เหมือนเราจะเคยรักกัน ((อดีต-ปัจจุบัน)) กึ่งพีเรียด ตอนจบ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เหมือนเราจะเคยรักกัน ((อดีต-ปัจจุบัน)) กึ่งพีเรียด ตอนจบ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒  (อ่าน 17631 ครั้ง)

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ไม่คิดว่ากันต์จะโดนขังโหดนานขนาดนี้
รอบบ้านกว้างใหญ่ขนาดไหนกัน ห้าหกวันแล้วยังหาคนไม่เจอ
จัสมินเธอจิตใจอำมหิตมาก!
 :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชะนีแพ้ชาติที่แล้วฆ่าเขา ชาตินี้ยังตามมาจองเวรอีก สงสารกันต์

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
Time of tears
Chapter 7


                   ครืด....ครืด..... ดวงตาบวมช้ำปรือขึ้นเมื่อรู้สึงถึงแรงบีบที่แขน
 
                        เสียงอะไร ? . . . .
 
                        “ กันต์...กันต์ได้ยินที่ฉันเรียกมั้ย ? ” คุณช่างคนเก่งพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอีกครั้ง  เมื่อแรงเขย่าที่แขนเพิ่มมากขึ้น
 
                        น้ำเสียงที่ได้ยินต้นชนปลายได้ไม่มากนัก
 
                        น้ำเสียงคุ้นๆ คนตัวเล็กพยายามนึกว่าเป็นเสียงใครแต่เพราะสติสัมปชัญญะที่ยังไม่สมบูรณ์ทำให้นึกไม่ออก  ร่างซูบโทรมเปรอะเปื้อนด้วยดินโคลนลืมตาขึ้นมองอีกครั้งก็เห็นเพียงหลอดไฟที่ไหลไปหลังจากเตียงที่บุรุษพยาบาลเข็นเคลื่อนผ่านจนเวียนหัว  คุณช่างหลับตาลงแล้วพยายามฝืนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง  เมื่อเห็นเค้าลางรูปร่างของใครบางคนที่วิ่งตามเตียงเข็นของเขามา
 
                        คุณช่างคนเก่งคลี่ยิ้มบางๆ ให้
 
                        “... วิน...ช่ว...ย...ด้วย..ในนั้น..มื.....ด ” กรกันต์พูดได้แค่นั้นมือเรียวซูบที่มีแต่บาดแผลพยายามยกมือขึ้นจับมือเพื่อนรัก  วินกลั้นน้ำตาก่อนจะฝืนส่งยิ้มให้
 
                        “ ไม่เป็นไรนะ... ไม่เป็นไร  ฉันมาช่วยนายแล้ว ”  วินกลั้นก้อนบางอย่างที่แล่นขึ้นมาจุกในลำคอ  ภาพสุดท้ายที่กรกันต์เห็นก่อนจะถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไปคือภาพของวินที่ยิ้มแล้วโบกมือให้กับตนอยู่ข้างนอกก่อนที่โลกทั้งใบจะเป็นสีขาวโพลนราวหิมะ
 
 
 
 
                        แรงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าอีกทั้งเสียงนกร้องขับขานทอดรับต่อกันทำให้กรรณชะเง้อมองอย่างชอบใจ
 
                        เพราะจวนของท่านเจ้าพระยาโยธาเทพอยู่ไกลเกินกว่านายน้อยจะเดินไปได้  คุณหญิงแพจึงสั่งบ่าวไพร่ให้ช่วยกันเอาของฝากจากเมืองจีนขึ้นเรือแล้วให้นายน้อยนำไปส่ง
 
                        ทิวทัศน์โดยรอบเริ่มเข้าสู่แนวป่านานๆจะมีบ้านเรือนปรากฏให้เห็นสักหลัง บางบ้านก็เลี้ยงช้างเพื่อไว้ใช้งานสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเจ้าทาสตัวเล็กยิ่งนัก
 
                        “ ตื่นเต้นอะไรนักหนาเจ้า ” เมฆที่นั่งกอดอกวางมาดขรึมตามแบบฉบับเอ่ยเอ็ดเจ้าทาสตัวน้อยที่ดูตื่นตาตื่นใจไปเสียทุกอย่าง  กรรณปิดม่านแล้วแกล้งทำคอหดราวกับกลัวเสียเต็มประดา
 
                        “ พี่เมฆ... ” หลังจากทนนั่งเงียบมาซักระยะกรณที่นั่งทำสีหน้าครุ่นคิดมาแทบจะตลอดทางก็เอ่ยเรียกคนที่หลุบผ้าขาวม้าผืนใหญ่ที่มักจะคลุมหัวประจำต่ำลงมาปิดจนถึงปลายจมูกเช่นคนที่พักสายตาทั่วๆไป
 
                        แต่กรรณรู้ว่าคนดูแลของนายน้อยคนนี้ไม่เคยงีบหลับซักครั้งหากเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นเขาสามารถไปอยู่ปกป้องนายน้อยได้ทันท่วงทีแน่ๆ
 
                        “ อะไร ? ” ร่างสูงไม่ได้ขยับกายจากการเอนหลังพิงกับผนังเรือสองแขนยังคงกอดอกนิ่งอยู่ท่าเดิม กรกันต์ช้อนตาขึ้นมองราวกับกำลังชั่งใจว่าควรพูดควรถามสิ่งที่ค้างคาจิตใจของตนทุกวันตั้งแต่ทราบข่าวดีหรือไม่
 
                        “ นายน้อยจะต้องออกเรือนจริงๆเหรอพี่ ? ”
 
                        เหตุใดหนอพอเอื้อยเอ่ยคำๆนั้นออกไปแล้วหัวใจดวงน้อยก็เหมือนถูกลิ่มน้ำแข็งตอกลงที่กลางดวงใจ
 
                        มันรู้สึกหนาวเหน็บจนชา
 
                        เป็นความรู้สึกที่ทรมาน... ทั้งๆที่บอกกับตัวเองทุกเมื่อเชื่อว่ามันเป็นเรื่องของเจ้านายไม่ใช่เรื่องของบ่าวที่จะสอดรู้สอดเห็น
 
                        แต่บางครั้งหัวใจที่อยู่เหนือเหตุผล
 
                        “ ไม่ใช่เรื่องของขี้ข้า ” คำตอบที่ได้รับกลับมาแม้จะฟังไม่เข้าหูนัก แต่มันก็คือความจริงที่กรรณต้องยอมรับ
 
                        แม้นายน้อยจะกระซิบชิดริมหูพร่ำคำหวานให้ได้ยินบ่อยๆหลังจากที่บอกว่าชอบกรรณในวันนั้น
 
                        แต่สถานะของคนทั้งคู่ก็แตกต่างราวฟ้ากับเหว
 
                        คนหนึ่งคือนายน้อยที่สูงทั้งศักดิ์และฐานะ
 
                        คนหนึ่งคือทาสในเรือนเบี้ยต้องใช้แรงงานแลกข้าวแลกที่ซุกหัวนอน
 
                        ที่สำคัญต่างคนต่างเป็นผู้ชาย  กรรณไม่เห็นหนทางไหนเลยที่ตนและนายน้อยจะก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆได้
 
                        มองไปทางไหนก็มีเพียงมืดมิด  หนทางที่จะได้ครองรักกัน...ไม่มี
 
                        “ นี่แหนะ... ข้าจะบอกอะไรให้อย่างนะไอ้เปี๊ยก  ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมันถูกกำหนดมาแล้ว  เทพยาดาฟ้าดินท่านประทานมาให้ผู้หญิงคู่กับผู้ชาย  ให้ดวงจันทร์คู่กับดวงอาทิตย์  เพราะฉะนั้นลำพังมนุษย์ตัวกระจ้อยร่อยเช่นเจ้าน่ะ  ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอก  อย่าใฝ่สูงจนเกินศักดิ์ตกลงมาจะเจ็บจนลุกไม่ขึ้น ”
 
                        “ ข้าไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นซักหน่อย ” กรรณหลุบตาเสมองพื้นไม้ที่สั่นตามแรงเคลื่อน
 
                        “ หึ... ปากเจ้าพูดว่าไม่คิดแต่ดวงตาของเจ้ามันฟ้องหมดแล้วไอ้กรรณเอ๋ย   ถ้าคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ให้ตัดทิ้งไปซะ  มันไม่มีทางเป็นไปได้ยิ่งคิดจะทำตามหัวใจตัวเองเจ้าจะยิ่งเจ็บ  อย่าดึงฟ้าลงมาต่ำ  อย่าดึงหงส์ให้มาเกลือกกลั้วกับฝูงอีกาเช่นเรา  หงส์ก็ควรคู่กับหงส์ที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน... ” เมฆขยับนั่งโน้มตัวมาใกล้เด็กน้อยที่ไหล่ตกลงเรื่อยๆ
 
                        “ นี่ข้าจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้เจ้าก็รู้สึกไม่คู่ควรอยู่แล้วใช่หรือไม่ ? เดี๋ยวพอถึงเรือนท่านเจ้าคุณโยธา เจ้าจะยิ่งรู้สึกเป็นธาตุอากาศเลยล่ะ  คุณหนูสบันงานั้นงามนัก ” เมฆหัวเราะในลำคอยามที่ดวงตากลมใสตวัดขึ้นมาสบกับดวงตาที่มีแววสมเพชของตนใจดวงน้อยก็ห่อเหี่ยวลงราวกับกระดาษที่โดนขยำทิ้ง
 
                        กาก็ควรอยู่ส่วนกา  ปล่อยให้หงส์ฟ้าเขาไปเคียงคู่กันสินะ
 
                        แต่กรรณรักนายน้อยไปเสียแล้ว
 
                        จะมีทางไหนที่จะย้อมขนอีกาให้ขาวราวขนหงส์แล้วไปเคียงคู่กับนายน้อยกัน
 
                        แค่เพียงครึ่งวันก็ยังดี
 
 

((ต่อด้านล่าง))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

                        “ ไม่ทราบว่าคุณพี่ชอบทานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าคะ ? ” สบันงารินชาใส่ถ้วยให้เพชร  คุณหนูคนงามแห่งเรือนเจ้าพระยาโยธาเทพหันไปสบตากับอีเฟืองบ่าวสาวคนสนิท  รอยยิ้มพึงใจปรากฏบนในหน้า
 
                        เพียงแค่แรกเจอนางก็รู้สึกสึกถูกใจบุตรชายของเจ้าคุณพิพัฒน์วานิชเสียแล้ว
 
                        ทั้งใบหน้าคมสันจัดได้ว่ารูปงามดังตุ๊กตาหยก  ท่วงท่าสง่าผ่าเผย  และฐานะชาติตระกูล  อีเฟืองบ่าวสาวคลานถอยหลังออกไป  เพื่อเปิดโอกาสให้นายของตนได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับคุณเพชร  กรรณที่นั่งก้มหน้าอยู่ด้านหลังนายน้อยเมื่อเห็นดังนั้นคนที่ไม่อยากมีส่วนร่วมในบทสนทนาก็ทำท่าจะคลานออกไปด้วยเช่นกัน
 
                        “ กรรณเจ้าอยู่ตรงนี้แหละ ” ทว่าเสียงนุ่มทุ้มกลับดึงคนตัวเล็กให้ขยับเขยื้อนไปไหนราวกับโดนตะปูตรึงเข่า  เพชรหันไปหาคุณหนูสบันงาที่ปรับสีหน้าไม่พอใจเมื่อครู่ให้เป็นดวงหน้าของดรุณีแรกรุ่นผู้มีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่ตลอดเวลาแทนแทบจะในทันที
 

                        “ ต้องขออภัยแม่สบันงาด้วยที่พี่ขอให้คนสนิทของพี่อยู่ตรงนี้  ชายหญิงไม่ควรอยู่ด้วยกันเพียงสองต่อสองแม้ในที่นี้จะเป็นที่เปิดโล่งก็ตาม พี่ไม่อยากให้บ่าวไพร่เอาไปพูดให้เป็นที่ครหาว่าเราทำตัวไม่เหมาะสม  หวังว่าแม่สบันงาจะเข้าใจ ”
 
                        “ เหตุผลของคุณพี่ดีแล้วเจ้าค่ะ  น้องเองก็เห็นด้วยแต่ที่บ่าวของน้องออกไปเพียงเพราะมันจะไปจัดเตรียมสำรับคับค้อนไว้ให้คุณพี่รับประทาน  ซักประเดี๋ยวคุณพ่อท่านคงกลับมาอิฉันให้บ่าวไปตามแล้วเจ้าค่ะ ”
 
                        “ เห็นทีพี่คงไม่รบกวนเจ้าแล้วเพราะเย็นพี่ต้องไปเรียนซอกับจางวางสม ”
 
                        “ คุณพี่เล่นดนตรีด้วยหรือเจ้าคะ  ดีจริง อิฉันเองก็สนใจในเรื่องดนตรีเช่นกัน ”
 
                        “ พี่เล่นเล่นซอ”
 
                        “ ดีจริง  อิฉันเองก็สนใจ ” สบันงาทำเอียงคอน่ารักยามพูดตอบโต้กับนายน้อย  กรรณที่ลอบมองดวงพักตร์ของคุณหนูสบันงาอยู่บ่อยๆ ถึงกับหัวใจฝ่อลงไปเท่าเม็ดงา
 
                        กิ่งทองกับใบหยกสมกันยังไงกรรณไม่รู้หรอก
 
                        แต่ภาพบุรุษและสตรีที่นั่งสนทนากันตรงนี้ช่างสมกันยิ่งนัก
 
                        สมกันจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
 
                        “ ไม่ทราบว่าแม่สบันงาเล่นเครื่องดนตรีชนิดใดหรือ? ” เพชรเมื่อเห็นว่าสบันงาคุยเรื่องดนตรีกับตนจึงเกิดความสนใจขึ้นมา
 
                        “ เอ่อ...อิฉัน...อิฉันเล่นไม่เป็นหรอกเจ้าค่ะ  ได้แต่สนใจกับชอบที่จะฟังเสียมากกว่า  นอกจากเรื่องเครื่องประดับเสื้อผ้าแพรพรรณแล้วอิฉันก็ไม่มีความรู้ด้านใดอีกเลย ”
 
                        “ อ่อ... เช่นนั้นดอกรึ” บทสนทนาของชายหญิงทั้งคู่ถึงแม้จะไม่ดังแต่ก็ไม่เบา  กรรณปล่อยให้มันผ่านหูไปดุจสายลมที่เพียงพัดผ่านให้ผิวกายสะท้านเท่านั้น  นานเท่าใดไม่ได้สนใจเมื่อทาสตัวเล็กมองนั่นมองนี่เพื่อจะไม่ให้ตนหันกลับไปมองคุณหนูสบันงาคนงามแล้วเอามาเปรียบเทียบกับตน
 
                     
 
                        “กันต์... กรกันต์ ” เสียงเรียกที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กรกันต์สะดุ้งเงยหน้าขึ้นมอง  ใบหน้าของนายน้อยที่อยู่ห่างออกไปทำให้คนตัวเล็กเบิกตากว้าง
 
                        “ นายน้อย !! ”
 
                        “ ฟื้นแล้ว  คุณช่างฟื้นแล้วครับนายน้อย ” เสียงจิรายุร้องบอกผู้เป็นนายที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ติดหน้าต่าง  ในขณะที่วินที่นั่งเขม่นเพชรอยู่บนโซฟาก็ดีดตัวลุกขึ้นราวติดสปริง
 
                        “ นายน้อย... คุณ....” คนป่วยสะดุ้งตื่นจากความฝัน เมื่อลืมตาภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าของนายน้อย  ใบหน้าของคนสองคนซ้อนทับกันจากยุคก่อนและตอนนี้
 
                        คนๆ เดียวกัน
 
                   ใช่คนๆเดียวกันจริงๆน่ะเหรอ ?
 
                   หัวใจที่คิดว่ามันจะไม่มีวันเต้นแรงกับใคร  ตอนนี้มันสั่นไหวราวกับจะหลุดออกมานอกอก
 
                   เจอแล้วสินะ... คนที่หัวใจโหยหามาตลอด
 
                   เจอแล้วสินะ... คนในฝันที่ตนเองเห็นเพียงแผ่นหลัง
 
                   เจอแล้วสินะ... เจ้าของเสียงนุ่มทุ้มที่เรียกร้องตนอยู่ทุกคืนให้ตื่นจากฝันร้าย
 
                   เจอแล้วจริงๆน่ะเหรอ ?
 
                   อยู่ใกล้เอื้อมเพียงเท่านี้จริงๆสินะ
 
                   จะใช่คนที่หัวใจร่ำร้องหาหรือเปล่า ?
 
                   จะใช่คุณมั้ย ? นายน้อยเพชร
 
                        “ ฟื้นแล้วเหรอครับกันต์  คุณหลับไปนานจังเลยนะ ”
 
                        “ นายน้อย... ” กรกันต์ไม่รู้จะเอ่ยคำใดออกมา  ทำได้เพียงเรียกคนตรงหน้าซ้ำๆราวกับกลัวว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นเพียงภาพมายา หากหลับตาก็จะสลายหายไป
 
                        “กันต์ นายเป็นไงบ้าง ? ” วินที่เห็นปฏิกิริยาของกรกันต์ก็ปรี่เข้ามาจับมือของกรกันต์อีกข้าง  เรียกชื่อเสียงดังดึงความสนใจออกไปจากเพชร
 
                        “ ไงวิน... ทำไมมาช้า  ไหนเคยบอกกับฉันไงว่าถ้าฉันอยู่ในอันตรายนายจะรีบมา ฉันเกือบตายแล้วรู้มั้ย ? ”
 
                        “ ก็ไม่ตายนี่นา ... มาช้ายังดีกว่าไม่มานะ ”
 
                        “ ขอบใจ... “ คำพูดขอบใจแผ่วเบาราวกับสายลมพัดถูกเอ่ยขานกับเพื่อนสนิทริมฝีปากซีดแตกแห้งส่งยิ้มบางเบามาให้
 
 
                        วินจ้องมองภาพของผู้ชายตัวสูงท่าทางละมุนกำลังจับหลอดดูดน้ำสีขาวให้กับกรกันต์ดื่มบนเตียงคนไข้อย่างไม่วางตา
 
                        ทำไมจะไม่ได้ยินว่าตอนที่กรกันต์หมดสติเอาแต่พร่ำเพ้อถึงแต่ใคร
 
                        ‘ นายน้อย ’
 
                        คำๆนี้หลุดออกจากปากที่แตกเป็นแผลแทบจะไม่ขาดปาก
 
                        ตอนแรกวินก็แปลกใจว่านายน้อยที่ว่าคือใครมีความสำคัญกับกรกันต์อย่างไร
 
                        จนกระทั่งเมื่อร่างสูงสง่าปรากฏภายในห้องพัก หลังจากกรกันต์ถูกส่งมานอนยังห้องพักผู้ป่วย  แล้ววินจังรับรู้ถึงคำว่าต่ำกว่าด้อยกว่านั้นเป็นอย่างไร
 
                        พชรหรือที่ใครๆต่างขนานนามว่า นายน้อย สมบูรณ์แบบราวรูปสลัก
 
                        ดวงตาเรียบนิ่งดูน่าเกรงขาม  แต่ทว่ายามมองสบกับดวงตาใสแป๋วของกรกันต์แล้วกลับอ่อนแสงลง  คงเหลือเพียงแววตาที่ดูแล้วอบอุ่น
 
 
                        เกือบสองทุ่มจิรายุก็เริ่มขยับตัวลุกขึ้นพลางหยิบกระเป๋าของตนถือไว้โดยที่เพชรและวินต่างยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
 
                        “ อ้าว... คุณไปดิ่ ” แรงสะกิดที่ต้นแขนทำให้วินหันไปหาจิรายุอย่าง งงๆ
 
                        “ อะไร ? ”
 
                        “ กลับเรือน ” คำตอบสั้นๆง่ายๆแต่ทำให้คิ้วของวินแทบจะผูกกันเป็นปม
 
                        “ ผมจะอยู่เฝ้ากันต์ ”
 
                        “ ผมจะเฝ้าเอง ” เสียงทุ้มของคนที่แทบจะไม่ได้เอ่ยพูดอะไรนานนับชั่วโมงตั้งแต่คนป่วยหลับเอ่ยขึ้น  วินหันไปมองอย่างไม่พอใจนัก
 
                        “ กันต์เป็นเพื่อนผม  ผมจะเป็นคนเฝ้าเค้าเอง ” น้ำเสียงตอกกลับอย่างดื้อดึง  ทำให้ดวงตาคมตวัดมองเพียงแวบก่อนจะละไปมองคนที่นอนหลับเพราะฤทธิ์ยาไปเมื่อชั่วโมงก่อน  น้ำเสียงที่ติดจะตึงในคราวแรกกลับอ่อนลง ร่างบางที่นอนหลับบนเตียงด้วยความอ่อนเพลียนั้นช่างน่าเป็นห่วงจนไม่อยากจะละกายให้ห่างไปเป็นครั้งที่สอง
 
                        “ คุณเดินทางมาเหนื่อยทั้งวันแล้ว  น่าจะพักซักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอครับ ? ” เจ้าของใบหน้าคมคายส่งยิ้มจริงใจมาให้  วินจ้องตาตอบ
 
                        แม้น้ำเสียงจะทุ้มอ่อนแต่ดวงตาที่มองมานั้นกลับแข็งกร้าว
 
                        อาชวินท์ยืดตัวอย่างคนถือดี
 
                        เขาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของกรกันต์
 
                        แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร
 
                        “ ผมคิดว่าคุณเดินทางไกลและเหนื่อยกว่าผมนะ  ผมแค่ขับรถจากกรุงเทพมานี่แต่คุณมาจากจีนเชียวนะ ”เขาคิดว่าถ้าเพชรกล้าใช้เหตุผลเกี่ยวกับความเหนื่อยล้าทางร่างกาย  เขาก็จะใช้เรื่องนี้ตอกกลับไป
 
                        แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาช้าๆ
 
                        “ ไม่เลยครับ  ระหว่างอยู่บนเครื่องผมกับจิรายุเรานอนหลับกันมาแล้ว  อีกอย่างตอนนั่งรถมาที่นี่ผมก็มีคนขับรถให้  เพราะฉะนั้นเวลาเกือบสิบชั่วโมงที่ผ่านมาผมหลับมาเพียงพอแล้ว ”
 
                        เพชรยิ้มอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า  วินอ้าปากจะเถียงแต่จิรายุที่ยืนใกล้ๆก็ฉวยมือ  แล้วลากร่างสูงออกไปทันทีโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว               
 
 
 
                        “ อะไรเนี่ยคุณ  ผมจะนอนเฝ้ากันต์ ”
 
                        “ นี่คุณ... แอบชอบคุณช่างใช่มั้ย ? ไม่เห็นเหรอว่าหัวใจเค้าไม่ว่างแล้ว  ไม่ได้ยินที่เค้าเพ้อหาเจ้านายผมเหรอ ? ปล่อยให้ ‘ คนรักกัน ’ เค้าดูแลกันไปเหอะ ”
 
                        คำพูดตรงไปตรงมาของจิรายุทำให้วินรู้สึกโกรธ
 
                        ใช่! เขาแอบชอบกรกันต์
 
                        แล้วทำไมล่ะ  ก็ในเมื่อเขาชอบของเขามาตั้งแต่เรียนปี 1จนถึงทุกวันนี้  เขาจะไม่มีสิทธิ์หวงเลยเหรอ ?
 
                        “ เอาอะไรมาวัดว่ากันต์ชอบเจ้านายคุณไม่ทราบ ? ” ถึงแม้ใจจะกระตุกกับคำพูดตรงไปตรงมาของจิรายุ  แต่วินก็ยังไม่อยากจะยอมรับว่าสิ่งที่จิรายุพูดมันเป็นความจริง
 
                        “ คนที่เค้าเรียกหาไม่ใช่คุณ  นั่นก็น่าจะบอกได้แล้วนะว่าเขารักใคร ”
 
                        ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง  วินได้แต่จ้องหน้าเชิดรั้นอย่างอวดดีของจิรายุด้วยสายตาเรียบนิ่ง  ริมฝีปากอิ่มเต็มค่อยๆเม้มหากันจนเป็นเส้นตรง  แล้วชายหนุ่มก็หันหลังสะบัดหน้าก้าวยาวๆหนีคนตัวเล็กออกมาทันที
 
                        “ อ่าว  เฮ้... นี่คุณ  ไปไหน  ไปด้วย ” คนขาสั้นกว่ารีบวิ่งตามคนขายาวที่ก้าวดุ่มๆโดยไม่หันกลับมามองอีกเลยไปติดๆ
 
                        “ จะตามมาทำไมเนี่ย ? ” วินที่น้ำเสียงฉุนเฉียวสุดๆ หันมาตวาดใส่อย่างไม่รักษามารยาทใส่จิรายุที่เหยียบเบรกตัวเองแทบไม่ทัน เมื่ออยู่ๆวินก็หันกลับมา
 
                        “ ก็กลับกับคุณไง  ถามอะไรแปลกๆ ” จิรายุส่งค้อนวงใหญ่ให้กับคนที่ยืนทำหน้าเหวอหลังจากได้คำตอบจากเขาก่อนที่จะปรับสีหน้าให้กลายเป็นขรึมแบบเดิม
 
                        “ ใครจะให้คุณกลับไปกับผมด้วยมิทราบคุณเลขา ”
 
                        “ อ้าว... ถ้าไม่กลับกับคุณแล้วผมจะกลับเรือนยังไง ”

                        “ นั่นไม่ใช่ประเด็นของผม  และผมจะไม่กลับเรือนโบราณแน่ๆ ” วินถือว่าธุระไม่ใช่ตอบอย่างไม่ยี่หระกับความเดือดร้อนของจิรายุ
 
                        “ ไม่กลับเรือนโบราณกับผม  แล้วคุณจะไปนอนที่ไหน ? ”
 
                        “ เดี๋ยวผมก็ขับรถหาโรงแรมแถวนี้นอนเอาก็ได้ ”
 
                        “ หึ... ก่อนมาที่นี่ศึกษารายละเอียดมาหรือยังคู๊ณณณณณณ ” จิรายุแกล้งลากเสียงยาวอย่างคนจงใจกวนอารมณ์  เมื่อเห็นอีกคนยังคงทำหน้านิ่งจึงยกมือขึ้นกอดอกฉับ
 
                        “ นี่... จะบอกอะไรให้นะ  ภายใน 20 กิโลเมตรนี้ผมยังไม่เคยเห็นโรงแรมหรือโฮมสเตย์เลยซักหลังนะ  อย่าลืมสิแถวนี้มันบ้านนอกคอกนาหรือคุณจะไปอาศัยโรงนาคอกวัวคอกควายของชาวบ้านแถวนี้นอนล่ะ ? ”
 
                        “ ถ้าอย่างนั้นผมนอนในรถตรงนี้ก็ได้ ” ร่างสูงยังคงถือดีแม้คำบอกเล่าของจิรายุเกี่ยวกับเรื่องโรงแรมจะทำเสียความมั่นใจไปนิดหนึ่งแล้วก็ตาม
 
                        “ นี่... ขาคุณก็ยาว  อากาศก็เย็น  ฝนตก  ยุงชุม  นอนในรถไม่สบายหรอก  อีกอย่างถ้าคุณไม่กลับไปกับผม แล้วผมจะกลับยังไงคนรถป่านนี้กลับถึงเรือนนอนโก่งตูดสบายไปแล้ว  ผมต้องกลับเรือนโบราณเพื่อที่จะขับรถมาโรงพยาบาลด้วยตัวเองพรุ่งนี้ ”
 
                        “ น่าเบื่อ ” เสียงทุ้มสบถเบาๆ แน่นอนเขาจงใจจะพูดด้วยน้ำเสียงที่จิรายุพอจะได้ยิน
 
                        แต่ใครจะสนล่ะ  คุณเลขาวิ่งแจ้นปีนขึ้นรถทันทีที่วินกดปลดล็อกรถ  ขึ้นไปนั่งหน้าแป้นบนรถก่อนเจ้าของรถซะอีก
 
                        “ เร็วๆคุณนี่หิวอีกแล้วนะเนี่ย  กินของบนเครื่องไม่อิ่มเลย  ป่านนี้ป้ามะลิเตรียมกับข้าวร้อนๆรอแล้วแหละ รับรองคุณอยู่ที่นี่ซักเดือนนะ น้ำหนักคุณขึ้นแน่ ”  จิรายุเอ่ยเร่งวินยิกๆ  ท่าทางเหมือนเด็กที่รีบกลับไปดูการ์ตูนหลังเลิกเรียน  ทำให้วินอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย
 
                        แต่ก็อดแขวะคนข้างๆไม่ได้
 
                        “ เหมือนคุณน่ะเหรอ ? ”
 
                        “ พูดแบบนี้มาต่อยปากกันมั้ย ? ” จิรายุเงื้อหมัดเล็กๆราวกับจะต่อยปากคนที่พูดจาระคายหูจริงๆ จนวินยกมือยอมแพ้
 
                        “ ยอมๆ... อย่าเอากีบเท้ามาสะกิดหน้าหล่อๆของผมนะ ”
 
                        “ แหวะ...หล่อตายล่ะ  ขับไปเลยเร็วๆ หิวแล้ว ”
 
 
 
((ต่อด้านล่าง))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
                        “ ลูกยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานตอนนี้ขอรับเจ้าคุณพ่อ ” ดวงตากลมแอบมองลอดซี่ไม้เล็กๆเข้าไปที่ห้องโถงของเรือนใหญ่
 
                        กรรณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในซึ่งมีเจ้าพระยาพิพัฒน์วานิชประมุขของบ้านนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ  คุณหญิงแพที่มีท่าทางสุขุมดวงตาเรียวคมดุจ้องหน้าบุตรชายเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ด้ายซ้ายของบิดา  น้ำเสียงเฉียบขาดติดดุเอ่ยถามลูกชายเหมือนทุกครั้งที่นางพูด
 
                        “ เหตุใดเล่าพ่อเพชร ? อายุเจ้าก็ขนาดนี้ควรออกเหย้าออกเรือนมีทายาทสืบสกุลให้พ่อแม่ได้ชื่นใจได้แล้ว ”
 
                        “ คุณแม่ขอรับ  ลูกเพิ่งได้เข้ารับราชการกับเสด็จในกรมลูกอยากก้าวหน้าทางหน้าที่การงานก่อนขอรับ ”
 
                        “ เหตุผลแค่นี้เองเหรอ แต่งงานมีครอบครัวแล้วทำงานไปด้วยก็ได้นะเพชร เสด็จท่านคงไม่ไล่เจ้าออกจากกรมดอก  ที่เจ้าประวิงเวลาอยู่อย่างนี้เพราะอะไร  หรือเจ้ามีสตรีที่พึงใจอยู่แล้ว  เป็นธิดาบ้านไหนบอกพ่อกับแม่มาซิ  ถ้าฐานะหน้าตาทางสังคมคู่ควรพ่อกับแม่จะไม่บังคับเจ้าเลย ”
                       
                        “ ไม่มีขอรับ  ลูกมิได้มีใคร  เพียงแต่ลูกไม่ได้รักชอบกับแม่สบันงาเลยแม้แต่น้อย ” ชายหนุ่มปฏิเสธข้อสันนิษฐานของผู้เป็นพ่อ
 
                        เสียงถอนหายใจราวกับเหนื่อยหน่ายเรื่องนี้เต็มที
 
                        “ ไม่รัก... ไม่รักก็ไม่รักสิ  อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง  ไม่รู้ล่ะพ่อกับแม่พอใจแม่สบัยงาอีกสามวันส่งแม่สื่อไปทาบทามได้เลย ” คำประกาศกร้าวของผู้เป็นพ่อ  ทำให้หัวใจของเพชรหล่นร่วงราวกับตกจากผาสูงสู่ก้นหุบเหว


                        ไม่ต่างจากหัวใจของคนที่แอบดูอยู่ด้านนอก
 
                        หยาดน้ำใสไหลจากหางตะกระทบพื้นทันทีที่ได้ยินคำบัญชานั้น
 
                        มือเรียวสั่นระริกอย่างห้ามไม่ได้
 
                        หงส์ก็คู่กับหงส์สิถึงจะถูก
 
                        แบบนั้นสินะถูกต้องแล้ว
 
                        อีกาดำอย่างกรรณควรจะล้างสีที่พยายามทาขนให้ขาวดั่งขนหงส์แล้วกลับไปอยู่กับฝูงของตนน่ะถูกแล้ว
 
                        ร่างเล็กหันหลังวิ่งกลับไปที่เรือนนอนของตนผ่านเมฆที่มองตามร่างเด็กหนุ่มตัวเล็กไปอย่างเวทนา
 
                        “ ไอ้เปี๊ยกเอ้ย... ข้าเตือนเจ้าแล้วให้ตัดใจ  จะช้าหรือเร็วก็ต้องเจ็บอยู่ดี ”
 
 
                        “ เป็นอะไร ? ” เสียงทุ้มของพลับที่เพิ่งกลับจากทำงานข้างนอกเอ่ยถามเพื่อนร่วมห้องที่นอนตะแคงข้างให้  มือหยาบกร้านเพราะทำงานหนักตั้งแต่จำความได้จับต้นแขนเล็ก
 
                        คิดว่าไอ้ตัวเล็กของตนป่วยจึงใช้หลังมืออังหน้าผากหากแต่อุณหภูมิในร่างกายของกรรณก็ไม่ได้สูงขึ้น
 
                        พลับขมวดคิ้วแล้วพลิกร่างเล็กของกรรณให้หันมาทางตน
 
                        ดวงตากลมปรือแดงบวมช้ำ  จมูกโด่งได้รูปสวยก็แดงก่ำไม่ต่างกัน  ริมฝีปากบวมเจ่อเพราะเจ้าตัวพยายามกัดมันเพื่อกลั้นสะอื้น
 
                        “ เป็นอะไร... ร้องไห้ทำไม ? ห้ามบอกว่าเปล่าไม่ได้ร้องไห้  เพราะตอนนี้เอ็งกำลังร้องไห้อยู่” พลับใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าคนตัวเล็กก่อนจะงอนิ้วแล้วใช้มันเกลี่ยน้ำตาให้กับคนที่ยังปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเงียบๆ
 
                        “ โดนนายน้อยดุมาหรือไรเจ้า ? ”
 
                        “ เปล่า ”
                       
                        “ แล้วใครถ้าไม่ใช่นายน้อย  คุณหญิงรึ ? ” พลับเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง  ไม่บ่อยหรอกที่กรรณจะมานอนร้องไห้เสียน้ำตาให้เขาเห็น  คนตัวเล็กแกร่งกว่าที่ใครๆคิด แม้ร่างกายจะบอบบางแต่จิตใจของกรรณแข็งแกร่งกว่าภาพลักษณ์ที่เห็นมากนัก
 
                        “ ไม่มีอะไรหรอก  ข้าแค่คิดถึงเพื่อนๆสมัยเด็กๆน่ะ ” พูดปดไปเพื่อให้พลับที่กำลังมีสีหน้าทุกข์ร้อนแทนตนเองสบายใจขึ้น  มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆพลางส่งยิ้มให้กับพลับ
 
                        ทาสตัวสูงเห็นเพื่อนร่วมห้องยิ้มได้ก็ใจชื้น
 
                        “ ไม่ได้เป็นอะไรก็ดีแล้ว งั้นข้าไปอาบน้ำก่อนนะ  วันนี้โดนพี่เมฆจัดเวรไปทำนา  เหนื่อยมากเลย ”
 
                        “ อื้อ... ไปเถอะ ” กรรณพยักหน้าในพลับ  ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะหยิบเสื้อผ้ามอซอของตนออกไป
 
                        ทุกเย็นพวกบ่าวไพร่มักจะไปอาบน้ำและซักผ้าที่ริมแม่น้ำ  เพียงเดินออกทางประตูเล็กเดินผ่านพงหญ้าสูงก็จะพบกับแม่น้ำที่มีชายหาดเต็มไปด้วยทรายละเอียดและกรวดสีสวย เรือนทาสที่กรรณและพลับอาศับร่วมกับบ่าวอีกนับสิบคนนั้นอยู่แยกห่างออกมาจากเรือนใหญ่ของท่านเจ้าคุณและคุณหญิงค่อนข้างมากด้านหลังถูกกั้นด้วยสวนที่ใช้ปลูกพืชผักบึงบัวทำให้ไม่ต้องรกหูรกตาคุณๆบนเรือนยามพักผ่อนอิริยาบทหลังเหนื่อยล้าจากงานบนเรือนและจากนาที่ต้องผลัดกันไปทำ อีกทั้งเพราะทิ้งระยะจากเรือนใหญ่พอสมควรทำให้สามารถพูดคุยกันได้โดยไม่ต้องเกรงว่าเสียงจะดังขึ้นไปรบกวนคุณบนเรือนให้ระคายหู บ่อยครั้งกรรณก็เห็นบ่าวผู้หญิงทะเลาะตบตีกันด้วยเรื่องแย่งกันเป็นคนโปรดของท่านเจ้าคุณ หากเรื่องรู้ถึงหูคุณหญิงบ่าวบางคนก็หายไปบางคนก็ไม่ได้เสนอหน้าขึ้นไปรับใช้บนเรือนใหญ่อีกเลย แต่หากเมียบ่าวคนใดทำตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยและท่านเจ้าคุณโปรดปรานก็จะมีบุญมีวาสนาได้เรือนไว้อยู่เป็นส่วนตัวไม่ไกลเรือนใหญ่นักเพื่อที่ท่านเจ้าคุณจะได้แวะหาได้อย่างสะดวกแถมยังมีบ่าวคนสนิทไว้ใช้สอย กรรณเติบโตมาท่ามกลางสังคมเล็กๆแบบนี้จนกลายเป็นภาพคุ้นชินเสียแล้ว
 
                       
 
                        ดึกแล้วคบเพลิงตามลานเดินถูกจุดสว่างหากแต่ตะเกียงตามห้องพักทยอยดับที่ละดวง  พลับกรนเสียงดังอยู่ในห้องในขณะที่กรรณนั่งกอดเข่ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีดวงดาวทอแสงสกาว
 
                        ก๊อกๆๆๆ
           
                        คนตัวเล็กสะดุ้งกับเสียงเคาะข้างๆ เมื่อหันไปตามเสียงก็พบกับเมฆที่ยืนอยู่ข้างๆ
 
                        “ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ยพี่เมฆข้าตกใจหมด ”
 
                        “ นั่งแบบเอ็งนี่ถ้าโจรลอบเข้ามา  เอ็งคงตายในดาบเดียว ”
 
                        “ บางทีตายๆไปก็ดีเหมือนกันนะ ”
 
                        “ อายยุยังน้อยจะรีบตายไปไหนเล่า  อ่ะ... นี่นายน้อยฝากของมาให้เอ็ง  เห็นถามถึงเมื่อเย็นเอ็งเบี้ยวงานไม่ยอมไปปรนนิบัติ ” เมฆยัดกระดาษที่ถูกม้วนเป็นแท่งเล็กๆให้กรรณ คนตัวเล็กหันหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะค่อยๆคลี่มันออกมาอ่านทีละบรรทัด
 
"ในดวงจิตคิดถึงคะนึงหา
ยามหลับตานิทราหรือว่าฝัน
ใต้เงาไม้แดดอ่อนซอนตะวัน
ทั้งกลางจันทร์แสงส่องผ่องนภา
เพียงภาพหนึ่งติดตรึงในสายเนตร
ยุวเรศเลอลักษณ์หวันยิหวา
ได้จารจดทุกจริตกิริยา
แล้วตอกตราลงในห้วงคำนึง
เกิดขึ้นแล้วสายรักสมัครมาด
สายสวาทนำพาใครคิดถึง
จะยามใดทำได้เพียงคำนึง
แล้วซาบซึ้งถึงรักเพียงผู้เดียว
จะวอนขอความรักมิพักผ่อน
แค่ขอเพียงบังอรเจ้าแลเหลียว
ใจของพี่มีเพียงแต่ดวงเดียว
ทุกส่วนเสี้ยวทุ่มไปทั้งวิญญา
เอ่ยเถิดนะคำรักสมัครมั่น
อย่าให้พรั่นไร้สิ้นเสน่หา
หากฤทัยตรงกันเอ่ยวาจา
รักสูงค่ามอบไว้ไม่ทวงคืน"

                        มือเรียวสั่นเทาด้วยความปิติ  เพลงยาวที่นายน้อยฝากมากับเมฆทำให้หัวใจที่สงบลงแล้วไหวระรัวอีกครั้ง  น้ำตาหยดลงบนแผ่นกระดาษจนคนตัวเล็กต้องรีบใช้แขนเสื้อเช็ดด้วยกลัวหมึกจะเปรอะ  ร่างบางผลุบหายเข้าไปในห้องเป็นเวลานานก่อนจะออกมาพร้อมยื่นกระดาษแบบเดียวกันให้เมฆ  ผู้ดูแลหนุ่มที่นอนแทะต้นหญ้าชมดาวอยู่อย่างรู้หน้าที่ถอนหายใจราวเหนื่อยหน่ายแต่ก็รับเก็บไว้ที่ชายพกแล้วขยับตัวลุกขึ้นเร้นกายหายไป
 
                        ไม่นานชายหนุ่มก็ปรากฏตัวที่ศาลากลางน้ำ  นายน้อยนั่งเล่นซออยู่ด้วยทำนองหวานเศร้า  ม้วนกระดาษถูกส่งให้ผู้เป็นนายก่อนที่จะถอยออกไปห่าง
 
                        เพชรคลี่แผ่นกระดาษออก  อ่านเช่นเดียวกับที่กรรณทำ
 
"อันกิ่งทองหรือจะคู่ใบระกา
สกุณาใต้หล้าฤาแซมหงส์
กนกลายโบตั๋นแม้บรรจง
ขีดเขียนลงก็รู้ไม่คู่กัน
รักสูงค่าเอ่ยมาไม่กล้ารับ
จะกลายกลับถอนสะอื้นฝืนความฝัน
เสน่หาใกล้ชิดหวนติดพัน
คนละชั้นสุดหล้าฟ้าแดนดิน
มีแต่ทุกข์แต่โศกวิโยคนัก
อาญารักเปรียบเปรยดังกรวดหิน
คู่ไม่ควรพับกันก็พังภิณท์
คงด่าวดิ้นเนืองหน้าน้ำตานอง
ความเจ็บปวดรออยู่ภายภาคหน้า
ในชาตินี้ขอเป็นข้าเพียงสนอง
ไม่หวังสูงรับรักเป็นคู่ครอง
ไม่ใฝ่ปองคะนองสะแดงตน
เพียงเศษเสี้ยวนำใจแก้ข้าทาส
ไม่บังอาจใฝ่รักเป็นมรรคผล
สองตานี้เหลือบแลแค่ยุคล
ดวงกมลมอบถ้วนล้วนภักดี
แม้ไม่อาจตอบรักยังภักดิ์ได้
ทั้งใจกายต่อไปนับแต่นี้
เพียงผู้เดียวที่เป็นเจ้าชีวี
ไม่มีวันหลีกหนีเป็นอื่นเอย"

บทกลอนที่คล้ายจะตัดพ้อต่อโชคชะตาและฐานันดรที่เป็น
 
                        ความรู้สึกด้อยค่าในตัวคนตอบและคล้ายจะตัดรอนความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่  ทำให้เพชรฝนหมึกแล้วบรรจงเขียนกลอนอีกบทก่อนจะไปเรียกเมฆเข้ามาหาอีกครั้ง  ผู้ดูแลหนุ่มรับม้วนกระดาษมาไว้ในมือก่อนจะหันหลังเตรียมมุ่งหน้าสู่เรือนทาส แต่นายน้อยหนุ่มก็เรียกไว้
 
                        “ เดี๋ยวเมฆ... บอกกรรณว่าหลังจากอ่านจบแล้วให้มาตอบข้าด้วยตัวเองเข้าใจมั้ย ? ข้าจะรออยู่ที่นี่ ”
 
                        “ขอรับ ” เมฆรับคำแล้วเดินมุ่งมายังเรือนทาสที่กรรณยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
 
                        ชายหนุ่มยื่นม้วนกระดาษให้กรกันต์ที่ยืนปาดน้ำตายื่นมือมารับ
 
                        “ เดี๋ยว... ” หากแต่ก่อนที่ม้วนกระดาษถูกดึงไปเมฆก็ยื้อมันไว้
 
                        “ นายน้อยบอกว่าอ่านจบแล้วให้เจ้าไปตอบท่านด้วยตัวเจ้าเอง  ท่านรออยู่ที่ศาลากลางน้ำ  หมดหน้าที่ของข้าแล้ว ข้าไปนอนล่ะ ง่วงเต็มทีเดินก็ไกลเหนื่อยก็เหนื่อย ” เมฆปล่อยม้วนกระดาษให้กรกันต์แล้วเดินจากไป  มือเรียวรีบคลีแผ่นกระดาษออกอ่าน  น้ำตาที่ไหลอยู่แล้วกลับยิ่งไหลมากขึ้นไปอีกเมื่ออ่านเนื้อความในจดหมาย
 
                        หัวใจที่แห้งเหี่ยวลงไปหลังจากตนเขียนตัดรอนสายสวาทที่ผู้เป็นนายมอบให้กลับฟื้นฟูมาใหม่อีกครั้ง
 
“อันบุพเพท่านว่าประหลาดนัก
ในความรักปักตรึงคะนึงหา
หาขึ้นกับวรรณะและเงินตรา
จะชนชั้นศาสนาสิ้นความหมาย
รักคือรักคำนี้มีอำนาจ
ก้องประกาศฤทธาไม่หนีหาย
กำแพงหนาเท่าหนายังทลาย
รักฟันฝ่าไปได้ทุกเหตุการณ์
ขอเพียงใจซื่อตรงคงสมัคร
ร่วมฟันฝ่าอุปสรรคคอยประสาน
จะปกป้องผองภัยที่แผ้วพาน
เป็นแก้วกานต์กั้นเกศเหตุใดใด
จะกิ่งทองใบระกามาดูแล้ว
ก็มิแคล้วเป็นพรรณไม้ใช่หรือไม่
สกุณากับหงส์แล้วอย่างไร
ผิดเพศพันธุ์ก็มิใช่เช่นเดียวกัน
ใจต่อใจต่างหากคือของแน่
มีรักแท้แนบสนิทไม่ผิดผัน
เมื่อหัวใจสองดวงเรียกหากัน
มีสิ่งใดเขย่าขวัญให้พรั่นพรึง"
 
                        เพียงสิ้นบรรทัดสุดท้ายที่ได้อ่าน  ร่างบางก็ผุดลุกก่อนจะออกวิ่งมุ่งตรงไปยังศาลากลางน้ำด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข
 
                        รักคือรักสินะ
 
                        รักก็คือรักไม่ว่าจะต่างเพศหรือเพศเดียวกัน  ถ้าใจตรงกันแล้วมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
 
                        สองเท้าวิ่งตรงอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย  จนกระทั่งมาถึงกลางสะพาน ใครคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
 
                        “ นายน้อย ”
 
                        “ ให้คำตอบข้าได้หรือยัง ? ”
 
                        “ บ่าว... ”
 
                        “ ..... ”
 
                        “ ..... ”
                       
“ บ่าว... รักท่านครับนายน้อย  บ่าวรักนายน้อยขอรับ”
 
                        ร่างบางถูกดึงเข้ามากอดจนแทบจะจมหายไปกับอกแกร่งทันทีที่เปล่งคำตอบออกไป
                        หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวราวกลองรบ
 
                        กรรณฝังใบหน้าตัวเองลงไปตามแรงกอดของท่อนแขนอุ่น
 
                        นั่นเสียงอะไร ?
 
                        เสียงหัวใจนายน้อยก็เต้นแรงเหมือนของข้าเช่นกันใช่หรือไม่?
 
                        ร่างเล็กสวมกอดเอวสอบไว้หลวมๆ
 
                        ยอมแล้ว... หัวใจนี้ยอมแล้ว
 
                        ยอมเป็นทาสรักของนายน้อยเพียงผู้เดียว
 
                        ต่อไปนี้จะไม่สนใจคำพูดใครหรืออะไรอีกแล้ว
 
                        ไอ้กรรณคนนี้จะฟังเพียงนายน้อยผู้เดียวเท่านั้น
 
                        แค่นายน้อยเพียงผู้เดียว....
 
 
 
                        TBC…………


................................

ชอบกลอนแหละ อยากเขียนแบบเกี้ยวกันด้วยเพลงยาวมานานแล้วแต่โง่เรื่องกลอนมากเลยให้แตมมี่น้องรักเขียนให้

เป็นเรื่องที่เขียนแล้วมีความสุขสุดๆเลยมันได้ดั่งใจไปซะทุกอย่าง

เช่นเดิมค่ะ คอมเม้นท์ติชมให้กำลังใจได้ ติดแท็กในทวิตเตอร์ได้ ชอบอะไรไม่ชอบอะไรบอกกันได้นะคะ เจอกันอีกทีพรุ่งนี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2019 22:06:14 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ชอบบทกลอนมากมาย ว่าแต่วินนี่คือพี่เมฆ ชาติก่อนใช่ไหมจ๊ะ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
พี่เมฆคงอยากบอกทั้งสองคนว่ามาคุยดีๆกันสักทีเถอะ ฮา
แล้วจะมีใครรู้ไหมละเนี่ยว่าจัสมินเป็นคนทำ ข้อหาพยายามฆ่าเลยนะนั่น สมควรโดนติดคุกหัวโต
จิน่ารัก เถียงๆกับวิน ระวังจะโดนผีผลัก รักกันไม่รู้ตัวนะ  :hao3:

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ไม่ใช่ค่ะเมฆคือบอดี้การ์ดของนายน้อย ส่วนพลับคือวินในชาตินี้ค่ะ

ชอบบทกลอนมากมาย ว่าแต่วินนี่คือพี่เมฆ ชาติก่อนใช่ไหมจ๊ะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านเรื่องนี้ทำให้นึกถึงเพลงๆหนึ่งขึ้นมาได้ ผมว่าได้อารมณ์มาก “ รักนิรันดร์ “ ศิรศักดิ์
ท่อนฮุกสำคัญ ฟากอาจจะพรากให้เราจากกัน แต่ไม่มีวันพรากใจฉันจากเธอไปได้
ฉันจะอยู่เพื่อรักเธอตลอดไป แม้สิ้นลมหายใจ รักเธอนิรันดร์ ลองฟังดูครับเพิ่มอรรถรสให้นิยาย

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
Time of tears
Chapter 8

                        สีแดง...สีของความมงคลตามความเชื่อถูกประดับประดาตามธรรมเนียมจีนที่อยู่ในสายเลือดของท่านเจ้าพระยาพิพัฒน์วานิช พิธีแต่งงานถูกกำหนดให้เป็นแบบจีนทั้งหมดเพิ่มเติมคือการนิมนต์พระมาทำพิธีแบบไทยในช่วงเช้าและพิธีซัดน้ำ  พรรณไม้ที่ปลูกในกระถางจนออกดอกสะพรั่งถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบไล่สีจนดูดารดาษ แจกันจีนใบใหญ่ประดับด้วยดอกไม้สดที่เสียบไม่ดูเป็นพวงระย้าย้อยงามตา  บรรดาบ่าวไพร่วิ่งกันให้วุ่น  แม่มะลิเดินไปทางนู้นทีทางนี้ทีสั่งงานจนต้องนั่งพักเหนื่อยเป็นระยะ  พลับผูกโคมกระดาษหลากสีอยู่บนขื่อบ้าน  แม้อากาศจะเย็นสบายแต่ทุกคนกลับรู้สึกร้อนเพราะต้องออกแรงกันตั้งแต่ยังไม่รุ่งเช้า
 
                        งานแต่งงานของบุตรชายคนเดียวของเจ้าพระยาพิพัฒน์วานิชและบุตตรีของเจ้าพระยาโยธาเทพถูกบอกต่อกันจนรู้ไปทั่วคุ้งน้ำ  เทียบเชิญเหล่าขุนนางและพ่อค้าวานิชอีกทั้งเพื่อนฝูงที่มั่งคั่งร่ำตรวยถูกส่งไปยังเรือนต่างๆเสร็จสิ้นตั้งแต่เดือนก่อน  ห้องหอถูกจัดอย่างสวยงามสมฐานะ
 
                        คู่หมั้นที่ใครๆต่างก็เลื่องลือว่าสมกันราวกิ่งทองใบหยก  ท่านเจ้าคุณอารมณ์ดีที่จะได้ลูกสะใภ้สมฐานะถึงกับแจกเงินให้กับบ่าวไพร่ในบ้านทุกคน
 
                        งานที่กรรณไม่รู้สึกยินดีที่ได้รับเลยซักนิด  ยิ่งเห็นผ้าแพรสีแดงที่ถูกผูกมัดเป็นรูปร่างต่างๆ ใจดวงน้อยยิ่งสั่นไหว
 
                        ความรู้สึกเหมือนใจจะขาดเป็นอย่างไรกรรณก็เพิ่งรู้สึกเอาตอนนี้เอง
 
                        อีกสามวันนายน้อยจะต้องแต่งงาน
 
                        คุณหนูสบันงากำลังจะก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้ของบ้าน  และกรรณอาจถูกลดหน้าที่ให้กลายไปเป็นบ่าวก้นครัวเหมือนคนอื่นๆ
 
                        ทุกคนต่างวิ่งวุ่นด้วยกันทั้งนั้น  ทั้งบ่าวเรือนนี้และบ่าวจากเรือนนู้นที่ทยอยหอบเครื่องเรือนข้าวของเสื้อผ้าจิปาถะตามธรรมเนียมการสู่ขอ คือ ฝ่ายชายจะเตรียมบ้าน แหวนแต่งงาน ส่วนฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นผู้จัดเตรียมเครื่องเรือน เครื่องใช้ในบ้าน
 
                        ซึ่งคุณหนูสบันงาคงไม่อยากน้อยหน้าใคร  ข้าวของทุกอย่างถูกลำเลียงมาเป็นขบวนยาว  บ่าวไพร่ช่วยกันจัดจนป่านนี้ยังไม่เสร็จ
 
                        มันมีมากเกินไป...
 
                        เรื่องงานหนักกรรณไม่เคยคิดกลัวเลยซักนิด  เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยได้อยู่อย่างสุขสบายอยู่แล้ว  เพิ่งมาลำบากน้อยลงเหนื่อยน้อยลงก็ตอนได้มารับใช้นายน้อยนี่เอง
 
                        แต่... สิ่งที่กรรณกลัวคือการพลัดพรากจากนายน้อย
 
                        กรรณไม่รู้ว่าคุณหนูสบันงาจะเป็นคนแบบไหน  กรรณกลัวที่จะต้องรับรู้ว่าตนเองกำลังจะมีนายเพิ่มมาใหม่อีกคน
 
                        กรรณกลัวจะทำตัวให้ไปเป็นที่สบอารมณ์ของคุณสบันงา
 
                        เหนืออื่นใดกรรณกลัวตัวเองจะทนเห็นคนทั้งคู่ครองคู่กันไม่ได้
 
                        ทั้งๆที่เป็นคนบอกนายน้อยเองแท้ๆว่าให้แต่งเถอะ  แต่งเพื่อความสบายใจของท่านเจ้าคุณกับคุณหญิง  แต่งเพื่อที่จะได้มีทายาทสืบสกุล ตัวกรรณเองจะได้รู้สึกผิดบาปน้อยลงแต่สุดท้ายแล้วคนที่เศร้าที่สุดก็คือตัวกรรณเอง
 
                        วันที่คุณหญิงส่งวันเดือนปีเกิดไปให้ทางนู้น  ใจของกรรณก็ร้าวราวกับแก้วที่ตกจากที่สูงลงพื้น
 
                        มันแหลกละเอียด  การส่งวันเดือนปีเกิดเพื่อยืนยันว่าสู่ขอคุณหนูสบันงาอย่างเป็นทางการ  กรรณรู้สึกว่าตัวเองเลวก็ตอนที่ยกมือขึ้นกราบกรานฟ้าดินให้ฤกษ์หมั้นฤกษ์แต่งไม่มี
 
                        แต่....
 
                        กำหนดแต่งงานมาถึงในเช้าวันหนึ่ง  ฤกษ์ที่เร็วที่สุดคือเดือนต่อมาแม้จะอยากให้แต่ละวันมีเวลายาวนานกว่านี้  แต่กรรณก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
 
                        “ อ่าว... อยู่นี่เองเหรอเจ้า  เห็นไอ้พลับมันตามหาอยู่ ” กรรณสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงร้องทักจากทางด้านหลัง  มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะหันมาแสร้งทำเป็นยิ้มให้เมฆ
 
                        “ พี่เมฆมาเงียบๆข้าตกใจหมดเลย ”
 
                       
                        “ ใครว่าข้ามาเงียบกันล่ะ  ข้าก็มาปกติแต่ใจเอ็งต่างหากที่ปิดกั้นทุกอย่างเอง  ตัดโลกภายนอกน่ะมันตัดง่ายนะไอ้กรรณ  แต่ตัดใจน่ะมันตัดยากเพราะอะไรรู้มั้ย ? ” เมฆวางอ่างลอยกลีบดอกไม้ใบขนาดย่อมลงบนโต๊ะแล้วเดินมาหยุดข้างหน้าร่างเล็กที่กำลังหลบตาเขา
 
                        “ ข่ะ... ข้าไม่รู้ ”
 
                        “ เอ็งรู้ดี  คำตอบข้อนี้ไม่ยากเลย  ตัดยากเพราะเราใช้ความรู้สึกสานสัมพันธ์กัน  มันเป็นเส้นใยที่ถักทอมาจากหัวใจ  เพราะฉะนั้นเวลาเราจะตัดใจมันจึงรู้สึกเจ็บ  รู้สึกเหมือนจะขาดใจตายไรล่ะ  ข้าเคยเตือนเอ็งแล้วว่าถ้าฝืนรักกันไปใจเอ็งนั่นแหละที่ต้องเจ็บ ”
 
                        “ ข้า... ”
 
                        “ ตอนนี้เอ็งสับสนสินะว่าควรทำอย่างไรต่อไป ” เมฆยกยิ้มอ่อนๆให้กันคนตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งราวกับทำความผิดอะไรไว้
 
                        “ ก็แค่ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของโชคชะตา  ถ้าเอ็งกับนายน้อยมีบุพเพต่อกันจริง  ไม่ว่าอะไรก็ขวางเอ็งไม่ได้หรอก  เนื้อคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันไปได้หรอก ”
 
                        “ แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะ ? ”
 
                        “ ถ้าเอ็งเชื่อมั่นว่ามันใช่  เชื่อมั่นในความรักหน่อยสิ  เป็นเอ็งกับนายน้อยไม่ใช่รึที่ดึงดันจะรักกัน  ข้าเชื่อว่าถ้าเอ็งกับนายน้อยรักกันจริงอุปสรรคแค่นี้ก็ขวางเอ็งไม่ได้ ”
 
                        “ ข้ารัก... ”
 
                        “ ถ้ารักกันก็ต้องมั่นคงอย่างให้อะไรมาสั่นคลอนความรู้สึกของเอ็งได้  เลือกที่จะเจ็บแล้วก็ต้องอดทนถึงที่สุดนะ  เรื่องนี้ถ้าจะพูดไปข้าว่าคุณหนูสบันงาน่าเห็นใจที่สุด  ได้ตัวแต่ไม่ได้หัวใจแล้วมันจะมีประโยชน์อันใดเล่า ”
 
 
                        คืนก่อนที่นายน้อยจะเข้าพิธี  นายน้อยเรียกกรรณไปพบที่ห้องหนังสือ
 
                       
                        แสงตะเกียงสลัวทำให้เห็นเสี้ยวหน้าที่หมองเศร้า  กรรณทำใจกล้ายกมือของตนไปแนบแก้มของนายน้อย
 
                        แกล้งทำเป็นยิ้ม ทั้งๆที่ภายในใจมีน้ำตาเอ่อท่วม
 
                        นายน้อยจับมือกรรณมากุมไว้ก่อนแทรกบางสิ่งมาให้  ดวงตากลมหลุบมองของในมือ  มันเป็นห่านป่าแกะสลักเป็นจี้อันเล็กๆ ร้อยไว้กับสายสร้อยที่เป็นเชือกถัก
 
                        “ ข้าทำมาให้เจ้า  พรุ่งนี้ข้าต้องเข้าพิธีเอาห่านป่าแกะสลักไปมอบให้ทางนู้น  เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันหมายความว่ายังไง ? ” ใบหน้าหวานส่ายไปมา แต่ทว่าไม่ยอมละสายตาไปจากสิ่งของในมือเลยสักนิด  เพชรถอนหายใจพลางเชยคางทาสตัวน้อยให้สบตากับตน
 
                        “ ห่านป่าเป็นสัญลักษณ์ของการมีลูกมากและรักเดียวใจเดียว ข้ามอบให้ทางนู้นตามพิธี  ข้าไม่ได้อยากมีลูกกับใครทั้งนั้นเจ้าย่อมรู้ดี  ใจของข้าผูกสมัครรักเจ้าไม่มีทางแปรเปลี่ยน  ส่วนห่านป่าในมือเจ้าเป็นเครื่องแทนใจข้า  หมายความว่าข้าจะรักมั่นแต่เจ้าเพียงผู้เดียวเหมือนห่านป่าที่มันจงรักกับคู่ของมันแม้นคู่จะหายไปหรือตายจาก มันก็จะไม่ยอมมีคู่ใหม่ ”
 
                        “ นายน้อย... ” กรรณรู้ว่าเสียงเรียกนั้นเบา เบาเพราะก้อนสะอื้นตีตื้นขึ้นมาบนอก
 
                        รัก... กรรณรักนายน้อยเหลือเกิน  พรุ่งนี้นายน้อยก็ต้องไปเข้าพิธีที่บ้านนู้นแล้ว
 
                        นายน้อยกำลังจะเป็นของคนอื่น  เพิ่งได้คำตอบตอนนี้เองว่าเค้าไปอยากให้นายน้อยไปเลย
 
                        อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ฉุดรั้งนายน้อยไว้  แต่ก็รู้ดีว่ามิอาจทำเช่นนั้นได้
 
                        สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือจ้องมองหน้านายน้อยที่หมองเศร้าไม่ต่างกัน  ใครหนอช่างพูดว่าความรักคือความหอมหวาน คือความสุข
 
                        แล้วใยตอนนี้หัวใจของกรรณกลับปวดร้าว  ราวกับจะแตกเสียให้ได้
 
                        “ มานี่สิ... ” ปล่อยให้นายน้อยจูงมือมานั่งที่โต๊ะตัวเตี้ย  นายน้อยหงายจอกน้ำขึ้นสองใบแล้วเทน้ำสีใสในเหยือกเล็กจนเต็มก่อนจะยื่นมาให้กรรณหนึ่งจอก
 
                        “ อะไรเหรอขอรับนายน้อย ? ” กรรณมองจอกเหล้าอย่างไม่เข้าใจว่านายน้อยต้องการอะไร  เพชรยิ้มที่มุมปากก่อนจะกระซิบชิดริมหูว่า….
 
                        “ เหล้ามงคลดื่มในวันแต่งงานตามธรรมเนียมของชาวจีน ” เพียงแค่จบคำของนายน้อยแก้มขาวก็แดงก่ำจนน่ากลัว  มือไม้สั่นคล้ายจะอ่อนแรงจนต้องใช้สองมือประคองจอกเหล้าไว้
 
                        “ ดื่มสิ ” ริมฝีปากจรดรับความร้อนฉุนของเหล้าเลิศรสเข้าปาก  ดื่มไปด้วยความปลื้มปิติ
 
                        เหล้ามงคลที่ใช้ในงานแต่งงาน  แม้จะไม่ได้มีพิธีสวยหรูแต่การที่นายน้อยแสดงออกมานั้นหมายความว่านายน้อยเลือกกรกันต์
 
                        แขนเล็กคล้องกับลำแขนแกร่ง ข้อมือตวัดถ้วยเหล้าเข้าหาปากเป็นเสมือนเครื่องแสดงว่าต่อไปนี้คนทั้งคู่กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
 
                        ริมฝีปากอุ่นพรมจูบแผ่วเบาลงบนเปลือกตาที่ปิดลงก่อนจะระเรื่อยมายังสองปรางหอมแล้วเติมเต็มความรู้สึกทั้งหมดลงบนกลีบปากนุ่มบดคลึงเบาๆ ราวขอร้องให้คนที่เปิดใจยอมเปิดทางให้เข้าไปสำรวจด้านใน
 
                                    จูบที่เปลือกตาเพื่อที่จะบอกกรรณว่า..... “ ข้ากำลังหลงรักเจ้า ”
 
                                    จูบที่สองแก้มผ่องเพื่อที่จะบอกกรรณว่า..... “ ข้าต้องการเจ้า ”
 
                                    จูบละมุนที่ปากอิ่มสีสดเพื่อที่จะบอกกรรณว่า..... “ ข้ารักเจ้านะกรรณ ”
 
                        เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูก่อนจะประกบบดคลึงจนใจดวงน้อยปั่นป่วนไปหมด
 
                        มันไม่ได้หวานละมุนราวนิยายประโลมโลกที่พวกคณะละครรำบรรยายไว้เหมือนที่เคยดูในตลาด
 
                        มันทั้งร้อน
 
                        ทั้งทำให้ใจสั่นหวิวคล้ายจะเป็นลมเสียให้ได้
 
                        มันตักตวงช่วงชิงลมหายใจไปชั่วขณะ
 
                        แต่กรรณกลับรู้สึกดี...
 
                        ริมฝีปากอุ่นพรมจูบไปที่คางก่อนกดจูบหนักๆที่ลำคอ
 
                        “ เจ้าเป็นของข้านะกรรณ... เป็นของข้าเถอะนะ... ข้ารักเจ้า  รักเจ้าคนเดียว ”
 
                        สาบเสื้อถูกแหวกออกจากกันจนมันเลื่อนหล่นมาที่ข้อพับแขน
 
                        เมฆมองเงาที่สะท้อนในห้อง เงาดำที่ค่อยๆทอดกายตามกันลงบนพื้นห้อง  ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้ายามดึก
 
                        พระจันทร์ช่างหม่นแสงนัก...
 
                        หม่นเหมือนความรักต้องห้ามของคนที่กำลังบรรเลงเพลงรักกันในห้องหนังสือนั้น
 
                        จะมีสักกี่คนกันที่รู้ชะตาภายภาคหน้าแล้วยังดันทุรัง  ความรักของทั้งคู่หาได้โรยด้วยกลีบกุหลาบไม่  ยิ่งเดินไปยิ่งเจ็บด้วยพื้นทางที่พากันเดินย้ำไปมีทั้งเศษกรวดเศษหิน คมมีด และหนามแหลม
 
                        จะมีสักกี่คนที่ยอมฝืนพรหมลิขิต
 
                        จะมีสักกี่คนที่ยอมแหวกม่านประเพณี
 
                        และทั้งคู่จะปกปิดความรักซ่อนเร้นนี้ไปได้นานสักแค่ไหน
 
                        ตะเกียงในห้องถูกเป่าดับไปแล้ว  เมฆก็ได้แต่ยืนตัวแข็งคอยดูลาดเลาให้เจ้านายหนุ่ม
 
                        คนที่พรุ่งนี้จะเข้าสู่ประตูวิวาห์อยู่ริมร่อ
 
                        “ เฮ้อ... ทำยังไงได้ล่ะเนอะ  วิวาห์เหาะก็สนุกดีนะ ”
 
 


((ต่อด้านล่าง)))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


                        พิธีการถูกดำเนินตั้งแต่รุ่งสางที่บ้านของฝ่ายชายเพราะอยากให้สะดวกต่อการเชิญแขกเหรื่อที่จะมาร่วมงาน  เพชรในชุดราชประแตนกำลังนั่งหันหน้าเข้าหาคุณหนูสบันงาที่นั่งสงบกริยา  ริมฝีปากแดงแย้มยิ้มน้อยๆอย่างพึงใจ
 
                        เจ้าบ่าวของนางรูปงามราวรูปสลัก  ใบหน้าเรียวแม้จะติดเรียบขรึมราวผิวน้ำที่ราบเรียบไร้คลื่นลมแต่ก็ละสายตาไม่ได้  ริมฝีปากหยักอิ่มเต็มของเพชรก็ทำให้ใจดวงน้อยของคุณหนูสูงศักดิ์แกว่งจนมือสั่น
 
                        สองหนุ่มสาวประคองขันเพื่อตักบาตรพระเก้ารูปตามธรรมเนียม สบันงานเลื่อนมามากุมมือของเพชรไว้ตามที่คุณหญิงจำปาสอนเพื่อเป็นเคล็ดว่าหลังจากนี้ไปหล่อนจะเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านและจะสามารถควบคุมผู้เป็นสามีได้เฉกเช่นเดียวกับที่แม่ของหล่อนเคยทำ

                        นายน้อยรับมาก่อนจะระบายยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงใครอีกคนที่เขาขอให้รออยู่ที่เรือนทาสไม่ต้องตามมาทำงานที่เรือนใหญ่  เพราะอยากให้เจ้าตัวน้อยได้นอนพัก อีกอย่างเขาไม่อยากให้กรรณต้องมาทนเห็นพิธีแต่งงานของเขากับหญิงอื่น
 
                        คนที่ส่งเสียงหวานรัญจวนเสนาะหู  ความฉุนร้อนของเหล้าไม่ได้ทำให้นายน้อยรู้สึกอะไรนอกจากความหวานติดปลายลิ้นจากรอยจุมพิตซ้ำๆ กับเกลียวลิ้นนุ่มละมุน
 
                        แค่คิดถึงความหวานละมุน  ผิวเนื้อเรียบเนียน  ร่างกายขาวผ่อง  สีหน้าเปี่ยมสุขของกรรณก็ทำให้นายน้อยรู้สึกดีขึ้นมาได้
 
                        พิธีการยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งพิธีซัดน้ำ บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาวต่างเข้ามาเบียดแนบชิดกับบ่าวสาวเพื่อให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกันมากขึ้น เพชรเบี่ยงตัวหลบทุกครั้งที่ต้นแขนของสบันงาเบียดมาชนกับต้นแขนของตน ที่สุดช่ายหนุ่มก็แสร้งทำทีเป็นหน้ามืดเป็นอันว่าพิธีต้องจบลงเพียงเท่านี้ คุณหญิงแพสั่งบ่าวไพร่ให้หามนายน้อยเข้าไปพักเป็นอันโกลาหล สบันงานซ่อนเก็บความไม่พอใจไว้ในใจลึกๆ บรรดาแขกผู้ใหญ่พากันเอ่ยสรรพยอกกับท่านเจ้าพระยาทั้งสองว่า

   “เห็นทีพ่อเพชรจะไม่มีแรงทำหลานให้ท่านเจ้าคุณอุ้มเสียแล้ว มาเป็นลมเป็นแล้งกระไรเอาวันแต่งงาน ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ แม่สบันงาก็ไม่ต้องเสียใจไปนะ รอผัวเจ้าหายป่วยค่อยทำหน้าที่เมียก็ยังมิสายดอก”

สบันงากำชายผ้านุ่งลวดลายวิจิตของตนเองเพื่อข่มโทสะ

หล่อนอยากทำหน้าที่เมียที่สมบูรณ์ อยากเป็นสะใภ้ที่ดีมีทายาทสืบสกุลให้กับเพชร หากแต่สิ่งที่หล่อนได้รับวันนี้กลับทำให้หล่อนอับอายมิใช่น้อย ฝ่ายนายน้อยของเรือนถูกเมฆกับพลับพยุงเข้ามานอนในเรือนหอ พลับจัดแจงผ่อนคลายคอเสื้อให้กับผู้เป็นนาย

   “เอ็งไปเอาพิมเสนมา ขอยาลมจากอีแช่มมาด้วยบอกว่าข้าจะเอามาละลายให้นายน้อยกินแล้วห้ามไม่ให้ใครเข้ามารบกวน”พลับรับคำสั่งของเมฆก่อนจะผลุบหายออกไป นายน้อยค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมองเพดานห้องด้วยความว่างเปล่า

เขาจะหลบเลี่ยงการเข้าหอได้ซักกี่ครั้ง

แม้ในใจนึกอยากขอโทษหญิงสาวที่ถูกทิ้งไว้ข้างนอกโดยที่ยังเข้าพิธีไม่เสร็จแต่เขาจำต้องทำ

เขาคงไม่สามารถเข้าพิธีกับหญิงใดได้จนจบขั้นตอนเพราะในใจเอาแต่นึกถึงเจ้าทาสตัวน้อยที่เฝ้าพะเน้อพะนอไม่ห่าง
                        ดวงใจของเขาวางลงแทบเท้าเจ้าทาสตัวน้อยนามว่า กรรณ เสียตั้งแต่ที่ร่างกายและหัวใจหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
 
                        ยอมแล้วชีวิตนี้  ยอมจงรักภักดีเพื่อเจ้าเพียงผู้เดียว
 
                        หากแม้นไม่มีจิตพิศวาสต่อนางคนใด  เขาจะไม่มีทางแตะต้องแม้นปลายเล็บของสตรีผู้นั้น
 
                        เพื่อเป็นการรักษาหัวใจอันเปราะบางและแสนบริสุทธิ์ของกรรณ
 

หลังจากส่งแขกเหรื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว สบันงาก็ถูกนำมาส่งตัวที่ห้องหอ พิธีปูเตียงอะไรต่อมิอะไรถูกปัดตกไปเมื่อเมฆไปแจ้งแก่ท่านเจ้าคุณว่านายน้อยตัวร้อนดังไฟ หามีใครรู้ไม่ว่าเมฆนำเอาใบแก้วมาให้นายน้อยเคี้ยวเพื่อให้ตัวร้อนดังไข้ขึ้น

สบันงานนั่งลงบนเตียงมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีที่นอนหลับบนเตียงด้วยความรู้สึกหลากหลาย

ทั้งดีใจที่ได้ครอบครองบุตรชายของท่านเจ้าพระยาพิพัฒน์วานิช แต่ก็เสียใจท่พิธีของหล่อนต้องล่มไม่เป็นท่า

มือเรียวค่อยๆยื่นไปแตะผิวหน้าที่มีไอร้อนผะผ่าวอย่างแผ่วเบาหากแต่เพชรที่แกล้งหลับกลับลืมตาขึ้นมองจนหญิงสาวส่งยิ้มแก้เก้อไปให้

                        “ เจ้าพักซะก่อนนะ  เหนื่อยมาตั้งแต่เช้า ” นายน้อยบอกกับสบันงาที่นั่งมองร่างสูงไม่วางตาก่อนจะทำท่าเหมือนจะผละไป
 
                        “ เดี๋ยวเจ้าค่ะ คุณพี่พี่... นั่นคุณพี่จะไปไหนรึเจ้าคะ ? ” มือเรียวคว้าจับมือใหญ่อย่างถือวิสาสะ  นายน้อยมองกริยานั้นด้วยสายตาเรียบนิ่งยากจะคาดเดา  ก่อนจะค่อยๆปลดมือนางออกอย่างสุภาพ
 
                        “ ข้ามีได้ไข้หากนอนด้วยกันไข้จะติดเจ้าเสียเปล่าๆ  เจ้าพักผ่อนตามสบายนะข้าจะไปนอนห้องหนังสือ ”
 
                        ประตูห้องหอถูกเปิดออก เมฆที่ยืนอยู่หน้าห้องขยับตัวทันที
 
                        “ นายน้อย ”
 
                        “ ข้าจะไปห้องหนังสือ ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบและผละไปทันที
 
                        เมฆได้แต่มองบานประตูด้วยความหนักใจ
 
                        ทำไมจะไม่รู้ว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องหอที่แท้จริง  ห้องหนังสือต่างหากที่เป็นห้องหอของนายน้อย
 
                        หัวใจถูกทิ้งไว้ตรงไหน  ร่างกายก็ตามไปที่นั่น
 
                        แม้จะเห็นใจคุณหนูสบันงา  แต่ที่สุดเมฆก็ก้าวเท้าตามผู้เป็นนายไป ทิ้งไว้เพียงบานประตูที่ด้านในมีร่างสั่นเทิ้มของหญิงสาวที่จิกเล็บลงบนผ้าปูที่นอนจนยับย่น  ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มไว้สวยงามบึ้งจัดอย่างน่ากลัว
 
                        หยามกันเกินไปแล้ว...
 
                        สบันงากัดฟันจนกรามขึ้นสัน
 
                        เพชรคิดว่าตัวเองวิเศษมาจากไหนถึงกล้าหันหน้าให้กับนาง
 
                        วิวาห์วันแรก
                       
                        เข้าหอคืนแรก
 
                        ตอนนี้ ณ ขณะนี้นางควรถูกตะกองกอดจากชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี
 
                        แล้วนี่คืออะไร
 
                        ความโดดเดี่ยวในห้องหอกว้างน่ะหรือ
 
                        คอยดูเถอะสักวันนางจะทำให้เพชรสยบลงแทบเท้านางให้ได้ หล่อนไม่ใช่หญิงโง่เขลา มองแววตาของเพชรก็นึกรู้ว่าชายหนุ่มมีใครอื่นอยู่ภายใน
 
                        “ คิดว่าดีก็ทำไปนะเจ้าคะคุณพี่  อย่าคิดว่าจะหนีข้าไปได้ตลอด ถึงไม่เต็มใจท่านก็แต่งกับข้าแล้ว  เป็นผัวข้าแล้วถึงมีหญิงอื่นอยู่ในใจก็อย่าหมายจะไปเสวยสุขกับใครได้เลย  ข้าสบันงาขอสาบานว่ามันหน้าไหนกล้าแย่งผัวข้ามันผู้นั้นไม่มีทางได้ตายดีแน่ ! ”
 
 
 
 
                        ราตรีล่วงลับ  ดวงดาวอับแสงใสยามแสงสีทองของอรุโณทัยฉายแสงที่เส้นขอบฟ้า  ลำแสงทอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง  คุณช่างค่อยๆเปิดเปลือกตาก็พบว่าตนเองนอนอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคน  บางคนที่แม้นหลับก็ยังกอดเขาแน่น  ปลายนิ้วที่ประคองไหล่เล็กดูอบอุ่นมั่นคง  มั่นคงจนรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว  ลมหายใจรินรดที่ซอกคอของคนขี้เซาจนกันต์แกล้งขยับตัวยุกยิก  ซึ่งก็ได้ผลเมื่อคนที่ถือวิสาสะขึ้นมานอนบนเตียงคนป่วยค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น
 
                        “ ตื่นแล้วเหรอครับ? ”
 
                        “ ยังมั้งครับผมละเมออยู่  แล้วนี่อะไรของคุณขึ้นมานอนกอดผมทำไมเนี่ย ? ” ขยับตัวในอ้อมแขนที่คล้ายจะกระชับให้แน่นขึ้นจนต้องหยุดการกระทำก่อนจะโดนชายกหนุ่มสวมวิญญาณงูเหลือมรัดแน่นจนขาดอากาศหายใจ
 
                        “ เมื่อคืนคุณละเมอร้องว่าหนาว  ผมเลยเสียสละไออุ่นจากร่างกายของผมให้คุณ  ไม่ขอบคุณซักคำยังมาทำเหมือนผมเป็นโจรปล้นสวาท ”
 
                        “ ตอนนี้ผมตื่นแล้วคุณก็ปล่อยสิ  หรือจริงๆตั้งใจจะแต๊ะอั๋ง ? ”
 
                        “ ดูสภาพคุณตอนนี้มันน่ามีอารมณ์ตรงไหน จะจูบปากยังไม่กล้าเลยเนี่ยแตกไปหมด  พูดจ้อยๆแบบคุณไม่เจ็บบ้างหรือไง ? ” พชรใช้ปลายนิ้วแตะเพียงแผ่วเบาที่ปากแห้งแตกนั้น  กันต์ผละหน้าหนีไปนิดแต่ก็หยุดให้ปลายนิ้วนั้นสัมผัสและลูบไล้เบาๆ
 
                        ความรู้สึกหวาดกลัวที่มีมาหลายวันมันมลายหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ
 
                        “ เจ็บสิ... แต่ผมกลัวมากกว่า  ผมเรียกร้องหาคุณทุกวันแต่คุณก็ไม่มา... ” กันต์เบือนหน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าท้ายประโยคของตนเองแผ่วเบาจนน่าใจหาย ก่อนจะประคองตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
 
                        ใช่... เขาเรียกร้องหาพชร  ร้องเรียกหานายน้อยทุกวัน  ยามแสงสว่างดับลงความมืดมาเยือนมันทำให้เขากลัวจับขั้วหัวใจ
 
                        แอบหวังว่าชีวิตคงเป็นเหมือนในละครที่สุดท้ายพระเอกก็ตามมาช่วยทันแต่ไม่เลย  กันต์คิดผิด  เขาทำได้เพียงใช้มือตะกุยพื้นดิน  ปีนป่านหาทางออก  ความคิดที่ว่าตัวเองเข้มแข็งมาตลอดถูกพังทลายลงด้วยสถานที่แห่งนั้น  มองลอดช่องไม้เล็กๆเห็นแสงสว่างเลือนลางไกลลิบจากเรือนโบราณ  ตะโกนร้องให้คนมาช่วยจนเจ็บคอแต่กลับไม่มีใครมาเลย
 
                        มันน่ากลัวจนเขาเองคิดว่าคงเอาชีวิตมาทิ้งที่เรือนร้างแห่งนั้นซะแล้ว  แต่คนตัวเล็กก็ต้องสะดุ้งพลางใช้มือตัวเองจับมือคนที่ลุกขึ้นมาสวมกอดเอวของตนไว้  คางแหลมของเจ้าของเรือนโบราณวางลงบนลาดไหล่เสียงกระซิบทุ้มข้างหูทำให้กันต์รู้สึกขนลุกซู่อย่างน่าประหลาด
 
                        “ ผมขอโทษ  ยกโทษให้ผมได้มั้ย ? ” กันต์เอียงคอหนีปลายจมูกที่อยู่ใกล้ต้นคอตัวเองเสียเหลือเกิน
 
                        ภาพความฝันที่ตามรบกวนตนเองตั้งแต่จำความได้ทำให้เกิดความสงสัยบางอย่าง
 
                        ในเมื่อพชรกับนายน้อยหน้าตาเหมือนกัน แล้ว... จะใช่คนเดียวกันหรือเปล่า ?
 
                        แล้วถ้าใช้เพชรสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวกับชาติที่แล้วของตนเองบ้างไหม ? ทำไมกันต์ลืมที่จะเอาแขนของคนที่เกี่ยวรัดเอวของตัวเองออก
 
                        “ คุณเพชร... ”
 
                        “ ครับ ”
 
                        “ คุณเชื่อเรื่องการระลึกชาติหรือกลับชาติมาเกิดบ้างมั้ย ? ”
 
                        “ ทำไมเหรอครับ ? ”
 
                        “ ผมเชื่อ... ถ้าผมเล่าอะไรไปคุณจะหาว่าผมบ้ามั้ย ? ”
 
                        “ ก็ลองเล่ามาสิครับ ”
 
                        “ ผมคิดว่าเราสองคนอาจจะเป็นคุณทวดของคุณกับทาสในบ้านที่หายตัวไปเมื่อเกือบสองร้อยปีก่อน ”
 
                        เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่ประโยคนั้นออกจากปากกรรณ  เพชรเปลี่ยนท่านั่งเป็นนั่งหลังตรงแล้วจับร่างของกันต์ให้หันมาทางตน  ดวงตาคมจ้องมองคนตรงหน้าราวค้นหาอะไรบางอย่างจนกันต์รู้สึกกลัว
 
                        “ ถ้าคุณคิดว่าเรื่องที่ผมพูดมันเหลวไหลผมไม่พูดก็ได้นะ  ผมอาจจะเพ้อเจ้อไปเอง ” ที่สุดเมื่อทนความเงียบและความอึดอัดไม่ได้  กันต์ก็เอ่ยตัดบทพลางปัดมือที่จับไหล่ตนออก
 
                        นี่เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่เหรอ ? เล่านิทานหลอกเด็กอยู่หรือไง ? เรื่องแบบนี้ใครจะมาเชื่อกัน
 
                        “ เล่ามาเถอะผมอยากฟัง  บางทีเราสองคนอาจรู้สึกเหมือนกันก็ได้... ” ประโยคทุ้มนุ่มชวนฟังทำให้กรรณหันมามองคนพูดอย่างรวดเร็ว  รอยยิ้มละมุนถูกส่งมาให้อีกครั้ง
 
                        “ เคยมีใครบอกหรือเปล่าว่ารอยยิ้มของคุณเหมือนแสงแดดตอน 7 โมงเช้า ”
 
                        “ ถ้าจะมี... ก็เป็นคุณคนแรก ”
 
                        “ เอาล่ะผมว่าเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า กันต์ที่รู้สึกประหม่าขึ้นมาเฉยๆยามที่สบตาอ่อนโยนและรอยยิ้มละมุนของเพชรเลยตัดบทเพื่อเล่าเหตุการณ์ต่างๆของตน
 
                        “ ตั้งแต่จำความได้  ตอนที่ผมอยู่สถานสงเคราะห์ผมก็กลัวที่แคบและความมืดโดยไม่ทราบสาเหตุ  ที่สำคัญผมมักจะฝันเห็นเหตุการณ์เดิมๆ  สถานที่เดิมๆแทบทุกคืน  จะเป็นหนักเห็นชัดก็ในคืนที่มีฝนตกและแปลกที่เวลาตอนฝันจะอยู่ในช่วงย่ำรุ่ง  ภาพทุกอย่างที่ผมเห็นตนแรกมันก็เลือนลางเหมือนคนสายตาสั้นที่มองออกมาแต่ว่าทุกอย่างมันชัดขึ้นเมื่อผมมาที่เรือนโบราณ  ทุกอย่างมันชัดขึ้นเมื่อผมได้พบคุณ  ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเราในชาติที่แล้ว  แต่เรื่องราวมันปะติดปะต่อกันตอนแรกผมไม่รู้ว่าผู้ชายในความฝันที่ผมเรียกว่านายน้อยคือใครจนกระทั่งเมื่อวานนี้  เค้าหันมาหาผม... นั่นทำให้รู้ว่านายน้อยในความฝันของผมก็คือคุณ ” กันต์ดูท่าทีของผู้ฟังก็เห็นชายหนุ่มนิ่งเงียบ คิ้วขมวดเข้าหากันราวกับกำลังใช้ความคิดอะไรสักอย่าง  กันต์คิดว่าไหนๆตนก็เล่าไปแล้วก็ขอเล่าเสียให้หมดทั้งสถานะของคนทั้งคู่ในภพชาติที่แล้วและการแต่งงานที่เกิดขึ้น  ความสัมพันธ์ซ่อนเร้นที่คนทั้งคู่มีให้ต่อกัน  ความฝันทุกฉากทุกตอนที่เกิดขึ้นจนถึงเมื่อคืนถูกถ่ายทอดออกมาจนจบ  เพชรถอนหายใจหนักๆก่อนจะใช้ปลายนิ้วอุ่นแตะคางเรียวให้แหงนหน้าขึ้นมามองเขา
 
                        “ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าผมพูดออกไปแล้วคุณจะเชื่อหรือรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า  แต่ครั้งแรกที่ผมพบคุณ ไม่ใช่ที่เรือนโบราณ  ผมเห็นคุณอยู่หน้าตัวเมียบที่แสดงกระดูกที่พิพิธภัณฑ์  ผมเห็นคุณยืนร้องไห้อยู่ความรู้สึกเศร้าและโหยหาของคุณมันส่งตรงมาถึงผมได้  ยิ่งได้มารู้จักคุณได้คลุกคลีพูดคุยกันมากขึ้นมันทำให้ผมรู้สึกว่า  เหมือนเราจะเคยรักกัน ”
 
                       กันต์เงยหน้าขึ้นจ้องตาคนพูดอีกครั้งราวกับจะถามให้แน่ใจว่าที่พูดออกมานั้นพูดจริงหรือโกหก  แต่สิ่งที่มองเห็นมีเพียงความจริงใจในดวงตาเท่านั้น
 
                        ผู้ชายคนนี้ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเองขนาดไหนเค้ารู้ดีที่สุด
 
                        นายน้อยก็ยังคงเป็นนายน้อยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสิบปี ร้อยปี หรือสองร้อยปี  เพชรคนนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
 
                        ยังคงรู้สึกเป็นเพชรที่รักกรรณผู้ต่ำต้อยเพียงคนเดียว  มือเรียวกำชายเสื้อของชายหนุ่มไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว
 
                        อยากด่าตัวเองเสียเหลือเกินว่าทำไมกลายเป็นคนอ่อนไหวง่ายขนาดนี้ เพียงแค่เค้าพูดว่าเหมือนเราจะเคยรักกัน  น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลราวเขื่อนแตกเสียแล้ว
 
                        “ ตลอดเวลาที่ผ่านมามีคนผ่านเข้ามาในชีวิตผมตั้งมากมาย  น่าแปลกที่ผมไม่เคยสนใจใคร  ไม่เคยมีความรู้สึกพิเศษหรือมีความรู้สึกดีๆกับใครเลย จนกระทั่งคุณเข้ามา  โลกที่ทึมเทาของผมมันก็สว่างขึ้น  ไม่รู้ทำไมครั้งแรกที่พบกับคุณ ผมรู้สึกเหมือนเราเคยพบกันที่ไหนมาก่อน และยิ่งได้ใกล้ชิดกัน ผมก็รู้สึกว่าเราคงต้องเคยเป็นเนื้อคู่  อย่างเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ” เพชรรีบร้องห้ามเมื่อกันต์ทำหน้าเหมือนจะค้านคำพูดของเขา
 
                        “ ผมไม่รู้หรอกนะว่าชาติที่แล้วคุณกับผมจะใช่เพชรหรือกรรณคนนั้นหรือไม่  ที่ผมรู้ตอนนี้  ผมรู้แค่ว่า คุณคืออีกครึ่งของฝันที่ผมตามหา  และถ้าหัวใจของคุณมันตรงกับผม  จะเป็นอะไรมั้ยถ้าเราสองคนจะลองมาศึกษาและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน... ” เพชรรวมมือเรียวที่กำชายเสื้อของเขาแน่นขึ้นมากุมไว้  ดวงตาคมที่หลายคนว่ามันช่างแสนเย็นชาตอนนี้ทอแสงอ่อนอบอุ่นหัวใจให้กับคนตรงหน้า
 
                        “ ถ้าคุณไม่รังเกียจ  ไม่สนใจกระแสสังคมหรือขนบธรรมเนียมประเพณีอะไรก็แล้วแต่บนโลกนี้  ได้โปรด... คบกับผมได้มั้ยครับ ? ”
 
 
 
 
                                    TBC……
 
 
..........................................
จะให้กรรณนอนฟังเครื่องไฟสมัยนั้นก็ไม่มีซะด้วย เอาเป็นว่า คุณสบันงาคะ คุณไม่ได้ไปต่อค่ะ เอาจริงๆตามพฤตินัยกรรณเป็นเมียหลวงนะเธอ 5555555555555
 


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขอบคุณที่บอกว่า วิน ชาติที่แล้วคือพลับ ไม่ใช่พี่เมฆ
แต่พลับไม่ค่อยมีบทบาทก็เลยไม่ได้นึกถึงจ๊ะ
 :m5: :m5:

และแล้วก็เข้าใจกัน ส่วนคุณเมียหลวงคุณไม่ได้ผิด แต่ที่ผิดคือพ่อแม่คุณในชาติก่อนที่ยัดเยียดให้คุณเป็นคนแบบนั้น นี่เราเข้าข้างสุดๆ แล้วนะ คุณจัส
 o18 o18

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สุดยอดมาก อ่านถึงตอนล่าสุดแล้ว เค้าใจตรงกันแล้ว แต่ต่อจากนี้คงเจอคุณจัสอีกแน่ๆ เอาใจช่วยให้สองคนสมหวังในขาตินี้นะ
ไม่มีใครสงสัยเลยหรอทำไมกันต์ถึงไปอยู่ในนั้นได้

แต่งกลอนไพเราะมากค่ะ ฝากชมด้วยนะคะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

Time of tears
Chapter 9



                        วินนั่งมองคนป่วยที่นั่งตักข้าวต้มที่มะลิทำมาฝากเข้าปากเงียบๆ  เจ้าของเรือนโบราณก็นั่งกินข้าวของตัวเองเงียบๆเช่นกัน
 
                        แต่ในความเงียบมันมีบางอย่างปรากฏอยู่
 
                        “ ร้อนเหรอกันต์ ทำไมแก้มแดงๆ ”
 
                        “ แค่กๆๆๆๆ ” คนป่วยถึงกับสำลักน้ำข้าวต้ม แล้วยกมือขึ้นลูบหน้า
 
                        “ อ่ะ... เอ่อ... ขอบคุณครับ ” กันต์รับกระดาษทิชชู่จากเพชรมาซับปากก่อนจะตวัดสายตามองวินที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด
 
                        “ ป่าวซักหน่อย ”
 
                        “ แล้วนี่ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมไปติดอยู่ในนั้นได้ ? ปกตินายไม่ใช่คนที่ชอบไปอยู่ในห้องแคบๆมืดๆแบบนั้น ” วินเก็บชามและโต๊ะออกจากคนป่วย  ปรับหมอนและเตียงนอนให้กันต์ได้นั่งอย่างสบายๆได้  เพชรเองก็หันมามองอย่างสนใจเหมือนกัน
 
                        “ ก็หลังจากที่คุณเพชรกับคุณจิออกจากเรือนไป  ผมก็เดินสำรวจพื้นที่ด้านหลัง  กำลังดูอยู่ดีๆก็รู้สึกว่ามีคนมาตีหัวแล้วก็ร่วงไปเลย  ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในนั้นแล้ว ”
 
                        “ แสดงว่ามีคนลอบทำร้ายคุณ ” เพชรที่ยืนกอดอกอยู่ใกล้ๆเอ่ยข้อสันนิษฐานออกมา  ซึ่งเป็นครั้งแรกที่วินเห็นด้วย
 
                        “ แล้วใครทำ ? ”
 
                        “ นั้นสิ... ปกติผมไม่เห็นคุณจะมีปัญหาอะไรกับใครในเรือนเลย ”
 
                        “ เป็นไปได้มั้ยว่าจะเป็นโจรมาจากด้านหลังเรือนที่เป็นประตูออกด้านนอกเข้ามาเพื่อจะขโมยของในเรือน  แต่เจอผมซะก่อนเลยทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์ เพราะข้าวของผมหายไปหมดเลย ? ”
                        “ ไม่น่าเป็นไปได้นะครับ  เพราะถึงประตูที่มีไว้ให้บ่าวออกไปด้านนอก  แต่ประตูด้านนั้นโดนปิดตายตั้งแต่เรางมเจอหีบโบราณ  เพราะไม่อยากให้มีใครเข้ามาวุ่นวายพื้นที่ตรงนั้น ”
 
                        “ ถ้าอย่างนั้นคนที่จะลอบทำร้ายกันต์ได้ต้องเป็นคนภายใน ”
 
                        “ ถ้างั้นจะเป็นใครล่ะ  ฉันไม่เคยมีปัญหากับใครเลยนะ ” กันต์ทำหน้านิ่วครุ่นคิด  เขาไม่เคยมีปัญหากับใครในเรือนเลยซักคน  ออกจะสนิทสนมกันดีด้วยซ้ำ  ทั้งมะลิหัวหน้าแม่บ้านที่ถึงแรกๆจะดูไม่ค่อยชอบเขานัก  แต่สุดท้ายก็ขุนเขาจนแทบจะเป็นหมูอยู่แล้ว
 
                        ส่วนคนงานอื่นๆก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยซักนิด  ทักทายยิ้มแย้มแจ่มใสและเขาไม่เคยเอ่ยปากเรียกใช้อะไรใครเลยด้วยซ้ำ
 
                        “ ถ้าอย่างนั้น  วันนั้นมีใครอยู่ที่เรือนบ้างครับ ? ”
 
 
 
 
                        “ เมื่อไหร่แกกับมันจะแต่งงานกันซักทียัยจัส  บริษัทเราจะโดนฟ้องล้มละลายอยู่แล้วนะ ” จัสทำหน้าเบื่อเมื่อพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หัวโต๊ะเอ่ยคำถามที่จัสเองก็หาคำตอบให้ไม่ได้เหมือนกัน
 
                        “ ถ้าหนูรู้หนูคงเตรียมชุดไปแล้วค่ะพ่อ ” หญิงสาวใช้ช้อนคนกาแฟไปเรื่อยๆ  คนรับใช้ต่างถูกโบกมือไล่ให้ออกไป
 
                        “ แกก็น่าจะรวบหัวรวบหางมันไปเลย  นี่อะไรไปค้างอ้างแรมด้วยกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง  ทำไมมันไม่มีอะไรคืบหน้าเลย  ฐานะการเงินบ้านเราไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้นแกก็รู้นี่พ่อก็เอาเงินก้อนสุดท้ายไปร่วมทุนบุรณะอีเรือนสัปปะรังเคนั้นจนหมดแล้วนะ ถ้าช้ากว่านี้บ้านเราอาจจะต้องแย่งข้าวหมากินแล้ว ”
 
                        “ โอ๊ย... พ่อคะ  เพชรซื่อบื้อยังกับอะไรดี  จัสน่ะยั่วทุกอย่าง พ่อเจ้าประคุณก็ยังนิ่งเป็นน้ำแข็งเลย ”         
     
                        “ แล้วทำไมแกไม่ใช้มารยาหญิง ทำให้มันมีอะไรกับแกล่ะ ”
 
                        “ ถ้าง่ายขนาดนั้นจัสอุ้มท้องหลานคนแรกให้พ่อไปแล้วค่ะ  รายนั้นอยู่ในห้องทำงานตลอด  ถ้าไม่งั้นก็มีไอ้จิอยู่ด้วยทุกที่  จัสจะเอาเวลาที่ไหนไปทำเรื่องอย่างว่าล่ะคะ ” หญิงสาวบ่นออกมาดังๆอย่างเหนื่อยใจ  เมื่อก่อนถึงเนื้อถึงตัวเพชรว่ายากแล้ว ตอนนี้พอมีจิมาอยู่ด้วย เธอจึงแทบจะหมดสิทธิ์ที่จะได้อยู่ตามลำพังกับเพชร
 
                        “ อีกอย่าง  หนูคิดว่าหนูเจอคู่แข่งที่น่ากลัวแล้วล่ะค่ะพ่อ ” หญิงสาวกดเสียงเสียงเข้มอย่างหงุดหงิด
 
                        เสี้ยนหนามสำคัญเลยล่ะ
 
                        เพราะในขณะที่จัสวิ่งตามเพชร
 
                        เพชรกลับทำท่าเหมือนจะวิ่งตามไอ้คุณช่างนั่น
 
                        “ คู่แข่ง ? ผู้หญิงที่ไหน ? ”
 
                        “ ถ้าเป็นผู้หญิงจัสจะไม่กลัวเลยค่ะพ่อ แต่นี่มันเป็นผู้ชาย  หน้าตาดีเลยทีเดียว ”
 
                        “ ผู้ชาย ? อย่าบอกนะว่าไอ้เพชรมันเป็นพวกเกย์ พวกกะเทย ” คนเป็นพ่อถึงกับทำหน้าขยะแขยงขึ้นมาทันที
 
                        “ หนูก็ไม่แน่ใจหรอกค่ะพ่อ  แต่เวลาที่เขามองไอ้คุณช่างนั่นน่ะ สายตาเขามันแปลกๆ ”
 
                        “ ถ้ามันเป็นปัญหามากนัก  ก็ส่งคนไปเก็บมันซะก็สิ้นเรื่อง ”
 
                        “ หึ... ไม่ต้องส่งคนไปเก็บหรอกค่ะ  ก่อนมาจัสจัดการมันไปแล้ว  ป่านนี้คงขาดอาหารตายไปแล้วมั้ง  ส่วนเพชรพ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ  ถ้ามันยุ่งยากนักก็ทำเหมือนละครหลังข่าวไปก็สิ้นเรื่อง ”
 
                        “ อย่ามั่นใจตัวเองมาก  จะทำอะไรก็รีบๆทำก่อนจะได้ระเห็จไปนอนใต้สะพานลอย ” คนเป็นพ่อว่าพลางซับปากทำท่าทางจะลุกออกไป
 
                        “ แล้วนั่นพ่อจะไปไหนคะ ? ” อดร้องถามไม่ได้ทั้งที่พอจะรู้คำตอบ
 
                        “ ช่วงนี้พ่อเครียด  ต้องหาอะไรทำแก้เครียด ”
 
                        “ แต่หนูว่าที่ที่พ่อจะไปมันยิ่งจะทำให้เครียดมากขึ้นนะคะ  พ่อเพลาๆลงบ้างเถอะ  ถ้าพ่อเล่นเสีย หนี้มันยิ่งจะเพิ่มขึ้นนะคะ ”
 
                        “ แกนี่ปากขัดลาภจริงๆ ไม่ต้องมาทำตัวเหมือนแม่แกที่นอนในหลุมเลยนะ  พูดมาก เพ้อเจ้อ ” คนเป็นพ่อว่าเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกไปทิ้งจัสให้นั่งอยู่เพียงลำพังในห้องอาหารที่แสนใหญ่โต
 
                        หญิงสาวปล่อยช้อนที่คนกาแฟให้พิงขอบแก้วโดยไม่สนใจจะแตะมันซักนิด
 
                        บ้านหลังใหญ่ที่มีแต่เปลือกทางสังคม  ไม่มีความสุขและความอบอุ่นเลยสักนิด  หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ  มองไปรอบๆก็รู้สึกเครียด  ถ้าพ่อถูกฟ้องล้มละลายแล้วเธอจะเป็นอย่างไร  อาชีพดารานางแบบของเธอถึงแม้จะพอทำเงินได้ แต่พอเลี้ยงตังเองให้ทำตัวดุจเจ้าหญิงไปวันๆ
 
                        ถ้ามีวันนั้นขึ้นมาจริงๆ หญิงสาวคงทนกระแสสังคมไม่ได้แน่
 
                        ดาราดังตกอบเป็นเรื่องเจ็บปวดเหลือเกิน
 
                        “ ที่ทุกอย่างมันยุ่งยากก็เพราะแกเลยไอ้กันต์ ” ที่สุดเมื่อหาแพะมารับบาปไม่ได้  หญิงสาวก็โยนความผิดทั้งหมดไปให้คนที่ตัวเองเป็นคนทำร้ายแล้วจับขัง
 
                        เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจนเจ้าตัวสะดุ้งหน่อยๆ  จัสมินยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ก็รีบปรับอารมณ์ของตัวเองทันที
 
                        “ ฮัลโหลค่ะเพชร ”
 
                        “ สวัสดีครับจัส... ” เสียงจากปลายสายยังคงเรียบทุ้มเช่นเคย
 
                        “ กลับมาแล้วเหรอคะ ? ทำไมเพิ่งโทรมาหาจัสคะเนี่ย ? ”
 
                        “ กลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ ”
 
                        “ หืม... แล้วเพิ่งโทรหาจัสตอนนี้น่ะเหรอคะ  งอนแล้วนะเนี่ย ”
 
                        “ พอดีที่เรือนมีเรื่องนิดหน่อยครับเลยไม่ได้โทรหา ” หญิงสาวลอบยิ้มกับคำว่ามีเรื่องนิดหน่อย เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
 
                        “ มีเรื่องอะไรเหรอคะ? พอดีจัสกลับมาได้หลายวันแล้ว  จริงๆจัสจะขอติดรถเข้ากรุงเทพกับคุณ แต่ไม่ทัน เลยขับรถไล่หลังตามมาแล้วก็พอดีติดงานเลยไม่ได้โทรไปถามไถ่เรื่องต่างๆเลย... ”
 
                        “ ผม.... อยากเจอคุณออกมาทานข้าวด้วยกันได้มั้ยครับ”
 
 
 
 
 
 
                        มัลลิกากระชับแว่นดำกรอบใหญ่  ก่อนจะก้าวเข้าไปในร้านอาหารหรู
 
                        ยิ่งพลางตัวยิ่งเป็นที่จับตามอง  หญิงสาวรู้ถึงความจริงในข้อนี้ดี  กดยิ้มอย่างพอใจเมื่อลูกค้าหลายคนในร้านหันมามองแล้วซุบซิบ  ช่างภาพจากสำนักข่าวบันเทิงถูกจ้างให้มาดักรออยู่ด้านนอกของร้าน  ไม่เกินสามวันข่าวเดทของเธอจะต้องกระจายไปทั่วประเทศ
 
                        หญิงสาวเดินตามพนักงานเข้าไปในโซนวีไอพีที่เพชรจองไว้  เมื่อเข้าไปด้านในกับพบว่าชายหนุ่มนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
 
                        “ เพชร  รอจัสนานมั้ยคะ ? ” เอ่ยทักเสียงใสอย่างจริต  ชายหนุ่มลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ  ทุกทวงท่าการกระทำเป็นสิ่งที่หญิงสาวชื่นชอบที่สุด  พชรเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติกับทุกคน อบอุ่น สุภาพ ทว่าบางครั้งคล้ายจะเย็นชา  แต่นั่นกลับทำให้เขายิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น
 
                        “ สั่งอาหารมาทานเลยมั้ยครับ ? ” ชายหนุ่มยื่นเมนูให้หญิงสาว  ไวน์รสเลิศราคาแพงถูกรินใส่แก้วเสิร์ฟ  หญิงสาวรู้สึกว่าวันนี้เพชรแปลกไป  ชายหนุ่มพูดคุยมากกว่าที่เคย  บรรยากาศดีซะจนหล่อนคิดว่าจะพูดเรื่องการแต่งงาน
 
                        “ เพชรคะ ” ทันทีที่จบมื้ออาหารหญิงสาวตัดสินใจที่จะพูด
 
                        “ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ ” ชายหนุ่มเอ่ยขัด  น้ำเสียงอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ  สีหน้าเรียบนิ่งของเขาทำให้หล่อนรู้สึกประหม่า  จนต้องลูบแขนตัวเองเบาๆ
 
                        “ ทำไมทำเสียงซีเรียสจังคะ  จัสกลัวนะเนี่ย ”
 
                        พชรจ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง  แววตาที่เคยอบอุ่นอ่อนโยน บัดนี้กลับค้นหาอะไรไม่ได้เลย  เนิ่นนานหลายนาทีที่เขาปล่อยให้ความเงียบครอบงำ
 
                        “ คุณมีอะไรจะสารภาพกับผมมั้ย ? ”  น้ำเสียงที่เอ่ยถามเรียบนิ่ง  แต่ทว่ายังแฝงความอ่อนโยน
 
                        เขาจะให้โอกาสจัสซักครั้ง  ชายหนุ่มไม่ได้อยากจะตัดความสัมพันธ์จนมันต่อกันไม่ติด  ถึงยังไงซะจัสมินก็เป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง  แม้ที่ผ่านมาเขาจะรู้ดีว่าหญิงสาวคิดอย่างไรกับเขาก็ตาม
 
                        “ อะไรคะ  ทำไมจัสต้องสารภาพ  จัสไปทำอะไรผิดคะ ? ” หล่อนทำท่าทางฉุนเฉียวแสนงอน  ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ
 
                        “ เรื่องของกันต์... เป็นคุณใช่มั้ย ? ” ทันทีที่ชายหนุ่มเอ่ยคำถามจบ  จัสมินก็โยนผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะอย่างไม่พอใจทันที
 
                        “จัสไม่ได้ทำไม่ได้ขังคุณช่างอะไรของคุณซักหน่อยนะคะ”
 
                        “ แล้วคุณทราบได้ยังไงว่าผมหมายถึงเรื่องอะไร... อีกอย่างที่กันต์โดนทำร้าย เรื่องที่เขาบาดเจ็บ  ผมยังไม่เคยพูดให้คุณฟังเลยด้วยซ้ำ ”
 
                        “ นี่คุณหาว่าจัสเป็นคนทำเหรอคะ ? จัสเป็นผู้หญิงจะไปทำร้ายนายคนนั้นได้ยังไง  ส่วนเรื่องที่จัสรู้ได้ยังไง จัส... จัส... ” หญิงสาวพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเอง  ริมฝีปากแห้งผาก  อยู่ๆคำพูดก็หยุดไปซะดื้อๆ
 
                        “ พอเถอะครับ  จัส... ผมไม่รู้ว่ากันต์ไปทำอะไรให้คุณโกรธเกลียดทั้งๆที่คุณกับเขาเพิ่งเจอกัน  สิ่งที่คุณทำลงไปมันร้ายแรงมาก  ถ้ามีคนไปช่วยเค้าไม่ทัน เขาอาจตาย  คุณต้องกลายเป็นฆาตกรรู้ตัวหรือเปล่า ? ”  จัสมินแค่นเสียงหัวเราะทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ
 
                        “ เพชรคะ รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณให้ความสำคัญกับมันมากเกินไปแล้ว  มากจนเกินกว่านายจ้างกับลูกจ้าง  มากจนคุณละเลยจัส  ทำไมคะ ? คุณตอบจัสมาได้มั้ยว่าทำไมคุณเอาแต่มองหามัน พูดถึงมัน  คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าคุณกับจัสกำลังจะแต่งงานกันนะคะ คนที่คุณต้องดูแลเอาใจใส่คือจัส  คนที่คุณต้องคอยมองหาก็คือจัส  คนที่คุณต้องให้ความสำคัญมากที่สุดคือจัส ไม่ใช่มัน ! ”
 
                        “ ถ้าที่ผ่านมาผมทำให้คุณเข้าใจผิดมาโดยตลอด  ผมต้องขอโทษนะครับ แต่... ผมไม่เคยบอกว่าจะแต่งงานกับคุณ  ผมเห็นคุณเป็นน้องสาว  เป็นเพื่อนมาโดยตลอด  ต่อให้ไม่เจอเขาผมก็ไม่มีทางแต่งงานกับคุณ  เพราะผมไม่เคยรักคุณแบบนั้น ” แม้จะรู้สึกผิดที่พูดรุนแรงแบบนั้นไป  แต่ชายหนุ่มต้องทำใจแข็ง  จัสมินกำมือแน่นปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาย
 
                        พชรกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร
 
                        เรื่องแต่งงานไม่เรื่องล้อเล่นที่จะมายกเลิกเอาดื้อๆแบบนี้
 
                        “ คุณจะไม่แต่งงานกับจัสไม่ได้  สัญญาที่พวกเราทำไว้ ”
 
                        “ สัญญาพวกนั้นโบราณคร่ำครึ  เราคนรุ่นหลังไม่จำเป็นต้องฝืนใจ  คุณเองก็มีโอกาสเจอคนที่ดีกว่าผม  เดี๋ยวผมจะให้จิเอาเช็คที่ทางคุณลงทุนร่วมบูรณะเรือนโบราณไปให้นะครับ  ต่อจากนี้ถ้าไม่จำเป็นกรุณาอย่าเข้าใกล้กันต์อีก  ครั้งนี้ผมปกป้องเขาไม่ได้  แต่ครั้งหน้าผมสาบานว่าจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ” ชายหนุ่มพูดจบก็วางเงินปึกใหญ่ลงบนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องไปทันที  เร็วจนจัสมินไม่ทันตั้งตัว  พอรู้ตัวว่าตัวเองถูกทิ้ง   เพียงไล่หลังไม่นานเสียงกรี๊ดแหลมก็ดังขึ้น  พชรชะงักฝีเท้า  ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วงก่อนตัดสินใจเดินต่อ
 
                        ถ้าไม่รักเขาก็ไม่ควรกลับไปให้ความหวังกับหล่อน  พชรไม่เคยใจร้ายกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน  ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองทำร้ายจิตใจจัสมิน  ตลอดทางที่ขับรถกลับเรือนโบราณ  ภาพหญิงสาวที่ร้องไห้น้ำตาไหลรินรบกวนจิตใจของเขา  หลายครั้งที่เขาเผลอเหม่อลอยแทบจะเกิดอุบัติเหตุ  ชายหนุ่มจอดรถข้างทางบรรยากาศโดยรอบมืดสนิทฝนเริ่มลงเม็ด  เขาถอนหายใจก่อนจะฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย  ในหัวมีความคิดมากมายวิ่งเต็มไปหมด
 
                        หลังจากนี้จะมีอะไรตามมา
 
                        แน่นอนความสัมพันธ์ของสองตระกูลมีปัญหาแน่นอนรวมทั้งธุรกิจที่ทำร่วมกันอาจสะดุด
 
                        ที่สำคัญคือเขาเลือกตัดความสัมพันธ์กับผู้หญิงเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง
 
                        ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่เดือน
 
                        มันคุ้มแล้วหรือ...
 
                        ไม่... ไม่มีคำว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม
 
                        ที่ทำลงไปทั้งหมดนี่เพราะอะไร?
 
                        แทบจะไม่ต้องรอให้สมองประมวลคำตอบชายหนุ่มยืดกายตรงออกรถทันที
 
                        รอผม...
 
                        รอผมก่อน...
 
                        อย่าเพิ่งนอนนะกันต์
 
                        เกือบตี 1 แล้วกรกันต์ยังคงนอนไม่หลับหลังจากกลับจากโรงพยาบาล  นายน้อยของบ้านก็สั่งให้เขาพักงานยาวโชคดีที่แปลนตรงส่วนเรือนใหญ่เขาทำให้เกือบเสร็จแล้วตอนนี้วินจึงรับช่วงพวกงานออกแบบสวนด้านนอกประสานงานร่วมกันกับไลท์ติ้งดีไซเนอร์ที่ออกแบบระบบไฟทั้งหมด
 
                        กรกันต์จึงกลายเป็นคนว่างงานเต็มรูปแบบด้านนอก  ฝนกำลังตกเสียงฟ้าร้องมาไกลๆ  หยิบโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องขึ้นมาอย่างชั่งใจ
 
                        อยากโทรไปหา... แต่ป่านนี้เพชรคงนอนแล้ว
 
                        เมื่อเช้าเค้าบอกว่าต้องไปทำธุระสำคัญที่กรุงเทพ  คนป่วยก็แกล้งตีมึนทำไมสนใจ
 
                        แล้วเป็นไงล่ะ  ตอนนี้กลับมานอนคิดถึงเค้าซะเอง
 
                        ตัดสินใจวางโทรศัพท์ขยับกายลุกออกจากเตียง  เหยือกน้ำว่างเปล่า  กันต์หยิบขึ้นมา  ออกจากห้องเข้าไปในครัว  เดี๋ยวนี้เขาไม่ต้องจุดตะเกียงเดินกลางดึกแล้วเพราะเพชรรู้ว่าเขากลัวความมืดและที่แคบชายหนุ่มก็สั่งคนในบ้านว่าให้เปิดไฟทางเดินทิ้งไว้ให้คุณช่าง  เสียงฝนด้านนอกแรงมากจนกันต์ไม่ได้ยินเสียงกุกกักใกล้ๆเปิดตู้เย็นเทน้ำใส่เหยือก เสร็จแล้วก็เดินกลับห้อง  แต่กลับพบว่าไฟในห้องทำงานของเพชรเปิดอยู่  ร่างบางวางเหยือกน้ำลงบนโต๊ะตัวยาวในห้องอาหารก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในห้องทำงานด้านใน ร่างใครบางคนกำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่มุมห้องทำให้อดเผยยิ้มอย่างดีใจไม่ได้  ร่างสูงชะงักมือเมื่อรับรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ในห้อง  ชายหนุ่มกลับไปมองก็พบกับรอยยิ้มสวยที่ส่งมาให้อยู่ก่อนแล้ว
 
                        ทันทีที่นายน้อยแห่งเรือนโบราณพบหน้าคุณช่างคนเก่ง   พชรก็ก้าวยาวๆข้าไปหาคนที่กำลังส่งยิ้มมาให้ตน  กว่าจะรู้ตัวกันต์ก็ถูกรวบตัวเข้าไปกอด  แม้ในใจอยากจะผลักนายน้อยออกด้วยความกระดากอาย  แต่มือทั้งสองกลับค่อยๆสวมกอดแผ่นหลังกว้างเอาไว้
 
                        “ ขอผมอยู่แบบนี้ซักพักนะครับ ” น้ำเสียงอ่อนโยนกระซิบข้างหู  ก่อนนายน้อยจะกดคางลงกับไหล่เล็กปลายจมูกโด่งฝังอยู่ห่างจากต้นคอขาวเพียงน้อย  รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รินรด
 
                        กันต์ไม่รู้ว่าผู้ชายตัวใหญ่คนนี้ไปเจออะไรมา  แต่ท่าทีเหนื่อยล้าแบบนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นในดวงตาของเขาคล้ายมีแววของความรู้สึกผิดซ่อนอยู่  จากชายหนุ่มผึ่งผายกลายเป็นเด็กน้อยที่น่าสงสารได้อย่างไร  กันต์ลูบลงเบาๆที่แผ่นหลังกว้าง
 
                        “ ไม่รู้ว่าไปเจออะไรมาบ้าง  แต่ผมอยู่ตรงนี้นะครับ ” น้ำเสียงติดจะเก้อเขิน  แต่ทว่าความหมายที่พูดกลับยิ่งใหญ่และงดงามซึมเข้าไปในจิตใจคนฟัง  พชรกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะพูดเสียงเบาแต่หนักแน่นข้างหูคุณช่างว่า...
 
                        “ ผมรักคุณ ”
 
 
 
                       
TBC .....


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2019 13:17:18 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :a5: อะไร บอกรักกันง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ แต่ว่าดีนะ เราชอบ
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ความรัก ความอัดอั้นที่ส่วผ่านมาจากชาติที่แล้ว

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


 
Time of tears
Chapter 10


 
            กรกันต์นอนมองเพดานห้องด้วยใจพองโตราวลูกโป่งที่ถูกอัดก๊าซจนแทบจะแตก
 
            คำหวานซึ้งยังติดตรึงก้องอยู่ในสมอง
 
   เพียงจบประโยคว่าผมรักคุณเขาทั้งคู่ก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมห้องทำงานกว้าง
 
            แม้ไร้เสียงพูดแต่กลับได้ยินเสียงหัวใจสองดวงที่ดังประสานกันอย่างชัดเจน
 
 
 
            ก๊อก  ก๊อก  ก๊อก
 
 
            กันต์เด้งตัวขึ้นจากที่นอน  นาฬิกาบอกเวลาเกือบสองนาฬิกาแล้ว
 
            “นอนหรือยังครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยดังเบาๆ หน้าห้อง พชรหยุดฟังความเคลื่อนไหวด้านใน  เมื่อเห็นว่าเงียบจึงหมุนกายจะกลับห้องของตนเองแต่บานประตูห้องกลับเปิดออกในเวลาต่อมา  ภาพคุณช่างที่สวมแว่นสายตามองมาที่เขามันน่ารักเสียจนอยากจะดึงมากอดแรงๆ อีกซักครั้ง
 
            “มีอะไรหรือครับ” กันต์เอ่ยถามเจ้าของเรือนเสียงใส
 
            “ผม...” อยู่ๆ เพชรก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาอุดปากเสียอย่างนั้นใบหน้าหล่อที่ปกติมักเรียบนิ่ง  บัดนี้มีรอยยิ้มเขินปรากฏอยู่
 
   “ผม?? ” คุณช่างทวนคำถามย้ำ
 
   “ผมนอนไม่หลับ จิตใจของผมวันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่  ไม่ว่าจะข่มตานอนยังไงมันก็ไม่ได้เรื่องเลย ผม..”
 
   “เข้ามาสิครับ” ยังไม่ทันที่เพชรจะพูดจบประโยค กันต์ก็เปิดประตูกว้างแล้วขยับตัวหลบให้คนตัวใหญ่กว่าได้เดินเข้ามาในห้องส่วนตัว
 
            พชรประหลาดใจไม่น้อยที่กันต์ยอมเปิดทางให้เข้ามา  ตอนแรกเขาแค่คิดจะมาบอกราตรีสวัสดิ์เฉยๆ กันต์เดินไปขยับผ้าห่มให้พ้นทาง  ลงนั่งบนเตียงขยับตัวไปจนติดมุมเตียงด้านใน
 
            “มานอนเถอะครับดึกมากแล้ว คุณควรจะพักผ่อน” เอ่ยเรียกคนที่ยืนเก้ๆ กังๆ  นายน้อยอดที่จะยิ้มกว้างไม่ได้ ร่างสูงล้มตัวนอนเคียงข้างคุณช่างคนเก่ง
 
            “ถ้าแสงไฟแยงตาจะปิดก็ได้นะครับ”
 
            “คุณกลัวความมืดไม่ใช่เหรอครับ”
 
            “ถ้ามีคุณอยู่....คงไม่เป็นไร...”ท้ายประโยคแผ่วเบาตัวคนพูดเองก็ซ่อนใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อเข้ากับผนังห้อง เพชรอยากจะบังคับให้คนตัวเล็กหันมาหาตนเพื่อมองเวลากันต์กำลังเขินอายคงจะน่ารักมากๆชายหนุ่มเอื้อมมือไปดึงสวิทซ์ไฟหัวเตียงให้ดับลง เหลือเพียงแสงลางเลือนจากแสงไฟด้านนอกพอให้มองเห็นข้างใน ไม่ได้มืดมาก
 
            “วันนี้ผมไปหาสบันงามา...” อยู่ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืด  กันต์ที่ยังมิอาจข่มตาให้หลับได้รู้สึกลมหายใจติดขัดแทบจะทันทีแต่ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดใดออกไป  แสร้งนอนนิ่งคล้ายไม่สนใจแต่ประสาทหูของกันต์ตื่นตัวเต็มที่
 
   เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยท่ามกลางความมืดอีกครั้ง
 
            “ผมไปพูดกับเขาเรื่องที่คุณถูกทำร้าย ถามเขาไปตรงๆ ว่าได้เป็นคนทำหรือเปล่า...แน่นอนเธอปฏิเสธ แต่สุดท้ายเธอก็ต้องยอมรับ ผมขอถอนหมั้นเธอและขอให้เธอไม่กลับมาที่นี่  ไม่ให้เธอเข้าใกล้คุณอีก เธอร้องไห้  ตอนนั้นผมรู้สึกแย่มากแม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกไม่ดี” ปลายเสียงทุ้มแผ่วลงพร้อมเสียงถอนหายใจ  กันต์ไม่รู้ว่าเขาต้องปลอบโยนหัวใจของพชรยังไง คนตัวเล็กกว่าจึงประสานนิ้วมือของตัวเองกับมือแกร่ง บีบเบาๆ เพื่อให้เพชรมั่นใจว่า  เขาอยู่ตรงนี้  อยู่ข้างๆ และจะเป็นกำลังใจให้ เพชรกระชับมือเรียวนั้นตอบราวกับจะขอความอบอุ่นจากมือของกันต์มาช่วยทำให้จิตใจอันเหน็บหนาวของตัวเองให้รู้สึกทุเลาความทรมาน
 
            “ขอบคุณนะครับ”  ร่างสูงหันไปเอ่ยคำขอบคุณเบาๆ  กันต์ส่งยิ้มบางๆ ให้แต่มันกลับเป็นรอยยิ้มหวานที่ทำให้หัวใจของเพชรสงบลงอย่างประหลาด
 
   “ผมก็ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำให้ผมเหมือนกัน  นอนเถอะครับคุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
 
            “ราตรีสวัสดิ์” อยู่ๆ ร่างสูงก็เอี้ยวตัวมาประทับรอยจูบลงบนหน้าผากของกันต์คำอำลายามค่ำคืนหวานหูแล้วเจ้าตัวก็กลับมานอนหลับตานิ่งทิ้งให้กันต์หน้าแดงซ่านราวคนเป็นไข้
 
อีตาบ้า...คนตัวเล็กค่อนแคะในใจเมื่อคนข้างๆที่นอนกุมมือเขาไว้กับอกปล่อยลมหายใจอย่างสม่ำเสมอเข้าสู่นิทราไปเป็นที่เรียบร้อยปล่อยให้เขาใจเต้นระรัวท่ามกลางความมืด  กันต์นอนฟังเสียงลมหายใจของเพชรจนหลับตามไปในที่สุด
 
            เสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาในยามเช้ามืดปลุกให้กันต์รู้สึกตัวตื่น ความเย็นเยียบจากอากาศด้านนอกถูกแทนที่ด้วยอ้อมแขนอบอุ่นที่สวมกอดเอวเขาไว้  เจ้าของวงแขนแกร่งยังคงหลับสนิท  กรกันต์อาศัยแสงอันน้อยนิดจากคบไฟด้านนอกสำรวจใบหน้าที่หลับสนิท  พชรคนนี้ร้ายนักแม้ในยามหลับก็ยังสามารถสะกดสายตาเขาไว้ได้  เพียงแค่ไร้ร่องรอยของคนที่ชอบกวนประสาท  ดวงตาที่หลับสนิท  จมูกโด่งได้รูปและริมฝีปากบางที่รับกับเครื่องหน้าทุกส่วนผิวขาวจัดนี้อีกเล่า ยิ่งมองยิ่งหลงใหล  ยิ่งมองยิ่งถูกดึงดูด  คนๆ นี้เป็นของเขามาตั้งแต่ชาติที่แล้ว
 
            “นายน้อย....”  ริมฝีปากอิ่มเอ่ยเรียกชื่อที่คุ้นชินอย่างลืมตัว  ร่างบางขยับตัวแผ่วเบาคร่อมร่างสูงไว้ลูบผิวหน้าแผ่วเบาสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมหนาก่อนจะแตะริมฝีปากอิ่มของตนเองลงบนริมฝีปากบางของใครอีกคน
 
กดจูบประทับย้ำๆ ว่า
 
คุณเป็นของผม...
 
นายน้อยเป็นของกันต์....ของกันต์คนเดียว...
 
ไม่นานริมฝีปากอุ่นของคนที่หลับสนิทก็มีปฏิกิริยาตอบโต้ นายน้อยแห่งเรือนโบราณสอดมือขึ้นมากุมหน้าของคนบนร่างส่งจูบนุ่มนวลตอบกลับปลายลิ้นเลาะเล็มชิมความหอมหวานจากริมฝีปากสีสดเม้มเบาๆขอให้อีกฝ่ายเปิดทางให้ได้ชิมความหวานที่มากขึ้น กรกันต์ชะงักเพียงชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากให้ปลายลิ้นอุ่นชื้นได้เข้ามาทักทาย
 
หวานปานน้ำผึ้ง

ชุ่มฉ่ำราวฤดูฝน

ต่างฝ่ายต่างตักตวงความหวานล้ำวาบหวามราวกับหิวกระหาย ร่างบางถูกพลิกให้ลงมานอนใต้ร่าง  เนิ่นนานหลายนาทีนายน้อยจึงถอนจุมพิตออกเหลือเพียงสายใยสีใสที่เชื่อมต่อตามมา  ปลายนิ้วเรียวค่อยๆ เช็ดริมฝีปากเจ่อแดงให้อย่างทะนุถนอม  สายตาที่กันต์เคยเห็นว่ามีแววดุกลับแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่น คนตัวเล็กยังคงคล้องคอของนายน้อยไว้ไม่ได้ปล่อย
 
            “ถ้าเราไม่หยุดตอนนี้...ผมคงห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้วนะครับ” ปลายเสียงแหบพร่าอย่างคนที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ด้านมืดของตัวเอง  กันต์หลุบตาลงต่ำก่อนจะช้อนสายตาขึ้นสบกันอีกครั้ง แก้มขาวบัดนี้ขึ้นสีซ่าน
 
 
            “อะไรที่ผมเป็นคนเริ่ม....ผมจะไม่หยุด  นั่นเพราะว่าผมคิดดีแล้ว”
 
 
            เพียงสิ้นคำของคนใต้ร่างพชรก็ประกบจูบลงไปอีกครั้งกรกันต์เชิดหน้ารับอย่างเต็มใจ แม้อุณหภูมิภายนอกจะเย็นฉ่ำแต่ร่างกายของคนทั้งคู่กลับร้อนเห่อราววิ่งผ่านเปลวไฟ ทุกการกระทำทุกสัมผัสพาให้ใจวาบหวาม
 
            กรกันต์ดำดิ่งไปกับความนุ่มนวลที่พชรมอบให้ รสจูบแสนหวานที่ตักตวงเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม คล้ายต้องการเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด กลีบกุหลาบสีระเรื่อเบ่งบานประปรายบนผิวเนื้อขาวละเอียดในทุกที่ ที่พชรลากริมฝีปากผ่าน ประทับตราว่าคนๆ นี้เป็นของเขา
 
            แม้สัมผัสของพชรจะแสนนุ่มนวลแต่ทว่าคล้ายมีเปลวไฟที่ฝ่ามือหนา เพราะเมื่อลูบไล้ไปส่วนใดก็ทำให้กรกันต์รู้สึกร้อนผ่าวไปกับสัมผัสหวามนั้น ลมหายใจหอบกระชั้นราวกับมีพายุก่อตัวในช่องท้องเมื่อผ่านมือหนาลากไล้ต่ำลงมาเรื่อย กรกันต์จับข้อมือหนาไว้เพียงครู่ด้วยความกระดากอายจนคนบนร่างส่งสายตาหยอกเย้ามาให้ แต่ทว่าคำที่กระซิบแผ่วก็ทำให้เขาคลายความกังวล
 
            "ผมรักคุณ" สามคำง่ายๆ ที่ค่อยๆ ทลายกำแพงหนาในจิตใจของกันต์
 
            ก็แค่ปล่อยใจให้เดินตามครรลองของมัน
 
            ธรรมชาติจะบอกเองว่าควรเดินทางไปทางไหน เมื่อสองกายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกรกันต์จึงได้รับรู้รสสัมผัสของความเจ็บปวดที่แสนสุข
 
            เมื่อแรกที่ตัวตนของนายน้อยสอดแทรก มันแสนเจ็บปวด มีเพียงคำรักที่คอยปลอบประโลมให้ช่วยคลายหายเจ็บ…
 
          พอผ่านไปรสรักที่แทรกผ่านกลับทำให้สติกระเจิดกระเจิง บางครั้งก็นุ่มนวลจนร่างกายโหยหาสัมผัสที่มากกว่านี้ บางครั้งก็เหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กำลังถูกพญาเสือบดขยี้จนแทบขาดใจ
 
          ร่างบางสั่นสะท้าน เชิดหน้ารับจูบที่บดเบียด มือสอดประสานกันแนบแน่นจนกระทั่งคนทั้งคู่พากันแหวกว่ายในสายธารแห่งรัก
 
 
 
   สบันงาจ้องมองภาพบัดสีในห้องนั้นด้วยความโกรธเกรี้ยว ดวงตากลมสวยที่เคยพราวระยิบบัดนี้คล้ายมีเปลวไฟลุกโชน  สองมือกำแน่นริมฝีปากสั่นระริก
 
 
            นี่สินะเหตุผลที่เพชรไม่เคยร่วมหลับนอนกับนางเลยแม้เพียงครั้ง  ไม่ว่าจะทำวิธีไหนผู้เป็นสามีก็เอาแต่อ้างว่ามีงานบ้างล่ะ  เหนื่อยบ้างล่ะ  ทำไม...มีแต่คำถามนี้ผุดอยู่นับหมื่นนับแสนคำ  นางไม่เพียบพร้อมตรงไหน  นางมีอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหน ทั้งชาติตระกูล รูปโฉม  และความรู้  นางด้อยกว่าไอ้ทาสชั้นเลวนั่นตรงไหน  หญิงสาวล่าถอยออกจากห้องหนังสือไปเงียบๆ
 
            “อ่าวแม่สบันงา แล้วพ่อเพชรล่ะ ทำไมไม่มาเสียด้วยกัน”  คุณหญิงแพวางป้านชาลงบนโต๊ะเอ่ยถามลูกสะใภ้ด้วยความแคลงใจ
 
            “ข้าให้เจ้าไปตามพ่อเพชรแล้วทำไมถึงได้กลับมาคนเดียว”
 
            “ค...คือ..คุณพี่ยังทำงานไม่เสร็จเจ้าค่ะ  อิฉันเลยกลับมายกสำรับไปให้คุณพี่ที่ห้องหนังสือเอง” สบันงาเอ่ยเอาตัวรอดแต่แสร้งตีหน้าเศร้า นางลอบยิ้มน้อยๆ ยามนึกถึงหมากที่นางจะใช้กำจัดกรรณ เรื่องอะไรข้าจะโง่ลงไปเกลือกกลั้วกับคนชั้นต่ำเอง  แค่ใช้นังแก่นี่จัดการทุกอย่างก็จะง่าย
 
            “แล้วทำไมไม่เรียกห้ไอ้กรรณมันมายกล่ะเจ้าจะมายกเองทำไมบ่าวไพร่เราก็มีให้ใช้สอย”
 
            “อิฉันไม่กล้าใช้คนสนิทของคุณพี่หรอกค่ะ” สบันงารีบเข้าประคับประคองสตรีร่างท้วมให้ลุกขึ้นอย่างเอาใจ  นางโบกมือให้บ่าวไพร่ไปทำหน้าที่ของตัวเองไม่วายสำทับให้จัดเตรียมสำรับให้กับคุณชายของบ้าน
 
            “หลายเดือนมานี้เจ้าอยู่ที่เรือนนี้สุขสบายดีหรือไม่” เอ่ยถามลูกสะใภ้อย่างอารีย์ นางพอจะรู้มาบ้างจากเสียงซุบซิบของคนในบ้านว่าลูกชายคนดีของนางค่อนข้างจะละเลยภรรยา  แต่นางอยากจะได้ยินจากปากลูกสะใภ้เองมากกว่า
 
            “อิฉันสบายดีเจ้าค่ะคุณแม่ด้วยความเมตตาจากคุณแม่และเจ้าคุณพ่ออิฉันสุขสบายกายดีค่ะ”
 
            “ถ้าอย่างนั้นทำไมยังไม่มีทีท่าว่าพวกเจ้าจะมีหลานให้แม่อุ้มเลยล่ะ หน้าที่ของเมียที่ดีคือมีทายาทไว้ให้สืบสกุลนะ ทรัพย์สมบัติของเรามีมากมายถ้าเจ้ากับพ่อเพชรรีบมีลูกซักสองสามคนเรือนเราคงสดชื่นมากกว่านี้” หญิงสูงวัยรับป้านน้ำชาที่สบันงายื่นให้ยกจิบแล้ววางข้างตัว นางยังคงเป็นคุณหญิงแพที่เข้มงวดและเผด็จการเช่นเคย
 
            “อิฉันจะมีหลานให้ได้อย่างไรล่ะเจ้าคะคุณแม่..” นางแสร้งทำเสียงเศร้า หลบตาหญิงสูงวัยกว่าอย่างมีจริต
 
            “ทำไม  เหตุใดเจ้าจะมีหลานให้ข้าไม่ได้ หรือเจ้าเป็นหมัน?”
 
            “ไม่นะเจ้าคะคุณแม่ อิฉันปกติดี แต่ว่า...”
 
            “แต่อะไร? ”
 
            “เรื่องนี้มันน่าอาย...แต่คุณแม่เจ้าคะ  ตั้งแต่อิฉันแต่งเข้าบ้านท่านมาแม้แต่คืนวันเข้าหอคุณพี่ก็ทิ้งให้อิฉันนอนคนเดียวมาตลอด....หลายเดือนที่ผ่านมาคุณพี่ไม่เคยมานอนกับอิฉันเลยซักครั้ง ถ้าไม่อยู่ที่ศาลากลางน้ำหัดซอให้กรรณก็ขลุกอยู่แต่ในห้องหนังสือกินนอนอยู่ในนั้นเลย”
 
            “เหลวไหล!!! พ่อเพชรทำอย่างนั้นกับเจ้าได้ยังไง แล้วใยเจ้าไม่มาบอกข้าตั้งแต่แรกไม่เช่นนั้นข้าก็จัดการให้เจ้าได้แล้ว” คุณหญิงแพส่งสายตาตำหนิให้กับลูกสะใภ้ ดวงตาคมดุมีแววของความไม่พอใจฉายชัดเดิมทีนางก็ไม่ค่อยจะชอบใจกรรณเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วยเพราะลูกชายให้ความสนิทกับมันจนเกินนายกับบ่าว แต่นางพูดอะไรมากไม่ได้เพราะยังเกรงใจลูกชาย แต่ถ้ากรรณเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานะครอบครัวของเพชรสั่นคลอนนางก็อาจจะต้องจัดการอะไรๆ ให้เด็ดขาด
 
 
 
            ก๊อกๆๆๆ...
 
 
            พชรรู้สึกตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ  มองคนในอ้อมกอดที่หลับสนิทริมฝีปากอิ่มแดงบวมช้ำเล็กน้อยก็ให้รู้สึกเต็มตื้นในหัวใจ ก้มลงจุมพิตกลีบปากอุ่นที่มีรสละมุนอีกครั้งก่อนจะลุกลงจากเตียงไปเปิดประตู
 
            ทันทีที่ประตูเปิดอาชวินท์กะจะแซวเพื่อนสนิทที่ตื่นซะสายโด่งแต่กลับพบใบหน้าทรงเสน่ห์ของเจ้าของบ้านโผล่มาอยู่ในจอประสาทตาซะอย่างนั้น
 
            ร้อยคำถามถาโถมผ่านดวงตา
 
            เขามาอยู่ที่ห้องกันต์ได้ยังไง เขามาทำอะไร ทำไมสภาพเหมือนเพิ่งตื่นนอน ทำไม ทำไม ทำไม และทำไมเต็มไปหมด วินพยายามจะชะเง้อมองเจ้าของห้องแต่เพชรใช้ร่างกายที่สูงใหญ่บังไว้ อาชวินท์พอจะประมวลอะไรๆได้อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่เพชรกดเสียงต่ำเตือนออกมาเสียก่อน
 
            “กันต์หลับอยู่...”  อาชวินท์กำหมัดกัดฟันแน่นจนกรามขึ้นเป็นสัน  เขาโกรธ เขาไม่พอใจ  ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกหวง...ใช่เขาชอบกันต์...แต่เพราะสถานะที่กันต์วางไว้ให้เขาคือเพื่อนสนิทเพราะฉะนั้นเขาจึงไม่กล้าก้าวข้ามเส้นที่กันต์ขีดไว้ให้เพราะกลัวว่าถ้าเสี่ยงลองข้ามไปเป็นเขาที่ต้องเสียใจ ถ้ากันต์ไม่ตอบรับความรู้สึกที่เขามีให้  แต่คนๆ นี้เป็นใคร แค่เจอกันไม่นานก็ได้สิ่งเหล่านั้นไปทั้งหมด  ทั้งหัวใจและ...จากสิ่งที่เห็นคงจะรวมถึงร่างกายด้วย  ความโกรธแล่นริ้วจนกระทั่งเขาเดินตามพชรออกมาห่างจากห้องนอนของกันต์พอสมควรร่างสูงก็คว้ากระชากคอเสื้อของเพชรจากทางด้านหลังเหวี่ยงเจ้าของบ้านอัดเข้ากับกำแพงห้องเต็มแรง  จิรายุที่เดินผ่านมาเห็นดังนั้นก็กระโดดข้ามระเบียงไม้เตี้ยๆเข้าไปขวางผู้เป็นนายไว้พร้อมๆ กับหมัดลุ่นๆ ของวินที่เหวี่ยงเข้ามาพอดี
 
 
            ผลั่วะ!!
 
 
            จิหน้าสะบัดตามแรงปะทะ ความรู้สึกชาและมึนเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน  น้ำลายในปากเค็มปร่า  เสียงพชรเรียกเขาข้างๆ หูด้วยความตกใจ เขารีบหันหน้ากลับมาสะบัดหัวไล่ความมึนก่อนจะใช้ท่อนแขนกันหมัดของหมาบ้าขาดสติจับข้อมือของวินไว้แน่นแล้วบิดไปไขว้ด้านหลัง เท้าซ้ายเตะตัดข้อเท้าเข่าขวากดปลีน่องอีกข้างจนคนสูงกว่าทรุดนั่งลงกับพื้น  อาชวินท์อาละวาดให้ปล่อยแต่จิรายุก็ยิ่งออกแรงกดเขาไว้จนแทบจะโงหัวไม่ขึ้นชายหนุ่มเอาแต่สบถด่าเจ้าของบ้านจนจิรายุปะติดปะต่อเรื่องได้
 
            “หยุดแหกปากซักทีคุณไม่อายแต่ก็ควรคิดบ้างว่าถ้าคนในบ้านมาได้ยินคนที่เสียหายคือคุณกันต์ไม่ใช่นายน้อย ไม่ห่วงหน้าตัวเองก็ห่วงหน้าเพื่อนคุณบ้าง อีกอย่างผมจะบอกให้นะ นายของผมถ้าไม่ยินยอมเขาจะไม่มีทางแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บ”แรงดิ้นขัดขืนหยุดลงทันทีที่จิพูดจบประโยคคนตัวเล็กเมื่อเห็นว่าวัวบ้าเลิกพยศก็ค่อยๆผ่อนแรงลงในขณะที่เพชรก็ไม่ได้เดินหนีไปไหน ยังคงยืนอยู่ที่เดิมมองเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออก อาชวินท์มองหน้าคนทั้งคู่สลับกันก่อนจะสะบัดหน้าเดินจากไป
 
            “นายน้อยเป็นอะไรบ้างมั้ยครับ”จิหันไปสำรวจผู้เป็นนายพลางพลิกตัวดูทางนั้นทางนี้ด้วยความเป็นห่วง
 
            “ฉันไม่เป็นอะไร นายห่วงตัวเองเถอะโดนหมัดเต็มๆเลยนี่” กลายเป็นผู้เป็นนายห่วงลูกน้องไปซะอย่างนั้นอาชวินท์คงไม่รู้ว่าจินั้นนอกจากเป็นเลขาของเค้ายังพ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดให้ด้วยอีกต่างหาก เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่เทควันโด้สายดำระดับตัวแทนมหาวิทยาลัย ถ้าไม่ขี้เกียจซะก่อนก็คงจะติดทีมชาติ
 
            “ว่าแต่นายน้อยมีอะไรจะเล่าให้ผมฟังมั้ยครับ”อดจะทำเสียงล้อๆ ผู้เป็นนายไม่ได้ พชรปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งที่สุดทั้งๆที่ใบหูแดงก่ำ
 
            “ไม่มี” ว่าจบก็หมุนตัวจะเดินกลับห้องของตัวเอง
 
            “เดินดีๆ นะครับระวังจะแวะเข้าห้องผิดไปเข้าห้องคุณช่างได้” ร่างสูงแทบจะเดินสะดุดขาตัวเอง
 
สาบานได้ว่าเขาจะหักโบนัสจิไม่ให้เหลือเลยซักบาทเดียว...




.....................


อีกสามตอนจบค่ะ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด