บทที่ 10 แอบหวัง
แมลงตัวเขียวกำลังขยายปีกนอกและปีกในกรีดกันเพื่อให้เกิดเสียงนั้นเอง ส่งผลให้ชายหนุ่มนั้นลุกขึ้นมาจากที่นอน หันไปดูโดยรอบไม่เห็นร่างของชายหนุ่มอีกคน
“ไอ้ดาร์ว ไปไหนนะ หรือว่าไปแล้ว” อัฐณพเอ่ยกับตัวเอง ใจรู้สึกเบาหวิว อย่างไรชอบกลนัก แล้วลุกขึ้นโดดลงจากเตียงนอน ออกไปนอกห้องนอน จึงมาเจอกับบุยผาที่นั่งเลือกผลไม้อยู่นอกชาน
“เป็นอะไรละ วิ่งหน้าตั้งมา” บุปผาเอ่ย อัฐณพเบรกตัวโก่ง แล้วกลับมานั่งข้างๆ มารดา
“ดูชิ ตื่นสายอีกตามเคย” บุปผาเอ่ยตำหนิ แต่ไม่ได้จริงจังนัก
“หยุดทั้งทีขอ ตื่นสายหน่อยได้ไหมแม่” อัฐณพทำทีอ้อน
“ได้นะได้หรอก นี้มีเพื่อนมาอยู่ด้วยไม่คิดจะดูแลเขาเลยหรอ” บุปผาตำหนิอีกครั้ง
“เออ ใช่แม่ วันนี้ไอ้ดาร์วหายไปไหนแต่เช้า” อัฐณพเอ่ยขึ้น
“สายที่ไหน นี้จะเก้าโมงแล้ว และควรพูดดี ๆ ด้วย พ่อโรชเขาออกไปข้างนอกกับนิมิต ดูซิ ไปหาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เป็นถึงครูอาจารย์ ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างให้นักเรียนเห็น” บุปผายังไม่ทันได้พูดจบ อัฐณพรีบลุกเดินกลับห้องทันที
“ทำตัวแบบนี้ ใครจะมาเอาเป็นแฟน” บุปผาพูดไล่หลังมา อัฐณพถอนหายใจ
“แม่พูด ไม่รู้อะไรเลย ไอ้ดาร์ว นั้นนะพ่อโรชของแม่” อัฐณพ ลากเสียงยาวกับตัวเอง จากนั้นจึงไปค้นผ้าเช็ดตัว และเสื้อผ้าออก
มา มองดูตะกร้าผ้า จึงหิ้วออกไปซักด้วย จนเกือบสิบโมงเช้า รถของนิมิตเลี้ยวเข้ามาภายในบ้าน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ ชายสูงวัยกำลังจ้องมองตัวอักษรที่ทางเจ้าหน้าที่นำมารายงาน เมื่อครู่ ประตูห้องถูกเปิดออกมา หญิงสูงวัยเดินเข้ามา ชายสูงวัยจึงลุกขึ้นยืนต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณหญิง มีเรื่องอะไรหรอครับ” ชายสูงวัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ท่านคะ ดิฉันยอมรับว่าร้อนใจเรื่องลูก ดิฉันเลยมาตามข่าวเรื่องลูก” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยขึ้น ชายวัยกลางคน พนักหน้า
“เชิญคุณหญิงนั่ง จิบกาแฟก่อนไหมครับ” ชายสูงวัยกล่าว และพาคุณหญิงพิมประภาไปนั่งตรงมุมห้อริมหน้าต่าง
“ตอนนี้เราได้ส่งข่าว ไปยังสายเราที่คิดว่า สาโรชจะไป และเพิ่งได้การตอบรับมาว่าเจอตัวแล้วปลอดภัยดีครับ” ชายสูงวัยกล่าว คุณหญิงพิมประภา มีสีหน้าที่สดใสขึ้น เผยยิ้มให้กับคู่สนทนา
“แล้ว เมื่อไหร่ลูกชายดิฉันจะได้กลับมาทำงานตามปกติ” คุณหญิงพิมประภาถามต่อ
“ผมว่า สาโรชเองก็คงคิดจะทำอะไรอยู่ สักอย่างจึงไม่สามารถกลับเข้ามาได้ คงต้องรอสักพัก ผมให้ส่งข่าวไปที่สายของเราแล้ว ให้สาโรชกลับเข้ากรมก่อนครับ” ชายสูงวัยเอ่ย กาแฟกลิ่นหอมละมุนถูกยกเข้ามาเสริฟ บรรยากาศจากที่ตรึง ๆ ผ่อนคลายลงไปเยอะ
“ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ผมขอเป็นความลับของทางราชการนะครับ” ชายสูงวัยเอ่ยต่อ คุณหญิงพิมประภา พยักหน้ารับทราบ
“กลับมาคราวนี้จะพาไปรดน้ำมนต์ เก้าวัดเลยเชียว” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย จนชายวัยกลางคนหัวเราะในลำคอ
“ท่านยังจะมาหัวเราะอีก ลูกชายดิฉันทั้งคนเชียวนะ” คุณหญิงพิมประภากล่าว ค้อนวงใหญ่ให้อีกฝ่าย
“ผมเข้าใจความรู้สึกครับ สาโรชเขามีผลงานดี ไม่แน่ ไม่กี่ปีผมว่าได้เป็นนายอำเภอก่อนเพื่อนรุ่นเดียวกันกับเขาแน่” ชายสูงวัยเอ่ย
“จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ พ่อเขาคงดีใจมาก” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย
“ไม่แน่หรอก คุณหญิง ผมว่า อนาคตเขาได้ขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดก่อนเกษียณแน่ ๆ” ชายสูงวัยเอ่ย ทำให้คุณหญิงพิมประภารู้สึกดีขึ้น พิทักษ์เปิดประตูห้องเข้ามาคำนับ แล้วก้าวเท้าอย่างฉับไว ยื่นเอกสารในมือให้กับชายสูงวัย แล้วถอยห่าง
“เตรียมตัวให้พร้อม งานนี้คงได้ถึงตัวการ” ชายสูงวัยเอ่ย พิทักษ์คำนับแล้วออกไป
“สาโรชนี้ หนังเหนี่ยวใช่เล่น” ชายสูงวัยหันมาคุยกับคุณหญิงพิมประภา คุณหญิงรีบวางถ้วยกาแฟลง
“สาโรชส่งข่าวมา สอดคล้องกับข่าวของสายเราทางเพื่อนบ้าน” ชายสูงวัยเอ่ยต่อ คุณหญิงพิมประภามือวางทาบอก ภาวนาขอให้ลูกชายอยู่รอดปลอดภัย
ที่กรมการปกครอง วันนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหว เพราะเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายนายถูกเรียกประชุมโดยด่วน ความลับสุดยอด ทำให้หลายคนตื่นตัว การประชุมเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด แต่สักพักเบาะแสใหม่ถูกส่งเข้ามา เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเริ่มตระหนัก และรอคำตอบจากผู้บริหารระดับสูง
“ออกหมายจับรอเลย และขอให้ประจักษณ์ด้วยหลักฐาน” เสียงคณะผู้บริหารเอ่ย ชายสูงวัยพยักหน้ารับทราบ
“ผมขอความร่วมมือ อีกอย่างนะครับ สายของเราคนนี้เป็นคนดี อย่าให้เป็นอะไร” ชายสูงวัยเอ่ย
“ครับ” หลายคนรับคำสั่ง
“นำกำลังจากเราเองไป อย่าทำให้เหยื่อ แตกตื่นก่อนห้ามแพร่ข่าวนี้เด็ดขาด” ชายสูงวัยเอ่ยต่อ ประตูห้องประชุมถุกเปิดออก หน่วยทหารนอกเครื่องแบบเข้ามา
“พร้อมออกเดินทางแล้วครับท่าน” หน่วยทหารเอ่ยขึ้น
“พิกัดอย่าให้ไปถึงใครเด็ดขาด สาโรชจะเป็นอันตราย” ชายสูงวัยเอ่ย สิ้นคำพูดทุกคนออกจากห้องประชุม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อัฐณพพยายามหิ้ว ทลายหมากทลายใหญ่ใส่บ่าตัวเองแล้วกึ่งลากกึ่งหิ้วตะกร้าหมากอีกใบออกมาจากส่วน หลังจากที่ซักผ้าเสร็จเรียบร้อยจึงเดินเข้าสวนหลังบ้าน วิถีชีวิตคนบ้านนอกคนป่าคนเขาก็เป็นเช่นนี้ละ ผลผลิตที่เกิดขึ้นในสวนเล็ก ๆ หลังบ้านแห่งนี้ มันเป็นขุมทรัพย์ที่คอยเลี้ยงดูสามคนแม่ลูก อัฐณพเรียนสูง ๆ ได้ก็เพราะเงินเก็บจากการขายผลผลิตเหล่านั้น อัฐณพมองไปยังที่วางเปล่าถัดไป
“สักวันจะต้องเป็นของเรา” อัฐณพเอ่ย มองพื้นที่วางที่มีต้นใหม่ขึ้นรกรุงรัง จากนั้นจึงแบกทลายหมากและลากตะกร้าทลายหมากต่อจนออกมาถึงร่มต้นพิกุล ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมเป็นร่มเงาอย่างดี อัฐณพวางทลายหมากลงตรงแคร่อีกฝั่ง ส่วนอีกฝั่งนั้นถูกยึดจากชายร่างใหญ่ไปเสียแล้ว
“นิมิต” อัฐณพเรียกเบา ๆ สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ
“นิมิต โว้ย” พร้อมหมอนอิงที่ลอยตามมาลงร่างหนาที่นอนอยู่
“เฮ้ย อะไรวะฟ้าจะผ่าหรือไง” นิมิตลุกขึ้นมาเกาศีรษะ มองอีกฝ่ายที่หน้ามันเยิ้ม
“วัน ๆ ไม่ไปไหนหรือไง เอาแต่นอนอยู่ได้” อัฐณพกล่าวพลางยื่นค้ำเอว
“ทำเป็นรู้ดี” นิมิตตอบ อยากจะให้อัฐณพรู้ว่าเขาจะมาหาอัฐณพก็เฉพาะช่วงนี้เท่านั้น อัฐณพจึงนั่งลงเลือกทลายหมากเพื่อจะได้นำส่งขาย
“เข้าสวน ทำไมไม่บอกเขาจะได้ไปช่วย” นิมิตเอ่ยเสียงออดอ้อน
“ไปช่วยพ่อ ไม่ดีกว่าหรอ”อัฐณพพูดขึ้น นิมิตเลยมีอาการเซ็ง
“ปกติก็ช่วยอยู่แล้ว แต่คนพิเศษมาทั้งทีขออยู่ด้วยไม่ได้หรือไง”นิมิตเอย อัฐณพนิ่ง เพิ่งคิดขึ้นได้
“ไอ้ดาร์วไปไหน” อัฐณพเอ่ยพร้อมลุกขึ้น นิมิตรับคว้าข้อมือไว้ก่อน
“ดาร์วไหน ใครดาร์ว” นิมิตรีบถาม อัฐณพหันมาจ้องชายหนุ่มเขม็ง จนนิมิตเข้าใจ
“ออ พี่โรช ไปอำเภอเมื่อเช้านี้ ยังไม่กลับ พอดีไปกับพ่อนะ” นิมิตเอ่ยตอบ อัฐณพเองรู้สึกตกใจเล็กน้อย
“ไปสนิทกับพ่อ ตั้งแต่เมื่อไหร่” อัฐณพรีบถามต่อ
“ไม่รู้ เมื่อเช้าไปมิต ไปส่งพี่เขาที่อำเภอ พอเจอพ่อแล้วก็เนเข้าไปในอำเภอกับพ่อ มิตขี้เกียจรอเลยกลับมาก่อน” นิมิตอธิบาย
“ไอ้ดาร์วนั้นนะ” อัฐณพเอ่ยเสียงทุ่ม ไม่อยากจะเชื่อ ว่าพวกขนยาค้ายาจะเข้ากับหน่วยงานราชการได้ อัฐณพ จึงนั่งลงทำความสะอาดทะลายหมากต่อ ในสมองนั้นกำลังคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ จนลืมอีกคนที่ยังนั่งอยู่ข้าง ๆ นิมิตค่อย ๆ ขยับตัวเข้ามาหา อัฐณพก็ไม่รู้สึกตัว นิมิตจึงจู่โจมเข้าหอมแก้มชายหนุ่มทันที
“เฮ้ย” อัฐณพสะดุ้งตัว หันมาทางชายหนุ่มข้าง ๆ
“นิมิต ชักระลามแล้วนะ” อัฐณพเอ่ยพร้อมหยิบหมากขึ้นมาจะปาใส่
“นพเปลี่ยนไป” คำพูดนี้หลุดออกมา ด้วยทำเสียงอันอ้างว้าง อัฐณพได้สติ
“ไม่ได้เปลี่ยน จะเปลี่ยนไปไหน นี้มันที่บ้าน แล้วอยู่ในที่โล่ง” อัฐณพพยายามอธิบายเหตุผล โดยใช้น้ำเสียงขึ้นข่ม
“แต่ก่อนไม่เคยหึงหวงตัวขนาดนี้” นิมิตรตัดพ้อ ตอนที่เรียนด้วยยังเคยนอนกอดในอ้อมกอด เพียงแต่ไม่เคยเกินเลยกันมากกว่านี้ เนื่องจากถูกข้อร้องไว้ก่อนทุกครั้ง ด้วยเหตุที่กลัวเสียการเรียน จึงทำได้แค่กอดและหอม เท่านั้น
“ตอนนี้ ก็เหมือนเดิม เพียงแต่มันโล่งแจ้งเกินไป เกิดใครมาเห็นเข้าจะว่าไง” อัฐณพเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ก็ว่าไปนพแฟนเรา” นิมิตเอ่ย กอดอกจ้องมองมาทางอัญณพ
“อุ้ย” อัฐณพอุทาน พร้อมสะดุ้ง
“ทำไม อายหรอ หรือว่าไม่ชอบเรา” นิมิตถามต่อ เมื่อเห็ฯอีกฝ่ายตกใจ
“เราเป็นเพื่อนกันนะนิมิต”อัฐณพพยายามอธิบาย
“เพื่อน ได้แค่เพื่อน” นิมิตเอ่ยเสียงห้วน ๆ ไม่พอใจนัก ลุกจากแคร่เดินลงส้นขึ้นไปบนบ้าน อัฐณพได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วลงมือเลือกและทำความสะอาดทลายหมากตรงหน้า ดวงยี่หว่าลงมาช่วยพี่ชาย
“เป็นอะไรกันอีกแล้วพี่นพ” ดวงยี่หว่าเอ่ยเมื่อมาถึง
“เป็นอะไร” อัฐณพตอบน้องสาวไม่มองหน้า
“ดูหน้าพี่มิต อย่างกับโมโหใครมา” ดวงยี่หว่าตอบ ลงเมือคัดแยกทหลายหมากับพี่ชาย
“พี่มิต น่าสงสารนะพี่” ดวงยี่หว่าเอ่ยต่อ อัฐณพเลยวางมือ
“น่าสงสารอะไร” อัฐณพหันมาหาน้องสาว
“พี่มิต เหมือนมดแดงแฝงมะม่วงเลย” ดวงยี่หว่ากล่าว
“นี้ ๆ แม่ยี่หว่า เรานี้จะเกินเด็กไปแล้วนะ ดูพูดดูเปรียบเปรย” อัฐณพเอ่ย
“ก็มันจริงนี้ ถ้าเป็นแต่ก่อนนะ ตัวติดกันอย่างกับปลาท่องโก๋ มาเดี๋ยวนี้ โอ้ยไม่อยากจะพูด” ดวงยี่หว่างเอ่ย อัฐณพเลยส่งมะเหง็กให้
“โอ้ย ดูซิพูดแค่นี้ทำเป็น ฟังไม่ได้” ดวงยี่หว่าประท้วง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รถฝ่ายปกครองวิ่งเข้ามาภายในหมู่บ้าน ผ่านเลยเข้าไปมุงหน้าสู่อำเภอ ชายหญิงสี่คนที่อยู่ภายในรถมีท่าที่กระวนกระวายนิด ๆ
“เมื่อไหร่จะถึง นะปลัด” แววมยุราเอ่ยขึ้น ลูกน้องคนสนิท ต๊อดและโม่งแอบมองหน้ากันแล้วยิ้ม
“นี้ก็ถึงที่หมายที่ได้จากคุณแล้วนี้” ปลัดสมศักดิ์เอ่ย
“แล้วพี่โรชไปไหน อยู่ไหนนะ” แววมยุราเอ่ย สมศักดิ์ชำเลืองมองนิด ๆ รู้สึกไม่พอใจหน่อย
“ดูห่วงใยกันจริง” สมศักดิ์เอ่ย แววมยุราหันมาทางสมศักดิ์ทันที
“ก็คนรัก จะไม่ห่วงได้ไง” แววมยุราเริ่มจะพองขนขู่
“คู่รัก พูดออกมาได้ มันคิดหรือเปล่าว่าคุณคือคนรัก” สมศักดิ์หันมาจ้องหน้า
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง” แววมยุรากระโจนเข้าหาชายหนุ่มทันที ทั้งหยิกทั้งข่วน
“โอ๊ะ ๆ ท่านครับ หยุดเถอะครับ นี้เราก็ตะเวนกันมาจนเหนื่อยแล้ว ยังจะมากัดกันยังกะ..” โม่งเอ่ยขึ้น สมศักดิ์และแววมยุราจึงหยุด
“ไอ้โม่ง” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น
“หัดรู้จักสังสอนลูกน้องตัวเองหน่อย ใช่ซินิสัยเหมือนกันถึงอยู่ด้วยกันได้” แววมยุราเอ่ยออกมาแล้วหันออกไปหน้าต่าง
“ผมว่าเราพักกันที่นี้ก่อน หาเบาะแสจากชาวบ้านก่อนดีไหมครับนาย” ต๊อดผู้ทำหน้าที่สารถี่เอ่ยแสดงความคิดเห็น
“ก็ดีเหมือนกัน นั่งรถมาจนจะเข้าวันที่สองอยู่แล้ว” สมศักดิ์เอ่ย ต๊อดจึงเลี้ยวรถเข้าไปยังตลาดกลางใจอำเภอแทน
“แบบนี้จะได้เรื่องไหมเนี้ย” แววมยุราเอ่ย สำเสียงไม่พอใจนัก
“พูดแบบนี้ คุณจะหาเองไหม” สมศักดิ์ต่อปากต่อคำ
“ถ้ามีคนอื่นที่ดีกว่านี้ ฉันไปแน่” แววมยุราเอ่ยหันมาจ้องหน้าสมศักดิ์อีกครั้ง
“นายครับ” ต๊อดเอ่ย สมศักดิ์หันมาหาทางสารถี
“นั้น คนนั้นฉันเคยเห็น” แววมยุราชี้นิ้วไปอีกทาง เมื่อเห็นชายร่างกะร่องเดินริมฟุตบาตร
“คุณแน่ใจนะ” สมศักดิ์หันไปตามและเอี้ยวตัวไปจนทับกับร่างหญิงสาว
“ออกห่าง ๆ ฉัน” แววมยุราผลักสมศักดิ์ให้ออกห่าง สมศักดิ์จึงกลับมานั่งที่เดิม ต๊อตขับตามไปอย่างช้า ๆ เรียบริมฟุตบาตร
“อย่าให้ตื่นนะมึงไอ้ต๊อด” โม่งเอ่ย
“หาที่พักกันดีกว่า โม่งเอ๋งลงตาม เมื่อได้ที่พักแล้วจะวนกลับมารับ” สมศักดิ์สั่งเป็นงาน
“ทำใมไม่ขับรถตาม” แววมยุราเอ่ยขึ้น ขณะที่ต๊อดค่อย ๆ จอดรถ
“จะให้มันสังเกตได้หรอ โม่งมันทำได้นะ” สมศักดิ์เอ่ย พยักหน้าให้กับลูกน้องคู่ใจคู่กาย ต๊อดออกรถวนหาที่พัก
“จะพักกันแบบนี้หรอ ฉันพักไม่ได้นะ” แววมยุราเอ่ย เมื่อเห็นสภาพโรงแรม
“จะพักหรูหรือครับคุณผู้หญิง ไม่มีหรอก นี้ก็ถือว่าหรู้แล้ว และอีกอย่างมาทำงาน อย่าเรื่องมาก” สมศักดิ์กระแทกเสียง เปิดประตูรถลง แววมยุรารีบลงตาม เดินเข้าไปในล๊อบบี่โรงแรม
“คุณ เหลือห้องเดียว เตียงเดียว” สมศักดิ์หันมาทางแววมยุรา
“เต็มหมดเลยหรอ” แววมยุราเอ่ยกับพนักงาน
“พรุ่งนี้ห้องจะว่างมากขึ้นครับ เพราะแขกจะเริ่มทยอยกลับกัน” พนักงานโรงแรมกล่าว
“มีโรงแรมที่อื่นอีกไหมนอกจากที่นี้” แววมยุราถามต่อ
“พอแล้วคุณ เอาห้องนี้ละ ไปขึ้นห้อง” สมศักดิ์ตัดปัญหา แล้วคว้าต้นแขนแววมยุราให้เดินตาม
“เจ็บนะไอ้ปลัด” แววมยุราเริ่มจะแผดเสียง สมศักดิ์หันกับมาจ้องหน้าด้วยแววตาดุดัน แววมยุราเลยต้องเงียบเสียง พนักงานโรงแรมจึงเดินนำทั้งสองไปที่ห้องพัก
“อย่าทำให้แผนเสีย” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ย่ำสนธยา รถกระบะคันค้นตาเลี้ยวเข้ามาภายใน เมื่อรถยนต์จอดสนิทประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกมา ชายสูงวัยนั้นเอง อีกฝั่ง
ชายร่างสูงก็เดินลงมาเช่นกัน
“ไอ้มิต กลับบ้านได้แล้ว ไปดูแลแม่บ้านช่องไม่มี” เสียงของนายกอบต.สุทินเอ่ยไล่ลูกชาย
“เสียงนี้มาอีกแล้ว” นิมิตเอ่ย พลางบิดตัวไปมา
“พ่อพูดถูกนะมิต จะมาเฝ้าเรายังกะเราจะหายไปไหน” อัฐณพเอ่ย
“นี้ก็อีกคน” นิมิตเอ่ย อัฐณพได้แต่ส่ายหน้า สาโรชเดินขึ้นมาบนบ้าน นิมิตจึงลุกขึ้นเดนลงจากบ้าน
“ขอบใจมากนะ” สาโรชเอ่ยกับนิมิต
“ไม่เป็นไรพี่ ด้วยความยินดียิ่ง” นิมิตตอบ แล้วตามบิดาไป สาโรชเดินกลับเข้าห้องไป อัฐณพมองด้วยสายตาที่ส่งสัย จึงลุกเดินตามสาโรชไปในห้อง
“ไปทำอะไรที่อำเภอ” อัฐณพเอ่ยคำถามแรกถูกถามเมื่ออยู่ในห้องส่วนตัว สาโรชหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่า
“ไปทำธุระ สำคัญ” สาโรชตอบ จัดแจงเตรียมเสื้อผ้าใส่
“สำคัญมาก กับการส่งยานั้นหรอ” อัฐณพเอ่ย ด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน สาโรชชำเลืองมอง แล้วยิ้มอ่อน
“คิดไปนั้น ไม่ได้ไปส่งยา แต่ไปส่งข่าว พอใจหรือยังคุณนาย” สาโรชตอบ ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“แล้วรู้จักกับนายก ได้ไง เพิ่งมาไม่ใช่หรอ” อัฐณพเข้าประชิดตัวทันที ด้วยความที่ลืมตัว สาโรชส่งสายตากรุ่มกริ่มมาให้ อัฐณพ
เองเริ่มได้สติจะก้าวถอยออกห่าง แต่สาโรชรบตัวไว้แล้วพร้อมจุมพิตลงริมฝีปากนุ่ม
“อือ” อัฐณพประท้วงทันที พร้อมผลักอกชายหนุ่มให้ออกห่าง
“ฝากปลาไว้กับแมวตัวโต มีอะไรเสียหายไหมนะ” สาโรชเอ่ย แล้วหัวเราะเบา ๆ อัญณพเมมริมฝีปากจนเจ็บ
“ไปทำหน้าที่คุณนาย ได้แล้วผัวหิว” สาโรชเอ่ยเน้นคำว่า ผัว อย่างชัดเจน แล้วจะออกจากห้อง พอเปิดประตู ดวงยี่หว่าทำตาแป๋วอยู่
“แม่ให้มาตามไปกินข้าว” ดวงยี่หว่าเอ่ย อัปกิริยาอาย ๆ
“ขอพี่อาบน้ำก่อนนะ น้องสาวสุดสวย หิวเหมือนกัน ชวนพี่เราไปยกสำรับรอ” สาโรชเอ่ยเบา ๆ แล้วเลียงไปอาบน้ำ อัฐณพจึงเดินออกมา ดวงยี่หว่ามองหน้าทำตาแป๋วเช่นเดิม
“มีอะไร ยี่หว่า” อัฐณพเอ่ย
“อาการมันฟ้อง” ดวงยี่หว่าเอ่ย แล้ววิ่งกลับไป
“อะไร กลับมาอธิบายเลย” อัฐณพเอ่ยตามหลัง ดวงยี่หว่าออกมาตรงชานบ้าน
“มีอะไรกัน เอ๊ะอะโวยวาย ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” บุปผาเอ่ย ขณะเดินขึ้นมาจากใต้ถุนบ้าน
“แม่ไปไหนมาครับ” อัญณพถามมารดา
“ไปเก็บค่า กล้วยที่เอาไปขายเมื่อวันก่อน” บุปผาตอบลูกชาย
“แล้วนี้ พ่อโรช กลับมาหรอยัง” บุปผาเอ่ยต่อ
“กะ กลับ มาแล้วครับ” อัฐณพตอบ
“อือ จะกลับกันวันพรุ่งนี้แล้วใช่ไหม” บุปผาเอ่ยต่อ แล้วมานั่งรอรับสำรับตรงชานบ้าน
“ใช่ครับแม่ นพรู้สึกยังไงไม่รู้ คิดถึงบ้านหลังนี้มาก ๆ” อัฐณพมานั่งใกล้ ๆ มารดา
“วันหยุดยาวก็กลับมาบ้านเรา” บุปผาเอ่ย อัฐณพพยักหน้า
“แม่ที่ ตรงข้าง ๆ สวนเรา เขายังประกาศขายอยู่หรือเปล่า” อัฐณพถามขึ้น
“ที่ตรงนั้น มันเป็ฯที่ตาบอดใครละจะซื้อ หรือถ้าซื้อต้องมีใครคนใดคนหนึ่งละที่ต้องเสียงสละเป็นทางออกไปสู่ถนนใหญ่” บุปผาเอ่ย
“นพอยากได้ อยากสร้างบ้าน” อัฐณพเอ่ยขึ้น พอดีกับสาโรชออกมาจากห้องน้ำพอดีได้ยิน
“บ้านที่เราอยู่นี้ก็อยู่ได้” บุปผาเอ่ยไม่เห็ฯด้วยกับบุตร
“ในวันข้างหน้า ที่ยี่หว่าออกเรือน อยากให้น้องมันได้” อัฐณพเอ่ย เบาๆ บุปผาพยักหน้ารับทราบ ดวงยี่หว่ายกสำหรับออกมาพอดี
กับสาโรชตรงหน้าประตูห้องครัว
“ที่ตรงไหน” สาโรชถามดวงยี่หว่า
“ตรงโน้นพี่ ติดกับสวน” ดวงยี่หวาตอบ แล้วเดินยกสำรับมาวาง สาโรชจึงเข้าร่วมวงสำรับ
“วันพรุ่งก็จะกลับกันแล้ว เราไปทำบุญให้พ่อดีไหม นพ” บุปผาเอ่ย
“ดีครับ นพก็คิดถึงพ่อ” อัฐณพเอ่ย ด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ จนสาโรชเองก็รู้สึกเศร้าไปด้วย คิดถึงบิดาที่จากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน