{ Yaoi-Drama } #หนึ่งเซนติเมตรต่อความรู้สึก updated 02/02/2019 (จบแล้ว)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { Yaoi-Drama } #หนึ่งเซนติเมตรต่อความรู้สึก updated 02/02/2019 (จบแล้ว)  (อ่าน 19417 ครั้ง)

ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   



3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*******************************************************

















        .





 เมื่อแรกรัก...ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนหอมหวานปานน้ำผึ้ง











แต่เมื่อถึงระยะหนึ่งของความรัก...น้ำผึ้งนั้นแท้จริงคือน้ำบอระเพ็ดอันขมขื่น




 .










 “ระยะหนึ่งของความรัก”












 “ที่ทำลายความรู้สึก”




















 • หนึ่งเซนติเมตรต่อความรู้สึก •




 .



#ชีวิตของชยา











ขอขอบคุณทุกๆกำลังใจเลยนะคะ เรามีความสุขมากๆเลยเวลาได้อ่านคอมเมนท์ :) 

 MindSky















.





Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2019 22:19:42 โดย _MindSky »

ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
.



- เซนติเมตรที่ 1 -





 
     เสียงสองเท้าแตะบนพื้นกระเบื้องมันขลับ กำลังก้าวไปข้างหน้าด้วยใจที่สุดแสนจะตื่นเต้น เขาก้าวไปเรื่อยๆสลับซ้ายขวาจนไปหยุดที่ห้องหมายเลข 503 ภายหน้าของเจ้าของฝีเท้าเป็นประตูสีหม่นแต่ดูหรูและคลาสสิค บ่งบอกให้รู้ว่าภายในคือคอนโดที่แพงหูฉี่


     ก๊อกๆๆ
    มือขาวเอื้อมไปเคาะประตูตรงหน้า อารมณ์ตื่นเต้นของเขาแสดงออกผ่านสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด

   
     2 มิถุนายน คือวันเกิดของเจ้าของมือเล็กนี้ ซึ่งก็คือ ‘ชยา’ และแน่นอนว่าวันนั้นคือวันนี้นั่นเอง ส่วนห้องที่เขากำลังเคาะเรียกใครซักคนอยู่ ห้องนี้มีเจ้าของห้องคือ ‘กวินทร์’ ผู้ชายที่ชยามอบทั้งกายและใจให้
     วันนี้กวินทร์บอกกับชยาว่าจะฉลองกับชยาด้วยกันที่ห้องนี้ แค่นี้ชยาก็ดีใจจนหุบยิ้มไม่อยู่ และตื่นเต้นว่ากวินทร์จะเซอไพรส์อะไรเขา
   




     ในวันเกิดของชยาปีที่แล้ว
     ‘…..ชยาลืมตาได้หรือยังอะ’
    ‘อื้อ เอาล่ะ ลืมตาได้!’ คนตัวเล็กที่เอามือป้องตาตัวเองไว้เพราะคนตัวสูงกว่าสั่ง ค่อยๆคลายมือออก ทำให้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
    ‘….หมี?...กวินทร์หรอ..’ มาสคอตหมีถือถาดเค้กไว้รอให้ชยาเป่า
    ‘พี่หมีเองฮับ วันนี้วันเกิดเจ้าตัวน้อย ดังนั้นพี่หมีจะมามอบเค้กวันเกิดให้เจ้าตัวน้อยของพี่หมี’ ชยายิ้มกว้างพร้อมกับหัวเราะออกมาในเวลาเดียวกัน เพราะการกระทำของอีกคนที่ทำเหมือนชยาเป็นเด็ก ยอมทำตัวน่ารักๆ โดยการใส่มาสคอตหมีร้อนๆ มาเพื่อให้ชยารู้สึกยังคงอบอุ่น ใช่ กวินทร์รู้ว่าชยาชอบอะไรแบบนี้ เขาจึงเต็มใจทำมันด้วยความรัก และแน่นอนว่าเขาทำสำเร็จ เพราะชยาชอบมันมาก ร่างบางหลับตาแล้วอธิษฐานในใจ
    ‘ขอให้กวินทร์มีความสุข’ ก่อนจะเป่าเปลวเทียนบนเค้กจนมอดดับ พี่หมีวางเค้กบนโต๊ะแล้วอ้าแขนให้คนตัวเล็กมากอด ชยาเองก็รีบโผกอดพี่หมีของเขาพลางซบหน้าลงกับอกของมาสคอตนุ่มๆ
   ‘มีความสุขมากๆนะชยา ปีนี้และปีต่อๆไป ทุกปีเลย’ มาสคอตอวยพรให้ร่างบาง
   ‘ชยามีความสุขอยู่แล้ว เพราะมีกวินทร์คอยอยู่ข้างๆชยาตลอดเลย’
   ‘มันจะเป็นแบบนั้น เป็นแบบนั้นตลอดไป’ พอจบประโยคทั้งพี่หมีทั้งชยาต่างกอดกันแน่นขึ้น ความสบายใจและอบอุ่นใจเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง เพียงแค่กอด ก็เหมือนได้รับรู้ความหมายทุกอย่างที่อีกฝ่ายจะสื่อ แม้จะไม่ต้องพูดอะไรมากมาย
     ‘ชยารักกวินทร์นะ’
     ‘กวินทร์ก็รักชยาเหมือนกัน’

     เวลาต่อมาทั้งสองจัดการกับเค้กและอาหารต่างๆจนอิ่มเปล้ เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน ชยาเลยคิดว่าถึงเวลาที่ต้องนอนพักแล้ว จึงเดินเข้าไปในห้องนอน ทว่าพอเปิดประตูเข้ามาเท่านั้น แสงจากไฟประดับสีส้มก็สว่างจ้า ให้แสงสว่างกับห้องที่มืดสนิท ภายใต้หลอดไฟแต่ละดวงมีรูปโพลารอยด์ของเขากับคนตัวสูงอยู่ ทุกรูปคือความทรงจำตั้งแต่คบกันมา

     ชยาเดินดูรูปพวกนี้ด้วยความดีใจและตื้นตันใจ เขาเดินไปเรื่อยๆจนมาถึงเตียงนอน มีกล่องสีดำวางอยู่ พร้อมกับโพสต์อิทที่เขียนไว้ว่า ‘ถึงชยา’ ชยาหยิบกล่องนั้นมาเปิดก็พบว่ามันเป็นกล่องที่มีลูกเล่น พอเขาเปิดฝากล่องออกมา กระดาษแข็งสีดำก็แผ่ออกมาเป็นรูปคล้ายดอกไม้ และมีรูปติดอยู่ภายใน พร้อมข้อความเล็กๆ ที่ทำให้ชยาหยุดยิ้มไม่ได้เลย
      ถัดไปชั้นในก็ยังมีกล่องครอบอยู่ ชยาเปิดออกช้าๆ แล้วก็เช่นกัน กระดาษแข็งแผ่ออกมาและมีรูปชยาอีกเช่นเคย ชยาเปิดไปเรื่อยๆอย่างมีความสุขจนมาถึงกล่องครอบที่เล็กที่สุด ชยาค่อยๆเปิดมันออก จนสิ่งที่อยู่ภายในประจักษ์แต่ดวงตาคู่ล้ำ

     แหวนที่สลักชื่อของเขาทั้งสอง
     ชยา • กวินทร์


     ‘ขอจองชยาไว้ได้มั้ย แล้วพอโตขึ้น กวินทร์ขอจองตำแหน่งดูแลชยาไปตลอดชีวิตด้วย’ เสียงคนตัวสูงดังขึ้น ชยาหันไปก็พบว่าเขานั่งอยู่ตรงปลายเตียงนี่เอง ในชุดปกติที่ไม่ใช่มาสคอต ความหล่อเหลาด้วยใบหน้าคมคายของกวินทร์ก็ปรากฎ
     ‘…กวินทร์’ ร่างบางไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป เพราะในใจทั้งอึ้งและตื้นตัน
 

   ‘แต่งงานกันนะ’ คนตัวสูงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
 

    ‘…อื้อ’ ก่อนจะใส่แหวนหมั้นให้กับนิ้วนางข้างซ้ายของชยา

 
    มันเหมือนกับคำมั่นสัญญาที่จะอยู่ด้วยกัน ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า เขาผูกพันธ์กันด้วยสายใยของความรักที่แน่นแฟ้น และด้วยสิ่งนั้น ชยาจึงมีความสุขมากๆ มีความสุขตลอดระยะเวลาที่มีกวินทร์อยู่ในชีวิต




         ก๊อกๆๆ
         ร่างบางเคาะอีกครั้งและอีกครั้ง ก็ไม่มีท่าทีว่าคนตัวสูงจะมาเปิด
   


         คงจะหลับละมั้ง…



         ชยาหยิบกุญแจสำรองในกระเป๋าออกมา แล้วไขประตูสีหม่นตรงหน้าแล้วค่อยๆเปิดออก
         ภายในห้องเงียบสนิทและมืดไปหมด มือเล็กควานหาสวิตช์ไฟก่อนจะเปิดมัน เมื่อแสงสว่างเข้ามาแทนที่ความมืด อะไรหลายๆอย่างก็ชัดขึ้น
   


 
        ไม่มีเค้ก ไม่มีอาหาร ไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่มีแม้กระทั่งกวินทร์
   



        คนตัวเล็กขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินไปทั่วห้อง เผื่อว่าคนตัวสูงอาจจะทำอาหารอยู่ในครัว หรือสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง แต่ไม่มีวี่แววเลยแม้แต่น้อย
       หรือว่าอยู่ในห้องนอน..



      บางทีกวินทร์อาจจะเตรียมแผนเซอร์ไพรส์อะไรอีกก็ได้ ชยาคิดแบบนั้นก็ทำให้ยิ้มได้ ก่อนจะค่อยๆหมุนลูกบิดประตูห้องนอนออก เขาทำมันได้อย่างง่ายดายเพราะมันไม่ได้ล็อก
 


     นั่นไง ไม่ล็อกแสดงว่าจะเซอร์ไพรส์อะไรในนี้แหงๆ
   
   

      “อ..อ๊า..อ..อื้อออ” เสียงครางของใครซักคนหนึ่งดังแล่นมาในโสตประสาท ภายใต้แสงจากโคมไฟที่หัวเตียงสลัวๆ เผยให้เห็นถึงใครซักคน..ไม่สิ สองคน

 
    แผ่นหลังกว้างที่ชยาจำได้ดี กับใครอีกคนที่อยู่ใต้ร่างของเจ้าของแผ่นหลังนั้น
    ชยาปิดประตูลงอย่างเบามือ ก่อนที่ขาอันไร้เรี่ยวแรงจะทำให้เขาทรุดลงตรงนั้น ชยาต้องยกมือมาป้องปากไม่ให้เสียงของเขาเล็ดรอด เม็ดน้ำตาใสๆไหลอาบสองแก้มไม่หยุด เขาชาไปทั้งร่าง กล้ามเนื้อหัวใจบีบและคลายตัวถี่รัว เพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ..

     กวินทร์กำลังมีเซ็กส์กับใครก็ไม่รู้..

     ในคืนวันเกิดของชยา ที่เขาบอกว่าจะเลี้ยงฉลองด้วยกัน…

 

     ร่างบางรวบรวมแรงที่มีอยู่ลุกขึ้นมาแล้วค่อยๆพาร่างกายและใจที่แตกสลายออกไปจากที่แห่งนี้  ชยาปิดประตูลงอย่างเบามือ ก่อนจะค่อยๆหมุนตัวออกมาแล้วเดินตามไปตามทางส่วนกลางไปยังลิฟต์
 
   ในหัวขาวโพลนไปหมด คิดอะไรไม่ออก แขนขาไร้เรี่ยวแรง รับรู้ได้เพียงความเจ็บปวดภายในหัวใจ ไม่สิ ก้อนเนื้อที่กำลังแหลกสลาย หยดน้ำตากับแก้มขาวของร่างบางนั้นไม่เข้ากันเลยซักนิด  แต่กระนั้นร่างบางนี้ก็ปล่อยให้มันไหลลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกไปอย่างไม่คิดจะปาดออก หรือบางทีเขาอาจจะไม่มีแรงที่จะปาดมันออกด้วยซ้ำ
     
    ลิฟต์เคลื่อนมาจนถึงชั้นที่หนึ่ง ร่างบางเดินออกมานิ่งๆผ่านล็อบบี้ ก่อนจะดันประตูและออกจากคอนโดนี้ไป


    ในเวลาดึกดื่น ถนนมีรถวิ่งบางลงถนัดตา สองข้างทางปล่าวเปลี่ยวและเงียบสงัด มีเพียงแสงไฟริบหรี่จากเสาไฟข้างถนนเท่านั้น  ร่างบางเดินมาตามทางนั้นอย่างเรื่อยเปื่อยและไม่มีจุดหมาย ระบบความคิดของเขาเริ่มกลับมาประมวลผลบ้างแล้ว ในตอนนี้
   
     ‘ชยามีความสุขอยู่แล้ว เพราะมีกวินทร์คอยอยู่ข้างๆตลอดเลย’
    ‘มันจะเเป็นแบบนั้น เป็นแบบนั้นตลอดไป’



      ตลอดไปมันนานแค่ไหนหรอ..กวินทร์

      คำๆนึงที่น่าจะมีแค่ความหมายเดียว แต่กลับมีถึงสองความหมาย  คนหนึ่งเชื่อว่า ตลอดไปคือตลอดไป เป็นระยะเวลานานจนกว่าจะไม่มีชยาและกวินทร์อยู่บนโลกนี้ แต่กลับอีกคน ตลอดไปกลับหมายถึงระยะเวลาสั้นๆ


      พอเบื่อ
      ก็เหยียบย่ำ


     น้ำตาใสๆไหลลงไม่หยุด ดวงตาเริ่มแดงก่ำ การหายใจก็เริ่มไม่สะดวกเมื่อมีน้ำมูกใสมาให้สะอื้น ชยาหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมา กดโทรไปยังใครซักคนที่เขาพอจะพึ่งได้ในตอนนี้


     [ฮัลโหล ว่า โทรมาทำไมดึกจังวะ] ปลายสายถาม
     “…ฮึก…”
     [ร้องไห้หรอ ใครทำไรมึงชยา!] ปลายสายดูรีบร้อนขึ้นมาทันที
     “พู.. กวินทร์ทำอีกแล้ว…ฮือ..” หากให้เลือกใครซักคนหนึ่งที่พึ่งได้ตอนนี้ก็คงจะเป็น ‘ถั่วพู’ เพื่อนสนิทของชยามาตั้งแต่สมัยมัธยม ดังนั้นถั่วพูรู้ดีว่า คนตัวเล็กดูบอบบางอย่างชยาผ่านอะไรมาบ้าง

     อย่างหนึ่งเลยคือ…ชยาเลือกคบกับเสือผู้หญิงอย่างกวินทร์ เพราะไม่รู้ว่าความรักมันเป็นยังไง พอคนอย่างกวินทร์ผู้โชกโชนประสบการณ์เข้ามา แล้วสอนให้ชยารู้จักที่จะรัก ชยาก็รักเขาจนเต็มหัวใจ


    …แต่แย่หน่อยที่กวินทร์ไม่ได้สอนให้ชยาเลิกรัก


    [แล้วนี่อยู่ไหน คอนโดมันหรอ] ถั่วพูถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน เพราะใจห่วงเจ้าคนตัวเล็กอย่างเต็มประดา
     “ไม่รู้…ไม่รู้จะไปไหนแล้ว..ฮือ…มารับกูหน่อยพู.. “ มือข้างหนึ่งปาดน้ำตาออกลวกๆ
      [อยู่แถวนั้นก่อนนะอย่าไปไหน เดี๋ยวกูจะรีบไป] ชยาวางโทรศัพท์ลง พยายามเดินต่อไปให้ถึงป้ายรถเมล์ข้างหน้า ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนที่นั่งอย่างหมดแรง
     ชยาอ่อนล้าไปทั้งตัว ภาพที่เห็นตำตาเมื่อครูมันโหดร้ายเกินไป  กวินทร์ใจร้ายเกินไป…


     Rrrrrrrrrrrrrr
     โทรศัพท์สั่นรัวอยู่บนหน้าตัก ชื่อที่ปรากฎบนจอคือ ‘พี่หมี’ หมายถึงกวินทร์นั่นเอง
   
      พอเห็นว่าเป็นอีกฝ่าย ก็เหมือนสวิตซ์ของความรู้สึกได้ถูกกดเปิดอีกครั้ง  ชยาร้องไห้หนักขึ้น สะอื้นไม่หยุดเหมือนคนบ้า



      เมื่อไหร่กวินทร์จะพอ…เมื่อไหร่…


     
      เป็นคำถามโง่ๆที่เฝ้าถามอยู่ในใจของชยามาตลอดระยะเวลาที่คบกัน

       ชยาเคยเห็นกวินทร์ไปกับคนอื่นอยู่บ่อยครั้ง ในตอนแรกกวินทร์ก็บอกว่า เพื่อนกัน รุ่นน้องเฉยๆ พี่ที่สนิทไง อะไรทำนองนั้น ซึ่งชยาก็ไม่ได้ปักใจสงสัยอะไรต่อไป เพราะเชื่อใจคนรักอย่างไม่มีข้อแม้  ความรักในความคิดของชยายังเป็นสิ่งที่สวยงามอยู่เสมอ
      ทว่าพอผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เพื่อนหรือพี่หรือน้องของกวินทร์ก็เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ  และบางครั้งกวินทร์ก็ไม่กลับคอนโด…
      ความขุ่นเคืองในใจจึงเริ่มก่อตัวขึ้น  ชยาเคยลองตามกวินทร์ไปครั้งหนึ่ง และครั้งนั้นก็ทำให้เขาตาสว่าง

     ความรักไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด



     ติ๊ง
     Gavin : อยู่ไหนแล้วครับ
     Gavin : รอนานแล้วนะ
     Gavin : มายังครับชยา กวินทร์โทรไปก็ไม่รับอะ
     Gavin ส่งสติ๊กเกอร์


        ในใจของคนเห็นแก่ตัวของกวินทร์ก็ยังคิดจะฉลองวันเกิดในชยาของเขาอยู่ ถึงแม้จะพึ่งทำเรื่องแบบนั้นลงไป ในวันเกิดของคนรัก

        ชยาแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง


        “ไอ้ยา!” เสียงถั่วพูตะโกนเรียก เจ้าตัวมาพร้อมกับรถยนต์หรู  เสียงเรียกนั้นดึงสติอันฟุ้งซ่านของชยาให้กลับมา ก่อนร่างบางจะค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินไปยังรถสีดำที่จอดติดกับฟุตบาทตรงหน้า

      “ตาแดงเลยมึง พอละฮึบไว้” ถั่วพูไม่พูดเปล่า ทำท่ากำหมัดสู้ๆให้ชยาหยุดร้องไห้
      “ทำไมกูต้องยอมโง่อยู่ตลอดเลยวะพู..ฮือ.. กูเกลียดตัวเองจัง ทำไมต้องไปรักมันด้วยวะ ไอ้เหี้ยวันนี้วันเกิดกูอะมึง.. มันเป็นคนบอกจะฉลองกับกู กูก็อุตส่าห์ไม่ไปแดกเหล้าแดกไรกับพวกมึง ทั้งๆที่กูควรจะไปกับเพื่อนมากกว่า..” ชยาระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจ “แล้วมึงดูดิ..ฮือ  กูกลับเจอแม่งเอากับใครก็ไม่รู้ต่อหน้าต่อตา…ฮืออ พู..ทำไมกูต้องรักมันด้วย ฮือ” คนตัวเล็กร้องไห้โฮไม่หยุด
       “ใจเย็นๆก่อนไอ้ยา”
       “กูอยาก..เลิกกับมัน อยากเลิกรักมันซักที..ฮือ”
       “มึงทำได้ชยา นึกถึงเรื่องเหี้ยๆอย่างที่มันทำแบบในวันนี้ดิ มึงไม่ต้องหวังแล้วว่ามันจะเลิกเหี้ย กูว่าไม่มีวันว่ะ” ใช่แล้ว ที่ชยายอมทนอยู่ในระยะเวลาปีกว่าก็เพราะในใจลึกๆหวังว่ากวินทร์จะเลิก เป็นความหวังที่โคตรจะลมๆแล้งๆ
       แต่เอาจริงๆชยาก็ขาดกวินทร์ไปไม่ได้อยู่ดี เขาเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชยาไปแล้ว แถมระยะเวลาปีกว่านั้นก็มีเรื่องดีๆและสัญญาใจเกิดขึ้นมากมาย จนฉุดให้เด็กน้อยอย่างชยาหลงคารมคนอย่างกวินทร์จนยากที่จะหลุดพ้น ทุกครั้งเมื่อเกิดเรื่องแบบวันนี้ขึ้นชยาก็แค่แกล้งโง่ ทำเป็นไม่รู้อะไรต่อไป
        “เชื่อกูชยา มึงทำได้ มึงรักตัวเองบ้างสิวะ”
        “…กูพยายามแล้วมึง..ฮือ มันล้มเหลว”
        “เอาใหม่ ไม่มีใครทำอะไรยากๆได้สำเร็จในครั้งเดียวหรอก เขาก็ล้มเหลวมาก่อนทั้งนั้น”
        “..กูจะพยายาม” ชยาตอบรับว่าจะออกจากชีวิตกวินทร์อีกครั้ง ทั้งๆที่ในใจก็ไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างที่ว่าหรือเปล่า
        “มึงมีกูอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวนะ กูคอยซัพพอร์ตมึงอยู่เสมอ” เพียงเท่านี้เสียงสะอื้นก็เริ่มเบาลง ความห่วงใยจากเพื่อนรักของชยา ทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น ชยาเช็ดน้ำตาออก พลางหยิบทิชชู่มาสั่งน้ำมูกออก
 





      พรุ่งนี้..จะไม่มีใครมาให้กวินทร์เหยียบย่ำอีกแล้ว…




Chaya


        เปลือกตาที่แสนจะหนักอึ้งของผม บ่งบอกว่าผมควรจะนอนเต็มที แต่ผมกลับไม่รู้สึกง่วงเลยซักนิด ภาพที่เห็นยังสะท้อนอยู่ในม่านตาอยู่ลางๆ และภาพนั้นชัดเจนมากในหัวใจ

       “นอนไม่หลับหรอมึง” เสียงคนที่นอนข้างๆผมเอ่ยทักท่ามกลางความเงียบ คงจะเห็นว่าผมเอาแต่นอนขดคู้และสะอื้นไม่หยุดละมั้ง
      “อือ…” ผมตอบกลับไป
      “งั้นกูไม่นอนเป็นเพื่อน” ในเวลาแบบนี้ถั่วพูคงจะกังวลในเรื่องของผมไม่น้อยเลย ความห่วงใยของเขามันส่งทอดผ่านดวงตาจนผมรู้สึกได้
      “ไม่เป็นไรมึง เดี๋ยวกูก็จะนอนละ”
      “มึงนอนมาตั้งนานแล้วชยา แต่มึงไม่หลับ”
      “เดี๋ยวก็คงหลับแล้ว..” ผมเหนื่อย อยากหลับ แต่กลับหยุดคิดถึงใครคนนั้นไม่ได้ซักที
      “เออๆตามใจ แต่มึงมีสอบเช้านะชยา รีบนอน” ผมพยักหน้ารับรู้ แล้วกระชับผ้าห่มหนาเพื่อเอาความอบอุ่นมาปลอบประโลมร่างกายตัวเองที่กำลังสั่นเทา ..ไม่รู้เพราะอุณหภูมิห้องหรือเพราะหัวใจที่กำลังปวดร้าวกันแน่

     ก่อนจะพยายามข่มตาหลับอีกครั้งด้วยความยากลำบาก…




         ‘หนาวหรอชยา นอนตัวสั่นเชียว’
       ‘อื้อ หนาวนิดหน่อย’ คนตัวสูงเอื้อมแขนพาดผ่านร่างบางก่อนจะกระชับเข้าหาตัวจนชืดติดกัน ‘อื้อออ.. หายใจไม่ออกแล้วกวินทร์ กอดแน่นไปแล้ว’
       ‘ถ้าชยาหนาวกวินทร์จะเป็นความอบอุ่นให้ชยาแบบนี้’ ทำเอาร่างบางที่อยู่ในอาณัติของเขาแก้มระเรื่อขึ้นมาทันที กวินทร์เห็นใบหน้าระเรื่อของคนตัวเล็กค่อนข้างชัดเจนแม้อยู่ภายใต้แสงสลัวของโคมไฟหัวเตียง                                       
      ‘อุ่นขึ้นมั้ยชยา’
       ‘…อื้อ’ มือเล็กขยับทาบไปบนมือหนาที่กอดเขาอยู่ กระชับมันขึ้นมาอย่างหวงแหน
       ‘กวินทร์รู้ว่าชยาขี้หนาว แต่ตอนนี้ชยาไม่ต้องกลัวหนาวแล้ว กวินทร์อยู่ตรงนี้แล้ว’ พูดจบก็หอมแก้มระเรื่อนั่นไปฟอดใหญ่ พลางเป่าลมหายใจอุ่นๆให้คนตัวเล็กก่อนจะกระซิบข้างหูคนตัวเล็กเบาๆ ‘ฮีตเตอร์เครื่องนี้มีเจ้าของชื่อชยานะครับ’


       คืนนั้น หัวใจดวงเล็กของร่างบางพองโต หลับสนิทอย่างที่ไม่ต้องกลัวปีศาจร้ายในจินตนาการเลย





          ความคิดฟุ้งซ่านทำเอาหนาวซะจนจับใจ ผ้าห่มหนาแทบจะช่วยผมไม่ได้เลย ทำไมในหัวยังต้องคิดถึงอ้อมกอดของกวินทร์อีก ผมไม่เข้าใจ

          ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมรักแล้วถึงเจ็บขนาดนี้…


          06.52 AM

          “มาทำไรตรงนี้ชยา อ่าว แล้วทำไมยังไม่อาบน้ำอีก” เสียงถั่วพูเดินเข้ามาผมที่กำลังยืนอยู่ตรงระเบียง อากาศตอนเช้านี่สดชื่นดีจังเลยเนอะ ดีกว่าถอนหายใจสิบกว่ารอบแบบเมื่อคืนเยอะเลย
         “ชยาไอ้สัดจะทำอะไร อย่าโดดนะมึง มึงยังมีกูอยู่ ไอ้ยา!!” แต่ดูเหมือนเพื่อนผมจะไม่ได้เข้าใจอย่างที่ผมคิดว่ะ ตลกมันชะมัด
        “กูไม่ได้จะโดดมั้ยมึง กูมาสูดอากาศข้างนอก” ผมหัวเราะร่วนกับท่าทีเป็นห่วงอย่างจริงจังของอีกฝ่าย
        “อ่าว..หรอ.. “
        “เออ เดี๋ยวจะอาบน้ำละ” ผมหมุนตัวกลับมาแล้วเดินกลับเข้าไปข้างใน
        “กูอาบก่อนสัด แปปๆ” พูเพื่อนรักเห็นผมจะอาบเลยวิ่งปรู๊ดชิงห้องน้ำก่อนผมทันที มีคนอย่างไอ้ถั่วพูในชีวิตนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ผ่อนคลายไปได้เยอะ
        ผมเดินไปนั่งรอไอ้พูอาบน้ำที่โซฟา พยายามคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น จนได้คำตอบว่า…




        วันนี้ชยาจะเป็นคนใหม่




        นั่นคือสิ่งที่ผมคิดมาตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนนึงก็เพราะสิ่งที่ไอ้พูบอกว่าให้ผมลองพยายามดูอีกซักครั้ง บวกกับผมเองก็เกรงใจที่เวลาเสียใจเมื่อไหร่ก็ต้องมาเป็นภาระให้ไอ้พูทุกเมื่อ




        ดังนั้น  ผมจะเลิกกับกวินทร์




        ครั้งนี้ผมจริงจัง ผมจะทำมันให้ได้
       คิดไปแบบนั้นแต่พอนึกถึงคำที่ไอ้พูจะพูดถ้าได้ยินผมพูดคำพวกนี้ผมก็ขำอะ


       ‘มึงก็พูดแบบนี้ตลอดแหละไอ้ควาย จริงจังทุกครั้งแต่ก็ไม่กล้าบอกมันซักที’

       จริงๆผมคิดจะตัดขาดกับกวินทร์มาหลายครั้งแล้ว แต่ตัวผมเองนี่แหละที่ไม่กล้าพูดออกไป พออีกฝ่ายทำดีกับผม ผมก็ลืมเรื่องที่จะตัดขาดความสัมพันธ์ไปซะสนิท


         เป็นแบบนั้นทุกครั้ง


        และครั้งนี้ผมจะลองอีกครั้ง ผมจะเข้มแข็ง ไม่อยากทนให้กวินทร์เหยียบย่ำความรักที่ผมให้ต่อไปอีกแล้ว

         ติ๊ง
         Gavin :  อยู่ไหนเนี่ย ทำไมไม่กลับคอนโด
         Gavin : ถ้าไม่ตอบจะโกรธจริงๆแล้วนะชยา

        ข้อความหลายสิบข้อความรัวมาไม่หยุด คงจะค้างคามาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแหละ เพราะผมปิดเครื่องมาจนถึงตอนนี้ และที่เปิดตอนนี้ก็เพราะจะโทรไปหาพี่หมีของผม


        สายสุดท้ายก่อนเราจะตัดขาดจากกันอย่างสมบูรณ์


       “ฮ..ฮัลโหล” ผมพยายามตั้งสติ เก็บซ่อนความอ่อนแอที่เคยแสดงออกมาทั้งหมด
       [อยู่ไหน บอกกวินทร์เดี๋ยวนี้!!] ปลายสายน้ำเสียงดูร้อนรนคล้ายจะเป็นห่วง แต่ก็คงเป็นแค่ละคร ที่ต้องแสดงให้เหมือนว่ารัก..
       “อยู่บ้านเพื่อน…ทำโปรเจ็กต์”
       [คนไหน แล้วทำไมไม่บอก ไม่ตอบไลน์อะไรกันเลย รู้มั้ยว่ากวินทร์เป็นห่วง!] เสียงทุ้มยังคงลงน้ำหนักเสียงอย่างหนักหน่วง
       เป็นห่วงหรอ…

       ผมจิกแขนตัวเองเพื่อเตือนสติไม่ให้หลงไปกับคำพูดนั้น
     
       “กวินทร์มีเรียนบ่ายใช่มั้ย แต่ออกไปม.ตอนนี้ได้รึเปล่า มีอะไรจะคุยด้วยนิดหน่อย”
       [ฮะ..? คุยอะไร ชยาก็พูดมาสิ เนี่ยก็คุยอยู่]
       “อยากเจอ…” ผมพูดเสียงแผ่ว
       [ไม่ไปได้มั้ย ขี้เกียจอาบน้ำ ยังไม่ถึงเวลาอาบของกวินทร์อะ] ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ  คงต้องบอกประโยคที่ผมเตรียมมาตลอดทั้งคืนผ่านโทรศัพท์ เพราะคนอย่างกวินทร์ถ้าไม่..ก็คือไม่

       จิกแขนตัวเองแรงขึ้นจนแดงเป็นจ้ำ

      “เลิกกันนะ” ไม่ใช่ประโยคบอกเล่า หากแต่เป็นการขอร้อง..ขอร้องให้จบความสัมพันธ์นี้ซักที ผมไม่ไหวที่จะทนแล้ว… สุดท้ายน้ำตาที่ผมอัดอั้นมาทั้งหมดก็ไหลลงตามแรงดึงดูดโลกอีกครั้ง ประโยคสั้นๆอันโหดร้ายที่ผมกลั้นใจพูดออกไป ความโหดร้ายนั้นอาจจะไม่ส่งผลกับคนปลายสายเลยด้วยซ้ำ แต่กับผม..คนที่เป็นคนพูดมันออกมาเอง กลับได้รับความโหดร้ายของประโยคนั้นเต็มๆ

      [..ฮะ?..] ผมไม่รอฟังอะไรอีก วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะก่อนจะเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วไปอาบน้ำ 


      ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอย่างตอนที่ไม่เคยมีคนชื่อกวินทร์…





     มีต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
08.47 AM

     “จะทันมั้ยเนี่ยจะ9โมงละสัดเอ้ย ไอ้ยามึงนั่นแหละ อาบน้ำช้าชิบหาย” ใกล้เวลาที่จะต้องเข้าห้องสอบเต็มทน แต่ผมกับไอ้พูกลับอยู่บนถนนสี่เลนที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เสี้ยววินาทีถัดมาตัวผมก็ได้ติดแนบไปกับเบาะไปอย่างต้านทานไม่ได้ ไอ้พูเล่นเหยียบคันเร่ง จนเข็มแม่งชี้จนจะถึง140อยู่รอมร่อ
       “สัดพูช้าๆ เดี๋ยวตาย!” ผมห้ามปราม ถึงแม้จะเข้าใจดีว่าผมผิดที่อาบน้ำแต่งตัวนานเกินไป และคนข้างๆผมนี้จริงจังกับการสอบแต่ละครั้งมากแค่ไหน แต่ถ้ามันยังเหยียบร้อยสามสิบกว่าแบบนี้มันกับผมคงได้ตายก่อนถึงห้องสอบพอดี

     ดับอนาถ! สองนิสิตมหา’ลัยดัง ขับรถแหกโค้ง เหตุเพราะรีบไปสอบ

     ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆก็คงจะแย่
     ผมแหกปากตะโกนเรียกร้องกรีดร้องให้ไอ้พูช้าลง แต่สุดท้ายเราก็มาถึงม.ได้อย่าง(หวุดหวิดแต่)ปลอดภัย ทันทีที่จอดรถได้ คนข้างๆผมถอดสายเบลต์แล้วรีบบึ่งไปห้องสอบทันที…

      ทิ้งกูไอ้เวร

      ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

      09.02 AM
      โอโห ความชิบหายที่แท้
      “ไอ้พู รอกูด้วย!” ผมรีบวิ่งตามเพื่อนรักไปทันที แต่ระยะห่างของผมกับไอ้พูนี่ไกลเกือบ20เมตรได้มั้ง ไม่รู้ว่าแม่งจะรักการสอบอะไรขนาดนั้น กูยังชิวๆอยู่เลย
       วิ่งได้ไม่นานผมก็หอบแฮ่ก แล้วเปลี่ยนเป็นเดินเร็วแทน แถมอาการปวดช่วงท้องหลังจากวิ่งก็ทำให้ผมแทบเดินไม่ได้ แต่เวลานี่สิ เดินไปไวกว่าผมซะอีก จากเก้าโมงสองนาที ตอนนี้ห้านาทีแล้ว!

        “ชยา” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นมาในโสตประสาท เป็นน้ำเสียงผมที่คุ้นหูดี
        “ชยาเดี๋ยวก่อน!” ข้อมือผมถูกใครคนนั้นรั้งเอาไว้ อุ้งมือที่คุ้นเคย กอดกำรอบข้อมือเล็กๆของผม
       
        ไม่เอา… อย่าหันไปนะชยา เดินต่อไป.. เดินต่อไป…

         “เดี๋ยวก่อน ชยา! ฟังกวินทร์ก่อน!!” คนตัวสูงเปลี่ยนมายืนขวางทางของผมเอาไว้ ทำให้ผมต้องจำใจ ทำอย่างที่เคยทำในทุกครั้ง


         ปั้นหน้า…
         ให้ดูปกติที่สุด ชยาคนนี้ไม่เป็นอะไร


         ที่ผ่านมา กวินทร์ทำให้ผมเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาคงจะคิดว่าผมจะไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่เขาทำ เพราะเขาไม่เคยเห็นผมงี่เง่า ถกเถียงจนเป็นประเด็นกับเขาเลยซักครั้ง
         ทุกครั้งคนอย่างชยาคนนี้ก็แค่ปั้นหน้า แสดงสีหน้าให้ปกติที่สุด ปกติเหมือนไม่ได้รับรู้ว่าคนรักของเขาไปจูบ ไปกอด หรือมีเซ็กส์กับใครมา ชยาคนนี้ยิ้มให้เสมอ ทุกครั้งที่คนตัวสูงมองหน้า ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน
         
         แต่คนตัวสูงไม่เคยรู้เลย… ว่ากว่าจะยิ้มได้ ใบหน้านี้ถูกย้อมด้วยคราบน้ำตามามากมายขนาดไหน
       
         อย่าร้องไห้นะชยา..อย่าร้อง ห้ามอ่อนแอให้กวินทร์เห็นเด็ดขาด..
           
            ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านให้กลับมา ก่อนจะตอบคนตรงหน้าไปว่า
            “มีอะไร” ผมเชิดหน้าขึ้น มองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง.. เปล่าหรอก นั่นคือสิ่งที่ผมคิดจะทำตังหาก จริงๆตอนนี้ผมกำลังเบือนหน้าหนีคนตรงหน้า พร้อมกับน้ำเสียงสั่นๆว่า
            “ป..ปล่อยเราเถอะนะ…” ทั้งการเกาะกุมตรงหน้าในตอนนี้ และชีวิตกับความรักของผม ปล่อยมันเถอะนะ…
            “ปล่อยอะไรล่ะชยา กวินทร์ทำอะไรผิดอีกอะ” น้ำเสียงคนตัวสูงดูไม่สบอารมณ์
            “กวินทร์ไม่ผิด..” ใช่ ชยาผิดเองที่ไปรักคนอย่างกวินทร์หัวปักหัวปำ
            “แล้วอะไรอะ ทำไมต้องเลิก ไม่เอาดิ ไม่เลิก”
            “เลิกเถอะนะ..”
            “เพราะอะไรล่ะ หรือชยามีคนใหม่..ใช่มั้ย” น้ำเสียงดูเศร้าสร้อยลงไปเล็กน้อย แต่ก็นั่นแหละ ผมรู้ดีว่าเขาแค่กำลังแสดงละครตลกๆอยู่
            “ตอบดิ! มีคนใหม่ใช่เปล่า ชยามีคนใหม่ใช่มั้ย!!” คนตรงหน้าเขย่าตัวผมเพื่อเค้นคำตอบอย่างรุนแรง จนผมอดรู้สึกเจ็บไม่ได้ ความอ่อนแอที่อุตส่าห์กลั้นไว้ในคราแรกล้มเหลวไม่เป็นท่า
            น้ำตาใสไหลไม่หยุด ทำเอาตาผมพร่าเบลอจนภาพข้างหน้าเริ่มไม่ชัด ได้ยินเพียงแค่เสียงเค้นเอาคำตอบของกวินทร์
   
            “ใช่! ชยามีคนใหม่” ผมยอมรับข้อกล่าวหานั้นก็ได้ ถ้ามันจะทำให้ผมหลุดจากกวินทร์ซักที
            “…….”
            “มีมาตั้งนานแล้ว เพราะฉนั้นปล่อยชยาซักที!!” ผมตะเบ็งเสียงแข็งกร้าวออกไปอย่างที่ไม่เคยทำกับคนตรงหน้ามาก่อน  แรงบีบรัดตรงต้นแขนของผมเมื่อกี้คลายตัวลง


           คงจะปล่อยผมแล้วสินะ….
           


          “มึงไปคุยกับกูที่ห้อง” เสียงดุดันออกมาจากคนตรงหน้า พร้อมกับการฉุดกระชากให้ผมเดินตามไป กวินทร์ไม่เคยใช้คำหยาบกับผมเลยซักครั้ง ทว่าวันนี้กวินทร์กลับใช้มันกับผม
        “ปล่อยชยา..! ปล่อยนะ โอ๊ย! เจ็บ” แรงบีบรัดที่ข้อมือผมรุนแรงขึ้นกว่าเดิมและยิ่งผมต่อต้านมันมากเท่าไหร่ ก็เหมือนผมยิ่งทำร้ายตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
        ผมร้องไห้ ดึงดันและต่อต้าน ร้องขอความช่วยเหลือคนที่เดินขวักไขว่ไปมารอบข้าง แต่กลับไม่มีใครให้ความช่วยเหลือผมเลยแม้แต่คนเดียว แต่ดวงตาทุกคนกลับจ้องมองผมโดนกระชากอย่างไม่ลดละ บางคนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย และพูดคุยกระซิบกันอย่างสนุกปาก

         “เข้าไป” กวินทร์เปิดประตูรถเบนซ์สีดำคันหรูซึ่งเป็นรถของกวินทร์นั่นแหละ ก่อนจะยัดเยียดให้ผมเข้าไป
         “กูบอกให้เข้าไป!!!” คนตัวสูงตะคอกเสียงดุดันอย่างน่ากลัว ผมจำใจนั่งลงไปบนเบาะอย่างไม่มีทางขัดขืน
         “ปล่อยเราไปเถอะ..นะ..ฮืออ จะพาเราไปไหน… ปล่อย ฮืออ”


         ผม..กลัว

        กวินทร์ไม่เคยทำร้ายผมเลยซักครั้งในทางร่างกาย เรายังเคยตกลงกันไว้อยู่เลยนะ.. จำไม่ได้หรอ..


       ‘กวินทร์ คนคบกันต้องใช้สรรพนามไหนอะ เค้า-ตัวเอง แบบนี้หรือเปล่า’
      ‘ไม่ต้องหวานเลี่ยนขนาดนั้นหรอกชยา แทนตัวเองว่าชื่อก็ได้’
      ‘ชยา-กวินทร์งี้หรอ’
      ‘ใช่แล้ว’
      ‘กูมึง ไม่ได้หรอ’
      ‘ไม่เอาดีกว่า กวินทร์ให้เกียรติชยา’
     


       กับคนที่ไม่ประสีประสาในความรักอย่างผม คำว่าให้เกียรตินั้นลั่นสะท้านให้ผมจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ คนตัวสูงจะให้เกียรติผมตลอด… จะไม่พูดจาหยาบคาย.. จะไม่ทำร้ายกัน..

         คนตัวสูงล็อกประตูรถทุกบานก่อนจะพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสูง
         “จะพาชยาไปไหน..ฮือ” กับเสียงสะอื้นของผม ที่ไม่สามารถหยุดได้เลย
         “หุบปาก!” คนตัวสูงกระแทกกลับมาด้วยน้ำเสียงดุดัน เขาคือใคร.. กวินทร์ไม่เคยพูดจากับผมแบบนี้..
         เพียงเท่านั้นผมก็หยุดขอร้องอ้อนวอนจากเขาคนนี้อีก ทำได้เพียงหุบปาก…อย่างที่เขาสั่ง เพราะสายตาที่เขามองผมเมื่อกี้มันดูเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ นี่สินะ..ธาตุแท้ของกวินทร์





         เครื่องยนต์ถูกเร่งจนรถเบนซ์สีดำพุ่งทะยานด้วยความเร็ว จนมาถึงที่หมาย
   
         ที่ที่ผมอุตส่าห์เลือกที่จะออกมา….


         คอนโดของกวินทร์


       
        ร่างสูงยังคงสีหน้าทะมึนตึง แม้ไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ผมรับรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าผมกำลังโกรธจัดแค่ไหนเพราะแรงบีบและกระชากข้อมือของผมให้ผมเดินตามเขาไปมันทำให้ผมรู้สึกได้

       สุดท้ายร่างกายของผมก็เข้ามาในคอนโดของเขาจนได้ กลิ่นอายของความสุขในอดีตหวนขึ้นมาให้ผมนึกถึง แต่ในตอนนี้กลับมีแต่ความขื่นขม กับความรู้สึกของใครคนหนึ่งที่แตกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี

        “ใครผัวมึง” แววตาแข็งจ้องมองมาที่ผมอย่างเอาเป็นเอาตาย  ทำไมผมถึงยอมรับข้อกล่าวหาที่กวินทร์ยัดเยียดมาให้ผมด้วย เขาไม่ใช่หรอ…ที่เป็นคนทำ ผมถึงได้ปวดร้าวถึงขนาดนี้
        “กูถามว่าใครผัวมึง!!” กวินทร์ตะเบ็งเสียงพร้อมกับบีบไหล่ผมอย่างบ้าคลั่ง
        “…..” สิ่งที่ผมตอบไปมีเพียงน้ำตา
        “มึงไม่ตอบใช่มั้ย ได้!” ทันใดนั้นร่างของผมก็ถูกโยนลงบนโซฟาทันที ขาสองข้างเซทำให้ส่วนบนของร่างกายล้มลงกับโซฟานิ่ม แต่ทว่าหัวของผมโดนพนักวางแขนเข้าอย่างจัง
         ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าความเจ็บที่สมองที่โดนกระแทกกับหัวใจ อันไหนเจ็บหนักกว่ากัน..
 
        หัวผมอื้ออึงไปหมด หลับตาปี๋ด้วยความเจ็บปวด ทว่าร่างสูงไม่สนใจกับการกระแทกที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย กลับขึ้นคร่อมบนตัวของผม แล้วยัดเยียดจูบเข้ามาอย่างรุนแรง

         เขามุทะลุที่จะดันลิ้นร้อนๆเข้ามาในโพรงปากของผม แต่ผมต่อต้านเขาอย่าสุดกำลัง เขาจึงกัดริมฝีปากของผมแรงๆ แล้วดันลิ้นเข้ามาอย่างเร่าร้อน กลิ่นคาวเลือดจากริมฝีปากโชยเข้าแตะจมูก ซ้ำด้วยความแสบซ่านจากน้ำลายใสที่โดนรอยกัด
         มือหนากระชากเนคไทผมออกแล้วปลดกระดุมเสื้อนิสิตของผมออกตาม เขาขยับมือไปอย่างไม่รู้ทิศทาง เพราะงั้นจึงลงแรงฉีกเสื้อนิสิตของผมออก สองแขนของผมไม่ยอมแพ้ พยายามดันกวินทร์ให้ออกไปจากตัวผม แต่มือหนากลับกดแขนทั้งสองลงมาได้อย่างง่ายดาย
         ลิ้นร้อนดุนดันเข้ามาสำเร็จ พลันตวัดพันกับลิ้นของผมอย่างจาบจ้วง ผมได้แต่สะอื้นในลำคอ พยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ
        คนเหนือร่างของผมฉุนเฉียวขึ้นมาทันทีเมื่อผมพยายามหนีการรุกล้ำของเขา เขาจ้องมองผมด้วยแววตาแข็งกร้าว
       “กูรู้ว่ามึงอยากนอนกับมัน ไม่ได้อย่างนอนกับกู”

       “….”

       “แต่มึงไม่มีสิทธิ์เลือก และไม่มีสิทธิ์ทิ้งกู”

       “….”

       “ถ้าจะทิ้ง ก็ต้องเป็นกูที่ทิ้ง ไม่ใช่มึง!”


       “….!!”




       “อยู่ที่นี่จนกว่ามึงจะตายนั่นแหละไอ้ชยา!!!!”
 


       

   
     
     

           

           


 
       
         



   
 

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ไม่มีคำไหนจะพูดนอกจากคำว่าเลว ทำไมพูไม่รอเพื่อนเลย รู้ว่ารีบไปสอบแต่เพื่อนแกกำลังจะแย่นะ  :ling1:

ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
.





- เซนติเมตรที่ 2 -




.








        ร่างบางรู้สึกตัวขึ้นบนเตียงนุ่มท่ามกลางห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เปลือกตาพยายามปรือขึ้นก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ  ขณะเดียวกันกระบวนการคิดก็เริ่มทำงานอีกครั้ง



        คนที่กำลังนอนอยู่ข้างๆเขาคือกวินทร์ในสภาพเปลือยเปล่า ก่อนที่เขาจะพบว่าตัวเขาเองก็เปลือยเปล่าไม่ต่างกัน…





       เวลาผ่านไปจนขึ้นวันใหม่ แสงอรุณยามเช้าปลุกให้คนตัวเล็กตื่น

        บนร่างของคนตัวเล็กเต็มไปด้วยรอยห้อเลือดสีแดงอมม่วงอยู่หลายบริเวณ โดยเฉพาะต้นคอและบริเวณหน้าอก บางรอยแดงก่ำเสมือนเลือดซิบ บางรอยม่วงคล้ำจนน่ากลัว

        ชยาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นด้วยแรงค้ำยันจากแขนที่สั่นเทาทั้งสองข้าง ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็ทวีความรุนแรงขึ้นมาทันที ของเหลวสีแดงไหลจากช่องทางด้านหลังไปตามเรียวขาและหยดลงบนพื้น บ่งบอกถึงการฉีกขาดของเนื้อเยื่อผนังที่อยู่ภายในจากการกระทำอันรุนแรงของกวินทร์ ความเจ็บแปลบตามตัวประดังเข้าใส่ชยาทุกเซลล์ประสาท ทั้งรอยช้ำจากการบีบ และแผลที่กวินทร์กัดริมฝีปากของเขา


         ทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่คน ‘รัก’ กันกระทำต่อกัน


         ชยาพยุงตัวเองเดินไปจนถึงห้องน้ำ ทิ้งรอยเลือดบนพื้นเป็นจุดๆตามทาง ชยาเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งอยู่บนพื้นห้องน้ำเงียบๆ ชันเข่าทั้งสองขึ้นมากอดเพื่อปลอบประโลมตัวเอง มุดหน้าที่มีแต่คราบน้ำตาลงบนแขน ถึงแม้หลับตาน้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุด พร้อมกับเสียงสะอื้นอย่างหนักหน่วง

         โกรธตัวเองที่เคลิ้มไปตามอารมณ์ของกวินทร์…
         โกรธตัวเองที่ถึงแม้จะตั้งใจว่าจะหนีออกไปให้ไกลแค่ไหน แต่ไม่เคยทำสำเร็จ สุดท้ายก็ต้องกลับมาอยู่ที่นี่ทุกครั้ง...
          เกลียดความอ่อนแอ ตั้งใจจะไม่อ่อนแอ จะเข้มแข็ง แต่ไม่เคยทำได้เลย...
          อ่อนแอจนหยดน้ำตาเป็นเพื่อนคู่ความโศกเศร้าของตัวเองแล้ว

       



          ก๊อกๆ

          “อยู่ข้างในหรอ” คนตัวสูงเคาะถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ และคำตอบที่คนตัวสูงได้รับคือความเงียบ ทำเอาเขาหงุดหงิด  “อยู่มึงก็บอกกูดิวะ! ออกมาได้แล้วไอ้สัด คนจะใช้ห้องน้ำ!”

            ชยายังคงนั่งนิ่งไม่ได้ตอบกลับไป ความเจ็บทั้งกายและใจทำให้เขาอ่อนล้าจนยากที่จะขยับเขยื้อน ห้องน้ำในสายตาชยาดูโคลงเคลงไม่สมส่วน

            ชยากอดเข่าตัวเองแน่นขึ้นพร้อมกับโยกไปมาเบาๆปลอบตัวเอง
 
            ครั้งหนึ่งคนที่เขารักเคยกอดปลอบเขาแบบนี้ แต่ตอนนี้เขากลับต้องกอดตัวเองเพียงลำพัง ซ้ำร้าย…คนที่ทำให้เขาต้องเจ็บปวดก็กลับกลายเป็นคนที่เขารัก


            คนตัวสูงทุบประตูห้องน้ำอย่างเกรี้ยวกราด อารมณ์ของกวินทร์พุ่งพล่าน เดือดดาลไปทั่วทุกเซลล์ของความรู้สึก






      เพราะในส่วนลึกในใจกลัวว่าคนตัวเล็กจะเป็นอะไรขึ้นมา...



            กวินทร์รู้ดีว่าตัวเองเอาแต่ใจแค่ไหน  หัวใจของเขามันเรียกร้องให้ดึงเอาคนตัวเล็กกลับมาอยู่กับเขา อย่าปล่อยไปไหน  และแน่นอนกวินทร์ทำตามอย่างที่ใจสั่ง ถ้ากวินทร์อยากได้อะไรแล้วก็ต้องได้ เขาไม่ชอบการถูกขัดใจ และไม่ชอบให้ใครหักหน้า ยิ่งถ้าเป็นการบอกเลิก เขาสิควรจะเป็นคนบอกเลิกคนอื่น

           หลายร้อยเหตุผลแย่ๆที่กระจุกอยู่ในตัวกวินทร์ ทุกเหตุผลล้วนเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว ทว่าในส่วนลึกของเหตุผลนั้นมันเป็นเพราะ…เขารักชยาต่างหาก
   

           และถ้าคนตัวเล็กเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ กวินทร์จะอยู่ยังไง..


           อีกด้านหนึ่งของประตูไม้ ร่างบางเริ่มสั่นเทา ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ ความเกลียด ความโศกเศร้า ความเจ็บปวดทรมาน และความกลัว...

           โลกที่โคลงเคลงไม่สมส่วนค่อยๆบิดเบี้ยว เปลี่ยนองศาไปทีละนิดๆ จนร่างบางนอนขดคู้ไปกับพื้นห้องน้ำ 

           “ไอ้ชยา! ตอบกู!!”

           “……”
     
          พลั่ก!!!

          กวินทร์พังประตูออก พุ่งพรวดเข้ามาข้างในด้วยใจร้อนรน
   

          อย่าเป็นอะไรนะชยา…


          นั่นคือสิ่งที่กวินทร์คิด ทว่าสิ่งที่ประจักษ์แก่ดวงตาทั้งสองของกวินทร์คือภาพที่ทิ่มแทงเขาเหมือนเสียดหนามหลายร้อยเล่ม…

          ชยากำลังนอนขดคู้ไปกับพื้นห้องน้ำ บนร่างกายของเขามีแต่รอยช้ำสีแดงกึ่งม่วง ซ้ำร้าย..เลือดบนพื้นห้องน้ำก็มากเสียจนกวินทร์ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม



          ดวงตาคู่ล้ำของชยาครั้งหนึ่งเคยฉายแววความสุข แต่ตอนนี้.. ปิดสนิท




          “ชยา!!” ไม่รอช้า ร่างสูงรีบช้อนตัวคนตัวเล็กขึ้นมาทันที แม้คราบเลือดจะเปื้อนเสื้อเขา แต่ก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตของคนในอ้อมแขนเขาแล้ว

           กวินทร์ใส่เสื้อผ้าให้ชยา ก่อนจะอุ้มเพื่อที่จะพาไปโรงพยาบาล ทว่า…
       
           Rrrrrrrrr
           เสียงโทรศัพท์ของคนที่อยู่ในอ้อมแขนเขาก็ดังขึ้น ดึงเอาความสนใจของกวินทร์ไปได้เป็นอย่างดี

           ใครกัน?

           “ฮัลโหล” กวินทร์ถือวิสาสะรับแทน

           [ชยาอยู่ไหนเนี่ย แล้วไปไหนไม่เข้าสอบวะ เป็นห่วง หายไปไหนกลับคอนโดเราได้แล้ว]

           “มึงใคร” กวินทร์ถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ใครกันที่เป็นห่วงออกนอกหน้าขนาดนี้?
           […]

           [มึงสิใคร ชยาอยู่ไหน!]  เพียงเท่านั้น อารมณ์ของกวินทร์ก็กลับมาเดือดดาลทันที เป็นห่วงกันขนาดนี้ก็คงเป็นใครไปไม่ได้แล้ว นอกจาก ผัวใหม่ไอ้ชยา!

           จากความคิดที่จะพาคนตัวเล็กไปโรงพยาบาล คนตัวสูงเปลี่ยนความคิดทันที แล้ววางร่างบางลงตรงนั้นอย่างไม่ใยดี ก่อนจะเดินฟึดฟัดออกไปทิ้งให้คนที่กำลังสลบนอนอยู่คนเดียวบนพื้นห้องเย็นเฉียบ


            กูไม่น่าไปห่วงมึงเลย กูลืมว่ามึงไม่ได้รักกูแล้ว ลืมว่ามึงมีผัวใหม่แล้ว


   
     



      “…..”

     ท่ามกลางห้องสลัวๆกับอุณหภูมิภายในที่ค่อนข้างเย็น คนขี้หนาวอย่างชยาที่กำลังนอนกอดตัวเองอยู่บนพื้นได้แต่กอดตัวเอง ลูบแขนตัวเองป้อยๆ ก่อนจะปรือตาขึ้น

     “…โทรศัพท์..” สายตาของชยาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของตนเองอยู่บนพื้น ไม่ไกลจากตัวเขาเท่าไรนัก

      ถ้ามีโทรศัพท์ เขาก็จะได้หนีไปจากที่นี่…หนีไปจากกวินทร์

     แต่มันกลับเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากๆสำหรับร่างกายของชยาในตอนนี้ คนตัวเล็กอ่อนล้าเต็มที เรี่ยวแรงที่จะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์นั้นไม่มีเลยแม้แต่น้อย ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ อุณหภูมิร่างกายของเขาร้อนระอุผกผันกับอุณหภูมิห้องอย่างสุดขั้ว

     แต่ชยาจะไม่ยอมแพ้…

     มือเล็กพยายามเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ด้วยความยากลำบาก เพียงเอี้ยวตัวไปตามแรงแขน ความเจ็บปวดภายในก็ถาโถมเข้าใส่ชยา

     คนตัวเล็กกัดฟันทน ก่อนจะเอื้อมมือออกไปอีกนิด… อีกนิดเดียว

     ปลายนิ้วนางเฉียดโดนขอบโทรศัพท์หรู ทว่าแรงที่คนตัวเล็กกระทำกับโทรศัพท์นั้นกลับกลายเป็นทำให้โทรศัพท์อยู่ไกลออกไปอีก

     ไม่เป็นไร… นิดเดียวเอง พยายามใหม่


     ‘ไม่มีใครทำอะไรยากๆเสร็จในครั้งเดียวหรอก เขาก็ล้มเหลวมาก่อนทั้งนั้น’

     ชยานึกถึงคำที่เพื่อนรักอย่างถั่วพูเคยบอก พลังของคำพูดนั้นทำให้เขามีแรงใจมากขึ้น มืออีกข้างยันตัวเองให้คลานไปข้างหน้าอีกนิด ก่อนจะใช้มืออีกข้างเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์นั้นมา

     สำเร็จ!

     ความสำเร็จเล็กๆที่ทำได้ด้วยความยากลำบากของชยา  คนตัวเล็กยิ้มแป้นออกมาอย่างภูมิใจกับความสำเร็จนี้  อย่างน้อยสิ่งนี้ก็ย้อมจิตใจอันบอบช้ำของเขาให้ดีขึ้นได้

     ชยาคว้าโทรศัพท์เข้ามาหาตัว หน้าจอของโทรศัพท์แตกละเอียดเพราะคนตัวสูงปามันลงพื้น แต่ก็ยังใช้งานได้อยู่ ชยากดปุ่มเปิด ภาพหน้าจอที่กำลังโชว์หราอยู่ตอนนี้เป็นรูปคู่รูปแรกของเขากับกวินทร์

     ชยากับกวินทร์ในชุดนิสิต ดึงแก้มกันและกัน เอียงหัวชิดกัน ต่างคนต่างมองกัน ต่างคนต่างยิ้ม เป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขจากความรัก

     เป็นอีกครั้งที่น้ำตาของชยาเอ่อล้นดวงตา ตัวเขากับคนตัวสูงในรูปดูมีความสุขกันมากๆ ทำให้อดคิดถึงช่วงเวลาอันล้ำค่านั้นไม่ได้

     เราต่างก็มีความสุขกันแท้ๆ ทำไมตอนนี้กวินทร์ถึงทำกับชยาแบบนี้…

     ทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้…


     “ฮ..ฮัลโหล..พู” ชยาสบัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นออกไปจากหัว เพราะรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่มีทางย้อนกลับมาได้อีกแล้ว ถึงแม้ในใจลึกๆจะยังหวังก็ตาม ชยากดโทรหาที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของเขาอย่างไม่รอช้า

     [ชยาหรอ! อยู่คอนโดไอ้เหี้ยนั่นใช่ไหม เดี๋ยวกูจะไปรับเดี๋ยวนี้!] ไวเท่าความรู้สึก ถั่วพูก็รับรู้ทันทีว่าชยาประสบกับอะไรที่จู่ๆก็หายไปแบบนี้ และถั่วพูก็รู้หน้าที่ของตัวเองดีว่าต้องทำอะไรเมื่อคนตัวเล็กโทรมา

     คนตัวเล็กวางโทรศัพท์ลงข้างตัวก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะก้มมองสำรวจตัวเอง  เสื้อตัวใหญ่ที่ชยาใส่อยู่คือเสื้อของกวินทร์ กลิ่นอายความเป็นกวินทร์ยังติดอยู่บนเสื้อ คนตัวเล็กกอดตัวเอง ซึมซับความเป็นกวินทร์ที่ยังติดอยู่ที่เสื้อนั้นอย่างหวงแหน

     ชยารู้ดีว่าเขาควรจะไปซะตั้งแต่ตอนนี้ แต่หัวใจของเขากลับดื้อดึงอยากอยู่ต่อ



    ขอกอบโกยความสุขอันล้ำค่าที่เคยมีนี้ต่ออีกซักนิด…นิดเดียวเท่านั้น




     คนตัวเล็กกวาดสายตามองไปรอบๆห้องพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆออกมา
      ที่ตรงนั้น…เราเคยนั่งดูหนังเรื่องโปรดด้วยกัน…
     ห้องครัว… เราเคยช่วยกันทำอาหารอร่อยๆด้วยกัน
     ระเบียง... เราเคยหนุนตักกันเพื่อดูดวงดาวบนท้องฟ้า
     เตียงนุ่มๆ….เราเคยกอดให้ความอบอุ่นแก่กัน และมีความสุขด้วยกัน
     
     
     ชยายิ้มกว้างก่อนจะพยุงตัวเองเดินออกมาจากห้องนั้น ชยาเปิดประตูสีหม่นออกพร้อมกับเดินออกไปหยุดอยู่หน้าห้อง หันตัวกลับมามองประตูสีหม่นนี้อีกครั้ง 




     ... จะไม่ลืมเลยว่าเคยมีความสุขในห้องนี้มากมายขนาดไหน











     “จะไปไหน” เสียงอันคุ้นหูของคนตัวสูง ทำเอาชยาสะดุ้งโหยง 

     ร่างบางหันมาตามต้นเสียง สิ่งที่ประจักษ์แก่ดวงตาของชยาคือ ..กวินทร์กับผู้หญิงคนหนึ่ง



     นี่สิความเป็นจริง!

     เลิกหลอกตัวเอง เลิกเข้าข้างตัวเองได้แล้วชยา มีสติซักที...

     คนตัวเล็กกับร่างกายอันบอบช้ำหลังจากถูกคนตัวสูงทิ้งให้อยู่คนเดียว คนตัวสูงก็ยังใจร้ายพาผู้หญิงมาหยามกันต่อหน้า ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ามีชยาอยู่ในห้อง 

     “มองเหี้ยไรนักหนา… กูถามว่าจะไปไหน!” คนตัวสูงตะคอกใส่ชยา ตอกย้ำกับตำแหน่งที่ชยาเป็นอยู่ในตอนนี้นั่นก็คือ…ส่วนเกิน

     “จะลงไปหาอะไรกิน..ข้างล่าง” ชยาพยายามคงน้ำเสียงให้ปกติ เขาจะไม่แสดงพิรุธอะไรให้กวินทร์จับได้อีก เพราะครั้งนี้จะต้องเป็นครั้งสุดท้ายที่ชยาจะตัดคนชื่อกวินทร์ออกไปจากชีวิต
     “ในห้องก็มีทำไมไม่แดก”
     “กวินทร์ปล่อยน้องกวินทร์ไปเถอะ เข้าห้องกันเถอะ…เราหิว” เสียงหวานของคนข้างกายของกวินทร์พูดตัดบท

     น้อง?
     นี่ชยาเป็นน้องของกวินทร์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
     
     “โอเคๆ รีบๆขึ้นมานะไอ้สัด มึงหนีมึงตายแน่!” คนตัวสูงขู่ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

     จริงๆคนตัวเล็กควรจะชินกับการพูดการจาแบบนี้ของกวินทร์ได้แล้ว แต่ในใจของเขากลับกลัวทุกครั้งที่คนตัวสูงด่าทอ

    ในระยะแรกที่ความรักของทั้งสองกำเนิดขึ้นภายในหัวใจ คำพูดทุกอย่างดูสวยงาม หอมหวาน และน่าฟัง คนตัวเล็กไม่เคยเบื่อเลยซักครั้งเวลาพูดคุยกับคนตัวสูง

     แต่พอมาวันนี้ ในระยะที่ความรักพังพลาย ทุกคำสวยหรูที่เคยพูดมันโคตรปลอม  ไม่มีรัก ไม่มีสุข ไม่มีตลอดไป ไม่มีอะไรจริงเลยซักนิด

     มีแต่ประโยคแข็งกร้าว แดกดัน และแช่งให้ตายอยู่ร่ำไป

     ทำเหมือนกับโกรธแค้นกันมานับแรมปี ทั้งๆที่ครั้งหนึ่งเคยบอกว่าจะดูแลกัน อยู่ข้างๆกันตลอดไปแท้ๆ




     ชยาหมุนตัวออกมาแล้วเดินไปตามทางเดินส่วนกลาง พอเสียงปิดประตูดังขึ้น สองขาของคนตัวเล็กก็เร่งความเร็วขึ้นทันที

     จริงๆชยาอยากจะวิ่งออกไปให้เร็วที่สุด แต่กลับไม่เป็นดังใจอยากเพราะชยาทำได้แค่เดินเร็วแค่นั้น สองขามันอ่อนล้า ไม่มีเรี่ยวแรงเลยซักนิด ตลอดทั้งวันไม่มีอาหารตกถึงท้องของเขาเลยแม้แต่น้อย ซ้ำความปวดหัวจากพิษไข้ก็ประดังเข้าหาเขาอย่างรุนแรง ร่างบางกัดฟันอดทนอดกลั้น จนสุดท้ายก็พาตัวเองมาจนถึงล็อบบี้จนได้




      Rrrrrrr
     “ฮัลโหล.. กูอยู่ตรงล็อบบี้” ชยารับสายทันทีที่โทรศัพท์แตกๆนั้นสั่น

     “ฮะ?... ไปทำอะไรล็อบบี้” เสียงถั่วพูดูแปลกๆ

     “ก็..นั่งรอมึงมารับไง”

     “มารับ..?” ทำไมถามแปลกๆ ก็บอกจะมารับไม่ใช่หรือไง

     “มึงจะมารับกูไม่ใช่หรอ…”

     “มึงคิดจะหนีกูหรอไอ้ชยา!!!!” ที่แท้น้ำเสียงนี้ก็คือคนใจร้ายอย่างกวินทร์นั่นเอง ชยาอึ้ง ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม พอลองเอาโทรศัพท์มาดูดีๆแล้ว ชื่อที่อยู่ข้างหลังรอยแตกนี้ไม่ใช่ถั่วพูแต่เป็นกวินทร์ต่างหาก!!

     ไม่รอช้า…ชยารีบวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต เพราะถ้านั่งอยู่ตรงนี้ อีกซักพัก กวินทร์จะต้องลงมาลากเขาไปขังไว้ในห้องอีกแน่ๆ

     Rrrrrrrr
    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ชื่อผู้ติดต่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอนั้นถูกรอยแตกของกระจกปิดทับจนอ่านไม่ออกว่าเป็นใคร

     …กวินทร์หรือถั่วพู…

     ด้วยความที่ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่โทรมา ชยาจึงไม่คิดจะรับสาย ทำแค่เพียง วิ่ง…วิ่งหนีออกไปให้ไกลที่สุด

     
     ท่ามกลางความมืดในเวลาสี่ทุ่มเศษ ฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
     แสงไฟสลัวๆให้ความสว่างขนานไปกับแนวถนน จำนวนรถบนท้องถนนบางลงถนัดตา

     เป็นอีกครั้งที่ร่างบางวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จุดหมายท่ามกลางความมืดนั้น  มีเพียงความหวังเล็กๆที่หล่อเลี้ยงจิตใจและหวังว่าเขาจะทำสำเร็จนั่นก็คือ…ออกไปจากชีวิตกวินทร์

     ชยาต้องทำให้สำเร็จให้ได้ ดังนั้นสองขาเล็กๆของเขาจึงวิ่งต่อไปข้างหน้าอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่สิ…ชยากำลังหลอกตัวเองอยู่ต่างหากว่าไม่เหน็ดเหนื่อย ความจริงเขาแทบจะเป็นลมอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว น้ำตาก็ไหลรินไม่หยุด ร้องไห้หนักพอๆกับเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย…




     วิ่งต่อไป…นายไม่เจ็บหรอกนะชยา.. เดี๋ยวก็ดีขึ้น






     วิ่งต่ออีกนิด.. นายเก่งอยู่แล้ว นายทำได้ชยา…








     อีกนิดเดียวก็จะทำสำเร็จแล้ว…










     อีกนิด…..
   
   











    ตุบ












     “ชยา!!!!!!!!!!” ถั่วพูรีบจอดรถยนต์คันหรู ก่อนจะพุ่งพรวดเข้ามาหาร่างของคนตัวเล็กที่นอนราบไปกับพื้นฟุตบาท

     ถั่วพูช้อนศีรษะของชยาขึ้นมาบนตัก ใช้มือตบๆใบบนใบหน้าเบาๆเรียกสติ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเลยแม้แต่น้อย อุณหภูมิของคนตัวเล็กที่ถั่วพูรู้สึกได้นั้นร้อนระอุ

     ไม่รอช้า…ถั่วพูรีบช้อนร่างของเพื่อนรักของเขาขึ้นมาทันทีแล้วพาไปที่รถหรู ก่อนที่ตัวเองจะวิ่งไปฝั่งคนขับ แทรกตัวลงไปนั่งแล้วรีบสตาร์ทรถไปโรงพยาบาลทันที

     ถั่วพูละสายตาจากท้องถนนมามองคนข้างๆเขาเป็นครั้งคราว เสื้อผ้าไซส์ใหญ่ดูราคาแพงบ่งบอกได้เลยว่าไม่ใช่ของชยา แต่มันดูสกปรกและมอมแมมไปนิด

      ... ชยาวิ่งมาท่ามกลางสายฝนจนหมดแรง สลบอยู่บนฟุตบาท

      ... ที่น่าแปลกใจคือระยะทางที่คนตัวเล็กอย่างชยาวิ่งออกมาต่างหาก มันเป็นระยะทางที่ไกลจากคอนโดเกือบ 3 กิโลเมตร ด้วยสภาพร่างกายแบบนี้แต่วิ่งมาได้ไกลขนาดนั้น  …ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าชยาจะเจ็บปวดรวดร้าวขนาดไหนขณะวิ่ง

     ไฟแดงข้างหน้าทำให้ถั่วพูมีเวลาได้ตรวจดูร่างกายของชยาได้มากขึ้น ซอกคอของชยาคล้ำม่วงเป็นจุดๆ รอยนั้นมากขึ้นๆเมื่อต่ำลงไปในร่มผ้า ริมฝีปากของร่างบางมีสะเก็ดแผลเป็นคราบเลือดที่แห้งกรัง ข้อมือช้ำ ที่ย่ำแย่ที่สุดคือคราบสีแดงเข้มบนเรียวขา ถึงแม้จะแห้งกรังไปแล้วแต่ถั่วพูรู้ได้ทันทีว่ามาจากอะไร

     ผัวะ!
     ถั่วพูต่อยลงบนพวงมาลัยอย่างเหลืออด

     ไอ้เหี้ยนั่น.. ดูแม่งทำกับไอ้ชยา  แม่งยังมีความเป็นคนอยู่ไหมวะ!!

     “ไอ้เหี้ยเอ๊ย!!!!” ถั่วพูสบถออกมาด้วยความฉุนเฉียว ใจเขาพุ่งไปอัดหน้าคนที่ทำร้ายคนตัวเล็กแล้วตอนนี้ แม้ความจริงจะทำได้แค่ต่อยพวงมาลัยไปแรงๆจนเสียงแตรดังลั่นเท่านั้นก็ตาม

     หันมามองคนตัวเล็กทีไรก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ …ถ้าวันนั้นเขาไม่รีบวิ่งไปสอบโดยไม่รอชยา ชยาก็คงจะไม่เป็นแบบนี้…

     ถ้าเขาทำหน้าที่เพื่อนให้ได้ดีกว่านี้ …ชยาก็คงจะไม่ต้องเจ็บปวดแบบที่กำลังเผชิญอยู่

     นอกจากกวินทร์ที่เขาอยากซัดหน้าไปซักหมัดแล้ว ก็เป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่เขาอยากต่อย


     กูไม่น่าปล่อยให้มึงอยู่คนเดียวเลยชยา... กูน่าจะโทรหามึงตั้งนานแล้ว ไม่ใช่มาโทรเอาตอนเช้าของวันถัดมาแบบนี้  กูแม่งโคตรบกพร่องในฐานะเพื่อนเลย…


    “กูขอโทษนะชยา”

     ถั่วพูพูดกับคนข้างๆด้วยน้ำเสียงสั่นเครือกับใจที่สั่นคลอน เขากลัว…กลัวว่าชยาจะเป็นอะไรไป





     ถ้าเพื่อนรักคนนี้เป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ แล้วเขาจะอยู่ยังไง...











โรงพยาบาล


     ประตูกระจกสีขุ่นมัวปิดสนิท ร่างบางถูกวางลงบนรถเข็นของโรงพยาบาลก่อนจะถูกเข็นเข้าไปในห้องตรงหน้าของถั่วพู จิตใจของถั่วพูฟุ้งซ่านคิดไปต่างๆนาๆ แม้เอาดวงตาไปแนบกับกระจกแล้วก็ยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวของเพื่อนรักของเขาเลยซักนิด  ชยายังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง

     ผ่านไปร่วมสองชั่วโมง ร่างภายใต้ชุดกาวน์ก็เปิดประตูสีขุ่นออกมา ไวเท่าความรู้สึก...ถั่วพูลุกพรวดขึ้นมาหาคุณหมออย่างรวดเร็ว

     “ชยาเป็นยังไงบ้างครับหมอ!” น้ำเสียงของถั่วพูร้อนรนจนเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ จะให้ถูกคือเขาร้องไห้มาแล้วต่างหาก



      เพื่อนรักของเขาเคยเป็นคนที่มีความสุข มีรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะตลอดเวลา
      พอมาวันนี้…เพื่อนรักของเขากลับไม่มีทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุข ที่แย่ที่สุดคือ...เพื่อนรักของเขากำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง..




     “ปลอดภัยแน่นอนครับ แต่ขอให้อยู่ในการดูแลของหมอซักสัปดาห์นะครับ” คุณหมอในชุดกาวน์สีขาวสะอาดหยิบคลิปบอร์ดจากพยายาลที่ยืนอยู่ข้างกายมาอ่านคร่าวๆ ก่อนจะพูดอาการต่างๆที่ตนวินิจฉัยมาได้

     “คุณชยา เมธะเนศวร์ มีอาการปอดบวม มีไข้สูง  ถ้าปล่อยให้ตากฝนหรืออยู่ในห้องอุณหภูมิเย็นๆนานกว่านี้อีกหน่อย คุณชยาอาจจะช็อค ดีที่คุณพาเขามาหาหมอได้ทัน” คุณหมอมองหน้าถั่วพูอยู่อึดใจหนึ่ง
      “….หมอไม่รู้ว่าคุณหรือใครทำร้ายเขาถึงขนาดนี้ แต่หมอจะบอกว่ามันเป็นอันตรายและเสี่ยงมากๆ ทั้งตัวคนทำ และตัวของผู้ถูกกระทำ ในวันนี้คุณชยาอาจจะโชคดีที่ไม่มีเชื้อ แต่หมอไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก ไม่มีใครโชคดีไปตลอดหรอกนะครับ”
 
      “..ครับ” ถั่วพูพยักหน้าหงึกหงัก ใจชื้นขึ้นมาเปราะนึง แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะคนตัวเล็กตอนนี้มีอาการปอดบวม แถมยังเป็นไข้อีกด้วย
     “เดี๋ยวหมอจะย้ายคุณชยาไปห้องพักผู้ป่วย อ้อ...ตอนนี้คุณชยาอาจจะแพ้พิษของบาดแผลจึงทำให้มีไข้ ขอความกรุณาช่วยดูแล ควบคุมอุณหภูมิร่างกายของคุณชยาอย่าให้สูงด้วยนะครับ”
     “ครับ” ถั่วพูพยักหน้ารับอย่างยินดี



     ไม่นานนักชยาก็ถูกย้ายไปที่ห้องพัก ถั่วพูเดินตามรถเข็นพยาบาลมาติดๆ สายตาแทบไม่ละจากคนที่นอนนิ่งบนเตียงเลยแม้แต่น้อย

     ตื่นได้แล้วมึง..กูใจไม่ดีเลย ลืมตาได้แล้วชยา…


     ริมฝีปากได้รูปที่เคยสีสดใส ตอนนี้กลับหม่นหมอง ซีดคล้ำซะจนน่าตกใจ ชยาผู้ร่าเริงไม่เหมาะกับชุดผู้ป่วยแบบนี้เลยซักนิด ไหนจะสายน้ำเกลือระโยงระยางนั่นอีก



     ร่างของคนตัวเล็กถูกย้ายมายังเตียงผู้ป่วยในห้องพักพิเศษ ซึ่งถั่วพูเป็นคนเสียค่าใช้จ่ายต่างๆให้ทั้งหมด ทั้งค่ารักษา และค่าแอดมิต เผื่อว่ามันจะช่วยไถ่โทษที่เขาดูแลเพื่อนรักของเขาได้ไม่ดีพอ

     ภายในห้องมีทีวีและตู้เย็นเล็กๆ หน้าต่างกระจกใสเผยให้เห็นวิวกรุงเทพมหานครตอนกลางคืนอย่างชัดเจน ตึกรามบ้านช่องต่างแข่งขันประชันแสงไฟหลากสี ดูสวยงามละลานตา

     ถั่วพูไม่ลืมเบาแอร์ให้อุ่นขึ้น ก่อนจะเดินไปเลื่อนม่านมาบังแสงจากหน้าต่างให้เพื่อนรัก จัดแจงห่มผ้าให้อยู่ระดับอก ก่อนจะมานั่งลงบนโซฟาข้างๆเตียง เปิดทีวีไว้เพื่อกลบความเงียบ แต่ก็ไม่ได้เปิดเสียงดังจนรบกวนการพักผ่อนของคนตัวเล็ก

     คงไม่มีอะไรน่าห่วงเท่าไหร่นัก  บางทีที่ดวงตาของเพื่อนรักของเขาปิดสนิทอยู่แบบนี้อาจจะเพราะต้องการพักผ่อนก็ได้ ชยาคงจะเหนื่อยมามาก…

 
     ติ๊ง!
     เสียงข้อความเข้าของโทรศัพท์ใครซักคนดังขึ้น ถั่วพูมองซ้ายมองขวา ก่อนจะพบว่าเป็นโทรศัพท์ของชยา ถั่วพูถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู

     ติ๊ง!
     ติ๊ง! 
     Rrrrrrrrr
     ติ๊ง! 
     ติ๊ง!
     Rrrrrrrrrr
    ถั่วพูถือได้ไม่ถึงสามนาที ทั้งแชทไลน์ทั้งโทรสนทนา ก็ประดังเข้าใส่โทรศัพท์หรูอย่างถี่รัว ถั่วพูเลื่อนขึ้นไปอ่านข้อความบนๆผ่านแถบการแจ้งเตือน แม้จะอ่านได้ยากลำบากเพราะหน้าจอที่แตกละเอียด แต่ก็พอจับใจความได้

     Gavin : มึงคิดจะหนีกูหรอ
     Gavin : ถุ้ย
     Gavin : อย่าให้กูเจอมึงนะไอ้เหี้ย
     Gavin : ไปแรดกับผัวใหม่มึงให้สุด อย่าลืมเก็บประสบการณ์มานอนกับกูด้วยนะ
     Gavin : เพราะอีกไม่นานมึงก็ต้องกลับมาตายรัง!

     และอีกหลายสิบข้อความ… ทุกข้อความเต็มไปด้วยถ้อยคำหยาบสถุน เหยียดหยามทำเหมือนเพื่อนของเขาไม่มีค่า

     ถั่วพูกัดฟันกรอด เมื่อเลื่อนอ่านข้อความต่ำๆพวกนั้น กำหมัดแน่นด้วยความเดือดดาล


     เป็นคนเหมือนกันแท้ๆ แต่พอคนนึงแม่งให้ใจ อีกคนเสือกเหยียบย่ำ ทำเหมือนอีกคนไม่ใช่คน ไม่มีความรู้สึก



    จากคำหยาบสถุนที่กวินทร์พิมพ์มา กับร่องรอย บาดแผลบนตัวของชยา มันยิ่งตอกย้ำว่า กวินทร์ทำอะไรกับคนตัวเล็กๆอย่างชยามาบ้าง



ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1





Chaya


     หนึ่งวันผ่านไปด้วยความเงียบเหงา ในเย็นของวันถัดมา ผมลืมตาขึ้นหลักจากพักผ่อนมาเกือบ 1 วัน รอยช้ำเริ่มจางลง บางจุดก็ใกล้จะหายดี เหลือเพียงสีน้ำตาลอ่อนๆที่เข้มกว่าสีผิวนิดนึงเท่านั้น แผลที่ริมฝีปากมีแค่สะเก็ดแห้งๆ แต่อาการบอบช้ำภายในยังไม่หายดี ยังคงเจ็บปวด ยากที่จะขยับตัวไปไหน

     ส่วนหัวใจ…ผมกำลังพยายามเก็บเศษเสี้ยวของหัวใจที่แตกสลายมาประติดประต่อกัน  แต่มันช่างยากเหลือเกิน...

     วันนี้ถั่วพูมาเฝ้า มันบอกว่ามันว่าง พอผมฟื้นมันก็มาขอโทษขอโพยผมซะใหญ่โต เรียกงานดราม่าน้ำตาตกกันทั้งคู่ มันบอกว่ามันรู้สึกผิดที่ทิ้งผมไว้คนเดียวตอนนั้น แล้วก็ขอโทษที่โทรไปหาผมช้า จริงๆไม่น่าปล่อยให้ผมหายไปนานขนาดนั้นเลย ซึ่งผมไม่ได้ถือสาอะไรหรอก ถั่วพูมันก็คงจะไม่รู้ใช่มั้ยล่ะว่าผมจะมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ดังนั้นเรื่องนี้ไม่มีใครผิด..ถ้าจะผิดก็คงเป็นผม ผิดที่ไปรักคนอย่างกวินทร์

      ดังนั้นผมก็เลยบอกมันไปว่าผมไม่ถือโทษโกรธอะไรมันเลย อยากจะขอบคุณซะอีก ที่คอยเป็นเพื่อนที่ดีให้ผมขนาดนี้ ตอนไหนที่ผมแย่ หันไปก็จะเจอไอ้พูคอยช่วยเหลือเสมอ อย่างครั้งนี้ค่ารักษาต่างๆมันก็ออกให้ผม ถึงผมจะบอกว่าเดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลแล้วจะคืนก็เถอะ แต่เจ้าตัวก็ดื้อดึงบอกไม่เอาๆอยู่ท่าเดียว

     หมอบอกว่าผมฟื้นตัวเร็ว ส่วนหนึ่งผมคิดว่ามาจากกำลังใจของไอ้พูที่คอยมากวนตีนผมได้ทุกวันนี่แหละ ถ้าขาดมันผมคงเหี่ยวตายคาโรงพยาบาล


     ผ่านไปสามวันแล้ว รอยช้ำต่างๆเริ่มหายดีแล้ว คอผมไม่ได้น่ากลัวเพราะรอยม่วงๆนั่นอีกต่อไปแล้ว เย้! วันนี้ผมขยับแขนขาได้มากขึ้น ไม่เจ็บไม่ปวดเหมือนวันแรกๆ





     แต่ละวันผ่านไปโดยไม่มีวี่แววของกวินทร์เลยซักนิด…


    โทรศัพท์ของผมก็ถูกเพื่อนตัวดีอย่างไอ้พูเอาไปลืมไว้บนรถตอนเอาไปเข้าศูนย์เช็คเครื่องยนต์ แล้วพอเสร็จจากนั้น โทรศัพท์ผมก็หายจ้อย… ไอ้เวรรรรรรรร มันทำโทรศัพท์ผมหาย!

     ถึงหน้าจอมันจะแตก แต่ข้างในมันล้ำค่าสำหรับผมมากๆเลยนะ…

     วันที่หกแล้ว เอาจริงผมเริ่มเบื่อห้องสี่เหลี่ยมแคบๆนี้แล้วว่ะ อยากออกไปข้างนอกเต็มที เอียนกลิ่นยาจะแย่
     วันนี้ผมขยับไปมาได้คล่องตัวมากเลย ไม่เจ็บตรงช่วงล่างแล้วด้วย ถือว่าเป็นสัญญาณดีในการใช้ชีวิตต่อจากนี้มั้ยนะ…

     แต่ก็เอาเถอะ!

     พรุ่งนี้ชยาออกจากโรงพยาบาลแล้วโว้ย!



     “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรมึงวะชยา” ไอ้เพื่อนรักละสายตาจากเกมมาสนใจผมชั่วครู่แล้วก็เล่นเกมต่อ

     “ตื่นเต้นอะ พรุ่งนี้กูจะได้ออกละ คิดถึงบิงซู คิดถึงหมูกะทะและแซลมอน” พูดแล้วก็หิวเลยอะ

     “เออดีๆมึงออกละเราไปกินกัน กูเลี้ยง มึงจ่าย เค ดีล” ไอ้พูพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ผมกำลังจะอ้าปากต่อล้อต่อเถียงแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว

     “เออไอ้พู คอนโดมึงมีว่างปะวะ หอก็ได้ไม่ต้องคอนโดหรอก มึงพอรู้จักบ้างปะ” ผมถาม มันถึงเวลาที่ผมต้องเริ่มใช้ชีวิตด้วยตัวเองแล้ว...โดยปราศจากคนชื่อกวินทร์

     “เดี๋ยวกูถามพวกปี3ให้ พี่แม่งน่าจะพอรู้จัก แต่ถ้ามึงยังไม่ได้ห้อง มึงก็อยู่กับกูไปก่อนก็ได้ คอนโดกูออกจะกว้าง”

     “คอนโดมึงกว้างก็จริงไอ้พู แต่แม่งรกไอ้เหี้ย เก็บกวาดบ้าง!” ผมตอบกวนตีนๆ บทสนทนาที่เหมือนจะมีสาระก็กลับกลายเป็นสัพเพเหระทันทีเมื่อคนที่เป็นคู่สนทนาคือไอ้ถั่วพู



     วันนี้วันสุดท้ายแล้วครับ ที่ผมจะอยู่ที่โรงพยาบาล อาการต่างๆที่ผมเคยเป็นก็ดีขึ้นมากๆ มากพอที่จะไปกินยาและดูแลตัวเองต่อที่บ้านได้ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันดีสำหรับผม

     วันดีที่จะเริ่มต้นใหม่


     ถั่วพูหาคอนโดให้ผมได้แล้ว เป็นคอนโดที่พี่ปี 3 บอกมา เพราะพี่แกก็อยู่คอนโดนี้ แต่อยู่คนละชั้นกับห้องผม วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากมายนอกจาก ย้ายของเข้าคอนโด แล้วก็ขนของ แล้วก็ยกของ แล้วก็แบกของ รวมๆก็ไม่เยอะครับ ไอ้เหี้ย เหนื่อย

     จริงๆของต่างๆของผมมีไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับ เพราะของๆผมส่วนใหญ่อยู่ที่คอนโดกวินทร์ ซึ่งผมไม่มีทางกลับไปเอาแน่นอน เลยเปลี่ยนมาเอาของจากคอนโดไอ้พูแทน ไม่ใช่ของๆผมหรอกนะครับ ของมันนั่นแหละ แต่มันยินดีให้ ผมเองก็ยินดีรับ ดังนั้น...ดีล

     เสร็จจากภารกิจขนของผมก็ต้องไปตระเวนซื้อเสื้อผ้ามาใส่ตู้ พร้อมกับชุดนิสิตและของจิปาถะทั้งหลายแหล่เข้าบ้านใหม่ของผม แม่งเหมือนชีวิตผมมาเป็นเฟรชชี่ปี1ใสๆอีกครั้งอะ ซื้อใหม่ยันชุดนิสิต เพราะชุดเก่าผมแม่งอยู่คอนโด…คอนโดกวินทร์หมดเลย..


     คอนโดผมกับคอนโดกวินทร์เราอยู่ห่างกันมากๆ ตอนนี้ไม่มีการติดต่อหรือเจอหน้ากันกับคนตัวสูงอีกแล้ว ผมเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ เบอร์ใหม่ เอาง่ายๆคือเปลี่ยนใหม่แทบทุกอย่าง ไม่มีสิ่งของชิ้นไหนที่มีกลิ่นอายความเป็นกวินทร์ติดอยู่อีกแล้ว….




     
      ครืดดด

     ผมเปิดตู้เสื้อผ้าออกเพื่อที่จะจัดแจงเสื้อผ้าเข้าไปข้างใน ผมหยิบชุดนิสิตมาแขวนไว้ในตู้อย่างดี ก่อนจะไปในโซนของเสื้อผ้าใส่เล่น ผมจัดเรียงมันตามสีอย่างมีความสุข จนในตู้อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าหลากหลายสี เรียงไล่สีจากอ่อนไปเข้ม
     ผมเอี้ยวตัวมาดูความเรียบร้อยเผื่อมีเสื้อผ้าตกหล่นอยู่บนเตียง กวาดสายตาไปทางซ้ายแล้วไล่ไปทางขวา ..โอเค ไม่มีนะ ทว่าพอผมก้าวออกไปไม่กี่ก้าว สายตาของผมก็ไปโฟกัสกับอะไรบางอย่าง








     เสื้อของกวินทร์





     เสื้อสีเหลืองมัสตาร์ดขนาดใหญ่กว่าตัวผม มีรอยสีแดงขุ่น คราบโคลนเปรอะเปื้อนอยู่เต็มไปหมด  มันถูกวางในลิ้นชักใต้เตียง

     ผมเดินเข้าไปหยิบเสื้อตัวนั้นออกมาจากลิ้นชักอย่างทะนุถนอม ก่อนจะกอดมันไว้ในอ้อมอกอยากไม่กลัวว่าคราบต่างๆจะเปื้อน กลิ่นของกวินทร์ที่อยู่ทุกอนูของเสื้อตัวนี้ ทำเอาผมอดคิดถึงคนตัวสูงไม่ได้...




     ถึงแม้ผมจะหนีออกมาและสร้างระยะห่างระหว่างผมกับกวินทร์ให้ห่างไกลกันมากแค่ไหน แต่ทว่าในทางของความรู้สึก ระยะห่างของผมกับกวินทร์ยังคงอยู่ใกล้ชิดกันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย

















    ในส่วนลึกของหัวใจ ผม…ยังคงรักพี่หมีของผมอยู่เสมอ




     
     

     






   

     


     



           
           
       

ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เซนติเมตรที่ 3



.









     เหนื่อยมั้ยชยา

     วันนี้เป็นยังไงบ้าง

     พักผ่อนบ้างนะ แม่เป็นห่วง






     แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านบานกระจกใสปลุกให้เปลือกตาสีไข่ค่อยๆปรือขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลใช้เวลาชั่วขณะในการปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่าง
     ผมตื่นขึ้นมาในคอนโดใหม่ของตัวเองเป็นวันแรกด้วยอารมณ์ที่ไม่อยากจะตื่นเลยซักนิด ภายใต้ผ้าห่มหนาๆนี่อุ่นจะตาย ซุกตัวอยู่ข้างในนี้มันก็ดีอยู่แล้ว แต่ติดที่ว่าผมมีเรียนเช้านี่แหละ
     ผมคิดทบทวนกับเสียงภายในความฝันของเมื่อคืน เสียงๆหนึ่งที่มีเจ้าของเป็นหญิงวัยกลางคน น้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟังของเธอนั้นผมไม่เคยเบื่อที่จะฟังมันเลยซักครั้ง…ในอดีต

     ชยา หมายถึงชีวิตในภาษาฮิบรู ผมได้รับ ‘ชีวิต’ นี้มาจากครอบครัวธรรมดาๆที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นครอบครัวหนึ่ง มีพ่อและแม่ที่น่ารักและพี่ชายคนนึง  เราอยู่ด้วยกันในบ้านสีครีมเล็กๆห่างไกลจากความเจริญ
     ผมเติบโตขึ้นมาในบ้านหลังนั้นและสังคมนั้นมาได้ 12ปี ผมก็ได้เริ่มเข้าใจแล้วว่า…โลกนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
     ครอบครัว… ไม่ใช่สิ่งที่คอยสนับสนุนเราได้ตลอด
     บ้าน…ไม่ใช่ที่ที่อยู่ได้อย่างสบายใจเสมอไป







     ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนสมัยที่ยังเป็นเด็กชายชยาอยู่
     ‘พี่ภู’ พี่ชายของผมเป็นคนตลก เฮฮา และมีเพื่อนเยอะมากๆ หน้าตาดีจนบางครั้งเด็กชายชยาในสมัยนั้นหวงพี่ชายตัวเองอยู่หน่อยๆ
     ก็ไม่หน่อยเท่าไหร่..

     “ชยา วันนี้เพื่อนพี่จะมาบ้านเรานะ กินหมูทะกัน ชยากินด้วยเปล่า”
     “จริงหรอพี่ภู แล้วพี่น้ำมามั้ยอะ” เด็กชายชยาถามถึงพี่น้ำเพื่อนผู้หญิงของพี่ภู คนที่ทำตัวเกาะแกะกับพี่ภู
     “มาสิ”
     “งั้นชยาไม่กินกับพี่ภูแล้ว” เด็กน้อยประชดด้วยใบหน้าบึ้งตึง
     “พี่น้ำซื้อขนมมาฝากชยาด้วยน้า ช็อกโกแลตเต็มเล้ยย” แต่พอได้ยินแบบนั้นเด็กน้อยกลับตาใสแจ๋ว
     “งั้นชยากินด้วยก็ได้” กลับคำทันใด
     “ฮ่าๆ เห็นแก่ช็อกโกแลตนี่เอง” คนตัวใหญ่ขำลั่น พร้อมกับลูบหัวน้องชายตัวเองอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กหน้าแดงระเรื่อพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
     ผมรักพี่ภูของผมมากๆ หวงพี่ออกนอกหน้าจนบางครั้งดูเสียมารยาท แต่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าคำว่ามารยาทคืออะไรหรอก
     พี่ภูใจดี อบอุ่น และแข็งแกร่ง ปกป้องผมเสมอ พี่ภูเคยบอกผมว่าถ้ามีใครทำร้ายผมให้มาบอกพี่ภู เดี๋ยวเขาจะไปอัดไอ้คนที่ทำร้ายผมให้เละ ผมในตอนนั้นร่าเริงสดใสได้อย่างแท้จริง ยิ้มกว้างอย่างไม่ต้องเสแสร้ง มีเพื่อนสนิท มีครอบครัวที่ดีและมีความสุขมากๆ

     “ชยา วันนี้เป็นยังไงบ้างลูก ที่โรงเรียน” เสียงของแม่เอ่ยถามทุกวันหลังจากที่ผมกลับจากโรงเรียนในสมัยนั้น
     “ดีครับแม่ สนุกมากๆเลย วันนี้มีการบ้านด้วย”
     “มา เดี๋ยวแม่ช่วยสอน”
     “เย้!” เด็กน้อยไม่เคยเกลียดการบ้านเลยเพราะได้คนสอนเป็นแม่ แม่เก่งทุกอย่างในความคิดของเด็กชายชยา ซักผ้าได้สะอาดที่สุด ทำกับข้าวได้อร่อยที่สุด
     “วันนี้แม่ทำต้มยำกุ้งให้กิน ถ้าชยาทำการบ้านเสร็จแล้วเดี๋ยวเราไปกินกันนะ”
     “ค้าบบ แล้วพ่ออยู่ไหนครับแม่ ไม่เห็นเลย”
     “ซ่อมรถอยู่หลังบ้านนู่นแน่ะ เดี๋ยวชยาไปตามพ่อมากินข้าวด้วยกันนะหลังทำการบ้านเสร็จ”
     “โอเคครับ!” เด็กชายชยาตั้งใจทำและตั้งใจฟังคนเป็นแม่สอนอย่างใจจดใจจ่อ พอทำเสร็จก็ไปตามคนเป็นพ่อเพื่อมากินข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
     “แม่ พี่ภูอะ” เด็กน้อยถามเมื่อไม่เห็นคนตัวสูง
     “สงสัยไปนอนบ้านเพื่อนมั้งเนี่ย แย่จริงๆลูกคนนี้ไปไหนไม่รู้จักบอก”
     “หึ! ชยางอนพี่ภูแล้ว!” เด็กน้อยทำหน้าบึ้งตึงอีกครั้ง คนเป็นแม่ตักข้าวใส่จานให้ชยา ส่วนพ่อก็ตักกุ้งตัวโตพร้อมกับเเกะเปลือกกุ้งออก แล้ววางลงในจานเด็กน้อย
 
     เวลาผ่านพ้นไปจนรุ่งเช้าพี่ภูกลับบ้านมาแล้ว แต่เด็กชายชยาไม่ยอมคุยด้วย พี่ภูเลยซื้อพุดดิ้งมะพร้าวอ่อนมาง้อชยา แน่นอนว่าเด็กอย่างชยาหายงอนได้ง่ายๆด้วยของกิน
     ทุกวันผ่านไปอย่างมีความสุข จนถึงคราวที่เด็กชายชยาเติบโตขึ้น เรียนรู้อะไรมากขึ้น และปัญหาต่างๆที่มากขึ้นไปอีกเมื่อคนเป็นพี่เข้ามหาลัย ส่วนชยาก็เข้าสู่รั้วมัธยมทำให้ต้องย้ายจากบ้านหลังนั้นมาในเมืองหลวง มาอยู่คอนโดเล็กๆ ราคาไม่แพงนัก
     คุณพ่อของชยาต้องทำงานหนัก กินเวลาเลิกงานปกติไปมากทำให้กลับบ้านไม่เป็นเวลา ส่วนคุณแม่ก็ทำงานหนักเช่นกันกว่าจะกลับบ้านก็ปาเข้าไปสี่ทุ่ม
     ส่วนพี่ภูแยกไปอยู่หอ เด็กชายชยาจึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว ต้องกลับบ้านคนเดียวในเมืองใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย ต้องข่มตาให้หลับท่ามกลางความมืดเพียงลำพัง
     ชยาเคลิ้มๆจะหลับก็มักจะกระตุก เป็นแบบนี้แทบทุกคืน ซึ่งมันคืออาการของคนกลัว กลัวสถานที่ กลัวความมืด กลัวการนอนคนเดียว
     แต่พอนานเข้าก็ทำให้ชยาชินกับการอยู่คนเดียวและเริ่มไม่พูดไม่คุยกับใคร

     พอผมเติบโตขึ้นจนเป็นนายชยา ปัญหาทุกอย่างก็หนักมากขึ้นเรื่อยๆ พ่อจากที่กลับบ้านไม่เป็นเวลาบางคืนก็ไม่กลับบ้านเลย ซ้ำยังเป็นคนติดเหล้า สร้างความทุกข์ทรมานให้ผมกับแม่อย่างมาก พ่อเริ่มด่า เริ่มบ่นไปทั่ว ด่ากราดด่าทุกอย่าง ใจร้อน ทำลายข้าวของและ…ทำร้ายแม่
     ความรักที่ผมให้คนเป็นพ่อมันลดลงเรื่อยๆจนกลายเป็น... เกลียดเข้าใส้

     นับวันก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นไปอีกเมื่อคนเป็นแม่ที่ผมรักที่สุดเริ่มติดโทรศัพท์ ติดจนเสียการเสียงาน สุดท้ายก็ไม่ได้ทำงาน บ้านเราภาระหนักขึ้น เงินไม่พอใช้ ทำให้พ่อแม่เครียดยิ่งกว่าเดิม แต่คนทำงานกลับเป็นพ่อเพียงคนเดียว
     ส่วนแม่.. ยังคงลั้ลลาอยู่กับจอสี่เหลี่ยมที่จ่ออยู่ตรงหน้า หนักที่สุดคือแม่โทรคุยกับใครก็ไม่รู้ จากบริบทการพูดคุยแล้ว ผมจึงสรุปได้ว่า…





     แม่กำลังมีใครอีกคน…

     ผมใช้ชีวิตโดยที่ไม่จำเป็นก็จะไม่พูดกับใครเลยในครอบครัว ทั้งพ่อและแม่ เราเกิดระยะห่างซึ่งกันและกันมากมายจนไกลสุดลูกหูลูกตา แต่ดีอย่างหนึ่งที่ผมพึ่งตัวเองได้ ผมเรียนดีและมีเกรดที่ไม่น้อยหน้าคนข้างบ้าน ผมจบมัธยมต้นด้วยเกรดเฉลี่ย3.95 แม่ผมดูภูมิใจยกใหญ่ ถ่ายรูปเกรดผมโพสต์ลงเฟสบุ๊กเพื่ออวดสังคมออนไลน์ของเขา
     ส่วนพ่อ..ไม่ได้สนใจอะไรกับเกรดของผมนัก กลับบ้านมาแต่ละครั้งก็ไม่ทำอะไรเลยนอกจากนอน สำรวจบ้านแล้วก็บ่นนู่นบ่นนี่ไร้สาระ

     พอผมก้าวขึ้นสู่สังคมม.ปลาย การเงินของครอบครัวก็คล่องตัวมากขึ้น พ่อได้เลื่อนตำแหน่ง คงจะสมกับเวลาในแต่ละวันที่เสียไปอยู่แหละ
     ผมย้ายโรงเรียนและเลือกเรียนแผนการเรียนพิเศษเพราะผมอยากมีความรู้ให้กว้างๆ แต่พ่อไม่เห็นด้วย บอกว่าเปลืองเงิน ผมก็เลยได้เรียนแผนปกติ
     พี่ภูย้ายกลับมาบ้าน ผมโดนแย่งห้องนอน ทำให้ต้องมานอนกับพ่อแม่
     พี่ภูเปลี่ยนไปมากๆ จะว่าตรงๆคือเขาเหมือนโจรมากขึ้น ดูโทรมๆ แต่พี่ภูก็คือพี่ภูแหละ ผมทำตัวปกติกับเขา เราเล่นกันเหมือนอย่างเคย สนิทกันเหมือนเดิม และ...

     พี่ภูมีแฟน
     พี่สาวคนสวยคนนั้นคือแฟนของพี่ภู พี่ภูพามานอนที่บ้านบ่อยครั้ง ผมไม่ชอบใจเท่าไหร่ ไม่สิ.. ไม่ชอบใจมากๆตังหาก จนในที่สุดเขาก็เลิกกัน ผมว่าส่วนหนึ่งก็เพราะผมทำตัวไม่มีมารยาทกับเขาด้วยแหละ

     “พี่ภูๆ มาเล่นนับเลขกัน” ผมเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องพี่ภู ประตูไม้นี้ไม่ได้ปิดไว้แต่อย่างใด ข้างในมีคนตัวสูงกำลังนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ ผมเรียกอยู่หน้าประตูให้คนตัวสูงมาเล่นเกมนับเลข เกมนี้เป็นเกมที่ผมกับพี่ภูชอบเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ
     กติกาก็คือให้นับ ตั้งแต่ 1-20 โดยนับได้ครั้งละ1หรือ2จำนวนก็ได้ นับสลับกันไปเรื่อยๆ ใครที่นับ20จะเป็นฝ่ายแพ้ ซึ่งผมชนะทุกครั้ง ชนะจนผมเองก็แปลกใจ และผมก็ได้รู้ว่าเป็นเพราะคนตัวสูงยอมแพ้นั่นเอง ครั้งนี้ผมอยากเล่นเกมนี้กับคนตัวสูงอีกซักครั้ง
     “มึงออกไป!!! ทีหลังอย่ามายุ่งกับแฟนกูอีกไอ้เหี้ยชยา!” พี่ภูพูดคำหยาบกับผม พร้อมกับปิดประตูใส่หน้าผม ผมอึ้ง... ทำอะไรไม่ถูก กว่าจะรู้ตัวเลือดกำเดาก็ไหลจนถึงริมฝีปากซะแล้ว
     ชยาแค่อยากเล่นกับพี่ภูเฉยๆเอง...

     ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคำหยาบคายพวกนี้จากปากของเขา...
     เขามีแฟนอีกครั้ง แล้วยังมีเพื่อนที่มักจะพามาที่บ้านบ่อยๆ

      ผมรำคาญ
     ครั้งนั้นที่พี่ภูปิดประตูใส่ผม...ผมไม่โกรธ เพราะผมรู้ดีว่าผมผิดที่ทำตัวไม่ดีกับแฟนพี่ภู แต่นับวันมันยิ่งเลวร้าย...ผมเริ่มตีตัวออกห่างจากพี่ภู เริ่มไม่พูดคุยกับพี่ภู เพราะเขาไม่เคยเกรงใจผมเลย บางครั้งผมมีสอบ ผมต้องการเวลานอน แต่เขาดีดกีต้าร์เสียงดังกับเพื่อนอยู่ข้างนอกห้อง บางครั้งก็เป็นพ่อที่กลับบ้านมาดึก พ่อเข้ามาก็เปิดไฟในห้องนอน ผมตื่นกลางดึกแทบทุกครั้ง ส่วนแม่ก็ไม่สนใจผมเลยแม้แต่น้อย

      ผมอึดอัด
      เกรดเทอมแรกของผมตกฮวบลงมาเหลือแค่ 3.25 ในสายตาคนอื่นมันอาจจะยังไม่แย่เท่าไหร่แต่สำหรับผมแล้วผมยังรู้สึกแย่กับตัวเองเลย ...ทำไมถึงดร็อปมามากขนาดนี้นะ
     ทุกๆคนด่าผม
     ว่าทำไมถึงทำเกรดได้ ‘แค่นี้’ ผมรู้สึกแย่มากๆในตอนนั้นได้แค่นั่งฟังเงียบๆ แต่ในใจผมร้องไห้ไปแล้ว
     ความพยายามอย่างแสนสาหัสของผมกลับกลายเป็นคำว่าแค่นี้ กับคนที่ไม่แม้แต่จะสนับสนุนหรือให้กำลังใจอะไรเลย มีสิทธิ์อะไรมาประเมินค่าผมด้วยคำว่า ‘แค่นี้’








     ผมเกลียดทุกคน
     ผมตั้งใจว่าจะอยู่คนเดียว อาจจะเป็นเรื่องของอนาคตแต่ในตอนนี้ผมจะอยู่คนเดียวในโลกของผมไปก่อน ผมจะไม่ออกความคิดเห็น ไม่พูดคุยกับคนในคนอบครัวอีกแล้ว

     ด้วยความที่ทุกคนไม่สนใจกันอยู่แล้ว ก็เลยทำให้ผมทำสำเร็จ แต่ทว่าวันนึง..
     “ชยามีเสื้อให้พี่ใส่ปะ จะไปข้างนอก”พี่ภูเดินเข้ามาในห้อง ผมนั่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร
     “โว้ย คนถามอยู่เนี่ยไม่ได้ยินหรอ!!” ผมกรอกตาไปมองหนึ่งครั้งแล้วก็อ่านหนังสือในมือต่อ
      พี่ภูถือวิสาสะหยิบเสื้อในตู้ของผมออกมามั่วซั่ว เลือกอย่างไม่มีมารยาท ตัวไหนที่ไม่เอาก็ทิ้งไว้กับพื้นไม่เก็บ แล้วก็เหยียบเสื้อผ้าบางตัวด้วย
     “ตัวนี้ละกัน ยืมหน่อย” พี่ภูใส่เสื้อตัวโปรดของผมอย่างรีบร้อน
     อารมณ์ในตัวผมพลุ่งพล่านอย่างเต็มที่ กำหมัดในมือแน่นก่อนจะเดินไปหาคนตัวสูงแล้วดึงเสื้อที่เขาใส่
     “ถอดออก!” ผมพูดเสียงดัง ตาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเดือดดา
      “...” อีกฝ่ายอึ้งซักพัก ก่อนจะถอดเสื้อออก แล้วฟาดลงพื้นอย่างแรง!
      “กูไม่เอาก็ได้สัด! หวงจัง” ผมตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า เสื้อตัวโปรดที่ผมพึ่งซื้อถูกโยนลงพื้นอย่างไม่ใยดี กับอีกคนตรงหน้าที่ตวาดใส่แล้วฟึดฟัดเดินออกไป
     “อย่ามายุ่งกับกูละกันไอ้ห่า!”เสียงพี่ภูตะโกนด่าผม พร้อมกับชี้หน้าผม ความเดือดดาลของผมปะทุหนักขึ้น
     “เป็นเหี้ยไร!!!!” ผมตวาดเสียงดัง ทันใดนั้นพี่ภูก็เดินฟึดฟัดกลับมาหาผม

     หมัดพี่ภูต่อยลงมาที่หัวผมนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งลำตัว แขน หรือหน้า ก็ถูกพี่ภูทำร้ายไปเสียหมด

    ‘ถ้าใครทำอะไรชยา ชยาบอกพี่นะ พี่จะไปอัดมันให้เละเลย’
     ตลกเนอะ คนที่พูดกลับเป็นคนที่ทำร้ายผมเอง


     ผมตัวสั่นระริก กัดฟันทนความเจ็บ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ไอ้บ้านั่นออกไปแล้ว เหลือแต่ร่องรอยความเหี้ยของมันที่ทำกับผมไว้ 
     ผมเดินกลับมาเก็บเสื้อผ้าที่อยู่บนพื้นเข้าตู้เหมือนเดิม แล้วพาตัวเองออกมาทายาอย่างยากลำบาก
     “..แปปนึงนะตัวเอง ..ชยา หน้าไปโดนอะไรมา?” ผมหันไปตามเสียงก็เจอกับแม่ที่ใส่หูฟังคุยกับใครก็ไม่รู้อีกแล้ว
      “....” ผมไม่ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงมองสิ่งที่แม่ทำนิ่งๆ...ด้วยใจที่แตกสลาย ก่อนจะเดินสวนกับอีกฝ่ายเข้าห้องไปเงียบๆ ปิดประตูล็อกให้เรียบร้อยก่อนจะทรุดลงตรงนั้น
 
      ทำไมผมต้องเกิดมาในครอบครัวแบบนี้..

      ทำไมผมต้องมาเจอคนแบบนี้..

      ทำไมไม่มีใครรักผมเลย..





      และคืนนั้นผมก็หลับไปทั้งน้ำตาอีกคืน





      ผมเป็นคนเก็บตัวมากขึ้น ไม่มีคำถามที่ถามถึงตัวผมเหมือนตอนเด็กๆอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ‘เป็นยังไงบ้าง’ ‘โอเคมั้ย’ ‘เหนื่อยมั้ย’
     จนในที่สุดผมก็จบม.6 และได้ย้ายออกจากบ้านหลังนั้น เพื่อไปอยู่คอนโดที่ใกล้กับมหาลัย ด้วยทุนทรัพย์ของตัวผมเองที่บากบั่นทำงานจนได้มันมา
     ผมมาด้วยตัวเอง หรือเรียกง่ายๆว่าหนีออกมานั่นแหละ ผมไม่ต้องการจะบอกใครให้รับรู้เรื่องราวของผมหรอก พวกเขาจะรู้แค่เพียงผมต่อมหาลัยไหน เท่านั้น

     เพราะถึงบอกไปก็ดูจะไม่จำเป็นสำหรับเขาอยู่ดี 
     ผมเป็นนิสิตปีหนึ่งคณะครุศาสตร์ คณะนี้ไม่ใช่คณะที่พวกเขาหวังให้ผมเรียนเลยซักนิด ในความคิดของพวกเขามีแต่แพทย์ มีแต่ทันตะ หรือวิศวะ เขาคอยยัดเยียดความกดดันนี้ให้ผมเสมอแต่พวกเขาไม่เคยให้กำลังใจกันเลยซักนิด แถมสิ่งพวกนั้นก็ไม่ใช่ความฝันผมเลยอะ
     ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องทำตามสิ่งที่พวกเขาอยากให้ผมเป็น ผมเข้าครุศาสตร์ตามความฝันของตัวเอง ตัวผมอยากเป็นครู คอยสอน คอยอบรมให้ความรู้และคำปรึกษาที่ดีให้กับนักเรียน เป็นส่วนหนึ่งของสถาบันโรงเรียน ให้สถาบันนี้เป็นสถาบันที่สามารถยึดเหนี่ยวจิตใจเด็กได้ ...รองจากสถาบันครอบครัว

     ถ้าอยู่บ้านแล้วไม่มีความสุข อย่างน้อยก็ให้สถาบันโรงเรียนนี้เป็นความสุขให้แทน
     ผมเชื่อว่ายังมีคนที่เจอะเจอปัญหาครอบครัวแบบเดียวกับที่ผมเจออีกมาก แต่ผมไม่อยากให้คนที่เจอปัญหานี้อ่อนแอแบบผม ผมจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยคนเหล่านั้นได้

     แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คิด..
     ชีวิตในรั้วมหาลัยของผมยุ่งเหยิงและวุ่นวาย ผมแทบจะไม่มีเวลาว่างเลยแม้แต่น้อย

     ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยตัวเองของผมมันยากลำบากมากๆ ทั้งต้องปรับตัว ปรับเวลาให้พอเหมาะไม่ฝืนตัวเองในแต่ละวัน เพราะผมต้องเรียนและทำงานไปด้วยกัน
     ผมทำพาร์ทไทม์ร้านอาหารชื่อดัง ถึงแม้จะอยู่ไกลจากคอนโดแต่จำนวนเงินที่ได้นั้นคุ้มค่า ผมจึงไม่คิดจะหางานใหม่เลย
     ผมเจอเพื่อนสนิทสมัยมัธยมอย่างถั่วพู ผมชอบความบังเอิญนี้มากที่สุดเลย อีกฝ่ายคิดว่าผมจะไปแพทย์ ส่วนตัวผมเองก็คิดว่าอีกฝ่ายจะไปทางนิเทศ เพราะเห็นชอบอะไรแนวนั้น แต่ไหงกลับมาอยู่ครุกันทั้งคู่ซะงั้น
     แต่เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยนะ ตอนแรกผมคิดว่าผมต้องเริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่อย่างเดียวซะอีก พอมีเพื่อนสมัยมัธยมมาด้วยมันทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นมากๆอะจริงๆ





     และในช่วงพฤษภาในปีนั้น โลกสีหม่นของผมก็ถูกใครคนหนึ่งแต่งแต้มให้มันมีสีสัน คนตัวสูงเจ้าของทรงผมยุ่งๆสีน้ำตาลเข้มที่ดูธรรมดา แต่กลับเข้ากันกับใบหน้าของเขาได้เป็นอย่างดี คิ้วสีดำคมเข้ม สันจมูกโด่ง ดวงตาสีนิลดูน่าค้นหา เข้ารูปกับเรียวปากบางสีชมพูอ่อนนั้นมากๆ
     เราเจอกันในงานรับน้อง เขาคนนั้นมาพร้อมกับกล้องคู่ใจ ผมไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน ...เดาว่าคงเป็นรุ่นพี่ต่างคณะ รูปร่างที่ดูดีแบบนี้น่าจะเด็กนิเทศละมั้ง 
     พอดวงตาสีนิลคู่นั้นมองมาที่ผมพร้อมกับรอยยิ้มทีไร ใจผมก็เต้นถี่รัวเหมือนจะหลุดออกมาจากอก

     แชะ
     คนตัวสูงถ่ายรูปผม…ใบหน้าของผมตอนนี้คัลเลอร์ฟูลด้วยลิป แถมมาด้วยแป้งดินสอพองและอื่นๆ เส้นผมที่ปรกหน้าก็ถูกพี่ปี2มัดไว้เป็นจุกด้านบน ตาผมไม่ได้มองกล้องเลยซักนิด ไหนจะปากที่อ้าเหวอนั้นอีก …น่าอายเป็นบ้า แต่คนตัวสูงเจ้าของกล้องกลับหัวเราะชอบใจ และยังแอบถ่ายตอนผมเผลออีกเป็นสิบรูป…

     หลังจากจบงานนั้น รูปทุกรูปก็ถูกลงเพจตามสเต็ป ทั้งรูปผมรูปไอ้พูและคนอื่นๆ แต่ไอ้รูปผมเนี่ยสิ คำบรรยายภาพมัน…

     หนูน้อยพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง (ตาลอย) แก้มแด๊งแดงงง
    #ของตากล้องนะครับ


    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นแอดมิน…
    ใบหน้าของผมในรูปนั้นมันฮาแตกมากๆ ทั้งหน้าผากที่สะท้อนแสง แก้มที่โดนลิปแต้มเป็นวงกลมทั้งสองข้าง ปากเหวอๆ กับดวงตาที่มองบนเหมือนหาจิ้งจก…
     แต่ที่แปลกคือพอผมเห็นรูปนั้นผมกลับหุบยิ้มไม่ได้เลย หัวใจผมมันพองโต ใจเต้นตึกตักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในหัวคิดถึงแต่คนตัวสูงผู้ที่ลงรูปๆนี้
     หลังจากนั้นชีวิตที่เคยปกติของผมก็ถูกคนตัวสูงเข้ามารบเร้าอยู่เรื่อย รบกวนหัวใจดวงน้อยๆของผมร่ำไป แต่ผมกลับไม่คิดจะปฏิเสธสิ่งนั้นเลย

     จากระยะห่างระหว่างเราที่มันไกลสุดลูกหูลูกตา ผมและเขาค่อยๆดึงดูดเข้าหากันทีละนิดๆ จนเหลือระยะห่างเพียงฟุตเดียว ระยะห่างขณะนั้นเป็นระยะที่พอดีและพอเหมาะที่จะมีความสุข ผมและเขาเราต่างยิ้มและหัวเราะด้วยกัน แชร์สิ่งที่ตัวเองชอบและไม่ชอบให้กันและกัน ทั้งหนังที่ชอบ อาหารที่ชอบ ทีมฟุตบอล หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่มันกลับไม่น่าเบื่อเลยซักนิด
     ผมกลับอยากรู้จักคนตัวสูงให้มากขึ้นอีก คนตัวสูงก็คงจะเช่นกัน เราต่างขยับเข้าหากันให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ระยะห่างระหว่างเราเหลือแค่คืบ ระยะห่างขณะนี้ทำให้ผมรู้ตัวเองแล้วว่า…ผมรักคนตัวสูงเข้าอย่างจัง

     โลกของผมเป็นสีชมพู มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องดีๆ ไอ้พูกวนตีนผมผมก็ไม่ด่ามันจนมันเองก็แปลกใจ
     ใจของผมเฝ้ารอแต่เวลาที่จะได้อยู่ใกล้ๆคนตัวสูง…


     นิ้วนุ่มของอีกฝ่ายดึงแก้มของผม ผมเองก็ดึงแก้มเขาเหมือนกัน จนแก้มสีไข่ของเขามันย้วย ผมแค่นหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข คนตัวสูงเองก็เช่นกัน ดวงตาสีนิลจ้องมองผมไม่กระพริบ
     เราปรับองศาให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นอีก ใบหน้าอันหล่อเหลาของคนตัวสูงยิ่งมองใกล้ๆแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ใจของผมเต้นถี่รัว เลือดสูบฉีดไปที่แก้มของผมจนผมรับรู้ได้ว่าตอนนี้แก้มผมคงแดงแจ๋แน่ๆ
     ผมกับคนตัวสูงเรากระชับระยะห่างเข้าใกล้กันมากขึ้นทั้งทางกายและทางความรู้สึก หน้าผากของผมแตะกับหน้าผากของคนตัวสูง เรามองตากันพร้อมกับยิ้มแป้นออกมาอย่างมีความสุข  เช่นเดียวกันกับในทางของความรู้สึก…


     ...ระยะห่าง 1 เซนติเมตรระหว่างความรู้สึกของผมกับคนตัวสูงกำลังถูกทำลาย จนต่างฝ่ายต่างสัมผัสถึงสิ่งๆนั้นที่ทั้งผมและคนตัวสูงต่างมีให้กัน สิ่งที่เรียกว่า…ความรัก







     แชะ
     กล้องคู่ใจคนตัวสูงบันทึกรูปคู่ของเรารูปแรก



     ‘เป็นแฟนกันนะชยา’
     ‘…อื้อ!’










     กวินทร์..




     คิดถึงพี่ว่ะ…







มีต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2018 18:53:25 โดย _MindSky »

ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

     ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยขณะล้างจานอยู่ที่ซิงค์ มีเสียงเพลงที่ผมเปิดไว้คลอหูอยู่ไม่ห่าง  คิดว่าเพลงน่าจะช่วยให้ผมดีขึ้นได้ แต่เปล่าเลย…เพลงดันวนมาเป็นเพลงเศร้า แล้วมันก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของผมไปอีก
     ผมหวนนึกถึงเรื่องราวความเป็นมาก่อนที่ผมจะเป็นผมในวันนี้ ทั้งเรื่องครอบครัวต่างๆนานาจนมาถึงเรื่องของกวินทร์ พอมาถึงเรื่องราวของคนตัวสูง ผมก็รู้สึกร้อนๆขึ้นมารอบๆดวงตาทันที
      ความคิดถึงของผมนี่แม่งเห็นแก่ตัวชิบหาย เอาแต่คิดถึงอยู่ได้ ไม่แคร์หัวใจตัวเองเลย
     ลืมไปแล้วหรือไงว่ากวินทร์ทำอะไรกับตัวเองไปบ้าง...
     ผมพยายามเตือนสติตัวเอง แต่ก็ดูเหมือนจะล้มเหลว หรือมันอาจจะพึ่งเริ่มต้นวะ ...บางทีหัวใจของผมอาจจะต้องใช้เวลา

     เดี๋ยวก็คงผ่านไป…
     แต่ระยะเวลากว่ามันจะผ่านไปมันคงทรมานน่าดู..

     น้ำตาเม็ดใสหยดลงบนแก้มสีไข่ของผม ผมปาดมันออกเพื่อลบความอ่อนแอออกไปจากตัวผม ก่อนจะนำจานที่ล้างเสร็จไปใส่ที่คว่ำจาน แล้วไปอาบน้ำเพื่อจะได้ไปมหาลัยซักที
     ผมถอดเสื้อนอนตัวเองออก พร้อมกับมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ภายในห้องน้ำ พอเสื้อนั้นหลุดออกจากไหล่ไปแล้ว ร่องรอยน่าอายสีน้ำตาลอ่อนที่คนตัวสูงเคยทำกับผมก็ปรากฎขึ้นมาทันที บางจุดก็เป็นแผลจากการขีดข่วนของเล็บคนตัวสูง
     ลูบไล้ร่องรอยนั้นเบาๆ ก่อนจะกอดปลอบประโลมตัวเอง…

     ไม่เป็นไรนะชยา.. อีกไม่นานมันจะหายดี…
     มันจะหายไป…พร้อมกับความอ่อนแอที่นายมี
     ซักวันหนึ่ง…นายจะเข้มแข็งขึ้นนะ..

     รถยนต์คันหรูของเพื่อนรักของผมมารับผมถึงคอนโด มันคงยังรู้สึกผิดอยู่ก็เลยสัญญากับผมว่าจะไปรับไปส่งผมเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งผมยินดีกับสัญญานี้มากๆ จะได้ไม่ต้องเสียค่ารถทุกวันๆ ของฟรีชยาชอบครับ
     ผมในชุดนิสิตยืนรอไม่นานก็เห็นเพื่อนรักของผมลดกระจกพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้ผมขึ้นรถ ไม่รอช้าผมรีบเดินไปที่รถทันที
     “กูโบกจนแขนจะหักแล้วนะเพื่อน กว่าจะเห็นกู” พอขึ้นมาได้ เพื่อนพูก็บ่นผมทันที “ใส่แต่หูฟังอยู่นั่นแหละสัด”
     “ก็อยู่คนเดียวมันเหงาอะ” ถ้าผมไม่ได้ฟังเพลงผมคงฟุ้งซ่านร้องไห้โฮอยู่แน่ๆ
     “ไม่เหงาแล้วครับ ถั่วพูคนหล่อคนดีอยู่ข้างๆคุณแล้ว ตอนนี้” เพื่อนพูพูดโฆษณาตัวเองเต็มที่ ผมเบ้ปากล้อเลียนความหล่อของมันไปหนึ่งสเต็ป
     “แล้วขาดเหลืออะไรอีกเปล่า มีอะไรให้กูช่วยบอกได้นะ” ถั่วพูพูด
     “ยังไม่มีว่ะ ถ้ามีเดี๋ยวกูไปจิ๊กมาจากคอนโดมึงเองอะแหละ don’t worry นะครับเพื่อนพู”
     “จ้า มาจิ๊กได้เสมอเลยคุณ เดี๋ยวกูแสตนบายตำรวจไว้รอ”
     “ทำไมวะ ตำรวจขโมยของหรอ”
     “มึงอะขโมยไอ้สัด” ผมกับถั่วพูหัวเราะร่วนขึ้นมาทันที ผมชอบบทสนทนาที่มันผ่อนคลายแบบนี้จัง “กูดีใจนะที่มึงยิ้มได้แล้ว”
     “ก็ยังยิ้มได้ไม่เต็มที่ขนาดนั้นหรอกมึง ในใจกู.. อย่างเมื่อเช้ากูยังเผลอคิดถึงกวินทร์อยู่เลย” ผมพูดไปตามตรง
     “เอาน่าเพื่อน อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวมึงจะดีขึ้น สู้ๆ กูอยู่ข้างๆมึงเสมอ”  ขอบคุณนะเพื่อน นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
     “แหวะ จะอ้วกก” และนี่คือสิ่งที่ผมพูดออกไป พร้อมกับท่าทางกวนส้นเท้าไอ้พู แต่พวกเรารู้กันดีว่าอีกฝ่ายคิดอะไร จะสื่ออะไร ดังนั้นศัพท์คำว่า ‘แหวะ จะอ้วกก’ ในดิกชินนารีเพื่อนจึงให้ความหมายไว้ว่า…ขอบคุณมึงมากๆไอ้เพื่อนรัก

     รถหรูขับเคลื่อนมาตามเส้นทางจนล้อทั้งสี่มาหยุดอยู่ที่ลานจอดรถของมหาลัย ใกล้ๆกับตึกคณะ ทันทีที่รถจอดสนิท ผมกับไอ้พูปลดสายเบลต์ออกก่อนจะเปิดประตูออกและก้าวลงไปจากรถ
     ทันทีที่เท้าของผมโดนพื้น อุณหภูมิความร้อนที่กักเก็บไว้ภายในพื้นคอนกรีตก็ทำร้ายเท้าผมอย่างทารุณทำให้ได้สติและรู้ว่าผมลืมใส่รองเท้า …

     “เอ้าไอ้ฟายเอ้ย ยังไม่ตื่นหรอวะเพื่อน 55555” เพื่อนพูหัวเราะร่วนเมื่อเห็นคนพึ่งตื่นหลังจากหลับไปบนรถแถมเป็นการหลับแบบถอดรองเท้า แผ่หร่าอย่างสบายใจ พอก้าวลงมาจากรถก็ดันลืมใส่รองเท้า
     “สัด” ผมด่ากลับไปหนึ่งสเต็ปกับท่าทางล้อเลียนของมัน ก่อนจะใส่รองเท้าคอนเวิร์สคู่ใจนั้นแล้วก้าวออกมาจากรถอย่างมั่นใจเป็นเทคที่2

     โอเค ซีนนี้ผ่าน
     สองขาของผมแตะลงบนพื้นก่อนจะก้าวเดินไปอย่างมั่นใจ ถั่วพูหันกลับไปกดปุ่มล็อกรถ ก่อนจะเดินคู่มากับผม
     ขาทั้ง2คู่ก้าวฉับๆขึ้นไปบนตึกเพื่อไปยังห้องเรียน แต่สายตาของผมกลับทอดยาวไปทางตึกนิเทศ เพื่อมองหาใครคนนั้น  …ไม่ได้เจอร่วมสัปดาห์นึงแล้ว ไม่รู้ว่าคนตัวสูงจะเป็นยังไงบ้าง จะตามหาผมมั้ย จะคิดถึงผมหรือเปล่า…
     “มองไรชยา” เสียงเพื่อนพูดึงสติให้ผมเลิกเหม่อลอย
     “เปล่า… ปะเข้าห้อง”
     “เข้าไรมึง เราเรียนห้องข้างหน้านู่นสัด ไหวปะเนี่ย” เออว่ะจริงด้วย ผมไหวปะวะเนี่ย
    “กูลืมนิดนึงไม่ได้หรอเพื่อน” ผมถามขำๆ พอสองขามาหยุดหน้าห้องสโลปที่จะเรียนแล้ว หัวใจผมมันสั่งการให้หันกลับไปมองตึกนิเทศอีกครั้ง
     ผมทอดสายตาผ่านระเบียงทางเดินของตึกคณะตัวเองพาดผ่านไปยังตึกนิเทศ

     …แผ่นหลังของใครคนนั้นกำลังเอนพิงกับพนักพิงของเก้าอี้หินอ่อน ใบหน้าของเขายิ้มแย้มอย่างมีความสุข มีเพื่อนของเขาล้อมรอบพร้อมเสียงกีต้าร์และเสียงร้องเพลงอย่างสนุกสนาน กวินทร์เองก็ร้องเพลงไปกับเขาด้วย
     ดีใจจังที่พี่มีความสุข…

     สรรพนามแทนตัวเองด้วยชื่อและเรียกพี่ด้วยชื่อ ผมคงไม่มีสิทธิ์ใช้มันอีกแล้วล่ะ...
     คุณ…กลับไปเป็นรุ่นพี่ที่ใครๆต่างก็รู้จักและเคารพ ส่วนผม..ก็กลับกลายไปเป็นชยาคนเดิม …กลับไปเป็นชยาผู้โดดเดี่ยว

     ระยะห่างระหว่างชยากับกวินทร์ขณะนี้เป็นระยะที่ความรักจบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์ ระยะห่างนั้นห่างไกลมากเสียจนเป็นระยะอนันต์ ...ทั้งทางกายและความรู้สึก…

     การเรียนการสอนในภาคเช้ามันไม่เข้าหัวผมเลยซักนิด ผมเหม่อลอยอยู่หลายรอบจนถั่วพูต้องสะกิดโดยการตบผมอยู่หลายครั้ง ซึ่งมันดึงสติผมมาได้แบบทันทีเลยอะ ไอ้สัด…เจ็บ
     “มึงจะแดกไร” พูเพื่อนรักมือหนักสิบกิโลถามผม เราสองคนเดินมาถึงโรงอาหารใต้ตึกเพื่อจะมาหาอะไรลงท้องในมื้อเที่ยงนี้
     “ชาบู”
     “เอาดีๆ กูจะได้มีแนวทางในการกิน” โว๊ะก็อยากกินชาบูจริงๆอะ
     “กูแดกอะไรก็ได้”
     “งั้นข้าวแกงป้าจุ๊บ”
     “ไม่เอาอะ”
     ”ไหนบอกอะไรก็ได้ไงวะสัด”

     สุดท้ายก็มาจบที่ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ กว่าจะได้แนวทางการกินนี่ผมกับไอ้พูเถียงกันชิบหายอะ ไอ้พูอยากกินข้าวส่วนผมไม่หิวข้าว อยากกินก๋วยเตี๋ยว แต่มันไม่อยากไปต่อแถวซื้อคนเดียว ก็เลยต้องมากินก๋วยเตี๋ยวแบบผม

     Rrrrrrrrrr
     เสียงโทรศัพท์คนตรงข้ามผมดังขึ้น  มันหยิบขึ้นมาด้วยมือข้างนึง ส่วนอีกข้างก็ซู้ดก๋วยเตี๋ยวไปคำนึง

     [ฮัลโหล.. ว่าไงพี่บูม …อ๋อ โอเคๆ เดี๋ยวผมรีบไปพี่ ไอ้ชยาด้วยปะ …โอเคๆ เดี๋ยวกินข้าวก่อนพี่ เดี๋ยวไปเลย เคๆ …ครับผม] ผมนั่งฟังไอ้พูพูดกับใครซักคน จริงๆไม่ได้สนใจเท่าไหร่แต่มันกลับมีชื่อผมไปด้วยนี่สิ เรื่องอะไรวะนั่น
     “ใครวะ” ผมถาม
     “พี่บูม” เออแล้วบูมคือใครอะ “อ่อ มึงคงจะไม่รู้จัก ลุงรหัสกู เขาเรียกเราไปคุยเรื่องรับน้อง เขาบอกทำไมปีนี้ไม่เห็นจัด เลยอยากคุยกับปี2ว่าทำไรกันอยู่ เลยเรียกเราไปคุย”
     “อ่าว กูคิดว่าจัดไปแล้วซะอีกตอนกูอยู่โรง’ บาล” ผมอุตส่าห์เสียใจคิดว่าตัวเองไม่ได้ไปรับน้องซะแล้ว
     “ยัง พวกไอ้ฟ้า ไอ้พี เฮดหลักๆของเราแม่งไม่ว่างติดงานคณะอีกงาน แม่งแบ่งเวลามาคุมงานนี้ไม่ได้ พวกเราเลยไม่มีใครทำเลย”
     “อ่าวชิบหาย” ไม่เอานะผมไม่อยากให้สายรหัสผมจบที่รุ่นผม ผมอยากมีน้องรหัสนะเว้ย
     “รีบกินสัด ปล่อยให้พี่บูมรอนานเดี๋ยวแม่งว้าก” พูพูดจบผมก็รีบจัดการก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าทันที ไอ้พูเองก็รีบร้อนไม่ต่างกัน
     เราสองคนรีบลุกไปยังสถานที่ที่พี่แกนัดทันที ผมว่าพวกผมต้องมีโดนด่ามั่งแหละ แค่ขาดเฮดไปทำไมไม่ทำอะไรกันเลย

     “สวัสดีพี่” ไอ้พูยกมือไหว้พี่ๆ ผมเองก็ยกมือไหว้ตาม ที่นี่มีทั้งปีสี่ ปีสาม และพวกปีสองทุกคน
     “วันนี้ที่เรียกมาคุย พวกมึงก็รู้ใช่มั้ยว่าเรื่องอะไร” ผมพยักหน้า เตรียมพร้อมโดนเชือด “พวกมึงอยากให้สายรหัสมันจบที่รุ่นมึงหรอวะ พอไอ้ฟ้า ไอ้พีไม่ว่างพวกมึงก็ทำอะไรกันไม่เป็นเลยหรอ พวกมึงปี2แล้วนะเว้ย ศักยภาพพวกมึงแม่งก็มากพอๆกับไอ้ฟ้าไอ้พีอะ ทำไมพวกมึงทำกันไม่ได้วะ...ถามจริง” เสียงคนเป็นพี่พยายามไม่ดุด่ารุ่นน้อง
     แกคือ ‘พี่อาร์ต’ เฮดรับน้องของปีที่แล้ว พี่อาร์ตเป็นคนจริงจัง และมีความสามารถมากๆ พี่แกโคตรไอดอลผมเลยอะ
     “ตอบ กูถาม” บรรยากาศเริ่มมาคุ ผมเองก็ไม่รู้จะตอบอะไร เพราะไม่ได้อยู่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับคนอื่นเลย ฉนั้นผมเลยทำได้แค่นั่งนิ่ง รอดูสถานการณ์ต่อไป ต้องมีซักคนดิที่รู้เรื่องแล้วตอบพี่อาร์ตได้อะ…
     “อะไม่ตอบ สรุปมึงจะไม่รับน้องใช่ปะ ตอนกูรับมึงปีที่แล้วกูก็บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าถ้ามีคนถาม ต้องมีคนตอบ พวกกูไม่ได้สอนให้พวกมึงกล้าแสดงออก กล้าพูด กล้าตอบหรอวะ”
     “นั่งนิ่งอยู่นั่นแหละ โว๊ะ!  งั้นก็เลิกคุย จบแยก!” พี่อาร์ตเริ่มโมโหเมื่อไม่มีใครให้คำตอบเขาได้ เขาลุกเดินออกไปทันทีเมื่อเขาไม่ได้คำตอบ
     “เห้ยอาร์ตใจเย็น” พี่อีกคนลุกไปตามพี่อาร์ตทันที
      “จะไม่มีใครตอบไอ้อาร์ตมันจริงๆหรอวะพวกมึง” พี่ฟางพี่รหัสไอ้พูพูด คนนี้พี่แกเป็นสาวห้าว แกโคตรคนจริงอะ  แล้วก็เกรียนสัดๆพอๆกับเพื่อนผม เรียกได้ว่าเชื้อไม่ทิ้งสายจริงๆ
      “พี่ฟางพี่ คือตอนเนี้ย พวกผมอะคิดเกมคิดไรไว้แล้ว เตรียมอุปกรณ์แล้วแต่ยังไม่เสร็จครับ” ไอ้พูพูด สงสัยโดนเพื่อนคนอื่นกระซิบมาให้พูดมั้ง
     “เออก็แค่งั้น พวกมึงมากลัวไรวะ แค่พูดออกมาอะ ไม่ได้ยากเลย แล้วเนี่ยที่มาคุยก็จะถามว่าปัญหามันมีอะไรบ้าง ให้พวกกูช่วยมั้ย ไอ้เชี่ยพวกมึงเล่นนั่งนิ่งเป็นพระอิฐพระปูนตอนไอ้อาร์ตพูดด้วย เป็นมึงมึงไม่ฉุนหรอวะ” พี่ฟางพูดอย่างจริงจัง
     “ปัญหาก็มีเรื่องเวลาของพวกผมครับ แม่งว่างไม่ค่อยตรงกัน คือนอกจากไอ้ฟ้าไอ้พีแล้วพวกไอ้ปายก็ติดอีเว้นห่าเหวอะไรก็ไม่รู้… ผมจำไม่ได้”
     “เรื่องนั้นพวกมึงเคลียร์กันเอาเอง พวกมันกี่คนเองที่ไม่ว่าง แล้วดูพวกมึงที่เหลืออยู่ตั้งกี่คน พวกมึงมีศักยภาพเท่าๆกันอะ สองมือสองตีน ทำได้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าไอ้ปายไอ้ฟ้ามันจะทำดีได้คนเดียวซักหน่อย”
     “เอางี้เดี๋ยวพวกอุปกรณ์กูจะช่วยทำ แต่ทีนี้มันขาดเฮด...ถูกปะ เพราะไอ้ฟ้าไอ้พีไม่อยู่ กูจะเลือกเฮดให้ แต่กูจะบอกอย่าง อย่าหวังพึ่งเฮดอย่างเดียว พวกมึงต้องช่วยเฮดมันทำด้วย เฮดแม่งแค่คนคุมงานดูแลงานเฉยๆ พวกมึงต้องช่วยๆให้ความร่วมมือมันด้วย อย่าโยนงานให้มันอย่างเดียว” พี่ฟางพูด ก่อนจะทอดสายตาดูใครซักคนที่พอจะเป็นเฮดได้
     “ชยาลุก”

     …..
      สายตาพี่ฟางมาหยุดลงที่ผม ..ชิบหายละ

     “คนนี้เฮดของพวกมึง” นั่นไง เวรกรรมที่แท้
     แต่เอาก็เอาวะ... ไม่เราก็ต้องเป็นใครซักคนนึงที่ต้องเสียสละอยู่ดี
     “..ครับ” ผมตอบรับอย่างจำนน

     การพูดคุยจบลงที่การแบ่งงานเป็นฝ่ายๆ โดยมีฝ่ายอุปกรณ์ ฝ่ายพิธีกรสันธนาการ ฝ่ายพี่ว้าก โดยไอ้พูได้เป็นพี่ว้ากครับ พวกพิธีกรก็เป็นพวกพูดเก่งๆและมนุษย์สัมพันธ์ดี ส่วนอุปกรณ์อันนี้มีเฮดเป็นถาภูมิ เด็กสายอาร์ตแห่งครุศาสตร์ ส่วนผม…เฮดครับ ควบคุมดูแลทุกอย่างเลย 
     ขอให้ไม่เละเถอะสาธุ…

     “ชยา!” เสียงทุ้มนุ่มของใครซักคนเรียกผมเอาไว้ขณะที่ผมกำลังจะเดินออกไปจากจุดที่นัดคุย ผมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะพบกับเจ้าของใบหน้าคมคาย ตัวสูงโปร่ง เผ้าผมถูกเซ็ตอย่างเป็นระเบียบ คิ้วเข้มขบรับกับดวงตาสีน้ำตาลได้อย่างกลมกลืน รวมๆกันแล้วกับบุคลิกและโปรไฟล์ของคนตรงหน้าผมเรียกได้ว่าดีกรีระดับเดือนมหาลัย
     ‘พี่ธน’ พี่รหัสของผมนั่นเอง
     “ ว่าไงพี่ธน โห~ ไม่ได้เจอพี่ตั้งนาน หล่ออะไรเบอร์นี้อะ” ผมแซวเล่นขำๆ
     “เอานี่ไปก่อนเลยพี่ซื้อมาฝาก เนี่ยพึ่งกลับจากเกาหลีเลยนะเนี่ย คิดถึงน้องรหัสเป็นคนแรกเลย” พี่ธนยื่นถุงกระดาษสีเทาเข้มมาให้ผม ข้างในเป็นเสื้อกันหนาวยี่ห้อหรู
     “โห~ แพงน่าดูเลยเนี่ย ขอบคุณค้าบ” ผมยิ้มแป้นพร้อมกับรับถุงนั้นมา
     “ไม่แพงเกินใจพี่หรอก”
     “ป๋ามากพี่มึง” ผมแซวขำๆ
     “โหไรว้าอุตส่าห์พูดภาษาดอกไม้กับน้องรหัสตั้ง2-3ประโยคเมื่อกี้”
     “ไม่ต้องแอ๊บเลยพี่ ผมรู้จักพี่ดีว่ะ” ใครจะรู้ว่าพี่ธนสุดหล่อมาดดูน่าคบหาคนนี้จะปากหมาสุดๆ ชนิดที่ว่า ไอ้พูชิดซ้าย ผมชิดขวา พี่ฟางเดินหน้า พี่อาร์ตถอยหลัง
     “เออๆ แล้วนี่เมื่อกี้เห็นไอ้ฟางเลือกมึงเป็นเฮด มีไรปรึกษากูได้นะ” พี่ธนบอกพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ
     “จ้า มีปรึกษาแน่นอนอะพี่มึง ผมแม่งไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย” ผมบอกไปตามตรง
     “เออดีละที่มึงได้ลอง จะได้มีประสบการณ์เยอะๆ”
     “เยอะไรล่ะพี่ ผมกลัวทำเละมากกว่า” พูดแล้วก็น้ำตาจะไหล คนอย่างชยาเนี่ยนะจะไปคุมใครได้
     “เอ้าสัดกูพูดจริง มึงเชื่อดิไอ้ฟางมันเห็นอะไรบางอย่างในตัวมึง มันเลยเลือกมึง มึงแม่งมีของ กูเชื่อ” ผมชี้ไปที่ตัวเองพร้อมกับทำหน้าแบบ…ฮะ กูเนี่ยนะ
     “หัวนมผมหรอพี่”
     “สัด เดี๋ยวกูบิดหัวนมแตก” คนตัวสูงไม่พูดเปล่าทำมือประกอบด้วย ทำเอาผมไม่กล้าเล่นมุขไรแบบนี้อีกแล้ว พี่แม่งยิ่งพูดจริงทำจริงอีก
      “เป็นไงบ้างวะพี่ ไม่เจอนาน” ผมถามไถ่เป็นมารยาท บทสนทนาดำเนินต่อไปอย่างมีสีสัน เราแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างประสบพบเจอในช่วงที่ผ่านมา แต่ผมคงบอกพี่ธนไปทุกอย่างไม่ได้…
     “มึงเถอะ ได้ข่าวไปแอดมิตโรง’บาลมา เป็นไรละ” พี่ธนถามอย่างเป็นห่วง
     “ปอดบวมว่ะพี่ ตากฝนอาทิตย์ก่อน” นั่นก็ส่วนหนึ่งแต่จริงๆคือสลบตรงกองน้ำขังต่างหาก
     “มึงติสต์หรอไอ้สัด คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีว่างั้น” พี่ธนทำท่าจะตบหัวผม แต่ด้วยวิชานินจาผมจึงหลบทัน
     ในความที่จะตบผมเมื่อกี้ ผมรู้แหละว่าพี่แกเป็นห่วงผม พี่ธนรู้ดีว่าผมอ่อนแอและป่วยง่ายขนาดไหน หลายครั้งที่พี่ธนเป็นคนซื้อยามาให้ผม คอยดูแลผมเป็นประจำ นับว่าเป็นโชคที่ดีของผมแหละที่มีพี่รหัสเทคแคร์เก่งขนาดนี้ 

     …อย่างน้อยในชีวิตแย่ๆของผมก็ยังพอมีเรื่องดีๆอยู่บ้าง








     พี่รหัสตัวสูงเดินคู่ไปกับน้องรหัสที่ตัวเล็กกว่าจนลับสายตา...
     สายตาที่ว่าคือสายตาของใครคนหนึ่งที่กำลังนั่งมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยภายในรถเบนซ์หรูสีดำ เขากอดอกขึ้นมองอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะขับรถตามสองคนนั้นไปช้าๆ.…

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1





-  เซนติเมตรที่ 4  -




     “แล้วเป็นไงบ้างพี่มึง เกาลงเกาหลีอะ” ชยาถามพี่รหัสตัวสูงที่กำลังเดินเคียงข้างด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วอย่างสดใส
     “หนาวไอ้สัด แต่สาวสวยดีอยู่กูชอบ” พี่รหัสตัวสูงตอบกลับ “จริงๆหน้ากูก็พอจะอปป้าได้อยู่อะ มึงคิดเหมือนกูปะ”
     “พกความมั่นใจมาจากไหนเนี่ยพี่”
     “ก็พี่หล่อ”
     “…..”
     “แล้วก็หล่อมาก”
     “แล้วแต่พี่เลยพี่ธน เอาที่สบายใจ”

     บทสนทนาของคนตัวเล็กเจ้าของความสูงระดับปลายจมูกของพี่รหัสดำเนินต่อไปเรื่อยๆภายใต้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างไม่ขาดสาย

     ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของใครอีกคนหนึ่ง...
     ภายใต้รถเบนซ์สีดำคันหรู ข้างในคือพี่หมีของชยานั่นเอง เขาขับรถตามสองคนนั้นมาเงียบๆ ทิ้งระยะห่างพอเหมาะไม่ให้เป็นที่สงสัยพลางจ้องมองคนตัวสูงกอดคอคนตัวเล็กอย่างสนิทสนม แล้วรอยยิ้มของคนตัวเล็กนั่นอีก… เลิกกับกูแล้วมึงมีความสุขเลยนะ นั่นคือสิ่งที่กวินทร์คิดอยู่ภายในใจที่กำลังขุ่นมัว

     คิ้วเข้มได้รูปของกวินทร์ขมวดเป็นปม ในใจได้แต่สงสัยว่าคนตัวสูงที่เห็น เป็นอะไรกับชยา ใช่คนที่โทรมาหาชยาวันนั้นหรือเปล่า...ที่เขารับสายแทน ..ใช่ผัวใหม่ไอ้ชยามั้ย!

     “ละกลับไง” กวินทร์เลื่อนกระจกสีดำขลับนั้นลงเพื่อฟังเสียงบทสนทนาภายนอก ..คนตัวสูงกว่าหยุดถามคนตัวเล็ก

     “กลับไงก็ได้ โตแล้ว” ชยาตอบพร้อมกับมุ่ยปากด้วยท่าทางน่ารักใส่แต่แอบแฝงไปด้วยความกวนส้นเท้าอยู่หน่อยๆ พี่รหัสอย่างพี่ธนเห็นแล้วก็หมั่นเขี้ยว เขกหน้าผากขาวไปหนึ่งที  …ส่วนกวินทร์..ฟันบนเริ่มขบกัดลงกับฟันล่างดังกรอดๆ สายตามองไปทางสองคนนั้นอย่างเอาเรื่อง
     “กูจะถามว่าจะให้ไปส่งมั้ย”
     “ไม่เป็นไร กองความใจดีของพี่ไว้ตรงนั้นแหละ เผื่อสาวๆจะมาเก็บ เดี๋ยวไอ้พูก็มารับผมละ”
     “โอเค กลับดีๆกันล่ะไอ้สัด ไอ้พูขับโคตรเหี้ยกูเคยนั่ง เตือนมันด้วย” พี่ธนบอกอย่างเป็นห่วง
     “คร้าบพ่อ”

     พี่รหัสตัวสูงเดินไปหารถสีบรอนซ์เงินของตัวเองก่อนจะเดินไปทางฝั่งคนขับ แซกตัวเข้าไปภายในแล้วออกรถไป น้องรหัสตัวเล็กที่ยืนอยู่ไม่ห่างโบกไม้โบกมือบ๊ายบายอำลาคนตัวสูง เมื่อพี่รหัสเห็นดังนั้นแล้วจึงชูนิ้วกลางด้วยความรักให้ผ่านกระจกฟิล์มสีดำ

     “กลับดีๆนะพี่ธน!” ชยาตะโกนไล่ตามหลังเมื่อรถคันสีบรอนซ์เงินออกตัวไปแล้ว

     พี่ธน?

     หึ…

     มึงสิต้อง ‘ทน’
     อีกคนที่เฝ้าดูเงียบๆภายในรถไม่รอช้า กวินทร์เปิดประตูรถออกมาก่อนจะเดินไปหาคนตัวเล็กที่กำลังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
     ...คุณหัวใจของชยาตอนนี้เสมือนกับต้นกล้าน้อยๆไม่ประสีประสาที่เคยถูกละเลยถูกทิ้งขาดการดูแล ตอนนี้ได้รับน้ำ ได้รับแสงแดดมั่งแล้ว ทำให้เรื่องราวร้ายๆที่ชยาเคยผ่านมันมาเริ่มที่จะเบาบางลงบ้าง แต่ก็ยังเป็นบาดแผลลึกที่ยังสดใหม่อยู่ ใครสะกิดมันขึ้นมาก็คงเจ็บมากแน่ๆ

     คนตัวเล็กหันหลังกลับมากะว่าจะไปนั่งรอถั่วพูมารับตรงม้านั่ง แต่จังหวะที่กำลังหมุนตัวกลับมานั้นปลายจมูกเขาก็ชนกับปลายคางของกวินทร์ 
     “ข..ขอโท..!” ทันทีที่หันหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าร่างกายของชยาก็ชาวูบ ใบหน้าของเขาซีดลง พลันนึกถึงเรื่องราวร้ายๆที่คนตรงหน้ากระทำกับเขามันก็ทำให้น้ำตาอุ่นๆรื้นขึ้นรอบดวงตา
     “ยิ้มหน้าระรื่นเลยนะเลิกกับกูไป หึ..” กวินทร์แสยะยกยิ้มขึ้น ก่อนจะจับข้อมือคนตัวเล็กไว้ไม่ให้หนี
     “ต้องการอะไรยากชยาอีก..” คนตัวเล็กพยายามดึงข้อมือตัวเองกลับมาแต่ก็ดูจะยากลำบาก
     “ไปตายดิ”
     “…….”
     “กูก็แค่ขับรถมาแล้วเจอคนโสมมอย่างมึงเดินหน้าระรื่นขวางทางรถกูเฉยๆ”
     “…….” ความเจ็บปวดทางกายที่คนตัวเล็กได้รับนั้นเทียบไม่ติดกับความเจ็บปวดจากคำพูดของกวินทร์เลยซักนิด
     “ไม่ต้องหลงตัวเองนะว่ากูต้องการอะไรจากมึงอีก กูขอบอกตรงๆเลยว่า กูได้มึงมาหมดแล้ว! ไม่มีอะไรที่กูอยากได้จากมึงหรอก ถอยไป!” คนตัวสูงกระแทกเสียงหนักๆก่อนจะผลักร่างบางออกไปจากอาณาเขตรถเขา ทำเอาร่างบางล้มลงกลางถนน
     กวินทร์กลับขึ้นไปบนรถแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ ก่อนจะออกตัวไปอย่างเร็วรี่ด้วยความสะใจที่ได้พูดสิ่งที่ตนอยากพูดตอกหน้าชยาออกไป
     
     คนตัวสูงแสยะยิ้มสะใจออกมาคนเดียวภายในรถยนต์หรู แล้วมองไปที่กระจกมองหลังเพื่อดูว่าไอ้คนอ่อนแออย่างชยาจะเป็นยังไงต่อไป

     ไม่นานนักกวินทร์ก็ได้รับรู้ชะตาชีวิตของคนตัวเล็ก...
     ชยาพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น แต่จังหวะที่เขากำลังยืนขึ้นนั้น มีรถยนต์สีดำกำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้เขาเรื่อยๆก่อนจะชนเข้ากับร่างของชยาเข้าเต็มๆ รถคันนั้นไม่เพียงลงมาดูอาการของชยาเลยแม้แต่น้อย มันถอยหลังแล้วขับไปอีกทางทันที
     ร่างบางนอนจมอยู่บนกองเลือดที่นองเต็มพื้นถนน  กวินทร์รู้สึกชาวูบขึ้นมาทันที รอยยิ้มที่กำลังแสยะด้วยความสะใจค่อยๆหุบลง ก่อนจะเหยียบเบรกรถหรูของตัวเองทันที

     เหมือนพระเจ้าจะรับฟังคำที่เขาไล่คนตัวเล็กว่า ‘ไปตาย’
     แต่พระเจ้าคงจะเล่นตลก เพราะกลับกันแทนที่กวินทร์ควรจะดีใจที่คนตัวเล็กตายๆไปซะ ในใจเขากลับว้าวุ่น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าหาเขาอย่างหนัก เพราะถ้าหากชยาเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆก็คงเป็นเพราะเขาเองที่เป็นต้นเหตุ..
     “……..” เหมือนคมหนามแทงลงกลางใจกวินทร์ เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ เขาไม่ได้ต้องการให้คนตัวเล็กเป็นอะไรไปจริงๆซักหน่อย
     ดวงตาคู่ล้ำจ้องมองร่างบางผ่านกระจกมองหลังไม่กะพริบ ใจของเขาตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ก่อนจะเปิดประตูรถแล้ววิ่งไปหาร่างบางที่กำลังนอนนิ่งอยู่ริมถนน

     จู่ๆน้ำตาร้อนๆก็รื้นเอ่อขึ้นมาเสียดื้อๆ เป็นเพราะว่ารู้สึกผิดหรือว่าเป็นห่วงคนตัวเล็กก็ไม่รู้ จิตใจของกวินทร์กำลังสับสน กังวล และกลัวว่าชยาจะตายขึ้นมาจริงๆ ไม่นานนักน้ำตาของเขาก็หยดลงอาบแก้ม ในขณะที่เขากำลังช้อนศีรษะของชยาขึ้นมาบนตัก

     คนตัวเล็กยังคงลืมตาอยู่ ใบหน้าขาวสะอาดของเขามีคราบเลือดไหลเป็นทางตั้งแต่บริเวณหน้าผาก ภาพที่เป็นมันยิ่งตอกให้กวินทร์รู้ว่าสิ่งที่เขาทำกำลังทำให้คนตัวเล็กเจ็บช้ำแค่ไหน
     “กวินทร์..ขอโทษ” แล้วกวินทร์ก็ตัดสินใจพูดคำขอโทษโง่ๆนี้ออกไป แม้มันไม่อาจจะทดแทนความเจ็บปวดที่เขาทำกับชยาได้เลยก็ตาม
     ดวงตาสีดำของคนตัวเล็กเริ่มเลื่อนลอย กวินทร์ไม่รอช้ารีบอุ้มคนตัวเล็กสู่อ้อมอกเพื่อที่จะพาไปโรงพยาบาลทันทีแต่ทว่า…

     “ไอ้เหี้ยกวินทร์!!!! มึงทำอะไรเพื่อนกูไอ้สัด!!” ถั่วพูรีบวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเพื่อนรักทันที เมื่อเห็นผู้เป็นเพื่อนถูกอุ้มในสภาพไร้สติแบบนั้น
     “เสือกอะไรวะ! กูจะรีบพาไปโรง’บาล อย่าพึ่งยุ่ง!” กวินทร์ตอบกลับอย่างหัวเสีย เขาไม่คุ้นชินกับคนตรงหน้าเลยซักนิด ..ใคร มาจากไหน?
     “เอาเพื่อนกูมา กูดูแลได้ไอ้สัด มึงไม่มีสิทธิ์กับเพื่อนกูแล้วไอ้เหี้ย!!” ถั่วพูกัดฟันกรอดอย่างเดือดดาล เดินเข้ามาเพื่อช้อนตัวคนตัวเล็กไปจากกวินทร์อย่างรีบร้อน
     “มึงเห็นมั้ยไอ้ควาย ชยามันจะตายอยู่แล้ว!!”
     “มึงสิจะตาย! จำไว้เลยว่ากูไม่เอามึงไว้แน่”ถั่วพูโอบเพื่อนเขาไว้แน่นถึงแม้เลือดจะเปื้อนเสื้อนิสิตสีสว่างของเขาก็ไม่เป็นไร ก่อนจะชี้หน้าอีกฝ่ายคาดโทษ “มึงคิดว่ามึงเป็นใครมาจากไหน จะทำร้ายเพื่อนกูยังไงก็ได้หรอ ..หึ มึงโคตรสกปรกเลยว่ะ... ปล่อยเพื่อนกูไปเถอะ มันทุกข์กับมึงมาเป็นปีแล้วไอ้เหี้ย! เคยรู้บ้างมั้ยว่าตัวเองทำอะไรผิดไอ้สัด!!!”

     “……” คนตัวสูงเถียงไม่ออกเลยซักประโยค
     กวินทร์ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้คนตัวเล็กไปกับถั่วพูและยืนมองร่างบางห่างออกไปจนลับสายตานิ่งๆ
ทั้งๆที่ในใจอยากตามไปดูอาการคนตัวเล็กใจจะขาด…
     จู่ๆกวินทร์ก็นึกถึงน้ำเสียงที่เขาเคยได้ฟังตอนรับโทรศัพท์ของชยาขึ้นมา เสียงนั้นมันคล้ายกับเสียงทุ้มต่ำของคนที่ชี้หน้าด่าเขาเมื่อครู่มากๆ จนเหมือนจะเป็นเสียงเดียวกัน
     ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น.. ก็หมายความว่า..เขา เข้าใจผิดไปเอง..

     เพื่อค้นหาคำตอบของความสงสัยนั้น กวินทร์ไม่รอช้า รีบขับรถตามรถหรูของถั่วพูไปทันที






     ฝั่งของคนตัวเล็กที่กำลังนอนไร้สติอยู่บนเบาะข้างๆถั่วพูนั้นอาการกำลังย่ำแย่ ของเหลวสีแดงข้นกำลังย้อมให้ชุดนิสิตสีขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง ถั่วพูไม่รู้ว่าคนตัวเล็กบาดเจ็บตรงไหนบ้างแต่ดูจากสภาพแล้วมันยิ่งทำให้เขาต้องรีบพาคนตัวเล็กไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

     ไม่กี่นาทีต่อมารถหรูของถั่วพูก็มาหยุดอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง บุรุษพยาบาลไม่รอช้าเมื่อเห็นสภาพของคนเจ็บ เขารีบนำเตียงพยาบาลมารับคนเจ็บเพื่อพาไปห้องฉุกเฉินทันที
     ถั่วพูพยายามสงบอารมณ์ที่กำลังว้าวุ่นด้วยการหายใจเข้าออกลึกๆ แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้ผล เขาได้แต่เดินไปเดินมาสลับกันนั่งบนเก้าอี้ด้วยความร้อนรน มือสั่นระรัวอยู่นิ่งไม่ได้ ในใจกำลังกลัวว่าเพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวของเขาจะไม่อยู่กับเขาแล้วจริงๆหรอ เขากลัวไปหมดทุกอย่าง เพราะนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขายืนอยู่หน้าห้องนี้ ครั้งแรก..สภาพของชยาก็ไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่เลย ความบอบช้ำครั้งนั้นยังไม่หายดี ...ชยาก็เจ็บเพิ่มอีกแล้ว
     สิบนาทีต่อมาร่างไร้สติของเพื่อนเขาก็ถูกย้ายไปที่ห้องICU ทันที
     ชั่วอึดใจ สายตาของถั่วพูเหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งกำลังวิ่งมาทางเขาด้วยความรีบร้อน ..คนที่เขาเกลียดแสนเกลียด คนที่ทำร้ายเพื่อนรักของเขาจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้
     “ชยาเป็นยังไงบ้าง” กวินทร์หายใจถี่เพราะวิ่งมาด้วยความรีบร้อน
     “แหกตาดู” ถั่วพูพยายามสงบอารมณ์ลง แต่ก็มองร่างสูงโปร่งด้วยความเคียดแค้นไม่ขาด
     “กูถามดีๆ กูเป็นห่วง”
     “อย่าตลกแดก มึงไม่มีสิทธิ์เป็นห่วงเพื่อนกูด้วยซ้ำ” แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาเหน็บแนมออกไป
     “เชี่ยมึงแม่งกวนส้นตีนว่ะ! เป็นใครมาจากไหนวะไอ้สัดกูถามหน่อย พ่อไอ้ชยาหรอ!”
     “หึ” ถั่วพูลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะอัดหน้าหล่อๆของกวินทร์อย่างเต็มแรง ทำเอาเลือดอีกฝ่ายกลบปาก “กูเป็นเพื่อนกับมันมา8ปี มันดูมีความสุขเฮฮาตลอดจนมาถึงช่วงสองปีนี้ที่มารู้จักกับไอ้เหี้ยอย่างมึง!”
     “เชี่ยแม่ง!!” กวินทร์ลุกขึ้นทำท่าจะสวนกลับอย่างเร็วรี่
     “กูจะแจ้งความ” แต่ต้องหยุดกึก “ข้อหามึงพยายามฆ่า!”
     “กูไม่ได้จะทำอะไรมัน มึงอย่ามาพูดเหมือนมึงเห็นทุกอย่าง!”
     “ก็กูเห็นไง!!!” “กูเห็นทั้งหมด.. ตั้งแต่มึงผลักเพื่อนกูแล้ว กูไม่น่ารอดูเชิงมึงเลยไอ้เหี้ยเอ้ย คนอย่างมึงแม่งเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เหี้ยยังไงเหี้ยอย่างงั้น!!” ถั่วพูช้าไปก้าวนึงเช่นเดียวกับครั้งที่ผ่านมา เขาไม่น่าปล่อยให้ชยาคุยกับไอ้กวินทร์เลย ไม่น่าคิดว่าคนเคยรักกันจะเข้าใจกันเลยซักนิด!
     “ไอ้สัด!!!” กวินทร์ผลักถั่วพูจนล้มลงแล้วขึ้นคร่อมบนตัวก่อนจะซัดหมัดหนักๆลงบนใบหน้าคมของถั่วพูถี่รัวจนถั่วพูตั้งรับไม่ทัน
     กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งแตะจมูกของทั้งสอง ทำให้ร่างสูงโปร่งหยุดการกระทำนั้นแต่โดยดี
     “จำไว้ไอ้สัดอย่ามาปากดีกับกู!”
     “ทำกูอีกดิ..”
      “ฮะ..?”
     “ทำกูอีก..แล้วปล่อยเพื่อนกูไป ปล่อยมันไปจากชีวิตมึงเถอะ..นะ กูขอ”
     “…..”
     “มันเจ็บกับมึงมาพอแล้ว”
     “มันก็มีผัวใหม่แล้วไม่ใช่หรอ ยังจะมาเจ็บอะไรกับกู”
     “มันไม่เคยมีใครทั้งนั้น ไม่เคยมีแฟนมาก่อนด้วย มันมีแค่มึง..แล้วมันก็เจ็บเพราะมึงมาปีกว่าแล้ว!”
     กวินทร์มองคนใต้ร่างอย่างสับสนก่อนจะปล่อยให้เขาเป็นอิสระ แล้วทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้หน้าห้องICU ถั่วพูเองก็พยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอยู่ไม่ห่างจากกวินทร์เท่าไรนัก
     “อะไรของมึงวะ.. มันเป็นคนบอกกูเองว่ามันมีคนใหม่”
     “มึงมองตัวเองหรือยังว่ามึงทำอะไรกับมันบ้าง?” “มันเล่าให้กูฟังตลอดว่ามึงททำอะไรกับมันบ้าง มันมาร้องไห้กับกูแทบทุกคืนไอ้เหี้ย”
     “…..” เขาพูดอะไรไม่ออก บางอย่างมันกำลังจุกอยู่ที่อก
     “ทำไมมึงถึงไม่รู้จักพอวะ ถ้าอยากอิสระนอนกับใครก็ได้ แล้วมาคบกับเพื่อนกูทำไม?”
     “…..”
     “มึงยังเห็นว่าชยาเป็นคนอยู่มั้ยวะ.. มึงมีความรู้สึก มันก็มีความรู้สึกเหมือนมึงอะ แล้วทำไมมึงถึงทำร้ายมันขนาดนั้นวะ ไม่สงสารมันเลยหรอ.. มึงไม่เคยรักมันเลยหรอ..?”
     “…แต่มันบอกกับกูเองนะว่ามันมีแฟนใหม่ มีมานานแล้วด้วย”
     “ผิด มันทนกับมึงมานานแล้วต่างหาก”
     “…..”
     “แล้วจะตอบกูได้หรือยังที่กูถาม”
     “อะไร”
     “มึงเคยรักชยามั้ย”
     ถั่วพูจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่ล้ำของอีกฝ่ายเพื่อหาคำตอบ ร่างโปร่งตรงหน้าหลบสายตาของเขาก่อนที่จะกลืนน้ำลายลงคืออึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก
     “กูไม่เคยรักมัน” สิ่งนี้คือความจริงที่กวินทร์พูดตามที่ใจรู้สึก
     “มึงก็เลยคิดว่าการนอนกับคนอื่นไปทั่วแบบนี้มันถูกหรอ?”
     “…..” เขาครุ่นคิดซักครู่ “กูเคยอยู่มาแบบนั้น กูเลยไม่คิดว่ามันผิด แต่ตอนนี้กูหยุดแล้ว ...ตั้งแต่เลิกกับชยา กูเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”
     “กูไม่ได้ถามนะว่ามึงหยุดรึยัง” ถั่วพูกวนตีนไปหนึ่งสเต็ป
     “…..”
     “แล้วถ้าไม่รัก… มึงมาคบกันมันทำไมวะ” คำถามนี้ทำเอากวินทร์อ้ำอึ้งอยู่นานเพราะเขาไม่รู้จะตอบกลับไปยังไงดี แต่เขาก็คงหนีความจริงไม่พ้นหรอก กวินทร์เลยตัดสินใจที่จะบอกถั่วพูออกไป
     “กูพนันเล่นกันกับเพื่อนเฉยๆว่ะ” และนี่คือต้นเหตุที่แท้จริงของความรักชุ่ยๆที่เกิดขึ้น
     “……” ถั่วพูอึ้งไปซักพัก “หนึ่งปีมานี่..คือเกมโง่ๆของมึงหรอ..”
     “ฝากขอโทษเพื่อนมึงด้วยได้มั้ยวะ กูแม่ง.. เข้าใจผิดไปเอง เข้าใจผิดไปหมดเลย” กวินทร์ขยี้หัวตัวเองอย่างหัวเสีย
     “ไม่ว่ะ” ถั่วพูปฏิเสธเสียงแข็ง “ให้เพื่อนกูเข้าใจไปแบบนี้น่าจะดีแล้ว ซักวันหนึ่งมันจะได้ลืมมึงซักที”
     “…” กวินทร์สีหน้าดูไม่จืดเลยในตอนนี้
     “แต่กูขอมึงอย่างเดียวเลย… ปล่อยเพื่อนกูไป” “มันทรมานกับมึงมาพอแล้วว่ะ กูขอมึงดีๆตรงๆเลย”
     “….” ร่างสูงโปร่งเม้มปากแน่น แม้จะรู้เต็มประดาว่าตัวเองสาระเลวแค่ไหน แต่ใจเขาไม่อยากให้คนตัวเล็กของเขาลืมเขาไปจากใจ..
     มันอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ในอีกความรู้สึกหนึ่งที่กวินทร์รู้สึกมาตลอดหลังจากไม่มีชยาในชีวิตนั่นคือ ความรู้สึกที่เหมือนขาดส่วนหนึ่งของชีวิตไปมันเรียกร้องให้กวินทร์ต้องการชยา…
     เขาเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เท่าไหร่…อาจจะเป็นความผูกพันธ์หรือเปล่า..
     …หรือเพราะการที่อยู่กับชยามันกลายเป็นชีวิตประจำวันของเขาแล้วกันนะ..
     กวินทร์อาจจะแค่คิดถึง..อาหารที่ชยาเคยทำให้เขากิน
     คิดถึงคนที่คอยรอเขากลับไปนั่งร่วมโต๊ะอาหารเย็นทุกวัน ..แม้ว่ามันจะดึกแค่ไหน ..แม้ว่ามื้อเย็นจะกลายเป็นมื้อเช้า… คนที่เฝ้ารอก็ยังคงรออยู่แบบนั้น ที่เดิม..ทุกวัน 
     คิดถึงคนที่คอยถามไถ่เรื่องราวแต่ละวัน …คนที่จำได้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร …คนที่ใส่ใจทุกรายละเอียดถ้าเป็นเรื่องของเขา
     คิดถึงผิวนุ่มๆที่เขาเคยสัมผัส …หรืออาจจะเป็นร่างบางที่เขาเคยกอดยามที่อากาศหนาว ..คนที่ขี้หนาวและเป็นหวัดง่าย จนเขาต้องดูแลอยู่บ่อยๆ …คนที่เป็นไออุ่นให้กันและกัน
     คิดถึงรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว…


     “มึงวางใจได้…กูจะไม่ไปยุ่งกับชยาอีกแล้ว”
     น่าแปลกที่ทำไมเขาถึงรู้สึกเหงาๆแปลกๆหลังจากที่ตัดสินใจพูดออกไป…





     เวลายังคงเดินไปข้างหน้าอย่างโหดร้ายเสมอสำหรับคนที่กำลังรอ


     …ชยายังคงอยู่ในห้อง ICU ถั่วพูกับกวินทร์ยังคงนั่งรออยู่หน้าห้องโดยไม่ลุกไปไหน เพียงแต่ว่าเขาทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีก ปล่อยให้ความเงียบสงัดเข้าปกคลุม ต่างคนต่างจมอยู่กับความกังวล ความรู้สึกผิด และความเป็นห่วงอย่างสุดหัวใจ…
     กวินทร์ประสานมือตัวเองเพื่ออ้อนวอนกับพระผู้เป็นเจ้าอีกครั้งเพื่อหวังว่าท่านจะรับฟังแล้วแก้ไขสิ่งที่เขาเคยพูดไปเมื่อก่อนหน้านี้ …เขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากนี้แล้ว ทำได้แค่เพียงภาวนาให้คนตัวเล็กรอดก็เท่านั้น

     “มึง..จะอยู่จนกว่าชยาจะออกมาใช่มั้ย” ถั่วพูถาม
     “…เออ”
     “กูจะไปแจ้งความเอาผิดไอ้เหี้ยนั่นที่ขับรถชน ..ชยาเป็นยังไงโทรบอกกูด้วย เสร็จแล้วกูจะรีบมา”
     ”ได้” เขารับปาก
     “อะนี่เบอร์กู โทรมาทันทีเลยนะถ้าหมอออกมาแล้ว”
     ถั่วพูยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายเมมเบอร์ของตัวเองไว้ ก่อนจะเดินออกไปอย่างเร็วรี่ เขาจะไม่ยอมให้คนที่ขับรถชนเพื่อนเขาหนีรอดไปได้แน่ๆ ยังไงก็ชนกันในม. ก็ต้องเป็นคนในม.นี่แหละ ไม่นิสิต ก็อาจารย์ นักการภารโรง ยาม ต้องเป็นใครซักคนที่ขับรถมักง่ายทำให้เพื่อนเขาเป็นแบบนี้!
     หลังจากที่ถั่วพูออกไปไม่กี่นาทีก็ดูเหมือนพระเจ้าจะให้โอกาสคนอย่างกวินทร์อีกครั้ง… ชายวัยกลางคนในชุดแพทย์ผลักประตูกระจกสีขุ่นออกมา กวินทร์ไม่รอช้ารีบลุกขึ้นไปถามอาการของคนตัวเล็กอย่างเร็วรี่
     “หมอครับ อาการของชยาเป็นยังไงบ้างครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
     “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ เขาอยู่ในการดูแลของหมอแล้ว” กวินทร์อยากจะขอบคุณพระเจ้าซักพันครั้ง ที่ยังใจดีกับเขา
     “แล้วผมเข้าไปเยี่ยมได้มั้ยครับ”
     “ได้ครับ แต่อีกไม่กี่นาทีก็จะหมดเวลาเยี่ยมแล้วนะครับ” คุณหมอตอบอย่างอบอุ่น
     “ครับ ขอบคุณหมอมากครับ!” กวินทร์คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ รู้สึกสบายใจขึ้นมาในระดับนึง


     ภายในห้อง ICU นี้มีเตียงผู้ป่วยหลายเตียง แต่ละเตียงเพรียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ช่วยชีวิต และสายระโยงระยางเต็มไปหมด ร่างเล็กอยู่ข้างหลังม่านสีเขียวนี้เอง.. กวินทร์เดินผ่านม่านเขียวนั้นไปยังอีกฝั่งของเตียงผู้ป่วย ก่อนจะทรุดตัวลง
     จู่ๆก็ชาไปทั่วทั้งร่าง ความเจ็บแปล๊บเหมือนถูกมีดบาดเกิดขึ้นที่กลางอกของเขาตรงหัวใจ สภาพร่างไร้สติของคนตัวเล็กนั้นเป็นภาพที่น่าสลดใจ ก้อนบางอย่างจุกขึ้นมาที่คอทำเอาน้ำตาร้อนๆรื้นขึ้นรอบดวงตา
     ชยากับเครื่องช่วยหายใจ… สายน้ำเกลือ ผ้าพันแผล และเครื่องแสดงสัญญาณชีพจร ทุกๆอย่างนี้กวินทร์อยากถอดออกจากร่างของคนตัวเล็กให้หมด…เพราะมันดูไม่เหมาะกับคนตัวเล็กเลยซักนิด ชยาเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า..
     กวินทร์เอื้อมไปจับมือเล็กขึ้นมาก่อนจะเอามันมาแนบกับแก้มของตัวเอง เพียงเท่านั้นเขาก็รับรู้ถึงอุณหภูมิอันเย็นยะเยือกของคนตัวเล็กทันที…
     …ตอนนี้ชยาคงกำลังหนาวมากๆอยู่แน่ๆ…
     ดวงตาคู่ล้ำจ้องมองไปยังเปลือกตาสีไข่ที่ปิดสนิท หวังเพียงให้เปลือกตาคู่นั้นลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง… เพื่อให้คนอย่างเขาได้ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป…
     “..หนาวมั้ย..” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงถามร่างที่กำลังจมอยู่กับฝันหวานไปแบบนั้น
     “….” แน่นอนว่าไม่มีเสียงตอบกลับมา
     “..ฮีตเตอร์ของชยาอยู่ตรงนี้แล้วนะ.. “ ร่างสูงใช้แก้มนุ่มถูไปกับหลังมือเรียวเล็กหวังจะให้อุณหภูมิของตนเพิ่มความอบอุ่นให้แก่คนตัวเล็กได้…
     “หมดเวลาเข้าเยี่ยมผู้ป่วยแล้วค่ะ” เสียงพยาบาลสาวดังขึ้นเข้ามาในโสตประสาท
     กวินทร์หันไปตามเสียงก่อนจะส่งสายตาเพื่อขอเวลาอีกซักครู่..

     “ขอโทษนะ”
     “…”
     “ต่อไปชยาจะไม่มีไอ้เหี้ยกวินทร์มายุ่งเกี่ยวอีกแล้ว”
     “….”
     “ขอให้หายเร็วๆนะ …มีความสุขมากๆ”
     “…”
     กวินทร์สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะค่อยๆวางมือเล็กลงขนาบข้างลำตัวไว้เช่นเดิม จากนั้นค่อยๆยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากห้อง ICU

     ต่อไปจะไม่มีคนตัวเล็กของกวินทร์หรือพี่หมีของชยาอีกแล้ว..

     จบสิ้นกัน…อย่างสมบูรณ์





















CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
.





เซนติเมตรที่ 5
     






     เวลาพัดผ่านไปอย่างเชื่องช้า ชยาภายในห้องICU ยังคงนอนนิ่งอยู่เช่นเดิม เปลือกตาสีไข่ทั้งสองข้างปิดสนิท ริมฝีปากที่เคยชมพูระเรื่อตอนนี้เริ่มซีดเผือกและแห้งกรัง หน้าผากของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล เช่นเดียวกันกับแขนและขาบางส่วนของเขา แต่บาดแผลภายนอกยังน้อยกว่าความบอบช้ำภายในอยู่มาก เนื่องจากการกระแทกอย่างรุนแรงนั้นส่งผลต่ออวัยวะหลายส่วน
     เครื่องแสดงสัญญาณชีพคงจะเป็นสิ่งเดียวที่เป็นความหวังว่าคนตัวเล็กจะรอดหรือไม่รอด…
 

     ไม่นานนักแสงแรกแห่งรุ่งอรุณก็สาดส่องเข้ามา เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเริ่มวันใหม่กับเช้าอันสดใส แต่คงไม่ใช่กับสถานที่ที่เรียกว่าโรงพยาบาล
     ภายในห้องแห่งชีวิตห้องเดิม ร่างของคนตัวเล็กก็ยังนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงดังเดิมราวกับกำลังจมอยู่ในฝันหวานไม่อยากตื่นมาเจอความจริงอันแสนโหดร้ายอีก

     …ความจริงที่คนที่รักมากที่สุดทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัส เท่านั้นไม่พอ ยังทำร้ายกันจนถึงชีวิตขนาดนี้…

     และ  10 โมงของวันเดียวกันนั้น เหมือนโชคชะตาจะยังไม่ใจร้ายกับคนตัวเล็กเกินไปนัก


 Chaya

      เปลือกตาสีไข่ค่อยๆปรือขึ้นช้าๆ ดวงตาสีนิลหรี่ลงเพื่อปรับรับกับแสงสว่าง ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น เพดานสีขาวกับสายน้ำเกลือระโยงระยางเป็นสิ่งที่ประจักษ์แก่ดวงตาของผม
      ผมพยายามขยับตัวแต่ก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาเสียก่อน จึงขยับไปไหนไม่ได้นอกจากนอนนิ่งอยู่แบบนั้น
     สติสัมปชัญญะเริ่มกลับมาอย่างครบถ้วน ทำให้ผมพอจะนึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ลางๆ แม้ภายในหัวมันจะหนักอึ้งอยู่ก็ตาม
     ผมจำได้ขึ้นใจเลยว่าคนตัวสูงด่าว่าผมยังไงบ้าง เขาไล่ให้ไปตายผม

     ...แต่ทำไมภาพสุดท้ายก่อนที่ผมจะหมดสติถึงเป็นภาพของคนตัวสูงที่กำลังร้องไห้…
     แล้ว..ทำไมผมยังไม่ตายอีก
     ในเมื่อชีวิตของผมไร้ค่ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ..ทำไมไม่ตายๆไปซะ เหมือนที่กวินทร์ต้องการวะ...

     ทุกครั้งที่พยายามจะเข้มแข็ง ..ทุกครั้งที่พยายามจะยืนขึ้นด้วยตัวเอง ผมก็โดนคนใจร้ายเหยียบย่ำเสียทุกครั้ง
     …ในเมื่อผมมันอ่อนแอขนาดนี้แล้วทำไมไม่หายไปให้กวินทร์สมใจอยาก..


     ช่วงเย็นของวันเดียวกัน คุณพยาบาลก็มาทำเรื่องย้ายผมไปที่ห้องพักผู้ป่วยปกติ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เข้ามาพร้อมกับรถเข็นอุปกรณ์พยาบาลต่างๆซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้าง
     “ดิฉันจะล้างแผลให้นะคะ”
     “ไม่เอา.. กลัวแสบ” ผมบอกไปตามตรง
     “ไม่ได้นะคะ คุณต้องล้างแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวันค่ะ อาจจะแสบนิดหน่อย แต่ต้องทนนะคะ” อยากให้เธอรู้จังว่าผมทนเก่งขนาดไหน ..ทนเจ็บ ทนโดนทำร้ายจิตใจมาได้เป็นปี ที่สำคัญคือทนโง่
     “ผมกลัว” เธอจับที่ปลายผ้าพันแผลก่อนจะค่อยๆแกะมันออกอย่างเบามือ แล้วค่อยๆคลายออกอย่างเชี่ยวชาญ
     “ถ้าไม่ล้างแผล แผลคุณจะเน่านะคะ ดังนั้นทนแสบนิดนึงนะ แป็ปเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ” ผมก้มมองดูขาตัวเองที่ถูกคลายผ้าพันแผลออก
     ...แผลสีแดงม่วงดูน่ากลัวพาดผ่านต้นขาและหัวเข่ายาวเป็นแถบ …นี่สินะที่กวินทร์อยากให้ผมได้รับ
     ก็เจ็บดี..
     แต่ไม่เท่าความเจ็บในหัวใจ

     ผมขบเม้มริมฝีปากเป็นการระบายความแสบซ่านจากแอลกอฮอล์ล้างแผลที่กำลังซับๆอยู่ตามแนวแผลจนเสร็จ จากนั้นคุณพยาบาลก็พันผ้าพันแผลสีขาวให้ผมใหม่ทันที
     “เก่งมากค่ะคุณชยา อีกสัปดาห์อาการของคุณน่าจะพอที่จะกลับไปรักษาต่อที่บ้านได้ ดังนั้นช่วงสัปดาห์นี้ ดิฉันจะเข้ามาล้างแผลแล้วก็เปลี่ยนผ้าพันแผลให้คุณทุกวันนะคะ ส่วนอันนี้เป็นยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวดค่ะ ทานหลังอาหารนะคะ” โห.. หนึ่งสัปดาห์กับห้องเดี่ยวแบบนี้ราคาคงหลักหมื่นแหง ผมคงไม่มีตังถึงขนาดนั้น..
     “เอ่อ.. ผมคงไม่มีเงินพอจะนอนเป็นสัปดาห์หรอกครับ ขอไปพักที่บ้าน..”
     “เรื่องค่าใช้จ่ายมีคนจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะคะ”
     “…ถั่วพูหรอครับ” ยิ่งเกรงใจมันเข้าไปใหญ่เลย
     “ไม่ใช่ค่ะ เอ่อ..คุณกวินทร์เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างในการรักษาคุณค่ะ” เธอก้มอ่านเอกสารในมือให้ผมฟัง สิ่งที่เขาพูดทำเอาผมเงียบไปครูหนึ่ง

     “..กวินทร์..?” เขาจะมารับผิดชอบผมทำไมกัน
     “ค่ะ”
     ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย…
     ทันทีที่พยาบาลสาวทำหน้าที่เสร็จ เธอก็หันหลังเดินจากไปพร้อมกับรถเข็นอุปกรณ์ ..ปล่อยให้ความโดดเดี่ยวเข้าเกาะกุมจิตใจคนอ่อนแออย่างผมเพียงลำพัง
     ผมมองทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง แสงไฟระยิบระยับจากตึกรามบ้านช่องพอจะเป็นเพื่อนให้ผมในตอนนี้ได้มั้ยนะ..

     ‘สบายใจดีเนอะกวินทร์ เวลาเหม่อมองไปนอกหน้าต่างแบบนี้ ..แต่อีกความรู้สึกนึง มันรู้สึกโดดเดี่ยวยังไงก็ไม่รู้’
     ‘กวินทร์อยู่ตรงนี้ ถ้ารู้สึกแบบนั้นก็มากอดมา’
     ‘ชยาว่ามันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก วันนึง...กวินทร์อาจจะเบื่อชยาก็ได้’
     ‘มีสิ มีอยู่หนึ่งอย่างนะที่แน่นอน’
     ‘หืม’
     ‘กวินทร์’

     วันนึง..คงจะเป็นวันนี้นั่นเอง ..วันที่อ้อมกอดนั้นไม่มีอีกแล้ว ..หลงเหลืออยู่เพียงแค่ตัวผม..กับความทรงจำ
     มันคงจะเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง ที่คนโง่ๆอย่างผมถูกกวินทร์หลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยถ้อยคำหวานๆชวนให้หัวใจพองโต …แต่ก็ยังคงอยู่ตรงนั้นให้เขาหลอก
     เอามาคิดๆดูคงจะเป็นผมเองต่างหากที่หลอก.. ผมหลอกตัวเองมาตลอดว่าคนตัวสูงจะรักผมจริงๆอย่างที่เขาบอก คิดว่าเขาจะปรับตัวทั้งๆที่ผมรู้อยู่แล้วว่าความจริงเป็นยังไง

     ขณะที่เหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างจู่ๆก็นึกถึงอ้อมกอดของใครคนหนึ่งที่ผมเคยได้รับมันในสมัยเด็ก จู่ๆก็คิดถึงความอบอุ่น คิดถึงไออุ่นจากฝ่ามือแห้งกร้านที่คอยลูบหัวกล่อมผมให้นอนหลับ ใบหน้าของท่านลอยขึ้นมาในหัว อยากกลับไปเป็นเด็กให้ฝ่ามือนั้นลูบหัวอีกครั้ง…แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
     ผมรู้ดีว่าตอนนี้ผมกับครอบครัวนั้นห่างไกลกันเกินไป ห่างเกินกว่าจะเรียกร้องอะไรได้ ทั้งหมดเป็นเพราะผม..ที่เลือกตัดสินใจออกมาใช้ชีวิตคนเดียวโดยไม่บอกใคร โดยไม่นึกคิดเลยว่าโลกภายนอกนั้นโหดร้ายขนาดไหน
     
     

     “เป็นไงบ้างมึง” จู่ๆก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นทำลายความเหงาของผมซะจนผมสะดุ้ง  เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครที่ไหน เพื่อนรักของผมนี่แหละ ถั่วพูเดินดุ่มๆเข้ามาพร้อมกับถุงหิ้วจากร้านสะดวกซื้อ
     “เจ็บนิดหน่อย”
     “อะกูซื้อขนมที่มึงชอบมาฝาก” ถั่วพูวางถุงหิ้วลงพร้อมกับหยิบขนมเยลลี่หมีของโปรดของผมออกมาโชว์ก่อนจะวางลง
     “ขอบคุณไอ้เพื่อน แล้วทำไมหน้าเป็นงั้นวะ...ดูเครียดๆนะมึงอะ” ปกติถั่วพูมันลั้ลลากว่านี้ อย่างวางถุงขนมงี้ก็แทบจะโยน แต่นี่เข้ามาแบบเงียบๆ วางก็วางแบบปกติที่คนเขาทำ มันแปลกๆ..
     “…..”
     “ถ้ามึงเป็นห่วงกูจนหน้าเป็นงั้น กูจะบอกเลยว่ากูทนไหวไม่ได้เป็นอะไรมากเลยเพื่อน แต่มึงคงไม่ห่วงกูหรอก ห่วงแต่สาวไอ้ควาย” กวนตีนไว้ก่อนพ่อสอนไว้ ...เผื่อไอ้พูจะคลายเครียด
     “กูขอโทษ..”
     “ขอโทษเรื่อง?”
     “..ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับมึง”
     “……”
     “วันก่อนที่มึงโดนรถชน กู..กูอยู่ตรงนั้น แต่กูไปช่วยมึงไม่ทัน ..กูขอโทษ..ขอโทษ” ถั่วพูน้ำเสียงสั่นเครือ
     “..ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก ไม่มีใครคิดหรอกว่ารถมันจะพุ่งมาหากูตอนนั้น”
     “กูผิด.. กูผิดเต็มๆเลย กูขอโทษ” ถั่วพูก้มหน้าสะอื้น
     “พูดอย่างกะเป็นคนขับรถมาชนกู ถ้าเป็นอย่างงั้นกูค่อยโกรธ แต่อันนี้มันไม่ใช่เว้ย มึงอย่าโทษตัวเอง ไม่ต้องร้อง” ผมเอื้อมมือไปแตะไหล่มัน “เห็นมั้ยว่ากูก็ยังทนได้ อีกไม่นานกูก็หาย”
     “..ขอโทษ”
     “พอแล้วเพื่อน กูไม่ได้โกรธอะไรมึงเลย คิดมาก”
     ผมสรรหาคำมาพูดปลอบไอ้พูให้เลิกโทษตัวเองอีกประมาณร้อยประโยค มันถึงกลับมากวนตีนผมเหมือนปกติ ผมชอบที่มันกวนตีนนะ อย่างน้อยตอนนี้มันก็ขจัดปัดเป่าความเหงาในใจผมไปได้เยอะเลย
     ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่พอไอ้พูเข้ามาอยู่กับผมท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีเร็วมากจนในห้องมืดสนิท มีเพียงแสงจากโทรศัพท์ของไอ้พูเท่านั้น ส่วนโทรศัพท์ของผมถ้าจำไม่ผิดก็คงแตกสลายเพราะโดนรถเหยียบไปแล้วล่ะ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบเวรี่ๆ
     
      ไอ้พูมานอนเฝ้าผมแทบทุกคืนตลอดหนึ่งสัปดาห์ ส่วนตอนกลางวันก็มีพี่ธนซึ่งมาเยี่ยมผมหรือมานั่งเล่นเกมก็ไม่รู้ แล้วก็พวกพี่ปี3ปี4มาเยี่ยมบ้างบางครั้งบางคราว
     พวกพี่เขาบอกว่าไอ้พูเป็นเฮดงานรับน้องแทนผมแล้ว ซึ่งก็ดีแล้วแหละ ไอ้พูคงจะทำได้ดีกว่าผมอยู่แล้ว ส่วนวันงานก็คงจะเร็วๆนี้มั้ง ผมเองก็ไม่แน่ใจเพราะสภาพผมก็ยังไม่สามารถพาตัวเองไป ม.ได้ อนาถสัดๆ เดินก็ทุลักทุเล แขนก็หยิบจับอะไรไม่ค่อยได้ ทำได้แค่นอนเป็นผักอยู่คอนโด
     ผมไม่ได้รับรู้เรื่องราวของคนตัวสูงมาสัปดาห์กว่าแล้ว คงจะดีกับจิตใจผมแล้วแหละเนอะ..
     
     หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปหลังจากผมออกจากโรงพยาบาล วันนี้อากาศอึมครึมเหมือนฝนจะตก แต่ก็ดีแล้วแหละผมจะได้ไม่ร้อนเพราะวันนี้ผมจะไปเรียนเป็นวันแรกในรอบสองสัปดาห์

     ผมในชุดนิสิตเดินออกมารอไอ้พูมารับหน้าคอนโดแม้ตอนเดินจะยังกะเผลกๆอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เจ็บปวดทรมานมากเท่าตอนแรก ..อยากให้แผลใจผมหายง่ายแบบนี้มั่งว่ะ
     พอถึงเวลาไอ้พูก็มารับผมตามที่นัดกันไว้ มันยังคงทำหน้าที่มนุษย์กวนตีนได้ดีตามเคย
     “ไหวแน่นะมึง” มันถาม
     “ไหวดิ กูใคร”
     “ไม่รู้จักอะ อ่าวแล้วมานั่งรถกูทำไมเนี่ยลงไป๊”
     “สัด นี่เพื่อนเอง”
     “ฟาย อย่าฝืนตัวเอง ยังไงไม่ไหวก็รีบบอกกูละกัน”
     ไม่นานนักเราก็ถึงจุดหมาย ทันทีที่ผมก้าวลงจากรถดวงตาหลายคู่จับจ้องมาที่ผมทันทียังกับผมเป็นสัตว์ประหลาดบุกโลกยังไงอย่างงั้น แต่อาจจะใช่ก็ได้นี่เนอะเพราะเดือนนี้ผมล่อหยุดไป3อาทิตย์ ไม่แปลกเลยที่เพื่อนในคณะจะแปลกใจที่เห็นผมมาเรียนซักที
     
     ผมกับไอ้พูเดินไปที่โรงอาหารใต้ตึกคณะเพื่อหาโต๊ะนั่งเล่นกันก่อนที่จะเข้าคลาสเช้าตอน10โมง ขณะที่สายตาของผมกำลังสอดส่องหาที่โต๊ะที่ว่างและทำเลเหมาะๆก็ต้องสะดุดไปที่แผ่นหลังของใครคนหนึ่งอันแสนคุ้นเคย
     ร่างสูงโปร่งกับหญิงสาวตัวเล็กข้างกายดูเหมาะสมกันอย่างไม่มีที่ติ
     “เฮ้ยไอ้ชยา! ไอ้พู! มานั่งนี่ๆ!” เสียงแผดร้องตะโกนโวยวายดังตีแสกเสียงจ้อกแจ้กจอแจของโรงอาหารซะสนั่นลั่นทุ่ง ไอ้พีกำลังโบกไม้โบกมือเรียกผมกับไอ้พู ซึ่งโต๊ะที่มันนั่งอยู่ไม่ห่างจากตำแหน่งของคนตัวสูงเลย
     ไอ้พูแจ้นไปหาเพื่อนขาเม้าอย่างไอ้พีอย่างรวดเร็วเหลือแค่ผมที่กะเผลกๆตามหลังด้วยความเร็วเท่าเต่าคลาน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่คนตัวสูงกับสาวสวยข้างๆหันหน้ามาทางนี้พอดี เธอและเขากำลังเดินมาทางนี้..พอยิ่งใกล้ หน้าตาสละสลวยของเธอก็เด่นชัดมากขึ้นจนผมแจ่มแจ้งในใจ
     “ฟ้า..” ใช่เธอคือฟ้า เพื่อนของผมเอง แม้เราจะไม่ได้สนิทกันมากมายนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักกันเลย..แล้วเธอก็พอจะรู้ด้วยว่าผมเคยเป็นอะไรกับกวินทร์..
     สองเท้าของผมก้าวไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก จริงๆคืออยากจะสลายเป็นอากาศธาตุไปซะตรงนั้น ไม่อยากรับรู้รับทราบความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของคนตรงหน้าผมเลยว่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนอกจากบังคับใจให้ยอมรับความจริง..
     “อ้าว..ชยา หายดีแล้วหรอ” ฟ้ายิ้มอย่างเป็นมิตร รอยยิ้มอันสดใสแต่งแต้มให้ใบหน้าของเธอดูหวานแหววมากขึ้นไปอีก ขณะที่คนข้างๆที่เดินมาพร้อมเธอกลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่แม้แต่จะเปรยหางตามามองผมเลยซักนิด
     ก็แน่ล่ะ..กวินทร์เกลียดคนอย่างผม
     
     ผมยิ้มตอบฟ้าแต่ไม่ได้ตอบอะไรเธอไป บางอย่างมันจุกขึ้นมาที่คอจนยากที่จะเปล่งเสียง …สายตาเหลือบไปเห็นมือหนาของกวินทร์กำลังกอบกุมมือเล็กสีไข่มุกของฟ้าอย่างแนบชิด
     ไม่นานนักระยะห่างของเราก็ถูกร่นเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆจนกระทั่งเราเดินสวนกัน
     

     ทุกอย่างดำเนินไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นราวกับว่าผมกับกวินทร์เราไม่เคยรู้จักกัน








       .
     “กวินทร์”
     “…”
     “กวินทร์..มองอะไรคะ” สาวสวยหันหลังไปมองตามสายตาของคนข้างๆ
     “…”
     “กวินทร์”
      “อ๋อ..ป..เปล่า”
       .



     แผ่นหลังกว้างค่อยๆห่างออกไปจนสุดสายตา ท่ามกลางบทสนทนาเฮฮามีความสุขภายในกลุ่ม ผมแม่งไม่ได้รู้สึกสนุกเหมือนคนอื่นเลย เอาแต่นั่งนิ่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่เงียบๆ
     มันไม่ใช่ความรู้สึกเศร้าเสียใจที่กวินทร์มีคนใหม่ แต่มันเป็นความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกตรงที่อีกฝ่ายทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน

     ลืมไปแล้วหรือไงว่าเขาเคยทำร้ายผมจนปางตายขนาดไหน

     “เฮ้ยชยา!” เสียงไอ้พูปลุกผมให้ตื่นจากความคิดไร้สาระ
     “ฮ..ฮะ..ว่า”
     “เหม่อมองโต๊ะอยู่ได้ หิวขึ้นมารึไงเพื่อน ไปสัดลุก จะ10โมงแล้วฟาย”
     “คนนะไม่ใช่ปลวก!”
     “กูยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ55555” ไอ้พูหัวเราะลั่นสมใจที่กวนตีนผมสำเร็จ ผมได้แต่มองค้อนมองกรรไกรใส่มันไปเพราะความเหี้ยมันสูงกว่าผมเกินไปผมเลยต้องแพ้ ไม่ได้บอกว่าผมเป็นคนดีนะครับ แต่ก็ในระดับนึง แหะๆ

     จากนั้นพวกเราก็ลุกเพื่อจะไปเข้าคลาสกัน ซึ่งก็ทันเวลาพอดี การเรียนการสอนวันนี้ทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น คงเพราะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆแหละก็ก่อนหน้านี้ผมอยู่แต่บ้าน ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากกินๆนอนๆ
     แต่ความมีชีวิตชีวาของผมยังไม่หยุดแค่นั้นครับ เพราะเย็นนี้ผมนดกันจะไปร้านเหล้า! ร้านเหล้าในรอบเดือนเลยนะเนี่ย  ..แต่จริงๆพวกไอ้พูไอ้พีมันนัดบอดสาวต่างหาก ส่วนผมเป็นตัวห้อยกระเป๋าไปตามเขาเฉยๆ

     และพอถึงเวลา คนขับรถประจำแก๊งก็ทำหน้าที่ของเขาทันที
     “ไอ้พูขับดีๆนะมึง ไอ้ชยามันมาบ่นกับกูหลายครั้งละว่ามึงขับรถเหี้ย” ไอ้พีพูดขึ้น
     “กูเปล่านะเพื่อน” ทำเอาผมต้องรีบแก้ต่าง ขี้ฟ้องจริงพวกนี้เนี่ย
     “เออบ่นไปเถอะ กูก็ขับเหี้ยเหมือนเดิมอะ555555”
     “….” ผมกับไอ้พีหันมามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมายพร้อมกับส่งสารทางสายตาประมาณว่าเราจะรอดมั้ยวะ..
     “ขับดีๆไอ้สัด กูยังไม่มีเมียไอ้เหี้ยยังไม่อยากตาย” ไอ้พีพูดด้วยสีหน้าจริงจังจนผมอดขำไม่ได้
     “เออรู้แล้ว พวกมึงก็เวอร์กันเก่ง”
     รถของพวกเราเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆเพื่อไปให้ถึงจุดหมายโดยมีเสียงเพลงป็อปร็อคแนวของไอ้2คนข้างหน้าผมมันชอบนักชอบหนา  แล้วก็แน่นอนว่าถ้าพวกมันได้ยินเพลงที่ชอบแล้วเนี่ยมันก็ไม่อยู่เฉยครับ สเต็ปมาแรงมาก นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในรถมึงคงตีลังกาไปแล้ว

     “พวกมึง” แต่จู่ๆไอ้พีที่กำลังนั่งฝั่งข้างคนขับก็หยุดสเต็ปเลื้อยของมันเมื่อเช็คโทรศัพท์ แล้วก็เข้าสู่โหมดจริงจังแบบงงๆ
     “ฮะ?”
     “ไอ้ฟ้าจะมาด้วยว่ะ มันบอกฉลองวันสละโสด”
     “ไอ้ฟ้ามีแฟนแล้วหรอวะ ใครวะแฟนมัน”
     “พี่กวินทร์ นิเทศปี3”
     “….”
     “พี่เขามาจีบมัน ซึ่งกูงงมากว่าเกิดอะไรขึ้นวะ จำได้ว่าเขาคบกับชยาอยู่เลยไม่ใช่หรอวะ”
     “เลิกแล้วมึง กูเลิกกับพี่เขาแล้ว” ผมไม่รู้ว่าแค่พูดแค่นี้ทำไมต้องรู้สึกปั่นป่วนในท้องด้วย แต่ผมรู้สึกว่ามันยากมากๆที่จะบอกใครต่อใครไปว่าผมกับกวินทร์ ...ความสัมพันธ์ของเรานั้นได้จบลงแล้ว ในอกมันจุกแปลกๆ อาการเหมือนในใจผมกำลังร้องไห้
     “เอ้า ตอนไหนวะ เล่าๆ” ไอ้พีถามต่อ
     “ได้ซักพักแล้วแหละ เรื่องมันยาวว่ะมึงกูขอ..ไม่เล่าตอนนี้ได้มั้ย” จริงๆผมกลัวว่าถ้าหากเล่าไปผมจะกลับไปจมอยู่กับความเจ็บปวดอีกครั้งต่างหาก..
     “แล้วเอาไงกับไอ้ฟ้าดี” ดีหน่อยที่ไอ้พีเลือกที่จะไม่เซ้าซี้ต่อแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
     “ชยามึงว่าไง” พูหันมามองด้วยความเป็นห่วงที่ส่งทอดมาจากสายตา มันคงไม่อยากให้ผมไปเห็นภาพกวินทร์กับฟ้าสวีทกันล่ะมั้ง แต่ผมไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อกวินทร์เลือกที่จะเริ่มใหม่แล้ว..ผมเองก็ควรจะยินดีกับเขาด้วย อาจจะยินดีในฐานะรุ่นน้องหรือคนรู้จักก็ได้ ถึงแม้ผมอาจจะเป็นคนแปลกหน้าไปแล้วสำหรับกวินทร์ก็ตาม
     “ก็ไปด้วยกันสิ กูไม่คิดมากหรอก..กูโอเค” ผมจะทำตัวให้เหมือนโอเคที่สุด


     




ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เวลาล่วงเลยผ่านมาจน 3 ทุ่ม เสียงเพลงคลาสสิคบรรเลงคลอหูให้บรรยากาศน่าภิรมย์ พร้อมด้วยแสงสีละลานตา ถังน้ำแข็ง ขวดเบียร์และขวดเหล้ายี่ห้อหรูเริ่มมีปริมาณมากขึ้นเพราะไอ้พูกับไอ้พีเล่นสั่งมาแบบโคตรป๋า สงสัยหวังจะเปย์สาวมั้ง แบบว่าให้ตัวเองดูโคตรรวยอะไรงี้ เอาจริงๆพวกมึงไม่ต้องอวดก็ได้อยู่เฉยๆเขาก็รู้กันแล้วว่ามึงรวยสัด หน้าขนาดนี้การแต่งตัวขนาดนี้ ตัดภาพมาที่เพื่อนมึงนี่..หมายถึงผมอะ ต่างกันราวฟ้ากับเหว
     กวินทร์กับไอฟ้ายังไม่มาหรอกครับ ผมก็หวังว่าพวกเขาจะไม่มาแล้วเหมือนกัน พอเอาจริงๆผก็กลัว..กลัวตัวเองจะถูกเขาทำร้ายอีก กลัวต้องเจ็บปวด..
     เราอยู่กัน5คน ผมกับไอ้พูแล้วก็สาวมันนั่งฝั่งเดียวกัน ส่วนฝั่งตรงข้ามก็เป็นไอ้พีกับสาวของมัน เรานั่งคุยกันสัพเพเหระ ..หมายถึงผมอะพยายามคุยๆสัพเพเหระ แต่เพื่อนไม่คุยด้วยครับช่วยด้วยเพราะมันมัวแต่เต๊าะสาว! ผมจึงได้แต่นั่งเงียบๆเช็คโทรศัพท์ไปพลางๆ ก่อนจะกระดกแอลกอฮอล์เข้าไปย้อมใจหมดแก้ว
     
     “มาแล้วจ้าคนสวยมาแล้ว” เสียงหวานดังไล่มาแต่ไกล แล้วก็เป็นไปตามคาด เธอมากับกวินทร์..
     “ดีเพื่อน นั่งฝั่งกูดิ มาๆ” ไอ้พีเรียกคนตัวเล็กกับคนตัวสูงให้ไปนั่งฝั่งตรงกันข้ามกับผม
     “เอ้าหูยย แดกกันเยอะจังวะพวกมึงเนี่ย”ฟ้าเห็นขวดเบียร์ที่อยู่บนโต๊ะแล้วก็ตกใจนิดหน่อย “เอาอีกเปล่ากูเลี้ยงค่ะ” เธอไม่พูดเปล่าโบกมือเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม
      ผมทำได้แค่นั่งก้มหน้ามองน้ำแข็งในแก้วเพราะไม่กล้าที่จะเงยขึ้นมาสบตากวินทร์จนทำให้ไอ้พูที่นั่งอยู่ข้างๆนึกเป็นห่วง
     “ชยา เป็นไร เมาแล้วหรอ” พูเลื่อนมือมาแตะไหล่ผมถามด้วยน้ำเสียงเจือความเป็นห่วงทำให้เป็นจุดสนใจให้กับคนทั้งโต๊ะ ผมจึงจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมาเพื่อที่จะบอกว่าตัวผมนั้นไม่เป็นไร แต่จังหวะที่กำลังเงยขึ้นมา ผมก็สบตากับกวินทร์ เขาจ้องมองมาที่ผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกก่อนจะเบือนหน้าหันไปหาฟ้าที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วโอบไหล่อีกฝ่ายเข้ามาแนบชิดตน

     “กูไปห้องน้ำแป็ปนะ” คงจะดีกว่าถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนี้
     ผมลุกออกมาทันทีก่อนจะก้าวฉับๆไปยังห้องน้ำเพื่อจะไปล้างหน้าล้างตา อย่างน้อยความเย็นของน้ำสะอาดน่าจะช่วยให้จิตใจที่กำลังว้าวุ่นนี้สงบลงบ้าง ผมเดินไปเรื่อยๆจนใกล้จะถึงช่องทางเดินที่จะไปห้องน้ำ ก็เจอกับกลุ่มปี3ซึ่งมีพี่อาร์ต แล้วก็พี่รหัสของผมด้วย พวกเขานั่งกันตรงโต๊ะใกล้ๆมุมเสา

     “อ้าว ไอ้น้องรหาสสสสสส”พี่ธนหันมาสบตากับผมพอดีก็เลยเรียกเสียงดังลั่นพร้อมกับกวักมือให้ผมเข้าไปหา “มานี่ๆ”
     “พวกพี่ก็มากันหรอ บังเอิญจัง” ผมเดินเข้าไปหา
     “ไม่มาจะมานั่งอยู่ตรงนี้หรอวะ”  พี่อาร์ตตอบด้วยสีหน้ากวนส้นเท้า ไม่คิดเลยว่าคนจริงจังอย่างพี่อาร์ตจะกวนตีน
     “มากับใครล่ะมึงอะ” พี่อาร์ตถามผมก่อนจะขยับให้ผมนั่งร่วมโต๊ะ แต่ผมบอกแล้วหรอวะว่าผมจะนั่ง ผมจะไปเข้าห้องน้ำโว้ย แต่ถามว่านั่งมั้ย ก็นั่งอยู่ดีครับ แหะๆ
     “ไอ้พูไอ้พีครับ อ้อ..มีไอ้ฟ้ากับแฟนมันด้วย”
     “สุภาพชนจังนาย ทีพูดกับกูนะ ดิบเถื่อนซะไม่เข้ากับหน้าแบ๊วๆของมึงเลย” พี่ธนแซว “เออแล้วไอ้ฟ้ามีแฟนแล้วหรอวะ”
     “มีแล้วพี่ เด็กนิเทศด้วยนะคร้าบ” ผมแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมกับยิ้มกว้างๆเพื่อบดบังความเศร้า
     “หล่อปะวะ”
     “…หล่ออยู่นะ”
     “โหเห็นไอ้ฟ้าหงิมๆงี้ไม่คิดว่ามันจะมีแฟน” พี่ธนพูด
     “นิเทศน์อีกแล้วหรอวะเชี่ย” พี่อาร์ตบ่นอุบอิบเสียงเบาหวิว แต่มันก็ดึงความสนใจของผมและพี่ธนไปได้อย่างดี
     “อะไรคืออีกแล้ววะเพื่อนอาร์ต”
     “….ได้ยินหรอ”
     “กูมีหู”
     “ก็พวกมันชอบเล่นพนันกัน โดยเฉพาะพวกปีสามนะโห่” ผมและพี่ธนใจจดใจจ่อกับสิ่งที่พี่อาร์ตเล่า “กูก็เคยเล่นกับพวกมันนะ”
     “พนันไรวะแล้วเกี่ยวไรกับเรื่องไอ้ฟ้า”
     “มันเป็นเกมอะเพื่อน นิเทศมันจะไปจีบคนนี้ๆ แล้วให้เพื่อนในกลุ่มพนันว่าจะจีบติดเปล่า จะได้มั้ย ซึ่งถ้าได้..คนที่พนันว่ามึงไม่ได้หรอกก็ต้องเสียตังให้คนที่พนันถูก แต่กูไม่ได้หมายความว่าไอ้ฟ้ามันจะเป็นหมากในเกมนะ มันอาจจะเจอคนจริงใจก็ได้”
     “โหเชี่ย..” พี่ธนอุทานเบาๆ ส่วนผมนั่งตั้งอกตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ
     “นั่นแหละ ..แล้วนี่มึงจะไปไหนชยา คงไม่ได้ตั้งใจมานั่งเม้ากับพวกกูหรอกมั้งใช่ปะ”
     “เอ่อ..ผมลืมเข้าห้องน้ำเลยว่ะพี่ งั้นไปก่อนนะพี่ฮ่าๆ” อันนี้ผมลืมจริง พอได้นั่งเม้าแล้วก็ติดลม แต่พอเจ้าของโต๊ะไล่แล้วงี้ผมก็คงต้องลุกแหละครับ

     …ไม่กี่ก้าวที่ลุกออกมาจากโต๊ะของเขาชื่อของผมก็ไปอยู่ในบทสนทนาทันที ผมจึงแอบฟังอยู่ตรงช่องทางเดินเงียบๆ
 
     “มึงก็เคยเล่นหรอวะอาร์ต”
     “เคยดิ ปีที่แล้ว”
     “ใครเป็นหมากวะ”
     “…ไอ้ชยา”
     ...วินาทีนั้นผมก็ได้รู้ว่าโลกใบนี้ช่างโหดร้ายกับผมเสียเหลือเกิน..

     “ฮะ..?”
     “น้องรหัสมึงอะ”
     “ไอ้เชี่ยอาร์ตกูไม่ตลกกับมึงนะ”
     “กูขอโทษจริงๆ แต่มันก็ผ่านมาแล้ว กูไม่คิดจะเล่นอะไรแบบนั้นแล้วธน”
     “มึงแม่งเหี้ย!”
     “กูขอโทษจริงๆไอ้ธน ..พี่ภูชวนกูเล่นกูก็เล่น..กูไม่รู้ว่าคนเป็นหมากคือไอ้ชยาถ้ารู้กูคงไม่เล่น”
     ผมรู้สึกหูอื้อ ในหัวขาวโพลนไปหมด รับรู้เพียงรสชาติเค็มเฝื่อนๆของเม็ดน้ำตาที่กำลังไหลรินอาบแก้ม หลังที่กำลังพิงผนังอยู่ถูครูดลงก่อนที่ผมจะนั่งแหมะลงกับพื้นพร้อมกับเสียงสะอื้น

     ‘กวินทร์.. กวินทร์รักชยาเพราะอะไรหรอ’
     ‘หืม ถามทำไมครับตัวเล็ก’
     ‘มีคนตั้งมากมายบนโลกที่เพรียบพร้อมกว่าชยา..ชยาไม่มีอะไรดีเลยนะ’
     ‘ชยาลองมองอีกมุมสิ’
     ‘….’
     ‘กว่า7ทวีป กว่า260ประเทศ และคนกว่าเจ็ดพันล้านคนบนโลกสีฟ้าใบนี้…กวินทร์เลือกชยา ชยาคือคนที่เพรียบพร้อมและดีที่สุดสำหรับกวินทร์’

     ขอบคุณที่เลือกผมไปอยู่ในเกมแสนสนุกของคุณ แต่คุณจะคิดถึงใจผมบ้างมั้ย.. ผมไม่สนุกกับคุณเลย ตอนนี้ผมโคตรเจ็บ..

     “มันก็ไม่ควรมั้ยวะไอ้เหี้ยอาร์ต!”
     “มึงจะเอาอะไรจากกูอะไอ้ธนไอ้สัดมันจบไปแล้ว!” “ไอ้กวินทร์มันได้น้องรหัสมึงไปเป็นปีแล้ว!!!!” พี่อาร์ตกับพี่ธนเริ่มมีปากเสียงกันรุนแรงมากขึ้น
     “เหี้ยกวินทร์ไหนอีกอะ อย่าให้กูรู้แล้วกันสัดกูจะไปอัดหน้าให้ ไอ้เหี้ยภูนั่นด้วย”
     “มันจบไปแล้วไอ้เหี้ยจะเอาอะไรนักหนาวะ! ป่านนี้น้องมึงโดนไอ้กวินทร์ไปจนบานหมดแล้วมั้ง”

     …เจ็บเสียยิ่งกว่าอะไร
     ผมยกมือมาป้องปากเพื่อไม่ให้เสียงร้องไห้เล็ดลอดออกไป

     “ไอ้เหี้ยอาร์ต!”
     ผัวะ!
     “โอ๊ยไอ้ธนไอ้สัด..”
     “หนึ่งหมัดให้คนเหี้ยๆอย่างมึง แล้วก็อย่าให้กูรู้นะว่าไอ้ภูไอ้กวินทร์นี้แม่งเป็นใคร”
     “ทำไม? มึงจะไปตีเขาก็ดูด้วยว่าเขารุ่นไหนไอ้ควาย”
     “แล้วไงวะ ใหญ่มาจากไหนกัน?”

      “ภูวิน เมธะเนศวร์” ตาผมเบิกโพลง “เดือนมหาลัย3ปีก่อนที่โคตรดัง”

      …แม้แต่พี่ชายแท้ๆของผมยังเห็นผมเป็นแค่เกมสนุกๆ เหอะ ตลกดี
     ความรู้สึกคนๆนึงแต่พวกเขาเห็นมันเป็นของเล่นไว้เหยียบย่ำ

     ผมรัก..รักกวินทร์อย่างเต็มหัวใจ มากกว่าเม็ดทรายและมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า ถึงแม้อีกฝ่ายจะโกหก จะหลอกผม ทำร้ายผม หรือแม้กระทั่งแทบจะฆ่าผม ถึงกวินทร์จะใจร้ายกับผมยังไงผมก็ไม่เคยนึกเสียใจเลยที่ได้มอบความรักนี้ให้เขา
     นั่นเพราะผมคิดว่าต้นตอของความรักของเราคือความรักอันบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกเสน่หาของคนสองคน ใช่..มันเกิดจากความรักบริสุทธิ์จริง แต่ความรักบริสุทธิ์นั้นเป็นของผมเพียงฝ่ายเดียว ส่วนกวินทร์..มันเป็นแก่เกมพนันสนุกๆที่ทำให้เขาได้เงิน

     ผมเดินโซเซเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ หลังจากกวักน้ำล้างหน้าล้างตาเสร็จก็มองดูสภาพของคนโง่ภายในกระจก
     คนโง่คนนี้ผมเขายุ่งเหยิง ตาเขาบวม ชายเสื้อยับๆหลุดออกจากกางเกง ..เขาดูอ่อนแอจนน่าสมน้ำหน้าเพราะจนถึงตอนนี้น้ำตาของเขาก็ยังไม่หยุดไหล เขาเจ็บปวด..เจ็บปวดเหลือเกิน

     ผมปาดน้ำตาออกคร่าวๆก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ
     “ชยา นั่งกับกูต่อเปล่า เอาเหล้ามั้ย” เดินผ่านโต๊ะพี่ธนเขาก็เรียกผมทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าลง ผมหันไปหาพี่ธนก่อนจะคิดอะไรดีๆออก
     “ของฟรีผมก็เอาสิครับ” ผมยกยิ้มขึ้นก่อนจะเดินไปที่โต๊ะแล้วหยิบแก้วขึ้นมาให้พี่ธนรินแอลกอฮอล์ให้จากนั้นก็กระดกของเหลวรุ่มร้อนนี้ลงคอไปอึกหนึ่งแล้วถือแก้วนั้นไว้ในมือก่อนจะหันไปหารุ่นพี่ตัวโปร่งที่นั่งอีกฝั่ง
     “พี่อาร์ต..”
     “…”
     “ผมโคตรนับถือพี่เลยพี่รู้ปะ พี่ทำงานอะไรงานนั้นก็ดูดี เพอร์เฟคไปหมดทุกอย่าง ..ตอนผมโดนเลือกเป็นเฮด ผมกดดันมากๆเลย ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีเท่าที่พี่ทำมั้ย พี่อาร์ตไอดอลผมเลยนะ ผมไว้ใจพี่..เคารพพี่ เชื่อใจพี่..”
     “…” ผมพูดไปทั้งน้ำตา ถึงมันจะไหลหนักหน่วงแค่ไหนผมก็จะพูดต่อ
     “สนุกมั้ยพี่” ผมยกยิ้ม แอลกอฮอล์กรุ่นทั่วกระแสเลือด
     “…”
     “ที่เล่นกับความรู้สึกผม!” แก้วถูกยกขึ้นจนอยู่เหนือหัวของรุ่นพี่ ก่อนมันจะค่อยๆเอียงองศาลงจนของเหลวสีสุพรรณนิการ์จะไหลรดลงบนหัวของไอ้เหี้ยพี่อาร์ต
     “ไอ้เหี้ยชยา!!!” ท่ามกลางความโกลาหลและงุนงงของคนภายในร้านที่อยู่แถวนั้น และเสียงโหวกแหวกโวยวายของพี่อาร์ตที่หัวกำลังเปียกไปด้วยเหล้ากลิ่นเหม็นๆ ผมเดินออกมาโดยไม่สนใจอะไรอีกก่อนจะตรงไปที่โต๊ะของตัวเองที่จากมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

     “กวินทร์” ผมเรียกคนตัวสูงที่กำลังนั่งซบกับสาวสวยที่อยู่เคียงกาย สีหน้าเขาดูตกใจไม่น้อยที่ผมเรียกเขา
     “ว่า..” เขาขยับนั่งตรงจังหวะที่เขากำลังจะพูดอะไรซักอย่างผมก็ฟาดฝ่ามือลงไปบนหน้าหล่อๆของเขาทันที
     เพี๊ยะ!
     “ก..กูก็เป็นคนนะ กูก็มีความรู้สึกเหมือนๆกันกับมึง กูรักเป็น แล้วกูก็เจ็บเป็นเหมือนกัน มึงสนุกมากมั้ยกวินทร์ สนุกมั้ยที่ล้อเล่นกับความรักที่กูให้มึง..” ผมตัวสั่นงันงก พูดสิ่งที่อัดอั้นออกไปทั้งน้ำตา “กูขอให้มึงชิบหาย ขอให้มึงเจ็บเหมือนที่กูเจ็บ กูขอให้มึงทรมานเหมือนที่กูเคยเป็น!!!”

     เมื่อฤทธิ์ของแอลกอฮอล์สูบฉีดไปทั่วร่าง ผมทุบกำปั้นลงบนหัวของกวินทร์อย่างหนักหน่วงจนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว หัวกระแทกลงกับโต๊ะจนเสียงดังลั่น เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายจึงได้เริ่มขึ้น
     ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
     คราวนี้ไม่ใช่หมัดของผมแต่เป็นไอ้พู มันต่อยผมอย่างแรงจนผมเซ
     “เป็นเหี้ยไรไอ้ชยา!!” พอผมล้ม คนตัวสูงอดีตคนรักที่ผมมอบหัวใจให้ก็ลุกขึ้นตรงมาที่ผมทันที เป็นจังหวะเดียวกับพี่อาร์ตที่กำลังมุ่งตรงมาทางผมด้วยความเดือดดาล

     ผัวะ!
     กำปั้นหนักๆกระแทกเข้าที่ใบหูด้านขวาอย่างแรงจนผมหน้าหันไปอีกทาง ก่อนจะถูกเตะเข้าที่ท้องจากอีกทางจนตัวงอ หมัดหนักตามมาอย่างทันท่วงทีทันทีที่ผมงอตัวลงเพื่อปกป้องตัวเอง ไม่รู้ว่ากวินทร์หรือพี่อาร์ตที่เป็นคนทำ แต่หลังจากนั้นของเหลวสีแดงก็ไหลออกจากริมฝีปากของผมทันที โหนกแก้มผมชา รู้สึกปวดหัว ปวดท้อง จุกไปหมดทั้งร่าง

     อารมณ์คุกรุ่นของทั้งสองคนที่กำลังรุมกระทืบผมนั้นยากที่จะหักห้าม มีเพียงเสียงชุลมุนวุ่นวายและแสงแฟลชจากโทรศัพท์มือถือของผู้ร่วมร้านที่กำลังถ่ายวิดีโอ พนักงานออกมาห้ามปรามชายฉกรรจ์ทั้งสองออก แต่กว่าจะทำงั้นได้ผมก็ถูกเตะเข้าที่ศีรษะจนโขกไปกับขาโต๊ะ
     กลิ่นคาวของของเหลวสีแดงโชยติดจมูก หรือบางทีมันกำลังไหลออกจากจมูกนั่นแหละ ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลาง คนนับสิบมุงดูผมที่กำลังจะขาดใจ

     ผมพยายามเพ่งสายตาไปที่เงาเบลอๆที่น่าจะเป็นกวินทร์จนภาพที่เห็นชัดเจนอยู่ครู่หนึ่ง
     “ก..กวินทร์”
     “ชยาขอโทษ..นะ” ทั้งๆที่กวินทร์ควรจะเป็นพูดคำนี้แท้ๆกับสิ่งที่เขาทำกับผมมาตั้งแต่เริ่มต้น แต่ผมกลับอดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายพูดคำนี้ออกไป เพียงเพราะเห็นแผลที่มุมปากของเขากำลังมีเลือดไหล
     “ฟ้า..ทำแผลให้กวินทร์ด้วย..” หันไปหาสาวสวยเคียงกายกวินทร์ที่กำลังตกใจกลัวก่อนจะพูดออกไปอย่างยากลำบากด้วยเสียงแหบพร่าทรมานจากภายในลำคอ

     สติของแต่ละคนเริ่มจะกลับมา สายตาของพี่อาร์ตเริ่มฉายแววของความรู้สึกผิด ผมเองก็เช่นกันอยากขอโทษกับสิ่งที่ตัวเองทำเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเมื่อครู่เหลือเกิน แต่พอขยับปากจะพูดก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกไปเสียแล้ว
     แผ่นหลังกว้างหันกลับไปกอดปลอบกับสาวสวยเคียงกายเพื่อประโลมความสั่นเทาเพราะความกลัว
     ผมมองภาพเบลอๆตรงหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา ..ครั้งหนึ่งผมเคยอยู่ในวงแขนที่แสนอบอุ่นนั้น หากแต่ว่าทุกๆอย่างรวมถึงความอบอุ่นที่ผมได้รับจากกวินทร์นั้นไม่ควรเกิดขึ้น ผมไม่ควรได้รับมัน
     ตอนนี้ฟ้าน่าจะคู่ควรแล้วกับอ้อมกอดแสนอบอุ่นและทุกๆอย่างของกวินทร์ ผมได้แต่อวยพรให้ในใจขอให้ทั้งสองคนไปได้ดี

     อย่างน้อยก็…ขอให้ดีกว่าผม
 



     
     
     

     




     
   

     

ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เซนติเมตรที่ 6






     ‘พู ..มึงเคยไม่อยากมีชีวิตต่ออีกแล้วปะวะ’

     ‘ไม่เคยว่ะ’ ‘ไม่รู้ดิ..อาจจะเพราะกูไม่เคยเจออะไรหนักขนาดนั้นและกูคิดว่าชีวิตคนเรามันต้องไม่ยอมแพ้ง่ายๆด้วยการฆ่าตัวตายอะ’

     ‘กูเหนื่อยมากเลยว่ะ ไม่อยากอยู่แล้ว’

     ‘ใจเย็นก่อนชยา ยังมีคนที่รักมึงอีกเยอะ อย่างน้อยก็กูแล้วคนนึง ชีวิตมึงมีค่านะเพื่อน’

     ‘....’

     ‘อย่างน้อยก็มีกู ไอ้ถั่วพูคนนี้ไม่เคยคิดทำร้ายมึง’








     เปลือกตาหนักค่อยๆหรี่ลงจนแทบไม่เห็นแสงสว่าง แขนทั้งสองข้างของผมลู่ลงตามแรงโน้มถ่วงโลก ลมหายใจก็รวยรินเต็มทีคล้ายกับว่าสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดนี้กำลังจะดับลง หากแต่เสี้ยวหนึ่งของการรับรู้ที่กำลังทำงานอยู่นั้นยังคงรับทราบถึงสิ่งที่โหดร้ายยิ่งกว่า..



     ตุ้บ! ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!

     ใครบางคนกำลังรัวหมัดลงบนใครอีกคนอย่างรุนแรง

     “ไอ้เหี้ย!!!” ใครบางคนสบถอย่างเหลืออด

     “มึงสิเหี้ย!!”

     ผัวะ!

     “มึงมันตอแหล! โคตรตอแหล!”

     “กูตอแหลอะไร หึ..ขอบคุณกูหรือยังเถอะที่กูไม่แจ้งความมึง”

     “เชี่ยแม่ง!!!”

     “ถ้ามึงไม่มาทะเลาะกับมันบนถนนมันคงไม่โดนกูชนหรอกไอ้ควาย มันผิดที่มึง ไอ้เหี้ยกวินทร์!!!!”

     “ไอ้สารเลว! ไอ้ชยามันเพื่อนมีงไม่ใช่หรอ!!!!”

     ครู่ต่อมาผมก็ได้ยินในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน

     “เพื่อนแล้วไง?”

     ก่อนสติอันเลือนลางจะดับลง...







     เวลาผ่านไปเท่าไหร่ผมไม่รู้ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีผมก็อยู่บนเตียงนอนของใครบางคน ผมกวาดสายตามองไปรอบๆก่อนความทรงจำเก่าๆจะเข้ามาทำให้รู้สึกคิดถึง ..กลิ่นนี้ ..การจัดแต่งห้องแบบนี้ ..สีห้องสีนี้

     ห้องของกวินทร์..



     ผมสำรวจร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของตัวเองก่อนจะพบว่าตอนนี้มีผ้าพันแผลติดอยู่บนตัวผมเป็นจุดๆ ความเจ็บปวดจากบาดแผลและความบอบช้ำภายในยังคงมีอยู่แต่ก็พอที่จะขยับแขนขาได้บ้าง ผมมองไปที่โต๊ะหัวเตียงที่มีนาฬิกาดิจิตอลวางอยู่ มันบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาตี 4



     4 ชั่วโมงหลังจากที่ผมได้รับรู้ความจริงที่แสนโหดร้ายทุกอย่าง

     ทั้งผิดหวัง เสียใจ โกรธและเกลียดไปในเวลาเดียวกัน กี่ครั้งต่อกี่ครั้งผมไม่เคยคิดจะยอมแพ้ต่อชีวิตตัวเองจริงๆจังๆซักที ครั้งนี้ก็เหมือนกันผมอยากสู้ต่อไปเหลือเกิน แต่ร่างกายผมมันเหนื่อยล้า ผมฝืนตัวเองเกินไปแล้ว บางทีการหายไปมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่ปิดเปลือกตาลงเท่านั้น   



     สายตาผมเหลือบไปเห็นซองยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบอะไรซักอย่างวางอยู่บนจานใบเล็กพร้อมกับแก้วน้ำที่มีกระดาษโน๊ตติดอยู่ มันเขียนอะไรบางอย่างซึ่งผมจำได้ดีว่าเป็นลายมือกวินทร์

     ‘ถ้าตื่นแล้วอย่าลืมกินยานะ ขอโทษสำหรับเมื่อวาน’



     ผมยกยิ้มขึ้นก่อนจะดึงโน๊ตออกแล้วขยำทิ้ง  ..ขอโทษสำหรับเมื่อวานหรอ หึ! ถ้าผมไม่มารู้ว่าจริงๆแล้วคุณคบกับผมเพราะอะไรคุณก็คงจะหลอกผมต่อไปแบบนี้เรื่อยๆสินะ

     ขณะที่ชีวิตคุณพบเจอแต่ความสุข คุณกลับปล่อยผมให้จมกับความทรงจำจอมปลอมที่คุณสร้างมันด้วยการหลอกผม…

     คุณทำผิดมาจนผมนับไม่ถ้วนผมไม่เคยโกรธ ผมให้อภัยคุณเสมอ เพราะผมรัก..ผมรักคุณโดยไม่มีข้อแม้เลย

     แล้วคุณล่ะ..คิดถึงใจผมบ้างมั้ย



     ผมกัดฟันฝืนตัวเองออกไปจากห้องด้วยความยากลำบาก อาศัยแต่เพียงกำแพงหรืออะไรที่พอจะยึดเพื่อที่จะก้าวเดินได้ไปเท่านั้น ผมไม่ควรจะอยู่ที่นี่ เจ็บให้ตายผมก็จะไม่อยู่ที่นี่

     ผมเปิดประตูห้องออกเสียงทีวีก็ดังเข้าโสตประสาตทันที ใครบางคนเปิดทีวีทิ้งไว้ และใครบางคน..กำลังนอนอยู่บนโซฟา



     ปัง!

     เสียงปิดประตูตามหลังดังโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมหันไปดูประตูอยู่ครู่หนึ่งพอจังหวะที่หันกลับมาก็เจอกับสายตาของกวินทร์ที่มองมาตรงผมอยู่แล้ว

     “กินยาหรือยัง” เขาถาม

     “….” ผมไม่ตอบ ยังคงพยุงตัวเองไปที่ประตูหน้าต่อไป

     “พักอยู่นี่ก่อนก็ได้ เจ็บอยู่ไม่ใช่หรอ” น้ำเสียงของเขานุ่มเสนาะน่าฟังและเต็มไปด้วยความห่วงใย ผมอยากจะกอบกุมมันไว้เหลือเกิน ..แต่ความห่วงใยของเขาก็คงจอมปลอมอีกตามเคย



     ประตูอยู่ไกลอีกไม่กี่ก้าวแล้ว ผมเอื้อมไปจับชั้นวางของเพื่อพยุงตัวเองให้เดินไปต่อ แต่จู่ๆก็ถูกอ้อมแขนวงใหญ่ที่แข็งแรงและอบอุ่นดึงกลับเข้าไปกอดก่อนจะซุกหัวลงมาตรงไหล่ของผม

     เราเงียบกันอยู่ชั่วอึดใจไหล่ของผมก็สั่นจากแรงสะอื้น..

     กวินทร์…กำลังร้องไห้

     “ขอโทษ..ขอโทษจริงๆ”

     “..,.”

     “กวินทร์ขอโทษ..” ผมเเกะมือเขาออกเพื่อจะปลดตัวเองออกจากพันธนาการ ผมพอแล้ว ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว “ชยาจะไปไหน อยู่นี่ก่อนเถอะ..นะ คุยกันก่อน เราต้องคุยกัน”

     “ไม่มีอะไรต้องคุยหรอก มันชัดเจนหมดแล้ว” ผมตอบ ผมเข้าใจทุกอย่าฃชัดเจนดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องฟังคำอธิบายอะไรอีกแล้ว

     “ไม่..ชยา เราต้องคุยกัน อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้พูดสิ่งทืเป็นประโยชน์กับตัวคุณเถอะนะ ผมเป็นห่วงคุณจนแทบบ้าอยู่แล้ว”

     “นี่ไหวรึเปล่าเนี่ย? ลืมไปแล้วหรอว่าก่อนหน้านี้ทำอะไรกันไปบ้าง ผมอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะตีนคุณไม่ใช่หรอวะ!”

     “ผมขอโทษ ขอโทษ ตอนนั้นผมเมา ขอโทษจริงๆ แต่เรื่องที่ผมจะพูดมันสำคัญมาก ฟังผมซักนิดเถอะนะ”

     “งั้นก็พูดมาเลย ตอนนี้” ผมผลักกวินทร์ออกไปแต่ผมกลับเป็นคนที่เซจะล้มซะเอง คนโง่คนนี้ทำไมถึงอ่อนแอถึงขนาดนี้ พยุงตัวเองให้ยืนตรงๆยังทำไม่ได้เลย

     “…”

     “พูดดิ ฟังอยู่”

     “ชยา อย่าดื้อ นั่งคุยกันดีกว่า คุณยืนไม่ไหวหรอก” กวินทร์ดื้อดึงที่จะประคองผมให้ไปนั่งตรงโซฟาโดยที่ผมไม่อาจต่อต้านได้อีก เพราะขาทั้งสองมันกลับมาปวดอีกครั้งเนื่องจากผมดันทุรังที่จะใช้งานมัน

     “มีอะไร” ผมนั่งนิ่งไม่หันไปมองหน้าคนข้างๆให้เสียสายตา

     “เลิกคบกับไอ้พูซะ”

     “….”

     “มันเป็นคนขับรถชนคุณ..ชยา ผมไม่รู้หรอกว่ามันทำแบบนั้นทำไม แต่จากคำพูดมัน ผมว่ามันไม่สมควรจะเป็นเพื่อนคุณแล้วชยา”

     ...เรื่องบางเรื่องมันยากมากที่จะยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธความเป็นจริงไม่ได้

     “รู้อยู่แล้วว่าพูขับชน” ใช่ นี่แหละคือเรื่องจริงที่ผมรู้มาตลอด เพียงแต่ใจไม่อยากจะยอมรับมัน อยากจะลืมไปไปซะหรือไม่ก็เก็บมันไว้ในมุมหนึ่งที่ลึกที่สุดในความทรงจำโดยไม่คิดจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก

     “…”

     “รู้อยู่แล้วว่าพูไม่เคยจริงใจกับผม..” อีกหนึ่งความจริงที่ผมเก็บมันไว้ในส่วนหนึ่งของความทรงจำที่เลวร้าย เรื่องราวในอดีตที่ผมไม่อยากจะนึกถึง…



     กลางดึกคืนหนึ่งที่ผมไปนอนค้างที่คอนโดมัน

     ‘ชยา..’ มันสะกิดผมตอนที่ผมกำลังหลับ

     ‘หลับแล้วหรอ..’ มือหนาลูบไล้ไปตามตัวผม ก่อนจะกระทำสิ่งที่ผมไม่คิดว่าเพื่อนกันจะทำกันลง...ถั่วพูลักหลับผม

     ซึ่งผมมารู้ก็ตอนที่ไปเจอวิดีโอที่มันทำผมในโทรศัพท์ของมันก่อนที่ผมจะโดนรถชนได้ไม่นาน

     ผมไม่รู้ว่าเพื่อนที่ผมรักที่สุดในชีวิตของผมทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร แต่ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไร สิ่งที่มันทำก็ได้ทำลายความเชื่อใจและความรู้สึกของผมไปแล้ว แต่หลายๆอย่างที่ไอ้พูทำเพื่อผมมันมากมายเสียจนเรียกได้ว่าผมติดหนี้บุญคุณมัน

     ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องเมื่อคืนนั้นไว้ในส่วนลึกของความทรงจำและไม่คิดจะรื้อฟื้นมันอีก ให้มันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายที่ไม่นานก็จะผ่านพ้นไป

     จนกระทั่งวันที่ผมเห็นแสงวาบจากไฟรถยนต์ที่เข้าใกล้ผมเรื่อยๆวันนั้น ..คนขับไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเพื่อนผมเอง…เพื่อนที่ผมคิดว่ามันคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิต







     “ถ้ารู้อยู่แล้วแล้วทำไมถึงยังคบกับมันต่ออีก?” กวินทร์ถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ แต่เรื่องนี้คงไม่ใช่กงการอะไรของเขา

     “ไม่ใช่เรื่องของคุณ” ผมตอบกลับ “เรื่องนี้ใช่มั้ยที่จะบอกผม งั้นก็ขอบใจมาก..แต่ผมคิดเองได้ว่าควรทำยังไง”

     “…” กวินทร์เงียบไม่ได้ตอบกลับอะไร หน้าของเขาดูหงอยลงผิดกับกวินทร์ที่ผมรู้จักมากนัก

     “กวินทร์..” ผมหันไปหาเขาก่อนจะถามสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจมานาน

     “ที่ผ่านมาเคยรักชยาบ้างมั้ย?”

     “…”

     สายตาที่ผมใช้มองคนตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอด้วยม่านน้ำตา

     “…” ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมเนิ่นนานก่อนร่างสูงตรงหน้าจะเอ่ยตอบ

     “ผมไม่เคยรักคุณเลย” แม้จะรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วแต่พอมาฟังจากปากแบบนี้กลับโคตรเจ็บ.. “แต่คุณฟังผมก่อน..”

     “…”

     “ที่ผมบอกว่าผมไม่เคยรักคุณเลยเพราะว่าผมจะไม่โกหกคุณอีกแล้ว ผมปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมผูกพันธ์กับคุณมาก ตอนกินข้าวผมก็คิดถึงคนที่เคยนั่งกินอยู่ตรงข้าม ตอนกลับมาคอนโดผมก็คิดถึงคนที่คอยออกมาต้อนรับ ไม่ว่าผมจะทำอะไร..จะดูหนัง ฟังเพลง หรือนอนหลับ..ผมก็คิดถึงแต่คุณ”

     “…”

     “และผมพึ่งรู้ว่าการที่ผมโกหกคุณ ไม่ใช่แค่คุณหรอกที่เจ็บ ผมเองก็เจ็บไม่ต่างกัน..”

     “แล้วคุณทำทำไม?” ผมถามกลับทันควัน “คุณกล้าใช้คำว่าไม่ต่างหรอ..? คุณยังมีโอกาสได้พบเจอความสุข พบเจอเรื่องราวดีๆ แต่ผมไม่เคยมีโอกาสนั้นเลย ใครจะไปคิดว่าวันนึงผมจะสภาพเหมือนหมาข้างถนนที่สลบคาน้ำโคลน ใครจะไปคิดว่าวันนึงจะโดนเพื่อนสนิทขับรถชน ใครจะไปคิดว่าวันนึงใจผมมันจะแหลกสลายได้แบบไม่มีชิ้นดีขนาดนี้ คุณเจ็บได้เสี้ยวนึงของผมหรือยังกวินทร์?”

     “ผมก็แค่..ไม่รู้ ผมขอโทษ”

     “ผมไม่รับ เชิญคุณกองไว้ตรงนั้นแหละ เคยคิดนะว่าผมโชคดีที่ได้เจอคุณ แต่แม่งโคตรตรงกันข้าม ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมา ขอบคุณที่ยัดเยียดเรื่องราวเหี้ยๆนี้ให้ผม ขอบคุณมากกวินทร์!!” ผมตวาดลั่นทั้งน้ำตาก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปทันที แต่อีกฝ่ายกลับไวกว่าและดึงตัวผมกลับมาได้ทัน กวินทร์กอดผมแน่นจนผมไม่อาจขยับได้อีก

      “..ผ..ผมไม่มีสิทธิ์ขอให้คุณยกโทษให้หรอกผมรู้ แต่อย่างน้อยคุณห่วงตัวเองก่อนได้มั้ย คุณพักอยู่ที่นี่ซักคืนก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณ”

      มองดูตัวเองแล้วสภาพก็ไม่ไหวจริงๆอย่างที่กวินทร์ว่า ผมคงเลือกอะไรไม่ได้นอกจากทำตามที่เขาบอก ..อย่างน้อยก็ห่วงตัวเองก่อน อย่างน้อย..ผมควรจะรักตัวเองให้มากกว่านี้



      ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ กวินทร์ก็อุ้มผมขึ้นก่อนจะพาเข้าไปนอนบนเตียงในห้องนอนของเขา

      “เดี๋ยวผมไปนอนข้างนอกนะ ถ้ารู้สึกเจ็บหรืออยากได้อะไรก็ใช้ผมได้เสมอเลย”

      “…” ผมถูกวางลงบนเตียงก่อนจะถูกผ้าห่มหนาคลุมร่างถึงระดับอกโดยคนตัวสูงเป็นคนจัดการให้

     “นอนพักนะชยา” มือใหญ่ลูบหัวผมอย่างเอ็นดู แต่ผมปัดออก ภาพในอดีตอันแสนอบอุ่นซ้อนทับกลับมาให้นึกถึง



     ‘ชยาไม่สบายนะครับ เป็นหวัดแบบนี้ต้องพักผ่อนเยอะๆ’ คนตัวสูงจัดเเจงที่นอนและผ้าห่มให้ผมที่กำลังไม่สบายได้นอนพักได้สบายที่สุด

     ‘นอนพักก่อนนะ’ ก่อนจะลูบหัวอย่างเอ็นดู และมอบจุมพิตเบาๆบนหน้าผาก ‘ฝันดีนะครับ’

     ‘อยากหายแล้วอะ ปวดหัวมากเลย’

     ‘เอาเชื้อหวัดมาให้กวินทร์เลยครับ เดี๋ยวกวินทร์เป็นแทนเอง’’

     คนตัวสูงพูดกับผมราวกับว่าผมเป็นเด็ก แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกหัวใจพองโต สัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่ส่งผ่านสายตาจากคนตัวสูง



     ขอล่ะกวินทร์ อย่าทำเหมือนกับว่าเรายังเป็นแฟนกันอยู่เลย..



     ระยะห่างของเราตอนนี้นั้นถึงแม้จะไม่ได้ไกลกันแต่เราก็ไม่ได้ใกล้กัน ..ราวกับเส้นขนาน ถึงแม้จะอยู่ใกล้กันแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจแนบชิดมาบรรจบกันได้





     ไม่นานนักผมก็อำลาค่ำคืนแสนโหดร้ายก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความเหนื่อยล้า

     ผมฝัน..

     ในเห็นตัวเองในวัยเด็กที่ยังเป็นเด็กชายชยา ตัวผมในฝันนั้นร่าเริง ยิ้มแย้มและถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่เป็นมิตร พวกเราต่างยิ้ม หัวเราะ และมีความสุขไปด้วยกัน พอตกเย็นเด็กชายชยาก็กลับบ้านอันแสนอบอุ่นของเขา หญิงวัยกลางคนหน้าตายิ้มแย้มผู้ได้ชื่อว่าแม่เข้ามากอดและหอมแก้มเด็กชายชยาจนจุใจ

     บรรยากาศในฝันแม้ภาพจะเป็นโทนสีซีเปียแต่กลับดูอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความสุข ..ทว่าภาพฝันนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นตัวผมในปัจจุบัน และหญิงวัยชรากำลังเย็บเสื้อตัวหนึ่งอยู่อย่างขะมักเขม้น หากแต่ระยะห่างของพวกผมและหญิงชราคนนั้นกลับค่อยๆห่างไกลจนสุดสายตา

     

     ‘แม่ครับ พรุ่งนี้ชยาไปโรงเรียนวันแรกแน่ะ ตื่นเต้นจังเลยแม่’

     ‘ขึ้นป.1แล้วนะลูก ตั้งใจเรียนนะครับ’

     ‘ชยาจะตั้งใจเรียนครับ แม่ซื้อชุดนักเรียนให้ชยาหรือยังฮะ’

     ‘แม่ไม่ซื้อหรอก แม่เย็บให้ชยาเองเลยดีกว่า ตัวนี้ไงลูก เท่สุดๆไปเลย ไม่มีใครเหมือนด้วย’

     ‘ขอบคุณครับแม่ เท่จริงด้วย ต้องไม่มีเพื่อนคนไหนเหมือนชยาแน่ๆ’

     

     ‘แม่ อีก2วันเปิดเทอมแล้วนะ ชยายังไม่มีเสื้อนักเรียนเลย’

     ‘แม่ตัดชุดนักเรียนให้แล้วลูก แขวนอยู่บนตู้ของเรานั่นแหละ ขึ้นม.1แล้วขอให้มีความสุขกับการเรียนนะลูกนะ’

     ‘เย้ ชุดที่แม่ตัดใส่แล้วเท่สุดๆเลยครับ ขอบคุณแม่มากๆครับ รักแม่น้า’




     ชุดนักเรียนที่ผู้หญิงคนนั้นเฝ้าตัดเย็บให้ผมตั้งแต่เด็กชายจนผมเติบโตขึ้นเป็นนาย ส่วนเธอก็เริ่มแก่ลงเรื่อยๆจากวัยกลางคนก็เข้าสู่วัยทอง แต่ฝีมือการตัดเย็บของเธอไม่เคยดร็อปลงเลย ชุดนักเรียนที่เธอตัดนั้นสวยเนี๊ยบทุกจุด

      ทุกๆปีในการเปิดภาคเรียนใหม่ เธอจะยื่นชุดนักเรียนที่เธอตัดเย็บเองให้ผมด้วยรอยยิ้มปลื้มปริ่ม ผมคิดถึงรอยยิ้มนั้นเหลือเกิน.. ผมเหนื่อย อยากกอดแม่แล้วนอนตักนุ่มๆนั้น อยากฟังแม่ร้องเพลง อยากคุยกับแม่อีก..

      คิดถึงแม่จัง…





     ผมตื่นมาในช่วงเย็นของวันถัดมา 16.23 คือเวลาที่ผมรับรู้ตอนตื่น ผมรู้สึกทั้งคอแห้งแล้วก็หิวสุดๆ จึงค่อยๆลุกแล้วพยุงตัวเองไปข้างนอก ขาสองข้างเริ่มมีแรงกลับมาบ้างแล้ว แม้จะน้อยนิดแต่ก็พอจะพยุงตัวเองได้

     ข้างนอกห้องนั้นเงียบกริบ ม่านรับแสงจากระเบียงก็ถูกปิดสนิท ทำให้บรรยากาศห้องนั้นมืดสลัว ผมเดินหาคนตัวสูงรอบๆห้องเพื่อที่จะบอกว่าผมพร้อมจะกลับแล้ว แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา

     มีแต่โน้ตแผ่นเล็กๆที่ดูพอจะเป็นเบาะแสของกวินทร์ได้บ้างติดอยู่บนตู้เย็นที่เขียนไว้ว่า

     ‘มีเรียน อาจจะกลับค่ำหน่อย’



     ใครจะไปรอกัน..

     ผมเดินไปที่ประตูห้องเพื่อที่จะเปิดออกแล้วกลับคอนโดตัวเองก่อนจะพบว่า…มันถูกล็อกมาจากข้างนอก

     ผมแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่กำลังเผชิญ กวินทร์กำลังขังผมอยู่งั้นหรอวะ ทำแบบนี้เพื่ออะไร!

     แต่อีกไม่นานก็ค่ำแล้ว เดี๋ยวก็คงกลับแล้วมั้ง คิดได้แบบนั้นผมก็ไปหาของกินในตู้เย็นที่พอจะประทังชีวิต ซึ่งสิ่งที่พอจะกินได้ก็มีเพียงขนมปังที่เหลือไม่กี่แผ่นเท่านั้น


     18.34
     ผมนอนดูทีวีไปเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลารอกวินทร์กลับมาแล้วก็ไปส่งผมซักที แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ขนมปังที่กินไปก็ถูกย่อยไปหมดแล้ว กระเพาะเรียกร้องหาอาหารดังโครกคราก




     19.45
     ผมนอนดูรายการทีวีที่โคตรจะน่าเบื่อ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีสี่แววของคนตัวสูง ผมปวดท้องจัง




     20.53
     ผมปิดทีวี แล้วนอนรอท่ามกลางความมืด ข่มตาให้หลับเพื่อจะได้หายหิวแล้วก็เป็นการฆ่าเวลาไปด้วยแต่ไม่อาจทำได้ อาการปวดท้องมันเริ่มรุนแรงจนผมต้องงอตัวกอบกุมท้องน้อยๆของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ผล็อยหลับจนได้



      23.32
     ตื่นมาอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ไฟในห้องยังคงมืดสนิท ประตูยังคงถูกล็อกจากด้านนอกเหมือนเดิม ..กวินทร์ยังไม่กลับมา 

     ..สุดท้ายกวินทร์ก็ผิดสัญญา จนป่านนี้แล้วเขาก็ไม่ได้ไปส่งผมตามที่เขาพูด แถมเจ้าตัวยังอยู่ไหนก็ไม่รู้

     ไม่รู้ว่าการรอคอยนี้จะจบลงเมื่อไหร่ บางทีอาจจะเหมือนทุกครั้งที่กวินทร์จะกลับ นั่นคือตี 2 ไม่ก็เช้าวันพรุ่งนี้  ผมคงจะสำคัญตัวเองผิดไปนิดหน่อยที่ยึดติดกับคำพูดของกวินทร์ที่บอกว่าจะไปส่ง ลืมไปเลยว่าผมไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดนั้น

     .ถึงแม้การรอคอยมันอาจจะโหดร้าย แต่ผมก็จะรอ ผมอยากกลับบ้าน…กลับไปในที่ที่เป็นที่ของตัวเอง

     ที่ที่คนอ่อนแออย่างผมเหมาะที่จะแสดงตัวตนออกมาโดยไม่ต้องกลัดกลั้นอั้นใจ

     ตอนนี้ชีวิตของผมคงไม่เหลือใครอีกต่อไปแล้ว… ไม่ว่ากวินทร์ หรือไอ้พู หรือแม้แต่พ่อแม่ ผมก็ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้พวกท่านอยู่ที่ไหน ถึงแม้ใจจะคิดถึงแค่ไหน อยากจะกลับไปขอโทษที่ทำตัวแบบนี้แค่ไหน แต่ก็ทำได้แค่คิด เพราะชยาตอนนี้ก็คือชยา ..คนโง่คนหนึ่งที่ไม่เหลืออะไรเลย



     ชีวิตตอนนี้ผมไม่รู้จะทำอะไรต่อแล้ว อีกไม่นานเงินติดตัวก็คงจะหมดเพราะผมเจ็บตัวกระปอดกระแปดทำงานไม่ได้แบบนี้ ที่มหาลัยเองก็น่าจะแย่ การพูดปากต่อปากเป็นเรื่องปกติในสังคมนี้ ดังนั้นเรื่องเมื่อวานคงไม่ได้หยุดแค่นั้นแน่ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ผมเทเหล้าราดหัวพี่อาร์ต บางทีรุ่นพี่ในคณะอาจจะแบนผมไปแล้วมั้ง ถึงตอนนั้นก็คงเป็นไอ้โง่ที่ไม่ใช่แค่โง่แต่ยังไร้ค่าด้วย เป็นไอ้โง่คนที่ไม่มีใครต้องการ

     ผมเดินออกไปตรงระเบียงเพื่อสูดอากาศ ไฟจากรถยนต์บนท้องถนนและตึกรามบ้านช่องส่องแสงละลานตา หวังว่าหนึ่งในหลายพันแสงเหล่านั้นจะมีแสงนึงที่เป็นรถของกวินทร์นะ.. ผมยังคงรออยู่เสมอ แต่อาจจะเหนื่อยล้าไปบ้าง

     ผมนอนตะแคงขดคู้อยู่ตรงระเบียง  ที่ตรงนี้น่าจะเหมาะกับผมที่สุด บรรยากาศข้างในมันไม่ใช่ที่ของผม กวินทร์เองก็อนุญาตให้ผมนอนแค่คืนวานก่อนเท่านั้น ดังนั้นคืนนี้ภายในห้องจึงไม่ใช่ที่ที่ผมจะอยู่ได้ คงจะมีเพียง..ระเบียงหนาวๆตรงนี้เท่านั้นที่ผมควรอยู่..



     ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แต่ท้องผมเริ่มปวดอีกครั้ง ก่อนหน้านี้มันปวดแล้วมันก็หายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับมาปวดอีก แล้วปวดหนักกว่าเดิมด้วย ทำได้แค่นอนขดคู้กุมท้องตัวเองแน่นเพื่อหวังจะระบายความเจ็บปวดลง แต่ก็คงไม่เป็นผลนอกจากจะจำใจยอมรับความทรมานนี้ซะ

     ถึงสมองจะรับรู้เรื่องราวเลวร้ายแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับระบบย่อยอาหารเลย มันยังคงทำงานของมันต่อไป เมื่อถึงเวลากิน มันก็เรียกร้องของมันต่อไปจนกว่าเราจะหาอะไรลงท้อง



     จากนอนตะแคงซ้ายก็เปลี่ยนเป็นตะแคงขวา ผมพลิกตัวไปมาด้วยความทรมาน น้ำค้างกลางคืนตีแสกเข้ากับลม พัดเข้าทางระเบียงจนผมรู้สึกหนาว

     เมื่อไหร่กวินทร์จะกลับมา..



     เนิ่นนานจนแสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามา เสียงลูกบิดประตูจึงดังขึ้น ผู้มาเยือนคือคนที่ผมเฝ้ารอมาตลอดทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้เขาจะเลือนลางในสายตาแต่ผมมองแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร

     กวินทร์ในสภาพเมามาย เขาปล่อยชายเสื้อให้หลุดลุ่ย ปล่อยผมให้ยุ่งเหยิง และปล่อยลำคอให้มีรอยจูบรอยฟกช้ำหลายจุด ..ชัดเจนเหลือเกินว่าคุณไปไหนมา ขณะที่คุณกำลังมีความสุขคุณจะรู้มั้ยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังรอคุณอยู่ พอจะมีเสี้ยวนึงมั้ยที่คุณฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังรอคุณอยู่ตรงนี้..



     กวินทร์นอนตายเป็นผักอยู่ตรงโซฟา ผมจึงค่อยๆพยุงตัวเองลุกออกไปจากตรงนี้ ผมเดินเข้ามาในห้องแล้วตรงไปยังคนที่กำลังสลบเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

     “..กวินทร์” ก่อนจะสะกิดเขาเบาๆ กลิ่นแอลกอฮอล์โชยติดจมูกอย่างรุนแรง เขาขยับร่างกายแต่ไม่ได้ลืมตา คงไม่รู้ด้วยมั้งว่าใครกำลังเรียกอยู่ บางทีอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าขังผมไว้ในห้อง

     “กวินทร์” ผมใช้เสียงหนักแน่นขึ้น แต่ก็เหมือนเดิม คนตัวสูงไม่ได้รับรู้

     ผมมองดูสภาพเขาแล้วก็นึกสมเพช หากแต่อีกเสี้ยวหนึ่งในส่วนลึกของหัวใจมันกลับย้ำเตือนให้ผมรีบหาอะไรมาเช็ดตัวคนตัวสูง ก่อนที่ตัวเขาจะแดงไปมากกว่านี้ สมองยังคงจดจำว่าคนตัวสูงนั้นมักจะมีอาการแบบนี้เสมอหลังจากเมา เขาจะตัวแดงไปทั้งตัว ดังนั้นต้องรีบเช็ดตัวให้อาการไม่หนักหนาเกินไป



      ถึงในใจจะโกรธจะเกลียดแค่ไหนแต่ความเป็นห่วงนั้นมากกว่า ผมจึงวางทิฐิไว้ตรงนั้นแล้วไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวเขาทันที

     ผมปลดกระดุมเสื้อเขาออกแล้วค่อยๆบรรจงเช็ดตัวเขาไปเรื่อยๆ หวังเพียงให้อุณหภูมิในตัวเขาลดลง เลือดไม่สูบฉีดจนแดงก่ำไปทั้งตัวแบบนี้



     ทว่าจู่ๆข้อมือผมก็ถูกมือหนาจับไว้ คนตัวสูงลืมตาแล้วแต่ยังดูสะลึมสะลืออยู่

     “กวินทร์..” ผมเรียกสติเขาอีกครั้ง ก่อนจะพบว่ากวินทร์นั้นไม่มีสติหลงเหลืออยู่เลย..

     เขารวบผมไปกอดก่อนจะกดให้อยู่ใต้ร่างเขา พลางบดเบียดเสียดกายจนแนบชิดกับตัวผม ผมตกใจสุดขีด ทำได้แค่ดิ้นเร่าๆ ขอร้องให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำ

     “กวินทร์..ปล่อย!” ผมทั้งดิ้นทั้งผลัก แต่ก็ไม่เป็นผลเลย คนตัวสูงบดขยี้ริมฝีปากผมอย่างเร่าร้อนราวกับว่าไม่อยากได้ยินเสียงผมโหยหวนอะไรอีก

     จูบนั้นมีแต่ความขมขื่น น้ำตาผมไหลเป็นทาง ผมไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้

     กวินทร์ยังคงยัดเยียดจูบรสเฝื่อนนั้นให้ผมจนสาแก่ใจจึงปล่อยให้ริมฝีปากผมเป็นอิสระ แต่ทว่าเขาไม่หยุดแค่นั้น เขาลดตัวลงไปแล้วพรมจูบที่รุนแรงราวกับสัตว์ป่าลงตั้งแต่ลำคอจนลงไปเรื่อยๆตามลำตัว ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากพยายามขอร้องให้เขาหยุดการกระทำนี้ทั้งน้ำตา

     “กวินทร์.. ขอร้อง” ผมส่งเสียงเว้าวอน แต่คนตัวสูงก็ไม่ได้สนใจเลย เขายังคงบรรจงทำสิ่งที่ตัวเองกำลังทำจนผมรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาจับใจ มันไม่ได้รู้สึกดีเลยซักนิด

     “กวินทร์..อ๊ะ!” อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงแบบนั้น กวินทร์ขบกัดลงบนยอดอกจนผมรู้สึกเจ็บ

     “ผมขอนะฟ้า”

     …เจ็บแปล๊บราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ กวินทร์ทำแบบนี้เพราะคิดว่าผมเป็นคนอื่น..



     



     











     

     



     





     

     

     












ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เซนติเมตรที่ 7
(Gawin’s side)

     

 

     คุณเคยเจ็บที่สุดเพราะอะไร

     สำหรับผม..มันคงเป็นการที่ต้องทำเหมือนไม่รู้จักกับคนที่เราคิดถึงเขาจนสุดหัวใจ



     นับตั้งแต่วันที่ผมตัดสินใจที่จะออกไปจากชีวิตของชยา ทุกๆวันของผมก็โคตรว่างเปล่า เนื้อที่ทุกตารางนิ้วในห้องของผมล้วนมีกลิ่นอายของคนตัวเล็กซึ่งผมได้แต่มองดูพื้นที่เหล่านั้นด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน



     ผมคิดถึงชยา

     คิดถึงรอยยิ้มของเขาที่ผมไม่ได้เห็นนานแล้ว

     ผมอยากกลับไปใกล้ชิดเขาอีกครั้งไม่ว่าในฐานะอะไรก็ตาม ผมอยากเห็นรอยยิ้มของเขาอีก ผมยังอยากมีชยาอยู่ในชีวิต..



     “อ้าว แฟนชยานี่” เสียงใสเรียกผมทางด้านหลัง ผมจึงหันกลับไป

     สิ่งที่ผมเห็นคือสาวสวยตัวเล็ก ผิวเธอขาวเนียนดุจไข่มุกซึ่งพอประกอบเข้ากับใบหน้าหวานๆของเธอแล้วทำเอาผมนิ่งไปชั่วขณะ

     “ครับ..?” เธอคงจะรู้จักกับชยาถึงได้ทักผมแบบนั้น อยากบอกเธอเหลือเกินว่าตอนนี้ผมไม่ใช่แฟนเขาแล้ว

     “ชยาเล่าให้ฟังบ่อยๆ จำได้ว่าเคยเจอพี่ตอนปีที่แล้ว พี่เป็นตากล้องใช่มั้ยคะ?” เธอยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างน่าเอ็นดู

     “อ่า..ใช่ครับ”

     “ไปเยี่ยมชยาด้วยกันมั้ยคะ” เธอเอ่ยชวน แต่ผมคงไม่มีหน้าไปเยี่ยมชยาหรอก..เพราะงั้นผมจึงปฏิเสธคำชวนนี้ไป

     ครู่หนึ่งความคิดโง่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัว เธอคนนี้เป็นเพื่อนของชยาแน่ๆ ถ้าหากว่าผมเข้าหาเธอ ..ผมก็อาจจะได้เห็นรอยยิ้มของเขา..อีกครั้ง

     “คงไม่หรอกครับ อีกอย่างผมกับเขาก็เลิกกันแล้วครับ”

     “อ่า..งั้นขอโทษค่ะ ขอตัวนะคะ” เธอหมุนตัวเดินไปอีกทางแต่ถูกผมรั้งข้อมือไว้ก่อน

     “เดี๋ยวก่อนครับ..คุณชื่ออะไร”

     “อ๋อ..เอ่อ ฟ้าค่ะ น้ำฟ้า”

     “ผมกวินทร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

     “รู้อยู่แล้วค่ะฮ่าๆ เช่นกันนะคะ”

     จากนั้นไม่กี่นาทีผมก็ได้เบอร์มือถือของเธอมาอย่างง่ายดาย ผมใช้เวลาระยะหนึ่งสานสัมพันธ์กันจนเห็นสมควร วันนี้ผมจึงจะขอเธอเลื่อนระดับความสัมพันธ์ไปอีกขั้นหนึ่ง



     เช้านี้ผมเห็นแผ่นหลังที่แสนคุ้นเคยของคนตัวเล็กอยู่แว้บๆ เดาว่าคงจะดีขึ้นมากแล้วถึงได้มาเรียนได้

     ตอนที่มีไอ้รถเหี้ยนั่นพุ่งมาชนชยาผมทำอะไรไม่ถูกเลย แล้วก็ทำอะไรไม่ได้เลยด้วย ..ถ้าผมไม่ผลักเขาลงไปกลางถนนแบบนั้นเขาก็คงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้

     ไม่สิ..ถ้าชยาไม่มาเจอกับคนอย่างผมตั้งแต่แรก ชีวิตเขาก็น่าจะมีความสุขมากกว่านี้..



      ผมเป็นห่วงเขาซะจนแทบบ้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยเช่นเดิมนอกจากแอบถามอาการของเขาผ่านน้ำฟ้า เธอมักจะบอกผมเสมอว่าชยาสบายดี ปลอดภัยแล้ว ซึ่งนั่นทำให้สบายใจได้เปราะนึง แต่ในส่วนลึกก็ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับชยาอยู่ดี

     “กวินทร์ ไปโรงอาหารกัน ฟ้าหิว” เธอเอ่ยชวน ผมก็ไม่ได้ขัดอะไร เราเดินเคียงข้างกันไปจนถึงโรงอาหารของคณะเธอซึ่งแน่นอนว่าเป็นคณะเดียวกับชยาด้วย ผมจึงแอบหวังอยู่เล็กๆว่าจะได้เจอเขา

     ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ..คนตัวเล็กกำลังเดินขึ้นมาทางโรงอาหารเช่นเดียวกันหากแต่ว่าผมกับฟ้าขึ้นมาจากอีกฝั่ง ชยาเดินมากับเพื่อนของเขา ดูท่าทางเฮฮาน่าสนุกอยู่ไม่ใช่น้อย

     ฟ้าเดินจับมือผมไปที่ร้านน้ำแล้วก็ซื้อชานมไข่มุกมาแก้วนึงก่อนจะเดินต่อขณะเดียวกันก็ดื่มชานมไข่มุกในมือไปด้วย

     “ไหนบอกว่ามาหาไรกินไงครับ แค่ชานมไข่มุกฟ้าจะอิ่มหรอ” ผมถาม เห็นเธอกินแค่นี้ดูยังไงก็คงไม่อิ่ม

     “ก็ไม่มีอะไรน่ากินเลยอะ ฟ้าเอาแค่นี้แหละ” เธอตอบก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ขณะเดียวกันนั้นคนตัวเล็กที่เดินมาฝั่งตรงข้ามก็ค่อยๆใกล้เข้ามาทุกที ผมควรทำยังไงดีครับ..อยากคุยกับเขาเหลือเกิน

     “อ้าว..ชยา หายดีแล้วหรอ” ฟ้าถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คนตัวเล็กก็ตอบกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นกันเพียงแต่ไม่ได้พูดอะไรกลับมา เพียงเสี้ยวเดียวที่ผมได้เห็นรอยยิ้มของชยา หัวใจมันก็พลันเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาทันที แต่ทว่าเราทั้งสองกลับสวนกันไปโดยไม่มีใครทักใคร

     สำหรับผม..ผมคงไม่มีสิทธิ์จะทักเขาแล้ว แต่สำหรับชยา...ทำไมเขาถึงต้องทำเหมือนไม่รู้จักผมด้วย



     ผมอดไม่ได้ที่จะเหลียวหลังหันไปมอง หากแต่เจ้าของแผ่นหลังบางๆที่ค่อยๆห่างไกลออกไปนั้นไม่เปรยตามาทางผมเลยแม้แต่น้อย

     

     “กวินทร์”

     “…”

     “กวินทร์..มองอะไรคะ” 

     “…”

     “กวินทร์”

     “อ๋อ..ป..เปล่า”



     นึกแล้วก็ตลกดี ผมแม่งไม่เคยเห็นค่าอะไรชยาเลยตลอดระยะเวลาที่มีเขาอยู่ข้างๆแต่พอวันนึงที่ไม่มีเขาอยู่ตรงนี้แล้วผมกลับคิดถึงแต่เขา ผมพึ่งรู้ว่าชยานั้นสำคัญกับผมมากขนาดไหนก็ตอนที่ไม่มีเขาอยู่ตรงนี้แล้ว

     ไม่มีรอยยิ้มที่เคยทำให้โลกของผมสดใสนั้นแล้ว..



     เย็นของวันเดียวกันผมขอน้ำฟ้าเป็นแฟน เธอดีใจมากๆดูจากรอยยิ้มอันสดใสของเธอ ซึ่งผิดแผลกไปจากผม …นี่ผมกำลังทำอะไรของผมอยู่วะเนี่ย

     ก็รู้แหละว่ามันดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่คบน้ำฟ้าเพื่อที่จะได้มีโอกาสใกล้ชิดชยา แต่จะให้ผมอยู่อย่างคนที่ไม่เหลืออะไรเลยในชีวิตผมก็คงทำไม่ได้ ..อย่างน้อยๆก็ให้ผมได้มีโอกาสแอบมองรอยยิ้มของชยาอยู่จากมุมนึงก็พอแล้ว ถึงจะรู้สึกผิดกับน้ำฟ้าก็ตาม

     “กวินทร์ ฟ้าจะไปร้านพี่ก้านนะเย็นนี้ ไปด้วยกันมั้ยคะ”  น้ำฟ้าเงยหน้าจากจอสี่เหลี่ยมตรงหน้าแล้วก็เอ่ยชวนผม ร้านพี่ก้านเป็นร้านเหล้าขาประจำของใครหลายๆคนที่เรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เนื่องด้วยระยะทางที่โคตรจะใกล้ เรียกได้ว่าเดินไม่กี่อึดใจก็ถึงร้านพี่แกแล้ว

      “ไปสิครับ กวินทร์ไม่ปล่อยให้ฟ้าไปคนเดียวหรอก” ผมพูดไปคนละทางกับสิ่งที่ผมรู้สึก ..ผมไม่ได้รู้สึกห่วงเธอจนไม่อยากปล่อยให้เธอไปคนเดียวอย่างที่ว่าเลย ผมก็แค่คิดว่า…ถ้าไป อาจจะได้เจอชยาบ้าง ก็เท่านั้น

      “โอเค เดี๋ยวมีเพื่อนฟ้า2-3คนไปด้วยนะ” ผมพยักหน้าตอบรับ ภาวนาขอให้หนึ่งในสองสามคนนั้นเป็นชยาเถอะครับ ผมอยากคุยกับเขาเหลือเกิน อย่างๆน้อยเลยคือผมอยากถามเขาว่า ‘เป็นยังไงบ้าง’ ก็เท่านั้น ผมอยากขอโทษอีกซักครั้งหรือไม่ก็ไปให้ชยาชกหน้าซักสิบทีจนผมน่วมไปเลยก็ได้ ให้มันสาสมกับที่ผมเคยทำกับเขา..

     เพราะผมรู้แล้วว่าที่ผ่านมาผมแย่ขนาดไหน หน้าที่ของคนรักที่ดีผมก็ทำไม่ได้เลยซักอย่าง แถมยังทำร้ายชยาอยู่ร่ำไป

     ..ใช้ชีวิตโง่ๆของตัวเองด้วยการถลุงเงินไปกับผับบาร์ ผู้หญิง ถูกใจหน่อยก็ไปเปิดห้องกันที่อื่น หรือไม่ก็พามาที่ห้องตอนที่ชยาไม่อยู่ มีความสุขกับการเปลี่ยนรสชาติใหม่ๆทุกวันๆ บนความทุกข์ใจของคนรักอย่างชยา..



      เวลาเนิ่นนานจนท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีฟ้าใสเป็นสีส้ม ก่อนแสงตะวันจะค่อยๆหรี่แสงลงจนทุกซอกมุมตกอยู่ในความมืด แต่กลับเป็นเวลาที่ดีสำหรับอดีตนักท่องราตรีอย่างผม ไม่รู้ว่าคืนนี้จะเจออะไรบ้าง โชคดีหน่อยก็อาจจะได้เจอชยา แต่ถ้าไม่ได้เจอผมก็จะไปเมาให้อ้วกแตกกันไปข้าง

      “เดี๋ยวถามพีแป็ปนึงนะว่ามันนั่งไหน” ฟ้าบอกผมขณะที่รถของเรากำลังเข้าไปจอดอยู่ที่จอดรถหลังร้าน

      ไม่นานนักหลังจากที่จอดรถเสร็จเธอก็เดินนำทางผมมาที่โต๊ะ ซึ่งเพื่อนเธอนั่งรอกันอยู่แล้ว บรรยากาศที่ร้านดูครึกครื้น มีเสียงเพลงที่จังหวะเล้าโลมใจเปิดคลอหู

      ฟ้าชี้บอกตำแหน่งโต๊ะให้ผมรู้ ผมจึงมองตามปลายนิ้วที้ขาชี้ไปที่โต๊ะๆหนึ่งซึ่งอยู่แถบกลางๆร้าน ตรงนั้นมีคนนั่งอยู่4-5คนและหนึ่งในนั้น..แผ่นหลังนั้น..คือ ชยา



      “มาแล้วจ้าคนสวยมาแล้ว”

     “ดีเพื่อน นั่งฝั่งกูดิ มาๆ” คนชื่อพีเรียกน้ำฟ้ากับผมให้ไปนั่งฝั่งเขา

     “เอ้าหูยย แดกกันเยอะจังวะพวกมึงเนี่ย”ฟ้ามองขวดเบียร์ที่อยู่บนโต๊ะแล้วก็ทำสีหน้าตกใจ “เอาอีกเปล่ากูเลี้ยงค่ะ” เธอไม่พูดเปล่าโบกมือเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่มเพิ่มอีกตังหาก

     ผมนั่งอยู่เฉียงๆกับชยา ตาผมจ้องมองเขาไม่กระพริบ ..โล่งใจไปอีกเปราะใหญ่ๆ คนตัวเล็กนั้นดูแข็งแรงขึ้นแล้ว เขาไม่ได้ดูอ่อนแอให้ใครทำร้ายเขาได้อีก ซึ่งมันก็ดีแล้ว..อย่าให้ใครทำร้ายได้อีกนะชยา

     “ชยา เป็นไร เมาแล้วหรอ” ถั่วพูเลื่อนมือมาแตะไหล่คนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้างุดด้วยน้ำเสียงที่เจือความเป็นห่วง ทำเอาผมเป็นห่วงไปด้วย ผมจำได้ดีเลยว่าชยาไม่ค่อยถูกกับแอลกอฮอล์เท่าไหร่ อาการเริ่มออกแบบนี้แสดงว่าเขาเริ่มเมาแล้วนั่นเอง  อยากไปดูแลอยู่ข้างๆเขาจัง..

      ชยาเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเพื่อนเขาถาม ก่อนจะหันไปมองทุกคนรอบโต๊ะรวมถึงผมด้วย เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเขาที่มองมาทางผมราวกับเขากำลังจะร้องไห้ น้ำตาสีใสคลออยู่รอบดวงตาสีนิลคู่นั้นอย่างเอ่อล้น 

      ผมกระชับไหล่น้ำฟ้าเข้ามาซบผมก่อนจะเบือนหน้าหนีจากชยา ขอร้อง..อย่าเสียน้ำตาให้กับคนอย่างผมอีกเลยนะ มองสิ่งที่ผมทำตอนนี้แล้วคุณก็จำไว้เลยว่าผมเหี้ยขนาดไหน ผมไม่คู่ควรที่จะให้คุณเสียน้ำตา คุณเข้มแข็งได้แบบนี้ถือว่าดีมากแล้ว ดังนั้นอย่าร้องไห้เลยนะ..ชยา

     “กูไปห้องน้ำแป็ปนะ” ชยาลุกขึ้นปุบปับก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ..จากเดินก็เปลี่ยนเป็นวิ่งออกไปจนลับสายตา.. 

     

      เวลาผ่านไปจนชั่วระยะหนึ่ง ผมที่เอาแต่นั่งเหม่อก็ถูกน้ำฟ้าจับสังเกตได้จึงชวนผมคุยไปสัพเพเหระ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาเลยซักนิด ใจผมกระวนกระวายอยากลุกไปตามคนตัวเล็กซะจนแทบบ้า แล้วผมก็ไม่เข้าใจเลยด้วยว่าทำไมชยาดูแย่ขนาดนั้นแล้วเพื่อนเขาถึงยังนั่งเฮฮามีความสุขกันได้อีก

     “ชนแก้วหน่อยกวินทร์” ถั่วพูยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นด้วยสีหน้าที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมยกแก้วตัวเองขึ้นเพื่อจะชนแก้วกับเขาตามที่เขาชักชวน แต่ทว่าถั่วพูกลับชักแก้วตัวเองกลับไปคืน “ไม่ชนดีกว่า..ฮ่าๆ”

     “…”

     ผมนั่งนิ่งดังเดิมและวางแก้วแอลกอฮอล์นั้นลง ส่วนไอ้พูเมื่อเห็นท่าทีของผมก็หัวเราะลั่น คนอื่นๆในโต๊ะก็หัวเราะไปตามๆมัน เว้นแต่เพียงน้ำฟ้า  นี่พวกแม่งเป็นอะไรของมัน เล่นตลกอะไรกันวะ

     “ขำอะไรของมึง” ผมถาม

     “เปล่าครับ กูไมได้ขำ” มันพูดพร้อมกับเล่นหูเล่นตา เชี่ยแม่งน่าเสยให้ล้มลงไปนอนเล่นซะจริง

      ผมจ้องไอ้ถั่วพูด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ภายในใจของผมนั้นเริ่มคุกรุ่น ซึ่งผมรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็จงใจยั่วโมโหให้ผมอาละวาดดูจากสายตาที่มันจ้องผมกลับ ผมกำหมัดแน่นเพื่อระบายอารมณ์ อย่างน้อยครั้งนี้ผมจะไม่เผลอทำอะไรโง่ๆลงไปอีก ต่อให้ไอ้พูมันน่าซัดแค่ไหนก็ตาม



        “กวินทร์”  จู่ๆเสียงอันคุ้นหูก็ดังขึ้นทำให้ผมต้องหันไปหาต้นตอของเสียง ..ชยาเรียกผม!

        “ว่า..” พึ่งรู้ว่าชื่อตัวเองน่าฟังมากแค่ไหนก็ตอนที่ชยาเรียกผมนี่แหละ

        เพี๊ยะ!

        แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อไปอีก ฝ่ามือของชยาก็ตวัดฟาดลงบนใบหน้าผมเข้าอย่างจังจนผมรู้สึกถึงของเหลวที่กำลังซึมออกมาจากมุมปาก

        “ก..กูก็เป็นคนนะ กูก็มีความรู้สึกเหมือนๆกันกับมึง กูรักเป็น แล้วกูก็เจ็บเป็นเหมือนกัน มึงสนุกมากมั้ยกวินทร์ สนุกมั้ยที่ล้อเล่นกับความรักที่กูให้มึง..”

      “…” ชยาพูดออกมาทั้งๆที่น้ำตาไหลอาบแก้ม จู่ๆผมก็ชาวาบไปทั้งร่าง

      “กูขอให้มึงชิบหาย ขอให้มึงเจ็บเหมือนที่กูเจ็บ กูขอให้มึงทรมานเหมือนที่กูเคยเป็น!!!”

      พอพูดจบคนตัวเล็กก็ไม่ให้โอกาสให้ผมได้พูดอะไรกลับไปอีก เขาทุบกำปั้นของเขาลงที่หัวผมอยู่หลายครั้งจนหัวผมกระแทกไปกับโต๊ะ



       แต่…ผมจะไม่ตอบโต้

       ผมจะให้ชยาได้แก้แค้นในสิ่งที่ผมเคยทำกับเขาจนกว่าเขาจะพอใจ

 

       ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!

       แต่จู่ๆคนตัวเล็กก็ถูกหมัดหนักๆของไอ้เหี้ยพูไปจนเขาเซ

       “เป็นเหี้ยไรไอ้ชยา!!” ไอ้พูตวาดลั่น  ..ผมจะมัวเจ็บอยู่แบบนี้ไม่ได้ ไม่งั้นชยาคงไม่ดีแน่..

       ผมลุกขึ้นพรวด ถึงแม้จะมึนหัวอยู่แต่ผมจะไม่ยอมให้ไอ้พูเข้าไปซ้ำชยาอีก

      แต่เหตุการณ์มันกลับตาลปัตร ..ขณะที่ผมกั้นไอ้พูออกไอ้อาร์ตซึ่งมาจากไหนไม่รู้ก็วิ่งพรวดเข้ามาต่อยชยาเข้าไปที่หูอย่างเต็มแรง

       “ไอ้เหี้ยอาร์ต!” ผมตวาดลั่น

       ผัวะ!

       ไอ้พูอาศัยจังหวะที่ผมเผลอแล้วมอบกำปั้นหนักๆลงบนเบ้าตาของผม โชคดีหน่อยที่ผมหลบทัน หมัดของมันจึงโดนแค่โหนกแก้มของผมเท่านั้น แต่ก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน

       พอผมหันไปสนใจไอ้พูเพียงครู่เดียวไอ้เหี้ยอาร์ตกับไอ้คนชื่อพีก็รุมกระทืบคนตัวเล็กที่กำลังนอนงอตัวอย่างไร้เรี่ยวแรงทันที

        นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันวะเนี่ย!!



     “ถุ้ย กร่างได้แค่นี้หรอวะไอ้เหี้ยชยา” ไอ้อาร์ตสบถ “โคตรสกปรกเลยว่ะ หยี้ ตายอยู่นี่แหละมึง” ก่อนจะกดเท้าลงบนอกของชยาจนสาแก่ใจ ผมอยากเข้าไปถีบไอ้อาร์ตออกเหลือเกิน แต่ไอ้เวรสองตัวไอ้พูไอ้พีแม่งกลับล็อคตัวผมไว้อย่างกับรู้จังหวะ

      “โอ๊ย..! ฮืออ ปล่อยกู!!!” ชยาดิ้นเร่าๆ กรีดร้องออกมาอย่างทรมาน เสียงของเขาทำให้ผมแทบใจสลาย นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว

      “เหี้ยอาร์ต!” ผมดิ้นจนหลุดจากไอ้พวกเวรสองคน ก่อนจะถีบยอดหน้าไอ้อาร์ตไปจนมันล้มลง แต่พอผมจัดการไอ้อาร์ตได้ ไอ้พูกับไอ้พีมันก็ไปใส่ชยาต่อไม่ยั้ง จนเสียงของแข็งกระทบกันดังขึ้นพวกมันจึงหยุด

      ..หัวชยาจนเข้ากับขาโต๊ะอย่างแรง…ทำเอาร่างกายอันบอบช้ำของเขาค่อยๆหยุดการดิ้นรนลง แล้วแน่นิ่งขึ้นเรื่อยๆ

     

      “ไอ้เหี้ย!” ชั่วพริบตาไอ้พูก็ร่วงไปด้วยขาของผมที่ฟาดไปบนก้านคอของมัน ในใจอยากจะขยี้มันให้เละ เอาให้สาสมที่มันทำกับชยา แต่ว่าก็คงต้องปล่อยไป ตอนนี้สภาพร่างกายของคนตัวเล็กสำคัญกว่าเป็นไหนๆ

      ผมทรุดตัวนั่งลงไปก่อนจะช้อนหัวของเขาขึ้นมาบนตัก ดวงตาสีนิลของเขาเหือดแห้งและกรังไปด้วยคราบน้ำตา เปลือกตาหรี่ลงขณะเดียวกันสายตาของเขาก็ดูเลื่อนลอยราวกับสติของเขาไม่หลงเหลืออะไรอีกแล้ว



     “ก..กวินทร์” หากแต่ชยายังคงเรียกชื่อผม..

     “…ครับ กวินทร์อยู่ตรงนี้แล้ว ..ชยาอย่าพึ่งหนีกวินทร์ไปไหนนะ อย่าพึ่งหลับนะ” ผมพูดด้วยใจร้อนรน ยอมรับว่าตอนนี้ตัวผมลนลานมากๆ ผมไม่รู้จะทำอะไรเลย นอกจากจะพยายามคงสติคนในอ้อมแขนตอนนี้ให้ได้นานที่สุด

     “ชยาขอโทษ..นะ” 

     “…” คุณไม่มีอะไรต้องขอโทษเลย ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ..

     “ฟ้า...” สายตาของเขาเลื่อนลอยไร้ทิศทาง ถึงเจ้าตัวจะพูดถึงน้ำฟ้า แต่ก็ไม่ได้มองไปทางน้ำฟ้าเลย ส่วนน้ำฟ้า ตอนแรกผมจำได้ว่ายังนั่งอยู่ที่เดิมอยู่เลยแท้ๆแต่ตอนนี้กลับอันตธานหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ก็ดีแล้วแหละ ผู้หญิงอย่างเธอไม่สมควรจะมาอยู่ท่ามดลางความรุนแรงแบบนี้

     “…”

     “ทำแผลให้กวินทร์หน่อยนะ” 

     ทั้งๆที่ร่างกายของเขาบอบช้ำกว่าผมมากมายหลายเท่า แต่ชยากลับ.. เขากลับ..เป็นห่วง เป็นห่วงผมมากกว่าเป็นห่วงตัวเอง..



      ผมตบลงบนใบหน้าของเขาเบาๆเรียกสติ แต่ก็ไม่ได้ผลอีกต่อไป แขนของเขาลู่ลงตามแรงโน้มถ่วง ผมเห็นปฏิกิริยาดังกล่าวของชยา เส้นสติที่ผมพยายามคุมมันไว้มาตลอดก็ขาดสะบั้นลง

      ไอ้พูที่กำลังนอนเจ็บอย่างทรมานถูกผมซัดหมัดเข้าไปตรงกลางสันจมูกโด่งๆของมันเข้าอย่างจัง ถึงแม้ไอ้พีจะเข้ามาดึงตัวผมออกแต่ก็ไม่เป็นผล ผมจะฆ่ามัน! ผมจะฆ่าไอ้เหี้ยพู!



      ตุ้บ! ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!

     ผมรัวหมัดใส่มันไม่ยั้ง มืออีกข้างหนึ่งจับหัวมันก่อนจะฟาดลงกับพื้นแรงๆ

     “ไอ้เหี้ย!!!” ผมตวาดลั่น

     “มึงสิเหี้ย!!”

     ผัวะ!

     “มึงมันตอแหล! โคตรตอแหล!” ไม่รู้ว่ามันจะตายคามือผมมั้ย แต่ผมจะไม่หยุดจนกว่ามันจะเลิกปากดี!

     “กูตอแหลอะไร หึ..ขอบคุณกูหรือยังเถอะที่กูไม่แจ้งความมึง”

     ..จริงด้วย เรื่องแจ้งความ.. จำได้ลางๆว่าไอ้พูบอกว่ามันจะไปแจ้งความเอาผิดคนที่ขับรถชนชยา แต่ทำไมตอนนี้แม่งไม่มีอะไรคืบหน้าเลยวะ สรุปไอ้เหี้ยพูได้แจ้งความจริงๆมั้ยวะ!

     “เชี่ยแม่ง!!!” ผมสบถอย่างหัวเสีย

     “ถ้ามึงไม่มาทะเลาะกับมันบนถนนมันคงไม่โดนกูชนหรอกไอ้ควาย มันผิดที่มึง ไอ้เหี้ยกวินทร์!!!!”

     ชน?

     “ไอ้สารเลว! ไอ้ชยามันเพื่อนมีงไม่ใช่หรอ!!!!”

     

     “หึ..เพื่อนแล้วไง?”

     ไอ้ชั่วเอ๊ย

     ผัวะ!!!





     เหตุการณ์วุ่นวายจบลงด้วยการที่ผมคว้าขวดเบียร์ข้างๆมาฟาดหัวมันหลังจากที่ได้รู้ว่ามันเป็นคนขับรถชนชยา ผมไม่รู้หรอกว่ามีเหตุผลอะไรถึงต้องทำร้ายเพื่อนรักที่มันบอกว่าสนิทกันมาเกือบสิบปีด้วยการขับรถชนขนาดนั้น

     แล้วที่ผ่านมาที่มันดูเป็นห่วงชยา เป็นเพื่อนที่แสนดีต่อเขานี่มันคืออะไร..



      ผมไม่สนอะไรคนพวกนั้นอีก ถึงมันจะสาหัสสากรรจ์เลือดท่วมตัวยังไงก็ปล่อยมัน แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับที่มันทำกับชยา



     นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่แสนโหดร้ายสำหรับคนตัวเล็ก  จากร่างกายอันบอบช้ำของเขาที่มันซ้ำกับรอยแผลเป็นเก่าๆผมก็สงสารขึ้นมาจับใจ.. นี่ชยาเจออะไรมาบ้าง..

      ผมตัดสินใจไม่พาเขาไปโรงพยาบาล เหตุผลก็คือผมจะเป็นคนดูแลเขาเอง ผมจะไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตาอีกแล้ว ทุกคนรอบตัวเขาผมไม่รู้แล้วว่าใครแม่งจริงใจบ้าง ขืนให้ชยาไปโรงพยาบาลไอ้พวกเวรนั่นอาจจะกลับมาทำร้ายเขาอีกก็ได้ถ้ารู้ว่าชยาอยู่ที่ไหน

      ผมจัดแจงปฐมพยาบาลด้วยความรู้อันน้อยนิดที่มี แผลที่ปฐมจึงออกมาโย้เย้แปลกๆไปบ้างแต่ผมก็ทำมันด้วยความตั้งใจ หวังอย่างเดียวคือขอให้ไอ้ยาพวกนี้ที่ใช้ ขอให้มันช่วยบรรเทาความเจ็บของชยาลงได้ แม้ซักเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี

       จากนั้นผมก็ปล่อยให้เขานอนพักอยู่ในห้องนอนของผมเอง เอาจริงๆครึ่งนึงมันก็เป็นห้องของเขาด้วยเหมือนกัน ทุกๆอย่าง ทุกๆตารางนิ้วในห้องนี้ล้วนเป็นของชยา 

       ส่วนผมก็ออกมาทำแผลตัวเองด้านนอกเงียบๆ พยายามไม่ส่งเสียงดังให้มากที่สุดเพราะผมกลัวว่ามันจะรบกวนคนตัวเล็ก พอทำแผลเสร็จก็เอนตัวนอนบนโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้อง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา..



      เวลาผ่านไปจนย่ำรุ่งผมก็ต้องตกใจตื่นเพราะเสียงประตู ชยาออกมาจากห้องด้วยท่าทางทุลักทุเลและมุ่งหน้าไปทางประตูหน้า แต่ถึงจะดูทุลักทุเลแบบนั้นเขาก็ไม่ลดละความพยายามที่จะพยุงตัวเองเดินต่อ

      ผมเรียกเขา.. เรียกเขาซ้ำๆ พูดขอร้องเว้าวอนเขาอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจากเขาเลยนอกจาก

      ‘ชยาเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว’

      ‘พอเถอะ’

      ‘ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว’

      เขาจะรู้มั้ยว่าคำพวกนี้มันทำให้ผมเจ็บแค่ไหน..

     แต่ผมจะไม่ยอมแพ้.. อย่างน้อยๆเลยคือผมจะต้องปกป้องชยาให้ได้ ผมกอดเขาและรั้งเขาไว้ไม่ให้เขาเดินต่อไปได้อีก

      ..ทันทีที่โอบกอดคนตัวเล็กแล้วนั้นน้ำตาของผมก็ไหลออกมา.. ผมคิดถึง ..คิดถึงเหลือเกิน..



      แต่ก็..เป็นได้แค่ความคิดถึง..  หลังจากนั้นผมกับชยาเราก็มีปากเสียงกันจนเสียงดังลั่นห้อง ดูคนตัวเล็กโกรธเอามากๆ เขาเข้าใจผิดด้วย..คิดว่าผมเป็นคนทำร้ายเขาจนปางตายแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร..คุณจะเข้าใจไปแบบนี้ก็ได้ เพราะมันผิดที่ผมเองที่ปกป้องคุณไม่ได้

      คนตัวเล็กดื้อดึงที่จะกลับบ้านลูกเดียว ซึ่งมีหรอที่ผมจะยอมให้เขาไป ร่างกายของเขาตอนนี้ไม่พร้อมแม้แต่จะก้าวออกไปนอกคอนโดมิเนียมตึกนี้ด้วยซ้ำ ผมจึงรั้งเขา พยายามพูดอย่างสุดวิธีจนเขายอม ผมบอกชยาว่าขอเพียงคืนเดียว แล้วหลังจากนั้นผมจะไปส่งเขา

      อย่างน้อยก็รักตัวเองก่อนนะ..ชยา



ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1







      11.50

      เวลาผ่านไปจนเริ่มวันใหม่ คนตัวเล็กยังคงนอนพักอยู่ในห้องเช่นเดิม ก็ดีแล้วแหละเนอะ..ปล่อยให้ร่างกายของเขาได้พักฟื้นให้เต็มอิ่ม พอหลังจากนั้นเราจะได้ไปหาอะไรอร่อยๆกินด้วยกันก่อนที่ผมจะไปส่งเขากลับบ้าน

      มันควรจะเป็นแบบนั้น



       แต่ผมลืมไปว่าผมมีเรียน... ชิบหาย!



      ผมมีเรียนบ่าย ซึ่งเวลาตอนนี้ก็กระชั้นชิดเข้ามาแล้ว ไหนจะแต่งตัวไหนจะเดินทางอีก เวลาแค่ชั่วโมงนึงคงไม่ทันแน่ ดังนั้นผมจึงไม่มัวพะว้าพะวงอะไรอีกนอกจากบึ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำลวกๆก่อนจะแต่งตัวแล้วก็ออกไปมอแทบจะทันที แต่ถ้าผมไปบ่ายงี้คงจะกลับค่ำแหง ชยาตื่นมาอาจจะไม่เจอใคร..

      งั้นผมเขียนโน๊ตไว้ก็แล้วกัน ถ้าเขาตื่นมาจะได้รู้ว่าผมไม่ได้หายไปไหน เดี๋ยวผมก็กลับมาแล้ว









      19.25

      การเรียนการสอนเป็นไปอย่างน่าเบื่อ เวลาเกือบทุ่มครึ่งแล้วผมก็ยังไม่ได้กลับบ้าน อาจารย์ยังคงสอนต่อด้วยใจที่มุ่งมั่นจะจบเรื่องนี้ให้ได้ โคตรน่าเบื่อเลยโว้ยย



      Rrrrrrrrrrrrr

     “ฮัลโหล ครับ” น้ำฟ้าโทรมาหาผม ผมจึงกดรับโดยไม่คิดลังเล จริงๆก็แอบเป็นห่วงเธอเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเมื่อวานเธอกลับไปตอนไหน โดนลูกหลงไปด้วยหรือเปล่า “เมื่อวานกลับไงครับฟ้า”

      [..ฟ้ากลับเอง คือ..ฟ..ฟ้ากลัว ก็เลยหนีออกมาซะก่อน กวินทร์เป็นอะไรมากมั้ยคะ เจ็บตรงไหนมั้ย]

      “เปล่า ผมสบายดี” ดีหน่อยที่เธอไม่โดนลูกหลง “แล้วมีอะไรรึเปล่าครับ ถึงโทรมา หื้ม?”

      […]

      “ว่าไงฟ้า มีอะไร”

      [กวินทร์ลืมวันเกิดฟ้าหรอ..] จริงด้วย..วันนี้วันเกิดเธอนี่หว่า เชี่ย..ผมลืมสนิทเลย

      ก่อนหน้านี้เห็นเธอชอบพูดถึงเรื่องวันเกิดอยู่บ่อยๆ เธอดูเป็นคนเซนซิทีฟกับเรื่องวันสำคัญมาก และวันเกิดก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่เธอเซนซิทีฟ ฟ้าเธอบอกว่าเธออยากให้ผมพาเธอไปเที่ยวต่างจังหวัดในวันเกิด แต่พอมาถึงวันจริงๆ

       ...ผมลืม

      “ฟ้า..ผมขอโทษ”

      [ไม่เป็นไร ไม่ได้ไปเชียงใหม่ก็ไม่เป็นไร ฟ้าแค่อยากได้รับคำอวยพรจากแฟนของฟ้าแค่นั้นก็พอแล้วอะจริงๆ แต่กวินทร์ไม่ติดต่อมาเลย หายไปเลยตั้งแต่เมื่อวาน เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ไม่คิดจะบอกฟ้าบ้างหรอว่าอยู่ไหน เป็นยังไงบ้าง รู้มั้ยว่าฟ้าเป็นห่วงขนาดไหน]

       “…”

       [รู้มั้ยกวินทร์!]

       “ถ้าคุณห่วงผมจริง คุณไม่หนีกลับไปแบบนี้หรอกครับ” ผมตอบกลับอย่างหัวเสีย จริงๆเธอก็ยังอยากไปที่ๆเธออยากไปอยู่ดี ประโยคที่บอกว่าเป็นห่วงนี่โคตรเฟค

       […]

       “กวินทร์คงพาไปเชียงใหม่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว โทษที อ่า..สุขสันต์วันเกิดครับ แค่นี้นะ” ผมกำลังจะกดตัดสายทว่า..

       [ถ้าวางฟ้าจะเลิก]

       “…” ก็ต้องหยุดการกระทำนั้น แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาฟังเธอพูดต่อ..

       [มาบ้านฟ้าได้มั้ย ฟ้าไม่อยากอยู่คนเดียวเหงาๆในวันเกิดแบบนี้]

       “โอเค.. ได้” ผมตกลงที่จะไป ยังไงคืนนี้ผมก็คงไม่ติดนัดอะไรอีกแล้ว ตามใจเธอไปก่อนแล้วกัน ผมยังไม่อยากเลิกกับเธอตอนนี้



       ผมรู้ดีครับเหตุผลที่เธอชักชวนผมแบบนั้น ซึ่งแน่นอนว่าผมก็สนองเธอกลับ  แต่พอถึงเวลาจริงๆเธอกลับไม่ให้ผมดังที่เธอว่า เธอเอาแต่หงุดหงิด ร้องไห้น้อยใจจนผมรำคาญ

       ผมตัดสินใจหนีออกมาตอนประมาณย่ำรุ่ง ตอนนี้ผมไม่รับรู้โลกภายนอกเท่าไหร่ คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เผลอดื่มไปซะเยอะตอนอยู่ที่บ้านฟ้า ผมเรียกแท็กซี่เพื่อนั่งกลับไปคอนโดทิ้งรถตัวเองไว้นู่น ..สภาพงี้ขับเองคงคว่ำตายแหง



       แกร๊ก

       ผมไขกุญแจก่อนจะเดินเข้าไป เสียงประตูปิดตามหลังค่อนข้างดังแต่ผมก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไรกับเรื่องมารยาทหยุมหยิมพวกนี้เท่าไหร่ พอเห็นโซฟานุ่มๆตรงกลางห้องปุ๊ป ร่างกายอันเหนื่อยล้าก็กระโจนนอนราบลงไปบนโซฟาทันที เพียงเสี้ยววินาทีผมก็หลับลงไปอย่างง่ายดาย



       ผมรู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่ตาเบลอๆของผมเห็นเหมือนน้ำฟ้ากำลังอยู่ใต้ร่างของผม เธอยังคงดิ้นเร่าๆและกรีดร้องโวยวายจนผมแสบแก้วหู ผมจึงจัดารปิดปากเธอด้วยปากผมซะ ความรู้รับผิดชอบชั่วดีของผมอันตธานหายไปสิ้นตอนไหนก็ไม่รู้แต่ตอนนี้ต่อให้น้ำฟ้าจะไม่ยอม ผมก็จะทำ











       “ขอเถอะนะ..ฟ้า”

       หากแต่ผมไม่รู้เลยว่า..ประโยคนี้จะเป็นกลายเป็นประโยคร้ายที่ฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นได้..











       18.24

        เวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็วจนดวงตะวันลาลับขอบฟ้าอีกครา ผมตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปทั้งวัน ในหัวตอนนี้มันตื้อไปหมด แถมยังปวดตุบๆ สงสัยเมื่อคืนผมจะดื่มหนักไปหน่อย



         “…” บรรยากาศรอบห้องนั้นเงียบสงัดได้ยินแค่เสียงลมหายใจระรัวของตัวผมเองเท่านั้น ผมใช้เวลาตั้งสติอยู่ที่เดิมซักพักเพื่อให้กระบวนการคิดเริ่มทำงาน และเมื่อมันเริ่มทำงานแล้วใจผมก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที..

         ชยา! ผมลืมเขาไปได้ยังไง เขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานก่อน ..อยู่ในห้องที่ผมตั้งใจขังเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาหนี แต่ผมลืมคิดเรื่องปากเรื่องท้องไป ในห้องผมไม่มีอะไรเหลือติดตู้เย็นเลย ซึ่งนั่นมันหมายความว่า ..ชยาไม่ได้กินอะไรเลยตลอดทั้งวัน 



          ”!!!!!!” เสียงร้องไห้ดังขึ้นมา ผมรีบตามไปยังต้นตอของเสียงนั้นทันที

         ร่างผมชาวาบ ภาพที่เห็นคือ …ชยากำลังร้องไห้อย่างทรมาน เสียงร้องของเขาฟังดูเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เขาทุบพื้น ทุบกำแพงไปทั่วก่อนจะนอนราบลงไปกับพื้น

           “ชยา!” ผมพุ่งพรวดไปประคองเขาขึ้นมาทันที ตาเขาบวมแดงราวกับร้องไห้มานาน ชยาสะอื้นอย่างรุนแรงเมื่อเห็นผมในสายตา

           “…” ชยายกมือขึ้นมาปิดหน้าและยังคงร้องไห้ไม่หยุด

           “ผ..ผมขอโทษ ผมขอโทษชยา ..ขอโทษ” ขอโทษที่ผมลืมคุณ ผมขอโทษ.. ขอโทษที่มาช้า

           “…”

           “ขอโทษ..” ผมกระชับคนตัวเล็กเข้ามากอดแน่น ผมรู้ดีว่าคำขอโทษพวกนี้มันไร้ค่าเมื่อเทียบกับการที่ผมลืมเขาไว้ที่ห้องคนเดียวเป็นวันๆแบบนี้ ทั้งๆที่ผมตั้งใจไว้ว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเขาได้แท้ๆ ..แต่กลับเป็นผมเอง..ผมเองที่ทำร้ายเขา

            “.. ไม่อยากอยู่แล้ว..ฮือ” ราวกับถูกมีดแหลมแทงลงไปกลางอก..

            “ไม่เอานะครับ อย่าพูดแบบนี้ ไม่เอา..เป็นอะไรไหนบอกกวินทร์หน่อย” ผมกอดเขาให้แน่นขึ้นกว่าเดิม การที่ชยาพูดแบบนั้นออกมามันทำให้ผมใจหาย..

            “ไม่เหลือใครแล้ว.. ไม่เหลือใครเลย..ซักคน”

            “ยังมีกวินทร์อยู่ตรงนี้ไงชยา ไม่คิดแบบนี้นะ ใจเย็นๆก่อน” ยังมีผมอยู่ตรงนี้..ที่เดิมเสมอ

            “โกหก” คนตัวเล็กในอ้อมกอดร้องไห้หนักกว่าเดิม “ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้..กวินทร์”

            “…ไม่ได้โกหก กวินทร์อยู่ข้างๆชยาเสมอ อยู่ตรงนี้เสมอเลย ชยายังมีกวินทร์นะ..” ผมไม่รู้เหตุผลหรอกว่าทำไมชยาถึงร้องไห้หนักขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ..ผมจะกอดปลอบเขาแบบนี้จนกว่าเขาจะหยุดร้องเอง

            “หรอ..?” ชยาพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้

            “ใช่แล้วครับ หยุดร้องนะคนเก่ง..”

            “แต่ชยาไม่ใช่ฟ้านะ”

            “…”

            ผมนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง ภาพเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าเริ่มซ้อนทับเข้ามาในหัว ผนวกกับรอยแดงบนตัวชยาแล้วมันก็แน่ชัดขึ้นมาเลยว่า..ผมทำอะไรลงไป

            “ชยาไม่ใช่ฟ้า และชยาไม่เคยมีกวินทร์อยู่ข้างๆเหมือนที่กวินทร์พูดเลยซักครั้ง” คนตัวเล็กพยุงตัวเองลุกขึ้น ทิ้งให้ผมจมอยู่กับความรู้สึกผิดอยู่ตรงนั้น

            ผมไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดีเพราะยังไงสิ่งที่ผมทำลงไปมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ามันเลวร้ายแค่ไหน การที่จะไปอธิบายว่าผมเมา ผมไม่รู้ตัวจริงๆ นั่นมันโคตรข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นสิ่งที่ไอ้เหี้ยกวินทร์คนนี้ทำได้นั่นก็คือยอมรับในผลที่ตามมาของสิ่งที่ตัวเองทำซะ

            “ต่อจากนี้อย่ามายุ่งกับผมอีก ไม่ต้องมาช่วยเหลือ ไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นหวังดีให้เหนื่อยตัวเอง ต่อให้ผมเจ็บปางตายยังไงก็ตาม สิ่งที่คุณทำได้ก็คือยืนดู ไม่ก็ไสหัวไปไกลๆซะ” ชยาพูด ทุกคำที่กลั่นออกมาจากปากของเขามันเสียดแทงลงไปลึกถึงขั้วหัวใจ

             “…” ผมได้แต่ก้มหน้ารับมันไว้โดยไม่คิดโต้แย้ง

            “อย่ามาให้ผมเห็นหน้าคุณอีก”









       















   



     






ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เซนติเมตรที่ 8





     ผมกลับมาในที่ที่เป็นที่ของตัวเองแล้วหลังจากทนทรมานในคอนโดกวินทร์มาร่วมวันเต็มๆ เป็นช่วงเวลาที่อาจจะสั้นแต่มันกลับยาวนานเหลือเกินในความรู้สึก เพราะผมเจ็บ..เจ็บปวดแทบทุกวินาทีที่อยู่ที่นั่น…

     จริงๆผมก็แค่..อยากจะสัมผัสความรู้สึกที่ยิ้มออกมาได้อย่างมีความสุขอีกซักครั้งในชีวิตก็เท่านั้น ..ผมอยากมีความสุขเหมือนคนอื่นบ้าง แต่ทุกครั้งที่ผมเริ่มยืนหยัดได้ด้วยขาที่สั่นเทาของตัวเอง กวินทร์ก็จะมาทำลายมันลงทุกครั้งราวกับว่าไม่อยากให้ผมได้มีความสุขเหมือนกับคนอื่น ราวกับว่าอยากให้...คนโง่คนนี้จมอยู่ใต้เท้าของเขาจนกว่ามันจะแตกสลายไปเป็นเถ้าธุลี...

      ..คุณทำสำเร็จแล้วนะกวินทร์ …คนโง่คนนี้จมอยู่ใต้เท้าคุณแล้วจริงๆ เขาไม่อาจมีความสุขได้อีกเลย

      เขารู้ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่าเขาไม่มีสิทธิ์ต่อต้านคุณ

      คนโง่คนนี้..ยอมแพ้ …ยอมแพ้แล้วจริงๆ





     ใบบิลสารพัดถูกส่งมายังห้องของผม มีทั้งใบเตือนตัดน้ำ ตัดไฟ หรือแม้กระทั่งสัญญาณโทรศัพท์ก็มีใบมาเตือนว่าจะตัด เอาจริงๆค่าที่อยู่ที่นอนเดือนนี้ผมก็ยังไม่ได้จ่าย ผมไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงดีจึงได้แค่ปล่อยมันกองๆกันไว้แล้วไปหยิบสมุดบัญชีตัวเองมาดูจำนวนเงินที่เหลืออยู่หวังจะแก้ปัญหา



     434.67 บาท
     แต่คงไม่ได้ ..นั่นคือจำนวนเงินทั้งหมดที่เหลืออยู่ แต่หนี้ทั้งหลายรวมๆกันก็เกือบหมื่น แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะทีนี้..

 

     ผมเลือกต่อสายหาผู้จัดการร้านที่ผมไปทำงานด้วยเพื่อจะถามถึงเงินเดือนของผมเดือนนี้ การที่เงินเหลือติดบัญชีแค่นี้นั่นก็หมายความว่าผมยังไม่ได้เงินเดือนนั่นเอง

     [ฮัลโหล]

     “พี่โจ้ ทำไมเงินชยายังไม่เข้าเลยอะ พี่ลืมรึเปล่าครับ” ผมถาม

     [ชยาหรอ..? เดือนนี้เรายังไม่มาทำงานเลยซักวัน พี่ก็คิดว่าเราจะไม่มาทำแล้ว ก็เลย..ลบชื่อชยาออกไปแล้ว ยังไงก็ขอโทษด้วยละกัน]

     “อะไรนะพี่?” ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง นี่ผมถูกไล่ออกแล้วใช่ไหม

     [ขอโทษด้วยจริงๆ ชยาจะมาทำใหม่มั้ยล่ะ พรุ่งนี้ก็มาเขียนใบสมัครใหม่นะ]

     “ครับพี่” ผมรับคำ ยังไงผมก็คงไม่มีทางเลือกอะไรอีกแล้ว

     หลังจากที่ผมวางสายผู้จัดการผมก็ได้แต่นั่งปวดหัวมองไปยังใบบิลที่กองกันอยู่ตรงโต๊ะ ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับมันจริงๆ เพราะมันไม่สามารถถัดวันไปเพื่อรอเงินเดือนเดือนหน้าได้ ในหัวตื้อไปหมดมองไม่เห็นหนทางเลยซักทาง ก่อนหน้านี้ถ้ามีปัญหาอะไรผมอาจจะพอมีเพื่อนที่พอจะพึ่งได้บ้าง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว..ชยาคนนี้ไม่เหลือใครเลยซักคน



     20.34
     อาหารมื้อแรกในรอบวันกว่าของผมเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่หลงเหลืออยู่ในครัว ไม่รู้หรอกว่ามันหมดอายุหรือยังแต่จำได้ว่าซื้อมานานแล้ว ถึงรสชาติของมันจืดชืดชวนอ้วก แต่ผมก็คงต้องฝืนกินไปอีกซักระยะใหญ่ๆเลย จำนวนเงินที่หลงเหลืออยู่ผมไม่สามารถนำมันมาใช้กับอาหารการกินได้ทั้งหมดเพราะผมยังต้องใช้ในการไปเรียนและค่าของใช้จิปาถะต่างๆด้วย

     หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จแล้วผมก็ใช้เวลาที่เหลือเก็บกวาดห้องตัวเองต่อ มันเริ่มรกเพราะผมไม่มีโอกาสทำความสะอาดเลย 

     ค่อนข้างลำบากที่จะก้มๆเงยๆเพื่อปัดกวาดเช็ดถูและจัดของให้เป็นที่เป็นทางเพราะอาการของผมตอนนี้ยังรู้สึกปวดตามตัวอยู่แถมรู้สึกเหมือนจะไม่สบายด้วย ทนเอานะชยา.. ไม่เป็นไร นายโอเค ..นายจะโอเค ผมบอกตัวเองแบบนั้น



     ผมเจอรูปถ่ายเก่าๆอยู่หลายใบที่กระจัดกระจายอยู่ไม่เป็นที่ ส่วนใหญ่ก็เป็นรูปของตัวผมเองแหละครับ ตัวผมก่อนหน้านี้ที่มีความสุข..

      มีรูปของผมกับไอ้พูด้วยแหละ แม่งกอดคอผมแล้วหัวเราะซะปากจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้วฮ่าๆ  จำได้ว่าเราถ่ายรูปนี้กันตอนปัจฉิมม.6 มันเป็นคนให้ผมไว้เพราะคิดว่าจบไปเราคงไม่ได้สนิทกันเหมือนเดิมแล้ว บรรยากาศในรูปนั้นเป็นวันที่ผมได้ใส่ชุดนักเรียนวันสุดท้าย  ซึ่งพอหยิบขึ้นมาดูอีกครั้งก็ทำให้อดคิดถึงช่วงเวลานั้นไม่ได้ ตอนนั้นเราต่างมีความสุข ห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนที่พร้อมจะไปไหนไปกัน เราอบอุ่น อิ่มเอม และรู้สึกขอบคุณสถาบันที่ทำให้เราได้มาเป็นเพื่อนกัน

     ผมพลิกรูปไปด้านหลังเพื่อที่จะเก็บมันลงลิ้นชักล่างตู้แต่ก็ต้องหยุดการกระทำนั้นไว้ เพราะด้านหลังมีกระดาษแผ่นใหญ่ติดอยู่



     ‘ถึงชยา..

          ไอ้ถั่วเน่า..มึงจำคำที่มึงเรียกกูได้ปะชยา แล้วกูก็เรียกมึงว่าไอ้ขี้ยา เพราะมึงตัวเล็กแล้วผอมเหมือนคนขี้ยา (อย่าตามมาต่อยกูนะ)  กูนึกแล้วก็โคตรขำเลย เราแม่งเกลียดขี้หน้ากันสัดๆ ต่อยตีกันจนต้องโดนเรียกไปห้องปกครอง แต่ใครจะไปคิดวะว่าหลังจากนั้น เราเสือกสนิทกันเฉยเลย มึงเล่าเรื่องราวในชีวิตมึงให้กูฟัง กูเองก็เล่าเรื่องราวของกูให้มึงฟัง เราแชร์กันว่าทำไมเราถึงไม่ชอบขี้หน้ากัน มึงบอกว่ามึงไม่ชอบกูเพราะกูแซงคิวมึงซื้อข้าว ส่วนกูบอกว่ากูไม่ชอบมึงเพราะมึงไม่ให้กูลอกการบ้าน โคตรตลก55555555555 แต่กูไม่ได้มาเพื่อระลึกความหลังหัวโปกหรอก กูขอหล่อบ้างนะเพื่อนรัก

          โชคดีนะเว้ยเพื่อน.. ขอบคุณโรงเรียนที่ทำให้ได้เจอเพื่อนดีๆอย่างมึง ขอบคุณมึงที่คอยให้กูกวนตีน แต่ถึงอย่างงั้นมึงก็เป็นคนที่เข้าใจกูทุกๆอย่าง กูขอบคุณมึงมากๆเว้ยชยา 6ปีที่เรารู้จักกันมันโคตรสนุก กูรู้สึกชีวิตมีสีสันมากๆที่มีมึง ไม่รู้ว่าจบจากนี้มึงจะไปเจออะไรบ้าง กูโคตรเป็นห่วงมึงเลยว่ะบอกตรงๆ ต่อจากนี้เราอาจจะไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะ ไอ้ถั่วเน่าคนนี้ก็จะเป็นเพื่อนกับไอ้ขี้ยาตลอดไปเลย คิดถึงมึงเสมอ



     ถั่วเน่าสุดหล่อ’






     ลายมือขยุกขยิกของถั่วพูที่ดูตั้งใจเขียนที่สุดแล้วในชีวิตทำเอาผมคลี่ยิ้มออกมาหลังจากอ่านทุกๆประโยคบนจดหมาย คิดถึงมึงเหมือนกันนะไอ้ถั่วเน่า ขอบคุณมึงจริงๆที่เข้ามาในชีวิตกูทำให้กูรู้จักคำว่า ‘เพื่อนแท้’ จริงๆซักที ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกูมาตลอดเว้ยเพื่อน



      น้ำตาเม็ดหนึ่งร่วงเผาะลงบนกระดาษ ดึงให้ผมกลับมาสู่ปัจจุบัน ..กลับมาสู่ความเป็นจริงอันว่างเปล่า ผมเก็บรูปใบนั้นลงไปในลิ้นชัก เก็บมันไว้เป็นหนึ่งในความทรงจำดีๆที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของผม ถึงแม้ตอนนี้จะพังทลายไม่เหลือแม้แต่เสี้ยวของคำว่าเพื่อนแล้วก็ตาม



     ตุบ!

     อะไรบางอย่างร่วงลงมาจากหลังตู้หลังจากที่ผมเปิดลิ้นชักล่างตู้ออกมา มันเป็นกล่องสีดำใบหนึ่งที่ผมจำได้ดีว่ามันคืออะไร..กล่องที่ผมเลือกที่จะเก็บมันไว้บนหลังตู้เพื่อที่จะได้ลืมไปซะว่าเคยมีอยู่.. 

     ผมเปิดฝากล่องออกช้าๆ หลังจากฝากล่องถูกเปิดออก กระดาษแข็งสีดำก็แผ่ออกมาเป็นรูปคล้ายดอกไม้ แต่ละกลีบมีรูปโพลารอยด์ของผมกับกวินทร์อยู่.. เป็นรูปตลอดระยะเวลาที่เรายังรักกัน และด้านในสุด..ก็มีสิ่งหนึ่งที่ผูกมัดผมไว้กับกวินทร์

     แหวนสีเงินที่สลักชื่อของเรา

     ชยา • กวินทร์



     ‘ขอจองชยาไว้ได้มั้ย แล้วพอโตขึ้น กวินทร์ขอจองตำแหน่งดูแลชยาไปตลอดชีวิตด้วย’ 

 

    ‘แต่งงานกันนะ’



     คำๆหนึ่งที่ทำให้ผมหลงไหลไปกับมันอยู่นับแรมปี คิดว่าทุกอย่างมันจะเป็นแบบนั้นจริงอย่างที่กวินทร์พูด ซึ่งกว่าจะยอมรับว่าตัวเองคิดผิด ก็ทำเอาร่างกายตัวเองต้องบอบช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     ผมมองดูรูปแต่ละรูปของเราด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด มันไม่ใช่ความคิดถึง ไม่ใช่ความกลัว ผมไม่ได้เจ็บปวดอะไรอีกค่อนข้างจะเกลียดคนในรูปเลยด้วยซ้ำ ใช่..ผมเกลียดกวินทร์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมผูกพันธ์กับเขามาก รูปทุกรูปและแหวนวงนี้เหมือนเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ดีเลยว่าความผูกพันธ์ของผมกับกวินทร์ที่เหลืออยู่นั้นมากมายขนาดไหน

     สำหรับผม..ผมว่ามันไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ ระหว่างผมกับกวินทร์ ไม่มีความคิดถึง ไม่มีความรักใดๆอีก หลงเหลืออยู่แต่เพียงสายใยที่ผูกเราไว้ ตอกย้ำว่าครั้งหนึ่งเรา ‘เคย’ เป็นคนรักกัน



     ผมหากล่องใบใหญ่มาเพื่อที่จะเก็บของที่เกี่ยวกับกวินทร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ลงไป ใจจริงผมอยากจะถอดเอาความทรงจำออกมาได้เหมือนกันนะ ความทรงจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา..ถ้าผมสลัดมันออกไปได้ก็คงดี

     กล่องใบนั้นผมเลื่อนมันมาเก็บในห้องเก็บของด้านนอก ก่อนจะปิดล็อกกุญแจโดยไม่คิดจะเปิดมันขึ้นมาอีก…



     06.30
     เสียงนาฬิกาปลุกปลุกให้ผมตื่น แสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านม่านสีน้ำตาลที่ไม่ได้ปิดสนิทชิดกัน ผมลุกออกมาจากเตียงและเดินไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่น วันนี้ผมตั้งใจว่าจะไปมอแต่เช้าเพื่อที่จะได้ไปตามงานกับเพื่อนทัน ผมจะกลับมาทำเพื่อตัวเองครับ จะตั้งใจเรียนให้มากขึ้น ทำเพื่ออนาคตของตัวเองดีกว่า

     อีกแค่สามปีผมก็จะได้ใส่ชุดสีกากีพร้อมด้วยได้ทำหน้าที่ที่ผมเฝ้าฝันมาโดยตลอดนั่นคือ ‘ครู’ เพราะงั้นหากตอนนี้ผมยังหยุดบ่อยๆแบบนี้โอกาสที่ผมจะไม่จบก็คงสูง



     ไม่รู้หรอกว่าการไปมหาลัยหลังจากที่เกิดเรื่องจะเป็นยังไงบ้าง เพื่อนในคณะจะมาถามไถ่อาการผมรึเปล่า ผมจะมีเพื่อนเดินไปไหนมาไหนด้วยมั้ย แต่ถึงไม่มีก็คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง ..ก็แค่อยู่คนเดียว ผมเองก็เคยอยู่คนเดียวมาแล้ว ต้องขอบคุณกวินทร์ที่ทำให้ผมต้องฝึกที่จะอยู่คนเดียว ฝึกให้ผมทนอยู่กับความเหงา จมอยู่กับการรอคอย



     ผมนั่งรถประจำทางมาจนถึงมอ ต้องยอมรับว่าการคมนาคมในเมืองนี้ไม่ได้มาตรฐานเท่าไหร่ แต่ก็ประหยัดดี พอเหมาะพอควรกับจำนวนเงินที่เหลืออยู่ของผมแล้วแหละ

     ผมมุ่งหน้าไปที่ที่ทุกคนในคณะชอบไปนั่งเล่นนั่นก็คือโรงอาหาร ใช้เวลามองหาเพื่อนร่วมสาขาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะวิ่งปรู่เข้าไปหาเพื่อจะถามงานในช่วงที่ผมไม่มาเรียน

     “อุ้มๆ” ผมเรียกเธอ

     “…” เธอหันมามองอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อ

     “อุ้ม คือเราไม่ได้มาหลายวันเลย มีงานอะไรบ้างอะที่เราต้องส่ง” ผมยังคงดึงดันที่จะคุยกับเธอ ถึงแม้เธอจะปล่อยให้ผมยืนคุยกับแผ่นหลังของเธอก็ตาม

     “อุ้ม..” ไม่นานนักเธอก็เดินหนีผมไป

     ผมกระชับกระเป๋าสะพายขึ้นแล้วสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะเดินไปหาเพื่อนคนอื่น บางทีอุ้มอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้ เรื่องที่เธอคุยกะเพื่อนอาจจะสำคัญกว่าเรื่องของผม..

     “แม็ค” ผมเรียกเพื่อนคนหนึ่งที่กำลังกินข้าวอยู่ที่โต๊ะ คราวนี้ผมลงไปนั่งตรงข้ามเลย แม็คดูตกใจไม่น้อยที่จู่ๆผมก็เรียกเขา

     “…”

     “คือเรา..” แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ อีกฝ่ายก็ลุกขึ้นถือจานข้าวแล้วย้ายไปนั่งที่อื่น

     ไม่เป็นไรชยา..โต๊ะตรงนี้อาจจะเปื้อน เขาเลยเลือกที่จะไปนั่งที่อื่น..



     “โอ๊ะ ดูซิใครมา” เสียงพี่อาร์ตดังขึ้นจากทางด้านหลัง ผมหันกลับไปตามเสียงเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะพูดกับผมอยู่ “ไงล่ะมึง ไอ้เด็กเหี้ย ยังกล้ามาอีกนะ”

     อีกฝ่ายยิ้มกรุ้มกริ่มผิวปากอย่างไม่ทุกข์ร้อน

     “…” หากแต่ผมไม่ได้ตอบกลับอะไรกลับไป ผมพอแล้ว..ยอมแพ้แล้ว ไม่อยากเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว

     “หายปากดีแล้วหรอมึง” เสียงของเขาเริ่มดึงดูดคนอื่นให้หันมามอง “วันก่อนยังซ่าอยู่เลยแท้ๆ โคตรกาก”

     “…” ผมหันกลับมาคืน พยายามไม่สนใจคำพูดของเขาอีก ถึงแม้มันจะเสียดสีจนทำให้มือผมสั่นก็ตาม

     “รู้มั้ยว่าเมื่อวานที่มึงไม่มาเกิดอะไรขึ้นบ้าง? กูนี่โคตรสะใจ” เสียงของเขายังคงดังอยู่ข้างๆหู พี่อาร์ตตอนนี้ราวกับเป็นคนละคนกับที่ผมเคยนับถือในตัวเขา “ทุกคนเขารู้เรื่องที่มึงทำกับกูหมดแล้วไอ้เด็กเหี้ย!”

     แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด ..เรื่องที่ผมเทเหล้าราดหัวเขา เขาได้เอามันไปบอกคนนู้นคนนี้ ให้เขานินทาผม แล้วพลอยไม่ชอบขี้หน้าผมไปด้วย แต่ที่ผิดคาดคือผมไม่คิดว่าแม้แต่เพื่อนร่วมชั้นปี ร่วมคณะ ร่วมสาขา จะไม่ชอบผมไปด้วยนี่แหละ เราต่างเคยผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งมากมายตลอดสองปีนี้ แม้แต่กับแม็ค..เชื่อมั้ยว่าผมกับเขาเรายังเคยอยู่กลุ่มเดียวกันอยู่เลยแท้ๆ

     “เผื่อมึงยังไม่รู้อะไร” พี่อาร์ตยิ้มแสยะ

     “…”

     “คลิปมึงนี่เด็ดดีนะ ทำเอาคนอื่นเขาไม่กล้าเข้าใกล้มึงเลย” ผมหันควับกลับไปหาเขาทันที ..คลิปอะไร ..นี่มันเรื่องอะไรกัน

     “คลิปอะไร..”

     “ทำไมกูต้องบอกมึงวะ ฮ่าๆ” อย่าบอกนะว่า..คลิปที่..ถั่วพู ลักหลับผม.. “เดี๋ยวมึงก็รู้เองแหละมั้ง กูไม่จำเป็นต้องบอกหรอก”

     “…”

     “ไม่คิดเหมือนกันว่ามึงจะเป็นคนแบบนี้ กูยังอี๋เลย ยังไงก็..ใช้ชีวิตที่เหลือของมึงให้สนุกนะเว้ย เจริญๆไอ้ทุเรศ!” ถ้อยคำต่ำทรามของเขาบาดลึกลงกลางใจ มือผมสั่น หัวใจสูบฉีดเต้นถี่ระรัว น้ำตาอุ่นๆรื้นเอ่อขึ้นมารอบดวงตา

     วิดีโอทุเรศที่อยู่ในความทรงจำอันเลวร้าย ที่แม้แต่ตัวคนที่อยู่ในคลิปยังรับไม่ได้ ..ผมในคลิปนั้นเปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าแม้ซักชิ้น ในคลิปนั้นผมนอนหลับปล่อยให้ถั่วพูบุกรุกทุกอาณาเขตบนร่างกาย โชคร้ายที่..ในคลิปนั้นไม่ได้มีการปิดหน้าผู้ถูกกระทำเลย..



     ‘กูโคตรเป็นห่วงมึงเลยว่ะบอกตรงๆ ต่อจากนี้เราอาจจะไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะ ไอ้ถั่วเน่าคนนี้ก็จะเป็นเพื่อนกับไอ้ขี้ยาตลอดไปเลย’

     กูทำอะไรผิดมากมายขนาดนั้นเลยหรอวะพู.. ทำไมต้องทำกับกูถึงขนาดนี้..







     การเรียนการสอนเริ่มต้นในเวลาเก้าโมง ที่นั่งที่เดิมที่ผมมักจะนั่งก็ถูกเพื่อนคนอื่นแย่งไปเพราะผมมาช้า ดังนั้นที่ที่เหลืออยู่ที่เหมาะกับไอ้ตัวน่ารังเกียจที่ไม่มีใครอยากใกล้ก็คงเป็นโต๊ะหลังสุดของห้องใกล้ถังขยะที่เหลืออยู่เพียงตัวเดียว..

     วันนี้ไอ้พูไอ้พีไม่มา ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมมันถึงไม่มา บางทีอาจจะหัวเราะสะใจอยู่ที่บ้านก็ได้ที่ทำให้ผมเป็นที่น่ารังเกียจของใครหลายคนได้แบบนี้ ซึ่งก็..ขอบคุณ เจ็บดี..



     การเรียนการสอนดำเนินต่อไปจนหมดภาคเช้า เนื้อหาส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าหัวผมเลยแม้แต่น้อย ถึงบอกจะตั้งใจเรียนก็ตามที แต่ในหัวมันว้าวุ่นไปหมดจนไม่มีสมาธิที่จะจดจ่ออยู่กับเนื้อหาที่เรียนเลย

     เวลาผันผ่านมาจนพักเที่ยง ท้องของผมก็เริ่มเรียกร้องถึงสารอาหาร ผมจึงเดินไปที่โรงอาหารเพื่อหาอะไรกินทันที

     พอได้อาหารมาแล้วผมก็ไปหาที่นั่งเพื่อที่จะนั่งกิน ทว่ามองไปทางไหนก็ไม่เจอโต๊ะที่ว่างเลยซักที่ บางโต๊ะพอจะมีเก้าอี้ที่ไม่มีใครนั่งอยู่ ผมคิดว่าจะไปนั่งตรงนั้น แต่ก็ต้องหยุด เพราะว่า..

     “โทษที ตรงนี้มีใครนั่งมั้ย ถ้าไม่มีเราขอนั่งด้วยคนดิ”

     “ไม่มี” เธอตอบ “แต่ไม่ให้นั่ง โทษทีนะเราเอาไว้วางกระเป๋า”

     “อ่า..โอเค ไม่เป็นไร..” ไม่เป็นไรหรอกชยา  นาย..จะไม่เป็นอะไร



     สุดท้ายแล้วผมก็มาจบที่ห้องน้ำแถวๆนั้น เนื่องจากผมหาโต๊ะไม่ได้เลยจริงๆ ถึงบางที่จะว่างอยู่แต่เจ้าของโต๊ะตรงนั้นก็ไม่ให้ผมเข้าไปมีส่วนร่วมได้เลย..

     กับข้าวร้านนี้ครั้งหนึ่งมันเคยอร่อยมากจนเป็นร้านโปรดของผมแต่วันนี้มันกลับจืดชืดไร้รสชาติ..หรือเพราะมันผสมกับเม็ดน้ำตาของผมกันแน่นะ…



     ‘กินเยอะๆนะชยา ปลามีประโยชน์มากเลยนะรู้เปล่า อะนี่ แม่ตักให้’

     ‘ขอบคุณค้าบ กับข้าวฝีมือแม่เนี่ยอร่อยทุกอย่างเลย ชยาชอบ’

     ‘ฮ่าๆ ปากหวานนักลูกคนนี้’

     ‘ชยาอยากให้แม่คอยตักปลาให้ชยาแบบนี้ไปตลอดจัง’

     ‘ฮ่าๆ แม่ก็จะอยู่กับชยาไปตลอดนี่แหละ ไม่ไปไหนหรอกจ้ะ จะคอยตักปลาคำโตๆแบบนี้ให้ชยาเยอะๆเลย’

     ‘รักแม่ที่สุดเลย’



     เม็ดน้ำตาใสร่วงเผาะลงจานข้าวไม่หยุด ..จากร่วงเผาะก็เริ่มมีเสียงสะอื้นเพิ่มเข้ามาจนข้างในมือรสชาติกร่อยลงไปมากขึ้นอีก 

     ชยาคิดถึงแม่เหลือเกิน..ชยาไม่ไหวแล้วแม่ ..ชยาเหนื่อยมากเลย





       22.54
       เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าและโหดร้ายเหลือเกินสำหรับคนที่เจ็บปวดอ่อนล้าจนแทบไม่มีแรงจะเดินอย่างผม หลังจากเรียนเสร็จผมก็รีบบึ่งไปร้านพี่โจ้ทันทีเพื่อสมัครเข้าทำงานใหม่แล้วก็เริ่มทำเลย

      ร้านของพี่โจ้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังซึ่งเป็นกิจการของเขาเอง มีอยู่หลายสาขาเลย สาขาที่ผมทำงานอยู่เป็นสาขาใหญ่ อาจจะค่อนข้างไกลจากคอนโดของผมไปซักหน่อย แต่ได้เงินดีผมถือว่าคุ้มครับฮ่าๆ

      กว่าจะผ่านวันไปจนปิดร้านเสร็จเรียบร้อยก็ปาไปสี่ทุ่ม ผมขอพี่โจ้ให้ให้เงินผมรายวันแทน ดีหน่อยที่พี่แกไม่ได้ขัดอะไร พี่โจ้บอกว่าแกจะให้ผมชั่วโมงละ 62 บาท  ดังนั้นวันนี้ผมจึงได้เงินมาอีก400กว่าบาท ซึ่งมันเพิ่มมาเท่าตัวเลยทีเดียว นับว่าไม่เสียแรงที่ฝืนตัวเองไปทำงาน



       แต่วันถัดมาผมก็ไม่อาจทำแบบนั้นได้อีกต่อไป บางทีการที่ผมฝืนตัวเองมากเกินไปมันก็เป็นผลเสียกับตัวผมเองเหมือนกันนะ ตอนนี้ผมเป็นไข้หวัดตัวร้อนจี๋เลยเวลาผมเอามือมาอังหน้าผากตัวเอง  ผมจึงได้แค่นอนซมฟักไข้ตัวเองจนกว่าจะหายซึ่งใช้เวลาอยู่2-3วันเลยทีเดียว คราวนี้ผมไม่ลืมโทรไปบอกพี่โจ้ผู้จัดการร้านอีกแน่นอน ถึงแกจะให้ค่าแรงเยอะแต่เรื่องระเบียบงานทะเบียนพี่โจ้ก็เคร่งไม่ใช่น้อย





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2019 21:10:01 โดย _MindSky »

ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
      “ชยา เอาออเดอร์323ไปส่งแทนพี่หน่อยดิ พี่มีธุระด่วนตอนนี้เลยอะ นี่กุญแจรถนะ ขับเป็นใช่มั้ย พี่ไม่อยากให้ผู้หญิงขับ” พี่เมฆพี่ที่งานใช้ผมให้ไปส่งออเดอร์ที่ลูกค้าส่ง ซึ่งต้องขับมอเตอร์ไซค์ไปส่ง เป็นบริการเดลิเวอรี่ของทางร้าน ผมก็ไม่ได้ขัดอะไรพี่เมฆ จึงตอบรับคำไหว้วานนั้นไป แล้วหยิบออเดอร์ที่ว่าแล้วไปสตาร์ทรถไปส่งทันที

     จริงๆผมก็ไม่ได้ขับแข็งอะไรหรอกครับ แต่ปฏิเสธไปก็คงไม่ได้ ไม่งั้นพี่เมฆคงต้องเสียเวลาไปส่งจนไปทำธุระของเขาไม่ทันแน่ๆ

 

     หากแต่ผมไม่คาดคิดเลยว่าที่ที่ผมจะต้องไปส่งนั้นคือที่ที่ผมเลือกที่จะจากมา..

     บ้านของผม..





     ก๊อกๆๆ

     “มาส่งของค้าบ..” ใจผมเต้นตุ้มต่อม กระชับหมวกแก๊บไว้ให้ปิดหน้าไม่ให้คนจากอีกฝั่งของประตูรู้ได้ว่าเป็นใคร



     ก๊อกๆๆ

     ผมเคาะอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีที่เงียบสงัดไม่มีการตอบรับ ทว่าหลังจากที่ผมเคาะรอบที่สองได้ไม่นานประตูตรงหน้าก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นคนตัวสูงที่เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด..

     พี่ภู..



     “530บาทครับ” ผมยังคงก้มหน้างุด หากแต่อีกฝ่ายเริ่มจับสังเกตได้แล้วว่าบุรุษส่งของคนนี้มีท่าทีที่แปลกๆไป

     “เดี๋ยว..” เขาที่กำลังจะหยิบยื่นเงินให้ก็ต้องชะงักมือลง ..ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ผมจนแทบประชิดกัน

     “…”

     “ไอ้ชยา!” คนตัวสูงตวาดลั่น ก่อนจะซัดหมัดหนักๆเข้ามากลางใบหน้าของผม

     ผัวะ!

     “โอ๊ย! เจ็บ” ผมล้มลงไปกับพื้นด้วย จมูกเริ่มเจ็บปวดหลังจากถูกหมัดหนักชกเข้าเต็มแรง พี่ภูเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เกลียดผม ผมรู้ดี.. เกมส้นตีนที่กวินทร์ใช้ผมเป็นหมากก็เพราะมีเขาอยู่เบื้องหลัง บางทีพี่ภูอาจจะแค้นที่ผมทำตัวไม่ดีใส่เขาเมื่อตอนเด็กก็ได้ถึงแก้แค้นผมด้วยวิธีแบบนั้น



     “มึงหายไปอยู่ไหนมาไอ้เหี้ย..”  หากแต่.. พี่ภูกำลังร้องไห้

     เขาทรุดตัวลงก่อนจะสะอื้น ร้องไห้อย่างที่ผมไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน..

     “พี่ภู..” ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมคนที่เกลียดผมอย่างเขาถึงต้องร้องไห้

     “ทำไมมึงถึงทำแบบนี้ชยา ..ทำไมวะ..” พี่ภูเขย่าตัวผมอย่างรุนแรงจนผมรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา แต่ที่เจ็บกว่าก็คงจะเป็นสายตาที่เขาส่งมาทางผม ..มันดูเจ็บปวดและทรมานมากกว่าผมอยู่นับร้อยเท่า..

     “โอ๊ย! เจ็บ พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย ชยาไปทำอะไรให้รึไง ปล่อย!” ผมสะบัดมือเขาออก

     “ทำไมถึงหนีไปแบบนี้..” ผมหันหลังกลับและกำลังจะเดินต่อโดยไม่คิดจะสนใจพี่ภูอีก แต่ทว่าฝีเท้าที่กำลังจะก้าวต่อนั้นก็ต้องหยุดกึกลงทันที “รู้มั้ย..แม่ไม่อยู่แล้วนะ”

     “…”

     “มันเจ็บใจตรงที่นาทีสุดท้ายของแม่ แม่ถามหาแต่มึง...” ผมหยุดนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก อะไรบางอย่างขึ้นมาจุกอยู่ที่คอจนไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้



     ‘แม่ อันนี้ยาอะไรใครเนี่ยเยอะแยะเต็มไปหมดเลยทำไมไม่เก็บให้เป็นที่เป็นทาง’

     ‘เดี๋ยวแม่เก็บให้นะชยา’

     ‘ดี’

     ‘ชยามาอ่านอันนี้ให้แม่หน่อยสิ แม่มองไม่ค่อยเห็น กินตอนไหนบ้างแม่จำไม่ได้แล้ว’

     ‘ไม่..ขี้เกียจ’



     “ไม่จริง..พี่ภูโกหก..”

     “กูจะโกหกมึงไปทำไม มึงเป็นน้องกูนะ” หัวผมตื้อ คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีกต่อไป ขณะเดียวกันขาทั้งสองข้างก็สั่นเทาพร้อมที่จะทรุดลงไปได้ทุกเมื่อ

     “ไม่เชื่อ..ชยาไม่เชื่อ” โกหก พี่ภูโกหก แม่ยังดูแข็งแรงดีอยู่เลยแท้ๆ ตอนที่ผมยังไม่หนีออกมา..

     “เข้ามาดูเอง..”

     ผมใช้มือข้างนึงยันกำแพงไว้เพื่อเดิน คนตัวสูงตอนนี้เดินเข้าไปข้างในก่อนผมไปแล้ว ผมเองก็เดินตามเขาไม่ห่าง จนเข้าไปในห้องที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านอันแสนอบอุ่นที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา..

     “ดูเอาเอง” พี่ภูหลบออกมาจากที่ที่เขายืน



     สิ่งที่ประจักษ์แก่ผมคือ..ภาพของผู้หญิงที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอด เธออยู่ในกรอบรูปสีทอง ใต้รูปนั้นมีแท่นซึ่งวางโกฐใส่อัฐิอยู่

     “แม่!!!!” ผมร้องออกมาเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง ไม่จริง ..นี่ไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่าผมฝัน ผมฝันอยู่..



     ผมร้องไห้หนักจนนอนไปกับพื้น พี่ภูเข้ามากอดปลอบผมซึ่งมันแทบจะไม่เป็นผลอะไรเลย ผมยังคงร้องไห้หนักดังเดิม ผมทำใจยอมรับไม่ได้ …ก่อนหน้านี้แม่ยังยิ้มให้ชยาอยู่เลยนะ..

     “พอแล้วชยา..พอแล้ว..” หากแต่พี่ภูเองก็ร้องไห้หนักไม่ต่างจากผม..

     “พี่ขอโทษ..ขอโทษ..” คนตัวสูงที่กำลังกอดผมอยู่พร่ำคำขอโทษออกมา โดยที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาขอโทษเรื่องอะไร

      ในหัวของผมขาวโพลน ได้แต่นั่งนิ่งมองรูปอยู่แบบนั้น ปล่อยให้น้ำตาไหลลงตามแรงโน้มถ่วงโลกต่อไป.. ผมโกรธตัวเองที่ทำตัวแบบนี้ โกรธที่ตัดสินหนีออกมาแบบนี้ โกรธที่ไม่สนใจใยดีแม่ตั้งแต่ตอนที่แม่ยังอยู่..



      “พอแล้วชยา..พอแล้ว” เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ผมยังคงสะอื้นอยู่อย่างนั้นไม่หยุดโดยมีคนตัวสูงกอดปลอบอยู่

     ผมไม่รู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ใครพูดอะไร หรือมองไปทางไหน ผมรู้แค่ว่าผมไม่มีแรงแม้แต่จะขยับไปไหน มันไวเกินไป..ผมรับไม่ได้

     หากแต่ในสายตาที่ผมกำลังมองเหม่ออยู่นั้นก็ไปสะดุดเข้ากับสิ่งๆหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นวางของ ..มันถูกพับเก็บไว้อย่างดีและมีสีขาวสว่างสดใสใหม่เอี่ยม..

     ชุดนิสิต…



     ‘แม่ครับ พรุ่งนี้ชยาไปโรงเรียนวันแรกแน่ะ ตื่นเต้นจังเลยแม่’

     ‘ขึ้นป.1แล้วนะลูก ตั้งใจเรียนนะครับ’

     ‘ชยาจะตั้งใจเรียนครับ แม่ซื้อชุดนักเรียนให้ชยาหรือยังฮะ”

     ‘แม่ไม่ซื้อหรอก แม่เย็บให้ชยาเองเลยดีกว่า ตัวนี้ไงลูก เท่สุดๆไปเลย ไม่มีใครเหมือนด้วย’

     ‘ขอบคุณครับแม่ เท่จริงด้วย ต้องไม่มีเพื่อนคนไหนเหมือนชยาแน่ๆ’

     

     ‘แม่ อีก2วันเปิดเทอมแล้วนะ ชยายังไม่มีเสื้อนักเรียนเลย’

     ‘แม่ตัดชุดนักเรียนให้แล้วลูก แขวนอยู่บนตู้ของเรานั่นแหละ ขึ้นม.1แล้วขอให้มีความสุขกับการเรียนนะลูกนะ’

     ‘เย้ ชุดที่แม่ตัดใส่แล้วเท่สุดๆเลยครับ ขอบคุณแม่มากๆครับ รักแม่น้า’



     ‘ภูลูก ติดต่อน้องได้รึยัง’

     ‘ยังเลยแม่ ไม่รู้เลยว่ามันไปอยู่ไหน …แล้วนี่แม่เย็บอะไรอยู่หรอ’

     ‘อ๋อ แม่เย็บเสื้ออยู่จ้ะ’

     ‘…’

     ‘แม่เย็บเสื้อนักศึกษาไว้ให้ชยา’

     ‘ทั้งๆที่ไม่รู้มันจะกลับมารึเปล่าอะนะแม่’

     ‘อย่าว่าอย่างงั้นสิภู น้องกลับมาอยู่แล้ว ถึงไม่กลับ..แม่ก็จะรอ’



     เสื้อนิสิตสีขาวสว่างที่เธอตั้งใจตัดเย็บอย่างดีทุกกระบวนการ..เพียงแต่ เธอไม่มีโอกาสที่จะให้แล้ว…





     “แม่เย็บเสื้อไว้ให้ชยาด้วยนะ อยู่บนหลังตู้นู้น ชยาเอาไปได้เลย” คนตัวสูงบอกผม

     “…” ผมยังคงนิ่งไม่ตอบอะไรกลับ จมดิ่งสู่ห้วงความคิดและความรู้สึกผิดที่ถาถมเข้ามา ..ถ้าเกิดตอนนั้น..ตอนนั้นผมไม่เลือกที่จะหนีออกไป เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้..

     “..ชยาเป็นยังไงบ้าง..หื้ม”

     “…” ผมนิ่งไปครู่หนึ่งกว่าจะรู้ตัวว่าพี่ภูถามตัวเอง “..สบายดี”

     “พี่เป็นห่ว..”

     Rrrrrrrrrr

    โทรศัพท์ผมดังขึ้นตัดประโยคที่พี่ภูจะพูดออกมา ซึ่งก็ดีแล้วแหละ สำหรับพี่ภู..ผมไม่อยากได้ยิน

     ผมลุกไปรับโทรศัพท์ด้านนอกห้อง พี่โจ้โทรมาถามผมว่าส่งเสร็จหรือยัง มันนานเกินไปแล้ว ซึ่งก็จริง ตอนนี้ยังไม่หมดเวลางานของผม ดังนั้นผมก็ยังมีหน้าที่ที่จะต้องไปทำต่อ

     ผมกลับเข้าไปหยิบหมวกกันน็อคและกุญแจรถมา ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อนิสิตที่แม่เย็บให้มากอด..

     ขอบคุณแม่มากๆนะ ชยา..ขอโทษ..





     ผมขับรถกลับด้วยใจที่เลื่อนลอย มีหลายครั้งที่เผลอจมจ่อมไปกับห้วงความคิดจนเกือบจะถูกรถเฉี่ยว แต่ก็ยังรอดมาได้จนถึงร้านพี่โจ้ วันนี้ผมขอพี่โจ้กลับก่อนเงลาเนื่องจากผมไม่ไหวจริงๆ แค่ยืนรับออเดอร์ต่อน้ำตาผมก็จะไหลอยู่ตลอดเวลา

     ผมเจ็บใจที่ตัวผมเองเป็นลูกแท้ๆของเขาแต่กลับไม่เคยรู้ข่าวคราวอะไรเลย จนถึงนาทีสุดท้ายของแม่..ที่เธอต้องการพูดคุยกับผมมากที่สุด ผมก็..ไม่ได้รับรู้อะไรเลย..

     มารับรู้เอาก็ตอนที่ไม่มีอะไรหวนคืนกลับมาได้แล้ว..





     21.45

     ผมหลับทันทีที่หัวถึงหมอนด้วยความเหนื่อยล้า ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ผมไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อเลยหลังจากที่รู้ว่าแม่ไม่ได้อยู่กับผมแล้ว ตอนนี้ผมอยากร้องไห้..แต่ก็ร้องไม่ออกแล้ว ได้แต่รู้สึกหน่วงๆจุกๆอยู่ในอกอย่างอึดอัดโดยที่ไม่อาจระบายออกไปได้..



     คืนนี้ผมฝัน.. ฝันเห็นแม่ ฝันเห็นพ่อ พี่ภู ไอ้พู แล้วก็กวินทร์ ผมกับพวกเขาเราต่างยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข เรานั่งทานข้าวเย็นแสนอร่อยด้วยกัน แชร์เรื่องราวไร้สาระที่แต่ละคนพบเจอ ไอ้พูเล่นมุข5บาท10บาทของมันโดยไม่อายปี่อายขลุ่ย แม่กับพ่อก็ยิ้มแย้มพร้อมกับแย่งกันตักนู่นตักนี่ให้ผม พี่ภูแข่งเล่นนับเลขกับผม เราแข่งกันอย่างเป็นจริงเป็นจังแต่สุดท้ายพี่ภูก็แพ้ทุกครั้ง ส่วนกวินทร์..ในฝันนั้น ผมกับเขาเราไม่ใช่แค่คนรักกันอีกต่อไป แต่เราได้เป็น ‘คู่ชีวิต’ อย่างที่กวินทร์เคยขอผมไว้..



     ผมมีครอบครัวที่อบอุ่น

     มีเพื่อนที่แสนดี

     และมีคนรู้ใจที่น่ารักที่สุด

    แต่แค่..ทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ในโลกของความเป็นจริง





     







     





     







     

     





     


ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

เซนติเมตรที่ 9




       ผมตื่นขึ้นจากฝันหวานกลับเข้าสู่โลกของความเป็นจริง ก่อนจะขยี้ตาเบาๆเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามา ..นี่ก็คงเป็นอีกวันหนึ่งที่ผมต้องอดทนสู้ต่อ

       ผมใช้เวลาไม่นานนักในการอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะออกไปมอ วันนี้ผมมีเรียนเช้า หลังจากเรียนเสร็จก็ต้องไปร้านพี่โจ้เหมือนเดิม  ..เหนื่อยหน่อยแต่ก็ดีแล้วแหละ อย่างน้อยผมจะได้ไม่มีเวลาให้คิดฟุ้งซ่านไปต่างๆนานา



       เหลืออีกประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะเริ่มคลาส ผมขึ้นมาบนห้องเรียนแล้วคราวนี้ผมเลือกจะนั่งหน้าๆเพื่อที่จะได้ใจจดใจจ่ออยู่กับเนื้อหาไม่ต้องไปสนใจอะไรที่บั่นทอนจิตใจจากคนรอบข้าง

       ผมพยายามยิ้มให้ทุกๆคนที่ทยอยเข้ามาในห้อง ในหัวคิดแค่ว่าบางทีการที่ยิ้มแย้มแจ่มใสแบบนี้อาจจะพอส่งความจริงใจของผมไปถึงคนอื่นๆได้  ..แต่หลายคนที่ผ่านมามองผมด้วยสายตาที่ดูตกใจ และอีกหลายคนที่มองผมด้วยสายตารังเกียจ..

       ไม่เป็นไรเว้ยชยา ..ไม่เป็นไร นายทำดีแล้ว ผมพยายามบอกตัวเองซ้ำๆ



       “ฟ้า” ผมเรียกน้ำฟ้า เธอเดินผ่านมาพอดี จริงๆเราก็พอจะสนิทกันอยู่บ้าง หวังว่าเธอจะไม่พลอยเกลียดผมไปด้วยนะ แต่เอาจริงๆตอนนั้นเธอก็อยู่ในเหตุการณ์ ..น่าจะเห็นว่าไม่ใช่แค่พี่อาร์ตหรือกวินทร์ซักหน่อยที่ถูกกระทำ ผมเองก็ไม่ต่าง

       “…” เธอหันมาตามเสียงเรียก “เรียกฟ้าหรอ?”

       “อ่า..ใช่ คือเราหยุดบ่อยมากเลย ขอถามฟ้าได้มั้ยว่ามีงานอะไรบ้างที่ต้องส่งช่วงที่เราไม่ได้มา”

       “มีเยอะเลยแหละ แต่ฟ้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีอะไรบ้าง ชยาไม่ถามอุ้มดูล่ะ อุ้มน่าจะรู้”

       “อุ้มคงไม่ว่างเท่าไหร่อะ เราไม่อยากรบกวน”

       “เราก็ไม่ค่อยว่างนะจริงๆ..” เหมือนถูกตอกหน้าเข้าไปเต็มๆ

       “งั้น..ไม่เป็นไรก็ได้ฟ้า” ผมยิ้มให้เธอ ถ้าเธอไม่ว่างจริงๆก็ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่อยากจะรบกวนใคร ..กลัวว่าการที่หวังพึ่งคนอื่นมันจะทำให้เขาต้องลำบากแล้วพลอยเกลียดผมมากขึ้นไปอีก..

       “แต่จะช่วยละกัน” อีกฝ่ายตอบกลับ

       “ขอบคุณมากๆเลยฟ้า ขอบคุณมาก” ผมคลี่ยิ้มออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ผมยิ้มกว้างขนาดไหน แต่ผมรู้สึกดีใจมากๆ มากเสียจนหุบยิ้มไม่อยู่เพียงเพราะคำว่า ‘จะช่วย’ ของเธอ ..ขอบคุณมากๆเลยฟ้า



       นับว่าเป็นโชคดีที่ผมนั่งอยู่แถวหน้า ผมเลยไม่ค่อยได้ยินเสียงซุบซิบหรือเห็นสายตาที่ดูรังเกียจผมที่คนอื่นๆมองมาแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ยินอะไรเลย และมันก็รบกวนจิตใจผมอยู่ไม่น้อย ถึงจะพยายามไม่สนใจมัน..พยายามใจจดใจจ่ออยู่กับเนื้อหา แต่คำนินทาพวกนั้นก็ยังเข้าหูผมอยู่ดี..

       “มึง มึงเห็นคลิปอันนั้นแล้วใช่ปะ”

       “เห็นแล้วดิ เห็นกันหมดทุกคนแล้วอะกูว่า ก็เล่นส่งต่อกันขนาดนั้น”

       “อีมิ้นอะตัวดีเลย ได้ปุ๊ปส่งต่อปั๊ป”

       “กูก็ได้มาจากมันนั่นแหละ มึงแต่..กูไม่คิดว่าชยาจะเป็นคนแบบนั้นเลยว่ะ”

       “โอ๊ยมึงจะไปรู้อะไร วันก่อนก็ได้ยินว่าเมาแล้วเทเหล้าราดหัวพี่อาร์ต แล้วยังมีอีกนะ.. ที่ไอ้พูมันนอนหยอดข้าวต้มไม่มาเรียนเนี่ยก็เพราะไอ้ชยาเลย นักเลงมาจากไหนก็ไม่รู้ไอ้สัด เก่งมากมั้ง”

       “เฮ้ย จริงอ่อวะ.. เชี่ยชยาแม่ง..ไอ้สัด มันเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอวะ ทำไมทำกันถึงขนาดนั้น!”

       “เหี้ยปะละ มีอีกหลายเรื่อง เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง ตอนนี้หันไปก่อนสัด ‘จารย์มอง”

       อึดอัดเหลือเกิน…



       “นิสิตมีใครยังไม่ได้พรีเซนต์สื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษาสมัยใหม่อีกมั้ยครับ ผมให้โอกาสคุณพรีเซนต์ได้ถึงสิ้นเดือนนี้นะครับ”อาจารย์วัยกลางคนพูดผ่านไมค์โครโฟนคู่ใจเสียงดังฟังชัด งานสื่อสิ่งพิมพ์ที่เขาบอกเป็นหนึ่งในงานที่เขาสั่งตอนที่ผมอยู่โรงพยาบาล แน่นอนว่าผมก็พึ่งรู้ว่ามีงานนี้ก็ตอนที่ฟ้าลิสต์มาให้ แต่มันต้องพรีเซนต์ก่อนสิ้นเดือนนี้ซึ่งหมายความว่าเหลือเวลาอยู่ไม่ถึงอาทิตย์



       เวลาแต่ละนาทีผันเปลี่ยนไปอย่างยากลำบากราวกับมีใครกดปุ่มหยุดเวลาไว้ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเนือยๆก่อนจะถูกบรรยากาศอึดอัดจากคำพูดของคนพวกนั้นกัดกินความคิด จนตกอยู่ในวังวนของความกลัว ความเสียใจ และความโกรธอย่างยาวนานโดยไม่อาจโต้แย้งอะไรกลับไปได้แม้สิ่งที่เขาพูดมันไม่มีความจริงเลยแม้แต่น้อย ทุกๆถ้อยทุกๆคำตอกย้ำให้ผมรู้ตัวเองแน่ชัดขึ้นว่าผมมันเป็นตัวประหลาดที่ทุกคนต่างรังเกียจ..

       ...บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ผมสมควรจะได้รับแล้วแหละ มันผิดพลาดมาตั้งแต่ผมเลือกที่จะหนีออกมาแล้ว ทุกๆอย่าง.. ทุกๆอย่างมันผิดพลาดไปทั้งหมด เพราะผมเอง ผมคนเดียวเลย…





       12.36

       การเรียนการสอนในภาคเช้าจบลงตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมฟุบหลับลงกับโต๊ะเพราะไม่อยากได้ยินคำพูดพวกนั้นอีกแต่พอหลับแล้วก็หลับยาวเลย ตัดภาพมาอีกทีในห้องตอนนี้ก็ไม่เหลือใครเลยนอกจากผมที่ตัวชุ่มเหงื่อ ไฟ พัดลม ถูกปิดหมด ราวกับลืมไปแล้วว่าผมยังอยู่ในห้อง

       ไม่มีใครคิดจะปลุกผมเลยหรอ…



       ผมพาตัวเองลงไปที่โรงอาหารด้านล่างตึก ตอนนี้ผมไม่ได้หิวอะไรมากเพราะงั้นเลยซื้อแค่ขนมปังหมูหยองง่ายๆกับนมกล่อง ก่อนจะมองหาโต๊ะที่จะนั่งซึ่งตอนนี้ก็พอจะมีว่างอยู่หลายตัวเพราะคนทยอยไปที่อื่นกันหมดแล้ว

       ผมเลือกที่จะนั่งโต๊ะแถวๆมุมโรงอาหาร จริงๆโต๊ะที่ผมนั่งตอนนี้ก็คือโต๊ะประจำของพวกผมนั่นแหละครับ ..ผมกับไอ้พู ชอบมานั่งโต๊ะตัวนี้เพราะมันห่างไกลจากผู้คนและไม่เป็นจุดสนใจเท่าไหร่ ซึ่งวันนี้ผมก็มานั่งตรงนี้ด้วยเหตุผลเดียวกัน …หลีกหนีจากผู้คน หลีกหนีจากการตกเป็นจุดสนใจในฐานะตัวประหลาดอันน่ารังเกียจ..

 

       ‘มึงจะแดกไร’

       ‘ชาบู’

       ‘เอาดีๆ กูจะได้มีแนวทางในการกิน’

       ‘กูแดกอะไรก็ได้’

       ‘งั้นข้าวแกงป้าจุ๊บ’

       ‘ไม่เอาอะ’

       ‘ไหนบอกอะไรก็ได้ไงวะสัด’



       บทสนทนาห่าเหวย้อนฉายกลับมาอีกครั้งผ่านความทรงจำ..

       มึงกับกูเรายังยิ้มให้กันอยู่เลยไม่ใช่หรอวะ..

       ทำไมตอนนี้มันถึงเป็นแบบนี้..

       ทำไมมึงถึงทำกับกูแบบนี้…



       จู่ๆน้ำตาเม็ดใสก็ไหลลงตามแรงโน้มถ่วงโลกอีกครั้ง หลังจากที่ผมเริ่มกัดขนมปังหมูหยองในมือ ..ความคิดของผมยังคงจมอยู่กับเรื่องราวเก่าๆไม่จบไม่สิ้น ผมใช้หลังมือซับน้ำตาตัวเองออก พยายามข่มใจบังคับไม่ให้นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่มันไม่อาจหวนคืนมาได้



       “ส่งฟ้าตรงนี้ก็พอแล้ว ฟ้าไปเรียนก่อนนะ กวินทร์ก็..ตั้งใจเรียนนะอย่าดื้อ” เสียงคุ้นหูดังแล่นเข้ามาในโสตประสาท น้ำฟ้ากำลังพูดคุยกับคนตัวสูงในระยะที่ห่างออกไปไม่ถึงห้าเมตร น้ำเสียงของเธอน่ารักออดอ้อนทำเอาคนตัวสูงตรงหน้าเธออดยิ้มตามไม่ได้

       ผมมองดูภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ..ผมไม่ได้เจ็บปวด ไม่ได้หึงหวง ราวกับกวินทร์ได้ตายจากผมไปแล้วอย่างสิ้นเชิง หากแต่ในเสี้ยวลึกๆของหัวใจผมยังจำความเจ็บปวดที่เคยได้รับจากกวินทร์ได้ดี มันตอกย้ำให้ผมกลัว ..กลัวถูกทำร้าย ..กลัวถูกกระทำชำเรา ..กลัวกวินทร์

       ผมหันไปอีกทางเพื่อหลบหนีจากพวกเขา ..ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีแล้ว ..สมควรแล้ว คุณอย่าสนใจผม อย่าเดินมาทางผม อย่า..มายุ่งกับผม

       “ชยา” ผมสะดุ้งเฮือกตกใจอย่างแรงเมื่อได้ยินเสียงเรียก ก่อนจะหลับตาปี๋ ก้มหน้างุด ร่างกายสั่นเทาราวกับลูกนก “..สงสัยงานไหนถามฟ้าได้นะ”

       “…” ตาผมค่อยปรือขึ้นมองภาพตรงหน้า โชคดีที่เป็นน้ำฟ้า ..ไม่ใช่กวินทร์ “อ..โอเค”

       “เป็นอะไรหรือเปล่าชยา สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”

       “อ่า..เราโอเค ไม่ได้เป็นอะไร สบายมากฮ่าๆ” ผมแสร้งหัวเราะเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง..

       “โอเค ดีแล้ว จะได้ไม่เป็นภาระ”

       “..ฮะ?” ผมค่อยๆหุบยิ้มลงอย่างไม่เขื่อหูตัวเอง ..บางทีผมอาจจะหูฝาด..

       “ไปเรียนก่อนนะ” เธอยิ้มก่อนจะเดินกลับไปคืน ..หัวใจผมรู้สึกกระชุ่มกระชวยมากขึ้น เปรียบเสมือนต้นไม้ที่กำลังเหี่ยวเฉาถูกรดน้ำและให้แสงสว่าง ..มีคนยิ้มตอบผมแล้ว!



       ผมซับคราบน้ำตาบนใบหน้าตัวเองอีกรอบแบบลวกๆก่อนจะทิ้งขนมปังกับนมที่เหลือลงถังขยะแล้วขึ้นไปเรียนต่อในวิชาภาคบ่าย ผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างบอกไม่ถูก รอยยิ้มที่ฟ้ายิ้มตอบกลับมาราวกับมันเป็นกำลังใจให้ผมมีแรงอดทนสู้ต่อหลังจากที่ทุกข์ทรมานอยู่กับคำพูดร้ายๆพวกนั้นมาครึ่งค่อนวัน

       “ฟ้า..ฟ้าเดี๋ยวก่อน!” ผมเรียกเธอ วันนี้เธอช่วยผมเยอะมากจริงๆ เพราะงั้นผมก็ควรจะตอบแทนเธอบ้าง “มีอะไรให้เราช่วยไหม..”

       “…”

       “หรือฟ้าอยากกินอะไร อยากไปไหน ฟ้าบอกเราได้นะ เดี๋ยวเราเลี้ยง ตอบแทนที่วันนี้ช่วยเหลือเราเยอะแยะเลย” ผมก็ยังคงยิ้มให้เธอ ..ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ

       “ฮะ? ฟ้าช่วยอะไรเยอะแยะขนาดนั้นเลยหรอ” เธอถามกลับอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ก่อนจะยิ้มซะแป้นแล้นแล้วหัวเราะออกมาอย่างเป็นมิตร “ฮ่าๆ เอาสิ แต่เดี๋ยวขอคิดก่อนนะว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย”

       “ได้เลย!” ผมยิ้มร่า ดีใจจนเนื้อเต้น ในที่สุดผมก็จะได้ทำตัวมีประโยชน์กับคนอื่นบ้างแล้ว

       “แปปนะ.. “ เธอกดโทรหาใครซักคน “ฮัลโหลกวินทร์.. วันนี้ไปดูหนังกัน ..ไม่ต้องทำแล้วห้องสมาคมอะ ฟ้าหาคนไปทำให้แล้ว นะๆๆฟ้าอยากไปดูจริงๆฟ้ารอมาตั้งนานแล้วอะเรื่องนี้”

       “…” ผมยืนนิ่งฟังสิ่งที่เธอพูดคุยกับคนที่อยู่ปลายสาย..

       “โอเคเนอะ.. โอเคค่ะ เจอกันค่ะ” ไม่นานนักเธอก็วางสายแล้วหันมาทางผมอีกครั้ง.. “ชยาบอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอกใช่มั้ย”

       “…” ผมพยักหน้าหงึกหงัก

       “วันนี้ ‘แฟนเก่า’ ชยาเป็นเวรดูแลห้องสมาคมของเด็กภาพยนตร์อะ แต่ฟ้าอยากไปดูหนังกับเขา ชยาไปดูแลแทนแฟนเก่าชยาได้ไหม”

       “…” ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่ดูเหมือนเธอพยายามเน้นคำว่า ‘แฟนเก่า’ เพื่อตอกย้ำผม..

       ผมพยักหน้ารับคำตามที่เธอบอก

       “ให้เราไปตอนไหนอะ” ผมถาม

       “เรียนเสร็จ” เธอตอบ ก่อนจะเดินยิ้มร่าอย่างมีความสุขนำหน้าผมไปจนทิ้งระยะห่างไกลมากขึ้นเรื่อยๆ

       “เอ่อ..ฟ้า” หากแต่ผมเรียกเธอไว้ก่อน “รอเราด้วย..” พูดเสร็จก็เร่งฝีเท้าเดินตาม ‘เพื่อน’ ให้ทัน..

       “ฮะ..ทำไมฟ้าต้องรอชยาอะ?” เป็นอีกครั้งที่ผมได้ยินคำพูดแบบนี้ออกตากปากเธอ ..ผมหูฝาดไปใช่มั้ย เธอไม่ได้พูดแบบนั้นจริงๆใช่รึเปล่า..

       “เดินช้าเดินเร็วก็ได้เข้าเรียนเหมือนกัน จะกลัวอะไร” เธอพูดต่อ

       “…” ผมจึงได้แต่นิ่งแล้วเดินตามหลังเธอไปเงียบๆ





       16.02

       การเรียนการสอนในภาคบ่ายจบลง ผมก็รีบเดินไปหาน้ำฟ้าทันที เรามีนัดกัน ..ผมจะไปดูแลห้องสมาคม เพื่อให้ฟ้ากับกวินทร์ได้ไปดูหนังด้วยกัน..

       “ฟ้า ห้องสมาคมอยู่ตรงไหนอะ” ผมถามเธอ

       “ไม่รู้เหมือนกัน หาดูนะ ต้องหาให้เจอนะชยา ไม่งั้นกวินทร์โดนด่าแน่” และเธอตอบ..

       “แล้วเราต้องอยู่ดูแลถึงกี่โมงอะ”

       “เข้าใจปะเนี่ยชยา! ที่บอกว่าดูแลก็คือทำความสะอาด! ทำเสร็จตอนไหนอยากกลับก็กลับไปดิ” เธอตอบกลับเสียงลั่นอย่างไม่สบอารมณ์ จนผมที่เป็นผู้ฟังตกใจ แต่ก็ได้แต่ก้มหน้างุด แล้วทำตามสิ่งที่เธอบอกให้ทำ..



       ผมเดินไปตึกนิเทศ รองเท้าผ้าใบสีขาวหม่นหมองดูมอซอของผมแตะลงบนพื้นฟุตบาทที่กำลังร้อนระอุจากความร้อนของแดดตอนสี่โมงเย็น ฟ้าเดินแยกจากผมไปแล้ว เธอดูหงุดหงิดจนผมไม่กล้าที่จะพูดคุยกับเธออีก ..เธอเกลียดผมอีกคนแล้วหรอ..

       สองขาผมยังคงก้าวเดินท่ามกลางแดดร้อนๆต่อไปเรื่อยๆจนถึงตึกนิเทศ มองซ้ายมองขวาแล้วก็ไม่เห็นห้องสมาคมที่ว่าอยู่ดี ถามคนแถวนี้ก่อนแล้วกัน..

       “เธอๆ” ผมเรียก

       “…”

       “ห้องสมาคมอยู่ตรงไหนอะ”

       “อ๋อ.. เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวาข้างหน้านี่ก็เจอแล้ว”

       “โอเคครับ ขอบคุณมากๆเลย” ผมยิ้มขอบคุณอย่างจริงใจ

       ผมเดินไปตามทางที่เธอบอก แล้วก็พบกับห้องสมาคมที่ว่าจริงๆ เป็นห้องที่ดูไม่เล็กไม่ใหญ่มาก ภายในเต็มไปด้วยรูปถ่ายต่างๆ และผลงานของเด็กภาพยนตร์ ผมค่อยๆดันประตูกระจกบานใหญ่ก่อนจะแทรกตัวเข้าไป สภาพห้องที่เห็นนี่ค่อนข้างสกปรกมากเลยทีเดียว

       ผมไม่รอช้ารีบเข้าไปจัดการกับกองรูปภาพเก่าๆที่กองๆกันอยู่บนพื้นอย่างไม่เป็นระเบียบ ตาก็มองดูเวลาบนนาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังไปด้วย ผมจะมัวชักช้าไม่ได้หรอก เดี๋ยวพี่โจ้ว่าอีกถ้าผมไปสาย



       17.20

       ผมยกแขนขึ้นปาดเหงื่อออกไป เวลายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆในขณะที่ผมพึ่งจะถูพื้นเสร็จ ยังเหลืออีกหลายอย่างที่ต้องทำ ผมพยายามเร่งมือจัดการกับงานตรงหน้าอย่างขะมักเขม้นต่อไปให้เสร็จเร็วที่สุด

       ..แต่ก็ไม่สามารถเป็นดั่งที่หวังได้ กองรูปภาพที่ผมพึ่งจะจัดเก็บให้มันเป็นระเบียบ ถล่มลงมากระจัดกระจายอีกครั้ง ซ้ำร้ายคือฝนจากไหนไม่รู้เทลงมาห่าใหญ่ราวกับพายุเข้า

       ผมมองดูนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะคิดทบทวนหาหนทางว่าจะเอายังไงดี คือผมจะขาดงานพี่โจ้ก็ไม่ได้ ไม่งั้นก็คงไม่มีเงินจ่ายค่าคอนโดแน่ แต่ผมก็ทิ้งงานตรงนี้ไปไม่ได้เหมือนกัน.. คำว่า ‘ไม่งั้นกวินทร์โดนด่าแน่’ ที่ฟ้าบอกมันลั่นสะท้านอยู่ในหัว ..ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากให้กวินทร์โดนด่า

       ผม..ห่วงเขา..



      “พี่โจ้ วันนี้ชยาไปสายหน่อยนะพี่ ผมมีเรียน ขอโทษด้วยนะพี่” ผมกดโทรหาพี่โจ้ทันทีที่ตัดสินใจได้ ..ผมไม่สามารถปล่อยให้กวินทร์โดนด่าได้จริงๆ

       [โอเค เสร็จแล้วรีบมานะชยา ร้านคนเยอะมากเลย]

       “โอเคพี่..” สิ่งที่พี่โจ้บอกยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นไปอีก.. อยากแยกร่างไปได้จังเลยโว้ย



       18.31

       ผมเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดทั้งหลายแหล่ไปเก็บที่ของมันอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะมองสำรวจสิ่งที่ตัวเองทำไป ..โอเค ถึงจะไม่สะอาดมาก แต่ก็พอดูได้แล้วแหละ..

       ท้องฟ้ามืดลงแล้ว ฝนก็ยังคงตกอยู่อย่างไม่ขาดสาย แต่ผมจะมาเสียเวลาติดฝนไม่ได้แล้ว ดังนั้นผมจึงรีบเดินออกไปจากห้องสมาคมทันที แต่ทว่า..

       “อ้าวนี่มันน้องชยานี่หว่า.. มาทำอะไรตรงนี้ครับ” กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังสูบบุหรี่อยู่หันมาทางผมก่อนจะค่อยๆตรงเข้ามา ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกหนึ่งในกลุ่มนั้นเรียกชื่อ หน้าตาของพวกเขาไม่คุ้นเลยซักนิด ผมไม่รู้จักคนพวกนี้ แล้วทำไมพวกเขาถึงรู้จักผมได้..

       “มาทำอะไรที่ห้องสมาคมล่ะครับคนเก่ง..?” ใครบางคนในนั้นถาม ..ผมก้าวถอยหลังกลับเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเข้ามาใกล้  “ได้ข่าวว่านักเลงจัดหรอ”

       “…” มือผมเริ่มสั่นเทา ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตากับกลุ่มคนตรงหน้า รับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น ..ความเจ็บปวด..

       “เงยหน้าสิไอ้สัด เก่งนักไม่ใช่หรอ!” อีกฝ่ายใช้มือแกร่งของตนเองเชยคางผมขึ้นมาก่อนจะบีบมันราวกับอยากให้บุบสลาย

       “ทำห่าอะไรกับไอ้อาร์ตเพื่อนกูไว้มึงรู้อยู่แก่ใจนะไอ้สัด” ช่วยด้วย.. ผมเจ็บ.. “วันนี้แหละ กูจะเอาคืนให้เพื่อนกู!”

       หมัดหนักๆจากมืออีกข้างซัดลงเต็มๆโหนกแก้มของผมทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ทำเอาผมเซกลับเข้าไปในห้องสมาคมอีกครั้งก่อนจะล้มลงกับพื้น

        ..พี่อาร์ตค่อนข้างเป็นที่รู้จัก ดังนั้นก็คงไม่แปลกหรอกที่คนพวกนี้จะตามมาเอาคืนให้เพื่อนที่ตัวเองรัก..

       ผมก้มหน้างุด นอนงอตัวใช้แขนปกป้องหัวตัวเองไว้ ยอมจำนนรับแรงที่อีกฝ่ายกระหน่ำซัดใส่ผม ทั้งเตะ ถีบ และอีกหลายสิบหมัด

       ความจุกเสียดเกิดขึ้นตรงช่วงท้องเมื่อถูกพวกนั้นเหยียบทับด้วยเท้าหนักๆ..

       “ก็ไม่เห็นจะเก่งอย่างที่ว่าเลยนี่หว่า ถุ้ย!” พวกนั้นหัวเราะอย่างสะใจ

       “..ข..ขอโทษ ..ขอโทษ.. ข..” ผมพร่ำคำขอโทษออกไปไม่หยุด หวังจะให้คนพวกนี้หยุดการกระทำลง ถึงแม้จะไม่เข้าใจเลยก็ตามว่าจะขอโทษเรื่องอะไร ขอโทษไปทำไม ผมทำผิดไปตรงไหน..

       จากเสียงขอโทษของผมที่สั่นเทาก็เริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นเสียงเว้าว้อนขอร้องให้พวกเขาหยุด.. ผมเจ็บ..เจ็บปวดเหลือเกิน..



       ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าพวกคนใจร้ายจะพอใจ พวกเขาปล่อยร่างกายอันบอบช้ำของผมให้เป็นอิสระภายในห้องสมาคมที่มืดสนิทไร้แสงไฟ ผมไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะลุกยืนขึ้น ..พวกเขากำลังเดินออกไปแล้ว ประตูกระจกบานใหญ่ถูกผลักออกก่อนจะถูกปิดลง หลงเหลือไว้เพียงความว่างเปล่าให้เป็นเพื่อนกับความเจ็บปวดของผม..



       ฝนยังคงตกลงมาไม่ขาดสายเช่นเดิม ผมนอนอยู่บนพื้นอย่างนั้น สายตามองไปตามรูปภาพต่างๆที่ติดบนฝาหนัง ก่อนจะมองไปบนเพดานแล้วมองผ่านหน้าต่างออกไป ความรู้สึกของผมมันว่างเปล่า ผมมองออกไปแบบนั้นโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่ามองอะไร สายตาของผมเลื่อนลอยไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย ก่อนมันจะค่อยๆพร่าเบลอด้วยน้ำตา…



       เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนผมยากที่จะฝืนทนต่อ อากาศตอนกลางคืนที่เริ่มลดลงเรื่อยๆ ผนวกกับความเย็นจากไอฝนยิ่งทำให้หนาวมากขึ้นไปอีก ฟันบนและฟันล่างของผมกัดประกบเพื่อคลายความหนาวลงแต่ก็คงไม่ได้ช่วยอะไรมาก ผมพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น มือข้างหนึ่งกุมหน้าท้องตัวเองไว้เพราะมันเจ็บเหลือเกิน แล้วด้วยความเจ็บปวดนั้นมันก็ทำให้ผมแทบจะไม่มีแรงที่จะก้าวขาเดินต่อ

       ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะมาถึงประตูกระจกบานใหญ่ ผมออกแรงผลักมันออกไป แต่ทว่ากลับไม่มีผลอะไรกับประตูนี้เลย ..ประตู..ถูกล็อคจากด้านนอก..



       “มี..มีใครอยู่มั้ย..” ผมพยายามเปล่งเสียงตะโกน แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นความว่างเปล่า..

       “ผมติดอยู่ในนี้..ช่วยด้วย..” ผมพยายามตะโกนให้ดังขึ้นอีก แต่ก็ได้คำตอบเป็นคำตอบเดียวกัน

       “…” ผมหันหลังพิงกับประตูกระจกนั้นก่อนจะทรุดลงนั่งอยู่ตรงนั้น ..ทำได้แค่นั่งกอดตัวเองแล้วปล่อยให้น้ำตาเม็ดใสไหลลงอีกระลอก



       ‘ชยารู้สึกไม่ถูกกับความมืดเท่าไหร่เลย’

       ‘ทำไมล่ะครับ หื้ม’

       ‘มันน่ากลัว ทั้งเหงา ทั้งว่างเปล่า มองไม่เห็นอะไรเลย’

       ‘…’

       ‘แต่ตอนนี้ชยาไม่ค่อยกลัวมันเท่าไหร่แล้วแหละ รู้มั้ยเพราะอะไร’

       ‘…’

       ‘เพราะมีกวินทร์อยู่ข้างๆชยา’



       ผมโอบกอดความทรงจำนั้นผ่านแขนที่สั่นเทาของตัวเอง ที่ข้างๆของผมไม่เหลือใครอีกแล้ว..

       ความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อและส่วนต่างๆของร่างกายดึงดันให้ผมหลับพักผ่อน หากแต่กระบวนการคิดยังคงทำงานของมันโดยการจมจ่อมอยู่กับความทรงจำไม่รู้จักจบจักสิ้น

       ‘การรอคอยนั้นโหดร้ายเสมอ’ คำๆนี้คือความจริงอันเป็นที่สุด ..การรอใครซักคน รอเวลา รออะไรซักอย่าง ช่วงเวลาที่เราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ นั่นแหละคือสิ่งที่ทรมานที่สุด

       เช่นเดียวกับที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ ภายใต้บรรยากาศมืดมิดไร้แสงไฟ ผมยังคงเฝ้าหวังอย่างไม่ลดละว่าจะมีใครซักคนผ่านมา แม้มันจะผ่านมานาทีแล้วนาทีเล่า ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ผมก็ยังเชื่อ..ว่าจะมีใครซักคนผ่านมาช่วยผม.. และใช่..มันทรมานที่สุด ทรมานกว่าความเจ็บปวดรวดร้าวทางร่างกายซะอีก..



       07.39

       เวลาผ่านไปจนรุ่งเช้าของอีกวัน นาฬิกาฝาหนังบ่งบอกเวลาตอนนี้ให้ผมได้รับรู้ เสียงเซ็งแซ่จากนิสิตที่อยู่รอบนอกคุยเล่นกันอย่างสนุกถูกคอ หากแต่ไม่มีใครสนใจที่จะมองมาทางนี้ที่ผมอยู่เลย..

       “…” ผมพยายามเปล่งเสียงออกไปแต่เสียงก็แหบพร่าเสียจนฟังไม่รู้เรื่องอีกแล้ว อาการปวดเนื้อปวดตัวประดังเข้ามาอย่างหนักหน่วง

       ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปตรงประตูกระจกก่อนจะพยายามขยับมัน เขย่ามัน ทุบมัน เรียกร้องให้คนภายนอกได้รับรู้ว่ามีคนติดอยู่ในนี้  ..มีใครหลายคนที่หันมาตามเสียงที่ผมทำ แต่กลับไม่มีใครลุกขึ้นมาช่วยผมออกไปเลยแม้แต่คนเดียว..



       โอเค..ไม่เป็นไร ผมจะลองอีกครั้ง..

       ผมเคาะประตูกระจกแรงขึ้น พยายามออกแรงเขย่ามันให้แรงขึ้นอีก พยายามเปล่งเสียงอย่างสุดความสามารถ

       แต่ก็ได้ผลดังเดิม..



       หรือเพราะสภาพผมมันไม่น่ามองกันนะ.. บางทีอาจจะผิดที่เสื้อนิสิตสีขาวของผมที่มีแต่รอยรองเท้า แล้วยังยับยู่ยี่อีกด้วย ดวงตาก็ช้ำบวม ปากก็บวมม่วงมีคราบเลือดเล็กๆอยู่ที่มุมปาก ผมทำให้คนอื่นๆกลัวหรือเปล่า เลยไม่มีใครคิดจะมาช่วยผม..

        ผมพยายามอีกครั้ง..อีกครั้ง และอีกครั้ง

        แต่สิ่งที่ได้ก็ยังคงเหมือนเดิม..



        ความพยายามของผมสูญเปล่าไร้การตอบรับจากคนภายนอก ..พวกเขายังคงยิ้ม หัวเราะเริงร่าอย่างมีความสุขกับหมู่เพื่อนคนอื่นๆของเขา ในขณะที่ผมทุกข์ทรมานอยู่ในตรงนี้…



        หนึ่งความคิดแล่นเข้ามาในหัว ไหนๆผมก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว ..ทำไมผมต้องพยายามอีกล่ะ.. ทำไมผมต้องรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมไม่ได้ทำผิด ..ทำไมผมต้องขอโทษทั้งๆที่ไม่รู้ว่าขอโทษเรื่องอะไร ..ทำไมผมต้องทนเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่คนอื่นๆที่ทำร้ายผมกลับมีความสุขดี..

        ทำไมผม..ต้องทนมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกล่ะ?


ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
        เชือกเส้นหนึ่งถูกผมกำมันขึ้นมา ผมค่อยๆจัดการขึ้นไปผูกปลายเชือกด้านหนึ่งเข้ากับพัดลมเพดาน จากนั้นก็บรรจงผูกบ่วงที่ลายเชือกอีกข้างหนึ่ง..



        พี่ภู.. ชยาขอโทษที่ทำตัวไม่ดีใส่พี่ ขอโทษที่เอาแต่ใจ ไม่เคยเป็นน้องที่ดีให้พี่ได้เลย ขอโทษที่ทำให้พี่ผิดหวัง แต่ชยา..ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นน้องพี่นะ..



       ไอ้พู.. คิดถึงมุขกากๆของมึงจังเลยว่ะเพื่อนรัก ถึงกูจะเคยด่าเคยรำคาญตอนที่มึงเล่น แต่ตอนนี้กูโคตรคิดถึงเลย.. อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหมือนกันนะ เหมือนเดิมกับตอนที่เราต่างเหี้ยไปด้วยกัน ปัญญาอ่อนไปด้วยกัน สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน.. แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ยังไงก็ตามแต่.. ไอ้ขี้ยาคนนี้จะเป็นเพื่อนกับไอ้ถั่วเน่าตลอดไป..



       กวินทร์.. คุณตากล้องในวันรับน้อง ขอบคุณคุณที่มาแต่งแต้มโลกสีเทาของผมให้มีสีสัน ช่วงเวลาที่อยู่กับคุณผมมีความสุขมาก ทุกๆวินาทีมันช่างล้ำค่ากับการจดจำ และผมก็จำมันได้ดีเลยด้วย ..คุณจะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไปเลยกวินทร์..



       แม่จ๋า… ชยารักแม่มากๆเลยนะแม่รู้มั้ย ชยาคิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆของแม่ คิดถึงฝ่ามือที่แม่คอยลูบหัว คิดถึงกับข้าวที่แม่ชอบทำให้ชยากิน…มันอร่อยที่สุดในโลกเลยครับ ..ชยาจะไปหาแม่แล้วนะ..ชยาเหนื่อยเหลือเกิน..





       อีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบลง.. ไม่ต้องเจ็บปวด ไม่ต้องทรมาน ไม่ต้องร้องไห้อ่อนแอเพราะอะไรอีกแล้ว.. ปลายเท้าทั้งสองข้างของผมขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง ก่อนที่ผมจะค่อยๆสอดหัวของตัวเองใส่บ่วงเชือกสีน้ำตาลหม่น…ภายนอกเริ่มชุลมุนวุ่นวาย หลายคนเริ่มตรงมาที่ห้องที่ผมถูกขัง หลายคนพยายามดัน พยายามผลักประตูกระจกเข้ามา

       อ่า..ขอบคุณพวกคุณมากๆเลยที่คิดจะช่วยเรา แค่นี้..เพียงเท่านี้ เราก็ดีใจแล้ว..











       ตุบ!

      “กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!”

       ความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างโกลาหล เมื่อเก้าอี้ไม้ถูกเตะออกให้ล้มลงกับพื้น ..ลำคอของคนตัวเล็กถูกบ่วงเชือกรัดจนช่องหลอดลมเริ่มตีบเข้าหากัน ชยาดิ้นเร่าๆเมื่อไร้อากาศหายใจ

       ทว่าในเสี้ยววินาทีนั้นประตูกระจกบานใหญ่ก็ถูกใครคนหนึ่งทำลายลง.. เขากระโจนเข้ามาผ่านช่องว่างนั้นตรงมาทางคนตัวเล็กทันที ใครคนนั้นจับเก้าอี้ไม้ตั้งขึ้นมาดังเดิมก่อนจะขึ้นไปยืนบนเก้าอี้แล้วใช้แขนอันแข็งแกร่งของเขาข้างหนึ่งพยายามโอบอุ้มคนตัวเล็กไว้ สภาพใบหน้าและเสื้อผ้าที่มีแต่รอยเท้าของชยาทำเอาเขาใจหายวูบ ..แผลเลือดแผลช้ำหลายแผลแต่งแต้มอยู่เต็มใบหน้าและลำตัวของคนตัวเล็กอย่างน่าสงสาร



       ...ถึงแม้คนในอ้อมแขนจะดิ้นอย่างทรมานอยู่จนเป็นอุปสรรคของเขา แต่เขาก็ไม่คิดท้อถอย ..หัวใจของเขาเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ในใจเป็นห่วงคนตัวเล็กอย่างสุดหัวใจ ..กวินทร์นั่นเองที่เข้ามาช่วยชยา

       

       ในขณะที่แขนข้างนั้นกอดอุ้มคนตัวเล็กไว้อยู่ มืออีกข้างของเขาพยายามแก้ปมบ่วงของเชือกออก ค่อนข้างจะยากลำบากเลยทีเดียวเพราะเขายืนอยู่บนเก้าอี้ไม้โอนเอนที่พร้อมจะล้มลงทุกเมื่อ ซ้ำแขนข้างนึงต้องอุ้มคนตัวเล็กให้สูงๆและต้องต่อต้านแรงดิ้น

       คนอื่นๆเมื่อเห็นดังนั้นก็พยายามเข้ามาช่วยเหลือ หลายคนหาเก้าอี้อีกตัวใช้เป็นฐานยืนขึ้นไปช่วยพยุงตัวคนตัวเล็กไว้ ทำให้กวินทร์สามารถใช้สองมือในการแก้บ่วงเชือกนี้ได้ ทว่าเชือกมันค่อนข้างที่จะรัดติดกับคอของชยาไปแล้ว การมาบรรจงแก้ก็อาจจะไม่ทันการ กวินทร์จึงรีบขอความช่วยเหลือทันที ในขณะที่มือทั้งสองของเขาสอดเข้าไปบริเวณส่วนหน้าของคอแล้วดึงเชือกให้ห่างออกมาให้ช่องหลอดลมคลายตัวเพื่อที่ชยาจะได้สามารถหายใจได้อีกครั้ง และมัน..ได้ผล!

       “มีใครมีกรรไกรมั้ย!” กวินทร์ตะโกนถาม ไม่นานนักรรไกรเล่มหนึ่งก็ถูกส่งมาที่เขา

       “ชยา..มองกวินทร์นี่ กวินทร์อยู่ตรงนี้แล้ว..” เขาพยายามเรียกสติคนตัวเล็ก

       “เงยหน้าขึ้นไปหน่อย” เขาบอกคนตัวเล็ก ทว่ากลับไม่มีการตอบรับใดๆกลับมา เปลือกตาสีไข่ของชยาค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ ต่อหน้าต่อตากวินทร์..

       กวินทร์ทำใจสอดปลายกรรไกรเข้าไปในช่องระหว่างเชือกกับผิวคออย่างระมัดระวัง ก่อนจะพยายามตัดเชือกเส้นนี้ออก แต่ก็ทำได้อย่างยากลำบากเพราะมันค่อนข้างหนา แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ กวินทร์ลงแรงทั้งหมดที่เขามีใส่กรรไกรเพื่อตัดบ่วงเชือกออก



        ฉับ!

        และเขาทำสำเร็จ!



        ความวุ่นวายโกลาหลยังคงเกิดขึ้นเมื่อชยาไม่ได้สติอีกต่อไปแล้ว ลำคอของเขาแดงเถือกเป็นรอยเชือก หลายคนถกเถียงกันว่าทำไมไม่มีใครมาช่วยชยา…ทั้งๆที่ก็เห็นว่าชยาเรียกให้ช่วย ทำไมถึงเลือกที่จะนิ่งเฉย และคิดว่าสิ่งที่คนๆนี้ทำเป็นการเรียกร้องความสนใจ..



        หากแต่การถกเถียงกันไม่ได้เกิดขึ้นกับกวินทร์ เขายังคงมีสติและคิดหาวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่าที่เคยเรียนเคยรู้มา ก่อนจะทรุดลงข้างๆร่างของชยาแล้วจัดการประสานมือของตัวเอง กดลงบนอกของคนตัวเล็กอย่างหนักแน่นเป็นจังหวะ สลับกับการปิดปลายจมูกและจับริมฝีปากชยาให้อ้าออกเล็กน้อยแล้วเป่าลมเข้าไป

        “ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลหน่อย.. เร็ว!” กวินทร์พูดเสียงดังลั่น เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงยังมัวแต่เถียงกันอยู่ได้ นี่ชีวิตคนทั้งชีวิตนะ เอาเวลาที่เถียงกันมาช่วยกันจะดีกว่ามั้ย “โว้ย! เป็นเหี้ยไรกันเนี่ยไอ้สัด พอละไม่ต้องโทรละ” กวินทร์ตวาดลั่นอย่างไม่สบอารมณ์

        กวินทร์ยังคงจัดการทำซีพีอาร์ต่อไปเรื่อยๆ ใช้เวลาอยู่หลายนาทีคนตัวเล็กจึงกลับมาหัวใจเต้นเป็นปกติอีกครั้ง

        “ชยา!” กวินทร์เรียกสติคนตัวเล็ก “ชยา..ตื่นสิ ลืมตาก่อน มองกวินทร์สิครับ..มองกวินทร์..”

        คนตัวเล็กค่อยๆปรือเปลือกตาสีไข่ของเขาขึ้น ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆแล้วมาหยุดที่กวินทร์..

        “…” กวินทร์ดึงเขาเข้าไปกอดในอ้อมอกอย่างแนบแน่น ..แรงสั่นจากกวินทร์กระทบถึงคนตัวเล็ก ..เป็นอีกครั้งที่กวินทร์ร้องไห้..

       “ขอโทษ..กวินทร์ขอโทษ ขอโทษ..” กวินทร์พร่ำคำขอโทษออกมาโดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขอโทษเรื่องอะไร ขอโทษทำไม แต่ที่แน่ๆคือเขารู้สึกผิด.. รู้สึกผิดที่ดูแลชยาไม่ได้เลย

       “…”

       “ไม่เอานะ..ไม่ทำแบบนี้อีกแล้วนะชยา ชีวิตชยามีค่ามากๆนะ” คนตัวสูงที่ดูแข็งแกร่งไร้ความรู้สึกอย่างกวินทร์ยังคงร่ำไห้สะอื้นอยู่อย่างนั้นไม่หยุด..

       “…” หากแต่คำพวกนั้นไม่ได้เข้าหูชยาเลยแม้แต่น้อย สายตาชยาเลื่อนลอยไร้จุดหมาย ความรู้สึกก็ว่างเปล่า..

       “..อย่างน้อยก็มีค่าสำหรับกวินทร์นะ” ทว่า..คำๆนี้กลับเป็นราวกับเสียงระฆังที่ดังลั่นสะท้านไปทั้งใจของชยา..



       13.45

       กวินทร์พาคนตัวเล็กมาส่งถึงมือหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งพอพยาบาลเห็นสภาพคอของคนตัวเล็กก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเกิดอะไรขึ้นและต้องทำอย่างไรบ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รอช้า รีบนำชยาไปยังห้องรักษาให้เร็วที่สุด

       ‘คุณเป็นคนทำซีพีอาร์ให้คุณชยาหรือเปล่าคะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ คุณชยาอาจจะไม่รอดแล้วก็ได้ ยังไงตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะคะ’ หนึ่งในพยาบาลบอกกับกวินทร์แบบนั้น

 

        การรักษาดำเนินผ่านไปจนถึงบ่ายโมงก็ยังไม่แล้วเสร็จ หมอบอกว่าชยาต้องแอดมิตที่นี่ก่อนเพื่อดูอาการซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าจะนานแค่ไหนแต่สภาพร่างกายของชยาตอนนี้น่าเป็นห่วง ถึงแม้หัวใจจะกลับมาเต้นหรือรู้สึกตัวแล้ว แต่ก็วางใจไม่ได้ว่าเขาจะปลอดภัยไปตลอด จากการวินิจฉัยนั้นอวัยวะหลายส่วนบอบช้ำอย่างหนัก กล้ามเนื้อบางจุดฉีกขาด และกระดูกที่มีบางส่วนนั้นได้หักลง ..ไม่แน่ถ้าอวัยวะนั้นไม่สามารถฟื้นฟูได้อีกแล้ว ชยาก็มีโอกาสที่จะ..เสียชีวิต

       และกวินทร์..ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจยอมรับความจริงอันแสนโหดร้าย..





       ก๊อกๆๆ

       กวินทร์เคาะประตูห้องผู้ป่วยอย่างมีมารยาทก่อนจะเปิดประตูออกแล้วแทรกตัวเข้าไป ..ชยาอยู่ในชุดผู้ป่วยสีฟ้าอ่อนของทางโรงพยาบาล เขานั่งพิงหลังกับหัวเตียง ทอดสายตามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ใบหน้ามีผ้าพันแผลประดับอยู่หลายจุด

        “..เป็นยังไงบ้างชยา” คนตัวสูงกลั้นใจถามออกไป ..ที่ต้องกลั้นใจเพราะเขาจำได้ดีเลยว่าคนตัวเล็กเคยบอกเขาว่าอะไร และมันยังคงตอกย้ำเขามาจนถึงตอนนี้

        ‘ต่อให้ผมเจ็บปางตายยังไงก็ตาม สิ่งที่คุณทำได้ก็คือยืนดู ไม่ก็ไสหัวไปไกลๆซะ’

        ..หากแต่ตอนนี้เขากลับเลือกที่จะฉีกสิ่งที่คนตัวเล็กบอกทิ้งไป เพราะเขาทนไม่ได้ถ้าจะให้เห็นคนตัวเล็กตายไปต่อหน้าต่อตาจริงๆ...

        “มาช่วยชยาทำไม” คนตัวเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขายังคงมองออกไปข้างนอกอยู่แบบนั้นโดยไม่คิดจะหันมาสบตากับกวินทร์เลยแม้แต่น้อย

        “จะให้กวินทร์ทนดูชยาตายไปต่อหน้าต่อตาหรอ …กวินทร์ทำไม่ได้หรอก.. กวินทร์ขอโทษ” เป็นอีกครั้งที่กวินทร์ขอโทษทั้งๆที่ไม่รู้ว่าขอโทษเรื่องอะไร ขอโทษไปทำไม แต่ก็..อยากจะขอโทษ

         “เคยบอกไปแล้วนี่ว่าไม่ต้องมาช่วย..” ชยาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับเค้นคำพูดทุกคำมาจากใจ

         “…กวินทร์ขอโทษ..”

         “ไม่ต้องการ”

         “…”

         “มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอถ้าชยาจะหายไปซะ” น้ำตาเม็ดใสไหลลงข้างแก้มของคนตัวเล็ก..

         “..ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

         “กวินทร์ก็..เคยต้องการแบบนั้น ไม่ใช่หรอ..” แน่นอนว่าชยาจำคำที่คนตัวสูงไล่เขาให้ไปตายได้อย่างดี

         “กวินทร์ไม่เคยต้องการแบบนั้นจริงๆหรอก”

         “แต่คุณก็พูดมันออกมา..” ชยาสวนกลับทันควัน

         “…”

         “ไม่คิดบ้างหรอว่าคนฟังอย่างผมจะรู้สึกยังไง”

         “..ขอโทษ” กวินทร์ขยับเข้าไปใกล้คนตัวเล็กให้มากขึ้น “แล้ว..ชยาไปมีเรื่องกับใครมาล่ะทำไมถึงโดนขนาดนี้”

          “…”

          “ไหนขอกวินทร์ดูหน่อย” คนตัวสูงขยับเข้ามาก่อนจะเอื้อมมือมาหวังจะจับบริเวณแผลเพื่อดูอาการ แต่ทว่าชยากลับปัดมือเขาออกอย่างแรง

          “ไม่ต้องยุ่ง!”

          “…”

          “คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ จะมาอยู่นี่ทำไม”ชยาพูดก่อนจะผลักกวินทร์ให้ออกไปห่างๆ.. “ไปได้ละ รำคาญ”

           “…”

           “ไปสิ”

           “ขอโทษที ผมก็แค่..เป็นห่วง”

            กวินทร์พูด.. ก่อนจะเดินออกไป

            น่าแปลกที่ชยากลับรู้สึกตรงกันข้ามกับที่เขาไล่กวินทร์ให้ไปๆซะ พอกวินทร์ไปจริงๆ.. ในใจเขากลับเรียกร้องอยากให้กวินทร์อยู่

           ..แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว



       



       







       





       







     

       

 



       







       

       

       








CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เซนติเมตรที่ 10





















       ‘ชยามีความฝันมั้ย’

       ‘หืม’

       ‘..ความฝันที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นตั้งแต่เด็กอะไรทำนองนั้น’

       ‘ชยาหรอ.. ชยาอยากเป็นครูครับ’

       ‘ทำไมถึงอยากเป็นครูล่ะ?”

       ‘ตอนเด็กๆที่บ้านชยามีปัญหานิดหน่อย ชยาอยู่โรงเรียนแล้วสบายใจกว่า ก็เลย..อยากเป็นครูเพื่อที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของความสบายใจนั้น..’

       ‘รักเด็กหรอครับ’

       ‘ใช่แล้ว’

       ‘งั้นมาทำเด็กกัน’

       ‘…’

       ‘นะครับ’

       ‘ไปไกลๆเลย’

       ‘โอ๋ๆ กวินทร์ล้อเล่น’



       ‘แล้ว..กวินทร์ล่ะ มีความฝันมั้ย’

       ‘มีสิ ตอนเด็กๆกวินทร์ชอบถ่ายรูปมากเลย เคยฝันว่าอยากจะเป็นช่างถ่ายรูประดับโลกที่ใครๆก็รู้จักด้วย’

       ‘ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยหรอครับ ทำไมไม่เห็นเคยบอกชยาเลยล่ะ’

       ‘ก็มันออกจะน่าอาย..’

       ‘ไม่หรอก เท่จะตาย ..จริงสิเมื่อกี้กวินทร์บอกว่า ‘เคย’   ..หมายความว่าตอนนี้ไม่อยากเป็นแบบนั้นแล้วหรอครับ’

       ‘ใช่ครับ ..พอโตขึ้นกวินทร์ไม่อยากเป็นที่รู้จักขนาดนั้นแล้ว’

       ‘ทำไมล่ะ?’

       ‘กวินทร์ขอเป็นช่างถ่ายรูปที่มีชยารู้จักแค่คนเดียวก็พอ’

       ‘…’

       ‘จะอยู่เป็นช่างถ่ายรูปให้ชยาตลอดไปเลย’







       ‘ขอบคุณนะ..กวินทร์  แต่ว่า..’

       ‘…’

       ‘ตลอดไป มันไม่มีจริง...’

       ‘มีสิ..มีแน่นอนอยู่แล้ว  เดี๋ยวชยา..ชยาจะไปไหน ชยา..เดี๋ยวก่อน ชยา’



       “ชยา!!” ผมจะดุ้งตื่นด้วยความตกใจอย่างสุดขีด ..เมื่อกี้ผมฝัน ..ฝันถึงเรื่องราวเก่าๆในอดีตในตอนที่ผมกับชยาเรายังอยู่ด้วยกัน เหตุการณ์ในฝันนั้นมันเป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ผมกับชยาเราเคยคุยกันเรื่องความฝันเหมือนกับที่ผมฝันเมื่อกี้เลย วันนั้นผมนอนบนตักนุ่มๆของเขาจากนั้นคนตัวเล็กก็เอาฝ่ามือเล็กของเขาลูบหัวผมเบาๆอย่างผ่อนคลายแล้วผมก็ถามเขาเรื่องความฝัน.. ผมจำได้ดีเลยว่าคนตัวเล็กอยากเป็นครูเพราะอยากเป็นส่วนหนึ่งของความสบายใจให้เด็กๆ

       แต่มีบางอย่างที่ต่างออกไป.. ในฝัน..หลังจากที่เราคุยกันเรื่องความฝัน..ชยาก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป สีหน้าของเขาดูเศร้าสร้อย ร่างกายก็สั่นเทาราวกับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินออกไป ทิ้งระยะห่างไว้ไกลมากขึ้นและมากขึ้นจนลับสายตา..



       05.50

       ผมมองไปที่นาฬิกาที่อยู่หัวเตียงเพื่อดูเวลา  ตื่นขึ้นมาทำไมแต่เช้าวะกู..

       คิดได้อย่างงั้นแล้วก็ล้มตัวลงนอนต่อ เช้านี้เป็นเช้าวันใหม่อีกวันที่ข้างๆผมไม่มีใคร บอกตรงๆว่าทำยังไงผมก็ไม่ชินกับการอยู่คนเดียวซักที ถึงแม้จะมีคำพวกนี้ดังลั่นอยู่ในหัวซ้ำๆก็ตาม..



       ‘ต่อจากนี้อย่ามายุ่งกับผมอีก ไม่ต้องมาช่วยเหลือ ไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นหวังดีให้เหนื่อยตัวเอง ต่อให้ผมเจ็บปางตายยังไงก็ตาม สิ่งที่คุณทำได้ก็คือยืนดู ไม่ก็ไสหัวไปไกลๆซะ’

        ‘…’

        ‘อย่ามาให้ผมเห็นหน้าคุณอีก’



       ผมพยายามแล้วนะชยา..ผมพยายามที่จะไม่คิดถึงคุณแล้ว แต่ผมทำไม่ได้เลยว่ะ..

       ตอนนี้..คุณจะทำอะไรอยู่กันนะ

       คุณกินยารึยัง คุณยังเจ็บอยู่รึเปล่า



      หลายอย่างที่ผมอยากถาม หลายอย่างผมอยากแสดงออกไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะไปคุยกะตัวเองในกระจก ผมเคยทำจริงๆนะตอนที่อยู่คนเดียว ไม่รู้เหมือนกันว่ะแต่ผมไม่ชอบบรรยากาศคลุมเครือเหงาๆแบบนี้เลย ปกติถ้ารู้สึกแบบนี้ผมจะไม่อยู่หรอกคอนโดอะ อยากน้อยก็ต้องไปที่ไหนซักที่ ไม่ร้านเหล้าก็บาร์ที่ไหนซักแห่ง แต่คงไม่ใช่กับวันนี้จริงๆ ผมไม่รู้จะไปไหนเลย…เหนื่อยใจจนไม่มีแรงจะทำอะไร



       Rrrrrrrrrrrr

       เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นดึงความสนใจทั้งหมดของผมไป คนที่โทรมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ฟ้าคนเดิม เพิ่มเติมคือโทรมาทำไมแต่เช้าวะ

       “ฮัลโหลครับ” บ่นไปงั้น แต่ก็รับสายเธออยู่ดี เอาจริงผมไม่อยากคบกับเธอแล้วว่ะ รู้สึกคบไปก็เท่านั้นอะ ผมไม่ได้ประโยชน์ไรเหมือนที่หวังไว้ตอนแรกเลย

       [ฮัลโหล วันนี้กวินทร์มีเรียนหรือเปล่าคะ] น้ำเสียงของเธอยังคงอ่อนหวานนุ่มนวลเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรกับผมมากนัก

       “ไม่มีครับ แต่ไม่ว่างเท่าไหร่ต้องเคลียร์งานที่อาจารย์สั่ง” ผมโกหก จริงๆวันนี้คือวันว่างเหี้ยๆว่างแบบไม่มีอะไรทำเลยและกูเสือกตื่นเช้า แต่ถ้าให้เลือกว่าต้องไปกับผู้หญิงเอาแต่ใจอย่างฟ้า ผมเลือกอยู่บ้านดีกว่าครับ

       [อ่า.. ว่าจะมาอัพเดตอาการชยาซักหน่อย เห็นกวินทร์ชอบถามถึง งั้นไม่เป็นไรค่ะ..เจอกันพรุ่งนี้ละกัน]

       “ฟ้าเดี๋ยวก่อน!” ผมรีบพูดดัก อารมณ์ไหนของเธอวะ อยู่ๆจะมาอัพเดตอาการชยาเฉยเลย คืออะไรวะครับ งงไปหมด

       [งั้นเจอกันร้านกาแฟร้านเดิมนะคะ] เธอนัดเสร็จสรรพราวกับรู้ดีว่าถ้าพูดเรื่องชยาขึ้นมาแล้วผมจะไป ใช่ครับเธอเดาถูก..ผมจะไป



      ร้านกาแฟร้านเดิมที่เธอบอกมันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เดินทางมาถึงที่นัดหมายจนได้ แน่นอนว่าผมมาก่อนครับ คนอย่างฟ้านัดตอนนี้มาบ่ายโมงนู่นมั้ง

       แต่เอาจริงๆเธอไม่เคยตรงเวลาเลย เมื่อไหร่ที่นัดเจอกันนะผมดื่มกาแฟจนจะหมดแก้วแล้วอะเธอถึงมา ไม่รู้วันนี้จะเป็นเหมือนกันมั้ย แต่ช่างเถอะผมไม่ได้แคร์จุดนั้นเท่าไหร่ ที่ผมสนใจก็คือเรื่องของชยาที่เธอจะมาเล่าให้ผมฟังนี่แหละครับ ..ออกจะแปลกอยู่นิดๆที่เธออยากจะเล่าเรื่องชยาให้ผมฟัง แต่ผมเชื่อครับว่าคนอย่างฟ้าไม่หลอกผมหรอก



       นั่งรอได้ซักพักประมาณชั่วโมงนึงเธอก็มาครับ เธอมาในชุดลำลองสบายๆกับกระเป๋าคู่ใจของเธอ ไม่นานนักฟ้าก็เดินมาทางผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะก่อนจะนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามผม

       “ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ” เธอพูดหลังจากนั่งเรียบร้อยแล้ว

       “ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบ “แล้วเรื่องอะไรหรอที่ฟ้าบอกจะมาอัพเดตให้กวินทร์ฟัง”

       “ค่ะ มันอยู่ในนี้” เธอชี้ไปที่กระเป๋า “ฟ้าว่า..เราย้ายไปนั่งตรงนั้นดีมั้ยคะ” เธอชี้ไปที่โต๊ะในสุดที่อยู่มุมๆของร้าน ผมก็ย้ายไปตามที่เธอบอกโดยไม่ได้ขัดอะไร บางทีฟ้าอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวมั้ง



       “ตอนฟ้าเห็นเนี่ย ฟ้าตกใจมากๆเลยอะ แบบฟ้าไม่คิดเลยว่าชยาจะทำเป็นคนแบบนี้” เธอพูดพร้อมกับหยิบแล็บท็อปของเธอขึ้นมา กดอะไรยุกยิกๆอยู่ครู่นึงแล้วก็หันมาให้ผม “แอบๆหน่อยนะคะ”

       “…” ผมงงเป็นไก่ตาแตกเลยครับ อะไรของมึงเธอวะ หน้าจอสีดำนี่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย นี่เปิดโน๊ตบุ๊คแล้วจริงดิ

       “กดเพลย์ได้เลย” เธอยิ้ม

        ผมยื่นปลายนิ้วกลางแตะลงบนแถบสี่เหลี่ยมเบาๆเป็นการคลิกเพื่อกดเริ่มอย่างที่เธอบอก ไม่นานนักจอสีดำเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นวิดีโออะไรบางอย่าง ..ผิวคน? หรืออะไรซักอย่าง นี่ฟ้าไม่ได้เรียกผมมาเพื่อให้มาดูคลิปโป๊ใช่มั้ยวะ

        ทว่าพอเพ่งมองดีๆ ผมก็ชาวาบไปทั้งร่าง..

        ชยา..?

        ชยา..จริงๆด้วย



       หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ จู่ๆมันก็สูบฉีดเลือดซะถี่รัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก มือสั่น เหงื่อแตกตามซอกต่างๆ อารมณ์ครุกรุ่นเกิดขึ้นภายในหัว  วิดีโอที่เห็นตรงหน้านั้น..คือวิดิโอของชยา ที่กำลังถูกใครซักคนกระทำอยู่



       “ตั้งแต่เมื่อไหร่..นานยัง..” ผมกำหมัดแน่น “คลิปนี้นานรึยัง”

       “ไม่รู้สิคะ.. ฟ้าก็เห็นคนอื่นๆเขาแชร์ต่อๆกันมา พอฟ้าเห็นก็เลยคิดว่ากวินทร์น่าจะต้องรู้ ก็เลยรีบเอามาให้กวินทร์ดูเลยนี่ไง”

       “…”

       “ไม่รู้เหมือนกันว่าใครทำชยา แต่สีหน้าชยาก็ดูมีความสุขดีนะคะ หลับตาพริ้มเชียว”

       ปัง!!

       ผมทุบโต๊ะเสียงดังลั่นร้านจนคนอื่นๆหันมามอง ยอมรับว่าตอนนี้เส้นสติผมขาดอีกแล้ว ทำไมผมถึงไปเชื่อที่ไอ้พูมันบอกด้วยวะว่าชยาไม่เคยมีใคร

       โง่จริงๆเลยกวินทร์..



       ผมเดินฟึดฟัดออกมาจากร้านไม่สนใจใครด้วยความร้อนระอุที่ปะทุอยู่ในอก คือเหี้ยไรวะ ผมอุตส่าห์ห่วง อุตส่าห์ช่วย แล้วที่ผมได้กลับมาคือเหี้ยไร!



       โอเควันนี้เปลี่ยนแผน กูไม่อยู่แล้วห้อง ไปมอดีกว่า ไปดูสีหน้าชยาที่กูรักนักรักหนา.. บอกตรงๆมาเห็นกับตาแบบนี้โคตรเจ็บเลยครับ ผมเป็นห่วงเขามากๆ จมอยู่กับความเป็นห่วงแทบทุกวินาที แล้วความเป็นห่วงของผมได้อะไรกลับมาอะ คลิปเหี้ยนี่อะหรอ โคตรดีเลย ขอบคุณมาก



       ผมรีบบึ่งรถตัวเองไปมอด้วยความเร็วเต็มที่เต็มกำลัง ไม่มีเรียนหรอกแต่อยากจะไปดูหน้าคนที่กล้าตีหน้าเศร้า ทำเป็นร้องไห้เรียกคะแนนความสงสารใส่ผม ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรลงไป

       ใช้เวลาไม่นานนักผมก็มาถึงมหาลัย ผมรีบขับไปที่ตึกคณะของชยาทันที พอถึงแล้วก็จอดรถแล้วก็ใช้สายตามองหาเขาอยู่ครู่หนึ่งผมก็เจอเขา

        เขากับกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลคู่ใจกำลังเดินอยู่ในโรงอาหาร สีหน้าเขาก็ดูไม่เห็นทุกข์ร้อนอะไรเลย..นี่ผม เคยสำคัญกับเขาจริงๆมั้ยวะ เริ่มไม่แน่ใจแล้ว



        ผมจ้องมองตามหลังเขาอยู่อย่างนั้นต่อไป ชยาเดินไปหาเพื่อนผู้หญิงคนนึง เหมือนเขาจะพูดอะไรซักอย่างกับเพื่อนคนนั้นนะแต่ว่าเธอคนนั้นกลับไม่ได้หันมาสนใจใยดีเขาเลยแม้แต่น้อย คนตัวเล็กหน้าเสียเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มกับตัวเองแล้วเดินไปหาเพื่อนอีกคน คราวนี้เขาลงไปนั่งฝั่งตรงข้ามเลย

        และก็เช่นเดิม ชยาเหมือนจะพูดอะไรซักอย่าง เขาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร ทว่าคนที่เขาพูดด้วยกลับลุกออกจากที่ตรงนั้นแล้วไปนั่งที่อื่น ..อะไรบางอย่างเริ่มทำให้เริ่มสงสัย..ทำไมไม่มีใครสนใจชยาวะ

        ครู่หนึ่งผ่านไปจู่ๆไอ้เหี้ยอาร์ตก็เดินมาหาชยาจากมางด้านหลัง เหมือนมันจะพูดอะไรซักอย่าง สีหน้าชยาทำให้ผมหงุดหงิดใจ เขา..กำลังจะร้องไห้ ..พอไอ้อาร์ตได้พูดอะไรสมใจมันแล้วมันก็หัวเราะแล้วเดินจากไป คนตัวเล็กหันกลับมาที่โต๊ะก่อนจะก้มหน้างุด เขาตัวสั่นเหมือนกับกำลังร้องไห้..



       ชยานั่งอยู่ตรงนั้นอยู่อีกซักพักเขาก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินขึ้นตึกไป ผมตัดสินใจลงจากรถ ไม่ได้จะไปตามชยาหรืออะไรหรอกนะครับ แต่มันมีอะไรบางอย่างที่มันตะหงิดๆอยู่ในใจ

       “อ้าวพี่กวินทร์!” พอผมเข้ามาในตัวโรงอาหารเด็กคณะนี้ก็เข้ามาทักผมทันที ผมค่อนข้างๆจะเป็นที่รู้จักกับเด็กคณะนี้ไม่น้อยเลยเพราะปีก่อนผมมาถ่ายรูปให้คณะนี้หลายงานมากๆ หลักๆเลยก็คงจะเป็นช่วงรับน้อง ผมนี่ฮิตระเบิดระเบ้อ เดินไปทางไหนมีแต่คนเรียกพี่กวินทร์ๆ แต่เปล่าครับไม่ได้เรียกเพราะชอบผมหรืออะไร เรียกให้ถ่ายรูป..

       ตอนนั้นส่วนใหญ่ผมจะไม่ค่อยถ่ายรูปใครเท่าไหร่ มีใครหลายคนที่ชอบเรียกผมให้ไปถ่าย ผมก็จะตีมึนบ้าง บอกไม่ว่างบ้าง ไม่ก็ให้ยืมกล้องไปถ่ายกันเอาเอง แต่มีอยู่คนนึงครับที่เขาไม่ได้เรียก ไม่ได้ทำอะไรเลย เขาแค่อยู่ของเขาเฉยๆ แต่ผมกลับอดที่จะไม่ถ่ายเขาไม่ได้ ผมถ่ายรูปเขาหลายร้อยช็อตโดยไม่คิดเบื่อ ถึงแม้รูปมันจะต่างกันแค่จังหวะหายใจเข้ากับหายใจออก แต่ผมก็ยังเก็บรูปพวกนั้นไว้ไม่คิดจะลบ คนนั้นๆคือชยานั่นแหละครับ

       ผมถูกชะตากับเขาตั้งแต่แรกแล้วแหละ อะไรหลายๆเป็นใจให้ผมกับเขาได้คบกัน แต่ทุกอย่างมันก็แหลกสลายเพราะไอ้หลายๆอย่างนั่นเหมือนกัน



       “มาทำอะไรคณะหนูคะ มาหาใครรึเปล่าเอ่ย” คนตรงหน้าถาม

       “อ๋อเปล่าครับ พี่บังเอิญผ่านมา” ผมตอบไปโดยไม่ทันยั้งคิด คือบังเอิญอะไรของกูอะ บังเอิญใส่ชุดนอกมามอ บังเอิญมาคณะที่ไม่ใช่คณะตัวเองแถมอยู่ไกลกันคนละฝั่งเลยงี้หรอ

        “บังเอิญไกลเนอะ” เธอแซว ผมก็ขำๆไปตามน้ำ ผมกะว่าจะเดินต่อ แต่เธอก็เรียกผมไว้ซะก่อน..

        “พี่กวินทร์”

        “ครับ..?”

        “พี่เห็นคลิปนั้นรึยัง เอ่อ..หนูจำได้ว่าพี่เป็นแฟนเก่าของชยา”

        “…”

        “คนในคลิปคือใครหรอคะ พี่รึเปล่า..” สีหน้าเธอดูจริงจังขึ้นมาทันที

        “ไม่ใช่พี่ครับ” ผมตอบตามตรง ..บางทีถ้าผมใช้เวลาคิดอีกซักนิดก่อนจะตอบกลับไป ..ถ้าผมโกหกไปว่าเป็นผม อะไรหลายๆอย่างมันอาจจะดูแย่น้อยลง

        “เห็นมั้ยมึง กูบอกแล้ว พี่กวินทร์ไม่ใช่คนแบบนั้น โอ๊ยกูไม่ได้สนิทอะไรกับไอ้ชยามากมายหรอกนะแต่แม่งโคตรเหี้ยเลยอีสัด” เธอหันไปพูดกับเพื่อน ผมพยายามข่มจิตข่มใจให้เย็นลงก่อนจะแกล้งไปเข้าร่วมกับบทสนทนาของพวกเธอ

        “ทำไมหรอครับ มีอะไรกัน” ผมถาม

        “อุ๊ย เกือบลืมเลยว่าพี่ยังอยู่ตรงนี้” ผมยิ้มแหยๆส่งไป “มาพี่เดี๋ยวหนูเล่าให้ฟัง”

        “…”

        “พี่เห็นคลิปชยาแล้วใช่มั้ยล่ะ เขาลือกันให้แซ่ดเลยค่ะว่าชยามันรับงาน แล้วยังไงอะไรก็ไม่รู้น่าจะมีปัญหากันมั้งคะก็เลยถูกปล่อยคลิปมาจากทวิตๆนึง พึ่งปล่อยเมื่อวานนี่เองค่ะ คนเอามาลงเหมือนจะเป็นคนในมอนี่แหละ เพราะมีแต่เด็กมอเราไปแชร์กัน ส่วนใหญ่ก็คณะหนูเลย”

        “…” ผมรับฟังอย่างตั้งใจ

        “พวกหนูก็สงสัยกันอะค่ะว่าพี่รึเปล่า เพราะพี่เคยเป็นแฟนชยาอะเนอะ แต่พี่บอกว่าไม่ แล้วดูจากเวลาที่ลงพี่ก็เลิกกับชยาแล้ว เพราะงั้นก็อาจจะจริงอย่างที่เขาลือกันละมั้งคะ” น่าแปลกที่ผมเจ็บเหมือนถูกใครเอามีดกรีดกลางใจ.. ก่อนหน้านี้ผมคิดผิดไปเต็มๆ ความจริงก็คือชยาไม่เคยมีใครอื่นเลยตอนที่คบกับผมเหมือนที่ถั่วพูบอก สรุปก็คือผมเผลอคิดร้ายกับชยาอีกแล้ว..

       และถ้าคลิปที่ว่ามันพึ่งปล่อยเมื่อวานจริง ชยาก็คงไม่ผิดอะไรเลย คนตัวเล็กมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นอะไรกับผมแล้วซักหน่อย แต่ทำไมผมถึงเจ็บวะ..เจ็บที่อยากหวง…แต่ก็หวงไม่ได้

        “แต่ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ค่ะ มันแปลกที่คนแชร์ส่วนใหญ่มีแต่คนในมอเรา แล้วก็คณะหนูด้วย มันแปลกตรงนี้.. เหมือนกับว่าคนที่ปล่อยคลิปเป็นคนในคณะหนูเลย” เธอพูดต่อ “มีอีกหลายเรื่องเลยค่ะที่ลือๆกัน ต้นเหตุก็มาจากที่เมื่อวานพี่อาร์ตโพสต์ประมาณว่าโดนเด็กน้อยหยาม ต้องจัดซักหน่อยอะไรประมาณนี้ละมั้งคะ จากนั้นคนก็เข้ามาเมนต์มาแชร์กันเต็มเลยค่ะ คอมเมนต์ส่วนใหญ่ก็ด่าชยาทั้งนั้นเลย”

        “…” ผมยังคงทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีเหมือนเคยโดยการเงียบไม่พูดอะไรตอบไปเลย ในหัวพยายามจับใจความสำคัญให้ได้มากที่สุด

        “พอเป็นแบบนั้นแล้ว..ก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ชยาอีกเลย”

        “….” เป็นอีกครั้งที่รู้สึกเหมือนถูกมีดแหลมแทง

        “บางคนก็รังเกียจ.. บางคนก็เกลียด บางคนก็กลัว จนสุดท้ายก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ชยาเลย หนูก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขาเหมือนกัน พี่เลิกกับชยาไปแล้วก็ดีแล้วนะคะ”

        “พี่ไปก่อนนะ” ผมบอกลาก่อนจะลุกออกมาตรงนั้นทันที จู่ๆมือผมก็สั่น เป็นแบบนี้แล้วชยาจะอยู่ยังไง…เขาจะอยู่ได้ยังไง

        เป็นห่วง…เป็นห่วงเหลือเกิน





        ผมกลับมาที่รถพยายามคิดทบทวนสิ่งที่ได้รับรู้มา ไม่รู้หรอกว่าอะไรจริงบ้างอะไรหลอกบ้าง แต่เท่าๆที่ฟังๆมาผมพอจะจับประเด็นได้อยู่ หลักๆเลยก็คงเป็นเรื่องคลิปกับเรื่องโพสต์ของไอ้เหี้ยอาร์ต เรื่องโพสต์เนี่ยคนที่เกี่ยวข้องก็มีไอ้อาร์ตละคนนึงแบบชัวร์ๆ ส่วนเรื่องคลิปผมไม่รู้จริงๆ คนในคณะนี้หรอ.. จะมีใครอีกวะ



       หรือจะเป็นพวกเหี้ยสองคนนั้น ..ไอ้พูกับไอ้พี!

       ผมว่าใช่ว่ะ ต้องใช่แน่ๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยไปดูพวกมันละกัน ตอนนี้เอาไอ้อาร์ตก่อนผมหมั่นไส้มันมานานละ

       ว่าแล้วก็ไม่รอช้าครับ ตั้งหลักตั้งหลักบนรถเสร็จก็เดินออกไฟท์อีกครั้ง คราวนี้ผมเดินดุ่มๆเข้าไปหาพวกไอ้อาร์ตที่กำลังนั่งอยู่เลย แต่ผมจะไม่ใช้กำลังหรอกครับ ผมอยากรู้ความจริงมากกว่า..อยากน้อยก็เหตุผลที่มันต้องทำกับชยาขนาดนี้

       “อาร์ต” ผมเรียกมัน

       “อ้าว..ว่าไงกวินทร์เพื่อนยาก” มันยิ้มยีกวนกวนส้นตีนตอบกลับมา โต๊ะที่มันนั่งมีอยู่หลายคนเลย ถ้าผมถามผมจะโดนรุมตีนตรงนี้มั้ยวะ แต่ช่างเถอะ ดีซะอีก กำลังหงุดหงิดอยู่พอดี

       “มีอะไรจะคุยด้วยว่ะ ขอยืมตัวมันแป็ปนึงได้ปะ” ผมหันไปบอกเพื่อนร่วมโต๊ะ

       “คุยตรงนี้ดิ กลัวไร” มันยังคงสีหน้ากวนส้นตีนเหมือนเดิม

       “โอเค..ได้” ต้องการก็จัดให้ครับ



       “มึงทำแบบนั้นทำไมวะ มึงทำไอ้ชยาทำไม” ผมพยายามคุมน้ำเสียงให้ปกติ

       “ทำอะไรวะ กูก็อยู่ของกูเฉยๆ” แน่นอนว่ามันคงไม่ตอบตามความจริงหรอก

       “แล้วแต่มึงอะอาร์ต แต่กูขอให้มึงคิดซักหน่อยว่ามึงกำลังทำชีวิตคนๆนึงพัง”

       “แล้วยังไง..ก็มันทำกูก่อน” ในที่สุดมันก็เริ่มปริปากพูดความจริงแล้วครับ

       “มันทำอะไรมึงขนาดนั้นเลยหรอวะ มึงถึงต้องเอาคืนด้วยวิธีแบบนี้”

       “ให้กูเอาเหล้าเทราดหัวมึงปะล่ะกวินทร์” ต้นเหตุเพราะชยาเทเหล้าราดหัวมันนี่เอง

       “ชยาจะทำงั้นทำไมวะ” ผมถามต่อ

       “มึงจำที่เราเล่นกันได้ปะล่ะ ที่มึงแดกเงินกูกับพี่ภูแล้วก็เพื่อนคณะมึงอีกไปคนละห้าหมื่นอะ”

       “…”

       “ต้นเหตุแม่งเพราะมึงล้วนๆเลยไอ้ควาย ถ้ามึงไม่อยากจะได้มัน ไม่เอามันมาเป็นหมากในเกมแบบนี้ ทุกอย่างมันก็คงจะไม่เกิดขึ้นหรอกกวินทร์”

        “…” ราวกับมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่อก ..ผมพูดอะไรไม่ออก มันคือความจริง.. ความจริงทุกอย่างที่ผมต้องยอมรับ ต้นเหตุทั้งหมดเพราะไอ้เหี้ยกวินทร์คนนี้นี่เอง..

       “กูรู้ว่ากูก็ผิด แต่ในเมื่อมันกล้าหยามกูขนาดนั้นโดยไม่สนว่ากูเป็นพี่ ก็คงไม่แปลก..ถ้ากูจะเอาคืนบ้าง” ไอ้อาร์ตตอบหน้าตายแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง ทุกคนในโต๊ะเริ่มมองมาที่ผมราวกับผมควรจะไปๆได้แล้ว ก็ควรจะไปๆได้แล้วแหละมั้ง พวกนี้แม่งเพื่อนไอ้อาร์ตทั้งนั้น

       “แล้วทำไมมึงไม่ทำกูแทนล่ะอาร์ต” ผมถาม ในเมื่อผมเป็นต้นเหตุทำไมไม่ทำที่ผมล่ะ ..ทำไมต้องไปทำร้ายคนอ่อนแออย่างชยาด้วย..

       “ถ้ารักมันมากก็ไปดูมันเถอะ ป่านนี้ร้องไห้เป็นเด็กอนุบาลแล้วมั้ง ไม่มีเพื่อนคุยด้วย ฮ่าๆ” ไอ้เหี้ยอาร์ตหัวเราะลั่นอย่างสะใจ ผมอยากเสยหน้ามันอีกซักหมัดจริงๆว่ะ แต่ก็ทำได้แค่กำหมัดไว้ระบายอารมณ์ ทั้งนี้ก็เพื่อชยานั่นแหละครับ..ผมอยากให้ไอ้อาร์ตหยุด

        “มึงคิดดีๆนะอาร์ต มันสายรหัสมึง มึงก็น่าจะรู้จักมันดีอยู่แล้วว่ามันเป็นคนแบบไหน มึงก็ไม่ใช่คนเลวอะไร ถ้ามึงยังพอมีความเป็นคนอยู่บ้าง พอจะสงสารมันบ้างซักนิดนึง ก็ปล่อยมันไปเหอะว่ะ”

       “เฮ้ย!” เพื่อนไอ้อาร์ตทำท่าลุกขึ้นเหมือนจะมาเสยหน้าผม แต่ทว่า

       “หยุด” ไอ้อาร์ตหยุดไว้ก่อน

       “คิดดีๆอาร์ต” ผมบอกมันอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น กลับไปที่รถ

       ผมกับไอ้อาร์ตถึงแม้ก่อนหน้านี้เราจะพึ่งฟาดแข้งฟาดขากันมาหมาดๆแต่ความเป็นเพื่อนของผมกับมันก็ยังคงหลงเหลืออยู่เสมอ เมื่อไหร่ที่ผมพูดไปอย่างจริงจัง มันก็พร้อมที่จะเป็นผู้รับฟังที่ดี จริงๆไอ้อาร์ตมันเป็นคนเก่งนะครับ มันเก่งมากๆเลยแหละ เป็นที่รู้จักของใครหลายๆคนในมอ ทุกคนก็ต่างยอมรับในตัวมัน เพราะงั้นมันก็ผิดที่ผมจริงๆนั่นแหละที่ไปดึงมันมาให้มาเล่นเกมพนันบ้าบอนี้ จนทำให้มันเปลี่ยนเป็นคนละคน







        “แฟนชยา..ใช่มั้ย” ทว่าก่อนที่ผมจะถึงรถก็ถูกใครคนหนึ่งเรียกไว้ก่อน

        “..ครับ?” ผมหันไปหาเขาด้วยสีหน้างงๆ ใครวะ เรียกผมทำไม

        “แฟนชยารึเปล่าครับ?”

        “แฟนเก่าครับ..”

        “อ๋อโอเคครับ ผมเป็นพี่รหัสไอ้ชยามัน คุณรู้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันบ้าง?” คนตรงหน้าถาม

        “รู้แล้วครับ” ผมตอบอย่างสุภาพ บุคลิกคนตรงหน้านี่ผมไม่อาจหยาบสถุนกับเขาได้เลย เขาดูดีไปหมดทุกมุม นี่เดือนครุรึเปล่าวะ หรือยังไง

        “คุณรู้จักที่นี่มั้ย” เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะกดยุกยิกๆแล้วยื่นให้ผมดู มันเป็นแผนที่ครับ สถานที่ที่เขามาร์คไว้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้เลย มันเป็นคอนโดคอนโดนึงที่ผมไม่รู้จักเหมือนกัน ว่าแต่เขาจะถามผมทำไมวะ

        “ไม่รู้จักครับ”

        “..ผมลองสืบๆดูจากแอคเคาท์ที่ใช้ลงคลิป คอนโดนี้เป็นที่ที่แอคเคาท์นั้นล็อคอินทวิตไว้”

        “จริงหรอครับ” ผมถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ..เขาไปหามาได้ยังไงวะผมยอมใจเขาเลย ความพี่รหัสน้องรหัสนี้

        “อ่า..จริงครับ ยังไงก็..ลองไปดูได้นะครับ เผื่อคุณจะคุ้นขึ้นมาบ้าง” เขาบอก “จริงๆวันนั้นผมก็ไปกับไอ้อาร์ตนะครับ แต่ผมมีธุระด่วนก็เลยกลับก่อน ไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องหลังจากที่ผมกลับไปแล้ว ขอโทษด้วยนะครับ”

        “ไม่เป็นไรครับ” พี่รหัสของชยายังคงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเหมือนเคย สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความเป็นห่วงชยาจริงๆจากใจ โอเค..ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่คนรอบตัวชยาพอจะมีคนดีๆอยู่บ้าง

        “อ้อ..ส่วนเรื่องไอ้อาร์ตเพื่อนผมเดี๋ยวผมจัดการมันให้ครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วง อันนี้เบอร์ติดต่อผม..เผื่อคุณจะไปดูอะนะ ไปก่อนนะครับ” เขาพูดพร้อมกับยื่นนามบัตรแผ่นนึงมาให้ผมก่อนจะเดินห่างออกไปจนลับสายตา





         ผมไม่รอช้า รีบขึ้นรถแล้วขับไปยังที่เขาบอกทันที ใช้เวลาซักพักผมก็เดินทางมาถึงคอนโดที่เขาบอก ผมจอดรถไว้แถวนั้นแล้วเลือกที่จะเดินเข้าไปที่ล็อบบี้เพื่อไปถามพนักงาน

       “ขอโทษนะครับ ที่นี่มีนิสิตมหาลัย A พักอยู่มั้ยครับ” ผมถาม ปกตินิติบุคคลเขาไม่น่าจะบอกข้อมูลเกี่ยวกับผู้พักให้คนนอกรู้ แต่ผมจะลองเสี่ยงดู “พอดีว่าผมตามหาคนๆนึงอยู่อะครับ สภาพเขาน่าเป็นห่วงมาก ถ้ายังไม่หาไม่เจอวันนี้ผมกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปซะก่อน พอจะบอกผมได้มั้ยครับ”

        อะแถเข้าไป

        “นิสิตมหาลัย A มีมาพักที่นี่หลายคนค่ะ รูปร่างประมาณไหนคะ” อ่าวเวรกรรม ยังไงดีวะกวินทร์..

        “สูงๆหน่อยครับ ประมาณผม” สุ่มๆไปละกัน

        “โอเคค่ะ จริงๆปกติทางนิติเราจะไม่บอกข้อมูลของผู้พักอาศัยนะคะ แต่เห็นว่าคุณมีเรื่องด่วนจริงๆเพราะงั้นเราเลยจะข่วย”

        “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริงๆ”

        “แต่ดิฉันบอกคุณได้แค่ชื่อนะคะ ตามที่คุณบอก.. ก็มีคุณชัยชนะ คุณภควัต คุณอภิชาติค่ะ”

        “โอเคครับขอบคุณครับ” ว่าแล้วก็เดินออกมาจากคอนโดนั้นทันที เอาไงต่อดีวะครับ รู้มาแค่สามชื่อ แล้วถ้าสามชื่อนี้ไม่ใช่อีกผมจะทำยังไงดี ช่างเถอะพึ่งดวงพึ่งชะตาเอาแล้วกัน



        “ฮัลโหล” ผมกดโทรศัพท์โทรหาพี่รหัสชยาทันทีที่กลับขึ้นรถ หวังว่าเขาพอจะรู้ชื่อสามชื่อนี้นะ..

        [ใครครับ]

        “ผมแฟนเก่าชยาครับ ..ผมมาดูที่ที่คุณบอกแล้วแต่ก็ไม่คุ้นเลย เพราะงั้นผมก็เลยลองสุ่มๆถามพนักงานดู เขาบอกผมมาสามชื่ออะครับ ไม่รู้ว่าคุณพอจะรู้จักมั้ย”

        “ไหนลองบอกผมมาหน่อยครับ”

        “ชัยชนะ ภควัต แล้วก็อภิชาติครับ”

        […]

        “พอจะรู้จักมั้ยครับ..”

        [เดี๋ยวนะ..]

        “…”

        [ชัยชนะมันชื่อไอ้ถั่วพูเพื่อนไอ้ชยานี่หว่า..]



       

     

       

       





       











       



















 

 


ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1





เซนติเมตรที่ 11
(Gawin’s side)





       ‘ชยา ชยาเชื่อใจใครที่สุดหรอ แบบว่า..ไว้วางใจที่สุด อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด’

       ‘ที่ถามนี่จะให้ชยาตอบว่ากวินทร์ละสิ’

       ‘รู้ทันกวินทร์อีกแล้ว’

       ‘จริงๆนอกจากกวินทร์ก็มีอีกคนนึงที่ชยาไว้ใจมากๆ เชื่อใจที่สุด’

       ‘ใครกัน’

       ‘เพื่อนสนิทชยาไง คนที่ตัวแทบจะติดกับชยาเป็นปาท่องโก๋อยู่แล้วอะ กวินทร์น่าจะจำได้นี่’

       ‘อ๋อ..’

       ‘ชยากับเพื่อนคนนั้นสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมแล้วล่ะ เป็นเพื่อนที่ชยารู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่ได้มาเป็นเพื่อนกัน’



       ครั้งหนึ่งในอดีตผมกับชยาเราเคยคุยกันเรื่องที่ว่าไว้ใจใครมากที่สุด ตอนนั้นผมก็ถามไปขำๆเพราะว่าอยากได้ยินคนตัวเล็กตอบมาว่าเป็นผม ซึ่งเขาก็ตอบว่าผมนั่นแหละแต่ว่ามีอยู่อีกคนที่เขาไว้ใจ ชยาพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยดีใจ ..ดีใจที่ได้มีคนๆนั้นเป็นเพื่อน และเพื่อนสนิทที่สนิทกันมาตั้งแต่มัธยม ชยาบอกว่าเป็นคนที่ผมก็น่าจะรู้ว่าใคร แต่ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกครับ ความใส่ใจในฐานะแฟนที่ผมให้กับชยามันแทบไม่มีเลย

       รอยยิ้มในวันนั้นของชยาเขาดูดีใจมากๆที่ได้มีเพื่อนที่ดีอย่างเพื่อนสนิทของเขา เป็นรอยยิ้มที่แสนไร้เดียงสา จริงใจและบริสุทธิ์

       ..ยิ้มโดยไม่คิดเลยว่าวันนึงเพื่อนรักที่เขาไว้ใจจะเป็นคนทำลายชีวิตเขาให้พังทลายลงจนไม่มีชิ้นดี







       ผมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าชื่อชัยชนะจะเป็นชื่อของไอ้ถั่วพูจริงๆ มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยหรอกับเพื่อนที่ไว้ใจมันที่สุด ..กับเพื่อนที่พูดถึงมันพร้อมด้วยรอยยิ้มในวันนั้น กับเพื่อนที่ผูกพันธ์กับมันมาครึ่งชีวิต

       มึงทำลงไปได้ยังไงวะ…ถั่วพู



       “เอายังไงต่อดีครับ รู้สึกวันนี้ไอ้พูมันไม่ได้มาเรียนนะ” พี่รหัสชยาถามผม น้ำเสียงเขาดูร้อนรน เดาว่าในใจเขาก็คงจะว้าวุ่นไม่ต่างจากผม

       “เดี๋ยวผมลองติดต่อแฟนผมก่อน เขาน่าจะรู้จักกัน” ใช่ ฟ้าเคยชวนผมไปกินเหล้ากับพวกนั้น แสดงว่าก็ต้องสนิทกันอยู่พอสมควร “ขอโทรศัพท์แป็ปนะครับ”

       ผมบอกเขาก่อนจะเดินปลีกตัวออกมาพร้อมกับควักโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาต่อสายหาฟ้า ใช้เวลาไม่กี่ชั่วอึดใจเธอก็รับสายผม

       [ฮัลโหลว่าไงคะ กวินทร์ใจร้ายจังเลยนะคะ ทำไมจู่ๆก็พรวดพราดออกไปแบบนั้นล่ะ ทิ้งฟ้าอยู่คนเดียวได้ยังไง] และทันทีที่เธอรับสาย เธอก็เริ่มร่ายยาวใส่ผมทันที

       “เรื่องนั้นไว้ก่อนนะครับฟ้า ตอนนี้กวินทร์มีอะไรจะถามฟ้านิดหน่อย”

       [ว่าไงคะ?]

       “คุณรู้มั้ยว่าไอ้ถั่วพูอยู่ไหน”

       […] ปลายสายเงียบไปได้ซักพัก [ถั่วพูอยู่โรงพยาบาลค่ะ จำไม่ได้หรือไงที่กวินทร์จัดการมันซะน่วม]

       “…” เดี๋ยวนะ..แล้วถ้าแม่งอยู่โรงพยาบาลแล้วคลิปจะปล่อยมาจากคอนโดมันได้ยังไงวะ...

       [มีอะไรรึเปล่าคะ?] ..ถ้าจำไม่ผิด ฟ้าหนีกลับบ้านไปก่อนที่ผมจะทืบไอ้ถั่วพูไม่ใช่หรอวะ แล้วเธอรู้ได้ไงว่าที่ไอ้พูเข้าโรงพยาบาลแม่งเป็นเพราะผม

       “มันอยู่โรงพยาบาลไหนฟ้า” ผมถาม พยายามข่มใจข่มสติให้เย็นที่สุด ผมจะใจร้อนไม่ได้

       [ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฟ้ารู้แค่พูอยู่โรงพยาบาล แต่เดี๋ยวถามพีให้แล้วกันนะคะ เดี๋ยวไลน์ไปบอกอีกที]

       “โอเคครับ ขอบคุณมาก” ผมกดวาง และหันไปปรึกษาพี่รหัสชยาต่อ ผมบอกสิ่งที่ฟ้าบอกผมทางโทรศัพท์เมื่อกี้ให้เขารับรู้ ส่วนเขาเองพอได้รู้ปุ๊ปก็ยกมือขึ้นมากุมขมับในทันที คงจะปวดหัวไม่ต่างจากผมอะ สรุปแล้วใครเป็นคนปล่อยวะผมไม่เข้าใจเลย ตอนแรกก็มั่นใจแล้วแหละว่าเป็นไอ้พูแน่ๆ แต่พอฟังที่น้ำฟ้าบอกว่ามันอยู่โรงพยาบาลแล้วใจผมก็เขว หรือไอ้พูแม่งแยกร่างไปปล่อยคลิปจากคอนโดวะ..นั่นก็ดูจะนินจานารูโตะไป



       ติ๊ง!

       Aqua_sky : นี่ค่ะ โรงพยาบาลนี้

       Aqua_sky ได้แชร์ตำแหน่ง

       Aqua_sky : พีอยู่นู่นนะคะ สัญญาได้มั้ยว่าไปแล้วจะไม่มีเรื่องกัน



       ผมกดเข้าไปอ่านข้อความของฟ้าที่พึ่งส่งมาเมื่อซักครู่ผ่านๆ จากนั้นก็รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปยังที่ที่ฟ้าส่งโลเคชั่นมาให้ทันที ใจจริงพี่รหัสชยาเขาก็อยากไปกับผมแต่ติดที่ว่าตัวเขาเองก็มีเรียน เพราะงั้นเขาก็เลยแตะบ่าผมพร้อมกับพูดว่า ‘ฝากด้วยนะ หาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ’ ซึ่งแม่งเพิ่มความกดดันมาให้ผมอีกประมาณสิบล้าน ea

       แต่ถึงเขาไม่ได้พูดอะไร ผมก็จำหาให้ได้อยู่แล้วแหละว่าใครเป็นคนทำเรื่องทุเรศๆแบบนี้ ผมจะช่วยชยาให้ได้ อย่างน้อยเลยก็เพื่อไถ่โทษที่ผมเคยทำไม่ดีกับเขาไว้



       ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงผมก็พาตัวเองมาจนถึงที่หมาย ผมดันประตูกระจกก่อนจะแทรกตัวเข้าไปแล้วเดินไปทางเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อถามหาห้องที่ไอ้พูพักอยู่

        “ขอโทษนะครับ คนไข้ที่ชื่อชัยชนะพักอยู่ห้องไหนครับ” ผมเอ่ยถามพยาบาลสาวที่ทำหน้าที่ตรงนี้

        “สักครู่นะคะ” เธอยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร “ชั้นแปดค่ะ เดี๋ยวคุณขึ้นลิฟต์ตัวนี้ไปนะคะ พอถึงชั้นแปดให้เดินไปทางขวา ห้องของคุณชัยชนะจะอยู่ทางซ้ายมือถัดจากลิฟต์ไปประมาณสามห้องค่ะ”

        หลังจากที่เธอพูดจบใจผมที่ร้อนรนเต็มทีแล้วก็สั่งให้สองขารีบบึ่งไปทางลิฟต์ มาถึงขนาดนี้แล้วผมต้องได้ความจริงกลับไปแน่นอน จะไม่มีทางให้มันสูญเปล่าแน่...หมายถึงน้ำมันรถผมอะ เดี๋ยวนี้น้ำมันยิ่งแพงๆอยู่



       พอถึงห้องที่ว่าผมก็ไม่รอช้า รีบผลักประตูเข้าไปในทันที สิ่งที่ประจักษ์แก่ดววงตาของผมคือสภาพของถั่วพูที่มีแต่ผ้าพันแผลพันอยู่ตามตัวเต็มไปหมด ทั้งปากทั้งตาบวมเป่ง บาดที่ก็ช้ำจนม่วง และไอ้พีที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาข้างๆ

       พอเสียงประตูดังขึ้นไอ้พีก็หันมาทางผมทันที เราจ้องตาหยั่งเชิงกันอยู่ชั่วขณะ

       “…ไอ้เชี่ยกวินทร์!” และเป็นมัน..ที่เป็นฝ่ายวิ่งปรู่เข้ามาหาผมก่อน ไอ้พีง้างหมัดขึ้นเหนือหัวก่อนจะยัดเยียดมันลงมาบนใบหน้าของผม แต่มันไม่อาจะทำอย่างที่มันคิดได้หรอก หมัดโง่ๆของมันมีหรอที่ผมจะหลบไม่ทัน

       “กูมาดี ไม่ได้จะมาหาเรื่อง” ผมสูดหายใจเข้าออก พยายามนับเลขอยู่ในใจเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ไอ้พีมันคงจะแก้แค้นแทนเพื่อนมันอะแหละ แต่ก็ช่วยไม่ได้ปะวะ สมควรโดนละไอ้พูอะ

       “จะมาทำอะไรเพื่อนกูอีก… มึงออกไปเลยนะ ออกไป” มันพยายามจะดันผมให้ออกไป

       “อะไรของมึงเนี่ย กูมาหาไอ้พู หลบไปไอ้สัด” อีกซักหน่อยผมว่าการนับเลขของผมจะไม่ได้ผลละ

       “ไม่..กูไม่ให้มึงมายุ่งกับไอ้พูหรอก มึงออกไป..ออกไปเลยนะ”

       “เชี่ยแม่ง..” ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะใช้แขนผลักมันให้ออกไป แต่ก็ได้แค่ง้างขึ้นมากลางอากาศเท่านั้น

       “หยุด..” เสียงๆหนึ่งที่แหบพร่าดังขึ้นหยุดการกระทำของผมกับไอ้พี

       “ไอ้พู.. มึงตื่นแล้วหรอ ใจเย็นๆอย่าพึ่งลุก” พอได้ยินเสียงไอ้พูคนตรงหน้าก็ผละไปจากผมแล้วรีบปรู่ไปดูอาการเพื่อนมัน

       “มึง..มาทำไม..” คนเจ็บที่นอนโอดโอยอยู่บนเตียงเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดูยากลำบากเหลือเกินเวลาเปล่งเสียงออกมาแต่ละคำ

       “กูมีอะไรจะถามมึงนิดหน่อย” ผมที่ยืนค้างเติ่งอยู่ไกลจากเตียงค่อยๆเริ่มย่างเท้าเข้าไปหาคนเจ็บ

       “กูไม่มีอะไรให้มึงถามหรอก..กลับไปเถอะ” เสียงแหบพร่าดังเล็ดรอดมาจากปากที่บวมเป่งผ่านช่องว่างของผ้าพันแผลที่พันอยู่บนใบหน้า ไม่มีอะไรจะให้มันจริงๆว่ะนอกจากคำว่าสมเพช

       “ไม่หรอก มึงเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ากูจะถามอะไร คำตอบก็เหมือนกัน..มึงก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว” ถึงไอ้พูจะบ่ายเบี่ยงไปยังไง แต่ผมก็เชื่อว่าในใจมันก็รู้ดีอยู่แล้ว เอาจริงผมไม่จำเป็นต้องถามเลยก็ได้มั้ง ถ้ามันยังมีความเป็นคนอยู่ซักนิด

       “ไม่.. กูไม่รู้อะไรทั้งนั้น”

       “มึงกลับไปเถอะกวินทร์ กลับไปเถอะ” ไอ้พีเสริม ผมเลิกคิ้วให้กับความแท็กทีมของพวกมัน ก่อนจะขยับฝีเท้าไปใกล้ๆคนที่อยู่บนเตียงอีก สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะถามออกไป

       “มึงเป็นคนปล่อยคลิปรึเปล่าวะไอ้พู”

       “…” คนฟังหันควับมาแบบงงๆ

       “คลิปของชยา ..กูว่ามึงน่าจะรู้ดีอยู่แล้วนะ”

       “คลิปอะไรวะ” ไอ้พีที่มองผมสลับกับไอ้พูแบบงงๆเอ่ยถาม 

       “…” ผมมองพวกมันสลับกัน แต่ละคนก็มีสีหน้างงเป็นไก่ตาแตกไม่แพ้กันเลย

       “ตอบกูแค่ว่า มึงทำ หรือ ไม่ได้ทำ” ผมถามมันอีกครั้งแบบเน้นคำให้มันชัดๆ

       “กู..” คนบนเตียงพยาบาลพูดขึ้น ดึงสายตาของผมกับไอ้พีให้หันไปให้ความสนใจกับสิ่งที่มันจะพูด

       “กู..ขอโทษว่ะ” เพียงเท่านั้นแหละครับ อารมณ์ที่ผมพยายามควบคุมผมก็ควบคุมมันไม่ได้อีกต่อไป ผมพุ่งเข้าไปหามันแล้วกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาโดยไม่สนว่าคนเจ็บมันจะตายรึเปล่า ทำไมผมต้องสนใจล่ะ ไอ้เหี้ยนี่แม่งเหี้ยเกินกว่าจะได้รับการสงสารซะอีก

       “โอ๊ย..” มันร้องอวดครวญ

       “ทำเหี้ยไรของมึงเนี่ย มันเจ็บอยู่นะเว้ย!!” ไอ้พีลุกขึ้นพยายามดึงผมให้ออกไปจากตัวเพื่อนรักของมัน

       “ทำเหี้ยอะไรอะหรอ..” ผมยกยิ้มขึ้น “เพื่อนมึงดีกว่า..ทำเหี้ยไรของมึงวะไอ้เหี้ยพู!!” ผมตวาดลั่น ไม่มีแล้วสตงสติ รู้แค่ว่าโมโหมากๆ อยากจะฆ่ามันให้ตายคามือ

       “กูขอโทษนะกวินทร์…กูรู้สึกผิดกับมึงจริงๆว่ะ..” คนเจ็บสีหน้าหม่นหมองลงจากเดิม หากแต่ไม่ได้ต่อต้านแรงที่มือผมแต่อย่างใด

       “คนที่มึงควรรู้สึกผิดด้วยคือเพื่อนที่รักมึงที่สุดอย่างชยานู่น!!”

       “ก็..พวกมึงทั้งสองคนนั่นแหละ..”

       “ถุ้ย พูดง่ายเนอะไอ้ควาย มึงรู้มั้ยว่าชยามันต้องเจออะไรบ้างหลังจากที่มึงปล่อยคลิปเหี้ยๆนั่นออกไป!!” ผมตวาดลั่น ดึงคอเสื้อมันขึ้นสูงกว่าเดิมจนตัวคนเจ็บลอยขึ้นตาม หากแต่..มันไม่ต่อต้านแรงผมเลยซักนิด

       “เมื่อกี้..มึงบอกว่าอะไรนะ.. ปล่อยคลิป?” คนเจ็บมีสีหน้าสงสัยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามผม

       “มึงก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ไอ้สารเลว!!” ผมง้างหมัดขึ้นมาเตรียมที่จะเสยหน้าไอ้เหี้ยพู

       “กูไม่ได้ทำ” คนเจ็บส่ายหัว ปฏิเสธด้วยหน้าด้านๆของมัน

       “ถุ้ย!” ผมพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ นี่ผมต้องระงับอารมณ์เพราะไม่อยากทำคนเจ็บจริงๆหรอวะ ไอ้เหี้ยพูก็โคตรหน้าด้าน กลืนน้ำลายตัวเองไอ้ควาย

       “เออ ไอ้พูมันจะเอาเวลาไหนไปปล่อยคลิป กูอยู่กับมันตลอด แค่ลุกนั่งมันก็ยากแล้ว มึงปล่อยมันก่อน คุยกันดีๆ มึงเชื่อกูเถอะว่าไอ้พูไม่ได้ทำ มึงปล่อยมัน ..มันเจ็บ..” ไอ้พีอวดครวญเว้าวอนให้ผมปล่อยมัน  โคตรแท็กทีมเลยว่ะ  เชื่อแล้วว่าเป็นเพื่อนกัน ชั่วพอๆกันเลย

       “ถ้าไอ้พูไม่ได้ทำแล้วใครจะทำวะ เมื่อกี้มึงยังขอโทษห่าเหวกูอยู่เลยนี่ กลืนน้ำลายตัวเองหรอวะ!!!” ผมตวาดใส่หน้าคนเจ็บดังลั่น

       “กูไม่เคยคิดจะทำร้ายคนที่กูรักหรอก” คนเจ็บสีหน้าเศร้าสร้อยลงไปเยอะขัดกับไอ้พูที่ดูมั่นใจเมื่อวันก่อนๆ ผมมองหน้ามันแล้วก็ต้องปล่อยมันลงไปเหมือนเดิม ไม่ได้สงสารหรอกนะ สมเพชมากกว่า

       “กู..เหนื่อยแล้ว” คนเจ็บน้ำตารื้นขึ้นเอ่อรอบดวงตา เขายกมือขึ้นมาปิดหน้า ก่อนจะสะอื้นไห้จนปากสั่นตัวสั่น ผมที่ได้แค่กำหมัดจิกเล็บลงกับฝ่ามือตัวเองเพื่อระบายอารมณ์เริ่มเกิดความสงสัยขึ้นในใจ ไม่เข้าใจคำว่าเหนื่อยของมันเลยว่ะ เหี้ยอะไรวะ

        “เหนื่อยที่จะรักคนที่เขาไม่เคยรักกูกลับเลย..” คนเจ็บพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ไอ้พีที่นั่งข้างๆได้แต่ก้มหน้างุดไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

        “...มึง..?” ผมถามกลับอย่างไม่เชื่อหู

        “กูชอบชยามาตั้งนานแล้ว”

        “…”

       “เพราะงั้นกูไม่มีทางทำร้ายคนที่กูรักหรอก..กวินทร์”

       “…” ผมยืนนิ่งไปชั่วขณะเมื่อรับรู้สิ่งที่คนเจ็บบอก นี่ไอ้พู..ชอบชยา?

       “คลิปกูไม่รู้จริงๆว่าใครเป็นคนปล่อย” คนเจ็บปาดน้ำตาออกแล้วพูดออกมาได้อย่างหน้าตาย

       “ตอแหล” ผมไม่รอให้มันได้แก้ต่างอะไรอีก แค่ยอมรับปะวะ มันจะไปยากอะไร “คลิปมันถูกปล่อยมาจากคอนโดมึง เพราะงั้นมันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมึง ไอ้เหี้ยพู!!”

       “…” ไอ้สองตัวหันไปมองหน้ากันอยู่เสี้ยววินาทีด้วยสีหน้าประหลาดๆที่ดูตกใจไม่ใช่น้อย ก่อนจะหันมาทางผมอีกครั้ง

       “..ฟ้า” คนเจ็บพูดออกมาเสียงเบาหวิว แต่ผมก็รับรู้ได้ชัดเจนเมื่อเป็นชื่อของเธอ

       “หมายความว่าไง?” ผมถาม นี่มึงคงไม่คิดจะบอกว่าฟ้าเป็นคนทำหรอกนะ ไม่อย่างงั้นมึงก็โคตรจะหน้าตัวเมียเลย

       “วันก่อนกูใช้ให้ฟ้าไปเอาแฟลชไดร์ฟงานกูไปส่งอาจารย์”

       “…”

       “ตั้งแต่กูอยู่โรงพยาบาล มีฟ้าคนเดียว..ที่เข้าออกคอนโดกู” เหมือนมีระฆังอะไรซักอย่างดังขึ้นในหัว จู่ๆก็รู้สึกในหัวขาวโพลนไปหมด ผมได้แค่ยืนนิ่ง พิจารณาจากสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

       “โกหก..” ไม่เชื่อหรอก ..ผมไม่เชื่อว่าฟ้าจะทำอะไรแบบนี้ลงหรอก ถึงเธอจะเอาแต่ใจ จะขี้น้อยใจ ชอบประชดประชันยังไง แต่จริงๆแล้วฟ้าก็เป็นคนดี ผมรู้จักเธอดีกว่าใครตลอดเวลาที่คบกัน ตอนที่ผมโทรถามเธอเมื่อเช้าเรื่องไอ้พูเธอยังเป็นห่วงผมไม่อยากให้ผมไปก่อเรื่องอยู่เลย เพราะงั้นไม่มีทางหรอกที่ฟ้าจะเป็นคนทำ

       “มันเป็นความจริง กูเป็นพยานได้” ไอ้พีเสริม ไม่จริงหรอก..ผมไม่เชื่อ

       “พี มึงออกไปก่อนได้ปะ” คนเจ็บหันไปคุยกับเพื่อน “กูมีเรื่องจะคุยกับกวินทร์”

       “เชี่ย มึงก็คุยดิ ถ้าเกิดอยู่กับแม่ง เกิดแม่งหัวร้อนขึ้นมามันไม่ฆ่ามึงตายหรอวะพู”

       “ถ้ากูตายมันก็คงสมควรละปะวะพี ฮ่าๆ มึงก็รู้” คนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงพูดพร้อมด้วยรอยยิ้ม หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าสร้อย

       “เชี่ยพู ไม่พูดแบบนี้”

       “พี กูขอห้านาที” คนเจ็บบอกด้วยสีหน้าจริงจัง สุดท้ายแล้วเพื่อนของเขาก็ยอมเดินออกไปนอกห้องแต่โดยดี



        ผมกอดอกยืนมองคนบนเตียงพยาบาลอย่างเอาเรื่อง ไม่รู้หรอกว่ามีอะไรจะพูดกับผม แต่ถ้ามันไม่เข้าหูผมเมื่อไหร่ละก็คงได้เป็นอย่างที่ไอ้พีพูดแน่ๆ

        คนเจ็บยันตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก เขาพิงหลังกับกำแพงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม อีกฝ่ายหายใจเข้าลึกๆก่อนจะถอนหายใจออกมา

       “ถ้ามึงฟังที่กูพูดแล้วมึงอยากต่อยกู..มึงทำเลยนะ กูไม่โกรธ”

       “…”

       “กวินทร์…คลิปที่มึงว่า คนในคลิปอีกคนนึงคือกูเอง” ฉึก ราวกับถูกมีดแหลมแทงลงกลางอก ผมยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก อารมณ์ในอกเริ่มปะทุอีกระลอก “กูถึงบอกไง ..ว่ากูขอโทษ”

       “…” กำหมัดแน่น

       “กูรู้สึกผิดกับทั้งชยา แล้วก็มึงด้วย”

       “มึงทำลงไปได้ยังไงวะ..” ผมถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เป็นครั้งแรกเลยที่โกรธจนทำอะไรไม่ถูก ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะจมจ่อมกับโทสะตัวเองอยู่แบบนั้น ปล่อยให้น้ำตาขึ้นรื้นเอ่อรอบดวงตา

        “กูมันเหี้ย...กูรู้” ผิด มึงแม่งมากกว่าคำว่าเหี้ยอีก.. “กูโกรธที่ชยาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โกรธที่ชยาทำเหมือนคืนนั้นเขากับกูมันไม่ได้เกิดขึ้น”

        ผัวะ!

        หมัดหนักๆต่อยลงที่โหนกแก้มข้างขวาจากที่ม่วงช้ำอยู่แล้วก็กลายเป็นสีเข้มขึ้นอีกจนน่ากลัว

        “มึงกล้าพูดมาได้ยังไงว่ามึงโกรธ? มึงควรจะละอายกับสิ่งที่มึงทำมากกว่ามั้ยไอ้เหี้ย!” ผมตวาดเสียงลั่น มึงมีสิทธิ์อะไรวะ มีสิทธิ์อะไรไปโกรธ สิ่งที่มึงทำแม่งเหี้ยสัดๆเลยมึงควรจะละอายมากกว่าอะถ้ามึงยังมีจิตสำนึก

        “มึงฟังกูก่อน..กวินทร์” คนเจ็บเลือดไหลที่มุมปาก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “กูจะเล่าความจริงทุกอย่างให้มึงฟัง..”

        “…”

        “กูเป็นคนขับรถชนชยามึงรู้แล้วนี่ ใช่มั้ย? เหตุผลโง่ๆที่กูตัดสินใจทำอะไรเหี้ยๆแบบนั้นก็เพราะที่ชยาทำเหมือนระหว่างกูกับมันมันไม่เคยเกิดขึ้นนี่แหละ”


ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
        “…”

        “กูแอบชอบมันมาตั้งแต่ม.2 กูดูแลมัน ให้มันทุกอย่างเท่าที่กูจะให้ได้ อยู่ข้างๆมันมาตลอด แต่ว่าวันนึงมันกลับยิ้มกว้างบอกกับกูว่ามันมีแฟนแล้วได้อย่างมีความสุข ตอนนั้นกูทำอะไรไม่ถูกเลย แถมคนๆนั้นก็คือคนที่ทำให้ชีวิตมันพังทลายซึ่งก็คือมึง”

        “…”

        “จนถึงตอนนี้แล้วกูว่ามึงก็น่าจะรู้แล้วแหละว่าที่มึงทำมันผิด กูอยากโกรธนะที่มึงทำกับเพื่อนกูแบบนี้ แต่ว่ากูคงไม่มีสิทธิ์นั้น”

        “…”

        “กูไม่อยากเสียชยาไปให้ใครอีกแล้ว อยากเป็นคนที่ได้ดูแลมัน อยากเป็นคนที่สร้างความสุข สร้างรอยยิ้มอยู่เคียงข้างมันตลอดไป”

        “…”

        “กูลักหลับชยาพร้อมกับถ่ายคลิปไว้ด้วย…มันเหี้ย กูรู้ แต่วันนั้นกูก็เผลอทำไปแล้วคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก พูดจริงๆเลยว่ากูไม่เคยคิดจะเอาคลิปนั้นไปปล่อย กูไม่เคยคิดที่จะประจานคนที่กูรัก ที่กูถ่ายไว้ก็เพราะอยากเก็บเอาไว้ดูเฉยๆ…อันนี้ก็เหี้ยอีก กูก็พอจะรู้ตัว”

         “ทำไมมึงไม่ตายๆไปวะ” ผมสบถออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ ทนฟังไม่ไหวแล้วว่ะ ทำไมมันถึงได้เหี้ยขนาดนี้

         “…”

         “มึงรู้ตัวว่ามึงเหี้ยขนาดนี้แล้วทำไมมึงไม่สำนึกผิดแล้วก็ตายไปๆซะ รับผิดชอบกับสิ่งที่มึงทำ” ผมรู้ว่าคำพูดนี้ที่ผมพูดออกไปมันจะทำร้ายอีกฝ่ายขนาดไหน แต่มันก็อดที่จะพูดไม่ได้จริงๆ ยังไงซะคนอย่างไอ้พูก็คงไม่ไปตายจริงๆอย่างที่ผมสาปส่งมันอยู่ตอนนี้หรอก

         “ไม่เป็นไรหรอก กูกำลังจะไปแล้ว…อีกไม่นาน”

         “…”

         “หมอบอกว่ากูแพ้พิษบาดแผล หูข้างซ้ายกูดับไปแล้ว...ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แถมอวัยวะภายในก็บอบช้ำจนยากที่จะฟื้นตัวแล้ว กูคง..อยู่ได้อีกไม่นาน”

         “…” ผมยืนนิ่ง ความรู้สึกผิดที่พูดออกไปแบบนั้นถาโถมเข้าใส่ ปากอยากจะพูดออกไปว่าขอโทษ แต่กลับไม่ได้พูดออกไป อะไรบางอย่างจุกอยู่ที่คอจนยากที่จะเปล่งเสียง

         “ต่อจากนี้กูฝากชยาไว้กับมึงด้วย..นะ มึงต้องดูแลมันให้ดีๆ ชยาขี้หนาว ป่วยง่าย อย่ารำคาญมันเลยนะถ้าต้องคอยห่มผ้าให้คนขี้หนาวแต่ชอบถีบผ้าห่มออกอย่างมัน” คนเจ็บยิ้มให้ผม มองผมด้วยสายตาที่เลื่อนลอย “กูไม่เอาเรื่องมึงหรอกนะกวินทร์ ไม่เป็นไร..มึงไม่ต้องรู้สึกผิด กูสมควรแล้ว”

         เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย ทุกบาดแผล..ทุกความบอบช้ำของไอ้พู ..ผมเป็นคนทำ

         ผมพูดไม่ออก ถึงไอ้พูมันจะเลวขนาดไหนแต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่มันควรจะได้รับ

         “มึง..ต่อยกูคืนดิ” ผมเดินเข้าไปหาคนเจ็บ ย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับอีกฝ่าย ..เป็นการกระทำโง่ๆที่ผมคิดว่ามันอาจจะพอลบล้างความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นอยู่ในใจได้

         “…”

         “เอาดิ เนี่ย ต่อยกู ต่อยกูแบบนี้” ผมต่อยตัวเอง พยายามจับมือคนเจ็บขึ้นมาแต่ก็ต้องใจหายเพราะว่ามือที่ผมจับขึ้นนั้นเย็นเฉียบและเบาหวิวไร้เรี่ยวแรง

         “ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรหรอก กูบอกแล้วว่ากูสมควรที่จะเป็นแบบนี้”

         “ไม่..ไอ้พู มันไม่มีใครสมควรที่จะต้องตายทั้งนั้น” น้ำเสียงผมสั่นเครือ ถ้าคนตรงหน้าผมตายขึ้นมาจริงๆ ผมก็ไม่พ้นกับตราบาปที่ทาบอยู่บนหน้าว่า ‘ฆาตรกร’

         “กูอาจจะเป็นคนแรกที่สมควรจะตาย” มันแค่นยิ้มที่แสนเจ็บปวดออกมา รอยยิ้มนั่นเหมือนกับเรียวมีดที่กำลังกรีดลงกลางใจผม “กวินทร์..สิ่งที่กูพูดเป็นความจริงทุกอย่าง ไม่ว่ามึงจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่มึงก็ต้องยอมรับ ช่วยชยาให้ได้นะ”

         ”พู... กู..ขอโทษ” ในที่สุดคำขอโทษโง่ๆก็ออกไปจากปากผมได้ซักที

         “..ช่วยชยาให้ได้…อย่าทำให้มันเจ็บปวดอีก” คนเจ็บเอ่ยขอ ซึ่งมีหรอที่ผมจะปฏิเสธ

         “มึงไม่ต้องห่วงเลย” ผมตอบ คนเจ็บคลี่ยิ้มบางๆออกมาก่อนจะขยับตัวลงนอนตามปกติ

         “อันนี้คีย์การ์ดกับกุญแจคอนโดกู ถ้ามึงอยากไปค้นหาอะไรที่นั่นมึงก็ไปได้เลยนะ เผื่อจะได้รู้อะไรมากขึ้น” คนเจ็บหยิบกุญแจขึ้นมายื่นให้ผม ผมรับมันมา เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผมยืนมองมันหลับตาพริ้มอยู่นิ่งๆด้วยความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่อก ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปเลยจริงๆว่ะ...

        “โอ๊ย..” คนเจ็บบนเตียงร้องออกมาพร้อมด้วยใบหน้าที่มุ่ยไปด้วยความเจ็บปวด

        “ไอ้พู! ใจเย็นๆมึงเป็นอะไร..” ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เขย่าตัวคนเจ็บที่กำลังนอนงอตัวกุมศีรษะตัวเองเบาๆ

        “..ปวดหัว..ปวดหัวไม่ไหวแล้ว..” ผมใจตกไม่อยู่ที่ตาตุ่ม สภาพไอ้พูตอนนี้หน้าสงสารมาก ผมไม่รู้ว่าความเจ็บปวดของมันมันระดับไหน แต่มัน..กำลังร้องไห้

        “เชี่ยพู!” ไอ้พีเดินเข้ามาทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงอวดครวญ มันดันตัวผมออกไปก่อนจะพยายามเขย่าตัวเพื่อนมันเบาๆอย่างที่ผมทำ จากนั้นก็เอาหลังมือแตะตรงซอกคอ และตามจุดต่างๆที่เป็นจุดวัดอุณหภูมิ

        “ฮือ..ปวดหัว ไม่ไหวแล้ว..” ไอ้พูจิกนิ้วลงบนกลุ่มผมของมันหวังเพื่อจะคลายความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นแต่ก็คงไม่ได้ช่วยอะไร

         “พี่ครับ เพื่อนผมปวดหัว!”ไอ้พีหยิบไมค์ฉุกเฉินที่หัวเตียงเพื่อเรียกพยาบาลมาดูอาการเพื่อนมันในทันที “มึงออกไปก่อน กวินทร์”

         “…” ผมมองดูภาพตรงหน้าด้วยความสลดใจ ทำไมตอนนั้นผมไม่มีสติให้มากกว่านี้วะ ทำไมผมถึงต้องจับหัวมันโขกกับพื้นรุนแรงขนาดนั้น ไหนจะขวดเบียร์ที่ผมเอาฟาดหัวมัน ที่หูข้างซ้ายมันบอดมีแต่ผ้าพันแผลพันรอบแบบนี้ก็คงไม่พ้นเพราะเศษแก้วจากขวดเบียร์ที่บาดลึกลงไป

         

        ผมคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยืนโง่ๆอยู่ตรงนี้แล้ว เพราะงั้นผมจึงพาสารร่างโซซัดโซเซของตัวเองออกมา ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงของผมหายไปไหนหมด

        ..ทันที่ออกมาจากโรงพยาบาลผมก็รีบบึ่งไปคอนโดของมันทันที จัดแจงไขกุญแจก่อนจะแทรกตัวเข้าไปภายในห้อง สภาพภายในห้องค่อนข้างกระจัดกระจายพอสมควรผมเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องนั่นขึ้นมาเพื่อเข้าไปดู คอมเครื่องนี้น่าจะเป็นคอมที่ใช้ลงคลิปเหี้ยนั่นแน่ๆผมมั่นใจ

         และใช่ มันเป็นอย่างที่ผมคิด ทันทีที่ผมกดเข้าทวิตเตอร์ ก็ปรากฎเป็นแอคเคาท์นั้นทันที ผมไม่รอช้า กดดีลีตทวิตนั้นซะ เพื่อลบคลิปดังกล่าวออก และไม่ลืมที่จะลบคลิปต้นฉบับที่อยู่ในเคริ่องออกไปด้วย ผมค้นหาอะไรอีกซักพักเพื่อดูสิ่งที่พอจะเป็นหลักฐานได้ว่าใครเป็นคนทำกันแน่ ..แต่ก็ไม่พบอะไรอีกจนสุดท้ายแล้วก็ทำได้แค่เดินหงอยออกไปจากห้อง

         ทว่าก่อนที่ผมจะออกไปสายตาผมไปปะทะเข้ากับอะไรบางอย่าง

         กิ๊บติดผมสีส้มที่ผมจำได้ดีเลยว่ามันเป็นของใคร

         ..ฟ้านั่นเอง..





         ผมกำลังขับรถกลับคอนโด แต่เมื่อมองสองมือที่จับอยู่บนพวงมาลัยแล้วก็รู้สึกอยากตัดมันทิ้ง ..สองมือนี้ที่ทำให้ชีวิตคนๆนึงพัง สองมือนี้ที่ทำอะไรไปโดยไม่คิด สองมือนี้..ที่ได้คร่าชีวิตคนๆนึงที่ยังไม่มีโอกาสได้ทำตามฝันตัวเองลงไปแล้ว

         พยายามส่ายหัวเพื่อขจัดความรู้สึกนี้ออกแต่ต่อให้ทำยังไงก็ไม่สามารถลบมันออกไปได้เลย ภาพไอ้พูที่ยิ้มอย่างเจ็บปวดนั้นชัดเจนในความรู้สึกเหลือเกิน



         18.54

         ฟ้าโทรมานัดผมให้พาเธอไปดูหนัง ผมที่พึ่งตื่นจากความเหนื่อยล้ามาทั้งวันได้แต่ถอนหายใจอย่างเอือมๆ แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่ผมจะได้สังเกตเธอดูว่าเธอใช่คนที่ปล่อยคลิปนั่นจริงๆมั้ย

         ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงในการอาบน้ำแต่งตัวของผม หลังจากนั้นผมก็รีบขับรถคู่ใจไปรับเธอทันที ซึ่งตั้งแต่ที่เธอก้าวขึ้นมาบนรถผมก็เริ่มสังเกตเธอทุกกระเบียดนิ้ว

         อย่างแรกที่น่าสงสัยคือเธอจะจับโทรศัพท์อยู่ตลอด เธอไม่ได้คุยกับใคร หากแต่เลื่อนดูโพสต์ตามฟีดข่าวไปเรื่อยๆ ซึ่งผมเองก็มองไม่เห็นเหมือนกันว่าเป็นโพสต์แบบไหนบ้าง แต่คนข้างๆนั้นก็อ่านไปด้วยยิ้มไปด้วย..อย่างมีความสุข

         อย่างที่สองคือเธอทำตัวเกาะแกะกับผมมากกว่าปกติ เธอพูดจาสองแง่สองง่ามสื่อไปในทางนั้น และใช้คำพูดที่เหมือนจะพยายามข่มว่าเธอกำลังอยู่เหนือผม

         อย่างที่สามเธอจะดูหงุดหงิดทุกครั้งที่ผมแอบลอบๆถามถึงชยา

         “จะถามอะไรนักหนาเนี่ยกวินทร์ ฟ้าจะไปรู้มั้ยอะ ไม่ได้ตัวติดกัน มันจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ช่างมันดิ” เธอตอบอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากที่ผมถามเค้นว่าชยาเป็นอยู่ยังไงหลังจากถูกปล่อยคลิปไปแบบนั้น

         “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะฟ้า ชยาน่าเป็นห่วงนะ”

         “ห่วงหรอ? นี่ยังรักมันอยู่ใช่ปะ ห่วงมากก็เลิกกับฟ้าไปดิ ไปดูแลมันโน่น” เส้นความอดทนผมขาดผึง ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เราต้องคบกันต่อแล้วเหมือนกัน

         “เลิกก็ได้นะ สบายใจดี” ผมยิ้มตอบเธอ

         “…” คนตรงหน้านิ่งลงไปทันที

         “ฟ้าพูดคำนี้ออกมาบ่อยมากเลยนะรู้ตัวเปล่า ถ้าฟ้าอยากเลิกกวินทร์เลิกก็ได้นะ ไม่ได้เสียใจอะไรอยู่แล้ว”

         “...กวินทร์ไม่เคยรักฟ้าเลย..” คนตรงหน้าเริ่มน้ำตาเอ่อคลอ “กวินทร์ยังรักชยาอยู่ใช่มั้ยล่ะ..ใช่มั้ย”

         “ผมจะยังรักหรือยังไงก็ช่าง ผมแค่ไม่อยากทนกับคนแบบคุณแล้ว” บอกตรงๆว่าหงุดหงิดมาก ทุกครั้งที่ต้องมาทำตัวเป็นดาวบริวารหมุนรอบดวงอาทิตย์เอาแต่ใจอย่างเธอ

         “คนแบบฟ้า?”

         “ใช่ คนแบบคุณมันโคตรแย่”

        “ถ้าจะพูดว่าฟ้าขนาดนี้ก็เลิกๆกันไปอะดีละ” คนตรงหน้าลุกขึ้นก่อนจะเดินหนีออกไปด้วยความหงุดหงิดใจ แต่ว่าผมจับแขนเธอไว้ได้ทัน

        “เดี๋ยวก่อนฟ้า” ผมฉุดรั้งเธอไว้ สีหน้าเธอดูมีความสุขอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวที่ผมยังรั้งเธอไว้แบบนี้ แต่ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมมีของจะคืนให้เธอเฉยๆ

        “..เผื่อคุณจะลืม” ผมหยิบกิ๊บสีส้มที่เก็บมาจากคอนโดไอ้พูยื่นให้เธอ คนตรงหน้าสีหน้าเปลี่ยนไปในทันทีที่เห็นกิ๊บตัวนี้

        “ค..คะ? ..ไม่ใช่ของฟ้านี่” เธอเลิ่กลั่กก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ ถึงจะไม่อยากทำใจเชื่อจริงๆว่าฟ้าเป็นคนทำแต่ดูจากท่าทางของเธอแล้วก็คงปฏิเสธความจริงไม่ได้อีกแล้ว

        “มันเป็นของคุณ” ผมยกยิ้มขึ้น “ถึงผมจะเป็นแฟนที่ไม่ได้ใส่ใจคุณเท่าไหร่นัก แต่ผมก็ไม่โง่ขนาดที่ว่าจะจำสิ่งที่แฟนตัวเองชอบติดมาทุกวันไม่ได้”

        “…”

        “ผมโคตรผิดหวังในตัวคุณเลยฟ้า”

        “เดี๋ยวก่อน.. ฟ้าไม่ได้..”

        “หยุดเถอะ ทุกอย่างมันชัดเจนหมดแล้ว” ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง คนตรงหน้าสบตากับผมอยู่ซักพักก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มเยาะอย่างสะใจ

        “ไม่ดีหรอคะ? ฟ้าช่วยให้คุณหายโง่นะ ชยาไม่ได้มีแค่คุณคนเดียว”

        “คนอย่างคุณไม่จำเป็นต้องมาช่วยผมหรอกครับ คุณควรเอาตัวเองให้รอดก่อน”

        “ฮะ? ฟ้าเนี่ยนะ ทำไมหรอ กวินทร์จะทำอะไรฟ้าหรอ ถึงจะทำตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วมั้งคะ คนเขารู้ไปทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วว่าอีชยามันเป็นคนยังไง”

        “อย่าเรียกเขาแบบนั้น”

        “ก็จะเรียก ห่วงมันมากก็ไปดูมันเถอะกวินทร์ คุณเองก็ใช่ย่อยนะอย่าคิดว่าฟ้าไม่รู้ ถ้าเกิดวันนึงมีผู้หญิงท้องป่องเดินมาหาคุณแล้วบอกว่านี่ลูกของคุณ สีหน้าคุณจะเป็นยังไงน้า?”

         “ผมไม่เคยทำใครท้อง”

         “คุณจะมั่นใจได้ยังไง? เหอะ.. ผีเน่ากับโลงผุจริงๆ”

         “…”

         “ลาก่อนนะคะ ขอให้สนุกกับชีวิตที่ไม่เหลืออะไรเลย!”










ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เซนติเมตรที่ 12
(Gawin’s side)

















       “ผมหรอที่จะไม่เหลืออะไรเลย?” ผมยืนขึ้น ก่อนจะแค่นยิ้มถามผู้หญิงใจทรามตรงหน้าด้วยสีหน้าของผู้ชนะ

       “…” เธอนิ่งเงียบมองผมงงๆ

       “เดี๋ยวคุณก็รู้” บางทีฟ้าอาจจะลืมไปว่าผมไม่ใช่คนขี้แพ้ และจะไม่ยอมให้ใครมาด่าเสียๆหายๆใส่หน้าแบบนี้ นี่ถ้าเป็นผู้ชายก็คงได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแล้วแน่ๆ

       ว่าแล้วก็กดหยุดบันทึกเสียงจากโทรศัพท์ในมือขวาที่ผมไขว้อยู่ข้างหลัง ..ก็ในเมื่อเธอใช้วิธีสกปรกๆของเธอทำร้ายคนอื่นได้ ผมก็ทำร้ายเธอได้เหมือนกัน

       ผมไม่ได้รอให้เธอสงสัยอะไรอีก และเลือกเดินออกมาจากตรงนั้นก่อนจะมุ่งหน้ากลับคอนโดทันที



       แต่เอาจริงๆพอคิดดูดีๆคนผิดไม่ใช่ฟ้าเลยว่ะ แม่งเป็นผมเองอะ

       ถ้าผมไม่เลือกทำอะไรโง่ๆโดยการหลอกคบกับฟ้า ไปล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอที่มีให้ผมเพื่อจะได้ใกล้ชิดชยาจนเธอแค้น เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ชยาก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายอะไรแบบนี้ 

       ผมแม่ง..เหี้ยว่ะ

       ชีวิตคนๆนึงต้องมาพังทลายลงก็เพราะผม..อีกแล้ว



       12.36

       เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงของวันถัดมา ผมที่กำลังกินข้าวอยู่ก็ต้องชะงักหยุดการกระทำตัวเองเพราะข้อความที่ฟ้าส่งมาให้



       Aqua_sky : ฟ้ารู้นะว่าคิดจะทำอะไร

       Aqua_sky : ถ้าคุณทำฟ้าก็จะยิ่งทำอีชยาให้มันแรงขึ้นอีก ก็ลองดูแล้วกันว่าใครจะชนะ 

       Aqua_sky : ช่วยทำตัวเป็นแฟนฟ้าเหมือนเดิมด้วยนะคะ ฟ้าชอบที่มีกวินทร์อยู่ข้างๆ

       Aqua_sky : คุณรู้นะคะว่าคุณไม่มีสิทธ์เลือก

       Aqua_sky : อยู่โรงอาหารวิศวะ มาหาฟ้าหน่อยสิ จะขึ้นเรียนแล้วแต่ว่าไม่มีใครเดินไปเป็นเพื่อนเลย



       ผมกัดฟันกรอด อารมณ์ในหัวเดือดขึ้นปุดๆ จนแทบอยากจะปาจานข้าวตรงหน้าทิ้ง

       จะทำอะไรชยาอีกวะ แค่นี้ก็ยังไม่พออีกหรอ ไม่คิดเลยว่าฟ้าแม่งจะเหี้ยได้ขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยใช้คำว่าเหี้ยกับเธอเลยเพราะยังเห็นว่าเออครั้งนึงก็เคยเป็นแฟนกันแต่ไม่ไหวว่ะ มันเกินกว่าที่ผมจะรับได้แล้ว



       ผมเดินตามเกมปัญญาอ่อนของเธอด้วยการไปหาที่ที่เธอบอกก่อนจะพาเธอไปส่งที่ตึกครุ ระหว่างทางที่เดินนี่ผมแทบจะประสาทแดก

       ฟ้าเดินไปบอกคนนู้นคนนี้ระหว่างทางไปทั่วเลยว่าเป็นแฟนผม แถมยังเกาะแกะกับผมราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย

       ซึ่งผมก็ทำอะไรไม่ได้เลยครับนอกจากจะนิ่งเงียบเออออไปตามน้ำ โคตรหงุดหงิดทำไมผมต้องมายอมคนแบบนี้ด้วยวะ





       “ส่งฟ้าตรงนี้ก็พอแล้ว ฟ้าไปเรียนก่อนนะ กวินทร์ก็..ตั้งใจเรียนนะอย่าดื้อ” เสียงหวานๆที่ก่อนหน้านี้มันน่าฟังแต่ตอนนี้กลับน่าขนลุกแปลกๆ ฟ้าบอกผมพร้อมกับทำท่าทางออดอ้อนออเซาะอันปลอมเปลือก ผมยกยิ้มให้รางวัลตุ๊กตาทองแก่แอคติ้งปลอมๆของเธอ ฟ้ายิ้มตอบก่อนจะโบกมือลาบ๊ายบาย



       ..หากแต่ผมไม่คาดคิดเลยว่ารอยยิ้มนั่นจะชั่วร้ายที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมา





       เช้าวันถัดมาวันนี้เป็นวันศุกร์ที่สิบสาม อาจจะดูน่ากลัวหน่อยๆสำหรับคนที่เชื่อเรื่องนี้ แต่สำหรับผม ผมก็ไม่ซีเรียสอะไรกับเรื่องนี้มากนัก ในใจคิดว่ามันงมงายด้วยซ้ำ ทว่าวันนี้กลับมีความรู้สึกบางอย่างกวนใจผมตลอดเวลาเลยตั้งแต่ตื่นขึ้นมา

       

       วันนี้ผมมีเรียนแปดโมง แม่งเช้าสัดๆเลยสำหรับคนที่ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตกลางคืนแบบผม แต่ก็เพราะความเก่งกาจส่วนตัวผมก็เลยแหกขี้ตาตื่นมาได้ตอนหกโมงยี่สิบสาม

       ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอยู่ร่วมชั่วโมงเลยก่อนจะมุ่งหน้าไปมอได้ และพอมาถึงตึกคณะตัวเองก็ได้แต่มองพวกกลุ่มคนที่กำลังแตกฮือไปรวมอยู่จุดๆเดียวด้วยสีหน้างงๆ



       “มีอะไรกันอะ” ผมเดินไปถามหนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้น

       “ม..มีคนกำลังจะผูกคอตาย..” เธอตอบด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ความโกลาหลวุ่นวายตรงนี้เสียงดังระงมไปทั่วบริเวณ

       ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวั่นๆในใจอยู่เหมือนกัน เพราะเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่จะให้ไปมุงดูกับกลุ่มคนพวกนี้ผมก็ขอยืนมองอยู่เฉยๆดีกว่า

       เดี๋ยวก็มีคนเข้าไปช่วยมันเองนั่นแหละ



       ทว่าขณะที่ผมกำลังจะก้าวขาหันกลับไปอีกทางผมก็ต้องสะดุดกึก..

       “เฮ้ย! อย่า! ไอ้ชยาอย่าทำ!!!” เสียงตะโกนลั่นที่ดังราวกับระฆังกำลังลั่นสะท้านอยู่ในหัว ผมหันกลับไป จู่ๆสิ่งที่อยู่ในอกข้างซ้ายก็สูบฉีดเลือดถี่รัวจนเหงื่อชื้นๆซึมออกที่มือ

       “…” ขาซ้ายและขวาพุ่งไปข้างหน้าโดยสัญชาติญาณ ผมวิ่งฝ่าฝูงชนไปอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะได้เห็นภาพของคนตัวเล็กในห้องสมาคมที่บาดลึกหัวใจ

       ฝ่ามือเล็กของเขาที่กำลังสั่นเทาจับบ่วงเชือกมาไว้ในมือ ก่อนจะสอดใบหน้าหวานที่ตอนนี้แดงไปหมดราวกับพึ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วงเข้าไปในเชือก



       ‘กวินทร์ว่า..ทนอยู่คนเดียวอย่างทรมานกับลาจากโลกนี้ไป อะไรดีกว่ากัน’

       ‘ทำไมถามแบบนี้ล่ะครับ หื้ม’

       ‘แค่..อยากรู้น่ะ ชยาเคยทนอยู่คนเดียวมาแล้ว มัน..ทรมานมากจริงๆ’

       ‘…’

       ‘ก็เลยอยากรู้ว่าถ้าเกิดลาจากโลกนี้ไป มันจะทรมานน้อยกว่ากันรึเปล่านะ?’

       ‘ชยาฟังนะ ชีวิตที่ผ่านมาของชยามันอาจจะยากลำบาก อาจจะต้องใช้ความอดทนมามาก แต่ชยาก็เห็นผลของมันแล้วนี่ ผลของความยากลำบาก ผลของความอดทน’

       ‘..ผลของมันหรอ..’

       ‘ใช่ครับ ก็เหมือนกับท้องฟ้าตอนที่พายุเข้านั่นแหละ มันมืดมนน่ากลัวใช่มั้ยล่ะ’

       ‘…’

       ‘แต่พอฝนหยุด พายุที่ว่าหายไป ชยารู้มั้ยว่าท้องฟ้าตอนนั้นมันสวยมากๆเลยนะ’

       ‘…’

       ‘.. ‘ฟ้าหลังฝน…มักสวยงามเสมอ’ นะครับ’

       ‘…’

       ‘ชีวิตของเรามีค่านะ อาจจะมีช่วงที่ยากลำบาก แต่ถ้าอดทนจนมันผ่านไปได้ สิ่งตอบแทนของความอดทนหลังจากนั้นมันคุ้มค่านะ และมันก็คุ้มค่าพอ..ที่จะมีชีวิตอยู่’

       ‘แต่ชีวิตชยา..ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีค่าสำหรับใครมั้ย ไม่ว่าพ่อ แม่ หรือพี่ของชยา ..ชยาดูไร้ค่ามากเลย สำหรับพวกเขา’

       ‘ไม่หรอก อย่าคิดแบบนั้น อย่างน้อยที่สุดเลยนะครับ’

       ‘…’

       ‘…อย่างน้อย.. ก็มีค่ากับกวินทร์นะ’



       คนตัวเล็กคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเตะเก้าอี้ที่ตัวเองยืนอยู่ทิ้งลงไป

       “กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!”

       …ตาผมเบิกโพลง ใจตกไปอยู่ที่ปลายเท้า

       “หลบ.. หลบไป” เสียงของผมพูดออกไปแผ่วเบา ใช้สองมือแหวกคนตรงหน้าออกเพื่อเดินไปยังประตูกระจก ก่อนจะหยิบหินก้อนใหญ่แถวนั้นขึ้นมาแล้วทุบมันจนเศษกระจกกระเด็นไปอีกฝั่งกระจัดกระจาย

       ผมกระโจนเข้ามาข้างในผ่านช่องแตกๆของประตูนั่น กระจกแหลมๆบางส่วนกรีดลงบนแขนผมจนเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตของชยาแล้ว

       ผมจับเก้าอี้ที่ถูกเตะไปตั้งขึ้นอีกครั้งก่อนจะขึ้นไปยืนข้างบน แล้วใช้มือข้างนึงอุ้มพยุงตัวของชยาให้สูงๆ เชือกนั่นจะได้ไม่รัดคอเขาเพิ่มอีก พยายามใช้มืออีกข้างเอื้อมไปแกะปมเชือกออกแต่ก็ยากลำบากเหลือเกิน

       “มีใครมีกรรไกรมั้ย!” ผมตะโกนถาม ไม่นานนักก็มีกรระไกรยื่นมาให้ผม

       “ชยา..มองกวินทร์นี่ กวินทร์อยู่ตรงนี้แล้ว..” ผมพยายามเรียกสติคนตรงหน้า แต่น้ำเสียงผมก็สั่นเครือจนแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์

       “เงยหน้าขึ้นไปหน่อย” สูดหายใจลึกๆเพื่อให้ตัวเองใจเย็นก่อนจะบอกคนตรงหน้าทว่ากลับไม่มีการตอบรับใดๆกลับมา เปลือกตาสีไข่ของชยาค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ ต่อหน้าต่อตาผม..

       สุดท้ายแล้วผมจึงทำใจสอดปลายกรรไกรเข้าไปในช่องระหว่างเชือกกับผิวคอ ถึงจะทำมันอย่างระมัดระวังแล้วก็แต่ก็กลัวกรรไกรจะทำร้ายเขาเหลือเกิน

       ผมรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีใส่กรรไกรเพื่อตัดบ่วงเชือกออก



        ฉับ!

       



       ทันทีที่เชือกขาดลงร่างไร้สติของชยาก็ร่วงลงมาในอ้อมกอดของผม ทว่ามันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ลำคอของเขาแดงเถือกเป็นรอยเชือกจนอดหวั่นใจไม่ได้ว่าเขาอาจจะไม่หายใจแล้ว



        ผมพยุงตัวเองและร่างของคนตัวเล็กลงมาจากเก้าอี้ก่อนจะวางเขานอนราบลงกับพื้น ยอมรับว่าตอนนี้ผมลนลานมากๆ ตาเบลอไปหมดเพราะน้ำตาที่รื้นเอ่อ ซ้ำมือไม้ก็แทบจะควบคุมไม่อยู่ แต่ผมจะไม่มีทางปล่อยให้ชยาเป็นอะไรไปแน่ๆ ผมรู้แค่นี้



       ผมทรุดลงข้างๆร่างของชยาแล้วจัดการประสานมือของตัวเอง กดลงบนอกของเขาอย่างหนักแน่นเป็นจังหวะ สลับกับการปิดปลายจมูกและจับริมฝีปากเขาให้อ้าออกเล็กน้อยแล้วเป่าลมเข้าไป

        “ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลหน่อย.. เร็ว!” ผมพูดเสียงดังลั่นใช้เสียงทั้งหมดเท่าที่มีเพื่อหวังจะให้คนอื่นให้ความช่วยเหลือ

       ..แต่ก็เปล่าประโยชน์



       คนพวกนี้เอาแต่เถียงกัน หาคนผิดหาคนรับผิดชอบ โดยไม่สำเหนียกขึ้นมาในใจเลยว่าตัวเองก็ต่างมีส่วนผิดกันทุกคน ถ้าเกิดว่าเอาเวลาที่เถียงกันอยู่มาช่วยชยามันคงจะดีไม่น้อยเลย

       แต่คนตัวเล็กของผมคงรอจนถึงเวลานั้นไม่ได้



       “โว้ย! เป็นเหี้ยไรกันเนี่ยไอ้สัด พอละไม่ต้องโทรละ” ผมตวาดลั่นอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ยังคงจัดการทำซีพีอาร์ต่อไปเรื่อยๆไม่ได้หยุดพัก ใช้เวลาอยู่หลายนาทีสัมผัสที่มือจึงรู้ได้ว่าคนตัวเล็กกลับมาหัวใจเต้นอีกครั้งแล้ว

        “ชยา!” ผมเรียกสติคนตัวเล็ก จู่ๆภาพที่เห็นก็เบลอหนักกว่าเก่า ความรู้สึกดีใจมันล้นเหลือจนแทบจะทะลุออกมาจากใจ

       ขอบคุณ..ขอบคุณเหลือเกิน

       “ชยา..ตื่นสิ ลืมตาก่อน มองกวินทร์สิครับ..มองกวินทร์..”

        คนตัวเล็กค่อยๆปรือเปลือกตาสีไข่ของเขาขึ้น ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆแล้วมาหยุดที่ผม..

        “…” ชยาไม่ได้พูดอะไร ผมจึงดึงเขาเข้าไปกอดในอ้อมอกอย่างแนบแน่น เพียงเท่านั้นน้ำตาที่อัดอั้นมาตลอดก็ไหลลงมาไม่ขาดสาย

       “ขอโทษ..กวินทร์ขอโทษ ขอโทษ..” ผมพร่ำคำขอโทษโง่ๆออกไป ไม่รู้หรอกว่ามันจะมีค่ามั้ยในตอนนี้ แต่ผมรู้สึกผิด.. รู้สึกผิดที่ดูแลชยาไม่ได้เลย

       “…”

       “ไม่เอานะ..ไม่ทำแบบนี้อีกแล้วนะชยา ชีวิตชยามีค่ามากๆนะ”

       “…” 

       “..อย่างน้อยก็มีค่าสำหรับกวินทร์นะ”

       ..ขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่







       13.45

       หลังจากนั้นผมก็พาชยามาโรงพยาบาล ทันทีที่พยาบาลเห็นสภาพคอของคนตัวเล็กก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเกิดอะไรขึ้นและต้องทำอย่างไรบ้าง

       คนตัวเล็กถูกวางนอนลงบนเตียงพยาบาล ก่อนจะเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินจนลับสายตาผมไป

       ผมจมอยู่กับความเป็นห่วงอยู่ตรงนั้นจนแทบบ้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งโง่ๆรอต่อไป



       ประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไปประตูสีหม่นข้างหน้าจึงได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง แต่ว่าคนตัวเล็กไม่ได้ถูกเข็นออกมา มีเพียงพยาบาลคนนึงเท่านั้นที่เดินมาหาผม

       “คุณเป็นคนทำซีพีอาร์ให้คุณชยาหรือเปล่าคะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ คุณชยาอาจจะไม่รอดแล้วก็ได้ ยังไงตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะคะ” เธอบอกกับผมก่อนพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างยินดีทำเอาผมรู้สึกเขินๆอย่างบอกไม่ถูก ไม่นึกเลยว่าที่ทำแบบนั้นมันจะช่วยชีวิตคนๆนึงไว้ได้ทัน

 

        แต่ทว่าการรักษาก็ยังดำเนินผ่านไปจนถึงบ่ายโมงก็ยังไม่แล้วเสร็จ จิตใจที่กำลังว้าวุ่นของผมจึงสั่งให้ผมเลิกนั่งโง่ๆอยู่ตรงนี้ซะก่อนจะเดินมุทะลุเข้าไปข้างในห้องฉุกเฉินที่ว่า แต่ทันทีที่เปิดประตูออกผมก็ต้องชะงักหยุดเพราะมีชายวัยกลางคนในชุดกาวน์สีขาวสะอาดกำลังจะออกมาเช่นเดียวกัน

       “เข้าไปไม่ได้นะครับ ว่าแต่คุณคือ..ญาติของ..คุณชยาใช่มั้ยครับ?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามถึงผม

       “ครับ เขาเป็นยังไงบ้างครับหมอ”

       “คุณชยาต้องแอดมิตที่นี่ก่อนเพื่อดูอาการ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะนานแค่ไหนแต่สภาพร่างกายของคุณชยาตอนนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ถึงแม้หัวใจจะกลับมาเต้นหรือรู้สึกตัวแล้ว แต่ก็วางใจไม่ได้ว่าเขาจะปลอดภัยไปตลอด”

       “…”

       “จากการวินิจฉัย หมอพบอวัยวะหลายส่วนบอบช้ำอย่างหนัก กล้ามเนื้อบางจุดฉีกขาด และกระดูกที่มีบางส่วนนั้นได้หักลง ซึ่งหมอได้ทำการรักษาอย่างเต็มที่แล้ว ..ทั้งนี้ก็อยู่ที่ตัวคนไข้ ถ้าร่างกายของเขาแพ้พิษบาดแผลไม่สามารถฟื้นฟูส่วนต่างๆได้อีกแล้ว คุณชยาก็มีโอกาสที่จะ..เสียชีวิต”

       “…” ในหัวของผมพยายามประมวลผลสิ่งที่ได้ยินใหม่อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งซ้ำๆ เพื่อเปลี่ยนให้มันเป็นแค่คำโกหกหรือเพียงแค่ฝันร้าย

       “อีกอย่างนึง ..ขอโทษนะครับแต่หมอจำเป็นต้องแจ้งให้ญาติทราบ”

       “…”

       “หมอพบความผิดปกติบางอย่างในกระเพาะของคนไข้”

       ..แต่สุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจยอมรับความจริง





       ก๊อกๆๆ

       ผมเอื้อมมือไร้เรี่ยวแรงไปเคาะประตูห้องผู้ป่วยที่ภายในห้องเป็นคนตัวเล็กของผมอย่างมีมารยาทก่อนจะเปิดประตูออกแล้วแทรกตัวเข้าไป

       ..คนตัวเล็กเขาอยู่ในชุดผู้ป่วยสีฟ้าอ่อนของทางโรงพยาบาล เขานั่งพิงหลังกับหัวเตียง ทอดสายตามองออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย



        “..เป็นยังไงบ้างชยา” ผมสูดหายใจลึกๆพยายามใช้โทนเสียงที่ปกติที่สุดให้ได้ถึงแม้มันจะออกมาสั่นเครือไปหน่อย

        ..ถ้อยคำที่เขาประกาศเกล้าในวันนั้นมันยังคงดังสะท้านอยู่ในหัวผมตลอดมา

        ‘ต่อให้ผมเจ็บปางตายยังไงก็ตาม สิ่งที่คุณทำได้ก็คือยืนดู ไม่ก็ไสหัวไปไกลๆซะ’

        ..หากแต่ตอนนี้ผมกลับเลือกที่จะฉีกสิ่งที่คนตัวเล็กบอกทิ้งไป ผมทนไม่ได้ถ้าจะให้เห็นคนตัวเล็กตายไปต่อหน้าต่อตาจริงๆ...

       พยายามค่อยๆก้าวขาไปทีละนิดๆเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนชยา ..อีกไม่กี่ก้าวผมก็เข้าใกล้เตียงแล้ว ..อีกนิด

        “มาช่วยชยาทำไม” คนตัวเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนผมต้องหยุดการกระทำ เขายังคงมองออกไปข้างนอกอยู่แบบนั้นไม่ได้หันมาทางผม ยอมรับว่าตอนนี้ใจสั่นไปหมดเลย เพียงเพราะได้ยินคำแบบนั้นตอกหน้ากลับมาหลังจากที่ผมพยายามช่วยเขาจนตัวเองก็พลาดเลือดตกยางออก

        ..ทำไมผมถึงได้อ่อนแอแบบนี้วะ



        “จะให้กวินทร์ทนดูชยาตายไปต่อหน้าต่อตาหรอ …กวินทร์ทำไม่ได้หรอก.. กวินทร์ขอโทษ” ผมไม่มีทางทำแบบนั้นได้ ผมทำไม่ลงหรอก ..คุณอย่าโกรธผมเลยนะ 

         “เคยบอกไปแล้วนี่ว่าไม่ต้องมาช่วย..” คนตัวเล็กยังคงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับเค้นคำพูดทุกคำมาจากใจ

         “…กวินทร์ขอโทษ..”

         “ไม่ต้องการ”

         “…”

         “มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอถ้าชยาจะหายไปซะ”

         “..ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

         “กวินทร์ก็..เคยต้องการแบบนั้น ไม่ใช่หรอ..” ตราความผิดจากความไม่ยั้งคิดของผมกำลังสะท้อนกลับมาที่ผมแล้วสินะ

       ..ผมพูดอะไรไม่ออกเลย ก้อนอะไรบางอย่างมันจุกขึ้นมาที่คอจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป

         “..กวินทร์ไม่เคยต้องการแบบนั้นจริงๆหรอก” แล้วก็เลือกแถออกไปโง่ๆ มันก็เป็นความจริงแหละที่ผมไม่เคยต้องการแบบนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีทางหรอกที่ชยาจะเชื่อไอ้เหี้ยที่ทำชีวิตเขาพังอย่างผม

         “แต่คุณก็พูดมันออกมา..”

         “…”

         “ไม่คิดบ้างหรอว่าคนฟังอย่างผมจะรู้สึกยังไง”

         “..ขอโทษ” ผมขยับเข้าไปใกล้คนตัวเล็กให้มากขึ้นพยายามไม่สนใจปฏิกิริยาของเขา ที่ต้องทำแบบนั้นเพราะว่าเรื่องที่ผ่านมามันไม่สำคัญเท่ากับตอนนี้แล้ว ตอนนี้เขากำลังเจ็บ กำลังทรมาน นั่นแหละคือสิ่งที่ผมควรจะหาต้นตอสาเหตุ และควรจะแก้ไขมัน

       ชยากำลังไล่ผมอ้อมๆ ผมรู้ และผมก็รู้ตัวว่าตัวเองหน้าด้านแค่ไหนก็ตอนนี้นี่แหละ

   

       “แล้ว..ชยาไปมีเรื่องกับใครมาล่ะทำไมถึงโดนขนาดนี้”

          “…”

          “ไหนขอกวินทร์ดูหน่อย” ผมขยับเข้ามาชิดเตียงก่อนจะเอื้อมมือไปหวังจะจับบริเวณแผลเพื่อดูอาการ แต่ทว่าชยากลับปัดมือผมออกอย่างแรง

          “ไม่ต้องยุ่ง!”

          “…”

          “คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ จะมาอยู่นี่ทำไม”

          “…”

          “ไปได้ละ รำคาญ”

          “…”

          “ไปสิ” บางทีผมต่างหากที่ควรจะสำเหนียกตัวเอง ควรรู้ได้แล้วว่าที่ทำอยู่มันไร้ค่า

          “ขอโทษที ผมก็แค่..เป็นห่วง”





       สองวันถัดมาผมเอาเรื่องทุกอย่างไปบอกพี่ธนพี่รหัสของชยาให้เขาได้รับรู้ ซึ่งพอเขาได้รู้เขาก็ตกใจไม่แพ้ผมเลย เขาเองก็น่าจะรู้จักฟ้าดีเหมือนกัน ก็คงนึกไม่ถึงหรอกว่าวันนึงน้องสายรหัสตัวเองจะเป็นคนทำเรื่องแบบนี้

       ผมเอาคลิปเสียงที่ผมอัดเอาไว้ให้เขาฟัง ส่วนตัวเขาเองเขาบอกว่าไม่อยากให้เอาคืน เพราะถ้าทำงั้นมันก็คงไม่จบไม่สิ้น ซึ่งเออ แม่งก็จริงอย่างที่เขาว่านั่นแหละ บางทีผมอาจจะอารมณ์ร้อนไปหน่อยเลยไม่ทันคิดตรงจุดนี้



       แต่ว่ามีอีกเรื่องนึงที่ผมยังไม่ได้บอกเขา เพราะในใจลึกๆผมยังคงหวังอยู่ว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น มันจะไม่เป็นเหมือนที่หมอบอก..







       เอาล่ะมาถึงตรงนี้ใครอยากจะลองตบหน้าผมก็มาลองได้เลย ผมไม่เจ็บหรอกเพราะหน้าผมแม่งด้านกว่าพื้นปูนซีเมนต์อีก

       หลังจากเรียนเสร็จผมก็ตรงดิ่งมาโรงพยาบาลในทันที เหตุผลก็คือผมกลัวว่าคนตัวเล็กของผมจะเหงาที่ต้องอยู่คนเดียว

       ผมจำได้นะว่าเขาไม่ชอบการอยู่คนเดียว ยิ่งถ้าเป็นตอนกลางคืนมืดๆ ชยาก็ยิ่งกลัว แถมเจ้าตัวเองก็ยังเป็นคนขี้หนาวอีก

       แบบนี้แล้วจะให้ผมทิ้งเขาได้ยังไงกัน

       กวินทร์คนนี้ไม่ทำหรอกครับ!



       ก๊อกๆๆ

       “…” คนตัวเล็กหันมามองตาปริบเมื่อเห็นผมเดินเข้ามา โอโหเขินเลยมองกันแบบนี้เนี่ย เปล่าเว้ย ชยามองเหมือนแบบ ‘ยังจะกล้ามาอีกนะ’ ไรงี้อะ ฮ่าๆๆ เขินเลย เขินทั้งนั้มตา

       “ผม..ซื้อมาฝาก” จังหวะนี้ก็ต้องซื้อใจกันก่อน ผมรู้ว่าคนตัวเล็กของผมเขาเป็นหมูอ้วนดีๆนี่แหละ เขาชอบของกิน

       “กองไว้ตรงนั้น” โอเค จบ



       “แล้ว..ตอนนี้เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนมั้ย” ผมนั่งลงตรงโซฟาข้างเตียงผู้ป่วย คนตัวเล็กไม่ได้มีท่าทีสนอกสนใจสิ่งที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อย เอาง่ายๆเลยก็คือเหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้เลย

       “วันนี้มีคนถามถึงชยาด้วยน้า” แต่ผมก็ยังดื้อดึงพูดกับเขาต่อไป ทั้งที่จริงๆคือเหมือนพูดอยู่คนเดียว

       “หลายคนเลยที่บอกว่าเป็นห่วงชยา”

       “…”

       “จริงสิวันก่อนกวินทร์ไปเจอพี่หมีด้วย ที่กวินทร์เคยใส่ตอนวันเกิดชยาปีที่แล้ว เจออยู่ข้างๆตู้เก็บของข้างนอก มันสกปรกนิดหน่อยแต่เดี๋ยวกวินทร์จะเอาไปซัก…”

       “…”

       “ชยาจำหนังเรื่อง The Notebook ที่เราเคยดูด้วยกันได้มั้ย กวินทร์เจอแผ่นมันตกอยู่ก็เลยหยิบมาดูอีกที แต่ดูไปดูมาก็ไม่มีสมาธิกับหนังเลย ในหัวคิดถึงแต่ชยา”

       “…”

       “จำได้ว่าครั้งนั้นที่เราดูด้วยกัน ชยาอินจนร้องไห้จ้าเหมือนเด็กเลย เป็นคนอื่นอาจจะหัวเราะไปแล้วแต่กวินทร์ไม่หัวเราะหรอก น่ารักดี”

       “…”

       “ชยาอ่อนไหวง่าย กวินทร์รู้ ชยาบอกว่าชยานับถือในความพยายามของโนอาเรื่องนี้เลยที่พยายามอ่านสมุดโน้ตนั่นให้แอลลี่ฟังอยู่ทุกวันเพื่อรื้อฟื้นความจำถึงแม้จะไม่มีความหวังเลย อันนี้กวินทร์ก็จำได้”

       “…”

       “กวินทร์ไม่รู้มาก่อนเลยว่าชยาจะเคยเขียนเรื่องราวต่างๆลงสมุดโน้ตเหมือนกัน จนเมื่อวานกวินทร์ไปเจอมันในลิ้นชักโต๊ะทำงานของชยา”

       “…”

       “สิ่งที่ชยาเขียนมันน่ารักมากเลยนะ น่าเสียดายที่ชยาหยุดอยู่แค่หน้าที่สิบกว่าๆแล้วไม่ได้เขียนต่ออีก”

       “กลับไปได้รึยัง?”

       “…”

       “เผื่อคุณจะเป็นห่วงกันจริงๆ ..ก็รู้ไว้ด้วยว่าสิ่งที่คุณทำอยู่มันทำให้ผมรำคาญ”

       “อ่า.. โอเค งั้นวันนี้กวินทร์กลับก่อนนะ”

       









       “ขอโทษที กวินทร์เลิกช้าเลยมาซะค่ำ ดูสิ กวินทร์ซื้อของที่ชยาชอบมาด้วย”

       “มาทำไมอีก”

       “กวินทร์มาหาชยา”

       “ใครเขาต้องการแบบนั้นกัน? ผมขอคุณหรอว่าให้คุณโผล่หน้ามาทุกวัน”

       “คุณไม่ได้ขอ”

       “แล้วคุณมาอีกทำ..”

       “ผมเป็นห่วงคุณ”

       “…”

       “ผมไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียว ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบ”

       “เผื่อคุณจะไม่รู้ ผมอยู่ได้แล้วตั้งแต่ไม่มีคุณอยู่ในชีวิต”







       “วันนี้เป็นไงบ้างครับชยา กวินทร์ซื้อผลไม้มาฝาก วันก่อนนี้มีแต่ขนม วันนี้มารักสุขภาพบ้างดีกว่า”

       “นี่ยังปกติอยู่ปะ หรือยังไง”

       “กวินทร์ปกติดีน่า ขอบคุณที่เป็นห่วง”

       “ขอโทษนะที่จะบอกว่าคุณมโนไปเอง”

       “ฮ่าๆ ผมรู้ ผมรู้ ดีใจนะที่คุณพูดกับผมหลายพยางค์มากขึ้น”

       “…”

       “อ่าวไม่น่าพูดงั้นเลย คุณไม่พูดเลยเนี่ย โธ่ ไม่น่าเลยกวินทร์”

       “อย่าบอกนะว่าคุณจะอยู่นี่ทั้งวัน”

       “ใช่ครับ วันนี้ผมไม่มีเรียน”

       “…”

       “ขอโทษที่ต้องบอกให้รู้นะ แต่ว่าคุณเตรียมปวดหัวกับผมได้เลย ฮ่าๆ”

       “คุณมันน่ารำคาญ”

       “ผมรำคาญตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงมัวแต่เป็นห่วงคุณอยู่ตลอดเลยก็ไม่รู้”

       “โอ๊ย ออกไปเลยนะ”

       “หมายถึงให้ผมไปมินิมาร์ทข้างล่างให้หรอ ได้ครับแต่อีกซักพักละกัน”

       “…”

       “วันนี้อากาศดีเนอะ เหมาะกับการออกไปนั่งชิวๆอยู่สวนสาธารณะ หรือไม่ก็นั่งจิบกาแฟในคาเฟ่มากๆเลย”

       “ก..กลับไป..”

       “จริงสิ จำได้ว่าตอนนู้นคุณเคยบอกว่าอยากไปภูเก็ต ผมหาข้อมูลมาคร่าวๆแล้ว ไว้คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วเราไปด้วยกันนะ”

       “…”

       “ชยา..”

       “กลับไป..นะ”

       “ชยา!”

       “ฮือ..บอกให้กลับไปไง.. กลับไป ชยาไม่อยากให้กวินทร์เห็น..”

       “ชยา.. ชยาเป็นอะไร เจ็บตรงไหน! บอกผม”

       “กลับไป..”

       “หมอ.. หมอครับ ช่วยด้วย!”

       “อึก..ม..มันไม่มีวันนั้นหรอก”

       “รอเดี๋ยวนะชยา อีกซักพักหมอก็คงมาแล้ว”

       “มันไม่มีวันนั้น..”

       “…”

       “...กวินทร์ก็รู้ว่าชยาไม่มีทางได้ออกจากโรงพยาบาลอีกต่อไปแล้ว”



       



       







       





       







       



       


ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1


เซนติเมตรที่ 13






       ห้องพักผู้ป่วยที่เคยสงบเมื่อครู่ ตอนนี้เต็มไปด้วยหมอ พยาบาล และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆที่จำเป็นในการรักษา

       เสียงกรีดร้องทรมานของชยายังคงดังระงมอยู่เช่นเดิมทำเอาคนได้ยินอย่างกวินทร์เกิดความสงสารขึ้นมาจับใจ

       เข็มเล่มหนึ่งฉีดลงไปที่แขนของคนตัวเล็ก เสียงร้องดังขึ้นอีกครั้งอย่างเจ็บปวดก่อนจะค่อยๆเงียบลงจนแน่นิ่งไป



       “หมอเสียใจที่ต้องแจ้งให้ญาติทราบนะครับ” ชายวัยกลางคนในชุดกาวน์สีขาวสะอาดเดินมาหาเขาที่อยู่ไม่ห่างจากเตียงผู้ป่วยมากนัก

       “…” กวินทร์ยืนนิ่งมองสายตาจริงจังที่จ้องมาจากคุณหมอตรงหน้า อะไรบางอย่างที่เขารับรู้ได้ในสัญชาตญาณกำลังกระซิบบอกเรื่องเลวร้ายให้เขายอมรับความจริง

       “เนื้อร้ายในกระเพาะอาหารของเขาเริ่มพัฒนาเป็นมะเร็งแล้วครับ”

       “…”

       “ชยา..กำลังเป็นมะเร็งระยะที่หนึ่ง”

       ดั่งมีระฆังดังก้องอยู่ในหัว จู่ๆก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก แขนขาไร้เรี่ยวแรงไปหมดเมื่อได้รับรู้

       “จริงๆถ้าผ่าตัดอาจจะพอมีหวัง แต่ว่าสภาพอวัยวะของเขาค่อนข้างบอบช้ำ ถ้าเกิดทำการผ่าตัด คุณชยาอาจจะแพ้พิษบาดแผลจนถึงแก่ชีวิตได้ครับ”

       “…” ไม่หรอก ..ไม่จริงใช่มั้ย มันไม่มีทางเป็นแบบนั้น…ชยาคนที่เป็นโลกอันสดใสทั้งใบของเขาน่ะ ..ไม่มีทางเป็นแบบนั้น

       “ทั้งนี้หมอเคารพการตัดสินใจของญาติและผู้ป่วยครับ ถ้าเลือกการผ่าตัดโอกาสจะหายมีประมาณสี่สิบเปอร์เซ็นต์แต่มีความเสี่ยงที่คุณชยาจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนอาจะเสียชีวิต ขณะเดียวกันถ้าปล่อยเนื้อส่วนนี้ไว้โอกาสรอดจะเหลือแค่สิบเปอร์เซ็นต์ครับ”

       “ผ..ผมขอคุยกับเขาก่อนนะครับ” เสียงสั่นเครือเอ่ยตอบคุณหมอ ส่วนคุณหมอเองเมื่อได้ยินแบบนั้นแล้วจึงคลี่ยิ้มออกมาบางๆก่อนจะเดินจากไป



       กวินทร์กลับมานั่งข้างๆเตียงผู้ป่วยที่คนตัวเล็กกำลังหลับไหลอยู่เพื่อหลีกหนีจากความเจ็บปวด

       สองมือแกร่งจับฝ่ามือเล็กขึ้นมากอบกุมก่อนจะซุกหน้าลงกับฝ่ามือนั้น ..หยดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้ กวินทร์ที่เคยแข็งแกร่งไม่อ่อนไหวกับสิ่งไหนๆกำลังสะอื้นไห้อย่างหนักหน่วง

       “…” เชยสายตามองไปที่ใบหน้าหวานที่กำลังจมอยู่กับฝันหวานอีกครั้ง



       ‘กวินทร์รู้มั้ย’

       ‘…’

       ‘ถึงชยาจะต้องตายในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ ..ชยาก็ไม่เสียใจแล้วที่เกิดมา’

       ‘…’

       ‘ชยาได้มีความสุข ..ความสุขที่มากมายอย่างที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้รับมัน’

       ‘…’

       ‘ความสุขอันเกิดจากความรัก ..ที่ชยามอบให้กวินทร์ไปทั้งหมดเท่าที่จะให้ได้’

       ‘…’

       ‘แค่นี้..มันก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตของชยา แค่ได้รู้จักความสุขจริงๆซักครั้งในชีวิต..มันก็เพียงพอแล้ว’



       ไม่อยากทำใจยอมรับเลยจริงๆว่าเจ้าของใบหน้าหวานที่เคยยิ้มแย้มอย่างมีความสุขในวันนั้น…กำลังจะจากไปอีกไม่นาน





       เวลาผันเปลี่ยนไปตามกลไกของมัน พระอาทิตย์ที่เคยทอแสงในช่วงวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าสีส้มเข้าไปทุกขณะ หากแต่คนตัวเล็กก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาจากฝันหวาน ..เปลือกตาสีไข่ของเขายังคงหลับพริ้มอยู่อย่างนั้น

       ผิดกับคนตัวสูงที่อยู่ข้างๆเตียงที่ทำได้แค่จ้องใบหน้าของคนรักอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้น้ำตาไหลรินพาดผ่านสองข้างแก้มหยาดแล้วหยาดเล่า

       “…” แต่ไม่นานนักเจ้าของเปลือกตาสีไข่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งที่ปรากฎแก่ดวงตาของเขาคือคนตัวสูงที่ตัวสั่นเครือกำลังซุกหน้าลงกับฝ่ามือของเขาที่กอบกุมเอาไว้

       “ชยา..” ใบหน้าคมเงยขึ้นมาสบตากับเขา ก่อนจะพยายามคลี่ยิ้มบางๆออกมาทั้งน้ำตา “นอนพักต่อเถอะนะ.. เดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว ขอโทษที่มารบกวน”

       “…” คนตัวเล็กมองพี่กวินทร์ของเขาที่กำลังจะลุกออกไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่ฟาดฟันกันอยู่ในใจ ยอมรับว่าลึกๆแล้วก็ยังให้อภัยคนๆนี้ไม่ลงอยู่ดี แต่ขณะเดียวกันอีกเสี้ยวนึงกลับไม่อยากให้คนๆนี้ไปไหน

       “กวินทร์..” ชยาเอ่ยเรียกพี่เขาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้คนตัวสูงหยุดฝีเท้าและหันกลับมาหาเขา

       “ครับ” กวินทร์สูดหายใจเข้าลึกๆพยายามหยุดอาการสะอื้น

       “พรุ่งนี้…จะมาอีกใช่มั้ย..” ไม่รู้หรอกว่ามันใช่สิ่งที่เขาเรียกร้องได้มั้ย แต่ว่า…อยากมีคุณอยู่ข้างๆแบบนี้ต่อไปเหลือเกิน



       “พรุ่งนี้..อาจจะไม่ได้ ขอโทษนะ”

       และชยาก็ได้รู้คำตอบแล้วว่า...เขาเรียกร้องสิ่งนี้ไม่ได้









       “ธน..” เสียงทุ้มที่มีเจ้าของคือกวินทร์เอ่ยทักพี่รหัสตัวสูงที่กำลังนั่งวุ่นอยู่กับการจัดการสรุปเนื้อหาลงในแท็บเล็ต

       วันนี้กวินทร์ตัดสินใจหยุดเรียนอีกวัน เหตุผลก็คือเพื่อจัดการอะไรบางอย่างให้มันเข้าที่เข้าทาง

       “อ้าว…ว่าไง” พี่ธนเอ่ยตอบ “ชยาเป็นไงบ้าง วันนี้ว่าจะเข้าไปเยี่ยม”

       “…” ทว่าพอกวินทร์ได้ยินชื่อของคนตัวเล็กแล้วสีหน้าของเขาก็ดูเศร้าสร้อยลงไปในทันที

       “นี่ก็..หลายวันแล้วเหมือนกันนะเนี่ย เมื่อไหร่น้องจะได้ออก..”

       “ธน..”

       “…”

       “ชยาจะไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลอีกต่อไปแล้ว..” ปลายนิ้วที่กำลังจับปากกาสัมผัสกับหน้าจอแท็บเล็ตสะดุดกึก ใบหน้าหล่อหันมาถามกวินทร์อย่างไม่เชื่อหู

       “เดี๋ยว..เดี๋ยวนะ..”

       “ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่แม่ง..เป็นความจริง”

       “…”

       “ชยาเป็นมะเร็ง”

       “…” ไม่มีใครอยากจะเชื่อหรอกว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆกับคนใกล้ตัวที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะทำใจยอมรับความจริง..

       “ชยา..ต้องผ่าตัด แต่ว่าเขามีโอกาสที่จะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ถ้าไม่ผ่าตัดมะเร็งก็จะลุกลาม ผม..ผมแม่งไม่รู้เลยว่าควรเลือกทางไหน” กวินทร์เอ่ยบอกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ..เขาไม่รู้เลยจริงๆว่าควรเลือกอะไรถึงจะดีที่สุด ควรเสี่ยงผ่าตัดเพื่อโอกาสหายแค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์และเสี่ยงที่จะแพ้พิษบาดแผลมั้ย หรือว่าควรจะปล่อยไปแล้วพึ่งการรักษาโดยการทำเคมีบำบัด

       ไม่ว่าจะเลือกทางไหน..ชีวิตชยาก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายไม่ต่างกัน



       ตรงส่วนนี้จริงๆแล้วต้องเป็นหน้าที่ของผู้ป่วยหรือญาติว่าควรตัดสินใจอย่างไร แต่เท่าที่กวินทร์รู้มาคือชยาไม่รู้แล้วว่าครอบครัวเขาอยู่ที่ไหน และถ้าให้ชยาเลือกเองก็คงไม่พ้นการหลีกหนีไปจากการผ่าตัดและยอมจำนนกับโรคร้าย

       กวินทร์ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ในใจเขาอยากลองเสี่ยง แต่ก็หวาดกลัวต่อผลที่อาจจะตามมาจนไม่กล้าตัดสินใจ

       สุดท้ายแล้วก็คงต้องพึ่งคนอื่นๆที่พอจะรู้จักรักใคร่และเป็นห่วงชยาจากใจจริงอย่างพี่ธน

       “ให้ชยาเลือกเองดีกว่า คุณไม่ต้องตัดสินใจอะไรหรอก” พี่รหัสตอบ เขาวางแท็บเล็ตในมือลงเพราะไม่มีอารมณ์จะทำมันอีกต่อไปแล้ว

       “ผมรู้เว้ย แต่ผมกลัวว่าชยาจะเลือกอย่างหลัง ไม่ยอมผ่าตัด”

       “…”

       “ผมอยากลองเสี่ยงดู เดี๋ยวจะไปคุยกับชยาพรุ่งนี้ ยังไงวันนี้ถ้าธนจะไปก็ฝากดูชยาด้วยนะ”

       “อันนั้นอ่ะได้อยู่แล้ว แต่ว่า..มันไม่ใช่หน้าที่ญาติหรอกหรอครับ การเลือกอะไรแบบนี้”

       “ครับ ผมรู้ แต่ชยาไม่มีญาติคนไหนเลย”

       “มีสิ ผมว่าคุณน่าจะรู้ดีนะกวินทร์”

       “…”

       “คนที่ชื่อภู ที่เคยเล่นพนันกับคุณ คนนั้นคือพี่ของเขา”

       เป็นอีกครั้งที่รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้รับรู้ ..จริงหรอที่พี่ภูเป็นพี่ของชยา

       แล้วทำไมตอนนั้นถึงยอมให้น้องตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนี้..









       สิ้นบทสนทนากวินทร์ก็โบกมืออำลาก่อนจะเดินดุ่มๆเข้าไปในคณะของชยา สิ่งที่คิดอยู่ในหัวเลยคือเขาหวัง.. หวังว่าสิ่งที่เขาจะทำต่อไปนี้มันพอจะช่วยให้ชยามีช่วงเวลาที่ดีขึ้นได้บ้าง

       “ฟ้า” เขาเอ่ยเรียกผู้หญิงตรงหน้าที่กำลังหันหลังให้เขาอยู่ แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงเรียกก็จึงหันมาหา ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนเข้ามาทักเธอ

       “ว่าไงคะกวินทร์” น้ำเสียงหวานตอบกลับมา

       “ผมขอคุยด้วยหน่อย” เขาเอ่ยขอ น้ำฟ้าจึงหันกลับไปบอกเพื่อนในกลุ่มเป็นเชิงว่าเดี๋ยวมา ก่อนจะเดินมากับกวินทร์



       “ฟ้าครับ คุณเกลียดผมมากใช่มั้ย”

       “ใช่ค่ะ ฟ้าเกลียดมาก” เธอแค่นยิ้มพร้อมกับตอบในทันทีโดยไม่ต้องเว้นช่วงใช้ความคิด

       “งั้นถ้าคุณเกลียดผม คุณช่วยทำให้ชีวิตผมพังหน่อยได้มั้ย” เสียงทุ้มที่ตลอดระยะเวลาที่เป็นแฟนกันมาจะดูจริงจังและดุดันมาตลอด หากแต่ครั้งนี้น้ำเสียงดูอ่อนลงจนน่าแปลกใจ

       “…” เธอมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหู

       “ผมรู้ว่าคุณทำได้ คลิปนั่น..อีกคนที่ไม่เห็นหน้าคุณโพสต์บอกไปเลยก็ได้ว่าเป็นผม ผมกำลังข่มขืนชยา…คุณทำได้ใช่มั้ย”

       “นี่กวินทร์เป็นบ้าอะไรเนี่ย ไหวรึเปล่า?” อดไม่ได้ที่จะตวาดกลับไป ..เขาเสียสติ กวินทร์เสียสติไปแล้วแน่ๆ

       แต่จริงๆ..ฟ้าก็รู้เหตุผลดีว่าทำไมกวินทร์ถึงเสียสติมาขอร้องอะไรแบบนี้

       “ผมขอนะ ช่วยผม…ซักครั้ง”

       “ทำไมต้องช่วยอะ ฟ้ารู้นะว่าคุณอยากปกป้องชยา อยากให้คนอื่นเขามาด่าว่าคุณแทนมัน” ใช่..และนี่คือเหตุผล เดาได้ง่ายๆเลยว่าคนๆนี้กำลังอยากให้ใครก็ตามที่กำลังนินทาครหาชยา ให้มาด่าว่าหรือสาปแช่งเขาแทน ซึ่งมันก็…โคตรเจ็บเลยที่คนที่เรารักมากๆ เขากลับรักใครอีกคนมากกว่าจนยอมเสียสละเพื่อกันได้ถึงขนาดนี้



       “งั้น..คุณลบคลิปแล้วก็เผยตัวออกมาขอโทษได้รึเปล่าล่ะครับฟ้า” กวินทร์ยังคงใช้สายตาอ้อนวอนนั้นสื่อสารกับเธอ

       “มันไม่ใช่เรื่องที่ฟ้าต้องทำอะ ขอตัว..” ฟ้ากำลังจะหันหลังกลับ แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าลงเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะเอ่ยถามนั้นเป็นดั่งคมมีดที่แทงลงกลางใจ

       “ฟ้าเคยเห็นชยาเป็นเพื่อนมั้ย”

       “…” เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และความสุขที่เคยมีร่วมกันฉายย้อนเข้ามาในหัว “เคยค่ะ…แต่ก็นานมาแล้ว ตอนนี้ฟ้าไม่ได้สนใจอะไรมันเลย”

       …แต่แค่เธอถูกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้นกำลังแย่งของๆเธอไป

       “เขาไม่เคยคิดแบบนั้นกับคุณเลยนะ เขายังคงเห็นคุณเป็นเพื่อนตลอดมา”

       “…”

       “ถ้าครั้งนึงฟ้าเคย…ก็เห็นแก่ความเป็นเพื่อนนั้นหน่อย เวลาที่เหลือของเขาผมอยากให้ชยาสบายใจ” คนตัวสูงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด

       “เดี๋ยว…เดี๋ยวนะ..” คนฟังอย่างฟ้าหันกลับไปหากวินทร์อีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู

       “..ถึงมันจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม ผมก็ยอม”

       “เดี๋ยวก่อน หมายความว่ายังไง…เวลาที่เหลือ?” เธอถามกลับ สีหน้าของฟ้าเริ่มฉายแววอะไรบางอย่างออกมา

       ‘ความหวาดกลัว’ ต่อความผิดกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำกับชยา

       “ผมว่า..คุณไปหาเขาเองดีกว่า ไปดูให้เต็มตากับสิ่งที่คุณทำให้เขาเป็น” กวินทร์คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเดินสวนกับน้ำฟ้า ไม่นานนักแผ่นหลังกว้างก็ห่างออกไปไกลจนลับสายตา

       ทิ้งไว้เพียงแค่คำพูดที่กำลังดังก้องซ้ำๆอยู่ในหัวของเธอ ตอกย้ำให้เธอได้รับรู้เสียทีว่าสองมือที่เธอเคยใช้ทำลายชีวิตคนเพียงเพราะความหึงหวงที่ไร้การยั้งคิดยั้งทำ

       ชีวิตของคนๆนั้น…ถูกทำลายลงแล้วจริงๆ



       



       เมื่อกวินทร์ได้พูดสิ่งที่เขาอยากจะบอกกับฟ้าเรียบร้อย เป้าหมายต่อไปของเขาก็คงเป็นใครไม่ได้นอกจากเพื่อนของเขาเอง

       แต่หามันเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนสุดท้ายก็ทำได้แค่นั่งโง่ๆรอเวลาให้ผันผ่านไปเรื่อยๆจนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มเผื่อว่ามันจะเลิกเย็น

       และใช่…ไม่นานนักกวินทร์ก็เห็นแผ่นหลังของเพื่อนเขาอยู่ไม่ไกลจากสายตา

       “อาร์ต” เสียงทุ้มของกวินทร์เอ่ยทักเพื่อนของเขาที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ลานจอดรถกับกลุ่มเพื่อน



       “..มีอะไร” อาร์ตหันมาตอบตามเสียงเรียกด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันกลับไปพ่นควันสีขาวต่อเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนเรียกเขา

       “มึงช่วยลบที่มึงโพสต์ไปได้มั้ยวะ บอกเพื่อนๆมึงด้วยว่าเหตุการณ์วันนั้นมันไม่ได้มีแค่ชยาที่ทำมึง มึงเองก็ทำร้ายน้องไม่ต่างกัน” กวินทร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ..สำหรับไอ้อาร์ตคงทำอะไรไม่ได้นอกจากขอร้องมันไปตรงๆ อย่างน้อยมันก็เป็นคนมีเหตุผลมากพอ น่าจะรับฟังเขาอยู่บ้าง กวินทร์คิดแบบนั้น

       ..แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดซักเท่าไหร่

       “หรอวะ จริงปะ” ไอ้อาร์ตแค่นยิ้ม ถามกลับด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท

       “อาร์ต..มึงก็รู้อยู่แก่ใจ มันเพียงพอแล้วเว้ยสำหรับการที่มึงจะทำลายชีวิตชยาอะ ตอนนี้ชยาได้รับสิ่งที่มึงต้องการให้เขาได้รับอย่างเต็มที่แล้ว มึงควรพอ…แล้วก็ทำสิ่งที่มันผิดให้มันถูกซักที”

       “ยังไงดีวะเพื่อนๆ” คนตรงหน้าหันกลับไปถามเพื่อนของมันอีกสามสี่คนที่กำลังเงียบฟังโดยไม่คิดออกเสียงร่วมด้วยกับการสนทนา

       “น้องเจ็บมามากพอแล้ว..” กวินทร์ยังคงพร่ำบอกเพื่อนของเขาอยู่อย่างนั้นเพื่อหวังว่ามันจะรับฟัง แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องรู้ซักทีว่าสิ่งที่ทำมันเปล่าประโยชน์

       “ก็สะใจกูดีออก …แล้วนี่ ยังไงต่อดี มันเจ็บมามากแล้วหรอ? ควรพอกับมัน?”

       “มึง...กูขอร้อง ถือว่าช่วยกูก็ได้ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา..”

       “ขอโทษที” ไอ้อาร์ตยิ้มแสยะ “สำหรับมึงกูทิ้งคำว่าเพื่อนไปนานแล้ว”

       “…” กวินทร์ยืนนิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรโง่ๆลงไปโดยไม่ห่วงศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้น

       “อาร์ต…กูขอร้อง” เข่าทั้งสองข้างทรุดลงกับพื้นต่อหน้าเพื่อนเก่าของเขา ..รู้ดีว่าทำแบบนี้มันน่าสมเพช แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆให้ไอ้อาร์ตยอมฟังสิ่งที่เขาบอก

       “ปัญญาอ่อนว่ะ ลุกไอ้ควาย” ไอ้อาร์ตสบถอย่างไม่สบอารมณ์

       “มึงจะฟังที่กูพูดปะละถ้ากูลุก”

       “แล้วมึงคิดว่ามึงทำแบบนี้กูจะฟังมึง?”

       “…”

       “มึงแม่งน่ารำคาญไอ้เหี้ย!” สิ้นเสียงดุดันของคนตรงหน้า รองเท้าหนังสีดำขลับก็ถีบลงที่อกของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำเอาเขาเซจนเกือบจะนอนราบไปกับพื้น

       ..แต่ไม่ทันที่จะตั้งตัวขึ้นมาใหม่เขาก็ถูกไอ้อาร์ตขยำคอเสื้อขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ในหัว

       “มึงอยากให้กูพอหรอ..” มันยิ้มแสยะ สบตาใบหน้านิ่งของกวินทร์อย่างไม่เกรงกลัว “ได้กูจะพอกับมัน …แล้วมาเล่นกับมึงแทน!”

       “ต้องการแบบนั้นหรอ..” หากแต่กวินทร์เองก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรคนตรงหน้าเช่นเดียวกัน

       “ไม่ต้องเสือกพูดมากหรอก หุบปากไปดีกว่าถ้าไม่อยากตายคาตีนพวกกู” เพื่อนคนที่เหลือของมันเริ่มขยับเข้ามารอบตัวเขาอย่างรู้งาน

       “…” กวินทร์มองใบหน้าที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง จริงๆก็โคตรเจ็บเลยที่คนที่เขาไม่เคยคิดร้ายและยังเห็นว่าเป็นเพื่อนเสมอมา แท้จริงแล้วตัดขาดกันไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

       “ถ้ามึงทำกูตายคาตีน…มึงจะทำตามที่กูบอกใช่ไหมอาร์ต..” กวินทร์เอ่ยถามเสียงแผ่ว

       “ขอให้กูได้เอาตีนยัดปากมึงก่อนนะ แล้วกูจะพิจารณาอีกที” เสียงดุดันยังคงพ่นคำหยาบโลนออกมาไม่หยุด

       แต่ว่านี่ก็คงจะเพียงพอแล้ว…ที่จะทำให้เวลาที่เหลือของชยาไม่ต้องมาทุกข์ใจกับเรื่องนี้อีก…

       ใบหน้าหล่อของกวินทร์คลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับหลับตาพริ้ม น้อมรับกับความเจ็บปวดที่กำลังจะได้รับ



       “งั้นก็เอาเลย ‘เพื่อนรัก’ ..กูยินดี”





       ผัวะ!

       หมัดหนักชกลงกลางจมูกที่โด่งเป็นสันจนกวินทร์รับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่ตลบอบอวลอยู่ภายใน

       พลั่ก!

       แข้งขาของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของมันเตะมาที่สันหลังกว้างของเขา ความรู้สึกจุกแบบที่เปล่งเสียงอะไรออกไปไม่ได้เกิดขึ้นอย่างทรมาน



       …กำปั้นแล้วกำปั้นเล่าที่กวาดฟาดลงบนใบหน้าหล่อ หากแต่กวินทร์กลับไม่คิดจะต่อต้านอะไรเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ร่างกายจะเจ็บปวดจนทำได้แค่นอนงอตัวไปกับพื้นแต่เขาก็ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น



       ‘แค่นี้…ชยาก็จะปลอดภัยแล้ว ชยาก็จะไม่ต้องทุกข์ใจกับเรื่องนี้อีก ชยาจะ..มีความสุข’ คิดอยู่แบบนั้น…ก่อนสติที่เหลืออยู่จะดับวูบไป

















        “…” คนตัวเล็กบนเตียงผู้ป่วยชันตัวเองลุกขึ้นนั่งเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นเพียงแค่เสียงสีส้มของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า บรรยากาศความมืดสลัวภายในห้องอันว่างเปล่านี้มันเงียบเหงาเสียจนน่าใจหาย

       ก่อนหน้านี้ที่นั่งตรงข้างๆเตียงไม่เคยว่างเปล่าแบบนี้เลยซักครั้ง ทุกๆวันจะมีเสียงงุ้งงิ้งน่ารำคาญคอยก่อกวนโสตประสาทของเขาอยู่ตลอด

       เสียงนั้นเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระ เดี๋ยวก็พูดเรื่องหนัง เดี๋ยวก็พูดเรื่องเพื่อน เดี๋ยวก็บ่นเรื่องรถติด เดี๋ยวก็บ่นเรื่องแม่ค้าขายข้าวแกงที่มหาลัย หนักสุดก็คงจะเรื่องออกไปนอกโลก …โคตรน่ารำคาญเลย

       ควรจะสบายใจแล้วไม่ใช่หรอที่ไม่มีเขาอยู่ตรงนี้… ควรจะดีใจแล้วไม่ใช่หรอที่ในที่สุดคำตวาดไล่ให้เขาไปๆซะเขายอมทำตามซักที

       ควรจะเป็นแบบนั้น…ไม่ใช่คิดถึงเขาแบบนี้



      “ชยา” เสียงทุ้มดังขึ้นมาในหูพร้อมๆกับเสียงเปิดประตู



       อ่า..ในที่สุดเขาก็มา



       ..คนตัวเล็กรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง รอยยิ้มเล็กๆแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าหวานไปด้วยความดีใจ

       “ชยา…เป็นไงบ้าง” ทว่ารอยยิ้มเมื่อครูก็ต้องหุบลง ผู้มาเยือนไม่ใช่คนที่เขารอคอย

       ”อ้าว พี่ธน” คนตัวเล็กสะบัดสิ่งที่คิดอยู่ในหัวออกเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ก่อนจะกลบความรู้สึกเมื่อครู่ของตัวเองไว้ให้มิดชิดที่สุด แล้วปั้นหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข

       “พี่เอง ไม่ใช่ดาราที่ไหน” พี่รหัสตอบติดตลก ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ วางของที่ซื้อติดตัวมาบนโซฟา แล้วเดินมานั่งข้างๆน้องรหัสที่อยู่บนเตียง

       “มึงเป็นไงบ้าง” พี่ธนเอ่ยถาม

       “สบายดีครับพี่มึง” คนตัวเล็กยิ้มตอบ ..ทำไมพี่ธนจะไม่รู้ล่ะว่ารอยยิ้มนี้มันยิ้มออกมาเพื่อให้เขาสบายใจ

       “ดีใจที่มึงสบายดี แต่ถ้ารู้สึกไม่ดีตรงไหนรีบบอกกูนะ” พี่ธนยิ้ม และไม่ได้ซักถามอะไรต่อ ..ชยาอยากให้เขาเชื่อในรอยยิ้มนี้ เขาก็จะเชื่อ ถ้ามันทำให้คนป่วยสบายใจขึ้น “นี่กูซื้อส้มมาฝาก จำไม่ค่อยได้แล้วว่ามึงชอบกินอะไร แต่กูผ่านร้านส้มพอดีก็เลยซื้อมา”

       “จำไม่ได้แต่เดาเก่งเนอะ” ชยาเอ่ยแซว จริงๆพี่ธนไม่ได้ลืมหรืออะไรหรอก เขาจงใจซื้อมาต่างหาก รู้ดีเลยว่าน้องนุ่งชอบกินส้มจีนไร้เมล็ดเปรี้ยวอมหวานที่มีเส้นใยสีขาวน้อยๆ และเปลือกไม่กลิ่นฉุนมาก

       จริงๆก็ไม่ได้ผ่านร้านส้มอีกด้วยแหละ แต่พี่เขาตระเวนหาในห้างและเลือกทุกผลมาเองกับมือ



       “ชยา” พี่ธนเอ่ยเรียก “กูรู้เรื่องแล้วนะ กวินทร์เป็นคนบอกกู”

       “…”

       “กูไม่อยากให้มึงยอมแพ้เลยว่ะ” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ดางตาที่จ้องมองมานั้นฉายแววความห่วงใยออกมาจนชยารู้สึกได้ “กูเองก็อยากให้มึงผ่าตัด ..อย่างน้อยก็ลองเสี่ยงดู ขอแค่มึงอย่ายอมแพ้กับโรคนี้..”

       “พี่ธน..ผมรู้เว้ย”

       “…”

       “แต่ผ่าตัดไปก็ใช่ว่าผมจะหาย โอกาสมันแค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์”

       “แต่ก็น่าลองกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ของอีกตัวเลือกปะวะ ชยา..มึงอย่ายอมแพ้ดิ”

       “…”

       “กูรู้ว่ามึงเจออะไรมาหนักจนอาจจะคิดว่ามึงไม่เหลือใคร” พี่รหัสตัวสูงยังคงสีกน้าจริงจังของเขาอยู่ดังเดิม จนคนฟังอย่างชยาทำได้แค่รับฟังสิ่งที่เขากำลังจะสื่ออย่างไม่อาจเอ่ยโต้แย้งไปได้

       “แต่มึงยังเหลือกูนะไอ้เด็กเวร กูไม่ยอมปล่อยให้มึงเป็นอะไรไปแน่ๆ ที่บอกอย่ายอมแพ้มันไม่ใช่ประโยคขอร้องนะน้องหนู กูบังคับมึงโว้ย!” ทว่าท่าทีจริงจังเมื่อครู่กลับหายไปก่อนจะถูกแทรกแซงด้วยท่าทีกวนส้นเท้าอันเป็นเอกลักษณ์ของคนๆนี้แทน และตอนนั้นเอง...ใบหน้าหวานที่เคยพบเจอแต่ความเศร้าสลดเฝก็มีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขเกิดขึ้นอีกครั้ง




ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
       “งั้นกูกลับก่อนนะ เดี๋ยวมาใหม่” เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง พี่รหัสที่เอาแต่โม้นู่นโม้นี่พร้อมกับยิงมุกกากๆจึงได้เวลาขอตัวกลับบ้านไป

       ท้องฟ้าข้างนอกมืดลงแล้ว ทันทีที่แผ่นหลังกว้างของพี่ธนห่างออกไปพร้อมกับเสียงปิดประตูความรู้สึกเดิมๆก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

       “คุณจะไม่มาจริงๆหรอ..” คนตัวเล็กมองไปทางประตูพร้อมด้วยความหวังอันริบหรี่ในใจ

เขาเหม่อมองอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานแต่สุดท้ายแล้วประตูที่ว่าก็ไม่ถูกเปิดออกแล้วปรากฎเป็นกวินทร์ขึ้นมาแต่อย่างใด

       รู้อยู่แล้วว่าไม่ควรหวังอะไร..

       แต่วันพรุ่งนี้…คุณจะมาหากัน..ใช่มั้ย









       เสียงสลัวของหลอดฟลูออเรสเซนซ์ที่เพดานห้องตกกระทบเข้ากับเปลือกตาจนรู้สึกไม่สบายตา

       กวินทร์ลืมตาขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ใช้เวลาปรับสายตาอยู่ชั่วครู่อะไรหลายๆอย่างจึงชัดเจนขึ้นมา

       “กวินทร์” เสียงทุ้มของไอ้อาร์ตเอ่ยเรียกเขา มันกำลังนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาตรงปลายเท้าของเขา

       “…” กวินทร์พยายามยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง แต่กว่าจะทำได้ก็ยากลำบากเหลือเกิน เพราะตามลำตัวมีแต่บาดแผลไปหมด ซ้ำภายในก็ยังคงจุกๆปวดๆอยู่ไม่ได้จางหาย แต่ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่รอยแผลตามตัวมีผ้าก๊อตและแผ่นพลาสเตอร์ติดอยู่

       “กู..กูขอโทษ” คนตรงหน้าเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว “กูไม่รู้..กูขอโทษ”

       “…” กวินทร์มองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย แต่ที่น่าสงสัยกว่าคือตอนนี้เขาอยู่ไหนก็ไม่รู้

       “เรื่องโพสต์อะไรนั่นกูลบหมดแล้วนะ กูบอกเรื่องจริงกับเพื่อนกูไปหมดแล้วด้วย…ตามที่มึงขอเลย”

       “..ทำไม..” จะว่าดีใจ..ก็คงใช่ แต่มันออกจะแปลกไปซักหน่อยที่คนที่พึ่งกระทืบเขามาหมาดๆจะยอมทำตามจริงๆพร้อมกับคำขอโทษที่พึ่งพูดออกมา

       “ทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่แรกวะกวินทร์ว่าชยา…เป็นมะเร็ง”

       “…”

       “ถ้าไอ้ธนไม่โทรมาบอกกู กูก็คงเป็นไอ้เหี้ยที่ไม่รู้ห่าอะไรเลยต่อไป” 

       “…”

       “กูแค่..อยากสั่งสอนมันบ้างว่าไม่ควรทำแบบนั้น แต่กูไม่ได้หวังให้มันเป็นขนาดนี้..” คนตรงหน้าก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิด หากแต่มาถึงขนาดนี้แล้วมันก็คงจะทดแทนอะไรกันไม่ได้อีกต่อไป

       “อาร์ต ทีหลังมึงต้องใจเย็นกว่านี้ อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้ มึงคิดไม่ถึงหรอกว่าบางทีสิ่งที่มึงทำมันจะทำลายชีวิตคนได้จริงๆ” กวินทร์มองคนตรงหน้าด้วยหลายๆความรู้สึกที่ปะปนกันในหัว อยากจะโกรธแต่พอเห็นมันรู้สึกผิดแบบนี้แล้วก็สงสาร

       ตอนนี้ในฐานะเพื่อนที่ดีก็ควรที่จะพูดอะไรซักอย่างออกไป ..และสิ่งที่กวินทร์เลือกที่จะพูดไปก็คือสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนของเขาในอนาคต กวินทร์ไม่ได้ด่า ไม่ได้ต่อว่า หรือทำร้ายอาร์ตเพื่อให้สาสมกับการกระทำที่มันทำ

       เขาเลือกที่จะมองข้ามอดีตที่ผ่านไปแล้ว เพราะมันคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือตราบาปและความรู้สึกผิดจากการทำอะไรโง่ๆลงไปโดยไม่คิดเท่านั้นที่จะติดตัวไปจนกว่าจะตาย อยู่ที่ว่ามันจะเลือกจมจ่อมอยู่กับความรู้สึกนี้ หรือจดจำเอาไว้เป็นบทเรียนไว้คอยเตือนตัวเอง

       “กูแม่งเหี้ยจริงๆอะ โง่ด้วย โคตรควายเลย..”

       “กูไม่เถียง”

       “…”

       “ที่มึงทำกับกูกูไม่โกรธมึงหรอกนะ เพราะตอนนั้นกูก็ทำกับมึงเหมือนกัน…เราเจ๊ากัน” กวินทร์พยายามยิ้มแย้มพูดติดตลกเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ เขาไม่ได้ลืมหรอกว่าก่อนหน้านี้ไอ้อาร์ตมันทำอะไรไว้บ้าง แต่ถ้าจะมาโวยวายเอาความเอาคดีอะไรกันในเวลาแบบนี้ก็คงไม่มีประโยชน์

       “แต่กูไม่มีทางเจ๊ากับไอ้ชยามันเลยว่ะ กูรู้สึกแย่ ถ้ากูไม่ลากให้คนอื่นเกลียดมันมันก็คงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้”

       “มึงก็จำไว้แล้วกันเรื่องนี้ จำไว้เป็นบทเรียน” ถึงอีกฝ่ายจะตัดเพื่อนกันไปแล้ว แต่กวินทร์คนนี้ไม่เคยคิดแบบนั้น และจะไม่มีทางทำแบบนั้นด้วย เขายังคงอยู่ตรงนี้ ในฐานะเพื่อนแม้จะเพียงฝ่ายเดียว แต่เขาก็จะทำหน้าที่ของเพื่อนให้ดีที่สุด

       “ยังไงก็รู้สึกผิดว่ะ..”

       “กูรู้ กูเข้าใจมึง แต่มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ..ทีหลังเวลาสองมือของมึงอยากจะทำอะไรก็ให้มันผ่านความรู้สึกนึกคิดและสติให้มันถี่ถ้วนซะก่อน ไม่งั้นพอมึงลงมือทำไปแล้ว ถ้ามันแย่มันก็จะลำบากสองขามึงที่ต้องก้าวเดินต่อแบบที่มึงกำลังรู้สึก”

       ไอ้อาร์ตนิ่งไปซักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นสูดหายใจลึกๆแล้วผ่อนออกมา

       “พรุ่งนี้กูไปขอโทษมันดีกว่า” อาร์ตพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายมากกว่าตอนแรก “มึงนอนนี่ก็ได้นะวันนี้อะ ตามสบายเลย คิดซะว่าเป็นคอนโดมึง”

       “เออได้ เดี๋ยวกูขอไปฉี่บนที่นอนมึงแป็ป”

       “ตลกตาย”

       “55555555555555”

       บรรยากาศเก่าๆเริ่มกลับมาอีกครั้ง ยังไงซะไอ้อาร์ตเองก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าครั้งนึงก็เคยสนิทกับกวินทร์มากจริงๆ ความห่าเหวของพวกเขามันเข้ากันได้ดียิ่งกว่าแอปเปิ้ลกับหนอน

       ความรู้สึกผิดไม่ได้จางหายไปจากใจแต่อย่างใด ไอ้อาร์ตยังคงรู้สึกแบบเดิมอยู่ รู้สึกผิดทั้งกับชยา แล้วก็กับกวินทร์เอง ใจจริงอยากจะเอาเท้าตบปากตัวเองซักร้อยทีเพื่อให้มันเลิกพล่อย





       “มึงรู้จักที่อยู่พี่ภูปะวะ เขาควรรู้เรื่องของน้องเขา” จมจ่อมอยู่กับความรู้สึกนั้นได้ไม่นานก็ถูกเสียงของกวินทร์เข้ารบกวน

       “รู้จัก อยู่ไกลหน่อยนะ” ไอ้อาร์ตตอบ

       “เออ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะไปหาเขา”

       “เอาเบอร์เขาเปล่า กูมี เดี๋ยวกูโทรบอกเขาด้วยว่ามึงจะไปหา”

       “เค ตามนั้น” กวินทร์ชูนิ้วทำท่าโอเค เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรยุกยิกๆซักพักแล้วก็เดินหนีหายเข้าไปในครัว

       แต่ไม่นานนักเจ้าตัวก็กลับมาพร้อมกับเบียร์ขวดนึง

       “พี่เขาว่างตอนเย็นว่ะห้าโมงอะ เขาให้ไปหาที่ออฟฟิศ” ไอ้อาร์ตบอกพร้อมกับวางขวดเบียร์ในมือลงบนโต๊ะเตี้ยข้างหน้าโซฟา “มึงก็พักซักหน่อย เดี๋ยวค่อยไป”

       กวินทร์พยักหน้า ก่อนจะยกขาขึ้นมาบนโซฟาแล้วนอนแผ่หราต่ออย่างสบายใจจนเจ้าของบ้านทำได้แค่หมั่นไส้เพราะไม่มีที่จะนั่งกินเบียร์แล้ว









       แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านเกลียวม่านที่สะบัดสวัดไสวไปตามลม

       วันนี้ฟ้าโปร่ง มีหมู่เมฆสีขาวอยู่บ้างประปราย อากาศจากหน้าต่างห้องผู้ป่วยบนชั้นแปดนั้นสดชื่นสุดๆ

       ชยาตื่นแต่เช้าเพื่อออกมารับลมและสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้า



       วันนี้ในห้องสี่เหลี่ยมห้องเดิมก็ยังคงเงียบเหงาเช่นเดิม แต่อาจจะไม่ทั้งหมด เพราะในใจของคนตัวเล็กตอนนี้ก็มีความสุขดี



       ‘วันนี้คุณจะมา…ผมเชื่อ’







       ก๊อกๆ

       เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดออกอย่างมีมารยาท ชยาหันไปตามเสียงด้วยความหวังว่าจะเป็นกวินทร์เช่นเคย แต่เปล่า..เขาผิดหวังอีกแล้ว

       “ฟ้า?” คนตัวเล็กเอ่ยเรียกพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ ..ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพื่อนคนเดียวที่ยิ้มตอบเขาในวันนั้นมาเยี่ยมเขาด้วย ..ดีใจสุดๆเลย

       “ชยา..” เสียงของเธอดูเศร้าสร้อยเมื่อได้เห็นคนตัวเล็กในชุดคนป่วย

       “ฟ้ารู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่” อดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน หรือว่าจะเป็นเพราะกวินทร์เป็นคนไปบอกอีก..

       “กวินทร์เป็นคนบอกฟ้า” จริงอย่างที่คิดไม่มีผิด ..คุณไปบอกคนนู้นคนนี้ได้ แต่ทำไมคุณถึงไม่มาเยี่ยมกันบ้าง “แต่ว่าไม่ต้องคิดมากนะ..ฟ้ากับกวินทร์เลิกกันได้ซักพักแล้ว”

       “อ้าว ทะเลาะกันหรอ..” คนตัวเล็กเกิดคำถามขึ้นมาในหัว เพราะก่อนหน้าที่เขาจะเข้าโรงพยาบาลสองคนนี้ก็ดูรักกันดี ..หรือที่กวินทร์มาเยี่ยมเขาบ่อยๆมันจะเป็นเหตุผลนึงด้วยรึเปล่า ถ้าใช่..ก็คงรู้สึกผิดมากๆเลย

       “ก็..ใช่แหละ แล้วนี่ชยาเป็นยังไงบ้าง” ฟ้าเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาก่อนจะเอ่ยถาม

       “เราสบายดี” เป็นอีกครั้งที่ชยาโกหก..

       “ชยา..” ฟ้าเรียกเสียงแผ่ว น้ำเสียงดูเศร้าสร้อยมากกว่าเดิม เธอก้มหน้าลงแล้วสะอื้นหนักจนตัวสั่น

       “…” ชยามองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยกับท่าทางแปลกๆของเธอ

       “ฟ้าขอโทษ..ขอโทษ” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยเอื้อนมาจากคนตรงหน้า “ฟ้าขอโทษ…ฮือ”

       “…”

       “ฟ้าขอโทษ.. ที่ทำให้ชยา..เป็นแบบนี้”

       ..ต้นเหตุของน้ำเสียงเศร้าสร้อย ..ต้นเหตุของหยาดน้ำตาเม็ดใสที่ไหลรินออกมาไม่หยุดนั้นมาจากสิ่งเดียวที่เธอเข้ามาแล้วได้เห็น



       “หืม เราไม่เป็นไรซักหน่อย...เราสบายดี” 

       ..สภาพชยาที่ซูบผอมจนแทบเป็นคนละคน















       “พี่ภู” เสียงทุ้มของกวินทร์เอ่ยเรียกคนตัวสูงตรงหน้าที่พึ่งเดินออกมาจากอาคารสำนักงาน

       “อ้าวว่าไงสัด ไม่เจอกันนาน” เขายิ้มตอบอย่างเป็นกันเองก่อนจะเดินมาหากวินทร์ “ไอ้อาร์ตบอกแล้วแหละว่ามึงจะมาหากู…แล้วนี่มีเรื่องอะไร”

       “ผมพึ่งรู้ว่าพี่เป็นพี่ชยา” กวินทร์ตอบกลับทันควันด้วยใบหน้าเรียบเฉย

       “…”

       “ทำไมพี่ถึงปล่อยให้น้องตัวเองมาเจออะไรแบบนี้วะพี่ภู..”

       “…”

       “พี่รู้มั้ยว่าตอนนี้น้องพี่เป็นยังไงบ้าง น้องมันต้องทรมานขนาดไหนพี่รู้บ้างมั้ย” คนเป็นพี่ยังคงยืนนิ่งมองเขากลับด้วยสายตาที่ไม่ฉายแววความรู้สึกใดๆ เป็นอย่างนั้นอยู่ชั่วขณะก่อนจะเดินนำกวินทร์ไป

       “เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง” พี่ภูพูด



       เขาทั้งสองมาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวๆนั้น คนเป็นพี่เดินนำเข้าไปนั่งที่โต๊ะก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งอาหารอย่างไม่ทุกข์ร้อน

       “พี่ ผมไม่มีเวลาเยอะขนาดมานั่งเล่นอยู่นี่นะ พี่ตอบผม..” กวินทร์พูดอย่างไม่สบอารมณ์

       “กูรู้ กูกำลังจะตอบมึง”

       “ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้วะ”

       “กูขอออกตัวไว้ก่อนเลยนะว่าสิ่งที่กูจะพูดมันเป็ยอดีตไปแล้ว ตอนนี้กูไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนั้นแล้ว กูมีงานมีการให้เครียดกว่านั้นเยอะ”

       “…”

       “มึงรู้มั้ยว่าที่ชยาเป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะมันหนีออกจากบ้าน”

       “…”

       “มันหนีออกมาโดยไม่บอกไม่กล่าวใครทั้งนั้น ไม่ว่าแม่ พ่อ หรือกู ตอนนั้นครอบครัวกูปวดหัวกันจะตายห่าเรื่องของมัน แจ้งความก็แล้ว แต่ก็ไม่พบ จนกูคิดว่ามันสูญหายไปแล้วจริงๆ”

       “…”

       “แต่โชคดีที่โลกนี้ยังกลมอยู่ กูไปเจอมันแถวๆมอ กูก็เลยได้รู้ว่ามันเรียนมอเดียวกับที่กูจบมา ตอนนั้นกูพูดตรงๆเลยว่ากูแค้นมาก”

       “…”

       “มันทำให้แม่จากไป แม่ตรอมใจตายเพราะมัน”

       “…”

       “กูเลยอยากสั่งสอนมันซักหน่อย พอเห็นว่ามึงอยากได้น้องกูกูก็เลยมาเล่นพนันกับมึงไง”

       “…พี่ไม่คิดหรอว่าน้องมันต้องเจออะไรบ้าง”

       “เจอมึงไง ถ้าชีวิตน้องกูจะชิบหาย ก็คงเป็นเพราะมึง”

       “…”

       “แต่กูเชื่อนะว่ามึงดูแลน้องกูได้” คนเป็นพี่คลี่ยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลายเพราะเชื่อใจคนตรงหน้าในระดับนึงเลยทีเดียว หากแต่เขาไม่อาจรู้เลยว่า..

       “ผมดูแลเขาไม่ได้เลยพี่..” คนตรงหน้าของเขานี่แหละที่ทำชีวิตน้องพังทลาย

       “…”

       “มีอะไรเกิดขึ้นหลายอย่างระหว่างผมกับชยา สุดท้ายแล้วสภาพผมก็เป็นอย่างที่เห็น ส่วนชยา..อยู่โรงพยาบาล”

       “ทำไม น้องกูเป็นอะไร!” คนเป็นพี่ดูร้อนรนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยิน

       “พี่ภูใจเย็นๆนะ ทำใจดีๆ..”

       “…”

       “ชยาเป็นมะเร็ง” แก้วน้ำที่อยู่ในมือคนเป็นพี่ค้างเติ่งอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะหล่นร่วงลงที่พื้น

       เพล้ง!!

       “ม..มึงว่าไงนะ” พี่ภูถามอย่างไม่เชื่อหู

       “พี่ ..ชยาเป็นมะเร็ง”







       ..ภายในห้องผู้ป่วยสีเหลี่ยมห้องเดิมตอนนี้กลับมามีแต่เพียงความเงียบสงัดอีกครั้ง

       พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว เป็นสัญญาณบอกแก่คนตัวเล็กว่าให้เตรียมตัวเผชิญกับความเหงาอันแสนทรมานอีกครา

       ตลอดทั้งวันของวันนี้ก็ยังเป็นวันที่แสนน่าเบื่อ หลังจากที่ฟ้ากลับไปแล้วชยาก็ไม่รู้จะทำอะไรเลยนอกจากนอนซมอยู่บนเตียงแบบนั้นเฝ้ารอให้เวลาผันผ่านต่อไปเรื่อยๆ หวังเพียงที่นั่งข้างเตียงตรงนี้จะมีกวินทร์กลับมานั่งโม้ให้เขาฟังเหมือนเดิม

         

       “คุณจะมา..” คนตัวเล็กเหม่อมองไปที่เกลียวม่านกำลังสวัดไสวไปตามลม

       “คุณจะไม่มา..” ลมที่พัดพานนั้นสงบลง ผ้าม่านจึงเรียบนิ่ง

       “คุณจะมา”

       “…”

       “คุณจะไม่มา”

       “…”

       “คุณจะมา..” และอีกครั้งที่ลมโชยเข้ามา คนตัวเล็กเห็นผ้าม่านกำลังปลิวไปตามลมก็เลยคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ทว่าเป็นแบบนั้นได้ไม่นานกระแสลมที่เคยพัดผ่านเข้ามาก็จางหายไป



       “วันนี้…คุณคงไม่มาแล้วใช่รึเปล่า..?” ชยายังคงเหม่อมองไปที่หน้าต่างอยู่แบบนั้น ก่อนจะค่อยๆเอนตัวลงนอน เขาพลิกตะแคงหันหน้าไปทางหน้าต่างแล้วกระชับผ้าห่มบางขึ้นมาระดับอก รอยยิ้มเล็กๆแต่งแต้มใบหน้าหวานของเขา



       “ไม่เป็นไร…ผมจะรอ”   









       พระอาทิตย์ขึ้นมายิ้มแฉ่งบนท้องฟ้าสีครามอีกครั้งหากแต่ไม่นานนักก็ถูกหมู่เมฆสีหม่นบดบังเสียก่อน

       วันนี้อากาศค่อนข้างอึมครึมราวกับฝนจะตก ซึ่งพอประจวบเหมาะกับภายในห้องผู้ป่วยที่ยังคงบรรยากาศอันเงียบเหงาไว้อยู่เหมือนเคยก็ทำให้ความเหงานั้นมากขึ้นไปอีก ทว่าก็ยังดีที่ช่วงสายของวันความเหงานั้นถูกทำลายลงไปบ้าง เพราะคนเป็นพี่ที่เข้ามาหา

       ..เป็นอีกครั้งที่มีคำขอโทษพร่ำบอกกับเขา หากแต่มันไม่มีคำว่ายกโทษให้กลับมาแก่คนพูดอย่างพี่ภู

       เวลามันผ่านมาเนิ่นนานจนชยาแทบจะสัมผัสความเป็นพี่เป็นน้องจากคนตรงหน้าไม่ได้แล้ว

       “ชยา..เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนปวดตรงไหนบ้างมั้ย” คนโตกว่าถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงที่ส่งผ่านมาทางสายตา

       “ไม่เท่าไหร่” สำหรับชยามันง่ายไปหน่อยที่พอเขาเป็นแบบนี้คนเป็นพี่ก็พึ่งจะมาให้ความสนใจ

       “พี่..ขอกอดเราหน่อยได้มั้ย?” จู่ๆคนเป็นพี่ก็เอ่ยขออย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จะบอกว่าเพราะคิดถึงกันก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่ภูแน่นอน 

       “…” ทว่าพี่ภูไม่ได้ปล่อยให้ชยาได้พูดอะไรต่อ ..เขาขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะดึงคนตัวเล็กเข้าไปในอ้อมกอด

       “พี่รักชยานะ ..ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียว..” ชยามาเข้าใจกับสิ่งที่กำลังเกิดมากนัก แต่น้ำเสียงสั่นเครือของพี่ภูก็สะกิดใจเขาอยู่ไม่ใช่น้อย

       จริงๆคือ…พี่ภูแค่อยากกอด อยากส่งความรู้สึกนี้ไปให้ถึงน้อง ..ความรู้สึกเป็นห่วงที่มันมากล้นอยู่เต็มหัวใจ

       เขาไม่อยากให้น้องเพียงคนเดียวของเขาต้องคิดมาก ..ต้องเจ็บปวด

       แค่เห็นใบหน้าหวานที่เขาเคยรักเคยชังมาตั้งแต่เด็กผอมตอบลงไปหัวอกคนเป็นพี่ก็แทบแหลกสลายลงอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว..



       “แล้วนี่คือ ไม่มีงานทำหรอ…หรือไง?” แต่ว่าคนตัวเล็กไม่ได้เข้าใจสิ่งที่พาภูกำลังพยายามสื่อเลยแม้แต่น้อย ถ้อยคำร้ายๆที่เต็มไปด้วยความเคืองโกรธยังคงออกมาจากปากของเขา ซึ่งมันก็ทำเอาคนเป็นพี่ถึงกับหน้าชาไปชั่วขณะเลยทีเดียว

       “วันนี้พี่ขอหยุด..เพื่อมาเยี่ยมชยา” พี่ภูตอบ

       “แล้วนี่รู้ได้ไง ..กวินทร์เป็นคนบอกพี่?”

       “ใช่ครับ” ..นี่เขาจะตระเวนไปบอกคนทั้งโลกเลยรึเปล่านะ

       “พี่หมดธุระยัง ชยาอยากนอน” คนตัวเล็กบอกปัดก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง

       “พี่รู้นะว่าชยาโกรธอยู่ แต่เอาไว้ก่อนได้มั้ย ตอนนี้ชีวิตชยาสำคัญกว่าเรื่องนั้นนะ”

       “ชยารู้”

       “พี่อยากให้ชยาผ่าตัด..”

       “ชยารู้ว่าตัวเองควรทำอะไร แต่ชยาไม่อยากทำ” ชยาตอบเสียงแข็ง หากแต่แท้จริงแล้ว คนๆนี้เขาก็แค่กลัว..กลัวว่าความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นมันจะพรากเขาไป

       ชยายัง..ไม่อยากตาย

       “ชยาครับ เชื่อพี่นะ”

       “…”

       “กวินทร์เองก็อยากให้ชยาผ่าตัด”

       “หรอ? แล้วตอนนี้เขาไปอยู่ไหนล่ะ ทำไมไม่มาบอกชยาเอง”

       “วันนี้เขามีเรียนแต่เช้า เขาบอกว่าเดี๋ยวค่ำๆจะมาเยี่ยม”

       “…” น่าหงุดหงิดใจตรงที่พอได้ยินแบบนั้นแล้วความโกรธเคืองที่คุกรุ่นอยู่ดันหายไปเป็นปลิดทิ้ง ในใจของเขากลับพองโตขึ้นเพราะความดีใจขึ้นมาดื้อๆ

       “ชยาไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่ตรงนี้ กวินทร์เองก็เหมือนกัน…เราจะอยู่ข้างๆชยาแบบนี้”

       “…ก็ได้ ผมจะผ่าตัด” สุดท้ายแล้วคนตัวเล็กก็ยอมตอบรับแต่โดยดี จริงๆมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น บาดแผลตามตัวเขามันก็เริ่มทุเลาลงบ้างแล้ว ไหนจะแรงใจที่พี่ภูพยายามส่งมาให้ บางที..เขาอาจจะไม่แพ้พิษบาดแผลก็ได้ เพราะงั้นมันก็คงน่าคุ้มค่าถ้าจะลองเสี่ยงดู



       ‘วันนี้คุณจะมาหาผมแล้วใช่รึเปล่า..?’

       ความหวังอันริบหรี่ที่ถูกทำลายให้ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวันทุกคืนตลอดมา วันนี้..ความหวังนั้นจะเป็นความจริงแล้วสินะ..?

       





       “รบกวนญาติเซ็นรับรองตรงนี้ด้วยครับ” เสียงคุณหมอวัยกลางคนเอ่ยบอกพี่ภูที่พึ่งมาแสดงตนว่าเป็นญาติที่แท้จริงของคนตัวเล็กที่กำลังนอนพักรอการรักษาอยู่ที่ชั้นแปด

       “ตรงนี้ใช่มั้ยครับ” ไม่นานนักชื่อของพี่ภูก็ถูกสลักลงบนใบอนุญาตทำการผ่าตัด

       เขาเลือกที่จะลองเสี่ยง ถึงแม้มันอาจจะอันตรายแต่ถ้าทำให้ชยามีโอกาสรอดมากขึ้นมันก็คุ้มค่าแล้วที่จะทำ

       เพียงแต่ว่า..มันจะเป็นแบบนั้น ..ใช่มั้ย?



       “ช่วงที่ผ่านมาหมอได้ให้ยาบรรเทาอาการปวดแก่คุณชยาไปแล้วเพื่อรอญาติตัดสินใจ ทั้งนี้คุณชยาอาจมีภาวะแทรกซ้อนนะครับ หมอขอให้ญาติรู้ไว้ว่าเป็นผลมาจากโรคมะเร็ง”

       “…”

       “คุณชยากำลังมีภาวะผอมหนังหุ้มกระดูก (Cachexia) และเบื่ออาหาร (Anorexia) ทำให้ตอนนี้เขาค่อนข้างผอมลงกว่าเดิมมาก ยังไงก็..ช่วยเข้าใจเขาหน่อยนะครับ”

       “ครับ” สภาพอันน่าสงสารของน้องที่เขาพึ่งพบเห็นมันชัดเจนมากว่าชยานั้นผ่านอะไรมาบ้าง ทุกกระเบียดนิ้วบนใบหน้าและร่างกายซูบผอมที่มีแต่แผลฟกช้ำมันบาดลึกจนไม่อาจลืมเลือนภาพที่เห็นไปได้แน่ๆ

       เขาบกพร่องในหน้าที่ของความเป็นพี่แค่ไหนเขาได้รู้แล้วในวันนี้ แต่ก็ทำได้แค่ยอมรับ เพราะมันสายเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว



       เวลาผันผ่านไปจนช่วงบ่ายของวัน ตอนนี้คนตัวเล็กถูกย้ายลงมาจากห้องพักมาที่ห้องผ่าตัดด้านล่างแล้ว

       หมอและพยายาลเดินกันขวักไขว่ผัดเปลี่ยนกันเข้าออกเพื่อเตรียมการผ่าตัดที่กำลังจะเริ่มในอีกไม่ช้า

       และในที่สุดการผ่าตัดก็เริ่มขึ้น คนเป็นพี่ทำได้แค่มองลอดผ่านช่องกระจกสลัวเบลอตรงประตูเข้าไปเท่านั้น แต่สิ่งที่เห็นก็ไม่มีอะไรที่ชัดเจนจนพอจะมองออกได้เลยว่าน้องของเขาเป็นยังไงบ้าง

       พี่ภูกลับมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ พยายามหาอะไรมายึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงมองไปที่ประตูข้างๆนั้นด้วยความเป็นห่วงอยู่เช่นเดิม



       …หนึ่งชั่วโมงผ่านไป การผ่าตัดก็ยังแล้วเสร็จ ประตูข้างๆยังคงปิดสนิทและไม่มีวี่แววที่จะเปิดออก ความกังวลในหัวของคนเป็นพี่เริ่มหนักขึ้นๆ



       …สองชั่วโมงผ่านไป ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มแล้ว หากแต่ประตูข้างๆก็ยังปิดสนิทอยู่เช่นเคย คนเป็นพี่เช็คโทรศัพท์เพื่อฆ่าเวลา แต่มือเขาก็สั่นเกินกว่าจะบังคับตัวเองให้สนใจอยู่กับจอสี่เหลี่ยมตรงหน้าได้



       …สามชั่วโมงผ่านไป แสงสีส้มจากข้างนอกเริ่มถูกทดแทนด้วยความมืดสีทะมึน จนไม่นานนักแสงสว่างที่เคยมีก็ลาลับขอบฟ้าไป

       “หมอครับ” ประตูข้างๆถูกเปิดออกแล้ว เป็นคุณหมอนั่นเอง พี่ภูไม่รอช้า เขารีบเดินเข้าไปถามอย่างเร็วรี่ “น้องผมเป็นยังไงบ้างครับ เขาปลอดภัยดีใช่มั้ย..?”

       “ครับ เขาปลอดภัย”

       “…” คนตัวสูงถึงกับอ้าปากค้างไปด้วยความดีใจ ..บอกตรงๆเลยว่าไม่เคยรู้สึกดีใจอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย

       ..ขอบคุณโชคชะตาที่ยังคงเมตตาเด็กน้อยน่าสงสารคนนี้





       ชยาถูกย้ายเข้ามาพักในห้องพักผู้ป่วยแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้สติ เปลือกตาสีไข่ของเขายังคงปิดสนิทอยู่แบบนั้น

       คนเป็นพี่เมื่อเห็นน้องปลอดภัยแล้วจึงจัดอะไรให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะลูบหัวน้องแล้วลากลับไปเพราะต้องจัดการกับหน้าที่การงานที่ค้างคาอยู่

       เวลาผันผ่านไปจนครึ่งค่อนคืนจนใกล้จะเริ่มต้นวันใหม่ คนป่วยที่เคยหลับตาพริ้มมาเนิ่นนานจึงเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง



       23.57

       “…” สายตาอันเหนื่อยอ่อนกวาดมองไปรอบห้องที่มืดสลัวและว่างเปล่า



       “ไหนคุณบอกว่าคุณจะมาหากันไง..”



       “คุณโกหก…”



       สุดท้ายแล้วก็ได้แต่หวังลมๆแล้งๆต่อไปว่า…วันพรุ่งนี้ คุณจะมา





















       



       

       



       


ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เซนติเมตรที่ 14(End)




       ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีมืดทะมึนเป็นสีฟ้าครามอีกครั้ง ทว่าห้องสี่เหลี่ยมนี้ก็ยังคงเงียบเหงาเช่นเคยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

       คนตัวเล็กยันตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง ก่อนจะทำสิ่งที่มักจะทำอยู่ทุกวัน..

       ชยาเชยสายตาไปที่หน้าต่าง แต่ว่าวันนี้ผ้าม่านกลับเรียบนิ่ง ไม่มีสายลมเอื่อยพัดมาเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

       บางที…ควรจะเลิกหวังแล้วรึเปล่า..?





       ก๊อกๆๆ

       เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงประตูที่ถูกเปิดออก คนตัวเล็กบนเตียงเมื่อได้ยินเสียงจึงหันไปตามต้นตอของเสียงนั้น ผู้มาเยือนก็ยังคงไม่ใช่คนที่เขาเฝ้ารอ แต่เป็นคุณพยาบาล

       “อรุณสวัสดิ์นะคะ วันนี้อาการเป็นยังไงบ้างคะ แผลผ่าตัดเจ็บมากรึเปล่า” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมด้วยรอยยิ้ม

       “ไม่เท่าไหร่ครับ ผม..พอทนไหว” ชยาส่ายหัวเนือยๆ

       “เดี๋ยวยังไงก็อย่าลืมทานยานะคะ” เธอบอกก่อนจะวางถาดยาไว้บนชั้นวางของข้างๆเตียง ชยามองภาพตรงหน้ายิ้มๆพอเป็นมารยาท

       ไม่นานนักพยาบาลก็เดินจากไปทำหน้าที่ของเธอต่อ คนตัวเล็กหยิบเม็ดยาขึ้นมา ก่อนจะป้อนเข้าปากตัวเองแล้วตามด้วยน้ำเปล่า



       ‘หวังว่ายานี่จะช่วยได้นะ’ เขาคิดแบบนั้น เพราะความเจ็บปวดที่เขากำลังรู้สึก..

       มันไม่ใช่ในระดับที่คนปกติจะทนไหว



       ‘ไม่เป็นไร…เดี๋ยวก็หายแล้ว’



       ‘เดี๋ยวก็หาย..’



       “โอ๊ย…” เสียงเล็กเปล่งร้องมาอย่างห้ามไม่ได้ ชยาใช้มือกุมท้องตัวเองพลางนอนงอตัวอยู่บนเตียงแบบนั้น

       เขาไม่รู้แล้วว่าหมอหลอกเขาหรือว่าเขากำลังหลอกตัวเอง



       ..มะเร็งไม่ได้หายหรือทุเลาลงเลย











       “ชยา!” เสียงทุ้มอันคุ้นหูดังเข้ามาในโสตประสาท คนตัวเล็กได้ยินดังนั้นจึงหันไปตามเสียง ทันใดนั้นเอง น้ำตาเม็ดใส..ก็ร่วงหล่นลงมา

       “กวินทร์..” หัวใจที่กำลังพองโตสั่งให้เขาคลี่ยิ้ม

       “หมอครับ..หมอ ช่วยด้วย!” คนตัวสูงไม่รอช้า เขารีบกดเรียกหมอจากไมค์ตรงหัวเตียงทันทีเมื่อเห็นสภาพน้องที่กำลังงอตัวกุมท้องไปด้วยความเจ็บปวด

       “คุณ..” คนตัวเล็กเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาถูกกวินทร์จับให้พลิกตัวนอนราบก่อนเจ้าตัวจะจับนู่นจับนี่สังเกตตามร่างกายของเขาด้วยความเป็นห่วง แต่กวินทร์ก็ต้องหยุด เมื่อมือเล็กที่กำลังสั่นเทาเอื้อมขึ้นมาแตะแก้มของเขา ..ใบหน้าของคนตัวเล็กเต็มไปด้วยน้ำตา

       “คุณมาหาผมแล้ว..” เสียงหวานเอื้อนเอ่ยออกไปอย่างทรมาน หากแต่เขายังคงพยายามยิ้มออกมา …เพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจ

       “…” กวินทร์มองภาพที่เห็นอย่างเจ็บปวด เขาอยากดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด แต่ก็กลัวว่าจะทำให้ชยาเจ็บปวดมากกว่าเดิม

       “ผมรอคุณ…รอคุณ มาตลอด” คนตรงหน้ายังคงคลี่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา มือที่แตะอยู่ที่แก้มของเขาสั่นเทาอย่างหนักจนเขาต้องจับฝ่ามือนั้นไว้ไม่ให้ร่วงหล่น

       “กวินทร์มาแล้ว..ขอโทษที่ทิ้งชยาไว้คนเดียวนะ..” เขาเองก็ไม่ไหวแล้วที่จะอดกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหล ความคิดถึง ความเป็นห่วง ความสงสาร ปะปนกันจนน้ำตาเม็ดใสไหลหล่นพาดผ่านสองข้างแก้ม

       แต่ทว่าไม่นานนักกวินทร์ก็ต้องถอยออก เมื่อพยาบาลสองคนเข้ามาดูอาการชยา ก่อนจะทำการประสานเรื่องเพื่อส่งตัวผู้ป่วยเข้าห้องตรวจอีกครั้ง





       ใช้เวลาอยู่เนิ่นนานเลยทีเดียวกว่าประตูกระจกจะถูกเปิดออก คุณพยาบาลคนเดิมออกมาเรียกกวินทร์ให้เข้าไปรับฟังผลตรวจ

       คนตัวสูงใจร้อนรนจนนั่งอยู่กับที่ไม่ได้ ในใจเฝ้าเพียรภาวนาขอร้องต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าอย่าให้คนตัวเล็กของเขาเป็นอะไรไปเลย ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยคิดอยากจะพึ่งดวงพึ่งชะตาขนาดนี้มาก่อน แต่ขอเพียงครั้งนี้ ขอครั้งนี้ครั้งเดียว…ขอให้ชยาปลอดภัยทีเถอะ



       “ทางนี้ค่ะ” พยาบาลสาวผายมือให้กวินทร์เดินเข้าไป เขาทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะเข้าไปนั่งลงตรงข้ามกับคุณหมอวัยกลางคน

       “ชยาไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ” เขาชิงพูดขึ้นก่อน ใช่แล้ว..ชยาไม่เป็นอะไรหรอก เขาผ่าตัดแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่แพ้พิษบาดแผล เพราะงั้น..ชยาต้องไม่เป็นอะไร

       “หมอเสียใจที่ต้องแจ้งให้ญาติทราบนะครับ”

       “…”

       “มะเร็งลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงแล้วครับ เราผ่าตัดช้าเกินไป”

       “ไม่หรอก..ไม่จริง” มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง..

       “ชยาอาจจะอยู่ได้มากสุดหกเดือนครับ หมออยากให้ญาติทำใจ”

       “…” ความหวังที่เคยมีพังทลายไปในพริบตา ..มันเป็นความจริงหรอ จริงๆน่ะหรอ..

       กวินทร์เฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ ให้กำลังใจตัวเองด้วยการหลอกตัวเองว่าชยาไม่เป็นอะไรต่อไป ทว่าพอเมื่อเขาได้เห็นสภาพของคนตัวเล็กบนเตียงในห้องตรวจอีกครั้ง เขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าการที่เขาหลอกตัวเองมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

       “ชยา..” เขาเอ่ยเรียกคนตัวเล็กที่กำลังนอนแน่นิ่งหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ..ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่กวินทร์ ผิดที่เขามาช้าไปรึเปล่า ผิดที่เขาทิ้งน้องให้อยู่คนเดียวใช่มั้ยน้องถึงได้เป็นแบบนี้..



       เวลาผันผ่านไปจนช่วงเย็นของวัน คุณหมอเข้ามาคุยกับกวินทร์อีกครั้งเพื่อบอกแผนการรักษาที่พอจะยืดระยะเวลาที่เหลืออยู่ของชยาไปให้ได้นานมากขึ้น คุณหมอบอกกับเขาว่าชยาอาจจะต้องผ่าตัดอีกหลายครั้งเพื่อนำเนื้อร้ายออกไปแต่ก็จะได้แค่บรรเทาอาการเท่านั้น และจะมีการบำบัดด้วยเคมี (Chemotherapy) เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งด้วย แต่ค่อนข้างที่จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควรและมีผลข้างเคียงหลายอย่าง

       ‘ไม่เป็นไรครับ หมอช่วยชยาด้วยนะ ช่วยเขาด้วย..’ กวินทร์ตอบไปแบบนั้นพร้อมกับสัญญากับตัวเองไว้ในใจว่าจะไม่ปล่อยให้ชยาอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว

       ต่อจากนี้ เราจะอยู่เคียงข้างกัน..ตลอดไป





       เวลายังคงหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปตามกลไกของมัน วันแล้ววันเล่าที่เตียงผู้ป่วยเตียงนี้ไม่เคยได้ว่างให้กวินทร์ได้เข้าไปดูแลเลยซักครั้ง

       การให้ยาเริ่มต้นขึ้น และจะผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ จริงๆกวินทร์ก็พอจะรู้อยู่บ้างแหละว่าผลข้างเคียงของการทำเคมีบำบัดนี้มันมีอะไรบ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่เคยเห็นก็มาจากละคร หรือไม่ก็หนัง เขาไม่เคยเจอในชีวิตจริงเลยซักครั้ง

       พอมาคิดว่าซักวันนึงชยาอาจจะเป็นแบบนั้นก็รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ



       “กวินทร์..” เสียงเหนื่อยอ่อนของคนบนเตียงเอ่ยเรียกเขา หลังจากคุณหมอและพยาบาลเดินจากไปหมดแล้ว

       “ครับ..ว่าไง” มันค่อนข้างยากเหมือนกันนะที่จะคุมน้ำเสียงให้ปกติได้โดยไม่สั่นเครือ ยากมากเลยที่จะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล..

       “ชยารู้ว่าตอนนี้กวินทร์คิดอะไรอยู่..” ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับเอื้อมฝ่ามือเล็กมากุมฝ่ามือของอีกฝ่าย “..ไม่ต้องเป็นห่วง …ชยามีกวินทร์อยู่ตรงนี้ ชยาจะไม่ยอมแพ้แน่นอน”

       “…” รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังถูกแต่งแต้มลงบนใบหน้าคมของกวินทร์ ขณะเดียวกันน้ำตาที่อุตส่าห์กัดกลั้นเอาไว้ก็ไหลลงมาไม่เป็นท่า ชยาเป็นคนเข้มแข็ง เขารู้ในข้อนี้ดี…ดังนั้นแล้ว คนเก่งของเขาจะผ่านเรื่องร้ายนี้ไปได้อย่างแน่นอน

       “ไว้ตอนที่ชยาหายดีแล้ว..”

       “…”

       “เราไปภูเก็ตด้วยกันนะ” เสียงหัวเราะที่หลุดออกมาด้วยความยินดีของกวินทร์นั้น…มีผลมากกว่ายาหรือการผ่าตัดใดๆซะอีก



       ‘ผมไม่เป็นไรอยู่แล้ว เพราะว่าผมมีคุณ ..มีคุณอยู่ข้างๆกันแบบนี้’



       “พอแล้ว..อย่าร้องไห้เลยนะ..” ชยากอบกุมมือพี่เขาไว้แน่นเพื่อหวังบรรเทาความเศร้าในใจ เขาเชื่อว่าฝ่ามือของเขา รอยยิ้มของเขา น่าจะพอช่วยบรรเทาได้ เหมือนอย่างที่…พี่เคยทำให้เขาดีขึ้นด้วยฝ่ามืออุ่นๆและรอยยิ้มนี้เหมือนกัน

       “เราจะสู้ไปด้วยกันนะ” กวินทร์จับฝ่ามือเล็กขึ้นมากอบกุม ก่อนจะจูบลงที่หลังฝ่ามือเบาๆ

       “ครับ ชยาจะสู้ ..สู้ไปด้วยกันกับกวินทร์” คนตัวเล็กมองภาพที่เห็นด้วยความตื้นตันที่เกิดขึ้นภายในหัวใจที่กำลังพองโตไปด้วยแรงใจ

       “..พอแล้ว ตากล้องของผม” เสียงหวานเปล่งออกไป พร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปก่อนจะใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือซับคราบน้ำตาของกวินทร์ออก

       ตากล้องของเขาไม่เหมาะกับน้ำตาหรอก คนๆนั้นทั้งเข้มแข็ง อบอุ่น และอ่อนโยน ถึงก่อนหน้านี้จะใจร้ายต่อกันมากมายขนาดไหน แต่ช่วงเวลาที่เคยมีความสุขด้วยกันนั้นเขาไม่เคยลืม



         หนูน้อยพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง (ตาลอย) แก้มแด๊งแดงงง

       #ของตากล้องนะครับ



       ดังนั้นแล้ว…อย่าร้องไห้เลยนะ





       วันแล้ววันเล่าผันเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปอย่างไม่หยุดหย่อน การรักษายังคงดำเนินต่อไป อาการของชยาก็ดีขึ้นบ้าง ทรุดลงบ้าง หากแต่เขาไม่ได้รู้สึกกังวลหรือเกรงกลัวใดๆเลย

       รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุขภายในห้องพักผู้ป่วยสี่เหลี่ยมเล็กๆห้องนี้ทำให้เขามีแรงใจขึ้นมาเยอะเพราะที่นั่งข้างๆเตียงนี้ไม่เคยว่างเลยซักวันเดียว มันจะถูกเติมเต็มตั้งแต่เช้า ก่อนจะว่างเปล่าในช่วงสายเพราะคนขี้เซาต้องไปเรียน แล้วก็จะถูกเติมเต็มอีกครั้งในช่วงเย็น ..เป็นแบบนี้ยาวไปจนกว่าชยาจะง่วงหรือเผลอหลับไป

       เคยพูดไปตลกๆว่า ‘ถ้าจะมาทุกวันขนาดนี้ก็มาตั้งฐานทัพอยู่ที่นี่เลยก็ได้มั้ง’

       แต่ก็ไม่คิดว่าวันต่อมาคนที่ถูกแซวเขาจะทำจริงๆ..



       “ชยา อันนี้พี่หมี อันนี้หนังสือที่ชยาชอบอ่าน อันนี้.. อันนั้น อันโน้น” คนตัวสูงขนของเข้ามาจัดแจงไว้ในห้องพักผู้ป่วยอย่างไม่แคร์สี่แคร์แปด

       “โห.. จะตั้งฐานทัพอยู่ที่นี่จริงๆอะ” ชยาเอ่ยถาม ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อคนตังสูงเอาหัวพี่หมีที่เป็นชุดมาสค็อตมาใส่ 

       “ใช่แล้ว ข้าจะตั้งฐานทัพอยู่ที่นี่!” กวินทร์ยืนเท้าเอวตอบเสียงแข็ง ..โอเค ก็คือเป็นบ้าเป็นบอไปแล้วตอนนี้

       “นี่พี่หมีหรือหน่วยตระเวนชายแดนครับเนี่ย” คนป่วยหัวเราะร่วน คนตัวสูงเห็นดังนั้นจึงคลี่ยิ้มออกมา

       ใช่แล้ว..ที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้ชยามีความสุขนั่นเอง



       “พี่หมีอยากกอด..” แต่ว่าอันนี้คือเริ่มแฝงเลศนัยอะไรบางอย่างละ..

       “ไม่กอดหรอก พี่หมียังไม่ซัก!” ใช่ ใครเขาจะไปกอดพี่หมีที่ถูกลืมไว้ในซอกนึงของตู้เก็บของกัน

       “ซักแล้วต่างหาก” หากแต่คุณพี่หมีเขากลับไม่ยอมฟังที่ปฏิเสธเลย แถมยังขยับเข้ามาจนห่างกันไม่ถึงฟุตแล้วด้วย

       “..ไหนขอดมดูก่อน” คนตัวเล็กได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางเอาแต่ใจของคนตรงหน้า ก่อนจะขยับไปหา ใช้มือจับหัวพี่หมีเอาไว้ แล้วกะว่าจะจุ๊บลงที่ปากพี่หมีเบาๆ แต่ทว่าหัวพี่หมีกลับถูกคนที่ใส่ถอดออกซะก่อน เลยกลายเป็นว่าริมฝีปากนุ่มๆนั้นทาบกับริมฝีปากของอีกฝ่ายแทน



       “กวินทร์บอกแล้วว่าพี่หมีน่ะ ซักแล้ว” คนตัวสูงยิ้มกรุ้มกริบอย่างผู้ชนะ ส่วนชยาพอรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนจู่โจมเขาก่อนก็หน้าแดงขึ้นมาทันที

       “…” ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ คนตัวสูงก็อิงหน้าผากเข้ามาจนติดกับหน้าผากของเขา ก่อนจะบี้จมูกกันไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว

       

       แชะ

       อีกครั้งที่กล้องคู่ใจของคนตัวสูงบันทึกรูปคู่ของเขากับชยา

       แต่ว่า…นี่คงเป็นรูปคู่รูปสุดท้ายแล้ว











       ชยาผมร่วง เป็นหนึ่งในอาการข้างเคียงหลังจากทำเคมีบำบัด แรกๆมันก็ยังไม่หนักหนา แต่หลังๆมานี้ร่วงหนักจนสุดท้ายแล้วบนศีรษะเขาก็ไม่มีผมหลงเหลืออยู่ซักเส้น

       ก็จริงอยู่ที่มีคนคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆแทบจะตลอดเวลา แต่ตอนนี้ลึกๆในใจก็อดที่จะกังวลไม่ได้ ..ทุกครั้งที่ก้มมองฝ่ามือที่ซูบซีดของตัวเองถึงจะพยายามใจแข็งและบอกตัวเองว่าจะไม่เป็นอะไร แต่สุดท้ายแล้วก็ยังขจัดความกลัวไปไม่ได้เสียที

       “กวินทร์” เขาเอ่ยเรียกคนตัวสูงพร้อมกับเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

       “ครับ..?” คนตัวสูงที่กำลังฟุบลงข้างๆเตียงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงียก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ

       “ถ้าเกิดวันนึง..เตียงๆนี้ไม่มีชยาอยู่แล้ว”

       “…”

       “กวินทร์..ช่วยอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขได้ไหม” นี่คือสิ่งที่เขากังวล ..คนตัวเล็กไม่ได้กังวลกับความตายเลยแม้แต่น้อย แต่เขากังวลว่าถ้าเกิดวันนั้นมาถึง..พี่กวินทร์ของเขาจะมีความสุขต่อไปได้ใช่มั้ย

       “วันที่เตียงนี้ไม่มีชยาคือวันที่ชยาออกจากโรงพยาบาลเท่านั้นครับ” กวินทร์ยิ้มตอบเสียงนุ่มเพราะไม่อยากให้คนตัวเล็กคิดมาก

       “ไม่หรอก.. กวินทร์ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ”

       “…”

       “สุดท้ายแล้ว…อีกไม่นาน วันนั้นก็คงจะมาถึง”

       “ไม่หรอก ไม่เอา..ไม่พูดแบบนี้”

       “สัญญากับชยาได้มั้ย”

       “…”

       “สัญญากับชยาว่ากวินทร์จะไม่เศร้าเสียใจ กวินทร์จะมีความสุข” คนตัวเล็กก้มหน้างุดพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะยื่นนิ้วก้อยขึ้นมาเพื่อหวังให้พี่เขาสัญญากับตัวเอง

       “…”

       “สัญญา..นะ..”

       “..กวินทร์มีความสุขไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีชยา..” ทว่านิ้วก้อยนั้นไม่ได้ถูกอีกฝ่ายตอบรับแต่อย่างใด สุดท้ายแล้วคนตัวเล็กก็ได้แค่งอนิ้วก้อยลงมาเหมือนเดิม พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่ได้



       …ขอเถอะพระผู้เป็นเจ้า …ผมยังไม่อยากจากเขาไป ผมยังไม่อยากตาย..












ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
       วันคืนยังคงหมุนเปลี่ยนผันเวียนไปอย่างโหดร้าย ชยาเข้ารับการผ่าตัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า รับยาเคมีบำบัดเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่ผลที่ได้ก็ยังคงเหมือนเดิม

       อาการปวดท้องเริ่มหนักขึ้น บางครั้งก็ปวดอยู่อย่างนั้นทั้งวันจนแทบเดินไม่ไหว ..ไม่รู้ว่าความเจ็บปวดนี้มันจะแสดงไปทางสีหน้าบ้างมั้ยแต่บอกตรงๆเลยว่าเขาไม่อยากให้คนข้างๆเตียงต้องมากังวลกับเขาเลยซักนิด

       ..อยากให้คนข้างเตียงเล่าเรื่องราวแต่ละวันให้เขาฟังอยู่เหมือนเดิม

       ..อยากให้เล่าเรื่องตลก สร้างเสียงหัวเราะให้เขาอยู่เหมือนเดิม

       ..อยากให้คอยดูแล อยู่ข้างๆกันแบบนี้เหมือนเดิม

       ..อยากให้ตื่นมาแล้วก็เจอหน้าคนข้างเตียงคนนี้เป็นคนแรก และได้มองหน้าคนข้างเตียงเป็นคนสุดท้ายของวัน..เหมือนเดิม



       ดังนั้นแล้วต่อให้เจ็บปวดทรมานแค่ไหนเขาก็จะพยายามเก็บมันไว้ จะไม่แสดงความรู้สึกนี้ออกไป สิ่งที่จะทำคือยิ้มเท่านั้น จะยิ้มแย้มแจ่มใส…เพื่อที่คนข้างเตียงคนนี้จะได้ไม่ต้องเป็นกังวล



        ‘…..ชยาลืมตาได้หรือยังอะ’

        ‘อื้อ เอาล่ะ ลืมตาได้!’ 

        ‘….หมี?...กวินทร์หรอ..’

        ‘พี่หมีเองฮับ วันนี้วันเกิดเจ้าตัวน้อย ดังนั้นพี่หมีจะมามอบเค้กวันเกิดให้เจ้าตัวน้อยของพี่หมี’ 

        ‘มีความสุขมากๆนะชยา ปีนี้และปีต่อๆไป ทุกปีเลย’

        ‘ชยามีความสุขอยู่แล้ว เพราะมีกวินทร์คอยอยู่ข้างๆชยาตลอดเลย’

        ‘มันจะเป็นแบบนั้น เป็นแบบนั้นตลอดไป’ 



        ขอให้..เป็นแบบนี้ตลอดไป









       วันถัดมาวันนี้กวินทร์มีเรียนตั้งแต่เช้าเพราะฉะนั้นแล้วห้องผู้ป่วยสี่เหลี่ยมนี้ก็จะกลับมาเงียบเหงาตั้งแต่เช้าเช่นกัน

       คุณหมอมาดูอาการเขาอีกครั้ง ก่อนจะทำการย้ายผู้ป่วยไปห้องตรวจอีกครา

       วันนี้ท้องฟ้าดูแจ่มใส โปรดโปร่งไร้เมฆ คุณหมอคง..จะแจ้งข่าวดีใช่รึเปล่า?



       “คุณชยาครับ…จากผลตรวจ..” เสียงทุ้มเอ่ยบอกกับเขาด้วยสีหน้าจริงจัง ชยายิ้มรับเตรียมพร้อมกับฟังข่าวดีอย่างใจจดใจจ่อ

       “..มะเร็งเริ่มเข้าสู่ระยะที่สามแล้วครับ”

       “…”

       “คุณอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงหกเดือน หมออยากให้คุณทำใจ” รอยยิ้มเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยน้ำตาในทันที





       ขอร้อง…ผมยังไม่อยากจากเขาไป











       “ชยา วันนี้กวินทร์แวะซื้อส้มมาฝากชยาด้วย กินมั้ยครับ..เดี๋ยวป้อน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาหลังจากเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมนี้แล้ว คนตัวเล็กบนเตียงเมื่อเห็นดังนั้นจึงปาดคราบน้ำตาออกลวกๆแล้วปั้นหน้ายิ้มให้กวินทร์

       “กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย” ชยาตอบ

       “กวินทร์ก็คิดถึงชยา” คนตัวสูงตอบเสียงหวาน ก่อนจะตรงมานั่งลงที่เดิมพลางหยิบส้มออกมาหนึ่งผลแล้วแกะเปลือกออก

       “วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ ที่มอ..” ชยาเอ่ยถาม

       “ก็เหมือนๆทุกๆวันนั่นแหละครับ เรียน พักกินข้าว แล้วก็เรียน วนไปแบบนี้ซ้ำๆ”

       “กวินทร์…เบื่อรึเปล่า” อดที่จะถามออกไปไม่ได้ วงจรชีวิตของคนตัวสูงมันวนเวียนซ้ำๆกันอยู่แบบนั้น บางทีที่กวินทร์มาอยู่ด้วยกันแบบนี้อาจจะเป็นภาระให้เขารึเปล่า..

       “ไม่เบื่อหรอก..แค่ได้คิดว่าเย็นนี้จะซื้ออะไรไปฝากชยาดี หรือวันนี้จะทำอะไรให้ชยามีความสุขดี แค่นี้กวินทร์ก็ไม่เบื่อแล้ว”

       “…”

       “คิดมากหรอครับ หื้ม” คนตัวสูงขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะแกะส้มมาชิ้นนึงแล้วป้อนคนตัวเล็กบนเตียง

       “เปล่า แค่อยาก..ให้กวินทร์มีความสุขบ้าง”

       “ชยารู้มั้ยว่าตอนนี้กวินทร์ก็กำลังมีความสุขอยู่นะ”

       “…”

       “แค่ได้อยู่กับชยา…กวินทร์ก็มีความสุขแล้ว”

       “…” หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวกลับมาปริ่มเปรมอีกครั้ง คนตัวเล็กคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะดึงกวินทร์เข้าไปกอด



       “ชยารักกวินทร์นะ”

       “กวินทร์ก็รักชยาเหมือนกัน”



       ประโยคเดิมที่เคยพูดด้วยความรู้สึกรักที่มากล้นในหัวใจถูกพูดขึ้นมาอีกครั้งเช่นเดียวกับในอดีต



       ‘ชยารักกวินทร์นะ’

       ‘กวินทร์ก็รักชยาเหมือนกัน’



       เช่นเดียวกับในหัวใจที่รู้สึกแบบนั้นเสมอมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง





       “พรุ่งนี้ชยาต้องฉายแสงตอนบ่ายสอง…พรุ่งนี้กวินทร์เลิกบ่ายโมงใช่มั้ย?” คนตัวเล็กคลายอ้อมกอดลงก่อนจะเอ่ยถามออกไป

       “ครับ กวินทร์เลิกบ่ายโมง” กวินทร์ตอบเขา ..ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เขาอ่อนแอมากกว่าปกติ ไม่อยากให้กวินทร์ห่างไปไหนเลย อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้

       “มาหาชยาตั้งแต่ตอนนั้นได้รึเปล่า..”

       “ได้ครับ”

       “สัญญาได้มั้ย..”

       “…ทำไมวันนี้เราดูออดอ้อนผิดปกติ หื้ม” คนตัวสูงพูดไปแบบนั้นก่อนจะดึงเจ้าตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอดอีกทีพร้อมกับจุ๊บไปที่หน้าผากขาวเบาๆ

       “สัญญากันก่อน..” ชยาเชยสายตาออดอ้อนมองคนตรงหน้า มือข้างหนึ่งกดลงที่ช่วงท้องเพื่อกดความเจ็บปวดที่กำลังรู้สึกขึ้นมาอีกแล้ว

       “ครับ กวินทร์สัญญา”







       คืนนี้ชยาแกล้งหลับตาไปก่อนเพื่อรอให้กวินทร์หลับตาม ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเดินไปหยิบสมุดเล่มนึงขึ้นมา

       ..สมุดเล่มนี้ที่กวินทร์เคยพูดถึง ครั้งหนึ่งหลังจากดูหนังเรื่อง The Notebook จบ เด็กน้อยไม่ประสีประสาอะไรอย่างเขาก็อินกับหนังเสียจนอยากที่จะเขียนบันทึกขึ้นมาบ้าง เผื่อเอาไว้ในวันที่ไม่เขาก็กวินทร์ลืมกันไปสมุดโน้ตเล่มนี้พอจะช่วยรื้อฟื้นความทรงจำดีๆที่เคยมีร่วมกันได้

       ชยาหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านช้าๆทีละหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขสม เรื่องราวในอดีตไหลผ่านเข้ามาในหัวเพียงแค่อ่านมันผ่านตัวหนังสือ

       สมุดโน้ตเล่มนี้บันทึกไว้เพียงระยะเวลาสั้นๆแค่สิบวัน แต่สำหรับชยาแล้วสิบวันนี้ที่ถูกบันทึกลงมันช่างพิเศษและน่าหวงแหน

       เป็นความทรงจำที่เขาไม่อาจลืมเลือนได้เลย..



       “วันที่ผมจากไป..สมุดเล่มนี้พอจะช่วยให้คุณมีความสุขได้รึเปล่านะ..?” คนตัวเล็กมองไปทางกวินทร์ที่กำลังหลับไหลในผ้าห่มหนา

       “…” ชยาเปิดไปถึงหน้าที่สิบของสมุดโน้ต ก่อนจะมองไปที่เรียวนิ้วนางข้างซ้ายที่ว่างเปล่าของตัวเอง

       “ถึงผมจะไม่ได้ใส่มันแล้ว…แต่ผมก็ยังเชื่ออยู่นะว่าซักวันเราจะแต่งงานกัน”

       “…”

       “ถ้าผมจากไปแล้ว คุณเริ่มต้นใหม่กับใคร ขอได้มั้ยกวินทร์..”

       “…”

       “ช่วยเก็บผมไว้เป็นส่วนนึงของความทรงจำคุณได้มั้ย..”

       น้ำตาเม็ดใสร่วงหล่นลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ หน้ากระดาษที่เคยแห้งเรียบถูกหยาดน้ำตาแต่งแต้มจนหมึกบนกระดาษเลอะเลือน

       “รักคุณนะ..รักมากๆเลย”















     

       เช้าอันแสนวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง กวินทร์แต่งตัวไปมอแต่เช้า แต่ถึงจะออกมาเช้าแค่ไหนสุดท้ายแล้วเขาก็เกือบจะเข้าคลาสไม่ทันอยู่ดี

       การเรียนการสอนเป็นไปอย่างน่าเบื่อเหมือนกับทุกๆวัน หากแต่วันนี้มีบางสิ่งที่รบกวนจิตใจเขามาตั้งแต่เช้า



       ตั้งแต่ขับรถเข้ามาเขาเห็นฟ้าเดินอยู่คนเดียว ตลอดจนเดินขึ้นตึกไปเรียนแล้วก็ยังเดินอยู่คนเดียวแบบนั้น ซึ่งปกติฟ้าเป็นคนเพื่อนเยอะ รู้จักคนเยอะพอสมควร เป็นไปแทบไม่ได้เลยที่เธอจะเดินคนเดียวเหงาๆแบบนั้น

       ไม่รู้ว่ามันพอจะเรียกว่าเป็นห่วงได้มั้ย แต่ความรู้สึกลึกๆในใจของกวินทร์มันกำลังรู้สึกแบบนั้นจริงๆ



       “ฟ้า” เขาเอ่ยเรียกเมื่อได้โอกาสที่เหมาะสม คนถูกเรียกหันควับมาตามเสียงก่อนจะคลี่ยิ้มให้กวินทร์บางๆ

       “ว่าไงคะ” เธอยังคงตอบเสียงหวาน หากแต่สีหน้าเธอกลับไม่ได้ดูหวานเหมือนเสียงเลย สีหน้าเธอดูหม่นหมองลงไปจากเดิมมากพอสมควร

       “คุณ…โอเครึเปล่า?”

       “ฟ้าสบายดี” เธอตอบ

       “ทำไมวันนี้คุณถึงเดินคนเดียวล่ะ เพื่อนคุณไปไหนหมด?”

       “…”

       “..ฟ้า?”

       “นี่เป็นสิ่งที่ฟ้าควรจะได้รับแล้วมั้งคะ ฟ้าสมควรแล้ว..”

       “คุณทำอะไร..?”

       “สิ่งที่ฟ้าทำมันแย่แค่ไหนคุณก็รู้ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ฟ้ากำลังรับผลของการกระทำตัวเองอยู่ ช่างฟ้าเถอะ เดี๋ยวก็คงผ่านไป”

       “ผมบอกคุณแล้วไงว่าให้โยนให้เป็นความผิดผม ทำไมคุณต้องรับซะเอง แล้วแบบนี้คุณจะอยู่ต่อไปยังไง คนเขาจะมองคุณเป็นคนยังไง?”

       “ฟ้าก็เป็นคนแบบนั้นจริงๆไม่ใช่หรอคะ ฮ่าๆ ช่างฟ้าเถอะ นี่คุณถามเหมือนเป็นห่วงกันเลยนะคะเนี่ย”

       “ใช่ ผมเป็นห่วง แต่ไม่ใช่ในสถานะนั้นนะ..”

       “อย่าเลยค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงกันหรอก ไม่ว่าจะห่วงในสถานะไหนก็ไม่ต้อง”

       “มันไม่มีใครสมควรต้องมาโดนอะไรแบบนี้เลยฟ้า ผมรู้ว่าคุณทำผิด แต่คุณก็แค่จำตรงนั้นไว้เป็นบทเรียนมันก็พอแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องมาเจออะไรแบบนี้”

       “ฟ้าแค่อยาก..ไถ่โทษ”

       “…”

       “วันนั้นฟ้าไปหาชยาตามที่คุณบอก สภาพเขาที่ฟ้าเห็นมันทำให้ฟ้ารู้เลยว่าสิ่งที่ฟ้าทำมันแย่แค่ไหน ฟ้าไม่สมควรได้รับการอภัยจากเขาด้วยซ้ำฟ้ารู้ แต่วันนั้นที่ฟ้าขอโทษ เขากลับยกโทษให้ฟ้าอย่างง่ายดาย ..มันง่ายดายเกินไป”

       “…”

       “ฟ้าเลยทำในสิ่งที่กวินทร์เคยขอ ซึ่งก็คือ…เปิดเผยตัวตนออกมาแล้วก็ยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ”

       “ฟ้า..แต่คุณจะไม่ลำบากแย่หรอ คุณต้องใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยนี้ไปอีกสองปีกว่าเลยนะ”

       “ฟ้ายินดี” เธอตอบอย่างไม่ลังเล สุดท้ายแล้วกวินทร์จึงทำได้แค่ปล่อยให้เธอทำในสิ่งเธอต้องการต่อไป จริงๆในมุมมองของกวินทร์เขาไม่ได้อยากให้ฟ้ามารับผิดจริงๆหรอกกับเรื่องแบบนี้และยิ่งเธอเป็นผู้หญิง ซ้ำยังเป็นที่รู้จักของใครหลายคน ยอมรับว่าเป็นห่วง แต่ไม่ได้ห่วงในสถานะอดีตคนรักหรืออะไร

       กวินทร์กับฟ้าต่างก็เคยผ่านเรื่องร้ายๆนี้มาด้วยกัน แถมยังเป็นต้นเหตุทั้งคู่อีกด้วย แล้วนี่มันไม่ลำเอียงไปหน่อยหรอที่ฟ้าจะได้รับผลของการกระทำแต่เพียงผู้เดียว ในขณะที่เขายังคงใช้ชีวิตได้เป็นปกติ

       “พอมีอะไรให้ผมช่วยคุณมั้ย ถ้าช่วยได้ผมจะช่วย” กวินทร์เอ่ยถาม

       “ไม่มีหรอกค่ะ ขอตัวนะคะ” ฟ้าตอบยิ้มๆก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้เขาจมอยู่กับความรู้สึกผิดเพียงลำพัง ทว่า..

       “จริงสิ ไปด้วยกันมั้ยคะ งานศพถั่วพู”



       









       การฉายแสงดำเนินการผ่านไปจนแล้วเสร็จ ทว่าจวบจนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่ให้สัญญากัน

       “…” ภายในห้องสี่เหลี่ยมห้องเดิมมีแต่ความเงียบเหงาเข้าปกคลุมอีกครั้ง อาการเวียนหัว อ่อนเพลียและคลื่นไส้อันเป็นผลข้างเคียงมาจากการฉายรังสีเกิดขึ้นกับคนตัวเล็กอย่างทรมาน

       ชยาอาเจียนจนแทบจะหมดแรงอยู่ตรงนั้น หากแต่เขาก็ยังพยายามจะกลับมานอนอยู่บนเตียงที่เดิมเพื่อเฝ้ารอคนตัวสูงเข้ามาแล้วจะได้เห็นว่าเขาไม่เป็นไร

       จริงๆเขาก็แค่อยากออกมาแล้วเจอกวินทร์รออยู่หน้าห้องฉายรังสีก็เท่านั้น เพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยรักษาวิธีนี้มาก่อน ในใจจึงรู้สึกกลัวๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครมารอเขาอย่างที่เขาหวัง

       “ไม่เป็นไร…เดี๋ยวเย็นๆคุณก็มา” ถึงจะสัญญากันเอาไว้แต่ก็..ไม่เป็นไร



       สายลมเอื่อยๆพัดผ้าม่านให้ปลิวไสวอีกครั้ง ราวกับอยากจะปลอมโยนความรู้สึกในใจของคนตัวเล็ก ..ชยาคลี่ยิ้มออกมาอย่างที่เคยเมื่อมองไปยังผ้าม่านผืนนั้น

       “ผมรู้..ผมรู้ ยังไงเขาก็ต้องมา” เด็กน้อยไม่ประสีประสาพูดคุยกับสายลมเอื่อยๆนั้นเพื่อปลอบประโลมใจตัวเอง



       ชยาขยับโต๊ะพยาบาลที่เอาไว้กินอาหารเข้ามาใกล้ตัวก่อนจะหยิบสมุดโน้ตเล่มเดิมขึ้นมา

       “…” เขายิ้มออกมาเมื่อคิดอะไรดีๆออก

       สมุดบันทึกเล่มนี้เขาจะบันทึกเรื่องราวต่างๆต่อ เป็นช่วงเวลาตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่ที่โรงพยาบาลกับคนขี้เซาข้างๆเตียง

       สิ่งที่คิดมีเพียงอย่างเดียวเลยก็คือ วันที่เขาไม่อยู่แล้วสมุดโน้ตเล่มนี้จะทำให้กวินทร์มีความสุขได้บ้าง

       มือที่สั่นเทาเพราะต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดจับลงที่ปลายปากกาก่อนจะบรรจงเขียนข้อความลงไป





       ..ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีส้มบ่งบอกให้ชยารู้ว่าค่ำคืนนี้จะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่นาน หากแต่..ที่ข้างๆเขาก็ยังคงว่างเปล่าเหมือนเดิม

       “…” ทำได้แค่เฝ้ามองไปที่เก้าอี้ตัวเดิมตัวนั้น และหวังว่าอีกไม่นานมันจะถูกเติมเต็มด้วยคนตัวสูง

       ภายนอกเริ่มไร้แสงสว่าง ความเหงาจึงมากขึ้น ชยานอนลงหันไปทางประตูอยากมีความหวัง



       คุณจะมาแล้วใช่มั้ย..



       อีกไม่นานคุณจะเปิดประตูเข้ามาแล้วใช่รึเปล่า…

 

       มือเล็กเอื้อมไปหยิบหัวพี่หมีขึ้นมาก่อนจะกอดมันไว้ในอ้อมกอด และแล้ว..น้ำตาที่อัดอั้นมาตลอดก็ไหลออกมาอีกครั้ง

       “ทำไมคุณถึงผิดสัญญา..”

       

     







       ทว่าไม่ทันที่จะได้ฟุ้งซ่านอะไรต่อไปอีกประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับแสงสว่าง

       “…” ผู้มาเยือนเป็นผู้ป่วยเหมือนกันกับเขา ชยามองคนป่วยที่กำลังหันหลังให้เขาอย่างงงๆ

       “..คุณ..เข้าห้องผิดรึเปล่าครับ..?” คนตัวเล็กพยายามคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือ ก่อนจะต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาหาเขา



       “..กวินทร์..” ชยาเอ่ยเรียกอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังพบเห็น อะไรคือ..กวินทร์ในชุดผู้ป่วยที่เหมือนๆกันกับเขา แถมศีรษะยังไม่มีผมซักเส้นเหมือนกันอีก

       “ครับ ผมเอง” คนตัวสูงคลี่ยิ้มก่อนจะเดินมานั่งที่ประจำของเขา ความสงสัยเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด กวินทร์เป็นมะเร็งเหมือนกันหรอ ทำไมไม่เคยบอกกันเลย ทำไม..ทำไม..ทำไม มีแต่คำว่าทำไมอยู่ในหัวเต็มไปหมด

        “เกิดอะไรขึ้นกับคุณอะ..กวินทร์” คนตัวเล็กเช็ดน้ำตาออกก่อนจะถามออกไป

        “กวินทร์รู้นะว่าก่อนหน้านี้ชยากังวลเรื่องอะไร ก็เลย..อย่างที่เห็น เท่เปล่า” คนตัวสูงทำนิ้วเป็นเครื่องหมายถูกก่อนจะเอาไปแนบไว้กับคาง

       “อะไรเท่ นี่อย่าบอกว่ากวินทร์โกนผมออก..” บ้าหรอ มันไม่มีใครทำแบบนั้นจริงๆ…

       “ใช่ครับ เราจะได้เหมือนกัน”

       “…”

       “ขอโทษที่มาช้านะครับ” เป็นอีกครั้งที่เพียงแค่..ได้เห็นหน้า ..ได้ฟังเสียงนุ่มๆของเขา ความรู้สึกก่อนหน้านี้ก็มลายหายไปจนหมดสิ้น

       “ไม่เป็นไรครับ..” ชยายิ้มตอบ “แค่กวินทร์มา…ชยาก็ดีใจแล้ว”

       “แล้วนี่วันนี้เป็นยังไงบ้าง” คนตัวสูงเอ่ยถาม

       “กลัวครับ…กลัวมากๆเลย โดยเฉพาะตอนที่อยู่คนเดียวเมื่อกี้”

       “กวินทร์ขอโทษที่ปล่อยให้ชยาอยู่คนเดียวนะ ขอโทษจริงๆพอดีมีธุระนิดหน่อยเดี๋ยวรอคุณดีขึ้นก่อนแล้วผมจะบอกคุณ” คนตัวสูงบอกไปตามตรง ..ส่วนที่ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ก็เพราะว่าชยาคงยังไม่พร้อมรับรู้อะไรแบบนี้แน่ๆ

       เพื่อนรักที่เขาสนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม…เสียชีวิตแล้ว

 

       “หืม ทำไมต้องรอ เรื่องไม่ดีหรอ หรือกวินทร์จะสารภาพว่าจริงๆแล้วที่รวยเพราะปล้นธนาคาร” เด็กน้อยไม่ประสีประสาเชื่อฟังคนตัวสูงอย่างว่าง่ายก่อนจะกวนส้นเท้าคนตัวสูงกลับไป

       “ไม่ขำครับ ขอโทษด้วย”

       “โห่” 

       “บอกกวินทร์ก่อนว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ห้ามโกหก” คนตัวสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจังไปด้วยความอยากรู้ ซึ่งก็เคยถามแบบนี้หลายครั้งแล้วแต่คนป่วยก็ชอบตอบแค่ ‘ไม่เป็นไร’ เป็นแบบนั้นทุกครั้งจนกวินทร์เริ่มจับสังเกตได้แล้วว่าคำว่าไม่เป็นไรมันแฝงไปด้วยอาการปวดที่ไม่เคยทุเลาลงเลย

       “ตอนนี้โอเค ไม่เจ็บท้องเท่าไหร่” ชยาตอบไปตามตรง บางทีฤทธิ์ยาคงช่วยบรรเทาไปได้แล้วในระดับนึง แต่พรุ่งนี้ก็คงกลับมาปวดใหม่ “เดี๋ยวอีกซักสองอาทิตย์ก็ได้ไปภูเก็ตแล้วมั้ง”

       “ดีเลย กวินทร์จะไปโยนชยาลงทะเล”

       “อันนี้คือไม่ได้แค้นอะไรกันถูกมั้ยครับ หื้ม”

       “บ้า กวินทร์รักชยาจะตาย”

       “ชยาก็รักกวินทร์อะ รักมากกว่าด้วย” ชยาเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้

       “อะไร กวินทร์มากกว่าเถอะ” ขณะเดียวกันเลือดนักสู้ในตัวกวินทร์ก็เยอะพอกัน

       “ไม่ยอมอ่ะ” สรุปแล้วก็เถียงกันเรื่องนี้ไปแบบไม่มีใครยอมใคร





       ..บทสนทนาของพวกเขายังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งสองฝ่าย 

        ทั้งนี้ก็คงต้องขอบคุณคนที่เป็นโลกทั้งใบของเขาเจ้าของที่นั่งข้างๆเตียงคนนี้

        ..คนๆนั้นชอบเล่าเรื่องตลกให้เขาฟัง พูดคุยเรื่องราวที่ผ่านพบประสบเจอมาในแต่ละวัน แชร์เรื่องราวดีๆและบ่นระบายเรื่องราวแย่ๆที่อัดอั้นอยู่ในใจ หากแต่มันกลับไม่ทำให้เขารู้สึกเบื่อหรือรำคาญเลย เขากลับยิ้ม และยินดีที่จะรับฟังเรื่องราวเหล่านั้น

 

       ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้ไปได้อีกกี่เดือนหรือกี่วัน 

       ในอนาคตภายภาคหน้า ..บางทีทริปภูเก็ตที่คิดว่าจะไปเที่ยวกันก็อาจจะเป็นจริงก็ได้ หรือไม่บางทีเขาอาจจะต้องจากไป แต่นั่นก็คงไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้       

       ขอแค่..ปัจจุบันเรายังอยู่ดูแลกันไปแบบนี้

       ต่อให้เป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง เขาก็ไม่เสียใจแล้ว



       















       “กวินทร์…หลับรึยัง” เสียงหวานเอ่ยถามเบาๆท่ามกลางความมืดสลัวภายในห้องสี่เหลี่ยม

       “ยังครับ” คนในผ้าห่มตรงโซฟาเอ่ยตอบเนือยๆ ก่อนจะตาสว่างเป็นปลิดทิ้งเพราะว่า..

       “คุณนอนกับผมมั้ย” สิ่งที่ชยาเอ่ยชวน

       “…”

       “ไม่ได้หมายถึงอย่างงั้น หมายถึง..ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกัน นอนได้นะที่เหลือเยอะเลย” แต่ว่าจริงๆก็คือชยาก็แค่กลัวว่าคนตัวใหญ่อย่างกวินทร์จะนอนดิ้นจนตกโซฟาไปต่างหาก ถ้ามานอนที่เตียงอย่างน้อยเลยเขาก็ดิ้นไปไหนไม่ได้เพราะมีราวกั้น

       “งั้นกวินทร์ขอกอดชยาได้มั้ย” แล้วพี่เขาก็เริ่มออดอ้อนทันทีพร้อมกับเดินมาที่เตียงผู้ป่วย

       “อยากกอดคุณอยู่เหมือนกัน” ก่อนจะขึ้นมานอนข้างๆคนตัวเล็ก แล้วโอบกอดร่างบางนั้นเข้ามาในอ้อมอก

       “ฝันดีนะครับ”

       “ฝันดีครับ”

       แล้วหลับไปพร้อมๆกัน













   




ออฟไลน์ _MindSky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Special
The Notebook of Chaya. “สิบวันธรรมดากับท้องฟ้าหลากสี”












‘คุณรู้มั้ย…ผมมีความสุขมากๆเลยนะที่ได้อยู่เคียงข้างคุณ’











24 พ.ค

สวัสดีท้องฟ้าสีครามในเช้าวันเสาร์ปลายฤดูร้อน

วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเลย พอตื่นมาก็เจอกับคนขี้เซาที่เอาแต่หลับตาอ้าปากเป็นอย่างแรก

เมื่อวานขอโทษที่ผมงี่เง่านะ คุณเรียนหนัก กว่าจะกลับก็ค่ำ พอกลับมาก็ต้องมาเจอคนเอาแต่ใจอย่างผมอีก

ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว ผมจะเอาใจใส่คุณให้มากขึ้น รับฟังคุณให้มากขึ้น แล้วก็…เข้าใจคุณให้มากขึ้นด้วย

ผมถ่ายรูปคุณตอนนี้ไว้ด้วย เดาว่าถ้าตื่นมาเห็นคงด่าผมไปยันลูกบวชแหงๆ

แต่ก็..ดีเหมือนกันนะถ้าคุณจะอยู่ด่าผมไปจนถึงตอนนั้น



วันนี้ในตู้เย็นไม่มีอะไรหลงเหลือมากนัก ดังนั้นมื้อเช้าของคุณคงต้องเป็นออมเล็ตกับแกงจืดเต้าหู้ไปก่อน ไว้เดี๋ยวตอนเย็นจะทำของโปรดของคุณให้กิน

ส่วนมื้อนี้…ถ้าแกงจืดผมเค็ม ผมขอโทษล่วงหน้า





จริงสิ..ขอบคุณนะครับสำหรับอ้อมกอดอุ่นๆของคุณเมื่อคืน : )











25 พ.ค

สวัสดีท้องฟ้าสีครามกับแสงแดดช่วงสายของวันหยุดสุดสัปดาห์

อีกซักพักผมกับเขา เราจะออกไปข้างนอกกัน

เป็นสถานที่ธรรมดาๆที่ก็ดูปกติไม่มีความพิเศษอะไร

แต่สำหรับผม มัน..พิเศษมากๆเลย



‘ห้องสมุด’

 

คุณบัตรนิสิตหน้านิ่งเหมือนโจรปล้นธนาคาร…วันนี้ผมขอใช้สิทธิประโยชน์จากคุณหน่อยนะ



เขาเป็นคนช่างคิดช่างทำ ผมเป็นคนชอบเขียนชอบเรียนรู้

สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเราเลยก็คือคลังหนังสือที่รวบรวมหลากหลายเรื่องราวและหลายพันแรงบันดาลใจเอาไว้ ซึ่งก็คือที่นี่

เขาเลือกอ่านหนังสือบทละคร ผมเลือกอ่านคู่มือสอนเด็ก

ถ้าเขามาอ่านบันทึกเล่มนี้คงอาจจะเห็นว่ามันโคตรจะไม่เข้ากันและหาความพิเศษใดๆไม่เจอ

แต่ว่า..ความพิเศษที่ของผมมันอยู่ตรงนี้

หนังสือที่เราทั้งสองเลือกอ่านนั้นต่างกัน ..โลกใบใหม่ที่ที่เรากำลังจะเข้าไปโลดแล่นก็ต่างกัน แต่ระหว่างผมกับเขากลับไม่ได้ต่างกัน และไม่ได้แยกห่างจากกันไปไหน

ผมและเขาเราอยู่ด้วยกัน

เราเชื่อมโลกทั้งสองใบเข้าด้วยกันผ่านเสียงคอรัสของเพลงบัลลาดที่ส่งผ่านมาทางสายเอียร์พอด

และเชื่อมความรู้สึกกันผ่านศีรษะของผมที่พิงพักอยู่กับไหล่กว้างของเขา



เขาตื่นเต้น..เสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวของเขาก็จะทำให้ผมตื่นเต้นไปด้วย

เขารู้สึกสนุก..ผมก็จะรู้สึกสนุกไปด้วย

เขามีความสุข..ผมเองก็มีความสุข



..นี่แหละครับ

ความธรรมดาอันแสนพิเศษที่ผมหมายถึง : )











26 พ.ค

สวัสดีท้องฟ้าสีโอลด์โรสยามเย็นของวันแห่งการทำงาน

แต่ว่า..วันนี้ผมกลับไม่สบายซะงั้น

อยากไปมอมากๆเลยแต่ก็ทำได้แค่นอนซมเป็นผักเป็นปลาอยู่บนเตียง

ขอโทษที่ไม่ระวังตัวเองจนทำให้แบคทีเรียจู่โจมกันง่ายดายทำให้คุณเป็นห่วงแบบนี้

เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะขอไถ่โทษด้วยของโปรดของคุณก็แล้วกัน



จริงๆก็..อยากขอบคุณคุณด้วยเหมือนกันนะ

หลายๆอย่างเลย โดยเฉพาะตอนที่ผมป่วยแบบนี้

คุณพึ่งเรียนเสร็จ ผมรู้ว่าคุณกำลังเหนื่อย อยากนอนพัก แต่คุณกลับอยู่ดูแลกัน

จนสุดท้ายแล้วคนที่นอนพักไปก่อนก็เป็นผม

ขอบคุณที่…เตรียมหายาให้ผม

ขอบคุณที่…เช็ดตัวให้ผม

ขอบคุณที่…อยู่ข้างๆกัน ไม่ห่างกันไปไหนไกล

ขอบคุณที่ดูแลผมเป็นอย่างดี



คุณเป็นโชคดีของผมนะ : )











27 พ.ค

สวัสดีท้องฟ้าสีดำช่วงห้าทุ่ม ตอนนี้ใกล้จะเริ่มวันใหม่แล้ว ก็เลยลุกมาเขียนบันทึกก่อน

ผมยังคงนอนซมเป็นผักอยู่เหมือนเดิม

แต่คนที่นอนซมมากกว่าผมก็คงจะเป็นคุณนี่แหละ

ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมดูแลตัวเองได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงกันขนาดนั้น นี่ก็แค่ไข้หวัดธรรมดาๆเอง แต่คุณก็ยังดื้อดึงไม่ยอมหลับยอมนอนถ้าไม่เห็นว่าผมหลับไปก่อน

ทำไมคุณถึงต้องยอมลำบากตัวเองเพื่อผมขนาดนี้นะ..?

ทำไมต้องยอมอดหลับอดนอนทั้งๆที่ตัวเองอยากพักใจจะขาด..?

ทำไมถึงยังนอนกอดผมอยู่อีก…คุณไม่กลัวตัวคุณเองติดหวัดไปด้วยหรอ..?



อา…ผมรู้แล้วล่ะว่าทำไม

ผมรู้แล้ว…จากรอยยิ้มของคุณ



ขอบคุณที่รักกันนะ : )











28 พ.ค

สวัสดีท้องฟ้าสีน้ำเงินผู้ถูกห้อมล้อมไปด้วยหมู่เมฆ

วันนี้อาการผมเริ่มทุเลาลงแล้ว ก็ดีใจอยู่นะ แต่คุณนี่สิแทบจะปิดซอยเลี้ยงโต๊ะจีนแล้วมั้งนั่น

คุณชวนผมไปดูหนังตอนเย็นหลังเลิกเรียน คุณบอกว่าคุณจะเลี้ยงด้วย

จริงๆผมเกรงใจคุณเหมือนกันนะ ทุกครั้งที่เราไปไหนด้วยกันคุณก็จะออกตัวจ่ายให้ผมตลอด

เคยถามคุณว่าทำไม แล้วคุณก็ตอบมาแบบหน้านิ่งเลยว่า

‘รวย’



ยอมใจคุณเขาเลยจริงๆ



ดูหนังจบแล้ว ตอนแรกหนังค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว แต่ว่าผมไม่กลัวหรอก

ขอบคุณฝ่ามืออุ่นๆของคุณที่มาปลอบประโลมความกลัวในใจ



ไคลแมกซ์ของเรื่องเผลอร้องไห้ไปยกใหญ่จนทำเสื้อนิสิตคุณเปื้อนไปหมด

ขอโทษนะครับที่แสดงความรู้สึกของตัวเองออกไปโดยไม่เก็บไว้เลย

อยู่กับคุณทีไรผมก็เป็นแบบนี้ตลอด



ไม่รู้ว่าคุณจะรู้สึกเหมือนกันรึเปล่า..

แต่ผมสบายใจมากๆเลย ตอนที่อยู่กับคุณ : )











29 พ.ค

สวัสดีท้องฟ้าสีหม่นและเม็ดฝนที่กำลังโปรยปราย

ก่อนหน้านี้ผมรอคุณมารับอยู่ป้ายรถเมล์หน้ามหาลัย แต่จนแล้วจนรอดคุณก็ไม่มาซักที โทรศัพท์ผมก็ดันแบตหมด ติดต่อคุณไม่ได้อีก

แต่ไม่เป็นไรผมจะรอ ผมรู้ว่าคุณอาจจะติดธุระอะไรซักอย่าง เพราะงั้นแล้วผมจะรอคุณจนกว่าคุณจะมา



ช่วยเป็นเพื่อนกันไปก่อนนะคุณสมุดบันทึก อีกซักพักเขาก็น่าจะมาแล้ว



ถึงบ้านแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าคุณจะตากฝนเพื่อมารับผม ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่เช้าล่ะว่ารถคุณเสีย



โธ่ คุณเปียกไปหมดเลย



ท้องฟ้าครับ ผมขอให้เขาไม่ป่วยได้มั้ย

ไม่อยากให้เขาป่วยเลย

เป็นห่วงเขาจัง









30 พ.ค

สวัสดีท้องฟ้าสีแดงและความรุนแรงของพายุที่กำลังจะกระหน่ำ

วันนี้ผมไม่มีเรียน แต่คุณมีเรียน

ยังไงก็ขอให้คุณกลับมาถึงก่อนฝนจะตกด้วยเถอะนะ

ผมเตรียมของโปรดให้คุณ ไว้คุณกลับมาแล้วเรากินด้วยกันนะ



คุณกลับมาแล้ว ดีหน่อยที่ฝนเริ่มตกตอนที่คุณถึงคอนโดพอดี

เรากินข้าวด้วยกัน คุณเล่าเรื่องที่เจอมาในระหว่างวันของวันนี้

ผมชอบนะเวลาที่แก้มตุ่ยๆของคุณขยับพูดเป็นน้ำไหลไฟดับขนาดนี้ ทำเอาผมหุบยิ้มไม่ได้เลย



พูดถึงไฟดับ…แล้วไฟก็ดับจริงๆ

‘คุณ…ผมกลัว’

‘ไม่เป็นไร…จับมือผมไว้ ผมอยู่ข้างๆคุณ’



ความกลัวตอนนั้นหายไปได้ไงผมก็ยังไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้



คงเป็นเพราะ…

ฝ่ามืออุ่นๆของคุณอีกแน่ๆเลย : )













31 พ.ค

สวัสดีท้องฟ้าสีครามยามสายของวันเสาร์

วันนี้อากาศดีมากเลย ไม่มีเค้าของพายุ หรือเมฆฝนใดๆ ท้องฟ้ามีเพียงพระอาทิตย์ที่กำลังยิ้มแฉ่งสาดแสงส่องมาให้โลกของเรา

ไม่รู้ว่าคุณเขานึกคึกอะไรถึงชวนผมลุกขึ้นมาเล่นเกมด้วยกันตั้งแต่ตอนที่ผมพึ่งจะลืมตา

สุดท้ายทีมก็พังเพราะความพึ่งตื่นของผม

คุณด่าผม

ผมด่าคุณ

เราทะเลาะกัน



ผมปิ้งขนมปังให้คุณ เรียกคุณให้มากิน คุณไม่กิน

ผมไม่สนใจ ก็เลยวางไว้บนโต๊ะแล้วก็ไปนั่งดูทีวีต่อ

สิ่งที่เกิดขึ้นคือคุณเขาแอบไปกินขนมปัง

ค่อยๆย่อง ค่อยๆย่อง

คือตลกอะ

พอถูกจับได้คุณเขาก็ทำได้แค่เกาหัวแก้เก้อ

แต่สุดท้ายแล้ว เราก็คืนดีกันนะ

เป็นการทะเลาะกันที่ไร้สาระมาก แต่ในความไร้สาระที่ว่านั้นมันกลับทำให้วันหยุดของเรามีสีสันขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด



จริงๆผมไม่ค่อยชอบเวลาที่ทะเลาะกันซักเท่าไหร่

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกครั้งที่ทะเลาะมันทำให้ผมรู้จักคุณเขามากขึ้น

การทะเลาะกันทำให้เราต่างได้รู้ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร มีข้อดีตรงไหน มีข้อเสียยังไง



และเราเลือกที่จะศึกษาทั้งข้อดีข้อเสียตรงนั้นของอีกฝ่าย

ยอมรับปรับจูนเข้าหากัน



ประคองกันไปเรื่อยๆท่ามกลางเสียงหัวเราะ

และรอยยิ้มแห่งความสุข : )











1 มิ.ย

สวัสดีท้องฟ้าสีแสดช่วงเย็นของวันอาทิตย์

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์อีกวันที่แสนธรรมดา

เราไม่ได้ไปห้องสมุดเหมือนอาทิตย์ก่อน

เราอยู่ด้วยกันที่คอนโดโดยไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเลย

แต่เชื่อมั้ยว่าผมก็ยังรู้สึกว่าวันนี้มันพิเศษ

การที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้วเจอคุณนอนอยู่ข้างๆก็พิเศษ

การที่ได้นั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันกับคุณก็พิเศษ

การที่คุณตัดเล็บให้ผมนั่นก็พิเศษ

ทุกๆอย่างที่ผมทำถ้ามีคุณร่วมด้วย…ล้วนพิเศษ



ไม่รู้เลยว่าถ้าเกิดวันนึงที่ข้างๆของผมมันว่างเปล่าแล้วผมจะรู้สึกยังไง

ตื่นขึ้นมาคนเดียว..เจอแค่พื้นที่ว่างอีกครึ่งของที่นอน

นั่งกินข้าวคนเดียว…ฝั่งตรงข้ามมีแค่เก้าอี้ไม้ที่ไม่มีใครนั่ง

…แค่คิดผมก็เจ็บปวดใจขึ้นมาแล้ว



อยากให้…

คุณอยู่ด้วยกันตลอดไปจังเลยครับ : )

 









2 มิ.ย

สวัสดีท้องฟ้าสีวานิลลายามขอบฟ้าไร้พระอาทิตย์

วันนี้วันเกิดผม จริงๆทั้งชีวิตมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมก็ไม่เคยจัดวันเกิดอีกเลย

ไม่รู้สิครับ สำหรับผมผมว่ามันก็เป็นธรรมดาวันนึง แค่เป็นวันที่บ่งบอกว่าเราแก่ขึ้นไปอีกปีแล้ว ก็แค่นั้น



ก็คิดแบบนั้นมาตลอด…จนมาถึงปีนี้

..อาจจะไม่มีปาร์ตี้ ไม่มีคนร่วมงาน ไม่มีลูกโป่งหรืออะไรมากมาย

แต่คุณก็ทำให้วันนี้เป็นวันที่แสนพิเศษ ..พิเศษมากๆเลย สำหรับผม

จากเดิมที่ปกติคุณก็น่ากอดอยู่แล้ว แต่คุณในชุดมาสค็อตหมียิ่งน่ากอดเข้าไปใหญ่



‘ขอให้คุณมีความสุข’ ผมอธิษฐานไปแบบนั้น

ขอให้คุณมีความสุขนะ

วันนี้และตลอดไปเลย





แต่ในความพิเศษก็ยังมีอะไรที่พิเศษกว่านั้นอีก

ผมคาดไม่ถึงเลย แบบ..ไม่คาดคิดเลยจริงๆ



‘แต่งงานกันนะ’ คุณรู้มั้ยว่าคำนี้ทำให้หัวใจผมเต้นรัวยิ่งกว่ากลองศึกอีกนะ ผมหุบยิ้มไม่อยู่ คิดถึงน้ำเสียงที่คุณพูดและสีหน้าที่คุณพูดขึ้นมาทีไรน้ำตาก็จะไหลทุกที



มันมากกว่าคำว่าดีใจซะอีก ผมไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงความรักของเราจะมาถึงจุดนี้

คิดมาตลอดว่าผมยังเด็ก ไม่ประสีประสาเรื่องนี้ คุณคงจะคบกับผมไปได้อีกไม่นาน

แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเลย



คุณคือคนแรกของวันตั้งแต่ที่ผมลืมตาขึ้นมา และเป็นคนสุดท้ายของค่ำคืนก่อนที่ผมจะหลับตาลงจมสู่ฝันหวาน



คุณรู้มั้ย…ผมมีความสุขมากๆเลยนะที่ได้อยู่เคียงข้างคุณ



ถ้าเป็นไปได้…ผมอยากให้เป็นแบบนี้

ผมอยากอยู่เคียงข้างคุณแบบนี้…จนกว่าชื่อของเราที่สลักบนแหวนจะจางหายไป







“ชยา • กวินทร์”























ต่อจากนี้คงไม่ได้เขียนบันทึกเล่มนี้แล้วล่ะมั้ง

จริงๆก็แอบเขินอยู่หน่อยๆที่เขียนอะไรแบบนี้

กลัวคุณมาอ่านแล้วคุณจะขำ



เพราะงั้นขอเก็บสมุดบันทึกเล่มนี้เอาไว้ก่อนแล้วกันนะ

เรื่องราวที่เหลือต่อจากนี้คงไม่บันทึกลงในนี้อีกแล้ว



แต่ผมจะเก็บมันไว้ในนี้แทน











‘เก็บไว้ในความทรงจำ’

 


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด