บเอาไว้ใช้ได้อีกหลายสิบยี่สิบปี



แล้วตั้งสองล้าน...เขาจะหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหน ถ้าหากหาเก็บไปเรื่อยๆ อาจจะครบในสักวันหนึ่ง แต่นอกจากเวลาเรียนแล้วเขาก็ทำงานอยู่ตลอด แม้จะทุ่มเทถึงขนาดนี้แล้วก็ยังหาได้แค่เดือนละหมื่นนิดๆ เอง



ถ้าหากรามฝืนมากกว่านี้แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อน ไม่ใช่ว่ากลัวไม่ได้นอนแต่เขาแค่กลัวร่างกายของตัวเองจะทนไม่ไหวมากกว่า



หรือว่าเขาต้องคิดเรื่องลาออกจากมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง? เลิกเรียนแล้วไปทำงานเต็มตัวแทน



จะดีหรือ...ร่างโปร่งเรียนอยู่ปีสามแล้ว อีกแค่ปีเดียวก็จะจบการศึกษาแล้ว บอกตามตรงเขาไม่อยากจะทำแบบนี้...อย่างน้อยพระรามก็อยากเรียนให้จบ แม่ภาวดีที่อยู่บนสวรรค์จะได้ภาคภูมิใจ



แล้วเรื่องเงินล่ะ? บางทีพระรามก็คิดว่าทำไมถึงต้องทุ่มเทขนาดนั้น พ่อไม่เคยแม้แต่จะดูดำดูดีเขาเลยสักครั้ง ตั้งแต่เด็กจนโตป่านนี้ พ่อยังไม่เคยคิดสงสารเขา...หนำซ้ำยังดีแต่เอาเรื่องมาให้



แต่พ่อก็คือพ่อ...ถ้าเขาไม่ช่วยแล้วหมาที่ไหนมันจะมาช่วย



'ขอร้องล่ะ ช่วยพ่อหน่อยเถอะนะ...นะ!'



แต่มันจะต้องทำยังไงล่ะ...เขาจะต้องทำยังไง?



พระรามกุมศีรษะอย่างคนปวดหัว...จากที่ไม่สบายแต่ตอนนี้ยิ่งคิดมากจนมันปวดตุ้บหนักไปใหญ่



มืดแปดด้านไปหมด



แม่ครับ...ผมจะทำยังไงดีครับแม่?



“...”



แต่แล้วก็มีแต่เสียงลมหวีดหวิวกับเสียงเครื่องยนต์วิ่งไปมาบนท้องถนนเท่านั้นที่เป็นคำตอบ





********************* Love Substitute *********************




ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep10 22/03/2019
«ตอบ #22 เมื่อ23-03-2019 01:41:36 »

 :a5: มาม่าเต็มถ้วยยยย

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep12 30/03/2019
«ตอบ #23 เมื่อ30-03-2019 14:16:29 »



                                                    ทดแทนรัก

                                                    ตอนที่ 11



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

​เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป



พระรามเม้มปากสีหน้าเครียดขึง...เขาลืมไปซะสนิทเลย



ร่างโปร่งจับสายสะพายของกระเป๋าเป้บนไหล่แน่น ดีหน่อยที่ได้ตัวช่วยพวกนั้นที่เขาซื้อมา จึงช่วยบรรเทาอาการร้อนๆ หนาวๆ ลงไปได้เยอะ



แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้น่ะ มันทำให้เขาร้อนๆ หนาวๆ มากกว่า



ถ้าเขาโทรปลุกอีกฝ่ายตอนนี้เขาอาจจะโดนด่า แต่ถ้าเขาไม่เข้าไปเขาก็คงโดนด่าเหมือนกัน



รามตัดสินใจยกมือถือขึ้นมา กว่าจะกลั้นใจกดโทรออกได้ก็อีกสิบนาทีถัดมา



สายเรียกเข้าดังอยู่นานสองนาน จนได้ยินเสียงเหมือนคนรับสายแล้วก็เลยพูดออกไป



"คือว่าติม...พี่ไม่มีกุญแจพี่เข้าห้องไม่ได้" ดวงตาเรียวชำเลืองประตูตรงหน้ากับช่องเสียบคีย์การ์ดที่จำเป็นต้องมีคีย์การ์ดรหัสเดียวกันถึงจะปลดล็อคเข้าไปได้



("...")



"ติม?" ใบหน้ามนงุนงงยกมือถือออกมาดูก็พบว่าสายเพิ่งวางไป แสดงว่าเมื่อกี้รับแล้วน่ะสิ...อีกฝ่ายได้ฟังที่เขาพูดรึเปล่าน่ะ



เสียงแกร๊กของประตูดังขึ้นในวินาทีถัดมา ปรากฏร่างสูงที่หัวชี้ฟูแต่ใบหน้าก็ยังหล่อเหลาไม่เปลี่ยน หน้าใสกิ๊ง สวมเสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นตัวบางเป็นเสื้อนอน



"ไหนบอกว่าเลิกงานตีหนึ่ง" ดวงตาคู่คมกรุ่นขุ่นเคืองบวกง่วงงุน เหล่มองนาฬิกาบนฝาผนังชี้เลขบอกเวลาตีสองกว่า



"คือพี่เดินมาจากที่ทำงาน...ก็เลยช้า..."



"เดิน!?" ไอติมอุทานตาโต ดูตกใจมาก "ทำไมไม่นั่งแทกซี่มา โง่หรือไง"



"..." เวลานี้มันหาง่ายๆ หรือไงล่ะ อีกอย่างตอนนี้เขาก็ต้องเก็บออม จะนั่งแทกซี่ทำไมให้เสียเงินที่ทำงานกว่าจะหามาได้ก็เหน็ดเหนื่อย แค่เดินนิดหน่อยเขาไม่ตายหรอก



ในใจตอบเสียยืดยาว...แต่ข้างนอกเงียบกริบ



ใบหน้ามนที่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไรยิ่งทำให้อารมณ์ของคนมองคุกรุ่น



"มารบกวนตอนกูนอนไม่พอ ยังจะกวนประสาทอีกนะ"



พระรามกระพริบตางุนงง เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แล้วไอติมจะมากล่าวหาว่าเขากวนประสาทได้ยังไง



"ถะ ถ้าพี่กวนติมล่ะก็...พี่กลับไปนอนที่บ้านดีกว่า เพราะพี่ต้องทำงานแบบนี้ทุกวัน"



ดวงตาคู่คมมองกลับมานิ่งทันทีที่เขาพูดจบ "...ข้ออ้างเหรอ...อ๋อ ที่มึงทำแบบนี้ก็เพราะกำลังหาคำปฏิเสธอยู่สินะ?"

ใบหน้ามนอึ้งนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง ทำไมไอติมถึงเข้าใจเป็นแบบนี้ไปได้



"เปล่า ก็ติมบอกว่าพี่รบกวนการนอนของนาย" เสียงทุ้มใสตอบอุบอิบพลางก้าวถอยหลังเกือบติดประตูเมื่ออีกฝ่ายก้าวเข้ามาเรื่อยๆ



"เออ รบกวนมาก จากที่อยากนอนเปลี่ยนเป็นอยากทำอย่างอื่นแทน" ขายาวก้าวประชิดจนแผ่นหลังบางติดประตูจนได้ พระรามไม่มีที่ให้ถอยหนีอีกต่อไป มือเรียวจึงยกขึ้นผลักอกกว้างเป็นระวิง จนกระเป๋าเป้หลุดจากไหล่ผอมหล่นลงพื้นดังตุ้บ! "และมึงที่ทำให้กูเป็นแบบนี้ต้องรับผิดชอบหนักๆ"



เสียงทุ้มที่เน้นคำท้าย ทำให้พระรามรู้ว่าตนไม่รอดคืนนี้ไปง่ายๆ แน่ ใบหน้ามนซีดเซียวจืดเจื่อน แววตาร้อนรน



"มะ ไม่! ติม พี่..." ร่างโปร่งดิ้นรนก่อนจะมุดใต้อ้อมแขนแกร่งเล็ดลอดมาได้แต่ก็ยังวิ่งไม่พ้นอยู่ดี เพราะช่วงขาที่ต่างกันมาก ร่างเล็กกว่าก็ถูกตะครุบอย่างรวดเร็ว "พี่มีงานต้องทำ...ฮึก อย่า!"



"อย่าดิ้นสิวะ" แขนแกร่งพยายามโอบรัดเอวผอมของแมวดื้อที่ดิ้นไม่หยุด และใช้มือปลดเปลื้องเสื้อผ้าเก่าๆโทรมๆ อันเป็นอุปสรรคขวางทางออกไป แต่ยิ่งพระรามดิ้น มันยิ่งถอดยากจนเผลอกระชากเสื้อแรงจนคอเสื้อขาดวิ่น



แควก!



ร่างโปร่งลงไปนั่งบนพื้นอึ้งๆ มองเสื้อของตัวเองแล้วต้องรวบขึ้นเพราะเปิดกว้างจนถึงหน้าท้องบาง



...เสื้อตัวนี้คงใส่ไม่ได้อีกแล้ว...



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหวรุนแรง แขนบางกอดตัวเองก่อนจะค่อยๆ ถดตัวหนีทั้งๆ ที่รู้ว่าหนียังไงก็ไม่พ้น



ทำไมถึงต้องรุนแรงกันขนาดนี้...เกลียดเขามากเลยเหรอ



"จะให้กูทำดีๆ หรืออยากโดนแบบวันนั้นอีกห๊ะ!!"



อย่าตะคอกกันด้วยสีหน้าแบบนั้นได้มั้ย



พอได้ยินจะโดนแบบวันนั้น ร่างกายก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ "ฮึก...ไม่เอา พี่เจ็บ..." ใบหน้ามนส่ายระรัว สะอื้นปฏิเสธเสียงอ้อนวอน



หวาดกลัว



"มึงก็อย่าดื้อ...แล้วกูจะไม่ทำแรงๆ" ไอติมมองท่าทางนั้นแล้วรำคาญ ทำเป็นสะดีดสะดิ้งเหมือนคนไม่เคยเสียตัวไปได้ ขายาวเดินไปกระชากต้นแขนผอมให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามมา ด้วยความที่ยังทรงตัวไม่ได้จึงล้มลงกระแทกพื้นอีกครั้งเรียกรอยช้ำที่เข้าซ้ำยังถลอกเพราะถูกลาก



"ลุกขึ้น! อย่าสำออย แล้วก็อย่าทำให้กูโมโห" มือใหญ่กระตุกร่างเบาหวิวขึ้นยืน พระรามเม้มปากแน่น เพราะความเจ็บที่เข่าสองข้างก่อนจะถูกโยนลงกลางเตียง...ซ้ำรอยกับวันนั้นอีกครั้ง "ถ้ากูโมโหเมื่อไหร่มึงโดนหนักแน่"



นี่คือยังไม่โมโหใช่มั้ย...



ร่างโปร่งไม่กล้าถาม ไม่กล้าพูดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น กลัวว่าจะไปกระตุ้นอารมณ์บ้าคลั่งของร่างสูง เพราะงั้นเขาจะอยู่เฉยๆ ให้อีกฝ่ายกระทำชำเรา



...เพราะไม่อยากเจ็บ...



"ถอด"



ได้ยินคำสั่งมือเรียวก็ค่อยๆ จับชายเสื้อถกขึ้นพ้นศีรษะ ดวงตาคู่คมจดจ้องทุกท่วงท่าเคลื่อนไหว ร่างกายผอมๆ หนังติดกระดูกกับเม็ดเชอรี่สีหวานสองเม็ดเล็กๆ บนแผ่นอกนั่น ลิ้นร้อนเลียปากแห้งผากเหมือนสัตว์ป่าหื่นกระหาย ไม่รู้ทำไมเอวคอดบางๆ นั่นถึงได้ยั่วยวนให้เขาอยากจะสอดใส่ตัวตนแล้วกระแทกแรงๆ ให้ร้องเสียงสูง...ครางอ้อนวอนน้ำตาไหลพราก



ถึงจะบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนา...แต่ตอนมีเซ็กส์กัน คนตรงหน้าก็น่าเย้ายวนใช่ย่อย



"ช้า" ร่างสูงคลานขึ้นเตียงจับข้อเท้าคนตัวเบาหวิวให้ลงมานอนกองใต้ร่าง ใบหน้ามนไม่คลายกังวล ริมฝีปากบางแห้งผากเม้มแน่น ดวงตาเรียวที่เบิกมองมาที่เขาสั่นระริกยิ่งทำให้งูเห่ามีพิษตัวนี้อยากจะกอดรัดกลืนกินแมวแสนดื้อทั้งตัวและหัวใจ



มือใหญ่ไม่รอช้ากระชากกางเกงที่พระรามใส่อย่างแรงจนมันหลุดออกมาพร้อมกับชั้นใน เผยท่อนเนื้อสีอ่อนที่นอนปวกเปียกและพวงไข่อยู่ตรงหว่างขาหนีบ



ร่างสูงยืดตัวขึ้นถอดเสื้อยืดที่ใส่นอนออกอย่างเร็ว และทาบทับร่างเปลือยเปล่าที่นอนขดตัวเพราะความหนาวของเครื่องปรับอากาศ



"ติม เบาๆ ได้มั้ย พี่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย...นะ" พระรามขอร้อง ทั้งเจ็บคอทั้งปวดหัว กลัวว่าถ้าไม่ได้นอนพักสักหน่อยร่างกายเขาจะไม่ไหว



"บอกแล้วไงว่าอย่าสำออย" เสียงทุ้มเอ่ยเข้มแกมรำคาญ คนกำลังอยาก เสียงทุ้มใสดันเอ่ยขึ้นมาขัดอารมณ์



"แต่พี่ต้องทำงานตอนตีห้า ขอร้องล่ะ...รอบเดียว...อื้อ!" ฟันคมขบกัดที่ไหปลาร้าแรง ทั้งยังเลียซ้ำจนร่างขาวสั่นระริก พอดูดดึงจนพอใจก็ย้ายไปที่ไหปลาร้าอีกข้าง ทำรอยตราตรึงแสดงความเป็นเจ้าของ "อ๊ะ อย่า...เจ็บ..."



มือเรียวถูกตรึงไว้เหนือหัวทั้งสองข้าง โทษฐานที่ปัดป่ายขัดขวางการทำภารกิจเล้าโลม



ไอติมเมินคำท้วงของพระรามอย่างสิ้นเชิง...



'พี่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย'



ซ้ำยังมองข้ามอุณหภูมิร้อนผิดปกติของร่างกายผอมบางนี่อีกด้วย



'พี่ต้องทำงานตอนตีห้า ขอร้องล่ะ...'



ไม่เห็นต้องสนใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา



"อื้อ อื้อ อ๊ะ!...ฮึก!!" ร่างโปร่งดิ้นเร่าน้ำตาปริ่ม ริมฝีปากหยักร้อนรุ่มฉกเข้าที่ติ่งไตสีชมพูน่ากินที่ชูชันเชิญชวนเขามาตั้งแต่เมื่อกี้ ยิ่งขบกัดดูดดึงจนแทบหลุดติดปากแผ่นหลังบางก็เดาะขึ้นตาม แค่เสียงครางนี่ก็ทำให้เขาปวดหนึบได้แล้ว ไม่อยากจะนึกถึงตอนที่แทรกกายลึกเข้าร่างกายนี้



"ยะ ฮะ เจ็บ...พี่เจ็บ" ใบหน้ามนส่ายไปมาเกลือกกลิ้งกับเตียงนุ่ม เสียงครางดังขึ้นอีกเมื่อมือใหญ่ลูบไล้ลากต่ำกอบกุมแก่นกายเล็กที่เริ่มแข็งตัวเพียงเพราะยุ่งกับหัวนม "อ๊ะ!!"



ไอติมเลียปากหื่นกระหาย ชักรูดของในมือพลางเค้นหนัก นิ้วโป้งบดขยี้ส่วนปลายให้พระรามหวีดร้องดัง "อ๊ะ ยะ อ๊าาา!"



"..."



"ไม่ ฮือ...ติม" ดวงตาเรียวมองใบหน้าหล่อเหลาปรือปรอย ซ้ำยังขยับสะโพกเล็กเข้าหามือใหญ่เพราะปวดมวนท้องจนทนไม่ไหว "ช่วยพี่...ชะ ช่วยด้วย"



"ซี้ด...โคตรยั่ว" ดวงตาคู่คมมองเรือนร่างบิดเร้ารัญจวนไม่รู้ตัว ยิ่งขยับมือเค้นหนักตามคำขอจนน้ำใสเหนียวๆ ผุดซึมจนเปียกชุ่ม มือเรียวที่ถูกปล่อยเป็นอิสระจิกทึ้งผ้าปูในยามที่จุดสูงสุดกำลังจะมาถึง



"อ๊ะๆๆๆ อ๊า..." แต่แล้วก็เหมือนถูกทรยศให้ถูกโยนลงจากที่สูง เมื่อไอติมละมือออกไปก่อนที่เขาจะเกร็งตัวปลดปล่อย ยิ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยมากกว่าที่เคย "แฮ่ก..."



"อ๊ะๆ อย่าเพิ่ง มึงต้องรอไปพร้อมกู" ร่างสูงจุ๊ปากเอ็นดูเมื่อพระรามกำลังจะช่วยตัวเองให้ถึงฝั่งฝัน ในขณะที่เขากำลังปลดปราการสุดท้ายออกให้ความร้อนระอุดีดผึงชูชัน ไม่รอช้าร่างสูงชันเข่ารูดรั้งของตัวเองจนมันตั้งตรง จับขาเรียวทั้งสองข้างแหกกว้างและแทรกกลาง ใช้ส่วนปลายบานที่กำลังพองตัวเต็มที่ถูไถช่องทางสีหวานที่ขมิบรัดเชิญชวนจนร่างโปร่งครางฮือ



ร่างกายนี้ก็ต้องการเขาไม่แพ้กัน



"ติม...ซี้ด พี่...พี่รักติม" ดวงตาเรียวฉ่ำวาวด้วยน้ำตา รู้สึกร่างกายร้อนวูบวาบเมื่อแก่นกายใหญ่ที่เคยเข้ามาในร่างกายเขาถึงสองครั้งและมันก็กำลังจะเข้ามาอีกครั้ง "ชอบนะ...อ๊า!!!"



"ซี้ด โคตรร้อน" เพียงแค่สอดใส่เข้าไปช่องทางก็ขมิบระรัวรัดสิ่งแปลกปลอมที่ทั้งร้อนทั้งใหญ่ จนเจ้าของสะบัดหน้าสูดปากเสียงดัง



"อ๊ะ! อ๊า! อ๊า!" เสียงทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์หวีดร้องลั่นด้วยความซ่านเสียวถึงที่สุดยามที่มันสอดเข้ามาลึกเติมเต็ม ส่วนปลายบดขยี้จุดๆ หนึ่งภายในทำให้พระรามถึงจุดอย่างรวดเร็ว "อ๊าาา"



ไอติมเชิดหน้าครางไม่ต่างกัน ช่องทางที่ร้อนและบีบรัดมากกว่าปกติยิ่งทำให้เขาทนไม่ไหวดันเข่าสองข้างให้ติดเตียงและโยกสะโพกกระแทกแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนหน้าขากระทบสะโพกเล็กดังลั่น



ปั่บๆๆๆ!!



เอี๊ยดๆๆ



เตียงใหญ่โยกแรงตามการเคลื่อนไหว พระรามปวดมวนในท้องอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายกระแทกไม่หยุดแม้เขาจะปลดปล่อยไปครั้งหนึ่งก็ไม่อาจทานความเสียวที่กำลังสัมผัส แก่นกายเล็กแข็งขึงขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครแตะต้อง ภาพนั้นยิ่งทำให้ร่างสูงเลียปากหื่นในยามเข้าลึกสุดก็บดคลึงหนักหน่วงให้ร่างโปร่งหยัดเกร็งหวีดเสียงสูง



มือเรียวปัดป่ายไปทั่วอย่างระบายอารมณ์ ทั้งดึงทึ้งผ้าปูจนมันหลุดติดมือ ทั้งจิกแขนแกร่งที่กดขาเขาแน่นจนเป็นรอยแดง ทั้งรูดรั้งของตัวเองระวิง ก็ไม่สามารถระบายความวาบหวิวในอกนี้ได้เลย



ไอติมทำอะไรกับร่างกายของเขา



"อ๊ะ ฮ้า! มะ ไม่ไหว!"



"ซี้ด ขมิบแรงๆ อา!" ไอติมก้มลงสูดดมซอกคอขาว พลางดูดเลียเพิ่มรอยให้มากขึ้น มือใหญ่ยกแขนเรียวที่จิกผ้าปูแน่นให้โอบรัดรอบคอก่อนจะดึงทั้งร่างให้นอนทับอกแกร่งโดยที่แก่นกายยังสอดใส่ไม่หยุด



"อ๊ะ อ๊า ติม...จะ อ๊ะ จะทำอะไร..." แขนแกร่งโอบรัดเอวผอมแน่น สะโพกใหญ่โยกขึ้นขยับสอดแทรกแรงๆ แก่นกายเล็กเสียดสีกับหน้าท้องแข็งเกร็งตามแรงกระแทก "อ๊ะ ย๊า เสียว...พี่เสียว!"



เสียงทุ้มใสกรีดร้องข้างใบหู เสียงซ่านอย่างที่ปากบอกจนต้องอ้าปากกว้างครางจนไม่อาจห้ามน้ำลายที่ไหลย้อยเปรอะคาง ลิ้นเล็กแลบเลียใบหูของไอติมจนเปียกชุ่ม การกระทำซื่อๆ แต่เย้ายวนอารมณ์หื่นกาม ยิ่งทำให้ร่างสูงกอดรัดเอวบางแน่นและหลับหูหลับตาใส่สะโพกให้แรงที่สุด...ลึกที่สุด



ใกล้...ใกล้แล้ว!



"อ๊าาา!!!" พระรามถึงจุดเป็นครั้งที่สองพร้อมกับที่อีกฝ่ายปลดปล่อยเข้ามาในส่วนลึกของเขา



"อึก...อา"



ร่างโปร่งนอนหอบแฮ่ก บรรยากาศเร่าร้อนรอบด้าน ทำให้พระรามมองภาพข้างหน้าพร่ามัวราวกับมีไอน้ำลอยอยู่



"อะ อา..." พระรามครางสั่น ร่างกายกระตุกเฮือกเมื่อไอติมดันมันเข้ามาอีกจนเสียววาบ ร่างสูงครางเสียงพร่าชอบที่สุดตรงช่องทางที่มันขมิบตอดเขาถี่ยิบ หยัดกายลึกให้มันบีบรัดเค้นน้ำจากกายออกจนหมด



พระรามหน้าร้อนวูบ ใบหน้าขาวแดงก่ำเขินอาย ในท้องของเขาเต็มไปด้วยน้ำอุ่นๆ ของอีกฝ่าย



"พอแล้วนะ...พี่เหนื่อย..." ร่างโปร่งนอนหอบจนลมหายใจเป็นปกติก็ค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้น แก้มขาวแดงเรื่อเมื่ออะไรๆ ยังค้างคา มองใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มกริ่มแล้วใบหน้าร้อนผะผ่าว ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะค่อยๆ ฝืนดึงแก่นกายใหญ่ออกทีละนิด "แฮ่ก...ฮะ!?" ร่างกายกระตุกเฮือกเมื่อสะโพกแกร่งโยกขยับจนแก่นกายร้อนผ่าวคืบคลานเข้ามา ทั้งๆ ที่เขาอดทนแทบตายกว่าจะเอามันออกได้แล้วทำไมไอติมถึงนิสัยแย่แบบนี้



นอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังซ้ำเติม



มือเรียวยันหน้าท้องแกร่งและยกตัวขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากบางหยักยิ้มดีใจรู้สึกได้ว่ามันกำลังจะหลุด โดยไม่เห็นริมฝีปากคมยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์



ปั่บ!



"อ๊ะ! ฮื้อออ" ริมฝีปากขบกัดเสียวซ่านเมื่อมือกดสะโพกของเขาให้ลงรับแรงกระแทกที่ส่งขึ้นมาอย่างแรงจนช่องทางกลืนกินความร้อนผ่าวอีกครั้ง และขยับขึ้นลงจนหน้าขาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกระแทกสะโพกเล็กเกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังตับๆ ลั่นจนกลัวว่าห้องข้างๆ จะได้ยิน “อ๊ะ อึก ท่านี้มัน...ลึก อื๊อ ลึกจัง...”



ดวงตาคมกริบราวกับงูเห่าจ้องเหยื่อ แค่กินครั้งเดียวมันยังไม่ทำให้ท้องของเขาอิ่ม



คืนนี้มันยังอีกยาวไกล...ไอติมไม่ยอมให้มันจบลงง่ายๆ หรอก



"อ๊ะ! อ๊ะ...อื๊อ! ติม พอแล้ว พี่พอแล้ว..." เสียงทุ้มใสครางเครือ ศีรษะทุยโคลงไปมาอ่อนแรงเพราะถูกบังคับให้ขยับเคลื่อนไหว



"แต่กูยังไม่พอ...เร็ว อยากได้ไม่ใช่เหรอ" แก่นกายใหญ่แทรกบดคลึงผนังนุ่มลึกยามเน้นคำ "ไอ้นี่น่ะ"



ไอติมนอนโยกสะโพกเลียปากมองร่างโปร่งที่นั่งบิดเร้าบนหน้าท้องของเขา ปากบอกว่าพอๆ ไม่ๆ แต่ก็ขยับสะโพกรับของๆ เขาอย่างเต็มใจ ช่องทางนุ่มเปิดกว้างแถมสอดรับ ตอดแน่นตุ้บทั้งตอนเข้าลึกและออกจนเกือบสุดราวกับไม่อยากให้ออกไป



แก่นกายเล็กก็แข็งขืนอีกครั้งโดยที่เจ้าของยังไม่รู้ตัว เพราะสนใจแต่ด้านหลังที่ขยับเสียดสีไม่หยุด



"ร่างกายเป็นขนาดนี้แล้วยังปฏิเสธอีก"



"อ๊า!!"



"...ซี้ด" ไอติมสูดปากเสียงดัง ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มต่ำครางดังก็เหมือนจะยิ่งไปกระตุ้นร่างโปร่งให้ตอดรัดแน่น มือใหญ่สากยกลูบไล้ผิวกายเรียบลื่นจนร่างผอมบิดเร้ารัญจวนตอบรับ เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นขณะที่พระรามกำลังเหม่อลอย "ราม รักผมมั้ย"



"อื๊อ...ฮื่อ!" ดวงตาเรียวมีน้ำตาคลอหน่วยเพราะความเสียวซ่านที่ปะทุในกาย ริมฝีปากบางขบกัดยั่วยวนสายตาคนมองไม่รู้ตัว ซ้ำยังเม็ดติ่งไตสีชมพูแข็งขืนเคลื่อนไหวไปมาเชิญชวน สะโพกแกร่งด้านล่างยิ่งส่งแรง



"ว่าไง เอ้า...ตอบดีๆ มีรางวัล ‘ใหญ่’ นะ"



"อื๊อออ"



"ราม..." เสียงทุ้มเรียกชื่อทำให้เจ้าของปรือตามองใบหน้าหล่อเหลาทรงเสน่ห์อย่างหลงใหล "ว่าไงครับ"



"ระ รัก รักครับ..." เสียงทุ้มใสตอบตะกุกตะกักครางเครือ ไอติมยิ้มแสยะมุมปาก พลางกอบกุมมือเรียวที่ส่งมาหา สอดนิ้วทั้งห้าเข้าหากันแนบแน่นทั้งสองมือ "พี่รักติม"



"ดีมาก"



คำตอบที่ได้ยินทำให้ไอติมส่งแก่นกายที่อีกฝ่ายหลงใหลบดขยี้จนพระรามหวีดร้องไม่เป็นศัพท์ เสียงเนื้อกระทบเนื้อเร่งรัว ขาเรียวจิกเกร็งเพราะสะโพกแกร่งกระแทกแรงจนเตียงโยกเอี๊ยดอ๊าด วาบหวิวในท้อง ไม่มีเรียวแรงแม้แต่จะพยุงตัว แต่ก็ถูกแขนแกร่งช่วยประคองเอาไว้ ดังนั้นร่างโปร่งก็ต้องรองรับอารมณ์รุนแรงของอีกฝ่ายจนกระทั่งทะลักทลาย สายธารอุ่นร้อนฉีดพ่นเข้ามาข้างในจนร้อนวูบวาบ พระรามเกร็งหยัดกัดปากเสียวซ่านจนน้ำตาที่คลอหน่วยไหลลงมา



“อื๊อ!!”



และรอบที่สามสี่ห้าก็ตามมาจนเวลาล่วงเลย



สุดท้ายไอติมก็ตักตวงร่างกายของเขา เมินคำขอร้องที่เขาบอกเอาไว้อย่างสิ้นเชิง



ในความเงียบหลังจากความเร่าร้อนสงบลงไม่นาน ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแผ่วเบาของคนข้างๆ ดังขึ้น ทำให้ร่างโปร่งที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาค่อยๆ ขยับลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่ยังไม่ได้นอน



...ตีสี่แล้ว...



"...ฟืด แค่ก..." พระรามสูดลมหายใจเพราะรู้สึกคัดจมูก เจ็บแสบที่คอ เพียงกลืนน้ำลายก็เจ็บมากจนต้องนิ่วหน้า ความรู้สึกแย่ๆ อย่างปวดหัวและครั่นเนื้อครั่นตัวกลับมาอีกครั้ง



ที่อุตส่าห์กินยาดักไว้จนดีขึ้น มันกลับแย่ลงเพราะไอติมไม่ให้เขาพักผ่อนเลย...ดีหน่อยที่ช่องทางด้านหลังก็ไม่ถูกเอาแต่ใจจนมันฉีกขาดเหมือนครั้งที่แล้ว



พระรามส่ายหน้า จะโทษไอติมก็ไม่ถูก เพราะเขาเองที่ไม่ปฏิเสธ ซ้ำยังรู้สึกดีมากๆ กับสัมผัสของอีกฝ่าย...จนเผลอเรอไปไกล



'ราม รักผมมั้ย'



'พี่รักติม'



คำบอกรักต้องห้าม...ทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายเกลียดก็ยังบอกออกไป



ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเกลียดเขามากแล้วทำไมถึงถามล่ะ?



"แค่ก..." พระรามปิดปาก ยิ่งไอยิ่งปวดหัวแรง ร่างโปร่งค่อยๆ หยิบเสื้อผ้าเข้าไปห้องน้ำ ทำใจสักพักก่อนฝืนกัดปากอดทนล้วงน้ำบางอย่างที่ไอติมปลดปล่อยทุกหยาดหยดในร่างกายของเขา...



ถึงร่างสูงจะบอกว่าเกลียด แต่อย่างน้อยก็ยังรู้สึกดีกับร่างกายของเขาใช่มั้ย?



จากตอนแรกจะเอาน้ำไม่พึงประสงค์ออก แต่พอผ่านไปสักพักมันก็รู้สึกประหลาด



"อึก อื๊อ...ติม...ติม" นิ้วเรียวสองนิ้วขยับเสียดสีผนังนุ่มอุ่น หลับตาพริ้มเมื่อนึกถึงความรู้สึกตอนที่แก่นกายใหญ่ ฟันขาวกัดปากครางจนเสียงทุ้มใสสะท้อนก้องในห้องน้ำ



...ต้องใช่อยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่ทำตั้งหลายรอบหรอก...



"อ๊ะ ฮะ!!?" เสียงใสหวีดดังเป็นครั้งสุดท้าย ยามที่แก่นกายเล็กแข็งขืนเกร็งฉีดพ่นน้ำอีกครั้งและไหลลงท่อไปพร้อมกับสายน้ำ ก่อนหอบหายใจหนักหน่วง



นี่เขาเสร็จสมเพราะช่วยตัวเองจากด้านหลัง



พระรามเม้มปากหน้าแดงกับสิ่งที่ตนทำ ก่อนจะฝืนฉีดน้ำเข้าไปและสอดนิ้วเข้าไปอีกครั้ง ไม่ได้คิดทำอะไรมากกว่าล้วงทำความสะอาดจนคิดว่าน่าจะไม่มีอะไรค้างคาหลงเหลืออยู่แล้วก็อาบน้ำทั้งๆ ที่ไม่สบาย เพราะเขาสกปรกเกินกว่าจะทนอยู่แบบนี้ได้



กึกๆ



แขนบางเกร็งกอดตัวเองแน่น หนาวสั่นจนฟันกระทบกันดัง ถ้าตอนปกติเขาคงไม่หนาวขนาดนี้



"ฟืด..."



และสุดท้ายพระรามก็สวมเสื้อเปื่อยๆ ของตัวเองทับสองชั้นตามด้วยแขนยาว...เขาไม่มีเสื้อหนาวเลยต้องป้องกันแบบนี้แทน ก่อนจะเดินออกจากห้องมา ก็มองหาบางอย่างในห้องหรู



...เจอแล้ว...



ร่างโปร่งค้นยาพาราในตู้ยาแล้วก็หาเจอ แกะโยนเข้าปากสองเม็ด ก่อนจะค้นอีก...มือเรียวหยิบหน้ากากอนามัยสะอาดสะอ้านขึ้นคาดปาก ก่อนจะค่อยๆ เก็บของให้เรียบร้อยและออกจากห้องไป



วันนี้เขามีเรียนที่มหาลัยเก้าโมงด้วย ทำงานเสร็จเจ็ดโมงก็ยังได้กลับมานอนพักผ่อนเล็กน้อยก็ยังดี





"เป็นอะไรวะ แมลงกัดเหรอ"



"ครับ?" พระรามมองรุ่นพี่ที่ทำงานงุนงง ดวงตาเรียวฉ่ำเยิ้มเพราะอุณหภูมิกายร้อนผ่าว จนคนมองหน้าแดง



"มึงอย่ามองกูแบบนั้นสิ...นี่มันยั่วกันชัดๆ" ประโยคหลังพึมพำ โชคดีที่รุ่นน้องตัวบางมันไม่ได้ยิน พักนี้ไอ้รามมันผอมลงเยอะจนเอวสะโพกเล็กน่าลูบทั้งตัว วันนี้ก็ดูจะเหม่อๆ พูดอะไรก็ทำหน้างง ส่งสายตาเยิ้มๆ มาให้อีก เขาเลยสงเคราะห์ส่งนิ้วยาวจิ้มตรงคอขาวให้มันรู้ตัว "ตรงคอมึงเนี่ย...เฮ้ย ทำไมตัวมึงร้อนขนาดนี้"



"ครับ พอดีผมไม่ค่อยสบาย แค่กๆ!"



"ก็ว่าใส่แมสก์มาทำไม นึกว่าไปเหลาคางมา"



คนฟังไม่ขำ...ไม่ได้ฟังด้วยซ้ำเพราะปวดหัวหนึบๆ สนใจแต่สิ่งที่ต้องทำตรงหน้า



ตอนเช้าพระรามต้องมาช่วยล้างจานให้ร้านโจ๊กหมูกับข้าวต้มแห่งหนึ่งที่ขายดีมาก แม้จะเปิดตั้งแต่เช้ามืดก็ยังมีคนมาอุดหนุนเยอะจนมือเรียวไม่ได้ยกขึ้นจากกะละมังเลย ยิ่งทำให้ร่างกายที่ร้อนอยู่แล้วร้อนมากขึ้นไปอีก เพราะความเย็นจากน้ำที่เขาอยู่กับมันมาตลอดสองชั่วโมง



"เออๆ ใกล้จะเจ็ดโมงแล้วมึงกลับไปพักผ่อนไป กูทำเอง" เจ้าของร้านโจ๊กชื่อดังนามว่าโชคโบกมือไล่พระรามที่ท่าทางจะไหวแหล่มิไหวแหล่



"แต่..."



"มึงไม่สบายก็ไปนอนพักไป กูให้ค่าแรงเท่าเดิมแหละน่า ไปๆ"



"ครับ พี่โชค ขอบคุณครับ"



"กูแถมโจ๊กให้ด้วยสองถุง ป่วยอยู่ก็กินอะไรอ่อนๆ ร้อนๆ ถึงจะดีกับร่างกายนะ"



พระรามเก็บของเสร็จและค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าตามข้างทางจนมาถึงคอนโดของ



"แฮ่ก...แค่กๆ" เสียงไอโขลกกับลมหายใจร้อนๆ พ่นใส่หน้ากากอนามัยที่ปิดปากอยู่จนมันพ่นเข้าหน้าตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนจะไม่สบายเข้าไปใหญ่ ในมือเรียวถือโจ๊กหมูสองถุงทีได้รับมา ดีที่มีสองถุง จะได้แบ่งไอติมกินด้วย



ทั้งๆ ที่กินยาเข้าไปแล้วแต่มันก็ไม่ได้ช่วยเลยแม้แต่นิด สงสัยเพราะเขาอาบน้ำจนศีรษะเปียกชื้นด้วยหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ...ร่างกายมันถึงได้หนาวสั่นขนาดนี้



...บ้าจริง...เขาลืมอีกแล้ว...



พระรามไม่มีคีย์การ์ด...เข้าห้องไม่ได้



ดวงตาเรียวกระพริบเชื่องช้าเหนื่อยล้าเหลือเกิน มือล้วงหยิบมือถือขึ้นมาโทรออก แต่สายแล้วสายเล่าก็ไม่มีวี่แววว่าไอติมจะรับ...หรือว่านอนยังไม่ตื่น



ก๊อกๆๆ



ในเมื่อโทรไม่รับร่างโปร่งก็ใช้มาตรการเคาะประตูแทน ผ่านไปสิบนาทีก็ยังนิ่งเงียบ เคาะจนเจ็บมือ "ติม พี่เข้าห้องไม่ได้ แค่ก..." พระรามไอโขลก อาการไม่สบายรุมเร้าจนไม่อยากจะขยับตัว ร่างโปร่งทิ้งตัวลงนั่งหมดแรงพิงกำแพงข้างประตู ถุงโจ๊กร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมก็วางทิ้งข้างตัว แขนบางกอดเข่าซุกหน้าแน่นเพื่อคลายความหนาวนี้แม้จะไม่ช่วยเลยก็ตาม



สุดท้ายแล้วรอแล้วรอเล่า จนพระรามปรือตาหลับไปด้วยความเพลียก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตู





แกร๊ก



พระรามรู้สึกตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ใบหน้ามนเงยมองเห็นร่างสูงอยู่ในชุดนักศึกษาแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก ขาเรียวลุกขึ้นพรวดจนหน้ามืด เอ่ยถามร้อนรน



"ติม นี่กี่โมงแล้ว"



"แปดโมงครึ่ง" ดวงตาคู่คมมองต่ำ "แล้วมึงมานั่งทำอะไรตรงนี้ ใส่หน้ากากทำไม"



ดวงตาเรียวหลุบลง เสียงทุ้มใสตอบแผ่วเบา "พี่เคาะประตู แต่ว่านายไม่เปิด"



อีกคำถามนึงก็ข้ามมันไปซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว...เหมือนถามไปอย่างนั้นเอง



“กริ่งก็มีจะเคาะทำไมห๊ะ โง่!”



“...”



พอเห็นใบหน้ามนเซียวกัดปากนิ่งเงียบ ไอติมก็จิ๊ปากถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ "มึงออกมาทำไม"



"พี่ทำงาน" ร่างโปร่งตอบเสียงเบาอีก เขาเคยบอกไปแล้ว ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่จำไม่ได้กันนะ...หรือว่าไม่ได้ฟังเลย ระหว่างที่คิดน้อยใจ ร่างสูงก็กำลังจะเดินไปแต่พระรามเอ่ยถามตะกุกตะกัก "ติม จะไปมหาลัยใช่มั้ย พี่ไปด้วย"



สายตาคมกริบปรายมองหางตา "กูมีเรียนเก้าโมง"



"พี่ก็มีคลาสเก้าโมง รอพี่เปลี่ยนชุดแปปนึงนะ" พระรามรีบบอก วิ่งไปเปลี่ยนชุดเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น ถุงโจ๊กก็วางไว้บนโต๊ะทั้งๆ ที่ยังไม่ได้กิน แต่พอเปิดประตูออกมา



...ไอติมก็ไม่อยู่แล้ว...





********************* Love Substitute *********************


ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep12 30/03/2019
«ตอบ #24 เมื่อ30-03-2019 14:17:57 »



                                                      ทดแทนรัก

                                                      ตอนที่ 12



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



'เรื่องรักกับเซ็กส์มันคนละเรื่องกัน...กูไม่เคยพิศวาสมึง อย่าเข้าใจผิด'



เสียงตอกย้ำดังขึ้นในความทรงจำยิ่งทำให้พระรามแค่นยิ้มสมเพชตัวเอง...นั่นสินะ



แค่ไอติมรู้สึกดีกับร่างกายของเขา ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกเกลียดที่มีต่อเขามันจะหายไป



"เดี๋ยวผมจะให้พวกคุณแบ่งกลุ่มกัน แล้วทำรายงานมาพรีเซนต์ในวันที่..."



"แค่ก..." ร่างโปร่งปิดปากไอโขลก พยายามจะเบาแล้วแต่มันเบาไม่ได้เลย ในห้องสโลปที่เต็มไปด้วยนักศึกษาบางคนก็หันมามองอย่างรำคาญ บางคนก็ไม่ได้สนใจ ไอค่อกแค่กติดกันจนเพื่อนสนิทสองคนหันมามองด้วยความเป็นห่วง



"เฮ้ย ราม มึงไหวมั้ยวะ"



"อืม..." พระรามขมวดคิ้วนิ่วหน้า ร่างโปร่งเรียนไม่รู้เรื่องแม้แต่นิดเพราะสิ่งที่มันบีบรัดอยู่ในหัวของเขารุนแรงเกินกว่าจะมองกระดานและจับใจความสิ่งที่อาจารย์พูดได้ "กูปวดหัวว่ะ พวกมึงมียาให้กูมั้ย"



"...ไม่มี แต่ถ้ามึงจะกินกูไปเอาให้ได้ มึงดูเหมือนจะไม่ไหวแล้วนะ"



"ไม่เป็นไร งั้นรอเลิกเรียนก่อน เดี๋ยวกูไปเอาเองก็ได้" เขาบอกและไออีกครั้ง ปวดหัวตัวร้อนผ่าว ชุดนักศึกษาแขนยาวขนาดนี้ยังทำให้เขาหนาวได้ คิดดูแล้วกัน



ถ้าไม่สบายบ่อยๆ แบบนี้รามคิดว่าตนควรจะพกยาเอาไว้ติดตัวแล้วล่ะ...แล้วก็ควรซื้อเสื้อกันหนาวไว้ด้วย



"เอาล่ะ งั้นไว้เท่านี้นะ เจอกันคาบหน้านักศึกษาทุกคน"



เหมือนกับเสียงสวรรค์ที่ทำให้พระรามเก็บของใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว พลางลุกขึ้นเดินพรวดๆ ออกมาจนดินกับสินเดินตามแทบไม่ทัน



แต่ขาเรียวก็ต้องชะงักไม่ทันพ้นตึกคณะ เมื่อเห็นไอติมเดินมากับชะเอมเพื่อนของเขา ไม่รู้ว่าทั้งสองเดินมาด้วยกันได้อย่างไร คงไม่พ้นร่างสูงคงเดินทางมาหาด้วยตัวเอง



ทั้งๆ ที่เมื่อเช้าร่างโปร่งแค่ขอติดรถมามหาวิทยาลัยด้วย ยังถูกทิ้งให้มาเองเลย



เสียงใสหัวเราะคิกคักพร้อมปิดปากอย่างน่ารัก และใบหน้าหล่อเหลาของติม สายตาอ่อนโยนเวลามองร่างบางข้างๆ ...ช่างดูอบอุ่น...แบบที่เขาไม่เคยได้รับสักครั้ง



ภาพตรงหน้ามันทำให้อดคิดไม่ได้ว่าทั้งคู่เหมาะสมกันมาก...ใจของเขาบีบรัด ดวงตาเรียวรีบหลุบซ่อนน้ำตาที่รื้นขึ้น



‘ไม่ได้น่ารักเหมือนพี่ชะเอมก็อย่าร้อง มันน่าเกลียด’



ถ้าหากไม่มีเรื่องของแม่...ไอติมก็คงไม่ชอบเขาอยู่ดีเพราะหน้าตาเขามันน่าเกลียด



"พี่ชะเอมก็...ผมพูดจริงๆ นะ"



"ไม่เชื่อหรอก ติมหน้าตาดีขนาดนี้ จะบอกว่าไม่มีใครมาชอบเลยเนี่ยนะ" ชะเอมจุ๊ปากเหมือนจะดุรุ่นน้องได้อย่างน่าเอ็นดู "พี่ฉลาดนะ ขอบอก"



"พูดจริงๆ ครับ" เสียงทุ้มยืนยันเช่นเดิม พระรามสะดุ้งเฮือกเมื่อไอติมขึ้นสบตาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักกับชะเอมเช่นเดิม



"เด็กไม่ดีชอบโกหก" ร่างบางขมวดคิ้วพองลม ยังคงคุยกันไม่ได้สังเกตเห็นใครบางคนที่ยืนมองอยู่นานแล้ว



"อ้าว..." ไอติมหัวเราะรับคำที่ชะเอมว่าเด็กไม่ดี ก่อนจะหันมาสบมองดวงตาเรียวและยิ้มกริ่ม แววตาเปลี่ยนไป "นั่นรามนี่" พูดด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน เย็นชา เหมือนเมื่อคืนเราไม่เคยมีอะไรกัน



อีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าเขาเห็น...แต่ก็ยังทำแบบนี้ ทำให้เขาเจ็บ



'มึงแย่งความรักของแม่จากกูไป กูจะทำให้มึงรู้สึกทรมานในแบบเดียวกัน'



ทำให้เขารัก...แล้วก็เจ็บ



"ราม...!" ชะเอมหันขวับเพิ่งมองเห็นเขา ดวงตาสีดำเบิกกว้างน่ารักน่าชัง ก่อนจะมองเลยมาด้านหลังที่เพื่อนสนิททั้งสองก็ยืนอยู่ด้วย "ดินสินด้วย เพิ่งเลิกเรียนเหรอ"



"อืม ใช่" ดินกับสินแย้มยิ้มบางเมื่อเจอร่างบาง ใครๆ ที่อยู่กับชะเอมก็รู้สึกดีกันทั้งนั้น



"รามเป็นอะไร ทำไมต้องใส่หน้ากากอนามัยด้วยล่ะ"



"เปล่า...แค่ก" จะตอบให้เพื่อนที่น่ารักคลายกังวลแต่กลับไอแห้งออกมาอีก เขาทั้งเจ็บและแสบคอมาก...วินาทีนั้นไม่รู้ทำไมสายตาของเขาเผลอเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลา แต่ในยามที่มีชะเอมอยู่ด้วย ไม่มีทางเลยที่ดวงตาคมกริบที่เขาหลงรักจะมองเขา



เพราะติมชอบเอม...และติมเกลียดพระราม



"เปล่าอะไร ไอ้หมอนี่มันไม่สบายมาตั้งแต่เช้าแล้ว กำลังจะไปห้องพยาบาลขอยามากินน่ะ"



 มือบางยกขึ้นทาบทับตรงหน้าผากก่อนจะอุทานดังด้วยความเป็นห่วง "ราม...รามตัวร้อนมากเลย เราว่าไปโรงพยาบาลดีกว่านะ"



"ไม่เป็นไรเอม กินยาหน่อยเดี๋ยวก็หายนะ" มือเรียวยกขึ้นจับมือของชะเอมออกก่อนจะกุมแน่นให้ความสบายใจกับคนตรงหน้า แต่หารู้ไม่ ฝ่ามือของพระรามก็ร้อนระอุไม่แพ้กันยิ่งเรียกสายตากังวลจากชะเอมมากกว่าเดิม



ความเป็นห่วงที่ชะเอมแสดงออกมาทำให้เขารู้สึกดีและชื่นใจมากขึ้นที่ยังมีใครคอยเป็นห่วง



แม้ใครบางคนที่อยากให้เป็นห่วงจะไม่ห่วงเขาเลยก็ตาม



"งั้นเดี๋ยวเราไปห้องพยาบาลด้วย" ชะเอมบอกเพราะกลัวพระรามจะเป็นลมไป หน้าซีดขนาดนี้ใครๆ เห็นก็เป็นห่วง



พระรามพยักหน้าน้อยๆ ด้วยดวงตาเหม่อลอย ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินไปพร้อมกัน ไอติมยืนล้วงกระเป๋ากางเกง ดวงตาคมกริบมองแผ่นหลังร่างโปร่งแล้วเดินตามไปหลังสุดแบบเงียบๆ



ร่างโปร่งได้พารามาสองแผง...แผงละหกเม็ด



"ผมขอแผ่นแปะหน้าผากด้วยได้มั้ยครับ" พระรามบอกเสียงแหบ แต่เห็นพยาบาลทำหน้างง ร่างโปร่งก็บอกอึกอัก "คือว่า แค่ก...ที่ช่วยลดไข้"



สุดท้ายก็ได้มาสองแผ่น แล้วก็ได้ผ้าปิดปากมาอีกสองอัน ดีจริง ไม่ต้องเสียเงินเลย



"รามเป็นไงบ้าง" เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ด้านนอกลุกขึ้นถามทันทีที่เห็นเขาเดินออกมา



"อืม ไม่เป็นไรมากหรอก แค่เป็นไข้ ปวดหัวตัวร้อนนิดหน่อย" พระรามบอกก่อนจะไอเสริมอีกทีหนึ่ง



ร่างโปร่งโกหก หมอบอกว่าไข้ของเขาสูงมาก ตอนแรกบอกให้นอนพักที่เตียงของห้องพยาบาลไปก่อนแต่เขาปฏิเสธโดยอ้างว่าจะไปนอนที่บ้านแทน



แต่ความจริงแล้วรามมีภาระที่ต้องไปทำ...ไม่พ้นเรื่องงาน



พระรามเปลี่ยนแมสก์ก่อนจะเดินเอาอันเก่าที่ใช้แล้วไปทิ้งขยะใกล้ๆ "เดี๋ยวเรา...กลับก่อนนะ"



"เดี๋ยวสินกับดินบอกว่าจะไปส่งนะ รามอย่ากลับเองเลย เราเป็นห่วง" ชะเอมบอกอย่างเป็นห่วง พลางจับแขนรามที่กำลังจะปฏิเสธเบาๆ



"ไม่เป็..."



"เดี๋ยวผมไปส่งรามเองครับ ยังไงผมก็จะกลับแล้ว" ไม่อยากจะเชื่อว่าไอติมเป็นคนเสนอขึ้นมา แม้เขาจะรู้สึกดีใจไม่น้อย แต่ในใจลึกๆ ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงจะอยากทำดีให้ชะเอมเห็นเพียงเท่านั้นแหละ ไม่ได้หวังดีเป็นห่วงเขาเลยแม้แต่นิดเดียว



มาทำแบบนี้เขายิ่งสมเพชตัวเอง เหมือนเป็นเพียงเครื่องมือให้ไอติมดูดีในสายตาคนที่ชอบยังไงยังงั้น



เขาเป็นได้เพียงแค่นั้นเองหรือ



"ไม่เป็นไร เพื่อนกู พวกกูไปส่งเองได้" ดินบอกตาขวาง ตั้งแต่รู้จักมันครั้งแรกแล้ว เขารู้สึกไม่ดียังไงตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นไม่เปลี่ยน



"ไม่ต้องทั้งนั้นแหละ...แค่ก กูต้องไปทำงานต่อ" พระรามบอกก่อนจะเดินหันหลังออกไปไม่สนใจคำท้วงของใครทั้งนั้น



ระหว่างรอรถเมล์เพื่อนั่งรถไปที่ทำงานเพราะวันนี้เขาคงเดินเหมือนปกติไม่ไหว กลับมีรถสปอร์ตคันคุ้นตาแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าจนคนมองเต็มไปหมด ซ้ำคนขับยังเดินลงมา ขาเรียวถอยหลังไม่ทันขายาวที่เดินเข้ามารวบตัวและยัดร่างเบาหวิวใส่ที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะเดินอ้อมมานั่งประจำที่อย่างรวดเร็ว เขาที่นั่งหอบเหนื่อยเพราะต้านแรงนั้นไม่ได้แล้วยังปวดหัวตุ้บๆ ไม่หยุด พระรามหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเพราะหนีก็หนีไม่ได้เพราะเขาปลดล็อคประตูรถหรูคันนี้ไม่เป็น



“ติมจะทำอะไร...พี่บอกว่าพี่จะไปทำงาน!” ดวงตาเรียวรื้นน้ำตาตวัดมองคนขับรถที่เหยียบคันเร่งออกตัว ภาพหัวเราะของคนสองคนนั้นมันติดตรึง...สายตาอบอุ่นที่เขาอยากได้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังกับคำด่าทอว่าร้าย



น้อยใจ...น้อยใจมากๆ



ทำไมกับเขาถึงไม่พูดดีๆ กันบ้าง...เขาก็แค่คนๆ หนึ่งที่อยากมีความรักที่สมหวัง อยากอยู่ในสายตาคนสำคัญ หรือเป็นเพราะว่าเขามันหน้าตาไม่ดี...เพราะว่าจนอย่างนั้นใช่มั้ย เขาถึงไม่มีวันที่จะได้สิ่งดีๆ บ้างเลย



มีแค่ตอนอยู่บนเตียงที่เขาเหมือนเป็นคนสำคัญ...แต่นั่นเขาก็คงคิดไปเองอีก



"เกลียดพี่แล้วจะมารับทำไม!?" ทั้งๆ ที่ปวดหัวแทบตายแต่ก็ยังตะโกนเสียงดังให้มันร้าวขึ้นไปอีก



แต่ไอติมยังคงนั่งนิ่งงัน สายตามองไปข้างหน้า ใบหน้ามนซีดเซียวกัดปาก



"ปล่อยพี่ลงนะ! พี่ต้องไปทำงาน!! ติม ปล่อยพี่!" มือเรียวดึงคันชักพยายามเปิดประตูแต่เปิดไม่ออก ถ้าหากว่าเขากระโดดลงไปได้ก็กระโดดลงไปแล้ว จะตายๆ ไปก็ช่าง! เพราะเขาทนไม่ไหวแล้ว รามไม่อยากทนอารมณ์บ้าบอที่ไม่รู้จะดีหรือร้ายของไอติมแล้ว



เขาเจ็บ



จะเกลียดเขาทำไมนักหนา...เรื่องแม่ภาวดีเขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย



เอี๊ยด!! ปึก!



พระรามตั้งตัวไม่ทันเพราะจู่ๆ รถสปอร์ตก็เบรคกะทันหัน ทำให้คนที่ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยกระเด็นไปชนคอนโซลอย่างแรง



"ติม...!"



"หุบปาก!" ดวงตาคมกริบตอนที่ตวาดนั้นเหมือนกับเขาเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน



ร่างโปร่งได้แต่เม้มปากกลั้นความเจ็บปวดทั้งกายและใจ ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งและคาดเข็มขัดดีๆ เพราะไม่อาจขัดอารมณ์รุนแรงของไอติมได้เลย



‘ไม่ได้น่ารักเหมือนพี่ชะเอม ก็อย่าร้อง มันน่าเกลียด’



น้ำตารื้นขึ้นและไหลลงอาบหน้า ไม่อาจอดทนอดกลั้นมันได้อีกต่อไปแล้ว...จะน่าเกลียดก็ให้มันน่าเกลียดไป เพราะยังไงเขาก็หน้าตาไม่ดีอย่างที่ติมบอกจริงๆ



"ฟืด...ฮึก! ติมจะไปไหน" เสียงทุ้มใสสั่นเครือ



"..."



"ปล่อยพี่ไปไม่ได้เหรอ อย่าโกรธเคืองกันเลยนะ เรื่องแม่พี่ขอโทษ..."



"กูบอกให้หุบปากไง ถ้ามึงไม่เงียบ กูจะเอามึงตรงนี้...ในรถนี่แหละ"



พระรามนั่งเงียบทันที เม้มปากแน่นแต่ก็ไม่อาจกักเก็บอาการไอค่อกแค่กของตนได้ แต่ดีที่ร่างสูงไม่ได้ว่าอะไร



นี่เขาทำอะไรผิดเหรอ แค่เกิดมาแล้วได้พบเจอกับภาวดี...ก็ผิดแล้วใช่มั้ย



ถ้าหาก...ถ้าหากเขาไม่ได้เจอกับภาวดี...ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะไปอยู่ที่ไหน...แล้วก็อาจจะไม่ได้พบเจอกับอีกฝ่ายเลยก็ได้



ถ้าหากเขาเกิดมาเหมือนคนทั่วไป...แล้วได้พบเจอกับร่างสูงในสถานที่ที่ต่างกัน...สถานการณ์ที่ต่างกัน...ไอติมจะใจดีกับเขาบ้างหรือเปล่า



ถ้าหากเขาน่ารักเหมือนเอม  ไอติมอาจจะชอบเขาบ้าง



น้ำตากลั่นและไหลออกมาไม่หยุด แค่เรื่องพ่อเขาก็เครียดจะตายอยู่แล้ว...ปวดหัวปวดตัวเจ็บคอ...แล้วทำไมยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีกนะ



“...แค่ก!”



พระรามลูบแขนก่อนที่มือเรียวจะเลื่อนไปปิดแอร์รถยนต์เพราะมันทำให้เขาหนาวสั่นแต่ไอติมกลับเลื่อนไปเปิด ซ้ำยังเร่งจนสุดแถมจ่อมาที่เขาราวกับจะกลั่นแกล้ง



วิวทิวทัศน์ที่เริ่มพร่ามัว มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางคือที่ไหน ร่างโปร่งที่ยกขาขึ้นนอนขดตัวหันหลังให้อีกฝ่าย ไอค่อกแค่กติดขัด ซ้ำยังหอบหายใจสั่นพร่าไร้เรี่ยวแรง ดวงตาเรียวปรือปรอย ฟันขาวกระทบดังกึกๆ จนในรถที่มีแต่ความเงียบได้ยินชัดเจน



...ง่วง...หนาว...



"...หนาว..."



หนาวจังเลยครับแม่



********************* Love Substitute *********************



ทันทีที่รถสปอร์ตหรูจอดที่ลานจอดและมือใหญ่บิดกุญแจรถดับเครื่อง ไอติมก็กันมามองคนที่นอนกอดเข่าขดตัวแน่นบนเบาะกว้าง หลับตาพริ้มสนิท แต่ลมหายใจภายใต้หน้ากากอนามัยนั่นมันดังฟืดฟาดเหมือนคนหายใจไม่ออก



"เฮ้..."



"..."



"เฮ้ ราม" พอเรียกไม่ตื่นซักที ไม่มีแม้แต่จะรู้สึกตัว เขาจึงต้องยกมือเขย่า แต่ทันทีที่แตะเข้าที่แขนผอมผ่านเสื้อนักศึกษา



...ร้อน...



'รามเป็นอะไร ทำไมต้องใส่หน้ากากอนามัยด้วยล่ะ'



'เปล่า...แค่ก'



'ราม...รามตัวร้อนมากเลย'



'ไม่เป็นไรเอม กินยาหน่อยเดี๋ยวก็หายนะ'



นึกว่าจะสำออยซะอีก



แต่แล้วยังไง? เขาต้องสนใจ?



หลังมือยกขึ้นทาบตรงข้างแก้ม พบว่ามันยิ่งร้อนระอุ พระรามสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสเย็นเฉียบโดนผิวกาย ดวงตาเรียวค่อยๆ ปรือขึ้นมองก่อนจะกระพริบเชื่องช้า ไอติมรีบผละออก นั่งกอดอกมองดูคนป่วยจริงลุกขึ้นนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง



"ที่นี่...แค่ก...ฟืด! แค่กๆๆ" รามพูดขึ้นก่อนจะไอโขลก ร่างโปร่งไอแรงติดต่อกันนาน ท่าทางเหมือนจะอ้วก กว่าจะสงบเสียงทุ้มก็พูดขึ้น



"ถึงแล้ว กูปลุกก็ไม่ตื่น รีบๆ ลงมา...ถึงจะเดินไม่ไหวก็ไม่อุ้มหรอกนะ"



ขายาวก้าวเดินนำไปก่อนส่วนร่างโปร่งก็ค่อยๆ ลงจากรถ ยืนนิ่งและปิดประตู...ความคิดความอ่านที่ประมวลผลช้าจนไอติมต้องยืนกอดอกรออย่างหงุดหงิด



เวลาเขาป่วยก็ไม่สำออยขนาดนี้ไหมวะ?



พอร่างโปร่งเดินมาใกล้ ร่างสูงก็เดินไปกดลิฟต์ลูกศรขึ้น แต่มือเรียวขาวซีดก็ยกขึ้นกดปุ่มลูกศรลงในวินาทีถัดมาเรียกเสียงจิ๊ปากจากเขาดัง



จะเหม่อจะเบลอยังไงก็น่าจะเห็นเขากดชั้นไปแล้ว นี่ยังกดซ้ำลงไปแถมคนละปุ่มอีก...เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิด!



แต่ดวงตาเรียวเหม่อลอยมองแผงอิเล็กทรอนิกส์บอกเลขชั้นที่กำลังเข้าใกล้ชั้นนี้โดยไม่สนใจอารมณ์หงุดหงิดของเขาเลยแม้แต่นิด ซ้ำยังไอค่อกแค่กซ้ำเติมเหมือนราดน้ำมันบนกองไฟ



ครืด ครืด



เสียงสั่นของโทรศัพท์สะเทือนมาจนรู้สึกตัว ติมล้วงมันขึ้นมาดู ก่อนจะกดยิ้มมุมปาก



"ว่าไงครับ พี่ชะเอม"



ดวงตาคมกริบเหลือบมองคนข้างกายที่สะดุ้งเล็กน้อย เป็นปฏิกิริยาที่น่าดูชมยิ่งนัก เรียกรอยยิ้มสะใจจากเขาได้เป็นอย่างดี



"อ๋อ~ รามเหรอ...ผมก็ส่งถึงบ้านเรียบร้อยปลอดภัยแล้วครับผม" ไอติมรู้สึกว่าเสียงตัวเองระรื่นเกินพอดี ปกติเวลาคุยกับชะเอม เขาก็ไม่ได้ชื่นมื่นถึงขนาดนี้สักหน่อย "คราวหลังพี่ก็ให้ผมไปส่งบ้างสิ"



ติ๊ง!



ดวงตาคู่คมมองว่าลิฟต์ที่มาเป็นลิฟต์ที่กำลังจะลง ไม่ใช่เป้าหมายของเขา จึงเอ่ยประโยคถัดไป



"อะไรนะครับ พรุ่งนี้ไปดูหนังเหรอ ไปสิ...เฮ้ย!" เสียงทุ้มอุทานลั่นเมื่อทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก พระรามก็ก้าวเข้าไป ยังดีที่เขาเข้าไปห้ามทันและลากเจ้าตัวออกมา



"ติม...ปล่อย" แขนผอมที่ร้อนระอุพยายามบิดออกแต่เรี่ยวแรงไม่มากพอที่จะขัดขืน



"จะไปไหน นี่มันลิฟต์ลง!"



"พี่จะไปทำงาน..." เสียงทุ้มใสบัดนี้แหบพร่าตอบตาปรือ



"สภาพนี้เนี่ยนะ!?" เขาแหว



"..."



"ไปก็ไปถ่วงเขามากกว่าจะไปช่วยมั้ง!?" ไอติมบอกพลางมองสภาพอิดโรยของพระรามตอนนี้ว่ามันเป็นอย่างที่เขาบอกจริงๆ แต่ดูซิว่าอีกฝ่ายตอบกลับมาว่าอะไร



"เรื่องของพี่ แค่ก...!" ซ้ำยังไอโขลกอีกรอบให้ชวนด่านัก



"เออ ตายห่าไปเลยมึง" แม้ปากจะพูดกระแทกกระทั้นแบบนั้น แต่มือใหญ่ก็กอบกุมแขนผอมไม่ปล่อย ซ้ำยังบีบแน่นเพราะคนป่วยมันยังดิ้นไม่หยุด



รามนิ่งเงียบก่อนจะเอ่ยทั้งขมวดคิ้ว "ถ้าพี่ตายก็สะใจติมแล้วนี่...แล้วจะมาทำแบบนี้ทำไม" เสียงทุ้มใสพูดแหบโหยเจือตัดพ้อน้อยใจ คำพูดเมื่อกี้ของเขาดูเหมือนจะไปสะกิดอะไรบางอย่างในใจของพระราม



ติ๊ง!



ร่างสูงลากคนป่วยที่ปลิวตามแรงเข้ามาในลิฟต์ด้วยและกดชั้นที่เป็นห้องของเขา



"อย่าดิ้นนักได้ไหมวะ" เสียงทุ้มพูดรำคาญ ยิ่งทำให้แรงแงะมือที่แขนหนักขึ้นอีก ทั้งยังขมวดคิ้วน้ำตาคลอหน่วย พระรามที่ป่วยดูเงียบรื่นหูก็จริง แต่ความดื้อคูณสอง ซ้ำยังพูดไม่รู้เรื่องอีก



"โว้ย แม่ง"



พอลิฟต์ขึ้นมาถึงจุดหมาย ไอติมก็ลากพระรามออกไปอย่างรวดเร็ว แน่ล่ะว่ามีหรือร่างโปร่งจะยอม แต่ก็ขัดแรงเขาไม่ได้อยู่ดี



"ปะ แค่กๆ ปล่อยนะ...ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย" เขาหันขวับ เบิกตาโพลงอย่างตกใจ ไม่คิดว่าพระรามจะร้องเรียกคนที่กำลังเดินผ่านไปแบบนั้น จนสองคนนั้นที่ท่าทางจะเป็นแฟนกันหันมามองซ้ำยังขมวดคิ้วเริ่มสงสัยเหมือนเขากำลังลักพาตัวพระรามลากเข้าห้องอะไรแบบนั้นเลย "ช่วย...อุ๊บ!"



ไอติมยิ้มแหย มือใหญ่อุดปากคนป่วยแน่นผ่านหน้ากากอนามัย "เปล่าครับ ไม่มีอะไร แฟนผมกำลังงอนอยู่ครับ" มือล้วงคีย์การ์ดมาเสียบ พลันประตูเปิดกว้างก็ลากร่างโปร่งห้องอย่างรวดเร็ว



"ฤทธิ์เยอะนักนะ" ขายาวก้าวเข้าห้องนอนและโยนพระรามลงเตียงท่าเดิม ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนป่วยหรืออะไร "อยากรู้นัก ว่าโดนแบบนี้แล้วจะยังมีฤทธิ์อยู่มั้ย"



"มะ ไม่...!"



มือใหญ่กระชากกระดุมเสื้อนักศึกษาจนขาดทั้งแผง เผยแผงอกและหน้าท้องแบนราบสีแดงเรื่อเพราะพิษไข้ มือใหญ่ลูบตามหน้าท้องไล่จนถึงแผ่นอก มันร้อนระอุจริงๆ



ไม่อยากจะคิดว่าข้างในจะร้อนขนาดไหน...มันคงมอบความเสียวซ่านให้เขาได้มากกว่าปกติหลายเท่าตัวแน่



"ติม ฮือ ขอร้อง...อย่าทำพี่เลย" คราวนี้คนดื้อร้องไห้หวาดกลัวจนที่นอนที่เขาเพิ่งสั่งให้แม่บ้านมาเปลี่ยนเปียกชุ่ม



แต่คำร้องขอมันเหมือนยิ่งไปกระตุ้นให้เขาอยากทำแรงๆ มากกว่า...อยากกระแทก...แทรกเข้าช่องทางนุ่มร้อนระอุสักครั้ง



ว่าไปเขายังไม่เคยทำอะไรกับคนไม่สบายเลยสักครั้ง



"ติม...ยะอย่า!!" มือใหญ่กระชากกางเกงสแลคสีดำจนหลุดมาพร้อมกับชั้นใน ยิ่งทำให้เสียงทุ้มใสหวีดร้องสูง



เหลือปราการแค่เสื้อเชิ้ตที่ติดกายกับผ้าปิดปากแค่นั้น...ก็เซ็กซี่ไปอีกแบบแฮะ



พระรามได้ทีตั้งท่าวิ่งหนีเหมือนแมวดื้อแต่ไม่อาจร้อนพ้นสายตางูเห่าตัวนี้ แขนแกร่งตวัดอุ้มร่างผอมที่ดิ้นพล่านให้มาอยู่บนเตียงเช่นเดิม



...ทำไมตัวถึงได้ร้อนขนาดนี้นะ...



"ฮึก...! ได้โปรด อย่าทำพี่เลยนะ...พี่เจ็บไปหมดแล้ว..." เสียงทุ้มใสแหบโหยอ้อนวอนทั้งน้ำตาก่อนจะไอโขลกแรงเหมือนจะอ้วก "เจ็บไปทั้งตัวแล้วนะ...ฟืด!! ค่อก!!"



"...ราม?" ร่างสูงนิ่งอึ้งเมื่อเริ่มเห็นความผิดปกติบางอย่าง พระรามจิกทึ้งเสื้อของเขาเหมือนคนทรมานที่เกิดจากร่างกาย ก่อนที่เจ้าตัวจะดึงผ้าปิดปากออกและพยายามหายใจอีกครั้ง



>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่างจ้า

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep12 30/03/2019
«ตอบ #25 เมื่อ30-03-2019 14:18:27 »


>>>>>>>>>>>>>>>>>ต่อจากด้านบนจ้า




"...ฟืด...ฟืด..." ลมหายใจร้อนยังคงติดขัด แต่ก็ดีขึ้นเป็นลำดับจนดวงตาปรือปรอยค่อยๆ ปิดสนิทเหมือนคนหมดแรง



"เฮ้ย...ราม..." มือใหญ่ยกขึ้นอังใต้จมูกเล็ก แม้จะแผ่วเบาแต่เจ้าตัวก็ยังหายใจ หรือว่านี่เขากดดันอีกฝ่ายมากไปจนเป็นแบบเมื่อกี้เหรอ



ไอติมถอนหายใจดัง เขายอมแพ้ก็ได้ เรื่องที่จะทำคงต้องยกไว้วันอื่นจริงๆ ร่างสูงช้อนร่างโปร่งขึ้นอุ้ม และจัดให้คนป่วยมานอนดีๆ ก่อนจะห่มผ้าให้มิดชิด ก่อนจะไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ



วืด วืด



ร่างสูงที่เพิ่งออกมาหลังจากที่ช่วยตัวเองและอาบน้ำเสร็จสวมเพียงกางเกงนอนเปลือยบน เดินเลิกคิ้วมามองโทรศัพท์ตน ก่อนจะยิ้มมุมปาก



"ว่า..."



("พี่ชะเอมเชี่ยไรของมึง กูขนลุก")



คำทักทายแรกของอีกฝั่งทำให้ไอติมหลุดหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเหลือบมองคนป่วยที่นอนห่มผ้ากระสับกระส่ายอยู่ แล้วขายาวก็เดินออกมานอกห้องนอน



"โทษทีๆ"



("สรุปมีอะไร ทำไมต้องทำอะไรน่าสงสัย")



"...ไม่มีอะไรหรอกน่า..." เสียงทุ้มตอบปัดเหมือนรำคาญ แต่น้ำเสียงนั้นยิ่งทำให้คนที่อยู่ในสายอมยิ้มที่เพื่อนสนิทอย่างไอติมไม่มีวันเห็น



("แน่ะ ยิ่งมึงพูดแบบนี้ ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ อย่าให้กูรู้นะ ไม่งั้นกูจะล้อยันลูกบวช")



"ตกลงมึงโทรมามีอะไรห๊ะไอ้ธาร" ร่างสูงเมินคำล้อเลียน ขว้างผ้าขนหนูที่เช็ดศีรษะจนเปียกชื้นลงบนพนักโซฟาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตาม



("แหม เปลี่ยนเรื่องเฉย...ก็ช่วงนี้มึงหายไปเลยไม่มาดูพวกนี้แข่งกันแล้วหรือไง") เสียงทุ้มของธารพูดขึ้นก่อนที่เสียงเร่งเครื่องยนต์ดังกระหึ่มแทรกเข้ามา



"หนวกหูชิบหาย..." ไอติมพูดเหมือนระอา แต่ใบหน้ายิ้มกริ่ม



("ว่าไง สาวๆ ที่นี่เขาก็บ่นคิดถึงนะ หรือถ้าไม่สนสาวแล้วก็มีหนุ่มหน้าหวานหลายคนนะ พอจะตอบสนองมึงได้") ได้ยินธารพูดแล้วเขาก็ครางในลำคอก่อนจะเลียริมฝีปาก ("สนใจแล้วล่ะสิ เพราะงั้นก็รีบๆ มาหาได้แล้ว ทิ้งช่วงไปนานกูจะแย่งตำแหน่งจ่าฝูงของมึงแล้วนะ")



"ไอ้ห่า กูไม่ใช่ลิง"



("มึงก็...ทุเรศเกิน กูหมายถึงสิงโตป่ะ")



ทั้งสองคนระเบิดหัวเราะพร้อมกันก่อนจะเงียบไป ดวงตาคมกริบมองเลยเข้าไปในห้องนอนแม้จะไม่เห็นแต่ก็ยังนึกถึงใบหน้าขาวซีดออก ก่อนที่จะถอนหายใจเบาๆ ทิ้งศีรษะหงายกับพนักโซฟานุ่ม



"ตอนนี้กูมีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อย"



("เรื่องยุ่งๆ? หมายถึงเรื่องพี่ชะเอมคนที่มึงชอบอ่ะนะ")



ไอติมหัวเราะหึๆ สงสัยตอนคุยโทรศัพท์เมื่อกี้นี้เขาจะทำเสียงหวานเกินไปจนไอ้เพื่อนห่านี่มันสงสัยหนัก ถามไม่หยุดสักที "ไม่เสือกน่า"



อย่างที่ธารว่า ชะเอมน่ะเป็นสเป็คของเขาจริงๆ นั่นแหละ แล้วทุกอย่างตั้งแต่หน้าตารวมนิสัยข้างในก็ถูกใจเขามากด้วย ใบหน้าหวานตอนยิ้มแย้มตอนหัวเราะเสียงใสจนตาปิดมันน่ามองซะขนาดนั้น



("ระวังไว้หน่อย ศัตรูมึงเยอะ เดี๋ยวมันรู้ว่าคนที่มึงหมายตาเป็นใคร มีหวังไม่รอดพ้นไอ้พวกนั้นแน่ๆ") ธารเว้นช่วง ("ยิ่งกับพี่ตัวบางคนนั้นแล้วกูว่าคงจะทนตีนไอ้พวกนั้นไม่ไหว")



คนน่ารักใสซื่อบริสุทธิ์แบบนั้นไม่ควรจะมายุ่งกับคนชั่วๆ อย่างเขา...ไม่ควรจะมาเดือดร้อนเพราะปัญหาของเขา



ถ้าหากว่าการปกป้องชะเอมคือการอยู่ห่างๆ ไม่ไปยุ่ง เขาก็จะทำ



'พี่รักติม'



ยกเว้นแต่จะหาใครบางคนมาเป็นตัวตายตัวแทน



ใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราแสยะยิ้มชั่วร้ายกลายร่างเป็นจอมมารทันทีเมื่อคิดอะไรได้ ก่อนจะกรอกเสียงใส่สายลงไป



"ไม่ต้องห่วงน่า คนอย่างกูไม่ทำอะไรให้พี่ชะเอมเดือดร้อนหรอก" พอนึกถึงสิ่งที่จะทำแล้วก็ต้องหัวเราะกับความเลวของตัวเอง "เดี๋ยวไม่นานกูจะพา 'คนสำคัญ' ของกูไปแนะนำให้ทุกคนรู้จัก"



("มึงแม่งน่ากลัวชิบหาย กูล่ะอยากจะเห็นหน้าคนโชคร้ายคนนี้จริงๆ ") ธารพูดเสียงขนลุกเรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้เป็นอย่างดี ("เออ งั้นไว้เจอกันเว้ย")



ไอติมโยนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ข้างตัวก่อนจะรู้สึกในลำคอแห้งผาก ร่างสูงจึงผุดลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นใหญ่ที่ข้างในไม่มีอะไรเลยนอกจากกระป๋องเบียร์วางเรียงราย มือใหญ่หยิบมันขึ้นมาแล้วใช้นิ้วชี้งัดดังเป๊าะก่อนจะยกขึ้นจิบอึกหนึ่ง



ขายาวเดินอาดเข้าไปในห้องนอน ร่างๆ หนึ่งยังคงนอนอยู่ที่เดิมหอบหายใจหน้าแดงก่ำ หนำซ้ำยังไอค่อกแค่ก เป็นเสียงที่ฟังแล้วน่ารำคาญ



ไอติมยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้นข้างเตียง ยิ่งกระดกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มใกล้หมดเท่าไหร่ ความรู้สึกอดอยากปากแห้งมันก็ยิ่งมากขึ้น



ทั้งๆ ที่ปลดปล่อยไปแล้วด้วยการช่วยตัวเอง แต่เท่านั้นมันไม่เพียงพอ เขาต้องการคนมาตอบสนองเขาได้ถึงใจ...ปลดปล่อยน้ำของเขาเข้าลึกในช่องทางนุ่มอุ่น...ทุกวัน...วันละหลายๆ ครั้ง



และคนๆ นี้ก็ให้เขาได้...ทั้งร่างกาย...ทั้งหัวใจ...อีกฝ่ายมีให้เขาพร้อมสรรพ



เสียงครางทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์ ปากกับใจไม่ตรงกัน ทั้งๆ ที่ร้องบอกว่าไม่เอาๆ แต่ร่างกายขยับสอดรับการเคลื่อนไหวไม่แพ้กัน ยามสะโพกเล็กร่อนรองรับแรงกระแทก...เสียงหวีดร้อง น้ำตาคลอ ริมฝีปากบางอ้อนวอนขอจูบ...และสายตาขอร้องระคนเจ็บปวดยามที่เขาไม่ให้จูบที่ต้องการนั่น...



"ซี้ด..." ยิ่งนึกถึงลูกชายยิ่งพองตัวจนดันกางเกงบางจนเห็นรูปร่างจนต้องหลับตาข่มให้มันสงบ



ไอติมเลียริมฝีปากอีกครั้งก่อนจะยกกระป๋องเบียร์ขึ้น "อึก...อึก..." ไหลผ่านช่องปากจนหยดสุดท้ายลงสู่ลำคอ



กระป๋องเบียร์หนึ่งกระป๋องก็ไม่อาจช่วยให้หายอยาก...หนำซ้ำมันยิ่งกระตุ้นมากขึ้นไปอีก



'พี่รักติม'



ความรู้สึกนั้นของมึง กูจะช่วยตอบแทนให้เอง



...หวังว่ามึงคงจะดีใจนะ...



********************* Love Substitute *********************



ไอติมค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพราะได้ยินเสียงกุกกักบางอย่าง ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาสี่ห้าทุ่มได้ เพราะว่าเขารู้สึกได้ว่าเพิ่งจะหลับไปได้ไม่นาน



และในห้องนี้ไม่มีใครนอกจากแมวกับคนสองคน และเสียงที่เขาได้ยินก็มั่นใจว่าไม่ใช่เสียงของเจ้าเหมียว



แอ๊ด...ปึง



และแมวมันก็คงเปิดปิดประตูเองไม่ได้แน่ๆ!



"เฮ้ย...อย่าบอกนะ...!" คราวนี้ตื่นเต็มตา ร่างสูงสะบัดผ้าและรีบวิ่งมาทางประตูทั้งๆ ที่มืดๆ แต่เนื่องจากอยู่ห้องนี้มานานเขาจึงรู้ทุกซอกทุกมุม



แต่ก็ไม่อาจเห็นบางอย่างที่อยู่ตรงเท้าได้



"แง้ว!!"



"โทษที อุริ...!" เขารีบเอ่ย ไม่มีเวลามานั่งดูว่าแมวของตนเป็นอะไรมั้ยเพราะพระรามหนีออกจากห้องไปแล้ว!



ไม่สบายขนาดนั้นยังอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาอีกนะ!



พอเปิดประตูออกไป ก็เห็นแผ่นหลังไวๆ กำลังจะเดินไปทางลิฟต์ พระรามเหมือนได้ยินบางอย่างจากด้านหลังเลยหันมามองและเบิกตากว้าง เจ้าตัวกดลิฟต์ระรัวแต่ไม่ทันขายาวๆ ที่วิ่งมารวบตัวไว้ทัน



"จะไปไหนอีกแล้วห๊ะ ทำไมมึงถึงดื้อขนาดนี้" ไอติมจับข้อมืออีกฝ่ายแน่น และสำรวจใบหน้าซีดเซียวอิดโรยกับกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่บนไหล่ ทำให้ใบหน้าหล่อขึงขัง ถามเสียงแข็งกว่าเดิม “แล้วมึงหิ้วเป้มาทำไม? จะไปไหน!?”



“พี่จะกลับบ้าน”



“กูอนุญาตเหรอ!?” เสียงทุ้มตวาดทันที ความโมโหมันพุ่งขึ้นมาเพียงคำพูดเดียว “ถ้ากูไม่อนุญาตมึงก็ไม่มีสิทธิ์จะไปไหนทั้งนั้น!”



“ถ้าติมเกลียดพี่ก็ปล่อยพี่ไปเถอะ อย่าทรมานพี่เลย...” คนป่วยพูดตัดพ้อ น้ำตาคลอหน่วยน้อยใจ “ติมก็รู้ว่าพี่ชอบ...แต่ติมมาทำแบบนี้ พี่เจ็บ”



ยิ่งอีกฝ่ายทำดีกับชะเอมมากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกด้อยค่ามากเท่านั้น



และถ้าติมคิดจะทรมานเขาให้ตายด้วยความรู้สึกแบบนั้น...เขาก็รู้สึกเหมือนจะตายแล้วจริงๆ



“...ถ้ามึงชอบกูก็ควรจะอยากอยู่ใกล้ๆ กูสิ”



คนฟังส่ายหน้าเชื่องช้า “ถ้าติมอยากเอาพี่เฉยๆ พี่จะมาให้ก็ได้ แต่พี่อยากอยู่บ้าน...พี่จำเป็นต้อง-”



“งั้นกูจะเอาตอนนี้” ไอติมขี้เกียจฟังคำคร่ำครวญพูดอย่างคนเอาแต่ใจ



คนป่วยบิดแขนไร้เรี่ยวแรงขัดขืนทันที ก็เหมือนเดิมมันไม่มีผล "ติม ปล่อยพี่ไปเถอะ พี่ต้องไปทำงาน"



"มึงจะห่วงงานอะไรนักหนา แม่ก็ตายไปแล้วเพราะมึงไง! เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่มึงต้องทำงานงกๆ แล้ว!"



น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะ "เรื่องแม่...พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ ติมเลิกพูดแบบนี้ทีได้มั้ย" เสียงทุ้มใสสั่นเครือ



"..."



"พี่จำเป็นต้องหาเงินจริงๆ แล้วพี่ก็หยุดงานไม่ได้"



"..."



"ติม..."



"จะหาเงินเอาไปทำอะไรนักหนา" ไอติมพ่นลมหายใจแรง เบือนหน้าออกมองทางอื่น



"...นั่นมันเป็นปัญหาของพี่" คำพูดไม่ต่างอะไรกับคำว่าเรื่องของพี่ นั่นยิ่งเรียกลมโมโหจากคนฟังหนัก เรียกว่ารำคาญมากกว่าโมโหก็ได้



"เออ ถ้ามึงจะบอกว่านั่นคือเรื่องของมึง งั้นกูก็จะไม่สนแล้ว" มือใหญ่คลายออกทำให้ร่างโปร่งดึงแขนกลับมาและหันหลัง



"..." ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นพระรามก็กัดปากและกำสายกระเป๋าของตัวเองแน่น



ปกติติมก็ไม่เคยสนใจเขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าเขาจะป่วย จะอ้อนวอนขอร้องเห็นใจ จะเจ็บปวดทั้งกายและใจเพราะคำพูดของอีกฝ่ายยังไงก็ไม่เคยสนใจเขาสักครั้ง แล้วตอนนี้จะมาพูดอะไร



"อืม..." เสียงแหบครางตอบแผ่วเบาในลำคอรับรู้ สายตามองเพียงแผงลิฟต์ที่บอกตัวเลขมันช่างพร่ามัวขึ้นทุกที



ยังไงชีวิตของเขามันก็มาได้เท่านี้แหละ อยู่ตัวคนเดียว...ไม่มีใครรักแล้วก็ตายจากไป



ตอนแรกที่ติมไม่คิดจะปล่อยเขาไป เขาทรมานแทบตายเพราะความรู้สึกที่เรียกว่ารัก



แต่ตอนนี้ร่างสูงไม่คิดจะรั้งเขาไว้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องดื้อดึงอยู่ทรมานตัวเอง เพราะยังไงชาตินี้เขาก็ไม่มีวันเป็นคนสำคัญของไอติมได้



ถ้าหากอยากสมหวังในรัก...คงต้องตายแล้วเกิดใหม่



'จะหาเงินเอาไปทำอะไรนักหนา'



'รามช่วยพ่อหน่อยเถอะนะ!'



ครอบครัวของเขาเหลือแต่พ่อ...ถ้าลูกชายอย่างเขาไม่ช่วย...แล้วใครกันล่ะจะมาช่วย



ติ๊ง!



พอลิฟต์เปิดออกขาเรียวก็ก้าวเข้าไป หันหลังกลับมาหวังว่าจะได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เขาหลงรักก่อนจากกันครั้งสุดท้าย



'กูจะไม่สนใจมึงแล้ว'



...พื้นที่ตรงนั้นว่างเปล่า...



ริมฝีปากบางแห้งผากแค่นยิ้มสมเพชตน...หวังอะไรอยู่งั้นเหรอพระราม



ช่างเถอะ ต่อจากนี้ไปเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว



********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
«ตอบ #26 เมื่อ19-04-2019 18:38:41 »




ทดแทนรัก

ตอนที่ 13



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





"พ่อ...ผมกลับมาแล้ว..." พระรามเปิดประตูเข้าบ้านมาไม่ทันไรก็ต้องปิดปากไอโขลก นิ่วหน้าทั้งแสบตาแสบจมูกไปหมด "แค่กๆ พ่อสูบบุหรี่น้อยลงหน่อยได้มั้ย มันไม่ดีนะ"



นี่ผ่านมาห้าวันแล้วนับจากที่เขากลับมาที่บ้านเหมือนเดิม ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาก็เจอพ่อนอนอยู่กลางบ้านที่สกปรก รอบตัวของชายฉกรรจ์เต็มไปด้วยซากก้นบุหรี่ที่มอดแล้วเพราะไม่มีใครทำความสะอาด หนำซ้ำนพกรยังกรนคร่อกๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ถ้าหากว่าบ้านไฟไหม้ขึ้นมา ชายฉกรรจ์ก็คงจะเป็นคนจุดไฟเผาร่างตัวเองและตายไปโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ



"พ่อ" มือโบกไปมาเพื่อปัดควันที่ลอยเต็มบ้าน แต่ไม่อาจทำให้มันจาง จึงเปิดประตูและหน้าต่างออกเพื่อระบายมันออกไป



กลับมาแค่ห้าวันแต่รู้สึกพักนี้ร่างกายเขาก็ไม่ค่อยดีเพราะควันบุหรี่ที่ต้องสูดดมมันตลอดเวลา จึงมักจะมีอาการไอแห้งเป็นประจำ



"ไอ้ราม เงินล่ะ" ทุกวันๆ ที่กลับบ้านเขาเจอแต่คำถามนี้ ไม่เคยมีคำถามอื่นเลยสำหรับลูกชายที่กำลังหาเงินมาใช้หนี้ที่เจ้าตัวทำเอาไว้



"ผมกำลังหาอยู่ พ่อทนหน่อยนะ" เสียงทุ้มใสพูดอย่างลำบากใจพลางปลอบใจบิดา ใช่ว่าเขาจะชอบสภาวะตอนนี้ที่ครอบครัวกำลังเผชิญเสียเมื่อไหร่ เขาทำเท่าที่จะทำได้อย่างเต็มที่แล้วแต่เงินตั้งสองล้านจะให้หาได้ภายในเดือนเดียว...มันเป็นไปไม่ได้หรอก



"แต่กูต้องมานอนอยู่เฉยๆ แบบนี้เพราะมึงไม่ใช้หนี้ซักทีไง!!" นพกรตะโกนดัง พระรามกัดปากแน่น ดวงตาเรียวน้ำตารื้นอย่างน้อยอกน้อยใจ พยายามกล้ำกลืนฝืนทนกับคำว่ากล่าวไร้เหตุผล



"แล้วทำไมพ่อไม่ช่วยผมหาเงินบ้าง...ถ้าพ่อไม่ช่วยพ่อก็ต้องรอ..."



“ให้กูทำงาน? มึงเป็นลูกชาย แต่มึงมาใช้กูที่เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของมึงเนี่ยนะ”



“...” คนฟังได้แต่ยืนกำหมัดแน่น เขาไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้วกับคนเห็นแก่ตัวแบบนี้



บางทีเขาก็คิดว่าเขาเป็นลูกชายที่ดีเกินไปรึเปล่า ได้แต่รองรับอารมณ์ของนพกร ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาอาจจะเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกตายไปก็ได้ใครจะรู้ แบบนั้นอาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่าแล้วให้พ่อไปดิ้นรนเอาเอง



แม้ภาพด้านหน้าจะพร่ามัวด้วยน้ำตา คนที่ปากกล้าอ้างว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้ายังนอนกระดิกเท้าไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ

เขาเบื่อเต็มทน...



"มึงไปกู้มาสิ แล้วค่อยใช้คืน" คำพูดมักง่ายที่สุดแสนจะเห็นแก่ตัวโพล่งมาอีกระลอก จนคนฟังสูดลมหายใจลึก "เสี่ยรอนานแล้ว กูกระวนกระวายไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ได้แต่หลบอยู่ในบ้านเพราะมึงปล่อยให้กูเอาแต่รอๆๆ!"



"พูดบ้าๆ ไปกู้เขามามันก็แค่เปลี่ยนเจ้าหนี้แค่นั้นเองนะ!" พระรามพยายามพูดให้นพกรที่คิดจะหนีจากเสี่ยที่กลัวนักกลัวหนาให้พ้น แต่ความจริงแล้วเราก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่จบสิ้น "แล้วเราจะเอาอะไรไปค้ำประกันเล่า...พ่อหัดคิดบ้างสิ"



บรรยากาศที่เงียบไปทำให้ร่างโปร่งเดินเอื่อยเฉื่อยไปวางกับถุงกับข้าวบนโต๊ะ ก่อนจะเปลี่ยนชุดจากนักศึกษาสีขาวเป็นเสื้อยืดเหี่ยวๆ กางเกงยีนส์เก่าๆ



เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพระรามก็ต้องไปทำงานต่ออีก



"พ่อ...กินข้าว" พระรามนั่งลงประจำที่พร้อมเททุกอย่างให้ครบครันและนั่งรอให้พ่อบังเกิดเกล้าลุกขึ้นมากิน



"ก็บ้านหลังนี้ไง...เหลือแค่บ้านหลังนี้แล้วไม่ใช่เหรอ" นพกรที่นอนนิ่งเงียบไปนานเอ่ยขึ้น มันเป็นคำพูดที่ทำให้พระรามหันขวับตวาดอย่างหมดความอดทน ทบน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลอาบหน้า



"นี่พ่อบ้าไปแล้วจริงๆ ใช่มั้ย ถ้าไม่มีบ้านแล้วผมกับพ่อจะไปซุกหัวนอนที่ไหน!?"



"บ้านหลังนี้มันจะสำคัญไปกว่าชีวิตของกูอีกหรือไงวะ!!" เสียงแหบตวาดกลับมาด้วยเสียงที่ดังกว่า "จริงๆ แล้วมึงก็อยากให้กูตายใช่มั้ย!? มึงแค้นที่กูยืมเงินมึง ทำให้มึงลำบากใช่มั้ยห๊ะ!!?"



เนื้อความของอีกฝ่ายทำให้พระรามไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว



ที่เขาทำอยู่นี่ไม่ใช่เพื่อพ่อหรอกเหรอ...การกระทำของเขา...ความเหนื่อยยากของเขาไม่มีค่าอะไรในสายตาของพ่อเลยหรือยังไง



แล้วยังจะมาบอกว่าเขาอยากให้พ่อตาย?



'ก็ทิ้งไปซะสิ บ้านหลังนั้นไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว'



ไม่ว่าจะใครหน้าไหน...ก็ไม่นึกถึงใจเขาเลยสักคน



บ้านหลังนี้คือบ้านที่แม่เป็นคนหามาด้วยหยาดเหงื่อ มันคือสิ่งสำคัญของภาวดีที่เธอไม่มีชีวิตจะมาปกป้องด้วยตัวเองแล้ว ตอนนี้เขาจึงคิดจะปกป้องมันแทนเธอ



แต่หลังจากแม่ตายไป นพกรกลับไม่เคยถามถึงสักครั้งเดียว...แล้วยังจะเอาบ้านหลังนี้ไปอีกเพื่อความคิดและการกระทำอันเห็นแก่ตัวของตัวเอง



"จะยังไงก็แล้วแต่...ผมไม่เอาบ้านหลังนี้ไปค้ำประกันเพื่อกู้หนี้ของพ่อหรอก ถ้าเสี่ยรอไม่ได้ผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว" พระรามพูดอย่างไม่แยแสอยากจะรู้ว่าพ่อจะทำยังไง ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ลุกขึ้นตวาดหน้าแดง



"ไอ้ราม! ไอ้ลูกทรพี! กูว่าแล้วมึงนี่มันเลวจริงๆ!!"



โครม! เพล้ง!



ไม่เพียงแค่นั้นยังคว่ำโต๊ะอาหารโต๊ะเล็กๆ ที่วางเตรียมทั้งข้าวกับข้าวเอาไว้อย่างระบายอารมณ์โมโหจนมันแตกกระจัดกระจายเละเทะ ก่อนจะเดินตึงตังออกจากบ้านไป



พระรามนั่งนิ่งอึ้งกับการกระทำโหดร้ายและก้มมองกองกับข้าวที่เขาอุตส่าห์เลือกซื้อมา น้ำตารื้นขึ้นก่อนจะไหลลงอีกครั้ง



"ฟืด...ฮึก! ฮือ..." ร่างโปร่งกอดเข่าร้องไห้อยู่คนเดียวเพียงลำพังในบ้านเวิ้งว้าง ในอกมันอึดอัดเหลือเกินกับสถานการณ์และภาระที่เขาต้องแบกรับ



อุตส่าห์คิดว่ายังไงก็ทนไหว...ทนไหว



แต่ตอนนี้เขาไม่แน่ใจแล้ว





พระรามต้องล้มทั้งยืนในวันเดียวกันเพราะหลังจากที่เขากลับมาจากทำงานกำลังเดินเข้ามาก็มีคนน่าสงสัยยืนอยู่เต็มซอย ใบหน้ามนตาโตแตกตื่น ขาเรียวรีบวิ่งไป เขาแทรกตัวผ่านฝูงชนที่มุงเต็มหน้ารั้ว พบว่าคนพวกนี้มีธุระกับที่บ้านของเขาและกำลังค้นภายในบ้านจนเละเทะไปหมด



"นี่พวกคุณจะทำอะไร!? อย่ามาค้นบ้านของผมตามใจชอบนะ!" พระรามตะคอกหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ร่างโปร่งกระโจนเข้าไปหาคนที่เตะกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาจนมันปลิ้นออกมาเละเทะ ซ้ำยังเหยียบจนเป็นรอยรองเท้า แต่ยังไม่ทันพุ่งไปถึงตัวกลับถูกรั้งแขนไว้ทั้งสองข้างและกดให้คุกเข่าลงกับพื้นเสียก่อน



"เด็กนี่ใคร?" ชายคนนั้นถามขึ้นพลางหันมามองแต่เท้ายังไม่ยกจากกระเป๋าเสื้อผ้าของเขา ชายตัวสูงใหญ่แต่อ้วนพุงพลุ้ยสวมเสื้อเชิ้ต พันผ้าพันคอสีแสบตา นิ้วมือสวมแหวนทองวงใหญ่เต็มสิบนิ้ว



"สงสัยจะเป็นลูกชายของไอ้นพกรครับเสี่ย" เสียงตอบมาจากคนที่หิ้วแขนขวาของเขา



ดวงตาเรียวเบิกกว้างทันทีที่ได้ยิน ไอ้พวกนี้มันรู้จักพ่อด้วย? ที่มากกว่านั้นคือเมื่อกี้มันเรียกคนตรงหน้าว่าเสี่ย!?



คนที่พ่อไปกู้มาจนติดหนี้อยู่สองล้าน!



"ลูกชายของนพกร? ไอ้หมอนั่นมันมีลูกด้วยเหรอ" เสี่ยพุงพลุ้ยทำหน้าสงสัยก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างโปร่ง มืออวบอูมใหญ่โตเพราะเชื้อยุโรปเชิดคางขึ้นซึ่งใบหน้ามนเบือนออกทันทีเพราะกลิ่นน้ำหอมฉุนจมูกของอีกฝ่าย "พ่อมึงไปไหน"



"...พ่อ?" พระรามขมวดคิ้วกับคำถาม ก่อนที่ร่างโปร่งจะทำตาขวางกับคนนอกที่ไม่ได้รับอนุญาต เสียงทุ้มใสตะโกนดังไม่เกรงกลัวว่ามันจะเป็นใคร "ผมควรจะถามมากกว่าว่าคุณมาทำบ้าอะไรที่นี่ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาค้นบ้านนี้!?"



"โอ้ ปากกล้า" เสี่ยยิ้มชอบใจ "กูเป็นเสี่ยที่พ่อมึงติดหนี้ไว้สองล้านไง แล้ว..."



“เสี่ยครับ!” เสียงตะโกนดังขึ้นเรียกทำให้คนที่กำลังจะพูดชะงัก จิ๊ปากก่อนจะตวัดสายตาคมกริบมองขวับทำเอาไอ้หมอนั่นหน้าซีดเหมือนไก่ต้ม



“ว่า”



"อะ ไอ้นพกรมันหนีไปแล้วครับ!!"



คำพูดของคนแจ้งข่าวทำให้พระรามที่ฟังตกใจตาโต ว่าอะไรนะ พ่อหนีไปแล้ว!?



แล้วพ่อจะหนีไปไหน หนีไปได้ยังไง!?



ก่อนที่จะได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ ใบหน้ามนก็ถูกกระชากให้กลับมาสบตาคมกริบที่อยู่บนใบหน้าอวบอูมอีกครั้ง



"ก็ตามที่มึงได้ยิน ในเมื่อมันไม่ใช้หนี้กู กูคงต้องเอาบ้านหลังนี้ไปแทน...ถึงจะโกโรโกโสไปหน่อยแต่ถ้าทุบทิ้งไปทำอย่างอื่นก็พอได้อยู่" เสียงทุ้มพูดจบก่อนที่จะยื่นหน้ามาใกล้กับใบหน้ามนจนประชิด แลบลิ้นเลียแก้มขาวอย่างเจ้าของไม่ทันตั้งตัว "แถมไอ้นพกรก็ยังมีลูกชายหน้าตาใช้ได้ พอจะเอามาแก้ขัดฆ่าเวลา"



"ไอ้...ไอ้โรคจิต!!" ร่างโปร่งดิ้นพล่าน แม้ใจจะสั่นกลัวจนใบหน้าขาวซีดเซียวแต่ก็ยังทำกล้าด่ากราด



"ล้อเล่นน่า" ไอ้เสี่ยเลวปล่อยคางของพระราม ก่อนจะลุกขึ้นยืดตัวหัวเราะลั่นเหมือนคำด่าของเขาเป็นมุกตลกขำขัน "ถ้าเป็นผู้หญิงมึงคงเสร็จไปแล้ว แต่กูไม่นิยมเอาตูดผู้ว่ะ"



ว่าจบก็หัวเราะตบท้ายจนไขมันกระเพื่อม ลูกน้องมันเห็นหัวหน้าระเบิดขำก็หัวเราะตามเป็นลูกคลื่น เหมือนเป็นวัฒนธรรมของพวกมันยังไงยังงั้น



"ฮึ่ย! ปล่อยสิวะ!" ร่างโปร่งถลึงตาสะบัดแขนอย่างแรง แต่คนจับมันก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดี



"ปล่อยมัน" สายตาคมกริบสมกับที่อยู่ในวงการมืดมานานปรายมอง ทำเอาพระรามขนลุกแต่ก็ได้รับอิสระในวินาทีต่อมา "รู้แล้วนะว่าบ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านของมึง เก็บของแล้วออกไปซะ...กูให้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว"



คราวนี้เขาร้อนรนรีบเอ่ยอ้อนวอน "เดี๋ยวสิ...ผมขอร้อง อย่าเอามันไปเลย" ไม่มีใครที่คิดถึงความสำคัญของบ้านหลังนี้ไปมากกว่าเขาอีกแล้ว



แต่เสี่ยมันฟังแล้วโคลงหัวอย่างหัวเสีย เดาะลิ้นเสียงดัง "โว้ย...ก็กูบอกแล้วว่านี่ชดใช้หนี้สองล้านของพ่อมึงไง ไม่ยึดไม่ได้!!"



คำประกาศิตเสียงดังอย่างเด็ดขาดทำให้ร่างโปร่งน้ำตารื้น ในสมองของรามแล่นเร็วจี๋ คิดสิ...คิดสิว่าจะทำยังไงดี!



"ถ้างั้น...ถ้างั้นผมจะใช้หนี้สองล้านให้ นะครับ เพราะงั้นอย่าเอาบ้านไปเลย" มือเรียวประกบพนมบนหน้าอก ตัวเขาช่างน่าสมเพช...ต้องมายกมือไหว้คนไม่รู้จักเพื่อขอร้องไม่ให้เอาสิ่งสำคัญของเขาไป



เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว...เผื่อว่าอีกฝ่ายจะเห็นใจเขาบ้าง



"มึงนี่นะ?" เสี่ยอ้วนเลิกคิ้วถามเสียงสูง "แล้วกูจะได้เงินเมื่อไหร่"



"ผม...ผมผ่อนได้มั้ย ถ้าเดือนละหมื่น...สะ สองหมื่นก็ได้" พระรามรีบพูดตะกุกตะกัก เขาเก็บได้มากสุดเท่านี้คือหักค่าใช้จ่ายออกไปแล้ว...อย่างน้อยก็คือได้กินข้าวสองวันหนึ่งมื้อ



"สองหมื่น!? บ๊ะ เดือนละแสนยังตั้งสองปี แล้วกูก็ไม่คิดรอเกินหนึ่งปี! ถ้ามึงหามาให้กูไม่ได้เดือนละสองแสนก็ไม่ต้องคุยกัน" ใบหน้าอวบอูมเครียดขึง



"สะ สองแสน?" ใบหน้ามนอึ้งทึ่งตกใจ บ้าแล้ว ตั้งสองแสนเขาจะหามาจากไหน



"จบ! มึงขนของของมึงออกไปได้แล้ว!!!"



ชายพุงพลุ้ยตวาดตัดบทเสร็จก็เดินออกไป ไม่คิดเจรจาไร้สาระอีก ธุระของเขาเป็นเงินเป็นทอง แค่ให้ไอ้นพกรยืมเงินสองล้านไม่ได้คืนก็อารมณ์เสียมากพอ ยังต้องมาคุยกับลูกชายคิดต่อรองหนี้กับบ้านด้วยการผ่อนเงินหมื่น!?



พระรามคุกเข่านั่งมองพวกคนเหล่านั้นค่อยๆ ทยอยเดินออกจากบ้านไปจนหมดโดยทิ้งซากสกปรกระเกะระที่พวกมันทำเอาไว้อย่างไม่แยแส



เขาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง...ถูกทิ้งโดดเดี่ยวไว้ในบ้านเพียงลำพังอีกครั้งเหมือนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ แต่...สถานการณ์ต่างกันลิบลับ



ร่างโปร่งกำหมัดแน่นจนสั่นระริก ไม่รู้จะโมโหใครดี...เสี่ยนั่น...พ่อบังเกิดเกล้าที่หนีหัวซุกหัวซุนไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว



...หรือว่าจะโกรธตัวเขาเองที่ทำอะไรไม่ได้เลย



ทั้งโกรธทั้งเสียใจ ความรู้สึกปนเปกันจนน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้...ค่อยๆ ไหลริน



"อึก..."



แผ่นหลังบางค่อยๆ คู้ตัว สะอึกสะอื้นน้ำตาหยดลงพื้นดังแปะๆ ไม่ขาด มีเพียงเสียงร้องไห้สั่นเครืออย่างเจ็บปวด



เขาปกป้องอะไรไว้ไม่ได้เลยสักอย่าง



"แม่ครับ...ผมขอโทษ..."



ขอโทษที่ปกป้องแม่ไว้ไม่ได้



'เป็นความผิดของมึงที่ทำให้แม่กูตาย!'



ขอโทษที่ปกป้องบ้านหลังนี้ไว้ไม่ได้



'บ้านหลังนี้ไม่มีค่าอะไรอีกต่อไปแล้ว'



"รามขอโทษ"



เขาพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่าง...



ทำงานหนักเพื่อจะยื้อชีวิตแม่เอาไว้...สุดท้ายแม่ก็จากเขาไป



ทำงานหนักเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ ...เพื่อให้พ่อดีใจและเห็นเขาเป็นลูกชายคนหนึ่งบ้าง



แต่สุดท้ายพ่อก็หนีไป...และคราวนี้ยังมาโดนยึดบ้านหลังสำคัญไปอีก



"ฮึก..."



บ้าบอชะมัด



การกระทำของเขา...ทุกสิ่งทุกอย่าง



...มันไร้ค่าสิ้นดี...





********************* Love Substitute *********************





"เฮ้อ..."



'ออกไปได้แล้ว หมดเวลาแล้ว'



เสียงฝีเท้าดังแท่ดๆ ตามทางเดินคอนกรีต ดวงตาเรียวเหม่อลอยมองไปข้างหน้า เจ้าตัวไม่รู้เหมือนกันว่าเดินมาถึงไหนแล้ว ความสิ้นหวังเข้าถาโถมในเวลาคราวเดียวกันจนบ่าเล็กๆ ของเขารับไม่ไหว ตอนนี้พระรามก็ไม่มีจุดหมายปลายทาง ไม่มีความคิด...แม้แต่จะมีชีวิตอยู่



...ตัวคนเดียว...



ร่างโปร่งตอนนี้มีแค่กระเป๋าเสื้อผ้าที่มีอยู่แค่สองสามชิ้นกับหนังสือเรียนนิดหน่อยแค่นั้น



พรุ่งนี้คงต้องหาห้องพักซักที่ที่มันถูกๆ



"แล้ววันนี้ล่ะจะไปนอนที่ไหนดี..." นี่มันก็จะเที่ยงคืนอยู่แล้วคงไม่มีหอพักที่ไหนเปิดอยู่หรอก



มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นมากดไล่เบอร์ที่บันทึกไว้...ไม่รู้ทำไมถึงนึกถึงตอนนั้น...ตอนที่ได้รู้จักกับชะเอมครั้งแรก



...ทำไมชะเอมถึงมีเบอร์ติดต่ออยู่แค่นี้นะ...



จริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่ต่างกัน ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อน แต่ไม่มีคนไหนที่สนิทพอที่จะคุยกันและแลกเบอร์ จนกระทั่งเจอสินกับดิน ตัวเขาก็มีไม่ถึงห้าเบอร์ด้วยซ้ำ



ก่อนจะไล่มาเจอ...ชื่อที่ทำให้เขาหยุดนิ่ง ในอกบีบรัดแน่น



...แม่ภาวดี...



ภาพโทรศัพท์มันพร่ามัวด้วยน้ำตาคลอหน่วย นิ้วสั่นระริกจิ้มผิดจิ้มถูกเพราะมองเห็นไม่ชัดกดโทรออกและแนบหู



("ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดใช้บริการ...")



มือค่อยๆ ลดต่ำลงน้ำตาร่วงเผาะจนตาพร่ามัว แต่นิ้วก็กดมันอีกครั้ง...อีกครั้ง เขาแนบมือถือกับหูนับสิบๆ ครั้ง ฟังเสียงผู้หญิงที่เป็นสายตอบรับอัตโนมัติบอกว่าเบอร์นี้ถูกระงับการใช้งานไปแล้วเพราะเจ้าของเบอร์ไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว



ถึงกระนั้นพระรามก็ยังดื้อด้านที่จะโทรออกซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น...ถ้าหากเป็นความฝันเขาคงได้ยินเสียงแม่ตอบกลับมา



"ฟืด...ฮึก!" ร่างโปร่งสูดจมูกสะอึกสะอื้นเสียงดังท่ามกลางความมืดรอบด้าน เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีใครเห็นหรือสนใจ "คิดถึงจัง...แม่ครับ"



ต่อจากนี้ผมจะทำยังไงต่อไปดี



พระรามเหมือนคนเร่ร่อนไร้ทิศทาง ไร้เป้าหมาย



บรื้นนน



เสียงรถบรรทุกแล่นผ่านไปทำให้ใบหน้ามนหันมองอย่างเหม่อลอย แล้วดวงตาเรียวก็มองเลยไปฝั่งตรงข้ามของถนนเห็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง



...ตรงนั้นมัน...



มือยกขึ้นปาดน้ำตาที่เป็นคราบบนใบหน้า ขาเรียวก้าวลงขอบฟุตบาธและเดินข้ามถนนใหญ่ไป ร่างโปร่งเดินผ่านรั้วเข้าไปในสวนสาธารณะที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบไม่เก็บเงิน ที่นี่มีต้นไม้ใหญ่เยอะปกคลุมโดยรอบทำให้ดูร่มเย็น แถมยังมีเครื่องเล่นอันใหญ่ที่ค่อนข้างใหม่สำหรับเด็กเยอะแยะเลย



ไม่เคยนึกว่าสักวันหนึ่งตนจะกลายเป็นคนไร้บ้านไร้ที่อยู่ แต่ว่าคืนนี้...ขอใช้ที่นี่เป็นที่นอนไปก่อนแล้วกัน



ลมเย็นๆ พัดมากับเสียงใบไม้เสียดสีกัน ทำให้ร่างโปร่งห่อตัวเล็กน้อย เขาค่อยๆ เดินไปทิ้งตัวลงบนตาข่ายเชือกเส้นใหญ่ที่เอาไว้ให้เด็กฝึกปีนขึ้นลง ก่อนจะเปิดกระเป๋าเป้หยิบเสื้อแขนยาวอีกตัวมาใส่ทับ และปากกระเป๋ามันก็แหวกให้เห็นปึกชีทความรู้ของเขา ดวงตาเรียวมองมันอยู่อย่างนั้น



'งั้นก็เรียนให้จบสิลูก จะได้หาเงินได้เยอะๆ'



คำพูดและรอยยิ้มในความทรงจำของแม่มันผุดขึ้นมา



มือขาวหยิบชีทขึ้นมากางดู ปลายนิ้วลูบกระดาษสากๆ ไปมาตามตัวหนังสือ นี่เขาไม่ได้มีเวลาอยู่กับมันมาเกือบสองเดือนเพราะเรื่องต่างๆ นานา



พอมาคิดย้อนดู...สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายเลย ทั้งแม่ ทั้งพ่อ...แม้จะคนละความหมายแต่ทั้งคู่ก็จากเขาไปแล้ว



ตอนนี้เหลือเพียงแค่เขาที่กำลังเดินบนเส้นทางโดยไม่มีใครมาคอยชี้นำอีกต่อไป เส้นทางชีวิตที่เขาเท่านั้นที่จะเป็นคนกำหนดมัน



ถึงภาวดีจะไม่อยู่บนโลกนี้ แต่จิตวิญญาณของเธอยังอยู่ในใจพระราม เขายังจำเธอได้ ยังระลึกถึงคำพูด คำสอนของเธอได้เป็นอย่างดี เพราะความรักและความหวังดีของเธอมันมากมายจนทำให้เด็กชายพระรามเติบโตขึ้นมาได้ขนาดนี้



อีกแค่ปีกว่าเขาก็จะเรียนจบ ดังนั้นเขาจะให้เรียนจบเพื่อให้แม่บนสวรรค์ได้ภูมิใจ และใช้ชีวิตให้สมกับคำที่แม่บอก



'แม่ภูมิใจในตัวรามนะ'



ขอบคุณครับ...ที่เลี้ยงผมมา





********************* Love Substitute *********************





ผ่านไปกว่าสองสัปดาห์ที่ไอติมไม่ได้เข้าไปยุ่งกับรามตามที่ปากว่า พอไม่มีพระรามอะไรๆ ก็ดูจะเงียบไป เขาก็ไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากเรียนกับเที่ยวเล่น ไปนอนกับใครต่อใคร(ป้องกันตลอด) แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนปลดปล่อยได้ไม่เต็มที่ ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกติดใจกับร่างกายของร่างโปร่งเสียเหลือเกิน



กับเสียงทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์เวลาครางเรียกชื่อเขาตอนอยู่บนเตียงนั่นด้วย



เขาจึงค่อนข้างหงุดหงิด เพราะนอกจากจะต้องอดทนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วยังต้องมาเหนื่อยทะเลาะกับสัตว์ในครอบครองอีก



เจ้าอุริ แมวตัวดีของเขาร้องแง้วๆ น่ารำคาญทั้งวัน เพียงแค่เจอพระรามไม่กี่วันก็ดูจะติดร่างโปร่งนั่นมากกว่าเจ้าของที่อยู่ด้วยกันมานานนับปี



มันน่าโมโหมั้ยแบบนี้



"แง้ว!"



"อะไรอีกล่ะ อาหารอยู่โน่น เทไว้ให้แล้วไง!" ไอติมว่าเสียงดัง คุยกับแมวเหมือนจะรู้เรื่องว่ามันพูดอะไร นิ้วยาวชี้ไปที่ถาดอาหารที่เทอาหารเม็ดกรุบกรอบน่ากิน(สำหรับแมว)ยี่ห้อดังที่ว่ากันว่ากินแล้วจะขับถ่ายดีขนสวยและนิสัยจะว่าง่าย(?)



"แง้วๆ!!"



"เฮ้ย!!"



แต่ที่ไหนได้สงสัยโฆษณามันจะหลอก เพราะเจ้าเหมียวอุริมันรีบวิ่งมาเกาะขาไต่ขึ้นมาจนคนตัวโตเป็นยักษ์ตกใจอุทานเสียงดัง นิ้วยาวรีบคีบหลังคอมันจนยืดแต่เหมือนนกรู้ แมวตัวจ้อยขนฟูนุ่มนิ่มรีบกางเล็บจิกกางเกงยีนส์ราคาแพงแน่นจนดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก



จึก



"โอ๊ยๆๆๆ! เจ็บๆ!" เล็บมันแหลมทิ่มทะลุโดนเนื้อขาจนไอติมร้องลั่น "ไอ้แมวบ้า พยศนักเดี๋ยวจับไปขายซะเลย!"



"แง้ว!"



สุดท้ายอุริเผลอตัวมัวแต่ร้องขู่จึงโดนหิ้วคอออกมายกขึ้นในระดับสายตา มันคงไม่รู้ว่ากับตัวขนาดเท่าฝ่ามืออย่างมัน คำขู่ใช้ไม่ได้ผลแม้แต่นิดเดียว ซ้ำยังดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาคนอื่นอีกต่างหาก(ยกเว้นเจ้าของแล้ว)



"หึหึ แกเสร็จแน่ เอาไปขายทิ้งซะเลย" ไอติมเอ่ยเสียงเข้มขู่เจ้าแมว ดูเหมือนอุริฟังรู้เรื่องว่าคนพูดอะไร แต่คนต่างหากที่ฟังไม่ออกว่ามันพูดอะไร



"แง้วๆๆๆ!" แมวตัวจ้อยขู่พองขนกางเล็บสองมือและตวัดข่วนไปมากลางอากาศ ดวงตาคมกริบยิ้มเยาะดวงตาอาฆาตแค้นของเจ้าอุริกับขาสั้นๆ น่าสมเพชของมันที่พยายามยังไงก็เอื้อมมาไม่ถึง



ก็นะ ใครจะยอมโดน...มันคงเจ็บใช่ย่อย



ทะเลาะกับแมวมาสักพัก ไอติมก็ยกมือลูบหน้าระอาตัวเอง



"มัวแต่ทำอะไรอยู่วะเนี่ยเรา"



วืด วืด



"?" ไอติมเลิกคิ้วล้วงมือถือที่สั่นดิกออกจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เหลือบมองหน้าจอก่อนจะกดรับ "ว่า..."



("วันนี้ไปกินเหล้ากัน")



คนฟังเลิกคิ้วกับคำทักทายแรกคือคำชวนไม่มีพูดพร่ำทำเพลงก่อนจะยิ้มออกมา



"เอาสิ แต่กูขอเลือกร้าน...อยู่แถวๆ ..." เสียงทุ้มกรอกเสียงบอกสถานที่ลงไป ขณะที่เดินไปโยนเจ้าเหมียวแสนดื้อใส่กรงทำเอามันดิ้นพล่านร้องง้องแง้งข่วนกรงจนเป็นรอย ไอติมยิ้มสะใจกับการดิ้นรนไม่ได้ผลของสัตว์ตัวน้อยและแลบลิ้นใส่



("หืม") คนในสายส่งเสียงในลำคออย่างสงสัยสุดฤทธิ์ก่อนจะพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ("มีเด็กแซ่บๆ ที่มึงถูกใจหรือไงวะร้านนั้น")



คนฟังขำ นึกถึงร่างโปร่งในความคิด...เด็กแซ่บๆ เหรอ เด็กหน้าจืดมากกว่ามั้ง



"ก็ 'คนสำคัญ' ที่กูบอกไง ไม่ได้เจอนานแล้ว วันนี้ได้ฤกษ์พอดีว่าจะไปรับสักหน่อย"



(“โอ้ ชักอยากจะเห็นแล้วสิ”)



“ของๆ กู”



(“อะไรวะ มึงชอบพี่ชะเอมไม่ใช่เหรอ ทำไมคนนี้ก็ยังหวง อย่าบอกนะ...”)



“ก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง กูกำลังเล่นสนุก มึงอย่ามายุ่ง” เขาพูดขัดขึ้นมาก่อนที่มันจะพูดอะไรไร้สาระไม่เข้าเรื่อง



("มึงเลวมาก")



>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง



ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
«ตอบ #27 เมื่อ19-04-2019 18:39:09 »




ต่อจากด้านบน



"มึงก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่" ไอติมว่าพลางยิ้มกริ่ม ไม่ได้ปฏิเสธคำกล่าวหานั้น



เผลอๆ ไอ้เพื่อนสนิทของเขาคนนี้ร้ายกาจกว่าอีก



("โอเคเจอกัน เดี๋ยวกูพาน้องๆ สาวๆ ไปด้วย")





ท่ามกลางแสงสีเสียงที่มีทั้งสาวและหนุ่มหลายคนเต้นโยกตามจังหวะ แต่ไม่ทำให้ร่างสูงกำยำและใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราสนใจได้ เพราะสายตาคมกริบกำลังจับจ้องร่างๆ หนึ่งที่ขยับโยกย้ายเดินไปเดินมาตามโต๊ะเหล้าไม่หยุด พอร่างนั้นเดินหายเข้าไปหลังร้าน ไม่เดินออกมาเสียที เจ้าตัวก็หันไปมองอย่างอื่น แต่พอร่างโปร่งนั้นเดินออกมาอีกก็ไม่พ้นสายตางูเห่าตามติดอย่างกับมีเรดาร์



พระรามในชุดเด็กเสิร์ฟ เสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวติดกระดุมมิดชิดเรียบร้อยทุกเม็ด กางเกงแสลคเดฟขายาวสีเดียวกันมันแนบชิดจนเห็นสัดส่วนสะโพกเล็กชัดเจน แม้จะผอมมากแต่มันก็สวยงามยั่วน้ำลายคนมองได้หลายคน...รวมเขาด้วย



แต่น่าสะใจตรงที่มีแค่เขาเท่านั้นที่ได้สัมผัสและเข้าไปสำรวจภายใน



หลังจากไม่ได้อยู่กับเขามานาน พระรามก็ดูจะโอเคขึ้นเยอะ ไม่อิดโรยเท่าที่เป็นตอนที่เห็นครั้งล่าสุดแต่น่าจะผอมลงกว่าเดิม อีกฝ่ายยังคงทำงานขมักเขม้นไม่รู้ตัวว่าเขาก็กำลังนั่งดื่มเหล้าเป็นลูกค้าอยู่ในร้านด้วย



ถ้าพระรามเห็นเขาจะทำหน้ายังไงนะ



"นี่ๆ มองอะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว~ สนใจกันหน่อยสิครับ" เสียงร้องเรียกข้างกายท่ามกลางเสียงดนตรีที่เปิดดังกระหึ่มทำให้ดวงตาคู่คมละสายตาจากใครบางคนหันมามอง ใบหน้าน่ารักคุ้นตากำลังยู่ปากขมวดคิ้ว แขนบางโอบลำคอและซบหน้าแนบอกแกร่งชิดใกล้ "ติม...ตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้เจอกันนานเลย นิล 'คิดถึง' มากเลย..."



"โอ้ว...ประเจิดประเจ้อมากครับนิล" คนรอบโต๊ะหันมามอง แต่ละคนมีสาวอกโตนั่งเกยตักเอาใจ เพราะในกลุ่มของเขาสาวๆ รู้กันดีว่าลีลาเป็นเลิศ บางคนที่ไม่อยู่ที่โต๊ะอาจจะทนไม่ไหวไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวกันอยู่ ยกเว้นไอติมที่เดินเข้าร้านมาปุ๊บ นิลชายหนุ่มร่างเล็กหน้าตาน่าเอ็นดูเหมือนจะรู้ยังไงยังงั้นรีบพุ่งเข้าชาร์จเขาไม่ทันตั้งตัว



นิลก็เป็นคู่นอนคนหนึ่ง ลีลาใช้ได้...แต่ดูจะช่ำชองไปหน่อยอาจจะผ่านมาเยอะ ดังนั้นตรงนั้นจึงไม่ตอดรัดแน่นและถึงใจเท่าคนบางคน



"แน่สิ ถ้าไม่เสนอ แล้วจะโดนสนองได้ยังไง จริงมั้ย" นิลยิ้มยั่วพูดเสียงใส พลางลูบมือกับหน้าท้องแกร่งของเขา พาลจะต่ำลงมาจนต้องยกมือห้ามเอาไว้ก่อน เดี๋ยวอะไรๆ มันจะตื่น



"นิล ไม่ซน"



"ก็นิลอยากได้" คำพูดตรงเผงที่ทำให้คนทั้งโต๊ะร้องวี้ดวิ้วส่งเสียงแซวดัง เขาส่ายหน้าน้อยๆ อมยิ้ม กับความตรงไปตรงมาของนิล...ที่ผิดกับใครบางคนลิบลับ



‘ติม พอแล้ว พี่พอแล้ว...’



ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มทำให้นิลยิ่งมองอย่างหลงใหล ใบหน้าขาวใสยกขึ้นอยากจะประทับริมฝีปาก หวังจะเกี่ยวลิ้นอย่างดูดดื่ม



แม้จะมีอะไรกันมาหลายครั้งก็จริง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ติมไม่เคยทำเลยคือจูบ และการที่ได้ริมฝีปากของคนตรงหน้าเป็นการประกาศว่าเขาเป็นคนสำคัญของไอติม หนุ่มหล่อครองตำแหน่งเดือนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง



ห่างเพียงแค่ไม่ถึงเซนติเมตรปากเล็กก็จะแตะริมฝีปากหยักทรงเสน่ห์ แต่มือใหญ่ผลักไหล่เล็กออกก่อนจนนิลขืนตัวหน้าบึ้งตึง



"อย่าลืมกฏของกู" ทั้งรอยยิ้มและดวงตาคู่คมเปลี่ยนเป็นเย็นชาจนคนมองตัวสั่น



"แต่ติม..."



"กูจะไม่จูบกับใคร ลืมแล้วเหรอ"



"แต่นิลชอบติม" คนตัวเล็กยังไม่ยอมแพ้ ความรักของเขาไม่ใช่ของปลอม ถ้าหากทะลวงจิตใจชายหนุ่มคนนี้ได้ เขาก็จะกลายเป็นคนที่โชคดีที่สุด



"กูไม่ได้ชอบมึง เรื่องเซ็กส์ก็แค่ความสนุกระหว่างเรา ถ้าแยกไม่ได้ก็คือจบ"



'พี่รักติม'



พระรามก็เคยคิดจะทำแบบเดียวกัน แต่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เหมือนเดิม...เขาไม่คิดจะจูบใคร นอกจากคนที่ชอบเท่านั้น...และในหัวตอนนี้ก็มีอยู่แค่คนๆ เดียวคือชะเอมคนนั้น



"แต่ว่านิลชอบติม! ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้ นิลจะทำให้ติมหันมาชอบนิล..."



"ใครที่คิดจะรุกล้ำความเป็นส่วนตัว กูจะตัดมันทิ้งให้หมด" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยเยียบเย็นไม่ปราณี "เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม"



ไอติมรำคาญที่สุดกับคนที่มาวอแวแล้วคิดว่าเขาจะให้ความสำคัญ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรนอกจากเซ็กส์ที่เขาให้ได้เต็มที่ถึงใจ



เขาพูดกับคู่นอนทุกคนอยู่เสมอว่าเซ็กส์กับรักมันคนละเรื่องกัน ใครที่ยอมรับได้เขาก็เต็มใจนอนด้วย แต่ว่าก็มีอยู่หลายคนที่นอนหลายๆ ครั้งแล้วก็คิดว่าเขาจะชอบ?



ไม่เข้าใจคำว่าระบายความใคร่หรือยังไง ผู้ชายน่ะก็เป็นอย่างนี้ทั้งหมดแหละ



"อะไรกัน ทำไมถึงไม่ให้โอกาสกันบ้าง" นิลพูดเสียงสั่นเครือน้ำตารื้น เขาเชื่อมาตลอดว่าความรักไม่เข้าใครออกใคร แล้วเขาก็ไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อะไร หากมีโอกาสได้เข้าใกล้ก็จะทำเต็มที่ไม่ให้ติมนึกถึงใครนอกจากเขา สักวันหนึ่งติมก็จะชอบเขาได้



แต่นี่อะไรกัน รุกเข้าทุกครั้ง กับโดนดันห่างออกมาไม่ยอมให้เข้าใกล้ ถูกตั้งกำแพงสูงขึ้นไปอีก



"อย่าดื้อเลย นิล กูเห็นมาหลายคนแล้วแบบมึงเนี่ย สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ทุกรายน่ะแหละ" เพื่อนสนิทของติมเอ่ยขึ้นด้วยความหวังดี



เพราะไม่มีใครทนความร้ายของไอติมได้สักคน



"แต่นิลมั่นใจว่านิลดีกว่าคนอื่น"



"ก็เห็นพูดแบบนี้ทุกคน เอาเถอะ ถือว่าเตือนแล้วนะ" จากนั้นชายหนุ่มหน้าคมเข้มมีเชื้อของชาวยุโรปแต่ชื่อไทยๆ อย่างสายธารก็ยักไหล่ แขนเอื้อมโอบไหล่หญิงสาวข้างกายเข้ามาแนบชิดและกระดกเหล้าไม่สนใจอีก เพราะยังไงเดี๋ยวไอ้ห่าติมเพื่อนซี้เขามันก็จัดการเองน่ะแหละ



"ถ้ามึงยังจะยืนยันเหมือนเดิม กูก็จะพูดอีกครั้ง...ไม่ว่าใครก็ไม่ได้พิเศษสำหรับกูทั้งนั้น" เสียงทุ้มเข้มพูดขึ้นกับสายตาคมกริบที่ปรายมองคนดื้อดึง ครั้งนี้นิลเป็นหนักกว่าครั้งไหนๆ ทั้งดื้อด้านตื๊อไม่จบ แล้วคิดจะประกาศตนเป็นคนสำคัญต่อหน้าพวกน้องๆ และเพื่อนสนิทของเขา “ทั้งหมดก็แค่เซ็กส์ ระบายความใคร่ น้ำแตกแยกทาง”



เขาไม่คิดจะเอาใครมายุ่งยากชีวิต ยิ่งกับคนที่รู้สึกเกินกว่าคำว่าเซ็กส์เปลี่ยนเป็นชอบหรือรักแล้วคิดจะครอบครองนั่นเขาจะตัดมันออกเป็นคนแรกเลย



และนิลก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังคิดจะก้าวก่ายชีวิตอันแสนสนุกของเขา



"ไม่ว่ามึงจะพูดอะไร ถ้าคิดจะล้ำเส้นก็ห้ามเข้าใกล้กูอีก"



มีแค่เขาเท่านั้นที่จะกำหนดว่าใครจะเป็นคนเข้าคนออก...ถ้าไม่อยากให้เข้าก็ไม่มีสิทธิ์ได้เข้า



แน่นอนว่าใครอยากจะออกไป แต่ถ้าเขาไม่ให้ มันก็ไม่มีสิทธิ์



เพียงแค่บอกว่าห้ามเข้าใกล้คนตัวเล็กก็ร้อนรนรีบบอก "มะ ไม่เอานะ...ถ้างั้น...ถ้างั้นนิลจะเป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์ก็ได้"



นิลส่งสายตาอ้อนวอน พอได้รับคำตอบคือความนิ่ง ใจดวงน้อยก็สั่นไหวรุนแรง และในเวลาไม่ถึงสามวิใบหน้าหล่อเหลาก็พยักหน้ายอมทำให้ใบหน้าน่ารักยิ้มกว้างตาปิดใจลิงโลด



ถ้าแค่ได้เข้าใกล้หลังจากนั้นจะทำอะไรก็ได้ เพราะงั้นเขาจะยอมเป็นแค่นี้ไปก่อน แต่ถ้าไม่ได้เข้าใกล้ก็เท่ากับคนไร้ค่าไปแล้ว



แล้วนิลจะแสดงให้ดูว่าเขาไม่ใช่ 'คนอื่น' อย่างที่ปรามาสกัน!



"พี่ติมนี่ฮอตมากเลย สมกับเป็นลูกพี่ของพวกเราจริงๆ" เจ้าหัวเกรียนตัวล่ำคนหนึ่งพูดขึ้น รอบด้านก็โห่ฮิ้วตามประสา แม้เขาจะดูกำยำกว่าติมมากนัก แต่เรื่องของกำลังและความน่ายำเกรงในกลุ่มคือมีสองคนที่เหนือที่สุดคือไอติมกับสายธารนี่แหละ เห็นว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่สมัยมัธยม คุยกันถูกคอมาก เรียกว่ามองตาก็รู้ใจ



และที่เขามาร่วมกลุ่มด้วยก็เพราะว่าสมัครใจมาเอง ก็ติมกับธารนิสัยดีกว่านักเลงคนอื่น ไม่ยกพวกตีหรือหาเรื่องคนอื่นไปทั่วเหมือนกับแก๊งคู่อริของพวกเขาด้วย



"แต่สาวๆ ก็ต้องคอตกล่ะเพราะพี่ติมเป็นเบี้ยนนี่นา..." ทันทีผู้ชายตัวเล็กที่สุดพูดขึ้นซื่อๆ ทำให้เพื่อนที่ตัวใหญ่กว่าข้างกายโบกหัวจนเจ้าตัวจับหัวหน้ามุ่ย “เจ้ายักษ์บ้ามาตบทำไมเนี่ย...เจ็บ”



“มั่วและมึงอ่ะ ไอ้จิ๋ว...แล้วกูก็ไม่ได้ชื่อยักษ์ ชื่อใหญ่ต่างหาก”



“มั่วอะไร ก็เบี้ยนคือเพศเดียวกันชอบกัน...กูก็ชื่อเล็กไม่ได้ชื่อจิ๋วสักหน่อย” บ่นอุบอิบก่อนจะสะดุ้งโหยงเพราะสบตาไอติมที่มองมา แก้แทบไม่ทัน “เอ๊ย ไม่ได้ชอบกัน...คือแบบมีซัมติงกันเฉยๆ”



ยังไม่ลืมว่าพี่ติมไม่ชอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร...แต่ว่าสายตานั่นน่ากลัวชะมัดเลย คงไม่มีใครกล้าจ้องสายตานั่นเกินสิบวิแน่ เดี๋ยวจะแข็งเป็นหินซะก่อน



"เบี้ยนห่าไร เขาเรียกเกย์ไหมมึง"



"อ้าวเหรอ" คนโดนตบตอบมึนๆ ทำคนตัวยักษ์อ้าปากค้างมองอย่างไม่น่าเชื่อ มันเบลอหรือมันโง่ หรือเขาจะเขกกบาลมันแรงไป



"เบี้ยนคือผู้หญิงกะผู้หญิงว้อย"



ไอ้คนมึนเกาหัว "...ทำไมมันเข้าใจยากจังวะ"



"มึงโง่เองต่างหาก"



ร่างสูงที่เป็นหัวข้อนั่งฟังเงียบๆ เผลอหลุดหัวเราะกับคำแซวอย่างไม่ถือสา รู้จักไอ้พวกนี้มานานพอควรเลยรู้ว่านิสัยของพวกมันไม่มีอะไรนอกจากความรั่ว จริงๆ แล้วตอนแรกเขาอยู่กับธารแค่สองคน บางทีชอบไปเที่ยวเล่นแข่งรถและมักจะแข่งชนะกลับมาเป็นประจำ แน่นอนว่าต้องมีคนไม่พอใจกับชัยชนะของเขากับเพื่อน ทำให้เริ่มมีคนมาหาเรื่องและต่อยตีกัน แล้วก็ดันมีเจ้าพวกนี้เข้ามาอยู่ในโคจรตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ นี่ยังมากันไม่ครบด้วย ปกติกลุ่มจะใหญ่กว่านี้มาก เวลาอยู่ด้วยกันก็เจี๊ยวจ๊าวชิบหายอย่างกับนกกระจอกแตกรัง



"พวกมึงพูดอะไร ไอ้หมอนี่มันเสือไบ...แดกได้หมด" ธารเอ่ยกลั้วขำทำให้ไอติมถอนหายใจกับคำแก้ไขของเพื่อนที่มันไม่ได้ดูดีขึ้นเลย



รักกันจริง...ไอ้ธาร



"อ้าว จริงหรือครับ ก็ผมเห็นพี่เขาอยู่กับแต่หนุ่มหน้าหวานทั้งนั้น"



"แล้วไบคือ..."



"ได้ทั้งหญิงทั้งชายไง เรื่องพื้นฐานแค่นี้ก็รู้ไว้ประดับสมองบ้างนะไอ้จิ๋ว"



"ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลยข้อมูลแบบเนี้ย" เล็กคนมึนโต้กลับซื่อ



ใหญ่เมิน หันไปถามร่างสูงใหญ่ที่เป็นเพื่อนสนิทกับติมมานาน "ว่าแต่ๆ พี่ติมไม่เคยชอบใครเลยเหรอพี่ธาร"



"ก็เท่าที่คบกันมาก็เห็นแต่ควงกับควบบนเตียง น้ำแตกแยกย้าย ไม่เห็นมันจริงจังกับใครสักคน" น้องๆ ต่างหันมามองธารพูด เห็นได้ชัดว่าสนใจเรื่องของลูกพี่เป็นพิเศษ อีกอย่างสายธารน่ะก็น่าเกรงขามไม่แพ้กันเวลาพูดอะไรก็เรียกให้คนหยุดฟังได้เสมอ



"แต่กูไม่ได้บอกว่าไอติมไม่เคยชอบใครนะ"



ธารทิ้งคำพูดเปรียบเสมือนโยนลูกระเบิดทิ้งไว้ให้เจ้าของรับผิดชอบเอาเอง พวกน้องๆ รอบโต๊ะหันมาสนใจมากกว่าเดิม แน่นอนว่านิลหูผึ่งกว่าใคร



ติมมีคนที่ชอบด้วยเหรอ



"โอววว ใครกันครับพี่ติม บอกน้องๆ หน่อย น้องๆ อยากรู้"



คำว่าน้องๆ ทำให้ธารหลุดหัวเราะพรืด “พวกมึงนี่เรียกตัวเองซะน่าเอ็นดูเลย”



ไอติมกวาดสายตามองหน้าทุกคนที่สายตาเปล่งประกายลุ้นยิ่งกว่าแม่จะคลอดลูกออกมาได้หญิงหรือชาย ร่างสูงกระดกเหล้าเข้าปากจนน้ำสีอำพันไหลลงคอดังอึกๆ หมดแก้วก่อนจะวางกระทบโต๊ะดัง



"พวกมึงแม่งขี้เสือกว่ะ" ติมว่านิ่งๆ ก่อนที่คนอื่นที่กำลังทำหน้าลุ้นจะวงแตกหัวเราะลั่น บางคนตบเข่าฉาด



"กูว่าแล้วเชียวพี่ติมแม่งไม่บอกหรอก"



เขายิ้มเมื่อบรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย นั่งมองนู่นนี่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว พอสายตาคมกริบปะทะกับร่างๆ หนึ่งก็เหมือนถูกดึงให้จับจ้องไม่วางตาอีกครั้ง



การกระทำทุกอย่างของร่างสูงอยู่ในสายตานิล ซึ่งไม่ว่าจะลูบอกลูบกล้ามท้องยังไง วันนี้ก็เหมือนจะถูกเมินอย่างสิ้นเชิง





...ไอ้หน้าจืดนั่นมันเป็นใคร?...





********************* Love Substitute *********************


อีบุ๊ควางจำหน่ายแล้วนะคะ ที่ meb,ookbee เปย์ได้ตามสะดวกสบายยย

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
«ตอบ #28 เมื่อ19-04-2019 18:39:54 »






ทดแทนรัก

ตอนที่ 14



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม​



พวกไอติมนั่งเฮฮากับผู้หญิงและของมึนเมาท่ามกลางแสงสีเสียงจนเกือบตีหนึ่งตีสอง นิลเห็นท่าทางของร่างสูงข้างกายที่เอาแต่กระดกน้ำสีอำพันในมือไม่หยุดแล้วเลียริมฝีปากด้วยท่าทางยั่วยวน มือเล็กอยู่ไม่สุขลูบกล้ามท้องที่หดเกร็งรับ ซ้ำแขนยาวยังโอบรัดไหล่เล็กให้เข้ามาแนบชิดกว่าเดิม นิลใจลิงโลดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มอดอยากปากแห้งไม่แพ้กัน



"ติม...ไปห้องน้ำกันมั้ย" ร่างเล็กกระซิบติดใบหู ทำเสียงพร่าเรียกความสนใจ แต่ไอติมกลับนิ่ง ดวงตาคมไม่มองที่ใบหน้าน่ารักแม้แต่นิด แต่กลับมองใครบางคนที่ยังทำงานขมักเขม้นไม่หยุดตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในร้าน ตั้งนานสองนานแล้วแต่ไม่สนใจเขาที่อยู่ข้างๆ เลยสักนิด!



"ไอ้ติม ไหนคือคนสำคัญที่มึงบอกวะ" ธารพูดขึ้นด้วยความอยากรู้ทำให้คนทั้งโต๊ะหูผึ่งอีกครั้ง บางคนตาสว่างสร่างเมาเลยก็มี



ร่างสูงหน้าแดงแต่ยังไม่เมา มือใหญ่ลูบไล้คลอเคลียร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองเพื่อนอย่างงงๆ ก่อนจะเอียงคอนิ่งคิดแปปหนึ่งและครางออ "อยู่แถวๆ นี้แหละ...เป็นเด็กเสิร์ฟ"



"หืม!!?" คนทั้งโต๊ะอุทานตาโต มองไปรอบๆ พร้อมเผือก นอกจากจะไม่ปฏิเสธเรื่องคนสำคัญแล้วยังบอกออกมาง่ายดาย เมื่อกี้ถามเรื่องคนที่เคยชอบแทบตายกลับไม่ตอบ แล้วทำไมคราวนี้ถึงพูดออกมาง่ายๆ



หรือว่าจะเป็นคนสำคัญจริงๆ



ชักอยากจะเห็นแล้วสิ



นิลกัดปากแน่น เมื่อกี้ร่างสูงบอกว่าคนสำคัญเป็นเด็กเสิร์ฟ งั้นก็เป็นไอ้หน้าจืดที่ติมจับจ้องอยู่ได้ตั้งนานสองนานคนเมื่อกี้น่ะสิ!?



ทำไม...ทำไม?



ใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วมุ่นมองคนที่ว่า ดวงตากลมโตน่ารักจับจ้องทิศทางตามร่างโปร่งผอมนั่นทุกการเคลื่อนไหว...จับผิด



หน้าตาก็งั้นๆ ตาตี่ไม่มีโหงวเฮ้ง จืดชืดซะไม่มี แถมยังดูจนอีก ไม่เห็นมันจะมีอะไรดีเลยสักอย่าง...ถึงเขาจะเตี้ย แต่โดยรวมดีกว่าอีกฝ่ายตั้งเยอะ!



"อ้าวๆ นี่มันๆ คุณอิสระกับพรรคพวกนี่นา" เสียงยานคางลอยเล็ดลอดผ่านเสียงดนตรีที่เปิดดังกระหึ่ม มันช่างคุ้นหูคนบนโต๊ะจนต้องหันมองพร้อมเพรียง



ทันใดนั้นคนทั้งโต๊ะก็ลุกฮือพร้อมส่งเสียงโวยวาย



"ไอ้เชี่ยภูมิ!"



"แม่งมาอีกแล้ว คราวที่แล้วมายุ่งกับสาวๆ แล้วคราวนี้จะเอาอะไรอีกวะ"



"เอาสักตั้งป่ะ! กูกำลังคันตีน"



หลายคนหน้าตึงถือขวดเอาไว้ในมือเตรียมพร้อมรบ แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเพราะคนที่เปรียบเสมือนผู้นำทั้งสองยังนั่งนิ่งไม่สนใจ



ติมถอนหายใจเบาๆ “เบื่อหน้ามึงชิบหาย”



ธารไม่หือไม่อืออะไรแต่เห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนสนิทพูด ไม่ว่าจะไปที่ไหนไอ้ภูมิคู่อริอันดับหนึ่งก็ชอบโผล่หัวสกินเฮดเกลี้ยงเกลาพร้อมกับหาเรื่องชวนคันตีนมาให้ จะเรื่องคู่นอน มองหน้า หรืออะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายทุกครั้งจะจบด้วยการตีกัน



ใช้คำว่าตีกันอาจจะน่ารักเกินไปสำหรับพวกนักเลงน่ะนะ



"คนข้างๆ น่ารักดีนี่หว่า" ภูมิไม่สนใจชะโงกหน้ามองนิลและเลียปากแผล่บๆ น่ารังเกียจ



"อยากได้เหรอ" ไอติมถามพลางดึงนิลเข้ามาใกล้อีก ทำให้คนตัวเล็กเขินอายโอบเอวสอบอย่างถือสิทธิ์เพราะคิดว่าร่างสูงจะปกป้อง แต่แล้วคำพูดต่อมาก็ทำเอาใบหน้าน่ารักซีดเซียว "อยากได้ก็เอาไปดิ"



"ติม!"



คนได้คำตอบสูดปากน้ำลายสอ "เอางั้นเหรอ"



"แต่กูแดกไปหลายครั้งแล้ว ไม่รู้ว่ามึงจะพอใจรึเปล่าที่ต้องแดกของเหลือจากกู" คำพูดไม่ต่างจากการเหยียบหน้าด้วยฝ่าเท้าทำให้ภูมิเปลี่ยนสีหน้าทันใด คนที่เป็นลูกน้องที่ยืนข้างๆ ก็เป็นเดือดเป็นร้อนก้าวออกมาด่าแทน



"มึงว่าไงนะ!!"



ภูมิยกมือห้ามเอาไว้มันเลยก้าวถอยหลังกลับที่เดิม ใบหน้าคมหันกลับมา ริมฝีปากสีเข้มมีห่วงสีเงินสองอันตรงริมแสยะออก "กูไม่จำเป็นต้องเก็บเศษเหลือของใครหรอกว่ะ เพราะแค่กูเดินผ่านเดี๋ยวก็หาของสดใหม่มาแทนได้แล้ว"



คนฟังหลุดหัวเราะพรืด ดูเยาะเย้ยจนใบหน้าของภูมิที่ประดับรอยยิ้มค่อยๆ หุบลงเรื่อยๆ เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ



"ขำอะไรของมึงนักหนา"



"เปล่า ก็แค่คิดว่าอย่างมึงเนี่ยนะจะมีปัญญา"



"ไอ้เวรเอ๊ย!" ร่างสูงหน้าแดงก่ำ คราวนี้ถูกเหยียดหยามชัดเจนแจ่มแจ้ง มือใหญ่คว้าขวดเหล้าตีกับขอบโต๊ะจนแตกครึ่งเป็นหยักแหลมน่าหวาดกลัว ส่วนลูกน้องคว่ำโต๊ะระเนระนาด พุ่งเข้าตะลุมบอนกับพวกใหญ่เล็กที่รอคอยอยู่แล้ว



สายธารถอนหายใจ ตอนแรกกะจะไม่ยุ่ง แต่จะปล่อยไว้เดี๋ยวพวกมันก็ตีกันตายห่าพอดี ร่างสูงผุดลุกขึ้นอืดอาดดวงตาและสีหน้าฉายความเบื่อหน่ายเสียเต็มประดา โคลงหัวดังกร๊อบแกร๊บก่อนจะพุ่งเข้าไปช่วยยำตีนด้วยอีกคน



เพล้ง!! โครม!



"กรี๊ด!"



ตุ้บ! ผัวะ!



ฉากด้านหลังที่คนกลุ่มใหญ่ทะเลาะโหวกเหวกจนโต๊ะรอบด้านเริ่มแตกกระเจิง ภูมิยกมือชี้ปากฉลามขู่ใส่คนที่ยังนั่งนิ่งเฉยได้กวนประสาทที่สุด "คราวนี้กูจะไม่ปล่อยมึงไปแน่ไอ้เชี่ยติม!" ตวาดเสียงดังและพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว



"ทำได้ก็ลองดู!" คนที่นั่งเฉยตะโกนออกไปบ้างก่อนจะผลักนิลไปอีกทาง ก้มตัวต่ำหลบวงแขนที่ฟาดลงมาด้านบนเป็นทางเฉียงและยกเท้าถีบใส่ช่วงกลางตัวของอีกฝ่ายที่เปิดช่องว่างอย่างแรง



พลั่ก!



"อ่อก!" ภูมิกระเด็นไปด้านหลังแต่ไม่ได้ล้ม มือกุมท้องที่โดนถีบ ก่อนจะยกมือปาดน้ำบางอย่างที่สำลักออกมาและพุ่งเข้าใส่คนที่สะบัดมือสะบัดเท้าดูชิลๆ อีกครั้ง ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความอาฆาต



ไอติมยืนนิ่งมองความแหลมคมกำลังตรงมาที่ตน ดวงตาคมกริบยังคงนิ่งเฉยไม่รู้สึกถึงความหวาดหวั่นใดๆ เห็นได้ชัดว่าไอ้ภูมิมันอยากจะฆ่าเขาให้ตาย แต่ต้องไปฝึกมาอีกสิบปีถึงจะชนะเขาได้



ร่างสูงเบี่ยงตัวไปด้านข้างหลบการโจมตีอย่างง่ายดาย จนภูมิที่พุ่งเข้ามาถลันเลยไปเพราะเบรคไม่ทัน กระแทกเข้ากับอีกโต๊ะจนล้มหน้าคว่ำระเนระนาดไป แขกก็วิ่งหนีกรี๊ดกร๊าดกระเจิดกระเจิงหายไป



"ไอ้โง่"



นอกจากจะเจ็บตัวเพราะตนเองแล้ว ยังถูกด่าย้ำการกระทำลงไปอีกไม่ต่างจากการถูกเหยียบหน้า ว่าไปโน่น ถ้าเขาเหยียบหน้ามันจริงๆ วันนี้ดั้งมันคงหักไปแล้วเพราะโดนไปหลายที



ภูมิค่อยๆ ลุกขึ้นมาโซเซ เนื้อตัวมีรอยเลือดบอบช้ำเต็มไปหมด ไม่ได้มาจากเขานะ มันทำตัวเองล้วนๆ



ร่างสูงปาดเลือดบนหน้าอย่างโมโห ยิ่งเห็นท่าทางล้วงกระเป๋าของติมกับดวงตาคู่คมที่มองต่ำมันยโสโอหังจนภูมิตวาดกร้าวตาแดงก่ำ



"อย่ามามองกูแบบนี้นะโว้ย!!"



ร่างสองร่างฟาดงวงฟาดงา ไม่สิ ต้องเรียกว่ามีแต่ภูมิต่างหากที่หายใจฟืดฟาดอย่างโมโห ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ถึงตัวไอ้เวรติมสักที! ท่าทางชิลๆ ที่แค่ขยับเคลื่อนไหวนิดหน่อยก็หลบการโจมตีได้แล้วของไอติม ทำให้เขาดูเหมือนคนโง่เง่าที่ทำอะไรมันไม่ได้เลย!



"ว้อย!"



"!!"



ดวงตาคมกริบที่เคยนิ่งเฉยเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ มีคนด้านหลังโผล่จากไหนไม่รู้มาล็อกตัวเขาไว้ถึงสองคน พยายามดิ้นสะบัดเกือบจะหลุดแล้วแต่ก็ไม่ทันไอ้ภูมิที่ถือปากฉลามกำลังจะแทงถึงตัว



"โดนดีซะบ้างเถอะมึง!"



"เชี่ยเอ๊ย!" เสียงทุ้มสบถดัง



"ติม!!"



ดวงตาคมเบิกกว้างทันทีเมื่อหูได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเขา ทันใดนั้นปฏิกิริยาของร่างกายมันตอบสนองต่อสมองอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใช้คนด้านหลังเป็นเครื่องทุ่นพยุงร่างก่อนจะยกขาคู่ถีบไอ้คนตรงหน้าจนกระเด็นออกไป และถองศอกของไอ้คนด้านหลังอย่างแรงจนจุกอั้กไปทีละคนๆ



"ไอ้พวกหมาหมู่" ร่างสูงหายใจแรง โมโหจนเส้นเลือดปูด กระทืบคนใต้เท้าไปแรงๆ อีกคนละสองสามที หันกลับมาเหลือบมองตรงที่ไอ้ภูมิมันควรจะนอนอยู่แต่มันกลับหายไปแล้ว



และ...สายตาคมกริบตวัดมองทิศทางของเสียงเมื่อครู่...เสียงที่เรียกชื่อเขา...เสียงทุ้มใสเป็นเอกลักษณ์นั่น



แต่...กลับไม่พบอะไร ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นเลย



"พี่ติม...เอาไงต่อดีอ่ะ" ร่างสูงละสายตาหันมามองพวกน้องๆ ที่ถามเสียงหอบ ด้านหลังมีแต่ซากโต๊ะเก้าอี้ขวดเหล้าที่แตก ส่วนพวกของไอ้ภูมินั้นหายไปแล้ว ไอ้สองคนที่เขาเพิ่งกระทืบเมื่อกี้ด้วย...ใส่เกียร์หนีไวอย่างกับหมา



"พวกมึงแยกย้ายกันกลับได้แล้ว ระวังตัวเอาไว้ด้วย พวกมันชอบเล่นหมาหมู่"



"ครับ" แต่ละคนฟังแล้วพยักหน้า ก่อนจะสลายโต๋เดินโซเซออกไป โดยมีแผลเล็กน้อยไปประดับบารมี แต่ก็ยังดีที่ไม่มีใครเป็นหนัก



"แล้วมึงอะเอาไง" ธารเดินเข้ามาถาม ร่างสูงเป็นคนเดียวที่ไม่บาดเจ็บอะไรเลย แถมไม่มีเหงื่อแม้แต่หยดเดียวเลยด้วยซ้ำ ไม่ต่างจากเขา



แต่เมื่อกี้ก็เกือบจะแย่แล้วเหมือนกัน



"กลับด้วยกันมั้ย"



"เดี๋ยวกูกลับ มึงไปก่อนเลย" ติมพยักเพยิด



"เออ มึงเอาตัวรอดได้กูรู้ แต่ถ้าคนมันเยอะก็สู้ไม่ไหวเหมือนกันนะ"



"เหอะน่า เดี๋ยวจะระวังตัวแล้วรีบกลับ"



"แล้วมึงจะอยู่ทำอะไร"



"ไม่เสือก..."



"ติม" เสียงเล็กมาพร้อมกับน้ำหนักที่โถมเข้ามาโอบรัดทำให้บทสนทนาระหว่างเขากับธารหยุดชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองก็ต้องถอนหายใจ



"นิล ทำไมยังไม่กลับอีก" ไม่รู้ว่าเมื่อกี้นิลหายไปไหน แต่ก็ยังดีที่ไม่โดนลูกหลง



ใบหน้าหวานน่ารักซบอกแกร่งเงยมองน้ำตาคลอ "ติม นิลกลัวมากเลย"



"..."



"ไปส่งนิลหน่อย นะ"



"มึงขับรถมาไม่ใช่เหรอ"



"แต่ว่านิลกลัว ถ้าพวกนั้นมันมายุ่งกับนิลอีกจะทำยังไง"



ติมเงยมองหน้าเพื่อนสนิทที่มันยังยืนอยู่ก่อนจะบอกกับนิลโดยไม่ถามความสมัครใจ "งั้นเดี๋ยวให้ธารมันไปส่ง"



"เอ๊ะ แต่..."



"ธารกูฝากด้วย"



"เฮ้ย..." สายธารตาโต จะออกปากด่าแต่ไม่ทันไอ้เพื่อนตัวดีมันดันรวบรัดเสร็จสรรพ แถมยังดันไหล่เล็กแรงพอประมาณจนนิลเซล้มแต่ธารรับเอาไว้ทัน เงยหน้าขึ้นมาอีกทีไอติมก็เดินไปนู่น ไม่สนใจเสียงเรียกร้องใดๆ ของร่างเล็กแม้แต่นิด



ขายาวเดินเข้าหลังร้านที่เป็นส่วนของคนนอกห้ามเข้า สายตาคมกริบกวาดมองทั่วก่อนที่เสียงทักเข้มๆ จะดังขึ้น



"เฮ้ย คนนอกห้ามเข้าโว้ย...อ้าว ไอห่าติม"



"ไอติม" เสียงทุ้มแก้กับคนร่างใหญ่ เจ้าของร้านที่รู้จักกันเพราะว่าพวกเขาชอบยกพวกมาตีกันในร้านนี่แหละ แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเสียทีเดียว เพราะคนอื่นมันมาหาเรื่องก่อน เขาก็แค่ป้องกันตัวเท่านั้นเอง



"เออ ไอ้ติม มีอะไร ตื้บกันเสร็จแล้วจะมาจ่ายค่าเสียหายหรือไง พวกมึงนี่มาทีไรร้านกูเละเทะตลอดเลย"



"เปล่า..." ไอติมเมิน ดวงตาคมกริบกวาดมองหาแต่กลับไม่เจอคนที่ต้องการ "นี่...เด็กเสิร์ฟไปไหนกัน"



เจ๋งเลิกคิ้วคนไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ "นี่พวกมึงตีกันจนหัวสมองเบลอไปแล้วหรือไง ดูเวลาก่อนถามด้วย ร้านกูปิดแล้วเว้ย เขาก็กลับกันหมดแล้วสิ"



เจ้าของร้านเท้าสะเอว อีกมือแคะขี้หูและเป่ากระเด็นไป เหลือแต่ไอ้หน้าหล่อเนี่ยแหละมาทำอะไรทีหลังร้านกู แล้วมาถามถึงเด็กเสิร์ฟทำไมวะ



เจ๋งหรี่ตา พอคิดได้ก็ยิ้มกริ่ม "ทำไมวะไอ้หล่อ แหม หายากนะเนี่ย ถูกใจเด็กคนไหนในร้านกูเหรอ"



"..." ไอติมไม่ตอบ ก่อนจะตวัดหันหลังเดินออกไปเงียบๆ ทิ้งคนตัวใหญ่เกาหัวมองงงๆ อีกฝ่ายทิ้งความเวิ้งว้างเอาไว้ ปล่อยให้เจ๋งพูดคนเดียวซะอย่างนั้น



"เออ ให้มันได้อย่างนี้"



ขายาวเร่งเดินออกมานอกซอยมืดเปล่าเปลี่ยว เพิ่งเลิกงานน่าจะไปไหนไม่ได้ไกลแต่แล้วเดินออกมาจนถึงต้นซอยก็ยังไม่เจอ...



"ชิท ไปไหนวะ" เสียงทุ้มสบถขัดใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้ามาในซอยเพราะเขาจอดรถไว้แถวๆ ร้าน



"นั่นมัน...ไอ้ติมนี่หว่า เฮ้ยพวกเรา!"



เจ้าของชื่อหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกน เห็นผู้ชายตัวโตห้าหกคนยืนสุมหัวอยู่ข้างเสาไฟฟ้าทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นก่อนจะวิ่งกรูตรงมาทางนี้ ไอ้พวกนี้มันยังไม่กลับกันไปอีกเหรอวะ!?



"จิ๊!"



แม่งเอ๊ย มีเรื่องไม่จบไม่สิ้น



ร่างสูงสับเท้าวิ่งอย่างรวดเร็วออกมาจากซอย เลียบไปทางถนนใหญ่ที่ตอนนี้ไม่มีรถวิ่งอยู่แล้วแน่นอนว่าคนก็เช่นกัน ผ่านมาสักพักไอ้พวกด้านหลังก็ยังตื๊อไม่ยอมแพ้วิ่งด้วยสีหน้าโกรธขึงตามมาติดตูด



จำได้ว่าไม่เคยทำอะไรให้พวกมันนะ



ใบหน้าหล่อเหลากำลังจะหันกลับมา ดวงตาคมพลันตวัดมองเห็นร่างโปร่งที่เขากำลังมองหาเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อและทันใดนั้นก็สบตากันพอดี



เสี้ยววินาทีที่ทันเห็นใบหน้าตกใจของพระราม แต่เขาก็ไม่มีเวลาจะได้ทำอะไรมากกว่านั้นเพราะยังมีพวกหมาหมู่ที่ต้องดูแลตามมาอยู่หกตัว ก่อนที่จะวิ่งผ่านไปและเลี้ยวเข้าซอยใหญ่ข้างหน้า ร่างสูงตวัดหันกลับมาประชันหน้ายืนรอ จนพวกที่เพิ่งตามเข้ามาชะงัก



"หยุดวิ่ง...แล้วหรือไงวะ...สงสัยชาติที่แล้วจะเป็นหมาถึงวิ่งเร็วขนาดนี้" คนหน้าสุดพูดขึ้นพลางหอบแฮ่กเหมือนเวลาหมามันวิ่งจนเหนื่อย พวกมันทั้งหมดนี่คงจะเป็นหนึ่งในลูกน้องของไอ้ภูมิ เขาไม่ค่อยชอบทะเลาะกับใครเท่าไหร่ เพราะเวลาตีกันมันก็เจ็บกาย และเขาก็รำคาญที่สุดเพราะมันไม่หายสักที



‘เอาอีกแล้วเหรอติม วันๆ มีแต่เรื่องระวังพ่อดุเอานะ’



ยังคิดถึงคำบ่นของพี่อิฐที่เป็นหมอรักษาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเพราะตัวเขานี่แหละ อีกฝ่ายควรจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำไปที่ให้ลองฝึกฝีมือก่อนที่จะเป็นหมอจริงๆ



ไอ้พวกนี้ก็ชอบหาเรื่องมาให้เป็นที่หนึ่ง ไม่ไอ้ภูมิก็พวกของมัน แล้วเขาจะทำอะไรได้นอกจากตอบสนอง...ถ้าไม่ป้องกันตัวก็ต้องโดนรุมกระทืบฝ่ายเดียว ซึ่งแน่นอนล่ะ ใครจะไปยอม



"ก็ยังดีกว่าพวกหมาหมู่ล่ะว่ะ เอะอะยกพวกข่ม"



"ถ้าเป็นหมาหมู่แล้วได้กระทืบมึงกูก็ยอมล่ะว่ะ!" เจ้าพวกตรงหน้ายิ้มแสยะไม่สะท้านที่โดนด่า โบกไม้หน้าสามอันใหญ่ในมือขวับไปขวับมาดูน่าหวาดเสียว แต่ร่างสูงก็ยังคงยืนนิ่งเหมือนเคยไม่มีแววตาของความหวาดกลัวแม้แต่นิดทำให้แต่ละคนเส้นเลือดปูดที่ขมับ



"ไอ้นี่มันกวนประสาทเหมือนที่คุณภูมิบอกจริงๆ"



"แล้วจะรออะไร ก็เข้ามาเลยสิวะ!" ไอติมวิ่งเข้าหาเองไม่ให้ได้ทันตั้งตัว ฟาดกำปั้นเข้าที่ข้างจมูกของคนหน้าสุดอย่างแรงจนมันล้มกระแทกพื้นสลบเหมือดทันที คนอื่นๆ ตกใจตาเหลือกก่อนจะตั้งสติได้และใช้วิธีเดิมอย่างขี้ขลาดคือรุมเข้ามา

“ไอ้เวรเอ๊ย!!”



ร่างสูงกระโดดตวัดขาฟาดต้นคอคนที่วิ่งเข้ามาคนแรกจนล้มกระแทกพื้นสลบไปอีกคน ทันใดนั้นอีกสองคนเข้ามา คนหนึ่งตัวเปล่า อีกคนถือไม้หน้าสาม ถึงจะกำจัดไอ้คนที่โถมเข้าใส่ตรงกลางตัวได้หวุดหวิด “ฮึ่ม!” แต่โดนรุมแบบนี้เข้าไปร่างสูงที่เก่งศิลปะป้องกันตัวแค่ไหนก็ไม่อาจรอดพ้นต้องยกแขนกันไม้ใหญ่ที่ฟาดเข้ามาตรงกลางศีรษะจนเจ็บร้าวที่แขน กัดฟันแน่นทนความเจ็บก่อนจะยกเท้าถีบไอ้มือไม้หน้าสามกระเด็นกระแทกกำแพง



ไอติมหอบแฮ่ก เหงื่อท่วมหน้า จับแขนที่สั่นระริกขึ้นมาประคอง แต่จู่ๆ ก็โดนแบบเดิมซ้ำรอยคือมีสองคนเข้าล็อกแขนจากด้านหลังแน่น แล้วอีกคนก็เข้ามาชกเข้าที่ลำตัวทันทีไม่ทันตั้งตัว!



พลั่ก!



"อุก!"



ผัวะ! ผัวะ!



"เอาไปอีกที!" คนที่ได้ใจชกเข้าที่ลำตัวร่างสูงไม่ยั้ง พร้อมกับเสียงหัวเราะสะใจของคนที่ยังไม่ถูกติมจัดการ ร่างสูงไม่ยอมอยู่เฉยกระชากแขนอย่างแรงเพื่อให้หลุดจากการกอบกุม แต่ก็โดนชกเข้ามาอีกหลายทีทำเอาจุกจนตาพร่า จนกระทั่งคนชกเหนื่อยหอบ ติมถมเลือดที่อยู่ในปากออก ก่อนที่ดวงตาคมกริบจะมองอย่างอาฆาต



“อย่าให้กู...หลุดไปได้นะ”



"เหอะ! โดนจับแล้วยังทำเป็นปากเก่งอีกนะ...มึงหลบไป กูขอบ้าง" ชายถือไม้หน้าสามที่ถูกไอติมถีบกระเด็นผลักเพื่อนออกไป เหวี่ยงแขนขึ้นลงยิ้มสะใจกับคนที่ท่าทางหมดสภาพ “จัดการมึงได้คุณภูมิคงให้รางวัลกูอย่างงาม”



“หึ นอกจากหมาหมู่แล้วยังเลียตูดเจ้าของ ถุด!” ไอติมยิ้มมุมปากพูดเยาะทำตัวราวกับไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง ซ้ำยังถุยน้ำลายลงพื้นทำให้รอยยิ้มของคนร้ายหุบลง เงื้อไม้หน้าสามขึ้นเหนือหัวด้วยความโมโหที่ถึงขีดสุด!



"คุณตำรวจครับ ทางนี้ครับ! มีคนตีกันอยู่ทางนี้!"



เสียงตะโกนที่อยู่ต้นซอยพร้อมกับเงาคนรางๆ ทำให้คนที่กำลังจะกระทำลดมือลงทันที ก่อนจะหันไปมองอย่างหวาดระแวงและเดาะลิ้นขัดใจ



"อะไรวะแม่ง!"



ไอ้สองคนที่จับแขนรีบปล่อยไอติมลงอย่างรวดเร็วและไปช่วยพยุงพรรคพวกที่สลบคาพื้นขึ้นบ่า ต่างคนต่างพากันทยอยเดินลึกเข้าซอยไปอีก ไม่กล้าเสี่ยงไปเจอตำรวจ แล้วซักพักพวกมันก็หายไปกับความมืด



“แค่ก...แค่ก”



ร่างสูงไอโขลกทรุดลงกับพื้นจับกล้ามหน้าท้องที่ถูกกระทุ้งทั้งเข่าทั้งกำปั้นไปหลายที แถมแขนข้างที่ถูกฟาดด้วยไม้หนายังเจ็บร้าวจนต้องร้องซี้ด หรี่ตามองทิศทางของเสียงที่ตะโกนเรียกหาตำรวจแต่กลับไม่มีใครมาสักคน



จนกระทั่งบรรยากาศเงียบไป ร่างสูงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นและเดินโซเซออกมาจากซอยนั้น มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นใคร ไม่มีแม้แต่วี่แววของคน ทั้งตำรวจ...และคนที่ตะโกนเรียกตำรวจคนนั้น





********************* Love Substitute *********************





"ฟู่..."



พระรามลอบถอนหายใจ เห็นแผ่นหลังกว้างของไอติมที่เดินกลับไปอีกทางแล้ว ก็ค่อยๆ โผล่ออกมา ดวงตาเรียวสั่นไหวระริก มือเรียวกำกระเป๋าสะพายแน่นก่อนที่จะค่อยๆ หันหลังเดินกลับไปเงียบๆ



ทำไมไอติมถึงชอบมีเรื่องต่อยตีนักนะ เมื่อกี้ก็ท่าทางจะเจ็บหนักด้วย ถ้าหากเขาไม่ตะโกนเรียกตำรวจอีกฝ่ายคงโดนไม้ฟาดเข้าที่ศีรษะไปแล้ว



...ดีจริงที่ช่วยไว้ทัน...



ไม่ได้เจอร่างสูงตั้งสองสัปดาห์แต่อีกฝ่ายก็ยังหล่อเหลาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่สิ หล่อกว่าเดิมด้วยซ้ำ





ต่อด้านล่างค่ะ






ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep16 19/04/2019
«ตอบ #29 เมื่อ19-04-2019 18:40:14 »




ต่อจากด้านบน



บางที่พระรามก็คิด...ว่าทำไมถึงต้องนึกถึงร่างสูงมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ไอติมก็เกลียดเขา ไม่เคยแคร์หรือเป็นห่วงเวลาที่เขาลำบากเลยสักครั้ง แต่เมื่อกี้...เขารู้สึกได้ว่าถ้าหากไม่ช่วยไอติมไว้...อาจจะต้องมาเสียใจภายหลังก็แค่นั้น



ถ้าหากติมไม่รู้ว่าเป็นเขาคงดีไปหรอก



ก็นะ จะไปรู้ได้ยังไง



'ถ้ามึงพูดว่าเป็นเรื่องของมึง กูจะไม่สนใจมึงอีก'



ก็รามน่ะไม่เคยอยู่ในสายตาของติมอยู่แล้ว



หัวทุยส่ายไปมากับความคิดของตัวเอง อย่าไปนึกเลยน่า ใบหน้ามนแย้มยิ้มเศร้าสร้อย แล้วเขาจะคิดมากไปทำไมนะ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับติม...เขามักเป็นแบบนี้เสมอ พระรามเห็นแล้วว่าไอติมก็ยังมีคนน่ารักคนนั้นคอยปรนเปรอร่างสูงถึงใจอยู่ข้างกายไม่ขาด เพราะฉะนั้นร่างกายของเขาคงไม่จำเป็นอีก



ก่อนที่จะรู้จักกัน ติมก็อยู่ได้ รามก็อยู่ได้ เพราะงั้นแค่การอยู่คนเดียวน่ะ...ง่ายจะตายไปไม่ใช่เหรอ



พวกเราทั้งคู่น่ะ ไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว



ขาเรียวเดินเอื่อยมาจนถึงอพาร์ตเมนท์เก่าๆ หลังหนึ่ง อยู่ในซอยลึกไม่ค่อยมีผู้คน แต่สำหรับเขาที่นี่ค่อนข้างโอเค แม้ภายนอกมันจะดูเก่าและน่ากลัวแต่ข้างในห้องค่อนข้างสะอาด แล้วค่าเช่าก็ถูกมาก เขาอยู่ได้คนเดียวสบายๆ ซ้ำยังมีห้องน้ำเล็กๆ ภายในห้อง พระรามชอบมาก



แต่ถึงอย่างนั้นการอยู่คนเดียวเงียบๆ มันก็เหงาไม่ใช่น้อย



รามยังคงทำงานเหมือนเดิม แต่ไม่ได้หักโหมแล้วเพราะไม่มีสิ่งใดที่ต้องแบกรับไว้บนบ่าเหมือนแต่ก่อน เขามีเวลาพักผ่อนมากขึ้น ได้กินข้าวสองมื้อต่อวัน แล้วก็ได้อ่านหนังสือเพื่อรับผิดชอบการเรียนด้วย



"แค่ก...แค่ก..." มือเรียวปิดปากไอ ไม่รู้ว่าทำไมอาการไอแห้งของเขาไม่ดีขึ้นเลย นับตั้งแต่ตอนที่กลับมาอยู่กับพ่อ ยิ่งตอนอากาศไม่ค่อยดี มันยิ่งเป็นหนัก



แก๊ง...แก๊ง



เท้าเหยียบบนบันไดสังกะสีสนิมกินจะผุแหล่มิผุแหล่ขึ้นไปชั้นสองของอพาร์ทเมนต์และมือเรียวล้วงกุญแจขึ้นมาจากกระเป๋าและไขมันเข้าไป แต่ไม่ทันปิดก็มีมือเข้ามาแทรกขวางไว้และผลักเข้ามาจนพระรามผงะตกใจ



"อ๊ะ!!?"



คนที่ไม่ได้รับอนุญาตนอกจากแทรกมือแล้วยังแทรกกายเข้ามาด้วยและทำตัวเป็นคนมารยาทดีโดยการปิดประตูและล็อคให้อย่างแน่นหนา ทำเอาเจ้าของห้องเบิกตากว้าง ก็เขาเห็นอีกฝ่ายเดินกลับไปแล้วนี่!?



"ติม!"



คนที่ถูกเรียกชื่อมองไปรอบๆ เหมือนไม่ได้ยิน ถือวิสาสะเดินเข้าห้องคนอื่นโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต แต่ดีที่อีกฝ่ายยังมีมารยาทพอที่จะถอดรองเท้าออก



"ติม ดึกดื่นป่านนี้แล้วนายยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ...แล้ว แล้วนี่มาได้ยังไง"



"..."



พระรามถอนหายใจ ก็พอจะรู้อยู่แหละว่าอีกฝ่ายนิสัยเอาแต่ใจแค่ไหน ร่างสูงยังคงเงียบไม่ตอบคำถาม ซ้ำยังกวาดตามองไปรอบห้อง ขณะนั้นดวงตาเรียวก็ได้โอกาสสำรวจร่างกายของไอติม เพราะว่าเมื่อกี้ตอนมีเรื่องร่างสูงจึงมีรอยฟกช้ำที่ใบหน้าและตามตัว แล้วแขนนั่น...



“ติม เจ็บแขนเหรอ” เป็นคำถามที่ลืมตัวไปว่าตนควรจะไม่รู้เรื่องสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พระรามก็ยังถามออกไปด้วยความเป็นห่วงไม่รู้ตัว



แต่ไอติมก็ยังเงียบ ไม่พูดอะไรเหมือนเดิม



ร่างโปร่งนิ่วหน้า ดวงตากลมเจ็บปวดลึก เขารู้สึกเหมือนกลายเป็นคนไร้ค่า คำถาม ความรู้สึกเป็นห่วงของเขามันไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกใดๆ เลยหรือไงกัน



ถ้าหากว่าไอติมไม่สนใจพระราม พระรามก็จะทำเป็นไม่สนใจติมเหมือนกัน



ขาเรียวเดินไปและปลดกระเป๋าออกจากไหล่วางไว้ริมพื้นที่มีโต๊ะกับหนังสือกองอยู่อย่างเรียบร้อย ในห้องไม่มีอะไรมาก แค่ฟูกขนาดพอดีหนึ่งอัน หมอน พัดลมขนาดกลาง โต๊ะเล็กๆ กับโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือ อยู่คนเดียวแค่นี้ก็เหลือเฟือ ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งบันเทิงใดๆ เพราะเขาคงไม่ได้ใช้ ซ้ำยังเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ



"สกปรกชะมัด"



คนฟังขบปาก ห้องนี้เป็นน้ำพักน้ำแรงของเขาที่สามารถหามาได้ด้วยตัวคนเดียว หลังจากที่โดนยึดบ้านไปวันนั้น เขาต้องร่อนเร่อยู่สองวันนอนข้างนอกบ้านกว่าจะหาอพาร์ตเมนท์นี่ได้เพราะคนที่ทำงานแนะนำมา แล้วทำไมไอติมถึงพูดแร้งน้ำใจแบบนั้น



สกปรก...ถ้าสกปรกแล้วจะมาทำไม นี่มันอพาร์ตเมนท์ของคนจน แล้วมันก็เก่ามากแล้วด้วย จะให้มันดูสะอาดเหมือนของใหม่ก็ไม่ใช่ หรือจะให้มันดูดีเหมือนคอนโดหรูหลักล้านของอีกฝ่าย คนอย่างเขาไม่มีปัญญาหรอก



"แค่ก..." พระรามปิดปากทันใด อาการไอแห้งมันเกิดขึ้นมาเป็นระลอก



"ไหนตอนนั้นบอกว่าจะกลับบ้านไง" คำพูดของไอติมทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก



‘พี่จะกลับบ้าน...พี่ต้องไปทำงาน’



‘ไอ้ราม! ไอ้ลูกทรพี! กูว่าแล้วมึงนี่มันเลวจริงๆ!!’



‘ไอ้นพกรมันหนีไปแล้วครับ!!’



"ที่บอกต้องทำงานๆ นั่นคืออะไร มึงโกหกเหรอ"



ความทรงจำเรื่องเก่าๆ ที่มันผ่านมาแล้วกับคำพูดมันทำให้น้ำตารื้นคลอหน่วย



...ทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยแท้ๆ ...



"แล้วนายจะมายุ่งทำไม!?" ร่างโปร่งตวาดดัง ลืมไปแล้วว่าเป็นเวลาอะไร มือกำชายเสื้อสั่นระริก น้ำตาหลุดจากขอบตาไหลผ่านแก้ม "ตอนที่พี่ลำบากนายก็ไม่เคยเห็นใจ รู้มั้ยว่าก่อนที่จะมาเป็นแบบนี้พี่เจออะไรมาบ้าง...”



‘มึงขนของของมึงออกไปได้แล้ว!!!’



“ถ้าบอกว่าจะไม่ยุ่งแล้วก็ไปสิ จะมาเอาอะไรจากพี่อีก!?" แม้จะทำเสียงแข็งแค่ไหนแต่ก็กลั้นสะอื้นไม่ได้เลย



ทั้งๆ ที่เขาพยายามลืมไปแล้ว...พยายามแล้วแท้ๆ



"ฮึก...ฮึก!" พระรามยกมือปาดน้ำตา เพียงพริบตาไอติมก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด ร่างโปร่งถูกดันเข้าชิดผนังไร้ทางหนี



"แล้วมึงมายุ่งกับกูทำไมล่ะ ที่ตะโกนเรียกในร้านนั่น...กับตอนที่เรียกตำรวจเมื่อกี้ด้วย" ไม่ทันถอยหลังหนี แขนแกร่งก็ตวัดโอบรัดเอวผอมไว้แน่น "คิดว่ากูจำไม่ได้เหรอ"



ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้าง หาเสียงตัวเองไม่เจอ



ไอติมรู้??



"ปะ ปล่อยนะ นั่นพี่..."



"จริงๆ แล้วมึงก็ยังรักกูอยู่ไม่ใช่เหรอ" เสียงทุ้มพูดกระซิบ "มึงยังรักกูอยู่ใช่มั้ย ถึงมาช่วยกู"



"มะ ไม่..." เสียงทุ้มใสสั่นเครือ พระรามส่ายหน้าพยายามดันคนตรงหน้าออก



“ว่ายังไง ถ้ามึงไม่ห่วงกูมึงก็ปล่อยให้กูโดนตีหัวให้ตายๆ ไปเลยก็ได้นี่”



“...” ดวงตาเรียวเจ็บปวดลึก ไม่กล้าพูดว่าไม่รัก...



"ก็เพราะรามทำแบบนั้น คราวนี้ผมเลยจะมาตอบแทนความรู้สึกของรามให้ไง" ดวงตาคู่คมจ้องเข้ามาลึก เสียงทุ้มถามอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน "ดีมั้ย"



"...ติม?" สรรพนามเปลี่ยนไปดวงตาเรียวสั่นไหว เพียงแค่ถูกเรียกชื่อหัวใจก็ทรยศกระตุกวูบ ความรู้สึกแย่ทั้งหลายทั้งมวลที่เคยเจอมาก็หายวับไป ใบหน้าขาวค่อยๆ แดงเรื่อ ก่อนจะหลุบลงไม่กล้าสบ เม้มปากแน่น



อะไรกัน...สถานการณ์นี่มันอะไร



นิ้วโป้งยกขึ้นปาดน้ำตาที่เปื้อนแก้มเบาๆ



ติมเป็นอะไร...? ทำไม? ทำไมหัวใจของเขามันสั่นไหวรุนแรง ทั้งสูบฉีดและบีบอัดจนหายใจไม่ออกแบบนี้



“ผมจำเสียงรามได้นะ”



ตอนที่เขาตะโกนเรียกชื่อตอนที่อยู่ในร้านผับที่ทำงาน ปากฉลามแหลมคมกำลังจะทิ่มถึงตัวติม เขาหวาดกลัวจนต้องตะโกนเรียกเตือนสติ แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายปลอดภัยมันก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก



"ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว"



"..."



"เล่าให้ผมฟังได้มั้ย" ในน้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมามันไม่มีความโกรธเจือปนอยู่อีกแล้ว ในอกของเขามันบีบรัด จุกแน่นจนน้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง



"ติม...ติมหายโกรธพี่เรื่องของแม่แล้วเหรอ" รามถามเสียงสั่นเครือ คำตอบที่ได้คือรอยยิ้มบาง ยิ่งทำให้ร่างโปร่งสะอึกสะอื้นมากขึ้น



ทำไมถึงใจดี



"ผมคิดไปคิดมารามก็ไม่ได้ผิดอะไร" ร่างสูงยกมือขึ้นปาดน้ำตา "ผมผิดเองแหละที่ทำไม่ดีกับรามขนาดนั้น รามโกรธผมมากมั้ย"



"ฟืด...! ฮึก! มะ ไม่..." รามหลับตาส่ายหน้าสะอึกสะอื้น ที่เขาเคยรู้สึกคือความเสียใจและน้อยใจที่แรงกล้ามากกว่าความโกรธ หรือต่อให้เคยโกรธ ตอนนี้ก็มันก็เจือจางมลายหายไปเกือบหมด



"ที่ตอนนั้น...พี่บอกว่าไม่ใช่เรื่องของติม เพราะว่าพ่อพี่ติดหนี้ พี่ต้องหาเงินมาใช้หนี้ที่ติดเอาไว้”



ทั้งๆ ที่เขาพยายามจะช่วยพ่อแต่พ่อกลับ...



‘จริงๆ แล้วมึงก็อยากให้กูตายใช่มั้ย!?’



“แต่ว่าพ่อก็หนีไป...ฟืด...แล้วบ้านพี่ก็โดนยึดแทนการใช้หนี้ไปแล้ว"



ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกผิดต่อแม่ที่ตายไป...เพราะเขาปกป้องบ้านหลังนั้นเอาไว้ไม่ได้



"ก็เลยมาอยู่ที่นี่เหรอ" สายตาคมกริบมองไปรอบๆ อีกครั้ง



"อืม ก็...มันถูกดี พี่อยู่คนเดียวมันก็พออยู่ได้"



"แต่มัน...น่ากลัว"



หัวทุยส่ายหน้ารัวยืนยันคำเดิม "พี่อยู่ได้"



"แต่ผมไม่อยากให้อยู่"



"แล้วพี่จะไปอยู่ไหน ถ้าหอแพงกว่านี้พี่หาเงินมาจ่ายไม่ทันนะ..." เขาขมวดคิ้วลำบากใจ พระรามต้องการเก็บออมเพื่อเอาไว้ทำอย่างอื่นด้วย



"จากนี้ผมจะดูแลรามตามที่แม่บอก รามไปอยู่กับผมนะ" เสียงทุ้มกล่าวย้ำลงไปอีกเมื่อเห็นใบหน้ามนลังเล "นะราม ช่วงนี้ที่รามไม่อยู่เจ้าอุริมันก็ดื้อมาก ถ้ารามไปอยู่ด้วยมันอาจจะดีใจ"



"ติม" ฟันขาวเรียงสวยกัดปากขมวดคิ้ว จนถูกเชยคางขึ้นให้สบตา



"รามคิดอะไรอยู่ บอกผม"



"พี่...พี่ต้องทำงาน แล้วกลับมาดึกก็ไม่มีกุญแจ แล้วบางวันก็ต้องอ่านหนังสือดึกๆ พี่ไม่อยากรบกวน" เสียงทุ้มใสเอ่ยสั่นเครือ



ไอติมยิ้มมุมปากกลั้วหัวเราะ "ไม่เห็นยากเลย คีย์การ์ดไปทำเพิ่มก็ได้ ส่วนอ่านหนังสือรามก็อ่านไปจะรบกวนอะไร"

"แต่..."



"ไม่ต้องแต่แล้ว เก็บของ"



แม้จะเป็นการบังคับ แต่พระรามก็ไม่รู้สึกขืนใจใดๆ หนำซ้ำความรู้สึกดีใจเนื้อเต้นนี่คืออะไร จริงๆ แล้วในใจลึกๆ เขาอาจจะหวังมาตลอดว่าจะได้กลับไปอยู่ที่นั่น อยู่ข้างกายคนที่รัก



“ถ้าไม่สบายอยู่คนเดียวแล้วเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง เพราะงั้นรามไปอยู่กับผมเถอะนะ”



คนฟังอุ่นวาบข้างในอก...อบอุ่นจนน้ำตามันรื้นไหลไม่หยุด



ทำไม...ทำไมติมถึงใจดี



...อย่าทำแบบนี้สิ...



การเปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้มันทำให้เขากลัว...กลับไปสู่จุดเดิมอีกครั้ง



จุดที่ถูกทอดทิ้ง...ไม่มีใครต้องการ



********************* Love Substitute *********************


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด