Re: Hope บทที่ 7 "5 วัน พัทยา" 24/11/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: Hope บทที่ 7 "5 วัน พัทยา" 24/11/62  (อ่าน 2924 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



***********************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2019 23:29:19 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Hope บทที่ 1 "บทนำ" 29/12/61
«ตอบ #1 เมื่อ29-12-2018 16:54:48 »

สวัสดีผู้อ่านทุกๆท่านนะครับ

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องราวช่วงที่ผมเรียนอยู่ ปวส. อาจมีการเติมคำบางคำลงไปบ้างเพราะบางเหตุการณ์ผมก็จำคำพูดไม่ได้ทั้งหมด

ผู้อ่านท่านใดยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้รบกวนกลับไปเรื่องก่อนหน้านี้ก่อนนะครับ ตามลิงค์นี้เลยครับ

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66706.0

ตามหลักทฤษฎีลำดับความต้องการของมาสโลว์ได้แบ่งความต้องการของมนุษย์ออกเป็น 5 ขั้น ในขั้นที่ 3 นั้น มาสโลว์ได้กล่าวความต้องการของมนุษย์ไว้ว่าเป็น “ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ” ซึ่งเป็นความจริงครับ มนุษย์ทุกๆคนนั้นต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ (ขอเขียนในแง่ของความรักแบบแฟนกัน) และเมื่อไม่สมหวังในความรัก ก็จะเกิดความเศร้าหมองขึ้นในใจ บางคนก็รอคอยให้เขากลับมา บางคนก็จมปักอยู่คนอดีต บางคนก็ทำตัวเป็นของตาย และบางคนก็เปิดโอกาสให้ตัวเองได้พบคนใหม่ๆ เพราะคิดว่าโลกนี้ไม่ได้มีเขา (คนที่ไม่ชอบเรา) เพียงคนเดียว คนประเภทนี้จะแสวงหาสิ่งเหล่านั้นต่อไป จนกว่าจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ซึ่งผมเองก็เป็นเช่นนั้น

หลังจากวันรับใบประกาศนียบัตร ระดับ ปวช. จบลง ก็เป็นช่วงเวลาของการปิดภาคเรียน เพื่อให้นักเรียนเตรียมความพร้อมเข้าสู่ภาคเรียนต่อไปที่จะถึงนี้ และก็เป็นช่วงเวลาที่ให้คนอย่างผมได้พักผ่อนเรื่องของหัวใจด้วย แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยครับ อย่างที่ทุกคนทราบดีกว่าการตัดใจจากใครสักคนนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งคนที่ยึดติดอดีตอย่างผมด้วย ผมใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านเงียบๆ วันๆเล่นแต่เกมไม่ก็ดูการ์ตูน หรือท่องเว็บไปเลื่อยเปื่อยเพื่อคลายเหงา และวันนี้ผมมาสมุทรปราการเที่ยวหาเมย์เพื่อนสนิทที่เป็นทอม ขณะที่ผมนั่งดูการ์ตูนใน Youtube ที่ร้านเกมแถวๆทิพวัล ก็เหลือบไปเห็นใครบางคนส่งข้อความมาทาง Facebook นี่อาจจะเป็นอีกสิ่งที่ทำให้ผมและผู้อ่านหลายๆท่านเข้าใจตรงกันเลยว่า ทำไมถึงตัดใจไม่ได้ซักที

[แชท Facebook] แชทนี้คือเอามาจากแชทที่คุยกันจริงๆใน Facebook เลยนะครับ มีตัดออกไปบ้างเพราะบ้างเรื่องผมไม่อยากให้รู้จริงๆ

11/3/2012 19:54
ตัน : ทำไรยูเพื่อน
ผม : อยู่สมุทรปราการ
ผม : กำลังเล่นเกมกับเพื่อน
ผม : ที่ร้านเกม


[หลังจากวันนี้เป็นต้นไปคือกลับมาอยู่ที่บ้านแล้วนะครับ]

18/3/2012 17:15
ตัน : ทำไรยู
ผม : เล่นเกม
ผม : ทำไรอยู่?
ตัน : นั่งเบื่อยู
ตัน : ไม่มีไรทำ
ตัน : อยากเปิดเรียนแร้วอ่ะ
ผม : ลองออกไปข้างนอกสิ
ผม : จะได้่ไม่เบื่อ
ตัน : ไม่รุจะไปไหนอีกอ่ะ
ผม : อยู่บ้านมันก็จำเจหนะสิเธอ เพราะว่าทุกๆวันมีแต่อะไรเดิมๆ
ผม : งั้นก็ลองหาอะไรทำดู
ผม : ชอบทำอะไรละ
ตัน : ชอบสาว555
ผม : งั้นก็ หาสาวๆคุย
ผม : เดี๋ยวก็ไม่เบื่อ
ผม : ทำในสิ่งที่ชอบอะแล้วจะเพลินไปกับมัน
ตัน : อืม
ตัน :แต่ตอนนี้อยากเรียนแร้วอ่ะ
ผม : เฮอะ
ผม : 5555555
ผม : อาการแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับกูเมื่อสมัยก่อนเล๊ย
ผม : เคยสังเกตปะว่ากูก็เคยมีอาการแบบนี้
ผม : 555555
ตัน : ยังไง
ตัน : งง
ผม : ก็อาการอยากไปโรงเรียนไง
ผม : เพราะเวลามาเรียนแล้วเจอเพื่อน
ตัน : อืม
ตัน : ยูกับเพื่อนแร้วมันสนุกมีความสุข
ผม : อืม
ผม : เพราะต่างคนก็ต่างความคิด
ผม : มันเลยมีอะไรใหม่ๆอยู่เรื่อยๆในเวลาที่อยู่ด้วยกัน
ผม : ทำให้ไม่จำเจ
ตัน : อืมใช่
ตัน : ถูกต้อง
ตัน : เรย
ผม : 555555555555
ตัน : เพื่อนแถวบ้านไม่เหมือนเพื่อนที่รรอ่ะ
ตัน : ทำให้เบื่อ
ผม : มันขึ้นอยู่กับสถานะความสัมพันธ์ด้วย
ผม : ตอนเด็กๆมักจะอยู่กะเพื่อนแถวบ้านมากกว่า
ผม : พอโตขึ้นก็ใช้ชีวิตกะเพื่อน รร เลยติด เพื่อน รร ไง
ผม : เพราะมีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าเพื่อนแถวบ้าน
ตัน : อืม
ตัน : อืม
ตัน : อิน
ผม : ห๊ะ?
ตัน : ไม่มีไรกวนตีนเร่น
ผม : ตัน
ตัน : .
ผม : ตัน
ผม : อยู่ปะเนี้ย
ตัน : ยู
ผม : ไม่มีไรกวนตีนเล่น (^3^)
ตัน : ให้3คำ
ตัน : กวน ตีน ดี
ผม : ให้3คำ
ผม : แดก ขี้ หมา
ผม : 55555555
ตัน : ให้3คำ
ตัน : แดกเองดิ
ผม : ให้3คำ
ผม : มึง มัน บ้า
ผม : 55555555
ตัน : หรอ
ผม : 555555555
ตัน : 5555

4/4/2012 12:51
ตัน : ว่าไงนาย
ผม : ไง
ผม : ^^
ตัน : กินข้าวยัง
ผม : กินแล้วๆๆๆ

6/4/2012 13:58
ตัน : นาย
ตัน : สรุปเรายูห้องเดียวกันใช่เปล่า
ผม : อืม
ผม : เห็นอ.วิโรจน์แกบอกแบบนั้น
ผม : ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คงไม่แยก
ตัน : สาธุขอให้ไม่เปลี่ยน
ผม : เหอะๆ
ตัน : คิดถึงเพื่อนว่ะ (ตันคิดถึงเพื่อนกลุ่ม 4)
ผม : อืมก้ว่างั้นแหละ
ผม : ไปกันเกือบหมดห้อง (กลุ่ม 4 ที่ต่อ ปวส. มีผม ตัน บาส และแรก)
ตัน : อิน
ผม : ?
ตัน : คถว่ะ
ผม : อืม
ผม : เหมือนกัน
ตัน : 5555
ตัน :ได้เจอเพื่อนแร้วพรุ่งนี้ (พรุ่งนี้มีตรวจสภาพนักศึกษาก่อนจะเปิดเรียนครับ)
ผม : 555555555555+
ตัน : มากันเร็วนะ
ตัน : สรุปไม่ตัดผมนะ
ผม : yes
ตัน : ok

8/4/2012 16:26
ตัน : นาย
ตัน : ทำไรยู
ผม : คุยเอมอยู่ (เอม คือ MSN นะครับ)
ผม : ว่าไงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตัน : อืม
ตัน : สงการไปเที่ยวไหน
ผม : กลับต่างจังหวัด
ผม : ตันอะ?
ตัน : ไปด้วย555 (มึงจะไปจริงๆหรอ)
ตัน : ไม่รุเรย
ผม : อ่า
ตัน : 55
ผม : อยู่บ้านอ๋อ?

9/4/2012 13:26
ตัน : นาย
ตัน : นาย
ตัน : นาย
ผม : ว่าไง
ผม : โทษทีมัวไปเฝ้าร้านอยู่
ตัน : คิดถึงว่ะ
ตัน : พรุ่งนี้ยูร้านเปล่า (ตันหมายถึงบ้านผมครับ คือที่บ้านเปิดร้านตัดผม)
ผม : อยู่
ผม : ทำไมหรอ?
ตัน : ว่าจะไปหา
ผม : ม่ายเชื่อ
ผม : 555555555
ตัน : ว่าจะไป
ตัน : ตอนเช้า
ตัน : อ่ะ
ผม : อ๋อ
ตัน : ประมาณ 8 โมง
ผม : อืมมาสิ
ตัน : เบื่อ
ผม : จะรอนะ
ตัน : อืม
ตัน : อืม
ตัน : ไอ้บาสมันกับบ้านมันไปยังว่ะ
ผม : กลับไปแล้วละ
ตัน : อืม
ตัน : พวกไอ้น็อตได้มาหาบ้างเปล่า
ผม : ไม่ได้ไป
ผม : พวกมันทำงาน
ผม : ไม่มีเวลาเลยละ
ตัน : ทำที่ไหน
ผม : ก็KFCเหมือนเดิม
ผม : ตันทำไรอะ?
ตัน : อืม
ตัน : ไปล่ะ
ตัน : พรุ่งนี้เด่วโทหา
ผม : อ่าว
ผม : ไมรีบจัง
ผม : จร้า

10/4/2012 18:46
ตัน : นาย
ตัน : มีเรื่องจะปรึกษา
ผม : อืม
ผม : ว่ามาสิ
ตัน : เรื่องป้าแม่งยังไม่ยอมจบอีก
ผม : เขามาพูดว่าไรมั้งละ
ตัน : เค้าทวงบุญคุน
ตัน : แบบว่าเค้าไปติดตังคนอื่นแร้วจะมาให้เราใช้ให้
ผม : อ่า
ผม : แล้วมีไรอีก
ตัน : เค้าไปบอกกับคนอื่นว่าตังยืมมาให้ตัน
ตัน : ถ้าจะทวงให้ไปทวงกับตัน
ผม : อ๋อ
ผม : แล้วเขาโทรมาวันนี้อะหรอ
ตัน : ตั้งนานแร้ว (อ่าว แล้วมึงจะมาบอกอะไรตอนนี้)
ตัน : ไม่ยอมจบสะที
ตัน : เหมือนตอนนั้นเรยที่บอกกับแม่หมั้นว่า
ตัน : ยืมตังมาให้หมั้นมันอ่ะ
ตัน : เหมือนกันเรย
ผม : อ๋อ
ผม : เอาแบบนี้ก็แล้วกัน
ผม : ตอนนี้รู้สึกยังไงในใจอะ
ตัน : เบื่อมากๆ
ตัน : เราไม่รุเรื่องอะไรเรย
ตัน : ถ้ารุนะจะไม่เอาเรยสะกะบาท
ตัน : แร้วมาพูดเหมือนรัวเองไม่ผิด
ผม : เขาเรียกว่ากรรมเก่าหนะ
ผม : ถ้าเอาจริงๆนะ
ผม : คือ เราอยู่เฉยๆดีกว่า
ผม : แล้วไหนว่าจะมาบ้านกู  รอทั้งวัน เสียเวลาไหมเนี้ยไม่มาก็น่าจะบอกฉาน
ตัน : มันไปวุ่นวายถึงพ่อแม่พี่น้องบ้านต้นไง
ตัน : ขอโทด
ตัน : นะที่รัก
ตัน : หายโกดนะ
ผม : ตันๆๆ
ผม : บอกแม่สิว่าถ้าเขามากวนอีกอะ
ผม : ก็บอกไปว่าจะแจ้งความละนะ
ตัน : อืม
ตัน : ก้ว่ายู
ตัน : เบื่อไง
ตัน : เราไม๊อยากให้เรื่องมันยาวไง
ผม : อืมเข้าใจๆๆๆ
ตัน : ถ้าเขาไม่มาวุ่นวายมันก้จบไปนานแร้ว
ผม : อีกวิธีนึงก็คือ ไม่ให้ใครรับโทรศัพท์เขาอะ
ตัน : กำลังทำแบบที่อินบอกยู
ตัน : ไม่ให้ใคตับโทสับอ่ะ
ผม : อืม
ผม : งั้นก็ดีแล้ว
ตัน : จ้าไปล่ะ
ตัน : กินข้าวดีกว่า
ตัน : อย่าลืมกินข้าวนะ
ตัน : บาย
ตัน : ฝานดี
ผม : เฮ่ย
ผม : ยังไม่หายคิดถึงเลย
ผม : ไรว่ะ
ผม : อืมๆบาย
ตัน : อืมไปกินข้าวก่อนเด่วมา
ผม : คร้าบ~

14/4/2012 19:12
ตัน : ว่าไงนาย
ตัน : ไปเร่นน้ำไหนมา
ผม : ไม่ได้เล่นเลย
ผม : ไม่มีเพื่อน
ตัน : เหมือนกันเรย
ตัน : ไม่ได้เร่นเหมือนกัน
ผม : หรอ
ผม : แล้วไปเที่ยวไหนมามั้ง
ตัน : อืม
ตัน : ยังไม่ได้ไปเรย
ผม : ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆ
ผม : ตัน
ผม : ทำไมกูต้องเกิดมารู้จักมึงด้วยก็ไม่รู้
ตัน : อ่าว
ตัน : มึงไม่อยากรุจักกูมึงก้บอกมา
ตัน : ทำไมว่ะ
ผม : ป่าวๆ
ผม : เมื่อก่อนหนะ กูไม่เคยมีความรัก เพราะแม่กูเคยสั่งห้ามกูมีแฟน กูเลยเป็นได้แค่คนที่ปลอบโยนคนอื่น
ผม : กูไม่เคยเข้าใจหรอกว่ามันเป้นอย่างไร
ผม : แต่เมื่อวันนึง
ผม : ได้ก้าวเข้ามา
ผม : ในเทคนิคแห่งนี้
ผม : กูเจอมึงแต่ก็คิดในใจว่าจะไม่บอกใครจนกว่าจะถึงเวลา
ผม : จนวันนึงความลับไม่มีในโลก มึงก็รู้
ผม : กูชอบมึงนะ เคยเสียใจอยู่หลายครั้ง
ผม : ทุกคำถามที่มึงถามมาตลอดว่า เรื่องที่กูโพสเกี่ยวกับความรักอะ
ผม :นั้นแหละ
ผม : คำตอบมันน่าจะบอกมึงแล้วนะ
ผม : แต่กูก็รู้ว่ามึงชอบผู้หญิง
ผม : ตั้งแต่วันที่มึงได้เบอร์หญิงจากไอ้นิว
ผม : กูกลับบ้านไป
ผม : ใจแทบแตกสลาย
ตัน : อืม
ผม : กูขอบใจมึงมากๆที่ทำให้กูได้ค้นพบตัวเอง
ตัน : อืม
ตัน : กูอยากจะบอกว่ามึงเพื่อนรักกูเรย
ตัน : กูขอโทดแร้วกันว่ะ
ผม : มึง ตกใจปะที่รู้ว่ากูเป็นแบบนั้นอะ
ตัน : ไม่ว่ะ
ตัน : มึงเป็นไรก้ได้มึงไม่ผิด
ผม : ไปละ
ผม : ฝันดี
ตัน : อืม

หลังจากวันนั้นตันก็ยังทักหาผมอีกนะครับ ทุกอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

26/4/2012 18:25
ตัน : อิอิ
ตัน : ว่าไงนาย
ตัน : ทำไร
ผม : นั่งฟังเพลง
ผม : แล้ว ทำไรอยู่
ตัน : นั่งคถ นายยู
ผม : ก๊ากกก
ผม : ><
ตัน : อิอิ

27/4/2012 19:54
ตัน : นาย
ผม : หืม?
ตัน : กินข้าวยัง
ผม : ยังเลย รอกินพร้อมพ่อแม่
ตัน : อืม

3/5/2012 18:48
ตัน : นาย
ตัน : กินข้าวยัง
ผม : ยังเลย
ผม : รอแม่ให่ทำกับข้าวอยู่
ผม : แล้วมึงกินยัง
ตัน : แร้วทำไรยู
ตัน : ยัง
ผม : เหงาๆหาเพื่อนคุย
ผม : เมื่อคืนดูบ่วงปะ
ผม : แม้งอย่างมัน555
ตัน : ก้เหงาเหมือนกัน
ตัน : ไม่ได้ดูว่ะหลับ
ตัน : เร็ว
ผม : หาผู้หญิงเป็นตัวเป็นตนสะทีสิ
ผม : นี่ก็มีนะแต่ไม่เอายังไม่โดนคนที่ใช่555
ตัน : มะโดนตันสะที
ตัน : 5555
ตัน : ติดใจเรย
ผม : งั้นสิ
ผม : เหมือนกันเลย
ผม : แต่ก็ยังไม่พอใจสะที
ผม : ยังไม่โดน
ผม : 555
ผม : ถ้ากูเจอนะมึงแม้ง พาเข้าออฟฟิตเลย555
ตัน : ก้บอกว่ามาโดนต้นสะที
ตัน : พบแน่
ผม : โดนบ้าอะไรละ
ผม : 555
ตัน : พอแน่
ผม : ขอบเตียงอะนะ
ผม : 555
ตัน : 5555555
ตัน : แร้วเจอคู่ถึงใจยัง
ผม : ยังเลย
ผม : ตอนนี้มีพี่คนนึง
ผม : เขามาจีบ (คือขออธิบายตรงนี้หน่อยนะครับ ช่วงนั้นผมเล่นเว็บเกย์อยู่เว็บนึงเจอพี่คนนึงเขามาจีบครับ)
ตัน : ถูกใจยัง
ตัน : มะต้นว่าง
ผม : ตลก
ผม : 555
ตัน : สนใจเปล่า
ผม : ไม่อะ
ผม : ปีหนึ่งรอบนี้ชายเยอะ (ผมเขินเลยเปลี่ยนประเด็น)
ตัน : อยากรองของ
ผม : เท่าที่ไปแอบดู
ผม : หญิงน้อยมาก
ผม : สี่คนเองมั้ง
ผม : ปวส เด็กใหม่มี แปดคน
ผม : น่าจะใช่
ตัน : 55555เนื้อคู่นายมาแร้ว
ผม : บ้า
ผม : ไม่กินเด็ก
ผม : 555
ตัน : หมายถึง ปวส
ตัน : สรุปเราได้ยูห้องเดียวกันเปล่า
ตัน : นาย
ตัน : นาย
ผม : ยังสรุปไม่ได้
ผม : จารย์บุญทันบอกว่า
ผม : อาจจะเปรี่ยน
ผม : ส่วนที่ปรึกษาอะอาจจะไม่ใช่จารย์เข็มนะ
ผม : อาจจะเป็นจารย์บุญทันเหมือนเดิม
ผม : อันนี้ไม่แน่
ผม : แล้วแต่ ผอ จะจัดใหม่
ผม : แต่ถ้าไม่จัดก็คงจะแบบเดิม
ผม : รอลุ้นกัน555
ตัน : สาธุขอแบบเดิม
ผม : 5555
ผม : รวมกับห้องสามนี่สิ
ผม : จะเข้ากับพวกนั้นได้ป่าวก็ไม่รู้
ผม : 5555
ตัน : อย่าไปสนใจพวกมันเอาพวกเราไว้ก่อน
ผม : กูยังไงก็ได้ แต่ขออย่าทะเราะกันพอ

4/5/2012 18:00
ตัน : นาง
ตัน : นาง
ตัน : ทำไร
ผม : นาย ต่างหาก
ผม : เล่นเกม
ตัน : 555555
ผม : ทำไรอยู่
ตัน : นั่งเร่นเบื่ออยากเปิดเรียนแร้วอ่ะ
ตัน : นายเรากำลังจะเริ่มคบกับสาวคนนึงอ่ะแต่ไม่รู้ว่าสาวแม่งคิดไงอ่ะ
ตัน : เราอยากจิงจังกับเธอคนนั้นนะโว้ยแต่กัวว่ะ
ผม : เขามาแบบไหนละ
ตัน : นายว่าทำไงดี
ผม : เขามาแบบไหนอะ
ตัน : เราอ่ะรู้สึกดีนะแต่กัวโกนหลอกอ่ะ
ผม : แล้วมันมาแบบไหนละ เขาลักษณะไง
ผม : การพูดการจา
ผม : ท่าทาง
ตัน : ก้คุยดีอ่ะ
ตัน : บ้านก้ยูใกล้ๆกันอ่ะ
ผม : อ๋อ
ผม : เคยเป้นเพื่อนหนะสิ
ตัน : เปล่า
ตัน : เปนรุ่นพี่
ผม : อ่า
ผม : ก็แล้วแต่มึงอะตัน
ผม : ถ้ามึงชอบก็ชอบไป
ผม : ถ้าไม่ชอบก็หยุด
ผม : คบไปก็ดูๆไปก่อน
ตัน : อืม
ผม : ไม่ใช่ใส่เต้ม
ผม : แล้วก็ ปรับตัวเองด้วย ขี้โมโห สาวจะอยู่ทนหรอ
ตัน : จ๊เพื่อน

11/5/2012 18:39
ตัน : นายเอาชุดไปแก้ยัง
ผม : อ๋อยังเลย (ถ้าจำไม่ผิดประโยคนี้น่าจะคุยเรื่องเสื้อชอปตัวใหม่ ของ ปวส. )
ตัน : แร้วจะแกเปล่า
ผม : แก้
ผม : แต่ต้องใส่ให้แม่ดูก่อน
ตัน : อืม
ผม : 14 พ.ค. เจอกัน
ตัน : 14 พ.ค. วันไร
ผม : วันเปิดเรียนไงฟาย
ตัน : อ่าว เออเจอกัน

ระยะเวลาปิดเทอมสุขภาพจิตผมเศร้าหมองมากในใจคิดถึงตันตลอดเวลา หลังจากวันนั้นผมก็นั่งนับวันรอเพื่อให้ถึงวันที่ผมจะได้พบกับตัน ซึ่งก็คือ วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2555 วันเปิดภาคเรียน และผมก็หวังว่าเปิดเรียนมาคราวนี้จะมีอะไรดีๆใหม่ๆรอผมอยู่นะครับ

เริ่มภาค ปวส.

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Hope บทที่ 2 "เปิดเทอม ปวส." 29/12/61
«ตอบ #2 เมื่อ29-12-2018 16:56:53 »

ปวส.1 เทอมที่ 1 พ.ศ.2555
บทที่ 2 “เปิดเทอม ปวส.”


วันที่ 21 พ.ค. พ.ศ.2555 เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของเทคนิคผม อันที่จริงต้องเปิดเทอมตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. พ.ศ. 2555 แล้ว แต่ว่าทางเทคนิคเขาไปอบรมกันทั้งเทคนิคเลย จึงประกาศหน้าเว็บเทคนิคขอเลื่อนวันเปิดภาคเรียนออกไปเป็นวันที่ 21 พ.ค. พ.ศ.2555 ครับ

เปิดเทอมใหม่ครั้งนี้ ผม บาส แรก และตัน ก็จะหวิวๆหน่อยเพราะขึ้น ปวส. มา เพื่อนๆกลุ่ม 4 เช่น บิ๊ก น๊อต ไปต่อ ปวส. ระบบทวิภาคี แผนกแมคคาทรอนิกส์ เนื่องจากสอบชิงทุนของไดกิ้นได้ จึงต้องไปแบบนั้น ส่วน โจ๋ อาฟู่ โอ๊ต และชัย ไม่จบ ปวช. เนื่องจากไม่ส่งโปรเจค ดังนั้นพวกผมจึงต้องไปรวมกับพวก กลุ่ม 3 พอขึ้น ปวส. มารวมกันกลายเป็น ปวส. กลุ่มที่ 1 ลืมบอกไปอีกอย่างเทอมนี้พวกผมมีเพื่อนใหม่เพิ่มอีก 1 คน มันชื่อเบล จบมาจากสารพัดช่าง แล้วมาต่อที่เทคนิคผมครับ รูปร่างเป็นคนผิวคล้ำตัวอ้วน จบ

เนื่องจากเป็นการเปิดเทอมวันแรกย่อมมีอะไรๆใหม่ๆเสมอครับกลุ่ม 1-2 ของพวกผมถือเป็นหลักสูตร MEP นะครับ มันก็คือ “Mini English Program” มันเป็นหลักสูตรใหม่ที่ ผอ. สั่งให้ทำและเป็นรุ่นทดลองเสียด้วย เป็นการเรียนที่เน้นภาษาอังกฤษเป็นหลัก คือทุกวิชาต้องสอนเป็นภาษาอังกฤษอะครับพูดง่ายๆ ดีไหมละมึง

รถเมล์คันสีเหลืองขับมาจอดหน้าเทคนิค เมื่อเวลา 8.45 น. เด็กเทคนิคจำนวนมากวิ่งกันลงมาเต็มคันรถเลยในนั้นมี ผม บาส แรก และเล็ก ด้วย พวกเรารีบวิ่งเพื่อไปให้ทันเรียน อย่างน้อยวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเทอมก็ไม่อยากจะผิดใจกับอาจารย์เรื่องมาสายครับ

อันที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะสายกันนะครับ พอดีรถเมล์เหลืองที่จะมาเทคนิคผมรถมันขาด จึงต้องรอรอบต่อไปมา

อุส่าออกมาแต่เช้าเพื่อที่จะไปเทคนิคอยากเจอตันแทบใจจะขาด แต่อย่างว่าแหละไปเช้าขนาดไหนตันมันก็มาสายอยู่ดี 555+

“ฮาโหลกิ๊ฟ เรียนห้องไหนว่ะ” ผมโทรหากิ๊ฟ

“เรียน ห้องXXXXX ตึกสามัญอะ มึงมาเร็วๆเลย อาจารย์เข้ามาแล้วมึง” มันเร่งพวกผม

เรียนตึกสามัญแสดงว่าต้องเรียนรวมกับอีก กลุ่ม เพราะส่วนใหญ่แล้วเวลาเรียนวิชาสามัญจะต้องเรียนรวมประมาณ 2 กลุ่ม เช่นเมื่อก่อนตอนผมเรียน ปวช. ผมอยู่กลุ่ม 4 วิชาในแผนกจะเรียนแค่กลุ่ม 4 ถ้าเรียนวิชาสามัญจะรวมกับพวกกิ๊ฟกลุ่ม 3

“เออๆ” ผมตอบ แล้วรีบวางสายไป นึกในใจวันนี้เปิดเทอมวันแรก ตันจะมาหรือยังนะ ปกติตันจะโทรหาผมแต่วันนี้แปลกๆ ช่างแม่งเหอะเอาตัวเองให้รอดก่อน

“อ๋ออะอุอ้าดเอ้าอ้องอับ” แรกพูด ขออนุญาตอาจารย์เข้าห้องเรียนครับ

“เข้ามาค่ะ” อาจารย์ตอบด้วยเสียงเหมือนไม่พอใจเล็กน้อย เนื่องจากที่พวกผมมาสายนั่นแหละครับ

เมื่อเข้ามาในห้องรู้สึกว่าแปลกตาไป เพราะว่าต้องเรียนรวมกับพวกกลุ่ม 2 ซึ่งไม่เคยเรียนด้วยกันมาก่อนเลยในสมัย ปวช. กลุ่มนี้คือกลุ่ม 2 ครับ เป็นพวก กลุ่ม 1-2 และกลุ่ม 5 ของ ปวช. มารวมกันกลายเป็น ปวส. กลุ่ม 2 ส่วนพวกกลุ่ม 6 ไปต่อ ปวส. ระบบทวิภาคี ครับ

ผมกำลังมองหาที่นั่นซึ่งตอนนั้น แรก บาส ได้ที่นั่งแล้วครับ ส่วนเล็ก ไอ่ภีมมันจองที่นั่งไว้แล้ว ก็เหลือผมนี่แหละ มองๆไปเห็นกรนั่งกวักมือให้ผมอยู่หลังห้อง ผมจึงเดินไปนั่งหลังห้องกับพวกกรครับ

“ไงๆ” กรทักทายผม

“เฮ่ย นี่เองอยู่กลุ่ม 2 หรอว่ะ” ผมถาม

“ใช่ๆ นี่มารวมกับพวกกลุ่ม 1-2 เก่าอะ” กร ตอบ

“ลำบากใจไหมละที่กลุ่ม 5 ต้องไปรวมกับกลุ่ม 1-2 อาจจะต้องปรับตัวกันสักพักใช่ไหม”

“อืม มันก็ไม่ได้แย่หรอกนะ นี่เฉยๆอะได้รู้จักเพื่อนใหม่ แต่เบญเพื่อนนี่อะดิมันคิดมากกลัวจะเข้ากับพวกนั้นไม่ได้” กรตอบ

คือกลุ่ม 5 ที่ต่อ ปวส. มี กร เบญ ปิ๊ก นายก และอาม ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยจึงโดนรวมกับพวกกลุ่ม 1-2

แค่เพราะหัวใจมันบอกอาจไม่ค่อยพอ แต่ฉันก็ยันมั่นใจว่าต้องใช่เธอ~ (ตันโทรหาผมครับ)

“ฮาโหลว่าไงตัน” ผมแอบรับโทรศัพท์และตอบตันแบบเงียบๆ

“อินอยู่ไหนอะ”

“ตึกสามัญ ห้องXXXX มาเร็วๆเลย”

“โอเคๆ” ตันตอบแล้วก็วางสายไป

“ใครโทรมาหรอ” กรถาม

“อ๋อตัน...เพื่อนนี่เอง”

“อ๋อ” กรตอบแล้วก็หันหน้าไปเรียนต่อ

ผมมองดูพวกเพื่อนใหม่ กลุ่ม 2 ส่วนใหญ่แล้วพวกนี้เป็นเด็กเรียนนะครับ อาจจะมีบางส่วนเล็กน้อยที่ออกแนวสายเถื่อนหน่อยซึ่งดูได้จากการแต่งตัว ส่วนกลุ่มของกรก็ดูเป็นพวกที่ไม่มีพิษภัยอะไรน่าคบหา

เรียนไปสักพักมีผู้หญิงอายุวัยกลางคนตัวเตี้ยมายืนอยู่หน้าประตูห้องครับ เมื่ออาจารย์มองไปเห็นจึงพูด

“เอาหละ วันนี้ถือว่าเป็นคาดเรียนแรก จะไม่สอนเลยก็คงไม่ได้ครูได้ยินมาว่า ปวส.อิเล็กทรอนิกส์ กลุ่ม 1-2 เป็นกลุ่มพิเศษ MEP ในการเรียนจึงต้องมีครูต่างชาติร่วมสอนด้วย ถ้างั้นครูขอเชิญ Miss.Aida เข้าห้องด้วย” อาจารย์พูด พร้อมกับเชิญ Miss.Aida เข้าห้องครับ Aida เป็นครูมาจากประเทศฟิลิปปินส์ที่ทางเทคนิคจ้างมาสอนควายอย่างพวกผม

Aida เข้ามาก็พูดแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษซึ่งพวกผมก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ส่วนใหญ่จะงง จากนั้นอาจารย์ก็ให้ Aida ขึ้นสอนโดยที่อาจารย์ออกจากหน้าห้องแล้วเข้ามานั่งกับพวกผม

“ขออนุญาตเข้าห้องครับ” ตันเข้ามาแบบเหวอๆ

“เฮ่ยๆ ไอ่ตันยังเข้าไม่ได้มึงต้องแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษก่อน มึงเห็นไหมเนี่ยนี่ครูต่างชาตินะเว้ย” บาสพูด ผมเห็นตันหน้าเสียเลยครับ เพื่อนๆขำกันใหญ่

ผมเห็นตันมองหน้า Aida ซึ่ง Aida ก็มองแบบงงๆ เพราะไม่รู้ว่าบาสมันพูดอะไรกับตัน ทำให้ตันไม่ยอมเข้ามานั่ง

“เอ้า!!! เร็วๆสิเธอจะเรียนไหม ถ้าจะเรียนก็รีบแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษเร็วเข้า” อาจารย์เล่นด้วยครับ ทีนี้ฮากันหนักกว่าเดิม

ตันเหวอๆแล้วก็แนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษแบบผิดๆถูกๆให้ Aida ฟัง คือ Aida หน้าเหวอเหมือนกันครับ ไม่รู้ว่าทำไมมาแนะนำตัว แต่ผมได้ยิน Aida พูดเป็นภาษาอังกฤษอะไรก็ไม่รู้ครับเพราะผมก็ไม่เก่งเรื่องพวกนี้เหมือนกัน แต่เดาๆว่าแกคงประมาณว่า ยินดีที่ได้รู้จัก จากนั้นตันก็เดินเข้ามานั่งหลังห้องแต่คนละฝั่งกับผม

“คนนี้ใช่ไหมที่โทรหาอินเมื่อกี้อะ หรอตลกว่ะ555+” กรแอบขำเบาๆ

“เออ 555+” ผมก็แอบขำเบาๆเช่นกัน ไม่ว่าตันจะทำอะไรผมก็ชอบไปหมดตันน่ารักอะครับ

ขำกันพอเป็นพิธีแล้วบรรยากาศห้องก็กลับเข้าสู่ปกติ

“เออนี่ลืมแนะนำเลย นี่อามเพื่อนนี่เอง” กรแนะนำอามเพื่อนที่นั่งข้างๆกรให้ผมรู้จัก

“ข้าเคยเห็นเองอยู่นะ เองอยู่หมู่บ้านแถวๆข้าใช่ปะ” อามถามผม

“เออคุ้นๆอยู่ สมัย ปวช. เคยนั่งสองแถวหน้าปากซอยเจอเองประจำแต่ไม่เคยคุยกัน” ผมตอบ

อามเป็นเพื่อนสนิทของกร บุคลิกเป็นคนผิวคล้ำหน้าตาโหดๆ ชอบทำคิ้วขมวดด้วยดูเป็นคนจริงจังกับทุกสิ่ง ไม่รู้ว่าชีวิตนี้มึงจะมีเรื่องให้เคลียดนัก 555+

“(พูดเป็นภาษาอังกฤษ)” Aida เริ่มสอน ตอนนี้ในห้องเริ่มจะคุยกันบ้างแล้วครับ เพราะฟังไม่รู้เรื่องคนที่พอจะฟังรู้เรื่องคงเป็นอาจารย์กับบาสที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาจาก รร. เก่าซึ่งเป็น รร. ประจำจังหวัด

จากนั้น Aida พูดอะไรไม่รู้ครับ แล้วก็ทำมือเหมือนเชิญให้ลุกออกมาหน้าห้อง ทุกคนก็งงไปหมด

“Aida แม่งพูดอะไรว่ะงงมากเลย” โบว์พูด

โบว์เป็นผู้หญิง กลุ่ม 2 รูปร่างผิดสีขาว ผอม หน้าตาดีอยู่พอสมควร

“อาจารย์ค่ะ Aida พูดอะไรหรอค่ะ” โบว์ หันไปเรียกหาอาจารย์ ซึ่งตอนนั้นอาจารย์ทำหน้าครุ่นคิดอยู่

“ไม่รู้เหมือนกัน...ครูกำลังพยายามอยู่” อาจารย์ตอบ

“โถ่คุณแม่!!!” โบว์พูด จากนั้นเพื่อนขำกันทั้งห้องเลยครับ 555+

“Aida แกต้องการให้ใครก็ได้ออกไปทำโจทย์บนกระดานครับอาจารย์” บาสพูดขึ้น

จริงๆไม่ใช่บาสคนเดียวที่ฟังรู้เรื่องนะครับ พวกกลุ่ม 2 จะมีกลุ่มเด็กเก่งอยู่ 4 คน ซึ่งถูกขนานามว่า 4 จตุรเทพ แต่พวกเขาไม่ค่อยแสดงตนเท่าไหร่

พอบาสช่วยแปลในสิ่งที่ Aida พูด ทุกอย่างก็เหมือนจะส่วน ส่วนอาจารย์แกเดินหนีหายออกไปจากห้องตอนไหนก็ไม่รู้ครับ

“อินกินข้าวที่ไหน ไปกินกับนี่ป่าว” กรชวนผมไปกินข้าวด้วยกันกับกลุ่มเบญ ขณะที่ทุกคนกำลังทยอยออกจากห้องเพื่อไปกินข้าวพักกลางวัน

“อืม....เอาอย่างไรดีละ” ผมพูดแล้วก็มองไปที่เพื่อนๆผมที่กำลังทยอยกันเดินออกไป ตอนนั้นผมมองไม่เห็นตันแล้ว ตันน่าจะไปกินกับพวกแบล็ค แบล็คเป็นเพื่อนสนิทตันอยู่กลุ่ม 2 ครับ เป็นพวกแก๊งค์แทงสนุ๊กครับ

“มึงจะแดกไหมเนี่ยข้าวอะ” กิ๊ฟโผล่หน้ามาในห้อง แล้วเรียกผม

“แดกดิอิห่าแปบหนึ่งเก็บของอยู่” ผมตอบพร้อมกับรีบเก็บกระเป๋า บอกลากรกับพวกเบญแล้วเดินไปกินข้าวกับพวกกิ๊ฟ

อันที่จริงผมไม่ค่อยได้กล่าวถึงกิ๊ฟเท่าไหร่ในช่วง ปวช. จริงๆแล้วผมมาสนิทกับกิ๊ฟช่วงท้ายเทอมของ ปวช.3 ช่วงที่ผมเสียความรู้สึกกับตันช่วงที่รู้ว่าป้าแกเป็นคนไม่ดี ผมไม่รู้จะปรึกษาใครในช่วงนั้นจึงเปิดใจคุยกับเพื่อนกลุ่ม 3 และกิ๊ฟเป็นคนที่เข้าใจผมที่สุดในตอนนั้น และเป็นเหตุให้เราสนิทกัน


แค่นี้ก่อนนะครับ
.
.
.
.
.
.
คอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจในการลงครั้งต่อๆไปด้วยนะครับ ช่วง ปวส. หัวผมจะตื้อๆนึกอะไรไม่ค่อยออกเพราะมันมีแต่เรื่องที่ไม่น่าจดจำครับ อย่างไรขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Hope บทที่ 3 "กร" 29/12/61
«ตอบ #3 เมื่อ29-12-2018 16:58:47 »

บทที่ 3 “กร”

หลังจากกินข้าวเสร็จก็เป็นเวลาของการเรียนในช่วงบ่าย บ่ายนี้ยังคงเรียนรวมอยู่ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากเพราะหนังท้องตึงหนังตาก็ต้องหย่อนเป็นธรรมดาครับ

ต่อให้อาจารย์พูดเสียงดังขนาดไหนก็ทำอะไรพวกผมไม่ได้ เพราะพวกผมกำลังทำสมาธิเพื่อไปเข้าเฝ้าพระอินท์!!!

ก็ทนๆเรียนกันไปตามเวลาครับ

“พรุ่งนี้อย่าลืมเอาหนังสือการ์ตูนมาให้กูอ่านด้วยนะตุ๊ด” กิ๊ฟพูดกับผม ขณะที่กำลังเก็บกระเป๋านักเรียน

“เออออออ ย้ำอยู่นั่นแหละ แล้วมึงจะเรียกกูตุ๊ดทำไม กูไม่ชอบ” หลังจากที่เพื่อนๆรู้เรื่องที่ผมชอบตัน เพื่อนๆก็มักจะเรียกผมว่าตุ๊ด แต่ผมเฉยๆนะคือผมก็เหมือนผู้ชายปกติธรรมดานี่แหละ เพียงแค่ชอบผู้ชายเฉยๆ

“เอ้า ก็กูกลัวมึงลืม กลัวไม่ได้อ่านอะมึงเข้าใจไหม” กิ๊ฟตอบ

“เอออออออออออ” ผมตอบ พร้อมกับมองไปหน้าห้องเพื่อหาตันแต่ก็ไม่พบแล้ว มีแค่พวกเพื่อนๆบางกลุ่มยืนคุยกันหน้าห้องยืนออๆกัน วันเปิดเทอมวันแรกวันนี้ผมยังไม่ได้คุยอะไรกับตันเลยครับ คุยกันก็แค่ในโทรศัพท์เมื่อเช้านี้เอง

“ก็ยังไงดีละ...ปกติก็ชอบจำแค่เรื่องของคนนั้นคนเดียวมิใช่หรอ อิอิ” กิ๊ฟล้อผม

“เดี๋ยวกูถีบ!!! มึงจะพูดทำไมเงียบๆดิ” ผมพูด

“โอ้ย อะไรนักหนามันอยู่ตรงนี้หรือไง” กิ๊ฟบ่นๆ

“มันไม่อยู่ แต่คนอื่นละ อย่าลืมนะว่าพวกกลุ่ม 2 มันไม่รู้เรื่อง” ผมพูด แล้วก็เหลืบไปเห็น กรกับอาม และพวกเบญกำลังเดินออกนอกห้อง แต่พวกนี้มันไม่รู้เรื่องหรอกครับ คนที่จะรู้เรื่องคือพวกเพื่อนผมเท่านั้น

เก็บกระเป๋าอะไรเสร็จผมก็เดินออกไปรอรถเมล์ที่หน้าเทคนิคกับเพื่อนๆ ส่วนกิ๊ฟกับภีม ไปรออีกฝั่งเพราะกลับคนละทาง

ปี๊นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงแตรรถเมล์ดังขึ้นเมื่อมาจอดที่หน้าประตูเทคนิค)

“พรุ่งนี้เจอกันเด่ออิเหยิน” ผมโบกมือบ๊ายบายกิ๊ฟกับภีมที่ยืนรอรถอยู่อีกฝั่งหนึ่ง คำว่าเหยินนี้คือกิ๊ฟนะครับ กิ๊ฟมันฟันเหยิน 555+

“เออออออออออ” กิ๊ฟโบกมือกลับ

พวกผมก็เดินไปต่อแถวขึ้นรถเมล์ ซึ่งผมอยู่คนท้ายๆเลย เมื่อขึ้นไปบนรถผมมองหาที่นั่งแถวหน้าๆก็เต็มหมด พวกบาสกับแรก และคนอื่นๆเขานั่งกันหมดแล้ว

“อินๆ นั่งนี่ดิ” กรทักผมจากเบาะหลัง ผมจึงเดินไปนั่งกับกรท้ายรถเมล์

“กรกูไม่เห็นมึงรอรถหน้าเทคนิคเลย มึงไปขึ้นที่ตลาดใช่ไหม” ผมถาม

“ใช่ๆ เบญขับรถเครื่องไปส่งไง ขึ้นตรงนั้นไม่มีคนแย่ง” กรตอบ

ผมกับกรนั่งคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย รถก็ขับออกไปตามทาง จนกระทั่ง

“ไอ่ห่าเอ๊ย!!! ข้างหน้าเขาตั้งด่านนี่หว่า ควันรถดำด้วยโดนแน่เลยไอ่เวร!!!” ลุงคนขับรถเมล์ตะโกนเสียงดัง

“เอ้า!!! เธอเลี้ยวเข้าซอยหน้าไปเลยเร็วๆ” ป้ากระเป๋ารถเมล์สั่งให้ลุงคนขับรถเข้าซอยเพื่อหนี

“ขอโทษด้วยนะค่ะ รถจอดอีกที่ในตัวเมืองเลยนะค่ะ พอดีมีตำรวจมาตั้งด่านค่ะ” ป้าแกประกาศในรถ คือแบบนี้ก็มีด้วยหรอเผด็จการมาก!!! 555+

รถก็ขับเข้าซอยข้างๆไป มันเป็นทางตีนเขาอ่างเก็บน้ำครับ มีแต่ป่าบรรยากาศดีมาก เห็นแม่น้ำและเขาด้วย

“บรรยากาศดีว่ะ ตั้งแต่เรียนเทคนิคมายังไม่เคยมาตีนเขาอ่างเก็บน้ำเลย” กรพูดขึ้น

“ใช่ๆ เหมือนกันเลยว่ะไม่เคยมาทางนี้เลย”

“แล้วนี่ที่บ้านอินพ่อแม่ทำอะไรหรอ” กรทักถามผม

“อ๋อแม่เปิดร้านตัดผม ส่วนพ่อทำงานในโรงงาน แล้วมึงละพ่อแม่ทำงานอะไร” ผมตอบและถามกลับ

“อ๋อที่บ้านหนะหรอ....คือทำงานอยู่ที่ศูนย์ขายรถของฟอร์ดอะ ส่วนแม่ก็....เป็นพวกเซลอะ 5555+” กรตอบกลับเหมือนไม่มีอะไร แต่สีหน้าเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ

“อ๋อหรอ แล้วพักอยู่แถวไหนละ” ผมถาม

“อยู่ในเมืองนี่แหละ อินละ”

“นี่อยู่ออกนอกเมืองไปหน่อย”

เราคุยกันในเรื่องทั่วๆไป กรเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีหัวเราะง่าย เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดคำหยาบอาจเป็นเพราะเราเพิ่งจะรู้จักกันแรกๆด้วย จึงอาจจะยังเกรงใจกันอยู่ กรดูเป็นคนร่าเริงตลอดเวลาคุยด้วยแล้วสบายใจครับ

“เมื่อก่อนเราเคยคุยกันผ่านๆ ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้มาเรียนด้วยกัน” กรพูด

“ใช่ๆ ปรับตัวแทบไม่ทันเลย ยังคิดถึงเพื่อนสมัย ปวช. อยู่เลย แยกย้ายกันไปหมดมาต่อ ปวส.มีแค่กู บาส แรก ตัน แค่นี้เอง” พูดไปก็หวนคิดถึงเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตอน ปวช. ครับ

“เหมือนห้องนี่แหละ มาต่อ ปวส. มี นี่ เบญ อาม นายก ปิ๊ก แค่นี้เอง ส่วนที่เหลือไปเรียนระบบทวิภาคีกัน ต้องมารวมกับพวกกลุ่ม 1-2 เก่าปรับตัวยากเหมือนกัน กลัวพวกนั้นไม่ชอบไงเพราะพวกนั้นเขากลุ่มเด็กเรียน” กรพูดเล่าบ้าง

“เรียนๆไปเดี๋ยวก็คุ้นกันไปเองอย่าไปคิดมากเลย” ผมพูด

“ใช่ๆ แต่นี่ไม่คิดอะไรหรอก ดีเสียอีกได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ” กรมักเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเสมอ

“แล้วนี่อินมีแฟนหรือยัง” กรถาม

“ถามแบบนี้เลยหรอว่ะ 555+ พูดอย่างไรดีละ” ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เพราะกรก็ไม่รู้ว่าผมชอบตันอยู่

เอาว่ะ เป็นไงเป็นกันพูดๆไปเลยเพราะยังไงกรก็ไม่มีพิษภัยอยู่แล้ว ตอนนั้นผมไว้ใจกรจริงๆเพราะกรคุยด้วยแล้วดูเป็นคนซื่อบริสุทธิ์

“ยังไม่มีแฟนหรอก แต่มีคนในใจแล้วละแต่เขาแค่ไม่ชอบก็เท่านั้นเอง” ผมตอบกร

“ตันอะหรอ” กรพูดขึ้นผมตกใจเลย

“เฮ่ยรู้ได้อย่างไร” ผมถาม

“แหมก็เมื่อเย็นตอนเลิกเรียนได้ยินกิ๊ฟล้ออินอยู่ จริงๆนี่ไม่ได้แอบฟังนะ แต่มันได้ยินจริงๆ ขอโทษด้วย” กรพูด

“นั่นไง กูว่าแล้วอิเหยินกิ๊ฟ มึงไม่น่าเล๊ย!!!” ผมบ่นๆถึงกิ๊ฟ

“นี่ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังจริงๆ” กรพูดขอโทษผม แต่จริงๆผมก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะครับ ผมเป็นคนเปิดเผยอยู่แล้วถ้ารู้ก็รู้ไปผมไม่ได้แคร์อะไรครับ

“ไม่ต้องขอโทษหรอก กูไม่ได้อะไรขนาดนั้น ก็ไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว แต่แค่เห็นเป็นกลุ่มเพื่อนใหม่ยังไม่ค่อยสนิทกัน เลยคิดว่าอยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รู้กันเองแหละ”

“งี้อินก็เป็นอะดิใช่ไหม”

“จะพูดแบบนั้นก็ได้นะ แต่นี่ก็ชอบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงนะไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรเหมือนกัน แต่ก็เทไปทางผู้ชายมากกว่า” ผมตอบ

“อ๋อ” กรตอบ

“อืม....เห็นอินพูดแบบนี้ นี่ก็สบายใจหน่อย” กรพูดขึ้น

“สบายใจอะไรว่ะ”

“จริงๆแล้วนี่ก็เป็นเหมือนอินนะ แต่นี่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อนสมัยเรียน ม.ต้น อะ อินอย่าบอกใครนะนี่ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเลย แต่คุยกับอินแล้วสบายใจเห็นอินพูดเรื่องความลับส่วนตัวของตัวเอง นี่ก็เลยขอพูดบ้าง” กรตอบ

“แล้วนี่ที่บ้านรู้หรือป่าว” ผมถาม

“ไม่รู้หรอก เพราะพ่อนี่ดุมาก ขืนรู้นี่โดนแน่ๆ 555+” กรพูดติดตลก

จริงๆแล้วเรื่องของกร ผมก็พอได้ยินมาจากเพื่อนๆบ้างเพราะมันจะมีช่วงหนึ่งที่กรสนิทสนมกับอาจารย์วิโรจน์ ที่เป็นข่าวดังในหมู่นักเรียนด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายเพราะตอนนั้นยังไม่เคยรู้จักกัน

“แล้วทำไมถึงไปชอบตันได้ละ พอจะเล่าให้ฟังบ้างได้ไหม” กรถามต่อ

“นี่ชอบตันมาตั้งแต่ ปวช.1 แล้ว แอบชอบมานานมาก ช่วงแรกเราไม่สนิทกันเลย เพิ่งจะเริ่มมาสนิทกันก็ตอนที่ตันโดนแฟนทิ้งนี่แหละ นี่ก็คอยเทคแคร์ตามใจทุกอย่าง จนตันกับนี่สนิทกันตันก็เริ่มไว้ใจนี่เวลามีเรื่องทุกข์ใจอะไรก็จะมาปรึกษา นี่ก็คอยหาทางออกให้เป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆจนตันไว้ใจ แต่สุดท้ายแล้วความลับมันไม่มีในโลกวันหนึ่งตันก็รู้ แต่ตันไม่ได้รังเกียจอะไร นี่ก็ไม่ได้อะไรเพียงแค่อยากได้คำตอบจากตันเฉยๆว่ารู้สึกอย่างไรกับนี่ว่าชอบหรือไม่ชอบ จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งไปเดินห้างด้วยกันกับเพื่อนๆ เจอสาวๆตันก็ใช้ให้เพื่อนไปขอเบอร์มาจนได้ นี่ก็เลยรู้เลยตั้งแต่วันนั้นว่าตันชอบผู้หญิง นี่เสียใจมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย จะตัดใจก็ทำยากเพราะตันก็ชอบทักแชทมาประจำ เฮ้อพูดถึงแล้วก็เหนื่อยใจ” ผมเล่าเรื่องตันกับผมให้กรฟัง

“โห น่าสงสารเหมือนกันนะเนี่ย ทำใจเถอะอินเดี่ยวก็มีคนดีๆเข้ามา เชื่อนี่ดิ” กรปลอบใจผม

“ขอบใจมาก แต่นี่คงเลิกชอบตันไม่ได้จริงๆ นี่ตัดใจไม่ได้จริงๆ”

“พอๆ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว นี่ขอโทษก็แล้วกันไม่รู้จริงๆว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ทำให้รู้สึกไม่ดีอีก” กรพูด

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษ 555+”

จากนั้นเราก็นั่งคุยอะไรกันไปจนกระทั่งถึงในเมืองพวกเราก็ลงรถเมล์ ผมบอกลากรและเดินขึ้นสองแถวกับบาสไป ส่วนกรก็เดินเข้าไปในตัวเมืองเพื่อกลับบ้านของตัวเอง

เวลาที่ผ่านมาช่วง ปวช. ผมกับกรไม่เคยได้รู้จักและพูดคุยกันนานขนาดนี้มาก่อนเลย ทักกันก็แค่เวลาเดินผ่าน แต่วันนี้ได้รู้จักกันและได้แลกเปลี่ยนความคิดของกันและกัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะผมได้พบมิตรสหายใหม่ที่เป็นคนที่ดี

แค่นี้ก่อนนะครับ
.
.
.
.
.

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Hope บทที่ 3 "กร" 29/12/61
«ตอบ #4 เมื่อ29-12-2018 19:28:17 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Hope บทที่ 4 "วิสาขบูชา" 31/12/61
«ตอบ #5 เมื่อ31-12-2018 19:39:29 »

สวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกท่านนะครับ :mc4:

วันนี้ผมมีเพลงอยู่เพลงหนึ่งขอมอบให้ทุกคนในวันปีใหม่ จำได้ว่าฟังเพลงนี้ครั้งแรกตอนอยู่ ปวช.1 ช่วงปิดเทอมที่จะขึ้น ปวช.2 เป็นเพลงที่ฟังแล้วมีกำลังใจ คิดอะไรได้หลายอย่าง มันทำให้เราพร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า และจะไม่ยอมเสียเวลาให้กับความเจ็บปวด ถ้าไม่ยอมก้าวข้ามผ่านความเสียใจหรือความผิดหวังต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต ก็คงไม่มีวันที่เราจะเข้มแข็งอย่างแน่นอน ชีวิตต้องก้าวต่อไปถ้าเราไม่ยอมก้าวก็จะไม่มีวันรู้ว่าหนทางข้างหน้ามันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน....อย่างไรผมก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนที่ผิดหวังในปีนี้นะครับ ชีวิตยังต้องเดินต่อไปสักวันจะเป็นวันของเราครับ


แหล่งที่มา ชื่อเพลง : ArtFloor - เปียโน (Official Audio)
              ติดตามได้ที่ Youtube : GARDEN MUSIC

********************************************************************************************

เรื่องของผมอาจจะไม่ค่อยต่อเนื่องนะครับ เพราะผมจำเหตุการณ์ในตอนนั้นได้ไม่ 100% แต่พอจะเรียงลำดับเหตุการณ์ว่าอันไหนมาก่อนอันไหนมาหลังได้ครับ

บทที่ 4 “วิสาขบูชา”

หลังจากวันนั้น (บทที่ 3) ผมกับกรก็สนิทกันมากขึ้น เราเริ่มขอเฟสบุ๊คและแลกเบอร์โทรศัพท์กัน กรเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งคุยด้วยแล้วสบายใจเพราะเขาเป็นคนตลก และทำให้ผมลืมเรื่องของตันได้บ้างบางเวลา เวลาอยู่เทคนิคชั่วโมงว่างผมมักจะไปนั่งเล่นกับพวกกลุ่มของเบญเพราะกรอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย จึงทำให้ผมได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนเขาชื่อว่า “ชิต” ชิตเป็นคนของกลุ่ม 2 เป็นเพื่อนร่วมห้องของกรแต่ไม่ใช่คนในกลุ่มเบญ เพียงแต่ว่าเขาก็เหมือนจะสนิทกับกรเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะกรเป็นคนคุยสนุกด้วยจึงทำให้มีเพื่อนใหม่อยู่เสมอถึงชิตจะไม่ได้อยู่กลุ่มเบญแต่ก็ชอบมานั่งเล่นด้วยส่วนผมก็เช่นกัน จนบางครั้งกิ๊ฟก็บ่นกับผมว่า “ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะตุ๊ด” แต่ผมก็ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ เพราะการที่ผมได้คุยกับกรมันทำให้ผมลืมเรื่องของตันได้เยอะเลย คือทำให้ผมไม่ทุกข์มากเท่าเมื่อก่อนครับ

[วันอาทิตย์ที่ 3 มิ.ย. 2555 เวลา 20.00 น.]

“พรุ่งนี้วันวิสาขบูชาไปเรียนหรือเปล่า” แม่ถามผมขณะที่ผมยืนล้างจานอยู่

“ไม่ไปครับแม่ แต่มีไปช่วยเขาเดินบาตรที่หอพระครับ” ผมตอบแม่ขณะที่ล้างจานไปด้วย

พรุ่งนี้เป็นวันวิสาขบูชา อาจารย์วิชาญ อาจารย์ในแผนกของผมเองแกเป็นสมาชิกชมรมยุวพุทธิกสมาคม เวลามีงานบุญของหอพระแกจะชอบพานักเรียนไปเดินบาตรให้ชาวบ้านใส่เงินร่วมทำบุญ และปีนี้ก็เป็นคิวของพวกผม

“แม่วางเงินไว้นี่นะ แล้วอย่าพากันนอนดึกละ” แม่พูดจบแล้ววางเงินไว้บนโต๊ะกินข้าว แล้วก็เดินขึ้นห้องนอนไป คือน้องสาวนอนกับผมครับ เหตุที่นอนด้วยกันเป็นเพราะกลัวผีทั้งคู่เลย 555+

พอล้างจาน อาบน้ำ ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยผมกับอุ้มก็เข้านอน

“แปรงฟันยัง” ผมถามอุ้มขณะที่เรากำลังจะนอน

“ยัง”

“ไปเลย มึงไปแปรงเลยอย่าสกปรก” คือน้องสาวผมมันชอบไม่ยอมแปรงฟันก่อนนอนครับ ไม่รู้เป็นอะไรของมันทุกวันนี้ยังเป็นอยู่เลย 555+

แค่เพราะหัวใจมันบอก อาจไม่ค่อยพอ ฉันก็ยังมั่นใจ ว่างต้องใช่เธอ ~ [เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ผมครับ]

“ฮาโหลว่าไงมึง” กรโทรมาครับ

“นอนหรือยางงงงงงง” กรทำเสียงแบบผีหลอดอะครับ แบบหลอนๆอะ

“นอนแล้ว”

“หรอออออออออ” มันยังทำเสียงหลอน

“แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร ต้องทำเสียงกวนส้นตีน” ผมบ่น

“โถ่ ไม่มันส์เลยไม่มีอารมณ์ร่วม” กรบ่นกลับ

“มีอะไรก็ว่ามาจะนอนละ”

“ทำไมรีบนอนจัง” สรุปกูถามมึงหรือมึงถามกู

“มันดึกละ 3 ทุ่มครึ่งแล้วเนี่ย มึงดูเวลาดิ๊”

“นอนไวจัง”

“เออ แบบนี้แหละที่บ้านกูนอนไว สรุปมึงโทรมามีอะไร” วันนี้กูจะได้คำตอบจากมึงไหมว่ามึงมีอะไร....

“อ่าว โทรมาต้องมีอะไรด้วยหรอ” ดูมัน....เจอแบบนี้กูจะตอบยังไง

“อ่าว ก็ต้องมีดิไม่มีจะโทรทำไม มึงบ้าหรือเปล่าเนี่ย”

“ก็เหงาๆไงเลยโทรมาขอ 5 นาที ได้ไหมละ”

“มึงจะเหงาอะไรตอนนี้ มึงดูเวลาด้วย” ผมบ่นมัน ขณะที่อุ้มแปรงฟันเสร็จแล้วเดินขึ้นที่นอนพอดี

“โอเค...งั้นไม่กวนก็ได้” มันทำเสียงหงอยๆ

“เออโอเคงั้นแค่นี้นะ”

“เฮ่ยเดี๋ยว!!! ไม่ตื้อจริงๆหรอ” ดูมัน...

“โอ้ยอะไรของมึงเนี่ย กูง่วง”

“พี่อินคุยเบาๆหน่อยหนูจะนอน” อุ้มบ่นผม

“นอนกับน้องหรอ” มันถาม

“ใช่ ทำไม”

“เปล่า ถามเฉยๆ ถามไม่ได้หรือไง” มึงนี่กวนประสาทจริงๆ

“กร มึงมีอะไรก็ว่ามาเร็วๆ”

“โอเคๆ แหมแค่จะโทรมาชวนว่าพรุ่งนี้ไปพร้อมกันไหม ไปหอพระอะ”

“ไปกี่โมง”

“อาจารย์วิชาญเขานัด 10 โมง แต่นี่ว่าจะไปเช้าหน่อยออกสัก 7 โมง”

“มึงจะรีบไปไหน” จริงผมก็เป็นคนที่รีบเหมือนกัน ชอบออกเช้าๆ ไม่ชอบออกสาย แต่ก็ถามมันไปอย่างนั้นเองแหละครับ ไม่รู้จะคุยอะไรผมง่วง

“ก็ว่าจะชวนอินไปร้านกาแฟด้วย ร้านนี้อร่อยนะนี่ชอบไปกินสมัยเรียนอยู่ชลชาย”

“แพงเปล่า”

“ไม่แพงๆรับประกันความอร่อยเลยจริงๆ ไปนั่งกินนั่งคุยกันไปชิลล์ๆไง”

“ได้ แล้วพรุ่งนี้เราเจอกันที่ไหนดี”

“7 โมง เจอกันตรงเฉลิมไทยก็ได้”

“โอเค ตามนั้น แค่นี้นะกูนอนละ”

“เฮ่ยเดี๋ยวดิ รีบหรอ”

“อะไรของมึง มึงมีอะไรอีก”

“ต้องมีอะไรด้วยหรอ แค่อยากคุย เห็นมึงเหงาไง” กูหรอ? มึงหรือเปล่าที่เหงา?

“พอ พรุ่งนี้เดี๋ยวก็เจอ”

“โอเคๆ ก็ได้” มันทำเสียงหงอยๆ

“โอเคแค่นี้ ฝันดี เกิน 5 นาที ที่มึงขอกูไว้ตั้งแต่ทีแรกละ” พูดจบผมก็วางโทรศัพท์ไปเลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันโทรมานะครับ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่มันโทรมา ครั้งแรกมันก็โทรมาในแนวๆนี้แหละทำเอาผมนอนตึกทุกที

[วันจันทร์ที่ 4 มิ.ย. 2555]

กรี๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง (เสียงนาฬิกาปลุกตอนตีห้าครึ่ง)

ผมปิดเสียงนาฬิกาปลุกแล้วนอนเล่นจนหายง่วง แล้วจึงลุกไปอาบน้ำแปรงฟัน แต่งตัวอะไรเสร็จก็เดินลงมาข้างล่าง

“แม่สวัสดีครับ” ผมสวัสดีแม่ก่อนออกจากบ้าน

“ครับ...เอออิน แม่ฝากไปจ่ายค่าเน็ต TOT ด้วย” แม่รับไหว้พร้อมกับฝากงาน!!!

“ครับแม่” ผมรับคำ แล้วแม่ก็ส่งเงินกับใบชำระค่าบริการมาให้

“อย่าลืมเอาใบเสร็จกลับมาด้วยนะอิน”

“ครับแม่” พูดจบผมก็ขึ้นรถพ่อไปลงหน้าหมู่บ้าน

หลังจากที่ลงรถพ่อผมก็ไปขึ้นรถสองแถวอีกฝั่งหนึ่งเพื่อเดินทางเข้าในเมือง วันนี้ผมออกจากบ้านไวหน่อยจึงมาถึงเฉลิมไทยก่อนกร แต่เฉลิมไทยมันไม่มีที่นั่ง ผมจึงเดินมานั่งตรงห้างวิคตอเรียที่อยู่ตรงข้ามกับเฉลิมไทย ระหว่างเดินถึงหน้าห้างวิคตอเรีย ก็เจอกรกำลังเดินมาพอดีผมจึงเรียก

“กินข้าวมายัง” กรถาม

“ยัง มีอะไรอร่อยๆบ้างแถวนี้”

“อยากกินอะไรอะ”

“อะไรก็ได้ที่มันอร่อยอะ”

“งั้นเดี่ยวพาไปกินข้าวมันไก่ ร้านมันอยู่ตรงข้ามกับร้านกาฟพอดี แต่มันอยู่ในซอยต้องเดินเข้าไปหน่อยนะ” กรพูด จากนั้นเราก็เดินไปร้านข้าวมันไก่กัน

“รับอะไรดีครับ” ลูกจ้างในร้านเดินเข้ามาถาม ขณะที่ผมกับกรวางกระเป๋าแล้วนั่ง

“ผมเอาข้าวมันไก่ต้มพิเศษครับ” ผมสั่ง

“ผมเอาเหมือนกันครับ” แดกตามกูอีก

“เดี๋ยวนี่ไปตักน้ำมาให้นะ” กรพูด ผมก็พยักหน้า

เราก็นั่งกินข้าวกันไปคุยอะไรกันไป ร้านข้าวมันไก่ร้านนี้ก็อร่อยดีนะครับ เพียงแต่ผมไม่กินเครื่องในไก่ร้านนี้เขาใส่มาให้ด้วย แต่กรเห็นผมไม่กินมันจึงกินแทนหมดเลย

“วันนี้เซ็ตผมมาด้วยหรอ” กรถาม

“เออ เป็นไง” คือวันนี้ผมเซ็ตผมมาด้วยครับ นานๆทีกติผมไม่ค่อยเซ็ตผมตัวเองเท่าไหร่แต่วันนี้อยากเซ็ต 555+

“หล่อดี” กรตอบ พร้อมกับแคะฟัน

“ปะ คิดเงินเถอะ” ผมพูด จากนั้นเราก็เดินออกไปจ่ายเงินกัน

จ่ายเงินเสร็จก็มีเสียงโทรศัพท์โทรเข้าเครื่องกร

[การสนทนาของกร]

“โหลว่าไงถึงแล้วหรอ” กรรับ

“โอเคๆรอนั่นแหละเดี่ยวนี่ไป”

“นี่มากับอิน โอเคๆแค่นี้แหละเจอกัน”

[จบการสนทนา]

“นี่มึงคุยกับใคร”

“อ๋อชิตไง ชิตมันมากินด้วย นี่ลืมบอกไปเลยอินไม่ซีเรียสใช่ปะ”

“อ๋อ ไม่ๆ ไม่ซีเรียส” สัสชวนคนอื่นมาด้วยทำไมไม่บอกกูตั้งแต่เมื่อคืน

เอาจริงๆผมไม่ค่อยชอบการไปเที่ยวไหนแล้วไม่ชัดเจนอะครับ แบบใครไปไม่ไปยังไงคนชวนก็ควรจะบอกก่อน เพราะผมจะได้ตัดสินใจได้ เหตุที่ผมเซงอีกก็เป็นเพราะชิตมันไม่รู้เรื่องของผม การที่ผมมากับกรส่วนใหญ่ผมมักจะพูดระบายเรื่องของตันให้กรฟัง ถ้าชิตมาผมก็คงพูดอะไรถึงตันไม่ได้ แต่เอาจริงๆผมก็ดูเห็นแก่ตัวด้วยแหละครับ มันเรื่องแค่นี้เองเราควรเอาเวลามานั่งคุยเรื่องอื่นๆดีกว่าที่จะมานั่งพูดถึงอดีตอะจริงไหมครับ

จากนั้นกรก็พาผมเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วเดินพาเข้าร้านกาแฟที่มันบอก ร้านนั้นมีชื่อว่า “Classic Coffee”

“ร้านนี้อะไรอร่อยมั้ง” ผมถาม

“ชาเขียวอร่อย นี่กินประจำ” กรตอบ ผมก็สั่งตามกรเลยครับชาเขียว จากนั้นกรก็พาผมเดินเข้าไปหาที่นั่งที่ชิตอยู่

“ไง” ชิตโบกมือให้ผมและกร ผมกับกรก็ตอบรับแล้วนั่งลง

“มาถึงนานยัง” กรถามชิต

“ก็สักพักแล้วๆๆๆ”

“วันนี้เอารถมาหรอชิตอะ” กรถาม

“ใช่ๆ นี่เอารถเครื่องมาเองเลยชิลล์หน่อย”

“ชิต ปกติมึงนั่งสองแถวมาเรียนใช่ปะ เหมือนกูเคยเห็นมึงสมัย ปวช. เวลาอยู่บนรถบางทีก็เหมือนเคยเจอมึงขึ้นสองแถวคันเดียวกับกูเหมือนกัน” ผมถาม

“ใช่ๆ กูก็ว่าอยู่เคยเห็นมึงเหมือนกัน” ชิตตอบ คือสมัยเรียน ปวช. คนที่อยู่แถวๆบ้านผมก็จะมี บาส ชิต และอาม บาสกับชิตจะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน

เราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ชาเขียวร้านนี้อร่อยมากครับผมรับประกันเลย คุยๆกันไปถึงได้รู้ว่าชิตก็เป็นเหมือนผมกับกร และชิตก็เป็นคนที่คุยสนุกตลก แต่คนละแนวกับกร เราคุยกันไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ผ่านมากันไป จนผมได้เล่าเรื่องผมกับตันให้ชิตฟัง แต่ไม่ได้ละเอียดมากมาย เล่าแค่น้ำจิ้มๆนะครับ คุยกันไปจน 9.00 น. เราก็เดินไปจ่ายเงินกัน ชิตชวนให้ผมกับกรซ้อนท้ายอัด 3 ไปด้วยกัน แต่ผมสะกิดบอกกรว่าไม่ต้องไป เดินไปกันดีกว่า กรจึงปฏิเสธชิตไปจากนั้นชิตก็ขับรถเครื่องออกไปที่หอพระเพื่อไปสมทบกับเพื่อนๆที่เหลือ ส่วนผมกับกรก็เดินเข้าหอพระกัน โดยที่จะแวะไปจ่ายค่าเน็ตก่อนแล้วจึงไปหอพระ เพราะ TOT กับหอพระก็อยู่ใกล้ๆกัน

“เป็นอะไร” กรถามผมระหว่างที่เราเดินไป TOT

“เปล่า นี่แค่ไม่ค่อยอยากให้ชิตรู้เรื่องของนี่มากอะ แบบวันหลังถ้ามึงจะชวนกูไปไหนไม่ต้องชวนชิตนะ เราไปกันแค่ 2 คนนี่แหละ” ผมพูด

“โอเค ได้ๆ นี่ขอโทษนะทำให้ลำบากอีก”

“ไม่ต้องขอโทษ ไม่ได้ผิดอะไรนี่”

จากนั้นสถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้น กรง้อผมและก็ชวนพูดตลกให้ผมขำ เดินคุยกันจนถึง TOT จ่ายค่าเน็ตเสร็จกิ๊ฟก็โทรมา

[การสนทนาระหว่างผมกับกิ๊ฟ]

“ตุ๊ดอยู่ไหน”

“อยู่ TOT กำลังจะเดินไปหอพระเนี่ย แล้วมึงอยู่ไหนถึงยัง”

“ถึงตั้งแต่ตี 3 ละ”

“กวนตีน แล้วมึงมายังไง”

“มากับผัวมึงอะ” กิ๊ฟตอบ คือวันนี้ตันเอารถใหญ่มาครับ มันก็รับเพื่อนๆที่อยู่ระแวกบ้านมันมาพร้อมกัน

“เออ มาเร็วๆเถอะเขามากันหมดละ”

“เออแค่นี้แหละ”

[จบการสนทนา]

“ใครโทรมาหรอ”

“กิ๊ฟๆ”

“อ๋อ”

แล้วผมกับกรก็เดินไปหอพระกันไปถึงเพื่อนๆก็นั่งรออาจารย์วิชาญกันเต็มเลยครับ ผมก็แยกตัวไปนั่งกับพวกห้องผม ส่วนกรก็เช่นกัน

ยืนคุยกับเพื่อนอยู่สักพักก็มีคนมาแตะที่ไหล่ผมเบาๆ

“ปวดเยี่ยวอะ อินไปเป็นเพื่อนหน่อย” กรชวนผม

“เอาดิไปๆ” แล้วผมก็ไปห้องน้ำกับมัน

“หวีอะไรนักหนาหล่อละ อินน้อยหอยสังข์” กรแซวผมขณะที่มันเสร็จแล้วกำลังมาล้างมือ ส่วนผมก็หวีจัดทรงอยู่ ถึงจะเซ็ตมาแล้วก็เถอะ แต่ก็ชอบไปวุ่นวายกับทรงผมตัวเอง 555+

“ทรงผมนี่เป็นไงมั้งอะ จัดไงดี” กรส่องกระจกแล้วก็ลูบผมไปมา

“มาๆเดี๋ยวหวีให้” ผมเอาหวีตัวเองไปจัดทรงให้กร

“อ่าวมาเยี่ยมหรอ” บาสพูดพร้อมกับกันเข้ามากับเพื่อนๆ คือมันเป็นภาษาทักทายของคนที่เจอกันในห้องนำมั้งครับ หรืออย่างเช่นเจอกันที่ตลาดก็จะทักกันว่า “มาตลาดหรอ” อะไรประมาณนั้นอะครับ

“พอละๆ ไปกันเถอะ” กรปัดมือผมออก แล้วเดินออกไปอย่างรีบๆ ผมก็งงเพราะยังไม่ทันจัดทรงอะไรเลย

พอออกมาจากห้องน้ำ อาจารย์วิชาญก็มาถึงพอดีแกก็เรียกรวมแล้วก็สั่งให้จับเป็นคู่ (ผมคู่กับกร) จากนั้นแกก็ส่งบาตรให้คนละบาตรเอาไว้เดินให้ชาวบ้านเขาใส่เงินร่วมทำบุญ โดยให้ทุกคนกระจายกันเดินไปโดยจุดเริ่มต้นอยู่ที่หน้าประตูหอพระให้เดินไปทางซ้ายจากนั้นก็แยกกันไปตามซอย และห้ามเดินออกทางขวา (จากหน้าประตูหอพระ) แกนัดให้ทุกคนส่งบาตรเวลา 15.00 น. กว่าแกจะนัดแนะอะไรเสร็จก็ 12.00 น. พอดีครับ เมื่อแกปล่อยทุกคนก็เดินออกจากหอพระกันแล้วก็เริ่มหายไปตามซอยต่าง ๆ ผมกับกรก็เดินนะ แต่ไปทางขวาผมกับกรคุยกันแล้วว่าทางนั้นเพื่อนคงไปเยอะแล้วเราไปทางอื่นดีกว่าให้คนที่เขาอยากร่วมบุญจะได้ร่วมทำได้ ผมกับกรเดินกันไปตามทาง ตั้งแต่ หอพระ, TOT, สถานีตำรวจ, โรงพยาบาลชลบุรี, และอื่น ๆ จากนั้นก็ย้อนกลับไปทางเดียวกับเพื่อน เดินไปคุยเล่นกันไปสนุกมากเลยครับ

เราเดินกันมาจน 14.30 น. ก็มีเหนื่อยกันบ้าง จึงแวะร้านขายของชำแถว ๆ นั้น กรกับผมคุยกันว่าจะไปซื้อน้ำเขาแล้วก็ขอเชิญร่วมบุญด้วยเลย พอเดินเข้าไปก็เจอเจ้าห้องร้านเป็นตุ๊ดนั่งดูทีวีกับเพื่อน ๆ ที่เป็นตุ๊ดเหมือนกันประมาณ 3 – 4 คน เขาก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไรนะครับเพียงแต่คุยกันเสียงดังและก็ตลกด้วย แต่จำไม่ได้แล้วว่าเขาคุยอะไรกัน ก่อนออกจากร้านเขาถามกรว่า

“น่ารักจัง หนูมีแฟนหรือยัง”

“เหอะๆ” กรขำแบบแห้งๆ

“ผมนี่แหละครับแฟนเขา” ผมตอบพร้อมกับเดินไปโอบที่ไหล่ พวกเขาเงียบกันหมดเลย ส่วนกรก็หันมามองหน้าผมอย่างมึนงง แต่ก็ขำ ๆ อะครับ เห็นเพื่อนหน้าเสียเลยเข้าไปช่วย 555+

แล้วเราก็เดินกลับหอพระกัน ไปถึงก็สี่โมงกว่าแล้วครับ เพื่อน ๆ เขากลับบ้านกันไปหมดแล้ว กรจึงชวนผมไปกินก๋วยเตี๋ยวปลาแถว ๆ คิวรถสองแถวคันสีขาวสายเส้นพระยาสัจจาอะครับถ้าจำไม่ผิดนะ เข้าไปในร้านกรก็ทักทายข้าวของร้าน พอดีแกเป็นศิษย์เก่าและเรียนอยู่แผนกเดียวกับผมด้วย แต่แกจบไปนานแล้วแกบอกว่าแกเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับอาจารย์เข็ม กินเสร็จอะไรเสร็จก็กลับบ้าน กรเดินไปส่งผมที่คิวรถสองแถวเพื่อกลับบ้าน ขากลับผมนึกขึ้นได้ว่าลืมเอาใบเสร็จค่าเน็ต TOT กลับมาด้วย ในใจก็กังวลว่าแม่ต้องด่าแน่เลย กรก็ปลอบใจผมไม่ให้คิดมากเรื่องแค่นี้เอง ผมจึงวางใจแล้วก็กลับบ้านไป

เมื่อถึงบ้าน ผมก็เข้าไปในร้านสวัสดีแม่ และเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในบ้าน นั่งเปิดคอมเล่น Ghost online ตามปกติ

ก๊อก ๆๆๆๆๆ (เสียงแม่เคาะกระตูเรียกจากในร้าน)

“ครับแม่” ผมเปิดประตูเข้าไปในร้าน

“ใบเสร็จค่าเน็ตอยู่ไหนลูก” แม่ถามผมพร้อมกับตัเผมลูกค้าไปด้วย

ครั้งนี้ผมลังเลติดสตั๊นอะครับไม่รู้จะตอบอะไร

“เอ่อ...ผมลืมเอามาอะครับแม่” ผมตอบอย่างไม่มั่นใจจะตอบ กลัว ๆ กล้า ๆ

“เอ้า!!! แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เอามาด้วยอะ” แม่เริ่มขึ้นเสียงครับ

ตอนนี้ผมจำไม่ได้แล้วว่าแม่จะเอาใบเสร็จไปทำอะไรลืมจริง ๆ เลยไม่สามารถบรรยายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ ขอโทษนะครับ

“โถ่แม่ มันก็แค่ใบเสร็จเองผมก็จ่ายไปแล้วไงเขาไม่อะไรหรอกมั้ง” ผมโต้ตอบ

“หุบปากเลย สนใจแต่เรื่องของตัวเอง ทีเรื่องเพื่อนละก็ที่หนึ่ง ทีเรื่องคนในบ้านนะ!!!” แม่ขึ้นเสียงต่อหน้าลูกค้าในร้าน

“โว๊ะ!!!” ผมอุทาน

“เอะไอ่นี่หนิ!!! มึงเข้าไปในบ้านเลยนะ แล้วปิดคอมด้วยไม่ต้องเล่น ขึ้นไปบนบ้านแล้วไม่ต้องลงมาให้เห็นนะ!!!” แม่ไล่ผม ตอนนั้นผมน้อยใจแม่มาก คือแบบไม่เข้าใจจริง ๆ แค่ใบเสร็จอะครับไม่รู้ว่าแกจะอะไรขนาดนั้น ผมเดินขึ้นห้องไปนั่งร้องไห้บนที่นอน ส่วนอุ้มก็เดินมาเคาะประตูคงจะเป็นห่วงผมแต่ผมไม่เปิดแล้วไล่น้องลงไป

ผมนั่งร้องไห้อยู่สักพักก็กดโทรศัพท์โทรหากร

[การสนทนาระหว่างผมกับกร] 

“มึงว่างป่าว” ผมถามด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

“ว่างๆ เป็นไร”

“กูโดนแม่ด่าอะ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

“เรื่องอะไร ใบเสร็จหรอ” กรถามอย่างสนใจ

“ใช่...ฮือๆๆๆ”

“ไม่ต้องคิดมากดิ แค่นี้เอง ขี้แตก เอ้ย ขี้แยจังอินน้อยหอยสังข์” กรพูดติดตลก

“มึงลองมาโดนมั้งไหม” ผมยังร้องอยู่

“โอเคๆใจเย็นๆเดี๋ยวก็ดีขึ้น รอให้แม่อารมณ์ดีก่อนค่อยไปขอโทษแกดีไหมละ” กรเสนอ

“หึ”

“ดื้อจังว่ะ”

“ปล่อยไปแบบนี้แหละเดี่ยวก็ดีขึ้นเอง ขอบใจมากมึง”

“อย่าคิดมากเด่อ ไม่รู้จะปลอบยังไงเลยอะปลอบคนไม่เป็นอะ”

“อยู่เฉยๆไป ฟังอย่างเดียวพอ”

“โอเคๆ อินอยากพูดอะไรก็ระบายได้นี่ตั้งใจฟังนะ”

แล้วเราก็คุยกันไปเรื่อย ๆ สักพักผมก็รู้สึกดีขึ้น เราคุยกันเกือบ 1 ชั่วโมง สักพักโทรศัพท์ก็ตัดไปเพราะเงินหมด
.
.
.
.
.
.
แค่นี้ก่อนนะครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2018 20:50:57 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Hope บทที่ 5 "โดดเรียน" 01/01/62
«ตอบ #6 เมื่อ01-01-2019 22:08:20 »

บทที่ 5 “โดดเรียน”

[วันพุธที่ 6 มี.ค. 2555]

หลังจากวันนั้นตอนกลางคืนช่วงกินข้าวแม่เรียกผมมาสอนและให้เหตุผล ผมก็เข้าใจแล้วทุกอย่างก็ปกติดีครับ

เอาหละวันนี้ก็เป็นอีกวันที่แสนจะน่าเบื่อ

[โรงอาหารใหม่ เวลา 12.00 น.]

“วันนี้ใครจะเข้าเรียนบ้างว่ะ” บาสถามทุกคนขณะนั่งข้าว

“กูนี่ไง” ผมตอบ พร้อมกับกิ๊ฟ เล็ก และเพื่อนส่วนใหญ่อีกหลาย ๆ คน

“โอ้ยโดดบ้างก็ได้มั้ง ช่วงเปิดเทอมไปไม่กี่สัปดาห์เอง” ตันพูด

“เออใช่ อีกอย่างหนังสือเราก็ยังไม่ได้ด้วยนะ” บาสบ่น วันนี้พวกผมเรียนวิชาภาษาอังกฤษกันครับ เป็นวิชาที่หน้าเบื่อมาก ๆ อีกวิชาหนึ่ง

“พวกมึงหัดขยันเหมือนพวกกลุ่ม 2 บ้างได้ไหมเนี่ย เรียนสนุกลุกนั่งสบายกันจริงๆนะพวกมึงอะ” กิ๊ฟบ่น

“ช่างพวกมันดิ แต่ที่แน่ๆวันนี้กูโดด ใครไม่โดดไม่เป็นไร” ตันพูด บาสก็เหมือนจะยินดีด้วย

“เอาไว้ขาดตอนหลังดีกว่ามั้ง เผื่อเขาเช็คชื่อขึ้นมาจะขาดเอานะ” ผมเตือนตัน อันที่จริงที่พวกมันกล้าโดดก็เป็นเพราะใบเช็คชื่อยังไม่พร้อมด้วยครับ เห็นอาจารย์เขาบอกว่างานทะเบียนยังวุ่นๆเรื่องนักเรียนที่ย้ายออกด้วยอะไรต่อมิอะไรด้วยเลยออกใบรายชื่อไม่ทัน พวกอาจารย์เขาจึงไม่ได้เช็คชื่อมาสักระยะแล้วครับตั้งแต่เปิดเทอม

“เออน่า ถ้ามีเช็คชื่อก็บอกตันด้วยแล้วกันนะอินที่รัก” ตันพูดแล้วก็ยิ้มให้ผมพร้อมกับลุกเอาจานข้าวไปเก็บแล้วก็เดินจากไปกับบาส ผมได้แต่ถอนหายใจนึกในใจทำไมตันไม่ค่อยสนใจเรียนเลย ผมเองในใจก็ยังชอบตันอยู่ เป็นห่วงตันด้วย ถึงช่วงนี้ผมจะมีเพื่อนใหม่ที่แสนดีอย่างกรก็เถอะ

ช่วงบ่ายมานี้พวกผมก็เข้าเรียนปกติ วันนี้เข้ามาถึงอาจารย์นาผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ อายุปาเข้าไป 50 กว่า ๆ แล้วครับ แกเข้ามาพร้อมกับหนังสือเรียน แกวางไว้บนโต๊ะแล้วให้พวกผมมาหยิบ ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปหยิบหนังสือ แกก็เดินออกไปเอาใบเช็คชื่อพร้อมกับบอกว่าวันนี้มีเช็คชื่อนะใครไม่มีก็ซวยไป ผมได้ยินก็ไม่รู้จะทำไงดีนึกถึงตันเลย ถึงโทรไปตอนนี้ตันจะกลับมาไหมนะ เอาเถอะยังไงก็ขอทำตามหัวใจ คิดได้ดังนั้นผมจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดส่ง SMS ให้ตันประมาณว่า “วันนี้มีเช็คชื่อนะ” ผมก็รอตันส่ง SMS กลับว่าเขาจะส่งมาว่าอะไร แต่ก็เงียบหายไปเลย คาดว่าคงไม่มาแล้วละ ผมจึงเซงไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน ผมหยิบหนังสือเรียนแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องเรียนไปเลย

ผมเดินมาถึงหน้าเทคนิครถเมลล์คันเขียวก็มาถึงพอดี ตอนนั้นผมก็ลังเลนะ คือปกติผมไม่โดดเรียนอะครับ แต่มันก็เป็นความคิดเพียงแค่เสียววินาทีเอง ผมไม่สนอะไรละเดินขึ้นรถเมลล์ไปเลย ขณะที่รถกำลังจะออกได้ยินเสียงกรตะโกนมาว่ารอด้วย ผมจึงชะโงกไปดูเป็นกรจริง ๆ ผมจึงรีบกดกริ่งให้รถจอด กรก็วิ่งขึ้นมานั่งกับผม

“อ่าว มึงโดดกับเขาด้วยหรอ” ผมถาม

“เออ นี่ก็ขี้เกียจเรียนเหมือนกันอะ” กรตอบแบบเหนื่อย ๆ เพราะมันรีบวิ่งมาขึ้นรถ

“แล้วทำไมอินถึงโดดละวันนี้” 

“นี่เบื่อๆอะ ตันมันโดดเรียนนี่ก็เลยไม่อยากเรียน”

“บ้าปะเนี่ย 555+”

“เออ กูบ้า” ผมตอบแบบอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่

“โถ่ ล้อเล่น ๆ วันนี้ไปดูหนังกันหนังลดนะ”

“โอ้ยไม่ดูจะกลับบ้าน”

“ดูเถอะเดี่ยวนี่เลี้ยงโอเคปะ วันพุธหนังลดนะไปดูแค่ฟอรั่มเอง”

“เออออออออออออ เลี้ยงแน่นะ”

“เลี้ยงแน่นอนพูดแล้วไม่คืนคำ”

“โอเคตามนั้น”

สักพักผมกับกรก็หลับไปบนรถจนมาถึงในฟอรั่ม ผมกับกรก็เดินขึ้นไปชั้นโรงหนัง กรเดินไปดูรอบหนังเรื่อง “สโนว์ไวท์กับพรานป่า” รอบ 15.00 น. อีก 15 นาทีหนังจะเข้าแล้วครับ

“ดูเรื่องนี้นะ” กรพูด

“เออดูได้หมดแหละ”

“โอเค งั้นเดินไปซื้อตั๋วกัน อินรอนี่ก็ได้เดี่ยวนี่ไปซื้อเอง”

“เฮ่ยเอาเงินไป” ผมจะเอาเงินให้กร

“ไม่เอา ๆ บอกแล้วไงว่าจะเลี้ยง”

“เฮ่ย กูเกรงใจจริง ๆ”

“งั้นอินก็เก็บเอาไว้เลี้ยงนี่คราวหน้าดีไหม”

“โอเค” พูดจบมันก็เดินไปซื้อตั๋ว แล้วเราก็เดินเข้าโรงหนังกัน

เข้าไปในโรงหนังไม่มีคนเลยครับเงียบมาก คงเป็นเพราะผมกับกรรีบเข้าด้วยมั้งครับคนเลยยังไม่มา ที่นั่งของผมกับกรอยู่ตรงกลางแต่อยู่แถวบนสุดครับ

“ทำไมเงียบจังว่ะ” ผมถาม

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนซื้อตั๋วก็มีคนซื้อไว้ก่อนนี่ตั้ง 2 – 3 ที่นั่งเลยนะ เด่ยวก็มีคนมาแหละ”

เรานั่งดูโฆษณากันไปจนถึงช่วงเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้น คนก็ยังไม่มี เพลงจบผมจึงถามกรอีกรอบ

“เฮ่ยมึง โรงนี้เราเหมาหรอว่ะ 555+”

“เออน่าจะใช่ พี่ครับมีใครอยู่ไหมครับ” กรตอบผมพร้อมกับยื่นตัวออกไปถามคนข้างหน้าโรงหนังอย่างกวน ๆ คือคนไม่มีมึงก็ยังจะเล่นอีกนะไอ่นี่

“เบาแอร์หน่อยครับหนาว” กรสั่ง 5555+ พอไม่มีคนแม่งก็วางอำนาจเล่นใหญ่เลยครับ คือใครที่รู้จักฟอรั่มก็คงจะรู้ดีอะครับว่ารอบหนังบางรอบก็ไม่มีคนครับ คือเขาไปดูที่เซ็นทรัลกันเสียส่วนใหญ่

นั่งดูหนังกันไปบางช่วงกรก็พูดติดตลกเสียงดัง ๆ ในโรงหนังบางทีก็บ่นหนาวแล้วก็ตะโกนขอผ้าห่ม 555+ ผมก็ขำดีครับ ขำกรนะไม่ใช่หนังคือหนังไม่สนุกเลยครับบอกตรง ๆ 555+

หนังจบเราก็เดินออกกันมา เราเดินวิจารณ์หนังกันไปจนออกจากฟอรั่ม ข้างทางก็ไปเจอรถเข็ญขายขนมจีบซาลาเปา จึงเดินเข้าไปซื้อมากินเพราะหิวมาก

“อินรู้เปล่าว่าบ้านของแม่นี่อยู่ตรงไหน”

“ไม่รู้ เดี่ยวก่อนนะพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอ”

“ใช่ ๆ พ่อแม่นี่แยกทางกันตั้งแต่นี่เด็ก ๆ แล้วละ” กรพูดไปยิ้มไป บางทีก็รู้ว่าเขาร่าเริงเกินอะครับไม่รู้ว่าแม่งบ้าหรือเปล่า

“น่าสงสารจัง แล้วทุกวันนี้อยู่กับใคร”

“นี่อยู่กับพ่อ ส่วนพี่ชายอีกสองคนอยู่กับแม่หนะ”

“อ๋อ แล้วไปหาแม่มั้งปะ”

“ไปประจำแหละช่วงหยุดวันเสาร์ วันอาทิตย์ นี่ไง ๆ ซอยเข้าบ้านของแม่นี่อยู่ที่นี่แหละ” กรตอบพร้อมกับชี้ไปที่ซอยบ้านแม่มันที่อยู่ตรงข้ามกับที่ผมเดินอยู่ตอนนี้ ผมก็ไม่รู้ว่ากรโอคไหมที่เรามาคุยเรื่องนี้กัน แต่ดูสีหน้ากรก็ปกติดี แต่ไม่คุยเรื่องนี้ดีกว่าเปลี่ยนเรื่อง ๆ

“ขนมจีบอร่อยปะ”

“อร่อย ทำไมอะ ของอินไม่อร่อยหรอ”

“อร่อยดิ”

“อร่อยจริงเปล่า ไหนมาชิมดิ๊” กรพูด

“ไม่เอา”

“โถ่ มาแลกกัน” กรพูดพร้อมกับเอาขนมจีบยื่นจ่อปากผม ส่วนผมก็เช่นกันผมยื่นขนมจีบ 1 ลูกจ่อที่ปากของกร

“มาแลกกันกิน” กรพูด จากนั้นเราก็ป้อนให้กันคนละ 1 ลูก

“วันนี้รีบกลับปะ” กรถาม

“รีบ ทำไมว่ะ”

“เปล่าแค่จะชวนไปนั่งคุยแถว ๆ วิคตอรี่ไง”

“ไว้คราวหน้าแล้วกัน”

“คราวนี้ไม่ได้หรอ แหมแค่แปบเดียวนี่ขอ 30 นาที โอเคปะ” มึงนี่ชอบตื๊อจริง

“เอออออออออออออ” ผมตอบส่ง ๆ ไป

จากนั้นเราก็เดินไปที่ห้างวิคตอเรีย กรพาผมเดินลงไปชั้นโรงจอดรถใต้ดิน แล้วเราก็ยืนคุยกันแถว ๆ นั้น

เรายืนคุยเรื่องทั่วไปแบบไม่มีสาระเลยครับ

“ปกติอยู่บ้านตื่นกี่โมง” กรถาม

“6 โมง กูก็ตื่นละ เพราะต้องมาใส่บาตร”

“ตื่นเช้าว่ะ” อ่าว...แล้วมึงจะให้กูตื่นกี่โมงละ

“แล้วมึงอะ”

“นี่ก็ตื่นเช้าอยู่นะ 10 โมง 11 โมง อะ” เช้าบ้านมึงสิ...แถวบ้านกูเรียกสายละ

“อืม...ไม่ต้องทำมาหาแดกแล้วละมึงอะ” ผมพูดติดตลกกรก็ขำ

“แล้วอินชอบดูหนังแนวไหน”

“ก็พวกหนังจีนอะ มังกรหยก กระบี่เย้ยยุทธจักร อะไรประมาณนั้นอะ”

“อ๋อ” กูรู้ว่ามึงทำท่า อ๋อ ไปอย่างนั้นแหละ

“มึงอะ” ผมถามเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับมัน เฮ้อ...นี่มึงเรียกกูมาคุยเรื่องไร้สาระแบบนี้อะนะเพื่อนกู

“นี่ชอบดูหนังแบบฆาตรกรรมอะ แบบฆ่ากันเลืดสาด พวกหนังผี นี่ดูได้หมดอะ”

“ไอ่นี่เริ่มบ้าละ มึงบ้าปะเนี่ย”

“จริง ๆ นี่เห็นเลือดทีไรขำตลอดไม่รู้เป็นอะไร” ก็มึงเป็นบ้าไง

“เออนั่นแหละบ้าละมึงอะ เดี่ยวปิดเทอมกูพาไปบำบัด” ถ้าไปจริงกูขอค่าเดินทางด้วยนะ...

“5555+ จริง ๆ นะเนี่ย 5555+”

“ขำอีก...” มึงนี่บ้าจริงๆ

“เออ แล้วตอนนี้อินเป็นไงมั้ง” กรถามทำหน้าจริงจัง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนอีกยิ่งบ้า ๆ อยู่

“เป็นไงมั้ง? หมายถึงเรื่องอะไรไม่เข้าใจ”

“เรื่องตันไง หมายถึงตอนนี้อินยังคงรู้สึกเหมือนเดิมปะ...กับตันอะ”

“ก็...เหมือนเดิมแหละมึง แต่บางเวลาก็ลืมได้เพราะได้อยู่กับเพื่อน แต่พออยู่บ้านก็มีบางเวลาที่เพ้อ ๆ”

“อืม...”

“ถามทำไมอะ”

“ก็เปล่าหรอก เห็นช่วงนี้อินไม่ค่อยพูดถึงตันไงนี่เลยคิดว่าอินลืมตันไปหมดแล้ว”

“ยังไม่ลืมหรอก กูจมปัก”

“อิน”

“ว่า”

“อินไม่คิดจะมีใครใหม่บ้างหรอ” มาถึงตอนนี้กรพูดก้มหน้าไม่สบตาผม

“ไม่อะ อยู่แบบนี้แหละวันนึงตันอาจจะเห็นค่าของกูก็ได้ กูยังรอมันอยู่เสมอแหละ”

“อ๋อ โอเค”

เงียบกันไปครู่หนึ่ง

“กลับกันเถอะ นี่ก็จะ 1 ทุ่มละ” ผมพูด

“โอเคๆเดี่ยวนี่เดินไปส่ง”

กรเดินไปส่งผมที่คิวรถสองแถวเหมือนทุกวัน แล้วผมก็กลับบ้าน กรก็หันหลังแล้วเดินกลับเดินตัวเองเหมือนกัน
.
.
.
.
.
.
ช่วงที่กรเข้ามาทำให้ผมรู้สึกดีที่ได้เพื่อนใหม่ และเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผม มันเหมือนได้เพื่อนสนิทเพื่อนรู้ใจที่เราสามารถคุยกันได้ทุก ๆ เรื่อง

แค่นี้ก่อนนะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2019 22:19:55 โดย Nuda »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: Hope บทที่ 5 "โดดเรียน" 01/01/62
«ตอบ #7 เมื่อ02-01-2019 14:55:40 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Hope แจ้งข่าว 22/03/62
«ตอบ #8 เมื่อ22-03-2019 15:33:27 »

ถึงผู้อ่านทุกท่าน ผมยังไม่ได้หายไปไหนนะครับ เพียงแค่ช่วงนี้งานยุ่งเยอะมาก ๆ อีกทั้งผมจะบวชวันที่ 30 มี.ค. 62 นี้ด้วย จึงทำให้ไม่สะดวกที่จะเขียนต่อ แต่จะกลับมาเขียนในเดือน พ.ค. 62 หลังสึกออกมาครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ gutjang1

  • ผมรักคุณ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Hope แจ้งข่าว 22/03/62
«ตอบ #9 เมื่อ23-04-2019 11:17:08 »

อณุโมทนาบุญด้วยนะคับ​  สาธุ​  :call: :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hope แจ้งข่าว 22/03/62
« ตอบ #9 เมื่อ: 23-04-2019 11:17:08 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ gutjang1

  • ผมรักคุณ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Hope แจ้งข่าว 22/03/62
«ตอบ #10 เมื่อ07-05-2019 13:36:48 »

รอรอรออยู่นะคับ :katai5:

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Hope บทที่ 6 "เนรคุณ" 02/06/62
«ตอบ #11 เมื่อ02-06-2019 18:40:42 »

สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน สบายดีกันใช่ไหมครับ ช่วงเวลาที่ผ่านมาของแต่ละคนนั้นคงเจอทั้งสุขและทุกข์ และเชื่อเถอะว่าสิ่งเหล่านั้นมันอยู่กับเราไม่นาน เพราะทุกสิ่ง “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป” ร่างกายเรานี้ก็เช่นกัน เอาหละผมไม่ได้หายไปไหนนะครับ เพียงแต่ว่าช่วงนี้ผมฝึกสอนงานที่วิทยาลัยจึงเยอะมาก บวกกับช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสบวชเพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่ แต่อันที่จริงเราทำความดีอะไรก็ได้นะเพื่อตอบแทนท่าน ไม่จำเป็นต้องบวชเสมอไป ส่วนตัวที่บวชก็เพราะเหตุปัจจัยผมพร้อมและครั้งหนึ่งในชีวิตได้เกิดในพระพุทธศาสนาแล้วก็อยากจะบวชสักครั้ง

เมื่อสึกออกมาผมก็มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อยู่ คือรีบฝึกสอนให้จบจะได้ทำงานหาเลี้ยงตน และผู้มีพระคุณ และอีกสิ่งก็คือเรื่องของความรัก การสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุข บางคนอ่านแล้วอาจจะงงว่าผมพูดเหมือนผู้ชายเลย อันที่จริงมันมีเหตุปัจจัยที่ทำให้ผมเปลี่ยนไปซึ่งจะเขียนให้ทุกท่านได้อ่านกัน แต่ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เพราะชีวิตผมก็ผ่าน “คน” มามากเหมือนกัน แต่ละคนที่ผ่านเข้ามาได้ฝากบทเรียนที่แสนเจ็บปวดไว้ทุกคน และมันทำให้ผมเติบโตขึ้นถึกขึ้นเหมือนฮีโร่สายแท๊งค์ใน “Rov” แต่บอกได้เลยว่าทุกสิ่งที่ประสบพบเจอนั้นไม่มีคำว่าบังเอิญ ทุกสิ่งถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และ ณ ตอนนี้ผมเป็นชายไปแล้ว (นานแล้วด้วย) เอาหละเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมขอนำทุกท่านเข้าสู่เรื่องราวของผมต่อเลยนะครับ

บทที่ 6 “เนรคุณ”

[วันอาทิตย์ที่ 10 มิ.ย. 2555]

ณ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 2

“แม่ ทำไมคนที่มาสอบเขาใส่ชุดวอมกันเต็มไปหมดเลยครับ” ผมถามแม่ขณะที่พ่อกำลังจะเลี้ยวรถเข้าศูนย์ฝึกภูธรภาค 2

“ไม่รู้สิ เขามีสอบวิ่งแล้วมั้ง” แม่ตอบ

“ฮึ้ยบ้าน่า ไม่มีหรอก เขาแต่งกันมาแบบนั้นเองมั้ง” พ่อเสริม พูดจบก็จอดรถที่หน้าทางเข้าแล้วให้ผมกับแม่ลง ส่วนแกจะเอารถไปหาที่จอด

“คุณตำรวจคะ เขาใส่ชุดวอมกันทำไมหรือค่ะ” แม่ผมถามตำรวจคนหนึ่งที่นั่งพุงยื่นพร้อมกับดึงปากเล่นไปมา

“อ๋อ เป็นกฎครับพี่ อย่างน้องคนนี้เนี่ยผิดกฎระเบียบการสอบนะครับ รีบไปเปลี่ยนก่อนที่จะถึงเวลาเข้าสอบนะครับ” ตำรวจตอบ หน้าผมนี่ชาเลยครับ ตัวเองใส่ชุดนักเรียนเทคนิคมาสอบ

“ไหนมึงบอกว่าอ่านระเบียบมาเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรอ!!!” แม่หันมาพูดกับผมด้วยเสียงที่แหบแห้ง แต่รู้สึกได้ถึงจิตสังหาร!!!

“แฮ่ แฮ่” ผมขำแห้งๆ

“ยังจะมา แฮ่อีก ไปหาชุดเปลี่ยนเลยนู้นตรงนู้นเขามีขาย” แม่บ่นพร้อมกับพาผมไปหาซื้อชุดสอบมาเปลี่ยน

คือวันนี้เป็นวันสอบตำรวจครับ พ่อผมเขาให้ผมลองสมัครสอบเล่น ๆ ดู ถ้าได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ในใจมนั้นไม่อยากเป็นเลย จำได้ว่าวันนั้นเข้าห้องสอบตอนเที่ยง และเริ่มทำข้อสอบตอนเวลาบ่ายสองโมง สอบ ๆ อยู่ก็มีกลุ่มตำรวจชุดหนึ่งเดินเข้ามาตรวจภายในห้องเป็นระยะ เหมือนกับว่ามาตรวจดูความเรียบร้อยละมั้งครับ สอบเสร็จในเวลาห้าโมงเย็นโยประมาณ กลับไปถึงบ้านในช่วงค่ำมีข่าวรายงานว่าพบผู้ทุจริตในการสอบตำรวจ การสอบจึงถือเป็นโมคะและจะแจ้งวันสอบในภายหลัง ที่แรกผมก็นึกว่าจะจบแล้วทีไหนได้มีคนโกงข้อสอบต้องไปนั่งสอบใหม่อีก เฮ้อ~ ช่วงนั้นเพื่อน ๆ ล้อกันใหญ่เลย บางคนก้มีมากล่าวคำล่ำลา ทำอย่างกับว่าผมจะสอบติดจริง ๆ เสียอย่างนั้นแหละ

ในเวลาต่อมาผมก็ใช้ชีวิตปกติ เรียน เล่น ไปวัน ๆ สนุกกับชีวิตวัยเรียนที่ไม่สนใจความรู้ สนใจแต่เพื่อน ช่วงค่ำก็คุยโทรศัพท์กับกรเกือบทุกคืน กรสอนผมให้เล่น “Skype” เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเสียเงินเวลาที่โทรหาผม กรมักโทรมาชวนคุยเล่นชนิดที่ว่าหาสาระของเรื่องที่คุยไม่ได้เลย แต่เราก็สนุกและมีความสุขไปกับมันทุกคืน เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ลืมความรู้สึกที่มีต่อตันไปได้ในช่วงเวลาหนึ่ง

เวลาที่อยู่ในรั่วเทคนิคนั้นทุกคนต่างชินกับสิ่งที่ผมเป็นและไม่มีใครที่รู้สึกรังเกลียดเลยแม้งสักคนเดียว จึงทำให้ผมรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเวลาที่ได้อยู่เทคนิค แต่อย่างว่าแหละครับ คนเราทุกคนเวลาได้อะไรแล้วก็มักจะ “ได้คืบจะเอาศอก” แล้วผมก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ผมมีความรู้สึกว่าการที่เพื่อน ๆ ทุกคนรู้ว่าผมเป็นอะไรนั่นมันยังไม่พอ ผมอยากเป็นตัวของตัวเองให้มากกว่านั้นในทุก ๆ ที่อย่างสบายใจ แม้งกระทั้งที่ “บ้าน”

[วันพุธที่ 11 ก.ค. 2555]

เวลา 11.30 น. บริเวณหน้าแผนก

วันนี้เรียนวิชาอะไรก็ไม่รู้ครับ ผมลืมไปแล้วผู้อ่านคงไม่นึกตำหนิกันนะครับ 555+

“ใครจะไปบางแสนบ้าง”

แบล็คเพื่อนกลุ่ม 2 เอ่ยปากชวนทุกคน เพราะจำได้ว่าคาบบ่ายอาจารย์ไม่อยู่ไปราชการ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงลงความเห็นกันว่าจะไปบางแสน เว้นเสียแต่บางคนเท่านั้นที่ขอตัวกลับบ้าน

“อินจะกลับบ้านหรือไปบางแสนอะ” กรทักถามผม

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เอาไงดี” ผมตอบอย่างลังเล ส่วนกรทำสีหน้ากังวล

“ไปร้านคลาสสิกกับนี่ไหม นี่ไปกับชิต” คนชวนรายงาน พร้อมกับรอคำตอบอย่างมีความหวัง

“โอเค ๆ ไปก็ไปเพราะกูก็ไม่ชอบไปทะเล ร้อนด้วย” ผมตอบ กรทำสีหน้าดีใจแล้วก็เดินไปรายงานชิตที่ยืนคุยอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่ม

ขณะที่กรเดินไปรายงานชิต ผมก็กวาดสายตาไปมองดูกลุ่มเพื่อนที่เขาคุยกันเรื่องที่จะไปบางแสน ขณะนั้นก็ไปสะดุดตาคนหนึ่งเข้าเขายิ้มพร้อมกับทักผมว่า

“อินไปบางแสนป่าว” ตันชวน

“เอ่อ...คือ” คราวนี้ผมลังเลอีกครั้ง ด้วยรู้สึกเหมือนถูกคนที่มีอิทธิพลมากกว่าทัก

“ไม่ต้องคิดแล้ว ไปนะ” ตันเดินมากอดคอผมแล้วพูด

“โอเค โอเค” ผมตอบอย่างไม่มีสติ ด้วยจิตใจที่ยังรักใคร่ห่วงหาอาทรคนคนนี้อยู่ ขณะนั้นกรและชิตก็เดินมาพอดี

“ปะอิน” กรเดินมากับชิตพร้อมคำพูดชวนออกเดินทาง

“เดี๋ยวก่อนกร” ผมทักขึ้น

“ว่า” กรหันหลังมาหาผม

“คือถ้ากูจะบอกว่าไม่ไปแล้ว มึงจะว่ากูไหม” ผมถาม ในใจตอนนั้นรู้สึกผิดต่อกรอยู่เหมือนกัน

“อ๋อไม่เป็นไร อินจะไปบางแสนละสิใช่ไหม” กรตอบพร้อมกับขยิบตาส่งสัญญาณประมาณเหมือนรู้ว่าผมไปเพราะเหตุอะไร

“โทษทีนะมึง คราวหน้าจะไม่เบี้ยวจริง ๆ” ผมตอบ

“ไม่เป็นไรๆ แล้วจะกินเพื่อละกัน” กรพูดและเดินไปรอรถหน้าวิทยาลัยพร้อมชิต และกลุ่มเพื่อน 2 – 3 คน ที่ไม่ไปไหนแต่จะกลับบ้าน

“ปะอิน ไปเอารถใหญ่เป็นเพื่อนตันที่บ้านหน่อยดิ” ตันชวน เพราะตอนนี้มีรถของแบล็ค 1 คัน รถไม่พอที่จะพาเพื่อนไป ตันจึงอาสากลับไปเอารถที่บ้านอีก 1 คัน เพื่อเอาเพื่อน ๆ ไปบางส่วน

“โอเค” ผมรับคำอย่างง่ายดาย พร้อมกับส่งสายตาไปที่กิ๊ฟซึ่งกำลังส่งสายตากวนส้นตีนใส่ผมเช่นกัน

ผมซ้อนรถเครื่องตันไปที่บ้าน ขณะซ้อนอยู่ผมนั่งปกติ พยายามที่จะไม่เอามือทั้ง 2 ข้าง ของตัวเองไปวุ่นวายกับหน้าขาของตัน แต่แล้วสุดท้ายตันก็ขับรถเครื่องออกตัวแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผมจึงอาศัยโอกาสช่วงนี้ในการเอามือไปวางไว้บนหน้าขาของต้น ส่วนตันก็ไม่ว่าอะไรขับรถเครื่องไปเฉย ๆ บางทีผมก็คิดนะว่าตกลงแล้วตันเป็นคนอย่างไร คือหมายถึงว่าเขาชอบผู้หญิง หรือผู้ชายกันแน่ เพราะผมทำแบบนี้เขาก็ไม่เห็นจะขัดขืนเลยแม้แต่นิดเดียว

ขับไปสักพักก็ถึงบ้านตัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เหยียบบ้านตัน บ้านตันนั้นเป็นพื้นที่กว้างล้อมด้วยรั้วไม้ และมีบ้านหลาย ๆ หลัง อยู่รวมกันในรั้วพูดง่าย ๆ คือตระกูลตันก็น่าจะใหญ่พอสมควรและอยู่รวมกันเพียงแค่แยกเรือนเท่านั้น ไปถึงตันก็คว้ากุญแจแล้วเอารถฟอจูนเนอร์ออกมาขับ แล้วมุ่งหน้าสู่เทคนิคเพื่อรับเพื่อน ๆ ทันที แต่ในระหว่างทางกิ๊ฟโทรมาหาผมบอกว่า “ไม่ต้องแวะรับแล้ว ให้ไปบางแสนเลย ทุกคนอัดกันอยู่ในรถแบล็กหมดแล้วจำนวน 10 กว่าชีวิต” ผมนึกในใจมึงอัดกันเข้าไปได้อย่างไรเยอะฉิบหาย สรุปผมก็มากับตัน 2 คน จนถึงบางแสน จอดรถลงมาก็พบเพื่อน ๆ กระโดดเล่นน้ำกัน บางส่วนก็ซื้อเบียร์มานั่งกิน ผมยืนดูเพื่อน ๆ เล่นน้ำกันสนุกสนาน ส่วนตันพอถึงบางแสนก็ไม่สนใจอะไรผมเลย เขาวิ่งลงน้ำไปเล่นกับเพื่อน ๆ และก็แกล้งภีมเพื่อนที่เป็นเกย์คนหนึ่งในน้ำ ผมมองดูก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจที่ตันไม่สนใจผมเลยทั้งที่ชวนผมมาแท้ ๆ

ยืนมองดูนานในใจก็เกิดโทสะแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แท้จริงแล้วผมลืมตัวตนของตัวเองว่าเราเป็นใคร ส่วนตันจะเล่นกับใครมันก็เป็นเรื่องของเขา เพราะทุกคนเป็นเพื่อนกัน แต่ในตอนนั้นผมไม่คิดแบบนั้นเลย ในใจมีแต่ความร้อนรน หวนนึกถึงกรขึ้นมาทันที หากเราไปกับกรคงมีความสุขกว่านี้มากมาย สุดท้ายผมก็ทำอะไรไม่ได้เช่นเคย ได้แต่ยืนมองดูเขาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน สุดท้ายผมจึงตัดสินใจลงเล่นน้ำบ้าง แต่พอลงไปเล่น ตันกลับขึ้นมาบนฝั่ง ทำให้ผมใจเสียมาก ตันเดินขึ้นฝั่งแทบไม่มองหน้าผมเลย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตันเป็นอะไร หรือเพราะผมคิดมากไปเองก็ไม่รู้ สุดท้ายผมก็ลงไปเล่นกับเพื่อนอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่

เล่นไปจนถึง 16.00 น. ทุกคนก็กลับบ้าน ตันขับรถไปส่งผมกับบาสที่บ้าน ลงมาตัวก็เกือบแห้งหมดแล้วเหลือบางที่ที่ชื้น ๆ เพราะแอร์ในรถตันเย็นมาก จึงทำให้เสื้อหาแห้งไวแต่ไม่ใช่แห้งสนิทนะครับเพราะมันไม่ใช่แดดมันคือแอร์จึงแห้งแบบชื้น ๆ

“ขอบใจมากตัน”

“ไม่เป็นไร ๆ พรุ่งนี้เจอกัน ฝากสวัสดีแม่ด้วยนะ” ตันพูดจบก็ขับรถออกเพื่อไปส่งบาสต่อ

“แม่สวัสดีครับ” ผมกล่าวสวัสดีแม่ ขณะถอดรองเท้าไว้หลังบ้าน กำลังเตรียมตัวจะเข้าในบ้าน คือหน้าบ้านเปิดเป็นร้านตัดผม วันนี้เป็นวันพุธร้านจึงปิด ผมจึงมาเข้าหลังบ้านแทน

“ครับ” แม่ตอบออกมาจากข้างในบ้าน

“กลิ่นหอมจังแม่ วันนี้แกงอะไร”

“แกงหมูใส่ฟังทอง” แม่พูดขณะกินข้าว หากไม่ได้หันมามองผมเพราะดูทีวีข่าวช่อง 3 ช่วงเย็นอยู่

“โห ของโปรดเลย” ผมพูดพร้อมกับเดินไปเปิดฝาหม้อออกแล้วก้มลงไปดมกลิ่มแกงที่ผมชอบกิน

“กินเลยลูกๆ” แม่พูด ผมจึงรีบเก้บกระเป๋าและไปตักข้าวมานั่งกินกับแม่

ผมนั่งกินข้าวไปคุยกับแม่ไปอย่างอารมณ์ดีตามประสาแม่ลูก จังหวะหยุดคุยผมก็ตักข้าวเข้าปากแล้วมองใบหน้าของแม่ผู้ให้กำเนิด ท่านกำลังกินข้าวดูทีวีไปด้วยความสุขตามประสาคนทำงาน ที่มีวันหยุดพักผ่อนเหมือนกับคนอื่นเขา เห็นดังนั้นผมจึงพูดในสิ่งที่ตนปรารถนาแล้วคิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว

“แม่”

“อืม...” แม่ตอบทั้งที่ตามองดูทีวี

“แม่รักผมไหมอะ”

“รักสิ เอ๊งถามทำไม” แม่ตอบพร้อมกับหันมามองอย่างแปลกใจ ด้วยคิดว่าลูกคนนี้บ้าไปหรือเปล่า

“แม่จำวันเสาร์ที่แล้วได้ไหม ที่เราดูทีวีสกู๊ปชีวิตของครอบครัวหนึ่งที่น่าสงสารอะแม่”

“อืม ทำไม”

“ที่ผมถามแม่ว่า ไม่ว่าผมจะเป็นอะไร แม่ก็ยังรักผมใช่ไหมครับ” ผมพูดพร้อมกับพกความตื่นเต้นไปด้วย

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเรานั่งกินข้าวกัน 4 คน พ่อ แม่ น้อง และผม เราก็ดูสกู๊ปชีวิตของครอบครัวหนึ่ง ลูกเขาน่าสงสารมากพิการ ผมจึงถามแม่ว่า “ไม่ว่าผมจะเป็นอย่างไร แม่ก็จะรักผมใช่ไหม” แล้วแม่ก็ตอบว่า “รักหมดแหละลูกทุกคนอะ ไม่งั้นจะเลี้ยงจนโตถึงทุกวันนี้หรือ” ด้วยเหตุนี้ผมจึงเอาเหตุการณ์คืนนั้นมาเป็นตัวชี้วัดว่าวันนี้ถึงเวลาที่ผมต้องบอกความในใจที่เก็บไว้กับแม่ผู้ให้กำเนิดของผม

“อืม...ทำไมวันนี้แปลกจัง มีอะไรก็พูดมาเลย ไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่าลูก” แม่พูดอย่างปราณี ทำให้ผมรู้สึกว่าสมควรที่จะบอกได้แล้วละ เพราะตอนนี้แม่อารมณ์ดี

“เปล่าครับแม่ ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก ผมแค่จะบอกแม่ว่า....”

“ว่าอะไรละ พูดมา”

“ถ้าผมบอกไปแม่จะโกรธผมไหม”

“เอะ ไอ่นี่หนิ มีอะไรก็ว่ามา” แม่เริ่มลำคาน

“อ่าว พูดมาเร็วๆอิน” แม่เห็นผมเงียบไปจึงทักถามต่อ ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดพร้อมกับพูดออกไป

“ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และตอนไหน แต่ผมอยากจะบอกแม่ว่าผมชอบผู้ชายอะแม่”

สิ้นคำ แม่ผมมองหน้าผมอย่างเดาอารมณ์ไม่ออก แล้วจึงพูดว่า

“เอ๊งจะมาเล่นตลกอะไรอีก” แม่ถามด้วยคิดว่าผมพูดเล่น

“ผมพูดจริงครับแม่”

ครั้งนี้สีหน้าแม่ผมนิ่งไร้อารมณ์ เหมือนไม่มีความรู้สึก แม่จ้องมองหน้าผมนานเหมือนกันสักพักก็ค่อย ๆ ลุกจากโต๊ะอาหารแล้วสาดจานข้าวที่ยังกินไม่หมดลงถังขยะ แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปในบ้านเหมือนคนป่วย ผมนั่งนิ่งอยู่นานในใจรู้สึกตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าแม่คิดอย่างไร แต่สิ่งที่แม่แสดงออกมาเมื่อครู่ก็สามารถตอบคำถามในใจของผมได้เลยว่า “แม่ใจสลาย” ผมค่อย ๆ เดินเข้าไปในบ้านพบแม่นอนอยู่บนโซฟาไม้หน้าทีวีในบ้าน ผมจึงเดินเข้าไปค่อย ๆ จับแขนแม่ที่อ่อนระทวยแล้วพูดว่า

“แม่ไหวหรือเปล่า”

“ถ้าบอกว่าไม่ไหวมึงจะว่าอย่างไร” แม่ตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบาแต่ทำให้คนฟังรู้สึกใจสั่นสะท้าน

“กรรมของกู มีลูกก็ไม่ปกติเหมือนชาวบ้านเขา” แม่พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา คำนี้ทำให้ผมรู้สึกโกรธขึ้น

 “มันผิดด้วยหรอแม่กับสิ่งที่ผมเป็น....คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้ ไม่ใช่เพราะแม่หรอครับ ที่ห้ามไม่ให้ผมมีแฟนตอน ม.ต้น จึงทำให้ผมเป็นแบบนี้ วันนั้นแม่ก็บอกผมแล้วไม่ใช่หรอครับ ไม่ว่าผมจะเป็นอย่างไรแม่จะยังรักผม” ผมเถียงอย่างไม่มีเหตุผล พร้อมกับยกความผิดกับผู้ให้กำเนิด

“เนรคุณ”

แม่พูดพร้อมกับจ้องหน้าผม น้ำใส ๆ ในตาของแม่ค่อย ๆ ไหลผ่านแว่นตาออกมา แม่ค่อย ๆ สะบัดมือของผมที่จับแขนแม่อยู่ออก แล้วพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า

“ขึ้นไปบนบ้านแล้วไม่ต้องลงมาให้เห็นหน้าอีก”
 
สิ้นคำ ผมจึงเดินขึ้นห้องไป เข้ามาในห้องผมนั่งร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ โดยที่ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน ผมโทรหาเมย์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เมย์ฟัง เมย์ก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วบอกว่า “มันเกิดขึ้นแล้ว ที่หลังทำอะไรปรึกษากูก่อน ไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวแม่มึงก็ดีขึ้นเอง” จากนั้นผมก็โทรหาเจ็สี่เพื่อนสนิท ม.ต้น ของผม ซึ่งตอนนี้เธอไปเรียนต่อ “วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีกรุงเทพ” เธอก็ให้กำลังใจในเชิงเดียวกับเมย์ และคนสุดท้ายที่ผมไม่ลืมคือกร ผมส่งข้อความทางเฟสบุ๊คไปหาเขาว่า “แกเราบอกเรื่องที่เราเป็นกับแม่ไปแล้วแม่เราโกรธมาก” กรก็ปลอบใจเหมือนอย่างเพื่อนทั้ง 2 คน ที่ผ่านมา (ผมจำข้อความไม่ได้ว่าคุยอะไรกับกรบ้าง เพราะได้ทำการล้างแชทไปหมดแล้ว แต่อาจจะจำได้ในบางส่วนบางเหตุการณ์เท่านั้นครับ)

คืนนั้นผมเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่กล้าออกมาข้างนอก เพราะระอายต่อสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป

เช้าวันต่อมาผมลุกอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านโดยที่สวัสดีแม่อย่างเคย แต่แม่ไม่รับไหว้แต่ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน เมื่อผมขึ้นรถพ่อก็ขับออกจากบ้านไป ขณะขับพ่อก็เหลือบไปเจอสาวโรงงานเดินอยู่ข้าง ๆ รถ พ่อจึงพูดขึ้น

“ดูนี่สิลูก เอ๊งว่าผู้หญิงคนนี้สวยไหม” พ่อถาม ซึ่งปกติพ่อไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้กับผมเลย

“เฉย ๆ ครับ” ผมตอบด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะตอบ เพราะผมใจเสียตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว

“ทำไมวันนี้กระเป๋าดูตุงจังลูก” พ่อถาม อันที่จริงกระเป๋าผมตุงทุกวัน แต่พ่ออาจจะไม่ได้สนใจ

“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ นอกจากหนังสือและอุปกรณ์การเรียน”

“มีเครื่องสำอางด้วยหรือเปล่า” พ่อพูดคำนี้ ผมถึงกับหน้าชา มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริง ๆ ครับ ทั้งโมโห เสียใจ และทำอะไรไม่ถูกรวมกันเข้ามา ผมอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตาสักหยด คงเป็นเพราะความรู้สึกภายในมันกำลังประกาศความโศกเศร้าของตนอยู่ ผมได้แต่นั่งเงียบ หันหน้าออกทางกระจกข้าง จนกระทั่งลงรถที่หน้าปากซอย

ผมนั่งรถสองแถวเพื่อไปสมทบกับเพื่อน ๆ ที่รอผมที่คิวรถเหลือง มาถึงผมก็ไม่พูดไม่จากับใครตลอดทาง แม้กระทั่งกรผมก็ไม่พูดด้วยเพราะผมไม่มีอารมณ์ที่จะพูดกับใคร และไม่รู้ด้วยว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไรต่อ กระทั่งช่วงเข้าเรียน เพื่อน ๆ ทุกคนเค้นถามผมด้วยความเป็นห่วงผมจึงต้องเล่าให้ทุกคนฟัง ทุกคนต่างก็เห็นใจแต่ก็ทำได้เพียงแค่ปลอบใจเท่านั้น ขณะเรียนอยู่เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นผมจึงออกไปรับสายข้างนอก

“ฮาโหลดครับแม่”

“อยู่ไหนเนี่ย” แม่ถามด้วยเสียงเหมือนไม่ค่อยสบาย

“เรียนอยู่ครับ แม่เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เป็นสิ แม่กินยาไปเกือบ 10 เม็ด แล้วสวดมนต์ขอพรพระอย่าให้เอ๊งเป็นแบบนี้” แม่พูดยังไม่ทันจบก็ร้องไห้ออกมา

"นี่ถ้าพ่อใหญ่แม่ใหญ่ ปู่ย่า รู้เข้าไม่ตายกันเลยรึ ว่าหลาดชายคนโปรดที่เป็นความหวังของคนที่บ้านเป็นพวกผิดเพศ!!!" แม่พูดไปร้องไห้ไป

“แม่จะพาเอ๊งไปหาหมอจิตแพทย์ เพื่อให้เขาช่วยรักษาสิ่งที่เอ๊งเป็น” แม่พูดไปร้องไห้ไป จากนั้นแกก็วางสายไป

เมื่อผมกลับเข้าไปในห้องเรียนได้สักพัก ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก ผมจึงขอตัวออกมารับสาย คราวหน้าเบญเพื่อนกลุ่ม 2 เดินตามออกมาด้วยคงเป็นห่วงผม

“ฮาโหลดครับน้า”

“อยู่ไหนเนี่ยลูก” น้าสาวคนสุดท้องถามผม

“อยู่วิทยาลัย เรียนอยู่ครับ น้ามีอะไรหรอครับ”

“น้ารู้เรื่องทั้งหมดจากแม่แล้วนะ อินรักใครชอบใครในโรงเรียนหรือเปล่าลูก”

“ไม่มีครับ” ผมโกหกน้าตัวเอง

“แม่เขาแย่เลยนะตอนนี้ ไม่สบายอ้วกเป็นเลือดด้วย ตอนนี้พ่อเขากำลังพาแม่ไปฉีดยาที่โรงพยาบาลเอกชล 2” น้าพูด

“ครับน้า ผมขอโทษครับที่ทำให้เป็นแบบนี้”

“ไม่เป็นไรลูก เอาเป็นว่ากลับบ้านไปขอโทษแม่เขาสะนะ แล้วคิดดี ๆ กับสิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้มันดีหรือเปล่า ถ้ามันดีครอบครัวเราจะเป็นแบบนี้หรอลูก น้าเป็นห่วงนะแค่นี้แหละลูก” น้าพูดจบแล้วก็วางสายไป

ผมทำอะไรไม่ถูก ในใจก็เสียใจมาก ส่วนเบญที่ตามออกมาก็เดินมากอดคอผมแล้วพาเข้าห้องไป

ช่วงพักกลางวันผมไม่ได้ไปกินข้าวกับเพื่อนที่โรงอาหาร แต่ขึ้นมาหา อ.บุญทัน บนแผนกแทน

“อาจารย์ครับ ผมทำผิดไปแล้วครับ”

“อนิรุต มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจานะ ใจเย็นๆมันเกิดอะไรขึ้น” อ.บุญทัน พูดอย่างปราณี ผมจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้อาจารย์ฟัง

“อนิรุต เอ๊ย ทีหลังจะทำอะไรคิดให้รอบคอบ หรือไม่ก็ปรึกษาครูก่อนก็ได้ กลับบ้านไปก็พูดกับเขาดี ๆ”

“จะให้พูดอย่างไรครับอาจารย์”

“คงต้องโกหกเขาไปว่าเราไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว”

“อาจารย์ ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ ถึงจะโกหกแต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้เป็นชายแท้อย่างที่ปากพูด วันหนึ่งแม่ก็ต้องรู้อยู่ดีครับ”

“อนิรุต ครูไม่ได้ให้เธอปิดที่บ้านไปตลอดชีวิต แต่เธอคิดเอาระหว่างโกหกเพื่อให้เขาสบายใจ หรือจะให้ทนต่อความจริงที่เป็นอยู่แล้วให้เขาตายลงไปต่อหน้า”
 
“ก็ได้ครับอาจารย์ ผมจะทำตามที่อาจารย์แนะนำครับ”

“ผมมีเพื่อนอยู่ที่โรงพยาบาลชลบุรี เป็นหมอจิตแพทย์ อนิรุตลองจดชื่อและเบอร์โทรศัพท์เขาไปนะ เผื่อเขาจะช่วยได้” อ.บุญทัน แนะนำ พร้อมกับบอกข้อมูล ผมรับไว้แล้วเดินออกมาจากห้อง

จำได้ว่าบ่ายวันนั้นไม่มีเรียนหรืออาจารย์ไปราชการนี่แหละ ทุกคนจึงกลับบ้านกันมีแต่ผมที่ยังไม่กลับเพราะเครียดเรื่องนี้จึงไม่กล้าไปพบคนที่บ้าน ผมจึงนั่งอยู่ที่ม้านั่งระหว่างแผนกอิเล็กและแผนกไฟฟ้า พวกเพื่อน ๆ ที่กินข้าวเสร็จจากโรงอาหารก็กำลังเดินกลับบ้านไปกัน (กิ๊ฟกับภีมแต่กลับบ้านไปตั้งแต่เลิกเรียนวิชาช่วงเช้าแล้วเพราะต้องกลับไปช่วยที่บ้านขายของ ส่วนภีมอยู่บ้านใกล้กิ๊ฟ จึงต้องกลับไปพร้อมกัน) แล้วทางออกจากเทคนิคต้องผ่านแผนกอิเล็ก และแผนกไฟฟ้า เพื่อนทุกคนจึงต้องเดินผ่านผมทุกคน ตันเดินผ่านผมไปผมก็มองตัน ในใจนึกหวังว่าเขาจะต้องเห็นใจเราและชวนเราไปนั่งที่บ้านเขา เหมือนอย่างสมัยเรียน ปวช. ครั้งที่ผมลืมจ่ายค่าเน็ตแล้วทะเลาะกับที่บ้าน จนต้องไปอยู่บ้านที่ตันพักอยู่กับป้าคนนั้น แต่แล้วฝันก็สลายเมื่อตันหันมามองผมแล้วพูดว่า “อย่าไปคิดมาก เดี่ยวก็ดีขึ้นเอง บายพรุ่งนี้เจอกัน” ผมมองตันที่เดินจากไปอย่างไม่เหมือนตันในตอนนั้น รู้สึกน้อยใจตันมากที่ตันทำกับผมเหมือนไม่มีเยื้อใยอย่างแต่ก่อน แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี สักพักกร ชิต และอาม ก็เดินมา

“ปะอิน กลับบ้านกัน” กรพูด

“กูยังไม่อยากกลับว่ะ”

“กลับเถอะมึง อยู่ที่นี่ไม่มีเพื่อนนะ กลับคนเดียวเดี๋ยวเหงาอีก” ชิตเสริม

“ขอบใจมาก แต่กูยังไม่อยากกลับจริง ๆ ว่ะ”

“อะ เดี๋ยวนี่นั่งรอเป็นเพื่อนเอาไหม” กรพูดขึ้นพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ ผม

“ไม่ดีกว่า มึงกลับเถอะ กูกลับเองได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ผมพูด ส่วนกรกับชิตก็นั่งอยู่กับผมสักพักใหญ่ ๆ บรรยากาศเงียบมากเพราะไม่มีใครพูดอะไรกันเลย สักพักกรจึงพูดอีก

“ปะอิน กลับเถอะ”

“มึงกลับเลย กูขอร้อง” ผมพูดอย่างจริงจัง กรกับชิตมองหน้ากันแล้วจึงลากลับ กรเดินนำหน้าส่วนชิตตบไหลผมเบา ๆ แล้วจึงเดินตามกรกับอามไป


เย็นวันนั้นผมกลับไปที่บ้าน แม่และพ่อก็เรียนผมคุย โดยที่ไม่ให้อุ้มเข้ามารับรู้เรื่องนี้ เราคุยกันอยู่นานจนสุดท้ายผมจึงต้องโกหกพ่อแม่ไปว่า “เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ตอนนี้ผมเข้าใจในสิ่งที่พ่อแม่บอกแล้วครับ” พูดจบสถานะการณ์ก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น ผมเชื่อนะครับว่าพ่อแม่ไม่ปักใจเชื่อผม 100 % หรอก อย่างน้อยต่อจากนี้เขาต้องจับตาดูผมเป็นพิเศษแน่นอน แต่แบบนี้ก็ดีแล้วครับ ดีกว่าให้ผมยื่นคำขาดในสิ่งที่เป็นเพราะนั้นอาจตามมาด้วยการสูญเสียบุคคลผู้ให้กำเนิดผมก็เป็นได้

[วันศุกร์ที่ 13 ก.ค. 2555]

เช้าวันนี้ห้อง 1 ของพวกผมเรียนวิชาของ อ.ภคภูมิ ผู้ที่มีวิชาสอนแต่ไม่เคยสอนเลย 555+ ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งเล่นกันในห้องอย่างเสียงดัง อ.ภคภูมิ ก็เดินเข้ามาแล้วตะโกนว่า

“เฮ่ย มีข่าวด่วนว่ะ” อาจารย์ตะโกน

“มีอะไรค่ะอาจารย์” กิ๊ฟถาม

“งานกิจกรรมเขาแจ้งมาว่าให้แผนกเราส่งตัวแทนไปร่วมโครงการสัมมนาที่พัทยา 5 วัน ใครพร้อมมั้งว่ะ”

“อ่าว แล้วประธานแผนกละค่ะอาจารย์” กิ๊ฟถามต่อ

“ไอ่ห่ามันไม่สบาย เร็ว ๆ กูรีบใครก็ได้” อาจารย์เร่งต้องการคำตอบ ทุกคนไม่ออกความเห็นใดๆ

“ใครหัวหน้าห้องว่ะกูลืมละ” อาจารย์ถาม

“อีอินค่ะอาจารย์” กิ๊ฟพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ผมพร้อมกับเพื่อนๆทุกคน

“สัสเหยิน” ผมแอบด่ามันเบาๆ

“เออ งั้นอินไปนะ ช่วยครูที”

“แต่ผมต้องขาดเรียนนะครับอาจารย์” ผมพูด

“มึงจะกลัวอะไร กูใคร กูจัดการได้ นี่มันงานสัมมนามึงคือตัวแทนของวิทยาลัยเลยหนะ เอาหละๆ ไปแล้วกัน”

อาจารย์พูดคนเดียว แบบไม่ให้เวลาผมตัดสินใจเลยแม้แต่น้อย พูดจบแกก็เดินออกนอกห้องเพื่อเอาชื่อมไปส่งที่งานกิจกรรม ผมจึงเดินตามแกออกไป

“อาจารย์ครับ”

“ว่า”

“เอาเพื่อนไปด้วยได้ไหมครับ ไปคนเดียวมันแปลก ๆ อะครับ” ผมขอร้อง

“ได้สิ มึงจะเอาใครไปละ”

“อภินันท์ครับอาจารย์”

“ใครว่ะ อภินันท์”

“ตันไงครับอาจารย์”

“อ๋อ โอเค แล้วนี่มึงบอกมันหรือยัง ไม่บอกเดี๋ยวก็มีปัญหากันหรอก” อาจารย์พูดจบ ตันกับบาสก็เดินมาพอดี เมื่อกี้มันไม่อยู่ในห้องเพราะออกไปกินข้าวที่โรงอาหารมา วิชา อ.ภคภูมิ เป็นวิชาที่ชิลล์มากใครจะทำอะไรแกไม่เคยสนใจเลย 555+

“คุยอะไรกันหรอครับอาจารย์” ตันถาม

“เออ มึงมาก็ดีละ วันนี้มึงเตรียมตัวเก็บของเลยนะ พรุ่งนี้เตรียมตัวออกเดินทางไปพัทยากับอิน ไปงานสัมมนา” อาจารย์พูด

“เดี๋ยวนะครับอาจารย์ ผมยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรเลยนะครับ”

“เออ ก็รู้แล้วนี่ไง พอๆไม่ต้องมากมายมึงแหละไปเป็นเพื่อนกัน” พูดจบแกก็เดินดุ่มๆไปงานกิจกรรม

“อะไรว่ะเนี่ยงงไปหมด” ตันงง ส่วนบาสก็เดินเข้าห้องไป ผมจึงอธิบายให้ตันฟัง ตันก็โอเคไม่มีปัญหาอะไร

ผมรู้สึกดีใจมากที่ผมจะได้ใช้เวลา 5 วันนี้อยู่กับตันคนที่ผมรัก
.
.
.
.
.
.
แค่นี้ก่อนนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2019 20:00:12 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
Re: Hope บทที่ 6 "เนรคุณ" 02/06/62
«ตอบ #12 เมื่อ02-07-2019 10:56:39 »

 :L1: :pig4:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Hope บทที่ 6 "เนรคุณ" 02/06/62
«ตอบ #13 เมื่อ02-07-2019 15:26:54 »

 :pig4:
 o13

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Hope บทที่ 6 "เนรคุณ" 02/06/62
«ตอบ #14 เมื่อ24-11-2019 14:28:48 »

สวัสดีผู้อ่านทุก ๆ ท่านนะครับ ผมไม่ได้หายไปไหนนะ เพียงแต่งานยุ่งมาก ๆ ในตอนที่กำลังจะลงต่อไปนี้ผมพิมพ์ไปแล้วประมาณ 30% เท่านั้นเอง แต่จะรีบพิมพ์ให้เสร็จนะครับ สวัสดีครับ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Hope บทที่ 7 "5 วัน พัทยา" 24/11/62
«ตอบ #15 เมื่อ24-11-2019 23:27:25 »

สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน สบายดีกันใช่ไหมครับ เอาล่ะไม่ยืดเยื้อให้เสียเวลาเนอะ ขอนำทุกท่านเข้าสู่…

บทที่ 7 “5 วัน พัทยา”

[วันเสาร์ที่ 14  ก.ค. 2555]

“อนิรุทน์ อภินันท์ ตื่นได้แล้ว ถึงที่หมายแล้วลูก” 

ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงเรียกของอาจารย์ช้าง (อาจารย์หัวหน้างานกิจกรรมของเทคนิค) วันนี้ผมกับตันต้องมาโครงการอบรมสัมมนาผู้นำที่อาจารย์ภคภูมิให้มา ซึ่งโครงการชื่ออะไรไม่รู้จำชื่อไม่ค่อยได้แล้วรู้แต่ว่าชื่อยาวมาก ๆ ครับ

ผมและตันหิ้วกระเป้าสัมภาระของตัวเองลงจากรถตู้มาพร้อมกับอาจารย์ช้าง เมื่อลงรถมาผมกวาดสายตามองดูบริเวณของที่พักโดยรอบ คือมันสวยและให้ความรู้สึกแบบฮาวายมาก ๆ และที่นี่ไม่ได้มีแค่คนไทยอย่างเดียว มีคนต่างชาติด้วยครับ ถ้าผมจำไม่ผิดรีสอร์ทนี้มีชื่อว่า “Mountain Beach Resort”

“น้าแดง เดี๋ยวน้าเอารถไปจอดที่ลานจอดรถแล้วรอผมอยู่ที่นั่นนะ ผมเอาเด็ก ๆ ไปส่งที่ห้องพักก่อน” อาจารย์ช้างพูดกับน้าแดงคนขับรถของเทคนิค

จากนั้นเราก็เดินเข้ารีสอร์ทกัน เมื่อเข้ามาถึงก็พบกับผู้คนเต็มไปหมดเลย

“รออยู่นี่กันก่อนนะลูก เดี่ยวครูไปเช็คอินเอากุญแจให้พวกเราก่อน” อาจารย์ช้างพูด

“ครับอาจารย์” ผมรับคำแล้วอาจารย์ก็เดินไป

“คนมาจากไหนกันเยอะแยะนัก” ตันมองดูรอบ ๆ พร้อมกับบ่นคนเดียว

“น่าจะเป็นพวกวิทยาลัยเทคนิคเหมือนกับพวกเราแหละ ดูจากการแต่งตัวนะ” ผมตอบ

“หืม...งานใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย” ตันพูด

“น่าจะเป็นอย่างนั้น”

“เบื่อว่ะไม่ชอบคนเยอะเลย มีแต่ผู้ชาย....สาว ๆ ก็ไม่มี ถึงมีก็.....ช่างเถอะ!!! อยากเข้าห้องพักแล้วอยากนอน” ตันบ่น

“เออน่าๆๆๆๆๆ เดี๋ยวก็ได้พักแล้ว....มึงหนิ” ขี้บ่นเป็นผู้หญิงไปได้

“ถ้าได้เข้าห้องนะจะเปิดแอร์เย็น ๆ นอนแผ่แก้ผ้าให้หมด” ตันพูดประโยคนี้ขึ้นมาผมถึงกับหายใจติดขัดลมปราณเดินไม่สะดวกกลืนน้ำลายเฮือก ๆ 555+

“หืม!!! เอาจริงหรอ?” ผมถามไปงั้นแหละไม่รู้จะพูดอะไรเพราะผมรู้สึกเขิน 5555+

“อ่าวทำไมอะ ถามแปลกในห้องมีกันอยู่ 2 คน อีกอย่างก็ไม่ได้แก้จนหมดสะหน่อย เหลือเกงในตัวเดียวพอ...ไม่เห็นมีอะไรต้องอาย” ตันพูดผมยิ่งเขินหนักเข้าไปใหญ่ ถ้าตันทำอย่างที่ว่าจริง ”ตายกูตาย” มีหวังกูได้เดินตัวโก่งตลอด 5 วันแหง่ ๆ แบบนี้มันทำร้ายกันชัด ๆ เลยนะตัน (T^T)

“ไปเถอะ อาจารย์ช้างแกกวักมือเรียกอยู่ทางนู้นแล้ว” ได้จังหวะพอดี เพราะอาจารย์ช้างแกกวักมือเรียกผมกับตันเพื่อพาไปส่งที่ห้องพัก

ขณะที่เดินไปหาอาจารย์ช้างผมสังเกตเห็นว่าแกยืนอยู่กับอาจารย์ผู้ชายท่านหนึ่ง เมื่อเดินไปถึงอาจารย์ช้างจึงให้พวกผมไหว้แล้วก็แนะนำว่าท่านนี้คือเพื่อนของอาจารย์ช้างเอง ท่านมาจาก “วิทยาลัยอาชีวะศึกษาชลบุรี” เมื่อแนะนำตัวกันเสร็จอาจารย์ช้างก็พาพวกเราเดินขึ้นห้องไป ระหว่างทางขึ้นห้องอาจารย์ท่านนั้นก็เดินคุยกับอาจารย์ช้างมาตลอดทาง แกคงไม่เจอกันนานครับ

ผมและตันพักอยู่ชั้น 2 แต่ห้องไหนไม่รู้ผมจำไม่ได้แล้ว ระหว่างทางที่จะไปห้องพักจังหวะเดินผ่านประตูห้องแรกไป ผมสังเกตเห็นได้ว่าหน้าประตูของห้องแรกมี “ผ้ายันต์และรอยเจิม” อยู่ที่ปานประตู จังหวะนั้นทุกคนชะงักแล้วหันไปมอง

“รู้กันนะลูก….”  อาจารย์ช้างพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบเครือแต่แฝงไปด้วยพลังงานบางอย่าง!!!

พูดจบก็รีบเดินไป เอาตามตรงผมไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่เพราะเป็นช่วงเช้าอยู่ 555+

ไม่นานก็เดินมาถึงหน้าห้อง อาจารย์ช้างทำการเปิดประตูห้องให้ พอเปิดเข้ามาผมมองดูสภาพห้องสวยดี ถ้าให้คะแนนเต็ม 5 ผมให้ 4 ก็แล้วกัน ในห้องมีที่นอนอยู่ 3 ที่นอน แต่ 1 ใน 3 ที่นอน มี 1 ที่นอน ที่ถูกจัดไว้บนเตียง อย่างดี....เอะ!!! เดี๋ยวนะครับ 3 ที่นอน? เดี๋ยว ๆ กูมา 2 ไม่ใช่หรอ?

“เออ ครูลืมบอกเลยเมื่อกี้อาจารย์เขาขอเอาน้องผู้ชายคนหนึ่งมานอนด้วย พอดีเขามากับเพื่อนผู้หญิง หากนอนด้วยกันจะไม่เหมาะ” อาจารย์ช้างพูด

“ถ้าอย่างไรครูฝากน้องด้วยนะครับ” อาจารย์ท่านนั้นหันมาพูดฝากฝัง ผมจึงเข้าใจในตอนนั้นเลยว่าทำไมอาจารย์ท่านนี้ถึงเดินคุยอาจารย์อาจารย์ช้างมาตลอดทางที่พาผมกับตันมาส่งที่ห้องพัก

“ได้ครับ!!!” ผมตอบรับคำ ตอนนั้นในใจแบบ โอ๊ยไอ่สัสเอ๊ยยยยยยยยยยยยยย หมดกั๊นนนนนนนนนนน  ทีแรกกูให้คะแนนที่พัก 4 คะแนน ตอนนี้กูเปลี่ยนใจละ มึงเอาไปแค่ 2 คะแนน....ยัง...ยังไม่พอแค่นั้น!!! รวมหักคะแนนเรื่องประตูลี้ลับมึงอีก 1 คะแนน สรุปมึงเหลือ 1 คะแนนพอ!!!

“แล้วนี่น้องเขาอยู่ไหนหรอครับอาจารย์” ตันถาม ผมมองหน้าตันเพื่อดูอากัปกิริยา ตันปกติมากไม่ได้มีทีท่าเซ็งเป็ดแต่ประการใด ซึ่งต่างไปจากกูอย่างสิ้นเชิง!!!

“น้องเขาไปเอาของที่รถตู้หนะ พอดีมันนอนพอตอนลงมันลืมของไว้ แต่ครูโทรบอกมันแล้วว่าอยู่ห้องไหน อีกเดี๋ยวก็คงจะมา” อาจารย์ท่านนั้นพูดจบ ผมและตันก็กล่าวคำร่ำลาต่ออาจารย์ทั้ง 2 ท่าน แล้วท่านก็เดินออกไป ทิ้งผมไว้ในห้องกับตัน 2 คน

“อินจะนอนตรงไหน” ตันถาม เพราะมีอยู่ 2 ที่นอน และ 1 เตียง

“เดี๋ยวกูนอนที่นอนตรงกลางละกัน” ผมเลือกที่นอนตรงกลาง คือมันจะเป็นแบบนี้ครับ เตียงจะอยู่ติดผนังห้องน้ำ จากนั้นก็ต่อด้วยอีก 2 ที่นอน แต่ไม่ได้ติดกันนะครับ เว้นระยะห่างอยู่เหมือนกัน

“โอเค งั้นกูนอนเตียงละกัน ส่วนอีกที่ก็ให้น้องคนนั้นนอนไป” ตันพูดพร้อมกับวางกระเป๋าสัมภาระไว้บนชั้นวางข้าง ๆ ตู้เย็น

ผมเองก็วางกระเป๋าไว้ข้างกระเป๋าตันเหมือนกัน พร้อมกับหยิบ สบู่ ยาสีฟัน ในกระเป๋าของตนเข้าไปไว้ในห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เดินออกมา

“เดี๋ยวอินเอาไว้เสื้อนักเรียนไว้ในตู้ข้างนี้นะ ส่วนตรงนี้ของตัน” ตันพูดขณะที่ผมออกมา พอดีหน้าห้องน้ำมันมีตู้เสื้อด้วยแต่มันอยู่ติดพนังอีกฝั่ง อีกเดี่ยวพวกเราก็ต้องเปลี่ยนชุด คือชุดที่ใส่ตอนนี้เป็นชุดนักเรียนเทคนิค เสื้อขาวกางเกงสแล็คสีกรม เพราะเดี๋ยววันพิธีปิดต้องใส่ชุดนี้อีกครั้ง ดังนี้ต้องรีบเก็บเพราะเดี่ยวยับ

“โอเคๆ” ผมตอบ พูดจบตันก็ถอดชุดนักเรียนออกทันที ตอนนั้นผมนั่งเงียบอยู่บนที่นอน ทำเป็นนั่งดูทีวีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 555+

ตันถกเสื้อขาวออก และเริ่มถอดกางเกงออกก่อน จากนั้นก็เอากางเกงไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า จังหวะนั้นผมยอมรับจริง ๆ ว่าหน้าตัวเองร้อนคงเป็นเพราะเขินด้วย เพราะไม่ใช่ครั้งแรกนี่คือครั้งที่ 2 ที่ผมได้เห็นตันในสภาพแบบนี้ คือขอบรรยายหน่อยอยากจะบอกว่า ขาตันขาวและเนียนมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ บวกกับตันไม่ได้ถอดเสื้อทำให้เห็น ก.ก.น. (สีอะไรก็ไปจิตนาการกันเอาเองนะครับ ผมไม่อยากบรรยายมาก 555+) ที่ใส่อยู่แต่ไม่ชัดเจนมากเพราะชายเสื้อปกคลุมอยู่ แต่ก็พอจะเห็นอยู่บ้างเพราะชายเสื้อไม่ได้ยาวขนาดนั้น ตันแขวนกางเกงเสร็จก็เดินมาเปิดตู้เย็นกินน้ำ แล้วก็เดินไปที่หน้าต่างริมสุดของห้องเหมือนยืนดูบรรยากาศข้างนอก

“อินไม่เปลี่ยนชุดหรอ?” ตันถามผมแต่ไม่ได้หันหน้ามาหาผมเพราะดูวิวไปด้วยถามผมได้ด้วย

“อ๋อ...ว่าจะไม่เปลี่ยนอะ เพราะอย่างไรเราก็ไม่ได้ออกไปไหนไม่ใช่หรอ?....คงไม่บัยหรอกมั้ง”

“เปลี่ยนเถอะ บ้าหรือป่าวเนี่ย 555+”

“ไม่ได้บ้าเว้ย....อย่างไรก็ต้องใส่ เพราะคืนนี้มีพิธีเปิด ไม่ได้ดูกำหนดการเลยหรือไง?”

“เหอะ...ไม่ได้ดูอะ แต่อินจำไม่ได้หรออาจารย์ช้างพูดอยู่ตอนก่อนขึ้นรถว่า มีพิธีเปิดแต่ใส่ชุดอะไรก็ได้ เพราะเขาเผื่อใครไปเล่นน้ำทะเลจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนไปมา และเผื่อใครไปเดินเล่นจะได้ใส่ชุดอยู่บ้านเดินสบายๆ” ครั้งนี้ตันมาเป็นสาระ นาน ๆ ทีมันจะมีสาระครับ   
 
“โอเคๆๆๆๆ” ผมตอบพร้อมกับกำลังจะไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ

“ชอบเวลาแบบนี้จังเนอะอิน.....ว่ามะ?” ตันพูดไปดูวิวไป ไม่ได้หันหน้ามาหาผมเช่นเคย

“อืม...เหมือนได้มาเที่ยวเลยอะ”

“ใช่ ๆ ชอบนะ เพราะที่บ้านเค้าไม่ค่อยพามาเที่ยวแบบนี้หรอก” ตันพูด น้ำเสียงจริงจัง

การสนทนาระหว่างผมกับตันในตอนนั้น ผมชอบเวลาที่ตันเป็นแบบนี้และพูดกับผมเพราะ ๆ เช่นเรียกแทนตัวเองว่า “เค้า” และเรียกผมว่า “อิน” ไม่ใช่คำว่า “มึง” ผมรู้สึกอบอุ่นประหลาด ๆ ผมก็ไม่เข้าใจนะครับ ว่าทำไมรู้สึกอย่างนั้น และผมเองก็ไม่ได้อยู่กับตันสองต่อสองแบบนี้มานานมากแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษจริง ๆ ตอนนั้นผมรู้สึกมีความสุขมาก

ตู๊ดดดดดดดดดดดดดดด (เสียงโทรศัพท์ตัน) ผมหยิบมือถือตันที่อยู่บนหัวเตียงของตัน แล้วรีบเดินไปให้ตัน

“ฮาโหลว่าไงแม่”

“อะไรนะ!!!” ตันเริ่มเสียงดัง

“อีกแล้วหรอ.....ตันเบื่อแล้วว่ะจริงๆ” ตันอารมณ์เสีย

“ตันถึงสักพักแล้วละ.....โอเคแม่ไว่ค่อยว่ากัน”

[วางสาย]

“มีอะไรหรอตัน” ผมถาม

“แม่กูโทรมาเล่าเรื่องอีป้านั้นอีกละ แม่บอกว่าอีป้าแม่งมาป่วนที่บ้าน มาทวงเงินที่เคยเอามาเลี้ยงกูตอนที่อยู่หอ มึงคิดว่าแกบ้าปะ แกเลี้ยงเองแล้วตอนนี้มาทวงเงิน.....งงว่ะ” ตันระบายอารมณ์ ผมก็ได้แค่รับฟังอย่างเดียว เรื่องของป้าคนนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยอยากจะรับรู้ และเข้าไปเกี่ยวข้องสักเท่าใด

ก๊อกๆๆๆๆๆๆ (เสียงคนเคาะประตู)

“สงสัยน้องคนนั้นจะมาแล้ว” ตันหันหน้ามาพูดกับผม ผมรีบเดินไปเปิดประตูทันที่ ทั้งที่ตันยังไม่สั่ง อาจเป็นเพราะผมคงตื่นเต้นกับการที่ตันโป๊อยู่ด้วยมั้งครับ เลยทำอะไรไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่

“เอ่อ...สวัสดีครับพี่” น้องที่มาขออยู่ด้วยกล่าวทักทายผมหน้าห้อง

“สวัสดีครับ” ผมทักทายกลับ

น้องคนนี้ถือว่าหน้าตาดีไม่แพ้ตันเลยครับ ผิวขาว ผอม แต่จะเสียก็ตรงที่มีสิวเยอะ คือไม่เยอะธรรมดา เยอะมาก!!!

“สวัสดีค่ะพี่” จากนั้นก็มีน้องผู้หญิงอีกคนที่ยืนข้าง ๆ น้องผู้ชายเริ่มกล่าวทักทายผมเหมือนกัน ผมก็กล่าวทักทายกลับและยิ้ม ๆ ให้ น้องคนนี้เป็นผู้หญิงสวย ผิวไม่ขาว ผิวสีออกน้ำผึ้งครับ และดูท่าทั้งสองน่าจะเป็นแฟนกัน

จังหวะที่ผมกำลังจะเชิญน้องเข้ามาในห้อง ก็นึกได้ว่าตันโป๊อยู่ ผมกลัวตันจะอายแต่ก็ไม่ทันละครับ เพราะน้องเดินเข้ามาแล้ว

“สวัสดีครับ/ค่ะพี่” น้องทั้งสองสวัสดีตัน ผมรีบหันไปดู หืมมมมมมมมมมมม ไวมาก!!! คือตันใส่กางเกงเรียบร้อยแล้วครับ เหลือแต่เสื้อที่ยังไม่เปลี่ยนเหมือนจะเปลี่ยนไม่ทัน เห็นดังนั้นผมก็โล่งใจเพราะไม่อยากให้ตันอาย

จากนั้นพวกเราก็แนะนำตัวกัน สรุปน้องผู้ชายเขาชื่อ “บอส” ส่วนน้องผู้หญิงเขาชื่อ “เอี้ยง” ครับ และทั้ง 2 คน  เป็นแฟนกันจริงๆ

คุยอะไรกันไปพอหอบปากหอมคอตันก็ชวนพวกเราลงไปเดินเล่นกันที่ชายหาด ตันกับบอสเปลี่ยนชุดพร้อมเล่นเที่ยว เหลือแต่ผมที่ชุดนักเรียน 555+ ส่วนเอี้ยงเขาเปลี่ยนมาจากห้องที่เขาพักแล้ว 

จากนั้นพวกเราลงไปเดินเล่นกันจนถึงเวลา 17.00 น. ถึงกำหนดการลงทะเบียนเข้างานและรับเสื้อ “คนพันธุ์ R” ซึ่งมันคือเสื้อในโครงการนี้ครับ ลงทะเบียนรับเสื้อเสร็จก็กินข้าวเย็น จากนั้นก็ขึ้นไปห้องประชุมชั้นบนสุดของรีสอร์ท เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดและรับฟังการบรรยายในหัวข้ออะไรไม่รู้ครับผมลืมไปแล้ว ทุกอย่างเสร็จสิ้นในเวลา 20.00 น. ทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้องพัก เพื่อเตรียมตัวสำหรับการอบรมในเช้าของวันพรุ่งนี้ ผมกลับมาที่ห้องกับตัน 2 คน ส่วนบอสกับเอี้ยงออกไปเดินเล่นกันที่ชายหาด

“ขออาบน้ำก่อนนะ” ผมพูด

“โอเคๆ” ตันตอบ พร้อมกับทิ้งตัวลงบนเตียง

ผมอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาก็พบว่าตันนอนหลับไปแล้ว ที่แรกว่าจะปลุกให้ไปอาบน้ำ แต่คิดไปคิดมาปล่อยให้มันนอนไปเถอะ อาบพรุ่งนี้เลยทีเดียว แต่!!!! ทันใดนั้นจิตใจฝ่ายมารของผมก็เข้ามากระซิบที่ข้างหู “มึงรีบปลุกตันเลย ที่เป็นเวลาเดียวที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันสองต่อสองในระยะเวลา 5 วัน” จิตมารพูดถูกนะครับ 5555+ เอาละ ๆ สรุปผมก็ปลุกตันให้ไปอาบน้ำครับ

เมื่อตันเข้าไปอาบน้ำ ผมก็ยกโน๊ตบุ๊คของตัวเองที่เอาติดตัวมาด้วย ออกมาเปิดเล่น ผมยกมาว่างไว้ที่ข้างหัวเตียงที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างที่นอนผมและเตียงองตัน บนนั้นถูกจัดวางไปด้วยโคมไฟกับโทรศัพท์ภายในอะครับ นั้นแหละผมยกออกหมดแล้ววางโน๊ตบุ๊คตัวเอง เปิดเล่นเฟสบุ๊คไปโชคดีที่ชั้นวางโคมไฟที่ผมเอาโน๊ตบุ๊คมาตั้งมันดันอยู่ในระดับสายตาที่ผมนั่งเล่นพอดี คือมันไม่ได้สูงอะครับ และผมก็นั่งเล่นแบบก้นติดพื้นไม่มีเก้าอี้มาเสริม เพราะชั้นวางมันเตี้ยจริง ๆ เล่นไปสักพัก จู่ ๆ กรก็ทักขึ้นมาครับ

[แชท] *บทสนทนานี้เป็นเพียงความจำส่วนหน่งของผมเท่านั้น อาจมีแต่งเติมบางคำลงไป เพราะแชทผมกับกรของจริงผมได้ลบล้างออกไปหมดแล้ว แต่เหตุการณ์คือประมาณนี้เลยครับ
กร : หายเงียบไปเลยนะ เป็นไงมั้งพัทยาอะ
ผม : ก็โอเคดีทำไมหรอ
กร : เปล่า...ถามดูเฉย ๆ เห็นหายไปทั้งวันเลยไง
ผม : โอเค ๆ ไว้เจอกัน
กร : โอเค
ผม : คิดถึงนะ
กร : คิดถึงเหมือนกัน
[จบการสนทนา]

[เสียงเปิดประตูห้องน้ำ] ตันอาบน้ำเสร็จแล้วครับ

“คุยกับใครอะอิน” ตันถาม

“อ๋อ คุยกับกรหนะ” ผมตอบตัน

ผมมองตันรอบนี้ตันไม่ได้แต่งตัวแบบเมื่อตอนบ่ายแล้วครับ 555+ แหม่!!! เราก็ลุ้นไปเถอะ ครั้งนี้ตันใส่เสื้อบอลกับกางเกงบ๊อกเซอร์สั้นๆ

“ไม่ต้องคุยแล้ว....เดี๋ยวเค้าเล่นเอง อินนั่งเฉย ๆ ไป เล่นบ่อยละ” ตันรากเก้าอี้จากโต๊ะเครื่องแป้งมานั่งเล่นแทนผม ผมจึงต้องถอยให้ตันสุดที่รักของผมเล่นไป ดังนี้ผมจึงลุกเพื่อไปนั่งบนที่นอนตัวเอง

“จะไปไหน นั่งนี่แหละ” ตันกดไหล่ผมลงให้นั่งที่พื้นหน้าโน๊ตบุ๊ค ส่วนตันก็นั่งเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งที่รากมา ภาพที่เห็นมันก็คือ ผมนั่งอยู่ระหว่างขาของตันนั่นเอง ไม่รู้ผู้อ่านจะนึกภาพออกไหมนะครับ คือผมนั่งหน้าโน๊ตนุ๊คแต่นั่งพื้นไม่มีเก้าอี้ ส่วนตันมานั่งซ้อนหลังผมอีกทีแต่นั่งบนเก้าอี้ ผมนี่หันซ้ายก็เจอหน้าแข้งขาว ๆ ตัน หันขวาก็เจอหน้าแข้งขาว ๆ ของตันอีก มันคือหน้าแข้งจริง ๆ นะครับไม่ใช่ไอ่นั่นนะครับ อย่าเพิ่งคิดไปไกล 555+

“ตันออกเฟสอินเลยนะ” ตันพูด

“โอเคๆ” ผมตอบเสียงสั้น ๆ คือจะให้ทำไงได้ละตื่นเต้นนะเว้ยไอ่เว้ยนี่ 555+

ผมมองดูตันเล่นเฟสบุ๊ค ในขณะที่ดูตันก็ชวนผมคุยไปด้วย ผมเองก็คุยกันตันไปเรื่อย และในขณะเดียวกันผมก็คิดอกุศลขึ้นอีกแล้ว ไหน ๆ ตันก็ให้ผมนั่งระหว่างขาละ มันก็เหมือนแกล้งกันชัด ๆ ผมไม่รู้ตอนนั้นคิดอะไร ผมเอาแขนซ้านค่อย ๆ รอด่านใต้ขาอ่อนของตันแล้วค่อย ๆ โอบรัดหน้าแข้งซ้ายของตัวเอาไว้ ส่วนมือขวาผมก็ค่อย ๆ เอาไปวางไว้ที่เท้าซ้ายของตัน ผมค่อย ๆ ทำอย่างระวังเพราะกลัวตันจะด่า แต่หนสุดท้ายตันไม่ได้ว่าอะไร ผมแอบแหงนมองหน้าตัน ตันไม่มองผมเลย มองแต่หน้าจอเฟสบุ๊ค

ตอนนั้นตื่นเต้นมาก ไม่รู้จะทำอะไรต่อ แต่ความรู้สึกมันแบบได้ใจอะครับเพราะตันไม่ว่าอะไร ผมจึงค่อย ๆ ใช้มือขวาลูบไล้ที่เท้าซ้ายของตัน ค่อยลูบไปลูบมาอยู่สักพัก ตันก็ไม่สนใจอะไร ผมยิ่งได้ใจ ค่อย ๆ เอามือขวาที่ลูบเท้าซ้ายของตันอยู่ ค่อย ๆ ลูบขึ้นมาตามหน้าแข้งที่แขนซ้ายของผมโอบรัดไว้อยู่ ลูบขึ้นมาถึงหัวเข่า ครั้งนี้ผมกลืนน้ำลายดัง “เฮือก” เลยครับ คือตื่นเต้นมาก ผมลูบบริเวณหัวเข่าของตันไล้ขึ้นไปเลยหัวเข่าไปนิดหน่อย ผมลูบไปลูบมาอยู่แบบนั้น สักพักผมมีความรู้สึกว่าตันค่อย ๆ เหยียดขาลงมาต่ำลง ผมจึงลูบขึ้นสูงกว่าหัวเข่าไปอีก นั่นคือขาอ่อน ความรู้สึกตอนนั้นคือมันนิ่มและเนียนจริง ๆ ขาวด้วยครับ ผมรู้แล้วว่าตันในตอนนั้นต้องมีความรู้สึกอยู่บ้างเพราะถ้าไม่รู้สึกคงไม่ปล่อยผมให้ทำแบบนี้ต่อไปแน่นอน บางทีคงอาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบของตันละมั้งครับ

[เสียงเปิดประตู] บอสกับเอี้ยงกลับมาถึงห้องแล้วครับ

ผมหยุดการกระทำทุกอย่างลง ส่วนตันก็นั่งเล่นเฟสบุ๊คปกติ

“อ่าวเป็นไงกันบ้าง 2 คน” ผมหันไปถามน้อง ๆ

“บรรยากาศดีค่ะพี่อิน พี่อินน่าจะไปนะจริงๆ” เอี้ยงตอบผม ส่วนบอสเดินไปชาร์จมือถือของตัว

ผมสังเกตเอี้ยงเมื่อตอนคุยกันเมื่อกี้ รู้สึกได้ว่าเอี้ยงมองผมกับตันอย่างแปลก ๆ แต่มก็รู้แหละว่าน้องต้องคิดว่าผมกับตันต้องมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนแน่นอน ส่วนตัวผมหนะชอบตันแน่นอน แต่ผมไม่รู้ว่าตันคิดกับผมในฐานะอะไร เพราะบางทีก็สนใจ บางทีก็ไม่สนใจ ผมก็งงเหมือนกัน

“พี่อินพี่ตันครับ” บอสเรียก

“ว่าไงน้อง” ผมตอบ ส่วนตันไม่ได้สนใจอะไรนั่งเล่นเฟสบุ๊คอยู่

“คืนนี้เอี้ยงขอนอนด้วยคนนะครับ พอดีคนที่นอนห้องเดียวกับเอี้ยง เอี้ยงเขาไม่รู้จัก อีกอย่างเขาพาเพื่อนจากอีกห้องมากินเบียร์เสียงดังกันด้วย” บอสพูด

ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไร คือสงสารน้องมัน ก็เลยให้นอนไป ไม่ได้คิดถึงเรื่องความเหมาะสมอะไร ส่วนตันไม่มีออกความเห็นใด ๆ นั่งเล่นอยู่เงียบ ๆ

สรุปคืนที่ 1 เรานอนกันทั้งหมด 4 คน โดยที่บอสกับเอี้ยงนอนที่นอนเดียวกัน ไม่รู้มันอัดกันไปได้ไง 5555+ พวกเราก็นอนกันปกติ แต่ผมสะดุ้งตื่นกลางดึก เพราะได้ยินเสียงคนขยับตัวไปมาบ่อยมาก ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงนอนพลิกตัวไปฝั่งบอสกับเอี้ยง จึงรู้ถึงบางอ้อ 5555+ ภาพที่เห็นคือน้อง 2 คน นอนคลุมโปงทำอะไรไม่รู้ใต้ผ้าห่ม ผมไม่ทำตัวไม่ถูกจึงกลั้นใจหลับตาแล้วก็หลับไปตอนไหนไม่รู้

หลังจากนั้นในวันต่อ ๆ มาก็เป็นการอบรมทั่ว ๆ ไป ซึ่งผมจะไม่บรรยายอะไรมากแล้ว และชีวิตประจำวันของพวกเรา 4 คน ก็มีแค่อมรบ อบรม อบรม และก็อบรม คือทั้งวันจริง ๆ เย็นมาก็อยากนอนแล้วครับ ถ้าจำไม่ผิดมีอยู่วันหนึ่งทางคณะผู้จัดโครงการเขาพาไปเที่ยวอยู่ครับ แล้วก็อบรมต่อยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนถึงวันสุดท้ายเราก็ร่ำลากลับบ้าน ก็รู้สึกผูกพันกับน้องบอสและน้องเอี้ยงเหมือนกันครับ โดยส่วนตัวรักน้องทั้ง 2 คนมาก น้องนิสัยดีและน่ารัก ตอนนี้ก็ยังติดตามกันอยู่บนเฟสบุ๊คครับ ส่วนการมาพัทยากับตันในครั้งนี้ผมรู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี และเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับผมกับท่านตันคนที่ผมรัก
.
.
.
แค่นี้ก่อนนะครับ

เออ....เกือบลืมอีกเรื่อง จำประตูห้องที่ติดผ้ายันได้ใช่ไหมครับ ที่อาจารย์ช้างพูดว่า “ร็กันนะลูก” อะครับ แท้ที่จริงมันเป็นห้องของพนักงานในรีสอร์ทครับ ผมรู้เพราะเช้าวันต่อมาขณะที่กำลังจะลงไปกินอาหารเช้า ผมเดินผ่านเห็นประตูเปิดไว้ จึงเห็นด้านในห้องเป็นห้องทำงานของคนในนี้ครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาทำอะไรนะครับ

จากผู้เขียน : บทนี้ไม่ได้กรองข้อความเลยนะครับ รีบพิมพ์ใ้เสร็จแล้วก็รีบลงเลยครับ กลัวผู้อ่านจะรอนานครับ ถ้ามีตรงไหนผิดไปหรืออ่านแล้วงงคอมเม้นท์ถามได้นะครับ ขอบคุณครับ


********************************************************************************************
มีรูปมาฝากครับ

ภาพนี้คือตันนะครับ ตอนนั้นทางผู้จัดโครงการพาพวกเรามีศึกษาดูงานที่ "พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน" (ช่วงเช้า)


ภาพนี้จากรูปเรียงจากผู้หญิงไปหาผู้ชายอีกฝั่ง จะมี เอี้ยง ผม ตัน และบอส ครับ รูปนี้ถ่ายที่วัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Hope บทที่ 7 "5 วัน พัทยา" 24/11/62
«ตอบ #16 เมื่อ25-11-2019 00:21:40 »

 :pig4:
 :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด