ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า THE END (12/1/19)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า THE END (12/1/19)  (อ่าน 6899 ครั้ง)

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า


ความสัมพันธ์ทางกายไม่เคยผูกมัดใครได้ ถ้าหัวใจไม่ให้ความร่วมมือ


เรื่องนี้ภาคแยกของ เช่นทินกรอ่อนแสง และ คนบนเตียง   ได้กันข้ามเรื่อง!!!




ทนาย กิตวิบูรณ์ (โม) อายุ 25 ปี

: พนักงานไอที

โมคือดวงดาวสีเทาอ่อน มีความรัก มีเพื่อนรัก มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่ได้ให้กับคนเพียงคนเดียว ต่อให้รักมากแค่ไหนก็ไม่ได้อะไรเกินจากคำว่า...เพื่อนสนิท...





สุรวัฒน์ เสกพงษ์ (เนส) อายุ 19 ปี

: นักศึกษา ปี 1 คณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชาดุริยางคศิลป์ตะวันตก

เนสคือดวงดาวสีแปลกตาไม่มีชื่อเรียกของสี มีความคิดแปลกแยก มีชีวิตที่แตกต่าง เป็นดวงดาวที่จัดอยู่ในหมวด อื่นๆ







“ดาวสองดวงที่กระพริบอยู่ข้างกัน จะทักทายกันบ้างไหมนะ”

คนอายุเยอะกว่าแค่มองแต่ไม่คิดจะตอบอะไร เด็กที่สงสัยต่อโลก พอโตขึ้นก็รู้เองว่าเสียเวลาหาคำตอบ



“พี่..ชื่ออะไรเหรอ”

“โม...ถามทำไมพรุ่งนี้ก็ไม่ได้เจอกันแล้วป่ะ”



“ไม่ได้เจอกัน ก็เก็บไว้คิดถึงกันได้นี้นา ผมชื่อเนส เผื่อพี่จะเปลี่ยนใจอยากคิดถึงผมขึ้นมาไง”



ก็แค่ดาวสองดวงที่บังเอิญโคจรมาเจอกัน ไม่นานก็จะหายลับไปคนละขอบของจักรวาล








นิยายในเซ็ตนี้

ดั่งดาวดาวที่อ่อนล้า  (อีโรติกหน่วง)

ดุจจันทราที่อ่อนแรง  (รักโรแมนติก)

เช่นทินกรที่อ่อนแสง    (ดราม่า)

เหมือนเช่นแรงแห่งอรุณ (ยังไม่ได้ลง)
[/b]
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 13:15:55 โดย antivirus »

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 1

จ้องตา
[/size]






; การโคจรของดวงดาว เป็นความบังเอิญ ที่ส่งผลต่อหัวใจ



ฟ้ากลางคืนกับเสียงคลื่นก็ยังน่าค้นหาเช่นทุกครั้ง สองร่างที่กำลังประกบปากกันอยู่ ถึงลับสายตาผู้คน แต่ถ้าไม่เมาและอ่อนแอจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้จริงๆ เรื่องแบบนั้นคงไม่เกิด



ริมฝีปากแนบริมฝีปาก ตั้งใจแลกเปลี่ยนความหวานของปลายลิ้น มือล้วงจับไปตามที่ใจอยากไม่มีกฎมีแค่ความต้องการจะปลดปล่อย อย่าถามหาคำว่ารักเพราะมันแค่ความสุขชั่วคราว เมื่ออีกคนเมา และอีกคนอยากเอาใครสักคน วินวินได้กันทั้งคู่ไม่มีใครเสีย



ปลายเท้าสัมผัสหาดทรายเม็ดเล็กละเอียด มีน้ำทะเลกระทบฝั่งเข้ามาอีกนิดก็จะถึงแต่ก็ไม่ถึง

นั่งจูบนั่งจับ จนได้จังหวะที่คู่ควร คนที่ดูมีวุฒิภาวะกว่าจับไหล่อีกคนกดลงนอน



“ผมไม่ให้..” เสียงทุ้มของคนที่ดูเด็กกว่า คนฟังไม่สนใจเขาไม่เคยคิดจะให้ใครมากดเหมือนกัน



“พี่ก็ไม่รับให้ใคร” เมื่อได้ยินประโยคนั้น อกของคนที่เรียกตัวเองว่าพี่ก็ถูกยันออกห่าง

กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแท้ๆ กิจกรรมหยุดลงชั่วขณะเพราะไม่มีใครยอมเสียให้ใคร ตอนนี้เลยต้องเริ่มจากศูนย์ นั่งชันเข่ามองน้ำมองฟ้าข่มใจ

“เห็นหน้าใสนึกว่าจะรับได้เลยชวนมา” บุหรี่ถูกคีบมาจุดแล้วยกสูบควัน ผ่อนคลายอารมณ์งุ่นง่านที่ยังไม่ยอมลงสักที



“ผมหล่อขนาดนี้พี่ว่าผมเป็นรับเหรอ” รุ่นน้องโวยวายแข่งเสียงคลื่น



“เฮ้อออ ใครจะไปรู้ละ เกิดมาก็เพิ่งเคยรักผู้ชายอยู่คนเดียว” คนพูดล้มตัวนอน เหยียดแขนไล่อาการทั้งหลายแหล่ รุ่นน้องหน้าใสจ้องส่วนกลางลำตัวที่ยังตุงแน่นของอีกฝ่าย เลียปากอย่างไม่ได้ตั้งใจ จูบยังตราตรึง แต่เกิดมาไม่เคยรับให้ใคร กลัวไม่ไหวนะสิ



“เคยรักผู้ชายมาแค่คนเดียว อย่าบอกนะว่าคือผม” หันไปต่อบทสนทนาน่าจะดีกว่าจ้องส่วนน่าสนใจ

“เราเพิ่งจะเจอกันไม่ถึงสองชั่วโมง พี่ไม่ได้ใจง่าย” นั่นก็ชัดเจนดี

“แซวเล่นน่า”

“แต่น้องก็..น่าสนใจนะ”



เคยเจอใครบางคนไหม...ที่เป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกอย่างในชีวิตเรา

ขอแค่เป็นเขา เรายอมผิดกฎของตัวเอง...







“เอางี๊..โยนหัวก้อย” ข้อเสนอจากรุ่นน้องดังขึ้น หลังจากอดใจกับเป้าตุงตรงหน้าไม่ได้อีกต่อไป

“หื้มมม” สายตาล้อเลียนจากคนที่เพิ่งจะดับบุหรี่ด้วยการปักลงบนพื้นทรายเปียก



“ถ้าพี่ไม่สนผมกลับนะ” ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินจากไป

คนนอนอยู่ลุกยืน “เดี๋ยวสิ..ใจร้อนไปได้” รั้งแขนอีกคนไว้ ดึงให้หันหน้ามาจ้องกัน



“ใครหลบตาก่อน...รับ..” เสนอกติกาใหม่ที่ชวนใจเต้นแรงกว่าโยนเหรียญเป็นไหนๆ



ดวงดาวนับพันดวงปรากฏแก่สายตาของกันและกัน ว่ากันว่าถ้าเราจ้องตาใครนานๆ คนแปลกหน้าจะกลายเป็นคนรู้จัก และถ้ายังไม่ละสายตาวันข้างหน้าเราจะสนิทกัน





นัยน์ตาของคนอ่อนวัยกว่ามันสุกสว่างใต้แสงจันทร์ เป็นดวงตาสีแปลกกำหนดเฉดสีไม่ได้ “ตาน้องน่าค้นหาจัง”



อีกคนพบกับดวงตาสีเทาอ่อนที่ไม่ได้ยิ้มตามรูปปาก มีความเศร้าและความผิดหวังซุกอยู่ ไม่ชัดนักแต่ก็พอจะมองเห็น “ตาพี่ก็เศร้าดีจัง”





“ความเศร้ามันดีตรงไหน”

“ผมไม่ได้พูดว่าความเศร้ามันดี บอกว่าตาพี่...เศร้าดีต่างหาก”



ความเศร้าเป็นความรู้สึกที่ขี้อาย มันมักจะทำให้เราไม่กล้าเผชิญหน้ากับอะไรทั้งนั้น

“อ่ะ..พี่แพ้..นะครับ..”



คนแพ้มองฟ้า พ่นลมหายใจแล้วคว้าคออีกคนมาจูบอีกครั้ง มือจับปั่นอารมณ์กันใหม่อีกรอบ แทบไม่ต้องปลุก เพราะไฟที่เคยลุกยังไม่มอด ความที่พื้นทรายอาจจะเปียกและระคายผิวได้ บทรักในน้ำข้างโขดหินจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด



“พี่จะมีครีบโผล่มาไหม” ยังจะมีอารมณ์มาเล่นสนุก

“ไม่ใช่เงือก อ๊ะ..อืมมม” ยังไม่ทันได้ต่อมุขก็ถูกรุกเข้าที่ส่วนสำคัญ ท่าทางเด็กคนนี้จะใจร้อน เล้าโลมนานหน่อยก็ไม่ได้



“รีบไปต่อที่..อืมม..ไหน..”

หน้าอกถูกชิมผ่านเสื้อผืนบาง เสื้อชื้นน้ำลายแต่เนื้อข้างในแข็งเป็นไตสู้ปาก



“จะครางหรือจะสงสัยพี่ควรเลือกสักอย่างนะครับ” สายตาคนมีอายุกว่าจ้องกลับ ล้อเลียนคนเสียวมันบาปไม่รู้รึไง



มือใครของใครเริ่มแยกยาก จับบีบไปตามอารมณ์ที่อยากแสนอยาก อยากขนาดที่ว่าถอดผ้าต่อหน้าคนไม่รู้จักได้ มันต้องอยากขนาดไหนกัน



“พี่....ดีมากเลย...” ถ้าน้องจะเสียงหวานปานจะขาดใจขนาดนี้ เปลี่ยนมารับแทนพี่จะดีกว่าไหม ถึงจะไม่ได้ดูบอบบางน่าถนอมเหมือนคนที่เขารัก แต่ก็ไม่แย่นักสำหรับคนแปลกหน้า



ใจแลกใจกล้าใช้ปากให้เพราะของดูสดสะอาด คนโดนชิมตอนนี้รู้สึกไหลไปรอบกาย อากาศดีไม่หนาวไม่ร้อน แต่น้ำทะเลอุ่นพอดี หรือร่างกายตอนนี้มันร้อนเกินไปถึงได้ทำให้น้ำมันอุ่นได้ก็ไม่รู้



มือขยำเส้นผมของคนที่ขยับปากเข้าออกตรงกลางลำตัว รู้สึกความต้องการพองขึ้นแทบระเบิด เต้นตุบๆ ทั้งหัวใจและส่วนอ่อนไหว เสียวซ่านยิ่งกว่าเสียงซ่าของคลื่น ที่กระทบหินจนสาดกระเซ็น ไม่นานก็ปลดปล่อยตามกันไปอีกรอบ ยิ่งกว่าอะไรคือเริ่มติดใจฝีมือการรีดน้ำด้วยปากของกันและกันซะแล้ว



“หุ่นดีเป็นบ้าเลย” เสียงคนอ่อนกว่าเอ่ยชม รุ่นพี่ยักคิ้วแล้วก้มซุกลำคอขาว ฟัดกันไปมา แรงทั้งคู่ถือว่าสูสี จนในที่สุด น้องจับพลิกร่างคนแพ้ให้หันหลัง สองมือนั้นยันไว้ที่หินก้อนใหญ่ตรงหน้า







“อ่ะ...เปลี่ยนใจทันไหม มันเจ็บ” ปลาทูจะเข้าปากแมวมีหรือจะปล่อย รุ่นน้องพรบจูบแล้วเร่งปลายนิ้วควานหาจุดพ่ายแพ้ ไม่นานเสียงครางทุ้มต่ำก็ดังขึ้น ถึงเวลาที่เฝ้ารอ ดวงดาวสองดวงโคจรมาบรรจบกัน เป็นจังหวะที่พระจันทร์เท่านั้นจะล่วงรู้ น้ำที่ระดับขาเย็นขึ้นแต่ไม่อาจดับความกระหายใคร่อยากได้ เสียงหยาบโลนปนเปเสียงธรรมชาติ ฟังแล้วปลุกปั่นอารมณ์ได้ดี



“เจ็บอยู่เหรอ” คนหลังถามเมื่อเห็นอีกคนกำมือแน่น

“เสียว” สั้นง่ายได้ใจคนแทง หน้าคมก้มลงจูบแผ่นหลังแกร่ง กล้ามเนื้อสวยจนน่าอิจฉา



เซ็กส์คือความสุข สุขกายมันสุขจนบรรยายไม่สุดในขณะนี้ มืออ้อมมาจับขยับขึ้นลงให้คนโดนเสียบ ทำเอาคนโดนปรนเปรอเผลอครางเสียงดัง เนื้อกายเสียดสีเข้าออก หาดธรรมดากำลังจะเปลี่ยนเป็นหาดสวรรค์ ในหัวว่างเปล่ารู้แค่ต้องขยับอย่าหยุด เสียงอื่นใดไม่ดังเท่าเสียงน้ำคาวราคะ เสียงดังจนล้างความเขินอายไปได้หมด



“น้องเร่งหน่อยพี่ไม่ไหวแล้ว” ทั้งเร่งทั้งแรงไม่ต้องยั้ง ครั้งแรกจะแหกจะพังตอนนี้ไม่มีใครสนมันถึงใจ จนขาอ่อน หมดแรงทั้งคู่ เมื่อปลดปล่อยสมใจอยาก หันหน้ามาซบกันและกัน เสียงครางแปรเป็นเสียงหอบหายใจ



“เจ็บไหมพี่” ยกมือลูบสะโพกให้เป็นการปลอบขวัญ ลูบไปลูบมาก็อยากบีบให้ได้มาอีกรอบ

“ลองไหมล่ะ” แต่ไม่เอาดีกว่า “ผมยังไม่พร้อม ไว้คราวหน้าเถอะ”



พูดไปอย่างนั้นเอง เจอกันอีกจะจำหน้ากันได้รึเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ



รุ่นน้องเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาส่งให้รุ่นพี่ ของใช้เดียวที่เคยสำคัญถูกถอดออก



“ใส่ถุงตอนไหน ไม่ทันเห็น”

“ตอน...พี่คราง”

“ก็ครางตลอดนะ”



น้องส่ายหน้าหัวเราะ “ให้ตายพี่แม่งตรงดีจัง”

“จะอ้อมทำไมเปลืองน้ำมัน”

“หน้าตาดีมีอารมณ์ขัด ผมชอบ” รุ่นพี่ยักไหล่ไม่สนใจจะต่อมุขหยอด



ตอนนี้หมดแรงมานอนมองฟ้า มีแรงแล้วค่อยลาจาก



“น่าจะใกล้ตีห้าแล้ว”

“พี่รู้ได้ไง”

“นั่นเขาเรียกทางช้างเผือก มันจะเห็นได้ช่วงตีสี่ใกล้ตีห้าถึงหกโมง” นิ้วชี้ไปที่แถบขมุกขมัวคล้ายกลุ่มเมฆ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นลำแสงสว่างสีขาว พาดยาวอยู่บนท้องฟ้า



“อย่าบอกว่าพี่ทำงานนาซ่า”

“อือนี่ก็ขับยานมาจอดอยู่หน้าหาด ถุ้ย...”

รุ่นน้องหัวเราะร่ากับมุขบ้าบอ



“ดาราศาสตร์เบื้องต้นมอสี่ก็ได้เรียนนะ เราอายุเท่าไหร่เนี่ยถึงสิบห้ารึยัง”

“ถามแบบนี้กลัวคุกเหรอ”

“กลัวทำไม ใครเป็นคนแทงคิดดูให้ดี”

“อ่ะผมยอมก็ได้ แล้วนี่เจ็บมากไหม ให้ผมไปส่งที่ห้องรึเปล่า”

“ไม่ต้องหรอกครับ”

“นี่แอบแฟนมาป่ะเนี่ย”

“คงงั้น ไปส่งพี่ถึงห้องนี่อยากลองเจ็บเหรอครับ”



เสียงบทสนทนาแว่วมาเป็นระยะ ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่อง ท้องฟ้า กับเรื่องอย่างว่า







“ดาวสองดวงที่กะพริบอยู่ข้างกัน จะทักทายกันบ้างไหมนะ”

คนฟังแค่มองแต่ไม่คิดจะตอบอะไร เด็กที่สงสัยต่อโลก พอโตขึ้นก็รู้เองว่าเสียเวลาหาคำตอบ



“พี่..ชื่ออะไรเหรอ”

“โม...ถามทำไมพรุ่งนี้ก็ไม่ได้เจอกันแล้ว”

“พรุ่งนี้พี่โมจะกลับแล้วเหรอครับ”

“ใช่ครับ”

“พี่โม..ถ้าเจอกันคราวหน้าผม..ขอจับมือพี่ได้ไหมครับ”

“คิดว่าจะเจอกันอีกเหรอ”



รุ่นน้องส่งยิ้ม......



“ไม่ได้เจอกัน ก็เก็บไว้คิดถึงกันก็ได้นี้นา ผมชื่อเนส เผื่อพี่จะเปลี่ยนใจอยากคิดถึงผมขึ้นมาไง”







เป็นแค่..ดาวสองดวงที่มีสิทธิ์ "คิดถึง" แต่ ไม่มีสิทธิ์ "รู้จัก"



ก็แค่..ดาวสองดวงที่บังเอิญโคจรมาเจอกัน ไม่นานก็จะหายลับไปคนละขอบของจักรวาล









#ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า

By symbol A
 

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 2

จับมือ
[/size]









; การโคจรของดวงดาว เป็นความบังเอิญ ที่ส่งผลต่อหัวใจ



ถ้าคนแปลกหน้าหมายถึงไม่เคยเจอกันมาก่อน คนที่ผมเห็นในระยะสายตาตอนนี้ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่รู้จักในแบบต้องไปทักทายกันไหม ก็คงไม่



“มึงมองใครอยู่วะ” บี๋หันมาถาม ผมได้แต่โกหกไปว่าเปล่า จะให้บอกว่าเจอคนที่เคยเอามันก็กระดากปาก แต่จะให้บอกว่าคนรู้จักก็คงมีคำถามต่อมาว่ารู้จักได้ยังไง เป็นใครตามมาอีกมากมาย ผมคงไม่ต้องวุ่นวายหาคำตอบเพราะ เพื่อนสนิทมันหันไปสนใจคนบนเวทีแล้ว



“งื้ออ พี่กาศเท่” ได้แต่ถอนใจส่ายหน้าให้กับเพื่อนที่เข้าขั้นบ้าผัวตัวเอง อวยยิ่งกว่าพิธีกรบนเวทีซะอีก

“สำนักพิมพ์ควรจ้างมึงไปเป็นพิธีกร” บี๋หันมาทำหน้าไม่แคร์



งานเปิดตัวหนังสือใหม่ของคุณนักเขียนใหญ่ นามปากกาโอโซน หรือพี่กาศพี่ชายข้างบ้านสุดหล่อที่เป็นแฟนไอ่บี๋ เพื่อนสนิทที่ผมดันไปหลงรักนั่นแหละ



“มึงระวังดิฟ่านชนคนอื่นเขาแล้วเนี่ย” เสียงคุ้นหู ผมจำเสียงเขาได้และจำได้ดีว่าเขาชื่อ ‘เนส’ คนที่ผมเห็นอยู่ในสายตาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนั่นแหละ ใช้จังหวะที่บี๋มันลุกขึ้นยืนอัดวิดีโอ เบี่ยงตัวให้มันบังกาย แล้วหลบทำไมผมก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีเนสมันจำผมไม่ได้ด้วยซ้ำ



“เนสสสสสสส”

เสียงแง๊วของเด็กอีกคนที่เหมือน..แฟน.. ได้แต่สงสัยมึงมีแฟนหน้าตาดีขนาดนี้ยังมาหาเศษหาเลยกับกูเพื่ออออ



“ตื่นเต้นละสิมึง” เนสว่าแล้วก็โยกหัว..แฟน...ของมันไปมา



ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอแอบมองสองคนนั้นคุยกันไปนานแค่ไหน แต่ตอนนี้ช่างเรื่องมารยาททางสังคมไปก่อนเถอะ จากที่ (แอบ) ฟัง คำพูดไม่ค่อยหวานเหมือนแฟนก็จริง แต่ท่าทางอ่อนโยนของเนสนั้นทำเอาผมเริ่มไม่อยากรับรู้ ทำไมต้องหงุดหงิด รู้แต่ว่ามันไม่ชอบใจ คล้าย..คล้าย..ตอนเห็นบี๋สวีทกับพี่กาศ



ตึ่ง!!!!



ไม่จริงผมไม่ได้หึงเนสนะ ไม่จริ๊งงงงงง



หึงในฐานะอะไรได้บ้าง นั่งคิดนอนคิด บ๋อแบ๋ในความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขา



“มึงนี่จริงๆ เลย ไหนหาดูดียัง” เสียงเนสปลุกผมจากการเถียงตัวเอง

“ทำไงล้า ก็กูตื่นเต้นมากจนได้หลังลืมหน้า”



สำเนียงไทยไม่ชัดนี่คือลูกครึ่งหรือต่างชาติ เล่นของนอกเลยเหรอวะ



“ได้หน้าลืมหลังไอ่ต่างชาติเอ้ยย กูว่ามึงเลิกพูดภาษิตไทยเถอะกูละสงสาร”

เนสว่าคนของมัน แต่เหมือนตอบคำถามผมไปด้วยในที





“น้องฟ่านฟงนี่นา” เสียงเด็กนักศึกษาที่นั่งแถวหน้าดังขึ้น

ผมไม่ได้หันไปแต่ตั้งใจฟังหนักมาก



“มางานนี้ไม่ผิดหวังเลย เทวาของช้านน มากับพี่โมด้วยอ่ะแกน่าร้ากก”

ดูท่าทางจะปลื้มน้องฟ่านอะไรนั่นเอามาก ไปขอลายเซ็นเลยเซ่



“เป็นแฟนกันเหรอตัวติดกันตลอดเว”

“ง่า เขาได้กันแล้วแก ฟินนนนน”



สองมือผมกำแน่น ไม่รู้ว่าตอนนี้ทำหน้าแบบไหน สองคนนั้นเป็นแฟนกันไหม ได้กันแล้วหรือเปล่าพี่ไม่รู้ แต่ที่อยากบอกพี่กับเนสได้กันแล้ว ฟินไหม...มาก!!!



“โมมึงเป็นไรเนี่ย เบื่อก็กลับก่อนได้นะ” ห๊ะ! เมื่อกี๊บี๋มันว่าไงนะ

“ทำหน้างงอีก..กูบอกว่า..ถ้า..เบื่อ..มึงก็กลับก่อนเลย” มันย้ำคำว่าเบื่อกับผม

“เปล่า กูแค่..หิวน้ำ มึงเอาไรไหมเดี๋ยวซื้อมาให้” ได้คำตอบว่าไม่ ผมก็ลุกเดินออกไป ตามจริงก็เบื่อ เบื่อน้องสองคนข้างหน้าอ่ะ









เดินออกมาสั่งกาแฟ ทิ้งลมหายใจเสียงดังจนใครไม่รู้หันมามอง เอ่อ..ขอโทษครับป้า...ไม่ได้ถอนใส่ป้านะอย่าเข้าใจผิด ป้าหันมามองผมเหมือนไปซื้อของแกแล้วไม่ยอมจ่ายตังค์ แค่หายใจเสียงดังผมผิดขนาดนั้นเลยเหรอ





“พี่โม” เนสใช่ไหมเสียงนี้



ค่อยๆ หันไปมองตามเสียงทักทาย เพลงไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอดังขึ้นจากร้านฝั่งตรงข้าม ตาเราจ้องกันสักพัก วันนี้ตาเนสสีโทนเข้ม เหมาะกับชุดนักศึกษาชายหลุดรุย ผมยาวขึ้นนิดหน่อยแต่ไม่ได้เซ็ตเหมือนครั้งก่อน รอยยิ้มมีเสน่ห์เห็นชัดขึ้นเมื่ออยู่ในห้างที่แสงสว่างกว่าค่ำคืนริมทะเล

ไม่มีใครเอ่ยอะไร มีแต่ความรู้สึกมากมายในหัว คนในห้างอีกนับร้อยนับพัน ไม่ต้องนับจริงจังเพราะมันไร้ประโยชน์ จากคืนนั้นก็คงเกินครึ่งปี ที่เราไม่ได้เจอกัน คิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว



“น้องเนส” ผมทักทายเป็นชื่อเขาไม่ให้ระหว่างเราดูเงียบเกิน



“ดีใจจังพี่จำผมได้” กูจำมึงได้ตั้งแต่ได้ยินเสียงแล้วเถอะ



“ความจำไม่ได้เสื่อม อีกอย่างใครจะลืมคนที่เปิดซิงตัวเองได้ละครับ” ผมหยอดมันไป หยอดทำไมเพื่ออะไร เอ่อนั่นดิหยอดทำไม แฟนเขาก็มีแล้วไอ่โมเอ้ย ผมคิดว่าผมต้องคำสาปให้เจอแต่คนมีเจ้าของ มันเป็นคำสาปที่ต้องแก้ด้วยอะไรช่วยบอกที



“หยอดแบบนี้ผมคิดนะ” เนสไม่ได้เขินอายอะไร ยกมือขึ้นพับแขนเสื้อนักศึกษาของมันขึ้นจนถึงศอก แอร์ก็เย็นขนาดนี้ร้อนอีกเหรอวะ เป็นคนเร่าร้อนเหรอเราอ่ะ จะว่าไปคืนนั้นก็ร้อนใช่ย่อย ผมจิกหัวตัวเองกลับมาจากเรื่องใต้สะดือ



“คิดอะไร เห็นมากับแฟนหน้าตาดีด้วย” ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ต้องล้อมคอกก่อนวัวหาย ต้องฆ่างูให้ตายก่อนตี เพราะเดี๋ยวตีแล้วมันจะไม่ตายจริง



เนสยกมือเสยผมให้หายรำคาญ “แฟนพี่ก็ใช่ย่อย นี่นา” มันว่าแบบนั้น



เห็นผมตั้งแต่เมื่อไหร่ แฟนผมใคร บี๋งั้นเหรอ...





สรุปว่าเราต่างมากับแฟนแต่แอบมาหยอดกันชีวิตดี๊ดี ทำไมดูเล่นชู้อย่างนี้อ่ะ ละทำไมคำว่าชู้..มันดูเป็นของคู่กันกับกูไปแล้ว รักหมดใจนายต้นงิ้ว...ฟังแล้วเสียวหนามขึ้นมาทันที



ผมไม่ได้แก้ต่าง ไม่จำเป็นปล่อยมันคิดไปเองอย่างนั้น ยังไงคงไม่ได้เจอกันอีก ดูจากเข็มสถาบัน เราอยู่ไกลกันคนละฝั่งของเมืองกรุง สิ่งเดียวที่ผมจะทำได้คือ ไม่มางานเปิดตัวหนังสือพี่กาศ แค่นี้ก็ไม่เจอกันแล้ว



“ดื่มกาแฟไม่ดีนะพี่ เลิกเถอะครับ” ผมตวัดตามอง เนสกัดปากจ้องแก้วกาแฟที่ขายยี่ห้อมากกว่ารสชาติในมือผม ราวกับว่าผมกำลังจะเสพยา มันก็แค่กาแฟใครเขาก็ดื่มกันป่ะ



ผมยกแก้วส่งหลอดสีชาเข้าปาก ดูดปืดดด

“คาเฟอีนไม่ได้เลวร้ายขนาดน้านน”

อยากบอกเด็กน้อยรักสุขภาพให้เข้าใจ โตขึ้นมามึงไม่มีกาแฟคงได้หลับในระหว่างทำงานแน่เตรียมตัวไว้เลย คราวก่อนผมดูดบุหรี่มันยังไม่ว่าผมเลยนะจำได้



แล้วอยู่ๆ แก้วกาแฟในมือผมก็ถูกอีกคนฉกไปต่อหน้าต่อตา เด็กที่เพิ่งบอกว่ากาแฟนั้นไม่ดีอย่าดื่ม ตอนนี้กลับคาบหลอด ดูดกาแฟของผมจนได้ยินเสียงของเหลวไหลไม่ต่อเนื่อง



...หมดแก้ว...



ผมคิดว่าผมดูดไปแค่ห้าบาท ส่วนอีกคนมันฟาดไปร้อยเจ็ดสิบ จ่ายตังค์ด้วยสิ นั่นค่าแรงหนึ่งในสาม ของหนึ่งวันที่กูทำงานแลกมาเลยนะ



“ผมว่าไม่เห็นอร่อย” เวรแล้วเอาไปแดกทำไม “พี่ก็ไม่ได้ชวน”



ยืนเถียงกันอยู่หน้าร้านกาแฟ ช่างเป็นการพบกันครั้งที่สองที่น่าประทับใจเกินบรรยาย



“ก็ผมไม่อยากให้พี่กินอะไรไม่มีประโยน์ มาผมจะพาไปกินอะไรดีๆ” ว่าแล้วมือเนสก็เหวี่ยงมาติดหนึบที่มือผม เหมือนผมโดนลาก แต่ผมก็ก้าวไปพร้อมกับมัน



มันจำได้รึเปล่าที่เคยขอว่าเจอกันอีกครั้ง ขอจับมือผม นี่ไงให้จับแล้วนะ



“นั่งก่อนครับ” ผมนั่งลงในร้านอาหารญี่ปุ่น เดี๋ยวนะกูไม่ได้หิว “ไม่หิวแต่ต้องกินนะครับจะทุ่มแล้วพี่ควรกินข้าว” คนแปลกหน้าที่เคยเจอสองครั้ง และเอากันแค่ครั้งเดียว จำเป็นต้องห่วงกันขนาดนี้ด้วยเหรอ



“ไม่ชอบกินอาหารญี่ปุ่น”

“อ้าวไม่บอกผมล่ะครับ”



แล้วมือเดิมก็ฉุดผมขึ้น ลากผมออกจากร้านต่อหน้าต่อตา พนักงานที่เดินมารอจดออเดอร์ น้องมองตามพวกเราแบบงงงวย ไม่ต้องงงครับน้อง พอดีนึกได้ว่าไม่ชอบกินอาหารญี่ปุ่น

“พี่โมเลือกร้านสิครับ” เนสเดินชิลสั่งเหมือนเรามาเดทกัน



ทั้งที่ความเป็นจริงเราลักลอบเจอกันมากกว่า แฟนเผลอแล้วเจอกัน...คำพูดตลกๆ ที่พอเป็นตัวเองกลับขำไม่ออก ก็บี๋มันไม่ใช่แฟนผม แต่น้องฟ่านคนนั้นเป็นแฟนเนส จุดนี้ไม่ใช่ว่ารักเราไม่เท่ากันนะ แต่เป็นศีลเราไม่เท่ากันมากกว่า



...กลับไปหาแฟนมึงไปไอ่เด็กเลว..



“ทิ้งแฟนมากับพี่แบบนี้ระวังจะอายุไม่ยืน”

“งั้นเราสองคนก็อายุเท่ากัน เพราะพี่ก็ทิ้งแฟนพี่มาเหมือนกันนี่นา”



เออ..จริงของมัน อยากจะหัวเราะทั้งน้ำตา แบบที่ว่าคนบ้ายังต้องอายแทน แต่ทำได้แค่คีฟคูลเข้าไว้ ขณะที่อะไรก็ดูผิดที่ผิดทางแต่มือเราประสานกันแน่นขึ้น ผมดึงเนสออกมานอกห้าง เดินตรงไปร้านรถเข็นขายมันทิพย์ มันปิ้งที่เป็นก้อนเล็กๆ หอมหวานกินได้ไม่เคยเบื่อ ตอนแรกบี๋มันรับปากว่าขากลับจะเลี้ยง แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว



“สี่สิบครับ” ผมสั่งพี่คนขายไปแบบไม่ต้องคิด



“ผมให้มากินข้าว ไม่ใช่กินขนมนะครับ” เสียงนักโภชนาการดังแว่วในหู เดาว่าต้องเรียนสายวิทย์สุขภาพแน่นอน..ฟันธง



“มันปิ้งก็กินอิ่ม สมัยก่อนนะน้องเนสมนุษย์ก็กินเผือกมันแทนข้าว” ผมอธิบายไปตามที่คิดออก แต่เด็กมันตอกหน้ากลับมาว่า “อ้าว..เหรอครับ แย่จังผมเกิดไม่ทันอ่ะ”



ดู่ดู๊ดู ดูเธอทำ...ว่ากูแก่ก็จะตรงไปใช่ไหม ผมมองบนสะบัดมือออกจากมือเด็กปากร้าย แต่เนสยังจับมือผมแน่นไม่ยอมปล่อย

“ถ้าไม่พอใจแปลว่า ยอมรับว่าตัวเองแก่นะครับ” พูดมาแบบนี้ผมควรทำไง



ได้มันปิ้งที่โปรดปราน ก็จิ้มกินเลยครับ ตอนนี้มือเราปล่อยจากการแล้ว แต่...

“ถึงผมจะอยากจับมือพี่ต่อ แต่ไม่ต้องรีบกินก็ได้นะครับ เดี๋ยวติดคอ”

แปลว่าถ้ากูอิ่มมึงจะจับต่ออีกเหรอ



ทิ้งประโยคที่เหมือนระเบิดไว้ แล้วนายต้นงิ้วก็ลุกไปแบบไม่มีบอกกล่าว ผมได้แต่มองแผ่นหลังเด็กผู้ชายที่ไม่รู้จักอะไรนอกจากชื่อ และสถาบันที่มันเรียน ซึ่งเห็นจากเข็มบนชุดที่มันใส่อีกที เหลือแค่ผมกับมันทิพย์สี่สิบบาท ระหว่างที่ทบทวนว่าจากกาแฟร้านหรู กลายเป็นมันปิ้งรถเข็นได้ยังไงนั้น



“น้ำครับ” หายไปนานนี่คือไปซื้อน้ำเหรอวะ ผมเหลือบตาขึ้นมองแล้วรับน้ำในมือมาเปิดยกดื่ม ไม่ต้องมีหลอดก็ได้ผมไม่ถือ ดื่มพอมันหายติดคอก็จะวางขวด แต่มือเดิมก็ดึงขวดไปดื่มต่อ อ่ะ..มันคือหลอกจูบกันทางอ้อมนี่หว่า



เนสเป็นเด็กที่เก่งมาก “ความจริงผมก็อยากจูบจากปากของจริงนะ”

มันอ่านใจคนอื่นได้



“ก็อยากยกปากให้น้องนะครับ แต่พี่ยังกินไม่อิ่ม” ให้มันรู้ไปว่าผมจะแพ้เด็ก

เราสองคนก็ดูไม่มีใครขี้อาย แน่ละสิสายรุกทั้งคู่ แม้คืนนั้นผมจะเป็นฝ่ายโดนกระทำก็เถอะ มันก็แค่เล่นตามเกม ไม่ได้สมยอม แต่เอมันก็ไม่ได้ข่มขืนผมนะ



“พี่โม!!” ตกใจเสียงเรียก “อยู่ติดกันตะโกนทำไมเนี่ย”

“ก็พี่ใจลอยหาคนอื่น อยู่กับผมก็คิดถึงแค่ผมสิ” จร้าพ่อคนหยอดเก่ง ทำกูยิ้มออกทั้งที่มันเต็มปากแล้วพอใจรึยัง

“กูก็คิดถึงคืนนั้นอยู่ ไม่ได้คิดถึงคนอื่นเล้ย” อย่าคิดว่าจะมาทำให้ผมเขินอายได้ พูดเลยว่า..ยาก..



“ฮ่าๆ พูดมาขนาดนี้ ผมยอม” ผมยักคิ้วทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่มันไป บรรยากาศจะดูหวานไปหน่อยเปลี่ยนเรื่องเถอะ



“น้องเนสเป็นแฟนหนังสือพี่กาศ เอ้ยพี่โอโซนเหรอครับ”

“ก็..เอ่อ..” อึกอักแบบนี้ “มาส่งแฟนล่ะสิ” ไม่กล้าพูดตามตรงแบบนี้ผมเริ่มคิดนะว่าแคร์ความรู้สึกผม

“ไอ่ฟ่านมันมะ..”



Rrrrrrrrr



เสียงมือถือผมเองแหละ ชื่อ ‘เบบี๋’ โชว์หรา ผมตั้งชื่อนี้ไว้ตั้งนานแล้ว เป็นการเตือนใจว่ามันไม่ใช่ของผม แต่ตอนนี้ชื่อนี้คงกำลังทำให้เด็กที่แอบมองอยู่คิดไปไกลถึงโลกหน้า



“ว่า”

(มึงอยู่ไหน)

“ออกมาซื้อมันปิ้ง”

(หิวขนาดรอไม่ได้เลยหรา มึงควรไปหาหมอนะโม ติดมันปิ้งเกินไปแล้ว) ฟังมันเพ้อเจ้อเข้า

“จะกลับแล้วโทรหากูละกัน ตามสบาย”



ผมวางสายจากบี๋ มันแค่เป็นห่วงเห็นผมหายไปนาน แต่ว่างานเฝ้าของมันยังไม่จบง่ายๆ โน้นรอพี่กาศแจกลายเซ็นครบ ผมถึงมีค่าเพราะต้องไปส่งมันกลับ วันนี้รถมันเข้าอู่ แล้วพี่กาศก็ไม่ว่างไปส่ง ผมเองแหละที่อาสามาส่งมัน ไม่คิดว่าจะเจอ...เนส



เนสล้วงกระเป๋ากางเกงนั่งทิ้งตัวกับเก้าอี้ หันหลังให้ผมแต่หัวมันหงายมาพิงไหล่ผม มันตัวสูงน่าจะเท่าผมนี่แหละครับ ร้อยแปดสิบห้า แต่ผมหล่อกว่านะ มั่นหน้ามากใครจะทำไม “น้องอยู่ปีไหนแล้ว” ผมเริ่มทำความรู้จัก ได้คำตอบว่าปีสอง แต่ตอนเจอกันมันอยู่ปีหนึ่ง อืมเอ๊าะเอ๊าะมากเลยครับ



ผมเก็บข้อมูลไว้ในลิ้นชักความทรงจำ



“พี่โมล่ะอายุเท่าไหร่”

“ให้ทาย”

“ไม่เอาถ้าเกินจากของจริงเดี๋ยวโดนพี่งอน”

“พี่ยอมรับความจริงมากกว่าที่น้องคิด เดามาได้เลยครับ”



“ยี่สิบ...เจ็ด” เอิ่มม หน้ากูแก่ไปสองปี

“นั่นไงเงียบเลย ผมทายสูงไปแน่ๆ ยี่สิบสามอ่ะ”



“ตอแหลไม่เนียน” แล้วทำไมผมต้องเหวี่ยงมันด้วย “อ่ะเห็นยังว่าพี่จะงอน ไม่เดาแล้วครับ”



รู้แล้วว่าไม่เดา แต่ไมต้องเอามือมาโอบคอกูด้วย สาธารณะนะเมิง



“พี่โมหล่อขนาดนี้ ดูเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ แต่หน้าก็ดูเด็ก ผมเดาไม่ถูกหรอก เอาเป็นว่า..พี่อายุเท่าไหร่ผมก็ไม่เกี่ยง”

“ชอบคนที่หน้าตานะเรา” ผมว่ามันแบบพราวในตัวเอง

“ใครว่าชอบที่เป็นพี่ต่างหาก”



มือที่วางอยู่บนขาของผมถูกไอ่น้องเนสจับไปประสานเข้ากับมือตัวเองอีกครั้ง



เราเป็นแค่..ดาวสองดวงที่มีสิทธิ์พบกัน แต่ ไม่มีสิทธิ์จะหวังไกล



“สองห้า อายุพี่”

“เบญเพศด้วย มันจะมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตพี่นะ”

“เชื่ออะไรแบบนี้ด้วยเหรอ”

“ไม่เชื่อหรอกครับพี่โม”

“กวนตีนแล้วครับน้องเนส”

“ผมแค่..จะชงว่าผมคือการเปลี่ยนแปลงนั้นต่างหาก ความจริงผมสะ...”





Rrrrrrrrrrrr



ยังพูดไม่ทันจบ มือถือของเนสก็ดังเข้าแทรก



“อือ”

(..............)

“เค”

(..............)

“ได้”

(..............)



แล้วเนสก็วางสายยัดมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง



What!!!! นั่นมึงคุยอะไรกันแค่สามประโยค แล้วไอ่นี่ก็ตอบแค่สามคำ เกาหัวไปสิผม



“งานจะเลิกแล้วนะพี่ ผมจะไปรับฟ่าน...ก่อน” เสียงเนสเหมือนจะเบาลงตรงชื่อแฟนมัน

ไม่ต้องเกรงใจกูหรอกมึง กูโอเค... เจ็บมาเยอะแค่นี้จิ๊บๆ



มันยังคว้ามือผมไปจับ เราเดินข้างกันผ่านผู้คนมากมาย ร้านเสื้อผ้าหลายแบรนด์ ขึ้นบันไดเลื่อนสามชั้น เมื่อถึงจุดที่ไม่ต่างคนต่างรู้ ต่างคนต่างปล่อยมือ ต่างคนต่างเดินไปหาใครอีกคนของตัวเอง ไม่มีคำบอกลา ไม่มีสายตาอาลัย ไม่มีคำว่าแล้วพบกันใหม่ ไม่มีอะไร...นอกจาก..แยกกัน..





ก็แค่..ดาวสองดวงที่บังเอิญโคจรมาเจอกัน ไม่นานก็จะต่างคนต่างไปคนละขอบของจักรวาล





#ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า

By symbol A

[/size]

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 3

นวดขา
[/size]






; การโคจรของดวงดาว เป็นความบังเอิญ ที่ส่งผลต่อหัวใจ





“พี่จิ๋วอยู่ตรงไหนเนี่ย”

ผมได้แต่ตะโกนแข่งกับเสียงผู้คนและเสียงเพลงเชียร์ที่ดังมาอย่างต่อเนื่อง บางจุดก็มีน้องมาบูม วุ่นวายสมกับเป็นงานรับปริญญา งานของใครนะเหรอ? ลูกพี่จิ๋วครับชื่อน้องจี๊ดผมรู้จักตอนไปกินข้าวบ้านแก น่ารักคุยเก่ง เหมือนพ่อ วันนี้แกให้ผมมาช่วยถ่ายรูปให้ แม้จะตะขิดตะขวงใจ เพราะสถาบันนี้ดันตรงกับเข็มของเนส ก็ถ้าเนสไม่เอาเครื่องแบบใครมาแต่งผมว่าเราอาจได้เจอกันในงานนี้



ก็แค่อาจจะ..



เพราะขนาดคนที่นัดกันแท้ๆ อย่างพี่จิ๋วผมยังเดินหาจนขาลากก็ยังไม่เจอพี่แกเลยแม้แต่เงา



“พี่โม”  เสียงเนสใช่ไหม



เจอง่ายไปนะ ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยยิ้มให้ไปก่อน ทำหน้าปรกติที่ไม่ได้ตกใจอะไรเท่าไหร่

เราสองคนมีความบังเอิญเชื่อมกันไว้ มันเป็นความพิเศษที่ไม่ใช่จะเกิดขึ้นกับใครได้บ่อย



“น้องเนส” ผมก็ทักทายเขาเป็นชื่อเหมือนกัน “ดีใจจังนึกว่างานนี้จะน่าเบื่อเหมือนปีก่อนซะแล้ว” เนสเดินมาหาผมยิ้มดีใจ ผมก็คงไม่ต่างกันเพราะอยู่ไปสักพักเริ่มปวดแก้ม



“งานใครเหรอครับ” เนสชี้มาที่กล้องโปรที่ผมถืออยู่ “ลูกสาวหัวหน้าอ่ะ”

“คณะไรครับ”

“ศิลปกรรมศาสตร์ครับ” จะว่าไปเนสเป็นรุ่นน้องคนเดียวที่ผมพูดเพราะด้วยนะ มีนงมีน้อง มีคงมีครับขนาดไอ่บี๋ยังไม่คุยดีแบบนี้เลย ไม่รู้สิเห็นหน้าน้องแล้วหยาบคายไม่ค่อยลง ทั้งที่หน้ามันก็ไม่ได้คุณหนูอะไรนะ



“น้องรู้จักทางไหมครับ”

“ไปด้วยกันเลยครับ” มือผมไม่ว่างให้เนสจับ ข้างหนึ่งมีตุ๊กตาหมาสีขาวพี่จิ๋วฝากซื้อ อีกมือเป็นกล้องแต่



“เอามาผมช่วยถือ” ว่าแล้วเด็กชุดนักศึกษาถูกระเบียบที่ดูดีเหมือนจะไปถ่ายหนัง ก็คว้ากล้องที่มือผมไปห้อยคอตัวเอง เห้ยมันหนักนะ จะหาว่าพี่ไม่เตือน



“ไม่ต้องก็ได้บอกทางเดี๋ยวพี่ไปเอง กล้องอ่ะมันหนักเดี๋ยวปวดคอ เอามาเถอะ” เหมือนเป็นการเทคแคร์มุ้งมิ้ง แต่เปล่าคือเราตัวเท่ากันผู้ชายสายเท่ทั้งคู่ มันไม่มีความชมพูอะไรเลย



“ผมยอมปวดคอถ้าแลกกับได้จับมือพี่” ว่าแล้วก็ถูกยึดมือไปจับ ชีวิตทนายตอนนี้มือซ้ายถือตุ๊กตา มือขวาถูกเด็กจูง



“น้องเนสเรียนคณะไหนครับ”

“คณะที่พี่จะไปนั่นแหละครับ”



‘พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ’



เพลงนี้ดังมาจากไหนนะเหรอครับ จากหัวผมเอง อะไรมันจะขนาดน้าน เราเจอกันแต่ละครั้งทำเอาผมเริ่มเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นมาซะแล้ว ปรกติไม่เคยอินคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มี



“เนสสส” เรียกชื่อเนสแบบนี้น้องฟ่านแฟนมันไงจะใครล่ะ วันนี้แต่งชุดนักศึกษาถูกระเบียบเหมือนกันเด๊ะ เรียบร้อยสมชื่อมหาวิทยาลัยเขาจริงๆ “ฟ่าน” พอชื่อนั้นออกจากปากเนส มันก็ปล่อยมือจากผม แล้วเดินไปหาแฟนที่ดูท่าทางตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย



“นี่ฟ่านเป็น...”

“น้องเนสกับน้องฟ่านเชิญบนเวทีได้เลยค่ะ”



เนสกำลังจะแนะนำผมให้แฟนมันรู้จักแต่ก็มีรุ่นพี่มาตามไปบนเวที เนสเลยไม่รู้จะทำยังไงมั้งก็เลย “ฝากนะครับเล่นเสร็จผมจะมาเอาคืน” มือถือครับแล้วจะฝากไว้ที่กูทำไมครับ ชีวิตยุ่งไม่พอรึไงห๊ะ น้องฟ่านยกมือไหว้ผมหลังจากเนสแนะนำสั้นๆ ว่านี่คือ ‘พี่โม’



ผมเป็นพี่โม คนไร้สถานะไปแล้วตอนนี้



เจอพี่จิ๋วกับน้องจี๊ดพอดี น้องบัณฑิตดูหมดแรงอ่อนล้ามาก “พี่เนสสวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับคอนเกททูเลชั่นนะครับน้องจี๊ด” ตุ๊กตาหมาไปอยู่กับน้องและถูกส่งต่อไปในถุงใบใหญ่ที่พี่จิ๋วถืออยู่

“ขอบคุณค่ะพี่โมสุดหล่อ” เลยโดนพ่อตบหัวไปสองทีโทษฐานบ้าผู้ชายต่อหน้าพ่อ



“พ่อเดี๋ยวจี๊ดไปดูโชว์รุ่นน้องที่ลานหน้าคณะก่อนนะคะ มันเป็นพิธีสำคัญต้องไป” แปลว่าผมกับพี่จิ๋วก็ต้องไปด้วย



ระหว่างเดิน ก็อดคิดไม่ได้ว่าที่เนสถูกเรียกไปก่อนหน้านี้รึเปล่านะ เดินพ้นตัวตึกเดิมเป็นโถงกว้างและมีลานอยู่ รายล้อมด้วยตึกเก่า ต้นไม้ร่มรื่น จุดที่เด่นสุดคือเวทีขนาดไม่สูงไม่เตี้ยเป็นแท่นปูนขัดมัน มีเครื่องดนตรีเกือบทุกชนิด โดดเด่นสุดก็เปียโน ฉากหลังเป็นป้ายไวนิล Congratulation อะไรก็ว่ากันไป ผมกับพี่จิ๋วยืนรวมๆ กับพ่อแม่พี่น้องผู้ปกครองอีกจำนวนมาก ส่วนบัณฑิตของคณะจำนวนไม่น่าจะเกินสามสิบคน เข้าแถวตามความสูงเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่หน้าเวที



ผมหันไปมองพี่จิ๋วยิ้มน้ำตาปริ่ม ลูกสาวคนเดียวคงภูมิใจน่าดู ยิ่งเลี้ยงมาคนเดียวด้วยคงรักลูกมากๆ ระหว่างนั้นผมล้วงเอามือถือเนสมาดู คงเปิดไม่ได้น่าจะติดรหัสผ่าน แต่....เปิดได้ ..



ภาพพักหน้าจอเป็นรูปหาดที่....เราเจอกันครั้งแรก...



เป็นความบังเอิญที่ไม่มีความหมายหรือเพราะมีความตั้งใจอะไรแฝงอยู่ ถ้าเปิดดูได้ไหมนะ ได้แหละ...เสียมารยาทนะ...เขาไม่รู้หรอก...จะดีเหรอ...



ในที่สุดคำว่ามารยาทก็ไม่อาจหยุดยั้งความอยากรู้อยากเห็น ผมเปิดอ่านไลน์ คนที่ดูจะคุยด้วยล่าสุด ‘ไอ่ต่างชาติ’  นี่ชื่อหรือฉายา



‘ได้หน้าลืมหลังไอ่ต่างชาติเอ้ยย’  ผมว่าผมรู้แล้วล่ะว่าใคร กดดูสิครับรออะไร..



วันจันทร์…



Nes’ : อยู่ใต้คอนโดแล้ว

ไอ่ต่างชาติ : สติกเกอร์ แมวบอกว่า..Yse



วันอังคาร...



Nes’ : อยู่ใต้คอนโดแล้ว

ไอ่ต่างชาติ : สติกเกอร์ แมวบอกว่า..Yse



วันพุธ..



Nes’ : ข้าวหน้าปลาไหลไหม

ไอ่ต่างชาติ :สติกเกอร์ แมวบอกว่า..Yse



วันพฤหัสบดี..

Nes’ : คืนนี้มานอนป่ะ

ไอ่ต่างชาติ : สติกเกอร์ แมวบอกว่า..No





วันนี้...

ไอ่ต่างชาติ : ตื่นเต้นนนน

Nes’ : สติกเกอร์หมีกอดกัน





แค่เนี่ย วันก่อนหน้านั้นก็มีแค่นี้ มึงสองคนเป็นแฟนที่ประหยัดคำพูดมากอ่ะ ไม่มีโทรไลน์ด้วย ผมสอดรู้สอดเห็นไลน์ไม่ค่อยมีอะไรเลย เนสคงไม่ชอบคุยโปรแกรมสีเขียวเท่าไหร่



เอาไงดี ยิงเข้าเครื่องตัวเองดีไหม ดีไม่ดี ไม่เอาดีกว่าเหมือนขโมยยังไงไม่รู้ ผมก็มีศักดิ์ศรีของผมนะ ดูรูปดีกว่า....สองร้อยกว่ารูป... 99.99% รูปโน้ตเพลง มีกับแฟนสองสามรูปถ่ายเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว...ต่างประเทศ...ไปเที่ยวกันมานี่เอง พอครับเลิกดูเถอะ



“น้องคนนั้นยังกะดารา กูว่าไอ่บี๋ออร่าแล้วนะ แต่ดูดิน้องแม่งขาวผ่อง เหมือนเปล่งแสงเฮ้ากวงออกมาได้ไงงั้น” พี่จิ๋วชี้ชวนผมชื่นชมน้องฟ่าน ที่ยืนรอคิวขึ้นเวทีไม่ลืมจะหันมายิ้มให้สาวๆ  เหมือนดารากับแฟนคลับอ่ะคิดภาพออกกันไหมครับ



แล้วน้องผู้หญิงข้างหน้าเป็นอะไรมากรึเปล่าครับกรี๊ดกันคอแทบแตกแล้วมั้ง ไม่รู้ว่ากรี๊ดใครแต่ถ้าให้ผมเดาก็น้องเนสสิ มันหล่อที่สุด คือผมทำเป็นไม่เห็นน้องฟ่านอ่ะนะ ทำไมเหรอก็ไม่อยากเห็นมีอะไรรึเปล่า





“กรี๊ดดดเทวาก็มา” เทวาฉายาน้องฟ่านคนนั้นแหละผมจำได้ ดูสูงส่งจังเลย แล้วผมจะรู้สึกต้อยต่ำทำไมครับเนี่ย



“ข้างหลังพี่เนสเดือนมหา’ ลัยปีที่แล้วใช่มะ สมตำแหน่งเว่อร์” เนสมันเป็นเดือนมหาวิทยาลัยเหรอ อืมก็เหมาะสมอยู่นะ สูงเท่ดูมีสไตล์ไม่เหมือนใคร



บนเวทีขนาดย่อมนักดนตรีทุกคนประจำเครื่องดนตรีของตัวเอง เพลงบรรเลงผมสารภาพว่าเข้าไม่ถึง ขอเพลงที่มีเนื้อเพลงจะดีกว่า แล้วบรรยากาศรอบข้างก็เงียบลง เมื่อน้องคนหนึ่งที่มีแค่ไม้หนึ่งอัน น้องหันหน้ามาหาผู้ชม ยกไม้ขึ้นมาทำสัญลักษณ์ว่าเงียบ!!



ทั่วบริเวณนั้นก็เงียบกริบ..บรรยากาศดูมีมนต์ขลังดี



“สวัสดีค่ะพี่บัณฑิตและท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้พวกเรา ‘ออร์เคสตราศิลปกรรม’ มีบทเพลงมาร่วมแสดงความยินดีกับพี่ๆ ค่ะ เชิญรับชมและรับฟังได้ ณ บัดนี้” น้องพิธีกรผายมือแล้วเดินลงจากเวทีไป น้องที่มีไม้เพียงอันเดียวก็เริ่มยกไม้โบกมือ เหมือนกำลังร่ายมนตร์ เนสสีไวโอลินอยู่ข้างน้องฟ่านที่นั่งประจำหลังเปียโน ดูดีเกินไปผมขอข้าม



เครื่องเป่า เครื่องกระทบ หลายชิ้นผมไม่รู้จักชื่อหรอก เปิดมาเพลงแรกก็เพลงสถาบันผมเดาเอา และเมื่อถึงท่อนเนื้อร้อง น้องชุดครุยก็เปร่งเสียงประสานเพลงสถาบันที่ภาคภูมิใจ ผมมีขนลุกเหมือนกันนะ พี่จิ๋วใช้ศอกสะกิดให้ผมถ่ายรูปให้หน่อย ผมก็ได้สติยกกล้องขึ้นเก็บภาพน้องจี๊ดและ ภาพคนบนเวที เนสขึ้นกล้องจังเลย จะดีกว่านี้ถ้าไม่มีน้องฟ่านติดมาด้วย



เนสดูตั้งใจกับการแสดงไม่มองใครเลยเหมือนล่องลอยไปตามเพลง แล้วเพลงสถาบันก็จบลง พร้อมเสียงปรบมือที่ดังขึ้น ตามด้วยเสียงพิธีกรคนเดิมคราวนี้มาแค่เสียง



“เพลงต่อไปพิเศษแด่พี่ๆ ทุกคนจากพวกเราชาวศิลปกรรม ทำการแสดงโดย

นายพสธร ลี หรือ น้องฟ่านฟง และนายสุรวัฒน์ เสกพงษ์ หรือน้องเนส

นักศึกษาปีสองภาควิชาดุริยางคศิลป์ตะวันตก เชิญรับชมและรับฟังค่ะ”



นักดนตรีคนอื่นเดินลงจากเวที เหลือไว้แค่สองคนให้ผมแสลงใจเล่น เหมาะสมกันเกินไปนะ

เนสหันไปจับกีตาร์โปร่งมาวางตัก นั่งเยื้องกับเปียโนในองศาที่ดูดี ผมเก็บภาพไว้ในกล้องอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าไม่มีน้องฟ่านสักรูป



ดนตรีสองชนิดที่เข้ากันได้ดีจนน่าหมั่นไส้ เดี๋ยวนะทำนองมันคุ้นๆ แล้วบัณฑิตในแถวก็ประสานเสียงอีกครั้ง.........



 ‘พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ เออชะรอยจะเป็นเนื้อคู่ ควรอุ้มชูเลี้ยงดูบำเรอ แต่ครั้งแรกเมื่อพบเธอ ใจนึกเชื่อเมื่อแรกเจอ ฉันและเธอคือคู่สร้างมา’ 







เป็นครั้งแรกที่เนสหันมามองคนดู ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเอง ผมเป็นคนเดียวที่เขามองตั้งแต่ต้นจนจบเพลง ท่ามกลางเสียงวุ่นวายข้างนอกที่แว่วเข้ามา เสียงดนตรีจากเวทีที่เล่นโดยเนส เนื้อเพลงที่เคยดังอยู่ในหัวของผมไม่กี่นาทีที่แล้ว ตอนนี้ดังประสานกึกก้องไปทั่วบริเวณ เรากำลังยิ้มให้กัน



ท้องฟ้าเหลือดาวแค่สองดวง คือผมกับเนส



ที่เรามาพบกันมันคือความบังเอิญหรือพรหมลิขิต หรือว่าเราเป็นเนื้อคู่ เพราะบรรยากาศมันพาไปผมก็เลยคิดอะไรน้ำเน่าได้ขนาดนี้



เสียงปรบมือที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้ผมกลับมาทำทีเป็นดูกล้อง ดูรูปที่ถ่ายว่าโอเคไหม

มันไม่โอเค ไม่ใช่รูปนะ ใจผมเนี่ยไม่โอเค .................

เมื่อเรารู้สึกกับเขาคนที่ไม่ควรรู้สึก ก็ให้ทำใจว่ารักได้แต่อย่าหวัง.... เรื่องแอบรักผมถนัดอยู่แล้ว...เชื่อเถอะ







หลังจากนั้นผมก็เดินตามติดน้องบัณฑิตและคุณพ่อของเธอ ถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้ น้องถ่ายกับเพื่อนบ้าง เกือบชั่วโมงแต่ผมหมดพลังแล้ว แทบจะลากขาอ่ะ ในที่สุดประโยคที่รอคอยก็ดังขึ้น..



“ขอบคุณมากเลยนะคะพี่โม จี๊ดต้องเข้าหอประชุมแล้ว”





นั่งเลยครับไม่ลุกไปไหนแล้ว แต่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ เพราะเกรงใจพี่จิ๋วแต่ในใจนี่

โหยยยยยยยยยย ดีจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ที่มันจบสิ้นกันสักที

นับถือช่างภาพมืออาชีพที่ตามถ่ายน้องๆ กันทุกวันทั้งวันเลย แค่ถ่ายรูปไม่ใช่จะไม่เหนื่อยนะ เหมือนยกดัมเบลเดินหลายกิโล ทั้งปวดแขน ทั้งเมื่อยขา เหนื่อยโฮก!!





“เอ่อ..โมพี่จะกลับก่อน โมกลับเลยไหม” กลับนะอยากกลับครับพี่ แต่มือถือของเด็กบางคนมันยังไม่มาเอา

“พี่กลับก่อนเลยครับผมจะแวะไปหาน้องหน่อย มันเรียนที่นี่”



“ขอบใจมากนะวันนี้ พรุ่งนี้พี่เลี้ยงข้าวกลางวันคิดไว้เลยจะกินไร..ไปนะ”



บอกลากันพอหอมปากหอมคอ พรุ่งนี้ก็ไปหายใจร่วมกันในห้องทำงานอยู่ดี



“อ่ะ!!” ตกใจหมดอยู่ดีๆ ก็มีขวดน้ำเย็นมาแนบแขน วันนี้ผมใส่เสื้อโปโลสีชมพู กับกางเกงขาสั้นสีดำไม่ได้สั้นมากเลยเข่ามาแล้ว ก็หาตัวอื่นที่สภาพดีกว่านี้ไม่ได้ ยังไม่ได้ซักง่ะ





“เหนื่อยเลยสิครับ เห็นพี่เดินเหมือนขาเป็นตะคริว” เด็กเจ้าของมือถือในกระเป๋ากางเกงผมนี่เอง

“ขอบคุณครับ อีกนิดคิดว่าจะต้องตัดทิ้งแล้ว” ผมรับน้ำมาดื่ม โอเว่อร์รับมุกเขาไป

เนสลงนั่งท่าขอแต่งงานต่อหน้าผม “เห่ย..ทำไร” ผมถามเสียงดัง ตกใจนะอยู่ๆ ก็..



“ผมนวดขาให้” แล้วเขาก็นั่งลงกับพื้นที่ปูตัวหนอนไม่สนใจว่ากางเกงจะเปื้อน ตบตักบอกให้ผมวางเท้ากับขาเขา มันใช่เหรอวะ



“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ไม่เอา ลุกๆ” บ้าเหรออายคนอื่นเขานะเว้ย อีกอย่างแฟนมึงมาเห็นเข้ากูไม่ซวยหรา



เนสทำหน้าเศร้า ลุกขึ้นยืนแบมือขอมือถือมันคืน ผมเลยล้วงวางที่มือให้



“ไม่ใช่มือถือครับ” มึงฝากแค่นี้จะเอาอะไร กระเป๋าสตางค์ไม่ได้ฝากนะบอกก่อน



“ผมหมายถึง” แล้วมือผมก็ถูกฉวยไปจับ พาเดินออกไปอีกทาง ที่ไม่ค่อยมีคน





ถ้าใช้หัวใจเดินแทนเท้าได้ผมว่าผมวิ่งไปหน้ามอแล้วตอนนี้ เต้นรัวเกินไป



เนสพาผมเดินขึ้นมาบนตึก เรานั่งกันที่ระเบียงยาวหน้าห้องที่มีป้ายไม้เขียนว่า ‘ออร์เคสตราศิลปกรรม’

ผายมือให้ผมนั่ง “ไม่มีคนแล้วคราวนี้ส่งขามาให้ผมนวดได้ล่ะ”



‘อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใครเข้าใจไหม..’



เพลงนี้ดังขึ้นตอนเท้าเปล่าของผมถูกยกวาง บนขาของเนส มือที่นวดน่องมีน้ำหนักพอดีจนผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย นาทีนี้ไม่ต้องตัดขาก็จริง แต่ต้องตัดใจว่ะ น้องมันมีแฟนแล้วมันมาอ่อยกูทำไม



‘หลงรักคนมีเจ้าของ แอบมองอยู่ทุกวัน ไปหลงชอบแฟนชาวบ้าน ทั้งที่รู้ตัว ก็น่ารัก ถูกใจนัก ไม่เคยเป็นอย่างนี้’



ผมไม่ได้แก่แค่ชอบเพลงเก่า แล้วเพลงมันก็โดนใจ ฮือออ...





เนสยังตั้งใจใช้มือบีบหนักเบาให้ผม แค่ที่น่องไม่ได้ลามขึ้นมาแต่อย่างใด ไม่มีสายตาสื่อความหมายเป็นอื่น นอกจากนวด เหมือนสายตาหมอนวดที่ร้านนวดแผนไทยมีต่อลูกค้าเลยครับ ผมมีบอกเป็นพักๆว่า เบาหน่อย แรงหน่อย แต่รวมแล้วก็แทบไม่ต้องบอกน้ำหนักมือโอเคมาก จบมาไม่มีงานทำแนะนำเป็นหมอนวดนะน้อง



“ดีขึ้นแล้วล่ะครับ ขอบคุณนะน้องเนส” ดีขึ้นแล้วจริงๆ ไม่ได้โกหก เนสทำหน้าเหมือนไม่เชื่อผมเท่าไหร่ แต่ก็ปล่อยให้ขาผมเป็นอิสระ



“ยินดีครับพี่โม” หมอนวดส่วนตัวก้มหัวโค้งให้แบบทีเล่นทีจริง อยู่กับเขาแล้วผมลืมบี๋ไปเลย มันคงจะดีเนอะถ้าเขาโสด แต่....





“มึงไปยัง” ประตูห้องเปิดออกพร้อมน้องฟ่าน เนสพยักหน้าให้แล้วหันมาบอกผม “พี่โม..คือ..”



“ไปเถอะเดี๋ยวเขารอนาน” ผมบอกเนสและส่งยิ้มให้น้องฟ่าน น้องเขาไปรอเนสที่บันไดแล้ว

โธ่มีมารยาทจังนะพ่อคู๊ณณณ T_T



ผมกับเนสยิ้มให้กัน แล้วเขาก็หันหลังเดินจากผมไปหาแฟนเขา เป็นอีกครั้งที่..ไม่มีคำบอกลา ไม่มีสายตาอาลัย ไม่มีคำว่าแล้วพบกันใหม่ ไม่มีอะไร...นอกจาก..แยกกัน..





ก็แค่..ดาวสองดวงที่บังเอิญโคจรมาเจอกัน ไม่นานก็จะต่างคนต่างไปคนละขอบของจักรวาล





#ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า

By symbol A




ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 4

ซบไหล่









; การโคจรของดวงดาว เป็นความบังเอิญ ที่ส่งผลต่อหัวใจ



เจ็ดปีที่ผ่านมาผมแอบรักดาวของคนอื่น พอเริ่มปลงและทำใจให้ลืมมันไปได้บ้าง แผลในใจเริ่มสมาน จักรวาลก็เหวี่ยงดวงดาวมีเจ้าของ ให้มาต้องตาผมอีกครั้ง แต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดีอยู่บ้างตรงที่ดาวดวงใหม่เราไม่ได้อยู่ในวงโคจรเดียวกัน



ปีนี้ผมเจอเขาแค่สามครั้ง สองครั้งห่างกันเกินครึ่งปี ครั้งล่าสุดก็เมื่อเดือนก่อน คนไม่เจอกันจะคบกันได้ยังไง ประโยคจากหนังเรื่องหนึ่งที่ผมเคยดูเกินสี่รอบ พระเอกทำงานกลางคืน นางเอกทำงานกลางวัน เหมือนพระอาทิตย์กับพระจันทร์ที่ไม่มีวันเจอ



แต่ดาวอย่างผมกับเนสก็มีบ้างที่ได้กะพริบอยู่ข้างกัน



“อยู่ได้ไหมคุณหนูฟ่าน”

เสียงเนส....



ผมจำเสียงเขาได้แม้เราจะเคยเจอกันแค่สามครั้ง ถ้าเขาไปออกรายการเสียงนี้ใครเอ่ย ผมตอบถูกคนแรกจริงนะไม่ได้โม้เลย ส่วนคนข้างๆ ที่เนสเรียกคุณหนูนั่น น้องฟ่านคนเดิมคนดี ไม่มีเพิ่มเติม



ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเจอเนสนะ แต่ถ้าสิ่งที่ผมกลัวอยู่ตอนนี้เป็นจริงขึ้นมา .........



ขอให้ไม่ใช่



ขอให้ไม่ใช่



ขอให้ไม่ใช่



ระหว่างที่สวดขอร้องต่ออะไรก็ได้ที่จะช่วยให้คำขอผมเป็นจริง พี่กาศก็โทรมา บอกว่าน้องที่สนใจจะเช่าคอนโดผมรออยู่แล้ว และให้เบอร์น้องกับผม



“น้องชื่อฟ่านนะมึง โทษทีนะกูไม่ว่างไปดูให้” ครับตามนั้น



สงสัยแถวนี้ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คำขอผมเลยไม่เป็นผล



ก่อนไปต่างประเทศผมก็ให้พี่กาศช่วยดูคอนโดให้ตลอด พอกลับมาก็เป็นเหมือนเดิม มีแค่วันนี้แหละที่ผมมาดูเอง



เงยหน้ามองฟ้า...ตะโกนก้องในหัว..ให้หัวใจของทนายได้พักบ้างไม่ได้เลยเหรอ





“เนสนั่นพี่โม” ครับจำกูได้ไปอีก ผมหันไปมองเขาสองคน เนสทำหน้าดีใจเหมือนถูกหวยชุด ไม่เกรงใจแฟนหน้าตาดีที่มึงมีเลยมั้ง “พี่โมอยู่ที่นี่เหรอครับ” เปล่าครับแต่ห้องที่แฟนมึงจะมาอยู่ห้องกูเอง



“พี่เป็นเจ้าของห้องที่น้องฟ่านจะมาดูวันนี้ครับ”



น้องฟ่านยิ้มให้เนส มันสองคนยิ้มให้กัน อืออเอาที่สบายใจเลยพวกมึง



เมื่อคุยกันเข้าใจ ผมก็นำเขาสองคนขึ้นไปดูห้อง ระหว่างทางเขาก็คุยกันเล่นกันเหมือนแฟนปรกติ ที่ไม่ปรกติผมนี่ เป็นพยัญชนะที่ไม่มีใครต้องการ กอ..ขอ..คอ..



“กูบอกแล้วว่ากูมือฉะหมงในการหาที่อยู่”

น้องฟ่านโอ้อวด สำเนียงภาษาไทยชัดขึ้นแต่ศัพท์นั้นยังผิด



“ฉมังไม่ใช่ฉะหมง ริอาจใช้ศัพท์สูงก็ตกลงมาตายแบบนี้แหละนะไอ่เสี้ยว” บางคำที่เขาคุยกันผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก นี่ขนาดกูไม่เข้าใจนะยังอึนๆ จึกๆ ขนาดนี้

ถอนหายใจอีกรอบ เมื่อไหร่ลิฟต์จะเปิดวะ



น้องฟ่านดึงแขนเสื้อผม พอหันไปเห็นหน้าสวยๆ ของน้องแล้วพี่ก็เหนื่อย กูไม่มีสักเสี้ยวความสวยไปสู้น้องเขาเล้ยย เอ่อ..แล้วผมจะอยากหน้าสวยไปทำไมครับตอบสิ

“พี่โมครับผมเช่าได้ตลอดไปไหม” จะซื้อไปเลยไหมล่ะพี่ขายขาดให้เลย

ได้แต่ทำเสียงใจดีตอบน้องไปว่า “น้องฟ่านอยากเช่ากี่ปีครับ”



“ฟ่านมึงถามพี่มึงยัง เดี๋ยวก็มาบ่นกูอีก” เนสโวยวายไว้ก่อน รู้จักครอบครัวเขาสินะ สนิทกันขนาดนั้นเลยสินะ หึ.. ในที่สุดประตูก็เปิด ออกจากห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ กันเถอะ



…อึดอัดโว้ย...



“ถ้าพี่ซานโทรมาบ่นกับมึงก็บอกกูเดียวกูจัดการให้”

“จร้า..เป็นพระคุณจร้า”

“อย่าทำหน้างอดิ เดี๋ยวกูคุยกับพี่ซานให้ อ่อเนสเดือนหน้ากูอยากไปบ้านมึงนะ นะ” อ้อนกันซะให้พอ กูเดินเข้าห้องทิ้งแม่งไว้ตรงนี้เลยดีไหม



“อือ ไปดิ” ตามใจกันซะให้พอ ผมจ้ำอ้าวแล้วอ่ะตอนนี้



“เชิญครับ” สุดท้ายก็เป็นผมที่ทนไม่ได้ น้องฟ่านยิ้มแย้มสดใส เดินเข้าไปดูห้องใหม่ เนสไม่ได้เดินตามแฟนมัน แต่มาเดินตาม..ผม ไอ่เด็กบ้ามึงมาตามกูทำไมครับ แฟนมึงก็อยู่



“ดีใจจังที่เจอพี่” ก็เห็นบอกแบบนี้ทุกทีแหละ

“.........” คราวนี้ผมยิ้มอย่างเดียวไม่พูดอะไร

“แถวนี้มีเซเว่นไหมครับ”

“มีครับหน้าคอนโดเลี้ยวขวา เดินไปอีกนิด” ผมบอก

“มึงเดี๋ยวกูมานะ ไปซื้อข้าวให้จะได้กินยา” เนสตะโกนบอกน้องแฟนมัน

“ถ้ามีปังเอ่อเว้ยเอามาด้วยนะ” น้องฟ่านตะโกนสั่ง

เนสมันหัวเราะเสียงดังตะโกนแก้คำให้ “ปังเว้ยเห้ย มึงนี่เรียกชื่อร้านเขาไม่เคยถูก”



น้องฟ่านหันกลับ ยืนใจลอยอยู่ที่ระเบียง มือผมก็โดนแฟนชาวบ้านกุมไปเฉยเลย แล้วผมก็สมยอม รู้ว่าเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอกมันเป็นอย่างนี้เองเหรอ



“พี่โมล่ะหิวไหมครับ” บางทีผมก็สงสัยนะว่าทำไมคุยกับผมเพราะกว่าคุยกับแฟนอีก อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใครเข้าใจไหม เพลงนี้อีกแล้ว เฮ้ออออ



“ครับ” ยื่นหน้ามาจ้องกันทำไม

ตามจริงผมต้องบอกว่ากินแล้ว และรีบซื้อของกินกลับห้องให้แฟนเขาได้ดูแลกัน แต่...

“ยังครับ” ผมเป็นชู้ สมรู้ร่วมคิดโดยสมบูรณ์



“ขอบคุณนะครับ” ตอนบอกว่าขอบคุณเนสบีบมือผม

“เรื่องอะไรครับ” ผมเอียงคอถาม สายตาก็จ้องไปตรงๆ ว่าคิดเหมือนกันไหมบีหนึ่ง

“ขอบคุณที่บอกว่ายัง เพื่อให้ผมมีโอกาสชวนพี่ไปกินไงครับ” สรุปว่าบีสองก็คิดเหมือนกัน



อย่าถามว่าผมหวั่นไหวไหม จะเหลือเร๊อะ!!



เรามานั่งกินข้าวกันที่ร้านใต้คอนโด เป็นร้านอาหารตามสั่งที่ตกแต่งน่ารักทีเดียว เลือกนั่งโซนในสวนแล้วแท้ๆ แต่ลำโพงที่ร้านนี้ระบบเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทางมาก



 ‘ความจริงที่เธอต้องฟัง ความจริงที่เธอแกล้งลืมมัน ถึงฉันยังใจสั่นๆ แต่คงต้องพูดมันไป เธอมีอีกคนที่ดี เธอมีอีกคนที่จริงจัง’

 





พี่มาช่ากำลังร้องเพลงฮิตในวันวาน แต่ผมกำลังเฮิร์ทแบบปัจจุบันทันด่วน อยากตะโกนสั่งว่าน้องใส่ถุงแต่ก็ทำไม่ได้ ต้องทนฟังเพลงตอกย้ำจิตใจต่อไปจนกว่าจะจบ





“พี่โมลำบากใจรึเปล่าครับที่ฟ่านมาเช่า”

“ไม่ครับ” ผมกำลังมุสาครับ แต่จะให้บอกว่าไม่กูไม่โอเค มึงเอาแฟนมึงไปอยู่ที่อื่นไป๊ ก็ไม่ได้...

“ผมไม่อยากให้ฟ่านเช่าแล้วอ่ะ”

“ก็ไปบอกเขาสิมาบอกพี่ทำไม พี่หนะใครเช่าก็ได้ตังค์ พี่ไม่เกี่ยงหรอก” หน้าเงินไปไหนครับกู



“ผมอยากเช่าเอง จะได้เจอพี่โมบ่อยๆ”

“...............................”



‘อารมณ์ที่เราเผลอใจ มันเป็นอะไรแค่ข้ามคืน ฉันแค่เป็นคนอื่นๆ ที่เธอว่าน่าพอใจ’



ใครก็ได้ช่วยปิด หรือเปลี่ยนเพลงให้ผมได้ไหมครับ สงสารผมเถ๊อะ!!!





“น้องเนสอยากเจอพี่เหรอครับ” ใจบอกว่าอย่า แต่สายตาและคำพูดของผมมันทรยศ

เนสเลียริมฝีปากมองผมตาเป็นประกายความต้องการ แบบไม่มีปิดบัง ผมยกสองแขนเท้าโต๊ะมือประสานให้คางวางพอดี กดสายตาให้องศาตกลงที่คอเสื้อของอีกคน



“สีชมพูดีจัง” น้องฟังแล้วอมยิ้มกลอกตาไปมา เหมือนจะเขินและชอบใจ

“ชอบก็บอกได้นะครับ ผมยังติดพี่อยู่ผมจำได้”



‘บอกจริงๆ ว่าฉันไม่อยากทำตัวไม่ดี และฉันไม่อยากเป็นคนไม่ดี ทุกอย่างลวงตา อย่าคิดไปเกินกว่านี้ อย่าทำอีกเลย’



พี่ช่ามาช้าไป ผมกับเนสเราคงเลยจุดที่เรียกว่าคนไม่ดีไปนานแล้ว



Rrrrrrrrrrrrr



...เบบี๋...



บี๋โทรมาขัดจังหวะผมที่กำลังจะปีนต้นงิ้ว



“ว่าไง”

(พี่กาศอยู่กับมึงป่ะ)

“ไม่นะ” ฉิบ..ขอโทษนะพี่กาศผมลืมไป มัวแต่สนใจต้นงิ้วลืมว่าพี่กาศไม่ให้บอกบี๋

(ว่า..ไง..นะ)

“ใจเย็นนะมึง คือกู..” ผมหันไปมองเนส น้องก็ทำไม่สนใจผม แอบเห็นไลน์ถาม ‘ไอ่ต่างชาติ’ ว่าหิวไหม

(ไม่เป็นไรมึงแค่นี้นะ)



บี๋น่ากลัวมากพูดเลย ......... ขอให้พี่กาศโชคดี





ผมวางสายแล้วก็ค้างอยู่ใต้ต้นงิ้ว ไม่ปีนขึ้น ไม่เดินหนี ยืนจ้องหนามแหลมคมนั้นอย่างช่างใจ



Rrrrrrrr

คราวนี้มือถือเนสดังขึ้น



“ครับพี่ซาน” พี่ชายน้องฟ่านโทรมา

(.......)

“ผมว่าพี่คุยกับฟ่านเถอะ ขนาดพี่มันยังไม่ฟังเลย มันจะฟังผมเหรอ”

(.....)

“ครับ..ผมจะลองคุยให้”



แล้วก็วางสายไป ได้ยินเสียงทุ้มของปลายสายแต่ฟังไม่ออกว่าพูดอะไร



เฮ้อออออ เนสถอนหายใจยาว



“ปวดหัวจัง” บ่นแล้วก็มาซบไหล่ผม นี่คืออ้อนกันชัดๆ ถึงไม่ปีน ต้นงิ้วก็โค่นลงมาทับผมอยู่ดี

“เรื่องของคนอื่นก็ให้เขาเครียดเองสิครับ” ผมพูดไปแล้วถึงได้มาคิดออกว่า น้องฟ่านไม่ใช่คนอื่นนั่นแฟนมัน ฟอ สระ แอ นอ แฟนนนนนนนนนนน!!!!!



“นั่นสินะครับ ขอบคุณครับพี่โม” เนสบอกผมและเด้งตัวที่พิงผมออก เพราะอาหารมาแล้ว



 ‘เธอรักเขาหรือเธอสงสาร เธอรักฉันและยื้อกันไป เธอทิ้งเขาไม่ลงใช่ไหม หรือต้องใช้เวลา เธอรักเขาหรือเธอรักฉัน ปล่อยให้มันยังค้างยังคา นานแค่ไหนที่ทนกันมา และต้องทนกันไป’ 



กำลังจะตักหมูทอดกระเทียมเข้าปากเพลงนี้ดังขึ้น เอิ่มม ให้ทายว่าผมจะกินลงไหม



“ปรกติพี่โมอยู่ที่นี่เหรอครับ” เนสชวนคุยเพราะเราเงียบอยู่นานจนพี่ตุ้ยร้องสองใจจนเกือบเลยท่อนฮุกไปสักพักแล้ว



“เปล่าครับพี่ทำงาน..อีกที่หนึ่ง ที่นี่ซื้อไว้ปล่อยเช่าอย่างเดียวครับ”

เกือบหลุดปากว่าทำงานที่ไหน



นี่เป็นครั้งแรกที่ผมว่าตัวเองคิดผิด ตอนซื้อคอนโดนี้ก็คิดว่านักศึกษาแถวสามย่านมีตังค์ คงมีคนเช่าตลอด ซึ่งก็จริง แต่ต้องไม่ใช่นักศึกษาคนที่มาเช่าตอนนี้ไง ใครก็ได้ที่ไม่ใช่น้องฟ่าน



“แล้วตอนนี้พี่โม..อยู่กับ..เอ่อ”

“พี่อยู่กับบี๋ครับ” ครับผมอยู่กับไอ่บี๋ เพราะมันบอกว่าเช่าสองห้องเปลือง ไอ่คนรวยที่มีความคิดติสแตกเลยมาอยู่กับผม แต่มาแค่อาทิตย์ละไม่เกินสองวัน ที่เหลือโน้นครับอยู่กับพี่กาศ



เนสดูซึมไปนิดหน่อย เราสองคนคงไม่ต่างกัน ใจเราอาจจะตรงกัน แต่เวลาของเราไม่ใช่ เขาไม่อนุญาตให้เราหยุดอยู่ข้างกัน เราเป็นแค่ดาวที่ต้องโคจรไปตามแรงของจักรวาล เราทำได้แค่เคลื่อนผ่านกันไปให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้นเอง



‘ถ้าเธอจะมีหัวใจให้ใครสักคน แค่เพียงคนเดียวได้ไหม เมื่อมีแค่หนึ่งใจ ก็รักใครไปซักคน’



อื้อหือ..แดกไม่ลงครับ น้องเก็บตังค์!!!



เราออกจากร้านอาหารตามสั่ง ที่เปิดเพลย์ลิสต์รวมเพลงฮิตยุค 90 อกหักเพราะรักคนมีเจ้าของมาสักพักแล้ว ไม่มีใครพูดอะไร ผมแค่ปล่อยเขาจับมือผมเดินไป จังหวะก้าวขาเราไม่เร็ว เรียกว่าช้าก็ยังได้



“พี่โมรอนี่นะครับ” อ้าวแล้วนั่นเด็กมีเจ้าของมันวิ่งไปไหนของมันอีกล่ะ ไม่ใช่ว่าไปซื้อน้ำมาให้กูอีกนะ เฮ้อออ



รอไม่เกินสามนาทีเนสก็วิ่งกลับมาพร้อมกับ.... “พี่ชอบกินผมจำได้” มันทิพย์ T_T



ร้องไห้ได้ไหมในฐานะคนเป็นชู้ก็ได้...



“อย่าเพิ่งกินสิครับ เดี๋ยวติดคอค่อยไปกินที่ห้องนะผมไม่แย่งหรอก”

มือที่จับไม้จิ้มมันปิ้งชะงัก น่ารักไปแล้วไอ่คนมีเจ้าของ



“แย่งไม่กลัว กลัวไม่แย่งมากกว่าครับ” ใครเอ่ยเก่งแต่ปาก? ปากดีไม่มีใครเกินผมแล้วล่ะ

“พูดแบบนี้เดี๋ยวผมจะแย่ง..คาปากเลย..” กินกันไม่ลงเลยเรื่องความปากดีเนี่ย



เวลาไม่มีน้องฟ่านเราสองคนเหมือนแฟนกันเลยครับ จะพูดทำไม พูดเองก็รู้สึกจี๊ดดขึ้นมาเอง เดินคุยอะไรกันไปสักพัก เนสก็หยุดเดิน ลากแขนผมไปที่ร้านเบเกอรี่ร้านหนึ่ง

...ขนมปังเอ่อเว้ย..สินะ



ผมเห็นเลือกๆ มาสองสามไส้ แล้วก็จ่ายตังค์ ใจดียื่นให้ผมด้วยนะ “ไส้นี้ผมชอบให้พี่โมลองชิมครับ” ผมรับมาดูผักโขมอบชีท กับ เห็ดรวม มันคือความบังเอิญหรือจงใจ เพราะเป็นสองไส้ที่ผมชอบกินมาก



‘ต่างใจตรงกัน มองตาก็เข้า ใจ แต่คงเป็นเพียงได้แค่มองตา อยากจะกอดเก็บเธอไว้ แต่พบกันเมื่อสาย ไม่อยากจะแย่งใคร’



คราวนี้ไม่มีใครเปิดครับ ผมร้องเอง อะไรนะเพลงเก่าอีกแล้ว ยิ่งเก่ายิ่งโดนนะครับไม่เคยได้ยินกันเหรอ......



มือเรายังประสานกันไปจนถึงหน้าห้อง ต่อให้เป็นฝันดีแค่ไหนสุดท้ายเราก็ต้องตื่น เราปล่อยมือกันตอนเดินเข้าห้อง น้องฟ่านยังยืนอยู่ที่ระเบียง



“ไปกินข้าวที่ระเบียงได้นะครับมีจานในครัวโต๊ะพับก็ยกไปใช้ได้เลย เก้าอี้ที่ระเบียงมีสองตัว”

ผมบอกเขาเสร็จสรรพ แล้วก็ทำเดินเลี่ยงไปเช็คของใช้ในตู้ เนสขอบคุณแล้วก็ไปจัดการตั้งโต๊ะเทกับข้าวให้แฟนกิน รู้อะไรไหมคนบางคนเขาไม่ได้ให้ความหวังเรานะ เขามีนิสัยชอบดูแลทุกคนอยู่แล้ว เราไม่ได้พิเศษต่างจากคนอื่นเลย



ไม่ต่าง....ไม่พิเศษ...ไม่เพิ่มไข่เจียวดาว...



ผมทำเป็นไม่สนใจ แต่ได้ยินชัดมากว่า..

เนสกับแฟนกำลังคุยกันเรื่องที่พี่ชายน้องฟ่านโทรหาเนส



“พี่ซานโทรหากูบอกมึงไม่รับสาย.. อ่ะ..กินผักด้วยมึง” ห่วงใยใส่ใจยิ่งกว่าไทยประกัน

“ขี้บ่น กูไม่อยากคุย” ท่าทางน้องฟ่านจะเอาแต่ใจ ผมว่าผมนิสัยดีกว่าเยอะ

“อือ..กินเยอะๆ หายปวดหัวยัง” มึงสปอยอย่างนี้ไงเขาถึงเอาแต่ใจ



“เนสพอแล้วมึงนี่เหมือนพี่ซานมากขึ้นทุกวันแล้วนะ” อ่ะซีนหวานใช่ไหม ผมควรเดินไปจากตรงนี้ แต่ผมก็ยังหน้าด้านอยู่ต่อเพื่อรอฟังว่า “กูไม่เป็นหรอกพี่มึงอ่ะ”



จบไหมโม ...จบนะไปๆ ไปไหนก็ไปกูเนี่ย



ไม่อยากเป็นพี่ เพราะอยากเป็นแฟน.....ผมต่อให้เขาในใจ...





“ก๊อกๆ”

ใครมาอีกล่ะ



ผมเปิดประตูออกไปดู .............บี๋..............



ร้องไห้?



“โม ฮืออออ” มึงอย่าเพิ่งร้อง...กูมีแขก.. ไม่ทันแล้วครับบี๋ทั้งร้องทั้งกอดผมแน่น เฮ้อออ ได้แต่ถอนหายใจอีกรอบ หันไปมองน้องสองคนที่ระเบียง เนสทำหน้านิ่งๆ ส่วนน้องฟ่านดูทำหน้าไม่ถูก ไม่สวีทกันต่อแล้วเหรอมึงสองคนหนะ





ผมลูบหลังบี๋ แล้วบอกมันเบาๆ “มีคนอื่นอยู่ในห้องกู” มันเงยหน้าขึ้นจากไหล่ผม แล้วก็ปล่อยแขนเดินเข้าห้องน้ำไป ไหล่กูเปื้อนขี้มูกหรือน้ำตา เปียกไปหมดเลย



ผมเดินไปหาน้องสองคนที่ท่าจะกินอีกนาน น้องฟ่านกินช้าดูเป็นคุณหนูผู้ดีมาก ไม่ต่างจากไอ่บี๋ไหร่ แต่จะเกินไอ่บี๋ตรงที่เพื่อนมัน เนสนั่นแหละคอยตักนั่นตักนี่ให้ตลอด



“รบกวนพี่ไหมครับ” น้องฟ่านถาม “ไม่เป็นไรครับตามสบายพี่ขอคุยกับ..บี๋สักครู่”



แล้วผมก็ทิ้งพวกเขาไว้ข้างนอก ลากไอ่บี๋ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำเข้าห้องนอน บี๋ยังดูมึนอยู่



“น้องสองคนนี้เหรอที่จะมาเช่า” บี๋ถามทันทีที่ผมปิดประตู

“อือ แล้วมึงเป็นอะไรร้องไห้ทำไม” ผมเดินไปนั่งข้างมัน

“พี่กาศมีคนอื่น” ห๊ะ!!! ไม่จริงผมไม่เชื่อ

“พี่กาศเนี่ยนะ มึงเอาอะไรมาพูด” ผมค้านหัวชนฝา พี่ชายผมหลงเพื่อนผมยังกะอะไรดี

“จริงๆ นะมึง กูเห็นเขาเดินลงมากับผู้หญิง ที่กูไม่รู้จัก พี่กาศไม่มีญาติ ลงมาจากห้องอ่ะมึงให้กูคิดไง กูไม่ได้มโนนะ เขาหอม...กันด้วย...” บี๋เริ่มน้ำตาไหลอีกแล้ว โอ๊ยนี่มันบ้าอะไรกัน



“มึงแน่ใจเหรอว่าเขาหอมกัน ไม่ใช่มุมกล้อง” ผมควรได้รางวัลน้องข้างบ้านดีเด่น พี่กาศต้องเลี้ยงข้าวผมแล้วล่ะ



“มุมกล้องผ่อง ไม่ได้ถ่ายหนัง” พ่อกูไม่เกี่ยวนะมึง “งั้นมึงเห็นยังไงไหนทำให้กูดู”



บี๋โน้มตัวเอาหน้ามาใกล้แก้มผม แล้ว......



แอ๊ดดด!!!



ผมปิดประตูไม่สนิท พอคนข้างนอกมาเคาะมันเลยกลายเป็นดันประตูให้เปิด เต็มๆ เนสเห็นบี๋กำลังจะหอมแก้มผมเต็มสองตา



“ขอโทษครับ ผมจะมาบอกพี่ว่า เราสองคนจะกลับแล้ว” เนสบอก ไม่สบตาผม ผมไม่อยากให้เนสเห็นอะไรแบบนี้ มัน..แต่จะอธิบายแก้ตัวยังไง ก็ในเมื่อเนสก็เข้าใจตั้งแต่ต้นว่าผมกับบี๋เป็นแฟนกัน แถมผมก็บอกมันเองว่าเรา..อยู่ด้วยกันอีกด้วย



“ฟ่านชอบห้องพี่มาก ตกลงเช่านะครับพี่ทิ้งสัญญาไว้ที่นิติกรได้เลย ขอย้ายเข้าเดือนหน้าโอนค่าห้องล่วงหน้าให้ปีหนึ่งนะครับ” รวยจังเลยนะครับน้อง นี่มันคนเช่าในฝันชัดๆ ค่าเช่าเดือนละสองหมื่น ปีหนึ่งสองแสนสี่ อยากดีใจแต่ทำไมยิ้มไม่ออก



“ครับ..เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ผมทิ้งบี๋ไว้ที่ห้องนอน เดินออกมาส่ง ‘คู่รัก’ ฟ่านยกมือไหว้ผม ผมได้แต่มองเนสโอบไหล่น้องฟ่านจนเขาสองคนหายเข้าไปในลิฟต์



....มันน่าเสียดาย...ปาฎิหารย์ไม่มีจริง....



ผมคงจะไม่มาที่คอนโดอีก ถ้าต้องเจอกันจะให้พี่กาศมาแทน



ผมกับเนสไม่ยิ้มให้กัน เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าผม เป็นอีกครั้งที่..ไม่มีคำบอกลา ไม่มีสายตาอาลัย ไม่มีคำว่าแล้วพบกันใหม่ ไม่มีอะไร...นอกจาก..แยกกัน..



ก็แค่..ดาวสองดวงที่บังเอิญโคจรมาเจอกัน ไม่นานก็จะต่างคนต่างไปคนละขอบของจักรวาล







#ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า

By symbol A


ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
Re: ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า ตอน 5
«ตอบ #5 เมื่อ23-12-2018 11:44:14 »

ตอน 5

กอด









; การโคจรของดวงดาว เป็นความบังเอิญ ที่ส่งผลต่อหัวใจ



บอกลาเดือนเก่าสวัสดีเดือนใหม่ ชอบที่สุดคือเมื่อวานเงินเดือนออกแต่วันนี้หยุด มันเป็นสวรรค์ของมนุษย์เงินเดือนชัดๆ การได้หยุดอยู่บ้านแล้วมีเงินนอนอยู่ในบัญชีเนี่ย ผมยังเป็นนายทนาย คนเดิม ไม่ได้สุขมากกว่าเดิมแต่ก็ไม่ได้ทุกข์อะไรมากมาย เรื่องเด็กต้นงิ้วก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ตั้งแต่เจอที่คอนโดคราวนั้นก็ทำใจไว้แล้วว่า เราคงแค่เด็ดดอกไม้ร่วมชาติ แต่ไม่ได้ตักบาตรร่วมขัน



Rrrrrrrrrrrr



พี่กาศ....



“ครับพี่”

(โมวันนี้ว่างไหมสักเก้าโมง)

“ว่างพี่มีอะไร”

(น้องฟ่านจะไปทำสัญญาที่คอนโดแล้วจะย้ายเข้าวันนี้ แต่พี่ติดส่งต้นฉบับยังไม่เสร็จเลย)

“อ่ะ”



วางสายไปแล้วผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่บนเตียง ทั้งที่ตั้งใจจะไม่ไปเจอผู้เช่ารายใหม่แล้วเชียว นิติคอนโดก็ไม่อยู่รับเรื่องให้ สรุปผมก็ต้องไปสินะ หรือว่าผมกับเนสเราจะตักบาตรร่วมขันกันมาก่อน ไม่หรอก....น่าจะทำบาปร่วมกันมากกว่า



ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวและมัวแต่เลือกชุด ก็จะไปหาน้องฟ่านทั้งที่ผมจะธรรมดาไปได้ไง รายนั้นยังกะดาราอ่ะคุณ เนสก็ต้องมาด้วยเพราะสองคนนั้นตัวติดกันจะตาย



สูดหายใจเข้าออกลึกๆ อย่างน้อยวันนี้ผมก็ได้เตรียมตัวก่อน ปรกติเจอโดยบังเอิญแต่งตัวแต่ละครั้งก็ เฮ้ออออออ....อย่าให้เล่าเลยพูดแล้วก็อาย



ขับรถประมาณชั่วโมงกว่า วันนี้คนคงออกมาใช้เงินกันสินะ รถเต็มจนล้นถนนแบบนี้ เห้ยแล้วพี่วินขับแบบนี้จะวิ่งราวกระจกข้างกูไปใช่ไหม แคบขนาดนี้ยังเบียดมาได้เนอะ



หลังจากขับไปก็กลัวกระจกหายบ้าง กลัวรถเป็นรอยบ้างในที่สุดก็ถึงคอนโด ในสภาพปลอดภัยดีทั้งรถทั้งคน ผมเดินเข้าไปก็พบว่า.....มีแค่เนสที่มานั่งรอ...มองหาน้องฟ่านไม่มาด้วยเหรอ หรือว่าจะตามมาทีหลัง ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน



“พี่โม”

“น้องเนส”



เราทักทายกันแค่ชื่อแบบนี้ทุกครั้งจนชินไปแล้ว หลังจากนั้นผมก็ชวนเนสขึ้นห้อง ไม่มีเจตนาสิบแปดบวกนะ แต่ถึงมีเนสก็คงสมยอม เอ่อ..ทำไมต้องคิดไปใจเต้นไปด้วยเนี่น คิดอะไรไปเองจนใจลอยไม่รู้เนื้อรู้ตัว พอเดินเข้าลิฟต์ผมก็ถูกดึงไปกอด....



เนสกอดผมแบบคิดถึง แบบโหยหา แผ่นหลังของผมชนแผงอกของเนส รู้สึกอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หน้าเขาซุกอยู่ที่ไหล่ผม ผมยิ้มเอียงหัวชนหัวเขา แก้มผมสัมผัสเส้นผมของเขา เนสเป็นผู้ชายที่ผมนิ่มจังเลย



“ชอบกลิ่นพี่จัง” เสียงกระซิบที่ข้างหูทำให้รู้ว่า ในสถานะไร้สถานะของผมก็พอจะมีความหมายกับเขาอยู่บ้าง



วงแขนที่ตวัดรัดร่างผมนั้นไม่แน่นเกินไป ไม่หลวมเกินไป ระหว่างร่างเราทะยานขึ้นชั้นสิบห้า ผมยืนนิ่งหัวชนกับหัวเขาอยู่อย่างนั้น ข้างหน้าผมเป็นวิวเมืองหลวงที่เห็นในระยะมุมสูงขึ้นเรื่อยๆ ลิฟต์แก้วก็จะไม่อึดอัดดี แต่ไม่เหมาะกับคนกลัวความสูงเท่าไหร่ และแน่นอนว่าผมไม่กลัว ยิ่งอยู่กับน้องเนสแบบนี้ต่อให้สูงระฟ้าผมก็ไม่หวั่น



แต่นี่มันแค่ชั้นสิบฟ้า ไม่ใช่ระฟ้าอย่างที่อยาก ในที่สุดประตูก็เปิดออกเนสปล่อยผมจากกอดของเขา เปลี่ยนมาจับมือ แล้วเราก็เดินออกไปด้วยกัน มันเป็นภาพที่ผมคิดไว้ในอนาคต อยากมีใครสักคนทำแบบนี้ จับมือกันอยู่ข้างกันในทุกเหตุการณ์ของชีวิต กอดกัน หอมกัน รักกัน ผมเจอเขาคนนั้นแล้ว แต่มันเป็นไปได้หรอก...ก็รู้ๆ กันอยู่..



เข้าไปในห้องผมให้เขานั่งรอที่โต๊ะซึ่งมีสัญญาวางอยู่พร้อมปากกา รินน้ำให้เขา เนสไม่ได้ยกดื่มตามมารยาทที่ควรจะมี แต่กลับถามเรื่องอื่น



“เมื่อกี๊ผมกอดพี่ โกรธผมไหมครับ” นั่งมองสัญญาเช่าแล้วคุยเรื่องกอดเนี่ยนะ

“ไม่ครับ กลัวพี่โกรธเหรอ”

“ถ้าพี่ไม่โกรธงั้นผมขอกอดอีกก็ได้นะสิ” อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ

“กอดมาพี่กอดกลับได้ไหมล่ะ” เอ่อ..ผมก็เอาก่ะน้องมันด้วย

“กอดไม่กลัว กลัวไม่กอดอ่ะดิ” เด็กต้นงิ้วมันท้าทายอำนาจชู้โว้ย





ผมเห็นว่าเริ่มนอกประเด็น เลยดึงเข้าเรื่องที่สำคัญกว่า...



“น้องฟ่านจะตามมาเหรอครับ” เนสส่ายหน้า หยิบปากกามาเซ็นต์ก๊อกแก๊ก สีหน้าต่างจากท้าทายผมเมื่อกี๊ลิบลับ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน



“เดี๋ยวนะตกลงใครเช่าห้องพี่ครับ” ผมขอคำอธิบาย “ผมเช่าแต่ฟ่านอยู่ครับ”



อืม..อย่างนี้เอง สายเปย์นะเรา เอ๊ะหรือว่าอยู่ด้วยกัน



“อยู่ด้วยกัน?”

“ก็ไม่เชิงครับ แต่ผมคงมาอยู่กับมันบ้าง” อืมมม.. เป็นอันเข้าใจ



“............” ผมถูกจ้องด้วยสายตาเดาความหมายไม่ออก “มองพี่ทำไมครับน้องเนส”



เด็กต้นงิ้วลุกมานั่งฝั่งเดียวกับผม วันนี้เนสแปลกๆ แฮะ



“คิดถึงผมบ้างไหมครับ” พอแฟนไม่มารุกเอารุกเอาเลยนะมึง

“คิดถึงได้เหรอครับ เนสมีแฟนแล้ว” เอ่อรู้ซะบ้างว่ามึงมีเจ้าของแล้ว คนที่มึงเปย์คอนโดให้เขาไง

“ได้สิครับ ผมยังคิดถึงพี่โมเลย”



‘อยากจะรู้ว่าฉันควรทำยังไง ต้องคิดถึงเธอแบบไหน แค่คนรู้จัก หรือคนรู้ใจ’



เสียงน้องอิ้งค์ลอยอย่างไว ช่วงนี้ผมฟังแต่เพลงแบบนี้ ฟังไปก็คิดว่าชีวิตตัวเองเป็นเอ็มวีได้ ทุกเพลงแม่งเอาเรื่องราวเอาความรู้สึกนึกคิดของผมไปเขียนชัดๆ



“คิดถึงพี่เหรอ...คิดว่าไง”



ไหนๆ เราก็อยู่กันสองคนแล้ว ผมขอใช้เวลาให้คุ้มค่ากับความสุขที่ไม่ได้มีมาบ่อยหน่อยแล้วกัน



“คิดว่าอยากเจอพี่ อยากกอด อยากบอกว่าผม...คิดถึงพี่”



ผมฟังจบก็อดไม่ได้ที่จะ ดึงเขาเข้ามากอด เรากอดกันอยู่อย่างนั้น แค่กอด แขนผมโอบตัวเขา ตัวผมถูกแขนเอารวบไว้ ถ่ายเทอุณหภูมิในตัวให้กันและกัน หัวใจเราเต้นเสียงดัง หน้าผมซบไหล่เนส คางเนสก็วงบนไหล่ผม



นาที สองนาที ......สิบนาที เราสองคนคงว่างกันมาก เราให้เวลาในการกอดกันตั้งสิบนาที ฟังเสียงหัวใจของกันและกันโดยไม่เห็นด้วยซ้ำ ว่าอีกฝ่ายทำหน้ายังไง

แต่ถึงผมจะชอบกอดนั้นแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องปล่อยเขาไป



เขาก็เช่นกัน



เราผละออกจากกัน



“วันนี้พี่โมไปไหนต่อครับ” ผมส่ายหัว ความจริงอยากชวนเขาไปดูหนัง แต่ไม่ดีกว่า ผมไม่รู้จะดูเรื่องอะไร แค่อยากไปดูกับเขาเท่านั้น ขืนบอกไปก็ดูจงใจรุกเขาเกินไปนะสิ



“ไปดูหนังเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ นะ นะ”



ใจตรงกันตลอดแบบนี้เลยรึไงนะ ผมยิ้มให้แปลว่าโอเค



“น้องเนสจะไปดูเรื่องอะไรครับ”

“เรื่องอะไรก็ได้ครับ ผมแค่อยากดูกับพี่”



เราไม่ได้ใจตรงกันธรรมดาซะแล้ว น้องเนสมึงจะพูดทุกอย่างที่กูคิดไม่ได้ มึงเข้าใจไหมว่า ใจกูหวั่นไหวไปหมดแล้ว



“วันนี้ให้เป็นวันของเราสองคนได้ไหมครับ/ วันนี้ให้มีแค่ผมกับพี่ได้ไหมครับ”



เราพูดขึ้นมาพร้อมกัน ประโยคที่ไม่ได้เหมือนกันทุกคำ แต่ความหมายไม่ผิดกันเลย



เรายิ้มให้กันเหมือนจักรวาลกว้างมีแค่เรา มีแค่ดาวสองดวงที่กะพริบอยู่ข้างกัน ไม่สนใจดาวดวงอื่น ไม่แยแสว่าอีกคนมีเจ้าของแล้ว



สรุปว่าเอารถเนสมาเพราะคันเล็กกว่าหาที่จอดง่ายกว่า วันนี้ผมขับโฟวิลมา เมื่อวานไปช่วยบี๋ขนของที่บ้านพี่กาศเอามาไว้ที่คอนโดของเรา เรื่องบี๋กับพี่กาศเข้าขั้นวิกฤต เดือนหนึ่งแล้วยังไม่มีวี่แววจะคืนดี พี่กาศบอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่บี๋คิดมากไปเอง แต่บี๋ก็ไม่ยอมมันว่าเห็นกับตา



ไม่มีความรักของใครไม่เหนื่อย...



“เดี๋ยวแวะกินข้าวก่อนค่อยไปดูรอบหนังนะครับ” น้องคนขับสั่งแบบนั้น ผมก็ครับไปตามที่เขาว่า หิวเหมือนกัน แต่งตัวนานก็เลยไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้ว



“อาหารญี่ปุ่นมะ...อ่า ขอโทษครับผมลืมไปพี่ไม่ชอบ งั้นพี่เลือกดีกว่า” คราวที่แล้วก็จะพาผมกินอาหารญี่ปุ่นทีละ หรือว่าเนสมันชอบหว่า



“น้องเนสชอบกินพวกปลาดิบเหรอครับ” เนสส่ายหน้า แล้วหลุดปากว่า

“ปรกติมากับฟ่านมันชอบกะ...กิน” คงคิดได้ว่าไม่น่าพูดถึงแฟนก็เลยเสียงเบาในคำสุดท้าย ไม่ทันแล้วมั้งมึง กูนี่อึนไปล่ะเรียบร้อย



“พี่โม....” อย่ามาง้อกูเลยไอ่เด็กต้นงิ้ว

“อะไรครับน้องเนส” ผมยิ้มให้แล้วยกแขนโอบไหล่อีกฝ่าย ให้เขาสบายใจว่าผมไม่ได้งอน คนไม่มีสถานะจะหน้าด้านงอนเขามันก็ใช่เรื่องป่ะ ถึงจะรู้สึกแย่มากก็เถอะ



“ผมขอโทษถ้าทำให้พี่รู้สึกไม่ดี พี่อยากกินอะไรครับผมเลี้ยง” ผมเคาะหัวเด็กนักศึกษายังขอเงินที่บ้านใช้ไปหนึ่งที “เก็บเงินที่พ่อแม่ส่งมาให้ไว้เถอะครับ พี่ทำงานแล้วพี่เลี้ยงเอง”



นอกจากเป็นชู้แล้วกูยังเปย์เขาอีก ไม่เป็นไรเมื่อวานเงินเดือนออก เดี๋ยวพรุ่งนี้ได้ค่าห้องมันอีกสองแสนกว่า เลี้ยงได้สบายมาก



“ผมทำงานพิเศษ พ่อแม่ไม่ได้ให้เงินตั้งแต่จบ ม.สี่แล้วครับ” อึ้ง...

“แบบนี้ผมเลี้ยงพี่ได้แล้วสิ”



โอเค๊..ถ้ามึงอย่างแย่งกูเปย์ก็ตามใจ๊



“เนื้อย่างเกาหลีครับ” ผมเลือกประเภทเนสเลือกร้าน เราไม่เรื่องมากกันทั้งคู่ ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องมาเดินวนหาเป็นสิบร้านสุดท้ายก็ไปกินร้านแรก เหมือนตอนมากับไอ่บี๋



ควันไหม้เนื้อลอยเข้าท่อดูดควัน เสียงเนื้อสดติดมันเล็กน้อยกระทบถาดเคลือบน้ำมันร้อนๆ หอมจนน้ำลายสอ ถ้ามีเบียร์ด้วยจะดีมาก



“ถ้ามี hoegaarden ล้างปากคงจะดีไม่น้อย” เนสที่กำลังห่อปากไล่ความร้อนของเนื้อที่เพิ่งสุกเผยความต้องการที่ตรงกับใจผมอีกแล้ว ผมว่าเราสองคนจะชอบอะไรเหมือนกัน คิดอะไรเหมือนกันมากไปแล้วนะ มันก็ดีแต่มันก็ไม่ดีตรงที่เราไม่โสดทั้งคู่ ไม่สิแค่เนสคนเดียวที่ไม่โสด ส่วนผมโสดแค่มันไม่รู้



“เคยชิมแท็บห้าไหม” ผมชวนคุยเรื่องเบียร์คิดว่าน่าจะคอเดียวกัน

“กลิ่นยีสต์แน่นดีผมชอบนะ” และผมคิดถูก

“พี่ชอบตอนมันผ่านลำคอไปแล้ว ชอบกลิ่นและรสหลังกลืน” ผมแสดงความเห็นบ้าง เราต้องทำความรู้จักกันไว้ เพราะ..เพราะ..เพราะอะไรวะคิดไม่ออก เพราะความจริงแล้วเราไม่มีความจำเป็นต้องทำความรู้จักกันเลย



“แบบนี้พี่ต้องคอคราฟต์สดดิใช่มะ” ผมส่ายหัว

“ชอบแบบขวดมากกว่า” แต่เราก็ยังอยากได้ข้อมูลของอีกฝ่ายต่อไป



“ผมไม่ชอบดูบอล ไม่ชอบอะไรแค่เพราะมันฮิต ไม่สนใจใครถ้าไม่ใช่..คนพิเศษ”



ระหว่างเราตอนนี้ คั่นกลางด้วยเนื้อย่างกับกลิ่นหอมของเนื้อลอยวนในโสตสัมผัส มีท่อดูดควันอันใหญ่ที่บังหน้าเราไว้นิดๆ ในความประดักประเดิดของสถานที่สาธารณะ คำว่า ‘คนว่าพิเศษ’ ที่ออกจากปากเนส กลับทำให้รอบตัวผมมีโทนสีพาสเทลอย่างไม่น่าเชื่อ สีพาสเทลกับร้านหมูย่างเกาหลีแม้ไม่มีเบียร์ยี่ห้อโปรดแต่ผมว่า..มันน่าจดจำ กว่าทุกมื้อที่ผมเคยกินซะอีก



“เวลาว่างพี่ชอบทำอะไรครับ” ว่างก็คิดถึงมึงอ่ะแหละ

“นอนมั้งพี่ขี้เกียจ” แต่ทำไมกูขยันคิดถึงมึงจังวะ

“เหมือนผมเลย ชอบนอนนิ่งๆ มองเพดานห้อง แล้วคิดถึงใครบางคนที่ไม่รู้จะเจอกันอีกไหม”

เดี๋ยวๆ ไอ่เด็กมีเจ้าของมึงจะลอกคำตอบในใจกูไปไม่ได้นะ



เมื่อน้องมันชงมาผมก็ต้องดื่ม เอ่อไม่ใช่ล่ะ ต้องตบมุกให้มันสิ



“จะบอกว่าคิดถึงพี่ใช่ไหมครับ ไม่ต้องบอกพี่ก็รู้” ผมยกตะเกียบชี้ใส่หน้าเนส น้องยิ้มหัวเท้าแขนข้างหนึ่งกับโต๊ะมองหน้าผม “ถึงพี่จะรู้ผมก็อยากบอกนะ...ผมคิดถึงพี่มากกกกกก”



มุกน้องมีผลกับหัวใจพี่มากพูดเลย



‘เธอกับฉัน เราเป็นอะไร ช่วยบอกฉันที อยากรู้สายตาที่เธอมีให้กัน มันหมายความว่าอะไร’





“น้องเนสชอบฟังเพลงแนวไหน” เขาเป็นนักดนตรีผมเดาว่าชอบคันทรี่ฝรั่งจ๋าแน่ๆ

“อินดี้ครับ” อืมม “พี่โมล่ะ” เนสถามกลับแล้วคีบหมูย่างที่สุกพอดีน่ากินมากใส่จานให้ผม

“เหมือนกันครับ” เราต่างอมยิ้มกับหมูในจานของตัวเอง

“แล้วพี่โมชอบดูหนังแนวไหนครับ”

“ดราม่าครับ” ผมตอบแล้วคีบหมูที่ตั้งใจปิ้งให้เขาเช่นกัน



ผมรักดราม่าเพราะว่ามันเข้ากับชีวิตจริง แม้บางครั้งชีวิตจริงจะดราม่ายิ่งกว่าหนังที่ดูก็ตาม



“ชอบเหมือนผมเลย อย่างนี้ต้องชอบอ่านแนวเดียวกันไหมครับเนี่ย”

“ก็..ไม่นะ” ผมปฏิเสธเร็วมาก

“ไม่ชอบหนังสือแนวดราม่าเหรอครับ”

“ไม่ชอบอ่านหนังสือครับ” เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นอีกครั้ง



ผมไม่ถูกกับหนังสือ ก็งานไอทีใช้สายตามากพอแล้ว ถ้าไม่ใช่หนังสือที่เกี่ยวกับงานผมก็ไม่อ่าน ที่สำคัญขี้เกียจด้วยแหละ



“ขำพี่แบบนี้แปลว่าเราเป็นนักอ่าน” น่าจะอย่างนั้นไม่งั้นคงไม่สอบติดมอนี้หรอก



แต่....



“ไม่ชอบเหมือนกันครับ ผมขำที่เราสองคนชอบอะไรคล้ายกันไปหมด”



อ่า...นั่นสินะ ตลกชะมัด เขาว่านิสัยเหมือนกันจะคบกันไม่ยืด เราไม่ได้คบกันนี่นะกลัวทำไม...



“แล้ว..ผมถามเรื่องความรักได้ไหมครับ”



ผมเบิกตากว้างก่อนจะพยักหน้าช้าๆ คุยเรื่องนี้จะดีเหรอ...



“พี่บี๋นี่รักแรกไหมครับ” นั่นไงว่าแล้วเชียวไม่ดีแน่ๆ

“จะว่างั้นก็ได้นะ” มันคือความจริง บี๋คือรักแรกของผม แต่เนสอยากเป็นรักสุดท้ายของพี่ไหม..อยากรู้ แต่ไม่อยากถาม...



บทสนทนาไม่ฮาพาเครียดทันที อย่าหวังว่าผมจะถามกลับเรื่องน้องฟ่านนะ บอกเลยว่ารู้ก็เจ็บไม่รู้ก็เจ็บ ผมเลือกไม่รู้ดีกว่า ผมชอบเจ็บน้อยๆ แต่เจ็บนานๆ



ครืนนนน ครืนนน



หน้าจอมือถือเนสมีแสงสว่างขึ้น สั่นกระทบกับโต๊ะ เป็นสัญญาณว่ามีคนโทรมา



“ไง”

(......)

“อืมม”

(......)

“เค”



ผมไม่ตกใจหรอกเพราะเคยได้ยินสามคำแล้ววางแบบนี้มาก่อนแล้ว เนสดูประหยัดคำเวลาคุยกับน้องฟ่าน ผมรู้ได้ไงว่าน้องฟ่านโทรมาเหรอ มันบังเอิญเห็นหนะ ผมไม่ได้แอบดูแต่อย่างใด สาบานแล้วไขว้นิ้วไว้อย่างมิดชิด





“พี่โม ผมต้องไปรับฟ่านมัน..”

“อือ..ไปเถอะเดี๋ยวเขารอ” ผมเข้าใจว่าแฟนต้องมาก่อนคนไร้สถานะอยู่แล้ว

“แล้วพี่จะกลับยังไงครับ”

“ขึ้นก้าวสามห้าไปก็ได้พี่ไม่ซีครับ” มันเป็นมุกเรียกแท็กซี่ครับ ก้าวขึ้นปุ๊บสามสิบห้าบาท

“สายเก้าสามห้าเหรอ พี่จะนั่งรถเมล์กลับเหรอครับ” เอ่อ..ไม่ทันมุกแฮะ



“ใช่” อำได้ก็อำผมขี้เกียจแก้มุกล่ะ



“หรือพี่จะไปกับผมแล้วเดี๋ยวผมไปส่งพี่ที่คอนโด” จะ..จะดีเหรอมึง แฟนมึงไม่หึงรึ จะบอกเขาว่าไงคิดบ้างสิโว้ย

“ไม่ดีกว่าพี่ว่าจะไปร้านหนังสือหน่อย” แถแบบลืมใช้สมองไปหน่อย

“พี่บอกไม่ชอบอ่าน” อ่ะ..ขอโทษได้ไหมกูลืมคิดอ่ะ



“บี๋ฝากซื้อหนะ” เหมือนผมประชดเลยว่ะ เฮ้อออ ชีวิตทนายทำไมมันเหมือนเนื้อย่างไหม้เกรียมที่ไม่มีใครกล้ากิน ต้องเขี่ยลงถังขยะแบบนี้ทุกทีเหรอ



“มีเบอร์พี่ ผม..โทรหาได้ไหมครับ” ขอกูทำไมไปขอแฟนมึงโน้นน

แต่ก็ตอบเนสไปว่า “ครับ”



ไล่เด็กต้นงิ้วในใจว่ามึงจะไปไหนก็ไป สักพักมันก็ไปจริงๆ เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นแผ่นหลังเนสไปไกลแล้ว เป็นอีกครั้งที่..ไม่มีคำบอกลา ไม่มีสายตาอาลัย ไม่มีคำว่าแล้วพบกันใหม่ ไม่มีอะไร...นอกจาก..แยกกัน..



ก็แค่..ดาวสองดวงที่บังเอิญโคจรมาเจอกัน ไม่นานก็จะต่างคนต่างไปคนละขอบของจักรวาล










#ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า

By symbol A

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 6

จูบ







; การโคจรของดวงดาว เป็นความบังเอิญ ที่ส่งผลต่อหัวใจ



ผมว่างและกำลังคิดถึงเนส สลับกับการมองหน้าจอมือถือทุกสิบ (วินาที) เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวานที่เด็กต้นงิ้วบอกจะโทรมา แต่แม่งก็เงียบกริบ ขอทำไมขอแล้วไม่เอา เอ้ย..ไม่โทร แล้วกูจะรอทำไมครับไม่มีอะไรทำรึไง เอ่อสิ ว่างจัดวันนี้วันอาทิตย์นี้นา และคนไม่ชอบอ่านอะไรยาวมีสาระ ก็เข้าสิงหน้าคอม อยากคุยกับใครสักคนที่เข้าใจเราอย่างแท้จริง



Google เพื่อนที่รู้ใจนำทางเราไปได้ทุกที่ ทุกเรื่อง ทุกเวลา



...แอบรักคนมีเจ้าของ.... ให้ตายเถอะตอนแอบรักไอ่บี๋ผมยังไม่ทำขนาดนี้เลยนะเอาจริง อ่ะยังคิดไม่ทันจบเด้งมาแล้ว พันทิปเว็บที่รวมคนประเภทเดียวกันมาไว้ด้วยกัน



ข้อห้าม...สำหรับคนที่รักคนมีเจ้าของ โดยคุณABC



เนื้อหากระทู้ไม่มีอะไรมาก แต่ความน่าสนใจคือคนมาแสดงความคิดเห็นนี่แหละ



คุณ ก. ....ห้ามคิดว่าเขาคือแฟนเรา....

เอ่อสิเขามีแฟนแล้วจะเป็นของเราไม่ได้ แต่กรณีผมกับเนสถือว่าผมเป็นของเนสไปแล้วรึเปล่า?



คุณ ข. .....อย่าทำตัวเป็นเจ้าของ ถ้าเขาจะไปไหน ทำอะไรกับแฟน บอกเขาว่าเราเข้าใจ (แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจเชี่ยไรเลยก็ตาม) ........



คนนี้คิดเหมือนผมเลย



คุณ ค. .......อย่าทำตัวน่าเบื่อ เวิ่นเว้อใส่เขา ห้ามหึง ห้ามน้อยใจ ต้องเสียใจไม่เป็น....



อันนี้ผมทำอยู่นะ..แบบนี้เลยล่ะ



คุณ ง. ......ต้องกินยาคุม....



ข้อนี้ข้ามๆ ไปเถอะ



คุณ จ. ........ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ ถ้าทำได้ก็ไปเจอกันที่ใต้ต้นงิ้ว...........



จ้องตา จับมือ ให้นวดขา ซบไหล่ กอด เหล่านี้คือต้องทำกับแฟนใช่ไหม หนักสุดที่ทะเล ผมว่าตายไปคงได้ปีนต้นงิ้วจริงแล้วล่ะ โทษฐานไม่ใช่แฟนแต่ทำแทนไปแล้วทุกอย่าง



คุณ ง. ........ไม่ควรแสดงตัวให้แฟนเขาเห็น.........



ไม่ทันแล้ว น้องฟ่านเห็นกูบ๊อยบ่อย แต่น้องก็ไม่มีท่าทีหึงหวงเลยเนอะ เหมือนตอนบี๋คบกับไอ่เบย์เลย หื้ออ แล้วกูคือน้องโปรดรึเปล่าว่ะ ว่าเขาไว้เยอะเข้าตัวรึเปล่าเนี่ยทนาย



คุณ น. .......เลิก!! เลิกไปเป็นมารแย่งของคนอื่นสักทีหาเองไม่ได้รึไงห๊ะ....



เชี่..ยยยย!! หน้าน้องฟ่านลอยมาเลยกู ปิดเถอะ...



ใครจะไปรู้ว่าแม่งจะมีแฟนแล้ว ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอกันอีก แล้วใครใช้ให้เนสมันน่ารักกันเล่า



ผมว่าควรออกไปเดินห้างหาความบันเทิงเริงใจ แทนการอยู่กับคนประเภทเดียวกันในพันทิป





ขับเก๋งคู่ไปห้างคิดเอาไว้ว่าจะไปซื้อของใช้ที่หมดด้วย ขับออกมาได้ครึ่งทางลืมไปว่าผ้าที่ปั่นไว้ยังไม่ได้เอาออกมาตาก เฮ้ออ สมงสมองผมคงโดนไวรัสสายพันธุ์แฟนชาวบ้านกัดกินไปหมดแล้ว แล้วพรุ่งนี้จะเอาอะไรใส่ไปทำงาน คิดแล้วก็อยากกลับ แต่ตอนนี้แยกนรกกลับตัวก็ไม่ได้ไปต่อก็ไปไม่ถึงไหน เหมือนความสัมพันธ์ของผมกับเนสเลย แล้วก็วกมาเรื่องแฟนชาวบ้านอีกครั้งจนได้



แทบจะหลับคาพวงมาลัย ในที่สุดผมก็ถึงห้างสักที เดินเข็นรถซื้อของใช้ เห็นคนอื่นมากับแฟน ตัวเองเอาอันนี้ไหม ที่รักเอานั่นไปด้วย หึ..มองบน..กลัวคนอื่นเขาไม่รู้รึไงว่ามีแฟนอ่ะ..



“น้องเอานี่ไหมครับ” เห๊อะนั่นไงอุตส่าห์หนีแล้วยังตามมาอีกคู่ ผมจับรถเข็นให้มั่นแล้วซิ่งถอยคู่รักต่างวัย แต่....



น้องฟ่าน!!!



มากับใครไม่รู้ครับ ผมหลบเข้าซอกชั้นสบู่อย่างไว ใช้เบนเนทของพี่บุ๋มบังหน้าไว้ แล้วค่อยๆ โผล่ซีกหน้าออกแอบมอง เนสแฟนมึงก็มีคนอื่นเหรอวะ เย..ดดดดดดด



“พี่ซานฟ่านไม่ชอบกลิ่นนี้ มันเหม็น” ซาน..ชื่อพี่ชายเขานี่หว่า โธ่ไอ่โมเอ้ยย



แต่เดี๋ยวนะ!!! พี่ชายมีกอดคอแอบหอมแก้มกันด้วย อย่างนี้ก็ได้เหรอ



“ไม่ต้องใช้อะไรก็ได้กลิ่นตัวน้องหอมกว่าสบู่ทุกยี่ห้ออยู่ดี” หือออ ประโยคนี้ถ้าเป็นผมเก็บไว้พูดกับคนรักนะ พี่ชายหรือผัวถามใจน้องฟ่านดูเถอะ แล้วท่าทางออดอ้อน จ้องตาเป็นประกายเหมือนตุ๊กตาไขลานนั่น ไม่เคยเห็นทำกับเนสเลยสักครั้ง



โว๊ะ!! ไม่ได้การแล้ว ผมต้องทำอะไรสักอย่าง



โชคดีที่มือถือผมถ่ายวิดีโอได้ และผมฉลาดพอจะใช้มันตอนนี้ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นผมต้องอัดไว้ก่อน



สิบนาทีผ่านไป ผมเข็นรถไปจ่ายเงินและ ฉะ..ฉออิบอ...หอหายอ สองพี่น้องท้องชนกันอยู่ช่องข้างๆ ผมควรทำไงดี ยืนตัวแข็งเลยครับไม่กล้าจะหันไปแม้สักองศาเดียว





“เนสว่าไง” เหมือนเนสจะโทรหาน้องฟ่านครับ

(........)

“อยู่ห้างกับพี่ซาน ของที่มึงฝากอ่ะไม่มีนะ”

(.........)



“น้องไปยืนรอพี่ตรงโน้นก็ได้ครับ” เสียงพี่ชายทุ้มน่าฟังบอกน้องให้ออกไปคุยตรงโน้น ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตรงไหน ดีว่าผมซื้อของเยอะเลยได้ยืนเผือกนานพอสมควร



“ล้อเล่นนน ซื้อมาแล้วดิ” ประโยคนั้นน้องฟ่านน่าจะคุยกับเนส แล้วเสียงน้องก็หายไป เสียงพนักงานแจ้งยอดที่ผมต้องจ่ายก็ดังขึ้นมาแทน



จ่ายเงินแล้วผมเดินลิ่วออกไปไม่ได้หันกลับไปมองอีกทาง กลับไปที่รถวางของเสร็จผมยกมือถือโทรหาบี๋ทันที



“บี๋..ถ้าเราเห็นแฟนคนที่เรารู้จักอยู่กับคนอื่นแบบไม่น่าไว้ใจ เราควรบอกเขายังไงดีวะ”

(.................) บี๋มันเงียบอยู่นาน สักพักมันก็พูดขึ้นมา

“มึงบอกกูตรงๆ เลยโม พี่กาศมีใครกูเริ่มจะทำใจได้แล้ว มึงบอกมาเลย อือออออ”



เอิ่ม..ผมผิดเอง ลืมไปว่าบี๋กับพี่กาศเข้าใจผิดกันอยู่ เกาหัวเหมือนคันรังแคหนักมาก

พี่กาศผมขอโทษ





เย็นวันต่อมาผมออกจากที่ทำงาน แวะนั่งร้านกาแฟใกล้คณะของเนส โอเคอย่ามองเหมือนรู้ทันกันสิ ผมยอมรับว่าวันนี้ลาครึ่งวันแล้วก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย หวังว่าอาจจะได้เจอเขา ผมกำลังเป็นห่วงเขา แฟนเขามีคนอื่นนะคุณ แล้วผมเกี่ยวอะไร ก็ไม่



....เย็นป่านนี้น้องไม่กลับไปแล้วเหรอ..ก็อาจจะกลับ..



ผมควรกลับหรือเข้าไปหาอ่านกระทู้ บอกเพื่อนยังไงว่าแฟนมันมีชู้ แล้วรอเนสต่อไปดี



“พี่โม”

“นะ..น้องเนส”



ยิ้มให้เหมือนความบังเอิญมีอยู่จริง



“มาคนเดียวเหรอครับ” ถามอ้อมโลกไปงั้นความจริงอยากรู้ว่าแฟนมันไปไหน ให้ตายไม่เคยอยากรู้เรื่องน้องฟ่านเท่าวันนี้เลยอ่ะ



“ฟ่านมันไปกับพี่ซาน” แฟนมึงไปกับชู้มึงรู้ไหมเนส



“ดีใจจังที่เจอพี่โม” เอ่อ..ไปว่าน้องฟ่านมีชู้ กูก็ชู้เนสรึเปล่า ว่าแต่เขาอิเหนาคือกูอีกแล้วไหมล่ะ

“กำลังคิดถึงพี่อยู่เหรอครับ” แล้วกูจะไปหยอดมันทำไม

“รู้ใจผมตลอด” อ่ะ มึงนี่ก็ไม่เถียงกูซ๊ากกกคำ



“น้องฟ่านนี่อยู่ด้วยกันนานแล้วเหรอ” ผมต้องค่อยๆ เข้าเรื่อง พูดไปเลยเดี๋ยวเนสจะตกใจ นี่คือค่อยๆ แล้วใช่ไหมโม อยู่ๆ ก็ถามเขาแบบนี้



“ก็..รู้จักตั้งแต่วันแรกที่มอบตัวเลยครับ พี่ถามทำไมหึงผมเหรอ”

ดะ..เดี๋ยวนะมึง กูมีสิทธิ์อะไรครับพูด แล้วมึงควรไปหึงแฟนมึงโน้นน



“พี่ชายน้องฟ่านหล่อดีเนอะ” ช่วยด้วยผมไม่รู้จะเข้าเรื่องยังไงดี



โมมันบอกว่าพี่ซานเป็นคนฮ่องกง



“มิน่าน้องฟ่านได้พี่ชายมานี่เอง หน้าตาดีมาก เป็นดาราได้เลย” ผมว่าต่อ

“อือ..ฟ่านมันเป็นลูกเสี้ยว พ่อเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไต้หวัน แล้วก็ แม่นอร์เวย์” อ๋อมิน่าผมเคยได้ยินเนสเรียกน้องฟ่านว่าไอ่เสี้ยว



ว่าแต่มันแปลกๆ มะ



“แล้วน้องฟ่านไม่ใช่คนฮ่องกงเหรอ” เนสทำตาโตเหมือนเพิ่งคิดได้ว่าหลุดปากอะไรออกมา



ผมรอลุ้นว่าเนสจะว่าไงต่อ .....



“คือ...”



“เอ่อ...แล้วพี่โมรู้ได้ไงว่าพี่ซานหล่อครับ” อ่ะ...อีกแล้วกู..พูดอะไรไม่คิดก่อนอีกแล้ว

เอาเถอะไหนๆ ก็พูดไปแล้ว บอกไปตรงๆ เลยละกัน



“เนส..คือ...”



“น้องเนสมาคนเดียวเหรอคะ น้องฟ่านไปไหนเอ่ย” ผมมองไปที่น้องนักศึกษาที่มาขัดจังหวะได้นรกมาก น้องคงไม่เข้าใจ ยิ้มให้ผมจนเห็นฟันครบทุกซี่เลย



“ฟ่านไปกับพี่ชายครับ” เนสตอบสีหน้าปรกติ ออกจะรำคาญนิดๆ ด้วย

“อย่าลืมบอกน้องฟ่านนะเรื่องสัมภาษณ์คู่ที่พี่บอกวันก่อนหนะ ถ้าคู่เราไปลงรับรองนิตยสารมอฉบับนี้ยอดขายกระฉูด”

เนสทำหน้าเบื่อหน่ายเอ่อออไปตามเรื่อง สักพักน้องคนนั้นเดินออกไป



“ไปกันเถอะครับ” เนสจูงมือผมลุกขึ้น นักศึกษาแถวนั้นมองตามเป็นตาเดียว แต่เนสก็ไม่ได้สนใจ



ยามโพล้เพล้ที่มีเราสองคนจับมือกันเดินออกมาจากร้านกาแฟ ผมรู้สึกอยากหยุดเวลาไว้ตรงนั้น แสงขมุกขมัวรอบกาย ที่มองเห็นอะไรๆ ชัดแค่ในระยะใกล้ๆ แต่พอมีเนสอยู่ด้วย ผมกลับอุ่นใจ ไม่ต้องมองเห็นไปไกลจนสุดขอบโลกก็ได้ แค่อยากมองไปเห็นเขาคนนี้ก็พอ



ผมแอบรักเนสจนไม่เหลือที่ให้คิดถึงบี๋แล้ว ดีตรงที่ผมคิดกับบี๋ได้แค่เพื่อนสนิทอย่างที่เคยรับปากมันไว้ได้สักที แม้ว่าผมจะต้องวนลูปแอบรักคนมีเจ้าของต่อไปอีกครั้งก็ตาม



เนสถามว่ารถผมอยู่ไหน แล้วเราก็มาที่รถของผม



“ไปห้องผมนะพี่โม” ผมมองหางตาใส่ทันที นี่คิดอะไรกับกูป่ะเนี่ย

“วันนี้พี่ซานมาส่งผมหนะ รถผมซ่อมอยู่” อย่างนี้คือเห็นผมเป็นแท็กซี่ถูกไหม แล้วผมจะไปส่งเขาไหม ก็ไปไม่เห็นต้องถามเลย



“รถเสียแบบนี้เนสทำไง ลำบากแย่เลย”



“ครับรถมันเก่าแล้ว พี่ซานจะซื้อคันใหม่ให้ เพราะผมต้องไปรับไปส่งไอ่ฟ่าน ผมอ่ะไม่อยากได้หรอก แต่พี่ซานโคตรขี้บ่น แล้วก็นะสปอยไอ่ฟ่านเว่อร์วังเกินเหตุ” เนสบ่นไปผมก็ชายตามองที่เขาไปเป็นระยะ ดูท่าทางสามคนนี้จะสนิทกันมาก หรือว่าเนสรู้อยู่แล้ว....สามคนผัวเมียรึเปล่า



“เอ่อ..วันก่อนพี่เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอนานมากเลย” สมมุติเหตุการณ์จำลองที่เสมือนจริงขึ้นมา แล้วฟังว่าเขาจะมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องแบบนี้



“มัน..มีอะไรกับพี่ชายตัวเอง พี่อึ้งไปเลย” เหตุการณ์สมมุติของผมห่วยแตกมาก ไม่มีสี่มีแปดตรงเกิ๊นนน



“...........” เนสก้มหน้าไม่พูดไม่จา ไม่มีความเห็นอันใด ฮัลโหลมึงอยู่ในสายอยู่ไหมเด็กต้นงิ้ว



“เนสคิดว่าไง” ตื้อเก่งคือกู ชี้หน้าตัวเองรัวๆ

“ไม่คิดครับ...มันไม่ใช่เรื่องของผม”



ตึงงงง!!!! เสียงอีกาดังขึ้น คำว่าเสือกประทับลงที่หน้าผากผมเต็มๆ ตัวหนาสีแดงสดด้วย



“พี่โมแวะซื้อของกินกันไหมครับ” คิดว่าด่ากูเสร็จมึงจะชวนกูไปไหนก็ได้งั้นเหรอ



“ครับ..จอดรถตรงไหนได้บ้าง” แล้วผมก็หักพวงมาลัยตามที่เนสชี้



เดินเลือกของกินสามสี่อย่าง สาบานว่ากินสองคน



“ป้าเอาสี่สิบครับ” หันไปอีกทีเด็กต้นงิ้วสั่งมันปิ้งให้ผมอยู่ ผมยิ้มแล้วล่ะไม่สนใจใครแล้ว ณ จุดนี้



‘เธอรู้วิธีดูแลคนที่ห่วงใย จนฉันแปลกใจความรู้สึกที่ฉันมี เคยรักมากเท่าไหร่ก็ยังรักได้อีก

ไม่รู้ว่าเป็นได้อย่างไร’



“ขอบคุณครับ” ผมกระซิบข้างหูคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า เนสหันมายักคิ้วข้างเดียวให้ผม หล่อเกินไปนะที่รัก (ของคนอื่น)



ไบโพลาร์กว่านี้ไม่มีแล้ว



ได้เมนคอร์ส และ ออร์เดิร์ฟแล้วเราก็ยังแวะซื้อเบียร์ เดี๋ยวๆ ๆ มึงหยิบมาทำไมครับน้องเนส แต่ผมก็ควักจ่ายค่า hoegaarden ครึ่งโหลให้เด็กมันอยู่ดี ขวดละร้อยเจ็ดสิบห้าบาท ยังถูกว่าเลี้ยง Schneider Weisse ของบี๋หน่อย อันนั้นตั้งสองร้อยสามสิบห้า ก็ยังดีวะ...



ดีเหมือนกันเมาๆ เราอาจจะคุยเรื่องน้องฟ่านมีชู้ได้ง่ายขึ้น หรือผมควรหยิบเบียร์ไปเพิ่ม เผื่อเด็กนี่คอแข็งไง อ่ะแอบเอาไปอีกนิดแล้วกัน



“พี่ซื้อมาทำไมเป็นลังเลยเนี่ย” ก็หยิบเพิ่มสองสามขวด เอาเป็นลังถูกลงไปอีกไง คุ้มกว่า..

“ซื้อไว้ครับเผื่อคราวหน้าไงจะได้ไม่ต้องซื้อบ่อย”

“ฮ่ะ..พูดอย่างนี้แปลว่าพี่จะมาหาผมที่ห้องอีกใช่ไหม” อืมม ขยันรุกจริงนะน้อง

“ก็ถ้าน้องเนส..อยาก..ให้มา พี่ก็จะรีบมาเลยครับ” ผมทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่เนส น้องยักไหล่ทำเท่เดินขึ้นรถไป



ห้องเนสเป็นห้องปรกติไม่ได้หรูหรา แต่ก็กว้างพอใช้ได้ มีห้องนอนห้องเดียว มีพื้นที่สำหรับเล่นดนตรี มีเปียโนหลังเล็กทรงสี่เหลี่ยม กับกีตาร์ วางอยู่ มีหลอดไฟ มีฉากสีดำอยู่ข้างหลัง เหมือนสตูเลย



“ผมเอาไว้อัดคลิปลงยูทูปครับ” ยูทูปเบอร์เหรอ



“ไม่เคยเห็นเล่าให้พี่ฟังเลย” เนสเดินไปรื้อกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดยื่นให้ผม “ก็พี่ไม่เคยถาม นี่ครับไปเปลี่ยนก่อนจะได้สบายตัว หรือพี่อยากอาบน้ำผ้าเช็ดตัวอยู่ในตู้หน้าห้องน้ำครับ ของในห้องน้ำพี่ใช้ได้หมดทุกอย่าง แปรงฟันผมสีดำนะ”



บริการดีจริง..ไม่กลัวแฟนเข้ามาเห็นเลยเนอะ..แต่จะว่าไปน้องฟ่านก็ไปกับคนอื่นเหมือนกัน สมน้ำสมเนื้อ ผมเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน ห้องน้ำเนสสะอาดและดูดีมาก โซนเปียกกับโซนแห้ง แยกกันชัดเจน ที่ขัดหูขัดตาก็คงเป็นแปรงฟังสองอัน สีดำกับสีส้ม อีกอันนี่ไม่ต้องบอกว่าของใคร



ใช้เวลาไม่นานผมก็ใส่ชุดเนสออกมา มีบางคนเตรียมสถานที่ปาร์ตี้ลำยองเสร็จพอดี ผมเดินไปหาเนสที่ระเบียง เนสปูเสื่อและกางโต๊ะญี่ปุ่นของกินล้นโต๊ะ จนต้องวางข้างล่าง น้องขอไปอาบน้ำก่อน บอกให้ผมกินไปก่อนเลย



พอเนสปิดประตูห้องน้ำ ผมก็เริ่มสำรวจห้องเขาด้วยสายตา...ไปดูห้องนอนได้ไหมนะ..ได้มั้งเงียบๆ หน่อย แล้วผมก็ไร้มารยาททำตามใจตัวเองสุดๆ



แอ๊ดดด!!



ประตูดัง เห้ยย เงียบๆ ดิวะประตู



แง้มพอให้เห็นในห้อง มีแต่ฝูกขนาดหกฟุต กับโต๊ะเขียนหนังสือมีโคมไฟ แค่นี้เองเหรอ ศิลปินเขาไม่ต้องมีแบบรูปวาด โปสเตอร์เหมือนในหนังหรอกเหรอ ในห้องไม่มีอะไรให้ค้นหา ก็กลับมาสำรวจข้างนอก มีกล้องวางบนขาตั้งกล้อง พีซีหนึ่งเครื่อง ตู้เสื้อผ้า..ขอเปิดดูสักหน่อย



แอ๊ดดด!! เชี่..ยยยย เสียงดังกว่าประตูห้องอี๊กก



ผมรีบเก๊กหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วกลั้นใจแง้มดูอีกที เสื้อผ้าก็ดูเป็นระเบียบดี ความจริงระเบียบมาก มากกว่าที่ผมจะคาดคิด มีการเรียงเฉดสีด้วย หื้มมม แต่ดูๆ ไปไม่ใช่เสื้อผ้าแนวที่เนสใส่เลยนะ โอเคของน้องฟ่าน..จบ ไปแดกเบียร์ดีกว่า...เสียอารมณ์



ไม่นานเนสก็เดินออกมาจากน้องน้ำ หยดน้ำที่เกาะบนไหล่กับผมเปียกๆ นี่มัน...น่า...ผมกระดกเบียร์ย้อมใจอึกใหญ่ เนสเดินไปเปิดเพลง...อินดี้..ที่เขาเคยบอกว่าชอบ ทำไมผมรู้นะเหรอก็เป็นเพลงไทยที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ดนตรีเหมือนคนเมากัญชา เนื้อหาก็ดูหลุดโลก พูดถึงคนรักที่เปรียบเหมือนดาวเหนือ



‘เธอคือดาวเหนือ คนที่เหนือกว่าทุกดาวที่เหลือ’



เพราะดีครับผมเพิ่งเคยฟังเป็นครั้งแรก



“พี่รู้ไหมว่า..พี่เป็นดาวเหนือของผมนะ”

ผมหัวเราะเหมือนไม่เคลิ้มอะไร แต่ใจจริงกูนี่หน้าบานกว่าจานใส่ยำตรงหน้าอีก



“ยังไม่เมาเลย รุกพี่ซะแล้ว” ว่าแล้วก็กระดกเบียร์ย้อมใจอีกหน่อย

“ต้องพูดก่อนเมาสิครับ เดี๋ยวผมเมาแล้วพูดพี่จะไม่เชื่อผม” อ่อจริงของมัน



เนสนั่งลงข้างผมเราหันหน้าออกนอกระเบียง เหยียดขาออกไป ข้างหน้าที่มีแค่ราวเหล็กกั้น ดังนั้นมันจึงเป็นระเบียงที่ถึงจะนั่งกับพื้นก็รู้สึกโล่ง วิวดีมากเกือบสามร้อยหกสิบองศา เพราะห้องเนสอยู่ริมสุด



“เหมือนฝันเลยพี่มานั่งกินข้าวกับผมที่ห้องแบบนี้อ่ะ”

“ปากหวานจังนะเรา”

“ชิมตั้งนานแล้วยังจำได้อีกเหรอครับว่าปากผมหวาน” ผมเลียปากมองคนพูดประโยคที่ทำให้คิดถึงความหลัง



“ความจริงพี่ก็จำอะไรไม่ค่อยได้ ขอชิมใหม่อีกรอบได้ไหมครับ..น้องเนส..”



จบคำขอ เนสดึงคอเสื้อผมเข้าหาเขา เรานั่งจูบกันตรงนั้น ข้าวปลาไม่สนใจ มีแค่เบียร์ขวดเดียวที่ผมดื่มไปเกือบหมดแล้ว กลิ่นเบียร์คลุ้งเข้าจมูก ลมหายใจของเราใกล้กันชนิดไม่มีที่ว่าง ให้อะไรมาแทรกกลาง มือข้างหนึ่งของเนสยันพื้น อีกข้างนวดอยู่ที่ต้นคอของผม ส่วนสองมือผมยันพื้นยืดตัวไปหาเขา



เมื่อมันเหนื่อยเกินไป ปากเราก็ถอนออกจากกัน แต่หน้าผากเรายังสัมผัสกันไม่ยอมห่าง ตาผมจ้องตาเขา ดวงตาสีที่ระบุเฉดสีไม่ได้ยังน่าค้นหาเหมือนครั้งแรกที่เราจ้องกัน คืนที่ผมแพ้เกมจ้องตาเพราะเขาบอกว่าตาผมมันเศร้า แต่ถ้าวันนี้ตอนนี้ผมเชื่อว่าผมไม่มีทางแพ้ เพราะผมเลิกเศร้าเรื่องบี๋แล้ว หรือจะแพ้เพราะหันมาเศร้าเรื่องเขาหนักกว่าเดิม



“ตาพี่..ดูมีความสุขมากขึ้นนะครับ” น้องเขาว่างั้น

“เพราะมีใครบางคนทำให้พี่เลิกเศร้าไงล่ะ”



“พี่โม..ผมชอบจูบของพี่”

เนสบอกแบบนั้น แล้วก็เริ่มโน้มตัวเข้ามาเล็มริมฝีปากของผมอีกรอบ คราวนี้เขาค่อยๆ จูบเหมือนกำลังทำงานศิลปะที่ต้องใช้ความละเอียดขั้นสูงสุด กัดเม้มปากผมจนยืด แล้วก็กลับมาประกบแนบสนิท แรงดูดจากอวัยวะเดียวกัน ทำให้ผมเคลิ้มจนต้องหลับตา เก็บความรู้สึกใส่ไว้ในขวดโหลปิดฝาแล้วเอาไปฝั่งไว้ที่แกนของหัวใจ ลึกจนไม่มีทางจะมีใครเอามันไปจากผมได้ แม้แต่น้องฟ่าน...



“น้องเนสจูบเก่งแบบนี้กับทุกคนรึเปล่า” อยากจะกัดลิ้นตัวเอง ถามอะไรออกไป

“จูบจะดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่รสจูบ หรือลีลาการจูบแต่มันขึ้นอยู่กับ คนที่เราจูบต่างหากล่ะครับ”



แปลว่าไง..พี่โง่อ่ะ



เพราะผมคงเผลอขมวดคิ้วเนสเลยบอกให้เข้าใจ..



“เพราะเป็นพี่ไงจูบนี้ก็เลย..มีความหมายมากกว่าจูบ”



เข้าใจมากขึ้นนะ แต่ก็ยังไม่แจ่มแจ้ง มีความหมายมากกว่าจูบนี่คือยังไงเหรอ?



“พี่อย่าทำหน้างงสิครับ ผมเฟลหมด” เอ้าก็กูไม่เข้าใจจะให้ทำหน้าฉลาดรึไง



“กินข้าวครับเด็กน้อย ปากพี่หนะกินเมื่อไหร่ก็ได้..” ผมจิ้มหน้าผากบอกเด็กช่างหยอด แต่เสือกหยอดมุกชั้นสูงไงกูดันไม่เข้าใจอีก



เหตุการณ์กลับมาเป็นปรกติ หัวใจผมเต้นตามจังหวะเดิมได้อีกครั้ง



“ช่องยูทูปน้องชื่ออะไรครับ แล้วเปียโนอันเล็กนั่นของน้องฟ่านหรือเปล่า” ผมเริ่มต้นพูดถึงน้องฟ่านอีกครั้ง คืนนี้ผมต้องบอกเนสเรื่องน้องฟ่านให้ได้



“เรียกว่าอัพไรท์เปียโนครับ เปียโนอันเล็กที่พี่ว่าหนะ และก็ใช่มันเป็นของฟ่าน ส่วนยูทูปเอามือถือพี่มาสิผมหาให้” แล้วน้องก็ได้มือถือผมไป



เขี่ยๆ จิ้มๆ แล้วก็ยื่นกลับมาให้



‘Musical of Nessie’



“ดนตรีของเนสซี” ผมอ่านชื่อช่อง แล้วหันไปมองหน้าเนส

“สัตว์ประหลาดที่มีคนเชื่อว่าอยู่ในทะเลสาบเนสส์ไงครับ” น้องเล่าที่มาของชื่อ

“ทำไมใช้ชื่อนี่ล่ะ” อย่าบอกว่าเพราะตัวเองเป็นคนประหลาดนะ

“อย่างแรกคือ..มีคำว่าเนสเหมือนชื่อผม อย่างที่สอง..มันเป็นสัตว์ที่มีอยู่เพราะความเชื่อว่ามี ดนตรีที่ผมเล่นก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครเชื่อว่ามันเพราะ มันก็เป็นแค่คลื่นเสียงที่น่ารำคาญก็แค่นั้น”



ลึกล้ำสมกับเป็นศิลปิน...



ผมกดเข้าไปดูคลิปล่าสุด



“น้องผู้หญิงคนนี้ใครครับ สวยจัง”

“ฮ่าๆ ๆ พี่โมครับ..ดูดีๆ” ผมเพ่งดูอีกที



น้องฟ่านเหรอ...อ่ะหือ...สวยจริงเหมือนผู้หญิงมาก เงยหน้าจากจอมามองเนส ส่งคำถามทางสายตาไปว่า..มีแฟนสวยแบบนี้มึงจะมาจูบให้กูหวั่นไหวเพื่ออะไร...



.......อย่าทำตัวน่าเบื่อ เวิ่นเว้อใส่เขา ห้ามหึง ห้ามน้อยใจ ต้องเสียใจไม่เป็น....



ความคิดเห็นของกลุ่มคนแอบรักคนมีเจ้าของ ลอยมาในหัวผมเลยทีเดียว





นั่งถามเรื่องของกันและกันเหมือนคนกำลังจีบกันไปเพลินๆ เบียร์ที่ว่าเยอะก็เหลือแค่สี่ขวด คุณพระนี่เรามึนกันรึยัง ผมก็เริ่มกรึ่มๆ นะ ส่วนเนส...ไม่แน่ใจ



“น้องเนสถ้าแฟนนอกใจ น้องเนสจะทำไงครับ” พอมีความมึนคำถามก็กล้าขึ้นมาเลยกู

“คง...มีบ้างมั้งครับ” ปะ..ประชดงั้นสินะ

“ไม่ได้ประชดนะครับ คือ..” อ้าวรู้ใจผมไปอีก



“สำหรับผมคิดว่าความรักเป็นเรื่องที่ต้องมีให้เท่ากัน ถ้าเขามีให้คนอื่นด้วย ผมก็พร้อมจะแบ่งใจให้คนอื่นเหมือนกัน สุดท้ายถ้าคนอื่นดีกว่าผมก็ไป หรือถ้ายังรักกันก็กลับมา แค่นี้เองไม่ต้องคิดว่ารักเขาแล้ว เขาต้องมีแค่เราหรอกไร้สาระครับ”



วะ..ว่าไงนะ...



“แต่...”

“พี่ถามเยอะจังคืนนี้...”





เนสใช้ปากห้ามไม่ให้ผมพูดอะไรอีก จูบอีกครั้งผมว่าเขาเมาแล้วนะ เวลาเมาแล้วเขาขึ้นง่ายผมจะจำไว้ “คืนนี้รับให้พี่นะครับน้องเนส” ผมลูบเม็ดบนอกที่สู้มือขึ้นมา

“ก็คิดไว้แบบนั้นอยู่แล้วครับ” ส่วนเขาก็เริ่มจับต้องของสำคัญของผมเช่นกัน



มือเขาสัมผัสผม มือผมสัมผัสเขา มือเราต่างสัมผัสส่วนอ่อนไหวของกันและกัน แล้วความต้องการก็ส่งสัญญาณออกมาเป็นเสียงครางผ่านลำคอ อารมณ์ที่ยากเกินจะควบคุมมีผลให้หัวใจเราเต้นรัว ....



พรุ่งนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีคำบอกลา มีสายตาอาลัย มีคำว่าแล้วพบกันใหม่ หรือไม่มีอะไร...นอกจาก..แยกกัน..



ผมรู้แค่คืนนี้..ดาวสองดวงที่บังเอิญโคจรมาเจอกัน กำลังหมุนรอบกันและกันอย่างไม่รู้จักเหนื่อย






#ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า

By symbol A

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 7

ดาวตก





; การทักทายกันระหว่างดวงดาว ทำให้เกิดเรื่องราวในหัวใจ









กี่โมงแล้วผมไม่แน่ใจ ไม่ว่างหันไปดูนาฬิกา กำลังถูกเด็กที่นั่งข้างๆ กอดรัดฟัดเหวี่ยงจับจูบลูบคลำ จนผมขนลุกกายตั้งเคลิ้มไปหมดแล้วตอนนี้





“ตรงนี้เลยไหมครับพี่...วิวดี” ดูเด็กต้นงิ้วมันพูดเถอะ





แต่ระเบียงก็..น่าสนใจนะ ความตื่นเต้นปลุกความต้องการให้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว





“ตามใจคนรับสิครับ” ใครบางคนยิ้มพอใจลุกไปปิดไฟ





ยินดีต้อนรับเข้าสู่.....ความมืด....เซ็กส์ของคนไร้สถานะกับความมืดเข้ากันได้ดี





เสื้อยืดถูกถอด กางเกงก็ไม่เหลือ กางเกงในอย่าไปพูดถอดพร้อมชั้นนอกนั่นแหละ ตอนนี้เราเปลือยอยู่ริมระเบียงมุมนี้ไม่มีใครเห็นแน่นอน ยกเว้นคนบนเครื่องบินแต่ที่นี่ก็ไม่ใกล้สุวรรณภูมิ หรือ ดอนเมือง อย่าไปกังวล





นิ้วสากด้านคงเพราะจับดีดสายกีตาร์มานาน กำลังลูบผ่านหน้าท้องของผม ลากต่ำลงเรื่อยๆ





“พี่หุ่นดีมากรู้ตัวไหมครับ”





ว่าแล้วก็ก้มกัดหน้าอกผมเล่น ไม่เจ็บก็จริง แต่เสียวใช่เล่น อดซี๊ดปากตามลิ้นร้อนที่ตวัดรัดเลียเม็ดแข็งจนเป็นไตของผมไม่ได้ รู้สึกคันยิบจนต้องเรียกร้องคำน่าอาย





“ดูดเลย แรงๆ” เสียงสั่นนั้นไม่อาจห้ามได้





ไม่ผิดหวัง แรงจนเกือบหลุดคาปาก แต่ก็...สะใจ...





ผมเอาคืนโดยการโลมเลีย ซอกคอ ใบหู ช้าๆ เพื่อให้ได้ยินเสียงหายใจของเขาชัดๆ สูดกลิ่นกายที่ทำเอาปั่นป่วนไปทั้งตัว ผมชอบกลิ่นของเนส มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แถมยังสดชื่นชวนให้อารมณ์ดี สาบานว่านี้คือกลิ่นตัวไม่ใช่กัญชา





“พี่จัดการให้เองนะครับ” ดันอกแน่นแนบกับพนัง ก้มลงจัดการกับส่วนหอมหวานให้ถึงใจ จูบขยับรูดรั้งจนเสียงไม่รู้ความเล็ดลอดผ่านลำคอ เนสหลับตากัดปาก แล้วพร่ำเรียกแต่ชื่อผม





“พี่โม” มือเขาจับไหล่ผมแน่น





“พี่โม...” ปลายเท้าเขาจิกเกร็ง





“พี่โม.......” กล้ามเนื้อที่หน้าท้องเคลื่อนไหวตามแรงรักที่เพิ่มขึ้น





“พี่โม............” สะโพกเขายกตามปากผมที่ขยับขึ้นลง





“พี่....โม...........” สุดปลายเสียงเรียกครางชื่อผม น้ำหวานอุ่นก็พุ่งกระทบปลายลิ้น





ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เด็กที่นอนหายใจหอบ มือผมยังขยับรีดน้ำให้จนหยดสุดท้าย เนสดึงผมไปจูบเช็ดปากให้ แต่เช็ดยังไงมันก็เปื้อนกว่าเดิม ปลายลิ้นที่เกี่ยวกันไปมา





น้ำยืดใสในปากที่ส่วนหนึ่งชื่ออะไมเลสกำลังเชื่อมดาวสองดวงไว้ด้วยกัน ปรับความรู้สึกให้เท่ากัน สำหรับความรักเราอาจมีไม่เท่ากัน แต่ผมมั่นใจว่าเราต่างต้องการกันและกัน เท่าๆ กัน









เนสจับต้นคอผมแล้วโอดครวญ “พี่จูบเก่งแบบนี้ผมได้ตายกันพอดี”

ผมจับส่วนที่เพิ่งปลดปล่อยของเขาล้อเล่นกลับ “ยังไม่ได้อย่าเพิ่งพูดเรื่องตายสิครับ”





แทบจะทันทีที่อีกคนทำหน้ายอมแพ้ แต่กลับมีคำที่ทำให้ผมยอมทุกอย่าง





“ถ้าตายคาอกพี่ผมก็ยินดี”





เนสหวาน หวานทั้งคำพูด หวานทั้งการกระทำ โรแมนติกและใส่ใจ ผมรักที่เขาเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับเขาไม่รู้เหมือนกันว่าถูกใจอะไรในคนอย่างผม





“ผมชิมพี่บ้างนะครับ” ขอแล้วก็ต้องเอานะ สายตาผมบอกไปแบบนั้น สิ้นความเขินอายไร้ความกระดาก ความใคร่ในเรื่องคาวๆ ลากเราสองคนลงในจุดที่เรียกว่า หน้ามืด...ตามัว...





สลับตำแหน่งผมนอนราบลงบ้าง เนสยังเก่งเหมือนครั้งแรกที่เราบังเอิญโคจรมาเจอกัน แรงดูดในปากทำเอาผมกระตุกตาม รู้สึกถึงความคับแน่น อยาก และอยาก





“เก่งกว่านี้มีอีกไหม” ผมขอชมจากใจ หาไม่ได้แล้วจริงๆ

เนสส่งสายตามีความสุขมาให้ ขยับปากรั้งมือขึ้นลง ลามไปจูบส่วนใกล้เคียงบ้างให้ผมทรมานเล่น





“เนส...” ผมเรียกชื่อคนที่กำลังทรมานผมทั้งเป็น น้องมันชำนาญ จนผมแทบจะละลายไปกับลีลาการกินของเขา มือบีบเค้นที่ส่วนอก ปากก็เร่งจังหวะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเล้าโลมรึยังไง ตอนเจอกันครั้งสุดท้ายยังใจร้อนกว่านี้อยู่เลย





จังหวะตุบๆ ที่ปลายแท่งร้อนตอนนี้ถูกแรงจากปากที่ครอบ จัดการจนลืมหายใจ อเวจีอาจไม่ร้อนเท่าตอนนี้ ไฟอาจจะลุกได้ถ้ามีใครเอาน้ำมันมาราด ตัวผมกระตุกเกร็งอยู่หลายครั้ง มือจับผมเนสขยำจนลืมว่าเขาอาจเจ็บ อีกมือจับผ้าปูจนยับยู่ยี่





วันนี้ดาวสองดวงเจอกันที่สวรรค์ชั้นเจ็ด แม้ว่าพรุ่งนี้ต้องลงนรกเพียงลำพังก็ยังพอทำใจได้ อย่างน้อยก่อนใช้กรรมก็มีบุญได้สัมผัสความเสียวกระสันจนล้นทะลัก









“เนส..พี่ไม่ไหวแล้ว”





หายใจเฮือกใหญ่ตอนทุกอย่างมันเกินจะทน ศิโรราบให้กามตัณหาเข้ามาเป็นนาย และปล่อยทุกอย่างที่ต้องการในปากของอีกคน เขาที่สามารถรีดน้ำแรกให้ผม ยกตัวขึ้นมาหอมแก้มผม กระซิบบอกรสชาติตัวตนของผม





“หวานจัง”





ผมจูบรับรสที่เขาว่าหวาน ช่วยยืนยันอีกเสียงไม่ได้ เพราะตอนนี้รสใคร่มันชัดกว่าความหวานหรือขม





“พี่โม..ผมไม่ไหวแล้ว” ชอบนะที่เขาเรียกชื่อผมแบบนี้ อารมณ์ที่มีก็ยิ่งมากกว่าเดิม

“เข้าห้องไหมครับ” ผมถามและเนสพยักหน้า





นัวเนียไปจนถึงในห้องนอน ห้องที่มีแต่ฟูกขนาดหกฟุต เนสเปิดลิ้นชักหยิบถุงยางกับเจล อุปกรณ์จำเป็นถึงขั้นมีติดห้อง ก็นะ..น้องฟ่านออกจะหุ่นน่า...ขนาดนั้น





“เตรียมพร้อมดีจัง” ผมแซวคนที่ล้มตัวลงข้างๆ





“ก็..เผื่อพี่มาไงครับ”





อย่างน้อยก็เป็นคำตอบที่ฟังแล้ว ไม่ทำให้หมดอารมณ์





“น้องขาวจัง” ชมและก้มลงบนไหล่เนส กดย้ำดูดจนขึ้นรอยแดง ขอแค่รอยเดียวได้ไหมนะ อดใจไม่ไหวจริงๆ





“แสดงความเป็นเจ้าของผมเหรอครับ” สายตาพิฆาตส่งมา





“โกรธพี่รึเปล่าล่ะ”





ไม่มีคำตอบ ถุงยางถูกฉีกเขาจ้องผมก่อนจะเอ่ย “ผมใส่ให้นะครับ”





สติที่พอมีกระเจิดหายไปหมดแล้วตอนนี้ ส่วนนั้นเต็มพื้นที่ถุงใสบางเบาไม่ต่างจากไร้เครื่องห่อหุ้ม ต้องเหมือนไม่ได้มีอะไรกั้นระหว่างตรงนั้นของผม กับในนั้นของเขา เจลหล่อลื่นสูตรน้ำ ไร้สีไร้กลิ่น ชโลมบนนิ้วเปิดทางให้เขาก่อนจะได้ไม่เจ็บ แต่แค่นิ้วแรกก็รู้ว่าครั้งแรก เจ้าของช่องทางสะดุ้งเฮือก ขอร้องว่าให้ช้าๆ





“ผมต้องทำไงบ้าง” เนสทำหน้าตาเหยเก คงกลัวไม่น้อย





“อย่าเกร็งก็พอครับ ที่เหลือพี่จัดการเอง” พูดไปก็เพิ่มจำนวนนิ้วไป





“เจ็บ..พี่โม..เจ็บ”

“เดี๋ยวก็เสียวเองครับเชื่อพี่”





หมุนจังหวะจนหาจุดเจอ สะโพกสวยลอยแทบไม่ติดพื้น





แม้แต่ดาวที่ขี้อายไร้จริตยังต้องแพ้ในเรื่องกาม คำไม่เคยก็พูดออกมาไม่ต้องคิด





“พี่โม..ใส่เลย...”





หยิบหมอนรองก้นให้เนส





บอกให้คนกลัวได้คลายอาการเกร็งลงบ้าง “พี่สัญญาว่าจะไม่รุนแรงครับ” สารล่อลื่นถูกใช้อีกครั้งความตื่นตัวยังไม่ลดหายมีแต่เพิ่มอีก เพิ่มอีก จนอยากฉีกสัญญาที่ให้เขาไปทิ้ง ตอนนี้อยากใส่ไม่ยั้ง





ร่างขยับช้าๆ ไม่เร่งรีบ ขัดกับความทรมานที่ร้อนรนจนเกือบจะทนไม่ไหว ส่วนปลายรู้สึกฉ่ำเยิ้ม จนรู้สึกเงอะงะงุ่นง่าน ช่องทางบริสุทธิ์ของเนสบีบรัดแน่น กว่าจะแทรกเข้าได้แต่ละมิลแทบจะถอดใจ





“แน่นไปแล้วผ่อนคลายหน่อยสิครับ” ผมจูบไรผมชื้นเหงื่อ เนสหายใจแรง

“เข้าไม่ได้หรอกพี่โม ผมไม่เคย”

“พี่ก็ไม่เคย ก็รับได้ ใจเย็นๆ”





เนสบอกว่าเจ็บ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าว่าไหว จนผมเข้าไปได้ในที่สุด ทิ้งช่วงให้เขาไม่เกร็ง ค่อยขยับทั้งที่ตัวเองทรมานมากตอนนี้





“โอเคแล้วพี่ ขยับเลย” เท่านั้นแหละ





เสียงอะไรต่อมิอะไรลอยเข้ามาให้ได้ยิน ภาพทุกส่วนเนสแจ่มชัดในความคิด แม้ไม่มีไฟดวงไหนได้ใช้งาน แค่เงาเลือนรางก็โอเคสำหรับผมแล้ว





“เนส” ....พี่รักเนส....





รักได้แค่ในใจเพราะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะพูดออกไปตอนนี้





“พี่โม เบาๆ” ใช้มือเร้าอารมรณ์ส่วนอ่อนไหวให้เขา ก้มลงจัดการยอดสีชมพู เมื่อทุกจุดของเขาถูกผมรุก เสียงครางเขาก็ดังขึ้น





“เสียว พี่โม เสียวเกินไป” เนสบอกพร้อมทำหน้าบิดเบี้ยว ทำเอาผมเกือบถึงสวรรค์





ขยับเข้าออกประสานแล้วแยกห่าง ถอยและกระแทกเข้าไปใหม่ในทันที เลือดในตัวสูบฉีดอย่างไร้ความปรานี เราต่างสมยอมที่จะเป็นคนคนเดียวกันอยู่อย่างนั้น เวลาเดินไปแต่เรายังมีกิจกรรมรักร่วมกันบนเตียง ขยับร่างไปตามไฟสีคาวที่โหมไหม้ ไม่ต้องสนใจว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง แค่รู้ว่าตอนนี้มีแค่กันและกันก็พอ





สะโพกขาวที่ผมจับเต็มมือนั้นเนียนกว่าที่เคยคาดคิด คงใช้คำอื่นไม่ได้นอกจากคำนี้





....ติดใจ....





“พร้อมกันนะเนส” ผมกระซิบส่งสัญญาณ เนสพยักหน้า สายตาบอกว่าเขาก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน





ทุกอย่างรอบตัวไร้ความหมาย เมื่อเราเสพร่างกันจนถึงปลายทางฝั่งฝัน





“เป็นไงบ้าง” ผมกอดเขาไว้ อีกคนส่ายหน้าบอกว่าเข็ด





“เจ็บเหี้.ยๆ พี่ทนได้ไง”





ก็ไม่รู้สิ วันนั้นผมก็เจ็บมากแต่มันอยากไงล่ะ...





“พี่โม...” เหมือนเนสมีอะไรจะพูดกับผม แต่ก็ไม่พูด

“มีอะไรครับ” รับได้ทุกอย่างนะพูดมาเถอะ

“ค้างกับผมนะคืนนี้”





ไม่ต้องขอก็ให้ได้ครับเรื่องนี้ แต่..... “แฟนเนสจะไม่ว่าพี่เอาเหรอ”

เนสหัวเราะ “ก็ ‘เอา’ ไปแล้วนี่ครับ” คราวนี้เราหัวเราะพร้อมกัน





“ช่วยไม่ได้ก็เนสน่า.. ‘เอา’ ....”





บทสนทนาภาษาบนเตียงยังเหมือนวันวาน แต่คืนนี้ยังไม่พ้นผ่าน ผมก็ยังกอบโกยความสุขต่อไป แต่เนสช่างสงสัยอะไรที่ผมไม่อยากตอบ





“พี่เลิกสูบแล้วเหรอครับ” ผมกำลังใช้นิ้วโป้งสัมผัสรอยที่ตัวเองฝากไว้บนตัวเขาที่หัวไหล่ ก็เลยตอบไปไม่ได้คิดก่อน (พูดก่อนคิดตลอด)





“เลิกแล้วครับ บี๋ขอเป็นของขวัญวันเกิด”





ชั่วอึดใจ...





“อิจฉาพี่บี๋จัง”





ไม่มีคำถามต่อว่าอิจฉาเรื่องอะไร ผมมันประเภท ถนัดคิดต่อยอดเองมากกว่า









“เดี๋ยวพี่มานะครับ”

“พี่จะไปไหน” เขารั้งแขนผมถาม

“ไปเก็บของที่ระเบียงทิ้งไว้มดจะขึ้น ปิดเพลงด้วย” ข้ออ้างของผม ความจริงจะไปดื่มเบียร์ต่อ





เนสปล่อยมือไม่ได้เซ้าซี้หรืองอแงอะไร ผมเดินออกไปนอกห้องทิ้งเขาให้นอนหมดแรงอยู่บนเตียงของเขาเพียงลำพัง





กฎของการแอบรักแฟนชาวบ้าน..มโนได้ทุกเรื่องแต่ห้ามเด็ดขาด..ที่จะมโนว่าเราคือตัวจริง..มีอะไรกัน หลับไปพร้อมกัน ตื่นมาบอกสวัสดีตอนเช้าทำไมผมจะไม่อยากทำกับเขา แต่ที่ไม่อยากทำเพราะต้องกันพื้นที่ให้ความจริงไง รู้ตัวไว้จะได้อยู่ไหว





ไม่มีจูบลา ไม่มีสายตาอาลัย ไม่มีอะไร...นอกจาก..แยกกัน..แม้ครั้งนี้แยกกันไม่ไกล แต่เราก็ไม่เห็นกันแล้วอยู่ดี





ก็แค่..ดาวสองดวงที่บังเอิญโคจรมาใช้เวลาร่วมกัน เมื่อถึงเวลาก็ต้องห่างกันไป





ผมนั่งดื่มที่ระเบียงจนเห็นฟ้าเริ่มสว่าง เห็นขอบฟ้ากับก้อนเมฆแยกตัวกันชัดเจน ในสายตามึนๆ ของผมตอนนี้ก็ยังสวยดี ผมชอบท้องฟ้าไม่ว่าจะเวลาไหน สวยไปคนละแบบ





“โอ๊ยย” เสียงเนสร้องเจ็บปวด ผมลุกเร็วเกือบล้ม ปรับทิศแล้วรีบเข้าไปดูเนส เขามีแววตาดีใจที่เห็นผมเปิดประตูเข้าไป





“มาพี่ช่วยเอง เจ็บแบบนี้อีกสองสามวันก็ดีขึ้นเอง” เนสหันมามองทำหน้าเหมือนจะตาย

“พี่โม..ไม่เอาแล้วได้ไหม ผมรับไม่ไหวจริงๆ”





“พี่รับให้ได้ครับ ถ้าเป็นน้องเนส”









สุดปลายทางของดวงดารา คือร่วงลงจากฟ้าสู่พื้นดิน .....ดาวตก...แต่คงอธิษฐานไม่ได้เพราะดาวที่ลับลาก็อ่อนล้าเกินกว่าจะช่วยใคร ก็แค่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย











#ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า

By symbol A

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 8

ความลับของดาว (NC ปลดปล่อย)









; การทักทายกันระหว่างดวงดาว ทำให้เกิดเรื่องราวในหัวใจ



ตำแหน่งตะวันตอนนี้กลางหัว ช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน ผมกำลังเดินข้ามถนนจากร้านอาหารตามสั่งเพื่อกลับขึ้นไปหาเนส ลาป่วยทั้งที่ไม่ได้ป่วยสองวันเผื่อพรุ่งนี้ด้วย ไม่ต้องถามว่าใครป่วยไม่มีครับ แล้วไม่ต้องถามว่าลาทำไม ก็ผมอยากอยู่กับเนส ยอมรับว่าผมเสพติดเขามากขึ้นทุกวัน หลงใหลอยากได้อยากสัมผัสเขา ได้แล้วก็อยากได้อีก แม้เขาจะบอกว่ารับไม่ไหวผมยังเสนอไปว่าผมรับเอง





ไขกุญแจเข้าห้องไป เนสน่าจะยังนอนหลับอยู่ในห้องนอน วางกับข้าวกำลังจะเข้าไปเรียกเขา แต่..เสียงคุยโทรศัพท์ทำให้ผมชะงักอยู่หน้าห้อง กำปั้นที่กำลังจะเคาะประตูยกค้างกลางอากาศ



วันนี้ผมไม่สะดวกครับ......คิดถึงพี่ไผ่ครับ...





คำถามคือ..พี่ไผ่..มันเป็นใคร...



นอกจากน้องฟ่านที่เป็นตัวจริงมึงยังมีพี่ไผ่อะไรนี่อีกเหรอเนส แอบรักแฟนชาวบ้านว่าแย่แล้ว แต่ดันไปหลงแฟนชาวบ้านที่เจ้าชู้นี่เรียกว่าดวงตกชัดๆ งานอดิเรกผมคือผลิตความเจ็บปวดรึไง



ผมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว คิดอะไรหลายอย่าง นานจนข้าวร้อนๆ เย็นชืดผมยังไม่เลิกคิด เนสก็ยังไม่ยอมออกจากห้อง จนกระทั่ง........



“ปังๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”



นี่ไม่ใช่เสียงเคาะประตูแล้ว มันเสียงต่อยประตูต่างหาก เนสเปิดประตูออกมา ทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผมนั่งอยู่



“นึกว่าพี่โมกลับแล้วซะอีก”



“ใครจะปล่อยเนสไว้คนเดียวละครับ ให้พี่ไปเปิดประตูให้ไหม” ผมอาสา แต่เนสบอกว่าไม่ต้อง เดินช้าๆ ดูขัดๆ ไปเปิดเอง





“ปิดเครื่องใส่พี่ทำไม” คนมาใหม่ไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนหน้าตา



ผมเดินไปเปิดทีวีดู ทำเหมือนไม่มีใครมาและเป็นเวลาพักผ่อน



“นั่นใคร..ไม่ใช่น้องฟ่านฟงนี่นา..เนสจะมั่วเกินไปแล้วนะ...”



ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เนสทำหน้ายังไง แต่เดาจากน้ำเสียงก็ไม่ได้ยิ้มแน่นอน



“พี่ไผ่ มาทำไมบอกแล้วไง ว่าไม่ให้ขึ้นห้อง คราวก่อนก็เจอฟ่านกับพี่ซาน คราวนี้ก็มาไม่บอกอีก ไม่โอเคว่ะ”



“ฮึ..ไม่โอเค..ตอนไม่เมาก็ทำเฉยชา ตอนเมาจะเอากูท่าเดียว..”



ถ้อยคำหยาบคายที่ทำให้ผมเห็นภาพ แนะนำไอ่ไผ่มึงไปอ่านกระทู้พันทิปเรื่องข้อห้ามของการแอบรักคนมีเจ้าของถ้าหาไม่เจอกูส่งลิงก์ไปให้ได้นะ



“ถ้าไม่ออกไปก็ไม่ต้องเจอกันอีก ผมเหนื่อย”



อยากลุกไปสมทบว่าที่เหนื่อยเพราะเมื่อเช้าจัดกับผมอีกรอบ ไม่หลับจนเที่ยงก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว



“หนักละสิเมื่อคืน นี่คุณ!! จะบอกอะไรให้ว่าเนสหนะ เมาแล้วเงี่ยนเอาใครก็ได้ทั้งนั้นแหละ ส่วนตัวจริงเขาชื่อฟ่านฟง โอ๊ยย”



ผมเพิ่งจะหันไปตอนเสียงโอ๊ยดัง เนสปิดประตูทับนิ้วมั้ง ไม่รู้ผมเดา เพราะเขาอยู่มุมที่ผมมองไม่ค่อยเห็น



“เนสกล้าทำพี่เหรอ”



“พูดดีๆ ไม่เข้าใจเอง ฟ่านมันเพื่อนผม ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ส่วนนั่นพี่โมพี่ชายไม่ใช่คู่นอนเหมือนมึง ทีนี้กลับไปได้ยัง เสียเวลา..คนจะนอน”



ตัวผมเหมือนเป็นเหน็บชาทั้งตัว ดีใจ เสียใจ ผิดหวังปนเปกันมั่วไปหมด น้องฟ่านไม่ใช่แฟนเนส แต่เขาก็เห็นผมเป็นแค่พี่ชาย ส่วนคนที่เขาไล่เป็นคู่นอน แต่ก็นั่นแหละขนาดเรื่องของผมเขายังโกหกแล้วเรื่องน้องฟ่านจะเป็นความจริงเหรอ



เนสมึงมันเด็กอันตราย...



ผมลุกหยิบของใช้ส่วนตัวแล้วเดินไปทางประตู ใครอยากอยู่ก็เชิญแต่กูจะกลับ



“ขอโทษนะ พี่ขอทางหน่อย”

“ไม่กล้าสู้หน้า อายเหรอครับ” ผมมองหน้าคนหาเรื่อง เนสยกมือกุมขมับ

“พี่โมอย่าเพิ่งกลับอยู่ก่อนนะครับ” แล้วรั้งแขนผมไว้

“ทีคนที่บอกพี่ชายสายตาอาลัยเชียวนะเนส พี่เจ็บว่ะ กี่ครั้งแล้วที่เนสไล่พี่แต่ปกป้องคนอื่น”



“พี่ไผ่ผมจะบอกเป็นภาษาคนนะ อย่ายุ่งกับฟ่านอย่ามาลามปามพี่โม แล้วพี่ก็ไสหัวไปวันนี้ผม..ไม่..อยาก..”



“เอ่อ...ให้มันไม่อยากแบบนี้ทุกครั้งนะเนส”



คนชื่อไผ่น้ำตาไหล ดูจากภายนอกขาวหุ่นบาง มาเจออะไรแบบนี้ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน เป็นคนดีเนอะกูเนี่ย สงสารเขาทำไมน้ำตาตัวเองเช็ดให้แห้งก่อนไหม แต่เช็ดยังไงก็ไม่หมด เพราะมันไหลที่อก ข้างนอกผมดูไม่เป็นไรสบายมาก แต่ข้างในกูอยากร่ำไห้



“เคลียร์กันเถอะพี่ขอตัว”

“เนสให้พี่เข้าไปนะ”



คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า เนสคนกลางก็ไม่ตามใจเราสักคน ทั้งคนจะเข้าหรือคนจะออก ไม่มีใครได้อย่างที่ต้องการทั้งนั้น..



“พี่ไผ่จะไปไหนก็ไปเถอะ”

“ไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ทีตอนเสียบพี่หุ่นดีอย่างนั้น พี่หวานอย่างนี้”



ต่อให้ผมสตรองแค่ไหนก็มีสะอึก ทุกคำเนสก็ใช้กับทุกคนเลยเหรอ เนสหันมามองผมสายตาอ้อนวอน ผมไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้รู้สึกยังไง มึนไปหมดเหมือนโดนหมอนตีหัวแรงๆ ซ้ำๆ หัวผมไม่เจ็บไม่แตก ไม่ตาย แต่มึนงงมากมาย



ผมเดินเข้ามานั่งที่เดิม เนสดันอีกคนออกไปประตูปิดลง ทิ้งลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่



บนท้องฟ้ามีดวงดาวนับล้านล้านดวง ดาวแต่ละดวงก็มีความลับที่ซ่อนอยู่ไม่ซ้ำกัน โชคไม่เข้าข้างผมเลย ความลับของดาวทุกดวงที่ผมสนใจอยากรู้จัก ไม่ได้มีไว้เพื่อนให้ผมมีผลกับดาวเหล่านั้นเลย บี๋ไม่เคยคิดจะรักผมในแบบคนรัก เนสก็...คงไม่ต่างกัน ถ้าความจริงมันทำให้ผมแย่ ผมขอเป็นแค่ดาวแปลกหน้าที่โคจรมาเจอกันเป็นบางครั้งเหมือนเดิมคงจะดีกว่า





เสียงประตูเปิดออก เนสก้าวขาเข้ามาลำพัง



เนสจ้องผมพร้อมกับบอก “ผมขอโทษครับ” สายตาจริงจังจนที่ชาๆ อยู่ก็เริ่มรู้สึก...เจ็บ



“ขอโทษที่โกหกเขาว่าพี่เป็นพี่ชาย หรือ ขอโทษเรื่องอะไรครับ”

เนสเดินอ้อมมานั่งข้างๆ กุมมือผมไว้ทำไมต้องอ่อนโยน หลังทำร้ายกันขนาดนั้น



“พี่ไผ่เขาชอบระราน ผมไม่อยากให้พี่โดนหางเลข ขอโทษที่ทำให้พี่รู้สึกไม่ดี”



ก็เลยปกป้องกูโดยการบอกว่าเป็นแค่พี่ชายอะนะ



“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่มีสิทธิ์อะไรอยู่แล้ว ทานข้าวด้วยนะ ...พี่..ลืมไปว่ายังไม่ได้ตากผ้าขอกลับ..”



ปากผมถูกประกบปิดให้เงียบ เนสขยับริมฝีปากของเขาโดยไม่รอให้ผมตั้งตัว เขายังจับมือผมไว้ จูบที่อ่อนโยนทำให้ผมอยากตาย เนสจะลากพี่ลงนรกและฉุดพี่ขึ้นสวรรค์แบบนี้ไม่ได้ กูไม่ไหวไอ่เด็กบ้า...



เขาใช้จูบรั้งผมเอาไว้ เกี่ยวลิ้นผมไปไว้ในปากตัวเอง ดูดซ้ำๆ จนผมเริ่มตุง เวลาอยู่กับเนสผมมีอารมณ์กับเขาตลอดเลย ไม่เคยห้ามใจได้ เขาลงไปนั่งที่พรม แทรกตัวอยู่ตรงหว่างขาของผม

“ผมช่วยนะครับพี่โม” มือเนสล้วงเอาบางอย่างที่พองออกมานอกกางเกง ขอบยางยืดร่นไปอยู่กลางสะโพกผม ยังไม่ได้ถอดออก เพราะไม่จำเป็น



นิ้วโป้งของเนสไล้วนส่วนหัว น้ำที่ถูกรีดไปหลายรอบก็ซึมออกมาใหม่อีกครั้ง ปวดหนึบทรมานเกือบจะคลานลงไปหาเขา



“นั่งเฉยๆ นะครับเนสจัดการเอง”



“อย่าเรียกตัวเองว่าเนส...” ผมสั่งเสียงเบาจนเกือบกระซิบ

“ทำไมพี่ไม่ชอบเหรอ” พูดแล้วก็ขยับมือ ฉกลิ้นชิมส่วนหัวให้ผมทรมานต่อไป



“มันน่ารักเกินไป” ผมบอกเหตุผล ฟังเขาแทนชื่อตัวเองผมคงชอบเขายิ่งกว่าเดิม



“ถ้าเป็นไปได้อยากให้พี่เป็นของผมคนเดียว”



เนสบอกแบบนั้น ผมทั้งเสียใจและเสียวซ่าน เป็นรสกามที่เจือปนความรู้สึกผิดบาปอยู่ในใจ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เราจะมีอะไรกันนับครั้งไม่ถ้วนไม่ได้ ความถูกต้องอยู่ตรงไหน



เนสกลืนกินแค่ส่วนเดียวของตัวผม แต่ทุกส่วนในร่างผมสั่นสะท้าน จังหวะที่จวนจะเสร็จ เห็นสวรรค์รำไร ผมทรมานครางร้องแทบขาดใจ แต่ก็ยังไม่เสร็จ เนสบังคับผมด้วยปาก ให้แสนสุขสมและผมต้องอดทน นั่งอยู่บนโซฟาจนหอบไปทั้งตัว เงยหน้าทิ้งต้นคอลงพนักพิง สองขาอ้าออกให้กว้าง มือจับที่วางแขนไว้แน่น ผมเศร้ากับสิ่งที่เราเป็นแต่ผมกลับหลงในสิ่งที่เราทำร่วมกัน



“อ๊ะ เนสส พี่..จะถึงแล้ว เร่งเลย..เร่งเลยที่รัก”



ได้ยินเสียงเนสหัวเราะในคออย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะเร่งทั้งแรงดูด และจังหวะมือที่รูดขึ้นลง ระรัวจนผมกระตุกเกร็ง อีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง และ.....อีก..ครั้ง



เมื่อกามถูกเสพจนสิ้นสุดปลายทางความกระสัน ผมตัวเบาหวิว หัวโล่งแล้วถึงรู้สึกตัวว่าเรียกเขาไปว่าอะไร...



เนสยันกายขึ้นนั่งข้างๆ จูบผมอีกครั้ง คราวนี้แค่จูบให้รางวัลไม่ได้คิดไกล (มั้ง)



“ชอบจัง..พี่เรียกผม..ที่รัก..”

“ของคนอื่น..” ผมต่อให้ เขาหันมามองผมทำหน้าหนักใจ



ก่อนจะยืนยันกับผมว่า “ผมกับฟ่านแค่เพื่อนนะ จริงๆ”



“อือฮึ...” ผมรับทราบ

“พี่ไม่เชื่อ”

“เนสคงไม่โกหก”

“ครับ..ให้เรียกฟ่านมาคุยก็ได้ถ้าพี่ต้องการ”

“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกพี่ ไม่สิเนสไม่ได้ตั้งใจบอกด้วยซ้ำแค่หลุดปากแล้วพี่บังเอิญได้ยินเข้า”

“พี่โม...ผม..ไม่รู้จะบอกพี่ยังไง..ผมคงแคร์พี่มากเกินไป”



ผมยิ้มได้อีกครั้ง ไม่รู้หรอกว่ารายละเอียดเป็นยังไงรู้แค่ ‘แคร์’ ก็มีความหมายว่าพิเศษแล้วถูกไหม ดังนั้นผมก็จะบอกเขาเหมือนกันว่า...



“เนสสำคัญกับพี่มากนะ”



มันเป็นการสารภาพความในใจที่ไม่มีคำว่ารัก แต่ผมตั้งใจว่าความสัมพันธ์ของเราได้พัฒนาไปแล้วอีกนิด



“ถ้าผมมีแรงผมจะแทงพี่ให้ยับเลย” เขาหันมาว่าผมขำ แต่หน้าร้อน คอร้อน หูร้อนไปหมด



ความจริงผมก็มีบางอย่างจะบอกเขาเช่นกัน



“เนส..พี่กับบี๋..เราแค่เพื่อนกัน..พี่ชอบมันแต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้บี๋มีแฟนแล้ว และพี่ก็..โสด”



ผมโล่งอกนะที่บอกเขาไปในที่สุด



แต่เพิ่งนึกได้ ถึงไม่มีน้องฟ่านแล้วคนที่ชื่อไผ่ล่ะ นี่ผมคาดหวังอะไรจากเนสกันแน่



เนสยิ้มให้ผม นัยน์ตาไม่มีเฉดสีให้เรียกของเขานั้น ผมแปลความหมายไม่ออก



เขาทิ้งหลังเลื้อยตัวลงจนหัวพิงกับพนักได้พอดี “ผมรู้”



ห๊ะ!! รู้งั้นเหรอ... ตั้งแต่เมื่อไหร่?



ส่งสายตาเป็นคำถามให้เขาเล่ารายละเอียดออกมา เนสพ่นลมหายใจหลับตา



“วันก่อนผมอ่านหนังสือของพี่โอโซน เขาลงรูปพี่บี๋ในหน้าสุดท้าย แล้วเขียนชัดเจนว่าแด่ความรัก แด่หัวใจ อะไรสักอย่าง ผมก็พอจะจำได้ว่างานเปิดตัวหนังสือพี่บี๋กับพี่นักเขียนดูสนิทกัน ส่งสายตามีความหมายให้กัน”



“อีกอย่างพี่โมดูเป็นคนรักเดียวใจเดียวจะตายถ้าพี่เป็นแฟนกับเขาพี่ไม่มีทางมายุ่งกับผมหรอก ผมเลยเดาเอา” แน่ละสิใครจะไปหลายใจเหมือนมึงไอ่เด็กอันตราย



“ทำไมไม่ถามพี่ตรงๆ” จะเดาเองทำไมถามกูสิวะ

“รอพี่บอกเองดีกว่า..” ให้มันได้อย่างนี้สิ



“แล้วจากนี้เราสองคน..” จะคบกันได้ไหม



“อยู่แบบนี้ไปก่อนดีไหมครับ”





ผมเคยคิดว่าถ้าเราสองคนโสดคงดี จะได้พัฒนาความสัมพันธ์ แต่เปล่าเลย มันไม่มีอะไรให้เรา พัฒนาตั้งแต่แรก



“ผมอยากมีพี่ชายแบบพี่” พี่ชายที่ไหนนอนให้มึงเอาเหรอ แต่ผมยังเป็นได้แค่คนที่ดีแต่คิด...นอกนั้นก็....



“ถ้าน้องเนสสบายใจพี่ก็โอเค” 



ไม่ได้เรื่อง





ถ้ารัตติกาลคือช่วงเวลาที่ดวงดาราได้เฉิดฉาย ผมขอให้โลกนี้มีแค่ความมืดได้ไหม

สว่างมากเกินไปผมกลัวหาดาวไม่เจอ.....








#ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า

By symbol A



ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2

ตอน 9

เลี้ยงไข้








; การทักทายกันระหว่างดวงดาว ทำให้เกิดเรื่องราวในหัวใจ





ผมป่วยใจซ้ำซ้อน พอไปหาหมออาการก็ดีขึ้นแต่ผมถูกหมอเลี้ยงไข้ หมอคนนั้นชื่อเนส เขาช่วยให้ผมทำใจเรื่องรักเพื่อนสนิทตัวเองข้างเดียวได้ แต่ก็ต้องมารักหมอข้างเดียวแทน ป่วยใจอาการเป็นยังเหรอ ก็...คิดถึงเขาทุกครั้งที่ว่าง ฟังเพลงอกหักก็อินไม่เลิก ซึมใจลอย แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดที่ว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับนะ ใจผมสตรองในระดับหนึ่ง



“เป็นไรมึงทำหน้าเหมือนคนหนีหนี้” ผมปรายตามองไอ่บี๋ที่พูดไม่เข้าหู

“คนอย่างมึงรู้จักคำว่าหนี้ด้วยเหรอบี๋” มันรวยจะตายแม้จะชอบทำตัวอินดี้มีแต่ตัวก็เถอะ



“หนี้หัวใจไง กูแม่งต้องเป็นหนี้หัวใจพี่กาศมาแต่ชาติปางก่อน” เอิ่มม ขอโทษนะกระโถนให้กูทีจะอ้วก..



“ดีกันแล้วก็งี๊ เดือนก่อนกูเห็นมึงหน้าหมองยังกับโดนของ” อดแดกดันมันไม่ได้เลยจริงๆ

“หึ..ชีวิตคู่มันก็ต้องมีกระทบกันบ้างเว่ย สีสันอ่ะ รอมึงมีแฟนก็เข้าใจกูเอง”



จร้า..แทงใจดำกูเข้าไป เอาให้เต็มที่เลย



“โม..นี่มึงมีใครใช่ไหม” บี๋มันชี้หน้าว่าเหมือนรู้ทัน แต่เปล่าผมรู้ว่ามันเดามั่ว

“อย่ามามั่ว กูจะไปมีใครวันๆ เจอแต่มึงกับพี่จิ๋ว” ไม่มีหลักฐานอย่าย่ามใจว่ากูจะหลงกลมึง

“เอ่อ ไม่มีก็ไม่มีเสียงสูงทำไม” เหรอวะ..ผมเสียงสูงเหรอ



คุยกับบี๋อยู่ที่รอรถหน้าบริษัทสักพักรถเก๋งสีแดงก็มาจอดเทียบ แต่ไม่ใช่รถพี่กาศที่ผมกับบี๋กำลังรอ ใหม่ป้ายแดงเพิ่งถอยมาแน่นอน “รถใครวะมึง” ผมหันไปกระซิบบี๋ มันส่ายหัวบอกเขามาถามทางรึเปล่า



“มึงตอบเขานะกูสปีกอิงริชไม่เก่ง” บี๋มันโบ้ยมาก่อนเลย



ประตูฝั่งคนขับเปิดออก เด็กผู้ชายในชุดนักศึกษาเต็มยศก็ก้าวขาลงมา



“เนส..” ผมหลุดเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ เขามาได้ยังไง



“สวัสดีครับพี่..บี๋” หมอเลี้ยงไข้มันทักทายเพื่อนผมซะมีมารยาทเลย คงลืมไปว่าผมต้องแนะนำก่อนอ่ะ แต่ช่างเถอะไม่ต้องแนะนำ มันก็เอาสถานะ..คนนั้นคือใคร..ไปก่อนก็แล้วกัน



ตั้งแต่วันที่เจอคุณไผ่ใจนักเลงมาอาละวาดผมกับเนสก็ไม่เจอกันอีก เกือบสองอาทิตย์แล้ว แต่ก็ไลน์คุยกันบ้าง ไม่มีอะไรมากแค่ นอนยัง กินข้าวยัง แค่นี้ไม่มีอะไรเพิ่มเติม



“ใครวะ” บี๋ถามแบบขยับปากน้อยที่สุด ขณะที่ยิ้มกลับให้เนส

“น้องชื่อเนส” เป็น..คนไร้สถานะของกู



บี๋มันไม่ได้ถามต่อเพราะพี่กาศโทรมาพอดี เนสยิ้มให้ผมให้ตายเถอะรอยยิ้มนั้น หมอมาปล่อยยาเลี้ยงไข้กูอีกแล้ว ผมก็ยิ้มตอบแบบไร้พลังต้านทานใดๆ



“พี่กาศไม่ว่างมารับกูอ่ะ” บี๋ทำหน้าเซ็ง ส่วนผมก็ไม่ได้เอารถมาเพราะหวังจะกลับกับบี๋มัน



เลยพูดได้คำเดียว “อ้าว”



“ถ้าไม่รังเกียจผมไปส่งได้นะครับพี่บี๋ ยังไงผมก็ต้องไปส่งพี่โมอยู่แล้ว”

ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก คือถ้าเนสมันเป็นอะไรกับผมก็แสดงออกได้เต็มที่ บอกบี๋ว่านี่แฟนกูให้มันหมั่นไส้เล่น แต่ไม่ใช่



“เอาไงมึง” เพื่อนหันมาขอความเห็น เนสมารับแบบนี้ผมก็ต้องใจอ่อนไปกับเขาอยู่ดี จะทิ้งมันให้ขึ้นแท็กซี่กลับได้ไงล่ะ



“ให้น้องไปส่งละกัน” ผมสรุป



แต่เดี๋ยวก่อน!! เรื่องยังไม่จบครับ ตอนผมเห็นว่ารถยังไม่ดับเครื่อง ก็สงสัยว่าทำไมติดเครื่องไว้ บ้านมันอยู่ดูไบ พ่อแม่ตักน้ำมันขายหรือไง



พอเราสามคนเดินเข้าไปใกล้รถก็เลยรู้ว่า...ตำแหน่งข้างคนขับมีคนหลับอยู่



ใคร? นั่นสิใครผมเองก็สงสัยเหมือนกันครับ



“พอดีผมไปรับไอ่ฟ่านมาเดี๋ยวจะวนไปส่งมันที่คอนโดก่อน แล้วค่อยไปส่งพวกพี่ ต้องขอโทษด้วยนะครับไม่ได้บอกก่อน”



ทำอะไรตามใจคือนายเนส มึงอยากทำอะไรมึงก็ทำ ถามจริงถ้าไม่ว่างมึงจะมาทำไม



“หืออ เนสสส” เสียงน้องฟ่านครับ ตื่นมางอแงน่าเอ็นดูจังเลยนะ เนสก็หันไปถามว่าเสี้ยวจะเอาอะไร มุ้งมิ้งกว่าผมกับบี๋สมัยผมแอบชอบมันหลายเท่า ที่เล่าผมไม่ได้หึงเนสนะจริงๆ



“หายปวดหัวยังมึง” เนสมันยื่นมือไปจับหัวน้องฟ่าน ไอ่บี๋หันมามองผมสายตาเต็มไปด้วยคำถาม ผมโนคอมเม้นท์ได้ไหมละ



“ดีขึ้นแล้ว..อ่ะ..พี่โม..แฟนพี่โอโซน..สวัสดีครับ” น้องฟ่านตื่นมาเห็นผมกับบี๋ก็ทักทาย ตอนนี้เพื่อนผมยิ้มหน้าบานตั้งแต่น้องเรียกมันว่าแฟนพี่โอโซน หึ..มึงย้ายทีมแล้วสินะบี๋..



“น้องรู้ได้ไงว่าพี่เป็นแฟนพี่กาศ เอ่อ..พี่โอโซน” บี๋มันชวนเขาคุย แล้วตลอดทางน้องฟ่านกับบี๋ก็คุยกันไม่หยุดเรื่องพี่นักเขียนที่ไม่อยู่ตรงนี้ ผมก็มองข้างทางไป สัปหงกไป ส่วนคนขับก็มีส่วนร่วมกับเขาบ้าง ตอนน้องฟ่านพูดผิด มันก็คอยแก้คำผิดให้ กระทั่ง...



“แล้วน้องเนสเป็นอะไรกับโมเหรอ” บี๋ถามครับ เป็นคำถามที่ผมอยากรู้แต่ไม่กล้าถาม ตอนนี้ผมเงียบ น้องฟ่านก็หันไปมองหน้าเนส ผมภาวนาให้เขาเป็นแค่เพื่อนกันนะ ไม่ใช่เพื่อนแบบที่ผมกับเนสเป็น ไม่งั้นบ้านเขาแตกแน่นอน



“คือ..พี่หมายความว่ารู้จักเพื่อนพี่ได้ไง ไม่ได้จะถามว่าเป็นอะไรกันแบบนั้น น้องฟ่านอย่าเข้าใจพี่ผิดนะครับ” แม้แต่บี๋ยังคิดว่าเนสกับฟ่านเป็นแฟนกัน



“เอ้ย..ผมกับเนสไม่ใช่แบบนั้นนะครับ” น้องฟ่านปฏิเสธแทบจะทันที ที่เงียบไปคงกำลังแปลอยู่

“ผมกับฟ่านแค่เพื่อนครับพี่บี๋” เนสยืนยันพร้อมมองกระจกหลังส่งสายตามาให้ผม



แต่ผมเงียบ...ไม่มีความคิดเห็น บอกแล้วไงโนคอมเม้นท์พี่สายฟังโอนลี่



“เดี๋ยวไปส่งมึงที่คอนโดนะฟ่าน แล้วกูจะไปส่งพี่โมกับพี่บี๋ มึงจะไปไหนก่อนป่ะ”

“วันหลังมึงมารับพี่โมไม่ต้องไปรับกูก็ได้นะเนส” น้องฟ่านทำเสียงเกรงใจ ผมอาจมองน้องในแง่ร้ายเกินไป เขาก็อาจเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ



“ได้ที่ไหนใครจะปล่อยมึงกลับมาเอง หลงทำไง”

“กูไม่ใช่เด็กๆ ไปหัดขับรถดีกว่าอีกหน่อยมึงต้องมารับพี่โม จะได้ไม่กวนมึงเนอะ”



เกี่ยวอะไรกับพี่ครับน้อง ถึงเนสมันไม่ไปรับน้องฟ่าน มันก็ไปรับต้นไผ่ใบโหระพาอื่นๆ อยู่ดี แล้วเนสก็พูดประโยคที่ทำให้ผมกับบี๋ต้องหันหน้ามองกันโดยมิได้นัดหมาย



“อย่าแม้แต่จะคิด พี่มึงซื้อรถให้กูก็เพราะจะให้กูขับไปรับส่งมึงไม่ใช่รึไง” ซื้อรถให้เพื่อนน้องชายเนี่ยนะ ต้องรวยขนาดไหนวะ มันไม่เมคเซ้นซ์เลยว่าไหม ถึงจะเป็นรถญี่ปุ่นราคาไม่ถึงล้านก็เถอะ ไม่เว่อร์ไปหน่อยเหรอ คราวที่แล้วเนสบอกว่าพี่ซานจะซื้อรถให้ผมคิดว่าเป็นมอเตอร์ไซค์จริงๆ นะ



“พี่ซานเว่อร์ กูต้องหัดทำอะไรเอง” อันนี้ผมเห็นด้วย



“ให้พี่โมสอนได้ไหมครับ” อันนี้ผมก็หะ...ว่าอะไรนะ

“คะ..ครับ..น้องฟ่านว่าไงนะครับ”

“พี่โมสอนฟ่านขับรถได้ไหมครับ” งงเป็นสายหูฟังม้วนกันจนหาปลายไม่เจอ หวยมันมาออกเป็นผมได้ไง



“พี่สอนให้ก็ได้ครับน้องฟ่าน” ท่าทางบี๋มันจะถูกชะตากับน้องฟ่านนะ ใช่สิเขาเป็นแฟนนิยายแฟนมันไง เลยเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุย



“ใครก็ได้ครับถ้าพี่ๆ ว่าง ผมขอจองคิวเลย”



บทสนทนาในรถก่อนไปส่งน้องฟ่านที่สำคัญก็มีเท่านี้ครับ ตอนนี้น้องลงไปแล้ว ก็คอนโดของผมที่น้องเช่านั่นแหละ



“พี่โมมานั่งกับผมหน่อยนะครับ” เสียงอ้อนระดับที่ว่าบี๋ที่ไม่รู้อะไรเลย ก็คงจะพอเดาออกว่าอะไรเป็นอะไร



ผมเปลี่ยนไปนั่งข้างเนส รถออกตัวไปสักพัก หันมาดูข้างหลังบี๋มันหลับไปแล้ว หลับจริงหรือ? ผมมั่นใจมันแกล้งหลับ แต่ไอ่ที่ไม่มั่นใจเนี่ยเนสครับ มันรู้ไหมว่าเพื่อนผมแกล้งหลับ



ฟอด!!!!!



ไม่ๆ ไม่ใช่ผมโดนหอมแก้ม เนสมันดึงมือผมไปหอมต่างหาก “คิดถึงพี่จัง”

จ๊ะ..หวานไปอีก เพื่อนกูมันแกล้งหลับมึ้งงง



“..........” ผมทำหน้าเข้มมันจะได้เกรงใจบ้าง ตะ..แต่ว่า..



“งอนผมเหรอ” จะง้อทามมาย หยุดเลยนะ ขับรถไปเลยมึงอ่ะ

“เปล๊า” แล้วผมจะเสียงสูงเพื่อ



“ผมเคลียร์เรื่องพี่ไผ่แล้วนะ ไม่มีอะไรกันแล้ว” ห๊ะ..จริงดิ...

“เดี๋ยวค่อยคุย” ผมหันไปมองบี๋ที่แกล้งหลับได้เนียนมากเพื่อน กูเห็นมึงอมยิ้มอยู่เลย



“อายพี่บี๋เหรอครับ” อืมมมม อยากโดดลงรถตอนนี้เลย

“ก็เพื่อนพี่จะได้รู้ไงว่าผมจริงใจ”



“เนส..” อย่าว่าแต่บี๋มันแอบยิ้มเลย ผมนี่ตอนนี้ร่องแก้มชัดเจนมาก ไอ่เนส!! ....



“พี่ไปสอนฟ่านมันขับรถหน่อยนะ นะครับ”

“ทำไมไม่ไปสอนเอง”

“สอนเองผมก็ไม่เจอพี่อ่ะดิ”



นี่แผนพวกมึงหรา....เด็กอันตราย...น้องฟ่านเห็นใสๆ ไม่มีพิษที่ไหนได้ ยาพิษไร้สีไร้กลิ่นชัดๆ



เนสก็หยอดผมไปตลอดทางกลับคอนโด ความจริงคอนโดของพวกผมอยู่คนละทาง กับน้องฟ่านเลย ที่บ้านน้ำมันถูกรึยังไงจะได้ฝากซื้อ





ถึงคอนโดพวกผมสักที ไม่รู้ว่าผมหรือไอ่คนแกล้งหลับปวดแก้มกว่ากัน บี๋ทำท่าคันปากอยากแซวผมสุดใจขาดดิ้น แต่มันคงไม่ได้สมใจอยากในเร็วๆ นี้เพราะ “ผมหิวน้ำจังเลย” เนสมันว่า



“ลงมากินน้ำกินท่าก่อนสิน้องเนสสสสส” บี๋เรียกเนสเหมือนน้องฟ่านเรียกเลย อยู่ด้วยกันแป๊บเดียวออโมซิสกันไปหมดแล้วมั้ง



“ขอบคุณครับพี่บี๋ใจดีจัง ผมไม่เกรงใจแล้วนะ” แล้วเนสก็ไม่เกรงใจจริงๆ อย่างที่มันว่าครับ



สามชั่วโมงผ่านไปเนสยังไม่ไปไหน ตอนนี้เปลี่ยนใส่กางเกงบอลของผมไปเรียบร้อยแล้ว บี๋ก็กำลังอาบน้ำ สักพักพี่กาศคงมารับ แล้วคืนนี้มันก็คงไม่มานอนกับผมเหมือนเมื่อก่อน ที่บอกแบบนี้เพราะเดือนที่ผ่านมามันกับพี่กาศทะเลาะกัน วันว่างมันเลยอยู่เป็นผีบ้านผีคอนโดไม่ไปไหนเลย



“น้องเนสเดี๋ยวบี๋มันออกมา” ผมดันตัวเขาออก นั่งดูทีวีอยู่ดีๆ กอดผมเฉยเลย

“ผมคิดถึงพี่ ไม่เจอพี่ตั้งเกือบสองอาทิตย์แล้วนะ”

“กลัวใครไม่รู้เหรอครับว่าปากหวาน”

“กลัว..กลัวพี่ไม่รู้” แล้วมันก็โน้มหน้าลงมาจะให้ผมชิมปาก



“อะแฮ่มม” ผมเด้งตัวขึ้นยืน ทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว ส่วนเนสก็ยิ้มให้บี๋เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราไม่ได้เขินอายแต่ในใจผมมันอยากตาย นี่ผมต้องอยู่ในสภาวะนี้ไปอีกนานแค่ไหน มีความสุขกับสิ่งที่ไร้ชื่อเรียก ไม่ใช่แฟนแต่มันทำกับกูเหมือนแฟน ล่าสุดต้องไปสอนเพื่อนมันขับรถ



‘เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว แม้ว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรกับฉันเลย’



เดชะบุญพี่กาศมาพอดี .....



“บี๋รอพี่นานไหมครับ หื้มม” พี่กาศดึงคนเปิดประตูไปกอดไม่สนใจผมสองคน

“ไม่นาน แต่บี๋หิวข้าวมากอ่ะพี่” ไม่ต่างจากบี๋ที่ซบหน้าเอียงหัวอ้อนแฟนมัน เหมือนอยู่กันสองคน

“ป่ะพี่เลี้ยงโต๊ะจีนเลยดีมะ” มาถึงก็หวานใส่กันเลย



แล้วพี่กาศก็หันมามองในห้องคงเห็นเนส ได้ยินเสียงบี๋แว่วๆ ว่าแฟนไอ่โม...ไม่ใช่แล้ววว...

“มีแฟนแล้วไม่บอกกูเลยนะโม”



ผมว่าไม่ใช่เดชะบุญแล้ว นี่มันเดชะกรรมชัดๆ ....



“ฟงแฟนอะไร จะไปไหนกันก็รีบไปเลย” ผมไล่โดยไม่คิดจะแนะนำใครให้รู้จักกันทั้งนั้น เนสก็ไหว้พี่กาศตามนิสัยเด็กดีมีมารยาทของมันไป ส่วนบี๋ก่อนออกจากห้องมีส่งสายตารู้ทันผมอีก

“คืนนี้กูไม่กลับ..ตามสบายนะ” ขอบใจมึงมากเพื่อน...แต่วันหลังไม่ต้อง!!!





“ผมเชื่อแล้วว่าพี่บี๋กับพี่ไม่มีอะไรกัน”

“เดี๋ยวนะ ควรเชื่อตั้งนานแล้วป่ะ” เอ่อ..ผมจะใส่อารมณ์อะไรขนาดนั้น

“แล้วพี่ล่ะเชื่อรึยังว่าผมกับไอ่ฟ่านไม่มีอะไรกัน”



บอกตรงๆ ก็ยังไม่ค่อยเชื่อ แต่ที่กูไม่เชื่อกว่าเรื่องน้องฟ่านคือ...เรื่องไผ่เบตงนั่นมากกว่า



“เงียบแปลว่าไม่เชื่อ ไว้วันหลังผมจะพาพี่ไปเจอพี่ซานกับฟ่านก็แล้วกัน หวานไม่ต่างจากคู่เพื่อนพี่หรอก เว่อร์กว่าด้วย”



“พี่ชายน้องฟ่านเหรอ” ความจริงผมเคยเห็นแล้วล่ะ ก็หวานจริงไม่ต้องเติมน้ำตาลเลย

“มันแค่น้องบุญธรรม ตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้ว ผมไม่ชอบอธิบายอะไรแต่..ผมไม่อยากให้พี่เข้าใจผมผิด..พี่โม..ผมมีแต่พี่นะ..”



‘แล้วฉันจะฝืน ฝืนหัวใจตัวเองได้ไหม แล้วฉันจะฝืนความรู้สึกของฉันได้ยังไง ไม่อาจจะฝืนความรักที่มันเอ่อล้น’



ฝืนไม่ได้ไปไม่เป็นอีกแล้ว ไข้ที่มีก็ลดลงตอนนี้ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปรกติ เนสจับมือผมบอกว่าไปหาอะไรกินที่ร้านแถวนี้เถอะ



“ผม..หิว..แล้ว” ตรงคำว่าหิว ทำไมต้องเลียปาก แล้วทำไมต้องจ้องกูเหมือนจะกินกันด้วย

“มองแบบนี้จะกินข้าวหรือจะกินพี่ครับ” ผมชอบเวลาเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ หยอดกันเล่นกัน กอดกัน จับมือกัน

“กินข้าวก่อน มีแรงแล้วค่อยขอกินพี่..ได้ไหมครับ”



ผมยักคิ้วให้ไม่มีความหมายอะไรนอกจาก...กูเขิน....



ผมไม่รู้ว่าเนสรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกกับมันไหม แล้วความรู้สึกของเราเท่ากันหรือเปล่า ใจของเขามันมืด ไม่มีแสงสว่างไหนส่องไปถึงกลางใจเขาให้ผมมั่นใจได้เลย ตอนนี้ก็คิดเองเดาเอง มีความสุขเอง ทุกข์ใจเองไปวันๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็สุขมากกว่าทุกข์ เลยทนมาได้ไง



“เดี๋ยวผมไปซื้อมันปิ้งให้นะครับ”

“เนส”

“ครับ..”

“ไม่ต้องดีกับพี่มากหรอก”

“...............”



เขาชะงักแต่ไม่หันกลับมาแล้วก็ข้ามถนนไป สามนาทีจากนั้นก็กลับมาหาผม พร้อมมันปิ้งสี่สิบบาท ผมชอบที่เขาดูแลเอาใจใส่ แต่เนสเป็นประเภทนึกจะมาก็มานึกจะหายก็ไร้เงา ผมเลยอยากให้เขาเทคแคร์ให้มันน้อยลงหน่อย เวลาเขาไม่อยู่จะได้ไม่รู้สึกขาดอะไร





สองทุ่มห้าสิบอิ่มแล้วก็นั่งคุยกันต่อที่โต๊ะกินข้าว เรานั่งคนละฝั่ง ต้มจืดอร่อยดีแต่เราสองคนกินไม่หมด เพราะระหว่างกินมีสายปริศนาโทรเข้ามาและเนสปิดเครื่องใส่ ผมก็คิดไปแล้วไม่ใครก็ใครในคนของเขานั่นแหละ



“พี่โม..คิดมากอะไรอีกครับเนี่ย”

“พี่มีสิทธิ์คิดอะไรมากด้วยเหรอเนส”

“เฮ้อออ” คนที่ควรถอนหายใจคือกูมากกว่านะ

“ผมไม่ชอบสถานะแฟน แต่ถ้าพี่ไม่สบายใจเรียกว่าแฟนก็ได้ครับ” ผมควรดีใจหรือเปล่า เหมือนบังคับเขามาเป็นแฟนผมแบบนี้

“ไม่เป็นไรพี่ทนไม่ไหวพี่จะไปเอง”



มือผมถูกเขาคว้าไปจับ เนสทำหน้าไม่สบายใจ จนผมรู้สึกผิดไม่น่าพูดออกไปอย่างนั้น



“ผมกลัว..”

“กลัว?” กูสิควรกลัวมึงเด็กอันตราย

“ใช่ผมกลัวว่า ถ้าเราคบกับใครสักคน ความคาดหวังมันจะมากขึ้น ถ้าผมทำได้ไม่ตรงตามที่อีกคนคาดหวังก็จะเลิกกัน ถ้าเราต้องเลิกกันผมกลัวพี่หายไปจากชีวิตผม”



“เนส..”

“พี่โม..เราเป็นแบบนี้พี่ไม่มีความสุขเหรอครับ”



สองมือเขากุมมือเดียวของผมไว้ บีบให้ผมรับรู้ว่าผมต้องเลือก ว่าจะปล่อยให้เขาจับแบบนี้ หรือ สะบัดเขาออกไปจากชีวิต



คืนนั้นบี๋ไม่ได้กลับมาพรุ่งนี้เนสว่าง เขาเลยค้างกับผม บนเตียงกว้างแคบลง เช่นเดียวกับจักรวาลของผมที่ไม่กว้างเหมือนเดิม ผมยอมให้เขาเข้ามาในวงโคจรเล็กๆ รอบตัวผม เพื่อนสนิท ที่ทำงาน ห้องนอน เนสเข้ามาได้หมด แถมคนรอบข้างก็รับรู้ว่าเนสคือแฟนผม แต่...ผม..ไม่ได้เข้าใกล้วงโคจรของเขาเลย



“ผมไม่เคยเจอใครเหมือนพี่เลย” เนสว่าอย่างนั้น

ตอนนี้ผมนอนหันหลังให้เขา ส่วนเขาหันหน้ามาหาผมรึเปล่าอันนั้นไม่รู้



“พี่ทำให้ความกลัวของผมเพิ่มขึ้นทุกวัน” ฟังดูเหมือนผมสำคัญ



“พี่ไม่ใช่ผี หลอกใครไม่ได้ ได้แค่โดนเด็กหลอก”



“เด็กคนนั้นต้องหน้าตาดีมากแน่ๆ พี่เลยยอมให้เขาหลอก” อือ..เอาที่สบายใจ



“.....................”



“พี่โมครับ” เอวผมมีมือเขาพาด ไหล่ผมมีหน้าเขาซุก หลังผมมีอกเขาแนบ หัวใจเขาเต้นแรงมาก



ที่ผมอยากฟังคือคำว่า..รัก..



“คืนนี้..ผมขอนะ...”





เพราะดวงดาวไม่มีสายตา ผมเลยไม่สามารถบอกได้ว่าเขาจริงใจ

เพราะเขาเหมือนคนไม่มีหัวใจ คำว่าเราจึงห่างไกลออกไปทุกที





#ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า

By symbol A



ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 10

ตัดใจ

 
 


; การลาจากของดวงดาว ทำให้เกิดความปวดร้าวในหัวใจ

ดวงดาวมีมากมายบนท้องฟ้า แต่กลับสำคัญแค่เป็นฉากหลังให้ดวงจันทร์โดดเด่น ถึงมีมากมายแต่ก็ไม่ทำให้ความพิเศษเพิ่มขึ้น ไม่ต่างจากเวลารักคนหลายใจ ต่อให้ทำดีสักแค่ไหน เราก็เป็นได้แค่ใครต่อใครของเขาอยู่ดี แล้วเมื่อเขามีตัวจริงเราก็ยิ่งไม่มีตัวตน

หลังจากเนสไปค้างห้องผมคืนนั้น ผมก็กลับมาเป็นคนไข้ของเขาอย่างไม่อิดออด เราเป็นคนไร้สถานะกันแบบไร้จุดหมาย ผมเบื่อแต่ก็ไม่ได้อยากจะหยุด เพราะทุกค่ำคืนที่เรามีกันมันดีไปหมดทุกอย่าง คนที่บอกจะไม่รับแล้วก็ยอมให้ผมตลอด ยกเว้นคืนนี้...

“เนส” ผมครางชื่อเขาอีกครั้ง ครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ เมื่อสติของผมอยู่ที่แรงจากปากของเขาผมก็เลยครางได้แค่ชื่อเขาอยู่แบบนี้

ความใคร่เอาชนะทุกความเศร้าได้ หมออย่างเขารู้ดี และรู้จุดที่ทำให้ผมพอใจไปหมด ถ้ารักของเรามีแค่เรื่องเซ็กส์ ผมว่าเขาสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว

กล้ามท้องขยับตามแรงเกร็ง ห้วงหายใจเต้นย้ำบางจังหวะด้วยร่างกระตุก แล้วผมก็หายใจเสียงดังเมื่อเขาเร่งจังหวะปาก

“เนส”
ยอมใจง่ายให้ปากเขาดึงขึ้นสวรรค์ “ครางได้อารมณ์จังนะครับ”

ทำตาแข็งใส่คนแซว เราต่างยิ้มขำใส่กัน “ก็ใครใช้ให้เนสเก่งล่ะครับ”
หมั่นไส้เด็กลีลาเด็ด ที่ทำลอยหน้าลอยตาไม่ถ่อมตัวเลยสักนิด

“ผมว่าเรามารื้อฟื้นความหลังกันหน่อยไหมครับ” หมายถึงจะให้รับให้สินะ

ความเจ็บยังมีเหมือนครั้งแรก มันเหมือนร่างจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บไปหมดทั้งตอนหายใจเข้าและหายใจออก มือผมจับหัวเตียงไว้แน่น ร่างของเราประสานกันผมถูกเขารุกทุกด้าน ส่วนที่เริ่มล้มเขาก็ปั่นให้มันลุก ส่วนที่เริ่มนุ่มนิ่มเขาก็บี้ให้มันแข็ง ร่างกายผมเขาเป็นคนกำหนด ความเจ็บปวดถูกทดแทนด้วยความซ่านสยิวแล่นกระจายเพราะกำหนัดที่หนักหน่วง

“ยังเจ็บไหมครับ” เสียงเนสดังอยู่ข้างหู เมื่อผมบอกว่าไม่แล้ว เราก็แทบจะไม่คุยกันอีก ครางจนเสียงแหบ กระตุกร่างจนเหนื่อยอ่อน เข่าที่คุกอยู่แทบทรุดลงไปนอนราบ เป็นบทรักที่เผาผลาญพลังงานในตัวแทบจะหมดลม

“พร้อมกันนะครับ” แล้วทุกอย่างก็เกร็งแน่นจนสุดจะกลั้น เมื่อทุกอย่างจบลงมันก็โล่งไปทั้งตัว เบาหวิวเหมือนตัวผมเป็นปุยนุ่น เนสถอนตัวออกไปแล้ว แต่ช่องทางของผมยังเต้นตุบๆ เหมือนมีเขาอยู่ข้างใน

“พี่โม...”

ครืนนนน มือถือเขาสั่น ผมจำได้ว่าเขาปิดเครื่องไปแล้วนะ ทำไมยังมีคนโทรมาได้อีก เขาคงอึ้งอยู่ผมที่อยู่ใกล้กว่าเลยใจดีเอื้อมไปคว้าเครื่องที่สั่นอยู่มาให้

แล้วก็เห็นชัดว่า..ไม่ใช่เครื่องนี้ที่เขาใช้อยู่ทุกวัน
เขารับไปและทำท่าจะลุกออกไปคุยข้างนอกแต่...

“คุยตรงนี้เถอะ” ลองถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจกูหรอก ดีเหมือนกันผมจะได้ตัดใจได้ง่ายขึ้น

“ครับ” เขารับสายสั้นๆ
(......................)
“โอเค” สนทนาสั้นๆ
(.................................)

ประหยัดคำสมกับเป็นเนส แต่เวลาเราคุยกันเนสก็คุยเยอะกว่านี้นะ สรุปว่าผมจะตัดใจได้หรือยิ่งเข้าข้างตัวเองกันแน่ละเนี่ย ไว้ค่อยคิดละกันตอนนี้ผมขอสลบก่อนไม่ไหวแล้ว

ผมตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงของตก หันไปมองข้างๆ ว่างเปล่า เช้าแล้วเหรอเนสทำกับข้าวหรือเปล่า หันไปมองม่านก็ยังมืดอยู่ มือถือเจ้าปัญหาไม่วางอยู่ที่เดิมแล้ว

“ถอยไปเนส”
“พี่นั่นแหละออกไป ได้ของแล้วก็ออกไปได้แล้ว”

แบบนี้เอง..คงมีใครบางคนอยากเข้ามาแต่เนสไม่ยอม เพราะกลัวรถไฟจะชนกัน แย่เนอะจากคนไข้กลายเป็นรถไฟซะแล้วกู เหตุการณ์มันคุ้นๆ เหมือนตอนเรื่องคนชื่อไผ่ แต่เสียงนั้นไม่ใช่ คนใหม่ชื่ออะไรไม่รู้ และผมก็ไม่อยากรู้จัก ลุกขึ้นด้วยความเจ็บที่เขาทิ้งไว้ที่ร่างกาย ส่วนหัวใจมันเริ่มชิน มองลงไปในถังขยะข้างเตียง ถุงน้ำรักหลักฐานของการมีชู้ยังอยู่ถึงสองชิ้น

เรียกว่าชู้ก็คงไม่ถูกต้องนัก เนสมันฉลาดพอจะไม่ให้ใครเป็นตัวจริง จะได้ไม่ต้องมีใครสำคัญกว่าใคร

“แกร็ก..” ผมจับผ้าห่มมาปิดท่อนล่างแทบไม่ทัน เมื่อประตูถูกอีกคนดันเข้ามา

เสียใจก็ส่วนหนึ่ง แต่อายแทบแทรกแผ่นดินหนีมันเป็นอย่างนี้เอง รถไฟอีกขบวนเป็นเด็กหนุ่มหน้าหวานแนวไผ่คนนั้น สายตามองเหยียดมาที่กูเหมือนเมียหลวงจับได้ว่าผัวมีเมียน้อย

..อัปยศอดสูกว่านี้มีอีกไหม..

“ไหนบอกว่าน้องฟ่านไง น้องฟ่านหน้าตาเปลี่ยนไปเนอะ” แดกดันได้เจ็บดี เนสเจ็บไหมไม่รู้แต่กูโคตรเจ็บ นอนให้เอาอยู่ดีๆ กลายเป็นเพื่อนมันซะงั้น

“มานี่..”
“เจ็บนะเนส ปล่อยพี่”

ประตูห้องปิดลง เนสลากผู้ชายคนนั้นออกไป ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด นั่งถามตัวเองว่าถ้าเจอแบบนี้อีก คนอื่นที่ไม่ใช่คนเดิมไปเรื่อยๆ มันโอเคแค่ไหน แล้วก็อดย้อนไปคิดเรื่องบี๋กับไอ่เบย์อีกครั้งไม่ได้ ถ้าตอนนี้บี๋ยังยอมให้แฟนตัวเองมีคนนั้นคนนี้ มันก็เป็นควายบี๋เหมือนเดิม ไม่ได้เจอพี่กาศที่แสนดีแบบทุกวันนี้ถูกไหม

ผมอาจเจอคนอื่นที่ดีกว่าเนสก็ได้ใครจะไปรู้ ต้องรอจนกว่าจะปล่อยมือจากมันไปก่อน ก็แค่คิดยังไม่ตัดสินใจตอนนี้มึนงงและเจ็บตูดเกินกว่าจะตัดสินใจอะไรได้ ต้องมั่นใจว่าจะไม่ใจอ่อนอีกถึงจะพูดคำนั้นออกไป

คิดได้ก็ขอนอนต่ออีกนิด เรื่องของคนอื่น...ช่างแม่ง...



ผมได้สติอีกหน เพราะทนแสงที่ลอดผ่านม่านมาแยงตาไม่ไหว ฝืนเปลืองตาขึ้นอย่างยากเย็น ข้างกายยังว่างเปล่า ก็ดี..ชั่วให้สุดนะมึงกูจะได้หยุดไปต่อสักที...

พยายามลุกขึ้นจากเตียง เดินเซนิดหน่อยแต่ก็ยังพอไหว ผมมันถึกกว่าที่ใครจะคาดเดา อาบน้ำแต่งตัวและพร้อมเผชิญหน้า เปิดประตูห้องออกไปไม่เจอใคร นอกจากตัวเอง เมื่อคืนออกไปกับเขาคนนั้นไม่ต้องสงสัย ....ก็ดี...ขอบใจนะเนส...

ผมเดินออกจากห้องล็อกประตูให้ แต่ไม่ได้คล้องสายยู ยังจะมีน้ำใจเป็นห่วงเป็นใยมันอีก ตอนรถเคลื่อนตัวออกจากคอนโดเนส รถของเขาก็สวนเข้ามา ผมถอยตัวหลบไม่ให้เขาเห็น ถ้าลงมาช้าอีกนิดผมอาจยังถูกเขารั้งเอาไว้ ตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะเจอจริงๆ

“บี๋อยู่บ้านพี่กาศเหรอ..กูไปหาได้มะ”
(มาดิ..มึงมีอะไรรึเปล่า)
“แค่ไม่อยากกลับห้องหนะ”
(หลบเด็กหรือไง ให้กูไปรับไหมมึงอยู่ไหนเนี่ย)
“ไม่เป็นไร...อยู่กับพี่แท็ก”

พี่คนขับหันมายิ้มให้ผมทางกระจกมองหลังอย่างอารมณ์ดี พี่เขาคงไม่คิดว่าคนที่ดูกวนตีนอารมณ์เริงร่าแบบผมจะผ่านอะไรมาบ้างเมื่อคืน หลังวางสายพี่แท็กก็ชวนผมคุยทุกเรื่องตั้งแต่ เรื่องดารายันนโยบายบริหารประเทศ ก็คุยกับพี่แกไป ลืมเรื่องหนักใจไปได้อีกสักพัก

ถึงบ้านพี่กาศแล้ว เป็นบ้านชั้นครึ่งสไตล์ที่บี๋มันชอบ และทุกอย่างในบ้านก็มันเลือก พี่กาศตามใจมันแม้แต่ชื่อเจ้าบ้านยังเป็นชื่อมันเลย ถ้าผมเลิกกับเนสผมจะมีใครดีกับผมแบบนี้ไหมนะ

“ไงมึงซ้ำรักเหรอ” ผมส่ายหัวยิ้มกับคำโบราณของคุณนักเขียนใหญ่
“ผมมาหาข้าวฟรีกิน..บี๋อ่ะ”

“อาบน้ำ” พี่เขาบอกแล้วเข้าไปในครัว ผมรู้ว่ารบกวนเวลาสวีท แต่ทำไงได้บี๋มันเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของผม พี่กาศก็เป็นพี่ชายที่ผมสนิทที่สุด ดังนั้นก็รับกรรมดูแลผมไปก็แล้วกัน

วางมือถือที่มีแสงไฟกะพริบเป็นระยะไม่ขาดไว้หน้าทีวี ไม่ปิดเครื่องแต่ก็ไม่คิดจะรับสายเขา ไลน์อีกหลายข้อความก็ไม่เปิดอ่าน ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเนสจะทำยังไงถ้าติดต่อผมไม่ได้

“กินได้ไหมเมื่อวานกูทำต้มจืดให้บี๋ชิม น้องบอกอร่อยไม่รู้ว่าพูดเอาใจกูรึเปล่า”
พี่กาศเล่าที่มาของเมนู ฝีมือพี่แกก็ไม่ค่อยอร่อยหรอกครับแต่ก็พอกินได้
“เค็มไปนิดว่ะพี่”
“กูว่าล่ะ” พี่เขาทำหน้าคิด คงกำลังนึกถึงเครื่องปรุงครั้งหน้าอยู่ พี่กาศนี้เป็นแฟนในฝันจริงๆ บี๋มันโชคดีที่ได้พี่เขาเป็นแฟน

“ไงมึง..กูกินด้วยดิ พี่กาศตักข้าวให้น้องด้วยหิวว” มาถึงก็ลากเสียงอ้อนกัน ไม่เกรงใจคนซ้ำรักอย่างกูเลยสักนิด..เอ่อ..แล้วผมจะใช้คำโบราณตามพี่นักเขียนทำไมไม่ทราบ

พี่กาศบอกให้พวกเรารอก่อนเพราะเขาจะใส่น้ำเพิ่มอุ่นใหม่ เขาว่าไม่อยากให้บี๋กินเค็มเยอะ คือถ้าบี๋ไม่กินด้วยผมก็ต้องกินเค็มๆ ไปสินะ อืมมมม

เมื่อเรากินแกงจืดที่จืดสนิทกันอิ่มแล้ว บี๋มันแอบว่าผม...มึงจะบอกทำไมว่าเค็ม ได้กินแกงน้ำเปล่าเลยเห็นมะ...
ก็ขำขันกันไป ตอนนี้พี่กาศขอตัวไปปั่นต้นฉบับ ทิ้งผมกับบี๋นั่งหน้าทีวีกันสองคน

“มึงน้องเนสโทรมาเกือบร้อยสายละ ไม่รับหน่อยเหรอ”
“ไม่อยากคุย”
“............” มันไหวไหล่ก้มหน้ากดหาช่องที่ต้องการต่อไป
“บี๋..ตอนนั้น..ที่มึงตัดใจจากไอ่เบย์..มึงรู้สึกไงวะ”
“..............” มันมองผมเหมือนอยากรู้ว่าทำไมต้องถามถึง คนที่เราสองคนต่างไม่พูดถึงนานแล้ว
“กูหมายถึงอะไรที่ทำให้มึงตัดใจได้”

“พี่กาศไง กูเจอคนดีขนาดนี้จะไปโง่งมงายกับมันทำไม อ้อ..อีกอย่างน้องโปรดด้วยที่กูคิดได้ มันเหมือนกูเห็นตัวเองอ่ะ รักให้ตายดีให้ตาย สุดท้ายมันก็แค่นั้น แค่เป็นหนึ่งในใครอีกหลายคนของมัน มึงถามแบบนี้หมายความว่าน้องเนสนอกใจเหรอ”

“ไม่เชิง..มันบอกกูว่าเราเป็นแค่พี่น้องกัน”
“เชี่..ยยยยยยยย แล้วมึงก็ทนเอ๋อ”
“อืม”
“ชอบว่ากูควายมึงนี่เขางอกยังไม่รู้ตัวอีก กูถามหน่อย..ขั้นไหนแล้ว..”
ผมเงียบตามองทีวี ใครจะกล้าเล่าว่าได้กันไม่รู้กี่รอบแล้ว

“พี่น้องคือมึงกับพี่กาศ ถ้าเอากันมันเรียกว่าพี่น้องได้ไหมถามใจมึงดู”
“มันบอกว่าไม่อยากคบเพราะกลัวเสียกูไป กลัวเลิกกันแล้วจะไม่ได้เจอกันอีก”
บี๋กรอกตาไปมาเหมือนคนพูดไม่ออก แล้วก็ถอนหายใจดังเฮือกใส่ผม

“น้องมันโคตรเห็นแก่ตัว ส่วนมึงก็โคตรควายกูพูดเลย” บางทีมึงก็ตรงเกินไปนะบี๋
“หรือไม่จริง” เอ่อ..กูได้เถียงมึงสักคำไหมล่ะ..

“มึงฟังกูนะ ถ้าแค่สนุกๆ ไม่จริงจังมันก็แล้วแต่มึง แต่ถ้ามึงแคร์มันแต่มันไม่แคร์มึง กูว่าถอยเถอะเจ็บกับเจ็บ ขนาดตอนมีความสุขมึงยังไม่สุดเพราะกลัวทุกอย่างจะหยุดแค่นั้น”

ผมเลือกที่ปรึกษาไม่ผิดคนจริงๆ




คืนนั้นผมขอนอนที่บ้านพี่กาศคิดทบทวนเรื่องเนสเกือบทั้งคืน ได้ยินเสียงครางของเพื่อนหลุดดังออกมาเป็นพักๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเจ็บที่ได้ยินอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้เฉยๆ ขนาดบี๋ที่ผมแอบรักมาตั้งหกปีผมยังตัดใจได้ แล้วกับเนสทำไมผมจะลืมไม่ได้ มากสุดก็แค่เจ็บหรือเปล่าวะ

วันต่อมาผมออกจากบ้านพี่กาศแต่เช้า วันนี้วันหยุดและผมตัดสินใจว่าจะหยุดความสัมพันธ์ที่ไม่อาจพัฒนาต่อได้ลงเพียงเท่านี้

ผมเรียกแท็กซี่ไปหาเนสที่คอนโด มือถือแบตหมดตั้งแต่เมื่อคืน ก็เลยเสี่ยงไปหาเขาที่ห้องดู สุดท้ายก็พาตัวเองมายืนหน้าห้องน้องในที่สุด

มือที่จะเคาะลงกับบานประตูค้างในจังหวะเกือบจะเกิดเสียง ผมขอทำใจสักนิด เดินเลี่ยงไปนั่งที่บันไดหนีไฟ ห้องเนสเป็นห้องสุดท้ายเลยมีมุมให้ผมหลบอย่างที่ต้องการ

“วันหลังจะมาโทรมาก่อนนะพี่เอม” ผมหันไปมองตามเสียงที่ดังอยู่ในห้อง ประตูเปิดแล้วแต่ยังไม่มีใครเดินออกมา

“เมื่อคืนดีมากเลยขอบคุณนะ” เสียงอ้อนนี่มันคุ้นๆ แล้วเจ้าของเสียงก็เดินออกมา ผมเหมือนถูกไฟซ็อตไปทั่วร่าง ชามึนจนทำอะไรไม่ถูก อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เสียใจมากแต่เจ็บปวดน้อยลง หรือบางทีผมอาจยังตั้งสติไม่ได้มากกว่า

“เนส..” ผมเรียกเสียงไม่ดังแต่คาดว่าเขาสองคนได้ยิน สายตาของสองคนมองมาที่ผมด้วยคำถามว่า
..พี่มาได้ยังไง กับ..มึงมาทำไม

“พี่โม..” เนสเดินออกจากห้องจะมาหาผม แต่ถูกอีกคนรั้งแขนไว้
“เป็นพี่เถอะนะเนสที่จะเดินไปหา เป็นพี่ไม่ได้เหรอเนส”

ผมก็อยากพูดแบบนั้น แต่ผมเห็นสายตาเนสที่มองคนนั้นแล้วผมจะไม่พูดเด็ดขาด นี่สินะที่บี๋มันว่าเห็นโปรดแล้วตัดใจได้ ผมขำหึในคอ กล้าจะเดินไปหาแล้วบอกว่า

..เนสควรเลิกโทรหาพี่สักที..

อีกคนเป็นยังไงผมไม่สนใจ ตอนนี้แขนเนสถูกใครคนนั้นรั้งไว้แน่น ไม่ต่างจากแขนผมที่ถูกเนสรั้งไว้แน่นเช่นกัน รักกี่เศร้าถึงจะพอสำหรับคนอย่างเนส

“พี่เอมปล่อย พี่โมอย่าไป”
“เนส...” คนชื่อเอมเริ่มร้องไห้ พร่ำเรียกชื่อเนสเหมือนจะขาดใจ
“อย่าทำให้พี่คิดว่าพี่สำคัญทั้งที่มันไม่จริง เนสจะไปให้ความหวังใครก็เชิญเถอะ พี่ไม่ไหวแล้ว”
ผมพูดจบก็สะบัดแขนเดินออกมา

“พี่โมไม่นะ..” เนสจะวิ่งตามแต่มีคนกอดไว้แน่น ตลกเนอะเหมือนในเอ็มวีเพลง เพลงอะไรนะคิดไม่ออก เนื้อเพลงใดๆ ไม่มีเลยหัวผมเลยตอนนี้

มันจบแล้วจริงๆ



#ดั่งดวงดาวที่อ่อนแรง
By symbol A



ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 11

เกือบ





; การจากไปของดวงดาว ทำให้เกิดความปวดร้าวในหัวใจ



นิยามของคำว่ารักของผมสั่นคลอน เกือบจะอยู่ไม่ได้เพราะใครบางคนที่เข้ามาแล้วตีจาก ยี่สิบปีที่ผ่านมาผมคิดมาตลอดว่าสถานะไม่สำคัญ และมันเกือบจะเป็นอย่างนั้นกระทั่งเจอ...พี่โม...



ชายแปลกหน้าที่ทำให้ทะเลสีดำสวยแปลกตา อดคิดไม่ได้ว่ามันคือ...รักแรก.. ยิ่งเราบังเอิญเจอกันยิ่งอดหวังไม่ได้ที่จะให้เขาเป็น...รักสุดท้าย...



แต่ยิ่งรักความคาดหวังของเขาก็มีมากขึ้น ...แฟน...ผมว่าไม่เห็นจะสำคัญ ผมรักเขา เรามีช่วงเวลาร่วมกัน ผมใส่ใจเขา ไม่ต้องมีอะไรกันผมก็รักพี่โม ไม่ดีอีกเหรอ



เรามีความทรงจำดีๆ เพิ่มขึ้น แต่ความสัมพันธ์ของเรากลับแย่ลง



สิบวันที่แล้วเขาบอก…อย่าทำให้พี่คิดว่าพี่สำคัญทั้งที่มันไม่จริง เนสจะไปให้ความหวังใครก็เชิญเถอะ พี่ไม่ไหวแล้ว..พี่โมอยู่ให้ผมรักไม่ไหวแล้ว ผมพยายามใช้เวลาให้เหมือนตอนก่อนเราจะรู้จักกัน ไปสอนฟ่านขับรถ ทำงานพิเศษ ทำกิจกรรม แต่ที่ไม่เคยทำอีกเลยก็คงเป็น...



ไปเอาใครเวลาเมา เพราะเวลาจะมีอะไรกับใครต้องเห็นเป็นหน้าพี่โมทุกที ทั้งที่รู้ดีว่าไม่ใช่พี่คนนั้น...ทำไม่ลง..หมดอารมณ์..หลังๆ ไม่อยากให้ใครมาอารมณ์ค้างเพราะผม ก็เลยไม่เคยยุ่งกับใครอีก พี่เอมกับพี่ไผ่ ก็ไล่เตลิดไปแล้ว ผมไม่ใช่คนดีขี้เกรงใจ





“มึงกินไก่ทอดกัน”



“อือ” เท้าเปลี่ยนทิศตามเพื่อนรักลูกเสี้ยวไป ไก่ทอดสูตรหาดใหญ่แต่คนขายเป็นคนเหนือ

“กกโต้ยกั๋นเลยก่อหล้า” (หั่นด้วยกันเลยไหมน้อง) แม่ค้าหันมาถามผม เหนือทั้งสำเนียงและหน้าตา



เพื่อนผมส่ายหน้าจนผมมันกระจาย “เอ่อ..ไม่กกกันครับ..” ดูเอาเถอะ อยากจะขำใส่มันดังๆ เอ๋อจริงๆ หน้าแดงไปไหนแล้วไอ่ฟ่านนนนนน



“กกใส่โต้ยกั๋นเลยคับป้า” (หั่นใส่ด้วยกันไปเลยครับป้า) ตอบป้า แล้วกระซิบบอกเพื่อน

“กกแปลว่าหั่น”

“อ้าวเหรอ..แฮะ..ไม่รู้นี้นา” มันเกาหัวแก๊กๆ

ระหว่างที่ผมหัวเราะกับเพื่อนอยู่นั่น ฟ่านมันก็หันไปทักใครบางคนเสียงใสแจ๋ว

“พี่โม..สวัสดีครับ..ฟ่านฝากหนมไปกับเนส มันให้พี่รึเปล่า”



ผมยิ้มค้างหุบแทบไม่ทัน น่าจะบอกมันว่าเราไม่คุยกันแล้ว มันจะได้ไม่ถามออกไปแบบนั้น แต่ไม่ทันล่ะ ขนมอะไรมึงขนาดหน้ากูเขายังไม่อยากจะมองเลย



“ขอบคุณนะครับน้องฟ่าน คราวหลังไม่ต้องนะ ลำบากเปล่าๆ” พี่เขาตอบฟ่านตามมารยาท แต่ไม่มีมารยาทเผื่อแผ่มาถึงผมเลยสักนิด เหมือนผมเป็นไก่ทอดที่เขาเมิน แล้วเขาก็เดินไปหาใครสักคนที่ยืนรออยู่ที่ร้านมันปิ้ง



“งอนกันเหรอ” เพื่อนมันถามตอนเราเดินออกมาจากร้านไก่ทอด



“เลิกคุยกันแล้ว ไปไม่รอดอ่ะ” เราสองคนมีอะไรคุยกันตรงๆ เสมอ ฟ่านเป็นเพื่อนที่เข้ากับผมได้ทุกอย่าง สมบูรณ์พร้อมในแบบเพื่อน มันไม่วิจารณ์ไม่ว่าไม่ถามต่อ ถ้าผมไม่เล่าเอง ซึ่งตอนนี้ผมอยากเล่า เพราะอึดอัดมาก



“เขาเจอกูกับพี่ไผ่ แล้วก็ พี่เอม” ปากก็เล่าไป มือก็หมุนพวงมาลัยรถไปด้วย

“อ่ะ..หะ” ผมหันไปมองเพื่อนที่ดูตั้งใจฟังผมดี แต่สงสัยอย่างทำไมมันไม่วางไก่ไว้เบาะหลังถือไว้ด้วยทำไม



“คือกูไม่เข้าใจว่าเขา...ฟ่าน!! มึงจะกินตอนนี้ไม่ได้นะ รอถึงห้องค่อยกินเซ่..โอ๊ยยไค่ต๋าย”

ผมบ่นมันทั้งไทยกลางไทยเหนือ มันก็คงฟังออกหันมายิ้มดูดนิ้วแบบเสียดาย อะไรจะหิวปานนั้น



“ชิมนิดเดียว” ผมหน้านิ่งจนมันยอมวางถุงไก่ไว้ด้านหลัง ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ฟ่านมันชอบกินเลอะเดี๋ยวมดขึ้น ก็ต้องเอารถไปล้างที่ร้าน มันเปลืองตังค์!!



“ไม่กินแล้วไง..พูดต่อสิ”



ถามว่ามีอารมณ์จะเล่าต่ออีกไหม



ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



แล้วเราสองคนก็ไปกินข้าวที่คอนโดฟ่าน มาที่นี่ก็คิดถึงเจ้าของอีก ชาตินี้คงหนีพี่เขาไม่พ้นไม่เจอตัวก็เจออะไรที่ทำให้คิดถึงเขาไปหมด มันปิ้ง เบียร์ที่เขาชอบ เห็นทะเลก็คิดถึงคืนแรกของเรา ไปซ้อมบางทีเล่นเพลงพรหมลิขิตยังมีแต่หน้าเขาลอยเข้ามา ผมอาการเหมือนคนอกหัก ทั้งที่ก็คิดว่าป้องกันไว้แล้วว่าเราไร้สถานะเลิกกันขึ้นมาจะไม่เจ็บ แต่ไม่ใช่เลย



“ไปกันเลยมะ หรือจะยืนทำหน้าอกหักต่อ” ไอ่เสี้ยวมันคงปลอบใครไม่เป็น เอาแต่เร่งอยู่ได้



คืนนี้ผมกับฟ่านมีงานพิเศษที่ร้านอาการกึ่งผับแห่งหนึ่ง แขกส่วนใหญ่ก็คนรวย นักธุรกิจ ร้านนี้ชอบให้ฟ่านมาเล่นเพราะเจ้าของร้านแอบเล็งเพื่อนผมอยู่ แต่ฟ่านมันหยิ่งม๊าก หยิ่งชนิดที่ใครเข้ามาเงิบหงายหลังทุกคน พี่เจ้าของเลยได้แค่หมามองเครื่องบิน



เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างผมกับฟ่าน เพราะถ้าพี่ซานรู้มันจะไม่ได้ทำงานพิเศษอีก



“น้องฟ่านวันนี้พี่ขอเพลงซึ้งๆ เศร้าๆ แอบรักเขาข้างเดียวหน่อยนะครับ” พูดถึงก็มาเลย ผมยิ้มมองเหล้ามองแขกไป ทำเป็นไม่รู้ว่าเพื่อนถูกหยอด



“ครับ..ป่ะมึง เสียเวลามากแล้ว” นี่แหละครับเพื่อนเทวาของผม ถามว่าเจ้าของร้านทำหน้ายังไงตอนนี้ เห๊อะๆ จากหมามองเครืองบินกลายเป็นหมาได้ปลากระป๋องไปแล้วเรียบร้อย มองฉลากที่อ่านไม่ออกไปสิครับ



“มึงก็ใจร้ายเกินไปนะ สงสารพี่เขาออก” ผมว่าขณะตั้งสายกีตาร์

“ให้ความหวังเขาไม่ใจร้ายกว่าเหรอ”



มือที่บิดเครื่องดนตรีอยู่ค้าง ถ้ามันรู้เรื่องผมกับพี่โม ผมจะคิดว่ามันด่าผมแล้วนะเนี่ย..จุกเลย..ระหว่างนั้นก็เลยเงียบ แต่ยังไม่ทันได้เล่นเพลงแรกผมก็โดนเล่นเต็มๆ เปา



“พี่โม นั่งโต๊ะนี้ไหมครับ”



ผมหันไปมองตามชื่อนั้น แม้พี่เขาจะชื่อโหลแต่กลับไม่ใช่แค่ชื่อที่เหมือน พี่โมของผมเอง มากับสุดหล่อคนเดิมที่ผมเจอเขาตอนซื้อไก่ทอด



“มึงๆ” ฟ่านมันใช้ปากชี้ที่โต๊ะพี่โม ผมหันไปบอกมันว่าไม่เป็นไรผมโอเค ทั้งที่ความจริงแค่เกือบ..เกือบจะโอเค..



‘เธอคือใครคนนั้นรึเปล่า บอกฉันทีว่าไม่ใช่ ดูเธอไปก็คล้ายทุกอย่าง แต่ยังไม่แน่ใจ ไม่ได้เจอะเจอกันมานานแล้ว เมื่อก่อน คุ้นๆ ว่าเคยรู้ใจ ทำไมดูเหมือนกับเขาคนนั้นทุกอย่าง คนที่เคยใจร้าย'


ผมเริ่มท่อนแรกของเพลง แขกโต๊ะไหนขอเพลงนี้มานะ คอสเสียงเป็นพี่บุรินทร์ร้องไปก็มองเขาไป แต่เหมือนผมเป็นอะไรที่เล็กจ้อย ไม่สำคัญอะไรสำหรับเขาเลย ผู้ชายหน้าตาดีคนนั้นยังคงคุยกับเขาออกรส ยิ้มแย้มจับแก้มจับหัวกันเป็นระยะ คนที่เกือบจะลืม..คงไม่ใช่เขาหรอก..เพราะเขาคงลืมไปหมดแล้ว ส่วนผมก็ไม่เฉียดคำว่าเกือบเลยสักนิด...



………พี่โม ผมคิดถึงพี่นะครับ………



มีใครหลายคนเลือกเดินออกจากชีวิตผมไป เพียงเพราะผมให้คำว่าแฟนกับเขาไม่ได้ หนึ่งในนั้นก็คือพี่โม ผมอาจจะเห็นแก่ตัวที่มีอะไรกับคนที่ไม่ได้รัก แต่กับคนที่ผมรัก ผมก็ให้ความสำคัญ ดูแล เทคแคร์ ใส่ใจเขาทุกอย่างนะ กับคนอื่นผมก็เลยเสียดายแต่ไม่เสียใจ เพราะคิดว่าตัวเองทำหน้าที่คนรักได้ดีแล้ว



แต่กับพี่โม..แค่เกือบ..เกือบจะเหมือนคนอื่นๆ ..แต่พี่กลับแตกต่าง



‘เกือบลืมไปแล้ว ว่าฉันเคยรักเธอมาก่อน ไม่อยากจะย้อนเวลาเหล่านั้นให้หวนกลับมา เกือบลืมไปแล้วจริงๆ อย่ารื้อฟื้นมันขึ้นมาดีกว่า ปล่อยให้น้ำตาข้างใน มันยังไหล’



ผมเกือบไปแล้ว..เกือบจะปล่อยพี่เขาไปเหมือนคนอื่นๆ ..แต่ผมก็ทำไม่ได้



สมาธิของผมจดจ่ออยู่แค่เขา ฟ่านคงรู้เลยบอกผมไปพักก่อน มันจะบรรเลงเดี่ยวเอง มันไม่ร้องนะครับ แต่พี่เจ้าของคงไม่ว่าอะไร ยิ้มเคลิ้มใส่เพื่อนผมเหมือนคนโดนของ



อู้ไปเลียแผลสักพัก ลงมานั่งอยู่หลังเวที ยังคงมองไปที่โต๊ะเดิม พี่โมหันมามองฟ่านเป็นระยะ ตอนที่ผมอยู่เขาไม่หันมาแม้แต่องศาเดียว ผมเคยเป็นคนนั้น คนที่อยากจับมือเขาผมก็ทำได้ คนที่อยากกอดเขาก็ทำได้ คนที่อยากหอมแก้มเขาก็ทำได้



มันเจ็บตรงที่คำว่า ‘เคย’



พี่โมลุกขึ้นน่าจะไปเข้าห้องน้ำ ขาผมก้าวตามพี่เขาไป โดยไม่ทันได้สำรองคำทักทายเลยด้วยซ้ำ



ทันทีที่ขายาวก้าวออกมาจากห้องน้ำ......



“พี่โม..ดีใจจังที่เจอพี่” ผมทักทายเหมือนทุกครั้งที่เราเจอกัน แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ยิ้มกลับเหมือนทุกครั้ง



เขามองผมเหมือนเป็นแค่อาบังขายถั่วในร้านเหล้า ใช้แค่หางตามองให้รู้ว่าเห็นผมแล้ว และเดินออกไป ไม่ทักทาย ไม่มีสายตาอาลัย ไม่มีแม้แต่คำว่าลาก่อน ความทรงจำที่เกี่ยวกับผมสำหรับเขามันคงเป็นแค่..ฝันร้าย..



ผมลากความอึนขึ้นบนเวที ร้องเพลงเศร้าเหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้ามาร้องเอง ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง น้ำตาผมเกือบไหนตอนเพลงท่อนสุดท้ายจนลง



‘เพียงเศษตาของเธอ อยากให้เธอหันมอง ส่งใจเรียกร้องให้ฟ้องถึงความในใจ แค่เศษตาก็พอ แค่ให้เธอสนใจ ให้รู้ไว้ว่าฉันไม่เคย อยู่ไกลจากสายตา เพียงเศษตาของเธอ….แค่เศษตาก็พอ…..’



องศาของเราเปลี่ยนไป สายตากับหัวใจของเขามันไม่อยู่ในมุมที่จะมองเห็นผมได้อีกแล้ว มีแค่เพียงผมเท่านั้นที่เห็นเขาชัดขึ้น รักเขามากขึ้น...



เย็นวันต่อมาผมพาตัวเองมายืนหน้าบริษัทเขา ด้วยความรู้สึกโหวงเหวงรู้ว่าไม่มีใครต้อนรับแต่ยังจะด้านมา เพราะใจมันด้านกว่าถ้าไม่เห็นหน้าพี่โม เมื่อเห็นเขาเดินลงมา..พร้อมพี่คนนั้น..มีพี่บี๋คุยโทรศัพท์ตามหลังมาห่างๆ



เขาชะงักตอนเห็นผม ริมฝีปากอิ่มที่กำลังยิ้มก็กลายเป็นเส้นตรง แววตาร่าเริงก็เปลี่ยนเป็นไร้ความหมาย ผมเหมือนเงาดำที่พอเขาเห็นมาใกล้ๆ ก็ไม่ชอบใจแล้ว ผมเคยทำให้เขาเขิน เคยทำให้เขายิ้ม เคยทำให้เขามองผมด้วยสายตามีความหมาย

ผมเกลียดแสนเกลียด เกลียด...คำว่า.. ‘เคย’



กำมือแน่น ไม่รู้ว่าจะเริ่มเข้าไปทักเขายังไงดี รู้แค่ตอนนี้เขาคงไม่ต้องการเห็นผมตรงนี้



“น้องเนส” เสียงที่ทักผมไม่ใช่พี่สามคนนั้นหรอกครับ

“พี่ไวท์” พระศุกร์ยังไม่ไปไหน พระเสาร์กับราหูก็รุมสกัมผมกันใหญ่ ซวย ซวย ซวย....



พี่ไวท์คืออดีตเดือนมอดังที่บังเอิญรู้จักกันในงานฟุตบอลประเพณี เราสองมอฉลองหนักไปหน่อย เช้ามาผมก็นอนกับเขาบนเตียง...เขาว่าผมลีลาดีเลยไม่โกรธ..แต่พี่เขามีแฟนแล้วเราก็ไม่ได้สานต่อ เบอร์ยังไม่ให้กันเลย...



“จำกันได้ด้วยเหรอ นี่มาหาใครอย่าบอกว่ามาหาพี่นะครับ” พี่ไวท์ยังน่ารักเหมือนเดิม ตัวเล็กๆ ขาวๆ ปากแดง แก้มใส แต่น่ารักยังไงก็สู้พี่โมของผมไม่ได้อยู่ดี



พี่โม...ผมหันมองรอบข้าง..หายไปไวเหมือนเขาไม่เคยอยู่ตรงนั้น



พี่ไวท์แยกไปตอนไหนไม่รู้ เพราะผมเอาแต่มองหาพี่โมเลยไม่สนใจพี่เขาเลย พยักหน้าเอ่อออไปแบบไม่สนใจว่าเขาพูดอะไรด้วยซ้ำ



ฟ่าน..ที่มึงเคยถามกู



...ถ้ามึงรักใครสักคนก็อยากให้เขาเป็นแค่หนึ่งในหลายคนของมึงเหรอเนส....คืนนั้นผมตอบมันไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมตอบได้โดยไม่ต้องคิดว่า...ไม่..



พอไม่มีพี่โมผมก็ไม่เห็นใครในสายตาเลย...



คอตกกลับไปที่รถ นั่งอยู่หลังพวงมาลัยทำอะไรไม่ถูก ฟ่านมันโทรมาพอดี บอกว่าเย็นนี้มีงาน พิเศษเพิ่งติดต่อมา รับปากว่าจะไปกับมัน ดีกว่าไปฟุ้งซ่านที่ห้อง



กลับไปหาฟ่านแบบคนมีแต่ตัวแต่ไร้วิญญาณ มันมองผมแต่ไม่พูดอะไร บอกแล้วไงอยู่กับมันผมไม่อึดอัด แต่มันคนละอย่างกับพี่โม ต่อให้อึดอัดผมก็อยากอยู่กับเขา



“ใส่ชุดนี้” มันยื่นสูทสีน้ำเงินมาให้



“บายเนียร์?” ผมถามกลับตอนรับชุด มันส่ายหัวบอกว่างานเลี้ยงบริษัทโฆษณา แต่เขาจัดธีมดิสนีย์ ผมต้องสีไวโอลิน จะมีเต้นรำเหมือนในเทพนิยาย ฟังดูหรูหราดี



ผมกับฟ่านแต่งตัวฟ่านมันใส่สูทสีขาวผมแซวว่าจะไปบวชชีเหรอ มันก็โวยวายว่าผมตาจั่ว ถ้าเป็นปรกติผมต้องบอกมันว่า...จั่วอะไรตากูไม่ใช่ไพ่..แล้วแก้คำให้มันรู้ว่าต้องพูดว่า..ตาถั่ว...จบที่หัวเราะใส่มัน



แต่วันนี้แม้แต่จะแก้คำให้เพื่อนยังไม่มีอารมณ์เลย



“ไหนเอามาดูดิ” ผมแบมือขอดูแผนที่ซึ่งพี่คนจ้างแชร์โลมาให้ฟ่าน คิดถึงตอนรู้จักฟ่านใหม่ๆ มันเล่นไลน์ไม่เป็น ผมบอกแชร์โลมา มันคิดว่าเป็นปลาโลมา ..งืดขนาด..



คิดอะไรเพลินๆ โรงแรมนี้ผมรู้จักไปไม่ยาก แต่...ชื่อบริษัทนี้มัน...



“...............”

“มีอะไร”

“บริษัทพี่โม”

“จริงอ่ะ..อย่างนี้มึง..จะไปไหม..กูไปคนเดียวได้นะ”

ผมควรไปไหมนะ....

“ฟ่านกูควรไปไหมวะ”



“โง่ป่ะ..งานกับเรื่องส่วนตัวหัดแยกแยะด้วย แล้วก็ไปทำงานได้ตังค์ท่องเอาไว้ มึงเห็นแก่เงินท่องเอาไว้”

ตาสว่างเลยครับ เนสเป็นคนเห็นแก่เงิน...

ใครบอกฟ่านอ่อนโยนน่ารัก นี่คือมันปลอบผมอยู่ถูกไหม



“งั้นมึงจะถามกูทำไมว่าไหวไหม” ผมตอบมันไม่เต็มเสียง ขณะดูว่าโบว์ที่คอมันผูกยังไง



“ถามไปงั้น ไม่ไหวก็ฉุดขึ้นห้องไปเลย อย่าลืมว่างานจัดที่โรงแรม”

หืออออ....นั่นคือคำแนะนำจากฟ่านฟงจริงๆ ครับ ผมว่าผมร้ายยังไม่ได้ครึ่งของมันเลย



เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็ออกเดินทาง เครื่องดนตรีทางโรงแรมมีให้ เป็นโรงแรมที่ผมกับฟ่านเคยไปรับงานพิเศษ เลยรู้จักพี่คนดูแลห้องจัดเลี้ยง พี่เขาเอ็นดูผมเป็นพิเศษ บอกว่าอยากดูเอ็น ผมนี่ขนลุกไปหมดไม่ได้มีอารมณ์นะ..กลัว...



ในงานสีหวานมากของตกแต่งผ้าปู อาหาร สีพาสเทลไปหมดทุกสิ่งอย่าง น้ำพั้นซ์ยังสีหวานเลยคิดดู ผมกับฟ่านนั่งรอหลังเวที ฟ่านมันใส่โบว์สีชมพูสูทขาวออฟไวท์ ก็ดูเหมาะกับมันดี ส่วนผมสูทน้ำเงินโบว์ขาว ตั้งแต่มาถึงพี่คนดูแลคนนั้นขอถ่ายรูปผมไปเป็นโหลแล้วมั้ง



“มึงถ่ายรูปให้กูหน่อย จะส่งให้พี่ซานดู” ผมรับมือถือมาถ่ายให้เพื่อน แต่

..พี่โม..

กล้องผมโพกัสคนที่เดินเข้ามาในเฟรมภาพอย่างไม่ตั้งใจ รีบซูมแล้วรัวนิ้วให้ได้ทุกช็อตของเขาแบบไม่สนใจเพื่อนที่เก๊กหน้ารออยู่เลยแม้แต่นิด



“ได้ยังเหมื่อยหน้าแล้วนะ” ผมลดกล้องปรับโฟกัสมาที่มันได้ไปหนึ่งภาพถ้วน ตอนส่งมือถือคืนผมรีบสั่ง

“ส่งรูปให้กูด้วย” ฟ่านทำหน้างงว่าผมอยากได้รู้มันไปทำไม แต่พอมันรู้ความจริง



อ้าปากค้างใส่ผมเลยครับ แล้วก็บ่นเสียงดัง “เนสกูหลับตา” สรุปว่ารูปเดียวของฟ่านใช้ไม่ได้ แต่ผมได้รูปพี่โมมาเพียบ ยังไม่ทันที่ฟ่านจะต่อว่าอะไรผม พี่ทีมงานก็มา บอกให้เราขึ้นเวทีได้



เปิดด้วยเพลงรักคลาสสิคอย่างเพลง my love ใครที่มีรักในหัวใจต้องรู้จักเพลงนี้ ผมสีไวโอลินฟ่านก็บรรเลงเปียโนของมันไป เราเข้ากันได้ดี เพราะซ้อมด้วยกันบ่อย แถมรู้ใจกันทุกตัวโน้ตทุกคีย์ ทำให้ดนตรีของเราหวานกว่าขนมมาการองชิ้นที่หวานที่สุดในงานซะอีก



แต่นักดนตรีไม่ต้องมีความรักก็เล่นเพลงรักได้ ดูผมสิกำลังเศร้าแท้ๆ ยังมองเขาด้วยสายตาหวานเยิ้มเหมือนเราเพิ่งเจอกันและตกหลุมรักกันได้เลย



ดนตรีบรรเลงไปเรื่อยๆ พี่คนจ้างก็มาถามว่าร้องบ้างได้ไหม ผมก็เลยวางเครื่องดนตรีมาจับไมค์แทน ส่วนฟ่านมันไม่ร้องอยู่แล้ว บอกว่ามันอยากเป็นนักเปียโนไม่ได้อยากเป็นนักร้อง คนรวยจะมีอุดมการณ์ยังไงก็ไม่ผิดหรอกครับ ส่วนผมให้ร้องก็ร้อง ให้เต้นยังทำได้เลย ได้เงินผมก็ทำได้



เลือกเพลงเกี่ยวกับคำขอโทษเป็นเพลงแรก ก่อนร้องผมขอพูดเข้าเพลงก่อน ซึ่งไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แต่อยากทำเพราะเป็นทางเดียวที่จะทำให้ผมได้บอกความในใจกับพี่โม



“เพลงนี้สำหรับคนที่ทำผิดต่อคนสำคัญ แต่ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวนะครับ..ขอโทษ..กลับมาได้ไหม...”

เสียงโห่ร้องตะโกนกลับมาหลายเสียง แปลว่ามีหลายคนทำผิดต่อคนสำคัญเหมือนผม



ร้องเพลงให้คนทั้งงานฟัง แต่คนเดียวที่ผมอยากให้เขาได้ยินกลับเห็นเพียงแผ่นหลังไกลๆ พี่โมเดินไปนั่งโต๊ะเกือบท้ายสุด ผมมองไม่เห็นสายตาของเขาด้วยซ้ำ วันนี้เขาใส่กางเกงยีนเสื้อโปโลสีน้ำเงิน ใจตรงกันอีกแล้ว



เล่นเสร็จก็พักเหนื่อย พี่คนจ้างใจดีมากให้ผมกับฟ่านไปนั่งที่โต๊ะร่วมกับพวกเขาด้วย ส่วนเวทีพี่บางคนยึดไมค์ไปแล้ว ผมกับฟ่านก็สบาย จ้างเต็มแต่เล่นครึ่งเดียว



“มาๆ น้องๆ นั่งโต๊ะนี้ค่ะ พี่ๆ ไอทีโต๊ะว่างเนอะ งั้นฝากน้องเนสกับน้องฟ่านนั่งด้วยเลยแล้วกัน”



ผมเพิ่งรู้ว่าพี่โมทำงานไอที นึกว่าเป็นการตลาดไม่ก็เป็นประชาสัมพันธ์ ก็พี่เขาหน้าตาดีหุ่นก็ดี จบเมืองนอกมาด้วยภาษาก็ต้องดีใช่ไหมล่ะ



“นั่งสิน้อง” ผมสะดุ้งตอนพี่โมเรียก ท่าทางเหมือนไม่รู้จักกันมาก่อนทำเอาผมยิ้มไม่ออก



“พี่บี๋พี่โมสวัสดีครับ” แล้วฟ่านก็ไปนั่งข้างพี่บี๋ สองคนนั้นดูเข้ากันได้ดี จนมันคงลืมว่ามีเพื่อนจะตายอยู่ตรงนี้อีกคน

ผมกับฟ่านรู้จักกับอีกสองคนในโต๊ะ ชื่อพี่จิ๋วหัวหน้าแผนกกับพี่รันเห็นว่าเป็นน้องฝึกงาน คนที่ผมเห็นอยู่กับพี่โมนั่นแหละ



“ผมว่าชุดพี่ไม่เข้าธีม” ผมชวนเขาคุย พี่โมหันทำหน้าไม่แคร์

“ใส่เสื้อสีเดียวกันเลยเนอะ” เขาว่างั้น

“ใจตรงกันตลอดเลยนะครับ” ผมยังจะมีหน้าไปหยอดเขา

“คิดงั้นเหรอ..แต่พี่ว่าไม่วะ”



คำพูดกับท่าทีไม่มีอะไรที่ทำให้ผมรู้ว่าเขายังเหมือนเดิม ไม่มีพี่โมของผมอีกแล้ว...



บนเวทีเป็นเพลงเพื่อชีวิตกลิ่นกัญชา ผมว่าไม่ค่อยเข้ากับธีมงาน แต่คงไม่มีใครสนใจธีมแล้วมั้ง ขนาดนางซินยังไปเต้นเซิ้งกับเพลงหมอลำก่อนหน้านี้มาแล้วเลย



“ไปเข้าห้องน้ำ จะไปด้วยไหม” อยู่ๆ พี่โมก็กระซิบบอก ผมพยักหน้าลุกตามพี่เขาไป

คนที่โต๊ะมองเราสองคนแต่ไม่มีใครพูดอะไร โดยเฉพาะไอ่พี่รันสายตาจะฆ่าผมให้ได้แต่ผมไม่แคร์หรอก



หมับ!!

พี่โจรสลัดคนหนึ่งเดินเซมาจะชนผม พี่โมเลยคว้าตัวผมไว้ ตอนนี้หลังผมกับอกเขาแนบชิดกัน ใจผมเต้นแรง แอลกอฮอล์น้อยนิดในน้ำหวานที่จิบไปสองสามอึกออกฤทธิ์รวดเร็วขนาดนี้เลยหรือ



“เดินดูคนด้วยสิ เมารึเปล่าเนี่ย” ผมไม่ได้เมา แต่..คนเมาจะทำอะไรก็ไม่ผิดใช่ไหม..งั้นผมขอเมาดิบสักคืน

“มึนๆ ต้องขับรถกลับ ไม่ไหวแน่เลย” มารยามีเท่าไหร่งัดออกมาให้หมด

“มานี่” พี่โมจับมือผมดึงผ่านพี่ๆ หลายคนที่มองตาม คงงงว่าผมกับพี่ไอทีคนนี้สนิทกันตอนไหน







เราสองคนออกมานอกงาน นั่งข้างกันบนโซฟารับแขก ผมคิดดีกับคอขาวๆ นั้นไม่ได้จริงๆ คิดถึงอยากสัมผัส อยากทำอะไรที่เราเคยทำร่วมกันให้หายอยาก



สวมบทคนเมา วางมือบนขาเขา เริ่มบีบโดยไม่สนใจว่าตรงนี้เป็นที่สาธารณะ พี่โมไม่ว่าอะไรปล่อยมือผมไปตามใจจนผมเริ่มห้ามตัวเองไม่ได้ “พี่ต้องห้ามผมถึงจะถูก” สุดท้ายเป็นผมซะเองที่ต้องหยุดและหันไปบอกเขา



“ถ้าพี่ไม่ห้ามน้องจะทำอะไรต่อ” น้ำเสียงท้าทายเหมือนเมื่อก่อนที่เราอยู่ด้วยกัน ผมลุกขึ้นเปิดห้อง ค่าจ้างคืนนี้กับค่าห้องหักลบแล้วเหลือแค่สองร้อย แต่ผมก็ยินดีจ่าย



ไม่ต้องมีใครพูดอะไร ร่างกายเราเท่านั้นที่อยากจะสื่อถึงกัน..........



เราบอกรักกันผ่านสัมผัส เราสารภาพว่าโหยหากันผ่านเสียงคราง เรายังรู้สึกเหมือนเดิมเพราะเรายังกอดกันแน่น ผมเกือบเชื่อว่าองศาเรากลับมาตรงกันอีกครั้ง





“พี่โมคืนนี้อยู่กับผมนะ” ผมขอร้องและจูบลงบนแผ่นหลังเขา



“คงไม่ได้พี่ต้องไปส่งรัน เรา..คุยๆ กันอยู่”

แต่มันก็แค่เกือบ...



“เปิดใจกับคนใหม่แต่ยังมาอะไรกับคนเก่าเหรอครับ ใจร้ายจัง”

ผมรู้ว่าเขารักเดียวใจเดียว และผมกำลังจะเสียเขาไป



“คนเก่า...ไม่น่าจะใช้ได้กับเราสองคนนะครับ พี่คิดว่าเราสองคน..ก็แค่เซ็กส์..ไม่มีสถานะอะไร”

ผมนอนเจ็บไปทั้งตัวอยู่บนเตียง คืนนี้ผมรับให้เขา ความจริงในค่ำคืนที่ผ่านมาหลายต่อหลายครั้ง เขาเคยรับให้ผมแค่สองคืน นอกนั้นผมเองที่ยอมเจ็บ เพื่อให้เขามีความสุข



..ผมไม่ดีพออีกเหรอครับพี่โม...นอกจากพี่ผมไม่เคยคิดจะรับให้ใครเลยนะ..ได้โปรด..อย่าทิ้งผมไว้เลย..ได้โปรดกลับมาเป็นพี่โมของน้องเนสอีกครั้ง...ได้ไหม...



ประตูห้องปิดลง ผมซบหน้าซับน้ำตากับหมอน เจ็บจนขยับตัวยาก หัวใจเต้นช้าลงเมื่อความสุขที่หล่อเลี้ยงแห้งขอด   



ดาวที่พลัดหลงกันไปจะมีโอกาสกลับมาเจอกันได้อีกไหม ผมอยากรู้.....







#ดั่งดวงดาวที่อ่อนแรง

By symbol A



ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2


ตอน 12

อ้อนวอน






; การร้องขอต่อดวงดาว ช่วยบรรเทาความเจ็บในใจ



หลังมาลัยมีสายตาหนึ่งเฝ้ามองใครคนหนึ่ง เป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัท รายงานเรื่องคนน่าสงสัยในรถเก๋งสีแดง ให้ผู้จัดการฝ่ายไอทีฟัง



“จับตาดูต่อไปมีอะไรมาบอกพี่ หรือคนอื่นก็ได้” พนักงานรับคำสั่ง นอกจากจิ๋วจะเป็นหัวหน้าแผนกไอทีแล้ว เขายังพ่วงตำแหน่งหัวหน้า รปภ.ด้วย เพราะเป็นคนคุยง่าย เจ้านายเลยฝากงานเพิ่ม แต่เงินเดือนเท่าเดิมไม่ได้เพิ่มตามให้



“นั่นมันน้องเนสนี่นา” เขาจำได้ว่าเด็กผู้ชายหน้าตาดีคนนั้น คือน้องนักดนตรีที่เจอกันในงานเลี้ยงบริษัท พี่จิ๋วเลยเดินไปเคาะกระจกรถ เรียกถามว่าน้องเขามารอใคร



“พี่จิ๋ว..สวัสดีครับ พี่โมละครับผมไม่เจอพี่เขามาหลายวันแล้ว ..เป็นห่วง”



“อ้อ..ที่ แท้ก็มารอไอ่โม มันไปดูงานต่างประเทศ เดือนหน้าโน่นจะกลับ ไม่ค่อยตอบไลน์พี่แต่มีอะไรฝากไหม พี่จะบอกผ่านรันไปให้”



PART NES



รัน..พี่คนนั้นสินะ..ตอนนี้คงคุยกันคืบหน้าไปแล้ว...



ผมขับรถวนออกมาด้วยความรู้สึกไม่เป็นผู้เป็นคน ผิดหวังและเสียใจเกินกว่าที่เคยเป็น เดือนหนึ่งที่เขาไปใช้เวลาร่วมกัน พี่โมจะใจอ่อนไปแค่ไหนแล้ว



“มึง..มาได้ไง” ฟ่านดูตกใจที่ผมมายืนหน้าห้องมัน ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมา แค่ไม่อยากกลับห้อง

“อ้าวเนส มีนัดกันไปไหนรึเปล่า” พี่ซานก็อยู่ ผมรู้สึกว่ามารบกวนเพื่อน แต่ไม่มีแรงจะขับรถกลับแล้ว

ตะโกนตอบพี่ซานว่า “ไม่ได้ไปไหนครับ” ผมแค่มาขอพักใจเฉยๆ

“หน้ามึงดูไม่ไหว”



“ใจกูก็ไม่ไหว” สารภาพกับเพื่อนไปตามตรง ฟ่านมันตบบ่าผมแล้วเดินกลับไปหาพี่ซาน เพราะพี่เขาเรียกมันหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนกำลังช่วยกันทำอะไรสักอย่าง ได้กลิ่นเนยหอมตลบอบอวลอบขนมละมั้ง



“เนสชิมๆ” พี่ซานกับฟ่านคะยั้นคะยอให้ผมชิมคัพเค้กสีหม่นๆ พิกล นี่มันขนมสำหรับคนอกหักหรือยังไง



“ไม่ค่อยน่ากินแต่อร่อยนะครับพี่ซาน” ฟ่านมันจัดการส่วนของมัน แล้วเงยหน้าบอกพี่อีกคนที่ใส่ผ้ากันเปื้อน พี่เขานั่งอยู่ที่พักแขนโซฟาตัวที่เพื่อนผมนั่งอยู่ ที่นั่งก็ว่างอีกนะไปนั่งเบียดกันให้ผมอิจฉาทำไมเหรอ



“เนสว่าไง” พี่ซานหันมาถามท่าทางตื่นเต้น ผมอยากบอกว่าพี่ถอดผ้ากันเปื้อนออกเถอะ ไม่เข้ากับหน้าพี่อย่างแรง

“อืม” จำใจตักคัพเค้กคนอกหักเข้าปาก บอกพี่เขาตามตรงมันเค็มไปหน่อย

พี่เขาก็ทำหน้าเครียด เอ่อ..ผมไม่ได้ตั้งใจนะ



“ไม่ได้เค็มขนาดนั้นหรอกครับ แต่ถ้าลดหน่อยจะดีมากเลย” รีบแก้ตัวกลัวคนทำเสียใจ

ฟ่านบอกว่าขอไปเก็บกวาดก่อน ทิ้งพี่ซานไว้กับผม



“เนสไม่ลงซัมเมอร์เหรอ” ก็เริ่มคุยกันเรื่องทั่วไป ผมว่าพี่ซานคุยเก่งขึ้นนะ เมื่อก่อนแทบไม่พูด

“ไม่ครับ ผมไม่มีกะใจจะเรียน” เป็นมาสักพักตั้งแต่ไม่ได้เจอพี่โมเกือบสี่เดือนแล้ว พอปิดเทอมก็เลยขอพักใจไปด้วยเลย



“พี่ซานง้อไอ่ฟ่านยังไงเหรอ” ผมจะเอาไปใช้ง้อพี่โมบ้าง

“............” พี่ซานมองผม ไม่ยิ้มไม่พูดอะไร กลับมาเป็นพี่ซานคนเดิมไวจัง คิดว่าพี่เขาไม่ชอบให้ถามเรื่องส่วนตัว ผมก็ไม่กล้าถามอะไรอีก



“ขึ้นอยู่กับว่าอยากง้อแค่ไหน” อะไรนะ...



“เนสหนะ อยากง้อเขาแค่ไหน แค่ให้หายโกรธ หรือ อยากให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิม”



เราคุยกันต่ออีกพักใหญ่ เสียงฟ่านเก็บอุปกรณ์ทำขนมดังล้งเล้งเข้ามาเป็นระยะ เพิ่งรู้ว่าฟ่านมันขี้งอนก็ตอนพี่ซานเล่านี่แหละ เพื่อนผมเอาแต่ใจอันนี้ผมรู้ แต่เท่าที่ฟังดูมันก็เป็นแค่กับพี่ซานคนเดียว ตอนมันอยู่กับผมกับคนอื่นมันไม่เป็นนะ



พี่ซานทิ้งประโยคหนึ่งไว้ให้ผม ..อย่าพยายามกับคนที่ไม่ใช่เนส...

ผมฟังแล้วก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่า สำหรับพี่โมผมคือคนที่ใช่สำหรับเขาไหม



ระหว่างขับรถกลับคอนโด ผมก็คิดอะไรได้ ไม่ว่าผมจะเป็นคนที่ใช่ของเขาไหม แต่กับผมพี่โมคือคนที่ใช่คนนั้น หยิบมือถือขึ้นมา ส่งข้อความหาคนที่ไม่เคยเปิดอ่านข้อความผม



NES: พี่โม ผมรักพี่ พี่คือคนที่ใช่ กลับมาหาผมนะ มีอะไรอยากให้พี่ฟัง



หนึ่งเดือนที่ทดสอบความมั่นคงของผมเริ่มขึ้น ทุกวันผมจะมีหนึ่งข้อความไปให้เขา สารภาพความผิด และ ความรู้สึกที่ไม่กล้าพูด ลงท้ายด้วยคำว่า กลับมาหาผมนะ มีอะไรอยากให้พี่ฟัง



ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันพอไหม เขาจะหายโกรธแล้วกลับมาหาผมหรือเปล่า เขาอาจจะบล็อกไลน์ผมไปแล้วแต่ก็ยังส่ง

ข้อความก่อนพี่โมกลับยี่สิบห้าวัน



NES: มาทำงานพิเศษ มีคนมาเสนอ แต่ผมไม่ได้สนอง อยากนอนกอดแค่พี่

………

………………

……………………….

………………………………..

ข้อความก่อนพี่โมกลับยี่สิบวัน

NES: ผ่านร้านมันปิ้ง ที่โน้นไม่มีแน่นอน รีบกลับมานะครับ ผมรอเลี้ยง

………

………………

……………………….

………………………………..

ข้อความก่อนพี่โมกลับสิบห้าวัน

NES: ผมอยู่ที่ระเบียง ในมือมีเบียร์ ในห้องมีเพลงที่เราเคยฟังด้วยกัน คิดถึงพี่ใจจะขาด

………….

…………………………….

……………………………………………

ข้อความก่อนพี่โมกลับสิบสามวัน

NES: พี่สบายดีไหม อาหารถูกปากหรือเปล่า วันนี้มีคนเข้ามาขอเบอร์แต่ผมไม่ได้ให้นะ ผมมีคนที่ผมรักแล้ว

………….

…………………………….

……………………………………………

ข้อความก่อนพี่โมกลับสิบวัน

NES: หัวใจของพี่เก็บไว้ให้ผมเถอะนะครับ มันสำคัญกับผมมากจริงๆ

………….

…………………………….

……………………………………………

ข้อความก่อนพี่โมกลับหกวัน

NES: วันที่ไม่มีรอยยิ้มของพี่ เป็นวันที่ผมอยากให้มันผ่านไปเร็วๆ

………….

ข้อความก่อนพี่โมกลับสี่วัน

NES: วันนี้ที่วงซ้อมเพลงพรหมลิขิต เพลงที่ผมว่าเขาแต่งเพื่อเราสองคน



ข้อความก่อนพี่โมกลับสามวัน

NES: วันนี้พี่กาศเปิดตัวหนังสือใหม่ คิดถึงวันที่ผมจับมือพี่วันแรก มือพี่นิ่มมาก อยู่ที่โน่นอย่าให้ใครมาจับนะผมหวง



ข้อความก่อนพี่โมกลับสองวัน

NES: รู้ว่าทำให้พี่เสียใจ ผมขอโทษ พี่ยังรู้สึกเหมือนเดิมกับผมไหมพี่โม




ข้อความก่อนพี่โมกลับหนึ่งวัน

NES: พรุ่งนี้ผมจะไปรับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากเกินไป ช่วยมองหาผมหน่อยนะครับ ผมไม่รู้ว่าพี่มาถึงกี่โมง แต่จะอยู่จนกว่าจะเจอพี่



หนึ่งเดือนกับข้อความทั้งสามสิบเอ็ดข้อความ ไม่เคยถูกเปิดอ่าน ผมท้อมากถึงมากที่สุด



แต่ที่ผ่านมาผมไม่ได้คิดไปเอง พี่โมก็มีความสุขเวลามีผม ผมจะทำให้พี่มีความสุขอีกครั้ง ผมสัญญา และครั้งนี้จะไม่จบลงเหมือนเดิมอีก ขอแค่พรุ่งนี้เขาให้โอกาสผมได้พูดแบบนี้..ด้วยเถอะ



พี่จิ๋วไม่แน่ใจว่าพี่โมกับพี่คนนั้นจะกลับมาถึงไทยกี่โมง ผมก็ไม่อยากรบกวนถามอะไรมาก แค่รู้วันกลับก็ดีใจมากแล้ว อีกสามสิบนาทีจะตีหนึ่ง ผมมานั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสารขาเข้าแล้ว ไฟท์ไหนไม่รู้ไม่มีข้อมูลอะไรเลยสักอย่าง รอ และ รออย่างเดียวตอนนี้



ผู้คนบางตาด้วยเป็นช่วงเวลาพักผ่อน มีเพียงแค่ไม่กี่คน ที่ยังคงรอคอยใครบางคนด้วยความหวัง หนึ่งในนั้นก็คือผม

หกชั่วโมงผ่านไป หลายคนที่เดินออกมาจากช่องขาเข้านั้นก็ยังไม่ใช่เขา ผมไม่หิว ไม่รู้สึกอะไรเลย อาจจะเป็นเพราะความตอนนี้จดจ่อแค่ว่าจะเจอพี่โมหรือเปล่า แล้วเขาจะยอมคุยกับผมไหม



สิบชั่วโมงต่อมา ผมนั่งขาชาอยู่ที่เดิม เริ่มปวดตามกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะคอและหลัง ขนมปังกับนมจากร้านสะดวกซื้อ เป็นอาหารมื้อแรกของวันนี้ เสียงประกาศเรื่องต่างๆ สลับกันวนไปมา พี่แอร์คนสวยหลายคนส่งยิ้มให้ผมบ้าง ฟ่านไลน์มาถามว่าผมอยู่ไหน มันจะชวนไปซื้อไก่ทอดหาดใหญ่ ผมแค่บอกว่าไม่ว่าง มันก็เงียบไป



ผมอยู่คนเดียวคิดอะไรคนเดียวจนชินก็ว่าได้ เลยไม่ชอบเล่าเรื่องตัวเองให้เพื่อนคนไหนฟัง แต่กับเพื่อนสนิทอย่างฟ่าน ถ้ามันถามก็บอกตามตรงนะ แต่ก็นั่นแหละฟ่านมันไม่ชอบถาม



ระหว่างที่ผมเก็บมือถือเงยหน้าขึ้นนั้น

พี่โม...เขาเดินมากับพี่รัน..

ดูเหมาะสมกันเกินไป จนผมต้องหันหน้าไปทางอื่น



“พี่โมไหวไหมครับ” เสียงผู้ชายที่ดูดีกว่าผมทุกอย่างถามน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย พี่โมไม่ตอบแต่พยักหน้า



ทั้งที่รอมาสิบชั่วโมงกว่า แต่พอได้ยินชื่อเขา แค่ได้เห็นหน้าเขา ผมกลับไม่กล้าเดินไปหา ได้แค่ยืนมองเขาเดินผ่านไป เขาคงไม่เห็นผมเพราะดูเพลียๆ เดินทางหลายชั่วโมงก็คงเหนื่อย หัวใจผมเต้นแรงตอนที่เขาหันมายิ้มให้ผู้ร่วมทาง เป็นรอยยิ้มแบบที่เขาเคยยิ้มให้ผม



ทุกข้อความที่ผมส่งไปเขาไม่เคยอ่านมัน นั่นคือคำตอบที่ผมไม่ยอมรับว่าเป็นความจริง เขาไม่ได้..รู้สึกอะไรกับผมแล้ว..พี่รันนั่นต่างหากที่เขากำลังเปิดโอกาสให้



ยังไงก็อยากให้ทุกอย่างจบลงที่วันนี้ ผมรีบก้าวขาตามเขาสองคนไป สะกดรอยห่างๆ สั่งตัวเองให้มองเขาสองคนคุยเล่นกัน ยิ้มหวานให้กัน จะได้ยอมรับความจริงกระทั่งเขา...



จูบกัน!!!



มุมนั้นลับตาคน พี่โมยืนปล่อยแขนสองข้างไว้ข้างลำตัว ตาโตเหมือนตกใจ ปากแตะปากอีกคนเบาๆ ไม่นานพอให้คนอื่นมองเห็น แต่มันก็ไม่เร็วพอให้ผมมองไม่ทัน



‘การนอกใจสำหรับมึงคืออะไรเหรอ’ ครั้งหนึ่งเคยต้องตอบคำถามนั้นให้ฟ่าน



แต่ตอนนี้ ผมกลับเป็นคนอยากได้คำตอบซะเอง เคยคิดว่ารักกับเซ็กส์มันคนละเรื่อง แต่ไม่ใช่อีกแล้ว ผมเห็นเขาจูบกัน ขนาดไม่ดูดดื่มอะไร แต่ทำไมผมรู้สึกเจ็บ เหมือนเห็นเขามีอะไรกันต่อหน้า รับไม่ได้ถ้าพี่โมจะมีคนอื่น ผมเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้จูบจากปากของเขา



รู้ตัวอีกทีผมก็กระชากพี่รันออกจากพี่โมแล้ว รู้สึกโกรธจนตัวสั่น ไม่อยากให้ใครได้ใกล้เขาเห็นแล้วทนไม่ได้

“เนสมาได้ไง” พี่โมดึงผมออกมา หันไปขอโทษอีกคน ถามว่าเป็นอะไรไหม

“ไม่เป็นไรครับพี่โม” แต่สายตาพี่รันที่จ้องมาที่ผม เหมือนบอกว่ามึงได้เจอกูแน่ไอ่น้อง แต่ผมไม่กลัว



“อย่ามายุ่งกับพี่ เราตกลงกันแล้วนี้” พี่โมพูดให้เราได้ยินกันแค่สองคน ผมไม่สนใจอะไรแล้ว

ดึงเขามากอดไว้เหมือนคนเห็นแก่ตัว



“ผมรักพี่ รักจนไม่รู้จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพี่ ผมส่งข้อความหาพี่ทุกวัน ขอโทษกลับมานะครับ”

ไม่เคยอ้อนวอนขอร้องใครก็เคยกับพี่เขาเป็นคนแรก ใจจะขาดมันเป็นอย่างนี้เอง



“เสียเวลาเปล่านะเนส กลับไปเถอะ..มันจบแล้ว..”

ผมจะเดินไปหาพี่โม อีกคนก็มาขวางไว้ แล้วชี้หน้า

“น้องอย่ามายุ่งกับพี่โมจะดีกว่า”

“พี่เป็นอะไรกับพี่โมเหรอครับ” ถามออกไปอย่างมั่นอกมั่นใจว่าตัวเองสำคัญกว่าแน่นอนแต่..



“อย่ามาลามปามพี่รัน ถ้าเนสเป็นแบบนี้แม้แต่คำพูดดีๆ พี่จะไม่มีให้...ไสหัวไปซะ”



ไสหัวไปซะ……….



พี่โมไล่ผมเหมือนผมเคยไล่คนอื่น แต่ผมดูออกว่าสายตาของเขาก็เจ็บปวดไม่ต่างจากผม ผมยังมองหาความหวังแม้จะเคยพังมันลงกับมือก็ตาม



“พี่โม...ผมขอโทษ” ผมตะโกนบอกเขาและเดินกลับไปที่รถ ไม่ได้ยอมแพ้ แต่ผมจะไปรอเขาที่คอนโด











“อ้าวน้องเนส” พี่บี๋เปิดประตูออกมารับ พี่โมยังไม่กลับมา

“สวัสดีครับพี่บี๋ ผมมารอพี่โม เขาบอกให้ผมมารอที่ห้อง”

“เข้ามาสิ สักพักรันคงมาส่ง..ว่าแต่..ดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่” พี่บี๋ถามแบบนี้ผมตอบไม่ถูกเลย





แอ๊ดดดด



เสียงประตูเปิดออกก่อน พี่โมกำลังเข็นกระเป๋าเดินทางใบโตเข้ามา พี่บี๋ตะโกนทักทายอยู่ในส่วนครัว...ของฝากกูได้ครบไหม.... แลดูรักกันจริงๆ



“เห็นหน้ากูก็ทวงของฝากเลยนะ คิดถึงกูมากน้ำตาจะไหล”



พี่โมกวนกลับ แต่พอเห็นหน้าผมยิ้มของเขาก็หายไป



“เนสมาทำไม” ผมเดินเข้าไปกอดเขาไว้แน่น

ไม่สนใจพี่บี๋หรือต่อให้มีใครในนี้อีกเป็นร้อยก็จะทำ





“ปล่อยพี่เถอะเนส จะกอดทำไมในเมื่อกอดของเรามันไม่อุ่นแล้ว”

เสียงห้ามนั้นสั่นไหวจนผมน้ำตาไหลตาม “นอกจากพี่ผมไม่อยากกอดใคร กอดกันเหมือนเดิมได้ไหมครับ”



“เอ่อ..กูออกไปหาพี่กาศนะ..” พี่บี๋ออกไปแล้ว ผมขอโทษแต่มันจำเป็นจริงๆ



“เนสปล่อยพี่ เราต้องคุยกัน” ผมจำเป็นต้องปล่อยเขา พี่โมให้ผมไปชงกาแฟให้หน่อย ส่วนเขาเข้าห้องไปอาบน้ำ บอกว่าเดินทางมาเหนื่อยมาก แปลว่าผมมากวนเขาอย่างนั้นใช่ไหม



พอได้อยู่กับตัวเองผมก็เริ่มคิดอะไรได้ การร้องขออ้อนวอนไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ผมเคยเห็นใครต่อใครทำแบบนั้น และผมเองก็รำคาญไม่ใช่เหรอ ผมไม่ควรทำให้พี่โมรำคาญ



“แก้วนี้ของพี่ครับ ผมใส่ใจลงไปด้วย” มือเขาที่กำลังเช็ดหัวอยู่นิ่งไปสักครู่ แล้วก็เดินมานั่งเหมือนไม่ได้ยินที่ผมพูด

“ทำแบบนี้ทำไมเนส” บทสนทนาชวนอึดอัดเริ่มต้น



“ผมเพิ่งรู้ใจตัวเองว่ารักพี่ ผมพร้อมจะเป็นทุกอย่างให้พี่ แค่พี่ไม่จากผมไปอีก ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าพี่ไม่อยู่กับผม สัญญาว่าจะไม่มีคนอื่นให้พี่ต้องเจ็บอีก เห็นพี่กับคนนั้นจูบกันผมแทบจะตาย”



เป็นประโยคยาวเหยียดที่สุดที่ผมใช้กับคนพิเศษ หวังว่าพี่เขาจะเข้าใจผมบ้าง



“แต่พี่...ตกลงเปิดใจให้เขาไปแล้ว เนสมาช้าไป ยังไงเรื่องของเราคงต้องจบ”



ผมอาศัยช่วงที่เขาไม่ทันระวังตัวประชิดแล้วจูบ สองมือล็อกเขาไว้ด้วยกอดแนบแน่น กลิ่นกาแฟลอยกรุ่นในลมหายใจ พี่โมไม่ได้ผลักผมออก เขาตอบสนองจูบผมเหมือนเราไม่ได้...เป็นคนอื่น..



ทุกอย่างยังหวานหวิวและชวนให้อยากไปต่อเหมือนเดิม จูบของพี่โมทำผมเคลิ้มได้ทุกครั้ง ผมก็แน่ใจด้วยว่าพี่เขาก็รู้สึกไม่ต่างกัน เขาหลับตาตอนปากเราประกบกัน



มือผมเลื่อนลงต่ำจนเขาห้ามไม่ทัน ไม่มีบทสนทนามีแต่ภาษาที่เรียกว่ากาม ผมพยายามเอาความหลงความใคร่ผูกมัดเขาไว้ ให้ความสุขเขาผ่านทุกสัมผัสอย่างรู้ใจ พี่โมครางลั่นตอนปลดปล่อยคาปากผม ไม่มีใครคิดจะหยุดสุดท้ายผมก็รับให้เขาจนหยดสุดท้าย สองร่างเปลือยกอดก่ายกันอยู่บนโซฟา เหมือนในวันเก่าๆ



พัดลมเพดานหมุนตามแรงที่เจ้าของห้องตั้งไว้ เครื่องปรับอากาศไม่ได้ถูกใช้งาน หลังกิจกรรมร้อนแรงจึงเต็มไปด้วยเงื่อและความร้อนจากกาย แต่ผมไม่รู้สึกแย่เลยสักนิด ตรงข้ามผมรู้สึกดี



“พี่กับรันเรายังเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน แต่เขาจีบพี่อยู่ อนาคตพี่ไม่แน่ใจ ส่วนเนสถ้าอยากเริ่มกันใหม่ พี่ขอให้เราเริ่มจากศูนย์ ส่วนเรื่องนี้...พี่ไม่รับให้เนสไม่ว่าจะเป็นวันไหน ถ้าโอเคก็เดินหน้า ถ้าไม่ก็กลับไปซะ”



ผมซุกหน้ากับอก กอดเขาแน่น “ไม่ครับผมรับให้พี่ได้ตลอดชีวิต ถ้าพี่ยอมให้อภัยผม ผมรักพี่”

ตอนนี้สุรวัฒน์สิ้นสภาพของแท้ ยอมเจ็บตัวแต่ไม่ยอมเจ็บใจ



“ทำไมพี่ไม่อ่านไลน์ผมเลย ใจร้ายมาก” ว่าเขาเสร็จผมโดนเขากัดหูกัดจริงจังจนต้องร้องโอ๊ย

“บล็อกไปแล้วเก็บไว้ทำซากอะไร” โหคำตอบ



“ไม่ติสท์ต่อแล้วเหรอ” เขาถามเสียงอารมณ์ดี มือยังลูบสะโพกผมเล่นช้าๆ

“มีคนบอกว่าบางคนติสท์แตกจนตัวตาย ผมไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น ผมตายแล้วพี่จะไม่เสียใจเหรอครับ” ผมอ้อนเขา ใช่ผมกำลังอ้อน มาถึงจุดที่ต้องอ้อนแล้วเหรอเนี่ย



“เนสตายพี่ก็หาเมียใหม่สิ” เอิ่มม..ผมต้องยอมรับสถานะนี้เหรอ ให้ตายเถอะทำใจยาก

“หรือว่าไม่อยากเป็นเมียพี่”

“คร๊าบบ..เป็นอะไรก็ได้ ถ้าเป็นของพี่อ่ะ” พี่โมหอมหัวผมเป็นรางวัล พอใจแล้วสินะ



“โอ๋ๆ ทำไมทำหน้าแบบนั้น เอาอย่างนี้ต่อหน้าคนอื่นพี่ไม่เรียกเมียหรอกโอเค๊”

ใจดีจังเลยนะครับแฟนผม



“เดี๋ยวนะ..พี่เรียกผมว่าเมีย อย่างนี้แปลว่าเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม”

ผมความรู้สึกช้าไปรึเปล่า แต่โคตรดีใจเลย



“หึ..มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น ช่วงนี้ก็ขอดูพฤติกรรมก่อน อีกอย่างเรื่องรันพี่ก็ยังไม่กล้าทำร้ายเขา ช่วงที่พี่เศร้าเขาก็ดีกับพี่ เข้าใจไหมไอ่ตัวต้นเหตุ”



ครับ...ผมเข้าใจครับพี่...





#ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า

By Symbol A

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2

ตอนจบ



ดวงดาวที่มีแรง เปรียบเป็นลำแสงที่ส่องใจ

ดวงดาวที่อ่อนไหว ไม่ต่างอะไรกับหัวใจที่ให้คุณ





PART MO



“พี่โมเชื่อสิบล็อคไปเลย” วันนี้รันเดินตามผมทั้งวัน กรอกหูด้วยประโยคแนะนำเชิงออกคำสั่ง ให้ผมบล็อคไลน์เนสซะ ไม่อย่างนั้นจะใจอ่อนให้เขาอีก

“จะดีเหรอวะ” แต่ผมยังไม่กล้าทำ

“โหยพี่ใจแข็งหน่อยดิ อย่าทำตัวเป็นของตายเชื่อผม คนเช้าชู้ไม่ชอบของตายหรอก”

“ถ้ามันไม่รอกูล่ะ” พอเอาเข้าจริงผมก็ไม่มั่นใจ หลังคืนงานเลี้ยงบริษัทผมก็รู้เลยว่าขาดเขาไม่ได้

“เชื่อผมเอามานี่..”



เดือนนี้ชื่อเดือนร้อนรนยนรึไง ผมแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ เนสจะอยู่กับไผ่หรือเอมหรือคนอื่นไหม เขาจะลืมผมไปแล้วรึเปล่า ถ้าไม่มาทำงานคงฟุ้งซ่านจนบ้าไปแล้ว



ในที่สุดหนึ่งเดือนก็ผ่านไป ผมเดินออกมาจากเกทคนแรกที่สายตาเห็นคือเนส ดีใจมากแต่ต้องเก็บความรู้สึก รันมันกระซิบว่าพี่ห้ามหลุดยิ้มนะ



“เดี๋ยวผมจะจัดชุดใหญ่ให้ รับรองต้องวิ่งตามพี่แน่ๆ” มันยิ้มไม่น่าไว้ใจให้ผม ชุดใหญ่อะไรของมัน

แล้วตอนที่ผมเผลอนั้นไอ่รันมันก็เอาปากมาชนกับผม เรียกว่าชนเถอะ อย่าเรียกว่าจูบหรือจุ๊บเลย กูขนลุกไปหมดแล้ว ถ้ารู้ว่าชุดใหญ่ของมันคือแบบนี้พี่จะรีบห้ามเลยสาบาน



“เชี่..ย” ผมอุทานแล้วรีบหันกลับไปมองเนส เห็นแค่แผ่นหลังไวๆ หายไปแล้ว

“มันคงไม่สนใจกูแล้ว”

“พี่เชื่อผมดิเดี๋ยวก็มา ใจเย็น” ยังจะมีหน้ามาพูดอีกนะมึง

“กูเย็นมาเป็นเดือนล่ะ” เย็นกว่านี้ก็จุดเยือกแข็งแล้วไหมล่ะ



“สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร”

“นับศพกูคนแรกเลย มันไม่กลับมาแล้วแน่ๆ” เหมือนวันที่ผมหันหลังใส่เนสวันนั้น รู้เลยว่าเขารู้สึกแบบไหน



"ถ้ามันจะเจ็บแล้วมันจะจบ ต้องเจ็บเท่าไหร่ก็ยอม ถ้าค่อยค่อยจบแล้วค่อยๆ ทอระมานนนนต่อไปอีกนานแสนนานช้านม่ายยอมม"



ผมหันไปมองไอ่น้องเวรแหกปากร้องเพลงแทงใจดำ ทนไม่ไหวปิดเพลงแม่ง



“อ้าว..พี่ออฟไม่เกี่ยวอะไรด้วยนะ พี่โมอย่าพาลดิ” ยังไม่รู้ตัว

“กูไม่ได้หงุดหงิดพี่ออฟ กูรำคาญมึงเสียงเหมือนควายออกลูกเงียบไปเลย”



“ผมว่าไม่เกี่ยวกับเสียงหรอก ต่อให้ผมเสียงเพราะเหมือนเอเอฟสิบคนมารวมกัน พี่ก็รำคาญ” รู้ตัวอยู่นี่หว่า



“พี่ต้องหัดใจเย็นกว่านี้ มีแฟนเด็กใจต้องนิ่งดุจหินผาพี่ไม่เคยได้ยินเหรอ”

“กูเคยได้ยินแต่น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน”



รันทำหน้าจนใจกับความเป็นของตายของผม ส่งมันเสร็จก็วกกลับห้อง ก่อนไปบี๋จะพาไปไหว้พระทำบุญล้างซวย คิดว่าต้องให้มันพาไปจริงแล้วล่ะ



“แอ๊ดด” ผมไขกุญแจเข้าห้อง เสียงบี๋ทวงของฝากตั้งแต่ขายังก้าวเข้าห้องไม่ครบ

ว่าเพื่อนไปก็หันมาเจอ....



ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ทัน สุดท้ายก็มาจบลงที่เตียงผมลูบสะโพกเนสไม่หยุดมันเพลินอ่ะ ในใจคิดว่าฝันไปรึเปล่า ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันนี้ เขาสารภาพว่ารักผม ยอมทุกอย่างแค่ให้ผมเป็นของเขา ไม่สิเขาเป็นของผม

...ในที่สุดเด็กก็เป็นลูกไก่ในกำมือ



“เดี๋ยวนะ..พี่เรียกผมว่าเมีย อย่างนี้แปลว่าเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม”

เวลาโดนคนหล่ออ้อนนี่ก็ละลายได้เหมือนกันนะ



“หึ..มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น ช่วงนี้ก็ขอดูพฤติกรรมก่อน อีกอย่างเรื่องรันพี่ก็ยังไม่กล้าทำร้ายเขา ช่วงที่พี่เศร้าเขาก็ดีกับพี่ เข้าใจไหมไอ่ตัวต้นเหตุ”

เนสกอดผมแน่นอ้อนว่ารู้แล้วครับ ผมยอมทุกอย่างพี่อย่าทิ้งผมก็พอ..

ว่าไปวิธีของไอ่รันก็ไม่เลว





เช้าวันต่อมาผมปลดบล็อคไลน์ให้เนสแล้ว นั่งอ่านข้อความน้องไปก็อดยิ้มไม่ได้



“พี่บี๋..ใครเอ่ยยิ้มไม่หุบ” มาถึงก็แซวเลย แต่ผมไม่ถือเพราะมันช่วยผมถึงมีวันนี้

“ดีกันแล้วล่ะสิท่า หน้าบานขนาดนี้” บี๋ก็ผสมโรงด้วย ดีว่าพี่จิ๋วไม่อยู่



“อะไรบานว่ะ” คิดถึงก็มาเลยทีนี้ครบทีม ทายสิใครจะโดนรุมต่อจากนี้



“พวกมึงยังไม่ออกไปกินข้าวอีกเหรอ บริษัทพักเที่ยงชั่วโมงเดียวนะไม่ได้พักสามชั่วโมง”

พี่จิ๋วว่าเมื่อเห็นพวกเรานั่งติดโต๊ะไม่ยอมลงไปกินข้าว



“ไปสิพี่จิ๋ว ผมกับพี่บี๋กำลังจะลงกันเลย”

“อ้าวแล้วมึงอ่ะโม” เอ่อ..นั่นดิผมก็งงอยู่ หรือพวกมันจะหมั่นไส้เรื่องผมอินเลิฟเลยไม่คิดจะชวน

“โมมันไม่กินข้าวหรอกพี่..มันกินเด็กก็อิ่มแล้ว” ไอ่บี๋มึง!!

“ฮิ้ววว” เสียงไอ่รันโห่ตาม



เอาที่พวกมึงสบายใจเลย ส่วนผมเหรอยิ้มอย่างเดียว ก็มีเด็กให้กินอ่ะใครจะทำไม



พี่จิ๋วคนเดียวที่งงว่าเด็กแผนกไหน “พี่จิ๋วจำน้องที่มาเล่นดนตรีให้บริษัทเราได้ป่ะ”

พี่ท่านทำท่านึก ขณะที่เราทุกคนย้ายตัวเองลงไปหาข้าวเที่ยงกิน



นั่งรอข้าวสักพักพี่หัวหน้าก็พูดขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “อ๋อออ กูรู้ล่ะ”



ทุกคนมองหน้ากัน รู้อะไรของพี่วะ



“ก็ไอ่น้องเนส กูว่าแล้วมาหามึงทำไม เห้ยสรุปว่ามึงกับน้อง”

บี๋มันทำหน้าดูถูก “นี่พี่เพิ่งรู้เหรอครับ เขารู้กันหมดบริษัทแล้วมั้ง”



รู้กันหมดจริงแหละ ขนาดไวท์เออียังรู้คิดดู ตอนแรกผมเข้าใจว่าไวท์เป็นกิ๊กเก่าเนส แต่ตอนเขามาแซวผมเลยมั่นใจว่าไม่ใช่ ไปสืบมาไวท์มีแฟนแล้วเป็นหมอหล่อมากด้วย



NES: เย็นนี้ผมไปรับนะครับ



เห็นข้อความแล้วอิ่มเลย...อิ่มใจ



ใกล้เลิกงานแล้ว ผมบอกบี๋ว่าไม่กลับด้วยนะ เมื่อเช้าผมติดรถมันมา ไอ่รันหูตั้งหรี่ตามองผมอย่างไว ท่าทางแบบนี้มีแผนอะไรชัวร์ “คืนนี้พี่จิ๋วกับพี่บี๋ต้องเลี้ยงที่ผมได้บรรจุนะ” นั่นไง



“กูไม่เกี่ยวงั้นกูขอตัว” ผมจะรีบซิ่งแต่คิดเหรอว่าจะรอด บุญคุญแต่ชาติปางก่อนมันก็ขุดมาทวง ยิ่งเรื่องเนสนี่ผมอ้าปากเถียงไม่ได้เลยว่าเพราะมันถึงได้สมหวัง



สรุปว่าคืนนี้ผมกับแผนกต้องไปฉลองที่ไหนสักแห่ง และเด็กที่มารับมันก็ขอตามไปด้วย ง่ายๆ คือมันหวงผมกับรัน ผมก็รู้สึกดีนะ ดีมากๆ เลยแหละ



“น้องเนสครับมีเหตุผลหน่อยสิ รันมันเป็นน้องในแผนกพี่ ห้ามงอแงไม่น่ารักเลย” ปราบเหมือนผมเป็นผู้ใหญ่มาก แต่ในใจกูนี่สาวแตกไปแล้ว น่ารักอะไรขนาดนี้เนสของพี่ หน้าตางอนๆ กับคำต่อว่าตัดพ้อว่าผมไม่มีเวลาให้ทั้งที่ทิ้งไปเป็นเดือน กับมือที่จับแขนผมไม่ปล่อย

นับหนึ่งถึงร้อยแล้วค่อยๆ ลืมตา กลั้นใจ อดทน อย่ายิ้ม.....



“พี่โมมาช้าจัง” เสียงรันกำลังทำให้มือที่จับแขนผมบีบแรงขึ้น เดี๋ยวๆ มึงยังไม่เลิกเล่นอีกเหรอรัน ผมเกือบลืมไปแล้วนะว่าแสดงละครอะไรไว้



“สวัสดีครับพี่ๆ” เนสยกมือไหว้ทุกคนไม่เว้นรัน แต่สายตาคือพร้อมจะมีเรื่องมาก ซักไม่ดีเท่าไหร่

“รันมานี่หน่อย” ผมว่าต้องเคลียร์กับรุ่นน้องให้เข้าใจก่อนจะมีมวย

“ครับพี่โม” แล้วดูลุกมาทำหน้าอ้อนอวัยวะเบื้องล่างมากครับมึง ไอ่บี๋หันไปคุยกับเนส น้องมันก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่หันมามองผมเหลียวหลัง



“นี่พวกมึงทำงานเป็นกระบวนการมากเลยนะ กูว่าพอเถอะไม่เล่นแล้วสงสารน้อง”

“พี่ก็เป็นซะอย่างนี้ ใจหรือขี้ผึ้งอ่อนง่ายละลายเร็วแบบเน้” ผมทำหน้าไม่ค่อยโอเคกับผม

“เอาน่าให้เป็นหน้าที่พวกผม” มันว่าอย่างนั้นแล้วจับมือผมออกไป รันมึงเห็นสายตามันไหม



เนสจ้องมือผมที่ถูกมือรันกุมไว้ เหล้าในแก้วถูกเทลงคออย่างรวดเร็ว ท่าไม่ดีแล้ว ผมกระซิบรันมันก็ไม่ปล่อย บอกว่าให้นิ่งเป็นหินผา โอ๊ยหินผาอะไรอี๊กกก



“ขอบคุณนะครับพี่โม” รันบอกผมจงใจให้เนสได้ยิน เอาให้สุดแล้วหยุดที่มีคนตาย

บี๋กับพี่จิ๋วมองหน้ากันไปมา คือทุกคนรู้ว่าอะไรเป็นอะไรยกเว้นเนส สายตาน้อยใจผิดหวังส่งมาหาผมจนรู้สึกใจคอไม่ดี แต่ยิ่งเนสมีอาการไอ่รันมันยิ่งแสดง มึงอยากเป็นดาราไหมคงรุ่งนะกูว่า



“พี่พูดจริงรึเปล่าที่ว่าแค่น้อง” หาเรื่องให้กูอีกแล้วไง



ตอนนี้ผมนั่งกลางเนสนั่งข้างๆ ส่วนอีกข้างก็ไอ่รันไอ่น้องเวรเล่นไม่เลิก



“ใครแค่น้องครับ” เนสเมาแล้วล่ะกูว่า

รันมันก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทีนี้สายตาคาดคั้นก็มาที่ผมแทน “พี่โมครับ..มันยังไงกันแน่”

เห็นว่าสถานการณ์ตึงเครียดบี๋กับพี่จิ๋วก็เลยช่วยขวาง โดยการชวนหมดแก้ว

เอิ่มม..จะช่วยได้ไหมมันเมากว่านี้ทำไง



เนสนั่งแทบจะสิงผม ประกาศตัวชัดเจนว่าเราเป็นอะไรกัน ส่วนรันมันก็ยิ่งสนุกยิ้มกวนประสาทระดับสิบ ผมคนกลางไม่มีกะใจจะเมาเลย ส่งสายตาขอให้บี๋มันช่วย แต่มันไม่สนใจกูเลย



“รันมึงชอบไอ่โมเหรอ” ขนาดพี่จิ๋วที่น่าเคารพยังร่วมวงแกล้งเนสกับพวกมันด้วย เนสหันมองตาขวาง มือผมถูกเนสดึงไปจับแน่น คงข่มอารมณ์โกรธอย่างถึงที่สุด



“ช่วยไม่ได้ก็พี่โมน่ารัก” ดูมันพูด..กูจะอ้วกแต่คงอ้วกไม่ได้เพราะ



เนสจับหน้าผมไปใกล้ปาก ....จูบ...แบบจูบไม่ใช่จุ๊บ.. deep kissไปเลย แล้วผมก็เคลิ้ม..มันใช่เวลาไหม



“นะ..เนสพอๆ” ผมดันอีกฝ่ายออก พี่จิ๋วนี่อึ้งสุดอ้าปากค้างจนบี๋ต้องสะกิด ส่วนไอ่รันกับไอ่น้องตัวต้นเหตุยิ้มกริ่มแซวผมทางสายตาแบบจัดเต็ม



“ผมไม่ขอโทษนะ ผมตั้งใจ” อืออ ปล้นจูบต่อหน้าทุกคนในแผนกแล้วยังมีหน้ามาพูดแบบนั้น โมเอ๊ยมึงต้องไปรดน้ำมนต์กี่วัดชีวิตถึงจะสงบสุข



“น้องเนสชอบพี่โมเหรอครับ” พี่ตาบอดเหรอเมื่อกี๊ เปล่าเนสไม่ได้ถามเป็นคำพูด แต่มันถามทางสายตาไปหาคนถาม รันมันยังลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่เห็นผมกับเนสแลกลิ้นกัน



“ถ้าผมไม่ชอบคงไม่ยอมเป็นเมียเขาหรอก” เดี๋ยวนะเนส...นี่น้องเมาหรือหน้าด้าน..อายเป็นไหม..กูอายแทนมึงไม่ได้นะเห้ย



เสียงฮือฮาของคนที่เหลือ ไม่เว้นแม้แต่ไอ่รันเมื่อรู้ว่าเด็กหน้าตาหล่อเหลาคนนี้เป็นเมียผม เอ๊ะ!! แสดงว่าทุกคนคิดว่าผมเป็นเมียมันงั้นเหรอ



“เนสเมาแล้วเรากลับกันไหมครับ” ผมหันไปกอดคนหน้าแดงไว้หลวมๆ ไม่ใช่ว่ามันอายนะมันเมาแล้วต่างหาก



“ทำไมรีบกลับละครับพี่โม” นั่นไงไม่เมาคงไม่พูดแบบนั้นแน่



 ‘แต่จะบอกว่ารักเธอไหมก็รัก แต่จะบอกว่ารักเขาไหมก็รัก แต่จะบอกว่าตัวฉันเองก็ลำบาก ไปทั้งหัวใจ’ 



เพลงเหมือนจะเพื่อผมเนสและไอ่รัน แน่นอนว่าคงไม่มีใครอินนอกจากเนส



‘และจะบอกว่ามีหนึ่งคนเท่านั้น ที่จะได้เข้ามาอยู่ภายในหัวใจ และไม่ว่าอย่างไร ในคำตอบสุดท้าย ก็ไม่ได้อยากทำร้ายใคร’

ผมนั่งนิ่ง เป็นญาญ่ามากอ่ะกู สวยมากจริงๆ ตอนนี้ บี๋มองบนใส่ผม ก่อนจะหันไปคุยกับพี่จิ๋วเรื่องงานต่อ รันยิ้มยกแก้วให้ผมชนอารมณ์ฉลองที่แกล้งเด็กได้ ส่วนเด็กซบไหล่ผมนิ่งไปแล้ว เหมือนจะหลับแต่พอผมขยับมันก็รีบจับไว้แน่น

“น้องเนสเมาแล้ว กลับเถอะเนอะ” กว่าจะรู้ตัวว่าเสียงอ่อนเสียงหวาน ก็โดนสายตาจะอ้วกของแต่ละคนจ้องมากแล้ว



“กลับก็ได้ครับ" เราลุกขึ้นเนสไหว้ลาทุกคน ก่อนจะหันกลับมาบอกรันเสียงดัง



"พี่รันครับ..คนนี้ของผม..ถ้าพี่อยากได้ไปหาเอาเอง”

รันทำหน้าไม่ยอมเหมือนกัน

“ก็อย่าทำให้พี่โมเสียใจอีกก็แล้วกัน ไม่งั้น...”

จบประโยคที่ดูเหมือนไม่จบ เนสก้มหน้าลงคงรู้สึกผิด



“เอ่อๆ อย่าพูดมากทั้งสองคนอ่ะ พอแล้วไอ่รันกูขอ น้องเนสกลับครับ”

ผมกึงลากกึ่งจูงเด็กออกมา พี่จิ๋วกับบี๋ก็พยักหน้าให้ว่าแล้วเจอกันวันจันทร์



ตลอดทางต้องอธิบายว่าไอ่รันมันแกล้งเล่น เนสเหมือนจะฟังแต่ก็ยังไม่วางใจเท่าไหร่



คืนนี้เมื่อสองปีที่แล้ว เราเจอกันที่นี่....



ริมชายหาดที่ตอนนี้เกือบตีห้าแล้วมากันได้ยังไง รู้ตัวอีกทีผมก็ขับมาจนถึงที่นี่แล้ว



“คืนนั้นผมเมามาก”

“ไม่บอกก็รู้” เขาแทบไม่มีสติ

“แต่คืนนี้..ผมรักพี่มาก” ผมยกมือที่เปื้อนทรายขึ้นมาจับผมตัวเองอย่างลืมตัว

“พี่..เขินเหรอครับ”



“เขินเมีย..ไม่ได้เหรอครับ” อย่าว่าแต่ผมเลย เนสก็ไม่ต่างกันหรอก

“ผมให้เขินได้แค่ผมคนเดียวได้ไหม พี่โมครับ..อย่ามีคนอื่นเลยนะ”

ขอทำไมใจกูให้มึงไปหมดแล้วเด็กโง่



เขาหงายหลังลงนอนมองท้องฟ้า คลื่นซัดมาพอให้เท้าเราเปียก เนสนอนลงตาม

“มีคนเคยบอกผมว่านั่นเรียกว่าทางช้างเผือก” เนสชี้ไปที่แถบขมุกขมัวคล้ายกลุ่มเมฆ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นลำแสงสว่างสีขาว พาดยาวอยู่บนท้องฟ้า ผมยิ้มให้เส้นทางดวงดารา เขาจำได้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยที่เราคุยกัน



“คนนั้นบอกผมว่าชื่อโม ผมคิดถึงเขาทุกครั้งที่เผลอ แม้ว่าเราจะเจอกันแค่ครั้งเดียว มีอะไรกันแล้วก็แยกย้าย”



รอยยิ้มบนหน้าผมเพิ่มขึ้นอีกนิด แต่ยังนิ่งรอฟังต่อ



“วันหนึ่งผมก็บังเอิญเจอเขาอีก พี่ไม่รู้หรอกผมดีใจมากแค่ไหนที่ได้จับมือพี่”



ความรู้สึกของเขาก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่เลย



“ที่ผ่านมาผมอาจจะไม่ชัดเจน ทำให้พี่เสียใจ แต่ต่อไปผมสัญญาจะรักและดูแลพี่เป็นอย่างดี”



“ฟังเหมือนจะขอแต่งงาน” ผมว่าเขาแต่ถามว่าถ้าเขาขอจริงจะแต่งไหม...แต่งสิครับรออะไร



“พี่ต่างหากต้องขอผม ผมเป็นเมียพี่นะ จะไม่รับผิดชอบกันเหรอ”



รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของเราทั้งคู่ชัดขึ้น เพราะฟ้ากำลังจะสาง เช้าวันนี้เราเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกัน และคิดว่าเราจะมีกันในทุกวันแบบนี้ไปเรื่อยๆ



ริมหาดเดิมมีแค่เราสองคน ดาวสองดวงแปลกหน้าที่ตอนนี้ เป็นของ 'กัน' และ 'กัน'







ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันจนวงโคจรของดาวโมและดาวเนสมาบรรจบ

THE END

By Symbol A





ออฟไลน์ tonnum18

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า THE END (12/1/19)
«ตอบ #16 เมื่อ12-01-2019 21:05:05 »

ในที่สุดก็จบแบบมีความสุข แต่ก็สงสารเนสเหมือนกันนะ
ถูกพี่ๆมีาบริษัทโมแกล้งอำกันอยู่เนี่ย

ออฟไลน์ Areya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า THE END (12/1/19)
«ตอบ #17 เมื่อ14-01-2020 01:41:59 »

ตามมาจากอีกเรื่องก่อนหน้านี้ของบี๋+พี่กาศ ดีใจ อิ่มใจไปกับโมและเนสที่ลงตัวจบได้อย่างยิ้มเปื้อนหน้า ยินดีกับทั้งสองคนนะคะ ยังคงมีวาระ ภาษา เรื่องราวที่แยบยลชวนให้อ่านต่อเนื่องอย่างงดงามดังเดิมเลยค่ะ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ :pig4: :3123:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: ดั่งดวงดาวที่อ่อนล้า THE END (12/1/19)
«ตอบ #18 เมื่อ15-01-2020 13:47:47 »

ลงเอยกันจนได้ ลุ้นน่าดู

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด