:::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 08 (13.01.19)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 08 (13.01.19)  (อ่าน 7531 ครั้ง)

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 05 (16.12.18)
«ตอบ #30 เมื่อ16-12-2018 23:54:40 »

 :L1 :pig4::

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 05 (16.12.18)
«ตอบ #31 เมื่อ17-12-2018 00:19:26 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 05 (16.12.18)
«ตอบ #32 เมื่อ17-12-2018 12:05:49 »

 :L2: :pig4:

สนุกดี ติดตาม

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 05 (16.12.18)
«ตอบ #33 เมื่อ17-12-2018 21:20:18 »

รู้อะไรรร

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 05 (16.12.18)
«ตอบ #34 เมื่อ21-12-2018 16:35:21 »

งานน้องกันต์จะเข้าพี่ธีร์เรื่อย ๆ สินะ....

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 06 (24.12.18)
«ตอบ #35 เมื่อ24-12-2018 22:26:35 »




:: CHAPTER 6 ::




 

               การทำงานในช่วงบ่ายของธาริณเป็นไปอย่างราบรื่นและสงบจนเจ้าตัวรู้สึกพอใจเนื่องจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตารางของคุณเมธายุ่งจนเขาไม่ได้ทำอาหารกินเองเลยสักครั้งจนจะทำไม่อร่อยไปแล้วมั้ง ธาริณกดปิดคอมพิวเตอร์ก่อนจะรวบรวมแฟ้มรายงานทั้งหมดไปจัดแยกหมวดหมู่ไว้ เขาตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหยิบสมุกปกหนังที่คุ้นเคยขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องของผู้เป็นนาย เขาหยุดอยู่หน้าประตู นึกไปถึงเรื่องที่ก้องมาบอกไว้เมื่อครู่พลางขอให้วันนี้ราบรื่นไปจนช่วงสุดท้าย ธาริณก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วจ้องเข็มนาฬิกาอยู่อย่างนั้น

               ...ห้าสิบแปด ห้าสิบเก้า หกสิบ

               เอาล่ะ สี่โมงสี่สิบสี่ เลขมงคลเคาะประตูได้

               ธาริณยกมือเคาะทันทีก่อนจะเดินเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากเจ้าของห้อง เขาเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงาน คุณเมธาก็นั่งอ่านเอกสารเรื่อยๆ บรรยกาศดูเงียบสงบและเป็นปกติก็ไม่น่ามีอะไรเพิ่มเติมนักหรอก ธาริณเรียกความมั่นใจของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งแม้จะแอบสังหรณ์ใจไม่ดีเพราะคำพูดของรุ่นน้องคนสนิทเมื่อตอนกลางวัน

               ไม่มีอะไรหรอกมั้ง

               คิดได้ดังนั้นเขาจึงเปิดสมุดที่ถือมาแล้วรายงานความคืบหน้าประจำวันตามปกติ รายงานการจองและคอนเฟิร์มร้านอาหารสำหรับพรุ่งนี้ และจบลงที่การยื่นวิเคราะห์เศรษฐกิจและกราฟให้คุณเมธาตรจสอบซึ่งเจ้าตัวก็รับไปแล้วนั่งเปิดดูคร่าวๆ

               “อืม ขอบคุณมาก ทำได้ละเอียดเหมือนเดิมเลย”

               “ขอบคุณครับ” ธาริณกล่าวรับพร้อมรอยยิ้ม คุณเมธาก็ดูไม่ได้ติหรือวิจารณ์อะไร ทุกอย่างราบรื่นขนาดนี้คงไม่มีอะไรแล้ว...เย็นนี้ทำสเต๊กกินดีมั้ยวะ

               “งั้นพรุ่งนี้ผมจะคอนเฟิร์มร้านนี้เลยนะครับ ตารางของพรุ่งนี้นอกจากรับประทานอาหารกับคุณวิภาแล้วก็มีแค่ไปต้อนรับคนจากค่ายญี่ปุ่นเท่านั้นครับ”

               เมื่อกล่าวรายงานหัวข้อตามลิสท์ที่จดไว้ครบถ้วนแล้วเขาจึงปิดสมุดลงแล้วเตรียมกลับบ้านทันที

               “ถ้าคุณเมธาไม่มีอะไรแล้ว ผมขอ...”

               “ธีร์” แต่ก่อนที่จะได้พูดจบคุณเมธาก็ขัดเอาไว้ก่อน ทำเอาธาริณแทบหยุดความคิดตนเองไม่ทัน

               “ครับ”

               “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกนะ แต่ทางคุณโชติเขาบอกข่าวให้ฟังแล้วฝากขอโทษมาด้วย ธีร์ก็ลองไปดูแล้วกัน”

               ....ทำไมรู้สึกไม่ดีเลยวะ

               พูดจบคุณเมธาก็ยื่นกระดาษปึกหนึ่งมาให้เขาจึงหยิบขึ้นมาดูทันทีและพบว่ามันเป็นสกู๊ปข่าวที่มีภาพของเขากับกันต์ยืนอยู่ด้วยกันจำนวนหลายรูป มันเป็นภาพของเขากับกันต์ในซอยร้านข้าวต้มป้าแสง และเมื่อพลิกดูในหน้าถัดไปก็พบว่ากระดาษทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องของเขากับกันต์จากสำนักข่าวต่างๆ รวมถึงสื่อออนไลน์ในแพลทฟอร์มอื่นทั้งหมด เมื่อเห็นรูปภาพทั้งหมดแล้วเขาจึงเลื่อนสายมาอ่านพาดหัวข่าวต่อทันที

               ‘หลอกลวง’

               ‘คนที่คุณเจอในแฟนมีทไม่ใช่กันต์ตัวจริง’

               ‘เรากำลังเสียเงินให้ใคร’

               ‘ธีร์แม่งเป็นใครวะ พี่กันต์อยู่ไหน'

               นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสความน่ากลัวของสื่อด้วยตัวเอง เขาไล่อ่านไปเรื่อยๆ ก่อนพบว่าส่วนหลังของกระดาษปึกนั่นเริ่มปรากฎเป็นชื่อของเขาเยอะขึ้นตามลำดับ มีทั้งกระทู้เปรียบเทียบที่มีคนไปขุดคุ้ยใบหน้าเขามเทียบกับกันต์บ้าง กระทู้ตั้งขึ้นมาเพื่อด่าบ้าง จนไปถึงข้อความในทวิตเตอร์ซึ่งดูเหมือนจะเป็นส่วนใหญ่ของทั้งหมด

               ‘ธีร์-บุคคลปริศนา’

               ‘มาเสนอหน้าแทนพี่กันต์ได้ไง’

               ‘ต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะหน้าด้านทำแบบนี้ได้วะ พี่กันต์รู้ไหมเนี่ย’

               ‘รบกวนดูให้หน่อยว่าคนนี้ใช่พี่กันต์หรือเปล่า’

               ‘ฉันไปจับมือใครมาเนี่ย’

               ธาริณกวาดสายตาอ่านผ่านข้อความเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ในใจมีแต่คำว่าฉิบหาย การต้องรับหน้าแทนก็ว่าแย่พอแล้วนะ การโดนจับได้แบบนี้ยิ่งแย่กว่า และที่สำคัญเลยคือความจริงแล้วมันไม่ใช่ความผิดของเขาสักนิด ที่ทำไปทั้งหมดเพราะโดนคุณเมธาคุณโชติร่วมกันไหว้วานทั้งนั้น แต่คนโดนด่ากลับเป็นเขาคนเดียว เขาก็เพิ่งมาได้รู้วันนี้เองว่าแฟนคลับของกันต์นี่จัดว่าแอนตี้แรงใช้ได้ แถมยังพร้อมที่จะปกป้องกันต์โดยไม่สงสัยเลยสักนิดว่าใครกันแน่ที่ผิด

               “ธีร์ไหวไหม” สงสัยเขาจะดูอินมากไปหน่อยคุณเมธาเลยเป็นฝ่ายทักขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

               ...แหม ถามมาได้

               “ไหวอยู่ครับ” เจ้านายถาม ถึงจะไม่ไหวก็ต้องบอกไหวอยู่แล้วสิครับ

               “คุณโชติฝากขอโทษมาและบอกว่าจะรีบจัดการให้เลย”

               ...เออ สมควร การสวมบทบาทเซ็นชื่อ ถ่ายรูป หรืออะไรทั้งหลายนั้นเทียบไม่ได้เลยกับการคุ้ยประวัติส่วนตัว แค่หน้าเหมือนกันธาริณก็รู้สึกเหมือนโดนทำลายความเป็นส่วนตัวระดับหนึ่งแล้ว มาโดนคุ้ยตั้งแต่ชื่อโรงเรียนยันงานอดิเรกนี่เรียกว่าขายวิญญาณไปเลยดีกว่า

               “ครับ รบกวนตามเรื่องให้ด้วยนะครับ” ปกติแล้วเขาไม่ค่อยย้ำอะไรกับคุณเมธาสักเท่าไหร่ เรียกว่าไม่หือไม่อือก็ยังได้ แต่รอบนี้เขาจะถือว่าสำคัญก็แล้วกัน

               “ได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วงนะ มีอะไรก็โทรมาบอกเลย”

               “ขอบคุณมากครับ” ธาริณเอ่ยลาก่อนจะเดินออกจากห้อง เขาถือวิสาสะถือกระดาษปึกนั้นออกมาด้วย คืนนี้จะลองนั่งอ่านทั้งหมดดูสักครั้ง ไม่ได้อยากจะโดนด่าหรอกแต่แค่อยากรู้สถานการณ์ของตัวเองว่าถึงขนาดไหนแล้วเพื่อเขาจะได้วางตัวถูก

               แต่ที่แน่ๆ ต้องลงไปซื้อผ้าปิดปากแล้วล่ะ

 





               “พี่พิ้งค์ นี่แอคเค้าท์อะไรน่ะ ทำไมมันแปลก” เสียงคนที่นั่งอยู่ที่นั่งด้านข้างทำให้เธอต้องชะลอความเร็วในการขับลงเพื่อแบ่งสมาธิมาไว้กับบทสนทนา ก่อนที่เขาจะพลิกหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาให้ดู

               “เออ ช่างมันก่อนละกัน พี่กำลังรีบ” ที่บอกว่ารีบคือรีบกลับบ้านเพราะพิ้งค์รู้สึกว่าวันนี้มันชักจะวุ่นวายจนเธอยากให้มันจบไปเร็วๆ ทั้งงานตามตารางและข่าวเรื่องการใช้ตัวแทนที่ดันมีคนจับได้อีก ความจริงเธอก็น่าจะออกปากเตือนไว้หน่อยว่าให้นะวังตัวกันแต่เธอเองก็ไม่คิดว่าการกินข้าวในซอยตอนดึกจะนำมาสู่ปัญหานี้เช่นกัน ทำเอาเธอต้องมานั่งเครียดโทรปรึกษากับคุณโชติและติดต่อนักข่าวทั้งวันจนถึงเมื่อกี้ และหลังจากไปส่งเด็กนี่เสร็จแล้วเธอก็จะได้กลับสักที

               “พี่พิ้งค์ครับ แต่ว่า...”

               “เออ ฉันรู้ว่าแกกำลังกังวล ฉันก็กังวลไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก” พิ้งค์พยายามใจเย็นและปลอบให้นักแสดงในความดูแลของตัวเองเลิกกังวล ”มีอย่างที่ไหนไปทำเลขาคุณเมธาเดือดร้อนขนาดนั้น”

               “นี่ ผมจริงจังนะ แอคนี้น่ากลัวมาก” แต่ไอ้เด็กนี่เหมือนไม่ใส่ใจกับความเหนื่อยของเธอเอาซะเลย! จนสุดท้ายเธอต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้เสียเอง

               “ไหน อ่านให้ฟังหน่อย” เมื่อได้ยินแบบนี้กันต์เลยรีบไล่อ่านทวิตเตอร์ที่กำลังเปิดดูให้อย่างรวดเร็วไปทีละบรรทัด ข้อความในแอคเคาท์นี้แต่ละทวิตนั้นไม่ยืดยาว ไม่มีคำด่า แต่มันเหมือนการสะกดรอยตามที่น่ากลัวกว่าคำด่าเสียอีก

               “บ่ายโมงยี่สิบ ธีร์ออกจากบริษัทไปร้านอาหารโรมานา บ่ายสามห้านาที ออกจากร้านกลับบริษัท บ่ายสี่เดินลงมาซื้อกาแฟสตาร์บั๊คส์ ห้าโมงครึ่งเดินไปขึ้นบีทีเอสกลับบ้าน” ยิ่งอ่านออกเสียงกันต์ยิ่งรู้สึกขนลุกแทน ขนาดเขาที่เคยเจอแอคเค้าท์ที่เปิดไว้ด่าตัวเองแล้วยังไม่รู้สึกไม่ปลอดภัยขนาดนี้เลย “พี่พิ้งค์ว่าจะเป็นอะไรไหมครับ”

               “พี่ว่ารอดูไปก่อนแล้วกัน” ความจริงแล้วพิ้งค์เองก็แอบรู้สึกว่ามันอันตรายอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยความที่เธอเคยเจอข้อความทำนองนี้มาก่อนโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอจึงตัดสินใจจะรอดูไปก่อน ทว่ากันต์เองกลับไม่คิดอย่างนั้น ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขารู้สึกว่าควรเข้าไปดูรายละเอียดอีกครั้งพร้อมแคปหน้าจอเก็บไว้

               ดูจากลักษณะแล้วเป็นแอคเค้าท์ที่เพิ่งเปิดใหม่อย่างแน่นอน และเมื่อย้อนกลับไปดูทวิตแรกแล้วก็ตรงกับสองวันก่อนซึ่งเป็นวันที่ธาริณมาช่วยจนโดนจับได้นั่นเอง แฟนคลับสมัยนี้น่ากลัวและรวดเร็ว เพียงชั่วข้ามคืนก็สามารถขุดคุ้ยประวัติและข้อมูลส่วนตัวของใครสักคนได้ บางทีเขาก็คิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ลองเสิร์ชคำว่า ‘ธีร์’ ลงไปจนได้เจอกับแอคเค้าท์นี้

เขานึกไม่ออกว่าเจ้าของแอคเค้าท์นี้เป็นใครถึงได้รู้ความเคลื่อนไหวทั้งหมด รูปโปรไฟล์นั้นเป็นแค่รูปเปลือกไข่พื้นหลังสีม่วงแต่ชื่อแอคเค้าท์และชื่อยูสเซอร์นั้นสื่อถึงจุดประสงค์ เนื้อหาของแต่ละทวิตเป็นเหมือนการรายงานตารางเวลา บางครั้งก็แทรกด้วยข้อความทำนองว่า ‘ยังไม่ลงมาสักที’ กันต์พยายามคาดเดาความเป็นไปได้ต่างๆ นานา จะว่าคนในบริษัทก็ไม่เชิงเพราะด้วยตำแหน่งของธาริณน่าจะมีตารางเวลาที่ไม่เหมือนพนักงานคนอื่น

               แต่แล้วระหว่างที่กำลังวิเคราะห์อยู่นั้นก็มีทวีตใหม่เด้งขึ้นในไทม์ไลน์ กันต์จึ้งรีบเลื่อนขึ้นไปดูทันทีก่อนจะพบข้อความที่ทำให้เขาแทบนั่งไม่ติด



               @finding_t เดินออกมาในซอยแล้ว เข้าร้านเดิม

               @finding_t กลับออกมาสักทีสิ

               @finding_t วันนี้เอาแค่น้ำเปล่าก่อนแล้วกัน




                ...ฉิบหายละ

               เขาไม่รู้ว่าน้ำเปล่าที่ว่าจะสื่อความหมายอย่างไร แต่เจ้าของแอคเค้าท์นี้ต้องมีจุดประสงค์ที่ไม่ดีแน่นอนเขาจึงตัดสินใจบอกผู้จัดการทันที “พี่พิ้งค์แวะที่คอนโดของพี่ธีร์ก่อนได้ไหมครับ”

               “ทำไมล่ะ”

               “ผมรู้สึกไม่ดีเลย”

               “เอาก็เอา” ความจริงแม้จะเหนื่อยแต่พิ้งค์เองก็กังวลอยู่เหมือนกันเพราะคุณโชติกำชับให้ช่วยตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยของฝ่ายนั้น “กดจีพีเอสให้หน่อย”

               กันต์รับมือถือของพิ้งค์มาแล้วเปลี่ยนพิกัดปลายทางทันที ก่อนที่ตัวเขาจะรีบเปิดกระเป๋าเพื่อค้นนามบัตรของอีกฝ่ายที่เพิ่งได้มาเมื่อวันก่อนแล้วกดเบอร์โทรออก เขารอสัญญาณไม่นานก่อนที่ปลายสายจะกดรับ

               “ฮัลโหล” น้ำเสียงของเขาดูงงนิดหน่อย อาจเพราะว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรมาตอนกลางคืน

               “พี่ธีร์ นี่กันต์นะครับ”

               “อ้อ มีอะไรหรือเปล่าครับ” แต่ชื่อของเขาก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายงงน้อยลง

               “พี่อยู่ในร้านป้าแสงหรือเปล่าครับ”

               “ฮะ...เอ่อ ใช่ครับ” เสียงเหมือนไม่ไว้ใจอะไรสักอย่างทำให้กันต์นึกขึ้นมาได้ว่าการโทรไปถามแบบนี้มันเหมือนเป็นโรคจิตเองยังไงไม่รู้ เขาจึงพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์อย่างรวบรัดที่สุด

               “พี่อย่าเพิ่งออกมานะครับ มีคนสะกดรอยตามพี่อยู่ ผมกำลังไปหา”

               “เอ่อ...ได้ครับ” กันต์พูดจบแล้วจึงตัดสายไปทันทีโดยไม่สนใจน้ำเสียงที่แม้จะตอบรับแต่แสดงความไม่เข้าใจออกมาอย่างชัดเจน อย่างน้อยเขาก็สบายใจได้ระดับนหนึ่ง นึกดูแล้วถึงไม่เดินออกมาจากร้านยังไงร้านของป้าแสงก็เป็นร้านเปิด และนั่นหมายความว่าหากเจ้าของแอคเค้าท์อยากเข้ามาประชิดตัวก็สามารถทำได้ไม่ยาก ดีไม่ดียังเป็นเป้านิ่งอีกต่างหาก เมื่อคิดได้แบบนี้กันต์จึงหันไปเร่งผู้จัดการส่วนตัวทันที “พี่พิ้งค์รีบหน่อยนะครับ”

               ทันทีที่ขับมาถึงหน้าปากซอยกันต์ก็รีบบอกทางมาร้านป้าแสง กันต์พยายามมองทางไปด้วยมองหาบุคคลต้องสงสัยไปด้วย ทว่าในซอยนั้นเองก็มีหลายคนเดินลงมาซื้อของกินทำให้แยกได้ยากมากว่าใครมีท่าทีน่าสงสัยจนเรียกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเจอ เมื่อรถมาจอดหน้าร้านป้าแสงแล้วเขาจึงรีบหยิบผ้าปิดปากมาคาดไว้แล้วเดินเข้าไปในร้าน

               สภาพที่เห็นทำเอากันต์รู้สึกจุกอย่างบอกกไม่ถูก ธาริณเปียกเกือบทั้งตัวเหมือนไปตกน้ำมา แต่เจ้าตัวก็ยังก้มลงไปบิดน้ำออกจากขากางเกงของตนเองอย่างเงียบเชียบด้วยท่าทางที่กันต์เห็นแล้วนึกชื่นชมอยู่ในใจ คนอะไรโดนน้ำสาดมาขนาดนี้ยังดูมาดดีเหมือนอยู่ในที่ประชุม พี่ธีร์ถึงจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไรก็ยังคงเป็นพี่ธีร์อยู่ดี

               ...เขามาสายไปสินะ

               “อ้าว นี่เพื่อนของธีร์ใช่มั้ยลูก” เสียงทักทายของเจ้าของร้านทำให้เขาละสายตาจากคนที่นั่งเปียกอยู่กลับมา พร้อมกับธาริณที่เงยหน้าขึ้นมาเห็น

               “ใช่ครับ” กันต์ยกมือไหว้ทักทายในขณะที่ความคิดยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องอื่น

               “เนี่ย เมื่อกี้อยู่ๆ ก็มีใครไม่รู้เดินเข้ามาในร้านแล้วเอาน้ำมาสาดน้องธีร์ ตกใจแทบแย่”

               “ป้าแสงพอจะจำลักษณะของคนที่เข้ามาได้ไหมครับ”

               “อืม...เป็นผู้หญิงตัวประมาณนี้ ผมดำยาวประมาณไหล่ ใส่ผ้าปิดปากกับหมวกไว้ด้วย” จากส่วนสูงที่ป้าแสงทำให้ดูนั้นจัดว่าไม่ได้สูงมาก “เขาเดินเข้ามาแล้วพุ่งเข้าไปหาน้องธีร์เลย” ว่าแล้วเจ้าของร้านก็หันไปมองลูกค้าคนสนิทอย่างเป็นห่วง

               ในขณะเดียวกันพิ้งค์ก็เดินเข้ามาในร้านจึงได้เห็นสภาพเปียกปอนไปทั้งตัวของธาริณ ทำเอาเธอก็รู้สึกผิดไปด้วยที่ทำให้คนอื่นต้องมาเจอเรื่องลำบากแบบนี้  โชคดีที่เธอตัดสินใจทำตามที่กันต์บอกไม่อย่างนั้นเธอคงได้กลับบ้านไปโดยไม่รู้อะไรแล้ว เธอเอ่ยทักเจ้าของร้านเพียงเล็กน้อยแล้วเดินตรงเข้าไปหา

               “คุณธีร์เป็นอย่างไรบ้างคะ บาดเจ็บตรงไหนไหม”

               “ไม่ครับ แค่ตกใจนิดหน่อย” คำตอบของธาริณทำเอาคนฟังขมวดคิ้ว ไม่บาดเจ็บก็จริงแต่เขาดูเหมือนไม่ตระหนักถึงอันตรายหรืออะไรเลยแม้แต่น้อย และคำตอบนี้เองทำให้กันต์ต้องเดินเข้ามาหาก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง

               “พี่ธีร์ครับ ตอนนี้มีคนกำลังสะกดรอยตามพี่อยู่นะครับ” กันต์อธิบายพลางเปิดให้ดูแอคเค้าท์ดังกล่าวซึ่งมีข้อความด้นบนสุดเขียนไว้ชัดเจนว่า ‘วันนี้เอาแค่น้ำเปล่าก่อนแล้วกัน’ เห็นดังนั้นธาริณก็ดึงโทรศัพท์ของอีกฝ่ายมาเลื่อนดูทันทีและได้รู้ว่าเขาโดนตามมาเป็นวันที่สองแล้ว

               “ทางเราต้องขอโทษจริงๆ นะคะคุณธีร์” ยิ่งได้เห็นท่าทางตกใจจนนิ่งไปของเจ้าตัวแล้วพิ้งค์ก็ยิ่งรู้สึกผิด “พิ้งค์จะรีบแจ้งให้คุณโชติจัดการนะคะ”

               “ครับ ขอบคุณมาก” ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่กันต์เองก็พอจะรู้ว่าพี่ธีร์ยังกังวลอยู่ แน่นอนว่าคนที่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้และเพิ่งรู้ตัวว่าโดนสะกดรอยก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา

               “แล้วระหว่างนี้...” พิ้งค์เองก็เหมือนจับความรู้สึกได้เลยพยายามคิดหาทางออกให้อีกฝ่าย เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปหาเด็กในสังกัดตนเองทันที “คอนโดกันต์ยังพอมีห้องว่างใช่ไหม”

               “ใช่ครับ”

               “เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่โดนน้ำสาดเอง” ธาริณพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพและยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แม้จะตกใจมากและรู้สึกกลัวแต่ถ้าจะให้เขาไปอยู่ห้องคนอื่นเขายอมอยู่กับความกลัวดีกว่า

               “แล้วถ้าไม่ใช่น้ำเปล่าล่ะคะ” คำตอบแบบนี้แทนที่จะทำให้พิ้งค์กลับกลายเป็นว่าเธอยิ่งกังวล อ่านจากเนื้อความของทวิตล่าสุด ถึงคราวนี้จะแค่สาดน้ำเธอค่อนข้างมั่นใจว่าจะมีการทำร้ายร่างกายครั้งต่อไปแน่นอน แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมาบริษัทของเธอจะชดเชยกันได้ยังไง “คุณธีร์ไปนอนคอนโดน้องกันต์ก่อนแล้วกันนะคะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว”

               “แต่...”

               “ขอร้องเถอะค่ะ อย่างน้อยก็จนกว่าข่าวนี้จะซาลงนะคะ พิ้งค์รายงานให้คุณโชติเรียบร้อยแล้วด้วย” ไม่พูดเปล่า พิ้งค์ชูหน้าจอมือถือที่ส่งข้อความถึงเจ้าของค่ายให้ดูเป็นหลักฐานเพื่อยืนยันและกึ่งบังคับให้อีกฝ่ายทำตามนี้ “คุณโชติอนุมัติแล้วและแจ้งต่อไปยังคุณเมธาแล้วค่ะ” ความจริงเธอไม่ได้อยากฝืนใจใครแต่ยิ่งธาริณเป็นคนสำคัญของบริษัทฝ่านนั้นด้วยและความปลอดภัยของเขาก็ต้องมาก่อน

               “เดี๋ยวผมขอติดต่อคุณเมธาสักครู่นะครับ” ไม่ใช่เขาไม่เชื่อแต่เขาจะหาโอกาสต่อรองกับเจ้านายอีกครั้ง

               เขาปลีกตัวออกไปเพื่อไม่ให้ใครได้ยินและยืนยันกับเจ้านายอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการไปอยู่กับกันต์ตามที่ฝ่ายนั้นเสนอมา แต่ความหนักแน่นของเขากลับไม่เป็นผลเพราะคุณเมธาเองกลับเห็นดีเห็นงาม ซ้ำยังย้ำกับเขาว่าคุณโชติแทบจะขอร้องให้เขาไปเพื่อสามารถรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยได้เต็มที่ เมื่อฝ่ายนั้นชี้แจงขนาดนี้คุณเมธาเองก็ไม่อยากให้เสียน้ำใจเช่นกัน

               สุดท้ายธาริณเองจึงเดินกลับมาและยอมรับข้อเสนอดังกล่าว เขาพยายามปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของงานและหวังให้ข่าวทุกอย่างจบลงโดยเร็ว

               “โอเค งั้นผมขอขึ้นห้องไปเก็บของก่อนนะครับ”

               “งั้นขึ้นรถเลยค่ะ เดี๋ยวพี่วนไปถึงหน้าประตูคอนโด” เธอหยิบกุญแจรถออกมาก่อนจะหันมาทางเด็กในสังกัด “กันต์ตามขึ้นไปช่วยเก็บของด้วย”

               “ได้ครับ” กันต์รับคำแต่โดยดีก่อนจะเดินตามผู้จัดการของตนเองไป แต่แล้วธาริณกลับจับแขนเอาไว้ก่อนเขาจึงหันกลับไปหาอีกฝ่ายทันที

               “ลำบากใจรึเปล่าครับ ความจริงแค่น้ำเอง”

               ...ลำบากสิ ลำบาก

               ธาริณแอบลุ้นคำตอบอยู่ในใจ เขาอาจดูเหมือนถามเหมือนเป็นมารยาทแต่ความจริงแค่อยากหาแนวร่วม หากกันต์ไม่อยากให้เขาไปพักด้วยอาจทำให้ฝ่ายนั้นเปลี่ยนใจได้ แต่กลายเป็นว่าผลที่ได้กลับกลายเป็นตรงข้าม

               กันต์ไล่สายตามองใบหน้าที่ดูเป็นกังวลและตัวที่เปียกโชก ก่อนจะยิ้มออกเป็นครั้งแรก ความจริงพี่ธีร์ควรเป็นฝ่ายโกรธ เป็นฝ่ายไม่ยินยอม ไม่ใช่มีน้ำใจมาถามความสบายใจของเขาเสียเอง เขาไม่รู้ว่าคำถามนี้เป็นเพียงสิ่งที่อีกฝ่ายปั้นแต่งขึ้นมาตามปกติหรือเป็นความจริงใจของเจ้าตัวแต่มันก็ทำให้เขาเอื้อมมือไปกระชับต้นแขนของอีกฝ่าย



               “พี่ธีร์”



               “...”



               “ผมยินดีนะครับ”





------------------------------------------------------------------

มาแล้วค่า Merry Christmas นะคะทุกคน
ขอให้สนุกกับการพักผ่อนและการอ่านนะคะ  :กอด1:




ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 06 (24.12.18)
«ตอบ #36 เมื่อ24-12-2018 22:47:21 »

กรี๊ดด ติดตามค่ะ สนุกมาก

รอๆนะคะ  o13 o13 o13

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 06 (24.12.18)
«ตอบ #37 เมื่อ24-12-2018 22:54:38 »

 :ling3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 06 (24.12.18)
«ตอบ #38 เมื่อ24-12-2018 23:32:42 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 06 (24.12.18)
«ตอบ #39 เมื่อ25-12-2018 04:52:33 »

ติดตามจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 06 (24.12.18)
« ตอบ #39 เมื่อ: 25-12-2018 04:52:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 06 (24.12.18)
«ตอบ #40 เมื่อ27-12-2018 15:52:34 »

ความคลั่งไคล้จนเกินพอดีช่างน่ากลัว

ติ่งอย่างมีสติกันนะ

ปล. เราไม่เหนด้วยที่เอาพี่ธีร์ไปเป็นตัวแทนนะ มันคือการหลอกลวงแหละ

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 06 (24.12.18)
«ตอบ #41 เมื่อ30-12-2018 17:31:27 »

คนเขียนเขียนได้ดีนะคะ สำนวนอ่านสบาย ไม่เจอคำผิด คาแร็กเตอร์ตัวละครแน่นพอสมควร แต่ส่วนตัวคิดว่าตัวละคร "ธีร์" คาแร็กเตอร์ค่อนข้างแปลก คือคาร์เค้าสม่ำเสมอดีค่ะ เพียงแต่ว่าเราไม่คิดว่าคนที่โดนน้ำสาด โดนตามมุ่งร้าย โดนด่า และก็รู้สึกตัวอยู่ว่าไม่ใช่ความผิดของตัวเองจะไม่ต่อต้าน ไม่โมโห ไม่แสดงท่าทางไม่พอใจ หรือ ไม่ปฏิเสธอย่างชัดเจนเด็ดขาดไปเลยขนาดนี้ เราเข้าใจการรักษาความสัมพันธ์ด้านธุรกิจ แต่มันคนละประเด็นกับความคิดในหัวหรือสภาวะอารมณ์ภายในของเขาอะค่ะ ทั้งๆฉากที่เป็นฝั่งของธีร์ อย่างตอนรู้ว่าโดนด่าทั้งๆที่ไม่ผิด น่าจะมีปฏิกิริยาอะไรบางอย่างที่ชัดเจนขึ้นได้มากกว่านี้ แต่เขาก็ดูไม่คิดอะไรมาก เรายอมรับว่าเราอ่านแล้ว ฉากนี้เรารู้สึกว่าธีร์เหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญ/ความสนใจกับผลกระทบที่มีต่อตัวเองแล้วมีปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่ชัดเจนหนักแน่นเลย

กรณีที่ตอบบอสเมธา อันนั้นเราพอจะเข้าใจได้ในสถานะของธีร์ แต่ถึงขนาดโดนน้ำสาดแล้วยังโดนบีบกลายๆให้ไปอยู่กับกันต์ (aka อยู่ในความดูแลของฝ่ายที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน) แต่ธีร์ไม่มีปฏิกิริยาทางอารมณ์เท่าไหร่เลยเนี่ยเราว่าแปลก ถึงจะบอกว่าธีร์เป็นคนที่ควบคุมสภาพอารมณ์ได้ดีเยี่ยมก็ตาม จะถึงขั้นไม่หลุดเลยเนี่ยเราว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วสถานการณ์ที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะฝ่ายของกันต์(ทั้งทางตรงและทางอ้อม)ก็หลายครั้งแล้ว เราจึงรู้สึกว่าสภาพอารมณ์และความตัวละครนี้แปลกมาก ธีร์เป็นเลขา แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต้องลงให้หรือไม่เอาเรื่องราวอย่างชัดเจนเด็ดขาดขนาดนั้นอะค่ะ

btw ไม่ใช่ว่าการปั้นตัวละครยังไม่ดี หรือตัวละครควรจะระเบิดอารมณ์อะไรแบบนั้นนะคะ แต่ถ้าจะให้เหตุผลว่าธีร์เป็นคนที่ควบคุม อารมณ์และภาพลักษณ์ได้สมบูรณ์แบบ เราคิดว่ามันยังอ่อนไปสักนิดนิดนึงเท่านั้นเอง เหมือนเรายังขาด background ที่จะทำให้เข้าใจธีร์มากขึ้นน่ะค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2018 17:43:46 โดย Kamidere »

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
«ตอบ #42 เมื่อ05-01-2019 21:45:54 »






:: CHAPTER 7 ::




 
               คอนโดของกันต์ไม่ได้ต่างจากที่ธีร์จินตนาการไว้เท่าไหร่ แม้เขาจะไม่ได้รู้จักอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัวแต่เมื่อพิจารณาจากอาชีพและท่าทางคุณชายของเขาแล้ว ห้องขนาดสองห้องนอนที่มีพื้นที่กว้างขวางขนาดนี้ก็ดูเหมาะสมกับเจ้าตัวดี เขากวาดสายตาไปรอบๆ อย่างพิจารณา การตกแต่งแม้จะเรียบง่ายแต่ดูลงตัว และทำที่เขาประหลาดใจกว่าตัวห้องคือความเป็นระเบียบเรียบร้อย ข้าวของทุกอย่างจัดไว้เป็นที่เป็นทางกว่าห้องของเขามาก

               “พี่ธีร์นอนห้องนี้นะครับ” เสียงของเจ้าของห้องดึงสายตาของเขากลับมาที่ประตูด้านหน้าก่อนที่กันต์จะเดินนำเข้าไป เปิดให้เห็นห้องนอนอีกห้องที่ตกแต่งไม่ต่างจากข้างนอก

               “ได้ครับ” ห้องเดิมของธาริณไม่ถือว่าคับแคบแต่เมื่อเทียบกับห้องของกันต์แล้วก็เล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด ธาริณกวาดสายตามองเตียงนอนมีผ้าคลุมไว้เหมือนไม่ได้ใช้งาน ก่อนจะสังเกตเห็นมุมทำงานที่มีข้าวของวางระเกะระกะทั้งบทละครและโน๊ตบุ๊ค

               “มันอาจยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นะครับพี่ธีร์ พอดีเพิ่งรู้เมื่อกี้เลยไม่ทันบอกแม่บ้านของคอนโดไว้น่ะครับ” เจ้าของห้องพูดก่อนจะวางของลงแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าปูเตียงและเครื่องนอนออกมาวางไว้ให้ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงจับจ้องไปที่โต๊ะของเขาไม่เลิกเลยออกปากทันที “เอ่อ...มันจะรกหน่อยนะครับ”

               “ไม่เป็นไรครับ ความจริงพรุ่งนี้ผมคงกลับแล้วครับ ” ธาริณมองสีหน้าที่แสดงความรู้สึกผิดของคนตรงหน้า พยายามย้ำว่าเขาจะยอมมาอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

               “พี่ธีร์อย่าเพิ่งกลับไปเลยครับ เดี๋ยวโดนอะไรแล้วคุณเมธาเอาผมกับพี่พิ้งค์ตายเลย” กันต์เถียงทันที

               ...ก็สมควรโดนแล้วเพราะปัญหามันเกิดจากฝั่งคุณทั้งนั้น

               ธาริณนึกเถียงในใจ เด็กนี่มันอะไรกันนะ ฝั่งตัวเองก่อปัญหาขึ้นมาแล้วยังมากลัวคุณเมธาเอาเรื่องอีก แต่กันต์เองก็พอจะมองสถานการณ์และความไม่พอใจตรงหน้าได้จึงดึงเครื่องนอนขึ้นมาคลี่ออก พยายามอำนวยความสะดวกอีกฝ่ายเท่าที่ทำได้

                “เดี๋ยวผมปูให้ พี่ธีร์ไปอาบน้ำสระผมก่อนดีกว่าครับ”

               “โอเคครับ” ธาริณรับคำโดยไม่ขอบคุณ เมื่อคิดว่าตัวเองโดนสาดน้ำมาจนเปียกโชกแล้วปล่อยให้แห้งเองแถมยังนั่งตากแอร์มาในรถตลอดทางแล้วก็เริ่มเห็นว่าอีกฝ่ายควรจะทำอะไรให้เขาบ้าง จึงแค่พยักหน้ารับแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและของที่ต้องใช้ตรงเข้าห้องน้ำไป

               ธาริณใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำสระผมก่อนจะกลับออกมาในสภาพผมเปียกผ้าขนหนูคล้องคอ มันอาจดูไม่สุภาพสักหน่อยแต่ในใจเขากลับบอกว่าช่างแม่งเถอะ คนจะหลับจะนอนคงไม่ต้องดูดีอะไรมากหรอกมั้ง จนเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูกันต์ที่กำลังเก็บของบนโต๊ะทำงานหันกลับมา และภาพที่ได้เห็นก็ทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะธาริณในลุคเสื้อยืดกางเกงบอลไม่ใช่สิ่งที่เขาคุ้นเคยเลย เส้นผมที่เปียกนั้นทำให้เส้นผมที่มักจะจัดทรงไว้เสมอแนบลงมาปรกใบหน้าบางส่วน เมื่อรวมกับผ้าขนหนูที่พาดไว้ตรงบ่าแล้วยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวของเขาดูสบายขึ้นถึงจะตรงข้ามกับสีหน้าในตอนนี้ก็เถอะ ยิ่งมองต่อกันต์ก็ยิ่งได้รู้ว่าความจริงธาริณเป็นคนหน้าเด็กกว่าอายุมาก

               “มองทำไมครับ” ธาริณชักจะไม่พอใจขึ้นมาอีกครั้ง ที่เขาต้องมาอยู่ในสภาพอย่างนี้ก็เพราะคนตรงหน้านี่แหละ แล้วยังมีหน้ามามองเขาอีก

               “เปล่าครับ แค่คิดว่าพี่ธีร์ลุคนี้ดูโคตรเด็กเลย” กันต์ไม่พูดเปล่า เขายังทำหน้าตาตื่นเต้นเกินจริงทั้งยังทำท่าเหมือนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “น่าถ่ายเอาไปอวดพี่พิ้งค์”

               “ลามปาม” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มพูดเล่นกับเขาธาริณเองก็เผลอหลุดปากบ้าง

               “ขอโทษครับ ผมแปลกใจจริงๆ นี่” เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูอารมณ์เสียเขาเลยกลับมานิ่งอีกครั้ง

               “ช่างมันเถอะ” ธาริณเอ่ยเหมือนไม่ใส่ใจ “ไว้แค่นี้ก็ได้ครับคุณกันต์ ผมจะนอนแล้ว” เขาพยายามไล่เจ้าของห้องอย่างรักษามารยาท แต่ไม่คิดว่าคราวนี้อีกฝ่ายกลับไม่เข้าใจขึ้นมาจริงๆ

               “ผมขอเก็บของแป๊บเดียวนะครับ พี่ธีร์ปิดไฟนอนก่อนก็ได้” กันต์พูดพลางหันไปเก็บของบนโต๊ะต่อ ฟังแล้วธาริณแทบจะทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด เด็กนี่มันเป็นแบบนี้ตลอดเหรอวะ

                “ความจริงคุณกันต์ไม่ต้องเคลียร์ออกก็ได้ครับ” เขาพูดต่อทันที “ผมอยู่กับคุณไม่นานแน่นอน”

              ...จริงๆ คือใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ‘ได้’ ไม่นานแน่นอน

              “ไม่เป็นไรครับ เผื่อจะใช้โต๊ะ” เมื่ออีกฝ่ายพูดมาแบบนี้เขาเลยไม่รู้จะเถียงอะไร ได้แต่ยืนรอให้อีกฝ่ายเก็บกวาดแล้วยกของตัวเองออกไปทั้งอย่างนั้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายเตรียมจะออกไปแล้วเขาเลยเดินไปส่งถึงหน้าประตูห้องทันที แต่แล้วเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ความคิดของเขาจึงขัดไว้ก่อน

               “เดี๋ยวผมไปหยิบคีย์การ์ดกลับมาให้นะครับ อย่าเพิ่งนอน”

               กันต์รีบไปหยิบคีย์การ์ดในห้องตัวเองกลับมาเพราะเขากลัวอีกฝ่ายนอนไปก่อน เมื่อเข้ามาในห้องอีกทีแล้วยังเห็นอีกฝ่ายยังคงนั่งเล่นมือถือจึงโล่งใจ เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากมาอยู่กับเขาสักเท่าไหร่ พอจะบอกตามตรงไปว่าคุณเมธากับคุณโชติให้ระยะเวลาถึงสามเดือนเขาก็ไม่รู้จะพูดกับคนตรงหน้าอย่างไร

               “นี่ครับพี่ธีร์”

               “ขอบคุณครับ” ธาริณรับไป มองเล็กน้อยแล้วเก็เข้ากระเป๋าสตางค์โดยไม่พูดอะไรอีก

               “พี่ธีร์ใช้ห้องได้เต็มที่เลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ ถ้าจะทำอาหารก็เปิดครัวเลย ทีวีก็ดูได้นะครับ” กันต์พยายามแนะนำอย่างห้องอย่างที่ควรจะทำ แต่เขารู้ดีว่าถ้าพอไปเดินดูอีกฝ่ายคงไม่อยากแน่

               “ได้ครับ”

               “แล้วตอนเช้าพี่จะทำยังไงครับ ผมไม่ทันได้ซื้ออะไรเตรียมไว้เลย” 

               “ผมซื้อกินก่อนเข้างานได้อยู่แล้ว คุณกันต์เชิญเลยครับ” คราวนี้กันต์ไม่ได้พูดเพื่อให้ตัวเองดูดีหรืออะไรทั้งนั้น แต่ยิ่งในเวลาแบบนี้เขาไม่อยากให้ใครมายุ่ง คิดไปคิดมาแล้ว ถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะมีสาเหตุมาจากฝ่ายนั้นและกันต์เองก็โดนบังคับทางอ้อมเหมือนกับเขา ดังนั้นการต่างคนต่างอยู่อาจเป็นทางออกที่ดี

               “โอเคครับ ไว้เจอกัน”

 




               การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนที่เรียกได้ว่าเกือบจะแปลกหน้านั้นสำหรับธาริณที่เคยชินกับการใช้ชีวิตคนเดียวแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย ในตอนแรกเขาคาดหวังไว้ว่าจะได้กลับไปนอนคอนโดตัวเองในวันรุ่งขึ้น แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้างเมื่อฝ่ายนั้นยืนกรานว่าสมควรให้เขาอยู่ที่นี่ไปจนกว่ากระแสข่าวจะซาลง ทำเอาจิตใจห่อเหี่ยวไปไม่น้อย อย่างไรก็ตามการอาศัยร่วมกับกันต์ในหลายวันที่ผ่านมาก็เหมือนอย่คนเดียวเพราะเขาเลือกที่จะไม่ออกไปใช้พื้นที่ส่วนกลางเลยสักครั้ง ถึงจะลำบากสักหน่อยแต่เมื่อเทียบกับการที่เขาต้องอยู่ต่อหน้าคนแปลกหน้าซึ่งนำความเดือดร้อนมาให้นับว่ายอมลำบากดีกว่า

               ช่วงนี้เรื่องการเดินทางของเขาเหมือนอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายนั้นเพราะคุณโชติถึงกับส่งคนมารับส่งให้เป็นพิเศษ หรือถ้าวันไหนพิ้งค์ว่างก็จะรับหน้าที่นี้ไปแทน แน่นอนว่าเป็นข้อที่ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นเพราะไม่ต้องไปต่อสู้กับผู้คนหรือเจอความโชคร้ายในด้านอื่น แต่ธาริณยอมรับว่าอึดอัดมากจนในที่สุดก็ตัดสินใจลองเข้าไปคุยกับคุณเมธาเสียเอง

               “เรื่องอยู่คอนโดคุณกันต์ คุณเมธาพอทราบไหมครับว่าต้องอยู่ถึงวันที่เท่าไหร่” เมื่อรายงานตารางประจำวันแล้วธาริณเลยรีบพูดต่อทันที

               “ทางนั้นแจ้งมาว่าจะรีบจัดการให้”

               “แต่ผมไม่สะดวกที่จะอยู่กับทางนั้นเท่าไหร่” นี่อาจเป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมาที่สุดสำหรับเขาแล้ว แต่ช่างเถอะ ถึงคุณเมธากับคุณโชติจะสนิทกันในช่วงนี้แต่นั่นไม่เกี่ยวกับเขา อย่างน้อยคุณเมธาควรรู้ว่าเขาไม่แฮปปี้

               “โชติบอกมาว่าจะจัดแถลงขอโทษในสองสามวันนี้”

               “ดีครับ” ได้ยินว่าอีกฝ่ายจะจัดการให้ตามที่รับปากเขาก็เบาใจ “ทางที่ดีอย่าให้ผมไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกเลย”

               “เดี๋ยวจะย้ำให้แล้วกัน” เมธารับปาก เขาอดเห็นใจเลขาของตนเองไม่ได้ “แต่รอบนี้คุณโชติเขาบอกว่าเพื่อความปลอดภัยเขาอยากให้อยู่ไปก่อนสักสามเดือน”

               ...เชี่ยแม่ง

               “ผมไม่ไหวนะครับ” เขาเผลอสวนออกไปทันที ทำเอาคนเป็นนายอดขมวดคิ้วไม่ได้เนื่องจากไม่ค่อยได้เห็นเลขาตอบแทรกอย่างนี้เท่าไหร่นอกจากเรื่องมันหนักหนาจริงๆ

               “กันต์เขาทำตัวไม่ดีเหรอ”

               “เปล่าครับ” ธาริณเรียบเรียงคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง “ผมไม่ค่อยชอบอยู่ร่วมกับคนอื่นน่ะครับ ลำบากใจในหลายๆ อย่าง”

               “เฮ้อ” เมธาถอนหายใจออกมายาวเหยีดพลางทิ้งตัวลงพนักเก้าอี้อย่างแรง เขาไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรเหมือนกันเพราะฝ่ายนั้นถือเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบเลยพยายามดูแลธาริณทุกอย่าง ในขณะที่เลขาของเขากลับต้องการแค่ให้คนอื่นหยุดยุ่งกับตนเอง ในฐานะคนกลางเขาย่อมตัดสินใจไม่ถูก ปฏิเสธฝ่ยนั้นก็ไม่ได้เพราะจะเหมือนหักหน้าซ้ำยังต้องทำงานร่วมกันระยะยาว ส่วนธาริณจะบังคับก็ไม่ได้เหมือนกัน “ฉันไม่รู้จะพูดยังไงเลย”

               ...ก็ปฏิเสธฝ่ายนั้นไปดิวะ

               “รบกวนไปคุยอีกทีได้ไหมครับ” ธาริณพยายามเสนอ “ให้ผมไปคุยด้วยก็ได้ครับ”

               “โอเคฉันจะลองดู” เมธาตอบทั้งที่ยังไม่มั่นใจนัก เขารู้ว่าคนอย่างโชติคงจะไม่ยอมเปลี่ยนอะไรง่ายขนาดนั้น เพาะฝ่ายนั้นปักใจไปแล้วว่าจะต้องเห็นธาริณอยู่รอดปลอดภัยให้ได้ “แต่คิดว่ายากหน่อยนะ”

               “ขอบคุณครับ”

 





               หลังจากนั้นไม่ถึงสามวันธาริณก็ได้รับการยืนยันว่าโชติอยากให้เขามาอยู่กับกันต์อย่างเดิมต่อไปส่วนเมธาเองก็ยิ่งย้ำเชิงขอร้องกับเขาว่าให้อดทนไปหน่อย เขายอมรับว่ารู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่ ทำไมฝ่ายที่ต้องอนทนกลายเป็นเขาได้วะ  แต่เมื่อเปิดเช็คข่าวในช่วงนี้แล้วก็ต้องเข้าใจว่ามันดูรุนแรง แม้จะผ่านการแถลงข่าวขอโทษที่ส่งผลให้ความนิยมของกันต์และชื่อเสียงของค่ายตกลงไม่น้อยจะทำให้ความรุนแรงของแฟนคลับที่ต่อต้านด่าเขาลดลง แต่ก็ยังเรียกได้ว่าไม่ปลอดภัยอยู่ดี

               สุดท้ายธาริณจึงได้แต่กลับไปเก็บของเพิ่มเติมที่คอนโด จากเดิมที่เขาจัดไปแค่เสื้อผ้าบางส่วน คราวนี้จึงจำเป็นต้องเอาข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ติดไปด้วย หลังจากวันที่ขนของไปเพิ่มเขาก็ยังคงใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในห้อนอนเช่นเคย และเลือกที่จะออกไปใช้ห้องกินข้าวหรือรับแขกในเวลาที่เจ้าของห้องไม่อยู่เท่านั้น โชคยังดีที่ตารางของเขากับกันต์ไม่ค่อยตรงกันนัก รายนั้นเหมือนจะกลับไม่ตรงเวลาเกือบทุกวันในขณะที่เขาเองส่วนใหญ่ค่อนข้างตรง จึงทำให้มีระยะที่เขาออกไปนอกห้องนอนได้อย่างสบายใจมากขึ้น

               ทว่าสำหรับวันนี้นั้นธาริณเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาก็ได้เห็นเจ้าของห้องกำลังนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก เขาแอบเหลือบตามองบนในความโชคร้ายเพราะวันนี้เขาหิวมาก! หิวจนตั้งใจว่าจะลงไปซื้ออะไรขึ้นมากินอย่างยิ่งใหญ่หลังจากกลับห้องมา

               “อ้าว พี่ธีร์กลับมาแล้ว” คนอายุน้อยกว่าเอ่ยปากทักพร้อมยกมือไหว้ “ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะครับ”

               ...แหงสิ

               “คงงั้นมั้งครับ” ธาริณไม่พูดอะไรมาก ทันทีที่เขาเข้ามาก็ตรงไปที่ประตูห้องนอนตนเองทันที แล้วก็ต้องโล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ได้ไล่ต้อนอะไรมากมาย พยายามปลอบใจตัวเองว่าเขาก็แค่ต้องทนหิวหน่อย เพราะการกินโดยที่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วยคงไม่อร่อยแน่นอน ไว้รอจนกันต์กินเรียบร้อยจนเข้าห้องไปแล้วเขาค่อยลงไปซื้อของกินจากเซเว่นในคอนโดกินยังจะดีกว่า

               แต่เหมือนความตั้งใจของธาริณจะไร้ประโยชน์เพราะเมื่อเขาอาบน้ำเสร็จไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น และเมื่อเปิดออกก็ได้เห็นเจ้าของห้องยืนอยู่พร้อมรอยยิ้ม

               “พี่ธีร์มากินข้าวกันครับ”

               ...สดใสมากดิ

               เขามองสีหน้าคาดหวังของอีกฝ่ายพลางคิดหาขออ้างให้ตนเอง “คุณกันต์กินไปเลยครับ”

               “แต่พี่ธีร์ยังไม่ได้กิน”

               “ผมกินแล้วครับ” เขาพยายามจะไม่โกหกแล้วนะแต่สุดท้ายก็ต้องทำจนได้ แต่ถ้าไม่พูดแบบนี้อีกฝ่ายก็จะไม่เลิก

               “ผมถามพี่พิ้งค์แล้วพี่ธีร์ยังไม่ได้กิน” กันต์ยิ้มอีกครั้งเหมือนรู้ทัน “เลยซื้อมาเผื่อด้วย”

               ธาริณอดถอนหายใจไม่ได้ ขนาดเลี่ยงการอยู่ร่วมกันแล้วอีกฝ่ายยังตามชีวิตส่วนตัวของเขาอีกเหรอ นี่มันจะเกินไปหน่อยแล้วมั้ง “คุณกันต์ครับ”

               “...”

               “ไม่ยุ่งกับผมได้ไหมครับ”

                “...”

                กันต์เงียบไปทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ ธาริณเองเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรต่อเขาจึงเลือกที่จะเดินกลับเข้าห้องแล้วปิดประตู ก่อนเข้าไปอาบน้ำเพื่อปรับอารมณ์ตัวเองให้ดีขึ้นหน่อย แต่แล้วเมื่อเดินกลับออกมาเขาก็ได้เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งสอดเข้ามาบนพื้นผ่านร่องประตู เขาจึงก้มลงหยิบกระดาษที่มีแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน


                ‘ขอโทษครับ’

               ...อะไรของมันวะ

               แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดว่าจะตอบโต้อย่างไรดี กระดาษอีกแผ่นก็สอดตามเข้ามา


               ‘ผมซื้อข้าวต้มป้าแสงมาให้’


               เมื่ออ่านกระดาษครบทั้งสองแผ่นแล้วธาริณถึงกับนิ่งไป เขาแปลกใจเรื่องการเขียนสอดใต้ประตูมากกว่าการที่อีกฝ่ายถึงกับไปซื้อข้าวต้มป้าแสงแถวคอนโดเก่ามาให้เขาเสียอีก นี่แสดงว่าอีกฝ่าลงทุนยืนรอหน้าประตูจนเห็นเขาหยิบกระดาษแผ่นแรกไปอย่างนั้นเหรือ ธาริณนิ่งไปครู่หนึ่ง อีกฝ่ายคงจะอยากเจอหน้าเขาจริงๆ ละมั้ง...เอาก็เอาวะ สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเปิดประตูออกไป และได้เห็นอีกฝ่ายยังคงยืนอยู่ด้านหน้าอย่างที่คาดไว้

              “พี่ธีร์ครับ” อีกฝ่ายพูดขึ้นทันทีเมื่อธาริณเปิดประตูออกมา “วันนี้ผมเลิกเร็วเลยแวะไปซื้อร้านป้าแสงมาเผื่อพี่ธีร์คิดถึง”

               ธาริณพยักหน้า “ขอบคุณครับ”

               “ผมรู้ว่าพี่ธีร์ลำบากใจที่ต้องมาอยู่กับคนอื่นแบบนี้ ผมไปคุยกับพี่พิ้งค์และคุณโชติหลายครั้งแล้ว” กันต์ใช้โอกาสนี้พูดออกไปตามตรง “คุณโชติพยายามหาทางแก้ไขแล้วแต่พี่ธีร์อาจต้องอยู่แบบนี้ไปก่อน ส่วนผมเองก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจได้ ขอโทษจริงๆ กับทุกอย่างนะครับ”

               เขาไม่สบายใจที่เห็นอีกฝ่ายอยู่อย่างคอยหลบหน้าและลำบาก เขารู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นฝั่งเขาผิดเต็มๆ และถึงจะไม่ใช่ไอเดียของเขาแต่คนอื่นในบริษัทที่เป็นคนตัดสินใจก็เกี่ยวข้องกับเขานั่นแหละ เรียกว่าถึงกันต์เองจะไม่ใช่สาเหตุทางตรงแต่ก็เป็นในทางอ้อมอยู่ดี

               “...”

              “ถ้าต้องอยู่ด้วยกันแล้วผมเลยอยากให้พี่ธีร์แฮปปี้ด้วย”

              “...”

              “ยังไงก็กินหน่อยเถอะครับ”

               กันต์พูดจบก็เดินตรงไปที่โต๊ะกินข้าวโดยไม่สนใจว่าธาริณจะเลือกมากินข้าวพร้อมกันหรือไม่ เขาเพียงต้องการให้อีกฝ่ายได้รับรู้ไว้เท่านั้น จะกินเมื่อไหร่เขาไม่ห้ามแล้ว สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความเอาใจใส่ที่แสดงออกมาอย่างตรงไปตรงมานี้ทำให้ธาริณโกรธน้อยลงไปชั่วขณะ เพราะไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายคอยสังเกตและพยายามพูดให้เขามาตลอด  ซ้ำยังไปซื้อข้าวต้มมาให้ทั้งที่ร้านป้าแสงก็ไม่ได้อยู่ในเส้นทางเลย

               ...เอาวะ ยังไงก็มีคนเห็นใจกูบ้าง

               คิดอย่างนั้นธาริณจึงเลือกที่จะเดินตรงไปยังโต๊ะกินข้าว นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก่อนจะพบว่ากันต์ได้จัดข้าวต้มอีกชุดใส่จากให้เขาเรียบร้อยแล้ว เขาเอ่ยขอบคุณก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็กินของตัวเองจนหมดโดยไม่ได้มีการพูดคุยเพิ่มเติมอะไร นับว่ามื้อแรกที่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ

               เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วธีร์จึงหยิบชามของตนเอไปล้างที่อ่างล้างจาน แต่แล้วกันต์ก็เดินเข้ามาขัดไว้

               “วางไว้เลยครับ เดี๋ยวมีแม่บ้านเข้ามาตอนเช้า”

               “ล้างเลยดีกว่า ทิ้งไว้มันจะเหม็น” ธาริณว่าพลางหยิบสก็อตไบรท์ขึ้นมาเรียบร้อย แต่แล้วอีกฝ่ายกลับแย่งเขาไปเสียอย่างนั้น

               “งั้นผมล้างให้เองครับ”

               ได้ยินอย่างนั้นธาริณจึงเพียงแค่เอ่ยขอบคุณและเตรียมจะกลับเข้าห้องตัวเอง แต่ก่อนจะได้ทำอะไรอีกกันต์ก็หันกลับมาด้วยหน้าตาจริงจังเสียก่อน ทำเอาเขาเป็นฝ่ายชะงักไป


               “มีอะไร...”

               “ฝันดีครับพี่ธีร์” แต่ก่อนที่ธาริณจะได้ถามจนจบประโยคกันต์กลับเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนและคำพูดที่ได้ยินทำเอาเขาโล่งใจ นึกว่ามีเรื่องด่วนอะไรที่แท้ก็แค่นี้ การบอกฝันดีนับเป็นเป็นอีกอย่างที่คอยย้ำธาริณว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว

               “ฝันดีเช่นกันครับคุณกันต์”

               “พี่ธีร์ครับ”

               “...”

               “เรียกผมว่ากันต์เฉยๆ ได้ไหมครับ” กันต์นึกอยากให้คนตรงหน้าสบายใจเวลาอยู่กับเขามากขึ้น อย่างน้อยก็เริ่มจากการเรียกชื่อก่อนแล้วกัน “เรียกว่าคุณแล้วมันรู้สึกเหมือนทำงานอยู่น่ะ”

               “กันต์เฉยๆ”

               ...เชี่ย เขาโดนพี่ธีร์กวนตีน

               กันต์ถึงกับนิ่งไปเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรดี อีกฝ่ายเหมือนจะเล่นมุกแต่ใบหน้ากลับเรียบนิ่งดังเดิมเหมือนไม่ขำเสียอย่างนั้น แต่ในระหว่างที่เขาคิดคำตอบอย่างหนักธาริณก็เป็นฝ่ายเอ่ยตัดประโยคเสียเอง

               “โอเคๆ ฝันดีครับกันต์”

               เจ้าของชื่อรู้สึกเหมือนยังตกใจไม่หายแต่ก็ตอบรับไปด้วยรอยยิ้ม เขามองตามจนอีกฝ่ายเข้าไปในห้องแล้วจึงถอนหายใจยาวเหยียด ช่วงนี้เขาเจอเรื่องน่าตกใจติดกันหลายเรื่องมากเกินไปจนทำให้เหนื่อยกว่าปกติ แต่อย่างน้อยวันนี้ข้าวต้มที่เขาลงทุนไปซื้อเพื่อล่อคนร่วมห้องออกมากินข้าวสักมื้อก็ไม่เป็นหมัน



               ...แค่นี้ก็ดีแล้วแหละ

 



 
------------------------------------

กลับมาแล้วค่ะ สวัสดีปีใหม่นักอ่านทุกคน ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคนค่ะ :กอด1:

ขอบคุณที่คอยติดตามกันมาตลอดค่า

ปล. ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ ดีใจมากๆ เลย รวมถึงคำแนะนำของคุณKamidere ละเอียดมาก ขอบคุณจริงๆ ค่ะ จะพยายามปรับปรุงนะคะ :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2019 22:55:04 โดย powl-the-2nd »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
«ตอบ #43 เมื่อ05-01-2019 22:02:47 »

บทนี้ถ่ายทอดได้ดีจังค่ะ รู้สึกถึงความอึดอัด ความไม่สบายใจ ทั้งของธีร์และกันต์

ปล. พี่ธีร์กวนติงหน้าตายว่ะ เรายังอึ้งเลย ฮ่าๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
«ตอบ #44 เมื่อ05-01-2019 23:39:58 »

 :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
«ตอบ #45 เมื่อ06-01-2019 04:10:15 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
«ตอบ #46 เมื่อ06-01-2019 07:19:27 »

กันต์เฉยๆ คุณธารินมีอารมณ์ขันนะคะ (?)

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
«ตอบ #47 เมื่อ06-01-2019 16:53:20 »

นังนั่นมันเป็นใครรรรรรรร  :m31:

ออฟไลน์ waiieiei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
«ตอบ #48 เมื่อ06-01-2019 22:06:55 »

เนื้อเรื่องสนุก ติดตามค่า

ออฟไลน์ bree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
«ตอบ #49 เมื่อ07-01-2019 21:57:12 »

พี่ธีร์นี่เห็นนิ่งๆแต่กวนนะจ๊ะะ นังร้ายยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
« ตอบ #49 เมื่อ: 07-01-2019 21:57:12 »





ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
«ตอบ #50 เมื่อ08-01-2019 15:42:37 »

 :pig4:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
«ตอบ #51 เมื่อ11-01-2019 15:14:11 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 07 (05.01.19)
«ตอบ #52 เมื่อ13-01-2019 08:59:03 »

 o13 :pig4:

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 08 (13.01.19)
«ตอบ #53 เมื่อ13-01-2019 22:58:36 »





:: CHAPTER 7 ::




                หลังจากมีการกินข้าวร่วมกันครั้งแรกเกิดขึ้นแล้วก็เหมือนจะเกิดครั้งที่สองสามตามมาเรื่อยโดยกันต์มักจะเป็นฝ่ายส่งไลน์มาบอกว่าจะซื้ออาหารเข้ามาหรือบางทีก็ให้ธาริณเป็นฝ่ายเลือก ธาริณยอมรับว่าเขาค่อนข้างพอใจกับการมีรถรับส่งและการที่ไม่ต้องคิดว่ามื้อเย็นจะกินอะไรแบบนี้ ถึงแม้จะมีความลำบากใจอย่างมากเมื่ออยู่ร่วมห้องกับใคร อย่างไรก็ตามการกินข้าวด้วยกันบ่อยขึ้นก็ทำให้เขาชินกับการมีอีกคนอยู่ในห้องมากขึ้นจนเริ่มออกมาใช้ห้องครัวเองเป็นบางครั้ง แต่จะให้ออกมานอนเล่นดูทีวีในห้องรับแขกพร้อมอีกฝ่ายยังถือว่าลำบากใจอยู่

               ...ยกเว้นว่าอีกฝ่ายไม่อยู่

               ความจริงเขาเคยออกมาดูทีวีอยู่หลายครั้งในวันที่กันต์ไปออกกองที่ต่างจังหวัด นับเป็นช่วงเวลาที่เขาสามารถใช้ชีวิตแบบเดิมโดยไม่ต้องสนใจสายตาใครหรือคอยลุ้นว่าอีกฝ่ายจะเปิดประตูมาเมื่อไหร่ ดูทีวีจอใหญ่จนไปถึงเอาเครื่องเล่นเกมออกมาต่อและเล่นอย่างยิ่งใหญ่อยู่หลายวัน หลังจากนั้นเมื่อเจ้าของห้องกลับมาเขาจึงทำตัวเหมือนคนติดห้องอีกครั้ง แต่เริ่มหาช่องทางในวันที่อีกฝ่ายไม่อยู่ออกมานอนเอกเขนกเล่นเกมที่ห้องรับแขกบ้างแล้ว

               “ธีร์ วันนี้มีนัดคุณโชตินะ” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ธาริณละสายตาจากคอมพิวเตอร์รวมถึงออกจากความคิดของตัวเองด้วย จึงได้เห็นว่าเจ้านายเดินออกมาจากห้องทำงานใหญ่มาอยู่หน้าห้องทำงานของเขานี่เอง

               “ทราบแล้วครับ” เขารับคำไป เมธาคงกลัวว่าเขาจะลืมหรือเบี้ยวไม่ไป เพราะการนัดหมายวันนี้เกิดขึ้นจากเรื่องของเขาโดยตรง จึงทำให้เกิดสถานการณ์ตลกๆ ที่เจ้านายมาเตือนตารางงานของเลขาแบบนี้

               ...ใครมันจะไปลืมวะ

               หลังจากที่ฝ่ายนั้นแถลงข่าวขอโทษกับสื่อและจัดการเรื่องตามหาคนในแอคเค้าท์ที่พยายามทำร้ายเขาไปแล้ว เขาก็ไม่คิดว่าจะต้องมาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้อีก จนกระทั่งเมธามาบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าโชติยังอยากนัดรับประทานอาหารเย็นและอยากขอโทษเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง จึงทำให้ตารางงานของเมธาวันนี้ยืดยาวไปถึงมื้อเย็น

               “งั้นธีร์ไปเตรียมตัวเลยก็ได้นะ ค่อยมาทำต่อพรุ่งนี้”

               “ได้ครับ เดี๋ยวผมส่งไฟล์ให้ก้องไปส่วนหนึ่งก่อนแล้วกันครับ”

               เมธาพยักหน้า มองเลขาของตนที่นั่งอยู่ท่ามกลางกองเอกสารอยู่ครู่หนึ่ง “ธีร์อาจลำบากใจ แต่ถือว่าไปกินอาหารไคเซกิกับฉันสักมื้อแล้วกัน”

               “ครับ”

               เมื่อส่งไฟล์งานเสร็จเรียบร้อยธาริณจึงปิดคอมพ์แล้วเดินไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เขานั่งทำงานหน้าคอมพ์จนหน้ามันมาทั้งวัน จะให้ไปโผล่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบไคเซกิ หรืออาหารที่เสิร์ฟในลักษณะเป็นทีละจานอย่างประณีตจนครบคอร์ส หัวละหกเจ็ดพันในสภาพแบบนี้ไม่ได้แน่นอน เขาจึงเปิดกระเป๋าหยิบกระเป๋าห้องน้ำ โฟมล้างหน้า และกระดาษซับมันตรงไปที่ห้องน้ำ เมื่อปรับสภาพจัดทรงผมของตนให้เรียบร้อยแล้วเขาก็หยิบเสื้อนอกที่พาดทิ้งไว้บนพนักเก้าอี้ทำงานขึ้นมาสวม เช็คความเรียบร้อยโดยรวมอีกทีแล้วจึงตรงไปยังห้องทำงานของเมธา

               การจราจรที่ไม่แน่นอนของกรุงเทพทำให้เขาใช้เวลาเดินทางมากกว่าที่คาดไว้แต่ก็ยังถือว่าตรงเวลาอยู่ ร้านอาหารแห่งนี้เขาเคยมาใช้บริการอยู่หลายครั้งเมื่อต้องคุยธุระกับลูกค้าที่สำคัญ นับเป็นร้านไม่กี่ร้านในลิสท์ที่เขาค่อนข้างวางใจในคุณภาพและความเรียบร้อยในด้านต่างๆ จนกลายเป็นว่าเมื่อเขากับเมธามาถึงพนักงานถึงกับจำได้และตรงเข้ามาต้อนรับเป็นพิเศษทันที

               “สวัสดีค่ะคุณเมธา”

               “สวัสดีครับ วันนี้ผมไม่ได้จองไว้นะครับ” เมธาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพนักงานพยายามค้นหารายชื่อการจองเพื่อพาไปที่โต๊ะ “ผมมีนัดกับคุณโชติน่ะครับ”

               “อ้อ งั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ” เธอนำทางอย่างคล่องแคล่วจนไปถึงห้องกินข้าวส่วนตัวห้องหนึ่งซึ่งมีการตกแต่งอย่างประณีตงดงามเป็นพิเศษ และเมื่อเปิดประตูออกจึงได้พบว่าคุณโชติมาถึงเรียบร้อยแล้ว ธาริณชะงักไปเมื่อเห็นว่านอกจากเลขาของคุณโชติได้พาผู้จัดการส่วนตัวของกันต์มาด้วย แต่เมื่อสังเกตจำนวนตะเกียบที่วางเตรียมไว้แล้วเขาก็เผลอผ่อนลมหายใจออกมา

               ...กันต์ไม่ได้มาด้วย

               ธาริณเอ่ยทักทายและยกมือไว้ทุกคนรอบโต๊ะแล้วจึงนั่งลงที่นั่งตรงข้ามแดนซึ่งเป็นเลขาของโชติ เมื่อทุกคนนั่งลงและทักทายกันเรียบร้อยแล้วโชติจึงหันมาพูดกับธาริณโดยตรง

               “ที่นัดมาวันนี้ ผมอยากขอโทษคุณธีร์อย่างเป็นทางการน่ะครับ”

               “...”
               “หลังจากเกิดเรื่องผมจัดงานแถลงข่าวและเจอตัวคนทำแล้ว” โชติกล่าวอย่างรวบรัด “ทางเราต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ แต่สถานการณ์ตอนนั้นค่อนข้างฉุกละหุกจริงๆ”

               “ครับ” ธาริณรับคำโดยไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ความจริงคืดเขาไม่รู้จะพูดอย่างไรมากกว่า

               แต่ก่อนที่คุณโชติจะพูดอะไรต่อ พิ้งค์ก็เอ่ยขึ้นมาก่อน “ความจริงพิ้งค์เองต้องเป็นฝ่ายขอโทษมากกว่าค่ะ พิ้งค์เป็นคนออกความคิดเรื่องนี้เอง” เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย “พิ้งค์คาดไม่ถึงว่าเรื่องจะเลยเถิดขนาดนี้”

               “มันผ่านไปแล้วล่ะครับ”

               ...เริ่มมาขนาดนี้จะให้เขาตอบอะไรนอกจากนี้ได้วะ

               “พิ้งค์จะพยายามเดินเรื่องให้เร็วที่สุดนะคะ” เธอเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง “เผื่อว่าคุณธาริณจะไม่ค่อยสะดวกใจ...” เธอต่อคำว่า ‘ไม่สะดวกใจที่จะอยู่กันกันต์’ อยู่ในใจ ความจริงเธอรู้มาสักพักแล้วจากคำบอกเล่าของกันต์เกี่ยวกับพฤติกรรมหลีกเลี่ยงอย่างเปิดเผยของอีกฝ่าย

               ...แน่สิ จะให้เขาสบายใจได้ไง

               “ขอบคุณครับ” ธาริณเอ่ยเรียบๆ ไม่แสดงท่าทียอมรับหรือปฏิเสธ ซึ่งท่าทีแบบนี้ทำให้พิ้งค์มีท่าทีกังวลกว่าเดิม

               “ถ้าคุณธีร์มีปัญหาอะไรติดต่อพิ้งค์ได้โดยตรงเลยนะคะ”

               “ครับ” ธาริณเอ่ยรับพลางลอบถอนใจ

               ...กูจะพูดไม่พูดดีวะ

               “ส่วนเรื่องเดินทางไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม” คราวนี้โชติเป็นฝ่ายเอ่ยถาม

               “ไม่มีครับ”

               “งั้นถ้ามีอะไรติดขัดหรือไม่สะดวกก็บอกได้ตลอดนะ” โชติเอ่ยอย่างจริงจัง “ติดต่อพิ้งค์หรือแดนได้เลย”  โชติเคยบอกผ่านเมธาไปแล้วแต่เขาเลือที่จะเอ่ยย้ำด้วยตนเอง อย่างน้อยธาริณต้องมาอยู่กับกันต์เพราะปัญหาจากฝั่งเขา ก็ควรมีการเป็นอยู่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย ธาริณลอบมองสีหน้าของเจ้าของค่าย ในใจนึกลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะรับคำไปเรื่อย หรือพูดสิ่งที่ตนต้องการออกไปตรงๆ

               ...เชี่ย กูพูดแล้วกัน

               “ขอบคุณครับคุณโชติ แต่ผมอยากขออย่างหนึ่ง” ธาริณเว้นช่วงเพื่อเรียบเรียงคำพูด เขาอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้เนื่องจากไม่เคยยื่นข้อเสนอหรือต่อรองอะไรกับคนระดับหัวหน้าอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ เล่นเอาคนทั้งโต๊ะอดตั้งหน้าตั้งตารอฟังไม่ได้

               “ขออย่าให้มีแบบนี้อีกได้ไหมครับ”

               “...”

               เมื่อเห็นคนทั้งโต๊ะเงียบกริบทำอะไรไม่ถูกแล้ว ธาริณจึงได้รู้ว่าเขาเผลอใส่ความจริงจังลงในน้ำเสียงและสายตามากเกินไปหน่อย ใจหนึ่งก็ไม่อยากทำให้บรรยากาศมาคุ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าดีแล้วเพราะทุกคนจะได้เกรงใจหรือกลัวเขาบ้าง ธาริณจึงตัดสินใจใช้อาศัยโอกาสนี้รีบเอ่ยต่อ

               “ผมอยู่กับกันต์สามเดือนอย่างที่คุณขอก็ได้นะครับ แต่หวังว่าครบสามเดือนแล้วเรื่องจะจบจริงๆ”

               การยื่นคำขาดด้วยท่าทีจริงจังเป็นพิเศษทำเอาทั้งโต๊ะอาหารเงียบไปครู่ใหญ่ ขนาดคุณเมธาเองก็ยังไม่ขัดหรือลงมือแก้สถานการณ์เองแต่อย่างใด จนในที่สุดโชติก็เอ่ยขึ้น

               “ได้ เดี๋ยวผมจัดการให้”

               หลังจากนั้นการพูดคุยรวมถึงบรรยากาศบนโต๊ะก็ดีขึ้น และจบลงอย่างราบรื่นพร้อมการย้ำประโยคเดิมของโชติว่า ‘จะจัดการให้’ และให้เบอร์ติดต่อโดยตรงของแดนและพิ้งค์เอาไว้ การนัดคุยกันครั้งนี้อย่างน้อยก็ทำให้ธาริณสบายใจได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปล่อยผ่านเรื่องทุกอย่างขนาดนั้น ถึงเขาจะตกใจอยู่บ้างว่าเจ้าของความคิดนี้จะเป็นพิ้งค์เสียเอง

               หลังจากที่เขาเอ่ยลาคนจากทางนั้นเรียบร้อยแล้วเขาก็เห็นว่าโชติเรียกพิ้งค์เข้าไปคุยอีกครั้ง ธาริณมองสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักของเธอจึงคาดว่าผู้จัดการคนนั้นคงจะโดนตำหนิและลงโทษไม่น้อยซึ่งธาริณเห็นด้วย เขาไม่รู้ว่าพิ้งค์เข้าทำงานมานานขนาดไหนหรือเพิ่งงานนี้งานไม่นาน แต่สำหรับหน้าที่นี้สกิลการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสำคัญอย่างยิ่ง และควรกระทำอย่างเรียบร้อยไม่ใช่ทิ้งปัญหาหรือดึงคนอื่นเข้าไปอย่างนี้

               ...ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของเขาแล้วแหละ

               คิดดังนั้นธาริณก็เลิกให้ความสนใจกับภาพตรงหน้า ถึงจะรีบเร่งแก้ปัญหาเท่าไหร่ เขาก็คงต้องอยู่ต่อไปแบบนี้นั่นแหละ ความจริงสภาพจิตใจของเขานับว่าดีกว่าช่วงสัปดาห์แรกมากแล้วเพราะเขาเริ่มเรียนรู้ที่จะหาช่องว่างระหว่างที่อีกฝ่ายไม่อยู่ รวมถึงการที่อีกฝ่ายเองพยายามหาเรื่องกินข้าวด้วยบ่อยๆ ทำให้เริ่มชินและคิดปลอบใจตัวเองว่ากันต์ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย

             


 

               เหมือนว่าวันนี้ธาริณจะมีโชคมากกว่าวันอื่นอยู่บ้าง เพราะถึงเขาจะกลับมาเกือบสี่ทุ่มแล้ว แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปกลับพบว่าเจ้าของห้องยังไม่กลับมา เป็นไปได้ว่าหลังแยกกันแล้วพิ้งค์คงต้องกลับรับกันต์ที่ทำงานต่ออีกและนั่นอาจใช้เวลาอีกครู่ใหญ่ ธาริณรู้สึกโล่งอก นานๆ ทีถึงจะมีโอกาสที่ได้อยู่คนเดียวในช่วงเวลานี้ เขารีบยกของไปวางไว้ที่เคาน์เตอร์ก่อนจะเห็นกระดาษโน๊ตแปลกปลอมแปะไว้ที่หน้าตู้เย็น

               ‘วันนี้กลับตีหนึ่งนะ พี่ธีร์นอนไปได้เลยครับ’

               “เยส!” ธาริณดีใจจนถึงกับหลุดอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

               ...นี่กูออกตัวแรงไปป่ะวะ

               ธาริณอ่านประโยค ‘นอนไปได้เลย’ อย่างไม่ค่อยเข้าใจ ปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่จะมาตื่นรอใครกลับบ้านเสียหน่อย เขาจึงย้อนกลับไปอ่านประโยคแรกอีกครั้ง อีกฝ่ายไปทำอะไรที่ไหนก็เรื่องของเขาแต่กลับตีหนึ่งนี่หมายความว่าธาริณจะมีเวลาทำอะไรก็ได้ถึงสี่ชั่วโมงนับจากนี้ เขาผิวปากพลางหันไปคุ้ยถุงใส่ของที่ซื้อมาวันก่อน หยิบซุปกระป๋องมาเทใส่ชามอย่างสบายอารมณ์ก่อนเดินเอาไปวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟา เขามองจอทีวีขนาดใหญ่โฟร์เคแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง ความจริงเขาประทับใจการเล่นเกมที่นี่มาตั้งแต่คราวที่แล้วแต่ไม่เคยมีโอกาสที่นานพอจะเล่นได้อย่างแนบเนียนอีกเลย

               วันนี้แม่งโคตรโชคดีเลยเว้ย

               เมื่อวางแผนเรียบร้อยแล้วเขาก็รีบเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งดึงเนคไทและเข็มขัดออก เปลี่ยนกางเกงลำลอง ปลดกระดุมบนอย่างลวกๆ ก่อนจะหยิบเครื่องเล่นเกมคู่ใจที่แอบขนมาด้วยพร้อมแผ่นเกมแล้วเดินออกมาทันที นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาจำใจต้องอาบน้ำแปรงฟันทันทีเมื่อกลับมาถึง ต้องฝืนตัวเองจัดเก็บของให้เรียบร้อยทันทีเมื่อซื้ออะไรกลับมา ในเมื่อกันต์ยังไม่กลับมาเขาก็จะทำตัวปกติจนห้าทุ่มค่อยเก็บของอาบน้ำแล้วกัน

               ธาริณต่อกล่องเกมแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างสบายใจ เขาลากโต๊ะกาแฟเข้ามาแล้วยกขาขึ้นพาดทันที มือเอื้อมหยิบชามซุปมะเขือเทศขึ้นมาตักกินพลางใช้มือที่ถือช้อนกดจอยเลือกโหมดเข้าเกมไปเรื่อยๆ จนเลือกเสร็จเรีบร้อยแล้วเขาจึงวางชามซุปลงแล้วตั้งหน้าตั้งตาใช้สมาธิกับเกมเต็มที่ ธาริณชื่นชอบการเล่นเกมมาตั้งแต่เด็กเพราะมันทำให้เขาเหมือนได้หลุดเข้าไปอีกโลก เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนสนิทว่าธาริณมีของสะสมเป็นแผ่นเกมมากมายแต่อันที่เขากล้าพูดเต็มปากว่าเล่นได้ดีคือเกมGTAที่เคยโดนผู้ใหญ่ในบ้านแบนไปนั่นแหละ เขาเล่นเกมนี้มาตั้งแต่เด็กและตามเก็บมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นความผูกพันไปแล้ว เจ้าตัวถึงกับยิ้มออกมา รู้สึกเหมือนความเครียดที่มีมาทั้งวันหายไปได้ด้วยการปล้นธนาคาร



               ...การได้เห็นคนโกยเงินนี่มันดีจริงๆ

 





               ตีหนึ่งครึ่ง

               หลังจากเสร็จจากงานวันนี้พิ้งค์ก็เป็นคนขับรถมาส่งกันต์ถึงคอนโด ปกติแล้วถ้างานเลิกดึกกันต์จะเสนอตัวขับรถกลับเองเพื่อให้ผู้จัดการไม่ต้องลำบาก แต่วันนี้เป็นกรณียกเว้นเนื่องจากเขาออกมากองละครตั้งแต่เช้าและรับอีเว้นท์ต่อเนื่องจนถึงเที่ยงคืนกว่า แม้จะรู้ว่าพิ้งค์ต้องปลีกไปทำธุระขอโทษทางนั้นแต่อย่างไรเขาเองก็ขับรถเองไม่ไหวจึงต้องขอให้มารับ และนั่งหลับมาตลอดทางกลับคอนโด จนเมื่อถึงที่แล้วเขาจึงค่อยหอบสังขารตัวเองขึ้นห้องมา ในหัวคิดไปถึงเตียงนุ่มๆ แอร์เย็นๆ คืนนี้เขาตั้งใจจะนอนอย่างเต็มที่

               แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเปิดประตูห้องมาเขากลับพบกับสิ่งที่ทำให้ตาสว่างในทันที ของที่ยังไม่ได้เอาออกจากถุงยังไม่เท่าไหร่ แต่กระป๋องซุปที่เปิดทิ้งคาช้อนไว้บนเคาน์เตอร์กับซุปสองสามหยดที่แห้งติดโต๊ะทำให้เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย ถ้าไม่ได้เห็นร่างของผู้ร่วมห้องบนโซฟาเขาคงคิดว่าเข้าห้องผิดไปแล้ว

               ...นี่มันอะไรเนี่ย

               กันต์ตัดสินใจปล่อยซุปไว้อย่างนั้นก่อนแล้วเดินตรงเข้าไปหาคนที่เป็นต้นเหตุทันที เขาขมวดคิ้วให้เครื่องเล่นเกมที่เขาไม่เคยมีพลางสงสัยว่าอีกฝ่ายไปได้มาจากไหน ธาริณยังคงไม่รู้สึกตัว นอนเอาขาพาดโต๊ะดวงตาปิดอยู่พร้อมน้ำที่ไหลออกจากมุมปาก

               “ฮ่าๆๆ” กันต์เผลอหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะรีบปิดปากตัวเองไว้เพราะกลัวเจ้าตัวจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน ความจริงที่ห้องของเขาเรียบร้อยเสมอแบบนี้ไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ แต่เป็นเพราะวันๆ กลับมาก็ตรงเข้านอนเป็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้ห้องต่างหาก พอมาเห็นสภาพที่เป็นธรรมชาติของห้องที่มีคนอยู่อาศัยแล้วเลยพลอยรู้สึกดีใจไปด้วย มันทำให้ห้องนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

                “พี่ธีร์ครับ” กันต์ก้มลงสะกิดแขนของอีกฝ่ายเบาๆ

               “อืออ” แต่เจ้าตัวไม่เพียงไม่ลืมตาขึ้น แต่ยังเขยิบตัวหนี เอียงหน้าเข้าไปพิงโซฟาอีกด้วย

               “เฮ้ย พี่ธีร์ อย่า...” อย่าหันไปแบบนั้น นั่นมันโซฟาแบรนด์คาสสินาตัวละสามแสนนะเว้ย กันต์หลับตาลงเพื่อเลี่ยงภาพบาดตาก่อนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มองน้ำลายที่เปื้อนผ้าบุโซฟาเป็นวง เขาตัดสินใจนั่งลงด้านข้างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เขย่าตัวก็แล้วสะกิดก็แล้วธาริณก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัว กันต์เองก็ไม่อยากให้เขามาหลับทั้นคืนที่นี่เลยได้แต่แขย่าอย่างต่อเนื่องพลางกวาดตามองหน้าจอทีวี

               ...GTA นี่พี่ธีร์เล่นอะไรแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย

               เป็นอีกครั้งที่เลขาคนสนิทประธานค่ายคนนี้ทำให้เขาประหลาดใจ ใครจะไปคิดว่าคนที่ดูภูมิฐานเอางานเอาการคนนี้นอกจากกินข้าวร้านโลคอลขนาดนั้นแล้ว ยังมีงานอดิเรกเป็นการเล่นเกมแนวอันธพาลเกรียนป่วนเมืองแบบนี้

               “นี่ โซฟาผมเปื้อนแล้วครับ”

               “ปะ...ปล้น” คำที่ได้ยินทำเอากันต์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

               “พี่ธีร์จะปล้นอะไรครับ”

               “ธนาคาร” นี่มันอะไรวะเนี่ย นี่ถ้าอีกฝ่ายเป็นนักแสดงเขาคงคิดว่าเอาบทละครไปฝัน ยิ่งเห็นพี่ธีร์หลับไม่รู้เรื่องเหมือนยิ่งปลุกยิ่งหลับแล้วกันต์จึงเปลี่ยนไปตั้งนาฬิกาปลุกในมือถือให้มันดังไปเรื่อยๆ แล้วลุกขึ้นหยิบชามที่มีซุปมะเขือเทศนั้นไปวางไว้อ่างเสียเอง

               ไม่นานเกินรอ ระหว่างที่เขากำลังเช็ดคราบซุปบนเคาน์เตอร์อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงโวยวายปนงัวเงียของคนบนโซฟาดังขึ้น

               “เฮ้ยยย นี่มันกี่โมงแล้ววะ” ธาริณสะดุ้งตกใจตื่นด้วยเสียงปลุกจากโทรศัพท์ก่อนจะรีบป้ายน้ำลายออกจากปากทันที เมื่อกี้เขาจะพักสายตานั้นกลาเป็นเผลอหลับสนิท

                “ตีหนึ่งครึ่ง”

               “!!!” เสียงของอีกฝ่ายทำให้คนเพิ่งตื่นตาสว่างทันที ในใจมีแต่คำว่าฉิบหาย

               ...กันต์กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!?!

               ไม่ต้องคิดเลยว่าภาพลักษณ์ของเขาจะเสียหายป่นปี้ไปเท่าไหร่แล้ว เมื่อสติมาความทรงจำก็กลับมาเช่นเดียวกันเขาลุกพรวดรีบเอื้อมมือจะคว้าชามซุปที่ตัวเองวางทิ้งไว้แต่กลับคว้าได้แต่อากาศ ชามซุปแม่งอยู่ไหนแล้ววะ!

               “เอ่อ คือ...” และธาริณก็ยิ่งตกใจเมื่อเห็นกันต์กำลังยืนจัดการกับกระป๋องซุปที่เขาเปิดทิ้งและคาช้อนไว้อย่างนั้น

               “พวกซุปนี่ผมจัดการแล้วครับพี่ธีร์” กันต์พยายามอย่างหนักที่จะไม่ยิ้มออกมา “แต่รบกวนพี่เช็ดน้ำลายออกจากโซฟาเองนะครับ” ยิ่งมองเขาก็ยิ่งขำ เขานึกชอบความเป็นปุถุชนของคนตรงหน้านี้ คนที่เนี้ยบกริบจนดูเหนือธรรมดาบางทีอาจเป็นคนกินง่ายนอนน้ำลายไหลแบบนี้ก็ได้

               กันต์ไม่แน่ใจว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่าแต่พี่ธีร์กำลังเขิน!

               “ได้ครับได้ งั้นขอทิชชู่แผ่นนึง” ธีร์รับคำอย่างรีบๆ เขาเปลี่ยนจากท่าทางขัดเขินเมื่อครู่เป็นสภาวะปกติ...เอาวะ ไหนๆ ก็เสียหายมามากขนาดนี้แล้วช่างแม่งไปเลยแล้วกัน เขารับทิชชู่ที่เจ้าของห้องส่งให้แล้วรีบหันหลังเดินกลับไปที่โซฟา แต่ประโยคถัดมาทำเอาเขาหันกลับมาทันที

               “แล้วพี่ธีร์ก็อย่าไปเที่ยวปล้นธนาคารอีกนะครับ” 

               คนฟังหน้าตาบูดบึ้ง แต่เมื่อกันต์ได้เห็นปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมห้องคราวนี้เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่



               ...เชี่ย



               เมื่อกี้พี่ธีร์แอบชูนิ้วกลางว่ะ





---------------------------------------------------------------

มาแล้วค่าา เอาแล้ว พี่ธีร์เริ่มเปิดเผยตัวตนแล้วว
สำหรับเรื่องโพที่คุยกันย้ำอีกครั้งว่าเดี๋ยวจะชัดเจนเองค่า ไม่ต้องกังวล 5555

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และการติดตามนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 08 (13.01.19)
«ตอบ #54 เมื่อ13-01-2019 23:23:53 »

 :pig4:

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 08 (13.01.19)
«ตอบ #55 เมื่อ13-01-2019 23:52:39 »

 :m20:  :m20:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 08 (13.01.19)
«ตอบ #56 เมื่อ13-01-2019 23:58:54 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 08 (13.01.19)
«ตอบ #57 เมื่อ14-01-2019 00:14:47 »

เห็นใจพี่ธีร์ในความหน้าแหก ฮ่าๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ bree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 08 (13.01.19)
«ตอบ #58 เมื่อ14-01-2019 22:30:28 »

 :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ ืNtop

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: :::::: เ ห มื อ น กั น ต์ :::::: ch. 08 (13.01.19)
«ตอบ #59 เมื่อ31-01-2019 23:13:41 »

พี่ธีร์  :mew2: :mew2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด