<< ขอโทษครับแมวผมหนีไปอยู่ห้องคุณหรือเปล่า? >> บทที่ 11 [21/02/2019] : P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << ขอโทษครับแมวผมหนีไปอยู่ห้องคุณหรือเปล่า? >> บทที่ 11 [21/02/2019] : P.4  (อ่าน 9386 ครั้ง)

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
พายกำลังจะกลายเป็นคนใช่มั้ย

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หรือว่า...พี่พายจะกลับคืนร่างเดิม   อุ๊ย...อย่างนี้ก็เปลือยกายต่อหน้าน้องมันธ์สิเนี่ย  อิอิ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คืนร่างซะงั้น เคลียร์กันดีๆละ เฮ้อ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอฮืออออจะตัดแบบนี้ไม่ได้ :ling1: มาเร็วๆน้าสนุกมากๆ ถ้ารู้ความจริงแล้วจะเป็นยังไงต่อนะ นักเขียนสู้ :กอด1:

ออฟไลน์ พันวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
มันธ์ได้คูณสองไปเลยชอบทั้งแมวและพาย ก็ได้พายที่เป็นแมวไป  :katai2-1: :katai2-1:

สู้ๆนะพาย มันธ์อย่าโกรธน้องนะ คุยกันดีๆ สงสารน้อง :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ naezapril

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ถ้าเป็นแมวตลอดไปจะทำยังไงงงงงง
รอตอนต่อไปครับบบ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
มาต่อเร็วน้าาา รอๆๆๆๆ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ M_mA

  • เด้กน้อยที่จมอยู่กับความฝัน....
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จะทำยังไงดี!! รู้แล้วคร้า มันธ์จะรู้แล้ววววววว!!

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ pwmd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี๊ดดดด ค้างมากค่ะ 5555555555
เข้าใจมันธ์เลยเป็นห่วงแต่ทำอะไรไม่ได้ ฮือออ
จะกลายเป็นคนรึเปล่านะตอนหน้า มันธ์จะได้รู้ความจริงม้ายยย รอนะคะ  : )))

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รออยู่นะคะ มาต่อเร็วๆน้า :impress2:  สนุกมากๆ ตอนนี้ค้างมากก :z3:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คิดถึงจัง รออ่านอยู่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ มากมายด์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0




บทที่ 10 : แมวของผม...ร้องไห้





           ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่ามุมมองภาพที่เห็นตรงหน้านั้นเปลี่ยนไปจากเดิม สถานที่ก็ต่างออกไปจากที่ผมเห็นเมื่อสักครู่ มันดูเป็นเหมือนลานจอดรถที่ไหนสักที่ แต่แน่นอนว่าผมยังอยู่ในรถเช่นเดิม...ก้มลงมองตัวเองพบว่าตอนนี้ผมเปลือยเปล่ามีเสื้อเชิ้ตคลุมสีเข้มคลุมอยู่ แต่พอหันไปข้างๆ ก็ไม่เห็นเจ้าของรถซะแล้ว

           ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไรประตูรถก็เปิดออก เป็นเจ้าของรถนี่เองที่ก้าวเข้ามานั่ง

           “อ่ะ...พายตื่นแล้วหรอครับ ยังไงก็ใส่เสื้อผ้าพวกนี้ก่อนนะครับ” มันธ์ยื่นถุงกระดาษให้ผม ผมรับมาทันทีแล้วเขาก็ออกไปจากรถอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมที่จะปิดประตูรถด้วย

           ผมได้แต่มองคนที่เพิ่งออกไปอย่างงงๆ แต่ก็หยิบเสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้ให้มาสวมใส่อย่างทุลักทุเล ซึ่งเสื้อผ้าเหล่านั้นดูจะตัวใหญ่กว่าผมเล็กน้อย

            ผมสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย แล้วก็ลงจากรถเดินไปหาอีกฝ่าย

            “เอ่อ...มันธ์ครับ”

            ผมเพิ่งสังเกตว่าเสื้อที่คลุมร่างกายผมเมื่อกี้เป็นเสื้อตัวเดียวกับที่มันธ์ใส่ออกมาจากคอนโด ส่วนตอนนี้คนตรงหน้าผมกลับสวมเสื้อยืดแทน

           “หลวมไปหน่อยนะครับ ขอโทษด้วยพอดีผมให้เพื่อนมันหยิบๆ มาให้จากห้องผมนะครับ อ่ะ!! ไม่ต้องห่วงนะครับผมไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟังหรอก”

           แสดงว่าเสื้อที่มันธ์ใส่อยู่ก็คงเป็นเสื้อที่เพื่อนเอามาให้ด้วยเช่นกันสินะ มันธ์คงถอดเสื้อตัวเองออกแล้วเอามาคลุมให้ผม

           ผมนึกได้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ความทรงจำสุดท้ายก่อนผมจะวูบไปผมยังคงเป็นแมว ตื่นมาร่างกายผมก็ไร้เสื้อผ้า ทุกอย่างมันชัดเจนว่าผมกลับเป็นคนต่อหน้าเขา....

            “เอ่อ...มันธ์จะไม่ถามอะไรหน่อยหรอครับ?”

            “หืม?”

            “ก็เรื่องทั้งหมดนี่” ผมชี้มาที่ตัวเอง เรื่องทั้งหมดของผม... “มันธ์จะไม่ถามอะไรหรอครับ?”

            “ถ้าพายไม่อยากเล่า ผมก็จะไม่ถามครับ”

           ผมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างอึ้งๆ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มกลับมาหาผมด้วยรอยยิ้มสดใสเฉกเช่นทุกครั้งที่ยิ้มให้ผมเสมอมา
 
           ผมเริ่มมองเห็นอีกฝ่ายอย่างไม่ชัดแต่แล้วจู่ๆ มันธ์ก็ก้าวเข้ามาจับแขนผมและออกแรงดึงจนผมเซเข้าไปหาอีกฝ่าย มันธ์รีบยกแขนขึ้นมาโอบล้อมตัวผม รัดอ้อมกอดแน่นขึ้น มือข้างหนึ่งจับหัวผมให้ซบไปกับไหล่ของเขา

           “พายไม่ร้องนะครับ...ไม่ร้องแล้วนะ” มันธ์เอ่ยขึ้นมาเบาๆ

           ร้อง?

           อ่า...น้ำตานี่เองที่กำลังไหลออกมาทำให้ผมเห็นภาพตรงหน้าพล่าเลือนไปหมด

           “ไม่ร้องนะครับ...ผมอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ พายนี่ ผมไม่ไปไหน”

           “อึก…” เสียงสะอื้นที่เหมือนพยายามอัดอั้นไว้ดังออกมาอย่างไม่รู้ตัว

           “โอ๋ๆ นะครับ” มันธ์ลูบหลังผมไปมาพร้อมกับประโยคนั้น

           ความทรงจำวัยเยาว์ตีขึ้นเข้ามาในห้วงความทรงจำ ภาพสีหน้า สายตา ของคนรอบข้างที่มองอย่างรังเกียจ คำพูดที่ด่าทอผมต่างๆ นานา วนเวียนกลับเข้ามา

           ‘ไอ้ตัวประหลาด!!’

           ‘ออกไปนะ!! อย่าเข้ามาใกล้ลูกฉัน!’

           ‘นายมันเป็นปีศาจ นายมันผิดมนุษย์!!’

           ‘ขอโทษนะ แต่พวกเราให้เธออยู่ด้วยไม่ได้’



           “พาย...ใจเย็นๆ ครับ”

           ผมไม่ทันรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองส่งเสียงออกมาดังแค่ไหน หรือตัวเองตัวสั่นแค่ไหน เสียงของผมแผ่ดขึ้นดังลั่นจนเรียกให้คนผ่านไปผ่านมาหันมามอง มันธ์ดูจะตกใจกับปฏิกริยาของผม เขาเอาแต่พูดปลอบประโลมผม มือก็ลูบหลังผมไปมาไม่หยุด

           “พายครับ...ใจเย็นนะครับ”

           มันธ์ถอยห่างออกมามองหน้าผมเล็กน้อยตอนพูดประโยคนั้น ก่อนที่จะโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากผมเบาๆ

           “ใจเย็นๆ นะครับ...”

           มันธ์เลื่อนริมฝีปากมาสัมผัสที่เปลือกตาผม

           “ผมอยู่ตรงนี้นะครับ”

           ริมฝีปากเลื่อนมาซับน้ำตาที่แก้มอย่างบางเบา

           “ผมอยู่ข้างๆ พายนะครับ”

           ริมฝีปากเรียวบางนั้นเลื่อนมาสัมผัสกับริมฝีปากร้อนของผม มันธ์ออกแรงกดสัมผัสนั้นหนักขึ้นเล็กน้อยราวกับจะตอกย้ำคำพูดของเขา ว่าเขายังอยู่ตรงนี้...อยู่ข้างๆ ผมนี้....

           มันธ์ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิง หน้าผากยังคงแนบชิดติดกับหน้าผากผม ใบหน้าของเราห่างกันเพียงแค่คืบ

           “ผมรักพายนะครับ”

           สัมผัสเดิมจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง แต่คราวนี้สัมผัสนั้นกลับรุนแรงขึ้นมาเล็กน้อย ความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาจากสัมผัสนั้นทำผมเผลอตอบรับการกระทำนั้นกลับไปอย่างไม่รู้ตัว

           จนกระทั่งผมแทบจะหมดลมหายใจนั่นแหละอีกฝ่ายถึงปล่อยริมผีปากผมให้เป็นอิสระ แต่ยังคงไม่คลายอ้อมกอดที่สัมผัสตรงกันข้าม มันกลับรัดแน่นขึ้นมาอีกครั้ง

           ผมยืนรับสัมผัสไออุ่นของอ้อมกอดนั้นอยู่สักพักจนจิตใจเริ่มรู้สึกสงบขึ้น

           มันธ์มองผมอย่างยิ้มๆ ก้มหัวลงมาเอาหน้าผากของตัวเองโขกกับหน้าผากผมเบาๆ หนึ่งครั้ง ทำเอาผมได้แต่ทำหน้างุนงงว่าอีกฝ่ายทำอะไร

            “หยุดร้องแล้วสินะครับ”

           จริงสิ...น้ำตาผมหยุดไหลแล้ว

           ยังไม่ทันที่ผมจะเอามือขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาที่หลงเหลืออยู่ อีกฝ่ายก็ใช้มือข้างหนึ่งขึ้นมาเช็ดน้ำตาของผมเสียแล้ว

            มันธ์ปาดคราบน้ำตาออกจากแก้มของผมไปมา ก่อนจะกลับไปกอดผมแน่นเหมือนเดิม

           “ร้องไห้เสร็จแล้วหิวไหมครับ? ไปกินข้าวกันไหม?” เขาถามขึ้นราวกับผมเป็นเด็กที่ร้องไห้งอแงเสร็จแล้วมักบ่นหิวข้าว ผมได้แต่เหล่มองคนสูงกว่านิดๆ

           “ว่าไงครับ ไปกินข้าวไหมครับ? อ่ะ! หรือจะกินผมดี?” ไม่ว่าเปล่า มันธ์ดันก้มหน้าลงมาฉกฉวยริมฝีปากผมอย่างเบาๆ ไปอีกหนึ่งที

            “อยากกลับคอนโด”

            ผมได้แต่หน้ายู่ใส่คนฉวยโอกาส ก่อนจะตอบอีกฝ่ายไปตามความจริง ตอนนี้ผมอยากกลับพักผ่อน อยากนอนแผ่หลาบนเตียง ดูถ้าว่าผมจะร้องไห้ออกไปหนักกว่าที่คิด ถึงได้รู้สึกแสบคอ ปวดตา ขนาดนี้ ใครว่าร้องไห้แล้วไม่เหนื่อย ผมขอเถียง

            “โอ๊ะ! พายจะกินผมหรอครับ ได้เลยครับ! ไปครับรีบกลับคอนโดกันเถอะ!!”

            ผมได้แต่เอามือเคาะหัวคนเด็กกว่าไปทีนึง โทษฐานมาพูดอะไรลามก แต่แล้วอีกฝ่ายก็คว้าข้อมือผมไว้ทันที ก่อนจะค่อยๆ ใช้นิ้วทั้งสองข้างบังคับให้ผมแบมือออก

            “เจ็บไหมครับ?”

            ผมก้มลงมองตามสายตาที่เขามองมือผม... อ่าจริงสินะผมโดนแก้วบาด

            เพราะกลับร่างเดิมทำให้ผ้าพันแผลที่พันไว้อย่างดีจึงหลุดหลุยเนื่องจากขนาดมือที่ขยายใหญ่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตามแผลที่มีขนาดใหญ่อยู่กลางฝ่ามือแมว ก็ราวกลับขยายใหญ่ตามมือผมด้วย ทำให้ตอนนี้กลางฝ่ามือผมมีรอยแผลเป็นรอยบาดขนาดใหญ่ เลือดที่เคยแห้งไปแล้วกลับมามีเลือดซึมออกมาอีกครั้ง 

            มันธ์ก้มลงมาจูบมือผมเบาๆ

            “ขอโทษนะครับที่ทำให้บาดเจ็บ”

              “ไม่หรอก มันไม่ใช้ความผิดของมันธ์ครับ” ผมยิ้มบางๆ ให้อีกฝ่ายที่ตอนนี้เริ่มทำหน้าเหมือนเด็กน้อยทำความผิดมา

            “แต่ก็เจ็บใช่ไหมครับ...ที่แก้วมันแตกยังไงก็เป็นเพราะผม ดังนั้นมองยังไงๆ ผมก็ผิด”

            “ไม่เอาน่า...อย่าคิดมากสิ”

            “แต่ว่า...!!”

            “หยุดโทษตัวเองเลยครับ! ไปครับกลับคอนโดดีกว่า ไหนมันธ์บอกจะให้ผมกินมันธ์ไง? ผมหิวจะแย่แล้วอยากรีบกลับไปกินมันธ์แล้วเนี่ย”

            เพราะพูดล้อเล่นตามมุกของอีกฝ่าย จึงทำให้อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้ แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนแรงกว่าทุกครั้ง แต่ก็ดีกว่าทำหน้าเศร้าแบบเมื่อกี้ล่ะนะ

            ผมพลิกมือของอีกฝ่ายมาจับไว้หลวมๆ ก่อนจะค่อยๆ ดึงร่างสูงมาที่ประตูฝั่งคนขับ ผมเปิดประตูแล้วดันให้อีกฝ่ายไปนั่ง ซึ่งมันธ์ก็ยอมนั่งดีๆ ส่วนตัวผมก็กลับไปนั่งที่ข้างคนขับ

            “ไปครับเรากลับไปกินกันดีกว่า” ผมพูดแซวไปอีกครั้ง จนอีกฝ่ายหัวเราะขึ้นมานิดๆ แล้วยอมสตาร์ทรถ ขับออกมา




           ตลอดทางมันธ์ก็เอาแต่นิ่งเงียบ ในขณะที่ผมเอาแต่ก้มหน้ามองเข่าตัวเอง...แม้อีกฝ่ายไม่ถามอะไรผม แต่ผมก็รู้สึกว่าควรจะบอกอะไรอีกฝ่ายบ้าง แต่จะพูดยังไงดีล่ะ?

           ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็มาถึงคอนโด พอผมก้าวขาลงจากรถมันธ์ก็รับเดินมาหาผม แล้วฉวยมือข้างที่ไม่เจ็บของผมไปจับ เขาบีบมือผมนิดๆ ก่อนจะจูงผมไปทางคอนโด

           จนตอนนี้เข้ามาในห้องของมันธ์แล้วเขาก็ไม่ยอมปล่อยมือผม เขาลากผมมานั่งที่โซฟา ส่วนตัวเองก็เดินไปหยิบกล่องยามาแล้วนั่งลงข้างๆ ผม

            มันธ์จับมือข้างที่บาดเจ็บ ก่อนจะก้มลงมองมัน

            “เจ็บไหมครับ?”

            ปากก็ยังคงถามคำถามเดิมกับที่ถามผมเมื่อสักครู่

           ผมได้แต่ยิ้มบางๆ ตอบอีกฝ่าย “ไม่เจ็บครับ เลิกเครียดได้แล้ว”

           “ครับ” ว่าแล้วก็กลับไปเงียบก้มหน้าก้มตาทำแผลให้ผม พอทำเสร็จก็เงยหน้ามามองผมสายตายังคงเสร้าสร้อยเหมือนเดิม เห็นอย่างนั้นผมเลยก้มหน้าจูบคนตรงหน้าหนึ่งทีและรีบดึงหน้าตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว สัมผัสได้ถึงความร้อนของหน้าที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำเองเขินกว่าโดนกระทำเยอะเลย

           “ไม่เศร้าแล้วนะครับ”

           ฝ่ายถูกจูบดูยังยังไม่หายอึ้ง ผมเลยรีบก้มลงไปจุ๊บเร็วๆ อีกหนึ่งที

            “กลับมาเป็นมันธ์คนเดิมได้แล้วครับ”

            “…”

            ยังคงนิ่งเงียบเหมือนเดิมไม่ตอบอะไร

             “ถ้ายังไม่กลับมาเหมือนเดิมผมกลับห้องแล้วนะ” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นทันที แต่อีกฝ่ายก็คว้ามือผมไว้ก่อนจะดึงตัวผมไปในอ้อมกอด

             “จุ๊บแบบเมื่อกี้ไม่พอหรอกครับ มันต้องแบบนี้”

            มันธ์ก้มลงจูบผมอย่างทันที ริมฝีปากเรียวของเขากดริมฝีปากผมหนักขึ้น บังคับให้ผมอ้าปากออก ก่อนจะค่อยๆ แทรกลิ้นเข้ามาอย่างละลาบละล้วง

            เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ผมไม่รู้ รู้ตัวอีกทีผมก็หายใจไม่ทัน มันธ์จึงยอมปล่อยริมฝีปากผมเป็นอิสระ แต่ก็เพียงแค่เสียววิ เขาก็ก้มลงมากระหน่ำจูบปากผมอีกครั้งพร้อมโถมน้ำหนักตัวเข้ามาหาผมมากขึ้น ส่งผลให้ผมล้มไปบนโซฟาทันที ปากที่ยังประกบกันอย่างไม่หยุดทำให้อีกฝ่ายก็ล้มตัวลงมาอยู่บนตัวผมด้วยเช่นกัน

            มันธ์ยังคงจูบผมไม่หยุด ราวกับโหยหาอยากจะกลืนกินปากผม มือข้างหนึ่งจับใบหน้าผม ไม่ให้หลีกหนีจากการรับจูบที่หนักหน่วงนี้ ส่วมมืออีกข้างก็ค่อยๆ ไล้มายังร่างกายผมก่อนจะปลดกระดุมออกอย่างชำนาน พอมือเย็นๆ ของอีกฝ่ายสัมผัสหน้าอกที่เปลือยเปล่าของผมผมก็รีบจับมือของอีกฝ่ายทันทีราวกับได้สติ

            “มันธ์ครับ...ไม่เอาครับ”

            เขาหยุดการกระทำ ก่อนจะมองหน้าผมราวกับถูกขัดใจ

            “ไม่-เอา-ครับ” ผมพูดขึ้นดังชัดอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ก้มหน้าลงมาทำเอาผมหลับตาปี๋เตรียมรับสัมผัสจูบที่รุนแรงอีกครั้ง แต่แล้วก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นเบาๆ ที่หน้าผาก ผมรีบลืมตาขึ้นทันทีเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกจากหน้าผากผม

                  “ครับ...ถ้าพายยังไม่พร้อมก็ไม่ทำครับ” ว่าแล้วเขาก็ยิ้มให้ผมเบาๆ และลุกขึ้นออกจากตัวผม จากนั้นก็หันมาดึงตัวผมให้ลุกไปนั่งเช่นกัน

             มันธ์หันมาติดกระดุมเสื้อให้ผม มือก็ลูบหน้าผม นิ้วค่อยๆ เลื่อนมาสัมผัสริมฝีปากผม สายตามองตามนิ้วนั้นอย่างโหยหา

              “ทำแบบนี้บ่อยๆ นะครับผมชอบ” ว่าแล้วก็แจกรอยยิ้มสดใสเหมือนทุกครั้งขึ้นมาอีกที ทำเอาผมหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

              “พอเลย ไม่ทำแล้ว”

              ผมลุกขึ้นหนีคนตรงหน้าทันที อีกฝ่ายก็เดินตามมาอย่างไม่ลดละ จนผมเดินผ่านห้องครัวถึงทันสังเกตเห็นเจ้าแมวทั้งสองตัว

              “อ่ะ ลืมไปเลยว่าเจ้าหมูกรอบกับเจ้าเต้าหู้อยู่ด้วย” มันธ์พูดขึ้นทันทีเมื่อมาหยุดอยู่ข้างหลังผม

              “หืม? หมูกรอบกับเต้าหู้คืออะไร?” ผมรีบหันกลับไปถามอีกฝ่ายอย่างสงสัย

             “อ่า...พายไม่ได้อ่านไลน์หรอครับ ก็ที่ผมบอกไงว่าผมไม่รู้ชื่อพวกมัน ผมเลยตั้งชื่อพวกมันให้”

                  พูดแล้วก็นึกได้ เหมือนอีกฝ่ายไลน์มาถามผมจริงๆ แหละ แต่ตอนนั้นมก็วุ่นๆ เลยไม่ทันได้สนใจ กลายเป็นว่าแมวผมมีชื่อใหม่เฉยเลย

            “จริงๆ พวกมันชื่อไข่แดงกับไข่ขาวนะครับ”

            “อ้าวหรอครับ ชื่อน่ารักดีนะครับ น่ารักเหมือนเจ้าของ” ใบหน้ายิ้มทะเล้นกลับมายิ้มให้ผมอีกครั้ง

          


ออฟไลน์ มากมายด์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0





                 RRRRR

            ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นหูก็ดังขึ้น มันธ์รีบกดรับทันที

            อ่า...โทรศัพท์ของมันธ์นี่เอง

            “ฮัลโหลมึง”

            ผมอุ้มเจ้าไข่แดงขึ้นมา มันธ์ก็ยังคงคุยโทรศัพท์

                 “อ่าห้ะ”

                ผมใช้แขนอีกข้างพยายามอุ้มเจ้าไข่ขาวแต่เหมือนมันเห็นว่าผมบาดเจ็บที่มือมันเลยถอยห่างออกไป พลางส่งเสียงราวกับบอกว่ามันรับรู้ว่าผมต้องการอะไร

             “ไม่ต้องแล้วมึง” เสียงมันธ์ก็ยังคงคุยกับคนในสายอยู่

             ผมหันไปหามันธ์ แล้วพูดโดยไม่ออกเสียง

             ‘กลับก่อนนะ’

             แต่พอผมทำปากพูดไปปุ๊ปอีกฝ่ายก็รีบเอามือที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์มาคว้าข้อมือผมไว้ทันที พอผมจะสะบัดมืออีกฝ่ายออก มือนั้นก็บีบข้อมือผมหนักขึ้น

            “เจอตัวพายแล้ว ขอบคุณมากมึง”

             มือมันธ์ก็ยังคงบีบข้อมือแน่น จนผมได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างมีคำถาม

            “ยังไม่รู้รายละเอียด”

            ผมเงียบหยุดหาทางออกจากมือแกร่งนี้ แล้วเปลี่ยนไปสนใจบทสนมนาของเจ้าของห้องกับคนในสายแทน

            “อือ”

            ….

            “โอเคมึง ขอบใจมาก ได้ความว่าไงเดี๋ยวมาบอก”

            แล้วมันธ์ก็กดวางสาย พอเห็นสีหน้าที่สงสัยของผม เขาก็เอ่ยปากอธิบาย
 
            “เพื่อนผมน่ะครับ มันโทรมาบอกเรื่องที่จะช่วยตามหาพายน่ะครับ”

            “อ่อ….” นั่นสินะ เพื่อนพายบอกไว้ตอนก่อนออกจากห้องว่าจะช่วยประสานกับตำรวจหาตัวผมนี่น่า... “ขอโทษนะที่ทำให้วุ่นวา..”

             “ไม่เป็นไรครับ” ยังไม่ทันพูดจบมันธ์รีบตอบกลับอย่างรวดเร็วราวกับรู้ว่าผมจะต้องพูดอย่างนี้

             “มันธ์จะไม่ถามอะไรผมจริงๆ หรอ?”

              “บอกแล้วถ้าพายไม่อยากเล่า ผมก็ไม่ถามครับ แค่พายปลอดภัยก็พอแล้ว”

              “แล้วถ้าผมบอกว่าผมอยากเล่าล่ะครับ?” คราวนี้ผมถามอีกฝ่ายด้วยคำถามใหม่...ผมควรจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันธ์ฟัง เพราะหลายวันมานี้ผมทำอีกฝ่ายเดือดร้อนเหลือเกิน อย่างน้อยเขาก็ควรจะรู้เหตุผล

              “ถ้าพายอยากเล่า ผมก็จะฟังอย่างตั้งใจครับ แต่แน่ใจหรอครับว่าอยากเล่าจริงๆ...อย่าฝืนตัวเองนะครับ”

              “ไม่ฝืนหรอก มันธ์ควรรับรู้มัน...แต่ผมขอเวลาสักแป๊ปนะ” ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ นั่งลงที่โต๊ะกินข้าว

              ผมนั่งกุมมือวางไว้บนโต๊ะก้มมองมือตัวเองในหัวก็พลางคิดว่าจะพูดอะไรกับอีกฝ่ายดี

              อีกฝ่ายเห็นผมกังวลใจเขาก็เดินมาลูบหลังผมเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็น แล้วเทน้ำผลไม้ออกมาสองแก้ว แก้วหนึ่งยื่นให้ผม ผมได้แต่รับมาแล้วจิบน้ำในแก้วนั้นเบาๆ รสชาติหวานอมเปรี้ยวที่ผ่านเข้ามาในปากทำให้ผมรู้สึกสงบขึ้นมาเล็กน้อย

              มันธ์เดินมานั่งข้างๆ ผม เขาดื่มน้ำในแก้วนั้นไปเรื่อยๆ พลางกดมือถือเล่นไปมาไม่พูดอะไร ราวกับว่าถ้าผมยังไม่พร้อมเขาก็ไม่คิดจะเร่งรัดอะไร

              ผมใช้เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้รู้อีกทีมือก็ถูกอีกฝ่ายกุมไว้หลวมๆ รอบตัวมีเจ้าแมวทั้งสองตัวมาคลอเคลีย

              “ถ้าไม่สะดวกใจพายไม่ต้องเล่าก็ได้นะครับ”

              “ไม่หรอก...ผมพร้อมแล้วแหละ”

              เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็ควรต้องมีคำอธิบาย...

              “มันธ์ก็เห็นแล้วว่าผมเป็นแมว”

              ผมเหล่มองอีกฝ่าย มันธ์ก็มองผมกลับมา ผมไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ความรู้สึกหวาดกลัว ความรู้สึกผิดทุกอย่างประดังประเดเข้ามาในความรู้สึกผม ผมรีบพูดสิ่งที่อยู่ในใจนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว

              “ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว ถะ..ถ้ามันธ์จะรังเกียจผมผมก็เข้าใจนะ ผมขอโทษผมไม่ได้อยากจะทำให้มันธ์วุ่นวาย เรื่องเมื่อวานก็เหมือนกัน ผมไม่ได้อยากให้มันธ์เดือดร้อน ขอโทษที่ให้มันธ์เสียเวลาไปหาผมถึงที่โรงแรมนั่น ขอโทษที่หายไปโดยไม่บอก ขอโทษที่ทำให้ลำบาก ขอโทษ ผมไม่รู้จะพูดยังไง แต่ขอโทษจริงๆ ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว ผมมันเห็นแก่ตัว ผมมันไม่ได้เรื่องต้องทำให้มันธ์ลำบาก ผม..!”

               “พายครับ...พาย ใจเย็นๆ ก่อนครับ”

               มันธ์ยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากของผมเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมือไปเกลี่ยน้ำใสๆ ข้างแก้มที่ไหลออกมาจากดวงตาของผม ส่วนมืออีกข้างก็ยังคงกอบกุมมือผมไม่ปล่อย

              “จำได้ไหมครับ ที่พายบอกผมว่าา เวลาเรากลัวอะไร หรือเวลารู้สึกแย่ ให้จับมือกันไว้ เราจะได้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกใบนี้ ผมกำลังจับมือพายอยู่ พายไม่ได้อยู่คนเดียวนะครับ ผมยังอยู่ตรงนี้ข้างๆ พายนะครับ”

              ผมได้แต่นั่งนิ่ง บีบมืออีกฝ่ายเป็นการยืนยันว่าเขายังอยู่ตรงนี้...ยังไม่หนีผมไปไหน

              “ผมไม่เคยโกรธพายนะครับ ผมแค่เป็นห่วง ตอนนี้พายก็อยู่ตรงนี้ ตรงหน้าผม อย่างปลอดภัย แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว เพราะฉะนั้นไม่โทษตัวเองนะครับ”

               “ตะ...แต่มันเป็นความผิดของผม เพราะผมทำให้มันธ์ต้องลำบากไปถึงที่นั่น เพราะผมทำให้มันธ์ต้องอารมณ์เสียขนาดนั้น และเพราะผม...”

               ผมเหล่ไปมองเศษซากแก้วที่ยังคงอยู่ไม่ห่างนัก คำพูดและอารมณ์ของมันธ์ตอนนั้นวนกลับเข้ามาในความทรงจำของผม

              มันธ์ได้แต่มองตามสายตาผม แล้วเหมือนเขาก็จะเข้าใจความคิดของผมทันที...ตอนผมเป็นแมวผมอยู่กับเขาตลอด ผมเห็นทุกอย่าง...ผมเห็นอารมณ์โกรธของอีกฝ่าย

               “พายครับ ผมไม่ได้โกรธพายจริงๆ ตอนนั้นทุกอย่างมันเพราะผมโกรธตัวเอง โกรธที่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้พายหายไปเฉยๆ”

               น้ำตาผมไหลออกมาอีกครั้ง ฟังยังไงก็เป็นความผิดของผมอยู่ดี ถ้าผมไม่กลายเป็นแมว หรือถ้าเพียงแต่ผมบอกเรื่องของผมกับคนตรงหน้า อีกฝ่ายคงไม่โทษตัวเองแบบนี้

              “ไม่ร้องสิครับ...ทำไมยิ่งผมพูดพายยิ่งร้องล่ะเนี่ย?”

               “ฮึก..!!” เสียงที่พยายามกลั้นกลับถูกเปล่งออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

               “งั้นเอางี้ ถ้าพายยังรู้สึกผิด งั้นพายให้สัญญากับผมได้ไหม? แล้วจะถือว่าเราหายกัน”

               “สะ...สัญญาอะไร?”

               “สัญญาว่าต่อไปนี้พายจะพึ่งพาผมมากกว่านี้ และจะให้ผมเข้าไปในชีวิตพายนะครับ”

               อย่างนี้มันได้ที่ไหน ฟังแล้วไม่เห็นว่าจะเป็นการที่ผมไถ่โทษมันธ์เลย มันดูเป็นสัญญาที่ทำให้ผมยิ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับอีกฝ่ายมากกว่าอีก

                “สัญญานะครับ?”

               มันธ์ยิ้มให้ผมราวกับเป็นเด็กน้อย

               “….”

               “ถ้าพายไม่สัญญาผมจะโกรธและไม่ยกโทษให้กับเรื่องที่ผ่านมาแล้วนะครับ”

              ได้ยินอย่างนั้นผมจริงรีบพยักหน้าเร็วๆ ทันที

               “งั้นต่อจากนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ เรื่องที่แล้วมาก็ให้มันแล้วไปนะ”

              มันธ์ยังคงยิ้มให้ผมเช่นเดิม นิ้วมือก็ยังไม่หยุดเขี่ยแก้มผมไปมาแม้ตอนนี้ผมจะไม่มีน้ำตาแล้วก็ตาม เพียงเสี้ยววินาทีคนตรงหน้าก็ก้มลงมาขโมยจูบผมอีกครั้ง

              มันธ์ใช้มือที่กอบกุมมือของผมเมื่อสักครู่เปลี่ยนมาจับลำคอผมและออกแรงกดเบาๆ บังคับให้ผมขยับไปรับจูบจากเขาอย่างหนักหน่วง ส่วนมืออีกข้างก็ยังไม่ละจากแก้มผม มันคองประคองไม่ให้ผมหนีจากจูบตรงหน้าเช่นกัน

              รู้ตัวอีกทีสัมผัสร้อนไหลเข้ามาราวกับจะสำรวจผม ผมก็ทำได้แต่ตอบรับสัมผัสนั่น แต่แล้วจู่ๆ ผมก็รู้สึกแปลกๆ ผมรีบผลักคนตรงหน้าให้ออกห่างแต่ยังไม่ทันตั้งตัวร่างกายผมก็เปลี่ยนไปอีกครี้ง โชคดีที่เราอยู่ใกล้กันทำให้มันธ์คว้าตัวผมไว้ได้ทัน ตอนนี้ผมเลยตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง

                “พายครับ...กลายเป็นแมวตอนนี้มันขี้โกงนะครับ”

                มันธ์พูดพลางยกตัวผมด้วยมือทั้งสองข้างให้สายตาผมมาอยู่ในระดับสายตาของเขา

                “เมี๊ยว~”

               อีกฝ่ายทำหน้ายู่เล็กน้อยก่อนจะก้มลงมาฟัดพุงแมวๆ ของผม เอาหัวถูไถหน้าท้องผมไปมาอีก

               “แง้ว!!” ผมได้แต่ส่งเสียงร้องพยายามเอามือเล็กๆ ของตัวเอง ดันหัวของอีกฝ่ายที่กำลังลวนลามผมอยู่ แต่เพราะตัวที่เล็กและถูกอีกฝ่ายจับไว้อย่างแน่นหนาทำให้ผมหยุดคนตรงหน้าได้ไม่ดีสักเท่าไหร่

                “แล้วเป็นแมวแบบนี้เราจะคุยกันรู้เรื่องไหมครับเนี่ย~” แม้จะโอดครวญแต่ก็ยังไม่หยุดเอาหน้าซุกพุงของผมอยู่ดี สรุปจะชอบหรือไม่ชอบที่ผมเป็นแมวกันเนี่ย?




               กว่าผมจะกลับเป็นคนอีกครั้งท้องฟ้าด้านนอกก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว และแน่นอนว่าตอนนี้ผมยังอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าของห้อง ซึ่งโชคดีที่เขาหลับไปแล้ว ไม่งั้นวันนี้เขาคงต้องเห็นผมโป๊อีกรอบแน่ๆ

               มีความรู้สึกว่าแค่วันนี้วันเดียวผมกลับเปลืองเนื้อเปลืองตัวเหลือเกิน....

               ตอนช่วงเป็นแมวเขาก็เอาแต่ลูบผมไปมา สัมผัสผม กอดผมไม่ยอมปล่อย แม้แต่ตอนที่เผลอหลับไปมันธ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยผมอยู่ดี

               ผมค่อยๆ ถอยห่างจากคนตรงหน้า แต่ก็เป็นไปได้ยากเต็มทีเพราะคนที่นอนอยู่ดันกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกับคิดว่าผมคือหมอนข้าง ผมหันไปมองมือที่กอดอยู่ก่อนจะลงมือค่อยๆ แกะมือนั้นออก แต่ก็แกะยากเหลือเกิน

               สุดท้าย มือนั้นก็ไม่ยอมออกไปจากเอวผม และจู่ๆ แขนนั้นก็ขยับแน่นขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผมสัมผัสกับคนที่นอนอยู่จนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างร่างกาย แถมยังมีการกดย้ำบริเวณเอวผมอยู่สองสามทีผมเอาผมต้องละสายตาจากมือแล้วหันไปมองหน้าเจ้าของมือทันที

              แน่นอนว่าอีกฝ่ายนั้น...ตื่นอยู่!!

              ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?

             “จะหนีไปไหนครับ? หืม?”

             “ปล่อยน่า...หายใจไม่ออกแล้วเนี่ย”

             ผมดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดนั้นเล็กน้อย

             “ถ้าหายใจไม่ออกเดี๋ยวผมผายปอดให้เองครับ”

             ผมมองหน้าคนพูดส่งอสายตาค้อนๆ ไปให้เด็กกามหนึ่งที

             “ทะลึ่งตลอดอ่ะ นี่มันธ์เป็นคนแบบนี้หรอ?”

             “ช่วยไม่ได้ก็พายน่ากินขนาดนี้ผมจะอดใจได้ไง”

             ไม่ว่าเปล่ามันธ์ดันเลื่อนใบหน้าตัวเองมาหอมแก้มผมดังฟ้อดใหญ่ ราวกับกำลังหอมแก้มเด็กทารกด้วยความหมั่นเขี้ยว

            “ปล่อยได้แล้ว”

            อีกฝ่ายก็ยังคงเงียบ ไม่ปล่อยผมออกจากอ้อมกอด แถมมือข้างหนึ่งดันค่อยๆ เลื้อยต่ำลงมา...ต่ำจนถึงบริเวณสะโพกผม เพราะตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของอีกฝ่ายทำให้ผมไม่สามารถบังคับมือได้อย่างใจหวัง จึงได้แต่มองอีกฝ่ายและพูดห้าม

             “ก็บอกว่าไม่เอาไงครับ...”

              “ไม่ได้จะ ‘เอา’ สักหน่อย แค่อยากสัมผัส” อีกฝ่ายยังคงพูดสองแง่สามง่ามได้อย่างหน้าตาเฉย

             เอาจริงๆ ตอนนี้ผมเสียเปรียบอีกฝ่ายมากๆ ผมอยู่ในห้องเขา บนเตียงเขา ในอ้อมกอดเขา แถมยังเปลือยไร้เสื้อผ้าสักชิ้นอีก มันจะเสียเปรียบและน่าอายเกินไปแล้วววววว

              พอคิดทบทวนถึงสถานการณ์ตรงหน้าขึ้นมา ใบหน้าผมก็ขึ้นสีอย่างไม่รู้ตัว เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนตรงหน้าได้อีกครั้ง

             มันธ์ค่อยเลื่อนใบหน้ามาใกล้ผม ทำเอาผมรีบหลับตาปี๋เพราะคาดว่าอีกฝ่ายต้องจู่โจมผมอีกครั้งแน่ๆ แต่แล้วก็เปล่า เขาเพียงแต่เลื่อนใบหน้าไปเพื่อกระซิบที่ข้างหูผม

             “ไม่แกล้งคนขี้เขินแล้วก็ได้” พูดจบแต่ก็ไม่วาย ยังทิ้งท้ายการลวนลามผมด้วยการกัดใบหูผมเบาๆ อีกหนึ่งที ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

              “มันธ์ใส่เสื้อผ้าก่อนละกัน” เขาว่าพลางส่งเสื้อยืดกับกางเกงบอลขาสั้นมาให้ผม ผมได้แต่รับมาอย่างงงๆ

              “รีบใส่เถอะครับก่อนที่ผมจะทำเรื่องไม่ดี” มันธ์ส่งสายตาที่มีความนัยแฝง เลื่อนสายตาจากที่มองหน้าผมอยู่ลงไปเรื่อยๆ จนผมต้องรีบเอาผ้าห่มขึ้นมาปิด พอเห็นปฏิกริยาอย่างนั้นมันธ์ก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้างขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างอารมณ์ดี

              ผมรีบใส่เสื้อผ้าแล้วถือวิสาสะเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา พอเดินออกจมูกก็ปะทะเข้ากับกลิ่นหอมบางอย่าง

              “มันธ์ทำอะไรอ่ะ?”

               “ทำผัดผักครับ เห็นพายยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่กลางวัน พายกินได้ใช่ไหม?”

               “ได้ครับ”

               ผมแอบโกหกอีกฝ่ายไป จริงๆ ผมกินผักได้ แต่ไม่ชอบ เลี่ยงได้คือเลี่ยง แต่สุดท้ายเหมือนอีกฝ่ายจะจับได้ว่าผมโกหก

              “พายไม่ชอบหรอ?”

               “จริงๆ คือไม่ชอบอ่ะ กลิ่นมันเหม็นเขียว ไม่อร่อย แต่กินได้นะ แค่ไม่ชอบ”

               “อ้าว งั้นเดี๋ยวผมทำอย่างอื่นให้นะครับ ตู้เย็นผมเหลือแค่ไข่ไก่ กินไข่ตุ๋นดีไหมครับ?”

               “ไม่ต้องหรอก กินผัดผักก็ได้”

               “พายครับ...ถ้าไม่ชอบก็อย่าฝืน”

               “แต่ว่า ผมเกรงใจอ่ะ”

               “ไหนพายสัญญากับผมแล้วไงว่าพายจะพึ่งผมมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นห้ามเกรงใจครับ พายไปนั่งรอเลยเดี๋ยวผมทำให้” ว่าแล้วมันธ์ก็หันไปวุ่นวายกับการทำอาหารเพิ่ม ส่วนผมได้แต่ถอนหายใจและยอมฟังอีกฝ่ายแต่โดยดี

              RRRRR

              เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คราวนี้เป็นเสียงที่คุ้นหู ผมรีบเดินตามเสียงนั้นไปทันที มันเป็นสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของผมจริงๆ พอเห็นผู้โทรมาในใจผมได้แต่คิดว่า ฉิบหายแล้ว... ผมรีบกดรับอย่างรวดเร็ว

              “ครับคุณอาร์ม”

               ‘พายเขียนคอลัมน์เสร็จหรือยังครับ ผมจะโทรมาเตือนว่าพรุ่งนี้อย่าลืมส่งนะครับ”

               “อ่าครับ”

               จะบอกได้ไงว่าผมยังไม่ได้ลงมือทำสักรูปเลย

               ‘เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ?’

                และแน่นอนอีกฝ่ายย่อมจับความผิดปกติของผมได้ ผมเลยได้แต่ถอนหายใจก่อนจะสารภาพความจริงว่างานยังไม่คืบหน้าเลย ซึ่งโชคดีที่คุณอาร์มเป็นคนใจดี เขาเลยยอมให้ผมส่งได้ช้าสุดคือบ่ายวันอังคาร ผมรีบขอบคุณอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วและกดวางสายไป

                “ใครโทรมาหรอครับ?” คนที่ยืนเงียบที่เพิ่งทำอาหารเสร็จหันมาถามผม พลางเดินไปมาเอาอาหารที่ทำเสร็จมาวางบนโต๊ะผมเห็นอย่างนั้นเลยรีบเข้าไปช่วยทันที

               พออาหารวางบนโต๊ะเรียบร้อยผมก็หันไปตอบคำถามที่อีกฝ่ายถามค้างไว้

               “กองบก.น่ะ จริงๆ พรุ่งนี้ผมต้องส่งรูปและเนื้อหาคอลัมน์ให้เขา แต่เพราะเป็นแมวผมเลยแทบจะยังไม่ได้แต่งรูปเลยโชคดีหน่อยที่ตัวเนื้อหาเสร็จแล้ว”

               “อ้าว พายบอกว่าเป็นแมว แล้วงี้ทำไมพายทำเนื้อหาเสร็จล่ะครับ?”

              พอได้ยินคำถามแบบนั้น ผมเลยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ฟังรวมถึงวิธีการทำงาน การติดต่อคนภายนอกเมื่อกลายเป็นแมว มันธ์พยักหน้ารับรู้เป็นช่วงๆ แถมมิวายเอ่ยปากชมผมอีก...ใช่เรื่องที่ต้องชมไหมเนี่ย?!




                 พอผมทานข้าวเสร็จเรียบร้อย ผมก็ยกจานไปเก็บ แต่คราวนี้เจ้าของห้องไม่ยอมปล่อยให้ผมล้างจานเองคนเดียวอีกแล้ว เขาเข้ามายืนข้างๆ และช่วยล้างจาน ระหว่างนั้นก็เริ่มสอบสวนผมอีกครั้ง

               “ทำไมพายกลายเป็นแมวได้ล่ะครับ เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

               “อ่า...อันนี้ผมก็ไม่รู้อ่ะ ตั้งแต่จำความได้มันก็เป็นแล้ว”

               “แปลกจัง...เป็นกันทั้งบ้านหรือเปล่าครับ?”

               พอได้ยินคำถามนี้ผมถึงกับเงียบ...ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง มีแค่นิวคนเดียวที่รับรู้

               คำสัญญาที่ให้ไว้กับอีกฝ่ายลอยเข้ามาในความคิด ‘สัญญาว่าต่อไปนี้พายจะพึ่งผมมากกว่านี้ และจะให้ผมเข้าไปในชีวิตพายนะครับ’ ถ้าจะให้อีกฝ่ายเขามาในชีวิต ผมก็ต้องทำใจยอมรับและเลิกปิดบังเรื่องของตัวเอง...

              “จริงๆ ผมเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีครอบครัวหรอก”

               ผมพูดขึ้นเบาๆ ตาจดจ้องกับจานในมือมากขึ้น แม้สติจะไม่ได้อยู่กับการล้างจานตรงหน้าก็ตาม

                    “….”

              พออีกฝ่ายเอาแต่เงียบ ผมเลยเริ่มเล่าเรื่องตัวเองต่อไปเรื่อยๆ

              “ผมไม่มีความทรงจำช่วงก่อนเก้าขวบเลย เห็นคุณแม่ที่บ้านเด็กกำพร้าบอกว่าผมประสบอุบัติเหตุ ทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือนเลยไม่มีความทรงจำช่วงก่อนหน้าเกิดอุบัติเหตุ”

              หางตาผมเหมือนเห็นว่าอีกฝ่ายหยุดมือที่ช่วยล้างจานแล้วหันมามองหน้าผมแทน แต่ผมก็ยังคงเอาแต่ก้มมองจาน มือยังขยับขัดฟองน้ำไม่หยุด แต่สายตาเลื่อนลอยไปไกล ส่วนปากก็ยังคงพร่ำเล่าเรื่องในอดีตให้อีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับมันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่า ไม่ใช่อดีตอันน่าเจ็บปวดของตัวเอง

             “เพราะฉะนั้นผมเลยไม่รู้จักครอบครัวตัวเอง ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของผมนั้นเป็นตัวประหลาดเหมือนผมไหม”

              แล้วจู่ๆ ก็มีสัมผัสจู่โจมจากด้านหลัง มันธ์กอดผมพลางซุกหน้าของตัวเองลงบนไหล่ผม  ส่วนผมที่ถูกกอดอยู่ได้แต่หยุดยืนนิ่งเฉยๆ

              “พายไม่ใช่ตัวประหลาดนะครับ”

               “…”

               “พายก็แค่พิเศษกว่าคนอื่น พายไม่ใช่ตัวประหลาด พายอย่าคิดแบบนั้นอีกนะ”

               อ้อมกอดนั้นกระชับแน่นขึ้น

                ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโต คนที่รับรู้เรื่องราวของผมส่วนใหญ่มีแต่จะทำท่ารังเกียจและตีตัวออกจากผมไป ผมเคยมีแฟน เคยมีคนรัก เราคบกันมาเกือบห้าปี พอผมตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดนี้อยู่กับเธอ เธอก็บังเอิญรู้เรื่องตัวจริงของผม เธอก็ทำท่ารังเกียจผม แล้วหนีหายไปจากชีวิตผมทันที ความผูกพันความรักที่มีให้กันมาหลายปีมันมลายหายอย่างรวดเร็วไปเพียงเพราะอาการประหลาดของผม...แต่กับเจ้าของอ้อมกอดนี้ไม่ใช่...

               มันธ์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกครั้ง...มันธ์ไม่รังเกียจผม ไม่โกรธผม ไม่แม้แต่จะบังคับให้ผมพูดความจริง หรือเล่าเรื่องทุกอย่าง เขาเพียงแค่อยู่ตรงนี้ คอยรับฟังผม คอยอยู่ข้างๆ และปลอบประโลมผม...

               “ขอบคุณนะ”

               ผมปล่อยตัวเอียงเอนหัวไปแนบศรีษะที่อยู่บนไหล่ของผม เรายืนอยู่อย่างนั้นสักครู่ จนผมดิ้นเบาๆ

                “ล้างจานต่อเถอะครับ”

                มันธ์ยอมปล่อยผม แล้วเราก็หันกลับไปล้างจานกันต่อ ผมฉีกยิ้มให้กับร่างสูงเจ้าของห้อง พอเห็นผมยิ้มได้อีกฝ่ายก็ดูจะรู้สึกดีขึ้นมาเลยยิ้มตอบกลับมา บรรยากาศอันเศร้าสร้อยเมื่อกี้มลายหายไปทันที




                 “ผมกลับห้องก่อนนะ ขอบคุณมันธ์นะที่ช่วยเหลือผม”

                 ผมว่าพลางสะพายกระเป๋าเป้ขึ้น แต่ตอนนั้นเองที่จู่ๆ ผมนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบปลดกระเป๋าเป้ออกแล้ว เปิดกระเป๋า ก่อนจะหยิบกล่องใบหนึ่งส่งให้อีกคน

                 “อะไรหรอครับ?”

                 มันธ์รับมาอย่างงงๆ แต่พอจะจำได้ว่ามันคือกล่องที่เขาเกือบลืมไว้ที่โรงแรม แต่เจ้าตัวเล็กก็ขยั้นขยอให้เขาเอากลับมา

                “ของฝากน่ะ”

                มันธ์รีบเปิดแล้วดึงแก้วออกมาจากกล่อง มันเป็นแก้วที่มีหูแมวใบสีขาว มันธ์ยิ้มกว้างขึ้นมา

                 “ขอบคุณมากครับ ผมจะใช้แก้วใบนี้อย่างดีเลย”

                 นั่นไงเป็นตามที่เขาคิดจริงๆ ด้วย

                “อ๊ะ?! แต่ผมจำได้ว่าแก้วมันเป็นสีเทาไม่ใช่หรอครับ??”

                 คงจะเป็นตอนนั้นที่โรงแรมที่มันธ์เปิดดู มันธ์คงจะเปิดดูแก้วของผม

                  “อ่อ สีเทาผมซื้อมาใช้เองน่ะครับ”

                  “หรอครับ...” อีกฝ่ายทำเสียงหงอยๆ ลงนิดหน่อยจนผมแปลกใจ “มันธ์อยากได้สีเทามากกว่าหรอ?”

                 “เปล่าหรอกครับ สีขาวก็น่ารักดี”

                 น่ารักดีแต่ก็ยังทำหน้าหงอยนี่นะ?? ผมเกินเข้าไปดึงแก้วจากมืออีกฝ่ายออกก่อนจะยัดกล่องอีกใบใส่มือมันธ์แทน พอเห็นอย่างนั้น มันธ์ก็กลับมาสดใสหน้าบานขึ้นทันที

                 ผมได้แต่ส่ายหน้านน้อยๆ ให้กับคนที่ทำตัวเป็นเด็กๆ “ผมว่าสีขาวสวยกว่าอีก นึกว่ามันธ์จะชอบสีขาว”

                 อีกอย่างสีขาวก็เขากับโทนห้องของมันธ์มากกว่าด้วย

                 “ผมชอบสีขาวมากกว่าครับ แต่สีเทานี่เหมือนเจ้าตัวเล็ก...เหมือนพายดีน่ะครับเลยอยากได้” เน้นคำว่าอยากได้อย่างผิดปกติ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้หมายถึงอยากได้แก้วเฉยๆ หรอก

                 “ผมกลับดีกว่า ไปและ ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลแมวนะ ไข่แดงไข่ขาวกลับห้อง!” ประโยคหลังผมหันมาตะโกนเรียกเจ้าแมวของตัวเองที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ไม่ไกล แต่ทั้งสองตัวก็ยังคงนิ่ง...

                “เจ้าไข่แดงไข่ขาวกลับห้องได้แล้ว!!”

                และก็ยังคงนิ่ง..

                “หมูกรอบ เต้าหู้ครับ กลับห้องนะครับ” คราวนี้มันธ์เป็นคนพูด และมันก็ยอมฟังแต่โดยดี เดินมาหาผมพลางส่งเสียงร้องเหมียวๆ ไม่หยุด

               โอเค...หายไปสัปดาห์เดียวได้ชื่อใหม่ลืมชื่อเก่าเลยนะ แหมมมมม

               ผมแบกของทั้งหายกลับห้องตัวเอง มันธ์ก็เดินมาส่งพอจะเปิดประตูของที่พะรุงพะรังทำให้เปิดไม่ถนัดมันธ์จึงฉวยเอากระเป๋ากล้องในมือผมไปถือแทน ผมขอบคุณเบาๆ ก่อนจะหันไปเปิดประตู

              ผมเดินเข้าไปเปิดไฟ เจ้าแมวทั้งสองตัวก็เดินเข้าห้องตามมา มันธ์หันมาส่งกระเป๋าให้ผม ผมก็รับมันมาเอาไปวางไว้แถวนั้น พวกเรายืนนิ่งมองหน้ากันไปมาตรงประตูอยู่ซักพัก ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมพูดอะไร ได้แต่จ้องตากันไปมา

              “ผมกลับห้องแล้วนะครับ ราตรีสวัสดิ์นะ” เป็นมันธ์ที่ทำลายความเงียบระหว่างเราขึ้นก่อน

               “อ่า..ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ ขอบคุณสำหรับหลายวันที่ผ่านมานะครับ”

               “ครับ ไม่เป็นไรหรอก”
 
               แล้วมันธ์ก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่ยอมขยับไปไหน ไหนว่าจะกลับห้องไง?

               ผมยักคิ้วทำหน้าสงสัยไปให้อีกฝ่าย

                “ไม่มีกู๊ดไนท์คิสหรอ” 

                เอิ่ม...นี่คือไม่ยอมไปไหนเพราะยืนรอกู๊ดไนท์คิส??

               “ไม่มีครับ กลับห้องไปได้แล้ว”

                ผมดันตัวอีกฝ่ายเบาๆ หวังให้เดินกลับไปห้องตัวเองไป มันธ์เห็นอย่างนั้นจึงได้แต่ทำหน้าหงอยๆ เหมือนหมาน้อยที่เจ้าของสั่งงดข้าวเย็น เห็นอย่างนั้นก็อดสงสารขึ้นมาไม่ได้

                มือที่กำลังดันตัวอีกฝ่ายแปรเปลี่ยนเป็นจับคอเสื้ออีกฝ่าย แล้วอาศัยช่วงเวลาเพียงเสี้ยงวิ ออกแรงดึงให้ใบหน้านั้นก้มลงมารับสัมผัสจากริมฝีปากผมอย่างรวดเร็ว

                 “แค่นี้นะ ไปนอนได้แล้ว ราตรีสวัสดิ์” ผมรีบพูดอย่างรวดเร็ว ปิดประตูดัง ปึง! ต่อหน้าอีกฝ่ายทันที ไม่รอให้อีกฝ่ายได้รู้ตัวทันหรอกว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น

                 แม่งเอ๊ย เขินนะโว้ยยยยยย





______________________________
ขอโทษค่ะที่หายไปนาน พอดีมีเรื่องเครียดๆ นิดหน่อยค่ะ
ขอบคุณทุกคนนะคะที่ติดตามนิยายเรื่องนี้มาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ
ข้อมูลต่างๆ อะไรที่ผิดพลาดไปก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พวกเขา...กันแล้ว  อิอิ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :impress2: หวายๆๆๆ  มีจุ๊บๆกันด้วย

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เกี้ยวกราดจากตอนก่อน ตอนนี้หวานแหวว จุ๊บๆๆๆๆกันเลยน้าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พายเป็นเด็กกำพร้าแล้วทีนี้จะรู้ได้ยังไงล่ะว่าทำไมถึงกลายร่างเป็นแมวได้

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชื่อใหม่ก็น่ารักเต้าหู้กับหมูกรอบน่ารักมากๆ มันธ์คือดีมาก รออยู่นะคะ สนุกมากๆเลย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
กรี๊ดดดดดดดดด
เค้าจูบกันแล้วจ้ะแม่จ๋า

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
พึ่งได้เข้ามาอ่าน อ่านรวดเดียวเลย
คือมันธ์ ดีงามมากเว่อร์ เข้าใจพายสุดๆ
แถมตอนนี้ยังหวานกันสุดๆไปเลย
น้องแมวก็น่ารักกก
 :-[

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รออยู่น้า คิดถึงเต้าหู้กับหมูกรอบ :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด