บทที่ 5.2
บาดแผลจากการเลือกตั้ง 2
มหาวิทยาลัย
ชีวิตของผมหลังจากเหตุการณ์นั้นเรียกว่าเปลี่ยนไปเลยก็ได้ครับ วุ่นวายอย่างที่พี่กรมมันบอกจริงๆ ทั้งเพื่อนๆที่เข้าหาผมมากขึ้นกว่าเดิม เข้ามาถามว่าเหตุการณ์มันเกิดอะไรขึ้นและอยากที่จะเป็นเพื่อนกับผมทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีใครสนใจเด็กในหลืบคณะอย่างผมซักเท่าไหร่ คอมเม้นต์ทางโซเชียลก็เสียงแตกออกเป็นสองฝั่งอีกฝั่งชื่นชมผม ส่วนอีกฝั่งก็ด่าผมว่าอยากมีซีนอยากจะเกาะกระแสพรรคดัง และอะไรอีกมากมาย โชคดีที่ผมไม่ใช่คนซีเรียสและเก็บเรื่องพวกนี้มาก ถ้าคิดมากไปก็ทำให้ผมนั่นแหละครับที่ต้องปวดหัว ผมยังไม่อยากใช้สมองของผมไปปวดหัวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะสมองของผมมีไว้คิดสำหรับเรื่องคนอื่นเท่านั้นครับ
“ พี กูโคตรรำคาญเพื่อนใหม่มึงเลย ออเซาะฉิบหายดูก็รู้ว่าไม่จริงใจ” ตอนนี้ผมเดินมากับไอ้เจ๋งในช่วงพักกลางวันหลังจากที่ผมเรียนวิชาในช่วงเช้าเสร็จ
“ จะบอกว่ามึงจริงใจอย่างนั้นดิ?” ผมแกล้งหันไปถามไอ้เจ๋งที่เดินอยู่ข้างๆ
“ เออ! ไม่มีใครจริงใจเท่าพวกกูสองคนแล้วที่กล้าคบเด็กบ้านนอกอย่างมึง” ดูมันพูดดิครับหน้าตบหัวฉิบหายพูดมาได้ว่าผมเด็กบ้านนอก มันก็ไม่ต่างจากผมแค่บ้านมันอยู่ใกล้กรุงเทพกว่าผมนิดเดียวเองทำมาข่มว่าตัวเองในเมือง
“ กูรู้นะเพื่อนเจ๋งว่ามึงหึงกู” ผมมองหน้าไอ้เจ๋งด้วยด้วยสายตายั่วยวนกวนบาทา ผมชอบแหย่ให้มันหัวร้อนเล่นครับ เวลาที่หัวร้อนไอ้เจ๋งมันโคตรจะตลกเลย
“ หึง! หึงจะแย่เลยครับเพื่อนพี” ผมเดินคุยเล่นมากับไอ้เจ๋งจนกระทั่งถึงโรงอาหาร ผมลืมบอกไปครับว่าวันนี้ไอ้บิวเพื่อนรักของพวกเรามันไม่ได้มาเรียนเพราะกลับไปไหว้ตรุษจีนที่บ้านอะไรสักอย่างนี่แหละ ทั้งๆที่วันไหว้จริงๆมันตั้งอาทิตย์หน้าไม่รู้จะรีบหยุดไปช่วยแม่มันทำขนมเข็งขนมเทียนที่ไหน
“ ไอ้เจ๋งเอาไร วันนี้พี่พีจะเลี้ยงเอง” ผมเดินหาโต๊ะนั่งในโรงอาหารอยู่นานสองนานกว่าที่จะได้นั่ง จนท้ายที่สุดแล้วผมต้องมาขอสาวๆที่มีที่ว่างให้ผมสองคนนั่ง เอาจริงๆเลยนะผมอยากนั่งข้างๆสาวๆมากกว่า และที่พูดว่าจะเลี้ยงผมก็พูดไปงั้น ค่อยเก็บเงินไอ้เจ๋งทีหลังตอนนี้แค่ผมได้พูดเอาหน้าสาวๆเฉยๆ
“ เอาหน้านะมึง” เหมือนไอ้เจ๋งมันรู้ความคิดทำให้มันหยิบแบงค์ร้อยยื่นให้ผมไปซื้อแทนที่จะให้ผมได้เลี้ยงมันแบบหลอกๆ คนหล่ออย่างน้องพีเซ็งเป็ดไปเลยครับ
ผมเดินผ่านหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ อยู่ๆคอผมมันก็แข็งอยากจะอ้วกขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ ตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่เกลียดก๋วยเตี๋ยวไก่ไปแล้วหลังจากวันนั้นที่ผมกินไปเกือบสิบชาม
“ ไอ้หนุ่มเตี๋ยวไก่ไหม ลุงให้ฟรี” เหมือนว่าลุงคนขายจะจำผมได้เขาเลยกวักมือเรียกผมเอาไว้ ถึงปกติผมจะชอบของฟรีก็เถอะ แต่ครั้งนี้ผมไม่สามารถมองก๋วยเตี๋ยวไก่เหมือนเดิมได้อีกต่อไป
“ ไม่เป็นไรครับลุง ผมอิ่มแล้ว” ผมยกมือไหว้ลุงก่อนที่ผมจะเดินเลี่ยงออกไปซื้อข้าวราดแกงแถวๆนั้นโดยที่เลือกซื้อกับข้าวเหมือนกันกับไอ้เจ๋ง
ผมเดินถือข้าวสองจานอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้ว่าผมไปอารมณ์ดีมาจากไหนเพราะตลอดทางผมร้องเพลงมาตลอดทำให้คนแถวๆนั้นมองผมเหมือนคนบ้า จนกระทั่งมาถึงโต๊ะที่ไอ้เจ๋งนั่งเฝ้าอยู่ในตอนแรก แต่ตอนนี้....ไอ้เจ๋งไม่ได้นั่งกับสาวๆเหมือนตอนที่ผมไปซื้อข้าวเพราะสาวๆในตอนแรกได้กลายเป็นสองหนุ่มที่ผมโคตรจะคุ้นเคยนั่งมองผมอยู่ ไม่ซิ! เรียกว่าจ้องผมอยู่เลยก็ว่าได้
“ สวัสดีครับพี่ๆ” ผมวางจานข้าวลงบนโต๊ะก่อนจะยกมือไหว้พี่ๆ “ ว่าแต่พี่มีธุระไรกันอ่ะ” เพราะสีหน้าของแต่ละคนดูไม่เล่นหรือสดใสกันเลย ตั้งแต่ครั้งที่ผมแยกย้ายกับพวกพี่กรมพี่เทพผมก็ไม่ได้เจอพี่เขานี่ก็เกือบๆอาทิตย์พึ่งได้มาเจอก็วันนี้หลังจากเหตุการณ์
“ กูต้องมีธุระถึงมากินข้าวได้รึไงน้องผี?” ไอ้พี่กรมพูดออกมาด้วยสีหน้ากวนๆ
“ พี่ไม่ได้มาหาผมหรอ?”
“ สำคัญตัวเองผิดสัดๆเลยครับ” พี่เทพที่นั่งถัดจากพี่กรมไปพูดออกมา
“ สำคัญตัวถูกได้ไหมครับ อยากจะสำคัญตัวถูกจังเลย” ผมลอยหน้าลอยตาพูดออกไปแม้ว่าสิ่งที่ผมพูดจะไม่มีความหมายหรือสาระอะไรก็ตาม เพราะผมอยากพูดผมก็แค่พูดออกมาเท่านั้น ผมไม่อยากเงียบปากครับกลัวน้ำลายบูด
“ อมเหรียญไหม? จะได้เงียบปาก?” พี่กรมมันยื่นเหรียญบาทมาตรงหน้าผม
“ โน โนจ้ะ น้องไม่รับเหรียญ น้องรับแบงค์” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมาสะบัดไปซ้ายทีขวาทีด้วยจริตนางงามพร้อมกับจิกตาใส่พี่มันไปหนึ่งที
“ มารับตีนกูด้วยหนิมา” พี่เทพบุตรไม่ได้พูดอย่างเดียวแต่พี่มันยกเท้าขึ้นมาใกล้หน้าผมจนผมต้องเป็นฝ่ายดันเท้าพี่มันให้วางลงเหมือนเดิม
“ ตีนกระตุกง่ายจังนะพี่นะ” ผมแกล้งแซวพี่มันครั้งสุดท้ายก่อนจะเลื่อนจานข้าวที่ซื้อมาตรงหน้าตัวเองเพื่อเตรียมจะกินอีก ส่วนไอ้เจ๋งเพื่อนรักมันตั้งหน้าตั้งตากินอย่างไม่สนสี่สนแปดอะไรแม้กระทั่งสิ่งรอบข้าง
หมับ
“ พี่?” ผมนั่งงงทันทีที่พี่กรมมันดึงจานข้าวของผมไปกินหน้าตาเฉย
“ ไปซื้อใหม่ไป กูหิว” พี่กรมไม่ได้หันมามองหน้าผมตอนที่พี่มันพูดเพราะตอนนี้พี่มันสนใจอาหารตรงหน้ามากกว่า “ อร่อยวะ ไอ้เทพลอง” พี่กรมผู้ใจดีมีเมตตาตักหมูแดงชิ้นโตป้อนเพื่อนรักของเขาอย่างพี่เทพ
“ พี่ครับ ของผมครับ ผมหิวมากครับ” ผมยังคงวอแวกับพี่กรมที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวในจานของผมประหนึ่งว่าพี่มันเป็นคนไปซื้อมาเอง
“ ไอ้เจ๋งแบ่งเพื่อนมึงดิ้” พี่เทพเงยหน้ามาบอกไอ้เจ๋ง
“ ไม่พี่ มันแดกเยอะ ผมไม่อิ่ม” ขอบคุณครับเพื่อนเจ๋งที่ตอบแบบนั้นออกมา ผมโคตรจะซึ้งใจเลยจริงๆ ด้วยความที่ไม่ยอมแพ้ทำให้ผมใช้จังหวะที่พี่เทพกับพี่กรมคุยกันนั้นดึงจากข้าวของตัวเองกลับมาพร้อมกับขว้าช้อนตักกินคำใหญ่
ผั๊วะ!
“ นิสัยมึง” พี่กรมที่นั่งอยู่ข้างๆตบหัวผมแรงๆจนผมสำลักข้าวออกมาทันที
“ พี่! ผมติดคอ” ผมพยายามกลืนข้าวให้หมดหลังจากที่พี่มันตบหัวผม “ ถ้ามันติดคอผมตายนะพี่”
“ มึงก็ตายไงน้องผี” --> พี่กรม
“ กูเป็นเจ้าภาพเลย” --> พี่เทพ
“ กูจะรอเก็บทานตอนมึงแห่สามรอบขึ้นเมรุ” --> เจ๋ง
“ เจริญ!!” ให้ตายซิครับไม่มีใครเข้าข้างผมซักคน กูไม่กินแม่งก็ได้วะ ผมเลื่อนจานข้าวออกไปจากตรงหน้าก่อนที่ผมจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่น เพราะตอนนี้ผมไม่ได้กินข้าวดังนั้นเล่นโทรศัพท์ได้
“ ไอ้พี”
“ น้องผี”
“ ไอ้เวรเพื่อนพี”
ผมทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงใครทั้งนั้น พีจะงอน พีจะหยิ่ง พีจะไม่สนใจใครทั้งนั้น ทำให้ตอนนี้ผมสนใจแค่เกมในโทรศัพท์เท่านั้น เกมที่ผมเล่นมาได้เกือบเดือนจนกิจการที่ผมสร้างงอกเงยขึ้น นั่นก็คือเกม...Town ship ครับ ระดับพีเล่นมาเกือบเดือนเวลอัพเป็นยี่สิบแล้ว ตอนนี้ต้องเร่งผลิตนมวัวออกมาเพราะถือว่านมวัวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้แปรรูปกับสินค้าอื่นๆ
“ เชี่ยเอ้ย! เครื่องบินหนีกู” ผมสบถออกมาเสียงดังหลังจากที่ผมเร่งผลิตคุกกี้ตามออร์เดอร์ไม่ทันทำให้เครื่องบิน บินไปก่อน อดได้อัญมณีเลยครับ
ผมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะชวนไอ้เจ๋งมันกลับหอเพราะวันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า แต่ปรากฏว่าผมเงยหน้าขึ้นมาไม่เจอใครเลยสักคน อย่าบอกนะว่าพวกนั้นไปกันหมดแล้ว! โอโห่!!! บังอาจมาทิ้งน้องพีได้ อย่างนี้มันต้องเจอกันสักหน่อย เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็รีบเก็บของวิ่งออกจากโรงอาหารโดยที่ไม่ทันได้มองทาง ทำให้ผมชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจังจนตัวของผมเซไปด้านหลังเกือบล้ม
“ ไม่มีตารึไงวะ!” เสียงเข้มตะหวาดใส่ผมเสียงดังลั่นโรงอาหาร
“ มีครับ มีสองตาเลย” ผมพยายามทรงตัวให้ยืนตรงหลังจากที่ผมเซจนเกือบจะล้มไปทางด้านหลัง ชี้มาที่ดวงตาของผมทั้งสองข้างให้คนตัวสูงที่ตะหวาดผมได้เห็นพร้อมกับเคาะนิ้วสองทีเพื่อความกวน
“ มึงไม่ขอโทษ...เอ๊ะ? ไอ้เด็กนั่นนี่หว่า” ผมไม่รู้ว่าไอ้พี่ตรงหน้ามันเป็นใครแต่ทำไมพี่มันยิ้มขึ้นมาแปลกๆเหมือนว่าเขารู้จักผม
“ เด็กไหนครับพี่”
“ เด็กไอ้กรม” ผมเอียงคอชี้นิ้วมาที่ตัวเองทันทีที่ไอ้คนตรงหน้าบอกว่าผมเป็นเด็กพี่กรม “ ยอมโดนกระทืบขนาดนั้น ไปถึงขั้นไหนกันแล้วละ” สายตาของพี่มันโคตรดูถูกเลยครับ มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ถ้ามองผมขนาดนี้ผมแนะนำเลยว่าเอาผมกลับไปมองพี่บ้านก็ได้
“ ขั้นไหนนี่หมายความว่าอย่างไงอะครับ”
“ อย่าทำเป็นซื่อ”
“ เอ๋ พี่ก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นเหมือนกันนะครับเนี่ย” ผมมองจากสายตาที่พี่มันมองผมแล้ว ดูก็รู้ว่าไม่ได้มีเจตนาดีแน่ๆ
“ มึงด่ากูเสือก?”
“ ถ้าพี่ตีความได้แบบนั้น ผมก็หมายความตามนั้นมั้งครับ”
“ ไอ้เด็กนี่วอนฉิบหาย!” พี่มันตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มให้ความสนใจ
“ วอนเป็นสกุลเงินของเกาหลี บอกพี่ไว้ เพื่อพี่ไม่รู้ครับ”
“ มึงอย่ามาเล่นลิ้นกับกูนะ” ผมสังเกตเห็นว่าคิ้วของพี่มันกระตุกขึ้นนิดๆ สงสัยจะอารมณ์ไม่ค่อยดี
“ ยังไม่ได้เล่นเลยนะพี่ ลิ้นก็อยู่ในปากผมอยู่หนิ อะๆๆ ดูซิ” ผมแลบลิ้นออกมาจนสุดให้พี่มันดู คือผมก็รู้นะว่าผมโคตรจะกวนตีนแล้วก็ยั่วโมโหพี่มันสุดๆ ก็ใครใช้ให้แม่งมากวนตีนมาเหยียดผมละครับ
“ ให้มันรู้สะบ้างว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง”
“ พี่ครับคอนเซปของมหาลัยคือทุกคนเป็นเพื่อนกันหมดนะ ถ้าผมจำไม่ผิดพี่จะมาเรียกหาสิทธิ์ว่าตัวเองเป็นพี่มันก็ไม่ใช่ไหมอ่ะ แค่ผมให้เกียรติเรียกพี่ว่าพี่มันยังไม่ดีอีกหรอครับ?”
“ มึงชักจะกวนตีนกูมากไปละนะไอ้สัด!”
“ อ่อ สัตว์เหมือนกันคุยกันรู้เรื่อง” เหมือนว่าประโยคนี้ของผมจะทำให้ความอดทนของพี่มันหมดลง...
“ ไอ้เด็กเวร!” ไอ้พี่ตัวสูงตรงหน้าเตรียมง้างมือขึ้นต่อยปากผมแรงๆจนผมหลับตาเพื่อรอรับกำปั้นนั้นเลยครับ หมับ!
ผมรอรับหมัดอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าจะโดนกระแทกปากสักทีจนผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละข้างทำให้ผมเห็นว่ามือของไอ้คนตรงหน้าถูกพี่กรมจับเอาไว้ก่อนที่มันจะมากระแทกปากผม...
เชี่ย! อย่างกับในนิยายเลย น้องพีรู้สึกตัวเล็กขึ้นมาทันที
“ ปล่อยมือกูไอ้กรม”
“ กูก็ไม่อยากจะจับถ้ามึงไม่ไปหาเรื่องเด็กไปทั่วไอ้กวง” พี่กรมปล่อยมือออกจากพี่กวง(เรียกตามพี่กรมครับ)ก่อนที่พี่มันจะเดินมายืนข้างๆผม
“ เด็กไปทั่วหรือเด็กมึง?” ไอ้พี่กวงยังคงลอยหน้าลอยตาถามพี่กรมออกมาด้วยสายตาดูถูกเหมือนที่พี่มันใช้มองผมในตอนแรก
“ แล้วมันเรื่องของมึง?”
“ ก็ไม่...ก็แค่อยากจะรู้ว่าเพื่อนกรมมีรสนิยมแปลกๆ ชอบเข้าข้างหลังแล้วก็ไม่บอก” ยิ่งพี่มันมองพี่กรมแบบนั้นผมก็รู้สึกไม่พอใจแทนพี่กรมขึ้นมา ผมว่ามันไม่ใช่หาเรื่องแต่ผมว่าตอนนี้มันดูเหยียดพวกเรามากกว่า ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องเพศที่สาม แต่ว่าสายตาของไอ้พี่กวงมันเกินจะเยียวยาจริงๆ ยิ่งสายตาที่พี่มันมองมาทางผม
ผลัก!
“ เห้ยพี่ เกินไปป่าววะ มองกันขนาดนี้อ่ะ” ผมเดินไปพลักไหล่พี่มันแรงๆจนพี่กวงมันเซไปทางด้านหลัง
“ กูแค่มอง มึงอย่าร้อนตัว ถ้ามึงไม่ได้เป็นเกย์ หรือว่ามึงจะเป็นละครับ....ปิ๊บ!” จังหวะนั้นไอ้พี่กวงมันเดินอ้อมมาบีบก้นของผมแรงๆ “ ชอบใช่ไหม กูรู้ คงจะโดนไอ้กรมไปหลายรอบละดิ”
“ เห้ย! ไอ้เหี้ยนี่อย่างไงวะ” ผมเริ่มเข้าสู่โหมดโมโหขึ้นมา โหมดนี้ผมไม่ค่อยอยากจะใช้เท่าไหร่ แต่ถ้าผมได้ใช้รับรองว่ามันไม่สามารถหยุดได้ง่ายๆแน่
“ สัด! กูเป็นพี่มึงนะ”
“ คราวนี้มึงมาอ้างเป็นพี่ แต่การกระทำของมึงกูไม่นับถือแค่เกิดก่อนกูไม่กี่ปีอย่างมาอ้างความเป็นพี่หน่อยเลยวะถ้าทำตัวไม่น่าเคารพ”
“ พี พอ” พี่กรมเดินมาจับแขนของผมเอาไว้หลังจากที่พี่มันคงเห็นว่าผมเริ่มหัวร้อน แต่ขอโทษนะครับพี่ห้ามผมไม่ได้หรอกคราวนี้
ผมสะบัดมือพี่กรมออกพร้อมกับตรงไปหาไอ้กวงที่ยืนยิ้มเยาะให้ผมอยู่ ผมจับไปที่คอเสื้อของไอ้กวงก่อนจะฉากตัวมันเข้ามาใกล้ผม แต่สีหน้าของไอ้กวงกลับยิ้มออกมาเหมือนว่าถูกใจที่ผมกระชากคอเสื้อมันแบบนั้น
“ มึงดูดิ ใช่คนที่โดนต่อยในคลิปป่าววะ เก๋าฉิบหาย”
“ หรือว่าในคลิปนั้นมันจะแสดงละครเพื่อเรียกกระแสเหมือนที่ในข่าวบอกวะ เปรี้ยวตีนว่ะ”
“ แบคมันใหญ่ขนาดในมหาลัยยังกล้าขนาดนี้เลย”
เหล่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาพูดเสียงดังเพื่อให้ผมได้ยิน พร้อมกับมองการกระทำของผมที่ดูโจ่งแจ้งจนเกินไป และแล้วเวลานั้นก็ทำให้ผมได้สติกลับมาว่าตอนนี้ผมอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ควรแสดงกิริยาท่าทางแบบนี้ออกไป ยิ่งตอนนี้ผมยิ่งมีข่าวอยู่ด้วย นั่นทำให้ผมไม่ควรเข้าไปใหญ่ ผมก็พึ่งรู้ว่าผมถูกไอ้กวงปั่นหัวไปเต็มๆ
ผลัก
ผมพลักไอ้กวงออกก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง ตอนนี้ผมต้องการสถานที่โล่งๆลมเย็นๆเพื่อบรรเทาอาการหัวร้อนของผมให้หายออกไปจากตอนนี้
“ อ่ะ”
“ โอ๊ย!”
ผมที่นั่งเหม่ออยู่ไม่ทันได้สังเกตว่าไอ้พี่กรมมันเดินตามมาด้วยจนกระทั่งพี่มันเอากระป๋องน้ำอัดลมเย็นๆมาแนบที่แก้มผมก่อนที่พี่มันจะนั่งลงข้างๆ
“ กินซะ เผื่อจะได้ใจเย็น” พี่กรมเปิดฝากระป๋องของตัวเองก่อนจะยกขึ้นกระดกดื่ม
“ ขอบคุณครับ” ผมรับมากินบ้างเผื่อว่าน้ำเย็นๆซ่าๆจะทำให้ผมหายอารมณ์หงุดหงิดและหัวร้อนของตัวเอง “ พี่ ผมโคตรโมโหเลย ผมโคตรเกลียดสายตามัน”
“ ไอ้กวงมันก็ชอบปั่นหัวคนอื่นไปเรื่อย กูก็โดนจนชิน”
“ แล้วทำไมพี่ไม่บอกผม?” ผมหันไปมองหน้าไอ้พี่กรมด้วยความสงสัยถ้าพี่มันบอกหรือเตือนว่าอย่าไปยุ่งผมก็จะทำตาม แต่นี่พี่มันแค่มาห้ามไม่ให้ไอ้กวงมันต่อยแต่กลับไม่พูดอะไรออกมาได้แต่ยืนนิ่งๆให้ไอ้กวงมันด่ามันว่าอย่างนั้น
“ ฟังนะถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างที่มันพูดเราจะเดือดร้อนทำไม? และอีกอย่างคือถ้ากูบอกมึงก็จะรู้แค่ในสิ่งที่กูพูด แต่ถ้ามึงเจอเองมึงก็จะได้จำว่าทีหลังอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลืออย่างไอ้กวง คนอย่างมันไม่มีอะไรดีที่เราต้องไปแก้ตัว” ผมนั่งฟังในสิ่งที่พี่มันพูด มันก็จริง ถ้าพี่กรมห้ามผมก็จะไม่รู้ว่าไอ้กวงมันนิสัยเป็นอย่างไรและผมก็จะรับมือกับมันไม่ได้ในครั้งหน้า แต่ถ้าผมรู้ด้วยตัวเองครั้งหน้าผมจะได้ไม่พลาดให้มันปั่นหัวผมเหมือนวันนี้
“ ผมขอโทษนะพี่”
“ มึงจะขอโทษทำไม มึงไม่ผิด” พี่กรมกระดกน้ำอัดลมอึกสุดท้ายพร้อมกับปากระป๋องลงถังขยะแถวนั้น “ แค่ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้ คนอื่นจะมองมึงไม่ดี”
“ ครับ ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก แล้วพี่จะมองผมเป็นเด็กไม่ดีด้วยไหม”
“โถ่น้องผี” ไอ้พี่กรมมันเอามือมาวางบนหัวของผมอีกแล้วหลังจากที่ผมถามพี่มันออกไปแบบนั้น ก็ผมไม่อยากให้พี่มันมองผมเป็นเด็กไม่ดีที่แสดงกิริยาแบบนั้นออกไป ทั้งๆที่ปกติผมก็แค่เกรียนแต่ไม่ก้าวร้าว “ กูไม่เคยมองมึงเป็นเด็กดีอยู่แล้ว ฮ่าๆ”
“ พี่.......” ไอ้ผมก็ถามดีๆ แต่ดูพี่มันตอบซิครับ น้ำตาแทบล่วง
“ คิดมาก แล้วมึงมีเรียนต่อไหม”
“ ไม่ครับ”
“ เดี๋ยวตอนเย็นกูไปรับที่หอใน เตรียมเสื้อผ้าไว้ด้วยสักสองสามชุด”
“ ทำไม....” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรไอ้พี่กรมก็เดินหนีไปแล้ว ทิ้งให้ผมนั่งงงอยู่ตรงนั้นคนเดียวอย่างไม่รู้ว่าทำไมพี่มันต้องสั่งให้ผมเก็บเสื้อผ้าด้วย แต่ด้วยความที่ผมเชื่อคนง่ายใครให้ไปไหนก็ไปผมจึงกลับไปเก็บเสื้อผ้าหลังจากที่ดื่มน้ำอัดลมเสร็จ
PS. น้องโคตรกวน แต่ก็แอบสงสาร
Twitter :
@KaitodpendekdeeFB :
Kaitodmalewjaแค่จิ้มก็ไปพูดคุยและติดตามกันได้เด้อ ไว้ดูว่านักเขียนอัพนิยายตอนไหน