"Hope...ต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา" จบภาค ปวช.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "Hope...ต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา" จบภาค ปวช.  (อ่าน 7273 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
สมาชิกใหม่ฝากตัวด้วยนะครับ


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Share This Topic To FaceBook
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2018 19:07:48 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
"Hope...ต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา"
[/b]
เรื่องนี้นับว่าเป็นการลงครั้งที่ 2 ของผมบนเว็บนี้ จริงๆแล้วเรื่องนี้ผมโพสต์จบไปตั้งแต่ปีที่แล้วครับ ทีนี้เกิดความคิดขึ้นมาใหม่ว่าอยากจะเขียนเรื่องของตัวเองลงไปต่อ แต่ว่าคงไม่มีใครเห็นเพราะเรื่องของผมถูกย้ายไปอยู่ "นิยายที่เขียนจนจบแล้ว" ผมก็เลยคิดว่าไหนๆก็จะเขียนต่อแล้วก็เลยขอลงใหม่ไปเลย พี่ๆน้องๆบางท่านอาจจะเคยอ่านกันมาแล้วถ้าจะอ่านอีกก็ไม่เป็นไรครับ

เอาละเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟังนะครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงจากตัวของผมเอง ไม่ได้สนุกอะไรมากมายนะครับผมเขียนไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ มีเติมแต่งคำบางคำลงไปบ้างเพราะผมจำทุกเหตุการณ์ไม่หมดครับ ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยนะครับ

เคยมีคนกล่าวไว้ว่า “ความรักนั่นเกิดขึ้นได้ทุกที่และทุกเวลาครับ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม” ซึ่งความรักของผมนั้นมันเกิดขึ้นในช่วงที่ผมอยู่ในรั้ว “เทคนิค” ครับ เป็นเรื่องความรักแบบชายกับชาย จริงๆผมก็พูดได้ไม่เต็มปากคงบอกได้แต่ว่าเป็นเรื่องที่คิดไปเองมากกว่าครับ แต่ก่อนที่ผมจะมาเป็นแบบนี้ สมัย ม.ต้น ผมก็เคยชอบเพื่อนผู้หญิงนะครับ แล้วทีนี้แม่ผมเขาไม่อยากให้ผมมีแฟนระหว่างเรียนเพราะกลัวว่าการเรียนผมจะเสีย คือคนเป็นแม่ก็ย่อมมองอนาคตของลูกอะครับ จึงโทรไปบอกทางนั้นว่าเรื่องของผมกับเขาให้จบลงแค่นี้ หลังจากนั้นเป็นต้นมามันคงเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตผม ความทรงจำบางเรื่องก็ลืมๆไปบ้างแล้วครับ เรื่องราว หลายปี ที่ผ่านไป ตั้งแต่ พ.ศ.2552 ตอนนี้ผมอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว

ตั้งแต่ผมเกิดมา จนตอนนี้อายุ 24 จะ 25 ปี แล้วครับ ยังไม่เคยสัมผัสกับ ความรัก จริงๆจังๆสักที  เมื่อก่อนผมมองว่า การบอกรักใครนั้นยากแสนยากครับ แต่พอได้บอกไปจริงๆ กลับรู้สึกว่าการบอกรักมันก็เป็นเพียงการเริ่มต้นของความทุกข์เท่านั้น จนกระทั้งผมได้มีโอกาสหยิบหนังสือธรรมะมาอ่านทำให้ได้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตมากมาย สุดท้ายก็ทำให้รู้สึกว่าหากเรามองความรักที่ไม่สมหวังที่มันทำให้เราเกิด “ทุกข์” มันก็คงเป็น “เวรกรรม” ที่เราเคยสร้างมาตั้งแต่ชาติปางก่อนก็ได้ เพราะหากเราไม่ได้ทำไว้…ชาตินี้เราก็คงไม่ต้องมารับในสิ่งที่เราทำไม่ว่าจะกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม เอาหละผมพูดยืดเยื้อมากความไปละ ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเลยนะครับ
*
*
*
*
*
*
"Hope...ต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา"
********************************************************************************************

[บทนำ] วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ.2561

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่รถแสนจะติดในถนนเส้นที่ผมจะต้องนั่งรถเมย์ไปฝึกงาน ผมเชื่อว่าไม่ใช่ผมคนเดียวหริกที่เบื่อเรื่องพวกนี้ทุกคนก็คงเบื่อ ผมมองดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือตอนนั้นเป็นเวลา 10.21 น. ซึ่งอีก 9 นาที จะเป็นเวลาทำงานของผม เฮ้อ...ดูเวลาแล้วก็ร้อนใจแต่มันจะช่วยอะไรได้จริงไหมละครับ เมื่อคิดได้ผมก็รีบส่งไลน์ไปบอกเจ้าของร้านโน๊ตบุ๊คที่ผมไปฝึกงานว่าวันนี้ผมขออนุญาติเข้าสายเพราะรถติดอีกทั้งฝนยังตกอีกด้วยครับ พิมพ์บอกพร้อมกับส่งโลเคชั่นให้เรียบร้อยกลัวเด๊่ยวจะหาว่ากูโกหกอีก 5555+ เอ้อ!!! ลืมแนะนำตัวไปเลยครับ ผมชื่ออิน เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม ของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง อันที่จริงผมควรจะเรียนจบไปนานแล้วเพราะตอนนี้อายุ 24 ปี แต่ด้วยเหตุที่ผมจบ ปวส. แล้วมาต่อ ป.ตรีครู 5 ปี จึงทำให้ระยะเวลามันนานกว่าชาวบ้านเขา แต่จะทำอย่างไรด้ละในเมื่ออุดมการณ์ที่จะเป็นครูของผมมันหนักแน่นดังขุนเขา ก็ต้องเรียนไป

เมื่อผมส่งไลน์แจ้งพี่เขาเรียบร้อยผมก็นั่งเล่น ROV บนรถจนมาถึงห้างแห่งหนึ่งที่ผมฝึกงานอยู่ ซึ่งในนั้นมีร้านซ่อมโน๊ตบุ๊คที่ผมฝึกงานอยู่ครับ พอลงรถมาผมก็รีบเดินเข้าห้างเพื่อไปเข้างานเมื่อมาถึงที่ร้านผมกดดูเวลาตอนนั้น 11 โมง กว่าแล้วครับ ผมเข้าร้านไปก็สวัสดีพี่เจ้าของร้านทั้งร้านมีกันแค่ผมกับพี่เจ้าของร้าน 2 คน ซึ่งเยอะฉิบหายเลยครับ เอาละเมื่อมาถึงร้านและทักทายพี่เขาแล้ว ผมก็ไม่รอช้าเอาโน๊คบุ๊คออกมาเล่นเฟสบุ๊คตามทำเนียมครับ เข้าเฟสบุ๊คมาก็มีแชทข้อความเด้งขึ้นมา ผมรีบเปิดดูเป็นข้อความของจ๊าบเพื่อนผู้ชายในห้องของผมครับ

[แชท]
จ๊าบ : วันนี้ทำงานช่ะ
จ๊าบ : [ส่งสติ๊กเกอร์]
ผม : ทำๆ
ผม : มีอะไรว่ะจ๊าบ
จ๊าบ : กุจ๊าบหรอ
ผม : อ่าว
จ๊าบ : [ส่งสติ๊กเกอร์แบบงอลๆมา]
ผม : ไอ่นี่หนิ
ผม : ไอ่นุ่น *(นุ่นเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกับผม และเป็นแฟนของจ๊าบ)
ผม : ไอ่เวร
จ๊าบ : ลืมละไง
จ๊าบ : [ส่งสติ๊กเกอร์แบบงอลๆมา]
ผม : หืม ก็เล่นทักมาเฟสจ๊าบ 555+
ผม : เจ้ามีอะไรก็ว่ามา
ผม : แม่หญิง *(ช่วงนี้กูติดละครบุพเพสันนิวาสมากๆครับ ซึ่งเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่อ่านก็ติด 555+)
จ๊าบ : ทักซือเหนเงียบๆกันไปหมด *(นุ่นหมายถึงว่าในแชทกลุ่มเงียบไปหมดไม่เพื่อนๆคุยกัน)
จ๊าบ : ที่คลองฝนตก
ผม : ทักชื่อคืออะไร?
จ๊าบ : [ส่งสติ๊กเกอร์แบบเซงๆมา]
จ๊าบ : ทักเฉยๆ
ผม : อ๋อ 555+
จ๊าบ : น่ะ
ผม : ฝนตกตั้งแต่ตอนไหนยังไม่รู้เลย *(นุ่นกดอีโมจี ขำ ในข้อความนี้ของผม)
จ๊าบ : พนทำมั้ย
จ๊าบ : น่ะ
ผม : เดี๋ยว เป็นอะไร
จ๊าบ : ป่าวนิ
ผม : น่ะอะไร เดี๋ยว!!!
จ๊าบ : จะบอกว่าทักเฉยๆน่ะ
จ๊าบ : เครื่องช้าาา
ผม : พรุ่งนี้มีอะไร
จ๊าบ : พนทำงานรึป่าวพ่อท่าน
ผม : ถ้าไม่มีอะไรก็ทำ ถ้ามีก็จะอยู่คลองให้ก็ได้ มีอะไรหรือไม่
จ๊าบ : [ส่งสติ๊กเกอร์แบบเซงๆมา]
ผม : งงไหมเนี้ย
จ๊าบ : ไม่มีนิเอ้ะ
จ๊าบ : ไม่งง
ผม : โอเค 555+
ผม : เออ คิดว่ามึงมีอะไรไง
ผม : ถ้าไม่มีอะไรก็ทำงาน
จ๊าบ : [ส่งสติ๊กเกอร์แบบเซงๆมา]
ผม : แล้วทำไมมึงใช้เฟสจ๊าบทักมา
จ๊าบ : เปลี่ยนกันเร่น ยุ
ผม : อ๋อ
ผม : แบบนี้ก็มี
ผม : 555+
จ๊าบ : [ส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มๆมา]
[จบการสนทนา]

ผมได้แต่มองแชทแล้วก็ปิดแชทไป ได้แต่นั่งถอนหายใจว่าเมื่อไหร่ผมจะเจอรักที่ดีๆกับเขาเสียทีอยู่ตัวคนเดียวบางทีมันก็เหงาๆครับ ต่อจากนี้ไปผมจะขอย้อนเรื่องราวของผมไปตั้งแต่สมัยที่ผมเริ่มเรียนตั้งแต่ ปวช. พ.ศ.2552
*
*
*
*
*
*
*
*
ติดตามบทต่อไปครับ มันอาจจะนานหน่อยนะครับเพราะเรื่องราวในอดีตมันตั้งแต่สมัยผมเรียน ปวช. พ.ศ.2552
ฝากคอมเม้นท์เรื่องราวมของผมเพื่อเป็นกำลังใจในการลงครั้งต่อๆไปด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ต้องขออภัยที่เปลี่ยนชื่อเรื่องอีกแล้วนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:28:35 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ปวช.1 พ.ศ.2552
บทที่ 1 รั้วเทคนิค
*************************************************************************************

เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสเหมาะกับการเริ่มต้นชีวิตวัยเรียนครั้งใหม่ของผม นั่นก็คือวันเปิดเทอมวันแรกครับ ผมซึ่งเป็นเด็กสมุทรปราการผิวสีแทนหน้าตาธรรมดาๆคนนึง เพิ่งย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดครับ ช่วงม.2 พ่อแม่และน้องสาวของผม ย้ายบ้านไปอยู่ต่างจังหวัด ส่วนผมนั้นแม่ให้อยู่กับน้าไปก่อนจนจบ ม.3 แล้วจึงค่อยย้ายตามมา 

“อิน เอ่ย!!! น้าอ๊อดมารอแล้ว!!!” เสียงแม่ผู้ทรงพลังเรียกผมแต่เช้าเลยครับ

“ครับแม่” ผมตะโกนขานรับ  รีบใส่รองเท้าแล้ววิ่งไปหน้าบ้าน พร้อมกับหัวเสียนิดหน่อย เพราะเสื้อช็อปที่
ผมสั่งตัดไว้มันสั้นเต่อมากเลยครับปลายเสื้อขึ้นมาเลยหัวเข็มขัดผมอีกครับ คือไม่รู้ว่าร้านจะประหยัดผ้าไปถึงไหน (-_-“) ประมาณว่าถ้านั่งทีก็มีเห็นล่องดากกันเลยทีเดียวครับ  :katai1:   

“แม่สวัสดีครับ น้าอ๊อดสวัสดีครับ” ผมสวัสดีแม่ และน้าอ๊อด

“อิน นี่บูมนะรู้จักกันไว้” แม่ผมแนะนำผมให้รู้จักกับลูกชายของน้าอ๊อด ผมก็แค่ยิ้มให้เฉยๆครับ คือผมเป็นคนขี้อายอะครับ ไม่ชอบทำความรู้จักกับใครใหม่ๆ เป็นนิสัยเสียของผมเลยก็ว่าได้  :เฮ้อ: 

น้าอ๊อดแกเป็นเพื่อนของแม่ครับ ส่วนบูมลูกชายน้าอ๊อดเรียนอยู่แผนกวิชาช่างกลโรงงานครับ เออลืมบอกอีกอย่างคือบ้านนี้เขาเป็นคนใต้ทั้งบ้านเลย

“โอ้ เสื้อช็อปบูมเขาสวยดีนะเนี้ยอิน ของเขาตัดมาพอดีเลย” แม่ผมพูดชมเสื้อช็อปบูม

“ครับๆ” ผมตอบอย่างเซงๆ คิดว่าจะเป็นทั้งเทคนิคสะอีก (-_-“)

จากนั้นแม่ก็สาธยายเสื้อช็อปสั้นเต่อของผมให้น้าอ๊อดฟังตามประสาผู้หญิงคุยกัน คือร้านเขาตัดของบูมมาดีจริงๆครับพอดีตัวเลย ที่เทคนิคผมจะมีร้านตัดชุด 2 ร้านที่เขาประมูลได้อะครับ ร้านนึงเขารับของช่างอิเล็กฯ ช่างไฟฟ้า และอะไรไม่รู้ครับผมจำไม่ได้ ส่วนอีกร้านนึงเขารับของ ช่างกล ช่างเชื่อม เขียนแบบ ที่เหลือจำไม่ได้แล้วครับ 

“ลำบากหน่อยนะอ๊อด” แม่ผมพูด

“โอ้ย ไม่หรอกพี่น้อยเรื่องแค่นี้เอง” น้าอ๊อดตอบกลับ พร้อมกับบิดรถเครื่องพาผมกับบูมไปส่งที่หน้าปากซอยครับ

สักพักก็ถึงหน้าปากซอยครับ ผมกับบูมก็ลงจากรถเครื่อง

“แม่สวัสดีครับ” บูมสวัสดีน้าอ๊อด

“ขอบคุณครับน้าอ๊อด” ผมพูด

“ไม่เป็นไร ตั้งใจเรียนกันนะแล้วก็คุยๆกันบ้างทำความรู้จักกันไว้ ดอกพิกุลไม่ร่วงหรอกลูก”
น้าอ๊อดพูด จากนั้นผมกับบูมก็ขึ้นรถสองแถวเพื่อที่จะไปลงในเมืองครับ แล้วจากนั้นก็ต่อรถเมย์ไปเทคนิคครับ ระหว่างการเดินทางไปเทคนิคผมกับบูมไม่ได้คุยอะไรกันเลยครับ นั่งกันเงียบๆจนถึงเทคนิค

“อิน เลิกเรียนแล้วโทรบอกด้วยนะ”

“อ่า โอเคๆ”

คือแม่ผมกับน้าอ๊อดเขาบอกไว้ว่าให้กลับพร้อมกันไปก่อนครับ ก็อย่างว่าผมเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ไปไหนก็ไม่ถูก จึงต้องอาศัยบูมไปก่อน

จากนั้นก็เดินเข้าเทคนิค บรรยากาศร่มรื่นดีครับคือเทคนิคผมอยู่ในใจกลางของป่าอ่อย และห่างจากตัวเมืองออกไปเกินกว่า 10 ก.ม. เลยครับสภาพนักศึกษาที่นี่ไม่ได้โหดร้ายอย่างที่ผมคิดไว้ ทุกอย่างดูปกติเพียงการแต่งกายที่นี่รู้สึกจะมี 3 แบบเท่าที่ผมเห็น
1.  ใส่ชุดช็อป
2.  ใส่เสื้อเชิ้ตขาวผ้าดิบแล้วสวมกางเกงยกสูงถึงเอว
3.  ใส่เสื้อเชิ้ตขาวผ้าดิบปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกงครับ
ส่วนทรงผม ปวช.1 ดูเรียบร้อยสุดครับ ที่เหลือก็ดูเป็นเหมือนเหล่าฝูงศิลปินพเนจรอะครับ แสกกลางเอย หัวฟูๆบ้างเอย ไม่ก็ผมยาวประมาณรากไทรครับ มิหนำซ้ำบางคน ระเบิดหูอีก แต่ก็ไม่ทุกคนเสมอไปนะ บางคนก็ทรงปกติธรรมดาๆ จากนั้นผมเดินไปหาที่นั่งเพื่อรอเข้าแถว

“ (เพลงมาร์ชเทคนิคดังขั้น) ”
สัญญาณเพลงมาร์ชดังขึ้นเป็นอันรู้กันทุกคนว่าต้องมาเข้าแถวครับ ผมก็เดินไปที่สนามหน้าเสาธงจะมีพวกอาจารย์มายืนบอกตำแหน่งว่าช่างไหนเข้าแถวตรงไหน ผมอยู่แผนกอิเล็กทรอนิกส์ก็ไปยืนจุดที่อาจารย์เขามาร์คไว้ จากนั้นเพื่อนๆห้องผมก็ทยอยกันเดินๆเข้ามาต่อแถวทีละคนรู้สึกดีครับเพราะเพื่อนๆผมใครตัวสูงๆเสื้อช็อปจะสั้นเต่อแบบผมเลย 555+  เมื่อเพลงมาร์ชดับ อาจารย์ฝ่ายปกครองก็จะเดินขึ้นมาพูดกับนักศึกษา

“วันนี้เปิดเทอมวันแรก ผมก็ขอยินดีต้อนรับกับนักศึกษาปวช.1 ทุกคน” อาจารย์ฝ่ายปกครองกล่าวต้อนรับ นักศึกษาปวช.1 ครับ

จากนั้นก็พูดเรื่องสำคัญๆและข่าวสารต่างๆนานา แล้วก็ยืนตรงเคารพธงชาติ สวดมนต์ กล่าวคำปฏิญาณตน เสร็จกิจกรรมหน้าเสาธงก็เลิกแถวครับต่างแผนกต่างแยกย้ายกันกลับแผนกของตนเอง เพราะวันแรกยังไม่มีตารางเรียน ต้องไปดูที่แผนกใครแผนกมัน ผมก็เดินตามกลุ่มเพื่อนห้องเดียวกันไปจนถึงแผนกที่ผมต้องฝากชีวิตเอาไว้ตลอด 3 ปี หลังจากนี้ นั่นก็คือ แผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ครับ เมื่อถึงหน้าแผนกก็เต็มไปด้วย รุ่นพี่ ปวช.2-3 ปวส.1-2 และพวกปวช.1 อย่างพวกผมเต็มไปหมด ระหว่างรอพวกเพื่อนห้องผมก็เริ่มทำความรู้จักกันแล้วก็บ่นๆกันเรื่องเสื้อช็อปอะครับ ผมก็ยืนดูเฉยๆเพราะผมขี้อายอะไม่รู้จะพูดยังไง 555+

ปวช.1 แผนกผมมีทั้งหมด 6 กลุ่ม 3 ห้อง 2 กลุ่มเท่ากับ 1 ห้องครับ ผมอยู่กลุ่ม 4 และกลุ่ม 4 ของผมมีทั้งหมด 18 คน ชาย 17 คน ทอม 1 คนครับ สักพักอาจารย์ที่ปรึกษาก็นำตารางเรียนมาให้ครับ อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นคนนิ่งๆไม่ค่อยพูด แต่ชอบปล่อยมุขหน้านิ่ง อายุประมาณ 50 กว่าปี และมีธรรมะในใจครับ คาบแรกเรียนที่แผนกช่างยนต์ เป็นวิชางานเครื่องยนต์เบื้องต้น พวกเราก็เดินไปเรียนกันระหว่างทางเพื่อนๆก็คุยกันใหญ่เลยจนผมเริ่มอยากคุยบ้างแต่ปากมันหนักเหลือเกินก็คนมันขี้อายอะ555+

“เฮ่ย...ชื่ออะไรว่ะ” นั่นไง มีคนทักผม ดีใจจังมีเพื่อนคบแล้วครับ 55+  :heaven 

“อ๋อ ข้า ชื่ออนิรุต” ภาษาพ่อขุนก็มาครับ เอ๊ง,ข้า,มึง,กู

“ชื่อเล่นดิ”

“…อิน...”

“แล้วเอ๊งอะ” ผมถามกลับ คือยังไม่สนิทถึงขนาดต้องใช้ มึงกู อะครับ ใช้เอ๊งกับข้าไปก่อน 555+

“กูชื่อบาส” บาสคือเพื่อนคนแรกในกลุ่มเลยครับ นิสัยคือ ปากเสีย ไม่แคร์สื่อ ไม่ค่อยเอาเพื่อนฝูง อารมณ์ศิลปิน มันร้องเพลงเล่นดนตรีได้สุดยอดมากครับ หมู่บ้านมันอยู่ใกล้ๆกับผมด้วย บาสเป็นผู้ชายตัวสูงกว่าผมนิดหน่อย ผิวขาว ตัวใหญ่แบบคนเล่นกล้าม หน้าตาโอเคเลยครับ

จากนั้นผมก็เงียบตามเดิม คือถ้าไม่ถามผมก็เงียบ ผมขี้อายจริงๆ 555+ จนเดินกันมาถึงห้องเรียนครับ อาจารย์ก็เข้ามาครับ

“เป็นยังไงกันบ้างเปิดเรียนวันแรก เปลี่ยนจากขาสั้นมาเป็นขายาว...อ่างั้นเช็คชื่อก่อนเนอะ สันติภพ” ผมหันไปดูครับว่าใครเพื่อจะได้รู้จักเพื่อนไปด้วย

“มาครับ” บาสยกมือ

“ณัฐวุฒิ”

“มาฮั๊บ” คนนี้เป็นหัวหน้าห้องครับ ชื่อแรก แรกเขาลิ้นไก่สั้นจึงพูดไม่ค่อยชัด แล้วก็ชอบทำตัวแปลกๆ และที่สำคัญบ้ายอด้วยครับ 555+

จากนั้นอาจารย์ก็พูดชื่อไปเรื่อยๆจนหมด

“อ่า วันนี้มา 14 คนเองหรอ เรียนวันแรกก็ขาดเลยจะไหวไหมเนี้ย” อาจารย์พูด สักพักก็มีเพื่อน 4 คนวิ่งเข้ามาในห้องครับ เหมือนจะมาสายหอบกันใหญ่เลย

“อ่าว ทำไมมาสาย การเรียนวันแรกควรเตรียมตัวให้พร้อมวันหลังไม่เอาแบบนี้นะ” อาจารย์ตำหนิ

“ครับอาจารย์ พอดีหาห้องไม่เจอด้วยครับอาจารย์” เพื่อนคนนึงตอบ อีก 3 คนยืนนิ่งๆ

“อ่าๆ แล้วชื่ออะไรกันบ้าง เริ่มจากเอ๊งก่อนเลยไอ่มนุษย์ต่างดาว”

“ฉัตรชัย ครับ” คนนี้ชื่อ ชัย ครับ ตัวเล็ก เตี้ย และผอมมากๆหน้าตาคล้ายๆ น้าเอ็ดดี้ ผีน่ารักอะครับ (อันนี้ไม่ได้คิดจะล้อเลียนนะครับ) และที่สำคัญติดบุหรี่มากด้วย

“อุดม ครับ” คนนี้ชื่อ น็อต  ตัวเตี้ย หน้าตาโอเคดีครับเคราบานเลย 555+

“ศิริโชค ครับ” คนนี้ชื่อ ตาม ครับ ตัวเตี้ยอีกแล้ว หน้าตาน่ารักแบบเด็กๆอะครับ

“อภินันท์ ครับ”  :impress2: 
ปกติผมก็ดูหน้าเพื่อนทุกคนครับเวลาบอกชื่อ แต่กับคนนี้รู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก ผมมองเขาบ่อยมากครับ คนนี้ชื่อตัน ผิวขาวออกคนจีนความสูงประมาณติ่งหูผม คือไม่รู้ว่าเพื่อนในห้องแม่งจะเตี้ยกันไปถึงไหน 555+ หน้าตาไม่ต้องพูดถึงเลยครับจัดว่าดีมากเลยทีเดียว จากนั้นอาจารย์ก็ให้ไอ้ 4 คนที่มาสายเข้าไปนั่งที่ แล้วก็พูดเรื่องวิชาที่จะเรียนเหมือนปฐมนิเทศวิชาจากนั้นก็ปล่อยครับ คือเป็นการเรียนที่เร็วฉิบหายเลยเป็นที่รู้กันดีว่าการเรียนการสอนของเทคนิคทั้งหลายออกแนวสายชิล แต่ก็ไม่ทุกวิชาเสมอไปนะครับ 555+

เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
อาจจะไม่สนุกหรือเร้าใจเหมือนเรื่องของท่านอื่นๆนะครับ ช่วงแรกๆเป็นช่วงที่ผมยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเองว่าชอบอะไรมากกว่า พักใหญ่ๆเลยครับกว่าผมจะยอมรับตัวเอง เอาจริงๆผมชอบได้ทั้ง หญิงแล้วก็ชายเลยครับ เรื่องมันก็นานมากแล้วด้วยผมก็จำทุกเหตุการณ์ได้ไม่หมด (แก่แล้ว 555+) ใครมีอะไรที่คิดว่าผมต้องปรับแก้ก็แนะนำกันมาได้นะครับ แล้วก็ขออภัยคำบางคำที่ไม่สุภาพและเป็นภาษาพูด สุดท้ายก็ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านมากๆนะครับ

*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:29:30 โดย Nuda »

ออฟไลน์ เสเพล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
ติดตามครับ

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 2 “รู้จัก”
***************************************************************************

เปิดเทอมวันแรกช่างเป็นอะไรที่ผมเบื่อหน่ายมากครับ คิดถึงเพื่อนที่สมุทรปราการมากๆเลย คือเพื่อนผมส่วนใหญ่ต่อ ม.4 ที่เดิมกันเกือบหมดเลยครับ มีผมนี่แหละครับแหวกแนวมาเทคนิคแล้วมาอยู่ต่างจังหวัดสะด้วย แต่ทำยังไงได้ละครับชีวิตมันต้องเดินต่อไป (ก็เราเลือกมาสายนี้แล้วนี่) หลังจากที่อาจารย์วิชาแรกปล่อยพวกผมก็แยกย้ายหายไปกันหมดเลยครับ ผมจึงมาหาที่นั่งแถวตึกวิชาสามัญครับ   

“โหล เจ๊สี่” ผมโทรหาเพื่อนที่โรงเรียนเก่าครับ

“ว่าไงเด็กเทคนิค เป็นไงมั้ง กูเรียนอยู่ว่ะ”

“คิดถึงว่ะมึง ที่นี่น่าเบื่อฉิบหายเลย”

“หรอ…เออมึงไว้ค่อยคุยนะเว้ยกูเรียนก่อน ห้ามงอล”

“เออๆบาย…” ผมเซงนิดๆครับ  :เฮ้อ: 

คือเจ๊สี่เป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกับผมมาตั้งแต่สมัย ม.1 แล้วครับ คำว่า เจ๊สี่ คือฉายานะครับ จริงๆเธอชื่อ “ไหม” ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงมีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิง คือเวลาคุยแล้วมันรู้สึกสบายใจอะครับ

“แม่ง 11 โมง เอง เรียนอีกทีตั้งบ่ายโมง” ผมกดดูเวลาในโทรศัพท์มือถือ สมัยนั้นผมใช้ Nokia 3200 (2003) ครับ ตกทอดมาจากของน้าสาวผม

ผมนั่งรอจนกระทั่ง 12.30 น.  ตอนนั้นท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยผมจึงรีบเดินไปที่แผนกเพื่อไปรอหน้าห้องที่จะเรียน หิวก็หิวแต่ไม่กล้าเดินเข้าโรงอาหารครับ ไม่รู้จะอายห่าอะไรนักหนา 555+ คือช่วงแรกผมเป็นแบบนี้จริงๆครับ พอขึ้นไปชั้น 2 หน้าห้องที่ผมจะเรียนผมก็มองเห็นเพื่อนๆมานั่งรอที่ระเบียง บางคนก็คุยกัน บางคนก็นั่งนิ่งๆครับ ช่วงแรกคงแบบนี้ทุกคนแหละคือยังไม่สนิทกันผมว่านะ

“เฮ่ย มึงไปนั่งอยู่แถวไหนว่ะ” บาสถามผมครับ

“อ๋อ ไม่รู้อะ มันเป็นตึกที่เขาเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กันอะ”

“เออ แล้วชื่ออะไรนะจำไม่ได้ว่ะ 555+” ยังจะมีหน้ามาขำ…เมื่อเช้ากูเพิ่งจะบอกชื่อกูไปเองนะไอ่หำ  :a6:   

“อินไง”

“โอเคๆ แล้วอยู่แถวไหนว่ะ” จากนั้นผมกับบาสก็นั่งคุยกันเรื่องทั่วๆไป จนกระทั้งฝนตกหนักมาก เพื่อนอีก 3 คนวิ่งขึ้นมา สภาพเปียกทั้งตัวเลยครับ นั่นก็คือ น็อต, โอ๊ต และบิว (ทอม)

“นี่ใช่กลุ่ม 4 หรือป่าวครับ” น็อตถามรวมๆ

“ไอ้ๆ” แรกตอบ มันพูดว่า ใช่ๆ ครับ

จากนั้นน็อตก็ชวนเพื่อนๆและผมคุย น็อตเป็นเพื่อนที่อัธยาศัยดีมากเลย บรรยากาศและความรู้สึกของผมที่เบื่อในทีแรก ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นเมื่อมีเพื่อนคุยด้วย

“เปียกไปหมดเลยเว่ย เซง…” ชายคนนึงวิ่งขึ้นมาพร้อมกับบ่น

“อ่าว ตัน เปียกซกไปทั้งตัวเลยนะเนี้ย 555+” น็อตทักครับ คือน็อตรู้จักตันตั้งแต่ที่คุยกันเมื่อเช้าแล้ว

“ทำไงดีว่ะเนี้ย เข้าห้องไปโดนอาจารย์ด่าชัวร์” ตันบ่นๆ

“เอาผ้าเช็ดหน้าข้าไปเช็ดหัวไหม เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” :hao3: ผมส่งผ้าเช็ดหน้าให้ตันครับ ทั้งทีผมขี้อายแท้ๆไม่รู้อะไรสั่งผมให้พูดแบบนั้นออกไป

“โอเคๆ” ตันพูดแล้วรับผ้าเช็ดหน้าที่ผมยื่นให้

 “อาจารย์สวัสดีครับ” บิ๊กเห็นอาจารย์ที่ปรึกษาเดินขึ้นมา จึงยกมือไหว้สวัสดีอาจารย์ พวกผมจึงไหว้ตาม

“เรียนวิชาอะไรกัน” ที่ปรึกษาผมถาม

“วงจรไฟฟ้ากระแสตรงครับอาจารย์” บิ๊กพูด

“เรียนกับ อาจารย์ดวงดาวใช่ไหม วันนี้อาจารย์ไม่สบายหนะเลยไม่ได้มา”

“อ่าว งั้นก็กลับดิครับ เฮอเฮ๊อ~ :oni1: ” ไอ้ชัยพูดแล้วก็ขำออกมา ผมละชอบจริงๆเวลาไอ้ชัยขำแบบนี้มันตลกจริงๆครับ 555+

“อืม..” ที่ปรึกษาผมตอบสั้นๆแล้วก็เดินเข้าห้องข้างๆไป

“งั้นก็กลับเถอะหวะ อิน” บาสชวนผมกลับครับ ผมก็โทรไปหาบูมบอกว่าเดี๋ยววันนี้กลับเองเพราะมีเพื่อนอยู่หมู่บ้านใกล้ๆกัน ทางเดียวพอดี บูมก็โอเค ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้วด้วย พวกผมจึงลงจากแผนกเพื่อกลับบ้านกัน

“เฮ่ยนาย…ผ้าเช็ดหน้า” ตันเรียกผม พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนให้

“เออ เกือบลืม” ผมรับผ้าเช็ดหน้ามาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อช็อป

“ขอบใจมาก แล้วชื่ออะไร”

“ข้าชื่อ…อิน”

“โอเค นี่ชื่อตันนะ” ผมพยักหน้า แล้วเดินออกจากแผนกไปกับบาส

เป็นการรู้จักกันครั้งแรกระหว่างผมกับตัน จะว่าดีใจไหมก็ดีใจครับ แต่รู้สึกแปลกใจตัวเองมากกว่าครับ 

แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
เพื่อนในห้องผม มี ผม บาส แรก ตัน ตาม บิ๊ก น็อต ชัย โอ๊ต บิว โจ๋ มอส และป๊อช (บางชื่อก็นามสมมติครับ ชื่อผมก็ด้วย) ส่วนอีก 5 คน ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว เพราะเรียนกันไปสักพักเพื่อนๆก็เริ่มโดดเรียน จนหมดสิทธ์สอบสุดท้ายก็ออกจากเทคนิคไป ช่วงหลังๆห้องผมจะเหลือน้อยมาก น้อยสุดในบรรดา 6 กลุ่มเลย :เฮ้อ: ยังไงก็ติชมด้วยนะครับคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจครับ ช่วงแรกน่าเบื่อพอสมควร บวกกับผมขี้อายด้วยเลยไม่ค่อยมีประโยคเด็ดๆอะไรหรอก ไม่รู้จะเขียนยังไงให้สนุกเหมือนคนอื่นๆเขา เรื่องของผมมันเป็นแบบนี้จริงๆ ยังไงก็ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ นี่ก็จะ 9 โมง แล้ว ผมต้องรีบเตรียมตัวไปฝึกงานก่อน สวัสดีครับ

 
 


***************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:29:51 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ช่วงว่างจากการฝึกงานเลยแอบมาลงให้ครับ

บทที่ 3 “กลุ่ม 3”
***************************************************************************

วันนี้เป็นวันศุกร์ของสัปดาห์แรกตอนนี้ผมรู้จักเพื่อนในกลุ่มครบทุกคนแล้วครับ

“(เสียงพูดใส่ไมค์) ก็แจ้งให้ทราบตามนี้ เรื่องต่อไปก็เรื่องของห้องน้ำ ไม่รู้นักศึกษาที่นี่เป็นอะไรกันนัก ขี้เยี่ยวกันทีนี่คอห่านแตก คอห่านระเบิด ประตงประตูพังฉิบหายหมด เขาอุตส่าห์สร้างขึ้นมาเพื่อให้พวกมึง@#@$#%#%$^$”

อาจารย์ฝ่ายปกครองบ่นหน้าเสาธงแต่เช้า คือไม่ได้เว่อนะครับแต่อาจารย์ฝ่ายปกครองเทคนิคผมเป็นแบบนี้จริงๆแล้วพูดใส่ไมค์หน้าเสาธงด้วย ถ้ามีผู้อ่านที่อยู่เทคนิคเดียวกับผมเจอประโยคนี้คงรู้ว่าใคร

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมขำในสิ่งที่อาจารย์เขาบ่น ไม่ใช่ผมคนเดียวคือทั้งเทคนิคครับ

“อิน วันนี้เรียนวิชาอะไรบ้างว่ะ” บาสถามผม

“ช่วงเช้า วิชาอาชีวะอนามัยและความปลอดภัย สิบเอ็ดโมงถึงเที่ยงโฮมรูม บ่ายภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 1 และต่อด้วยคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1”

“ฉิบหาย ทำไมวันนี้แม้งดูเรียนเยอะจังว่ะ” บาสบ่นๆ   

“รู้สึกวันนี้จะเรียนรวมกับ กลุ่ม 3 ด้วยนะ” บิ๊ก พูดครับ

จริงๆต้องเรียนรวมกับกลุ่ม 3 ตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ เป็นวิชาเพศศึกษา กับเครื่องมือวัดไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แต่บังเอิญเมื่อวานนี้เทคนิคเขาประชุมครูทั้งวิทยาลัยเลยครับ สบายไปอีก   

“(เสียงพูดใส่ไมค์) นักศึกษาหันไปดูกันนะ ไอ้พวกที่ชอบมาสายหนะ!! อ่าวเฮ่ย!!! มึงจะเดินทอดน่องกันทำไมไม่เท่นะเฮ่ยมาสายอะ กูพูดขนาดนี้แล้วยังเดินอีก” ยังไม่เลิกบ่น หนึ่งในผู้ที่มาสายมีตันด้วยครับ 555+

“เฮ่ย มาสายจังว่ะ” น็อตถามตัน

“เหอะๆ” ตันไม่ได้พูดอะไร เพราะเหนื่อยกับการวิ่งเข้ามานั่งในแถวครับ

หลังจากเลิกแถวพวกเราก็ไปรอเรียนวิชาแรกกัน วันนี้เป็นวันแรกที่เราจะได้เรียนรวมกับเพื่อนกลุ่มใหม่นั่นคือ กลุ่ม 3 ซึ่งก็พอเห็นหน้าค่าตามาบ้างแล้ว เพราะเข้าแถวข้างๆกันเลยครับ เรียงจากกลุ่ม 1-6

ผมและเพื่อนๆเดินคุยกันมาเรื่อย จนถึงหน้าห้องที่จะเรียนบนตึกสามัญครับ

“เข้าไปนั่งรอข้างในกันดีไหม” ผมชวนเพื่อนๆ

พูดจบก็เดินเข้าห้องไปเลือกที่นั่งกันครับ ผมมองดูสภาพห้องมันเก่ามากเลย เงยหน้าดูเพดานโอ้โห่มีรอย มองเห็นเส้นลวดเหล็กที่ขึ้นสนิมอยู่ด้วย เพราะชิ้นส่วนเพดานหลุดออกมาคงแตกหล่นไปนานแล้ว โชว์ความเป็นกรุงศรีมาก

“นั่งหน้าอีกแล้วหรอว่ะ อิน” ตันทักผมครับ

คือปกติผมจะนั่งหน้าทุกวิชา ยกเว้นว่าวิชานั้นมันไม่ไหวจริงๆถึงจะนั่งหลัง คือผมจบมาจากโรงเรียนประจำจังหวัดสมุทรปราการครับ การเรียนการสอนที่นั่นบอกเลยว่าสุดยอด ผมเรียนไม่เก่งแต่อาศัยขยัน แล้วผมก็เอานิสัยที่โรงเรียนเก่ามาใช้ที่นี่ครับ   

“อ่า นั่งหน้าสิดีใกล้ๆอาจารย์” ผมตอบ จากนั้นตันก็มานั่งเก้าอี้ข้างผมฝั่งซ้าย ส่วนบาสนั่งข้างผมฝั่งขวา คนอื่นๆนั่งสะเปะสะปะครับ

“เฮอเฮ๊อ~ เพื่อนๆ” ไอ้ชัยครับ มันเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับไอ้ตามและไอ้โจ๋ ไม่รู้มันเป็นอะไรชอบขำแบบนี้แต่ฮาจริงบอกเลย

“เฮ่ยไอ้ชัย มีปะ” บิ๊กถามครับ ไม่รู้ว่าถามอะไรงงเหมือนกัน

“มีๆ”

“ปะ” สักพัก บิ๊ก ชัย และตาม ก็เดินออกไปครับ ผมถามมันก็บอกกันว่าไปห้องน้ำเดี๋ยวมา คงไปดูดบุรุษ เฮ่ยบุหรี่

จากนั้นพวกผมก็คุยกันเสียงดังลั่นห้องเลย ยอมรับว่าเพื่อนๆผมแต่ละคนแสบมาก จนกระทั้งกลุ่ม 3 เดินเข้ามา พวกผมก็เงียบหมดคือ กลุ่ม 3 มองโดยรวมเรียบร้อยมากๆเลยครับ มีแสบๆไม่กี่คน พอพวกนั้นหาที่นั่งได้เรียบร้อยก็เริ่มทักทายกับกลุ่ม 4 ของผม ทำความรู้จักกันไปได้สักพักก็มี ผู้หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามา

“คุยอะไรกันนักหนา เงียบๆกันหน่อยดิว่ะ” เฮ่ย!!! ใครว่ะดุชิบหายเลยครับ  :sad4:   

“นักเรียนทั้งหมดกำความเคารพ” ผู้หญิงกลุ่ม 3 คงเห็นว่ากลุ่มผมไม่มีใครสั่ง จึงสั่งทุกคนทำความเคารพอาจารย์ คาดว่าคงเป็นหัวหน้ากลุ่ม 3 คนนี้ชื่อ กิ๊ฟ ครับ

“สวัสดีครับ” ทุกคนทำความเคารพอาจารย์ด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน :m15:

“โอเค สวัสดีค่ะ ครูชื่อสุดใจ วันนี้ครูมีธุระด่วนมาก พอดีลูกศิษย์ที่ครูเป็นที่ปรึกษาอยู่เกิดอุบัติเหตุรถล้ม ฉะนั้น สั่งงานเลยแล้วกัน ให้เขียนสิ่งที่ไม่ควรกระทำระหว่างทำงานในโรงงานอุตหกรรมมา 20 ข้อ ห้ามซ้ำกัน และขอร้องอีกอย่างอย่ากวนตีน อยู่กันเงียบๆเดี๋ยวครูมา”   

อะ....เอ่อ...คือ

 o22

อะไรกันเนี้ยมาถึงก็ใส่เต็มเลยครับ อาจารย์คนนี้ลักษณะผมสั้นหยิกๆ ใส่กางเกงขาตรงออกทรงกระบอก ท่าเดินเหมือนผู้ชาย  สายตาดูเด็ดเดี่ยว และพูดเสียงดังด้วย บอกตรงๆโคตรดุเลย ช่วงแรกๆอะครับ 555+ พอพูดจบก็เดินออกนอกห้องไป พวกผมก็เริ่มทำงานกันด้วยความยำเกรงอย่างที่สุด

“กูจะเขียนยังไงดีว่ะตั้ง 20 ข้อ” ตันบ่น คือตอนนั้นผมเขียนไปได้ 15-16 ข้อแล้ว

“ดูของกูไหมละ” ผมถาม

“ไม่อะ แกไม่ให้ซ้ำหนิ”

จากนั้นผมก็เขียนเสร็จ จึงนั่งว่างๆรออาจารย์กลับมาครับ ระหว่างนั้นผมก็หยิบหนังสือการ์ตูนมานั่งอ่านรอเวลา เรื่อง Bleach เทพมรณะ สนุกดีครับผมชอบ

“อ่านเรื่องนี้ด้วยหรอ” มีคนมาคุยด้วย คนนี้ชื่อ กบ เป็นเพื่อนกลุ่ม 3 ครับ

“อ่า สนุกดีอะ”

“เฮ่ยตัน มึงเขียนเหี้ยอะไรของมึงเนี้ย 5555” บาสกับน็อตพูดครับ

“อ่าว แล้วมึงจะให้กูเขียนยังไงว่ะ ตั้ง 20 ข้อ แล้วห้ามลอกกัน” คือมันเป็นไปไม่ได้จริงๆแหละ ตั้ง 20 ข้อ ห้ามซ้ำกัน ผมฟังเขาคุยกันก็เกิดความเสือกอยากรู้ขึ้นมาครับ

“อะไรว่ะ เอามาให้กูดูมั้ง” ผมหยิบกระดาษของตันมาอ่าน ก็รู้สึกฮาคือมันกวนตีนจริงๆครับ ไอ้สันดานนี่อะ

“แคะหูในขณะทำงาน แคะเล็บในขณะทำงาน :a5: ”  และอื่นๆอีกมากมายที่มันนึกอยากเขียนก็เขียน

“55555” ผมขำ แล้วก็ส่งกระดาษคืนมันไป

“อ่าว เสร็จกันหรือยัง ใครเสร็จแล้วส่ง แล้วนั่งรอครูตรวจก่อน” อาจารย์กลับมาแล้วครับ นึกอยากมาก็โผล่มาเลย จากนั้นพวกผมก็ส่งงานแล้วนั่งรอแกตรวจ

“อ่าคนที่มีรายชื่อต่อไปนี้ให้อยู่ก่อนนะ” แกก็ขานชื่อเพื่อนไป 2-3 คน รู้สึกตอนนั้นจะมีไอ้ชัยด้วย จนกระทั้ง...

“  :angry2: อภินันท์…แคะหู!!!…แคะเล็บ เล็บขบหรอค่ะ?…มึงลุกมานี่เดี๋ยวกูจะให้มึงแคะให้พอ!!!” ตันโดนไปแก้งานหน้าโต๊ะอาจารย์อย่างฮาเลยครับ แต่ถ้าพูดกันตรงๆผมว่าที่ตันเขียนมันก็ถูกนะ ใครเขาแคะหู แคะเล็บในเวลาทำงานละ

“เดี่ยวพวกกูรอข้างนอกนะ” บาสบอกตันครับ

“เออๆ”

ทีแรกก็ฮาอยู่ครับ แต่ดูๆไปก็น่าสงสาร 555 ผมจึงเรียกตันให้หันมาแล้วก็ช่วยบอกตันให้เขียนตามผมบอก คือพูดแบบไม่มีเสียงให้อ่านปากเอา ตันก็มองปากผมแล้วเขียนจนเสร็จก็ส่ง จนในที่สุดก็ได้ออกมาจากขุมนรก

“ฉิบหายปีศาจชัดๆ ขอบใจมากอิน ไม่มีมึงช่วยกูคงแย่” ตันบ่นอาจารย์ แล้วหันมาตบไหล่ผมเบาๆแล้วพูดขอบคุณผม

“เหอะๆ ไม่เป็นไร” ผมตอบแต่ไม่มองหน้า คือรู้สึกอายไม่รู้เป็นอะไรนักกับคนคนนี้

“พวกเหี้ยบาสแม้งไม่ช่วยเลยสาสนั่งขำกูอยู่ข้างนอก” ตันบ่น

“มึงไม่เคยได้ยินคำสุภาษิตหรอว่ะ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนอะ 555” บาสตอบแบบขำๆ

“สุภาษิตพ่อง เขาเรียกว่าอะไรนะ” ตันถาม แล้วครุ่นคิด

“ไอ่นี่หรือป่าว ศาสนสุภาษิต หนะ” ไอ้โจ๋ตอบ คือปู่ของโจ๋ท่านเป็นพระ โจ๋คงโดนเทศน์มาบ่อยๆเลยรู้ 5555

จากนั้นพวกเราก็เดินไปกินข้าวที่โรงอาหาร นั่งกินไปคุยกันไปกินเสร็จผมก็อาสาเอาจานข้าวเพื่อนไปเก็บให้ครับ ใจจริงอยากเก็บให้ตันคนเดียวแต่ก็กลัวเพื่อนจะว่าเลยพูดรวมๆ ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวทำเองเหมือนกัน เสร็จจากกินข้าวพวกผมก็มาเข้าโฮมรูมพบที่ปรึกษาที่แผนกพร้อมกับกลุ่ม 3 เพราะกลุ่ม 3-4 มีที่ปรึกษาคนเดียวกัน

ครั้งแรกในชั่วโมงโฮมรูม อาจารย์ที่ปรึกษาผมแนะนำตัวเองและชี้แจงระเบียบเทคนิค การปรับตัว การเรียน และการใช้ชีวิตครับ จากนั้นก็แจกกระดาษให้คนละแผ่น ให้เขียนแนะนำตัวเอง เบอร์โทร และhi5ของตัวเองครับ แล้วส่งให้เพื่อนคนข้างๆเขียนต่อ วนจนครบทุกคนและแจกคืน อาจารย์บอกว่าเก็บไว้ติดต่อหาเพื่อน เท่ากับว่าตอนนี้ผมมีข้อมูล เบอร์โทร และhi5 ของเพื่อนทุกคนทั้งกลุ่ม 3-4 เลยครับ    จากนั้นก็ปล่อยพวกผมไปเรียน ช่วงบ่าย เป็นวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 1 และคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 ครับ เสร็จจากนั้นก็แยกย้ายกันบ้านใครบ้านมัน

เป็นสัปดาห์แรกที่ผมต้องปรับเปลี่ยนอะไรเยอะเลยครับ ทั้งเพื่อน เรื่องเรียน สภาพแวดล้อมเทคนิค และวิถีชีวิต เพื่อนเทคนิคมันแสบกว่า ม.ต้น เยอะเลยครับ เรื่องทะลึ่งมาเต็มจัดหนักทุกวัน เรื่องเรียนไม่ต้องหวังมากเลยครับมาบ้างโดดบ้าง ส่วนใครเข้าครบก็ผ่านแล้ว จิตพิสัยตั้ง 30 คะแนน ส่วนอาจารย์ที่ปรึกษา ก็ไม่ได้พบทุกวันเหมือน ม.ต้น นะครับ พบได้เฉพาะวันศุกร์เท่านั้น

แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
ติชมกันด้วยนะครับ ผมกำลังพยายามจะเขียนให้มันเข้าเรื่องสักทีแต่เขียนไม่ถูก คงต้องใช้เวลาสำหรับมือใหม่อย่างผม เรื่องของผมมันไม่ได้หวือหวา หรือ 18+ นะครับ มันประมาณว่าแอบชอบเพื่อนอะไรประมาณนี้ บางทีนั่งละลึกชาตินานมากๆครับ ลืมไปหลายอย่างมากแล้ว ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและติชมครับ 

 
  :bye2:

***************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:30:13 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 4 “รายการรถโรงเรียน”

********************************************************************

อาทิตย์ต่อมา ผมปรับตัวเข้ากับที่นี้ได้พอสมควร มีความสุขกับที่นี้มากขึ้นแต่จะดีกว่านี้ถ้าเสื้อช็อปผมไม่สั้น (-_-“) ลืมบอกไปว่าแม่ผมแก้โดยการเลาะปลายตะเข็บเสื้อช็อปออกแล้วมันยาวมากขึ้นประมาณ 2 ซ.ม. ซึ่งแทบไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย     

กรี๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!! (เสียงนาฬิกาปลุก) ผมเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกา แล้วนอนเล่นสักหน่อย คงเข้าใจคนที่เพิ่งตื่นนอนใช่ไหมครับ เวลาตื่นมามันจะงัวเงียยังไม่อยากลุก   

“อิน!! ตื่นได้แล้ว!!!” ด้วยพลังเสียงอันลึกลับและเกรี้ยวกราดนั้น (คงไม่ต้องบอกนะว่าใคร) ทำให้ผมสปริงตัวขึ้นมาจากเตียงอย่างฉับไว วิ่งปราดเข้าห้องน้ำไปโดยฉับพลัน เซงเหมือนกันนะครับ ทีวันหยุดนี่ตื่นไว ทีวันมีเรียนเสือกไม่ค่อยอยากจะลุก เฮ้อชีวิต (-_-“)

หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ออกไปพร้อมกับพ่อ คือพ่อผมแวะส่งหน้าหมู่บ้านแล้วก็ไปทำงานต่อเลยครับ ผมก็นั่งสองแถวไปลงในเมืองเพื่อรอไอ้บาส แรก โจ๋ เพื่อไปเทคนิคพร้อมกัน

“    ไอ่สัส มาช้านะมึงอะ” บาสบ่นๆ คือไม่รู้วันนี้มันเป็นอะไรดูรีบ

“ห่า โทษทีรถมันแวะรับคนอะดิ”

“เออๆ ไอคันเออะ” แรกพูดครับ นี่ก็ดูรีบอีกคน

“คันเหี้ยอะไร 555” บาสพูดขำๆ

“มันบอกว่า เออๆ ไปกันเถอะ ไอ่สาส” โจ๋บอก จริงๆทุกคนในห้องก็ฟังออกหมดครับ เพียงแต่ชอบแกล้งแรกเฉยๆผมก็ด้วย 555

จากนั้นพวกเราก็ขึ้นรถเมล์เพื่อเดินทางไปเทคนิคกัน มีผม บาส โจ๋ แรก และเพื่อนกลุ่ม 3 คนนึง ชื่อ เล็ก และเพื่อนไอ้บาส อยู่ช่างกลชื่อ บาล์ม ครับ พวกเราขึ้นมาก็นั่งเบาะหลังสุดเพราะมันนั่งได้ 6 ที่ จะได้นั่งด้วยกันทุกคน

ระหว่างทางนั่งคุยกันเสียงดังฉิบหายเลย เหมือนไม่ได้เจอกันนานพอพูดมากก็เริ่มเบื่อ จากเบื่อก็กลายเป็นง่วง จากง่วงก็กลายเป็นว่าตายกันหมด เหลือผมนั่งริมหน้าต่างดูวิวข้างทางตากลมไปเรื่อยๆ คือบรรยากาศต่างจังหวัดมันก็ดีไปอย่างตรงที ต้นไม้เยอะข้างทางมองไปก็เป็นสวนมันเป็นไร้อ่อย บางทีก็เข้าเขตที่มันเจริญสักพักก็ออกชนบทอีก มันดูไม่วุ่นวายเหมือนสมุทรปราการที่ผมจากมาบางทีดูๆไปก็เพลินดี

7:20 น. รถเมล์มาถึงเทคนิคครับพวกเราก็ลงกัน วันนี้ดูแปลกตาหน่อยตรงที่หน้าเทคนิคมีคนเอากล้องมาตั้งอย่างกับว่าถ่ายทำละครอะไรประมาณนั้นเลยครับ

“วันนี้เทคนิคเรามีงานอะไรว่ะ” ผมถาม

“ไอ่เหี้ย มึงไม่รู้จริงๆหรอว่ะ เขาประกาศอยู่ปาวๆเมื่อวันศุกร์ที่แล้วอะ” บาสตบหัวผมแล้วพูดไปด้วย แหนะไอ่ส้นตีนทีแบบนี้แม่งรู้ดีจริงๆ ที่ประกาศวิชาการแม่งไม่มีใครรู้สักคน

“ก็เออดิไม่รู้ แล้วมาตบกูสะ…โห” ก็มันเจ็บหนิอายด้วยเพราะมันตบลั่นอะครับ เซงเลยโดนลั่นทุ่งแต่เช้า(ตบหัว)

“ไออี้ไอ อายอานอ๊ดโองเอียนอะ” แรกพูด ประมาณว่า ไอ่นี่ไง รายการรถโรงเรียนอ่า

“มึงไม่รู้หรอว่ะ ว่า พี่คนดัง ที่เขาเป็นดีเจอะ    เขาเป็นศิษย์เก่าเทคนิคเรา มิหนำซ้ำยังดีกว่านี้อีก ตรงไหนมึงรู้ไหม” บาสพูด

ต้องขอปกปิดชื่อพี่เขานะครับ ขอใช้ชื่อว่า พี่คนดัง นะครับ

“…หึ…” ผมตอบ

“เขาเป็นศิษย์เก่าแผนกเราไงไอ่ควาย” โดนไอ่ส้นตีนบาสด่าอีก 1 ดอก!!!

“นี่ๆมึง เดินผ่านกล้องกันเผื่อได้ออกทีวีกับเขา” บาสชวนครับ

“โอ้ยไม่เอาหรอกกูอายเขา” ผมตอบ

“มึงจะอายทำเหี้ยอะไร ไปเร็วๆ เผื่อได้ออกทีวีพ่อแม่มึงจะได้ภูมิใจไง” แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับพ่อแม่กูภูมิใจว่ะเริ่มมั่วละ ข้ออ้างชัดๆ แล้วแม่งยังไม่เลิกด่านี่ถ้ามีมาอีกกูโดดถีบหน้าจริงๆนะตั้งแต่ลั่นทุ่งกูละ (-_-“)

จากนั้นพวกเราก็เดินผ่านกล้องที่เขาตั้งไว้หน้าประตูทางเข้าเทคนิค ไอ่บาสกับไอ่แรก มันเริ่มแล้วครับ มัน 2 คน ทำเป็นเดินผ่านแล้วโบกมือยิ้ม ทำอย่างกับพวกมันเป็นคนสำคัญของโลกอย่างนั้นแหละ ผมเห็นแล้วอายแทนฉิบหายเลย แต่ก็ฮาดี 555 เดินเข้ามาเพลงมาร์ชก็ดันขึ้น วันนี้ขึ้นเร็วหน่อยเพราะมีรายการมาถ่ายทำด้วยครับ

พวกเราก็ไปยืนเข้าแถวกัน เพลงมาร์ชจบอาจารย์ฝ่ายปกครองก็เดินขึ้นมาพูดอย่างเคย

“(พูดใส่ไมค์) สวัสดีนักศึกษาทุกคน วันนี้เป็นวันดีอีกหนึ่งวัน ซึ่งมีรายการรถโรงเรียนเขาจะมาถ่ายทำ เนื่องจากศิษย์เก่าเราไปได้ดิบได้ดีมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ก็ขอแสดงความชื่นชม ส่วนอีกเรื่องนึงวันนี้ขอให้เก็บสันดานเลวๆไว้ เพราะวันนี้มีแขกเรื่องของห้องน้ำอย่าเข้าไปสูบบุรี่อันนี้อย่าให้กูเจอ” อาจารย์ฝ่ายปกครองพูดชื่นชม และขอความร่วมมือจากพวกผม

“เดี๋ยว ปวช.1 กับ ปวส.1 เลิกแถวแล้วอยู่ก่อนนะอย่าเพิ่งไปไหนกัน” อาจารย์ในแผนกเดินมาบอกครับ คงจะนัดแนะเรื่องวันนี้ เพราะพวกผมได้สิทธิพิเศษเข้าร่วมในรายการรถโรงเรียนด้วย ซึ่งพี่คนดังจบมาจากแผนกที่พวกผมเรียนอยู่

จากนั้นพวกเราก็เคารพธงชาติ ทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จทุกแผนกแยกย้ายเหลือเพียง ปวช.1 และ พี่ปวส.1 แผนกอิเล็กฯครับ

“เอาหละ วันนี้อาจารย์ทำเรื่องขอเวลาเรียนไว้แล้วไม่ต้องเข้าเรียนเพราะต้องเข้าร่วมกิจกรรม เดี๋ยว 10 โมงเช้า มารอกันที่หน้าตึกอำนวยการนะ” อาจารย์พูด

จากนั้นพวกผมก็ไปหาโต๊ะนั่งแถวๆแผนกกัน

“ทำไมวันนี้ไอ่ตันมันยังไม่มาอีกว่ะ” น็อตถาม

“ปกติมันก็มาสายแบบนี้อยู่แล้วป่าวว่ะ” บิ๊กพูด มันก็จริงครับไอ่บ้านั่นชอบมาเรียนสายประจำทั้งที่บ้านมันอยู่แถวๆเทคนิคนี่เอง

“ไอ่บิ๊ก ไอ่ตาม ปะ” ไอ่ชัยชวน บิ๊ก ตาม ไปเอามะเร็งเข้าปอดแต่เช้าอีกแล้วครับ

ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงโทรศัพท์มีคนโทรเข้าเครื่องไอ้บาส)

“โหล สัสตัน…เออ กูนั่งอยู่แถวๆแผนกเนี่ย…สาสมึงไม่รู้หรือไงวันนี้รายการรถโรงเรียนมาอะ…#$#@$%#%$” บาสพูดกับตันในโทรศัพท์ครับ จับใจความประมาณว่า มึงอยู่ไหนกัน วันนี้เทคนิคมีอะไรหรอว่ะ ประมาณว่ามันก็ไม่รู้เรื่องเหมือนผมแล้วกัน สักพักมันก็เดินดุ่มๆเข้ามา

“สาส ไม่มีใครบอกกูเลยวันนี้มีงานอะ” ตันบ่น

“แล้วมึงจะมาสายทำไมละ” บาสตอบกลับ

 “แหมแค่นี้บอกกูสักนิดก็ได้”

“มึงไปอยู่กับไอ้อินไป แม่งขนาดมาเช้าทุกวันเสือกไม่รู้เหมือนมึงอะ” บาสพูด

“อ่าวหรอว่ะ...เออยังดีที่มีพวก งั้นกูอยู่กับไอ้อิน 2 คนก็ได้ ใช่ปะไอ้อิน” มันเดินมานั่งข้างๆผมแล้วก็กอดคอ 

“เออๆ อืม” ผมรู้สึกยังไงไม่รู้ครับ ทำตัวไม่ถูกคือมันรู้สึกแปลกๆ ในใจก็รู้สึกยินดี 

พวกเรานั่งรอเวลาจนกระทั้ง 10 โมง พวกเราจึงไปรอหน้าตึกอำนวยการ ทีมงานเขาก็ลงมาแล้วก็บอกให้พวกผมยืนเป็นกลุ่มละแถว แบบเรียงหน้ากระดานโดย กลุ่ม 1 อยู่หน้าสุดต่อด้วย กลุ่ม 2-6 แล้วเขาก็นับ 1-3 รถตู้ก็วิ่งมาหยุดที่หน้าแถวพวกผม คนที่ลงมาก็คือ พิธีกร 2 คน คือ พี่วุธ และ พี่ท๊อป  เขาก็พูดเหมือนเปิดรายการอะครับผมก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่

 จากนั้นก็พาพวกผมไปโรงอาหารเก่า ซึ่งจะมีโถงใหญ่เขาก็จัดรายการกันที่นั้นมีกิจกรรมมากมายพี่คนดังก็ลงมาเล่นด้วย เพื่อนๆพี่ๆครูอาจารย์ดูจะชอบกันยกใหญ่ คงมีผมคนเดียวมั้งรู้สึกเฉยๆผมไม่ค่อยติดพวกดาราคนดังครับ จะชอบจริงๆก็คงเป็น น้าค่อม ชวนชื่น ครับ  หลังจากกิจกรรมทุกอย่างเสร็จ ก่อนกลับพี่คนดังร้องเพลง เสียงบ่นของคนเหงา ครับ และก็แจกลายเซ็นเสร็จแล้วก็ขึ้นรถตู้กลับ

นับว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่ดูวุ่นวายดี 555 แต่ก็ถือว่าโชคดีที่มีรุ่นพี่ออกไปสร้างชื่อเสียง เป็นเกียรติให้กับตัวพี่เขาและเทคนิคที่เขาจบมา ยินดีด้วยครับ _/\_
   
แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
ต่อจากนี้ผมจะทยอยลงให้จนถึงตอนที่ผมเขียนไว้ล่าสุดเลยนะครับ   ติชมกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ   
********************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:30:56 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 5 “ตู้คาราโอเกะ”
********************************************************************
วันเวลาผ่านไปหลายเดือน จนกระทั้งถึงวัน “สอบปลายภาค” เหมือนจะดูซีเรียสมากเลยนะครับ สอบปลายภาคเนี่ยแต่สำหรับเทคนิคผมแล้วถามว่าเครียดไหม “ไม่ครับ” การสอบของเทคนิคผมนั้นไม่มีการจัดตารางสอบ ถ้าจะสอบก็สอบในวิชานั้นเลย บางวิชาถ้าอาจารย์เขาบอกไม่สอบก็สบายไปส่งงานแล้วก็กลับบ้านได้เลยครับ แต่สำหรับวันนี้ที่จริงไม่มีการสอบแล้วนะครับ แต่อาจารย์ท่านนัดมาสอบเองเพราะ อาทิตย์ก่อนอาจารย์ติดราชการ

“อ่าวๆ ออกมานั่งหน้าระเบียงเรียงกันไปจนสุดระเบียง” อาจารย์ดวงดาวผู้ครอบครองวิชาวงจรไฟฟ้ากระแสตรง สั่งพวกผม

การสอบที่เทคนิคผมนั้นแปลกหูแปลกตาไปจากโรงเรียนที่ผมจบมาตอน ม.ต้น มากนัก สอบกันชนิดที่ว่าสายชิลล์อะครับ นั่งเรียงกันตรงหน้าระเบียงบนแผนก แผนกผมจะมีระเบียงไว้สำหรับนั่งเล่นกัน แล้วก็เอาไว้ใช้สอบด้วย คือนั่งพื้นแล้วเอากระดาษข้อสอบวางบนที่นั่งของระเบียง ไม่รู้แม่งจะสะมะถะไปถึงไหน

“เหี้ย ไม่อยากสอบเลยว่ะ กูทำไม่เป็น” ผมพูด

“ไอ้บาส มึงนั่งใกล้กูนะ” ตันพูดขึ้น

“เออๆ” บาสตอบกลับ คือบาสเรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม เพื่อนๆจึงร้องหามันเวลาสอบ

“เฮ่ยๆ กูนั่งใกล้มึงด้วยคน” น๊อตพูด

“ฉิบหาย แล้วกูละ” ผมพูดขึ้นบ้าง   

“ไม่ต้องเลือกที่นั่ง ฉันให้นั่งเรียงตามเลขที่” อาจารย์บอก 

จากนั้นพวกเราก็นั่งเรียงตามเลขที่ อาจารย์ก็นำกระดาษข้อสอบมาแจกคนละชุด

“ให้เวลาในการทำสอบ 4 ชั่วโมง เริ่มสอบ 13.00 น.-16.00 น. ใช้เครื่องคิดเลขได้ ใครเสร็จแล้วหรือถอดใจทำไม่ได้ก็ส่งกระดาษแล้วกลับบ้านไปได้เลย....ถ้าไม่มีใครมีปัญหาก็เริ่ม!!!”

ขอพูดถึงอาจารย์ดวงดาว (นามสมมติ) หน่อยนะครับ จริงๆอาจารย์ท่านเกษียณอายุราชการไปหลายปีแล้วแต่ก็ยังกลับมาช่วยสอน อาจารย์เป็นคนที่เก่งทางคำนวณมาก ในทางปฏิบัติงานช่างเองก็ไม่ธรรมดานะครับ ที่แผนกผมเขายกย่องให้เป็นปรมาจารย์คณิตศาสตร์ทางอิเล็กทรอนิกส์เลย เขาว่ากันว่าอาจารย์จบมาจาก “วิทยาลัยครูอาชีวศึกษาเทเวศร์ ปม.วส.รุ่นที่ 2 ช่างวิทยุ-โทรคมนาคม” ซึ่งปัจจุบันถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตเทเวศร์" นับว่าเป็นถิ่นกำเนิดผลิตครูช่างแห่งแรกเลยก็ว่าได้ ปัจจุบันอาจารย์ไม่ได้สอนแล้วครับ กลับไปพักผ่อนอยู่ที่บ้านเพราะอายุมากแล้ว

เมื่อผมเปิดดูกระดาษข้อสอบก็รู้สึกตื่นเต้นและยินดีมากครับ ยินดีที่แม่ส่งผมมาเรียนให้เป็นควาย เปิดข้อสอบเหมือนเปิดดูกรรมของตัวเองเลยว่าที่ผ่านมาทำอะไรไว้บ้าง  :a5: จะโทษใครได้นอกจากตัวเองนี่แหละ ข้อสอบมีแต่คำนวณ กฎของเคิร์ฮอฟฟ์ หากระแสวงรอบแมกซ์เวลล์ และอื่นๆอีกมากมายรอให้พวกเราท้าพิสูจน์ทุกเมื่อ มันน่าตื่นเต้นจริงๆนะครับ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเล๊ย....ถุย!!! 

เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง 30 นาที

ตอนนี้ยังไม่มีใครทำได้เลยมั้งครับ จะมีก็แต่ไอ่บาสคนเดียวแม้งกดเครื่องคิดเลขเหมือนกดแป้นเล่นเกมเลยฉิบหายชิลล์เกิน

“อ่าว อาจารย์ดวงดาว ไม่ลงไปกินเลี้ยงส่งครูฝึกสอนหรอครับ” อาจารย์วิโรจน์ เดินลงมาจากชั้น 4 เพื่อจะลงไปกินเลี้ยงส่งครูฝึกสอน ที่ห้องพักครูแผนกชั้นล่างครับ

“เอ้อ ลืมไปเลย ไปสิไปๆ” พูดจบก็เดินลงไปพร้อมกับอาจารย์วิโรจน์หน้าตาเฉยเลย อย่างกับว่าพวกผมคือ อิเล็กตรอนที่หลุดออกจากวงโคจรอะครับ   

บรรยากาศตอนนี้ รู้สึกว่าปลอดภัยมากๆครับ เพราะแมวไม่อยู่หนูร่าเริงสิ  :oni1: โอ้โห่ จังหวะนั้นเหมือนเวทีประกวดเดอะสตาร์เลยครับ ใครไม่ได้โหวตให้ไปต่อก็ตกรอบไป ซึ่งไม่ต่างกับตอนนี้คือแย้งลอกข้อสอบของไอ้บาสกันฉิบหายวายวอดเลยครับ มันเสี่ยงสำหรับคนที่ลอกคนท้ายๆมากเพราะถ้าอาจารย์ขึ้นมาก็ซวยแน่ นั้นคงหมายความว่า “คุณไม่ได้ไปต่อ”   :z6:  จริงๆผมรู้สึกรับไม่ได้ผมนึกดูพ่อแม่อุส่าส่งเรามาเรียนเพื่อให้มีความรู้ไปประกอบอาชีพในวันข้างหน้าจะได้ไม่ลำบาก เหนื่อยใจจังครับ เรียนช่างไม่ใช่เรียนกันง่ายๆเลยนะ

“ไอ่อิน มึงจะลอกป่าว” ชัยตะโกนถามผมเมื่อมันลอกเสร็จ

“ลอกดิ!!!” อ่าว แล้วที่บรรยายไปตั้งเยอะตั้งแยะเมื่อกี้ละ ก็ช่างมันเถอะเนอะ ตอนนี้ต้องรีบเอาตัวเองให้รอดไปก่อนแล้วละครับพี่น้องคร้าบ~ ท่านผู้อ่านที่เคารพ 555+   

เมื่อลอกกันหมดทุกคนแล้ว อาจารย์ก็เดินขึ้นมาพอดีเหมือนรู้เลยครับ เมื่อส่งข้อสอบเสร็จ ก็สวัสดีอาจารย์กัน แล้วก็นัดกันไว้ว่าสอบเสร็จวันนี้จะไปร้องคาราโอเกะในเมืองกัน พวกเราไปรอรถเมย์หน้าเทคนิค สักพักรถก็มา พวกเราขึ้นรถกันผมนั่งกับบาส ส่วนตันนั่งคนเดียวเหลืออีกที่ไว้ให้ใครก็ไม่รู้สงสัยไม่มีใครนั่งด้วย ไปร้องคาราโอเกะครั้งนี้ มี ผม บาส น๊อต ตัน ตาม ชัย บิ๊ก โจ๋ และแรก ครับ

“ลงไหนกันลูก” ป้าเก็บเงินถาม

“ในเมืองครับ” ผมตอบ

“คนละ 12 บาท จร้า”

“กูฝากด้วยอิน” บาสยื่นเงินมาให้ผม แล้วผมก็ให้ป้าเขา

นั่งกันไปได้สักพัก รถก็ไปจอดที่หน้าวิทยาลัยพาณิชยาการ ตอนนี้ผมสังเกตเห็นว่าตันลุกลี้ลุกลนชะโงกมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่แล้วก็เข้าใจเมื่อมีสาวพาณิชคนนึงเดินขึ้นมา ผิวขาว ผมสีดำยาวลงมาถึงกลางหลัง น่าตาน่ารักดีครับ ดัดฟันด้วย เขาตรงเข้ามาหยุดตรงเบาะที่ตันนั่ง จากนั้นเขาก็นั่งลงข้างๆตัน เท่านั้นแหละครับ เสียงเพื่อนๆผม ร้องฮิ้วๆ กันยกใหญ่เลย

“ใครว่ะบาส” ผมถาม

“แฟนไอ้ตันไงสัส น่ารักฉิบหาย” บาสตอบ

“หรอว่ะ”

“เออดิ น่ารักฉิบหายเลยว่ะมึงดูดิ” บาสพูด

“.......” ผมเงียบ

“อ่าว หรือมึงไม่รู้สึกว่ะ” บาสถาม

“เฉยๆว่ะ” แล้วผมก็หันหน้ากลับมามองดูวิวข้างหน้าต่าง

“ไอ่นี่แปลกแฮะ ถ้ามีสาวมาให้มึงเอาฟรีๆมึงจะเอาไหมเนี้ย” บาสบ่นพรึมพรำคนเดียว

นั่งไปต่อไม่นานก็ถึงห้างแถวๆในเมืองครับ พวกเราลงรถกันก็เดินคุยกันปกติ มีแต่น๊อตนี่แหละครับเดินตามไปประกบข้างฝ้ายที่เดินกับตันอยู่ เหมือนชวนคุยอะครับ แต่ผมมองว่าไม่ควรทำแบบนี้มันดูเกินหน้าเกินตาเพราะยังไงฝ้ายก็แฟนตันเขา ส่วนชัย ตาม และบิ๊ก ขอตัวไปเอามะเร็งเข้าปอดเดี๋ยวตามขึ้นไป

ตอนนี้ขึ้นมาถึงชั้นที่มีตู้คาราโอเกะแล้วครับ ทุกคนก็เดินเข้าไปนั่งในตู้กัน ซึ่งเอาจริงๆก็นั่งได้แค่ 4-5 คนเอง คนที่นั่งก็มี ตันนั่งลิมซ้าย ฝ้ายนั่งต่อจากตัน น๊อตนั่งต่อจากฝ้าย แล้วก็ตามด้วย บิ๊ก ตาม และโจ๋นั่งตักไอ้ตาม แรกยืน บาสยืน ส่วนผมกับชัยก็คงยืนครับ

“อินมึงออกไปบอกเขาทีดิ๊ว่า เอา 1 ชั่วโมง” น๊อตสั่งผม พร้อมกับรวมเงินกันส่งให้ผม เฮ้อเซงจริงไม่ได้นั่งแล้วยังโดนใช้อีก :m16: 

“ชัยไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” ผมชวนชัยไปด้วย

ตอนนั้นผมเอาเงินให้ป้าที่ดูแลตู้คาราโอเกะไปเท่าไหร่ไม่รู้ครับ 1 ชั่วโมง ไม่รู้กี่บาท จำไม่ได้แล้ว จากนั้นก็หยิบแฟ้มรายชื่อเพลงแล้วเดินกลับเข้ามาในตู้

“อะ แฟ้มเพลง” ผมเอาแฟ้มเพลงให้น๊อตมันเลือกเพลงเพื่อร้องกัน

จากนั้นก็ร้องเพลงกัน เสียแต่ละคนนี่เพราะฉิบหายเลยครับ (ประชด) มีบาสคนเดียวที่ร้องเพราะสุด ตอนนี้ผมกับชัยเริ่มเมื่อยแล้วครับชัยนั่งพิงหน้าตู ส่วนผมยังยืนอยู่ไม่รู้จะนั่งไหนมันแคบ

“อินมึงเมื่อยป่าว มานั่งนี่ดิ” ตันเรียกผมให้มานั่ง พร้อมกับอ้าขาออกแล้วชี้ไปที่พื้น คือตันให้ผมนั่งหน้ามันข้างล่างตรงพื้นอะครับ  ผมก็เดินไปนั่งตรงระหว่างขาที่ตันมันอ้าให้

ตอนเดินไปไม่เท่าไหร่ครับ พอนั่งลงไปเท่านั้นแหละ โอ้ย!!! มันเป็นความรู้สึกที่ดีแบบแปลกๆมาก ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจในตอนนี้ รู้เพียงว่าหัวใจเต้นแรง ผมนั่งตัวแข็งเลยครับ ครั้งนี้ผมรู้สึกดีกับตันอย่างบอกไม่ถูก เริ่มรู้สึกกว่าอยากอยู่ใกล้ๆเขา เพราะมันรู้สึกปลอดภัยดีครับ  :impress2: 
 
ส่วนเพื่อนๆก็ไม่มีใครสังเกตอะไรร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ฝ้ายก็คอยเทคแคตันข้างๆ บีบไหล่ให้บ้าง คุยหัวเราะกันบ้าง จนกระทั้งหมดเวลาพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ ก่อนกลับผม บาส โจ๋ และแรก เดินไปส่งน๊อต ตัน ฝ้าย บิ๊ก ตาม ชัย ขึ้นรถกลับ แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน มีเพียงผมกับบาสที่กลับทางเดียวกัน

“เฮ่ย แปบเดียวก็ปิดเทอมละ ไวเนอะ” บาสพูด

“เออ ไวฉิบ” ผมคุยกับบาสระหว่างยืนเกาะสองแถวกลับบ้าน บนรถสองแถวมีเด็กช่างต่างสถาบันด้วยครับ เป็นของเอกชนก็มีมองกันเฉยๆแต่ไม่มีอะไรครับ

คืนนั้นผมนอนคิดทั้งคืน เกี่ยวกับตันไม่ทำไมถึงนึกถึงคนคนนี้เหมือนกัน

“เฮ้อ...ปิดเทอม ตั้ง เกือบเดือนเลยหรอ...” ผมบ่นขึ้นมาขณะนอนคิดเรื่องของตันอยู่ แต่ก็ไม่ได้เพ้อมากมายอะไรนะครับ เพียงแค่รู้สึกนึกถึงตันขึ้นมาเฉยๆ

และแล้วก็ถึงการสิ้นสุดภาคเรียนที่ 1/2552

 
 
:undecided:

แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
ขอบคุณสำหรับคำติชมและผู้ที่เข้ามาอ่านทุกท่านนะครับ   
*************************************************************************************[/color]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:31:29 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ต่อจากนี้เนื้อเรื่องอาจจะไม่ค่อยต่อเนื่องนะครับ เพราะผมจำเรื่องราวในสมัยนั้นไม่ค่อยได้แล้ว จำอะไรได้ก็จะพยายามเขียนแล้วมาต่อๆกัน ต้องขออภัยด้วยครับ


บทที่ 6 “หาเพื่อนซี้”
********************************************************************

- ช่วงปิดเทอม

เช้าวันต่อมา อากาศสดใสแสงแดดกระทบบานเก็ดทะลุเข้ามาส่องเข้าที่เบ้าหน้าผมซึ่งแหกดากนอนหลับใหลอยู่ ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาบิดขี้เกียจพร้อมกับสลัดหัวสองที เหมือนตัว...เลย  :katai5:

เมื่อทำกิจวัตส่วนตัวเสร็จก็ลงไปข้างล่างครับ (บ้านผมมี 2 ชั้น) เห็นอุ้มนั่งดูโทรทัศน์อยู่ห้องกลาง

อุ้มคือน้องสาวผมครับ ตอนนั้นอยู่ ป.1 ซึ่งผมกับน้องห่างกัน 10 ปี

“แม่...”

“คร้าบ...” แม่ผมทำกับข้าวอยู่ในครัว

“ทำอะไรกินอะ”

“แกงหมูมะเขือพวงที่เอ๊งชอบไง” แม่พูดจบ ผมก็เดินไปดูแม่ทำกับข้าว แอบเอาหน้าลงไปใกล้ๆกระทะแล้วดมกลิ่น มันหอมดีครับ  :hao6:   

“แล้วไม่รีบไปเก็บของละ เห็นบอกว่าวันนี้จะไปหาไอ้เมย์ไม่ใช่หรอ” แม่ผมถาม

คือวันนี้ผมขอแม่ไปหาเพื่อนที่สมุทรปราการ ไปค้าง 1 คืน ครับ 

“ไปตอนบ่ายๆนู้นแม่” ผมตอบ

“เออดี งั้นไปตากผ้า กวาดบ้าน ถูบ้านก่อนแล้วกันค่อยไป” เอิ่ม.....   :z3:

จากนั้นผมก็ทำงานตามที่แม่สั่ง ช่วงวัยนั้นผมมักทะเลาะกับพ่อแม่อยู่บ่อยๆตะคอกใส่ท่านก็มี เวลาใช้งานอะไรผมมักจะไม่ค่อยอยากทำ โมโหหงุดหงิดพูดง่ายๆคือขี้เกียจและผมติดเกมด้วย คงเป็นช่วงวัยรุ่นของผมละมั้งครับ

ในช่วงบ่ายผมเก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปสมุทรปราการ แม่ผมก็ตำน้ำพริกไปฝากอา และน้าอรซึ่งเป็นแม่ของเมย์ คือเขาสนิทกันตั้งแต่ผมยังเด็กๆ

“แม่สวัสดีครับ” 

“เอ่อ โชคดีลูก”

ผมก็นั่งวินออกไปหน้าหมู่บ้านและต่อสองแถวไปลงในเมือง จากนั้นก็ต่อรถทัวร์ไปลงบางนา จากบางนาต่อรถสองแถวไปลงเทพารักษ์ ลงเทพารักษ์ผมก็เดินเข้าซอยศรีบุญเรือง เดินไปจนกระทั้งถึงที่หมายเป็นคอนโดเก่าๆครับ สร้างตั้งแต่ผมยังเด็กแบเบาะ

ผมมองไปที่ห้องแรกชั้นล่างสุดเป็นร้านตัดผมเก่าของแม่ผมเมื่อก่อนผมก็เคยอยู่ที่นี่ ตอนนี้ร้านตัดผมถูกน้าสาวญาติของผมเซ้งต่อ ผมก็เดินเข้าไปไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่แถวๆนั้น เขาก็ถามถึงพ่อแม่และน้องของผมว่าอยู่ดีมีสุขไหมอะไรประมาณนี้ครับ จากนั้นก็ขึ้นตึกไปชั้น 4 ห้องเมย์อยู่ฝั่งซ้าย ห้องที่ 2 นับจากริมสุดมา ส่วนห้องที่ 3 นั้น เป็นห้องอาน้องสาวแท้ๆของพ่อผม ผมก็เอาถุงน้ำพริกที่แม่ผมฝากให้แขวนไว้ที่ประตู แกกลับมาจากที่ทำงานคงประมาณ 5 ทุ่ม คาดว่าคงไม่ได้กินเพราะแฟนของอากลับมาก่อนประมาณสองทุ่มครับ

ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆ (ผมเคาะประตูห้องเมย์)

“เฮ่ย เหี้ยอิน” เมย์เปิดประตูมาเจอผม รู้สึกมันจะยินดีที่เจอผมเพราะเราสนิทกันมากครับ

ขอพูดถึงเมย์หน่อยนะครับ เมย์เป็นทอมเพื่อนที่สนิทเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นคนตัวเตี้ย ผิวขาว หน้าตาดีมากๆ เหมือนเด็กผู้ชายเลย ส่วนเรื่องของวัยนั้นมันอ่อนกว่าผม 1 ปี ช่วงแรกพ่อแม่เมย์รับไม่ค่อยได้กับสิ่งที่เมย์เป็นแต่พักหลังมานี้เขาเริ่มทำใจได้และยอมรับแล้วครับ เพราะมันก็ไม่ได้ไปทำให้ใครเขาเดือนร้อนหนิครับ

“มึงเป็นไงมั้งว่ะ” มันถาม

“ก็สบายดี เทคนิคแม้งเรียนโครตชิลล์เลยว่ะ แต่มันไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างที่คิดเลยนะมึง” ผมพูดพร้อมวางสัมภาระลงในห้องมัน

“5555 เออ เกลียดอย่างไรได้อย่างนั้นจริงๆว่ะ ตอนมึงอยู่ ส.ป. มึงบอกกูว่าไม่ชอบเด็กเทคนิคมันป่าเถื่อน สุดท้ายก็ต้องมาอยู่ในรั้วเทคนิคอยู่ดี” เมย์พูด

“เออ จริงอย่างที่มึงว่าแหละสาส เออเมย์กูขอแดกน้ำหน่อยนะ” ผมพูดพร้อมกับเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำกิน

“  :angry2: มึงหนิ จะขอทำไมว่ะมารยาทดีเหลือเกิน จะแดกอะไรก็แดกเถอะ” อ่าวอินี่ขอดีๆเสือกโดนด่า 

เมย์มันเป็นแบบนี้แหละครับ ใจกว้างไม่คิดอะไรมากมายนิสัยแบบผู้ชาย ซึ่งต่างกับผมเลย

“แล้วนี่มึงมีแฟนยัง”

“....โอ้ย ยังไม่มีหรอกสาสหน้าอย่างกูใครจะเอาว่ะ”  :jul1: 

"มึงอย่ามาแพร่มเลย จะหาจริงๆก็หาได้ไอ้ควายมึงไม่ยอมหาเอง จะเก็บซิงไว้ชิงโชคหรือไงห๊ะ?" มันบ่นๆ

เรานั่งคุยกันอยู่นานผมก็เล่าเรื่องของผม มันก็เล่าเรื่องของมันในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกันนั้นมีเรื่องเล่าเยอะแยะมากมาย วันนั้นเมย์พาผมไปเที่ยวสำโรงห้างอิมพีเรี่ยล ตกเย็นก็พาไปหาอะไรกินแถวๆทิพวัล แล้วก็กลับมาคอนโด ช่วงนี้ น้าอร น้าชัย (พ่อของเมย์) กลับมาจากที่ทำงานแล้วครับ

“น้าอร น้าชัย สวัสดีครับ” ผมสวัสดีพ่อแม่ของเมย์

“เอ่อ ไอ่อินมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ” น้าอรถาม

“บ่ายๆครับ”

“ตามสบายนะอิน” น้าชัยพูด ผมก็พยักหน้ายิ้มๆ

ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงโทรศัพท์มือถือน้าอร)

“ฮาโหลว่าไงไอ้น้อย” แม่ผมโทรมาหาน้าอร

“เออ...มันก็อยู่นี่แหละ...ไม่ต้องห่วงเดี่ยวทำกับข้าวให้มันกินเองไม่ต้องให้มันไปซื้อ...จะเกรงใจทำไมคนกันเอง...อ๋อ ถุงน้ำพริกแกฝากอินมาแล้วใช่ไหมขอบใจมาก@#@$$%%^$” คุยกันยาวครับ

คืนนั้นผมก็นอนที่ห้องของเมย์ นอนหน้าโทรทัศน์ เรียงกันมามีน้าชัย น้าอร และผม ส่วนเมย์นอนอยู่หลังตู้โทรทัศน์น้าอรแกทำที่นอนไว้สำหรับมันคนเดียวมีผ้าม่านปิดด้วยไฮโซจริงๆ คืนนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับเพราะเสียงลี้ลับเสียงหนึ่งดังขึ้นในความมืด  o21 คงไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้นะครับ.............
.
.
.
.
.
.
.
.
.
คร่อกกกกกกกกกกกกกกกก คร่อกกกกกกกกกกกกกก :z3: ฉิบหายน้าชัยนอนกรดทั้งคืนเลยครับ อย่างกับแข่งเรือยาว

“เธอ เงียบๆหน่อยสิ” น้าอรพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

เช้าวันต่อมา ผมอาบน้ำเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน

“น้าอร น้าชัย สวัสดีครับ”

“เออ โชคดีนะอินถึงแล้วก็โทรมานะ ฝากบอกพ่อแม่เอ๊งด้วยว่าว่างๆจะไปหา” น้าอรพูด

“ครับๆ”

“ส่วนไอ้เมย์ไม่ต้องไปลามันหรอก มันยังไม่ตื่นหรอกดูสินอนเงียบเลย”  :haun5: เมย์มันเป็นพวกนอนดึกตื่นสาย ตอนมืดมันชอบคลุมโปงคุยโทรศัพท์ผมแอบได้ยินบ่อยๆเวลามาหามัน 555+ 

จากนั้นก็เดินผ่านห้องอาผม ผมก็สวัสดีอาแล้วก็เดินทางกลับบ้านครับ

แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
ไม่ค่อยมีสาระอะไรมากมายนะครับ ต้องขออภัยด้วย ขอบคุณทุกคำคอมเม้นและผู้อ่านทุกท่านครับ
*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:31:51 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 7 “ดูเกรด”
********************************************************************

หลังจากวันนั้นผมก็กลับมาอยู่บ้านตามปกติ นั่งเล่นเกมทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น  :katai4: ขยันไหมละกู!!! โดนแม่ด่าและมีปากเสียงทุกวัน ผมมักจะอิจฉาน้องสาวอยู่บ่อยๆเพราะไม่เคยโดนพ่อแม่ว่าเลย คงเป็นเพราะยังเด็กอยู่ไม่ดื้ออะไรมากมาย ผมแอบรู้สึกน้อยใจอยู่ลึกๆเคยร้องไห้ในห้องอยู่บ่อยๆ ช่วงนั้นผมเองก็นับว่าเด็กอยู่เหมือนกัน ความคิดอ่านต่างๆ เป็นแบบเด็กวัยรุ่นครับ

วันนี้ผมตื่นแต่เช้าตรู่ รีบอาบน้ำไปเทคนิคเพราะวันนี้เป็นวันเกรดออก  :heaven จริงๆสามารถเปิดดูในเว็บไซน์เทคนิคได้ แต่ผมเบื่อกับการอยู่บ้านเลยขอแม่ออกมาสะเลย ผมนั่งรถไปเทคนิคลงรถมา มองเข้าไปในเทคนิคคือแม่งเงียบมาก เพราะส่วนใหญ่เขาก็ดูกันที่บ้านทั้งนั้นแหละ จะมีมาก็เฉพาะคนที่บ้านไม่มีอินเตอร์เน็ตแต่มันก็ส่วนน้อย น้อยมากๆครับ

“โหล กบ มึงอยู่ไหนว่ะ” ผมโทรหากบ เพื่อนกลุ่ม 3 คือบ้านมันไม่มีอินเตอร์เน็ตเลยมาดูที่เทคนิคเอา บ้านมันอยู่ในป่าแถวๆตีนเขา เป็นอ่างเก็บน้ำไม่ค่อยเจริญเท่าไหร่ และมีฮวยซุ้ยคนจีนเยอะมาก

“อยู่เทคนิคแล้วเนี่ย กินข้าวอยู่โรงอาหารใหม่” มันตอบ

“อ่าว โรงอาหารเปิดด้วยหรอว่ะ?” ผมถาม

 “เออ เขาเปิดขายพวกอาจารย์ที่มาทำงานอะ แล้วอยู่ไหน?” มันถาม

“กำลังเดินเข้าเทคนิคอะดิ แชมป์มายัง”

“มาแล้ว นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันเนี่ย” แชมป์เป็นเพื่อนกลุ่ม 3 และสนิทกับกบมากๆ

“เออๆ เจอกันที่ตึกอำนวยการตรงหน้าห้องธุรการแล้วกัน” ผมบอกมัน

“อ่าๆ” มันตอบ

จากนั้นผมก็เดินเข้าเทคนิคไหว้พระวิษณุ และพระประจำเทคนิค ซึ่งพระวิษณุกับหอพระจะอยู่ใกล้ๆกันตรงหน้าตึกอำนวยการพอดี ไหว้เสร็จผมก็ไปนั่งรอพวกมันหน้าห้องธุรการ

ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (มีคนโทรเข้า)

“ฮาโหล”

“  :o9: เฮ่ย เป็นไงเห็นเกรดยัง กูได้ 3.70 ว่ะ” บาสโทรมาครับ

“โหย มึงเก่งนักว่ะ”

“มึงได้เท่าไหร่”

“ยังไม่ได้ดูเลยสาส”

“อ่าว มึงไม่ดูละ”

“กูมาดูที่เทคนิคไง แล้วรอพวกกบมันแดกข้าวอยู่”

“ไอ่สัส ที่บ้านมีเน็ตดีๆไม่ดู ไปดูเหี้ยอะไรไกลนัก”

“อยู่บ้านเบื่อๆอะดิ”

“เออๆ ดูแล้วบอกกูด้วย” แล้วมันก็ว่างสาย

“รอนานป่าวว่ะ” กบกับแชมป์มาแล้วครับ

“ไม่อะ เออเมื่อกี้บาสแม้งโทรมามันได้ 3.70 ว่ะโหดสาส” ผมบอก

“แม้งเทพนักว่ะ” แชมป์พูด

จากนั้นพวกเราก็เข้าไปดูเกรดกันในห้องธุรการ จะมีเจ้าหน้าทีหน้าคอมเขาถามรหัสนักเรียนแล้วก็เปิดเกรดให้ดู ผมได้ 3.31 ดีใจมากเลยครับ ไม่เคยได้เยอะขนาดนี้  :m19: ตอนเรียน ส.ป. เรียนอย่างโหดได้ 2.61 เอง แต่ก็อย่าคิดว่าผมเก่งนะ คือเทคนิคมันเรียนสบายจริงๆครับ ส่วนเกรด กบ แชมป์ ผมจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่แต่ก็ 3.00 ขึ้นทั้งคู่

ดูเกรดเสร็จผม กบ แชมป์ ก็ออกไปรอรถที่หน้าเทคนิคกัน ผมยืนมองดูข้างทางเห็นคนขับรถเครื่องสีชมพูมาแต่ไกล น่าจะยี่ห้อฟีโน่ ถ้าจำไม่ผิด แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรคงเป็นคนแถวๆนั้น สักครู่ชะลอรถหยุดที่หน้าพวกผม พร้อมกับถอดหมวกกันน๊อกออก ฉิบหายมือปืนหรือป่าวว่ะเนี้ย  แต่ก็คงไม่ใช่ เพราะมือปืนส้นตีนอะไรใส่ชุดบอลสีน้ำเงินทั้งเสื้อและกางเกง

“อิน มาทำอะไรที่เทคนิคอะ” ตันครับ

“อ่าวตัน เออ มาดูเกรดว่ะ”

“อ่าววันนี้เกรดออกหรอว่ะ” นี่มึงไม่รู้จริงๆหรอ   

“ก็เออดิ แล้วขับรถเครื่องไปไหนมา”

"อ๋อ ไปหาเพื่อนแถวๆนี้มาว่ะ" 

“เอ้ออิน งั้นมึงพากูไปดูหน่อยดิ” ตันขอทั้งทีผมมีหรือที่จะปฏิเสธ ผมหันไปมองกบกับแชมป์ มันก็พยักหน้าประมาณว่า เออๆเดี๋ยวกูรอหน้าเทคนิค

แล้วผมก็ซ้อนรถเครื่องตันเข้าไปในเทคนิคอีกรอบ จู่ๆก็รู้สึกคิดชั่วอยากจับเอวตันขึ้นมา    แต่ใจก็ไม่กล้าไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอยากทำแบบนั้น ตันขับเข้าไปไม่ถึงนาทีก็ถึงตึกอำนวยการ

“เขาดูกันที่ไหนอะ” ตันถาม

“นี่ไง หน้าห้องธุรการอ่า” ผมพูดพร้อมกับชี้ไปที่ห้องธุรการ

“อินดูให้ตันหน่อยดิ ไม่กล้าไปว่ะใส่ชุดแบบนี้ด้วย” แล้วมันก็กางแขนให้ดูประมาณว่าชุดมันไม่สุภาพ

ตันเป็นคนที่เวลาจะใช้ให้ผมทำอะไรมักจะพูดเพราะๆครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ผมก็ทำให้ทุกครั้ง

แล้วผมก็ไปดูเกรดให้ตัน

“เป็นไงมั้ง” ตันถาม

“มึงได้ 3.23 อะ”

“หรอๆ ดีใจว่ะ แล้วมึงได้เท่าไหร่”

“กูได้ 3.31”

“เจ๋งว่ะเยอะกว่าตันอีก เทอมหน้ามีการบ้านอะไรเอามาให้ลอกมั้งนะ”  ชมสะกูเขินเลย

“ได้ๆ” คำพูดของตันมีอิทธิพลกับผมทุกอย่าง    ผมไม่รู้ว่าพูดเล่นหรือจริง แต่ผมทำจริงทุกครั้ง

“เออ ถามหน่อยดิ โกนผมทำไม” ผมสังเกตตันตั้งแต่ถอดหมวกกันน็อกออกแล้วครับ ตันโกนผมเป็นสกินเฮด แต่ไม่มีโอกาสได้ถามเพราะมัวคุยแต่เรื่องดูเกรด

“อ๋อ พอดียายเสียว่ะ” ตันพูดทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งผมไม่รู้ว่าตอนนั้นเขารู้สึกเศร้าหรือไม่

“เสียใจด้วย เออนี่ อาทิตย์หน้าลงทะเบียนแล้วนะ วันอังคารอย่าลืมมาละส่วนค่าเทอม โอนได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันศุกร์” ผมพูด

“โอเคๆ ทำอย่างกับเป็นแม่กูเลยนะมึง ขอบใจเพื่อน” แล้วตันก็ตบบ่าผมเบาๆ


จากนั้นก็ซ้อนรถมาลงหน้าเทคนิค ตันรอรถเป็นเพื่อนพวกผมจนกระทั้งรถเมย์มา ผม กบ แชมป์ ก็ขึ้นรถ ผมหาที่นั่งได้ก็นั่งหน้าตรงไม่กล้ามองลงไปข้างล่างเพราะกลัวเจอหน้าตัน เมื่อรถเมย์เริ่มขับออกผมเผลอหันมองลงไปข้างหน้าต่างก็ไม่เห็นตันแล้ว ไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
ขอบคุณสำหรับทุกคำคอมเม้นท์และผู้อ่านทุกท่าน นะครับ   
*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:32:15 โดย Nuda »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ปวช.1 เทอมที่ 2

บทที่ 8 “หัวหน้าห้องคนใหม่”

********************************************************************

“สวัสดีนักเรียน (ปวช.) และนักศึกษา (ปวส.) ทุกคน วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนที่ 2/2552 วันแรก ครูขอให้ลูกๆทุกคนตั้งใจเรียนกันนะ” ผอ.ออกมาพูดหน้าเสาธงแต่เช้าเลยครับ

วันนี้ช่างเป็นวันที่ผมมีความสุขมากๆ เพราะเสื้อช็อปที่ผมใส่นั้นมันยาวแล้วหนะสิ ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาผมขอเงินแม่ไปตัดชุดช็อปใหม่ 3 ชุด ตัดร้านที่เขาทำให้แผนกช่างกลที่บูมเรียนอยู่อะครับ (หวังว่ายังจำบูมได้นะครับ)

หลังจากทำกิจกรรมเข้าแถวหน้าเสาธงเสร็จพวกผมก็ไปรวมตัวกันที่แผนกเพื่อดูตารางเรียน เหมือนเทอมแรกอีกเช่นเคย

“เดี๋ยวขึ้นมาที่ห้องครูหน่อยทุกคน” อาจารย์ที่ปรึกษาเรียกกลุ่ม 3 และกลุ่ม 4 ขึ้นไปที่ห้องครับ

พอเข้าไปในห้องก็หาที่นั่งกัน อาจารย์ที่ปรึกษาก็พูดถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ

“สำหรับเทอมนี้ มีเรื่องที่หน้าเสียใจอยู่ตรงที่เพื่อนของพวกเราบางคนลาออก บางคนก็โดนรีไทร์ พยายามดูแลช่วยเหลือกันให้จบไปพร้อมๆกันนะทุกคน” ที่ปรึกษาพูด

ตอนนี้มานั่งนับๆดู กลุ่ม 4 ของผม เหลือแค่ ผม บาส บิ๊ก ตัน แรก ตาม ชัย โจ๋ น็อต โอ๊ต มอส ที่เหลือนั้นหายไปกับสายลมแล้วครับ  ส่วนกลุ่ม 3 ออกไป 2 คน คนนึงชื่ออิท คนนึงชื่อน็อต ชื่อเดียวกับไอ้น็อต กลุ่มผมนี่แหละครับ พูดถึงน็อต กลุ่ม 3 ก็ชวนให้ผมนึกถึงตอนนั้น................
.
.
.
.
“เฮ่ยๆ ช่วยห้ามมันหน่อยเร็ว!!!” เสียงเพื่อนกลุ่ม 3-4 ตะโกนอย่างวุ่นวาย

จำได้ว่าวันนั้น ไอ้น็อต กลุ่ม 3 กับไอ้ไก่(นามสมมุตินะครับ) เพื่อนกลุ่มผมต่อยกันในห้องด้วยเรื่องที่ ไอ้น็อตกลุ่ม 3 ชอบเอามีดไปจี้คอไอ้อ๊อฟเพื่อนกลุ่มเดียวกับมัน

ขอพูดถึงน็อตกลุ่ม 3 ก่อนนะครับ มันเป็นพวกคล้ายๆคนโรคจิต ชอบพกมีดมาเทคนิคแล้วทีนี้ ไอ้อ๊อฟกลุ่ม 3 มันเป็นคนตัวเล็ก ผอมแห้ง หัวโต มันมักโดนน็อตกลุ่ม 3 แกล้งบ่อยๆ แต่ไม่ได้แกล้งแบบเพื่อน มันแกล้งแบบชกต่อย เตะ เอามีดมาจี้คอขู่แบบโรคจิตเลยครับ เคยมีครั้งนึงยืนรอรถหน้าเทคนิคกัน มันก็มายืนล็อคคอเอามีดจี้คอไอ้อ๊อฟไว้ตลอด พวกผมเห็นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆเพราะกลัวเหมือนกัน เป็นแบบนี้มาตลอดเทอม 

จนในที่สุดวันนั้นก็มาถึง วันที่ไอ้ไก่เพื่อนกลุ่ม 4 ของผมมันทนไม่ไหวจึงออกหน้าช่วยไอ้อ๊อฟ ซึ่งวันนั้นเป็นคาบของอาจารย์สุดใจ วิชาอาชีวะอนามัย คงจำกันได้นะครับ แคะหู แคะเล็บ

“เกิดอะไรขึ้นว่ะ หยุดนะ!!!” อาจารย์สุดใจ เข้ามาในห้องพร้อมตวาดเสียงดังออกมา

ทุกคนหยุดการกระทำทุกอย่าง

“เธอ 2 คนตามครูลงมาที่ห้องพักครูสามัญเดี๋ยวนี้ ส่วนที่เหลือไม่ใช่ธุระนั่งทำงานต่อไป!!!”

พูดจบอาจารย์สุดใจและ น็อกกลุ่ม 3 กับไอ้ไก่ก็เดินตามกันลงไป

ตอนนั้นผมภาวนาขอให้ไอ้น็อตกลุ่ม 3 โดนไล่ออก เพราะมันเหมือนคนโรคจิตจริงๆ น่ากลัวมากครับ

หลังจากที่ 2 คนนั้นลงไปผมจำได้ว่า อาจารย์สุดใจไม่ได้ขึ้นมาบนห้องอีกเลย พวกผมจึงลงมานั่งรออาจารย์หน้าห้องสามัญ จากนั้นก็เห็นอาจารย์ที่ปรึกษาเดินเข้าไปในห้องพักครูสามัญ เหมือนอาจารย์สุดใจจะเรียก อาจารย์ที่ปรึกษาผมมาคุยถึงปัญหา

จากนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นในห้องพักครูสามัญ พวกผมลุกขึ้นยืนมองเข้าไปในห้องเห็น 2 คนนั้นต่อยตีกัน พร้อมกับอาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์สุดใจคว้าตัวห้ามไว้แล้วจับแยกจากกัน เป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน สังคม ม.ต้น ที่ ส.ป. ของผมนั้นมันไม่ใช่แบบนี้อะครับ ไม่รู้ว่าเขาไปเคลียกันยังไงสุดท้ายเรื่องถึง ผอ. เลยครับ ท่านก็ไล่น็อต กลุ่ม 3 ออกจากเทคนิค ส่วน ไอ้ไก่ พ่อแม่มันพามาลาออก เพราะเขากลัวว่าไอ้น็อตกลุ่ม 3  มันจะพาพวกมาทำร้ายลูกเขาหนะครับ ไม่รู้ว่าย้ายไปเรียนที่ไหนแล้ว
.
.
.
.
“ไอ่เหี้ย อิน” บาสสกิดเรียกผมที่กำลังนั่งนึกอดีตอยู่

“เออว่า”

“เหม่ออะไรของมึงว่ะ” บาสถาม

“ก็เรื่องไอ้น็อกโรคจิตนั้นไง”

“เอาหละๆ ทุกคนฟัง วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่มาแนะนำให้รู้จักกัน เขาย้ายมาจากเทคนิคกระบี่” อาจารย์ที่ปรึกษายังพูดไม่ทันจบ ในขณะเดียวกันอาจารย์วิโรจน์ก็พาใครคนหนึ่งเข้ามาในห้อง

“เด็กคนนี้แหละครับ อาจารย์บุญทัน(ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา นามสมมุติ)” อาจารย์วิโรจน์พูด

“ไหนๆ แนะนำตัวให้เพื่อนๆรู้จักหน่อย ชื่อแส้อะไร” ที่ปรึกษาผมสั่ง

“เอ่อ ผมXXXXX ชื่อเล่นอาฟู่ นะครับ” อาฟู่เพื่อนใหม่แนะนำตัว

อาฟู่เป็นเด็กเทคนิคกระบี่ เพิ่งถูกย้ายมาเรียนที่นี่ด้วยปัญหาอะไรสักอย่างแน่นอน แต่ช่างเถอะ พูดถึงรูปร่างหน้าตา ก็พอไปวัดไปวาได้ ผมหยิกฟู ลำตัวมีน้ำมีนวล

“ยังไงครูก็ขอฝากดูแลเพื่อนด้วยนะ โดยเพราะกลุ่ม 4 ดูแลอาฟู่ด้วยเพราะอาฟู่ถูกใส่ชื่อลงกลุ่ม 4”

“ครับ” พวกผมรับคำ

“สุดท้ายก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียน หัวหน้าห้องออกมาเอาสมุดเช็คชื่อด้วย” เทคนิคผมจะมีสมุดเขียวคนละเล่มไว้แจกหัวหน้าห้องของแต่ละกลุ่ม ซึ่งในนั้นจะเป็นประมาณว่าใบเช็คชื่อแต่ละวิชาครับ

พูดจบ กิ๊ฟหัวหน้าห้องกลุ่ม 3 กับไอ้แรกหัวหน้าห้องกลุ่ม 4 ก็ลุกออกไปรับสมุดเขียว

“เอ่อ อาจารย์ครับ” บาสยกมือขึ้นแล้วเรียกอาจารย์ที่ปรึกษา

“ว่าไง สันติภพ”

“กลุ่มผมขอเปลี่ยนหัวหน้าห้องคนใหม่ได้ไหมครับ ไอ่แรกมันพูดไม่รู้เรื่องจริงๆนะอาจารย์ มึนด้วย ผมขอเสนอ อนิรุต ครับอาจารย์

เฮ่ยไอ่หำ!!! เดี๋ยวนะ กูได้ยินไม่ผิดใช่ไหม!!!

“ใช่ครับอาจารย์” ไอ้น็อตพูดบ้าง

“จริงอาจารย์” ตันเสริมอีกคน

จริงๆก็ไม่อยากเป็นหรอกครับ พอตันเสริมขึ้นมาผมอยากเป็นเลย ไม่รู้เพราะอะไรผมอยากทำตัวเองให้เด่น และเป็นที่พึ่งให้เขาได้ ในตอนนั้นผมคิดแบบนี้จริงๆ

“อ่าๆ สรุป อนิรุต เป็นหัวหน้าห้องกลุ่ม 4 คนใหม่นะ”

“เฮ้ๆๆๆๆ” เพื่อนกลุ่ม 4 ผมเฮกันใหญ่เลยเหมือนแกล้งให้ผมมีงานเข้าอะครับ ให้กูอยู่ของกูดีๆก็ไม่ได้นะไอ้พวกนี้ แต่ในเสียงเฮ้นั้น มีเสียง เฮอเฮ๊อ~ ของไอ้เหี้ยชัยปนออกมาด้วยโครตฮาเลยครับ 555+

“อ่าวๆ พอกันแค่นี้ไปเรียนวิชาแรกกันได้แล้ว” ที่ปรึกษาผมสั่งทุกคนก็เงียบ กิ๊ฟมองหน้าผมประมาณว่า มึงไม่รู้หน้าที่หรอ

“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ” สรุปคืองานกูใช่ไหม!!!

“สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครู”

กิ๊ฟมันคงแกล้งผมอีกคน ประมาณว่าประเดิมหัวหน้าห้องกลุ่ม 4 คนใหม่ ซาวด์เสียงดูว่าทุกคนจะทำตามผมไหมอะไรประมาณนี้ ผลออกมาทุกคนทำตามครับ ก็นับว่าเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างหนึ่งเลยทีเดียว ได้สั่งเพื่อน 555+ เกิดมากูแม่งไม่เคยเป็นหัวหน้าห้องกับเขาเลย จู่ๆแม่งก็ได้เป็นมันช่างง่ายเสียไม่มี

วิชาแรกสำหรับวันนี้ กลุ่มผมเรียนวิชาวงจรพัลส์และดิจิตอล เรียนกับอาจารย์วิโรจน์ ชั้นบนสุด ชั้น 4 ครับ

เดินขึ้นมาถึงหน้าห้องพวกเราก็เดินเข้าไปเลือกที่นั่งกัน โดยมีอาจารย์วิโรจน์นั่งพิมพ์งานอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คตัวเองอยู่ ในห้องมีโต๊ะใหญ่สำหรับนั่งได้หลายคน 4 ตัว ตั้งฝั่งละ 2 ตัว และมีโต๊ะอาจารย์ตั้งตรงกลาง ผมนั่งโต๊ะแรกหน้าประตูเลย พอนั่งลงไปก็เหลียวหลังไปดูตันเดินผ่านผมตามบาสเข้าไปนั่งโต๊ะอีกฝั่งนึง เฮ้อคิดว่าจะนั่งกับกูเสียอีก โต๊ะตรงนั้นมี บาส ตัน น็อต และโอ๊ต ส่วนฝั่งผมมี ตาม แรก และชัย ส่วนโต๊ะถัดจากผมลงมาเป็น โจ๋ มอส บิ๊ก และอาฟู่ครับ

“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ” พูดแม่งทั้งวันแหละกูคำเนี้ย

“สวัสดีครับคุณครู”

“สวัสดีครับ คงรู้จักชื่อผมกันแล้วมั้ง”

“........” ทุกคนเงียบ

“อ่า....งั้นขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ผมชื่อวิโรจน์ มีบุญ เป็นอาจารย์สอนวิชาวงจรพัลส์และดิจิตอล วิชานี้ไม่ยาก เข้าครบส่งงานครบยังไงก็ผ่าน จิตพิสัย 30 คะแนน งานการบ้าน 10 คะแนน ใบงานปฏิบัติ 30 คะแนน และสอบปลายภาคอีก 30 คะแนน” อาจารย์พูดพร้อมกับนำช็อกมาเขียนรายระเอียดของคะแนนในแต่ละส่วนให้ดู

“เดี๋ยวผมมีเกรดของรุ่นพี่คุณที่เรียนวิชานี้ผ่านไปแล้วให้ดู”

แล้วแกก็เปิดไฟล์เกรดรุ่นพี่ที่เรียนวิชานี้ผ่านไปแล้วให้พวกผมดู เกรดก็โอเคอยู่หลายคนเลยครับ

“โอเค เริ่มเรียนกันเลยเนอะ”

แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
*
ตอนนี้มันไม่ค่อยมีสาระอะไรนะครับ อีกหลายตอนอยู่เหมือนกันนะครับ บวกกับผมเขียนไม่ค่อยเก่งด้วย

วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาทยอยลงให้ต่อเพราะมันมีอีกเยอะเลยครับ จะรีบลงให้ครบแล้วจะได้ต่อบทใหม่ๆให้ถึงตอนปัจจุบันครับ

ขอบคุณสำหรับคำคอมเม้นท์และผู้อ่านทุกท่านนะครับ

 
:bye2:

*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:32:44 โดย Nuda »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ตามเหมือนที่เคยตาม  :mew1:

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 9 “ช็อปตะไบ”
********************************************************************
ตอนนี้ก็คงเปื่อยๆเหมือนเดิมนะครับ ความสัมพันธ์ไม่มีอะไรคืบหน้าช่วงนั้นตันติดฝ้ายมากๆครับ ผมกำลังพยายามเขียนให้เข้าเรื่องอยู่ คงอีกหลายตอนเลย อย่าเพิ่งเบื่อกันนะผมลงแล้วก็อยากลงให้มันจบเรื่องไปเลย ไม่อยากลงไม่จบแล้วปล่อยทิ้งยาว

สองเดือนผ่านไป  ไวเนอะ 555+

ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาวกำลังมา ช่วงนั้นผมจำได้ว่าทุกอย่างยังคงเป็นไปตามธรรมชาตินะครับ ไม่เหมือนทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปหมด ฤดูกาลก็ไม่ตรง หนาวก็น้อย มีแต่ร้อน กับร้อนฉิบหาย

ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ด!!! เสียงนกหวีดดังขึ้น

เฮ้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

พวกผมขานรับแล้วรีบวิ่งไปจัดแถวตอนเรียง 10 โดยมีอาจารย์ยืนอยู่หน้าแถว ด้านหลังของอาจารย์นั้นเป็นแผนกเทคนิคพื้นฐาน เมื่อพูดถึงชื่อแผนกนี้ชาวเทคนิคมักพูดกันสั้นๆติดปากว่า “ช็อปตะไบ”

เมื่อจัดแถวตอนเสร็จทุคนจะต้องตั้งศอกแขนขึ้นให้แนบชิดกับแขนขวาคนข้างๆ ทำแบบนี้เรียงกันไปเฉพาะคนสุดท้ายที่ยืนตรงไม่ต้องตั้งศอก ไม่รู้ว่าเข้าใจกันหรือป่าวนะครับ คนเรียน รักษาดินแดนมาน่าจะเข้าใจ 555+

“นิ่ง!!” อาจารย์สั่งเสียงแข็ง พวกผมเก็บศอกซ้ายที่ตั้งขึ้นลงแล้วยืนตัวตรง

“นับตลอดนับ!!!”

1 2 3 4 5.......60 60 คนครับ!!!

“เอาหละวันนี้ครูจะให้เบิก เวอร์เนียร์ สำหรับคนที่ตะไบเปิดผิวดิบงานผ่านทุกด้านแล้ว เพื่อจะได้ทำงานต่อไปได้ ส่วนใครที่ยังช้าอยู่ให้เร่งตามให้ทัน และวันนี้เรามีนัดตรวจผมกันจำได้ใช่ไหม หลังจากเบิกอุปกรณ์เสร็จครูจะตรวจผมนะ เอาหละเข้าโรงงานได้” อาจารย์มักจะพูดคำว่าแผนกเป็นโรงงานเพื่อความสมจริงครับ

พูดจบแถวหน้ากระดานแรกก็วิ่งนำเข้าไปเป็นแถว ต่อด้วยแถวหน้ากระดาน 2 และแถวต่อๆไปจนหมด วิ่งเข้ามาก็จะพบห้องเก็บชิ้นงาน ให้วิ่งต่อกันเข้าไปหยิบชิ้นงานของตัวเองในนั้น โดยมีอาจารย์ผชร อาจารย์ฝ่ายปกครองที่ชอบพูดหน้าเสาธงเช้าๆอะครับ (อ่านแบบนี้นะครับ ผะ-ชอน) ยืนคุมอยู่ เมื่อหยิบชิ้นงานเสร็จให้ขานลำดับโต๊ะทำงานของตัวเองไปด้วย อย่างเช่นผม  โต๊ะ63 ก็ต้องหยิบชิ้นงานแล้ว ขานว่า 63 แล้ววิ่งออกไปให้เพื่อนคนต่อไปวิ่งเข้ามา
 
แผนกตะไบมันเขาทำเหมือนเป็นโรงงานโรงหนึ่งเลย มีโต๊ะทำงานของใครของมัน ไม่มีเก้าอี้นะครับ ยืนตั้ง 6 ชม. เมื่อยก็ยืนหำห้อยไปจ้า

เมื่อได้ชิ้นงานแล้วให้กลับไปโต๊ะใครโต๊ะมัน พร้อมกับนำแปรงปัดที่อยู่ใต้ลิ้นชักออกมาปัดทำความสะอาดโต๊ะตัวเอง และหยิบแผ่นยางออกมาวางบนโต๊ะทำงาน พร้อมกับอุปกรณ์ตะไบ ในลิ้นชักทั้งหมดวางเรียงกันบนแผ่นยาง  จากนั้นนำแปรงปัดทำความสะอาด ปากกาจับชิ้นงาน ของโต๊ะตัวเองให้เรียบร้อยใครเสร็จแล้วให้ออกมายืนต่อแถวตามเลขที่โต๊ะตัวเองตรงช่องทางเดินตรงกลาง เพื่อเบิกอุปกรณ์บางส่วนที่อาจารย์ไม่มีให้ในลิ้นชัก เช่น ฉากเหล็กขนาด 4 นิ้ว, เวอร์เนียร์ และเลื่อยมือ เป็นต้น

“ผมฉัตรชัย XXXXX โต๊ะที่ 1 ขอเบิก ฉากเหล็กขนาด 4 นิ้ว, ตะไบแบนหยาบ 12 นิ้ว ครับ” ไอ้ชัยยืนตะโกน เบิกเครื่องมือที่หน้าห้องเครื่องมือครับ ไอ้ชัยมันตัวเตี้ยเลยได้โต๊ะแรก อาจารย์เขาจัดลำดับเตี้ยไปหาสูงครับ วิชานี้พวกผมไม่ได้เรียนกันแค่กลุ่ม 3-4 นะครับ ยังมีแผนกอื่นที่เรียนด้วยอีก 2 แผนก มีไฟฟ้า แมคคา ด้วย

จากนั้นทำแบบนี้ต่อๆกันจนครบทุกคน แล้วอาจารย์ก็ให้ทุกคนออกมายืนแถวตอนเรียง 5 แล้วนั่งลงเพื่อรอตรวจผม วิชานี้มีอาจารย์สอนพวกผมอยู่ 4 คน พร้อมๆกัน ก็ตรวจผมกันสนุกเลยทีนี้

อาจารย์ก็ตรวจผมไปเรื่อยๆจนมาถึง ไอ้แรก

เปี๊ย เสียงตบหัวแบบหัวเกรียนอะครับ เพราะอาจารย์พบเห็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งที่ติดอยู่บนหัวของมัน นั่นก็คือ....
.
.
.
ฉิบหายสังคังขึ้นหัว ไปๆ ไปทำงานต่อ” อาจารย์ลั่นหัวมันไปทีนึงแล้วไล่ไปทำงาน คือมันตัดผมมาผ่านครับเพียงแค่มันสกปรกไปหน่อยหัวเลยมีสังคัง ตอนนั้นฮากันจริงๆครับ

“เหี้ย เปิดผิวดิบ 555+” ไอ่น็อตอุทานเบาๆขึ้นในแถว

“ผิวดิบห่าอะไรของมึงว่ะ” ผมถาม

“เอ้า ก็เปิดผิวดิบไง ผิวดิบก็หมายถึงหัวไอ้แรกไง” มันตอบ ทุกคนก็ขำกันเบาๆ

ขออธิบายผิวดิบนะครับ มันเป็นชิ้นงานที่พวกผมทำกันในวิชานี้ มันเป็นก้อนเหล็กสีดำ ที่ต้องตะไบเหล็กสีดำออกให้เห็นเหล็กข้างใน ซึ่งไอ้เหล็กที่ถูกเหล็กสีดำปกคลุมอยู่นี่แหละครับเขาเรียกกันว่าผิวดิบ การตะไบเอาสีดำออกให้เห้นเนื้อในนั้นเขาเรียกกันว่า “เปิดผิวดิบ” อาจจะคงไม่เข้าใจกัน ไม่เป็นไรครับ 555+

เมื่อตรวจครบทุกคนเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำงาน เหลือก็แต่ ไอ้ชัย ไอ้โจ๋ นี่แหละครับ มันผมยาวตัดมาไม่ผ่าน อาจารย์ให้วิดพื้น 10 ยก และนั่งหน้าห้องเก็บชิ้นงาน รอจนช่วงบ่ายถึงจะได้เข้าไปทำงาน

ทำงานกันไม่นานก็พักเที่ยง พวกผมก็ไปกินข้าวกันที่โรงอาหารใหม่

“เหี้ยเซงเลยว่ะ ตรวจผมไม่ผ่าน” โจ๋บ่น

“เออน่า เดี๋ยวบ่ายมึงก็ได้เข้าไปทำงานแล้วนี่” โอ๊ตพูดปลอบใจ ขณะที่นั่งกินข้าวกันอยู่

“เทคนิคแม่งเมื่อไหร่จะเปิดแผนกบัญชีว่ะ จะได้มีสาวๆให้เหล่” บาสพูดขึ้น

“ยากว่ะ เพราะพวกบัญชีมันอยู่ ที่ อาชีวะศึกษา ในตัวเมืองนู้น เทคนิคเปิดไปก็เหมือนไปแข่งกับเขาเปล่าๆ สู้ไม่ได้ด้วยมั้ง เพราะทางนั้นเขามีชื่อเสียงอยู่” น็อตพูด

“เออ ช่างแม่ง” บาสบ่นอย่างปรงๆ

“ไอ่สัสนี่ก็คุยแต่โทรศัพท์นะ กับเพื่อนกับฝูงนี่ไม่มีพูดหรอก” น็อตหันไปบ่นไอ้ตันที่กำลังคุยโทรศัพท์กับฝ้ายอยู่

“มึงเบาๆดิน็อต เดี่ยวฝ้ายด่าเอา....อะไรนะตัวเอง อ๋อเมื่อกี้เค้าคุยกับน็อตอะ” ตันหันมาดุน็อตแล้วคุยต่อ

ผมเห็นแล้วก็รู้สึกเฉยๆ พักนี้ผมเปลี่ยนไปพอสมควรผมชอบมองผู้ชายในเทคนิคครับ เพื่อนดูคลิปโป๊กัน ผมไม่เคยร่วมวงเลย ไม่ชอบดูมันแปลกดูแล้วไม่มีอารมณ์ครับ
“ถ้ามึงจะเหล่ มึงก็ไปเหล่อีกิ๊ฟกลุ่ม 3 นู้น” น็อตแนะนำบาส

“โฮ้ย ปล่อยมันไปเถอะกิ๊ฟอะ กูไม่เหล่เพื่อน” บาสพูด

“หรอ วันนี้มันใส่เสื้อในสีอะไรว่ะ” น็อตถาม

“ดำ!!!” บาสตอบ

อื้อหือ เท่านั้นแหละไอ้น็อตลุกขึ้นเปิดผิวดิบไอ้แบงค์ แล้วเพื่อนๆก็รุมเปิดผิวดิบตาม ดังลั่นเลยครับ 5555+

“ไอ่สัส เจ็บนะครับพี่น้องครับ” มันบ่นๆ

“ไอ้เหี้ยแล้วบอกไม่คิดไงกับเพื่อนอะ ไอ่สัสสีดำ 555+”

“โอ้ย พวกมึงเบาๆกันหน่อยดิว่ะ...อะไรนะตัวเอง@##$#T%$^%” ตันบ่นเพื่อนๆแล้วคุยต่อครับ

“ไอ้ชัย ไอ้ตาม ปะ เดี๋ยวไม่มีเวลา” บิ๊กชวนชัย ตาม ไปเอามะเร็งเข้าปอดตามเคยครับ

ผมกินข้าวเสร็จก็รวบช้อนเตรียมไปเก็บจาน เพื่อนๆก็ฝากผมเก็บ

“อิน ตันฝากซื้อเป็บซี่แก้วนึงดิ” ตันพูด

“โอเคๆ” พูดจบผมก็เดินเอาจานไปเก็บและซื้อเป็บซี่มาให้ท่านตันกิน 



ในช่วงบ่าย พวกผมเข้าไปทำงานกันตามปกติ งานผมไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่คือผมไม่เก่งงานช่างเลยครับ แม่บ่นๆผมเสมอว่าเป็นผู้ชายเสียป่าวแต่อ่อนแอปวกเปียกอย่างกับผู้หญิง ขนาดจับไขควงแม่ยังบ่นว่าจับเหมือนผู้หญิงเลย อ่อนแอจริงๆ ก็ผมไม่เก่งงานช่างนี่ครับ

ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ด!!!! เสียงนกหวีด

ทุกคนหยุดทำงานแล้วทำความสะอาดโต๊ะชิ้นงานตัว จากนั้นนำเหล็กซึ่งเป็นชิ้นงานของแต่ละคนไปชโลมน้ำมัน เพื่อกันสนิทเกาะงาน จากนั้นก็วิ่งเอางานเข้าไปเก้บในห้องเก้บชิ้นงาน เมื่อเก็บกันหมดอาจารย์ก็จะปิดห้องเก็บชิ้นงาน แล้วทุกคนก็มายืนต่อแถวหน้าห้องเครื่องแบบเมื่อเช้าเพื่อคืนเครื่องมืออุปกรณ์ที่เบิกมา แต่ไม่ต้องต่อแถวตามเลขโต๊ะแล้วครับทำเฉาพะตอนเบิกอย่างเดียว เวลาคืนของไม่ต้องพูดอะไรด้วยเพียงแค่เดินเอาของไปวาง แล้วอาจารย์ที่อยู่ตรงเคาท์เตอร์จะโยนใบเบิกของแต่ละคนลงพื้น เมื่อวางของเสร็จก็ก้มลงเก็บใบเบิกของตัวเองแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ

ตอนที่ไอ้แรกคืนของอาจารย์ก็โยนใบเบิกมันลงไปที่พื้น จังหวะที่มันกำลังก้มเก็บไอ้ชัยเดินมาเพื่อคืนของมันก็เอาตีนเขี่ยใบเบิกปลิวลอยเข้าไปในห้องเก็บชิ้นงาน สรุปวันนี้ไอ้แรกโดนวิดพื้นไป 10 ยก ผมยืนดูโคตรฮาเลย แต่ขำมากก็ไม่ดีนะครับมันเป็นเวรกรรม 555+

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ ก็ออกมาเข้าแถวตอนเรียง 10 แบบเมื่อเช้าเพื่อรออาจารย์ออกมาปล่อยแถว

“สำหรับวันนี้งานไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่นะ อาทิตย์หน้าพยายามกันหน่อย กว่าจะทำให้เป็น ซีแคลมป์ มันต้องใช้เวลาอยู่นะจะไม่ทันเอา โอเควันนี้มีเท่านี้เลิกแถว”

พูดจบพวกผมก็ตบมือเป็นจังหวะ 1212312121 ตะโกนขึ้นว่า เฮ้!!! แล้วก็แยกย้ายกันกลับครับ

“บาส วันนี้มึงไปร้านหนังสือการ์ตูนเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ เรื่องใหม่ออกแล้วจะไปซื้อ” ผมชวนมัน ขณะที่พวกเราออกมารอรถเมย์หน้าเทคนิค

“เออๆ”

“เฮ่ย กูไปก่อนนะรีบจริงๆ วันนี้ไม่ได้อยู่ส่งพวกมึง โทษที” ตันบอกพร้อมกับ บิดรถเครื่องออกไป ผมก็มองตามจนรถเครื่องขับห่างออกไปจนมองไม่เห็น

“ไอ่สัสนี่ติดหีชัวร์” บาสบ่นๆ คือปากมันเสียแบบนี้แหละครับ
 

แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
ขอขอบคุณทุกคนติชมและผู้เข้ามาอ่านทุกท่านนะครับ
*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:33:11 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 10 “เข้าค่ายลูกเสื้อวิสามัญ”
********************************************************************

ขออนุญาตข้ามมาช่วงท้ายเทอมเลยนะครับ

เวลาที่ผ่านมาหลังจากตอนที่แล้วนั้น ผมขอเล่าคร่าวๆเพราะลืมไปเยอะมากเลยครับ

ความสัมพันธ์ของผมกับตันไม่มีอะไรเพิ่มขึ้น ทุกอย่างธรรมดาปกติ ช่วงนั้นตันไม่ค่อยมาเรียนมาก็อาจจะมาช่วงบ่าย ไม่ก็มาเช้าแล้วโดดบ่าย จนกระทั้งวันหนึ่งผมได้ข่าวจากเพื่อนๆว่าตันเลิกกับฝ้ายแล้ว

ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงบวกกับความคิดที่ยังไม่โตด้วยในตอนนั้น ทำได้ก็แค่คอยเทคแคร์ตามใจตันในเรื่องที่เขาอยากได้ อย่างเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น ซื้อสมุด ซื้อปากกา ซื้อน้ำ เก็บจานข้าว และอื่นๆ สาเหตุก็คงเป็นเพราะอยากอยู่ใกล้ๆเขา เทคแคร์เขาในยามลำบากละมั้ง เด็กวัยรุ่น อายุ 16-17 มันคงไม่คิดอะไรมากมายหรอกเนอะ จนกระทั้งเราเริ่มสนิทกัน ตันระบายอะไรๆให้ผมฟังในเรื่องที่เขาเป็นทุกข์ จนผมเริ่มที่จะรู้จักเขามากขึ้น (เพิ่งเริ่มจะสนิทกันมากขึ้นเฉยๆ ไม่ถึงขั้นสนิทอะไรมากมายนะครับ)

ส่วนในเรื่องเรียนนั้น โดยเฉพาะวิชาตะไบกว่าจะทำชิ้นงานเสร็จทำเอาแย่เหมือนกัน แต่ก็ผ่านกันไปได้ด้วยดีทุกคน รวมทั้งวิชาอื่นๆด้วย
.
.
.
.
.
.
.
“เอาหละนักเรียน ต่อแถวรับข้าวกล่องแล้วขึ้นประจำรถบัสของตัวเองเลยนะครับ” เสียงอาจารย์พูดใส่โทรโข่ง

“บาส มึงนั่งกับกูนะ” ตันพูด

“เออๆ” บาสพูดระหว่างที่กำลังส่งกระเป๋าเป้ให้เด็กรถบัสโยนเก็บใต้รถ

“อิน มึงนั่งกับกูนะ” ชัยชวนผม

“ได้ๆ มึงขึ้นไปจองที่เลยกูขอนั่งริมหน้าต่างนะ” พูดจบก็ขึ้นไปหาที่นั่งบนรถบัสกัน

พักนี้ผมกับไอ้ชัยก็สนิทๆกันมากขึ้น คุยกันถูกคอเพราะมันคุยตลก และมันก็ย้ายมาจากสมุทรปราการเหมือนผมก็เลยคุยกันรู้เรื่อง

“อ่า คันนี้ขึ้นมาครบแล้วหรือยัง” อาจารย์เข็มถาม แล้วทำท่านับจำนวนพวกผมที่อยู่บนรถ

อาจารย์เข็มเป็นอาจารย์ในแผนกผม และยังเป็นศิษย์เก่าที่นี่ด้วย

จากนั้นรถก็เคลื่อนออกจากเทคนิค มุ่งสู่ แกรนด์ไลน์ ถุย!!!  “ค่ายเสือป่าแคมป์” จังหวัดสระบุรี ครับ

ลืมบอกไปว่าวันนี้พวกเราไปเข้าค่ายลูกเสื้อกันครับ เทคนิคก็มีเรียนลูกเสื้อนะ เขาเรียกว่าลูกเสื้อวิสามัญ

ผมนั่งฟังเพลงตลอดทาง ส่วนไอ้ชัยมันก็เดินระรานไปคุยกับคนนั้นทีคนนี้ที สักพักก็มีเสียงเพื่อนหัวเราะขำกันกิ๊กกัก ผมเลยหันไปดูพวกแม่งกำลังเอาเงื่อนเชือกหย่อนลงไปในปากไอ้แรกเลยครับ คือไอ้แรกนอนหลับลึกอ้าปากหวอเลย คงจะขาดออกซิเจนมาก

“เฮ่ยๆ บาสมึงหย่อนดีๆดิค่อยๆหย่อน” น็อตพูด ขณะที่บาสกำลังหย่อนเงื่อนเชือกลงไปเกือบจะลงไปแล้วครับ ผมอย่างฮาเลยแล้วไอ้แรกก็สะดุ้งตื่นเพราะเพื่อนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ คือขำดังมากครับ

“ไอ่อ่า เอ่นเอี้ยอะไออันเอี้ยอ้วกเอี้ย” มันพูดประมาณว่า ไอ่ห่า เล่นเหี้ยอะไรกันเนี้ยพวกเหี้ย พูดถึงเหี้ยแล้วหิวไก่เลยครับ 555+

ไอ้แรกโมโหเลยด่า พวกมันจึงกลับที่ใครที่มัน แล้วผมก็หลับไปกับไอ้ชัยจนกระทั้ง......
.
.
.
.
.
.
.
.
ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ด!!! เสียงนกหวีดอาจารย์

“เหี้ย!!! ตื่นๆอาจารย์เรียกให้ลงไปจัดแถวข้างล่าง” ไอ้โอ๊ต กับไอ้มอส ตะโกนเรียกเพื่อนๆที่ยังหลับอยู่

“ชัย ตื่นๆ” ผมสะดุ้งตื่นแล้วจึงสะกิดไอ้ชัยต่อ

ทุกคนรีบวิ่งไปลงข้างล่างผมหันไปเจอไอ้แรกแม่งยังหลับอ้าปากอยู่เลย ไอ้ชัยจึงวิ่งไปตบปากที่ห้อยๆของมัน แม่งสะดุ้งเลยครับ แต่เวลานั้นผมคงไม่ฮาจึงรีบลงไปกัน

“หมอบๆๆๆๆ” อาจารย์สั่ง พวกผมก็ค่อยๆก้มหมอบลงไป คือมันไม่ได้โหดอะไรมากมาย แค่เหมือนแกล้งเล่นๆอะครับ

ขณะที่ผมหมอบลงไปรู้สึกว่ามันอึดอัดเพราะหมอบชิดๆกันหมดเลยครับ

“เหี้ย ใครหายใจแรงจังว่ะ” ผมหลับตาบ่นเบาๆ เพราะรู้สึกมีเสียงลมหายใจดังขึ้นข้างๆหู ขณะที่หน้าจมดินอยู่

“กูเองๆ”

“ใครว่ะกูเองอะ”

“ตันๆ”

“อ่าวตันหรอ”

“แล้วมึงใคร” อ่าวคิดว่ามึงรู้ว่าเป็นกู

“อินๆ”

“คุยอะไรกันหมอบอยู่ไม่ใช่หรอ” เสียงอาจารย์ดุใส่

“เอาหละ ใครที่มีพระลุกขึ้นเอาพระมาฝากอาจารย์ เดี๋ยวทำกิจกรรมแล้วจะหายเอา” อาจารย์พูด พวกผมก็ลุกถอดสร้อยพระฝากอาจารย์ไว้แล้วกลับมาหมอบต่อ แต่หมอบลงที่ใหม่นะครับ ผมไม่กล้าหมอบใกล้ตัน มันเหมือนจะสปาร์คไฟดูด

“ลุก” อาจารย์สั่ง

“เดี๋ยวเข้าแถวตามหมู่ของตัวเองแล้วเดินเข้าไปในป่านะ ระหว่างทางจะมีอาจารย์ประจำฐานอยู่ ก่อน 5 โมงเย็น ทุกคนต้องถึง ค่ายเสือป่าแคมป์ นะ” อาจารย์อธิบายพร้อมกับกำชับเวลา

จากนั้นพวกเราก็เข้าแถวเป็นหมู่ใครหมู่มัน เทคนิคผมเขาจัดหมู่ตามกลุ่มที่เรียน เช่นผมกลุ่ม 4 ก็จะได้อยู่หมู่เดียวกันหมด

แล้วเราก็เริ่มเดินทางไกลกันโดยมีไอ้บาสเป็นหัวหน้าหมู่ และผมเป็นรองหัวหน้าหมู่เดินอยู่หลังสุด

เราเดินผ่านกันไปหลายฐานจนมาถึง....

“เอาหละฐานนี้เป็นฐานกู้ระเบิด ตั้งใจฟังกติกากันด้วยนะ” อาจารย์พูด

“เอ่อ...จารย์ครับ” อาฟู่ยกมือขึ้นเรียกอาจารย์ ตัวสั่นริกๆ

“ว่าไงครับ”

“  :hao4: ผมปวดท้อง ขอตัวไปขี้ได้ไหมครับ!!!!” อื้ม...งานหยาบแล้วไงไอ่เหี้ย ในป่าแบบนี้ด้วย

จากนั้นมันก็วิ่งหายไปในป่าเพื่อไปขี้.....เรื่องขี้เป็นนิสัยติดตัวของมันเลยครับจริงๆ

อาจารย์ไม่รอช้าเพราะนี่ก็เริ่มจะเย็นมากแล้ว จึงให้พวกผมทำกิจกรรมกันเลย พอเสร็จไอ้อาฟู่ก็กลับเข้ามาพอดี  แล้วพวกเราก็เดินไปข้างหน้ากันต่อ จนกระทั้งถึงค่ายเสือป่าแคมป์ อาจารย์ก็บอกเลขบ้านพักของพวกผมแล้วให้นำกระเป๋าไปเก็บกัน บ้านที่พวกผมพักกันนั้นมันนอนได้ 20 คน ก็มีกลุ่ม 3 ปนมาด้วยไม่กี่คน แล้วก็ กลุ่ม 5 แต่พวกนี้ไม่สนิทกับพวกผมจึงย้ายของไปนอนกับพวกกลุ่มเขา

พวกเราเพียงแค่พาสัมภาระไว้กลางห้องแล้วรีบไปรวมตัวที่ห้องโถงเพื่อฟังรายละเลียดของกิจกรรมที่จะต้องทำให้วันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้ก็เย็นมากแล้วอาจารย์พาพวกผมไปกินข้าวที่โรงครัวใหญ่ อาหารน่ากินฉิบหายเลยครับ แกงส้มผักกาดล้วน ผัดหมู 3 ขีด ผัก 3 กิโล น่าแดกจริงๆนะครับ ให้กูกินเจเลยไหม แต่มันก็แบบนี้แหละไม่งั้นคงไม่เรียกว่าเข้าค่ายสินะ เฮ้อ.....

กินข้าวเสร็จก็มาจัดแจงเรื่องที่หลับที่นอนกันครับ

“เฮ่ย บาสกูนอนใกล้มึงนะ” ตันพูด

มึงสองตัวนี่เป็นอะไรกันมากปะเนี่ย แลตันจะติดไอ้บาสเหลือเกิน

“เออๆ” คำตอบเดิมๆของมัน

ขณะที่เพื่อนๆกำลังหาที่ลงอยู่ผมก็ยืนเก้ๆกังๆ ไม่รู้จะนอนตรงไหนดี

“อิน มานอนตรง...” ตันพูดชวนผมยังไม่ทันจบ

“เหี้ย อินมึงมานี่ๆ มานอนฝั่งพวกกูมา” ไอ้ชัยเรียก ผมก็มองหน้าตัน ตันมองกลับประมาณว่าจะนอนตรงไหนก็เรื่องของมึงเลือกเอาเองโตแล้วไอ้ควาย (คำหลังผมเติมเองนะครับ 555)

สถานการณ์แบบนี้ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าผมต้องไปนอนกับ....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“เออๆ” ผมเดินเอาสัมภาระไปว่างไว้ใกล้ๆไอ้ชัย

ส้นตีนจริงๆเลยนะมึงอะ เฮ้อ....

บ้านนี้มีแค่ชั้นเดียว พัดลมติดอยู่ที่คานไม้ 1 ตัว มีห้องน้ำในตัว และใหญ่อยู่ครับ มีที่นอนอยู่ 2 ฝั่ง ถ้าเดินเข้ามามองไปฝั่งซ้าย เรียงจากหน้าประตูจะเป็น แรก ตัน บาส น็อต โอ๊ต มอส อาฟู่ และบิ๊ก ส่วนอีกฝั่งเป็น เพื่อนกลุ่ม 3 เต้  นิว เล็ก ภีม(เกย์)  ต่อมาเป็น ผม ชัย โจ๋ และตาม

เมื่อจัดที่นอนเสร็จก็ได้เวลาอาบน้ำ เอ่อ...แล้ว แล้ว ยังไงละ ห้องน้ำในบ้านมันไว้สำหรับ ขี้เยี่ยวอย่างเดียว สรุปคือกูต้องไปแก้ผ้าอาบห้องรวมใช่ไหม


ไม่เอาน่า



ไม่ๆ



“อาบน้ำ ห้องรวมกูไม่เอานะกูอายอะ” ผมพูดขึ้น

“มึงจะเรื่องมากทำไมกันว่ะ ผู้ชายด้วยกันทั้งนั้นอาบไปเหอะ วิดๆน้ำแปบเดียวก็เสร็จละ” เล็กเพื่อนกลุ่ม 3 พูดขึ้นและเดินเข้ามากับ นิว เต้ ภีม ที่ไปอาบน้ำห้องรวมกันมาเรียบร้อยแล้ว

สรุปพวกกลุ่ม 4 ของผมตัดสินใจกันว่าไม่อาบห้องรวม


อ่าว


แล้วมึงจะอาบกันที่ไหน


อย่าบอกนะว่าในห้อง...ขี้...เยี่ยวแห่งนี้!!!!


นั่นแหละครับ สรุปก็ต้องอาบกันในนั้น เข้าเป็นคู่ครับ ผมเข้ากับไอ้ชัย คู่ท้ายๆเลย เราอาบน้ำกันโดยการหยิบ ขัน ที่ไว้ใช้ล้างตูดและราดส้วม มาตักน้ำที่เขาไว้ใช้ล้างส้วมอาบกัน นึกภาพประมาณห้องน้ำปั้ม ต่างจังหวัดอ่าครับ แบบนั้นเลย ผมไม่รอช้าควักน้ำตักราด ตักราด ถูสบู่ ล้างๆเรียบร้อย แล้วออกมา ให้คนอื่นเข้าต่อ

ทำกิจธุระของแต่ละคนเสร็จก็ปิดไฟนอนครับ

แต่ คิดจริงๆหรอว่าไอ่พวกบ้านี่มันจะนอน มันรอแกล้งใครหลับโดนป้ายยาสีฟันชัวร์ ผมนี่นอนไม่หลับเลย มองขึ้นไปเพดานก็เจอคานไม้ใหญ่ โอ้วฉิบหาย นึกถึงหนังผีเลยครับ ผมไม่รอช้าลุกขึ้นมานั่งแล้วก็....

“ทำห่าอะไรของมึงว่ะอิน” ชัยพูดขณะนอนอยู่ข้างๆผม

“สวดมนต์....” แล้วผมก็หยิบลูกประคำ ที่เก็บไว้ในเป๋ และหนังสือ “มนต์พิธีแปล” พร้อมกับสวด ชินบัญชร พาหุงมหากา ตามสัญชาติญาณหมอผีของผม บ้าจริงกู 5555+

แต่....ใครว่าผมบ้าคนเดียวละ ไอ้เล็กก็ลุกมาสวดกับผมด้วย

ขณะเดียวกัน มีแสงสีขาววูบวาบในความมืด หรือว่าเขาจะรับรู้ได้ถึงความเมตตาที่ผมแผ่ส่งออกไปได้กันนะ.....ถุย!!!

“ฉิบหาย กระสือ!!!” ไอ้ตามอุทานขึ้น

“กระสือ เหี้ยอะไรละ อาจารย์เขาส่องไฟตามบ้าน ดูว่าใครยังไม่นอนอะดิ” นิว กลุ่ม 3 พูดขึ้น

“เฮ่ย ยังไม่นอนกันอีกหรอว่ะ!!!” เสียงอาจารย์ตะโกนเข้ามาในบ้านที่พวกผมนอนอยู่ พร้อมส่องไฟเข้ามา

ผมนี่ โห่...ไม่อยากจะพูดเลยครับ กำลังอยู่ในอิริยาบถสวดมนต์อยู่แท้ๆ รีบฟุบนอนเหมือนตายเลยครับ

ผีก็ผีเถอะ ยังไงอาจารย์แม่งก็น่ากลัวกว่า 555+

เมื่อพวกผมเงียบ อาจารย์ก็เดินไปหลังต่อๆไป จากนั้นพวกผมก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ครับ

เช้าวันต่อมา

กลิ่นปริศนาลี้ลับกลิ่นหนึ่งโชยขึ้น ผมซึ่งนอนหลับอยู่ก็สัมผัสกลิ่นนั้นได้ มันคือนามธรรมเหม็นๆอย่างหนึ่ง ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมานั่ง เห็นรองเท้าลูกเสื้อของไอ้แรกคือมันเหม็นมาก กลิ่นเหมือนเหี้ยอะไรตายไม่รู้ครับ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวใครที่ตื่นๆอยู่ก็บ่นๆกัน เหลือเพียงคนคนนึงที่ยังนอนแน่นิ่งอยู่ ผมหันไปมองตันซึ่งหลับอยู่ แต่เหมือนมีอะไรมาสะกิดลูกตาผมให้มองต่ำลงไปเรื่อยๆ

เอ่อ....ฉิบหาย ตันนอนอ้าขา อ้าซ่า แผ่ไพรศาล มองเห็น กกน. ข้างใน เต็ม 2 ลูกตาที่ใหญ่เท่าไข่ห่านของผมเลยครับ เอาตรงๆตอนนั้นก็รู้สึกอยู่นะครับ

คือส่วนลึกผมก็เคยนึกนะว่าตัวเองต้องเป็นแน่ๆ แต่พอมีสติขึ้นมาก็บอกว่าไม่ใช่หรอก ไอ่ห่ามึงไม่ได้เป็น ว่าแล้วผมก็ได้สติแล้วลุกไป เข้าไปแปรงฟันอาบน้ำพร้อมกับไอ้ชัย เพราะ ตาม โจ๋ ออกมาจากห้องน้ำแล้ว

หลังจากที่ทำกิจธุระของแต่ละคนเสร็จก็รีบวิ่งแจ่นกันไปที่ห้องโถงกันเพื่อเข้าแถวตามหมู่และทำกิจกรรมตามฐานต่างๆ

อาจารย์ให้จับคู่กันในหมู่เพื่อทำกิจกรรมพร้อมกับแจก แผ่นพับสีเขียวเล็กๆเอาไว้ปั้มตามฐานต่างๆที่เราผ่านมา ผมก็คงต้องคู่ไอ้ชัยนี่แหละ แล้วเราก็ไปตะลุยตามฐานต่างๆ มีทั้งลอดห่วงยาง ปีนเชือก โหนเชือก โดดหอ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งดูรวมๆแล้วแม่งก็ไม่ต่างจาก “ดรีมเวอร์” สักเท่าไหร่

เข้าฐานกันสนุกสนานเลยครับแต่ละคน คงมีแค่ผมนี่แหละเพราะผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เท่าไหร่เบื่อๆ ผมก็ตามไอ้ชัยไปฐานต่างๆจนกระทั้งบ่ายอ่อนๆ

“อิน มาฐานนี่ดีกว่า โหนเชือกทาร์ซาน” ชัยชวนผม ไอ่โหนเชือกทาร์ซานนี่ผมคิดเองนะครับ คือจำชื่อฐานไม่ได้แล้วครับ
 
“กูเริ่มเบื่อแล้วว่ะ” ผมบ่น

“ไอ่ห่า มึงเข้าฐานนี้ก่อน เสร็จแล้วค่อยกลับที่พักกัน นี่ก็ได้ตั้งเกือบครบแล้วเนี่ย” ผมโชว์ตราปั้มให้ดู ก็ใกล้ครบอย่างที่มันว่าแหละครับ คือไม่ต้องครบก็ได้ถ้าคิดเป็น % ก็ต้องมากกว่า 80% ถึงจะผ่านวิชาลูกเสื้อนี่ไปได้

“เออๆ เอาก็เอาว่ะ ให้มันจบๆไปห่า” ผมบ่นพร้อมกับเดินไปต่อคิวที่ฐานเพราะตอนนี้มีคน โหนอยู่

ผมก็ดูอยู่หลายคนแม้งโหนกากๆทั้งนั้น โหนไปแล้วขาจุ่มโคลนก็มี บางคนอ้วนๆนี่ลงไปในโคลนเลย ผมก็ค่อยแนะนำคนที่โหนๆอยู่ว่าให้โหนแบบไหน จนกระทั้งถึงตาผมกับไอ้ชัย

“เอายังไง มึงหรือกูก่อน” ชัยถามผม

“มึงก่อนเลย”
พูดจบไอ้ชัยก็โหนพลิ้วเลยครับ เทคเดียวผ่านเพราะแม้งตัวเตี้ยและตัวเล็กด้วย ยังไงก็ผ่านฉลุย

ที่นี้ก็คิวกูแล้วสิ เฮ้อ เอาหละเป็นไงเป็นกัน ผมจับเชือกแล้วโหนโดยที่ไม่จับเชือกถอยหลังแล้ววิ่งแบบคนอื่น คือผมลืมด้วยแหละ แล้วยังไงละ น้ำหนังตัวกูก็ไม่ได้หนักอะไรมากมายนะ 53-54 โดยประมาณ แต่แม้งไม่มีแรงเหวี่ยงอะดิ เพราะไม่ยอมถอยไปสุดแล้ววิ่งมา สรุปกูก็ตกลงไปใน ล่องมรณะนั้น

 

“โหอิโยอิโยยยยยยยยยยยยยยยยย” ร้องเหมือนทาร์ซานไหมละกู



แบะ ล่วง ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!! เกิดเป็น “โกโก้ครั้นช์” เลยกู



รู้สึกอายมากเลยครับ มีแต่เสียงหัวเราะ เพราะอะไรหนะหรอ ก็ผมเล่นไปสอนเขาตั้งหลายคนแล้วพอมาทีตัวเองก็ทำไม่ได้ ไอ้ชัยหัวเราะดัง เฮอเฮ๊อ~ ตามนิสัยของมัน แล้วก็จับมือฉุดผมขึ้นมาจากล่องมรณะ แล้วพาผมกลับที่พักเลยครับ

ไปถึงผมก็เจอ เพื่อนบางคู่กลับมาอยู่ก่อนแล้ว อย่างตัน บาส โอ๊ต น็อต พอผมเข้าไปเพื่อนๆเห็นก็ขำกันฉิบหายเลยครับ อายหนักกว่าเดิมอีกทีนี้ แล้วผมก็เข้าไปอาบน้ำ ล้างชุดที่เปื่อนโคลนแล้วเอาออกมาพึ่งแดดข้างนอก

ตกเย็นทุกคนก็กลับมากันจนครบ เราก็ไปกินข้าวกันที่โรงอาหารตามเวลาที่อาจารย์นัดหมายไว้ กินเสร็จก็ไปห้องโถงใหญ่ มีการแสดงของเด็กอาชีวะ เขามาเต้นรำให้ดู คือ ผอ. เขาส่งหนังสือเชิญให้มาช่วยสร้างความสนุกสนาน ในกิจกรรมรอบกองไฟอ่าครับ  จบกิจกรรมทุกคนก็แยกย้ายกันกลับที่พัก

ขณะที่พวกผมเดินผ่าน รถของอาชีวะ ก็มีพวก ผญ. ที่เขามาเต้นรำให้ดูตอนต้นกิจกรรมรอบกองไฟ กำลังเกาะกลุ่มคุยกันตามประสาผู้หญิงอะครับ

“เฮ่ย น่ารักดีว่ะคนนั้นอะ” บาสพูดขึ้น

“เออจริงด้วย ไอ้ตันมึงเอาคนนี้ดิ เดินเข้าไปขอเบอร์เลยจะได้หายโสดสักทีมึง” น็อตพูดขึ้นแล้วสะกิดตัน

“จะดีหรอว่ะ แต่แม่งน่ารักจริง” ตันพูด แล้วเพื่อนๆก็เชียร์กันใหญ่บอกให้ไปขอเบอร์เลย

ตันก็เดินไปจริงๆครับ ผมไม่รู้เขาคุยอะไรกันเพราะระยะมันก็ห่างอยู่พอสมควร คงประมาณว่าขอเบอร์ละมั้งครับ แต่แล้วก็....

“เฮ่ย นี่แฟนกูสัส” เด็กช่างไฟฟ้าเดินมาครับ ฉิบหายแล้วสิตันดันไปจีบคนมีเจ้าของอีก

พวกผมยืนมองด้วยความตกใจ ตันเองก็ด้วยคงทำอะไรไม่ถูก ไอ้ช่างไฟฟ้าคนนั้นทำท่าจะหาเรื่องตัน พร้อมกับพวกของมัน แต่แล้วก็มีพวกช่างยนต์ที่ตันรู้จักผ่านมาเลยเข้ามาดูเชิงอยู่ข้างหลัง พร้อมกับช่างกลพวกของบูม (ยังจำบูมได้ใช่ไหมครับ) เพราะคงเห็นว่าพวกผมเหมือนจะมีเรื่องเลยเข้ามาดูมั้งครับ

“อิน มีอะไรกันว่ะ” บูมถามผม

“ไม่รู้ว่ะ แต่เพื่อนกูจะโดนช่างไฟเล่นแน่ๆเลย” ผมพูดอย่างกังวล พวกบูมก็ยังคงยืนดูเชิงข้างพวกผมเหมือนกัน

“มึงจะเอายังไงว่ะ มึงช่างอะไร” ไอ้ช่างไฟคนนั้นมันถาม

“กูช่างอิเล็ก แล้วไงยังไงว่ะ กูไม่รู้นี่หว่าว่านี่แฟนมึง เพราะเขาก็ยังให้เบอร์ก็อยู่เลย” ตันตอบ อย่างไม่เกรง

ส่วนพวกกลุ่ม ผู้หญิงอาชีวะพวกนั้น ก็นิ่งเงียบคงทำตัวไม่ถูกเหมือนกันแหละครับ โดยเฉพาะผู้หญิงคนที่ตันไปขอเบอร์ หน้าเสียเลยครับ

“เฮ่ย มึงไม่ต้องกลัวมีอะไรเดี่ยวพวกกูช่วย” เพื่อนช่างยนต์ของตัน พูดขึ้นพร้อมเดินเข้ามาแตะไหล่ตัน  ขณะที่พวกช่างไฟมันก็จ้องพวกผมอย่างจะเอาเรื่อง

ตอนนี้พวกผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันครับ พวกผมคนน้อยด้วยแต่ถ้าจะเอาจริงๆพวกผมก็คงสู้อยู่แล้ว คงมีเพียงผมนี่แหละที่ไม่สู้คน

“เฮ่ยๆ อะไรกัน” อาจารย์พูดแล้วเดินเข้ามาครับ

ตอนนั้นมีอาจารย์เข็ม อาจารย์สุดใจ และอาจารย์ผู้หญิงอีก 2 คน เดินตามเข้ามา

“ไม่มีอะไรครับอาจารย์” ช่างไฟคนนั้นพูด

“อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่ามีเรื่องกันหนะ กินข้าวก็จานเดียวกัน ยังจะกัดกันเหมือนหมาให้อายสถาบันอื่นเขาอีก” อาจารย์สุดใจตำหนิ แต่ลึกๆก็แฝงไปด้วยคำสอนเตือนสติ

หลังจากนั้นอาจารย์ก็สลายการชุมนุมของพวกผม

เช้าวันต่อมา พวกเราเตรียมเก็บข้าวของกลับบ้านกัน ผมดีใจสุดๆเลยเพราะผมเบื่อที่นี่มาก ผมไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้เท่าไหร่ เมื่อทุกคนเก็บของเสร็จก็ไปรวมที่ห้องโถงใหญ่ มีการปิดพิธีและถ่ายรูปรวมกัน แล้วก็ขึ้นรบกลับเทคนิค ก่อนกลับผมก็ซื้อกะหรี่ปั๊บไปฝากพ่อแม่และอุ้มน้องสาวผม


จบ ปวช.1
*
*
*
*
*
แค่นี้ก่อนนะครับ

เดี๋ยวผมมาลงให้อีกทีตอนเย็นไม่ก็คืนนี้นะครับ พอดีติดฝึกงานครับ

ยังไงก็ขอขอบคุณสำหรับคำคอมเม้นท์และผู้อ่านทุกท่านนะครับ

ขออภัยคำบางคำไม่สุภาพและเป็นภาษาพูดนะครับ

 
************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2018 22:56:49 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
พอดีว่างจากการฝึกงานครับ เลยแวะมาลงให้ครับ

ปวช.2 ภาคเรียนที่ 1/2553
บทที่ 11 “วันแรกมีแต่เรื่อง”

********************************************************************

วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ตอนนี้พวกผมเป็นรุ่นพี่แล้ว เพราะขึ้นมาเป็น ปวช.2 เต็มตัว แต่ก็ยังไม่นับว่าใหญ่ที่สุดในแผนกนะครับ

“ในหัวข้อต่อไปนั้นจะเป็น พลังของภาษา ซึ่งในหัวข้อนี้จะ!@$%^$%&^%” อาจารย์เยาวเรศ ผู้ครอบครองวิชาภาษาไทยเพื่ออาชีพ 1 กำลังสอนครับ

ตื๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (มือถือผมสั่นมีคนโทรเข้า)

“ฮาโหลว่าไงตัน” ผมรับแล้วก้มลงไปคุยโทรศัพท์

“อินอยู่ไหนอะ”

“อยู่บนห้องแล้วอะดิ ตันอยู่ไหน”

“เนี่ย ตันมาสายโดนอาจารย์ทำโทษหน้าเทคนิคเพิ่งจะปล่อยมาแล้วเรียนห้องไหน”

“ตึกสามัญ ชั้น 3 ห้อง XXXX” (ผมจำไม่ได้แล้วว่าห้องอะไร)

“โอเค เดี่ยวขึ้นไป” ตันพูดจบก็วางสาย

ตันกับผมสนิทกันมากขึ้น สืบเนื่องมาจากเมื่อตอน ปวช.1 เทอม 2 ที่ตันอกหักแล้วผมเข้าไปเทคแคร์เขาครับ

“ใครโทรมาว่ะ” บาสถาม

“ตันๆ”

“อ๋อ เออวันนี้ทำไมมันมาสายนักว่ะ” บาสถาม

“ฉิบหายกูจะรู้ไหมละ” ผมตอบ ขณะที่อาจารย์ยังคงสอนอยู่

“นี่เธอชื่ออะไรนะ หัวหน้าห้องกลุ่ม 4 หนะ คุยกันดีจริงๆเชียว” อาจารย์หันมาถาม พร้อมตำหนิ ผมก็ขำเหอะๆ แล้วก้มหน้าเงียบเลยครับ

“ขออนุญาตเข้าห้องครับ” ตันมาพอดี

“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วพ่อหนุ่ม เฮ้อ...เข้ามาๆ” ตันไหว้อาจารย์แล้วก็เดินเข้ามานั่งหลังห้องก๊งเดียวกับพวกไอ้ชัยที่นั่งกันอยู่

เมื่อเรียนกันเสร็จก็ได้เวลาพักกินข้าวแต่ผมไม่กินนะครับ ช่วงนั้นผมเก็บเงินจะซื้อมือถือเครื่องใหม่ แม่บอกว่าถ้าอยากได้ให้เก็บเงินซื้อเอง จากนั้นเราก็ไปนั่งเล่นที่แผนกเพื่อรอเข้าเรียนวิชาเครื่องเสียง

“เฮ่ยๆๆๆๆ อย่าดิ มันจั๊กเดียมๆๆๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“เฮ่ยๆ ช่วยกันจับมันไว้หน่อยดิ๊ แรงเยอะฉิบหาย 5555”

ผมหันไปตามเสียงที่ได้ยินก็เห็นว่า พวกกลุ่ม 6 มันกำลังแกล้งเพื่อนของมันอยู่ แกล้งแบบว่าจับขึงแล้วบีบนมเล่นกันอย่างเมามันเลยครับ ผู้ชายคนที่ถูกแกล้งอยู่คนนั้นผมจำได้ว่ามันชื่อ “กร” เคยคุยกันผ่านๆตอนเข้าแถวหน้าเสาธงเพราะแถวติดๆกัน กร เป็นคนขาวแบบตันเลย ส่วนสูงก็พอๆกัน หน้าตาประมาณพวกผู้ชายหน้าหวาน


“อิน อยากโดนแบบนั้นมั้งหรอเห็นมองจังเลย สาส 555” ตันสะกิดทักผม พร้อมทำหน้ากวนตีนใส่

“โอ้ย มึงจะบ้าหรอ 5555” ผมตอบ

ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงมือถือตัน)

“ฮาโหล ว่าไงแอน”

หืม...แอน!!!   

แอนคือใครกัน


ผมทำท่าจะฟัง แต่ตันก็ลุกเดินออกไปคุย

“ตันแม่งเนื้อหอมจริงๆว่ะ พักเดียวมีหีมาติดมันละ” บาสพูด

“เหี้ย มันมีมาตั้งแต่ตอนปิดเทอมละ พวกมึงไม่รู้หรอว่ะ” น็อตพูดขึ้น

“เออ มันมีมาพักนึงละ” บิ๊กเสริม

“แล้วพวกมึงรู้กันได้ไงว่ะ” ผมถาม

“ไอ่ห่า ก็ช่วงปิดเทอมตอนกลางคืนดึกๆไอ้ตันมันชอบโทรมาพอกูรับแม่งก็บอกว่าแอนอยากรู้จักกู กูก็เลยถามไปว่าแอนคือใครมันก็บอกว่าเพื่อนมัน แต่กูไม่เชื่อหรอกว่ามันเป็นเพื่อนกันอะ แล้วมันก็ประชุมสาย 3 คน มีกู มัน แอน คุยห่าอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย บอกเลยว่าเสียงโครตน่ารัก” น็อตเริ่มเล่า พวกผมทั้ง บาส ชัย ตาม บิ๊ก โอ๊ต อาฟู่ และมอส ก็สนใจเริ่มเข้ามาฟังใกล้ๆกัน ส่วนตอนนี้ไอ้แรกหายไปไหนไม่รู้ มันอินดี้แบบนี้แหละครับ เดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย

“แล้วมันจะอยากรู้จักมึงทำไมว่ะ งง” ผมถามต่อ

“กูก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะแอนอยากรู้จักเพื่อนของไอ้ตันละมั้ง” น็อตตอบ

“เออ ของกูก็ด้วยแอนมันมาทำนองเดียวกับมึงเลยไอ่น็อต” บิ๊กพูดบ้าง

ผมมานึกๆดู คนชื่อ แอน นี่แปลกๆพิกลดูไม่ค่อยจะน่าคบหาเท่าไหร่เลย แต่ช่างเถอะไม่เกียวกับผมนี่










ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับแอนเลยครับ รับรู้แค่ว่าเป็นคนคุยของตันเท่านั้นเอง แต่หารู้ไม่ว่าในอนาคตหนทางข้างหน้านั้น เธอคนนี้จะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงทุกอย่างมากมายเลยทีเดียว....










“บ่ายละ เข้าเรียนเถอะมึง” โอ๊ตบอก พร้อมกับชูเวลาในมือถือให้ดู

“เออไปกันเถอะ เรียนกับหัวหน้าแผนกด้วย ไม่รู้จะดุหรือป่าว” มอสพูดขึ้น

พวกเราก็เดินเข้าห้องเรียนกัน วิชาเครื่องเสียงหัวหน้าแผนกผมเป็นคนสอนเอง วันแรกก็ชิลล์ฉิบหายเลยครับ แจกหนังสือแล้วกลับบ้านได้ เออ.....แบบนี้ก็มีเนอะ   

แล้วเราก็เดินไปรอรถหน้าเทคนิคเช่นเคย

“บาส วันนี้มึงไป....” ผมพูดยังไม่ทันจบเลย

“พอ ไอ่สัส วันนี้กูไม่ว่างจริงๆ มีนัด” บาสตอบ มันคงรู้ว่าผมจะให้มันลงไปซื้อหนังสือการ์ตูนเป็นเพื่อนผม

ผมหันหน้าไปมองไอ้โจ๋ ซึ่งมันก็กลับทางเดียวกันกับพวกผมนี่แหละ มันก็มองประมาณว่ากูก็ไม่ว่างนะ หันไปมองไอ้แรกก็มันส่ายหน้า

เออดีสรุปวันนี้กูฉายเดี่ยวหมื่นลี้เอง   

จากนั้นรถเมย์ก็มา ผมขึ้นรถแล้วหลับตลอดทาง ตื่นมาก็ตอนลงรถหน้าซอยที่ผมจะเข้าไปซื้อหนังสือการ์ตูน ซื้อเสร็จก็เดินไปที่คิวสองแถวเพื่อกลับบ้าน แต่ระหว่างทางที่ผมกำลังเดินอยู่บนสะพานลอยก็บังเอิญเจอ บาล์มเพื่อนของไอ้บาสอยู่ช่างกลเหมือนบูมแต่คนละกลุ่มกัน

“เฮ่ย อิน” บาล์มทักผม พร้อมกวักมือเรียก

“อ่าว ว่าไงมึง” ผมทักตอบแล้วเดินไปหามัน

“แล้วนี่ทำไมมึงเดินคนเดียว ไอ้บาสละว่ะ”

“พอดีกูไปซื้อหนังสือการ์ตูนมาไง ส่วนส่วนแม่งกลับไปละมันว่าวันนี้มีนัด”

“ตอแหล ไอ้เหี้ยนี่อะมันขี้เกียจกูรู้” บาล์มพูด

ขณะเดียวกันมีกลุ่มเด็กเทคโนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านหลังผมกับบาล์มไป ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะจังหวัดนี้พวกเด็กช่างมันตีกันน้อยจริงๆครับ

แต่แล้วเหมือนพวกมันจะเดินถอยกลับมา

“เฮ่ย อยู่เทคนิคXXX ปะ” เด็กเทคโนคนนึง จับไหล่ไอ้บาล์มแล้วทัก

“ใช่ครับ” บาล์มหันมาตอบอย่าง งงๆ

มันมองไปที่กระเป๋าเสื้อซึ่งแต่ละแผนกจะปักเป็นโลโก้สัญลักษณ์ของแผนกใครแผนกมัน เมื่อมองเสร็จมันก็ต่อยหน้าบาล์มลมลงไป และโดนเด็กเทคโนอีก 2 คนเตะเข้าที่หน้าแข้ง ตอนนั้นผมตะลึงมากทำตัวไม่ถูกเลย ผมรีบพยุงบาล์มขึ้นแล้ววิ่งหนีสุดชีวิตเข้าห้างแถวๆนั้น พอเข้าไปในห่างผมหันกลับไปพวกนั้นก็หายไปแล้ว

รู้สึกกลัวมากเลยครับ ไม่คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้ บาล์มกดมือถือโทรหาพ่อให้มารับ ทำใจกันได้สักพักก็พากันเดินออกหลังห้างเพื่อไปรอพ่อบาล์มที่มารับ ลงไปถึงผมมองดูรอบๆสองข้างทาง มีเด็กเทคโนยืนกันเต็มเลย บางคนก็ยืนมอง บางคนก็ยืนดูดบุหรี่ เหมือนมันรู้ว่าพวกผมจะออกมาทางนี้ แต่แล้วก็โชคช่วยที่พ่อบาล์มมารับพวกผมไว้ทัน



แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
*
ช่วยคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจในการลงและเขียนตอนใหม่ๆด้วยนะครับ ขอบคุณคำคอมเม้นต์และผู้อ่านทุกท่านนะครับ
*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2018 23:04:03 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 12 “ที่ปรึกษา”
********************************************************************

ผมกลับมาถึงบ้านก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง แม่ผมตกใจมากแต่ก็บอกให้ผมช่วงนี้เลิกเรียนห้ามแวะที่ไหนให้กลับบ้านเลย ผมก็เชื่อฟังด้วยความที่กลัวตาย 555+

เออ ผมลืมบอกอีกเรื่องคือ บ้านผมเปิดร้านตัดผมชายนะครับ

ผมเปิดคอม เข้า hi5 โพสต์เรื่องของวันนี้ที่โดนเทคโนไล่ตี

ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงมือถือ)

“ฮาโหล ว่าไงตัน”

“เป็นอะไรมากหรือป่าวมึง”

“อะไรหรอว่ะ”

“ก็ที่โดนเทคโนไล่ตีไง เป็นไงมั้ง”

“อ๋อ ไม่เป็นอะไรหรอก มีแต่ไอ้บาล์มเพื่อนไอ้บาสอ่า ที่โดนต่อยไปทีนึงอะดิ”

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วมึง กูคิดว่าจะเสียหัวหน้าห้องกลุ่ม 4 ไปเสียแล้ว 5555 ”  ตันพูดติดตลก

จากนั้นผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ตันฟัง ตันก็บอกว่าพวกเทคโนที่มันไม่ทำผมคงเป็นเพราะมันดูที่โลโก้ตรงกระเป๋า เห็นว่าผมเป็นช่างอิเล็กฯซึ่งไม่ได้หมาดหมางกับมัน ก็เลยไม่ทำอะไรผมฟังตันพูดก็ดูมีเหตุผล

“ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะมึง สาส” ตันพูด

“เออ กูหนังเหนียวอยู่ละ”

“เออ ไม่มีอะไรละเจอกันพรุ่งนี้”

“โอเคบายๆ” แล้วผมก็วางสายไป ตอนนั้นรู้สึกว่ายังไม่อยากวางเลยอยากคุยต่อ อยากจะถามต่อว่ากินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่ แต่ปากมันก็แข็งเหลือเกิน

 เย็นวันนั้น MSN ผมเด้งฉิบหายวายป่วง เพื่อนๆทักมาถามผมเต็มเลย ผมก็บอกไปว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเล่าให้ฟัง

เฮ้อ หลังจากที่ตอบจดหมายแฟนเพลงเสร็จ (ตอบ MSN เพื่อน) ก็ได้เวลาคลายเครียดของผมนั่นก็คือ เล่นเกมครับ “Ghost online” รู้จักกันไหมครับ ผมติดงอมแงมมากเลยสมัยนั้น

“พี่อิน ฟังหนูท่องศัพท์หน่อย” อุ้มเดินมา ขอร้องให้ผมฟังมันท้องศัพท์ คือเป็นการบ้านครับ ท่องศัพท์วันละ 3 คำ แล้วให้ผู้ปกครองเซ็นต์

“เฮ้อ...กูกำลังจะเล่นเกมเลย เออๆเอามาๆ” ผมตอบอย่างเบื่อหน่าย


แล้วผมก็ฟังอุ้มท่องศัพท์จนเสร็จ แล้วผมก็เซ็นให้







คืนนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับ เพราะกังวนว่าพรุ่งนี้ผมจะเจอเหตุการณ์แบบวันนี้อีกไหม แต่สุดท้ายผมก็หลับไปตอนไหนไม่รู้






เช้าวันต่อมา บรรดาเพื่อนกลุ่ม 3-4 ตะรุมถามเรื่องเมื่อวานนี้กันฉิบหายเลย ทำอย่างกับว่ากูขี้แล้วพวกมึงเป็นแมงหวี่มาตอมขี้กัน!!!  นิว กลุ่ม 3 น็อต ตัน และพวกไอ้ชัย ออกตัวจะไปเอาเรื่องตีพวกมันแทนผม แต่ผมก็ได้ปรามไว้เพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย

วันนี้กลุ่ม 4 ของผมมีเรียนวิชาหลักการสื่อสารดาวเทียม คือชื่อแม่งน่าเรียนมากๆเลยครับ รู้สึกถึงอวกาศเลยกู ขณะที่พวกเรากำลังเดินไปเรียนที่แผนก ผมสังเกตเห็นว่าวันนี้ตันดูทำหน้าเครียดไม่รู้ว่าเป็นอะไร เมื่อวานมันยังโทรมาคุยกับผมดีอยู่เลย ผมจะทักก็ไม่กล้าทักครับ

เราเดินกันจนมาถึงห้องเรียน เข้ามาก็เลือกที่นั่งกัน ผมนั่งหน้าริมซ้ายสุด ต่อมาเป็น ตัน บาส และแรก ส่วนที่เหลือนั่งแถวข้างหลังพวกผม

“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ” หน้าที่เดิม

“สวัสดีครับคุณครู”

“โอเค พวกเธอคงรู้จักครูกันแล้วแหละใช่ไหม”

พวกผมรู้จักดีอาจารย์คนนี้ชื่อภคภูมิ ชื่อเล่น “ต๋อง” เป็นอาจารย์ในแผนกที่ดูแลเรื่องกิจกรรมของนักเรียนแผนกอิเล็กทรอนิกส์ และยังเป็นศิษย์เก่าเพื่อนร่วมรุ่นกับอาจารย์วิโรจน์เสียด้วย งานอดิเรกแกคือเล่นหมากรุก และส่องพระเครื่องกับหัวหน้าแผนกประจำ

“วิชานี้หลักการน้อย ปฏิบัติล้วนๆ ต่อจานดาวเทียมอย่างเดียว โอเคป่าว” อาจารย์พูดเชิงแนะนำลักษณะรายวิชา

“ครับอาจารย์” บางคนก็ตอบ บางคนก็หันหน้าคุยกันเงียบๆ

ตอนนั้นโทรศัพท์มันยังไม่เฟื่องฟูมากมาย จะเล่น hi5 หรืออะไรมันก็เข้าลำบาก กดก็ลำบากเพราะไม่ใช่ Smartphone เบื่อเรียนก็ต้องทนนั่งไป หนักๆหน่อยก็ร้านเกมไม่ก็แทงสนุกเกอร์ แต่สำหรับผมไม่ได้อะไรมากมาย ผมมาเทคนิคแค่ได้เจอเพื่อนก็พอแล้ว 

“เดี๋ยววันนี้ เอาชีทบทที่ 1 ไปก่อน” ว่าแล้วอาจารย์ก็สั่งไอ้แรกให้หยิบชีทมาแจกพวกผม อาจารย์เดินเข้าไปในห้องทำงานเล็กๆตรงมุมห้อง พวกผมก็มองดูชีทกันเฉยๆเป็นการรออาจารย์ไปด้วย สักพักแกเดินออกมาพร้อมกับหยิบกระด้ง เฮ่ยไม่ใช่






กระดานหมากรุก!!!! โอ้ย อาจ๊านนนนนนนนนนนนน






“ใครเล่นหมากรุกเป็นมั้งว่ะ มาเจอกันหน่อยดิ๊” อาจารย์ถาม

“ผมครับ” กูเองนี่แหละ

“มาๆ ขอดูฝีมือหน่อย” เออ......ไม่ต้องเรียนกันพอดีกู

สิ่งที่กูคิดไว้กับความเป็นจริงแม่งต่างกันฉิบหาย!!!

สรุปช่วงเช้าของวันนี้ไม่ได้เรียนครับ เล่นหมากรุกกันยันเที่ยง!!!

“ปะเว้ย แดกข้าวกัน” อาฟู่พูดขึ้น

“แดกอะไรดีว่ะวันนี้” บาสถาม

“สัส อย่างนี้ต้องเตี๋ยวเตี่ยๆ” อาฟู่ตอบ

ขออธิบายเตี๋ยวเตี่ยนะครับ เป็นลุงขายข้าวมันไก่ และก๋วยเตี๋ยวที่เทคนิคผมครับ อร่อยมาก!!!

“กูกินกระเพรา” โจ๋พูด

“เรื่องของมึงจะแดกอะไรก็แดกๆกันไปเถอะ” มอสบอก

“เฮ่ย กูไม่กินนะช่วงนี้เก็บตังว่ะ” ผมบอก

“อะไรของมึงว่ะ” ชัยถาม

“เออน่ากูเก็บตังอยู่วะ เดี๋ยวขึ้นไปนั่งรอตึกสามัญนะ” ผมตอบ เพราะบ่ายนี้มีเรียนตึกสามัญวิชา ธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ เรียนพร้อมกับกลุ่ม 3 ครับ

พวกเพื่อนๆมันก็ไม่ได้สนใจอะไรผมมากมาย พวกมันก็เดินไปซื้อข้าวกินกัน

“อิน มึงรอกูด้วยดิ” ตันเรียกผม

“อ่าว มึงไม่กินข้าวหรอว่ะ” ผมถาม

“ไม่อ่า” ตันพูดเสียงเรียบๆ มันต้องเป็นอะไรแน่ๆเลย

แล้วเราก็เดินขึ้นมารอชั้น 3 ห้อง XXX นั่งรอตรงระเบียงมันจะมีที่นั่งยาวให้นั่งรอเรียนกัน ผมก็นั่งลงเปิดเพลงใน MP3 แล้วใส่หูฟัง ฟังเพลงอย่างเพลิดเพลิน

“อินๆๆๆๆๆ” เสียงตันเรียกเบามากๆ เพราะผมใส่หูฟังอยู่ แต่ก็รู้สึกได้ว่าตันเรียกเพราะมันเขย่าแขนผมด้วย

“เออว่าไง” ผมถอดหูฟังออกข้างนึงแล้วถาม

“ตัน เครียดๆว่ะ” ตันพูดขึ้นแล้วก็วางกระเป๋านั่งลงข้างๆผม

“แล้วเครียดเรื่องอะไรหรอ”

“ก็เรื่องฝ้ายอะดิ อินจำฝ้ายแฟนเก่าตันได้ปะ”

“อ่า ทำไมละ”

“เมื่อคืนมันโทรมาหาตัน ขอคืนดีด้วย”

“อ่าก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ”

“ดีที่ไหนละอิน ตอนนี้ตันคุยอยู่กับเพื่อนคนนึงชื่อแอน กำลังคุยกันไปได้ดีเลย แล้วเมื่อคืนฝ้ายมันโทรมาตันก็เล่าให้แอนฟัง แอนโกรธอีกไม่น่าเล่าเลย” ตันพูดน้ำเสียงจริงจัง

อ่า ถึงว่าวันนี้ไม่เห็นตันคุยโทรศัพท์กับนางแอน เพราะโดนแอนงอลนี่เอง

“อ๋อ” ผมพยักหน้ารับรู้ สรุปอิแอนคนนั้นมันก็คือว่าที่ภรรยาเอกมึงนี่เอง!!!

“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ อินว่าตันควรทำยังไงดี” ตันจ้องหน้าผมอย่างรอความหวัง

“กูว่า มึงอย่าไปสนใจหรือคิดมากอะไรเลย ฝ้ายกลับมารอบนี้ท้องมาด้วยหรือป่าวก็ไม่รู้ อีกอย่างก็เลิกกันมาแล้วด้วยนี่ อยู่กับเพื่อนที่มึงคุยอยู่ตอนนี้ดีกว่านะ” ผมพูดให้ตันคลายกังวน

“อืม ตันก็คิดแบบอินนั่นแหละ ไม่รู้ว่าท้องมาด้วยหรือป่าว ตันรอมันโทรมาอีกรอบเนี่ยจะได้บอกปฏิเสธไป เฮ้อ....เอาแขนออกหน่อยดิ” ตันพูดผมก็เอาแขนออก ตันโน้มตัวลงมานอนที่ตักผม พร้อมกับยกมือก่ายหน้าผากตัวเอง แขนข้างที่ผมยกขึ้นก็พาดไว้บนขอบระเบียงที่นั่ง

“อย่าคิดมากเลยน่าตัน” ผมพูดให้ตันคลายกังวน

“อืม...ขอบใจมากเว้ยอิน พอมีที่ระบายก็สบายใจขึ้นเยอะเลย....” ตันพูดขึ้นพร้อมกับเอามือที่ก่ายหน้าผากออกแล้วเงยหน้าคุยกับผม ขณะที่หัวยังหนุนตักผมอยู่

ตอนนั้นผมเหมือนกับโดนไฟ AC 220V กระตุ้นเข้าร่างกายเลยครับ หัวใจมันเต้นแรงจริงๆถ้าเอา “สโคป” มาจับสัญญาณคงขึ้นเป็นรูป “ไซน์เวฟ” เลยทีเดียว มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ในใจก็คิดว่ากูต้องเป็นแน่ๆเลย แต่ช่างแม่งเถอะตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาคิดแบบนั้น ผมขอมีความสุขกับคนที่เขาคุยกับผมแล้วสบายใจก่อนก็แล้วกัน


อยากหยุดเวลาตอนนั้นไว้












หรือใครก็ได้มา “สตาฟ” ผมกับตันที.....








ชอบจัง.......



แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
*
เดี๋ยวคืนนี้มาต่อให้นะครับ คอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจให้หน่อยนะครับ ขอขอบคุณทุกคำคอมเม้นท์และผู้ติดตามอ่านทุกท่านนะครับ ใครติดข้อสงสยใดๆในเรื่องเม้นท์ถามได้เลยนะครับ 
*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:34:15 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
วันนี้ฝฝึกงานไม่เหนื่อยเท่าไหร่ครับ จะเหนื่ยก็ตรงที่นั่งรถกลับนี่แหละคนเยอะมากๆครับ ถึงหอผมก็รีบมาลงต่อให้เลย จะรีบลงให้จนถึงตอนที่ผมเขียนไว้ปัจจุบันเลยครับ เดี๋ยวลงให้ 2 ตอนนะครับ ง่วงมากครับ 555+

บทที่ 13 “สะสาง”
********************************************************************

วันนี้เป็นวันศุกร์ สุดสัปดาห์อาทิตย์แรกของการเปิดเรียน

“ก่อนจะเคารพธงชาติกัน วันนี้มีเรื่องสำคัญจะแจ้ง ผมได้รับข้อมูลมาว่ามีเด็กทะเลาะวิวาทกันบนสะพานลอยในเมือง ส่วนเหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไรนั้นผมคงต้องขอพบ นักเรียน ชั้น ปวช.2 ช่างกลโรงงาน กับ ปวช.2 ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ที่ถูกเทคโนไล่ตีเมื่อวันก่อนนู้น ขอให้รอพบผมที่หน้าเสาธงหลังเลิกแถวด้วย” อาจารย์ผชร พูดใส่ไมค์หน้าเสาธง

“อิน จารย์ผชร แกหมายถึงมึงหรือป่าวว่ะ” ชัยถามผม

“ก็คงประมาณนั้นแหละ” ผมตอบอย่างเซงๆ

“ผมคงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ก็ขอให้ร้องเพลงชาติให้ดัง สวดมนต์ ปฏิญาณตนให้เข้มแข็ง ร้องไปเถอะครับเพลงชาติหนะ ก่อนที่จะไม่มีเพลงชาติให้ร้อง สำหรับผมมีเท่านี้ขอบคุณครับ” เมื่อประกาศอะไรเสร็จแล้ว อาจารย์ผชรมักจะพูดแบบนี้ทุกวัน คงเป็นการปลูกฝังและพูดเพื่อย้ำเตือนสติ

เมื่อทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จเรียบร้อยทุกคนก็แยะย้ายกันไปเรียน

“เดี๋ยวกูอยู่คุยกับจารย์ผชร ก่อนเดี๋ยวตามไป” ผมบอกเพื่อน

“เออๆ” บาสพูด

“โอเค แล้วรีบตามมานะ” ตันบอก แล้วก็เดินไปกับเพื่อนๆ

ผมก็เดินไปหน้าเสาธงกับบาล์มเพื่อนช่างกล

“นี่พวกมึงไปก่อเรื่องอะไรไว้หรือป่าว” อาจารย์ถาม

“ป่าวครับอาจารย์” หน้าอย่างผมคงจะชอบไปมีเรื่องกับใครอะนะครับ

จากนั้นผมกับบาล์มก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้อาจารย์ผชรฟัง

“โอเค งั้นพวกมึงไปรอกูที่หน้าช็อปตะไบ เดี๋ยวนั่งรถตู้เทคนิคไปเทคโนพร้อมกับกู เดี๋ยวกูพาไปเคลียร์เอง” อาจารย์ผชรพูด ผมนี่ฮึกเหิมเลย!!! พูดจบแกก็เดินเข้าตึกอำนวยการไป คงจะไปขอรถตู้ละมั้งครับ

ต่อไปนี้กูจะได้เดินกลับบ้าน ข้ามสะพานลอยอย่างสบายดากสักที แม่ง 3 วันที่ผ่านมากูต้องเดินหลบๆซ่อนๆอย่างกับคนไม่มีพื้นที่ในสังคม

ดูจากทรงแล้วผมคงไม่ได้เรียนช่วงเช้าแน่นอน ผมจึงโทรศัพท์ไปหาไอ้บาสบอกให้ลาอาจารย์ให้ด้วย วันนี้ผมมีเรียนวิชาเครื่องรับวิทยุทั้งวัน ช่วงเช้าเป็นหลักการ ช่วงบ่ายเป็นปฏิบัติ ซึ่งเป็นวิชาที่ผมอยากเรียนมากเพราะวิชานี้อาจารย์จะให้ประกอบวิทยุจริงๆคนละเครื่องเลย

แล้วผมกับบาล์มก็เดินไปรอที่หน้าช็อปตะไบ ไปถึงก็เห็นบรรยากาศเดิมๆที่ผมเคยผ่านมา

มองไปก็เห็นน้องๆ ปวช.1 เข้าแถวตอนเรียง 10 เหมือนตอนผมเรียนเลย ดูแล้วก็นั่งขำกับไอ้บาล์มมัน สักพักรถตู้ก็มาจอด

“ไปเฮ่ย” อาจารย์ผชร สาวเท้าก้าวยาวๆออกมาจากช็อปตะไบอย่างเร่งรีบ พร้อมเรียกพวกผมให้ขึ้นรถ

ในรถผมนั่งกับบาล์ม 2 คน ส่วนอาจารย์ผชร นั่งหน้าคู่กับคนขับ

“เดี๋ยวพอไปถึงเทคโน พวกมึงนั่งเงียบๆไม่ต้องพูดอะไรมากมาย ถ้าเขาให้เล่าความจริงก็พูดออกไปตามตรง ถ้าเคลียแล้วมันไม่จบมีนอกรอบก็บอก เดี๋ยวกูเคลียร์เอง” อาจารย์ผชรหันหลังมาบอกพวกผม

“ครับอาจารย์”

การไปเทคโนในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าอาจารย์ผชรเขาจะเคลียกับ อาจารย์ฝ่ายปกครองทางนั้นได้หรือป่าวนะ

ตลอดทางผมกับบาล์มนั่งเงียบไม่คุยอะไร มีเพียงอาจารย์ผชร นั่งโม้กับตาลุงคนขับตลอดทางอย่างกับพวกคนแก่ขุดเรื่องวัยหนุ่มมาคุย นั่งฟังก็ฮาดีครับเพราะไม่เคยเห็นอาจารย์ผชรในมุมมองแบบนี้ ปกติแกจะดูโผงผาง พูดจาคำหยาบ เด็กเทคนิคส่วนใหญ่จะกลัวแกที่สุด เพราะแกเป็นคนจริง และเก๋าจริง

จนกระทั้งมาถึงเทคโน รถตู้จอดที่หน้าห้องฝ่ายปกครอง

“สวัสดีครับ อาจารย์ผชร” อาจารย์ฝ่ายปกครองเทคโนไหว้อาจารย์ผชร

“อ่า สวัสดีๆ” อาจารย์ผชรรับไหว้

“เออ อาจารย์เขาชื่อสุทิน เป็นศิษย์เก่าเทคนิคเรานี่แหละ และยังเป็นลูกศิษย์กูอีกด้วย” อาจารย์ผชรแนะนำ

ผมกับบาล์มก็ไหว้อาจารย์ฝ่ายปกครองเทคโน แกก็รับไหว้ยิ้มๆ แล้วเชิญเข้าไปนั่งในห้องฝ่ายปกครอง

“เดี๋ยว ผู้ปกครองเด็กที่ไล่ตีพวกเธอ เขาจะมาคุยนะนั่งรอสักครู่คงกำลังมา” อาจารย์สุทินพูด

นั่งกันไม่นาน ผู้ปกครองของเด็กเทคโนที่ไล่ตีพวกผมก็มา มีอยู่ 3 คน เป็นผู้หญิงหมดเลย คาดว่าคงเป็นแม่เขา

“นี่เธอ 2 คน หรอที่ก่อเรื่องหนะ” ผู้ปกครองคนหนึ่งพูดขึ้น ทำหน้าจะเอาเรื่อง ผม 2 คนนี่งงเลย

“ใจเย็นๆก่อนนะครับ” อาจารย์สุทินพูดเชิงขอร้อง

“ใจเย็นอะไรละค่ะ เสียเวลามากที่ต้องลางานมาด้วยเรื่องแบบนี้”

“คุณแม่ทั้งหลายฟังก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะให้ลูกศิษย์ผม 2 คน เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ถ้าคุณคิดว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระก็เชิญกลับไปได้ ถ้าคุณไม่ละอายลูกศิษย์ 2 คนนี้ของผมละก็นะ บางทีเขาอาจจะคิดว่าพวกคุณกลัวความจริงอยู่ก็ได้ เพราะเด็กเทคโน 3 คนนั้น เขาก็ลูกคุณ คุณย่อมรู้ดีแกใจอยู่แล้วว่าลูกๆของคุณนั้นมันเป็นกันยังไง แล้วลูกศิษย์ผมมีกันอยู่ 2 คน หน้าตามันก็หน่อมแน้มแบบนี้จะได้ทำอะไรใครเขาได้ละครับ ผมก็ขออภัยด้วยแล้วกันพอดีผมเป็นคนพูดตรงครับ” อาจารย์พชรพูดออกหน้าให้ คุณแม่ทั้งหลายก็สงบปากสงบคำกัน (เอาตรงๆตอนนั้นอาจารย์พูดยาวกว่านี้เยอะเลยครับ ผมจำไม่ได้ว่าพูดอะไรบ้าง แต่คร่าวๆก็ประมาณนี้)

คงจริงอย่างที่อาจารย์ผชรว่าแหละครับ เขาย่อมรู้แก่ใจว่าลูกเขาเป็นยังไงกัน

“เดี๋ยวฟังเด็กๆเล่าจบแล้วผมจะบอกสาเหตุของการทะเลาะวิวาทครั้งนี้ให้ฟังครับ” อาจารย์สุทินพูด

แล้วผมกับบาล์มก็ช่วยกันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง บรรดาคุณแม่ทั้งหลายพอฟังความจริงก็นั่งเงียบกริบเลยครับ

“เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้ครับ” บาล์มพูด

“เฮ้อ.....” ผู้ปกครองคนนึงถอนหายใจ

จากนั้นอาจารย์สุทินก็พาเด็กเทคโน 3 คนที่ทำร้ายบาล์มในวันนั้น ส่วนพวกที่เหลือไม่ได้พามาเพราะไม่ได้ทำร้ายร่างกายบาล์ม พูดง่ายๆคือเอามาเฉพาะตัวเต๊งครับ พร้อมกับโชว์อาวุธของมีคมที่ยึดมาได้จากกลุ่มเทคโนพวกนี้ เท่าที่ผมเห็นตอนนั้นก็มี เหล็กทำเป็นเกลียวทั้งแท่งแล้วทำปลายแบบแหลม, มีดพกสั้น และปืนปากกา เห็นแล้วก็รู้สึกอันตรายเหมือนกันนะครับ คือมาเรียนเพื่อหาความรู้กัน ทำไมมันต้องมามีอะไรแบบนี้ด้วย

บรรดาคุณแม่ทั้ง 3 เห็นลูกตัวเองเดินเข้ามาก็ ทำหน้าเซ็งจัดเลยครับ คงเพราะอายขายขี้หน้าด้วย

“เดี๋ยวจะบอกสาเหตุของการเกิดเรื่องครั้งนี้ให้นะครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า เด็กเทคโนกลุ่มนี้ ไปมีปากเสียงกับ รุ่นพี่ช่างกล ปวช.3 ของเทคนิค เรื่องแค่เดินสวนแล้วเขม่นกัน เด็กเทคโนกลุ่มนี้ก็เลยเดินมาเจอ ไอ่ 2 คนนี้บนสะพานลอยพอดีก็เลยตีฝากเฉยๆครับ” อาจารย์สุทินพูด

“ทำไมทำตัวเหลวแหลกแบบนี้ แม่ละเบื่อมึงจริงๆเลยว่ะ” ผู้ปกครองคนนึงพูดขึ้น พร้อมกับผู้ปกครองอีก 2 คนที่กำลังบ่นลูกเหมือนกัน

“บ่นไป ด่าไปมันก็ไม่มีความหมายหรอกครับคุณแม่ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วผมก็เพียงแค่อยากจะให้พวกเขามาขอโทษขอโพยจับมือให้อภัยกัน ไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ เพราะถ้าไม่มาคุยกันวันนี้เด็กผม 2 คน จะกลับบ้านด้วยความหวาดระแวง แล้วเขาก็ไม่ได้รู้เห็นเรื่องพวกนี้ด้วย เพียงแค่เป็นอารมณ์ร้อนของเด็กวัยรุ่นมัน ยังไงเขาก็เป็นอนาคตของชาติเมื่อก่อนเขาอาจจะยังคิดไม่ได้ แต่สำหรับเหตุการณ์ในวันนี้คงทำให้พวกเขาคิดได้ก็ได้นะครับ ถ้างั้นผมก็ขอให้มันจบๆกันไปได้ไหม” อาจารย์ผชรพูดกับผู้ปกครองทั้ง 3 พร้อมกับหัวไปพูดประโยคท้ายที่ว่า “ขอให้มันจบๆกันไปได้ไหม” กับเด็กเทคโน 3 คน

เด็กเทคโน 3 คนนั้น ย่อมขอโทษผม 2 คน แล้วก็จับมือกัน จากนั้น อาจารย์สุทินก็ขอให้ถ่ายรูปกัน เหมือนจะเอาไปลงบันทึกมั้งครับ เพราะเหล่าอาจารย์ฝ่ายปกครองที่สังกัดกรมอาชีวะศึกษาเขาจะมี พวกสารวัตนักเรียน หนึ่งในนั้นมีอาจารย์ผชรด้วยครับ 

“เอ่อ อาจารย์สุทิน ผมขอยกเว้นเด็กเทคโน 3 คนนี้ไว้ได้ไหมครับ อย่าไล่เขาออกให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง” อาจารย์ผชรพูด

“ครับๆ อาจารย์” อาจารย์สุทินรับปาก

เคลียปัญหาเสร็จพวกผมก็นั่งรถตู้กลับเทคนิคกัน ระหว่างทางตอนขึ้นรถกลับเทคนิคผมก็ถามอาจารย์ว่าทำไมถึงขอร้องอาจารย์สุทินไม่ให้ไล่พวกนั้นออกตามกฎของสถาบันเขา แกบอกว่า “ถ้าพวกมันโดนไล่ออกละก็ มึง 2 คน ก็ไม่รอดหรอกมันจะต้องตามมาทำร้ายแน่นอน การที่ให้โอกาสเขาก็เหมือนเป็นการให้ใจเขาไปด้วย” ผมฟังก็สำนึกในบุญคุณอาจารย์ผชรมาก แกห่วงผม 2 คน กลัวว่าจะมีอันตายถึงกับออกหน้าให้

พอมาถึงเทคนิคอาจารย์ผชชรให้ตู้รถมาส่งผมถึงหน้าแผนกอิเล็กฯ เพราะแกกลัวจะกินเวลาเรียนผมไปเยอะ

“สวัสดีครับอาจารย์ ขอบคุณนะครับ” ผมไหว้อาจารย์พร้อมคำขอบคุณ

“เออๆ ต่อไปนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาเรียนสะนะ” อาจารย์พูด

แล้วผมก็ขึ้นแผนกไปเรียนชั้น 2 ตอนนี้เวลา 11.00 น. แล้วครับ

“เฮ่ยๆ ไอ้อินกลับมาแล้วว่ะ” โอ๊ตพูดขึ้น เมื่อเจอผมเดินขึ้นมา เพื่อนๆแห่กันถามผมเต็มเลยครับ ผมก็เล่าให้พวกมันฟัง มันก็ว่าอาจารย์ผชรเก๋าจริงๆพาผมไปถึงเทคโนอะไรประมาณนั้นอะครับ ขณะเล่ามองหาตันแต่ก็ไม่เจอ ไม่ณู้ว่าหายไปไหนเหมือนกัน

“แล้วนี่ พวกมึงไม่เรียนหรอว่ะ” ผมถาม

“อาจารย์แกสอนทฤษฎีเสร็จแล้ว ตอนนี้แกให้ออกมานั่งไล่ไฟเลี้ยงและสัญญาณ Input Output ในวงจรวิทยุอยู่ ช่วงบ่ายแกจะให้ลงมือเริ่มทำวงจรกันจริงๆแล้ว” บาสพูด

“โอเคๆ แล้วไอ้ตันละว่ะ” ผมถาม

“ไม่รู้มันว่า เห็นมันว่าจะไปทำธุระที่บ้านเดี่ยวมาบ่ายๆ” บาสตอบ

หลังจากนั้นพวกผมก็นั่งไล่ไฟเลี้ยงและสัญญาณ Input Output ในวงจรวิทยุ ตามที่อาจารย์สั่งทิ้งเอาไว้แล้วช่วงบ่ายจะกลับมาดู เที่ยงเพื่อนๆก็ไปกินข้าวเหลือเพียงผมที่ไม่กินเพราะเก็บเงินอยู่ ช่วงบ่ายเป็นคาบโฮมรูม พบที่ปรึกษา

อาจารย์ก็แจกใบเกียรติบัตรนักเรียนที่มีผลการเรียนดีขึ้นในภาคเรียนที่ 2/2552 พูดง่ายๆคือเกรดเทอมที่แล้วอ่าครับ เป็นใบเกียรติบัตรที่ที่ปรึกษาผมทำขึ้นเองรับรองเอง คนที่ได้ในกลุ่ม 3 ผมจำไม่ได้แล้ว แต่ถ้ากลุ่ม 4 มี ผม บาส บิ๊ก 3 คน ตอนนั้นรู้สึกดีใจและมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมากเลยครับ บวกกับตันที่ค่อยส่งเสียงเฮ้แล้วยิ้มให้ผมอยู่ด้านหลัง (แม่งมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้) พร้อมกับเพื่อนอีกหลายๆคนทั้งกลุ่ม 3-4

หมดคาบโฮมรูม ก็ออกมาเรียนวิชาเครื่องรับวิทยุต่อพวกผมส่งงานที่ทำช่วงเช้าเสร็จ อาจารย์ก็แจกอุปกรณ์ที่ใช้ทำเครื่องรับวิทยุ ครั้งแรกอาจารย์ให้พวกผมทำวงจรขยายกันก่อน โดยการลงอุปกรณ์ภาคขยายลงแผ่นวงจรพิมพ์อเนกประสงค์ หรือพูดง่ายๆก็คือ แผ่นปริ้นท์ไข่ปลา แล้วทำการตัดสายจั้มมาบัดกรีทำเป็นจุดเชื่อมต่อ คือผมพูดไปก็งงอยู่ดี เอาเป็นว่าอาจารย์ให้พวกผมทำวงจรขยายก่อนครับ

พูดเหมือนทำง่าย แต่เอาเข้าจริงก็เทอมนึงเลยนะครับ กว่าจะได้เครื่องรับวิทยุมานั่งฟังเล่นที่บ้าน


 
*
*
*
*
*
ขอบคุณสำหรับคำคอมเม้นท์และผู้ติดตามอ่านทุกท่านนะครับ
*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:34:50 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 14 “ยอมรับในสิ่งที่เป็น”
********************************************************************

-วันศุกร์ก่อนสัปดาห์สุดท้าย

ช่วง ปวช.2 เราจะวุ่นๆกับการทำเครื่องรับวิทยุ AM เสียส่วนใหญ่ ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ผมทำภาคขยายและภาครับ AM เสร็จ นำกลับมาเปิดฟังที่บ้านมีแต่เสียง ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟังดูน่าลำคานใช่ไหมครับ แต่สำหรับผม และพ่อ แม่ น้องสาว รู้สึกว่ามันวิเศษมาก ถึงจะยังไม่มีเสียงคนผู้มีแต่เสียง ซ่าๆๆๆๆๆ ผมก็ดีใจฉิบหายแล้ว

“มากินข้าวก่อนอิน เดี๋ยวค่อยไปทำต่อ” แม่ผมเรียกกินข้าว ขณะที่ผมกำลังหาวิธีแก้เสียง ซ่าๆๆๆๆ จากเครื่องรับวิทยุอยู่

“ครับๆ” ผมเดินมาล้างมือแล้วนั่งกินข้าวกับครอบครัว

“อิน เอ๊งไม่ลองไปหาลุงหนุ่ยที่คอนโดดูละ ให้แกสอนให้” พ่อผมพูด พร้อมตักข้าวเข้าปาก

ลุงหนุ่ยคือช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นเพื่อนพ่อแม่ผม สมัยผมยังอยู่คอนโดเดียวกับเมย์ที่สมุทรปราการ ก่อนจะย้ายมาต่างจังหวัด

“เออ ก็ดีนะไปให้แกสอนดูสิอิน” แม่ผมเสริม ส่วนอุ้มนั่งกินข้าวไปพลางดูทีวีไปพลาง

“ครับๆ” ผมรับคำ เพราะว่าอาทิตย์หน้าเป็นสัปดาห์สุดท้ายต้องรีบส่งแล้วครับ

กินข้าวเสร็จผมก็อาบน้ำ เก็บกระเป๋าสำหรับไปสมุทรปราการพรุ่งนี้
“ฮาโหล เมย์พรุ่งนี้มึงอยู่ป่าว พอดีกูจะไปคอนโดเอาวิทยุไปให้ลุงหยุ่นทำให้ว่ะ” ผมโทรหาเมย์

“อยู่ๆ มึงมาดิ” มันตอบ แล้วก็วางไป

เช้าวันรุ่งขึ้น

ตู๊ดดดดดดดดดดดดดดด (เสียงมือถือผมดังขึ้น)

“พี่อินมีคนโทรมา” อุ้มเรียกผมจากชั้นล่าง ขณะที่ผมกำลังแต่งตัวเตรียมไปสมุทรปราการ

“ใครโทรมาว่ะ” ผมตะโกนถามจากบนห้อง

“ใครไม่รู้ เพื่อนพี่นั่นแหละชื่อตันอะ”

“ตันหรอ!!!” ผมอุทานขึ้น พร้อมกับรีบลงไปรับโทรศัพท์มือถือ

“โหล อิน อยู่บ้านป่าว” ตันถาม

“เออ....ตอนนี้อยู่ แต่เดี๋ยวจะไปสมุทรปราการแล้วดิ มึงมีอะไรหรือป่าว”

“อ๋อพอดีมาทำวิทยุที่บ้านไอ้บาสมัน แล้วทีนี้มันทำของกูพังอะดิเซงมากเลย แล้วมันไม่พาไปซื้อด้วยนะกูก็เลยโทรหามึงว่าจะให้พาไปซื้อชุดคิท วงจรวิทยุ AM เป็นเพื่อนหน่อยอะดิ แต่ไม่ว่างไม่เป็นไร”

อืม...ทีตอนลำบากละนึกถึงกูขึ้นมาทุกที

“เฮ่ยๆ ได้ดิๆ เพราะยังไงกูก็ต้องไปขึ้นรถในเมืองอยู่ดี” แล้วผมก็ยอมทุกครั้ง ถึงมันจะเสียเวลาแต่แค่ได้เจอผมก็สบายใจแล้วครับ

“อ่าวหรอ โอเคงั้นเดี๋ยวไปรับนะ ไม่เกิน 10 นาที” ตันพูดแล้วก็วางสายไป

ไม่เกิน 10 นาที มันก็มาถึงจริงๆ ตันเข้ามาไหว้แม่ผมในร้าน แล้วผมก็ออกมาหน้าร้านพอดี ไหว้แม่เสร็จก็ซ้อนรถเครื่องตันไปในเมือง

ไปถึงหน้าร้าน ตันมองหน้าผมประมาณว่า เข้าไปซื้อให้ที คือตันมันเป็นพวกขี้อายไม่ค่อยกล้าแสดงออกเท่าไหร่ กับอีแค่ซื้อชุดคิท มันยังไม่กล้าเข้าไปซื้อเลย แล้วผมก็เดินเข้าไปซื้อมาให้แต่โดยดี จากนั้นตันขับรถเครื่องไปส่งผมที่ท่ารถตู้ไปสมุทรปราการ ตันรอจนรถตู้ออกแล้วจึงขับกลับ ผมก็ไม่กล้ามองหรอกครับแต่พอดีกระจกในรถตู้มันติดฟิล์มสีดำ ก็เลยถือวิสาสะคิดอกุศลนิดหน่อย 5555+

แล้วผมก็มาถึงคอนโดน

“ลุงหนุ่ย สวัสดีครับ”

“อ่าว ว่าไงอิน ไปยังไงมายังไงละเนี่ย” ก็นั่งรถมาอะครับ

“พอดีผมจะเอาวิทยุมาให้ลุงดูให้หน่อยครับ มันมีแต่เสียงซ่าๆ ไม่มีเสียงคนพูดเลยครับ” ผมพูดพร้อมกับส่งเครื่องรับวิทยุให้ลุงหนุ่ยดู

“อืม.......” ลุงหนุ่ย รับมาแล้วทำการตรวจสอบดูตามแผงวงจร

“การที่ไม่มีเสียงคนพูดมีแต่เสียง ซ่าๆ แบบนี้ จะต้องดูที่ภาครับ AM เท่านั้น เพราะภาคขยายมันไว้ขยายเสียงเฉยๆมันไม่เกี่ยว” ลุงหนุ่ยพูดโคตรหลักการดูมีภูมิฉิบหายครับ เหตุการณ์ตอนนั้นกูนี่รู้สึกสึกศรัทธาเลยครับ

“แล้วทำยังไงต่อดีครับ” ผมถาม

“ก็ต้องลองไปจูนที่กระป๋อง IF” ลุงหนุ่ยตอบ ผมรู้สึกมีความหวังขึ้นมาแล้ว

กระป๋อง IF เป็นกระป๋องเล็กๆไว้สำหรับจูนหาช่องสัญญาณ (ถ้าผมจำไม่ผิด) ภายในจะมีขดลวดอยู่ ซึ่งในการหมุนปรับจูนต้องใช้ไขควงไม้เท่านั้น และต้องค่อยๆหมุนปรับจูนห้ามหมุนปรับจูนนานเกินไป เพราะขดลวดข้างในจะขาด

“เอาหละ เริ่ม!!!” ลุงหนุ่ยพูด พร้อมกับหยิบไขควงเหล็กปากแบนทิ่มลงไปจูนในทันที!!!

“เอ่อ...ละ...ลุง....” ไม่ทันแล้วครับ

โอ้ยยยยย ลุงหนุ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ่ฉิบหายยยยย 555+

จังหวะนั้นกูห้ามไม่ทันจริงๆ ไม่คิดว่าแกจะไม่รู้ว่าต้องใช้ไขควงไม้ในการปรับจูนเท่านั้น จนในที่สุดก็มีเสียงดัง แก๊ก เบาๆ เป็นสัญญาณบอกว่า กระป๋อง IF ได้สิ้นม้วยมรณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..... 

ผมฟังเสียง แก๊ก นั้น ก็รู้ว่านั่นคือเสียงสวรรค์นอนแน่ครับ ผมหยิบกระเป๋าตังออกมานับเงินดูก็โล่งใจไปหน่อย ที่ตังยังพอสำหรับซื้อชุดคิทเครื่องรับวิทยุ AM มาเปลี่ยน!!!! ไอ่ส๊าดดดดดดดดดดดดดดดด

“เอ...ทำไมมันไม่ดังสักทีนะ....” ลุงหนุ่ยยังไม่ละความพยายาม ยังคงหมุนปรับจูนกระป๋อง IF อย่างขะมักเขม้น

นี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกหรอครับลุง ว่ามึงทำอะไรลงไป.....มึงล่อหมุนสะมันอยู่คนเดียวเลย.....

ผมมองดูด้วยความปลง เฮอ....ช่างแม่งเถอะ ไหนๆก็พังละกูไปหาไอ้เมย์ดีกว่า

“ลุงหนุ่ยครับ งั้นเดี๋ยวเย็นๆผมกลับมาเอานะครับ”

“ได้ลูกๆ” ลุงหนุ่ยตอบ ขณะที่หมุนกระป๋อง IF กูเมามันเลยมึง

เออดีลุงหมุนๆไปจะได้ฝึกกล้ามแขนไปในตัวด้วย ผมสนับสนุนผู้สูงอายุให้ออกกำลังกายอยู่แล้วครับ   

จากนั้นผมก็ขึ้นไปหาไอ้เมย์

“มาถึงตั้งแต่ตอนไหนว่ะ” เมย์ถาม

“นานแล้วหละ แต่กูมัวเอาวิทยุให้ลุงหนุ่ยแกดูอยู่” ผมพูดกับเมย์ ขณะที่มันกำลังนั่งเล่น Facebook อยู่

ลืมบอกไปว่าช่วงนั้นที่เทคนิคผมฮิตเล่น Facebook กันมาก hi5 หายไปจากชาวเทคนิคเลยครับ ผมเองก็เพิ่งจะสมัครเล่นได้ไม่นานนัก ในกลุ่ม 3-4 เล่นกันทุกคน แม้แต่ที่ปรึกษากลุ่มผมก็เล่นแต่เล่นแอบๆ พวกผมเคยแอบดูจอโน๊ตบุ๊ค ตอนแกนั่งหลับหน้าโน๊ตบุ๊ค ที่แกเล่นนี่ไม่ใช่โพสต์อะไรนะแกเล่น “แฮปปี้คนเลี้ยงหมู” ส่วนคนที่ไม่เล่น Facebook มีอยู่คนเดียวคือท่านตันของกระผมนั่นเอง

“เออนี่ กูซื้อมือถือใหม่แล้วนะเว้ย” ผมพูดพร้อมโชว์โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่ผมอุส่าอดข้าวอดน้ำมานานหลายเดือน นั่นก็คือ Nokia X2-00 กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล ถ่ายชัดที่สุดในกลุ่ม 3-4 ครับ ราคาในตอนนั้นถ้าผมจำไม่ผิด 4,700 บาท ตังผมไม่พอแต่แม่ช่วยออกให้ครึ่งครับ

“เยดเข้ เจ๋งหวะมีเครื่องใหม่กับเขาแล้ว” เมย์ยินดีกับผม พร้อมกับหยิบมาลองเล่นดู

พอมาเทียบดูกับสมัยนี้แม่งต่างกันอย่างเห็นได้ชัด Smartphone มันพัฒนาไปได้ไกลและไวมากจริงๆ ความรู้สึกของคนที่มี Nokia X2-00 ในตอนนี้คงจะดูตลกไม่น้อยเลย ในอีกมุมนึงอาจจะดูเท่ห์เพราะเหมือนพวกสะสมของเก่าละมั้งครับ มันคิดได้หลายแง่

“เออมึง....” ผมเรียกเมย์

“ว่าๆ”

“ช่วงนี้เหมือนกูจะแปลกๆว่ะ”

“เหี้ยอะไรแปลกว่ะ”

“กู รู้สึกแปลกๆกับเพื่อนอยู่คนนึง”

“เฮ่ย เยดๆๆๆ เพื่อนกูมีความรัก”

“ไอ่สัส แปบนึงยังเล่าไม่จบ”

“เออต่อๆ”

“กูรู้สึกแปลกๆกับเพื่อนคนนึง เพื่อนคนนี้ไม่รู้แม่งมีอะไรเวลาอยู่ใกล้ๆทำให้กูใจเต้นตลอด วันหยุดเสาร์อาทิตย์เป็นวันที่กูเบื่อมากๆ อยากให้ถึงวันจันทร์เร็วๆเพื่อจะได้เจอมัน เวลาเจอก็ไม่กล้าคุยต้องให้มันทักก่อน ถึงจะอ้าปากพูดได้ ถ้ารู้สึกประมาณนี้คือกูเป็นใช่ไหมว่ะ”

“เดี๋ยวๆ กูไม่เข้าใจที่มึงพูดว่า [กูเป็นใช่ไหม] คือเป็นอะไรยังไงกูงง” เมย์ถามอย่างอยากรู้

“คือ...คนที่ทำให้กูรู้สึกแบบนี้มันเป็น.......ผู้ชาย.......”

“เฮ่ยอีเหี้ย!!!” เมย์ตกใจ ตบโต๊ะโน๊ตบุ๊คดังลั่นเลย

“จริงหรอว่ะอิน” เมย์ถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

“เออดิ”

“เออ ถ้างั้นมึงก็เป็นแล้วแหละอิน กูว่าแล้วทำไมมึงถึงไม่ยอมมีแฟนสักที ที่ไหนได้มึงก็ชอบผู้ชายนี่เอง” เมย์พูดแล้วก็ยิ้มๆเหมือนคำตอบในใจที่มันเคยคิดนั้นถูกเปะ

“นี่มึง รังเกียจกูหรือป่าวว่ะ” ผมถามอย่าง กังวน

“มึงฟังกูนะเว้ย ไม่ว่ามึงจะเป็นอะไรมันไม่ได้สำคัญหรอก มันสำคัญตรงที่มึงเป็นคนดีหรือป่าวก็พอ ยังไงมึงก็เพื่อนกูหรือป่าวว่ะ แล้วกูก็ยังเป็นเพศที่ 3 เหมือนกับมึงด้วย กูเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้ดี” เมย์แตะไหล่ผมแล้วพูด

“แล้วพ่อแม่กูละ”

“เรื่องนี้มึงห้ามบอกคนที่บ้านเลยนะเว้ย มึงเหยียบไว้ รอจนมึงโตมีงานทำค่อยบอก อย่าหักดิบแบบกูโอเคปะ”

ถึงเมย์จะพูดแบบนั้นแต่ในใจลึกๆของผมนั้นรู้สึกว่าแม่คงต้องรู้เข้าสักวันก่อนที่ผมจะทำงานอย่างแน่นอน

“โอเค เฮ้อ กูไม่อยากเป็นเลยว่ะ”

“ทำไงได้ละว่ะ ไม่มีใครอยากเป็นกันทั้งนั้นแหละ แต่มันเกิดขึ้นแล้วนี่มึงอย่าไปสนใจเลยสมัยนี้เขาก็เป็นกันเยอะแยะ อย่าไปสนพวกคนสมัย Gen X เลย”

“เออ ขอบใจนะเว้ยมึงเป็นเพื่อนรักกูเลย”

“เออ มึงก็เพื่อนรักกู”

จากนั้นเราก็คุยกันเรื่องทั่วไปจนกระทั้ง 16.00 น.

“กูว่าจะกลับแล้วว่ะ เดี๋ยวลงไปเอาวิทยุที่ฝากลุงหนุ่ยก่อนแล้วก็กลับบ้านละ”

“ปะๆ เดี๋ยวกูเดินลงไปส่งหน้าปากซอย”

ผมลงไปแล้วไปร้านลุงหนุ่ยซึ่งอยู่ชั้นล่างสุดติดกันร้านตัดผมเก่าของแม่ผม

“ลุงหนุ่ยเป็นยังไงมั้งครับ”

“อ๋อ...ลุงว่าเองทำวงจรมาเสียแน่ๆเลย เสียงมันไม่ออกเลยว่ะ แล้วลุงก็ไม่ได้ซ่อมวิทยุนานแล้วด้วยซ่อมแต่ทีวี วิทยุเดี๋ยวนี้เขาเลิกใช้กันไปหมดแล้ว” อืม....แถไปเรื่อย

“แล้วกี่บาทครับ” ผมถามค่าซ่อม

“อ๋อ ลุงไม่คิดเงินเอาไปเถอะ ไว้โอกาสหน้ามีอะไรให้ช่วยก็มาได้นะ”

“ครับๆ” กูคงจะมาอีกหรอก....



จากนั้นลุงก็ส่งวิทยุให้ผม แล้วเมย์ก็เดินมาส่งผมขึ้นสองแถวหน้าปากซอยเพื่อที่จะไปลงบางนาแล้วต่อรถตู้กลับบ้านผม ตลอดทางนั่งรถกลับผมนึกในสิ่งที่ตัวเองเป็นว่าสักวันนึงถ้าพ่อแม่น้องรู้ขึ้นมาผมจะทำยังไงดี ที่ใหญ่ไปกว่านั้นก็ยังมี พ่อใหญ่ (ตา) แม่ใหญ่ (ยาย) ปู่ ย่า น้า อา ทั้งหลายที่ให้ความหวังผมไว้เยอะแยะ



ซึ่งครอบครัวทางฝั่งแม่นั้น แม่ใหญ่ผมมีลูก 4 คน ผู้หญิงทุกคน แม่ผมเป็นคนโตสุด น้าคนรองไม่มีลูกเคยมีแต่คลอดก่อนกำหนดแล้วเสียเป็นลูกผู้ชาย ซึ่งตอนที่แม่คลอดผมออกมาน้าคนรองเป็นคนตั้งชื่อเล่นให้ผม และรักผมเหมือนลูกแท้ๆคนนึง ตอนนั้นทั้งฝั่งแม่ ฝั่งพ่อ ดีใจกันยกใหญ่เลย แม่เล่าให้ฟังว่าพ่อใหญ่เป็นคนอุ้มผมออกมาจากโรงพยาบาล ตอนที่หมอกำลังทำคลอดแม่ผมนี่แม่แก่ (ยายทวด) เดินวนรอบรถพ่อใหญ่เลยครับ แกเป็นกังวนเพราะฝันว่าตอนแม่คลอดผมออกมาแม่ผมเสีย แต่พอรู้ว่าปลอดภัยและได้ลูกชายแกดีใจใหญ่เลย ส่วนน้าคนก่อนสุดท้องเป็นทอม มีลูก 2 คน เป็นหญิงทั้งคู่ ขอบอกว่าน้าคนรอง และคนก่อนสุดท้องที่เป็นทอมอยู่ต่างประเทศทั้งคู่ และน้าคนเล็กสุด มีลูกเป็นผู้หญิง ถ้าเทียบเวลาในเรื่องที่ผมเขียนตอนนี้ยังไม่เกิด เกิดตอนผมอยู่ ปวช.3



ส่วนทางฝั่งพ่อ ย่าผมมีลูก 3 คน พ่อผมคนโตสุด มีลูก 2 คนคือผมกับอุ้ม ส่วนน้าสาวคนรองมีลูก สาว 1 คน และน้าสาวคนสุดท้องมีลูกชาย 1 คน ตอนนี้ยังอนุบาล 3 อยู่เลย ขอบอกเลยว่าเหมือนผมทุกอย่าง

ก็อย่างที่ว่าแหละครับ คนในครอบครัวหวังกับผมไว้เยอะครับ
.
.
.
.
.
.
.
เฮ้อ ทำไมหนทางที่เลือกมันดูยุ่งยากสะเหลือเกินครับ
...................................................................................
....................................................................
........................................................
..............................................
.....................................
..........................
................
.........
....
..
.
.
แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
ติชมหรือคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจกันด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกคำคอมเม้นท์และผู้ติดตามอ่านทุกท่านนะครับ ฝันดีครับ
:bye2:
*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:35:22 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 15 “ซิบแตก”
********************************************************************

หลังจากวันที่ผมนำเครื่องรับวิทยุของผมไปให้ลุงหนุ่ยหมุนเล่น ผมก็กลับมาซื้อชุดคิทวิทยุ AM มาจริงๆครับ แต่ไม่คิดว่าจะทำใหม่นะผมเพียงแค่บัดกรีเอากระป๋อง IF ที่เสียออกแล้วเปลี่ยนกระป๋องใหม่ลงไป จากนั้นก็ไล่แผงวงจรดูใหม่ ปรากฏว่าเจออยู่จุดนึงที่ผมทำผิดไว้นั่นคือ “ผมใส่ไดโอดเรียงกระแสผิดขั้วเท่านั้นเอง” เมื่อเจอเจ้าตัวปัญหาแล้วผมก็ทำการบัดกรีออกแล้วใส่เข้าไปใหม่ให้ถูกขั้วของมัน พอเปิดฟังก็มีเสียงคนพูดเลยครับ แล้วผมก็นำไขควงไม้ที่ทำขึ้นเองมาปรับจูนกระป๋อง IF อย่าช้าๆ จูนออกมาได้ประมาณ 25 ช่อง เลือกฟังกันสนุกเลยตอนนั้นดีใจสุดๆไปเลยครับ

ส่วนเรื่องที่ผมเป็นอะไรนั้น ก็ยังคงเหยียบเอาไว้ไม่กล้าบอกใครทั้งสิ้น....

“เอาหละ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียนวิชานี้เดี๋ยวให้นำหนังสือมาส่งเพื่อที่ครูจะได้ตรวจแบบฝึกหัด จากนั้นให้ออกไปรอข้างนอก แล้วครูจะเริ่มตรวจเครื่องรับวิทยุ AM ที่พวกเราฝึกปรืออยู่กับมันมาทั้งเทอมกัน” อาจารย์วิชาญพูดจบ พวกผมก็นำหนังสือมาส่งแล้วออกไปรอกันข้างนอก

“เหี้ยกูกลัวไม่ผ่านว่ะ” น็อตพูดอย่างกังวน

“สัส ของมึงยังดีมีเสียงคนพูด แล้วฟังได้ตั้ง 22 ช่อง ของกูหนักกว่ามึงอีกมี 15 ช่องเอง” ชัยบ่นๆ

ช่วงที่พวกผมรออาจารย์อยู่ข้างนอก คนที่เสร็จแล้วก็จะมาช่วยคนที่วิทยุยังไม่เวิร์ค ส่วนใครที่เวิร์คแล้วก็จะลงจากแผนกไปจูนหาคลื่นในที่โล่งๆ กว้างๆ ที่สัญญาณเข้าถึงได้ง่าย ส่วนผมจูนจากที่บ้านได้ตั้ง 25 ช่อง คงไม่ต้องไปจูนใหม่หาประแสงอะไรแล้วละ

11.00 น. อาจารย์วิชาญ เดินออกมาจากห้อง

“เดี๋ยวครูจะให้ลงไปรอกันที่ลานจอดรถของแผนกข้างล่าง ครูจะเครื่องที่นั้นเพราะมันโล่งกว้างสัญญาณเข้าถึงได้ง่าย” อาจารย์สั่งพวกเราก็รีบลงไปกัน

“เกณฑ์การให้คะแนนคือ ช่องสัญญาณใคร 25 ขึ้น ได้เต็ม 20 คะแนน ลองลงมาก็ไม่น้อยกว่า 22 ช่อง ได้ 19 คะแนน และ!@#@%$%^$%^&%*^&” อาจารย์ชี้แจงการประเมิน

ผลการส่งออกมาผมได้แค่ 21 ช่องเองครับ ที่บ้านได้ 25 ที่เทคนิคได้ 21 อย่างเซงไม่รู้เพราะอะไร รวมๆก็ผ่านทุกคน มีเพียงของไอ้ชัย ไอ้โจ๋ และกลุ่ม 3 อีก 1-2 คน ที่ต่ำกว่า 15 ช่อง คนที่ได้เกิน 25 ช่อง เห็นจะเป็น เล็กกับบูม จากกลุ่ม 3 อาจารย์วิชาญแกเห็นว่ามีฝีมือดีจึงขอให้ไปช่วยออก “โครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix It Center” ช่วงเสาร์-อาทิตย์ในเทอมหน้า จากนั้นอาจารย์ให้เก็บเครื่องรับวิทยุไว้ที่ห้องแกก่อน เพราะแกจะตรวจรายละเอียดของการบัดกรีด้วย เป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับวิชาเครื่องรับวิทยุ

แล้วพวกเราก็ไปกินข้าวกัน

“ในที่สุดก็เสร็จสิ้นทุกวิชาสักที อาทิตย์หน้าก็เตรียมแข่งกีฬาสี” ผมพูด

“เฮ่ยๆ ปีนี้พี่อินพี่โจ๋จะเอาเหรียญอะไรดีครับ” บิ๊กพูด

คือปีนี้ผมลงแข่งหมากรุกเอาไว้ครับ เนื่องจากผมเล่นกับอาจารย์ต๋องทุกครั้งในวิชาแกจนชอบกีฬานี้ไปแล้วครับ แต่ไม่ใช่ผมคนเดียวนะ มี โจ๋ และกบ กลุ่ม 3 อีกคน  ลงประเภททีมเอาไว้คือ แข่งเดี๋ยวประเภททีมอ่าครับ ทีมละ 3 คน ชนะ 2 ใน 3 ก็ชนะไป อะไรประมาณนี้

 “5555 ไอ่ห่าจะได้รึป่าวยังไม่รู้เลย” ผมตอบ ส่วนไอ้โจ๋นั่งกินข้าวยิ้มๆ

“เฮ่ยๆ มึงลืมกูด้วยหรือป่าวกูก็ลงกีฬานะปีนี้อ่า” ตันพูดขึ้น

“มึงลงอะไรว่ะ” น็อตถาม

“ก็หมากฮอสไง”

ปีนี้ตันก็ลงด้วยครับ เหตุที่ลงเพราะไม่อยากขึ้นสแตนกัน แผนกมีกฎว่าถ้าไม่อยากขึ้นสแตนให้ลงกีฬา พอตันมันเห็นผมลงก็เลยลงบ้าง แต่มันเล่นหมากรุกไม่เป็นจึงไปเล่นหมากฮอสแทน

“เออ สู้ๆเว้ย” โอ๊ตบอก

“แน่นอนอยู่แล้วกูอะ เดี๋ยวเอาที่ 1 มาฝาก” ตันพูดกับทุกคน

เมื่อกินข้าวเสร็จเราก็ไปโฮมรูมกัน

เข้าไปในห้องก็ไม่เห็นที่ปรึกษา แกคงไปกินข้าวเพราะนี่แค่ 12.30 เอง ตอนนี้มีแค่กลุ่ม 4 ของผม และ กลุ่ม 3 บางคน ที่นั่งเล่นกันในห้อง

“โอ้ย เบื่อว่ะๆๆๆๆ” ตันเดินเข้ามาในห้องทำหน้าเซง พร้อมกับ ชัย บิ๊ก มอส ที่ไปดูดบุหรี่ด้วยกันมา

“เป็นเหี้ยอะไรว่ะ” บาสถาม

“ซิบกางเกงกูแตกอะดิ”

เพื่อนขำกันทั้งห้องเลยครับ คือตันมันไปเข้าห้องน้ำจังหวะจะรูดซิบขึ้นไม่รู้ไปรูดอีท่าไหนเล่นซิบแตกเลย

“ตลกกันนักหรือไงว่ะ” ตันบ่นเพื่อนๆ พร้อมกับนั่งเก้าอี้ข้างผมโต๊ะหลังห้อง วันนี้ผมไม่ได้นั่งหน้าอย่างเคยเพราะกลุ่ม 3 ชิงนั่งกันไปหมด ตอนนี้เพื่อนๆก็เลิกขำแล้วก็นั่งเล่นอะไรของแต่ละคนไป

“อิน” ตันโน้มตัวมาใกล้ๆแล้วพูดกับผมเบา

“วะ...ว่า” อย่าใกล้นักกูยิ่งเป็นโรคแพ้คนใกล้ตัวอยู่

เหน็บเข็มกลัดที่ซิบให้กูหน่อยดิ....” ตันยังคงโน้มตัวพูดกับผมเบาๆอยู่ คงจะกลัวคนอื่นได้ยินเพราะอาย

“เออๆ”  เอาจริงๆหรอว่ะ

ว่าแล้วตันก็หยิบกล่องเข็มกลัดที่ซื้อมาจากสหกรณ์เทคนิคขึ้นมา ในนั้นมีเข็มกลัด 20 กว่าอันเห็นจะได้ เป็นเข็มกลัดที่เขาไว้ใช้เหน็บผ้าปูที่นอนกับเตียงอ่าครับ

ตันอ้าขาออกแล้วผมก็ค่อยๆลุกจากเก้าอี้ก้มลงไปเหน็บเข็มกลัดให้ที่ซิบของตันซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ บอกเลยว่าหายใจแรงและทำหน้าไม่ถูกด้วยครับ หน้าตาผมตอนนั้นมันร้อนๆยังไงไม่รู้ มือไม้สั่นหมดผมค่อยๆจับเป้ากางเกงตรงซิบที่แตกออกพยายามไม่ให้โดนไอ่นั่น แล้วสอดเข็มกลัดเข้าไปเหน็บเข็มกลัดที่ซิบตันส่วนบนสุด ตันบอกผมตลอดเวลาขณะที่ผมเหน็บเข็มกลัด ว่าอย่าให้โดนนะค่อยๆจับเป้าซิบ (อันนี้คงรู้นะครับว่าหมายถึงอะไรเป้าซิบนะครับ ไม่ใช่เป้าXXXX)

เฮ้อ เหน็บอันแรกที่เป้าซิบบนสุดสำเร็จ รู้สึกว่านานฉิบหายเลยครับ ส่วนอันที่สองคือตรงกลางเป้าซิบในใจคือไม่ไหวแล้วไม่ทำต่อได้ไหม กลัวความแตกเพราะหน้าผมแดง และมือไม้สั่นตลอดตันถามผมว่าเหน็บถนัดไหม ผมไม่ตอบอะไรเพราะทำตัวไม่ถูก ตันก็เลยยืนแทนแล้วให้ผมก้มเหน็บเข็มกลัดต่อไป

เออ.....พอตันยืนค่อยเหน็บสบายหน่อยครับ ผมเหน็บอันที่สอนเสร็จ เหลืออันที่ 3 ขณะกำลังจะติด....

นี่มึง 2 คน ทำอะไรกันว่ะ” น็อตพูดเสียงดังมาก เพื่อนหันมามองกันเต็มเลย ตอนนั้นอายมากผมเงยหน้ามองตันที่ยืนให้ผมเหน็บเข็มกลัดอยู่ หน้าตันก็แดงเหมือนกันครับ

“กู....ให้อินมันเหน็บเข็มกลัดให้ กูเหน็บไม่ถนัดว่ะ” ตันพูดไม่เป็นธรรมชาติ

“หรอว่ะ กูดูหน้าไอ่อินเหมือนมันจะเหน็บไม่เป็นนะ กูมองอยู่นานแล้ว” น็อตพูด ผมก็เพิ่งรู้ว่าน็อตมันเห็นตลอดเวลา ทีแรกคิดว่าไม่มีใครเห็นเพราะผมทำกันโต๊ะหลังสุด จริงๆถ้ามองกันในมุมเพื่อนเขาก็คงไม่คิดอะไรกัน แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้นอะสิครับ มันเลยรนรานตื่นเต้น มือไม้สั่นไปหมด

“เออ กูเหน็บไม่ค่อยเก่งว่ะ....” ผมตอบอย่างรนราน

“มันจะยากเหี้ยอะไรนักหนา มาเดี่ยวกูเหน็บเอง” บาสพูดพร้อมกับหยิบเข็มกลัดในมือผมไปเหน็บที่ปลายซิบของตัน ใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาที

เหน็บเสร็จอาจารย์ที่ปรึกษาก็เข้ามาพอดี
 
“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ” กิ๊ฟสั่ง

“สวัสดีครับคุณครู” ทุกคนทำความเคารพอาจารย์

“เดี๋ยววันนี้ครูจะแจกใบลงทะเบียนเรียนเทอมหน้าสำหรับนำไปโอนเงินที่ธนาคารนะ” ที่ปรึกษาแจกใบลงทะเบียนให้ จากนั้นอาจารย์ก็บอก วันโอนเงิน วันตรวจสภาพ และวันเปิดเรียนเทอม 2/2553 แล้วก็ปล่อยพวกผมกลับบ้าน เพราะสำหรับวันนี้มีเรียนวิทยุทั้งวัน กับโฮมรูม แล้ววิทยุก็จบแล้วด้วย

“อนิรุต” ที่ปรึกษาเรียกผม ขณะที่เพื่อนกำลังทยอยออกจากห้อง

“ครับอาจารย์”

“ได้ข่าว ศิริโชคบ้างไหม”  ศิริโชคคือ ตาม นะครับ

“ผมได้ข่าวจากไอ้ชัยมาบ้างครับ” 

“เออ มันเป็นยังไงบ้าง ทำไมไม่ค่อยมาเรียน นี่ก็วันสุดท้ายแล้ว”

ผมก็เล่าให้อาจารย์ฟังว่า ตาม ติดยาเสพติด แล้วก็มีอาการไอออกมาเป็นเลือดด้วย ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงนะครับ พูดตามที่ไอ้ชัยมันเล่าให้ผมฟัง พอเล่าจบอาจารย์ก็ทำหน้าเป็นกังวน

“แล้วนี่ วิทยุมันทำเสร็จไหม” อาจารย์ถาม

“เสร็จครับอาจารย์ พวกผมช่วยกันทำส่งให้มันแทนครับ เพราะมันไม่มาเรียนเลย”

“โอเค งั้นครูฝากเรื่องศิริโชคด้วยนะอนิรุต เทอมหน้าช่วยตามกลับมาเรียนที”

“ครับอาจารย์” พูดจบผมก็เดินออกจากห้องไป

“มึงคุยอะไรกับอาจารย์ว่ะ” บาสถาม

“ก็เรื่องไอ้ตามนั่นแหละ”

“อ๋อเออ โอเคงั้นวันนี้กูกลับก่อนนะ” บาสพูดพร้อมกับ ชวนแรกกลับไปด้วย

วันนี้ผมคงกลับเย็นเพราะต้องอยู่ซ้อมหมากรุกกับ โจ๋ และกบ กลุ่ม 3 แต่มันไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะตันก็อยู่ซ้อมหมากฮอสเหมือนกัน

หมากรุกจะซ้อมกันที่ ลานกิจกรรมข้างในสุดของแผนก ที่นั้นจะมีโต๊ะนั่ง และต้นไม้เยอะมาก ส่วนข้างหลังแผนกจะเป็นสระน้ำ ส่วนหมากฮอส ซ้อม ชั้น 4 ห้อง อาจารย์วิโรจน์

รอบแรกโจ๋ กับ กบ ซ้อมกันก่อน กบเล่นหมากรุกเก่งมากๆไม่นานก็รุกฆาตโจ๋ได้ กบเก่งชนิดที่ว่าเล่นสูสีกับอาจารย์ต๋อง และชนะอาจารย์เข็ม ทีนี้ก็ตาผมซ้อมกับโจ๋สินะ

“วันนี้จัดหนักนะเว้ย จันทร์หน้าแข่งแล้ว” โจ๋พูด

“เออ มาๆ ไอ่สาส” ผมพูด

เราเริ่มเดินหมากกัน แรกๆดูสูสีแต่สุดท้ายโจ๋โดนผมรุกฆาต แต่มันยังไม่ยอมขอต่ออีกรอบ รอบนี้ผมโดนมันรุกฆาตสรุปฝีมือสูสีเสมอกันครับ

“มาๆขอเจอหน่อยดิ๊ เดี่ยวต่อเรือให้ตัวนึง” กบพูดขึ้น พร้อมกับลงมานั่งแทนโจ๋แล้วเอาหมากตัวเรือคว่ำให้กลายเป็นเบี้ยธรรมดาตัวนึง

“มีต่อให้ด้วยเว้ย มาๆ” ผมพูด

เริ่มเดินกันไปก็สูสีครับ ดูออกเลยว่ากบออมมือให้เยอะเลยครับ สักพักเริ่มยากแล้วผมเริ่มคิดนานขึ้น

“สู้ๆหน่อยดิว่ะ คุณหัวหน้าห้องกลุ่ม 4” ตันเดินมาแล้วนั่งซ้อนผมจากด้านขวา ผมก็พูดอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน

“เลิกแล้วหรอ....” ผมถาม ขณะจะเดินหมากต่อ

“เลิกแล้ว อาจารย์วิโรจน์แกชิลล์” ตันพูด พร้อมกับมองกระดานหมากผม

“แล้วยังไม่กลับหรอว่ะ” ผมวางตัวหมากที่จะเดินลง เพราะความคิดเริ่มสับสนเริ่มคิดไม่ออก เพราะมันมาอยู่ใกล้ๆ

“ยัง ก็รอมึงนี่ไง” ตันมักจะติดผมเพราะผมตามใจตันในทุกๆเรื่องเท่าที่จะทำได้ และตันยังเคยบอกกับผมว่า "สบายใจทุกครั้งที่ได้คุยกับผม" คงเพราะผมหาทางออกดีๆ และเป็นที่พึ่งให้ตันได้มั้งครับ

“เฮ่ยๆ นานละจะเดินหมากได้ยัง” กบทัก

“เออ เดินดิๆ” ผมพูดแล้วก็จับหมากเดินแบบไม่คิดเลยครับ

เพราะมึงคนเดียว....

สักพัก มีโทรศัพท์ตันเข้าคาดว่าคงเป็นคุณแอนสุดที่รักของท่านตัน แล้วตันก้ลุกจากที่นั่งออกไปคุย

เออ....มึงไปค่อยยังชั่วหน่อย ให้กูจะได้หายใจสะดวก

เล่นกันไปอีกสักพักผมก็โดนกบรุกฆาตครับ

“ยอมๆ มึงมันเทพเกินไปแล้ว” ผมชมกบ

“ไม่ขนาดนั้นหรอก เดี่ยววันแข่งต้องมีคนเทพๆมาอีกเชื่อดิ”

“อ่าวๆ กลับบ้านกันเถอะ เย็นแล้ว” อาจารย์ต๋องเดินออกมาจากห้อง พอดีห้องที่พวกผมเรียนกับแกมันอยู่ชั้นล่างสุด แล้วอยู่ห้องสุดท้ายติดข้างแผนกลานกิจกรรมพอดีเลยครับ

แล้วพวกเราก็เก็บอุปกรณ์หมากรุกไว้ที่ห้องอาจารย์ต๋องเพราะเป็นของแก

“ไอ่อิน บ้านมึงไปทางไหนว่ะ” อาจารย์ต๋องถาม

“ออกนอกเมืองไปหน่อยอ่าครับอาจารย์”

“กูผ่านในเมืองพอดี มึงติดไปกับกูก็ได้”

“ครับๆอาจารย์ แล้วทีนี้มีไอ้กบลงXXX ทางผ่านพอดีใช่ไหมครับ แล้วก็ไอ้โจ๋มันทางเดียวกับผม”

“เออ เอามันกลับด้วยๆ นั่งหลังกระบะกันเลยตรงแค๊ปของกูเยอะไม่มีที่นั่งหรอก ส่วนอินมึงนั่งเบาะข้างคนขับกับกูแล้วกัน ไม่มีเพื่อนคุยว่ะ”

“ครับๆ” ผมพูดพร้อมกับมองหาตัน เพราะจะได้บอกมันว่ากลับบ้านแล้ว แต่มองไปก็ไม่เห็นเลยถามโจ๋ มันว่าตันกลับไปสักพักแล้ว เวรกลับไม่มีบอกกันเลย

แล้วเราก็กลับบ้านกัน ระหว่างทางผมคุยกับอาจารย์ต๋องเรื่องการแข่งในอาทิตย์หน้า และเรื่องพระพอดีช่วงนี้ผมอยากได้ท้าวเวสสุวรรณ แต่หาไม่ได้สักทีแกเลยบอกว่าแกมีแกจะให้เช่าเป็นท้าวเวสสุวรรณของวัดจุฬามณี ผมก็ตอบรับอาจารย์ว่าจะเอาแกบอกเดี๋ยวอาทิตย์หน้าเอามาให้ จากนั้นก็คุยอะไรไปเรื่อยเปื่อยผมนึกนามสกุลแกได้ แกนามสกุลเดียวกับเมย์เลย แล้วดันอยู่จังหวัดลพบุรีเหมือนกันด้วย ไม่รู้ว่าเป็นญาติกันหรือป่าว ตอนหลังผมไปถามเมย์ มันว่ามันไม่รู้จักอาจารย์ผม

ถึงบ้านผมก็ คิดถึงตันขึ้นมาอีกแล้ว แต่ความคิดถึงมันยังไม่รุนแรงเท่าช่วงหลัง เพราะตอนนี้เรายังไม่มีอะไรที่มากมาย คิดมากก็ฟุ้งซ่านผมเลยนั่งเล่น Ghost Online ดีกว่า



แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
*
“โครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix It Center” นั้นเป็นโครงการของกรมอาชีวะศึกษาที่ทุกเทคนิคในประเทศไทยต้องทำ เป็นการออกซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆฟรีไม่คิดค่าบริการ อันนี้ผมตอบในส่วนของแผนกอิเล็กทรอนิกส์กับแผนกไฟฟ้ากำลังซึ่งเป็นงานใกล้เคียงกัน ส่วนแผนกอื่นผมไม่รู้ว่าซ่อมอะไรกันบ้าง เป็นยังไงละครับ เห็นเด็กเทคนิคตีกันแบบนี้แต่เรื่องดีๆก็มีเยอะนะครับ
ขอบคุณทุกคำคอมเม้นท์และผู้ติดตามอ่านทุกท่านนะครับ   
************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:35:45 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 16 “กีฬาสี”
********************************************************************

ช่วงหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไม่ได้เตรียมความพร้อมก่อนแข่งเลยแม้แต่น้อย นั่งเล่น Ghost Online ทั้งวัน

วันนี้เป็นวันจันทร์ช่วงวันกีฬาสีของเทคนิค

หลังจากทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จทุกแผนกจะแยกย้ายกันไปตามแผนกของคนเพื่อไปรับเสื้อสแตนและตั้งขบวนพาเหรด เมื่อเดินพาเหรดและพิธีเปิดเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปเชียร์กีฬาตามจุดต่างๆ

“อิน วันนี้เราเริ่มแข่งกันกี่โมงว่ะ” ตันถาม

“10 โมงว่ะ ไปกันได้แล้วเนี่ย” ผมพูดพร้อมกับมองดูเวลาในมือถือ

“งั้นไปกันเหอะว่ะ” โจ๋บอก

“เออ ปะๆ” ผมพูดพร้อมกับ รีบเดินไปรายงานตัวที่ลานกิจกรรมแผนกผม เพราะปีนี้แผนกผมจับฉลากได้คุมกีฬาหมากกระดานทั้งหมด ไปถึงก็เห็นกบยืนรออยู่ที่นั้นแล้ว แม่งพร้อมจริงๆ

“มาไวๆ ลงชื่อๆ” อาจารย์ต๋องเรียกพวกผมครับ

ลงชื่อเสร็จผม โจ๋ และกบ ก็เข้าไปนั่งประจำที่เลยครับ ผมมองหาตัน ตันนั่งอยู่ซุ้มข้างๆผม ซึ่งเป็นซุ้มแข่งขันหมากฮอส ผมมองไปเจอตันมันก็มองมาทำหน้ากวนตีนใส่ แล้วยิ้มพยักหน้าประมาณว่า “สู้ๆนะมึง” ผมก็ไม่ได้ตอบรับอะไรหลบหน้าอย่างเดียวครับ

จากนั้น คู่แข่งของผมก็มาเป็นเด็กช่างไฟฟ้ากำลังครับ เมื่อคู่แข่งมากันครบแล้ว อาจารย์ต๋องก็อธิบายกติกาการแข่งขัน และเวลาทั้งหมดในการแข่งขัน

กีฬาหมากรุกที่เทคนิคผมไม่รู้เป็นอะไรมีลงอยู่ 2 ช่าง คือ อิเล็กฯ กับ ไฟฟ้า แต่ก็ดีครับจะแพ้หรือชนะยังไงก็ได้เหรียญ

“เมื่อไม่มีอะไรแล้วก็เริ่มการแข่งขันครับ” อาจารย์ต๋องพูดจบก็เริ่มเลยครับ

ผมเป็นฝ่ายเดินหมากก่อน เราเล่นกันไปเรื่อยๆคนดูก็ยืนอยู่นอกวงเส้นเชือกฟางกันเต็มเลย หนึ่งในนั้นมีที่ปรึกษาผมด้วยแกพูดกับพวกอาจารย์ที่มาดูว่า “ลูกศิษย์ผมๆ” แล้วก็ถ่ายรูปตอนที่พวกผมแข่งอยู่ด้วย

เล่นไปได้พักใหญ่สุดท้ายผมจนปัญญาจริงๆแพ้ 2 กระดานรวดเลยครับ (โง่เนอะ 555 ) อาจารย์ต๋องนี่ส่ายหน้าเลย เพราะแกหวังกับพวกผมไว้เยอะสรุปที่เดินออกมาก่อนมีผมกับโจ๋ ส่วนกบยังคงแข่งกระดาน 1 อยู่เลย แม่งแข่นกันนานฉิบหายแต่ผมไม่ดูต่อแล้วละ หันมองไปซุ้มข้างๆของหมากฮอสก็ไม่เจอตันแล้ว คาดว่าคงอยู่บนแผนก

ผมกับโจ๋ ก็เดินขึ้นไปหาเพื่อนๆบนแผนกกัน ขึ้นมาเจอเพื่อนนอนเรียงกันที่ระเบียงเต็มเลยครับ นึกน้อยใจเหมือนกันไม่มีใครมาเชียร์กูเลยสักคน

[บนแผนก ชั้น 3]

“เฮ่ยๆ แข่งเป็นไงมั้ง” บิ๊กถาม

“แพ้อะดิ 555”

แล้วเพื่อนๆก็รุมล้อผมกับโจ๋กันหมดเลย

“อินแดกข้าวยัง” ตันลุกขึ้นมาถามผม จากที่นอนอยู่ที่ระเบียง

“ยังเลยๆ”

“ปะแดกข้าวกัน”

แล้วผม ตัน และโจ๋ ก็ไปกินข้าวกันส่วนที่เหลือมันกินกันไปหมดแล้ว

[โรงอาหารใหม่]

“แข่งเป็นไงมั้งอะ” ตันถาม

“ก็แพ้อะดิ” ผมตอบขณะกินข้าว

“แล้วตันเป็นไงมั้งละ”

“แพ้เหมือนกัน 555” ตันตอบ

“ไม่เป็นไรปีหน้าเอาใหม่ๆ” ผมพูดให้กำลังใจ

“ปีหน้าลงไม่ลงอะไรแล้วละ ขี้เกียจว่ะ นอนเล่นบนแผนกสบายใจกว่าเยอะ” ตันบ่นๆ ส่วนโจ๋นั่งกินข้าวเงียบๆไม่พูดอะไร หรือไม่มีใครชวนมันพูดก็ไม่รู้

กินกันเสร็จผมก็อาสาเก็บจาน และซื้อน้ำให้ท่านตันกินเช่นเคย ระหว่างเดินออกจากโรงอาหารเพื่อไปแผนกผมก็เจอไอ้กรกับอาจารย์วิโรจน์เดินคุยกันมา

“สวัสดีครับอาจารย์” พวกผมสวัสดีอาจารย์วิโรจน์ แล้วผมก็หันหน้าไปยิ้มให้กรประมาณว่าทักทายกันครับ

“อ่าวว่าไง อิน ตัน โจ๋ กินข้าวกันแล้วหรอ” อาจารย์ถาม

“เรียบร้อยแล้วครับอาจารย์” ผมตอบแทนตันกับโจ๋

“แล้วแข่งเป็นไงมั้งกร ชนะป่าว” ผมทักกรที่ยืนอยู่ข้างๆอาจารย์วิโรจน์

“ชิลล์ๆ แพ้อะดิ 555” กรตอบ คือกรก็ลงหมากกระดาษครับแต่ลงหมากฮอสประเภททีม

เมื่อคุยกันเสร็จพวกผมก็เดินออกโรงอาหาร ผมเหลียวหลังไปมอง กรกับอาจารย์วิโรจน์แลเขาเป็นศิษย์อาจารย์ที่สนิทกันดีจริงๆ อย่างกับเพื่อนเล่นกันเลย

[บนแผนก ชั้น 3]

“(หาว)ง่วงจังเว้ย” ตันบ่นง่วงเมื่อเดินขึ้นมาบนแผนกชั้น 3 ที่เพื่อนๆนอนตายกันเต็ม

“ไปนั่งตรงนู้นกันดีไหม ว่างๆจะได้นอนได้” ผมเหลือบไปมอง ระเบียงริมซ้ายสุด มันไม่มีใครนอนเลย

“ไปดิปะ” ตันบอกผมพร้อมกับกอดคอผมเดินไป ส่วนโจ๋ก็เดินตามหลังมา

ไปถึงผมก็นั่งตรงกลางระเบียง โจ๋นั่งพิงเสาด้านซ้าย ตันนั่งพิงเสาด้านขวา

“อะโจ๋” ผมหยิบหนังสือการ์ตูนในกระเป๋าให้มันยืมอ่าน คือโจ๋ และอาฟู่ ชอบอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องเดียวกับผมครับ เวลาผมซื้อมาก็จะแบ่งๆพวกมันอ่านประจำ

โจ๋รับไปแล้วนั่งอ่านอยู่เงียบๆ ส่วนผมก็อ่านอีกเล่มนึงที่ซื้อมา เป็นหนังสือการ์ตูนจีนกำลังภายใน “ฝ่ามือเทพยูไลหลงเจียนเฟย” สนุกมากครับต้องลอง!!!

“อ่านเรื่องอะไรอะ” ตันถาม พร้อมกับเขยิบมาใกล้ๆผมแล้วโน้นหัวลงมาซบที่ไหล่

เอ่อ.....คือ.....เอาอีกแล้วความรู้สึกแบบนี้

ผมไม่ได้ตอบอะไรนั่งอ่านตัวแข็งเลยครับ ส่วนตันก็ไม่ถามอะไรต่อหลังจากที่ซบผมไปแล้วมันคงจะหลับ

นั่งอ่านไปได้สักพัก ผมอ่านไม่สนุกเลยครับใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว 555 จะเก็บหนังสือการ์ตูนเข้ากระเป๋าก็กลัวตันจะตื่นแล้วเลิกซบไหล่

โถ่ชีวิต จะทำยังไงดีว่ะเนี่ยกู

ผมนั่งตัวเกร็งอยู่นานจนสุดท้ายก็เมื่อยแล้วผมก็ขยับตัวเล็กน้อย คือมันเมื่อยจริงๆครับ

“อุ่ย โทษๆตื่นเลย” ตันตื่นเลยครับ ฉิบหาย

“ไม่เป็นไรๆ ขอกระเป๋าหน่อยดิ” ตันพูดพร้อมกับขอกระเป๋าผม ผมก็ส่งให้ไปตันคงจะเอามาหนุนหัวตัวเองมั้ง เพราะตอนนี้ตันเปลี่ยนจากซบไหล่มาเหมือนจะนอนแบบปกติ ผมก็เอาแขนออกเพราะยังไงตันก็คงต้องหนุนตักผมอย่างที่เคยทุกครั้ง แต่ที่หนุนตักทุกครั้งตันก็ไม่ได้เอากระเป๋าผมไปหนุนรองนะครับ

“โทษนะ ขอวางหน่อย” ตันพูดพร้อมกับยื่นขาสองข้างมาวางบนตักผม แล้วเอากระเป๋าไปนอนหนุนหัวติดกับเสาแทน

“เออ...สบายดีแฮะ” ตันพูด ขณะที่นอนแล้วเอาขามาวางที่ตักผม

“......” ผมเงียบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็คนมันตื่นเต้นนี่หว่า

จังหวะนั้นเกร็งหนังกว่าเดิมอีกครับ อันนี้เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ปนๆออกแนวมีอารมณ์แบบนั้นด้วยอ่าครับ หวังว่าผู้อ่านคงเข้าใจ ถามว่าผมชอบไหมก็ชอบนะ แต่สถานการณ์มันไม่อำนวยเท่าไหร่เลย โจ๋มันก็นั่งอยู่ด้วย

“ไอ่อิน มึงลงไปเชียร์ฟุตซอลเป็นเพื่อนกูทีดิ น็อตมันแข่ง” ชัยเดินมาชวนผม

“เอ่อ มึงไปเลยชัย กูขี้เกียจไปว่ะโทษที” ทำไมมึงถึงชอบขัดจังหวะกูทุกทีเล๊ย ตั้งแต่ไปค่ายละไอ่ห่า!!!

“ไอ่ห่า น็อตมันแข่งนะเว้ย ไม่ไปดูหรอว่ะ” ชัยพูด

“กูง่วงด้วยว่ะ เมื่อเช้าแข่งหมากรุกใช้สมองไปเยอะ” ผมอ้างวิชาการ

“อะไรว่ะ เออๆงั้นไม่เป็นไร ไอ่โจ๋มึงไปกับกูที”

“ปะๆ” โจ๋ลุกขึ้นเดินตามไอ้ชัยไปอย่างง่ายดาย ตอนนั้นที่ไปก็มี โอ๊ต มอส ชัย โจ๋ ส่วนบิ๊ก บาส แรก อาฟู่ นอนเล่นบนแผนกเหมือนผมกับตัน

พอโจ๋ไปก็ค่อยยังชั่วหน่อย ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นผมในสภาพแบบนี้ เอาจริงๆถ้าเป็นคนอื่นเอาขามาวางบนตักผมแบบนี้ ผมก็เฉยๆนะครับ เพราะไม่ได้คิดอะไร  แต่สำหรับตันแล้วความรู้สึกของผมมันคงระวัง ระแวง คิดเยอะ กลัวคนอื่นจะรู้ใจผมเป็นธรรมดา

ผมเอาแขนข้างซ้ายวางบนระเบียง ส่วนข้างขาวเอาวางไว้ข้างตัว ผมนั่งมองหน้าตันที่หลับอยู่ ตันเวลานอนก็น่ารักดีนะครับ นั่งไปสักพักผมเริ่มล้าแขนทั้งสองข้างอย่างมาก เลยเอาแขนสองข้างมาวางบนหน้าขาของตันที่วางบนตักผมอยู่ แต่ค่อยๆวางเพราะกลัวจะตื่น

แล้วก็รู้สึกถึงอารมณ์แบบนั้นบวกกับจิตมารอกุศลที่เกิดขึ้นในใจ ผมค่อยๆเอามือผมบีบไปที่หน้าขาตันอย่างเบาๆ บีบลงไปแต่ละทีกลืนน้ำตาเฮือกเลยครับ เพราะผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย สถานที่ราชการก็เอาเนอะกูเนี่ย บีบอยู่อย่างนั้นไม่นานก็....

“อิน....” ตันตื่น ตอนนั้นผมตกใจเลยครับ

“วะ ว่า” ผมหยุดการกระทำนั้นทันที

“หยุดทำไมยังไม่หายเมื่อยเลย นวดต่อดิ” พูดจบก็หลับตานอนต่อ

อ่าว....คิดว่าจะโดนแล้วเสียอีกนะกู เฮ้อ.....

ตันพูดแบบนั้นผมก็ได้ใจใหญ่เลย ผมบีบหน้าขาให้ตันไล่ตั้งแต่หน้าแข้งขึ้นไปเลื่อยๆจนถึงขาอ่อนเกือบถึงไอ่นั่นเลยครับ ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองหายใจแรกผิดปกติ ส่วนตันก็นอนกอดอกหลับปกติเหมือนไร้ตัวตน ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่ความรู้สึกดีแล้วละ มันเป็นความรู้สึกของคนที่เขามีอารมณ์แบบนั้น ตอนนั้นผมคิดแบบนั้นจริงๆ

ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงมือถือตัน)  ผมนี่สะดุ้งตกใจเสียงโทรศัพท์ จังหวะนี้อ่อนไหวง่ายใครทำอะไรนิดหน่อยตกใจไปหมด ไม่รู้ว่าขวัญอ่อนหรือระแวงคนอื่น 555+

“ฮาโหล ว่าไงแอน” ตันตื่นมารับโทรศัพท์ ขณะนอนให้ผมนวดอยู่

“อืม....เค้าอยู่กับอินเนี่ย....กินข้าวแล้ว....แล้วกินข้าวยัง....+๒๒๑๓๔๓๓๔฿๔๕๖ฌธํษ๊ณ” แล้วก็คุยกันยาว

“อิน แอนไม่เชื่อว่าเค้าอยู่กับอินอะ” หืม....เป็นครั้งแรกที่ตันพูด “เค้า” กับผม ปกติถ้าตันพูดกับผมถ้าไม่ มึงกู ก็จะเรียกชื่อเล่นแทน มึงกู เหตุที่ตันพูด “เค้า” กับผม ผมก็ไม่รู้จนถึงทุกวันนี้นะครับ แต่ก็คิดแค่ว่าเวลาที่ตันคุยกับแอนในโทรศัพท์ก็คงจะพูดกับเพื่อนเพราะๆ เพราะคงรักษาภาพพจน์มั้งครับ อันนี้อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน

ตันยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ประมาณว่าส่งเสียงให้แอนได้ยินที ทีแรกผมก็ไม่กล้าจะพูดแต่ตันทำหน้าดุใส่ผม ผมก็เลยต้องยอมทำตามแต่โดยดี

“เอ่อ....อินนะ...สวัสดีครับ....” เป็นครั้งแรกที่ผมพูดกับคนชื่อแอน

พูดจบผมไม่รอฟังเสียงแอนตอบกลับครับ ผมส่งโทรศัพท์คืนตันเลย ไม่อยากได้ยินเสียง

“เนี่ย เห็นป่าวเค้าไม่ได้ไปไหนเลย อยู่กับอินที่แผนกตลอด @#$#$T%$Y^&%JU*&O” แล้วก็ฝอยกันยาว ส่วนผมก็ทำหน้าที่นวดให้ท่านตันต่อไป

 “เฮ่ยๆ ไปแดกข้าวกัน” บาสเดินมาชวนครับ

ตอนนั้นผม เลิกนวดให้ตัน และเอาขาตันออกจากหน้าตักผมแล้วครับ เพราะบาสมันมองอยู่ คือผมรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ถ้ามีคนมาเห็นผมในสภาพแบบนี้ อย่างที่ผมได้บอกไปแล้ว

แล้วเราก็ไปกินข้าวกัน

ผมลืมบอกไปว่ากีฬาสีเทคนิคผมมี 5 วัน ตั้งวันแรกถึงวันสุดท้าย เรื่องราวระหว่างผมกับตันก็ประมาณนี้ครับ วันๆอยู่บนแผนก นั่งให้ตันนอนหนุนตัก ไม่ก็มาซบไหล่ หนักๆหน่อยก็เอาขามาวาง ผมชอบเวลาที่มีกีฬาสีเทคนิคนะครับ มันทำให้ผมและตันมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นเพราะมันว่างทั้งวัน ส่วนเวลาเรียนถึงจะเจอกันทุกวันก็จริง แต่ก็เรียนกันอะครับ แล้วเพื่อนก็เยอะแยะมากมายตันมันก็ไม่ได้มาอยู่กับผมตลอดเวลาแบบนี้สะด้วย 

ตัดมาวันสุดท้ายเลยนะครับ

วันสุดท้ายในช่วงบ่ายเป็นการมอบเหรียญรางวัลแก่นักกีฬา และเป็นวันที่แข่งขันสแตนเชียร์ด้วย ก็อย่าคาดหวังอะไรกับสแตนเชียร์ของเด็กเทคนิคเลยนะครับ มันไม่ได้สวยหรูเหมือนอย่างพวก เด็ก ม.ต้น ม.ปลาย ก็ฝากไปจิตนาการเอาเองนะครับ 555+

หลังจากแข่งสแตนเสร็จ ทุกสีจะต้องมาเข้าแถวยืนกันที่สนามบอลใหญ่ของเทคนิคเพื่อฟังประกาศรางวัลแผนกที่ชนะเลิศการแข่งขันสแตน แผนกที่ชนะเลิศเป็นสีฟ้าแผนกวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง ลองลงมาเป็นสีแดง แผนกวิชาช่างกลโรงงาน และสีเหลืองแผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ ของพวกกระผม

พวกอาจารย์ในแผนกมายืนอยู่ที่สนามด้วย ยิ้มดีใจกันใหญ่เลย มีเพียงอาจารย์ดวงดาวที่ยืนส่งเสียงเชียร์อยู่ในเต็นท์กองอำนวยการ แกคงออกมาไม่ไหวเพราะแดดร้อนพอสมควรบวกกับอาจารย์อายุมากแล้วอาจจะเป็นลมเอาได้ครับ

จากนั้น ผอ. กล่าวปิดงานและชักธงชาติ และธงทั้ง 7 สี ลง

ธง 7 สี ที่ว่านั้นคือ ธงประจำแผนก ทั้ง 11 แผนก ได้แก่ สีแดง สีฟ้า สีน้ำเงิน สีเหลือง สีเทา สีเขียว และสีส้ม

เรียงจากแผนกที่มีคนมากที่สุด

ได้แก่

สีแดง ช่างกลโรงาน
สีเขียว ช่างยนต์
สีเหลือง ช่างอิเล็กทรอนิกส์
สีฟ้า ช่างไฟฟ้ากำลัง รวมกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ
สีน้ำเงิน (สีนี้พลังสุดๆ รู้สึกจะมีเสื้อพลังด้วย) ช่างก่อสร้าง รวมกับ ช่างสถาปัตยกรรม
สีส้ม ช่างเชื่อมโลหะ รวมกับ ช่างเขียนแบบเครื่องกล
สีเทา ช่างซ่อมบำรุง รวมกับ ช่างแมคคาทรอนิกส์

เมื่อชักธงลงเสร็จ ทุกแผนกจะจับมือกันเป็นวงกลมใหญ่รอบสนามบอลเลยครับ จากนั้นก็ร้องเพลง “สามัคคีชุมนุม” โดยมีผู้ถือธงประจำแผนกของแต่ละแผนกออกมายืนรวมกันอยู่กลางวงใหญ่พร้อมกับโบกธงแผนกไปมา และทุกคนที่จับมือเป็นวงใหญ่รอบสนามบอลก็จะเปล่งเสียงร้องเพลงร่วมกัน แสดงให้เห็นว่าทุกแผนกนั้นรักและสามัคคีกัน
 
จากนั้น ทุกคนก็จะแยกย้ายกันเก็บของที่สแตนกลับไปที่แผนก เหลือแต่ช่างอิเล็กทอริกนิกส์ที่ยังรวบตัวกันอยู่

“บูมอิเล็กทรอนิกส์!!!” รุ่นพี่ใหญ่ ปวส.2 ผู้เป็นประธานแผนก ตะโกน เมื่อได้ยินคำนี้ทุกคนจะต้องวิ่งมาจับมือรวมกันทำเป็นวงกลม 2 วง ข้างในวงจะมีอาจารย์ในแผนก พร้อมกับรุ่นพี่ถือถ้วยรางวัลสแตนที่ 3 คนนึง และรุ่นพี่โบกธงแผนก ยืนรวมกันตรงกลางวง

“ช่างอะไร!!!” พี่ประธานแผนกตะโกน

“อิเล็ก!!!” ทุกคนขานรับ

“ช่างอะไร!!!” พี่ประธานแผนกตะโกน

“อิเล็ก!!!” ทุกคนขานรับ

“สู้ไม่สู้!!!” พี่ประธานแผนกตะโกน

“สู้ สู้!!!” ทุกคนขานรับ

“สู้ไม่สู้!!!” พี่ประธานแผนกตะโกน

“สู้ สู้!!!” ทุกคนขานรับ

“Who are cheer? !!!!” พี่ประธานแผนกตะโกน

“Elec cheer!!!” ทุกคนขานรับ

“Who are cheer? !!!!” พี่ประธานแผนกตะโกน

“Elec cheer!!!” ทุกคนขานรับ

“fight No fight? !!!!” พี่ประธานแผนกตะโกน

“fight!!!” ทุกคนขานรับ

“fight No fight? !!!!” พี่ประธานแผนกตะโกน

“fight!!!” ทุกคนขานรับ

“อิเล็กทรอนิกส์ บูมมมมมม!!!!” พี่ประธานแผนกตะโกน

“วี๊ดดดดดดดดดบูมมมมมมมมม!!!!” ทุกคนขานรับ

“E L E C C H E E R อิเล็กฯเชียร์!!!!” ทุกคนขานรับ

ทุกคนร้องเฮ้กันดังมาก พวกอาจารย์ก็ยืนยิ้มกันอยู่ในวง ส่วนอาจารย์ดวงดาวก็มาครับ แกกางร่มแล้วเดินเข้ามาร่วมยินดีกับทุกคนแล้วเราก็ถ่ายรูปร่วมกันทั้งแผนก ซึ่งเป็นภาพที่หน้าประทับใจมากในรูปนั้นตันกอดคอผมด้วยครับ

บอกตรงๆว่าตอนนั้นขนรุกเลยครับ มันเป็นความรู้สึกที่เล่าให้ใครต่อใครฟังก็คงไม่รู้สึกเท่าทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ในตอนนั้นหรอกครับ

หลังจากจบกีฬาสีก็ปิดเทอม แต่พวกผมเหมือนจะยังไม่ปิดเพราะลืมทำโครงการแผนก มันเป็นวิชาบังคับที่ต้องทำทุกเทอม ประมาณว่าทำโครงการพวกจิตอาสา จัดงานอบรม ทาสีแผนก ปลูกต้นไม้ และอื่นๆอีกมากมาย พวกผมตกลงกันว่าจะปลูกต้นเข็มที่ลาดจอดรถแผนก แล้วก็มาทำกันอยู่ 1 อาทิตย์กว่า แล้วก็เสร็จ เฮ้อ.....

และแล้วก็ถึงการสิ้นสุด ภาคเรียนที่ 1/2553





ขอบคุณทุกคำคอมเม้นท์และผู้ติดตามอ่านทุกท่านนะครับ
*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:36:08 โดย Nuda »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ปวช.2 ภาคเรียนที่ 2/2553

บทที่ 17 “เรื่องราวช่วง ปวช.2 เทอม 2”

********************************************************************


ปวช. 2 เทอม 2 มันไม่ค่อยมีอะไรที่เด่นๆ หรือผมจำไม่ได้ก็ไม่รู้นะครับ บางทีจะเขียนเรื่องต่อผมยังต้องมานั่งดูใบเกรดตัวเองว่าเทอมนั้นผมเรียนวิชาอะไรไปบ้างจะได้ดำเนินเรื่องถูก

เทอมนี้มีเรียนอยู่ 6 ตัว ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับทุกปี ที่เรียนน้อยเป็นเพราะว่าปิดเทอมนี้พวกเราต้องออกฝึกงานเขาจึงให้เรียนน้อย จะได้มีวันที่ว่างวันนึงเต็มๆเพื่อไปหาที่ฝึกงาน ติดต่อเรื่องฝึกงานในช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ เพื่อนก็ดูแตกตื่นกันใหญ่เพราะการฝึกงานถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่แต่ท้าทายวัยรุ่นชาวเทคนิคอย่างมาก เหมือนได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนโดยการออกจากบ้านมาเช่นหอพักอยู่กันในเมือง หรือหอพักใกล้ๆที่ฝึกงาน แต่สำหรับผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายเพราะผมอยู่บ้านปกติ ที่ฝึกงานผมอยู่แถวๆบ้าน คือหมู่บ้านผมติดกับแหล่งอุตสาหกรรม 

ในเรื่องของกลุ่มเพื่อน เทอมนี้กลุ่ม 4 ของผมได้ไอ้ตามกลับมาแล้วหลังจากที่มันหายไปนาน ทุกคนรวมถึงที่ปรึกษาดีใจกันมากที่มันกลับมาเรียนอีกครั้ง และเทอมนี้ดูแย่ในหมู่เพื่อนเพราะ น็อตกับตันมีปากเสียงกัน ด้วยเรื่องของผู้หญิงคนเดียวแท้ๆ ตันด่าน็อตประมาณว่าน็อตแอบไปคุยกับแอน แต่น็อตปฏิเสธตันก็ไม่เชื่อซึ่งเหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้นแล้ว 2 ครั้ง เมื่อเทอมที่แล้วซึ่งผมไม่ได้เล่าให้ฟัง ครั้งแรกก็บาส ครั้งที่สองก็ บิ๊ก มีปากเสียงกับตันด้วยเรื่องเดียวกันกับน็อตเลยครับ แต่พอนานๆไปก็ดีกันเองครับ แต่สำหรับรอบนี้ดูร้ายแรงเพราะตันเป็นคนที่หึงแรง ส่วนน็อตมันไม่รู้เรื่องมันก็คงไม่ยอมรับผิด แต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่ออะไรน็อตเลยนะครับ ด้วยนิสัยน็อตที่ชอบม่อหญิงอยู่แล้วด้วย แล้วมาเจอเรื่องแบบนี้อีกก็ถอนตัวไม่ขึ้น เพื่อนๆรวมถึงตัวผมก็ไม่มีใครยุ่งกับน็อตอยู่พักนึงเลย แต่พอเวลาผ่านไปเราก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม ตอนนั้นดีกันด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่รู้ครับ

ส่วนเรื่องเรียน ผมกับตันนั่งด้วยกันแทบทุกวิชา เทอมนี้ผมเหมือนทำงานคูณสอง เพราะทำให้ท่านตันของผมด้วย ผมมักจะทำการบ้านให้ตันอยู่บ่อยๆ บางทีตันก็ใช้ให้ทำบ้างคือมันขี้เกียจด้วยครับ บางทีมีงานที่ต้องปริ้นท์ส่ง แล้วบ้านตันไม่มีเครื่องปริ้นท์ ผมก็ทำมาให้โดยที่ตันไม่ต้องสั่งเลยเหมือนดูตาก็รู้ใจอะไรประมาณนั้น แต่ถึงจะดูเหมือนทำงานคูณสองแต่ผมก็เต็มใจทำให้หมดเพื่อคนที่ผมชอบผมก็ทุ่มเทเต็มที่แหละครับ บางทีก็ทำเผื่อเพื่อนคนอื่นด้วยเพราะมันจะผิดสังเกตที่ผมทำให้ตันอยู่คนเดียวบ่อยๆแทบทุกครั้ง บางทีสมุดตันยังมีลายมือผมเขียนด้วยเลย 5555+

ส่วนเรื่องผมกับตันนั้น ทุกอย่างดูปกติไม่มีอะไรมากมายชีวิตผมในเทคนิคกับตันมันก็มีแค่ ทำงาน ทำการบ้านให้ คอยตามใจนู้นนี่นั้น ค่อยเป็นที่นอนให้ตันหนุนตัก ซบไหล่ เอาขาพาดให้นวดบ้างอะไรบ้าง ทำอยู่แบบนี้บ่อยๆ ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงจะชินและเบื่อ แต่สำหรับผมมันไม่เคยชินและไม่เบื่อสักที แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นมันชอบแกล้งผมด้วยครับ ไม่ได้แกล้งธรรมดามันชอบมายืนคร่อมตัวผมแล้วทำลวนลาม แกล้งกอดมั้งอะไรมั้ง ผมนี่ตั้งตัวไม่ถูกเลยมาแต่ละที ไม่ใช่ตันคนเดียวนะครับเพื่อนคนอื่นๆก็แกล้งผมแบบนี้เหนื่อยใจจริงๆ และอีกหน้าที่ที่ผมทำก็คือคอยเป็นที่ปรึกษาปัญหาต่างๆที่ตันเครียดและคิดไม่ออก ก็มักจะมาคุยกับผม แต่ก็ใช่ว่าผมจะเป็นฝ่ายให้เสมอนะครับ เวลาที่ตันไปเที่ยวไหนก็มักจะซื้อของมาฝาก บางทีไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกันสองคนตันก็มักจะเลี้ยงข้าวผมบ่อยๆ และเวลาที่ผมเสนอความคิดในกลุ่มเพื่อนตันจะเห็นด้วยและอยู่ข้างผมทุกครั้ง

- วันอาทิตย์ สัปดาห์ไหนไม่รู้ผมก็จำไม่ได้แล้วครับ

[เทคนิค]

“มานั่งต่อแถวกันเร็วๆเข้า” เสียงอาจารย์ดวงดาวสั่ง พวกผมและรุ่นพี่ ปวช.3 ก็มานั่งต่อแถวกัน 2 แถว แล้วนั่งลง

“เดี๋ยววันนี้ หลังจากที่ครูจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ ก็จะพาไปขึ้นรถบัส เตรียมตัวออกเดินทางไปอิมแพคกัน” เสียงอาจารย์ดวงดาวยืนพูดอยู่ข้างหน้า โดยมี อาจารย์พิทักษ์ (หัวหน้าแผนก) อาจารย์จง (อาจารย์ในแผนก) และ ท่านผอ. อยู่ข้างๆ

“แจกเบื้อเลี้ยงให้เด็กๆเลยนะค่ะ” อาจารย์ดวงดาวหันไปถาม ผอ.

“แจกเลยครับป้า” ผอ. ตอบ

อาจารย์ในเทคนิคส่วนใหญ่จะเรียกอาจารย์ดวงดาวว่าป้ากันทั้งนั้น เพราะอาจารย์แกเกษียณไปนานแล้ว แต่ก็ยังกลับมาช่วยสอน

“อ่า รับไปๆ” อาจารย์ดวงดาวเดินแจกเบี้ยเลี้ยง ตอนนั้นผมจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่

เมื่อแจกเบี้ยเลี้ยงเสร็จพวกเราก็ขึ้นรถบัสกัน การเดินทางครั้งนี้ ผอ. ท่านพาไปดูงานเกี่ยวกับ ICT ที่อิมแพค ไปค้าง 1 คืน แล้วกลับวันจันทร์ ซึ่งเป็นการดีมากที่ ผอ. ท่านเลือกเฉพาะแผนกผมเท่านั้น แต่ไม่ได้ไปกันทุกคนนะครับ มีแค่ กลุ่ม 4 ของผม  รุ่นพี่ ปวช.3 1 กลุ่ม และ รุ่นพี่ ปวส.1-2 อย่างละ 1 กลุ่ม

ขึ้นมาบนรถ ตันนั่งกับบาสอย่างเคยส่วนผมนั่งกับบิ๊ก พอรถออกผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับเพื่อนนอนหลับยาวๆ จนกระทั้งเริ่มได้ยินเสียงเพื่อนๆพูดกันเสียงดัง เพราะพวกมันไม่เคยมาอิมแพคกัน (ผมเองก็เช่นกัน) ผมตื่นและมองดูรอบๆที่นั้นดูเจริญดีครับ พอหันกลับมามองในรถเห็นอาจารย์จงนั่งหลับคอนี่โยกไปมาอย่างเล่าร้อน ซึ่งเพลงบนรถบัสที่ผมได้ยินตอนนั้นมันก็เพลงลูกทุ่งธรรมดาๆนี่แหละ ไม่รู้แกอารมณ์ไหนหลับคอโยกขึ้นลงเป็นชาว Rock เลย

นั่งไปสักพักรถก็ขับผ่านไปเลื่อยๆจนมาจอดอยู่ที่นึง

“อ่า ลงๆ” อาจารย์จงพูด พวกผมก็หยิบสัมภาระแล้วลงรถกัน

ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าลงไปตรงไหนแต่มันเป็นเหมือน คอนโคสูงเรียงกันไปหลายๆตึก ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของเมืองทองนี่แหละครับ

“เดี่ยวลูกๆนำกุญแจไปแล้วแบ่งที่พักกันเอาเองนะ” ผอ. ส่งกุญให้รุ่นพี่ครับ

“เอาหละๆ ฟังนะ ห้องนึงนอนได้ 3 คน ให้แบ่งกันเอาเอง ส่วนคอนโดจะอยู่คนละตึก บางคนก็อยู่ตึกไกลหน่อยทนๆเอานะ คนเขามาพักกันเยอะ สำหรับวันนี้คงไม่มีอะไรมากมายพรุ่งนี้เจอกันตรงนี้ 6.30 นะ” อาจารย์ดวงดาวพูด

“ช่วงว่างๆจะไปเที่ยวกันได้นะ มันมีรถสองแถวสายนึงนั่งไปถึงเซ็นทรัลลาดพร้าวด้วย” ผอ. พูด

จากนั้นพวกพี่ๆก็แบ่งกุญแจมาให้ 4 ดอก ซึ่งพวกผมมีกันน้อยด้วยเลยไม่ต้องใช้เยอะ กลุ่มผมที่มาวันนี้มี ผม บาส ตัน น็อต โจ๋ ชัย บิ๊ก อาฟู่ มั่น(กลุ่ม3) แรกและมอส ส่วนตาม มันก็หายตัวไปเพราะติดยา โอ๊ตก็เป็นพวกไม่ชอบเข้าสังคม

ที่มั่นกลุ่ม 3 ได้มาด้วยเพราะกลุ่มผมมันไปกันไม่ครบขาด 2 ที่ ไอ้มั่นเลยไปแทน   

“มาๆ แบ่งกันว่าจะนอนกับใคร” บาสพูด

“แบ่งตามเลขที่เลยง่ายดี” บิ๊กพูด

“เออๆ” บาสตอบ

สรุปเรียงตามเลขที่ จะตามนี้ครับ ดอกแรก บาส แรก ตัน ดอกสอง บิ๊ก ผม น็อต ดอกสาม โจ๋ ชัย มอส ดอกสี่ อาฟู่ และมั่น 

เมื่อแบ่งกันเสร็จ ผม บิ๊ก น็อต ก็ไปที่ตึก C 5 (จำไม่ได้จริงๆว่าตึกไหนอันนี้ขอสมมติ)

[ถึงห้อง]

“อิน มึงทนไหวไหมว่ะ ถ้ากูดูดบุหรี่ในห้องอะ” บิ๊กถาม ขณะวางสัมภาระ

“เออ ไม่เป็นไรๆ”

“ถ้าไม่ไหวก็ไปนอนกับอาฟู่ก็ได้ แล้วให้ไอ้มั่นมานอนนี่” น็อตตอบ คือน็อตสนิทกับมั่น กลุ่ม 3 ครับ

“เออๆ งั้นกูไปนอนกับอาฟู่ละกัน” ผมตอบ

“อืม ตามสบายเพื่ิอน” น็อตตอบ

“รีบๆ วางกระเป๋าแล้วลงไปกันเถอะเดี่ยวพวกมันรอ อินมึงก็เอากระเป๋ามึงลงไปด้วบเลย” บิ๊กพูด

คือก่อนจะขึ้นมาที่ห้องพัก พวกเรานัดกันว่าจะลงมาเดินเล่นกันข้างล่าง

“เออ ปะๆ” ผมตอบ

พวกผม 3 คน ก็เดินลงมารอเพื่อนๆที่เหลือ เมื่อมากันครบเราก็ไปเดินเล่นกัน วันนี้ผมดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่มันหงุดหงิดครับ ผมเห็นตันกับบาสเดินดูของแล้วคุยกันสนุกสนามเลย ช่วงนี้อารมณ์มักหงุดหงิดง่าย ไม่ใช่วัยทองนะครับ 5555+ อารมณ์นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาที่มีเพื่อนมาใกล้ๆตันทุกคน

“อิน มึงเป็นอะไรว่ะ” อาฟู่ ทักผม ขณะที่พวกเราเดินดูของกัน

“ป่าว....” ผมตอบ พร้อมส่ายหน้าช้าๆ เหลือบไปมองตัน ซึ่งเดินอยู่ข้างหน้ากับบาสดูมีความสุขเหลือเกิน ทีเวลามีความทุกข์ละก็วิ่งมาหากูทุกที

เดินกันสักพักพวกเราก็กินข้าวกัน

“เฮ่ย อินมึงจะไปไหนว่ะ” ชัยเรียกผม ขณะที่ผมลุกออกจากที่นั่งโต๊ะกินข้าว

“เดี๋ยวมา.....” คือผมหงุดหงิดจริงๆครับ เพื่อนๆกินข้าวกันแต่ผมไม่กิน ผมอยากออกไปเดินเล่น

แล้วผมก็เดินไปเลื่อยๆ จำไม่ได้ว่าเป็นตรงไหนเพราะผมเพิ่งจะเคยมาเมืองทองครั้งนี้ครั้งแรก ผมเดินตามทางไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าอยากเดินหายไปนานๆ อยากให้ตันโทรมาหา ว่าผมหายไปไหน เป็นอะไร แต่แล้วก็เดินอยู่นานมาก เดินจนเหงื่อเต็มหลัง

แต่ก็ไม่มีใครโทรมา.....

ผมคงบ้าไปเองแหละ ไม่ชอบอารมณ์แบบนี้เลยครับ

หันมองไปข้างหลังก็ไม่มีเพื่อนเดินตามมาสักคน

ผมหยุดยืนและมองดูเวลาในมือถือ ตอนนี้เวลา 2 ทุ่มแล้วครับ

ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงมือถือผมดัง)

“อิน มึงอยู่ไหนเนี้ย” ตันโทรมาครับ

“ไม่รู้ว่ะ เดินเล่นมาเลื่อยๆ”

“ไอ่ห่า พวกกูหาตั้งนานก็ไม่เจอมึงเลย มึงรีบๆกลับมาเร็วเขาจะไปเที่ยวเซ็นทรัลลาดพร้าวกัน”

“อ่าๆ” ผมตอบ แล้วก็วางสายไป

ฉิบหายให้กูเดินกลับตอนนี้ ระยะทางก็ไกลขนาดนั้น

แล้วยังไงละ

ก็นั่งวินไงพี่น้อง.....นอกจากทำให้เสียเวลา และยังทำให้เพื่อนรออีก กูนี่จริงๆเลย เฮ้อ....

แล้วผมก็นั่งวินไปลงที่ จุดรวมพลตอนที่เรานัดเจอกันเมื่อเย็น

“ไอ่ห่า มึงแอบไปฝึกวรยุทธที่ไหนมาว่ะ เพื่อนรอมึงอยู่คนเดียวเนี่ย” ชัยบ่นผม

“โทษๆ”

จากนั้นเราก็นั่งรอรถสองแถวกัน สักพักมีรถสองแถวมาผมไม่มั่นใจว่าสายอะไร แต่ถามคนขับรถแล้วเขาว่าผ่านเซ็นทรัลลาดพร้าว พวกเราก็ขึ้นกันคนในรถเต็มเลยครับ พวกผมเข้าไปก็ได้แค่ยืนจับราวเท่านั้นเอง

ผมยืนในสุด ต่อมาก็ชัยและใครไม่รู้ครับลืม รู้แค่ว่าตันยืนในสุดเหมือนผมแต่อยู่ฝั่งซ้าย ผมอยู่ฝั่งขวายืนหันหลังชนกัน

“อินมึงเป็นอะไรว่ะ” ชัยทักผมเบาๆ เพราะคนในรถเยอะเสียงดังก็เกรงใจเขา

“กูไม่ได้เป็นไร....” ผมตอบเสียงเรียบๆ

ในตอนนั้นผมไม่รู้จริงๆ แต่เมื่อโตขึ้นจนตอนนี้ก็รู้หมดทุกอย่างครับว่าตอนนั้นที่ทำแบบนั้นมันเพราะอะไร ตอนนั้นผมมันเด็กน้อยจริงๆ

“เป็นไร...” ตันหันตัวเข้าข้างหลังผม จากทีแรกที่เรายืนแบบหันหลังชนกัน แล้วตันก็เอาแขนมาจับราวฝั่งเดียวกับผมมือที่จับราวติดกันเลย กูนี่ใจสั่นอีกแล้วแต่ก็ยังหงุดหงิดนิดหน่อยๆ

“ป่าวนี่” ผมตอบเรียบๆ

“เอาดีๆดิ๊” ตันพูดเบาๆแบบชัย 

“ไม่มีอะไรจริงๆ”

“บอกมา” ตันพูดพร้อมกับเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆหลังคอผม ผมรู้สึกเสี่ยวแปลบเลย ซึ่งตันเตี้ยกว่าผมความสูงประมาณต้นคอผมเองครับ ฉะนั้นหน้าตันตอนนี้ก็อยู่ประมาณหลังต้นคอผมแหละ

“ไม่มีจริงๆตัน แค่มาต่างถิ่นเลยรู้สึกคิดถึงบ้านเฉยๆ” ผมหันข้างไปตอบ

“แค่นี้เอง คิดว่าอะไร เด็กน้อยจริงๆพาให้กูเป็นห่วงอีก ไอ้ห่า” ตันพูดแล้วก็เอาหัวมานอนบนไหล่ผม

คือบนรถสองแถวที่มีคนเยอะขนาดนี้ ร้อนก็ร้อน มึงยังมีอารมณ์มานอนอีกไอ้เวร ถามว่าอายไหม ผมไม่อายนะครับเฉยๆ เพราะรอบนี้คนเยอะจริงๆแน่นมาก คงไม่มีใครมาสังเกตแน่นอน ส่วนชัยมันก็ไม่ได้สนใจอะไรต่างคนต่างยืนจับราวกันไป

และตอนนี้ความรู้สึกหงุดหงิดทั้งหมดมันหายไปแล้วครับ มีแต่ความรู้สึกดีๆ ทุกครั้งที่ผมเป็นแบบนี้ขอแค่ตันมาคุยกับผม ผมจะหายหงุดหงิดเลยทันที

ยืนมาได้สักพัก รถก็จอดที่เซ็นทรัลลาดพร้าว พวกผมจ่ายค่าสองแถวกันเสร็จก็ข้ามพานเพื่อเข้าห้างกัน

“กูใส่ขาม้ามาจะโดนไหมเนี่ย” ผมถาม เพราะวันนี้ผมใส่กางเกงขาม้ามา กลัวจะเจอพวกเทคนิคประจำถิ่น

“ไอ่สัส มึงอย่าไปคิดมาก มันไม่เห็นหัวเข็มขัดมึงก็พอละห่า” ชัยตอบปนบ่นๆไปด้วย

“หรือมึงจะแต่งแบบไอ้แรกละว่ะ” น็อตหันมาทักผม พร้อมกับให้ผมมองไปที่แรก

วันนี้ท่านแรกแต่งตัวสง่าจริงๆครับ ออกแนวพวกฮิปฮอป เสื้อตัวใหญ่ๆ กางเกงยีนส์เหมือนพวกช่างก่อสร้าง รองเท้าอะไรไม่รู้ครับ ใหญ่ๆคุมขึ้นมาถึงตาตุ่มเป็นรองเท้าลายเสื้อปนลายเปลวไฟ เพื่อนๆเลยเรียกกันว่า “รองเท้าเสือไฟ” ผมพูดอาจจะไม่ฮากัน ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงต้องมาเห็นคือมันฮาจริงๆครับ 5555

เมื่อเข้ามาในห้องพวกเราก็เดินเล่น เดินดูของกันตามปกติ เซ็นทรัลลาดพร้าวผมเคยมาครั้งนี้ครั้งแรก จำไม่ได้แล้วว่าไปเดินดูกันตรงไหนบ้าง

ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงมือถือผม)

“ฮาโหลครับแม่”

“ถึงหรือยัง”

“ถึงนานแล้วครับแม่ แต่ผมลืมโทรบอกครับ”

“โอเคๆ แล้วทำอะไรอยู่”

“เดินเล่นกับเพื่อนๆที่เซ็นทรัลลาดพร้าวครับ”

“อืมๆ ดูแลตัวเองด้วยนะอิน”

“ครับแม่” แล้วแม่ผมก็วางสายไป

จากนั้นก็เดิน เดิน เดิน ดูของกันไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมเริ่มเบื่อแล้วครับ ผมไม่ชอบเดินเล่นในห้างเท่าไหร่ เวลามาห้างมักจะซื้อเฉพาะของที่ตัวเองอยากได้แล้วก็กลับ

“เฮ่ยจะ 4 ทุ่มแล้วนะพวกมึง กลับกันยัง” ผมบอกเวลาเพื่อนๆ

“เดินอีกหน่อยดิๆ ยังดูไม่ครบเลยนานๆจะมาที” บาสบอก

“แต่กูว่ากลับเถอะ มันเริ่มดึกแล้วไม่รู้ว่าจะมีรถกลับหรือป่าวด้วย” ตันพูด

“เออ กูก็ว่าอย่างนั้นแหละ” มอสเสริม

“เออๆ ไอ่ห่ากลับๆ” บาสบ่นๆ

แล้วพวกเราก็ออกจากห้าง ข้ามสะพานไปรอรถฝั่งที่ลงกันมา ซึ่งไม่รู้ว่าจะกลับกันถูกหรือป่าว

“ขากลับนี่ นั่งรถสายอะไรว่ะ” น็อตถาม

“เดี๋ยวกูบอกๆ กูชำนาญอยู่” ไอ้ชัยออกตัว ชัยมันคงรู้ทางอยู่มั้งครับเพราะมันเป็นเด็กในเมืองมาก่อน มันก็ย้ายมาจากสมุทรปราการเหมือนผม

รอรถกันสักพัก ก็มีรถเมย์สายอะไรไม่รู้ครับ มาจอดไอ้ชัยบอกให้ขึ้น พวกผมก็ขึ้นกันผมนั่งกับชัย ส่วนตันกับบาสก็เหมือนเดิมครับ

“ลงไหนกัน” ลุงเก็บเงินเดินมาถาม

“อิมแพคครับ” ชัยพูด แล้วพวกผมก้จ่ายเงินกัน แกก็ฉีกตั๋วมาให้

นั่งรถไปผมก็มองข้างทาง มันดูเจริญดีนะครับน่าอยู่ แต่อีกมุมนึงมันก็ดูวุ่นวาย คนก็เยอะอยู่ต่างจังหวัดอย่างเดิมดีแล้ว ตอนนี้ผมหันไปมองเพื่อนๆมันหลับกันหมดแล้ว ไอ้ชัยก็ด้วยสักพักผมก็หลับไปตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน.....

“เหี้ย ตื่นๆ” ชัยสะกิดผมแรงมาก

“อะไรว่ะ” ผมสะดุ้งตื่น

“เลยอะดิมึง นั่งมาถึงอนุสาวรีย์แล้วไอ่ห่า” ชัยพูด ส่วนเพื่อนๆยังคงไม่รู้เรื่องครับ พวกมันไม่เคยมากันคนที่เคยมาน่าจะมีบาสอีกคน

“สุดสายแล้วหนู ลงๆ” ลุงคนเก็บเงินไล่ลงรถครับ

พวกผมด้วยความเป็นเด็กก็ ตกใจที่หลับเลยทางกันอยู่ รีบลงรถไปโดยไม่ถามลุงแกเลยว่าถ้าจะกลับไปอิมแพคมันไปยังไง

พอลงมาก็อยู่ใจกลางอนุสาวรีย์ เลยครับ มองดูรอบๆขนาดดึกแล้วคนยังมีเยอะอยู่เลย ผมมองดูเวลาตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด 22.40 นาที

“อิบอ๋าย อำไออีอะเอี้ย” แรกพูดประมาณว่า ฉิบหายทำไงดีว่ะเนี้ย

“เงียบปากไอ่สัส ฟังไม่รู้เรื่อง” บาสด่า

“ลองขึ้นไปถามบน BTS กันดีไหมละ” บาสเสนอ

“เออๆ ไปๆ” จังหวะนั้นไปหมดแหละ

พอขึ้นไปบน BTS มันก็ปิดหมดแล้วอ่าครับ 5 ทุ่มพอดี ตอนนั้นเซงกันทุกคน

“ทำยังไงดีละ” อาฟู่ถาม

“กูว่าแท็กซี่เถอะ ช่วยกันหารไม่แพงมากหรอก” ผมเสนอ

ว่าแล้วทุกคนก็เดินลง BTS ไปขึ้นแท็กซี่กัน 2 คัน

คันแรก มี โจ๋ นั่งข้างคนขับ เบาะหลังเรียงจากขวาสุด ก็น็อต ผม บาส มั่น ส่วนตันนั่งตักผมครับ

คันสอง มี บิ๊ก ชัย มอส อาฟู่ แรก ครับ

คันผมนี้อึดอัดมากๆ เอาจริงๆตันก็ตัวหนักอยู่นะครับ มันนั่งตักผมอยู่นานก็เริ่มเมื่อยๆละ

“ข้างหน้ามีตำรวจว่ะน้อง” ลุงคนขับบอก ข้างหน้าพวกผมมีด่านตรวจครับ ตำรวจแกโบกให้จอดข้าง

ลุงแกลดกระจกลง ตำรวจก็มองเข้ามาดู

“ยังเด็กอยู่เลยนี่หว่า รู้ไหมเขาห้ามเที่ยวกลางคืนนะเด็กอะ ลงรถมาก่อนๆ” พี่ตำรวจพูด

พวกผมลงกันไปพี่ตำรวจเขาขอตรวจบัตรประชาชน แล้วก็ตรวจตามตัวเหมือนหายาเสพติดมั้งครับ อันนี้ไม่แน่แน่ใจ

“อันนี้ยาอะไรครับน้อง” พี่ตำรวจ จับเจอซองยาในกระเป๋ากางเกงผมครับ

“อ๋อ ยาแก้อักเสพครับ” ผมตอบ พร้อมกับส่งให้พี่เขาดู

“อืม......” พี่ตำรวจจับไปดูแล้วทำท่าครุ่นคิด

“พอดีผมผ่าตัดมาเมื่อเดือนที่แล้วครับ แล้วแผลมันยังไม่หายดีเท่าไหร่”

คือเรื่องที่ผมไปผ่าตัดมานี่ นับว่าเป็นความอัปยศที่สุดแล้วครับ คือผมโดนขลิปปลายมา (หวังว่าคงเข้าใจใช่ไหมครับ) คือผมเป็นคนที่ไม่เคยช่วยตัวเอง แล้วทีนี้มันไม่เปิดอ่าครับ แล้วมันอักเสพข้างในผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แม่เลยพาผมไปขลิปที่โรงพยาบาลสำโรง

หลังผ่าตัดมา เพื่อนๆรู้ก็ล้อกันใหญ่เลย บอกว่าถ้าเดินๆอยู่จะเสร็จไหมเพราะไอ่นั้นมันสีๆกันข้างในผมนี่อายมากๆเลยครับ เอาเป็นว่าแค่นี้ละกันผมไม่ขอเล่าต่อละอายครับ 5555+

เมื่อตรวจเสร็จพี่ตำรวจแกก็บอกว่า อายุยังน้อยอย่าเที่ยงดึกนักมันอันตราย ยิ่งเป็นอนาคตของชาติด้วยยังมีสิ่งที่ต้องทำเพื่อเป็นประโยชน์ให้สังคมอีกมาก

จากนั้นพวกผมก็ขอบคุณพี่ตำรวจแล้วก็ขึ้นรถไปต่อ นั่งกันไปก็เมื่อยกันไปเพราะนั่งอัดๆกันตลอดทาง ตันหันมาถามผมตลอดทางว่าถ้าเจ็บก็บอกนะเพราะตันมันนั่งตักผม คือตันมันหมายถึงว่าเจ็บไอ้ที่ผมไปขลิปมาอ่าครับเพราะแผลมันยังไม่หายดีแต่ก็ใกล้หายแล้วละครับ แต่ผมก็บอกว่าไม่เจ็บเพราะตันไม่ได้นั่งโดนตรงนั้น ตันมันนั่งแถวๆหน้าขาผมครับ

“เมื่อยแขนว่ะ” ผมบ่น เพราะมันเบียดกันจนแขนผมนี่ขยับไม่ได้เลย

“เมื่อยหรอ” ตันหันมาถามผมเบาๆ

“เออดิ เมื่อยแขน” ผมพูดจบ ตันก็เอามือมาจับแขนผม 2 ข้าง ทีวางแนบข้างตัวเอามากอดเอวตันไว้ครับ แต่ไม่ได้กอดแน่นนะกอดแบบหลวมๆอ่าครับ

ผมอึ้งไปเลยครับ พูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งนึ่งเงียบหันไปข้างหน้าต่างแล้วยิ้ม

ตอนนี้ไม่เมื่อยแล้วครับ 555+ แล้วผมก็นั่งรถไปจนถึงอิมแพคอย่างสบายใจ

เมื่อลงรถก็เจอพวกไอ้ชัยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พวกผมก็เล่าให้พวกมันฟังเรื่องที่เจอตำรวจระหว่างทาง คือพวกมันไปอีกทางเลยไม่เจอครับโชคดีของมัน

สรุปคืนนั้นผมไปนอนตึกอาฟู่ มีผม มอส กว่าจะได้นอนกันจริงๆก็ ตี 5 ครับ เพราะมันตื่นเต้นนั่งคุยกันทั้งคืน ได้ออกมาเที่ยวมาใช้ชีวิตกับเพื่อนแบบนี้ครั้งแรก ถือว่าเป็นความแปลกใหม่ในชีวิตผมเลยก็ว่าได้

6.30 ทุกคนเก็บสัมภาระไปรอกันที่จุดรวมพลกับพวกอาจารย์ สักพักรถบัสก็มารับไปที่ “อาคารชาเลนเจอร์” ซึ่งจัดงานเกี่ยวกับ ICT อยู่ วันนั้นพวกเทคนิคแต่ละที่มาร่วมงานกันเต็มเลยครับ พวกเราเข้ามานั่งในห้องประชุม สักครู่ก็เปิดงานวันนั้นเจอ นายกอภิสิทธิ์ ด้วยครับท่านขึ้นมาเปิดงาน

เมื่อทุกอย่างเสร็จสับ ผอ. ก็พาไปที่ห้องโถงกินข้าวในอาคารชาเลนเจอร์ เขาจัดให้เฉพาะพวก เทคนิคที่สังกัดกรมอาชีวะศึกษากินกันครับ อาหารอร่อยมากถ้าหมดเติมได้ตลอด อย่างกับอยู่ในโรงแรมเลยครับ เมื่อกินกันเสร็จก็เดินทางกลับเทคนิคกันอย่างมีความสุข....ซึ่งไม่ได้ความรู้ห่าอะไรเลย 5555+

หลังจากวันนั้น ตันมาบ่นๆกับผมว่าที่พวกไอ้ชัย ไอ้มั่นไปนั่งเล่นที่ตึกมันพวกมันไปนั่งดูดบุหรี่กันในห้องด้วย ตันบอกว่านอนคลุมโปงยังได้กลิ่นรู้สึกเบื่อมาก อยากจะมานอนกับผมแต่ก็ไม่กล้าโทรเพราะกลัวผมจะหลับไปแล้ว การไปอิมแพคครั้งนั้นก็นัดว่าเป็นความทรงจำที่ดีระหว่างผมกับตัน และเพื่อนกลุ่ม 4 ทุกคน

- ช่วงเวลาต่อมา
ชีวิตผมและเพื่อนๆกลุ่ม 4  ทุกคน  ก็เรื่อยๆเฮฮาไปวันๆ จนกระทั้งวันที่เรียนวันสุดท้าย ทุกคนนัดไปกินหมูกระทะที่บ้านของผม ก็รู้สึกดีใจครับเพื่อนมาบ้านมันแสดงให้เห็นว่าเพื่อนๆรักผม เพราะถ้าไม่รักเขาก็คงไม่มากัน และผมไม่ได้ชวนด้วยพวกมันเป็นคนคิดจะมากินที่บ้านผมกันเอง อันนี้ผมก็ลืมเล่าคือเรื่องกินหมูกระทะที่บ้านผมมันมีมาตั้งแต่ ปวช.1 แล้วครับ พวกเราจะกินกันทุกๆวันสุดท้ายที่เรียนของเทอม 2 กินเสร็จก้จะแบ่งกันส่วนนึงค้างบ้านผม อีกส่วนค้างบ้านไอ้บาส ซึ่งรอบนี้ก็แบ่งเหมือนเดิมสองส่วน ส่วนแรกนอนบ้านผม มี ชัย ตาม มอส บิ๊ก อาฟู่ และแรก ส่วนบ้านไอ้บาสมี น็อต มั่น(เพื่อนกลุ่ม3) บูม(เพื่อนกลุ่ม3) โจ๋ และตัน ผมแอบน้อยใจลึกๆคิดว่าตันจะนอนบ้านผมเฮ้อ....ส่วนโอ๊ตไม่ได้มาคนเดียวครับ คนนี้ไม่ค่อยเข้าสังคมเท่าไหร่

หลังจากวันที่พวกเรากินหมูกระทะกันเสร็จก็เป็นช่วงฝึกงานครับ ผมฝึกโรงงาน ATFB กับตาม และแรก พวกเราอยู่แผนกซ่อมบำรุง ดูแลในส่วนสโตร์ โรงงาน ATFB ทำเกี่ยวกับชิ้นส่วนรถยนต์ โรงงานใหญ่มาก ฝึกงานที่นั่นบอกเลยว่าได้ประสบการณ์จริงๆครับ พวกพี่ๆเขาดีมากเขาสอนอะไรหลายๆอย่างเยอะแยะมากมาย ช่วงฝึกงานมีอยู่วันนึงตันโทรศัพท์มาหาผม ชวนไปดูหนังด้วยกัน แต่ผมไม่ว่างเพราะทำงานอยู่ก็เสียดายมากๆครับเพราะตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยไปดูหนังด้วยกันเลย ส่วนตันมันชิลล์เพราะฝึก Sony บริษัทที่น้าสาวตันทำอยู่ มันจะหยุดหรือจะมาทำวันไหนก็ได้ตามสบาย วันสุดท้ายของการฝึกงานพี่ที่เขาดูแลพวกผมพาไปเลี้ยงร้านอาหารอย่างหรูเลยครับ คืนนั้นหมดไป 6000 กว่าบาท แหนะ

บาส ฝึก มิตซู
ชัย น็อต ฝึกด้วยกันที่ไหนไม่รู้ครับ รู้แค่ว่ามันย้ายมาอยู่หอในเมืองกัน
ตัน โซนี่
มอส โอ๊ต อาฟู่ และโจ๋ ทำที่ไหนไม่รู้ครับลืมไปแล้ว
บิ๊ก ฝึกที่โรงหนังเมเจอร์ ทำในส่วนช่างซ่อมบำรุง

หลังจากฝึกงานจบก็ เตรียมตัวรอวันเปิดเรียน ปวช.3 ภาคเรียนที่ 1/2554

แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
ยังไงก็ขอขอบคุณทุกคำคอมเม้นท์และผู้ติดตามอ่านทุกท่านนะครับ
*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:37:00 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ปวช. 3 เทอม 1 ภาคเรียนที่ 1/2554

บทที่ 18 “เทวดาในแผนก”

********************************************************************************************

“อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง” เสียงพระท่านให้พร เดี๋ยวนี้มีพระมาบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านผมทุกเช้า และแม่ผมก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ใส่บาตรตัวยงครับ

พักหลังมานี้แม่ผมชอบฟังธรรมะ ชอบใส่บาตร ใจเย็นลงจากปกติผมกับแม่มักจะมีปากเสียงกันบ่อยๆ แต่ก็มีปากเสียงกันบ้างนานๆครั้งครับ เหตุที่ทำให้แม่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะ เพื่อนแม่ผมที่สมุทรปราการแกนำแผ่น VCD ธรรมะเรื่อง “ตายแล้วไปไหน” ของ พ.อ.เสนาะ จินตรัตน์ มาให้ฟัง ผมก็โดนบังคับให้ฟังด้วย ทีแรกไม่อยากฟังเลยครับ แต่ฟังๆไปก็รู้สึกดีให้อะไรหลายๆอย่างเลยครับ และแม่ผมยังฟังธรรมะนิยายเรื่องมักกะลีผล เรื่องนี้เกี่ยวกับหลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน เป็นประวัติหลวงพ่อตั้งแต่ท่านยังเด็กๆจนกระทั้งท่านออกบวช หลักของเรื่องนี้เกี่ยวกับกฎแห่งกรรมใครทำอย่างไรได้อย่างนั้น เรื่องนี้ผมก็โดนแม่บังคับอีกนั้นแหละครับ แต่ขอบอกว่าเพลินและได้ข้อคิดเยอะมากๆครับ 

“สาธุ” แม่ยกมือสาธุแล้วลูบหัวตัวเอง

“ใส่บาตรเสร็จแล้วงั้นผมไปก่อนนะแม่ สวัสดีครับ” ผมสวัสดีแม่ และสะพายกระเป๋าเดินขึ้นรถพ่อเพื่อไปลงหน้าหมู่บ้านอย่างเคย

“เออๆ ตังใจเรียนนะ” แม่ผมพูดพร้อมกับเดินหยิบที่กรวดน้ำไปกรวดข้างบ้าน ซึ่งเป็นที่ปลูกผัก ดอกมะลิ จำปี แหละอื่นๆ


[บนรถเมย์]

เรานั่งกันหลังรถเมย์ครับ

“วันนี้เปิดเรียนวันแรก กูขอให้ไม่มีเรียน สาธุ!!!” บาสพูด

“ไอ่ห่าวันแรกมึงไม่คิดจะเรียนเลยหรอว่ะ” ผมบ่นๆ

“เออ กูขี้เกียจ” บาสพูดอย่างหน้าตาเฉย

“ฉิบหายอนาคตของชาติแต่ละตัว” ผมบ่น

“เออไอเอี้ยอูอ้ออี้เอียดเอียน” แรกพูดประมาณว่า เออไอ้เหี้ยกูก็ขี้เกียจเรียน

“เงียบปาก ฟังไม่รู้เรื่อง” บาสขัดจังหวะ แรกหงอยเลยครับ 555+

แค่เพราะหัวใจมันบอก อาจไม่ค่อยพอ แต่ฉันก็ยังมั่นใจ ว่าต้องใช่เธอ~ (เสียงมือถือผม)

“ฮาโหล” ผมรีบกดรับเพราะสายที่โทรเข้ามาคือ ตัน

“อีนนน นี่ตานน้า” เสียงแบบนี้เพิ่งตื่นชัวร์เลยครับ

“ว่าไงตัน เพิ่งตื่นหรอ”

“อืมมม เค้าไม่ค่อยสบายอ่า ขอเข้าสายหน่อยนะ บอกอาจารย์ให้ด้วย” มันอ้อนอีกแล้วครับ

“ไม่สบายหรอ ไม่ต้องมาก็ได้” มันสบายดีครับ ผมรู้สันดารมันดีมันคงจะเพิ่งตื่นแล้วขี้เกียจมาเรียนชัวร์

“มาเด่ เปิดเทอมวันแรกน้า”

“อ่าๆ เดี๋ยวบอกอาจารย์ให้แล้วกันว่าไปหาหมอเลยเข้าสาย” ผมพูด

“โอเค ขอบใจนะหัวหน้าห้อง” พูดเสียงใสเลยนะมึง กะแล้วเชียวว่ามันต้องขี้เกียจมาเรียนเลยขอเข้าสาย

เมื่อวายสายเสร็จ ผมก็มองออกไปข้างหน้าต่างดูตามทางตากลมไปเรื่อย ในใจผุดคิดเรื่องของตันกับผมขึ้น จะเอายังไงดีนี่ก็ ปวช.3 ปีสุดท้ายแล้วด้วย จบกันไปก็ต้องแยกย้าย ซึ่งผมคงไม่ได้อยู่ต่อ ปวส. แน่ๆเพราะพ่อแม่อยากให้ผมไปสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย นั่งคิดไปเพลินๆไม่ได้จริงจังมากนักเพราะตอนนั้นความคิดผมยังไม่โตเท่าไหร่ ติดเพื่อนด้วย

เมื่อรถมาถึงเทคนิคก็ได้เวลาเข้าแถวทำกิจกรรมหน้าเสาธงพอดีเลยครับ

พอมาเข้าแถวกลุ่ม 3 และ 4 ของผมก็คุยกันถึงช่วงฝึกงานตอนปิดเทอมกันใหญ่เลย ว่าใครเป็นไงทำอะไรกันบ้าง ได้เงินเท่าไหร่ พี่ที่ดูแลเราเขาดีไหมอะไรประมาณนั้น

“สวัสดีนักเรียนทุกคน วันนี้ก็เปิดเรียนวันแรกมีเรื่องชี้แจงมากมาย!#@$#%$^&” อาจารย์ผชร ขึ้นพูดหน้าเสาธงเหมือนทุกวัน

 ผมก็นั่งฟังแกพูดมั่งหันไปคุยกับเพื่อนมั่ง ส่วนเพื่อนๆนี่คุยกันจ้อเลยครับ

นี่พวกมึงไปอดอยากคุยกันมาจากไหน

นั่งฟังกันได้สักพักก็มีอาจารย์เดินมาเช็คชื่อหน้าแถวครับ คือเทคนิคผมจะมีเช็คชื่อหน้าเสาธงด้วยโดยให้อาจารย์ผู้สอนคาบแรกของแต่ละวันเป็นผู้เช็ค ใครขาดกิจกรรมหน้าเสาธงเกิน 4 ครั้งจะตกกิจกรรม ปิดเทอมต้องมาบำเพ็ญประโยชน์ที่เทคนิคครับ

“นี่ ชอ.3/4 ใช่ไหม” อาจารย์สุชาติถามแรกซึ่งนั่งอยู่หน้าสุด

“อั๊บ” แรกพูดว่า ครับ

จากนั้นอาจารย์สุชาติก็เช็คชื่อคนที่มาเข้าแถว เมื่อเช็คเสร็จแกก็เช็คให้เด็กอิเล็กฯทุกกลุ่ม ทุกชั้นปีที่นั่งอยู่ตรงนั้น คืออาจารย์สุชาติแกเป็นคนที่มีน้ำใจ ชอบเสียสละ เช็คแทนอาจารย์ทุกคน บางทีถ้าอาจารย์ในแผนกคนไหนไม่ลงจากแผนกมาเช็คชื่อ แกก็จะหยิบแฟ้มมาเช็คให้ ผมเห็นแกทำแบบนี้มาตั้งแต่ผมเข้ามาเรียน คาดว่าทำแบบนี้มานานแล้ว

“อ่าวไอ่พวกมาสายอะ ยังไม่สำนึกกันอีกเร่อ ที่นี่ไม่ใช่บางแสนนะมาเดินทอดน่องกันหนะ!!!” อาจารย์ผชรบ่น

“พวกมึงนี่แปลกนะ เมื่อก่อนเข้าแถว เวลา 7.45 พวกมึงก็มากัน 8 โมง พอเอา 8 โมง พวกมึงก็มากัน 8.30 หนักหน่อย 10 โมง เออดี เดี๋ยวพอเขาเปลี่ยนเวลาเรียนคาบแรกเป็น 5 ทุ่ม พวกมึงก็จะมากันเที่ยงคืน คอยดูสิ” แกยังไม่เลิกบ่นครับ พวกผมนี่ขำกันฉิบหายเลย

“อ่าวไอ่นี่ มองกวนตีน อย่ามาทะลึ่งกระดูกมึงกับกระดูกกู มันคนละเบอร์” แกบ่นพวกมาสายแล้วพอดีมีคนที่เดินๆอยู่มองหน้าแกมั้งครับ แกเลยด่าต่อ 555+

แป๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน (เสียงรถเครื่องขี่วนหน้าเทคนิค)

“อ่าวเฮ่ย ระวังรถคว่ำตายนะมึงอะ อาจารย์เขามารอรับพวกมึงถึงหน้าประตูเทคนิคเขาไม่ยักษ์ไม่มาร เจอกันทีหนีกันฉิบหายวายป่วงไปหมด” ไม่เลิกบ่นจริงๆ อาจารย์ผชรมักบ่นหน้าเสาธงแบบนี้ประจำ ถึงแกจะพูดคำหยาบแต่นักเรียนทุกคนก็ชอบ

เมื่อทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปดูตารางเรียนกับที่ปรึกษาครับ

[บนแผนกชั้น 2 ห้องประจำของพวกผม]

“สำหรับเทอมนี้ น่าเสียดายกับศิริโชค ที่ลาออกด้วยเรื่องส่วนตัวของเขา ยังไงก็ขอให้ทุกคนดูแลกันดีๆนี่ก็ปีสุดท้ายแล้ว ใครคิดจะต่อ ปวส. ให้ดูเกรดตัวเองว่าถึง 2.50 หรือป่าวจะได้ขอโควตาเรียนต่อ ปวส. แต่ถ้าใครจะต่อ ป.ตรี ให้รีบไปดูตามเว็บของมหาวิทยาลัยที่จะสอบเข้า เขาจะมีประกาศสมัครสอบให้รีบไปสมัครและ เตรียมตัวอ่านหนังสือเสีย” ที่ปรึกษาพูด

เทอมนี้ไอ้ตามลาออกจากเทคนิคหายเงียบไปโดยที่ไม่บอกไม่ลาเพื่อนเลยครับ

เมื่อแจกตารางเรียนเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาเรียนคาบแรก วันนี้พวกผมเรียนวิชาอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรม 1 เรียนกับอาจารย์สุชาติ ชั้น 3

[ชั้น 3 ห้องอาจารย์สุชาติ]

พวกผมเดินเข้ามาก็รู้สึกว่าห้องมันรกมากๆ ของเต็มไปหมด หนังสือเรียน หนังสือธรรมะกองเรียงกันสูงเลยเอวผม รวมทั้งเครื่องถ่ายเอกสารเก่าๆพังๆ และเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าๆผุพังอีกมากมาย แม้งกระทั่งหน้ากระดานดำมีของวางเรียงอย่างกับกำแพงเมืองจีน

อาจารย์สุชาติ กำลังทำอะไรสักอย่างอยู่หลังห้องเหมือนหาของในกองขยะ คือมันรกจริงๆครับคาดว่าแกคงกำลังหาอุปกรณ์มาเตรียมการสอน

จากนั้นพวกเราก็หาที่นั่งกัน ผมนั่งโต๊ะหน้าสุดแต่อยู่ริมห้อง โดยมีชัยนั่งกับผมด้วยอีกคน ข้างหลังเป็นโจ๋ บิ๊ก อาฟู่ ส่วนอีกฝั่ง บาส แรก นั่งหน้าแถวเดียวกับผม ข้างหลังเป็น น็อต โอ๊ต มอส

“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ”

“สวัสดีครับอาจารย์”

“สวัสดีทุกคนๆ” อาจารย์สุชาติพูดทักทาย พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร มันเป็นรอยยิ้มที่รู้สึกอบอุ่น จากหลังห้อง

ขอพูดถึงอาจารย์สุชาติ (นามสมมติ) หน่อยนะครับ ลักษณะของอาจารย์นั้น เป็นคนตัวเล็กไม่สูง ตัดผมทรงนักเรียน ผมขาวทั้งหัว ใส่แว่นสายตา ใส่เสื้อช็อปสีฟ้าอ่อน กับกางเกงสแล็คขากระบอกสีดำเก่าๆ รองเท้านันยางสีดำขาดหน่อยๆ อายุวัยใกล้เกษียณ ในมือถือถุงโลตัสประมาณ 1-2 ถุง ในนั้นมีน้ำเต้าหู้ ขนม และของกินเต็มไปหมด อาจารย์ชอบเอามาเดินแจกนักเรียนในแผนกรวมไปถึงพวกอาจารย์ด้วยกัน กระเป๋าตังก็ไม่มีแกเก็บเงินใส่ถุงแกงเก่าๆแล้วเอาหนังยางรัด และอาจารย์เป็นผู้ที่มีธรรมะสูงมาก ปัจจุบันเกษียณอายุราการกลับไปเลี้ยงหลาน และสอนกรรมฐานให้น้องสาวตัวเองที่กรุงเทพ ส่วนเรื่องการศึกษาผมรู้แค่ว่าจบมาจาก “เทคนิคกรุงเทพ” ด้านความรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์ ในทางทฤษฎีเป็นลองอาจารย์ดวงดาว แต่ในทางปฏิบัตินั้นสูงกว่าอาจารย์ดวงดาว และอาจารย์ท่านอื่นๆในแผนก อาจารย์จง (ปัจจุบันอายุ 60 ปี เกษียณอายุราชการ ปี 61 นี้ครับ) อาจารย์วิชาญ และอาจารย์บุญทันที่ปรึกษาห้องผม (ปัจจุบันอายุประมาณ 57 ปี) อาจารย์วิโรจน์ อาจารย์ต๋อง (ปัจจุบัน 2 ท่านนี้อายุประมาณ 40 ต้นๆ) และอาจารย์เข็ม (ปัจจุบันอายุประมาณ 30 กว่าๆ) ล้วนเป็นลูกศิษย์แกทั้งนั้น

ภาพรวม การแต่งกายแกดูเก่าๆ ขาดๆ แต่ผิวกายสะอาดขาวผ่องอันนี้ผมพูดเรื่องจริงครับ

“วันนี้มาครบกันหรอป่าว” อาจารย์ถาม ขณะที่ถือหัวแร้ง มัลติมิเตอร์ ประมาณ 3-4 ตัว จากหลังห้องแล้วเดินออกมาหน้าห้อง

“ขาดอภินันท์คนเดียวครับ พอดีไม่สบายเลยไปหาหมอเดี๋ยวมาครับ” ผมตอบ

“ไอ่เหี้ยตันอะนะไม่สบาย 555” บาสพูด เพื่อนๆก็ฮือกันใหญ่

“ไม่เอาๆ ไม่ว่าเพื่อน ในห้องนี้ห้ามพูดคำหยาบคายรู้ไหมมันบาป” อาจารย์สอน

“โถ่ มันไม่ได้ยินหรอกครับจารย์” ชัยพูด

“นั่นแหละ ถึงเพื่อนเธอจะไม่ได้ยินแต่เทวดาได้ยิน” อาจารย์พูดด้วยน้ำเสียงสดใส

พออาจารย์พูดแบบนี้ ทุกคนถึงกับหัวเราะกันเสียงดังลั่นเลย ตอนนั้นผมก็หัวเราะนะ คือคิดว่าแกคงประสาทแน่ๆอาจารย์อะไรยิ้มแทบทุกเวลา

ถึงทุกคนจะขำแต่อาจารย์ก็ยิ้มและหัวเราะไปด้วย ผมมองดูแล้วยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ ผมไม่เคยเจออาจารย์ประหลาดแบบนี้มาก่อนเลย

“อาจารย์ เทวดาบ้าบออะไรที่ไหนมีกันครับ 5555” บาสพูดและหัวเราะไปด้วย

“เทวดามีอยู่จริงๆนะ ท่านอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ตรงลานกิจกรรมของแผนกเรา” อาจารย์พูดพร้อมกับชี้ออกไปให้ดู เพราะห้องของอาจารย์อยู่เกือบริมสุด ซึ่งเห็นต้นไม้ใหญ่พอดี

พวกผมมองตามที่แกชี้แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร

“อาจารย์เคยคุยกับเขาหรอครับ” ชัยถามแบบติดตลก และฆ่าเวลาเรียนไปด้วย

“เคยสิ เวลาครูทำงานอยู่บนแผนกดึกๆ ตี 1-2 เขาชอบมาอยู่เป็นเพื่อน ตรงระเบียงหน้าห้อง” อาจารย์ตอบออกมาอย่างหน้าตาเฉย ครั้งนี้พวกผมเริ่มรู้สึกว่าแกเพ้อเจ้อแล้วครับ

แค่เพราะหัวใจมันบอก อาจไม่ค่อยพอ แต่ฉันก็ยังมั่นใจ ว่าต้องใช่เธอ~ (เสียงมือถือผมครับ)

“ฮาโหลว่าไงตัน”

“เรียนห้องไหนอ่าอิน”

“บนแผนกชั้น 3 ห้องอาจารย์สุชาติ รีบขึ้นมา”

“จ้าๆๆๆ ถึงแล้วเนี่ยเดี๋ยวขึ้นไป” ตันพูดจบก็วางสายไป

ไม่ถึงนาทีตันก็วิ่งขึ้นมาถึงหน้าห้อง มาไวจริงๆไอ้กระต่ายขาว

“สวัสดีครับอาจารย์” ตันเข้ามาในห้องพร้อมยกมือไหว้อาจารย์ ไหนบอกไม่สบายหน้าตาแจ่มใสเลยนะมึง

เจอตันครั้งนี้รู้สึกว่าเนื้อตัวมีน้ำมีนวลล่ำซัมขึ้น ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้านดี สงสัยเอาเงินช่วงฝึกงานไปบำรุงตัวเองละมั้งครับ ไอ้กระต่ายขาว

“เธอชื่ออภินันท์ ที่เพื่อนบอกว่าป่วยขอตัวไปหาหมอใช่ไหม” อาจารย์ถามอย่างสดใส ไม่มีอะไรแอบแฝง

“ครับ”

“ดูแลสุภาพตัวเองดีๆนะ” อาจารย์พูด ตันก็เดินลงมานั่งเก้าอี้ข้างผม

แล้วเราก็เริ่มเรียนกัน

“อิน ขอกระดาษหน้ากลางแผ่นนึงดิ” ตันพูด

“อะ” ผมหยิบสมุดปกอ่อนในกระเป๋าให้ตันไปเล่มนึง

“เฮ่ย เอากระดาษไม่เอาสมุด”

“เออ เอาไปเถอะจะได้ไม่ต้องมาขอหน้ากลางทุกอาทิตย์ กูซื้อเผื่อวิชาอื่นไว้พอดี” จริงๆผมซื้อเผื่อมันนั่นแหละครับ รู้อยู่แล้วว่าคนอย่างมันต้องไม่เตรียมอะไรมาเรียนนอกจาก ปากกาน้ำเงินด้ามเดียว

“เออขอบใจทีหลังไม่ต้อง” ตันกระซิบข้างหูผม แล้วพูดกวนตีนใส่

“เอาคืนมาเลย” ตอนนั้นชัยซึ่งนั่งข้างๆผมก็มองผมกับตัน แล้วก็ก้มเขียนหนังสือต่อ

“แหนะๆ มีงอล 555 เค้าล้อเล่นนะตัวเอง” ตันพูดทำเสียงอ่อยเหมือนกระเทย ผมนี่ขำเลย555

“เอ่านี่” ตันส่งเงินค่าสมุดมาให้ผม

“เรียนก่อนๆ เดี๋ยวค่อยให้” ผมไม่รู้จะปฏิเสธยังไงใจผมอยากให้โดยไม่ต้องการอะไร นอกจากคำขอบคุณของตัน เท่านี้ผมก็ชื่นใจมากพอแล้วครับ


พักเที่ยง

[โรงอาหารใหม่]

“เป็นวิชาที่หน้าเบื่อสุดๆ บ่ายนี้กูโดดได้ไหมว่ะ” โอ๊ตพูด

“เออ เทวดง เทวดา ห่าอะไรก็ไม่รู้ แนะนำให้แกไปบวชเถอะกูว่า” น็อตเสริม

“บี๊บอาจารย์แกหน่อยดิ หัวหน้าห้องอะ” ตันพูด ให้ผมบอกอาจารย์ให้ปล่อยไวๆ เพราะวิชานี้เรียนทั้งวันเลิก 16.00 น.

“โหไม่ดีมั้งมึง ใครจะโดดก็โดดนะกูไม่โดดอะ” ผมพูด

“เพื่อนกูนี่คนดีอีกละ” ตันพูด

“แน่นอน” ผมตอบ และก้มหน้ากินข้าวต่อ

“ขอนั่งด้วยได้ไหม ที่เต็มหมดแล้ว” อาจารย์วิโรจน์เดินถือจานข้าวมา ข้างๆมีกรยืนถือจานข้าวเช่นกัน พวกผมยกมือไหว้อาจารย์

“เฮ่ยแรก เขยิบให้อาจารย์นั่งหน่อยดิ๊” บาสพูด แรกก็เขยิบ แล้วอาจารย์วิโรจน์ก็นั่งลงข้างๆตัน ส่วนกรก็นั่งข้างๆแรก

“เปิดเทอมวันแรกเป็นยังไงมั้ง” อาจารย์ถาม

“น่าเบื่อมากครับอาจารย์” ตันบอก

“อ่าว แล้วเรียนกับใครละ”

“อาจารย์สุชาติครับ แกพูดเรื่องธรรมะ และเทวดาอะไรของแกไม่รู้ครับ” ตันบอก

“5555 ทำใจให้ชิน แกก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยที่ผมเรียนแล้ว พวกเอ๊งโชคดีนะที่ยังได้เรียนกับแกหนะ ถ้าแกเกษียนไปแล้วจะเหงากัน” อาจารย์พูด

จากนั้นก็เงียบกันไปสักพัก

“ตัน ช่วงนี้ดูล่ำซัมแล้วก็ขาวขึ้นนะเนี่ย” อาจารย์วิโรจน์พูดพร้อมกับแตะและบีบที่หัวไหล่ตันเบาๆ

“ธรรมดาครับอาจารย์ คนมันหน้าตาดีครับ” ตันพูดติดตลก แต่มันก็หน้าตาดีจริงๆแหละครับ ในห้องนอกจากตันที่ดูดีสุดลองลงมาก็บาสนี่แหละ ส่วนผมคงไม่ต้องพูดถึง ผิวสีแทนหน้าตาธรรมดาๆครับ 555+

แล้วเราก็คุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั้งทุกคนกินข้าวเสร็จผมก็อาสาเก็บจานให้อาจารย์กับเพื่อนๆ และซื้อน้ำให้ไอ้กระต่ายขาวเช่นเคย

แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
*
ขอบคุณสำหรับคำคอมเม้นท์และผู้ติดตามอ่านทุกท่านนะครับ

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะฟังเรื่อง "ตายแล้วไปไหน" ของ พ.อ.(พิเศษ) เสนาะ จินตรัตน์ สามารถกดตามลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ
https://youtu.be/k_CJYnQn_4A
ผู้แชร์คือคุณ: Anupong Jan ขออนุโมทนา สาธุ

และสำหรับผู้ที่สนใจอยากจะฟังเรื่อง "มักกะลีผล" (เกี่ยวกับหลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน) ผู้เขียนคือ:อาจารย์สุทัสสา อ่อนค้อม 
ผู้แชร์คือคุณ: santakayopiku ขออนุโมทนา สาธุ
https://www.youtube.com/watch?v=oQ9z17Eg7nQ&list=PLEYePNh2a7fNSB_oKCIjnFmDn3rsYmuwn


ก่อนจะลงบทที่ 18 ผมก็ขอฝากคำนี้ไว้นะครับ ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ : "ผู้รู้พึงรู้ได้เฉพาะตน" ผมคงไม่พูดอะไรมากทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ผมไม่ใช่คน ธรรมะ ธรรมโม นะครับเพียงแค่เวลาอ่านหรือฟังเรื่องพวกนี้แล้วผมสบายใจครับ 

ขอให้ทุกคนประสบแต่ความสุขความเจริญ สาธุ
*************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:37:39 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ขอเกริ่นเท้าความบทที่แล้วก่อน....
หลังจากวันแรกของการเปิดภาคเรียน ปวช.3 เทอม 1 ผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็เดินไปตามปกติรวมไปถึงชีวิตประจำวันของผมด้วย ถ้าถามว่าชีวิตผมมันปกติจริงๆหรอ ขอตอบเลยว่าไม่หรอกครับ มันมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวันเหมือนกันครับนั่นคือ “ความรู้สึกที่ผมมีให้ตัน” ซึ่งมันเพิ่มขึ้นทุกวัน บางทีผมก็โกรธ หรืองอนตันโดยที่ไม่มีสาเหตุ และก็มีทำตัวเรียกร้องความสนใจเป็นบางครั้ง แม้กระทั่งโพสต์เพ้อในเฟสบุ๊ค แต่ตันก็ไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่ผมทำอยู่นั้นมันเกี่ยวกับเขาทั้งหมด แล้วผมก็ไม่เข้าใจด้วยว่าจะทำไปทำไม.....

เอ้อ!!!

ผมลืมบอกไปเลยว่าช่วงนั้นเทคนิคผมไม่ค่อยมีการเรียนการสอนสักเท่าไหร่ เพราะอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ปี พ.ศ.2554 เกิดน้ำท่วมที่กรุงเทพ ทางเทคนิคผมจึงเกณฑ์ผู้กล้าหารออกไปรบ ถุย!!! ใช่ที่ไหนละ เทคนิคผมก็ส่งนักเรียนไปช่วยทหารตักทรายใส่กระสอบกันแถวๆอำเภอที่เทคนิคผมตั้งอยู่นั่นแหละ จะบอกว่ากองทรายสูงมาก พอตักทรายใส่กระสอบกันเสร็จก็จะโยนขึ้นรถบรรทุกไปพอกระสอบเต็มหลังรถ รถก็จะขับออกไปกรุงเทพแล้วคันใหม่ก็ถอยเข้ามา (ตักๆไปบางวันฝนก็ตกอีก ตกปรอยๆบ้างตกหนักบ้าง) แต่ไม่ใช่จะตักทรายอย่างเดียวนะครับบางห้องบางแผนกเขาก็ส่งไปแพ็คอาหารแห้งที่ดอนเมือง ทำอยู่แบบนี้ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ แล้วทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ ที่บอกว่ากลับสู่สภาวะปกตินี่คือ “กลับมาเรียนนะครับ”

เอาหละ!!! อย่าให้เสียเวลาเริ่มเลยแล้วกัน.....

********************************************************************************************

[วันศุกร์]

“แม่สวัสดีครับ” ผมสวัสดีแม่ แต่แม่กลับไม่พูดอะไรนั่งรอใส่บาตรอยู่เงียบๆ เหมือนผมไม่มีตัวตน เมื่อผมขึ้นมาบนรถพ่อเพื่อไปลงหน้าปากซอยเหมือนทุกๆวัน ก็รู้สึกยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่เพราะพ่อก็ไม่พูดคุยอะไรกับผมเลย จนกระทั่งมาถึงหน้าปากซอย

“พ่อสวัสดีครับ” ผมสวัสดีพ่อก่อนจะลงจากรถ แต่ก็ไม่มีเสียงพ่อตอบกลับมา ยิ่งทำให้ผมรู้สึกคุ่นมัวในใจ

เช้าวันนี้ทำไมมันช่างน่าเบื่อเสียจริง ผมเคยได้ยินคนเขาพูดว่า “เมื่อไหร่ที่เราหัวเสียหรือมีปากเสียงกับใครตั้งแต่เช้า วันนั้นทั้งวันจะเป็นวันที่เฮงซวยสุดๆ” เฮ้อ ทั้งๆที่วันนี้น่าจะเป็นวันศุกร์หรรษาแท้ๆ
.
.
.
บทที่ 19 “ย่ำค่ำ”
.
.
.
วันนี้ผมขึ้นรถเมย์กับเพื่อนโดยที่ไม่พูดคุยกับใครเลยจนถึงเทคนิค

“อินวันนี้มึงเป็น เห้ อะไรของมึงว่ะ” บาสถาม ขณะที่พวกเรากำลังเดินไปเรียนวิชาแรก ที่บอกว่า พวกผมกำลังเดินไปเรียน มันดูเหมือนเยอะใช่ไหมครับ จริงๆมีแค่ ผม บาส แรก โจ๋ และโอ๊ต เองครับ ส่วน น็อต ชัย บิ๊ก ไปอยู่หอกันในเมือง มีชีวิตที่อิสระมากขึ้นเลยเละเทะไปหน่อยช่วงนี้ อาฟู้ก็สายเป็นปกติ แต่ไอ้ตัวสุดท้ายที่หนักสุดคือท่านตันของกระผมเองคงไม่ต้องบอกอะไรมาก จากที่อ่านๆมาคงพอรู้สันดานของมันกันแล้วละ   

“เออ มึงดูไม่เฮฮาเหมือนทุกวันเลยว่ะ” โจ๋

“ไม่มีห่าอะไรหรอก กูทะเลาะกับที่บ้านนิดหน่อย” ผมตอบส่งๆไป

“นั่นไง แล้วบอกไม่มีอะไรโถ่ไอ่ควาย” บาสพูดแล้วตบหัวผม

“ไอ้สัส กูเจ็บ” ครั้งนี้ผมไม่เล่นครับ คือคนมันอารมณ์ไม่ดีจะให้เล่นอะไรได้ละไอ่ห่า

[ชั้น 4 ห้องอาจารย์วิโรจน์]

“วันนี้ไอ้อินมันเป็นอะไร” หลังจากที่เห็นหน้าหงอยๆของผมอาจารย์วิโรจน์ก็ถามเพื่อน พร้อมกับเอา “เลเซอร์พ๊อยเตอร์มาจี้ๆใส่ลูกตาผม”

อื้ม....สนุกเลยอาจารย์…..   

“มันทะเลาะกับที่บ้านครับอาจารย์” บาสบอก อาจารย์วิโรจน์ก็พูดปลอบใจผมทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาพอสมควร จากนั้นก็เริ่มสอนไปได้สักพักพวก น็อต ชัย บิ๊ก ก็มา

ผมไม่ค่อยมีกระจิกกระใจเรียนเท่าไหร่ เลยหยิบมือถือขึ้นมาสมัครเน็ตเล่น Facebook สมัยนั้นเล่นยากมากครับ มือถือผมมันไม่ใช่แบบทัชสกรีนมันเป็นปุ่มธรรมดา กดๆเข้าไปดูก็มีแชทแจ้งเตือนว่ามีคนส่งข้อความมา ผมก็เลยเปิดเข้าไปดู

[แชท] ขอบอกก่อนว่าแชทนี่เป็นของจริงนะครับไม่มีการปรุงแต่งใดๆ
ตัน : 5555555555555555555555555555
ผม : ตลกอะไรมารึ?
ตัน : อ่านแล้วอยากจะบ้า (คือผมโพสต์ ศาสนสุภาษิต ไว้เมื่อคืนสงสัยมันเพิ่งมาเห็นเมื่อกี้)
ผม : บ้าหรอไม่ขนาดนั้นหรือมั้ง อ่านแล้วรู้สึกดีจะตาย (นี่มึงอยู่ไหน?????? ทำไมไม่มาเรียน?????)
ตัน : อ่านแร้วตายเลยหรอ (อ่าวไอ่สัส)
ผม : อืมสิ สิ่งที่ไม่ดีเนี่ยตายไปจากใจเลยละ มีแต่สิ่งดีๆที่เข้ามา
(กวนส้นตีนจริงๆนะมึงอะ)
[แล้วมันก็เงียบหาย] ผมเก็บมือถือแล้วจตตามกระดาน

“ยิ้มเหี้ยอะไรของมึงว่ะ” ชัยถามผมเงียบๆ ขณะที่อาจารย์วิโรจน์สอนอยู่

“ยิ้มห่าอะไร กูปกติ” ความกวนตีนของมัน (ตัน) ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาพอสมควร

“กูว่ามึงอะไม่ปกติ 555” ชัยพูดแล้วจนตามกระดานต่อ
สักพักตันก็มา

“อาจารย์สวัสดีครับ” แม่งมาเสียงหล่อตลอดไอ้กระต่ายขาว

“อ่าวตัน มาสายนะเราอะ หักจิตพิสัย 1 คะแนน!!!” อาจารย์วิโรจน์บ่นเล่นๆ ยังดีนะที่เป็นตันเป็นคนอื่นอาจจะโดนตำหนิไปแล้ว เพราะอาจารย์วิโรจน์เป็นอาจารย์ที่มีระเบียบพอสมควร

ตันเดินเข้ามาในห้อง แล้วไปนั่งโต๊ะเดียวกับบาสอีกฝั่งนึง ผมมองดูตันตลอดจนตันเงยหน้าขึ้นมามองแล้วปะทะสายตาผมที่กำลังมองตันอยู่พอดี ผมนี่รีบก้มหน้าหลบตาเลยครับ 5555

หลังจากการเรียนช่วงเช้าจบลง ช่วงบายก็เป็นชั่วโมงโฮมรูม

“เอาหละวันนี้ครูก็ขอแจ้งเท่านี้ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า” อาจารย์ที่ปรึกษาพูด

“นักเรียนทั่งหมดทำความเคารพ”

“สวัสดีครับอาจารย์”

ทุกคนยกเก้าอี้ขึ้นบนโต๊ะและเดินออกจากห้องเพื่อกลับบ้าน เพราะตารางวันศุกร์มีเรียนเท่านี้

“บาส วันนี้มึงกลับไปก่อนเลยนะกูยังไม่อยากกลับบ้านว่ะ” ผมพูด

“อ่าว ทำไมว่ะ” บาสถาม

“เออน่า กูยังไม่อยากกลับ” ผมตอบ เพื่อนๆก็มองผมด้วยความอยากรู้ และตันก็เป็นหนึ่งในนั้น

“ถ้ายังไม่อยากกลับ ไปอยู่หอตันก่อนไหมละ” ตันพูดขึ้น ผมดีใจมากเลยครับ

เออลืมบอกเลยครับ ช่วง ปวช.3 ตันออกมาอยู่หอแล้วครับ แต่เป็นหอที่ไม่ไกลจากเทคนิคเท่าไหร่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันต้องออกมาอยู่ข้างนอกด้วย ทั้งๆที่บ้านมันก็ไม่ได้ไกลจากเทคนิคเลย แต่ช่างเถอะบ้านมันรวย!!!

“ว่าไงไปอยู่หอตันก่อนป่าว” ตันถามอีกครั้ง

“อะ….เออ….โอเค” ผมตอบ ไอ่ห่าโอกาสแบบนี้นานๆจะมาทั้งทีกูก็ต้องรีบรับไว้สิ!!!

“เออ ถ้ามึงจะไปหอไอ้ตัน งั้นพวกกูกลับก่อนละนะ” บาสพูด

“หอไอ้ตันมันอยู่XXXเลยนะเว้ย ถึงจะใกล้ๆเทคนิคแต่ก็ไกลจากบ้านมึงมากเลยนะ ไปอยู่หอพวกกูก่อนไหมละในเมืองใกล้ๆบ้านมึงด้วย” ชัยเสนอ

“หอมึงคนเยอะ อยู่กันตั้ง 3 คน กูอึดอัดว่ะ อีกอย่างหอตันกูก็ไม่เคยไป ลองไปดูสักครั้ง” ผมตอบ ถึงชัยจะเสนอแต่คิดหรือว่าผมจะสนอง!!! มึงฝันไปเถอะ

กูไม่เข้าใจจริงๆทำไมมึงถึงชอบขัดจังหวะกูทุกที่ แต่ครั้งนี้กูจะปล่อยไปตามน้ำแบบทุกครั้งไว้ไม่ได้ กูต้องไป!!! 5555

“โอเคโชคดีสาส” ผมตัดบทอวยพรส่งเพื่อนๆขึ้นรถกลับบ้านด้วยความอบอุ่น   

แล้วรถเมย์ก็ออก…….เออ พวกมึงไปกันสักที!!!  5555!!! (ขำในใจแรงๆ)

“เพื่อนไปหมดแล้ว เราก็ไปกันเถอะ” ตันพูดพร้อมกับสตาร์ทรถเครื่องฟีโน่สีชมพู แล้วผมก็ขึ้นซ้อนท้าย

ขณะที่ซ้อนท้ายตันไป ตันก็ชวนผมคุยตลอดทางเลยครับ

“อิน ตันถามจริงๆ มีปัญหาอะไรกับที่บ้านหรอ” ตันถามขณะขับรถเครื่อง

“ก็….”

“ก็อะไรละ ตอบมาไวๆอย่าช้าวัยรุ่นใจร้อน” ตันเร่งผม มันคงพูดเล่นๆ แต่มีอิทธิพลสำหรับผม 555

แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ตันฟัง ประมาณว่า…….

เมื่อวานนี้แม่ผมฝากให้ไปจ่ายค่าเน็ตที่ TOT แล้วทีนี้ตอนกลับบ้านผมลืมไปจ่ายให้อะดิ ถึงบ้านโดนแม่ด่ายับเลย โดนแม่สั่งห้ามเปิดคอมด้วย (เจ็บตรงนี้แหละ555) ผมก็เลยประชดแม่ว่าจะไปหาเล่นร้านเกมส์แถวๆเทคนิคก็ได้ แม่เลยบอกว่า ถ้ามึงคิดแบบนั้นมึงก็ไปเลยแล้วไม่ต้องกลับบ้านนะ ผมก็เลยน้อยใจแม่จึงไม่อยากกลับบ้าน และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่อยากกลับบ้าน เอาตรงๆมันเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากเลยผมผิดเต็มๆ 555

เอาหละ กลับสู่ปัจจุบัน……

“หรอ อย่าเครียดนะมึง เดี่ยวไปอยู่หอตันให้สบายใจก่อนตอนเย็นตันจะออกมาส่งที่ท่ารถเมย์แล้วกัน” ตันปลอบใจผม

“ขอบใจมาก” อยากจะบอกว่าขอบใจนะที่รัก แต่ก็นะ….คงพูดได้ละมั้งครับ 555

ขับมาสักพักก็ถึง สิ่งที่ผมเห็นมันไม่ใช่หอแต่คือห้องแถวครับ เป็นห้องแถวชั้นเดียวติดกันประมาณ 7 ห้อง (ถ้าผมจำไม่ผิด) ส่วนห้องตันอยู่ห้องที่ 6 (ถ้าผมจำไม่ผิดรอบที่2)

ตันพาผมเดินเข้าไปถึงหน้าประตู

ก๊อก ก๊อก ก๊อก (ตันเคาะประตู)

อ่าว!!! นี่มึงไม่ได้อยู่คนเดียวหรอ

เคาะได้ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู แต่เปิดแบบแง้มๆ สิ่งที่ผมเห็นครั้งนี้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะว่า คนที่เห็นเป็นผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของผมเลย เขาเป็นใครก็ไม่รู้จะบอกว่าเป็นแม่ของตันหรือผมก็เคยเจอมาแล้ว แต่ช่างเถอะ คือทีแรกก็คิดว่าคนที่แง้มออกมาจะเป็นแฟนของตันที่ชื่อแอนอะไรประมาณนั้นเสียอีก….

“แม่หวัดดี” ตันยกมือไหว้ป้าคนนั้น คือต้องขอเรียกว่าป้านะครับเพราะหน้าตารุ่นๆแม่ของผมเลย ประมาณ 40 ต้นๆ

“เออ กลับมาแล้วหรอไอ้ตัน แล้วนั่นเพื่อนมึงหรอ” ป้าถาม

“ใช่แม่ๆ” ตันตอบ

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ป้า

“หวัดดีลูก แล้วชื่ออะไร”

“ผมชื่ออินครับ”

“อ๋ออินนั่นเอง ที่มึงชอบพูดถึงบ่อยๆหนะหรอ” ป้าถามตัน

ตันไม่ตอบอะไร เดินเข้าห้องไปเฉยๆ

“อะๆ เข้ามาก่อนอิน” ป้าเชิญผมเข้าไป

สภาพห้อง เป็นห้องไม่ใหญ่มากของก็ไม่เยอะมีเพียง โทรทัศน์ ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า แอร์ และเตียง จัดวานอย่างไม่เป็นระเบียบเท่าไหร่ และมีประตูหลังที่เปิดออกไปจะเจอห้องน้ำ ตันเข้ามาก็ถอดถุงเท้าลงพื้นอย่างไร้สกุลรุนชาติ!!! แล้วขึ้นไปนั่งดูทีวีบนเตียง

“อินมานั่งบนเตียงดิ” ตันเอามือตบเตียงเรียกให้ผมขึ้นไปนั่ง

“อะ อยากดูช่องไหนเปิดเอาเลยนะ” ตันยื่นรีโมทให้ผม

“นี่อินกินอะไรมาหรือยัง” ป้าถาม ขณะที่เดินมานั่งปลายเตียง

“อ๋อ ผม”

“มันยังไม่ได้กินมาเลยแม่” นั่น….ไอ่สัสกูยังไม่พูดเลยแม่งแย่งตอบละ

“เอ่านี่” ป้าแกล้วงเงินในกระเป๋าออกมาให้ตัน

“ขอบคุณคร้าบ” ตันพูด

“เออออออออออออ แดกทั้งวันทั้งคืนแหละมึงอะ”

“ปะอิน” ตันเรียกให้ผมไปด้วย

“ไปไหนอะตัน” ผมถาม

“เดี๋ยวพาไปซื้อของกิน” ตันตอบ พร้อมกับเดินออกไปข้างนอก

ระหว่างที่ตันพาผมออกไปซื้อของกินผมก็ถามตันเรื่องป้าคนนั้นว่าเขาเป็นใคร ก็ได้คำตอบว่า ป้าเขาเป็นแม่ของเพื่อนสาวสมัยเด็กของตัน แต่เหมือนทะเลาะกับสามีแกเลยหนีออกมาเช่าห้องแถวข้างนอก ส่วนตันทะเลาะกับพ่อก็เลยน้อยใจหนีออกจากบ้านมาขออาศัยอยู่กับป้าด้วย ตันเล่ามาประมาณนี้ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

“กินอะไรดี” ตันถามขณะขับรถเครื่องและมองข้างทางไปเลื่อยๆ

“ไม่รู้ว่ะกูไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” กูเกรงใจ

“เร็วๆให้เลือกอย่าลีลา”

“KFC มั้ง” ผมตอบเล่นๆกวนตีน ตอบส่งๆไป

“โอเค๊!!!” นั่น…กวนตีนกูกลับอีก

ขับไปสักพักผมมองเห็นร้าน KFC ที่ตั้งอยู่ข้างหน้าติดถนน แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะจอดหรอก แต่สุดท้ายแม่งก็จอดจริงๆด้วย!!!

“เฮ่ยเดี๋ยว กูพูดเล่น” ผมพูด

“เออเดี๋ยวเลี้ยง ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า” แหมใจป๋า ใช่สิเงินมึงที่ไหนละเงินป้าเขา!!!

ตันเข้าไปสั่ง KFC ถังใหญ่ออกมา แล้วพาผมกลับห้อง

[ห้องแถวที่ตันพักอยู่]

“ไปอะไรกันนานจังว่ะ” ป้าบ่นๆ

“แหม นานอะไรกันแม่แค่นี้เอง” ตันตอบ

“ไหนมาดูซิ๊มาอะไรกินมั้ง” ป้าถาม

“นี่ไงแม่มองไม่เห็นหรอ” ตันกวนตีนป้า

“เดี๋ยวก่อนนะมึง” ป้าพูดแล้วชี้หน้า

“555555” ตันขำ

คือจากที่ผมดูตันสนิทกับป้ามากเลยครับ ป้าก็ดูเป็นคนใจกว้างและใจดี

จากนั้นเราก็กินกัน กินเสร็จตันก็นอนหลับ ส่วนผมนั่งดูทีวีตรงปลายตีนของมัน!!!

“อินสนิทกับตันมานานแล้วหรือยัง” ป้าถามผม

“ก็นานแล้วครับป้า”

“อย่าเรียกป้าสิเรียกแม่ๆ”

“ครับแม่”

“อืม….ตันมันชอบพูดถึงเราบ่อยๆนะ ชอบเล่าเรื่องเพื่อนคนนู้นคนนี้ให้แม่ฟัง แต่ที่พูดถึงบ่อยที่สุดก็อินนี่แหละ ตันบอกอินชอบช่วยเหลือและดีกับตันตลอด” ป้าพูดมาแบบนี้ตอนนั้นผมเขินเลยครับ

“เหอะๆ ครับ” ผมได้แต่ขำกลบเกลื่อนความเขินอาย

“อย่างเรื่องที่มอสมันขโมยมือถืออาฟู้ไปแล้วใส่ร้ายว่าอินขโมยหนะ ตันก็มาเล่าให้แม่ฟังนะว่าอินคิดมากเลยช่วงนั้น แล้วตันก็บอกว่าอินเป็นคนดีไม่ขโมยของใครแน่นอน” ป้าพูด ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก คือมันรู้สึกดีอะครับ

เรื่องขโมยมือถืออาฟู้ผมลืมเล่าให้ฟังครับ มีช่วงนึงมอสมันขโมยมือถืออาฟู้แล้วมาโทษว่าผมเอาไป ผมก็เถียงหัวเด็ดตีนขาดเลยช่วงนั้น แต่ในที่สุดก็ถูกจับได้ครับท้ายที่สุดมอสก็หายไปแล้วไม่กลับมาเรียนอีกเลย มาทราบความที่หลังว่าบ้านมอสยากจน มันอาจจะขโมยเพื่อหาเงินหรือป่าวอันนี้ผมก็ไม่ทราบ แต่ถ้าทำแบบนี้ถึงจะยากดีมีจนขนาดไหนก็ไม่ควรทำ “ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน” ผมจำมาจากในเว็บอีกที 5555

“อินคงรู้จักแอนสินะ” ป้าถาม

“อ๋อ ครับ”

“อืม แอนเขาเป็นคนที่ดีมากเลยนะ ฐานะที่บ้านก็ร่ำรวยมาก พูดง่ายๆคือลูกคุณหนูอะอิน แม่งไม่ได้เหมาะกับไอ่ตันเล๊ยเพราะตันมันเป็นคนไม่เอาไหนเท่าไหร่แม่เห็นแล้วก็เสียดาย แล้วนี่แอนเขาก็รู้ว่าแม่กำลังลำบากเรื่องเงินเลยจ่ายค่าห้องให้ทุกเดือนเลย อีกทั้งยังให้เงินเดือนป้าเดือนละหมื่นที่คอยดูแลตันด้วย”

ป้าแกคงเหงาๆไม่มีเพื่อนคุยมั้งครับ คือพูดมากสุดๆแต่ผมก็ฟังเพราะเป็นเรื่องที่ผมสนใจด้วย

“โอ้ยแม่แกโม้ อย่าไปฟังมากนะอิน” ตันพูดงัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

“โม้เหี้ยอะไรเรื่องจริง มึงก็หุบปากไปเลย” ป้าบ่นตัน

“อินจะเชื่อใครละระหว่างแม่กับตัน” ป้าหันมาหาตัวช่วย

“เอ่อ…..”

“ไม่รู้แหละอินอยู่ข้างแม่”

“ครับๆ5555” ผมขำเพราะป้าแกดูตลกดีครับเวลาเถียงกับตัน

“ขี้เกียจเถียงด้วยละ แม่ออกไปให้ข้างห้องเขาย้อมผมให้ดีกว่า” ป้าพูดจบก็เดินออกไป

“16.30 แล้วนี่หว่า” ผมมองดูเวลาในมือถือตัวเอง

“อยู่ก่อนแล้วกันมันเย็นแล้ว เดี๋ยวตันไปส่ง”

“เฮ่ยมันไกลนะ”

“เออน่าอย่าไปคิดอะไรมากแค่นี้เองเดี่ยวไปส่งๆ เพราะยังไงคืนนี้ตันก็ต้องพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชลในเมืองพอดี”

“อ่าๆ”

“งั้นเดี่ยวตันไปอาบน้ำก่อน” พูดจบตันก็ไปอาบน้ำ ส่วนผมก็นั่งดูทีวีปกติ

ตันอาบน้ำหายไปเป็นชั่วโมง คืออาบน้ำมากไม่รู้ว่าล้างอะไรนักหนา

“ตันอาบนานไหม” ตันเดินเข้ามา นุ่งผ้าเช็ดตัวและมีผ้าผืนเล็กเช็ดหัวอยู่

“นานดิ ไม่รู้ล้างอะไรนักหนา” ผมบ่นโดยไม่มองตัน เพราะผมไม่กล้ามอง คือจะบอกว่าหน้าอกตันขาวเนียนมากครับ แล้วอยู่ในชุดที่นุ่งผ้าเช็ดตัวอย่างเดียวด้วย ผมไม่กล้ามองนาน 5555

“แค่นี้ทำเป็นบ่นนะที่รัก” ตันพูดแบบนี้ผมเขินใหญ่เลย คือตันพูดแบบนี้กับผมประจำครับแต่ผมก็ไม่ชินสักที

“อะ เอาไปตากให้ทีดิ” ตันดึงผ้าเช็ดออกแล้วโยนมาที่ตักผม

“เฮ่ย!!!” ผมรีบก้มหน้าหลับตากลัวเห็นไอ้นั้นเดี๋ยวทำใจไม่ได้    5555   

“อะไร ตันไม่ได้โป๊นะตันใส่กางเกงในไว้แล้ว เงยหน้ามองดิถ้าไม่เชื่อ ผู้ชายด้วยกันตันไม่อายหรอก” ตันพูด เอาตรงๆกูก็อยากดู๊แต่กูอ๊าย!!!   

ตันเห็นผมไม่พูดอะไรและยังคงก้มหน้าอยู่ ตันเลยเดินเข้ามาใกล้ๆ ดึงมือที่ผมปิดหน้าอยู่ออก แต่ผมก็ขืนคือเหมือนเล่นหยอกกันอะครับ ตันจี้เอวผม ผมบ้าจี้ดึงดิ้นหงายหลังลงบนเตียงแล้วตันก็ล้มมาทับผมไปด้วยเพราะจับมือผมอยู่ โหผมไม่อยากจะพูดความรู้สึกตอนนั้นเลยคือมันมีความสุขมากเลยครับ

“ไอ่ตันแกล้งอะไรอินมันหนะ” ป้าเปิดประตูเข้ามาพอดี

“แหย่อินมันเล่นเฉยๆหนะแม่” ตันปล่อยผมแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า

“เออ อาบน้ำเสร็จแล้วใช่ไหม งั้นแม่อาบมั้งจะล้างผมพอดีแล้วจะได้พาแม่ไปโรงพยาบาลและส่งอินด้วย” ป้าพูดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

“หึ หึ หึ คิดหรือว่าจะรอด!!!” หลังจากที่ป้าเข้าห้องน้ำไป ตันก็หันมาพูดหยอกผมอีก

“เอาดิกูฟ้องป้านะ” ผมพูด

“เอาดิกูฟ้องป้านะ” ตันทำเสียงล้อเลียน

“รีบใส่เสื้อผ้าได้แล้วน่า จะโชว์อะไรนักหนา” ผมบ่น

“เออกูรู้แล้วน่า” ต้นพูดแล้วก็แต่งตัวโดยใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้มกับเสื้อยืดคอกลมสีเทา

เมื่อป้าออกมาก็แต่งตัวอะไรเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาผมกลับบ้านเราซ้อนรถแบบอัดสามกันไป โดยมีตันเป็นคนขับ ผมนั่งกลาง และป้าซ้อนท้ายสุด จะบอกว่าครั้งนี้ผมคิดการชั่วอย่างนึงขึ้นไม่รู้ว่าคนอื่นๆเคยทำแบบผมหรือป่าวนะครับ ผมเอามือสองข้างของผมไปวางไว้ตรงหน้าขาทั้งสองข้างของตันเวลาขับรถอะครับ พอเห็นตันไม่อะไรผมก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาจนเกือบถึงไอ้นั้น มานั่งนึกดูตอนนั้นทำไปได้ไงก็ไม่รู้ 5555 ระหว่างทางเราก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย ผมดูเวลาตอนนั้น 2 ทุ่มกว่าแล้วครับ

แค่เพราะหัวใจมันบอก อาจไม่ค่อยพอฉันก็ยังมันใจว่าต้องใช่เธอ~ (เสียงมือถือผมครับ)

“แม่โทรมาว่ะ” ผมพูดขณะซ้อนรถเครื่อง

“รับดิแม่เขาเป็นห่วงหรือป่าว” ตันพูด พร้อมกับจอดรถเครื่องข้างทาง

“ฮาโหลครับ”

“อินอยู่ไหน” แม่ผมถาม

“อยู่บ้านเพื่อนครับ”

“แล้วนี่มันกี่ทุ่มกี่ยามแล้วทำไมไม่กลับบ้าน”

“คือนี้ผมขอนอนบ้านเพื่อนแล้วกันครับแม่” ผมพูดอย่างไม่มีสติ

“ไม่ให้นอนรีบกลับมาบ้านเลยนะ ไม่มีบ้านให้กลับหรือไง รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงคิดว่าไปตายที่ไหนแล้วปกติไม่เคยกลับบ้านดึกอย่างนี้เลย รีบกลับมาให้ไวก่อน 3 ทุ่ม แล้วมาคุยกันหน่อย” แม่ผมพูด ผมถึงกับน้ำตาซึมเลยครับ คือแม่ถึงจะทะเลาะกันหนักหนาขนาดไหนก็ตามแม่ก็แม่อะครับ แม่ที่ตัดลูกไม่ขาดแต่ลูกนี่สิกลับคิดแต่เรื่องโง่ๆบ้าๆ
“ครับแม่” ผมพูดจบแม่ก็วางสายไป แล้วตันก็ขับรถเครื่องต่อ

“เป็นไรอิน โดนแม่ว่าหรอ” ตันถามผมอย่างเป็นห่วง

“ป่าวหรอกมึง แม่กูเขาเป็นห่วงอะให้รีบกลับบ้านก่อน 3 ทุ่ม แล้วเขามีเรื่องจะคุยด้วย” ผมตอบตันเสียงสั่นๆเหมือนจะร้องแต่ไม่ร้องนะครับ

“อืม…คงไม่มีอะไรหรอกอินอย่าคิดมาก” ตันพูดพร้อมกับเอามือซ้ายที่จับแฮนด์รถเครื่องอยู่ลงมาวางไว้บนมือขวาของผมที่วางอยู่บนหน้าขาของตัน พร้อมกับตบมือผมเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ

ตันรีบขับรถเครื่องมาส่งผมถึงหน้าบ้าน ตอนนั้นหน้าบ้านปิดไฟมืดแล้วครับ

“มีอะไรก็โทรมานะอิน” ตันบอก

“เออขอบใจมากนะเว้ย” ผมพูด

“แม่สวัสดีครับ” พูดกับตันเสร็จผมจึงหันไปสวัสดีป้า

“หวัดดีลูกสู้ๆ ไม่มีอะไรหรอกแม่ลูกกันเดี๋ยวก็ดี” ป้าพูดให้กำลังใจ

จากนั้นตันก็ขับรถเครื่องออกไป เมื่อผมเข้าไปในบ้านก็เดินขึ้นไปชั้น 2 ห้องนอนของพ่อกับแม่

“แม่สวัสดีครับ พ่อสวัสดีครับ”

“อื้ม” แม่ผมขานรับ ส่วนพ่อเงียบเพราะหลับไปแล้ว

“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ รู้ไหมว่าพ่อแม่เป็นห่วง” แม่พูด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ครับแม่” 

“ปิดไฟให้ด้วยแม่จะนอนแล้ว”

“ครับ” ผมปิดไฟให้แม่แล้วก็ออกจากห้องไปอาบน้ำ

แค่เพราะหัวใจมันบอก อาจไม่ค่อยพอฉันก็ยังมันใจว่าต้องใช่เธอ~ (เสียงมือถือผมครับ)

แต่ได้ยินแต่อาบน้ำอยู่เลยไม่ได้ออกไปรับ ไม่รู้ใครโทรมา?

อาบน้ำน้ำแต่งเตรียมเสร็จผมก็มาเปิดมือถือดูเป็นตันที่โทรมาครับ ผมจึงโทรกลับ

“ฮาโหล” ตันพูด

“ว่าไงตันโทรมาเมื่อกี้ไม่ได้รับพอดีอาบน้ำอยู่”

“อ๋อจะโทรมาถามว่าเป็นยังไงมั้งโดนแม่ว่าไหม”

“ไม่เลยแม่พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“ดีแล้วอิน”

“อืม…..ขอบใจนะตัน”

“ไม่เป็นไร ก็เราเพื่อนกัน”

“อื้ม”

“โอเค วันจันทร์เจอกันคุณหัวหน้าห้อง” พูดจบก็วางสายไป

ใครบอกกันว่า “เมื่อไหร่ที่เราหัวเสียหรือมีปากเสียงกับใครตั้งแต่เช้า วันนั้นทั้งวันจะเป็นวันที่เฮงซวยสุดๆ” ผมว่าทฤษฎีนี้ควรจะยกเลิกไปได้แล้วละ 5555


ขอบใจนะตัน
.
.
.
.
.
.
แค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวเลิกฝึกงานกลับมาหอคืนนี้จะลงต่อนะครับ

คอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจให้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
********************************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:38:13 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 20 ความรู้สึกที่เพิ่มมากขึ้น

[วันเสาร์ที่ 16 ก.ค. 2554]

วันนี้เป็นวันที่ผมนัด กบ แชมป์ และภีม เพื่อนกลุ่ม 3 ไปดูหนังเรื่อง “แฮร์รี่พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2” และที่น่ายินดีไปกว่านั้นคืออะไรรู้ไหมครับ? ตอบเลยแล้วกัน 555 คือตันไปด้วยครับ เรานัดเจอกันที่เซ็นทรัล เวลา 9.30 น.

เมื่อทุกคนมาถึงเราก็ขึ้นไปชั้นโรงหนังเพื่อซื้อตั๋วกัน คือเขาขาย 10 โมง แต่พวกผมกะไปรอกันก่อนกลัวไม่ได้ดู

“โหคนเยอะมากเลยว่ะ แบบนี้จะได้ดูกี่โมงว่ะเนี่ย” ภีมบ่นๆ

“กูว่าได้ดูบ่ายแน่ๆเลยว่ะ” กบพูด คือคนเยอะจริงๆครับ แฟนแฮร์รี่พอตเตอร์ทั้งนั้น

จากสถานการณ์ยังไงก็ไม่ได้ดูรอบแรกแน่นอน กบจึงเข้าเน็ตแล้วจองเพื่อจะดูรอบต่อไปแต่ดันเต็มอีก สรุปจองรอบ 14.00 น. เลยครับ นั่งแถวที่สองด้วยหน้าเกือบติดจอ

“เหลือเวลาอีกเยอะเลย งั้นไปเดินเล่นกันก่อนแล้วกัน” ภีมเสนอ

“ตามนั้นๆ” แชมป์เสริม

แล้วเราก็ไปเดินเล่นกัน จนถึงเวลา 12.00 น. เราก็ไปกินข้าวกันที่ศูนย์อาหารเซ็นทรัล ผมหันไปมองตันคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้เหมือนทะเลาะกันแต่คาดว่าคงเป็นแอน พอวางสายไปตันหันมาพูดกับผมว่า “คืนนี้ขอไปนอนด้วยได้ไหม เบื่อไม่อยากกลับหอ” ผมรู้สึกตื่นเต้นและยินดี ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าประมาณว่า “ได้ดิ”

เวลา 13.00 น. หลังจากกินข้าวเสร็จก็ต่อด้วยร้องคาราโอเกะ แต่ผมไม่ได้ร้องนะครับนั่งฟังผมไม่ชอบร้องเพลง จนกระทั้ง 14.00 น. เราก็เข้าไปดูหนังกัน โดยมีกบเข้าไปก่อนตามด้วยแชมป์ ต้น ภีม และผม คราวนี้คิดว่าจะได้นั่งด้วยกันแต่ภีมดันตัดหน้าไปก่อนมันบอกว่าไม่ชอบนั่งริม ทีแรกก็แอบโกรธนิดๆแต่สักพักก็เฉยๆครับ คือหนังสนุกมากเลยไม่สนใจดีกว่า 555+

ดูหนังเสร็จก็ได้เวลากลับบ้าน เรานั่งรถมาลงกันในเมืองพอลงรถผมก็ล่ำลาเพื่อนๆและรีบเดินไปต่อรถเพื่อกลับบ้าน ในใจไม่กล้าถามตันเรื่องที่ตันจะขอนอนที่บ้านด้วย จึงใช้วิธีนี้แหละล่ำลาเพื่อนๆและเดินออกมาเลยเผื่อตันจะเดินตามมา แต่แล้วก็ไม่เห็นตันตามมาแม้แต่โทรมาก็ไม่มี สงสัยคงดีกับแอนแล้วละมั้งเลยไม่นอน ผมอยากโทรไปถามนะแต่ก็ไม่กล้า บังเอิญนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ตอนไปเดินดูของรอเวลาดูหนังตันซื้อปากกาจากร้านขายหนังสือมาด้ามหนึ่ง (อันนี้ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันซื้ออะไรเลยขอสมมุติ) แต่ตันไม่มีกระเป๋าจึงฝากผมไว้ ผมเลยได้โอกาสโทรไปถาม

“ฮาโหล ว่าไงอิน” ตันพูด

“ตันมึงลืมปากกาไว้ในกระเป๋ากูอะจะเอาหรือป่าวเดี๋ยวเดินไปให้อยู่ตรงไหนกัน”

“ไม่ต้องหรอกอยู่บนรถแล้ว ไว้วันจันทร์เอามาให้ด้วยแล้วกัน”

“โอเคๆ”

“งั้นแค่นี้ก่อนนะ โชคดีเพื่อนๆ”

“เช่นกันๆ” พูดจบก็วางสายไป

เฮ้อ ตอนนั้นผมนั่งคิดอยู่ในใจระหว่างนั่งอยู่บนรถเมย์กลับบ้าน....คือถ้าตันอยากมานอนจริงๆ ผมคงไม่ต้องพยายามขนานนี้หรอก ถ้าเขาอยากมาเขาคงมาแล้ว

นั่งคิดไปเรื่อยๆเพลงในรถก็ดังขึ้น เข้าใจพวกรถเมย์ต่างจังหวัดใช่ไหมครับ เขาจะชอบเปิดเพลงบนรถ

“เมื่อเธอกับฉัน มันเหมือนดังฟ้ากับเหว หากรักกัน ก็คงจะไปไม่ไกล ไม่อยากให้เธอ ต้องลำบากเกินไป ที่ยอมตัดใจ ไม่ใช่ฉันไม่รักเธอ”

ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยฟังเพลงแต่ถ้ามีคนเปิดผมก็ฟังไปเฉยๆ และไม่ค่อยรู้จักชื่อเพลงด้วย แต่ครั้งนี้เพลงมันโดนมากครับ คือเพลงนี้มันใช้เลยอะครับ ผมกลับมาบ้านพิมพ์เนื้อเพลงท่อนที่ผมจำได้ลงไปใน google แล้วกดค้นหาเพื่อจะเข้าไปโหลด จึงได้รู้ว่าเพลงนั้นชื่อเพลงว่า “ฟ้ากับเหว” ผมไม่รู้ว่าตัวเองบ้าหรือป่าวเพราะฟังเพลงนี้แล้วมันทำให้ผมมีกำลังใจ ซึ่งในเนื้อเพลงมันก็ไม่ได้หน้ายินดีอะไรเลยด้วยซ้ำ
.
.
.
.
.
.
ช่วงท้ายเทอม
[วันจันทร์]
วันนี้เป็นวันกีฬาสีวันแรกของเทคนิค (กีฬาสี่ที่เทคนิคผมมี 5 วัน) หลังจากที่เดินขบวน และทำพิธีเปิดเสร็จ พวกผมก็ขึ้นไปนั่งไปนอนเล่นบนแผนกเหมือนทุกๆปี

“นี่ก็ 10 โมง กว่าแล้ว ทำไมตันยังไม่มา” ผมพูดอยู่คนเดียวในใจ

ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงโทรศัพท์โอ๊ต)

“ฮาโหลว่าไงบิ๊ก” โอ๊ตรับสายบิ๊ก

“เฮ๊ย จริงอะ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนว่ะ เดี๋ยวกูไป” โอ๊ตพูดในสายกับบิ๊ก ผมก็ไม่รู้ว่ามันคุยอะไรกัน จนวางสายถึงได้รู้ว่า….

“ไอ่สัสบิ๊กโทรมาว่ารถล้มกับไอ่ตันที่ตลาดXXXว่ะ” โอ๊ตพูดขึ้น ผมใจเสียเลยครับ

“แล้วมันเป็นอะไรมากไหมว่ะ” บาสถามอย่างตกใจ

“กูก็ไม่รู้ว่ะ มันโทรมาให้กูไปรับมันมาที่นี่” โอ๊ตตอบอย่างใจร้อน คงเป็นห่วงเพื่อน

“เออๆมึงรีบไปรีบมานะเว้ย” บาสพูด โอ๊ตก็รีบวิ่งออกจากแผนกไปรับบิ๊กกับตันมา

“กูว่าไปรอหน้าเทคนิคเถอะ อย่าให้มันเข้ามาในแผนกเลยเดี่ยวอาจารย์บุญทันรู้เข้าจะรู้ถึงแม่ตันอีก” ผมเสนอ

“เออๆ งั้นไปรอหน้าเทคนิคกัน” บาสพูด ทุกคนก็รีบเดินตามกันออกไป

ระหว่างเดินไปหน้าเทคนิคผมภาวนาตลอดว่าขอให้ตันปลอดภัย จนลืมนึงถึงบิ๊กไปเลย

[หน้าทางเข้าเทคนิค]

พวกผมนั่งรออยู่หน้าเทคนิค ไม่นานโอ๊ตก็ขับรถเครื่องมาโดยมีบิ๊กและตันซ้อนท้าย

เมื่อคนเจ็บทั้ง 2 ลงจากรถ เพื่อนๆก็เข้าไปดูถามอาการ และถามเหตุการณ์ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง อันนี้ผมจำไม่ได้แล้วว่าทำไมถึงรถล้มต้องขออภัยด้วย ในขณะที่เพื่อนๆเข้าไปพูดคุยถามอาการ ก็มีเพียงผมที่ยืนอยู่นอกวงคนเดียว ผมไม่กล้าถามหรือแม้แต่กระทั้งแสดงอาการเป็นห่วง ผมกลัวเพื่อนจะผิดสังเกตความแตก คือผมเป็นคนที่คิดเยอะนะครับแต่ถ้าเอาจริงๆคงไม่มีใครสนใหรอกเพราะเพื่อนกันเขาก็ถามกันได้ ดังนั้นจึงได้แต่ยืนมองดูอยู่ห่างๆ ในใจก็หวังให้ตันทักผมบ้าง แต่ก็นะคนเจ็บมันคงไม่มีอารมณ์นั้นหรอก

“กูว่ากูจะบอกแม่ให้มารับกลับบ้านว่ะ” ตันพูด

ก็ยังดีนะครับที่ตันนึกจะกลับบ้าน เพราะอย่างที่รู้ๆกันดีว่าตันทะเลาะกับพ่อแล้วออกมาอยู่ข้างนอกกับป้าคนนั้น อย่างว่าแหละเนอะความเป็นลูกถึงคราวเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาจะนึกถึงใครได้นอกจากพ่อแม่….

“เออ ดูจากสภาพมึงก็ไม่น่าจะไหวหรอก แผลเต็มเลยไอ่ห่า” น๊อตพูด

แล้วตันก็โทรหาแม่ให้มารับส่วนบิ๊กก็กลับบ้านเช่นกัน เพราะแผลทั้ง 2 คน เต็มตัวไปหมดเลย

พวกผมรอจนแม่ตันมารับ ถึงกลับเข้าแผนกกันส่วนบิ๊กก็ทำแผลที่ห้องพยาบาลแล้วก็นั่งรถเมย์กลับไปพักผ่อนที่หอโดยมีชัยกลับไปดูแลด้วย

[ช่วงบ่าย บนแผนก]

วันนี้ผมรู้สึกเบื่อๆ เพราะอุส่ายืมเครื่องเล่นขนาดเล็กที่มีจอภาพในตัวของเพื่อนช่างไฟฟ้า (ไม่รู้ว่าจะนึกภาพออกไหมของหาดูใน google นะครับ) พกติดตัวมาเผื่อนั่งดูหนังกับตัน 2 คน รู้สึกฝันสลายแผนที่จะได้อยู่กับตันช่วงกีฬาสี 5 วันเหมือนทุกๆปีจบลง แต่ผมจะมาคิดแบบนั้นมันก็ไม่ถูก ตันเกิดอุบัติเหตุแผลเต็มตัว ผมจะมัวมาคิดเห็นแก่ตัวเองแบบนี้ไม่ได้

“กูว่าขากลับบ้านวันนี้จะแวะไปดูตันมันสักหน่อย” โอ๊ตพูด

“ดีว่ะ มีรถจะไปไหนก็ได้สบายฉิบหาย ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกันพวกกูไม่มีรถ จะไปก็ลำบากส่วนบิ๊กมันอยู่หอกับพวกกูเดี๋ยวพวกกูดูแลให้เอง” น๊อตพูด

“เออๆ ฝากด้วยแล้วกัน” โอ๊ตพูด

ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองอยากจะไปเยี่ยมตันบ้าง แต่ไม่กล้าพูดสุดท้ายก็สูดหายใจแล้วจึงพูด

“โอ๊ต…กูขอไปเยี่ยมไอ้ตันด้วยคนดิ” ผมพูดสั่นๆ 

“เฮ่ย กูว่ามึงไปดูแลไอ่บิ๊กเถอะ หอมันก็ทางผ่านมึงไม่ใช่หรอ ถ้าไปเยี่ยมไอ้ตันก็ลำบากกูวนรถกลับมาส่งหน้าเทคนิคอีก ส่งใจมาก็พอไอ่หำ” โอ๊ตพูด ความหวังผมวูบลงอีกครั้ง

“โอเคมึงฝากด้วยแล้วกัน” ผมพูดอย่างหงอยๆ

เย็นวันนั้น หลังจากที่ผมกลับถึงบ้าน ด้วยความเป็นห่วงอยากโทรหาตัน ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเลื่อนขึ้นลงอยู่นาน เมื่อทำใจได้จึงกดโทรหาตันแต่สายก็ไม่ว่าง ผมไม่ละความพยายามลองโทรดูอีก ครั้งนี้ผมถูกตัดสาย เฮ้อ….ชีวิต สงสัยตันคงคุยอยู่กับแอนอยู่ละมั้งครับ ก็คงงั้นเพราะตันเขามีคนดูแลแล้วนี่หว่า แล้วผมจะโทรไปทำไมให้เสียเวลา…..ในเวลานั้นผมรู้สึกน้อยใจจึงโพสต์ข้อความลงเฟสบุ๊คว่า “คิดถึงแต่ทำอะไรไม่ได้(เมา)”

สักพักก็มีคนคอมเม้นท์

(เริ่มคอมเม้นท์)
ตัน : เปนรัยว่ะงงเรย
ตัน : รักคัยว่ะบอกทีอยากรุมากๆๆๆๆๆๆ
อาจารย์วิโรจน์ : ไอ่ภีม (ภีมคือเพื่อนกลุ่ม 3 ที่เป็นเกย์)
ผม : รอไปเถอะความลับไม่มีในโลกสักวันคงรู้เอง
ตัน : เพื่อนกันไม่ปิดบังกันนะ
แชมป์ (เพื่อนกลุ่ม 3) : โม้ไปทั่ว
ผม : คนที่ไม่รู้เรื่องอย่าพูด
(จบการคอมเม้นท์)


ผมนั่งคิดถึงตันอยู่เงียบๆ บ่อยครั้งที่ผมซึมแบบนี้และแม่ก็มักจะถามว่าเป็นอะไรทะเลาะกับเพื่อนมาหรอ ผมต้องโกหกทุกครั้งว่า “ไม่มีอะไรครับแม่” ผมคงไม่สามารถให้แม่รับรู้เรื่องเหล่านี้ได้เพราะสิ่งที่ตามมานั้นมันคงรุนแรงอย่างแน่นอน

วันต่อๆมาของกีฬาสี ผมก็อยู่แต่บนแผนกนั่งเสียบหูฟัง ฟังธรรมนิยายเรื่องมักกะลีผลกับเล็กกลุ่ม 3 ตลอดจนวันปิดงาน (เล็กก็ชอบฟังเหมือนผมครับ)

และแล้วก็ถึงเวลาปิดเทอม ปวช.3 เทอม 1 ภาคเรียนที่ 1 สักที

.
.
.
.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:38:49 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ปวช. 3 เทอม 2 ภาคเรียนที่ 2/2554
บทที่ 21 “ข่าวลือ”

*****************************************************************
เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายของ ปวช. ที่ผมเรียน

สัปดาห์ที่ 2

[บนแผนก ชั้น 4 ห้องอาจารย์จง]

“วันนี้ใครที่คิดได้แล้วว่าจะทำโปรเจคอะไรก็ขอให้มาเสนอนะ จะได้รีบทำให้เสร็จวิชานี้บอกเลยว่าอย่าปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ยิ่งมาทำช่วงท้ายเทอมนี่ไม่ผ่านก็มีนะ” อาจารย์จงพูด เทอมนี้พวกผมเรียนวิชาโครงการกับอาจารย์จงครับ เรียนกับกลุ่ม 3 วิชาโครงการ พูดง่ายๆก็เหมือนวิชาโปรเจคนั่นแหละไม่เสร็จก็ไม่จบ

เพื่อนๆไปเสนอกันหลายคนเลยครับ บางคนก็ผ่านหัวข้อโครงการ บางคนยังไม่ผ่านก็ต้องมาหาหัวข้อใหม่ ส่วนผมเคยเสนอไปแล้วแต่ไม่ผ่านจึงกลับมานั่งเปิดหาดูในอินเทอร์เน็ต (ห้องอาจารย์มีคอมอยู่ 3 เครื่อง ไว้ใช้หางาน เครื่องที่ผมใช้มี กิ๊ฟ กับ เล็ก นั่งดูด้วย)

“อินดูนี่ให้กูหน่อยดิ” ตันเดินเข้ามานั่งซ้อนท้ายผมจากด้านหลัง แล้วเอาแขนสองข้างโอบตัวผมไว้ ในมือตันถือโทรศัพท์มือถือที่จะให้ผมดู

“มือถือเป็นอะไรละ” ผมถาม

“คือตันเพิ่งเปลี่ยน sim ใหม่ เป็นของวันทูคอล แล้วจะเล่นเน็ตแต่สมัครไม่เป็นช่วยดูให้ทีดิ”

“อ่าๆ ก็กดเบอร์นี้นะ(ผมจำไม่ได้แล้วว่าหมายเลขอะไร)”

“เอะ สองคนนี้นี่ยังไงกันแน่” กิ๊ฟ กลุ่ม 3 แซวเพราะมันนั่งดูคอมเครื่องเดียวกับผม

“ใช่ กะหนุงกะหนิงกันมากขึ้นทุกวัน!!! (ทำเสียงตุ๊ด)” ภีมพูดข้ามโต๊ะมา คือภีมเป็นเกย์ออกแนวตุ๊ดๆครับ

ผมไม่ได้ตอบอะไร ไม่ใช่ไม่ตอบอย่างเดียวนะครับ ไม่หันหน้าไปมองซ้ำด้วย ทำเหมือนมันไม่มีตัวตน 555+

“เออ พอดีอยากลองของแปลกว่ะ ได้กับสาวๆมาก็เยอะลใช่ไหมอินที่รัก” ตันพูดติดตลก กิ๊ฟ ภีม และเพื่อนบางคนที่ฟังอยู่ก็นั่งขำกันเล่นๆ

ผมอาย 555+ กดเบอร์และสมัครเน๊ตให้ตันเสร็จก็รีบส่งมือถือคืนทันที

แต่มันไม่ได้หยุดแค่นั้น หลังจากส่งมือถือให้ตันเสร็จ ตันก็ไม่ยอมลุกไปไหนยังคงนั่งเล่นมือถืออยู่แบบนั้น ทีนี้ผมหันไปมองอาจารย์จง ที่นั่งอยู่หน้าชั้นเรียน หันไปสบตากันพอดีเลยครับ แสดงว่าแกมองอยู่ก่อนที่ผมจะหันไปแน่นอน จากนั้นอาจารย์จงก็พูดขึ้น

“อนิรุทธ์ เป็นไงมั้งได้หัวข้อโครงการหรือยัง?” อาจารย์จงถามหน้านิ่ง

“อ่า....กำลังหาอยู่ครับอาจารย์”  ผมตอบ อาจารย์พยักหน้ารับรู้แล้วจึงมองไปที่ตัน

“อภินันท์ ได้หัวข้อโครงการแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมไม่ไปดำเนินการส่วนอื่นๆต่อละ” อาจารย์ถาม

“ผมกำลังทำอยู่ครับอาจารย์” ตันตอบ คือตันเสนอหัวข้อโครงการผ่านแล้วครับ ทำอยู่กับบาส 2 คน ถ้าจำไม่ผิดน่าจะทำเกี่ยวกับ วงจรเตือนปิดประตูตู้เย็น เป็นวงจรที่มาจากชุดคิทครับ

ชุดคิท คือ ชุดวงจรที่ยังไม่มีการประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลงบนแผ่นวงจรพิมพ์ ซึ้งจะต้องลงอุปกรณ์แล้วบัดกรีประกอบวงจรตามแบบเอง

“ทำเหี้ยอะไรละกูเห็นมึงนั่งซ้อนตูดเล่นโทรศัพท์กันอยู่หนะ” อาจารย์จงพูดหน้านิ่ง ทุกคนนั่งฮากันทั้งห้อง คือบุคลิกของอาจารย์จงจะเป็นคนที่วางมาดฮาหน้านิ่ง พูดจาบาดคมปนหยาบคาย หลังห้องอาจารย์จะมีโทรทัศน์ตั้งอยู่เครื่องหนึ่งอาจารย์ชอบเปิดทุกครั้งที่มีสอน แต่จะปิดเสียง เอาง่ายๆคือแกเปิดล่อนักเรียนเอาไว้ครับ….กวนไหมละ 555+

ด้วยความอายตันจึงลุกแล้วกลับไปที่นั่งของตัวเอง

“เอาละๆ หมดเวลาแล้วไปกินข้าวกันเถอะ ใครว่างๆก็เข้ามาเสนอหัวข้อโครงการได้เรื่อยๆเลยนะผมอยู่ตลอดจนถึงเวลาบ่าย 3 โมงเย็น” อาจารย์จงพูด

“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ” ผมพูด

“สวัสดีครับ/ค่ะ อาจารย์”

เมื่อออกมาจากห้องพวกเราก็คุยเรื่องไร้สาระกันเลย นักเรียนไทยเปลี่ยนโหมดไวมากครับ ตอนในห้องยังคุยเรื่องหัวข้อโครงการกันอยู่เลย พ้นประตูห้องเรียนเท่านั้นแหลเละ 5555+

พวกเราเดินคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย เดินกันจนเข้ามาถึงโรงอาหารเก่า (เทคนิคผมมีโรงอาหาร 2 โรง) ก็ได้ยินเสียงพวกกลุ่ม 5-6 คุยเรื่องอะไรกันสักอย่างเสียงดังพอสมควร ปกติก็ไม่มีใครสนใจอะไรหรอกครับเพราะมันก็เป็นกันแบบนี้อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ต้องสนแล้วละเพราะมีคำพูดนึงที่ผมและเพื่อนๆได้ยินไม่ผิดแน่นอน

“เอ้า!!! ก็ไอ้เหี้ยกรมันเล่าให้กูฟังแบบนี้จริงๆ ว่าตอนอยู่ในโรงหนังอาจารย์วิโรจน์จับมือมันด้วย!!! ถ้าไม่เชื่อพวกมึงก้ลองถามมันดู” เบญเพื่อนกลุ่ม 6 พูด เบญเป็นทอมตัวเล็กส่วนสูงไม่ต้องพูดถึงเตี้ยมาก แต่เห็นตัวเล็กแบบนี้พลังเสียงห้าวหาญกว่าบุรุษนะครับ 

“จริงหรอว่ะกร” เพื่อนกลุ่ม 6 คนหนึ่งถามกร ตอนนั้นไม่รู้ว่ามันตอบว่าอะไรนะครับเห็นแค่มันพยักหน้ายอมรับ

ด้วยความที่พวกผมก็อยากรู้ว่ามันมีเรื่องอะไรก็เลยเดินเข้าไปถามกัน

“เฮ่ยมึง มีเรื่องอะไรกันว่ะ เห็นมีพูดถึงอาจารย์วิโรจน์ด้วย” ตันถามเบญ

“ก็ไอ้กรอะดิ เมื่อวานมันไปดูหนังกับอาจารย์วิโรจน์เว้ยแล้วทีนี้อาจารย์วิโรจน์ถามมันว่า *รู้ไหมคนที่เขาชอบกันเขาดูหนังกันแบบไหน* กรมันก็ตอบเขาว่า *ไม่รู้* แกเลยจับมือมันแล้วบอกว่า *แบบนี้ไง* ” เบญเล่าจบพวกผมถึงผมตกใจเลย ไม่คิดไม่ฝันว่าอาจารย์วิโรจน์จะทำแบบนี้กับลูกศิษย์ของตัวเอง ถึงจะแค่ล้อเล่นกันผมมองว่ามันก็ไม่ควรอยู่ดี ตอนนั้นกรนั่งหน้านิ่งมากคงจะอายและทำอะไรไม่ถูก

“แล้วไอ้กรเพื่อนมึง มันทำยังไงว่ะหลังจากที่อาจารย์แกจับมืออะ” น๊อตถาม

“มันก็ปล่อยให้เขาจับอยู่แบบนั้นแหละ เพื่อนกูแม่งก็โง่ฉิบหายปล่อยให้เขาจับอยู่นั่นแหละ” เบญตอบอย่างหงุดหงิด

“อาจารย์วิโรจน์แกเป็นแน่ๆเลยว่ะ” ผมพูดขึ้นลอยๆ

“เออดิว่ะ พวกมึงอาจจะไม่รู้แต่พวกกูกลุ่ม 5-6 รู้กันมาตั้งนานแล้ว” เบญตอบ

ที่กลุ่ม 5-6 รู้ว่าอาจารย์วิโรจน์เป็นนั้นเป็นเพราะอาจารย์วิโรจน์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษากลุ่ม 5-6 ดังนั้นคงไม่แปลกที่พวกนั้นจะรู้ลึกตื้นหนาบาง ส่วนห้องผมที่เจอกันก็เฉพาะแค่เวลาที่มีเรียนกับอาจารย์เท่านั้น เมื่อความจริงปรากฏผมและเพื่อนๆมองหน้ากันแล้วก็เดินไปกินข้าวที่โรงอาหารใหม่พร้อมกับคุยเรื่องนี้กันตลอดทั้งวัน

หลังจากวันนั้น ข่าวเรื่องอาจารย์วิโรจน์กับกรดังไปทั่วแผนกอยู่พักนึง ซึ่งรู้กันเฉพาะนักเรียนส่วนพวกอาจารย์ไม่มีใครรู้ เอาจริงๆมีเบื้องลึกเบื้องหลังมีมากกว่านี้แต่จะเป็นการไม่เคารพอาจารย์ และก็นอกเรื่องมากเกินไปด้วยครับ
.
.
.
.
.
เพิ่งกลับจากฝึกงาน แค่นี้ก่อนนะครับ ง่วงมากครับ เดี่ยวพรุ่งนี้มาลงให้ใหม่ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:39:11 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 22 อวยพรหน่อยดิ

[วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2554]

“ตื่นได้แล้วอินลุกๆ” วันนี้แม่ผมปลุกแต่เช้าตรู่เลย

“คร้าบแม่” ผมตอบอย่างขี้เกียจ

“ไวๆเลยวันนี้แม่จะพาไปวัดหลวงพ่อโสธร” แม่บอก

ผมลุกจากที่น้องได้ก็ไปปลุกอุ้มน้องสาวของผม เมื่ออาบน้ำทำอะไรเสร็จเรียบร้อยเราก็นั่งรถไปวัดหลวงพ่อโสธรกัน โดยมีแม่ ผม อุ้ม และพ่อเป็นคนขับรถพาไป

“วันนี้อายุก็ 17 ปี แล้วนะ โตแล้วยังทำอะไรชักช้าอยู่เลย จะทันกินไหมเนี้ย” แม่บ่นๆในรถ ลืมบอกไปเลยว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของผม

นั่งรถกันไปสักพักก็ถึงปากซอยทางเข้าวัดหลวงพ่อโสธร ผมนั่งกดมือถืออยู่ตลอดทางดูเฟสบุ๊คว่าวันนี้มีใครมาอวยพรวันเกิดผมบาง เอาตรงๆผมไม่ได้รอใครเลยรอตันคนเดียวจริงๆ 555+
 
“นี่นะเมื่อก่อนตอนเองเกิดมาใหม่ๆ แม่กับพ่อมึงนะ อุ้มเองพานั่งรถเมย์อุ้มเองมาวางบนตักหลวงพ่อโสธรด้วย ยกให้มึงเป็นลูกเขาเพราะมาขอให้ได้ลูกชายที่นี่” แม่ผมเล่าเมื่อถึงวัด ผมก็นั่งฟังไปแบบนั้นแหละครับ เอาตามตรงแม่เล่าทุกครั้งที่พามาจนผมจำได้หมดแล้วครับ
 
เมื่อลงจากรถเราก็เดินข้ามถนนมาฝั่งศาลาเก่าวัดหลวงพ่อโสธรกันพอข้ามมาถึงก็จะมีพวกคุณป้าคุณยายเดินถือถุงกับข้าวไว้ใช้ใส่บาตรพระเดินมาขาย

“เอาไหมลูก ใส่บาตรพระกันนะลูก ได้บุญนะค่ะ” ป้าหลายๆคนพูดคล้ายๆกัน

“อ๋อไม่หละค่ะมีแล้วค่ะป้า” แม่ผมตอบ พร้อมกับยกตะกร้าใส่ไข่ต้ม 99 ฟอง ให้ดู ป้าแกก็ไม่ได้อะไรเดินไปขายคนอื่นต่อ

เข้ามาในศาลาจะมีคณะรำแก้บน และผู้คนเดินกันเยอะมาก กลิ่นธูปตลบอบอวนไปหมด เมื่อเอาไข่มาไหว้เสร็จก็เดินเข้าไปปิดทองหลวงพ่อโสธร

“ขอให้ลูกแม่ทั้งสองคนเรียนเก่งๆเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่นะ” แม่ผมเตะทองที่เขาแปะกันที่องค์พระแล้วเอามาแต้มหน้าผากผมกับอุ้มพร้อมกับอวยพรไปด้วย

จากนั้นก็ไปเดินเล่นในวิหารหลวงพ่อโสธรข้างในสวยงามมาก เดินเสร็จเราก็มาพาไข่ที่ไหว้หลวงพ่อก่อนกลับผมขอพรในใจว่า “ขอให้ลูกสมหวังในเรื่องของความรักด้วยเถิด” แล้วเราก็กลับบ้านกัน

[บนรถ]

แค่เพราะหัวใจมันบอก อาจไม่ค่อยพอ แต่ฉันก็ยังมั่นใจ ว่าต้องใช่เธอ (เสียงมือถือผม)

“ฮาโหลว่าไงเมย์”

“สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนสาวววววว”

“สาวเหี้ยอะไรละกูผู้ชาย” ผมพูดเบาๆกลัวแม่กับพ่อได้ยิน

“และชอบผู้ชายปะละ” เมย์พูด

“เออๆๆๆ”

“เอออะไรละ กูอุส่าโทรมาอวยพรวันเกิดนะเนี้ย ขออวยพรให้มึงสมหวังในความรักนะเว้ย”

“เออขอบใจมากมึง”

“ทำไมมึงพูดเบาจังว่ะ”

“ไอ่สัสกูอยู่บนรถมึงจะให้พ่อแม่กูได้ยินด้วยไหมละ”

“เออๆงั้นแค่นี้แหละมึงไว้เจอกัน”

“อีกนานกว่าจะเจอกันอะ”

“หรอ” มันพูดจบก็วางสายไป

“ใครโทรมาละ” แม่ถาม

“เมย์ครับแม่”

“อ่า วันนี้น้าอรจะพาไอ้เมย์มาทำก๋วยเตี๋ยวกินกันที่บ้านเรานะเนี้ย” แม่ผมบอก คือวันนี้น้าอร น้าชัย (พ่อแม่ของเมย์) จะมาทำก๋วยเตี๋ยวกินกันที่บ้านของผมเนื่องด้วยวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของผมละมั้งครับ

“อ่าวจริงหรอแม่”

“อืมเพิ่งรู้หรอเนี้ย”

“ครับ 555+”

“เออมาก็ดีนะไม่ได้เจอชัยกับอรมาตั้งนานแล้ว” พ่อผมพูด ส่วนอุ้มเงียบเพราะนอนหลับหัวหนุนตักผมอยู่

“อินโทรไปหาแม่ใหญ่หรือยัง” แม่ผมพูด

“ยังเลยครับแม่”

“โทรไปหน่อยสิวันนี้วันเกิดเรานี่แม่ใหญ่เขาคงรออยู่หนะ” แม่พูดจบผมก็โทรศัพท์ไปหาแม่ใหญ่ แม่ใหญ่ก็คือยายอะครับ

“ฮาโหล” แม่ใหญ่พูด

“ฮาโหลแม่ใหญ่ วันนี้วันเกิดผมนะครับ จำได้หรือป่าว”

“เอ้อ จำได้ฮิหล่าววันเกิดหล่านอินเอ้ง” แม่ใหญ่พูดภาษากำแพงเพชร ประมาณว่า เออจำได้สิวันเกิดหลานอินไง

“ข่อพรหน่อยฮิแม่ใหญ่” ผมพูดภาษากำแพงเพชร ประมาณว่า ขอพรหน่อยครับแม่ใหญ่

“เอ้อ...แม่ก็ข่อให้หล่านอินแม่ประส๊บความส่ำเล็ดในการเรี๊ยนนนนน ข่อให้ได้เป็นเจ้าคนนายโค้นนนนน หย่าได้เจ็บ หย่าได้ไข้ อย่าได้โจ๊นนนนนน ส๊าธุ” แม่ใหญ่พูด ประมาณว่า แม่ก็ขอให้หลานอินแม่ประสบความสำเร็จในการเรียน ได้เป็นเจ้าคนนายคน อย่าได้เจ็บอย่าได้ไข้อย่าได้จน สาธุ

“ส๊าธุ ขอบคุณครับแม่ใหญ่” เราก็คุยกันสักพักแล้วผมก็ขอพรพ่อใหญ่ พอวางสายไปผมก็โทรไปขอพรปู่กับย่า ผมลืมบอกไปเลยว่าตัวผมนั้นเป็นคนกำแพงเพชรนะครับพ่อและแม่เป็นคนบ้านเดียวกัน

 เมื่อกลับมาถึงบ้านแม่ผมก็ตั้งหม้อเตรียมของเตรียมเครื่องทำก๋วยเตี๋ยว ไม่นานพวกน้าอรก็มาถึง

“น้าอร น้าชัย สวัสดีครับ” ผมสวัสดีน้าอรน้าชัย เขารับไหว้แล้วก็เดินเข้าไปหาพ่อแม่ผมในบ้าน

“เฮ่ยว่าไงเพื่อน” เมย์เดินมาตบไหล่ผม

“ไอ่สัสจะมาก็ไม่บอกมีการโทรมากวนตีนกูด้วยนะ”

“อ่าวเซอร์ไพรส์ไง”

“เออๆๆๆเซอร์ไพรส์สะกูดีใจม๊าก”

“อะนี่” เมย์หยิบของขวัญในกระเป๋าสะพายให้ผม มันคือเสื้อกันหนาวสีเทาเท่ห์มากครับ

“ขอบใจมากมึง แต่มึงก็รู้ไม่ใช่หรอว่ะว่ากูไม่ชอบใส่เสื้อกันหนาว”

“ไม่ได้ ไอ้สัสครั้งนี้มึงต้องใส่”

“เออๆๆๆๆ”

“เอาหละปีนี้กูซื้อของขวัญให้มึงแล้วนะ ปีหน้าซื้อให้กูด้วย” อ่าวอินี่มีทวง 555+ นี่คือจุดประสงที่มึงซื้อให้กูหรือป่าวว่ะไอ่ห่าแม่งแสบจริงๆ

ผมเอาเสื้อกันหนาวขึ้นมาเก็บบนห้องส่วนเมย์ก็เดินตามขึ้นมาด้วย

“แล้วนี่เรื่องของมึงไปถึงไหนแล้วว่ะ” เมย์ถาม

“เรื่องอะไรว่ะ”

“เอ้า ก็เรื่องที่มึงแอบชอบเพื่อนคนนึงในห้องอะ”

“อ๋อ ยังไม่ถึงไหนเลยว่ะ”

“อะไรของมึงว่ะเนี้ย นี่ก็ปีสุดท้ายแล้วนะมึงไม่ทำอะไรสักอย่างเลยหรอว่ะ ปล่อยมาได้ยังไงตั้ง 3 ปี”

“ก็กูไม่กล้านี่หว่า”

“มึงอย่ามาปอดแหกได้ปะว่ะ มันมีอยู่สองทางให้มึงเลือกอะบอกกับไม่บอก ถ้ามึงบอกก็จะได้รู้ว่ามันคิดยังไง แต่ถ้ามึงไม่บอกก็เท่ากับว่ามึงเก็บความรู้สึกไว้แบบนี้โดยไม่ทำอะไรเลยมึงจะทนได้หรอว่ะ”

“กูก็ไม่รู้ว่ะ กูกลัวเขาไม่ชอบกูอะมึง”

“มึงจะกลัวทำไมว่ะเพื่อน ไม่ชอบก็แค่หาใหม่ถือเสียว่าเป็นประสบการณ์ อกหักก็ยังดีกว่ารักไม่เป็นนะ” เมย์พูดทำนองเชียร์ให้ผมบอกความรู้สึก

“มึงว่ามันจะชอบกูไหมว่ะ”

“กูจะไปรู้ไหมละ กูไม่ใช่มัน ก็ถึงบอกให้มึงลุยอยู่นี่ไง”

“เออๆ” ผมรับคำไปแบบนั้นแหละครับ

“แล้วนี่มันมาอวยพรวันเกิดมึงหรือยัง”

“ยังเลยว่ะ มันไม่ค่อยเล่นเฟสหรอกไอ่นี่อะ เล่นก็เล่นไม่ค่อยจะเป็นให้กูสอนอยู่บ่อยๆ”

“มึงไม่เรียกมันมาสอนที่บ้านว่ะ”

“ไอ่สัส” ผมทำท่าจะยันไอ้เมย์

“เมย์ ลงมากินได้แล้วน้ำเดือดแล้ว เรียกอินลงมาด้วย” น้าอรเรียกพอดี ผมกับเมย์ก็ลงไปกินกัน

ตกเย็นประมาณ 18.00 น. ก็เป่าเค้กกัน จากนั้นเมย์ก็กลับบ้านก่อนกลับมันยังแอบแซวผมอยู่เลยว่า ผมอาจจะได้กับตันในวันเกิดก็ได้ 5555+ แม่งกวนตีนจริงๆ

หลังจากที่เมย์กลับไปผมก็เข้ามานั่งเล่นคอมตอบคอมเม้นท์เพื่อนที่มาอวยพรวันเกิดให้ในเฟสบุ๊ค ตอบจนหมดก็ไม่เห็นมีของตันเลย ผมนั่งรอจน 20.00 น. ก็แล้ว 20.30 น. ก็แล้ว ไม่มีแนวโน้มว่าตันจะอวยพรแต่อย่างได้ ที่สำคัญมันไม่ออนด้วย ผมจึงตัดสินใจลุกไปอาบน้ำแต่ยังไม่ปิดคอมนะครับ อาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จก็ลงมานั่งหน้าคอมต่อ จนเวลา 21.40 น. ผมว่าบางทีผมก็เข้าข้างตัวเองมากเกินไปคิดว่าเขาคงมาอวยพรวัดเกิดให้ ผมจึงปิดคอมและขึ้นไปนอนบนห้อง แต่ก็นอนไม่หลับท่ามกลางความมืดผมหยิบมือถือขึ้นมาสมัครเน๊ต และเข้าเฟสบุ๊คเปิดเข้ามาเห็นว่ามีคนส่งข้อความมาหา ในใจก็ลุ้นว่าคงใช่แน่นอนมันก็ใช่จริงๆครับ

[เริ่มการสนทนา]
ตัน : นอนยัง
ผม : ยังอะ
ตัน : ดูหนังปะ
ผม : ใครไปมั้งหรอ แล้วจะไปยังไงเนี้ยรถมันหมดไปแล้ว
ตัน : ดูแวมพายยัง [ตอบคนละเรื่องกับที่กูถาม]
ผม : ยัง!!!
ตัน : กำลังจะดู [กูไม่ได้ถาม อีกอย่างถ้ามึงกำลังจะดูแล้วจะทักมาชวนทำบ้าอะไร]
ผม : 555555555
ผม : เออ
ผม : ขอให้โชคดีนะ
ผม : ขอให้สนุกนะ
ผม : ^^
ตัน : มาดิ
ผม : ไม่นะ [กูคงจะไปอยู่หรอกนะพ่อแม่กูด่าตายห่าดึกขนาดนี้]
ผม : ป่านนี้แล้ว
ผม : รถมันจะมีที่ไหนอะ
ผม : ช่างมันเถอะ
ผม : ขอให้สนุก
ตัน : โทรหาลุงวินมอไซไง
ผม : ลุงหรอ?
ผม : ช่างมันเถอะ
ผม : ดูเวลาเถอะพ่อคุณ
ผม : ลุงเขาคงด่าฉิบหาย
ผม : 5555555555
ตัน : 5555555555 [ยังจะมีหน้ามาขำอีก มึงไม่รู้หรอวันนี้วันเกิดกู อยากจะร้องไห้]
ผม : โทรคุยดีกว่าไหมเนี้ยถ้าจะคุยนานแบบนี้
ตัน : ไปนอนได้แร้วไป 55555
ผม : จร้าพ่อ ฟาย 5555
ตัน : นอนหรับฝานดี
ผม : เช่นกันนะพ่อ 55555
ตัน : อืม ไม่ไป สักที มีโดนตีแน่ [แต่มึงอะจะโดนกูกระทืบ!!!]
[จบการสนทนา]


ผมดูจนตันออฟไลน์ไป ในใจนึกว่าจะทักมาอวยพรวันเกิด แต่ช่างมันเถอะคนไม่สำคัญนี่หว่าจะไปอะไรมากมาย คืนนั้นผมนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนหลับอีกทีไม่รู้ว่าตอนไหน จริงๆไม่น่าคิดมากเลยนะเรื่องแค่นี้
.
.
.
.
.
.
แค่นี้ก่อนนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:39:55 โดย Nuda »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: "It's my life" บทที่22 อวยพรหน่อยดิ [11/04/61]
«ตอบ #26 เมื่อ11-04-2018 22:05:41 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 23 ผู้หญิงที่ชื่อมิ้ง

[วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม 2554]

วันนี้เป็นสุดท้ายของการเรียนก่อนจะหยุดปีใหม่ ส่วนใหญ่พวกอาจารย์เขาก็ไม่สอนกันหรอกครับ

“สวัสดีนักเรียนนักศึกษาทุกๆคน ที่ยังอุส่ามาเข้าแถวกันในวันนี้ วันนี้ดูบางตาพอสมควรเพราะส่วนใหญ่กลับต่างจังหวัดกันไปหมดแล้ว ผมก็ไม่ขอแจ้งอะไรมากมายจะชี้แจ้งวันเกิดเปิดหลังปีใหม่คือวันที่ 9 ม.ค. 2555 เที่ยวกันให้เต็มที่ไปเลยและอย่าไปกังวลกับข่าวเรื่องเด็กชายปลาบู่ทำนายเรื่องน้ำท่วม ให้คิดเสียว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ เอาหละสวัสดีปีใหม่ครับ” อาจารย์ผชรขึ้นพูดหน้าเสาธงเหมือนทุกวัน

เมื่อทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จเรียบร้อย อาจารย์ที่สอนวิชาแรกของห้องผมเดินมาบอกว่ามันนี้ไม่สอนเจอกันหลังปีใหม่เลย พวกผมจึงไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อโฮมรูมกันเช้าเสร็จแล้วจะได้กลับบ้านกันเลย ในชั่วโมงโฮมรูม อาจารย์บุญทันให้เล่นเกมต่อไม้ขีดและก็แจกข้าวคนละกล้องเป็นการเลี้ยงปีใหม่ เมื่อโฮมรูมเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ซึ่งคนที่มาวันนี้ถ้าผมจำไม่ผิด มีผม แรก โอ๊ต และตัน ส่วนกลุ่ม 3 ผมจำไม่ได้แล้วว่าใครมาบ้าง

“ตันวันนี้ไปดูหนังกัน” ผมชวน

“ดูเรื่องอะไรอะ” ตันถาม

“ส.ค.ส.สวีทตี้ไง” ผมตอบอย่างมีความหวัง

“แต่กูไม่มีเงินอะดิเอาไว้คราวหน้าดีไหมละ” ตันตอบ

“คราวนี้แหละตันเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” ผมเอ่ยปากจะเลี้ยง ไหนๆกฌชวนแล้วนานๆทีที่ผมจะได้บุกตันบ้าง 555+

“เอางั้นเลยหรอ” ตันถามเพื่อความแน่ใน

“เออ” ผมตอบอย่างไม่ลังเล

“แล้วใครไปมั้ง” คือมึงจะถามอะไรกูนักไอ่ตัน มึงเป็นตำรวจหรอสืบสวนกูจริง

“ก็มีกู มึง ชัย และบิ๊ก” บิ๊กกับชัย ผมโทรไปชวนมันตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ตอนนี้พวกมันคงจะนั่งเล่นเกมรออยู่ที่หอ

“มึงเลี้ยงหมดเลยหรอ” กูว่ามึงไปเป็นพนักงานสืบสวนเถอะไป

“ใช่ๆ”  คือน้าผมที่มาจากประเทศสวิตเขาให้เงินผมตั้ง 2000 บาท แหนะ ความเป็นเด็กอะครับไม่รู้จักเก็บหรอกเลี้ยงเขาหมด

ตกลงกันเรียบร้อย ตันก็พาผมซ้อนรถเครื่องไปดูหนังในเมือง แต่ก่อนจะไปตันเอารถไปเปลี่ยนกับป้า (ป้าที่อยู่หอกับตันอะครับ) เพราะรถตันไม่มีป้ายทะเบียนเหตุเกิดเพราะผมนี่แหละเล่าแล้วจะยาว 555+ เปลี่ยนเสร็จก็ออกเดินทางไปในเมืองกัน ระหว่างทาผมคิดอกุศลเอามือสองข้างของตัวเองวางไว้ที่หน้าขาของตัน เหมือนครั้งที่ตันไปส่งผมที่บ้านเมื่อบทที่ 20 นานๆทีจะมีโอกาสครับต้องกอบโกยเอาไว้ 555+ แล้วเราก็มาถึงหอไอ้น๊อต เดินขึ้นไปก็เห็นบิ๊ก เล่นเกมเพลทูอยู่กับชัย ส่วนน๊อตกับมั่นเห็นบิ๊กบอกว่าออกไปทำงานที่ KFC บิ๊กกับชัยก็ทำนะครับแต่เข้าคนละเวลา รอมันเล่นเกมเสร็จเราก็ไปดูหนังกัน จำไม่ได้เวลาได้ดูเวลาไหนจำได้แต่ตอนออกมาประมาณ 15.00 น. ครับ

ออกจากโรงหนังบิ๊กบอกอย่าเพิ่งกลับให้ไปนั่งเล่นที่หอมันก่อน ขึ้นไปผมก็ไม่ได้เล่นหรอกครับเพราะน๊อตกับมั่นกลับมาพอดี มันก็เลยชวนกันเล่นวินนิ่งผมก็นั่งดูตันแข่งกับน๊อต แต่ตันแลจะสบายไปหน่อยนะครับ เพราะมันนอนตักผมแล้วเล่นเกมไปด้วยสบายจริงๆไอ้กระต่ายขาว เล่นกันสักพักก็มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาในห้อง

“อ่าวมิ้งทำไมวันนี้มาเย็นจัง” มั่นถาม

“พอดีวันนี้ไปเดินเซ็นทรัลกับเพื่อนมาอะดิ ร้อนเป็นบ้าเลย” มิ้งพูดพร้อมกับเดินเข้ามานั่งบนเตียง

ขอพูดถึงมิ้งหน่อยนะครับ มิ้งเป็นผู้หญิงสาวรุ่นเดียวกับพวกผมนี่แหละเรียนอยู่พาณิชในเมือง ผิวขาวหน้าออกหมวย และหน้าอกใหญ่เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆเพื่อนผมครับ

จากนั้นมั่นก็แนะนำมิ้งให้รู้จักกับตัน ส่วนผมนั้นรู้จักมานานพอสมควรแล้วเพราะผมชอบมานั่งเล่นเกมหอน๊อตบ่อยๆ และมิ้งก็จะชอบมานั่งเล่นห้องนี้อยู่เสมอ ส่วนการปรากฏตัวของมิ้งนั้นมันมีที่มาที่ไปอยู่ครับ แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าไปรู้จักกับพวกน๊อตได้ยังไง

ผมนั่งดูตันเล่นวินนิ่งแข่งกับน๊อตอยู่สักพักก็เหลือบไปเห็นมิ้งที่นั่งอยู่บนเตียง สายตามิ้งมองตันอยู่ตลอดเวลาเลยครับ อินี่คือศัตรูอีกหนึ่งตัวของกูแน่นอน 555+ พอตันเล่นเสร็จผมกับตันก็กลับบ้าน โดยมีตันขับไปส่ง

[ระหว่างทางที่ตันขับรถเครื่องไปส่งผมที่บ้าน]

“อินว่ามิ้งเป็นคนยังไงอะ” ตันถาม

“ไม่รู้ว่ะ แต่ดูแล้วไม่ค่อยน่าคบหาหรอกผู้หญิงอะไรมานั่งเล่นห้องผู้ชาย แล้วผู้ชายตั้งหลายคน” ผมตอบเพื่อให้ตันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ดี พูดง่ายๆคือผมไม่อยากให้ใครมายุ่งกับตันเพราะผมหึง

“ก็จริงนะ มึงพูดถูกว่ะอิน มันทำตัวเหมือนเป็นกระหรี่เลยว่ามะ”

“อืมๆ แล้วพูดถึงมิ้งทำไมชอบหรอ” ผมถามบ้าง

“จะบ้าหรอ....ตันไม่เอาหรอกมีเมียตั้ง 2 คนแล้ว ไหนจะเมียแอนกับเมียอินอีก 5555+” ตันพูดติดตลก แต่ผมคิดจริงทุกครั้ง

“กวนตีนนะมึงอะ” แต่ในใจกูนี่สูบฉีดมาก 555+ ถึงผมจะไม่ชอบที่ตันพูดว่าผมเป็นเมียอยู่ก็เถอะแต่ผมชอบตันอะ จะไปโกรธมันลงได้ยังไง เอาจริงๆถึงผมจะชอบผู้ชายแต่ผมก็ไม่ได้ออกอาการเป็นเกย์ หรือตุ๊ดแต่อย่างใดนะครับ บุคลิกผมก็เหมือนผู้ชายทั่วๆไปนี่แหละ

คุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อยจนมาถึงบ้าน ผมลงจากรถเครื่องแล้วขอบคุณตัน ตันก็ยิ้มๆแล้วขับออกไป ผมยืนดูตันขับรถเครื่องห่างออกไปจนมองไม่เห็นแล้วจึงเข้าบ้าน

ในช่วงปีใหม่ผมกลับกำแพงเพชร ที่กำแพงเพชรมีข่าวดีมากเพราะน้าคนเล็กคลอดลูกคนแรกออกมาได้ลูกสาวครับ คลอดเมื่อวันที่ 27/12/54 ที่กำแพงเพชรช่วงนั้นอากาศก็ยังหนาวอยู่นะครับ วันที่ 31 ธ.ค. ผมส่งข้อความไปอวยพรปีใหม่ตันยาวมากๆ แต่จำไม่ได้แล้วว่าพิมพ์อะไรไปบ้าง ส่วนตันก็ส่งกลับมาเช่นกันแต่ผมก็จำไม่ได้อีกนั้นแหละว่าอวยพรอะไรบ้าง รู้แค่ว่าปีใหม่ตันไปเที่ยววังน้ำเขียวกับครอบครัว

.
.
.
.
.
.
คอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจกันหน่อยนะครับ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:41:16 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 24 หึงหวง

[วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2555]   

วันนี้ช่วงบ่ายผมได้รับสายจากป้าคนนั้น

“อินหรอลูกนี่แม่เองนะ” ป้าพูด

“แม่ไหนอะครับ”

“แม่ไง ป้าที่อยู่หอกับตันหนะ”

“อ๋อครับ สวัสดีครับแม่”

“จ้า แล้วนี่เลิกเรียนหรือยังอิน”

“เลิกแล้วครับ มีอะไรหรอครับ”

“อืม...อินรู้จักมิ้งใช่ไหม แม่อยากรู้ว่าลักษณะท่าทางและนิสัยของมิ้งเป็นยังไงอะลูก”

“ก็ขาวหน้าหมวยๆ อึ๋มๆอะแม่”

“รู้แค่นี้เองหรอ”

“ครับ คือผมไม่ค่อยสนิทอะครับ ต้องถามพวกน๊อตน่าจะดีกว่า”

“โอเคงั้นแม่ไม่รบกวนละแค่นี้นะ”

“ครับสวัสดีครับ” พูดจบก็วางสายไป

วันนี้หลังจากเลิกเรียนผมก็แวะไปเล่นเกมที่หอน๊อตเหมือนอย่างเคย ผมนั่งเล่นนารูโตะกับบิ๊กอยู่ 2 คน สนุกมากเลยครับ ส่วนชัย น๊อต และมั่น ออกไปทำงาน KFC กัน

ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงโทรศัพท์บิ๊ก)

“ว่าๆๆๆๆ” บิ๊กรับสาย

“เออแล้วใครไปมั้งว่ะ..........หรอ.......กูไม่ค่อยสบายว่ะไม่ไปละกัน............พวกน๊อตไปทำงานกันหมดเลยมีอินนั่งเล่นเกมอยู่เนี่ย.........เออๆงั้นเดี๋ยวให้มันไปแล้วกัน” ผมรู้บิ๊กคุยกันกับใครแต่คงเป็นเพื่อนนี่แหละครับ

“เออๆแค่นี้แหละ” พูดจบบิ๊กก็โยนมือถือขึ้นบนเตียงไป

“อินเดี๋ยวมึงไปตลาดหน้าศาลกับไอ้ตันมันหน่อยนะ มันกำลังมารับ” บิ๊กพูด

“อ่าวแล้วมึงอะ”

“กูไม่ไป” บิ๊กพูดอย่างเสียอารมณ์

“อ่าว” ผมงงอยู่ครับ จู่ๆส่งผมไปไม่ถามผมสักคำ

“อ่าวเหี้ยอะไรละ กูไม่ค่อยสบายว่ะโทษทีมึงไปเถอะ”

“เออๆ” ผมรับปากอย่างมึนงง เพราะเห็นว่าเกี่ยวกับตันหรอกนะผมถึงยอมแต่โดยดี

ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงมือถือบิ๊ก)

“เออว่า” บิ๊กรับสายแล้วพูด

“เออๆเดี๋ยวกูลงไป” บิ๊กพูดจบก็บอกผมว่าตันมาถึงแล้ว และบิ๊กกับผมก็เดินลงไปหน้าหอ

พอลงมาก็เห็นรถกระบะคันหนึ่งขันมาจอดหน้าหอ จากนั้นก็ลดกระจกลงทำให้รู้ว่าคนขับนั้นคือตัน

“อินขึ้นรถเร็ว” ตันชวนผมพร้อมกับยิ้มๆ

“จะไปไหนกัน” ผมพูดพร้อมกับมองเข้าไปเห็นมิ้งนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ส่วนป้านั่งอยู่ตรงแค็ปหลังคนขับ ในใจผมรู้สึกไม่ดีอย่างมาก ผมไม่ชอบมิ้งเลยอาจจะเป็นเพราะอารมณ์หึงของผมละมั้งครับ

“ไปหาอะไรกินกันตลาดหน้าศาลไง” ตันพูด

“ขึ้นมาเร็วอิน” ป้าบอก

“ผมไม่ไปแล้วกันครับแม่ มันเริ่มจะดึกแล้วเดี๋ยวแม่ผมด่าเอา”

“เอาหน้าเดี๋ยวแม่ให้ตันไปส่ง”

“อินขึ้นรถเร็ว” ตันชักชวนอีกครั้ง

“เออๆ” ในที่สุดผมก็ใจอ่อน ก่อนขึ้นรถผมหันไปมองบิ๊ก บิ๊กโบกมือบ๊ายบายใส่ผมแล้วก็เดินขึ้นห้องไป

ในระหว่างอยู่บนรถผมไม่ได้คุยอะไรเลย ได้แค่ฟังเสียงตันกับมิ้งนั่งคุยกันอยู่ 2 คน เมื่อมาถึงตลาดหน้าศาลตันก็พาเดินมากินร้านเมี่ยงปลาเผาร้านหนึ่ง

“อินกินอะไร” ตันถามพร้อมกับหยิบเมนูให้ผม

“กูไม่ค่อยหิวว่ะไม่กินแล้วกัน” ผมพูดแบบเรียบๆ

“กินเถอะอินแม่เลี้ยงเอง” ป้าพูด

“ผมไม่หิวจริงๆครับแม่ขอโทษด้วยนะครับ ผมขอออกไปเดินเล่นก่อนถ้าจะกลับโทรมาด้วยนะครับ” ผมพูดพร้อมกับลุกเดินออกไป ตันมองผมแบบงงทำอะไรไม่ถูก เมื่อก่อนผมทำอะไรไม่ค่อยคิดเท่าไหร่ จนมาถึงทุกวันนี้จึงคิดได้ว่าบางทีตัวเองก็ออกตัวแรงจนเกิดไป ถ้าเอาสถานะตามความเป็นจริงตันก็เป็นเพียงเพื่อนสนิทเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยมากกว่านี้ ยิ่งผมทำแบบนี้จะทำให้เพื่อนลำบากใจ

พอออกมาจากร้านเมี่ยงปลาเผาได้ ผมก็เดินวนอยู่ในตลาดในใจคิดโมโหตันอยู่ตลอดเวลา เห็นตันบอกว่าจะไม่สนใจไง เห็นบอกว่าเป็นกระหรี่ไม่หน้าคบไม่ใช่หรอ แล้วสิ่งที่เห็นมันคืออะไร เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าตันคิดอะไรอยู่ ผมเดินสักพักก็กลับไปรอที่รถของตันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงตันก็โทรมา

“อินเป็นอะไร อยู่ไหน” ตันถามอย่างเป็นห่วง

“ไม่ได้เป็นอะไร” ผมตอบ

“อ่าวแล้วที่เดินออกไปละ มันหมายความว่าอะไร” ตันเริ่มอารมณ์ขึ้นเหมือนกัน

“กูไม่หิวไงเลยไม่อยากนั่งรอ” ผมก็อารมณ์เสีย

“เป็นอะไรก็บอกกันดิว่ะ” ตันเริ่มขึ้นเสียง

“ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไงกูขอโทษก็แล้วกัน” ผมพูดออกแนวประชด

“เออๆช่างเถอะ แล้วนี่อยู่ไหนตันจะกลับแล้วนะมาเจอกันหน้าร้านเมี่ยงปลาเผานะ” ตันพูดตัดปัญหาเหมือนไม่อยากทะเลาะ

“รออยู่ที่รถละ” ผมตอบ

“อ่าวหรอ โอเคๆเดี๋ยวรีบไป” ตันพูดจบก็ว่างสายไปเลย

สักพักตันก็มา ขากลับนี้ป้าบอกให้ตันพาป้าไปส่งที่หอน๊อต ป้าแกอยากไปนั่งเล่น ส่วนมิ้งก็ลงที่หอน๊อตด้วยเช่นกัน แล้วป้าก็ให้ตันไปส่งผมที่บ้านส่งเสร็จค่อยกลับมารับแก

[บนรถตัน]

“อิน ตันรู้นะว่าอินเป็นอะไร” ตอนนี้ตันอารมณ์ปกติแล้วครับ

“อะไรละ” แต่ผมยังงอลๆอยู่

“อินไม่ชอบมิ้งใช่ไหมละ”

“อืม...มึงก็ไม่ชอบไม่ใช่หรอ...แล้วทำไมวันนี้สิ่งที่เห็นมันถึงไม่เหมือนกับคำที่พูดในวันนั้นอะ” ผมพูดอย่างอารมณ์เสีย

“อินใจเย็นๆก่อน ตันแค่ลองคุยเล่นไปแบบนั้นแหละตันก็รู้อยู่แล้วว่ามิ้งมันนิสัยเป็นยังไง ตันรู้นะว่าอินเป็นห่วงตัน อยากให้ตันเจอคนดีๆ” ตันคุยกับผมแบบใจเย็นมากๆครับตอนนั้น คงเป็นเพราะตันไม่อยากจะทะเลาะกับเพื่อนสนทิอย่างผม

“ตัน....ตันก็มีแอนอยู่แล้วทั้งคนไม่ใช่หรอแล้วทำไมถึงทำแบบนั้นหละ” พอได้พูดสิ่งที่อยากจะพูดผมก็สบายใจขึ้น จึงถามไปแบบอารมณ์ปกติ

“(ตันเงียบไปสักพัก) ตันแค่ลองคุยดูเฉยๆน่า อินอย่าคิดมากเลย ตันไม่เอาหรอกจริงๆ ถ้าอินไม่ชอบตันก็ไม่ยุ่งหรอก เพราะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตันเหมือนที่อินทำอยู่นี่ไง” ตันพูดพร้อมกับเอามือซ้ายมาแตะที่หน้าขาผมเบาๆ

“อืม เลิกยุ่งกับมันก็ดีแล้วตัน” ผมตอบอย่างสบายใจ

“เลิกอยู่แล้วตันแค่คุยเล่นๆ” ตันตอบ

ในที่สุดผมก็ใจเย็นลงเชื่อใจว่าหลังจากวันนี้ตันจะต้องเลิกแน่นอน

จากนั้นเราก็นั่งคุยกันในรถไปจนถึงบ้านผมครับ
.
.
.
.
.
.
.
แค่นี้ก่อนนะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามอ่านนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:42:04 โดย Nuda »

ออฟไลน์ Nuda

  • คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Cr.ท่านพุทธทาสภิกขุ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
บทที่ 25 ความรู้สึกของคนไม่ใช่ของเล่น

[วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2555]

มีโทรศัพท์โทรเข้ามาแต่เช้า

“ฮาโหลครับ”

“นี่แม่เองนะอิน” ป้าพูด

“ครับแม่”

“เออเมื่อคืนนี้แม่รู้นะว่าอินไม่ชอบมิ้งเพราะมิ้งเป็นคนไม่ดีใช่ไหมละลูก”

“ครับแม่”

“นั่นแหละแม่ก็รู้นะ แม่เตือนมันหลายทีแล้วมันก็ไม่เชื่อ เมื่อคืนมันมาเล่าให้แม่ฟังอยู่นะว่าอินเป็นห่วงตัน แม่ขอขอบใจนะลูก”

“ครับแม่”

“ตันเขาก็บอกว่าอินเป็นคนดี เออเข้าเรื่องเลยแล้วกันเมื่อคืนนี้แม่ลองโทรหามิ้งแต่ประชุมสายให้น๊อต มั่น บิ๊กและชัยฟัง เกี่ยวกับความรู้สึกที่มิ้งมันมีให้ตันหนะ”

“ครับแล้วเป็นยังไงมั้งหรอครับ”

“เรื่องมันยาวเอางี้ วันนี้ตอนเย็นอินลงมาเจอแม่ในเมืองหน่อยแม่จะหาซื้อเสื้อให้ตันพอดี วันจันทร์พวกเราจะไปทำงานที่เมืองโบราณกันไม่ใช่หรอ”

“ใช่ครับ”

“นั่นแหละแม่ก็เลยจะหาเสื้อหล่อๆให้ตันมันใส่ อินลงมาหน่อยแล้วกันแม่จะได้ให้ฟังเสียงที่แม่อัดไว้ตอนคุยกับมิ้งหนะ”

“ครับๆ” พูดจบก็วางสายไป

[ช่วงเย็น]

ผมขออนุญาตแม่ลงมาในเมืองโกหกแม่ว่ามาทำงานที่หอน๊อตแม่จึงอนุญาต ผมมารอป้าที่หน้าห้างในเมืองแห่งที่อยู่ตรงข้ามกับซอยหอน๊อตพอดี มาครั้งนี้ผมชวนชัยมาเป็นเพื่อนด้วยอีกคน สักพักป้าก็ลงรถเมย์มา

“แม่สวัสดีครับ” ผมกับชัยสวัสดีป้า

“สวัสดีลูกๆ เดี๋ยวแม่ขอเข้าร้านนี้ไปซื้อครีมให้ตันแปบนึงสิ” ข้างหน้าห้างจะมีร้านขายเครื่องสำอางอยู่ร้านหนึ่ง ผมกับชัยเดินตามป้าเข้าไป ป้าแกเดินไปหยิบครีมขวดนึง ถ้าจำไม่ผิดราคาประมาณ 600+ ป้าแกบอกว่าให้ผมจำไว้เผื่อวันหลังจะใช้ผมซื้อให้ตัน เดินออกมาจากร้านป้าก็พาพวกผมเดินไปอีกห้างหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างจากห้างเมื่อกี้เท่าไหร่

[ร้านเสื้อชั้น 4 ของห้าง]

“อินว่าเสื้อตัวนี้เป็นไงมั้ง” แม่ถามพร้อมกับหยิบเสื้อเชิ้ตสีดำตัวหนึ่งขึ้นมา

“ผมว่าไม่ค่อยเท่ห์เท่าไหร่ครับ อีกอย่างตันมีเสื้อตัวสีดำเยอะมากผมเห็นชอบใส่อยู่บ่อยๆ”

“อ่าวหรอแล้วอินว่าตัวไหนดีละ”

“ตัวนี้ครับ” ผมหยิบเสื้อเชิ้ตสีเทา สีเดียวกับตัวที่ผมใส่อยู่เหมือนกันเลยครับ ต่างแค่สีปกเสื้อเท่านั้น

“โอเคๆตัวนี้แล้วกัน” จากนั้นป้าแกก็เดินไปจ่ายเงิน แล้วเดินออกมาจากร้าน จากนั้นเราก็จะลงไปชั้น 1 เพื่อออกจากห้าง

เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ได้ไหมเธอ ยังรอเธอเสมอ ทุกครั้งที่หายใจ (เสียงมือถือป้า)

“ฮาโหล”

“เออ....แม่อยู่กับอินและไอ้ชัยเนี้ย....ได้เสื้อมาแล้วนะ.......อ๋อเมียมึงเป็นคนเลือกให้หนะ……อ่าววันนี้ไม่มารับแม่แล้วหรอ......เออๆงั้นแม่นอนหอไอ้น๊อตก่อนแล้วกัน.....เอองั้นแค่นี้แหละ” พูดจบก็วางสาย แค่นี้ผมก็รู้ว่าใครโทรมา 555+

“ตันโทรมา บอกว่าคืนนี้มารับแม่ไม่ได้ละ งั้นแม่ขอนอนค้างหอน๊อตสักคืนแล้วกัน” ป้าพูดกับชัย

“ได้ครับ ขอมันก็เหมือนหอผมแหละแม่ค่าหอหารกันจ่าย” ชัยบอก

“โอเคๆ งั้นเดี๋ยวอินเดินไปส่งแม่ที่หอน๊อตเลยนะจะได้เปิดเสียงที่แม่บันทึกไว้ตอนคุยกับมิ้งด้วย”

“ครับแม่ๆ”

แล้วเราก็เดินกลับหอน๊อตกัน ระหว่างกลับเดินผ่านวัดอยู่วัดหนึ่ง ข้างในเขาจัดงานอะไรสักอย่างไม่รู้ครับผู้เยอะมากมาย ป้าแกเลยชวนเข้าไปกัน ผมเห็นอยู่ซุ้มนึงเหมือนจะเกี่ยวกับจับฉลากพระ ผมเลยเดินเข้าไปเขาก็ให้ผมหยอด 20 บาท และเอามือล้วงเข้าไปในโหลนั้นมีพระเต็มไปหมดเลยครับ ไม่รู้มีพระอะไรบ้างเขาไม่ให้ดู ล้วงเสร็จผมก็หยิบขึ้นมาได้พระอะไรสักอย่างนี่แหละลืมไปแล้ว แล้วเราก็เดินเล่นงานวัดสักแปบก็กลับมาหอน๊อต

[หอน๊อต]

ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเลยครับ บิ๊ก ชัย น๊อต มั่น ผม และป้า

ป้าแกเปิดคลิปเสียงให้ฟังความยาว ประมาณ 3 ชั่วโมง ผมไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกันนานขนาดนี้ และก็จำไม่ได้แล้วด้วยว่าคุยอะไรบ้าง แต่พอสรุปได้ว่า มิ้งไม่ได้ชอบตัน คิดกันตันแค่เพื่อนเท่านั้น ฟังเสร็จป้าก็บอกว่าพรุ่งนี้ตันจะต้องมานอนที่หอน๊อตเพราะเช้าวันจันทร์ทุกคนจะต้องไปเมืองโบราณกันแต่เช้า ป้าจึงอยากให้ผมมาที่หออีกครั้งเพื่อยืนยันว่ามิ้งไม่ได้ชอบตัน เพราะป้าและเพื่อนคนอื่นๆโทรไปบอกหมดแล้วแต่ตันก็ไม่เชื่อ ป้าแกบอกว่าคงมีเพียงแค่ผมที่ตันจะเชื่อแค่คนเดียวและอยากให้บอกต่อหน้า ผมก็ตอบตกลงไป จากนั้นชัยก็ขับรถเครื่องของน๊อตไปส่งผมที่บ้าน

[วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2555]

ช่วงเย็นวันนี้ก่อนออกจากบ้านผมโกหกแม่อีกเช่นเคยว่ามาคุยนัดแนะเรื่องที่จะไปเมืองโบราณในวันพรุ่งนี้

[หอน๊อต]

“แม่สวัสดีครับ” ผมเดินเข้าห้องน๊อตมาก็เจอป้าแกนั่งอยู่ พร้อมกับบิ๊กที่เล่นเกมอยู่กับน๊อต ส่วนชัยกับมั่นก็นอนเล่นเฉยๆ

“สวัสดีครับอิน มานั่งก่อนเดี๋ยวตันก็จะมาถึงแล้ว” ป้าพูด ผมก็เดินไปนั่งใกล้ๆแก

“เดี๋ยวพอตันมาแม่จะคุยกับมันก่อน เสร็จแล้วมันต้องมาถามอินแน่นอนอินก็ตอบไปตามที่เราฟังกันเมื่อวานนั่นแหละลูก” ป้าพูด

“ครับๆ”

“ขอบใจมากอินที่ช่วยแม่” เวลา 20.00 น. ตันก็เดินเข้ามาในห้องครับ หน้าตาตันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่คงรู้ว่าป้าจะต้องบอกอะไรแน่นอน อีกใจนึงก็คงจะอายผมด้วยละมั้งครับที่ตันบอกกับผมไว้ว่างจะเลิกยุ่งแต่แล้วก็ไม่ได้เลิกยุ่งอย่างที่พูด

“ตันเอากระเป๋าวางแล้วมานั่งคุยกับแม่หน่อย” ป้าพูด ตันก็วางกระเป๋าไว้บนเตียงแล้วลงมานั่งคุยกับป้า

“ตันต้องเชื่อแม่นะ มิ่งมันไม่ได้ชอบมึงนะตัน” ป้าพูด ส่วนตันก็ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่

“ถ้าตันไม่เชื่อตันก็ถามเพื่อนรักของตันสิ” ป้าพูดจบ ตันหันมาหาผมซึ่งนั่งอยู่ติดกันเลย

“จริงหรออิน....” ตันจับหัวเข่าผมเขย่าแล้วพูด

“อืม...จริง....” ผมพูด ตันถึงกับน้ำตาคลอเลยครับ ผมเพิ่งเคยเห็นตันเป็นแบบนี้ครั้งแรก

ในระหว่างที่ตันกำลังต้องการกำลังใจ ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

“นี่ไงมันมาแล้ว ถ้ายังไม่เชื่อก็ฟังจากปากมิ้งเอาแล้วกันตัน” ป้าพูด

“มิ้งรู้สึกยังไงกับตันก็พูดไป” ป้าแกสั่ง

“คือมิ้งไม่ได้คิดอะไรกับตันเลยนะ รู้สึกแค่เพื่อนเฉยๆอะ” มิ้งยืนพูดอยู่หน้าห้อง

“แล้วทำไมต้องมาหลอกกัน ทำไมต้องมาเล่นกับความรู้สึกคนอื่นแบบนี้” ตันพูด

“ตัดคิดไปเองหรือป่าว และเรื่องที่ตันพามิ้งไปกินไปเที่ยว มิ้งก็ไม่เคยขอนะ ตันพาไปเองทั้งนั้น” มิ้งพูดคำนี้ออกมาตันถึงกับก้มหน้า บีบหัวเข่าผมแรงมาก ผมจับมือตันทั้ง 2 ข้างที่บีบหัวเข่าผมอยู่ เพื่อเป็นการให้กำลังใจตัน

“ถ้าไม่รักกันชอบกันก็ไปเถอะ…..” ตันพูดแววตาสีแดงเหมือนจะร้องไห้ พูดจบมิ้งก็เดินหายไปเลย

“เห็นไหมละตันแม่บอกแล้วไม่เชื่อ เพื่อนๆเขาก็หวังดีกับมึงทั้งนั้นถึงได้ค่อยบอกคอยเตือน” ป้าพูด ตันไม่พูดอะไรทั้งนั้น แล้วพวกน๊อตก็มาปลอบใจตันกันยกใหญ่ ผมมองดูเวลานี่ก็ 3 ทุ่มกว่าแล้ว ตันขอให้ผมนอนที่นี่ด้วยผมทนการอ้อนของมันไม่ไหวจึงให้ชัยพาไปเก็บของและอาบน้ำที่บ้านเพื่อมานอนที่นี่ ผมกลับไปขอแม่บอกว่าพรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้าเลยขอนอนที่หอน๊อตเลยแม่ผมก็อนุญาต

กลับมาถึงห้องน๊อต ก็เห็นน๊อตซื้อเบียร์มานั่งกันกับตัน บิ๊ก และมั่น คงจะกินฉลองวันอกหักของตันละมั้งครับ ส่วนผมก็นั่งเล่นเกมกับชัย

“มั่นพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชลหน่อยลูก” ป้าพูดขอให้มั่นพาไปหาหมอ

“ครับแม่” มั่นวางแก้วเบียร์แล้วหยิบกุญแจรถเครื่องมา และพาป้าไปโรงพยาบาล

เวลาผ่านไปจนกระทั้งเวลา 24.00 น.

“ง่วงว่ะ กูขอตัวนอนก่อนนะ” ผมพูด

“เออ ขึ้นไปนอนบนเตียงกูเลย” น๊อตพูด ขอพูดถึงสภาพห้องหน่อยนะครับ ห้องไม่ใหญ่มาก เดินเข้ามาจะเจอทีวีกับเกมเพล หันไปทางซ้ายมาจะมีที่นอนวานอยู่บนพื้นและอีกเตียงที่ติดกันจะเป็นเตียงที่มีสูง ติดกับเตียงสูงจะเป็น ห้องน้ำ บอกตามตรงเลยว่าตอนนี้อยู่กัน 7 คน อึดอัดมากครับ

“โอเคๆ” ผมพูดจบก็ขึ้นไปนอนบนเตียง

“นอนด้วยดิ” ตันพูดจบก็วางแก้วแล้วขึ้นมานอนกับเตียงกับผม

“อะไรว่ะตัน นี่กูกินเพื่อมึงเลยนะเนี้ย” น๊อตพูด

“เออพอเถอะพวกมึง พรุ่งนี้ต้องตื่นกันแต่เช้านะ” ตันพูด

“ขออีกแปบแล้วกัน” น๊อตพูด พร้อมกับลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่เดินไปเข้าห้องน้ำก็ต้องเดินผ่านเตียงที่ผมกับตันนอนอยู่ น๊อตมันแกล้งผมโดยการจับขาตันข้างซ้ายโยนใส่ท้องผม ซึ่งตอนนั้นผมกำลังจะหลับเลย

“อุ้ย!!!” ผมจุกนิดๆ เพราะขาซ้ายของตันถูกวางไว้บนหน้าท้องของผม เห็นผมร้องแบบนี้ตันมันก็ไม่เอาขาออกนะครับ คงจะแกล้งผมอีกแน่นอน แต่ผมก็ไม่ได้อะไรเพราะเป็นขาตันนะผมถึงยอม 555+

แปะ!!! (เสียงปิดไฟในห้อง)

บิ๊กลุกขึ้นปิดไฟ ในห้องมืดลงมีเพียงแสงทีวีที่พวกน๊อตดูรายการอะไรไปเรื่อยเปื่อย ส่วนป้าแกนอนเล่นมือถืออยู่ที่นอนข้างล่าง

“ตันลงมานอนกับแม่มา” ป้าพูด

“.........” ตันนอนเงียบๆไม่ตอบอะไร

“ตัน....ลงมา” คราวนี้ป้าแกดึงขาข้างขวาของตันเหมือนจะให้ตันลงมา แต่ตันก็นอนอยู่เงียบๆ ทีนี้ผมก็กลัวว่าป้าแกจะดึงจนตันล่วงลงไป ผมเลยเอาแขน 2 ข้างของผมกอดขาข้างซ้ายของตันเอาไว้แน่นอน ในความมืดไม่มีใครเห็นเลยครับ อีกอย่างพวกน๊อตก็ไม่ได้สนใจอะไรดูทีวีกินเบียร์ไปเรื่อยเปื่อยป้าแกดึงอยู่นานแต่คงสู้แรงผมไม่ไหว

“โอ้ยแม่ตันจะนอนบนนี้” ตันลืมตาขึ้นแล้วพูด ป้าแกก็ปล่อยมือแล้วลงไปนอนเล่นมือถือแบบเดิม

ส่วนผมที่นอนกอดขาตันไว้อยู่ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะขาทับท้องผมเต็มๆเลย

“อินนอนถนัดป่าว” ตันหันหน้ามาหาผมแล้วพูดเบาๆ

“........” ผมไม่ได้ตอบอะไร

“งั้นอินก็พลิกตัวนอนตะแคงมาหาตันนะ” ตันพูดจบผมก็เปลี่ยนท่านอนเป็นตะแคงข้างเข้าหาตัน แล้วตันก็เอาขาข้างซ้ายมาก่ายตรงเอวของผม เพราะผมเปลี่ยนมานอนตะแคงแล้ว จากนั้นผมก็เอาแขนซ้ายมาไว้ตรงระหว่างขาของตัน ซึ่งครั้งนี้แขนผมว่างจนเกือบโดน Egg แล้วครับแต่เอยู่ตรงขอบ กกน. ของตัน ตันก็ไม่ได้ว่าอะไร ตันนอนเงียบๆบวกกับในห้องมืดด้วย ผมค่อยๆเอาแขนตัวเองที่วางอยู่ระหว่างขาของตันมาจับที่น่องของตัน ผมกลั้นใจค่อยๆบีบอย่างเบาๆ มือผมสั่นไปหมด เห็นตันนอนเงียบไม่พูดอะไร ผมก็ได้ใจใหญ่เลยคราวนี้ทั้งบีบทั้งลูบเลยครับ ตั้งแต่หัวเข่ามาจนถึงขาอ่อน ซึ่งผมทำได้แค่นี้จริงๆ ผมไม่กล้าทำขึ้นไปมากกว่านี้อีกแล้ว บีบนวดลูบคลำไปมาอยู่นาน ผมมองหน้าตันที่หลับอยู่หน้าตันยิ้มด้วย ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือป่าว

เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ได้ไหมเธอ ยังรอเธอเสมอ ทุกครั้งที่หายใจ (เสียงมือถือป้า)

“ฮาโหล” ป้ารับสาย

“อ่าวก็ไหนบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับตันมันไม่ใช่หรอ…….เนี่ยตันมันกินเหล้าย้อมใจตัวเองเมาใหญ่เลย......อ่าๆคุยกันเองแล้วกันนะ” ดูจากการคุยมิ้งคงโทรมาแน่นอนเลยครับ ครั้งนี้ตันลืมตาตื่นเลย

“ตัน มิ้งมันจะคุยด้วย” ป้าส่งมือถือให้ตัน

“ไม่คุยแล้วแม่....จะต้องคุยอะไรกันอีก”

“เอาไปก่อนเร็วๆ” ป้าสั่ง ตันจึงรับมือถือป้าไปคุย

“ฮาโหลลลลลลลล” ตันทำเสียงเมา

“มิ้งจาโทรกาบมาทามมายอีก มิ้งม่ายรากตานม่ายช่ายหรอ ตานเจบมามากแล้ว ต่อปายเน้ตานจาชอบเกย์ ตู๊ด กาเทยแล้วววววว ผู้หญิงมานเลวววววว” ตันพูด พร้อมกับมองมาที่ผมที่กำลังบีบนวดอยู่ ตันยิ้มอ่อนๆให้ผม ตอนนั้นหน้าผมร้อนมากครับ และจำไม่ได้แล้วว่าตันคุยอะไรกับมิ้งบ้าง แต่จับใจความได้ประมาณว่าตันตัดใจจากมิ้งแล้ว

เมื่อคุยเสร็จตันก็ส่งมือถือให้ป้า พร้อมกับเอาขาที่วางกายผมอยู่ออก ผมจึงละมือจากการทำอกุศลแล้วนอน
.
.
.
.
.
.
แค่นี้ก่อนนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2018 07:42:34 โดย Nuda »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด