{เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿ [ END ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿ [ END ]  (อ่าน 14114 ครั้ง)

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
{เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿ [ END ]
« เมื่อ16-12-2018 13:03:53 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

**********************************************





Road To Your Heart.

เส้นทางของชีวิตที่ผมไม่ได้ตั้งใจเลือกเดิน ต่างจากเขาที่ตั้งใจเดินเข้ามาในเส้นทางชีวิตของผม ถนนที่ผมต้องเลือกว่าจะเดินต่อหรือเลี้ยวไปอีกทาง แล้วผมควรเลือกเส้นทางไหน?


ในชีวิตประจำวันเราใช้ถนนเป็นเส้นทางในการเดินทางสู่จุดหมาย

ในชีวิตจริงเราสามารถกำหนดจุดหมายปลายทางได้ แต่ในถนนของ

ชีวิตเราไม่รู้หรอกว่าถนนเส้นนั้นจะพาเราไปพบเจอกับอะไร

อาจเป็นถนนที่มีปลายทางคือสิ่งสวยงามรออยู่ อาจจะเป็นทางตัน

ทางแยก หรือแม้แต่ถนนลูกรัง แต่ไม่ว่าถนนเส้นนั้นจะเป็นถนนแบบไหน

ถนนเส้นนั้นก็คือถนนที่พวกเขาเลือกเอง

มาให้กำลังใจพวกเขาในการเดินทางสู่หัวใจใครบางคนด้วยกันนะคะ


: หาว :
เส้นทางที่ผมกำลังเผชิญ เส้นทางที่แม้จะดูราบเรียบ แต่มันคือเส้นทางที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ของผม


: ตะวัน :
ผมพยายามเดินเข้าไปในเส้นทางชีวิตของเขา ได้แต่หวังว่าสักวัน... เขาจะยอมให้ผมเดินไปบนเส้นทางนั้นร่วมกันกับเขา


: เอก :
เส้นทางของผมกับเขา ตลอดมามันคือเส้นขนาน ไม่มีทางบรรจบ แต่จะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป


: ดีน :
ผมไม่เคยคิดว่าเส้นทางที่เขาเลือก จะเป็นเส้นทางที่ทำให้เราสองคนกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกต่อไป

สารบัญ



















END

ปล.1 นิยายเรื่องนี้มีคำหยาบคายเล็กน้อย เพื่อความสมจริงของเนื้อเรื่องไม่ว่ากันเนอะ

ปล.2 ทั้งบุคคล สถานที่ และเนื้อเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนสมมติขึ้นเพียงเท่านั้น

ปล.3 นิยายเรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติก ดราม่า + คอมเมดี้ มายิ้ม มาหัวเราะ มาหน่วงไปด้วยกันนะคะ

ปล.4 ขออนุญาตลงทีเดียวจบเลยนะคะ >..<


ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของเรานะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเราอาจมีข้อผิดพลาดมากมายสามารถแสดงความคิดเห็นกันได้อย่างเต็มที่แต่ของดใช้คำ
หยาบคายนะคะไม่รู้จะมีคนเข้ามาอ่านหรือเปล่าสำหรับคนที่หลงเข้ามาก็ขอให้สนุกกับ
นิยายของเรากันนะคะ

#roadtoyourheart
Jasperpt
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2018 22:28:11 โดย Suneerat »

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 1
ความรักครั้งแรก


It's just a bad day, not a bad life

ทำไมทุกคนถึงชอบคนหน้าตาดี
ผมไม่ได้อยากเกิดเป็นคนอ้วนหรอกครับ ไม่ต้องด่า ไม่ต้องซ้ำเติม เจอหน้าไม่ต้องทักด้วย ‘ไอ้อ้วน’ ‘อ้วนขึ้นรึเปล่า’ ‘หมูตอน’ ‘ไอ้ยักษ์’ ‘หมีควาย’  อะไรเทือกนั้น คนอ้วนก็มีหัวใจครับ ผมก็อยากเกิดเป็นคนหล่อ อยากเท่เหมือนคนอื่น ตอนเด็กๆใครๆก็บอกผมว่า ‘น่ารักจัง’ ‘แก้มน่าหยิกชะมัด’ ทำให้ผมคิดมาตลอดว่าผมน่ารัก จนผมเริ่มโต ผมก็ค้นพบความจริงว่าการเป็นคนอ้วนทำให้ผมเหมือนเป็นสัตว์ประหลาดในมวลมนุษยชาติ
“ไอ้ยักษ์” จุนเด็กเกเรประจำห้องเรียกฉายาของผม ขณะเดินเข้ามาใกล้ “ว่า”
“มึงออกไปเดินไกลๆกูหน่อย”
“…”
“กูกลัวโลกรับน้ำหนักมึงไม่ไหวว่ะ ถ้าพื้นมันยุบมึงจะยังไงวะ” ได้ข่าวเขาเดินมาหาผมเองนะครับ ผมยืนฟังนิ่งไม่คิดเถียง
“ครับ” ผมพูดแค่นั้นแล้วเดินหนีมา ถ้าผมเป็นคนอื่นผมคงเถียงเขาไปแล้ว อีกอย่างถึงผมจะโดนแกล้งบ่อยๆ พวกนั้นก็แซวไปตามประสานั่นแหละครับ คนพูดไม่ได้คิดอะไรหรอกมีแต่ผมนี่แหละที่คิด
“เห้ยไอ้หาวมึงจะรีบไปไหนวะ กูแค่แกล้งมึงหน่อยเดียวเองทำน้อยใจไปได้ ไอ้หาวมึงเป็นอะไร มึงกลับมาเดี๋ยวนี้” เสียงจุนตะโกนไล่หลังมาเป็นชุด ผมไม่สนใจเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งแทน ผมอยากกลับไปถึงบ้านให้เร็วที่สุด ถ้าเป็นวันอื่นผมคงคุยกับเขาต่ออีกหน่อย แต่วันนี้ผมไม่ไหวจริงๆ     
จุนมันก็แปลกคนนะครับ ด่าผมทุกวันแต่ก็เอาหมูปิ้งมาฝากผมทุกเช้า แถมหมูปิ้งที่มันให้มาก็อร่อยกว่าหมูปิ้งหน้าโรงเรียนเสียอีก พอผมถามว่าซื้อให้ทำไมก็ไม่ตอบ เพียงบอกผมว่า ‘แดกๆไปเถอะ มึงจะเรื่องมากทำไมหนักหนาวะ’ ของฟรีผมก็ไม่กล้าขัดศรัทธาอยู่แล้ว จุนมันเป็นคนที่แปลกคนจริงๆ
     
ผมชื่อหาว หาวที่แปลว่าท้องฟ้า ไม่ใช่อาการบ่งบอกถึงการง่วงนอนแต่อย่างใด เป็นลูกเสี้ยวไทย-เยอรมัน พ่อเป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน แม่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน  ผมเป็นลูกคนที่สอง มีพี่ชายชื่อเหิน อายุห่างกัน 8 ปี ตอนนี้เรียนอยู่ต่างประเทศ พ่อกับแม่มีลูกยาก ผมจึงเกิดจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์  ถูกเลี้ยงดูอย่างดีแต่ดูเหมือนจะมากเกินไปหน่อย ตลอดชีวิตที่ไอ้หาวอย่างผมเกิดมา 14 ปี ก็สัมผัสกับคำว่าอ้วนมาตลอดครับ ผอมสุดก็คงจะเป็นปลายนิ้วก้อย ไม่ใช่แค่อ้วนอย่างเดียวร่างกายของผมสูงใหญ่กว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอีกต่างหาก ผมจึงกลายเป็นไอ้อ้วนร่างหมีที่ใครๆก็รุมล้อ ถึงผมจะหุ่นแบบนี้ผมก็มีแฟนนะ
ฟ้าใสแฟนของผม เธอเป็นคนเดียวนอกจากครอบครัวที่ไม่เคยว่าผมเลย เธอบอกว่าผมดูอบอุ่น แต่นั่นละครับผมเพิ่งเลิกกับเธอเมื่อตอนเที่ยง สาเหตุที่เลิกกันก็เพราะมีรุ่นพี่ม.5 สุดหล่อประจำโรงเรียนสหศึกษาที่เธอเรียนอยู่มาจีบ สาวน้อยน่ารักอย่างฟ้าใสจะเลือกใครล่ะครับ ระหว่างหนุ่มหล่อกับไอ้อ้วนหมีควายอย่างผม และแน่นอนว่าถ้าเธอเลือกผม ผมคงไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น แฟนเก่า
ทำไมคนเราถึงชอบคนที่หน้าตา ก็นะหน้าตาเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนมองเห็น ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรหรอกครับที่คนเราจะมองกันที่รูปร่างหน้าตาเป็นอันดับแรก ตอนนั้นผมกับเธอเรียนพิเศษภาษาจีนคลาสเดียวกัน ผมเห็นว่าเธอน่ารักดี จึงเข้าไปทำความรู้จัก ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ว่าถ้าเธอไม่น่ารัก ผมจะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอหรือเปล่า สำหรับคนที่ไม่มีวี่แววจะเกี่ยวข้องกันเลยในชีวิต สิ่งแรกที่เห็นก็คือหน้าตาไม่ใช่เหรอครับ กว่าจะรู้นิสัยใจคอกันจริงๆก็หลังจากรู้จักกัน 
ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเลือกคบผม ตั้งแต่เจอเธอ ผมคิดเสมอว่าความรักไม่เกี่ยวกับหน้าตา หรือรูปร่าง เธอเลือกคบกับผมแม้ผมจะเป็นแค่ไอ้อ้วนร่างหมีคนหนึ่ง จนวันที่เธอบอกเลิกผม ความคิดผมก็เปลี่ยนไป ความอ้วนเป็นปมด้อยของผม ผู้หญิงที่ผมรักเลือกคนที่ดีกว่าผมทุกอย่าง ผมรู้ว่าเรื่องของความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ คนเราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีกว่าอยู่แล้ว ดีแค่ไหนแล้วครับที่เธอเลือกที่จะพูดกับผมตรงๆ ไม่ปล่อยให้ผมเป็นหมูโง่ๆตัวหนึ่ง
   
"พี่หาวฟ้าขอโทษนะ ฟ้ามีคนอื่นแล้ว  เราเลิกกันเถอะ"
   
เธอโทรมาบอกเลิกผม โคตรเจ็บเลยครับแต่ทำอะไรไม่ได้ จะร้องไห้อ้อนวอนเธอคงไม่กลับมา และเธอคงไม่เห็นด้วย เพราะเธอวางสายไปแล้ว ในเมื่อเธอรู้สึกกับคนอื่นมากกว่าผม คงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าผมจะยื้อเธอ เวลาเกือบครึ่งปีที่เป็นแฟนกันมา ใช่ครับเกือบครึ่งปี เราเป็นแฟนกันครั้งแรกตอนผมอยู่ม.2 เทอม 2 ส่วนฟ้าใสอยู่ม.1 ความจริงผมก็พอรู้อยู่แล้วว่าเธอกำลังมีคนอื่น ก็รู้อยู่แล้วว่าผมกำลังจะโดนบอกเลิก ทำใจไว้อยู่แล้ว แต่พอโดนบอกเลิกจริงๆมันก็ชาเหมือนกัน ก็หวังมาตลอดนี่ครับว่าเธอจะเลือกผม
ผมมักได้ยินคำพูดจากคนภายนอก เวลาผมชวนเธอไปกินไอศกรีมด้วยกันหลังเลิกเรียนพิเศษ ‘ดูไอ้เด็กอ้วนคนนั้นสิ มีแฟนโคตรน่ารัก’  ‘ทำไมเด็กผู้หญิงน่ารักขนาดนั้นถึงเอาไอ้อ้วนนี่มาเป็นแฟนวะ’ ‘เด็กสองคนนั้นเป็นแฟนกันรึเปล่าวะ แม่งโคตรไม่เหมาะสมกัน’  สารพัดคำพูดที่ผมเคยได้ยิน ไม่มีใครเคยพูดว่าผมมีดีอะไร ทำไมผู้หญิงน่ารักๆอย่างเธอ ถึงเลือกผมเป็นแฟนด้วยซ้ำ  ความจริงผมอาจจะมีดีก็ได้ไม่ใช่เหรอ เธอถึงได้เลือกผม มีแต่คนชมหน้าตาของเธอทั้งนั้น ผมผิดเหรอที่ผมอ้วน ในสมองผมมีแต่คำถามว่า ทำไมเธอถึงทิ้งผมไปเพราะผมอ้วนเหรอ เพราะผมหล่อสู้พี่คนนั้นไม่ได้ เพราะผมไม่ดี หรือผมทำอะไรให้เธอไม่พอใจ ความอ้วนไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับผมเลย คนอื่นแกล้งผม ผมก็ไม่เคยคิดมากอะไร เพราะผมยังมีคนที่ชอบในแบบผมอยู่ข้างๆ แต่วันนี้มันกำลังจะกลายเป็นปมของผม
ในเมื่อหน้าตาเป็นสิ่งแรกที่มนุษย์ตัดสินกัน ถ้าผมเปลี่ยนแล้วผมมีโอกาสมากขึ้นหรือเปล่า อย่างน้อยถ้าผมมีแฟนอีกครั้ง ผมก็ไม่อยากให้เธออายใครที่เลือกผมเป็นแฟน ถ้าผมหล่อ ถ้าผมผอม ผมจะไม่เจ็บแบบนี้ใช่ไหมครับ     
หลังเลิกเรียนผมกลับมาถึงบ้าน ผมเดินเข้าไปในห้อง พ่อกับแม่ก็ไปทำธุระที่ต่างประเทศตั้งแต่ศุกร์ที่แล้ว ผมก็เลยสามารถขังตัวเองในห้องได้โดยไม่ทำให้ใครต้องเป็นห่วง ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียง ผมไม่หิวข้าว ผมไม่อยากทำอะไรเลย ทั้งๆที่ผมบอกกับตัวเองว่า ‘มันเป็นเพียงความรักของเด็กๆ’ ‘มันแค่ puppy love’ ‘แล้วมันจะผ่านไปนะ’ ผมได้แต่นอนโง่ๆอยู่บนเตียง ขังตัวเองอยู่ในห้อง เวลาอยู่โรงเรียนผมก็พยายามทำตัวปกติ แม้จะไม่ปกติก็ตาม แต่ผมพยายามแล้วนะ เวลาอยู่คนเดียวนี่โคตรทรมานจริงๆ
ผมเอามือก่ายหน้าผาก พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย อกหักครั้งแรกมันเจ็บแบบนี้เองสินะ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ผมหันไปมอง 
“น้องหาวเปิดประตูให้พ่อหน่อยครับ พ่อกลับมาแล้ว”
“แม่ซื้อของที่หาวอยากได้มาฝากด้วยนะ แม่คิดถึงหาวมากเลยนะครับ” เสียงคุณพ่อกับคุณแม่เรียก ทำให้ผมได้สติจากภวังค์ที่ผมสร้างขึ้น ผมไม่ได้เจอพวกท่านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่เราก็คุยโทรศัพท์หรือไม่ก็ไลน์หากันแทบทุกวันล่ะครับ แต่พวกท่านไม่ได้บอกผมไว้ว่าจะกลับมาหาผมวันนี้นี่นะ
ผมลุกขึ้นจากที่นอน เดินไปเปิดประตู ทันทีที่ประตูเปิดออกใบหน้าของคุณพ่อกับคุณแม่ที่ไม่ได้เห็นมาตลอด 1 อาทิตย์ กำลังอยู่ตรงหน้าจริงๆ
“กลับมาแล้วเหรอครับ” พวกท่านจ้องมองผมอย่างที่ไม่เคยเป็น แววตาเจือด้วยความเป็นห่วงจนเห็นได้ชัด
“เป็นอะไรครับ หาวบอกแม่ได้ไหม” ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำสีหน้าแย่ขนาดไหน ถึงไม่สามารถปิดบังท่านทั้งสองได้ อีกอย่างพวกท่านก็รู้ว่าผมคบอยู่กับฟ้าใส ผมมักเล่าเรื่องของเธอให้ฟังบ่อยๆ ผมตัดสินใจบอกออกไปตรงๆ
“เลิกแล้วครับ ผมเลิกกับฟ้าใสแล้ว” ทันทีที่ผมพูดเสร็จ น้ำตาที่อัดอั้นมาเป็นเวลานานก็ไหลอาบสองแก้ม พ่อกับแม่เข้ามาโถมกอดผม ทันทีที่ผมพูดจบประโยค
“พ่อกับแม่อยู่ตรงนี้แล้วนะครับ พ่อกับแม่รักลูกนะ ไม่เป็นไรแล้วนะครับ”
“ใครไม่รักหาว แม่กับพ่อรักหาวเองนะลูกนะ”
“หาวก็รักพ่อกับแม่นะ ฮึก” น้ำตาผมไหลอาบเต็มสองแก้ม สติผมเริ่มหาย ผมร้องไห้อยู่แบบนั้น ร้องจนเผลอหลับไป
คนเป็นแม่จ้องมองลูกชายที่กำลังหลับ ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้ เธอใช้นิ้วโป้งค่อยๆเกลี่ยข้างแก้มเจ้าลูกชายเบาๆ ความรู้สึกที่ไม่เคยเห็นเจ้าลูกชายตัวน้อยร้องไห้มานาน ตั้งแต่เด็กๆหาวเป็นคนไม่งอแง ไม่ใช่เด็กที่ยิ้มเก่ง แต่ก็ไม่ใช่เด็กที่จะร้องไห้บ่อยๆ หลังจากหาว 4 ขวบเธอก็ไม่เห็นหาวร้องไห้อีกเลย หัวใจเธอแทบแตกสลาย เมื่อเห็นว่าเจ้าลูกชายตัวดีร้องไห้ไม่หยุด เธอเข้าใจว่าเป็นเรื่องรักที่วัยรุ่นทั่วไปต้องพบเจอ แต่สำหรับเธอที่ไม่เคยเห็นลูกร้องไห้มานาน มันแย่ยิ่งกว่าตอนที่เธอต้องไกลจากลูก แล้วปล่อยลูกให้อยู่กับแม่บ้านของเธอ เวลาเห็นลูกร้องไห้เธอเจ็บยิ่งกว่า วันนี้เธอจะมาเซอร์ไพรส์ลูก แต่เธอกลับโดนลูกเซอร์ไพรส์เสียเอง โชคดีจริงๆที่บินกลับมาหาลูกวันนี้ เธอค่อยๆกำชับอ้อมกอดลูกน้อย กดจูบที่กลางหน้าผากเบาๆ
ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานแค่ไหน ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที คุณแม่กำลังกอดผมอยู่ จ้องมองผมด้วยดวงตาแดงก่ำเหมือนคนร้องไห้มาหมาดๆ คุณพ่อก็นอนอยู่ข้างๆผมเช่นกันแต่ท่านหลับไปแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอลูก”
“คุณแม่ร้องไห้เหรอครับ”
“แม่เปล่าร้องนะ” คุณแม่รีบเอาหลังมือเช็ดตามข้างแก้ม
“หาวไม่เป็นอะไรแล้วครับคุณแม่ ไม่รู้ทำไมพอเวลาเห็นหน้าคุณพ่อกับคุณแม่แล้วบ่อน้ำตาแตก หาวขอโทษที่ทำให้คุณแม่เป็นห่วงนะครับ”
“ไม่เป็นไรแล้วนะลูก”
“โอ๋ๆแม่นะ หาวไม่ได้เป็นอะไรแล้วครับแม่ แค่อกหักครั้งแรกเองครับ” ผมแกล้งพูดขำๆ จริงๆผมก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย หลังจากได้ร้องไห้ออกไปและมีคุณพ่อกับคุณแม่คอยปลอบ
“คุณแม่ครับ” ผมเรียกคุณแม่ที่จ้องมองผมอยู่
“ว่าไงครับ”
“คุณแม่ว่าหาวจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ไหมครับ”
“ได้สิลูก น้องหาวของแม่เก่งอยู่แล้ว” แววตาเอ็นดูถูกส่งมาให้ผม แววตาที่เชื่อมั่นในตัวผม แววตาที่บอกว่าคุณแม่เชื่อว่าผมทำได้
“แล้วถ้าหาวเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น คุณแม่ว่าหาวจะเจ็บแบบนี้อีกหรือเปล่าครับ”
“แม่ไม่รู้หรอกว่าหาวจะเจ็บแบบนี้อีกหรือเปล่า แต่แม่เชื่อนะว่าสักวันหนึ่งต้องมีสักคนที่เห็นค่าในตัวหาว ไม่ว่าหาวของแม่จะเป็นคนแบบไหน ลองเปลี่ยนดูก็ได้ลูกอย่างน้อยก็เพื่อตัวหาวเอง ผลของความพยายามไม่เคยทำร้ายใครหรอกนะ” คุณแม่หอมที่กลางหน้าผากผมเบาๆ
“แม่เชื่อในตัวหาวนะครับ”
“ขอบคุณนะครับคุณแม่”

ขอบคุณที่อยู่ข้างๆผมในทุกๆปัญหา
ขอบคุณที่รักผม
ขอบคุณที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ผมเกิดมา

ในโลกใบนี้ใช่ว่าทุกคนจะมีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่ทำให้ผมเป็นหนึ่งในนั้น ขอบคุณที่พยายามทำครอบครัวของเราให้ดีที่สุด ขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่จริงๆ
อกหักครั้งแรกของผม 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 09:54:45 โดย Suneerat »

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 2
อนาคตของผม

You might meet a hundred acquaintances
Just to find a few special friend.


เสียงร้องเพลงเคล้าไปกับเสียงดนตรีในท่วงทำนองที่ฟังแล้วสบายหู ผมล่องลอยไปกับเสียงเพลงที่อยู่ในหูฟัง B&W ที่ผมเก็บเงินซื้อเอง เลือกใช้โหมด Bluetooth เชื่อมต่อกับโทรศัพท์เครื่องใหม่เปิดเพลงฟังไปเรื่อยๆ หลังจากทานข้าวเสร็จกลุ่มเพื่อนของผมก็ชวนกันมานั่งบริเวณม้านั่งใต้ต้นปีบข้างๆตึกไชยพฤกษ์ ในเวลาพักเที่ยง กลิ่นของดอกปีบหอมโชยจางๆผสมกับเสียงเพลงในหูฟังทำให้รู้สึกผ่อนคลายจนอยากหลับไปซะตอนนี้
ตอนนี้ผมอยู่ม. 6 แล้ว ผมย้ายจากโรงเรียนชายล้วนที่เคยเรียน มาอยู่โรงเรียนเอกชนชื่อดังแถวๆบ้านของผมแทน เพราะใกล้บ้านมากกว่า ด้วยปัญหาอะไรหลายๆอย่าง ทำให้ผมตัดสินใจย้ายมาอยู่โรงเรียนนี้
ตอนนี้ผมผอมลง หุ่นดีขึ้น พอผอมลงโครงหน้าก็ชัดขึ้น ดูดีขึ้นมากเลยทีเดียว(ถ้ากระจกไม่หลอกผมนะ) พอผมหน้าตาดีขึ้น ผมยอมรับว่ามีโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิตมากขึ้นเช่นกัน มีโมเดลิ่งเข้ามาติดต่อ แต่ผมคิดว่าตัวผมเองไม่เหมาะกับอาชีพในวงการบันเทิงสักเท่าไหร่นัก ผมจึงไม่เคยตอบตกลงไปเลยสักครั้ง ตอนนี้ผมเป็นนายแบบอิสระหาค่าขนมให้ตัวเองกับแบรนด์เสื้อผ้าของพี่ที่รู้จักกัน
พอหน้าตาดีก็มีคนสนใจผมมากขึ้น และมีคนเข้าหามากขึ้นเช่นกัน นอกจากจะมีคนชอบผมก็มีคนเกลียดด้วยครับ มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นธรรมดา แต่กับบางคนก็หมั่นไส้ผม โดยที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้เลยด้วยซ้ำ  ตอนอ้วนก็โดนแกล้ง แถมบางครั้งยังไม่มีใครสนใจเสียด้วยซ้ำ พอหล่อก็โดนคนคุกคามทางสายตาและคำพูด แถมด้วยบางคนที่พยายามล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของผม ชีวิตไอ้หาวเองครับ สุดท้ายไม่ว่าผมจะเป็นคนแบบไหน มันก็มีเรื่องมาให้ปวดหัวได้อยู่ดีอย่างนั้นสินะ
จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าผมพยายามขนาดไหนถึงเปลี่ยนแปลงตัวเองไปได้ขนาดนี้  2 ปีพอดีที่ผมพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมเลือกทานอาหาร ผมควบคุมการกิน ผมออกกำลังกายโดยการวิ่ง เล่นบาส เข้าฟิตเนส ผมเริ่มดูแลผิว ส่วนสูงที่เพิ่มจากการเล่นบาส ดึงข้อ อัดนม วิตามินและอาหารเสริม ที่มีส่วนช่วยในเรื่องของความสูง อะไรที่เขาว่าดีผมก็ทำหมดล่ะครับ ตอนนี้ผมสูง 185 ซม. ที่จริงพ่อของผมท่านเป็นคนสูงมาก ไม่รู้ว่าที่ผมสูงขึ้นเป็นเพราะความพยายามหรือเพราะกรรมพันธุ์เหมือนกัน

“งั้นกูไปลองด้วย แล้วมึงอะหาว” เอกเอามือมาสกิดเรียกผม ผมถอดหูฟังเอาไว้ที่คอแล้วหันไปมองหน้าเอก
“มีอะไรวะ” ผมถามไอ้เอก
“กูถามว่ามึงจะไปเรียนต่อที่ไหน กูว่าจะไปที่เดียวกับดีน”
“มึงนี่ก็ลอกดีนมันตลอด ตั้งแต่การบ้าน นี่ลามไปถึงมหาลัยเลยเหรอ ว่าแต่… มหาลัยอะไรวะ”
“แหมทำเป็นว่ากูไอ้หาว” ผมหัวเราะเล็กๆกับท่าทางของเอก
“มหาลัย XXX”  ดีนตอบผม
“ก็ดีนี่ เป็นตัวเลือกที่ดีเลย”
“ไปลองสอบด้วยกันไหมล่ะ ถ้าติดจะได้เรียนที่เดียวกันด้วย”
“ลองดูก็ได้ ไม่รู้กูจะสอบติดรึเปล่านะ” 
“มึงแม่งโคตรเก่ง อย่ามาพูดเลยไอ้หาว ถ้ากูฉลาดได้ครึ่งหนึ่งของมึงก็คงดี อ่านนิดอ่านหน่อยแม่งก็เข้าใจ ถ้ากูเป็นมึงก็คงดีอะ”
“ผลักหัวกูทำไมเนี่ย” ดีนผลักหัวเอกไม่ได้แรงอะไร แต่ก็พอทำให้เจ็บได้เหมือนกัน
“ถ้ากูเป็นมึงก็คงดี กูขอซื้อคำนี้เถอะว่ะเอก เป็นมึงก็ดีแล้วอะ” ทำไมผมรู้สึกเหมือนเห็นประกายวิ้งวับสีชมพูออกมาจากตัวไอ้เอกวะครับ
“เป็นกูดีแล้วจริงๆเหรอ” เอกถามย้ำคำพูดของดีนด้วยท่าทางดีใจจนปิดไม่มิด
“เออ” คำตอบรับสั้นๆของดีนทำให้เอกกลั้นยิ้มจนหน้ามันดูตลก
พวกเราคุยกันเล็กน้อย ก่อนที่ต่างคนต่างอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง ผมยกหูฟังที่แขวนไว้ที่คอมาฟังเหมือนเดิม
ดีนเป็นผู้ชายตัวเล็กสูงประมาณ  175 เซนติเมตร มาตรฐานชายไทยทั่วไปนั่นแหละครับ แต่ตัวเล็กกว่าผมไง ตัวขาวๆออกแนวผู้ชายหน้าหวาน เป็นคนขยันเรียนมากๆแต่อะไรที่เกี่ยวกับศิลปะและกีฬา ไม่ได้เรื่องสักอย่าง ส่วนเอกเป็นผู้ชายผิวแทนสูงไล่เลี่ยกับผมต่างกันไม่กี่เซนต์ เรียนกลางๆไม่ได้ดีหรือแย่ เป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง แถมยังเป็นนักกีฬาของโรงเรียนหลายประเภท ทำให้เอกมันฮอตมากเลยทีเดียว
เราสามคนอยู่ด้วยกันตั้งแต่ผมย้ายเข้ามาที่นี่ใหม่ๆตอนม.4 เป็นคนพาไปวิ่ง พาไปออกกำลังกาย เอกก็ไปวิ่งกับผมล่ะครับ ส่วนดีนมันไปนั่งเฝ้า ทั้งสองคนรู้เรื่องราวของผม พวกเขาเป็นคนที่ผมสบายใจที่จะอยู่ด้วย มีเรื่องอะไรพวกเราก็จะคุยกันเสมอ  พ่อดีนเป็นเพื่อนกับคุณพ่อ คุณแม่ของผม เราสองคนเลยมีโอกาสได้เจอกันตั้งแต่เด็กๆ เอกเป็นเพื่อนสนิทของดีนมาตั้งแต่สมัยม.ต้น พวกเราก็เลยได้อยู่ด้วยกันสนิทกันจนถึงทุกวันนี้
โทรศัพท์ในมือผมสั่น ผมจึงหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นข้อความของเอกที่ถูกส่งมาในช่องแชทส่วนตัวบนแอพพลิเคชั่นฟ้า

ไอ้เอกขี้หลี
เป็นกูก็ดีแล้ว
มึงกูฟิน

หาวคนหล่อ
ยินดีด้วยเพื่อน

ผมตอบกลับเอกไป เงยหน้ามองเพื่อนสนิทที่ยิ้มไม่หุบ ส่วนอีกคนก็ตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมโทรศัพท์ไม่สนใจอะไร เห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

ตึ้งตึงตึงตึ่ง ตึ่งตึงตึ้งตึง ~
“ออดเข้าคาบแล้วพวกมึง”
“กูโดด”
“โดดพ่องมึงสิ โดดจนจะหมดสิทธิ์สอบอยู่แล้ว ไปเข้าเรียน!”
“โหยมึงอ่า หัวกูช้ำหมดแล้วมั้งเนี่ย ไม่อ่อนโยนเลย ถ้าหัวกูหลุดนะ”
“หุบปากไปเลยมึง ส่วนไอ้หาวมึงเลิกฟังเพลงได้แล้ว”  เอกเอามือมาสกิดผมอีกครั้ง ผมเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ ถอดหูฟังเอาไว้ที่คอ แล้วหันไปมองเอก
“มีไร”
“พวกมึงทั้ง 2 ตัวลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ เข้าสายเดี๋ยวอาจารย์แม่ได้ตีหัวแบะพอดี”
“อ้าวหมดเวลาแล้วเหรอ” ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ อืมจริงด้วย
“ค้าบบบพ่อ” เอกพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกวนบาทา ดีนทำหน้าเอือมระอาแล้วส่ายหัว
“วิ่งแข่งกันนะ ใครถึงทีหลังคนนั้นแพ้” ผมรีบเก็บของ วิ่งแข่งกันมาจนถึงห้องเรียน เอกเป็นคนชนะ ตามด้วยผมและดีนเป็นคนสุดท้ายเหมือนเช่นเคย ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะแข่งวิ่งกันไปทำไม แต่สุดท้ายก็แข่งทุกครั้งที่เอกท้านั่นแหละครับ
ผมวิ่งกันจนมาถึงอาคารเรียน
“ธนากร ปาณชัย นัฐพงษ์อย่าวิ่งบนระเบียง” เสียงของอาจารย์ประชา อาจารย์ฝ่ายปกครองร่างท้วม ทำให้พวกผมหยุดวิ่งแล้วเปลี่ยนเป็นเดินแทน พวกผมขำให้กัน พากันเดินไปที่ห้องเรียนของพวกผม ถอดรองเท้าไว้ที่ชั้นวางหน้าห้อง แล้วเดินไปขออนุญาตอาจารย์แม่เข้าที่หน้าประตู
“ขออนุญาตเข้าห้องครับ” พวกผมพูดขึ้นพร้อมกัน
“สายอีกแล้วนะ เข้ามาได้” พวกผมโดนอาจารย์แม่เอ็ดเรื่องเข้าสายไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของปี พวกผมเดินเข้ามาในห้องตามคำอนุญาตของอาจารย์แม่ พาตัวเองไปยังที่นั่งกลางห้องที่เป็นแบบสามตัวเรียง
การเรียนวิชาประวัติศาสตร์ของอาจารย์แม่ก็ยังเหมือนเดิมครับ ไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม ฟังแล้วง่วงนอนเหมือนเดิม อาจารย์แม่หรืออาจารย์เกศรินเป็นอาจารย์ประจำชั้นของผม ท่านมักจะเรียกแทนตัวเองว่าแม่ พวกผมก็เลยเรียกท่านว่าอาจารย์แม่
ผมแอบวาดรูปเล่นเพราะเนื้อหาทั้งหมดเป็นเนื้อหาที่ผมเคยศึกษามาแล้ว ส่วนสองคนที่เหลือก็นะ เอกหลับไปตั้งแต่ต้นคาบแล้วครับ ส่วนดีนก็ตั้งใจเรียนไปตามประสาของมันนั่นแหละ เวลาเดินมาเกือบท้ายคาบ
“วันนี้แม่มีแบบสอบถามมาให้พวกลูกๆทำ เป็นแบบสอบถามจากฝ่ายแนะแนว เกี่ยวกับสาขา คณะ มหาวิทยาลัยที่อยากเรียน อาชีพที่อยากเป็น ส่งก่อนหมดคาบนะจ๊ะ ธนากรมาเอาไปแจกเพื่อนหน่อยลูก”
“ครับอาจารย์แม่” ดีนเดินไปรับปึกกระดาษที่อาจารย์แม่ แล้วเดินแจกกระดาษเพื่อนๆในห้อง ผมรับกระดาษมา 1 แผ่น กรอกชื่อ เลขที่ รหัสประจำตัวนักเรียน ลงในกระดาษแบบสอบถามเป็นอันดับแรก อืมอยากเรียนอะไรงั้นเหรอ คุณพ่อกับคุณแม่ให้อิสระในการเรียนของผมเต็มที่ ผมเลือกเรียนสาขาวิชาการจัดการระหว่างประเทศ เพราะเรียนจบจะได้กลับมาช่วยธุรกิจของครอบครัวได้ ผมกรอกข้อมูลจนเสร็จแล้ว จึงส่งแผ่นกระดาษให้ดีนรวบรวมไว้
“อีกไม่กี่เดือนพวกลูกจะจบแล้วนะ จะทำตัวเถลไถลแบบนี้ไม่ได้แล้ว แม่อยากให้ลูกทุกคนพยายามมากกว่านี้ สำหรับคนที่พยายามอยู่แล้วก็พยายามยิ่งขึ้นไป คนที่กำลังเหลวไหลแม่อยากให้ลูกพยายามมากกว่านี้ อนาคตเป็นของเรา เลือกทางเดินชีวิตดีๆ จะได้ไม่เสียใจทีหลัง เข้าใจไหม”
“ครับ/ค่ะ อาจารย์แม่”

เวลาเดินมาถึงช่วงสอบรับตรงเข้ามหาลัย พวกผมตั้งใจติวกันอย่างหนัก ผมทั้งเครียดทั้งกดดัน ทั้ง Onet Gat Pat ไหนจะสอบข้อเขียนอีก นอกจากสอบข้างนอกแล้วยังมีสอบของโรงเรียน สอบของโรงเรียนนี่ผมเองไม่ห่วงเท่าไหร่ เพราะมหาวิทยาลัยที่ผมเลือก ใช้GPAX แค่ 5 เทอม ห่วงก็แต่สอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยนี่ล่ะครับ สอบผ่านมาแล้วก็ยังมานั่งคิดมากว่าตัวเองจะสัมภาษณ์ผ่านไหม แต่พวกผมก็ทำเต็มที่แล้วครับ ยกเว้นเอกนะครับมันใช้โควตานักกีฬา ผ่านการคัดเลือกเรียบร้อยแล้ว ลอยลำอยู่คนเดียวเลย

วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบสัมภาษณ์ ผมนั่งอยู่หน้าจอ Laptop เพื่อรอผลประกาศ ผมลุ้นอยู่หน้าจอพร้อมกับคุณพ่อ คุณแม่และเฮียเหิน ตอนนี้เฮียเหินจบกลับมาที่ไทยแล้วครับ
“ถึงเวลาประกาศแล้วลูก เอาเลย ได้ไม่ได้ไม่เป็นไรเราทำเต็มที่แล้ว” พ่อตบไหล่ผมเบาๆเชิงให้กำลังใจ
“เน็ตมันหมุนไม่หยุดเลย แม่ลุ้นจนจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย”
“ใจเย็นครับคุณแม่ น้องก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ดูน้องสิมือสั่นหมดแล้วเนี่ย ฮ่าๆ” ผมหันไปมองเฮียเหินที่แซวผม
“จริงด้วย ไม่เป็นไรนะลูก ไม่ตื่นเต้นๆ” แม่เอื้อมมือมาจับมือผม บอกผมไม่ให้ตื่นเต้นแต่ตัวเองเนี่ยตื่นเต้นยิ่งกว่าผมอีก
“อ๊ะ ผลมาแล้วครับลูก” ผมหลับตาไม่กล้าจ้องหน้าจอ
“หาวคนเก่งของแม่ทำได้แล้วนะครับ” ผมรีบลืมตาแล้วจ้องไปที่หน้าจอทันที
“พ่อดีใจด้วยนะลูก”
“ดีใจด้วยนะครับคนเก่งของพี่” ผมดีใจจนพูดไม่ออก กอดคุณแม่ไว้แน่น หลังจากคุณพ่อกับคุณแม่และเฮียเหินแสดงความดีใจกับผมเสร็จก็ออกจากห้องไป ผมรีบหยิบโทรศัพท์เข้าไปที่แชทกลุ่มสามหนุ่มทันที พบว่าเอกมันทักมาก่อนแล้ว

อวยหัวเขก
เป็นไงบ้างพวกมึง ?

หาวขี
ติดครับ น้ำตาจะไหล
สติกเกอร์แมวร้องไห้
แล้วพวกมึงอะ

ดีนแตก
กูก็ติด ทำได้แล้วโว้ย
สติกเกอร์หมาดีใจ


อวยหัวเขก
เก่งมากพวกมึง
ได้เรียนที่เดียวกันแล้วน่อวว

หาวขี
สติกเกอร์กอดกัน
                                                       
วันนี้เป็นวันปัจฉิมนิเทศ ทางโรงเรียนมีกิจกรรมมากมาย ผมได้รับทั้งดอกไม้ ทั้งของขวัญจากเพื่อนๆและรุ่นน้องเต็มไปหมด ตอนนี้พวกผมสามคนอยู่ที่หน้าเวที กอดคอกันร้องเพลงไปพร้อมๆกับนักร้อง เพลงที่ร้องก็ไม่พ้นเพลงที่เกี่ยวกับเพื่อน เป็นวันที่ผมจะจดจำในชีวิตมัธยมเลย ขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผมได้มาเจอเพื่อนๆที่นี่ ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอเพื่อนดีๆอย่างเอกกับดีน ขอบคุณอาจารย์แม่ที่คอยดูแลเรา ขอบคุณสถานที่แห่งนี้ที่ทำให้เราได้เจอกัน
‘เดินจับมือกัน ทุกข์สุขด้วยกัน หัวเราะร้องไห้ด้วยกันมานานเท่าไหร่ ฉันไม่เคยลืมจากใจ วันที่เรายิ้ม วันที่ทะเลาะ ภาพวันและคืนเหล่านั้น ยังไม่เปลี่ยนแปลงไป’
*ท่อนหนึ่งในเพลงช่วงที่ดีที่สุด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 09:55:16 โดย Suneerat »

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 3
น้ำฟรีแก้วแรก

Remember that life’s big changes rarely give advance warning.

“ไว้เจอกันพวกมึง”
“โอเคแยกย้าย”
“จัดไปพวก”
วันนี้เป็นวันเข้าคณะวันแรก หลังจากรับน้องของมหาลัยมาอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ ช่วงเช้าจะเป็นส่วนของมหาลัยชี้แจงเรื่องต่างๆ ก่อนที่ช่วงบ่ายจะปล่อยแยกย้ายกันไปตามคณะ ผมที่เลือกเรียนบริหาร ดีนที่เลือกเรียนเภสัชและเอกที่เลือกเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา จึงต้องแยกกันไปตามคณะของตัวเอง
ผมขับรถออกจากแคนทีนส่วนกลางของมหาวิทยาลัย ขับมาถึงคณะก็วนหาที่จอดรถ เห็นเขาว่ารับน้องคณะนี้ไม่โหดมาก อีกใจหนึ่งก็อยากเข้า อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากเข้า ผมจอดรถเสร็จเดินเข้าคณะ มีนักศึกษามากมายเริ่มทยอยเดินกันเข้ามาบริเวณลานกิจกรรมของคณะ ผมเดินไปยังจุดลงทะเบียนที่มีป้ายบอกว่าเป็นสาขาของตัวเอง
“สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นทักทายรุ่นพี่ประจำจุดลงทะเบียนตามมารยาท เธอยิ้มให้ผมแล้วพยักหน้าเบาๆ
“ชื่ออะไรจ๊ะ”
“นายปาณชัย ชิษณุพงษ์พัฒน์” เธอไล่หารายชื่อของผม
“เซ็นชื่อตรงนี้จ้า แล้วนี่ป้ายชื่อ ไปเขียนที่โต๊ะนั้นได้นะ มีปากกาเมจิกอยู่หลายสีเลย” ผมหันไปมองตามที่นิ้วเล็กๆของพี่ผมสั้นชี้ไป แล้วพยักหน้ารับเธอเล็กน้อย ก่อนจะหยิบปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะ กรอกเวลาเข้ารับน้องแล้วเซ็นชื่อด้วยลายมือชื่อที่ผมบรรจงและตั้งใจแบบสุดๆ  แต่ก็ยังหวัดอยู่ดี ผมส่งกระดาษคืนให้เธอ แล้วหยิบป้ายชื่อที่เธอวางไว้ข้างๆมาถือไว้
“ไม่ทราบว่าลูกครึ่งหรือเปล่าคะ”
“ลูกเสี้ยวครับ”
“อ้อถึงว่าหน้าตาดีมากๆเลย”
“อ่าขอบคุณครับพี่”
“อีลินนี่อนาคตผัวกูแน่ๆ ว่าแต่…. นี่ใช่น้องที่ดังๆ ตอนรับน้อง ที่เพจมหาลัยแชร์กันอยู่เปล่าวะมึง” พี่สาวสองที่นั่งประจำสาขาการตลาด นั่งข้างๆพี่ผมสั้นที่ชื่อลินเอ่ยขึ้น
“หืมผมเหรอครับ” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ผมไปทำอะไรให้เพจมหาลัยแชร์ตอนไหนวะครับ
“ปล่อยให้น้องมีอนาคตเถอะ อ้อ..แล้วก็นะ คนที่แล้วมึงก็บอกว่าผัว ถ้ามึงจะมีผัวเยอะขนาดนี้ระวังริดสีดวงแตกนะย๊ะ ” พี่ลินเอ่ยขึ้นพร้อมทำหน้าขยาดใส่เพื่อนตัวเอง
“อร้าย!อีลิน นั้นปากเหรอย๊ะ” พี่กี้ทำท่าเหมือนจะตีเพื่อนตัวเอง
“เอ่อ… ” พี่ทั้งสองคนหันมาสนใจผมอีกครั้ง
“ผมชื่อหาว หาวที่แปลว่าท้องฟ้านะครับ ฝากตัวด้วยครับ” ผมแนะนำตัวเองกับพี่ๆทั้งสองคน ก่อนที่พี่เขาจะตีกันไปมากกว่านี้
“ชื่อไม่เห็นเพราะเลยอะ ถ้าพี่มีลูกพี่ไม่ตั้งชื่อลูกว่าหาวหรอก ….เดี๋ยวซ้ำกับชื่อพ่อ” พี่กี้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มหวาน
“อีกี้…มึงไม่มีมดลูก เผื่อมึงลืม” ผมยิ้มให้กับท่าทางของพี่ลิน
“เอ่อพี่ครับคนข้างหลังต่อคิวแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมรีบพูดหลังจากหันไปดูด้านหลัง แล้วพบว่ามีคนอื่นต่อแถวอยู่
“ไปแต่ตัวพอนะน้องหาว ทิ้งหัวใจไว้ให้พี่กี้คนนี้ดูแลเถอะ” พี่ลินมุ่ยหน้า หน้าตาเหม็นเบื่อเพื่อนตัวเองเต็มที
“เอ่อ...ครับ ผมไปก่อนนะครับ” ผมรีบเดินออกมาจากตรงนั้น ถึงผมจะเริ่มชินกับคำพูดแทะโลมพวกนี้ แต่ผมก็ไม่ชอบมันอยู่ดี
ผมเดินมายังจุดที่เพื่อนหลายๆคนกำลังเขียนป้ายชื่อกันอยู่ ผมมองไปยังเพื่อนบางคนที่กำลังเอาป้ายชื่อให้พี่ผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งที่นั่งเฝ้าจุดนี้อยู่เขียนให้ พี่เขากลัวปากกาหายเหรอครับ หืมลายมือสวยมาก ผมนึกถึงลายมือตัวเอง แล้วคิดภาพว่าผมจะต้องแขวนป้ายชื่อนี้ตลอดการรับน้อง ถ้าผมให้พี่เขาเขียนให้บ้างจะดีไหมนะ ผมชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่พี่เขา
“พี่ครับ ช่วยเขียนชื่อให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“อ่าครับ” พี่ตัวเล็กรับป้ายชื่อของผมไป
“ชื่อหาวครับ” ผมบอกพี่ตัวเล็ก พี่เขาพยักหน้ารับ แล้วก้มหน้าก้มตาเขียนชื่อผมให้อย่างบรรจง ยอมรับเลยว่าลายมือพี่เขาสวยจริงๆ
“ชื่อแปลกจังเลยนะครับ”
“ครับ”
 “ได้แล้วนะ เก็บไว้ดีๆ เอามาทุกวัน ห้ามลืมเด็ดขาดนะเข้าใจไหม”
“อ่าเข้าใจครับ ขอบคุณครับพี่” ผมรับป้ายชื่อมาแล้วแขวนไว้ที่คอ พี่ตัวเล็กยิ้มให้ผม ผมยิ้มตอบเขา
ผมเดินมาต่อแถวเพื่อนคนอื่นที่กำลังนั่งอยู่บริเวณลานกิจกรรม ระหว่างที่ผมนั่งรอทำกิจกรรม เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆก็สะกิดแขนผม
“นายๆ” ผมหันไปมองตามเสียงเรียกจากเพื่อนข้างๆ ผมยิ้มเพื่อสร้างมิตรภาพ คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าผมจะไม่มีเพื่อนเลยถูกไหมครับ เขายิ้มตอบผม
“มีอะไรครับ”
“นายใช่พระเอกเอ็มวีเพลงเฉยชาของวงโคคุบัง ที่พระเอกเอ็มวีทำหน้าเดียวตลอดทั้งเพลงรึเปล่าวะ”     
“อ่าครับ จำผมได้ด้วยเหรอ”
เมื่อปิดเทอมผมถูกเฮียเหิน พี่ชายของผมน่ะครับ แกกลับมาจากต่างประเทศ ก็มาทำตามฝันโดยการรวมตัวกับเพื่อนๆทำวงดนตรี เป็นการรวมตัวของแก๊งเพื่อนสมัยมัธยม 5 คน เฮียของผมเป็นนักร้องนำโดยใช้ชื่อวงว่าโคคุบังที่แปลว่ากระดานดำในภาษาญี่ปุ่น เป็นวงที่มาแรงมากๆทีเดียวในเวลานี้  ผมถูกเฮียเหินลากไปเล่นเอ็มวีแลกกับกีตาร์ตัวแพงของเฮียมัน เฮียเหินบอกว่าผมเป็นบุคคลที่เข้ากับเพลงของเฮียเหินที่สุด จริงๆผมก็พอรู้ว่าทำไมเฮียเหินถึงพูดแบบนั้น เอกกับดีนเคยบอกว่าเวลาผมทำหน้านิ่งๆ จะดูไม่สนโลก ดูหยิ่งและดูเป็นผู้ชายเย็นชา ทั้งๆที่ความจริงผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ในหนึ่งวันผมทำหน้านิ่งไปแล้ว 85% ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ว่าทำไมเฮียเหินถึงพูดแบบนั้น แต่ไม่คิดว่าจะมีคนจำผมได้ จากเอ็มวีที่มีผมแค่นั่งนิ่งๆอยู่ตรงกลาง แล้วมีผู้หญิงหลายคนพยายามยั่วยวนผม
 “ได้ดิวะวงโปรดกูเลย นักร้องนำอย่างเท่” ถ้าเฮียเหินได้ยินคงดีใจมากแน่ๆเลยครับ
“ขอบคุณครับ”
“มึงหน้าตาเหมือนกูเลยอะ ฝาแฝดกันชัดๆ”
“ไอดินมึงถ่ายรูปกูกับมันให้หน่อยดิ เอากล้องโทรศัพท์มึงนะ กล้องมึงสวย” เพื่อนข้างๆเรียกเพื่อนข้างหน้าของตัวเอง
“อิฐกูถามจริงนะมึงใช้อะไรมองวะ”
“มันใช้หัวแม่เท้ามองเชื่อเราดิดิน” เพื่อนที่อยู่ข้างหลังเพื่อนที่ชื่ออิฐพูดขึ้น
“จันทร์เอ๋ยนี่แฟน”
“ฮ่าๆรู้แล้วไม่ต้องย้ำ สวัสดีเราชื่อจันทร์เอ๋ยนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“สวัสดีครับผมชื่อหาว ฝากตัวด้วยนะครับ”
“กูลืมแนะนำตัวไปเลยขอโทษๆ กูชื่ออิฐนะ”
“ครับ”
“ส่วนเราชื่อไอดินนะ  ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“มาคนเดียวเหรอ?”
“ใช่ครับ”
“ไอดินมึงอย่าเพิ่งถามเยอะได้ป้ะ มาถ่ายรูปให้กูก่อน นี่มายไอดอลกูเลยนะเว้ย โคตรคูล เล่นเอ็มวีแม่งก็คูล เจอตัวจริงแม่งคูลยิ่งกว่าอะ”
“ขนาดนั้นไหมอะอิฐ”
“มึงไม่เข้าใจถึงความคูลของมันหรอกเว้ย กูโคตรชอบแม่งอะ”
“อิฐแฟนมึงอยู่นั่งอยู่นั่น”
“เออเค้านั่งอยู่นี่”
“กูไม่ได้ชอบแม่งแบบนั้นเว้ย กูยังชอบผู้หญิงอยู่ไอ้เหี้ย รู้สึกถูกชะตาเฉยๆอะมึงเข้าใจป้ะไอดิน ไม่เข้าใจผิดนะคะที่รัก ” แปลกแต่จริงผมรู้สึกถูกชะตากับอิฐแปลกๆเหมือนกัน ทำไมใครต่อใครชอบหาว่าผมเป็นคนนิ่งๆก็ไม่รู้เหมือนกันครับ
“กูล้อเล่นเฉยๆไหมล่ะ มาจะถ่ายรูปก็มา ทำไมมึงชอบใช้กูถ่ายรูปตลอดเลยวะ” คนตัวเล็กพูดกับอิฐแล้วบ่นกับตัวเองเบาๆ
“มึงอย่าบ่นมากได้ป้ะ เนี่ยถ้าจันทร์เอ๋ยถ่ายรูปสวยเหมือนมึงกูไม่ใช้มึงหรอกเว้ย”จันทร์เอ๋ยเอามือตีแขนแฟนตัวเองอย่างแรง จนผมเจ็บแทน
“อิฐจะว่าเค้าถ่ายรูปกาก”
“ยอมรับเถอะตัว”
“เออไม่เถียง”
“เถียงกันจบยังจะถ่ายรูปก็มาถ่าย”
“จบแล้ว” เพื่อนตัวเล็กทำหน้างอนอิฐไปแล้วครับ
“มึงๆกูขอถ่ายรูปด้วยได้ป้ะ”
“ขนาดนี้แล้วไม่ต้องถามก็ได้มั้งครับ”
“อู้ยยยกูชอบ”
“มาถ่ายได้แล้ว” อิฐขยับมาใกล้ผมมากขึ้น ไอดินขยับมาตรงกลางระหว่างที่นั่งเดิมกับเพื่อนที่นั่งข้างหน้าผม
“พร้อมนะ 1 2 3 ” ผมมองกล้องโทรศัพท์ของไอดิน
“หาวนายทำหน้าให้มันดูมีความสุขหน่อยสิ”
“ผมก็มีความสุขอยู่นะ”
“นี่นายมีความสุขแล้วจริงๆเหรอ”
“จริงๆครับ”
“หน้ามึงตึงโบท็อกซ์งี้เหรอวะ” อิฐพูดกับผมด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“หืม… ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้นนะ” ผมตอบอิฐไปตามจริง
“เฮ้อ… เอาเถอะๆ มาๆ พูดตามเรานะ ปวดขี้… ”
“ให้พูดคำนั้นจริงๆเหรอ ปกติเพื่อนเราให้พูด Say Cheese  นะ”
“ที่มาของคำว่าตลกหน้าตาย” จันทร์เอ๋ยพูดขึ้น หืมผมเหรอ
“โหไอ้หาว มึงจะเรื่องมากทำไมวะ ไอดินมันให้พูดอะไรมึงก็พูดไปเถอะว่ะ”
“ก็ได้ครับ”
“อ่าพร้อมนะ 1 2 3 ปวดขี้… ”
แชะ!
“โอ้โหอย่างหล่อ ยิ้มโคตรหล่อ จันทร์เอ๋ยมึงมาดูผัวมึงโคตรดับอะ”
“ไหนๆ” จันทร์เอ๋ยขยับตัวขึ้นไปดูรูปจากโทรศัพท์มือถือที่ไอดิน ที่กลับมานั่งที่เดิมแล้ว
“จริง หาวนายยิ้มบ่อยๆดิ โคตรหล่ออะ”
“อ่าครับ”
“ไหนเอามาดูดิ๊” จันทร์เอ๋ยยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้อิฐ
“ตรงไหนจันทร์เอ๋ย ตรงไหนไอดิน กูว่ากูโคตรหล่ออะ”
“เอาที่มึงสบายใจเถอะ”
   
นั่นแหละครับเพื่อนกลุ่มแรกในมหาวิทยาลัยของผม คนแรกชื่อไอดิน เป็นผู้ชายตัวเล็ก ผิวขาว ฉบับหนุ่มหน้าใส คนที่สองชื่อจันทร์เอ๋ยเป็นสาวน้อยตัวเล็กหน้าหมวย ส่วนอีกคนชื่ออิฐเป็นผู้ชายตัวสูง เตี้ยกว่าผมเพียงไม่กี่เซ็น นับว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีคนหนึ่งเลยทีเดียว
“นั่งที่ให้เรียบร้อยจ้า”   เสียงของพี่ที่อยู่ข้างหน้าทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง
 “สวัสดีค่ะน้องๆ พี่ชื่อพี่แนน บริหารปี 2 นะคะ”
เสียงกลองทอมถูกตีเป็นจังหวะ เพิ่มบรรยากาศการรับน้องให้ดูน่าสนุกมากขึ้น
“ส่วนพี่ชื่อพี่อาร์ม บริหารปี 2 เหมือนกัน ฝากตัวด้วยนะครับ” เสียงผู้หญิงกรี๊ด แทบพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าพี่มันหล่อ ก็หล่อจริงๆนั่นแหละครับ
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”
“วันนี้เป็นวันแรกสำหรับการรับน้องคณะเรา เป็นไงรับน้องของมหาลัยสนุกไหมเอ่ย”
“สนุกครับ/ค่ะ”
“ดีแล้วจ้า”
“อาร์มเราก็มากันตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่รู้จักน้องๆกันเลย อาร์มอยากรู้จักน้องๆเหมือนเราไหมคะ” ผมว่าพี่เพิ่งมาเมื่อกี้เองนะครับ
“ก็ต้องอยากรู้จักอยู่แล้วล่ะครับ น้องๆอยากรู้จักเพื่อนๆกันไหมเอ่ย”
“อยากรู้จักครับ/ค่ะ”
“งั้นเรามาเริ่มกิจกรรมแรกกันเลยดีกว่ากับกิจกรรมแนะนำตัวธรรมดาๆเลยครับ ให้น้องๆลุกขึ้นยืนแนะนำชื่อจริง ชื่อเล่น สาขาของตัวเอง แล้วก็สิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นจุดเด่นและภูมิใจที่สุดครับ ตัวอย่างเช่น พี่แนนทำให้น้องดูหน่อยครับ”
“สวัสดีค่ะน้องชื่อนางสาวภัคคิรา ชินภา ชื่อเล่นแนน สาขาการตลาด จุดเด่นสวยมาก ขอบคุณค่ะ”  การแนะนำตัวของพี่แนนเรียกเสียงโห่แซวได้ไม่ขาดสาย
“น้องเข้าใจกันแล้วนะครับ”
“เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ”
“งั้นเริ่มที่น้องคนแรก ฝั่งซ้ายค่อยๆไล่มาเรื่อยๆเลยนะคะ” เสียงจังหวะกลองทอมช่วยเพิ่มความสนุกสนานมากเลยทีเดียว เพื่อนๆเริ่มแนะนำตัวไปทีละคน ผมที่นั่งอยู่แถวแรกคนกลางๆเลยต้องรีบคิด จุดเด่นในตัวผมคืออะไรวะครับ
สุดท้ายก็มาถึงผมจนได้ เสียงกลองทอมเรียกให้ผมลุกขึ้นยืน
“สวัสดีครับ”
“กรี๊ด” หืมกรี๊ดอะไรกัน หูจะแตกแล้วครับ
“เอ่อ…สวัสดีครับน้องชื่อนายปาณชัย ชิษณุพงษ์พัฒน์ ชื่อเล่นหาว สาขาการจัดการระหว่างประเทศ จุดเด่นคือสูง ขอบคุณครับ”
“กรี๊ด”
“เห็นน้องแล้วพี่อยากง่วงมากเลยค่ะ”
“ทำไมครับพี่แนน” พี่อาร์มตอบมุกพี่แนน
“พี่อยากหาว”
“เอ่อครับ” แล้วผมก็นั่งลง
การรับน้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ทั้งกิจกรรมละลายพฤติกรรม กิจกรรมสันทนาการ ที่พี่ๆหามาให้ทำ
โชคดีที่การรับน้องของคณะนี้ไม่ได้โหดอย่างที่คิด อาจมีรุ่นพี่ที่ใช้เสียงดังบ้าง แต่ก็ไม่ได้หยาบคายอะไร การรับน้องในคณะของผมเป็นแบบรวมเลยทีเดียวไม่มีแบ่งแยกสาขา ตอนปี 1 คณะของผมจะเรียนเหมือนๆกันจะเริ่มเข้าเนื้อหาหลักของสาขาตัวเองจริงๆก็ตอนปี 2 นั่นแหละครับ ได้ยินข่าวมาว่าปีนี้ทางคณะยกเลิกระบบการรับน้องแบบสร้างสรรค์มาใช้แบบสร้างสรรค์กว่าแทน อาจฟังดูงงๆ หมายถึงมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และมีสาระเพิ่มขึ้นมากกว่าแบบเก่า  ซึ่งการรับน้องแบบเดิมของคณะของผมก็ไม่ได้โหดเหมือนฝั่งศิลปกรรม วิศวะ อยู่แล้วด้วย  นับเป็นเรื่องดีๆตั้งแต่เข้ามาอยู่ในรั้วมหาลัยนี้ของผมเลย
กิจกรรมรับน้องดำเนินไปจนหมดเวลา รุ่นพี่นัดแนะกิจกรรมของวันถัดไป การรับน้องของคณะผมจะมีขึ้นทุกวันหลังจากเลิกเรียน ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เป็นเวลาหนึ่งเดือน ยกเว้นบางวันที่มีกิจกรรมของมหาลัย เช่นพุธที่จะถึงนี้ มีกิจกรรมเปิดโลกชมรม
“ก่อนแยกย้ายจากกันพี่ๆมีกระดาษรายชื่อมาแจก ให้น้องไปตามล่าหาลายเซ็นรุ่นพี่มา รุ่นพี่ในสาขาตัวเองเยอะหน่อยก็ดี แต่ใช่ว่าจะไม่สนใจพี่ๆในคณะคนอื่นนะ แล้วเรามาดูกันวันรับน้องวันสุดท้ายนะคะ ถึงคณะเรารับน้องไม่โหด แต่ถ้าน้องๆคนไหนมีลายเซนน้อย รับรองมีบทลงโทษที่จะทำให้น้องๆจำได้ไปตลอดชีวิตเลยค่ะ สู้ๆนะจ๊ะเด็กๆ”
ผมรับกระดาษรายชื่อมา โอ้โหหนาฉิบหาย
“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ เจอกันวันพรุ่งนี้นะครับ”
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”
พวกผมแยกย้ายกันกลับที่พัก ไอดินย้ายมาอยู่แถวหอพักใกล้ๆมหาลัย อิฐก็ย้ายมาอยู่หอในมหาลัยเพราะบ้านค่อนข้างไกลจากที่นี่ ส่วนจันทร์เอ๋ยอยู่บ้านตัวเองเนื่องจากบ้านไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก พวกนั้นเป็นเด็กในจังหวัดนี้นี่ล่ะครับ
ผมขับรถมายังแคนทีนส่วนกลาง แวะเข้ามาหาชาเย็นดื่มก่อนกลับหอ ราคาน้ำที่นี่ถูกกว่าข้างนอกเยอะเลยครับ รสชาติก็ไม่ได้แย่จากที่ผมลองไปเมื่อตอนเที่ยง ผมเดินตรงไปที่ร้านน้ำ
“ป้าครับชาเย็นแก้วหนึ่งครับ”
“แก้วเล็กแก้วใหญ่จ๊ะพ่อหนุ่ม”
“เล็กครับ” ผมหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาควานหาเหรียญในกระเป๋า แต่ไม่มีเลย
“เอ่อ..ป้าครับมีแต่แบงค์พันได้ไหมครับ” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้จ่าย ป้าก็ยังไม่ได้ตอบอะไรก็มีเสียงคนแปลกหน้าแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ป้าครับเอาน้ำใบเตยแก้วเล็กแก้วหนึ่ง จ่ายค่าชาเย็นของน้องคนนี้ด้วยครับ” ธนบัตรใบละ 100 บาท ถูกยื่นต่อหน้า
“เฮ้คุณ ผมจ่ายเองได้ครับ” ผมหันหน้าไปมองคนตรงหน้า เป็นผู้ชายที่สูงพอๆกับดีน ไม่น่าจะเกิน 178 เซนติเมตร ใครวะครับ
“นี้จ้าเงินทอน”
“ขอบคุณครับป้า” เขารับเงินทอนมาใส่กระเป๋า
“ไม่มีแบงค์ย่อยไม่ใช่เหรอ ให้พี่จ่ายให้เถอะครับน้อง” คนตรงหน้ารับแก้วชาเย็นและใบเตยจากป้าคนขายมาถือไว้ แล้วจึงส่งแก้วชาเย็นมาให้ผม ผมรับไว้ คนตรงหน้ายักคิ้วให้ผม
“เอ่อ ขอบคุณครับ” จากนั้นพี่เขาก็หมุนตัวเดินออกไปเลย ผมยืนงงอยู่สักแป๊บก็เดินมาหาที่นั่งบริเวณแคนทีน  อยู่ๆผมก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆแล้วสิครับ ผมมั่นใจว่าไม่รู้จักคนคนนี้มาก่อนหรือรู้จักแต่จำไม่ได้วะ ช่างเถอะคิดแล้วเปลืองสมอง น้ำฟรีก็ดีครับ ประหยัดเงินดี ผมนั่งดูดน้ำสบายอารมณ์ ดูดเสร็จก็เดินถือแก้วไปทิ้งถังขยะ หยิบกุญแจจากกระเป๋าเดินไปที่รถมินิคูเปอร์สีเหลืองลูกรัก
ขับรถออกจากมหาลัยมาถึงคอนโดใช้เวลาไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ คอนโดที่ผมอยู่เป็นคอนโดที่พ่อกับแม่ซื้อให้ตอนรู้ว่าผมสอบติดมหาลัยในความทรงจำของพวกท่าน ผมเดินเข้าลิฟท์กดหมายเลข 8 ไม่นานก็มาถึงห้องของผมแล้ว คอนโดนี้เป็นตึก  9 ชั้น ห้องของผมเป็นห้องขนาดประมาณ 40 ตารางเมตร กว้างมากพอสำหรับการอยู่คนเดียว ตกแต่งด้วยสีเอิร์ธโทนในแบบที่ผมชอบ ผมอยู่คอนโดนี้คนเดียว ส่วนเอกกับดีนอยู่อีกคอนโด มันสองคนเป็นรูมเมทกันครับ ไม่รู้ว่าเอกมันจะทนอยู่ใน friendzone ไปถึงเมื่อไหร่เหมือนกัน

Rrrrrrrrrrrrrr~
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ผมดังขึ้น ดูชื่อพบว่าเป็นดีน ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“ว่าไง”
[ไปหาอะไรกินกัน มึงอยู่ไหน]
“กูอยู่หอละ วันนี้กูรับน้องเหนื่อยสัด”
[เออๆพักก่อน ทุ่มหนึ่งเจอกัน]
“เคๆ กูก็ว่าจะพักสักหน่อยเหมือนกัน”
[ไว้เจอกันเว้ย]
หลังจากวางสายผมก็ลุกไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตา ตอนนี้ 5 โมงเย็นแล้วครับ ผมหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนเตียงขึ้นมาเช็กความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล เข้าแอปพลิเคชั่นสีน้ำเงินที่ใครๆต่างรู้จัก เข้าไปดูแจ้งเตือน อิฐแท็กรูปผมกับมันพร้อมแคปชั่น
‘เพื่อนใหม่หน้าตาเหมือนผมเลยนะครับเนี่ย พระเอกเอ็มวีเพลงใหม่วงโคคุบัง ตัวจริงอย่างคูลผมบอกเลย’ ผมกดหัวใจไปหนึ่งทีแล้วกดเข้าไปคอมเม้น

Hao Panchai
‘สติกเกอร์หมีถือหัวใจ’

ผมแลกช่องทางการติดต่อกับเพื่อนๆกลุ่มใหม่เรียบร้อยก่อนแยกกันแล้วครับ ผมคอมเมนต์ตอบกลับไปด้วยสติกเกอร์ เลิกสนใจรูปที่อิฐแท็กมา แล้วเข้าไปดูไทม์ไลน์ที่เพื่อนๆในเฟสโพสต์ ผมเลื่อนไปเรื่อยๆ สะดุดกับแจ้งเตือนใหม่ล่าสุด เป็นเฟสบุ๊กของผู้ชายคนหนึ่ง ที่แอดเพื่อนมาล่าสุด

Tawan Tinnakron ได้ส่งคำขอเป็นเพื่อนถึงคุณ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 09:55:48 โดย Suneerat »

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 4
แตงโมสื่อรัก

Love is like war: easy to begin but very hard to stop.

วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกหลังจากที่รับน้องคณะมาอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ มีกิจกรรมมากมายทั้งพาไปบำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมพาน้องเข้าวัด กิจกรรมพาไปปลูกต้นไม้ กิจกรรมสันทนาการ กิจกรรมขอลายเซนรุ่นพี่ที่มีในทุกๆวัน แล้วก็มีกิจกรรมอีกมากมายที่รุ่นพี่จัดหามาให้
วันนี้ผมมีเรียนเช้าที่ตึกคณะ ผมที่มาก่อนเวลาเพื่อหาห้องเรียน กลัวจะหาห้องไม่เจอแล้วเข้าสายตั้งแต่วันแรก ผมเดินหาอยู่ไม่นานก็เจอ เมื่อหาห้องเจอแล้ว ผมก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง มีนักศึกษาอยู่บ้างประปราย ผมเลือกที่นั่งกลางๆ หยิบน้ำเต้าหู้หวานน้อยที่ซื้อใส่ขวดเก็บความร้อนจากหน้ามหาลัยขึ้นมาดูด นั่งได้สักพัก อิฐกับจันทร์เอ๋ยก็เดินเข้ามาหา
“มาเช้าจังนะมึง” อิฐทักขึ้นก่อนที่จะนั่งข้างๆผม ตามด้วยจันทร์เอ๋ยที่นั่งลงข้างๆกัน
ตลอดการรับน้องที่ผ่านมาทำให้ผมสนิทกับพวกอิฐมากขึ้น ผมจะค่อนข้างสนิทกับอิฐมากที่สุด สนิทกันจนผมเริ่มพูดคำหยาบกับมัน หรืออาจเป็นเพราะมันเป็นคนคล้ายๆกับเอกก็ได้นะครับ ผมกับมันถึงได้สนิทกันเร็วขนาดนี้
“มึงก็มาเช้าเหมือนกัน ” ผมถามอิฐกลับไป
“ก็กูไปรับจันทร์เอ๋ยที่บ้านมากินข้าวที่แคนทีนคณะน่ะสิ” ผมพยักหน้าเข้าใจ “อ้อ” นั่งคุยกันได้ไม่นานสักพักไอดินก็มา
 “ไงพวกมึง มาเช้ากันจังน่า” ไอดินทักทายพวกผมด้วยน้ำเสียงสดใส
“ใครจะติดเมียเหมือนมึงล่ะ” อิฐพูดขึ้นกวนตีนไอดิน “แหมมึงไม่ติดเมียเลยนะ” ไอดินย้อนอิฐ
“กูก็มาเช้าล่ะวะ” ไอดินเบ้หน้าใส่อิฐ
“นี่แฟนมาส่งเหรอไอดิน" จันทร์เอ๋ยถามไอดิน เจ้าตัวก็พยักหน้ารับ จากนั้นก็คุยกันไม่กี่ประโยค ก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าเรียน การเรียนวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ อาจารย์แค่แจ้งวิธีการตัดเกรด หลักเกณฑ์การให้คะแนนการสอบ การสั่งหนังสือสำหรับเรียน แจ้งเรื่องทั่วๆไปล่ะครับ แล้วจึงปล่อยพวกเราพักเที่ยง
“เออเดี๋ยวพี่ที่เรารู้จักมากินข้าวด้วยนะวันนี้ พอดีเขาเพิ่งรู้ว่าเราสอบติดที่นี่ เลยนัดเจอกันน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรกันเนอะ” ผมพยักหน้ารับไอดิน
“ใครวะดิน” อิฐถามขึ้น
“รุ่นพี่ที่รู้จักตอนมาแนะแนวไง พวกพี่ฟ้าใหม่อะ” อิฐครางรับในลำคอพร้อมพยักหน้ารับไอดิน
“กินที่ไหนกันดีวะ” จันทร์เอ๋ยถามขึ้น
“แคนทีนมหาลัยก็ได้มั้งมีอาหารให้เลือกเยอะดี” ไอดินเสนอ
“ไปรถลางหรือเอาไง”
“ไปรถลางก็ได้” ผมเสนอหลังจากไอดินถามขึ้นมา เพราะขี้เกียจวนหาที่จอดรถอีก
"งั้นไปดิ" พวกมันพยักหน้ารับ แล้วเดินไปรอรถลางที่ป้ายรถหน้าคณะ
พวกผมมาที่แคนทีนส่วนกลาง มองหาที่ว่าง เมื่อได้ที่แล้วก็นั่งลงคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย ระหว่างรอรุ่นพี่ของไอดินมา
Rrrrrrrrrrrrrr ~
เสียงโทรศัพท์ไอดินดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมารับสาย
“พวกนายไปซื้อข้าวกันก่อนเลยไป เดี๋ยวเรานั่งเฝ้าโต๊ะเอง เดี๋ยวพี่ฟ้าใหม่ก็มาแล้ว”
“อยู่คนเดียวได้นะไอดิน” จันทร์เอ๋ยถามไอดิน
“ได้ดิ พวกจันทร์เอ๋ยไปเถอะ” จันทร์เอ๋ยพยักหน้ารับแล้วหันไปชวนแฟนหนุ่มเดินไปด้วยกัน ผมก็เลยเดินไปซื้อข้าวมันไก่คนเดียว พอได้ข้าวมันไก่ที่ต้องการ จึงเดินไปซื้อน้ำแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ เห็นผู้ชายสองคนรูปร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ ผมเดินไปใกล้ๆโต๊ะเรื่อยๆ ใบหน้าของผู้ชายในความทรงจำ ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าโลกกลมเป็นยังไง ผมเลือกนั่งลงข้างๆพี่ผู้ชายอีกคนที่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ สายตาผมจับจ้องไปที่ชายตรงหน้า
“หาวนี่พี่ฟ้าใหม่ อยู่ปี  3 วิทย์-กีฬา นะ” พี่ฟ้าใหม่พี่ชายแท้ๆของฟ้าใส แฟนคนแรกของผมเองครับ เรียนสาขาเดียวกับเอกเลยนี่หว่า
“ไงครับพี่ จำผมได้รึเปล่าครับ” พี่ฟ้าใหม่ทำหน้างงใส่ผม ก็ใครมันจะไปจำแฟนเก่าของน้องสาวสมัยเด็กที่เปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้ได้ล่ะครับจริงไหม
“คุ้นๆนะแต่นึกไม่ออกว่ะ” นั่นไงล่ะครับ
“ผมหาวไง หาวที่เคยเรียนพิเศษภาษาจีนกับฟ้าใสไงครับ” พี่ฟ้าใหม่ทำท่าคิด ผมเคยเจอพี่ฟ้าใหม่อยู่หลายครั้ง และแน่นอนตอนนั้นครอบครัวของพี่ฟ้าใหม่ไม่รู้ว่าผมเป็นแฟนกับฟ้าใส มีแต่ครอบครัวผมอย่างเดียวที่รู้เพราะผมชอบคุยเรื่องราวของเธอให้พ่อกับแม่ฟัง ผมไม่ได้คิดอะไรมากหรอก ตอนนั้นพี่ฟ้าใหม่ก็เป็นพี่ที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ยังเคยเลี้ยงไอศกรีมผมด้วย
“อ้อ เปลี่ยนไปเยอะเลยนะเรา” ผมยิ้มให้พี่ฟ้าใหม่ จริงๆผมอยากถามถึงฟ้าใสนะว่าเธอเป็นยังไงบ้าง ผมไม่ได้รักเธอนานแล้ว แต่ผมก็อยากรู้ว่าเธอสบายดีหรือเปล่าอยู่ดี
“หืมโลกกลมเกินไปไหมล่ะ” ไอดินพูดขึ้น อื้มกลมชะมัด
“ไม่มีใครสนใจกูเลยไง” เพื่อนพี่ฟ้าใหม่พูดขึ้น ทำให้ทุกสายตาหันไปมองทางต้นเสียง ผมจึงหันไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆแทน แล้วที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือเพื่อนพี่ฟ้าใหม่เป็นคนที่เลี้ยงน้ำผม คนที่แอดเฟสบุ๊กผมมาแล้วผมไม่ได้รับ
“เอ่อ…มึงนี่เพื่อนพี่ฟ้าใหม่ชื่อพี่ตะวัน เรียนสาขาเดียวกับพี่ฟ้าใหม่นั่นแหละ อ่า..พี่ตะวันครับ นี่หาวเพื่อนผม” ไอดินแนะนำพี่ตะวันให้ผมรู้จักก่อนจะหันมาแนะนำผมให้พี่ตะวันรู้จัก
“สวัสดีครับ” ผมทักทายพี่ตะวัน พี่ตะวันยิ้มให้ผม
“เออใช่ เดี๋ยวผมคืนเงินค่าน้ำให้” ผมหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเรื่องค่าน้ำเมื่อหลายวันก่อน
“ไม่ต้อง กูเลี้ยงไงวะ อย่าลืมรับเฟสกู” พี่ตะวันปฏิเสธผม
“เอ่อ…ครับ เดี๋ยวค่อยรับนะครับ” ผมพูดตัดบทเพราะขี้เกียจคุยด้วย อีกอย่างพวกเพื่อนๆ ก็กลับมาคบหมดแล้ว พวกมันมองหน้าผมด้วยอาการอยากเสือกเต็มที่
“เอาโทรศัพท์ขึ้นมารับเดี๋ยวนี้เลยดิ เดี๋ยวมึงกลับไปก็ไม่รับแอดกูอีกอะ” ผมมองพี่ตะวันอย่างไม่เข้าใจ
สุดท้ายผมก็ต้องยอมแพ้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับแอดเฟสบุ๊กพี่เขา เพื่อตัดรำคาญ พี่ตะวันยิ้มพอใจแล้วเดินไปซื้อข้าวกับพี่ฟ้าใหม่และไอดิน พอพวกนั้นไปไอ้อิฐที่อยากเสือกเรื่องของผมเต็มที่จึงขยับก้นมานั่งตรงข้างๆผม แต่ไม่ทันที่มันจะถามอะไร ผมก็ถามขึ้นก่อน
“ปกติพี่ตะวันเป็นคนแปลกๆแบบนี้รึเปล่าวะ”
“ไม่รู้ว่ะ เพิ่งเคยมานั่งด้วยกันแบบนี้ครั้งแรกนี่ล่ะ ตัวรู้จักไม่ใช่เหรอ” จันทร์เอ๋ยพูดขึ้นพร้อมหันไปขอความเห็นจากอิฐ ผมพยักหน้ารับ
“อื้ม ก็..นะ ก็อยู่หอเดียวกัน เคยเล่นเกมอยู่ด้วยกัน จากที่รู้จักก็ไม่มีอะไรนะ ไม่ได้เป็นคนแปลกอะไร พี่เขาคงอยากเป็นเพื่อนกับมึงเฉยๆมั้ง ไม่มีไรหรอก” ผมพยักหน้ารับอิฐ พวกผมคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย พวกไอดินซื้อข้าวเสร็จก็พากันมานั่งที่โต๊ะ
“เฮ้! ไอ้อิฐมึงเขยิบไปอีกดิ๊ กูจะนั่งตรงนี้ นี่ที่กูไง” พี่ตะวันเดินมาข้างๆอิฐ
“ห่าอะไรวะพี่ พี่ก็ไปหาที่นั่งใหม่สิ คนกำลังกินข้าว” อิฐหันไปมองพี่ตะวันพร้อมทำหน้าอารมณ์เสียใส่ แล้วหันกลับไปทานข้าวตามเดิม
“ฟิกเกอร์นามิ ตัวที่มึงเคยแชร์โพสต์ว่าอยากได้ในเฟส กูสั่งมา 2 ตัวพอดีเลย ตอนแรกกะว่าจะสั่งมาเก็งกำไรตัวหนึ่งเก็บไว้ตัวหนึ่ง ตัวนี้โคตรแรร์ซะด้วยสิ” ไออิฐหันไปมองพี่ตะวันตาโต
“กูขายเท่าทุน เท่าตอนที่ซื้อมาให้มึงเลย ยังไม่ได้แกะกล่องเลยด้วยนะ”
“จริงเปล่าพี่ ตัวนี้ผลิตน้อยมาก แถมเข้าไทยน้อยมากเลยนะ พี่ไปสั่งมาได้ไงวะตั้งสองตัวแหนะ”
“เรื่องของกู ว่าแต่มึงจะเอาไหมล่ะ” ประโยคเดียวเท่านั้นล่ะครับ อิฐเขยิบก้นตัวเองไปเบียดจันทร์เอ๋ยแทบจะสิงร่างกัน ว่าแต่มันคืออะไรวะครับ
ทำไมพี่มึงต้องมานั่งข้างๆกูด้วยวะครับเนี่ย ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วนั่งกินข้าวในจานตัวเองต่อไป
“อะนี้ กูซื้อมาให้” ถุงแตงโมถูกยื่นมาให้ผม
“หืมพี่ซื้อมาให้ผมทำไมครับ”
“…” พี่ตะวันไม่ตอบอะไรกลับมา แต่วางถุงแตงโมไว้ข้างๆผมแทน “อ่าขอบคุณครับ”

ไม่ใช่หวั่นไหว แต่มันคือความสงสัย ผมสงสัยว่าพี่ตะวันเอาเฟสบุ๊กผมมาจากไหน ซึ่งถ้าให้ผมเดา ผมว่าน่าจะเอามาจากไอ้อิฐเพราะพี่มันแอดเฟสผมมาหลังจากไอ้อิฐแท็กภาพผมไม่นาน ผมตั้งค่าเฟสบุ๊กของผมให้คนที่ไม่มีเพื่อนร่วมกันไม่สามารถแอดเฟรนด์มาได้ คนที่มีเพื่อนร่วมกันมีแค่ อิฐ จันทร์เอ๋ย แล้วก็ไอดิน ที่ผมสงสัยคือทำไมพี่มันต้องอยากให้ผมรับแอดเฟสขนาดนั้น เรื่องสุดท้ายที่ผมสงสัยคือทำไมพี่มันถึงรู้ว่าผมชอบกินแตงโม
วันนี้ผมมีเรียนคลาสเดียวเพราะอาจารย์คลาสบ่ายยังไม่กลับมาจากต่างประเทศ ประกอบกับผมโดดกิจกรรมรับน้องตอนเย็น ผมจึงกลับมานอนตีพุงอยู่ที่คอนโดเอกที่ว่างเหมือนกัน ส่วนดีนมันมีเรียนบ่ายด้วยครับ เอกนั่งเล่นเกมอยู่ที่ปลายเตียงของโซฟาเบดในโซนรับแขก ผมนอนคิดเรื่องของพี่ตะวัน ความคิดเกี่ยวกับพี่มันเต็มหัวไปหมด ก็มันน่าสงสัยจริงๆนะครับ
“เอก” ผมตัดสินใจเรียกเอกที่เล่มส์อยู่
“ว่า” เอกขานรับในขณะที่ตายังจ้องที่หน้าจอไอแพด นิ้วเรียวคอนโทรลเกมอย่างเมามันส์
“มึงรู้จักพี่ฟ้าใหม่กับพี่ตะวันรึเปล่าวะ” เอกทำหน้างงใส่ผม แล้ววางไอแพดลงข้างๆตัว “ใครวะ”
“รุ่นพี่ที่เรียนสาขาเดียวกันกับมึงอะ วิทย์-กีฬา ปี 3” เอกตอบผมมาแบบแทบไม่ต้องคิดอะไร “ไม่รู้จักว่ะ”
“รุ่นพี่ในสาขาเดียวกับมึงเลยนะเว้ย” ผมถามย้ำเอก
“โหทำเหมือนมึงรู้จักพี่ทุกคนในสาขาตัวเองเลยว่ะหาว” เถียงไม่ออกเลยครับ เอกทำท่านึกอีกครั้ง
“อืม… ปี 3 ที่กูรู้จักก็มีพี่หมีคนเดียวเองนะ แล้วก็พี่ในชมรมว่ายน้ำไม่กี่คนเอง”
“กูก็ไม่น่าว่าคาดหวังอะไรจากมึงเลยจริงๆว่ะ” ผมส่ายหัวเบาๆ
“ถึงเข้ารับน้อง มึงคิดจริงๆเหรอว่าคนอย่างกูจะจำรุ่นพี่ได้”
“ก็จริงของมึง” ผมตอบเอกไปเพราะบางครั้งผมก็จำรุ่นพี่ไม่ได้เหมือนกัน
“ว่าแต่มึงถามทำไมวะ” เอกถามผมกลับมา “เปล่าไม่มีอะไรหรอก”
“ทำหน้าอย่างนี้ มึงมีชัวร์ไอ้หาว มีอะไรบอกกูมา”
“กูว่าพี่ตะวันแม่งแปลกๆว่ะ เจอกันวันแรกก็เลี้ยงน้ำกูเลย เจอครั้งที่สองซื้อแตงโมมาให้ นอกจากครอบครัวกู แล้วก็พวกมึงสองคนก็ไม่น่าจะมีใครรู้แล้ว หรือแม่งเป็นสต๊อกเกอร์วะ บังคับกูรับแอดเฟสด้วย”
“น่าจะบังเอิญก็ได้มั้ง”
“คงงั้น”
“แล้วพี่ตะวันเชี้ยอะไรเนี่ยบังคับมึงรับเฟสได้ยังไงวะ”
“มึงจำไอดินเพื่อนในคณะกูได้ปะ คนที่กูเคยเล่าให้ฟัง”
“อ่าฮะจำได้”
“คือไอดินเนี่ยรู้จักกับพี่ฟ้าใหม่เว้ย พี่ชายฟ้าใสแฟนคนแรกกูอะ แล้วพี่ฟ้าใหม่เนี่ยแม่งก็เป็นเพื่อนกับไอ้พี่ตะวัน วันนี้พวกรุ่นพี่มึงก็มากินข้าวกับพวกกู ก็เลยบังคับกูรับเฟส”
“เชี้ยซับซ้อน”
“เออดิ กูนี่โคตรตกใจตอนเจอพี่ฟ้าใหม่”
“เป็นกู กูก็ช็อกวะ”
“ใช่ป้ะ”
“กูเข้าใจว่ามึงแม่งหน้าตาดี กูก็เห็นมีคนเข้าหามึงตลอด แต่คนนี้แม่งแปลกจริงๆ”
“กูก็ว่าแปลก”
“แปลกตรงที่มึงดูสนใจนี่ล่ะ”
“มึงเจอแบบกู มึงก็ต้องสนใจอะเชี้ย”
“ก็จริง แต่มึงระวังโดนฉุดนะเว้ยฮ่าๆ”
“มึงอย่าลืมกูยูโดสายดำ”
“แค่สายดำขั้นแรกทำคุย มึงระวังตัวไว้หน่อยก็ดี”
“ก็สายดำล่ะวะ”
“เออๆเอาเฟสมาให้กูเช็กหน้าพี่มันที เผื่อกูเคยเห็นผ่านตา”
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมา เข้าแอพลิเคชั่นสีฟ้า ค้นหาชื่อพี่ตะวัน แล้วส่งโทรศัพท์มือถือให้เอก
“เฮ้ย!เคยเห็นอยู่ น่ารักดีคนนี้ กูเชียร์ขาดใจ” ผมนึกถึงหน้าพี่ตะวัน
“แบบนั้นเรียกน่ารักเหรอวะ”
“เอ้า! กูก็ว่าน่ารักดีออก”
“มึงชมผู้ชายว่าน่ารักเนี่ยนะ”
“แปลกตรงไหน ดูดีนดิแม่งโคตรน่ารัก ไม่มีใครน่ารักเท่าดีนของกูแล้ว”
“หู้ว”
“อะไรไอ้หาว ระวังประตูหลังนะมึง”
“นั้นปากเหรอไอ้เชี้ยเอก กูจะแช่งมึงให้โดนดีนเอาประตูหลัง”
“ถ้าเป็นดีนอะไรกูก็ยอมว่ะ ฮ่าๆๆ”

หลังจากที่ผมสิงสถิตอยู่ห้องเอก พอดีนกลับมาพวกผมก็ไปอะไรกินกัน กินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ
ผมขับรถกลับมาถึงคอนโด ผมเดินไปที่ลิฟท์ โชคดีที่คนในลิฟท์เห็นผม เขาจึงเปิดประตูรอ ผมเดินเข้ามาในลิฟท์ มีคนอยู่สองสามคน หนึ่งในนั้นคือรุ่นพี่ในคณะของผม พี่สีฝุ่นประธานรุ่นปี 3
“ชั้น 8 ครับ” ผมบอกพี่สาวคนที่กดลิฟท์รอ เธอพยักหน้ารับแล้วกดหมายเลขชั้นให้ผม
“ขอบคุณมากๆครับ” ผมเลือกที่จะไปยืนข้างๆพี่สีฝุ่น
“สวัสดีครับพี่”
“อ้าว! อยู่คอนโดนี้เหมือนกันเหรอวะ”
“อ่าครับ”
“มึงชื่อหาวใช่เปล่าวะ”
“ครับผม”
“อยู่ชั้น 8 เหรอ กูอยู่ชั้น 6 ห้อง 603 มีอะไรให้ช่วยก็ไปเรียกได้ พี่น้องกันทั้งนั้น อยู่คอนโดเดียวกันมีอะไรก็ช่วยเหลือกัน”
“อ่าขอบคุณครับ ผมอยู่ห้อง 811”
 “เออถึงชั้นกูละ ไว้เจอกัน”
“ไว้เจอกันครับ”
ผมมาถึงห้อง 4 ทุ่มกว่า เอาสัมภาระที่ติดไป วางเก็บเข้าที่ จากนั้นก็อาบน้ำ เสร็จแล้วก็ทิ้งตัวลงบนเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา 5 ทุ่ม 45 นาทีแล้ว  เข้าไปเช็กโซเชียลตามปกติ ตอบไลน์พ่อกับแม่ที่ทักมาเมื่อตอนบ่าย คุยเล่นกับแก๊ง 3หนุ่มเรื่องทั่วไป ส่องประเด็นที่กำลังขึ้นเทรนด์ในทวิตเตอร์ ว่ามีเรื่องไหนน่าสนใจบ้าง สุดท้ายก็เข้าไปส่องไทม์ไลน์ของแอพลิเคชั่นสีน้ำเงิน เป็นอย่างสุดท้ายก่อนนอน แต่ก็ต้องสะดุดตากับโพสต์ของชายคนหนึ่งที่ทำผมคิดมากมาตลอดครึ่งวัน

Tawan Tinnakron
ฝันดีนะครับเด็กอ้วน <3 zzzzzzZ

ผมกดเข้าไปอ่านคอมเม้น

             Farmai Suppakit
             น้องคนนั้นอะนะ

             Tawan Tinnakron
             @Farmai Suppakit ไม่เสือกสิ

พี่หมี คนหล่อ @Farmai Suppakit ใครอะไอ้ฟ้า กูรู้จักป่าว

            Tawan Tinnakron
            @Farmai Suppakit มาเอาเมียมึงไปเก็บ ขี้เสือกทั้งผัวทั้งเมียจริงๆ

            Farmai Suppakit
            @Tawan Tinnakron
มั่วละไอ้เชี้ย

อ่า... พี่เขาคงมีแฟนหรือมีคนที่ชอบแล้วล่ะนะ คงไม่ได้มาแบบนั้นกับผม อย่างที่ผมคิดมากหรอก ว่าแต่ผมเป็นอะไรไปวะนี่ ทำไมผมต้องสนใจเขาขนาดนี้ ผมสะบัดความคิดเกี่ยวกับพี่ตะวันออกไปจากหัวจนหมด ถึงเรื่องบางเรื่องจะตงิดๆใจอยู่บ้าง แต่ก็ช่างมันเถอะครับ เก็บสมองไว้ใช้กับเรื่องอื่นดีกว่า ผมชาร์จแบตโทรศัพท์ ปิดไฟหัวเตียง แล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 09:56:07 โดย Suneerat »

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 5
เปิดโลกชมรม

The best and most beautiful things in this world cannot be seen or even heard, but must be felt with the heart.

ทุกๆบ่ายวันพุธจะเป็นวันที่ทางมหาลัยของผมกำหนดให้ทุกคนทั้งมหาลัยว่างพร้อมกัน เป็นเวลาสำหรับทำกิจกรรมต่างๆของมหาลัย วันนี้เป็นกิจกรรมวันเปิดโลกชมรม วันที่รุ่นพี่จากชมรมต่างๆจะมาจัดบูธเชิญชวนให้น้องๆปี 1 เข้าร่วมชมรม ปีนี้กิจกรรมเปิดโลกชมรมถูกจัดขึ้นในยิมเนเซี่ยมกลางของมหาลัย
ผมนัดเจอดีนที่หน้ายิม พยายามมองหาดีนเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหามัน รอไม่นานมันก็รับสาย
“อยู่ตรงไหนวะ”
[อยู่ห้องน้ำ รอกูแป๊บกำลังไป มึงอยู่ตรงไหน]
“ข้างหน้าทางเข้าเลย]
[โอเคงั้นแค่นี้ก่อนนะ กำลังเดินไป]

“ทำไมนานจังวะ” ผมเอ่ยถามขึ้นเมื่อดีนมันโผล่หน้ามาสักที
“โทษทีว่ะ พอดีเจอรุ่นพี่เข้ามาทัก”
“รุ่นพี่ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้ชายสิ”
“ชื่ออะไร”
“ชื่อพี่นิก”
“เขามาจีบมึงหรือเปล่า”
“เปล่าๆมึงอะคิดมากเกินไปแล้ว จะเข้าไปก็ไปสักทีดิวะ”
“อ่าก็เดินดิ เปลี่ยนเรื่องตลอดมึงอะ”
“มึงทำเหมือนหวงกูอะหาว ถามจริงป๊ากูจ้างมึงมาใช่ไหมเนี่ย” ดีนพูดพร้อมก้าวขาสั้นๆของมันเดินไปพร้อมกันกับผม
“มึงเห็นกูเป็นคนเห็นแก่เงินขนาดนั้นเลยเหรอ คนอย่างหาวเงินซื้อไม่ได้หรอก เงินหาวมีพอแล้วครับ”
“แล้วอะไรซื้อมึงได้ อย่าบอกนะว่า…” แค่คนที่จ้างไม่ใช้ป๊าดีน อย่างที่ดีนมันคิดแค่นั้นเอง พ่อดีนเป็นคนหวงลูกชายมาก ก่อนมามหาลัยยังฝากฝังผมกับเอกเสียยกใหญ่ ก็ไม่แปลกใจที่ดีนมันจะคิดงั้น
“เออไอนั้นล่ะ ทำไงได้รับมาแล้ว คืนไม่ได้ด้วย” 
“ป๊ากูซื้อมึงจริงดิ กูพูดเล่นๆนะเนี่ย”
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกมึง” ดีนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อผมสักเท่าไหร่
“ถามจริงๆมึงเลิกลดความอ้วนแล้วใช่ปะ”
“กูก็เข้าฟิตเนตอาทิตย์ละตั้งหลายครั้งนะ”
“เอาที่มึงสบายใจเถอะหาว” ดีนทำสีหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม
“เอ่อขอโทษนะคะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเรียกทำให้พวกผมสองคนหยุดเดินคุยกันแล้วหันไปมองเธอ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ดีนถามเธอกลับไป
“คืออยากจะขอถ่ายรูปน้องสองคนไปลงเพจ Smart boy ของมหาลัยหน่อยได้ไหมคะ”
“ไม่สะดวกครับ” ผมพูดออกไปตามความคิด คนตรงหน้าหุบยิ้มลงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้ผมเหมือนเดิม
“เอ่อไม่เป็นไรค่ะ”
“มึงเดี๋ยวก่อนดิ พี่ครับผมขอปรึกษาเพื่อนก่อนนะครับ” คนตัวเล็กกระตุกแขนผมเบาๆ
“เอ่อได้ค่ะ” ดีนดึงผมให้หันหลังไปคุยกัน จะกระซิบกระซาบอะไรของมันวะ
“หาวมึงคิดดู เนี่ยมึงดังใช่ไหม ถ้าในมอมึงดัง มึงก็มีแฟนคลับ แล้วทีนี้นะ…”
“แต่กูไม่อยากดังไง”
“แต่…”
“ขอตรงๆดีน”
“แหะๆ กูอยากมีรูปลงเพจแบบนี้นานแล้ว มันคือความฝันของกูเลยนะเว้ย นะมึงถ่ายกับกูนะ นะ”
“เฮ้อ งั้นตามใจแล้วกัน” พวกผมสองคนหันหลังไปหาพี่สาวคนเดิม
“ตกลงถ่ายครับ” ดีนบอกพี่สาวตรงหน้า เธอทำตาโตใส่พวกผม ท่าทางดีใจอย่างปิดไม่มิด
“จริงเหรอคะ”
“ครับ”
“งั้นมาถ่ายกันเลยนะคะ”
“ยิ้มหน่อยค่ะ”
“หาวมึงพูดตามกู Monkey” ผมหันไปมองดีน
“เอ้าไม่ได้พูด Say Cheese แล้วเหรอวะ”
“กูเพิ่งไปเจอวีดีโอของฝรั่งมา เขาบอกว่าถ้าพูดว่า Monkey จะเป็นธรรมชาติกว่า Say Cheese” ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วทำตามเบาๆ
“Monkey”
แชะ!
“เอ่อน้องคนตัวสูงเอามือคล้องคอเพื่อนหน่อยค่ะ ดีมากเลย”
แชะ!
“ขอแบบหล่อๆอีกรูปนะคะ แบบนั้นล่ะเยี่ยม”
แชะ!
“น้องสองคนนี่ขึ้นกล้องมากเลยนะคะ” เธอพูดยิ้มๆตอนเช็กรูปในกล้อง
“ขอบคุณครับ”
“ว่าแต่น้องชื่ออะไร เรียนคณะอะไร ปี 1 ใช่ไหมคะ” เธอเอากล้องคล้องคอไว้ หยิบสมุดโน้ตขึ้นมา
“ใช่ครับผมชื่อดีน เภสัชปี 1 ส่วนเพื่อนผมชื่อหาวบริหารปี 1 เหมือนกันครับ”
“น้องหาวพี่รู้จักอยู่แล้วล่ะค่ะ ว่าแต่งานดีทั้งคู่เลยนะคะ เหมาะสมกันมากๆ” ผมไปรู้จักพี่เขาตอนไหนวะครับ
“เอ่อขอบคุณครับ”
“พี่ขอเฟสบุ๊กพวกน้องหน่อยสิ เวลาลงรูปจะได้แท็กหา” เธอยื่นสมุดมา ดีนรับไปเขียน
“ขอบคุณน้องๆมากเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับผม”
“งั้นพวกผมต้องขอตัวก่อนนะครับ” ผมพูดแค่นั้นแล้วหันหลังกลับมา
“จ้า”

“ดีนมึงจะแวะไปหาเอกที่ซุ้มมันก่อนไหม”
“ไม่อะ เดินดูชมรมก่อนก็ได้”
“มึงเล็งชมรมอะไรไว้บ้าง”
“ยังไม่ได้คิด ขอเดินดูก่อน”
“เออจะเข้าชมรมไหนก็บอก เดี๋ยวกูลงเป็นเพื่อน”
“จริงปะ”
“จริงสิ”
“กูถามจริงๆนะหาว มึงถูกป๊ากูซื้อด้วยอาหารประเภทไหน”
“เรื่องของกูเถอะ จะเข้าชมรมไหนเลือกเลยครับ” ใครจะไปกล้าเล่าวะ

 เหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนวาน
 Rrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังทบทวนบทเรียนอยู่ เป็นเอกที่โทรมาผมจึงกดรับสายทันที
“ว่าไง”
[มึงลงมาข้างล่างคอนโดหน่อย]
“หืม”
[กูอยู่ข้างล่าง เนี่ยลงมา]
“โอเคเดี๋ยวกูรีบลงไป”
ผมกดวางสาย แล้วรีบลงลิฟท์ไปหาเอก มันยืนรออยู่หน้าคอนโดคนเดียว ในมือถือถุงพะรุงพะรังเต็มไปหมด
“มาหาซะมืด มีอะไร แล้วนี่ไอ้ดีนไปไหน” ถ้าจะมาหาก็น่าจะมาด้วยกันสิ ตอนที่ผมไปส่งดีนที่หอเมื่อเย็นก็ไม่เห็นบอกว่าจะมานี่นะ
“กูเพิ่งซ้อมว่ายน้ำเสร็จน่ะ กูเลยแวะซื้อเป็ดเฮียเล้งของชอบมึงมาฝาก”
“หืมเนื่องในโอกาสอะไร วันเกิดกูเหรอ ยังไม่ถึงนะ”
“รับไปเถอะ” ผมรับของที่ไอ้เอกส่งมาอย่างงงๆ
“มึงมีอะไรก็พูดมาไอ้เอก”
“เดี๋ยวกูกลับก่อนถึงห้องแล้วโทรหา กลับช้าเดี๋ยวดีนสงสัย”
“เออๆ”
ผมขึ้นห้องมาอย่างงงๆ อะไรของมันวะ ของโปรดทั้งนั้นด้วยสิ จากที่ลื้อๆดูมีเป็ดย่างตัวใหญ่ 1 ตัว ข้าวหน้าเป็ด 1 กล่อง ฟักตุ๋นมะนาวดอง 1 ถุง บะหมี่เกี้ยวเป็ดแยกน้ำ 1 ถุง บะหมี่เกี้ยวเป็ดแห้ง 1 ถุง
ผมจัดการใส่จาน นั่งทานจนอิ่มเก็บส่วนที่เหลือเข้าตู้เย็นเรียบร้อย
Rrrrrrrrrrr~
ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนโซฟา ดูแล้วเป็นเอกที่โทรมา ผมจึงกดรับสาย
[มึงแดกเป็ดที่กูสั่งให้ไปยัง]
“กินแล้ว ว่าแต่มึงเลี้ยงกูเนื่องในโอกาสอะไรวะ”
[มีเรื่องให้ช่วย มึงมีชมรมที่อยากเข้ายัง]
“ก็ไม่มีนะ”
[งั้นดีเลย มึงเข้าชมเป็นเพื่อนดีนด้วย ไม่ว่ามันจะเข้าชมรมอะไรก็แล้วแต่ พอดีกูโดนรุ่นพี่บังคับให้เข้าชมรมของคณะว่ะแม่ง]
“มึงก็เลยมาบังคับกูต่อ?”
[กูไม่ได้บังคับ มึงคิดดูถ้ามีคนมาจีบดีน กูจะทำยังไง ถ้ากูไม่โดนบังคับ กูก็ไม่ขอให้มึงช่วยหรอก ดีนมันก็ไม่ยอมเข้าชมรมกูด้วย นะหาวช่วยกูหน่อย มึงกินเป็ดย่างกูไปแล้วนะ]
“ถ้ามึงจะมัดมือชกกูงี้นะ ทำไมไม่ขอให้กูช่วยดีๆวะ”
[วิธีนี้มึงช่วยกูแน่ๆไง ว่าแต่มึงยอมช่วยกูแล้วใช่ปะ]
“เออ แม่งกูมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยเหรอวะ”
[ไม่มีสิทธิ์ว่ะ ฮ่าๆ]

นั้นล่ะครับผมถูกซื้อด้วยเป็ดย่างเฮียเล้ง
 

“เลือกได้ยังจะเข้าชมรมอะไร” ผมถามขึ้นหลังจากดีนพาผมเดินดูชมรมนู้นชมรมนี้ไปเรื่อย ก็เดินเข้ามาในซุ้มของชมรมถ่ายภาพ
“หาวอยากเข้าชมรมนี้อะ” ดีนชี้ไปยังชมรมข้างๆของชมรมถ่ายภาพ ชื่อชมรมถ่ายรูปสวยด้วยกล้องมือถือ
“เต็มแล้วหรือเปล่าวะ รุ่นพี่ไม่เห็นเชิญชวนน้องเข้าชมรมเหมือนชมรมอื่นเลย”
“งั้นกูถามก่อนนะ” ผมพยักหน้ารับดีน
“ขอโทษครับไม่ทราบว่าชมรมนี้เต็มหรือยัง”
“ถ้าเต็มแล้วกูจะนั่งเป็นผีเฝ้าซุ้มแบบนี้ไหมวะ” เอ่อ… ผมรู้ถึงสาเหตุแล้วว่าทำไมไม่เต็ม
"ไม่ต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นก็ได้แหม แค่ล้อเล่นเอง" พี่เขาพูดขึ้นมาเมื่อเห็นพวกผมทำสีหน้าไม่ดีนนัก ผมยิ้มแห้งให้พี่เขา ก่อนจะหันไปถามดีน
“ดีนเอาไง”
“กูอยากลงอะ กูว่าพี่เขาดูคูลดี”
 “เอาดิ”
“จะลงด้วยจริงเหรอวะหาว” ดีนหันมาถามผม
“จริงดิ”  ดีนพยักหน้ายิ้มๆ หาวมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยเห“ดีนเอาไง”
นั้นล่ะครับสุดท้ายผมก็ลงชื่อชมรมเดียวกับดีนไป ผมกับดีนเดินหาซุ้มชมรมว่ายน้ำของเอกไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็เห็นเอกยืนเด่นอยู่หน้าซุ้มชมรม เมื่อเอกเห็นพวกผมก็รีบเดินออกจากชมรมมาหาทันที
“ลงชมรมไรกันไป” เอกถามผมแต่ตาของมันมองลงไปที่ดีน
“ถ่ายภาพว่ะ ดีนแม่งหลงเสน่ห์พี่ชมรมถ่ายภาพ” เอกหันมามองหน้าผมตาขวาง แล้วหันไปถามดีน “จริงเหรอดีน”
“มึงก็เชื่อมันอะเอก กูแค่อยากถ่ายรูปเฉยๆไหมล่ะ” เอกยิ้มล่าแล้วหันมาพูดกับผม
“เออมึงก็ใส่ร้ายดีนมันอะหาว เนี่ยกูยังอยากเข้าชมรมถ่ายภาพเลย” ไอ้เอกโดนดีนฟาดแขนไปเป็นที่เรียบร้อย มันได้แต่เอามือลูบแขนตัวเอง
 “เปลี่ยนสีเก่งจังนะครับคุณชายเอก”
“ฮ่าๆ” เอกหัวเราะล่า ดูเหมือนมีความสุขกับการที่ถูกดีนทำร้ายร่างกาย
“เฮ้อ… ไอ้เอกมึงอู้อีกแล้วเหรอวะ กลับมาซุ้มเดี๋ยวนี้ ไอ้นี้เผลอเป็นไม่ได้” เสียงของพี่ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนมา ทำให้พวกผมหันไปมอง
“แป๊บดิพี่หมี คราวนี้เปล่าอู้นะ ผมคุยกับเพื่อนอยู่” เอกหันไปตอบผู้ชายคนนั้นแล้วหันมาพูดกับพวกผม
“พวกมึงเข้าชมรมกูก่อนไหม ชมรมกูไม่มีพี่ตะวันของมึงหรอกนะหาว เข้าได้”
“ของกูอะไรล่ะ มั่วละมึง” ผมพูดกลับไป
“เอกมึงก็ไปแกล้งหาวมันอะ” ดีนเข้าข้างผม เป็นไงล่ะเอก ผมยักคิ้วให้พร้อมทำหน้ากวนตีนใส่เอก
“ดีน... ดีนต้องเข้าข้างเอกดิ” เอกหันไปอ้อนดีน
“อยากโดนตีแขนอีกทีใช่ไหมวะ”
“ไม่แล้วครับ ไม่แกล้งก็ได้สรุปจะเข้าไปไหมเนี่ย” เอกยอมแพ้เมื่อเห็นว่าอ้อนไปยังไงดีนก็ไม่เข้าข้าง
“ไม่ว่ะ เดี๋ยวกูจะกลับหอละ มึงเอาไงอะดีน กลับพร้อมกูเลยหรือเปล่า”
“กลับพร้อมนั้นมึงล่ะ” ผมพยักหน้ารับดีนแล้วหันไปบอกลาเอก
“ไว้เจอกันเอก”
“ไว้เจอกันครับที่ห้องนะครับที่รัก” เอกพูดน้ำเสียงกวนตีนใส่ดีน แต่ผมรู้ดีว่าคำพูดนั้นออกมาจากใจของเอกจริงๆ
“ที่รักพ่อง” 
ดีนด่าเอกแล้วลากผมออกมา เหมือนผมเห็นดีนหน้าแดง ไม่รู้ว่าโกรธจนหน้าแดงหรือเขินจนหน้าแดงเหมือนกัน
“หาวอยากกินชาไข่มุกว่ะ” ดีนพูดกับผมระหว่างที่เดินออกไปที่รถ
“ร้านไหน”
“ร้านข้างมอเขาว่าเด็ด ไปกันปะ”
“อ่าไปดิ”
ผมขับรถตามรถเครื่องดีนมาจอดร้านชานมไข่มุกหน้ามอ ในร้านมีที่นั่งให้ด้วย พวกผมก็เลยทานกันที่ร้านนี่แหละครับ
“หาวรูปที่พี่คนนั้นถ่าย ลงเพจแล้วนะอย่างไวอะ มึงโคตรหล่อ แต่แคปชั่นแม่งโคตร ดูดิ” ดีนพูดในขณะที่มือหนึ่งกำลังสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ อีกมือหนึ่งก็ถือแก้วชานมไข่มุก
“แคปชั่นว่าอะไรวะ”
“กูอยากให้มึงเห็นเองว่ะ หันมาดูแป๊บเดียว”
“โอเคไหนๆ” ผมหันไปพบว่าโทรศัพท์ถูกยื่นมาตรงหน้าแล้ว เป็นรูปที่ผมกอดคอดีนยิ้มกว้างทั้งคู่ ดูดีมากทีเดียว
‘คนซ้ายน้องหาว บริหารปี 1 คนขวาน้องดีน เภสัชปี 1 คนหนึ่งก็โคตรหล่อ คนหนึ่งก็โคตรน่ารัก ใครไม่จิ้นแอดจิ้น ใครคิดเหมือนแอดเม้นมา ทีม #หาวดีน’
“ฮ่าๆๆๆๆๆ โอ้ยกูกับมึงเนี่ยนะดีน ไอ้เอกเอากูตาย” ผมระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นแคปชั่นของภาพ
“ทำไมเอกจะต้องทำไรมึงด้วยอะ” ผมเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรผิดออกไป ฉิบหายแล้วไหมล่ะไอ้หาวเอ้ย
“เปล่าๆกูใช้คำผิดเฉยๆ มันคงขำตายไงมึง ไม่มีอะไรหรอก” ขำตาย ตายไปเลย
 “เออดิคิดได้ไงวะ แป๊บเดียวคนแชร์อย่างเยอะ เดี๋ยวกูลองอ่านคอมเม้นต์ให้ฟัง”
“อ่าฮะ อ่านดิ”
“บวก 1 ค่ะแอด #ทีมหาวดีน
อร้ายหล่อทั้งคู่ ขอเหมาสองเลยได้ไหมคะ
หนูรักพี่หาว หนูจะสอบเข้ามหาลัยนี้เพื่อพี่เค้า
น้องหาวนี่ลูกครึ่งอะไรไม่รู้ แต่กูอยากเป็นอีกครึ่งหนึ่งของหัวใจน้องเค้า
เห็นน้องดีนแล้วแบบหน้าพี่หมอริทลอยมาเลยอะ
น้องดีนน่ารัก #ทีมแม่น้องดีน
#หาวดีนคือเรียล” ไอ้เอกจะด่าผมไหมวะครับเนี่ย
“อ่านแล้วขนลุกแปลกๆว่ะ”
“อื้มกูก็รู้สึกเหมือนมึงเลยดีน” ผมพูดยืนยันความคิดของดีน
“เชี้ย!”
“อะไรดีน” ดีนส่งโทรศัพท์มาให้ผมดูอีกครั้ง มีคอมเมนต์ที่ถูกโพสต์เป็นรูปภาพที่โพสต์เมื่อไม่กี่นาทีก่อน เป็นรูปที่ผมกับดีนนั่งดูดชาไข่มุกอยู่ ด้วยแคปชั่น ‘ช้านว่าคู่นี้แหละเรียล น้องหาวตอนอยู่กับน้องดีนดูเป็นธรรมชาติมากกกก ดูเข้าหาง่ายไม่เหมือนตอนอยู่คนเดียวเลยสักนิด #หาวดีน เรียลแน่ๆ’  ที่แป๊บเดียวมีคอมเมนต์ตอบกลับเกือบสิบคอมเมนต์
“กลับกันเหอะวะ” ผมพยักหน้าเข้าใจดีน แล้วพากันกลับทันที

วันนี้เป็นอีกวันหลังจากการรับน้องที่ผมเข้าฟิตเนสของคอนโด หลังจากที่ผมรู้ว่าผมอยู่คอนโดเดียวกันกับพี่สีฝุ่น เราก็บังเอิญเจอกันบ่อยขึ้น เหมือนวันนี้ที่พี่สีฝุ่นกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งข้างๆผม
“ไอ้หาวมึงมาออกกำลังกายบ่อยไหมวะ”
“ประมาณ 3 อาทิตย์ต่อครั้งน่ะครับ ต้องออกกำลังกายครับ เดี๋ยวกลับไปอ้วนเหมือนเดิม”
“มึงเคยอ้วนมาก่อนเหรอวะ ตอนแรกกูคิดว่ามึงหล่อมาตั้งแต่เกิดซะอีกเนี่ย”
“โถ่พี่ผมพยายามแทบตายกว่าจะมาหุ่นแบบนี้”
“ฮ่าๆ กูอยากเห็นตอนมึงอ้วนว่ะ”
“อย่าไปสนใจอดีตของผมเลยพี่ ว่าแต่พี่เถอะมาออกกำลังกายบ่อยไหมครับ”
“มานี่ก็อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง แต่ไปเตะบอลกับพวกชมรมฟุตบอลแทบทุกวัน”
“อ้อพี่อยู่ชมรมฟุตบอลเหรอครับ”
“เปล่าหรอกกูเคยอยู่ตอนปี 1 แค่ไปเล่นกับสนุกกับเพื่อนๆน่ะ”
“พี่ไม่เหนื่อยเหรอครับ พูดไปด้วยเนี่ย”
“เหนื่อยสิวะถามได้”

หลังจากออกกำลังกายเสร็จ ผมวางแผนที่จะออกไปซื้อของใช้ในซูปเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากคอนโด เนื่องจากมินิมาร์ทข้างล่างไม่มีของที่ผมต้องการซื้อ ตอนนี้เพิ่งจะทุ่มนิดๆ ผมคิดว่าน่าจะไปทัน
ผมขับรถออกจากคอนโดมาได้ไม่นาน ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่ กำลังจูงรถท่ามกลางความมืด ที่นี่เป็นต่างจังหวัดก็เลยมืดเร็วกว่าในเมือง ด้วยสัญชาตญาณความเป็นคนดีของผม ผมตัดสินใจตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางลงไปดู ไม่ลืมเปิดไฟขอทางทิ้งไว้ ผมลงจากรถเดินไปดูพบว่าเป็นพี่ตะวันคนนั้นกำลังจูงรถฟีโน่สีแดงในชุดนักศึกษา ตามแขนมีเลือดเปื้อนเสื้อสีขาว กางเกงมีรอยขาด สภาพเหมือนคนเพิ่งประสบอุบัติเหตุมาหมาดๆ ท่าทางเหนื่อยหอบ ให้ตายเถอะไม่มีใครเห็นพี่ตะวันเลยรึไง
“พี่ตะวันเป็นอะไรมากไหมครับ”
“ไอ้หาวช่วยกูด้วย”
“ไม่มีใครช่วยพี่เลยรึไง”
“เขาคงคิดว่ารถกูเสียเฉยๆมั้ง มึงช่วยกูก่อน อย่าเพิ่งถามมากเลย”
“ครับๆ เดี๋ยวผมโทรแจ้งรถโรงพยาบาลให้นะ”
“ไม่เอากูกลัวรถโรงบาล อีกอย่างกูไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย มึงขับรถไปตามช่างให้กูที”
“อ่าครับ ผมมีเบอร์ช่าง เดี๋ยวผมโทรให้ดีกว่า” ผมตัดสินใจโทรหาเบอร์ช่างที่เคยทำการบ้านไว้ก่อนย้ายมาอยู่คอนโด เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน คุยเสร็จก็เดินไปพยูงคนตัวเล็กไว้
“ทำไมไม่โทรเรียกเพื่อนมาช่วยครับ ถ้าผมไม่มาเจอพี่จะเป็นยังไง”
“กูก็อยากโทรนั่นแหละ แต่โทรศัพท์กูแม่งหน้าจอแตกสัมผัสไม่ได้”
“เฮ้อแล้วพี่ไปทำอีท่าไหนถึงมีสภาพแบบนี้ได้”
“รถกูมันแรงมึงไม่เข้าใจหรอกว่ะ” ผมมองไปยังรถเครื่องฟีโน่ที่มีสภาพไม่ได้ต่างจากขยะ
“เออครับ เดี๋ยวผมพาไปคลินิกแถวๆนี้แล้วกัน”
“แล้วรถกูล่ะ” พี่ตะวันถามผมสายตาดูอาลัยอาวรณ์เสียเหลือเกิน ขนาดเจ็บขนาดนี้ยังห่วงรถอีกนะ
“ทิ้งไว้นี่ล่ะพี่ เดี๋ยวช่างมาแล้ว”
“ถ้าเกิดมันโดนขโมยล่ะ” ผมมองหน้าพี่ตะวันอย่างจริงจัง
“ใครจะขโมยรถพี่ล่ะครับ”
“โถ่ไอ้หาวมึงอย่าดูถูกรถกู  รถกูยังขายเศษเหล็กได้นะเว้ย”
“เฮ้อ… พี่ไม่ต้องกังวล ช่างอยู่ใกล้ๆแค่นี้ เดี๋ยวก็มาถึงแล้ว อะนั้นไงมาแล้วครับ”
“สวัสดีครับ”
“ครับผม เอ่อพี่ครับช่วยยกรถไปที่ร้านแบบที่คุยกันไว้เลยนะ ได้ประมาณวันไหนครับ”
“ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนเย็นๆก็น่าจะได้แล้วครับ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวผมโทรไปแจ้ง หรือจะแวะเข้าไปดูก็ได้นะครับ”
“โอเคครับ รถคันนี้เป็นของคุณคนนี้นะครับ” ผมหันหน้าไปหาพี่ตะวันเพื่อบอกช่าง
“ครับผมขอบคุณที่เรียกใช้บริการนะครับ”
“ขอบคุณเช่นกันครับ”

ผมพาพี่ตะวันมาทำแผลที่คลินิก พี่ตะวันเข้าไปในห้องทำแผล ส่วนผมก็นั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ด้านนอก
“คุยกับแฟนเหรอ” ผมเงยหน้ามองพี่ตะวันที่ยืนค้ำหัวอยู่ ในมือพี่เขาถือถุงยาอยู่
“เปล่านี่ครับ ผมไม่มีแฟน”
“ทำไมไม่มีแฟน”
“หื้มครับ” พี่ตะวันเงียบไปประมาณ 5 วินาทีก่อนจะพูดออกมา
“เดี๋ยวก็มี”
“รู้ได้ไงครับ”
“เพราะกูรู้ไง มึงไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย” ผมมองพี่ตะวัน อะไรของเขาเนี่ย แล้วทำไมผมต้องรู้สึกเขินแปลกๆด้วย
“เอ่อครับ แล้วนี่เป็นไงบ้าง”
“เย็บแผลที่หัวเข่าสามเข็ม มีรอยถลอกตรงช่วงแขนขาอีกนิดนึง โชคดีหน้าไม่เป็นอะไร” ผมพยักหน้ารับ
“หายซ่ารึยังครับพี่ตะวัน” ผมแซวคนตัวเล็กที่ทำหน้าไม่ดีเวลาพูดถึงแผลของตัวเอง
“รถมึงไม่แรง มึงไม่เข้าใจหรอกว่ะหาว”
“ถามจริงๆพี่ รถล้มได้ยังไง”
“แมวตัดหน้า กูเลยเบรค แต่มันกะทันหันกูก็เลยล้ม”
“ทีหลังก็ขับช้าๆหน่อยนะครับ”
“กูก็ช้าแล้ว แต่กูไม่รู้ว่าแมวมันกระโจนออกมาจากไหน ถ้ากูขับเร็วจริง กูไม่เป็นแค่นี้หรอก”
“อ่าแล้วแมวเป็นไงบ้างครับ”
“ไม่เป็นไร มีแต่กูนี่แหละที่เป็น”
“ฮ่าๆไปครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นล่ะวะ”


“หอพี่อยู่ตรงไหนเหรอ” ผมถามพี่ตะวันก่อนที่จะออกรถ
“หอXXX ตรงแถวๆซอย 12”
“โหแถวๆเดียวกับผมเลยนี่ครับ”
“ก็มันถูกดี แล้วมึงอยู่แถวนี้เหมือนกันเหรอวะ”
“อ่าครับ คอนโดXXX อะครับ”
“คอนโดเดียวกับไอ้สีฝุ่นเลยนี่หว่า”
“พี่หมายถึงพี่สีฝุ่นปี 3 คณะผมเหรอครับ ถ้าเป็นพี่คนนั้นก็ใช่ครับ”
“ไอ้เหี้ยนั้นล่ะ”
“อ้อครับ”
ผมขับรถมาส่งพี่ตะวันถึงหอ เป็นหอสองชั้นลักษณะคล้ายๆห้องแถวไม่ได้เปลี่ยวอะไร ถือว่าเป็นทำเลที่ดีเลยทีเดียว
“อย่าลืมไปล้างแผลนะครับ”
“ไม่ลืมหรอก ขอบใจมึงมากๆเลยนะที่ช่วยกูวันนี้แถมแวะมาส่งด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ ทีหลังก็ดูแลตัวเองดีๆ”
“อื้มขอบใจ” พี่ตะวันพูดเสียงเบา
“งั้นผมไปแล้วนะ” พี่ตะวันลงจากรถ ผมได้ยินเสียงพี่ตะวันแทรกเข้ามามันเบามากๆ มากจนแทบไม่ได้ยิน ก่อนจะปิดประตูลงจากรถไป
“ฝันดีนะ” ผมมองพี่ตะวันอย่างไม่เข้าใจ ทำไมบอกฝันดีถึงพูดเสียงเบาขนาดนั้นกันนะ ผมเลิกสนใจพี่ตะวันแล้วขับรถออกมา และสุดท้ายผมก็ไม่ได้ไปซูปเปอร์มาร์เก็ต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 09:56:26 โดย Suneerat »

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 6
สายรหัสของผม

Love is a game that two can play and both win.

เช้าวันใหม่ผมตื่นขึ้นมาช่วง 10 โมงเช้า เนื่องจากเสียงนาฬิกาปลุก วันนี้ผมมีเรียนช่วงเที่ยงครึ่ง ลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อไปหาข้าวกินในมหาลัย
ผมขับรถมาจอดข้างๆตึกคณะ หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายข้าง ล็อกรถแล้วเดินไปหาข้าวกินในแคนทีนคณะ ผมเดินวนไปมา ตัดสินใจว่าจะกินอะไรดี สุดท้ายก็ตกลงปลงใจกับอาหารตามสั่ง ต่อแถวอยู่สักครู่ก็ถึงคิวผม
“เอากะเพราหมูไข่ดาวพิเศษจานหนึ่งครับ” ผมยืนรอสักพักก็ได้ข้าวผัดกะเพราหอมฉุ่ยมาครอบครอง
“ 35 บาทจ้าพ่อหนุ่ม” หลังจากผมรับจานกะเพรามาถือไว้ จ่ายเงินเสร็จสรรพเรียบร้อยก็เดินไปซื้อน้ำเปล่า 1 ขวดมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินไปหาที่นั่งทาน
ผมมองไปรอบๆพบว่าคนยังไม่เยอะเท่าไหร่เพราะยังไม่ถึงช่วงพักเที่ยงดี ผมเดินไปนั่งยังโต๊ะว่างมุมหนึ่งเงียบๆ หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเดิมมาเชื่อมต่อกับหูฟัง  เพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก เปิดแอพฟังใจฟังเพลงเพลินๆระหว่างทานข้าว เพลินจนไม่รู้ว่าที่นั่งข้างๆผมมีคนมาจับจองตั้งแต่เมื่อไหร่
ผมรีบกินข้าวเนื่องจากใกล้ถึงเวลาที่ตัวเองจะต้องเข้าเรียนแล้ว กินเสร็จก็คว้าขวดน้ำดื่มขึ้นมาดูด ปิดเพลง ถอดหูฟัง เก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋า ยื่นมือไปหยิบจานข้าวที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงทุ้มออกแนวกวนตีนที่เริ่มรู้สึกคุ้นหูเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้ส่วนของการได้ยินเสียก่อน
“เดี๋ยวจะรีบไปไหนวะ” ผมหันไปมองทางต้นเสียงที่ผมคิดว่าใช่เขาแน่ๆ และมันก็คือเขาจริงๆครับพี่ตะวันคนนั้น
“ไปเรียนครับ เอ่อ...พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามเขาด้วยความสงสัย
“มาทันตั้งแต่มึงเอาข้าวเข้าปากคำแรกแล้วมั้งครับ” คนตอบ ตอบด้วยรอยยิ้ม
“แล้วทำไมไม่เรียกล่ะครับ”
“ก็เห็นมึงกินข้าว ฟังเพลงท่าทางมีความสุข กูเลยไม่กล้าขัด”
“อ้อครับ”
“อะนี่” ขนมถุงใหญ่ถูกส่งมาให้ผม
“แทนคำขอบคุณเรื่องเมื่อวาน”
“หืมไม่ต้องก็ได้ครับ แล้วนี่แผลเป็นยังไงบ้าง” ผมมองตามตัวของพี่ตะวัน แล้วจึงเอ่ยถามออกไป พอใส่ชุดนักศึกษาแล้วเหมือนเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นเลย
“ไม่ได้เป็นไรมาก รับไปเถอะกูซื้อมาแล้ว”
“งั้นขอบคุณครับ แล้วรถพี่พัง มาเรียนยังไงครับ”
“อ้อกูติดรถฟ้าใหม่มาน่ะ พอดีอยู่หอเดียวกัน”
“อ่าครับ งั้นผมไปแล้วนะเดี๋ยวสาย” ผมรีบพูดตัดบท ไม่งั้นจะได้สายจริงๆ
“อื้ม ไปสิ”
ผมรีบเดินออกจากแคนทีนเดินเข้าคณะ เดินหาห้องเรียนตามรหัสห้อง ที่ตอนแรกโคตรงง แต่ตอนนี้ชินแล้วล่ะครับ สักพักก็มาถึงห้องเรียน เปิดประตูเข้ามาสอดสายตาหาพวกไอดิน เมื่อเจอผมก็รีบเดินเข้าไปหาทันที พวกมันจองที่นั่งไว้ให้แล้วครับ ห้องนี้เป็นห้องแบบสโลป กลุ่มของเพื่อนๆของผมเลือกที่นั่งตรงกลางห้อง ผมนั่งลงตรงกลางระหว่างไอดินกับอิฐ ส่วนจันทร์เอ๋ยนั่งถัดจากอิฐ วิชานี้เป็นวิชาเรียนรวมของคณะที่ปี 1 ต้องเรียน
“ทำไมมาช้าจังวะ” อิฐถามขึ้นระหว่างที่ผมกำลังหยิบสมุดจด ปากกา จากกระเป๋าสะพาย ขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“ไปกินข้าวที่แคนทีนมาว่ะ” ผมตอบ มันพลางพยักหน้าเข้าใจ
“ทีหลังบอกพวกกูก็ได้ เดี๋ยวมากินเป็นเพื่อน มึงนั่งคนเดียวไม่เหงาเหรอวะ” ความจริงก็ไม่ได้เหงาหรอก อีกอย่างก็ไม่ได้นั่งคนเดียวด้วย ผมคิดในใจแต่ก็ไม่ได้ตอบอิฐไป อีกอย่างทุกคนก็มีแฟนหมดเลย ผมก็เกรงใจเป็นนะเว้ย
“เฮ้ยไม่เป็นไรขอบใจมากเว้ย”
“มีอะไรก็บอกพวกกู ไม่ต้องเกรงใจล่ะ” ผมพยักหน้ารับไอดิน
“ใจมากเว้ย” ผมเอามือตบไหล่ไอดินเบาๆ
“แล้วนี่ซื้อขนมมาทำไมเยอะแยะ เลี้ยงพวกกูเหรอ”
“เปล่าๆ พี่ตะวันให้มา กินไหมกูกินไม่หมดอยู่แล้ว”
“หืมพี่ตะวันเนี่ยนะหาว” ไอดินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดูไม่เชื่อสักเท่าไหร่
“ใช่ พอดีเมื่อวานเราช่วยพี่เขาจากอุบัติเหตุ เขาเลยซื้อขนมมาขอบคุณน่ะ”
 “ทีกับไอดินกับจันทร์เอ๋ยนะ ‘เรา’ ตลอด ทีกับกูนะ ‘มึง’ ตลอดเหมือนกัน ไหนล่ะความยุติธรรม”
“อะไรวะอิฐ สรุปมึงจะกินไหม”
“กินดิ ของกินอิฐไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้วครับ อะจันทร์เอ๋ยเลือกดิ๊”
“ขอบใจนะหาว ดินเอาไหม”
“ฮ่าๆเอาเลยจันทร์เอ๋ย”
ไม่นานอาจารย์ประจำวิชาก็เข้าคลาส คลาสนี้เป็นวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน  ซึ่งผมก็หนีภาษาอังกฤษไม่พ้นเสียที หวังว่าวิชานี้จะไม่ไปเน้นแกรมม่าที่เรียนมาตั้งแต่ประถมนะครับ แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับรายวิชา ผมก็จดไปตามเรื่องล่ะครับ ต่อให้เบื่อแค่ไหนก็ต้องเรียนอยู่ดี
จนหมดเวลาพวกผมก็เก็บข้าวของเดินมาที่ลานกิจกรรมของคณะเพื่อรับน้องช่วงเย็น ระหว่างเดินก็มีคนโทรเข้ามา ผมกดรับสาย
Rrrrrrrr~
“สวัสดีครับ”
[คุณหาวใช่ไหมครับ พอดีทางร้านจะแจ้งว่ารถซ่อมเสร็จแล้ว สามารถมารับได้เลย]
“อ่าครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งกับเจ้าของให้นะครับ”
[ขอบคุณที่ใช้บริการนะครับ]
“ขอบคุณเหมือนกันครับ”

วันนี้เป็นวันจับสายรหัสและคัดเลือกตัวแทนนักศึกษาที่จะเป็นตัวแทนในการประกวดนักศึกษาต้นแบบเดือนหน้า การประกวดนักศึกษาต้นแบบเป็นการคัดเลือกบุคคลที่จะเป็นแบบอย่างของนักศึกษาคนอื่นตลอดปีการศึกษานั้นๆ การประกวดก็คล้ายๆกับการประกวดดาวเดือนของมหาลัยอื่นนั่นแหละครับ แค่เปลี่ยนชื่อเฉยๆ จะเน้นคนที่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีกับคนอื่นได้ คนที่มีบุคลิกภาพที่ดี แต่งกายถูกระเบียบอะไรประมาณนั้น  ซึ่งกิจกรรมแรกในวันนี้ก็คือกิจกรรมคัดเลือกตัวแทนประกวดนักศึกษาต้นแบบ
“วันนี้เรามาคัดเลือกตัวแทนประกวดนักศึกษาต้นแบบกันก่อนนะคะ น้องๆเสนอชื่อเพื่อนๆที่คิดว่าเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ิ ขอผู้หญิง 3 คน ผู้ชาย 3 คนแล้วเราค่อยมาตัดสินกันอีกรอบ” เสียงพี่แนนทำหน้าที่เป็นคนพูดชี้แจง
“เสนอชื่อเพื่อนมาได้เลยนะคะ เอาฝั่งน้องผู้ชายก่อนแล้วกันนะ” พวกผมมองหน้ากันไปมา
“หาวค่ะพี่” อยู่ๆสาวน้อยเสียงใสคนหนึ่งก็ยกมือขึ้นตอบ เฮ้ผมเนี่ยนะ
“น้องหาวลุกขึ้นมาด้านหน้าครับ” เสียงพี่อาร์มเรียกผมไปด้านหน้า ผมไม่อยากเป็นเลยจริงๆ ถ้าเป็นผมก็ต้องไปช่วยงานมหาลัย แถมยังต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีของเพื่อนๆคนอื่นอีก เพื่อนในคณะเริ่มจ้องมองผมเป็นตาเดียวเพราะผมไม่ลุกไปเสียที ผมมองหน้าไอดินเพราะมันหันหน้ามามองผม วันนี้มันนั่งข้างหน้าผมครับ มันก็ได้แต่ยิ้มแหยๆให้แล้วกำมือยกขึ้นลงเบาๆเชิงบอกว่าสู้ๆนะ กดดันฉิบหาย สุดท้ายผมก็ต้องลุกออกไปจนได้
ในฝั่งของผู้หญิงก็มีสาวสวยผิวแทนหน้าคมอย่างใบตอง สาวน่ารักอย่างกอหญ้า สาวสวยผิวขาวใสอย่างเส้นด้าย เป็นสามคนที่ลุคฉีกกันมากครับ ฝั่งของผู้ชายก็มีผมที่ออกแนวอะไรก็ไม่รู้  หินที่หล่อแบบหนุ่มไทยแท้ๆหน้าคม ผิวสีน้ำผึ้ง เจมส์ที่เป็นลูกครึ่งอังกฤษที่ดึงแต่ส่วนดีๆของแต่ละประเทศมาไว้ที่ตัวเอง สุดท้ายก็มีแต่คนที่หน้าตาดีๆที่ถูกเลือกมาทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรอวะ
“ทุกคนที่อยู่ข้างหน้านี้ ทุกคนมีคุณสมบัติที่ดีสำหรับการเป็นนักศึกษาต้นแบบทั้งหมด ดูจากหน้าตา บุคลิกภาพอย่างเดียวพี่ว่ามันเลือกไม่ได้หรอก ต้องดูที่ความสามารถด้วย พี่ๆประชุมกันแล้วว่าจะให้น้องแต่ละคนไปคิดความสามารถพิเศษมาโชว์ให้พวกเราดูในวันพรุ่งนี้นะคะ สู้ๆนะคะเด็กๆ”
“ครับ/ค่ะ”
“แต่หนูคิดว่าไม่น่าจะทันนะคะ” เส้นด้ายยกมือขึ้นค้าน
“ทันสิคะ ถ้าน้องมีความสามารถมากพอ”
 “เอาเถอะค่ะ น้องๆกลับไปนั่งที่ได้ ต่อไปเป็นกิจกรรมจับสายรหัสนะคะ” พี่แนนพูดกับพวกผมแล้วหันไปพูดกับเพื่อนในคณะ
“ให้น้องเรียงออกมาทีละแถวนะครับ ก่อนจับให้แนะนำชื่อตัวเองดังๆ แบบที่พี่เคยสอน แล้วจับใบกระดาษขึ้นมา 1 อัน ย้ำนะคะแค่อันเดียว จากนั้นให้น้องอ่านชื่อสายรหัสที่ตัวเองได้ดังๆ ทราบไม่ทราบ”
“ทราบ ครับ/ค่ะ” ผมเดินกลับมานั่งที่เดิม รอให้เพื่อนแถวแรกลุกไปก่อน วันนี้ผมนั่งอยู่แถวที่ 2 ครับ จริงๆพวกผมก็อยู่แถวที่ 2 กันทั้งแก๊งนั่นแหละครับ
ตอนนี้แถวผมเริ่มขยับแล้ว คนแรกที่จับเลยคืออิฐ ตามด้วยจันทร์เอ๋ย ตอนนี้ถึงไอดินแล้วครับ
“สวัสดีครับน้องชื่อนายนันธวัตร เมฆหิรัญ ชื่อเล่นชื่อไอดิน เกิดวันที่ 24 เดือนเมษายน พศ. 25XX ขออนุญาตจับสายรหัสครับ” ไอดินล้วงมือลงไปในกล่อง จัดการคลี่กระดาษดู แล้วอ่านขึ้นเสียงดัง
“สายรหัสที่ได้ ‘ถึงตัวจะเล็กแต่นมพี่ไม่เล็กนะคะ’ ขอบคุณครับ” เสียงกรี๊ดของรุ่นพี่ดังสนั่นเลยทีเดียวครับ เอาล่ะถึงตาผม
“คนต่อไปมาเลยจ้า” ผมเดินก้าวไปข้างหน้าหยุดอยู่ตรงหน้าพี่ที่ถือกล่อง เตรียมยกมือขึ้นไหว้ กำลังจะอ้าปาก
“น้องคนนั้นน่ะ  ให้จับคนสุดท้าย” เสียงพี่สีฝุ่นประธานรุ่นปี 3 ที่อยู่คอนโดเดียวกับผมดังขึ้น อ้าวอะไรของพี่มึงวะ
“ทำไมต้องให้น้องจับคนสุดท้ายด้วยล่ะคะ” เสียงพี่แนนถามขึ้น
“ผมสั่งอะไรพวกคุณก็ทำตามไปเถอะ หรือคุณไม่เชื่อผม” ในหัวผมตอนนี้มีแต่คำว่าอะไรว๊า กูงง กูตามไม่ทัน ไหนไม่มีโซตัสแล้วไงครับ
“ไม่ใช่ค่ะ/ไม่ใช่ครับ” แล้วคนต่อไปก็จับสายรหัสไปเรื่อยๆ ผมเบื่อแล้วเบื่ออีกก็ไม่ถึงผมสักที สอดสายตาไปรอบๆ ก็เห็นพี่ตะวันที่ไม่รู้ว่ามาทำไมอะไรที่นี่
หลังจากคนรองสุดท้ายจับสายรหัสเสร็จ ก็ถึงคิวผมแล้วครับ ผมก้าวเดินไปยังพี่คนที่ถือกล่องอยู่ ทำท่าจะยกมือไหว้
“เดี๋ยวครับ สายรหัสพี่ยังไม่ได้ใส่สลากลงไปเลย พอดีพี่ลืมน่ะ ไอ้เอสมึงเอาฉลากไปใส่ได้แล้ว” พี่ประธานรุ่นคนเดิมคนดีกล่าวขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว พูดเสร็จก็พยักพเยิดให้พี่ผู้ชายตัวเล็กๆที่เขียนชื่อให้ผมตอนเข้าคณะวันแรกที่ชื่อเอสเอากระดาษไปใส่ เออดีเนอะผมยังไม่ได้จับสายรหัส ไม่ต้องตามหาก็รู้แล้วว่าสายรหัสตัวเองเป็นใคร พี่มึงจะบ้าเรอะ
“เอ่อพี่สีฝุ่นครับ ผมว่ามันไม่ถูกนะครับ”
“ไม่ถูกตรงไหนครับ หรือว่าคุณอยากจะเริ่มจับใหม่ทั้งหมด ก็ได้นะ ถ้าคุณไม่กลัวเสียเวลา พี่ๆน้องคุณเสียความรู้สึกก็เอาเลยครับ”
“งั้นตามใจเลยครับพี่ น้องหาวมาจับสายรหัสได้”
“เอ่อครับ” คือนี่ผมก็ยังต้องจับอีกสินะ
“สวัสดีครับน้องชื่อนายปาณชัย ชิษณุพงษ์พัฒน์ ชื่อเล่นชื่อหาว เกิดวันที่ 14 ธันวาคม พศ.25XX ขออนุญาตจับสายรหัสครับ” สุดท้ายผมก็ได้กระดาษแผ่นนั้นมาครอบครอง ไม่มีใครกล้าถาม กล้าคัดค้านเพราะจะให้ทุกคนมาจับใหม่ก็เสียเวลา ชื่อสายรหัสก็
'ฝนตกปรอยกรกนกคนตลกชวนดวงกมลคนผอมรอชวนภมรดมดอมดอกขจรสองคนชอบจอดรถตรงตรอกยอมทนอดนอนอดกรนรอยลภมรดมดอกหอมบนขอนตรงคลองมอญลมบนหวนสอบจนปรอยจนปอยผมปรกคอสองสมรสมพรคนจรพบสองอรชรสมพรปองสองสมรยอมลงคลองลอยคอมองสองอรชรมองอกมองคอมองผมมองจนสองคนฉงนสมพรบอกชวนสองคนถอนสมอลงชลลองสองหนสองอรชรถอยหลบสมพรวอนจนพลพรรคสดสวยหมดสนกรกนกชวนดวงกมลชงนมผงรอชมภมรบนดอนตรงจอมปลวกพรรคพวกบนดอน’

สาบานเถอะว่านี้ชื่อสายรหัส นี่ผมจะต้องอ่านประโยคนี้จริงๆเหรอวะ ให้ตายเถอะภาษาไทยผมก็ใช่ว่าจะแข็งแรง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 09:56:51 โดย Suneerat »

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 7
บ้านพี่เลี้ยงช้างด้วยเหรอ

Lazy it can win everything.

หลังจากผมเรียกเสียงฮาไปชุดใหญ่ เพราะอ่านไม่ถูกสักที จนรุ่นพี่ยอมแพ้ให้ผมเลิกพูดได้ กิจกรรมของวันนี้สิ้นสุดลง ผมเห็นพี่ตะวันยืนอยู่กับพี่สีฝุ่น ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ตะวันถึงมาอยู่ที่คณะผมได้เหมือนกัน ผมตัดสินใจเดินไปบอกพี่ตะวัน แทนที่จะทักแชทเฟสบุ๊กไปบอกอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก เรื่องรถที่สามารถไปรับได้แล้ว
“พี่ตะวันครับ”
“ชื่อสายรหัสเท่ดีนะ”
“พี่ก็ล้อผมด้วยอีกคนเหรอครับเนี่ย” โดนพวกไอ้อิฐแซวมาหนักละด้วย
“ฮ่าๆ ว่าแต่มีอะไร”
“ผมจะบอกว่า เมื่อบ่ายช่างโทรมาแจ้งว่ารถเสร็จแล้วนะครับ สามารถไปรับรถได้เลย”
“ขอบใจมาก สีฝุ่นเดี่ยวมึงพากูไปเอารถหน่อยดิ”
“ได้ๆ”
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวจะรีบไปไหน” ผมหันไปมองพี่สีฝุ่นที่เอามือมาจับไหล่ผมไว้ ผมหันไปประจันหน้ากับพี่สีฝุ่น
“ไม่คิดจะทักทายกูหน่อยเหรอ”
“อ่าสวัสดีครับ”
“พี่สีฝุ่นครับ ผมถามจริงๆนะพี่แกล้งผมทำไม พี่ล็อกสายรหัสผมไม่ว่า แต่พี่ให้ผมอ่านประโยคนั้น จิตใจทำด้วยอะไรวะ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ใครล็อกสายรหัส มึงมั่วแล้วไอ้หาว กูแค่ลืมใส่ลงไปเฉยๆ”
“อ่าครับ” ไม่ได้ล็อกจริงๆเหรอวะ บอกตามตรงผมไม่ค่อยเชื่อเลย
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้นล่ะ ว่าแต่วันนี้ไปฟิตเนสเปล่าวะ”
“น่าจะไปนะพี่”
“เออๆเจอกัน”

ผมตื่นมาเช้านี้ด้วยสภาพไม่ปกติสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อคืนพี่สีฝุ่นชวนผมเล่นเกม พวกผมสองคนเลยพากันมาเล่นเกมกันที่ห้องของผม กว่าพี่สีฝุ่นจะกลับไป กว่าจะได้นอนก็ดึกมากแล้ว ผมงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงนอนเพราะเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือที่ถูกตั้งเสียงดังจนสุด กำลังแผดเสียงดังลั่นห้อง ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เกือบสาย ผมไม่ลืมที่จะหยิบฟีเนียสลูกรักติดมือมาด้วย ฟีเนียสเป็นกีตาร์  Taylor 814ce ที่พ่อกับแม่ซื้อให้ตอนวันเกิด   Taylor เป็นหนึ่งในยี่ห้อกีตาร์ที่ผมอยากจะมีไว้ในครอบครองพอๆกับ Martin ของมันต้องมีจริงๆครับ ถ้าถามว่าทำไมถึงต้องชื่อฟีเนียส ฟีเนียสเป็นหนึ่งในตัวเอกในการ์ตูนโซนอเมริกาเรื่องฟีเนียสกับเฟิร์บ  เป็นการ์ตูนที่ผมชอบดูสมัยประถม เพลงประกอบก็โคตรเท่ ผมชอบฟีเนียสเพราะเป็นตัวการ์ตูนที่มีหัวทรงสามเหลี่ยมอย่างเฟี้ยว พอได้กีตาร์ที่อยากได้มา ผมก็เลยตั้งชื่อว่าฟีเนียสนั่นล่ะครับ ด้วยความที่ผมค้อนข้างชอบการ์ตูนเรื่องฟีเนียสกับเฟิร์บ กีตาร์อีกตัวหนึ่งที่อยู่ที่บ้านซึ่งได้มาทีหลังตอนไปเล่นเอ็มวีให้เฮียเหินอย่าง Martin D-28 ชื่อก็ต้องเป็นการ์ตูนในเรื่องที่ผมชอบมากที่สุดอีกตัวหนึ่งอย่างเฟิร์บสิครับ
ผมเอาฟีเนียสไว้ในรถ ไปเรียนด้วยสภาพไม่เต็มร้อยสักเท่าไหร่ สุดท้ายผมก็เผลอหลับไปจนต้องขอยืมเลคเชอร์ของไอดินมาลอก
เมื่อถึงเวลาคัดเลือกนักศึกษาต้นแบบ ผมขอแยกตัวออกมาหยิบฟีเนียสลูกรัก วันนี้ล่ะครับที่ผมจะพาฟีเนียสมาเปิดตัว
กิจกรรมถูกจัดขึ้นแบบง่ายๆที่ลานกิจกรรมคณะนั่นแหละครับ ผมถือฟีเนียสเดินไปที่พวกตัวแทนนั่งอยู่
พี่คนหนึ่งในคณะถือสลากมาสองชุด ให้พวกผมจับแยกชายหญิง ผมได้หมายเลขสาม เจมส์ได้หมายเลขหนึ่ง ส่วนหินได้หมายเลขสอง
หลังจากนั่งได้ไม่นานก็ถูกเรียกออกไปด้านหน้าพร้อมผู้ถูกเลือกอีก 5 คนที่เหลือ รุ่นพี่ให้พวกผมแนะนำตัวทีละคน จนครบทุกคน
“เริ่มที่ฝั่งผู้หญิงหรือผู้ชายก่อนดีเอ๋ย” พี่แนนคนโหดคนเดิมถามเพื่อนๆในคณะ
“ผู้ชายค่าาาา/ผู้หญิงค่าบบบ” เสียงประสานของเพื่อนๆผู้หญิงและไม่ใช่อีกนิดหน่อย
“งั้นเรามาเริ่มกันที่น้องผู้ชายกันก่อนเลยนะครับพี่แนน” เสียงประสานของเพื่อนๆผู้ชายที่มีไม่เยอะเท่าผู้หญิง ก็แพ้ไปสิครับ
“ดีเลยค่ะพี่อาม พี่แนนอยากรู้แย่แล้วว่าเวลาแค่คืนเดียว น้องๆจะมาโชว์อะไรกัน”
“นั้นสิครับพี่แนน”
“มาเริ่มที่น้องคนแรกตามที่เราจับฉลากกันก่อนเลยนะครับ”
“ขอเชิญพบกับน้องเจมส์ กันก่อนเลย” เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดดังสนั่น พวกผมที่เหลือจึงเดินกลับไปที่หลังเวที
การแสดงเริ่มจากการเต้นบีบอยของเจมส์ สเต็ปมันเทพมากครับ ตามจริงผมก็ดูไม่เป็นเท่าไหร่หรอก แต่ก็พอรู้ว่ามันเทพมาก ผมอดคิดในใจไม่ได้ว่ามันมีกระดูกหรือเปล่า การแสดงของเจมส์จบไปแล้ว เรียกเสียงกรี๊ดดังกึกก้องไปทั่วคณะ แน่นอนล่ะครับก็มันเท่ซะขนาดนั้น
ตามด้วยการแสดงของหิน มันมาในชุด กางเกงมวย เสื้อกล้ามสีขาว โชว์มัดกล้ามอย่างคนออกกำลังกาย คือคุณมึงต้องจัดเต็มขนาดนี้ไหมวะครับ มาในชุดนักมวยขนาดนี้ แน่นอนครับมันมารำมวยไทย ทั้งดูอ่อนช้อยแต่ก็ดูแข็งแรงจนละสายตาไม่ได้เลย อื้มผมกลับตอนนี้เลยได้ไหมวะครับ การแสดงของหินจบลง เรียกเสียงกรี๊ดได้ไม่ต่างจากเจมส์เลย เอาล่ะถึงคิวผมแล้วครับ
“ต่อไปเป็นผู้เข้าประกวดหมายเลขสาม เชิญน้องหาวเลยครับ”
ผมเดินถือฟีเนียสลูกรักออกมาด้านหน้า
“กรี๊ดดดดด”
“สวัสดีครับผมหาว นายปาณชัย ชิษณุพงษ์พัฒน์ครับ วันนี้ผมจะออกมาโชว์ร้องเพลง เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ”

ผมเริ่มเกากีตาร์ในทำนองคุ้นหูด้วยความเคยชิน มีบางคนที่จำจังหวะเพลงนี้ได้เริ่มทำหน้าประหลาดใจ

“ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง
 น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า”

ทุกคนเริ่มทำหน้าตกใจ บางคนเริ่มโห่แซว บางคนก็เริ่มปรบมือให้จังหวะ บ้างก็ร้องตาม ผมมองการกระทำของทุกคนแล้วร้องท่อนต่อไป
                                     
“ช้างมันตัวโตไม่เบา
จมูกยาวยาวเรียกว่างวง
มีเขี้ยวใต้งวงเรียกว่างา
มีหู มีตา หางยาว”

   คนที่ร้องได้ช่วยผมร้อง จากเสียงโห่แซวกลายเป็นช่วยปรบมือให้จังหวะ

“ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง
น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า
ช้างมันตัวโตไม่เบา
จมูกยาวยาวเรียกว่างวง
มีเขี้ยวใต้งวงเรียกว่างา
มีหู มีตา หางยาว

ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง
น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า
ช้างมันตัวโตไม่เบา
จมูกยาวยาวเรียกว่างวง
มีเขี้ยวใต้งวงเรียกว่างา
มีหู มีตา หางยาว”

*เพลงช้าง

“ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันร้องนะครับ”
“กรี๊ดดดดด”
ผมกล่าวขอบคุณเมื่อร้องจบเพลง เรียกทั้งเสียงกรี๊ด เสียงโห่แซวและเสียงปรบมือดังสนั่น ไม่ว่าเด็กยุคไหนต้องรู้จักเพลงนี้จริงๆนะครับ

“โอ้ยกูชอบ” เสียงโหวกเหวกโวยวายปนขำจากด้านหลัง ผมมองไปยังต้นเหตุของเสียง ลุงรหัสของผมเองครับ ผมยิ้มแก้เก้อไปหนึ่งที พลางยกมือที่ว่างจับท้ายทอยตัวเอง
ความจริงผมอยากโดดรับน้องวันนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนไร้ความรับผิดชอบ ถ้าผมจะซวยได้เป็นเพราะร้องเพลงนี้ล่ะก็นะ
“แหมไม่ค่อยเลยนะคะพี่สีฝุ่น ต่อไปเป็นฝั่งของผู้หญิงกันแล้วนะคะ” เสียงพี่แนนแซวพี่สีฝุ่น ตามด้วยหันไปคุยกับเพื่อนในคณะ
ผมเดินกลับไปนั่งทีเดิม
“น่ารักดีนะ” ใบตองที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมาพูดกับผม
“ขอบคุณครับ” ผมพูดกับใบตอง แล้วเธอก็ถูกรุ่นพี่เรียกไปเพราะว่าถึงคิวของเธอต้องแสดง
“มึงคิดได้ไง กูไม่เคยเห็นใครร้องเพลงช้างได้หน้านิ่งเท่ามึงมาก่อนเลย ฮ่าๆกูชอบ” ผมหันไปหาเจมส์ที่พูดขึ้นมา
“ขอบคุณครับ”
“มึงคิดไงถึงร้องเพลงนี้วะ”
“ไม่ได้คิดอะไร”
“นายไม่อยากเป็นเหรอ” ผมสบตากับหิน แล้วตอบออกไป
“ถ้าตอบตามตรงก็ใช่”
“แล้วถ้านายได้ขึ้นมาจะทำยังไง”
“แกล้งตาย” เจมส์กับหินอยู่ๆก็หัวเราะออกมา
“นายนี่ตลกดีนะ ตลกหน้าตายสัดๆ”
“นายจะแกล้งตายจริงดิ” หินพูดหลังจากเจมส์พูดจบ
“ผมล้อเล่นน่ะ”
   
พวกผมคุยกันบ้างแต่ก็หันไปสนใจโชว์ของสาวๆเสียมากกว่า ในฝั่งของพวกผู้หญิง ใบตองเธอออกมาโชว์ร้องเพลงเหมือนผมนี่ล่ะครับ แต่เธอโชว์สกิลซะผมอับอายเลย นึกว่าแก้ม วิชญาณีมาเอง กอหญ้ามาโคฟเวอร์เกาหลีแบบท่าโคตรเป๊ะ เธอบอกว่าเธอมีกลุ่มที่แข่งโคฟเวอร์ด้วยกันอยู่ ส่วนเส้นด้ายเธอออกมาโชว์เล่นโยคะ เธอบอกว่าเธอนึกไม่ออกว่าจะโชว์อะไรดี ช่วงนี้เธอเรียนโยคะอยู่  ก็เลยโชว์เล่นโยคะซะเลย
“ต่อไปเป็นการตอบคำถามเพื่อวัดไหวพริบ กันนะครับ เชิญน้องหินคนแรกเลยครับ” เสียงพี่อาร์มเรียกหินออกไปด้านหน้า
“สำหรับคำถามที่น้องหินได้นะคะ น้องคิดอย่างไรเกี่ยวกับการที่มหาลัยเปลี่ยนจากการประกวดดาวเดือน มาเป็นการประกวดนักศึกษาต้นแบบแทน แล้วน้องคิดว่าตัวเองเหมาะสมสำหรับการเป็นตัวแทนของคณะที่จะไปประกวดนักศึกษาต้นแบบหรือไม่คะ” หินทำหน้าคิดอยู่สักครู่ ก่อนจะตอบคำถามออกมา
“ผมคิดว่าการที่มหาลัยเปลี่ยนจากการประกวดดาวเดือน มาเป็นนักศึกษาต้นแบบแทน เป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว ผมมองว่าคนที่จะมาเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นได้จะต้องมีบุคลิกภาพ ความสามารถ ที่ดีด้วย ไม่ใช่มีดีแค่เพียงหน้าตา ผมเลยคิดว่าชื่อการประกวดนักศึกษาต้นแบบนี่แหละเหมาะสมแล้วครับ” ถ้าเป็นผม ผมคงตอบว่า ก็แค่เปลี่ยนชื่อไม่ใช่เหรอวะ “ส่วนอีกคำถาม ผมคิดว่าผมเหมาะสมกับตำแหน่งนี้นะครับ ถึงผมจะไม่ได้หน้าตาดีมากๆแบบเพื่อนอีกสองคนที่เหลือ แต่ผมคิดว่าผมจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่นได้อย่างแน่นอน ขอบคุณครับ”
การตอบคำถามผ่านไปเรื่อยๆ สลับระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย จนถึงคิวของผม ผมเดินไปด้านหน้า พี่อาร์มส่งซองกระดาษคำถาม 2 อันที่เหลือมาให้ผมเลือก ผมหยิบซองกระดาษคำถามขึ้นมา 1 อันส่งให้พี่อาร์ม
“คำถามนะคะ น้องคิดอย่างไรกับความไม่เท่าเทียมกันของคนที่หน้าตาดีกับคนที่หน้าตาไม่ดีคะ ”  ผมตอบคำถามออกไปโดยไม่ต้องคิด
“ผมมองว่ามันก็ไม่เท่าเทียมกันจริงๆนั่นล่ะครับ แต่คนแพ้ไม่ควรร้องงอแงหาความเท่าเทียม แทนที่จะเอาเวลานั้นไปพัฒนาตัวเองนะครับ” เพราะผมเคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทุกคนดูอึ้งกับคำตอบของผม ผมตอบอะไรผิดไปเหรอครับ

ผลออกมาทำให้ผมโล่งใจอย่างประหลาด เป็นหินที่ถูกเลือกเป็นตัวแทนนักศึกษาต้นแบบคณะ และแน่นอนในฝั่งของผู้หญิง แก้ม วิชญาณีชนะไป ล้อเล่นครับ ใบตองสาวสวยผิวแทนนั่นเอง
 
ตอนนี้กิจกรรมเลิกแล้วครับ ผมเดินไปหาเพื่อนๆที่รวมกลุ่มอยู่กับพวกพี่ตะวัน  ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมพี่มันถึงมาคณะผมอีกแล้ว
“ไงมึง กูคิดไม่ถึงจริงๆว่ามึงจะร้องเพลงนี้ ฟังแล้วคิดถึงอนุบาลเลยไอ้เหี้ย” ไอ้อิฐเอามือมาผลักไหล่ผมเบาๆ
“คิดถึงแล้วง่วงเนอะ อยากนอนกลางวัน” อื้มผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
“มุกเหี้ยอะไรมึงเนี่ยไอ้ดิน”
“เรื่องของกู หาวร้องเพลงน่ารักดีเราชอบนะ เราถ่ายคลิปไว้ด้วยล่ะ” ไอดินพูดขึ้น หืม..ถ่ายคลิปไว้ด้วย
“ไอดินลงเฟสเลย” จันทร์เอ๋ยพูดขึ้น ผมหันไปมองเธอ
“เดี๋ยวกลับไป เราขอลงนะหาว” ไอดินพูดด้วยรอยยิ้ม ผมยิ้มให้ไอดินไม่ได้พูดอะไรตอบไป
“หลานรหัสที่น่ารัก ลุงรหัสกับพี่รหัสปลื้มมากเลย ร้องเพลงช้างได้หน้านิ่งสัดๆ กวนตีนดีกูชอบ วันนี้ไปแดกเหล้ากันเปล่า” อื้มหาคนหารค่าเหล้าสินะ ผมอ้าปากกำลังจะปฏิเสธ
“มึงมีงานค้างอยู่ไม่ใช่เหรอสีฝุ่น” ทุกสายตาหันไปมองพี่ตะวัน อะไรของพี่มันวะได้ข่าวอยู่กันคนละสาขา แถมพรุ่งนี้วันเสาร์
“ห่าอะไรของมึงเนี่ยไอ้ตะวัน งานค้างห่าอะไรมึง” พี่สีฝุ่นหันไปถามพี่ตะวันที่นั่งอยู่ข้างๆ พี่สีฝุ่นก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
“เอ่อ...มึงไม่ต้องไปแล้วไอ้หาว เนี่ยกูลืมว่ามีงานค้างอยู่” อะไรของพี่สีฝุ่นมันวะครับ
“มองอะไรแบบนั้นวะไอ้หาว ไปๆแยกย้ายกันกลับหอ” เปลี่ยนเรื่องตลอดเลย น่าสงสัยชะมัด แต่ช่างเถอะถึงเวลาที่ฟีเนียสลูกชายสุดรักต้องกลับหอแล้วครับ เนื่องจากพ่อมันง่วงและหิวข้าวมาก
“ไว้เจอกัน”
“ไว้เจอกันครับ” ตอนนี้ทุกคนแยกย้ายสลายตัวเรียบร้อย
ผมเดินมาที่รถ กดปลดล็อกกุญแจ เตรียมจะขึ้นรถ อยู่ๆก็มีเสียงคุ้นหูพูดขึ้นมาเสียก่อน ผมหันไปมองเขา
“ขอติดรถไปด้วยดิ” เป็นพี่ตะวันครับ
“เอ้าแล้วรถพี่ไปไหนเหรอครับ เสียอีกแล้วเหรอครับ”
“เออดิ เมื่อเช้าเลยติดรถไอ้ฟ้ามา” ผมพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วนี่พี่ฟ้าใหม่ไปไหนล่ะครับ”
“อ้อ เอ่อกูมาหาไอ้สีฝุ่นไง ว่าจะมาชวนมันไปเล่นฟุตบอล แต่พอดีมันมีงานค้าง เห็นว่ามึงไปทางเดียวกัน” แล้วพี่สีฝุ่นไม่ใช่ทางเดียวกันเหรอวะครับ
“อ่าครับ ขึ้นรถสิ” คนฟังพยักหน้ารับ ถอนหายใจเสียงดังเฮือก ก่อนจะยิ้มหน้าบานรีบวิ่งไปนั่งฝั่งข้างคนขับ เป็นคนที่แปลกคนจริงๆด้วยสินะ
ผมเปิดประตูหลังวางฟีเนียสไว้บนเบาะรถ เสร็จแล้วจึงเข้ามานั่งฝั่งคนขับ ไม่ลืมที่จะคาดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะสตาร์ทรถออกจากมอ หันไปถามพี่ตะวัน
“ไปส่งหอเลยใช่ไหมครับ”
“ไปหาไรกินก่อนกูหิว เดี๋ยวกูเลี้ยง”
“อ่าครับ แต่พี่ไม่ต้องเลี้ยงผมหรอก”
“แต่กูอยากเลี้ยง”
“แล้วจะกินอะไรดีครับ”
“ตามใจมึงเลย”
“งั้นก๋วยเตี๋ยวป้าแดงก็ได้ครับ ถูกดี แถมอร่อยด้วย”
“อ้อก๋วยเตี๋ยวป้าแดง ป้าแดงไหนวะ กูไม่เห็นรู้จัก”
“หืมร้านข้างทางธรรมดาๆน่ะครับ ไอ้อิฐแนะนำมาน่ะ เคยไปลองสองสามครั้งก็อร่อยจริง เดี๋ยวผมพาไป”
“ทำไมกูไม่รู้จักวะ อ้อเออ กูได้โทรศัพท์มาใหม่แล้ว ขอเบอร์โทรหน่อย”
“เอาไปทำไรครับ” ผมถามออกไปตรงๆเลยครับแม่ง พี่มันอึกอักนิดหน่อยก่อนจะตอบมา
“เผื่อมีธุระอะไรไง จะไม่ให้รึไง หยิ่งงี้” ผมส่ายหน้าเบาๆ ไม่ได้ตอบอะไรไป ก็แค่รุ่นพี่ที่รู้จักขอเบอร์ มึงจะคิดมากทำไมวะหาว สิ่งที่มึงคิดอยู่บางทีมึงอาจจะระแวงไปเองเว้ย นี่ผมเป็นบ้าอะไรไปวะ ผมบอกเบอร์โทรสิบหลักให้พี่ตะวัน
Rrrrrrrrrrrr ~
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น ยังไม่ทันหยิบขึ้นมารับ สายก็ตัดไปเสียก่อน
“กูโทรไปเองแหละ เมมชื่อกูไว้ด้วย” ผมพยักหน้ารับ
“ไลน์มึงนี้เพิ่มเพื่อนจากหมายเลขโทรศัพท์ใช่ไหมวะ”
“อ่าใช่ครับ” พี่มันยิ้มกว้างเลยครับ ถามจริงมีความสุขอะไรหนักหนา
ผมขับรถมาถึงร้านป้าแดง ร้านป้าแดงเป็นร้านข้างทางธรรมดาๆที่คนแน่นมากๆ
“มึงเอาไร”
“เย็นตาโฟทะเลก็ได้ครับพี่”
“อ่า”
“แล้วพี่เอาอะไรครัับ”
“เหมือนมึงนั้นล่ะ”
“ป้าครับเย็นตาโฟทะเลสอง” พี่ตะวันแกตะโกนสั่ง
“ไอ้หนูเอากระดาษจดมาเสียบตรงนี้สิ ป้าทำคนเดียว ป้าจำไม่ได้หรอก”
“อ่าผมขอโทษครับป้า” อืมคนมองทั้งร้าน พี่ตะวันจดเมนูที่จะสั่งใส่กระดาษไปเสียบที่เสียบกระดาษที่วางไว้ให้ป้าแก ผมแอบขำกับท่าทางของพี่ตะวันเล็กน้อย ก่อนผมจะลุกขึ้นไปตักน้ำในกระติกมา 2 แก้ว วางให้พี่ตะวันแก้วหนึ่ง ผมแก้วหนึ่ง ไม่นานก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟทะเลสูตรเข้มข้นก็มาวางตรงหน้า ผมที่หิวจนไส้จะขาด รีบจัดการก๋วยเตี๋ยว ไม่สนใจใครแล้วครับเวลานี้
“มึงชอบช้างเหรอ” ใครเขาชวนคุยเวลากินกัน ผมเงยหน้ามองพี่ตะวัน
“ก็ชอบนะครับ สัตว์คู่บ้านคู่เมือง” ผมตอบในขณะที่มือกำลังใช้ตะเกียบคีบเส้น
“กูก็มีช้างนะ ใหญ่ด้วย”
“หืมบ้านพี่เลี้ยงช้างด้วยเหรอครับ”
“ช่างมันเถอะ คิดว่ากูไม่ได้พูดอะไรไปจะดีกว่า”
"..."
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 09:58:17 โดย Suneerat »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: {เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿
«ตอบ #8 เมื่อ16-12-2018 15:17:55 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 8
สายแข็ง

Time does not change us,it just unfolds us.

   
หลังจากรับน้องเมื่อวานเสร็จผมก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านป้าแดงกับพี่ตะวัน  ผมกลับมาก็นอนหลับเสียเต็มที่ ตื่นอีกทีก็ช่วงเที่ยงของวันเสาร์ ไม่รู้ว่าผมหลับหรือซ้อมตายกันแน่เหมือนกัน
ตอนบ่ายฝนตกลงมาทำให้ผมไม่ได้ออกไปไหนเลย เห็นดูข่าวแล้วกรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่าช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ผมเลยทำอาหารทานเองที่ห้อง ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆ ผมนอนดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น
Rrrrrrrrrrrrr~
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาตอนที่หนังกำลังถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง ใครแม่งโทรมาตอนนี้วะ ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายด้วยความเคยชิน ในขณะที่ตายังจ้องไปที่หน้าจอทีวี
“สวัสดีครับ”
[ไอ้หาวได้กลับบ้านรึเปล่า] หืมใครวะ ผมยกโทรศัพท์ออกจากหู ละสายตาจากทีวีมาดูโทรศัพท์
“พี่สีฝุ่น! อ่าไม่ได้กลับครับ” ปกติไม่เคยโทรมานี่หว่า
[เออกูเอง เรียกซะเสียงดัง]
“ว่าแต่พี่มีอะไรรึเปล่าครับ”
[เดี๋ยวกูไปหาที่ห้อง]
“เอ่อ… ครับ”
[เออๆ แค่นี้ล่ะเดี๋ยวกูขึ้นไปหา]

เสียงออดประตูดังขึ้น ผมจึงลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออก ผมก็ต้องตกใจเพราะพี่สีฝุ่นมันไม่ได้มาคนเดียว แถมในมือยังถือถุงใส่ของมาเต็ม 2 มือ
“พี่สีฝุ่นไหนบอกว่างานค้างไงครับ”
“เหี้ยอะไรหาว ค้างเคิ้งอะไรตั้งแต่เมื่อวานเสร็จหมดแล้ว ใจคอมึงจะไม่ช่วยกูถือเลยใช่ป้ะ” ผมรับถุงที่พี่สีฝุ่นใส่มือมาอย่างงงๆ พี่สีฝุ่นแทรกตัวเข้ามาในห้อง ตามด้วยพี่ตะวัน
“หวัดดีน้อง” ยังมีหน้ามาสวัสดีผมอีก ตามมาด้วยไอ้อิฐ
“รบกวนด้วยนะครับมึง”
“มึงก็มาด้วยเหรอวะ มึงมาได้ไงวะ แล้วจันทร์เอ๋ยล่ะ”
“มันก็อยู่บ้านมันสิวะ พอดีกูเจอพี่สีฝุ่นกับพี่ตะวันที่ร้านสะดวกซื้อ พี่มันชวนมาแดกเหล้าห้องมึงก็เลยตามมา”
“อ้อ... เออ”
“ขอบคุณที่ให้รบกวนนะ ห้องมึงอย่างสวย”
“ไอ้หาว ไอ้อิฐมึงสองคนจะยืนคุยกันอีกนานไหมวะ ” ผมเลิกสนใจอิฐ แล้วหันไปมองพวกพี่สีฝุ่นที่ยืนอยู่ในห้องผมแล้ว
“คือพวกพี่จะมากินเหล้าห้องผม… ” ผมถามย้ำออกไปเพื่อความแน่ใจ
“ก็เออสิวะ” พี่สีฝุ่นตอบกลับมาหน้าตาเฉย ผมได้แต่พยักหน้ารับแล้วเดินไปปิดประตู
“เฮ้ยๆ กูว่าไปแดกที่ระเบียงดีกว่า ชั้น 8 วิวสวยแน่อะ ขนาดกูชั้น 6 ยังดี”
“ยุงมันจะกัดหรือเปล่าวะ” พี่ตะวันถามพี่สีฝุ่น
“ไม่หรอกกูมีนี่ กูซื้อมาจากเซเว่น สเปรย์กันยุง เห็นเขาบอกว่าดี” พี่สีฝุ่นฉีดยากันยุงให้ตัวเอง ส่งขวดสเปรย์ไปให้ทุกคน อื้มเตรียมพร้อมโคตร ผมรับมาฉีดให้ตัวเอง
ผมเดินตามพวกพี่สีฝุ่นไปที่ระเบียง พวกพี่มันจัดการเปิดม่าน เปิดประตูบานเลื่อน ออกไปนอกระเบียง ลมเย็นพัดเข้ามาปะทะหน้า บรรยากาศมืดสนิทในต่างจังหวัด ดวงจันทร์ในคืนเดือนหงายส่องแสงสว่าง ทำให้บรรยากาศเหมาะกับการดื่มเหล้าเข้าไปอีก
“ไอ้เหี้ยบรรยากาศโคตรได้ เสียดายไอ้เหี้ยเอสไม่ได้มา”
“คิดถึงมันเหรอเพื่อนสีฝุ่น มันแค่กลับบ้านเดี๋ยววันจันทร์ก็กลับมาแล้ว” พี่ตะวันพูดแซวพี่สีฝุ่นท่าทางกวนบาทา
“เหี้ยอะไรมึงไอ้ตะวัน คิดถึงพ่องมึงสิ”
“ฮ่าๆๆ”
“งั้นพวกพี่ตามสบายเลย เดี๋ยวผมมา”
“เดี๋ยวๆมึงจะไปไหน” ผมหันมองพี่ตะวันที่เรียกผม
“ผมจะไปเอาพวกแก้ว ของที่พวกพี่ต้องใช้มาให้ไงครับ”
“เดี๋ยวพวกกูไปช่วยถือ”
“ขอบคุณครับแต่คนเดียวก็น่าจะพอแล้ว” ผมตอบพี่สีฝุ่นกลับไป
ผมเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับพี่ตะวัน ที่เดินตามมาติดๆ
“เอาอะไรบ้างครับ”
“แก้ว แล้วก็จานสักสามสี่ใบ เอาไปใส่กับแกล้ม”
“อ่าครับ” ผมลื้อแก้วออกมา 4 ใบ หยิบจานตามจำนวนที่พี่ตะวันบอก
“แล้วเอาอะไรอีกไหมครับ”
“มีถังอะไรไปใส่น้ำแข็งได้มั้งวะ”
“มีแต่แบบนี้ได้ไหมครับ” ผมหยิบกะละมังแสตนเลสอเนกประสงค์ขึ้นมาให้พี่ตะวันดู เพราะที่ห้องของผมไม่มีอะไรแบบนั้น
“น่าจะได้มั้งนะ เอาๆไปเถอะ” ผมพยักหน้ารับ หยิบแก้วใส่กะละมัง เดินนำพี่ตะวันที่ถือจานตามผมมา ไปที่พวกพี่สีฝุ่น
 “มาแล้ว มาแล๊ววว” อิฐพูดตามด้วยพี่สีฝุ่น
“ทำไมไปกันนานจังวะ”
“เอ่อครับ” ผมวางของที่ไปหยิบมาวางไว้ตรงพื้น แล้วนั่งลงข้างๆอิฐ
หลังจากเตรียมของ เอากับแกล้มใส่จาน เอาน้ำแข็งใส่กะละมัง
พี่สีฝุ่นจัดการเอาแก้วใส่น้ำแข็งไปสามก้อน เทเหล้าลงไปตามด้วยโซดาเทจากที่สูงๆ โอ้โหดูก็รู้ว่าพี่สีฝุ่นน่าจะเป็นเซียนในวงเหล้า
“กูว่าเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง”
“อิฐก็ว่างั้นล่ะครับพี่สีฝุ่น”
“เออใช่ เพลงไง ขาดเสียงเพลง”
“ใช่เลยพี่สีฝุ่น”
“เปิดเพลงได้ไหมวะ คอนโดพวกมึง” พี่ตะวันถามขึ้นมา
“ได้สิ ใช่ไหมวะไอ้หาว”
“อ่าครับคอนโดมันค่อนข้างเก็บเสียง เปิดไม่ดังมากคงไม่เป็นอะไร เดี๋ยวผมไปเอา Laptop มาเปิดให้ก็ได้”
“จัดไปเพื่อน อิฐว้อนมาก”
ผมเดินเข้ามาหยิบ Laptop ในห้อง พร้อมกับลำโพง Marshall สีดำขนาดพกพา ผมจัดการเชื่อมต่อโดยการ Bluetooth ลำโพงเข้ากับ Laptop เข้ายูทูปเพื่อค้นหาเพลง
“เอาเพลงอะไรครับ”
“ต้องพี่บอยอิมเมจิ้นสิวะ บรรยากาศแบบนี้”
“อ่าครับ”
“มาๆแดกเหล้า พวกกูซื้อกับแกล้มมาเพียบ” พี่ตะวันส่งแก้วเหล้ามาให้ผม
“ขอบคุณครับพี่”
“มาเล่นเกมกันดีกว่า ไอ้สีฝุ่น ไอ้อันที่มึงเตรียมมาอยู่ไหนวะ”
“อยู่นี่ครับผม”
พี่สีฝุ่นส่งกระดาษที่ปริ้นมาจากในเน็ต ลักษณะคล้ายๆเกมส์เศรษฐี พร้อมลูกเต๋าสองลูก วางไว้กลางวง
“เกมนี้มีชื่อว่า เกมส์สายแข็ง กติกาก็ง่ายๆ ไม่เมาไม่เลิก ใครเลิกก่อนจ่ายค่าเหล้าวันนี้ทั้งหมด เบิ้ล 3 พัก 1 ตาง่ายๆแค่นี้”
“เอ่อผมด้วยเหรอครับ” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“เอ้า!ก็ต้องอยู่แล้วเปล่าวะ” ไอ้อิฐทำหน้าเอือมระอาใส่ผม
“นั่นสิ มาโอน้อยออกกัน ใครเริ่มคนแรก”
“โออะน้อยออก”
“ไอ้เหี้ยกูคนแรกเหรอวะ” พี่สีฝุ่นเป็นคนเดียวที่คว่ำมือ
“พวกมึงมาต่อๆโออะน้อยออก”
“ไอ้หาวคนที่สอง” ผมเป็นคนเดียวที่หงายมือเหมือนเดิม
“ทีนี้มึงสองคนที่ก็เป่ายิ้งฉุบ” สองคนนั้นออกเหมือนกันอยู่หลายครั้ง กว่าจะได้ผลสรุปออกมา
“ไอ้ตะวันคนที่ 3 ต่อด้วยไอ้อิฐคนสุดท้าย”
“โอเคมาเริ่มกันเลย”
“เดี๋ยวก่อนครับแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าใครถึงตรงไหนแล้ว” ผมถามออกไป เมื่อไม่เห็นว่าพี่สีฝุ่นจะเตรียมอะไรนอกจากลูกเต๋ากับกระดาษโง่ๆหนึ่งใบ
“เออว่ะ”
“ไอ้สีฝุ่น!”
“ฮ่าๆ งั้นสีฝุ่นเอาฝาโซดานี่ละกัน คนอื่นเอาอะไรก็เลือกๆเอานะ”
“งั้นผมเอาฝาเหล้า” อิฐพูดพร้อมหยิบฝาเหล้าไปวางที่จุดเริ่มต้น
พี่ตะวันเอาไม้เสียบลูกชิ้นมาหักหัวหักท้ายเป็นชิ้นเล็กๆ
“อันไม้แหลมของกู อันไม้ทู่ทั้ง 2 ฝั่งของไอ้หาว” พี่ตะวันเอาเศษไม้เล็กๆสองชิ้นไปวางข้างฝาโซดากับฝาเหล้าของไอ้อิฐที่จุดเริ่มต้น
“ขอบคุณครับพี่ตะวัน” ผมหันไปขอบคุณพี่เขา
“ทีนี้ก็ได้ครบทุกคนแล้ว มาเริ่มกันเถอะพี่”
“เออๆมึงนี้รีบจริงๆนะไอ้อิฐ” พี่สีฝุ่นส่ายหัวใส่อิฐ
“กูทอยลูกเต๋าเลยนะ”
“เออ”
พี่สีฝุ่นหยิบลูกเต๋า 2 ลูกขึ้นมาทอยพร้อมกัน หน้าที่หงายออกมาเป็น 2 และ 4
“ได้ 6 ว่ะพี่”
“กูเดินแล้วนะ 1 2 3 4 5 6 ไอ้เหี้ยยยย กลับไปที่จุดเริ่มต้น”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“โอ้ยผมขำไม่ไหวอะพี่ ทีนี้ตามึงละหาว” ผมพยักหน้ารับอิฐ หยิบลูกเต๋าทั้งสองลูกมาไว้ในมือ ก่อนจะทอยลงไปที่พื้น
“ไอ้เหี้ย 9 อย่างเยอะ”
“ผมเดินแล้วนะ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 เต้นท่าอะไรก็ได้ 1 สเต็บ เชี้ยยยยย”
“เฮ้ยไอ้หาวพูดคำหยาบ กูหูฝาดรึเปล่าวะ” ผมหันหน้าไปมองพี่สีฝุ่น แปลกตรงไหนวะครับ ส่วนพี่ตะวันนิ่งเฉยไปนิดนึงแล้วยิ้มออกมาซะงั้น
“ไม่แปลกหรอกพี่เชื่อผม อย่าได้สนิทกับมัน มันจังไร อิฐรู้อิฐเป็นมาก่อน”
“อะไรไอ้อิฐ”
“มึงไงไอ้หาว”
“พอๆ วันนี้กูจะได้ดูไอ้หาวเต้นไหมวะ”
“โหพี่ ผมเต้นไม่เป็น”
“เต้นๆไปเถอะมึง เดี๋ยวกูเลือกเพลงให้” อิฐลุกขึ้นเดินไปที่ Laptop ที่ผมเปิดเพลงไว้
“เพลงกาโวแล้วกัน พร้อมไหมไอ้หาว” อิฐเปิดเพลงขึ้นมา เพลงเชี้ยอะไรวะเนี่ย กาลิ กาลิ กาปื้อ ผมฟังไม่รู้เรื่อง เอาวะเต้นไปมั่วๆแล้วกัน
“ไม่พร้อมได้ไหมวะ”
“ไม่ได้โว้ยย เร็ว” พี่สีฝุ่นกับอิฐพูดขึ้นมาพร้อมกัน ส่วนพี่ตะวันนั่งยิ้มให้ผม
ผมเต้นออกสเต็บไปมั่วๆอย่างคนเต้นไม่เป็น
“โคตรตลกฮ่าๆๆ” พี่สีฝุ่นพูดขึ้นมาพร้อมๆกับหัวเราะ
“ผมนี่ Fc เลยครับ” อิฐพูดขึ้นมาบ้าง
“ตลกตรงไหน น่ารักจะตาย หาวพอแล้ว” ผมหยุดเต้น หันไปมองทางต้นเสียงฟ้าประทานของพี่ตะวัน
“ขอบคุณครับ”
“โหอะไรวะพี่ ว่าจะถ่ายคลิปสักหน่อย” ผมยิ้มแล้วนั่งลงตรงกลางระหว่างอิฐกับพี่ตะวัน
“หุบปากไปไอ้อิฐ ส่วนมึงไอ้หาว ไว้เดี๋ยวกูสอนเต้น”
“อ่าขอบคุณครับ”
“งู้ยยยสอนเต้นด้วยอะ”
“เหี้ยอะไรไอ้สีฝุ่น กูทอยแล้วนะ”
“ไอ้เหี้ย 5 ว่ะ”
“พูดมากจังวะสีฝุ่น กูเดินแล้วนะ 1 2 3 4 5 คนก่อนหน้าดื่มแทน 1 แก้ว”
“ห๊ะ! ผมเหรอ” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“เออมึงนั่นแหละ มาเดี๋ยวแก้วนี้พี่ชงเอง” พี่สีฝุ่นเอาน้ำแข็งใส่ไป 2 ก้อน เทเหล้าเพียวๆจนเต็ม แล้วส่งมาให้ผม ผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ รับแก้วนั้นมาถือไว้ในมือ
“หมดแก้วๆๆๆๆ” ผมกลั้นใจดื่มจนหมดแก้ว แอลกอฮอล์ทำปฏิกิริยากับร่างกาย ทำให้ผมเริ่มรู้สึกมึนๆ
“ต่อไปตาผม 11 ว่ะ ผมเดินเลยนะ 1 2  3 4 5 6 7 8 9 10 11 ได้กินกับแกล้ม 2 คำ”
“โหอะไรวะ” พี่สีฝุ่นทำหน้าเซ็งใส่อิฐ ส่วนอิฐก็ยิ้มหน้าบานเลยครับ

เกมดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผมโดนดื่มจนรู้สึกมึนหัว ง่วงว่ะผมอยากนอน
“อิฐกูง่วงว่ะ”
“ง่วงก็ไปนอนสิวะ” อิฐหันมาตอบผม
“กูลุกไม่ไหว ขอนอนหน่อยนะ”

[TAWAN PART]
“ไอ้หาว ไอ้เหี้ย มึงจะนอนตรงนี้ไม่ได้”
ผมมองเด็กหาวที่กำลังเอาหัวไปหนุนตักไอ้อิฐ
“สมแล้ว มึงแม่งมอมเหล้ามันไอ้อิฐ รับกรรมไปแล้วกัน”
“มอมเหล้าอะไรล่ะพี่สีฝุ่น ผมมอมเหล้ามันตอนไหน”
“แหมนึกว่ากูไม่เห็นเหรอ เพียวให้แม่งตลอด”
“ว๊า… ถูกจับได้ซะแล้ว ผมแค่อยากรู้ว่าคนแบบมันเมาแล้วจะเป็นยังไงเฉยๆอะ ใครจะไปคิดว่ามันเมาแล้วหลับแบบนี้ล่ะวะ ว่าแต่ผมล่ะ พี่แม่งก็เหมือนกันอะ”
“ฮ่าๆ แล้วจะเอายังไงกับแม่งดีวะ”
“เดี๋ยวกูให้มันหนุนตักแทนเอง”
“มันต้องขนาดนั้นไหมล่ะเพื่อนฮ่าๆ”
“กูบอกว่ากูจะให้มันหนุนตักแทน”
“ไม่เป็นไรพี่ ให้มันหนุนตักผมก็ได้” ผมลุกขึ้นเดินไปไอ้อิฐ
“ลุก”
“อ่าๆ เอ่อครับ” ผมเอามือประคองหัวน้องมันไว้ จากทางด้านหลัง
“ค่อยๆลุกนะเดี๋ยวหาวตื่น”
“อ่าครับ”  เมื่อไอ้อิฐมันลุกขึ้นไปแล้ว ผมค่อยแทรกตัวเข้าไป นั่งในท่าขัดสมาธิ ขยับหัวน้องมันให้นอนสบายๆ ผมลูบหัวน้องมันเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามองพวกไอ้อิฐ ไอ้สีฝุ่นที่อยู่ๆก็เงียบไป
“มึงจะเงียบกันทำไมวะ”
“ผมถามจริงนะพี่ พี่คิดอะไรกับเพื่อนผมหรือเปล่า”
“ทำไมมึงถามแบบนั้นวะ”
“ก็ ก็ การกระทำพี่แม่งชัดเจนขนาดนี้ พี่อย่าคิดว่าผมไม่สังเกตนะ ถึงผมจะเป็นเพื่อนกับมันได้ไม่นานอะ แต่ผมก็สนิทกับมัน รักมันเหมือนกันนะเว้ย ถึงมันจะดูเฉยชาไปบ้าง แต่จริงๆแล้วมันเป็นคนดีมากเลยนะพี่ คนนี้ผมขอนะพี่นะ อย่าคุยกับใครทีเดียวหลายคนเลยนะ ”
“มึงพูดจบหรือยังวะ กูไม่เคยคุยกับใครทีละหลายคน”
“พี่อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องของพี่กับพี่เสือนะ”
“เฮ้ย! ไอ้อิฐมึงพอก่อน มึงเมาแล้ว”
“ใช่เพราะผมเมาไงพี่สีฝุ่น ผมถึงได้กล้าพูดมันออกมา”
“แล้วแต่มึงจะคิด กูห้ามความคิดมึงไม่ได้อยู่แล้ว แต่มึงจำคำกูไว้ กูไม่เคยคุยกับใครอีกตั้งแต่กูเจอเพื่อนมึง”
“แล้วผมจะคอยดู”

[HAO PART]
ผมรู้สึกตัวขึ้น รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย ผมพยายามลืมตาขึ้น ทำไมผมรู้สึกตาหนักอย่างนี้วะ หรือว่าผีอำ ผมพยายามลืมตาเท่าไหร่ก็ลืมไม่ขึ้น รู้สึกเหมือนกำลังนอนบนอะไรที่แข็งๆนิ่มๆแปลกๆแต่ก็อุ่นด้วย และรู้สึกเหมือนมีคนกำลังลูบหัวผมอยู่ ใครกัน ความรู้สึกดีแปลกๆนี้มันคืออะไร
ผมพยายามลืมตาอยู่นาน จึงสามารถลืมตาได้ ผมสบตากับพี่ตะวัน ผมจ้องมองไปในดวงตาของผู้ชายที่กำลังมองผมอยู่ ดวงตาที่มีขนตาแพสวย ทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มนั้นดูน่าดึงดูดเข้าไปอีก ตึก ตัก ตึก ตัก อยู่ๆหัวใจของผมก็เต้นรัวและแรง เป็นบ้าอะไรวะเนี่ยไอ้หาว
“พี่ตะวัน” ผมอุทานขึ้นมาเสียงดังเมื่อได้สติ
“ว่า”
“เอ่อผมขอโทษครับ” ผมรีบลุกขึ้นนั่ง เอามือกุมหัวตัวเอง ทำไมแม่งมึนหัวงี้วะ
“รอกูแป๊บ”
พี่ตะวันเดินหายเข้าไปในคอนโดของผม สักพักก็เดินกลับมาในมือถือกล่องน้ำผลไม้  พร้อมกับแก้วอีก 2 ใบติดมาด้วย พี่ตะวันนั่งลงข้างๆผม เทน้ำน้ำผลไม้ใส่แก้วสองแก้ว
“กูไปรื้อตู้เย็นมึงมา เห็นมึงดูเหมือนปวดหัว อะมีวิตามินซีน่าจะช่วยได้” แก้วหนึ่งถูกยื่นมาให้ผม ส่วนอีกแก้วน่าจะเป็นของพี่ตะวันเอง
“อ่าขอบคุณครับ” ผมรับแก้วในมือพี่ตะวันมา ยกขึ้นดื่ม
“ขอบคุณอะไรน้ำก็น้ำมึง แก้วก็แก้วมึง”
“ขอบคุณที่ไปเอามาให้ก็ได้ครับ”
“เออๆแค่นี้เอง” ผมพยักหน้ารับ ผมมองไปรอบตัว ไอ้อิฐกับสีฝุ่นนอนอยู่ที่พื้น
“แล้วพี่ไม่ไปนอนเหรอครับ เอ่อ.. ผมขอโทษ”
“เฮ้ยไม่เป็นไร ทำไมมึงเป็นเด็กขี้เกรงใจงี้วะ กับกูมึงไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้นแหละ”
“จริงเหรอพี่ งั้นผมขอตบหัวพี่ทีได้ปะ”
“ทะลึ่งละมึง ถึงกูจะดูเด็กเท่ามึงแต่กูก็พี่มึงตั้ง 2 ปีเลยนะเว้ย”
“คือพี่จะด่าผมหน้าแก่”
“มึงคิดไปเองแล้วหาว”
“ฮ่าๆครับ ผมเข้าใจว่าผมหล่อ”
“เออกูไม่เถียง”
“แน่นอนครับพี่” ผมขยับตัวไปนั่งพิงพนังข้างๆพี่ตะวัน ตามองไปยังท้องฟ้า ท้องฟ้าตอนใกล้สว่างนี่มันดีชะมัด
“มึงเปลี่ยนไปมากเลยนะ” พี่ตะวันพูดออกมาเสียงเบา เบาจนผมแทบไม่ได้ยิน
“หา! ว่าไงนะครับ”
“ไม่มีอะไร”
“แต่ผมได้ยินว่าพี่ถามอะไรเปลี่ยนไปนี่ล่ะ”
“มึงหูเพี้ยนแล้วไอ้หาว”
“อ่าครับ” ผมไม่ได้ปฏิเสธพี่ตะวันออกไป เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพี่ตะวันพูดอะไรกันแน่
ผมเหม่อมองไปยังท้องฟ้า อาการมึนหัวเล็กๆของผมค่อยๆหายไป ท้องฟ้าในต่างจังหวัดนี่มันดีจริงๆ แม้ตอนบ่ายฝนจะเพิ่งตกไป แต่พอกลางคืนท้องฟ้าก็กลับมาสดใสเหมือนเดิมซะงั้น
“หาว/พี่ตะวันครับ”
“มึงมีอะไรมึงพูดก่อนเลย”
“พี่นั่นแหละพูดก่อนเลยครับ”
พี่ตะวันหันมามองหน้าผม เชิงบอกว่าพูดไม่รู้เรื่องหรือไงกูบอกให้มึงพูดก่อน โอเคผมพูดก่อนก็ได้วะ
“ผมแค่จะพูดว่า ท้องฟ้าที่นี่สวยจังนะครับ”
“อื้มสวย สวยมากๆเพราะได้ดูกับมึง”
“หา! ครับ”
 “หาว”
“คะครับ”
“ขอบคุณนะ”
“หืม”
“ไม่มีอะไรหรอก”
ตึกตัก ตึกตัก เป็นบ้าอะไรวะไอ้หาว ใจเต้นกับผู้ชายเนี่ยนะ สติโว้ยไอ้หาว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 09:58:40 โดย Suneerat »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: {เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿
«ตอบ #10 เมื่อ16-12-2018 16:01:09 »

ติดตามอ่านนะ
ป.ล. ใส่่ตอน กับวันที่หน่อยนะ

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: {เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿
«ตอบ #11 เมื่อ16-12-2018 18:42:50 »

หาวววววววใจเต้น :hao7:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: {เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿
«ตอบ #12 เมื่อ16-12-2018 23:56:31 »

ตอนจับสายรหัสนี่รู้นะว่าทำเพราะอยากได้น้องแบบเจาะจง
แต่วิธีการไม่โอเคเท่าไหร่ ถ้าเราเป็นน้องหาว จะแกล้งรับฉลากมาละฉีกทิ้ง
แล้ว walk out ไม่รับสายรหัสไปเลย สายแข็งต้องเจอสายแข็งด้วยกัน

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 9
แก้ผ้า
Things do not happen. Things are made to happen.
วันนี้เป็นวันจันทร์ อาทิตย์สุดท้ายในการรับน้องของผม ในที่สุดอิสรภาพของผมก็กำลังจะกลับมาเสียที อีกนิดเดียวเอง สู้เว้ย!ไอ้หาว
ตอนนี้เป็นช่วงเวลา free time ที่รุ่นพี่ปล่อยให้พวกผมได้ตามล่าลายเซ็น บ้างก็ตามหาสายรหัสของตัวเอง สำหรับผมที่รู้อยู่แล้วว่าสายรหัสตัวเองเป็นใคร จึงตัดสินใจว่าจะตามล่าหาลายเซ็นรุ่นพี่ต่อ เพราะผมไม่อยากถูกทำโทษเพราะผมได้ลายเซ็นน้อยกว่าเพื่อนคนอื่น จันทร์เอ๋ยแยกไปหารุ่นพี่ที่ตัวเองคิดว่าเป็นพี่รหัส ส่วนอิฐกับไอดินก็เดินตามผมมา พวกมันบอกว่าไปกับผมแล้วได้ลายเซ็นเยอะดี
“หาวมึงมานี่ดิ๊ พวกมึงทั้ง 3 คนมานี่ทั้งหมดเลย” พี่สีฝุ่นซึ่งเป็นลุงรหัสของผมนั่งอยู่กับพี่เอสพี่รหัสของผม เรียกผมขณะที่พวกผมกำลังเดินเข้าไปใกล้ๆ ผมที่อยู่กับอิฐและไอดินจึงต้องพากันเดินเข้าไปหา
“ครับ” ผมเดินไปที่พี่เอสกับพี่สีฝุ่น
“หาวมึงก็รู้ใช่ป้ะว่ากู 2 คนเป็นใคร”
“รู้ครับ”
“เออมึงก็รู้นี่ แล้วมึงไม่คิดว่าจะขอลายเซ็นพวกกูบ้างเหรอวะ”
“คิดครับ”
“เออแล้วทำไมไม่มาขอพวกกูบ้างวะ” ถ้าผมตอบไปว่า ผมคิดว่ากิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ทำให้รุ่นน้องเข้าไปทำความรู้จักกับรุ่นพี่ แล้วที่ผมไม่เข้ามาขอลายเซ็นพวกพี่มันก็เพราะว่ารู้จักกันอยู่แล้ว ผมจะโดนด่าไหมครับ
“เอ้าเงียบ”
“แล้วพวกมึง 2 คนล่ะ ไม่อยากได้ลายเซนพวกกูเหรอวะ”
“อยากได้ดิพี่ งั้นพวกผมขอลายเซ็นพวกพี่หน่อยดิ”
“อยากได้ใช่ปะไอ้อิฐ”
“ครับ”
“พวกมึงเห็นต้นไม้ต้นนั้นรึเปล่าวะ” ผมมองไปยังต้นไม้ด้านนอก ต้นที่พวกพี่มันชี้ไป
“เห็นครับ”
“พวกมึงสามคนไปล้อมต้นไม้ต้นนั้นไว้”
“ล้อมทำไมครับ” ผมถามออกไป
“กูสั่งอะไรก็ทำเถอะว่ะ จะเอาไหมลายเซ็นอะ”
“เอาครับ”
พวกผมพูดพร้อมกันแล้วเดินไปที่ต้นไม้ต้นนั้น ที่ผมไม่รู้ว่าคือต้นอะไร เป็นต้นไม้ที่ใหญ่พอสมควร มีผ้าสามสีผูกไว้ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเมื่อวานมันยังไม่มี
“เออแก้ผ้า”
“อะไรนะครับ” ผมสามคนพูดขึ้นพร้อมกัน
“กูสั่งให้แก้ผ้าไง พวกมึงจะยืนนิ่งกันอีกนานไหมวะ”
“แก้ผ้าสิวะ” ผมยืนนิ่งไม่ได้ทำอะไร อิฐปลดกระดุมไปหลายเม็ดแล้ว ส่วนไอดินยืนหน้าแดง เริ่มปลดกระดุมเม็ดแรก
“เดี๋ยวพวกมึง พี่สีฝุ่นอาจจะสั่งให้แก้ผ้าสามสีนี่ก็ได้”
“มึงจะบ้าเหรอหาว นั่นผ้าสามสีเลยนะเว้ย กูไม่เอาหรอก ผีต้นไม้ฆ่ากูตายห่าพอดี มึงก็รีบๆถอดเสื้อผ้าเถอะว่ะ”
“แต่เมื่อวานมันยังไม่มีเลยนะ”
“แต่กูว่ามี ไอดินมึงเห็นเหมือนกูใช่ไหมวะ”
“กูไม่รู้ กูไม่ได้สังเกต”
“พวกมึงจะเถียงกันอีกนานไหมวะ กูสั่งให้แก้ผ้า”
“แม่งเอ้ย”
ไอ้อิฐถอดเสื้อไปเรียบร้อยแล้วครับ เรียกเสียงกรี๊ดไปยกใหญ่ ผมไม่คิดว่าอิฐจะฟังคำสั่งของรุ่นพี่ขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่ามีคนมามุงดูพวกผมตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกัน
 “กูสั่งให้แก้ผ้าไงวะ พวกมึงฟังไม่รู้เรื่องเหรอ”
ไอ้อิฐทำท่าจะปลดกระดุมกางเกง ส่วนไอดินปลดกระดุมเสื้อจะหมดแล้ว ดีนะที่มันใส่เสื้อซับในชาย
“พวกมึงหยุดเถอะ”
ผมตัดสินใจพูดออกไป เพราะทนเห็นพวกมันแก้ผ้าตรงนี้ไม่ไหวจริงๆ พวกมันหันมามองหน้าผม ผมเดินไปใกล้ต้นไม้มากขึ้น จับผ้าสามสีไว้
“เดี๋ยว! ไอ้หาวมึงจะทำอะไร”
“นั่นสิหาว”
ผมไม่ได้ตอบอะไรพวกมันออกไป ผมมั่นใจจริงๆว่าต้นไม้ต้นนี้ไม่มีผ้าสามสีผูกอยู่จริงๆ ผมตัดสินใจแก้ผ้าสามสีออกมาถือไว้ในมือ
“เออพวกมึงเนี่ยกูบอกให้แก้ผ้าตั้งนาน ลีลาอยู่ได้ ทำดีมากหาว”
“หา! พี่หมายถึงผ้าสามสีเหรอวะ”
“เออสิวะไอ้อิฐแล้วมึงจะแก้ผ้าทำไมเนี่ย รีบใส่ซะ คนมองหมดแล้ว อุบาทว์ตาฉิบหาย มึงด้วยไอดินรีบใส่ซะ”
ไอดินกับไอ้อิฐรีบใส่เสื้อ เขินหน้าแดงกันหมด มันคงอายน่าดู พี่สีฝุ่นกับพี่เอสเข้ามาเท้าแขนบนไหล่ผมคนละข้าง เอ่อ… พี่เอสครับไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ
“ส่วนคนอื่นมึงจะมามุงดูอะไรกัน ไม่ไปขอลายเซนรุ่นพี่รึไง”
“โห อดดูหาวแก้ผ้าเลย หัวนมชมพูเหมือนปากรึเปล่าวะ” ผมได้ยินเพื่อนคนหนึ่งพูด ไม่รู้ว่าใครเหมือนกัน ตอนนี้เพื่อนๆแยกย้ายสลายตัวไปขอลายเซ็นรุ่นพี่คนอื่นๆเรียบร้อยแล้วครับ
“พวกพี่แกล้งผมทำไมเนี่ย” อิฐพูดขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าเพื่อนแยกย้ายไปหมดแล้ว
“กูแกล้งพวกมึงตรงไหน”
“ตรงนี้ล่ะครับ ใต้ต้นไม้นี่เลย” ไอดินตอบพี่สีฝุ่น
“โถ่ไอดินน้อยมึงโง่เองปะวะ”
“โห่… พี่สีฝุ่น พี่เอสเชื่อป้ะ ตั้งแต่ดินขอลายเซนรุ่นพี่มา ไม่เคยถูกแกล้งแรงขนาดนี้มาก่อนเลยอะ”
“จริงเหรอวะ กูแกล้งพวกมึงแรงหรือมึงโง่เอาดีๆ”
“อย่าเรียกว่าโง่ ให้เรียกว่าลืมกินน้ำมันตับปลาครับพี่”
“เอาที่มึงสบายใจเถอะว่ะไอ้อิฐ แล้วแบบไอ้หาวเรียกว่าอะไรวะ”
“บ้านมันอาจผลิตน้ำมันตับปลาก็ได้พี่ เออมึงนี่ก็ยืนเงียบแข่งกับต้นไม้ทำไมวะ”
“กูฟังอยู่”
“มึงอย่าว่าน้องรหัสกูได้ปะวะ”
“โอ้โห…พี่เอสไม่ต้องมาพูดอะ ผมไม่คิดเลยจริงๆว่าพี่ก็จะเล่นด้วย”
“แผนพี่สีฝุ่นมันไม่เกี่ยวกับกูเลยเว้ย”
“ใครแม่งไปซื้อผ้าสามสี”
“ผมเอง”
“เออแล้วแม่งจะไม่เกี่ยวได้ยังไงวะ”
   
นั่นแหละครับ หลังจากวันนั้นผมก็โดนพี่เอสกับพี่สีฝุ่นแกล้งทุกวัน ทั้งเป็นรถไฟร้องปู้นๆฉึกกะฉัก ถามคนว่าขึ้นรถไฟด้วยกันไหม โดนแกล้งให้ไปบอกรักถังขยะบ้าง คุยกับท่อระบายน้ำบ้าง จนผมแทบไม่ได้ไปขอลายเซ็นรุ่นพี่คนอื่นเลย เพราะผมต้องคอยตามขอลายเซ็นพวกพี่มันทุกครั้งที่รุ่นพี่ปล่อยให้พวกผมทำกิจกรรมตามล่าลายเซ็น เพราะพี่สีฝุ่นกับพี่เอสพูดว่าถ้าผมไม่มีลายเซ็นพวกพี่มันก็จะไม่รับผมเข้าสายรหัส ผมรับน้องมาขนาดนี้แล้ว ถ้าผมไม่มีสายรหัสคงไม่ดีเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะครับ
วันนี้เป็นวันศุกร์สุดท้ายของการรับน้อง ก่อนที่จะมีการรับน้องใหญ่ครั้งสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ ผมก็ยังไม่ได้ลายเซ็นพี่เอสกับพี่สีฝุ่น
ผมแยกกับพวกไอ้อิฐ ต่างคนต่างไปขอลายเซ็นรุ่นพี่ ผมเดินไปหาพวกพี่สีฝุ่นที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะหินอ่อนใต้ตึกคณะ
“สวัสดีครับพี่เอส พี่สีฝุ่น”
“เออนั่งๆ” ผมนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่ว่างข้างๆพี่สีฝุ่น
“ไหว้ทั้งวัน มึงไม่เมื่อยบ้างเหรอวะ”
“ก็ไม่นะครับ” ผมตอบไปตามจริง
“เรื่องของมึงเถอะ” ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมพี่เอสกับพี่สีฝุ่นต้องทำหน้าเหมือนปล่อยวางอะไรสักอย่างแบบนั้น
“พี่สีฝุ่น พี่เอส เมื่อไหร่พี่จะเซ็นชื่อให้ผมสักทีเนี่ยครับ”
“พี่สีฝุ่นเซ็นให้ตอนไหน กูก็เซ็นให้ตอนนั้นล่ะ”
“เอาใบรายชื่อมา”
“หา!ครับ”
“กูบอกให้เอาใบรายชื่อมาไง”
“ครับๆ” ผมหยิบใบรายชื่อที่พับครึ่งไว้ออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างส่งให้พี่สีฝุ่น
พี่สีฝุ่นเปิดใบรายชื่อดูนิดหน่อยก่อนจะหยิบปากกาในกระเป๋าขึ้นมาเซ็นลายชื่อลงบนช่องว่างในกระดาษ  อะไรวะบทจะเซ็นง่ายก็เซ็นง่ายฉิบหาย พี่สีฝุ่นเซ็นเสร็จเรียบร้อยจึงส่งใบรายชื่อให้พี่เอส พี่เอสรับใบรายชื่อนั้นมาถือไว้ก่อนจะพลิกกระดาษดู หยิบปากกาที่พี่สีฝุ่นวางไว้ จรดปากกาลงบนกระดาษ เสร็จแล้วจึงส่งใบรายชื่อมาให้ผม ผมรับไว้มาถือไว้ในมือ
“ขอบคุณมากครับ ทำไมวันนี้พวกพี่เซ็นให้ผมง่ายจังครับ”
“พอเซ็นให้ก็บ่น มึงจะเอาไงกับพวกกูวะไอ้หาว”
"ผมมีปากกาลบคำผิดนะ เอาไหมครับพี่สีฝุ่น”
“เดี๋ยวครับ ผมแค่พูดเฉยๆเอง” ผมแค่ถามเฉยๆเองนะ ทำไมต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วยวะครับ
“พวกกูแค่แกล้งมึงเฉยๆเองฮ่าๆ”
“ผมก็คิดว่าพี่จะทำจริง”
“เออไอ้หาวกูถามจริงๆนะ ทำไมใบรายชื่อมึงมีแต่ผู้หญิงวะ”
“หืม… ก็มีผู้ชายอยู่นะครับ”
“เออนั่นแหละ มึงไปทำอีท่าไหนถึงได้ลายเซ็นมาเยอะขนาดนั้นวะ”
“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนะพี่เอส พวกเขาเรียกผมไปเซ็นให้เองอะ”
ผมพูดออกไปตามจริง ผมแค่เดินไป พวกรุ่นพี่ก็เรียกผมเข้าไปหา คุยด้วยนิดหน่อยก็เซ็นให้ผมแล้ว ข้อดีส่วนน้อยๆของความหล่อเลยครับ การต้องถูกตกเป็นเป้าสายตาไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเลย
“เอสอยากหล่อแบบไอ้หาวอะพี่สีฝุ่น”
“เป็นมึงก็น่ารักดีอยู่ละ มึงไม่รู้หรอกว่าความหล่ออะอันตรายแค่ไหน”
“จริงครับ” ผมพูดออกไปตามความรู้สึก ผมรู้สึกประทับใจพี่สีฝุ่นขึ้นมาซะงั้น
“โห…พี่สีฝุ่นพูดเหมือนตัวเองเคยหล่ออะ”
“มึงไม่รู้อะไรไอ้เอส สมัยประถมกูหล่อสุดในห้องอะ สาวๆมีแต่คนรุมแย่งกู กูไม่อยากจะคุยว่ากูฮอตขนาดไหน ความหล่อของกูนี่มันอันตรายจริงๆเฮ้อ… ” พี่สีฝุ่นพูดด้วยท่าทางภูมิใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“พี่ก็คุยอยู่อะ ถุยสมัยประถมทำคุย” พี่สีฝุ่นเอามือผลักหัวพี่เอส พี่เอสยู่หน้าใส่พี่สีฝุ่น ผมมองการกระทำของคนทั้งคู่
“อย่างน้อยกูก็เคยหล่อล่ะวะ”
“ไม่เถียงก็ได้ครับ”
“เถียงอะไรกันพวกมึง” ผมหันไปมองทางต้นเสียงที่พาตัวเองมานั่งเก้าอี้ตัวว่างข้างๆผม
“สวัสดีครับพี่ตะวัน”
“เออๆ” พี่ตะวันรับไหว้ผม
“ทำไมวันนี้มึงมาเร็วจังวะ”
“วันนี้กูปล่อยน้องไว วันพรุ่งนี้แม่งเรียกน้องแต่เช้า” พี่ตะวันตอบพี่สีฝุ่น
“อ่อๆ”
“ทำไมพี่ตะวันมาคณะผมบ่อยจังครับ” พี่เอสถามพี่ตะวันขึ้น จริงๆมันก็เป็นคำถามที่ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน
โทรศัพท์ผมสั่น ผมเลิกสนใจบทสนทนาของคนในกลุ่ม ใครกันโทรมาตอนนี้กันนะ ผมหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมาดู
“ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ” ผมพูดแค่นั้นแล้วลุกออกมาเลย ผมหาที่ที่ไม่เสียงดังมากแล้วจึงกดรับโทรศัพท์มือถือ
“ว่าไงเอก”
[โหมึงกว่าจะรับสาย]
“โทษทีตรงที่กูอยู่เสียงมันดัง”
[เออๆ วันนี้ไปรับดีนเหมือนเดิมนะ]
“ซ้อมดึกอีกแล้วเหรอวะ”
[เออดิ]
“โอเค สู้ๆโว้ย”
ผมกดวางสายจากเอก ช่วงนี้ผมต้องไปรับดีนแทนมันบ่อยๆ ด้วยสภาพอากาศในฤดูฝน เมื่อเช้าฝนตก ดีนที่ขี่รถเครื่องมา เลยติดรถเอกมาตอนเช้า แต่ตอนกลับบางครั้งเอกก็ไปส่งดีนไม่ได้เพราะรุ่นพี่ที่วางตัวไว้ให้เป็นตัวแทนของมหาลัยไปแข่ง อยู่ๆก็เกิดอุบัติเหตุ เอกที่เป็นตัวเต็งของปี 1 เลยถูกส่งไปแทนรุ่นพี่คนนั้น มันก็เลยต้องอยู่ซ้อมว่ายน้ำทุกเย็น
ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ ไอดิน ไอ้อิฐกับจันทร์เอ๋ย ก็มานั่งรวมตัวกันที่โต๊ะจนครบหมดแล้ว ไอ้อิฐกับจันทร์เอ๋ยมานั่งที่เดิมของผม ผมเลยต้องย้ายไปนั่งข้างๆพี่สีฝุ่นแทน
“หาวมาแล้วๆ หาวเดี๋ยวรับน้องเสร็จพวกเราจะไปถนนคนเดินเปิดใหม่กัน ไปไหม” จันทร์เอ๋ยพูดกับผม
“ฝนจะไม่ตกเหรอ” ผมพูดออกไปเมื่อนึกถึงสภาพอากาศเมื่อเช้า
“ไม่หรอกมั้ง ดูจากท้องฟ้าแล้วแหะๆ” ไอดินตอบผม เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ดูครึ้มฝนเล็กน้อย
“ไปทุกคนเลยเหรอ” ผมถามกลับไป
“ใช่ๆ ไปด้วยกันดิ”
“กูไม่ว่างน่ะ เดี๋ยวกูต้องไปรับเพื่อน” ผมตอบไอดิน
“เด็กเภสัชคนนั้นใช่ป้ะ” จันทร์เอ๋ยพูดขึ้นมา
“ก็มีอยู่คนเดียวที่ต้องไปรับอะ” อิฐพูดขึ้นมาบ้าง
“คนไหน” พี่ตะวันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มกว่าปกติ
“คนที่เป็นคู่จิ้นกับหาว ที่เพจ Smart boy ลงไงคะพี่ตะวัน”
“เออหาวนายก็ชวนเพื่อนไปด้วยดิ” ไอดินพูดเสนอขึ้นมา
“เนอะ มึงก็ไปกับพวกกูบ้างดิ” ผมหันไปมองหน้าไอ้อิฐ จริงๆผมก็ปฏิเสธพวกมันมาหลายครั้ง ถ้าปฏิเสธอีกคงไม่ดีสักเท่าไหร่มั้งครับ ผมชั่งน้ำหนักในใจก่อนจะตอบออกไป
“โอเคๆ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ”


ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 9
แก้ผ้า [ต่อ]

เสียงกลองทอมถูกตีเป็นจังหวะ เป็นสัญญาณว่าหมดเวลาสำหรับกิจกรรมนี้แล้ว พวกผมพากันเดินไปยังลานกิจกรรม รุ่นพี่นัดแนะถึงกิจกรรมวันพรุ่งนี้ ก่อนจะปล่อยพวกผมแยกย้ายกันกลับ
“เจอกันที่ปั๊มน้ำมันหน้ามอเว้ย” ผมพยักหน้ารับพี่สีฝุ่น
ผมขับรถออกจากคณะเพื่อไปรับดีน ผมคิดว่าถ้าดีนไม่อยากไป ผมก็คงต้องไปส่งดีนที่หอก่อน
ผมขับรถไม่นานก็มาจอดหน้าคณะของดีน เมื่อดีนเห็นผมก็รีบเดินมาเปิดประตูรถ ขึ้นมานั่งข้างคนขับ
“รอนานรึเปล่าวะ” ผมถามดีนออกไป
“ไม่ๆกูก็เพิ่งเลิก แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้วว่ะ”
“ดีนมึงไม่ต้องมาเกรงใจกูเลย เพื่อนกันป่ะวะ”
“รู้แล้ว ขอโทษ”
เมื่อเห็นว่าดีนคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ ผมจึงขับรถออกมาจากคณะของดีน
“มึงเพื่อนกูชวนไปถนนคนเดิน… ”
“ไป!”
“กูยังพูดไม่ทันจบเลย”
“ถนนคนเดินเปิดใหม่ใช่ป้ะ ก็กูอยากไปอะ เห็นเพื่อนในคณะพูดกันอยู่พอดี”
“เออๆ ใจง่ายฉิบหาย”
ผมขับรถเข้ามาในปั๊มน้ำมันหน้ามอ พี่ตะวัน พี่เอส และพี่สีฝุ่นก็ตรงเข้ามาที่รถผม ผมจึงเปิดกระจกลงเพื่อคุยกับพวกพี่มัน
“พวกกูติดรถไปด้วยนะ”
“แล้วรถพวกพี่ล่ะครับ” ผมถามพี่สีฝุ่นกลับไป
“มึงไม่เคยได้ยินประโยคนี้เหรอ ทางเดียวกันไปด้วยกันอะ”
“อ่าครับ ขึ้นรถสิ” ผมไม่ค่อยอยากเถียงกับพี่สีฝุ่นสักเท่าไหร่ อีกอย่างไปด้วยกัน ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว พวกพี่มันเปิดประตูด้านหลังขึ้นมาบนรถของผม
“นี่ดีนเพื่อนผมนะครับ ดีนนี่พี่สีฝุ่นลุงรหัสกู พี่เอสพี่รหัสกู ส่วนนี่พี่ตะวัน”
“สวัสดีครับ” ดีนเอี้ยวหน้าไปด้านหลังแล้วยกมือขึ้นไหว้พวกพี่มัน
“เออๆหวัดดี” พี่สีฝุ่นขานรับดีน พี่เอสยิ้มให้ ส่วนพี่ตะวันก็พยักหน้ารับ ผมมองการกระทำของทุกคน ก่อนจะหันมาสนใจการขับรถอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าพี่ไอดินขับรถนำออกไป ผมคิดว่าจันทร์เอ๋ยกับไอ้อิฐก็คงไปรถไอดินนั่นล่ะครับ
ผมขับรถตามไอดินไปเรื่อยๆ ระหว่างขับรถพวกผมก็คุยอะไรกันบ้างนิดหน่อย ถนนคนเดินที่เปิดใหม่นี่ค่อนข้างไกลจากมหาลัยมากทีเดียว ผมขับรถเข้ามาในเขตเมือง ผมเริ่มไม่ชินกับการขับรถบนถนนที่มีรถเยอะมากขนาดนี้เลยให้ตายเถอะ ผมขับรถตามพี่ไอ้อิฐมายังลานกว้างแห่งหนึ่งที่มีรถจอดอยู่เต็มไปหมด มันก็คือลานจอดรถนั่นล่ะครับ ผมขับรถไปทางที่พี่สตาฟของลานจอดรถโบกมือบอก ไม่นานก็ได้ที่จอดรถ
พวกผมลงจากรถ ไม่ลืมที่จะกดล็อกประตูรถ เดินไปรวมตัวกับพวกพี่ไอ้อิฐที่จอดรถอยู่ไม่ไกล
“ทำไมมึงแม่งขับรถดีจังวะ”
“เนอะๆพี่สีฝุ่น”
“อ่าๆขอบคุณครับ”
“เป็นไงไอ้ตะวัน นั่งรถไอ้หาวครั้งแรก”
“ไม่ใช่ครั้งแรกว่ะ ครั้งที่ 3 แล้วครับ”
“เฮ้ย! หมายความว่าไงวะ”
“ไม่เสือกสิ”
“ตรงมากไอ้เหี้ย”
“หาวหมายความว่าไงวะ” ดีนกระซิบถามผม พวกผมสองคนเดินตามพวกพี่มัน ไปที่พวกไอ้อิฐ
“เรื่องอะไรวะ” ผมถามดีนกลับ
“เรื่องพี่คนที่ชื่อตะวันขึ้นรถมึงตั้งสามครั้ง ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่” นั่นสิตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“บังเอิญน่ะมึง ไม่มีอะไร” ผมตอบออกไปตามความจริง ดีนมองผมด้วยสายตาไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่
“มึงสองคนกระหนุงกระหนิงอะไรกันอะ” หืมผมกับดีนเหรอ อะไรของไอ้อิฐมัน
“กูเหรอ”
“เพื่อนหาวน่ารักจัง อิฐเราเลิกกันเถอะ”
“เดี๋ยวใจเย็นจันทร์เอ๋ย” ผมพูดออกไปเมื่อเห็นว่าไอ้อิฐทำสีหน้าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
“แหมหาวเราพูดเล่นน่า”
“เอ่อ…นะ นี่ดีนเพื่อนเรา”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เราจันทร์เอ๋ย”
“กูอิฐเว้ย”
“เราชื่อไอดินนะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนเลยนะครับ” ดีนพูดกับทุกคน
หลังจากแนะนำตัวอะไรเสร็จ พวกผมก็เดินเข้าไปในถนนคนเดินเปิดใหม่ คนเยอะมากทีเดียว พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่แต่งกายด้วยเสื้อม่อฮ่อม บางคนก็ใส่ชุดไทยมาเลย ผมว่าก็น่ารักไปอีกแบบนะ
“มึงเสียดายว่ะ ไม่ได้เอากล้องมา”
“คิดเหมือนกูเลย คราวหน้าชวนเอกมาด้วยกันเนอะ” ผมพยักหน้ารับดีน
พวกผมเดินไปเรื่อยๆ ดีนกับผมก็พากันแวะดูนั่นดูนี่กันตลอด อาหารการกินของถนนคนเดินนี้ก็เป็นอาหารคล้ายๆถนนคนเดินทั่วๆไปนั้นแหละครับ
“ไอ้หาว” ผมมองคนที่ดึงชายเสื้อของผม
“ว่าไงครับ” ผมมองหาคนอื่นนอกจากพี่ตะวัน ผมแล้วก็ดีน ก็พบว่าไม่มีใครอีกแล้ว ให้ตายเถอะผมเดินเพลินขนาดนี้เลยเหรอวะ
“รอกูด้วย”
“คนอื่นล่ะครับ”
“กูก็ไม่รู้ กูเดินตามมึงมา”
“อ่าครับ งั้นเดี๋ยวจะกลับพี่สีฝุ่นคงโทรตามเองนั่นแหละครับ พวกเราเดินกันต่อเถอะ”
พี่ตะวันพยักหน้ารับ พวกผมเดินไปเรื่อยๆ ประชากรในถนนคนเดินเพิ่มมากขึ้น จนเดินแทบจะชนกัน ผมจับข้อมือดีนไว้กลัวมันจะหลง รายนี้เขาชอบแวะโดยไม่บอก เพื่อป้องกันมันหายแล้วไอ้เอกกระทืบผมตาย ผมก็เลยใช้วิธีนี้นี่ล่ะครับ ส่วนพี่ตะวันก็เป็นอะไรไม่รู้ เดินไม่พูดไม่จา ไม่ยิ้มบ่อยๆเหมือนเคย พี่ตะวันดูแปลกๆไปนะ ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“หาวๆ”
“ว่าไง” ผมขานรับดีน ที่มาหยุดอยู่หน้าร้านชมพู่ ที่มีป้ายเขียนว่าชมพู่เพชรสายรุ้ง
“มึงเคยกินชมพู่เพชรสายรุ้งป้ะ”
“ไม่เคยอะ” ดีนมันพยักหน้ารับ แล้วหันหน้าเข้าไปในร้าน ที่มีคนกำลังมุงอยู่ประมาณสองสามคน คุณลุงพ่อค้ากำลังหั่นชมพู่เพชรสายรุ้งให้ลูกค้าคนอื่นชิมอยู่ ดีนมันรับมาหนึ่งชิ้น แล้วป้อนมาที่ปากผม แล้วมันก็รีบลากผมออกจากร้านมาเลย
“อะไรมึงเนี่ยดีน” ผมพูดออกไปเมื่อเคี้ยวชมพู่หมดปาก
“ก็มึงบอกว่าไม่เคยกินไง ทีนี้เคยกินยังฮ่าๆ”
“โหดีนอย่างเชี้ยอะ เมื่อกี้กูเหมือนเห็นลุงมองกูแปลกๆด้วย”
“โอ๋ๆไม่เป็นไรนะ ฮ่าๆ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย” ผมปล่อยมือจากข้อมือของดีน แล้วผลักหัวมันเบาๆ แล้วจับข้อมือมันไว้เหมือนเดิม
“อยากกินเฉาก๊วยนมสดร้านนั้นอะ” ผมมองตามที่นิ้วของดีนชี้ไป
“เอาดิ”
ดีนยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะเดินนำไปที่ร้านนั้น ผมรู้สึกเหมือนมีคนมาจับมืออีกข้างของผมไว้ ผมก้มมองไปที่มือของตัวเอง ก่อนจะหันไปมองทางด้านข้าง เป็นพี่ตะวันนั่นเอง
“เฮ้ย!พี่”
“เดี๋ยวกูหลง” ใช่เหรอ แบบนี้แม่งใช่เหรอวะครับ
“แต่…”
ผมก้มมองมือที่พี่ตะวันใช้จับข้อมือของผมอีกครั้ง แบบนี้มันไม่ใช่ แบบนี้มันไม่ถูก มันเหมือนมีอะไรผิดพลาด
“ทีเด็กนั้นมึงยังให้จับได้เลยอะ”
ผมหันหน้ามองดีน ที่ทำหน้าเอ๋อไม่ต่างจากผม พี่มึงคิดว่าตัวเองเป็นเทเลทับบี้ที่จะให้มาจับมือกันเดินไปเป็นแก๊งเหรอวะ
ทำไมผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนแย่งอยู่วะ แต่ติดว่าแม่งเป็นผู้ชายทั้งคู่อะ ผมว่าสภาพของผมตอนนี้สำหรับคนภายนอกมองมาคงไม่ดีสักเท่าไหร่ ผู้ชายสามคนกำลังหยุดเดินแถมกำลังจับมือกัน ผมจับข้อมือดีน พี่ตะวันก็จับข้อมือของผม บอกผมทีผมควรทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์กำลังเกิดขึ้น
“มันไม่เหมือนกันไงครับ”
“แล้วไม่เหมือนกันตรงไหนวะ”
“ตรงที่พี่ไม่มีสิทธิ์มาจับหาวของผมไงครับ”
ผมมองคนสองคนสลับกันไปมา เชี้ยอะไรวะเนี่ย หาวกำลังเผชิญกับอะไรอยู่
“พอครับ โอเคจับก็ได้ครับ ไปๆเดินกันเถอะ ดีนมึงจะกินเฉาก๊วยไม่ใช่เหรอ ไปซื้อดิ” ผมพูดเพื่อตัดปัญหา จะมาทะเลาะกันตรงนี้ไม่ได้เว้ยครับ
กลายเป็นว่าตอนนี้ผมสามคนกำลังเดินจับข้อมือกันท่ามกลามกลางผู้คนมากมาย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเทเลทับบี้อย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะครับ ถ้ามองข้ามเรื่องทุกอย่างไป ผมว่าความรู้สึกที่พี่ตะวันจับมือของผมกับความรู้สึกของผมที่จับมือของดีน มันไม่เหมือนกันเลย ผมไม่เข้าใจว่าความรู้สึกแปลกๆที่เริ่มก่อตัวนี้มันคืออะไร
เมื่อคนบางลง ผมจึงปล่อยมือของดีน นั่นล่ะครับพี่ตะวันจึงปล่อยมือของผม พวกผมเดินไปเรื่อยๆ ดีนมันก็ดูจะสนใจนู้นนี่ตลอดทาง ปกติพวกผมไม่ค่อยมีโอกาสได้มาเดินสถานที่แบบนี้สักเท่าไหร่หรอกครับ พอดีนมันได้เห็นอะไรแปลกๆก็ดูตื่นเต้นไปหมด
ผมเดินมาถึงร้านร้านหนึ่งที่ขายน้ำ ภาชนะที่ใช้เป็นกระบอกไม้ไผ่ตัดเป็นท่อนๆ ผมว่าไอเดียน่ารักมากเลย แถมไม่เป็นมลพิษอีกต่างหาก
“มึงซื้อน้ำกันป้ะ ร้านนั้นน่ะ” ผมชี้ร้านนั้นให้ดีนดู
“เอาดิมึงซื้อมาถ่ายรูปไปอวดเอกกัน”
“พี่ตะวันล่ะ ซื้อไหมครับ”
“เอาดิ” ผมพยักหน้ารับ
พวกผมพากันเดินไปที่ร้านนั้นได้น้ำกันมาคนละแก้ว ผมเลือกซื้อน้ำมะพร้าว ลองดูดไปหนึ่งที โอ้โหผมจะเป็นเบาหวานตายไหมครับเนี่ย ความเป็นมะพร้าวเจือจางมากๆเลยๆ
“หาวๆถ่ายรูปให้หน่อย” ผมรับโทรศัพท์มือถือของดีนมา ส่วนดีนมันก็เอาน้ำมะพร้าวของผมไปถือ
“กูถ่ายแล้วนะ”
“เค”
ผมถ่ายรูปเสร็จแล้วจึงโทรศัพท์ให้ดีน มันก็ส่งน้ำคืนมาให้ผม
“โอ้โหแสงอย่างสวย หาวๆถ่ายรูปกัน”
“ตรงเนี่ยเหรอ” ผมย้ำเพื่อความมั่นใจ ถึงจุดที่ผมยืนอยู่ผู้คนจะไมได้หนาแน่นอะไร แต่จะให้มายืนถ่ายรูปตรงนี้จริงดิ
“เออดิ พี่ตะวันครับรบกวนถ่ายรูปให้พวกผมหน่อยดิ” ดีนส่งโทรศัพท์ไปให้พี่ตะวัน พี่ตะวันรับไปด้วยท่าทีไม่เต็มใจนัก ดีนเอามือมาจับต้นแขนของผม
“พวกผมพร้อมแล้วครับ ถ่ายเลยพี่”
พี่ตะวันพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือคืนมาให้ดีน
“ทำไมเบลองี้อะ”
ผมก้มมองรูปในโทรศัพท์มือถือของดีน เบลอจนแทบไม่เห็นอะไรเลยจริงๆครับ
“โทษทีว่ะ พอดีกูถ่ายรูปไม่เป็น”
พี่ตะวันตอบมาหน้าตาย อะไรของพี่มันวะ
“ไม่เป็นไรหาว เซลฟี่เอาก็ได้”
นั่นล่ะครับผมก็เลยถ่ายรูปกับดีนไปสองสามรูป ผมมีความรู้สึกว่าวันนี้ดีนดูแปลกๆไป พี่ตะวันเองก็ดูแปลกๆเช่นกัน บางทีผมก็ไม่เข้าใจพฤติกรรมสองคนนี้สักเท่าไหร่นัก
ผมเดินไปได้ไม่นานพี่สีฝุ่นก็โทรตามบอกว่ากลับมารอที่รถแล้ว พวกผมจึงชวนกันกลับ
 
“กูว่าพี่ตะวัน ต้องคิดอะไรกับมึงแน่ๆเลยว่ะ” ดีนเอ่ยขึ้นขณะที่ผมกำลังขับรถไปส่งมันที่หอ หลังจากส่งพี่สีฝุ่น พี่เอสและพี่ตะวันที่ปั๊มน้ำมันหน้ามอ ที่พวกพี่มันจอดรถทิ้งไว้
“หืมทำไมคิดงั้น”
“มึงเชื่อกูเถอะ กูพิสูจน์แล้ว”
“แสดงว่าพฤติกรรมแปลกๆของมึงในวันนี้คือ…”
“แหะๆ เออนั่นแหละ กูว่าพี่ตะวันอะไรนั่นอะ ต้องเข้าหามึงเกินพี่น้องแน่นอน แล้วจากที่กูสังเกตนะ มึงก็ต้องมีความรู้สึกอะไรบางอย่างกับพี่ตะวันบ้างแหละ”
ผมไม่ได้ตอบคำถามดีนออกไป ความรู้สึกอะไรบางอย่างงั้นเหรอ

[ TAWAN PART ]
ผมกลับมาถึงห้องก็เกือบสามทุ่ม ไขกุญแจห้อง ทิ้งตัวบนโซฟา หลังจากไปเดินถนนคนเดินกับน้องมันมา
 Rrrrrrrrrrr~
เสียงโทรศัพท์จากในกระเป๋าทำให้ผมต้องหยิบขึ้นมาดู หน้าจอโชว์ชื่อของฟ้าใหม่ ผมกดรับสายทันที
“มีไร”
[ไปแดกข้าวกัน]
“แดกมาแล้ว”
[โหไปแดกไรมาอะ ไม่รอกูเลย]
“ผัวมึงไม่อยู่รึไง ไปถนนคนเดินเปิดใหม่มา” เมียที่ว่า ผมหมายถึงไอ้หมีน่ะครับ เพื่อนสนิทอีกคนของผมเอง ผมชอบแซวพวกมันว่าเป็นผัวเมียกัน
[คนอย่างมึงเนี่ยนะขี่รถจากที่นี่ไปถนนคนเดิน น้ำจะท่วมประเทศไทยรึเปล่าวะสัด!]
“อย่าเวอร์ได้ไหมอะเหี้ย”
[อะไรดลใจให้พี่ตะวันคนที่ไม่ชอบพาตัวเองไปในที่คนเยอะๆ ไปเดินถนนคนเดินได้วะ]
“หาว”
[โอ้โหไอ้เหี้ยยยยย น้องแม่งสุดยอดไปแล้ว]
“อื้มสุดยอด น่ารักเหี้ยๆ…”
[แค่นั้นล่ะหยุด กูไม่อยากฟังมึงพรรณนาถึงความน่ารักของน้องมันอีก กูจะไม่ทน!]
“เอองั้นแค่นี้ล่ะ”
ผมกดวางสาย หาวน่ารักจริงๆนะครับ
ห้องของผมเป็นหอเล็กๆที่เปิดประตูมาก็เห็นเตียง มีโซฟาสีแดงเลือดหมูตัวเล็กๆ 1 ตัว มีห้องน้ำ 1 ห้อง อื้มพูดแล้วคิดถึงน้องจัง ทักน้องไปดีไหมเนี่ย
ผมจ้องมองภาพของหาวที่ผมปริ้นมาติดผนังไว้ บางทีผมก็คิดนะ ผมกำลังรุกน้องมันเกินไปรึเปล่าวะ ถ้าน้องมันรู้ตัวแล้วหนีผมไปก่อนล่ะ ผมจะทำยังไง ผมต้องเว้นช่องว่างให้น้องมันบ้างหรือเปล่า พรุ่งนี้ถ้าผมไปหาน้องมันอีก มันจะดูเหมือนผมล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวมากเกินไปไหม แล้วถ้าน้องรำคาญผมขึ้นมาล่ะ

เช้าวันเสาร์ของการรับน้องวันสุดท้าย ผมมารับน้องปกติ
นี่ก็บ่ายแล้ว คิดถึงน้องชะมัด ผมเอามือวางลงบนโต๊ะหินอ่อนก่อนที่จะเอาหัวลงหนุนบนแขนตัวเอง ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่ลานกิจกรรมรับน้องใต้ตึกคณะ
“เป็นเหี้ยอะไรตั้งแต่เช้าละ ลืมเอาวิญญาณมารึไงวะ” ฟ้าใหม่ที่นั่งบนเก้าอี้ไม้หินอ่อนตัวข้างๆหันมาถามผม
“คิดถึงหาว ไม่ได้เจอน้องมันมา เอ่อ…แป๊บๆ” ผมเงยหน้าจากโต๊ะ หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาคิดเลข
“…”
“กูไม่ได้เจอน้องมันมา 3,888,000 วินาทีแล้วนะโว้ย”
“สัด”
“คิดถึงเหี้ยๆ”
“คิดถึงก็ไปหาสิวะ”
“กลัวน้องรำคาญ กลัวน้องรู้ตัวแล้วจะหนีกูไป”
“ทำไมอีกวะ”
“ก็เมื่อวานกูไปจับมือน้องตอนไปเดินถนนคนเดินมาอะดิ”
“เหี้ย! ไหนบอกจะจีบน้องมันแบบเนียนๆ”
“ก็กูเห็นน้องแม่งจับมือไอ้เด็กที่ชื่อดีน”
“หึงว่างั้น แล้วน้องแม่งมีท่าทีแบบไหน” ผมพยักหน้ารับไอ้ฟ้าใหม่
“ก็ตกใจ แต่กูเปลี่ยนเรื่องก่อน”
“น้องแม่งชายแท้ด้วย บอกว่าให้เข้าหาแบบแมนๆเตะบอลอะ มึงเข้าใจไหมเนี่ย”
“กูอยากได้แฟนไม่ได้อยากได้น้อง”
“สาดดดด”  ผมมองหน้าฟ้าใหม่ก่อนทีจะฟุบลงกับโต๊ะในท่าเดิม
“กูเครียดแทนมึงแล้วเนี่ยสัด”
“เออกูก็เครียด” ผมตอบกลับมันไป
“อะไรดลใจให้มึงสองตัวทำหน้าเหมือนอมขี้แบบนั้นวะ” เสียงไอ้หมีเพื่อนสนิทอีกคนดังขึ้นเมื่อมาถึงที่โต๊ะ
“เสือก” ผมเงยหน้ามองมันนิดหน่อยก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะเหมือนเดิม ไอ้หมีนั่งลงข้างๆผม
“เออกูเสือก” ไอ้หมีด่าสวนผมกลับมา
“แล้ววันนี้ไม่ไปคณะบริหารรึไงวะ” ฟ้าใหม่หันมาถามผม
“หืมสภาพนี้คือมึงจะให้มันไป” ไอ้หมีถามไอ้ฟ้าใหม่
“สภาพนี้แล้วทำไมวะ” ฟ้าใหม่ถามไอ้หมีด้วยน้ำเสียงสงสัย
“มึงคิดดูไอ้หาวแม่งหล่อขนาดนั้น แล้วเพื่อนมึงสภาพหมดอะไรตายอยากขนาดนี้เนี่ยนะ”
“กูมันทำไม” ผมเงยหน้าจากโต๊ะมองค้อนไอ้หมี
“หมาวัดกับเทวดามึงเคยเห็นเปล่า บอกตรงๆกูเสียดายแทนผู้หญิงทั้งโลกจริงๆวะสัด”
“อยากโดนต่อยรึไงวะไอ้เหี้ยนี่”
“พอเลยๆ ว่าแต่มึงเคยเจอหาวด้วยเหรอวะ” ไอ้ฟ้าใหม่ถามด้วยความสงสัย
“เคยเจอสิวะ วันปฐมนิเทศไอ้ตะวันแม่งนั่งแดกข้าวอยู่กับกูที่แคนทีน อยู่ๆน้องเดินเข้ามาในแคนทีน นึกว่าเทวดาเถอะ หล่อยังกับโอปป้า กูเลยชี้ให้ไอ้ตะวันดู มันรีบแจ้นไปเลี้ยงน้ำน้องเขา เสร็จแล้วก็ลากกูออกจากแคนทีนเลย ข้าวกูก็ยังกินไม่อิ่ม จานก็ไม่ได้เก็บ”
“มั่วแล้วไอ้หมี วันนั้นกูไปซื้อน้ำพอดีหรอก”
“โอ้โหไอ้เหี้ย ว่าแต่กูไปไหนวะ” ไม่มีใครสนใจผมสักนิด เออดีแล้วแต่พวกมึงจะคิดเลย
“มึงก็โดดรับน้องอยู่บ้านไงสัด”
“แล้วมึงรู้ได้ไงวะ ว่าแม่งเป็นแบบนี้เพราะหาว”
“ตอนแรกกูก็ไม่รู้หรอก แต่วันนั้นไอ้อิฐแม่งลงรูปในเฟสแล้วมีน้องหาวอยู่ แล้วแม่งไอ้ตะวันเลิกรับน้องเร็วกว่าเพื่อนแทบทุกวัน”
“มึงก็เลยสรุปเองงี้” ผมถามไอ้หมี
“แล้วถูกเปล่าล่ะสัด”
“เออถูก”
“จงเรียกข้าว่านักสืบโคหมี”
“ถุย”
“แล้วมึงไม่ตกใจเหรอ ที่ไอ้ตะวันชอบผู้ชาย” ไอ้ฟ้าใหม่ถามไอ้หมี
“ก็ช็อกนิดหน่อยตามประสาแหละวะ แต่กูใจกว้างพอว่ะ ถ้าเพื่อนจะมีผัวหล่อขนาดนั้น หมีก็ยินดีด้วย”
“ไอ้เหี้ยเหมือนหล่อ”
“พอเหอะกูขอร้อง”
“ฮ่าๆ เออแล้วแม่งน้องเป็นเพื่อนสนิทกับไอ้เอกเด็กปี 1 ที่หล่อๆนั่นอีกใช่ปะ กูแม่งสงสัยเดี๋ยวนี้เขาคบเพื่อนกันที่หน้าตาเหรอวะ”
“เอ้าเพื่อนหาวเรียนคณะเราเหรอวะ”  ผมถามออกไป ผมไม่เห็นรู้เลยนะ นอกจากพวกไอ้อิฐ ผมก็เคยเห็นแค่เด็กดีนอยู่กับหาว
“ก็เออสิวะ”
“แล้วมึงรู้ได้ไงวะ” ไอ้ฟ้าใหม่ถามไอ้เอก นั่นสิครับ ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน
“ก็น้องแม่งมาหาไอ้เอกวันเปิดโลกชมรม” ไอ้หมีมันเป็นประธานชมรมว่ายน้ำ เป็นนักกีฬามหาลัยด้วย ส่วนผมไม่มีชมรมอะไรกับคนอื่นเขาหรอก ก็ปี 3 แล้วนี่ครับ
“ทำไมมึงไม่บอกกูก่อนวะไอ้หมี กูอยากได้ไอ้เด็กเอกมาเป็นหลานรหัส”
“ไอ้ตะวันมึงจะเล่นมุกนี้ตลอดไม่ได้ ไอ้สัด”
“มุกอะไรวะไอ้ฟ้า” ไอ้หมีถามฟ้าใหม่ด้วยหน้าตาสงสัย 
“ไม่มีอะไรหรอกไอ้หมี เออๆกูไปละ” ผมลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วเดินออกมา
“มึงก็เปลี่ยนเรื่องเก่งฉิบหาย ฮ่าๆ”
“บ่นอะไรไอ้ฟ้า ไปด้วยกันกับกูไหมล่ะ” ผมหันไปถามไอ้ฟ้าใหม่
“กูไม่ไปให้ช้ำใจหรอกเว้ย”
ไอ้ฟ้าใหม่ตะโกนไล่หลังกลับมา คุณเคยเจอรักแรกพบไหมครับ สำหรับฟ้าใหม่ไอ้เด็กที่ชื่อไอดินคือรักแรกพบสำหรับมัน ผมไม่รู้มาก่อนว่ามันชอบผู้ชาย มันบอกผมว่ามันไม่ได้ชอบผู้ชาย มันชอบใครก็ได้ที่มันรู้สึกว่าใช่แค่นั้น ผมเห็นมันดีใจแทบตายตอนที่น้องแอดเฟสบุ๊กมา แต่พอเข้าไปส่องเฟสบุ๊กไอดิน พบว่าไอดินมันมีแฟนอยู่แล้ว มันหงอยไปหลายวันเลย แต่มันก็ยังทักไปหาไอดินบ้างให้ช้ำใจเล่นอยู่ดี
“ไอ้ตะวัน มึงยังรับน้องไม่เสร็จโว้ย” ไอ้หมีตะโกนเสียงดัง ซึ่งผมไม่ได้สนใจคำพูดมันสักเท่าไหร่นัก

สุดท้ายผมก็ขี่ฟีโน่ลูกรักมาที่คณะน้องมันจนได้
ผมเดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนใต้คณะ ทำทีว่ามารอไอ้สีฝุ่นเหมือนเดิม
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไอ้สีฝุ่น รอไม่นานมันก็รับสาย
[ว่าไงมึง]
“เกือบเลิกยัง”
[เกือบแล้ว โทรมามีอะไร]
“เปล่าๆ”
[อยู่คณะกูใช่ไหม วันนี้พี่เสือมาด้วยนะ]
“เออๆ กูขอเจอหาวก่อน”
[งั้นแค่นี้นะ กูไปถ่ายรูปรวมสายก่อน]
ผมนั่งรอจนหมดเวลารับน้อง หาวกับเพื่อนๆกำลังเดินมาผ่านไป หาวหันมาสบตากับผมเล็กน้อย ก่อนน้องจะเดินผ่านไป หาวกำลังเดินไปทางลานจอดรถ หรือว่าสิ่งที่ผมกลัวจะเป็นจริงวะ
น้องกำลังหนีผม!
ตอนนี้ใจผมตกลงไปที่เท้าแล้วครับ ผมรีบลุกออกจากโต๊ะ
“ไอ้หาวมึงจะรีบไปไหน” ผมรีบวิ่งไปที่หาว ผมตะโกนถามน้องมัน หาวไม่ได้พูดอะไรแล้วขี่รถออกไปเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 11:08:31 โดย Suneerat »

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 10
ไดอารี่ของเอก

The way to love anything is to realize that it may be lost.

[HAO PART]
ผมขับรถออกมาจากคณะ ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น เมื่อตอนรับน้องเสร็จ ผมเปิดเครื่องโทรศัพท์ พบว่ามีสายจากดีนโทรมาตั้งหลายสาย ผมจึงโทรกลับไป ดีนบอกให้ผมไปรับมันที่คอนโดของมัน มันบอกว่ามันขี่รถไม่ไหว ไม่อยากอยู่คอนโด น้ำเสียงดูไม่ปกติสักเท่าไหร่นัก เสียงเหมือนคนกำลังร้องไห้
ผมขับรถมาจอดที่หน้าคอนโดดีน ดีนที่รออยู่แล้วรีบเปิดประตูขึ้นมาบนรถ ดีนขึ้นมาบนรถสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีนัก ตลอดทางเราสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน ผมพาดีนมาที่คอนโดของผม เราสองคนนั่งอยู่ที่โซฟาในโซนรับแขก ดีนดูเหม่อลอย ไม่ได้พูดอะไร ส่วนผมเองก็ได้แต่นั่งข้างๆ เอามือไปจับที่ไหล่มันไว้ พยายามสื่อออกไปว่าผมอยู่ข้างๆมันเสมอ
“มึง”
“ว่าไง” ผมขานรับดีน ดีนมันหันหน้ามามองผมเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองตักตัวเองเหมือนเดิม
“เอกมันชอบกูว่ะ”
“...” ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป ผมยอมรับว่าตกใจ ไม่ใช่ตกใจที่รู้ว่าเอกชอบดีน เพราะผมรู้มานานแล้ว แต่ตกใจที่ดีนรู้ได้ยังไงเสียมากกว่า
“เอกมันชอบกู กูควรทำยังไงวะหาว”
“ทำตามที่หัวใจมึงต้องการเลยดีน ไม่ว่ามึงจะเลือกแบบไหน มึงสองคนก็เป็นเพื่อนกูอยู่ดี”
“แต่กูทำไม่ได้” ดีนเอามือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง แล้วถอนหายใจออกมาเสียงดัง “ความรักมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
“หมายความว่าไงวะ” น้ำตาของดีนไหลอาบเต็มสองแก้ม
“ความรักไม่ได้ง่ายขนาดนั้นมึงเข้าใจไหมวะหาว” มันร้องไห้ออกมาชุดใหญ่ ผมได้แต่ดึงมันมากอดไว้ ตบหลังมันเบาๆ นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมทำได้ดีที่สุดในตอนนี้
ผมนั่งอยู่ข้างๆดีนแบบนั้น ไม่ได้พูดอะไรกันจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่
Rrrrrrrrrrrrr~
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เป็นเบอร์ของพี่สีฝุ่น ผมมองโทรศัพท์สลับกับดีน
“ใครเหรอ ทำไมไม่รับสายวะ” ดีนถามผม คราบน้ำตาของมันเปื้อนแก้มไปหมด เฮ้อ… ผมควรจะทำยังไง
“พี่สีฝุ่นน่ะ”
“ทำไมไม่รับสายล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกมึง พี่เขาแค่ชวนไปร้านเหล้า”
“เลี้ยงสายรหัสเหรอ” ผมพยักหน้ารับ
“ก็ไปดิ”
“แล้วกูจะทิ้งมึงไปได้ยังไง กูไม่ไปหรอก”
“กูไปด้วยได้ไหม กูอยากแดกเหล้า” ดีนพูดกับผมหน้าตาย ให้ตายเถอะคิดบ้าอะไรของมันอยู่วะ
“แต่มึงไม่ดื่มเหล้า”
“ให้กูไปเถอะ” อย่าทำให้กูลำบากใจได้ไหมวะดีน
 “เฮ้อ…ไปก็ไป”
ผมตอบรับดีนไป ปล่อยให้ดีนอยู่ห้องคนเดียว ผมคงไม่สบายใจ แต่ก็เกรงใจพี่สีฝุ่นเพราะนัดกันไว้แล้ว ผมกดรับสายพี่สีฝุ่น
“ว่าไงครับ”
[ไอ้หาว ไอ้เหี้ยวางสายกูทำไม]
“ขอโทษครับ”
[เออๆ อยู่ไหนนั่น ไปพร้อมกันไหม]
“ไม่ล่ะครับ พี่ไปก่อนเลย ผมยังไม่ได้อาบน้ำ”
[เออ งั้นแค่นี้ล่ะ]
พี่สีฝุ่นกดวางสายไปแล้ว พวกผมนั่งเงียบๆไม่ได้พูดอะไรกันอีก เมื่อผมเห็นว่าดีนค่อนข้างโอเคขึ้น ผมจึงขอตัวไปอาบน้ำก่อน เพราะตอนนี้ค่อนข้างเหนียวตัวมาก อีกอย่างผมก็เป็นห่วงไอ้เอกมากๆเหมือนกัน เลยว่าจะโทรหามันแต่ถ้าโทรตรงนี้คงไม่ดีเท่าไหร่นัก
“เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนนะ” ดีนหันมามองหน้าผมแล้วพูดออกมา
“มึงไปเหอะ”
ผมพยักหน้ารับ ลุกจากโซฟาไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มือถือไปด้วย ผมเดินเข้ามาในห้อง นั่งลงที่เตียง ตัดสินใจกดโทรศัพท์โทรออกหาไอ้เอก รอไม่นานมันก็รับสาย
[แป๊บนะมึง เดี๋ยวกูหาที่เงียบๆก่อน] ทั้งเสียงเพลง เสียงคุยกันดังสนั่นราวกับมันอยู่ร้านเหล้าที่ไหนสักที่
[อ่า มีไร]
“มึงอยู่ไหนเนี่ย”
[อยู่บ้านไอ้ติ้น เลี้ยงจบรับน้อง] ติ้นคือเพื่อนในคณะของเอก
“อื้ม มึงเป็นไงบ้างวะ”
[หืม ทำไมกูต้องเป็นอะไรด้วยวะ แฮ็กๆ]
“ไม่สบายเหรอวะ เฮ้อ… มึงรู้ไหมว่าดีนร้องไห้หนักแค่ไหน”
[เดี๋ยวๆไอ้หาว ดีนเป็นอะไร] ไอ้เอกตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตกใจ
[ไอ้หาวดีนเป็นอะไร]  ไอ้เอกยังไม่รู้งั้นเหรอ  ผมควรจะทำยังไงดี
“ดีนรู้แล้วว่ามึงชอบมัน”
[...] ไอ้เอกเงียบไม่ตอบอะไรกลับมา
“เอก”
[กูว่ามันคงเกลียดกูแล้วล่ะ] ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนของทั้งสองคน ผมควรจะทำไงงั้นเหรอ ผมควรทำยังไงดี
“กูก็ไม่รู้ ตอนนี้ดีนอยู่กับกูนะ มึงไม่ต้องเป็นห่วง”
[อื้ม แฮ็กๆ ฝากมันด้วยนะ]


[AEK PART]
   
ทันที่หาวบอกว่าดีนรู้แล้วว่าผมชอบดีน ใจผมเหมือนตกลงไปที่ตาตุ่ม รู้แล้วอย่างนั้นเหรอ ความลับที่ผมเก็บมาตลอด พังหมดแล้วสินะ
“ไอ้เอกเป็นอะไรวะ เห็นยืนเหม่ออยู่นานละ” ติ้นเพื่อนสนิทในคณะ ถามขึ้นในขณะที่เดินมายืนอยู่ข้างๆกัน
“กูขอกลับก่อนนะ แฮ็กๆ ”
“อ้าวไมวะ ไหวไหมน่ะ”
“ไหวๆ กูง่วงๆน่ะ กูไปละ”  ผมเดินเข้าไปหยิบสัมภาระที่วางอยู่ที่กลุ่มเพื่อน บอกลาพวกมันนิดหน่อย ก่อนจะออกจากบ้านไอ้ติ้นมา
วันนี้เป็นรับน้องวันสุดท้าย พวกเพื่อนๆเลยชวนกันไปกินเหล้าฉลองรับน้องเสร็จที่บ้านไอ้ติ้น ผมก็เลยไม่ได้กลับไปที่คอนโด
ผมขับรถมาถึงคอนโด คอนโดของผมเป็นแบบสองห้องนอน เป็นคอนโดที่เช่าต่อจากอาจารย์มหาลัยที่ย้ายไปอยู่มหาลัยอื่น คนรู้จักของพ่อดีน  ตอนดีนชวนมาอยู่คอนโดด้วยกัน ผมดีใจมาก แม้มันจะชวนไอ้หาวด้วยก็ตาม โชคดีที่พ่อแม่ไอ้หาวมันซื้อคอนโดให้ผมจึงได้อยู่กับดีนแค่สองคน
ผมเปิดประตูเข้ามาในคอนโด ผมพยายามนึกว่าผมทำอะไรให้พลาดไป เมื่อตอนเที่ยงผมกลับไปเปลี่ยนชุดมาร่วมกิจกรรมตอนบ่าย ดีนยังปกติอยู่เลยนะ
ผมเดินเข้ามาในห้องนอนของผม อะไรในห้องของผมที่มันจะบอกดีนได้ว่า ผมชอบมัน
ผมไม่มีทางทำให้ดีนรู้เด็ดขาด ผมเก็บซ้อนมันอย่างดี หรือว่าดีนจะรื้อห้องของผม แต่ดีนไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ ผมพยายามคิดหาสิ่งที่เป็นไปได้ที่สุด ใช่!เมื่อตอนเที่ยงดีนยืม Laptop
Laptop คือสิ่งเดียวที่ผมคิดออกในตอนนี้ ผมเปิด Laptop ขึ้นมา ไฟล์ลับอย่างนั้นเหรอ ผมไม่มีอะไรแบบนั้นแน่ๆ จู่ๆผมก็คิดอะไรบางอย่างออก เมื่อคืนก่อนที่ผมจะหลับไป
“เหี้ยเอ้ย!” ผมเอามือทึ้งหัวตัวเองอย่างแรง เอามือปาดน้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหลมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งหมดมันเป็นเพราะความโง่เง่าของผมเอง เพราะผมมันเฮงซวยแท้ๆ ทำไมวะ ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าพลาด ความเป็นเพื่อนทั้งหมดที่เคยมีจะหายไป ทำไมถึงยังขี้ลืมแบบนี้

12:20 น.
ผมขับรถกลับมาที่คอนโด เห็นดีนกำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โซฟาโซนรับแขก ดีนมันหมดรับน้องไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ มีแต่ผมกับไอ้หาวเนี่ยล่ะ ที่ต้องรับชะตากรรมคล้ายๆกัน
“กลับมาแล้วเหรอ” ดีนถามผม ตายังจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือ
“กลับมาเปลี่ยนชุดน่ะ เละไปหมดเลยเนี่ย” ผมพูดกับดีนด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ดีนหันมามองผม ก่อนจะขำออกมา แล้วหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปผม
“เล่นอะไรอะดีน ไม่เอา ไม่ถ่าย”
“ตลกดีออก มาๆถ่ายรูปคู่หน่อย จะส่งไปให้หาวดู ฮ่าๆ” รูปคู่อย่างนั้นเหรอ รูปคู่กับดีน!
“ย่อตัวลงมาหน่อยดิ กูดูเตี้ยเลยเนี่ย”
“ฮ่าๆ เตี้ยอยู่แล้วป้ะ” มันเลิกมองโทรศัพท์มือถือที่เปิดแอพลิเคชั่นถ่ายรูปไว้ แล้วหันมามองค้อนผม
“กูไม่ได้เตี้ย มึงอะสูงเกินไป”  ผมยิ้มกวนตีนให้คนตัวเล็กก่อนจะย่อตัวให้เท่าๆกัน ดีนยิ้มกว้าง ยกมือชูขึ้นสองนิ้ว ท่ามาตรฐานของการถ่ายรูป คนอะไรวะแม่งโคตรน่ารัก
ผมมองไปที่กล้องหน้าของโทรศัพท์มือถือ ผมมองตัวเองในสภาพโดนสีแดงป้ายที่แก้ม ฝั่งละสามขีดเหมือนแมวเหมียว มีวงกลมสีดำรอบดวงตา มีจุกสามจุดชี้โด่เด่อยู่บนหัว คนอะไรวะเนี่ยขนาดมีสีป้ายหน้ายังหล่อ
“กูลงไอจีด้วยดีกว่า วันนี้กูหล่อกว่ามึง ต้องลงสักหน่อย” ดีนจะลงรูปผมในไอจีอย่างนั้นเหรอ
“ลงดิ ส่งให้กูด้วยนะ กูไปอาบน้ำก่อนนะ พี่นัดบ่ายโมง”
“เออๆ ไปเหอะๆ” ดีนพูดในขณะที่ตัวเองกำลังจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือ ไม่สนใจผมเลยสักนิด
ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อประจำคณะ กับกางเกงสแล็คสีดำ เข็มขัดมหาลัย ผมก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือเป็นเวลา 12:50 นาทีแล้ว ผมกำลังจะสายเหรอวะเนี่ย จะโดนรุ่นพี่ทำโทษรึเปล่าวะ ผมรีบเปิดประตูออกมาจากห้อง ดีนก็ยังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ที่เดิม
“กูไปแล้วนะ”
“เออๆ เดี๋ยว! มึง… กูยืม Laptop หน่อยดิ Laptop กูเป็นไรไม่รู้ แฮงค์ตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย กูทำงานไม่ได้เลย”
“เอาเลย อยู่ในห้องนั่นล่ะ เข้าไปหยิบได้เลย อะนี่กุญแจห้อง กูไปก่อนนะ กูรีบ” ผมค้นหากุญแจห้องในกระเป๋า ก่อนโยนให้มันรับไว้
“ขอบคุณนะเว้ย” ผมยิ้มรับ แล้วรีบออกไปรับน้องให้ทัน

ผมเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบกล่องที่ผมซ่อนไว้ออกมา หยิบกุญแจที่ซ้อนไว้ในกระเป๋าเสื้อตัวด้านในสุดมาไขที่กล่อง กล่องแห่งความทรงจำของผมถูกเปิดออก ด้านในมีขวดสเปรย์น้ำยาตะไคร้หอมไล่ยุง ลูกอม หมากฝรั่ง ของขวัญต่างๆที่ดีนให้ รูปคู่รูปแรก สมุดไดอารี่
ผมไม่ใช่ผู้ชายที่เขียนไดอารี่ แต่ผมได้สมุดจดบันทึกมาจากแม่ที่อยู่ไกลกันคนละซีกโลก เพราะแม่ไปแต่งงานใหม่อยู่ที่นั่น ผมเริ่มเขียนไดอารี่ที่แม่บอกว่ามันคือตัวแทนของแม่ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ผมก็สามารถเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังได้ผ่านสมุดเล่มนี้ ผมเขียนมันบ่อยๆในช่วงแรกที่ได้สมุดมา หลังจากนั้นก็เขียนบ้างไม่เขียนบ้างล่ะครับ  ผมไล่อ่านไดอารี่แต่ละหน้าด้วยน้ำตา

16 พฤษภาคม 25XX
ตอนนี้ผมขึ้นม.1 แล้วนะ เปิดเทอมวันแรกผมก็ไปเรียนสายเลยครับ ผมเดินขึ้นมาห้องเรียนที่อยู่บนชั้นสองของอาคารห้า โต๊ะเรียนถูกจัดที่นั่งเป็นคู่ๆ ทุกที่นั่งมีกระเป๋านักเรียนจองไว้หมดแล้ว เหลือเพียงที่เดียวที่ว่างอยู่ ผมเลยเอากระเป๋าไปวางไว้ แล้วรีบวิ่งไปเข้าแถว
เข้าแถวเรียบร้อยก็เดินต่อแถวเพื่อน เดินเรียงกันขึ้นมาในห้องเรียน เพื่อนที่นั่งข้างๆกันเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ถักเปียมาสองข้าง
เธอชื่อว่ามิว เธอไม่ค่อยคุยกับผมเลย เหมือนเธอพยายามหลบหน้าผมเสียด้วยซ้ำ
แต่เปิดเทอมวันแรก ผมก็เข้ากับเพื่อนใหม่ได้ดีเลยทีเดียว ผมคุยเล่นกับเพื่อนๆผู้ชาย เรื่องเกม เรื่องบอล รุ่นพี่น่ารักๆ ตามประสาเด็กผู้ชาย ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของพระเอก

19 พฤษภาคม 25XX
ผ่านมา 2 วันแล้ว เพื่อนข้างๆก็ไม่ค่อยคุยกับผมเช่นเดิม ผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ
ช่วงต่อระหว่างคาบ คุณครูยังไม่เข้า เพื่อนผู้ชายโต๊ะข้างหน้าหันมาเรียกเธอ ที่กำลังเหลาดินสออยู่
“มิวๆ” เธอเงยหน้าขึ้นมอง
“วะ ว่า” เธอตอบตะกุกตะกัก ตอนแรกผมก็คิดว่าเธอน่าจะเขินผม ตอนนี้ผมคิดว่าเธอน่าจะเข้าหาคนไม่เก่งมากกว่า
“มิวชอบเอกเหรอ น่อวววว” เพื่อนโต๊ะข้างหน้าแซวผม
“อะไรของมึงเนี่ย” ผมพูดออกไป
“มิวชอบเอก มิวชอบเอก มิวชอบเอก มิวชอบเอก” เพื่อนหลายคนพูดขึ้นพร้อมกัน แล้วเธอก็วิ่งออกจากโต๊ะไปเลย ผมไม่รู้ว่าผมควรทำยังไง ถ้าวิ่งตามไปพวกนี้ก็หาว่าผมชอบเธออีก ผมเห็นเพื่อนผู้ชายกับเพื่อนผู้หญิงกลุ่มหนึ่งวิ่งตามเธอไป ผมรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด
“พวกมึงเล่นอะไรกันเนี่ย” ผมถามพวกมันไป
“พวกกูแค่แซวเล่นเฉยๆเอง จริงจังไปได้ โถ่”
วันนี้ทั้งวันจากที่มิวเธอไม่ค่อยพูดกับผมอยู่แล้ว กลายเป็นว่าเธอไม่มองหน้าผมอีกเลย แด่วันแย่ๆของพระเอกเองครับ

20  พฤษภาคม 25XX
เช้าวันนี้ผมมาเรียนสายเป็นปกติเพราะบ้านอยู่ข้างโรงเรียนนี่เอง ผมเดินเข้ามาในห้องเรียนแล้วรีบวิ่งไปเข้าแถว เป็นปกติของชีวิต แต่สิ่งที่ไม่ปกติก็คือเพื่อนข้างๆผมวันนี้ไม่ใช่มิว แต่มันคือไอ้ดีนเด็กที่ผมหมั่นไส้ที่สุด ไม่ว่าจะคำถามแบบไหน ครูจะถามอะไรก็ตอบได้ไปหมด ไม่รู้ว่ามันกินกูเกิ้ลเข้าไปหรือเปล่า
“หวัดดี” มันทักผม หึกวนตีนแต่เช้า ผมก็ถามมันว่า
“มิวไปไหน” มันกลับตอบผมกลับมาว่า
“ดูเหมือนเธอไม่อยากนั่งตรงนี้กับนายนะ”
ผมมองไปรอบห้อง มิวย้ายที่นั่งไปนั่งโต๊ะของดีน ผมสบตากับเธอเข้าพอดี เธอหันหน้าหนีผม แม่งเอ้ย!
ผมจะต้องนั่งกับไอ้บ้านี่ตลอดทั้งเทอมเหรอวะ
 
จำได้ว่าตอนนั้นผมยังไม่ชอบหน้าดีนอยู่เลยนะ ผมแกล้งมันสารพัด ทั้งขโมยยางลบไปซ้อน เอาหมากฝรั่งไปติดโต๊ะมัน คิดแล้วก็นะ… ผมทำไปได้ยังไง แต่ดีนมันไม่เคยด่าผมเลยสักครั้ง เพราะมันไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนแกล้ง มีคนแกล้งมันเยอะแยะเต็มไปหมด ก็มันอยากเก่งกว่าคนอื่นนี่ครับ ทำอะไรครูก็ชม มีแต่พวกผมนี่แหล่ะที่โดนด่า ผมยิ้มกับเรื่องราวเก่าๆทั้งน้ำตา
ผมเปิดไดอารี่อ่านเรื่องราวต่างๆที่ผมเขียนไว้ไปเรื่อยๆ ไดอารี่หน้าแรกที่ผมตั้งใจเขียนถึงดีน ถูกคั้นไว้ด้วยที่คั้นหนังสือ

7 กันยายน 25XX
ตอนนี้ผมอยู่ม.2 แล้ว ผมยังอยู่ห้องเดียวกับดีนเหมือนเดิม  ผมไม่ได้นั่งข้างดีนเหมือนเมื่อก่อน เวลา 1 ปีไม่ได้ช่วยให้ผมสนิทกับมันมากขึ้นเลยสักนิด แต่ผมก็ไม่ได้อยากแกล้งมันเหมือนเดิมแล้ว
“พวกนายทำอะไรกันน่ะ” เสียงดีนตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ผมเดินอยู่ที่บันได กำลังจะเดินขึ้นไปที่ห้องเพื่อเก็บสัมภาระกลับบ้าน เปลี่ยนเป็นรีบวิ่งขึ้นไปแทน
ผมเห็นไอ้เพื่อนเหี้ยกำลังเทน้ำตะไคร้กันยุง โครงงานวิทยาศาสตร์ของดีนทิ้ง ผมเดินเข้าไปข้างๆดีนจับบ่ามันไว้
“พวกมึงทำอะไรกันวะ” ผมตะคอกขึ้นมาเสียงดัง ถึงผมจะเหี้ยแค่ไหน ผมไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนั้น
“อะ ไอ้เอก พวกกูไม่ได้ทำอะไรนะ” ดีนวิ่งออกไปแล้ว
“มึงจำไว้ อย่ามายุ่งกับเพื่อนกู” ผมพูดแค่นั้นแล้ววิ่งตามดีนออกมา
ดีนวิ่งไปที่ห้องน้ำ มันขังตัวเองอยู่ในนั้น ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ผมก็เลยนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำ จนมันออกมาเอง
“เป็นไงบ้างวะ” ดีนดูตกใจที่เห็นผม ดวงตาของมันแดงกล่ำเหมือนคนที่เพิ่งเลิกร้องไห้ มันไม่ตอบอะไร เดินไปล้างหน้าที่อ่างล้างมือ หยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาเช็ดหน้า ผมมองมันด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม ผมอยากปกป้องมัน
ต่อจากนี้ผมจะปกป้องมันเอง
 
ผมไล่อ่านไดอารี่ไปเรื่อยๆ น้ำตาไหลไม่หยุด ตอนนั้นผมจำได้ว่า เช้าวันถัดมาผมถูกเรียกเข้าห้องปกครองด้วยนะ

17 พฤษภาคม 25XX
ตอนนี้ผมอยู่ม.4 ผมย้ายมาอยู่โรงเรียนเอกชนไม่ใกล้ไม่ไกลบ้านนัก และแน่นอนผมย้ายตามดีนมา
วันนี้ดีนแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้ผมรู้จัก มันชื่อหาวเป็นเพื่อนสมัยเด็กของดีน บอกตามตรงผมไม่ชอบขี้หน้ามันเลย หน้านิ่ง พูดจาตลกหน้าตาย ไม่ค่อยยิ้ม แถมยังสนิทกับดีนเกินไปอีกต่างหาก ผมเป็นอะไรไม่รู้ แต่ผมหงุดหงิด หงุดหงิดไปหมด ทำไมวะสนิทกับผมคนเดียวไม่พอเหรอ
และเหมือนดีนมันจะรู้ มันโทรมาเล่าเรื่องราวของไอ้หาวให้ผมฟังในเย็นวันนั้น กลายเป็นว่าผมรู้สึกผิด แต่ผมก็ไม่ชอบขี้หน้ามันเพราะมันสนิทกับดีนมากเกินไปอยู่ดี ผมเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย

24 กันยายน 25XX
ตอนนี้ผมอยู่กับไอ้หาวสองคน เพราะดีนไปซ้อมโอลิมปิกวิชาการ อยู่ๆมันก็ถามผมว่า
“เอกกูถามจริงๆนะ มึงชอบดีนใช่ไหม” ผมอึ้งกับคำถามของหาว ชอบดีนงั้นเหรอ คำถามของหาวทำให้ผมฉุกคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ความรู้สึกที่ผมมี ผมไม่ได้ตอบคำถามของมันไป
วันแรกที่ผมรู้ตัวว่าชอบดีนไปแล้ว

31 ตุลาคม 25XX
วันนี้ผมตัดสินใจถามดีน เมื่อตอนพักเที่ยง หลังจากคิดแผนอยู่นาน ผมหารูปเกย์ที่ดังมากในโลกโซเชี่ยลให้มันดู
“เนี่ยพวกมึงคิดไงกับเกย์คู่นี้วะ” ผมถามมันออกไป ไอ้หาวมองหน้าผม แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ
“ก็ไม่อะไรนะ ความรักมันสวยงามอยู่แล้ว” ดีนมันตอบผม ไม่เหยียดงั้นเหรอ หัวใจของผมเต้นรัว บอกเลยผมดีใจมากๆ
“งั้นแสดงว่ามึงมีแฟนเป็นผู้ชายก็ไม่เป็นอะไรดิ”
“มึงถามอะไรวะเอก”
“ตอบกูมาเหอะน่า” มันมองหน้าผมแบบเบื่อหน่าย
“กูก็ไม่ได้มองว่าเกย์ผิดอะไรก็จริง” ดีนทำสีหน้าแปลกไป หัวใจของผมชาแบบบอกไม่ถูก
“มึงรังเกียจพวกนี้เหรอวะ” มันหันมามองหน้าผม แล้วพูดประโยคหนึ่งที่ผมชาไปทั้งใจ
“ไม่เกี่ยวกับรังเกียจ ไม่รังเกียจเว้ย สำหรับกูเรื่องพวกนี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
คำพูดของมันเมื่อตอนเที่ยง ทำให้ผมรู้ว่าความรักของผม ไม่มีทางสมหวัง ถ้าเป็นไปได้ผมก็จะเก็บมันไว้ ให้มันตายไปพร้อมกับผม อย่างน้อยในสถานะนี้ ผมก็มีมันอยู่เคียงข้างเสมอ

ผมนั่งอ่านไดอารี่ไปเรื่อยๆ น้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้ม นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้ร้องไห้แบบนี้ ตั้งแต่ตอนนั้น
ผมรู้ดีว่าดีนมันคิดกับผมแค่เพื่อน ผมพยายามทำตัวให้ปกติที่สุดตลอดมา ผมยอมอยู่ตรงนี้เพื่อที่จะได้ไม่เสียมันไป แต่ทุกอย่างกลับพังลงเพราะความโง่เง่าของผม ผมไม่เคยคิดว่ารักของผมมันจะสมหวัง เพราะผมรู้ดีถึงคำตอบทั้งหมดของเรื่องนี้อยู่แล้ว
แอบรักเพื่อน ถ้าเป็นผู้หญิงกับผู้ชายว่ายากแล้ว แต่แอบรักเพื่อนที่เป็นผู้ชายด้วยกันมันแย่กว่าหลายเท่าจริงๆ

“เพราะมึงไม่ใช่พระเอกไงวะไอ้เอก ที่มึงจะได้สมหวังในความรักเหมือนในซีรี่ส์”

(คนเขียน : เอกต้องไปบวชเป็นพระก่อนนะ เอกจะได้เป็นพระเอกไง โดนตบอร้ากกกกกก)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 11:05:41 โดย Suneerat »

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 11
ทางนี้

Sometimes the heart sees what is invisible to the eye.

[ HAO PART ]
ผมขับมินิคูเปอร์ลูกรักมาจอดที่หน้าร้านโสดชื่นตามที่พี่สีฝุ่นนัดไว้ พี่สีฝุ่นนัดตอน 3 ทุ่มครึ่ง ผมก้มมองนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลา 4 ทุ่มแล้ว
ผมกับดีนเดินเข้าไปในร้าน บรรยากาศในร้านเป็นร้านนั่งชิลธรรมดา มีดนตรีสด กลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งไปทั่วร้าน ทำให้ผมเริ่มรู้สึกเวียนหัว ผมมองหาพวกพี่สีฝุ่นท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังนั่งดื่มเหล้า ไม่นานก็เจอ พวกพี่เขานั่งอยู่โต๊ะแถวใกล้ๆเวที ในโต๊ะมีคนอยู่ 4 คน  2 คนแรกคือพี่สีฝุ่นกับพี่เอส พี่สีฝุ่นกำลังควักมือเรียกผม อีก 2 คนหันหลัง คนแรกผมคิดว่าน่าจะเป็นพี่เสือปู่รหัสของผม แต่กับอีกคนมันเป็นแผ่นหลังที่ไม่ต้องหันมาก็รู้ว่าคือใคร
“มาช้านะมึง เดี๋ยวกูไม่รับเข้าสายชิบ”
“สวัสดีครับพี่สีฝุ่น พี่เอส พี่เสือ พี่ตะวัน” ผมไล่สายตามองไปยังคนอีก 2 คนที่เหลือ คนแรกคือพี่ตะวันครับ เป็นพี่เขาจริงๆ ผมไม่รู้ว่าพี่มันมาได้ยังไง หรือว่าพี่สีฝุ่นชวนมาด้วยวะ ส่วนอีกคนก็คือปู่รหัสของผมเพราะเพิ่งเจอกันไปเมื่อบายศรีช่วงบ่าย
“มึงจะยืนเอ๋ออีกนานไหมวะไอ้หาว ทำไมไม่นั่ง รอพ่องมึงตัดริบบิ้นเหรอ มึงด้วยน้องดีน ทำหน้าเหมือนคนอกหัก” เสียงพี่สีฝุ่นพูด เรียกสติผมกลับมา ดีนยิ้มเจื่อนให้พี่สีฝุ่น ไม่ได้ตอบอะไร
“เอ่อ… ครับ” ผมตัดสินใจพาตัวเองไปนั่งข้างๆพี่เอสที่คิดว่าน่าจะไร้พิษภัยที่สุด พร้อมจูงมือดีนไปนั่งข้างๆกัน
“นี่น้องดีนเพื่อนไอ้หาวมันครับ” พี่สีฝุ่นแนะนำดีนให้พี่เสือรู้จัก โดยที่ผมไม่ต้องพูดอะไร
“สวัสดีครับพี่” ดีนพูดขึ้น แล้วหยิบแก้วเหล้าที่พี่เอสส่งให้ กระดกเหล้าเข้าปาก
“สายรหัสเรานี่มันหน้าตาดีจริงๆครับ” พี่สีฝุ่นพูดด้วยท่าทางภูมิใจ
 “จริงอย่างที่พี่สีฝุ่นว่าเลยครับพี่เสือ โดยเฉพาะเอสนี่หน้าตาดีสุดๆ”
“เฮ้อ…กูว่ากูเจอจุดบอดของสายรหัสเราแล้วล่ะ”
“พี่สีฝุ่น!!! ” ทุกคนในวงยิ้มให้กับการกระทำของคนทั้งคู่
“ฮ่าๆพอๆ พวกมึงสองตัวอยู่ด้วยกันทีไร ตีกันตลอดจริงๆ” พี่เสือส่ายหัวเบาๆ แล้วเอามือไปโอบไหล่พี่ตะวัน หัวใจของผมกระตุกวาบ ความรู้สึกแปลกๆที่ผมไม่รู้ว่ามาจากไหน พี่ตะวันเองก็ดูจะไม่สนใจอะไร ปล่อยให้พี่เสือโอบไหล่อยู่แบบนั้น
 ผมเลิกสนใจการกระทำของคนทั้งคู่ แล้วหันไปสนใจดีนแทน
“ดีนดื่มน้อยๆหน่อยสิ”
“เป็นห่วงเหรอ” ดีนมันตอบผมอ้อนๆ ดีนเป็นคนที่เมาแล้วจะอ้อนกว่าปกติสูงมาก
“เมาแล้ว?” ผมถามดีนที่มองหน้าผมอยู่ “อะไรใครเมา”
“ปากเก่ง ดื่มน้อยๆหน่อย” ผมเอามือดีดหน้าผากดีน
“กูต้องกลับแล้วว่ะ พรุ่งนี้กูมีธุระ” ผมหันไปมองพี่เสือ
“นักธุรกิจพันล้านก็งี้” พี่สีฝุ่นแซวพี่เสือ
“ฮ่าๆกูไปละ ตัวเล็กพี่ไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่” พี่เสือเอามือลูบหัวพี่ตะวัน พี่ตะวันพยักหน้ารับไม่ได้ตอบอะไร ทำไมต้องลูบหัวกันด้วยวะ...

พี่เสือกลับไปแล้ว ผมว่าจะขอตัวกลับบ้างเพราะดีนดูไม่โอเคแล้ว ดื่มเหล้าเหมือนดื่มน้ำเปล่าเลยครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงเพราะห้ามมันแล้ว มันไม่ฟัง
เหล้าที่พี่เอสชงก็รสชาติดีอยู่เหมือนกัน แต่ผมไม่ใช่คนคอแข็งเท่าไหร่ เวลาผมเมาผมชอบหลับ ถ้าผมหลับไปก็จะไม่มีใครดูแลดีน เลยได้แค่จิบๆ แต่ก็มีมึนๆเล็กๆอยู่ดี พี่สีฝุ่นหายไปนั่งกับเพื่อนผู้หญิงของพี่มันอีกโต๊ะ พี่เอสก็สนใจแต่ดนตรีสดหน้าเวที ส่วนพี่ตะวันก็นั่งดื่มเหล้าเหมือนน้ำเปล่าพอๆกับดีนเลยครับ
ดีนเอาหัวมาพิงที่ไหล่ของผม  ผมเลยเอามือข้างหนึ่งไปจับบ่าของดีนเอาไว้ ผมที่กำลังจะขอตัวกลับก่อน  เพราะดีนดูไม่โอเคเลย
“สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาร้องเพลงเพลงหนึ่งให้คนคนหนึ่งฟัง คนที่ไม่เคยรู้อะไรเลย ผมขอมอบเพลงนี้ให้กับคนคนนั้น มาฟังกันเลยครับกับเพลงแค่คนอีกคน” เสียงของพี่ตะวันที่ดังผ่านไมโครโฟน ทำให้ผมต้องหันไปมอง ผมไม่รู้ว่าพี่มันลุกออกไปจากโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ เสียงพูดที่ดังผ่านไมค์เจือด้วยความเจ็บปวดจนเห็นได้ชัด สายตาที่จับจ้องมาทางผม จนทำให้ผมเผลอคิดไปว่าคนคนนั้นที่พี่มันพูดถึงคือผม
“พี่เอสครับ พี่ตะวันเป็นอะไรเหรอครับ แล้วทำไมถึงขึ้นไปอยู่บนเวทีได้” ผมหันไปถามพี่เอส
“กูก็ไม่รู้ว่ะ อยู่ๆก็ลุกออกจากโต๊ะ กูก็คิดว่าไปเข้าห้องน้ำ เห็นอีกทีอยู่บนเวทีนู้นละ” พี่เอสตอบผมตามองไปที่พี่ตะวัน
พี่ตะวันเริ่มดีดกีตาร์ในท่วงทำนองที่ฟังแล้วคุ้นหู ท่วงทำนองที่ผมเคยฟัง แต่ผมไม่รู้ว่าเคยฟังเพลงนี้ที่ไหน สายตาเจ็บปวดที่ยังจับจ้องมาทางผม ผมเลิกสนใจดีน ปล่อยให้ดีนพิงไหล่อยู่แบบนั้น มองไปยังคนที่ส่งสายตาเจ็บปวดมาให้ผมแทน พี่เขาเป็นอะไรไปวะ
*เพลงแค่คนอีกคน - ปราโมทย์ วิเลปะนะ

https://youtu.be/JYbqbSXpHDA


“คงหวังสูงเกินไปจะให้เธอให้ความสำคัญ
ชีวิตชั้นมันเพียงบนดิน
เพียงสักครั้งสักคราแค่เธอมาทักทายให้ได้ยิน
มองเธอยิ้มให้กันก็ดีแล้ว”
 
พี่ตะวันมองมาทางผมกับดีนไม่ละสายตาไปไหน หัวใจของผมรู้สึกชาแปลกๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเขา

“บอกกับตัวเองให้ฝันแค่พอประมาณ
แค่ให้พอชื่นใจ บอกเอาไว้ให้ว่าควรพอแค่นี้...
แค่เป็นอีกคนคนอีกคน คนหนึ่งคน
คนที่รักเธอไกลๆ คนที่ไร้ตัวตนในสายตา”

“พี่ตะวันเหมือนคนอกหักนะกูว่า” พี่เอสพูดกับผม ผมพยักหน้ารับไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผมมองไปยังพี่ตะวันที่ยังมองมาทางผม

“แค่คนอีกคนเป็นอีกคน
คนที่มองอยู่ทางนี้หวังดีต่อเธอเรื่อยมา
ไม่แคร์ว่าเธอไม่เคยเห็นค่าความสำคัญ
คนรอบๆตัวเธอ แต่ละคนเค้าชั่งดูดี
มีเค้าแล้วที่เธอต้องการ มองแล้วชั้นเข้าใจ
ได้แค่คอยเฝ้าดูและรับฟัง
วันไหนที่เธอเจอคนที่รัก

บอกกับตัวเองให้ฝันแค่พอประมาณ
แค่ให้พอชื่นใจ บอกเอาไว้ให้ว่าควรพอแค่นี้...

แค่เป็นอีกคนคนอีกคน คนหนึ่งคน
คนที่รักเธอไกลๆ คนที่ไร้ตัวตนในสายตา
แค่คนอีกคนเป็นอีกคน
คนที่มองอยู่ทางนี้หวังดีต่อเธอเรื่อยมา
ไม่แคร์ว่าเธอไม่เคยเห็นค่าความสำคัญ

แค่เป็นอีกคนคนอีกคน คนหนึ่งคน
คนที่รักเธอไกลๆ คนที่ไร้ตัวตนในสายตา
แค่คนอีกคนเป็นอีกคน
คนที่มองอยู่ทางนี้หวังดีต่อเธอเรื่อยมา
ไม่แคร์ว่าเธอไม่เคยเห็นค่าความสำคัญ”
ผมฟังพี่ตะวันร้องจนจบเพลง หลังจากร้องเพลงจบ พี่ตะวันก็ไม่ได้กลับมาที่โต๊ะอีกเลย ผมคิดว่าพี่ตะวันอาจจะไปเมาอยู่ที่ไหน ผมคิดว่าจะตามออกไปดู ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องอยากตามไปดูพี่ตะวันขนาดนี้ แต่ผมรู้สึกว่าผมอยากไป ถ้าผมไปเข้าห้องน้ำแล้วแวะไปดูพี่เขาจะดีไหม เอาวะคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ
“พี่เอสผมฝากดีนหน่อยได้ไหมครับ” ผมหันไปบอกพี่เอสที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่กำลังสนใจดนตรีสดหน้าเวทีอยู่ “ได้ดิ ไปไหนวะ”
“เอ่อ… ว่าจะไปห้องน้ำน่ะพี่”
“เออๆ ฉี่เผื่อกูด้วย”
“ฮ่าๆ ตัดไอ้นั้นมาสิครับ”
“ไปเลย จะไปไหนก็ไป”

ผมยิ้มให้พี่เอสแล้วเดินออกมา ปล่อยดีนไว้กับพี่เอสสองคน ผมเดินออกมาตามหาพี่ตะวัน ตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่าพี่ตะวันเป็นอะไรแต่สิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้ได้ในตอนนี้คือหัวใจที่รู้สึกแปลกๆของผม ทั้งความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในหัวใจของผม  ทั้งความเจ็บปวดที่ส่งผ่านจากดวงตาของผู้ชายคนนั้น
ผมเดินตามหาพี่ตะวัน จนมาเจอพี่มันสูบบุหรี่ยืนพิงผนังอยู่ด้านนอกร้านอยู่กับพี่สีฝุ่น สภาพไม่เหมือนคนเมาสักเท่าไหร่ ผมไม่รู้มาก่อนว่าพี่มันสูบบุหรี่ เมื่อพี่สีฝุ่นเห็นผม พี่เขาก็เข้าไปตบบ่าพี่ตะวันสองสามที แล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร ผมเดินไปยืนพิงผนังร้านข้างๆพี่ตะวัน
“นี่พี่สูบบุหรี่ด้วยเหรอครับ” ผมเอ่ยถามออกไป
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” แทนที่พี่ตะวันจะตอบคำถามผม กลับถามผมกลับเสียเอง
“เมื่อกี้ครับ” พี่ตะวันหันมาถามผม “มาทำไม”
“จะไปเข้าห้องน้ำครับ” ผมไม่กล้าพูดออกไปว่าผมรู้สึกแปลกๆ จนผมต้องเดินตามออกมาดู ผมไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองจริงๆ
“แค่เดินผ่านมาสินะ” พี่ตะวันพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ยกบุหรี่ขึ้นมาดูดแล้วพ้นควันออกมา ตามองตรงไปไม่มองผมอีก “คนนั้นล่ะ”
“พี่หมายถึงใคร ดีนใช่ไหมครับ มันอยู่กับพี่เอสที่โต๊ะ” ผมตอบพี่ตะวันออกไป พี่เขาก็ตอบรับในลำคอ “อ่อ”
“พี่ตะวันพี่เป็นอะไร ระบายให้ผมฟังได้นะครับ”
“เปล่า…กูไม่ได้เป็นไร”
“อืมครับ”
“กลับไปที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวกูจะกลับแล้ว” พี่ตะวันโยนบุหรี่ไปที่เท้า แล้วใช้เท้าเหยียบก้นบุหรี่ให้ดับ
“อ่าครับ พี่ก็กลับดีๆล่ะ”
หลังจากแยกกับพี่ตะวันเสร็จ ผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ผมยืนส่องกระจกอยู่แบบนั้น เป็นอะไรไปวะไอ้หาว ผมใช้น้ำล้างหน้า ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาเช็ด
ผมกลับมาที่โต๊ะ พี่สีฝุ่นกลับมาโต๊ะแล้ว ผมทิ้งเงินให้พี่สีฝุ่นไว้ 1 พันบาทสำหรับค่าเหล้า จากนั้นก็พาดีนออกจากร้านมาเลย
ผมกลับมาถึงห้อง อาบน้ำให้ตัวเอง เช็ดตัวให้ดีน กว่าจะทำอะไรเสร็จก็ปาไปตี 2 แล้ว ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียงเอามือก่ายหน้าผาก ตามองไปที่ดาวเรืองแสงที่ผมแปะไว้บนเพดาน ผมยอมรับว่ายังสงสัย ว่าทำไมพี่สีฝุ่นต้องจงใจให้ผมจับได้สายรหัสนี้ แล้วผมยังไปเจอพี่ตะวันอีก การกระทำของพี่มันในวันนี้ด้วย แล้วพี่เสือล่ะเป็นอะไรกับพี่ตะวัน ทำไมผมต้องเจ็บปวดเวลาเห็นพี่ตะวันเป็นแบบนั้น ผมพยายามข่มตานอนหลับ แต่ก็ทำไม่ได้เสียที ผมตัดสินใจลุกขึ้นนั่ง เอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ตรงหัวเตียง พอได้แล้วก็ทิ้งตัวลงนอนเหมือนเดิม ปลดล็อกรหัสด้วยนิ้วหัวแม่มือข้างขวา กดเข้าแอพลิเคชั่นสีน้ำเงินยอดฮิต เลื่อนดูไทม์ไลน์ เจอโพสต์ของชายคนเดิมที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆแบบนี้

Tawan Tinnakron
อกหักแล้วสินะ

พี่ตะวันอกหักงั้นสินะ คนคนนั้นเป็นใครกัน คงไม่ใช่ผมใช่ไหม…

ผมตื่นขึ้นมาช่วงสายของวัน ดีนยังนอนหลับอยู่ หลับแล้วยังละเมอร้องไห้อีกเหรอเนี่ย ผมเอามือค่อยๆเช็ดน้ำตาของดีน ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ มันถึงร้องไห้หนักขนาดนี้ ผมไม่ได้ถามมันออกไป ผมเชื่อว่าถ้าดีนมันอยากเล่าเดี่ยวมันก็คงเล่าเอง ดีนเป็นขนาดนี้ แล้วเอกล่ะ เฮ้อ… ผมควรทำยังไงดี
เอกจะเป็นยังไงบ้าง โทรหามันดีไหม ผมลุกออกจากเตียง เดินมาที่ระเบียง ต่อสายหาเอก ไม่นานมันก็รับสาย
[ว่าไงหาว] เอกตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบๆ
“เอก! ทำไมเสียงมึงแบบนั้น” ผมถามเอกออกไปเพราะเสียงของเอกดูไม่โอเคสักนิด
[กูไม่ได้เป็นอะไร]
“มึงตอบกูมาดีๆ กูเป็นห่วง”
[กูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ] เอกปฏิเสธผมกลับมา ทั้งๆที่ฟังเสียงก็รู้แล้ว ผมถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ… ให้กูไปหาไหม”
[มึงไม่ต้องมาหรอก อยู่เป็นเพื่อนดีนนั่นแหละดีแล้ว]
“หาวนมนี่กูกินได้ไหมอะ” เสียงดีนเรียก ทำให้ผมหันไปมอง
[เสียงดีนเหรอ คิดถึงจังนะ] ผมควรทำอะไรดีวะเนี่ย เสียงสั่นขนาดนั้นน่ะ
“อ้าวคุยโทรศัพท์อยู่เหรอโทษทีๆ”
“ไม่เป็นไร ดื่มได้เลย” ดีนพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป
[ทั้งๆที่เป็นเพื่อนกันก็ดีมากแล้วแท้ๆ] ผมควรทำยังไงดีวะเนี่ย
“เอก มึงโอเคไหม”
[กูโอเค ฮึก งั้นแค่นี้นะ] แล้วเอกก็กดวางสายผมไปเลย
ผมสบัดหัวแรงๆ แล้วเดินมาที่ดีน ที่นั่งอยู่ตรงโซฟาโซนรับแขก
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” ผมทำหน้าแบบไหนออกไปวะเนี่ย
“เปล่าๆ” ผมนั่งลงข้างๆดีน
“เครียดเรื่องกูกับเอกเหรอ กูขอโทษนะ”
“เฮ้ย! ไม่เป็นไร หิวยังเดี๋ยวกูทำอะไรให้ทาน”
“ไม่อะ มีไรจะถามกูไหม”
“ไม่หรอก เอาไว้มึงพร้อมค่อยเล่าก็ได้” ผมเอามือไปวางที่บ่าของดีน แล้วยิ้มให้มันบางๆ
“กู กูรักมันว่ะหาว” ผมช็อกกับคำพูดของดีน น้ำตามันเริ่มคลออีกครั้ง ผมพยักหน้ารับ เงียบฟังดีนพูด ไม่ขัดอะไร
“กูพยายามห้ามใจมาตลอด แว๊บแรกกูดีใจมากเลยนะเว้ย แต่กูกลัว”
“กูควรจะทำยังไงดีวะหาว”
“กลัวอะไรวะ กลัวรักพัง?” ดีนพยักหน้ารับผม
“คนเราจะมีโอกาสเจอคนดีๆในชีวิตสักกี่ครั้งกัน ถ้ามึงชอบมันเหมือนกัน ทำไมมึงไม่ลองเสี่ยงดูวะ ถ้ามันจะพังอย่างน้อยมึงก็ได้รัก”
“ถ้าป๊ากูรับไม่ได้… ”
“ดีนกูถามมึงหน่อยนะ มึงคิดว่ามึงสามารถตัดสินใจแทนคนอื่นได้ไหม” ดีนมองหน้าผมแล้วส่ายหัว
“เออแล้วมึงไปตัดสินใจแทนป๊ามึงได้ไงวะ ไม่ร้องดิ ไปหาเอกไหมเหมือนมันจะไม่ค่อยโอเคนะ”
“เอกเป็นอะไรเหรอหาว”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ไปๆ พากูไปหาเอกหน่อยนะหาว”
“อื้มไปสิ”

[DEEN PART]
หาวขับรถพาผมออกมาจากคอนโดของมัน ผมไม่ใช่คนขี้แง แต่ผมร้องไห้จนตาบวมไปหมด ผมปวดตาจึงต้องหลับตาไว้ ผมคิดถึงเรื่องราวความเจ็บปวดอันแสนยาวนานของผม
คุณเคยมีรักที่เป็นไปไม่ได้รึเปล่าครับ รักที่คุณคิดมาตลอดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แอบชอบเพื่อนสนิท ผมไม่เคยเข้าใจคำนี้ จนวันที่เอกช่วยผมจากการถูกพวกเพื่อนผู้ชายแกล้งวันนั้น ผมสนิทกันมากขึ้นและผมก็ชอบมันมากขึ้นเช่นกัน แม้เอกจะพูดจาแปลกๆกับผมบ่อยๆ แต่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะชอบผมเหมือนกัน
ผมไม่เคยบอกใครเรื่องนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ไม่มีใครสักคนที่รู้เรื่องนี้ ผมบอกใครไม่ได้ ถ้าผมเลือกพูดกับเอกไปตรงๆ แล้วถ้าเอกไม่ได้คิดเหมือนผม ผมก็ต้องเสียมันไป ถ้าผมบอกป๊า แล้วป๊าจะรู้สึกยังไงที่รู้ว่าลูกชายคนเดียวชอบผู้ชาย มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่คนเป็นพ่อจะเข้าใจลูก แล้วผมยังเป็นลูกชายคนโตของบ้าน ผมอยากเป็นตัวอย่างที่ดีของน้องสาว ป๊าเลี้ยงผมกับน้องสาวมาด้วยตัวคนเดียว เพราะม้าเสียไปตั้งแต่น้องเด็กๆ ผมไม่อยากทำให้ป๊าผิดหวัง แล้วผมทำอะไรได้เหรอ ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนก็จริง แต่โลกนี้ไม่ได้มีแค่เราไงครับ ผมพยายามตัดใจมาตลอด แต่ยิ่งผมฝืนมากเท่าไหร่ ผมกลับรักเอกมากขึ้นเท่านั้น ผมทรมานเวลาใครพยายามเข้าหามัน เอกเป็นผู้ชายหน้าตาดี มันไม่เคยยุ่งกับใครก็จริง แต่ก็มีคนเข้าหามันเสมอ ผมเคยลองตัดใจแล้ว ผมลองคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ยิ่งผมคุยกับเธอไปเรื่อยๆ ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดกับเธอ สุดท้ายเราสองคนก็ไปไม่รอด ผมก็ต้องมาพยายามตัดใจจากเอกอีกอยู่ดี
เมื่อวานผมยืม Laptop ของเอกมาใช้ทำงาน ทำให้ผมรู้ว่าเอกก็คิดเหมือนกันกับผม มันทำให้ผมแทบอยากแหกกฎทุกข้อของตัวเอง

ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องของเอก เดินไปที่ Laptop ที่วางอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือของมัน ทำไมร้อนอย่างนี้วะ ผมเปิด Laptop ขึ้นดู ลืมปิดเครื่องนี่ ผมคงไม่กล้ายืมของมันแล้ว เครื่องร้อนขนาดนี้ ผมตัดสินใจเปิดเข้าไป เผื่อเอกทำงานอะไรค้างไว้ ผมจะได้เซฟไว้ให้ จะได้ปิดเครื่องด้วย  แต่ก็ต้องช็อกเพราะหน้าที่เด้งเข้ามา เป็นไอจีที่ไม่ใช่ของเอก ชื่อ Account คือ secret_1dn รูป Profile เป็นรูปแมวทำหน้าโง่ๆ
เขียน Bio ไว้ว่า Our love is just a dream, The impossible.  (แปล:ความรักของเราที่เป็นความฝัน...เป็นไปไม่ได้) มีคน followers เพียงคนเดียวคือเอก และ following เพียงผมคนเดียว ผมไม่รู้ว่าไอจีนี้มากด follower ผมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไอจีนี้มีโพสต์ทั้งหมด 543 โพสต์ และดูเหมือนรูปทั้งหมดจะเป็นรูปเกี่ยวกับผม
ผมเลื่อนดูรูป รูปล่าสุดเป็นรูปของผมที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ ผมไม่รู้ว่าเอกถ่ายภาพตอนไหน แคปชั่นของภาพนี้คือ ‘อยากเป็นหนังสือของดีนจัง อย่างน้อยมันก็มีสิทธิ์เป็นของของดีน’ ผมยิ้มออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ แต่อยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาเมื่อคิดถึงรักที่เป็นไปไม่ได้ ผมรู้สึกเหมือนคนเป็นไบโพลาร์
ผมเลื่อนดูภาพต่อๆไป น้ำตาผมไหลไม่หยุด เอกมันรักผมมากขนาดนี้เลยเหรอวะ ผมควรทำยังไงดี

“ดีน” หาวเรียกผม ทำให้ผมได้สติ ผมขยับตัวเล็กน้อยหันไปมองหน้าหาว
“เอาข้าวอะไร กูจะลงไปซื้อข้าว ซื้อไปเผื่อเอกมันด้วย”
“เดี๋ยวกูลงไปด้วย”หาวพยักหน้ารับ
ผมสองคนเข้ามาที่ร้านอาหาร พนักงานถือกระดาษจดเมนูเดินมาที่พวกผม พวกผมสั่งอาหารเรียบร้อย นั่งรอได้สักพักก็เห็นพี่ตะวันเดินเข้ามาในร้าน แต่พอพี่ตะวันเห็นหน้าผมกับหาวก็หันหลังเดินออกจากร้านไปเลย
“มีอะไรวะมึง”
“พี่ตะวัน” ผมบอกหาว
“ไหนวะ” หาวพยายามมองหา
“ออกจากร้านไปแล้ว”
“หืม”
พี่ตะวันแม่งเป็นอะไรไปวะ หรือว่าหึงผมกับหาวมัน

ผมเปิดประตูเข้ามาในคอนโด แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของเอกเลย
“เอก” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ผมเดินมองหามันไปทั่วแต่ก็ไม่มี หาวมันเดินไปที่ประตูห้องเอก
“ไม่ได้ล็อกว่ะมึง” หาวบอกผมด้วยหน้านิ่งๆของมัน หาวเปิดประตูเข้าไปในห้อง
“เอก มึงเป็นไรวะ ไอ้เอก! ไอ้เหี้ย!” เสียงของหาวตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ผมจึงวิ่งเข้าไปดู
“ดีน! เอกตัวโคตรร้อน”
เอกสลบอยู่ที่พื้น ข้างๆตัวมีของเกะกะเต็มไปหมด ผมเอามือไปจับที่ตัวของเอก ตัวของเอกร้อน ใจผมกระตุกหล่นไปอยู่ที่พื้น อย่าเป็นอะไรนะขอร้อง
ผมกับหาวพาเอกมาที่โรงพยาบาลใกล้ๆ หมอบอกว่ามันไม่ได้เป็นอะไรมาก ผมรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด
ผมนั่งเฝ้าเอกอยู่ที่ข้างเตียง ส่วนหาวมันนอนฟังเพลงอยู่ที่โซฟา ไอ้นี่ก็ฟังเพลงได้ตลอดจริงๆสินะ ผมส่ายหัวเบาๆ แล้วหันไปสนใจเอกต่อ  ผมจับมือของเอกไว้ มือของผู้ชายที่ผมรักที่สุด
“ดีนยังไม่ได้กินอะไรเลย ไปหาอะไรกินก่อนไหม” เสียงหาวถามขึ้นมา ผมจึงหันไปมอง
“มึงไปเหอะ เดี๋ยวเอกมันตื่นมาไม่เจอกู” หาวพยักหน้ารับผม
“งั้นกูไปก่อน เดี๋ยวซื้ออะไรมาฝากแล้วกัน”
หาวออกจากห้องไปแล้ว ส่วนผมก็ยังคงนั่งเฝ้าเอกต่อไป
ผมมองโทรศัพท์ของตัวเอง ผมอยากโทรไปหาป๊าซะตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่มันคงจะดีกว่าไหมถ้าผมจะคุยกับท่านด้วยตัวเอง ผมเอาหน้าซุกลงไปที่มือของเอก ขอบคุณนะที่ไม่เป็นอะไร ขอบคุณที่ยังอยู่ตรงนี้ น้ำตาของผมไหลอีกครั้ง ขอโทษที่ทำให้เป็นแบบนี้ ขอโทษจริงๆ
“ดีน” เสียงเอกเรียก ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง
“ฟื้นแล้ว” ผมยิ้มให้เอกทั้งน้ำตา
“ดีนไม่ร้อง แฮ็กๆ” เอกเอามือข้างที่ผมไม่ได้จับไว้ขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผม
“เอกไม่เอา เลือดไหลย้อนหมดแล้ว” ผมมองมือข้างที่มีสายน้ำเกลือเจาะอยู่ เลือดไหลย้อนเข้าไปในสาย
“ไม่เป็นไรหรอก มึงไม่เกลียดกูแล้วเหรอ” เอกพูดกับผมน้ำตาคลอเบ้า
“กูไม่เคยเกลียดมึงเอก ไม่เคยเลย” ผมส่ายหัว ไม่เคยเลยสักนิด
“แต่มึงรู้แล้วว่ากูชอบมึง ขอโทษที่กูเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับมึงไม่ได้”
“ขอโทษมึงเหมือนกันนะเอก”
“มึงไม่ต้องขอโทษหรอก มึงไม่ได้ผิดอะไรเลยนี่ แฮ็กๆ”
“ไม่ต้องเถียงแล้ว พักผ่อนจะได้หายเร็วๆไง” ผมยิ้มให้เอก
“แต่… ”
“เถียงเหรอวะ”
“อื้ม”
ถ้าผมจะฝืนโชคชะตาตัวเองสักครั้ง มันจะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ

[HAO PART]
“ครับเฮีย แค่นี้นะครับ”
ผมกดวางสายของเฮียเหิน แล้วเดินไปเคาะประตูสองสามที ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องพิเศษของโรงพยาบาลที่เอกพักอยู่
ผมเดินเข้ามาในห้อง มองเพื่อนรักสองคนที่กำลังหลับอยู่ ผมมองไปยังเอกกับดีน ดีนที่ใช้มือโอบเอวเอกไว้ มือของเอกที่วางไว้บนหัวของดีน ดวงตาของทั้งสองคนที่แม้จะหลับอยู่ก็มองออกว่ามันบวมช้ำขนาดไหน ภาพที่ใครๆเห็นก็น่าจะพอเดาออก เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้
 “ความรักมันต้องยากขนาดนี้เลยเหรอวะ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 11:04:34 โดย Suneerat »

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 12
หนังสือภาคต่อ

It takes courage to grow up and become who you really are.

[TAWAN PART]
“ไอ้ตะวัน ไปแดกข้าวกัน” เสียงของฟ้าใหม่เรียกทำให้ผมได้สติจากภวังค์ ผมลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเปิดประตู ก่อนที่ฟ้าใหม่จะโดนข้างห้องด่า
“รู้แล้ว เลิกเคาะได้แล้ว เดี๋ยวประตูห้องกูพัง” ผมพูดออกไปเมื่อฟ้าใหม่เคาะประตูไม่เลิก ผมเปิดประตูออกไป ฟ้าใหม่ที่ยิ้มหน้าระรื่นเปลี่ยนเป็นหุบยิ้มขึ้นมากะทันหัน
“ตะวันมึงเป็นอะไร”
“กูไม่หิว มึงไปเลย”
“มึงเป็นอะไรไอ้ตะวัน บอกกูมา” ฟ้าใหม่ไม่สนใจสิ่งที่ผมพูดสักนิด
“เฮ้อ… เข้ามาในห้องก่อนไหม” ฟ้าใหม่พยักหน้ารับแล้วเดินเข้ามาในห้อง ฟ้าใหม่นั่งลงที่โซฟาขนาดนั่งคนเดียวของผม ส่วนผมก็พาตัวเองไปนั่งที่เตียง
“กูไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั้น”
“ตะวันสภาพมึงเหมือนคนไม่ได้นอนมาสักเจ็ดวันอะ”
“กูเหรอ ไม่ได้นอนแค่คืนเดียวเองนะ”
“แล้วทำไมมึงไม่ได้นอนวะ”
“กูอกหัก”
“ทำไมวะ มีอะไรระบายมา คิดว่ากูเป็นชักโครก โถส้วมหรือท่อระบายน้ำก็ได้” ผมหันไปมองฟ้าใหม่ ก่อนจะหันกลับมาที่เดิม
“น้องเขามีคนที่ชอบแล้ว” ผมพูดออกไปเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ซบไหล่กันซะขนาดนั้น หมามองยังรู้ว่ามันเป็นมากกว่าเพื่อนกัน
“แล้วเอาไง จะตัดใจแล้วใช่ไหม” ตัดใจงั้นเหรอ ผมควรตัดใจสินะ รักที่เป็นไปไม่ได้ยังไงก็เป็นไปไม่ได้สินะ
“ไอ้ตะวัน ไอ้เหี้ยไม่ร้องไห้ดิวะ” ฟ้าใหม่เดินมาหาผมที่เตียง
“กูไม่ได้ร้อง” ผมเอามือเช็ดน้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ยังจะปากแข็งอีก” ฟ้าใหม่นั่งลงข้างๆผม ยกแขนมากอดคอผมไว้ “ตะวันมึงจำไว้ที่ตรงไหน ถ้ามันใช่ของเราอะ…” ผมหันหน้ามองฟ้าใหม่อย่างจริงจัง “มึงต้องมีฉโหนดเว้ย”
“ไอ้!!! ”
“อย่าด่ากู กูแค่อยากให้มึงยิ้มเฉยๆ” ผมด่ามันไม่ถูกเลย ผมหันกลับมา ตามองไปยังรูปของหาวที่ผมไปปริ้นแปะตามผนังห้อง
“เฮ้อ… มึงรู้ไหม กูเททุกคนที่กูคุยอยู่ กูยอมทุกอย่างแค่เพียงกูเห็นน้องมันอีกครั้ง ทั้งๆที่กูรู้ว่าไม่มีหวัง ทั้งๆที่รู้ว่ายังไงมันก็จบแบบเดิม ทำไมวะ เข้าใกล้ได้ขนาดนี้แล้วแท้ๆ กูคงต้องตัดใจแล้วจริงๆสินะ” จากไม่เคยหวังอะไร กลายเป็นว่าหวัง พอหวังแล้วก็เจ็บแบบนี้สินะ
“ไม่เป็นไรนะมึง เดี๋ยวกูแนะนำน้องข้าวแกงให้รู้จัก อย่างเด็ดเลยมึง” ผมหันไปมองฟ้าใหม่อีกครั้ง
“เบื่อมึง ฟ้าใหม่ไอ้ฉิบหาย” ฟ้าใหม่ยิ้มกวนตีนใส่ผม
“ตอนเลิกกับปุ๊ก มึงไม่เห็นร้องไห้แบบนี้เลย ครั้งนี้ท่าจะหนักจริง” ฟ้าใหม่พูดถึงปุ๊กแฟนเก่าของผมที่คบกันตั้งแต่ปี 1 แล้วเลิกกันตอนปี 2 เรื่องมันก็นานมาแล้วครับ ตอนนี้เธอก็มีแฟนใหม่ไปแล้ว อีกอย่างผมกับปุ๊กก็เลิกกันด้วยดี
“หนักอยู่ คืนนี้แดกเหล้าปะ”
“พอเถอะ เป็นตับแข็งตายห่าพอดี” ฟ้าใหม่ทำหน้าเอือมระอา
“กูไม่ตายง่ายๆหรอกเว้ย ถ้าคนมันจะตายเดินเฉยๆ รถก็ชนตายได้ป้ะ”
“โอ้ยบักพากเอ๊ยยย เบิดคำสิเว้า” ผมหันไปมองฟ้าใหม่ พูดอะไรของมันวะ
“อะไรของมึงวะ”
“เปล่า กูพูดอะไร๊ ไปๆล้างหน้า ไปกินข้าวกันดีกว่า”

สุดท้ายผมก็ไม่ได้ไปร้านเหล้าแบบที่ตั้งใจ โดนฟ้าใหม่หลอกมากินข้าว แล้วก็กลับมานั่งเล่นเกมโง่ๆอยู่ที่ห้องผมนี่ล่ะครับ
“เหม่ออีกแล้ว แพ้แล้วเนี่ยสัด” ฟ้าใหม่เอามือมาตบหัวผม
“เลิกแล้ว ไม่เล่นแล้วเว้ย! ”
ผมเลิกสนใจฟ้าใหม่แล้วเปิดเข้าแอพลิเคชั่นสีน้ำเงินที่ใครๆต่างรู้จัก เพจที่ผมติดดาวไว้ขึ้นมาอันดับแรก เพจ Fc หาว บริหาร เพจที่เจ้าตัวเองก็ไม่น่าจะรู้ว่ามีอยู่ ก็รายนั้นไม่เคยสนใจอะไรอยู่แล้วนี่ครับ ขนาดผมที่เฝ้ามองน้องมันมาตลอด น้องมันยังไม่เคยเห็นเลยนี่ครับ รูปที่ลงวันนี้เป็นรูปที่น่าจะถ่ายตอนวันรับน้องวันสุดท้ายนั่นแหละ ด้วยแคปชั่นของภาพ ‘กร้าวใจมากจ้า ออร่าความผัวนี้’ เป็นรูปที่หาวกำลังโดนป้ายสีที่หน้า หาวกำลังทำหน้านิ่งเหมือนที่ชอบทำ ผมคิดมาตลอดว่าหาวไม่ใช่คนที่เย็นชาเหมือนลุคของมัน แต่ผมรู้แล้วว่าน้องไม่เคยสนใจอะไรเลย ผมเผลอคิดไปว่าน้องมีใจให้ผม แต่ผมรู้แล้วว่าผมคิดไปเอง
“เอาอีกแล้ว บ่อน้ำตาตื่นจังวะ” นี่ผมน้ำตาไหลอีกแล้วเหรอวะ ผมรีบเอามือปาดน้ำตาที่ไหลมาที่แก้ม
“ทั้งๆที่รู้ว่าหนังสือเล่มเดิม ยังไงก็จบเหมือนเดิม สุดท้ายกูก็ยังเลือกทำแบบเดิม” ฟ้าใหม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ตะวันมึงฟังกูนะ หนังสือบางเล่มไม่จำเป็นต้องมีเล่มเดียว แฮรี่พอตเตอร์ยังมีภาคต่อ” ผมเงียบฟังไม่ได้พูดอะไรตอบ
“อย่างน้อยตอนนี้มึงก็กล้าเข้าหาน้องมัน ทั้งๆที่เมื่อก่อนมึงทำได้แค่ไหน มึงคิดดูว่ามึงจะทำให้หนังสือเล่มนี้จบยังไง แต่ถ้ามึงเลือกจบแบบเล่มที่แล้วก็เรื่องของมึง แต่มึงจะให้ทุกอย่างจบลงไปแบบนี้ โดยไม่พูดทุกอย่างออกมาเลยเนี่ยนะ”
“กูรู้ว่ายังไงกูก็แพ้ ถ้ากูไม่สารภาพ ถ้ากูปล่อยไปแบบนี้ อย่างน้อยกูก็ยังเป็นพี่ชายที่ดีคนหนึ่ง”
“เฮ้อ… ถ้ากูเป็นไอ้หาวนะ กูรักมึงตายเลยตะวัน” ฟ้าใหม่ส่ายหัวเบาๆ แล้วตบบ่าผมเบาๆ ถ้าหาวคิดเหมือนฟ้าใหม่ก็คงดี


[ AEK PART ]
หลังจากหาวกลับไปเรียนในตอนเช้า ส่วนดีนไม่ยอมไปเรียน ตอนนี้ผมกับดีนอยู่ในสถานะใหม่เป็นสถานะที่เรียกเพื่อนได้ไม่เต็มปากอีกต่อไป ดีนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆเตียงของผม เลื่อนอ่านการ์ตูนออนไลน์ในโทรศัพท์แบบที่มันชอบทำ การกระทำที่ผมไม่เข้าใจนัก ดวงตาของดีนยังมีร่องลอยของการร้องไห้ ที่ทำให้รู้ได้เลยว่าดีนร้องไห้หนักขนาดไหน ทั้งที่ผ่านมาหนึ่งคืนแล้ว กำลังฝืนทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีอยู่สินะ…
“หิวไหม เดี๋ยวแกะส้มให้ทาน” ดีนหันมาถามผม ผมพยักหน้ารับดีน ดีนแกะส้มที่หาวซื้อมาให้แล้วป้อนผม
ก็อก ก็อก ก็อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง พ่อของผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง
“สวัสดีครับคุณลุง” ดีนทักทายพ่อของผม พ่อพยักหน้ารับไหว้ดีน ก่อนดีนจะลุกขึ้นหลีกทางให้พ่อเข้ามานั่งแทน
“ตามสบายเลยๆ”
“ขอบคุณครับ” ดีนพาตัวเองไปนั่งที่โซฟา ส่วนพ่อก็มานั่งเก้าอี้แทนดีน
“พ่อมาได้ไง”
“ขับรถมาสิ”
“…”
“อย่ามองแบบนั้นดิ หาวโทรไปบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“อ้อ” ผมพยักหน้าเข้าใจ
“เป็นไงไอ้แสบ ทำท่าไหนแอดมิดเข้าโรงพยาบาลได้เนี่ย”
“โหพ่อ ผมคนนะครับก็ต้องมีเจ็บ มีป่วยกันบ้างแหละ”
“ปากดีแบบนี้แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“แน่นอน นี่ใครนี่พระเอกสุดหล่อไงพ่อ” พ่อลูบหัวของผม
“รู้ว่าตัวเองไม่ไหว ทีหลังก็อย่าฝืนสิวะ” พ่อพูดกับผมแล้วหันไปถามดีน “แล้วนี่เจ้าดีนไม่ไปเรียนเหรอ”
“อะ เอ่อ ผมกลัวไม่มีคนเฝ้าเอกมันน่ะครับคุณลุง”
“แล้วทำไมไม่จ้างพยาบาลพิเศษล่ะครับลูก”
“นั่นสินะครับ แหะๆ” ดีนยกมือเกาท้ายทอยตัวเอง
“พ่ออย่าถามดีนเยอะดิ เนี่ยพ่อไม่เจอกันตั้งนาน คุยกับผมเยอะๆหน่อยสิครับ”
“แหนะ มีปกป้องกันด้วย” พ่อแซวผมเบาๆ ท่านรู้อยู่แล้วว่าผมชอบดีน จริงๆครอบครัวของผมอยู่กันสองคนตั้งแต่ผมเด็กๆ มีแค่พ่อกับผม ส่วนแม่กับพ่อก็เลิกกันไปตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ พ่อเลี้ยงดูผมเหมือนเพื่อน ทำให้เราค่อนข้างสนิทกัน มีอะไรก็คุยกันเสมอ
“อะไรพ่อ แล้วนี่น้าลินทำงานเหรอครับ” ผมถามถึงแฟนใหม่ของพ่อ
“ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเพื่อนๆเขา ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์แล้ว เปลี่ยนเรื่องเก่งจังนะไอ้แสบ” พ่อใช้นิ้วดีดหน้าผากผม ไม่ได้แรงมาก แต่ก็พอทำให้เจ็บอยู่เหมือนกัน
“โถ่… พ่อผมป่วยอยู่นะ”
“ซ่าดีนัก”
“แล้วนี่เป็นอะไร ร้องไห้เหรอตาบวมเชียว” พ่อมองหน้าผม
“มันบวมขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“แสดงว่าร้องไห้จริงๆสินะ”
“เป็นอะไรไหนบอกดิ๊ นี่เพื่อนไงไม่ใช่พ่อ มีอะไรบอกพ่อได้ไหมครับ” ผมหันไปมองดีนที่มองหน้าผมอยู่
“อ้อ พ่อว่าพ่อรู้แล้วแหละ” พ่อพูดเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง
“ดีนพ่อว่าเราไปเรียนดีไหม ไม่ควรขาดเรียนนะครับเดี๋ยวพ่อเฝ้าเอกเอง”
“เอ่อครับ”
“พ่อครับ ดีนมันไม่ได้เอารถมา มันติดรถหาวมา”
“เดี๋ยวผมขึ้นมอเตอร์ไซด์วินกลับเองก็ได้ครับ” ดีนพูดแทรกขึ้นมา
“ไม่ได้” ผมพูดออกไป
“เอางี้เดี๋ยวพ่อไปส่งเอง โอเคมั้ย” ผมพยักหน้ารับ
“ไม่เป็นไรจริงๆครับ”
“ตามมาเจ้าดีน” พ่อลุกเดินนำออกไป ดีนหันหน้ามามองผม ผมพยักหน้าให้ดีนตามไป
พ่อหายไปพักใหญ่ๆ กลับมาถือของพะรุงพะรังไปหมด ก็พวกของกินนั่นแหละครับ ท่านเอาของวางที่โต๊ะแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆผม
“ทีนี้พูดได้ยัง” ผมมองพ่อที่รอฟังคำตอบด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“ผมถูกจับได้แล้ว”
“หืมถูกจับได้เรื่องที่เราชอบดีนน่ะเหรอ พ่อก็ว่าเขาปกติดีนี่ เขายังมาเฝ้าเราอยู่เลย”
“ปกติแต่ไม่ปกติไงพ่อ” พ่อเอามือมายีหัวผม
“แล้วจะทำยังไงต่อหืม”
“ทำยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมอกหักจริงๆแล้วสินะครับพ่อ”
“รู้ได้ไงว่าอกหัก ลองสารภาพกับปากตัวเองไปหรือยัง ให้ดีนปฏิเสธก่อนค่อยมาบ่นว่าอกหัก”
“ผมกลัวจังพ่อ ผมกลัวว่าแม้แต่ความเป็นเพื่อนดีนก็ให้ผมไม่ได้อีก ถ้าผมสารภาพออกไป ผมรู้ว่าตอนนี้ดีนคงอึดอัด แต่ก็ยังพยายามเป็นเพื่อนที่ดี ดีนก็ยังใจดีเสมอเลยนะครับ” พ่อถอนให้ใจออกมาเล็กน้อย
“พ่อไม่อยากให้เอกฝืนแบบนี้แล้วนะครับ”
ผมมองพ่อที่เอามือมาลูบหัวของผม บางครั้งความรักครั้งนี้อาจจะมีความหวังเพียงน้อยนิดก็ตาม แต่ให้เลือกอีกครั้งผมก็เลือกแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าความรักของผมจะพังหรือสมหวัง ผมก็ต้องรับมันให้ได้อยู่ดี

ผมนอนโรงพยาบาลไปสามวันเต็มๆ หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล ผมกลับเข้ามาในห้อง ของในความทรงจำของผมที่วางอยู่ที่พื้นถูกเก็บใส่กล่องวางไว้บนโต๊ะอย่างดี เห็นแล้วสินะ ผมตัดสินใจจะทำทุกอย่างให้มันชัดเจน ผมหยิบกระดาษ A4 มาพับครึ่งแล้วตัด นำกระดาษครึ่งแผ่นที่ตัดครึ่งมาแบ่งเป็นสองส่วน หยิบปากกาขึ้นมาเขียนสิ่งที่ต้องการลงไป ผมรู้ดีว่าผมคงกลับไปเป็นเพื่อนรักของดีนไม่ได้อีกแล้ว ผมไม่อยากฝืนอีกต่อไป ผมเดินมาเคาะประตูห้องของดีน ผมรู้ว่าดีนอยู่ในนั้น รอไม่นานดีนก็เดินมาเปิดประตู
“มีอะไร ทำไมไม่นอนพักล่ะ”
“เข้าไปได้ไหม”
“อื้มเข้ามาสิ” ดีนพยักหน้ารับแล้วหลีกทางให้ผมเข้ามาในห้อง
“ดีน” ผมเรียกดีนหลังจากมันปิดประตูลง
“ว่า” ดีนขานรับผมแล้วหันมา ใบหน้าหวานมองผมด้วยความสงสัย
“อ่านไดอารี่แล้วใช่ไหม” ดีนพยักหน้ารับผมแล้วถอนใจ ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
“ดีนกูมีเรื่องจะสารภาพ” ดีนมองผมไม่ได้พูดอะไร
“กูชอบมึงนะ ชอบมาตลอด ให้โอกาสกูได้ไหม อย่าเพิ่งตอบกูนะ”
ผมถือกระดาษที่เตรียมมา โชว์ให้ดีนเลือก 2 แผ่น แผ่นแรกเขียนว่า Yes แผ่นที่สองเขียนว่า No
“เป็นแฟนกับกูนะ”
ผมหลับตาลง ไม่กล้าดูผลลัพท์ที่เกิดขึ้น ผมรู้ว่าดีนกำลังดึงแผ่นปฏิเสธออกไป
“ลืมตาได้แล้ว” ดีนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ผมลืมตาขึ้นมา ผมมองดีนที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาที่เคยสดใสนั่นคลอไปด้วยน้ำตา ดีนถือกระดาษแผ่นที่เขียน No ไว้ในมือ ผมมองดีนตรงๆแล้วฝืนยิ้มให้ อกหักจริงๆแล้วสินะ แล้วผมจะเป็นเพื่อนกับดีนได้อีกใช่ไหม แค่เพื่อนก็ยังดี…
“ถ้าเป็นแฟนกันแล้วจะกลับไปเป็นเพื่อนกันยากมากเลยนะ มึงเข้าใจกูไหมวะเอก”
“กูรู้… ขอโทษมึงนะดีน มึงจะไม่ฝืนเป็นเพื่อนกูแล้วก็ไม่เป็นไร แต่มึงอย่าลืมว่ามีกูคนนี้คอยหวังดีกับมึงตลอดนะ พร้อมเมื่อไหร่กลับมาเป็นเพื่อนกับกูนะ กูขอกอดมึงเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมวะ” ผมพูดออกไปทั้งน้ำตา
“ไม่ได้หรอก… กูไม่อยากกอดมึงเป็นครั้งสุดท้ายด้วย กูไม่อยากฝืนเป็นเพื่อนมึงอีกต่อไปแล้ว” ผมพยักหน้ารับดีน ผมเข้าใจความรู้สึกของดีนดีกว่าใคร แม้แต่กอดสุดท้ายก็เป็นไปไม่ได้สินะ
“กูเข้าใจ กูไปแล้วนะ” ผมเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มให้ดีนด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมี ก่อนที่ผมจะไม่สามารถยิ้มแบบนี้ให้ดีนได้อีก
“มึงจะไปไหน มึงยังฟังกูไม่จบเลยนะ” ผมมองดีนอย่างไม่เข้าใจ
“กูไม่อยากฝืนเป็นเพื่อนมึงอีกต่อไปแล้ว… กูอยากรักมึง กูอยากมีสิทธิ์จะรักมึง กูอยากเป็นแฟนของมึง และกูไม่อยากกอดมึงเป็นครั้งสุดท้ายเพราะกูอยากกอดมึงในทุกๆวัน” ดีนพูดไปร้องไห้ไป ผมคว้าดีนเข้ามากอดแทนความรู้สึกทุกอย่าง ความรู้สึกเอ่อล้นในหัวใจจนผมไม่สามารถอธิบายมันออกมาเป็นคำพูดได้
 “จะข้ามอุปสรรคไปด้วยกันได้ไหม” ดีนถามผม น้ำตาของดีนชุ้มเสื้อของผมไปหมด
“ตอบมา” ดีนพูดออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบออกไปสักที
“ได้สิ” ผมตอบมันออกไปด้วยความมั่นใจที่ผมมีทั้งหมด
“แต่กูเอาแต่ใจมากเลยนะ”
“กูรู้”
“ถ้าป๊ากู… ”
“กูจะพิสูจน์ให้ป๊ามึงเห็นเอง”
“กููนิสัยแย่ๆเยอะนะ”
“ดีนกูก็ไม่ได้ดีอะไรเหมือนกัน แต่กูพร้อมเปลี่ยนเพื่อมึง อีกอย่างกูรักทุกอย่างที่เป็นมึง”
ดีนค่อยๆดันผมออก ยิ้มทั้งน้ำตาแล้วค่อยๆฉีกกระดาษแผ่นนั้นจนละเอียด แล้วดึงกระดาษตอบรับในมือของผมไป
“เป็นแฟนกันแล้วนะ”
จบคำนั้นผมดึงดีนเข้ามากอดดีนอีกครั้งก่อนจะค่อยๆคลายออก ผมยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาของดีน ผมจ้องลึกไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่สวยเสียจนผมไม่สามารถละออกไปได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยกล้ามองเข้าไปในนัยน์ตาคู่นี้ตรงๆ เพราะกลัวจะถูกดีนจับได้ ผมค่อยๆเลื่อนริมฝีปากเข้าไปใกล้ดีนมากขึ้น ดีนค่อยๆหลับตาลง ผมประกบริมฝีปากกับปากของดีน สัมผัสนุ่มฟูราวกับความฝันที่ผมจะไม่มีวันลืมมันลง จูบแรกของเรา….

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 13
จุนคัมแบ็ค

Trust yourself first because the heart never lie.

[ HAO PART ]
หลังจากเลิกเรียนในวันศุกร์ ผมขับรถกลับมาบ้านหลังจากไม่ได้กลับมาหลายอาทิตย์ ดีนกับเอกก็กลับมาเหมือนกัน ตอนแรกผมว่าจะมาพร้อมกัน แต่อาจารย์มาสายเลยปล่อยช้า ผมเลยบอกให้พวกนั้นมาก่อนเลย ด้วยระยะทางที่ไม่ได้ไกลมาก แต่เพราะอาจารย์ปล่อยช้า ทำให้ผมมาถึงทีหลังดวงอาทิตย์ตกดิน ผมไม่ได้บอกใครว่าจะกลับมาบ้านเพราะผมอยากกลับมาเซอร์ไพรส์ทุกคน
ผมขับรถมาถึงหน้าบ้าน กดออดอยู่พักใหญ่ก็ไม่มีคนมาเปิดประตูให้ ไปไหนกันหมดล่ะเนี่ย ผมตัดสินใจหยิบกุญแจสำรองที่มีอยู่ ไขกุญแจรั้วเข้ามาในบ้าน จอดรถไว้ที่โรงจอดรถ ไขกุญแจเข้ามาในบ้าน ไม่มีใครอยู่สักคน ผมเดินไปที่ห้องนอนของผม เปิดประตูเข้ามานอนรอที่ห้อง คิดถึงชะมัด
ผมเผลอหลับไป มองดูนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว ผมเดินลงมายังชั้นล่างที่มืดสนิททั้งบ้าน ไม่มีใครอยู่จริงๆเหรอวะเนี่ย ผมกดโทรศัพท์โทรหาคุณพ่อ หนึ่งสายผ่านไปก็ไม่รับ สายที่สองผ่านไปก็ไม่รับ จนผมเปลี่ยนเป็นโทรหาคุณแม่ ไม่นานท่านก็รับสาย
[ว่าไงครับลูก]
“คุณแม่อยู่ไหนครับ แล้วคุณพ่อล่ะครับ ผมโทรไปไม่เห็นรับสายเลย”
[ใจเย็นครับลูก ทีละคำถาม แม่ตอบไม่ทันแล้วเนี่ยฮ่าๆ]
“ขอโทษครับ”
[แม่อยู่เชียงใหม่ ส่วนพ่อลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ]
“ห๊ะ แม่ไปทำอะไรเชียงใหม่ล่ะครับ”
[มาเที่ยวครับลูก พอดีพ่อได้กิฟท์วอเชอร์จากลูกค้ามา แล้วมันจะหมดอายุ แม่เสียดาย เคลียร์งานเรียบร้อยก็เลยรีบมาน่ะลูก]
“อ่า…ครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ”
[แล้วนี่น้องหาวอยู่ไหนครับ]
“อยู่บ้านครับ”
[อ้าว! กลับบ้านแล้วทำไมไม่บอกแม่ก่อนล่ะครับ]
“ผมอยากมาเซอร์ไพรส์ครับ”
[โถ่ลูก เอางี้เดี๋ยวแม่โทรไปหาพี่ ให้พี่มาอยู่เป็นเพื่อน]
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวหาวโทรเองก็ได้”
[จ้า ขอโทษนะครับลูก]
“ครับเที่ยวให้สนุกนะครับ”
คุณแม่วางสายไปแล้ว นี่ผมมาเสียเที่ยวหรือเนี่ย เฮ้อ
ผมคุยกับคุณแม่เสร็จผมจึงโทรไปหาเฮียเหิน เพราะอยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วรอไม่นานเฮียเหินก็รับสาย เสียงเพลงที่ดังออกมา ทำให้ผมพอรู้ว่าเฮียเหินอยู่ที่ไหน
“เฮียครับวันนี้เฮียกลับบ้านหรือเปล่า”
[ไม่นะครับ พี่นอนคอนโด มีอะไรหรือเปล่าครับ ]
“เฮียอยู่ไหนครับ”
[อยู่ร้านเหล้าครับ]
“ร้านประจำ?”
[ครับ]
“ผมไปหาเฮียที่ร้านนะครับ”
[น้องกลับมาเหรอครับ]
“ใช่ครับ ”
[ครับ มาสิ]

ผมขับรถมาถึงหน้าร้านเหล้าร้านประจำของเฮียเหิน เป็นร้านเหล้าสำหรับนั่งชิลที่มีคนแน่นเลยทีเดียว
ผมเดินเข้ามาในร้าน ตรงเข้าไปในร้าน สอดสายตาหาเฮียเหินไม่นานก็เจอ โซนที่เฮียเหินนั่งเป็นโซนวีไอพีของร้าน ภายในโต๊ะมีพี่เหินและพี่หมงหนึ่งในสมาชิกวงโคคุบังของเฮียเหิน
“สวัสดีครับเฮียเหิน สวัสดีครับพี่หมง” ทั้งสองคนหันมามองผม
“มาแล้วเหรอครับ มาๆนั่งนี่” เฮียเหินขยับที่นั่งให้ผมนั่งโซฟาข้างๆกัน
“โอ้โหเสียงเปลี่ยนเลยนะสัด” พี่หมงแซวเฮียเหิน
“ไม่เสือกสิ ทำไมมาไม่บอกก่อนครับ” เฮียเหินพูดกับพี่หมง แล้วหันมาพูดกับผม
“จะมาเซอร์ไพรส์น่ะครับ แต่โดนทิ้งอยู่คนเดียวเลย ไม่อยู่แม้กระทั่งป้าแม่บ้านเลยครับ”
“ทีหลังบอกก่อนนะครับ” เฮียเหินมองผมด้วยสายตาดุๆ
“โอ้ยไอ้สองคุณชาย ฮ่าๆ”
“เป็นเหี้ยอะไรไอ้หมง” เฮียเหินหันไปพูดกับพี่หมงเสียงเข้ม
“กูขอโทษ กูไม่ชินสักทีว่ะฮ่าๆ”
“เงียบปากไปเลยสัด”
อายุที่ห่างกันถึงแปดปีของผมกับเฮียเหิน ทำให้เฮียค่อนข้างดูแลผมอย่างดี ด้วยความที่ครอบครัวของเราพูดกันเพราะอยู่แล้ว ทำให้เฮียเหินไม่เคยหยาบใส่ผมเลย แต่จะหยาบมากๆเวลาอยู่กับเพื่อนสนิทแบบพี่หมง ก็เหมือนตอนที่ผมอยู่กับเอกและดีนนั่นแหละครับ
พี่หมงยกแก้วเหล้ามาวางตรงหน้าของผม ผมหันไปมองหน้าเฮียเหินที่กำลังมองหน้าผมดุๆ ด้วยสายตาอ้อนๆ
“เฮ้อ… งั้นดื่มน้อยๆ รู้ไหมครับ คืนนี้นอนคอนโดพี่นี่ล่ะ” ผมพยักหน้ารับ แล้วยิ้มให้เฮียเหิน ไม่ว่าผมจะโตแค่ไหนสำหรับเฮียเหินผมก็ยังเด็กอยู่ตลอดเลยสินะครับ
ผมนั่งดื่มแล้วคุยกันไปเรื่อยๆ ผมมองไปยังเวทีที่มีนักร้องผู้ชายคนหนึ่งกำลังร้องเพลงอยู่ จากนั้นเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาร้องแทน ผมคุ้นหน้าชายคนนั้นอย่างประหลาด ไม่รู้ว่าผมเคยเจอเขาที่ไหนเหมือนกัน
อยู่ๆผมก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา ผมจึงหันไปบอกเฮียเหินว่าจะไปเข้าห้องน้ำ
“เฮียครับ ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนหรือเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรครับเฮีย” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ เฮียเหินก็พยักหน้ารับ
ผมเดินฝ่าผู้คนไปยังห้องน้ำ อยู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาชนผมเข้า ผมหันไปมองพบว่าเป็นนักร้องผู้ชายคนที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีเมื่อสักครู่
“เอ่อ… ขอโทษครับ” เขาหันมาขอโทษผม แต่เมื่อเขาเห็นหน้าผมก็ทำหน้าตกใจเสียอย่างนั้น
“ไอ้ยักษ์!!!” เขาอุทานขึ้นมาเสียงดัง แต่ก็ไม่เท่าเสียงของนักร้องบนเวทีในตอนนี้
“กูจุนไง จุนที่เรียนโรงเรียนเดียวกับมึงตอนม.ต้นอะ จำไม่ได้เหรอวะ” ผมพยายามนึกใบหน้าของเขา ภาพจุนที่เคยแกล้งผมกับตอนซื้อหมูปิ้งมาฝาก อยู่ๆก็แล่นเข้ามาในหัว จุนหน้าตาเปลี่ยนไปมากแต่ก็ดูดีขึ้นมากเลย จนผมจำแทบไม่ได้
“อ้อ! นายที่ชอบซื้อหมูปิ้งมาฝาก” จุนทำหน้างงใส่ผม
“กูไปซื้อหมูปิ้งให้มึงตอนไหน” จุนทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
“อ้อ… หมูปิ้งพี่ตะวัน”
“พี่ตะวันไหนวะ” ผมตกใจกับสิ่งที่ผมได้ยิน คงไม่ใช่พี่ตะวันคนเดียวกันใช่ไหมวะครับ
“พูดไปมึงก็ไม่รู้จักหรอก เออนี้มึงจะไปเข้าห้องน้ำเหรอ”
“ใช่” ผมตอบจุนกลับไป ไม่กล้าถามถึงคนชื่อตะวันต่อ
“เสร็จแล้วไปนั่งโต๊ะกูปะ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว”
“พี่ผมรออยู่น่ะ” ผมปฏิเสธจุนไป จุนก็พยักหน้ารับผม
“เออๆ งั้นกูไปละ”
จุนเดินออกไปแล้ว ผมจึงเดินไปเข้าห้องน้ำบ้าง ผมสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น คงไม่ใช่คนเดียวกันใช่ไหมครับ คงไม่ใช่พี่ตะวันคนนั้นใช่ไหมครับ
หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จ ผมก็เดินกลับมาที่โต๊ะ นั่งได้สักพักพี่หมงก็ขอตัวกลับก่อน
 “เหินกูกลับก่อนนะ”
“ไมวันนี้รีบกลับจังวะ”
“เหี้ยค่ายนัดตอนเช้ามึงลืมเหรอวะ”
“ไม่ได้ลืม แค่ถามเฉยๆ”
“เออๆกูไปละ มึงก็อย่าดึกมาก”
“รู้แล้วเว้ย”
“งั้นกูไปละ พี่ไปแล้วนะครับน้องหาว” พี่หมงหันมาบอกลาผม
“ครับ สวัสดีครับ”
“ไว้เจอกันๆ”
พวกผมนั่งกันต่ออีกไม่นานก็พากันกลับมาที่คอนโดของเฮีย ซึ่งอยู่ใกล้ๆร้านนี่แหละครับ ผมไม่สามารถสลัดความคิดเกี่ยวกับพี่ตะวันออกจากสมองได้เลย
“ผมขออาบน้ำก่อนนะครับ”
“เอาสิครับ”
ผมพยักหน้ารับแล้วไปอาบน้ำ ใช้เสื้อผ้าเฮียเหินที่ใส่แล้วพอดีตัวพอดี อาบน้ำทำอะไรเสร็จก็เดินมานั่งข้างๆเฮียเหินที่นั่งอยู่ตรงโซฟาหน้าโทรทัศน์
“เฮียไปอาบน้ำได้แล้วครับ พรุ่งนี้ทำงานเช้าไม่ใช่เหรอครับ”
“เดี๋ยวค่อยอาบครับ น้องเป็นอะไรครับ” ผมหันไปมองเฮียเหิน
“เปล่านี่ครับ”
“คิดว่าจะโกหกพี่ได้เหรอครับ น้องไม่สบายใจอะไร บอกพี่ได้นะครับ” นี่ผมปิดบังเฮียเหินไม่ได้เลยเหรอ
ผมตัดสินใจเล่าทุกเรื่องให้เฮียเหินฟัง ตั้งแต่เรื่องหมูปิ้งยันเรื่องสายรหัสที่ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกัน
“แล้วหาวชอบเขาไหมครับ”
“ผมไม่รู้ครับ แต่บางครั้งผมก็เผลอคิดไปว่าเขาน่ารักดี พอเขาแปลกไป ผมก็รู้สึกแปลกๆ เวลาเขาอยู่ใกล้คนอื่นผมก็รู้สึกไม่ชอบ”
“น้องชอบเขา น้องรู้ตัวไหมครับ” จะชอบได้ไงก็เขาเป็นผู้ชาย ผมไม่เข้าใจที่เฮียเหินพูดสักเท่าไหร่
“แต่เฮียครับเขาเป็นผู้ชาย”
“น้องจำตอนเด็กๆได้ไหมครับ ตอนหาวโดนคนอื่นมองที่ภายนอก หาวเสียใจมากเลยไม่ใช่เหรอครับ” ผมพยักหน้ารับ ตอนนั้นผมเสียใจจริงๆ
“ถ้าเขารักหาวขนาดนั้นจริงๆ แล้วหาวก็ชอบเขาเหมือนกัน ก็อย่าปล่อยให้เรื่องเพศสภาพมาเป็นตัวขัดขวางน้องในการพบเจอรักดีๆเลย” เฮียเหินเอามือมาลูบหัวผม
“พี่อยากเห็นน้องมีความสุขนะครับ” ผมพยักหน้ารับเฮียเหิน
“ไม่ต้องกังวล สิ่งที่น้องทำแล้วมีความสุข พวกเราก็ภูมิใจในตัวน้องอยู่แล้วครับ พี่เชื่อว่าพ่อกับแม่ก็คิดแบบพี่ ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ถ้าไม่ใช่ก็แค่ไม่ใช่ ถ้าใช่ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอครับ แต่สุดท้ายทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับหาวเลือกอยู่ดี” เฮียเหินพูดออกมาทั้งๆที่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป ผมพยักหน้ารับ
“ขอบคุณครับเฮีย ผมฟังไม่ทันกรออีกรอบได้ปะเฮีย”
“อุตส่าห์ทำซึ้งโถ่”
“ผมล้อเล่นน่า ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มให้พี่ชายคนเดียวของผม


[TAWAN PART]
ผมไม่ได้เจอหาวมาเกือบเข้าอาทิตย์ที่สองแล้ว มหาลัยมันก็กว้างพอควร ผมไม่เคยโผล่หน้าไปหาน้องอีก ไม่ไปกินข้าวที่แคนทีนส่วนกลาง พอผมเห็นหาวเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมก็เลือกที่จะไปอีกทาง ผมอยากจะสารภาพออกไปแต่ก็ยังไม่กล้าพอ แต่ผมก็คงต้องหาโอกาสพูดไปอยู่ดี
ผมเดินเข้ามาในร้านกาแฟประจำคณะในช่วงบ่ายก่อนเค้าคลาส พร้อมกับไอ้ฟ้าใหม่และไอ้หมี พวกผมสั่งกาแฟที่เคาท์เตอร์ ก่อนจะมองหาที่นั่งว่างๆแล้วนั่งลง นั่งได้ไม่นานกาแฟก็มาเสิร์ฟ พวกผมก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระทั่วๆไปล่ะครับ
“พี่หมี พี่ฟ้าใหม่ พี่ตะวัน หวัดดีครับ ” ผมเงยหน้าขึ้นมองเด็กเอกที่กำลังยืนค้ำหัวผมอยู่ แล้วพยักหน้ารับ
“เอ้าไอ้เอกนั่งด้วยกันไหมวะ” ไอ้หมีชวนเด็กเอก
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมนัดคนสำคัญไว้ งั้นผมไปแล้วนะครับ”
“เออๆ”
เด็กเอกเดินยิ้มหน้าบานออกจากโต๊ะไปแล้ว อะไรมันจะมีความสุขขนาดนั้นวะ ว่าแต่คนสำคัญมันนี้ไอ้หาวรึเปล่า คงไม่ใช่หรอก หาวจะมาทำอะไรที่นี่
“คนสำคัญมันใครวะ”
“ถามอะไรวะไอ้ตะวัน คงเป็นแฟนมันมั้งไม่ใช่ไอ้หาวหรอก อย่าเพิ่งคิดหนี” ฟ้าใหม่ตอบผม
“พวกมึงไม่ต้องเดาละ มานู้นละ” ผมหันไปมองที่ประตู ตามเสียงของไอ้หมี เด็กคนนั้นเดินเข้ามาในร้าน เดินตรงไปที่โต๊ะเด็กเอกนั่งอยู่ซึ่งเป็นโต๊ะที่ถัดจากโต๊ะของผม ดีนหันมามองผมเล็กน้อย
“อ้าว! พี่ตะวันสวัสดีครับ” ผมพยักหน้ารับดีน เจ็บใจชะมัดเหอะๆ น้องยิ้มให้ผมแล้วนั่งลงที่โต๊ะของเด็กเอก ผมหันกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง ทำไมเจ็บงี้วะ
“ดีนคิดถึงจังเลย” ผมฟังเสียงเด็กเอกพูด เพื่อนเขาบอกคิดถึงกันด้วยเหรอวะ เดี๋ยวหาวเดี๋ยวไอ้เอก
“เดี๋ยวเถอะพูดมากจัง เอ้า!นี้ ทีหลังออกจากห้องก็เช็กดูดีๆว่าลืมอะไรหรือเปล่า” ไปห้องกันมาด้วยเหอะๆ ผมกำมือแน่น
“ตะวันมึงเป็นอะไร” ไอ้หมีถามผม
“เฮ้อเปล่าๆ เกือบถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะ” พวกมันพยักหน้ารับ พวกผมเดินออกจากร้านมาเลย

[DEEN PART]
ผมมองชายที่สูงไล่เลี่ยกับผมเดินออกจากร้านไป พี่ตะวันผิดปกติแน่ๆ
“ดีนมองอะไร” เสียงเอกทำให้ผมได้สติจากภวังค์
“กูว่าพี่ตะวันแม่งแปลกๆ ไอ้หาวก็แปลกๆ”ผมพูดขึ้นเมื่อนึกถึงเพื่อนสนิท ที่แปลกไปตั้งแต่กลับมาจากบ้าน
“เออ! กูก็นึกว่ากูรู้สึกอยู่คนเดียวว่าไอ้หาวมันแปลกๆ มันเป็นอะไรวะ”
“กูจะรู้ไหมวะ กูก็อยู่กับมึงตลอดอะ” เอกยิ้มให้ผม
“ยิ้มอะไรวะ”
“ดีนบอกว่า อยู่ด้วยกันตลอดอะ เขิน”
“เบื่อมึง”
“เบื่อกูแล้วหน้าแดงทำไม แหนะๆ”
“ไม่พูดด้วยแล้ว”

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 14
ความจริงอีกด้าน

Worrying won’t stop bad stuff from happening, it just stops you from enjoying the good.

[SEEPHUN PART]
เสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น ขณะที่ผมกำลังนั่งดูการแข่งขันบาสเกตบอลทีมโปรด ตอนนักกีฬากำลังชูตลูกฟรีโทรว์
“เยดเข้! นำแล้วโว้ย” ผมหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เป็นเด็กหาวโทรมา “ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา โทรมาทั้งที โทรมาตอนกำลังดูบาสเนี่ยนะ” ผมบ่นก่อนจะกดรับสาย
“ฮัลโหล ว่า”
[พี่สีฝุ่น พี่นอนยังครับ]
“ยังมีอะไรว่ามา” ผมตอบแต่ตาก็ยังคงมองไปที่ทีวี
[ผมขอคุยอะไรกับพี่นิดหน่อยได้ไหมครับ] หืมเด็กหาวเนี่ยนะจะคุยอะไรกับผม
“ได้ดิ ที่จริงลงมาห้องกูก็ได้นะ… ”
[งั้นผมลงไปเลยนะ] หาวพูดออกมาทั้งๆที่ผมยังพูดไปจบประโยค ว่าจะชวนมาดูบาสด้วยกันสักหน่อย
“อ่า” เสียงสัญญาน ตู๊ด ตู๊ด ดังขึ้นบ่งบอกว่าปลายสายได้วางไปแล้ว สงสัยจะรีบจริงๆ
นั่งได้ไม่นาน เสียงออดประตูก็ดังขึ้น ผมลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู
“พี่สีฝุ่นสวัสดีครับ” หาวพูดด้วยสีหน้านิ่งๆปกติของชีวิตมัน
“เข้ามาข้างในก่อน” หาวพยักหน้ารับแล้วเดินเข้ามาข้างใน ผมจึงปิดประตูเดินตามหาวไปที่โซฟา
“ว่าไง มีอะไรซะดึกดื่น”
“ผมขอถามตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยนะพี่ ผมคิดเรื่องนี้มาสี่วันแล้ว ผมตัดสินใจแล้วว่าจะมาถามพี่ตรงๆ” ตัดสินใจได้ตอนห้าทุ่มเนี่ยนะ ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป
“ว่ามาดิ”
“พี่ตกลงก่อนว่าจะพูดความจริง แล้วก็ไม่โกหกผม” หืมนี่มันมาคุยกับผมจริงๆใช่ไหม หรือมันมาบังคับวะ
“อ่า”
“พี่ตะวันเป็นคนให้พี่ล็อกผม ให้อยู่ในสายรหัสของพี่หรือเปล่าครับ” ผมช็อกกับคำถามให้ตายเถอะ  ผมว่าผมทำทุกอย่าง อย่างแนบเนียนแล้วนะ
“ถามทำไมวะ”
“ตอบมาเถอะครับ”
“เอ่อ… ” ผมรู้สึกอึกอักไม่กล้าตอบออกไป
“พูดมาตรงๆนะครับพี่ ผมขอ” ขอได้หน้านิ่งมากสัส กูลำบากใจนะเว้ย
“เมื่อกี้พี่บอกว่าจะพูดความจริงและไม่โกหกผม”
“กูรู้แล้วน่า”
“พี่ไม่ต้องกังวลนะครับ” ผมควรเอาไงดีเนี่ย ตอนนั้นก็ดันรับปากตะวันไว้ เมื่อกี้ผมก็รับปากหาวอีก ผมเอามือขึ้นมากุมขมับตัวเองก่อนจะเสยผม เอาวะ! ไอ้ตะวันกูทำเพื่อมึงนะ มึงอาจจะไม่ต้องตัดใจก็ได้…
“มึงตกลงก่อนว่าจะไม่โกรธไอ้ตะวัน”
“ครับ” หาวตอบรับผมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผมพยักหน้ารับ
“อื้ม… ตะวันมันมาขอให้กูช่วยจริงๆ” หาวอมยิ้มออกมา ผมตกใจรอยยิ้มที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น หลังจากหาวได้ยินเรื่องนี้
“ขอบคุณครับ” หาวหันมาขอบคุณผม ในขณะที่ผมกำลังงงอยู่
“เดี๋ยวจบง่ายขนาดนี้เลยจริงดิ”
“หืมครับ”
“มึงไม่ต้องคิดมากนะ กูกับไอ้เอสดีใจที่มีมึงเข้ามาอยู่ในสายรหัสจริงๆ”
“ขอบคุณครับ” ไร้ปฏิกิริยาทางสีหน้าของหาวจนผมคาดเดาไม่ถูก
“มึงไม่โกรธไอ้ตะวันใช่ไหมวะ หรือมึงโกรธพวกกู”
“หืมไม่นะครับ”
“พี่สีฝุ่นนอนได้แล้ว ผมไปแล้วนะครับ”
“คือมึงจะมาง่ายไปง่ายขนาดนี้เลยจริงดิ”
“อ่าครับ พอดีผมมีสอบควิซตอนเช้า”
“เออๆไปไหนก็ไปเหอะ”
“ขอบคุณครับพี่สีฝุ่น แล้วก็ขอโทษที่มารบกวนดึกขนาดนี้นะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ความจริงกูก็ไปกวนมึงบ่อยๆเหมือนกัน”
“ครับ งั้นผมไปแล้วนะ”

หาวเดินออกจากห้องไปแล้ว ผมได้แต่มองประตูที่เด็กนั่นออกไป สงสารก็แต่ตะวัน หาวเอ้ย!ช่วยคิดตรงกับตะวันสักครั้งไม่ได้เหรอวะ ถ้ามึงรู้ว่ามันพยายามกับมึงมากขนาดไหน มึงจะรับรักตะวันมันหรือเปล่าวะ แต่คนอย่างตะวันมันคงไม่พูดออกมาหรอก หวังว่าสักวันตะวันมึงจะพูดออกมาสักทีนะ ผมก็ได้แต่หวังว่าความจริงที่ผมพูดออกไป จะทำให้หาวเห็นใจตะวันขึ้นมาสักนิด อย่างน้อยคนที่ดูไม่สนใจอะไรเลยอย่างเด็กนั่นก็ยิ้มออกมาแหละวะ


เสียงและแรงสั่นของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ที่ห้อง เนื่องจากเมื่อเช้าเลิกคลาสเร็ว เลยกลับมานอนห้อง ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารับสาย
“มีไรตะวัน”
[ฝุ่นวันนี้มึงจับสายรหัสใช่ไหมวะ]
“ใช่ ทำไมวะ”
[มึงช่วยเอาหาวเข้าสายรหัสทีดิ]
“จะบ้าเหรอวะ” ผมพูดออกไปเมื่อตะวันมันพูดประโยคนั้นออกมา
[ไม่บ้าหรอกเว้ย นะช่วยกูหน่อย]
“ทำไมกูต้องช่วยมึงวะ แล้วทำไมต้องเป็นไอ้หาวด้วย” ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับหาวหรอก ตอนแรกผมยอมรับว่าผมมองเด็กคนนี้หยิ่งและเย็นชา ภายใต้หน้านิ่งของมันคงเป็นคนที่ไม่สนใจคนอื่น จนวันที่ผมเจอมันที่ลิฟท์ วันที่ผมรู้ครั้งแรกว่าหาวอยู่คอนโดเดียวกับผม น้องเดินมาสวัสดีผม ผมรู้สึกตื้นตันใจอย่างประหลาด จำผมได้แถมสวัสดีอีก ผมเจอน้องบ่อยขึ้น ทั้งฟิตเนสและที่มหาลัย น้องชอบเล่นมุกตลกด้วยหน้านิ่งของตัวเอง ทำไปทำมาผมกลับมองว่าเด็กคนนี้ตลกดีเสียด้วยซ้ำ จริงๆถ้าหาวเป็นหลานรหัสของผมก็ไม่เป็นไร ผมคงดีใจมากๆ แต่ถึงอย่างไรผมก็อยากรู้เหตุผลอยู่ดี
[มึงช่วยกูหน่อย]
“เหตุผล?”
“…”
“เงียบคือ ตะวันกูขอเหตุผลดีๆ”
[กูชอบน้องมัน]  ด้วยความตกใจ ผมเกือบทำโทรศัพท์หล่น ยังดีนะจับไว้ทัน
[ชอบมานานแล้วด้วย กูไม่อยากให้น้องไปอยู่กับใคร กูกลัว กูบอกพี่เสือแล้ว พี่เสือให้กูมาพูดกับมึงเอง] พี่รหัสจอมแสบเนี่ยนะ ยืมเงินยังไม่คืนเลยเหอะ
“เฮ้อ…จริงๆกูไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
[คือมึงจะช่วยกู]
“อื้ม” ผมตอบรับไป
[ขอบใจมากนะมึง เดี๋ยวกูเลี้ยงเหล้า”
“เออๆ แล้วทำไมเพิ่งบอกตอนนี้วะแม่ง กูคิดแผนไม่ทัน”
[กูเพิ่งนึกได้ แผนอะไรก็ทำๆไปเถอะมึง อย่าให้หาวรู้ก็พอ]
“เออๆ งั้นกูวางก่อนนะเดี๋ยวไปไม่ทัน”
[จ้าเพื่อนรัก]
“ตีน!” ผมพูดแค่นั้นแล้วกดวางสาย
ผมรีบไปให้ทันก่อนการใส่ชื่อสายรหัสลงกล่อง สงสัยผมจะรีบไปหน่อยเพราะมาถึงแล้วยังไม่มีคนมาสักคน ผมคิดแผนแล้วคิดแผนอีกทำยังไงดีวะ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไอ้เอส
“ไอ้เอสมึงอยู่ไหน”
[อยู่ห้องสาขาครับ]
“มึงใส่รายชื่อรหัสลงไปในกล่องยังวะ”
[อ่ากำลังตัดกระดาษกันอยู่พี่ ว่าแต่พี่จะให้ผมใช้ชื่อนี้จริงๆเหรอ กระดาษแผ่นไม่ใหญ่เลยนะ ผมกลัวเขียนไม่พอ]
“เขียนตัวเล็กๆสิวะ เออเอสมึงเขียนเสร็จแล้วมึงเก็บกระดาษไว้ก่อนนะ กูสั่งให้ใส่แล้วค่อยใส่”
[ห๊ะ!พี่ เพื่อนได้ด่าผมตาย เขียนเสร็จก็ต้องใส่กล่องแล้วเนี่ย คิดอะไรแผลงๆอีกแล้ววะเนี่ย!]
“มึงทำยังไงก็ได้ ให้เพื่อนไม่รู้ว่ามึงยังไม่ได้ใส่ โอเคงั้นแค่นี้นะ”
[โหพี่ แหนะอะไรไอ้เอสคุยกับพี่สีฝุ่นเหรอ กิ้วๆ เพื่อนๆครับไอ้เอสคุยกับพี่สีฝุ่นอีกแล้ว จะขุดทองเหรอเพื่อน] เสียงของเด็กผู้ชายหลายคนแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ เด็กพวกนี้ไม่รู้หรือไงว่าผมได้ยินทุกคำพูด
[ล้างตู้เย็นไอ้สัสฮ่าๆๆๆ เอ่อ… พี่สีฝุ่นงั้นแค่นี้นะครับ]
“เออๆ ไม่ต้องคิดมากล่ะ”
[ครับๆ]
   
ผมคิดถึงเรื่องในวันนั้นแล้วก็ได้แต่เศร้าใจ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงชอบมองว่าผมสองคนเป็นอะไรกัน แค่สนิทกันมันแปลกตรงไหนวะ แล้วบางคนที่เอาเรื่องเพศสัมพันธ์มาพูด แม่งเอ้ยอยากจะต่อยให้ปากแตก ผมก็มีแฟนแล้ว ถึงเธอจะอยู่คนละมหาลัยก็ตามที ส่วนเอสมันก็คุยอยู่กับน้องใบตอง ผมไม่เข้าใจจริงๆ ถึงผมจะไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นพูดกันก็จริง แต่พวกนั้นก็เหยียดเพศคนอื่นอยู่ดี ทำไมไม่มองที่ความสวยงามของความรัก ไปโฟกัสที่เรื่องพวกนั้นกันทำไม สงสารก็แต่ไอ้เอสนั่นแหละครับ ขนาดผมกับไอ้เอสไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ ยังโดนขนาดนี้ แล้วคนที่เป็นจริงๆ เขาต้องพบเจอกับอะไรกันบ้าง ผมก็ได้แต่หวังว่าถ้าสองคนนั้นได้คบกันจริงๆ จะไม่ต้องพบเจออะไรแบบนี้

[TAWAN PART]
ผมอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดบอลสำหรับนอนเรียบร้อย ปิดไฟทั้งห้องเหลือแต่โคมไฟหัวเตียง ผมนั่งที่เตียงพิงกับพนังห้อง หยิบโทรศัพท์ข้างตัวขึ้นมาเข้าแอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินก่อนเข้านอน ข้อความจากใครหลายคนเด้งขึ้นมา ทั้งแชทกลุ่ม แชทส่วนตัว แต่ผมก็ต้องสะดุดตากับเจ้าของเมสเสจหนึ่งที่ไม่เคยคุยกันผ่านโซเชียลเลยสักครั้ง
 
Hao Panchai
พี่ตะวันนอนยังครับ

ข้อความจากคนคนนั้นที่ผมพยายามตัดใจมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ หัวใจของผมอยู่ๆก็เต้นแรงอีกครั้ง สิ่งที่ผมพยายามมาตลอด แพ้ให้ความปราถนาในหัวใจของผมจนแทบหมด ผมอ่านข้อความแต่ก็ไม่ได้ตอบข้อความของหาวไป
“แค่เขาทักมาแค่นี้ เหอะๆอุตส่าห์พยายามตัดใจ แม่งเอ้ย! ”
ผมเข้าไปตอบข้อความของคนอื่น แล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ที่เตียง แล้วล้มตัวลงนอน
เสียงสั่นข้อความเข้ามา ทำให้ผมตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ผมกดเข้าไปอ่านข้อความ
       
Hao Panchai
ฝันดีนะครับ
สติกเกอร์หมีบอกฝันดี

หัวใจผมเต้นกระหน่ำไม่หยุด ข้อความของเด็กนั่นกำลังจะทำให้ผมคลั่งตาย แค่เขาทักมาบอกฝันดี นี่ผมเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ บางทีน้องอาจจะทักมาผิดก็ได้

Tawan Tinnakron

ส่งผิดแชทเหรอ

Hao Panchai
ถูกแล้วนี่ครับ

น้องทักมาหาผมจริงๆ ผมไม่ได้กำลังฝันไปใช่ไหม อยากจะตะโกนให้คนทั้งโลกรู้ว่าน้องทักมาหาผม
“อ้ากกก” ผมตะโกนด้วยความดีใจ คนข้างห้องจะมาด่ารึเปล่าวะ
“เก็บอาการหน่อยตะวัน เก็บอาการไว้ คุยคนเดียวเป็นอะไรมากปะไอ้ตะวัน” ผมเอามือตบแก้มตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ

Tawan Tinnakron
อ้อ งั้นฝันดีนะครับ

Hao Panchai
เดี๋ยวก่อนครับ
พรุ่งนี้ช่วงเย็นๆพี่ว่างหรือเปล่า
ผมมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยครับ

“ตะวันตั้งสติไว้ ตั้งสติสิโว้ยยยย” ว่าแต่ผมกับน้องมีเรื่องอะไรให้คุยกันด้วยหรือวะ หรือว่าน้องจะชวนผมเดท ไม่น่าใช่… ผมเองก็มีเรื่องคุยกับน้องมันเหมือนกันนี่ ผมคงต้องพูดเรื่องนี้จริงๆ  เฮ้อ… แค่คิดความอกหักก็มาเยือนอีกรอบ

Tawan Tinnakron
อื้มได้สิ
กูก็มีเรื่องจะคุยกับมึงเหมือนกัน

Hao Panchai
สักห้าโมงนะครับ

Tawan Tinnakron
โอเค
ฝันดีนะ

Hao Panchai
ฝันดีครับ

เอ้า! ลืมถามว่าที่ไหน จะทักไปต่อดีไหม ไม่ดีกว่า ก็บอกฝันดีไปแล้วนี่
“ไอ้ตะวันไอ้บ้า โว้ยยยยยย”

หลังจากเลิกเรียนผมกลับมาที่หอเพื่ออาบน้ำก่อน ต้องดูดีไว้ก่อนครับ ผมส่องกระจกอยู่ในห้องน้ำ หันซ้าย หันขวา หันซ้ายอีกรอบ หันขวาอีกนิด
“คนอะไรแม่งหล่อขนาดนี้วะ”
“ไปโดนเทต้องหล่อขนาดนี้เลยเหรอวะ”
ผมส่ายหัวเบาๆแล้วยกมือขึ้นมาดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ เกือบห้าโมงแล้วนี่ ผมว่าจะโทรไปหาน้องมัน เพื่อจะได้รู้ว่าผมจะไปเจอน้องได้ที่ไหน แต่ไม่ทันที่ผมจะโทรไป หาวก็โทรมาหาเสียก่อน ขนาดใจยังตรงกันขนาดนี้เลยเหรอวะ สติโว้ย!ตะวัน มึงนึกถึงเรื่องที่ต้องไปพูดวันนี้เข้าไว้ ผมเอามือตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ
“กูอยู่หอให้ไปเจอที่ไหน” ผมพูดออกมาทั้งๆที่หาวยังไม่ได้พูดอะไรเสียด้วยซ้ำ
[เดี๋ยวผมไปรับที่หอนะครับ อีกสิบนาทีถึงหน้าหอพี่ครับ] น้องจะมารับผม สติโว้ยตะวัน
“อื้ม”
[งั้นแค่นี้นะครับ]
“อื้ม”
หาวกดวางสายไปสายแล้ว
ผมเดินมารอหาวที่หน้าหอ รอไม่นานรถมินิคูเปอร์ของน้องก็เคลื่อนมาจอดหน้าหอของผม ผมเดินไปขึ้นรถ
“สวัสดีครับพี่ตะวัน” หาวทักทายผม ไม่ได้เจอตั้งนานยังหล่อเหมือนเดิมเลยเว้ย
“อื้ม คุยตรงนี้เลยก็ได้” ผมพูดออกไปเมื่อนึกถึงเรื่องที่ต้องพูด
“เฮ้! จะไปไหนวะ” หาวขับรถออกจากหอของผม โดยไม่บอกอะไรผมสักคำ
“ไปห้างครับ”
“หือ”
“ไม่ต้องหือครับ คาดเข็มขัดด้วย” ผมพยักหน้ารับหาว กระโดดลงจากรถก็ไม่ได้ด้วยสิ ผมคาดเข็มขัดนิรภัย แล้วหันไปมองหน้าน้องมันที่มองถนนอยู่ รอยยิ้มที่ผมไม่ค่อยได้เห็น
“มึงยิ้ม”
“หืมครับ”
มีความสุขอะไรงั้นเหรอวะ?

หาวขับรถพาผมมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก จอดรถไว้ที่ลานจอดรถชั้นสามของตัวห้าง พวกผมพากันเข้ามาในห้าง ตลอดเวลาที่เดินเข้ามาในตัวห้าง ผมไม่กล้ามองหน้าน้องเลย เพราะกลัวตัวเองจะหวั่นไหวอีก
“อยากกินอะไรไหมครับ”
“หาที่คุยในร้านอะไรสักร้านก็ได้” ผมตอบหาวแบบขอไปที ใครก็ได้ช่วยตะวันด้วย
“หืมเวลาพูดทำไมไม่มองหน้าผมเลยล่ะครับ”
มองไม่ได้ เดี๋ยวใจกูอ่อน… ผมตอบหาวในใจ หาวยื่นหน้าเข้ามาหาผม ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก หัวใจของผมเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ใจเย็นโว้ยตะวัน ใจเย็นสิวะ!
“ทำอะไรเนี่ย!”
“ก็พี่ไม่ยอมมองหน้าผมนี่ครับ”
“หาวกูถามจริงนะวันนี้มึงเป็นอะไร มึงกินยาผิดมาเปล่าวะ”
“เปล่านี่ครับ” หาวตอบผมด้วยหน้านิ่งๆ
“พอแล้ว คนอื่นมองไอ้สัด” ผมเอามือผลักหัวหาวแรงๆ แล้วเดินนำมา
“อยากทานอะไรครับ” ผมหันไปมองเด็กที่มันมาเดินข้างๆกายเรียบร้อย
“อะไรก็ได้ รีบๆกิน รีบๆคุย รีบๆกลับเถอะ” รีบๆเถอะ ไอ้ตะวันจะตายแล้ว
“งั้นทานอะไรที่มันหนักๆท้องไหมหรือของหวานดีครับ”
“ร้านกาแฟร้านนั้นก็ได้” ผมชี้ไปยังร้านกาแฟที่อีกไม่กี่ก้าวก็ถึง
“หืมพี่จะทานกาแฟตอนนี้”
“สั่งอย่างอื่นก็ได้ไหมล่ะ ค้งเค้กก็มี รีบๆไปเหอะ”
ผมเดินเข้ามาในร้าน คนไม่เยอะเท่าไหร่ มีคนนั่งอยู่บ้างประปราย หาวสั่งเมนูโกโก้ปั่น ผมเลือกสั่งชาเขียวปั่นกับเค้กชาเขียว แล้วพากันมานั่งที่โต๊ะ บรรยากาศของร้านก็เป็นร้านกาแฟในห้างทั่วๆไป คนไม่มากเหมาะสำหรับเป็นที่อ่านหนังสือเลยทีเดียว
“มึงมีเรื่องอะไรจะพูดกับกู” ผมพูดออกไปเมื่อเห็นว่าหาวไม่ยอมพูดออกมาสักที
“พี่มีเรื่องจะคุยกับผมไม่ใช่เหรอ พี่พูดก่อนก็ได้ครับ”
“ไม่มึงพูดก่อน” ผมหันไปมองหาว
“ผมว่าพี่พูดก่อนดีกว่าครับ”
“โอเคกูพูดก่อนก็ได้ กูยอมมึงแล้ว” ผมพูดออกไปเพราะคิดว่ายืดเยื้อไปคงไม่ดีสักเท่าไหร่ หาวยิ้มอีกแล้ว วันนี้ผมว่าน้องต้องกินอะไรผิดมาแน่ๆ
“ครับ ว่าแต่มีอะไรจะพูดกับผมหรือครับ”
“กูรู้ว่ามึงชอบเด็กดีน… ”
“ผมเนี่ยนะชอบดีน พี่คิดได้ไงเนี่ย” หาวพูดออกมาทั้งๆที่ผมยังพูดไม่จบ
“เอ้ามึงไม่ได้ชอบดีนเหรอ” หาวมองหน้าผมด้วยหน้านิ่งๆของมัน
“อะไรทำให้พี่คิดว่าผมชอบดีนล่ะครับ”
“ก็ ก็ ก็ทั้งกระแสคู่จิ้นของมึง ที่มึงจับมือเด็กนั้น วันนั้นที่ไปกินเหล้ากัน มึงก็ซบกันตัวแทบสิงกัน เด็กนั้นเคยพูดว่ามึงเป็นของมันอีกอะสัด ไม่ใช่ได้ไงวะ”
“พี่ตะวันใจเย็นก่อนครับ” น้องพูดเมื่อเห็นว่าโต๊ะใกล้กันมองมาพร้อมก้มโค้งให้เชิงขอโทษ
“กูลืมตัว”
“อ่าครับ ผมจะบอกพี่นะ ผมกับดีนเป็นเพื่อนสนิทกัน ดีนมันชอบเอกไม่ได้ชอบผม”
“ห๊ะ! ไอ้เอกนั้นนะ”
“ใช่ครับ” น้องพยักหน้ารับผม โอ้โห้ควายแท้ๆไม่มีวัวผสม
“เก็บเศษหน้ากูที” ผมมองเด็กหาวที่ยิ้ม ไอ้เหี้ยปล่อยกูเข้าใจผิดตั้งนาน
“ไม่ต้องมายิ้มเลยสัด”
“ขอบคุณครับ” น้องขอบคุณพนักงานของร้านที่ยกของที่สั่งไปมาวางให้ที่โต๊ะ ผมเห็นเหมือนพนักงานส่งสายตาวิ้งๆมาให้หาวด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็ดูจะไม่สนใจอะไรเลย
“อ่าครับ เข้าเรื่องเลยนะ” หาวหันมาพูดกับผมต่อ ผมยังพูดเรื่องของผมไม่จบเลยนะ
“พี่รู้จักจุนหรือเปล่าครับ” ผมช็อกกับคำถามที่หาวพูดออกมา รู้แล้วงั้นเหรอวะ
“เอ่อ… เอ่อคือ”
“พูดความจริงกับผมมาเถอะครับ” หาวจ้องมองผมอย่างจริงจัง นัยน์ตาสีเข้มแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้ผมแทบไม่กล้าโกหกออกไป
“กูมะ มะไม่”
“พี่ตะวัน” หาวจ้องมองผมอย่างจริงจังมากขึ้น
“กูรู้จัก จบยัง พอใจไหม” สุดท้ายผมก็สู้สายตากดดันนั่นไม่ไหว เพราะผมไม่สามารถหลอกตัวเองได้ เพราะทุกอย่างมันคือความจริง
ตอนนั้นผมเห็นเด็กอ้วนหน้าตาดีแต่ตัวมันใหญ่กว่าชาวบ้านเขา ชอบทำหน้านิ่งๆ ยืนซื้อหมูปิ้งอยู่หน้าโรงเรียนทุกวัน หาวกับผมมักจะมาโรงเรียนพร้อมกันเสมอ ทุกครั้งผมจะมองไปยังเด็กนั่นที่ยืนกินหมูปิ้งอยู่หน้าร้าน ไม่รู้ทำไม หาวมักจะดูมีความสุขเวลาได้กินหมูปิ้งทั้งๆที่หมูปิ้งหน้าโรงเรียนเลี้ยนมาก แถมข้าวเหนียวก็แข็งเกินไป ใครๆก็รู้ว่าเด็กนั่นบ้านรวยขนาดไหน แต่มันสามารถกินหมูปิ้งข้างทางได้ดูมีความสุขราวกับเป็นของที่อร่อยที่สุดในโลก รู้ตัวอีกทีผมก็ตกหลุมรักเด็กบ้านั่นไปแล้ว ผมรู้ว่าเด็กนั่นอยู่ห้องเดียวกับไอ้จุนน้องข้างบ้านของผม เพราะเวลาหาวมันเข้าแถวก็จะยืนเด่นอยู่ข้างหลังคนเดียวเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกับหาว ผมก็เลยซื้อหมูปิ้งในตลาด เจ้าประจำของผมฝากให้ไอ้จุนไปให้ทุกๆเช้า บ่อยครั้งที่ผมมักจะเลือกนั่งโต๊ะข้างๆกันในโรงอาหาร แต่ผมไม่เคยอยู่ในสายตาของเด็กนั่นเลยสักครั้ง ท่ามกลางคนเป็นเกือบสองพันคนในโรงเรียนที่เป็นผู้ชายด้วยกัน
แล้วตอนนี้ผมกำลังถูกหาวจับได้ เฮ้อ… ยังไม่ได้สารภาพว่าชอบหาวออกไปเลย
“ครับ ไม่ทำหน้าแบบนั้นสิครับ” หาวดูผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเก่า
“ไม่โกรธกูเหรอ”
“โกรธครับ”
“ขอโทษ”
“ผมจะบอกว่าโกรธที่พี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมอ้วนเลยนะครับ”
“กูขอโทษ หืม” ผมหันไปมองหน้าหาวตรงๆอีกครั้ง เพราะผมไม่เข้าใจสิ่งที่หาวกำลังพูด
“พี่รู้มั้ยครับ ผมทานข้าวเช้าก่อนไปโรงเรียนทุกวัน ปกติผมซื้อแค่ให้หายอยากทานวันละสองไม้ แต่พี่ซื้อให้ผมตั้งสี่ไม้แถมข้าวเหนียวอีก”
“เอาฮาเหรอสัด”
“เปล่าครับผมพูดความจริง”
“เฮ้อ…ว่าแต่มึงรู้ได้ไงวะ”
“อื้ม… ผมไปเจอจุนมาครับ พี่ไม่ต้องคิดมากนะ ผมแค่ถามเฉยๆ” หาวพูดแล้วก้มดูดโกโก้ปั่นของตัวเอง
“แล้วมึงจะไม่อะไรกับกูสักนิดเหรอวะ” หาวเงยหน้ามามองผม
“ไม่ทานเหรอครับ ละลายหมดแล้วนั่น” หาวมองไปยังเมนูชาเขียวที่วางอยู่ตรงหน้าผม
“ใครแม่งจะชิลลงแบบมึงวะ”
“ใครว่าผมชิล ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรดีต่างหาก”
“หือ” หาวจ้องหน้าผม อะไรของมันอีกวะเนี่ย
“พี่ยังชอบผมอยู่ไหมครับ”
“ถามตรงขนาดนี้เลยเหรอวะ”
“ตอบมาเถอะครับ” ผมมองหน้าหาวอย่างไม่เข้าใจ จะอยากรู้ไปทำไมวะ ไหนไหนก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมควรสารภาพจริงๆสินะ
“อื้ม… ชอบ”
“ทำไมถึงชอบผมล่ะครับ”
“การชอบใครสักคนมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอวะ ชอบก็คือชอบอะ”
“พี่ได้ชอบผมแบบรอมาตลอดเหมือนในซีรี่ส์ อย่างนั้นหรือเปล่าครับ”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก เข้ามหาลัยกูก็มีแฟน แต่ก็กูไม่เคยลืมว่ามึงคือรักแรกของกู แต่พอกูเจอมึงอีกครั้งกูก็ชอบมึงเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าทำไมแต่กูชอบมึงมากกว่าเก่า ถ้ามึงคิดว่ากูจะรอมึงตลอดเหมือนในนิยายล่ะก็นะ ขอโทษจริงๆวะ” หาวพยักหน้ารับผม
“ลองคุยกันดูก่อนไหมครับ” ผมได้ยินคำพูดของหาว แล้วก็ได้แต่ยิ้มเยาะตัวเองในใจ
“ฮ่าๆ”
“มีอะไรน่าขำเหรอครับ” หาวถามผมที่อยู่ๆก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“กูไม่อยากให้ใครมาคุยกับกูเพราะว่าสงสารหรือเห็นใจหรอกนะ” หาวเงียบไปสักพักก่อนจะพูดออกมา
“นี่พี่คิดว่าผมขอคุยกับพี่เพราะสงสารจริงๆเหรอ ผมจะบอกอะไรให้นะ ถ้าผมเปิดใจให้ใครเพราะสงสารจริงๆ ตอนนี้ผมคงไม่โสดหรอก”
“ห๊ะ! หมายความว่าไงวะ”
“ลองคุยกันดูก่อนไหมครับ แค่ลองคุยกันดูก่อนนะครับ ผมไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน พี่เข้าใจผมไหมครับ”
“จริงเหรอวะ เข้าใจดิ กูไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ” หาวยิ้มให้ผมแลเวพยักหน้ารับ
“ไปดูหนังกันไหมครับ”
“ดูหนังกับมึงเหรอ”
“ใช่ครับ”
“กูไม่ได้ฝันไปใช่ปะวะ”
“ครับไปกัน”
“เดี๋ยวก่อนสิ กูยังไม่ได้กินเลย” ผมมองไปยังแก้วชาเขียวและเค้กชาเขียวของตัวเอง
“ฮ่าๆ ก็ทานให้หมดก่อนสิครับ”
“อื้ม”  ผมพยักหน้ารับแล้วตั้งใจกินให้หมด เป็นชาเขียวที่อร่อยที่สุดในชีวิตไอ้ตะวันเลยเว้ย!
ผมกับน้องพากันมาดูหนังแนว Sci-fi ที่เข้าโรงอยู่ปัจจุบัน ไม่ได้เลือกหนังโรแมนติกหรือหนังผีที่คนอื่นดูกันสักนิด

[HAO PART]
เช้าวันใหม่ ผมกำลังทาครีมอยู่หน้ากระจกภายในห้องน้ำ เกิดเป็นผู้ชายก็ต้องดูแลตัวเองนะครับ
Rrrrrrrrrrrrrr~
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมวางกระปุกครีมลงแล้วเดินไปรับโทรศัพท์ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หืม… พี่ตะวันโทรมาทำไมแต่เช้าวะ ผมกดรับสายทันที
“ว่าไงครับ”
[หาวมึงมารับกูหน่อยดิ รถกูพังอีกแล้ว]
“ผมว่าพี่ควรซื้อรถใหม่ได้แล้วนะครับ”
[ไม่อะ กูจะได้ติดรถมึงไปบ่อยๆไง มึงมารับกูหน่อยนะ] น้ำเสียงออดอ้อนนั้นมันคืออะไรวะครับ
“อ้อครับ งั้นรอสักพักได้ไหมครับ ผมยังไม่ได้แต่งตัวเลย”
[ได้สิ สำหรับมึงกูรอได้เสมอล่ะ]
“หืมมม งั้นเดี๋ยวพอผมถึงหน้าหอพี่แล้วผมโทรไปนะครับ”
[เค กูจะรอ]
     
“จะให้ไปรับก็ไม่บอกกันตรงๆเนอะคนเรา” ผมส่ายหัวเบาๆแล้วกลับไปทาครีมต่อ แต่งตัวเสร็จแล้ว ก็ออกจากหอ ผมขับรถมาถึงหอพี่ตะวัน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาพี่มัน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้กดโทรออก ผมก็เห็นพี่ตะวันกำลังเดินตรงมาที่รถของผม พี่ตะวันเปิดประตูฝั่งข้างคนขับขึ้นมานั่ง
“ผมกำลังจะโทรหาพอดีเลยครับ”
“อ่า” พี่ตะวันตอบรับแล้วหันไปคาดเข็มขัดนิรภัยแทน
“แล้วนี่พี่รอผมอยู่เหรอ” ผมเป็นคนค่อนข้างแต่งตัวพิถีพิถันคนหนึ่ง เพราะฉนั้นจะใช้เวลานานมาก ถ้าพี่ตะวันมารอผมตั้งนานแล้วล่ะ พี่ตะวันเงียบใส่ผม “พี่รอผมนานไหม”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็กูอยากมารอมึง”
“แสดงว่ามารอนานแล้ว? “
“ไม่นานหรอก มึงจะถามอะไรนักหนาเนี่ย”
“ก็ผมบอกแล้วไงครับ ว่าถึงแล้วจะโทรหา”
“อะไรไปๆ พูดมากอยู่ได้”
“อ่าครับ”
“แล้วนี่พี่ให้ผมไปส่งตึกไหนครับ”
“มึงเริ่มเรียนกี่โมง”
“พี่ตะวันครับ พี่ตอบไม่ตรงคำถาม”
“เฮ้ยมึงใจเย็นดิหาว”
“นี่ผมก็ใจเย็นอยู่ครับ”
“โอเคๆ กูไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีนมึง กูแค่อยากชวนมึงไปกินข้าวก่อนเฉยๆ”
“ทีหลังพี่ช่วยตอบคำถามก่อน จะชวนทานข้าวผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ” ผมหันไปมองพี่มันแวบหนึ่งแล้วกลับไปสนใจการขับต่อ ช่วงเช้านี่รถมันติดจริงๆเลย
“ก็กูกลัวมึงไม่ยอมไปหนิวะ” ผมอึ้งกับคำพูดของพี่ตะวัน จนต้องหันไปมองอีกรอบ พี่ตะวันหน้าหงอลงไปเลย ตลกดีเหมือนกันนะครับ
“มึงยิ้มอะไร” อ่า…นี่ผมเผลอยิ้มอีกแล้วเหรอ
“ก็พี่น่ารักดี”
“น่ารักเหี้ยอะไร กูหล่อ”
“หืมผมหมายถึงการกระทำของพี่ ไม่ได้ชมหน้าตาพี่สักหน่อยนี่ครับ”
“อ้อ แต่มึงจะหมายความว่าหน้าตากูไม่หล่อ” ผมขับรถมาถึงแคนทีนส่วนกลาง ขับรถวนหาที่จอดรถที่ดีๆ เมื่อได้ที่แล้ว แต่พี่ตะวันกลับไม่ลงจากรถเสียที
“เอ่อ..ก็หล่อครับ ไปพี่จะกินข้าวก็ลงจากรถได้แล้วครับ”
“เปลี่ยนเรื่องตลอด”
ผมเข้ามาในแคนทีนเดินตรงไปที่ร้านขายอาหารตามสั่ง พี่ตะวันก็เดินตามผมมาด้วย อื้มอยากทานข้าวร้านเดียวกันเลยสินะครับ
“มึงจะแดกอะไร” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“หืมผมเหรอ”
“ก็เออสิวะ”
“ข้าวกระเพราะหมูกรอบไข่เจียวครับ”
“โอเคเดี๋ยวกูไปซื้อให้ ส่วนมึงไปซื้อน้ำ”
ผมพยักหน้ารับแล้วหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาจากกระเป๋า
“ไม่ต้องกูเลี้ยง”
“ไม่ต้องหรอกพี่ ผมเกรงใจครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้นล่ะ”
“อ่าครับ งั้นพี่จะดื่มน้ำอะไร เดี๋ยวผมเลี้ยง”
“น้ำใบเตยก็ได้”
“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมหาโต๊ะนั่งแถวๆตรงนี้แล้วกัน พี่จะได้หาเจอง่ายๆ”
“โอเค”

ผมเดินไปซื้อน้ำเสร็จก็มานั่งรอพี่ตะวันแถวๆที่บอกกับพี่ตะวันไว้ ไม่นานผมก็เห็นพี่ตะวันก็เดินถือจานมา 2 ใบ
“หาว” ผมหันไปมองทางต้นเสียง
“อ้าวใบตองว่าไงครับ”
“มากินข้าวเช้าเหมือนกันเหรอ”
“อื้มใช่ นั่งด้วยกันไหมล่ะ” ผมชวนใบตองนั่งด้วยกัน
“ไม่ๆ เรากินเสร็จแล้ว”
“อะนี่ข้าวมึง” ผมรับจานข้าวจากพี่ตะวันมาไว้ตรงหน้า ทำไมถึงหน้าบึ้งแบบนั้นกัน ใครทำให้อารมณ์บูดอีกแล้ววะ
“ขอบคุณครับ” พี่ตะวันพยักหน้ารับแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผม
“หาวกับพี่ตะวันนี่ดูสนิทกันจังนะ มากินข้าวด้วยกันด้วย”
“ก็คงงั้นมั้งนะ”
“อิจฉาพี่ตะวันจังได้สนิทกับหาวด้วยอะ” พี่ตะวันทำหน้าไม่ดีนัก
“ฮ่าๆหาวเราไปเรียนก่อนนะ ไว้เจอกันจ้า”
“ไว้เจอกันครับ”
ใบตองไปแล้วทิ้งให้ผมอยู่กับพี่ตะวันที่ทำหน้าเหมือนคนอารมณ์ไม่ดีอยู่ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสีหน้าปกติแล้วค่อยๆยิ้มออกมา
 “มึงก็ชอบกินน้ำใบเตยเหมือนกันเหรอ ปกติเห็นสั่งแต่ชาเย็นนี่” อื้มผมตามอารมณ์พี่ตะวันไม่ทันจริงๆ
“เปล่าครับ ไม่เคยกินมาก่อน เห็นพี่สั่งมาหลายครั้งแล้ว ก็เลยลองสั่งมาชิมบ้าง”
“แล้วเป็นไง อร่อยมั้ย”
“ก็ดีครับ”
“พี่เองก็สั่งข้าวกระเพราะหมูกรอบไข่เจียวมาเหมือนกันเลยนะครับ”
“อื้ม ก็วันนี้กูอยากกิน อีกอย่างป้าเค้าจะได้ทำทีเดียวด้วย”
“อ่าครับ งั้นทานข้าวกันเถอะครับเดี๋ยวสาย”
“เดี๋ยวก่อนดิ กูขอถ่ายรูปก่อน”
“หืม ปกติผมเห็นเขาถ่ายอาหารมื้อหรูๆกันไม่ใช่เหรอครับ พี่ถ่ายข้าวโรงอาหารเนี่ยนะ”
“ก็กูอยากถ่าย มึงจะทำไม” พี่ตะวันพูดพร้อมทำหน้ากวนบาทาใส่ผม
“พี่จะด่าผมว่าเสือกก็พูดมาตรงๆเถอะครับ”
“คนอย่างกูเนี่ยนะจะด่ามึง มึงคิดไปเองแล้วหาว” พี่ตะวันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปสองสามรูปแล้วเก็บไป
“แล้วปกติพี่ไม่ด่าผมตรงไหนครับ”
“กูไปด่ามึงตอนไหนวะหาว”
“ช่างเถอะ บางทีพี่อาจไม่รู้ตัว”
“เห้ย! ช่างเถอะไม่ได้ดิ ถ้ากูไปเผลอพูดไม่ดีกับมึงตอนไหน ขอโทษด้วยกูไม่ได้ตั้งใจ กูเป็นคนหยาบๆแบบนี้ล่ะ”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมว่าทานข้าวได้แล้วมั้ง”
“อ่าแดกสิ รอพ่องมึงตัดริบบิ้นเหรอ”
หลังจากนั้นพี่ตะวันก็ทานข้าวแบบไม่พูดอะไรอีกสักคำ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 15
เหตุเกิดเพราะผมง่วงนอน

We don’t have to take our clothes off to have a good time.

[ HAO PART ]
วันนี้เป็นวันเสาร์ หลังจากทั้งเรียนมาทั้งอาทิตย์ อาทิตย์นี้ผมไม่ได้กลับบ้าน ผมตัดสินใจว่าวันนี้จะสิงสถิตอยู่ห้องไม่ไปไหน ไม่อยากรบกวนเอกกับดีนด้วย อยากให้มันมีเวลาส่วนตัวของมันบ้าง ไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอพวกมันสักเท่าไหร่ ไหนๆวันนี้ก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้วขอนอนต่ออีกสักหน่อยดีกว่า
Rrrrrrrrrrrrr~
ใครโทรมาตอนนี้วะ ปกติจะไม่มีใครโทรหาผมในเช้าวันหยุดแบบนี้ โดยเฉพาะครอบครัวทุกคนรู้ดีว่าวันแบบนี้ผมไม่ตื่นแน่ๆ งั้นช่างแม่งผมจะนอน
Rrrrrrrrrrrrrr~
Rrrrrrrrrrrrrr~
ใครแม่งมันโทรมาเยอะขนาดนี้วะ หาวจะนอน ปิดเครื่องแม่ง อืมสบายหู
 2 ชั่วโมงผ่านไป
“หาวอยู่ไหม”
“หาวเปิดประตู”
เสียงออดประตูดังขึ้นซ้ำหลายครั้ง พร้อมกับเสียงคนตะโกนเรียกชื่อผม ทำให้ผมรู้สึกตัว
“หาวมาเปิดประตูเดี๋ยวนี้”
ใครมันมาตะโกนแต่เช้ากันวะ หาวจะนอน ผมงัวเงียลุกจากที่นอน เดินไปเปิดประตู แต่ก็ต้องตาค้าง เมื่อเปิดประตูออกไป แล้วคนข้างนอกยกเท้ากำลังจะถีบประตูพอดี
“เฮ้ย! พี่มาได้ไงครับ” พี่ตะวันอีกแล้วครับ ดูเหมือนพี่เขาจะตกใจที่ผมเปิดประตูพอดีเหมือนกัน ตาค้างไปแล้วครับ กว่าจะตั้งสติได้ก็หลายนาทีอยู่เหมือนกัน ผมชะโงกไปดูด้านหลัง เห็นพี่สีฝุ่นกำลังยืนอมขี้ตาอยู่
“มึงถามว่าอะไรนะ” พี่ตะวันถามผมในขณะที่จ้องมองมาที่ผมตาไม่กะพริบ
“พี่มาได้ไงครับ”
“ก็มึงไม่รับโทรศัพท์อะ โทรไปตั้งหลายครั้ง อยู่ๆก็ติดต่อไม่ได้ กูก็นึกว่ามึงเป็นอะไรน่ะสิ”
“อ่าครับ เข้ามาก่อนไหม” ผมชวนพี่ตะวันเข้าห้องตามมารยาท คุยกันหน้าประตูคงไม่ดีเท่าไหร่
“กูบอกว่าไอ้หาวนอนอยู่มึงแม่งไม่เชื่อกู งั้นกูกลับไปนอนต่อก่อนนะ”
“ก็มันไม่เคยโทรแล้วไม่รับนี่หว่า เออๆขอบใจมากๆมึงกลับไปนอนเถอะ”
“เออกูไปละ”
ผมหลีกทางให้พี่ตะวันเดินเข้ามา แล้วจึงปิดประตูตามเข้ามา
“นั่งโซฟานั่นก็ได้ครับพี่” พี่ตะวันเดินไปนั่งที่โซฟา ผมเดินไปยังโซนครัว เปิดตู้เย็นหยิบน้ำดื่มขึ้นมาเทใส่แก้ว 2 แก้ว ถือเดินไปนั่งข้างๆพี่ตะวัน วางแก้วน้ำให้พี่ตะวันหนึ่งแก้ว ส่วนผมก็ดื่มน้ำในแก้วของตัวเอง อื้ม… ดื่มน้ำหกได้ไงเนี่ย สงสัยจะรีบดื่มไปหน่อย เลอะรอบปากหมด ด้วยความลืมตัวผมเอาหลังมือขึ้นมาเช็ดตามขอบปาก
เฮือก~ เสียงกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ของคนข้างๆ ทำให้ผมต้องหันไปมอง พี่ตะวันรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที อะไรของพี่เขาวะ หรือมองว่าผมสกปรกงั้นเหรอ
“เออ… แล้วพี่โทรมาหาผมมีอะไร”
“ก่อนที่กูจะตอบ มึงช่วยไปใส่เสื้อผ้าดีๆก่อนได้ไหมวะไอ้หาว” ผมก้มมองตัวเองที่มีบ็อกเซอร์อยู่ตัวเดียว ก็ไม่เห็นว่าจะไม่ดีตรงไหน ปกติเวลานอนผมก็แต่งตัวแบบนี้ ก็แบบนี้มันสบายดีนี่ครับ
“ไม่เป็นไรพี่พูดมาเลยเหอะ ผู้ชายเหมือนกันไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลย พี่ก็มีเหมือนผมอะ” พี่ตะวันทำหน้าเอือมระอาใส่ผม เอ้าผมพูดอะไรผิดตรงไหนวะ ก็มีเหมือนกันจริงๆอะ
“หรือว่า… ” ผมขยับเข้าไปใกล้พี่ตะวันมากขึ้น
“พอเลย มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลยไอ้หาว”
“ฮ่าๆ ว่าแต่มาหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คือว่า…จะชวนไปกินข้าว” หือชวนผมเนี่ยนะ ผมเอามือชี้เข้าหาตัวเอง พี่ตะวันพยักหน้ารับ
“วันนี้ผมวางแผนตั้งใจจะไม่ออกไปไหนครับพี่”
“แล้วมึงจะแดกอะไรตอนเที่ยง อย่าบอกว่ามาม่า”
“ทำกินเองสิพี่ นี่ใครนี่หาวเอง เชฟมือทองเลยนะครับ” ผมยืดอกด้วยความภูมิใจ พี่ตะวันทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
“งั้นทำให้กูกินด้วย ถ้ากูขี้แตกมึงรับผิดชอบแล้วกัน”
“ระดับผมไม่มีอึแตกหรอกครับพี่ แต่วันนี้ผมไม่พร้อมทำให้พี่กิน ผมง่วงนอนจริงๆครับ”
“มึงจะไปนอนก็ไปนอน และกูก็จะกินอาหารฝีมือมึง”
“ไปนอนด้วยกันไหมครับ” ผมมองคนข้างที่หน้าขึ้นสีแดงจางๆ
“มึงจะไปนอนก็ไปนอนสิวะ”
“ไม่นอนด้วยกันจริงๆเหรอครับ” ผมถามพี่ตะวันย้ำอีกครั้ง ก็พี่ตะวันเขินมันน่ารักดีนี่ครับ
“พูดมากจังวะ จะนอนก็ไปนอน” พี่มันพยักเพยิดหน้าไล่ผมไปนอน หน้าแดงไปหมด แต่ตอนนี้ นาทีนี้ผมง่วงจริงๆ ร่างกายผมต้องการเตียง
“ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ” พี่ตะวันก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“เก้าโมงครึ่ง” เมื่่อคืนพี่สีฝุ่นก็มาเล่นเกมที่ห้องกว่าจะเลิกเล่นกันได้ก็ปาไปตีสาม ตอนนี้ผมไม่ไหวจริงๆ
“อื้ม…ถ้าจะอยู่จริงก็ตามสบายครับ ถ้าอยากกินกาแฟชงเองเลย ในตู้เย็นมีเยลลี่ผลไม้อยู่ หิวก็เอาไปกินก่อนได้ อยากได้อะไร อยากทำอะไรเต็มที่เลยพี่ ผมไปนอนละ เดี๋ยวผมตั้งปลุกไว้ 11 โมง ถ้าผมไม่ตื่นพี่ก็ไปเรียกก็แล้วกันครับ” ผมพูดออกไปเป็นชุด คนฟังก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้าง ผมลุกขึ้น เดินไปถึงหน้าห้องนอน เตรียมจะเปิดประตู ผมหันไปพูดกับพี่ตะวันอีกรอบ
“ถ้ารอไม่ไหวก็กลับไปก่อนได้เลยนะครับ” ยิ้มกวนบาทาให้พี่ตะวันหนึ่งที
“จะไปนอนก็ไปนอน พูดมากอยู่ได้” ผมเปิดประตูเข้าห้องนอน
“ถ้าไงก็มานอนด้วยกันได้นะครับ ประตูไม่ได้ล็อก” แล้วผมก็ปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง รอไม่นานก็ติด ทั้งสายไม่ได้รับ ทั้งไลน์ เยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ ผมเลิกสนใจแล้วตั้งนาฬิกาปลุกแทน ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนุ่ม หยิบผ้าขึ้นมาห่ม อื้มอุ่นสบายดีจัง
ผมรู้นะว่าการทิ้งให้พี่ตะวันอยู่แบบนั้น มันเสียมารยาท ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงรู้สึกแบบนั้นแต่กับพี่ตะวัน ผมกลับสบายใจที่แสดงด้านจัญไรของตัวเองออกมา ผมไม่เข้าใจตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
จริงๆแล้วผมเป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัวมากนะ นอกจากคุณพ่อ คุณแม่ เฮียเหิน เพื่อนสนิทก็มีพี่ตะวันนี่แหละ ที่ผมสบายใจที่จะอยู่ด้วย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันแต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

[ TAWAN PART ]
ผมจ้องมองประตูห้องที่เด็กขี้อ่อยมันหายเข้าไป อืม..น่ารักชะมัด เมื่อเช้าผมโทรหาน้องมันจะถามว่าตอนเที่ยงว่างหรือเปล่า จะชวนน้องมันกินข้าวสักหน่อย แต่โทรเท่าไหร่น้องมันก็ไม่รับสายเลย โทรมาหลายสายเข้า อยู่ๆก็ไม่สามารถติดต่อได้ซะงั้น มันอาจจะปิดเครื่อง แบตมันอาจจะหมด หรือมันเป็นอะไร ทั้งโมโหทั้งเป็นห่วง รู้ตัวอีกทีคือมายืนอยู่หน้าคอนโดน้องมันแล้ว มาถึงก็ต้องหาวิธีเข้าหออีก ประตูเข้าหอนี้ใช้ระบบคีย์การ์ด ผมตัดสินใจโทรหาไอ้สีฝุ่น โดนมันบ่นเสียยกใหญ่ แต่ก็มารับผมที่ชั้นล่างอยู่ดี พวกผมมาถึงที่ห้องหาว เคาะประตูก็แล้ว ตะโกนเรียกก็แล้ว ยังไร้วี่แววของคนที่ทำผมเป็นห่วง ผมตัดสินใจจะถีบประตูเข้าไป เป็นห่วงมันจนแทบบ้า หาวมันจะเป็นอะไรหรือเปล่าวะ ถ้าน้องมันลื่นล้มในห้องน้ำตกส้วมตายผมจะทำยังไง ในจังหวะที่ผมยกขาขวาขึ้นทำท่าจะถีบประตู
แอ๊ดดดด~
เสียงเปิดประตูจากคนที่ผมเป็นห่วงจนแทบบ้า ทำให้ผมตาค้าง หาวเปิดตัวออกมาในสภาพ กางเกงบ็อกเซอร์หนึ่งตัว หัวยุ่งๆที่ไม่ได้เซ็ตแบบที่เห็นในทุกวัน ตาปรือๆที่ยังงัวเงีย เชี้ยโคตรน่ารัก กว่าจะตั้งสติได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาทีเลยทีเดียว หายไปแล้วครับความรู้สึกโมโหเมื่อกี้ที่เคยมี
ผมเดินเข้ามาในห้องทิ้งตัวลงบนโซฟา น้องมันหายไปกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำสองแก้ว แล้วเจ้าตัวก็นั่งลงข้างๆผม น้องมันดื่มน้ำในแก้วตัวเอง ไม่รู้ดื่มอีท่าไหน มันถึงได้หกเลอะปากขนาดนั้น ผมมองน้องมันทุกการกระทำ ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมกำลังมองเด็กผู้ชายตัวเท่าควายว่าเซ็กซี่ จังหวะที่ลิ้นแดงไล่เลียไปรอบขอบปาก อื้มอยากจูบ….
ผมกลืนน้ำลายดังเฮือก จนน้องมันหันมามอง ผมรีบเบนหน้าไปทางอื่นซ่อนสีหน้าแดงๆของตัวเอง ผมรีบเปลี่ยนเรื่องไล่น้องไปใส่เสื้อผ้าดีๆ แต่น้องมันไม่ได้มียางอายกับผมแต่อย่างใด น้องกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้ากับหัวนมชมพูนั่น ไหนจะหัวยุ่งๆ ปากแดงอมชมพูฉ่ำน้ำกับตาปรือๆ หาวเอามีดมาแทงพี่ตะวันคนนี้เถอะ ไหนๆก็ฆ่าพี่ขนาดนี้แล้ว ต้องให้ผมชัดเจนกว่านี้ น้องถึงระวังตัวเองบ้าง
ผมคุยกับน้องก็ได้ข้อสรุปว่า ผมจะอยู่รอกินอาหารฝีมือน้อง น้องมันให้อิสระกับห้องของน้องเต็มที่ ส่วนเจ้าตัวไปนอนแล้วครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดผนังห้องน้ำเก็บเสียงไหมวะ   

[HAO PART]
“น้องหาวตื่นได้แล้วครับ”
เสียงนาฬิกาปลุกแผดเสียงดังลั่นห้อง พร้อมๆกับเสียงของพี่ตะวันที่ไม่รู้มานั่งบนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไหนจะคำพูดคำจาที่เพราะแปลกๆจากพี่มันอีก
ผมลุกขึ้นนั่ง ขยี้ตาเล็กน้อย หันไปมองชายที่นั่งอยู่ข้างๆที่กำลังมองผมอยู่ ด้วยรอยยิ้มละมุนแปลกๆ
“ปิดนาฬิกาปลุกก่อนไหมครับ” พี่มันพูดด้วยรอยยิ้ม มีใครคิดว่ามันแปลกๆเหมือนผมบ้าง
“อ่า…ครับ” ผมเอื้อมมือไปปิดเสียงนาฬิกาที่ดังไม่หยุด ผมลุกขึ้นจากที่นอน พี่มันก็ลุกตามด้วย
“เอ่อพี่ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อน พี่ออกไปนั่งรอโซฟาด้านนอกก็ได้ครับ พอผมอาบน้ำเสร็จแล้ว เดี๋ยวทำอาหารให้ทาน” พี่มันก็พยักหน้ารับ ทำท่าจะเดินออกไป ผมนึกอะไรบางอย่างออกจึงตะโกนถามพี่มัน
“เดี๋ยวๆพี่ หุงข้าวเป็นไหมครับ” พี่ตะวันหันมามองหน้าผม
“….” ส่ายหัว เอ่อผมไม่ควรคาดหวังอะไรแบบนี้จริงๆ ผมเดินออกจากห้อง เดินไปที่ครัว จัดการล้างมือให้สะอาด
“เดี๋ยวกูช่วย” ผมหันไปมองตามเสียง
“เอาจริงดิ พี่จะไม่ทำหม้อผมพังใช่ไหม” ผมเอียงคอถาม
“มึงก็สอนกูทำไง” ทำไมไม่พูดเพราะ เลิกเก็กแล้ว...
“มึงจะเงียบอีกนานไหม”
“เอ่อ..ครับๆ เดี๋ยวพี่ล้างมือให้สะอาด หยิบหม้อชั้นใน อยู่ในหม้อหุงข้าวนั่นแหละครับ แล้วตามผมมานะ ” ผมบอกพี่ตะวันแล้วเดินไปหยิบที่ตวงข้าว เปิดกล่องเก็บข้าวสาร
“พี่ตักข้าวให้พอดีถ้วยตวงแบบนี้นะครับ แล้วใส่ลงไปในหม้อเลย” ผมตักข้าวสารใส่ถ้วยตวงแล้วเอาไปเทใส่หม้อในมือพี่มัน ปากก็สอนพี่มันไปด้วย เสร็จแล้วก็ปิดกล่องเก็บข้าวสาร เดินนำพี่มันมาที่ก็อกน้ำ
“เดี๋ยวพี่เปิดน้ำใส่เลย ไม่ต้องเยอะมากนะครับ” พี่มันก็ทำตามอย่างว่าง่าย น่ารักดีเหมือนกันนะ
“พอยัง” พี่มันหันมามองหน้าผม
“พอแล้วครับ จากนั้นก็เอามือค่อยๆคนเบาๆ …..อ่าแบบนั้นล่ะครับ แล้วพี่ก็ค่อยๆเทน้ำออกในอ่างล้างจาน อย่าให้ข้าวล่วงนะ”
“ได้แล้ว แล้วยังไงต่อ”
“ทำแบบเดิมอีกรอบครับ” พี่ตะวันทำตามที่บอกโดยไม่มีข้อผิดพลาด นี่ถ้าพี่แกเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆนี่หลงไปนานแล้ว แต่เป็นผู้ชายก็ชอบอยู่ดีนี่หว่า
“เสร็จแล้ว ยังไงต่อวะ”
“เอาน้ำใส่ลงไปให้ท่วมข้าว วัดดูให้พอดีนิ้วชี้ข้อแรก เอ่อ...แต่นิ้วพี่มันยาว ต่ำกว่านั้นนิดหน่อยก็ได้ครับ อ่าแบบนั้นล่ะครับ” ผมเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดมือที่อยู่ใกล้ๆตัวผม หันมาก็เจอพี่มันมองหน้าผมอยู่ ผมส่งผ้าเช็ดมือให้พี่ตะวัน พี่มันก็รับอย่างว่าง่าย
“เอาผ้าเช็ดก้นหม้อให้สะอาดครับ เผื่อมีตรงไหนเปียก”
“ก้นมึงได้ไหมอะ ก้นมึงกูก็อยากเช็ดนะ”
“…”
“เงียบทำไม กูแค่ล้อเล่นเอง” แค่ล้อเล่นทำไมพี่มึงต้องทำหน้าหื่นจริงจังขนาดนั้นวะครับ ขนลุก
“อ่าครับ พี่เอาหม้อหุงข้าวชั้นในใส่ในหม้อหุงข้าวชั้นนอกเลย จากนั้นก็ปิดฝา เสียบปลั๊กแล้วกดสวิตซ์ แค่นี้ก็ได้แล้วครับ”
“เสร็จแล้ว” พี่ตะวันทำหน้าภูมิใจอย่างปิดไม่มิด ผมยิ้มให้กับการกระทำของคนตรงหน้า
“อ่างั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ”
“ไปดิ ใครห้ามไว้อะ” ทั้งๆที่เวลาตั้งใจทำอะไร แล้วน่ารักขนาดนั้นแท้ๆ
ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้ในห้องนอน แล้วกลับไปเข้าห้องน้ำด้านนอก เดินเข้าไปในห้องน้ำก็ต้องตกใจ เพราะมีขนตรงส่วนลับล่วงอยู่หลายเส้นเลย หวังว่าพี่มันจะยังไม่ได้เข้าห้องน้ำนะ
ผมจัดการทำความสะอาดห้องน้ำ เสร็จแล้วจึงจัดการทำธุระส่วนตัว แปรงฟัน อาบน้ำ หยิบผ้าเช็ดตัวมาพันไว้รอบเอว เดินออกจากห้องน้ำ เดินผ่านพี่ตะวันที่นั่งอยู่บนโซฟา พี่มันมองผมตาไม่กะพริบ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมก็เขินเป็นนะเว้ย ผมรีบเดินเข้าไปในห้อง แต่งตัวเรียบร้อยด้วยเสื้อยืดโอเวอร์โซส์สีเทากับกางเกงขาสามส่วนสีดำ เดินออกมาจากห้องก็เจอพี่ตะวันกำลังมองผมอยู่ เอาผมไปเล่นบ้านไหมพี่ มองจังเลยครับ
“น้องหาวจะทำอะไรให้พี่กินเอ๋ย” กลับมาพูดจาแปลกๆอีกแล้ว
“ข้าวผัดแหนมครับ แต่มันอาจจะแฉะหน่อยนะ ปกติมันต้องใช้ข้าวค้างคืน ข้าวผัดจะได้ไม่แฉะ แต่ผมเหลือของในตู้อยู่ไม่กี่อย่าง พวกเนื้อสดก็หมดแล้วด้วย ที่จริงก็ทำไข่เจียวแหนมได้นะครับ แต่ผมไม่ค่อยชอบ พี่ทานข้าวผัดได้ไหมครับ” ผมเดินไปเปิดตู้เย็นหาของที่ต้องใช้ในการทำข้าวผัดแหนม อ่าข้าวสุกพอดีเลย
“ได้ดิมึงทำอะไรให้กิน กูก็กินทั้งนั้นล่ะ” ผมพยักหน้ารับ
“เอ่อ…พี่ตะวันครับ รบกวนช่วยถอดปลั๊คหม้อข้าวให้หน่อยสิ” พี่ตะวันเดินไปถอดปลั๊คหม้อข้าว แล้วหันมาพูดกับผมต่อ
“มึงชอบกินข้าวผัดแหนมเหรอ”
“ก็ชอบนะครับ ผมชอบซื้อแหนมติดตู้ไว้ผัดข้าวกิน มันง่ายดีแถมอร่อยด้วย”
“ผู้ชายไทป์อย่างมึงไม่น่าทำอาหารได้เลย นี่กูพูดจริงๆนะ”
“โหพี่จะไทป์ไหน จะผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่เห็นเกี่ยวกับทำอาหารเลยนี่ครับ หมดยุคที่ผู้หญิงต้องทำงานบ้านคนเดียวแล้ว” ผมพูดกับพี่ตะวัน ในขณะที่มือยังค้นของสดในตู้เย็น
“ใครได้มึงเป็นแฟนนี่ต้องโคตรโชคดีแน่ๆ” ผมหัวเราะเบาๆให้กับคำพูดของพี่ตะวัน
“แน่นอนว่าที่เมียต้องภูมิใจในตัวผม” ผมหันไปมองพี่ตะวัน ยืดอกอย่างภาคภูมิ พี่ตะวันยู่หน้าใส่ผม ผมแอบยิ้มแล้วหยิบของต่อ จัดการเตรียมของเรียบร้อย ใส่ผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลอย่างคล่องแคล่ว
“พี่ไปนั่งรอก่อนก็ได้ เสร็จแล้วเดี่ยวผมเรียก” ผมบอกพี่ตะวันที่ยืนมองผมอยู่
“กูจะดูมึงทำอยู่นี่แหละ” ผมพยักหน้ารับ
“ตามใจพี่เลย อย่าเกะกะก็พอครับ” นี่เห็นว่าตอนหุงข้าวทำตัวน่ารักหรอกนะ
“โอเค กูจะไม่เกะกะมึงเลยสาบาน” คนตรงหน้ายกมือขึ้นสามนิ้ว เพื่อยืนยันคำตอบ ให้ตายสิ...ผมยิ้มให้กับการกระทำของพี่ตะวันอีกแล้ว
“ถ้างั้นรบกวนพี่ช่วยตักข้าวใส่ถ้วยมาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” พี่ตะวันเดินไปที่หม้อข้าว แล้วหันมาถามผม
“เอาเยอะไหม”
“ให้พอดีกับคนสองคนครับ”
“งั้นคงต้องหมดหม้อ” ผมยิ้มให้กับคำพูดของพี่ตะวัน อ่า…ยิ้มอีกแล้วสินะ
“เสร็จแล้วพี่ก็เอาถาดตรงนั้นมาเกลี่ยข้าวให้ทั่วถาดเลย ทำเบาๆนะ ผมล้างผัก หั่นผักเสร็จก็น่าจะเย็นขึ้น” พี่ตะวันพยักหน้ารับ
“แล้วทำไมต้องใส่ถ้วยก่อน ตักข้าวใส่ถาดเลยไม่ได้เหรอ”
“แล้วแต่พี่สะดวกเลยครับ” พี่ตะวันพยักหน้ารับ เดินไปหยิบถาดกับทัพพีตักข้าว
“ทำไมต้องเอามาเกลี่ยในถาดก่อนวะ”
“มันจะได้เย็นเร็วๆครับ พอเวลาเราเอาข้าวไปผัดจะได้ไม่แฉะ ข้าวมันจะได้ไม่จับตัวกันเป็นก้อน” พี่ตะวันรับเบาๆในลำคอ
ผมจัดการล้างผักคะน้า แครอทและแตงกวา ผมนำคะน้ามา 3 ต้นเด็ดใบที่แก่ๆทิ้ง ปลอกส่วนแข็งๆตรงโคนออก หั่นเฉียงๆพอดีคำ เสร็จแล้วแบ่งแครอทที่มีอยู่ครึ่งลูกเป็น 2 ท่อน เก็บไว้ 1 ท่อน จัดการปลอกแครอทจนสะอาด หั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ นำแตงกวามาลูกหนึ่งปลอกเปลือกจนสะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นๆจนหมดลูก จากนั้นเอาแหนมมาแกะถุงออกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เสร็จแล้วจึงหันไปเตรียมกระทะเทฟล่อนตั้งไฟกลางๆ ใส่น้ำมันรำข้าวลงในกระทะเล็กน้อย เมื่อกระทะร้อน หยิบไข่ขึ้นมาจัดการตอกไข่ลงไปในกระทะ ใช้ตะหลิวยีไข่ในกระทะพอสุก จากนั้นใส่กระเทียมลงผัดจนเหลืองหอม แล้วจึงใส่แหนมลงผัดให้เข้ากัน จากนั้นใส่ข้าวสวยที่พี่ตะวันเตรียมไว้ให้ลงผัด ตามด้วยแครอท และคะน้า ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย ผัดจนเข้ากันดีก็ปิดไฟ แค่นี้ก็สามารถตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟแล้วครับ
“พี่ตะวันรบกวนเอาจานให้ผม 2 ใบครับ ช้อนส้อมด้วยนะครับ”
“อะนี่” จานถูกยื่นมาให้ผม 1 ใบ ผมรับจานมา ตักข้าวใส่จาน จัดการโรยพริกไทยป่นเล็กน้อยเพิ่มกลิ่นหอม วางแตงกวาสักสองสามชิ้น ส่งให้พี่ตะวัน พี่มันรับจานจากผม วางช้อนส้อมลงบนจาน จากนั้นก็หยิบจานอีกใบที่พี่มันวางไว้ข้างๆผม หยิบขึ้นมาทำเหมือนเดิมแล้วส่งให้พี่ตะวันถือไว้
“พี่เอาไข่ดาวเพิ่มไหมครับ เดี๋ยวผมทอดให้พิเศษเลย” ผมถามคนข้างๆที่กำลังจ้องมองผมอยู่
“พิเศษใส่ใจใช่ปะ”
“…”
“ไรวะ กริบอีกละ ไม่เอาแค่นี้ล่ะ หิวแล้ว” ผมพยักหน้ารับ
“พี่ไปนั่งรอเลยก็ได้ครับ” ผมบอกพี่ตะวัน พี่มันพยักหน้ารับแล้วเดินไปคอยที่เคาน์เตอร์บาร์
ผมล้างมือจนสะอาด ถอดผ้ากันเปื้อน เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำออกมาหนึ่งขวด หยิบแก้วสองแก้วที่วางอยู่หลังตู้เย็น แล้วเดินไปนั่งข้างๆพี่ตะวัน ผมเทน้ำใส่แก้วทั้งสองก่อนจะหยิบไปวางแก้วน้ำให้คนข้างๆหนึ่งแก้ว
“ทานได้แล้วครับ” ผมมองพี่ตะวันที่ยังรอผมอยู่ พยักหน้ารับหยิบช้อนกับส้อมถือไว้ในมือ กำลังใช้ช้อนตักข้าวเข้าปาก
“อร่อย” ผมมองคนตรงหน้าทานด้วยรอยยิ้ม หันมาจัดการข้าวผัดในจานของตัวเองจนเกือบหมด ผมคิดอะไรบางอย่างออกจึงถามพี่ตะวันออกไป
“เออพี่ พี่ยังไม่ได้เข้าห้องน้ำใช่ไหมครับ” คนตรงหน้าหยุดช้อนตัวเองลง เงยหน้ามองหน้าผม สีหน้าแววตาดูตกใจเล็กน้อยกับคำถาม มีอะไรน่าตกใจเหรอ หรือพี่มันเข้าไปแล้ว ก็ต้องเห็นแล้วสินะ
“ถามทำไม”
“ขนตรงนั้นผมมันล่วงอะ ล่วงเต็มพื้นห้องน้ำเลย มีตั้งหลายเส้นเลย ผมก็ว่าผมดูดีแล้วนะ”
อั๊ก แค่ก แค่ก ขะ ข้าว แค่ก ตะ ติด คอ แค่ก
อะไรวะพูดแค่นี้ถึงกับสำลักเลย ผมลูบหลังพี่ตะวันแล้วหยิบแก้วน้ำยื่นให้พี่ตะวัน พี่ตะวันรับน้ำจากผมขึ้นดื่ม อาการพี่ตะวันค่อยๆดีขึ้น
“ขอบใจ”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมก้มหน้าทานข้าวต่อ ไม่ถามก็ได้ เสียงพี่ตะวันถอนหายใจดังเฮือก ดวงซวยเจอเองผมช่วยไม่ได้นะ ถึงจะผู้ชายเหมือนกันแต่ขนตรงส่วนนั้นก็ไม่น่าพิสมัยอยู่ดี
กว่าเรา 2 คนจะทานข้าวเสร็จก็เวลาเกือบเที่ยง ช่วยกันทำความสะอาดเรียบร้อย สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งกับพี่ตะวันอยู่ที่โซฟา ต่างคนต่างมุมของตัวเอง พี่ตะวันนั่งเล่นเกม ส่วนผมก็ส่องโซเชียลตามประสาคนว่างแหละครับ ส่องไปได้สักพักเอกก็ทักมาในกลุ่ม 3 หนุ่ม

อวยหัวเขก
หาวไปแดกข้าวเปล่า

หาวขี
ไปเลยแดกแล้ว

ดีนแตก
ไปกินกะใครมาไม่รอกูเลยอะ
เสียใจ

หาวขี
ตอแหลอะดีน
พี่ตะวัน

อวยหัวเขก
มีซัมติงแน่ๆ ใช่ไหมบี 1

ดีนแตก
คิดเหมือนกันเลยบี 2

หาวขี
ถ้าไม่เลิกชงมั่ว
กูจะย้ายไปอยู่ห้อง
พวกมึง 24 ชั่วโมง

อวยหัวเขก
ม่ายยยยย
มึงอย่านะไอ้หาวกูขอร้อง
สติกเกอร์แมวร้องไห้

ดีนแตก
กูเบื่ออยู่ห้องแล้วเนี่ย
ไปกินหมูทะกันปะ
อวยหัวเขก
อย่าปฏิเสธนะมึง

หาวขี
เออๆ
เจอกัน

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 16
ครอบครัวก็คือครอบครัว

We both have no idea if we’re going to be together in the end. But one thing is for sure, I’ll do everything I can to make it happen.

[ TAWAN PART ]
หลังจากที่ผมมานั่งเล่นอยู่ห้องน้องมันทั้งวัน หาข้ออ้างสารพัด เล่นเกมจนแบตหมดต้องยืมสายชาร์จน้องมันไปชาร์จ ชวนน้องมันดูหนัง น้องมันก็หาหนังให้ผมดู ช่างเป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ แต่ผมอยากใกล้ชิดน้องมากกว่านี้ว่ะ ทำไงดีตะวันคิดสิคิด แกล้งหลับดีไหมวะ เออแกล้งหลับนี่ล่ะ ผมหันไปมองหาวที่กำลังตั้งใจดูหนังเรื่องที่ 2 อยู่ ล็อกเป้าหมายเรียบร้อย กระเถิบตัวเข้าไปแบบเนียนๆ แกล้งทำตาปรือจ้องไปที่หน้าจอ โงนเงนหัวเล็กน้อย โงนเงนหัวอีกที ไปไหนต่อดีวะไหล่หรือไข่ แน่นอนคนอย่างผมต้องเลือกไข่ โงนเงนอีกสักที อืมเอาเลย เอนหัวลงบนตักแม่ง
“เฮ้ยพี่” กูไม่รู้กูหลับอยู่ แกล้งหายใจให้สม่ำเสมอเดี๋ยวไม่เนียน
“เอ้าหลับเหรอ แล้วก็ไม่ไปนอนดีๆนะครับ” หู้ยน้องเชื่อ ไอ้เหี้ยน่าจะเอาหัวหันเข้าหาตัวน้อง วิวไม่ดีแต่กลิ่นดี หาวเอามือมาลูบแก้มผม
“เวลาหลับก็น่ารักดีนะครับ” น้องชมกูๆ คอมพลีทแล้วชีวิต น้องเอามือมาเขี่ยที่ริมฝีปากของผม ตะวันชีวิตคอมพลีทแล้วครับทุกคน

[ HAO PART ]
ผมเอามือเขี่ยริมฝีปากของพี่ตะวัน ทำไมผมรู้สึกอยากจูบแบบนี้เนี่ย ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก หัวใจของผมเต้นแรงไม่หยุด
ผมจ้องมองคนที่อยู่บนตัก พลิกตัวเข้าหาตัวผม พี่ตะวันหายใจลดหน้าท้องของผม ผมพยายามพลักหัวพี่ตะวันออกเพราะรู้สึกขนลุกแปลกๆ แต่พี่มันกลับใช้มือคล้องเอวผมไว้ เหมือนกลัวตกจากโซฟา แต่โซฟาชุดห้องผมไม่ได้เล็กเลยนะ ผมจนปัญญาที่จะเอาหัวพี่ตะวันออกไปแล้ว จะปลุกก็ไม่กล้า ได้แต่ปล่อยให้พี่ตะวันนอนต่อไปบนตักผม ผมเลิกสนใจพี่ตะวัน แล้วหันไปสนใจหนังในทีวีแทน
แต่ผมก็เลิกสนใจได้ไม่นาน ก็พี่ตะวันเล่นเอาจมูกมากดที่หน้าท้องผมนี่ครับ
“พี่ผมไม่ใช่หมอนข้างนะ พี่ตะวันโว้ย! มันจักกะจี้” พี่ตะวันยังไม่เลิกซุกหน้าท้องผม
“ทำไมหลับลึกงี้วะครับ” ผมสบถออกมาหนักก็หนัก หายใจลดพุงอีก จะลุกก็ไม่ได้ แม่งเอามือคล้องเอวไว้
สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยพี่ตะวันไว้แบบนั้น ผมหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมาดูเวลา พบว่าเกือบห้าโมงเย็นแล้ว อีกอย่างขาเริ่มเหน็บชาแล้วด้วย ผมจึงตัดสินใจปลุกพี่ตะวัน
“พี่ตะวันครับ” ผมพูดพร้อมเขย่าตัวพี่ตะวันเล็กน้อย
“พี่ตะวันครับ” ผมเริ่มพูดดังขึ้น เขย่าตัวแรงตามเสียงที่มากขึ้น
“พี่ตะวันครับ!!!!!” ผมตัดสินใจตะโกนใส่หูพี่ตะวัน ไม่ตื่นให้มันรู้ไป
“เหี้ยอะไรมึงเนี่ย”
“ก็พี่ไม่ตื่นอะ ลุกขึ้นได้แล้วครับ เหน็บกินขาแล้วเนี่ย” พี่ตะวันรีบเด้งตัวออกไปจากตัวผม
“เมื่อยมากไหม ตรงไหนเดี๋ยวกูดูให้” พี่ตะวันหันมาถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง เอื้อมมือจะมานวดขาผม น่ารักอีกแล้วสินะ...
“ไม่ต้องครับ แค่พี่ลุกขึ้นขาผมก็หายปวดละ” ผมพูดขำๆ แต่คนตรงหน้ากลับทำหน้าเศร้าเสียอย่างนั้น
“ขอโทษ”
“หืม”
“ที่ทำมึงปวดขา”
“พี่ไม่ต้องทำหน้าสำนึกผิดจริงจังแบบนั้นก็ได้มั้งครับ”
“ก็กูรู้สึกผิด”  โอ้โหอารมณ์สาวน้อยมาเต็มฉิบหาย
“พี่ตะวัน พี่เมาขี้ตาเหรอครับ” ผมแกล้งแหย่พี่ตะวันเล่น เห็นพี่ตะวันทำท่าทางแบบนี้แล้วน่ารักดี
“เมาขี้ตาพ่อง”
“เอ้าอารมณ์แปรปรวณเหรอครับพี่” พี่ตะวันมองค้อนผม
“ฮ่าๆ 5 โมงเย็นแล้วครับ กลับได้แล้วมั้งครับ”
“ไม่กูจะกินข้าวเย็นกับมึงก่อน”
“เดี๋ยวผมต้องออกไปทานหมูกระทะกับไอ้เอก กับดีนว่ะพี่ นัดกันไว้แล้ว” ผมตกลงกับดีนไว้แล้วหลังจากไม่ได้กินข้าวเที่ยงกับพวกมัน ดีนมันก็งอแงบอกว่าเบื่อหน้าเอก คิดถึงผมอย่างนู้นอย่างนี้จนผมต้องตามน้ำไป จริงๆมันแค่อยากทานหมูกระทะ
“กูไปด้วย”
“หืม”
“มึงนัดพวกมันไว้กี่โมง”
“เอ่อ 6 โมงครับ”
“โอเคกูไปด้วย” ผมพยักหน้ารับ พี่ตะวันยิ้มดูมีความสุขมาก จนผมเผลอยิ้มตาม
สุดท้ายพี่ตะวันมันก็ตามผมมาจนได้ ผมปิดประตูแล้วกำลังจะเดินไปที่ลิฟท์
“นัดกันไว้ร้านไหนวะ ไปรถเครื่องกูหรือไปรถมึง”
“เดี๋ยวพวกมันมารับครับ ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าไปร้านไหน”
“อ่อ”
ผมลงมารอเอกกับดีนข้างล่างคอนโด รอไม่นานพวกมันก็มารับ พวกผมขึ้นมานั่งด้านหลังคนขับ
“สวัสดีครับพี่ตะวัน” เอกกับดีนทักทายพร้อมกัน
“พี่ตะวันร้านไหนอร่อยอะ” เอกถามพี่ตะวัน
“ร้านเด็ดดวงมั้ง หมูนุ่ม น้ำจิ้มก็เด็ด เห็นไอ้หมีมันบอกมางั้น”
“งั้นไปร้านนี้ล่ะ เล็ทโก” ดีนพูดพร้อมยกมือขึ้นสูง ผมอมยิ้มให้กับท่าทีของดีน
ตอนนี้พวกเรามาถึงร้านเด็ดดวงหมูกระทะ เชี้ยคนเยอะฉิบหาย ผมถึงกับอุทานในใจ
“ทำไมพวกมึงชอบกินหมูกระทะกันจังวะ มะเร็งทั้งนั้นเลยนะมึง” พี่ตะวันมันหันมาพูดเบาๆกับผม เอกกับดีนรีบเดินเข้าไปในร้านจองโต๊ะแล้วครับ
“พี่กลัวแล้วมาทำไมเนี่ยครับ”
“ก็อยากมากับมึง” พี่ตะวันพูดเสียงเบา
“อะไรนะครับ”
“เปล่า”
“ได้ยินนะครับ” ผมบอกพี่ตะวันที่หน้าขึ้นสีแดงจางๆ
“นี่พี่ตะวัน พี่คิดว่ากินหมูกระทะแล้วสุขภาพจะไม่ดีใช่รึเปล่า จะทำให้เป็นมะเร็งอะไรแบบนั้น” พี่ตะวันพยักหน้ารับ ผมหยุดเดินแล้วหันไปมองหน้าพี่ตะวันอย่างจริงจัง
“แล้ววันนั้นพี่สูบบุหรี่ทำไมครับ ดื่มเหล้าด้วย”
“…” เงียบใส่ซะงั้น
“งั้นทานๆไปเถอะครับพี่ของอร่อย ถึงพี่จะรักสุขภาพ เลือกทานแต่ของดีๆตลอด แต่เกิดวันหนึ่งพี่เดินอยู่ดีๆแล้วรถชนตาย ระวังจะเสียใจที่ไม่ได้ทานของอร่อยๆนะครับ”
“ประโยคมึงคุ้นๆเนอะ”
“นานๆทานทีไม่เป็นไรหรอก พวกผมก็นานๆครั้งเหมือนกัน เข้าไปกันเถอะครับ” ผมจับมือพี่ตะวัน ลากพี่มันเข้ามาในร้าน
พวกเราเข้ามาในร้านเดินไปที่โต๊ะที่พวกนั้นจองไว้ ผมนั่งตรงข้ามกับดีน ส่วนพี่ตะวันนั่งตรงข้ามกับเอก
“ทำไมเดินช้าจังวะ”
“มีคนงอแงว่ะดีน” ผมพูดกับดีน แล้วหันไปมองพี่ตะวัน
“ใครงอแง มึงอย่ามาไอ้หาว เด็กเชี้ย”
“พอๆ ไม่เถียงกันครับ” ดีนพูดขึ้นปรามพวกผม
ครืด
ครืด
ครืด
ครืด
ครืด
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าผมสั่น จนต้องหยิบขึ้นมาดู ใครมันส่งข้อความมาเยอะขนาดนี้วะ สั่นซะจนคิดว่าโทรศัพท์เป็นพาร์กินสัน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นข้อความจากเอกที่ส่งมาในกลุ่มสามหนุ่ม อยู่ใกล้กันแค่นี้ทำไมต้องส่งข้อความมา ผมล่ะไม่เข้าใจมันจริงๆ

อวยหัวเขก
พี่ตะวันมากับมึงได้ไงวะ
สติกเกอร์หมีสงสัย
สติกเกอร์หมีสงสัย
ไอ้หาว
ตอบกู

หาวขี
ทำไมมึงขี้เสือกงี้วะ

อวยหัวเขก
เออกูเสือก
แต่มึงตอบกูมา
กูอยากเสือกจนตัวสั่นละสัด
 
“ตอนแรกผมเกือบคิดแหนะ ว่าพี่มาจีบหาวของผมรึเปล่า เห็นพี่ด่าหาวแบบนี้ผมก็สบายใจแล้ว” ประโยคของดีนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง เล่นอะไรของมันอีกล่ะเนี่ย
“หาวของมึงก็เหี้ยละ หาวของกู”
“ว่าไงนะพี่” ดีนยิ้มกับคำพูดของพี่ตะวัน ส่วนเอกอุทานดังมาก ผมหันไปมองหน้าพี่ตะวัน พี่ตะวันทำหน้าตกใจเล็กน้อย เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าพูดอะไรออกมา น่ารัก…
“จะแดกไหมหมูกระทะ จะแดกอะไรก็สั่งสิ”
“เปลี่ยนเรื่องเก่ง” เอกพูดออกมา
“พวกมึงจะมองหน้ากูอีกนานไหม จะแดกไม่แดก” พี่ตะวันมองหน้าทุกคน ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ พวกผมแอบยิ้มให้กันก่อนจะเริ่มจัดการหมูกระทะที่เพิ่งมาเสิร์ฟ
หลังจากทานกันจนอิ่ม เอ่อ..ยกเว้นพี่ตะวันนะ พี่แกก็ทานนั้นล่ะ แต่ทานจนหมด เห็นบ่นว่าทานไม่หมดน่าเสียดาย ตอนแรกบอกไม่ทาน ผมนึกแล้วขำในใจ เอกกับดีนมาส่งพวกผมที่คอนโด แล้วบอกว่าจะอยู่เล่นเกมกับผมต่อ
“พี่ไม่ได้ลืมอะไรไว้ที่ห้องผมใช่ไหมครับ” ผมถามระหว่างเดินมาส่งพี่ตะวันที่รถเครื่อง
“ไม่ลืมๆ กูไปละ”
“ขี่รถดีๆนะครับ ถึงหอแล้วบอกด้วย”
พี่ตะวันยิ้มให้ผมก่อนที่จะสตารท์รถ แล้วขี่ออกไป
“ยิ้มหน้าบานเชียวนะมึง” ไอ้เอกแซวผม
“ยิ้มอะไร๊” ผมพูดแล้วเดินหนีพวกมันเข้าคอนโด
อื้ม… ผมเผลอยิ้มตามพี่ตะวันอีกแล้วสินะครับ

[DEEN PART]
“มีอะไรจะบอกพวกกูไหมวะ” เอกถามหาวหลังจากเดินตามขึ้นมาถึงห้อง ผมกับเอกนั่งประกบหาวคนละข้าง
“กูคุยกับพี่เขาอยู่” หาวตอบออกมาด้วยคำตอบที่ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก
“กูว่าละ” เอกพูดพร้อมเอามือตบขาตัวเองฉาดใหญ่
“นานแค่ไหนแล้ววะ” ผมถามหาว
“หลายวันแล้ว”
“แล้วทำไมไม่คบกันไปเลยเนี่ยกูเชียร์อยู่”
“ใจเย็นเอก ก็กูไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนนี่ ก็ต้องลองคุยก่อนรึเปล่าวะ”
“แล้วเป็นไงโอเคไหมล่ะ”
“ก็โอเคดี” หาวตอบออกมานิ่งๆแต่ดูเขินจนเห็นได้ชัด ผมเพิ่งเคยเห็นมุมนี้ของเพื่อนสนิทตัวเอง
“น่าจะไม่ใช่แค่โอเคแล้วมั้งแบบนี้อะฮ่าๆ”เอกแซวหาว
“ขอเป็นแฟนเลยดิ”
“อะไรดีน ว่าแต่กูอะพวกมึงสองคนเป็นไงบ้าง”
เอกกับผมเงียบไม่พูดอะไร เก็กขรึมทำหน้าเศร้า ปล่อยให้หาวลองเดาเอาเอง แบบที่เตี๊ยมกันไว้
“โอเคไม่ต้องตอบละ” ผมขำกับท่าทีเกรงใจของหาว เมื่อรู้ว่าตัวเองพูดอะไรไม่ควรพูดออกมา
“แหมไอ้หาว พวกกูไม่ได้เป็นแบบที่มึงคิดหรอกเว้ย เนี่ยที่กูตามมึงมาบนห้องก็จะบอกมึงเรื่องนี้แหละ”
“หืม”
“ความจริงพวกกูกะจะบอกมึงที่ร้านหมูกะทะแล้วแหละ พวกกูอยากบอกมึงเป็นคนแรก แต่มึงดันพกพี่ตะวันไปด้วยนี่” ผมพูดสลับกับเอก
“เดี๋ยวๆ มีอะไรพวกมึง 2 คน ดีดี” เอกลุกขึ้นเดินเปลี่ยนมานั่งข้างๆผมพร้อมเลื่อนมือมาจับมือของผม แล้วโชว์ให้หาวดู
“พวกกูเป็นแฟนกันแล้วนะ” ผมเป็นคนพูดออกมาแล้วหันไปมองหน้าเอก เราสองคนยิ้มให้กัน
“เฮ้ยจริงดิ ดีใจด้วยเว้ย”
“เหี้ยกูเขิน”
“ใจเย็นเอก แล้วป๊ามึง… ” หาวหันมาถามผม
“รู้แล้ว” ผมพูดออกไปตามตรง หาวพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วท่านว่าไงบ้าง”
“ก็ช็อกนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เป็นแบบที่กูคิดเลยเว้ย”
วันที่ตัดสินใจไปบอกป๊า ผมคิดว่าผมควรบอกป๊าให้เร็วที่สุด มันควรพอได้แล้วกับการที่ผมจะทำให้เอกเสียใจ ผมไม่อยากให้ทุกอย่างมันคาราคาซังอีกต่อไป ผมกลับบ้านไปในเสาร์อาทิตย์ที่แล้ว

ผมทำใจอยู่นานไม่กล้าบอกป๊าสักที ผมเดินวนอยู่ในห้องแบบนั้น วันนี้เป็นวันสุดท้าย ห้าโมงก็ต้องกลับมหาลัยแล้ว
“เอาวะดีน มึงต้องทำได้” ผมเดินออกจากห้องลงบันไดไปยังชั้นแรกของตัวบ้าน
“ป๊าน้องดีอยากไปคอนเสิร์ตของวงxxx น้องดีขอไปนะ นะ นะ น๊า”
ผมยืนแอบฟังอยู่ตรงบันไดไม่กล้าเข้าไปตอนนี้ น้องดีคือน้องสาวคนเดียวของผม เธออายุห่างจากผมประมาณ 4 ปี
ถ้าผมบอกตอนน้องดีอยู่ด้วย แล้วเกิดป๊าด่าผม ผมไม่อยากให้น้องดีเห็นภาพนั้น
“แต่ลื้อต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่หนีเรียนพิเศษอีก”
“ได้เลยป๊าน้องดีจะตั้งใจเรียนให้เก่งแบบเฮียดีนเลย”
“ให้จริงเถอะ ไปๆลื้ออยากเก่งแบบเฮียดีนก็ไปอ่านหนังสือเยอะๆ จะได้สอบเข้ามหาลัยดีๆแบบเฮียดีน”
“จ๊ะป๊า น้องดีไปอ่านหนังสือก่อนนะ รักป๊าที่สุดเลย”
น้องดีกำลังเดินมา ผมรีบหันหลังกลับเดินขึ้นบันได
“อ้าว! เฮียจะลงมาข้างล่างเหรอ ทำไมไม่ลงมาล่ะ” ผมหันกลับไปมองน้องดี
“เอ่อ… เฮียนึกได้ว่าลืมของน่ะ”
“อ้อ เฮียดูหน้าเครียดๆนะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าคิดไปเองแล้วน้องดี สงสัยเฮียอ่านหนังสือมากไปหน่อย”
“อ้อ” น้องดีพยักหน้ารับผม
“งั้นเฮียไปก่อนนะ” ผมรีบวิ่งขึ้นบันได
“จะรีบไปไหนของเฮียเนี่ย แปลกคนจริงๆ”       
ผมเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู ถ้าผมบอกป๊าไปแล้วป๊าผิดหวังในตัวผมล่ะ ถ้าผมไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีสำหรับน้องดีอีกต่อไปแล้วล่ะ แต่ถ้าผมไม่พูดออกไปแล้วเอกล่ะ ผมไม่ได้บอกเอกด้วยซ้ำว่าผมจะบอกป๊าเร็วขนาดนี้ ผมเปิดโทรศัพท์มือถือดูเวลาเกือบสี่โมงครึ่งแล้ว ผมดูรูปคู่ของผมกับเอกที่ถูกตั้งไว้เป็นภาพวอลเปเปอร์มือถือ  ทุกอย่างอาจไม่แย่อย่างที่คิดเหมือนที่หาวพูดก็ได้ อย่าเพิ่งคิดไปเองดีน
“เอาวะดีน มึงต้องทำได้ดิ ถ้าป๊ารู้ทีหลังป๊าผิดหวังกับมึงมากกว่านี้อีกนะ ดีนมึงทำได้”
ผมตัดสินใจเดินลงบันไดไปหาป๊าอีกรอบ ป๊ากำลังดูข่าวอยู่ ผมเดินไปนั่งข้างๆป๊า ยังไม่กล้าพูดอะไรออกไป
“อาเอกมารับลื้อกี่โมง”
“เย็นๆครับ”
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าเครียดๆ”
“ปะ เปล่าครับ” ป๊าพยักหน้ารับแล้วหันไปดูข่าวในทีวีต่อ
“ป๊า”
“มีอะไรดีน” ป๊าหันมามองหน้าผม
“ถ้าดีนไม่ได้เป็นแบบที่ป๊าหวัง ป๊าจะโกรธดีนไหม” ป๊าเงียบไม่ได้พูดอะไร น้ำตาของผมค่อยๆไหลออกมา
“เป็นอะไรดีน”
“ป๊าดีนขอโทษ ดีนทำป๊าผิดหวัง ดีนเป็นตัวอย่างที่ดีกับน้องดีไม่ได้อีกแล้ว” ป๊าขยับเข้ามากอดผม อ้อมกอดที่ทำให้ผมทั้งรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน
“ไม่เป็นอะไรดีน ไม่ร้องนะ มีอะไรดีนบอกป๊าได้ทุกเรื่อง”
“ป๊า… ”
“ไม่เอา ไม่เป็นไรๆ มีอะไรบอกป๊า”
“ป๊า… ดีนเป็นเกย์” ป๊าเงียบไม่พูดอะไร
“ป๊าดีนขอโทษ ป๊าอย่าเงียบแบบนี้สิ ป๊าด่าดีนก็ได้นะป๊านะ”
“เฮ้อ… ” ป๊าดันผมออกจากอ้อมกอด จับบ่าของผมไว้ จ้องมองมาในดวงตาของผมแบบตรงๆ
“ป๊าเลี้ยงลื้อมา ป๊าก็อยากให้ลื้อมีความสุข ลื้อเป็นเกย์ ถ้าลื้อมีความสุข ป๊าก็ไม่ว่าอะไรลื้อหรอกนะ”
“แต่ดีนทำป๊าผิดหวัง”
“ดีนไม่เคยทำป๊าผิดหวัง ตั้งแต่เด็กๆลื้อทำให้ป๊าภูมิใจเสมอ ไม่เกี่ยวกับว่าลื้อเป็นเกย์ แล้วจะทำป๊าผิดหวัง ลื้ออย่าคิดอย่างนั้นสิ”
“ขอบคุณนะป๊า” ป๊ากอดผมอีกครั้ง ความอบอุ่น ความเข้าใจโอบกอดหัวใจของผม
“ไม่ร้องๆ”
ป๊าปลอบผมจนผมหยุดร้อง ผมยังกอดป๊าอยู่แบบนั้น
“ทำไมขี้แงจัง เป็นเด็กขี้แงตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ป๊าอย่าแซวผมสิ”
“ฮ่าๆ พาแฟนลื้อมาหาป๊าบ้างสิ”
“แฟนดีนป๊ารู้จักดีเลยล่ะ” ผมเงยหน้ามองป๊า
“หืม”
“ไอ้เอกหรือไอ้หาว ว่าไงใครล่ะ” ป๊าพูดเสียงเข้ม
“แหะๆ”
“ไม่ต้องแหะๆเลย ใครบอกป๊ามา ไอ้พวกนี้ไว้ใจไม่ได้อุตสาห์ฝากฝังให้ดูแล ฝากลูกแมวไว้กับงูเหลือมชัดๆ”
“ทำไมต้องเป็นงูเหลือมล่ะป๊า”
“ป๊าไม่ชอบไง สรุปบอกป๊าได้ยังว่าใคร”
“เอกครับป๊า”
“โถ่ไอ้… “
“ป๊าใจเย็น”
“ป๊าไม่ได้ว่าอะไร ป๊าจะบอกว่าไอ้… ไอ้ลูกเขยไง” ผมยิ้มให้ป๊าที่เปลี่ยนเรื่องเก่งเกินไป
“ป๊า… ดีนรักป๊านะ”
“ป๊าก็รักลื้อ” ป๊าตบบ่าผมเบาๆสองสามที
เสียงกดออดหน้าบ้าน คุณป้าแม่บ้านวิ่งออกจากครัวไปเปิดประตู เอกเดินเข้ามาในบ้าน
“สวัสดีครับป๊า”
“อื้ม นั่งก่อนสิ” ทำไมเหมือนผมรู้สึกว่าป๊ามองเอกแปลกๆ
“ดีนลื้อไปเก็บของสิ” ผมมองป๊า
“ไปสิ” ทำไมผมถึงรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีอะไรบางอย่าง ป๊าพยักเพยิดหน้าไล่ผม ผมหันไปมองเอก มันก็ยิ้มให้ผม
“ก็ได้ป๊า” ผมเดินขึ้นบันไดมา แต่ไม่ได้ขึ้นไปบนห้องผมแอบดูป๊ากับเอกคุยกัน
“มีอะไรจะพูดไหม”
“เอ่อ… เอ่อ…” เอกทำหน้าคิดก่อนจะตอบออกมา
“ผมคบกับลูกชายป๊าอยู่ครับ ลูกชายป๊าผมขอดูแลได้ไหมครับ” ผมอึ้งกับคำพูดของเอก ผมไม่คิดว่ามันจะไหวพริบดีว่าป๊ารู้แล้ว แล้วจะกล้าพูดประโยคแบบนั้นออกมา
“จะดูแลอะไรได้ เรียนยังไม่จบแท้ๆ”
“ผมขอเวลาหน่อยนะครับ ผมจะพิสูจน์ให้ป๊าเห็นเอง”
“ทำอะไรเฮีย” ผมหันไปมองน้องดีที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมาที่ปากเป็นสัญลักษณ์ว่าให้น้องดีเงียบลง
“ดีน ป๊าบอกให้ไปเก็บของ ไม่ใช่แอบฟัง น้องดีพาเฮียดีนไปเก็บของเดี๋ยวนี้! ” ป๊าพูดกับผมเสียงเข้ม
“ค่ะป๊า เฮียดีนไปๆ ไปทำอะไรให้ป๊าโกรธเนี่ย” ผมถูกน้องดีลากขึ้นมาบนห้อง น้องปิดประตูห้องแล้วพาผมไปนั่งที่เตียง
“เฮียดีนเป็นอะไร ดูเครียดๆนะ น้องดีเห็นเฮียดีนแปลกๆไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เหนื่อยอะไรหรือเปล่า หรือว่าเรียนหนักไป หรือว่าเฮียไปอยู่นั่นแล้วใครแกล้งเฮีย” ผมส่ายหัวแทนคำตอบ
“หรือว่าเฮียไปอยู่นั่นแล้วเฮียกินไม่อิ่ม เฮีย… น้องดีเป็นห่วงนะ “ ผมคว้าน้องดีนมากอด
“พอแล้ว… ไม่ต้องเดาแล้ว”
“เฮียขอโทษที่ทำให้น้องดีเป็นห่วงนะ เฮียแค่กังวลน่ะ”
“เฮียดีนมีอะไร เฮียดีนบอกน้องดีได้เลย” ผมคลายอ้อมกอดออกจากน้อง ผมตัดสินใจพูดความจริงกับน้อง
“น้องดีเอกคือแฟนของเฮีย”
“เฮียว่าไงนะ!”
“เฮียขอโทษ… “
“เฮียจะขอโทษน้องดีทำไม เดี๋ยวนี้โลกเราเปิดกว้างแล้ว ฮึก”
“น้องดีร้องทำไม” ผมโอบกอดน้องดีไว้อีกครั้ง
“น้องดีสงสารเฮียดีน เหนื่อยไหมเฮีย เจ็บปวดมานานเท่าไหนแล้ว”
“ไม่เป็นไรนะคนเก่งของเฮีย เฮียไม่เป็นไรแล้ว น้องดีไม่ร้องนะ”
“เฮียดีนป๊าต้องเข้าใจเฮียดีนอยู่แล้ว ถ้าป๊าไม่เข้าใจเดี๋ยวน้องดีช่วยพูดเอง” ผมเอามือเช็ดน้ำตาน้องสาวตัวเล็กของผม
“เฮียบอกป๊าแล้ว ดูเหมือนป๊าจะเข้าใจนะ แต่เฮียกังวลที่ป๊าคุยกับเอกเฉยๆ”
“ไม่เป็นไรเฮียดีน ป๊าใจดีจะตาย เรารีบเก็บของลงไปช่วยเฮียเอกกันเนอะ” ผมเช็ดน้ำตาให้น้องดีที่เงยหน้าขึ้นมา
“ขี้แงเอ้ย”
“ว่าแต่น้องดีอะ เฮียก็เหมือนกันแหละ” ผมเช็ดน้ำตาของตัวเองที่ร้องไห้เพราะคำพูดของน้องดี
ผมกับน้องดีล้างหน้าล้างตา ช่วยกันเก็บของที่มีไม่กี่อย่างใส่กระเป๋าสะพายใบกลาง ลงไปที่ชั้นล่าง
“เก็บของเสร็จแล้วเหรอ”
“ครับป๊า”
“ไปๆเดี๋ยวถึงดึกป๊าเป็นห่วง” ป๊ากับเอกลุกขึ้นจากโซฟา  ป๊า น้องดี แล้วก็ป้าแม่บ้าน เดินมาส่งผมกับเอกที่รถ ที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“ป๊า น้องดี ป้าแก้ว ดีนไปก่อนนะ”
“เดินทางปลอดภัยนะลูก” ผมเข้าไปกอดป๊า
“มาหาหนูบ่อยๆนะ” ผมพยักหน้ารับน้องดี
“มากอดๆ” น้องดีกระโดดกอดผม ผมกอดน้องตอบ
“เดินทางปลอดภัยนะคุณดีน คุณเอก”
“ขอบคุณนะครับ” ป้าแก้วยิ้มให้ผมกับเอก
“ฝากดูแลดีนด้วยนะ ไอ้ลูกชาย” ป๊าเดินไปตบบ่าเอก ผมกับน้องดีมองหน้ากัน
“ฝากดูแลเฮียดีนด้วยนะพี่เขย”
“น้องดีพูดอะไร” ผมปรามน้องดี
“พูดความจริงไงเฮีย”
“ครับจะดูแลอย่างดีเลย” ผมหันไปมองหน้าเอก เอกยิ้มให้ผม
“ไปได้แล้วเดี๋ยวดึก”
“ครับป๊า สวัสดีครับ”
ผมกับเอกขึ้นมาบนรถ ผมคาดเข็มขัดนิรภัยหันไปมองครอบครัวที่กำลังโบกมือลาผมอยู่ เอกขับรถออกมาแล้ว ภาพของครอบครัวค่อยๆไกลจากสายตา
“ขอบคุณนะดีน ขอบคุณที่กล้าพูดเรื่องของเราให้ครอบครัวฟังนะ เอกไม่คิดเลยว่าดีนจะพูดทุกอย่างเร็วขนาดนี้” ผมหันไปมองเอกที่กำลังขับรถอยู่ ต่อจากนี้เราสองคนก็ไม่ต้องเก็บความรู้สึกที่มีต่อกันอีกแล้วสินะ ผมยิ้มให้เอกด้วยรอยยิ้มที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต

ผมเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้หาวฟังจนจบ
“แล้วสรุปป๊าดีนว่าไงวะ” หาวถามเอก
“นั่นสิเอก ถามก็ไม่เคยตอบอะ”
“อย่ารุมกูดิ โอเคบอกก็ได้ๆ”
“ว่าไงล่ะ” ผมถามย้ำเอก
“ป๊าบอกว่า ถ้าทำดีนเสียใจจะตัดไอ้นั้นกูให้เป็ดกิน”
“ฮ่าๆ” ผมกับหาวระเบิดหัวเราะใส่เอก เอกทำหน้าขนลุกใส่พวกผม ก็ป๊าน่ารักขนาดนี้นี่ครับ

ออฟไลน์ Suneerat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 17
หากตะวันยังเคียงคู่ฟ้า

To the world you may be one person, but to one person you may be the world.

[ HAO PART ]
“หาวตรงนี้กูไม่เข้าใจเลยว่ะ” ผมหันไปหาอิฐ มันก็เลื่อนสมุดมาแล้วชี้ให้ผมดู
“คำอธิบายอยู่หน้า 338” อิฐเปิดหนังสือไปยังหน้านั้น
“หาวมึงรู้ได้ไงวะ”
“การบ้านวิชานี้กูเพิ่งทำไปเมื่อวาน”
“แล้วมึงจำเป็นต้องจำได้ด้วยเหรอวะ”
“พวกนายสองคนเบาหน่อยนี่ห้องสมุดนะ” จันทร์เอ๋ยพูดน้ำเสียงบ่นๆ
“ครับที่รัก”
“ใครก็ได้เอาไออิฐไปเก็บที จะอ้วก”
“อะไรมึงไอดิน”
“พอๆ รบกวนคนอื่นเขาจะอ่านหนังสือ” จันทร์เอ๋ยปรามทั้งสองคน
โทรศัพท์ในกระเป๋าผมสั่นจึงหยิบขึ้นมาดู

Tawan Tinnakron
อยู่ไหนวะ

Hao Panchai
ห้องสมุดครับ

Tawan Tinnakron
อยู่ชั้นไหน

Hao Panchai
4 ครับ

Tawan Tinnakron
เดี๋ยวไปหา

ผมมองข้อความของพี่ตะวัน จะมาหาอย่างนั้นเหรอ...
“หาวมึงยิ้มอะไรคนเดียววะ” ผมเงยมองหน้าอิฐ
“อะไรกูเปล่า”
“ปากแข็งไอ้สัด สาวไหนบอกกูมา”
“สาวไหนล่ะอิฐ มึงมั่วละ”
“อย่าให้กูรู้นะ”
“อิฐเลิกชวนหาวคุยได้ละ ตั้งใจทำการบ้านสักที”
“ขอโทษครับ” อิฐหันไปขอโทษแฟนตัวเองแล้วก้มหน้าก้มตาทำการบ้าน
ผมก้มหน้าอ่านหนังสือที่ไปหยิบมาอ่านต่อ  นั่งได้สักพักมีคนเดินมาหยุดข้างๆผม
“อ่านหนังสืออะไรอยู่วะ” ผมเงยหน้ามองตามเสียงเรียกของพี่ตะวัน ยกหนังสือให้พี่เขาดู
“พี่ตะวันเข้าห้องสมุดด้วยเหรอ” อิฐแซวพี่ตะวัน น้ำเสียงเชิงหยอกล้อ
“หุบปากไปอิฐ”
“นั่งก่อนสิครับ” ผมพูดกับพี่ตะวัน พี่ตะวันพยักหน้ารับแล้วหันไปดึงเก้าอี้ตัวว่างจากโต๊ะข้างๆ มานั่งข้างๆผม วางกระเป๋าผ้าสีขาวที่ถือมาด้วยไว้บนเก้าอี้
“เดี๋ยวกูไปหาหนังสือมาอ่านก่อน”
ผมพยักหน้ารับ พี่ตะวันเดินออกไปแล้ว อิฐสะกิดผมจนผมต้องหันไปหา
“อะไรอิฐ”
“พี่ตะวันคือคนที่มึงคุยด้วยเมื่อกี้ใช่ไหมวะ”
“ใช่” ผมตอบไปตามความจริง
“หาวกับพี่ตะวันคุยกันอยู่เหรอ” ไอดินพูดแทรกขึ้นมา
“ขี้เสือกจังไอดิน”
“แหมมึงไม่เสือกเลยอิฐ”
“หยุดทะเลาะกันสักห้านาทีได้ไหม” จันทร์เอ๋ยปรามอิฐกับไอดินอีกครั้ง สองคนนั้นเบะหน้าใส่กัน ก่อนจะหันมาถามผม
“จริงเหรอหาวที่นายคุยกับพี่ตะวันอยู่” ผมพยักหน้ารับ
“ไอ้สาดด! ”
“อิฐดังไปแล้ว เดี๋ยวได้โดนไล่ออกจากห้องสมุดพอดี” จันทร์เอ๋ยใช้มือฟาดแฟนตัวเองจนอิฐร้องโอ้ยออกมาเบาๆ
“แล้วพี่เสือล่ะวะ เมื่อวานกูยังเห็นเขาไปหาพี่ตะวันที่หออยู่เลย” ประโยคที่ออกมาจากปากของอิฐ ทำให้หัวใจผมรู้สึกแปลกๆ พี่เสืองั้นเหรอ…
“พี่เสือไหนวะ”
“ก็พี่เสือปู่รหัสไอ้หาวไงไอดิน”
“ทำไมวะ” ไอดินถามขึ้นมาเสียงเบา
“พวกมึงหยุดก่อน พี่ตะวันเดินมานู้นแล้ว”
ผมหันไปมองพี่ตะวันที่กำลังเดินมาตามคำบอกของอิฐ
 อิฐ ไอดินและจันทร์เอ๋ยกลับไปสนใจหนังสือตรงหน้า ผมมองทุกคนแล้วกลับมาสนใจหนังสือในมือของตัวเองต่อ พี่ตะวันเดินมาถึงโต๊ะแล้วนั่งลงข้างๆผม ผมหันไปมองไม่ได้พูดอะไร พี่ตะวันยิ้มให้ผม ผมยิ้มตอบพี่ตะวัน
“เรากลับก่อนนะ พี่ลินมารอแล้ว” จันทร์เอ๋ยบอกทุกคน หลังจากเก็บของลงกระเป๋าเสร็จ
“ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกเค้าด้วยนะ”
“โอเคๆ ไปล่ะนะ” จันทร์เอ๋ยตอบอิฐ
หลังจากจันทร์เอ๋ยกลับไป พวกผมนั่งกันต่อพักใหญ่ๆ ไอดินก็ชวนกลับ
“กลับกันปะสองทุ่มกว่าแล้วเนี่ย” ผมมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง สองทุ่มสิบห้านาทีแล้ว ห้องสมุดของมหาลัยผมปิดราวๆสามทุ่ม
“ปะ” อิฐบิดขี้เกียจเสียงดังก็อก
พวกผมต่างคนต่างเก็บของ ลงลิฟท์มาที่ชั้นหนึ่ง เดินออกมาจากห้องสมุด บรรยากาศตอนหัวค่ำ ทำให้มหาลัยดูหน้ากลัวอย่างประหลาด
“ไปกินข้าวกันก่อนหรือต่างคนต่างกลับเลย” ไอดินถามขึ้นมา ผมที่ยังไงก็ได้รอฟังความคิดเห็นของคนอื่น
“ไม่แหละว่ะ วันนี้กูขอกลับไปกินมาม่าที่ห้อง ช่วงนี้กูจน”
“กูก็เหมือนมึงอะอิฐ ค่าชีทอะไรไม่รู้เยอะฉิบหาย”
“งั้นต่างคนต่างกลับเลยละกัน” ผมพยักหน้ารับอิฐ
พวกเราแยกย้ายกันกลับ พี่ตะวันที่มากับผมเมื่อเช้า ก็พากันเดินไปยังที่จอดรถ
“อยากทานข้าวร้านไหนครับ” ผมถามพี่ตะวันหลังจากขึ้นมาบนรถแล้ว
“ข้าวแกงหน้ามอก็ได้ มึงกินได้เนอะ”
“ครับ”
ผมขับรถออกจากที่จอดรถ ส่วนพี่ตะวันก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ผมรู้สึกอารมณ์เสียอย่างบอกไม่ถูก ผมหันไปมองพี่ตะวันหลายครั้ง แล้วกลับมาสนใจการขับรถต่อ
“คุยกับใครอยู่เหรอครับ”
“ฟ้าใหม่กับไอ้หมีทำไมเหรอ”
“เปล่าครับ”
“เป็นอะไร”
“นึกว่าพี่คุยกับคนอื่นอยู่ครับ” ผมพูดส่วนตายังมองไปที่ถนน
“หึงเหรอวะ หาวหึงกูแล้วโว้ย” พี่ตะวันพูดด้วยน้ำเสียงดีใจจนผมรับรู้ได้
 “หึงอะไรครับ ถึงแล้ว” ผมบอกพี่ตะวันเมื่อขับรถมาถึงที่ร้าน
“เปลี่ยนเรื่องตลอดอะ”
“อะไรครับ ไปกันเถอะ”
ผมเปิดประตูลงจากรถ ล็อกรถเรียบร้อย เดินเข้ามาในร้าน เป็นร้านข้าวแกงตักธรรมดา ผมเดินตามพี่ตะวันไปต่อคิว
“เอาอะไร” พี่ตะวันหันมาถามผม ผมดูเมนูที่วางอยู่ในถาด
“เอาผัดฟักทองกับเต้าหู้ทรงเครื่องก็ได้ครับ”
“โอเค มึงไปตักน้ำตรงนั้น แล้วไปจองโต๊ะก่อนเลย เดี๋ยวกูซื้อให้”
ผมพยักหน้ารับแล้วเดินมาที่ถังน้ำ ผมหยิบแก้วที่วางข้างๆมาใส่น้ำแข็ง หยิบหลอดที่อยู่ในถุงใส่แก้วทั้งสอง แล้วเดินไปหาโต๊ะว่าง ในร้านมีคนเยอะพอสมควร แต่ก็มีที่ว่างอยู่สองสามโต๊ะ ผมเลือกโต๊ะที่พนักงานเก็บจาน ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ผมเทน้ำจากเหยือกใส่แก้วน้ำแข็ง นั่งไม่นานพี่ตะวันก็เดินมาที่โต๊ะ พี่ตะวันหยิบจานข้าวมาวางตรงหน้าผม  แล้วนั่งลงตรงข้ามกับผม ผมเลื่อนแก้วน้ำไปวางหน้าพี่ตะวัน
“มึงเก่งจังวะกินเต้าหู้ได้ด้วย” ผมมองจานข้าวพี่ตะวันที่สั่งคะน้าหมูกรอบกับหมูหวานมา
“พี่ไม่ทานเหรอครับ” ผมถามพี่ตะวันกลับไป
“ไม่อะ มันหยึยๆ” พี่ตะวันพูดพร้อมทำท่าทางขนลุก
“ครับผมจะได้จำไว้”
“ทำไมมึงน่ารักจังวะ”
ผมยิ้มไม่ได้ตอบอะไรพี่ตะวันกลับไป
“อ้าว! ตัวเล็ก อ้าว! ไอ้หาว” พวกผมนั่งทานกันไปได้สักพัก พี่เสือก็เดินเข้ามาทัก
“ใครตัวเล็ก กูสูงตั้ง 178 พี่มึงแหละสูงเกินไป” ผมมองพี่ตะวันที่หันไปมองพี่เสือแบบค้อนๆ สนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ
“ก็ตัวเล็กกว่าพี่ไง” พี่เสือยิ้มกวนบาทาให้พี่ตะวัน
“งั้นแล้วแต่พี่มึงเหอะ”
“โอ๋ๆ ไม่ทำหน้าแบบนั้นสิครับตัวเล็ก”
“สวัสดีครับพี่เสือ” พี่เสือแกหันมาพยักหน้ารับผม “นั่งด้วยดิ”
“เชิญครับ” ผมตอบปู่รหัสของผม พี่เสือยิ้มกวนบาทาให้ผม แล้วนั่งลงข้างๆพี่ตะวัน
“พวกมึงสนิทกันถึงขนาดมากินข้าวด้วยกันเลยเหรอวะ”
“ก็เห็นๆอยู่เนี่ย พี่มึงจะอะไรกับกูนักหนาวะ” พี่ตะวันพูดแล้วหันไปมองพี่เสือ ที่กำลังยิ้มท่าทางมีความสุข
ผมมองคนทั้งคู่ อยู่ๆคำพูดของอิฐก็แล่นเข้ามาในหัว
“ทานข้าวกันเถอะครับ” ผมพูดขัดออกไป ผมรู้ดีว่าเสียมารยาท แต่ผมรู้สึกไม่ชอบสายตาที่พี่เสือมองพี่ตะวันเลยสักนิด มันเป็นสายตาเอ็นดูจนเห็นได้ชัด ผมมองไปยังพี่ตะวันที่หันมามองหน้าผม
“เอ่อ… หาวกูอิ่มแล้วอะ ไปกันเถอะ พี่เสือผมกลับก่อนนะ” พี่ตะวันพูดกับผมแล้วหันไปบอกพี่เสือ
“อะไรกันจะรีบไปไหน ยังกินไม่หมดเลยนี่” พี่เสือพูด มือชี้ไปที่จานข้าวของพวกผม
“พี่เสือเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ หาวใจเย็นก่อนเว้ย” ผมไม่รู้ว่าผมแสดงสีหน้าแบบไหนพี่ตะวันถึงพูดแบบนั้นออกมา
“ปะหาว ไปกัน” พี่ตะวันเดินมาจูงมือผมที่กำลังจ้องหน้าพี่เสืออยู่ ผมลุกออกจากโต๊ะไม่ได้พูดอะไร เดินตามพี่ตะวันไปที่พี่คนขาย
พี่ตะวันจ่ายเงินเรียบร้อย ก็ดึงมือผมไปที่รถ จูงมือมาที่ประตูรถฝั่งคนขับ
“ไปกัน” ผมพยักหน้ารับ ปลดล็อกรถแล้วเปิดประตูขึ้นรถ พี่ตะวันรีบวิ่งไปที่ประตูฝั่งคนขับแล้วเปิดประตูขึ้นมาบนรถ
“เป็นอะไร” พี่ตะวันมองหน้าผม
“ไม่รู้เหมือนกันครับ รู้แค่ไม่ชอบ” ผมตอบไปตามความรู้สึกของตัวเอง
“หึงสินะ” พี่ตะวันมองหน้าผมยิ้มๆ “คงงั้นมั้งครับ”
“เฮ้อ… หาวกูดีใจนะที่มึงหึงกู แต่นั่นลูกพี่ลูกน้องกูไง เนี่ยกูกลัวมึงจะต่อยพี่เสือจะแย่”
“ก็ผมไม่รู้นี่ครับ ขอโทษนะ” พี่ตะวันส่ายหน้าเบาๆแล้วยิ้มออกมา “หายอารมณ์เสียแล้วใช่ไหม” ผมพยักหน้ารับ
“งั้นกลับกันเถอะ” ผมสตาร์ทรถแล้วขับออกมา “อิ่มหรือยังครับ ไปหาอะไรทานก่อนไหม” ผมถามพี่ตะวันที่ยังยิ้มอยู่
“ไม่อยากกินข้าวแล้วอะ”
“แล้วอยากทานอะไรครับหืม”
“อยากกินโรตี”
“ได้ครับ แต่ผมไม่เคยไปมาก่อน บอกทางด้วยนะครับ”
พี่ตะวันบอกทางมาจนถึงร้านโรตี เป็นร้านโรตีที่ขายอยู่ริมถนน มีโต๊ะนั่งอยู่ไม่กี่โต๊ะข้างๆคือร้านชาชักที่ขายอยู่คู่กันด้วย
“เอาอะไร” พี่ตะวันหันมาถามผม “มีอะไรแนะนำหรือเปล่าครับ”
“โรตีชีสก็อร่อยนะ โรตีกล้วยช็อกโกแลตก็ดี โรตีมะพร้าวอ่อนก็น่ากินนะ แต่โรตีออริจินอลก็อยากกินอะ”
“งั้นก็เอาหมดนั้นเลยสิครับ”
“แต่มันหลายบาทเลยนะ”
“เมื้อกี้พี่จ่ายค่าข้าวให้ผมไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวผมเลี้ยงเองครับ”
“ไม่เอาอะเกรงใจ” ผมยิ้มให้คนตัวเล็กกว่า “ให้ผมเลี้ยงชดใช้ความผิดที่เสียมารยาทเมื้อกี้นะครับ” พี่ตะวันทำท่าคิดเล็กน้อยแล้วพยักหน้ารับผม
พี่ตะวันเขียนรายการที่จะสั่งใส่กระดาษแล้วส่งให้แม่ค้า พวกผมเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ยังว่าง
“เอาน้ำอะไรครับ” ผมถามพี่ตะวัน “ชานมเย็นก็ได้”
ผมพยักหน้ารับแล้วลุกมาสั่งชานมเย็นที่ร้านชาชัก ร้านติดกัน รอไม่นานก็ได้ชาเย็นมาครอบครอง ผมเดินมานั่งที่โต๊ะ ส่วนโรตียังไม่มา
“ทำไมสั่งมาแก้วเดียวอะ”
“ดื่มด้วยกันไม่ได้เหรอครับ”
“ตะ… แต่แบบนี้เหมือนจูบกันทางอ้อมเลยนะเว้ย”
“ให้ผมไปซื้อให้อีกแก้ว หรือไปขอหลอดเพิ่มดีครับ”
“ไม่เอาอะ” พี่ตะวันคว้าแก้วน้ำแล้วไปดูดหน้าตาเฉย ผมยิ้มให้กับพี่ตะวันไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของวันนี้
รอไม่นานนักโรตีไส้ต่างๆก็ถูกนำมาวางตรงหน้าเราสองคน พี่ตะวันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปโรตี แล้วยกขึ้นมาตรงหน้าผม
“หาวยิ้มหน่อย” ผมยิ้มให้พี่ตะวัน “ทำไมหล่อจังวะ ว่าที่แฟนใครเนี่ย”
“ไม่รู้สิครับ คนตรงหน้ามั้ง”
“หาวกูถ่ายวีดีโออยู่อะ”
“อ้อครับ” พี่ตะวันยกโทรศัพท์ลง แล้วก็เล่นวีดีโอซ้ำไปซ้ำมา ยิ้มอยู่คนเดียว “โรตีเย็นหมดแล้วครับ เดี๋ยวชีสไม่ยืดนะ”
พี่ตะวันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วนั่งทานโรตีท่าทางมีความสุข
“หาวอ้าปาก” พี่ตะวันจิ้มโรตีมะพร้าวอ่อนที่ถูกหั่นเป็นชิ้นป้อนมาที่ปากผม “อร่อยจังครับ”
“ใช่ป้ะ อันนี้ก็อร่อยนะ” พี่ตะวันป้อนโรตีออริจินอลใส่ปากผม ผมเคี้ยวจนหมดปาก
“พี่ตะวันทานบ้างเถอะครับ ให้ผมป้อนพี่ไหม”
“ไม่เอาอะกูเขิน” พี่ตะวันพูดยิ้มๆ ผมหยิบแก้วน้ำมาดูด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบ้าง กดถ่ายรูปแก้วชาเย็นแล้วลงรูปในไอจี ด้วยแคปชั่นเป็นอิโมจิรูปปากอันเดียว จูบกันทางอ้อมสินะ…

[TAWAN PART]
ผมกลับมาถึงห้องก็เกือบๆห้าทุ่มแล้ว ผมอาบน้ำทำอะไรเสร็จ ก็กดเข้าโซเชียลต่างๆตามปกติ แต่ผมสะดุดตากับแจ้งเตือนจากไอจีที่ผมตั้งรับการแจ้งเตือนโพสต์ของหาวไว้ หาวลงรูปแก้วชาชักแก้วนั้นพร้อมกับอิโมจิรูปปาก ผมเลื่อนมือไปจับปากตัวเองแล้วยิ้มออกมา ทำไมผมถึงรู้สึกดีใจได้มากขนาดนี้กันนะ

Hao Panchai
นอนรึยังครับ

ไม่ต้องรออะไรอีก ผมกดโทรหาหาวในทันที

ตอนนี้ผมคุยกับหาวมาราวๆเดือนกว่าๆแล้ว ผมกำลังนั่งรอหาวอยู่ที่แคนทีนของคณะ
“สวัสดีครับพี่ๆ” หาวเดินมาหาผมที่โต๊ะ ยกมือไหว้ทุกคนในโต๊ะ
“เออๆ หวัดดีๆ” หมีกับฟ้าใหม่รับไหว้หาว
“ซื้อไว้ให้แล้ว” ผมพูดกับหาว หาวพยักหน้ารับแล้วเดินมานั่งข้างๆผม
“เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันสักทีวะ ขนาดนี้แล้วอะ”
“ไอ้หมีนั่นปากใช่ปะ” ฟ้าใหม่พูดขึ้นปรามหมี เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของผม
“ก็มันจริงนี่ฟ้าใหม่ มึงก็คิดเหมือนกูใช่ป้ะ”
“อะไรอย่าโยงดิหมี” ผมมองเพื่อนสนิทเถียงกันไปมา
“ทานข้าวเถอะครับ” หาวหันมาบอกผม “อื้ม”
ผมกินข้าวเสร็จ หาวก็กลับไปเรียนต่อภาคบ่าย ตอนนี้ผมเข้ากับหาวได้ดีมากขึ้น ผมยอมรับว่าไม่ชอบเวลาใครมาถามว่าเราเป็นอะไรกันเลย แต่ไม่ว่าผมกับเขาเราจะอยู่ในสถานะไหน ตอนนี้ผมก็มีความสุขดีนี่ครับ

ผมมานั่งดูเพื่อนเล่นบาสกันที่สนามบาสในโรงยิม หลังจากเลิกเรียนเสร็จ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา พบว่าเป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว ผมยิ้มมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกตั้งเป็นรูปของหาว ก่อนจะปิดหน้าจอลง ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการที่ผมกล้าเผชิญกับความจริง จะทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้
ครืด ครืด
เสียงสั่นของข้อความทำให้ผมรีบเปิดหน้าจอขึ้นมา

Hao Panchai
ทำอะไรอยู่ครับ
ว่างหรือเปล่า

Tawan Tinnakron
อยู่สนามบาส
ว่างดิ
มึงอยู่ไหน

Hao Panchai
ที่เดิมครับ

Tawan Tinnakron
โอเคเดี๋ยวไปหา

“ไอ้ตะวันไปไหนวะ”
“เสือก” ผมตะโกนตอบหมี
“ไปหาไอ้หาวสินะฮิ้วววว” หมีตะโกนตอบผมจากสนามบาส ตามด้วยเสียงโห่แซวของเพื่อนคนอื่น ส่วนฟ้าใหม่ก็ไปหาสาวที่คณะไหน ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมรีบออกจากสนามฟุตบอลตรงไปที่ห้องสมุด  สถานที่ที่กลายเป็นที่ประจำของเราสองคน
ผมเดินเข้ามาในห้องสมุด กรอกรหัสผ่านเรียบร้อย ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นสี่ ผมมองหาหาวไม่นานก็เจอ คนพิเศษต่อให้อยู่ท่ามกลางคนมากมายขนาดไหน ก็หาเจอง่ายๆอยู่ดี
ผมรีบเดินตรงไปที่หาว หาวใส่แว่นกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว ที่โต๊ะตัวริมสุดของห้องสมุด
“มาแล้ว” หาวเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มให้ผม หัวใจของผมเต้นรัวกระหน่ำไม่หยุด เวลาเห็นรอยยิ้มนั่นมันหวานละมุนราวกับจะหลอมละลายตัวผมให้เป็นของเลว
“เชิญนั่งครับ” ผมพยักหน้ารับ วางสัมภาระไว้บนโต๊ะ แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆหาว
“อ่านหนังสืออะไรอยู่เหรอ” หาวชูหน้าปกให้ผมดู เป็นหนังสือเกี่ยวกับบริหารที่ผมไม่เข้าใจนัก
“เดี๋ยวกูหาหนังสือมาอ่านบ้างดีกว่า รอแป๊บ” หาวพยักหน้ารับ ผมเดินไปยังโซนหนังสือ เลือกหนังสือที่อยากอ่านมาสองสามเล่มแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะ
เราสองคนนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆไม่ได้พูดอะไรกัน มีหลายครั้งที่ผมแอบมองหาวเหมือนตอนนี้
ดวงตาคมที่ถูกคั่นด้วยเลนส์ของแว่นตาไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของดวงตาหาวลดลงแม้แต่นิด ขนตาแพสวยที่ยาวเกือบถึงเลนส์ของแว่นตาทำให้ดวงตาคู่นั้น ดูน่าพิสมัยมากกว่าเดิม จมูกเป็นสันได้รูปที่รับกับทรงของแว่นตา ราวกับแว่นตาถูกสร้างโดยช่างฝีมือดีที่ตั้งใจทำแว่นอันนี้มาเพื่อเขา  ปากที่ไม่หนาไม่บางจนเกินไป เข้ากับรูปหน้าได้รูปนั่นอย่างประหลาด นิ้วยาวเรียวที่กำลังจับหนังสือ ดวงตาที่ทอดมองไปยังหนังสือเล่มนั้น ทำให้หาวดูราวกับงานศิลปะชั้นเยี่ยมที่พระเจ้าบรรจงสรรค์สร้างมาอย่างดี
“แอบมองเหรอครับ” หาวหันมามองหน้าผม แล้วพูดจากนั้นจึงยิ้มให้ ผมไม่ได้ปฏิเสธออกไปเพราะผมแอบมองเขาจริงๆ
“หาวกูสงสัยมานานแล้ว ทำไมเมื่อก่อนมึงไม่ค่อยยิ้ม แต่ทำไมเดี๋ยวนี้มึงถึงยิ้มบ่อยจังวะ”
“หืม... ”
“ตอบหน่อยอยากรู้มานานแล้ว” ผมถามหาวด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ หาวทำท่าคิดก่อนจะตอบออกมา
“เมื่อก่อนผมไม่ยิ้มเพราะไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องยิ้มนี่ครับ แต่ที่เดี๋ยวนี้ผมยิ้มบ่อย อาจเป็นเพราะพี่คือเหตุผลที่ทำให้ผมยิ้ม” ผมคือเหตุผลที่ทำให้เขายิ้มงั้นเหรอครับ
“หน้าแดงหมดแล้วครับ” หาวแซวผม
“อะไรใครหน้าแดง อ่านหนังสือไปเลย” หาวหัวเราะเล็กๆแล้วหันไปสนใจหนังสือในมือตัวเองต่อ

 “กลับกันรึยังครับ” หาวถามผมหลังจากเราสองคนนั่งอ่านหนังสือกันมาสักพักใหญ่ๆ ผมก้มดูนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาทุ่มกว่าๆแล้ว
“ไปดิ” ผมตอบหาวกลับไป
ผมกับหาวเดินออกมาจากห้องสมุด อยู่ๆหาวก็ยื่นมือมาจับมือของผม ความอบอุ่นที่ผมได้รับจากหาว กับการรอคอยที่แสนยาวนานของผม มันคุ้มเสียจนผมอยากหยุดเวลาไว้เสียตรงนี้
“อยากทานอะไรครับวันนี้”
“ก๋วยเตี๋ยวร้านป้าแดงก็ได้” ผมนึกถึงร้านป้าแดงที่ไม่รู้กลายเป็นร้านประจำของเราสองคนตั้งแต่เมื่อไหร่
“โอเครครับ ไปกัน” ผมพยักหน้ารับหาวแล้วเดินตามหาวไป

หลังจากเราสองคนกินก๋วยเตี๋ยวร้านป้าแดงเสร็จ ก็ขับรถกลับมา
“วันนี้แวะไปคอนโดผมก่อนนะครับ” ผมหันไปมองหาวที่กำลังขับรถอยู่
“อ่า… วันนี้นึกอะไรของมึงเนี่ย ชวนเล่นเกมเหรอวะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากอยู่ด้วยกันนานๆ” หาวหันมายิ้มให้ผม รอยยิ้มที่ทำให้ผมแทบคลั่งตาย
“เดี๋ยวนี้ปากหวานเนอะ”
“แล้วชิมหรือยังล่ะครับ” หาวกำลังอมยิ้มตอบผมในขณะที่ตายังมองไปที่ถนน
“ฮ่าๆ ไมมึงน่ารักจังวะ”

ผมกับหาวมาถึงคอนโดราวๆสามทุ่ม ผมเดินตามน้องเข้ามาในคอนโด
“คืนนี้นอนนี่นะครับ” ผมมองหาวที่กำลังเปิดประตูเข้าไปในคอนโด หาวหันมามองผม
“ไม่ต้องมองผมแบบนั้น ผมไม่ได้จะทำอะไรพี่หรอกน่า” รู้ใจผมยิ่งกว่าตัวผมเองก็น้องหาวนี่ล่ะครับ
“อะไร๊ มึงมั่วละหาว ใครจะคิดแบบนั้นวะ” หาวยิ้มให้ผมปนขำ
“เชิญเข้าห้องครับ” หาวหลีกทางให้ผมเข้ามาในห้อง แล้วปิดประตูเดินตามเข้ามา
“อาบน้ำก่อนไหมครับ เสื้อผ้า? อืมม… พี่ตัวเล็กกว่าผมไม่มากน่าจะใส่ของผมได้”
“เอามาดิ” หาวเดินเข้าไปในห้องนอน ส่วนผมนั่งรอที่โซฟา นั่งรอสักพักหาวก็ออกมา ถือผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าที่เอาให้ผมใส่
“นี่ครับ” หาวส่งของพวกนั้นมาให้ผม
“ขอบคุณ” ผมรับมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ใส่เสื้อผ้าที่หาวเอามาให้ เสื้อผ้าที่ไซต์ใหญ่กว่าผมนิดหน่อย มีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่หาวชอบใช้ หอมชะมัด…  หลังจากแต่งตัวเสร็จผมก็ทาครีมที่วางอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ ทาแป้งแล้วออกมา
“เสร็จแล้ว” ผมมองหาวที่นั่งอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ หาวเงยหน้ามองผม หาวลุกขึ้นเดินมาหาผม
กระดาษสีชมพูใบหนึ่งถูกยื่นมาให้ผม ภายในกระดาษเขียนอักษรและตัวเลขมากมาย ที่ผมไม่เข้าใจ

67944W89565I56192L12538L5689712367Y67981O68426U67821B73486E6894675437M69537Y3495357784B694621O87365Y26594F85438R83215I54329E54286N53967D65432?58743   

“อะไรวะ” ผมถามหาวกลับไป
“ลองถอดรหัสดูสิครับ”
“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ” หาวเดินไปแล้ว ทิ้งผมให้ยืนงงกับกระดาษแผ่นนี้ ผมเดินมานั่งที่โซฟา นั่งจ้องข้อความในกระดาษที่หาวให้มา ยิ่งดูผมยิ่งไม่เข้าใจ สมองทึบไปชั่วขณะ ผมรื้อกระดาษกับปากกาในกระเป๋าผ้าที่ติดมาด้วย ขึ้นมาขีดๆเขียนๆ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก รหัสลับอย่างนั้นสินะ ผมคิดจนปวดหัวก็คิดไม่ออก ผมเงยหน้ามองหาวที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังจ้องมองผมอยู่ หาวยักคิ้วให้ผม คิดว่าเท่นักรึไง แต่ก็เท่จริงๆนั่นแหละครับ
“ไปที่ระเบียงกันไหมครับ เผื่อคิดออก”
“ตรงนี้ก็ดีแล้วนี่”
“ไปเถอะครับ” ผมแพ้สายตาอ้อนๆนั่น สุดท้ายผมก็ตอบตกลงไป “ก็ได้”
“งั้นไปครับ” ผมลุกขึ้นเดินตามหาวมาที่ระเบียง หาวเปิดประตูบานเลื่อนให้ผม ลมพัดอ่อนๆ ทำให้ผมรู้สึกสบาย
“พี่นั่งคิดไปก่อนนะ เดี๋ยวผมมา” ผมพยักหน้ารับ แล้วเดินไปนั่งที่พื้นของระเบียง ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าในยามค่ำคืน แสงดาวประกายเต็มท้องฟ้า ผมชอบท้องฟ้าที่นี่จริงๆ
ผมจ้องมองข้อความในกระดาษอีกครั้ง ผมมองข้อความอย่างไม่เข้าใจ หาวเดินกลับมาพร้อมกีตาร์ในมือ หาวนั่งลงข้างๆผม
“มองทำไมครับ คิดต่อเร็ว”
“มึงจะอยากให้กูคิดอะไรนักหนาวะ กูคิดไม่ออกแล้วเนี่ย”
“พยายามอีกนิดนะครับ” หาวพูดออกมาอ้อนๆ
“เฮ้อ... ก็ได้” ผมมองข้อความในกระดาษต่อ หาวเกากีตาร์ไปเรื่อยๆ ไม่ได้พูดอะไร หืมทุกช่วงตัวเลขห้าตัว มีภาษาอังกฤษซ่อนอยู่นี่ หรือว่าตัวเลขจะหลอกมากันนะ หรือว่าที่เว้นสิบตัวก็คือเว้นวรรค ผมถอดตัวอักษรภาษาอังกฤษออกมา ผมอ่านมันออกเสียงเบาๆ หัวใจผมเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา
“ WILL YOU BE MY BOYFRIEND? ”
ผมหันหน้าไปมองหาวที่นั่งอยู่ข้างๆกันอีกครั้ง หาวยิ้มให้ผม นี่ผมกำลังถูกหาวขอเป็นแฟนจริงๆเหรอ…
หาวไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมา หาวเกากีตาร์ในทำนองที่คุ้นหู

https://youtu.be/erfaEyxsKOc *เพลงเก็บตะวัน - อิทธิ พลางกูล

“เก็บตะวัน ที่เคยส่องฟ้า
เก็บเอามา ใส่ไว้ในใจ
เก็บพลัง เก็บแรงแห่งแสง ยิ่งใหญ่
รวมกันไว้ ให้เป็น 1 เดียว
เก็บเอากาล เวลาผ่านเลย
สิ่งที่เคย ผิดหวังช่างมัน
1 ตัวตน 1 คนชีวิต แสนสั้น
เจ็บแค่นั้น ก็คงไม่ตาย”

เสียงทุ้มต่ำ นุ่มนวลแต่ก็ก้องกังวานของหาวทำให้เพลงนี้ยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก ผสมกับเสียงกีตาร์ที่ดูเหมือนจะฝึกมาอย่างดี ผมล่องลอยไปกับเสียงเพลงของหาว หาวยิ้มให้ผม ตะวันก็คือผมอย่างนั้นสินะ

“ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้ม เมฆหม่น
พายุฝน อยู่บนฟากฟ้า
คงไม่นานตะวัน สาดแสงแรงกล้า
ส่งให้ฟ้า งดงาม
หากตะวัน ยังเคียงคู่ฟ้า
จะมัวมา สิ้นหวังทำไม
เมื่อยังมีพรุ่งนี้ ให้เดินเริ่มใหม่
มั่นคงไว้ ดังเช่นตะวัน

ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้ม เมฆหม่น
พายุฝน อยู่บนฟากฟ้า
คงไม่นานตะวัน สาดแสงแรงกล้า
ส่งให้ฟ้า งดงาม
หากตะวัน ยังเคียงคู่ฟ้า
จะมัวมา สิ้นหวังทำไม
เมื่อยังมีพรุ่งนี้ ให้เดินเริ่มใหม่
มั่นคงไว้ ดังเช่นตะวัน

มั่นคงไว้ ดังเช่นตะวัน”

หาวร้องเพลงจบไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าทำไมหาวถึงเลือกร้องเพลงนี้ขอผมเป็นแฟน ไม่ใช่เพลงรักหวานๆ ที่ใครๆเขาใช้ร้องขอกันเป็นแฟนด้วยซ้ำ       
“ชื่อหาวของผมแปลว่าท้องฟ้า” ผมเพิ่งเข้าใจเมื่อรู้ถึงความหมายของชื่อหาว
“ช่วยมาเคียงคู่กับท้องฟ้าอย่างผม เหมือนเพลงเพลงนี้ได้ไหมครับพี่ตะวัน” ความรู้สึกเอ่อล้นในหัวใจของผม ความปรารถนาที่ผมเฝ้าภาวนามาตลอดกำลังเป็นจริง ผมจ้องมองไปยังใบหน้าคุ้นเคยที่กำลังยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นเสียจนผมจะหลอมละลายไปซะตรงนี้
“ร้องไห้? ” หาวเอามือมาเช็ดน้ำตาที่ไม่รู้ไหลออกมาออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ยังไม่ตอบผมเลยนะ”
“อื้ม… กูจะอยู่เคียงคู่มึงเท่าที่มึงอยากให้กูอยู่เลย”
“ขอบคุณนะครับ” ผมพยักหน้ารับหาว
หาวยื่นมือมาจับมือของผม สัมผัสอ่อนโยนที่ผมได้รับ มันทำให้ผมรู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก
 “ทำไมถึงขอกูเป็นแฟนวะ” หาวมองหน้าผม แก้มของเขาขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าผมจะคบกับผู้ชายได้จริงๆ แต่หลังจากที่ผมได้ลองคุยกับพี่ พี่ทำให้ผมรู้ว่าผมชอบพี่เกินกว่าจะให้เพศสภาพมาเป็นตัวกำหนด” คำพูดที่เปร่งออกมาจากปากของหาว ทำให้หัวใจของผมเต้นรัวกระหน่ำ
“กูเขิน”
“ฮ่าๆ เลิกน่ารักสักทีได้ไหมครับหืม” หาวเอามือจับแก้มของผมด้วยสัมผัสที่บางเบาแต่ก็อบอุ่นอย่างหน้าประหลาด
“เราเป็นแฟนกันแล้วจริงๆเหรอวะ” ผมถามหาวออกไปเพื่อความแน่ใจ ทุกอย่างมันราวกับความฝันเสียจนผมไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง
“จริงๆสิครับ” หาวตอบผมกลับมาด้วยเสียงที่แฝงมาด้วยความรู้สึกที่หนักแน่น มั่นคง หาวยิ้มให้ผมครั้งแล้วครั้งเล่ามันละมุนราวกับความฝัน
“กูขอจูบมึงได้ไหม” ผมถามหาวออกไปด้วยความเขินอาย ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะต้องมาขออะไรกับเรื่องแบบนี้ เพราะกลัวเขาจะไม่ชอบ หาวไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมา เพียงแต่เขาค่อยๆขยับเข้ามาหาผม ริมฝีปากที่ค่อยๆประกบลงมา จูบรสยาสีฟันกลิ่นมิ้นท์แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกดีอย่างประหลาด


[ HAO PART ]
      ผมมองกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวเลขและตัวอักษรมากมายที่ผมเป็นคนเขียน ความทรงจำเมื่อหลายปีที่แล้วพรั่งพรูเข้ามาในหัวของผม ถนนของชีวิตที่ผมเคยเดิน กระดาษที่ผมเคยใช้ขอพี่ตะวันเป็นแฟน พี่ตะวันอัดกระดาษแผ่นนั้นใส่กรอบไว้อย่างดี วางไว้ที่หัวเตียง กระดาษที่มีความทรงจำมากมายของพวกผม  ผมมองไปยังชายคนรักที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ข้างกัน ผมก้มลงไปจูบที่หน้าผากของเขา ก่อนจะหันไปปิดไฟหัวเตียง ทิ้งตัวลงนอน ดึงพี่ตะวันเข้ามากอดแล้วหลับไปพร้อมกันกับเขา

Road To Your Heart.
The end.

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: {เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿ [ END ]
«ตอบ #23 เมื่อ18-12-2018 16:02:02 »

 :L2: :pig4:

ชอบมากเลย พี่ตะวันเป็นคนหยาบคายที่น่ารัก 55
ขอบคุณมากมาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2018 16:50:20 โดย Billie »

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: {เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿ [ END ]
«ตอบ #24 เมื่อ18-12-2018 19:11:09 »

จบซะแล้ว ที่มาที่ไปของดราม่าแต่ละคนคือการคิดไปเอง และไม่กล้าเผชิญกับความเป็นจริง
น้องๆ แต่ละคนน่ารักดี ตะวันต้องโดนน้องจับกินให้หายซ่า กิกิ

ออฟไลน์ TuEyyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: {เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿ [ END ]
«ตอบ #25 เมื่อ19-12-2018 12:16:15 »

น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ ชอบในความเป็นหาว ขอบคุณนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
Re: {เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿ [ END ]
«ตอบ #26 เมื่อ16-04-2020 14:09:39 »

 :pig4:

ออฟไลน์ น้ำหูู้ปาโก๋

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: {เรื่องยาว} ✿ Road To Your Heart ✿ [ END ]
«ตอบ #27 เมื่อ27-09-2020 00:13:40 »

โอ๊ะ!! คือดือครับ  :hao6: o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด