‘คุณรู้มั้ย…ผมมีความสุขมากๆเลยนะที่ได้อยู่เคียงข้างคุณ’24 พ.ค
สวัสดีท้องฟ้าสีครามในเช้าวันเสาร์ปลายฤดูร้อน
วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเลย พอตื่นมาก็เจอกับคนขี้เซาที่เอาแต่หลับตาอ้าปากเป็นอย่างแรก
เมื่อวานขอโทษที่ผมงี่เง่านะ คุณเรียนหนัก กว่าจะกลับก็ค่ำ พอกลับมาก็ต้องมาเจอคนเอาแต่ใจอย่างผมอีก
ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว ผมจะเอาใจใส่คุณให้มากขึ้น รับฟังคุณให้มากขึ้น แล้วก็…เข้าใจคุณให้มากขึ้นด้วย
ผมถ่ายรูปคุณตอนนี้ไว้ด้วย เดาว่าถ้าตื่นมาเห็นคงด่าผมไปยันลูกบวชแหงๆ
แต่ก็..ดีเหมือนกันนะถ้าคุณจะอยู่ด่าผมไปจนถึงตอนนั้น
วันนี้ในตู้เย็นไม่มีอะไรหลงเหลือมากนัก ดังนั้นมื้อเช้าของคุณคงต้องเป็นออมเล็ตกับแกงจืดเต้าหู้ไปก่อน ไว้เดี๋ยวตอนเย็นจะทำของโปรดของคุณให้กิน
ส่วนมื้อนี้…ถ้าแกงจืดผมเค็ม ผมขอโทษล่วงหน้า
จริงสิ..ขอบคุณนะครับสำหรับอ้อมกอดอุ่นๆของคุณเมื่อคืน : )
25 พ.ค
สวัสดีท้องฟ้าสีครามกับแสงแดดช่วงสายของวันหยุดสุดสัปดาห์
อีกซักพักผมกับเขา เราจะออกไปข้างนอกกัน
เป็นสถานที่ธรรมดาๆที่ก็ดูปกติไม่มีความพิเศษอะไร
แต่สำหรับผม มัน..พิเศษมากๆเลย
‘ห้องสมุด’
คุณบัตรนิสิตหน้านิ่งเหมือนโจรปล้นธนาคาร…วันนี้ผมขอใช้สิทธิประโยชน์จากคุณหน่อยนะ
เขาเป็นคนช่างคิดช่างทำ ผมเป็นคนชอบเขียนชอบเรียนรู้
สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเราเลยก็คือคลังหนังสือที่รวบรวมหลากหลายเรื่องราวและหลายพันแรงบันดาลใจเอาไว้ ซึ่งก็คือที่นี่
เขาเลือกอ่านหนังสือบทละคร ผมเลือกอ่านคู่มือสอนเด็ก
ถ้าเขามาอ่านบันทึกเล่มนี้คงอาจจะเห็นว่ามันโคตรจะไม่เข้ากันและหาความพิเศษใดๆไม่เจอ
แต่ว่า..ความพิเศษที่ของผมมันอยู่ตรงนี้
หนังสือที่เราทั้งสองเลือกอ่านนั้นต่างกัน ..โลกใบใหม่ที่ที่เรากำลังจะเข้าไปโลดแล่นก็ต่างกัน แต่ระหว่างผมกับเขากลับไม่ได้ต่างกัน และไม่ได้แยกห่างจากกันไปไหน
ผมและเขาเราอยู่ด้วยกัน
เราเชื่อมโลกทั้งสองใบเข้าด้วยกันผ่านเสียงคอรัสของเพลงบัลลาดที่ส่งผ่านมาทางสายเอียร์พอด
และเชื่อมความรู้สึกกันผ่านศีรษะของผมที่พิงพักอยู่กับไหล่กว้างของเขา
เขาตื่นเต้น..เสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวของเขาก็จะทำให้ผมตื่นเต้นไปด้วย
เขารู้สึกสนุก..ผมก็จะรู้สึกสนุกไปด้วย
เขามีความสุข..ผมเองก็มีความสุข
..นี่แหละครับ
ความธรรมดาอันแสนพิเศษที่ผมหมายถึง : )
26 พ.ค
สวัสดีท้องฟ้าสีโอลด์โรสยามเย็นของวันแห่งการทำงาน
แต่ว่า..วันนี้ผมกลับไม่สบายซะงั้น
อยากไปมอมากๆเลยแต่ก็ทำได้แค่นอนซมเป็นผักเป็นปลาอยู่บนเตียง
ขอโทษที่ไม่ระวังตัวเองจนทำให้แบคทีเรียจู่โจมกันง่ายดายทำให้คุณเป็นห่วงแบบนี้
เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะขอไถ่โทษด้วยของโปรดของคุณก็แล้วกัน
จริงๆก็..อยากขอบคุณคุณด้วยเหมือนกันนะ
หลายๆอย่างเลย โดยเฉพาะตอนที่ผมป่วยแบบนี้
คุณพึ่งเรียนเสร็จ ผมรู้ว่าคุณกำลังเหนื่อย อยากนอนพัก แต่คุณกลับอยู่ดูแลกัน
จนสุดท้ายแล้วคนที่นอนพักไปก่อนก็เป็นผม
ขอบคุณที่…เตรียมหายาให้ผม
ขอบคุณที่…เช็ดตัวให้ผม
ขอบคุณที่…อยู่ข้างๆกัน ไม่ห่างกันไปไหนไกล
ขอบคุณที่ดูแลผมเป็นอย่างดี
คุณเป็นโชคดีของผมนะ : )
27 พ.ค
สวัสดีท้องฟ้าสีดำช่วงห้าทุ่ม ตอนนี้ใกล้จะเริ่มวันใหม่แล้ว ก็เลยลุกมาเขียนบันทึกก่อน
ผมยังคงนอนซมเป็นผักอยู่เหมือนเดิม
แต่คนที่นอนซมมากกว่าผมก็คงจะเป็นคุณนี่แหละ
ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมดูแลตัวเองได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงกันขนาดนั้น นี่ก็แค่ไข้หวัดธรรมดาๆเอง แต่คุณก็ยังดื้อดึงไม่ยอมหลับยอมนอนถ้าไม่เห็นว่าผมหลับไปก่อน
ทำไมคุณถึงต้องยอมลำบากตัวเองเพื่อผมขนาดนี้นะ..?
ทำไมต้องยอมอดหลับอดนอนทั้งๆที่ตัวเองอยากพักใจจะขาด..?
ทำไมถึงยังนอนกอดผมอยู่อีก…คุณไม่กลัวตัวคุณเองติดหวัดไปด้วยหรอ..?
อา…ผมรู้แล้วล่ะว่าทำไม
ผมรู้แล้ว…จากรอยยิ้มของคุณ
ขอบคุณที่รักกันนะ : )
28 พ.ค
สวัสดีท้องฟ้าสีน้ำเงินผู้ถูกห้อมล้อมไปด้วยหมู่เมฆ
วันนี้อาการผมเริ่มทุเลาลงแล้ว ก็ดีใจอยู่นะ แต่คุณนี่สิแทบจะปิดซอยเลี้ยงโต๊ะจีนแล้วมั้งนั่น
คุณชวนผมไปดูหนังตอนเย็นหลังเลิกเรียน คุณบอกว่าคุณจะเลี้ยงด้วย
จริงๆผมเกรงใจคุณเหมือนกันนะ ทุกครั้งที่เราไปไหนด้วยกันคุณก็จะออกตัวจ่ายให้ผมตลอด
เคยถามคุณว่าทำไม แล้วคุณก็ตอบมาแบบหน้านิ่งเลยว่า
‘รวย’
ยอมใจคุณเขาเลยจริงๆ
ดูหนังจบแล้ว ตอนแรกหนังค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว แต่ว่าผมไม่กลัวหรอก
ขอบคุณฝ่ามืออุ่นๆของคุณที่มาปลอบประโลมความกลัวในใจ
ไคลแมกซ์ของเรื่องเผลอร้องไห้ไปยกใหญ่จนทำเสื้อนิสิตคุณเปื้อนไปหมด
ขอโทษนะครับที่แสดงความรู้สึกของตัวเองออกไปโดยไม่เก็บไว้เลย
อยู่กับคุณทีไรผมก็เป็นแบบนี้ตลอด
ไม่รู้ว่าคุณจะรู้สึกเหมือนกันรึเปล่า..
แต่ผมสบายใจมากๆเลย ตอนที่อยู่กับคุณ : )
29 พ.ค
สวัสดีท้องฟ้าสีหม่นและเม็ดฝนที่กำลังโปรยปราย
ก่อนหน้านี้ผมรอคุณมารับอยู่ป้ายรถเมล์หน้ามหาลัย แต่จนแล้วจนรอดคุณก็ไม่มาซักที โทรศัพท์ผมก็ดันแบตหมด ติดต่อคุณไม่ได้อีก
แต่ไม่เป็นไรผมจะรอ ผมรู้ว่าคุณอาจจะติดธุระอะไรซักอย่าง เพราะงั้นแล้วผมจะรอคุณจนกว่าคุณจะมา
ช่วยเป็นเพื่อนกันไปก่อนนะคุณสมุดบันทึก อีกซักพักเขาก็น่าจะมาแล้ว
ถึงบ้านแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าคุณจะตากฝนเพื่อมารับผม ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่เช้าล่ะว่ารถคุณเสีย
โธ่ คุณเปียกไปหมดเลย
ท้องฟ้าครับ ผมขอให้เขาไม่ป่วยได้มั้ย
ไม่อยากให้เขาป่วยเลย
เป็นห่วงเขาจัง
30 พ.ค
สวัสดีท้องฟ้าสีแดงและความรุนแรงของพายุที่กำลังจะกระหน่ำ
วันนี้ผมไม่มีเรียน แต่คุณมีเรียน
ยังไงก็ขอให้คุณกลับมาถึงก่อนฝนจะตกด้วยเถอะนะ
ผมเตรียมของโปรดให้คุณ ไว้คุณกลับมาแล้วเรากินด้วยกันนะ
คุณกลับมาแล้ว ดีหน่อยที่ฝนเริ่มตกตอนที่คุณถึงคอนโดพอดี
เรากินข้าวด้วยกัน คุณเล่าเรื่องที่เจอมาในระหว่างวันของวันนี้
ผมชอบนะเวลาที่แก้มตุ่ยๆของคุณขยับพูดเป็นน้ำไหลไฟดับขนาดนี้ ทำเอาผมหุบยิ้มไม่ได้เลย
พูดถึงไฟดับ…แล้วไฟก็ดับจริงๆ
‘คุณ…ผมกลัว’
‘ไม่เป็นไร…จับมือผมไว้ ผมอยู่ข้างๆคุณ’
ความกลัวตอนนั้นหายไปได้ไงผมก็ยังไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้
คงเป็นเพราะ…
ฝ่ามืออุ่นๆของคุณอีกแน่ๆเลย : )
31 พ.ค
สวัสดีท้องฟ้าสีครามยามสายของวันเสาร์
วันนี้อากาศดีมากเลย ไม่มีเค้าของพายุ หรือเมฆฝนใดๆ ท้องฟ้ามีเพียงพระอาทิตย์ที่กำลังยิ้มแฉ่งสาดแสงส่องมาให้โลกของเรา
ไม่รู้ว่าคุณเขานึกคึกอะไรถึงชวนผมลุกขึ้นมาเล่นเกมด้วยกันตั้งแต่ตอนที่ผมพึ่งจะลืมตา
สุดท้ายทีมก็พังเพราะความพึ่งตื่นของผม
คุณด่าผม
ผมด่าคุณ
เราทะเลาะกัน
ผมปิ้งขนมปังให้คุณ เรียกคุณให้มากิน คุณไม่กิน
ผมไม่สนใจ ก็เลยวางไว้บนโต๊ะแล้วก็ไปนั่งดูทีวีต่อ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือคุณเขาแอบไปกินขนมปัง
ค่อยๆย่อง ค่อยๆย่อง
คือตลกอะ
พอถูกจับได้คุณเขาก็ทำได้แค่เกาหัวแก้เก้อ
แต่สุดท้ายแล้ว เราก็คืนดีกันนะ
เป็นการทะเลาะกันที่ไร้สาระมาก แต่ในความไร้สาระที่ว่านั้นมันกลับทำให้วันหยุดของเรามีสีสันขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
จริงๆผมไม่ค่อยชอบเวลาที่ทะเลาะกันซักเท่าไหร่
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกครั้งที่ทะเลาะมันทำให้ผมรู้จักคุณเขามากขึ้น
การทะเลาะกันทำให้เราต่างได้รู้ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร มีข้อดีตรงไหน มีข้อเสียยังไง
และเราเลือกที่จะศึกษาทั้งข้อดีข้อเสียตรงนั้นของอีกฝ่าย
ยอมรับปรับจูนเข้าหากัน
ประคองกันไปเรื่อยๆท่ามกลางเสียงหัวเราะ
และรอยยิ้มแห่งความสุข : )
1 มิ.ย
สวัสดีท้องฟ้าสีแสดช่วงเย็นของวันอาทิตย์
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์อีกวันที่แสนธรรมดา
เราไม่ได้ไปห้องสมุดเหมือนอาทิตย์ก่อน
เราอยู่ด้วยกันที่คอนโดโดยไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเลย
แต่เชื่อมั้ยว่าผมก็ยังรู้สึกว่าวันนี้มันพิเศษ
การที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้วเจอคุณนอนอยู่ข้างๆก็พิเศษ
การที่ได้นั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันกับคุณก็พิเศษ
การที่คุณตัดเล็บให้ผมนั่นก็พิเศษ
ทุกๆอย่างที่ผมทำถ้ามีคุณร่วมด้วย…ล้วนพิเศษ
ไม่รู้เลยว่าถ้าเกิดวันนึงที่ข้างๆของผมมันว่างเปล่าแล้วผมจะรู้สึกยังไง
ตื่นขึ้นมาคนเดียว..เจอแค่พื้นที่ว่างอีกครึ่งของที่นอน
นั่งกินข้าวคนเดียว…ฝั่งตรงข้ามมีแค่เก้าอี้ไม้ที่ไม่มีใครนั่ง
…แค่คิดผมก็เจ็บปวดใจขึ้นมาแล้ว
อยากให้…
คุณอยู่ด้วยกันตลอดไปจังเลยครับ : )
2 มิ.ย
สวัสดีท้องฟ้าสีวานิลลายามขอบฟ้าไร้พระอาทิตย์
วันนี้วันเกิดผม จริงๆทั้งชีวิตมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมก็ไม่เคยจัดวันเกิดอีกเลย
ไม่รู้สิครับ สำหรับผมผมว่ามันก็เป็นธรรมดาวันนึง แค่เป็นวันที่บ่งบอกว่าเราแก่ขึ้นไปอีกปีแล้ว ก็แค่นั้น
ก็คิดแบบนั้นมาตลอด…จนมาถึงปีนี้
..อาจจะไม่มีปาร์ตี้ ไม่มีคนร่วมงาน ไม่มีลูกโป่งหรืออะไรมากมาย
แต่คุณก็ทำให้วันนี้เป็นวันที่แสนพิเศษ ..พิเศษมากๆเลย สำหรับผม
จากเดิมที่ปกติคุณก็น่ากอดอยู่แล้ว แต่คุณในชุดมาสค็อตหมียิ่งน่ากอดเข้าไปใหญ่
‘ขอให้คุณมีความสุข’ ผมอธิษฐานไปแบบนั้น
ขอให้คุณมีความสุขนะ
วันนี้และตลอดไปเลย
แต่ในความพิเศษก็ยังมีอะไรที่พิเศษกว่านั้นอีก
ผมคาดไม่ถึงเลย แบบ..ไม่คาดคิดเลยจริงๆ
‘แต่งงานกันนะ’ คุณรู้มั้ยว่าคำนี้ทำให้หัวใจผมเต้นรัวยิ่งกว่ากลองศึกอีกนะ ผมหุบยิ้มไม่อยู่ คิดถึงน้ำเสียงที่คุณพูดและสีหน้าที่คุณพูดขึ้นมาทีไรน้ำตาก็จะไหลทุกที
มันมากกว่าคำว่าดีใจซะอีก ผมไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงความรักของเราจะมาถึงจุดนี้
คิดมาตลอดว่าผมยังเด็ก ไม่ประสีประสาเรื่องนี้ คุณคงจะคบกับผมไปได้อีกไม่นาน
แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเลย
คุณคือคนแรกของวันตั้งแต่ที่ผมลืมตาขึ้นมา และเป็นคนสุดท้ายของค่ำคืนก่อนที่ผมจะหลับตาลงจมสู่ฝันหวาน
คุณรู้มั้ย…ผมมีความสุขมากๆเลยนะที่ได้อยู่เคียงข้างคุณ
ถ้าเป็นไปได้…ผมอยากให้เป็นแบบนี้
ผมอยากอยู่เคียงข้างคุณแบบนี้…จนกว่าชื่อของเราที่สลักบนแหวนจะจางหายไป
“ชยา • กวินทร์”
ต่อจากนี้คงไม่ได้เขียนบันทึกเล่มนี้แล้วล่ะมั้ง
จริงๆก็แอบเขินอยู่หน่อยๆที่เขียนอะไรแบบนี้
กลัวคุณมาอ่านแล้วคุณจะขำ
เพราะงั้นขอเก็บสมุดบันทึกเล่มนี้เอาไว้ก่อนแล้วกันนะ
เรื่องราวที่เหลือต่อจากนี้คงไม่บันทึกลงในนี้อีกแล้ว
แต่ผมจะเก็บมันไว้ในนี้แทน
‘เก็บไว้ในความทรงจำ’