สามวันแล้วที่ร้านกาแฟร้านโปรดของปิดทำการ และเขาไม่สามารถติดต่อเจ้าของร้านผู้น่ารักได้ ภูรินั่งมองประตูเหล็กที่ปิดสนิทจากในรถ โทรศัพท์ในมือถูกกดซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่ก็เหมือนเดิม เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรทำให้กระวนกระวายแบบนี้ ถูกใจน่ะใช่ แต่ยังไม่ได้ผูกพันกันเลย ทำไมถึงร้อนรนอยู่ไม่สุขเพียงแค่ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง
วันที่สี่ที่ไม่ได้พบหน้า ภูริมาทำงานก่อนเวลาสองชั่วโมง เผื่อว่าคนที่อยากพบจะกลับมาแล้วจะได้พูดคุยกันให้หายคิดถึง แต่ก็เปล่า ร้านเปิดก็จริง แต่กลับมีการขนข้าวของจนเขาสงสัย ร่างโปร่งบางที่ยืนสั่งการหน้าร้านทำให้เขารีบเร่งฝีเท้าเข้ามาหา
"น้องครับ"เขาเดินไปยืนเกือบประชิดพนักงานสาวคนเดียวของร้าน
"อ้าว พี่นั่นเอง มีอะไรคะ"
"คือ พี่ติดต่อมินไม่ได้ เขาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
"พี่มินน่ะเหรอ รถชนนอนอยู่โรงพยาบาลมาสี่วันแล้ว มีธุระอะไรหรือคะ"
"รถชน!! โรงฯบาลอะไรครับ พี่อยากไปเยี่ยม"
"....โรงฯบาลxxxx ห้องxxx พรุ่งนี้ออกแล้วนะ"เสียงจอยตะโกนไล่หลังเพราะพอรู้ที่อยู่เขาก็แทบจะวิ่งกลับมาที่รถ ตลอดทางที่ขับรถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลเขาก็คิดโทษตัวเอง ทั้งๆ ที่เอ่ยทักไปว่าด้วยความเป็นห่วงจากท่าทางที่เหมือนไม่สบาย แต่กลับไม่คะยั้นคะยอขอไปส่ง ปล่อยให้กลับเองโดยไม่ขับตาม
ภายในห้องพักพิเศษสำหรับผู้ป่วยมีร่างบอบบางกึ่งนั่งกึ่งนอน ทอดสายตาไปที่จอโทรทัศน์ด้านหน้า เนมินไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าตัวเองจะเหนื่อยมากถึงขนาดวูบไปตอนขับรถ ดีที่เขาขับรถไม่เร็วมาก และแถวนั้นก็ไม่มีรถขับสวนเท่าไหร่ ไม่งั้นอาจเจ็บมากกว่านี้
ประตูห้องพักถูกผลักออกอย่างแรงจนคนที่นั่งเหม่อบนเตียงสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นแขกที่มาเยี่ยมก็ยิ่งแปลกใจ คนแปลกหน้าที่เพิ่งคุ้นเคยกันวิ่งหน้าตาตื่นมายืนอยู่ข้างเตียง สีหน้าท่าทางเหนื่อยหอบทำเอาเขาใจเต้นแรงตามไปด้วย
"เป็นอะไรมากรึเปล่า เจ็บตรงไหนบ้าง"
"เอ่อ...แค่ฟกช้ำนิดหน่อย แล้วก็คอเคล็ดเท่านั้นครับ พี่ภูนั่งพักก่อนสิครับ"เนมินพยายามจะดันเก้าอี้ข้างๆ เตียงให้ แต่มือของคนที่นั่งบนเตียงคงไกลเกินไป เลยทำได้เพียงสะกิดผ่านเบาๆ ภูริทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงแล้วสำรวจเนื้อตัวคนป่วยอย่างละเอียด ไม่มีบาดแผลให้เห็นเขาก็ค่อยผ่อนลมหายใจยาวเหยียดอย่างโล่งอก
"พี่เพิ่งรู้จากน้องผู้หญิงคนนั้นเมื่อกี้ ตกใจหมด นึกว่าเจ็บหนัก ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ"
"ครับ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ"
"วันนั้นพี่น่าจะไปส่งมิน หรือไม่ก็ขับตาม ไม่น่าปล่อยให้กลับคนเดียวเลย"ภูริกุมมือเล็กเบาๆ
"เอ่อ...ก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน"ท่าทางและคำพูดที่แสดงออกถึงความรู้สึกข้างในทำให้เนมินทำตัวไม่ถูก จะชักมือกลับก็กลัวจะเสียมารยาท ความอบอุ่นจากมือใหญ่ที่ส่งผ่านมาทำให้เขารู้สึกดี ดีใจ...ที่มีคนอื่นเป็นห่วงขนาดนี้
ภูริตั้งใจจะเอ่ยปากถามถึงเหตุการณ์วันนั้น แต่ก็ถูกขัดจังหวะเมื่อแพทย์เจ้าของไข้เดินเข้ามาพร้อมพยาบาลอีกสองคน ชายหนุ่มลุกขึ้นไปนั่งอยู่บนโซฟาเพื่อให้แพทย์ตรวจอาการ ผลการรักษาและวินิจฉัยของแพทย์ทำให้เขารู้สึกสับสน ใจหนึ่งเขาก็สงสัยเมื่อเห็นว่าเนมินไม่บาดเจ็บ แต่กลับนอนพักถึงสี่วัน บทสนทนาที่ได้ยินทำให้รู้สึกชาวูบไปทั่วร่าง เพียงแค่ได้ยินว่าร่างบางได้รับอุบัติเหตุเขายังร้อนรนจนแทบทนไม่ได้ แต่นี่...เป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยิน
ทีมแพทย์และพยาบาลเดินออกไปนอกห้องหลังจากยืนยันว่าสามารถกลับไปพักรักษาต่อที่บ้านได้ในวันพรุ่งนี้ ภูริยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ข้อศอกสองข้างกดลงบนเข่าเพื่อรับน้ำหนักมือที่ประสานกันอยู่ เนมินเข้าใจท่าทางของชายหนุ่มทันที ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นอาการแบบนี้
"เป็นมานานรึยังครับมิน"ภูริเดินมานั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง เสียงที่ถามออกไปเบาหวิวเพราะคนถามยังไม่ค่อยพร้อมที่จะฟังคำตอบ
"ก็ตั้งแต่เกิดล่ะมั้งครับ แต่ก็ไม่มีอะไร แค่...ช้ากว่าคนอื่นนิดหน่อยเท่านั้น"
"พี่ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ มินบอกพี่ได้มั้ย ว่า...เป็นโรคหัวใจแบบไหนอยู่"
"....หัวใจมินก็คงคล้ายกับพวกนักกีฬาบางประเภทล่ะมั้งครับ ที่เวลาออกกำลังกายหนักๆ แล้วยังปกติอยู่ เพียงแต่บางครั้งหัวใจมินมันเต้นช้ากว่านั้นมากไปหน่อย แค่...หน่อยเดียว"
"......เคยหยุดเต้นมั้ย"เขากลั้นใจถามต่อ คำว่าเต้นช้ามันช้าถึงขนาดไหน แค่น้อยกว่าคนปกตินิดหน่อย หรือเกือบนิ่งสนิท
"......นานมาแล้ว"เนมินเมินหน้าออกไปมองทางหน้าต่าง เขาไม่อยากนึกถึงวันนั้น วันที่หัวใจของตัวเองสงบลงพร้อมการจากไปของคนที่รักที่สุด
"แล้วการรักษาล่ะ ผ่าตัดเหรอ มินเคยรักษาหรือยัง"
"มินยังไม่ได้เป็นหนักขนาดนั้นนี่ครับ ยังสามารถทำงาน ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ออกกำลังกายได้ มินไม่ได้ผิดปกตินะครับ"หนุ่มน้อยพยายามอธิบาย เขาไม่อยากรู้สึกแตกต่าง ไม่อยากถูกกีดกันออกจากสังคมของคนปกติ เขาแค่ป่วยบางครั้ง แค่หัวใจเต้นช้าแค่นั้นเอง
"......พี่...ขอฟังได้มั้ย...เสียงหัวใจมินน่ะ"ภูริยืนขึ้นแล้วจับแขนคนป่วยเบาๆ
"เอ่อ...อุ้ย....."เนมินยังไม่ได้ตอบกลับภูริก็โน้มตัวลงมาชิดหน้าอก ใบหูแนบกับแผ่นอกเขาอย่างแนบชิด ถึงจะมีเสื้อขวางกั้นแต่เหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเลย ฝ่ามือหนาสัมผัสแผ่นหลังบางเบาๆ เผื่อดันแผ่นอกให้แนบชิดมากขึ้น
".....มันก็....ดังเหมือนคนอื่น เหมือนพี่นี่นา....ไม่เห็นจะช้าเลย"ภูริขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย แต่ก็รู้สึกดีใจที่เสียงจังหวะหัวใจได้ยินชัดเจน ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด
“เอ่อ...พี่ภูครับ...ปล่อยมินก่อนได้มั้ย...คือ...”เนมินพยายามจะดังวงหน้าคมเข้มที่แนบชิดแผ่นอกแต่ฝ่ามือที่ดันอยู่ด้านหลังกลับเพิ่มแรงสัมผัสแทนคนตอบ ถ้าหัวใจของเขาเต้นช้าด้วยความผิดปกติทางร่างกาย ตอนนี้มันคงเต้นเร็วด้วยความผิดปกติทางจิตใจนั่นล่ะ
**********************************************************
โทษทีนะ ช้าแถมสั้น...

คิดถึง...คนอ่าน