ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)  (อ่าน 12021 ครั้ง)

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อ้าว พ่อนิมิต รู้จักกับสาโรชแล้วหรือ
 :hao4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ดีจังคุณปลัดมีสายข่าวในทุกพื้นที่

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เอาใจช่วยให้ปลอดภัย

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
บทที่ 10 แอบหวัง

   แมลงตัวเขียวกำลังขยายปีกนอกและปีกในกรีดกันเพื่อให้เกิดเสียงนั้นเอง ส่งผลให้ชายหนุ่มนั้นลุกขึ้นมาจากที่นอน หันไปดูโดยรอบไม่เห็นร่างของชายหนุ่มอีกคน

“ไอ้ดาร์ว ไปไหนนะ หรือว่าไปแล้ว” อัฐณพเอ่ยกับตัวเอง ใจรู้สึกเบาหวิว อย่างไรชอบกลนัก แล้วลุกขึ้นโดดลงจากเตียงนอน ออกไปนอกห้องนอน จึงมาเจอกับบุยผาที่นั่งเลือกผลไม้อยู่นอกชาน


“เป็นอะไรละ วิ่งหน้าตั้งมา” บุปผาเอ่ย อัฐณพเบรกตัวโก่ง แล้วกลับมานั่งข้างๆ มารดา


“ดูชิ ตื่นสายอีกตามเคย” บุปผาเอ่ยตำหนิ แต่ไม่ได้จริงจังนัก


“หยุดทั้งทีขอ ตื่นสายหน่อยได้ไหมแม่” อัฐณพทำทีอ้อน


“ได้นะได้หรอก นี้มีเพื่อนมาอยู่ด้วยไม่คิดจะดูแลเขาเลยหรอ” บุปผาตำหนิอีกครั้ง


“เออ ใช่แม่ วันนี้ไอ้ดาร์วหายไปไหนแต่เช้า” อัฐณพเอ่ยขึ้น


“สายที่ไหน นี้จะเก้าโมงแล้ว และควรพูดดี ๆ ด้วย พ่อโรชเขาออกไปข้างนอกกับนิมิต ดูซิ ไปหาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เป็นถึงครูอาจารย์ ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างให้นักเรียนเห็น” บุปผายังไม่ทันได้พูดจบ อัฐณพรีบลุกเดินกลับห้องทันที


“ทำตัวแบบนี้ ใครจะมาเอาเป็นแฟน” บุปผาพูดไล่หลังมา อัฐณพถอนหายใจ


“แม่พูด ไม่รู้อะไรเลย ไอ้ดาร์ว นั้นนะพ่อโรชของแม่” อัฐณพ ลากเสียงยาวกับตัวเอง จากนั้นจึงไปค้นผ้าเช็ดตัว และเสื้อผ้าออก
มา มองดูตะกร้าผ้า จึงหิ้วออกไปซักด้วย จนเกือบสิบโมงเช้า รถของนิมิตเลี้ยวเข้ามาภายในบ้าน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ ชายสูงวัยกำลังจ้องมองตัวอักษรที่ทางเจ้าหน้าที่นำมารายงาน เมื่อครู่ ประตูห้องถูกเปิดออกมา หญิงสูงวัยเดินเข้ามา ชายสูงวัยจึงลุกขึ้นยืนต้อนรับ


“สวัสดีครับคุณหญิง มีเรื่องอะไรหรอครับ” ชายสูงวัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ


“ท่านคะ ดิฉันยอมรับว่าร้อนใจเรื่องลูก ดิฉันเลยมาตามข่าวเรื่องลูก” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยขึ้น ชายวัยกลางคน พนักหน้า


“เชิญคุณหญิงนั่ง จิบกาแฟก่อนไหมครับ” ชายสูงวัยกล่าว และพาคุณหญิงพิมประภาไปนั่งตรงมุมห้อริมหน้าต่าง


“ตอนนี้เราได้ส่งข่าว ไปยังสายเราที่คิดว่า สาโรชจะไป และเพิ่งได้การตอบรับมาว่าเจอตัวแล้วปลอดภัยดีครับ” ชายสูงวัยกล่าว คุณหญิงพิมประภา มีสีหน้าที่สดใสขึ้น เผยยิ้มให้กับคู่สนทนา


“แล้ว เมื่อไหร่ลูกชายดิฉันจะได้กลับมาทำงานตามปกติ” คุณหญิงพิมประภาถามต่อ


“ผมว่า สาโรชเองก็คงคิดจะทำอะไรอยู่ สักอย่างจึงไม่สามารถกลับเข้ามาได้ คงต้องรอสักพัก ผมให้ส่งข่าวไปที่สายของเราแล้ว ให้สาโรชกลับเข้ากรมก่อนครับ” ชายสูงวัยเอ่ย กาแฟกลิ่นหอมละมุนถูกยกเข้ามาเสริฟ บรรยากาศจากที่ตรึง ๆ ผ่อนคลายลงไปเยอะ


“ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ผมขอเป็นความลับของทางราชการนะครับ” ชายสูงวัยเอ่ยต่อ คุณหญิงพิมประภา พยักหน้ารับทราบ


“กลับมาคราวนี้จะพาไปรดน้ำมนต์ เก้าวัดเลยเชียว” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย จนชายวัยกลางคนหัวเราะในลำคอ 


“ท่านยังจะมาหัวเราะอีก ลูกชายดิฉันทั้งคนเชียวนะ” คุณหญิงพิมประภากล่าว ค้อนวงใหญ่ให้อีกฝ่าย


“ผมเข้าใจความรู้สึกครับ สาโรชเขามีผลงานดี ไม่แน่ ไม่กี่ปีผมว่าได้เป็นนายอำเภอก่อนเพื่อนรุ่นเดียวกันกับเขาแน่” ชายสูงวัยเอ่ย


“จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ พ่อเขาคงดีใจมาก” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย


“ไม่แน่หรอก คุณหญิง ผมว่า อนาคตเขาได้ขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดก่อนเกษียณแน่ ๆ” ชายสูงวัยเอ่ย ทำให้คุณหญิงพิมประภารู้สึกดีขึ้น พิทักษ์เปิดประตูห้องเข้ามาคำนับ แล้วก้าวเท้าอย่างฉับไว ยื่นเอกสารในมือให้กับชายสูงวัย แล้วถอยห่าง


“เตรียมตัวให้พร้อม งานนี้คงได้ถึงตัวการ” ชายสูงวัยเอ่ย พิทักษ์คำนับแล้วออกไป


“สาโรชนี้ หนังเหนี่ยวใช่เล่น” ชายสูงวัยหันมาคุยกับคุณหญิงพิมประภา คุณหญิงรีบวางถ้วยกาแฟลง


“สาโรชส่งข่าวมา สอดคล้องกับข่าวของสายเราทางเพื่อนบ้าน” ชายสูงวัยเอ่ยต่อ คุณหญิงพิมประภามือวางทาบอก ภาวนาขอให้ลูกชายอยู่รอดปลอดภัย


ที่กรมการปกครอง วันนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหว เพราะเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายนายถูกเรียกประชุมโดยด่วน ความลับสุดยอด ทำให้หลายคนตื่นตัว การประชุมเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด แต่สักพักเบาะแสใหม่ถูกส่งเข้ามา เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเริ่มตระหนัก และรอคำตอบจากผู้บริหารระดับสูง


“ออกหมายจับรอเลย และขอให้ประจักษณ์ด้วยหลักฐาน” เสียงคณะผู้บริหารเอ่ย ชายสูงวัยพยักหน้ารับทราบ


“ผมขอความร่วมมือ อีกอย่างนะครับ สายของเราคนนี้เป็นคนดี อย่าให้เป็นอะไร” ชายสูงวัยเอ่ย


“ครับ” หลายคนรับคำสั่ง


“นำกำลังจากเราเองไป อย่าทำให้เหยื่อ แตกตื่นก่อนห้ามแพร่ข่าวนี้เด็ดขาด” ชายสูงวัยเอ่ยต่อ ประตูห้องประชุมถุกเปิดออก หน่วยทหารนอกเครื่องแบบเข้ามา


“พร้อมออกเดินทางแล้วครับท่าน” หน่วยทหารเอ่ยขึ้น



“พิกัดอย่าให้ไปถึงใครเด็ดขาด สาโรชจะเป็นอันตราย” ชายสูงวัยเอ่ย สิ้นคำพูดทุกคนออกจากห้องประชุม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   อัฐณพพยายามหิ้ว ทลายหมากทลายใหญ่ใส่บ่าตัวเองแล้วกึ่งลากกึ่งหิ้วตะกร้าหมากอีกใบออกมาจากส่วน หลังจากที่ซักผ้าเสร็จเรียบร้อยจึงเดินเข้าสวนหลังบ้าน วิถีชีวิตคนบ้านนอกคนป่าคนเขาก็เป็นเช่นนี้ละ ผลผลิตที่เกิดขึ้นในสวนเล็ก ๆ หลังบ้านแห่งนี้ มันเป็นขุมทรัพย์ที่คอยเลี้ยงดูสามคนแม่ลูก อัฐณพเรียนสูง ๆ ได้ก็เพราะเงินเก็บจากการขายผลผลิตเหล่านั้น อัฐณพมองไปยังที่วางเปล่าถัดไป   


“สักวันจะต้องเป็นของเรา” อัฐณพเอ่ย มองพื้นที่วางที่มีต้นใหม่ขึ้นรกรุงรัง จากนั้นจึงแบกทลายหมากและลากตะกร้าทลายหมากต่อจนออกมาถึงร่มต้นพิกุล ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมเป็นร่มเงาอย่างดี อัฐณพวางทลายหมากลงตรงแคร่อีกฝั่ง ส่วนอีกฝั่งนั้นถูกยึดจากชายร่างใหญ่ไปเสียแล้ว   


“นิมิต” อัฐณพเรียกเบา ๆ สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ


“นิมิต โว้ย” พร้อมหมอนอิงที่ลอยตามมาลงร่างหนาที่นอนอยู่


“เฮ้ย อะไรวะฟ้าจะผ่าหรือไง” นิมิตลุกขึ้นมาเกาศีรษะ มองอีกฝ่ายที่หน้ามันเยิ้ม


“วัน ๆ ไม่ไปไหนหรือไง เอาแต่นอนอยู่ได้” อัฐณพกล่าวพลางยื่นค้ำเอว


“ทำเป็นรู้ดี” นิมิตตอบ อยากจะให้อัฐณพรู้ว่าเขาจะมาหาอัฐณพก็เฉพาะช่วงนี้เท่านั้น อัฐณพจึงนั่งลงเลือกทลายหมากเพื่อจะได้นำส่งขาย


“เข้าสวน ทำไมไม่บอกเขาจะได้ไปช่วย” นิมิตเอ่ยเสียงออดอ้อน


“ไปช่วยพ่อ ไม่ดีกว่าหรอ”อัฐณพพูดขึ้น นิมิตเลยมีอาการเซ็ง


“ปกติก็ช่วยอยู่แล้ว แต่คนพิเศษมาทั้งทีขออยู่ด้วยไม่ได้หรือไง”นิมิตเอย อัฐณพนิ่ง เพิ่งคิดขึ้นได้


“ไอ้ดาร์วไปไหน” อัฐณพเอ่ยพร้อมลุกขึ้น นิมิตรับคว้าข้อมือไว้ก่อน


“ดาร์วไหน ใครดาร์ว” นิมิตรีบถาม อัฐณพหันมาจ้องชายหนุ่มเขม็ง จนนิมิตเข้าใจ


“ออ พี่โรช ไปอำเภอเมื่อเช้านี้ ยังไม่กลับ พอดีไปกับพ่อนะ” นิมิตเอ่ยตอบ อัฐณพเองรู้สึกตกใจเล็กน้อย


“ไปสนิทกับพ่อ ตั้งแต่เมื่อไหร่” อัฐณพรีบถามต่อ


“ไม่รู้ เมื่อเช้าไปมิต ไปส่งพี่เขาที่อำเภอ พอเจอพ่อแล้วก็เนเข้าไปในอำเภอกับพ่อ มิตขี้เกียจรอเลยกลับมาก่อน” นิมิตอธิบาย 


“ไอ้ดาร์วนั้นนะ” อัฐณพเอ่ยเสียงทุ่ม ไม่อยากจะเชื่อ ว่าพวกขนยาค้ายาจะเข้ากับหน่วยงานราชการได้ อัฐณพ จึงนั่งลงทำความสะอาดทะลายหมากต่อ ในสมองนั้นกำลังคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ จนลืมอีกคนที่ยังนั่งอยู่ข้าง ๆ นิมิตค่อย ๆ ขยับตัวเข้ามาหา อัฐณพก็ไม่รู้สึกตัว นิมิตจึงจู่โจมเข้าหอมแก้มชายหนุ่มทันที   


“เฮ้ย” อัฐณพสะดุ้งตัว หันมาทางชายหนุ่มข้าง ๆ


“นิมิต ชักระลามแล้วนะ” อัฐณพเอ่ยพร้อมหยิบหมากขึ้นมาจะปาใส่


“นพเปลี่ยนไป” คำพูดนี้หลุดออกมา ด้วยทำเสียงอันอ้างว้าง อัฐณพได้สติ


“ไม่ได้เปลี่ยน จะเปลี่ยนไปไหน นี้มันที่บ้าน แล้วอยู่ในที่โล่ง” อัฐณพพยายามอธิบายเหตุผล โดยใช้น้ำเสียงขึ้นข่ม


“แต่ก่อนไม่เคยหึงหวงตัวขนาดนี้” นิมิตรตัดพ้อ ตอนที่เรียนด้วยยังเคยนอนกอดในอ้อมกอด เพียงแต่ไม่เคยเกินเลยกันมากกว่านี้ เนื่องจากถูกข้อร้องไว้ก่อนทุกครั้ง ด้วยเหตุที่กลัวเสียการเรียน จึงทำได้แค่กอดและหอม เท่านั้น


“ตอนนี้ ก็เหมือนเดิม เพียงแต่มันโล่งแจ้งเกินไป เกิดใครมาเห็นเข้าจะว่าไง” อัฐณพเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง


“ก็ว่าไปนพแฟนเรา”  นิมิตเอ่ย กอดอกจ้องมองมาทางอัญณพ


“อุ้ย” อัฐณพอุทาน พร้อมสะดุ้ง


“ทำไม อายหรอ หรือว่าไม่ชอบเรา” นิมิตถามต่อ เมื่อเห็ฯอีกฝ่ายตกใจ


“เราเป็นเพื่อนกันนะนิมิต”อัฐณพพยายามอธิบาย


“เพื่อน ได้แค่เพื่อน” นิมิตเอ่ยเสียงห้วน ๆ ไม่พอใจนัก ลุกจากแคร่เดินลงส้นขึ้นไปบนบ้าน อัฐณพได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วลงมือเลือกและทำความสะอาดทลายหมากตรงหน้า ดวงยี่หว่าลงมาช่วยพี่ชาย


“เป็นอะไรกันอีกแล้วพี่นพ” ดวงยี่หว่าเอ่ยเมื่อมาถึง


“เป็นอะไร” อัฐณพตอบน้องสาวไม่มองหน้า


“ดูหน้าพี่มิต อย่างกับโมโหใครมา” ดวงยี่หว่าตอบ ลงเมือคัดแยกทหลายหมากับพี่ชาย


“พี่มิต น่าสงสารนะพี่” ดวงยี่หว่าเอ่ยต่อ อัฐณพเลยวางมือ


“น่าสงสารอะไร” อัฐณพหันมาหาน้องสาว


“พี่มิต เหมือนมดแดงแฝงมะม่วงเลย” ดวงยี่หว่ากล่าว


“นี้ ๆ แม่ยี่หว่า เรานี้จะเกินเด็กไปแล้วนะ ดูพูดดูเปรียบเปรย” อัฐณพเอ่ย


“ก็มันจริงนี้ ถ้าเป็นแต่ก่อนนะ ตัวติดกันอย่างกับปลาท่องโก๋ มาเดี๋ยวนี้ โอ้ยไม่อยากจะพูด” ดวงยี่หว่างเอ่ย อัฐณพเลยส่งมะเหง็กให้


“โอ้ย ดูซิพูดแค่นี้ทำเป็น ฟังไม่ได้” ดวงยี่หว่าประท้วง     
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   รถฝ่ายปกครองวิ่งเข้ามาภายในหมู่บ้าน ผ่านเลยเข้าไปมุงหน้าสู่อำเภอ ชายหญิงสี่คนที่อยู่ภายในรถมีท่าที่กระวนกระวายนิด ๆ


“เมื่อไหร่จะถึง นะปลัด” แววมยุราเอ่ยขึ้น ลูกน้องคนสนิท ต๊อดและโม่งแอบมองหน้ากันแล้วยิ้ม


“นี้ก็ถึงที่หมายที่ได้จากคุณแล้วนี้” ปลัดสมศักดิ์เอ่ย


“แล้วพี่โรชไปไหน อยู่ไหนนะ” แววมยุราเอ่ย สมศักดิ์ชำเลืองมองนิด ๆ รู้สึกไม่พอใจหน่อย


“ดูห่วงใยกันจริง” สมศักดิ์เอ่ย แววมยุราหันมาทางสมศักดิ์ทันที


“ก็คนรัก จะไม่ห่วงได้ไง” แววมยุราเริ่มจะพองขนขู่


“คู่รัก พูดออกมาได้ มันคิดหรือเปล่าว่าคุณคือคนรัก” สมศักดิ์หันมาจ้องหน้า



“พูดแบบนี้หมายความว่าไง” แววมยุรากระโจนเข้าหาชายหนุ่มทันที ทั้งหยิกทั้งข่วน 

“โอ๊ะ ๆ ท่านครับ หยุดเถอะครับ นี้เราก็ตะเวนกันมาจนเหนื่อยแล้ว ยังจะมากัดกันยังกะ..” โม่งเอ่ยขึ้น สมศักดิ์และแววมยุราจึงหยุด


“ไอ้โม่ง” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น


“หัดรู้จักสังสอนลูกน้องตัวเองหน่อย ใช่ซินิสัยเหมือนกันถึงอยู่ด้วยกันได้” แววมยุราเอ่ยออกมาแล้วหันออกไปหน้าต่าง


“ผมว่าเราพักกันที่นี้ก่อน หาเบาะแสจากชาวบ้านก่อนดีไหมครับนาย” ต๊อดผู้ทำหน้าที่สารถี่เอ่ยแสดงความคิดเห็น   


“ก็ดีเหมือนกัน นั่งรถมาจนจะเข้าวันที่สองอยู่แล้ว” สมศักดิ์เอ่ย ต๊อดจึงเลี้ยวรถเข้าไปยังตลาดกลางใจอำเภอแทน


“แบบนี้จะได้เรื่องไหมเนี้ย” แววมยุราเอ่ย สำเสียงไม่พอใจนัก


“พูดแบบนี้ คุณจะหาเองไหม” สมศักดิ์ต่อปากต่อคำ



“ถ้ามีคนอื่นที่ดีกว่านี้ ฉันไปแน่” แววมยุราเอ่ยหันมาจ้องหน้าสมศักดิ์อีกครั้ง


“นายครับ” ต๊อดเอ่ย สมศักดิ์หันมาหาทางสารถี


“นั้น คนนั้นฉันเคยเห็น” แววมยุราชี้นิ้วไปอีกทาง เมื่อเห็นชายร่างกะร่องเดินริมฟุตบาตร


“คุณแน่ใจนะ” สมศักดิ์หันไปตามและเอี้ยวตัวไปจนทับกับร่างหญิงสาว



“ออกห่าง ๆ ฉัน” แววมยุราผลักสมศักดิ์ให้ออกห่าง สมศักดิ์จึงกลับมานั่งที่เดิม ต๊อตขับตามไปอย่างช้า ๆ เรียบริมฟุตบาตร 


“อย่าให้ตื่นนะมึงไอ้ต๊อด” โม่งเอ่ย


“หาที่พักกันดีกว่า โม่งเอ๋งลงตาม เมื่อได้ที่พักแล้วจะวนกลับมารับ” สมศักดิ์สั่งเป็นงาน


“ทำใมไม่ขับรถตาม” แววมยุราเอ่ยขึ้น ขณะที่ต๊อดค่อย ๆ จอดรถ


“จะให้มันสังเกตได้หรอ โม่งมันทำได้นะ” สมศักดิ์เอ่ย พยักหน้าให้กับลูกน้องคู่ใจคู่กาย ต๊อดออกรถวนหาที่พัก


“จะพักกันแบบนี้หรอ ฉันพักไม่ได้นะ” แววมยุราเอ่ย เมื่อเห็นสภาพโรงแรม


“จะพักหรูหรือครับคุณผู้หญิง ไม่มีหรอก นี้ก็ถือว่าหรู้แล้ว และอีกอย่างมาทำงาน อย่าเรื่องมาก” สมศักดิ์กระแทกเสียง เปิดประตูรถลง แววมยุรารีบลงตาม เดินเข้าไปในล๊อบบี่โรงแรม

“คุณ เหลือห้องเดียว เตียงเดียว” สมศักดิ์หันมาทางแววมยุรา


“เต็มหมดเลยหรอ” แววมยุราเอ่ยกับพนักงาน


“พรุ่งนี้ห้องจะว่างมากขึ้นครับ เพราะแขกจะเริ่มทยอยกลับกัน” พนักงานโรงแรมกล่าว


“มีโรงแรมที่อื่นอีกไหมนอกจากที่นี้” แววมยุราถามต่อ


“พอแล้วคุณ เอาห้องนี้ละ ไปขึ้นห้อง” สมศักดิ์ตัดปัญหา แล้วคว้าต้นแขนแววมยุราให้เดินตาม


“เจ็บนะไอ้ปลัด” แววมยุราเริ่มจะแผดเสียง สมศักดิ์หันกับมาจ้องหน้าด้วยแววตาดุดัน แววมยุราเลยต้องเงียบเสียง พนักงานโรงแรมจึงเดินนำทั้งสองไปที่ห้องพัก


“อย่าทำให้แผนเสีย” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     ย่ำสนธยา รถกระบะคันค้นตาเลี้ยวเข้ามาภายใน เมื่อรถยนต์จอดสนิทประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกมา ชายสูงวัยนั้นเอง อีกฝั่ง

ชายร่างสูงก็เดินลงมาเช่นกัน


“ไอ้มิต กลับบ้านได้แล้ว ไปดูแลแม่บ้านช่องไม่มี” เสียงของนายกอบต.สุทินเอ่ยไล่ลูกชาย


“เสียงนี้มาอีกแล้ว” นิมิตเอ่ย พลางบิดตัวไปมา


“พ่อพูดถูกนะมิต จะมาเฝ้าเรายังกะเราจะหายไปไหน” อัฐณพเอ่ย


“นี้ก็อีกคน” นิมิตเอ่ย อัฐณพได้แต่ส่ายหน้า สาโรชเดินขึ้นมาบนบ้าน นิมิตจึงลุกขึ้นเดนลงจากบ้าน


“ขอบใจมากนะ” สาโรชเอ่ยกับนิมิต


“ไม่เป็นไรพี่ ด้วยความยินดียิ่ง” นิมิตตอบ แล้วตามบิดาไป สาโรชเดินกลับเข้าห้องไป อัฐณพมองด้วยสายตาที่ส่งสัย จึงลุกเดินตามสาโรชไปในห้อง   


“ไปทำอะไรที่อำเภอ” อัฐณพเอ่ยคำถามแรกถูกถามเมื่ออยู่ในห้องส่วนตัว สาโรชหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่า


“ไปทำธุระ สำคัญ” สาโรชตอบ จัดแจงเตรียมเสื้อผ้าใส่


“สำคัญมาก กับการส่งยานั้นหรอ” อัฐณพเอ่ย ด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน สาโรชชำเลืองมอง แล้วยิ้มอ่อน

“คิดไปนั้น ไม่ได้ไปส่งยา แต่ไปส่งข่าว พอใจหรือยังคุณนาย” สาโรชตอบ ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ


“แล้วรู้จักกับนายก ได้ไง เพิ่งมาไม่ใช่หรอ” อัฐณพเข้าประชิดตัวทันที ด้วยความที่ลืมตัว สาโรชส่งสายตากรุ่มกริ่มมาให้ อัฐณพ
เองเริ่มได้สติจะก้าวถอยออกห่าง แต่สาโรชรบตัวไว้แล้วพร้อมจุมพิตลงริมฝีปากนุ่ม


“อือ” อัฐณพประท้วงทันที พร้อมผลักอกชายหนุ่มให้ออกห่าง


“ฝากปลาไว้กับแมวตัวโต มีอะไรเสียหายไหมนะ” สาโรชเอ่ย แล้วหัวเราะเบา ๆ อัญณพเมมริมฝีปากจนเจ็บ


“ไปทำหน้าที่คุณนาย ได้แล้วผัวหิว” สาโรชเอ่ยเน้นคำว่า ผัว อย่างชัดเจน แล้วจะออกจากห้อง พอเปิดประตู ดวงยี่หว่าทำตาแป๋วอยู่


“แม่ให้มาตามไปกินข้าว” ดวงยี่หว่าเอ่ย อัปกิริยาอาย ๆ


“ขอพี่อาบน้ำก่อนนะ น้องสาวสุดสวย หิวเหมือนกัน ชวนพี่เราไปยกสำรับรอ” สาโรชเอ่ยเบา ๆ แล้วเลียงไปอาบน้ำ อัฐณพจึงเดินออกมา ดวงยี่หว่ามองหน้าทำตาแป๋วเช่นเดิม


“มีอะไร ยี่หว่า” อัฐณพเอ่ย


“อาการมันฟ้อง” ดวงยี่หว่าเอ่ย แล้ววิ่งกลับไป


“อะไร กลับมาอธิบายเลย” อัฐณพเอ่ยตามหลัง ดวงยี่หว่าออกมาตรงชานบ้าน


“มีอะไรกัน เอ๊ะอะโวยวาย ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” บุปผาเอ่ย ขณะเดินขึ้นมาจากใต้ถุนบ้าน


“แม่ไปไหนมาครับ” อัญณพถามมารดา


“ไปเก็บค่า กล้วยที่เอาไปขายเมื่อวันก่อน” บุปผาตอบลูกชาย


“แล้วนี้ พ่อโรช กลับมาหรอยัง” บุปผาเอ่ยต่อ


“กะ กลับ มาแล้วครับ” อัฐณพตอบ


“อือ จะกลับกันวันพรุ่งนี้แล้วใช่ไหม” บุปผาเอ่ยต่อ แล้วมานั่งรอรับสำรับตรงชานบ้าน


“ใช่ครับแม่ นพรู้สึกยังไงไม่รู้ คิดถึงบ้านหลังนี้มาก ๆ” อัฐณพมานั่งใกล้ ๆ มารดา


“วันหยุดยาวก็กลับมาบ้านเรา” บุปผาเอ่ย อัฐณพพยักหน้า



“แม่ที่ ตรงข้าง ๆ สวนเรา เขายังประกาศขายอยู่หรือเปล่า” อัฐณพถามขึ้น



“ที่ตรงนั้น มันเป็ฯที่ตาบอดใครละจะซื้อ หรือถ้าซื้อต้องมีใครคนใดคนหนึ่งละที่ต้องเสียงสละเป็นทางออกไปสู่ถนนใหญ่” บุปผาเอ่ย


“นพอยากได้ อยากสร้างบ้าน” อัฐณพเอ่ยขึ้น พอดีกับสาโรชออกมาจากห้องน้ำพอดีได้ยิน


“บ้านที่เราอยู่นี้ก็อยู่ได้” บุปผาเอ่ยไม่เห็ฯด้วยกับบุตร


“ในวันข้างหน้า ที่ยี่หว่าออกเรือน อยากให้น้องมันได้” อัฐณพเอ่ย เบาๆ บุปผาพยักหน้ารับทราบ ดวงยี่หว่ายกสำหรับออกมาพอดี
กับสาโรชตรงหน้าประตูห้องครัว


“ที่ตรงไหน” สาโรชถามดวงยี่หว่า


“ตรงโน้นพี่ ติดกับสวน” ดวงยี่หวาตอบ แล้วเดินยกสำรับมาวาง สาโรชจึงเข้าร่วมวงสำรับ

“วันพรุ่งก็จะกลับกันแล้ว เราไปทำบุญให้พ่อดีไหม นพ” บุปผาเอ่ย


“ดีครับ นพก็คิดถึงพ่อ” อัฐณพเอ่ย ด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ จนสาโรชเองก็รู้สึกเศร้าไปด้วย คิดถึงบิดาที่จากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม..พูดว่าผัวเต็มปากเต็มคำเลยนะคุณปลัด อยู่บ้านเขาก็เกรงใจแม่ยายบ้างนะ อิอิอิ
 :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ขอให้สาโรชปลอดภัย

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
บทที่ 11 จากลา 



ผู้คนเริ่มทยอยลงจากศาลาวัด ต่างแยกย้ายกันลงไปใต้ต้นไม้ เพื่อไปเทน้ำที่เปรียบเสมือนสายบุญที่มอบไปยังผู้ที่อยูเบื้องหน้า สาโรชเดินตามอัฐณพมานั่งลงข้าง ๆ พุ่มไม้ ถึงเวลาต้องจากกันแล้ว ภูมิประเทศแถบนี้คงจะเอื้อต่อการหลบหนี หรือข้ามไปอีกประเทศหนึ่งได้ อย่างไรเสียก็ขอให้โชคดี และเดินตามเส้นทางของตนเอง


“นายควรไปได้แล้ว แผลก็หายแล้ว” อัฐณพเอ่ยขึ้น ขณะที่กำลังเทน้ำออกจากขัน สาโรชรีบจับขันน้ำร่วมเทลงไปยังต้นไม้


“จะให้ไปไหน” สาโรชถาม อัฐณพเงยหน้าประสานสายตา อีกฝ่ายคงจ้อมองมาเช่นกัน จนอัฐณพเองเป็นคนที่ต้องหลบสายตา


“ไป  ไปในสิ่งที่นายชอบ นายต้องการ” อัฐณพตอบ


“ไม่มีทางหรอก ความตายเท่านั้นที่จะพรากเรา” สาโรชเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น อัฐณพรู้สึกชื่นใจในส่วนลึกของหัวใจ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร


“ไปเถอะ ไปตามทางของนาย ปืนก็คือให้นายไปแล้ว” อัฐณพเอ่ยอีกก่อนลุกขึ้น เดินจากไป สาโรชมองตาม ถอนหายใจใหญ่แล้วลุกขึ้นเดินตาม ขณะเดียวกัน นิมิตก็วิ่งมาหาอัฐณพ


“นพ ว่าแล้วต้องอยู่ที่นี่” นิมิต เอ่ยด้วยความยินดี ยิ้มหร่ามาแต่ไกล


“มาทำบุญให้พ่อ” อัฐณพเอ่ยตอบ นิมิตพยักหน้ารับทราบ


“จะกลับวันนี้แล้วซินะ” นิมิตกล่าวด้วยใบหน้าเศร้า


“อือ ทำไมหรอ” อัฐณพถามขึ้น อดแปลกใจ


“คงไม่ได้เจอกันอีกนาน” นิมิตกล่าว 


“โทรหาก็ได้นี้ หรือไปหาก็ได้” อัฐณพพูดขึ้นทันที นิมิตเอียงตัวไปมองชายหนุ่มอีกคนที่เดินตามมา


“จะดีหรอ” นิมิตกล่าว อัฐณพหันลังกลับไปมอง ก็รู้ว่านิมิตรหมายถึงใคร


“ดีซิ เราเป็นเพื่อนกัน ทำไมจะไม่ได้” อัฐณพหันมากล่าวกับนิมิต ที่พยักหน้ารับทราบ


“วันนี้พ่อต้องออกพื้นที่กับทางหลายอำเภอ โครงการหลวงนะ มิตอาจจะไม่ได้ไปส่งเพราะต้องไปกับพ่อ” นิมิตเอ่ยน้ำด้วยเสียงเศร้า ๆ


“เราจะกลับค่ำ ๆ ไปซิอยากไปกับพ่อ เหมือนครั้งก่อน ๆ” อัฐณพเอ่ย พร้อมฉุดมือนิมิตรให้เดินตามออกมา นิมิตหันไปมองสาโรชที่มองมาที่ทั้งคู่ พร้อมพยักหน้าให้ตามมา


“อุ้ย ลืม” อัฐณพเอ่ยแล้วปล่อยมือนิมิต วิงกลับไปที่ศาลาวัด


“ไปพี่ ไปรอที่รถ” นิมิตเอ่ยชวนสาโรช


“เขาไปไหน”สาโรชเอยถาม


“คงจะไปบอกแม่นะ เราไปรอที่รถเถอะ” นิมิตตอบ แล้วเดินต่อ สาโรชรู้สึกทึ่งในความเอาใจใส่และดูแลกันจนรู้ใจกันว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่


“คงรู้ใจกันซินะ” สาโรชเอ่ยขึ้นลอย ๆ นิมิตหันมามองคนพูด


“พี่โรชครับ ถ้าเป็นแต่ก่อนนะครับ พี่โรชไม่ได้เหยียบบันไดบ้านนั้นหรอก จะบอกให้” นิมิตเอ่ย สาโรชเลยยิ้มเจือน ๆ นิมิตยืนรอที่รถยนต์


“พี่ขอโทษละกัน” สาโรชเอ่ยขึ้นเบา ๆ


“รักษาเขาเหมือนที่ มิตรักษาให้ได้ก็แล้วกัน” นิมิตเอ่ยตอบ


“พี่คิดว่า พี่คงเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ติดจะทิ้งสัญญา” สาโรชตอบ สองหนุ่มจ้องหน้ากัน มองกันด้วยแววตาลูกผู้ชายคนหนึ่งพึงให้คำมั่น อัฐณพวิ่งกลับมาพร้อมถุงหิ้วที่มีของกินเต็มไปหมด


“ไปกัน นี้แม่ฝากมา เอาไว้ตอนหิว” อัฐณพเอ่ยพร้อมชูถุงขนม ข้าวต้มมัด  นิมิตยิ้มแล้วเปิดประตูรถ สาโรชเดินไปด้านฝั่งข้างคนขับ อัฐณพเลยต้องทำคอตก เดินตาม สาโรชเปิดประตูแล้วผลักเบาะนั่งให้ขยับมาด้านหน้า เพื่อให้อัฐณพเข้าไปได้


“เชิญคุณ...นาย” สาโรชเอ่ยเบา ๆ เมื่ออัฐณพขึ้นนั่งเรียบร้อยจึงได้ปรับเบาะตามเดิม


“ทำไมไม่เอารถเก๋งมา” อัฐณพบ่น


“บุกป่าฝ่าดงแบบนี้ เอารถเก๋งมา ตาสุทินก็เขกกะบาล เอาซิ”  นิมิตกล่าว พร้อมออกรถมุ่งหน้าจุดหมาย รถอีกคันค่อย ๆ เคลื่อนตามมา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“นี้ละหนา ผู้หญิง ทำอะไรชักช้า” เสียงบ่นของสมศักดิ์ดังขึ้น


“อย่ามาว่าให้นะ” แววมยุราเอ่ย เมื่อนั่งรถเรียบร้อยแล้ว


“อาว ออกรถซิ นั่งบื้อทำไมอยู่” แววมยุราเอ่ย เมื่อต๊อดยังคงนิ่ง


“ไอ้โม่ง โทรมาบอกว่าคลายกับกลุ่มไอ้พวกนั้นครับ” ต๊อดเอ่ย แววมยุราทำหน้าเสีย


“เห็นไหมละ ต้องอาบน้ำก่อน อย่างนั้นอย่างนี้” สมศักดิ์ได้ที หันมาพูดให้กับแววมยุรา


“ใครจะไปทั้งทีไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน ฉันไม่ได้ซกหมกอย่างพวกนาย” แววมยุราหันมาแผดเสียงกับสมศักดิ์ ต๊อดเห็นท่าไม่ดีจึงออกรถ จนแววมยุราเสียงหลักล้มทับลงบนตัวสมศักดิ์ที่อ้าแขนรับพอดี


“ไอ้ต๊อด มึงขับยังไง” สมศักดิ์หันไปโวยวายกับลูกน้อง แต่ไม่ปล่อยให้แววมยุราออกจากอ้อมกอด


“ขับอย่างที่ขับละครับ” ต๊อดเอ่ยแล้วออกรถอีกครั้ง


“ปล่อยฉันซิไอ้ปลัดสมศักดิ์” แววมยุราผลักออกสมศักดิ์ สมศักดิ์เองได้สติรีบปล่อยให้แววมยุรากลับขึ้นนั่งตรงเบาะอีกครั้ง แววมยุราค้อนให้วงใหญ่ สมศักดิ์แอบยิ้มอย่างพอใจ ต๊อดขับรถออกมาเรื่อย ๆ มารับโม่งตรงแยกพอดี


“ทำไม ทำให้คลาดกันวะ” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น เมื่อโม่งขึ้นนั่งรถเรียบร้อยแล้ว


“สงสัยเราตื่นสายนะลูกพี่ พวกมันคงออกเช้า” โม่งเอ่ย


“พี่โรช” แววมยุราเอ่ย ขณะที่มองผ่านกระจกด้านข้างตัวรถ เห็นรถที่สาโรชขับผ่านไป


“ตามเร็ว ๆ” แววมยุราสั่ง ทั้งสามคนมองตามรถข้างหน้า ที่มีรถอีกคันตามผ่านไป


“เฮ้ย นั้นไง มันอยู่นั้น” โม่งชี้ไปยังรถที่ตามไป ต๊อดออกตัว พอดีกับรถอีกคันเข้ามาปาดหน้าเสียก่อน


“เฮ้ย นายยักษ์” สมศักดิ์เอ่ย จำคนที่นั่งมากับคนขับได้ดี


“พวกมัน ตามพี่โรชได้แล้ว” แววมยุราเอ่ย ด้วยความร้อนใจ


“มึงตามเลยได้ต๊อด” โม่งออกคำสั่ง ต๊อดรีบเร่งเครื่องออกตาม


“พ่อคุณ คิดจะปิดปากไอ้สาโรชเลยหรอ” สมศักดิ์หันมาทางแววมยุรา ที่ได้แต่ส่ายหน้าไม่รับรู้ ขอภาวนาไม่อยากให้ใครเป็นอะไรอีกเลย


 
     ขบวนรถทั้งหมดเริ่มออกสู่ทางเปลี่ยว ต้องผ่านป่าโคก สาโรชสังเกตเห็นรถที่วิ่งตามมาอย่างไม่ลดความเร็ว


“เร่งเครื่องให้เร็วกว่านี้ได้ไหม” สาโรชเอ่ย อัฐณพแปลกใจ นิมิตมองผ่านกระจกหลังก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่สาโรชพูด จึงเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น รถที่ตามมาเริ่มเร่งความเร็วตาม นิมิตหักรถออกนอกเส้นทางหลักเข้าสู่เส้นทางรอง จนรถที่ตามมาเสียหลัก


“ชินเส้นทางไหม” สาโรชถาม นิมิตพยักหน้า จากนั้นเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางแคบลง ฝุ่นตลบขึ้นบดบังทัศนียภาพสองข้างทาง จนรถอีกสามคันต้องชะลอ


“มันคืออะไร” อัฐณพถามด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ


“ต้องออกจากจุดนี้ให้ได้ก่อน เข้าสู่เส้นหลัก” นิมิตตอบ สาโรชพยักหน้าเข้าใจ คลำที่ข้างเอวตัวเอง รู้สึกอุ่นใจนิด ๆ นิมิตทำหน้าที่เป็นสารถีอย่างดีเยี่ยม หลบมุมเข้าออกสองสามครั้งก็ออกสู่ถนนใหญ่อีกครั้ง รถทั้งสามที่ตามมาเริ่มทิ้งระยะห่างพอสมควร


“บอก นพมาซิมิต มันเกิดอะไรขึ้น” อัฐณพหันไปทางนิมิต


“นั่งไปเถอะ ออกจากนี้ได้ค่อยอธิบายให้ฟัง” นิมิตกล่าว สายตาเพ่งไปด้านหน้า


“ปัง. . . . ปัง....” เสียงกัมปนาถดังขึ้น นิมิตเหยียบคันเร่งจนมิดเท้า


“พ่อ ช่วยเราด้วย” นิมิตหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา อัฐณพหันมามองทางสาโรช ที่มีสีหน้าตื่นตระหนกไม่ต่างกันสักเท่าไหร


“นายจะทำอะไร” อัฐณพเอ่ยขึ้น นิมิตเลี้ยวรถอีกครั้ง จนอัฐนพกระเด็นกระดอนไปอีกฝั่งของรถ


“ตอนนี้ เราต้องรอการช่วยเหลือกับพ่อ”นิมิตกล่าว


“ปัง...ปัง...” เสียงปืนคงดังตามมา


“ตามให้เร็ว” แววมยุราเองก็ร้อนใจ ตะโกนใส่ต๊อด


“เร็วอยู่แล้วครับ” ต๊อดตอบกลับมา


“คุณอยู่เฉย ๆ เถอะน่า” สมศักดิ์เอ่ย พร้อมหยิบอาวุธคู่กายออกมา


“จะเฉยได้ไง ไม่ได้ยินหรือไง เสียงปืน” แววมยุราแผดเสียงออกมา


“ได้ยิน เราก็ขับตามอยู่นี้ไง อย่างพูดเหมือนมานั่งดูหนังไทยได้ไหม” สมศักดิ์หันมาทางแววมยุรา


“ถ้าพี่โรชเป็นอะไรไป ฉันนี้ละจะเป็นคนจัดการ” แววมยุราพูดไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากหนาประกบริมฝีปากบางนั้นเรียบร้อยแล้ว


“อยู่นิ่งๆ” สมศักดิ์เอ่ย เมื่อถอนริมฝากปากออก จากนั้นก็ผละออกมาตาจ้องไปข้างหน้า มองรถสองคันข้างหน้าที่พยายามขับส่ายไปมา


“ต๊อดระวังด้วยมึง” สมศักดิ์เอ่ยกับลูกน้องพร้อมตบมือลงบ่า
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
   บ้านยกใต้ถุนสูง สายลมเย็นพัดผ่าน บุบปากกำลังเลือกผลไม้ที่จะให้ลูกชายนำไปไว้ทานที่โรงเรียนของตน ดวงยี่หว่ายกข้นน้ำมาให้


“น้ำจ๊ะแม่” ดวงยี่หว่ายื่นขันน้ำให้มารดา บุปผารับมาแล้วรู้สึกหน้ามืดปล่อยขันน้ำล่วงลงพื้น


“แม่” ดวงยี่หว่าร้องขึ้นทันทีรีบเข้าประคองร่างของมารดา


“แม่เป็นอะไร แม่” ดวงยี่หว่าร้องขึ้น บ่อน้ำตาแตกทันที รีบหาพัดข้าง ๆ มาพัดเอาลมเย็น ๆ เข้าหาบุปผาพร้อมบีบนวด


“แม่ไม่เป็นไร แค่รู้สึกหวิว ๆ เฉยๆ” บุปผาเอยเบา ๆ กับลูกสาว


“งั้น แม่อยู่ตรงนี้รอ หว่าจะไปเอายาดมยาหอม มาให้” ดวงยี่หว่าเอ่ยพร้อมลุกขึ้นวิ่งไปบนบ้านทันที บุปผามีความรู้สึกคิดถึงลูกชายขึ้นมาอย่างไรอธิบายไม่ถูก

“ขอให้ลูกแม่อยู่รอดปลอดภัย” บุปผายกมือขึ้นท้วมหัว ดวงยี่หวารีบลงมาถือถ้วยยาหอมมาให้


“แม่ดื่มก่อน” ดวงยี่หวายกแก้วขึ้นจรดปากมารดา บุปผารีบดื่ม


“เป็นห่วงพ่อนพ อย่างไรไม่รู้” บุปผาเอ่ยขึ้นมองหน้าลูกสาว


“แม่ พี่นพมีพี่โรชอยู่ไม่เป็นไรหรอก” ดวงยี่หวาปลอบ บุปผาพยักหน้า


“พ่อโรช เขาจะช่วยอะไรพี่เราได้” บุปผาเอ่ยเนิบ ๆ


“คนรัก จะทิ้งกันได้ไง” ดวงยี่หวาเอ่ย


“ใคร คนรักใคร” บุปผาเอ่ยถามด้วยความสงสัย


“คนแก่ ไม่ทันวัยรุ่น เสียแล้ว” ดวงยี่หวาเอ่ย


“แม่ไม่สังเกต พี่นพหรอ มาคราวนี้รู้สึกอย่างไงชอบกล พี่โรชก็อีกคน คเชนเราถ้าเป็นแขกเพื่อนกันก็ไม่น่าจะแสดงท่าทางกันแบบนี้” ดวงยี่หวาพูดต่อ


“ยังไง แม่ไม่เข้าใจ” บุปผาหันมาหาลูกสาวอีกครั้ง


“แม่ วันที่ไปใส่บาตร หว่าดูก็รู้แล้ว มีอย่างที่ไหน พี่โรชจับมือพี่นพใส่บาตร ทำแบบนั้นเขาเรียกคู่ตุนางันกันแล้ว” ดวงยี่หวา

อธิบาย บุปผาตีมือลงบนต้นแขนลูกสาวเบา ๆ


“พูดเข้า ระวังเถอะ” บุปผาเอย พลางถอนหายใจ คิดทบทวนสิ่งที่ลูกสาวตัวเองพูด


“หรือมันจะจริง” บุปผาเอยเบา ๆ กับตัวเอง


“แม่นะดื่มให้เยอะ นะเลือดลมไม่ค่อยจะดีขึ้นมาละซิ” ดวงยี่หว่าเอ่ยต่อ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 “ไอ้ต๊อดระวัง” สิ้นเสียงสมศักดิ์ รถยนต์คันใหญ่เริ่มหมุนเคว้งลงไหล่ทาง


“ระวังคุณแวว”สมศักดิ์ดึงแววมยุรามาที่อกตัวเอง


“วาย” แววมยุราลอยลิ่วตามแรงดึงเข้าหาอกกว้าง


“ระวังไอ้ต๊อด ไอ้โม่ง” สมศักดิ์ร้องขึ้น จากนั้นเสียงห่ากระสุนก็ดังขึ้น ต๊อดและโม่งเปิดประตูออก สมศักดิ์และแววมยุราคลานลง

ตาม เมื่อได้ที่มั่น สมศักดิ์และลูกน้องเริ่มเปิดฉากยิงไปหารถด้านหน้า ซึ่งยักษ์และลูกน้องก็หันมาเปิดฉากใส่ทางสมศักดิ์เช่นกัน


“พวกมึงอย่าให้มันรอดออกไปได้สักคน” ยักษ์หันไปสั่งลูกน้องคนสนิท ทั้งหมดตีวงออก เสียงปืน อาวุธสงคราม ดังสนั่นด้านหน้าและด้านหลัง รถของนิมิตหลบเข้าพุ่มไม้ได้


“นิมิต ดูแลนพด้วย” สาโรชออกคำสั่ง แล้วรีบออกหลบออกจารถ


“ไอ้ดาร์ว ไอ้..” อัฐณพพยายามจะเรียก


“นพลงมาด้านล่างเถอะ มันไม่ปลอดภัย” นิมิตกล่าว เอื้อมมือมาคว้าแขนแล้วกึ่งดึงกึงลากลงจากรถ เสียงห่ากระสุนแหวกอากาศ ผ่านไปหลายนัด อัฐณพอกสั่นขวัญหาย รีบลงตามนิมิต ที่คอยช่วยสอดส่องดูแล สาโรชเองเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนลงมาได้แล้วจึงคอย ๆ แอบตามพุ่มไม้ คิดหาทางกำจัด


“มันจะทำอะไรเราไหม” อัฐณพเอ่ย คลานตามนิมิตออกไปจากตัวรถ รถที่ขับตามมาเข้ามาเทียบรถของนิมิต จากนั้นลงมาดู
“ปัง” นัดเดียวทำให้ร่างของคนที่ลงมาดูรถทรุดฮวบ อีกสองคนในรถจึงต้องระวังตัว อีกฝั่งเสียงปืน หยุดลง เสียงรถดังกระหึมเข้ามาใกล้บริเวณรถขอนิมิต


“มันมีพวกสนับสนุน” นิมิตพูดรอดไรฟัน จ้องมองดูกลุ่มคนที่กำลังสำรวจ รถและเริ่มขยายวงออกมาทางนิมิตและอัฐณพ


“ปัง” นัดที่สองร่างที่ย่างสามขุมล้มลงไม่เป็นท่า ทำให้ อีกคนที่เดินสำรวจเริ่มใจคอไม่ดี หันหลังก้าวจะกลับขึ้นรถ


“เฮ้ย มึงจะไปไหน” เสียงของยักษ์นั้นเอง ทำให้ร่างนั้นสะดุ้ง


“ปัง” กำลังที่จะตอบ ก็ต้องสะดุ้งด้วยคมกระสุน


“ถ้าคิดจะเป็นโจร ใจมึงต้องนิ่ง” ยักษ์กล่าวอย่างเยือกเย็น


“พวกมึงตามเก็บให้หมดอย่าให้เหลือ” ยักษ์สั่งลูกน้อง


“แล้วพวกที่ตามมาละพี่” ลูกน้องถามขึ้น


“รีบจัดการ แล้วรีบออกจากพื้นที่โดยเร็ว” ยักษ์สั่งอีกครั้ง ทั้งห้าคนรีบกระจายกำลัง  นิมิตค่อยๆ คลานออกห่าง ตามด้วยอัฐณพ แต่ด้วยความที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ข้อเข่าของอัฐณพไปทับกับกิ่งไม้ทำให้เกิดเสียง ลูกน้องของยักษ์จึงรีบวิ่งไปที่ทั้งสองคน
“พี่ ไม่ใช่คนที่เราตามหา” ลูกน้องคนสนิทเอ่ย เมื่อพาอัฐณพและนิมิตออกมาที่โล่ง


“ปลัดไปไหน” ยักษ์เอ่ยเสียงเข้มพร้อมตะหวาด


“ปลัดไหน ใครปลัด” อัฐณพเอ่ย ท้ายปืนเอ็มสิบหกถูกกระเคนเข้าที่ชายโครง จนตัวงอ


“นพ” นิมิตพยายามจะเข้าพยุง ก็โดนท้ายปืนเสยที่ปลายคางเสียก่อน จนต้องหงายหลังนับดาว


“อย่าคิดหดหัว ออกมาเสียดี ๆ หรือจะให้พวกนี้เป้ฯศพก่อน” ยักษ์ประกาศกร้าว


“ปัง” แม่เหมือนจับวาง ร่างของลูกน้องยักษ์ล้มลง ที่เหลือจึงต้องระวังตัว หาที่หลบเข้ากำบัง


“มันมาทางไหน” ยักษ์ถามลูกน้อง ยังไม่ทันได้ตอบอะไร รถของสมศักดิ์ก็ตามมาถึง สถาพดูไม่ได้แต่ก็พร้อมลุยทุกสถานการณ์


“ปัง...ปัง” เริ่มเปิดฉากกันอีกครั้ง พวกของยักษ์ต้องรีบปิดฉากให้เร็ว ก่อนที่จะสายเกินไปกว่านี้ อัฐณพค่อยๆลุกมาเขย่าร่างของนิมิต


“มิต ลุก มิต เป็นไง บ้าง” อัฐณพพยายามเขย่า ร่างหนานั้นให้ลุกขึ้น นิมิตพยายามกระพริบตาถี่ไล่อาการมึนงง สักครู่ให้ออกไป


“มึงมานี้เลย” ยักษ์คว้าข้อมือขออัฐณพและเล็งปืนไปที่นิมิต


“พวกมึงหยุด” ยักษ์ตะโกนออกไปที่ฝั่งตรงข้าม พร้อมปืนเล็งที่หัวของอัฐณพ ต๊อด โม่ง และสมศักดิ์มองหน้ากันเชิงปรึกษา


“มันมีตัวประกัน” ต๊อดเอ่ย


“แต่ไม่ใช่พี่โรชนี้ ช่างมัน” แววมยุราเอ่ย สามหนุ่มมองหน้าหญิงสาว


“หน้ามืดตามัว บ้าผู้ชายจริง คุณนี้” สมศักดิ์ตะคอกใส่แววมยุรา


“ปัง” กระสุนโดนที่ข้อมือของยักษ์ จนเจ้าตัวต้องเซไปตามแรง เมื่อรู้ทิศทางของกระสุนแล้วยักษ์รั่วห่ากระสุนออกไปตามทิศทาง


“เอาให้มันตายไปเลย” ยักษ์สั่งลูกน้อง จากนั้นทั้งฝั่งของสมศักดิ์ก็โจมตีด้วยอีกด้าน เสียงหวอรถตำรวจดังมาแต่ไกล


“เอาไงดีพี่” ลูกน้องคนสนิทเอ่ย


“อย่าให้เหลือ เร็ว” ยักษ์สั่งหันมาจะยิงอัฐณพ สาโรชเข้าประชิดตัว หวดวัตถุสีดำลงตรงทัดดอกไม้ ยักษ์เซไปตามแรง จึงต้องปล่อยให้อัฐณพเป็นอิสระ อัฐณพถูกเหวี่ยงลงด้านข้าง 


“ออกมาแล้วหรอ วันนี้มึงไม่รอดหรอก” ยักษ์ขบกรามแน่ พยายามเรียกสติให้กลับคนมา ลุกขึ้นหยิบปืนที่เหน็บข้างกาย สาโรชเตะไปที่ข้อมือของยักษ์ ปืนจึงกระเด็นออกไปด้วย ยักษ์ตะกายตามปืน พร้อมคว้ามากำในมือ จึงเอี้ยวตัวกลับมาพร้อมเล็งปืนไปที่สาโรช


“มึงตาย” ยักษ์กล่าวพร้อมลั่นไกล


“ปัง” ร่างบางกอดร่างชายหนุ่มอีกคน พอดีกับคมกระสุนเจาะเข้าไปในร่าง

“นพ” สาโรชเอ่ย มองหน้าชายคนที่รัก อัฐณพค่อย ๆ ลู่ลงตามแรงโน้มถ่วง


“นพ” นิมิตรีบเข้ามากอดชายหนุ่มจากด้านหลัง


“ลูกพี่ไปเร็ว” ลูกน้องของยักษ์รีบมาช้อนร่างของยักษ์ให้ลุกขึ้นไปที่รถ


“นิมิต พี่ฝากนพด้วยนะ เขาคือ หัวใจของพี่” สาโรชเอ่ย พร้อมลุกขึ้นวิ่งไปคว้าปืนจากศพแล้ววิ่งตามรถของยักษ์ออกไป สาโรชไปที่รถของนิมิต ขับตามออกไปติด ๆ เสียงปืนดังเป็นระยะ ๆ 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++   


      รถตำรวจและรถพยายามเข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อความเงียบสงบกำลังคืบคลานเข้ามา ตำรวจหลายนายออกสำรวจ อีกชุดก็ตามสาโรช


“พ่อ นพถูกยิง” นิมิตเอ่ย น้ำตาไหลนองหน้า พยาบาลจึงรีบเข้าช่วยเหลือ


“คุณปลัดละ” สุทินถามลูกชาย ที่หน้าตาสะบัดสะบอมไม่ต่างกัน


“ตามพวกมันไป” นิมิตตอบปนเสียงสะอื้น


“พี่โรชไปไหนแล้วพี่โรช” แววมยุรารีวิ่งออกมาที่กลุ่มคนเจ็บ สมศักดิ์ได้แต่ส่ายหน้า ทั้งที่ตัวเองก็โดนยิงเช่นเดียวกัน


“นายรู้ไหมพี่โรชไปไหน” แววมยุราถามนิมิต


“คุณแวว ออกมา” สมศักดิ์เข้าไปคว้าร่างแล้วลากออกมา แววมยุราไม่พอใจ กำปั้นทุบลงที่ต้นแขน


“โอ๊ะ” สมศักดิ์อุทานออกมา


“นายเป็นอะไร” แววมยุราเอ่ยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าเจ็บปวด เลือดไหลทะลักออกมา


“นายถูกยิง” แววมยุราอุทานออกมา

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นพอย่าเป็นอะไรนะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
มาต่อเร็วๆ นะ
 :katai4:
นพอย่าเป็นอะไรมากเลย สงสารมากๆ
 :mew4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
ต้องขออภัยด้วยครับ พอดีติดภารกิจ จะรียบมาต่อให้ครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
บทที่ 12 พบเจอ
   การไล่ล่าของสองฝ่ายดำเนินไปอย่างดุเดือด มีตำรวจตามหนุนหลัง เป็นฝ่ายที่สาม เสียงปืนดังสนั่นผ่านหมู่บ้าน ก่อนจะเลยออกสู่ท้องทุ่ง ที่ตอนนี้มีแต่ความแห้งแล้ง สาโรชลัดเลาะ ป่าหญ้าออกไปอีกเส้นทาง คนร้ายหันกลับมามองหา พร้อมเล็งปืนมาที่ตัวสาโรช กระสุนพุ่งเจาะตัวรถ ต้องรีบหาที่กำบัง เฝ้ามองดูพฤติกรรมของคนร้าย มองลูกปืนตัวเองที่เหลือน้อยเต็มที  อย่างไรก็ต้องจับเป็น เพื่อสาวถึงผู้บ่งการ สมองคิดหาวิธีหยุดรถคนฝ่ายให้ได้ จึงรีบย้ายที่กำบัง ลัดเลาเข้าดงต้นอ้อ และเลยเข้าสวนอ้อย พยายามให้การเคลื่อนไหวน้อยที่สุด


“ไอ้สาโรช วันนี้มึงหนีไม่พ้นหรอก มึงเป็นผีเฝ้าทีนี้แน่” เสียงคำรามออกมา ยักษ์ส่งสัญญาณให้ลูกน้องโอบล้อม


“ปัง” นัดแรกถูกยิ่งขึ้นฟ้าเป็นการยิงเพื่อล่อเป้า สาโรชนิ่งหันซ้ายทีขวาที 


“มึงคิดหรือว่ามึงจะรอด” ยักษ์ส่งเสียงคำราม เพ่งมองดงอ้อย คอยมองและบอกลูกน้อง ลำตัวเมื่อคลานผ่านต้นอ้อย ใบอ้อยเริ่มไหวติง


“เฮ้ยพวกมึงทางโน้น” ยักษ์ชี้นิ้วให้ลูกน้องดู ลูกน้องต้องเข้าไปดู สาโรชค่อย ๆ คลานออกไปอีกที่หนึ่ง  ทีนี้ดงป่าอ้อยมีการเคลื่อนไหวพร้อมกันหลายทาง ยักษ์เองเริ่มลังเล ก่อนตัดสินใจเล็งกระบอกปืนไปดีด้าน แล้วลั่นไกล


“มึงตาย” ยักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหด จากนั้นเงียบ ลูกน้องของยักวิ่งไปดูตามที่ยักษ์ยิง ปรากฏเป็นหมูป่าตัวใหญ่ที่ออกมาหากินตรงไร่อ้อย


“บ้า ซิบหาย แม่...งหายไปนะว่ะ” ลูกน้องของยักษ์สบถกับตัวเอง


“ไม่ใช่แล้วลูกพี่ มันเป็นหมูป่า” ลูกน้องของยักษ์วิ่งออกมา


“พวกเรา ไปก่อน พวกมันตามมาแล้ว” ยักษ์เอ่ยพยุงร่างตัวเองให้นั่งลงตามเดิม


“ถ้าอย่างนั้น มึงก็กลายเป็นผีเฝ้าไร่อ้อยไป” ลูกน้องพูดขึ้น พลางจุดไฟเผาไร่ พระเพลงเมื่อได้เชื้อเพลิงอย่างดีก็โหมกระหน่ำขึ้น พร้อมทั้งลมพัดเอาเปลวไฟ ให้ลุกลามอย่างรวดเร็ว


“ปัง ๆ” สิ้นเสียงปืนร่างชายสูงใหญ่ก็ร่วงลงจากรถ เสียงรถจักรยานยนต์วิบากดังขึ้นพร้อมเร่งเครื่องออกไป สาโรชได้แต่ถอนหายใจคงต้องหาหลักฐานใหม่เสียแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   แววตาหมองหม่นมองดูลูกชาย นอนนิ่งบนเตียงในของบุบผานั้น เจ็บปวดยิ่งนัก ตอนที่นางรู้ข่าวนางแทบจะดับดิ้นตายไป ทำไมเรื่องร้าย ๆ จึงมาเจอกับลูกของนางด้วย ประตูห้องพักถูกเปิดออกเบา ๆ ผู้เข้ามาใหม่ เดินมาที่หญิงสูงวัย


“แม่ครับ แม่กลับไปพักกับยี่หว่านะครับ ทางนี้มิตดูแลต่อเอง” นิมิตเอ่ย หญิงสูงวัยหันไปสบตากับบุตรี


“มิตปานนี้ เจ้านพยังไม่ฟื้นเลย” บุบผาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง


“ต้องฟื้นซืครับ มิตรับรอง แต่ตอนนี้แม่กลับไปพักก่อนนะ” นิมิตกล่าวให้กำลังใจผู้สูงวัยกว่า



“แล้วเรื่องคดี เป็นอย่างไรบ้าง” บุบผาถามขึ้น



“เรื่องนี้ระดับประเทศเลยแม่ ปล่อยให้เจ้านายเขาดำเนินการกันต่อเถอะ เราอย่าไปยุ่งกับเขาเลย” ดวงยี่หวาตอบคำถามมารดา เพราะเมื่อวานตัวเธอก็ถูกเรียกตัวเข้าสอบเช่นกัน   


“ไม่ได้ยุ่งอะไร ห่วงแต่พ่อโรช” บุบผาเอ่ยเบา ๆ ทุกคนเลยเงียบ



“เอาเป็นว่าพี่โรชปลอดภัย ละกัน ตอนนี้ท่านเจ้านายเขาไม่อยากให้เราพูดอะไรมากเกี่ยวกับพี่โรช” ดวงยี่หวาเป็นคนทำลายความเงียบเสียเอง บุบผาได้แต่พยักหน้า แล้วหันไปมองทางลูกชายที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ตรงเตียงคนไข้ บุบผาถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเก็บของใช้ส่วนตัวของตัวเอง



“มิต แม่ฝากด้วยนะ” บุบผาหันมาทางนิมิต ก่อนออกจาห้องไป



“แม่พักผ่อนนะครับ” นิมิตกล่าวตามหลัง เมื่อความเงียบกลับเข้ามาภายในห้องพัก นิมิตรเดินไปยึ่นข้างเตียงคนไข้ มองดูใบหน้าที่ราบเรียบของอีกฝ่าย หัวใจดวงน้อยเต้นแรง นี้หรือยอดดวงใจ ที่ต้องจากไปให้คนอื่น จะมีสักคราไหมที่หัวใจดวงน้อยดวงนั้นรับรู้ถึงความคิดคนึงจากเขา นิมิตถอนหายใจระบายอารมณ์ที่วิ่งพล่า จากนั้นจึงไปเก็บของใช้ที่ถือมาตอนที่ไปรับดวงยี่หวา ผลไม้สองสามอย่างซื้อมาไว้เผื่อคนไข้ฟื้น หรือให้คนที่มาเยี่ยมได้รับประทานกัน จากนั้นจึงนำเข้าไปในห้องน้ำล้างให้สะอาด ขณะที่กำลังล้างผลไม้ต่าง ๆ อยู่นั้น หน้าห้องพักผู้ป่วยใน ชายร่างสูงตัวโตมายืนอยู่ เมื่อเห็นรายชื่อผู้ป่วยจึงผลักประตูเข้าไป ชายหนุ่มก้าวขาฉับ ๆ เข้าไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงหลับนิ่งอยู่บนเตียง มีเพียงเครื่องมือแพทย์ที่ระโยงระยาง ไปหมด เสียงสัญญาณชีพจากเครื่องวัดความดันเท่านั้นที่ยังส่งสัญญาณปกติ ชายหนุ่มค่อย ๆ ก้มเข้าไปใกล้


“นายเป็นใคร” เสียงดังจากประตูห้องน้ำ ทำให้ชายหนุ่มชะงัก หันไปมองตามเสียง นิมิตรีบวางถุงผลไม้ลงแล้วรีบมาดึงร่างชายหนุ่มผู้มาใหม่ให้ออกห่าง ด้วยที่รูปร่างที่ไม่ค่อยต่างกันนัก ร่างของชายหนุ่มผู้มาใหม่ไม่ขยับไปไหน


“ออกมา นายจะมาทำร้ายคนป่วยหรือไง” นิมิตเริ่มจะเสียงดัง ชายหนุ่มผู้มาใหม่รับตะคลุบปากไว้ก่อน การต่อสู้ชุลมุนจึงเกิดขึ้นเล็กน้อย


“หยุด อย่าเสียงดัง” เสียงเข้มต่ำผ่านลำคอ แรงผลักและดึงทำให้ร่างของชายสองคนไปกระทบเตียงคนไข้อย่างจัง


“หมอ” นิมิตได้จังหวะรีบตะโกน แต่อีกฝ่ายตะคลุบปิดปากไว้ทัน แต่ก็พลาดเมื่ออีกฝ่ายนั้นกัดลงที่นิ้วมือ ความอดทนของผู้มา

ใหม่ พยายามสะกดกลั้นความเจ็บไว้


“แคร่ก ๆ” เสียงที่แทรกเข้ามา ทำให้ทั้งสองเบิกตากว้างหันไปทางต้นเสียง


“นพฟื้นแล้ว” นิมิตเอ่ย เมื่อดึงมืออีกฝ่ายออก อัฐณพยิ้มเจือน ๆ มาหาทั้งสองคน



“น้องนพ เจ็บตรงไหนบอกพี่” ชายผู้มาใหม่รีบผละออกจากนิมิต รีบเข้าจีบมือบีบเบา ๆ



“นาย ออกไปจากห้องพัก” นิมิตรีบเข้ามาดึงชายหนุ่มออกจากอัฐณพราวกับแม่ไก่หวงลูกไก่



“เจ็บ....อยู่.....ครับพี่กร” อัฐณพเอ่ยออกมาเบา ๆ 



“อาว รู้จักกันหรอ” นิมิตเอ่ยออกมา มองหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ จากนั้นจึงกดสัญญาณเรียกหมอพยาบาล



“ญาติผู้ป่วย ออกห่างก่อนนะค่ะ” พยาบาลเอ่ยเมื่อเข้ามาในห้อง นิมิตจึงไปเก็บผลไม้ ส่วนนิติกรเองก็ตามมานั่งที่โซฟาข้าง ๆ แทน นิมิตแอบชำเลืองมองมาที่ชายหนุ่ม สายตาพลันประสานกัน เพราะอีกฝ่ายก็มองมาอยู่ก่อนแล้ว จึงต้องหลบสายตา หันไปทำอย่างอื่นแทน จนเมื่อหมอพยาบาลออกแล้วแล้ว นิติกรจึงเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียงคนป่วย


“พี่รู้ข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ พี่ใจแทบจะขาด” นิติกรเริ่มหยอดคำหวาน อัฐณพได้แต่ยิ้มเจือน ๆ


“ออกหนังสือพิมพ์เลยหรอครับ” อัฐณพถามเบา ๆ



“พี่ว่า อย่ากลับมาเลย ที่มันอันตรายแบบนี้” นิติกรเอ่ย



“ไม่กลับได้ไง บ้านเขาอยูที่นี่” นิมิตเองเป็นคนสวนออกมา ขณะเดินเข้ามาใส่ส่วนด้านข้างห้องพัก



“บ้านน้องนพอยู่นี้หรอครับ” นิติกรถาม อัฐณพพยักหน้าช้า ๆ



“จะมาเยี่ยมก็หัดเรียนรู้ด้วยว่าที่ไหน อย่างไร” นิมิตเหน็บกลาย ๆ อัฐณพตาปรือด้วยฤทธิ์ยานอนหลับ นิติกรจึงเงียบไม่พูดต่อให้คนป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ นิมิตกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง พลางนอนลงตามความยาวของโซฟา และแอบชำเลืองแผ่นหลังชายหนุ่มที่นั่งเฝ้าอัฐณพเป็นระยะ ๆ สักพักใหญ่นิติกรหันกลับมา นิมิตรีบทำทีเป็นหลับ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืน จ้องพิจารณาอัฐณพสักครู่ก่อนก้มลงหอมที่เปลือกตาและหน้าผากแล้วเดินออกจากห้องไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   หน้าต่างห้องนอนถูกเปิดออกจนกว้างให้ลมพัดผ่านได้เป็นอย่างดี นิมิตกลับมาดูอัฐณพยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติ่ง พลางถอนหายใจ แล้วเตรียมตัวลงไปอาบน้ำ ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลแล้วมาพักฟื้นที่บ้านพัก นิมิตเป็นคนที่ดูแลอัฐณพตลอดเวลา


“มิต นพอยากลุก” เสียงคุ้นหูเอยขึ้น นิมิตจึงวางผ้าเช็ดตัวกลับมาดูคนป่วย


“ค่อย ๆ ลุก ไวไหม” นิมิตพยุงเพื่อนให้ลุกจากที่นอน คิดถึงเขาคนนั้นที่อัฐณพเคยพยุงตัวให้ลุกขึ้น ล้างหน้าตา คอยป้อนยา


“เราไม่เป็นไรแล้ว อย่าทำเป็นคนป่วยง่อยขา” อัฐณพเอ็ดเบา ๆ ค่อยลุกขึ้นเดิน


“จะไปไหน” นิมิตรีบถามทันที


“จะไปห้องน้ำ อยากสูดอากาศตอนเช้า ๆ “ อัฐณพตอบ ออกจากห้องลงไปเข้าห้องน้ำ


“ระวังด้วยนะ” นิมิตกล่าวอย่างเป้ฯห่วงแล้วรีบหยิบผ้าเช็ดตัวตามลงไป


“เราไม่ได้ป่วยขนาดต้องเดินไม่ได้” อัฐณพกล่าว ทำให้หวนคิดถึงใครอีกคน


“เพิ่งออกจาก โรงพยาบาลทำเป็นเก่ง” นิมิตตอบ


“โรงเรียนเปิดมาสองสามวันแล้ว เราจะต้องหายให้เร็ว เด็ก ๆ จะได้เรียนหนังสือ” อัฐณพตอบ กลบสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่นั้นเอง


“น่าภูมิใจ” นิมิตกล่าวแกมประชด พร้อมเปิดประตูห้องน้ำ


“ไม่ต้อง เราเข้าเองได้” อัฐณพกล่าว เมื่อนิมิตทำทีจะเข้าไปด้วย นิมิตจึงจำยอมปล่อยให้อัฐณพเข้าห้องน้ำเอง รอสักครู่อัฐณพจึงออกมาและเดินเลี่ยงออกไปหลังบ้าน


“แล้วจะไปไหน” นิมิตเกาศีรษะ งงกับคนป่วย


“จะไปรับลมข้างนอก” อัฐณพตอบ เริ่มรู้สึกหงุดหงิด ถึงว่าไอ้ดาร์ว ไม่ใช่ชิ ปลัดถึงรู้สึกรำคาญ 


“ระวังด้วยนะ ขอมิตอาบน้ำก่อน จะมานั่งเป็นเพื่อน” นิมิตกล่าวแล้วเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้อัฐณพเดินไปหลังบ้านคนเดียวเดียว


“น้องนพจ๊ะ อยู่ไหม” เสียงทักมาจากหน้าบ้าน น้ำเสียงนี้ อัฐนพจำได้ พี่ยาใจแฟนอาจารย์ชัชวาลนั้นเอง


“ครับพี่ยาใจ นพอยู่หลังบ้านครับ” อัฐณพตอบ ผู้มาใหม่จึงเดินเข้ามาภายในบริเวณบ้านพัก พร้อมกับหม้อข้าวต้มขนาดย่อม


“ตอนแรกคิดว่ายังไม่ตื่น” ยาใจกล่าว พร้อมเดินเลี่ยงเข้าหลังบ้าน


“เพิ่งตื่นมื้อกี้ครับ” อัฐณพตอบ


“พี่เอาข้าวต้มมาส่ง ทำให้พิเศษ เผื่อน้องมิตด้วย” ยาใจกล่าวแล้ววางหม้อลง


“ขอบคุณแทนมิตด้วยนะครับพี่” อัฐณพกล่าว


“ไม่เป็นไร บ้านใกล้เรือนเคียง พี่ไปขายกับข้าวละ” ยาใจตอบแล้วยิ้มให้อัฐณพ พอดีกับนิมิตเปิดประตูห้องน้ำออกมา


“ถึงว่า กลิ่นหอมเข้าไปในห้องน้ำเลยพี่ยาใจ” นิมิตหยอดคำหวาน


“อุ๊ย ตายจริง” ยาใจอุทาน เมื่อมองเห็นแผ่นอกเปลือยของนิมิต ถึงจะมีเนื้อมีหนังแต่ส่วนโค้งเว้าก็เหมือนกับออกกำลังกายเป็นประจำ นิมิตได้สติ


“ผมไปใส่เสื้อผ้าก่อนครับ” นิมิตกล่าวพร้อมหัวเราะกลบเกลื่อน


“อย่าถือสาเลยครับ” อัฐณพเอ่ย


“อุ้ย ไม่เป็นไร พี่ไปขายของก่อน ไปละ แต่ว่า ลืมถาม น้องอีกคนไม่เห็นกับมาด้วย” ยาใจถาม


“ไม่กลับมาแล้วครับพี่” อัฐณพตอบ ยาใจพยักหน้าเข้าใจ


“พี่เห็นแว๊บ ๆ ยังไม่ได้คุยกันเลย” ยาใจกล่าวต่อ


“ใครหรือครับพี่ยาใจ” นิมิตเอ่ยกลับลงมาในชุดที่เรียบร้อยขึ้น



“อุ้ย อย่าลืมเอาหม้อถ้วยจานออกมาไว้ตรงหน้าบ้านด้วยนะ พี่ไปละ” ยาใจกล่าวแล้วรีบออกจากบ้าน



“สมกับเป็นแม่บ้านจริง ๆ เลย” นิมิตกล่าวแล้วเดินมาเปิดหม้อข้าวต้มที่ยาใจวางไว้



“จะกินเลยไหมจะได้กินยา” นิมิตหันไปทางอัฐณพที่ยืนตรงหน้าประตูหลังบ้าน อัฐณพส่ายหน้า



“เอา ๆ แล้วมันจะหายไหมครู ไม่กินข้าวกินยาแบบนี้นะ เอาแต่เดินไปเดินมาอยู่นั้นแหละ” นิมิตถือถ้วยข้ามต้มตามออกมา


“ไม่เป็นไรหรอก แต่ก่อนดาร์วมันก็ทำ” อัฐณพหลุดคำพูดออกมา คิดถึงใครบางคน ที่เคยทำแผลให้แล้ว พยายามไม่อยากให้คนป่วยเดินไปมามากนัก เหมือนที่นิมิตกำลังทำกับเขาเช่นกัน ใจเขาใจเรา ถ้าไม่เจอเองก็ไม่รู้


“เฮ้อ เออ ก็ได้ หิวเมื่อไหร่ก็เข้ามากิน” นิมิตตัดปัญหา โดยการตักข้าวต้มชดเสียเอง อัฐณพเดินไปที่ริมรั่วมองไปยังเวิงท้องน้ำ คิดถึงความหลังที่ผ่านมา 


“อีกนานไหม จะได้สอบ” อัฐณพเอ่ยถามเพื่อนที่ตามมาเฝ้าไข้ ตั้งแต่หมออนุญาตออกจากโรงพยาบาล


“พ่อบอก เดือนหน้าโน้น ไม่รู้อะไร จะให้สอบเข้าทำงานที่ อบต แล้วจะให้แต่งงาน เฮ้อ คงได้แต่งหรอก” นิมิตทำมุมปากจุบจิ๊บแสดงอาการไม่พอใจ อัฐณพยิ้มบาง ๆ แอบชำเลือง พอดีกับนิมิตหันมาสบตาพอดี


“อะไร ทำหน้าแบบนั้น” นิมิตเอาเสียงเข้ากลบเกลื่อน อัฐณพจึงยิ้มกว้างออกมา


“แล้วว่าที่เจ้าสาวว่าไง” อัฐณพถามน้ำเสียงปกติ


“จะว่าไง ไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ แล้วเราคิดว่า...... คนที่เป็นเจ้าสาวเรา นายก็คงรู้ดี” นิมิตตอบกลับมาจนได้ ทำให้อัฐณพ หน้าแดงเล็กน้อย เอ หรือว่าจากไอแดดยามบ่าย เจอขนมจีบก้อนใหญ่


“คงไม่มีทางเป็นไปได้หรอกมั่ง” อัฐณพตอบเศร้าๆ แสร้งมองลงไปยังคลองน้ำ ที่ตอนนี้ เรือหาปลาหลายลำกำลังผ่านไป


“งง กับพ่อเหมือนกัน ดูลูกไม่ออกเชียวหรอ ว่าลูกชอบแบบไหน” นิมิตกล่าวพลางตักข้าวต้มต่อ


“ก็คงอยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ไง” อัฐณพกล่าว พลางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เมื่อยืดลำตัวขึ้นอาการเจ็บแปล๊บก็เกิดขึ้น พยายามข่มความเจ็บไว้ไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้


“รอเมื่อไหร่นพพร้อม จะไปคุยกะพ่อเอง” นิมิตเอย อัฐณพหันควับทันที


“พูดเข้า พ่อจะได้เสียใจ” อัฐณพกล่าว


“เสียใจอะไร เราก็แสดงตัวให้รู้มาตั้งแต่ต้นแล้ว” นิมิตกล่าวแล้วกลับเข้าไปตักข้าวต้มอีกถ้วย พอดีกับเสียงรถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าบ้าน


“ใครมาว่ะ” นิมิตกล่าว


“เพิ่งกลับบ้านพักได้สามวันก็มีคนมาหาแล้วหรอ” นิมิตบ่นเบา ๆ  มองหน้าคนป่วยก็ทำหน้าสงสัยเช่นเดียวกัน


“น้องนพของพี่ อยู่ไหมครับ” เสียงตะโกนดังจากหน้าบ้าน นิมิตจึงเดินออกไปดเปิดประตูหน้าบ้านมองผู้มาใหม่ ชายหนุ่มคนที่เคยเจอที่โรงพยาบาลนั้นเอง มาในชุดหนังแน่นเปี้ยะ เผยให้เห็นแผงอกกล้ามโตนิด ๆ นิมิตได้แต่ส่ายหน้า


“น้องน....พ..”ผู้มาใหม่ชะงัก


“ใครยืนอยู่ เข้าบ้านผิดหรือเปล่า” นิติกรเอ่ยกับตัวเอง แล้วถอยหลังออกมาสองก้าว ก็เคยมาบ้านนี้


“ออ คิดออกละ” นิติกรตอบตัวเองแล้วยิ้มกว้าง 


“ขอโทษครับ ผมมาหาน้องนพ ผมเข้าถูกบ้านไหม” นิติกร ถอดแว่นตาดำ และทำทีถามอย่างนอบน้อมกึ่งประชด เพราะเคยปะลองพละกำลังกันมาครั้งหนึ่งแล้ว


“อยู่ อยู่หลังบ้าน” นิมิตตอบแบบห้วน ๆ ชักไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย  รูปร่างก็โอเค สูงโย่ง ๆ กล้ามหน้าอกเป็นมัดเพราะใส่เสื้อดำรัดรูปอวดลำแขน กับกางเกงยีนขาดเข่า หน้าตาก็งั้น ๆ ผมกดดำ หน้าผากสูง สมกับขี้จักรยานยนต์


 “ขอบคุณครับ คุณตาแป๊ะยิ้ม” นิติกรเอ่ยที่เล่นทีจริง พลางยักคิ้วให้อีกฝ่าย


“อ้าว พูดดี ๆ ก็ได้ อย่ามาทำเป็นปากสุนัข ดิ” นิมิตส่วนกลับทันที จนนิติกรสะดุ้ง 


“อุ้ย แรงเหมือนกันนะเรา” นิติกรเอ่ยพร้อมกับผลักอกให้อีกฝ่ายหลีกทาง นิมิตจึงเดินออกไปดูหน้าบ้าน เผื่อจะมีใครมาเพิ่มอีก


“ผมร้อยตำรวจโทนิติกร มารายงานตัวครับผม” นิติกรกล่าวรายงานตัวพร้อมทำท่าตะเบ๊ะ เหมือนกับรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชา จนอัฐณพอายหน้าแดง


“ครับ พี่กร มาได้ไงครับ” อัฐณพค่อยลุกขึ้นยืน มือจับราวรั้วไม้ไผ่ ที่นิมิตซ่อมแซมตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน


“มื้อวานพี่ไปโรงพยาบาล พยาบาลบอกว่าน้องนพออกจากโรงพยาบาลแล้ว พี่เลยลองเสี่ยงมาที่นี่ พี่ไม่รู้จักบ้านน้องนพครับ” นิติกรกล่าว ยิ้มอาย ๆ เดินเข้าหาอัฐณพ จะประคองกอด


“จะเอาข้าวต้มเลยไหมนพ” เสียงของนิมิตทำให้นิติกรต้องหยุดเสียงก่อน


“น้องนพยังไม่ทานข้าวเช้าหรอครับ” นิติกรถามแก้เก้อ อัฐณพยิ้มเจือน ๆ ให้


“คราวก่อนพี่ไปเยี่ยมไม่ได้คุยกันเลย” นิติกรเปลี่ยนเรื่อง อัฐณพรู้สึกแปลกใจ


“ไม่รู้ว่าพี่กรไปเยี่ยมครับ” อัฐณพกล่าว นิติกรเข้าประคองให้อัฐณพไปนั่งที่เก้าอี้


“ขอบคุณครับ” อัฐณพกล่าวขอบคุณ


“พี่ไปตามหัวใจเรียกร้อง” นิติกรเอ่ยเบา ๆ พอได้ยินสองคน


“กินให้หมดจะได้กินยา” นิมิตเอยเสียงห้วน ๆ วางถ้วยข้าวต้มลงตรงหน้า นิติกรจึงเลื่อนถ้วยมาหาตัวเอง


“นายจะทำอะไร” นิมิตถามทันที นิติกรยิ้มบาง ๆ


“จะป้อนข้าว” นิติกรตอบ


“โอ้ว ไม่เป็นไรครับ นพทานเองได้ครับ” อัฐณพรีบกล่าว


“ไม่เป็นไรให้พี่กรได้ดูแลน้องนพบ้าง ไม่อยากให้คนอื่นมาดูแลแทน” นิติกรเอ่ย


“ไม่ต้อง เอามานี้” นิมิตแย่งถ้วยข้าวต้มมาถือเอง นิติกรลุกขึ้นยืน จ้องหน้าอีกฝ่ายเตรียมตัวหาเรื่อง


“พี่กรครับ นพขอโทษแทนเพื่อนนพด้วย” อัฐณพลุกขึ้นห้ามทัพ


“นิมิต เอาถ้วยมานี้ เราจะกินเอง” อัฐณพหันไปทางนิมิตด้วยน้ำเสียงเข้ม แล้วนั่งลง นิมิตจึงยอมคืนถ้วย


“แล้วขอโทษพี่กรด้วย” อัฐณพเอ่ยเสียงต่ำ นิมิตขบกล้ามแน่น


“ขอโทษ” นิมิตเอ่ยเสียงห้วน ๆ เสียไม่ได้ แล้วถอยออกห่างอย่าไม่สบอารมณ์ นิติกรจึงยอมนั่งลงตามเดิม


“เพื่อนนพ จะห้าวๆห้วน ๆ หน่อย ต้องขอโทษแทนอีกครั้งครับพี่กร” อัฐณพกล่าวกับนิติกร


“ไม่เป็นไรหรอก พี่ให้อภัยได้” นิติกรกล่าวแต่ก็เชิดหน้าใส่ไปทางนิมิตบ้าง เมื่อเห็นอากัปกิริยาอย่างนั้นยิ่งทำให้นิมิตอารมณ์เสีย เตะรั้วไปทีหนึ่งเดินกลับเข้าไปในบ้าน


“เพื่อนคนนี้ดูไม่ค่อยจะเข้าตาพี่กรเลยน้องนพ” นิติกรเอ่ย


“เพื่อนรักของนพ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วครับพี่กร นิมิตเป็นคนดีนิสัยดี ถ้าดูผิวเผินเป็นดูหามๆ หน่อยนะครับ” อัฐณพกล่าวพลางตักข้าวต้มขึ้นทาน


“ออ ลืมถาม พี่กรทานอะไรมาหรือยัง” อัฐณพถามต่อ นิติกรมีท่าทีจะบอกปฏิเสธ


“มิต ขอข้าวต้มสักถ้วยให้พี่กรหน่อยซิ” อัฐณพเรียกนิมิต


“ไร้มารยาท มาบ้านคนอื่นหยังจะมาสร้างความลำบากให้คนอื่นอีก” นิมิตเอ่ยลอย ๆ แต่ก็ยอมหันกลับเข้าบ้านไป มองหาถ้วยช้อนที่พี่ยาใจเตรียมไว้ให้ไม่พอ จะเอาอะไรใส่ให้ละที่นี่ เหลือบไปเห็นถ้วยใบเก่าของตัวเองที่กืนค้างไว้ จึงหยิบมามอง


“เจอฤทธิ์ไอ้มิตก่อนเถอะ” นิมิตเอ่ยกับคัวเอง พร้อมตักข้าวต้มก้นหม้อใส่ถ้วย จากนั้นจึงเพิ่มน้ำปลาไปอีกจนหมดถุงแบ่งที่พี่ยาใจเตรียมไว้ให้


“อย่ามาแสดงความเก๋า ใส่หน้าไอ้มิต” นิมิตกล่าว แววตาอาฆาตนิดๆ จากนั้นจึงยกออกไปให้


“พี่กรไม่ได้ออกพื้นที่เลยหรอครับ” อัฐณพถาม นิติกรรับถ้วยข้าวต้มมาตรงหน้า


“ตอนนี้พรรคพวกอีกอำเภอออกพื้นที่ที่บ่อยพี่เลยได้พักบ้างนะ” นิติกรตอบ พร้อมตักข้าวต้มเข้าปาก ก็ต้องชะงัก รสชาติที่ลิ้นรับ
รสทำให้นิติกรแทบจะคายข้าวต้มนั้นออกมา


“ฝีมือแม่บ้านครูชัชวาล อร่อยมากเลยพี่กร” อัฐณพกล่าวสนับสนุนฝีมือ นิติกรฝืนกลืนข้าวต้มลงไป   


“หรอครับ” นิติกรตอบเสียงอ่อย พลางหันไปมองนิมิตที่ยืนห่าง ๆ ออกไป

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
พี่กรต้องเจอกับมิต ถึงจะเหมาะสมกัน อิอิอิ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สมนำ้สมเนื้อกันจริงๆ พี่กรกับน้องมิตร

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คุณปลัดหายไปเลย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
ขอโทษที่ให้รอนานครับ ผู้เขียนเข้า รพ. ครึ่งเดือน เพิ่งออกจาก รพได้ 2อาทิตย์ครับ

บทที่ 13 การก่อตัวก้าวต่อไป
   สายฝนโปรยลงเป็นระยะ ด้วยเข้าฤดูมรสุม พืชพรรณนานาพันธุ์ต่างชูยอดแตกผลิใบ รับความชุ่มฉ่ำ รถครอบครัวขนาดใหญ่ บุกฝ่าโคลนตมมาจอดที่หน้าบ้าน

“บ้านหลังนี้แน่นะแม่กลาง” เสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น


“ไม่รู้เหมือนกัน เฮียเล็กบอกมาว่าหมู่บ้านนี้ นี้ค่ะคุณแม่” ผู้หญิงนามว่ากลางตอบพร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นคนขับรถคันใหญ่


“แน่ใจนะแม่กลาง ว่าถูกตามที่พ่อเล็กบอก” หญิงสาวอีกคนเอ่ยขึ้นพลางมองผ่านกระจกออกไปนอก ที่บ้านแต่ละหลังต่างปิดบ้านเงียบ


“แน่ใจซิพี่ใหญ่ นี้ไงเฮียเล็กเขียนที่อยู่มาให้พร้อม แผนที่ก็บอกว่าจุดนี้” กลางคลี่กระดาษที่น้องชายเขียนไว้ให้มาให้พี่สาวดู


“แล้วขับเข้ามาถูกทางหรือเปล่าแม่กลาง ไม่ใช่มั่วกันมานะ แม่นี้ร้อนใจอยู่แล้ว” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยเสียงเข้ม


“มือชั้นนี้แล้ว จะพลาดได้ไงคะ” กลางกล่าวพร้อมกับค้อนวงใหญ่ให้ผู้เป็นมารดา


“พ่อเล็กนะพ่อเล็ก ทำไมต้องให้แม่มาลำบากไกลขนาดนี้” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยรู้สึกเคืองไปยังบุตรชาย ที่เมื่อวันก่อนได้มีการพูดคุยกัน


“พ่อเล็กกลับมาคราวนี้ ภารกิจไม่เสร็จสิ้นอีกหรอลูก” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยถามบุตรชายคนเล็กขณะที่กำลังรวบรวมเอกสารบนโต๊ะทำงาน เงยมองหน้ามารดาที่เดินมานั่งข้างๆ โต๊ะ


“ยังเลยครับแม่ เล็กต้องสาวให้ถึงต้นตอให้ได้ก่อนจบคดีนี้” สาโรชเอย พลางยิ้มให้มารดา


“พอเห็นพ่อเล็กตอนนี้ ทำให้แม่คิดถึงพ่อของลูกขึ้นมาถนัดเลย” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยขึ้นยิ้มอ่อนๆ ให้ลูกชาย สาโรชจึงลุกขึ้นมากอดประคองผู้สูงวัย   


“ผมก็คิดถึงพ่อครับ” สาโรชเอย ลูบต้นแขนของมารดาปลอบใจ


“แม่อยากเห็นพ่อเล็กเป็นฝั่งเป็นฝา” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย ทำให้สาโรชชะงักนิดหนึ่ง


“แม่อยากอุ้มหลานเต็มทนแล้ว” คุณหญิงประภาเอ่ยต่อ


“ลูกพี่ใหญ่ ลูกพี่กลางก็มีให้อุ้ม” สาโอ้ยเอ่ยเสียงเรียบ ๆ พยายามหาข้ออ้าง


“ไม่รู้ละ แม่อยากอุ้มหลานที่เกิดจากพ่อเล็กก่อนแม่ตาย” คุณหญิงพิมประภา เอ่ยค้อนลูกชายน้อย ๆ


“คงยาก แล้วละครับ ผมมีคนที่อยู่ในใจแล้ว” สาโรชเอ่ย กลับมานั่งที่เก้าอีตัวเดิม เขายังจำได้ดีที่มารดาและเจ้านายรวมหัวกันจับคู่ให้เขา


“ใครหรือลูกเต้าเหล่าใด บอกแม่ซิ” คุณหญิงพิมประภาเอยด้วยความดีใจ


“ไว้ให้ผมเคลียร์งานนี้เสร็จจะบอกแม่คนแรกเลย” สาโรชเอ่ยเสียงทุ้ม ยิ้มหวานให้มารดา หัวใจตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะ ตั้งแต่กลับเข้ามาที่กรม เขาก็ไม่ได้ติดต่อคนนั้นเลย


“บอกแม่ก่อนได้ไหม แม่อยากเห็นใบหน้าคาดตา ว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ก่อน” คุณหญิงพิมประภาคะยออ้อนลูกชายคนเล็ก สาโรชนั้นรู้อยู่แล้วว่ามารดาตัวเองนั้นต้องหาทางล้วงความลับจากตนแน่ ๆโดยมีวิธีที่แยลยล จึงหันมาทางมารดาอีกครั้ง


“แม่ครับ เล็กมีเรื่องอยากให้ช่วยเหลือ อย่างหนึ่งได้ไหม” สาโรชเอ่ย เปลี่ยนเรื่อง คุณหญิงพิมประภากำลังใช้สมองคิดหาหนทาง


“ได้ ๆ ลูกจะให้แม่ช่วยเหลืออะไรบอกมาเลย แม่พร้อมสนับสนุนเต็มที่” คุณหญิงพิมประภากล่าว


“พอดี เล็กไปเจอที่แห่งหนึ่ง เห็นว่าสวยดี อยากซื้อไว้ จะปลูกเรือนหอ” สาโรชเอ่ย คุณหญิงพิมประภาทำสายตาแวววาว พร้อมยิ้มออกมา จนหลายวันผ่านมา สามคนแม่ลูกจึงได้มาถึงที่หมาย


“พี่ใหญ่ลงไปถามซิ ว่ารู้จักบ้านแม่บุบผาไหม” กลางหันไปบอกพี่สาว


“ตายแล้ว ฝนตกแบบนี้จะให้พี่ลงไปอย่างไร”ใหญ่เอ่ยพลางค้อนน้องสาวที


“ในรถไม่มีร่มเลยหรือแม่กลาง” คุณหญิงพิมประภาถามลูกสาวคนกลาง กลางจึงลองก้มค้นหาร่มภายในช่องเก็บของด้านหน้ารถ


“เอานี้ พี่ใหญ่ลงไปถามเลยคะ” กลางยื่นร่มมาให้ ใหญ่จึงจำใจต้องรับร่มมา พลางถอนหายใจแล้วเปิดประตูออกไป กางร่มเสร็จ จึงก้าวเท้าไปหาบ้านที่ยกใต้ถุนสูง ฝ่ายเจ้าของบ้านเห็นแขกผู้มาเยื่อนเดินเข้ามาภายในบริเวณบ้านก็สงสัย


“ใครละจ๊ะ” บุบผาเอ่ยขึ้น พลางขยับตัวจัดท่าทาง


“ขอโทษนะคะคุณป้า นี้บ้านของคุณยายบุบผาหรือเปล่าจ๊ะ” ใหญ่เอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาภายในใต้ถุนบ้าน   บุบผาใช้ความคิด คุณยายบุบผาในตำบลนี้จะมีใคร ก็มีแต่ตัวเอง


“คุณยายบุบผา ในตำบลนี้มีอีฉันคนเดียวจ๊ะ” บุบผาตอบ


“คุณยายบุบผาที่มีลูกเป็นครู นั้นนะคะ” ใหญ่ถามให้แน่ใจ บุบผาตบฝ่ามือลงบนแคร่


“ค้า มีที่นี่ที่เดียว ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมีธุระอะไรกับอิฉันหรือจ๊ะ” บุบผาเปลี่ยนสำเสียงนิด ๆ


“หรือคะ รอสักครู่คะ พอดีคุณหญิงแม่อยากคุยกับคุณยาย อุ้ย คุณป้านะคะ”  ใหญ่รีบเปลี่ยนสรรพนามแล้วรีบออกไปที่รถ   


“คุณแม่ค่ะ เราเจอแล้วค่ะ บ้านที่ตาเล็กให้หา” ใหญ่กล่าวด้วยท่าทีกระตือรือร้น คุณหญิงพิมประภา ขยับแว่นตา หันมาทางลูกสาวคนโต



“ตรงไหนพี่ใหญ่” กลางรีบสวนออกไปทันที


“ก็บ้านหลังนั้นละบ้านเขา” ใหญ่ตอบพลางชี้นิ้วเข้าไปในบ้าน


“แน่ใจนะแม่กลาง” คุณหญิงพิมประภาพเอ่ย พลางมองสภาพบ้านลอดกระจก บ้านที่ดูครึ้มจากต้นใหญ่ใหญ่หลายต้น หน้าบ้านมีต้นพลับพลึงที่ปลูกติดรั่วบ้านพอดี 


“หนูถามมามื้อกี้จะไม่ใช่ได้อย่างไรคะแม่” ใหญ่เอ่ย คุณหญิงพิมประภาพจึงยอมลงจากรถ กลางหาที่จอดรถแล้วลงมาสมทบ


“แม่ จริงหรอที่ ตาเล็กจะแต่งเมียแล้วพากันมาอยู่ที่นี่” กลางกระซิบถามมารดา เพื่อความแน่ใจ


“แม่กลาง ก็หล่อนเองไม่ใช่หรอที่ไปรับข้อมูลจากน้องมัน” ใหญ่กระซิบบ้าง ทั้งสามมองหน้ากันแล้วพยักหน้า ต่างคนต่างกลืนน้ำลายตัวเองลงคออย่างหนืด ๆ เพราะสภาพหมู่บ้าน ที่เป็นบ้านนอกคอกนา แบบนี้หรือที่ชายหนุ่มจะเลือกมาอยู่


“เชิญจ๊ะ บ้านนอกคอกนาไม่รู้ว่าคุณหญิงคุณนาย คนสวยโสภาจะมาเยี่ยมเยือน” บุบผาเอ่ย

**********************************************

 “ไหวไหม รอสักครู่ได้ไหม” นิมิตเอ่ยเมื่อต้องพยุงร่างของอัฐณพ มาที่หน้าอาคาร เพื่อนครูที่เห็นต่างเข้ามาช่วย


“น้องนพ ไม่ไหวก็ไม่เป็นไรพักก่อน” ครูอนงค์เอ่ย กิ๊บกาบตามมาด้วย


“นั้นซิ ที่นี่เรายังช่วยกันได้” ครูกิ๊กกาบเอ่ย อัฐณพมองหน้าอย่างเกรงใจ


“ไม่ได้หรอกครับ แค่นี้เด็กก็จะเรียนไม่ทันอยู่แล้ว นพทำได้” อัฐณพตอบออกแรงดันร่างของนิมิตให้รู้ว่าตัวเองจะไปต่อ


“ดื้อจริง ๆ เลยนะคะ” ครูกิ๊กกาบเอ่ยกับชายหนุ่มอีกคน


“โดยนิสัยเขาเลยละครับ” นิมิตตอบยิ้ม ๆ แล้วหันไปทางคนป่วย


“จับเราไว้จะพยุงขึ้นบันได” นิมิตกล่าว อัฐณพพยักหน้าพร้อมที่จะถูกฉุดให้ขึ้นบันได ครูสาวสองคนรีบเข้าประคองช่วย


“ถ้าเป็นที่บ้าน ตีก้นให้แดงเลยครับ” นิมิตกล่าว สองสาวมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคัก


“ทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย” อัฐณพเอ่ยเสียงเข้มกับคนที่ช่วยพยุง


“นพได้อะไรกินหรือยังตอนเช้า พี่จะให้เด็กวิ่งไปหน้าโรงเรียนให้” ครูอนงค์เอ่ย


“เรียบร้อยแล้วครับ” อัฐณพตอบ เมื่อขึ้นมาชั้นสองของอาคาร และนั่งลงตรงม้าหนั่งหน้าห้องเรียน


“แบบนี้แผลจะปริไหม นะนพ” ครูกิ๊กกาบเอ่ย


“ถ้าขึ้นลงแบบนี้บ่อย ๆ คงได้นอน โรงพยาบาลอีกแน่” นิมิตเอ่ย ขณะที่หอบเล็ก ๆ เลย


“เอาอย่างนี้ เปลี่ยนให้น้องนพไปสอนเด็กที่อาคารอเนกประสงค์แทนก่อนแล้วกันช่วงนี้ เด็ก ๆ คงไม่เป็นไรมาก เราต้องตามสถานการณ์” ครูอนงค์เอ่ย กิ๊กกาบพยักหน้าเห็นด้วย


“ยุ่งยากเปล่าๆ ครับพี่อนงค์” อัฐณพเอ่ย


“ได้ไง ถ้าเกิดนพจะเข้าห้องน้ำละ” กิ๊กกาบเอ่ยขึ้น อัฐณพหันไปมองหน้าเพื่อน นิมิตทำหน้าเซ็ง


“เดี๋ยวเรื่องนี้พี่จะไปคุยกะ ครูใหญ่เอง” อนงค์กล่าวต่อ  เสียงรถจักรยานยนต์เข้ามาจอดหน้าอาคารเรียน ชายแต่งกายชุดตำรวจลงจากรถ ผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเริ่มหันมอง เดินขึ้นชั้นสองพร้อมของในถุง  เมื่อเจอเพื่อนครูก็เลยทำท่าทำความเคารพ เพื่อนครูยกมือไหว้ตอบ


“ยังไม่หายดี ก็มาทำงานแล้ว” นิติกรเอ่ยขึ้น อัฐณพยิ้มให้


“มาได้ไงครับ” อัฐณพเอ่ย


“มาตามกลิ่นมั่ง” นิมิตเอ่ย มองอีกฝ่ายด้วยหางตา นายตำรวจสะอึกนิด ๆ


“พี่ไปหาที่บ้านไม่มีใครอยู่บ้าน หมาเฝ้าบ้านก็ไม่อยู่เลยตามมาที่นี่” นิติกรตอบ เน้นคำว่าหมาเฝ้าบ้าน จนนิมิตชักสีหน้าไม่พอใจ


“นั่งรอตรงนี้ก่อน ไปหาน้ำมาให้คุณตำรวจ” กิ๊กกาบกล่าว


“ไม่ต้องครับ ผมดื่มมาแล้วไม่ต้องมากเรื่องครับ นี้ผมเอากับข้าวมาให้น้องนพแล้วก็จะกลับ” นิติกรรีบปฏิเสธทันที


“หรือคะ” ครูอนงค์ตอบยิ้ม ๆ นิติกรยกถุงอาหารเช้ามาให้ แต่นิมิตรับไปก่อนพลางเปิดดูข้างใน ปรากฏว่ามีชุดอาหารอยู่เพียงชุดเดียว


“ถ้าคิดจะดูแลกัน ก็ช่วยเผื่อแผ่ถึงหมาเฝ้าบ้านด้วยนะ” นิมิตพูดเสียงเข้ม นิติกรมองหน้าอย่างไม่ลดละ ยิ่งทำให้สองสาวอดหัวเราะไม่ได้ เสียงออดโรงเรียนดังขึ้นทำให้ทุกคนต้องแยกย้ายกัน 


“เที่ยงพี่จะมากินข้าวด้วยนะ” นิติกรเอ่ย แล้วลุกขึ้น


“ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ ผมหาให้ได้” นิมิตตอบ


“ได้ไงละ นพเขาเจ็บแบบนี้” นิติกรเอ่ย



“แต่คนดูแลก็มีมือมีตีนเหมือนกัน ไม่ปล่อยคนที่รักที่ชอบต้องอดตายหรอก”นิมิตรกล่าวเน้นคำว่าคนที่รักที่ชอบให้นิติกรรู้สึก ฝ่ายนิติกรลมออกหูเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ย


“นิมิต พูดไม่ดี” อัฐณพปรามเพื่อน


“เอาเป็นว่าเที่ยงนี้พี่จะมานะครับ” นิติกรกล่าวย้ำ อัฐณพยกมือไหว้ขอบคุณ สองสาวยกมือไหว้นายตำรวจ เดินลงจากอาคาร


“จะเข้าห้องเรียนเลยไหม” นิมิตกล่าว


“วันนี้ต้องทนแบบนี้ไปก่อนคะ” อนงค์เอ่ยกับนิมิต


“ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่กับเขาจนกว่าจะดีขึ้น” นิมิตตอบ จากนั้นสองสาวจึงไปทำหน้าที่ครูเวรหน้าเสาธง อัฐณพและนิมิตจึงมีโอกาสได้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง นิมิตก้มดูถุงอาหารและผลไม้ที่นิติกรซื้อมาให้ พลางทำท่าไม่พึงใจ


“ซื้อมาทำไม แบบนี้” นิติกรเอยเบา ๆ อัฐณพทำหน้าสงสัย


“ก็ดูซิ ซื้อมาได้ต้มยำ กับข้าวต้ม แล้วนี้อะไร ส้มเขียวหวาน ถ้าเป็นเราเป็นคนป่วยนะข้ามหน้าต่างโรงเรียนไปแล้ว” นิมิตเอ่ย มองถุงกับข้าว


“รู้สึกว่ามิตจะไม่ชอบพี่กรเลยนะ” อัฐณพเอ่ยขึ้น


“ไม่รู้ซิ เหมือนขัดหูขัดตาไปเสียหมด” นิมิตตอบ


“เขาไปทำอะไรให้ละ ถึงรู้สึกไม่ดีกับพี่เขา” อัฐณพชักต่อ นิมิตทำท่าครุ่นคิด


“รู้หรือเปล่า ว่าวางมวยกันครั้งหนึ่งแล้วกับนายตำรวจนี้” นิมิตเอ่ยออกมา พอคิดได้จึงเงียบ อัฐณพทำท่าสงสัย และส่งสายตาเชิงถาม


“ไม่มีอะไรหรอกเข้าใจผิดกัน” นิมิตตอบและหลบสายตา


“พี่เขาตำแหน่งใหญ่และกำลังก้าวหน้า อย่าทำอะไรที่ไม่ดีละ” อัฐณพกำชับเพื่อน



“บอกเขาอย่างมายุ่งกับของ ๆ เราก็แล้วกัน” นิมิตเอ่ย อัฐณพได้แต่ส่ายหน้า รู้ว่านิมิตหมายถึงอะไร


“ขอบคุณมิตมาก มิตเป็นเพื่อนที่ดีกับเรามาโดยตลอด แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปหลายอย่างแล้ว” อัฐณพเอ่ย นิมิตทำหน้าเศร้า



“พี่โรช ใช่ไหม” นิมิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า อัฐณพเงียบไม่ตอบ


“ไม่มีใครหรอก บางทีกาลเวลาอาจทำให้เราเปลี่ยนไปก็ได้” อัฐณฑกล่าว มองเสี่ยวหน้าเพื่อนสนิท ถ้าเป็นแต่ก่อนนี้ อัฐณพอาจจะเปิดใจรับผู้ชายตรงหน้านี้ก็เป็นได้ แต่เดี๋ยวนี้หัวใจเขากำลังจะปิดตาย ไม่ใช่เพราะใครคนไหน แต่อาจจะเป็นที่ตัวเองนี้ละที่แพ้ใจตัวเอง


“แต่...”นิมิตจะกล่าวต่อ สัญญานออดเข้าเรียนดังขึ้น เสียงนักเรียนวิ่งขึ้นชั้นเรียนดังแทรกเข้ามา จึงเป็นการยุติการพูดคุยโดยปริยาย
**********************************

   ร้านอาหารเล็ก ๆ หน้าโรงเรียนตอนนี้มีกลุ่มครูหลายคนกำลังจับกลุ่มกันรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย นิมิตและนิติกรพยุงอัฐณพมาคนละข้าง


“อาวครู มาทานด้วยกันครับ” เพื่อนครูที่เห็นเอ่ยทักขึ้น


“ไม่เป็นไรครับ ผมมากับเพื่อน” อัฐณพปฏิเสธ ซึ่งเพื่อนครูก็เลยเงียบรับประทานอาหารกันต่อ  ทั้งสามจึงเลือกมุมที่นั่งได้สะดวก


“เชิญตามสบายนะครับ คุณหมาเฝ้าบ้าน” นิติกรเอ่ยออกมาเบา ๆ พอได้ยินกันสองคน


“ได้เลยครับ วันนี้จะเอาชนิดแบบกระเป๋าฉีกกลับบ้านแน่” นิมิตตอบ


“คุยอะไรกันครับ” อัฐณพหันมาพอดี


“เปล่าไม่มีอะไรครับ แค่อยากให้น้องอะไรนะ ออ น้องมิต รับประทานอาหารอร่อย ๆ” นิติกรตอบ นิมิตหน้าบึ้งแต่ก็รับเมนูอาหารขึ้นมาดู แล้วเลือกอาหารสองสามอย่าง จากนั้นจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ


“ดูเป็นคนไม่ค่อยยอมใครเลยนะครับ” นิติกรเอ่ยขึ้นเมื่อนิมิตเดินห่างออกไป


“ปกติมิตไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกครับ นิสัยดีเสียด้วยซ้ำ” อัฐณพเอ่ย อย่างน้อยก็ไม่ควรนินทาเพื่อนแล้วหันไปสั่งอาหารสำหรับตัวเอง อาการปวดที่แผลแปลบขึ้นมา อัฐณะแสดงอารเจ็บนิด ๆ


“เจ็บที่แผลหรอ” นิติกรถามด้วยความห่วงใย



“ครับ นิด ๆ อาจเป็นเพราะเราเดินมาไกล” อัฐณพให้เหตุผล


“พี่ขอโทษจริง ๆ วันหน้าพี่จะเอารถยนต์มารับครับ” นิติกรกล่าวจากใจจริง


“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้รับพี่กร นพไม่ได้เป็นไรมาก” อัฐณพกล่าว


“แล้วผลทางคดีเป็นยังไงบ้างแล้วครับ” นิติกรถามต่อ


“นพปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ ก่อนออกจากโรงพยาบาลก็โดนสอบปากคำไปเยอะเหมือนกัน” อัฐณพกล่าว


“ถ้าจำไม่ผิดนี้ มีหลายหน่วยงานหลายฝ่ายเข้ามาข้องเกี่ยวกันมากเลย” นิติกรกล่าว


“อันนี้ นพไม่ทราบจริง ๆ ก็งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกัน”อัฐณพตอบ นิมิตกลับเข้ามานั่งที่เดิม


“เป็นตำรวจก็ควรไปหาข่าวกับทางผู้ร้านโน้น มาหาข่าวกับคนเจ็บได้ไง” นิมิตเอ่ยขึ้น ทำให้นิติกรรู้สึกหน้าตึง ๆ คล้ายกับโดนตำหนิ


“ไม่ได้หาข่าวครับ แค่สอบถาม ถ้าหาข่าวผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะมันอยู่นอกอำนาจหน้าที่ผม” นิติกรเอ่ยเสียงเข้ม จนนิมิตหน้าตึงเหมือนกัน


“มิต ไม่เอาเดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อย” อัฐณพเอ่ย นิมิตจึงค้อนวงใหญ่ให้กับนิติกร บริกรยกอาหารเข้ามาเสริฟพอดี นิมิตจึงไม่ต่อความยาวต่อ


“ว่าแต่น้องนพ โดนยิงนี้มีคนคอยเฝ้าดูแล แล้วถ้าพี่โดนยิงบ้างจะมีใครมาดูแลบ้างหนา” นิติกรเอ่ยสงสายตาหวานไปให้อัฐณพ


“ตายเลยซิ” นิมิตโพล่งออกมา ทำลอยหน้าลอยตา


“มิต พูดไม่ดีไม่น่ารัก” อัฐณพเอ่ยขึ้น ทำเสียงงอน ๆ


“ใครจะไปรู้ว่าโดนจุดสำคัญหรือเปล่า” นิมิตตอบเลี่ยง ๆ


“ที่แน่ ๆ มีแน่นอนพี่กร” อัฐณพเอ่ยยิ้ม ๆให้กับนิติกร


“จริงหรือครับ ดีใจนะเนี้ย” นิติกรเอ่ยมีความรู้สึกสุขใจอย่างเห็นได้ชัด


“นั้นไง อยู่ดีไม่ว่าดีอยากโดนยิงตาย” นิมิตเอ่ยขึ้นมาอีก อัฐณพได้แต่ส่ายหน้า


“คนอย่างพี่ตายอยากไอ้น้อง” นิติกรหันมาพูดกับนิมิตพร้อมยักคิ้วให้


“สาธุ ขอให้เป็นตามคำอธิฐานเถอะ” นิมิตรีบยกมือขึ้น


“พี่ก็จะมีคนมาดูแลเร็ว ๆ” นิติกรตอบกลับ นิมิตได้แต่เบ๊ะปาก
++++++++++++++++++

   เมื่ออยู่ในรถทั้งสามคนต่างพากันพ่นลมหายใจออกมา ต่างอารมณ์กัน คุณหญิงพิมประภาคลี่พัดอันใหญ่ขึ้นมาพัดให้ตัวเอง

“ตาย ๆ คุณแม่ ทำไมตาเจ้าของที่ถึงขายแพงอย่างนั้นละ” ใหญ่เอ่ยขึ้น

“คุณป้าบุบผา ก็ดีพาไปถึงบ้านเจ้าของเขา” กลางเอ่ยสวนทันควัน

“นั้นซิตอนแรกคิดว่าเป็นของแม่บุบผาเสียเอง แต่ที่ไหนได้เป็นของอีกคน” คุณหญิงพิมประภากล่าว


“ตอนแรก กะจะกดราคาให้มาก ๆ ถ้าเป็นของยายบุบผาอะไรนั้น”ใหญ่กล่าวต่อ


“ถ้ากลางเป็นคุณป้าบุบผา และเป้นเจ้าของที่นะจะเอา มีดเฉาะปากพี่ใหญ่ก่อนเลย” กลางเอ่ยออกมา


“แม่กลาง พูดมันดี ๆ นะ” ใหญ่หันมาทางคนขับรถที่กำลังออกตัว


“พี่ใหญ่คะ คุณป้าก็บอกแล้วว่า เขาไม่ขายจะเก็บไว้ให้ลูก พี่ใหญ่ก็ยังไปพูดขอซื้ออย่างเดียว แถวต่อรองราคาเสียจนน่าอาย พี่ใหญ่คิดว่าเขาเป้นคนบ้านนอกเห็นแก่เงินหรอ เดียวนี้บางคนเขาก้เห็นกันด้วยจิตใจ” กลางพูดเสียยืดยาว


“กลับๆ กันเถอะ มาเถียงกันอยู่ได้ แม่อยากพัก” คุณหญิงพิมประภากล่าว กลางเลยต้องเร่งคันเร่ง


“พ่อเล็กนะพ่อเล็ก เกือบให้เขามาถอนหงอกแม่ได้ อยากรู้จริง ๆ ว่ามารู้จักที่ตรงนี้ได้ไง” คุณหญิงพิมประภาพูดต่อ

“นั้นซิคะ คุณแม่ เฮียเล็กมาเจอที่ตรงนี้ได้ไง บ้านนอกก็บ้านนอก แล้วเมียที่จะแต่งด้วยนี้เขารู้เรื่องหรือยังว่าจะพาเขามาอยู่ด้วยที่นี่” ใหญ่ตั้งข้อสังเกต


“เรื่องนั้นแม่ก็ยังไม่รู้เลย รูปร่างคาตา เป็นคนแบบไหน ยังไม่รู้เลย” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยขึ้น

“ตายจริง แล้วอย่างนี้ว่าที่น้องสะใภ้เราเป็นแบบเหมือนในละครหลังข่าวละแม่กลาง” ใหญ่เอ่ย ซึ่งกลางก็ค้อนพี่สาววงใหญ่


“ตีตนไปก่อนไข้ ยังไม่เจอเขาก็ตัดสินใจเขาไปแล้ว” กลางเอ่ยพร้อมเร่งความเร็ว


“ตาย ๆ คนดีที่เคยหาให้กลับไม่เอา แล้วนี้จะไปหาเอาใครที่ไหนไม่รู้มาร่วมชายคา” ใหญ่เอ่ยต่อแบบมีอคติ


“รอให้เขาเข้ามาก่อนเถอะพี่ใหญ่” กลางกล่าวขัดคอ


“กลับไปนี้คุณแม่ต้องพูดกับตาเล็กแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้วนะคะคุณแม่” ใหญ่หันไปด้านหลังของรถ


“เอาเถอะแม่ใหญ่ แม่ว่าให้เขาพามาก่อน แม่บอกตามตรงนะแม่กลัวเมื่อนคราวก่อน” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยกับบุตรียังคิดถึงครั้งอดีตที่ สาโรชอาลวาด 


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ได้มาอ่านต่อแล้ว   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

นิมิต นิติกร คู่กัด จะกลายเป็นคู่รักใช่ไหม   :m20: :laugh:
สาโรช  อัฐณพ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:     

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่ใหญ่กับคุณแม่เรื่องมากจัง :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด