ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)  (อ่าน 12054 ครั้ง)

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขวัญใจ....ขวัญรัก
โดย  ดุสิตา

1.จุดนัดพบ
................ค่ำคืนที่มืดมิด กบเขียดร้องแข็งกับสายฝนและสายลมพัดกระหน่ำ ราวกับใต้ฝุ่นถล่มลงมา พร้อมสายฝนที่สาดชัดกระทบหลังคา แสงวาปจากสายฟ้าดูน่ากลัวยิ่งนัก  หลังคาบ้านพักราชการครูทรงสูงสองซั้น สะท้อนกับแสง ทำให้มองเป็นเป็นเงาตะคลุ่มเห็นเป็นหลัก ๆ ที่ปลูกห่างกัน ท่ามกลางหมู่แมกไม้ อัฐณพ อาจารย์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมาทำงานที่นี้ มีอาการตกใจทุกครั้งที่ฟ้าแลป ทำให้อัฐณพนั่งไม่ติดพื้นเมื่อสองเดือนที่แล้วเขาถูกเรียกให้มาบรรจุที่นี้ หลังจากที่มุ่งหมั่นให้เรียนจบโดยเร็ว ตามความคาดหมายจบภายในสี่ปี พยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมให้ได้ ไม่อยากทำตัวมีปัญหา สงสารแม่กับน้องที่ต้องช่วยกันหาเงินให้เขาเรียนจนจบ

“น้องนพ ครูนพครับ อยู่ไหมครับ” เสียงตะโกนจากชั้นล่าง เสียงของครูชัชวาลนั้นเอง อัฐณพใจชื่นขึ้นมา รีบชะโงกหน้าออกหน้าต่างบ้านจากชั้นบน

“ครับ พี่ชัช นพยังอยู่ครับ” อัฐนพตะโตนออกมาแข่งกับเสียงฝน ส่งรอยยิ้มให้ผู้ร้องเรียก ทำให้ผู้มาเรียกรู้สึกโล่งใจ

“ครูอยู่ได้ไหม ฝนตกแรงหน่อย เป็นธรรมชาติของพื้นที่เราครับ” ครูชัชวาลอธิบาย ทำให้อัฐณพรับทราบข้อมูลใหม่

“ออ ครับ ผมเพิ่งรู้ อยู่ได้ครับครู” อัฐณพ พูดขึ้น มองดูสายฝนที่พัดกระหน่ำลงมาเรื่อย ๆ 

“หรือครูจะไปอยู่กับแม่บ้านผมก่อนไหม แบบนี้คงตกอีกนาน ฝนแรกของฤดูนะครับ” ครูชัชวาลกล่าวต่อ

“ไม่เป็นไรครับ ผมพออยู่ได้ครับ” อัฐณพ บอกด้วยความเกรงใจ อีกทั้ง ต้องปรับสภาพตัวเองให้สามารถอยู่ในที่ใหม่ให้ได้ อัฐณพสอบบรรจุได้

“แล้วพี่ชัช จะไปไหนครับ ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม” อัฐณพตะโกนแข่งกับสายฝน

“ไม่เป็นไร พี่ไปคนเดียวสะดวกกว่า อีกอย่างพี่จะไปดูห้องทำงานพี่นะ หน้าต่างห้องพักยิ่งไม่ดีอยู่ จะเลยไปดูหน้าโรงเรียนด้วยครับ กลัวน้ำพัดพาจะไปชวนภารโรงไปเป็นเพื่อน” ครูชัชวาลตอบ อัฐณพพยักหน้ารับทราบ มองดูสายฝนที่โปรยปลายลงมาอย่างไม่ขาดสาย พร้อมแสงแลบจากสายฟ้า

“ถ้าอย่างนั้นผมไปดูโรงเรียนก่อนครับ ดีที่ช่วงนี้เปิดเทอม ถ้ายังปิดเทอมอยู่จะไม่รู้ว่ามีอะไรเสียหายบ้าง” ครูชัชวาล กล่าวต่อ

“แน่ใจนะครับว่าจะไม่ให้ผมไปเป็นเพื่อน”  อัฐนพกล่าวแสดงความมีน้ำใจกับเพื่อนครูรุ่นพี่  แล้วหลบสายฟ้าที่คำรามอยู่

“ไม่เป็นไรครับ สักครู่เดียวผมก็กลับแล้ว” ครูชัชวาลเดินไปยังอาคารเรียน ลัดเลาะไปตามอาคารเรียน โรงเรียนแห่งนี้มีสามอาคารเรียน มีครูประจำการ ห้าคน ครูผู้ช่วยอีก สามคน นักการภารโรงอีกหนึ่งคน รวมเป็นเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่เก้าคน  โรงเรียนตั้งห่างจากหมู่บ้านสองกิโลเมตร ด้านข้างโรงเรียนเป็นคลองน้ำขนาดใหญ่ เมื่อมีครูชัชวาลมาเรียกทำให้ใจชื่นขึ้นบ้าง อัฐณพจึงเริ่มสำรวจดูรอยรั่วภายในบ้านพัก กลัวจะมีน้ำหยดลงมา โชคดีอย่างหนึ่งที่ หลังคาบ้านยังคงปกติดี อัฐณพเดินสำรวจชั้นล่าง เสียงน้ำที่เริ่มไหลแรงลงคลองน้ำ

“มันจะท่วมโรงเรียนไหมแบบนี้” อัฐณพกล่าว เปิดประตูหน้าบ้าน มองสายฝนที่สะท้องแสงไฟดวงริบหรี่ ด้านนอกเสียงฟ้าคำรามดังเรื่อย ๆ ก่อนสายฟ้าฟาดลง

“โอ้ย ตาย พ่อแก้ว แม่แก้ว ช่วยลูกด้วย” อัฐณพร้องเสียงหลง นั่งลงตรงประตูหน้าบ้าน

“ลูกแก้วไม่ได้สาบานที่ไหนนะ อย่าเพิ่งให้ลูกต้องตายจากที่นี้เลยน้องลูกแก้วยังเรียนไม่จบเลย” อัฐณพ ยกมื้อท้วมหัว รีบปิดประตูบ้าน

“เปรี้ยง.............ปัง ปัง ปัง ...........”  สิ้นเสียงฟ้าผ่า ความเงียบปกคลุมพร้อมเสียงสายฝนเบาลง อัฐณพ นิ่งสักครู่ พยายามเอียงหูฟังทิศทางที่มาของเสียง เปิดประตูหลังบ้าน ใช้สายตาเพ่งมองฝ่าความมืดออกไป พยายามหาที่มาของเสียงผสานกับเสียงฟ้าผ่า รีบหลบเข้าบ้านพัก

“ตูม ๆ ..............” เสียงน้ำแตกกระจายเหมือนมีการโยนของหนักลงน้ำ อัฐณพ สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนตั้งสติได้ รีบออกไปด้านหลังบ้านที่ติดกับลำคลอง ใจเต้นตุ๊บๆ กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น พยายามมองหาสิ่งที่ผิดปกติ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ สายฝนเริ่มพัดกระหน่ำอีกครั้ง ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า กลับมาอีกครั้ง

“อย่าทักท้วงลูกแบบนี้เลย” อัฐณพกล่าว รีบกลับเข้าบ้าน แต่ยังไม่ถึงประตูบ้าน

“ช่วยด้วย.....” อัฐณพชะงักเมื่อได้ยินเรียกดังแว่วจากกลางลำคลอง

“ช่วยพวกเราด้วย” น้ำเสียงเหมือนได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก  อัฐณพขนลุกความหนาวเย็นเข้าเกาะกุมหัวใจเลยก็ว่าได้

“อย่ามาหลอกมาหลอนลูกเลย ลูกหลานจะทำบุญอุทิศไปให้นะครับ” อัฐณพยกมือท้วมหัว หันซ้ายทีขวาที พยายามเพ็งมองฝ่าความมืด

“ช่วย..ด้วย...” เสียงที่ขาดเป็นห้วง ๆ

“กะ  เกิด  อะไรขึ้นกันแน่” อัฐณพถามตัวเอง พยายามรวบรวมสติ คิดว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ รีบเข้าไปในบ้านไปหยิบไฟฉายตรงข้างบันใดบ้าน แล้วหันกลับออกไปอีกครั้ง

“สาธุ อย่ามาหลอกหลอนลูกเลย แต่เสียงร้องต้องใช่คนแน่นอน” อัฐณพปลอบใจตัวเอง มองฝ่าความมืด เห็นบางอย่างเคลื่อนไหว อัฐณพรีบลงคลองซึ่งน้ำยังไม่มีมากนัก พร้อมตะโกนกลับ 

“ใคร ร้องให้ช่วย” อัฐณพตะโกนออกไป เอียงหู เพื่อหาต้นเสียงตอบกลับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2019 13:53:30 โดย dusitta »

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0

“ช่วยด้วย..........ช่วยด้วย.......” เสียงร้องแผ่วเบาลงและขาดเป็นห้วง ๆ  อัฐณพดีใจที่ยังได้ยินต้นเสียง ส่องไฟฉายลงไปกลางแม่น้ำ อย่างน้อยก็เป็นมนุษย์ สีน้ำเริ่มเปลี่ยนสีเห็นได้ชัด จากวันก่อน ระดับน้ำอยู่แค่หน้าแข้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ระดับน้ำอยู่ตรงสะโพกแล้ว อัฐณพต้องรีบทำเวลา คำนวณความเร็วของน้ำ

“อยู่ตรงไหนครับ ผมมองไม่เห็น” อัฐณพร้องลงไปยังพื้นน้ำ

“อยู่นี้ครับ พวกเราอยู่นี้” อีกฝ่ายร้องขึ้น อัฐณพพยายามสายไฟฉายไปเรื่อย ๆ จนอีกฝ่ายตีน้ำให้เห็น อัฐณพจึงส่องไฟไปเจอร่างดำสองคนที่หงายตัวเห็นใบหน้า

“ช่วยด้วย ช่วยลูกพี่ผมด้วย” เสียงร้องเรียก ทำให้อัฐณพ รีบฝ่าพื้นน้ำเข้าไปหา

“คุณๆ เป็นอะไรครับ” อัฐณพถาม รีบฉุดร่างคนที่ไร้สติไว้

“ช่วยด้วย ช่วยลูกพี่ผมด้วย” คนที่มีสติพยายามดันร่างอีกคนให้เหนือพ้นน้ำ  คนบาดเจ็บ กลิ่นคาวเลือดเริ่มเข้าจมูกอัฐณพ รีบเข้าพยุงร่าง คนหมดสติ เกาะหลัง อีกมือคว้าร่างอีกคนไว้ พยายามดึงให้ขึ้นฝั่ง

“ทำใจดี ๆ นะครับ ไหวไหมครับ” อัฐณพ ร้องถามฝ่าเสียงฝน เสียงน้ำที่ดังมาแต่ไกล แต่คนสามคนยังอยู่กลางลำน้ำ

“ปล่อยผมไปครับ” คนที่มีสติกว่าพยายามสลัดให้หลุด เสียงกระแสน้ำเหนือคลองไหลลงมาใกล้เข้ามาทุกที 

“ช่วยลูกพี่ผม ปล่อยผมไป เราจะตายด้วยกันทั้งหมด” ชายที่มีสติอยู่กล่าว เขาพยายามแกะมืออัฐณพให้ออกตัวเขา

“คุณ ผมไม่ทิ้งใคร ไปด้วยกัน” อัฐณพพยายามคว้าตัวไว้อีกครั้ง

“ผมฝากลูกพี่ผมด้วย อย่าให้เขาเป็นอะไร เขาจะช่วยผมเองครับ” สิ้นเสียงบอก เขาก็ผละร่างที่โชกด้วยเลือดออกไป แล้วปล่อยให้ไหลไปตามกระแสน้ำที่ตอนนี้เริ่มจะเพิ่มขึ้น

“คุณ เดียว คุณ” อัฐณพพยายามจะดึงอีกร่างขึ้นแต่ไม่ทันเสียแล้ว สถานการณ์เริ่มคับขันเมื่อน้ำป่ากำลังไหลหลากลงมา

“คุณจะต้องไม่เป็นอะไร” อัฐณพต้องรีบพาอีกร่างไร้สติขึ้นจากลำคลองโดยเร็วที่สุด พยายามให้ร่างไร้สติอยู่เหนือน้ำ แต่ตัวเขาใหญ่เกินกำลัง จึงได้แต่พยายามแบกและลากลากขึ้นริมตลิ่ง กว่าจะขึ้นตลิ่งได้ น้ำป่าไหลลงมาอย่างรวดเร็ว อัฐณพหายใจอย่างแรงกึ่งแบกกึ่งลากขึ้นหลังบ้าน

“ทำไมหนักจังวะ คนอะไร ตัวนิดเดียวหนักแทบตาย” อัฐณพรากคนไร้สติ มาว่างลงตรงหน้าห้องน้ำ สภาพตอนนี้ เหมือนเขาโดนทำร้ายมา มือถูกมัดไพล่หลัง ปากโดนหมัด เท้าโดนมัดติดกัน ตรงหน้าอกมีแผลยิงสองจุด จึงรีบแก้มัด

“เอาไงดีที่นี้” อัฐณพอยากร้องเรียกหาคนช่วย แต่พอเห็นคนที่นอนไร้สติอยู่ ต้องรีบช่วยเหลือทำอะไรสักอย่างแล้ว

“คิดซิ นพ คิดๆ” อัฐนพกล่าวกับตัวเอง จากนั้นเริ่มสำรวจชีพจร คลำหาสัญญาณชีพโดยเร็ว 

“คงไม่ช่วยคนผิดนะ” อัฐณพบ่นแทบจะร้องไห้ พยายามสำรวจรอบตัวอีกครั้ง ใบหน้าซีดเซียว

“อย่ามาตายในบ้านนะเฮ้ย” อัฐณพจับชีพจรอีกครั้ง สัญญาณชีพเต้นแผ่วเบาอย่างมาก ต้องสำรวจว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง

“จะไปโรงพยาบาลยังไงเนี้ย อยู่ตั้งไกล คุณ เป็นไรมากไหม คุณ อย่าเพิ่งตายนะเว้ย” อัฐณพถามคนเจ็บด้วยความตื่นเต้น  ตบเบา ๆ ที่ใบหน้าฉีกเสื้อคอกลมสีดำที่เต็มไปด้วยเลือดออก เผยให้เห็นอกกำยำและหน้าท้องซิกแพกอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ

“คงไม่ใช่พวกค้ายา หรือทำผิดกฎหมายนะ คุณได้ยินเสียงผมไหม” อัฐณพใช้มือตบที่ใบหน้าเบา ๆ ใบหน้าคมเข้มแบบคนจริงจังกับชีวิต คิ้วหนา ตรงปลายคิ้วแตกเลือดยังซึมออกมา หนวดเขียวครึ้ม ตัดกับสีผิวที่ออกสีแทน ความสูงน่าจะอยู่ที่ร้อยแปดสิบเซนติเมตร นอนเหยียดยาวไปตามพื้น ตาที่ปิดอยู่ขยับนิดหน่อย   

“คุณ ๆ ได้ยินผมไหม ลืมตาซิ” อัฐณพพยายามเรียกสติคนไร้สติให้คืนมา แต่ก็ยังนิ่ง

“เอาไงดี ไปอยู่ตรงกลางห้องดีกว่านี้นะ” อัฐณพจึงลากคนที่ยังไร้สติไปกลางห้อง

“ต้องทำอะไรก่อน ไอ้นพคิดซิ คิด ๆ วิชาลูกเสือ น้ำร้อน” อัฐณพพยามตั้งสติ  จากนั้น รีบเสียบกาน้ำร้อน ชุดอุปกรณ์ทำแผลไม่มีสักอย่าง ‘ทำไงดีจะทำไงดี

“ออ คิดออกแล้ว พอดีมีเหล้าเหลือจากงานเลี้ยงรับคราวก่อน เอาอันนี้ช่วยก่อนละกัน” อัฐณพรีบขึ้นไปชั้นบนได้ขวดเหล้าสี รีบลงมาเอาเหล้าเหลือเทลงบาดแผลจุดโดนยิง อย่างไรเสียแอลกอฮอล์นี้คงไม่ทำให้แผลติดเชื้อ หยิบผ้าเช็ดตัวที่ตากไว้ นำมาซับเลือดแล้วกดลงที่แผล

“โอ๊ะ !!!!!” สัญญาณชีพมาแล้ว พอดีน้ำในกาเดือดพอดี เอาน้ำร้อนมาเทลงกะละมังผสมน้ำเย็นลงพออุ่น แล้วเอาผ้าเช็ดตัวลงชุบบิดมาด มาเช็ดตรงแผล

“คุณ ได้ยินผมไหม” อัฐณพเรียกอีกครั้ง

“เจ็บ....”เจ้าของร่างเริ่มรู้สึกตัว พยักหน้ารับทราบ ทำให้อัฐณพปฐมพยาบาล ใจชื้นขึ้น

“ไม่เจ็บได้ไง รอดมาได้ก็บุญแล้ว” อัฐณพกล่าว คนเจ็บเอามือมาลูบตรงแผลที่โดนกด   

“คุณ โดนยิงสองที่นะ ผมเห็นกระสุนฝั่งในจุดหนึ่ง ดีที่มันไม่เข้าลึก ทนเจ็บนะผมจะเอาออก” อัฐณพ กล่าวให้คนเจ็บทราบ แล้วลงมือเอาคีมเล็ก ๆ ที่หาได้เทเหล้าลงอีกและลงจุ่มคีมเล็ก ๆ และดึงลูกปืนออกมา หัวกระสุนหลุดออกมาอย่างง่ายดาย

“คงหมดแล้วนะ” อัฐณพกล่าว แต่เพื่อความแน่ใจจึงสำรวจอีกที่ว่ามีเหลืออยู่หรือไม่ คนเจ็บคงหลับตานิ่งกัดฟันจนเห็นรอยกรามเป็นสันนูน

“ผมจะแจ้งตำรวจนะ” อัฐณพบอกผู้บาดเจ็บ ที่พยายามเก็บอาการเจ็บจากรอยแผลไว้

“ไม่ต้อง” เสียงตบสั้นๆห้วนๆ จากคนเจ็บ ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
.............สายฝนส่าลงแล้ว เสียงกบเขียดยิ่งดังขึ้น อัฐณพนั่งพิงฝาบ้าน สักครู่สายฝนพัดกระหน่ำอีกครั้ง เป็นสัญญาณบอกว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูเพาะปลูกอีกในไม่ช้าแน่นอน ท้องฟ้าทางทิศใต้ส่งแสงแวบวาวและประกายแปรบปราบ ตามด้วยเสียงฟ้าร้องครึ้ม ๆ     

“ครูนพครับ ครูนพ” เสียงครูชัชวาลนั้นเอง อัฐณพหน้าตื่นพยายามเซ็คคราบเลือดที่ติดตามมือ

“ครับพี่ชัช” อัฐณพขานรับมองดูร่างที่ยังนอนแน่นิ่งตรงจุดเดิม ลังเลนิดหนึ่งจะบอกครูชัชวาลดีไหม

“ระวังหน่อยนะครับ ผมว่าวันนี้ อาจมีการขนยากัน เกิดการปะทะกันเกิดขึ้นมื้อกี้ ผมได้ยิน ใครมาเคาะประตูก็อย่าเปิดรับนะครับ ครั้งก่อนมันยิงครอบครัวนักเรียนตายยกครัว” ครูชัชวาลกล่าว อัฐณพเสียวสันหลังวาบ หันไปมองร่างที่ไร้สติอีกครั้ง

“ครับ” รับคำสั้น ๆ ใจสั่นดังตู๊บ ๆ มากขึ้นอยากจะบอกครูชัชวาลเหมือนกัน ตอนนี้ครูมาเตือนไม่ทันการณ์แล้ว

“ถ้ามีอะไรก็ไปที่บ้านนะผมไปดูที่บ้านก่อนครับ” ครูชัชวาลกล่าวแล้วรีบกลับไปที่บ้าน

“พี่ชัช.....” อัฐณพเปิดประตูบ้านออกมา เรียกตามไม่ทันละ อาการขนลุกซู่เกิดขึ้นเป็นระยะ ถ้าเกิดเป็นเหมือนที่ครูชัชวาลพูดละจะทำไง ‘แต่เขาได้รับบาดเจ็บนี้ จะสู้แรงเราไหวหรอ’  พยายามปลอบใจตัวเอง

‘เอาไงเอากันอย่างน้อยช่วยเพื่อนมนุษย์’ อัฐณพสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ตั้งมั่นก่อนเข้าบ้าน พยายามเดินด้วยปลายเท้า ให้เบาที่สุด ค่อยๆ เข้าไปภายในบ้าน สายตาเพ่งไปตรงจุดหน้าห้องน้ำ

‘หายไปไน............’ อัฐณพความตกใจรีบเดินหักมุมห้องน้ำไปหลังบ้าน

“โครม......โอ้ย.......ซี๊ด.......” อัฐณพล้มลงข้าง ๆ เต็มเปา สะดุดขาคนเจ็บ ที่ตอนนี้นอนลืมตาดู ในมือถือปืนแนบอก เมื่อได้สติอัฐณพ รีบตะกายออกมาอีกฝั่งของบ้าน หน้าตาตกใจ

“ใครมา” เสียงถามห้วน ๆ จากคนบาดเจ็บ ใบหน้าแสดงอาการเจ็บปวด ทั้งตัวเลือดเริ่มออกอีกครั้ง ความแดงของเลือดอาบตัวอีกครั้ง

“เออ.....ครูชัช เพื่อนครู วางปืนลงก่อน จะอาบน้ำให้ใหม่ ดูเลือดมันออกเยอะแล้ว ” อัฐณพตอบเบา ๆ ยังมีอาการกลัว ๆ กล้า คนเจ็บเริ่มวางปืนลงข้าง ๆ ตัว แสดงอาการเจ็บอย่างเห็นได้ชัด 

“คุณเป็นใคร” อัฐณพกล่าว จ้องหน้าคนเจ็บ

“จะให้พาไป รพ. ไหม เลือดคุณออกมาก” อัฐณพถาม ใจนั้นอยู่ถึงตาตุ่มแล้ว ลุกขึ้นก้าวขาแทบไม่มีแรง เอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่ง

“คิดยังไงมาช่วยผม” คนเจ็บถามก่อนหมดสติไป

“เพื่อมนุษยชาติมั่ง เออ ดีจะไม่ต้องมากลัวอีก” อัฐณพกล่าว จากนั้นลากให้คนเจ็บมากลางห้องอีกครั้ง ลงมือทำความสะอาดบาดแผลใหม่ ปลดกางเกงทหารออก กางเกงชั้นใน ถอนหายใจ

“อย่าว่าผมลวนลามนะ ไม่ต่างกันหรอกผมก็มี” อัฐณพกล่าว จากนั้นทำแผลให้ใหม่  อีกอย่างฟ้าฝนก็กำลังเทลงมาอีกครั้ง เสียงน้ำป่าดังขึ้นเรื่อย ๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
.............สายของวันที่สอง คนป่วยเริ่มรู้สึกตัว ลืมตาปรับสภาพสายตา เห็นเป็นห้องทึบ มีหน้าต่างหลายบานปิดสนิท พยายามจะลุกแต่ก็ไม่สามารถทำได้ได้  อาการปวดเกิดขึ้นแทบจะทั้งตัว จึงหันไปด้านซ้ายซึ่งเป็นบันไดบ้าน เห็นอีกร่างหลับอยู่ตรงบันได ห้อยขาตรงซอกบันได เอาใบหน้าวางตรงขั้นบันไดอีกขั้น ใบหน้าเล็กเรียว คิ้วบาง จมูกโด่งนิด ทายได้เลยว่าเป็นคนรั้นไม่ผิดแน่ ใบหน้าซีด สภาพมอมแมมไม่ต่างจากเด็กน้อย มองไปด้านขวาเห็นกาต้มน้ำกะละมัง และผ้าหลายผืนที่มีคราบเลือด คนป่วยกำลังคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น มองสภาพตัวเอง ที่โดนเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้น ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ พยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นผิดตรงไหน เพื่อนคู่หูหายไปไหน ภาวนาให้ไม่เป็นไรมาก 

“น้องนพ น้องนพค่ะ อยู่ไหม” เสียงเรียกหน้าบ้านทำให้คนที่นอนอยู่ตรงบันไดสะดุ้ง ไม่ทันระวังตัว หงายหลังลงจาดบันได

“อ๊าย!!!!!!!!!!!!!!!!!!......ตุ๊บ...” ดีที่อยู่ขั้นที่สามจึงไม่เป็นไรมาก  คนป่วยรีบทำตัวนิ่งเหมือนหลับแต่ก็หรีตามองความเคลื่อนไหวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“น้องนพเป็นไรคะ” เสียงจากข้างนอกตะโกนเข้ามาอีกเพราะประตูบ้านพักยังไม่ทันเปิด คนตกบันไดพยุงตัวลุกขึ้น

“ออ พี่นี นพตกบันไดครับ พี่นีมีอะไรหรือเปล่าครับ” อัฐณพถามออกไป แต่ตาหันมาดูคนป่วยนอนหลับอยู่ ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา

“พี่มาชวนนพไปในเมืองด้วยกัน จะไปซื้อของมาซ่อมบ้านที่โดนพายุถล่มมื้อคืน ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ” พี่นีหรือสุนีกล่าวทำเสียงอ้อนให้ชายหนุ่มไปช่วยเลือกซื้อของ  อัฐณพค่อย ๆ ย่องเข้าไปดูคนที่นอนอยู่ บนพื้นมีเสื่อเก่า ๆ รองรับ เอามือวางที่หน้าผาก ไม่มีไข้แสดงความโล่งอก จึงออกไปเปิดประตู ชะโงกหน้าออกไป

“ได้ครับ พี่นี ผมอาบน้ำก่อนนะครับ จะไปสบทบครับ” ชายหนุ่มตอบ พยายามเลี่ยงไม่ให้สุนีเข้ามาในบ้านพัก 

“ไม่เป็นไร พี่รอได้” ครูสาวแย้งแทบจะทันที ยิ้มสวยให้

“ผมไม่สะดวกครับ” อัฐณพกล่าวทำหน้าละห้อย หญิงสาวทำท่าลังเล

“อย่างนั้นพี่ไปรอนพที่ บ้านก็แล้วกัน” สุนีหันหลังกลับ อัฐนพผ่อนลมหายใจ โล่งอก กลับมาดูคนป่วยอีกครั้ง เก็บอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ เข้าไว้ตามเดิม จากนั้นรีบอาบน้ำ ออกจากบ้าน

...........การกระทำทุกอย่างหาได้รอดพ้นสายตาคนป่วยไม่คงหรี่ตาดู แม้ว่าจากที่เฝ้าดู เป็นคนที่ระแวงมากคนหนึ่ง แต่ก็สำนึกในน้ำใจที่ยังช่วยเหลือเขาไม่ให้ตาย อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายไม่ค่อยจะได้ อาจจะต้องอยู่ตรงนี้อีกสักพัก พยายามมองหาอาวุธคู่ใจแต่ก็ยังหาไม่เจอ ขนาดชุดที่ใส่มามื้อคืนยังหายไปหมดแล้ว พยามจะลุกขึ้นนั่ง แต่ก็เจ็บแปลบที่แผล จึงคลายผ้าออกดูบาดแผล สภาพแผลมีรอยเย็บตึงและปวดอยู่ ชายหนุ่มจึงนอนลงท่าเดิมอีกครั้ง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
..........บ้านพักหลังใหญ่ ภายในอานาเขตเกือบห้าไร่ ที่ถูกปกคลุมด้วยพืชผลต่าง ๆ ดูร่มรื่น น่าพักผ่อนเป็นยิ่งนัก เจ้าของบ้านมีตำแหน่งถึงนายอำเภอ

“เฮ้ย...เป็นไงมื้อคืน เรียบร้อยไหม” เสียงทรงพลังของเจ้าของบ้าน ถามคนที่นั่งจิบกาแฟหน้าเค้าเตอร์

“มือชั้นนี้ ทำไมจะไม่เรียบร้อย ปานนี้เป็นอาหาร ปูปลาใต้บาดาลแล้วมั่ง” ลูกน้องคนสนิท ตอบ

“เออ กูเชื่อ แต่อย่าให้มันสาวมาถึงกูก็แล้วกัน ไอ้เด็กใหม่ไฟแรง” เจ้าของบ้านกล่าว พลางนั่งลงที่ชุดรับแขก ในอารมณ์ที่สบายใจเป็นอย่างมาก

“รับรองท่าน ไม่เหลือทั้งสอง จุดสำคัญทั้งนั้น” ลูกน้องคนสนิท ยิ้มอารมณ์ดีอวดฝีมือของตน อยากให้เจ้านายตัวเองรับรู้ว่ามันตายแบบไหน

“ครั้งนี้บอกไอ้ยุทธนา หยุดก่อนนะ เกิดเรื่องแบบนี้ ข่าวมันจะดัง” เจ้าของบ้านหันไปกำชับลูกน้อง

“ครับ” ลูกน้องรับคำสั่ง พอดีกับหญิงสาวร่างน้อยเดินลงมาจากชั้นบน เจ้าของบ้านจึงส่งสัญญาณให้รีบหลบออกจากบ้านไป

“คุณพ่อขา วันนี้ว่างหรือค่ะ หรือไม่ไปทำงาน” หญิงสาวออดอ้อนผู้เป็นบิดา

“ก็ว่าจะไปสาย ๆ หนูมีอะไรหรือเปล่า” ถามลูกสาวด้วยความสงสัย ปกติลูกสาวจะไม่ค่อยถามเรื่องการทำงานของตน

“ก็ว่าอยากจะติดรถคุณพ่อ ไปหาพี่โรช” ลูกสาวกล่าว ทำให้พ่อสะดุ้งนิดหนึ่ง เพิ่งคุยกันไม่ถึงเดือน

“ทำไม เดี๋ยวนี้สนิทกัน จนเรียกมันว่าพี่แล้วหรอ” ผู้พ่อออกอาการห่วงลูกสาว

“แม้พ่อก็   ไม่มีไรหรอกค่ะ ก็อยากหาลูกเขยราชการให้พ่อได้มีหน้ามีตาไงค่ะ” ลูกสาวตอบส่งสายตาหวานและท่าทีออดอ้อนผู้พ่อตามเคย

“ปลัดสาโรช พ่อไม่ต้องการ” บิดาออกคำสั่งเหี้ยมขึ้นมา ไม่อยากสบตาลูกสาว

“พ่อเป็นนายอำเภอ ไม่ต้องการลูกเขยว่าที่นายอำเภอ ถ้าไม่เอาจะให้หนูเอาใครค่ะพ่อ”ลูกสาวกล่าวกึ่งประชดประชัน และค้อนผู้เป็นพ่อไปวงหนึ่ง ลุกขยับออกห่างจากบิดา

“ลูกแวว หนูจะเอาใครได้ทั้งหมดยกเว้นปลัดสาโรช ไม่รู้มันจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า” ผู้เป็นบิดากล่าวขึ้นลูกสาวรีบขยับมานั่งข้างๆ

“อะไรนะค่ะพ่อ” แววมยุราถามด้วยความตื่นเต้น สายตาหวานกลายเป็นตาโต

“พ่อ ยังไม่เห็นปลัดสาโรชของลูกมา 3 วันแล้ว ปานนี้เป็นตายร้ายดียังไงไม่รู้” นายอำเภอพยายามแก้ตัว

“คุณพ่อเป็นถึงนายอำเภอ จะไม่รู้เลยหรือค่ะว่าลูกน้องไปไหน” แววมยุราแสดงอารมณ์งอนผู้เป็นบิดา

“พ่อก็ดูแลหลายตำบล มอบหมายให้ทำงานแล้วก็มารายงานพ่อ” นายอำเภอกล่าวเอาใจลูกสาว พอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อน

“นายอำเภอการันพูด...เออ...ว่าไง.....เดี่ยวไป พบกี่ศพ” วางสายหน้าเครียดทันที

“อะไรค่ะพ่อ เกิดไรขึ้น”แววมยุรา ลุกขึ้นหน้าตื่น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
............บรรยากาศภายในห้างสรรพสินค้า ที่เย็นชำไปด้วยแอร์คอนนิชั่น ผู้คนกำลังเลือกซื้อสินค้ากันอย่างสรนุกสนาน เพราะถือว่าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์

“น้องนพ เอาอันนี้ไปติดผนังบ้านดีไหม” สุนีโชว์แผ่นโปรเตอร์วิวสวยให้อัฐณพดู ชายหนุ่มยิ้มเห็นดีด้วย

“ก็ดีครับพี่ ธรรมชาติดี หรือลองแบบอื่นดูไหมครับ ประเภทลูกเด็กน้อยน่ารัก ๆ ” อัฐณพกล่าว อยากให้สุนีลองดูหลาย ๆ แบบ สายตาสอดส่ายหาร้านขายยา บริเวณใกล้เคียง

“ถ้าอย่างนั้น นพไปติดให้พี่ที่ห้องได้ไหม” หญิงสาวพูดเบา ๆ แบบอาย ๆ ส่งสายตาหวานถึงหวานที่สุด

“ได้ครับพี่  แต่ตอนนี้ผมขอไปร้านยาสักครู่นะครับ ผมไปซื้อยาก่อน มื้อคืนตากฝนกลัวจะไม่สบาย พี่นีเลือกก่อนนะครับ ผมไปติดให้” ชายหนุ่มส่งรอยยิ้มให้ หญิงสาวอายแทบจะม้วน อัฐณพจึงรีบมาที่ร้านขายยา เภสัชกรรีบกล่าวต้อนรับ

“รับยาอะไรครับ” เภสัชกรถาม

“ชุดทำแผลครับ เยอะ ๆ หน่อยนะครับ แอลกอฮอล์ สำลีม้วนใหญ่ ยาระงับปวด ยาแก้ไข้ ยาแก้อักเศษ”ชายหนุ่มรีบสั่งของ

“เอาไปทำอะไรเยอะแยะครับ” เภสัชกรหนุ่มสงสัย

“เออ ผมจะใช้เออ ผมเตรียมการสอนนะครับ ต้องผ่าตัดสัตว์ด้วย” ชายหนุ่มพยายามอธิบาย เภสัชกรพยักหน้า เข้าใจและจัดของตามที่สั่ง

“เรียบร้อยครับ” เภสัชกร ยื่นถุงยาพร้อมบอกเงิน

“เท่าไหร่ครับ” อัฐณพถามอีกครั้ง เมื่อได้รับการยืนยันราคา ชายหนุ่มรีบค้นกระเป๋าสะพาย มือก็แตะเอาวัตถุบางอย่างเย็น ๆ จนต้องสะดุ้งนิดหนึ่ง

‘ไม่รู้จะเอามาด้วยทำไม เกิดตำรวจค้นมิแย่หรอ เอาหนาเผือความปลอดภัย อีกอย่างถ้าเป็นโจร ของที่บ้านพักก็ไม่มีอะไรที่มีค่า พอที่จะขโมยได้’  ชายหนุ่มคิดแล้ววางวัตถุไว้ตรงที่เดิม รีบจ่ายเงิน พอหันออกมาจากร้านก็ชนเข้ากับร่างคนหนึ่งเข้า ทำให้ข้าวของหลุดมือ

“ขอโทษครับ ผมเดินไม่ดูเอง” อัฐณพรีบกล่าวขอโทษ มองดูคนที่เดินชน ชายหนุ่มชุดตำรวจ อาการตกใจเริ่มมากขึ้นมือไม้สั่นไปหมด

“ผมก็ขอโทษด้วยเช่นกัน” เสียงใสอ่อนนุ่มทำให้อัฐณพ ตะลึงเล็กน้อย มองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังเก็บของช่วย  ใบหน้าเรียวมน เวลายิ้มเหมือนโลกทั้งโลกประกายสว่างจ้า

“ครับ ไม่เป็นไรครับ” อัฐณพรีบรับของอย่างเกรงใจ พยายามกระชับกระเป๋าสะพาย มองป้ายชื่อ นิติกร ธัญราช และดาวบนบ่า ร้อยตำรวจเอก

“ชุดทำแผล เอาไปทำไมเยอะแยะนะครับ ใครเป็นอะไรหรือครับ” ตามวิสัยของผู้พิทักษ์สันติราชถาม

“ออ เป็นอุปกรณ์การสอนนะครับ” อัฐณพตอบ

“เป็นครูหรือครับ” ชายหนุ่มชวนคุย เพราะรู้สึกถูกชะตาขึ้นมา

“ครับ เป็นครูที่โรงเรียน....” อัฐณพตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“สอนวิชาอะไรครับ ถึงใช้อุปกรณ์พวกนี้” คุณตำรวจยังคงซักต่อ

“วิทย์  วิทยาศาสตร์ครับ” ตำรวจทำท่าทึ่งกับสิ่งที่ชายหนุ่มตรงหน้ากล่าว

“หัวผมไม่ไปด้านนี้ผมจึงได้มาเป็นตำรวจ”  คุณตำรวจออกตัว ยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้า แววตาพึงพอใจอย่างมาก 

“ผมว่า ตัวผมมากกว่าครับ ที่ไม่เอาไหนจึงได้มาเป็นครู”  ชายหนุ่มกล่าวยิ้ม ๆ อาย ๆ

“ลืมเลย ผมร้อยเอกนิติกร ครับ หรือกร ครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัว

“ผมอัฐณพ หรือนพครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวเช่นเดียวกัน ทั้งสองพยักหน้าให้กันเชิงรับทราบ 

“นพ เรียบร้อยหรือยังค่ะ” เสียงหญิงสาวกล่าวแทรกขึ้นมาก่อน เป็นการยุติการสนทนาที่กำลังจะเริ่มต้น สุนียิ้มหรามาแต่ไกล นิติกรมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้า คงไม่ใช่หรอก หรือถ้าใช่ ก็จะต้องเอามาเป็นของตัวเองให้ได้

“พี่นีเรียบร้อยแล้วหรือครับ”ชายหนุ่มถามบ้าง แต่สายตาหญิงสาวกลับมองตำรวจตรงหน้า พลางยิ้มกว้าง

“สวัสดีค่ะ คุณตำรวจ”  หญิงสาวเริ่มทอดสะพาน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
..........อากาศด้านนอกเริ่มเย็น คนบาดเจ็บสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เกือบจะเที่ยง รู้สึกกระวนกระวาย ความรู้สึกร้อนแผ่ไปทั้งร่างกาย ชายหนุ่มพยายามยันตัวอีกครั้ง เพื่อจะได้หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัว แต่ก็ต้องชะงักด้วยความเจ็บปวด

“ตื่นแล้วหรอครับ” เสียงมาพร้อมกับตัว มองหน้าคนเจ็บที่นิ่วหน้าอยู่

“อย่าเพิ่งลุกครับ แผลจะปริ” อัฐณพพยายามหยั่งไว้ ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าหยั่งตัวนิดหนึ่ง

“คุณเป็นหมอหรอ” คำถามแรก ถามขึ้น หลังจากรู้สึกตัว

“คุณเป็นใคร” อัฐณพสวนกลับมันควัน เช่นเดียวกันมองหน้าคนป่วยอย่างไม่ไว้ใจ 

“อุ้ย......คุณเอาปืนผมไว้ไหน” อาการเจ็บปวดกำเริบ อัฐณพ จึงต้องหยุดติการซักถาม

“คุณต้องทานข้าว แล้วทานยา แผลนี้ผมจะดูแลให้ใหม่” อัฐณพ จัดแจงข้าวต้มปลาที่แวะซื้อก่อนเข้ามาบ้าน ตอนแรกวางให้คนปวยทานเอง แต่ดูสภาพแล้วคงต้องได้ป้อน จึงค่อยๆ ป้อน คนป่วยทานได้ สี่ห้าคำก็หยุด หลับตา เป็นการบอกว่าอิ่มแล้วอัฐณพจึงให้ทานยา

“อาจจะเจ็บนิดหนึ่งนะครับ ผมจะทำแผลใหม่ ผมไม่รู้คุณเป็นใคร ก็เลยไม่กล้าพาคุณไปหาหมอ และอีกอย่างคุณตัวใหญ่กว่าผม ผมแบกคุณออกไปไม่ไหว” ด้วยฤทธิ์ของยาแก้ปวดด้วยทำให้คนป่วยที่อ่อนเพลียจากการเสียเลือดหลับได้ง่ายขึ้น เมื่อเสร็จการการทำความสะอาดแผล อัฐณพจึงเช็ดตัวเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ และระบายความร้อนออกจากร่างกาย.......

ออฟไลน์ อะไร

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เปิดเรื่องมาขอแปะไว้นะคะ555 :mew1:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
เหมือนเคยอ่านนานแล้วแต่ไม่กี่ตอนก็หายไปชอบนะเรื่องนี้รอตอนต่อค่ะ

ออฟไลน์ Toey0810

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เรื่องนี้เราจำได้ ..ขอบคุณที่มาลงใหม่น่ะค่ะ...ชอบมากเลย..

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ตัวลพครน่าติดตามมากไม่เหมือนที่มีบ่อย
ชอบบบบ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
2. ตามหา...........
   อากาศยามเย็นหลังฝนตกกระหน่ำวันก่อนยังคงเหลือปรอยฝนในบางช่วงของวัน ลมเย็นสบาย เพราะมีความชื่นอยู่ในอากาศเยอะ เป็นวันแรกที่คนป่วยรู้สึกดี อาจเพราะได้ออกกำลังกายเป็นประจำทำให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวเร็วขึ้น จึงลงจากชั้นสองออกมาสูดอากาศหลังบ้าน ที่มีคลองขนาดกลางปริมาณน้ำมากและน้ำไหลเอื่อย ๆ เขาจึงนั่งลงตรงเก้าอี้นักเรียนเล็ก ๆ หลังบ้าน ทอดมองผิวน้ำ คิดถึงเพื่อนคู่คิด หายไปไหน ทำไมเหลือแต่เขาคนเดียว หรือเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกันแน่ ‘ขออย่าให้เป็นอะไรมากเช่นกัน ขอให้มีคนช่วยเหลือเหมือนกับเขาที่มีคนช่วยเหลือ’

   มองขนาดความกว้างของคลอง ก็ถือว่ากว้างเอาการเหมือนกัน คงต้องออกแรงมากเลยในการลากเขาเข้ามาในฝั่ง น่านับถือตัวเล็ก ๆ สามารถเอาคนตัวใหญ่ขนาดเขาขึ้นมาได้  ถือว่าเป็นคนมีน้ำใจมากที่เดียวที่ยังสามารถลงไปช่วยชีวิตเขาได้ แถมยังไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ายังให้พักห้องเดียวกัน เสื้อผ้าที่ใส่ ก็เกือบ ๆ เท่ากัน บางตัวก็รู้สึกอึดอัดเพราะตัวเขาใหญ่กว่าหนากว่า

   นั่งได้สักพักรู้สึกเจ็บบริเวณปากแผล แปลบๆ พอก้มลงดูบริเวณที่มีผ้าปิด เห็นมีเลือดซึมออกมาบ้าง จึง ลองแกะผ้าพันปากแผลออกมาดู สภาพแผลถูกเย็บด้วยด้ายปาน ถือว่าฝีมือใช้ได้ทีเดียว ที่สามารถทำให้ปากแผลหุ้มและปิด ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ดีนะที่ยังมีคนรู้จักการรักษาแผล พอถอนหายใจก็รู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ขึ้น 

“หยุดเลย!!!!!” ต้นเสียงดังมาก่อนที่ตัวปรากฏ ชายหนุ่มที่กำลังจะแกะผ้าปิดแผลออกให้หมดต้องชะงัก แล้วแสดงความรู้สึกเจ็บออกมาทางใบหน้า

“ออกมานั่งทำอะไรแถวนี้” อัฐณพเอ่ยขึ้นไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องได้พูดอะไรมาก สายตาเริ่มสำรวจสิ่งที่ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังทำ พลางถอนหายใจเบา ๆ ถ้าเป็นนักเรียนนะ จะลงไม้เรียว ศูนย์จุดห้าให้เลยทีเดียว 

“ถ้าอยากให้ติดเชื้อ ก็เชิญนะ ถ้าดื้อ และเป็นแบบนี้ไม่ช่วยตั้งแต่ทีแรกก็แล้ว” อัฐณพกล่าวเหน็บให้ สายตาเขียวจ้องมองชายหนุ่ม จนคนที่นั่งอยู่ต้องวางมือ อัฐณพยื่นกล่องข้าวให้

“มันเจ็บ ๆ คัน ๆ เลยอยากดู” ชายหนุ่มกล่าวแล้วปิดบากแผลไว้เหมือนเดิม รับกล่องข้าวมาไว้

“ขอบคุณครับ” คนป่วยรับกล่องอาหารมาเปิดดู แอบมองคนที่ยื่นอยู่ตรงหน้ากว่าซื้อมาให้ นับถือน้ำใจจริง ๆ ไม่รู้จักกัน ก็ดูแลกันเพียงนี้ คิดได้ก็ยิ้มบาง ๆ ให้ พร้อมส่งสายตารู้สึกขอบคุณ อัฐณพหลบสายตานั้นทันที หันข้างให้ 

“เอาอาหารอ่อน ๆ ไปก่อน ต้องพักฟื้นให้เร็ว ก่อนจะ.....แล้วก็กินยา” อัฐณพเริ่มออกคำสั่ง และทิ้งช่วง ใจคอไม่ค่อยจะดีนัก เกิดเป็นโจรผู้ร้าย แล้วมาทำร้ายตัวเขาเองละ แต่ก็พยายามใช้เสียงข่ม คล้ายกับอีกคนคือเด็กนักเรียนตัวเล็ก ๆ จากการสังเกตสองสามวันที่ผ่านมา ไม่เห็นคนป่วยมีพิษมีภัยอะไร เลยรู้สึกอุ่นใจหน่อย ลึกๆ ยังไว้ใจไม่ได้ ต้องแอบมาดูบ้างเป็นบางครั้ง พอเห็นว่าปกติดีจึงเริ่มเบ่ง อัฐณพยิ้มบาง ๆ มองดูคนป่วยกินอาหารอย่างเก้งๆกัง เพราะไม่สะดวก ดูอาการเจ็บแผลจะออกทางสีหน้ามาก ชายหนุ่มที่นั่งอยู่จะวางซ้อน

“กินให้เยอะ ๆ จะได้กินยา” อัฐณพออกเสียงต่ำ จนอีกฝ่ายขอความเห็นใจ ค่อย ๆ ยกแขน อาการเจ็บตรงแผลก็เกิดขึ้นเมื่อต้องยกมือเคลื่อนไหว

“ผมไม่ป้อนนะ ต้องทำเองได้” อัฐณพกล่าวดักคอ เมื่อชายหนุ่มทำตาปริบ ๆ

“ไม่เป็นไรแค่นี้ก็ถือว่า เป็นพระคุณมากๆ” ชายหนุ่มตอบ พยายามตักอาหารเข้าปากให้เป็นปกติ อัฐณพดึงเก้าอี้เล็ก ๆ อีกตัว มานั่งลงข้าง ๆ มองสายน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ ปล่อยให้เวลามันผ่านไปเรื่อย ๆ จนอัฐณพรู้สึกอึดอัดเอง   

“ขอโทษนะ คุณเป็นใคร บอกผมได้ไหม ถึงขนาดต้องฆ่าต้องแกงกัน” อัฐณพเอ่ย ทนต่อความเงียบไม่ไหว สายตาหวาดระแวงฉายแววออกมา หลังจากที่เก็บความแคลงใจมาหลายวัน อีกฝ่ายวางกล่องข้าวลง ใบหน้าขรึม อัฐณพกลั้นหายใจ กลัวว่าอีกฝ่ายจะลุกขึ้นมาจู่โจม

“ความลับ จะรู้ไปทำไม” ชายหนุ่มตอบเสียงเข้ม ใบหน้าดุดัน จนอัฐณพเองงเหมือนกันบทจะร้ายก็มาเลย อัฐณพ เตรียมจังหวะถ้าเกิดอะไรขึ้นมา แต่ดูสารรูปแล้ว คงทำอะไรไม่ได้มากหรอก จึงลุกขึ้นทำทีกอดอกหันมาตะหวาดอีกฝ่าย อย่างกับตัวเองเป็นต่อ

“อาว เดี้ยะๆ ห้าวหรอ โดนหลังแหวนสักทีไหม” อัฐณพใช้เสียงเข้าข่ม ใจหล่นลงตาตุ๋มทำทีลุกขึ้นเดินเข้าบ้าน ค้นหายาหลังอาหาร กลบเกลื่อนความกลัว ‘ตายถ้า เขาสวนกลับมา จะเอาอะไรไปปกป้องตัวเอง’ อัฐณพคิด จัดยาแก้อักเสบ ยาแก้ไข ถือกลับออกมาด้วย

“กินข้าวแล้วก็ต้องกินยา จะได้หายเร็ว ๆ เสร็จแล้วจะล้างแผลให้” อัฐณพทำใจดีสู้ ชายหนุ่มแอบชำเลืองดูนิดหนึ่ง รับยามาถือ

“ล้างแล้วไงมื้อเช้า จะล้างอะไรอีก” ชายหนุ่มทำทีประท้วง พลางหันหาขวดน้ำ อัฐณพจึงต้องกลับไปกดน้ำอุ่นใส่แก้วมาให้อีกครั้ง

“แล้วเมื่อกี้แกะแผลหรือเปล่าละ เกิดเป็นอะไรตายขึ้นมา กลัวจะได้เป็นพยาน” อัฐณพตอบ แต่ทำทีขนลุกแทน ชายหนุ่มจึงหัวเราะเบา ๆ ภายในลำคอ

"ตกลงจะบอกได้ไหม ว่าเป็นใครมาจากไหน” อัฐณพรวบรวมความกล้าอีกครั้ง ถามออกไป

“อยากรู้อะไรนักหนา รู้แล้วมันช่วยอะไรได้ไหม” ชยหนุ่มฉุนนิด ๆ ที่ถูกถาม

“เป็นพวกคน จรจัด พวกลักเล็กขโมยน้อยหรือเปล่าละ แต่เอ้...หน้าตาแบบนี้ ไม่น่าจะทำนะ” อัฐณพเดินมานั่งข้าง ๆ พลางพิจารณา

“ประสาท มองไปขนาดนั้น เอาเป็นว่า ไม่อยากเปิดเผยตัว ไม่อยากให้คุณเดือดร้อน”  ชายหนุ่มคนข้าง ๆ ตอบ อัฐณพเหมือนร้อนใจ “คิดได้เน๊าะไม่อยากให้เดือดร้อน’ ค้อนวงใหญ่ให้วงหนึ่ง

“จริง ถ้ารู้แล้ว อาจจะรู้สึกไม่ดีก็ได้” ใบหน้าจริงจังของชายหนุ่ม ทำให้อัฐณพถอนหายใจ   

“คราบ.....ท่าน” อัฐณพลากเสียงยาน ๆ  แล้วเอี้ยวตัวมาดูแผลที่ชายหนุ่มเปิดเมื่อสักครู่ ชายหนุ่มรู้สึกเขินนิด ๆ ที่มีผู้ชายอีกคนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ตรงหน้าท้อง

“คุณชื่ออะไร ตั้งแต่ลากขึ้นมาจากน้ำไม่รู้จักชื่อเลย” อัฐณพถามต่อ มือค่อย ๆ แกะผ้าปิดแผลออก แล้วนำสำลีชุบแอลกอฮอล์จากขวดเล็ก ๆ มาลูบรอบ ๆ ปากแผล

“คุณจะเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ ผมไม่อยากเปิดเผยชื่อตอนนี้” ชายหนุ่มทำหน้านิ้ว เมื่ออัฐณพจิ้มยาเหลืองละเลงลงบนแผลอีกครั้ง

“โอ๊ะ !!!!!! มือหนักมาก รู้หรือเปล่า” คนป่วยประท้วงในที แต่ก็ยอมทนให้อัฐณพทำคววามสะอาดต่อ

“อาว เริ่มกวนประสาทอีกละ เอ่อคนเรา” อัฐณพรู้สึกว่าอีกคนจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่

“เวลาไปโรงพยาบาล เขายังถามชื่อเสียงเรียงนาม” อัฐณพพยายามอธิบาย ทำใจดีสู้

“โอ๊ะ เบา ๆ หน่อยซิคุณ” ชายหนุ่มประท้วง จะเรียกชื่อก็ยังไม่รู้จักกัน อัฐณพเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

“เห็นไม่ละ ผมชื่ออัฐณพ เรียกนพเฉย ๆ ก็ได้” อัฐณพเอ่ยขึ้น ส่วนอีกคนไม่พูดอะไรเหมือนกำลังใช้ความคิด

“หายดีแล้วจะไปไหนต่อ คิดไว้หรือยัง” อัฐณพชักเริ่มรำคาญเหมือนกัน เอาไม้พันสำลีชุบแอลกอฮอล์ เช็ดรอบๆนอกผ้าปิดแผล แล้วเก็บชุดทำความสะอาดไปทิ้งขยะ เดินออกไปดูลำคลอง ‘คนอะไรไม่มีชื่อ หรือจะให้เรียก ไอ้ดาร์วดี’ คนที่มีความบกพร่องทางโครโมโซม แอบชำเลืองแล้วยิ้มไปกับสายน้ำ 

“ยังไปไหนไม่ได้หรอก แบบนี้ ขอความกรุณาได้ไหม ขอกลบดานสักพักจะได้ไหม” ชายหนุ่มกล่าวเสียงพูดห้วน แต่แววตานั้นส่งมาอ้อนวอนขอความเห็นใจ ทำให้อีกคนหันกลับมาอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย ๆ ได้ไง อยู่แก๊งขนยาหรือเปล่า เกิดพวกตามล่าคุณมาเจอ ยิงกัน ฆ่ากันตาย ผมจะไม่โดนลูกหลงไปด้วยไหม” อัฐณพพูดเสียงต่ำอ้างเหตุ จ้องมาที่ชายหนุ่มที่ยังนั่งที่เดิม 

“แล้วปืนผมอยู่ไหน” อีกฝ่ายถามขึ้น

“เอ้ย เกิดฆ่ายกครัว แล้วหนีไป” อัฐณพ ตั้งข้อสงสัย ชายหนุ่มส่ายหน้า กับความคิดเล็กคิดน้อย เบือนหน้าหนีไปอีกทาง พยายามกลั้นเสียงหัวเราะ

“ระดับหัวหน้า.....ทำไม ไม่ฆ่าง่าย ๆ หรอก ถ้าปากโป้งเมื่อไหร่ เตรียมตัวไปนอนในคลองได้เลย” ชายหนุ่มกล่าวแล้วลุกขึ้นก้าวเท้าย่างสามขุมมาหา อัฐณพเขาอ่อน ต้องจับรั้วไม้ไผ่ไว้ เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้า ‘เฮ้ยจริงหรือวะ เอาไงดีวะ ชักศึกเข้าบ้านแล้วเรา’ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เป็นไงเป็นกันงานนี้ 

“ว่าแล้วเชียว แล้วอาชีพดี ๆ ไม่ทำกันหรือไงต้องมาขนยา รู้หรือเปล่าว่ามันไม่ดี มันทำลายทุกสิ่งอย่าง จิตสำนึกมีบ้างไหม ลูกเล็กเด็กแดงต้องมากำพร้า ก็เพราะพวกนี้ละ” อัฐณพแทบจะตะโกนออกมาเลยทีเดียว

“ครูบาอาจารย์ไม่เคยสอนหรือไง สิ่งไม่ดีมันทำลายชาติ” อัฐณพสวมวิญญาณคุณครูดีเด่นสอน  ส่วนคนเจ็บทำตาปริบ แล้วลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดทำหน้าบึ้งตึงเดินสามขุมมาหยุดตรงหน้า

“เอ่อ ทำไงได้ เกิดมาจน ไม่มีจะแดก อาชีพดี ๆ คนอื่นก็เอาไปหมดแล้ว เหลือแบบนี้ก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มตรงหน้าตอบ ใบหน้าเคราครึ้ม ดู ๆ ไปออกเถื่อนๆ ยังไงชอบกล แว่วตามุ่งมั่น อัฐณพต้องถอยชิดรั่วไม้

“แล้ว....แล้วครอบครัวนายไม่ว่าเอาหรือ ที่ทำแบบนี้” อัฐณพกล่าวเบา ๆ หลบสายตาดุคู่นั้นลง ใจเต้นไม่เป็นท่า

“ให้รู้ไม่ได้หรอก พวกเขาคนดีเกินไป” ชายหนุ่มตอบ เดินมาพิงรั่วไม้อีกด้าน อัฐณพจึงผ่อนลมหายใจ อย่างน้อยเขาก็มีความคิดที่ดี ไม่ทำให้ครอบครัวเดือนร้อน

“ผม......เออ   ให้อยู่แค่อาการดีขึ้น จากนั้นคุณก็.....ออกไปก็แล้วกัน” อัฐณพค่อยๆ เลี่ยงออกจากชายหนุ่ม พยายามหายใจให้ทั่วท้อง ‘นึกว่าช่วยคนดี ต้องมาช่วยพวกทำลายชาติ หรือเราจะเปลี่ยนแปลงคนดีเหมือนกันนะ ไอ้ดาร์วเอ้ย เกิดมันฆ่าหมกห้องน้ำทำไง’ ในสมองคิดไปต่าง ๆ นานา

“แล้วไม่คิดจะกลับตัว กลับใจบ้างหรอ” อัฐณพพยายามกล่อม ชายหนุ่มยืนพิงรั้วไม้ไผ่ ริมตลิ่ง ยิ้มบาง ๆ กับความคิดความมโนของอีกคน เอี้ยวตัวมาแอบมองเสี้ยวหน้านิดหนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวอะไรอีกครั้งเสียงร้องทักจากคนเดินเข้ามาจากหน้าบ้านดังขึ้น

“น้องนพ  น้องนพคะ” เหมือนเสียงสวรรค์ อัฐณพยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ยินเสียงพี่นี

“ออกไปรับซิ จะให้เขาเข้ามาถึงนี้หรอ” ชายหนุ่มพยักหน้าส่งซิกให้ออกไปรับหน้า อัฐณพรีบออกไปด้านหน้าของบ้านพักราชการหลังเล็ก ชายหนุ่มคนเจ็บจึงทำการสำรวจบริเวณหลังบ้านแบบคราว ๆ ไม่อยากเข้าไปในบ้าน เกิดเจ้าของบ้านพากคนอื่นเข้ามาอีกจะเป็นเรื่องขึ้นมาอีกได้ 

“ครับพี่นี” อัฐณพขานรับ รีบออกมาหน้าบ้าน หญิงสาวกำลังจะเดินเข้าในเขตตัวบ้าน ยิ้มสวยให้อัฐณพ เธอเป็นหญิงสาวที่ไม่ค่อยจะมีใครคบมากนัก เนื่องจากครูที่นี้ก็มีจำนวนน้อยด้วย ตั้งแต่อัฐฯพมาบรรจุลงที่นี้มีพี่นี้นี้ละที่เข้ามาเป็นเพื่อนพูดคุย หรือเรียกอีกอย่างคือ โสดเหมือนกัน   

“เห็นน้องนพออกมานานก็เลยมาตาม ทานข้าวหรือยัง” หญิงสาวชวนคุย พลางชำเลืองเข้าไปภายในบ้านอยากจะเข้าไปภายในตัวบ้าน อัฐณพรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย กลัวว่าจะเจอกับอีกคนแล้วโดนฆ่าปิดปากไปด้วย 

“เรียบร้อยแล้วครับ พอดีทำธุระส่วนตัวนะครับ” ชายหนุ่มออกตัว หญิงสาวจึงพยักหน้ารับทราบ

“เรากลับเข้าโรงเรียนกันเถอะ นพทำธุระส่วนตัวเสร็จหรือยัง” หญิงสาวฉุดมือชายหนุ่ม พลางถาม

“ให้นพปิดบ้านสักครู่ครับ” อัฐณพกล่าวแล้ว หันกลับไปปิดประตูหน้าบ้าน จากนั้นจึงเดินตามหลังออกจากบ้าน การกระทำทั้งหมดหารอดพ้นสายอีกคนที่แอบดูอยู่ตรงช่องลมของบันได

“มีแฟนสวยเหมือนกันนี้ ไม่เบาจริง ๆ ”ชายหนุ่มพึมพร่ำ จากนั้นจึงเดินขึ้นบันไดจะขึ้นชั้นบน เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น  ‘ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม ไม่ต้องมีเพิ่มเติม........’ ชายหนุ่มมองหาที่มาของต้นเสียง เมื่อเจอแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หมายเลขที่โทรเข้ามาปรากฏอยู่หน้าจอ ‘ขอเป็นคนนิสัยไม่ดีแล้วกัน เผือจะได้อะไรเกี่ยวกับตัวครูคนนี้ก็ได้’ ชายหนุ่มกดรับ

“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มพยายามทำเสียงให้ดีที่สุด

“นพหรือลูก ไม่ใช่เสียงลูกแม่ ขอโทษนะจ๊ะ อีฉันโทรผิด” ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงเอ่ย

“คืออย่างนี้ครับ โทรศัพท์ใช่ครับ พอดีเจ้าตัวเขาลืมโทรศัพท์ไว้นะครับ” ชายหนุ่มตอบอย่างนุ่มนวล

“ออ หรือจ๊ะ เพื่อนลูกนพ แม่ฝากบอกด้วยนะ นี้เบอร์แม่เองนะ ปิดเทอมแล้วจะกลับหรือเปล่า” ปลายสายพูดต่อ

“ได้ครับ ผมจะบอกให้นะครับ คุณแม่สบายดีนะครับ” ชายหนุ่มถามต่อ

“สบายดี ปิดเทอมก็มาเที่ยวบ้านเราด้วยกันนะ” ปลายสายยังคงพูดเสียงแจ่มใส

“ครับ ได้ครับ ผมจะบอกให้นพพาไปเที่ยวครับ” ชายหนุ่มกล่าว รู้สึกถูกชะตากับน้ำเสียงนี้จัง

“ถ้าอย่างนั้น แค่นี้ก่อนนะลูก แม่ฝากบอกนพด้วย รีบ ๆ กลับนะ น้อง ๆ มันรออยู่” อีกฝ่ายคงกล่าวต่อ 

“ครับ” ชายหนุ่มรับคำ จากนั้นปลายสายกดวาง ชายหนุ่มกำลังวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม สมองฉุดคิดบางเรื่องได้ ‘ขอใช้ต่อละกัน’ ชายหนุ่มจึงกดหมายเลขที่จดจำได้ต่อ แต่ไม่มีสัญญาณ จึงต่อหมายเลขใหม่ สัญญาณติด ไม่มีการรับสาย จึงได้ฝากข้อความ
“ติดตามลูกน้องผมด้วย ผมบาดเจ็บ ผมขอเวลาสองเดือน ตามล่าหาเบาะแสต่อครับ” ชายหนุ่มพิมพ์เสร็จจึงกดส่ง แววตาโกรธเกรี้ยวและใบหน้าเข้มขรึม จ้องมองโทรศัพท์ในมือแล้วลบเบอร์ที่ติดต่อออกจากตัวเครื่อง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ห้องสูตรหรูหรา บ่งบอกรสนิยมของเจ้าของห้อง การตกแต่งอย่างกับมีรสนิยม ภายในห้องมีชายวัยกลางคนกำลังนั่งตรวจเอกสารตรงหน้าตรงโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ โดยมีหญิงสาวอีกคนในชุดลำลองแนบเนื้อนั่งอ่านนิตยสารที่ชุดโซฟาอันหนานุ่ม เมื่ออ่านได้สักครู่ก็วาง แล้วหยิบเล่มใหม่ขึ้นมาเปิดแบบผ่าน ๆ จากนั้นก็วางหนังสือลง แล้วหันไปมองชายวัยกลางคน

“คุณพ่อคะ นานปานนี้แล้ว ยังไม่ได้เบาะแสพี่โรชเลยหรือคะ แววร้อนใจมากเลยนะคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ของความเห็นใจ ชายวัยกลางคนจึงวางปากกาลงจากกองเอกสาร หยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบต่อ 

“จะห่วงกันไปทำไม” ชายวัยกลางคนเอ่ย พลางอัดควันบุหรี่เข้าเต็มปอด แล้วพ่นออกมาอย่างกับคนสบายใจ

“แววร้อนใจนี้ค่ะ ปานนี้ไม่รู้ว่าพี่โรชไปตกระกำลำบากที่ไหน หายไปไหนตั้งนาน” หญิงสาวกระแทกเสียงงอน ๆ

“ให้มันตาย ๆ ไปเสียได้ก็ดี” ชายวัยกลางคนเอ่ยออกมาเบา ๆ

“อะไรนะคะ คุณพ่อพูดอะไร” น้ำเสียงแววมยุรา ทำให้นายอำเภอสำราญได้สติจึงได้ปรับน้ำเสียงเสียใหม่ 

“ลูกแวว ไม่ใช่พ่อนิ่งนอนใจ ตอนนี้ทุกคนตามหากันทุกวัน สายข่าวภายในก็ตาม ลูกแววจะพูดให้พ่อว่าไม่ตามหรอ” นายอำเภอผู้เป็นบิดากล่าว รู้สึกระอากับลูกสาวตัวเอง แล้วขยี้บุหรี่ลงทิ้ง แววมยุราลุกขึ้นเดินมาหาบิดาที่โต๊ะทำงาน

“วันก่อน แววได้ข่าวมาว่าเจอตัวแล้ว” แววมยุราเอ่ย

“เจอที่ไหนละ นั้นลูกน้องปลัดสาโรช มันกลายเป็นศพไปแล้ว” นายอำเภอสำราญกล่าว 

“แววอยากไปดูให้เห็นกับตา ถ้าไม่เจอคุณพ่อต้องส่งคนค้นหาให้มากยิ่งกว่านี้อีก” แววมยุรากล่าวไม่สบอารมณ์ หันหลังพิงโต๊ะบิดา ขบคิดถึงชายหนุ่มที่ตัวเองหมายปอง ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน

“เจอในสภาพที่ไร่วิญญาณจะทำไงได้ เบาะแสก็ไม่มีต้องสั่งปูพรมค้นหากันแล้วละอีกวันสองวันนี้ คงจะเจอ ภาวนาอย่าให้เป็นเหมือนลูกน้องเขาก็แล้วกัน” นายอำเภอกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะยัน

“คุณพ่อ ทำไม่พูดแบบนี้ แววไม่พอใจนะ” แววมยุราหันมาเท้าโต๊ะทำงาน พอดีกับเสียงเคาะประตูห้อง นายอำเภอเลิกคิ้ว สงสัยจ้องหน้าบุตรสาวอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะด้วยที่ตามใจมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย อะไรที่อยากได้ก็ต้องได้

“เข้ามา” สิ้นเสียงทรงอำนาจ ประตูห้องถูกเปิดออกายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามา สมาร์ท สูง ตัดผมรองทรงสูง สวมเสื้อผ้าเสื้อเชิ้ต กางเกงเข้ารู้ ใบหน้าเกลี้ยงเกรา แววตาส่อแววเจ้าชู้มองมาที่หญิงสาว แววมยุรารู้สึกไม่ชอบแววตาแบบนี้มากนัก จึงเดินออกมานั่งดูนิตยสารต่อ ปล่อยให้สองหนุ่มต่างวัยคุยกัน ผู้มาใหม่ แสดงท่าทีสนใจหญิงสาว จนผู้มำอำนาจกว่าเอยขึ้น

“ว่าไง ปลัดสมศักดิ์ เชิญนั่งก่อน” นายอำเภอกล่าว เรียกสติผู้มาใหม่ ให้หันมาสนใจกับเรื่องที่มาติดต่อ แววมยุราได้ยินเสียงของบิดาไม่ค่อยจะพอใจนัก จึงจำใจเดินออกมานั่งในส่วนรับรอง

“ผลชันสูตร สิบตำรวจเอกชัยชนะ” ชายหนุ่มยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ มาให้นายอำเภอ  ชายกลางคนหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่านแล้ววางลงตามเดิม

“ปรากฏว่ากระสุนเจาะคอทะลุท้ายทอย และเสียชีวิตจากการจมน้ำครับ” ปลัดสมศักดิ์ เอ่ยสำทับอีกครั้ง

“ได้วี่แววปลัดสาโรชไหม” นายอำเภอ เอนตัวไปตามเบาะนุ่ม ๆ พลางเคาะนิ้วบนโต๊ะ สมองกำลังคิดเรื่องราวต่าง ๆ 

“ยังครับ เราอาจจะต้องเดินเท้าขึ้นไปยังต้นน้ำแล้วครับ” ปลัดสมศักดิ์แนะนำ ถอนลมหายใจออกมา

“ทำอะไร อย่าให้มันสาวมาถึงเราก็แล้วกัน” นายอำเภอสำราญเอ่ยเสียงเย็น ปลัดสมศักดิ์แสยะยิ้ม

“ลูกน้อง ท่านนายอำเภอฝีมือดีก็หลายคน” ปลัดสมศักดิ์กล่าว

“ทางนี้ อั่วก็สั่งอยู่เหมือนกัน” นายอำเภอกล่าวพลางสูดลมหายใจลึก ๆ แววตาแข็งกร้าว

“จะให้ผมเก็บแบบเงียบ ๆ เลยไหมละครับ” ปลัดสมศักดิ์เอ่ยเสียงเย็น

“ตามคุณ ก็แล้วกัน อย่างไรก็ต้องหาให้เจอ แบบไม่มีลมหายใจ ผมจะได้รายงานหน่วยเหนือ” นายอำเภอสำราญกล่าวถือเป็นการตัดบทสนทนา ปลัดสมศักดิ์ลุกเดินออกจากห้อง นายอำเภอหรี่สายตาลง

“กูจะไม่ไห้มึงได้กลับออกมาเปิดโปงกูแน่ไอ้สาโรช” เสียงรอดไรฟัน พร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นต่อสาย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   บริเวณกลางบ้าน สายหนุ่มสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากัน อัฐณพกำลังค่อย ๆ แกะผ้าปิดแผลออกทีละชิ้น ดูสภาพบาดแผลที่กำลังแห้ง ไม่มีน้ำเหลืองไหลออกมาแล้ว

“แผลไม่มีน้ำเหลืองละ น่าจะหายเร็ว ๆ วัน” อัฐณพตรวจดูบาดแผล ก้มมองดูบาดแผลทั้งสองจุดเป็นที่น่าพอใจ จึงเงยหน้าขึ้นมา ส่วนอีกคนก็ทึ่งกับการดูแลเขาไม่ขาดตกบกพร่อง พลันสายตาสบกัน อัฐนพเกิดอาการตะลึงนิด ๆ กระพริบตาทีๆ เรียกสติ อีกคนจ้องนิ่งไม่ไหวติง

“จ้องอะไร ไม่เคยเห็นคนหรือไง” อฐณพทำลายความเงียบแทน เรียกสติของอีกคนกลับมา ถึงจะเป็นผู้ชายจ้องก็เถอะเขินก็เป็นเหมือน ยิ่งผู้ชายหน้าเข้ม ๆ จ้อง

“อยากให้ไปเร็ว ๆ หรือไง” ชายหนุ่มกล่าว ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ระคนกัน   

“ก็ ไม่มีอะไรแล้ว ก็น่าจะไปได้แล้ว” ตอบไม่เต็มเสียงนัก ทำเสียงอ่อนลง เลี่ยงกับความจริงที่กำลังก่อตัวแบบไม่รู้ตัว

“หรือว่า กลัวแฟนรู้” ชายหนุ่มกล่าวเสียงสูง จนอัฐณพชะงักเหมือนกัน ลบสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมอง

“ใช่” อัฐณพเอ่ย พลางหยักไหล่ทั้งสองข้าง

“ไม่นึกว่า หน้าตาแบบนี้ก็มีเสน่ห์เหมือนกัน” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น พลางหรี่ตามอง

“ทำไมละ ทุกคนมีสิทธิ์” อัฐณพทำเสียงสูง พลางเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดแผลไปทิ้ง ชายหนุ่มอีกคนหัวเราะชอบใจ เขายอมรับว่า บางครั้งอาการงอน ๆ หรืออาการที่แสดงออกเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของอีกคนมันทำให้รู้สึกทึ่งมาก ๆ

“พูดจริง” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้ง พลางเอนตัวลงพิงราวบันใดบ้าน แม้ว่าสายตาจะไม่มอง แต่ก็ยังมีแอบชำเลือง เพื่อไม่ให้อีกคนดูรู้สึกอึดอัดใจ อัฐณพถอนหายใจ อย่างน้อยก็ไม่อยากจะโกหก

“เปล่า ผมหน้าตาแบบนี้หรือจะมีใครจีบ อยากให้มีมาจีบเหมือนกันนะ ใครมันจะมาชอบครูบ้านนอก มีแต่เปลือก” อัฐณพกล่าว เหมือนจี้จุดปมด้อย ลบปมในใจบางอย่าง อาการร้อนผ่าวเกิดที่หน้าสลับกัน หันมามองอีกคนที่นั่งพิงราวบันได ทำทีไม่สนใจ   

“ดีซิ อยู่แบบนี้ก็สบายดี  จะไม่ต้องเรื่องมาก ไม่มีใครมาทำให้รู้สึกแย่” ชายหนุ่มตอบ อัฐณพเตรียมอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำมาวางข้าง ๆตัวชายหนุ่ม

“เป็นพวกแอบหรือเปล่า!!!!!!!”อัฐณพโพล่งออกมา จนอีกคนสะดุ้ง อัฐณพยิ้มอย่างมีเลศนัย   

“เช็ดเองนะเตรียมให้หมดละ เบื่อทำแล้ว” อัฐณพเปลี่ยนเรื่องทันที เดินไปห้องน้ำ 

“ได้ไง ปกติก็ทำให้ทุกครั้ง” ชายหนุ่มประท้วง พลางลุกขึ้นนั่งตัวตรง

“อุ้ย” อาการเจ็บที่แผลมีขึ้น

“ค่อย ๆ มันยังไม่แห้งสนิท” อัฐณพเอ่ย

“ช่วยเช็ดตัวผมด้วยซิ ขอบคุณนะ เช็ดด้านหลังไม่ถึง คุณช่วยหน่อย” ชายหนุ่มอ้อนพลางขอร้อง พร้อมถอดกางเกงออก จนทำให้อีกฝ่ายต้องหันหลังหลบ ไปทำอย่างอื่นแทน ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้

“อายก็เป็น” ชายหนุ่มกล่าวแล้วหัวเราะเบา ๆ  ‘ไอ้บ้า คนนะเว้ย’ อัฐณพค้อนวงใหญ่

“ไม่ได้บ้าเหมือนนายนี้ ถึงผู้ชายด้วยกัน ก็มียางอายครับ” อัฐณพตอบเชิดจมูกรั้นขึ้น

“แปลกนะ ......แล้ววันที่คุณเอาผมขึ้นมาจากน้ำ........ คุณทำไงกับการแก้” ชายหนุ่มถามต่อแต่ไม่จบประโยค ถือว่าเป็นที่เข้าใจ แล้วเอาผ้าเช็ดตัวอีกผืนมาปิดช่วงล่างไว้ ถึงจะแก่นๆ ห้าว ๆ เขาก็รู้สึกอายเหมือนกัน

“ไม่เกี่ยวกัน อันนั้นคุณได้รับบาดเจ็บ ไม่ได้รู้ตัวแบบนี้” อัฐณพตอบแล้ว ใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงวันที่สำรวจร่างกายชายหนุ่มคนนี้ พร้อมกันนั้นก็ยื่นผ้าเช็ดตัวผื่นเล็กมาให้ ชายหนุ่มรับผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวด้านหน้า 

“ว่าจะถามคุณว่า ไปเรียนพวกนี้มาจากไหน” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม อัฐณพจึงรับผ้ามาซัก 

“อันไหน” อันณพตอบไม่เข้าใจคำถาม แล้วยื่นผ้าเช็ดตัวให้ชายหนุ่มอีกครั้ง

“การเย็บแผล ทำแผลพวกนี้ ทำอย่างกับมืออาชีพเลยนะ เป็นครูจริงหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย อัฐณพถอนหายใจ   

“สมัยเรียน.....เขาไม่มีสอนบ้างหรือไง.... ออ คงไม่มีหัวทางนี้ จนต้องมาขนยาค้ายา เขามีสอนในวิชาลูกเสือ และอีกอย่างผมเรียนด้านวิทยาศาสตร์” อัฐณพตอบรับผ้าเช็ดตัวมาซักอีกครั้ง แล้วเดินไปด้านหลัง ลงมือเช็ดแผ่นหลังชายหนุ่ม สังเกตผิวกายเหมือนไม่ใช่พวกที่เป็นกรรมกรสักนิด ผิวเนียนสีเข้ม อัฐณพวางผ้าเช็ดตัวและเช็ดไปตามแผ่นหลังอย่างอ่อนโยน อาการร้อน ๆ หนาวเกิดขึ้นกับอัฐณพ

“มีด้วยหรอ ผมเพิ่งรู้ สงสัยผมไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ไง เลยไม่รู้” ชายหนุ่มกล่าวพลางหันหน้ามา จมูกของอัฐณพแทบจะถูกแก้มชายหนุ่ม อัฐณพหยุดนิดหนึ่งแล้วตอบ

“มีมากมาย ทั้งผ่า เย็บ ดูแลสัตว์บาดเจ็บ เท่าที่เรียนมามีแต่กับสัตว์ แต่กับคนไม่เคย นายรายแรก” อัฐณพเอ่ยเช็ดตามซอกรักแร้ แล้วเอาผ้าไปซัก

“เสร็จละนอกนั้นเช็ดเองละกัน” อัฐณพวางผ้าเช็ดตัวลงบนมือชายหนุ่ม   

“โอ้ ๆ เห็นเราเป็นตัวทดลอง เป็นตัวทดสอบหรอเนี้ย” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง อัฐณพพยักหน้าแล้วเชิดหน้าขึ้น ลุกเดินออกมา 

“วานนี้แม่คุณโทรมา ถามว่าจะกลับบ้านหรือเปล่า” ชายหนุ่มกล่าวแล้วเช็ดขาต่อ อัฐณพหยุดรีบหาโทรศัพท์

“เอาโทรศัพท์มา ตอนนี้อยู่ไหน ลืมเลย นายเอาโทรศัพท์ฉันโทรหาพวกค้ายาหรือเปล่า” อัฐณพหันมาทางชายหนุ่มที่กำลังโยนผ้าเช็ดตัวลงไปในกะละมัง 

“ใครจะกล้า เกิดมันดักฟัง มิจบกันเลยหรอ” ชายหนุ่มเอ่ย หลบตา
แล้วตอนนี้ โทรศัพท์อยู่ไหน” อัฐณพ ร้อนรน   

“น่าจะอยู่ใน โถนั้นมัง ” ชายหนุ่ม ชี้นิ้วไปยังโถใส่เอกสาร แบบไม่ทันระวังตัวผ้าเช็ดตัวผื่นใหญ่ก็ล่วงลงพื้น เผยให้เห็นร่างกายกำยำ อัฐณพรีบหันหน้าหนี ‘อ๊ายๆ’ สภาพชายหนุ่มยืนตัวเปล่าไม่มีอะไรปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว ชายหนุ่มยิ้มขำ กริยาท่าทางที่อัฐณพทำ

“เป็นอะไร เอานี้” ชายหนุ่มชอบใจ ไม่แคร์เดินไปหยิบมือถือมาใส่มืออัฐณพ

“จะทำอะไร หัดเกรงใจกันมั่ง วัฒนธรรมนะหัดมีมั่ง ไอ้ดาร์ว” อัฐณพพูดลอดไรฟัน หน้าแดงจนถึงใบหู

“ทำยังกะไม่เคยเห็น” ชายหนุ่มกล่าวแล้วหัวเราะชอบใจใหญ่ จากนั้นเริ่มโยกเอวเล็กน้อยให้แก่นกายไหวไปมาตามแรงโยก อัฐณพทนไม่ไหว รีบกำโทรศัทพ์วิ่งขึ้นชั้นบน

“ไอ้ผี หัดอายผีบ้านผีเรือนมั่งได้ไหม ทำอะไรเกรงใจด้วย” อัฐณพเอ่ย  ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ แล้วรีบหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกาย จากนั้นจึงลงมือทำความสะอาดแผล 

“ทำเหมือนเกย์ กะเทย เดียวเถอะ เอ๊ะหรือจะใช่......วะ แล้วถ้าเกิดว่าใช่ละ” ชายหนุ่มกล่าวกับตัวเองเบา ๆ ความคิดกำลังสับสนสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจตัวเอง เงยหน้าขึ้นมองชั้นสองของบ้าน

“หรือว่าเราจะลองวะ” ชายหนุ่มถามตัวเองอีกครั้ง เผยลอยยิ้มออกมา

“แล้วเกิดว่า เขาไม่ใช้มึงโดนตีนเขาแน่ ๆ นะไอ้ปลัด” ชายหนุ่มกล่าวกลับตัวเองอีกครั้ง

“ไม่ลองก็ไม่รู้นะเว้ย แล้วถ้าเกิดว่าใช่ มึงจะทำไงต่อไปดีละ” ชายหนุ่มหน้าหม่นลงนิดหนึ่ง สำรวจบาดแผลต่อจนเสร็จแล้วหยิบกางเกงและเสื้อเชิ้ตตัวบางมาใส่ ‘แต่สิ่งที่เขาดูแลเราอยู่แบบนี้มันก็น่าลุ้นเหมือนกัน นี้หว่า’ คิดแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง

“ครูนพ อยู่ไหมครับ” ครูชัชวาลนั้นเองที่มาร้องด้านหน้าบ้าน

“ครับครู” เสียงร้องตอบของอัฐนพอยู่ด้านบน แล้วตามด้วยเสียงวิ่งลงจากบ้าน ชายหนุ่มจึงเดินขึ้นบ้านบน ขณะที่เดินสวนตรงราวบันได ชายหนุ่มทำทีสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด อัฐณพตกใจเกือบตกบันใด จนชายหนุ่มต้องรับคว้าไว้

ออฟไลน์ อะไร

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นานๆทีจะมีนิยายที่เปิดมาก็น่าสนใจเเล้ว บอกเลยชอบมาก ปักรอละ o13 o13 o13

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
บทที่ 3 ผู้....ข้องเกี่ยว
   จากวันกลายเป็นสัปดาห์ จากหนึ่งสัปดาห์เข้าสู่สองสัปดาห์แล้ว เม็ดฝนยังคงหลั่งรินลงมาเรื่อย ๆ ผู้คนที่ทำไร่นาคงดีใจ ที่ฝนตกลงมาทำให้พืชผลเจริญงอกงามยิ่งนัก สาโรชลุกขึ้นนั่ง บิดกายไล่ความเมื่อยขบออกไปจากตัว

“สายขนาดนี้แล้วหรอนี้” สาโรชพูดกับตัวเองเมื่อมองนาฬิกาเรือนเล็กตรงหัวนอนของอัฐณพ แล้วมองไปที่นอนของอัฐณพ ที่ตอนนี้เก็บเรียบร้อย ถือว่าครูคนนี้ก็มีน้ำใจไม่ปล่อยให้ตัวเขาต้องนอนอยู่บนพื้นซีเมนต์ด้านล่าง จากนั้นจึงเอามือลูบตรงแผลที่ถูกยิง สิ่งที่น่าทึ่งอีกอย่างคือสามารถรักษาคนได้ด้วย ดูปากแผลเริ่มที่จะตกสะเก็ดแล้วอีกไม่นานคงจะหายเป็นปกติ เมื่อคืนเขาคิดอยู่นาน ว่าจะเริ่มต้นจากไหนก่อน จะสามารถสาวถึงตัวการได้

   จะล้มตัวลงนอนอีกก็รู้สึกอย่างไงอยู่ ปกติเป็นคนตื่นเช้าแล้วออกวิ่งไปทั่วทั้งอำเภอ พอมาอยู่แบบคนป่วยไม่ได้ออกกำลังกายชักจะอ้วนขึ้นมาแล้วซิ สาโรชรีบสปริงตัวลุกขึ้น แล้วเดินออกจากห้อง ใส่เพียงกางเกงขาสั้นของเจ้าของห้อง เดินขึ้นลงบันไดบ้านสักสิบรอบได้ เสียงเปิดประตูดังขึ้น คงเป็นเจ้าของบ้านกลับมานั้นเอง สาโรชยิ้มกับตัวเอง เอ๊ะ ทำไมถึงรู้สึกยินดีที่อีกคนกลับมา เม็ดเหงื่อตอนนี้ไหลเป็นทาง แสงจากหน้าต่างบ้านส่องเข้ามาปะทะกับผิวกายทำให้น่ามองขึ้น อัฐณพเดินขึ้นมาบนบ้าน สายตาประสานกันพอดี อัฐณพรู้สึกเขิน ๆ อย่างไรชอบกล

“ตื่นแล้วหรอ เมื่อคืน นายเป็นไข้ วันนี้ออกไปซื้อยาแก้อักเสบมาให้ด้วย” อัฐณพกล่าวพร้อมยื่นกล่องข้าวและถุงยามาให้ ชายหนุ่มรับไว้ พอดีมีถุงผ้าอีกถุงใหญ่มาด้วย

“อันนี้ละ” ชายหนุ่มถามขึ้น

“ออ เห็นไม่มีเสื้อผ้าใส่เลยซื้อมาให้” อัฐณพตอบ ชายหนุ่มเลยค้นดูชุดที่อัฐณพซื้อมา ภายในถุงมีกล่องกางเกงชั้นในอีกหนึ่งกล่อง ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาพิจารณา มีสีเทากับสีดำขนาดไซต์ตรงตามที่เขาใช้ไม่มีผิด

“รู้ขนาดด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยออกมา

“ตัวแค่นี้ จะเอาขนาดไหนอีกละ” อัฐณพตอบ แล้วเดินกลับลงไปชั้นล่าง ชายหนุ่มยิ้มขำ ๆ ว่าจะเอ่ยอะไรออกมา แต่อีกฝ่ายออกจากบ้านไปเสียแล้ว

“เมื่อคืนเราไม่สบายหรอ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง ทำหน้าสงสัย แต่ก็ช่างเถอะ ไปอาบน้ำมาทานกข้าวกินยาก่อนดีกว่า   
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“สวัสดีครับ” เสียงทักทายดังขึ้น ทำให้กลุ่มครูที่เดินออกมาหาซื้ออาหารกลางวันหยุดยืน

“อุ้ย คุณตำรวจ วันนี้แต่งตัวเท่จังเลยค่ะ” ครูสุนีทักก่อน เมื่อเห็นว่าเคยรู้จักกันแล้ว

“มิได้ครับ มาทานข้าวเที่ยงกันหรือครับ” นิติกรตอบและถาม

“มาทานกับพวกเราซิค่ะ ทานกันหลายคนอร่อยดีค่ะ” ครูสุนีเอ่ยชวน เพื่อน ๆ ครูที่มาด้วยก็พยักหน้าตาม เข้าไปในร้านอาหาร

“แล้ว ครูอีกคนไม่มาด้วยหรือครับ” นิติกร ถามขึ้นเมื่อไม่เห็นครูอัฐณพ

“ใครหรือคะ” ครูสุนีถามคืนและทำท่าครุ่นคิด

“น้องที่เคยเจอตอนยู่ห้างนะครับ” นิติกรเอ่ยทบทวนความจำ

“ออ น้องนพ จะตามมาค่ะ เห็นว่าจะกลับไปที่บ้านก่อนลืมของไว้ นั่นไงค่ะ มาพอดีเลย” ครูสุนีกล่าวพลางชี้ไปที่ประตูหน้าโรงเรียน อัฐณพกำลังเดินข้ามถนนออกมา

“น้องนพ มาทางนี้จ๊ะ” เพื่อนครูอีกคนร้องขึ้น อัฐณพมองตามเสียง แล้วรีบเข้าไปที่โต๊ะ

“ตายจริง ที่นั่งไม่พอ น้องนพนั่งเบียดกันได้ไหม” ครูสุนีย์เอ่ย

“ไม่เป็นไรครับ นพนั่งตรงนี้ก็ได้” อัฐณพชี้ไปที่โต๊ะข้าง ๆ

“ถ้าอย่างนั้น พี่กรนั่งเป็นเพื่อนก็แล้วกันนะ” นิติกรเอ่ยขึ้น พร้อมลุกขึ้นมานั่งที่โต๊ะข้าง ๆ อัฐณพมองเพื่อน ๆ ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ยกเว้นสุนีย์ที่มีอาการรู้สึกผิดหวังนิด ๆ

“ทำไมคุณตำรวจ ถึงได้มาถึงที่นี้ได้ครับ” อัฐณพเอ่ยขึ้น

“พอดี ได้ออกลาดตระเวนพื้นที่ เลยได้แวะมาถึงนี้” นิติกรตอบ อัฐณพพยักหน้ารับทราบ

“นึกว่ามา เพราะมีธุระ” อัฐณพกล่าว

“ที่จริงก็มีนะ พอดีเห็นว่ามีพวกขบวนการขนยา ผ่านมาทางนี้ สายบอกว่าปะทะกัน มีผู้เสียชีวิตและสูญหาย ยังจับใครไม่ได้เลย” นิติกรกล่าว อัฐณพทำตาโต

“พวกขนยาหรอครับที่ตาย” อัฐณพรีบถาม

“ใช่ มีตายสามคน สูญหายอีกหนึ่ง คุณปลัดฝีมือดีด้วย” นิติกรกล่าว อัฐณพใจฝ่อ เหงื่อที่ฝ่ามือแตกจนซุ่ม พอดีกับเจ้าของร้านเข้ามารับออร์เดอร์เสียก่อน  อัฐณพลอบกลื่นน้ำลายรู้สึกคอแห้งเป็นผง

   ทางอีกฝ่ายเมื่อทานอาหารเช้าในตอนเที่ยง ก็นอนพักอีกครั้งจนบ่ายแก่ ๆ ท้องฟ้าปลอดโปร่งฝนหยุดเม็ดแล้ว จึงลุกขึ้น เก็บที่นอนได้ มองซ้ายทีขวาที ไม่รู้จะทำอะไร

“ครูนพ เก็บปืนไว้ที่ไหน” สาโรชพูดกับตัวเอง หันไปยังโต๊ะเตี้ย ๆ ที่อัฐณพไว้สำหรับเขียนหนังสือ จึงลองรื้อค้นไปค้นมา ภาพถ่ายใบหนึ่งตกลงพื้น สาโรชหยิบขึ้นมาดู เป็นภาพหนุ่มน้อยยิ้มร่าในชุดพระราชทานปริญญา ท่าทีที่ดีใจแสดงออกมา จนคนมองก็รู้สึกยินดีไปด้วย คนนี้จำได้ดี แต่เมื่อพิจารณาชายหนุ่มอีกคนที่ยื่นข้าง ๆ ที่แอบมองคนที่ยิ้มหราด้วยแววตาอาลัย ทำให้รู้สึกสงสัยอยู่นิด ๆ 

“ชักยังไงแน่วะ” มือลูบปลายคางที่ตอนนี้หนวดเริ่มเขียวครึ้มมากกว่าเดิม

“มันน่าสงสัยแล้วละ” สาโรชเอ่ยกับตัวเอง

“แต่ว่า เท่าที่อยู่มานี้ ครูนพก็ไม่ได้แสดงท่าที ที่เป็นอย่างคนอื่นเขาเป็นนี้” สาโรชพูดกับตัวเอง พลางนึกคิดเวลาที่ผ่านมานั้นอัฐณพแสดงท่าทีอะไรเล็ดลอดออกมาหรือเปล่า

“สงสัย เพื่อนแอบรักเพื่อน ซะละมั่งแบบนี้” สาโรชเอ่ยสรุปให้กับตัวเองแล้วจึงเก็บภาพถ่ายไว้ตรงเดิม ลงมือค้นหาสิ่งที่ต้องการต่อ

“เอาไปไว้ไหนละ เกิดไอ้พวกนั้นมันรู้ว่าเรายังไม่ตาย มันตามมาเก็บจะหาที่ไหนได้ทันท่วงที” สาโรชบ่นกับตัวเองต่อ จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอ สาโรชถอนหายใจ กลับมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ นั่งคิดอะไรเพลิน ๆ ความเงียบเข้าปกคลุม จนได้ยินเสียงน้ำจากลำคลองที่ไหล่กระเซ็นกระทบตลิ่ง เสียงรถจักรยานยนต์ดังมาแต่ไกล สาโรชขมวดคิ้วเข้าหากัน

“ปกติที่นี้ไม่มีรถนี้หวา” สาโรชพูดกับตัวเอง จากนั้นจึงรีบลุกขึ้นแล้วลงไปตรงช่องลมบันได แนบสายตาส่องออกไปด้านนอก นายตำรวจหนุ่มควบรถจักรยานยนต์แบบหน่วยลาดตระเวนเข้ามาคนซ้อนท้าย ทำตัวแข็ง ไม่กล้ากระดิกตัว 

“ถึกแล้วครับ ถะถึงแล้ว” อัฐณพรีบเอ่ยขึ้น นิติกรเบรกรถตัวโก่ง อัฐณพเองก็เอียงไปตามแรงฉุด

“บ้านหลังนี้หรอครับ” นิติกรเอ่ย พลางหันไปมองที่ตัวบ้าน

“ครับ ใช่ครับ” อัฐณพรีบตอบ พร้อมลงจากรถทันที มายืนข้าง ๆ

“สภาพไม่ต่างกันเลยนะ บ้านพักราชการ” นิติกรกล่าว พร้อมยิ้มอวดเรียวฟันสวย ๆ

“ครับ มีเท่านี้ก็นับว่าดีแล้วครับ นพขอบคุณพี่กร นะครับ ที่มาส่ง” อัฐณพกล่าว ท้ายประโยครู้สึกอีดอัดนิดหน่อย

“ไม่เป็นไร พี่จะมารับไปเที่ยวบ่อย ๆ” นิติกรกล่าวต่อ รอให้อีกฝ่ายเชิญเข้าบ้าน แต่พอเห็นท่าที่ของอัฐณพแล้ว เอาไว้วันหลังดีกว่า ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงามแน่ ๆ นิติกรยิ้มให้อัฐณพอีกครั้ง

“เอาเป็นว่า วันนี้พี่ออกตรวจพื้นที่ก่อน เดี๋ยวจะเสียงาน วันหน้าค่อยคุยกัน” นิติกรเอ่ย จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์ อัฐณพได้แต่ยิ้มเจือน ๆ ให้นิติกร รถพุ่งทะยานออกไป

“ดะ...เดี๋ยว ครับ” อัฐณพตะโกนตามหลัง ไม่ทันเสียแล้ว จากนั้นจึงหันไปมองบ้านพักของตัวเอง สูดลมหายใจเจ้าปอด จนเต็ม

“เอาวะ จะเกิดอะไรก็ต้องเกิด” อัฐณพเอ่ยกับตัวเอง แล้วเดินเข้าบ้าน เมื่อเปิดประตูเข้ามาถายในบ้านพัก ชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่ตรงหน้าต่างหลังบ้าน

“ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เป็นหง่อย” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายหันมามอง

“ปากคอหรือนั้น สมกับที่เป็นครูสอนเด็ก” สาโรชเองก็ไม่ลดละ ต่อปากต่อคำ

“ทำไมหรือครับ เป็นครูก็พูดได้นี้ครับ” อัฐณพตอบ พร้อมกับยืดอกขึ้นเชิดหน้ารั้นจมูกให้สูง

“ไม่ทำไม ก็ครูที่ดีไม่ควรนินทาว่าร้าย ลับหลัง” สาโรชเอ่ย อัฐณพรู้สึกมีก้อนแข็งมาจุกตรงลำคอ

“ไม่ได้ว่าร้ายใคร ก็พูดตมที่เห็น” อัฐณพเริ่มหาช่องทางหนี

“รับราชการครู ทำไมกลับมาบ้านเร็ว นี้ยังไม่เย็นเลย” สาโรชเปลี่ยนเรื่องและชะโงกหน้าออกไปดูท้องฟ้า อัฐณพเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง

“บ่ายไม่มีชั่วโมงสอน” อัฐณพตอบห้วน ๆ กำลังก้าวขาจะขึ้นด้านบน

“ออ ก็เลยกะว่าจะให้ตำรวจมาจับ ว่างั้น” สาโรชเอ่ย อัฐณพชะงัก

“แอบฟังหรือไง” อัฐณพหันมามองสาโรช

“นิสัยมหาโจร นิสัยคนร้าย ที่กลับมานี้กลัวว่าจะมีของหาย กลัวจะโดนยกเค้าเลยกลับมา” อัฐณพตอบ

“แล้วไม่คิดกลัวหรือไง กลับมาคนเดียวแบบนี้” สาโรชถามต่อ อัฐณพอึ่ง ชายหนุ่มพูดถูก เกิดพวกที่ตามหาเข้ามาเจอเข้า โอ้ยไม่อยากจะคิด อัฐณพรีบวิ่งขึ้นบนบ้าน สาโรชแอบยิ้มกับตัวเอง เมื่อเข้ามาในห้องจึงไปเปิดกล่องไม้ข้างหัวนอนออกมา หยิบโลหะหนักขึ้นมาถือ แล้วนำมาแนบกับอก

“มาซิ จะเอาให้ตายทั้งหมดเลย” อัฐณพเอ่ย แล้วถอนหายใจ เสียงริงโทลดังขึ้น อัฐณพรีบวางโลหะหนัดกลับไว้ที่เดิม แล้วควนหาโทรศัพท์ เบอร์แปลกโทรเข้ามา

“สวัสดีครับ ครูนพพูดครับ” อัฐณพพูดกับปลายสาย

“อุ้ย เข้ม แมนมาก ๆ” ปลายสายตอบกลับมา

“นิมิต เราจำเสียงได้” อัฐณพเอย ใบหน้าแสดงความยินดียิ่งนัก หวนนึกถึงเพื่อนสมัยเรียนมัธยมมาด้วยกัน ซึ่งมาแยกกันก็ตอนที่ต่างคนต่างได้ที่เรียนใหม่ ยังจำได้ดีว่านิมิต เป็นเพื่อนที่สนิทด้วยคนหนึ่ง ตัวผอมสูงกว่าอัฐณพสักห้าเซนติเมตรได้ ใบหน้าคม ผิวเข้มตามแบบฉบับของคนใต้ พ่อของนิมิตเป็นคนใต้แล้วมาได้แม่ของนิมิต

“เอา จำได้อีก เราว่ากะเชอร์ไพร ไปหาแม่นายมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว” นิมิตอธิบายให้อีกฝ่ายทราบ

“เสียงนี้ สำเนียงนี้ใครจะจำไม่ได้” อัฐณพเอ่ยยิ้ม ๆ

“โทรมาแสดงความยินดี กับคุณครูคนใหม่” นิมิตกล่าว

“ขอบคุณมาก นายละทำอะไรตอนนี้” อัฐณพเอ่ยถามอีกฝ่าย

“เราจะไปไหนได้ ที่เดิม เพิ่มเติมคือความคิดถึง” นิมิตตอบพร้อมหยอดคำหวาน

“เดือนหน้าจะกลับบ้าน หยุดหลายวัน” อัฐณพกล่าว

“กลับมาวันไหน บอกเราด้วย เราจะได้ไปรับ” นิมิตเอ่ย

“ได้เลย อยากไปไหว้พ่อแม่นิมิตด้วย ฝากกอดท่านด้วยนะ โทรคุยนานแล้วเปลืองเงิน” อัฐณพกล่าว

“ได้ ๆ จะบอกว่า ลูกสะใภ้ฝากกอดแม่กับพ่อ” นิมิตกล่าวแล้วกดว่างสาย

“บ้า” อัฐณพพูดกับโทรศัพท์ แล้วถอนหายใจ อัฐณพรู้ว่านิมิตนั้นคิดกับเขาเกินคำว่าเพื่อน ด้วยความที่ไม่อยากเสียเพื่อน จึงทำทีไม่รู้บ้างในบางครั้ง


“ช่วยด้วย” เสียงตะโกนดังมาจากเบื้องล่าง อัฐณพสะดุ้งตกใจ

“ตาย ไอ้ดาวร์ นี้หว่า” อัฐณพจำเสียงได้รีบลงไปด้านล่าง


“ช่วย....ผมด้วย” เสียงร้องขาดเป็นห้วง ๆ    อัฐณพรีบวิ่งออกไปด้านหลังบ้าน

“ไอ้ดาวร์ อยู่ไหน” อัฐณพร้อนใจหันซ้ายขวาแล้ววิ่งลงไปริมลำคลอง เห็นชายหนุ่มกำลังดบกมือขอความช่วยเหลือ อัฐณพสลัดรองเท้าออกแล้วกระโจนลงไป

“ช่วย....ผม...ด้วย....ผม...เป็น ....ตะคริว” สาโรชร้องเป็นคำ พร้อมกับกลิ่นน้ำเข้าไป อัฐณพเข้าถึงตัวพอดี จากนั้นพยุงให้ชายหนุ่มขึ้นด้านบน

“ผมเจ็บที่ขา” สาโรชเอ่ย อัฐณพไม่พูดอะไร รีบพยุงร่างชายหนุ่มขึ้นถึงฝั่ง ชายหนุ่มแสดงสีหน้าว่าเจ็บที่ขา อัฐณพจึงรีบบีบนวดและคลายเส้นเอ็น


 “ลงไปทำไม” คำถามแรกจากอัฐณพ สั้นห้วน ๆ สาโรชคลายอาการเจ็บลง


“ผมจะลงไปดูว่า มันลึกแค่ไหน” สาโรชตอบ


“แล้วเป็นไงละ ลึกไหม” อัฐณพเอ่ย กึ่งประชดประชัน

“อยากรู้ว่า ลูกน้องผมเป็นยังไงบ้าง” สาโรชเอ่ยออกมา อัฐณพรู้สึกโมโห


“อยากรู้ทำไม ลูกน้องนายนั้นหรอ ตายสามคน รู้ไหม ว่าทางราชการเขาเสียปลัดฝีมือดีไปคนหนึ่ง เพราะขบวนการยานรกของพวกนายที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าพวกนักเรียนที่ผมสอนกินเสพเข้าไปด้วยจะเป็นยังไงคิดถึงบ้างไหม อนาคตของชาติ” อัฐณพแทบจะตะโกนออกมา


“เออ...คือ....”สาโรชจะอธิบาย


“ไม่น่าช่วยไว้เลย” อัฐณพโพล่งออกมาก่อน เมื่อเห็นแววตาแข็งกร้าวก็มีความรู้สึกผิด


“ขอโทษ อารมณ์มันพาไป” อัฐณพรีบอธิบาย ชายหนุ่มจึงพยายามจะลุกขึ้น อัฐณพจึงรีบเข้าพยุงด้วยความที่ริมตลิ่งเป็นเลนจึงทำให้อัฐณพลื่นไถลลงไปอีก ชายหนุ่มจึงคว้าแขนไว้มีผลให้ร่างของทั้งสองไถลลงไปริมน้ำอีก อัฐณพรีบยึดร่างแกร่งนั้นเป็นฐาน ชายหนุ่มจึงทับลงบนตัวทันที ริมฝีปากอิ่มแตะที่กึ่งมุมปากกึ่งแก้ม อัฐณพเบิกตากว้าง


“นะ...นาย...นาย เป็นอะไรหรือเปล่า” อัฐณพเรียกสติของอีกฝ่าย ชายหนุ่มหันมามองจังหวะพอดีกับริมฝีปากจรดกันพอดี


“นะ...นาย...ลุกไหวไหม” อัฐณพรวบรวมสติ ค่อยดันร่างแกร่งให้ลุกออก


“นายต้องชวยพยุงด้วย” อัฐณพกล่าวอีกครั้ง พร้อมสบตากับชายหนุ่มที่คร่อมร่างและจ้องมองอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ


“นาย อย่าให้แผลโดนน้ำ” อัฐณพกล่าวเบา ๆ หลบสายตา สาโรชได้สติขึ้นมาจึงได้พยายามดันร่างตัวเองให้ยกตัวขึ้น เพื่อให้อีกฝ่ายสามารถขยับเขยื้อนได้


“ขอโทษ” สาโรชเอ่ยออกมา มีน้ำเสียงแข็งและห้วน


“นายพอยืนไหวไหม” อัฐณพดันตัวเองออก แล้วนั่ง สำรวจตัวเองว่าได้แผลเพิ่มขึ้นหรือไหม สาโรชพยุงตัวลุกขึ้นแต่ก็รู้สึกเจ็บที่แผลบ้าง จึงไม่ฝืนตัวเองยอมนั่งลง


“เราต้องรีบกลับขึ้นไปทำความสะอาดแผล เกิดแผลติดเชื้อจะยุ่งกันไปใหญ่” อัฐณพอธิบาย แล้วนุกขึ้นยื่น เพื่อจุฉุดให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ลุกขึ้น


“เป็นห่วงผมด้วยหรอ” สาโรชเอ่ย น้ำเสียงอย่างกับคนน้อยใจ



“ถ้าไม่ห่วง จะไปลากขึ้นมาจากน้ำทำไม” อัฐณพเองก็เริ่มฉุนเหมือนกัน สาโรชเปลี่ยนแววตาแข็งกระด้างเป็นแววตาอ่อนโยนแทบจะทันที



“ไป ลุกขึ้น จะได้ทำความสะอาดแผล” อัฐณพเข้ารั้งรักแร้อีกฝ่าย ลากให้ลุกขึ้น


“ผมเจ็บแผล” สาโรชเอ่ยเบา ๆ


“เจ็บก็ต้องลุก....ได้แล้ว นี้ก็เย็นแล้วนะ” อัฐณพพยามยามพยุงร่างชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน 


“คุณครูห่วงผมจริงหรือเปล่า” สาโรชเอ่ย ด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง


“ปากดีนักนะ” อัฐณพไม่ตอบ ดันให้ชายหนุ่มเดินขึ้นตลิ่งอย่างทุลักทุเล จนกลับเข้ามาภายในบ้าน อัฐณพให้ชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ จากนั้นจึงเตรียมอุปกรณ์ล้างแผล และทำความสะอาดร่างกาย


“นายต้องอาบน้ำ” อัฐณพออกคำสั่ง ชายหนุ่มมองหน้า รับผ้าเช็ดตัวมา



“จะอาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น” อัฐณพถามอีกครั้ง



“ยังไงก็ได้” สาโรชตอบ แล้วเข้าไปในห้องน้ำ เสียงสาดน้ำกระเซ็นสักครู่ใหญ่ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ชายหนุ่มออกมามีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว


“ครูนพก็ควรอาบน้ำก่อนนะครับ ผมรอได้” สาโรชเอ่ย เพราะสภาพของอัฐณพก็ไม่ต่างกัน



“ถ้าอย่างนั้น รอสักครู่ จะออกมาดูด้วย” อัฐณพไปหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนแล้วเข้าไปชำระคราบโคลนตม สาโรชไปนั่งรอที่ขั้นบันได



“ครูนพครับ ครูนพ” เสียงเรียกอยู่หน้าบ้าน สาโรชรีบลุกขึ้น เดินไปที่ช่องลมตรงบันได ครูชัชเพื่อนบ้านนั้นเอง



“ครับ ผมอาบน้ำอยู่ครับ” อัฐณพตอบออกไป ไม่รู้ว่าใครเรียก



“ผอ.ให้มาตามครับ” ครูชัชตะโกนเข้ามาอีกครั้ง


“ออ ครับ ๆ ผมอาบน้ำเสร็จจะไปครับ” อัฐณพตอบพลางเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็เห็นชายหนุ่มอีกคนยื่นอยู่ตรงช่องลม



“นายลงมา ทำความสะอาดแผล” อัฐณพสั่งราวกับว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นนักเรียน สาโรชกลับลงมา



“ไม่เช็ดตัวให้แห้งก่อน” สาโรชเอ่ย อัฐณพหันซ้ายหันขวาเพื่อหาผ้ามาเช็ดตัว ก็ไม่มี ครู่หนึ่งมีผ้าอีกผื่นหนึ่งยื่นมาให้ อัฐณพรับไว้ นำมาเช็ดหยดน้ำที่เกาะตามตัว


“เอ๊ะ นี้ผ้าเช็ดตัว” อัฐณพพรึมพรำ มองไปที่ชายหนุ่ม ยืนเป็นชีเปลือยอยู่ข้าง ๆ



“ทำไม ก็เคยเห็นอยู่แล้วไม่ใช่หรอ” สาโรชเอ่ย โดยเน้นคำว่าเคย ให้อีกฝ่ายรู้สึกอาย แล้วยื่นผ้าเช็ดตัวคืน



“อย่ามาทำตัวไร้วัฒนธรรมที่นี้” อัฐณพกล่าวจากนั้นหันไปหยิบสำลีและอุปกรณ์ต่าง ๆ มาใกล้ตัว สาโรชจึงรีบนุ่งผ้าเช็ดตัวให้เรียบร้อย มานั่งตรงบันไดอีกครั้ง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   บ้านพักข้าราชการหลังเล็กที่อยู่ในอาณาบริเวณของอำเภอแห่งหนึ่ง ผู้ชายวัยฉกรรจ์สามคนกำลังนั่งล้อมวงกัน 


“จะได้เรื่องไหมพี่สมศักดิ์” ชายหนุ่มวัยอ่อนกว่าเอ่ยขึ้น พร้อมกับยกแก้วน้ำสีอำพันกระดกลงคอ


“ยังไม่รู้เหมือนกัน ทางผู้ใหญ่ก็ให้เร่งหาช่วยกัน” สมศักดิ์เอ่ย ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นกระดก


“ตัวผมนะ ภาวนาให้ปลัดสาโรชปลอดภัย ปลัดฝีมือดีแบบนี้ อนาคตไกลด้วย ไม่อยากให้ท่านเป็นอะไร”ชายอีกคนพูดขึ้น


“ไอ้โม่ง มึงอย่าพูดเรื่องนี้ให้ นายอำเภอไดเยินนะมึง” ชายคนแรกเอ่ยเตือน


“ทำไมวะ ไอ้ต๊อด กูพูดจริง ทำไมนายอำเภอถึงไม่ชอบ” คนทีชื่อโม่งเถียง


“เอาละ ๆ อย่าถียงกัน” สมศักดิ์เอ่ยห้ามทัพ สองคนจึงหยุดแล้วหันมาผสมเครื่องดื่มกันต่อ สักพักใหญ่หญิงสาวร่างระหงเดินเข้ามาบริเวณบ้านพัก


“ปลัดสมศักดิ์” แววมยุราตะโกนเข้ามา


“พี่ สงสัยคงชอบพี่จริง ๆ แล้วมั่ง” ต๊อดกระซิบเบา ๆ สมศักดิ์หันไปทางต้นเสียง


“คุณแววมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” สมศักดิ์เอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืนเป็นการต้อนรับหญิงสาว


“ฉันจะมาตามเรื่องพี่สาโรช ตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงไหน” แววมยุราเอ่ย น้ำเสียงวางอำนาจ พลางชายตามองลูกน้องของสมศักดิ์ ที่มองส่งสายตากรุ่มกริ่ม


“พวกเราก็ตามกันอยู่ครับ พวกผมเองยิ่งร้อนใจ” โม่งเอ่ย


“ตามกันยังไง ปานนี้แล้วยังไม่ได้ข่าวคราวอะไร จะเข้าเดือนแล้วนะ” แววมยุราแผดเสียงขึ้น ด้วยอารมณ์ไม่ชอบใจ อย่างกับวิสัยคุณหนูที่ถูกตามใจนั้นเอง


“ผมว่า คุณแววกลับไปคอบฟังข่าวกับนายอำเภอที่บ้านไม่ดีกว่าหรือครับ” สมศักดิ์เอ่ยพลางรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้า แววมยุราหันมาพร้อมสะบัดผม


“ทำอะไรชักช้า คนจะเป็นจะตายไม่รู้เรื่อง” แววมยุราเอ่ย ยอมถอยกลับ


“ให้ผมไปส่งไหมครับ” ต๊อดเอ่ยยิ้ม ๆ ส่งสายตาเจ้าชู้ใส่


“ระวังตัวไว้นะแก ถ้าไม่อยากตาย” แววมยุราเอ่ย สะบัดหน้าออกจากบ้านพักราชการ


“พี่สมศักดิ์ แน่ใจหรอว่า จะกำราบผู้หญิงคนนี้ได้” ต๊อดเอ่ยแล้วยกแก้วขึ้นกระดก



“มันก็ต้องลองกันสักตั้ง” สมศักดิ์กล่าว สองลูกห้องส่งเสียงหัวเราะชอบใจ กับคำพูดของเจ้านาย


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จำได้ว่าเคยอ่านแล้วหายไป อย่าหายไปอีกนะคราวนี้
 :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จำได้..........เหมือนกัน  :mew1:
นายอำเภอ เป็นคนร้ายเสียเอง  :เฮ้อ:
ปลัดสาโรช ก็ปิดบังตัวเองต่อไป  :hao3:
แวว ลูกนายอำเภอ ทำตัวเหมือนเป็นผู้บังคับบัญชาอีกคน
สุนี จะได้แฟนสักคนไหมนะ
นิมิตร ,กร เป็นคู่แข่งของสาโรชสินะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
บทที่ 4 อารมณ์...ตัวเอง
   ความเขียวขจีของใบไม้ หนาทึบเริ่มบดบังทิวทัศน์ บางต้นแผ่ยอดพันรอบต้นอื่นให้ตัวเองขึ้นหาแสง และรอรับความชุ่มชื่นจากเม็ดฝน ชายหนุ่มหนวดหนาครึ้ม เดินลัดเลาะตามแมกไม้ ค่อย ๆ ทะลุออกแนวชายป่า ปรากฏท้องทุ่งนาโล่ง ชาวนากำลังปักดำต้นกล้า

“ไปไหนละพ่อหนุ่ม” ชายชราทักขึ้น สาโรชหันไปยิ้มให้

“ลองสำรวจเส้นทางแถวนี้ดูครับ” สาโรชตอบ ชายชราเพ่งพินิจดู

“พ่อหนุ่มไม่ใช่คนแถวนี้” ชายชราถามกลับ

“ครับ ผมเพิ่งย้ายมาครับ ลองเดินเลาะริมคลองมาครับ” สาโรชอธิบาย พร้อมชี้นิ้วไปยังลำคลองที่ตัวเองเดินผ่านมา

“ออ จากหลังโรงเรียน” ชายชราตอบ

“ระวังหน่อยนะพ่อหนุ่ม แถวนี้พวกค้ายามันเยอะ พวกมันไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น” ชายชรากล่าวแล้วก้มหน้าปักดำต้นกล้าต่อ สาโรชจึงรีบเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วนั่งลง

“มันเยอะเลยหรือครับตา” สาโรชเอ่ยเบา ๆ ชายชราแอบมองแว๊บหนึ่ง ดูรูปร่างลักษณะคงไม่ใช่พวกค้ายาหรือสายตำรวจแน่ ๆ

“เยอะ มากเลย ไม่รู้มันจะผลิตกันมาทำอะไร” ชายชราตอบ พลางวางหมัดกล้า ยื่นเช็ดเหงื่อที่หยุดลงมาออกจากใบหน้า

“พ่อหนุ่มเป็นใครรึ” ชายชราถามขึ้นทันที

“ผมเป็นแฟน ครูที่สอนอยู่โรงเรียนโน้นครับ เพิ่งมาได้ไม่กี่เดือน” สาโรชปด พลางยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจให้กับชายชราเชื่อใจ

“ออ นึกว่าเป็นพวกสายตำรวจ” ชายชรากล่าว เดินขึ้นมาจากที่นาแล้วพนักหน้าให้ชายหนุ่มเดินตามไปตรงห้างนา สาโรชเดินตาม

“ออกมาเดินแบบนี้ ระวังหน่อยนะ พวกขนยามันก็เยอะ” ชายชรากล่าวต่อ ยกขวดน้ำขึ้นดื่ม

“วันก่อน เห็นว่ายิงกันสนั่นหวั่นไหว” ชายชรากล่าวนั่งลง หยิบยาสูบแบบพันขึ้นมามวน

“แล้วพวกตาไม่กลัวบ้างหรอครับ” สาโรชถาม ชายชราพันยาแล้วจุดสูบ

“ชินแล้วละ ลูกหลานในหมู่บ้านก็หลายคน” ชายชรากล่าว พลางพ่นควันบุหรี่ออกมา

“เพิ่งย้ายมาไม่ได้สอนนักเรียนหรอ” ชายชราหันมาถามสาโรช

“ออ ผมไม่ได้เป็นครูครับ ผมลาพักงาน พอดีมาส่งแฟน เลยพักยาว”สาโรชกล่าวเป็นเรื่องเป็นราว

“ดี ๆ ดูแลกันดี ๆ ขอโทษนะพ่อหนุ่ม อายุเท่าไหร่แล้ว” ชายชราถาม สาโรชทำหน้าสงสัย

“ก็เห็น พ่อหนุ่มยังหนุ่มยังแน่น คิดไว้หนวดไว้เครา แบบนี้เหมือนคนแก่” ชายชราเอ่ยต่อ สาโรชหัวเราะออกมาเบา ๆ


“แฟนยังไม่มีเวลาทำให้เลยครับ” สาโรชตอบ


“ดูพ่อหนุ่มพูดเหมือนรักแฟนคนนี้มากเลย” ชายชราเอ่ย ก่อนสูบบุหรี่มวนเข้าเต็มปอด


“รักครับ คิดว่าไม่มีใครที่ดีกว่าคนนี้ไปแล้วครับ” สาโรชตอบใบหน้าแดงระเรื่อ ขับกับหนวดครึ้ม ชายชราหัวเราะเบา ๆ 


“เอา นี้ก็จะเที่ยงแล้ว กลับได้แล้ว อย่าไปมากกว่านี้เลย หรือจะมากินข้าวกับตา” ชายชรากล่าว และเอยชวนชายหนุ่ม



“โอ้ ไม่เป็นไรครับตา  ขอบคุณมาครับ ผมจะกลับแล้วครับ เดี๋ยวคนที่บ้านกลับมาไม่เจอจะเป็นเรื่องใหญ่”  สาโรชตอบและสาธยาย ทำให้ชายชราหัวเราะออกมา



“เออ ที่บ้านอยู่กินกันยังไง มาเอาปลาช่อนที่ตาจับได้ไปทำกินกัน” ชายชรากล่าวพร้อมลุกขึ้นไปเปิดฝาโอ่งน้ำใบเล็ก ๆ คว้าเอาปลาช่อนตัวเขื่องขึ้นมา


“ไม่เป็นไรครับตา พวกผมอยู่กันง่าย ๆ ครับ” สาโรชรีบปฏิเสธ



“เอาไปเถอะ แถวบ้านเรามีให้กินเยอะแยะ” ชายชรากล่าว แล้วเอาเชือกเส้นเล็ก ๆ มาร้อยเหงือก พร้อมยื่นให้ชายหนุ่ม



“ผม ขอบคุณครับ ไม่รู้จะตอบแทนคุณตาอย่างไร” สาโรชเอ่ยอย่างเกรงใจ


“ไม่ต้องหรอก ขอให้แฟนพ่อหนุ่มสอนนักเรียนเป็นคนดีไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นพอแล้ว” ชายชรากล่าว สาโรชทึ่งในความคิดของชายชราตรงหน้า เขาต้องกำราบพวกที่ทำผิดพวกนี้ให้ได้


“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ” สาโรชยกมือไหว้


“ใช้เส้นนี้นะ จะออกไปถนนใหญ่แล้วค่อยวกกลับเข้าโรงเรียน” ชายชรากล่าว และรับไหว้ชายหนุ่ม สาโรชมองตามทิศทางที่ชายชราบอก จากนั้นจึงเดินออกไป ถนนแคบ ๆ ค่อย ๆ กว้างขึ้น และเริ่มมีบ้านราษฎรปลูกเรียงราย  บ้างก็ห่างกัน พร้อมทั้งมีป่าไม้ขนาดย่อมคั้นระหว่างบ้านเรือน ภูมิทัศน์เหมาะกับการขนย้ายอะไรที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ถึงว่า สายรายงานว่าแถวนี้เหมาะสมกับการทำผิดกฎหมาย ชยหนุ่มเดินลักเลาไปตามเส้นทาง ออกสู่ถนนใหญ่ ผู้คนมากขึ้น บางคนก็มองมาที่ตัวเขาเอง บางก็ขับรถผ่านเลยไป


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   ภายในห้องพักครู ครูหลายคนกำลังดูงานตัวเองบนโต๊ะทำงาน บ้างก็ตรวจการบ้าน เวลาตรงข้างฝากบอกไว้ สิบเอ็ดโมงสี่สิบห้าแล้ว อัฐณพรู้สึกระวนกระวายนิดๆ จนเพื่อนร่วมงานสังเกตเห็น


“น้องนพ เป็นอะไรหรือเปล่า” เพื่อนครูเอ่ยขึ้น ทำหน้าสงสัย 


“อะ ออ ไม่เป็นอะไรครับ” อัฐณพรีบตอบกลับทัน


“พี่เห็นนพมองนาฬิกาบ่อย ๆ” เพื่อนครูคนเดิมถาม อัฐณพทำหน้าเหรอ แล้วยิ้มแห้ง ๆ ให้เพื่อนครู


“จริงซิ นี้ก็จะเที่ยงแล้ว หรือนพนัดพี่สุนีไว้” เพื่อนครูอีกคนถามขึ้น



“ปะ เปล่าครับ นพไม่ได้นัดใครไว้” อัฐณพรีบปฏิเสธทันที



“เอ๊ะ รีบปฏิเสธ นี้ยังไงอยู่นะ” เพื่อนครูแซว นักเรียนชายคนหนึ่งรีบเข้ามาห้องพักครู


“นายพิชิต มีอะไรวิ่งพรวดเข้ามา” ครูในห้องพักเอ่ยขึ้น ผู้มาใหม่ทำหน้าเหรอ



“ผม เอา ข้าว กล่อง มา ส่ง ครูนพ ครับ” เด็กชายติดอ่างชะงั้น อัฐณพจึงกวัวมือเรียก เด็กชายจึงนำกล้องข้าวไปให้



“ขอบใจมากพิชิต” อัฐณพกล่าวกับนักเรียน เด็กชายยกมือไหว้แล้วรีบออกจากห้องพักครู



“เอ๊ะ น้องนพ วันนี้ไม่ออกไปทานด้วยกันหรอจ๊ะ” เพื่อนครูเข้ามาทัก



“ไปครับ”อัฐณพรีบตอบ



“แล้วนี้ของใคร” เพื่อนครูชี้ไปที่กล่องข้าว



“พี่หรือว่า ของพี่สุนีเอามาส่งให้นพ” เพื่อนครูเข้ามากระซิบใกล้ ๆ ทั้งสองหันมามองอัฐณพ



“พี่ถามจริง น้องนพคิดอะไรกับพี่สุนี” เพื่อนครูถามขึ้น อัฐณพแทบจุก พยายามกลืนก้อนจุกลงไป



“นพ ไม่ได้คิดอะไรครับ นพคิดกับพี่เขาเหมือนพี่” อัฐณพตอบเบา ๆ


“ไม่คิดแต่ นี้คืออะไรละ” เพื่อนครูอีกคนเอ่ย


“นพสั่งมาเอง คือว่าเย็นนี้ นพอาจจะต้องพิมพ์ข้อสอบ แล้วอยู่ดึก ก็เลยให้แม่เด็กนักเรียนที่ทำอาหารมาส่งให้ครับ” อัฐณพอธิบาย สองสาวมองหน้ากันทำท่าไม่ค่อยเชื่อมากนัก



“จะสอบกลางภาคแล้วหรอ” เพื่อครูเอ่ย แล้วแยกย้ายกันไป อัฐณพได้แต่ผ่อนลมหายใจ มองนาฬิกาอีกครั้ง จะเที่ยงแล้ว ไอ้ดาร์
ดเอย รอหน่อยนะ ทนหิวไปก่อน คิดในใจ พร้อมเก็บของเข้ลิ้นชัก มองบางอย่างที่อยู่ในลิ้นชักแล้วรีบปิด


“น้องนพ วันนี้เราจะไปทานอะไรดี” เสียงสุนีดังมาแต่ไกล อัฐณพรีบลุกจากเก้าอี้


“ผมไปก่อนนะพี่ แล้วเจอกันที่ร้าน” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ กับสองสาว ที่แอบอมยิ้ม พร้อมพยักหน้าให้ อัฐณพรีบหลบออกด้านหลังห้องพักครู


“สงสัยแห้วรับประทานพี่สุนี” เพื่อนครูเอ่ยแล้วหัวเราะคิกคัก


“น้องนพ อาว” สุนีเอย ซึ่งไม่มีคนที่จะมาชวนไปทานข้าว



“นี้น้องนพไปไหนแล้ว”สุนีหันมาทางสองสาวที่กำลังเก็บของ


“น้องนพ เขาออกไปตั้งนานแล้วคะ พี่” เพื่อนครูเอ่ยตอบ



“ไปไหน พวกเธอรู้ไหม” สุนีถามแทบจะทันที สองสาวส่ายหน้า แล้วลุกจากที่ออกไปสุนีเก็บความสงสัยหันซ้ายทีขวาทีจึงเดินลงส้นเท้าออกไป


   ทางด้านอัฐณพเมื่อหลบออกมาได้ รีบลัดเลาะออกจากตัวอาคารออกไปด้านหลัง เสียงรถจักรยานยนต์เลี้ยวเข้ามาจอดดัก
หน้าพอดี


“จะไปไหนหรือน้องนพ” เสียงทุ่มเอ่ยขึ้น อัฐณพหันกลับมาตามเสียงเรียก นิติกรยังคร่อมอยู่บนจักรยานยนต์สายตรวจ ในชุดครึ่งท่อน



“โอ พี่กร มีอะไรหรือเปล่าครับ” อัฐณพตอบและถาม


“ไม่ได้มีอะไรหรอก เพียงแต่อยากมาชวนน้องนพไปทานข้าวด้วยกัน” นิติกรมองสายตากรุมกริม จนอัฐณพเองยังเขินอาย


“คือว่า...พอดีนัดเพื่อน ๆ ไว้แล้วครับ” อัฐณพกล่าว


“ถ้าอย่างนั้นไปด้วยกัน” นิติกรกล่าว อัฐณพรู้สึกลังเลนิดหนึ่ง


“ทานข้าวด้วยกัน ดูกันไปศึกษากันไป ในฐานะเพื่อน” นิติกรเอย รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เปิดใจแต่อย่างน้อยก็ค่อย ๆ ไปดังคำโบราณว่าไว้ น้ำหยดลงหินสักวันหินมันยังกร่อน อัฐณพยิ้มบาง


“ได้ครับ แต่นพขอเอาข้าวกล่องไปเก็บที่บ้านพักก่อนนะครับ” อัฐณพชูถุงกล่องข้าวขึ้นให้ดู นิติกรพยักหน้า


“ถ้าอย่างนั้น ขึ้นมาเลย” นิติกรกล่าวพลางตบเบาะหลัง เพื่อจะให้อัฐณพได้ซ้อนท้าย


“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว” อัฐณพกล่าว


“อย่างไรเราก็ต้องออกไปด้วยกันอยู่แล้ว มาเถอะ” นิติกรคะยั้นคะยอ  อัฐณพลังเล ชึ่งขณะเดียวกันสาโรชเดินมาถึงซอยเข้าบ้านพอดี จึงแอบหลบเข้าดงหญ้าที่ขึ้นสูง อัฐณพลังเลนิดหนึ่งก่อนก้าวขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ที่ขับเลี้ยวออกมาจากซอยบ้านพักครู เมื่อรถสายตรวจออกไปจนลับสายตา สาโรชจึงออกมาแล้วรีบกลับไปที่บ้านพัก 


   ภายในบ้านกล่องข้าวถูกวางไว้ตรงบันไดบ้าน สาโรชมองนิ่งพร้อมชูปลาช่อนตัวเขื่องขึ้นมาดู


“เขาคงไม่คิดจะกินกะเราแล้วละ” สาโรชเอ่ยกับตัวเอง เดินไปหลังบ้านหาที่ก่อไฟ


“นี้ละหนาชีวิตครูบ้านนอก ไม่มีอะไรสักอย่าง เสร็จงานนี้คงจะซื้อเครื่องครัวให้เป็นการตอบแทนซะแล้ว” สาโรชพูดกับตัวเองอีกครั้งพลาง จัดการหาทางก่อไฟ แต่ก็ไม่วายที่จะเดินไปมองกล่องข้าวอีกครั้ง คราวนี้ความหิวมันรุมเร้าเสียเหลือเกินจึงจัดการข้าวกล่องเสียงเรียบร้อย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   เสียงเปิดกระตูบ้านดังขึ้น อัฐณพเดนหิ่วกล่องข้าวสองกล่องมาว่าง  สาโรชที่กำลังนั่งเผาปลาอยู่หลังบ้านชะโงกหน้าเข้ามาดู


“กลับมาแล้วหรอครับคุณครู” เสียงทักดังขึ้น อัฐณพวางสัมภาระตงทางขึ้นชั้นสอง


“นายไปไหนมา” คำถามแรกสวนมาทันที อัฐณพรีบเดินมาหลังบ้าน


“ไปดูข้างนอก” สาโรชตอบหน้าตาเฉย


“นายไม่กลัวโดนจับหรือไง นายมีคดีติดตัวอยู่นะ” อัฐณพก้าวเข้ามาประชิดตัวสาโรช


“ไปได้นี้มา” สาโรชยกไม้เสียบตัวปลาเผาเกลือขึ้นมาคั้นระหว่างกลาง จนอัฐณพต้องถอยออก มองดูปลาช่อนตัวโตเผาเกลือ



“ถ้านายโดนจับ แล้วนายชัดทอดมาถึงที่นี้ รู้ไหมจะเกิดอะไรขึ้น” อัฐณพเริ่มฉุน


“ไม่ทำให้ครู โดนด้วยหรอก” สาโรชตอบอย่างไม่แยแส



“อย่ามาทำกิริยาแบบนี้นะ” อัฐณพสวมวิญญาณคุณครูอีกครั้ง มองคนตรงข้ามเหมือนเด็กชายที่ตัวเองสอน



“จะให้ทำอย่างไรละครู” สาโรชตอบพลางหยักไหล่ หยักคิ้ว อัฐณพแทบจะเข้าไปหยิกเนื้อ แต่ก็ต้องหยุดก่อน สติพยายามเตือนตัวเอง ว่านั้นไม่ใช่เด็กนักเรียนแต่นั้นคือโจรขนยา



“หึ ดีเหมือนกัน หายแล้วจะไปไหนก็ได้” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ สาโรชจึงยอมบอก



“ก็ไม่ได้หายไปไหน เหมือนกับคนบ้างคนที่มีหนุ่มตำรวจมารับ” สาโรชเอย อัฐณพเองปรับอารมณืแทบจะไม่ทันใบหน้าปรับสีไม่ทันแล้ว 


“นายแอบดู” อัฐณพเอ่ยลอดไรฟัน



“เปล่า ไม่ได้แอบ ตั้งใจเลย แถมยังขับรถผ่านเราหน้าตาเฉย” สาโรชกล่าว เห็นว่าอีกฝ่ายเขินอายมากขึ้น เลยรีบพูดต่อ


“สงสัยมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่เลย หรือว่าจะให้ตำรวจมาจับผม” สาโรชกล่าว



“พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ฉันไม่ทำร้ายคนที่คิดจะกลับตัวกลับใจ ยังพอมีจิตสำนึกให้โอกาสคนเสมอ” อัฐณพกล่าวต่อ จากอารมณ์เขินอายกลายเป็นอารมณ์ฉุนนิด ๆ พลางถอยห่างออก


“จริงหรอ เราก็นึกว่าแจ้งตำรวจมาจับเรา” สาโรชพูดลอย ๆ หันกลับไปเผาปลาต่อ อัฐณพเลยกลับขึ้นบนบ้าน เพื่อเปลี่ยนชุด


“คิดได้เน๊าะ แจ้งตำรวจจับก็จะโดนของหาให้ที่พักพิงด้วยซิ เฮ้อ เมื่อไหร่นายจะไปเสียที” อัฐณพพูดกับตัวเอง



“เอ้า ลืม ปืนอยู่ที่โต๊ะทำงาน ไอ้ดาร์วไป ต้องให้ปืนไปด้วย” อัฐณพเอ่ย พลางส่ายหัวกับความหลงลืมของตัวเอง จากนั้นจึงเปลี่ยนชุดลงไปอาบน้ำด้านล่าง


“คุณครูจะทานด้วยไหมครับ ปลาเผานี้” สาโรชยกปลาขึ้น


“จะกินได้หรือนั้น” อัฐณพเอ่ยถามอีกฝ่าย



“ดูถูก อย่างน้อยๆ ก็ผ่านวิชาลูกเสือสามัญมานะครับ” สาโรชกล่าว พลางยืดอกขึ้น



“ไปจับที่ไหนมาละ ฝีมือดีนี้เรา” อัฐณพถามต่อ



“ออกไปท้องทุ่งนาฝั่งโน้นมา ไปคุยกับคุณตาที่ทำนา ตรงนั้นแล้วคุณตาให้มา” สาโรชเฉลย



“โอย ก็นึกว่าไปทำเบ็ดตกปลา ที่แท้ชาวบ้านให้มา” อัฐณพกล่าวหัวเราะชอบใจ



“นึกว่า ใช้วิชาลูกเสือสามัญ หาทางเอาตัวรอด” อัฐณพกล่าวต่อ



“วิชาลูกเสือแค่เผาเกลือ” สาโรชกล่าวเสียงเข้ม อัฐณพหยุดหัวเราะแทบจะทันที



“แล้วไปหาเกลือที่ไหนมาทำ” อัฐณพถาม เปลี่ยนเรื่องทันที



“บ้านข้าง ๆ ครับ” สาโรชตอบ ทำท่าบุ้ยไปบ้านพักครูอีกหลังที่อยู่ข้าง ๆ อัฐณพตกใจเล็กน้อย



“นี้นายไม่กลัวอะเลยหรอไง กล้าออกไปแสดงตัว” อัฐณพเอ่ย



“ใครจะมาจำผมได้ ดูซิหน้าตาแบบนี้” สาโรชตอบ พร้อมชี้มาที่หน้าตัวเอง



“แล้ว เขาก็ให้มา เหมือนที่ได้ปลามา” อัฐณพเอ่ย 



“ผมเดินไปขอกับภรรยาคุณครูที่เดินผ่านหน้าบ้านประจำ” สาโรชอธิบาย อัฐณพมือเท้าเย็น



“แล้ว พี่เขาไม่ตกใจหรอ” อัฐณพรีบถาม



“ตอนแรกพี่เขาก็ตกใจ แต่ผมอธิบายว่า ผมเป็นแฟนคุณครูนพ เพิ่งมาพักด้วย เขาเลยให้มา” สาโรชกล่าว ยิ้มอวดฟันสวย



“เฮ้ย ได้ไง ไอ้ดาร์ว พูดอะไรแบบนั้น” อัฐณพแทบจะเจ้าเข้า เมื่ออีกฝ่ายประกาศให้บุคคลอื่นรู้



“เอาผมก็เห็นว่า ครูครูรู้ไส้รู้พุงผมหมดแล้ว จะทำไมละ ครูนพต้องรับผิดชอบผมด้วย” สาโรชเอ่ยยิ้ม ๆ



“นาย ไอ้ดาร์ว พูดแบบนี้ ฉันเสียหายนะเว้ย มาขี้ตู่ แล้วคนอื่นเขาจะคิดยังไง” อัฐณพเริ่มฉุนอีกครั้ง



“ทำไงได้ละ พูดไปแล้ว” สาโรชเองก็ไม่ลดละ แล้วกลับเข้ามาในบ้าน



“นี้ นายจะทำอะไร จะมาเอาอาชีพการงานของฉันให้มัวหมอง มีความผิดไปกับนายนะไอ้ดาร์ว” อัฐณพเริ่มขึ้นเสียง สาโรชหัวเราะเบา ๆ



“ไม่ทำให้มัวหมองหรอก หรือจะไม่รับผิดชอบผม” สาโรชกล่าวต่อ



“รับผิดชอบอะไร มีอะไรต้องรับผิดชอบ” อัฐณพสวนกลับแทบจะทันที อาการเหมือนหนูติดจั่น



“เอาผมขึ้นมารักษา มาดูแลต้องดูแลให้ตลอด ต้องรับผิดชอบผมด้วย” สาโรชลากเสียงยาว



“นายจะมาใช้บ้านพักครูเป็นฐานขายยาบ้าไม่ได้ นะ ถ้านายหายเป็นปกติแล้ว นายควรออกไปจากบ้านพักครูได้แล้ว” อัฐณพเริ่มโมโห



“ถึงกับออกปากไล่ ผมไม่อยู่ให้เป็นหนามยอกใจหรอก ผมหายดีผมไปแน่” สาโรชเอ่ยเสียงเข้ม อัฐณพนั้นพยายามกดอารมณ์ไว้อย่างที่สุด


“จำคำของนายไว้ด้วย” อัฐณพเอ่ยแล้วเข้าห้องน้ำ


“จะกินไหมปลาเผาเกลือ” สาโรชเอ่ย ยิ้มให้กับตัวเอง ที่ทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียได้ สักพักได้ยินเสียงน้ำกระทบผนัง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   สาโรชล้มตัวลงนอนหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว อัฐณพเองก็กำลังดูใบงานของเด็กนักเรียน อารมณ์ฉุนเมื่อตอนหัวค่ำยังกรุ่นอยู่ในใจ แลดูอีกฝ่ายด้วยหางตา


“ครูนพครับ ครูนพ” เสียงครูชัชวาลดังจากหน้าบ้าน


“ครับพี่ชัช” อัฐณพขานรับ แล้วเปิดหน้าต่าห้องนอน ออกไป



“ครู ระวังตัวด้วยนะ วันนี้ เห็นชาวบ้านเขาบอกว่า จะมีการขนของผิดกฎหมายอีก ให้ระวังตัวด้วย กลัวจะโดนลูกหลง” ครูชัชวาลตะโกนบอก


“จริงหรอครับ” อัฐณพใจหาย หันไปดูชายหนุ่มอีกคนที่นอนฟัง



“ครับ ชาวบ้านบอกว่า เห็นมีคนคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านและแถว ๆ โรงเรียนเรา” ครูชัชวาลกล่าว



“แล้ว ผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ” อัฐณพเริ่มกลัว



“ถ้ามีอะไรก็อย่าลงมาจากบ้านนะครับ” ครูชัชวาลกล่าว แล้วเดินเข้าบ้านตัวเอง สิ้นเสียงของครูชัชวาลสาโรชลุกขึ้นนั่งทันที อัฐณพเองหันมาเห็นยังตกใจ



“เป็นอะไร” อัฐณพถาม สาโรชหันมาจ้องหน้า



“ปืนอยู่ไหน” สาโรชถาม



“ไม่มี ไม่ได้อยู่ที่นี้ แล้วนายจะไปไหน” อัฐณพถามอีกครั้ง


“จะไปดู” สาโรชตอบเตรียมตัวจะลุก



“เห็นไหม นายเปิดเผยนตัวให้ชาวบ้านเห็น สักหน่อยตำรวจก็จะมาจับนาย” อัฐณพกล่าว


“ไม่เคยกลัวสักนิด” สาโรชตอบลุกขึ้นยืน


“ไม่ได้ ห้ามไปข้องเกี่ยวกับสิ่งพวกนี้อีก” อัฐณพพยายามห้าม สาโรชไม่ฟังเปิดประตูห้องลงไปชั้นล่าง


“ล๊อกห้องด้วย บ้านไม่ต้องล๊อก กลับมาจะเคาะ” สาโรชกล่าว แล้วออกจากบ้านฝ่าความมืดออกไป



“ไอ้ดาร์วเอ้ย จะช่วยยังไงดี” อัฐณพกล่าว รีบวิ่งตามลงไปชั้นล่าง


“ตายคราวนี้ ก็สิ้นเวรสิ้นกรรมต่อกันนะไอ้ดาร์ว” อัฐณพเอ่ยกับตัวเอง มองฝ่าความมืดออกไป มือเท้าเริ่มชื้นจากเหงื่อ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ครูนพ เลือกปลัดก็ดี ตำรวจก็ดี ของดีเบิ้ลสอง

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
บทที่ 5 ค่ำคืน....แสงจันทร์ส่อง
   ภายในอาคารเอนกประสงค์ กำลังมีงานเลี้ยงเพื่อหารายได้ในการจัดงานบุญประจำปีของอำเภอ ซึ่งมีหลายหน่วยงานเข้าร่วม เพราะทางอำเภอเป็นเจ้าภาพ บุคคลากรของโรงเรียนได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ครูอัฐณพ ครูสุนี ครูกี๊กกาบ ครูชัชวาล ครูอนงค์ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามผู้อำนวยการโรงเรียนไปด้วย เพลงลูกทุ่ง ลูกกรุงถูกขับกล่อมสลับกัน ถึงงานจะไม่ได้ใหญ่นัก ซึ่งได้รับความร่วมมือกับทางหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเช่นเดียวกัน


“ท่าน ผอ. ค่ะ รับเครื่องดื่มอะไรคะ” สุนีที่นั่งข้าง ๆ ผู้อำนวยการเอ่ยถาม และชายตามองมายังครูเพื่อนสวที่มาด้วย ให้คอยฟังท่านผู้อำนวยการสั่ง


“นพ ไปดูอาหารกันดีกว่า” กิ๊กกาบ กระซิบข้าง ๆ หู พลางพยักหน้าให้กับครูอนงค์ไปพร้อม ทั้งสามคนจึงลุกจากที่


“น้องนพจะไปไหนกัน” สุนีถาม ใช้สายตามปราบกิ๊กกาบ และอนงค์ด้วย


“จะไปดูซุ้มอาหารครับ” อัฐณพตอบ แล้วเดินตามสองสาวไปที่ซุ้มอาหาร ทำให้สุนีรู้สึกขัดใจนิด ๆ ที่เป็นว่าตัวเองต้องอยู่ดูแล ผู้อำนวยการเสียงเอง ชัชวาลถือจานของขบเคี้ยวมาว่าง


“เอา น้อง ๆ ไปไหนละครูสุนี” ชัชวาลถาม สุนีค้อนวงใหญ่


“คงไปหาเครื่องดื่มให้ตัวเองกระมั่งคะ” สุนีตอบ บนเวทีมีการแสดงแสงสีเสียง ตามลำดับขั้นตอน อัฐณพเดินดูอาหารต่าง ๆ ตามร้านที่ออกจำหน่าย


“สวัสดีครับ ครูนพ” เสียงทักจากด้านหลังทำให้ทั้งกลุ่มหันไปมองเจ้าของเสียง ชายหนุ่มในชุดครึ่งท่อน เดินมาหากลุ่ม 


“สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ คุณตำรวจ” ทั้งหมดกล่าวพร้อมกัน


“ครับ มากันกี่คนครับ” นิติกรโค้งคำนับและถามต่อ มองดูจานอาหารในมือของอัฐณพ



“แปดคนครับ นั่งอยู่ตรงโน้น” อัฐณพตอบพลางโบยหน้าไปทางฝั่งซ้ายของเวที



“แล้วพี่ตำรวจกรละ มากันกี่คนค่ะ” กิ๊กกาบเอ่ยถาม



“มากันห้าคนครับ ยังไม่มีที่นั่งเลย”นิติกรตอบ สุนีเดินเข้ามาสมทบพอดี



“อุ้ย สวัสดีค่ะคุณตำรวจ มาด้วยหรือคะ มีที่นั่งหรือยัง ที่โต๊ะเรายังเหลือที่ให้นะคะ มาค่ะสุนีจะพาไป” อาจารย์สุนีรีบเสนอตัวก่อนคล้องแขนชายหนุ่มและออกแรงดึงเล็กน้อย นิติกรเลยค่อมตัวลงเล็กน้อย กิ๊กกาบและอนงค์มองหน้ากัน



“ดูซิ ทำไมทำตัวแบบนี้” อนงค์เอ่ยเบา ๆ



“นั้นซิ พี่อนงค์ ดูซิเป็นเจ้ากี้เจ้าการ” กิ๊กกาบเอ่ย อนงค์ถือว่าเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มสุดเลยได้แต่หัวเราะ



“นั้น หัสเราะทำไม หรือกิ๊กกาบพูดอะไรผิด” กิ๊กกาบค้อนให้เล็กน้อย 



 “พี่เขา ไม่มีใครสนใจไง เห็นไหม ตอนที่น้องนพมาใหม่ ๆ ก็ทำท่าทางหึงหวงนพจะเป็นจะตาย” อนงค์อธิบาย อัฐณพที่ยืนฟังยังรู้สึกเขินเล็กน้อย



“อย่ามาทำเขินที่นี้นะ ไม่เห็นหรือวันก่อนวิ่งมาหาถึงห้องพักครู” กิ๊กกาบกล่าวอย่างฉุน ๆ



“ก็ ไม่รู้จะให้พูดอะไรนี้” อัฐณพเอ่ย



“ใครหล่อ ใครหน้ารัก พี่สุนีนี้ละก่อนเพื่อน”กิ๊กกาบค้อนไปทางโต๊ะที่ผู้อำนวยการนั่งอยู่ อัฐณพหันไปมองสุนีกำลังดูแลนิติกร สายตาประสานกัน รู้สึกว่านิติกรเองก็อย่างออกมาจากตรงนั้น ซะมากกว่า แต่ก็โดนสุนีรั้งไว้เหมือนเดิม



“ไปดูของตรงนั้นดีกว่า แล้วเราค่อยไปหาโต๊ะใหม่นั่ง” อนงค์กล่าว กิ๊กกาบเลยรีบตาม อัฐณพจึงต้องตามสองสาวและช่วยถือของให้ สักครู่ใหญ่สามคนจึงได้ที่นั่งอีกด้าน การแสดงบนเวทีกำลังสนุกสนาน สองสาวโยกไปตามเสียงเพลง



“ไม่ค่อยเห็นน้องนพ ออกสเต็ปแดนซ์เลย” อนงค์เอ่ยขึ้น



“ไม่เคยครับพี่” อัฐณพตอบ


“พี่นงค์ก็ถามได้ ที่โรงเรียนกำลังหาฉายาให้นพอยู่นะ” กิ๊กกาบเอย



“ฉายาอะไร” อัฐณพและอนงค์เอ่ยพร้อมกัน



“ฉายาพระเวสสันดร” กิ๊กกาบตอบพลางหัวเราะ อนงค์ทำหน้างง ส่วนอัฐณพนั้นยิ้มบาง ๆ



“เกี่ยวอะไรกันยายกิ๊ก กับพระเวสสันดร” อนงค์ สงสัย


“ก็อบายมุขทุกอย่าง ไม่ยอมแตะ กิ๊กละอยากรู้จริง ว่าใครจะได้เป็นแฟน” กิ๊กกาบกล่าว



“ทำไม อยากลงแข่งกับพี่สุนีหรือไง” อนงค์กะโกนแข่งกับเสียงเพลง พอดีนิติกรเดินมาที่โต๊ะ


“คนเยอะมากเลยนะ ขนาดว่าไม่ใช่งานใหญ่โต” นิติกรเอ่ยขึ้น พร้อมกับลากเก้าอีกออกมานั่ง อัฐณพยิ้มให้ มองรอบ ๆ งานเป็นจริงอย่างกับชายหนุ่มพูด



“แม่เสือสาวยอมปล่อยออกมาได้ไง” กิ๊กกาบเอ่ยขึ้น ทำให้นิติกรสงสัย



“คุณตำรวจกร อย่าไปถือยายกิ๊กบ้าเลยค่ะ” อนงค์อธิบาย นิติกรยิ้มรับ



“งานแบบนี้คงไม่มีเรื่องราวหรอกนะครับ จนต้องใช้การรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มพิกัด” อัฐณพกล่าว เมื่อเห็นว่าตำรวจในเครื่องแบบเข้ามาภายในงานด้วย



“ไม่แน่นะน้องนพ” อนงค์กล่าว



“ผมขอตัวสักครู่นะครับ” นิติกรเอ่ยแล้วลุกไปหากลุ่มตำรวจที่เข้ามาภายในงาน



“พี่อนงค์เรากลับไปร่วมกลุ่มดีไหม” กิ๊กกาบเอ่ยชวน ทั้งสามจึงรีบลุกไปรวมกลุ่ม การแสดงบนเวทีต้องมีอันยุติลงก่อน เมื่อตำรวจในเครื่องแบบเข้ามาภายในงาน นายตำรวจเชิญแขกที่อยู่ในงานออกไปด้านนอก จากนั้นหลาย ๆ โต๊ะที่นั่งอยู่ก็เริ่มทยอยออกไป


“พวกเราจะกลับกันเลยไหม” ผู้อำนวยการโรงเรียนถาม


“กลับซิคะ สุนีกลัว” สุนีรีบตอบ


“งานเลยกร่อยเลย” ชัชวาลรีบพูด ขึ้น


“เอาไปดื่มต่อที่บ้านก็ได้ ครูชัช” อนงค์เอ่ยบ้าง



“ได้ไง เมียครูชัชจะได้เขกกบาลให้” สุนีตอบสวนมาทันที จนครูชัชวาลเองต้องยอมปล่อยขวาเหล้า



“กลับกันเถอะ พรุ่งนี้จะไปทำบุญหยุดยาวหลายวันพวกเราไม่คิดจะกลับบ้านกันบ้างหรือไง” ผู้อำนวยการกล่าว ถือว่าเป็นคำสั่งภายในตัว ทุกคนเลยลุกเตรียมออกจากงาน


“เดี๋ยวครับ รอผมด้วย” นิติกรวิ่งมายังกลุ่ม



“คุณตำรวจคะ เกิดอะไรขึ้น สุนีตกใจแทบแย่” สุนีเอ่ย พรายออดอ้อนชายหนุ่ม



“ตำรวจเขาขยายผลจับผู้อยู่เบื้องหลัง พวกขายยานะครับ” นิติกรกล่าว ทั้งหมดเลยพยักหน้าเข้าใจ



“ตาย จริง ที่เขาเชิญไปผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมองทั้งนั้นนะคะ” สุนีทำท่าตกใจ


“ครับ งานก็เลยต้องยกเลิกโดยปริยาย” นิติกรกล่าว



“ถ้าอย่างนั้นเราก็กลับกันได้แล้ว” ผู้อำนวยการเอ่ยอีกครั้ง ทุกคนจึงต้องเดินตาม นิติกรคว้ามืออัฐณพไว้



“พี่ไปส่ง” นิติกรกล่าว พลางฉุดดึงให้อัฐณพเดินตาม



“พี่อนงค์กลับเลยครับไม่ต้องห่วงนพ” อัฐณพกล่าวกับอนงค์ที่เดินมาด้วยกัน 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   เงาตะคลุ่ม นั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ เพ่งสายตาสอดส่องผ่านสลัวของแสงจันทร์  เสียงกบเขียด หริ่งเรไรร้องประสานเสียงกันเบา ๆ แสงไฟจากจากแบตเตอรี่ของคนที่หากบเขียดส่องแวบวาวไปมา



“วันนี้ มีแสงจันทร์มันไม่ขนกันหรือไงวะ วันก่อนเล่นกันเป็นลัง ๆ” สาโรชบ่นกับตัวเอง จากนั้นจึงค่อย ๆ ปีนลงจากต้นไม้ใหม่ มือก็คอยระวังมัจจุราชเหล็กที่อัฐณพคืนมาให้เมื่อวันก่อน เมื่อลงมาถึงพื้นจึงเดินทางกลับ



“เอาไว้วันหน้าก่อนเถอะ กลับไปนี้จะสาวให้ถึกตัวการใหญ่เลยที่เดียว” สาโรชพูดกับตัวเอง แล้วรีบเดินทางกลับบ้านพักครู เมื่อมาถึงจึงจัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมพักผ่อน ความรู้สึกคล้าย ๆ จะมีไข้ ภาวนาอย่าให้มีไข้ไม่อย่างนั้นโดนบ่นแน่ ๆ เมื่อล้มตัวลงนอน คิดอะไรเพลิน ๆ จึงลุกขึ้นนั่งมองไปที่โต๊ะอ่านหนังสือเล็ก ๆ สาโรชลุกขึ้นไปเปิดดูหนังสือบางเล่ม ก็เจอภาพถ่ายอีกภาพที่คั้นหนังสือไว้ ภาพของอัฐณพกำลังร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆ สาโรชไล่ดูกิริยาของแต่ละคน มีบางคนในภาพที่จ้องมองอัฐณพ อย่างกับพออกพอใจ


“สงสัย มีรักในวัยเรียน” สาโรชพูดกับตัวเองแล้วยิ้มขบขัน วางรูปไว้ที่เดิม จากนั้นลองเปิดหน้าหนังสือใหม่ พิจารณาลายมือ ถือว่าคัดลายมือได้สวยที่เดียว เสียงรถจักรยานยนต์ดังมาแต่ไกล สาโรชจำได้เสียงรถแบบนี้ไม่ใช่อื่น และมาจอดที่หน้าบ้าน


“วันนี้บุกถึงหน้าบ้านเลยหรือวะ” สาโรชเอ่ย จากนั้นลงไปตรงช่องตรงบันได ชายหนุ่มมองสองหนุ่มที่ลงจากรถแล้วเดินข้ามาตรงหน้าบ้าน แสงไฟจากใต้ถุนบ้านส่องให้เห็นทั้งสองคนอย่างชัดเจน


“พอเห็นชัด ๆ น่าตาดีเหมือนกันนี้คุณตำรวจ” สาโรงเอ่ยกับตัวเอง


“ขอบคุณพี่กรมากนะครับที่มาส่ง” อัฐณพเอยขอบคุณ นิติกรคว้ามืออัฐณพมาจับไว้และบีบเบา ๆ


“ไม่เป็นไรครับ พี่เต็มใจ สำหรับน้องนพ พี่ยินดี” นิติกรกล่าวพลางส่งสายตากรุมกริมให้กับชายหนุ่มตรงหน้า อัฐณพรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย พยายามดึงมือออกจากการกุ่มไว้


“พี่กร เออ คือว่า” อัฐณพอยายามอธิบาย


“ว่าไงครับ คนดี” นิติกรหยอดความหวานต่อ


“พี่กรปล่อยนพเถอะครับ” อัฐณพเอ่ยออกมา นิติกรจึงจำยอมต้องปล่อย



“น้องนพ ให้โอกาสพี่สักครั้งได้ไหม” นิติกรเอ่ยแล้วถอนหายใจออกมา เหมือนโดนกดดันอย่างไรไม่รู้ กลัวว่าผู้ชายตรงหน้าจะไม่ชอบด้วย 


“เราเป็นพี่น้องกันไม่ได้กว่าหรือครับ” อัฐณพเอ่ย พยายามรักษาน้ำใจของนายตำรวจหนุ่มด้วย


“พี่อยากเป็นมากกว่าพี่น้อง” นิติกรเอ่ย ยื่นคำขาด  พอดีกับครูชัชวาลเดินมาถึงหน้าบ้านพอดี


“มาถึงเร็วกว่าพวกเราอีกนะครับ คุณตำรวจ” ครูชัชวาลกล่าว


“ครับ จักรยานยนต์มันขับซอกแซกได้” นิติกรกล่าวตอบ


“รู้ไหมว่า น้องนพมากับตำรวจ ยายสุนีแทบจะกรี๊ดในรถตู้เลย” ครูชัชวางเข้ามากระซิบกับอัฐณพ


“ขนาดนั้นเลยหรอครับ” อัฐณพกล่าว พลางขบขัน


“ไปก่อนละ เดี๋ยวเมียไม่ให้นอนบ้าน” ครูชัชวาลกล่าว พลางโบกมือให้นิติกร


“เดินดี ๆ นะครับ ระวังพวกสัตว์เลื้อยคลานด้วย” นิติกรเอ่ยตามหลัง


“ไม่เป็นไร พวกงูพวกนี้มันกลัวผม” ครูชัชวาลตอบ จากนั้นก็ร้องเพลงเบา ๆ ไปยังบ้าน


“สรุป ครูเขาเมาหรือเปล่า” นิติกรหันมาถามอัฐณพ


“ก็คงอย่างนั้นมั่งครับ” อัฐณพตอบ   


“เล่นมาจีบกันถึงบ้านเลยนะตำรวจ” สาโรชเอ่ยกับตัว ซักรู้สึกไม่คอยจะชอบสักเท่าไหร่


“เอ้ คนของเราก็เล่นตัว” สาโรชกล่าวต่อ พลางใช้นิ้วมือลูบหนวดบริเวณคางเบา ๆ


 “ดึกแล้วพี่กรก็ควรกลับได้แล้วนะครับ” อัฐณพบอกด้วยความห่วงใย


“พี่ว่าจะขอ....กาแฟสักแก้ว” นิติกรเอ่ย เว้นวรรคให้อีกฝ่ายนั้นตีความหมาย


“โอ้ พอดี ที่บ้านไม่มีกาแฟเลยครับ”อัฐณพออกตัว 


“หรือครับหว่า ว่าจะอยู่คุยเป็นเพื่อนต่ออีกคงไม่ได้” นิติกรแสดงอาการผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด


“จริงครับ นพมาอยู่นี้ก็จะครบเทอม แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย” อัฐณพตอบ


“ถ้าอย่างนั้นไปบ้านพักที่ดีไหม” นิติกรเอ่ยปากชวน


“ไม่ดีมั่งครับ นะครับ” อัฐณพตอบสวน พร้อมอ้อนนิด ๆ นิติกรชังใจ


“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้วันหน้าพี่จะมาใหม่นะ” นิติกรกล่าว คว้ามืออัฐณพมาวางตรงหัวใจ  อัฐณพเขินอายใบหน้าแดงขึ้นมา ดีที่เป็นเวลากลางคืนจึงไม่มีใครเห็น


“ยะ อย่า ๆ ทำแบบนี้ครับ” อัฐณพเอ่ย นิติกรยิ้ม


“ทำให้รู้ว่า พี่กรคิดอย่างไรกับน้องนพ” นิติกรเอ่ยและจะโน้มตัวเข้าประทับรอยจูบ อัฐณพเห็นท่าไม่ดีจึงถอยออกมาหนึ่งก้าว


“เอาไว้  ค่อยมาใหม่นะครับ” อัฐณพเอ่ย ค่อยๆ ดึงมือกลับ นิติกรนั้นดีใจจนเนื้อเต้น คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้เปิดโอกาสให้เขาแล้ว 


“ได้ครับ” นิติกรก้าวเข้ามาแล้วโน้มตัวเข้ามาหอมแก้มแทน  อัฐณพตกใจรีบสลัดมือให้หลุด


“พี่กรครับ คือ ......” อัฐณพติดอ่าง ใจร้อนร่น ตั้งแต่เกิดมามีแค่แม่กับน้องสาวเขาเท่านั้นที่ทำกับเขาแบบนี้ อัฐณพกระพริบตาถี่ ๆ


“อะไรครับน้องนพ”นิติกรส่งสายตาหวานมาให้อีกครั้ง มีความรู้สึกพึงพอใจผู้ชายที่ยืนตรงหน้านี้มาก


“ผมว่าพี่กร    กลับดีกว่าครับ” อัฐณพกล่าวตัดบท ทำให้นายตำรวจหนุ่ม ชะงักนิดหนึ่ง


“อือ ไม่เป็นไรครับ ถือว่าพี่เร็วเกินไปน้องนพไม่พร้อม” นิติกรกล่าว และถอยออกมา คิดเอง เออเองครบ อัฐณพเงียบไม่พูดอะไรต่อ ตำรวจหนุ่มจึงต้องหันกลับไปขึ้นรถขับออกไป อัฐณพถอนหายใจออกมา หันไปเปิดประตูบ้าน ร่างชายหนุ่มอีกคนยืนตระหง่านตรงบันได ไอ้ดาร์วมาตั้งแต่เมื่อไร


“ยังไม่นอนอีกหรอไง” อัฐณพเอ่ยเมื่อรวบรวมสติได้


“ยัง” สาโรชตอบ สั้นๆ ห้วน ๆ จนคนฟังรู้สึกกลัว


“ขอตัวนะ อยากอาบน้ำ พรุ่งนี้จะกลับบ้านแต่เช้า” อัฐณพเอ่ยเสียงเข้มเหมือนกัน ทำให้อีกสาโรชแปลกใจ คงนัดอะไรกันไว้แน่ คิดดังนั้นจึงขบกรามแน่


“จะให้ผมอยู่กับใคร”สาโรชถาม อัฐณพหยุดนิ่ง  จากนั้นจึงก้าวขาขึ้นบนบ้าน


“จะทิ้งผมไปหรือไง” สาโรชเริ่มพาล อัฐณพหันหลับมา


“ก็ ถ้าจะอยู่ต่อก็ได้ เฝ้าบ้าน อาหารมีพวกบะหมี่สำเร็จอยู่ในถุง ปลากระป๋อง ข้าวหุงเองนะหรืออกไปซื้อหน้าโรงเรียน แต่เท่าที่ดูแผลก็เริ่มแห้งแล้ว น่าจะไปตามทางของนายได้แล้วนายดาร์ว” อัฐณพกล่าว


“ใครดาร์ว” สาโรชสวนกลับ ทำหน้างง และจ้องหน้าอัฐณพที่อยู่บันไดขั้นสูงกว่า


“ก็นายให้ผมเป็นคนตั้งชื่อเองไม่ใช่หรือ” อัฐณพท้วงความจำ


“ผมมีชื่อมีนาม ไม่ได้ต้องให่ใครมาตั้งให้” สาโรชเริ่มโมโห นัยน์ตาแดงกำ


“จริงของนาย แล้วนายชื่ออะไร มาอยู่นี้ก็นานแล้ว เมื่อไหร่นายจะไปเสียที” อัฐณพกล่าว ออกปากไล่ ยิ่งเป็นการจุดฉนวนความโกรธให้สาโรช


“ออกปากไล่เลยหรือ ออลืมไปมีแฟนเป็นตำรวจแล้วนี้” สาโรชเอ่ยเยาะหยัน


“มันไม่เกี่ยวกับนาย คนละเรื่อง” อัฐณพเอ่ยเลือดฉีดทั่วหน้า


“ทำไมจะไม่เกี่ยว” สาโรชก้าวเท้าขึ้นบันได อัฐณพเห็นท่าไม่ดีรีบหันหลังกลับวิ่งขึ้นไป สาโรชนั้นเร็วกว่าอยู่แล้วอัฐณพก้าวขึ้น
บันไดขึ้นสุดท้าย สาโรชก็รวบตัวได้ทันที อัฐณพล้มลงสาโรชใช้แขนอีกข้างโอบให้ร่างของอัฐณพทับลงไป


“ปล่อยนะ ไอ้ดาร์ว ไอ้มหาโจร ไอ้ทำลายชา....”ยังไม่ทันหมดคำริบฝีปากหนาประทับลงฝีปากบาง อัฐณพเบิกตากว้าง สาโรชได้ทีบีบตรงขากรรไกรล่าง อัฐณพเปิดปากให้สาโรชครวญหาความหวานในอุ้มปาก อัฐณพยายามดิ้นจนสาโรชหลุด


“จะมากไปแล้วนะ ปล่อยนะ ไม่อย่างนั้นโดนหมัดนี้แน่” อัฐณพหง่างหมัดเตรียมตัวป้องกันตัว สาโรชไม่กลัวรวบหมัดแล้วอุ้มอัฐณพขึ้น


“เฮ้ย มันไม่ใช่แบบนี้นะ ปล่อยนะ” อัฐณพตะกายทั้งถีบ ทั้งถ่องใส่สาโรช


“อย่าฤทธิ์เยอะ เดี๋ยวฆ่าปิดปากเสียเลย” สาโรชพูดลอดไรฟัน อัฐณพสั่นเป็นเจ้าเข้า รีบวางลงที่นอน


“อย่าทำอะไร เราเลยนะนาย เรากลัวแล้ว” อัฐณพใจสั่น สาโรชยิ้มบางยียวนอีกฝ่าย


“ช้าไปแล้วละครู” สาโรชกล่าว พร้อมรวบข้อมือด้วยมือข้างเดียวอีกมือหนึ่งบีบตรงปากให้อ้าออกก่อนประกอบริมฝีปากลงอีกครั้ง ใช้ลิ้นคว้านหาความหวาน


“อือ” อัฐณพประท้วงที่โดนล้วงล้ำ นานหลายนาที สาโรชจึงถอนริมฝีปากออก ยอมรับว่าเห็นภาพก่อนหน้านั้นรู้สึกไม่ดี เหมือนจะเสียของรักไป


“ห้ามกัดลิ้น ถ้ากัดจะเอาให้ตายคาเตียงนี้ละ” สาโรชกล่าว อัฐณพเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ
“นายปล่อยเราไปเถอะ อย่าทำอะไรเราเลย เราไม่เอาเรื่องนายหรอก” อัฐณพลองใช้ไม้อ่อนดูบ้าง แววตาเหมือนกวางน้อยที่ถูก
พยักขย้ำ 


“ไม่มีทาง เคยลองกับผู้หญิงวันนี้จะลองกับผู้ชายดูจะเป็นไง”สาโรชกล่าวเสียงเข้ม พร้อมกับจูบลงอีกครั้ง คราวนี้ยาวนาน อัฐณพที่อยู่ด้านล่างอ่อนระทวย จากที่ขัดขื่นก็ยอมอ่อนตาม บทเพลงนี้ช่างยาวนานยิ่งนัก 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   พายุอารมณ์พัดผ่านไป สาโรชกอดอัฐณพไว้ภายในอ้อมกอด ดูอัฐณพนั้นพยายามที่จะขยับออกแต่เขาทำเสียงขู่ไว้ จึงยอมสงบแล้วหลับไปโดยดี ตั้งแต่รู้ความจำความได้ ชีวิตผ่านมาตั้งนาน หญิงหลายคน แต่กลับชายคนนี้ คนที่นอนอยู่ในอ้อมกอดเขานี้ช่างหอมหวานเหลือเกิน ไม่มีจริต จะกร้าน หนักบ้างผ่อนตามบ้าง และแปลที่ตัวเขาเอง ก็รู้สึกดีที่คนนี้อยู่ในอ้อมกอด ชายหนุ่มจูบลงที่เปลือกตา ที่ตอนนี้ยังปิดสนิท นวดทิ่มตรงแก้ม


“ได้ดาร์ว ปล่อยกู ไอ้สัส ไอ้.........อุ๊ป” อัฐณพสถบ เมื่อตื่นขึ้น สาโรชเลยใช้ปากประกบริบฝีปากเก่ง อัฐณพพยายามดิ้นให้หลุด แต่ก็โดนอีกฝ่ายเกาะเกี่ยวไว้ สะบัดหน้าให้หลุดจากรสจูบนี้ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนแก่นกายของผู้เป็นต่อกำลังตื่นตัว สายตาเหลือบเห็นบาดแผลที่ตอนนี้แห้งแล้วกำลังตกสะเก็ด จึงกัดลงไปเต็มรัก


“โอ้.....เจ็บ....ซี๊ด ๆ พี่ ปล่อยแล้ว” สาโรชร้องออกมา เป็นผล เป็นการหยุดการกระทำได้ชะงัก สาโรช จำเป็นต้องคลายอ้อมแขนออก แต่ก็ยังไม่คลายออกหมด ยังคงประคอง ไว้อยู่ เลือดจากแผลหัดเริ่มไหล่ออกมาอีก


“เลือด” อัฐณพอุทานด้วยความตกใจ สัญชาตญาณการรักษา


“กดแผลไว้นะ” อัฐณพกล่าวแล้ว รีบลุกขึ้นหาชุดทำแผล ทำความสะอาดบาดแผล ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่สนิทใจ   ลืมแม้กระทั่งตอนนี้ที่ไม่มีอะไรใส่ รีบทำความสะอาดบาดแผลและกดแผลไว้ เงยหน้ามองคนที่นอนอยู่ สายตาประสานจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว อัฐณพชะงักปล่อยมือจากการกดแผล ช้าไป เพราะอีกคนรวบตัวไว้ทันพอดี


“ไปไหน พี่ขอโทษนะ”สาโรชเอ่ยเสียงทุ่มข้างหู อัฐณพขันขืนเล็กน้อย 


“ปล่อยเถอะ” อัฐณพกล่าวเสียงเรียบ เจ็บใจตัวเองกำสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด สาโรชเองก็รู้สึกผิดที่ทำอะไรลงไปแบบนั้น จึงเอื้อมมือไปวางตรงหัวไหล่


“ถอยออกไป”  อัฐณพกล่าวเสียงเข้ม


“พี่ยอมทุกอย่าง พี่ขอรับ” สาโรชเอย


“ไม่ต้อง ออกไปจากนี้ ออกไปจากชีวิตฉัน” อัฐณพสวนออกมา สาโรชได้แต่ส่ายหน้า


“นพ นอนเถอะ พี่ไปเอง” สาโรชเอ่ย แล้วลุกมานอนตรงที่นอนตัวเอง


“นายควรออกจากบ้านไปตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่ฉันจะโทรเรียกตำรวจ” อัฐณพเอ่ย ก้าวมาหาสาโรชที่ล้มตัวนอน อัฐณพกระโดดขึ้นทับร่างสาโรชรั่วหมัดเข้าใส่ 


“จะฆ่าผัวหรอ” สาโรชเอ่ยพลางหยักคิ้วข้างหนึ่งให้อย่างเป็นต่อ เมื่อรวบร่างนั้นไว้ในอ้อมกอด


“หยุด ไอ้เวร ไอ้ห้าร้อย ไอ้ขนยา” อัฐณพสถบออกมา เจ็บใจยิ่งนักไม่น่ารนเข้ามาหาเขาเอง


“จุ ๆ  ไม่น่าเชื่อจะได้ยินคำก่นด่าจากแม่พิมพ์ของชาติ” สาโรชเอ่ยเสียงเข้ม คำพูดนี้ยิ่งทำให้อัฐณพโมโหยิ่งขึ้น


“แกไอ้ขายยา ไอ้พวกไม่มีความเป็นคน” อัฐณพสถบอีกครั้ง สาโรชส่ายหัวไปมา


“บอกให้หยุด ไม่งั้นตายคามือแน่” ชายหนุ่มขู่ทำให้อัฐณพหยุดนิดหนึ่ง ก่อนสัญชาตญาณเอาตัวรอดเริ่มขึ้นใช้เท้าถีบทุกอย่างที่ขวางทิศทาง


“พอๆ พี่ยอมละ อย่าเพิ่งตัดสินใครจากสิ่งที่เราไม่รู้ความจริง พี่ขอนอนพักพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” สาโรชเอย  ส่งเสียงอ่อนโยนลง ทำให้คนที่อาละวาทสงบลงนิดหนึ่ง


“จะไปไหนก็ไป” อัฐณพพยายามลุก แต่สู้แรงสาโรชไม่ไหว ต้องนอนอยู่อ้อมกอดสาโรชต่อไป

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :hao6: :hao6:
หวายๆ จะฆ่าผัวเหรอ พูดมาได้ยังไงเนี่ย นพเขาอายนะ
ไม่ดีเลยความหึง สามารถทำให้คนปกติมาเป็นเมียได้
แต่ก็ดีใจกับทั้งคู่ด้วยนะ ที่เป็นของกันและกันแล้ว
ตำรวจก็หมดสิทธิ์มาตอแยครูนพ บอกไปเลยว่ามีปั๋วแล้ว
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
สาโรชช่างร้ายนักรวบหัวรวบหางกินน้องไม่เหลือให้ตำรวจเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด