---> #เพราะเธอมันน่าเบื่อ ---> up 21-END [7 April]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ---> #เพราะเธอมันน่าเบื่อ ---> up 21-END [7 April]  (อ่าน 39213 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ปมที่มีก็ค่อยๆคลาย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:  แวนดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ส่วนเพลงร้ายขึ้นเยอะแต่ดีแล้วจะได้เอาแวนอยู่ อิอิอิ

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
13.

เพลงเตรียมซอสหมักเนื้อเสร็จก็เอาใส่ชามเเก้ว ซีลไว้แล้วนำไปเเช่ตู้เย็น ระหว่างนี้ก็เปิดหนังสือเตรียมทำการบ้านระหว่างรอเจ้าของห้องตัวจริงกลับบ้าน

‘ออกจากม.แล้วไลน์บอกหน่อยนะ เพลงจะกริลเสต็ก’

แวนอ่านเเล้ว แต่ไม่ตอบ ซึ่งเพลงก็ไม่ได้ถือสาอะไร ช่วงทุ่มกว่าๆ ข้อความก็เด้งมาว่าอีกฝ่ายกำลังมาแล้ว เพลงเดินไปตั้งกระทะก้นเเบนบนเตาไฟฟ้า แล้วก็หยิบเนื้อออกมาจากตู้ ระหว่างนั้นก็เอามันฝรั่งเข้าไปอบ

เสียงเนื้อลงกะทะดังลั่นไปทั่วห้อง พร้อมกลิ่นที่ลอยฟุ้ง

ไม่นานประตูห้องก็เปิดออก เพลงหันไปยิ้มรับ ร่างสูงในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“รออีกเเป๊บนึงนะ ใกล้เสร็จเเล้ว” เพลงเอ่ยบอกเสียงใส เเล้วก็พลิกเนื้อรอบสุดท้าย เเวนยืนมองเเผ่นหลังของอีกฝ่าย ที่ใส่เสื้อยืดเปื่อยๆ ตัวใหญ่ยาวเลยก้นลงมา แล้วก็กางเกงขาสั้นมากที่เห็นไปถึงไหนต่อไหน แล้วเมื่อนึกว่ามีคนอื่นเคยได้เห็นอีกฝ่ายในบรรยากาศแบบนี้กก็อดหงุดหงิดไม่ได้

“เคยทำกับข้าวให้ไอ้ชูกินมั้ย” แวนถามเสียงเรียบเย็น เขายืนอยู่อีกฟากหนึ่งของเคาร์เตอร์ที่ใช้เป็นโต๊ะอาหารไปในตัว ส่วนเพลงหันหน้าเข้าเตา

“เคยครั้งนึง” เพลงตอบตามความจริง

“แล้วเเต่งตัวแบบนี้หรือเปล่า” เเวนไม่ทิ้งระยะห่างอีกต่อไป เขาเดินไปยืนเเนบชิดจนเเผ่นหลังติดตัวเพลง คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามอง ตากลมอ้อนๆ นั้นทำให้คนที่อยากดุเเพ้ทาง

“หึงหรอ”

“เบื่อมึงเพลง” เเวนใช้มือข้างนึงตะปบก้นนิ่ม แล้วบีบมันเล่นระบายความหงุดหงิด

“ยังเจอไอ้ชูอยู่รึเปล่าช่วงนี้”

เพลงที่หันกลับไปดูเนื้อในเตากัดริมฝีปาก ใจเต้นสั่นระทึกขึ้นมาทันที เพราะไม่คิดว่าเเวนจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา

“พูดความจริงกับกู” เสียงโหดๆ นั้นดังไม่ไกลจากช่วงลำคอเขาเลย เพลงตัดสินใจเเล้วว่าจะเล่าเพราะเขาก็บริสุทธิ์ใจไม่ได้ทำอะไรเสียหาย

“วันนี้ชูไปหาที่ร้าน”

“กูบอกแล้วให้ลาออกเเม่ง!”

“อ๊ะ! หงุดหงิดก็อย่าบีบเเรงได้มั้ยละ ช้ำหมดแล้ว” เพลงน้ำตาคลอๆ หันมาหา มารยาก็ส่วนหนึ่งเจ็บจริงก็ส่วนหนึ่ง เนื้อก้นนะ ไม่ใช้ก้อนเหล็กขยำอยู่ได้

“ผู้ต้องหาไม่มีสิทธิ์ร้องขอความเห็นใจ เล่ามาให้หมด” เเวนกระซิบชิดริมหู มือก็ลุกลามเข้าไปในร่มผ้าแล้วเต็มสองไม้สองมือเชียวล่ะ

“ชูไปหา มาลา อะไรทำนองนั้น” เพลงพูด

“แค่นั้นหรอ”

“แล้วจะให้เเค่ไหนละ”

“จับเนื้อต้องตัวหรือเปล่า”

“เอ๊ะ เเวนไปขอดูกล้องที่ร้านหรอ” เพลงไม่ได้ขึ้นเสียง เเต่สงสัยมากกว่า

“ต่อปากต่อคำเก่ง สรุปว่าเรื่องจริงใช่มั้ย”

“เรื่อง?” เพลงปิดเตาเมื่อเห็นว่าเนื้อสุขดี เเล้วหันกลับมาเคลียร์ เขาคิดถึงเเวนอยากนัวเนียอ้อนจะเเย่เเล้ว ทำไมยังมาสอบปากคำกันอยู่ได้

“มึงจับมือชู แล้วก็กอดกัน”

“เเวนนี่แอบไปดูกล้องมาจริงๆ ใช่มั้ย อืม~”

“ตามบทมึงต้องรู้สึกผิดอยู่เพลง ไม่ใช่ไซร้คางกู” เเวนดุ เพราะคนตัวเล็กโอบมือล้อมรอบคอเขาเเล้วทำแบบนั้นจริงๆ

“ก็บีบจนเพลงอารมณ์ขึ้นแล้วง่ะ” เสียงหวานอ้อนเอาเบาๆ เเวนดุด้วยคำพูดไม่ไหว จึงก้มลงงับซอกคอขาวนั้นไปเเรงๆ เขาดูดจนมันขึ้นรอยพร้อมทั้งบีบขยำก้อนนุ่มมือเป็นจังหวะเนิบนาบ

“อื้ม...” เพลงเริ่มเสียงหวานขึ้นทุกที

“สารภาพบาปมาก่อนอย่าพึ่งเคลิ้ม!” เเวนดุอีกที เหนื่อยใจ กับไอ้เด็กน่าเบื่อคนนี้จริงๆ

“เพลงจับมือ แล้วก็กอด” คนที่ถูกสอบสวนตอบ “แต่ก็เป็นกอดลานะ เเบบเพื่อนกัน”

“เออ เจ๊าวันนี้กูก็ไปเจอโพสมา”

คราวนี้คนที่เคลิ้มไปกับรสสัมผัสถึงกับชะงักกึก ตากลมจ้องตาเเวนเขม็ง

“หึงกูอะดิ” เเวนยิ้มเยาะ ภูมิใจมาก

เพลงหน้างอ ดิ้นหนีจากการเกาะกุม แต่ก็ถูกเเวนรั้งเข้ามาจนเนื้อตัวไม่มีช่องว่างให้อากาศไหลผ่าน

“เค้านัดกูไปดูรูปมึง กับชู้”

คราวนี้เพลงตาโตกว่าเดิม

“เเล้วเเวนก็เชื่อหรอ”

“เออดิ เมียเเม่งเสนียดเเรง”

“สเน่ห์!!” ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังต้องมาเเก้มุขกันอีก

“เชื่อเค้าก็ไปเลย”

ดวงตาสองคู่จ้องกันเขม็ง หน้าเพลงเหมือนคนจะร้อง แต่เเวนกลับมีรอยยิ้ม

“ขอบคุณที่ไม่โกหกกู” เเวนกระซิบ แล้วจูบเเก้มนิ่มทั้งซ้ายและขวาเเรงๆ แล้วเหมือนปากเพลงจะน้อยใจที่ยังไม่โดนสัมผัส เเวนเลยก้มลงจูบเเบบสูบวิญญาณไปอีกเกือบสิบนาทีไม่ผละออก

เพลงตัวลอยจนปลายเท้าจะไม่ติดพื้นอยู่แล้ว พอโดนปล่อยขาก็เเทบทรุดลงไป

“ไง หมดเเรงเลยรึไง” แวนล้อ เพลงกัดปากทำหน้าเง้า หันไปคีบเนื้อขึ้นมาใส่จานเเล้วเลี้ยงไปเอามันอบในตู้ มาวางลงบนโต๊ะ เเวนมองตามด้วยรอยยิ้ม เพลงน่าหมั่นเขี้ยวขึ้นทุกวัน แล้วก็น่าหวงจนเขาเริ่มกลัวตัวเอง

เมื่ออาหารสองจานวางเรียบร้อย เพลงก็นึกขึ้นได้

“แวนเอาไวน์มั้ย เพลงซื้อมาด้วย”

“ตังค์ใคร”

“ตังค์เพลง”

“พรุ่งนี้หยิบเงินในกระเป๋ากูไปเพิ่มถ้าจะซื้อกับข้าว”

“เพลงเหมือนมาเกาะเเวนกินเลยเนี่ย” คนตัวเล็กว่า นี่ข้าวของจากหอเดิมก็ย้ายมาหมดแล้ว เนื่องจากไม่อยากให้เเวนต้องจ่ายเงินซ้ำซ้อน

“เป็นเเฟนกูอย่าบ่น โดนเลี้ยงก็ห้ามบ่น เรียนจบแล้วค่อยใช้ มีเวลาใช้คืนกูอีกทั้งชีวิตอ่ะ”

“ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจะคิดว่านี่คือคำขอเเต่งงาน” เพลงยิ้ม ตาหวานนั้นซน จนเเวนอดบีบเเก้มยุ้ยไม่ได้

“มโนเก่งนัก กิน จะกินไวน์ก็ไปรินมา”

แล้วมื้ออาหารก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ความเย็นชืดในห้องเริ่มถูกเติบเต็มด้วยความอบอุ่นช้าๆ



เพลงนอนอยู่ในอ้อมเเขนเเวนเหมือนเช่นหลายคืนที่ผ่านมา เเม้จะมีเเต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นช่วงนี้แต่เขาก็อดจะหงุดหงิดคนชื่อโพสไม่ได้ นี่มันจงใจหาเรื่องกันชัดๆ แต่เขาก็ไม่ได้โวยวายอะไรเอากับเเวนเพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศดีๆ

“เป็นอะไร” เสียงงัวเงียของคนข้างหลังถาม

“อ้าว ยังไม่หลับหรอ”

“มึงถอนหายใจเเรงเกินเบอร์ไปมากเพลง”

“ขอโทษ”

“หงุดหงิดไร ไหนบอก” เเวนชะโงกหน้ามามอง เพลงพลิกตัวเข้าหา

“จะโกรธเปล่าถ้าเพลงงี่เง่า” ซุกหน้าอ้อนไปด้วยระหว่างถาม

“ก็พูดมาก่อน”

“โพส” เเวนพูดสั้นๆ เพื่อดูอารมณ์เเวนก่อน

“กูจะไม่ไปเจออีก วันนี้อยู่ดีๆ ก็บอกว่าจะเอาของมาคืน กูไม่คิดว่าจะ...มาหาเรื่องมึง” เเวนบอกตามความจริง เขายกมือเกลี่ยกรอบผมให้เพลงเบาๆ เพลงรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนนั้น เเวนเปลี่ยนเเปลงตัวเองไปมากแล้วเพื่อเขา มันอาจจะดูยังไม่สามารถทดเเทนเรื่องที่ผ่านมาได้ แต่ถ้าเทียบกับปมในใจเเวน และกำแพงที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมา เพลงก็พอจะเข้าใจได้

“เพลงไม่โกรธแล้ว” คนตัวเล็กบอกอย่างน่ารัก

เเวนก้มลงจูบเพลงเบาๆ ดวงตาสองคู่ประสานกันในความสลัวของห้องนอนที่ปิดไฟหมดแล้ว

“เรียนเช้าหรือเปล่า”

“เก้าโมง”

“งั้นนอนเถอะเพลง” เเวนทำท่าจะทิ้งตัวลงที่เดิม เเต่อีกคนกลับรั้งไว้

“น้องค้างตั้งเเต่ตอนเย็นเเล้วนะ”

“เพลง…” แวนทำเสียงดุ

“มาบีบ มาขยำ แล้วไม่ตีก้นน้องได้ยังไง”

“โว้ย!! พรุ่งนี้เข้าเรียนสาย แล้วกูจะฟาดซ้ำให้ไอ้น้องแก่เเดด” เเวนโวยวาย แต่อิน้องก็เอามือไหลเข้าไปในกา

เกงนอนเขาเรียบร้อยเเล้ว สงสัยน้องกำลังหากระบองมาฟาดก้นตัวเอง



ครึ่งค่อนคืนกว่าน้องจะพอใจ เเวนอุ้มเพลงเข้าไปล้างตัวเร็วๆ เตรียมเข้านอน เนื้อตัวขาวเนียนที่พี่วินมอเตอร์ไซต์ยังหวง ป่านนี้โดนริมฝีปากมารสร้างรอยเเดงให้เกือบทุกตารางนิ้ว เพลงยืนตาปรืออยู่ใต้ฝักบัว เห็นท่าหมดเรี่ยวหมดแรกนั้นเเล้วก็หมั่นเขี้ยวนัก หาเรื่องเปลืองเนื้อเปลืองตัวเก่งไม่มีใครเกินละ

“เพลง”

“ฮื้อ.. ไม่ไหวแล้วนะ เพลงหมดแรงขยับเเล้ว”

“โว้ย นี่จิตใจคิดแต่เรื่องแบบนั้นหรือไง” แวนตะโกนลั่นห้องน้ำ จนเพลงหน้างอ

“เเล้วเรียกทำไมอ่ะ เรียกตอนเเก้ผ้าอาบน้ำด้วยกัน จะให้เพลงนึกถึงเรื่องอะไร”

เพี๊ยะ!! ร่างสูงหมั่นเขี้ยวถึงขั้นต้องตีก้นอีกฝ่ายเเรงๆ

“เนี่ยอยากตีน้องอีกแล้วใช่มั้ย” เขาหมดคำพูดจะจัดการกับเพลงแล้ว จึงได้แต่ปิดฝักบัว เเล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาห่อคนตัวเเดงไว้ลวกๆ

“ที่เรียก คือจะบอกว่า ขอบคุณที่พยายามเข้าใจกู กูก็จะพยายามเข้าใจมึงนะเพลง”

คนตัวเล็กพยักหน้า

“มีอะไรก็บอกกันเข้าใจมั้ย ไม่อยากระเเวงกันเเละกันไม่เข้าเรื่อง”

“เพลงไม่เคยไม่ระเเวงเเวนอยู่แล้ว”

“เอ้า ยังไง”

“แต่ถ้าเพลงไม่โอเค เพลงก็จะถาม”

“เก่งมาก กูว่า...หลังจากนี้ คนเก่าๆ ของกูคงตามมาเล่นงานมึงอีกเยอะ ลำบากหน่อยนะเพลง”

คนที่กำลังซึ้งถึงกับตื่น นี่เขาควรภูมิใจมั้ย ที่เป็นคนเดียวที่ได้ไปต่อกับแวน ไอ้คนโลเล ไอ้คนมักมากเอ้ย!!



และสิ่งที่คาดไว้ก็ไม่เคยทำนายผิด เส้นทางความรักของเเวนคนเลว กับน้องเพลงผู้น่าเบื่อไม่เคยมีคำว่ากลีบกุหลาบ พระเจ้าจ้องจะทดสอบความรักเขาสองคนเสมอ หรือเพราะสมัยก่อนเเวนมันคั่วคนเยอะเกินไปก็ไม่รู้

เลี้ยงฉลองหลังสอบกลางภาคปีสาม คณะเเวนปิดผับดังเลี้ยงตามธรรมเนียม แน่นอนว่าในคณะนั้นก็โจทย์เก่าเเวนมากมาย เพลงไม่ได้ตามไปด้วยเพราะรู้ว่ามันเป็นงานปิด แล้วเขาก็ไม่ได้เป็นเเฟนขี้หวงขนาดต้องไปตามเฝ้าขนาดนั้น

แต่ไอจีสตอรี่เเวนก็เด้งเตือนขึ้นมาให้ได้หงุดหงิด

เมาอะไรเบอร์นี้ตั้งเเต่สี่ทุ่ม เพลงขมวดคิ้ว เเวนดูเมามากและนัวอยู่กับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง คนนี้เพลงไม่เคยรับรู้ว่าอยู่ในสต็อคกิ๊กเก่า เเล้วคนไลฟ์ก็น่าจะไม่ใช่เเวนเเต่เป็นเพื่อนในเเก๊งค์มากกว่า เพลงที่ใส่เสื้อยืดหลวมโพรกเตรียมคีบเตะออกไปรับเเฟนตอนเที่ยงคืนถึงกับต้องลุกจากโซฟา

“คนไม่มีเมียทำอะไรก็ได้ใช่ไม่ใช่” เสียงชงดังลั่นมาในไลฟ์

“แน่ใจนะว่าไอ้เเวนไม่มี” เพื่อนอีกคนถาม

“มึงไม่เคยฟังหรือไง เขาบอกว่า เมียมี เมียพี่ต้องมา ถ้าเมียไม่มาเเปลว่า...”

“เมียไม่มี!!” อ่ะลูกคู่รับกันใหญ่

โอเค งั้นเดี๋ยวเมียไป

เพลงหายเข้าไปหน้าตู้เสื้อผ้า คว้าเสื้อเชิ้ตสีขาวของเเวนมาใส่ปลดกระดุมสองเม็ด ไม่คืนนี้ต้องสี่เม็ดละ เเล้วก็กระชากให้มันตกไหล่แบบกว้างๆ โชว์ไหปลาร้าขาวมาก และหัวไหล่น่าขบกัด ใส่โชคเกอร์ด้วย เพราะวันก่อนดูในเเมกกาซีนเห็นนักร้องเกาหลีใส่เเล้วเซ็กซี่ดี มีอะไรอีกมั้ยที่ต้องใส่ อ๋อ กางเกงสินะ เอากางเกงนอนขาสั้นเเบบสั้นมากเเล้วกัน แล้วก็รองเท้ารัดส้นแบบเปลือยๆ เท้าหน่อย เหมือนกำลังจะเข้านอนแต่ต้องไปตามผัว เลยไม่ทันได้เเต่งตัวเท่าไหร่ เพลงวิ่งไปหยิบกุญเเจรถของเเวน ซึ่งตอนนี้เขาขับชำนาญแล้ว เปิด GPS ระบุตำแหน่งผับดังย่านทองหล่อทันที

เพลงโชว์บัตรประชาชาชนให้ยามด้านหน้า แต่เพราะผับโดนเหมาปิดโดยคณะบริหาร ม.ดัง คนนอกเลยไม่ได้รับอนุญาต เพลงเลยยื่นบัตรนักศึกษาให้แทน แล้วบอกว่ามารับเพื่อนที่นอนหอเดียวกัน ถึงจะต่างคณะแต่ม.เดียวกัน แล้วก็หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดูช่างอ้อนนั้นทำให้พี่ยามปล่อยเขาเข้ามาได้ไม่ยาก จากในไลฟ์ที่ได้ดูเพลงจำได้ว่ามันเป็นเเถวๆ บาร์

อื้อหือ นัวร์เว่อร์ สุดที่รักเขาก็ไม่ผลักใครออกเลยเนาะ ปล่อยไซร้อยู่ได้

“แวน!!” เพลงเเหวกไปกลางวง เจ้าของชื่อที่เมามากเเต่ยังจำชื่อตัวเองได้ลืมตาขึ้นมามองแล้วก็ขมวดคิ้ว

“มาทำไม”

“ตามกลับบ้าน”

เพื่อนๆ ที่เฮฮากันอยู่เมื่อครู่เริ่มวงเเตก

“เป็นอะไรกันหรอมาสั่ง”

เพลงโมโห ยืนเม้มปากเเน่น โดนอีกฝ่ายถามเเบบนั้นก็ได้เเต่อึ้ง แต่เเวนช๊อบ ชอบ เพลงดุเเล้วโครตเซ็กซี่ เขาเลยลองเเหย่ดู

“ถ้าไม่ใช่เเฟนไม่มีสิทธิ์มาห้ามกันหรอกนะ”

ได้เเวนได้!

“เป็นเมียอ่ะ ห้ามได้หรือเปล่า”

หิ้วววววว กันทั้งผับ

“โอ๊ยอิเเวน กูเขิน เมียดุเว่อร์” ไอ้ตัวตั้งตัวตีที่ร้องเพลงเมื่อครู่ชงใหญ่

“มึงอ่ะไปร้องตามเมียๆ เป็นไงล่ะ ศักสิทธิ์ขนาด!!”

“กลับบ้านได้ยัง!!” เพลงโมโหกลับเกลื่อน เพราะเริ่มรู้เเล้วว่าอีกฝ่ายจงใจให้เขาโดนกลุ่มเพื่อนล้อ

เเวนเข้ามาคว้าเอว แต่เพลงก็ยังเชิดหน้าปั้นปึ่งใส่

“เพื่อนๆ ครับ จำหน้าไว้นี่เพลง แฟนกู ช่วยกันดูเเลด้วยนะ” เเวนหันไปบอกกับกลุ่มเพื่อนสนิท ทุกคนพยักหน้าเเล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่คิดว่าคนอย่างไอ้แวนที่ควงไปเรื่อยจะมีวันที่มาประกาศอะไรแบบนี้ แต่เห็นเเล้วก็รู้สึกดีใจเเทนอย่างน้อยเพื่อนคงมีความรักแล้วจริงๆ แถมคนที่เพื่อนประกาศก็ดูทั้งดุ ทั้งน่าเเกล้ง น่าจะเอาคนอย่างเเวนอยู่ ปิดฉากคนเจ้าชู้ 2018ไว้เพียงเท่านี้

“แล้วจะไม่เเนะนำพวกกูให้คุณเพลงเค้ารู้จักหน่อยหรอ”

“ไม่ เดี๋ยวม่อเเฟนกู”

“ขี้หวงเว่อร์” ขนาดเพลงยังหันมาทำตาดุใส่ เเวนส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วก็หันหลังกลับ ไว้ให้อยู่ในที่เงียบและคุยรู้เรื่องกว่านี้ก็ค่อยแนะนำกันอีกครั้งเเล้วกัน

“เมียจะเซ็กซี่ขนาดนี้ไม่ได้นะ” เเวนพึ่งเห็นว่าท่อนล่างของไอ้ตัวดุ นั้นเเทบจะโล่ง ขาจะขาวกว่าไฟนีออนในร้านอยู่เเล้วโว้ย เขาไม่รอช้าลากเพลงกลับไปที่รถทันที เพื่อนก็โห่เเซวตามอีกรอบ

เมื่อประตูรถปิดลง เพลงก็กระโจนขึ้นไปนั่งทับตักคนเมาทันที

“ดุอะไรอีก” เเวนกวน เขาเเทรกมือเข้าไปลูบเอวบางอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้นึกโกรธคนขี้หวงเลย

“ตรงนี้ของเพลง ตรงนี้ๆ ก็ของเพลง ห้ามให้คนอื่นมาโดนนะ” คนดุว่า เเล้วก็ก้มลงทับรอยทั้งหมดบนซอกคอด้วยริมฝีปากตัวเอง

“โอ๊ย...ตรงไหนของแวนก็ให้เพลงหมดนั้นเเหละ” แวนร้องเสียงหวน เพราะเจ้าตัวเล็กไม่เบาเเรงเลย เลือดออกรึเปล่าเหอะ

เพลงขบกัดจนพอใจ แล้วค่อยเคลื่อนตัวกลับไปอยู่หลังพวงมาลัยเหมือนเดิม

“ไม่ต่อละคนดี” เสียงเเหบพร่าถามเพราะอารมณ์มันเริ่มไปไกลละ

“เพลงไม่ให้หรอก เเวนคนชั่ว เพลงจะให้้เเวนอดอยากไปอีกสามเดือน”

“โอ๊ย ขนาดนั้นก็พากูไปปลงผมเถอะเพลง” เเวนพยายามควานมือไปง้อคนที่กดสตาร์ตรถ

“อย่ามาจับเพลงนะ เดี๋ยวพาเเหกโค้ง”

ร่างสูงถอนหายใจ โอเคเขาให้เพลงขับก่อนก็ได้ เพราะดึกแล้ว เป็นห่วงทั้งตัวเองแล้วก็คนที่กำลังหงุดหงิดนี่เเหละ



หลังภารกิจตามสามีกลับบ้านเรียบร้อย เเม่บ้านเพลงก็ทิ้งตัวนอนคลุมโปงทันที ทิ้งให้คนที่ไปบริหารเสน่ห์ต้องนอนหนาวนอกผ้านวมอยู่คนเดียว

“เพลง เดี๋ยวมึงเป็นหม้ายนะ จะปล่อยผัวหนาวตายแบบนี้ไม่ได้ะ”

เพลงคุ้ยหน้าตัวเองออกมาจากกองผ้า แล้วก็เเลบลิ้นใส่ทีนึง ก่อนจะพลิกไปอีกด้าน เเวนขยับตามเข้าไปกอด อีกคนก็ดิ้นฟัดกันไปฟัดกันมาจนได้เหงื่อ

“กูจะไปซื้ออะไรสักตัวมาเลี้ยงแล้ว เวลามึงงอนกูจะได้ไปคุยกับไอ้ตัวนั้นเเทน”

เพลงยังไม่ยอมเปิดผ้านวมออกมาให้เเวนเข้าไปห่มด้วย

“มึงหันมาหึงกูหน่อยเพลง!” เเวนโวยวาย

หึ...นอกใจไปหาคนไม่ได้ ก็คิดจะนอกใจไปหา หมาเเมวกระต่ายหรอ ฝันไปเถอะเเวนว่าเพลงจะยอมเดี๋ยวเจอกัน!!













- TBC -



น้องเเวนกลับบ้านลูก เมียตาม

ขอคอมเม้นให้บ้างเด้อ

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
14

เพลงไม่ยอมคุยกับเเวนมาหลายวัน พอกับเเวนที่เอาภาพน้องเเมวมาให้แหย่ว่าจะรับลูกสาวหรือลูกชายตัวไหนมาไว้ในบ้านดี เพลงบ่ายเบี่ยงจะเลือก แล้วบอกว่าเขาจะเป็นคนไปรับน้องที่ร้านมาให้เเวนเอง เเละวันนี้เพลงก็ส่งข้อความว่าจะไปรับน้องที่คณะสัตวเเพทย์ เป็นเเมวที่เปิดรับบริจาค ส่งเพียงข้อความไปบอกให้เเวนกลับไปเจอที่คอนโดเลยหลังเลิกเรียน

ร่างสูงถึงคอนโดตอนตะวันเกือบตกดิน เเวนตื่นเต้นนิดหน่อยที่จะได้เจอสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ เมื่อก่อนเขาเคยเลี้ยงหมา มันเป็นโกลเด้นตัวใหญ่ แต่จะให้เลี้ยงแบบนั้นในคอนโดเเคบๆ คงไม่ไหว เขาเลยนึกถึงเเมว เเละหวังว่าเพลงจะชอบด้วย ก็คงชอบเเหละเห็นว่าจะไปรับน้องด้วยตัวเองเลยนี่นา ช่วงนี้เขายังไม่ค่อยได้คุยกับเพลงเท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายยังงอนๆ อยู่ เเต่ถ้ายอมให้เลี้ยงเเมวเเล้วก็คงจะอ่อนลงเเล้วล่ะ

ที่จริงเเวนแอบเเวะซื้อดอกไม้ช่อเล็กมาง้อเพลงด้วย เขาชอบความสัมพันธ์ของตัวเองที่มันดูสนุกสนานดี ถึงทะเลาะกันเราก็ไม่ได้ทำตัวให้อึดอัดอะไรกันมากมาย พอกัดกันให้เเสบๆ คันๆ เป็นรสชาติเท่านั้นเอง เพลงยังตื่นมาทำของกินให้เขาทุกเช้า เเละรายงานตัวทุกครั้งว่าทำอะไรอยู่ เเละเขาก็ทำแบบนั้นกับเพลงเช่นกัน

เเวนเปิดประตูเข้ามา เขาเคาะก่อนสองสามทีเป็นสัญญาณ เผื่อเพลงโป๊อยู่จะได้ไม่ต้องใส่เสื้อ พอคิดเรื่องลามกกับเพลงที่ไรเขาก็อารมณ์ดีทุกที อีกคนนั้นก็ช่างยั่วเหลือเกินล่ะ เเต่เย็นนี้คนขาวๆ กลับไม่ได้อยู่ในครัวเหมือนทุกที เเวนเดินไปที่เตียงนอน เขาเห็นหางปุยๆ โผล่พ้นผ้านวมมาหน่อยนึง น้องพันธ์เปอร์เซียหรอทำไมฟู ร่างสูงเลิกผ้านวมดูแล้วก็แทบกรี๊ด เพลงทำเขาเสียจริตผู้ชาย Bad ฺBoy ขึ้นไปทุกวัน

น้องไม่ได้พันธ์ุเปอร์เซีย เเต่น้องพันธ์ุเพลง ขาขาวเชียวเเมวใหม่กู!!

น้องไม่มีขน น้องผิวเนียน เเต่น้องมีหูฟูๆ รอบเเขนฟูๆ และหางที่เป็นพวงปุยๆ

น้องตาฉ่ำวาว แล้วก็นอนเเก้มเเดงอยู่บนเตียง

น้องใส่ปลอกคอมีกระดิ่งสีแดง ตัดกับผิวเนียนๆ

เเวนว่าเเวนได้ยินเสียงหวี่ๆ แล้วก็ไม่ต้องสงสัยนานเลย เพราะพอน้องชันตัวขึ้นมากแล้วหันก้นขาวๆ มาให้ลูบ เขาก็เห็นที่มาของหางเเมว โอ้ย เห็นเเล้วอยากได้ยาดม ดมทีละสองอันเลย

“เมี๊ยว~”

เจ้าเเมวกระโดดเข้าหาเเวน มันคลอเคลียอย่างน่ารัก แต่แวนนี่โคตรเครียด เขาจะไม่นึกอยากเลี้ยงตัวอะไรขึ้นมาเเล้ว

“เมี๊ยว!”

“แมว เเมวเอาดอกไม้มั้ย ซื้อมาง้อ หรือต้องลงไปซื้อปลาทูมาให้ “คนตัวโตถาม เขาโดนเเมวตะปบให้นั่งลงมาบนเตียงเรียบร้อย เเล้วเเมวก็ตะกุยเอาเสื้อผ้าเขาออกไปแล้วด้วย เขาเริ่มรู้เเล้วว่าเเมวอยากได้อะไร เอาของโปรดให้เเมวกินก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่ก็ได้ ว่าเเต่...

“แมว ต้องเอาหางเเมวออกก่อนมั้ยอ่ะ”

“ม๊าว!!”

“ไม่ต้องเนาะตื่นเต้นดี”

“งื้ออออออออออออ!!!”





เเมวนอนหมดสภาพดื้ออยู่บนเตียง ส่วนแวนก็เก็บอุปกรณ์แมวใส่กล่องที่เพลงสั่งมาจากร้านออนไลน์ พอหยิบไอ้ท่อนหางมาดู เขาก็ลมจะจับอีกรอบ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เอามาใช้กับคู่นอน แถมไอ้คนที่ใช้ก็เเฟนเขาด้วยนะ ที่เขาเคยว่าเพลงน่าเบื่อนี่สงสัยต้องถอนคำพูดเสียเเล้วหลังๆ อัพเลเวลเกินเบอร์ไปมาก

“แมวหิวยัง”

“ไม่เป็นเเมวเเล้ว” เพลงว่า เสียงนี้เเหบเชียวเเหละ เพราะเมื่อกี๊เขาเผลอฟาดเเมวจนร้องดังไปหน่อย แวนหัวเราะ เขานั่งลงข้างๆ แล้วรวบเอาตัวนุ่มๆ นั่นมากอด

“ขอบคุณสำหรับแมวที่น่ารักที่สุดในโลกนะครับ”

“เอ๊ะ” เพลงตาโต “อยู่ๆ ก็พูดเพราะ เป็นอะไรอ่ะเเวน”

“พูดเพราะก็ไม่ชอบ”

“ไม่ชิน เหมือนไม่ใช่เเวน”

“รู้สึกว่าไหนๆ ก็คบกันแล้วก็อยากพูดเพราะๆ ด้วยบ้าง”

“จริงๆ เราก็คบกันมาปีกว่าเเล้วนะ พูดเเบบเดิมก็ได้ เพลงไม่ถือหรอก”

“มันก็คงพูดไม่ได้ตลอดหรอก แต่กูจะพยายามนะ กูอยากเป็นเเฟนที่ดีของเเมว เอ้ยของเพลง”

เพลงย่นจมูก เเล้วก็ยิ้มซนออกมา “วันหลังเป็นน้องต่ายดีมั้ย เเวนชอบป่าว”

“โอ๊ย มึงไม่ต้องเป็นอะไรทั้งนั้นเเล้วเพลง กูหัวใจจะวาย เดี๋ยวกูอยู่ไม่ถึงรับปริญญา เมียเด็ดเกิน”

เพลงฟาดเเวนด้วยความเขิน เกลียดที่ด่าด้วยสายตาเเพรวพราวแบบนั้น

“ออกไปกินข้าวข้างนอกไหวมั้ย หรือให้สั่งเข้ามา”

“ไปกินข้าวต้มใกล้ๆ นี่ก็ได้” คนตัวเล็กว่า จริงๆ กิจกรรมที่พึ่งผ่านไปมันก็ไม่ได้รุนเเรงจนหมดเเรงขนาดนั้น หรือสู้กันบ่อยจนชินก็ไม่รู้ ทั้งคู่ลุกไปแต่งตัวเเล้วก็ออกไป



ไม่นานหลังจากนั้นทั้งคู่ก็มีเหตุได้ลูกเเมวมาเลี้ยงอยู่ดี เพราะพวกเขาบังเอิญได้ยินเสียงลูกแมวร้องอยู่เเถวซอกตึกมืดๆ ระหว่างที่เดินออกไปหาอะไรกินด้วยกันที่แถวๆ คอนโด

เพลงหันมากระตุกแขนเเวนเป็นเชิงขอความคิดเห็น “ช่วยน้องได้มั้ย”

เเเวนมองรอบๆ ไม่เห็นเเม่เเมวและพี่น้องตัวอื่นๆ ของมันเลย สงสัยถูกทิ้งเสียเเล้วกระมัง

“มี๊~”

ไม่รอให้เเวนตอบ เพลงนั่งยองๆ ก้มลงไปอุ้มเจ้าตัวที่ดูเล็กจ้อยนั้นขึ้นมาเเนบอก มดเริ่มจะมารุมเเล้วนะ เเต่โชคดีที่ตาเเป๋วๆ นั้นลืมเเล้ว

เพลงใช้นิ้วชี้ลูบหัวน้องเบาๆ แล้วพูดว่า “ซูเปอร์พี่เพลงมาช่วยเเล้ว ต้องรอดนะครับ”

น้องตัวสีเทาลายเสือ ขนสั้น ไม่รู้พ่อมันหลุดมาจากบ้านไหนแล้วมาทำแมวจรจัดเเถวนั้นท้องหรือเปล่า

แวนมองภาพนั้นนิ่ง สิ่งนี้เขาเคยเห็นมาก่อนเเล้วมันก็ไม่ใช่เดจาวู ร่างสูงสะกิดให้เพลงลุกขึ้น

“น้องอ่ะ” เพลงเงยหน้าถามด้วยความเป็นห่วง

“ก็อุ้มมาสิ”

คนฟังยิ้มร่า เเวนของเพลงใจดีที่สุด



เเวนกับเพลงพาน้องไปคลินิคเพื่อจัดการเรื่องสุขภาพเบื้องต้น ตอนกรอกชื่อเเวนเขียนลงไปว่า ‘คนดี’

“สรุปน้องเป็นแมวหรือเป็นคน” เพลงถาม

“น้องเป็นลูก” เเวนตอบหน้าตาย เล่นเอาเพลงเเก้มเเดงโชว์พนักงานคลินิคไปเรียบร้อย เเละเธอคงเป็นสาววายที่เห็นผู้ชายห่ามๆ มีรอยสักตรงเเขนหันไปพูดอะไรน่ารักๆ ใส่ผู้ชายตัวเล็กกว่าปากเเดงๆ แล้วพี่พนักงานรู้สึกอยากเป็นลม

น้อง เอ้ย ลูกถูกหมอทำความสะอาด เเล้วจัดยาถ่ายพยาธิให้ ส่วนวัคซีนอื่นๆ ให้โตกว่านี้ก่อนค่อยนัดมาวันหลัง แวนกับเพลงเลือกซื้ออุปกรณ์การเลี้ยงจากในคลินิคนั้นแหละ มีกรงน้อง เบาะนอน กระบะทราย แล้วก็ของเล่นนิดหน่อย เเวนดูเห่อลูกมากจนไม่น่าเชื่อว่านั้นคือบุคลิคจริงๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความร้ายกาจตอนต้นเรื่อง



เพลงคิดว่าการมีน้องมาอยู่ด้วยคงช่วยให้เเวนเหงาน้อยลงเวลาอยู่ในห้องคนเดียว อย่างน้อยก็มีเเมวไว้คุยด้วยละนะ

เเวนเห่อลูกขนาดเลิกบุหรี่ เพราะกลัวลูกป่วย เพลงถึงกับต้องกราบลูกงามๆ ไปสามทีศักสิทธิ์นัก!

“ก็ไม่ได้ติดขนาดนั้น” เขาให้เหตุผลกับเพลง จริงๆ แวนสูบเฉพาะไปเที่ยวนั้นเเหละ หรือถ้าว่างเเละเบื่อมากๆ ก็อาจจะมีสูบที่คอนโดบ้าง รู้สึกขอบคุณ ‘คนดี’ จริงๆ ที่นำเเต่เรื่องดีๆ มาให้บ้าน

และเเวนก็เริ่มเเทนตัวเองว่าปะป๊า ส่วนเพลงก็เป็นมะม๊าของน้องคนดีไปแล้ว




- TBC.-




เป็นไงบ้างคะ น้องเพลง พออัพเลเวลแล้วไรต์จะเป็นลม

#เพราะเธอมันน่าเบื่อ



ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
15.

ครอบครัวสุขสันต์ดำเนินไปได้สองสามวันปัญหาก็บังเกิด เพลงเขินไม่ยอมมีอะไรกับเเวนถ้าลูกอยู่ในห้องด้วย

“แล้วกูจะเอาลูกไปไว้ไหนว่ะเพลง” แวนสบถ เขาขยี้ผมอยู่บนเตียง ขณะที่เพลงอุ้มคนดีไว้กับอกโอ๋ๆ เดินไปเดินมาเหมือนกล่อมเด็กนอน

“เพลงร้องเสียงดัง เดี๋ยวลูกตกใจ” คนตัวเล็กกว่าให้เหตุผล เเวนถอนหายใจ เขาไม่ได้หงุดหงิดแบบโมโหร้าย แต่เป็นเรื่องยิบๆ ที่คันหัวใจมากกว่า เเม่เเมวที่ใส่เสื้อยืดคอย้วย ตัวโคร่ง เออนั้นอ่ะก้มเล่นกับลูกทีก็เห็นไปถึงร่องสะดือ เกงขาก็เเค่พอปิดแก้มก้น ทำให้พ่อเเมวรู้สึกเหมือนภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ ติดที่ลูกชายกำลังมองตาเเป๋วมาเท่านั้นเเหละ

แวนสอดส่ายสายตามองรอบห้อง ไอ้ตอนรับน้องมาเลี้ยง เขาก็ลืมคิดเรื่องนี้ไป ว่าห้องของเขาเป็นคอนโดเเบบเชื่อมต่อถึงกันหมด ห้องครัวก็กั้นเเค่พาร์ทิชั่นบังตาเเต่ก็ไม่ได้ปิดมิชชิด จะเหลือก็เเต่ห้องน้ำและระเบียงนั้นเเหละลูกเอ้ย เเต่จะให้เอาลูกไปหย่อนระเบียงก็กลัวลูกจะกลายเป็นปัญหาสังคมไปอีก

“เพลง ลองเข้าไปในห้องน้ำ แล้วเรียกชื่อเเวนดิ๊”

“ต้องครางกระเส่าด้วยป้ะ”

“เพลง มึงเดินมาให้กูตีเดี๋ยวนี้” เเวนเพลียจะดุความทะลึ่งทะเล้นของเเฟนตัวเองเเล้ว ถ้าไม่ติดว่าอุ้มลูกอยู่เขาต้องเอาหมอนปาหน้าเพลงเเน่ๆ

คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีที่ได้กวนประสาทร่างสูงได้ เเละก็พอจะเดาความคิดเเฟนหนุ่มออก เเต่คิดว่ามันยังไม่ถูกต้อง

“เเวนต่างหากที่ต้องเรียกเพลง เเล้วเพลงจะเข้าไปฟังในห้องน้ำว่าได้ยินอะไรหรือเปล่า”

“เออ จริง”

เพลงเดินอุ้มลูกเข้าไป หลังจากกดปลดล็อก เเวนก็เริ่มจินตนาการถึงเอวคอด แผ่นอกขาว และตุ่มไตสีชมพูน่ารักของเเม่เเมว โห้ย...ไม่ต้องพยายามเลยเนี่ย ส่งเสียงได้เหมือนกำลังปล้ำเเม่เเมวอยู่จริงๆ

“เพลง!! เพลง I’ m gonna cum” เเวนเริ่มหายใจครืดคราด เขาลุกจากเตียงไปหยิบกรงลูก เอาของเล่นทุกอย่างยัดไว้ให้แล้วไปทุบประตูห้องน้ำปังๆ

“ว่าไงเเวน” เพลงเปิดประตูออกมา แล้วก็หน้าเเดง ไอบ้าเเวนถอดเสื้อเรียบร้อยเเล้ว อกก็ล่ำเหลือ มองต่ำลงไปไม้เรียวที่ใช้ตีก้นเพลงบ่อยๆ ก็ทำท่าจะล้ำกางเกงออกมาเเล้ว

“ได้ยินอะไรมั้ยเมื่อกี้”

เพลงส่ายหน้า

“ดีมาก!” เเวนรับลูกจากอกเพลงแล้วยัดน้องเข้าไปในกรง “อยู่ในนี้ก่อนนะครับคนดี เดี๋ยวปะป๊ามารับแล้วจะเอาหนมให้หนูกิน”

คนดีมองด้วยสายตางงๆ ประตูหน้ากรงลงกลอนเสร็จสรรพ แล้วก็วางไว้ตรงส่วนเเห้ง คนดีไม่งอเเง เพราะมีของเล่นที่ชอบอยู่ด้วย เพลงโดนลากออกมาจากห้องน้ำโดยเร็ว พร้อมๆ กับที่เเวนปิดประตู

“ขอนะครับเเม่เเมว ป๊าไม่ไหวแล้ว”

เพลงโดนริมฝีปากร้อนผ่าวปิดประกบทันที

“ฮื่อ!” ร้องประท้วงก็ไม่ได้รับความปราณีใดๆ เพราะทั้งร่างลอยหวือจนขาไม่ติดพื้น แล้วมารู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงเเล้ว และเสื้อผ้าก็ไม่อยู่บนตัวสักชิ้นเดียว





คนดีไม่รู้ว่าทำไมการที่ตัวเองได้มาอยู่ในห้องเเคบๆ ชื้นๆ นี้เเล้ว พอออกไปปะป๊าจะอารมณ์ดีเป็นพอเศษ เอาขนมมาให้คนดีกินเต็มเลย ส่วนมะม๊าก็นอนเปื่อยๆ เป็นผักอยู่บนเตียง คนดีกินจนอิ่ม ปะป๊าก็อุ้มขึ้นมานอนบนเตียงด้วยเหมือนปกติ มะม๊าเหมือนเคืองๆ ปะป๊า คนดีเลียหัวไหล่มะม๊าสองสามที แล้วก็เบียดตัวนอนด้วย คนดีเริ่มอึดอัดเพราะปะป๊าก็มากอดมะม๊าด้วยเหมือนกัน คนดีไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น









ล่วงเข้าสู่ช่วงปิดเทอมปี 3 ขึ้นปีสี่ ทั้งเเวนเเละเพลงต่างเเยกกันไปฝึกงาน เพลงต้องไปเป็นคุณครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดทางใต้ ส่วนเเวนฝึกงานในแผนก Business Development ของห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ

เเวนเริ่มงานเดือนพฤษภาคม - กรกฏาคม เป็นเวลาสามเดือน เเต่เพลงนั้นสอนหนึ่งเทอม เเถมโรงเรียนยังขอตัวไปตั้งเเต่ปลายๆ เดือนเมษายน เพื่อขอให้ไปช่วยวางเเผนการเรียนการสอน พร้อมทั้งช่วยสอนพิเศษเด็กๆ ชั้น ป.6 ที่ตั้งไปสอบเข้าเรียนมัธยมาต้นอีก กลายเป็นว่าต้องห่างกันไกลเกือบเจ็ดเดือน

“ทำไมต้องไปไกลขนาดนั้น” เเวนถาม เขาถามคำถามนี้ซ้ำๆ มาตั้งเเต่ยังไม่ปิดเทอม ยันวันที่มาถึงสนามบิน

“เพลงพูดรอบที่ร้อยเเล้วว่าจับฉลากได้ แล้วก็ไม่มีใครยอมเเลกด้วยเพราะมันไกล”

“ทั้งชั้นปี 60 คน มีไปต่างจังหวัด 3 คน ก็ยังอุตส่าห์ดวงดีนะเพลง” เเวนที่ลากกระเป๋ามาให้ยังคงบ่นไปเรื่อย สงสารเค้านะครับ คนเหงา 2018

“ติดเพลงจังอ่ะ” คนตัวเล็กกว่าเเซว พวกเขาเดินเรื่อยๆ ไปยังเคาร์เตอร์เช็คอิน เดี๋ยวนี้มือก็จับกันได้เป็นธรรมชาติแล้ว ตอนเเรกเพลงจะนั่งรถไฟไป เเต่แวนก็ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ แล้วที่เพลงเหลือเชื่อกว่าคือบินตามไปส่งด้วย ไปดูบ้านพัก แล้วก็ความเป็นอยู่สองสามวันค่อยบินกลับ เพราะเเวนต้องเข้าฝึกงานเช่นกัน

“ก็คนอยู่ด้วยกันทุกวัน นี่ไงกูเลยเกลียดความผูกพันธ์” เเวนเเสดงด้านที่ตัวเองพยายามปกปิดไว้ออกมาอีกครั้ง เพลงไม่ได้ตอบอะไรนอกจากกระชับอุ้งมือให้เเน่นขึ้น พวกเขาเอากระเป๋าไปโหลด แล้วก็เดินเข้าไปด้านใน เพื่อรอขึ้นเครื่อง เพลงตื่นเต้นไม่น้อยเหมือนกันที่ต้องไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย เเต่สิ่งที่เพลงกังวลกว่าคือคนข้างๆ นี่เเหละ

“เเวน ฝึกงานก็ยุ่งแล้ว แวนไม่มีเวลาเหงาหรอก” เสียงใสๆ ของคนรักเอ่ยปลอบ แต่คนตัวโตก็ยังทำหน้ามุ่ยอยู่ดี ไม่เหลือแล้วคราบ Bad Boy ที่ไม่สนใจใยดีเขา เหลือเเค่เด็กขี้อ้อนตัวโข่งเท่านั้น

“คนดีก็อยู่ ดูลูกดีๆ ล่ะ” เพลงเอ่ยถึงเเมวที่พวกเขาเลี้ยงด้วยกัน นี่ไม่อยู่สองสามวันก็ต้องเอาไปฝากร้านรับเลี้ยงเอาไว้

“กลับไปลูกต้องอ้วนมากเเน่ๆ เเวนน่าจะสปอยล์ลูกมาก” ร่างสูงบอกสิ่งที่จินตนาการไว้ในหัว เขาคงป้อนขนมคนดีทั้งวัน เพราะไม่มีอะไรทำ

เพลงตีเเวนเบาๆ แล้วก็เตรียมตัวขึ้นเครื่องเพราะได้ยินเสียงประกาศ





ไม่นานเครื่องบินก็ร่อนลงที่จังหวัดปลายทาง ภารโรงของโรงเรียนขับรถกะบะมารับเพลง โรงเรียนไม่ได้อยู่ในตัวเมือง เเต่เป็นอำเภอที่ตั้งอยู่บนเกาะ ต้องนั่งเรือออกไปอีก

เเวนนึกอยากจะซื้อใบปริญญาให้เพลงเเล้ว ไม่น่าเชื่อว่ามหาวิทยาลัยเขาจะให้นักศึกษามาฝึกงานไกลขนาดนี้

“โดนฉลามกินเข้าไปทำไงอ่ะเพลง” เเวนถาม

“โอ๊ย ที่เกาะไม่มีฉลามหรอกครับคุณครู” คุณลงภารโรง ที่เเนะนำว่าตัวเองชื่อฉลอง หรือเรียกสั้นๆ ว่าลุงหลองรีบอธิบาย

“ขอโทษครับ” เพลงรีบหันไปขอโทษขอโพย เเค่แวนตามมาด้วย แล้วลุงต้องขับรถมาส่งวันที่กลับ ก็เกรงใจจะเเย่เเล้ว นี่ยังไม่กวนตีนคนท้องถิ่นอีก

ลุงหลองพาเด็กกรุงเทพฯ สองคนนั่งเรือหางยาวไปที่ตัวเกาะ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที โรงเรียนที่เพลงจะไปประจำเป็นโรงเรียนรัฐบาล ระดับอนุบาลและประถม มีคุณครูเเละนักเรียนไม่มากนัก มีชั้นเรียนระดับละห้องเดียวเท่านั้น คุณครูหนึ่งคนอาจจะต้องช่วยกันสอนหลายวิชา ตัวอาคารเป็นแบบชั้นเดียว และมีลานกว้างสำหรับทำกิจกรรมของเด็ก แม้ว่าจะเล็ก และอยู่ห่างไกล แต่มันก็ร่มรื่นหน้าอยู่ ด้านในสะอาดสะอ้าน แม้ว่ายังเป็นกระดานที่ใช้เเท่งชอล์กอยู่

“มือพังแน่เพลง” เเวนยังคงบ่นไปเรื่อย ซึ่งเพลงต้องหันมาดุบ่อยๆ

บ้านพักคุณครูอยู่ในรั้วเดียวกับบริเวณโรงเรียนนั้นเเหละ มันเป็นเรือนไม้ยกใต้ถุนสูงที่ทางภาคใต้เรียกว่า ขนำ ฝารอบด้านเป็นไม้ไผ่สาน ยังดีที่หลังคาเปลี่ยนมาใช้สังกะสีเเล้วไม่ใช่ตับจากแบบสมัยก่อน มีห้องน้ำและครัวเล็กๆ อยู่ด้านล่าง แต่ที่พีคสุดสำหรับคนกรุงคือ มีไฟ้ฟ้าใช้เเค่หกโมงเช้าถึงสองทุ่ม ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น และเเอร์ แถมสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่ดีนักในวันที่คลื่นลมเเรงหรือฝนตก เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปพูดถึงอินเตอร์เนตเพราะช้าเเน่นอน

แวนทำหน้าเหมือนจะร้องจนเพลงขำ ลุงฉลองปล่อยให้ทั้งคู่พักผ่อน แล้วจะเอาปิ่นโตสำหรับมื้อเย็นมาให้ช่วงเย็น

“อยู่ได้จริงหรือเพลง” คนตัวโตถาม เขานั่งลงบนเตียงนอนที่ฝูกไม่นุ่มเลย หอเพลงยังจะดีกว่าที่นี่อีก

“อยู่ได้สิ เด็กๆ อยู่ได้ ชาวบ้านอยู่ได้ ทำไมเพลงจะอยู่ไม่ได้อ่ะ”

“สงสาร” เเวนตบเบาะข้างๆ ให้อีกคนนั่งลงมา “อยากใช้เงินยัดคณะ ให้มึงกลับไปสอนที่กรุงเทพเลย”

เพลงส่ายหน้า “อยู่ได้จริงๆ เพลงก็ไม่ได้มาจากบ้านที่ร่ำรวยจนไม่เคยเจอเรื่องลำบากนะ”

“ลำบากก็เรื่องนึง แต่เครื่องใช้เอย ไฟฟ้าเอย มันต่างกับที่เพลงอยู่ปัจจุบันเกินไป”

ใช่สิ ก็ตอนเขาอยู่กับเเวนสะดวกสบายทุกอย่างนั่นเเหละ

“แวนไม่งอแงสิ ถ้าเพลงอยู่ไม่ไหว จะโทรไปงอเเงกับเเวนโอเคมั้ย” เพลงกอดเอวอีกฝ่ายไว้หลวมๆ แล้วซบหน้าอ้อน

“บ้านก็โงนเงนเกิ๊น คืนนี้จะปลำ้มึงยังไม่กล้าเลย กลัวเสาหัก”

“โอ้ยเเวน! เพลงกำลังซึ้ง ทำไมหื่นอ่ะ” คนตัวเล็กว่าอย่างเง้างอด

“ก็พูดจริง มึงก็ชอบให้กูหื่นเหอะเพลง” ร่างสูงว่า เขากวาดตามองไปทั่วห้องนอน นอกจากเตียงก็มีตู้เสื้อผ้าเเล้วก็ชั้นวางของอันเล็กๆ เท่านั้น โต๊ะทำงานเห็นจะเป็นโต๊ะยี่ปุ่นที่พับวางพิงผนังไว้ ด้านนอกก็เป็นชานบ้าน ที่มีเปลผูกไว้นอนเล่นได้

“เห้อ ในเมื่อมันทำอะไรไม่ได้ ก็จัดของเถอะ เดี๋ยวช่วย” เเวนทำหน้าปลง

เพลงส่ายหน้า “แวนอยู่นิ่งๆ เหอะ เดี๋ยวเพลงทำเอง”

ร่างสูงไม่เซ้าซี้ต่อ จริงๆ เขาก็ไม่ถนัดอะไรพวกนี้อยู่เเล้ว อยู่ห้องเพลงก็ทำหมด ตอนเพลงยังไม่มาอยู่ด้วยก็จ้างเเม่บ้านมาทำให้สัปดาห์ละครั้ง

“กางเกงขาสั้นไปไหนหมด เพลงว่าเพลงใส่มาตั้งหลายตัว” คนที่รื้อกระเป๋าเดินทางบ่นหงุงหงิง คนที่นอนเล่นรอพลิกหน้าไปขำอัดหมอนอยู่คนเดียว

“เเวน!!” เเน่นอนว่ามันไม่รอดสายตาเพลง

“ทำม่ะ?”

“เล่นอะไรอีกอ่ะ” คนตัวเล็กท้าวสะเอวหน้ามุ่ย

“ก็หวงอ่ะ นอกจากกูกับคนดี อย่ามีใครคิดจะได้เห็นขาอ่อนมึงเลย” แวนพูดหน้าตาย เขาเป็นคนเอามันออกเองเเหละ เเอบเปิดกระเป๋าเมื่อคืนตอนเพลงหลับไปเเล้ว

เพลงทำท่าประสาทเสียใส่ มาอยู่เกาะทั้งที มีแต่กางเกงขายาวเชื่อเขาเลย

เเวนนอนเล่นรอเพลงจนเคลิ้มหลับไป หน้าต่างที่เปิดไว้ รับเอาลมทะเลเย็นๆ เข้ามา เสียงคลื่นก็ดังเเว่วๆ อยู่ไม่ไกล ที่จริงบรรยากาศก็ดีไม่น้อย

เมื่อจัดของเสร็จเพลงก็มาเเทรกตัวลงไปข้างๆ แวน โกรธยังไงก็เเยกกันไม่ได้ เตียงขนาด 3.5 ฟุตเล็กนิดเดียวเมื่อมีผู้ชายตัวโตๆ นอนอยู่ก่อนแล้ว เเต่มันก็ไม่ลำบากนักเมื่ออีกฝ่ายขยับจนชิดฝาเพื่อรับอีกคนขึ้นมานอนด้วย พวกเขาเคลื่อนตัวเข้าตำแหน่งของคนที่นอนด้วยกันจนชินอย่างรวดเร็ว เเล้วเพลงกับเเวนก็หลับต่อไปจนถึงช่วงบ่าย

ประมาณ 4 โมง ลุงหลองก็บีบเเตรมอเตอร์ไซต์ดังลั่นหน้าบ้าน แวนรู้สึกตัวก่อน เขางัวเงียลงบันไดหน้าบ้านก้าวเเทบพลาดล้มกลิ้งลงไป เพราะหน้าบันได้เเคบมาก

“ผมเอาปิ่นโตมาให้ครับ” คุณลุงยิ้มเห็นฟันขาวเกือบครบ 32 ซี่ แวนยกมือขอบคุณ มันเป็นสัสดิการที่โรงเรียนมอบให้เพลง ข้าวสามมื้อ เพราะนักศึกษาฝึกงานยังไม่มีเงินเดือน หรือเบี้ยเลี้ยง โรงเรียนจึงตอบเเทนด้วยการดูเเลความเป็นอยู่ให้เเทน

“แหลมข้างๆ นี่วิวพระอาทิตย์ตกสวยมากนะคุณแวน ลุงทิ้งรถมอเตอร์ไซต์ไว้ให้ เผื่อจะพาครูเพลงไปดู”

“ขอบคุณครับลุง ว่าแต่ไปทางไหนหรอครับ”

“ออกไปหน้าโรงเรียนเเล้วเลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆ เลยครับ ช่วงนี้ตกประมาณหกโมงกว่าๆ นะครับ”

“ได้ครับลุง แล้วลุงกลับยังไงละ ถ้าทิ้งมอเตอร์ไซต์ไว้ให้ผม”

“โอ้ย บ้านลุงอยู่เลยหน้าโรงเรียนไปนิดเดียวเอง เดินกลับได้ครับ”

“งั้นขากลับผมเอาไปคืนไว้ที่บ้านนะครับ”

“เอาไปใช้ก่อนเถอะครับ ช่วงนี้ยังว่างๆ เผื่อขี่เล่นกันรอบเกาะ”

“ถ้างั้นก็ขอบคุณครับ” แวนคิดตามแล้วรู้สึกว่ามันเป็นข้อเสนอที่ดี อีกอย่างเพลงชอบทะเลด้วย อยู่ที่นี่ก็คงมีความสุขดีแหละ ส่วนเขานี่สิต้องทนไม่มีแฟนอยู่ข้างๆ ไปตั้งเกือบ 7 เดือน ต้องตายก่อนเพลงกลับไปแน่ๆ

ร่างสูงถอยเท้ากลับขึ้นบันไดไป เมื่อลุงฉลองหันหลังกลับ เพลงนั่งงัวเงียอยู่บนเตียง เเวนกวักมือให้ออกมานั่งทานข้าวด้วยกันที่ชานหน้าบ้าน เพลงยกโต๊ะญี่ปุ่นออกมา เเวนก็เดินลงไปหยิบจากช้อนที่วางอยู่ในครัวด้านล่าง ไอ้บันไดนี่เขาว่าเพลงต้องหน้าคว่ำสักวัน หรือเขาควรซื้อรีสอร์ทดีๆ สักหลังไว้ให้เพลงอยู่แทนบ้านพักนี่ดี แวนขบเขี้ยวเคียวฟันในใจ สงสัยพรุ่งนี้ต้องออกสำรวจหน่อยเเล้ว



อาหารใต้รสจัดเล่นเอาเด็กกรุงเทพฯ สองคนหน้าขึ้นสีเเดงเรื่อ เเต่ใช่ว่ารสจัดแล้วจะไม่อร่อย เพราะวัตถุดิบที่ใช้นั้นล้วนเป็นอาหารทะเลสดๆ ที่ถ้าอยู่ในเมืองหลวงก็จะหาได้จากภัตตาคารดีๆ เท่านั้น

“เเวนต้องไปบอกให้ลุงลดเผ็ดลงหน่อยละ เพลงกะเพาะไม่ค่อยดี กินเผ็ดขนาดนี้พังพอดี” เเวนบ่นไปเรื่อย ขณะเอาน้ำยื่นไปให้เพลงดื่ม

“อยู่นี้ก็ต้องกินข้าวให้ตรงเวลารู้ป่ะ ห้ามอดข้าวเช้า” เเวนพูดอีก เพลงนิ่งฟัง

“ไม่มีแซนวิชให้กินเหมือนที่คณะ มึงก็ต้องเตรียมขนมติดบ้านไว้กินด้วยรู้เปล่า เผื่อหิวมาดึกๆ เเล้วมันจะปวดท้อง”

“เเวน...”

“หื้ม” ร่างสูงเลิกคิ้ว

“เเวนรู้ได้ไงว่าเพลงมีเเซนวิชกินที่คณะ”

“ก็...เดาไปเรื่อย เด็กมหา’ ลัยจะกินไรละเช้าๆ ฮะฮ่า”

“กลบเกลื่อนโคตรไม่เนียน” เพลงว่า เเล้วก็คลานอ้อมโต๊ะมานั่งข้างๆ คนตัวโตกว่า ตากลมช้อนมองอย่างน่ารัก แล้วก็โถมทั้งตัวกอดเอวเเวนไว้แน่น แก้มนิ่มคลอเคลียร์อยู่ตรงอกกว้าง พฤติกรรมสมเป็นเเม่เเมวขึ้นทุกวัน

“ขอบคุณนะ” เพลงว่า

“ขอบคุณไรเพลง”

“ขอบคุณที่รักเพลง”

“กูไม่เคยพูดเลยเหอะ มโนเก่งนัก” เเวนดีดหน้าผากมนเบาๆ เพลงยกมือมาลูบป้อยๆ เเต่ก็ยังกอดอีกฝ่ายเเน่นต่อไป

“รู้ด้วยป่ะ ว่าเพลงเป็นกะเพาะ”

“มึงต้องการอะไรจากกูเพลง” เเวนพยายามดันหัวอีกฝ่ายออกไป

เพลงไม่โกรธเลย กลับชอบเสียอีก นี่คงเป็นอาการเขินของเเวน หลังๆ เขาไม่ค่อยปวดท้องเเล้ว เพราะกินอาหารตรงเวลาดี เเละไม่ได้มีเรื่องเครียดอะไรให้กรดในกะเพาะหลั่งเกินควร

“ขอบคุณนะ”

“อะไรเล่า” เเวนเสหน้าไปอีกทาง

“ที่ดูเเล” เพลงบอก

“รู้ว่ากูห่วงก็ดูเเลตัวเองให้ดี อย่าให้กูต้องห่วงมากไปกว่าเดิม”

เพลงพยักหน้า รู้สึกหัวใจพองฟูไปหมด เเวนเลิกผลักเพลงออกเเล้ว เขาลูบผมนุ่มๆ ของคนช่างอ้อนนั้นเเทน

“ลุงหลองบอกว่ามีแหลมอยู่ใกล้ๆ นี่ วิวพระอาทิตย์ตกสวย ไปดูกันมั้ย”

“ไป”

“อื้อลุกขึ้น”

“เพลงไปล้างปิ่นโตก่อน จะได้เอาไปคืนลุงทีเดียว”





เเวนไม่เคยขับมอเตอร์ไซต์แบบจริงๆ จังๆ กว่าจะพาเพลงซ้อนมาได้ ก็เกือบพุ่งลงข้างทางไปหลายรอบ โชคดีที่เป็นถนนดินเส้นเล็กๆ ในเกาะจึงมีรถน้อย คนที่ยังขี่รถไม่เเข็งจึงค่อนข้างปลอดภัย เพลงนั่งกอดเอวเอาหน้าโผล่มารับลมอยู่ข้างๆ เเดดสองข้างทางร่มแล้ว เพราะดวงอาทิตย์ใกล้ตกเต็มที เเวนจอดรถไว้ตรงริมโขดหินสุดทางที่มอเตอร์ไซต์จะเข้ามาได้ เเหลมที่ลุงบอกวิวดีสมคำคุย มันเป็นภูมิประเทศที่ค่อนข้างเเปลกตา เพราะไม่มีชายหาดเลย เเต่เป็นหินก้อนโตๆ เรียงสลับทับซ้อนกันไปแทน เเวนพาเพลงปีนขึ้นมาบนก้อนหินเรียบๆ ก้อนหนึ่งเเล้วนั่งลง เพลงก็นั่งห้อยขาอยู่ข้างๆ รอบข้างเงียบสงัด เเละท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้มสวย

พวกเขาสองคนนั่งดูวิวเงียบๆ มือที่วางบนหินค่อยๆ ขยับเข้าหากันช้าๆ แล้วเเวนก็กุมมือนุ่มๆ นั้นไว้ด้วยสองมือ เพลงเอนตัวลงพิงไหล่เเวน สดับรับฟังเสียงคลื่นและนกกาที่บินกลับบ้าน ความสงบรอบตัวทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความสุขที่เเสนเรียบง่าย เพลงอุ่นใจที่มีแวนอยู่ข้างๆ พ่อเขาเสียไปตั้งเเต่เด็ก แม่ก็เเต่งงานใหม่แล้วย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด เพลงกลับเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ คนเดียว เเล้วก็ไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมเเม่มากนัก จริงๆ เขาก็สนิทกับเเม่น้อยลง หลังจากที่เเม่มีครอบครัวใหม่นั้นเเหละ ส่วนเเวนลึกๆ แล้วเขาก็ว้าเหว่ไม่ใช่น้อย เลยต้องเเสดงพฤติกรรมเจ้าชูเเละเย็นชาออกมากลบเกลื่อนเเผลลึกๆ ที่ซ่อยอยู่ในใจ ทั้งเรื่องสิ่งต่างๆ ที่เขาเคยรักก็พากันหันหลังจากไปทั้งหมด ครอบครัวก็ด้วย เเม่เขาพาน้องสาวไปสร้างครอบครัวใหม่ที่เมืองนอก ส่วนกับพ่อที่เป็นนักธุรกิจทำงานหนัก เขาก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะฝังใจเรื่องเเม่ก็ด้วยส่วนหนึ่ง เเวนรู้สึกโชคดีที่วันนั้นเขาตกลงรับเพลงเป็นแฟน มันอาจเป็นเรื่องเล่นๆ ตอนช่วงรับน้อง เเต่เพลงก็ยังอยู่กับเขามาถึงตอนนี้ จากคนที่เขาคิดว่าสุดเเสนจะธรรมดา และไม่น่าจะมีเสน่ห์เตะตาใคร เเต่เมื่อได้สัมผัสเพลงอย่างลึกซึ้งเขารู้ว่าเพลงนั่นไม่ธรรมดาเลย เพลงน่ารักอย่างเป็นธรรมชาติ จนเขาทั้งห่วงเเละหวง เเต่จะให้เเสดงออกว่ารักเพลงเขาก็ทำไม่ได้ เขากลัวใจจะเจ็บถ้าวันนึงเพลงต้องจากไป เหมือนใครคนอื่นๆ แต่เขาก็ได้เรียนรู้ว่าความรักไม่สามารถเเบ่งให้ใครพร้อมกันหลายๆ คนได้ ความรักไม่รีรอ ถ้าเราไม่รู้จักรักษาให้ดี และถ้าต้องเสียเพลงไป โดยที่ยังไม่ได้พยายามเก็บรักษา มันคงเจ็บปวดกว่า การที่เขาร้างลากันไปเพราะพยายามเต็มที่เเล้ว

เพลงมีค่ามากพอที่เขาจะเสี่ยงลองเปิดใจรักดูอีกครั้ง

เพราะถ้าหากว่าไม่ลองปล่อยใจให้ได้ลองรักบ้าง จิตใจก็คงไม่เข้มเเข็งพอ และหัวใจก็คงไม่สามารถเติบโต

เขาจะกลายเป็นคนที่ขี้ขลาดเเละขี้เเพ้ไปจนตาย

ขอบคุณ...เพลงที่ให้โอกาส

ขอบคุณเพลงที่มอบความกล้าหาญให้เเวน

“เพลง...แวนรักนะ”

“ทุกครั้งที่บอกว่าน่าเบื่อ...มันเเปลว่ารัก”

เขาตัดสินใจหันไปบอกคนที่นอนซบอยู่ตรงหัวไหล่ บรรยากาศตอนนี้มันเป็นใจมาก แสงสีส้ม แสงสุดท้ายก่อนพระอาทิตย์ลับเมฆลงสู่ทะเล กำลังอาบไล้พวกเขาทั้งสองคน ราวกับตัดเอาสรรพสิ่งรอบตัวออกไป เหลือเพียงเเค่กันและกัน เเละมันก็เป็นมวลไอที่เหมาะจะบอกรัก...บอกถ้อยความที่ถอดออกมาจากหัวใจ เเวนคิดว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันโครตโรเเมนติก แต่...

เพลงไม่หือไม่อือ เเวนจึงก้มลงมองดูให้เเน่ใจ ไอ้ตัวเเสบชิ่งหลับไปตั้งเเต่ตอนไหนเนี่ย!!

ถ้าคุยกันอยู่ในแชท เเวนคงรูดแป้นสบถเป็นคำหยาบ เเต่ติดที่นั่งอยู่ด้วยกัน และเขาไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจเเรงเพราะกล้วเพลงตื่น สงสัยตัวดีคงอิ่มมื้อเย็น เจอลมสบายๆ พัดเข้าให้หน่อยเลยเคลิ้มหลับ

เพลงของเขาช่างน่าเอ็นดู และก็เเข็งแกร่งจนเขานับถือ ทนเขามาได้ขนาดนั้นจะไม่ให้รักมากได้ยังไง แวนปล่อยให้เพลงหลับ แต่ก็ไม่อยากให้พลาดช่วงเวลาสำคัญของวัน

“เพลง พระอาทิตย์จะตกแล้ว”

“อยู่ดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันไปเรื่อยๆ นะ”

“อือ...” คนที่งัวเงียตื่นขึึ้นมาทันประโยคหลังตอบ “เพลงจะอยู่ไปเรื่อยๆ จะอยู่ด้วยนานๆ แล้วไปดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันหลายๆ ที่เลยนะ”

เเวนก้มลงจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากสีน่ากินเเทนคำสัญญา

“ฟ้าดินจะลงโทษมั้ย ถ้าเราลองมีอะไรกันตรงนี้”

แวนกุมขมับ นี้เขาได้เเฟนเป็นคนประเภทไหนว่ะ ทำไมถึงพูดจาอะไรแบบนี้ออกมาในช่วงที่กำลังซ้ึงได้

“กูนี่เเหละจะลงโทษมึงเพลง กูหวงเดี๋ยวใครมาเห็น ถ้าชวน Outdoor ให้ได้ยินอีก กูตีนะ!”

เพลงหัวเราะคิกคัก เขาก็เเค่กวนประสาทเล่นๆ ไปเท่านั้นเเหละไม่คิดว่าคนที่เคยลามกหื่นกามจะหัวร้อนเป็นจริงเป็นจังแบบนี้

“กลับกันเถอะ มืดแล้ว” เพลงชวน เขายันตัวขึ้นยืน ปัดป่ายกางเกงด้วยท่าทางเหมือนเด็ก เเวนลุกขึ้นตามแล้วป้องปากตะโกนออกไปในทะเล

“เเวนรักเพลง!!”

“ตะโกนทำไมเนี่ย!” เพลงตี ถึงเเถวนี้จะไม่มีคน แต่ใช่ว่าลมจะไม่พัดไปให้ใครได้ยิน ยิ่งเขามาเป็นครูด้วย เดี๋ยวจะไม่น่าเชื่อถือเอา

“อยากบอกอ่ะ” เเวนหันมาพูดเป็นเด็กๆ เช่นกัน

“บอกแวนบ้างดิ”

“ไม่เอา เขิน”

“โหทีบอกรักกูแล้วเขิน เเต่มึงพึ่งชวนกูมีอะไรกันแบบ Outdoor ไปแหมบๆ”

“ไม่เหมือนกัน”

“เพลง!! มึงเป็นคนยังไงเนี่ย” เเวนโวยวาย เเต่เขาก็ไม่ได้จะบังคับอะไรเพลงต่อ เพราะการกระทำหลายๆ อย่างมันก็บอกได้ดังกว่าคำพูด เพลงรักเขาด้วยการกระทำมากมายเกินกว่าคำพูดแล้ว

“เดี๋ยวไปบอกแบบกระซิบเบาๆ บนเตียงเเคบๆ ที่ต้องนอนเอาตัวซ้อนกัน”

เเวนเเถบลื่นบนก้อนหิน ดูไอ้ตัวทะลึ่งของเขาพูดสิ

“ได้เพลงได้! เพลงมึงอยู่ข้างบนนะคืนนี้”

“รับเเซ่บ! จะขย่มเบาๆ ไม่ให้บ้านถล่มครับ” เพลงยังพูดออกมาหน้าเป็น น่าตีนัก

เเวนไม่สู้เเล้ว เเวนยอมแพ้เพลงทุกอย่าง เขากระโดดลงจากโขดหิน แล้วหันไปรอรับอีกคนที่ก้าวตามมา เเวนเดินไปคร่อมมอเตอร์ไซต์ เพลงตามมาซ้อนด้านหลัง แล้วก็กอดเอวกันกลับบ้านพักอย่างทุลักทุเลไม่เเพ้ขามา





TBC

พอรักกันก็รักกันเว่อหมั่นไส้เด้อ 

#เพราะเธอมันน่าเบื่อ

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
16



แวนนอนกับเพลงบนเกาะ 2 คืน คืนกลับคู่รักวัยมหา’ ลัย คลอเคลียกันอยู่นานเป็นพิเศษ เพราะถ้านับช่วงที่เริ่มคบกันตั้งเเต่ที่เเวนยังร้ายกาจจนมาถึงตอนนี้ พวกเขาสองคนไม่เคยอยู่ห่างกันนาน ห่างกันครั้งแรกก็เกือบ 7 เดือน ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ใจที่สาหัสน่าดู

“ว่างก็จะขึ้นไปหา” เพลงกระซิบกับเเผ่นอกเปล่าเปลือยที่เขานอนซบอยู่ โดยมีแวนลูบผมเบาๆ ไปด้วย

(ขอเเทรกความซึ้งด้วยการรายงานว่าเสาขนำบ้านพักครูเเข็งเเรงดี เพลงลองมาเเล้วหลายทีไม่มีทรุด)

ที่เพลงสามารถบอกว่าจะไปหาแวนได้นั้น เพราะเพลงไม่ได้มีญาติที่ต้องไปเยี่ยมมากมายนัก วันหยุดถ้าเขาต้องกลับกรุงเทพฯ ก็ต้องเป็นการไปยังคอนโดแวนที่เขายึดเอาไว้เป็นบ้านนั้นแหละ

“นัดกันก่อนนะ เพราะถ้าว่างเมื่อไหร่กูก็จะลงมาหาทันทีเลย เดี๋ยวสวนกัน”

หงึก...เพลงพยักหน้าอยู่กับอกอย่างน่ารัก แวนอดก้มลงไปจูบกลุ่มผมหอมๆ นั้นไม่ได้



เข็มสั้นเลยเลยสองไปนานเเล้ว เเต่เขาสองคนนอนไม่หลับเลย พูดง่ายๆ ว่าพยายามไม่หลับดีกว่า เพียงเพราะอยากยืดเวลาอยู่มองหน้ากันให้นานอีกหน่อยเท่านั้น

“อีกสัก สามสี่รอบมั้ย น่าจะฟ้าสว่างพอดี” เพลงเงยหน้าขึ้นถามทำเอาเเวนขำพรืด เขาเอื้อมมือไปบิดจมูกโด่งนั้นเบามือ “ระวังจะฟ้าเหลืองเพลง”

เพลงไม่ต่อปากต่อคำ เขาขยับหน้าขึ้นมาให้เสมอกับอีกฝ่ายแล้วป้อนจูบ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเบื่อ จากอ่อนหวานอ่อนโยน ก็เป็นร้อนเเรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงเฉอะแฉะของน้ำลาย และแรงเสียดสีของเนื้อปากที่ถูกดูดปล่อยคลอเคลียไม่ห่างดังไปทั่วห้อง

สักพักเพลงก็ปีนเอาทั้งตัวขึ้นมานั่งทับกลางลำตัวเเวน เเล้วโน้มตัวไปด้านหน้า จรดริมฝีปากลงจูบย้ำวนเวียนกับปากอีกฝ่ายอยู่เเบบนั้น แวนเองก็เริ่มลูบไล้ไปตามสะโพกนุ่ม สลับกับบีบเค้นเอวคอด พวกเขาไม่ได้รีบร้อนอะไร นอกจากเพลงจะเน้นน้ำหนักลงใช้เนื้อก้นบดเบียดส่วนกลางลำตัวแวนให้แข็งขืนขึ้นมาเรื่อยๆ พอมันได้ขนาดที่พร้อมฟาดก้นเขา เพลงก็จูบแรงๆ พลางค่อยกระดกตัวขึ้นพาน้องมุดถ้ำเข้าไปช้าๆ ใช้เวลาอยู่ด้วยกันไปแบบนั้น ซึมซับทุกส่วนของร่างกายกันและกันจนรุ่งสางมาเยือนที่เเท้จริง

เสียงไก่ขัน เสียงนกร้องเเวะเวียนมาเยี่ยมที่ริมหน้าต่าง เพลงที่ถอนกายแวนออกไปแล้วเอื้อมมือไปหยิบทิชชูมาเช็ดคราบคาวออกลวกๆ ก่อนหันไปตั้งนาฬิกาในมือถือให้ปลุกประมาณ9โมงเพื่อให้พวกเขาได้มีเวลางีบอีกสักหน่อย ถึงเซ็กส์ช่วงหลังจะไม่ได้ร้อนแรงเหมือนครึ่งคืนแรกก็ใช่ว่าร่างกายจะไม่อ่อนล้า และการได้ซุกตัวหลับอยู่ใกล้แวนเพลงก็ชอบเป็นที่สุดเช่นกัน

เป็นช่วงเวลาสี่ชั่วโมงสุดท้ายที่ได้นอนก่ายกอดกันก่อนจะต้องเเยกย้ายไปทำตามหน้าที่ แล้วปล่อยให้ความทรงจำดีๆ ที่มีร่วมกันเป็นเหมือนก้อนพลังส่งให้สามารถทำหน้าที่รับผิดชอบตัวเองให้ดีที่สุด





แวนกลับไปแล้ว เเละเริ่มต้นฝึกงานของตัวเองบ้าง เริ่มต้นสัปดาห์หลังจากส่งกำลังใจถึงกันและกันผ่านข้อความดีๆ พร้อมทั้งหยอกล้อกันผ่านมีมสวัสดีวันจันทร์ที่เป็นรูปพระ เพลงก็ถ่ายรูปภาพอาหารเช้าที่ตัวเองกำลังกินส่งมาให้ แวนเองก็ถ่ายรูปเเซนวิชที่ตัวเองคาบอยู่ในปากขณะขับรถส่งกลับไป ขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้เราไม่รู้สึกห่างกัน แต่เพลงอาจจะสัญญาณขาดหายไปบ้าง ด้วยความกันดารเเละห่างไกลเนื่องจากภูมิประเทศเป็นเกาะที่เผชิญมรสุมบ่อย



นักศึกษาคณะบริหาร ไปรายงานตัวกับ HR ของบริษัท แต่เมื่อเปิดประตูกระจกเข้าไปในส่วนของออฟฟิสเขาก็ชะงัก นี่โลกกลมหรือคนมันซวย โพสคือหนึ่งในกลุ่มเด็กฝึกงานที่นั่งอยู่ก่อน โจทก์เก่าไม่ได้หันมาทักทายสร้างความกดดันอะไร แต่เป็นเเวนเองที่รู้สึกร้อนขึ้นมาในท้อง เพราะจากครั้งสุดท้ายที่เจอกันโพสเองก็ยังเหมือนยังไม่ยอมตัดเขา ความรู้สึกของมนุษย์เมื่อได้ลองไปเเหย่เล่นครั้งหนึ่ง มันก็เหมือนเป็นด้ายที่พันยุบยับ เเกะอย่างไรก็ไม่ออกได้ง่ายๆ เสียสักที โชคดีหน่อยที่เมื่อตอนหลังมารู้ว่าตัวเขาอยู่คนละเเผนกกับโพส และก็เป็นส่วนงานที่ไม่ต้องเจอหน้ากันบ่อย

วันแรกของการฝึกงานผ่านไปด้วยดี แวนเองก็เป็นนักศึกษาที่มีผลการเรียนดี และหัวไวพี่ๆ ในแผนกจึงป้อนงานที่ท้าทายความสามารถให้ลองทำดู ตอนแรกที่คิดว่าคงต้องคิดถึงเพลงจนชีวิตน่าเบื่อ พอมาเจองานยุ่งๆ เข้า เวลาฝึกงาน 8 ชม.ต่อวันจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แต่...เวรกรรมมันยังผูกกันอยู่หรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้ขากลับที่เเวนกำลังจะเอารถออกสู่ถนนใหญ่ เขาเห็นร่างคุ้นตายืนตากฝนเม็ดเล็กๆ อยู่ริมฟุตบาท เเวนเงยหน้ามองฟ้า เมฆดำขนาดนั้นเดี๋ยวก็ตกหนัก ภาพแบบนี้ทำให้เขานึกถึงใครอีกคนในความทรงจำ ซึ่งคนคนนั้นคงจำไม่ได้หรอกว่าเราเคยเจอกันในลักษณะนี้ เเวนเผลอคลี่ยิ้มที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงฟ้าผ่ารอดเข้ามาในตัวรถ

แวนหันไปมองโพสอีกครั้งอีกฝ่ายคงรอเเท็กซี่ที่ดูไม่มีทีท่าว่าจะว่างเลย ยังไงก็คนเคยรู้จัก แถมยังไปหักอกเขาเสียด้วย โพสร้องไห้หนักหน่วงไม่น้อยตอนที่เขาไปบอกเลิก แถมขู่จะฆ่าตัวตาย แวนก็ด่าว่ารุนแรงตักความรำคาญไปหลายคำเหมือนกัน จนอีกฝ่ายเลิกยุ่งไป

มันก็ผ่านมาสักพักแล้ว และเนื้อแท้ของแวนก็ไม่ใช่คนไร้น้ำใจ ร่างสูงเลยขยับรถเข้าไปใกล้คนร่างเล็กอีกนิดแล้วกดกระจกถาม

“มีใครมารับหรือเปล่า”

โพสหันมากวาดตามองก่อนจะตอบ

“แท็กซี่” แววตาเย็นชาจนเเวนสะอึก

“เอ่อ เราไปส่งมั้ยฝนหน้าจะตก soon”

“ไม่เป็นไรหรอก เรา...เฮ้ย!!” โพสร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะฝนเม็ดใหญ่มากสาดลงมาตูมเดียว

“ขึ้นมาเร็ว!” เเวนตะโกนบอก ซึ่งโพสก็ทำตามทันที เขาไม่ได้โง่ขนาดจะยืนเปียกในเย็นวันที่รถติดมากเเบบนี้

“หนาวป่าว” เเวนเบาเเอร์ลง แต่เขาเห็นว่าเสื้อขาวที่อีกฝ่ายใส่เปียกชุ่ม

โพสไม่ได้ตอบ เเต่เเวนก็พอจะรู้ เขาเลยเอื้อมไปหยิบกองหมอนผ้าห่มหลังรถมายื่นให้ “ห่มก่อน”

“ขอบใจ”

“กลับไหน ศาลายารึเปล่า” แวนถามถึงคอนโดของอีกฝ่ายที่เขาเคยไปส่งอยู่บ้าง

“ไม่อ่ะ เราย้ายมาเช่าอยู่ตรงราชเทวี ตอนฝึกงาน”

เเวนพยักหน้า เพราะออฟฟิสเขาสามารถนั่งรถไฟฟ้าแล้วเดินมาถึงได้

“ตรงไหนของราชเทวีอ่ะ”

“Horizonที่ติด Bts เลย”

เเวนชะงักขนลุกชันไปทั้งตัว ไม่ได้หนาวหรือปวดท้อง แต่ชื่อคอนโดนั้นมัน...คอนโดเขาหนิ คิดซะว่าเรื่องบังเอิญและเขาก็จะไม่ให้โพสรู้เเล้วกัน

“เดี๋ยวเราวนไปส่ง”

“หึ” โพสเเค่นเสียงในลำคอเบาๆ แล้วรถก็เงียบสนิท จนเเวนต้องเปิดวิทยุขึ้นมาฟัง

เขาไลน์บอกเพลงไปก่อนหน้านี้เเล้วว่ากำลังจะกลับบ้าน เพลงยังไม่ได้อ่าน แต่ตอนนี้กลับเด้งข้อความมาว่า ‘ให้ VDO call เป็นเพื่อนขับรถป่าว เพลงกลับถึงบ้านเเล้ว4G สัญญาณเต็มวันนี้น่าจะไม่กระตุก’

Call มาตอนนี้คนดีก็กำพร้าเเม่สิ แวนเนียนไม่ตอบ เพลงคงรอแล้วร้อนใจเลย Callมาเเทน

เสียงสั่นครืดของมือถือที่เเวนวางไว้ตรงข้างเกียร์รถทำให้โพสหันมามอง มันโชว์รูปและชื่อไลน์

“ไม่รับล่ะ เราไม่เสียงดังหรอก”

ให้อารมณ์แบบโคตรมีชู้!!

เเวนไม่เสี่ยงหรอก เขาปล่อยให้มันดังครืดๆ อยู่แบบนั้น พออีกฝ่ายวางจึงค่อยกดพิมพ์ว่า ‘เเบทจะหมด เดี๋ยวคุยกันตอนถึงห้องนะ’

เพลงเข้าใจง่าย และเลิกกวนเเวน



รถ BMW เลี้ยวจอดส่งโพสที่หน้า Terrace คอนโด ร่างเล็กหันมาหัวเราะขำ “เเวนก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ ไปจอดที่ลานจอดรถก็ได้ ลงพร้อมกัน เราไม่เเอบดูชั้นหรอก”

เเวนเลิกคิ้ว งงว่าโพสรู้ได้ไง เขาไม่เคยบอกว่าอยู่ที่ไหน และไม่เคยพาอีกฝ่ายมาที่คอนโด

“สติ๊กเกอร์หน้ารถก็ติดอยู่ ตอนผ่านป้อมยามก็ไม่ต้องเเลกบัตร”

เเวนถอนใจ ทำไมเขาโง่ว่ะ ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ ก็หักพวกมาลัยวนรอบน้ำพุ แล้วปีนลานจอดรถขึ้นไปบนตึก

ทั้งคู่เดินเข้าลิฟต์ โพสทำตามที่บอกคือเข้าลิฟต์คนละตัวเพื่อจะได้ไม่ต้องรู้ชั้นกันเเละกัน

ซึ่ง... เมื่อลิฟต์เเวนปิดแล้ว โพสก็เดินออกมาดูว่าตัวเลขมันไปหยุดที่ชั้นอะไร



แวนเข้าห้องด้วยความหนักในใจ เขาควรบอกเพลงหรือไม่ อยู่ไกลกันก็กลัวอีกฝ่ายจะเป็นกังวัลถ้ารู้ แต่ถ้าไม่บอกก็เป็นเขาเองนี่เเหละที่อึดอัด หรือควรดูท่าทีไปก่อนสักสองสามวัน

คนดีวิ่งมาคลอเคลีย เเวนย่อตัวลงไปรับลูกขึ้นมาอยู่บนเเขน แล้วหยิบขนมแบบซองบีบมาป้อนเอาใจลูกถึงปาก ตั้งแต่เพลงไม่อยู่ คนดีก็เริ่มจะกลายร่างจากแมวเป็นหมู

เมื่อขนมหมดซอง เเวนก็ไม่ใช่ที่รักของคนดีอีกต่อไป เจ้าลูกชายดิ้นลงไปตามกลิ่นอาหารจานหลักทันที เเวนวางชามไว้บนเคาร์เตอร์ครัว เทอาหารเม็ดใส่ชามให้

“มี๊~” ยังดีที่หันมายิ้มให้ขอบคุณ ร่างสูงนั่งมองคนดีกินอยู่เงียบๆ ซึ่งมันก็ทำให้จิตใจที่ร้อนรุ่มเมื่อสักครู่สงบลงไปเยอะ แล้วคิดได้ว่า ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

แวนให้กำลังใจตัวเองก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มาเปิดกล้องคุยกับเพลง ทั้งคู่คุยถามสาระทุกข์สุขดิบกันไปเรื่อยเปื่อย

หลายครั้งก็หันกล้องไปให้คนดีคุยกับมะม๊า เพลงดุแวนทุกครั้งที่เห็นหุ่นอันตุ้ยนุ้ยของลูก หมดหล่อกันเพราะปะป๊าเหงาเลยเอาแต่ให้ขนม

“รักนะเพลง ฝันดี”

“อื้อ ฝันถึงแวนกับคนดีแน่นอน จุ๊บๆ”

‘End Call 02:32:40’







ด้านเพลงระหว่างนี้เขามีหน้าที่ติวข้อสอบให้เด็กๆ ชั้น ป.5 ที่กำลังจะขึ้น ป.6 ให้พร้อมไปสอบเข้าโรงเรียนระดับมัธยมทั้งรัฐบาลและเอกชนในตัวจังหวัด พี่มะเหมี่ยวคุณครูที่สอนโรงเรียนนี้มาเกือบ 10 ปีแล้วเป็นตัวตั้งตัวตีในการเกณฑ์เด็กๆ มาเรียนในช่วงสองอาทิตย์ก่อนเปิดเทอม เธอแจ้งเพลงไปตั้งแต่ที่รายชื่อคุณครูฝึกสอนจากมหาวิทยาลัยดังส่งมาถึงมือ เพลงเข้าใจถึงความหวังดีนั้น จึงลงมาช่วยสอนก่อนเวลาอย่างไม่อิดออด

หลักๆ การสอนก็คือเอาข้อสอบเก่ามาให้เด็กๆ ทำ แล้วช่วยกันเฉลยเพื่อสร้างความเข้าใจเพิ่มขึ้น

“ขอบใจมากนะน้องเพลง ถ้าไม่ได้น้องเพลงมาช่วยนะพี่ต้องแย่” คุณครูมะเหมี่ยวพูดขึ้น ขณะที่ส่งๆ เด็กๆ ที่มาเรียนพิเศษกลับบ้านหมดแล้วในช่วงเย็น เพลงช่วยเธอปิดห้องเรียนอยู่

“พี่พาไปกินร้านชมทะเลดีกว่า เหนื่อย” เธอเป็นคนร่างท้วม ดูก็รู้ว่าคงมีนิสัยชอบทานของอร่อย

“ไม่เป็นไรครับพี่ เพลงเต็มใจมาช่วยไม่ได้เหนื่อยอะไร”

“วันนี้แฟนพี่กับลูกชายไปนอนบ้านปู่บ้านย่าเค้าในอำเภอเมือง พี่ขี้เกียจทำกับข้าว ไปกินร้านกันนั้นแหละ ถือว่าเพลงไปเป็นเพื่อนพี่ก็แล้วกันเนอะ”

“ถ้างั้นก็โอเคครับ” เพลงยิ้มอย่างรู้ว่าปฏิเสธไม่ได้อีก เพลงเลยรีบโทรบอกลุงฉลองว่าไม่ต้องส่งปิ่นโตวันนี้



ไม่นานรถVios ที่เลอะคราบโคลนนิดหน่อยก็ขับมายังชายหาดอีกฝั่งนึงของเกาะ ที่อยู่ห่างไกลจากโรงเรียนพอสมควร เป็นด้านที่เกาะหันเข้าสู่แผ่นดินใหญ่นั้นเอง

รถจอดลงที่ลานด้านหน้าร้านอาหารที่เป็นบ้านไม้สีขาว ตัดกับหลังคาสีฟ้า มีระเบียงยื่นลงไปในหาดเล็กน้อย

“ร้านนี้อร่อยนะน้องเพลง แล้วก็มีพวกเค้กกับกาแฟด้วย เจ้าของร้านเป็นคนในอำเภอเมืองมาเปิด มันก็จะดูดีกว่าร้านของชาวบ้านบนเกาะ” พี่มะเหมี่ยวแนะนำ เพลงรับคำ แล้วเดินลงจากรถเดินตามเธอไป

“สวัสดีครับพี่เหมี่ยว” เสียงทุ้มสุภาพทักทายมาแต่ไกล เพลงมองดูก็คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน เขาเป็นผู้ชายผิวคล้ำแดด ที่หน้าตาคมเข้มดูดี แต่งตัวก็ต่างจากคนบนเกาะอย่างเห็นได้ชัด ดูไม่ได้หรูหรา แต่ก็น่ามอง

“สวัสดีค่ะ คุณเมี่ยง” คุณครูทักเสียงใสไม่แพ้กัน “วันนี้พาน้องเพลง ครูฝึกสอนมาทานของอร่อย”

“น้องเพลง นี่คุณเมี่ยงเจ้าของร้านจ้า”

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับครูเพลง” อีกฝ่ายทักทายอย่างน่าฟังเช่นกัน แล้วดวงตาคู่คมแต่ดูหวานแบบคนใต้ก็จ้องมาบนใบหน้าจนเพลงเองต้องแกล้งหลบไปมองทางอื่น

“โต๊ะเดิมดีมั้ยครับพี่เหมี่ยว” แม้ว่าจะถูกตาคุณครูคนใหม่ แต่เมี่ยงเองก็ยังรักษาความสุภาพไว้ได้ทุกกระเบียดนิ้ว เขาหันไปถามไถ่ลูกค้าประจำต่อ

“ดีเลยค่ะ วิวดีที่สุด” หญิงร่างท้วมเข้ามาแตะแขนเพลงให้ตามมาด้วยกัน

เมี่ยงเป็นคนมารับออเดอร์เอง และแนะนำเมนูต่างๆ ให้คนมาใหม่อย่างเชี่ยวชาญ อีกฝ่ายจบมาจากโรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดัง แถมยังไปเป็นผู้ช่วยเชฟอยู่ที่ฝรั่งเศสเกือบสามปี ก่อนจะกลับมาเป็นเป็นเชฟที่โรงแรมระดับหกดาวที่ภูเก็ตอีก 2 ปี แล้วค่อยมาเปิดร้านอาหารของตัวเองบนที่ดินของครัว ที่เกาะเล็กๆ ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวรองแห่งนี้

เพลงคำนวณอายุอีกฝ่ายในใจคงปลายๆ เลขสองหรือไม่ก็ต้นเลขสาม เลยดูภูมิฐานเป็นพิเศษ

ไม่นานอาหารทะเลสดๆ ที่ไม่ได้ถูกปรุงด้วยสไตล์อาหารใต้เฉกเช่นหลายมื้อที่เพลงทานก็ถูกนำมาเสิร์ฟ มันเป็นอาหารฟิวชั่นที่มีกลิ่นอายฝรั่งเศส แต่ก็ยังเข้มข้นด้วยเครื่องเทศไทยๆ ปิดท้ายด้วยเค้กที่อร่อยไม่แพ้ร้านในกรุงเทพฯ เพลงคิดในใจว่ารอบหน้าถ้าแวนมาเขาคงต้องพามาลองชิมดูบ้าง

เมี่ยงให้ขนมเพลงและครูมะเหมี่ยวเป็นของฝากติดมือมาด้วย

“ช่วงนี้ผมกำลังลองทำขนมอบสูตรใหม่ๆ ครับ ใช้พวกผลไม้ที่ปลูกบนเกาะเรา เดี๋ยวจะเอาไปให้ลองชิมกันที่โรงเรียนนะครับ”

“ได้เลยค่ะ พี่จะรีวิวให้เองคุณเมี่ยง”



จบไปอีกหนึ่งวันสำหรับชีวิตครูฝึกสอน เพลงกลับถึงบ้านก็รีบอาบน้ำ ก่อนที่อุณหภูมิจะเย็นขึ้น แล้วก็มานั่งเตรียมการสอนไปเพลินๆ รอเวลาแวนเลิกงาน แต่เขาจะรอแค่ถึงประมาณสองทุ่ม เพราะหลังจากนั้นทั้งเกาะจะตัดไฟ แล้วเพลงก็ไม่อยากกวนเครื่องปั่นไฟของโรงเรียน หากแวนยังไม่ว่างพวกเขาก็จะยกยอดไปคุยกันวันรุ่งขึ้นแทน

‘เพลง ขอโทษยังช่วยงานพี่ที่ออฟฟิส เพลงนอนก่อนเลย’

‘อื้อ อย่าลืมกินมื้อเย็นนะ คุยกันพรุ่งนี้’

เพลงไม่น้อยใจเลยที่จะเห็นข้อความแบบนี้ เพราะเขายกความเชื่อใจไว้เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดโดยมีความคิดที่ว่า แค่ต้องห่างกันก็ทรมานพอแล้ว ถ้าต้องมาเสียเวลาจับผิดกันและกันอีก ยิ่งจะทำให้เสียเวลาเข้าไปใหญ่

และวันไหนที่คุยกับแวนไม่ได้ เขาก็จะหยิบไอพอดที่แวนใส่เพลงหวานๆ มาให้เต็มเครื่องมากดฟังแทนคำกล่อมให้หลับฝันดี









กรุงเทพฯ

ผ่านไปหลายวันความลำบากใจของเเวนยังไม่จบไม่สิ้น เพราะเช้าของสัปดาห์ที่สองในการฝึกงาน เขาก็ดันเข้าลิฟต์มาเจอโพสพอดี ซวยอะไรเบอร์นั้นว่ะ ไม่ต้องปกปิดชั้นอะไรทั้งนั้นเเล้วล่ะ เจอกันแบบหลบไม่ทันขนาดนี้

แล้วเมื่อเข้าลิฟต์ไปก็เป็นความกดดันอีกว่าควรปล่อยโพสต์ไปเอง หรือควรจะชวนขึ้นรถไปทำงานด้วยกัน

“เเวนรู้ป่ะว่าเเถวนี้มีร้านอาหารเช้าอร่อยๆ มั้ย” เป็นโพสที่เริ่มคุยก่อน ที่ในลิฟต์จะอึดอัดมากไปกว่านี้

แล้วเปิดบทสนทนามาขนาดนี้...ควรยังไง

“มี เดินออกไปหน้าคอนโดเลี้ยวซ้าย ข้าวหมูเเดงหมูกรอบอร่อยดี”

“…”

“…”

“แล้วแวนกินหรือยัง”

“เอ่อ...ก็ยัง” แม่เเมวไม่อยู่ไม่มีใครทำให้กินหรอก แวนย่นจมูกให้กับความคิดถึงที่โอบอุ้มหัวใจเขาไว้ ช่วงนี้งานเขายุ่งด้วย เลยไม่ค่อยได้คุยกับเพลงมากเหมือนช่วงแรกๆ

“ไปกินมั้ย โพสหิว เเล้วก็ยังไม่ชิน ไม่กล้าไปกินคนเดียว” เสียงคนอีกคนปลุกแวนให้ออกมาจากกล่องความคิด

“เอ่อ...ได้ดิ” เเวนพยักหน้าก่อนจะกัดฟันชวนเพื่อไม่ให้น่าเกลียด “แล้วค่อยไปออฟฟิสด้วยกันแล้วกันนะ”

“แล้วนี่เเฟนแวนไม่ทำข้าวเช้าให้กินหรอ” โพสเริ่มชวนคุยเมื่อเดินออกจากคอนโดมาด้วยกัน

“ก็...เพลงยังไม่ตื่น” เเวนปด เออ...ใช่เเผนเพลงก็อยู่ด้วยกันนี้เเหละ จะได้ไม่กระอักกระอ่วนมาก

“แล้วเค้าจะเดินลงมาเจอรึเปล่า กลัวทะเลาะกัน”

แวนส่ายหน้า “เพลงตื่นสายๆ นู่น เราคงกินไม่นานขนาดนั้น”

“ก็ดี เรากลัวจะทำให้แวนทะเลาะกับแฟน” โพสยิ้มแบบนางฟ้า ซึ่งมันก็ทำให้แวนค่อยคลายใจหน่อยที่เจอกันรอบนี้อีกฝ่ายน่าจะพูดง่ายขึ้นแล้ว



“น้องโพส เป็นแฟนน้องเเวนหรอ” เจ๊ขาเม้าท์คนหนึ่งในบริษัทถามขึ้น เมื่อโพสเดินเข้ามาวางของบนโต๊ะ “เจ๊เห็นนะ ว่าที่ลานจอดรถ ลงมาจากรถน้องแวนหนะ”

โพสยิ้มใส่จริตเขินเบาๆ แล้วส่ายหน้า

“ไม่ต้องปฏิเสธค่ะ เเอบไปไถ Facebook ดู เคยเห็นนะว่าลงรูปมือน้องเเวน เจ๊จำรอยสักกับเส้นเลือดได้”

“ขนาดนั้นเลยหรอครับ” โพสตีหน้าซื้อ

“กรุบๆ” เธอเเซวอีกนิดหน่อยเเล้วเดินไป คราวนี้โพสยิ้มอย่างอารมณ์ดี ให้คนเข้าใจผิดไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อาจจะมีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นก็ได้ อีกอย่างเขาก็ปฏิเสธไปแล้วนะ ไม่เชื่อเอง



เที่ยงนั้นเเก๊งเด็กฝึกงานไปกินข้าวด้วยกัน เเวนอุตส่าห์หลบๆ ไม่ให้ตัวเองอยู่ในเฟรมรูป แต่เพื่อนก็ยังแท็ก Facebook มาอยู่ดี เขาดูดีเเล้วว่าไม่เห็นหน้าโพสอยู่ในนั้น จึงอนุญาตให้มันขึ้น Wall ได้ แต่สวรรค์ก็ไม่ปราณี คงอยากให้เเวนทะเลาะกับเพลงให้ได้ เพราะดันมีเพื่อนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเม้นว่า “ใครมีเฟสไอ้โพสบ้างอ่ะ เเท็กหน่อยอยู่ตามขอบมุมของภาพอ่ะ”

แวนไม่เห็นหรอกว่าเพื่อนเม้นเพราะเขายุ่งงานอยู่ เพลงก็ไม่ได้เล่น Facebookบ่อย คลื่นลมก็เลยยังสงบดี





















TBC





อ้อนขอเม้นๆ ๆ ๆ เเทนน้องเพลง กับน้องแวนด้วย

โพสยังคงร้ายต่อเนื่อง

ส่วนเพลงจะรอดมือพี่เมี่ยงมั้ย??





#เพราะเธอมันน่าเบื่อ

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พอเริ่มสวีทก็มีมารฝุดมาที่ละตน :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw

17



ฝั่งคนบนเกาะก็ถูกขายขนมจีบซึ่งหน้า เมี่ยงหรือเจ้าของร้านอาหารที่มองเพลงตั้งแต่วันแรกโตพอที่จะแสดงออกทางความรู้สึกอย่างชัดเจน เพราะเขาก็อายุไม่น้อยแล้ว แถมยังมีธุรกิจที่ไม่น้อยหน้าใคร หน้าตารูปร่างก็ไม่แย่ ฟังก์ชั่นครบขนาดนี้หากจะอ้อนขอหัวใจใครก็พูดได้ว่าไม่ยากเกินไป

รถCRV คันสวยจอดที่หน้าโรงเรียนประจำเกาะตรงเวลาเป๊ะเกือบทุกวัน พร้อมถุงกับข้าวและขนมพอสำหรับคุณครูเกือบสิบคนที่สอนอยู่ที่นี่ แต่จะมีพิเศษคือน้ำผลไม้ของเพลง

ร่างเล็กที่ไม่ได้มีคาบสอนก่อนเที่ยงถูกโทรเรียกออกมารับของ และแน่นอนว่าข้อมือเล็กๆ นั้นไม่ได้รับอนุญาตให้หิ้วของหนัก เพลงจึงทำได้แค่เดินนำไปที่ห้องพักครูเท่านั้น

เมี่ยงสนิทกับคุณครูที่โรงเรียนนี้อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนเพลงมาสอน จึงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี แล้วยังมีของอร่อยขนาดนี้มาฝากทุกวัน ครูหลายๆ คนถึงขั้นอาสาเป็นแม่สื่อแม่ชักให้

หลังจากนั่งร่วมทานอาหารด้วยกัน และมีเสียงแซวบ้างพอให้เขิน เพลงก็เดินไปส่งเมี่ยงที่รถตามมารยาท

“พี่เมี่ยงครับ” อีกฝ่ายบอกให้เพลงเรียกแบบนี้

“ว่าไงครับน้องเพลง”

“คือ...เพลงขอบคุณที่พี่เมี่ยงรู้สึกดีกับเพลง แต่...จริงๆ เอ่อ..เพลงมีแฟนแล้ว”

“ครับ” ร่างสูงยังพูดด้วยริมฝีปากที่ยกยิ้มน้อยๆ “พี่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้น้องเพลงไม่สบายใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพี่ถูกใจน้องเพลง”

เมื่อถูกบอกชอบซึ่งๆ หน้าก็อดไม่ได้ที่จะแก้มร้อนขึ้นมาเบาๆ

ร่างสูงยังพูดต่อไปด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับเป็นผู้คุมเกม อาจจะเพราะเมี่ยงเองก็ผ่านบทเรียนเรื่องความรักมาเยอะ “เรายังเป็นพี่น้องหรือเพื่อนกันได้ใช่มั้ยครับน้องเพลง พี่ไม่อยากให้เราต้องเลิกคุยกัน หรือทำเป็นไม่รู้จักกัน เพราคิดว่าพี่กำลังจีบเราอยู่”

“ได้ครับ แต่เพลงแค่บอกไว้ก่อน พี่เมี่ยงจะได้ไม่เอ่อ...ยังไงดีละ...แบบไม่คาดหวังว่าเพลงจะ..เอ่อ”

“พี่เข้าใจครับ พี่ก็จะเป็นพี่ที่ดี ไม่ทำให้น้องเพลงอึดอัด”

“ขอบคุณครับ”

“บางทีพี่ก็ต้องการลิ้นคนกรุงเทพ ที่เป็นนักท่องเที่ยวหลัก ไปลองชิมสูตรอาหารให้พี่บ้าง น้องเพลงคงไม่ว่านะ ถ้าพี่จะชวนไปที่ร้านอีก”

“ถ้าเป็นอะไรที่คนเป็นพี่เป็นน้องทำให้กันได้ เพลงก็ยินดีครับ”

“เพราะน่ารักแบบนี้ไงครับ เฮ้อ... พี่ว่าพี่ไปก่อนดีกว่า แล้วไว้ค่อยคุยกันนะน้องเพลง”

“คะ ครับ” เพลงยกมือบ๊ายบายคนตัวโตที่โหนขึ้นรถไป CRV คันใหญ่ขับออกจากเขตรั้วโรงเรียน เพลงมองตามจนสุดสายตาแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จริงๆ แม้พี่เมี่ยงจะทำตัวเหมือนจีบแต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกอึดอัดอะไร อีกฝ่ายคงมีประสบการณ์เยอะพอที่จะรู้ว่าเข้าหาอย่างไรอีกฝ่ายถึงจะรู้สึกดีด้วย

เพลงเดินกลับมาที่ห้องพักครู เพื่อเตรียมสอนในช่วงบ่าย

“น้องเพลง” พี่เหมี่ยวที่นั่งอยู่ข้างๆ ทัก

“ครับ”

“คุณเมี่ยงเค้าก็นิสัยดีนะ อายุก็ไม่น้อย ฐานะก็โอเคเลย เหมือนครอบครัวเขาจะมีสวนยางเป็นมรดกอีกหลายร้อยไล่เลยละ แถมเป็นวัยพร้อมมีครอบครัวแล้วด้วย ถ้าเราอยากอยู่แบบสงบเงียบสบายใจ สอนที่นี่ไปเรื่อยๆ คุณเมี่ยงก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ”

“อะไรกันครับพี่เหมี่ยว พี่เมี่ยงเค้าก็สนิทกับคุณครูทุกคนที่นี่นะครับ” เพลงไม่คิดว่าคุณครูวัยเกือบสี่สิบในสังคมต่างจังหวัดที่เรื่องเพศเดียวกันอาจจะยังไม่ได้รับการยอมรับดีนัก พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“พี่ดูออกน่า พี่ก็ไปกินข้าวร้านเค้าบ่อยๆ เห็นกันมาตั้งแต่เปิดร้าน คนที่คุณเมี่ยงเอาใจแบบน้องเพลงพี่ยังไม่เคยเห็นเลยนะ”

“พี่ผมเป็นผู้ชายนะครับ พี่เมี่ยงเค้าก็ผู้ชาย”

“โอ๊ย มองตาคุณเมี่ยงก็รู้แล้วค่ะ ว่าหลงน้องเพลงแค่ไหน”

“พี่เหมี่ยว ผมคิดกับพี่เมี่ยงแค่พี่ชายจริงๆ ...แล้วอีกอย่างผมก็มีแฟนแล้วด้วย”

พี่เหมี่ยวพยักหน้า เข้าใจทันที “ถ้างั้นก็ลองๆ ดูกันไปไม่เสียหายค่ะ พี่เชียร์เพราะเห็นแกเป็นคนดี ก็อยากให้ได้เจอกับคนน่ารักๆ แบบน้องเพลง แล้วอีกอย่างอยากให้น้องเพลงอยู่สอนที่นี่ไปนานๆ”

เพลงยิ้มกว้าง เหตุผลข้อหลังนั่นน่าฟังไม่น้อย เขาเองก็เริ่มหลงรักความสงบของเกาะนี้ แล้วก็ความตลกน่ารักของเหล่านักเรียนที่มาสอนภาษาใต้แปลกๆ ให้เขาฟังทุกวันเช่นกัน

แต่ไม่ว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวจะน่าลงหลังปักฐานขนาดไหน ถ้าหัวใจเขายังอยู่ที่กรุงเทพฯ ตัวเขาก็ต้องกลับไปที่นั้นนั่นแหละ





หลายวันผ่านไป โพสกลับบ้านพร้อมเเวนอยู่บ่อยๆ หากไม่ได้มีเพื่อนชวนไปไหน ส่วนเเวนนั้นไม่ไปตามคำชวนอยู่แล้ว คนที่เคยชอบปาร์ตี้ เที่ยวเจ้าชู้ไปทั่ว บัดนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเพราะกลัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะเหงา แวนต้องรีบกลับไปให้อาหารลูก ถ้าจะออกไปไหนอีกจริงๆ ก็เมื่อเพื่อนสนิทในคณะชวนไปนั่งกินเบียร์บ้างใกล้ๆ คอนโด

วันนี้เป็นอีกวันที่โพสขอติดรถกลับบ้านด้วย และเมื่อเเยกย้ายกันได้สักพักโทรศัพท์แวนก็ดังขึ้น ใช่...โพสมีเบอร์เเวนตั้งเเต่ตอนที่เคยคุยกันครั้งนู่น

“ท่อในห้องน้ำเเตก ต้องปิดวาวน้ำ โพสเลยจะขอไปอาบน้ำห้องเเวน ได้หรือเปล่า”

แวนวางคนดีที่ถูกอุ้มมาตัดเล็บลงที่พื้น แล้วหยิบคีย์การ์ดกดลงไปรับโพสที่ชั้นหนึ่งของคอนโด เนื่องจากระบบรักษาความปลอดภัย ลิฟต์ที่นี่กดได้เฉพาะชั้นที่ระบุในคีย์การ์ดเท่านั้น ไม่นานก็กลับขึ้นมาบนห้อง พร้อมร่างของคนที่ยังใส่ชุดนักศึกษาแล้วหอบเอาชุดนอน กับเครื่องอาบน้ำบางอย่างมาด้วย

“เเฟนยังไม่กลับหรอ” โพสถามเมื่อสอดส่ายสายตามองไม่เห็นใครอีกคน เขาพึ่งเคยเข้าห้องแวนครั้งเเรก รู้สึกตื่นเต้นดี บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นกว่าที่คิดไว้ อาจจะเป็นเพราะที่ว่างตรงหน้าทีวีเต็มไปด้วยของเล่นเเมว ซึ่งขัดกับบุคลิกร้ายกาจของเจ้าของห้อง

“อื้อ”

“ดึกเนาะ”

“ไปกินเหล้ากับเพื่อน” เเวนโกหก

“แล้วไม่ต้องไปเฝ้าหรอ”

“ไม่อ่ะ เชื่อใจ”

โพสนึกหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อได้ยินคำนั้น มันไม่ควรออกมาจากปากคนที่เคยหลายใจรึเปล่า

“ห้องน้ำอยู่ตรงโน่น ตามสบายเลย” เเวนชี้ไปทางห้องนอน ที่เชื่อมกับห้องนั่งเล่น ส่วนตัวเองก็นั่งลงตรงพรมหน้าทีวี ลากเอาคอนโดเเมวที่คนดีตะกุยเล็บอยู่มาไว้ใกล้ตัว เเหย่ลูกเล่นไปเรื่อยระหว่างรอ

คนที่มาขอความช่วยเหลือมองภาพนั้นเเล้วก็ขุ่นเคืองอยู่ในใจ เเวนพยายามตัดความสนใจเขาเห็นๆ เเต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินเข้าไปในห้องน้ำ

เขาจงใจใช้สบู่เเละยาสระผมที่วางอยู่ในห้องน้ำ แล้วไม่นานก็ออกมา

กลิ่นหอมของสบู่ที่คุ้นเคยทำให้เเวนละสายตาจากคนดี โพสเดินเช็ดผมอยู่รอบๆ ตัวแวน ชุดนอนสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวสีขาวของอีกฝ่าย ให้ลุคคุณชายที่เชิดหยิ่ง ซึ่งเเต่ก่อนมันก็เป็นสเน่ห์ดึงดูดรุนเเรงที่ทำให้เขาอยากลองดึงอีกฝ่ายลงมาจากท้องฟ้า

แต่เอาชนะเเล้วได้อะไร... ตอนที่เขานอนกับโพส หน้าเพลงก็ลอยมาซ้อนอยู่เรื่อยๆ

แวนละสายตาจากขาอ่อนขาวๆ ลงมาที่พุงของคนดี เห็นแล้วก็ต้องยกขึ้นมาเอาจมูกฟัดไม่ได้

“เมี๊ยว~” เสียงร้องของแมวทำเอาโพสเริ่มหงุดหงิด มันมีอะไรน่าสนใจกว่าเขาหรือไง แวนสนใจเล่นกับไอ้หน้าขนนั้นมากกว่าเขาเสียอีก

“เราไปก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าคงมารบกวนอีกรอบ” เมื่อเเวนไม่พูดอะไรกับเขา เเละบรรยากาศมันก็ชวนกระอักกระอ่วน โพสจึงเป็นฝ่ายออกปากก่อน เขาก็ฉลาดพอจะไม่รุกเเวนมากเกินไป

“จะมาก็โทรมา เดี๋ยวเราลงไปรับ”

ขากลับเเวนไม่ต้องลงไปส่ง เพราะจากชั้นนี้สามารถกดลิฟต์ไปชั้นที่โพสอยู่ได้เลย

หลังโพสออกไป แวนก็กดล็อกห้อง กลิ่นสบู่ที่คุ้นเคย ภาพเเผ่นหลังที่หุ่นเหมือนเพลงราวกับจับวาง ทำให้อดคิดถึงคนที่เป็นตัวจริงไม่ได้ เวลาเลยสองทุ่มไปมากแล้ว ที่ที่เพลงอยู่โดนตัดไฟไปแล้วด้วยซ้ำ ที่จริงมันก็มีเครื่องปั่นไฟของโรงเรียนนั้นเเหละ หากเพลงจะใช้ก็บอกให้ลุงฉลองที่เป็นภารโรงจัดการให้ก็ได้ เเต่มันก็เป็นการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ต้องมาเติมเครื่อง

งบประมาณจากโรงเรียนทั้งนั้น เเฟนเขาเลยไม่ได้รบกวน เพลงจุดตะเกียงเอาเวลาคุยกับเขา ซึ่งมันก็เป็นอีกเรื่องที่นับถือใจเพลง อยู่ได้ในทุกสภาวะจริงๆ ไม่ติดหรู ไม่จำเป็นต้องอยู่สบาย ทั้งที่เขาก็พร้อมจะเปย์ให้มากมาย

‘ไปอยู่รีสอร์ทมั้ย เเวนเช่ารายเดือนให้ เเอบไปดูมาก็สบายกว่าบ้านพักนะ’ เขานึกถึงคำพูดที่บอกเพลงเมื่อตอนที่ไปส่ง

‘แวนจะเปลืองเงินทำไม เพลงมาฝึกงานนะ บ้านพักครูแบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึก คนอื่นๆ เขาอยู่ได้ เพลงก็อยู่ได้สิ’

‘เป็นห่วงได้หรือเปล่า’

‘บ้านลุงฉลองก็อยู่ใกล้ๆ มีอะไรเรียกได้ ไปอยู่รีสอร์ทต่างหากที่ไม่ใกล้ใครเลย’

เเวนจำใจต้องพยักหน้า ถ้าเพลงอยู่ได้ ก็ตามนั้น



เพลงส่งข้อความมาบอกเขาว่าจะเข้านอนตั้งเเต่ช่วงหัวค่ำ เพราะเป็นคุณครูต้องตื่นเช้า อีกอย่างเพลงก็จะตื่นมาใช้ไฟช่วง 6โมงเช้าตรวจการบ้านเด็กๆ ด้วย

ร่างสูงเล่นกับคนดีอีกนิดหน่อย ก็ลุกขึ้นไปล้างตัวเเล้วเข้านอนบ้าง เขาตบเตียงเรียกลูกมาประจำที่ น้องร้องเมี๊ยวๆ แล้วก็กระโดดขึ้นมาหาอย่างเเสนรู้

“เอาน้องมั้ยลูก ป๊าอยากรับมาเลี้ยงอีกสักห้าหกตัว อยู่กันสองคนเหงาเนาะ”

“เมี๊ยว~”

เเวนลูบหัวลูกชายเเล้วก็เกาคางเอาใจ พากันหลับไปในผ้านวมอุ่นนุ่ม



เเวนตั้งนาฬิกาปลุก 7โมงเช้า เพราะเข้าฝึกงาน 9โมง เขาตื่นมางัวเงียเเล้วฟัดกับคนดีหน่อยนึงก่อนจะลุกไปล้างหน้าเเปรงฟัน แล้วจัดการเก็บกวาดทำความสะอาดห้องน้ำเเมวให้ลูก เติมน้ำ เติมอาหาร เฝ้าลูกกิน ถ่ายรูปลูกส่งไปให้มะม๊าของคนดีดู กว่าทั้งหมดทั้งมวลจะเสร็จก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงเเล้ว

เเละขณะที่เเวนจะเข้าไปอาบน้ำบ้าง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มันเป็นเบอร์ของโพส ที่จะมายืมใช้ห้องน้ำ ร่างสูงจุ๊บหัวคนดีเบาๆ เเล้วลากรองเท้าเเตะออกไปรับเพื่อนร่วมคอนโดที่ชั้นล่างทันที

“เเฟนออกเร็วเนาะ” โพสทัก เมื่อเขาไม่เห็นคนข้างกายอีกฝ่าย

“อือ”

โพสกำลังเช็คให้เเน่ใจ และตอนนี้ก็มั่นใจเเล้วว่า ‘คนชื่อเพลง’ ไม่ได้อยู่ในห้องหรอก

ใบหน้าสวยเฉี่ยวยิ้มร้ายก่อนจะเข้าไปอาบน้ำตามที่แวนบอก เมื่อเสร็จก็ใส่ชุดนักศึกษาออกมาเพื่อเตรียมไปฝึกงาน แล้วเเวนก็เข้าไปอาบต่อ ระหว่างรอที่จะติดรถไปทำงานด้วย โพสก็คิดเรื่องสนุกขึ้นมาได้ เขาถือวิสาสะเปิดตู้แล้วเปลี่ยนเอาเสื้อเชิ้ตแวนมาใส่ มันยาวลงไปปิดแก้มก้น เขาถอดกางเกงนักศึกษาออก เหลือเพียงกางเกงในแบบขาสั้น ยีผมให้ยุ่งฟูมองดูตัวเองในกระจกยังไงก็ให้ความรู้สึกน่าฟัด อยากรู้นักว่าผู้ชายตอนเช้าๆ ที่มีอารมณ์รุนแรงแล้วไม่ได้อยู่ใกล้แฟนตัวเองจะยังอยากห้ามใจอยู่ไหม

โพสเดินลั้ลลาไปทำอาหารเช้ารอ ในตู้เย็นมีไข่ แล้วก็เบคอนเเพคอยู่

เเวนที่เเต่งตัวเรียบร้อยจากในห้องน้ำออกมาแล้วก็อึ้ง เขายืนมองแผ่นหลังคนที่ยืนอยู่หน้าเตา ร่างสูงสืบเท้าเข้าไปจนใกล้ กลิ่นสบู่แบบนั้น โครงร่างแบบนั้น มือใหญ่แทบพุ่งไปเกี่ยวมากอดไว้ให้จมอก

แล้วก็ต้องส่ายหน้าเบาๆ เพื่อเรียกสติ โพสเเค่มีรูปร่างคล้ายเพลง ทั้งสีผิวและหน้าตาก็ออกไปโทนนั้นเพียงแต่คนตรงหน้าเขาจะดูเฟียซกว่าเท่านั้น

โพสได้ยินเสียงฝีเท้า และลมหายใจอยู่ด้านหลังไม่ไกล เขากำลังวัดใจว่าแวนจะก้มลงมาซุกไซร้ซอกคอ หรือกอดรัดเขาอย่างที่เคยทำไหม

แต่ก็ไม่... เลยแสร้งแสดงละครตกใจแทน

“อ๊ะ เราขอโทษที่ทำโดยไม่ได้ขอ เราหิว แล้วคิดว่าเเวนก็น่าจะหิวด้วย เราเลยทำเผื่อ” เสียงใสๆ และยิ้มจนตาหยี แต่คนตัวสูงแค่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกไปตากผ้าเช็ดตัวที่ระเบียง พร้อมทั้งอุ้มเอาลูกชายไปรับเเดดอ่อนๆ อยู่พักหนึ่ง

แวนไม่กล้าปล่อยให้ลูกเล่นซนโดยลำพังกลัวจะหลุดหายออกไป เลยแค่ยืนเกาคางให้ พร้อมฝ่ามือใหญ่ที่ช้อนน้องไว้กับอก ร่างสูงกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งเมื่อคนดีร้องเหมือนปวดฉี่ เขาปล่อยลูกลงกับพื้น แล้วค่อยกันมามองโต๊ะอาหารก็เห็นจานอาหารเช้าที่เป็นไข่ข้นและเบค่อนทอดหอมกรุ่นวางอยู่สองจาน มีขนมปังปิ้งตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยมด้วย

โพสกวักมือเรียกเขาให้นั่ง แล้วชะโงกตัวข้ามฟากมาบีบซอสมะเขือเทศลงไปบนไข่ในจานของแวน สีหน้าตั้งอกตั้งใจจนเผลอทำคอเสื้อร่นลงไปถึงไหล่

เผลอหรือว่ะ...

ใบหน้าน่ารักนั้นเฉียดไปเฉียดมาใกล้จนได้กลิ่นสบู่ของคนพึ่งอาบน้ำหอมๆ อีกฝ่ายนั่งลง ยื่นซ่อมให้เขา มือเราสัมผัสกันนิดหน่อยเหมือนไม่ตั้งใจ...เเต่ก็รู้ว่าจงใจ

สายตาที่มองมาอย่างท้าทาย คนที่เคยฟัดกันมาแล้วบนเตียงทำไมจะไม่รู้สึกถึงความปรารถนาที่คุกรุ่น

เเวนห่างเพลงหลายวันและไม่ได้ทำอะไรกับร่างกายเลย ในความเป็นจริงเขาควรจะวูบวาบกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เหมือนเห็นเนื้อสดวางล่อราชสีห์ แต่ทำไมกลับรู้สึกหงุดหงิดจนหัวร้อนที่โพสพยายามอ่อย เเวนไม่ได้ซื่อบื้อขนาดดูไม่ออก ทั้งเรื่องน้ำประปาเอย เรื่องการสืบถามว่าเพลงอยู่ห้องหรือไม่ รวมไปถึงพยายามติดรถเขากลับมาบ่อยๆ

อยู่ๆ ก็รู้สึกว่า...คิดยังไงที่จะเอาเซ็กส์มาทำให้ใครสักคนผูกติดกับตัวเอง

“โพส เราว่ามันไม่ดีอ่ะ สิ่งที่โพสกำลังจะทำอยู่หยุดเหอะ”

“เราจะทำอะไรหรอ” ท่าทางไร้เดียงสานั้นมันคงน่ารัก ถ้าไม่ได้แปะอยู่บนหน้าคนที่เขารู้ว่าไม่ได้ใสขนาดนั้น

“คิดเอาเองแล้วกันแล้วก็...”

โพสรีบลุกขึ้นมานั่งลงบนตัก ในท่าหันหน้าเข้า แล้วเอามือคล้องคอแวนไว้ราวกับนางพญา บดเบียดสะโพกกลมลงบนก้อนเนื้อนูนของร่างสูง แวนเบือนหน้าไปอีกทาง แต่มือเล็กก็จับคางให้อีกฝ่ายหันมาสบตา แล้วพูดอ้อน “เรารู้นะว่าแวนก็จะทนไม่ไหวแล้ว ให้เราทำให้นะ แฟนไม่อยู่มาหลายวันแล้วไม่ใช่หรอ”

แวนผลักอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นอย่างไม่รักษาน้ำใจอีกต่อไป

“หึ กินเสร็จก็ลงตามไปละกัน เรารอข้างล่าง”

เเวนไม่ได้แตะอาหารในจานเลยด้วยซ้ำ เขารวบหนังสือที่ต้องใช้เรียนมาถือไว้ลวกๆ พร้อมกุญเเจรถและกระเป๋าตังค์ เดินออกไปเลย

โพสกำมือแน่นด้วยความโกรธ ได้เเวนได้!! คิดว่าศีลสูงนักก็ลองดู



แวนลงมาถึงชั้นหนึ่ง เขาเดินเข้าไปในร้านกาเเฟเล็กๆ ของคอนโดเเล้วสั่งอเมริกาโน่เย็นมาดื่มดับความหงุดหงิด รวมถึงเเซนวิชไส้ไข่ดาวที่ตัวเองกินประจำด้วย เเวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา มันเเปดโมงนิดๆ ป่านนี้เพลงคงคุมเด็กเข้าเเถวอยู่ เขาไม่อยากกวนอีกฝ่าย แต่ความร้อนรุ่มในใจก็ทำให้เผลอเเหกกฎของตัวเอง กดโทรออกทันที

เพลงคุมเเถวอยู่จริงๆ เเรงสั่นในกระเป๋ากางเกงทำให้เขาประหลาดใจ ปกติไม่มีใครโทรมาเวลานี้ ยิ่งเห็นเป็นชื่อเเวน ก็ต้องรีบฝากคุณครูประจำชั้นห้องข้างๆ ช่วยดูเด็กให้ก่อนเเล้วปดว่าปวดท้องเข้าห้องน้ำ เขากลัวเเวนเกิดเรื่องไม่ดี เลยต้องรีบรับโทรศัพท์

“แวน เกิดอะไรขึ้น!” เสียงเพลงดูตกใจจนเเวนรู้สึกผิด เขาพอรู้มาบ้างว่าเเวนหลอนโทรศัพท์อยู่พอสมควร เพราะตอนเด็กๆ ตำรวจเคยโทรมาเเจ้งเรื่องอุบัติเหตุที่ทำให้พ่อเพลงจากไปในคืนฝนตก

“ใจเย็นๆ ขอโทษที่โทรมากวน ไม่ได้มีเรื่องร้ายเเรง” แวนรีบอธิบายเพื่อให้เพลงคลายความกังวลลง

“ตกใจหมดเลย งั้นมีอะไรหรอเเวนโทรมาแต่เช้า”

“เเวนมีเรื่องจะสารภาพ”

“…” เพลงนิ่งฟัง แต่คำว่าสารภาพ ก็ทำให้ใจเขาเย็นเฉียบขึ้นมาเหมือนกัน

“โพส…”

“อะ อื้ม” ชื่อของคู่กรณีที่เพลงไม่ชอบที่สุดในวงโคจรคนเก่าๆ ของแวน ทำให้เพลงคุมเสียงไม่ให้สั่นได้ยากนัก

“ฝึกงานที่เดียวกับเเวน แล้วก็...มาเช่าคอนโดอยู่ตึกเดียวกัน”

“หรอ…”

“เเวนเลี่ยงไม่ได้ บางทีก็รับเขากลับบ้านด้วย”

“อะ อื้อ”

“แต่เมื่อคืนเขามาขออาบน้ำ เพราะท่อที่ห้องแตก เช้านี้ก็มาอาบอีก แค่นั้น”

“อื้ม”

“เพลง โกรธมั้ย”

“ก็ไม่สบายใจ” เพลงตอบไปตามความจริง

“ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ ตอนเเรกว่าจะไม่เล่า เเต่เเวนก็อึดอัดเกินกว่าจะเก็บไว้”

น้ำเสียงร้อนรนของแฟนหนุ่มทำให้เพลงคลี่ยิ้มได้ ใช่...เขาเชื่อใจแวน

“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะที่เล่าให้ฟัง แล้วแวนสบายใจขึ้นรึยัง”

“แล้ว”

“ดีมาก...จะไปทำงานรึยัง”

“ยังอ่ะ รอโพสลงมา เเวนลงมาก่อน ไม่อยากอยู่ในห้องด้วย รู้สึกอึดอัด”

คราวนี้เพลงหัวเราะ น้ำเสียงเริ่มดีขึ้น “ตลกเเวน”

“เออ มึงเเหละเพลงทำให้กูเปลี่ยนไป”

คนที่เริ่มใจชื้นขึ้นบ้างกลับมาใช้บทสนทนาเเบบเก่า เพลงเป็นทั้งน้ำร้อน น้ำเย็น และน้ำอุ่นที่ทำให้ใจเขาฉ่ำชื้น

“ไม่ต้องคิดมาก เพลงเชื่อใจเเวนนะ”

“คิดถึงนะเพลง คิดถึงมากๆ อยากกอดมึง”

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ เดี๋ยวเย็นนี้เปิดกล้องกันดีมั้ย”

“เซ็กส์โฟนได้ป่ะ”

“แวน! เกรงใจอาชีพเพลงหน่อย”

“ไปลาออกไป เดี๋ยวเลี้ยงเอง”

เพลงก่นด่าเเวนอีกนิดหน่อย เเล้วก็วางสายกันไปด้วยรอยยิ้ม เเวนอารมณ์ดีแล้ว และก็สามารถมองหน้าโพสด้วยความสบายใจขึ้น เพราะเพลงทำให้เขารู้ว่าเขามีคนที่พอดีที่สุดกับใจตัวเองอยู่แล้ว




- TBC -





หมั่นไส้นังเเวนนัก รักหลงอะไรขนาดนั้น

ส่วนโพส เอ็นดูลูก ไม่อิจฉาคนดีนะคับ

เม้นได้นะคะ เม้นเถอะ รออ่าน เม้าๆ กันได้น๊า 

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
18



เข้าเดือนมิถุนายนประเทศไทยก็ฝนตกบ่อย กรุงเทพที่ตกหนักแล้ว คงไม่สู้เกาะทางใต้ ที่เหมือนมรสุมจะเข้าทุกเมื่อเชื่อวัน เเล้วพอฝนตกหนักๆ สัญญาณโทรศัพท์คนบนเกาะก็ไม่ดีเลย บางครั้งเเวนกับเพลงก็ไม่ได้คุยโทรศัพท์กันติดกันสองสามวัน วันนี้ก็เช่นกัน เเวนดูพยากรณ์ในไอโฟน เห็นฝนตกฟ้าคะนองเเทบทั้งคืนเชียว เขาเป็นห่วงคนที่กลัวฟ้าฝนคนนั้น



เมี่ยงยังเอาขนมมาให้เพลงบ้างแต่ไม่บ่อยเท่าแต่ก่อน เขาหงายการ์ดพี่ชายและเพลงก็ไม่สามารถปฏิเสธได้จึงรับไว้ เย็นนี้ก็เช่นกันที่ฝนตกหนัก อีกฝ่ายมารับเพลงไปทานข้าว แต่เพลงยังรอส่งเด็กชั้น อ.2กลับบ้าน ซึ่งเขาได้เป็นครูประจำชั้นเลย (แถมยังต้องข้ามไปสอนภาษาอักกฤษเด็กประถมปลายอีก) เนื่องจากปริมาณครูน้อยมาก ฝึกงานอย่างไรให้เหมือนทำงานจริงจึงเกิดขึ้นทันที ผู้ปกครองเด็กๆ มารับกันหมดแล้ว หลายๆ คนที่อยู่บ้านข้างๆ กันก็ฝากๆ กันกลับ จะเหลือก็เเต่โนราห์เด็กผู้หญิงตัวเล็กกว่าคนอื่นในห้องที่ยังไม่มีใครมารับ

เจ้าของร้านสุดหล่ออาสาอยู่เป็นเพื่อนเพลง เพราะเมื่อฝนตกหนักแบบนี้โรงเรียนเองก็มืดทะมึน น่ากลัวไม่ใช่ย่อยๆ คุณครูคนอื่นๆ ที่ไม่ได้พักในเขตโรงเรียนกลับกันไปก่อนแล้ว

เพลงรู้ว่านักเรียนในห้องเธออยู่กับยายแก่ๆ เพียงสองคน พ่อเเม่เป็นชาวประมงนานๆ กลับมาสักครั้ง ซึ่งตั้งแต่สอนมาเกือบจบเทอมแล้วเพลงก็ยังไม่เคยเจอเลย ฝนตกแบบนี้คุณยายคงปั่นจักรยานมารับเธอไม่ไหว และปกติถ้ายายไม่มารับ ลุงฉลองก็จะขี่มอเตอร์ไซต์ไปส่งเเทน แต่วันนี้ลุงลาไปทำธุระในเมือง เลยไม่มีใครไปส่ง

ตอนเพลงปิดประตูห้องเรียนโนราห์ทำหน้าเหมือนจะร้อง เพลงเลยยิ้มให้

“เดี๋ยวอยู่ทำการบ้านกับครูพี่เพลงก่อนเเล้วกันนะ ฝนหยุดตกค่อยกลับ”

จริงๆ เมี่ยงอาสาจะไปส่งให้ก็ได้ แต่เพลงก็เป็นกังวลอีกว่าจะสวนกับยาย แล้วทางเข้าบ้านโนราที่อยู่ในสวนยางลึก น่าจะเอารถยนต์เข้าลำบาก นั่งรอด้วยกันที่โรงเรียนคงดีที่สุด

เพลงชวนโนราห์ไปนั่งตรงโรงอาหาร เพราะเป็นที่สว่างหน่อย ไม่อุดอู้เหมือนในห้องที่ต้องปิดหน้าต่างเพราะกันฝนสาดเข้ามาโดนหนังสือ เด็กหญิงผิวคล้ำ ตัดผมสั้นเต่อสูงแค่ช่วงต้นขาเพลงเอง เพลงจูงมือเธอไปนั่ง เเล้วเริ่มเปิดสมุด วันนี้มีการบ้านเป็นระบายสี นักเรียนของเพลงหยิบสีเทียนออกมาจากกระเป๋า มันสั้นกุดแทบหมดแล้ว เพลงนึกอยากซื้อใหม่ให้ เพราะรู้มาว่าเด็กๆ บางบ้านก็ไม่ได้มีฐานะมากนัก พ่อเเม่ของเด็กๆ ส่วนใหญ่ทำประมงเรือขนาดเล็ก หรือไม่ก็ปลูกเเตงโม และรับจ้างตัดยางพารา

โนราห์ตั้งใจทำการบ้านจนตาเเทบจะติดกับกระดาษอยู่เเล้ว เพลงหยิบยางในกระเป๋าตัวเองมามัดจุกหน้าม้าให้เธอ

“ครูว่าปลาพะยูนสีไหล้ดี” เธอเงยหน้าขึ้นถาม

บางทีเพลงก็มึนงงกับภาษากลางผสมภาษาใต้อยู่เหมือนกัน สมองเเปลอยู่ครู่นึง ลูกศิษย์ตัวน้อยถามว่าสีอะไรสวยสินะ

“หนูชอบสีอะไรละคะ”

“หนุ่ยชอบชมพู แต่ว่าปลาพะยูนจริงๆ ม้ายช่ายสีชมพูค่ะ”

“ก็ระบายสีที่ชอบก็ได้ ครูไม่ได้สั่งให้ระบายสีตามความจริงหนิคะ ครูบอกว่าตามจินตนาการ”

“ตามจินตนาการแปลว่าสีไอไหลก็ได้ ช่ายม้ายคะ”

“ใช่ค่ะ สีอะไรก็ได้”

โนราห์ยิ้ม แล้วก็ทำการบ้านต่อ เพลงนั่งมองดูเพลินตา พอเธอทำการบ้านเสร็จ เสียงกริ่งจักรยานก็ดังขึ้นพอดี เพลงไม่ทันรู้เลยว่าฝนหยุดตกไปนานเเล้ว คุณยายวัยเจ็ดสิบกว่าตัวผอมบาง แต่ยังดูเเข็งเเรงส่งยิ้มแฉ่งโชว์ฟันหลอมาให้

“สวัสดีครับคุณยาย” เพลงทักทาย แล้วช่วยเก็บสีเทียนให้โนราห์

“รบกวนครูหลาว ต้องนั่งเฝ้าให้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับไปก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่เเล้ว อยู่ดูน้องทำการบ้านก็เพลินดี”

“ขอบคุณมากๆ เลยหน๊าครู เอานี่ไปกิน ต้มลาวไส้กล้วย ยายปลูกเอง ทำเองรับรองหรอย”

เพลงยิ้มขอบคุณ น่าจะเป็นข้าวต้มมัด ที่คุณยายทำเอง และไส้กล้วยก็เป็นกล้วยที่คุณยายปลูก

โนราห์ กระตุกเเขนยายยิกๆ คงอยากกลับเเล้ว

“หวัดดีครูแล้วหม้าย”

“สวัสดีค่ะ” เด็กน้อยไหว้ย่ออย่างน่ารัก เพลงไปช่วยอุ้มขึ้นซ้อนท้ายจักรยานคันสูง แล้วสองยายหลานก็จากไป เพลงเก็บกระเป๋า เมี่ยงมารับไปถือให้อย่างสุภาพ

“เพลงอยากซื้อสีใหม่ให้เด็กจัง” เขาพูดความต้องการขึ้นมาขณะเดินไปที่รถกับอีกฝ่าย”

“คงต้องไปซื้อในอำเภอเมืองค่ะ วันอาทิตย์นี้พี่พาไปดีมั้ย” เมี่ยงอาสาวันเสาร์เพลงมีสอนพิเศษเด็กป.6 ช่วงเช้าคงไม่สะดวกถ้าไปไม่เต็มวัน

ปกติจะเข้าเมืองก็มีเรือข้ามฟากบริการ หรือถ้ารีบก็จ้างเรืองหางยาวแบบเหมาลำได้ แต่ทว่าเมี่ยงที่ต้องเดินทางไปกลับเกาะกับแผ่นดินใหญ่บ่อยๆ มีสปีทโบ๊ทที่ช่วยย่นเวลาได้ดีเป็นของตัวเอง แถมยังฝากจอดรถยนต์ไว้ที่ท่าเรือฝั่งนู่นด้วย สามารถลงเรือแล้วขับรถต่อได้เลย

“สงสัยรอบนี้เพลงต้องรบกวนพี่เมี่ยงแล้ว” คนตัวเล็กบอก เพราะเขาไม่อยากไปกวนลุงฉลองให้จัดการให้อีก แค่งาน

โรงเรียนที่ต้องอึดรอยรั่วของหลังคาที่ฝนรั่วซึมอยู่ทุกวันก็เหนื่อยแย่แล้ว

เพลงไม่ได้กลับบ้านพักทันที เพราะวันนี้ครอบครัวลุงฉลองไปธุระกันทั้งหมด เลยไม่มีคนส่งปิ่นโต เมี่ยงรู้มาก่อนจึงตั้งใจมารับไปทานข้าวที่ร้าน และเพลงก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะเกรงใจที่อีกฝ่ายหิ้วท้องรอเด็กมาด้วยกันตั้งแต่เย็น



ฟ้าหลังฝนสวยงามสมคำกล่าว สายรุ้งสองเส้นทอดผ่านฟ้าจนเพลงมองตาโต เขาอยู่บนรถกับเมี่ยงและกำลังมุ่งหน้าไปร้านอาหารที่อีกฝ่ายเป็นเจ้าของ

เพลงนั่งร่วมโต๊ะกับอีกฝ่าย ค่ำนี้ลูกค้าบางตาเพราะฝนที่ตกหนักในช่วงเย็นเลยไม่ค่อยมีใครออกจากที่พัก เทียนในแก้วใสถูกนำมาจุดสร้างบรรยากาศ เมี่ยงเปิดไวน์ขาวให้เพลงทานร่วมกับปลากะพง และปิดท้ายด้วยขนมหวานเลิศรส

มันจะพิเศษมาก ถ้าคนตรงหน้าเขาเป็นแวน เพลงยกมือถือขึ้นมาดู สัญญาณที่หายไปตั้งแต่ช่วงฝนกระหน่ำบัดนี้ยังไม่กลับมาเลย

เพลงกำลังจะกลับ แต่พายุก็เหมือนจะตั้งเค้าอีกรอบ ฟ้าแลบแรงพอกับที่ส่งเสียงคำรามอย่างน่าสะพรึง เพลงยกมือขึ้นอุดหู หน้าซีดขาว จนเมี่ยงสังเกตได้

“หนูกลัวฟ้าผ่าหรือคะ” เขาพูดด้วยความอ่อนหวานและเอ็นดูเพลงที่เด็กกว่าหลายปี

คุณครูพยักหน้า

“หืม” เมี่ยงขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวลแทน เมื่อนึกถึงที่พักของเพลง

“คืนนี้นอนที่รีสอร์ทพี่ก่อนมั้ย ที่บ้านพักหนูพี่ว่าคงไม่เก็บเสียง”

เพลงพยักหน้าหงึกอย่างไม่คิดนานเลย แล้วร่างสูงก็เดินนำไปเอากุญแจที่เคาร์เตอร์เช็คอินน์ที่อยู่ที่เดียวกับร้านอาหาร ก่อนจะกางร่มพาเพลงไปส่งที่ห้องพักที่ใกล้ที่สุด ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆ สร้างหันเข้าทะเล

“เพลงจ่ายตังค์ให้นะพี่เมี่ยง” คนตัวเล็กบอกเมื่อเข้ามาสงบสติได้ในห้องนอน บ้านปูนย่อมเก็บเสียงได้ดีกว่าขนำไม้ไผ่สานอยู่แล้ว

“ถ้าจ่ายตังค์พี่โกรธนะ”

เพลงทำหน้างอ ซึ่งมันก็ดูหน้ามองในสายตาคนแก่กว่า เขาปล่อยให้เด็กน้อยได้พักผ่อน โดยไม่ลืมจะเอาพวกชุดนอนของตัวเองจากบ้านพักที่อยู่ชั้นบนของโซนร้านอาหารมาให้เพลงใช้ก่อน

คนตัวเล็กอาบน้ำเสร็จก็รีบกระโดดขึ้นเตียง เขาแง้มม่านดูฝนด้านนอกตกแรงอย่างกับพายุ เพลงกำลังจะโทรหาเเวน สัญญาณก็ไม่มีอีกเเล้ว เพลงปิดม่านนั่งตัวสั่นหงึกๆ อยู่บนที่นอน แล้วเริ่มนึกไปถึงตอนประถมปลาย ในคืนที่ฝนตกหนักแบบนี้ เพลงเป็นคนรับโทรศัพท์รับเเจ้งว่าพ่อประสบอุบัติเหตุ และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้นเพลงก็เกลียดฝนเข้าไส้ แสงสีขาวที่พาดผ่านฟ้า คงไม่ต่างกับไฟหน้ารถพ่อที่สาดส่องไปบนถนนก่อนจะประสานงากับรถสิบล้อ

เพลงปลอบใจตัวเองไม่ให้ร้องไห้ มันผ่านมาหลายปีและเขาต้องเข้มแข็ง แล้วเพลงก็นึกได้ว่ามีของขวัญชิ้นสำคัญอยู่ในกระเป๋าสะพายPlaylist กล่อมเด็กนอนที่เเวนตั้งไว้ให้ในไอพอดทำให้เพลงยิ้มได้ มันเป็นเพลงจังหวะสบายๆ ที่จริงหูฟังที่เเวนไปซื้อให้ใหม่เป็นแบบยัดเข้าไปในรูหูเพื่อตัดเสียงรบกวน ร่างสูงให้เพลงเก็บไว้ใช้ในกรณีที่มีฟ้าผ่านี่แหละ มันเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่เพลงคิดไม่ถึง แต่คนตัวโตกลับตั้งใจเตรียมไว้ให้

และเเค่คิดถึงหน้าเเวนเพลงก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างปะหลาด ไม่รู้ป่านนี้เจ้าตัวจะทำอะไรอยู่ ฝนตกหนักจนสัญญาณโทรศัพท์ไม่มีเลย

เขาผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้เช่นกัน

เพลงสัมผัสได้ถึงเเรงสั่นครืดที่ข้างหมอน เขางัวเงียคว้ามาดู ตีสองกว่าเเล้ว เพลงดึงหูฟังออกเเล้วใช้นิ้วโป้งสไลด์หน้าจอเพื่อรับโทรศัพท์

“ฮัลโหล” เพลงกรอกเสียงลงไป

“หลับแล้วหรอ” เเวนถาม เสียงเพลงงัวเงียจนปลายสายเดาได้

“อื้อ ไม่รู้หลับไปตอนไหนเหมือนกัน แวนมีอะไรรึเปล่า”

“เปล่า...ดูพยากรณ์แล้วที่นั้นฝนตกหนัก กลัวนอนไม่หลับ”

เพลงยิ้มในความมืด

“ฟังเพลงที่เเวนให้มา เลยหลับ”

“โทรตั้งเเต่หัวค่ำเเล้วไม่ติดเลย”

“อื้อ ไม่มีสัญญาณเลย”

“กลัวรึเปล่า”

“กลัว แต่ก็ต้องพยายามไม่กลัว”

“เก่งจังแฟนใครนะ”

“แฟนเเวน”

“เปิดกล้องนะ” แวนขอ

“ได้ดิ” เพลงกดรับทันที ห้องแวนมีแสงสลัวจากไฟหัวเตียง เพลงเห็นคนดีนอนหลับอยู่ตรงหมอนข้างๆ ก็เลยโบกไม้โบกมือเซย์ไฮลูกนิดหน่อย โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าห้องที่เปิดไฟสว่างของตัวเองนี้มันไม่ใช่โลเคชั่นเดิมที่แวนเห็นทุกวัน

แต่แวนก็ไม่ได้ทักอะไร เพราะถ้าเพลงทำผิดก็คงไม่กล้าเปิดกล้องหรอก คืนนี้เพลงอาจไปขอค้างบ้านใครที่มิดชิดเพราะฝนตกหนัก

พวกเขาคุยกันอีกเล็กน้อย เพลงก็หาวหวอด

“หลับต่อเถอะ ดึกแล้ว”

“ฝันดีครับ”

“บอกลูกด้วยว่ามะม๊าคิดถึง”

“ลูกหลับปุ๋ยเลย แล้วคิดถึงปะป๊าของลูกบ้างรึเปล่า”

“แวนน่าจะรู้”

“พูดหน่อยอยากฟัง”

“เพลงคิดถึง...คิดถึงเเวนนะ”

“อยากวาร์ปไปฟัดเเก้มเลยอ่ะ เห้อ เเวนเพ้อเจ้อเนาะ เพลงนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นเเต่เช้าอีก”

“เราก็อยากให้เเวนวาร์ปมา อยากกอด อยากนอนซุกๆ ตัวเเวน”

“พูดแบบนี้เเวนใจจะขาด” ร่างสูงโอดครวน เขาก็นึกถึงอุณหภูมิอุ่นจากเนื้อเนียนไม่ต่างกัน

“เพลงไม่อ้อนเเล้วก็ได้ จุ๊บๆ กันแล้วไปนอนนะ”

“ครับ จุ๊บ”

“จุ๊บ" เพลงยื่นปากเข้าไปใกล้กล้องจนจอมืด ก่อนจะกดวางแล้วกอดโทรศัพท์เเน่น หัวใจเขาเต้นเเรงราวกับเด็กพึ่งหัดมีความรัก ไม่ต่างจากแวนเขาดิ้นปัดๆ อยู่บนเตียงแล้วเอาจมูกฟัดหมอนของเพลงจนคนดีตกใจตื่น ไม่น่าเชื่อว่าอะไรเรียบง่ายธรรมดา บางทีก็ทำให้เราโหยหาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เสียงเพลงจาก ipod ที่เพลงตั้ง Loop ไว้ยังคงเเว่วหวานอยู่ในความฝัน ที่มีเเวนและเพลงจับจูงมือกันไป

Yeah, it could be a grey day

If you’ re lonely

A little rain suddenly turns heavy

But a whole lot of love can make the clouds go away

Maybe the time for us is now



It could be love

And we could be homies

And once you get to know me

I could be your one and only

I could make you unlonely

Oh, we could take it slowly

And we could keep it lowkey

I could be your one and only

I could make you unlonely

*Jason Mraz – Unlonely







วันอาทิตย์มาถึง เพลงที่นัดกับเมี่ยงไว้ว่าจะไปในตัวเมืองก็รีบแต่งตัวลงมารอหน้าบ้าน ซึ่งพอดีกับที่ลุงฉลองขับมอเตอร์ไซต์เข้ามาหา

“อ้าวครูเพลงจะไปไหน ผมซื้อปาท่องโก๋มาฝาก”

เพลงรับขนมแล้วกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม

“เพลงจะเข้าเมืองกับคุณเมี่ยงครับ ลุงอยากได้อะไรจากในเมืองมั้ย”

คนแก่กว่าส่ายหน้า “ไปเที่ยวให้สนุกเถอะครับไม่เป็นไร” เขาก็พอได้ยินมาบ้างว่าเจ้าของร้านอาหารคนนั้นเข้ามาจีบครูเพลง แต่ลุงเป็นคนที่เคยเจอแวน แล้วก็พอจะเดาความสัมพันธ์ได้จึงไม่นึกเชียร์ตามคุณครูคนอื่นๆ

“เพลงไม่ได้ไปเที่ยวหรอกครับ แต่อยากไปร้านเครื่องเขียนใหญ่ๆ หนะ วันก่อนเห็นโนราห์ใช้แต่สีเทียนกุดๆ แล้วสงสาร อยากซื้อกล่องใหม่ให้”

คราวนี้ลุงพยักหน้า แล้วมีสีหน้าอ่อนลง

“เห้อ น่าสงสารครับบ้านนี้ พ่อเเม่ออกไปหาปลา แล้วเจอพายุไม่ได้กลับมาเลย ศพก็ไม่เจอ”

เพลงยกมือปิดปาก ที่ลูกศิษย์เคยบอกว่ารอพ่อเเม่กลับจากหาปลา เพลงก็นึกว่าจะกลับมาจริงๆ

“เหลือกันสองคนยายหลาน ยายเเกก็ไม่ได้บอกหรอกครับว่าพ่อกับเเม่ไม่อยู่เเล้ว”

คุณครูฝึกหัด พยักหน้ารับ นึกสงสารเข้าไปใหญ่ คุณยายก็เเก่เเล้วคงทำงานอะไรได้ไม่มากจึงไม่เเปลกใจที่กล่องสีเทียนกล่องนั้น เด็กน้อยจึงใช้จนกุดหมด แถมเสื้อผ้าก็ดูจะเป็นของเก่าตกทอดมา เพลงเลยตั้งใจจะซื้ออย่างอื่นๆ มาให้โนราห์ด้วย

ไม่ทันได้พูดต่อรถคันโตก็เลื่อนเข้ามาจอด เพลงบอกลาคุณลุงภารโรงแล้วก็เดินไปขึ้นรถ

“แต่งตัวน่ารักจังเลยน้องเพลงวันนี้” เมี่ยงทักทายอย่างอารมณ์ดี เพลงหันไปยิ้มรับแล้วชมกลับบ้าง

“พี่เมี่ยงก็หล่อครับ”

“พี่ไม่เคยเห็นน้องเพลงใส่ขาสั้นเลย อยู่เกาะแท้ๆ” ร่างสูงอดจะทักไม่ได้ เขาแค่นึกว่าวันสบายๆ แบบนี้คุณครูคนเรียบร้อยจะแต่งตัวแปลกไปบ้าง

“แฟนเพลงหวงครับ เอากางเกงขาสั้นออกหมดเลย ให้ใส่แต่ขายาว” คนตัวเล็กตอบตามความจริง เมี่ยงพยักหน้า เส้นทางความรักเขาดูจะลำบากเสียเหลือเกิน



เมี่ยงขับรถมาจอดที่ท่าเรือใกล้ๆ ร้านของเขาเอง ก่อนจะช่วยประคองเพลงขึ้นสปีทโบ๊ทลำเล็ก ชายหนุ่มจัดแจงให้เพลงนั่ง แล้วเขาก็สตาร์ทเครื่องพายานพาหนะสีขาวสู่ท้องทะเลกว้าง กลิ่นเกลือ และละอองน้ำกนะเซ็นโดนแก้มเพลงเป็นระยะ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้หลบ เขาสวมแว่นกันแดดที่เมี่ยงยื่นมาให้ แล้วก็นั่งมองวิวเกาะต่างๆ ที่เคลื่อนผ่านสายตาไป ประมาณครึ่งชั่วโมงเจ้าของร้านอาหารสุดหล่อ ก็ลดความเร็วลงเพื่อเอาเรือเข้าจอดท่า หลังจากผู้เชือกล็อกกุญแจเรียบร้อย เมี่ยงก็เดินขึ้นฝั่งไปก่อนจะยื่นมือส่งมาช่วยประคองเพลงขึ้นไป

เขาแวะซื้อมะพร้าวน้ำหอมให้เพลงดื่มดับร้อน ก่อนจะพาขึ้นรถที่ฝากจอดไว้กับบ้านคนแถวท่าเรือ



เพลงพึ่งเข้ามาในเมืองครั้งแรก ก็อดจะตื่นตาตื่นใจไม่ได้ ถึงจะไม่ทันสมัยแบบกรุงเทพฯ แต่ก็มีร้านรวงที่น่าสนใจ รวมไปถึงสถาปัตยกรรมแปลกตาแบบตึกชิโนโปรตุกิสของทางใต้ เมี่ยงพาเพลงไปยังร้านเครื่องเขียนขนาดใหญ่ของจังหวัด มันเป็นร้านเก่าแก่ที่มีบรรยากาศคลาสสิค กลิ่นหนังสือลอยอบอวล พร้อมๆ กับเด็กๆ หลายช่วงวัยเดินเลือกซื้อกันให้เต็มร้าน จากที่ตั้งใจมาซื้อสีเทียนให้เด็กในห้อง กลายเป็นว่าคุณครูเพลงหลงไปในดงหนังสือ แล้วหานิยายให้ตัวเองอ่าน รวมถึงมองหาคู่มือการสอนใหม่ๆ ไปด้วย

“อยากให้พี่เดินตามเป็นเพื่อน หรืออยากให้พี่นั่งรอแล้วน้องเพลงเดินคนเดียวครับ”

คนตัวเล็กหันมายิ้ม พี่ชายตัวโตของเขาตรงไปตรงมาแบบนี้ซึ่งนับเป็นคุณสมบัติที่ดีที่ทำให้เพลงรู้สึกไม่อึดอัดมากนัก

“ไม่ต้องเดา อย่างหลังแน่ๆ ถูกมั้ยครับ”

“พี่เมี่ยงรู้ใจ”

มือใหญ่ถือวิสาสะขยี้ผมนุ่มอย่างเอ็นดู เขาเลี่ยงไปสั่งกาแฟจากบาร์เล็กๆ แล้วไปนั่งลงตรงโต๊ะติดกระจกหน้าร้าน มันเป็นโซนสำหรับคนที่ซื้อหนังสือเสร็จแล้วมานั่งอ่านเลย หรือไม่ก็มารอคนอื่นแบบเมี่ยงนี่แหละ

เพลงใช้เวลาเลือกไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์ ตอนแรกเขานึกว่าพี่ชายจำเป็นโทรตาม แต่กลับเป็นแวนที่ VDO Call มา โชคดีที่เขาบอกแวนไว้ก่อนแล้วว่าจะเข้าเมืองมาซื้อสีกับคุณครูที่โรงเรียน ใช่...เขาโกหก เพราะไม่อยากให้แวนคิดมาก

“ว่าไงแวน” เพลงกดเปิดกล้อง แล้วทักทายแฟนหนุ่มเสียงใส อีกฝ่ายเหมือนอยู่ในร้านขายของอะไรสักอย่างเช่นกัน

“แวนออกมาซื้อเบาะที่นอนให้คนดี เพลงช่วยเลือกหน่อยสิ”

“อ้อ...” เพลงพยักหน้า กล้องถูกสลับจากหน้าหล่อร้ายของแวนไปยังที่นอนแมวสีหวานมุ้งมิ้งทันที

“ลูกเป็นผู้ชายนะแวน ไม่มีแบบเท่ๆ หรอ”

แวนชอบทำตัวเหมือนเลี้ยงลูกสาว

“ก็ได้ แต่แวนว่าพวกลายคิตตี้มันน่ารักดีออก”

“เดี๋ยวคนดีก็ไม่ยอมนอนหรอก ซื้อสีชมพูไปหนะ” เพลงดุ แวนยอมเดินไปโซนอื่นสุดท้ายก็ได้เบาะนอนลายเรือใบและท้องทะเลสีโทนน้ำเงินมาแทน

แวนกำลังเดินไปจ่ายเงิน แต่ยังไม่ได้วางโทรศัพท์ ส่วนเพลงที่ถือหนังสือเต็มไม้เต็มมือ แล้วยังจะหยิบสีเทียนจากชั้นขายอีกก็ดูทุกลักทุกเลไม่น้อย

“มาค่ะ พี่ช่วยถือ หนูจะได้เลือกสบายๆ” เมี่ยงเข้ามาช่วยคว้าของที่กำลังจะหลุดมือไปจากเพลง แล้ววางมันลงในตะกร้า

“พี่เห็นหนูทุลักทุเลมาสักพักแล้วเลยหยิบตะกร้ามาให้” ร่างสูงหนา และหน้าตาคมเข้มบอกด้วยรอยยิ้มใจดี เขาเห็นแบบนั้นจริงๆ จากที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะ

“ขะ ขอบคุณครับ” เพลงหันไปขอบคุณ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แต่เห็นว่ามันตัดไปแล้วทั้งที่เขายังไม่ทันบ๊ายบายแวนเลย



หลังซื้อของเสร็จ หนุ่มเจ้าถิ่นก็พาเพลงไปกินอาหารขึ้นชื่อ รวมถึงไปซื้อของใช้ที่ห้างสรรพสินค้า ก่อนจะปิดท้ายที่ร้านน้ำชาซาลาเปา แบบที่คนในจังหวัดนี้นิยม และจะว่าไปมันก็ใกล้เคียงคำว่าเดทเต็มที



เมี่ยงมาส่งเพลงที่บ้านตอนเกือบทุ่ม เพลงรีบอาบน้ำเพื่อจะโทรหาแวน อีกฝ่ายเงียบหายไปเลยหลังจากให้เขาช่วยเลือกเครื่องนอนให้ลูก ตอนแรกเพลงก็ไม่คิดอะไร แต่หลังจากกดเปิดไลน์แวนดูหลายๆ รอบแล้วไม่เจออีกฝ่ายส่งรูปมื้อเที่ยง มื้อเย็น หรือท่าทางน่ารักๆ ของลูกให้ดูก็พอเริ่มเดาอาการได้

ไม่แคล้วคงเห็นหรือได้ยินเสียงพี่เมี่ยงในกล้อง

เพลงกดVDO Call ไปหลายครั้ง รอจนตัดไปแวนก็ไม่รับ คนตัวเล็กเริ่มร้อนใจ ระยะห่างแบบหลายร้อยกิโลเมตรไม่สามารถทำให้เพลงไปง้ออีกฝ่ายใกล้ๆ ได้ในทันที

“แวนรับหน่อยเพลงจะร้องแล้วนะ”

และเมื่ออีกฝ่ายกดดันมากๆ โดยการเมินเฉยเสียงเรียกเข้า ก็ทำให้เพลงถึงกับต้องพูดกับอากาศรอบตัว

‘รับสายเพลงหน่อยนะ’ มือบางกดพิมพ์ไป อีกฝ่ายกดอ่าน เพลงใจชื้นขึ้นมา แล้วกดโทรออกอีกรอบ แวนรับแล้ว แต่เพลงมองไม่เห็นอะไรในจอนอกจากความมืด แต่เมื่อเพ่งมองให้ดีก็จะเห็นว่ามันคือเพดานเหนือเตียงของแวนนั่นเอง

“แวน...เป็นอะไร” เพลงทำใจดีสู้เสือ ทักไปก่อน มันไม่มีอะไรตอบกลับมา นอกจากเสียงเนื้อผ้าเสียดสี กับโทรศัพท์ที่สั่นน้อยๆ แวนเหมือนเปิดจอทิ้งไว้ แล้วก็นอนพลิกไปอีกทาง เพลงใจเสีย ในเมื่ออีกฝ่ายไม่พูด เขาก็ถือโทรศัพท์รอไว้แบบนั้น รอจนกว่าแวนจะมีอารมณ์คุยด้วย

เพลงนั่งรอแวนเป็นชั่วโมง แล้วสุดท้ายไฟในบ้านตัวเองก็เริ่มดับ เพราะเกาะเลิกจ่ายไฟ

ความมืด ความเงียบ และความกดดันที่แผ่ซ่านออกมาทำให้จิตใจเพลงเริ่มอ่อนแอ เขานึกอยากร้องไห้ออกมา

“แวน...เราคุยกันดีๆ ไม่ได้หรอ อย่าเงียบเลยนะ...” เพลงวอนขอ แต่สิ่งที่ได้คือภาพหน้าจอที่ตัดไป

เพลงกัดปากที่เริ่มสั่น และน้ำตาเขาก็ไหลออกมาช้าๆ

เพลงไม่ชอบให้แวนโกรธเลย

เปรี้ยง! ฟ้าผ่าด้านนอกทำให้เพลงสะดุ้ง สองมือสั่นเทารีบคว้าเอาหูฟังแบบตัดเสียงรอบข้างขึ้นมาใส่ แล้วเปิดเพลงกล่อมจากไอพอดที่แวนเคยให้มา แต่จังหวะเพลงสบายๆ นั้นไม่ได้ทำให้ใจที่ร้อนรนของเพลงคลายลงได้เลย เขาหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูห้องแชทที่เงียบสนิทอีกครั้ง แล้วตัดสินใจพิมพ์ลงไป

‘ฝนตกหนัก’

‘ฟ้าผ่าด้วย’

‘เพลงกลัว’

‘แวนกอดหน่อย’

มันไม่ขึ้นRead ด้วยซ้ำ

เพลงนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน จนผล็อยหลับไปช่วงเช้า และตื่นพร้อมนาฬิกาปลุกตอน 6 โมงด้วยดวงตาที่บวมเป่ง คนตัวเล็กมองใบหน้ารูปไข่ที่ล้อมกรอบด้วยผมสีดำตัดรองทรงเรียบร้อยแล้วก็ถอนหายใจ เพลงรีบสลัดเรื่องกังวลใจในหัวออก แล้วอาบน้ำเตรียมตัวไปสอน

แม้จะเช้าแล้วแต่อากาศก็ยังไม่ดีเลย ฟ้าข้างนอกขมุกขมัว และยังมีละอองฝนไหลเปาะแปะ เพลงกลางร่มเดินไปโรงเรียน แต่ทว่าก็เห็นเด็กบางคนเดินตากฝนมา เขาเลยรีบยื่นร่มตัวเองให้ กลายเป็นผมและตัวชื้นไปไม่น้อยเหมือนกัน

วันจันทร์เพลงมีสอนติดกันสี่คาบเช้าเลยทำให้คนที่นอนน้อยเริ่มออกอาการเพลีย แถมส่งข้อความไปเท่าไหร่ แวนก็ไม่เปิดอ่าน เพลงถอนใจจนพี่มะเหมี่ยวทัก ก็ได้แต่บอกปฏิเสธไปว่าไม่เป็นไร

ช่วงบ่ายฝนหยุดตก มีแดดออกนิดหน่อยพอให้ใจชื้น แต่หลังเลิกเรียนก็ตกอีก เพลงได้แต่ขอบคุณที่ไม่มีฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างให้ตกใจเล่น คุณครูที่แสนใจดีเสียสละร่มให้เด็กๆ ไปอีกแล้ว เพลงคิดว่าตัวเองบ้านใกล้ๆ รอให้ฝนซาลงสักนิดแล้วค่อยเดินฝ่าไปก็ได้

คืนนั้นเพลงรีบเข้านอนเพราะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวๆ ร้อนๆ ผิดสังเกต เขาโทรหาแวนเท่าไหร่ก็ไม่รับ จนเริ่มจะน้อยใจขึ้นมาแล้ว

‘เพลงนอนแล้วนะ’

‘แวนพร้อมคุยเมื่อไหรก็โทรมาแล้วกัน’

‘อืม’

เพลงตาโต แวนตอบมาแล้ว แม้จะสั้นและเย็นชาจนหัวใจบีบรัดสร้างความเจ็บ แต่เพลงก็ไม่รอให้เสียโอกาส เขากดโทรออกทันที แต่แวนก็ไม่รับ เพลงโทรไปอีกสองสามรอบผลก็เหมือนเดิม เขาได้ยินแค่เสียงรอสาย สุดท้ายเพลงก็ตัดใจ เขานั่งพิงหัวเตียงแล้วกอดหมอนหนุนขึ้นมาไว้กับอก ซุกหน้าลงไปแล้วร้องไห้เงียบๆ

แค่ไกลกันยังไม่พอหรอ...ยังต้องใจร้ายใส่กันจนต้องร้องไห้

เพลงไม่ได้ฟูมฟาย เพียงแต่นั่งสัมผัสความเจ็บปวดในหัวใจเงียบๆ

อาการร้อนๆ หนาวๆ เริ่มกลายเป็นหนาวอย่างเดียว แล้วศีรษะก็ปวดตึง เพลงไม่อาจฝืนไหว เขาทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตาไปด้วยความทรมาน

ฝนด้านนอกเริ่มตกอีกครั้ง เสียงฟ้าร้องดังเข้มขึ้นทุกที แต่ครั้งนี้เพลงไม่ได้ยิน







- TBC -

หัวร้อน ไม่ยกน้องเพลงให้เเวนละ

ตอนนี้ก็ฝากคอมเม้นกันหน่อยนะคะฮึบๆ ใกล้จบละฮะ

#เพราะเธอมันน่าเบื่อ

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
18.2



เมี่ยงมองท้องฟ้าด้านนอกแล้วก็คิดหนัก เขาพักอยู่บนชั้นสองของห้องอาหาร ที่ตกแต่งไว้เป็นห้องนอนอย่างดี ชายหนุ่มกำลังจะเข้านอน แต่เมื่อเห็นพายุฝนด้านนอกแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เพลงเคยบอกว่ากลัวฟ้าผ่าแล้วบ้านพักครูก็บอบบางเกินจะกั้นเสียงคำรามของธรรมชาติได้ ไม่รู้ป่านนี้เจ้าเด็กน้อยนั้นจะนั่งกลัวอยู่คนเดียวหรือเปล่า

ถ้าตัดเรื่องที่เขาถูกใจเพลง และอยากจีบมาเป็นคนรัก เขาก็มีความปรารถนาดีและเอ็นดูอีกฝ่ายเหมือนน้องชายคนเล็กเช่นกัน เพลงเป็นคนจิตใจดีสังเกตได้จากความอ่อนโยนที่มีต่อเด็กๆ ความตั้งใจสอน แล้วก็ยอมทำงานล่วงเวลาในการสอนเพิ่มวันเสาร์อย่างไม่เกี่ยงงอน เรื่องแฟนก็บอกกับเขาตรงๆ ไม่ได้สร้างโอกาสให้สามารถไปเป็นมือที่สามได้

ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาเพลง หลายสายอีกฝ่ายก็ไม่รับ เขานึกกังวลจนถ้าให้ลงนอนตอนนี้คงไม่หลับ จึงเลือกจะหยิบเสื้อแจ๊คเก็ตผ้าร่มที่ใช้กันละอองฝน กับกุญแจรถออกมา เขาอยากไปดูเพลงที่บ้านสักหน่อย

ไม่นานCRV คันโตก็มาจอดอยู่หน้าบ้านพักครูหลังน้อย ไฟทั้งบริเวณนั้นมืดสนิท บรรยากาศน่ากลัวไม่น้อย นับถือใจเลยว่าเพลงกล้าอยู่คนเดียว เมี่ยงเดินลงไปเคาะประตูก็ไร้เสียงตอบกลับ ถ้าเพลงหลับก็ไม่น่าจะหลับลึกแบบนี้ เขาเลยขับรถวนไปบ้านภารโรงที่อยู่ใกล้ๆ กัน

“ลุงครับ ผมติดต่อเพลงไม่ได้เลย เมื่อกี้ไปเคาะบ้านน้องก็ไม่ตอบ กลัวน้องเป็นอะไร”

คนเป็นผู้ใหญ่กว่าตาโต ช่วงเย็นๆ ที่เอาปิ่นโตไปให้ครูเพลง ก็เห็นบ่นว่าครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่เหมือนกันเพราะเดินตากฝนกลับมา ไม่ใช่ว่าจับไข้อยู่คนเดียวเสียแล้วหนา ลุงหลองรีบเอากุญแจบ้านพักครูมายื่นให้ แล้วติดรถเมี่ยงไปดูเพลงด้วยกัน

ทั้งคู่ไขกุญแจเข้ามา แล้วส่องไฟฉายไปบนเตียง เห็นคนที่ทุกคนเป็นห่วงนอนกอดเขาคุดคู้พร้อมตัวที่สั่นถึง พอจับโดนตัวก็ร้อนจี๋เหมือนไฟ

“ไข้ขึ้นสูงเลย” ลุงหลองครวญ

“เดี๋ยวผมพาน้องไปอนามัย” เมี่ยงเก็บมือถือของเพลงที่วางอยู่ข้างตัวลงกระเป๋า แล้วช้อนตัวคนที่นอนสั่นขึ้นมาพร้อมผ้าห่ม ลุงภารโรงไปเปิดประตูรถให้ทันที

“คุณเมี่ยงรีบไปเถอะ เดี๋ยวผมเดินกลับเอง” ลุงหลองว่าพลางขบกุญแจบ้านเพลงให้เหมือนเดิม เจ้าของร้านอาหารพยักหน้า แล้วรถคันสีขาวก็ทะยานตัดสายฝนไป



ที่อนามัยในตำบลห่างไกล มีแพทย์อาสาประจำอยู่คนเดียวกับพยาบาลอีกสองสามคนเท่านั้น เขามาตรวจอาการให้เพลง แล้วก็ให้ยาลดไข้มา พร้อมกำชับให้เช็ดตัวบ่อยๆ เพื่อลดอุณหภูมิ เมี่ยงจ่ายเงินแล้วพาเพลงกลับบ้านตัวเองทันที

เด็กในร้านที่พักอยู่บริเวณชั้นหึ่งรีบมาช่วยประคองคนป่วยลงจากรถ บ้านของเมี่ยงมีเครื่องปั่นไฟ จึงยังสว่างดี เขาจัดแจงวางเพลงที่ยังสลึมสลือเพราะพิษไข้ลงบนเตียง ที่อนามัยพยาบาลเช็ดตัวไปให้รอบนึงแล้ว เมี่ยงจึงได้แต่ปล่อยให้น้องนอนแล้วรอเช็ดตัวให้ซ้ำถ้าอีกสี่ชั่วโมงไข้ยังไม่ลด

“แวน...แวน...แวนคุยกับเพลงหน่อย..”

“ไม่...ฮึก..อย่าใจร้ายกับเพลงเลยนะ..”

“แวน...ไม่เบื่อ...เพลงนะ...”

เมี่ยงที่เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนอีกรอบได้ยินคนป่วยเพ้อออกมาก็ทรุดลงนั่งข้างๆ แล้วลูบผมปลอบเบามือ แวนนี่คงเป็นชื่อแฟนเพลง ไม่รู้ในฝันกำลังทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า

“เด็กน้อยนอนเถอะ” เขายังลูบผมเพลงไปเรื่อยๆ ไม่นานมือของคนที่หลับก็คว้าหมับ แล้วยกมันไปรองไว้ใต้แก้มตัวเอง ก่อนจะเบียดซบลงไป ตัวเพลงไม่ได้ร้อนจัดเหมือนตอนแรกแล้ว

ร่างสูงไม่ได้ขยับอีก เขาเห็นว่าเมื่อค้างท่านั้นไว้ เพลงก็สงบลงจึงปล่อยให้น้องนอนไปเงียบๆ

ใกล้รุ่งสางเมี่ยงปลุกเพลงมากินยาแก้ไข้อีกรอบ

“แวนหรอ...ฮรือ...แวนไม่โกรธเพลงแล้วใช่มั้ย”

“ครับ เดี๋ยวเช็ดตัวให้นะ” เมี่ยงสวมรอยตอบไป เพราะไม่อยากให้ต้องตกใจที่อยู่ๆ ก็มาโผล่ที่บ้านเขา เพลงกินยาแต่โดยดีแล้วนอนหลับไปอีกรอบอย่างรวดเร็ว เขาก็เอาผ้าบิดหมาดมาซับไล่ความร้อนให้ ก่อนจะเอาฝูกมาปูนอนที่ข้างเตียง



สายๆ เพลงค่อยเริ่มรู้สึกตัว ดวงตากลมลืมขึ้นสู้แสงที่ลอดเข้ามารำไรทางม่านหน้าต่าง หนังตาและศีรษะเขาหนักอึ้งและลำคอก็แห้งผาก แต่นั้นไม่สำคัญเท่า... ‘ที่นี่ที่ไหน...’

เพลงกำลังไล่เหตุการณ์ในหัว เมื่อคืนจำได้ว่าเขาหลับไปบนเตียงที่บ้านพักครู แต่ที่นี่ไม่ใช่

แอ๊ด..

“ตื่นแล้วหรอหนู” เมี่ยงทักด้วยเสียงสดใส เขาลงไปต้มข้าวต้มมาให้เพื่อเพลงจะได้กินยา

“พ..พี่เมี่ยง”

“ครับ” ชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งลงที่ข้างเตียง แล้วเริ่มอธิบายให้คนที่หน้าตาตื่นฟัง “เพลงไข้ขึ้นสูงมากเมื่อคืน พอดีพี่เห็นฟ้าผ่าหนัก เลยว่าจะไปรับมานอนที่รีสอร์ท แต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่เปิดประตู เลยให้ลุงหลองแกมาไขประตูดู เราเพ้อไม่ได้สติเลย”

“หรอครับ”

“อื้อ แต่ตอนนี้น่าจะดีขึ้นแล้วนะ พี่ขอวัดไข้หน่อยนะ” เมี่ยงขอด้วยความสุภาพ แล้วหยิบปรอทวัดไข้จากข้างเตียงยื่นให้เพลงหนีบใต้แขน

“37.7 ยังมีไข้ต่ำๆ นะ” ชายหนุ่มบอก “ทานข้าวต้มแล้วทานยาอีกรอบแล้วกัน”

“ครับ .. อ๊ะ โรงเรียน”

“ฮื่อ...พี่ให้ลุงหลองลางานให้แล้วครับ”

“ไม่น่าป่วยเลย กลัวสอนเด็กๆ ไม่ทัน”

“เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะหนูหนะ พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไวไวนะครับ”

เพลงพยักหน้ารับ เขาไม่ใช่คนดื้ออะไรและเพราะอยู่ด้วยตัวเองมานานก็พอรู้ว่าต้องทำตัวแบบไหนร่างกายถึงจะดีขึ้น แต่เรื่องที่เพลงยังพะวงก็ยังมีอีกหัวข้อ...แวน คนป่วยสอดส่ายสายตามองหามือถือ แล้วเมี่ยงก็หยิบมาให้ แบตเตอร์รี่เต็มร้อยเพราะเจ้าของบ้านชาร์ทไว้แล้ว

ไม่มีสายเรียกเข้า ยกเว้นสายพี่เมี่ยงเมื่อช่วงดึกๆ ที่เขาหลับไปแล้ว

เปิดไลน์ดู เช้านี้แวนยังไม่ทักมาเลยด้วยซ้ำ

เพลงปวดยวบในหัวใจ เขาโทษร่างกายที่อ่อนแอ มันพาลทำให้ใจไม่แข็งเอาเท่าไหร่ เมี่ยงเห็นหน้าที่ม่อยลงแล้วอดลูบผมคนเป็นน้องไม่ได้

“ทานข้าวก่อนดีกว่าพี่ว่า จะได้ทานยาเนาะ”

เพลงพยักหน้า เขาขอลุกไปร่างหน้าแปรงฟัน ถึงมันจะโลกเอียงๆ อยู่บ้างแต่ชั่วครู่ก็ทรงตัวได้ แล้วก็เดินไปยังโต๊ะเล็กๆ ที่มีข้าวต้มหอมฉุยวางอยู่ พร้อมถ้วยใส่ยา

ข้าวต้มหมูไม่มันสำหรับคนป่วย พร่องไปนิดเดียวเท่านั้น แต่เมี่ยงก็ไม่ได้เซ้าซี้ เขาให้น้องเดินย่อยนิดหน่อยก่อนจะมาเอนหลังลงนอน เพลงอดคิดไม่ได้ว่าถ้าคนที่ดูแลอยู่ตอนนี้เป็นแวน เขาจะอ้อนเอาขนาดไหน

เมี่ยงเดินออกไปแล้ว เพราะอยากให้คนป่วยพักผ่อน เพลงที่แกล้งทำเป็นนอนดีดตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาลังเลว่าควรบอกแวนดีมั้ย มันจะดูสำออยหรือเรียกร้องความสนใจเกินไปหรือเปล่า แต่เขาก็พิมพ์ไป

‘แวน’

ไม่อ่าน...

‘เพลงป่วย’

ไม่อ่าน...

‘ไข้ขึ้นสูง’

ไม่อ่าน...

“ฮึก...”

‘คิดถึงแวนนะ มากอดเพลงหน่อยได้มั้ย’

ไม่อ่าน...

“ฮึก...ฮือ...” เพลงเม้มปากแน่น พยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่มันตีรวนขึ้นมาด้วยความคิดถึงและน้อยใจ ร่างกายเขาป่วย เขาหายเองได้ แต่ใจเขาไม่แข็งแรงเลย และอยากได้ยารักษาเป็นกำลังใจดีๆ จากคนรักเท่านั้นเอง

Ring Ring

เสียงเรียกเข้าและหน้าจอก็โชว์ชื่อแวน เพลงรีบตะครุบ

“เป็นไ...” แวนยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ได้ยินเสียงปล่อยโฮจากคนตัวเล็ก

“เพลงเปิดกล้อง” แวนสั่งเสียงเรียบ แต่เพลงส่ายหน้าแน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่เห็น แวนขัดใจเลยตัดสาย แล้วVDO Call มาใหม่ ภาพใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยน้ำตา และสีหน้าร้องไห้แบบคนจะขาดใจ ที่ว่าโกรธนักโกรธหนา มันกลับจะหายเสียเดี๋ยวนั้น

“เพลง...เพลงเป็นอะไร!” แวนร้อนใจ เพราะปกติเพลงไม่ค่อยแสดงออก แต่ถ้าเพลงสติหลุดก็จะร้องไห้หนักจนตัวโยนแบบนี้ มือถือเหมือนโดนปาลงไปบนเตียง แวนเห็นแต่เพดาน กับเสียงสะอื้นดังๆ เท่านั้น

“เพลง เพลงครับ คุยกับแวนก่อน” ร่างสูงลุกจากโต๊ะทำงานออกมาที่ระเบียงเงียบๆ เพื่อโอ๋คนที่อยู่ไกล

“เพลง...” แวนได้แต่เรียก เขานึกอยากต่อยตัวเองแรงๆ ที่ทำให้เพลงเป็นหนักขนาดนี้ แล้วก็เป็นตอนที่เขากอดปลอบไม่ได้

“น้องเพลง!!” เสียงผู้ชายอีกคนดังแทรกเข้ามาทำให้แวนขมวดคิ้ว เขามองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเพดาน

“หนู ร้องทำไม” เสียงร้อนรนตกใจและสวบสาบ แวนเดาว่าอีกฝ่ายต้องกำลังกอดเพลงของเขาแน่ๆ ชายหนุ่มกำมือแน่น เสียงและการเรียกเพลงแบบนี้แสดงออกถึงความสนิทและเอ็นดู แถมเขายังเคยเห็นอีกฝ่ายในกล้องของเพลงด้วย ดูก็รู้ว่ากำลังจีบเพลงของเขาอยู่แน่ๆ

แม่งเอ้ย!!

“คุณ!! คุณที่อยู่กับเพลง ผมขอคุยกับเพลงหน่อย” แวนตะโกนเข้าไปหวังให้ได้ยินเสียง

เมี่ยงพึ่งเห็นว่าโทรศัพท์ของคนที่ร้องไห้เปิดกล้องอยู่ เขาหยิบมาดู ทำให้เห็นหน้าปลายสายชัดเจน

“น้องเพลงกำลังร้องไห้หนักครับ น่าจะไม่สะดวกคุย” เมี่ยงบอกไปตามความจริง แล้วมันก็เป็นมุมกล้องที่แวนใจชา คนรักเขากำลังซุกหน้าอยู่กับอกอีกฝ่าย

“ถ้าเพลงหยุดร้องแล้วบอกให้โทรหาผมหน่อย” แวนข่มเสียงให้ราบเรียบที่สุด แม้ว่าในใจจะร้อนราวเพลิงกัลป์

“คุณใช่แวนรึเปล่า” เมี่ยงถามขึ้น

“ครับ ผมเอง”

“เมื่อคืนน้องเพลงไข้ขึ้นสูง แล้วก็เพ้อหาคุณทั้งคืน”

“ครับ” แวนรับคำ ใจเขาชากว่าเดิมอีก แต่ครั้งนี้ไม่ได้โกรธเพลง แต่เป็นโกรธตัวเองที่ไม่มั่นใจในตัวเพลง เขาไม่รู้ว่าเพราะเพลงเครียดเลยไข้ขึ้นหรือเปล่า

“ฝากบอกเพลงว่า...ผมรักเค้า แล้วก็ขอโทษที่ทำให้เสียใจ”

“พี่ว่าบอกกันเองดีกว่ามั้งครับ” เมี่ยงพูดเพราะเห็นว่าเพลงเริ่มสงบลงแล้ว

“น้องเพลง คุยกับแวนหน่อยมั้ย”

เพลงส่ายหน้าดุ๊ก

“แต่ทางนู่นเค้าอยากคุยกับเรานะ”

“เพลงโทรหาเป็นร้อยสาย ก็ไม่รับสายเพลง ส่งข้อความไปจนมือจะพังแล้วก็เมินกันอยู่ได้!!! ฮึก ถ้าไม่รักแล้วก็บอกมา!!! ฮึก” เพลงตวาดใส่โทรศัพท์ มันเป็นอีกมุมที่เมี่ยงไม่เคยเห็น แต่แวนรู้ดีว่านี่คือขีดสุด เพลงจะระเบิดออกมาหนักๆ เมื่อเข้าสู่ภาวะจิตใจไม่มั่นคงจริงๆ

“แวนขอโทษ แวนขอโทษ แวนจะไม่งี่เง่าแบบนี้อีกแล้ว”

“ตอนที่เพลงขอให้คุยกันดีๆ ทำไมแวนไม่คุย!!”

“โอ๋ เพลงครับ...” แวนนึกสงสารคนตัวเล็กที่เสียงแหบแห้งแต่ต้องตวาดออกมาจับใจ

“ไม่ต้องดุแวนแล้ว แวนสำนึกผิดแล้ว แวนจะง้อเพลงเอง แวนให้เพลงโกรธแวนมากกว่าที่แวนโกรธเพลงเลยนะ”

“ฮือ คนใจร้าย!!”

“ครับ ว่าไงครับ”

“ไอบ้า ไม่ได้เรียก!!”

“ป่วยไม่ใช่หรอ อย่าตะโกน อย่าโมโหนาน เดี๋ยวไม่สบายหนักกว่าเดิมนะ”

“ฮรือ ทำคนอื่นไม่สบาย นิสัยไม่ดี!!”

“โอ๋นะ เดี๋ยวแวนไม่สบายคืน เดี๋ยวจะแก้ผ้าไปยืนหน้าตู้เย็นเลย”

“ไอบ้า ฮือ” เพลงยังด่า แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเจ็บปวดเหมือนตอนแรกแล้ว

“ดีกับไอบ้าคนนี้นะเพลง... แวนให้ตี ให้ตีแรงแค่ไหนก็ได้”

“ฮึก..เพลงไม่ดีด้วยแล้ว”

“โอ๋...ให้แวนง้อยังไงไหนบอกสิครับ”

“ไม่! ง้อยังไงก็ไม่หาย”

“งั้นเดี๋ยวแวนบินไปง้อเลย เจอกันเย็นนี้นะ”

“ไม่ต้อง!! ตัวเองฝึกงานอยู่จะบินมาได้ไง”

“ง้อเมีย ยังไงก็ต้องไป”

“บ้า! เกลียดแวนแล้ว”

“เพลง... ใจจะขาด อย่าเกลียดกันเลย”

“ฮือ...” เพลงยังฟาดงวงฟาดงา

“กอดนะเพลง กอดกอดกัน ซุกซุกกัน เราสามคนแวนเพลงแล้วก็ลูกคนดี ถ้าเกลียดกันจะกอดกับใครละ”

“งื้อ”

“ไม่หน้างอนะ ไม่ร้องด้วย เดี๋ยวปวดหัวนะ แวนเป็นห่วง แวนไม่สบายใจเลย”

“...”

“....”

“ขอโทษ” เป็นเพลงที่พูดประโยคนี้ “จริงๆ ...เพลงผิดก่อน ตะ แต่ว่าแวนไม่ยอมฟังเพลงเอง”

“เพลง มึงมันน่ารักแบบนี้ไง เฮ้อ อยากหอมหัว” แวนพูดออกมาอย่างโล่งใจ

“งือ หัวเหม็น ไม่ให้หอมหรอก”

“หายโกรธกันนะ”

“อื้อ”

“แล้วไข้ขึ้นเป็นไงบ้าง”

“กินยาแล้ว เมื่อวานเพลงโดนฝนนิดหน่อย”

“งั้นนอนครับ ตื่นมาก็โทรหาแวนเลยนะ รายงานอาการด้วยเป็นห่วงหนักมาก”

“หึ รู้แล้ว”

“งั้นนอน โอ๋เอ๋ๆ แวนกล่อม”

“ไม่คุยด้วยแล้ว แค่นี้!” เพลงกดวางสาย แล้วพึ่งหันมาเห็นว่าพี่เมี่ยงก็ยังนั่งอยู่ แก้มซีดขาวแดงเรื่อขึ้นมาทันที ส่วนชายหนุ่มก็ได้แต่ยิ้ม

เพลงอายจนต้องมุดลงไปใต้ผ้านวม คนเป็นพี่เลยเดินไปปิดไฟแล้วเก็บถ้วยข้าวต้ม

“เดี๋ยวเที่ยง พี่มาปลุกทานข้าวนะ พักผ่อนครับ” เมี่ยงแพ้แล้ว แพ้ทุกอย่าง เขาเห็นสีหน้าอันหลากหลายของเพลง เห็นความใจเย็นของปลายสายที่แม้คนตัวเล็กจะงอแงแค่ไหนก็ไม่ดุว่า แล้วเป็นคนตัวเล็กอีกที่รู้ตัวว่าผิด มันเหมือนคนที่รู้ว่าต้องแข็งใส่กันตอนไหน แล้วตอนไหนที่ควรยอม มันเป็นความรักที่...ลงตัวแล้ว



- TBC - 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น่ารักน่าเอ็นดูทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาง้อน้องเลย :beat:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
19



นับจากวันที่เพลงป่วย ฝนก็ยังตกติดต่อกันเป็นเดือน หลังคาห้องเรียนบางห้องเกิดรอยรั่ว จนน้ำหยดลงมาบนพื้นห้อง ลุงฉลองแก้ไขแบบเฉพาะจุดไปก่อน แต่พอพยากรณ์ประกาศว่าฝนจะหยุดตก ครูใหญ่ก็รีบสั่งปิดโรงเรียนสองสามวันเพื่อเเก้ไข ก่อนที่ฝนจะตกลงมาอีกรอบ เพลงรู้ข่าวเลยตัดสินใจบินกลับมาเซอร์ไพรส์เเวนที่กรุงเทพฯ

จากที่เขาทะเลาะกันวันนั้น เพลงก็เล่าเรื่องเมี่ยงให้ฟัง กลายเป็นว่าเขาสองคนยิ่งคิดถึงกันและกันหนักกว่าเดิม คล้ายๆ กับคำเปรียบเปรยที่ว่ายิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งลูกดก แต่ในความเป็นจริงการทะเลาะกันมันเหมือนทำให้เราเห็นตัวตนและมุมมองของอีกฝ่ายได้มากขึ้น รู้จักกันมากขึ้น แล้วแวนก็เป็นประเภทหลงเสน่ห์คนรักแบบหัวปักหัวปำ ขนาดมีคนดีๆ เข้ามาหาเพลงยังไม่ปันใจ แวนก็ไม่รู้ว่าจะหาคนที่ดีกับเขาได้ขนาดนี้ที่ไหนอีก

แต่กว่าเพลงจะได้ขึ้นเครื่องก็ไฟลท์สี่ทุ่ม เพราะต้องรอส่งเด็กๆ กลับบ้านเสร็จ แล้วรบกวนเมี่ยงให้เอาสปีทโบ๊ทมาส่งที่ท่า รวมไปถึงขับรถเข้าเมืองไปสนามบินอีก กว่าจะมาถึงกรุงเทพฯ เรียกเเท็กซี่มาถึงคอนโดก็ตีหนึ่งกว่าเข้าไปเเล้ว



ซึ่งวันที่เพลงกลับมานี้ก็ตรงกับระยะเวลาการฝึกงานของเเวนจบครบสามเดือนพอดี วันสุดท้ายเป็นการรวมกลุ่มกัน Present Project New Business ให้ทางพี่ๆ ฟัง กลุ่มแวนก็ได้รับคำชมที่ดี เพราะส่วนใหญ่เด็กที่มาฝึกทางบ้านก็มีธุรกิจอยู่แล้ว จึงมีไอเดียดีๆ มากมายที่จะมานำเสนอ เเละตามธรรมเนียมคนไทยชอบสังสรรค์ วันสุดท้ายแบบนี้ก็มีการนัดกันไปฉลองที่ผับดังย่านทองหล่อ เเวนยุ่งๆ อยู่ทั้งวัน เขาเลยได้เเต่ทักทายเพลงไปตอนเช้า และไลน์ทิ้งไว้ว่ามีเลี้ยงส่งเท่านั้น ซึ่งก็เข้าทางเพลงที่จงใจแบบเงียบๆ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้

ความสนุกสนานเฮฮาดำเนินไปเรื่อยๆ จนดึกดื่น แวนที่ทั้งหล่อและนิสัยกวนๆ โดนรุ่นพี่สาวๆ มอมเหล้าเพียวไปหลายเเก้ว สภาพจึงเมาแทบเดินไม่ตรงทางจนต้องนั่งเเท็กซี่กลับห้อง เขาเบลอๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำว่ามีใครมาส่งหรือเปล่า แต่ก็แตะการ์ดและขึ้นลิฟต์มาได้ด้วยอาการไม่ฟกช้ำ

เข้าห้องได้ก็ทิ้งตัวลงนอนทันที ตบเบาะสองสามทีเรียกคนดีขึ้นมาหา

ระหว่างช่วงรอยต่อระหว่างความจริงกับความฝัน แวนรู้สึกถึงเเรงยวบที่ข้างตัว มันเหมือนเวลาใครอีกคนพึ่งอาบน้ำเสร็จแล้วขึ้นมาเบียดซุกข้างกายเขา กลิ่นแบบนี้ เสื้อผ้าแบบนี้ แวนตวัดร่างอีกฝ่ายลงมานอนข้างๆ แต่ไม่วายเตือนด้วยสติอันน้อยนิด

“เพลง..ระวังทับลูก”

ฟ่อว!!

“ชู่ว! คนนน ดี ไม่ขู่ม๊าครับ” มือใหญ่พยายามควานหาลูกชายเพื่อหิ้วคอมานอนอีกฟาก

เจ้าเหมียวยังตะกุยผ้านวมอยู่มุมหนึ่งแล้วส่งเสียงราวกับหงุดหงิด

“ม๊าาา ไงคนดี หลบให้ม๊านอนด้วย” เเวนบอกลูกเสียงหงุงหงิง แต่คนเมาก็มือเปลี้ยเกินจะสู้กับเจ้าเเมววัยคะนอง เขาหันกลับไปกอดรัดเอวคนที่แสนคิดถึง ก้มลงสูดดมกลิ่นหอมของสบู่ตามซอกคอตามความเคยชิน แล้วลามปามเอามือรุกเข้าไปในร่มผ้า

กริ๊ก!

เสียงประตูห้องเปิดอีกรอบ แสงที่ลอดเข้ามาจากด้านนอกทำให้คนดีกระโดดผลุงลงจากเตียง วิ่งหางตรงรี่ไปทันที เพลงย่อตัวลงรับลูกชายที่เทคตัวเเรงเข้าสู่อ้อมเเขนมะม๊าตัวจริง น้องเอาเเก้มคลอเคลีย เอาหางกวัดไกวหน้าเพลงแบบที่เคยทำ เพลงปิดประตู ไม่อยู่ไม่กี่เดือนคนดีหนักขึ้นจมเลยสงสัยป๊าจะเหงาจัด เอาเเต่ขนมให้ลูกกิน

มือเรียวกดเปิดไฟดิมสีส้มสลัวในห้องแล้วต้องตาโต เพราะร่างที่กำลังโงนเงนลุกมานั่งห้อยขาริมเตียง กลับมีอีกคนลุกขึ้นมาอยู่ข้างๆ ด้วย ดีนะไม่กรี๊ด เพราะถ้าดูไม่ดีนี่คิดว่าผีกำลังอำเเวน

“อ้าว เพลง!” เเวนที่ปรับสายตาได้แล้วทัก ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวจนเกือบสร่าง ถ้าเเม่ของคนดีตัวจริงอยู่ตรงโน้น แล้วบนเตียงนี่ใคร เขาหันกลับไปดูชัดๆ

“โพส!!! เฮ้ยมาได้ไง!?” แวนทั้งตกใจทั้งสับสนว่าอีกคนอยู่ในห้องได้ไง แต่ร่างเปล่าเปลือยที่ยกผ้านวมขึ้นมาปิดไว้เเค่เอวกลับกำลังตีหน้าเศร้า

แถมยกมือปิดหน้าสะอื้นให้ด้วย แวนลุกขึ้นยืนงงอยู่ข้างเตียง เขาตัวเอียงจนต้องเอามือยันผนังไว้

เพลงยืนดูละครฉากตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย แถมยังมีเวลาเดินไปเปิดลิ้นชักในครัว หยิบขนมเเมวมาปลอบลูกอีก ตากลมไม่ลืมสอดส่ายดูกรงของคนดี ประตูมันเปิดอ้า แล้วก็ตั้งอยู่ใกล้ทีวีเหมือนปกติ

เเวนยกมือกุมศีรษะ ความเมาทำให้เขาปวดหัวตุบๆ และกำลังไล่เรียงเหตุการณ์งงๆ ที่มันเกิดขึ้น เขาจำได้ว่าไม่ได้มีอะไรกับโพสนะ ไปกินเหล้ากับรุ่นพี่ที่ออฟฟิส เเล้วก็นั่งเเท็กซี่กลับ อ๋อใช่เหมือนรุ่นพี่กำลังหาใครมาส่งเขา แล้วโพสก็อาสาเพราะอยู่คอนโดเดียวกัน เขากลับพร้อมโพสแต่ก็แยกย้ายกลับห้องใครห้องมัน...ไม่ใช่หรอ?

ร่างสูงเมาก็จริง แต่ไม่ได้ถึงขนาดที่จะขาดสติลากใครต่อใครมาขึ้นเตียง มีเเต่คนดีเท่านั้นเเหละที่เขาตบที่นอนเรียกให้ลูกมาเข้าที่ แล้วทำไมเรื่องโกลาหลแบบนี้มันต้องเป็นวันที่เพลงกลับมาด้วยว่ะเนี่ย เเวนกลัวใจคนรักของเขาเหลือเกิน ครั้งก่อนเรื่องพี่เมี่ยงอะไรนั้น แค่เขาเห็นไปซื้อของด้วยกันยังโมโหเพลงไปเป็นสองสามวัน แล้วนี่... ร่างเปลือย บนเตียง ระเบิดไม่ลงก็ใจแกร่งเกินคน

ทั้งที่เขาอยากพุ่งเข้าไปกอดเพลงจะเเย่ แต่...สถานการณ์เหมือนไม่อำนวยสักนิด

เพลงรอคนดีกินขนมหมดซอง ก็เอาลูกไปใส่กรง ล็อกเรียบร้อยเเล้วก็หิ้วเข้าไปวางในห้องน้ำ คนดีฉลาดเหมือนเเมวที่มีเชื้อหมา มันรู้ว่าถ้าได้อยู่ในห้องน้ำสักสามสี่ชั่วโมงเดี๋ยวออกไปแล้วจะได้กินขนมอีกเพราะทั้งป๊าและม๊าจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นมันจะสงบเสงี่ยม นอนลับเล็บกับน้องของเล่นทั้งหลายสบายใจเฉิบ

“เราไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไร แต่บอกไว้เลยว่าถ้าเเวนจะขึ้นเตียงกับใคร เเวนต้องเอาลูกไปเก็บในห้องน้ำก่อน” เพลงพูดเสียงเรียบ เดินด้วยมาดนางพญาสุดมาหยุดที่ข้างเตียง นางพญาขนาดที่เเวนคนโฉดต้องมาเกาะหลบอยู่ด้านหลัง

“แวนเมาจนไม่รู้ตัว” โพสกำลังกู้เศษหน้าตัวเอง นอกจากคู่นี้จะไม่ทะเลาะเเล้ว ยังกำลังหาเรื่องเขาอีก ตอนเเรกกะว่านอนด้วยแล้วจะถ่ายรูปอัพลงโซเชียลสร้างข่าวเฉยๆ ไม่คิดว่าจะเจอวันที่อีกฝ่ายกลับมาพอดี

“ยิ่งถ้ารู้ว่าเค้าไม่รู้ตัว แล้วยอมมานอนด้วยนี่เท่ากับร่างกายคุณไม่มีค่าเลยนะ อย่าเสียเวลากับคนที่เขาไม่เห็นค่าเราเลย เริ่มต้นใหม่กับคนที่เขาเห็นว่าคุณสำคัญเถอะ เราเข้าใจความรู้สึกนั้นดี แต่ถ้าจะให้เรายอมยกแวนให้มันก็ไม่ได้เหมือนกัน” เพลงพูดด้วยน้ำคำเจ็บแสบ ที่จริงเขาก็ไม่อยากจะทำร้ายน้ำใจอะไรโพสขนาดนั้น เรื่องทั้งหมดทั้งปวงมันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าหากไอ้ตัวดีข้างหลังเขาไม่ไปก่อไว้ก่อน

“เพลง” เเวนครางเสียงหงออยู่ด้านหลัง รู้สึกจุก เหมือนตัวเองก็โดนด่าไปด้วย

“เข้ามาทางไหน ก็กรุณาออกไปทางนั้นเถอะครับ”

“อย่ามาทำเป็นเเม่พระเลย ตอนนายไม่อยู่ เเวนก็มาหาเรานั้นเเหละ คนที่เเฟนนอกใจ ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนใครหรอกนะ”

เพลงปวดหัวตุบ เด็กเก่าเเวนนี่มีแต่ดีๆ ทั้งนั้น

“โพส! กลับไปเถอะ เรื่องของเราจบไปนานเเล้วนะ โพสอย่าพยายามทำให้เรามองหน้ากันไม่ติดมากไปกว่านี้เลย” แวนถึงขั้นต้องออกโรงเอง เพราะคำพูดของโพสมันทำให้เพลงเจ็บเขารู้ดี แล้วเขาก็เป็นต้นเหตุเรื่องวุ่นวายนี่เอง

“ทำไมอ่ะเเวน โพสดีน้อยกว่าเค้าตรงไหน ตอนเเวนมาจีบ แวนก็บอกว่าไม่มีใคร แต่พอโพสรักแล้ว ก็มาบอกเลิกกัน บอกว่ามีเเฟนอยู่เเล้ว!!” คนที่อยู่บนเตียงตวาดออกมาอย่างคับเเค้นใจ น้ำตาที่มาจากการเสเเสร้งในตอนเเรกเปลี่ยนเป็นน้ำตาจากความเจ็บปวด

เพลงหันไปมองหน้าแวน การล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่นมันไม่ได้ทำให้เกิดผลดีอะไรเลย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เเวนอาจจะทำเพื่อปกป้องตัวเองไม่ให้เจ็บ แต่กลับไปสร้างรอยเเผลร้ายเเรงให้คนอื่น เพลงอดสงสารคนตรงหน้าไม่ได้ ถ้าเขาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับโพส เขาอาจจะเป็นบ้าเป็นบอมากกว่านี้ก็ได้

“เราขอโทษเเทนเเวนด้วย” เพลงเอ่ยอย่างจริงใจ

“ไม่ต้องมาพูดดีนะ! คนอย่างเธอมีดีอะไรหรอ ทั้งจืดทั้งชืด เรามีดีกว่าตั้งเยอะ ทำไมเเวนไม่เลือกโพส!”

แวนข่มลมหายใจตัวเอง เพลงเลื่อนมือไปบีบข้อมืออีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ

“เราอาจจะไม่ดีเท่าโพสก็ได้ เเต่เพราะเรามาก่อนเเละอดทนเก่งเเค่นั้นเอง” เพลงบอก “เพลงอดทนและไม่โวยวายไง โพสรอเเวนได้แบบเพลงรึเปล่าล่ะ “

“เพลง...” เป็นเเวนที่ทนความเจ็บปวดในน้ำเสียงนั้นไม่ได้ เขาโอบเพลงเข้ามาใกล้ แล้วลูบไหล่ออีกฝ่ายเบา

โพสมองหน้าเเวนสลับกับเพลงอย่างโมโห เขาเข้ามาทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน ไม่ใช่มารักกันมากกว่าเดิมให้เขาเห็น

“เพลงก็เคยทำผิดกับเเวน เเต่เเวนก็ให้อภัยเพลง เพลงก็ยอมรับเเวนได้ในเรื่องที่เคยหลายใจ เรามันคนชั่วสองคนอ่ะโพส โพสอย่าลดตัวมายุ่งกับคู่รักบาปๆ อย่างพวกเราเลยนะ”

เจ้าของชื่อในประโยคก่อนหน้าสบถอย่างหงุดหงิด “กูจะรอดูความล่มจมของความรักที่มีเเต่ทำให้คนอื่นเสียใจของพวกมึง!!” โพสพอจะรู้เรื่องของเพลงกับชูครีมมาคร่าวๆ เช่นกัน จะว่าไปสองคนนี้ก็ศีลเสมอกันดีนะ ผีเน่ากับโลงผุเลยก็ว่าได้มั้ง หลอกใช้ความรู้สึกของคนอื่นมาทำให้รักของตัวเองสุกงอม หึ!

คนตัวเล็กลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเล่นเอาทั้งเเวนและเพลงหลับตาเเทบไม่ทัน แล้วก็จงใจเดินกระเเทกไหล่เจ้าของห้องออกไป มรสุมของบ้านปลิวออกไปอย่างกับทอร์นาโด เหลือทิ้งไว้แค่คู่รักที่ยังต้องมีเคลียร์

“ทำบุญหน่อยมั้ยเราสองคน” เพลงทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง รู้สึกเหนื่อยจนเเทบหมดแรง กับสงครามประสาทและความกดดันที่โพสมอบให้

“ไปวัดกันพรุ่งนี้ อยากขออโหสิกรรมจากทุกคนเหมือนกัน” เเวนบอกออกมาจากใจ แล้วเขาก็รู้สึกขอบคุณมากๆ ที่เพลงยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ร่างสูงรวบเอวคนข้างๆ มากอด หอมเเก้มหาความชื่นใจ

“กลับมาทำไมไม่บอก จะได้ไปรับ”

“ถ้าให้ไปรับจะมาเจออะไรแบบนี้มั้ยละ”

แวนทำหน้าจ๋อย

“แต่ขอบคุณนะ ที่เชื่อใจเเวน”

“ขอบคุณคนดีเถอะ ถ้าไม่ลูกไม่วิ่งมาหาเพลงนะ มีบ้านเเตก”

“แวนไม่รู้จริงๆ ว่าเค้าเข้ามาได้ยังไง”

“ซื้อขนมไปเซ่นไหว้คนดีเลย”

เเวนอมยิ้ม ลูกตัวนี้ช่างเป็นความมงคลของบ้านจริงๆ

“แล้วนี่เอาคนดีเข้าห้องน้ำเพราะจะทำใช่ป่ะ เพลงเเม่งลามกว่ะ กลับมาเหนื่อยๆ ก็ชวนทำเลยหรอ”

“เพลงเอาคนดีเข้าห้องน้ำ เพราะเพลงจะได้ด่าเเวนอย่างไม่ต้องออมเสียงต่างหาก กลัวลูกตกใจ”

“อ้าว”

“ไม่ต้องมาทำหน้างอเเง เดี๋ยวจะให้ไปนอนในห้องน้ำเเทนลูก!”

แวนไม่เถียงต่อ เขารวบร่างพอดีกอดนั้นให้นั่งลงบนตัก สองมือกอดรัดเอวเเน่นเเล้วเอาหน้าซุกไว้กับไหล่อุ่นๆ เขากำลังอ้อนเพลงด้วยการกระทำไม่ใช่คำพูด และคนที่คิดถึงกันใจจะขาด คิดถึงกันยันในฝันมีหรือจะเเข็งใส่กันได้นาน อ่อนไปหมดแล้ว อ่อนหมดทุกอย่างยกเว้นส่วนที่อยู่ตรงกลางระหว่างขา

“เเวน..” เพลงเรียกเบาๆ สัมผัสบางอย่างทำให้แทบต้องลุกขึ้นหนี

“คิดถึง” เสียงทุ้มกระซิบแผ่บเบา แล้วก็เริ่มซุกไซร้ไปทั่วต้นคอ

“หื่นเหอะ”

“ไม่เถียง”

“อื้อ”

“หอม”

“อ๊ะ”

“หวาน”

“แวน...”

“ขออนุญาตนะครับ”

เสื้อผ้าของคนที่เดินทางมาไกลปลิวลงไปข้างเตียงเรียบร้อย แผ่นหลังขาวละมุนตาถูกวางลงสัมผัสผ้าปูที่นอนนุ่ม เเขนสองข้างยังคล้องอยู่รอบคอคนที่กล้ามเนื้อเเน่นหน้า รอยสักประปรายตามตัวเเวนทำให้อีกฝ่ายดูฮอตมาก เพลงมองตาไม่กระพริบ ผละมือข้างหนึ่งมาลูบไล้ แล้วสะกิดไปที่ตุ่มไตสีเข้ม

“ซน”

แวนดุ เพลงหน้ายู่

เพลงไล้มือไปที่ลอนกล้ามท้อง แล้วก็ทักทายส่วนที่ตีก้นเขาบ่อยๆ มือนุ่มที่เเวนชอบ กำลังบีบคลึงไม้เรียวให้พร้อมฟาด ตาหวานฉ่ำปรอย ปากก็เผยอขบเม้มอย่างเย้ายวน

“ยั่ว”

และสิ้นคำนั้น คนที่สร่างเมาเพราะเมียมาก็ก้มลงจัดการยอดอกสีหวานถูกปลายลิ้นตวัดเข้าปาก เเวนจูบมัน กัดมัน จนเพลงหลังไม่ติดเตียง มือที่เคยเย้าหยอกร่างกายของเเวนก็ต้องยกกลับมาจับเเขนอีกฝ่ายเพื่อประคองตัวเเทน

เมื่อเห็นว่าเพลงพร้อมเเล้ว เเวนก็คุกเข่า แล้วยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เขารั้งข้าเพลงข้างหนึ่งมาพลาดไหล่ แล้วดึงสะโพกอีกฝ่ายเข้ามาชิด ปล่อยให้ไม้เรียว คลอเคลียกับร่องก้นนุ่มๆ อย่างใจเย็น

ส่วนมือก็ชักนำส่วนน่ารักของเพลงไปด้วย

“แวน~” เสียงเรียกเเว่วหวาน มันครางเครือ เหมือนคนกำลังจะสะอื้น

“ครับ”

“ช่วยเพลงด้วย”

“เป็นอะไรเอ่ย”

“เพลง...ฮึก”

“ครับ ไม่ร้องนะ”

“ฮื้อ” เพลงพูดได้ไม่เป็นคำแล้ว เพราะจังหวะมือของเเวนที่เเกล้งเขาจนปั่นป่วนไปทั้งร่าง

“ขะ...ข้างใน”

“เข้ามาข้างในตัวเพลง”

“รับบัญชาเลยครับเจ้าหญิง”



หลังจากส่งสารนำความคิดถึงกันจนเกือบเช้า เเวนก็ไปเอาผ้าชุบน้ำอุ่นๆ มาซับทำความสะอาดให้คนรัก คนดีถูกปล่อยออกมาเเล้ว ที่จริงน้องหลับไปแล้วนั้นเเหละ เเต่เพลงก็ไม่อยากให้ลูกเหงาอยู่ในห้องน้ำตัวเดียว จึงให้เเวนอุ้มมานอนข้างๆ หมอนตัวเอง เพลงกอดคนดี แล้วเเวนก็กอดซ้อนหลังอีกที







วันก่อนกลับเพลงไปเดินซูเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อขนมฝากเด็กๆ ในชั้น เเละไม่ลืมซื้อพวกอุปกรณ์ระบายสีชุดใหญ่ไปให้ โนราห์ เด็กผู้หญิงที่อยู่กับยายสองคนด้วย เธอจะได้มีใช้ไปนานๆ

แวนมาส่งเพลงที่สนามบิน เหลือเวลาอีกประมาณเกือบสี่เดือนเพลงถึงจะฝึกงานเสร็จ มันกินเวลาปีสี่เทอมหนึ่งของเเวนไปทั้งเทอมนั้นแหละ คนตัวสูงรู้สึกใจวูบโหวงอีกครั้งเมื่ออีกคนจะจากกันไกล แต่เขาก็ต้องเเสดงความเข้มเเข็งออกมาเเทนเพราะไม่อยากให้เพลงต้องเป็นห่วง เพลงเองก็เช่นกันเเม้จะอยากงอเเงเเค่ไหน แต่คนเราก็ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ แล้วการที่ห่างกันเเบบนี้เพลงคิดว่ามันเป็นบททดสอบสำคัญทีเดียว

ครึ่งแรกของพวกเขาผ่านฉลุยแม้ว่าจะมีเสียน้ำตาไปบ้างแต่เพลงก็ยอมรับว่าหลังจากที่หายโกรธกัน เราก็เหมือนขยับเข้าใกล้กันอีกไม่น้อย และเราสองคนก็พร้อมจะเรียนรู้ว่าการประคับประคองความรัก ไม่ใช่ว่าต้องตัวติดกันเสมอไป แต่ความเข้าใจในบทบาทของอีกฝ่าย ความเชื่อใจ และปล่อยให้เขาเติมเต็มโลกของตัวเองให้สมบูรณ์ ก็เป็นความรักรูปแบบหนึ่งเช่นกัน แวนกำลังสนับสนุนให้เพลงเติบโตในเส้นทางของเพลง โดยมีเเวนเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่

คนตัวเล็กกอดลาเเฟนหนุ่ม เเวนก้มลงหอมเเก้มเขาโดยไม่เเคร์สายตาคนรอบข้าง จนต้องดุเบาๆ แต่ถามว่าโกรธมั้ยก็ไม่ พวกเขากอดกันอยู่นาน ทั้งที่ก่อนออกจากคอนโดก็กอด อยู่ในรถก็กอด แต่...นะ มันไม่พอเลยจริงๆ

จนเป็นแวนที่ต้องทำใจให้แข็งกว่า เขาผลักเพลงออกจากตัวเบาๆ ก่อนจะโบกมือลา

“รอนะ รีบกลับมา”

“อื้อ จะรีบกลับมา”













TBC






ขอบคุณฟีดแบคจากตอนที่แล้วนะคะ ตอนนี้ก็ขอกำลังใจหน่อยยยยย

ไม่ก็ #เพราะเธอมันน่าเบื่อ แล้วเจอกันค่า


ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ---> #เพราะเธอมันน่าเบื่อ ---> up 21 MARCH
«ตอบ #75 เมื่อ31-03-2019 22:43:56 »

เกือบไปแล้วไหมล่ะแวนเกือบเสียเพลงไปแล้วมัวแต่แสดงความรักผิดวิธี  :m16: แต่ยังดีที่ยอมรับความรู้สึกตัวเองแล้วคิดได้อะนะเลยได้เพลงแบบอัพเลเวลกลับมาหึหึน่ารักเสียนี่กระไร ส่วนระยะเวลาที่ห่างกันอีก4เดือนก็สู้สู้นะเราเชื่อว่าต้องผ่านไปได้  :กอด1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ---> #เพราะเธอมันน่าเบื่อ ---> up 21 MARCH
«ตอบ #76 เมื่อ01-04-2019 00:31:24 »

โพสกลายเป็นหมาหัวเน่าเลยอ่ะ555

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: ---> #เพราะเธอมันน่าเบื่อ ---> up 21 MARCH
«ตอบ #77 เมื่อ01-04-2019 00:46:58 »

 :impress2: :impress2: :impress2: :L2: กำลังใจค่ะ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ---> #เพราะเธอมันน่าเบื่อ ---> up 21 MARCH
«ตอบ #78 เมื่อ01-04-2019 23:30:48 »

งือออออ

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
20



เพลงกลับไปแล้ว และแวนก็เริ่มเปิดเทอมใหม่ วิชาเรียนของเเวนน้อยลง ส่วนใหญ่จะเป็นวิชาของภาคที่เน้นโปรเจ็คต์จบที่ให้ทำแผนงานธุรกิจเสมือนทำงานจริงมากกว่า เเวนมีเวลามากขึ้น เขาไปสมัครฟิตเนสเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน และเริ่มหันมาสนใจการลงทุนด้วยหุ้น รวมไปถึงรวมกลุ่มกับเพื่อนซื้อคอนโดมือสองมาปล่อยเช่า หารายได้เสริมตามสไตล์เด็กคณะบริหาร

ครอบครัวเขา...ไม่สิพ่อเขาให้เงินค่าขนมเเต่ละเดือนมากก็จริง แต่เเวนก็กลัวความไม่เเน่นอน เขาควรวางเเผนทางการเงินตั้งเเต่เรียนไม่จบ และมองหาลู่ทางทำเงินไว้ตั้งเเต่เนิ่นๆ เขาไม่อยากใช้เงินของพ่อไปตลอด เพราะเขายังมีเพลงที่ต้องคอยดูแล แวนอยากมั่นคงให้เพลงพึ่งพาได้ และแวนก็ยังไม่พร้อมไปสืบทอดกิจการของพ่อด้วย

งานของพ่อ..มันทำให้เเม่จากไป ความบ้างานและเลขาฯ ที่ใกล้ชิดพ่อคือตัวอันตรายในความรู้สึกเเวน ในใจลึกๆ เขาต่อต้านพ่อนั้นเเหละ และเพราะเป็นแบบนี้เขาจึงไม่ค่อยศรัทธาในความรักระหว่างชายหญิงเท่าไหร่ด้วย ชายชายตอนแรกเขาก็ยังลังเล แต่เพลงก็สร้างความมั่นใจกลับคืนมาทีละนิด



ฝ่ายคุณครูฝึกสอนก็เต็มที่กับหน้าที่เช่นกัน เขาอยากสร้างความทรงจำในวัยเด็กที่ดีให้กับนักเรียนทุกคน เพราะเชื่อว่าทุกเสี้ยวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตมีผลต่ออนาคต พ่อเเม่บางคนอาจไม่เคยรู้เลยว่าคำพูดเพียงประโยคเดียว อาจสร้างปมไปตลอดชีวิต หรือการบ่มเพาะนิสัยบางอย่างลงไปตั้งเเต่เด็กเช่นการทุบตี หรือพูดหยาบคายก็ส่งผลไปถึงตอนโตได้เช่นกัน เพลงหวังว่าความสนุกของการเรียนหนังสือที่เขาถ่ายทอดให้ จะช่วยสร้างลักษณะนิสัยที่ดีให้เด็กๆ และหากวันใดที่ต้องไปผจญกับความโหดร้ายในสังคมหรือต้องไปเจอกับระบบการศึกษาที่เเย่ ก็อยากให้ระลึกไว้ว่ายังมีครูพี่เพลงที่เป็นกำลังใจให้อยู่เสมอ เพราะนอกจากพ่อแม่ เพลงคิดว่าครูก็เป็นตัวการสำคัญที่จะช่วยปั้นอนาคตให้เด็กๆ

พ่อเพลงก็เป็นครู เป็นครูที่มีลูกศิษย์รักมากมาย เพลงเองก็อยากเป็นอย่างพ่อ ให้โอกาส และมอบความศรัทธาในตัวเองให้เเก่เด็กๆ

“หนูทำได้”

“คุณครูเชื่อในตัวหนู”

“ถ้าไม่มีใครฟังสิ่งที่หนูสนใจ ให้มาเล่าคุณครู คุณครูอยู่กับหนูเสมอ”

เพราะยิ่งมาอยู่ในโรงเรียนเล็กๆ ในอำเภอที่ห่างไกล ก็ยิ่งได้เห็นสิ่งที่ขาดหายไป เด็กส่วนใหญ่อยู่ในครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำ พ่อเเม่เอาเเต่ทำงานจนละเลยความฝันของเด็ก เพลงก็จะรับฟังมันเอง และพยายามส่งทุกคนให้ไปไกลได้ที่สุด

และสิ่งตอบแทนที่ได้จากความตั้งใจนั้น คือความในใจจากเด็กๆ ที่เขียนการ์ดอำลาครูเพลง เมื่อรู้ว่าคุณครูยิ้มสวยจะต้องกลับกรุงเทพฯ แล้วเพราะจบเทอม



หลังวันสอบปลายภาคจบ โรงเรียนก็มีจัดเลี้ยงฉลองเล็กๆ เป็นขวัญกำลังใจให้เด็กๆ ที่ตั้งใจเรียนมาตลอดเทอม ลุงฉลองตั้งเวทีง่ายๆ กลางสนามฟุตบอล มีวงดนตรีพื้นบ้านมาเล่น รวมไม่ถึงมหรสพพื้นบ้านอย่างหนังตะลุง ห้อยไฟปิงปองให้บรรยากาศอบอุ่น เเม่ครัวของโรงเรียนเตรียมอาหารไว้ให้เด็กๆ ได้ทาน และมีขนมหลากหลายชนิดจากร้านของเมี่ยงที่ฝากคนที่ร้านเอามาให้เด็กๆ ได้ทานกันฟรี วันนี้เจ้าของร้านพลาดเพราะเดินทางไปต่างประเทศกับครอบครัว ผู้ปกครองหลายท่านก็มาร่วมงาน และสนับสนุนเป็นเงินให้โรงเรียนไปซื้อของขวัญมาแจกเด็กๆ ตอนเล่นเกม บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เพลงเองก็นั่งอยู่กับเด็กชั้น อ.2ของตัวเอง มีเด็กป.โตๆ ที่ติดครูเพลงแวะเวียนมานั่งด้วยบ้าง และต้องช่วยแปลบทสนทนาของหนูนุ้ยและไอ้เท้ง ตัวละครเอกในหนังตะลุงที่ตอบโต้กันเป็นภาษาใต้เร็วปรื๋อให้เพลงฟัง บางมุกก็เป็นตลกที่คนอื่นๆ ขำกันไปแล้ว เพลงก็ต้องมาขำทีหลัง เพราะฟังไม่เข้าใจจริงๆ

ท่ามกลางความสนุกที่ดำเนินไปเรื่อยๆ จู่ๆ ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝัน มีคนเริ่มสังเกตเห็นควันไฟมาจากทางโรงครัว ที่อยู่ติดกับห้องเรียนฝั่งอนุบาล

การแสดงบนเวทีหยุดลงทันที คุณครูใหญ่รีบประกาศให้ทุกคนไปรวมตัวกันยังจุดที่ปลอดภัย

คุณครูประจำชั้นทุกคนรีบนับจำนวนเด็กในห้องเพื่อเช็คจำนวน ส่วนลุงฉลองโทรเรียกรถดับเพลิง ทุกคนใจชื้นเพราะว่าทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ที่ลานไม่มีใครหลงอยู่ในอาคารเรียนเเต่ไม่ใช่เพลง คุณครูประจำชั้นรู้ว่านักเรียนห้องอนุบาล 2หายไปหนึ่งคน

“คุณยาย น้องโนราห์ไปไหน!” เพลงวิ่งไปถามหญิงชราที่ตกใจลนลานอยู่ในฝูงชน เพราะทุกคนอลหม่านไปหมด แกคงกำลังตกใจเลยพูดไม่ออก

“คุณยายใจเย็นๆ เห็นน้องมั้ย เพลงถามอย่างใจเย็น เพื่อให้คนเเก่ไม่ตกใจไปมากกว่านี้

“เห็นว่า วะ..ว่า จะไปเอาดินสอสีที่ครูเพลงให้ น้องลืมไว้ในห้องเรียน” คนเป็นยายบอก แกน้ำตาไหลจับมือเพลงไว้แน่น เพลงบอกคุณยายว่าไม่เป็นไร

แต่พอหันไปทางห้องเรียนอนุบาลสอง ตรงนั้นยังเป็นอาคารไม้ ต่างจากฝั่งประถมที่ก่อปูนแล้ว พระเพลิงโหมแรงย้อมบรรยากาศให้เป็นสีแดงฉาน

เพลงกำมือเเน่น มองคุณยายที่ไม่เหลือใครแล้วนอกจากหลานคนเดียว เพลงมองดูรอบด้านทุกคนกำลังวิ่งออกห่างตัวอาคารอย่างอลหม่าน เขาตัดสินใจวิ่งย้อนกลับไปทางห้องเรียนอนุบาลสอง

“ครูเพลงไปไหน!!” ลุงฉลองคว้าตัวไว้ เพราะตอนนี้ไฟโหมเเรงจนต้องต้อนคนออกจากเขตโรงเรียนให้หมด

“น้องโนราห์อยู่ข้างใน”

“ครูเข้าไปไม่ได้!!” ลุงหลองรั้ง

“ไป เพลงต้องไป”

คนโตกว่ารู้ว่าไม่ควรเสียเวลาห้ามกัน จึงปล่อยไหล่เพลงแล้วออกวิ่งไปในทางเดียวกัน

“ลุงไปด้วย!!” แกอยู่ที่โรงเรียนนี้มานานเห็นเด็กคนนั้นอยู่ทุกวัน ก็ยอมไม่ได้เช่นกันจะให้เด็กเป็นอะไร และถ้าจะรอกู้ภัยคงไม่ทัน เพลงฝ่าควันไฟเข้าไปโดยไม่กลัวสักนิด อาจจะเป็นเพราะตกใจมากก็ได้จึงทำให้อะดินาลีนหลั่งจนลืมร้อนลืมเจ็บ

“โนราห์ได้ยินครูมั้ย!! ส่งเสียงหน่อย โนราห์!!”

ลุงฉลองรู้สึกว่าครูเพลงที่ตัวเล็กๆ เท่มากในเวลานี้ ทั้งสองคนบุกตะลุยความร้อนเข้าไปจนถึงห้องอนุบาลสอง ที่ควันคละคลุ้งปิดทัศนวิสัย ดีที่เขาฝึกซ้อมหนีภัยที่หอพักนักศึกษามาบ้างจึงพอรู้ว่าต้องทำยังไง เพลงเปิดไฟฉายจากมือถือแล้วย่อตัวให้ต่ำกว่าควันแล้วคลำทางไป เปลวไฟแลบเลียเข้ามาทางหน้าต่าง และความร้อนก็ทำให้เขาเหงื่อไหลเป็นน้ำ

“ฮึก..ครู ครู!” เสียงร้องไห้ดังมาจากซอกโต๊ะ ในมือเธอกอดดินสอสีของครูเพลงไว้ คนเห็นเเทบจะร้องไห้ เพลงฝ่ากองไม้ฝ้าเพดานที่ร่วงลงมาดักทางไว้เข้าไปอุ้มโนราห์ เด็กน้อยผอมมากจึงไม่หนักเลย เพลงยื่นโนราห์ให้ลุงฉลองที่รออยู่หน้าห้อง คนแก่เอาผ้าขนหนูปิดจมูกเด็กไว้ แล้วก็คลานตามกันออกไป

“ครู!!” ตอนส่งเด็กให้เจ้าหน้าที่ดับเพลง ลุงพึ่งหันไปเห็นว่าเพลงไม่ได้อยู่ด้านหลังเเล้ว!!



เเวนกระวนกระวาย เขานอนไม่หลับ รู้ว่าเพลงมีงานเลี้ยงปิดภาค แต่ทำไมไม่รับโทรศัพท์เขาเลย และช่วงหลังมันเหมือนเครื่องปิดไป เเวนโทรจนเที่ยงคืน ก็มีเบอร์ลุงฉลองโทรแทรกเข้ามา พวกเขาเเลกเบอร์กันไว้ตั้งเเต่ไปส่งเพลง เเวนไม่อยากกวนเลยไม่ได้โทรไปในตอนเเรก

“คุณเเวนครับ ลุงฉลองเองนะ”

“ครับลุง ผมจำได้”

“ที่โรงเรียนไฟไหม้”

แวนตัวเย็นเฉียบ

“แล้วเพลง..”

“อยู่ ICU ครับ”

เเวนเข่าทรุดทันทีแต่ก็ต้องรีบตั้งสติ “โรงพยาบาลอะไรครับ”

“โรงพยาบาลจังหวัดครับ ถ้าคุณเเวนจะมาก็บอกลุง เดี๋ยวลุงไปรับ”

“ครับ! ขอบคุณครับ”

แวนเข้าแอพหาตั๋วเครื่องบินทันที ได้ไฟลท์เช้าสุดก็รอบตีห้า ใจเขาร้อนรุ่มจนอยู่ไม่สุข แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่าคำว่ารอ แวนจัดการเอาคนดีไปฝากคลินิกที่เปิด 24ชม. โทรบอกเพื่อนฝากเรื่องเรียน เเล้วเก็บกระเป๋าไปที่สนามบิน ให้อยู่คอนโดนานกว่านี้เขาคงเป็นบ้าไปก่อน



ตอนที่ร่างสูงเหยียบโรงพยาบาลจังหวัดเป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าๆ เขาเห็นพระยังเดินบิณฑบาตอยู่ จากคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องบาปบุญตามสมัยเด็กรุ่นใหม่ แวนกลับรู้สึกว่าตอนนี้พระสงฆ์คือที่พึ่งทางใจที่ดีที่สุด เขาเดินกลับไปซื้ออาหารจากร้านหน้าโรงพยาบาลเเล้วนิมนต์หลวงตา ท่าทางเก้ๆ กังๆ แบบคนไม่ค่อยได้ทำบุญทำให้พระสูงวัยอมยิ้ม เด็กวัดที่เดินมาด้วยกันก็ช่วยบอกขั้นตอนให้อย่างเมตตา หลังจากวางของลงในบาตร แล้วรับพรใจเขาก็สงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนหน้านี้เขากลัวมาก กังวลไปหมดว่าเพลงจะเป็นอะไรร้ายแรง เพราะยังไม่ได้ข่าวอะไรอีกเลยนอกจากล่าสุดว่ายังไม่ออกจากห้องฉุกเฉิน

แล้วที่มาครั้งนี้เขาก็ไม่ได้ให้ลุงฉลองไปรับ เพราะเห็นว่าเเกคงยุ่งกับเรื่องที่โรงเรียนไม่น้อย กลายเป็นว่ายิ่งเคว้งคว้างไปใหญ่ เด็กหนุ่มจากเมืองกรุงกระชับกระเป๋าเป้ด้านหลัง เขาเงยหน้าดูโรงพยาบาลประจำจังหวัดแล้วให้ความรู้สึกหดหู่กว่าเดิม แม้จะมีตึกใหญ่โต แต่ก็มีคราบความเก่าฉาบฉายไปทั่ว เสียงไซเรนรถพยาบาลเองก็ยังคงดังอยู่ไม่หยุดหย่อน รวมไปถึงเสียงระงมร้องไห้ของญาติผู้ป่วย แวนไม่อยากจิตตกไปมากกว่าเดิมเขาจึงเดินเข้าไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่

“คนไข้ชื่อ พร้อมกานต์ โดนไฟไหม้ครับ ไม่ทราบว่าออกจากไอซียูหรือยัง”

หลังหญิงสาวหลังเคาร์เตอร์ค้นข้อมูลสักพักก็แจ้งว่าได้ออกจากห้องฉุกเฉินแล้วย้ายไปอยู่วอร์ดอายุรกรรมชายเเล้ว แวนโล่งใจ อย่างน้อยก็แปลว่าอาการไม่ร้ายแรงแล้ว

ชายหนุ่มเดินไปทางเดินที่มีแต่ความวุ่นวาย ฟ้าสว่างมาสักพักแล้วโรงพยาบาลก็เต็มไปด้วยผู้คน แวนเดินหลบหลีกจนมาขึ้นลิฟต์ที่ก็รอนานไม่แพ้กัน และเมื่อขึ้นมาถึงชั้น 5 ที่มองเห็นห้องรวมได้ชัดเจน แวนก็ให้สะท้อนในอก เตียงผู้ป่วยล้นออกจากประตูกระจกมาถึงหน้าลิฟต์ หลายคนยังหลับไม่ได้สติ มีญาตินอนอยู่ใต้เตียง บางเตียงก็ต้องถูกผูกไว้กันอาละวาด มันเป็นภาพที่ชวนอึดอัดและหดหู่

เพลงต้องนอนอยู่ในห้องรวมแบบนี้ เขาอดสงสารคนตัวเล็กไม่ได้

แวนเดินหาหมายเลขเตียงที่แสนลางเลือน แล้วเขาก็ได้เจอกับคนป่วยที่ยังไม่ได้สติ ร่างสูงปลดเป้ลงวางบนพื้นที่ว่างแคบๆ ข้างเตียง เพลงตัวน้อยๆ ของเขาต้องมานอนอยู่แบบนี้คนเดียวไม่รู้กี่ชั่วโมงเเล้ว เขาลูบผมอีกฝ่ายอย่างถนอม และไม่น่าเชื่อว่าน้ำตากำลังไหลออกมาช้าๆ มันเป็นความรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างดีใจที่อีกฝ่ายยังอยู่ ยังหายใจ และไม่ได้เป็นอะไรหนักมาก กับความรู้สึกสงสาร เพลงมีผ้าก็อตผืนใหญ่ที่ปิดอยู่บริเวณเเก้ม แขนเเละต้นขา ไม่ต้องจินตนาการเลยว่าแผลไฟไหม้พุพองนั้นจะเจ็บขนาดไหน ถ้าเป็นได้แวนอยากแบ่งความเจ็บมาให้ตัวเอง

เพลงยังไม่รู้สึกตัว อาจจะเพราะได้ยาเเก้ปวดเข้าไปจึงหลับยาว เเวนนั่งมองหน้าเพลงอยู่เฉยๆ จับมือขึ้นมาลูบไล้บ้างเป็นครั้งคราวด้วยความห่วงใย แล้วเมื่อมีพยาบาลผ่านมาวัดไข้ และความดัน เขาก็เข้าไปสอบถามเพื่อทำเรื่องขอย้ายเพลงไปห้องพิเศษทันที แน่นอนว่าต้องรอคิวอีกเป็นวัน เนื่องจากคนไข้ล้นโรงพยาบาล และในสถานการณ์แบบนี้เงินก็ไม่สามารถอำนวยความสะดวกใดใดได้เลย เเวนหงุดหงิดมากแต่ก็ต้องรับสภาพเพราะทำอะไรไม่ได้ เขาถอนหายใจแรง แล้วทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ไม้แข็งๆ ข้างเตียง ยกมือเพลงมากุมไว้เช่นเดิม

“กินอะไรหรือยังละหนุ่ม ไปกินอะไรก่อนมั้ย เดี๋ยวป้าช่วยดูให้” เสียงจากเตียงข้างๆ ดังขึ้น ทำให้แวนหันไปมอง เธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่นั่งเฝ้าคนป่วยอยู่เช่นกัน

“ขอบคุณครับ แต่ผมยังไม่หิว” เเวนหันไปพูดด้วย

“ไม่หิวก็ต้องกิน เฝ้าคนป่วนมันใช้เเรงเยอะ ถ้าร่างกายไม่เเข็งเเรงเราเนี่ยจะป่วยเสียเอง ยิ่งอยู่ห้องรวมแบบนี้ ต้องทำเองหมดนะ พยาบาลเค้างานเยอะไม่ว่างมาช่วยหรอก” คนที่เฝ้ามาแล้วหลายวันอธิบาย เธอเองก็เข้าใจหัวอกญาติคนป่วยดี

“หรอครับ”

“ไปกินซะเถอะ จะได้มีเเรง ร้านดีๆ ในโรงพยาบาลก็มีนะ” ป้ายังพูดต่ออย่างเอ็นดู ดูท่าทางเก้ๆ กังๆ แถมยังพูดกลางชัดถ้อยชัดคำ ไม่ใช่สำเนียงเเบบเด็กใต้ คงไม่เคยมาที่โรงพยาบาลนี้กระมัง

“ลงลิฟต์ไป เดินไปทางโรงอาหาร ก่อนทางเข้าโรงอาหารมีร้านดังที่เขามาเปิดสาขาในโรงพยาบาล เป็นร้านที่นักท่องเที่ยวชอบมากิน น่าจะถูกปากคนกรุงเทพ”

แวนอดเขินไม่ได้ เขาดูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อขนาดนั้นเลยหรือไง

“ขอบคุณครับ งั้นผมฝาก เอ่อ...เพื่อนเเป๊บนึงนะครับ” แวนไม่กล้าบอกว่าเเฟน เพราะกลัวเธอจะยังรับไม่ได้

“แหม ห่วงกันขนาดนี้ ป้าว่าไม่ใช่เพื่อนมั้ง หลานป้ามันอ่านฟิคเกย์เยอะแยะ ชอบเอามาเล่าให้ฟัง ป้าเข้าใจนะ”

คราวนี้เป็นเเวนที่รู้สึกร้อนๆ ที่หน้ามากกว่าเดิมไปอีก เขาไม่คิดว่าในสภาพเเวดล้อมที่น่าหดหู่ขนาดนี้ จะมีมิตรภาพจากเตียงข้างๆ ที่แสนอบอุ่น

เด็กหนุ่มลุกขึ้น ค้อมศีรษะแล้วเดินไปตามที่บอก



เพลงรู้สึกตัวอีกทีตอนสายๆ เขาจำได้เพียงว่ามีไม้ติดไฟท่อนใหญ่ตกลงมาขวาง แล้วควันสีดำก็อัดเข้าหน้าจนกลั้นหายใจไม่ทัน หลังจากนั้นก็เหมือนอึดอัดหายใจไม่ออก สมองมึนเบลอแล้วภาพทั้งหมดก็มืดดำไป มาสลึมสลืออีกทีตอนเห็นหน้าหมอพยาบาลรุมกันเยอะๆ แล้วก็ภาพตัดอีก จนตอนนี้ที่มีใบหน้าคุ้นตาชะโงกอยู่ใกล้ในระยะเอื้อมถึง เพลงไม่แน่ใจว่านี้คือความจริงหรือความฝัน หรือตายไปแล้ว แต่พอคิดว่าตัวเองไม่มีชีวิตอยู่แล้วเขาก็ตัวเย็นเฉียบ นึกอยากพิสูจน์ทันที

ยกมือขึ้นพยายามเอื้อมไปจับใบหน้านั้นดู แต่กลับรู้สึกปวดรั้งที่บริเวณหลังเเขน ใบหน้าที่กระตุกด้วยความเจ็บปวดทำให้เเวนต้องคว้าข้อมือเพลงไว้เอง เขาก้มลงเอาแก้มเเนบมัน เพื่อให้เพลงรับรู้ถึงตัวตนของเขา เพลงน้ำตาไหล มันเป็นทั้งความตื้นตันเเละความกลัว ก่อนที่สติจะหมดไป จิตใจเขาห่วงพะวงแต่เเวนเท่านั้น เขากลัวอีกฝ่ายจะอยู่ไม่ได้ถ้าหากเขาจากไป

แต่ตอนนี้แวนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ดวงตาคมกริบแสนดุนั้นบวมช้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแวนร้องไห้

“พะ..เพลงขอโทษ” คนเจ็บพึมพำเสียงเบา เพราะรู้สึกถึงความตึงที่เเก้มข้างขวา ทำให้เขาขยับปากได้ไม่ถนัดนัก

“ที่ทำให้เป็นห่วง..”

เเวนส่ายหน้า แล้วเขาก็ร้องไห้อีกครั้ง น้ำตาผู้ชายตัวโตๆ กำลังไหลลงบนฝ่ามือคนรัก

“ไม่เป็นไรๆ กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาแล้วนะเพลง” แวนอยากกอดเพลง อยากสัมผัสคนตัวเล็กมากกว่านี้ เเต่เเผลที่มีหลายๆ จุดในตัวเพลงทำให้เเวนไม่กล้า เเละก่อนที่จะซึ้งกันไปมากกว่านั้น หมอเจ้าของไข้ก็เดินมาดูอาการพร้อมนักศึกษาเเพทย์อีกคน

“ฝื้นแล้วหรอครับ” เสียงนุ่มทักทายอย่างแจ่มใส เพลงยิ้มให้ แต่เเวนเหมือนคิ้วกระตุก เขารับรู้ได้ถึงรังสีห่วงใยเกินเหตุ เเวนเลยไม่ปล่อยมือเพลง หมอเองก็เหลือบมาเห็นเเต่ไม่ว่าอะไร

“ญาติผู้ป่วยใช่มั้ยครับ”

“ครับผมแฟนเพลง” แวนพูดเรียบๆ เพลงถึงกับต้องบีบมือเบาๆ ไม่ให้คนขี้หึงองค์ลงอีก

“คนไข้มีแผลไฟไหม้ระดับสองหลายจุดนะครับ นอกร่มผ้าทั้งหมด ข้างในหมอดูให้แล้วไม่มี”

“ครับ โอ๊ย” เพลงรับคำ แต่เผลอขยับปากเเรงเลยไปดึงเเผลบนหน้าให้เจ็บ

“แก้มเป็นเเผลใหญ่อยู่ ระวังหน่อยครับ แต่โดยรวมก็ถือว่าบาดเเผลยังไม่รุนเเรงมาก ล้างเเผล ทายาฆ่าเชื้อทุกวัน ถ้าปวดมากก็ขอยาพยาบาลได้ แต่ตอนเเผลแห้งแล้วคงทิ้งรอยเเผลเป็นเยอะหน่อยนะ เสียดายเหมือนกัน” คุณหมอพูดด้วยรอยยิ้มใจดี จากนั้นก็วัดไข้ และดูความดันอีกนิดหน่อย

คราวนี้คนเป็นหมอหันมาหาญาติคนป่วยบ้าง “ขอห้องพิเศษไว้ใช่มั้ย หมออนุญาตนะครับ รอห้องว่างนะ” หมอหนุ่มสั่งทิ้งท้ายไว้ แล้วก็เดินไปดูเคสอื่นต่อ

“เปลี่ยนเป็นหมอผู้หญิงได้มั้ย” แวนบ่น จนเพลงต้องตีมือไปที ขี้หวงอะไรขนาดนั้น

“มีสิทธิ์อะไรดูผิวเเฟนกู เพลงมึงก็ช่างเลือกโรคป่วยเนาะ ต้องไฟไหม้ให้เค้าถอดผ้าดู”

เพลงหัวเราะไป ทำหน้าเจ็บปวดไป แวนหวงเป็นเด็กเลย

“แวน ก็ไปเรียนหมอดิ จะได้เห็นเพลงคนเดียว อุ๊ป! เจ็บ เเง เถียงก็ไม่ค่อยได้”

เเวนนึกอยากบิดจมูก หรือไม่ก็จูบปิดปากช่างพูดนั้น เเต่ก็ติดที่ว่าเเค่นี้เพลงก็ระบมไปหมดทั้งตัวเเล้ว



ระหว่างที่รอห้องพิเศษ เเวนเเละเพลงก็ต้องอยู่ในห้องรวมที่แออัดไปก่อน ไรผมเเวนชื้นเหงื่อจนเพลงสงสาร ห้องรวมไม่ได้ติดเเอร์ เพียงเปิดหน้าต่าง และมีพัดลมไว้ระบายอากาศเท่านั้น คนไม่เคยลำบากต้องมาทนอยู่เเบบนี้ ทำให้เพลงยิ่งรู้สึกผิด อีกอย่างแวนก็เดินวุ่นเกือบตลอดเวลา ทั้งพาไปเข้าห้องน้ำ ช่วยจัดท่านอน ป้อนข้าว ป้อนยา

“ไปเช่าโรงเเรมอยู่ก่อนมั้ย ร้อนจนตัวเเดงหมดแล้ว” เพลงถามอย่างห่วงใย

“มึงเป็นหนักกว่ากูเพลง อย่ามา”

“ก็เพลงอยู่แบบไม่มีแอร์จนชินเเล้ว เเวนไม่ชิน”

“แล้วจะให้กูทิ้งมึงให้ไอ้หมอนั่นเต๊าะรึไง”

“หมอเค้าไม่ได้เต๊าะ”

“ไม่ต้องเถียง” เเวนดุ “กินยาเเล้วก็นอนสิ”

“ยามันไม่ได้ทำให้ง่วง”

“ก็นอนพักเยอะๆ เดี๋ยวก็ไข้ขึ้นหรอก”

“ตกลงนี่เป็นหมอไปแล้ว” เพลงถาม ยกยิ้มทีหน้าก็ร้าวเจ็บเเผล

“ถ้ามึงชอบหมอกูก็จะไปสมัครเรียน”

“น่ารักจังแฟนใคร”

“รำคาญมึงหวะเพลง” แวนดุแก้เขินแต่ก็ยกมือมาลูบผมกล่อมอีกฝ่ายเบาๆ “นอนเถอะ กูไม่กวนเเล้ว”

“อยู่ได้เเน่นะ”

“ได้ดิ กูเเฟนมึงนะเว้ย มึงอยู่ได้กูก็สบายเหอะ”



เย็นนั้นโชคดีที่มีห้องพิเศษว่าง เพลงย้ายไปทันที บรรยากาศต่างกันสิ้นเชิง ทั้งดูใหม่กว่าเเละก็สะดวกสบาย เเวนเองก็ยอมลงไปซื้ออะไรมากินได้เเล้ว เพราะไม่ต้องเป็นกังวลว่าเพลงจะกลัวกับเตียงรอบๆ ที่พร้อมจะจากไป หรือมีพระเดินเข้ามาสวดให้ตลอดเวลา

ก่อนออกมาเเวนกับเพลงก็ไม่ลืมบอกลาคุณป้าเตียงข้างๆ ที่สามีเเกประสบอุบัติเหตุ เเต่ดูเหมือนใกล้จะได้กลับบ้านเเล้วเช่นกัน

วันรุ่งขึ้นเมี่ยงที่พึ่งกลับจากต่างประเทศก็แวะมาเยี่ยม แน่นอนว่ามีประจุสู้กันในอากาศกับแวนจนเพลงอ่อนใจ แต่ร่างสูงจากกรุงเทพฯ ก็ไม่ได้ปะทะอะไรกับคนท้องถิ่นให้เสียมารยาท อย่างน้อยแวนก็รู้ว่าอีกฝ่ายค่อนข้างมีพระคุณกับเพลง

หลังจากล้างเเผล เเละได้รับยาฆ่าเชื้อยาแก้อักเเสบที่ดี ไม่นานเพลงก็ออกจากโรงพยาบาลได้ แวนขอให้เพลงกลับไปด้วยกันเลย ซึ่งทางโรงเรียนก็อนุญาต และเซ็นต์ผ่านฝึกสอนให้เพลงเเล้ว ส่วนงานด้านคะเเนนของเด็กๆ คุณครูคนอื่นก็มารับช่วงต่อให้เนื่องจากเกรงใจที่เพลงต้องเจ็บตัวขนาดนี้

เมี่ยงกับลุงฉลองเป็นคนเก็บของให้เพลง และยังมีคุณครูใหญ่ คุณครูมะเหมี่ยว โนราห์ กับเด็กๆ ที่เป็นตัวแทนห้องตามกันมาส่งเพลงที่สนามบินด้วย

เด็กหญิงตัวเล็กร้องไห้อย่างน่าสงสารที่ครูเพลงจะไป ส่วนหนึ่งเธอนึกโทษว่าเป็นความผิดเธอที่ครูต้องเจ็บ

“คุณครูต้องกลับไปเรียนต่อครับ” เพลงอธิบาย

“ฮึก...ครูจิหลบมาเหลยม้าย”

ครูจะกลับมาอีกมั้ย เธอถาม...เพลงยิ้ม “มาแน่นอนครับ จะแวะมาเยี่ยม แล้วก็ซื้อขนมอร่อยๆ มาฝากนะครับ เด็กๆ ก็ต้องตั้งใจเรียนด้วยนะ ไม่ดื้อไม่ซน แล้วก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ จะได้ไปเจอครูเพลงที่กรุงเทพฯ โอเคมั้ยครับ”

“ครูไม่หลบได้ม้าย” เด็กผู้ชายชั้นประถมที่ตามมาส่งถาม เด็กคนนี้ค่อนข้างหัวดี แล้วก็เป็นตัวแทนแข่งขันของโรงเรียนบ่อยๆ เพลงเองก็ติวภาษาอังกฤษให้อยู่บ่อย

เพลงดึงอีกฝ่ายมากอดเช่นกัน แต่ได้ยินเสียงกระแอมจากคนข้างๆ เอ้อ...กับเด็กก็หวงนะพ่อคุณ

“ครูเพลงต้องกลับนะครับ ครูเพลงยังเรียนไม่จบ แล้วก็ต้องกลับไปดูแลคนในครอบครัวด้วย”

เด็กๆ ทำหน้าหงอย แต่ลุงหลองก็ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้คึกคัก แล้วบอกเด็กๆ ว่าถ้างอแงกันครูเพลงจะไม่สบายใจ

ในที่สุดนกเหล็กก็ทะยานขึ้นสู่ฟ้า มีพบก็ต้องมีจาก แต่เป็นการจากที่เต็มไปด้วยประสบการณ์และความทรงจำดีๆ





หลังจากส่งเพลงที่บ้าน แวนก็ไปรับคนดีจากคลินิค ลูกดูงอนที่ทิ้งไปหลายวัน เเวนอุ้มเเมวหนุ่มที่ดิ้นรุนเเรงไปหาคุณเเม่ที่นอนอยู่บนเตียง ให้เพลงลูบหัวนิดหน่อยเเล้วก็ปล่อยลูกเล่นที่พื้น เขาไม่กล้าให้คนดีขึ้นเตียงเพราะกลัวทำเพลงเจ็บ และอาจทำให้เเผลที่ยังไม่หายร้อยเปอร์เซนต์ติดเชื้อ

เพลงไม่ได้อาบน้ำหลายวันเเล้ว เเวนเป็นคนเช็ดตัวและสระผมให้ แวนทำให้เพลงรู้สึกปะหลาดใจได้ทุกวันกับการดูเเลที่เรียกว่าแทบทุกอย่าง แต่สิ่งที่เพลงกำลังกังวลคือแผลเป็น เพลงเเอบดูกระจก หน้าตาเขาน่าเกลียดไม่ใช่น้อยเลย







TBC 

สงสารน้องเพลง ฮรือ 


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ---> #เพราะเธอมันน่าเบื่อ ---> up 20 [3 April]
« ตอบ #79 เมื่อ: 03-04-2019 21:28:45 »





ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
+1  o13 ขอบคุณครับ :pig4: :katai5:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สงสารน้องอ่ะ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
 สงสารเพลงหวังว่าคงมีทางที่ทำให้แผลเป็นหายนะ :call: :call: :call:

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
21



ผ่านไปเป็นเดือนเนื้อตัวเพลงเริ่มมีเเผลเป็น เนื้อนูนปูดไม่เรียบเนียน แถมยังสีเเดงน่ากลัว ประมาณ 5แผลใหญ่ๆ แก้มซ้าย แขนสองข้าง แล้วก็ต้นขาอีกสองเเผล เพลงมองดูมันในกระจกห้องน้ำวันละหลายๆ นาที ถึงจะทายาแก้แผลเป็นเท่าไหร่ มันก็ดูไม่ยุบลงเลย และเป็นเดือนเเล้วเช่นกันที่เเวนไม่กอดเขาอย่างลึกซึ้งเลย เราต่างนอนหลับไปบนที่นอนเหมือนลืมเลือนว่าเคยมีอารมณ์ความต้องการเรื่องเเบบนั้น

‘เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย เพลงทำให้’

‘กลับดึก เพลงกินแล้วก็นอนไปก่อนเลย’

เพลงอดจะคิดมากไม่ได้จริงๆ เพราะช่วงนี้เเวนเริ่มกลับดึกบ่อยๆ ทั้งที่มันเป็นช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม

“เมี๊ยว~” คนดีตะกุยประตูห้องน้ำ สงสัยลูกเห็นว่าเพลงหายเข้ามานาน เขาสวมชุดคลุมแล้วไปเปิดประตูให้ลูก เจ้าตัวก้อนขนวิ่งมาพันเเข้งพันขาทันที

เพลงนั่งยองๆ ลงกับพื้นส่วนที่แห้ง ลูบหัวคนดีอย่างเอาใจ

“คนดีว่า ป๊ายังรักม๊าเหมือนเดิมป่าว”

“ม๊าหน้าตาน่าเกลียดเเล้ว คนดีกลัวมั้ย”

“มี๊~” คนดีเลียมือเพลง

“…”

“ฮึก…” อยู่ๆ เพลงก็รู้สึกว่าเขาอ่อนเเอจนต้องร้องไห้ออกมา



แวนกลับบ้านมาในเวลาเกือบเที่ยงคืน เขาไปคุยเรื่องคอนโดที่จะซื้อใหม่ไว้สำหรับเปิดเช่ากับเพื่อนที่จะหุ้นด้วยกัน แล้วมันก็ลากยาวไปนั่งกินเบียร์จนดึกดื่น

“เมี๊ยว~” มือใหญ่เอื้อมเปิดไฟหรี่ในห้อง ทำให้มันเป็นสีส้มสลัว คนดีกระโดดลงจากเตียงมาหาเขาเเล้วก็ตะกุยขากางเกงยีนส์

“คันเล็บหรือลูก ป๊าพึ่งตัดให้ไม่ใช่หรอครับ” เเวนเดินไปวางของ กลายเป็นว่าลากเอาคนดีไปด้วย

“ม๊านอนไปยัง” เเวนก้มลงไปอุ้มเเมวตัวนุ่มมาสอบถาม

“เมี๊ยว เมี๊ยววว” คนดีเหมือนฟ้องอะไรสักอย่างเมื่อได้ยินคำว่าม๊า คนดีกำลังฟ้องว่าม๊าทำหมอนเปียกนอนไม่ได้เลยขนชื้นไปหมด แวนมองหน้าลูกแล้วขมวดคิ้ว ลูกดูหงุดหงิดแถมยังเลียเเก้มเเวนด้วยก่อนจะกระโดดลงเดินไปที่กรงด้วยท่าทางเท่ๆ สมเป็นเเมวหนุ่ม

คนดีไม่ได้เข้าไปในกรง ลูกเอาหัวดุนกรงตัวเองไปทางห้องน้ำ เเวนมองตามลูกก็งง อยากเปลี่ยนที่นอนหรือยังไง เขาเข้าไปช่วยลูกยกกรง วางมันในส่วนแห้งเเล้วคนดีก็วิ่งผลุงเข้าไปในกรงเอง

เเวนอมยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้ว่าถ้าคนดีต้องนอนในห้องน้ำ อะไรกำลังจะเกิดขึ้น ลูกเป็นใจอะไรขนาดนั้น รู้หรอว่าพ่ออยากฟัดเเม่ใจจะขาดเเล้ว เอา Royal Canin ไป 8ถุงเลยลูกรัก

เมื่อคิดอะไรลามกในหัวเป็นตุเป็นตะ เขาก็รีบล้างหน้าล้างตาแล้วก็อาบน้ำ โดยมีคนดีนอนดูหุ่นล่ำของคนเป็นพ่ออยู่ในกรงที่วางอยู่ตรงส่วนเเห้ง เมื่อซับตัวเสร็จ แวนสวมเพียงกางเกงนอนตัวเดียวเเล้วเดินไปที่เตียง

เพลงนอนคว่ำ เอียงหน้าด้านที่ไม่มีเเผลเเนบไปกับหมอน เขาเห็นรอยชื้นที่ขนตา พร้อมๆ กับวงเปียกที่หมอน น้ำลายมันคงไม่เปียกได้เยอะขนาดนี้หรอก เพราะฉะนั้นให้เดาคงเป็นน้ำตา เพลงร้องไห้ทำไม

เเวนจูบทับแก้มตรงที่เป็นเเผลของเพลงเบาๆ เขากลัวเพลงจะเจ็บ ช่วงนี้เลยไม่ได้ยุ่งกับเพลงเลย เพลงขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรแตะตัว

“เเวน กลับมาเเล้วหรอ”

“เพลงร้อง?” แวนไม่ตอบ แต่ถามกลับ

“เปล่า” คนตัวเล็กส่ายหน้า หันหลบไปอีกทาง

“อย่าหลบ” เเวนดึงให้อีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้ากัน เพลงหลบตา

“เป็นอะไร ไหนบอกปะป๊าคนดีสิ”

“ไม่ได้เป็นอะไร”

“ไม่เป็นเท่ากับเป็น” ร่างสูงรวบคนที่งอแงมากอด จ้องตากันอยู่นาน เพลงทนการกดดันของอีกฝ่ายไม่ไหวจึงยอมพูด

“ยังรักกันอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า...”

“เพลง..” แวนรับรู้ได้ว่ามันคือเรื่องใหญ่ เพลงร้องไห้ออกมาอีกครั้ง มันไม่ได้ฟูมฟาย เเต่เป็นลักษณะที่น้ำไหลคลอออกมา

“ไม่เคยรักน้อยลงเลยสักวัน อย่างร้องไห้เลยนะ” แวนเอ่ยปลอบ “แวนทำอะไรไม่ดีหรอ ทำไมถึงคิดแบบนั้นครับ”

“...”

“เล่าเร็ว...แวนจะได้แก้ไข”

“เเวนไม่ ฮึก..ยุ่งกับเพลงมานานเท่าไหร่แล้วรู้รึเปล่า”

“ไม่ยุ่งยังไง ก็คุยกันทุกวันไม่ใช่หรอ”

เพลงส่ายหน้า

เเวนกอด แล้วโอ๋เอ๋ด้วยการโยกไปมา เขายังไม่เข้าใจเท่าไหร่

“เเวนไม่ทำกับเพลงเลยช่วงนี้” สุดท้ายคนตัวเล็กก็เฉลยแล้วก้มหน้างุด

“อ๋อ แม่เเมวอยากมีน้องก็ไม่บอก” แวนหัวเราะ เพลงเลยฟาดให้

“เพลงน่าเกลียดใช่มั้ย แวนเลยไม่อยากกอดเเล้ว”

คนตัวโตกว่าขยี้ผมเพลงอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะพูดสิ่งที่คิดออกมา

“มึงหล่อมากเหอะเพลง หัวใจมึงหล่ออ่ะ เป็นกูกูยังไม่รู้เลยว่าจะกล้าฝ่ากองไฟเข้าไปช่วยใครแบบมึงรึเปล่า” แวนหอมแก้มเพลงไปฟอดใหญ่ก่อนจะพูดต่อ “กูรักมึงที่หัวใจนะ หล่อกว่าหน้ามาก แก่ไปมึงก็หน้าเปลี่ยน แต่หัวใจมึงใหญ่ขนาดนี้ กูฝากชีวิตไว้ด้วยได้ทั้งชีวิตอ่ะ รู้สึกปลอดภัย” แวนหัวเราะปิดท้าย

“ส่วนหน้ากับตัวมึงไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวจบเทอม 2แล้วจะพาไปเกาหลี กลับมาเนียนกิ๊งเหมือนเดิม”

“แวน เพลงขอโทษที่งี่เง่า”

“มึงไม่ได้งี่เง่าหรอก เป็นกูเองที่ทำให้มึงไม่สบายใจ กูแค่กลัวมึงจะเจ็บเเผลหนะ เนื้อมันตึงๆ ไม่ใช่หรอรอบเเผล ไม่กล้าบีบไม่กล้าฟัดเลย”

“ได้...เพลงทนได้”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูบีบเบาๆ แล้วกัน” เเวนกระซิบ แล้วงับหูให้เพลงจั๊กจี้เล่น

“อื้อ”

“มาทำน้องให้คนดีกันแบบซอฟต์นะ”

เพลงพยักหน้า เขาเองก็เขินไม่น้อยที่ต้องยอมรับความตัวเองออกมาต่อหน้าคนรัก แต่ในสายตาแวนกลับมองว่ามันเป็นการแสดงออกที่น่ารักมาก บางทีถ้าเราไม่พูดตรงๆ กันบ้างก็คงจะหมองใจกันไปด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

เเวนอุ้มเพลงขึ้นมานั่งคร่อมตัก จูบแผ่วเบาเพื่ออุ่นเครื่อง ก่อนจะค่อยๆ ทยอยเพิ่มความรุนแรงขึ้น เสียงเรียวลิ้นสัมผัสกัน เสียงความชื้นเเฉะของริมฝีปากผสานกับเสียงลมหายใจที่เเสดงออกถึงความต้องการที่ชัดเจน มือหนาเลื้อยเข้าไปในเสื้อนอน เขาลูบไล้ปัดผ่านส่วนที่นูนขึ้นมาจากเนินเนื้อ เเวนไม่ได้ถอดเสื้อเพลง เขาก้มลงไปกัดกินจุดนั้น เพลงก็ต้องคอยดึงชายเสื้อไว้ให้ เเวนทำวนๆ อยู่แบบนั้นอย่างนุ่มนวล แต่มันกลับสร้างความปั่นป่วนในท้องน้อยได้เป็นอย่างดี จนบางครั้งเพลงก็เผลอขยับสะโพกไปมา เสียดสีส่วนที่เริ่มไม่สงบของเเวนเข้าจังๆ และเพลงคงรำคาญที่เเวนกินนมของเขาไม่สะดวก เลยจัดการถอนเสื้อนอนของตัวเองออกทางศีรษะ

“ฮอตจังครับคนนี้” เเวนเเซวเเล้วดูดกลืนติ่งไตไวความรู้สึกนั้นอีกรอบ เพลงกอดรอบบ่าเเวนไว้ บางครั้งก็กดรั้งให้อีกฝ่ายรุนเเรงกับร่างกายตัวเองมากขึ้น และเมื่อไม่อาจทานทนกับอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงเหนือขีดจำกัดได้ เพลงก็พลิกตัวลงจากตัก นอนลงแล้วใช้มือรูดรั้งกางเกงนอนพร้อมชั้นในผ่านสะโพกกลมกลึงลงไปกองที่หัวเข่า เเวนช่วยดึงมันต่อให้หลุดพ้นจากร่างสีน้ำนม จังหวะที่ผ้านุ่มผ่านปลายเท้าไป แวนประคองข้อเท้าไว้แล้วก้มลงจุมพิตส่วนที่ต่ำที่สุดของร่างกาย

“แวน!” เพลงร้องอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเเวนจะกล้าสัมผัส แวนยังคงมอบจูบอันอ่อนโยนลงบนหลังเท้าและตาตุ่มสีชมพู

“กูรักทุกส่วนที่ประกอบรวมกันเป็นมึงนะเพลง” สายตาคมเงยขึ้นมาสบคนที่เขินจนหน้าแดง

ริมฝีปากร้อนๆ ไล่จูบขึ้นมาถึงเรียวน่อง หัวเข้า จนถึงต้นขาด้านใน กดจูบซ้ำๆ จนขึ้นสีเรื่อแดงแล้วค่อยๆ พาส่วนนั้นของเพลงเข้าปาก ดูดดุนปลุกเร้าเเล้วรับมันลึกเข้าไปจนถึงคอ ปรนเปรอให้อย่างเอ็นดูจนเพลงเเทบสิ้นเเรงต้องยกมือตัวเองขึ้นมาขบกัดไว้ระบายความรู้สึก เเวนเงยหน้าขึ้นมามองทั้งที่ส่วนร้อนยังคาอยู่ในปาก ดวงตาที่เต็มไปด้วยปรารถนาร้อนเเรงทำเอาร่างบางสะท้านอาย พวงเเก้มอุ่นจัด เเวนเล่นกับส่วนนั้นไป แล้วก็มองหน้าเพลงไปด้วย เพลงเขินจนต้องหลับตา ไม่รู้เลยใช่มั้ยว่าหน้าตาที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ ยิ่งไปปลุกความรู้สึกอยากรังแกในใจเเวนให้ลุกโชนขึ้นไปอีก

“ร้องไห้ฟังหน่อย” เเวนสั่ง ขณะที่ใช้ปลายนิ้วมือที่ว่างนวดวนรอบช่องทางของเพลง เขากดมันซ้ำ ก่อนจะผลุบนิ้วเข้าไป เพลงกำผ้าปูที่นอนข้างตัวเเน่น ลำตัวเกร็งไปหมด ปากทางของเราตอดรับนิ้วของเเวนอย่างบ้าคลั่ง เหมือนมันกำลังคิดถึงสิ่งที่เคยใหญ่และร้อนกว่านี้

“เด็กไม่ดี ร้องออกมาครับ” แวนดุ เเล้วเพิ่มนิ้ว เพลงส่ายหน้า แต่ก็ทนความรู้สึกปะหลาดที่เกิดขึ้นไม่ได้ หวีดเสียงเเว่วหวานออกมาทันที

“ฮ้า..อ๊า”

“เก่งมาก” เเวนชม แล้วกดนิ้วลึกเข้าไป เพื่อควานหาจุดแห่งอารมณ์ของเพลง เขาชินร่างกายนี้ เพราะฉะนั้นไม่นานก็หาเจอ และแน่นอนว่าทำให้เพลงครวญครางหนักกว่าเดิม สะโพกถึงขั้นไม่ติดเตียงเลยนะเจ้าเด็กน้อย เเวนปล่อยปากจากส่วนนั้นของเพลง แล้วเคลื่อนใบหน้าร้ายๆ ขึ้นไปจูบปิดปากคนร้องไห้ เพลงจูบตอบอย่างโหยหา เพลงดูดปากเเวนเหมือนเด็กน้อยเจอเยลลี่ เขาเองก็ดูดตอบรุนเเรงไม่เเพ้กัน เราจูบกันจนคงมีปากใครสักคนปริเเตก เพราะถึงขั้นได้รสเลือด

เพลงผละหน้าออกมาหายใจ เเละร่างกายข้างล่างก็กำลังบอกเเวนว่าพร้อมแล้ว

ร่างสูงยืดตัวไปหยิบถุงยางที่หัวเตียง เพลงแย่งมันไป แล้วผลักร่างสูงให้นอนลง ฟันขาวขบปลายซอง แล้วฉีกฟลอยสีเงินออก ก้มลงใส่มันด้วยปากให้เเวนเช่นกัน

“หือ...รุนเเรงต่อใจเว่อร์” แวนผงกหัวขึ้นมาชม แล้วสอดปลายนิ้วสางเข้าไปในผมนุ่มลื่นเบาๆ ใบหน้าหวานๆ ที่ขยับไปมาอยู่กับไม้เรียวประจำตัว ทำให้เเวนร้อนไปทั้งร่าง แวนล็อกแก้มเพลงให้คายมันออกมา แล้วผลักไหล่เล็กนั้นให้นอนลงไปกับหมอน ดันข้อเท้าอีกฝ่ายให้แยกออกแล้วยกชันขึ้น หยิบหมอนอีกใบมารองสะโพกจนมองเห็นถ้ำลอดสีหวานได้ชัดเจน นิ้วโป้งซ้ายขวาบีบหนั่นเนื้อด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะแง้มแก้มก้นแล้ว กดไม้เรียวของตัวเองลงไป เเต่ทุกการกระทำนั้นไม่ละสายตาจากดวงตาอีกฝ่ายเลย

เพลงกัดปากรับความใหญ่โตที่เเทรกเข้ามาในร่างกาย มันค่อยๆ ลึกขึ้นเรื่อย แต่ที่ทำให้เขาแทบขาดใจคือความคับเเน่นที่เราร้างลากันไปหลายเดือน เเวนเองก็ขบกรามแน่น ข้างในตัวเพลงบีบรัดเขาจนเกือบขยับไม่ได้

“เบาหน่อยที่รัก จะเสร็จเอาตั้งเเต่ไม่ได้เริ่ม” เเวนโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหู แล้วช้อนเอาใต้หัวเข่าเพลงไว้เป็นที่ยึด แล้วเริ่มขยับตัว จากท่าเเสนเบสิคที่ว่าลึกเเล้ว ไม่นานคนตัวเล็กก็ถูกรังเเกด้วยการให้นอนคว่ำแล้วรั้งสะโพกขึ้นสูง เพลงจะขาดใจตายจริงๆ เพราะส่วนนัดมุดลึกลงไปอีก เพลงเอียงหน้าด้านข้างมองใบหน้าที่ขบกรามจนเห็นสันนูน ริมฝีปากสวยหลุดรอดเสียงมาได้ขาด

แวนขยับไม่เบาเลย เขาขย้ำสะโพกกลมเด้งไว้เต็มสองมือแล้วดึงมันเข้าปะทนต้นขาตัวเองถี่รัว เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นไปทั่วห้อง พอๆ กับลมหายใจหนักหน่วงของทั้งสองคน

“ทะ ทำไมวันนี้ดุจัง ไหนบอกว่าจะเบากับน้อง” เพลงถาม

“ก้นน้องไม่ได้เป็นแผลหนิ หื้ม?”

“แกล้งน้อง” เพลงทำหน้างอ เเวนก้มลงไปรวมตัวเพลงให้แผ่นหลังเหยียดตรงชิดอกเขา กอดไว้เเน่นแล้วก็ขยับช่วงล่างสอดรับกันต่อ ยิ่งเพลงพูดอ้อนเท่าไหร่ อารมณ์เขาก็พุ่งสูงรุนเเรงขึ้นเท่านั้น แวนกดอาวุธร้ายลงไปในร่องลึกจนเพลงปล่อยหลักฐานแห่งความสุขสมออกมาเปรอะตัว เเล้วร่างสูงก็ขยับต่อไม่เว้นช่วงให้อีกคนทำใจเลย

คืนนี้คนดีไม่ได้ออกจากห้องน้ำฉันใด ไม้เรียวก็ไม่ได้ออกจากถ้ำน้องฉันนั้น



เที่ยงๆ เพลงจึงค่อยขยับตัวได้ อยากจะโทรเรียกหมอนวดให้มาจัดกระดูกให้เสียเหลือเกิน ส่วนคนที่ทำพิษไว้ก็ยังนอนเอาจมูกคลอเคลียช่วงข้างลำตัวเขาไม่ได้ห่าง เพลงหันหน้าหลบสายตาที่ปลุกปั่นอารมณ์ของอีกฝ่าย และไม่ทันที่จะได้ออกปากห้ามหรืออะไร เเวนก็กระโดดขึ้นทับหลังเขา ก้มลงงับคอเลียนแบบพฤติกรรมแมวหนุ่ม แล้วจัดการดันส่วนนั้นของร่างกายให้เชื่อมติดกันอีกครั้ง

“คนดีต้องได้น้อง soon”

“แวน!!” เพลงร้องลั่น เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความเเตกต่างที่ร่างกายรับเข้ามา ครั้งนี้มันไม่มี 0.03มม.ขวางกั้นเลยหนะสิ

“ขยับสะโพกหน่อยค่ะเเม่เเมว” เเวนกระซิบด้วยเสียงหยอกล้อ แล้วก็พลิกตัวให้เพลงขึ้นไปนั่งด้านบน เพลงเบะปากจนคว่ำ สองมือเรียววางทาบบนหน้าท้องวีไลน์ แล้วก็เริ่มขยับเคลื่อนสะโพกไปมาเรียกเสียงลมหายใจหนักๆ จากแวนได้เป็นอย่างดี คนตัวเล็กเชิดหน้าขึ้นพร้อมจังหวะที่ควบเเรง เเวนมองจากมุมที่ต่ำกว่าเเล้วรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเเผ่คาริสม่าความเซ็กซี่ออกมาอย่างไม่ปราณีเลย

“อ๊า!!!!!!!” เพลงร้องดังจนเเวนตกใจกลัวส่วนใดจะได้แผล เขากดสะโพกอีกฝ่ายไว้ ให้หยุดขยับก่อน คนที่อยู่ข้างบนสะบัดตาใส่ทันที

“เจ็บหรอเพลง”

“ร้องเป็นอรรถรส!”

เพี๊ยะ!! แวนฟาดสะโพกนุ่มเข้าไปเต็มเเรงหมั่นไส้ในความเเก่แดดแก่ลมนัก เพลงทำหน้างอ กัดปาก เซ็กซี่มากมั้ย หื้ม

เพลงแกะฝ่ามืออีกฝ่ายออกจากสะโพกตัวเอง แล้วรวบขึ้นไปกดขึงไว้กับที่นอนเหนือศีรษะเเวน สะโพกมนสวยขยับอีกครั้ง มันรุนเเรงต่อใจเเวนมากกว่าเดิมอีก เพลงก้มลงจูบเเวนอย่างรุนเเรงด้วยอารมณ์ที่พุ่งปรี่

“แล้วตอนเเรกทำเป็นไม่เอาเเล้ว” เเวนได้ที่ล้อเมื่อเพลงปล่อยปาก คนตัวเล็กงับยอดอกเขาเเทบจมเขี้ยว เพลงเหมือนเครื่องร้อนจัด กดขี่ข่มเเหงลูกชายเขาอย่างไม่อ่อนโยนเลย แล้วไม่นานทั้งร่างเล็กก็กระตุกสั่น น้ำสีขาวนมค่อยๆ เอ่อล้นออกมาอย่างน่าเอ็นดู

แวนใช้จังหวะนั้นรวบตัวอีกฝ่ายลงไปนอนบ้าง เขายกขาทั้งสองข้างของเพลงขึ้นพาดบ่าขวาของตัวเอง แล้วสวนตัวเข้าไปเเรงๆ เพื่อปิดเกมส์เช่นกัน



เเวนอุ้มเพลงไปลงอ่าง คนดีงุ่นง่านอยู่ในกรง จนเเวนต้องลัดคิว ปล่อยลูกออกไปกินอาหารก่อน เเวนหอมหัวคนดีเป็นรางวัล แล้วเเกะขนมเคี้ยวเล่นไว้ให้ลูกด้วย เมื่อเห็นว่าลูกอารมณ์ดีแล้ว ก็เดินแก้ผ้าเข้าไปห้องน้ำ จัดการฟอกสบู่ให้เเม่เเมวสักหน่อย เพลงนั่งเล่นฟองสบู่อยู่อย่างอ่อนเพลีย เเล้วร่างสูงที่กล้ามเนื้อเรียงสวย มีรอยสักประปรายก็ก้าวลงมาเบียด เพลงขยับแยกขาออกกว้างให้เเวนมานั่งเเทรกตรงกลาง แล้วก็กอดอีกฝ่ายไว้จากด้านหลัง มือหนาวางทับมือบางลูบไล้แผ่วเบาเเสดงความรักใคร่ น้ำอุ่นกำลังดี กลิ่นหอมจากสบู่ เเละเนื้อตัวของกันเเละกัน ช่างเป็นความหวานที่ลงตัวจนอดจะอิจฉาชีวิตตัวเองไม่ได้ ทำไมถึงมีความสุขได้ขนาดนี้นะ ทั้งเเวนและเพลงนึกขอบคุณกันเเละกันที่ช่วยสร้างความรักดีๆ ก่อนเเวนจะขยับตัวเปลี่ยนไปนั่งซ้อนหลังเพลงบ้าง เขานวดให้เพลงเบาๆ เพื่อคลายความเหนื่อยล้า แล้วก็วักน้ำรดไปตามเนื้อผิวสวย ตรงที่มีแผลเป็นก็ลูบเบามือ ดูเเลอีฝ่ายเป็นอย่างดี หลังจากเเช่น้ำกันจนตัวเปื่อย เเวนก็ยอมให้เพลงลุกออกไปล้างฟองสบู่ออกที่ฝักบัวที่อยู่ด้านในอีกที แต่รูปร่างเพรียวบางที่มีฟองฟอดปิดวับๆ แวมๆ นั้น ก็อดทำให้เขาคิดอกุศลกับเเฟนตัวเองไม่ได้ เเวนนั่งเท้าคางกับอ่าง ดูเพลงที่ค่อยๆ ล้างคราบสบู่ออกจากตัวอย่างเพลินตา เพลงลูบไล้สบู่ออกจากตัวช้าๆ ฉีดฝักบัวไปที่ละส่วน ค่อยๆ เผยส่วนนั้นนิดส่วนนี้หน่อย

หัวไหล่โค้งมัน

ยอดอกสีอ่อน

หน้าท้องบางเรียบ

แผลเป็นไม่ได้ทำให้ความ Art & Erotic ของเรือนร่างนั้นลดลงเลย

เพลงรู้ว่ามีสายตาลามกกำลังจ้องมา เขาจึงหันหลังให้เสีย

ก่อนจะค่อยลบฟองขาวออกจากสะโพกกลมเด้ง

ใช้นิ้วควานเข้าไปทำความสะอาดส่วนที่ ... ‘Can i cum deep inside you?’ เเค่คิดถึงใบหน้า และน้ำเสียงของคนพูด ตัวเพลงก็ร้อนจัด เเวนมองตาค้าง นิ้วที่สองของเพลงกำลังสอดลึกเข้าไปในสะโพกตัวเอง

มือเเวนเคลื่อนต่ำลงไปหาส่วนกลางลำตัวอย่างเผลอไผล เขาขยับมันเป็นจังหวะเดียวกับเพลงที่ดึงนิ้วเข้าออกร่างกายตัวเอง

“อ๊ะ อาห์” เสียงสูงต่ำของเพลงที่ดังเเข่งกับสายน้ำจากฝักบัวทำให้เเวนแทบคลั่งตาย ใบหน้าที่ผมเปียกลู่หันมามองเเวนด้วยสายตา...ท้าทาย

หมับ!

แวนไม่ทนอีกต่อไป เขาลุกพรวดขึ้นจากน้ำแล้วคว้าเอาข้อมือเพลงออกจากตัว ดันร่างบางจนหลังชิดผนัง แทรกขาตัวเองลงไปถูไถกับส่วนที่ลุกชันของอีกฝ่าย

“ยั่วเเวนหรอ” กัดฟันถามด้วยความทรมาน หน้าตาเพลง กลิ่นกายเพลง ปลุกปั่นปิศาจร้ายในตัวเขาให้คุ้มคลั่ง ใบหน้าแสนยั่วส่ายไปมา จนเเวนต้องก้มลงปิดปาก เขาจูบเพลงไม่เบาเลย แล้วเราสองคนก็ปากแตกอีกครั้ง

เเวนเอาฝักบัวขึ้นไปแขวน ปล่อยให้น้ำอุ่นโปรยปรายราดรดลงมา จับมือเพลงให้เกาะบ่า ก่อนจะรั้งขาข้างนึงให้มาเกี่ยวเอว

สวบ!

“เบา..หน่อย ฮื้อ” เพลงโวย เพราะส่วนใหญ่โตนั้นแกล้งเขาในคราวเดียว จุดไวสัมผัสโดนกระตุ้นเเรงๆ ซ้ำๆ เข่าจะทรุดเอาง่ายๆ

“ทีหลังอย่ายั่วเเวน!” คนตัวสูงดุแล้วขยับสะโพกจนน้องสั่นไปทั้งตัว

“ฮื้อ แวน แวน เพลงไม่ไหวแล้วเเวน” เพลงร้องอย่างน่าสงสาร นิ้วเรียวจิกบ่าเเวนแน่น เพื่อระบายความพลุ่งพล่านที่เตรียมระเบิดอีกรอบ แต่สะโพกกลับขยับตอบรับเเวนอย่างเข้าจังหวะ

“ทำไมมึงน่าเบื่อแบบนี้ว่ะเพลง”

“คิกๆ อ๊าห์” เพลงหัวเราะอย่างซุกซน แล้วจงใจบดสะโพกลงไปเน้นๆ จังหวะกว่าเดิม

“กูเบื่อมึงเพลง” ทุกครั้งที่คำว่าเบื่อหลุดจากปากแวนกลับยิ้ม

“เบื่อเพลงมากกว่านี้อีกได้มั้ยครับ”

“เบื่อเพลงลึกกว่านี้นะครับ”

“แล้วก็ช่วยเบื่อเพลงเเรงๆ ทีครับ”

แวนถึงกับหยุด เพราะถ้อยคำที่อีกฝ่ายพูดทำลายล้างใจเขาเกินไป

“ไม่เบื่อเพลงเเล้วหรอครับ” ทำหน้าตาน่าสงสารสุด หูลู่หางตก หมั่นเขี้ยวมากบอกตรงๆ เเวนบดขยี้ปากช่างเจรจานั้นอีกรอบ ให้เลือดซึมมากว่าเดิม แล้วกระซิบชิดริมฝีปากชนิดแค่ขยับก็รู้สึก

“เบื่อสิครับ เบื่อจนอยากแตกข้างในตัวเพลงอีกแล้ว”

“ก็เเตกสิครับ รออะไร”

เพลงขยับสะโพกยั่วก่อน เเวนจึงจัดความเบื่อเเรงๆ ให้

ฟึ่บ!!

อ๊าห์!!!

ร้องดังจนคนดีที่เล่นอยู่ข้างนอกสะดุ้ง


TBC

เกลียดเค้าสองคนจุง ทุกคนว่ายังไงคะ

#เพราะเธอมันน่าเบื่อ

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
22


เทอม 2ของชั้นปี 4เริ่มต้นขึ้น พร้อมบรรยากาศที่ผ่อนคลายของนักศึกษา วิชาบังคับเทอมนี้เหลือน้อยเเล้ว ยิ่งใครเก็บเสรี หรือวิชาเลือกครบหมดแล้วก็ยิ่งว่าง จะเดือดอีกทีก็ตอนช่วงสองเดือนสุดท้ายในการทำไฟนอลโปรเจคต์นั้นเเหละ เเวนเองก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่สบายตัว เขามีเวลาว่างมากพอจะยื่นใบสมัครงานไปตามบริษัทต่างๆ และวางเเผนดูลู่ทางทำธุรกิจกับเพื่อน อาจจะเป็นร้านชานม ร้านกาเเฟ หรือ Co-Working Space เขายังไม่อยากตั้งบริษัทที่ต้องรับผิดชอบมากนัก เพราะอยากออกไปหาประสบการณ์จากบริษัทใหญ่ก่อน

เพลงเองก็เข้าเรียนตามปกติ เขาใส่หน้ากากปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ให้มันช่วยบดบังเเผลเป็นที่ดูไม่ดีนักในสายตาคนอื่น เเต่ข่าวที่เพลงเข้าไปช่วยเด็กในเหตุการณ์ไฟไหม้ กลับทำให้ทุกคนมองว่าเขาเป็นฮีโร่มากกว่า เเละเพื่อนๆ ก็ไม่ได้กลัวเเผลของเพลงเลย

ครุศาสตร์เรียน 5ปี ดังนั้นเพลงจะเรียนจบหลังเเวน และมีฝึกงานอีกรอบตอนปี5เทอม 1ซึ่งตอนนั้นเเวนก็คงทำงานไปแล้ว

เหตุการณ์ชีวิตของคู่รักดำเนินไปเรื่อยๆ จนจบเทอม ซึ่งระหว่างรอรับปริญญา เเวนก็พาเพลงไปรักษาเเผลเป็นที่เกาหลี เพราะมีเทคโนโลยีศัลยกรรมรูปแบบต่างๆ มากมาย เเล้วแวนก็ถือว่ามันคือการท่องเที่ยวพักผ่อนหลังเรียนจบไปด้วย

‘โอปป้ามากมั้ย ไปเดินเล่นเเม่น้ำฮันกัน’

เพื่อนๆ มาเเซวในโซเชียลกันมากมาย เมื่อเเวนอัพรูปจับมือกัน แล้วเช็คอินน์ที่สวนสาธารณะขึ้นชื่อ



แวนไม่ได้บอกเพลงว่าจ่ายเงินไปเท่าไหร่ เพราะเขาไม่อยากให้อีกฝ่ายกังวล และการรักษามันก็ไม่ได้หายในครั้งเดียว มีต้องกลับมาพักฝื้นบ้างแล้วก็บินกลับไปทำใหม่ ตลอด 3เดือนนั้นก็บินกันอยู่หลายรอบ เเต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดี

การรักษารอบสุดท้ายได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ รอยเเผลเพลงจางไปมาก ทิ้งไว้แค่รอยเเดงจางๆ ซึ่งเเพทย์ก็เเนะนำให้มาใช้เลเซอร์ดูเเลต่อที่ไทยได้



เมื่อกลับมา ชีวิตช่วงสุดท้ายก่อนไปฝึกสอนที่โรงเรียนที่สองของเพลง ก็คือการดูเเลอาหารการกินให้เเวนนี่เเหละ ช่วงนี้เเวนออกไปคุยงานกับเพื่อนบ่อยๆ เพราะเตรียมจะเปิดร้านชานมไข่มุกที่เป็นเฟรนไชน์จากเมืองนอก

ช่วงว่างๆ ระหว่างรอ เพลงก็ออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์สำหรับทำมื้อเย็น และวันหนึ่งระหว่างที่กลับจากซื้อของเพลงก็ได้รับสายโทรศัพท์เบอร์เเปลก

“ขอสายเพลงหน่อย” น้ำเสียงของผู้ใหญ่ที่ฟังดูน่าเกรงขามคนหนึ่งดังขึ้น

“พูดอยู่ครับ”

“นี่พ่อของเเวนนะ”

“อ่า...ครับ”

เพลงมือเย็นเฉียบ รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างปะหลาด

“พ่ออยากเจอเพลงหน่อย...”

หลังนัดกันที่ร้านกาเเฟใกล้คอนโดเเวนเเล้วเพลงก็รีบกลับไปเก็บของ ก่อนจะเปลี่ยนชุดให้ดูสุภาพขึ้นเเล้วออกไปพบผู้ใหญ่



ร้านกาเเฟที่นัดกันนั้นค่อนข้างเงียบ หลังจากเปิดประตูกระจกเข้าไป เขาก็เห็นชายวัยกลางคน ท่าทางสุขุมนั่งอยู่มุมหนึ่ง เพลงเดินเข้าไปแล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

“นั่งสิ แล้วก็สั่งอะไรก่อน”

“ครับ”

เพลงหันไปสั่งกาเเฟอเมริกาโน่กับพนักงาน แล้วก็หันมาตั้งใจฟังสิ่งที่พ่อเเวนกำลังจะพูด ยอมรับเลยว่าตอนนี้เขาเกร็งมาก

“เป็นเเฟนกับเเวนมานานเเล้วใช่มั้ย”

“สองปีกว่าเเล้วครับ”

ผู้ใหญ่พยักหน้า

“เอาเงินจากเเวนไปมากอยู่เหมือนกันนะ”

เพลงรู้สึกเหมือนโดนทุบ เขานิ่งจังงังไปพักใหญ่กับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

“พ่อคิดว่าน่าจะพอได้แล้วมั้ง เลิกกับเเวนซะ แล้วพ่อจะให้เงินอีกก้อนระหว่างที่จะหาคนใหม่ได้”

หากเป็นภาพในภาพยนตร์ตอนนี้เพลงคงอยู่ที่ก้นบ่อ แล้วกล้องถ่ายมาจากด้านบน เเถมด้วยมีสายตาดูถูกกดทับลงมาจนดิ้นไปไหนไม่ได้ เพลงหายใจแทบไม่ออก กับสิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่คุณพ่อของเเวนรับรู้ คือเขาเป็นเด็กที่มาเกาะเเวนกิน ขอเงินเเวนไปใช้สินะ

“ผม ผมไม่ได้คบกับเเวนเพราะเงินนะครับ” เพลงพยายามอธิบาย แต่สายตาของอีกฝ่ายที่มองมา ไม่ได้อยากจะเปิดใจรับฟังเลย

“จะใช่หรือไม่ใช่ จะพูดยังไงก็ได้นะเพลง แต่เงินในบัญชีเเวนที่หายไปนั้นไม่ใช่น้อยๆ และพ่อก็พอรู้มาบ้าง ว่าเค้าโอนให้เพลงทุกเดือน เเล้วช่วงๆ หลังๆ นี้ก็เอาไปรูดจ่ายที่ต่างประเทศด้วยหนิ พ่อไม่คิดว่าลูกชายควรจะคบกับคนที่ทำให้เงินเขาติดลบได้ขนาดนั้น เข้าใจที่พ่อพูดนะ คำว่าไม่เหมาะสมมันมีอยู่จริง หวังว่าพ่อจะได้ยินข่าวดีเร็วๆ นี้”

ร่างที่สูงพอๆ กับเเวนลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ทิ้งไว้เพียงเเต่ความกดดันที่ทำให้เพลงยังขยับเนื้อตัวไม่ได้ เขาตั้งสติอยู่หลายนาทีกว่ามือจะหายสั่น และหายใจได้คล่องขึ้น

‘...ความเหมาะสมที่ว่า ใครคือคนกำหนด...’

เพลงตั้งสติแล้วเดินกลับคอนโด กวาดตามองทุกอย่างรอบตัวเเล้วก็ให้สะท้อนใจ ไม่มีอะไรที่เป็นของเขาเลยในห้องนี้ นอกจากเสื้อผ้าบางชุดเท่านั้น บ้านเดิมของเพลงนั้นมีคุณพ่อรับราชการครู เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไรแต่ก็พอเลี้ยงเขากับน้องได้ มีลุ่มๆ ดอนๆ บ้างบางเดือนอาจต้องหยิบยืมคนอื่น ส่วนเเม่ก็เปิดร้านขายอาหารตามสั่งอยู่ใกล้ๆ โรงเรียนนั่นเเหละ หลังจากที่พ่อเสียไม่นาน แม่ต้องเอาเงินประกันและเงินเก็บมาจ่ายหนี้ของพ่อ จากนั้นก็เเบ่งมาให้เพลงและน้องไว้สำหรับค่าเล่าเรียนมัธยมจนจบมาถึงมหาวิทยาลัย ส่วนเเม่เองก็เก็บส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินลงทุนในร้านอาหาร แม่ดูไม่พอใจชีวิตเเต่งงานของตัวเองเท่าไหร่ เพราะพ่อไม่ได้ทำให้เเม่สบายขึ้นเลย แล้วยังจากไปเร็วเเถมทิ้งหนี้ไว้ให้อีก

เพลงเองที่รู้ความและคิดได้เองแล้วก็เริ่มไม่ชอบ attitude แบบนั้นเช่นกัน และมันอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่ชอบผู้หญิง เพลงรู้ดีว่าบางครั้งแค่ประโยคที่พูดออกมาโดยไม่ไตร่ตรอง ก็เปลี่ยนทัศนคติหรืออนาคตของคนฟังไปได้เลย

ช่วงม.ต้นเเม่ก็ไปมีครอบครัวใหม่ คุณลุงย้ายมาอยู่ด้วยในบ้านเดิมของพ่อ ไม่นานก็มีน้องเพิ่มมาอีกสองคน ค่าใช้จ่ายก็เพิ่ม เพลงเงียบขรึมขึ้น ช่วยเเม่ขายข้าวเท่าที่ทำได้ พอเพลงเรียนจนจบ ม.ปลายเเม่ก็ขายบ้านเเล้วย้ายไปอยู่กับลุงที่ต่างจังหวัด เพลงพยายามเเทบตายเพื่อให้สอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เพราะแม่ไม่เหมือนเดิมตั้งเเต่วันที่พ่อจากไป คำว่าครอบครัวในความรู้สึกเขาก็จบลงตั้งเเต่วันนั้นด้วย

เพลงย้ายออกมาเช่าหอถูกๆ อยู่คนเดียว แล้วก็ได้ค่าเทอมจากเเม่ ค่าขนมนั้นน้อยมากจนเพลงต้องสอนพิเศษเพื่อหารายได้ แล้วก็มาเจอเเวนที่จ้างให้เขาอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำงานแล้วก็ให้เงินเดือน เเถมตอนนี้ก็ยังให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันอีก

เพลงเริ่มสับสน หรือเขาเข้าข่ายเกาะเเวนกินจริงๆ

เพลงมองดูหน้าตัวเองในกระจก แผลไฟไหม้ที่หน้าจางลงไปจนเกือบมองไม่เห็น แวนคงจ่ายไปไม่น้อยสินะ

“มี๊~” คนดีเดินเข้ามาคลอเคลียข้อเท้าเพลง เขาก้มลงไปอุ้มลูกมากอดเเน่นๆ พลางถอนใจ ชีวิตเขาก็มีเเค่นี้ แวนกับคนดี ถึงเราจะไม่ได้แต่งงานกันเหมือนคู่ไหนๆ เเต่เพลงก็สัมผัสถึงคำว่าครอบครัวได้ในห้องๆ นี้

หัวใจดวงน้อยสั่นสะท้านเบาๆ นั้นสินะ ถ้าเเวนคือครอบครัวของเพลง แวนเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน เราต่างขาดในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น แล้วถ้าต้องอยู่คนเดียวชีวิตจะต้องพยายามเเข็งเเกร่งสักแค่ไหนกัน แล้ววันนึงถ้าเกิดล้มลงไปโดยไม่มีมือของใครสักคนคอยเกาะกุมแล้วฉุดรั้งขึ้นมาให้เดินต่อ ชีวิตจะดำเนินต่อไปอย่างไรนะ

“เมี๊ยว!” คนดีเลียมือเพลง เหมือนกับจะให้กำลังใจ คนเป็นเเม่ยิ้มหวานตอบกลับ

“หิวใช่มั้ยครับ”

“มี๊~” คนดียิ้มตาหยี

“มะม๊าเอา Royal Canin ที่หนูชอบให้น๊า” เพลงเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาวางคนดีลงที่พรมหน้าทีวี ก่อนจะไปเทอาหารมาให้ลูก

“โตได้อีกมั้ยเนี่ย เจ้าอ้วนของม๊า” เพลงนอนลงข้างๆ ลูก เเล้วเฝ้าดูเจ้าก้อนกลมของเขาค่อยๆ ตวัดอาหารเม็ดเข้าปากอย่างมีความสุข จากเเมวโดนทิ้งหน้าตามอมเเมมสกปรก ตอนนี้คนดีก็น่ารักขึ้นมากจนทั้งเพลงเเละเเวนหลงติดหนึบ เเล้วเราก็มีความสุขกันดีที่อยู่ด้วยกันสามคนแบบนี้

เพลงทิ้งลมหายใจเฮือกใหญ่ๆ ออกมาอีกรอบ แล้วตัดสินใจว่าจะทำทุกอย่างเหมือนช่วงบ่ายที่ผ่านมาเป็นแค่ความฝัน เขาต้องอยู่เพื่อเเวนเเละคนดี เพลงขอกำลังใจจากลูก

“มี๊ มี๊!” คนดีตอบกลับมาแบบนั้น และมันก็ทำให้เพลงยิ้มได้มากขึ้น

หลังดูลูกกินมื้อเย็นเสร็จ เขาก็ไปเตรียมอาหารให้พ่อของลูกบ้าง



“แวนบอกพ่อกับเเม่เรื่องวันรับปริญญายัง” เพลงถามหลังจากที่ทานมื้อค่ำเสร็จ แล้วก็นอนเล่นเพื่อให้ย่อยกันอยู่บนโซฟาหน้าทีวี เพลงนั่งชิดริมฝั่งหนึ่ง ส่วนเเวนนอนเอนหลังหนุนหมอนฝั่งตรงข้าม ปล่อยตัวตามความยาวของโซฟา เอาขาท่อนบนพาดไว้บนตักเพลง คนดีนอนทับอยู่บนขาเเวนอีกที

“ไลน์บอกแม่เเล้ว เดี๋ยวใกล้ๆ วันจริงเเม่มา ว่าเเต่ให้เเม่กับน้องมานอนที่นี่ได้รึเปล่า” เเวนถาม

“เเม่เเวน น้องเเวนก็ต้องได้ดิ นี่ห้องเเวนนะ” เพลงบอกเสียงตื่น “ให้เราย้ายไปนอนที่อื่นก่อนป่าว น้องกับเเม่จะอึดอัดมั้ย”

เเวนยิ้ม “ไม่หรอก แม่อยากเจอเพลง”

คราวนี้คนตัวเล็กตาโต “เเม่รู้จักเพลงหรอ”

“ผมก็บอกแม่นะครับ ไปเอาลูกคนอื่นมาอยู่ด้วยทั้งคน เผื่อต้องไปขอ แม่จะได้เตรียมตัวทัน”

“บ้าบอ” เพลงฟาดต้นขาที่พาดอยู่บนตัก แก้มอดจะเห่อร้อนไม่ได้

“ให้เเม่กับน้องนอนบนเตียง ส่วนเราสองคนเดี๋ยวไปเอาฟูกมาปูนอนเเถวนี้ มึงนอนได้รึเปล่า”

เพลงพยักหน้า แต่นึกแล้วก็บาปอยู่ไม่เบา “เตียงเราสองคนกามมากอ่ะเเวน เกรงใจเเม่จัง”

ร่างสูงหัวเราะ “เออ เก็บหางเเมวมึงให้ดีอ่ะเพลง เดี๋ยวเเม่กูช็อค”

“เเวนแหละเก็บ ชอบเอามาเล่นอยู่ได้”

“มึงกับหางเเมวนี่คือนิพพานกูเลยเหอะเพลง” เเวนคิดภาพเเม่เเมวนั่งยั่วบนเตียงแล้วคันหัวใจขึ้นมายิบๆ อยากจะฟาดก้นสักทีสองที

“หยุดคิดลามกเลย” เพลงชี้หน้าอย่างรู้ทัน เเวนลุกขึ้นมาฟัดเเก้มให้หายมันส์เขี้ยว

“แล้ว...พ่อล่ะ เเวนได้ไปคุยบ้างยัง” เพลงลองถามดู ที่จริงเขาพอรู้มาว่าเเวนไม่ค่อยญาติดีกับทางฝั่งนั้นเท่าไหร่ และจากที่ได้เจอกันวันนี้ก็ไม่เเปลกใจหรอกว่าทำไม

“อืมมม เดี๋ยวใกล้ๆ แล้วค่อยเเวะไปบอก ตอนนี้ยังขี้เกียจคุย”

“แล้วมึงอ่ะเพลง บอกเเม่บ้างรึยังเรื่องของเรา” เเวนไล่ลูกลงจากขา แล้วตวัดตัวเพลงให้นอนลงมาข้างๆ กอดไว้หลวมๆ

“ก็บอกว่าย้ายมาอยู่กับเเฟน ตั้งนานเเล้ว”

“แรดว่ะเพลง” เเวนเเซว ไม่ได้นึกว่าจริงจังหรอก “เเม่ว่าไงบ้าง”

“ก็...ไม่ว่าไง บอกว่าเกรงใจเเวน”

“เออ เลิกเกรงใจกูเหอะ กูรัก กูอยากให้อยู่ข้างๆ กู addict มึงขั้นสุด” คนตัวโตพูดออกมาอย่างธรรมดาสามัญ แต่เพลงกลับเขินจนต้องซุกหน้าลงไปกับซอกคออีกฝ่าย

“ทำยาเสน่ห์ใส่กูรึเปล่า พูด” เเวนล็อกเอาหน้าเพลงออกมาดู แล้วจุมพิตปากสีสวยนั้นเบาๆ

“ไม่ได้ทำเหอะ เเวนรักของเเวนเอง”

“ปากดีนัก” เเวนบีบเเก้มอีกฝ่าย เเล้วเขาก็นัวเนียกันนิดหน่อย หลังๆ คนดีเหมือนจะรู้ตัวว่าต้องเดินเข้าไปอยู่ในห้องน้ำ ไปนั่งลับเล็บกับผ้าเช็ดเท้าเงียบๆ ตัวเดียว

หลังจากทำกิจกรรมย่อยอาหารกันเสร็จไปหลายรอบทั้งตรงโซฟาเเละบนเตียง เเวนกอดเอวเพลงหลับไปแล้ว แต่เพลงยังคิดไม่ตกเรื่องพ่อเเวน เขาเชื่อว่าเเวนรักเขาจริงๆ แล้วถ้าสมมุติเขาหายไป แวนจะอยู่ยังไง ใครจะหาข้าวให้กิน ใครจะคอยฟังเรื่องที่อีกฝ่ายเอามาปรึกษา ส่วนตัวเขาเองก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน เพราะทุกวันนี้ชีวิต 80%ของวันก็เป็นของเเวนทั้งนั้น

“เป็นอะไร นอนไม่หลับหรอ” เสียงงัวเงียจากคนด้านหลังทำให้เพลงตกใจ เขาคงเผลอถอนหายใจเเรงไปหน่อย

“กำลังจะหลับ” เพลงปด

“มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” แวนชันตัวขึ้น เพื่อมองหน้าคนรักให้ชัดขึ้น

“เปล่าหนิ”

“อย่าโกหกกู”

“เพลงไม่ได้โกหก”

“มึง เหม่อเหอะ ตอนที่เราทำกัน”

“เหม่อได้ด้วยหรอ ในเวลาแบบนั้น” เพลงหันมายิ้มซุกซนใส่

“วันนี้มึงไม่ร้อนเเรงใส่กูเลยเพลง” แวนเกลี่ยเเก้มเพลงอย่างเอ็นดู

“เบื่อเพลงรึยัง”

เเวนจูบปลายจมูกมนของอีกฝ่ายเบาๆ “พึ่งบอกไปหนิว่ากูหลงมึงมากเเค่ไหน”

“เดี๋ยวก็หายหลงแล้วมั้ง” เพลงว่า

“มึงเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตกูอ่ะเพลง มึงก็รู้ว่ากูไม่มีใครเลย ไม่มีบ้านให้กลับด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีมึงกูจะอยู่ยังไง”

เพลงยกมือขึ้นปิดปากแวน ถ้อยความที่พูดออกมานั้นทำให้เขาอดสงสารไม่ได้ ที่จริงเราสองคนก็เหมือนกันถึงเพียงนี้ เพลงก็ไม่มีบ้านให้กลับเหมือนกัน สองเเขนโอบกอดกันเเละกันอย่างอบอุ่น ผลัดกันอ่อนเเอ ผลัดกันเเข็งแกร่ง ปลอบประโลมซึ่งกันเเละกันในเวลาที่เราไม่มีใครเลย

“เพลงจะไม่ไปไหนหรอก”

“ไปดิ กูหึงโหดอ่ะ ลากมึงกลับมาฟาดเเน่”

“กลัวจัง” เพลงยิ้มทะเล้น “ง่วงแล้ว นอนเถอะ”

“ฝันดี เพลงของกูคนเดียว” เเวนกระซิบ หลังจากทิ้งสัมผัสเเผ่วเบาลงบนหน้าผาก

“อื้อ” เพลงพยักหน้า ขอบตาร้อนผ่าวไปหมด แต่ก็เก็บมันไว้ เขาไม่ได้ร้องเพราะเสียใจ แต่เพราะตื้นตันที่อีกฝ่ายรักเขาถึงขนาดนี้

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
ใกล้ช่วงรับปริญญาเข้ามาเต็มที เเวนจึงกัดฟันไปดักเจอพ่อที่ออฟฟิศ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอะไหล่ให้กับเเบรนด์รถยนต์ขนาดใหญ่ เเวนนั่งรอพ่อเลิกประชุมในช่วงเย็น เลขาคนปัจจุบันก็เชิญเขานั่งรอที่ห้องรับเเขก ข้างๆ ห้องผู้บริหาร

เมื่อพ่อเดินเข้ามา เเวนก็ลุกขึ้นสวัสดี

“ลมอะไรหอบมาล่ะ”

“ผมจะมาบอกวันรับปริญญา เผื่อพ่อว่าง แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร”

“พูดเหมือนไม่อยากให้ไป”

“ก็เปล่า ถ้าไม่ว่าง ผมค่อยเอาชุดครุยมาถ่ายกับพ่อที่นี่ก็ได้”

“ลูกชายรับปริญญาทั้งที ก็ต้องไปสิ เดี๋ยวเดินออกไปบอกวันเวลากับพี่เลขาเค้าอีกทีนะ เค้าจะได้ลงนัดไว้ให้”

“ครับ งั้นขอตัวกลับก่อน”

“กินข้าวเย็นด้วยกันสักมื้อสิ ไม่ได้กินด้วยกันนานเเล้วนะ”

“พ่อไม่ต้องกลับไปกินที่บ้านหรอ”

ที่เเวนพูดว่าไม่มีบ้านให้กลับ ก็เพราะว่าพ่อเขารับเลขาคนก่อนมาอยู่ด้วย แล้วตอนนี้ก็มีน้องต่างเเม่เพิ่มมาอีกสองคน เเวนเลยสบายใจที่จะย้ายออกมาอยู่คนเดียวตั้งเเต่ช่วง ม.ปลาย

“ไปกินร้านประจำ ที่ลูกชอบตอนเด็กๆ ก็ได้”

แวนไม่อยากทำให้บรรยากาศเเย่จึงพยักหน้า เขาทำหน้าที่ขับรถให้พ่อ ไปร้านอาหารฝรั่งที่ครอบครัวมักมาทานด้วยกันบ่อยๆ ย่านสาธร มันเป็นร้านบรรยากาศครอบครัวทำนองนั้น

หลังสั่งเมนูเดิมๆ เสร็จเเวนก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น เขาไม่ค่อยได้เจอพ่อเลยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

“ช่วงนี้มีเเฟนใช่มั้ย” คนที่สูงวัยกว่าทักขึ้น เเวนลดมือถือลง แล้วตอบรับ นึกเเปลกใจที่พ่อรู้

“พ่อรู้ได้ไง”

“พ่อเป็นคนโอนเงินให้เเวนใช้ทุกเดือนนะอย่าลืม ก็ต้องตามดูพฤติกรรมกันบ้าง”

“ครับ” เเวนพยักหน้า พ่อคงมีเลขา หรือใครสักคนที่คอยดูเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

“เงินในบัญชี เอาไปให้เขาหมดแล้วไม่ใช่รึไง”

คราวนี้เเวนถอนใจ ที่จริงเขาก็เริ่มทำงานหาเงินเองได้บ้าง แต่ค่าศัลยกรรมเเผลของเพลง เขาก็ไม่สามารถใช้เงินตัวเองได้หมดหรอก ตอนจ่ายจึงรูดบัตรเดบิต เงินในบัญชีที่สมุดบัญชีอยู่กับพ่อไปนั้นเเหละ

“เปล่าครับ” เเวนปฏิเสธ

“กับเด็กที่เอาเเต่เกาะเเกกิน คิดว่าจะคบกันยืด?”

“เพลงไม่ได้เกาะผมกิน” เเวนเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง เขาวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะ แล้วจ้องหน้าบุพการี

“ถ้าชอบผู้ชาย พ่อก็ไม่ว่าอะไรนะ แค่เป็นลูกเพื่อนพ่อมั้ย ยังไงก็จะได้ช่วยกันทำธุรกิจในอนาคต”

“ธุรกิจของพ่อเก็บไว้ให้น้องเถอะครับ! ผมไม่อยากได้”

“หึ” ชายสูงวัยเเค่นเสียงด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองพอกัน

“พ่อก็อยากรู้ว่าถ้าเเวนไม่มีเงินให้เค้า เค้ายังจะยังอยู่กับแวนรึเปล่า”

แวนก้มหน้าหยิบมือถือมาเล่นต่อเป็นอวัจนะภาษาว่าไม่อยากคุยแล้ว แล้วมื้อเย็นของพ่อลูกก็ไม่อร่อยเลย



ร่างสูงเข้ามาในห้องด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เพลงนั่งเล่นอยู่กับคนดีบนโซฟา ถึงกับต้องปล่อยลูกลงเเล้วเดินเข้าไปกอดเอว

“เป็นอะไร”

“เพลง ถ้าหลังเเวนรับปริญญาเเล้วไม่ได้ให้เงินอีก เพลงจะยังอยู่กับแวนมั้ย”

คนตัวเล็กซบหน้าลงไปกับแผ่นหลังกว้างอย่างช่างอ้อน “เพลงไม่ได้คบแวนเพราะอยากได้ตังค์หนิ เเต่เเวนต้องอนุญาตให้เพลงทำงานพิเศษ ไม่งั้นเพลงก็จะไม่มีเงินกินข้าวนะ”

“จะทำอะไร” ร่างสูงดึงข้อมืออีกฝ่ายให้มายืนเผชิญหน้ากัน

“ก็คงต้องสอนพิเศษ มีรุ่นพี่เปิดโรงเรียนติว ว่าจะไปแจมอ่ะ ได้เงินดีด้วย”

“จะเหนื่อยมั้ย” เเวนจับมือเพลงขึ้นมาหงายดู เขากลัวมือนุ่มๆ นี้จะพังที่สุด

“โตเเล้วก็ต้องเหนื่อยทุกคนนั้นเเหละ เรียนจบมาก็ต้องทำงานอยู่ดี อันนี้เเค่ทำเร็วขึ้นหน่อย”

“ทำไมเก่ง” เเวนยกมือเพลงขึ้นมาจูบ แล้วอุ้มอีกฝ่ายให้นั่งบนเคาร์เตอร์ ส่วนเขาเองก็เท้าสองเเขนคร่อมไว้

“เพลงถามได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น” ร่างเล็กพูดแล้วใช้สองขาเกี่ยวสะโพกเเวนให้เข้ามาใกล้ จริงๆ เพลงชอบที่เนื้อตัวของเราสองคนได้สัมผัสกันมากขึ้นอีกหน่อย

“เปล่าหรอก เรียนจบพ่อเค้าก็ไม่ให้ค่าขนมเเล้วไง แวนยังไม่รู้ว่าทำงานเองเเล้วเงินเดือนจะเยอะเหมือนตอนได้ค่าขนมรึเปล่า”

“เพราะใช้เงินรักษาเพลงไปเยอะใช่มั้ย พ่อเค้าเลยโกรธ”

“ไม่ใช่ดิ เพลง”

“อย่าโกหกเพลง”

“เพลง พูดเหมือนมึงรู้อะไร”

เพลงยิ้ม แล้วส่ายหน้า

“เพลงไม่ได้รู้อะไรมา แต่เเค่อยากให้รู้ว่า เรามีกันเเค่นี้ พูดเรื่องจริงกันเถอะ คุยกันด้วยเหตุผล แล้วก็หาทางเเก้ด้วยกัน เรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนานไม่ใช่หรอแวน”

“เพลง ถ้าไม่ใช่กู มึงคงไม่ต้องลำบาก”

“หมายความว่ายังไง”

“ก็ถ้าเป็นคนอื่น เค้าคงให้มึงอยู่สบายๆ ได้ ทั้งไอ้ชู หรือไอ้พี่เมี่ยงนั่น”

“โอ้ย เเวนเพ้อใหญ่แล้ว เพลงเลือกเเวนไม่ได้เพราะอยากสบายตัว เเต่เพราะอยากสบายใจ เพลงว่าเราสองคนต่างเว้าเเหว่งกันคนละส่วนอ่ะ มาอยู่ด้วยกันแล้วก็เข้ากันดีออก”

เพลงกอดอ้อนแวน แล้วก็เงยหน้าพูดอยู่กับอกอย่างน่ารัก “รักรักนะ ห้ามไล่ให้ไปอยู่กับคนอื่นอีกจะงอน”

“รักรักเหมือนกัน ขอบคุณที่พร้อมจะเข้าใจกูตลอดเวลา” เเวนลูบผมนุ่มๆ ดวงตาแข็งกร้าวหงุดหงิดคลายลงเยอะมากแล้ว

“นี่ ถ้าเล่าอะไรแล้วอย่าดุนะ”

“นั่นไง มึงใช่มั้ยที่มีอะไรปกปิดกู”

เพลงยิ้มเเหย เเล้วรีบเอาหน้าซุกอกหนีความผิด “พ่อเเวนมาเจอเพลง แล้วบอกให้เลิกกับเเวน เพราะเพลงเกาะเเวนกิน เค้าไม่ชอบ”

แรงรัดรอบตัวที่เเรงขึ้นทำให้เพลงรู้ว่าเเวนกำลังโกรธ

“ใจเย็นก่อนสิ” เพลงลูบหลังเเวนเบาๆ “แต่เพลงคิดมาหลายวันละ ถ้าเเวนยังไม่ว่าอะไร เพลงก็จะยังไม่ไป ถ้าเพลงไป เเวนจะอยู่ยังไงใช่ม่ะ เพราะฉะนั้นเรามาสร้างครอบครัวที่ดีไปด้วยกันเถอะ”

“…”

“เพลงทำงาน เเวนก็ทำงาน ลูกยังต้องได้กิน royal canin สูตรพรีเมี่ยมทุกมื้อนะ เพราะฉะนั้น ป๊ากับม๊าต้องขยันสุดๆ ไปเลย” เพลงเงยหน้ามายิ้มอีกรอบ เเวนก้มลงจุมพิตหน้าผากมนอย่างรักใคร่

“กูเบื่อมึงไม่ไหวแล้วเพลง”

“ฮะฮ่า งั้นก็เบื่อน้องเเรงๆ หน่อย น้องอยากโดนเบื่อ”

เเวนบีบจมูกคนช่างยั่ว เขาก้มลงจุมพิตกลีบปากนั้นแผ่วเบา เเล้วถอนหน้าออกมา สองสายตาประสานกันอย่างรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น

“คนดีไปเข้าห้องน้ำครับ” ร่างสูงโบกมือใส่ลูกชายที่ปีนเคาร์เตอร์ขึ้นมา เจ้าก้อนขนถอยหลังลงไปแทบไม่ทัน

“สงสารลูก” เพลงว่า

“แม่ของลูกก็ยั่วให้น้อยลงหน่อยครับ” เเวนก้มลงมาจนปากชิดปากอีกครั้ง เพลงไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่าเลย เขาดึงเอาริมฝีปากล่างของเเวนเข้าปากทันที สองมือลูบไล้ไปตามหลังคอเเละเเผ่นหลัง ปลายเสื้อเชิ้ตเเวนหลุดลุ่ยออกมาจากกางเกงยีนส์แบรนด์เนมทันที เเวนจูบรุกจนเพลงตัวเอนไปเกือบเเนบชิดกับเคาร์เตอร์หินอ่อน ยอดอกหวานหอมถูกกัดกินผ่านผ้ายืดบางๆ จนมันเปียกชื้น เเล้วลามไปถึงเเอ่งสะดือ สะโพกเพลงไม่ติดพื้นเเล้ว เพราะความรัญจวนที่เเวนปลุกขึ้นมันทำให้ร่างกายเขาปั่นป่วนไปหมด เพลงถอดเสื้อยืดออก เเวนดึงกางเกงยางยืดของเพลงให้พ้นทาง แล้วก้มลงงับเนื้อนูนผ่านชั้นในเนื้อนิ่ม เพลงขบกัดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียง ร่างกายปั่นป่วนจนต้องยกขาชันขึ้นบนเคาร์เตอร์ เเวนยังคงทำลายตัวตนเเสนเรียบร้อยของเพลงไปเรื่อยๆ เหงื่อกาฬไหลทั่วตัว ไปพร้อมอาการกระตุกเกร็ง เมื่อส่วนนั้นได้เข้าไปอยู่ในโพรงปากของเเวน

ร่างสูงปล่อยให้เพลงเป็นอิสระก่อนที่จะเสร็จไปตั้งเเต่ไม่ได้เจอของจริง เพลงหอบเเรง มองดูใบหน้าหล่อเหลานั้นด้วยสายตาปรือปรอย เอื้อมมือมาลูบไล้สันกรามที่สากด้วยไรหนวด เเวนงับมือเพลงเล่นอย่างชอบใจ พร้อมกับที่ดึงถุงยางจากกระเป๋าตังค์ออกมาเตรียมพร้อมให้ลูกชายที่พร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม

เเวนจับเอามือเพลงให้มากอดรอบบ่า ก่อนจะช้อนเอวเพลงขึ้นมาให้นั่งห้อยขาหมิ่นๆ อยู่กับขอบเคาร์เตอร์ ขาเพลงเกี่ยวสะโพกแวนเข้ามาใกล้ เเล้วเท่านั้นลิ่มยาวก็ตอกตรึงเข้าสู่ส่วนนิ่มอุ่น

“อื้ม~” เพลงแหงนหน้าหลับตาพริ้มส่งเสียงพึงใจในลำคอ ท่าเเม่งโคตรปลุกระดมความต้องการผู้ชาย เเวนส่ายหน้าให้ความเซ็กซี่ที่ไม่เคยคิดกักเก็บ เขาอุ้มเพลงขึ้นโดยการช้อนใต้ขาทั้งที่ส่วนนั้นยังรัดรึงกันไว้ไม่คลาย

“เเว๊นน!!” เพลงร้องเสียงสูงด้วยความตกใจ เเวนดันหลังเพลงไปชนกับประตูหน้าห้อง เสียงฝีเท้าคนข้างนอกที่ผ่านมาทำให้เพลงต้องรีบยกมือปิดปากตัวเอง กลั้นเสียงที่คนข้างล่างกำลังกระเเทกกระทั้นใส่

“โรคจิต!!” เพลงดุได้น่ากลัวที่สุด เเวนจูบปากบวมเจ่อนั้นซ้ำไปอีกหลายที เขาไม่ยอมให้ขาเพลงเเตะถึงพื้นเลย เพลงกอดรอบคอเเวนไว้เเน่น เพื่อประคองตัว มันตื่นเต้นเพราะเหมือนทั้งตัวลอยอยู่ในอากาศ ตื่นเต้นที่ส่วนนั้นยังเชื่อมต่อกัน และตื่นเต้นที่ทุกครั้งเมื่อมีเสียงฝีเท้าเดินผ่านมาเเวนจะกระทำรุนเเรงกว่าปกติ เหมือนตั้งใจเเกล้งให้เพลงได้อายนั้นเเหละ

“ชอบเหอะ ข้างล่างนี้เเน่นเชียว”

“ตีตายเลยไอ้บ้านี้”

ฟึ่บ!

“ฮื้อ.. เเวน แวน ใจเย็น เดี๋ยวเพลงตาย” เสียงโหยหวนของคนตัวเล็กที่ไม่รู้จะตีเเวนก่อน จะกอดพยุงตัว หรือจะร้องไห้ มันทำให้ร่างสูงต้องหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

เขาพักให้เพลง ด้วยการอุ้มด้วยท่าเดิม ไปทิ้งอีกฝ่ายลงบนเตียง เพลงผลักอกแวนให้ถอยออกไปทันที แล้วพลิกตัวขึ้นคร่อม

“ตายเเน่ เเวนคนชั่ว” คนตัวเล็กขู่ เเล้วเอาสะโพกบดเบียดส่วนนั้น ก่อนจะค่อยๆ รับมันกลับเข้าไปในโพรงอุ่นนุ่มอีกครั้ง

“โอ้ย นี่แฟนหรือนักเเข่งม้า ทำไมควบเก่งจังครับ” เเวนเเซว เพลงเลยฟาดกล้ามเนื้อเเน่นๆ นั้นไปอีกที แต่ก็ไม่ได้ผ่อนจังหวะที่ทำให้เเวนเเทบบ้าตายไปด้วย

และเมื่อเพลงพาเเวนไปจนเกือบถึงสุดปลายทาง ร่างสูงก็รั้งเพลงให้นอนลงอีกครั้ง เเวนงับจมูกเพลงด้วยความหมั่นเขี้ยว สะโพกมนยกสอดรับไม้เรียวประจำตัวด้วยท่วงจังหวะเดียวกัน และพอเเวนขยับอีกไม่กี่ครั้ง เสียงแห่งความสุขสมก็ดังออกมาจากคนทั้งสอง



ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw

ไม่นานก็มาถึงช่วงวันรับปริญญาของแวน เเม่กับน้องสาวแวนกลับมาถึงไทยวันนี้ ทั้งคู่เดินทางไปรอรับพร้อมกัน

เมื่อถึงเวลา หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี เดินเคียงคู่มากับสาวน้อยที่กำลังจะจบไฮสคูล เเวนแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน

“นี่เเม่ นี่วินดี้ ส่วนนี่เพลงครับ”

“น้องเพลงคนนี้นี่เอง เเม่ฟังเรื่องหนูมาเยอะ กว่าจะได้เจอกันนะ” เธอทักทายด้วยรอยยิ้มเอ็นดู บรรยากาศของเเม่เเวนต่างกับพ่ออย่างสิ้นเชิง

เพลงยกมือสวัสดี

“พี่เพลงน่ารักจัง” วินดี้ชมบ้าง “มิน่าละพี่เเวนหลงเว่อร์ อวดเเม่ทุกวัน” เด็กหญิงชมบ้าง

“จริงหรอครับ” เพลงถาม

“อื้อ เพลงน่ารักอย่างโน้น เก่งอย่างนี้” วินดี้จีบปากจีบคอจนแวนอดหยิกหลังคอไม่ได้

“เวลาอยู่ต่อหน้าพี่นะ เอาแต่บอกว่าพี่น่าเบื่อ น่าน้อยใจมากๆ เลย” เพลงแกล้งอ้อนน้องสาวกับเเม่มาเป็นพวก

“เงียบไปเลยเพลง” เเวนคาดโทษ เขาดึงเอากระเป๋าในมือน้องสาวมาลากเเทน แล้วทั้งสี่คนก็เดินข้ามไปยังอาคารจอดรถ

“วินดี้จะนั่งข้างหน้ากับพี่มั้ย” แวนหันมาถามน้องสาวที่สูงขึ้นมาก เธอสูงเกือบเท่าเพลงเเหนะ

“ให้พี่เพลงนั่งเถอะค่ะ”

เมื่อทั้งน้องสาวว่าแบบนั้น เพลงรอส่งคุณเเม่ขึ้นนั่งเรียบร้อย ก็เดินมาด้านหน้า เเวนออกรถ แล้วเขาก็เอื้อมมือไปวางบนหน้าขาอีกฝ่ายอย่างเคยชิน วินดี้เห็นเเล้วก็อดเเซวไม่ได้

“สวีทเว่อร์นะคะ”

เพลงพึ่งนึกได้ว่ามีคนอื่นอยู่ในรถด้วยก็รีบชักมือกลับ เเต่เเวนเป็นฝ่ายดึงไว้เองให้วางอยู่ที่เดิม

“นี่ จับพวงมาลัยรถสิ มาจับมือเพลงได้ไงอันตราย” คนตัวเล็กดุให้

เเวนอมยิ้ม เเม่เองที่นั่งมองดูความสัมพันธ์กุ๊กกิ๊กตรงหน้าเเล้วก็รู้สึกสบายใจ คนที่เธอเป็นห่วงที่สุดในครอบครัวก็เเวนนี่เเหละ เพราะไม่มีคนดูเเลเลย ตอนที่ไลน์มาบอกครั้งเเรกว่ามีเเฟนแล้ว และให้เเฟนมาอยู่ที่คอนโดด้วย เธออดจินตนาการไม่ได้เลยว่าจะเป็นคนเเบบไหนที่คบกับเเวนรอด จะเป็นเด็กแรงๆ พากันสำมะเลเทเมาหรือเปล่า เเต่พอเจอน้องเพลงแล้วก็ลบความคิดนั้นออกไปจนหมด เพลงดูน่ารัก ยิ้มเก่ง กับผู้ใหญ่ก็นอบน้อม อยู่ด้วยเเล้วสบายใจ สมเเล้วที่เป็นว่าที่คุณครู

“กลับไปกินข้าวที่คอนโดนะ เพลงเตรียมทำอาหารไว้ให้เยอะเเยะเลย” แวนบอกผ่านกระจกมองหลัง

“พี่เพลงทำกับข้าวเป็นด้วยหรอคะ”

“ไม่เก่งมากหรอกครับ พอทำได้น่ะ พี่เคยช่วยแม่ขายอาหารตามสั่ง ตอนม.ปลายพี่อยู่ชมรมคหกรรม แล้วตอนเข้ามหาวิทยาลัย ก็ต้องอยู่ฝ่ายสวัสดิการ เลยทำเป็นไปโดยปริยาย”

“พี่ชายหนูคงไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ” วินดี้เเซว “ใช่มั้ยคะพี่ชาย” เธอยื่นหน้าแทรกมาระหว่างเบาะรถ จนเเวนต้องผลักหน้าเธอกลับไป

“พี่ทำแต่อาหารง่ายๆ ไว้นะ ไม่รู้ทานได้หรือเปล่า” เเวนหันไปคุยกับวินดี้

“คุณเเม่ทานพวกไข่เจียว ต้มจืดไหวมั้ยครับ ไม่งั้นจะได้โทรสั่งอะไรไปเผื่อหน่อย”

“มีอะไรเผ็ดๆ สักอย่างมั้ยลูก คุณเเม่ติดรสอาหารไทย”

“อ๋อ มีครับ ผมทำน้ำพริกกะปิไว้ แล้วก็มีเเกงคั่วกระดูกหมูแบบพริกเเกงใต้”

“หือ...ถูกปากคุณเเม่เลยค่ะ”

“เพลงไปฝึกงานที่ใต้มาเเม่ เด็กๆ ส่งของเเห้งเอย พริกเเกงเอยมาให้ทางไปรษณีย์เต็มเลย”

“ว่าไปก็คิดถึงพวกเด็กๆ เหมือนกันนะเเวน ฝึกสอนเทอมหน้าเพลงกลับไปสอนที่เดิมได้ป่ะ”

“หืม มึงหยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้เพลง”

“ทำไมพูดกับเพลงไม่เพราะเลยล่ะแวน” คุณเเม่ขมวดคิ้ว

“ชินอ่ะเเม่ พยายามพูดเพราะแล้วในบางครั้ง”

“ไม่เป็นไรครับคุณเเม่ พูดแบบนี้ก็รู้สึกสนิทดีครับ พูดเพราะเกินไปบางที่เพลงก็ขนลุก มันเหมือนเเวนกำลังกลบเกลื่อนความผิด”

“แปลว่าเเวนต้องทำตัวไม่ดีใส่น้องไว้ใช่มั้ย” แม่เเทนสรรพนามเพลงว่าน้อง เพราะเพลงให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูเเบบนั้น

“โอ๊ย แม่อย่าโดนท่าทางใสใสของเพลงซื้อไปนะครับ เพลงก็ร้ายใช่เล่น”

“น้องร้ายเรื่องอะไรไหนฟ้องเเม่สิคะ”

“หึหึ” เเวนหัวเราะเสียงต่ำ เท่านั้นเพลงก็ร้อนตัว เขาตีหน้าขาเเวนเบาๆ เป็นเชิงขู่ว่าห้ามนะ

“เพลงไม่ใสนะครับเวลาอยู่บนเตียง”

“แวน!!” เพลงเเหวลั่น แล้วเอาเรื่องแบบนี้มาเล่าเเม่ได้หน้าตาเฉยได้ไง

คุณเเม่หัวเราะขบขัน เพลงยิ่งหน้าเเดงเข้าไปใหญ่

“ไม่ต้องเขินหรอกน้องเพลง คุณเเม่เข้าใจ”



ฝ่ารถติดกันมาเกือบๆ ชั่วโมง BMW คันสวยก็เลี้ยวเข้าสู่ชั้นลานจอดรถของคอนโด เมื่อเอารถเข้าที่เรียบร้อย แวนก็ยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงมาจากท้ายรถ แล้วลากมันไปขึ้นลิฟต์ วินดี้จูงเเม่มือนึงจูงเพลงมือนึงอย่างร่าเริง

“พี่เพลงพรุ่งนี้พาไปชอปปิ้งหน่อย” เด็กสาวหันมาอ้อน เขย่ามือเบาๆ

“ได้สิ คุณแม่ไปด้วยกันนะครับ”

“แม่ไม่พลาดอยู่เเล้วค่ะ”

เมื่อถึงห้อง เเวนเข็นกระเป๋าไปเก็บไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า คุณเเม่กับวินดี้เข้าไปล้างหน้าล้างตา แล้วเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ ส่วนเพลงก็จัดการเอากับข้าวที่ปรุงเสร็จเเล้วออกมาอุ่น

แกงคั่วกระดูกหมูพริกเเกงใต้กลิ่นชวนน้ำลายสอถูกตักใส่ถ้วย ตัดกับสีอ่อนๆ ของแกงจืดผักกาดขาวเต้าหู เพลงจัดผักลวกและน้ำพริกกะปิใส่จาน พร้อมทั้งทอดไข่เจียวหมูสับสูตรหน้านุ่มปิดท้าย

แวนช่วยตักข้าวกล้องหอมมะลิมาใส่จาน นานๆ พ่อหนุ่มจะเข้าครัวทีก็เก้ๆ กังๆ หน่อย

“แม่โครตชอบมึง” เเวนกระซิบ เขาเเอบหอมแก้มนุ่มนั่นไปทีนึงด้วย เพลงฟาดเข้าให้ 1แปะ

“1 - 1แม่รักแต่พ่อเกลียดนะ” เพลงว่าด้วยรอยยิ้ม เขาไม่นึกโกรธคุณพ่อแล้ว เพียงแต่จะพิสูจน์ตัวเองเท่านั้นว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้อยู่กับแวนเพราะต้องการเงินเเต่อย่างใด จะผิดหน่อยก็คงเป็นเเวนที่สปอยล์เขาเกินไป

“ช่างหัวพ่อเหอะ เค้าไม่เคยเข้าใจอะไรใครอยู่เเล้ว” เเวนเริ่มคิ้วยุ่ง

“เค้าก็มีสิทธิ์ที่จะหวงเเวน เค้าเป็นพ่อนะ ส่วนเราก็แค่อยู่ด้วยกันให้รอดเท่านั้นเอง เค้าจะได้เลิกห่วง”

“น่ารักเก่ง! โคตรอยากจูบมึงเลยตอนนี้”

“ช้าก่อนไอ้หนุ่ม อดไปอีกสองสามวัน รอเเม่กลับ” เพลงดุ แวนงอเเงมาก มากอดเอวหนึบ เเล้วเดินตามไปเหมือนลูกโคอาล่าที่เกาะหลังเเม่

“ตาเเวน!” เสียงคุณเเม่แหวมาเเต่ไกล “ทำอะไรน้องเพลงอีก”

“เเค่กอดเองเเม่”

“เกะกะจัง ตัวเราก็ไม่เล็ก” คุณวสิตาว่าเข้าให้

“คุณเเม่มาทานข้าวกันเถอะครับ” เพลงหันไปยิ้มให้ แล้วก็ก็กวักมือเรียกวินดี้ ส่วนเเวนเขาก็ยังคงต้องลากไปไหนมาไหนด้วย



“อร่อยจัง” วินดี้ชม เธอเคี้ยวข้าวเเก้มตุ่ย “อาหารไทยอร่อยที่สุด”

“อร่อยก็ทานเยอะๆ นะครับ” เพลงตักไข่เจียวให้น้องเพิ่ม

“เเม่ๆ เอาพี่เพลงไปอยู่ชิคาโก้ด้วยได้มั้ย”

“ถามพี่เเวนเลย ว่ายอมให้เราพาไปรึเปล่า” คุณเเม่เเซว

“ไปได้มั้ยแม่ ถ้าเบื่อๆ เมืองไทยอาจจะชวนเพลงไป” แวนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ที่จริงเขาไม่ได้อยากอยู่ แต่ตอนฟ้องหย่าพ่อขอสิทธิ์เลี้ยงเขา ส่วนแม่ได้น้องไป

“แล้วบ้านน้องเพลงล่ะ” คุณเเม่ปราม

“ถ้าเเวนจะไปจริงๆ เพลงก็จะลองคุยกับเเม่ดูครับ” มือบางเอื้อมมาจับขาเเวนเบาๆ ที่ใต้โต๊ะเป็นเชิงให้กำลังใจ

“รักมึงอีกแล้วเพลง” คนตัวโตแทบจะหันไปหอมแก้มอีกฝ่าย ดีที่เพลงผลักหน้าไว้ทัน



วันรุ่งขึ้นเพลงพาสองสาวขึ้นรถไฟฟ้าจากหน้าคอนโดไปชอปปิ้งที่สยาม ส่วนเเวนออกไปดูการตกแต่งร้านกับเพื่อน ได้ข่าวว่าเกือบพร้อมเปิดเเล้ว คุณแม่กับวินดี้เข้าร้านนู่นออกร้านนี้อย่างสนุกสนาน ส่วนเพลงก็ทำหน้าที่เป็นคนช่วยเลือกทีดี แล้วก็ถือถุงให้

“พี่เพลงยังไม่ซื้ออะไรเลย เสื้อเชิ้ตตัวนี้มั้ย วินดี้ว่าเหมาะ” เด็กสาวถามเขาขณะอยู่ในร้านเสื้อผ้าเเบรนด์ดัง ที่ราคาเสื้อเชิ้ตอยู่ในหลักเก้าพันถึงหนึ่งหมื่นอัพ แน่นอนว่าเพลงไม่มีทางซื้อของสิ้นเปลืองเเบบนั้นอยู่เเล้ว เพลงส่ายหน้าปฏิเสธ

“ชอบตัวไหนก็เลือกได้เลยนะเพลง คุณเเม่ซื้อให้ ถือว่าเป็นของขวัญ นานๆ เราจะเจอกันที” วสิตาหันมาพูดด้วยอย่างใจดี เขาสังเกตมานานแล้วว่าเพลงยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย เห็นมีไปจับๆ เสื้อผ้าบ้างเเต่พอดูราคาก็ถอยออกมา ที่จริงเพลงกำลังหาของขวัญรับปริญญาสักชิ้นให้เเวน แต่วันนี้ร้านที่วินดี้เข้ามีเเต่เเพงเกินไปทั้งนั้น

“ขอบคุณมากครับคุณแม่ เเต่เพลงไม่มีอะไรที่อยากได้เลย”

“แน่ใจนะคะ”

“ครับ คุณเเม่กับน้องช็อปให้สนุกเถอะ”

สุดท้ายช่วงบ่ายเพลงก็เเอบไปซื้อการ์ดมาหลายใบ เพื่อเขียนแสดงความยินดีให้เพื่อนๆ ที่เรียนจบในปีนี้ ชูครีมก็เป็นหนึ่งในนั้น

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
“ยังไม่นอนอีกแวน จะเที่ยงคืนเเล้ว” เพลงทักขึ้น เมื่อเห็นว่าที่บัณฑิตที่ต้องรับใบปริญญายังนอนคิ้วผูกโบว์อยู่หน้าโน๊ตบุ๊ค

“ร้านจะเปิดเเล้ว เเวนทำเฟสบุ๊คกับไอจีโปรโมทอยู่”

“เดี๋ยวก็ป่วยหรอก พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า แล้วก็ตากแดดอีก”

“รับเสร็จ ถ่ายรูปกับแม่ 2แชะ กับมึงแชะนึง กับเพื่อนในกลุ่มอีก3แชะ กูกลับบ้านละ”

“ได้ที่ไหนล่ะ” เพลงว่า ตอนวันซ้อมเเวนก็พูดทำนองนี้ แต่ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องก็ทยอยมาเเสดงความยินดีทั้งวัน กว่าจะได้กลับก็นู่นเกือบทุ่ม แถมยังมีสายรหัสนัดไปเลี้ยงกันต่ออีกตอนดึก

“มีเลี้ยงบัณฑิตต่อด้วยตอนค่ำ ใจจริงไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่เกรงใจแม่ แต่...ก็นะน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ปาร์ตี้กันเเบบนี้” แวนพูดไปด้วยทั้งที่ตายังจดจ้องคอมพิวเตอร์

“ก็ไปเถอะ เดี๋ยวเพลงไปรับ ส่วนแม่กับน้องเดี๋ยวเพลงดูให้”

เเวนยื่นหน้ามาหอมเเก้มเพลงแทนคำขอบคุณ

“มึงนอนก่อนเลยเพลง กูขอทำอีกแป๊บ”

“รอนอนพร้อมเเวน”

“กดดันกูอีก”

“เดี๋ยวเเวนก็ไม่นอนอีกอ่ะ” เพลงรู้ทัน เขาเลิกคุยกับเเวน แล้วหันไปเกาคางให้คนดีที่งัวเงียตื่นขึ้นมา วันนี้ลูกก็มานอนที่ฟูกหน้าทีวีด้วย

เกือบๆ ตีสองเเวนจึงยอมพับจอคอม ส่วนเพลงนั้นเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้

เเวนก้มลงไปหอมแก้มเพลงอีกที แล้วตั้งนาฬิกาปลุก เขาเข้าหอประชุมรอบ 7โมง เเล้วก็ออกมาอีกทีสายๆ เเม่กับน้องจะตามไปตอนนั้น ส่วนเพลงก็ไปพร้อมเเวนตอนเช้านั้นเเหละ

แวนตื่นมาอาบน้ำสวมชุดพิธีการ เซตผมเปิดหน้าขึ้นให้ดูสุภาพ เพลงเข้าไปอาบทีหลัง ออกมาพร้อมเสื้อเชิ้ตเเขนยาว สีฟ้าอ่อน เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกงผ้าสีน้ำเงินเข้มขาเต่อ ออกเเนววินเทจหน่อยๆ ดูลุคคุณชายมากกว่าปกติ เเวนมองแล้วก็อมยิ้ม จริงๆ มันควรมีสูทเข้าชุดกันสักตัว เเต่ด้วยอากาศที่ร้อนจัดของประเทศไทย ถ้าเพลงหยิบมาสวมล่ะก็เขาจะตีมือให้

“เเฟนใคร มาหอมแก้มทีดิ๊”

ยังมีเวลามาวอแวกับเขาอีก เพลงไล่ให้เจ้าเด็กโข่งรีบไปกินเเซนด์วิชที่โต๊ะอาหาร ส่วนเขาก็ตรวจเช็คของให้แวน แล้วหยิบชุดครุยใส่ไม้แขวนมาให้ ทั้งสองคนออกไปอย่างเงียบเชียบไม่ให้เเม่เเละวินดี้ตื่น เพลงอาสาขับรถให้แวนในวันนี้

เเวนเข้าไปในหอประชุมเเล้ว เพลงเลยมานั่งหาอะไรกินเล่นรอที่โรงอาหาร มือถือเเวนอยู่กับเพลง พอสายหน่อยก็เริ่มมีคนไลน์หา หลายๆ ข้อความก็มาจากเด็กเก่าๆ ของเเวนที่บางคนก็แค่เเสดงความยินดี แต่หลายๆ คนเหมือนจะขอกลับมาสานสัมพันธ์ด้วย หลังๆ เพลงมองมันเป็นเรื่องตลกแล้ว เเวนให้เกียรติเพลงดีทุกอย่าง บริสุทธิ์ใจให้เพลงค้น พาไปแนะนำกับเพื่อนๆ แล้วก็ย้ำสถานะไม่โสดให้ทุกคนได้รับรู้ เพลงเองก็เช่นกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งซื่อสัตย์ เขาก็ไม่คิดจะนอกลู่นอกทางอีก

ประมาณเกือบสิบโมง คุณเเม่กับวินดี้ก็มาถึง พวกเธอสองคนดูสวยสง่าในชุดเดรสเข้าคู่กัน เป็นชุดที่พึ่งไปช็อปปิ้งกันมานั้นเเหละ แม่ของเเวนยังดูเหมือนสาววัยรุ่นอยู่เลย

‘พ่อ…’ โทรศัพท์แวนสั่น แล้วโชว์ชื่อนั้น

เพลงลังเลที่จะรับแล้วยื่นไปให้วินดี้เเทน

“ฮัลโหลค่ะ วินเอง พี่เเวนยังไม่ออกมา” เสียงใสเอ่ยเเจ้ว ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินกว่าที่จะโกรธพ่อเเม่ หรืออเมริกาทำให้เธอเข้าใจโลกกว่าเเวนก็ไม่รู้

หลังจากนัดเเนะสถานที่กัน เด็กสาวก็วางโทรศัพท์ คราวนี้แม่หันมาหาเพลง

“พ่อเค้ารู้เรื่องเเวนกับเพลงมั้ย”

“รู้ครับ”

“แวนบอกหรอ”

“แวนบอกด้วยครับ แต่ก่อนหน้านั้นคุณพ่อมาขอเจอเพลงก่อน”

คุณเเม่พยักหน้าเข้าใจ แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรต่อ ร่างสูงที่มีหน้าตาพิมพ์เดียวกับเเวนก็ปรากฏตัวขึ้น เพลงยกมือสวัสดีแทบไม่ทัน เขาไม่กล้าสบตาพ่อเเวนเสียด้วยซ้ำ ได้แต่หลบฉากออกมา

พ่อกับแม่เเวนทักทายกันนิดหน่อย เเต่บรรยากาศเย็นเยือก พวกเขาดูไม่ได้โกรธกัน แต่เหมือนไม่ค่อยเห็นด้วยกับเเนวความคิดของอีกฝ่ายมากกว่า วินดี้เองคงพอรู้ เลยเดินมากระตุกมือเพลงให้พาไปซื้อน้ำปั่น

เพลงซื้อกลับมาเผื่อคุณพ่อกับคุณเเม่ด้วย

“ขอบใจจ่ะ” คุณวสิตายิ้มรับ

“เงินเเวนหรือเงินเธอล่ะเเก้วนี้”

ทั้งสามคนหันไปมองคุณพิบูลย์เป็นตาเดียว แม่เเวนขมวดคิ้วทันที

“คุณ! พูดอะไร”

เพลงใจเสียไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่คิดว่าพ่อเเวนจะกล้าพูดให้เขาได้อายถึงเพียงนี้

“เงินเพลงเองครับ เพลงมีเงินเก็บของตัวเองอยู่บ้าง” เพลงพูดตามความจริง เขายังคงทำงานพิเศษที่ร้านกาเเฟอยู่ และช่วงที่เพื่อนพาร์ทไทม์ด้วยกันกลับบ้าน เพลงก็รับเเทน เงินเลยค่อนข้างโอเค

เมื่อเห็นว่าพ่อดูท่าทางจะไม่รับ วินดี้เลยรับน้ำวุ้นใบเตยมาดูดเสียเอง

“อร่อยค่ะ” เด็กหญิงเเก้สถานการณ์ ส่วนเพลงก็ถอยไปนั่งเงียบๆ ห่างออกมาหน่อย

จากวันก่อนที่เคยฮึดสู้ วันนี้ตัวก็ฟีบกลับมาเหลือสองนิ้วอีกครั้ง



หลังพิธีในหอประชุมเสร็จ และมาขึ้นเเสตนถ่ายรูปรวมกลางเเจ้ง แวนก็เดินเหงื่อซกมายังจุดที่นัดกับเพลงไว้ เขาเห็พ่อมาแล้วก็ยกมือสวัสดี พี่ช่างกล้องที่จ้างมาก็เดินมาจัดมุมถ่ายรูปครอบครัวทันที เพลงเดินเข้ามาซับเหงื่อให้เเวน ยิ้มให้บัณฑิตเต็มตัวอย่างภูมิใจ เเวนได้เกียรตินิยมอันดับสองด้วย เเฟนเขาเก่งสุดๆ ไปเลย

“เพลงเข้ามาถ่ายด้วยกันดิ” หลังจากถ่ายรูปสี่คนไปสองสามรูป แวนก็กวักมือเรียกเพื่อให้รูปครอบครัวเข้าสมบูรณ์

เพลงส่ายหน้า ไม่กล้าเข้าไปถ่ายหรอก

“น้องเพลงมาเร็ว มายืนข้างๆ เเม่”

เมื่อผู้ใหญ่เรียกเพลงเลยไม่กล้าปฏิเสธอีก แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อเเวนเดินออกจากเฟรม

เพลงเหมือนใจตกไปที่ตาตุ่ม หันไปมองหน้าเเวน ชายหนุ่มส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรเเล้วก็ให้พี่ตากล้องถ่ายต่อ

“ยินดีด้วย พ่อไปประชุมก่อนนะ แล้วไว้เจอกันใหม่” คุณพิบูลย์เข้ามาบอกลาหลังจากถ่ายภาพที่มีเพลงกับเเม่เสร็จ วินดี้ยกมือสวัสดีพ่อ ส่วนเพลงยังหน้าซีดไม่หาย แวนวุ่นๆ กับการที่มีรุ่นน้องมาลากไปบูม จึงยังไม่ทันได้ปลอบเพลง

“น้องเพลง” คุณเเม่เรียก เพลงต้องปรับสีหน้าให้ยิ้มเเย้ม

“มีปัญหาอะไรกันรึเปล่า เล่าเเม่ได้มั้ย”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“เล่ามาเถอะ เผื่อเเม่จะช่วยได้ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่หรอ”

คำว่าครอบครัวของเเม่ทำให้เพลงแทบน้ำตาไหล เขายิ้มออกมาแล้วพยักหน้ายอมเล่าคุณเเม่เเล้ว

“เพลงไม่ค่อยมีเงินใช้ครับ เเล้วเเวนเค้าก็ให้เงินเพลงมาตลอด จ่ายค่าหอให้ก่อนจะย้ายมาอยู่ด้วยกัน แล้วช่วงก่อนหน้านี้เพลงเป็นเเผลไฟไหม้ เเวนพาไปรักษาที่เกาหลีอยู่เป็นเดือน ค่าใช้จ่ายน่าจะสูงมากครับ คุณพ่อเลยไม่ค่อยพอใจ”

“ไม่เป็นไรเรื่องนี้เเม่จะคุยกับพ่อเอง ส่วนเพลงไม่ต้องคิดมากนะลูก” วสิตาลูบหัวเเฟนลูกชายเบาๆ

“อีกอย่างเเวนไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ความ การที่เค้าให้เงินเพลงใช้ หรือจ่ายค่ารักษาให้เพลง แปลว่าเค้ารู้ว่าสิ่งที่เพลงตอบเเทนคืนให้เขาไปมันมีค่ามากกว่านั้น การที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก และเค้ารักเรา ช่วยกันดูเเลสร้างครอบครัวมันมีค่ามากที่สุดแล้วรู้มั้ย”

“ครับ ผมก็พยายามไม่คิดมาก แล้วก็ตั้งใจจะดูเเลเเวนให้สมกับที่เเวนเค้าทุ่มเทให้ผม”

“เก่งครับเด็กดี” คุณเเม่ชม “ส่วนคุณพ่อก็เข้าใจเค้าหน่อยนะ เค้าก็เป็นห่วงเเวนนั้นเเหละ”

“ผมเข้าใจครับ แค่เมื่อกี๊ตกใจนิดหน่อย”

“ไว้แม่จะช่วยพูดให้”

“ไม่เป็นไรหรอกคุณเเม่ ผมเคยบอกแวนไว้ว่า คงจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจด้วยการคบกันต่อไปให้รอด และผมคิดว่าเราทำได้ครับคุณเเม่”

“แม่เป็นกำลังใจให้นะ แล้วก็ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็ปรึกษาเเม่ได้ แม่รักเพลง เหมือนที่เเวนรักเพลงนะ”

“ขอบคุณครับ ผมขอกอดคุณเเม่ได้มั้ย”

“ได้สิ”

เธออ้าเเขนรับ แล้วเพลงก็สวมกอดด้วยความเต็มตื้น

“อ่าว มากอดอะไรเเฟนผมเนี่ยเเม่ หวงนะ” เเวนเดินกลับมาพร้อมพี่ช่างกล้องพอดี คนที่กอดกันได้เเต่ส่ายหน้าว่ารู้กันสองคนไม่เล่าเเวน

ทั้งสี่ยกขบวนกันไปถ่ายรูปตามสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ประมาณเที่ยงกว่าๆ แม่กับวินดี้ก็กลับไปพัก ส่วนเพลงยังคงตามหิ้วของขวัญให้เเวนต่อไป ไอ้เเพลนที่คุณชายจะถ่ายไม่กี่รูปแล้วกลับนั้นไม่มีอยู่จริง เพราะเพื่อนๆ ต่างก็ลากกันไปถ่ายกับกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ไม่ได้หยุดพักเลย

“เพลงเอาการ์ดไปให้ชูหน่อยได้มั้ย” เพลงขออนุญาต หลังจากที่ช่วงเย็นๆ คนเริ่มซาลงเเล้ว เเละพวกเขาก็มานั่งกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารกลาง

“ไปดิ กูก็ว่าจะไปถ่ายรูปกับมันเหมือนกัน”

เพลงยิ้มแล้วก็พยักหน้า หลังจากหายเหนื่อยเพลงก็โทรถามว่าชูอยู่ตรงไหน โชคดีว่าถ่ายรูปอยู่ตรงสนามบอลใกล้ๆ นี่เอง



“ยินดีด้วยนะชู” เพลงยื่นการ์ดให้

“ขอบใจนะ”

“แล้วได้งานรึยัง”

ร่างสูงที่ยังคงมีรอยยิ้มใจดีเหมือนเก่าส่ายหน้า “เราคงไปต่อโทก่อนอ่ะ”

“ที่ไหนหรอ”

“คงเมืองนอกเเหละ ตอนนี้ก็ดูๆ ยูอยู่”

“โชคดีนะ ขอให้ได้ที่เรียนเร็วๆ”

“เพลงก็เหมือนกัน รับปริญญาวันไหนบอกเราด้วยนะ”

“พอมั้ย มองหน้าเมียกูตาเยิ้มเชียวนะมึง” เเวนเข้ามาเเทรกกลาง

“หึมากกว่าหน้ากูก็ดูมาเเล้ว” ชูกวนตีนกลับ จนเพลงต้องรีบรั้งเเขนแวนไว้กลัวมีเรื่องกัน

“มึงก็ได้แค่ดูอ่ะชู ใจเค้าอยู่กับกูเว้ย”

“อย่าทะเลาะนะเพลงขอ”

“ไม่ได้ทะเลาะหรอกเพลง รำคาญหมาหวงก้างเฉยๆ” ชูหันมายิ้มให้

“ถ่ายรูปกันดีกว่า” เพลงตัดบท แล้วก็กลายเป็นรูปสามคนที่มีเพลงอยู่ตรงกลาง ทั้งสามโบกมือลากันเเบบตึงๆ นิดหน่อย และช่วงจังหวะที่จะลากเเวนออกมา ก็มีใครอีกเดินเข้ามาหาชู

“โพส…” เพลงกับเเวนมองหน้ากันอย่างสงสัย เขาไม่ได้หันกลับไปยุ่งต่อ แต่จากที่ถอยออกมาห่างๆ ท่าทางสนิทสนมนั้นก็ชวนให้คิดไม่ได้ว่า

“เค้าคบกันหรอ” เพลงถาม

“เออ โลกก็กลมดีเนอะ” เเวนเห็นด้วย

“ถ้ามันเป็นเเบบนี้ก็ดีนะ ชูจะได้มีความสุข โพสก็ด้วย”

“เราสองคนนี่มันเสนียดเเรงจริงๆ” แวนตบมุข

“สเน่ห์!!” เพลงเเก้ให้ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะเสียงดังออกมาพร้อมกัน

สองมือสอดประสานเเนบชิดกันอีกครั้ง แล้วภาพสุดท้ายของวันจากพี่ตากล้องคือ สองมือที่จับจูงกันและกันไปในเส้นทางที่เติบโตขึ้นอีกช่วงหนึ่งของชีวิต



แวนกับเพลงกลับมาบ้าน เเม่กับน้องนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน เเวนเข้าไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวออกไปงานเลี้ยงบัณฑิตที่เป็นการปิดผับเลี้ยง ร่างสูงใส่เชิ้ตดำ ฉีดน้ำหอมฟุ้งจนเพลงย่นจมูกใส่

“หล่อเกิน หวงได้มั้ย”

“เมียก็ไปตามอีกสิครับ” เเวนเย้า เพราะยังจำวีรกรรมเก่าของเพลงได้ คนตัวเล็กทำหน้ามู่ใส่ ก่อนจะหยิบกุญเเจรถเพื่อไปส่ง

“ไม่ต้องไปหรอก ไปรับทีเดียวพอ อันนี้เเวนนั่งเเท็กซี่ไปได้”

“งั้นไปส่งข้างล่าง”

เเวนไม่ปฏิเสธ จริงๆ เขาก็แอบอยากบีบ อยากคลำเพลงอีกสักนิดเหมือนกัน ทั้งคู่เข้าลิฟต์แล้วก็ดีดตัวเข้าหากันอย่างรู้ใจ เเวนก้มลงจูบปากเพลงด้วยความโหยหา ที่จริงตอนขับรถกลับมาจากมหาวิทยาลัย เขาก็จูบกันไปแล้วรอบนึงเเต่เเวนว่ามันไม่พอ

“ไปเปิดห้องฟัดกันสักรอบสองรอบ แล้วเเวนค่อยไปดีมั้ยหื้ม” คนตัวสูงเย้า พลางใช้นิ้วเกลี่ยคราบน้ำใสที่เลอะมุมปาก

“เเวนตัวรุมๆ นะ” เพลงไม่เล่นด้วย เขายื่นหลังมือไปแตะหน้าผากแทน

“หรอ”

“อื้อ วันนี้ตากแดดนาน นอนก็น้อย ไม่ใช่ว่าป่วยแล้วนะ” เพลงเริ่มไม่สบายใจ

“กูไปแป๊บเดียว เดี๋ยวรีบโทรหา”

เพลงพยักหน้า เขารู้ว่าปาร์ตี้รอบนี้ค่อนข้างมีความหมายทางใจ แวนจึงต้องไปสักหน่อยนึง

หลังส่งร่างสูงขึ้นแท็กซี่ที่พี่ยามหน้าคอนโดเรียกให้ เพลงก็มองตามจนสุดสายตา เเล้วค่อยเดินขึ้นบนห้อง แต่ทว่าไม่ทันถึงสองชั่วโมงเพลงก็ได้รับโทรศัพท์เบอร์เเวน เร็วกว่าที่คิดไว้มาก

“เพลง เราโอ๊ตนะ” เพลงจำได้ว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มเเวน

“ไอ้เเวนมันวูบ ล้มไปโดนแก้วเเตก เรากำลังพาไปส่งโรงพยาบาล...” โอ๊ตบอกชื่อโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ผับเเถวนั้น เพลงคว้ากุญเเจรถทันที คุณเเม่เข้านอนไปเเล้วเพลงจึงไม่ได้กวน แต่วินดี้ยังนั่งเล่นกับคนดีอยู่ คนเป็นพี่จึงเข้าไปกระซิบ

“พี่เเวนโดนเเก้วบาด เพื่อนๆ กำลังพาไปหาหมอ วินดี้อยู่กับคุณเเม่นะ แล้วเดี๋ยวพี่โทรมาบอกอาการอีกที”

“ค่ะ” เด็กหญิงรับคำ เห็นสีหน้าสุดกังวลของเพลงเเล้วเธอก็ไม่กล้าจะถามอะไรให้เสียเวลาอีก



ไม่นานรถ BMW ที่เจ้าของนอนป่วยอยู่ก็เลี้ยวเข้าเขตโรงพยาบาล เพลงวิ่งมาทางห้องฉุกเฉินก็เห็นเพื่อนเเวนสองคนยืนรออยู่ อีกฝ่ายสวมเชิ้ตสีอ่อนทำให้เห็นรอยเลือดชัดเจน เพลงตัวสั่นกึก เเล้วโอ๊ตคนที่โทรหาเพลงก็หันมาเห็น

“เพลง!” อีกฝ่ายเดินเข้ามาหา

“เลือดใครอ่ะโอ๊ต” เพลงพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ

“เลือดไอ้เเวนนั่นเเหละ โดนเเก้วบาด หมอกำลังเย็บให้”

เพลงตัวเย็นเฉียบ กุมมือตัวเองเเน่น

“ขอโทษนะที่ไม่ได้ดูมันให้ดี คือไม่รู้ว่าไอ้เเวนมันไม่สบาย พอมาถึงรุ่นพี่ก็จับกรอกไปหลายแก้วอ่ะ” โอ๊ตอธิบาย

“ปกติมันคอเเข็งไง วันนี้อยู่ๆ ก็วูบไปเลย แถมยังฟาดเอาเเก้วเเตก บาดเเขนไปอีก” เพื่อนอีกคนที่ชื่อเเทนเล่าต่อ

เพลงพยักหน้า เขาไม่ได้โทษสองคนนี้หรอก เเค่เป็นห่วงเเวนเท่านั้นเอง

“ช่วงนี้เเวนนอนน้อยหนะ ก่อนไปก็เหมือนจะมีไข้หน่อยๆ”

“คุณทำอะไรเพื่อนผมครับ ถึงได้นอนน้อย” ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน แต่โอ๊ตฟังประโยคของเพลงแล้วก็อดเเซวไม่ได้ เสียงล้อเลียนเเบบนั้นเลยเรียกสีเลือดบนเเก้มเพลงได้เป็นอย่างดี

“เเวนทำงานต่างหาก ที่เตรียมจะเปิดร้านชานมไง” เพลงเเก้ความเข้าใจผิด

ทั้งโอ๊ตเเละเเทนหัวเราะกึกๆ เขาเข้าใจเเล้วว่าทำไมเเวนมันหลงเพลงมาก คนตัวเล็กหน้าตาน่ารักอยู่เเล้ว แถมยังมีท่าทางน่าเเกล้ง พร้อมๆ กับน่าโอ๋อีกต่างหาก

“โอ๊ต กับแทนกลับไปที่งานก่อนได้เลยนะ เราอยู่รอเอง”

“ไล่เฉย” เเทนว่า “เขินหรือไง”

เพลงค่อยผ่อนคลายขึ้นมาหน่อยเมื่อเจอบรรยากาศสนุกๆ จากเพื่อนของเเวน

“อยู่ด้วยกันนี่เเหละ จนกว่ามันจะออกมา พวกเราค่อยกลับ”

“เเต่ถ้าเเวนรู้ว่าทำให้เพื่อนหมดสนุก แวนคงไม่โอเคหรอก” เพลงบอก

“บ้าหรอเพลง ไอ้เเวนอยู่ในห้องฉุกเฉินเเบบนั้น ใครจะกลับไปลง” เเทนโวย

สุดท้ายเพลงพยักหน้า แล้วก็พากันไปนั่งรอหน้าห้องรักษา เเทนเดินไปซื้อน้ำเปล่ากับโกโก้ร้อนมาให้เพลงจิบ พวกเขาเองก็ต้องการอะไรอุ่นๆ เช่นกัน

เพลงรับแก้วกระดาษมาอังมือไว้ มันช่วยให้ใจสงบขึ้นมานิดนึง ที่จริงทั้งโอ๊ตและเเทนเป็นเเก๊งเพื่อนที่เคยบอกโพสว่าแวนโสด ตอนที่อยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่น เพลงเคยไม่ชอบเพื่อนๆ ของเเวนเลย แต่พอมารู้จัก พวกเขาก็ไม่ได้เเย่ คงเป็นเพราะตอนนั้นเเวนเองนั้นเเหละที่ไม่ได้บอกใครว่าเพลงมีสถานะเป็นเเฟน

ไม่นานพยาบาลก็ออกมาเรียกหาญาติผู้ป่วย

“จะให้นอนดูอาการสักคืนสองคืนนะคะ พอดีคนป่วยมีอาการอ่อนเพลีย จากการพักผ่อนน้อย แล้วเเผลที่ได้วันนี้ค่อนข้างลึก เลยเสียเลือดมาก แถมยังมีปริมาณเเอลกอฮอล์ในเลือดมากด้วย คุณหมอกลัวจะช็อคไปค่ะ”

“ครับ” เพลงพยักหน้า ให้กับพยาบาลรุ่นใหญ่

“ทีหลังอย่าเมากันถึงขนาดนี้นะคะ โชคดีที่ไม่ได้โดนจุดสำคัญ เกิดโดนเส้นเลือดใหญ่ขึ้นมา แล้วรักษาไม่ทัน คือถึงขั้นเสียชีวิตนะคะ” เธอเอ็ด

“ครับ” โอ๊ต กับเเทนพยักหน้า

“สงสารพ่อแม่ กับคนที่อยู่ข้างหลัง จะกินจะดื่มก็ให้มันมีลิมิต พี่เห็นมาเยอะพวกเมาเเล้วมีอุบัติเหตุจนพ่อแม่ต้องมาร้องห่มร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน พี่เลยอยากเตือนอยากสอน อย่าหาว่าพี่จุ้นจ้านเลยนะ”

“ขอโทษครับ” เพลงพูดออกไป ด้วยความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ที่จริงเขาน่าจะตามไปดูแลเเวนสักหน่อยด้วยซ้ำ หากเกิดเเวนเป็นตามที่พี่พยาบาลว่าจริงๆ เขาจะมองหน้าพ่อแม่เเวนได้อย่างไร

“ไม่ต้องซึมค่ะ ไปทำเรื่องเข้าห้องพิเศษที่เคาน์เตอร์นะคะ ส่วนคนไข้เดี๋ยวเวรเปลเข็นไปส่ง”

“ครับ”

เพลงยังคงจ๋อย แทนกับโอ๊ตนี่ไม่ต้องพูดถึงจืดสนิท

“กูถึงขั้นกินเหล้าไม่ลงไปสองวัน”

“โห พี่เขาพูดขนาดนี้ มึงหยุดกินได้เเค่สองวันเองหรอโอ๊ต” แทนว่า

“จะให้กูเลิกกี่วันล่ะ เดี๋ยวเศรษฐกิจไม่หมุนเวียน”

“กินได้เว่ย แค่รู้ลิมิต”

ทั้งสามคนเลิกเถียงกัน แล้วเดินไปทำเอกสาร ไม่นานก็ได้เข้ามาอยู่ในห้องพิเศษ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ค่อนข้างเเพงทุกอย่างเลยสะดวกสบาย แถมเเวนเองก็มีประกันสุขภาพชั้นพรีเมี่ยมอยู่เเล้วด้วย

“ขอบคุณโอ๊ตกับแทนมาก” เพลงออกมาส่งที่หน้าห้อง

“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบกลับมาดู เพลงก็อย่าลืมพักผ่อนบ้างนะ เดี๋ยวไม่สบายไปอีกคน”

“รู้แล้ว โอ๊ตกับเเทนก็ไปพักเถอะ เรารู้ว่าวันนี้เหนื่อยมากเเล้ว”

เมื่อสองคนนั้นกลับไป เพลงก็เดินเข้ามาดูเเวนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง หมอให้ยาเเก้ไข้ไป แล้วด้วยความเพลียจัด ร่างกายคง Shut down ไปเลย

“รีบหายนะ” เพลงพึมพำเบาๆ เขารู้เลยว่าอาการใจหายเป็นยังไง ขนาดเเวนไม่ได้เป็นอะไรหนัก เขายังกังวลขนาดนี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่าตอนที่เเวนรู้ข่าวเขาเจอไฟไหม้จะตกใจขนาดไหน

เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ครั้งนี้กลับสอนให้เพลงรู้ว่า การมีอยู่ของเราก็ไม่ใช่เพื่อตัวเองเสมอไป เรามีอยู่เพื่อให้คนข้างๆ ยังใช้ชีวิตต่อไปด้วยความสุขได้ เพราะฉะนั้นนับจากนี้คงต้องดูเเลตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อจะได้อยู่กับคนที่เรารักไปนานๆ

เพลงต่อสายถึงวินดี้ เธอยังไม่หลับ เพลงเเจ้งข่าว แต่บอกว่าเเวนไม่ได้เป็นหนักมาก เพื่อป้องกันคนเป็นเเม่กังวล แล้วสายๆ ค่อยให้เเม่กับน้องตามมาดู

ออฟไลน์ ofious

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-4
    • @sweeterthansw
เพลงฟุบตัวอยู่ข้างเตียง จับมือคนป่วยไว้ นานๆ จะขยับตัวทีเพราะมาพยาบาลเข้ามาวัดไข้กับวัดความดัน ช่วงเช้าเเวนเริ่มรู้สึกตัว และขอน้ำ

ร่างสูงมองบรรยากาศรอบตัว เเล้วเรียงเหตุการณ์ในสมองช้าๆ เขาวูบไปตอนไหนจำไม่ได้เลย รู้สึกตัวอีกครั้งตอนหมอบอกว่ากำลังจะเย็บเเผลที่เเขนซ้าย แล้วก็หลับไปอีกยาวๆ จนตอนนี้ที่เห็นเพลงยืนหน้าซีดขอบตาคล้ำอยู่ข้างๆ

แวนคอเเห้งเป็นผง ไม่อาจเปล่งเสียงได้ จึงได้เเต่ยื่นมือไปลูบเเก้มคนที่ดูโทรมอย่างเป็นห่วง เพลงยอมคลอเคลียมือนั้นอย่างรักใคร่ เหมือนลูกเเมวตัวน้อยๆ ที่เจอเจ้าของ ก่อนจะเอาน้ำให้เเวนดื่ม

“ขอโทษ..” คำเเรกที่เเวนพูดได้

“เพลงรู้เเล้ว ว่าตอนที่เพลงเข้าโรงพยาบาลเเวนรู้สึกยังไง”

เเวนพยักหน้า อ้าแขนกว้าเรียกให้อีกคนลงมากอด

“ต่อไปนี้เราจะดูเเลตัวเองดีๆ ไม่ทำให้อีกคนเสียใจนะ” เพลงพูด

“สัญญาครับ” แวนรับคำ



พยาบาลเคาะประตูตัดจังหวะซึ้ง แล้วก็เอาอาหารอ่อนเข้ามาส่ง เพลงยิ้มขอบคุณ เขาวางมันบนโต๊ะ แล้วจัดการเอาอ่างใบเล็กๆ มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เเวน แล้วให้อีกฝ่ายเเปรงฟันเพื่อทานอาหารเช้า

มีแค่ยาเเก้อักเสบกับยาเเก้ไข้เท่านั้น เเวนไม่ได้มีอาการเเฮงค์อะไรมากนัก

แวนอ้อนให้เพลงป้อนข้าวต้มให้ เพราะเจ็บเเขน

“แวนถนัดแขนขวาเหอะ” เพลงค้อนปากคว่ำ เเขนที่เป็นเเผลคือเเขนซ้ายไม่ได้เกี่ยวอะไรสักนิด

“ขออ้อนหน่อยเถอะ นะๆ” คุณชายงอแง เพลงไม่ได้ว่าอะไรต่อ ยืนป้อนข้าวให้ตามแต่คุณชายจะบัญชาเลย



ด้านนอกห้องมีชายหญิงคู่หนึ่งยืนมองอยู่ รอยยิ้ม เเละเสียงหัวเราะของคนในห้องเหมือนจะลอยข้ามกระจกบานเล็กๆ ตรงช่องประตูออกมาด้วยซ้ำ

“ดูสิ ถ้าไม่มีน้องเพลง ใครจะมาดูเเลลูกชายเราเเต่เช้าแบบนี้” วสิตาถามอดีตสามี

“ก็จ้างพยาบาลพิเศษ”

“จ้างพยาบาลก็ใช้เงิน เหมือนกับที่เเวนให้เงินเพลง แต่นี่นอกจากการดูเเลเเล้วลูกยังได้ความรักด้วย”

พิบูลย์ยังทำหน้าไม่เปิดใจอยู่เหมือนเดิม และที่เขามาหาเเวนบ่อยๆ ช่วงนี้ก็เพราะลูกเรียนจบแล้ว และอยากจะชวนให้มาทำงานด้วยกัน

“สองสามวันนี้ฉันอยู่กับหนูเพลง เค้าก็ไม่ได้เอาเงินเเวนไปใช้สุรุ่ยสุร่ายเลย มีเเต่ซื้อของมาทำอาหารดีๆ ให้ลูกคุณทานนั้นเเหละ กับเป็นค่าอาหารเเมว”

“คุณต้องการจะให้ผมยอมรับเด็กนั่น” พิบูลย์ถาม

“ถ้าเค้าให้ความรักเเวนได้มากกว่าพวกเรา ก็ควรปล่อยให้เขาอยู่ด้วยกัน” หญิงสาวพูดเสียงเเข็งก่อนจะย้ำ “Make it right”

“คุณก็รู้อยู่เเก่ใจว่าเราสองคนไม่สามารถเติมเต็มชีวิตลูกได้ แต่ตอนนี้น้องเพลงกำลังทำ”

“หึ คนที่สูบเงินลูกไปเยอะเเยะ อย่าพูดว่าเงินลูกเลยเงินผม เป็นการลงทุนที่ไม่เห็นผลกำไรเลยสักนิด”

“เเวนเอาเงินคุณไปเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายคืนให้ แล้วเลิกยุ่งกับพวกเขาสักที”

“หลักล้าน คุณจะจ่ายหรอ”

“ให้ลูกแค่นี้ ทำไมจะให้ไม่ได้ ฉันเอาความสุขจากลูกไปหลายปี มันเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำกับเงินเเค่นี้” วสิตากัดฟันพูด เพื่อระงับความโมโหที่ท้วมท้นในใจ ตอนนั้นที่เลิกกัน เธอน่าจะสู้คดีจนพาเเวนไปด้วย ไม่น่าทิ้งลูกไว้กับผู้ชายที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องธุรกิจเเบบนี้

“ให้เลขาคุณเเจ้งยอดมาแล้วฉันจะโอนเงินให้”

พิบูลย์มองตามอดีตภรรยาที่หันหลังเดินออกไป เธอคงไประงับความโกรธที่ไหนสักแห่งก่อนเข้าไปหาลูก ส่วนเขามองกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง รอยยิ้มของเเวนงั้นหรอ ทั้งที่กำลังไม่สบายตัวแต่ลูกชายกลับยิ้มได้อย่างสดใสมาก แล้วคนที่ทำให้เจ้าเเวนยิ้มได้ขนาดนั้นก็คือเจ้าเด็กเพลงนั่น

นักธุรกิจรุ่นใหญ่ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมลูก เขาเดินตามวสิตาไป เห็นเธอกำลังยืนเช็ดหัวตาอยู่ที่มุมหนึ่ง

“คุณ...ผมขอโทษ” เขาเอ่ยปาก ทั้งอดีตภรรยา และเขาไม่ได้สร้างเด็กที่เต็มไปด้วยความรักขึ้นมาเลย แวนต่อต้านสังคม และใช้ชีวิตย่ำเเย่ไม่น้อยเหมือนกันตอน ม.ปลาย ยังดีที่สุดท้ายเเล้วเรียนจนจบ แถมผลการเรียนก็ดีด้วย

“ผมคงไม่ยุ่งกับสองคนนั้นสักพัก” ท้ายที่สุดพิบูลย์ก็อยากลองให้โอกาสลูกบ้าง

“ขอบคุณเเทนลูกด้วย” วสิตาคลี่ยิ้มออกมาได้นิดนึง

“ผมกลับก่อนล่ะ คุณก็เดินทางดีๆ นะ”

หญิงสาวพยักหน้ารับ เธอมีเเพลนจะบินกลับชิคาโก้คืนนี้ ตอนเเรกก็เป็นห่วงลูกชายอยู่ไม่น้อย แต่เห็นจากที่เพลงมาช่วยดูแลเเล้วก็คิดว่าวางใจได้



วสิตาลงมานั่งจิบกาเเฟที่คอฟฟี่ช็อปด้านล่าง รอวินดี้ตามมาสมทบ เด็กสาวถูกไหว้วานให้เอาคนดีไปฝากร้านรับฝากสัตว์เลี้ยงไว้ก่อน และก็จะเอาเสื้อผ้ามาให้เพลงเปลี่ยนด้วย แน่นอนว่าวินดี้ที่กำลังเอาดีทางสายแฟชั่น ก็ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ไว้ให้เเฟนพี่ชายเธอเพียบ หลังจากส่งซักรีดด่วน ก็หอบหิ้วใส่ไม้เเขวนมาให้เพลง

เธอขัดใจที่เเฟนพี่ชายแต่งตัวจืดชืดเรียบร้อยเกินไป ทั้งที่วันรับปริญญา พอเเต่งตัวและเซตผมเข้าหน่อยก็ดูดีมากเเท้ๆ แต่พอจะเดาได้ว่าคนที่สั่งให้ทำตัวเฉิ่มเชยเเบบนั้นคงไม่พ้นพี่ชายเธอนั้นเเหละ

เพลงโดนสั่งให้เเอบงีบช่วงบ่าย เพราะเเม่กับวินดี้ก็อยู่ ไม่งั้นคนที่เฝ้ามาเเล้วทั้งคืน จะไม่ได้พักผ่อนเลย ตอนเย็นๆ เพลงจึงขับรถไปส่งทั้งสองคนที่สนามบินสุวรรณภูมิเพราะเเวนก็ไม่ได้มีอาการอะไรน่าเป็นห่วงเเล้ว แถมยังมีโอ๊ต เเทน เเละเพื่อนๆ ที่คณะก็แห่กันมาเต็มห้องไปหมด



“น้องเพลง เรื่องคุณพ่อสบายใจได้แล้วนะ เค้าจะไม่มายุ่งเเล้ว แม่คุยกับเค้าเเล้ว” คุณเเม่พูดขึ้นขณะที่เดินอยู่ตรงโซนเช็คอินน์

“ครับ ขอบคุณมากครับคุณเเม่” เพลงยิ้ม เขาไม่ได้ถามหรอกว่าพูดอะไร แค่เปิดโอกาสให้เขากับเเวนอยู่ด้วยกันก็นับว่าเป็นพระคุณมากเล้ว

“ฝากเเวนด้วย แล้วก็เพลงก็ดูเเลสุขภาพด้วยนะ”

“ครับ คุณเเม่ก็ดูเเลสุขภาพนะ”

“มีอะไรก็โทรคุยกันได้นะลูก”

“ครับ”

“ให้พี่เเวนพาไปเที่ยวที่นู่นบ้างนะคะ” วินดี้ผสมโรง “เเล้ววินดี้จะเป็นไกด์เอง”

“ได้เลย พี่ขอเก็บเงินเเป๊บนะ”

“ค่ะ รอนะ”

ทั้งสามกอดลากัน เเล้วเพลงก็รอส่งจนสุดสายตา ค่อยขับรถกลับไปยังโรงพยาบาล



ตอนที่เดินมาถึงในห้องแวน ไฟดับสนิททั้งหมด ตาเพลงที่มาจากที่สว่างยิ่งทำให้มองไม่เห็นอะไรเลย

“แวน” เพลงลองเรียกดู แต่ก็เงียบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเบาๆ เท่านั้น เพลงตกใจหรือแวนเป็นอะไรฉุกเฉินขึ้นมา แต่มาทันได้กังวัลนาน ความสว่างจากเเสงเทียนก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำ

“แวน..”

“HBD to you…” เสียงคนหลายคนร้องเพลง พร้อมทั้งดีดกีต้าร์ ทำให้เพลงงงไปหมด

“วันเกิดมึง ปีก่อนกูไม่ได้ซื้อเค้กให้เป่า ปีนี้เป่าเค้กกับกูนะ” เเวนพูด ใบหน้าหล่อที่มีเเสงสีนวลตาพาดทับ ทำให้น่ามองยิ่งกว่าเดิม เพลงกลั้นยิ้มอย่างอย่างลำบาก หันไปมองรอบข้างก็เพื่อนๆ เเวนเต็มไปหมด

“เป่าเร็ว เห้ยไม่ดิ ต้องอธิฐานก่อน” เเวนบอก เพลงหลับตาเเล้วก็พึมพำในใจ ‘ขอให้เขาได้อยู่กับเเวนอย่างมีความสุขเเบบนี้ตลอดไป’

ฟู่!

ปุ๊ง!

สายรุ้งมากมายถูกยิงมารอบตัวเพลงแล้วไฟก็สว่างขึ้น เพลงมองไปรอบๆ มีลูกโป่งเขียนชื่อเพลง พร้อมของกินเต็มไปหมด เหลือเชื่อว่านี้คือห้องในโรงพยาบาล

“คนดีก็มานะ เเอบเอาเข้ามา”

“มี๊~” ลูกร้องรับอยู่ในอ้อมเเขนของใครสักคน

โอ๊ย เพลงจะบ้าตายกับความพิสดารของแก๊งเพื่อนเเวน

“เพลงเเขน แขนเเวน” ร่างสูงทำท่าสำออย เพลงหน้าตาตื่น อยู่ๆ ก็ร้องโอดครวญขึ้นมาเป็นอะไรกัน

“แขนเป็นฟอ ขอเป็นเเฟน”

หิ้ววววว~

“อะไรเนี่ยเเวน” เพลงเริ่มทำตัวไม่ถูก

“ก็เหมือนไม่เคยขอมึงดีๆ ครั้งนี้ก็เลยอยากให้มึงมั่นใจว่าเราเป็นเเฟนกันจริงๆ แล้วนะ”

“อะอื้อ” เพลงพยักหน้าด้วยความเขิน แล้วระหว่างนั้นเเทนก็ถือหนังสือปกเเข็งออกมาเล่มหนึ่ง ยืนเเทรกกลางระหว่างเพลงกับเเวน

“นี่บาทหลวง” เพื่อนหน้าทะเล้นแนะนำตัว “ไอสัสเข้าทรงเเป๊บ นรกกินกบาลกูมั้ยเนี่ย”

“ไม่หรอก ลงไปก็รกที่เค้า”

“สัส!!”

“เริ่มเร็ว”

“เอาละนะ มาเว้ย... คุณเทวิณ คุณพร้อมกานต์ ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ถูกบังคับ แต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริง เพื่อเข้าพิธีสมรสใช่หรือไม่”

“ครับ” แวนตอบ แล้วก็สะกิดให้เพลงที่ยังยืนงงตอบ

“คะครับ”

“พ่อขอข้ามทุกขั้นตอนไปตอนสวมเเหวนเลยนะ ยินยอมหรือไม่”

“เอ่อ...” เพลงมองหน้าเเวน ไม่รู้ว่าเล่นอะไรกันอยู่

“ยินยอมครับ” แวนตอบ แล้วก็กวักมือเรียกโอ๊ตให้มาเข้าฉาก พร้อมกล่องใส่เเหวน 2วง

เพลงที่เริ่มจะเข้าใจเเล้วรู้สึกร้อนเห่อขึ้นมาทันที

“Will you love him, comfort him, honor and keep him….as long as you both shall live?”

“ครับ”

“ถ้างั้นก็เเลกเเหวน”

“ทำไมภาษามึงดีว่ะเเทน” แวนหันไปถาม ขณะรับแหวนมาจากโอ๊ต

“ใส่แหวะเถอะมึงอ่ะ ในโบสถ์จริงเค้าไม่ให้มึงหันมาถามบาทหลวงหรอกเว้ย”

เเล้วเสียงเกากีต้าร์จากใครสักคนก็ดังขึ้นมาเป็น Background Music ‘~เธอ เธอทั้งนั้น ที่ทำให้ช่วงชีวิตของฉันน่าจดจำ ตั้งเเต่ได้เจอเธอ ขอบคุณสรวงสวรรค์ ให้เราได้เจอกัน ขอบคุณคนบนนั้นที่ทำให้ฉันได้พบเธอ ขอบคุณทุกเรื่องราว ต้นเหตุที่ในวันนั้ได้เจอ เธอสุดที่รัก~”

แวนมองหน้าเพลงอย่างลึกซึ้ง เขาบรรจงสวมแหวนเงินเกลี้ยงลงไปบนนิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่าย เเล้วจุมพิตทับมันเบาๆ เพลงรับรู้ได้ถึงความชื้นที่กระทบลงบนหลังมือ เขาก้มลงไปมองหน้าเเวนก็เห็นว่าอีกฝ่าย...ร้องไห้

“แวน~” เพลงจะร้องไห้ตาม

“เบื่อเราขนาดร้องไห้เลยหรอ” เพลงอดเเซวไม่ได้

“อื้อ เพราะมึงมันน่าเบื่อเพลง อยู่ให้กูเบื่อไปตลอดเลยนะ”

“อื้ม หลังจากนี้ถึงไล่ก็ไม่ไปแล้วนะ” เพลงยิ้ม

“ใส่เเหวนให้กูเลย”

“อยู่กับเพลงไปนานๆ นะ” คนตัวเล็กพูดขณะสวมเเหวน เมื่อมันเข้าที่ก็รวบเอามือเเวนมาประทับจูบบ้าง เพื่อนๆ ที่โห่เเซวตอนเเรก เงียบลงไปโดยปริยาย งานเเต่งเเบบเล็กๆ เด็กๆ ดูไม่รู้ความ แต่กลับทำให้คนรอบข้างซึ้งได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“อื้ออยู่กันไปนานๆ” เเวนรั้งไหล่เพลงเข้ามากอด กอดแน่นให้หัวใจสองดวงได้สัมผัสกัน

“ขอบคุณของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุด”

“ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตกูเจอสิ่งที่ดีที่สุด”

ชีวิตคู่ของทั้งสองคนพึ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น แต่หวังว่าหัวใจที่มั่นคงของกันและกันจะประคับประคองความรักให้เติบโตต่อไปอย่างไม่มีวันหยุด



-จบ-



เย่ๆ ยาวสะใจมั้ยตอนนี้ เเบบตอนเเรกว่าจะครึ่งๆ แต่ไหนๆ ก็ลงเเล้วก็ลงยาวเลยเเล้วกันเนาะ อ่านกันมาถึงตอนนี้กี่คนเอ่ย ขอเเสดงตัวหน่อยค่า ไหนๆ ก็จบเเล้ว อยากจะให้คอมเม้นต์ทิ้งท้ายหน่อยยเน้อ เราจะได้เอาไปปรับปรุงเรื่องต่อไปค่ะ แล้วก็ฝาก สกรีม #เพราะเธอมันน่าเบื่อ 


ปล.ๆ มีเเถม. Flashback ก่อนเพลงกับเเวนคบกันให้อีก 4 ตอนอิอิ ไว้มาลงให้นะคะ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ตามอ่านยาวๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด