This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5  (อ่าน 38806 ครั้ง)

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:
ตัวกระตุ้นมาแล้วสินะ

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 10

“อาปัน ไปเที่ยวกัน” เสียงเล็กๆดังมาก่อนตัว ทำให้ปัญญวัฒน์เงยหน้าจากคอมพิวเตอร์มองร่างป้อมที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานเขา

“น้องเรนสวัสดีครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยทักเด็กชายที่ตอนนี้เข้ามายืนติดเก้าอี้ที่เขานั่งแล้ว

“สวัสดีคับอาปัน” เด็กชายยกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างนึกขึ้นได้ พร้อมทั้งส่งยิ้มหวานไปให้ราวกับประจบ

“จะไปเที่ยวไหนกันครับ” ปัญญวัฒน์อุ้มเด็กชายขึ้นมานั่งบนตัก

“ไปเที่ยวทะเลกัน ไปนะอาปัน ไปนะๆ” เด็กชายเรนอ้อนชายหนุ่มให้ไปเที่ยวกับตน

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูพร้อมกับเปิดเข้ามา ทำให้คนที่อยู่ในห้องหันไปมอง

“น้องเรนอยู่นี่เอง มากวนอาปันหรือเปล่า” ภาสวรยิ้มให้ปัญญวัฒน์พร้อมทั้งถามลูกชาย เขาเผลอแป๊บเดียวน้องเรนก็หายไปจากห้องทำงานของเขาเสียแล้ว

“ป่าวน้า เรนมาชวนอาปันไปเที่ยวทะเล ไปนะอาปันไปกับเรนนะ” เด็กชายหันมาบอกบิดาก่อนหันไปอ้อนคุณอาคนโปรดต่อ ปัญญวัฒน์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจพร้อมทั้งมองหน้าภาสวรราวกับถาม

“ผมต้องไปงานเปิดตัวโรงแรมใหม่ของนายดินที่ภูเก็ต ปันสนใจจะไปด้วยกันไหม” ภาสวรอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจ

“พี่ภาคไปกับน้องเรนสองคนก็ได้นี่ครับ”

“ไม่ซิ ถ้าอาปันไม่ไปพ่อก็ไปคนเดียว” เด็กชายทำปากยื่นแก้มป่องประท้วงออกมา ตอนแรกที่ภาสวรบอกว่ามีงานแถมจะให้เขาอยู่บ้านกับยายใจ

“คือตอนแรกพี่จะไปคนเดียวแต่น้องเรนไม่ยอม จนพี่ต้องพาไปด้วย ไหนๆก็ไปแล้วเลยอยากให้ปันไปด้วย ตอบแทนที่ปันชวนน้องเรนกับพี่ไปเที่ยวไง” ภาสวรโน้มน้าวชายหนุ่ม

“ไปวันไหนกลับเมื่อไหร่ครับ” ปัญญวัฒน์อดที่จะใจอ่อนกับสายตาที่เว้าวอนของเด็กชายไม่ได้

“ไปเย็นวันศุกร์ กลับบ่ายวันอาทิตย์ ตกลงปันไปด้วยนะพี่จะได้จองเครื่องบิน” ภาสวรเอ่ยถามด้วยความยินดี

“ครับ” คำตอบของปัญญวัฒน์ทำให้สองพ่อลูกยิ้มกว้าง เด็กชายกอดชายหนุ่มด้วยความดีใจ

“เย้ อาปันไปเที่ยวกับเรนแล้ว” ปัญญวัฒน์อดที่จะหอมแก้มป่องๆของเด็กชายไม่ได้

“พี่ดีใจนะที่ปันไปด้วย เดี๋ยวพี่ขอตัวไปจัดการเรื่องตั๋วก่อน น้องเรนอย่าดื้อกับอาปันนะครับ” ภาสวรบอกกับเขาก่อนที่หันไปพูดกับลูกชาย

‘เฮ้อ ทำไมใจเต้นแรงแบบนี้ เขาดีใจที่มีพี่เลี้ยงเด็กหรอกน่า’ ปัญญวัฒน์พยายามระงับใจที่เต้นแรงกับคำพูดของภาสวร โชคดีที่เด็กชายกำลังเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้เขาฟัง เลยไม่ได้สังเกตุว่าอาคนโปรดใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่



เช้าวันเดินทางปัญญวัฒน์ให้รถที่บ้านมาส่งที่ทำงานพร้อมกระเป๋าเดินทาง เนื่องจากว่าช่วงบ่ายเขากับภาสวรจะออกจากที่ทำงานไปรับน้องเรนที่โรงเรียนก่อนที่จะไปสนามบินกัน

หลังจากเช็คอินแล้ว ภาสวรพาเด็กชายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่จากชุดนักเรียนเป็นชุดที่ใส่สบายโชคดีที่เด็กชายเปลี่ยนรองเท้าก่อนลงจากรถแล้ว แถมอารามตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปเที่ยวทำให้น้องเรนอารมณ์ดีจะให้ทำอะไรก็ยอมทำทุกอย่าง

“ฟ้าต้องอิจฉาเรนมากๆเลยที่ได้ไปเที่ยวกับอาปัน” เด็กชายนึกถึงเพื่อนเล่นของตัวที่หวงอาปันเอามากๆ กว่าจะยอมแบ่งอาปันมาให้เขาบ้าง เขาต้องเสียช็อคโกแลตไปหลายแท่งแน่ะ

“นั่นซิ เอาไว้เราซื้อของไปฝากน้องฟ้ากันนะครับ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชายที่นั่งข้างเขาติดริมหน้าต่างเครื่องบิน ทำให้ชายหนุ่มนั่งระหว่างพ่อลูกสุธาภิวัฒน์ไปโดยปริยาย

“คับ อาปันอีกนานไหมจะถึง” เด็กชายที่มองออกไปด้านนอกถามขึ้น”

“เกือบชั่วโมงครับ เวลาเท่าที่น้องเรนนั่งรถจากบ้านไปโรงเรียนไงครับ” ปัญญวัฒน์ตอบพร้อมอธิบายให้น้องเรนเข้าใจ เครื่องบินเพิ่งบินขึ้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเด็กชายก็ถามเสียแล้ว จากกรุงเทพไปภูเก็ตใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่าๆ สำหรับเด็กอาจจะคิดว่านานก็ได้

“เรนจะได้เล่นน้ำเลยไหม” เด็กชายถามด้วยความหวังว่าจะได้เล่นน้ำในสระน้ำของโรงแรม เพราะพ่อเพิ่งเอารูปให้ดูก่อนที่จะนอนเมื่อคืนนี้

“ยังครับ ไปถึงมืดแล้ว เอาไว้เล่นพรุ่งนี้ พ่อจะพาไปเล่นนะครับ” ภาสวรตอบเด็กชายแทนปัญญวัฒน์ เพราะเด็กน้อยตื่นเต้นกับการมาเที่ยวครั้งนี้มากกว่าใครๆ

“คับ” เด็กชายตอบรับอย่างหงอยๆ ที่ไม่ได้เล่นน้ำอย่างใจนึก ปัญญวัฒน์ได้แต่โอบกอดน้องเรนแทนการปลอบใจ


พสุธาเอารถตู้ของโรงแรมมารับพวกเขาที่สนามบิน พร้อมทั้งพามาร้านอาหารริมทะเลเพื่อทานอาหารชมพระอาทิตย์ตกน้ำ ทำเอาเด็กชายตื่นเต้นชวนปัญญวัฒน์ออกไปเดินชายหาดระหว่างรออาหารที่สั่งมาเสิร์ฟ

“น้องเรนติดปันแจเลยนะ” พสุธาเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ ปกติแล้วเด็กชายไม่สนิทกับใครง่ายๆ แถมระวังตัวแจเวลาคนแปลกหน้ามาเข้าใกล้

“นั่นดิ กูก็ยังแปลกใจ” ภาสวรบอก ตั้งแต่ลูกชายเขารู้จักปัญญวัฒน์มาก็เอาแต่ถามหา อยากมาเจอ ยิ่งวันหยุดไม่ได้เจอชายหนุ่มยิ่งงอแงกว่าทุกที

“ถ้าปันเป็นผู้หญิงกูจะไม่แปลกใจเลย พวกมึงเหมือนกับครอบครัวเอามากๆ” คำพูดของพสุธาทำให้ภาสวรสะกิดใจ เพราะเขาก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน

“แต่มึงก็มีแต่ใช่ไหม” ภาสวรพูดขึ้นทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนคิดอะไร

“เอาน่า ทุกวันนี้มึงมีความสุขหรือเปล่า สำหรับกูแค่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ก็เพียงพอแล้ว อย่าเอาอะไรที่มันบั่นทอนความสุขในชีวิตมาคิดให้รกสมองเลย” พสุธาเตือนสติเพื่อน เขาไม่รู้ว่าเพื่อนจะคิดหรือทำอะไร ขอแค่ภาสวรมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ก็เพียงพอแล้ว

“นั่นซินะ” ภาสวรเข้าใจสิ่งที่พสุธาพูด ความเจ็บปวดในการสูญเสียแม่ของน้องเรนค่อยๆเลือนหายไปจากใจเขาแม้ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย เขารู้แต่เพียงว่าตอนนี้เขาสามารถยิ้มจากใจได้มากขึ้นกว่าเดิม


ภาสวรมอบทิปให้พนักงานที่ยกกระเป๋ามาให้ที่ห้องก่อนปิดประตู ส่วนสองอาหลานพอเข้าห้องได้ก็จูงมือกันไปสำรวจด้านในกันแล้ว เสียงใสพูดเจื้อยแจ้วกับปัญญวัฒน์ทำให้ภาสวรอดที่จะขำไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายของเขาแบะปากร้องไห้อาละวาดที่ไม่ได้นอนกับคุณอาคนโปรด เพราะพสุธาจัดวิลล่าหรู 2 ห้องนอนให้เขากับลูกชายห้องหนึ่งส่วนปัญญวัฒน์ได้พักอีกห้องที่อยู่ในวิลล่าเดียวกัน พอเด็กชายรู้ก็ไม่ยอมจะนอนกับปัญญวัฒน์ท่าเดียว จนพสุธาต้องบอกว่าจะนอนอีกห้องคนเดียว ส่วนอาปันจะมานอนกับน้องเรนแทน โดยที่ปัญญวัฒน์เองก็ยินดีที่จะพักสามคนในห้องเดียวกันได้

“พ่อครับมีสระว่ายน้ำด้วย” เด็กชายวิ่งมาหาพร้อมทั้งจูงมือไปดูสระว่ายน้ำที่ด้านนอกทั้งๆที่ตอนเดินเข้ามาก็ผ่านสระน้ำ

“เบาๆครับน้องเรน” ภาสวรบอกเด็กชายที่พยายามฉุดเขาให้ไปไวๆ

ห้องพักหรูหราห้องนอนสองด้านเป็นกระจกทำให้เห็นวิวสระว่ายน้ำแบบจากุชชี่ที่คั่นสองห้องในวิลล่า ส่วนอีกด้านจะเป็นวิวสระว่ายน้ำและทะเล ภาสวรมองไปรอบๆอย่างพอใจ ตอนเข้ามาในวิลล่าเจอศาลานั่งเล่นสามารถชมวิวทะเลและสระว่ายน้ำได้ ถัดมาเป็นโถงทางเดินที่แยกไปห้องนอนแต่ละห้องและห้องครัว ขณะที่เขากำลังพอใจอยู่นั่นก็เห็นปัญญวัฒน์มีทีท่าแปลกๆจนเขาอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้

“ปัน เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าครับ”

“ปันสะดวกใจไหมที่จะพักกับพี่ หรือปันอยากเปลี่ยนห้องพักบอกได้นะ” หรือปัญญวัฒน์จะอึดอัดใจที่จะพักกับเขาแต่ปฏิเสธไม่ได้

“ไม่ซิ อาปันนอนกับเรน” เด็กชายเริ่มประท้วงกลัวว่าพ่อจะให้อาปันไปนอนที่อื่น

“ครับๆ อาปันจะนอนกับน้องเรนนะครับ คนเก่งไม่ร้องซิครับ” ปัญญวัฒน์รีบปลอบเด็กชายเขาไม่อยากให้น้องเรนร้องไห้มากๆ เดี๋ยวตอนกลางคืนจะนอนละเมอ

“ถ้าปันไม่สะดวก พี่ไปนอนกับนายดินก็ได้นะ ปันนอนกับน้องเรนห้องนี้สองคน”

“ไม่ใช่ครับ ปันนอนได้” ปัญญวัฒน์เกือบจะตอบว่านอนกับพี่ภาคได้อยู่แล้วโชคดีที่เปลี่ยนทัน

“อ้าวแล้วปันมีปัญหาอะไร ถึงทำหน้าแปลกๆ” ภาสวรรู้สึกงงจนต้องถามออกมา เพราะท่าทีลำบากใจของชายหนุ่มยังไม่หายไป

“คือ ห้องน้ำมัน...” ปัญญวัฒน์ไม่รู้จะพูดอย่างไรจึงชี้ไปทางห้องน้ำที่เขาก็บอกไม่ถูก

“ห้องน้ำ ทำไม ... อ๋อ เข้าใจละ” ตอนแรกภาสวรก็งงพอมองไปที่ห้องน้ำดีๆก็พบว่าห้องน้ำเป็นกระจกใส ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากทางห้องนอน ไม่ว่าจะทำอะไรคนที่อยู่ด้านนอกสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ภาสวรเดินเข้าไปสำรวจห้องน้ำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเดินออกมา บอกปัญญวัฒน์ให้สบายใจว่าด้านในห้องน้ำมีปุ่มกดเลื่อนม่านสีขาวด้านบนให้ลงมาปิดเพื่อไม่ให้เห็นด้านในได้ ทำให้ชายหนุ่มสบายใจขึ้นจึงชักชวนเด็กชายให้ไปอาบน้ำทันที แต่สิ่งหนึ่งที่ภาสวรไม่บอกปัญญวัฒน์กลัวว่าเจ้าตัวจะไม่สบายใจก็คือ ม่านในห้องน้ำไม่หนามากถ้าอาบน้ำตอนกลางคืนแสงด้านในห้องน้ำทำให้คนด้านนอกก็เห็นเงาด้านในว่าทำอะไรอยู่


หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วสองอาหลานก็เตรียมตัวเข้านอนเพราะใกล้สามทุ่มเลยเวลานอนของเด็กชายแล้ว ปัญญวัฒน์หยิบหนังสือนิทานออกมาอ่านให้น้องเรนฟัง ภาสวรจึงเลี่ยงไปอาบน้ำ เพราะแสงด้านนอกจะช่วยไม่ให้เห็นเงาด้านในห้องน้ำได้

“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะน้องเรนของอาปัน” ภาสวรออกมาจากห้องน้ำก็เห็นลูกชายกำลังนอนตะแคงเข้าหาปัญญวัฒน์

“น้องเรนหลับแล้วเหรอ” ภาสวรเอ่ยถามปัญญวัฒน์เบาๆ ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับเขาไม่อยากให้เด็กชายที่เพิ่งหลับรู้สึกตัว

“ปันนอนไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวพี่ขอออกไปคุยกับดินหน่อยอยู่ที่ห้องนั่งเล่นนะ” ภาสวรบอกก่อนที่จะเดินออกไปด้านนอก จากในห้องสามารถมองผ่านม่านบางๆออกไปเห็น แต่เขาก็บอกให้ปัญญวัฒน์สบายใจว่าเขาไม่ไปไหนไกล

กว่าภาสวรจะกลับเข้ามาสองอาหลานก็หลับไปแล้ว โดยน้องเรนซุกซบที่อกปัญญวัฒน์ ภาสวรจัดผ้าห่มให้ทั้งคู่ก่อนจะหอมที่ศีรษะลูกชาย

“ฝันดีนะน้องเรน ฝันดีนะปัน” ภาสวรเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนเบียดตัวเข้าหาน้องเรนกอดทั้งคู่เอาไว้


เช้าวันรุ่งขึ้นปัญญวัฒน์รู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะลูกเตะของน้องเรนที่นอนดิ้นกลับหัวกลับหางแถมผ้าห่มเองก็ร่นไปอยู่ปลายเท้า โชคดีที่ภาสวรปรับแอร์ไม่ให้เย็นมากนักสงสัยจะรู้ว่าลูกชายนอนดิ้นผ้าห่มหลุดไปจากตัว ปัญญวัฒน์ค่อยๆอุ้มเด็กชายให้มานอนดีๆก่อนที่จะห่มผ้าให้สองพ่อลูก จากนั้นก็ไปทำธุระส่วนตัวเพราะแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้องแล้ว

อากาศยามเช้าสดชื่น วิวที่มองจากศาลานั่งเล่นสวยจนปัญญวัฒน์อดใจไม่ไหวถ่ายรูปไปหลายใบพร้อมส่งไปอวดพี่ๆและเพื่อนๆให้อิจฉาเล่น

“อาปันทำไมไม่ปลุกเรน” เด็กชายวิ่งมาหาปัญญวัฒน์ทั้งชุดนอนพร้อมต่อว่า

“ตื่นนานหรือยังปัน” ภาสวรที่ตามออกมาเอ่ยถามชายหนุ่ม

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่ภาค อรุณสวัสดิ์น้องเรน ตื่นสักพักแล้วครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยทักทั้งคู่ก่อนตอบคำถามภาสวร

“หิวหรือยังปัน เดี๋ยวพี่โทรสั่งอาหารให้” ภาสวรเอ่ยถาม เมื่อคืนเขาได้ถามพสุธาแล้วว่า วิลล่านี้พิเศษหน่อยแค่โทรไปสั่งอาหารเช้าก็จะมาเสิร์ฟถึงที่ ไม่ต้องออกไปทานที่ห้องอาหาร

“ได้ครับ” ความจริงแล้วปัญญวัฒน์เองยังไม่หิวแต่เด็กชายควรทานอาหารเช้าเป็นเวลา

“พ่อคับเรนอยากเล่นน้ำ” เด็กชายบอกบิดา

“ทานข้าวก่อนนะครับ พอแดดออกมากกว่านี้ค่อยเล่น ออ สระนี้เป็นแบบน้ำเกลือนะน้องเรน” ภาสวรบอกลูกชาย แม้ว่าน้องเรนจะเคยว่ายในสระน้ำเกลือมาบ้างแล้ว แต่บอกให้รู้ก่อนจะดีกว่า

หลังทานอาหารเด็กชายเรนได้ลงว่ายน้ำสมใจ แถมมีห่วงยางและเป็ดยางตัวใหญ่ที่พสุธาให้คนเตรียมไว้ให้หลานเล่นอีก แม้ว่าสระไม่ลึกมาก แต่มีห่วงยางไว้ก็อุ่นใจกว่า


เสียงกรีดร้องด้วยความชอบใจเรียกความสนใจของคนเพิ่งตื่นนอนได้ดี พสุธาเดินออกมาด้านนอกมองหลานชายและปัญญวัฒน์เล่นที่สระจากุชชีอย่างสนุกสนาน เรียกรอยยิ้มให้เขาได้เป็นอย่างดี

“ตื่นเช้าจังมึง กินไรหรือยัง” พสุธาเอ่ยทักเพื่อนที่นั่งมองลูกชายอยู่ที่ศาลานั่งเล่น

“กินแล้ว ใครจะรอมึงไหว” ภาสวรบอก ทำให้พสุธาโทรสั่งอาหารเช้าแค่ชุดเดียว ก่อนสั่งของทานเล่นและเครื่องดื่มมาเผื่อคนอื่นๆ

“มึงจะพาน้องเรนลงไปเล่นน้ำทะเลข้างล่างไหม” พสุธารู้สึกดีใจที่หลานชายสนุกกับการเล่นน้ำ

“อาจพาไปเดินแต่คงไม่เล่นน้ำ น้องเรนไม่ค่อยชอบทราย เพราะคลื่นซัดทรายติดตามตัว เขาชอบแบบนี้มากกว่า”

“วันนี้จะออกไปไหนไหม” เพราะงานเลี้ยงจะเริ่มประมาณ 5 โมงเย็น เผื่อเพื่อนของเขาจะออกไปเที่ยวที่อื่น จะได้จัดเตรียมรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้

“ไม่ล่ะท่าทางอยากจะอยู่ที่นี่มากกว่า เดี๋ยวจะไปร่วมงานเลี้ยงพระ สักพักคงให้น้องเรนขึ้นแล้ว ค่อยมาเล่นใหม่ตอนบ่าย” ภาสวรมองไปยังลูกชายให้พสุธารู้ว่าใครอยากอยู่ที่นี่มากกว่าจะออกไปเที่ยวข้างนอก

“งั้นเดี๋ยวไปด้วยกัน” พสุธานัดแนะเวลากับภาสวรสักพัก พนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟให้ ทำให้ภาสวรกวักมือเรียกลูกชายกับปัญญวัฒน์ให้มาทานอาหารว่างก่อนแล้วค่อยไปเล่นกันต่อ



*********************************


สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ในช่วงเวลาแสนพิเศษนี้ ขอส่งความปรารถนาดีและความห่วงใยที่แสนอบอุ่นไปถึงคุณ ขอให้ทุกวันล้วนเป็นวันที่สดใส ขอให้คุณมีแต่ความสุขเนื่องในวันปีใหม่นี้ไปจวบจนตลอดทั้งปี

ปล.ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณทุกแรงใจ ขอบคุณที่ติดตามนิยายของเราด้วยจ้า ขอบคุณนะคะ


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 11

“สวัสดีค่า คุณดิน คุณภาคก็มาด้วยนะคะ” เสียงที่เต็มไปด้วยจริตแพรวพราวทักทายชายหนุ่มทั้งคู่ พร้อมเจ้าของเสียงเข้ามาเกาะแกะลวนลามพสุธาแบบถึงเนื้อถึงตัว

“สวัสดีครับคุณแมน” พสุธาทักทายพลางหลบการลวนลามไปด้วย

“เมนี่ค่ะ แหมคุณดินชอบแกล้งเมนี่อยู่เรื่อยเลย” ชายค่อนข้างเจ้าเนื้อกอดแขนพสุธาไม่ยอมปล่อย

“ครับ คุณเมนี่ ตามสบายเลยนะครับ ผมขอไปดูงานก่อน” พสุธาบอกแมนสรวงก่อนหันมาพยักหน้าให้ภาสวรให้เดินไปด้านในห้องจัดเลี้ยง

ปัญญวัฒน์จูงมือเด็กชายเรนให้เดินตามภาสวรและพสุธาเข้าไปด้านใน พสุธาพาทุกคนไปนั่งที่โต๊ะวีไอพีที่จัดไว้ เด็กชายดูตื่นเต้น มองไปรอบๆอย่างชอบใจ สักพักเครื่องดื่มกับอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ น้องเรนนั่งทานอาหารโดยมีปัญญวัฒน์ดูแลอย่างใกล้ชิด

“อาปัน เรนปวดฉี่” เด็กชายเอ่ยขึ้นขณะที่การแสดงบนเวทีจบลง

“คุณภาคครับเดี๋ยวผมพาน้องเรนไปเข้าห้องน้ำนะครับ” ปัญญวัฒน์หันไปบอกภาสวรที่กำลังพูดคุยติดพันกับแขกท่านอื่นมีมาร่วมโต๊ะด้วย ถ้าอยู่ข้างนอกเขาจะไม่กล้าเรียกภาสวรว่าพี่ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี เมื่อชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ปัญญวัฒน์จึงพาน้องเรนออกไปด้านนอกห้องจัดเลี้ยง

“ล้างมือก่อนนะครับ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชายหลังจากทำธุระเสร็จ

“อุ๊ย คุณน้องเดี๋ยวก่อนค่ะ น้องมากับคุณภาคใช่ไหมคะ” แมนสรวงปรี่เข้ามาหาทันทีที่พวกเขาเดินออกมาจากห้องน้ำกำลังจะเข้าไปในงาน

“ใช่ครับ” ปัญญวัฒน์พยักหน้าบอก ก่อนก้มมองดูน้องเรนที่จับมือของเขาแน่นขึ้น

“คือพี่ชื่อเมนี่นะคะ อย่าหาว่าพี่อย่างงู้นอย่างงี้เลยนะคะ พี่อยากจะถามคุณน้องนิดนึงน่ะค่ะ” เสียงที่มีจริตแนะนำตัวขึ้นพร้อมถามอย่างเป็นกันเอง

“ครับ” ปัญญวัฒน์มองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ ดูเหมือนว่าผู้จัดการดาราคนนี้พยายามจะพูดตีสนิทเขาเพื่ออะไรบางอย่างแนะนำนำเสียดิบดี แต่ไม่อยากรู้จักเขาสินะ

“คือพี่อยากถามว่าคุณน้องเป็นอะไรกับคุณภาค คือเห็นสนิทกันอย่างนี้น่ะค่ะ” ปัญญวัฒน์ยิ้มให้แมนสรวงก่อนตอบออกมา

“ผมเป็นพี่เลี้ยงเด็กครับ มาดูแลน้องเรนลูกชายคุณภาค” ปัญญวัฒน์มองเด็กชาย เขาไม่ได้โกหกสักหน่อย น้องเรนติดเขาและเขาก็เลี้ยงน้องเรนจริงๆ

“คุณภาคแกก็ดีจริงๆนะคะ ที่เอาพี่เลี้ยงเด็กมาร่วมโต๊ะด้วย” แมนสรวงสำรวจคนตรงหน้าที่ใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คเรียบร้อย

“ครับ” ปัญญวัฒน์เองก็รับคำโดยไม่ใส่ใจสายตาของคนตรงหน้า ความจริงเขาก็พกสูทมานะแต่ภาสวรเองก็ไม่ใส่สูท เขาจะเอามาใส่ก็ใช่เรื่อง มีน้องเรนที่ใส่ชุดสูทหล่ออยู่คนเดียว ขนาดพสุธาลูกชายเจ้าของโรงแรมยังไม่เตรียมมาเลย จนภาสวรต้องเสียสละให้ยืมเสื้อสูทเพราะชายหนุ่มจะต้องขึ้นเวทีไม่อย่างงั้นเลขาของพสุธาคงจะวุ่นวายเสียเวลาหาเสื้อให้เจ้านาย

“งั้นน้องก็นอนกับลูกชายคุณภาคใช่ไหม”

“ใช่ครับ” ปัญญวัฒน์บอก แต่เมื่อสบตาที่เป็นประกายของแมนสรวงทำให้เขาชะงัก ท่าทางภาสวรคงต้องเตรียมตัวรับมือไว้ให้ดีแล้ว ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คิดจะทำอะไร

“อาปันๆ” เด็กชายดึงมือปัญญวัฒน์พร้อมทั้งเรียกเบาๆ กลัวว่าผู้ชายที่คุยกับปัญญวัฒน์จะได้ยิน

“งั้นพี่เมนี่ไม่รบกวนน้องแล้ว ท่าทางคุณหนูอยากไปแล้ว” แมนสรวงบอกเมื่อเห็นท่าทางของเด็กชาย พร้อมทั้งเดินจากไปอย่างรวดเร็วพอๆกับขามา ทำเอาปัญญวัฒน์ได้แต่งงเนื่องจากบอกลาไม่ทัน

“อาปัน เขาเป็นใครเหรอคับ” เด็กชายถามขึ้นมา

“เขาเป็นแขกที่มาร่วมงานเหมือนกับพวกเราไงครับ” ปัญญวัฒน์อธิบายให้เด็กชายเข้าใจก่อนพาเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง

พอเดินกลับเข้ามาในงานเลี้ยงภาพดาราสาวที่นั่งอยู่ข้างภาสวรทำให้ปัญญวัฒน์ชะงัก นิชาดากำลังพูดคุยกับคนในโต๊ะอย่างสนุกสนาน

“ผู้หญิงคนนั้นนั่งที่เรน” เด็กชายบอกพร้อมเดินที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่อง ปัญญวัฒน์ที่เห็นท่าทางเด็กชายรีบคว้าตัวเอาไว้

“น้องเรนครับ คุณพ่อกำลังคุยธุระอยู่เราออกไปรอข้างนอกนะครับ” ปัญญวัฒน์พยายามเกลี่ยกล่อมเด็กชาย

“ไม่” เจ้าด้วยปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมสะบัดตัวเองให้พ้นจากการจับของชายหนุ่ม

“น้องเรนครับทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย น้องเรนคนเก่งของอาปันไปไหนน้า ทำแบบนี้อาปันเสียใจนะครับ” ปัญญวัฒน์ที่ตอนนี้คุกเข่ากอดเด็กชายเอาไว้พยายามปลอบโยนไม่ให้อาละวาด

 “น้องเรนจะทานอะไร ไอศกรีมไหมเดี๋ยวอาปันพาไป” ปัญญวัฒน์หลอกล่อเด็กชาย เมื่อเห็นน้องเรนสงบก็อุ้มเดินออกมาจากห้องจัดเลี้ยงแล้วพาไปห้องอาหารแทนโดยไม่ลืมส่งข้อความบอกภาสวร เขากลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นห่วงที่พวกเขาหายไปนาน

“อาปันขอถามอะไรน้องเรนได้ไหมครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กชายทานไอศกรีมหมดแล้ว

“ได้ครับ” เสียงตอบรับของน้องเรนทำให้ปัญญวัฒน์รู้ว่าเด็กชายอารมณ์ดีแล้ว

“ทำไมน้องเรนไม่ชอบคุณลูกพีชล่ะครับ” ปัญญวัฒน์เสี่ยงที่จะถามเพราะเขาอยากรู้จะได้แก้ให้ถูกจุด

“ผู้หญิงหน้าด้านแย่งพ่อไปจากเรน”

“หือ” ปัญญวัฒน์รู้สึกตกใจกับคำพูดของเด็กน้อย ไหนจะท่าทางก้าวร้าวนั้นอีก

“น้องเรนรู้ได้อย่างไรครับ ว่าเขาจะแย่งคุณพ่อ” ปัญญวัฒน์ถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่าทำไมเด็กชายถึงคิดแบบนี้

“น้ารุ้งบอก” น้ารุ้งคือใครกัน?

“น้ารุ้งบอกว่ายังไงครับ” ปัญญวัฒน์เก็บความสงสัยของตัวเองไว้ก่อน ค่อยๆตะล่อมถามต่อ

“บอกว่าผู้หญิงหน้าด้านจะมาจับพ่อ จะมาเป็นแม่ใหม่ของเรน แล้วเรนจะเป็นหมาหัวเน่าโดนพ่อทิ้ง พ่อจะทิ้งเรนจริงๆเหรออาปัน” เด็กชายเงยหน้าถามปัญญวัฒน์เสียงสั่นๆด้วยความหวาดกลัว จนชายหนุ่มต้องคว้าเด็กชายเข้ามากอดไว้

“คุณพ่อรักน้องเรนมาก ไม่ทิ้งน้องเรนไปไหนหรอกครับ” ปัญญวัฒน์ลูบหลังเด็กชายในอ้อมกอดเบาๆ นี่สินะสาเหตุ ความหวาดกลัวในใจทำให้อาละวาดต่อต้านผู้หญิงที่เข้ามาใกล้ชิดบิดา

“แน่นะ” เด็กชายเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ

“น้องเรนลองคิดดูนะครับ เวลาน้องเรนอยากได้อะไรคุณพ่อก็ซื้อให้ น้อยครั้งที่จะขัดใจ จะไปไหนก็ตามใจพาน้องเรนไปด้วยอย่างที่มาที่นี่ไงครับ” ปัญญวัฒน์อธิบายอย่างใจเย็น

“ไม่จริง ตอนแรกพ่อบอกให้อยู่บ้าน” เด็กชายค้านอย่างหงอยๆ

“สุดท้ายคุณพ่อก็พามาใช่ไหมครับ”

“เพราะอาปันมาหรอกพ่อถึงให้มาด้วย ถ้าอาปันไม่มาพ่อให้อยู่บ้านกับยายใจ” ปัญญวัฒน์เข้าใจถึงสาเหตุที่เด็กชายรบเร้าจะให้เขามาเที่ยวด้วยแล้ว

“น้องเรนรักคุณพ่อมากไหมครับ”

“รักมากเท่าฟ้าเลย” เด็กชายกางแขนกว้างๆให้ชายหนุ่มดู

“คุณพ่อก็รักน้องเรนมากกว่านั้นอีก อาคิดว่าคุณพ่อจะไม่รักใครมากกว่าน้องเรนแล้ว”

“จริงเหรอ” เด็กชายมองปัญญวัฒน์อย่างไม่แน่ใจ

“ไม่เชื่อน้องเรนลองถามคุณพ่อดูซิครับ” ปัญญวัฒน์แนะขึ้น เห็นทีเขาต้องคุยเรื่องนี้กับภาสวรดูแล้ว แม้ว่าอาจจะทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจที่เขาไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวก็ตาม

“หลบมาอยู่ที่นี่กันเอง” ภาสวรเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะเอ่ยขึ้น ปัญญวัฒน์ส่งข้อความมาว่าจะพาน้องเรนไปทานไอศกรีม กว่าเขาจะปลีกตัวออกมาได้นานพอดู

“พ่อคับ พ่อรักเรนไหม” เด็กชายโผเข้าหาบิดาพลางเอ่ยถามอย่างคาใจ

“รักซิครับ” ภาสวรกอดลูกชายอย่างแปลกใจ

“รักแค่ไหนเหรอ” เด็กชายถามต่อ อาปันบอกว่าพ่อรักเขามากกว่า

“รักเท่าฟ้า แล้วน้องเรนล่ะ” ภาสวรนึกถึงคำพูดที่น้องเรนชอบพูดบ่อยๆก่อนตอบออกมา พลางเลิกคิ้วมองปัญญวัฒน์คล้ายจะถามว่าทำไมลูกชายของเขาถึงมีคำถามแบบนี้

“ไม่ซิๆ เรนรักพ่อเท่าฟ้า อย่างงี้อย่างงี้ แล้วพ่อล่ะ” เด็กชายดิ้นออกจากอ้อมกอดของภาสวร พร้อมกางแขนออกให้ดูก่อนเงยหน้ามองผู้เป็นพ่ออย่างคาดหวัง

“อ๋อ ครับแค่นี้พอหรือยัง” ภาสวรกางแขนตามลูกชายพลางเหลือบมองไปรอบๆ โชคดีที่ไม่มีลูกค้าอยู่บริเวณโซนที่เขานั่ง

“จริงด้วยอาปัน พ่อรักเรนมากกว่าจริงๆ” เด็กชายหันมาบอกปัญญวัฒน์หลังจากที่เทียบความกว้างของแขนตัวเองกับผู้เป็นพ่อแล้ว ทำเอาปัญญวัฒน์หัวเราะลั่นในความเข้าใจของเด็กน้อย

“ครับๆอาก็เห็นแล้ว ฮ่าๆ” ภาสวรเองก็ขำลูกชาย เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งคู่คุยอะไรกัน แต่ดูสีหน้าพออกพอใจของลูกชายที่หัวเราะกับปัญญวัฒน์แล้วทำให้เขารู้สึกดีและมีความสุขไปด้วย


ระหว่างที่เดินกลับห้องพักผ่าน Water bar บริเวณโดยรอบตกแต่งเปิดไฟดูสวยงามมากในช่วงค่ำ มีลูกค้าใช้บริการมากมาย ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ Water bar ของที่นี่มีอาหารประเภทของว่างหรือกับแกล้มเสียส่วนมาก ส่วนเครื่องดื่มมีตั้งแต่น้ำผลไม้ ตลอดจนของมึนเมาหลากหลายประเภทไว้คอยบริการลูกค้า

“พ่อคับเรนอยากนั่งที่นั่น” เด็กชายชี้ไปยังเคาน์เตอร์ที่ตั้งอยู่ในน้ำอยู่ไม่ไกลจาก Water bar มากนัก

“พรุ่งนี้สายๆ แล้วกันนะครับ ถ้าจะนั่งเวลานี้ต้องโตก่อนนะครับเดี๋ยวพ่อพามานั่งนะ” Water bar ที่นี่จำกัดอายุตั้งแต่เวลาห้าโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน ถ้าช่วงกลางวันใช้บริการได้ทุกเพศทุกวัย

“ก็ได้ครับ” เด็กชายรับคำก่อนหันไปมองอีกนิดหน่อย


ปัญญวัฒน์มองน้องเรนที่ฟังนิทานจากคุณพ่อ ตั้งแต่ออกจากห้องอาหารเด็กชายก็กลับมาเกาะติดภาสวร ทำให้คืนนี้คุณพ่อพาคุณลูกอาบน้ำและเข้านอน

“อาปัน มานอนกันคับ” เด็กชายกวักมือเรียกเขาให้เข้าไปหลังจากฟังนิทานเสร็จ

“น้องเรนราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะครับ” ปัญญวัฒน์หอมแก้มป่องๆก่อนลงไปนอนข้างๆเด็กชาย

“ราตรีสวัสดิ์ครับ นอนได้แล้วลูก” ภาสวรบอกลูกชายพร้อมจัดผ้าห่มห่มให้เรียบร้อย

“พี่ภาคครับ ง่วงหรือยังครับผมอยากคุยด้วยหน่อย” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามหลังจากที่น้องเรนได้หลับแล้ว

“ได้ เราออกไปคุยด้านนอกแล้วกัน” ภาสวรบอกก่อนลุกเดินออกไป เขาไม่อยากให้มีอะไรรบกวนการนอนของลูกชาย

“เอาไวน์ไหม” ภาสวรเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มส่ายหัวเขาจึงจัดการรินใส่แก้วสำหรับตัวเองแก้วเดียว

“ปันมีอะไรหรือเปล่า” ภาสวรถามขึ้นเมื่อชายหนุ่มเงียบไปทั้งๆที่บอกว่ามีเรื่องคุยกับเขา

“เอ่อ คือว่า...”


ติ๊งหน่อง

ยังไม่ทันที่ปัญญวัฒน์จะพูดอะไรเสียงกริ่งที่บ้านพักก็ดังขึ้นเสียก่อน ภาสวรรีบลุกออกไปดูเพราะกลัวว่าเสียงกริ่งจะทำให้ลูกชายเขาตื่น

‘ใครมาตอนนี้เนี่ย จะว่าคุณดินก็ไม่น่าใช่เพราะคุณดินมีการ์ดเปิดประตู’ ปัญญวัฒน์รู้สึกขัดใจที่มีคนขัดจังหวะกว่าเขาจะรวบรวมความกล้าพูดกับภาสวรได้นั้นมันนานมาก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวชายหนุ่มซึ่งเขาเป็นคนนอกจะเข้าไปก้าวก่ายมันก็ใช่ที่

เมื่อเดินมาถึงประตูทำเอาปัญญวัฒน์ตาโตเมื่อเห็นคนที่มากดกริ่งยามค่ำคืนนี้ นิชาดากำลังคุยกับภาสวรอยู่ที่หน้าประตู สายตาของหญิงสาวที่มองภาสวรนั้นดูเชิญชวนจนเขาต้องเลี่ยงออกมา ‘สงสัยคืนนี้เห็นจะไม่ได้คุยแล้วมั้ง’ ปัญญวัฒน์คิดก่อนเดินกลับเข้าห้องอย่างเหงาๆ

ภาสวรเดินกลับเข้ามาในครัวไม่เห็นปัญญวัฒน์ เขาจึงเดินเข้าไปในห้องก็พบว่าชายหนุ่มนอนกอดลูกชายเขาหลับไปแล้ว ภาสวรจึงเดินเข้าไปนอนอีกด้านของลูกชายก่อนโอบกอดคนทั้งคู่ไว้ก่อนหลับตามไป

ปัญญวัฒน์ค่อยๆลุกออกมาจากห้องหลังจากแน่ใจว่าภาสวรหลับไปแล้ว ตอนที่ชายหนุ่มเข้ามาเขายังไม่หลับ ดูเหมือนภาสวรรักลูกมากจนปฏิเสธดาราสาวนั่น งานนี้คงมีคนหัวเสียที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิด ปัญญวัฒน์กดโทรศัพท์ที่หยิบติดมาด้วยก่อนเดินออกมาจากห้อง รอสายไม่นานคนที่โทรหาก็รับสาย

(ฮัลโหล ว่าไงน้องชาย)

“พี่ปานอนหรือยัง”

(ยังมีอะไรจ๊ะ)

“ปันพอจะรู้สาเหตุที่ทำให้น้องเรนต่อต้านไม่ชอบหน้าผู้หญิงที่เข้ามาใกล้คุณภาคแล้วครับ เรื่องเป็นแบบนี้...” ปัญญวัฒน์ตัดสินใจเล่าเรื่องให้พี่สาวฟัง

“ปันควรจะบอกเรื่องนี้กับคุณภาคไหมครับพี่ปา” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามความคิดเห็นพี่สาวหลังจากที่เล่าเรื่องจนจบ

“ผมว่าควรบอกนะ เพราะเป็นเรื่องของผม” เสียงห้าวๆเอ่ยขึ้นด้านหลัง ปัญญวัฒน์หันไปมองด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนตรงหน้า

“เอ่อคือ...” ปัญญวัฒน์ตกใจจนพูดไม่ออก เขากดวางสายพี่สาวก่อนสบตาคมของภาสวร เขาแน่ใจแล้วว่าชายหนุ่มหลับแล้วจึงเดินออกมาที่ศาลานั่งเล่น

“ช่วยเล่าเรื่องให้พี่ฟังหน่อยได้ไหมปัน” ภาสวรเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นท่าทางหงอยๆของปัญญวัฒน์

“ครับ...” ปัญญวัฒน์เล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากเด็กชายให้ภาสวรฟังทั้งหมด ชายหนุ่มดูนิ่งจนปัญญวัฒน์เดาอารมณ์ไม่ถูก

ภาสวรรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงประตูปิด เมื่อลืมตามองไปรอบๆก็พบปัญญวัฒน์หายไป เขาจึงลุกขึ้นไปดูก็พบว่าชายหนุ่มเดินไปที่ศาลานั่งเล่น พสุธาเองก็ยังไม่กลับมาที่ห้อง ภาสวรจึงตัดสินใจออกไปดู แต่สิ่งที่เขาได้ยินกลับเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ปัญญวัฒน์บอกคู่สนทนาว่าน้องเรนมีบาดแผลที่อยู่ในใจ

“พี่ภาคครับ ผมขอโทษ” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้นหลังจากที่ภาสวรเงียบไปนาน

“ปันจะมาขอโทษพี่ทำไม พี่ตังหากที่ต้องขอบคุณ” ภาสวรบอก เขาไม่เคยรู้เลยว่าลูกชายของเขาโดนเป่าหู ปลูกฝังในเรื่องที่ผิดๆ

“ผมขอโทษที่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่”

“ปันไม่ได้ยุ่งเรื่องส่วนตัวพี่สักหน่อย ปันแค่รักและปรารถนาดีกับน้องเรน พี่เสียอีกที่เป็นพ่อกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย พี่คิดว่าเขาแค่หวงตามวัยของเขา” ภาสวรเองรู้สึกเสียใจที่ลูกชายเขาโดนทำร้ายจิตใจจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นญาติเป็นคนในครอบครัวตัวเอง

“พี่ภาคเป็นพ่อที่ดีแล้วครับ น้องเรนยังเด็ก พี่สามารถสอนเขาได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้แค่พี่ค่อยๆพูดค่อยๆสอน น้องเรนเป็นเด็กฉลาดครับ ผมเชื่อว่าน้องเรนจะเข้าใจ” ปัญญวัฒน์ปลอบใจภาสวร เขาคิดว่าปัญหาพวกนี้จะถูกแก้ไขหมดไปได้ง่าย ความรักที่มีต่อลูกชายของภาสวรจะให้ความเชื่อมั่นและเยียวยาจิตใจที่ไม่มั่นคงนั้นได้

“พี่เป็นพ่อที่แย่ ดูอย่างเรื่องนี้ซิพี่ยังดูไม่ออก” ว่าทำไมลูกถึงอาละวาดเมื่อมีผู้หญิงเข้าใกล้และกลายเป็นเด็กก้าวร้าวในสายตาคนอื่น ถ้าเขารู้คงจัดการไม่ให้ลูกรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าความสูญเสียมันเจ็บปวดแค่ไหน เขาไม่อยากให้น้องเรนรู้สึกแบบนั้น

“พี่ภาคเป็นพ่อที่ดีครับ ถ้าพี่เป็นพ่อที่แย่คงไม่กังวลและไม่คิดแก้ปัญหาพวกนี้หรอกครับ”

“พี่กลัว กลัวว่าจะเป็นพ่อที่ไม่ดี ปันจะช่วยพี่ดูแลน้องเรนได้ไหม”

“ได้ซิครับ” คำตอบรับของปัญญวัฒน์ทำให้ภาสวรมีกำลังใจขึ้น เขากับลูกชายโชคดีที่ได้รู้จักสนิทสนมกับปัญญวัฒน์ แค่คำพูดกับรอยยิ้มของชายหนุ่มก็สร้างกำลังใจให้ฮึดสู้กับปัญหา โชคดีจริงๆที่เขามีปัญญวัฒน์อยู่ข้างๆ


*******
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ




ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ใครจะเปิดใจก่อนกันนะ

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 12

“เพิ่งรู้ว่ามึงรับจ๊อบเป็นพี่เลี้ยงเด็ก” นาวินเอ่ยทักปัญญวัฒน์ขณะที่เข้ามาในบ้านของชายหนุ่ม

“พี่ภาคเขาติดงานเลยมาฝากไว้” ปัญญวัฒน์บอกขณะมองดูหลานสาวเล่นน้ำกับน้องเรนอย่างสนุกสนาน

“น่าเชื่อตาย คนอะไรจะติดงานทุกอาทิตย์” นาวินบ่นออกมา เขาโดนพ่อส่งไปคุมงานที่ต่างจังหวัดเป็นเดือนกว่ากลับมาถึงรู้ข่าวว่า ตลอดเวลาที่เขาไม่อยู่เด็กชายเรนกลายเป็นแขกประจำบ้านศิวะรันธร และเป็นขวัญใจของคนแถวนี้

ตั้งแต่กลับมาจากทะเลภาสวรพาเด็กชายมาเล่นบ้านของเขาทุกวันหยุด ถ้าวันไหนภาสวรติดงานเลี้ยงเด็กชายก็ค้างคืนที่บ้านของปัญญวัฒน์ ดูเหมือนว่าเด็กหญิงอิงฟ้าจะชอบใจที่มีเพื่อนเล่น แถมบรรดาคุณยายก็ดีใจที่มีหลานเพิ่มชักชวนให้ไปหาไปเล่นที่บ้านอยู่เสมอ

“ตอนนี้ปิดเทอมน้องฟ้าจะได้มีเพื่อนเล่นด้วย”

พวกเด็กๆปิดเทอมได้อาทิตย์กว่าๆ เด็กสองคนตัวแทบติดกัน ถ้าวันไหนเด็กชายไม่มาที่บ้านเด็กหญิงอิงฟ้าจะดูหงอยๆเฝ้าถามหาอยู่ทุกวัน จนพลอยลดาและปาลิดารับอาสากับภาสวรว่าจะดูแลเด็กชายเองตอนที่ภาสวรไปทำงาน ซึ่งชายหนุ่มเองก็ยินดี มาส่งลูกชายตอนเช้าพร้อมรับปัญญวัฒน์ไปทำงานด้วยกัน ตอนเย็นก็มาส่งพร้อมรับลูกชายกลับบ้าน

“ข้ออ้าง” นาวินแบะปากส่ายหัวราวกับไม่เชื่อที่เพื่อนบอก

“...”

“กูว่าคุณภาคกำลังเอาลูกมาอ้างมากกว่า” นาวินพูดต่อเมื่อเห็นเพื่อนเงียบไป ภาสวรทำตัวน่าสงสัย และเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าภาสวรจะรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่

“กูว่าไม่ใช่ พี่ภาคคงอยากให้น้องเรนมีเพื่อนเล่น ครั้นจะพาไปที่ทำงานด้วยน้องเรนเองก็เบื่อ คุณภาคก็คงไม่เป็นอันทำงาน” รวมทั้งตัวเขาด้วย ปัญญวัฒน์บอกออกไปเพราะส่วนใหญ่เด็กชายจะมานั่งในห้องทำงานของเขา ชายหนุ่มไม่ได้เล่าเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของภาสวร ให้เข้าใจแบบนี้คงจะดีกว่า

ภาสวรไม่อยากปล่อยเด็กชายเอาไว้คนเดียวที่บ้านถึงแม้จะมีพี่เลี้ยงก็ตาม ชายหนุ่มกลัวว่าพราวรุ้งจะมาหาน้องเรนตอนที่เขาไม่อยู่ กลัวว่าจะมาพูดอะไรไม่ดีให้ลูกของเขาฟังอีก พราวรุ้งเป็นน้องสาวของปลายฝน แม่ของน้องเรน บางทีจะตามคุณยายน้องเรนมาเยี่ยมหลานชาย

“เอ่อ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ว่าแต่คืนนี้มึงว่างป่ะ ไปงานกับกูหน่อย” นาวินขี้เกียจเถียงกับเพื่อน เขาเอ่ยถามเรื่องที่มาหาในวันนี้

“คืนนี้พี่ภาคไปงานเลี้ยงน้องเรนค้างกับกูอ่ะ” ปัญญวัฒน์รู้สึกลำบากใจที่ต้องปฏิเสธเพื่อน

“ฝากพี่ปาก่อนได้ไหม ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยงานนี้กูไม่อยากไป แต่ต้องไปแทนพี่ทัพ” งานคืนนี้ความจริงแล้วทัพฟ้าต้องไปงาน แต่เพราะภรรยาใกล้คลอดเลยไม่อยากไปไหน นาวินเลยถูกบังคับให้ไปกับมารดาแทน

“ขอกูถามพี่ปาก่อนนะ” ปัญญวัฒน์แบ่งรับแบ่งสู้ เขาเข้าใจเพื่อนที่ไม่อยากไปงานเลี้ยงที่ไม่รู้จักใครในงาน


ในที่สุดปัญญวัฒน์มางานเลี้ยงจนได้ แต่ไม่ได้มากับนาวิน เพราะเปรมณัช พี่ชายของเขาได้รับเชิญมางานด้วย พลอยลดาไม่อยากมาเพราะกลัวว่าจะได้กลิ่นอะไรแปลกๆแล้วจะทำให้แพ้ท้องขึ้นมาอีกเลยอาสาดูแลเด็กๆกับปาลิดา

งานเลี้ยงวันเกิดมหาเศรษฐีพันล้านที่เป็นเจ้าของกิจการห้างสรรพสินค้าและโรงแรมชื่อดัง ทำให้บรรดาคู่ค้าและลูกค้ารวมถึงคนดังมาร่วมงานกันคับคั่ง บริษัทของเปรมณัชก็ดูแลวางระบบจัดการให้แก่โรงแรมที่จัดงานนี้เหมือนกัน

“มาช้าจัง” นาวินเอ่ยทักเพื่อนสนิทที่เพิ่งเดินเข้ามา

“รถติดอยู่หน้าโรงแรมนี่แหละ งานระดับบิ๊กขนาดนี้คนมาเยอะแค่ไหนมึงน่าจะรู้นะ แม่มึงอ่ะ” ปัญญวัฒน์อธิบายพร้อมทั้งถามถึงมารดาเพื่อนสนิท

“อยู่กับพวกคุณหญิงคุณนายตรงโน้น กูขี้เกียจเข้าไปด้วย บอกว่ามายืนรอมึงตรงนี้” นาวินเองก็รู้ดีว่าปัญญวัฒน์เองก็โดนพี่ชายทิ้งเหมือนกัน พอเข้างานมาเปรมณัชก็โดนผู้บริหารโรงแรมลากตัวไปทันที

“วินมานี่กับแม่หน่อย” นาตยาเดินเข้ามาหาลูกชาย

“สวัสดีครับแม่” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้แม่เพื่อนสนิท

“สวัสดีจ้าปัน วันนี้แต่งตัวหล่อเชียว” นาตยาเอ่ยชม วันนี้ชายหนุ่มสวมสูทสีควันบุหรี่ผมที่ถูกเซตให้เป็นทรงทำให้ดูดีแปลกตาไปกว่าทุกวัน

“วินกับปันตามแม่ไปทักทายเพื่อนก่อน” ทั้งคู่ยังไม่ทักท้วงอะไรก็โดนนาตยาควงแขนเข้าไปหาลูกสาวคนโตของเจ้าของงานในคืนนี้เสียแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณหญิง นี่นาวินลูกชายคนเล็กค่ะส่วนนี่ปัญญวัฒน์หลานชายของดิฉัน” ชายหนุ่มทั้งคู่ยกมือไหว้คุณหญิงมณีกัลยาโดยอัตโนมัติ

“เมื่อกี้ตอนเอาของขวัญมาให้ไม่ทันสังเกตดีๆ ลูกชายและหลานชายคุณหญิงหล่อดูดีไม่แพ้พี่ชายเขาเลยนะ” คุณหญิงมณีกัลยาเอ่ยชม เสียดายที่ลูกชายลูกสาวของเธอไม่รู้เดินไปทางไหนแล้วอายุคงรุ่นราวคราวเดียวกัน จะได้แนะนำให้สองหนุ่มนี่รู้จักกันไว้
 
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง ตอนนี้ตาวินถูกพ่อส่งไปคุมงานก่อสร้างที่ต่างจังหวัดค่ะ เพิ่งได้กลับมาเลยพามาออกงานเสียหน่อย”

“ดีแล้วค่ะ พามาเปิดหูเปิดตาบ่อยๆจะได้มีคนรู้จักบ้าง”

นาวินที่เห็นแม่ของตัวเองเริ่มคุยติดพันกับคุณหญิงก็ขอตัวออกมาก่อนพร้อมทั้งดึงปัญญวัฒน์ออกมาด้วย ทั้งคู่เดินเลี่ยงออกมาที่ซุ้มอาหารที่อยู่ด้านข้าง อาหารคาวหวานจัดเป็นชิ้นเล็กๆดูหรูหราสมกับโรงแรมหรูชื่อดังมีให้เลือกหลากหลายให้ลิ้มลอง ทั้งคู่เลือกชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อย ปัญญวัฒน์หยิบเฉพาะขนมที่จัดวางน่าทานจนเลือกไม่ถูก ก่อนจะมาจับจองที่นั่งที่อยู่ไม่ไกลจากซุ้มขนม

“ปัน” เสียงทักทำให้สองหนุ่มเงยหน้าจากจานอาหารตรงหน้า

“สวัสดีครับคุณภาค” เป็นนาวินที่เอ่ยทักพร้อมยกมือไหว้ชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่ในขณะที่เพื่อนของเขายังตกใจที่มาเจอภาสวรที่งานนี้ด้วย

“สวัสดีครับวิน ปันไม่เห็นบอกเลยว่าจะมางานนี้ด้วย” ภาสวรเอ่ยทักนาวินก่อนหันมาถามปัญญวัฒน์ นี่ถ้าเขาไม่เจอเปรมณัชก็คงไม่รู้ว่าชายหนุ่มมาร่วมงานด้วย

“ผมโดนพี่เปรมกับวินลากมาน่ะครับ” ปัญญวัฒน์ตอบเสียงอ่อยๆเพราะกลัวว่าภาสวรจะต่อว่าที่เขารับปากว่าจะดูแลน้องเรนกลับทิ้งให้อยู่กับปาลิดาแทน

“ถ้ารู้ก่อนจะได้มาพร้อมกัน” คำพูดของภาสวรดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่นาวินกลับรู้สึกว่ามันแปลกๆ ท่าทีที่เปลี่ยนไปของภาสวรที่มีต่อเพื่อนของเขา รวมถึงสายตาที่มองก็แปลกไป ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้ไหม แต่ปัญญวัฒน์เพื่อนของเขาท่าทางจะไม่รู้แน่ๆ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเจ้าตัวไม่เคยรู้เลยว่าใครคิดอะไรกับตัวเอง มีเขาและเพื่อนๆช่วยกันไม่ให้มาใกล้ตลอด

“ทำไมจานปันมีแต่ขนมหวาน” ภาสวรเอ่ยถามเมื่อเห็นจานตรงหน้าปัญญวัฒน์ที่แตกต่างกับนาวินโดยสิ้นเชิง

“ผมทานข้าวก่อนมาแล้ว มานี่เลยเน้นของหวาน ทาร์ตผลไม้นี่อร่อยนะครับ” ปัญญวัฒน์ตอบ ก่อนออกมางานเลี้ยงเขาทานข้าวกับเด็กๆและพี่ๆเรียบร้อยแล้ว เพราะรู้ว่ามางานอย่างนี้ไม่ค่อยได้ทานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

“งั้นเหรอไหนขอชิมหน่อย” พูดจบภาสวรก็ดึงมือของปัญญวัฒน์ที่ถือส้อมจิ้มทาร์ตเข้าปาก

นาวินแทบสำลักหูฉลามน้ำแดง ส่วนปัญญวัฒน์นั้นใจเต้นรัวแก้มร้อนผ่าวกับการกระทำของภาสวร เมื่อมองไปรอบๆเห็นว่าไม่มีใครมองอยู่ก็โล่งใจ เพราะคนส่วนใหญ่สนใจการแสดงบนเวทีมากกว่า

“อืม อร่อย”

“อยู่ที่ซุ้มนั้นครับ พี่ภาคจะเอาไหมเดี๋ยวผมไปหยิบให้” ปัญญวัฒน์บอกก่อนลุกออกมา ขืนยังนั่งอยู่ต่อเขาคงทำอะไรไม่ถูก

“เอาอันนี้ด้วย” เสียงที่ดังอยู่ข้างหูทำเอาปัญญวัฒน์ตกใจแทบทำจานหลุดมือดีที่ภาสวรคว้าไว้ทัน เขาหยิบขนมไทยที่จัดเป็นชิ้นพอดีคำใส่จานเพิ่มมาด้วย

“ปันฝากหยิบเครื่องดื่มให้พี่ด้วย” ภาสวรบอกขณะที่เดินผ่านเพราะสองมือของเขานั้นเต็มไปด้วยจานอาหารและของหวาน

“ครับ” ปัญญวัฒน์รับคำก่อนบอกพนักงานให้นำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟที่โต๊ะ ส่วนตัวเขาเองขอไปเข้าห้องน้ำเพื่อควบคุมหัวใจตัวเองที่เต้นแรงจนน่ากลัว

หลังจากที่ใจสงบลงเป็นปกติปัญญวัฒน์จึงกลับมาที่โต๊ะก็พบว่านอกจากนาวินกับภาสวรแล้วยังมีพสุธาและไอรามาร่วมโต๊ะด้วย

“สวัสดีครับคุณดิน พี่ลม” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ทักทายทั้งคู่

“ไม่คิดว่าจะมาด้วยคิดว่าวินมาคนเดียวเสียอีก” ไอรายิ้มให้ปัญญวัฒน์

“ผมมากับพี่ชายครับ”

“ผมก็มากับคุณนาย” นาวินรีบบอกขึ้นก่อนที่ปัญญวัฒน์จะพูดจบ

“เดี๋ยวนะ ยังไงกันนี่ลมรู้จักทั้งคู่แล้วเหรอ” พสุธาเอ่ยถามน้องชาย เขาเดินมาที่โต๊ะก่อนไอรา ภาสวรแนะนำให้รู้จักนาวินในฐานะเพื่อนของปัญญวัฒน์ พอไอราเดินเข้ามานั่งด้วยยังไม่ทันแนะนำอะไรปัญญวัฒน์ก็เดินเข้ามาพอดี แล้วทั้งสามคนไปรู้จักกันได้อย่างไรกัน

“นารา แฝดไอ้วินเป็นน้องรหัสผม ส่วนนาวินนี่น้องที่คณะ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆของไอ้วินกับนาก็เจอกันบ่อยตอนที่เรียน ก็จะมีปัน ภัทร และรัน ที่เป็นหมอใช่ไหม” ไอราอธิบายให้พี่ชายฟัง พร้อมทั้งหันมาถามราวกับไม่แน่ใจว่าเขาจำเด็กกลุ่มนี้ผิดหรือเปล่า

“ใช่ครับพี่ ตอนนี้ไอ้รันคงกำลังเข้าเวรอย่างสนุกสนานล่ะมั้ง ภัทรไปเรียนออกแบบเพิ่มที่ฝรั่งเศส อีกไม่ถึงสองเดือนก็กลับมาแล้ว ส่วนนาไปเรียนต่อโทที่อเมริกาโน่นเป็นปีกว่าจะกลับ” นาวินบอกให้ไอราและคนอื่นๆรู้ว่าตอนนี้เพื่อนๆเขาอยู่ที่ไหนกำลังทำอะไรกันบ้าง

“ฝาแฝด ชื่อเหมือนผู้หญิง” พสุธาเอ่ยขึ้น

“ก็ผู้หญิงไงครับ นาราน้องรหัสผมเป็นผู้หญิง” ไอราบอกพี่ชายที่กำลังงง

“ใช่ครับ ฝาแฝดของผมเป็นผู้หญิง” นาวินสำทับขึ้น ไม่แปลกสำหรับคนไม่รู้พอบอกว่ามีฝาแฝดคนส่วนใหญ่จะคิดว่าเพศเดียวกันทันที เขากับนาราเป็นแฝดต่างไข่เกิดจากการทำกิ๊ฟท์ พ่อกับแม่อยากมีลูกอีกคนแต่ด้วยอายุมากแล้วจึงต้องพึ่งวิธีการทางวิทยาศาสตร์

“กลุ่มของปันมีทั้งหมดห้าคนเหรอ” ภาสวรหันมาถามชายหนุ่มอย่างสงสัย เพราะเขาเคยเจอปัญญวัฒน์อยู่กับนาวินและศรัณ ไม่คิดว่าจะมีนอกเหนือจากนี้อีก

“ครับ เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กก็มีอยู่ห้าคนรวมผมด้วย”

“อาจเป็นเพราะบ้านพวกเราอยู่ใกล้กันเลยคบกันได้นานมั้งครับ” นาวินเสริมขึ้น

“วินปัน แม่เดินตามหาตั้งนาน ไปลาเจ้าภาพจะได้กลับกัน” นาตยาที่ตามหาสองหนุ่มไปทั่วงาน เมื่อเจอลูกชายจึงรีบเข้ามาหา

“แน่ใจนะคุณนายว่าตามหาพวกผม วินเห็นแม่แวะแทบทุกโต๊ะ” นาวินเอ่ยแซวมารดา

“ตาวินอยู่เงียบๆแบบปันจะน่ารักกว่านี้นะ” นาตยาโอบกอดปัญญวัฒน์ไว้

“เดี๋ยวครับคุณนาย ผมเริ่มสงสัยแล้วนะว่าไอ้ปันนี่ลูกคุณนายส่วนผมนี่ลูกคนข้างบ้านใช่ไหม” นาวินอดที่จะแหย่แม่ไม่ได้ เพราะในบรรดาเพื่อนของเขาแม่เอ็นดูปัญญวัฒน์เป็นที่สุด

“เอ๊ะตาวิน อย่าเอาความจริงมาพูดซิ ถ้าแกกับปันเกิดวันเดียวกันฉันคงคิดว่าพยาบาลหยิบสลับกัน หยุดพูดมากได้แล้วนะ รีบลุกตามฉันมาเลยก่อนที่ฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก” นาตยาขึ้นเสียงกับลูกชาย ปัญญวัฒน์อดที่จะอมยิ้มกับท่าทางของสองแม่ลูกไม่ได้ แม่ลูกคู่นี้ชอบแหย่กันแรงๆจนเขาเองชินแล้ว แต่ในขณะที่คนอื่นๆหันซ้ายหันขวามองหน้ากันเลิกลัก

“สวัสดีครับคุณอา” ภาสวรยกมือไหว้มารดาของนาวินทันทีที่มีโอกาส ทำให้พสุธากับไอรารีบยกมือไหว้ตาม

“อ้าวคุณภาค สวัสดีค่ะ เอ๊ะนี่ตาดินกับตาลมใช่ไหมลูก” นาตยารับไหว้ชายหนุ่มก่อนมองผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นๆของลูกชาย พอเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาอดที่จะทักทายด้วยความเอ็นดูไม่ได้

“ครับคุณน้า” พสุธายิ้มให้เพื่อนของมารดาแถมครอบครัวของเธอยังถือหุ้นในโรงแรมที่ชลบุรีอีกด้วย

“รู้จักลูกชายตัวดีของน้าแล้วนะคะ”

“ครับคุณน้า” พสุธาเอ่ยรับขึ้น ส่วนไอราเองได้แต่พยักหน้าพร้อมพึมพำรับคำเบาๆ

“เดี๋ยวน้าขอตัวก่อนนะคะ จะพาสองหนุ่มนี่ไปลาเจ้าสัวกับคุณหญิง” พสุธากับไอราแทบยกมือไหว้ลาไม่ทัน ตอนที่แม่ของนาวินบอกพร้อมฉุดลูกชายเดินออกไปโดยมีปัญญวัฒน์และภาสวรเดินตามไป

หลังจากลาเจ้าภาพแล้ว ทางนาตยาชวนปัญญวัฒน์กลับด้วยกัน แต่ชายหนุ่มขอโทรหาเปรมณัชเสียก่อน หลังจากที่คุยกันแล้วพบว่าเปรมณัชยังคุยติดพันกับลูกค้าอยู่ ปัญญวัฒน์จึงขอกลับกับนาวิน เปรมณัชซักถามอีกนิดหน่อยก่อนวางสายไป

“เดี๋ยวผมไปส่งปันเองครับ พอดีน้องเรนอยู่ที่บ้านปัน” ภาสวรบอกนาตยาเมื่อเดินออกจากงานเลี้ยง

“ได้ซิ ขับรถดีๆนะ แม่ไปก่อนนะปัน” นาตยาอนุญาต พร้อมหันมาลาปัญญวัฒน์

“สวัสดีครับแม่ ขับรถดีๆนะวิน” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ลาพร้อมกับภาสวร ก่อนหันไปบอกนาวิน

“ไปแล้วคุณภาค สวัสดีครับ” นาวินบอกลาภาสวรก่อนเดินตามมารดาไปยังรถที่จอดอยู่

“ปันเราก็กลับบ้านกันเถอะ” ภาสวรหันมาบอกชายหนุ่มก่อนพาเดินไปที่รถ




***************************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามกันนะคะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
เนียนนะเนี่ยพี่ภาค  o13

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
เริ่มใกล้เข้ามา ทำโดยไม่รู้ตัวหรือรู้นะ

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เหมือนพี่ภาคจะเริ่มหยอดหนูปัน

ออฟไลน์ New_atcha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 13   

“หิวจัง มีอะไรกินบ้าง” ศรัณนั่งลงข้างปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้น

“เพิ่งลงเวรมาเหรอ” ปัญญวัฒน์มองสภาพเพื่อนก่อนเอ่ยถาม เจ้าตัวได้แต่พยักหน้าตอบ

“อ้าวรัน มาทำไม” ศรุตที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมปาลิดาทักขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าน้องชาย

“เข้าบ้านไปไม่มีใครอยู่สักคน แถมไม่มีอะไรกินอีก เลยมาหาข้าวเช้ากินที่นี่ พี่ปามีอะไรให้ผมกินบ้างไหม” ศรัณหันไปอ้อนพี่สาวเพื่อน ทำให้ศรุตอดที่จะหมันไส้ไม่ได้ ที่บ้านแม่บ้าน เมดอยู่กันเต็มบ้านบอกมาได้ไม่มีใครอยู่สักคน

“ข้าวเช้า อีกไม่ถึงสองชั่วโมงเที่ยงนี่นะ”

“แหมพี่ชายทำเป็นไม่เคยเลยนะ” ศรัณไม่ยอมให้พี่ชายแขวะฝ่ายเดียว

“แก้ว จัดอาหารเช้าให้คุณรันหน่อย” ปาลิดาบอกแก้วที่ยกน้ำส้มออกมาให้เด็กสองคนที่นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“คุณรันอยากทานอะไรคะ ข้าวต้มกุ้งหรือว่าเบรคฟัส” แก้วหันมาถามศรัณ เพื่อจะได้ไปจัดเตรียม

“ข้าวต้มแล้วกันครับ ขอบคุณครับพี่แก้ว พี่ปาด้วยเหมือนนางฟ้ามาโปรด ไม่เหมือนคนบางคน” ศรัณยิ้มประจบสองสาว ก่อนหันมามองพี่ชายตัวเอง

“มากไปแล้ว หิวก็เดินตามแก้วไปซิ” ศรุตผลักหัวน้องชายเบาๆอย่างหมันไส้ก่อนไล่ให้เจ้าตัวไปรอที่โต๊ะอาหาร


บรรยากาศยามเช้าครึกครื้นมากขึ้นเมื่อมีเด็กชายเรนมาร่วมวง เสียงหัวเราะของเด็กทั้งสองคนเรียกรอยยิ้มให้คนในบ้านศิวะรันธร แม้แต่ศรุตที่ตอนแรกตั้งใจพาว่าที่เจ้าสาวออกไปลองชุดแต่งงานและเอาการ์ดที่ทางร้านแจ้งว่าเสร็จแล้วเรียบร้อย พอมาเจอเด็กๆชายหนุ่มกลับนั่งเล่นนั่งดูการ์ตูนด้วยจนปาลิดาสะกิดแล้วสะกิดอีกเพราะกลัวว่าจะทำธุระเสร็จช้าจนศรุตจะกลับไปไม่ทันเข้าเวรเย็นนี้

“สวัสดีครับทุกคน” ภาสวรเอ่ยทักทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

“สวัสดีค่ะคุณภาค เชิญนั่งก่อนค่ะ เด็กๆคะดูซิใครมาเอ่ย” ปาลิดายกมือไหว้ภาสวรพร้อมเชิญให้นั่ง ก่อนหันไปเรียกเด็กๆที่จดจ่อกับทีวีจนไม่สนใจใคร

“สวัสดีค่ะอาภาค / สวัสดีคับพ่อ” ทั้งคู่หันมายกมือไหว้ทักทายก่อนจะหันไปดูการ์ตูนต่อ

“มารับน้องเรนเหรอ” ศรุตเอ่ยถามชายหนุ่ม ด้วยความที่เจอกันแทบทุกอาทิตย์เลยคุ้นเคยกันอยู่บ้าง

“ครับพอดีปันบอกว่าจะพาเด็กๆไปทานไอศกรีมผมเลยจะไปด้วย” ภาสวรบอกศรุต ก่อนหันไปมองปัญญวัฒน์ที่นั่งอยู่ไม่ไกล

“คุณภาคสวัสดีครับ โอ๊ยอิ่มจัง” ศรัณยกมือไหว้ภาสวร ก่อนจะเดินไปนั่งเบียดบนโซฟาเดียวกับปัญญวัฒน์

“พี่รุตคะเรารีบไปกันเถอะค่ะ” ปาลิดาดูเวลาแล้วหันไปบอกว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่ออกไปใกล้เที่ยงรถอาจจะติดก็ได้

“พวกผมขอตัวก่อนนะ แล้วเจอกัน” ศรุตพยักหน้าให้ปาลิดาเล็กน้อยก่อนหันไปบอกภาสวร

“เด็กๆครับ อารุตกับอาปันจะไปแล้วนะครับ” ปัญญวัฒน์เอื้อมไปสะกิดเด็กทั้งสองคน

“สวัสดีคับ/ค่ะ” เด็กทั้งคู่ยกมือไหว้ลาคุณอาทั้งสอง

“รัน เดี๋ยวเราจะพาเด็กๆไปทานไอศกรีม ไปด้วยกันไหม” ปัญญวัฒน์บอกพร้อมเอ่ยชวนเพื่อนสนิท เมื่อวานก่อนที่จะออกไปงานเลี้ยงกับเปรมณัชเขาสัญญากับพวกเด็กว่าจะพาไปกินไอศกรีมในวันรุ่งขึ้น

“ไม่อ่ะ ง่วงอยากนอนแล้ว” พูดจบศรัณก็เอนตัวลงไปหนุนตักปัญญวัฒน์ทันที

“ง่วงก็กลับบ้านไปนอนดีๆ หรือจะขึ้นไปนอนข้างบน” ปัญญวัฒน์ก้มตัวมองเพื่อนที่นอนตะแครงโดยใช้ตักเขาต่างหมอนหนุนแถมยังคว้าหมอนอิงมากอดเสียอีก

“นอนตรงนี้ก็ได้”

“ไม่ได้ลุกก่อน เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอก” ปัญญวัฒน์เขย่าตัวศรัณเบาๆ

“เด็กๆครับไปเตรียมตัวได้แล้ว ปันไปกันเถอะ” ภาสวรพูดกับเด็กๆ ก่อนเดินเข้ามาหาปัญญวัฒน์พร้อมคว้ามือดึงให้ลุกขึ้นยืน

“โห พ่อการ์ตูนยังไม่จบ อีกนิดเดียวเอง” เด็กชายเรนหันมาบอก แต่เมื่อสบตาคมดุของบิดาจึงลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจพร้อมสะกิดเพื่อนเล่นให้ลุกมาด้วย

“คุณภาคจะรีบไปไหนกันครับ ห้างอยู่แค่นี้เอง การ์ตูนยังไม่จบเลยอีกนิดก็จะจบแผ่นแล้วใช่ไหมเด็กๆ” ศรัณลุกขึ้นมานั่งตอนที่ภาสวรฉุดปัญญวัฒน์ให้ยืนขึ้นพร้อมบ่นออกมา

“ผมว่าคุณไปนอนพักให้สบายไม่ดีกว่าเหรอเพิ่งลงเวรมาน่าจะพักผ่อนดีๆ” ภาสวรพูดกับศรัณที่เงยหน้ามองเขาก่อนดันให้ปัญญวัฒน์เดินออกไปจากห้องนั่งเล่น

“หึ ปันเรากลับบ้านก่อนนะไว้จะมาขอข้าวกินใหม่ คุณภาคผมไปก่อนนะครับ เด็กๆอาไปก่อนนะครับ บ๊าย บาย” ศรัณลุกตามคนอื่นๆออกมา ก่อนบอกลาทุกคน

“บ๊าย บายค่ะอารัน” เด็กหญิงอิงฟ้าโบกมือลาศรัณเมื่อเห็นเพื่อนทำเด็กชายเรนก็ทำตามบ้าง

“บ๊าย บายคับ”

“ปันอยากทานอะไรครับ เดี๋ยวเราทานข้าวกลางวันก่อนค่อยไปทานไอศกรีมกันนะ” ภาสวรเอ่ยถามพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงให้ขึ้นไปนั่งคาร์ซิสที่พี่เลี้ยงเด็กยกมาใส่ให้ที่รถตอนที่เขาบอกว่าจะพาเด็กๆออกไปข้างนอก จากนั้นก็อุ้มลูกชายขึ้นไปนั่งคาร์ซิสของตัวเอง

“ว่าไงครับปันอยากทานอะไร” ภาสวรถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ตอบคำถามของเขา

“เด็กๆอยากทานอะไรครับ” ปัญญวัฒน์ไม่ตอบภาสวรกลับถามเด็กทั้งสองแทน

“ไก่ทอดคับ /หมูทอดค่ะ” ทั้งคู่เลือกไม่เหมือนกันจนผู้ใหญ่ทั้งสองคนในรถหันมามองหน้ากันเอง

“อาหารญี่ปุ่นไหมครับ มีทั้งไก่ทอดและหมูทอดด้วยแถมที่ร้านยังมีไอศกรีมให้เลือกอีก” ภาสวรหันมาถามความเห็นทุกคน

“ดีคับ/ดีค่ะ”

“ตกลงว่าเป็นอาหารญี่ปุ่น งั้นไปกันเลยครับพี่ภาค” ปัญญวัฒน์หันมายิ้มให้ภาสวร

“รับทราบ” ภาสวรเอ่ยขึ้นก่อนที่จะขับรถออกจากบ้านปัญญวัฒน์ไปที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลนัก

ปัญญวัฒน์รู้สึกโล่งใจที่ภาสวรกลับมายิ้มแย้มอารมณ์ดีเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งแตกต่างจากเมื่อกี้ที่ทำหน้าบึ้งตึงจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แม้แต่เด็กๆเองก็ดูสงบเสงี่ยมผิดไปจากเดิมเพราะคงจะกลัวว่าจะถูกดุ จนเขาอยากจะบอกภาสวรว่าจะพาเด็กๆไปกันเองจะดีกว่าเผื่อว่าชายหนุ่มจะมีธุระด่วนอะไรต้องไปจัดการ แต่ติดว่าบอกเขาไว้ ทั้งๆที่เมื่อคืนตอนที่มาส่งเขาที่บ้านยังพูดคุยกันดี พอรู้ว่าเขาสัญญากับพวกเด็กๆไว้ก็จะมาด้วยแท้ๆ

“ปัน หิวแล้วเหรอ” ภาสวรเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งเงียบจนถึงห้าง

“นิดหน่อยครับ เด็กๆหิวหรือยัง” ปัญญวัฒน์หันมาถามเด็กทั้งสองที่ลงจากรถมายืนอยู่ข้างๆ

“เรนหิวแล้ว” เด็กชายเงยหน้าบอกคุณอาคนโปรด

“ฟ้าก็หิวแล้ว” เด็กหญิงเองก็ไม่น้อยหน้า

“งั้นไปกันเลย น้องเรนมาพ่อ” ภาสวรบอกก่อนจับมือลูกชายไว้แทนปัญญวัฒน์ ให้ชายหนุ่มจูงเด็กหญิงแค่คนเดียว

“น้องฟ้ามาเดี๋ยวอาช่วย ระวังนะครับยังร้อนอยู่” ปัญญวัฒน์ช่วยหั่นหมูทอดราดซอสมิโสะเป็นชิ้นเล็กๆให้หลานสาวพร้อมแบ่งข้าวจากถ้วยออกมาครึ่งนึงเพราะรู้ว่าหลานทานไม่หมดแน่ๆ

“ขอบคุณค่ะอาปัน” เด็กหญิงยกมือไหว้คุณอาก่อนลงมือทานอาหารของตัวเอง

“ทำไมของเรนยังไม่ได้อ่ะ” เด็กชายเอ่ยถาม ของพ่อก็ได้คนแรกเลย ของอาปันกับอิงฟ้าก็ได้แล้ว ทำไมของเขาได้ช้าอยู่คนเดียว

“เดี๋ยวก็มาครับ รอแป๊บ นั่นไงพี่เขาเดินมาแล้ว” ภาสวรพูดยังไม่ทันขาดคำ ข้าวไก่ทอดคาราอะเกะของเด็กชายก็ถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกุ้งเทมปุระ

“กำลังร้อนอยู่ทานระวังนะครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยเตือนเด็กชายที่ใช้ส้อมจิ้มไก่เข้าปาก

“คับ” เด็กชายชะงักไปนิดนึงก่อนเป่าแล้วเล็มๆชิ้นไก่อย่างระมัดระวัง

“เด็กๆเอากุ้งไหมครับ” ปัญญวัฒน์หันมาถามหลานสาวและเด็กชายที่ก้มทานอาหารที่ตัวเองเลือกมาอยู่

“เอาคับ /เอาค่ะ” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน ปัญญวัฒน์จึงตักกุ้งไปให้ทั้งคู่

“อาปันคับเอาน้ำจิ้มอีก” เด็กชายชี้ไปยังน้ำจิ้มของเทมปุระ ภาสวรจึงตักราดให้ลูกชายแทนชายหนุ่ม

“ปันทานเถอะ เดี๋ยวพี่ดูแลเด็กๆให้” ภาสวรที่จัดการอาหารเรียบร้อยแล้วบอกชายหนุ่มให้ทานอาหาร เนื่องจากมัวดูแลเด็กๆเลยยังไม่ทานอะไรเลย

“อิ่มกันแล้วใช่ไหมเด็กๆ แล้วอย่างงี้จะกินไอศกรีมไหวเหรอครับ” ภาสวรมองดูจานอาหารของทั้งคู่ทานข้าวเหลือกันนิดหน่อย

“ทานไอศกรีมไหวคับ เรนทานไก่หมดแล้ว” เด็กชายเรนรีบพูดออกมากลัวว่าพ่อจะไม่พาไปทานไอศกรีม เพราะเขาทานข้าวเหลือก้นถ้วยนิดหน่อย

“ฟ้าทานไม่หมด อาปันขา” สาวน้อยส่งสายตาอ้อนวอนไปหาอาหนุ่มให้ช่วยทานหมูที่เหลืออยู่ เธอกลัวว่าจะไม่ได้ไปทานไอศกรีมเพราะทานเหลือ

“เดี๋ยวเราไปเดินเล่นกันก่อนค่อยมาทานไอศกรีมกันดีกว่าเนอะ” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้น พร้อมหันไปมองเด็กๆและภาสวรเหมือนจะถามว่าคนอื่นว่าไง จากนั้นก็หยิบหมูทอดของหลานมาทานต่อ

“ดีคับ เรนอยากไปเล่นบ้านบอล” เด็กชายยังติดใจเมื่ออาทิตย์ก่อนที่คุณครูกับอาปันพาเขาและฟ้ามาเล่นสนุกมากๆ

“อาปันว่าเราไปดูหนังสือก่อนแล้วค่อยไปเล่นบ้านบอลดีไหมครับ” ปัญญวัฒน์กลัวว่าเด็กๆที่เพิ่งทานอิ่มๆจะไปเล่นเลยจะจุกเอา เลยอยากพาไปเดินสักพักนึงก่อน

“ดีค่ะ” เป็นเด็กหญิงอิงฟ้าที่ตอบแทน เพราะเธออยากได้นิทานใหม่ๆเอามาให้คุณแม่อ่านให้ฟัง

“งั้นพี่เก็บเงินนะปัน” ภาสวรมองชายหนุ่มที่ทานเสร็จเรียบร้อยกำลังพูดคุยกับเด็กๆเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าตกลงกันได้แล้ว

“ครับ ท่าทางอยากไปกันแล้ว” ปัญญวัฒน์พยักหน้าให้ภาสวรนิดนึงก่อนหันมามองเด็กๆที่เริ่มไม่อยู่นิ่งอย่างเอ็นดู


---- a little cupid ----

“ปัน เป็นอะไรหรือเปล่า” ภาสวรเอ่ยถามเมื่ออยู่ตามลำพังสองคน

“เปล่าครับ” ปัญญวัฒน์หันมาสบตาชายหนุ่มครู่หนึ่งก่อนหันไปมองเด็กๆที่เล่นกันอย่างสนุกในบ้านบอลที่อยู่ไม่ไกล

“พี่ว่าไม่จริง ปันแปลกไปจากเดิม มีอะไรบอกพี่ได้ไหม” ภาสวรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม เพราะเขาสังเกตได้ว่าชายหนุ่มเงียบไปตั้งแต่ออกจากบ้านมาไม่คุยเล่น หรือยิ้มแย้มไม่เต็มที่เหมือนเดิม

“ผมไม่เป็นไรครับ” ปัญญวัฒน์หันมาตอบชายหนุ่มอีกครั้งก่อนมองหน้าภาสวรอย่างชั่งใจว่าควรพูดควรถามกลับไปหรือเปล่า

“แต่...” ภาสวรหยุดพูดเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่ม

ปัญญวัฒน์ถอนหายใจก่อนตัดสินใจพูดออกมา

“ผมควรถามพี่ภาคมากกว่าว่าพี่เป็นอะไร ตอนที่มาบ้านผมยังคุยกันดีๆ จู่ๆก็โมโหออกมา จนเด็กๆกลัวไปหมด”

“พี่เปล่า...” ภาสวรปฏิเสธไปอัตโนมัติ แต่เมื่อสบสายตาที่มองมาทำให้เขาพูดต่อไม่ถูก

“อ้าวงั้นที่พี่เร่งผมและเด็กๆให้ออกมาข้างนอกทั้งๆที่อีกนิดเดียวการ์ตูนก็จะจบแล้ว นี่ยังไม่นับรวมที่ทำหน้าน่ากลัวใส่ไอ้รันอีก” ปัญญวัฒน์ชี้ให้เห็นว่าชายหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างไร

“พี่ไม่อยากบอกผมก็ไม่เป็นไรครับ แต่ผมกลัวว่าเด็กๆจะสับสนปรับตัวไม่ทัน” ปัญญวัฒน์เข้าใจดีบางทีภาสวรคงจะมีปัญหาที่เล่าให้เขาฟังไม่ได้ เขาแค่อยากจะเตือนให้ระวัง ไม่อยากให้ชายหนุ่มพาลใส่เด็กๆที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย

“คือไม่ใช่อย่างที่ปันเข้าใจ ครับ ต่อไปพี่จะระวังมากกว่านี้” ภาสวรไม่รู้จะอธิบายให้ชายหนุ่มฟังว่าอย่างไรดี ว่าเขาเป็นอะไร แต่ก็รับคำว่าจะระวังในการแสดงอารมณ์ต่อหน้าเด็กมากกว่านี้ เขาไม่อยากให้ลูกสับสน หวาดระแวงไปอีก

ปัญญวัฒน์ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับภาสวรอีกเพราะเด็กๆได้ออกจากบ้านบอลเดินมาหาพวกเขาให้พาไปทานไอศกรีมตามสัญญาแล้ว


---- a little cupid ----


“การสันนิษฐานของมึงน่าจะจริงว่ะ” ศรัณเอ่ยขึ้น หลังจากได้นอนเต็มอิ่มแล้ว เขาจึงได้โทรหาเพื่อนสนิท ก่อนที่จะมาหาเพื่อคุยกัน

“มึงไปเจอมาแล้วเหรอวะ” นาวินถามขึ้น เขาเพิ่งเล่าให้เพื่อนฟังเมื่อคืนหลังจากที่กลับจากงานเลี้ยง ไม่คิดว่าเพื่อนจะไปเจอไวขนาดนี้

“อืม” ศรัณเล่าเรื่องที่เขาไปบ้านปัญญวัฒน์หลังจากลงเวรแล้วให้นาวินฟัง

“กูว่าพี่ภาคน่าจะชอบไอ้ปัน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวไหม” นาวินพูดในสิ่งที่เขาคิด

“กูว่าน่าจะรู้นะ มองยังกับจะกินหัวกูเข้าไปอยู่แล้ว กูเป็นเพื่อนสนิทมันนะโว้ย รู้จักกันมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้” ศรัณอดที่จะขนลุกไม่ได้ ที่ภาสวรหึงเขากับปัญญวัฒน์

“นั่นสิ” นาวินคล้อยตาม “เออ มึงว่าเราควรบอกเฮียไหม” นาวินทำหน้าหนักใจหันมาขอความเห็น

“กูก็ไม่รู้ว่าควรบอกดีไหม” ศรัณพึมพำออกมาเบาๆ เขาเองก็รู้สึกหนักใจไม่ต่างกัน


***************

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามกันค่ะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
บอกเลย บอกเฮียเลย

จะได้ช่วยกันจับตาดู

คนไม่รู้ใจตัวเอง

น้องฟ้าน้องเรนน่ารัก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ค่อยๆรู้ตัว

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นเพราะเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 14

“หวัดดี ลมอะไรหอบมาถึงนี่วะ” พสุธาเอ่ยทักเพื่อนสนิทที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา

“มีนัดลูกค้าแถวนี้เลยแวะมาหา” ภาสวรบอกขณะที่เข้ามานั่งที่เก้าอี้ตัวใหญ่หน้าโต๊ะทำงาน

“เป็นอะไร สีหน้าไม่ดีเลย” พสุธาถามขึ้นหลังจากโทรไปสั่งกาแฟและขนมของว่างมารับแขก

“กูไม่รู้จะพูดยังไง เฮ้อ.” ภาสวรถอนหายใจออกมา ก่อนเงียบไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู แม่บ้านนำกาแฟและขนมมาเสิร์ฟให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

“เรื่องปันหรือเปล่า” พสุธาลองเดาดู ช่วงนี้เรื่องที่ทำให้ภาสวรลำบากใจคงมีไม่กี่เรื่อง

“อืม กูคิดว่ากูชอบปัน” ภาสวรตัดสินใจพูดออกมา หลังจากที่ปัญญวัฒน์ถามว่าเขาเป็นอะไร เขาก็กลับมาทบทวนถามตัวเองจนได้ข้อสรุปว่า ตัวเองชอบปัญญวัฒน์อยากอยู่ใกล้ชายหนุ่ม และไม่อยากให้ใครใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวปัญญวัฒน์นอกจากตัวเขาเอง

“แล้ว” พสุธาไม่แปลกใจเลยที่ภาสวรคิดแบบนี้เพราะการกระทำของชายหนุ่มที่ผ่านมาเดาได้ไม่ยาก

“ที่ผ่านมากูไม่เคยชอบผู้ชาย คือไม่เคยมองแบบนั้นเลยก็ว่าได้” ภาสวรพูดออกมาอย่างอึดอัดใจ เขาไม่เหมือนพสุธาที่คบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงถ้าถูกใจ

 “กูเคยอ่านเจอข้อความหนึ่ง ‘ความรักเป็นสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเกิดกับใครหรือเพศไหน มันก็สวยงาม’ มึงคิดแค่ว่าใครที่ทำให้มึงมีความสุข คนที่ทำให้มึงยิ้มและอยากอยู่ใกล้ เพศไหนก็ไม่สำคัญหรอกนะ”

“...”

“มึงมีความสุขไหมที่อยู่กับปัน มึงยิ้มได้กว้างแค่ไหนตอนที่อยู่กับเขา ลองคิดดูนะถ้าปันใกล้ชิดกับคนอื่นที่ไม่ใช่มึง มึงรู้สึกอย่างไร แล้วถ้ามีผู้ชายคนอื่นมาจีบปันมึงโอเคไหมยอมได้ไหม” พสุธาอยากให้ภาสวรคิดทบทวนเรื่องต่างๆที่ผ่านมา ก่อนที่จะตัดสินใจ เรื่องแบบนี้แค่เปิดใจยอมรับแค่นั้นเอง

“ไม่ได้” ภาสวรหลุดปากออกมา ก่อนนิ่งคิดตามที่พสุธาพูดทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะ เพราะรู้ว่ารู้สึกยังไง ถึงได้มานั่งอยู่ที่นี่ มันไม่โอเค

“คุณดินคะ ลูกพีชมารับไปทานข้าวค่ะ” ภาสวรหันหลังไปมองเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู

“ขอโทษนะคะคุณดิน” ผู้ช่วยเลขาของพสุธาวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ เธอพยายามรั้งนิชาดาให้รอเพื่อโทรมารายงานเจ้านายก่อน แต่หญิงสาวกลับเดินเปิดประตูเข้ามาทันที

“ไม่เป็นไรคุณนี” พสุธาโบกมือให้ผู้ช่วยเลขาออกไป วันนี้เลขาของเขาไปจัดการงานที่ข้างนอก ผู้ช่วยเลขาชั่วโมงบินยังไม่สูงมากเลยไม่อาจรับมือได้

“สวัสดีครับคุณลูกพีช” ภาสวรเอ่ยทักนิชาดา กลับไปนี่เขาต้องหาขนมไปฝากเลขาเสียหน่อย เพื่อขอบคุณที่เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย

“สวัสดีค่ะคุณภาค ลูกพีชคิดว่าคุณดินอยู่คนเดียว” นิชาดาหน้าเสีย เธอไม่คิดว่าที่แม่เลขาพูดจะเป็นจริง คิดว่าเป็นข้ออ้างไม่อยากให้เธอเข้ามาเสียอีก ใครจะคิดว่าพสุธามีแขกอยู่จริงๆ แถมคนๆนั้นยังเป็นภาสวรอีกด้วย

“ลูกพีชน่าจะโทรหาผมก่อน” พสุธาเอ่ยขึ้นเมื่อหญิงสาวเดินมายืนข้างๆเก้าอี้ของเขา

“ลูกพีชแค่อยากเซอร์ไพรส์คุณดิน” ท่าทางหงอยๆของนิชาดา ทำเอาพสุธาหันมามองภาสวรก่อนตัดสินใจ

“กลางวันนี้ผมมีนัดกับนายภาคแล้ว ลูกพีชจะไปด้วยก็ได้นะ ห้องอาหารข้างล่างนี่เอง”

“งั้นไม่เป็นไรค่ะ พอดีลูกพีชจะชวนคุณไปทานอาหารฝรั่งเศสที่แถว... เอาไว้วันหลังก็ได้” ถ้าเป็นคนอื่นเธอคงรีบไปนั่งทานกับเขาด้วย แต่นี่เป็นภาสวร เธอต้องถอยกลับไปก่อน

“ครับ ยังไงลูกพีชโทรมาก่อนดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลานะครับ” พสุธาตอบนิชาดา

“ค่ะ ลูกพีชกลับก่อนนะคะ” นิชาดาหันมายิ้มให้ภาสวรก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป นี่ถ้าพสุธาอยู่คนเดียวเธอคงหอมแก้มบอกลาไปแล้ว วันนี้ไม่ใช่วันของเธอ ผิดแผนไปหมด มันน่าโมโหจริงๆ

“ทำไมไม่ไปกับเขาล่ะ” ภาสวรเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่นิชาดาเดินออกไปแล้ว

“กูไม่ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ ถ้าไปคราวนี้คราวหน้าก็มีอีก แถมจะเรียกร้องหนักขึ้นเรื่อยๆ” พสุธาตอบออกไปโดยไม่คิดจะปิดบัง เพราะภาสวรเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมรู้นิสัยกันอยู่ ก่อนที่เขาจะเข้ามาสนิทกับนิชาดาก็เคยถามพูดคุยกับภาสวรถึงความสัมพันธ์กับเธอ เมื่อเพื่อนบอกว่าคุยกันเรื่องงานไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวเขาก็เลยสานสัมพันธ์กับนางเอกดังเมื่อเธอแสดงท่าทีออกมา

“เออ พ่อคาสโนวา เมื่อไหร่มึงจะเลิกลอยไปลอยมาวะ แม่มึงบ่นทุกทีที่เจอหน้ากู”

“ไม่รู้ดิ อาจเหมือนมึงหยุดเมื่อเจอคนที่ใช่” พสุธาย้อนกลับ ภาสวรเมื่อก่อนก็คบไปเรื่อยไม่ต่างจากเขา แต่พอมาเจอปลายฝนก็หยุดเจ้าชู้ แม้ว่าเธอคนนั้นจะจากไปแล้ว

“เออ ทำเป็นเล่นไป ระวังนะถ้ามึงเจอคนที่รักจริง พฤติกรรมพวกนี้จะทำพิษทีหลัง” ภาสวรเตือนด้วยความหวังดี

“ว่าแต่เรื่องของมึงตกลงจะเอาไง” พสุธาถามภาสวรถึงเรื่องที่คุยค้างไว้ก่อนนิชาดาจะเข้ามา

“ไม่เอาไง”

“อ้าว” พสุธาเริ่มงง ตกลงยังไงกัน ที่เขาพูดไปภาสวรเข้าใจบ้างไหม


---- a little cupid ----


“เฮ้ ปันทางนี้” ปัญญวัฒน์หันตามเสียงพี่รหัสที่เป็นเจ้าของร้าน

“สวัสดีครับพี่ชัช”

“เออๆ พวกนั้นนั่งอยู่ทางโน้น” ชัชวาลชี้โต๊ะมุมด้านในค่อนข้างเป็นส่วนตัว วันนี้สายรหัสของเขานัดมาเลี้ยงที่นี่ เพื่อแนะนำน้องใหม่

“พี่ชัชไม่ไปด้วยกันเหรอ” ปัญญวัฒน์หันมาถามพี่รหัส

“เดี๋ยวตามไป ขอดูที่ร้านแป๊บนึง”

“พี่ปัน สวัสดีครับ” บอสน้องรหัสเขายกมือไหว้ทักทาย ทำให้คนอื่นๆที่นั่งอยู่หันมามอง

“พี่ปัน สวัสดีค่ะ /พี่ปันหวัดดีค๊าบ” แก้วหลานรหัสและหนุ่มเหลนรหัสยกมือไหว้พร้อมกัน

“พี่ปันนี่น้องรหัสผม เอกนี่พี่ปันปู่รหัสพี่เอง” หนุ่มแนะนำน้องรหัสปีหนึ่งให้ปัญญวัฒน์รู้จัก

“นึกว่าพี่ปันไม่มาเสียแล้ว ทำงานเป็นอย่างไรบ้างคะ” เก็จแก้วเอ่ยถามพร้อมขยับที่นั่งเพื่อให้ปัญญวัฒน์เข้าไปนั่งได้สะดวก

“เบียร์สดหนึ่งทาวน์จากพี่ชัชครับ” ยังไม่ทันที่ปัญญวัฒน์จะตอบอะไรบริกรก็ยกเบียร์สดมาเสิร์ฟ

“ขอบคุณครับพี่ชัช” ทั้งโต๊ะยกมือไหว้ขอบคุณชัชวาลที่เดินเข้ามานั่งพร้อมเพียงกัน

“เบียร์นี่ฟรี อย่างอื่นลดให้ 15% ไม่ฟรีนะโว๊ย” ชัชวาลรีบเบรกก่อนสายรหัสเขาจะคิดว่ามื้อนี้ฟรีด้วย

“แค่นี้ก็โอเคแล้วครับพี่ชัช” บอสเอ่ยอย่างเกรงใจที่เขาเลือกร้านของลุงรหัสเพราะอยากให้น้องใหม่รู้จักสายของตัวเอง

“ปันทำงานเป็นยังไงบ้าง” ชัชวาลหันมาถามน้องรหัสตัวเอง ตั้งแต่เรียนจบปัญญวัฒน์ก็หายเงียบไปถ้าวันนี้หลานรหัสไม่โทรไปนัดออกมาก็คงไม่ได้เจอกัน

“เหมือนเปิดมุมมองใหม่ๆ สนุกดีครับ”

“ตอนแรกคิดว่าจะไปเรียนต่อเสียอีก” ชัชวาลเอ่ยตามที่คิดเพราะเพื่อนสนิทในกลุ่มเจ้าตัวไปเรียนต่อนึกว่าปัญญวัฒน์จะตามไปด้วย

“ผมคิดจะเรียนต่อเหมือนกันแต่ไม่รู้จะต่อด้านไหนดีเลยไปทำงานดูก่อน” ปัญญวัฒน์บอกพี่รหัส

“อืม คิดแบบนี้ก็ดี แล้วบอสฝึกงานเป็นอย่างไรบ้าง” ชัชวาลเห็นด้วยกับปัญญวัฒน์ก่อนหันไปถามหลานรหัสที่ฝึกงานเมื่อตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ปัญญวัฒน์มองรุ่นน้องที่พูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ทำให้คิดถึงตอนที่เป็นนักศึกษาชีวิตช่วงนั้นมีความสุขไม่ต้องคิดหรือรับผิดชอบอะไรมากมาย

“เดี๋ยวพี่ขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะ” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้นก่อนลุกเดินไปทางห้องน้ำ พร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือที่สั่นขึ้นมา

“สวัสดีครับพี่เปรม”

(ปันอยู่ไหน ทำไมเสียงดังจัง)

“อยู่ร้านพี่ชัชครับ พี่เปรมมีอะไรหรือเปล่า” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ปกติแล้วพี่ชายไม่ค่อยโทรหาเขา

(ชัชพี่รหัสเราน่ะเหรอ) เปรมณัชถามต่อ

“ใช่ครับ วันนี้มีนัดเลี้ยงสายรหัสที่ร้านพี่ชัช พี่เปรมมีอะไรหรือเปล่า” ปัญญวัฒน์ถามเปรมณัชอีกครั้ง ชายหนุ่มเริ่มกังวลที่บ้านมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า

(ไม่มีอะไร พอดีพี่เพิ่งกลับบ้านมา เห็นยังไม่ล็อคประตูเลยถามลุงชิต แกบอกว่าปันยังไม่กลับ แล้วเราจะกลับดึกไหม)

“อีกสักพักคงกลับแล้วครับ พี่เปรมบอกลุงชิตไปนอนได้เลยเดี๋ยวปันล็อคบ้านเอง” ปัญญวัฒน์บอกพี่ชาย จะว่าไปเมื่อเช้าก่อนที่ออกมาทำงานเขาได้บอกพี่ปาไปแล้ว โชคดีที่วันนี้น้องเรนอยู่กับคุณปู่คุณย่าที่ลงมากรุงเทพเพื่อเยี่ยมหลาน

(ได้ๆ ขับรถดีๆล่ะ เราดื่มหรือเปล่า) เปรมณัชอดที่ห่วงน้องชายไม่ได้

“ดื่มเบียร์นิดหน่อย ไม่เมาหรอกพี่เปรมไม่ต้องห่วง” ปัญญวัฒน์ยิ้มให้โทรศัพท์พี่ชายเขายังเหมือนเดิมคิดว่าเขาเป็นเด็ก พอรู้ว่าดื่มเบียร์ก็บ่นอุบจะออกมารับเอง กว่าจะพูดให้วางสายลงได้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน

ปึก

“ขอโทษครับ” เพราะความที่มัวก้มหน้าเลยชนคนที่เดินสวนออกมาจากห้องน้ำ

“ไม่เป็นไร อ้าวปัน”

“พี่ภาค” ปัญญวัฒน์อุทานเมื่อมองเห็นหน้าคนที่ชนเขา

“ปันมาที่นี่เหมือนกันเหรอ” ภาสวรเอ่ยถามเขาไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอชายหนุ่มที่นี่

“ครับ นี่ร้านของพี่รหัสผม แล้วพี่ภาคมาเที่ยวเหรอครับ” ปัญญวัฒน์ถามขึ้น แม้ว่าจะเป็นคำถามที่ไม่เข้าท่า แต่เขาไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีกว่านี้

“พี่มารับ...” ยังไม่ทันที่ภาสวรจะพูดจบ หญิงสาวคนหนึ่งก็โผเข้าหาชายหนุ่มเสียก่อน

“พี่ภาคช้าจังวรรณอยากจะอ๊วก” พูดจบหญิงสาวก็วิ่งออกไปทางหลังร้าน

“ปันพี่ขอตัวก่อนนะ แล้วพี่จะโทรหานะ” ปัญญวัฒน์ชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเห็นภาสวรวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นไป ท่าทางผู้หญิงคนนั้นจะสำคัญกับภาสวรมาก สีหน้าท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของชายหนุ่มทำให้ปัญญวัฒน์รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

“พี่ๆขอบคุณครับ” พวกน้องๆยกมือไหว้รุ่นพี่ก่อนลากลับ ปัญญวัฒน์สะดุ้งเมื่อพี่รหัสสะกิด เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเดินกลับไปที่โต๊ะไปได้อย่างไร

“เออ กลับดีๆล่ะ” ชัชวาลบอกรุ่นน้องก่อนหันมามองหน้าปัญญวัฒน์

“เป็นอะไรไป กลับจากห้องน้ำมาก็นั่งเหม่อ ใครเรียกก็ไม่ได้ยิน” ชัชวาลถาม หลังจากที่ชายหนุ่มกลับจากไปเข้าห้องน้ำ น้องๆคงสังเกตได้ว่ารุ่นพี่ซึมไป เลยขอตัวกลับกัน

“ขอโทษครับพี่ ผมคงทำให้งานกร่อยใช่ไหมเนี่ย” ปัญญวัฒน์เอ่ยขอโทษพี่รหัส สงสัยพรุ่งนี้เขาต้องโทรไปขอโทษน้องรหัสด้วยเสียแล้ว

“โอ๊ยพวกมันไม่ว่าอะไรมึงหรอกไอ้ปัน ก็เล่นควักเงินจ่ายแทน ไอ้บอสกับยัยแก้วยิ้มแก้มปริไม่ต้องควักสักบาท เอานี่กูช่วยหารเห็นแล้วสงสาร” พูดจบชัชวาลก็ยื่นเงินคืนมาให้ชายหนุ่มครึ่งนึง

“ไม่เป็นไรครับพี่ พี่เลี้ยงเบียร์น้องไปหลายทาวน์แล้ว ค่าอาหารนี่ผมตั้งใจออกเอง” ปัญญวัฒน์บอกพี่รหัส ลำพังค่าเบียร์แถมส่วนสดค่าอาหารก็หลายบาทแล้ว จะให้ชัชวาลรับผิดชอบเพิ่มอีกได้ไง
 
 “เออๆ ไม่เอาก็ไม่เอา แล้วตกลงมึงเป็นไรวะปัน หรือว่าใครทำอะไร กูไปจัดการให้ไหม” ชัชวาลรู้สึกเป็นห่วงปัญญวัฒน์ น้องรหัสคนนี้เป็นคนดีมองโลกในแง่ดี จนบ้างครั้งโดนเอาเปรียบอยู่บ่อยๆ

“เปล่าครับไม่มีอะไร พอดีพี่ชายโทรมาบ่นนิดหน่อย” ปัญญวัฒน์บอกให้ชัชวาลวางใจ

“แน่นะ ไม่มีก็ไม่มี” ชัชวาลยอมปล่อยผ่านไม่คาดคั้นต่อ เขารู้ดีว่าถ้าปัญญวัฒน์ไม่ยอมบอกไม่ว่าจะทำอะไรชายหนุ่มก็ไม่พูดอยู่ดี

“งั้นผมกลับก่อนนะครับ” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ลาพี่รหัส ก่อนเดินออกไปที่ลานจอดรถท่ามกลางสายตาของชัชวาลที่มองอย่างเป็นห่วง

คืนนั้นปัญญวัฒน์เฝ้ามองโทรศัพท์จนหลับไปโดยไม่เข้าใจตัวเองว่ารออะไรอยู่เหมือนกัน


*******************
ขอบคุณค่ะ ที่เข้ามาอ่านกันนะคะ




ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :เฮ้อ:

ปัน อย่าคิดมาก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 15   

ปัญญวัฒน์เดินลงมาข้างล่าง วันนี้เขาตื่นค่อนข้างสายกว่าปกติพบพี่ชายนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะอาหาร ชายหนุ่มจึงเดินไปนั่งข้างๆ

“เมื่อคืนกลับดึกเหรอ ถึงได้ตื่นสายเชียว” เปรมณัชเอ่ยทัก ปกติแล้ววันหยุดน้องชายจะลงมาข้างล่างประมาณแปดเก้าโมง นี่เกือบสิบเอ็ดโมงเพิ่งลงมา

“ห้าทุ่มกว่าๆ มัวแต่ทำนู่นทำนี่เพลินไปหน่อยเลยนอนดึกอ่ะ” ปัญญวัฒน์บอกขณะลุกไปชงกาแฟ พร้อมทั้งหาขนมในตู้เย็นทานรองท้องก่อนมื้อเที่ยง

“คุณพ่อขา ฟ้าอยากดูเรื่องนี้” สาวน้อยประจำบ้านวิ่งมาหาเปรมณัช พร้อมทั้งชี้โฆษณาการ์ตูนในทีวีที่เพิ่งเข้าฉายในอาทิตย์นี้ ช่วงปิดเทอมมีการ์ตูนสำหรับเด็กหลายเรื่องในโรงภาพยนตร์

“พรุ่งนี้ได้ไหมคะ วันนี้พ่อต้องพาแม่ไปหาหมอ” เปรมณัชบอกลูกสาว วันนี้พลอยลดาหมอนัดตรวจครรภ์

“งั้นหนูไปด้วยได้ไหมคะ” เด็กหญิงอิงฟ้าเงยหน้าถามบิดา

“อย่าไปเลย อยู่กับอาปาอาปันดีกว่า” เปรมณัชไม่อยากพาลูกสาวไปที่โรงพยาบาลด้วยเพราะที่โรงพยาบาลมีแต่คนป่วย เด็กหญิงยังเล็กภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงเท่ากับผู้ใหญ่

“ค่ะ” เด็กหญิงอิงฟ้าตอบรับบิดาด้วยเสียงหงอยๆ

“ไปดูหนังกับอาไหมคะ วันนี้อาว่าง” ปัญญวัฒน์ถามหลานสาวตัวน้อย สีหน้าที่ผิดหวังทำเอาเขาอดจะสงสารไม่ได้

“ไปค่ะ” อิงฟ้าตอบรับด้วยความดีใจ สีหน้าผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ

“ปันว่างเหรอวันนี้” เปรมณัชถามน้องชายเพื่อความแน่ใจว่าปัญญวัฒน์ไม่ได้เอาใจหลานสาวจนเสียงานเสียการ

“ตอนแรกว่าจะไปหาวิน พาน้องฟ้าไปดูหนังได้ครับแล้วค่อยโทรนัดกับวินก็ได้” ปัญญวัฒน์บอกพี่ชาย เขารู้ว่านาวินจะไปไซด์งานที่ต่างจังหวัดเย็นวันพรุ่งนี้เลยว่าจะนัดเจอกัน เอาไว้นัดช่วงเย็นหรือไม่พรุ่งนี้ก็ได้มั้ง

"งั้นพี่ฝากลูกด้วยนะปัน" เปรมณัชรู้สึกเบาใจที่น้องชายจะพาลูกสาวไปดูหนังช่วงที่เขาพาภรรยาไปหาหมอ เขาไม่อยากทำให้ลูกรู้สึกผิดหวัง 


“อาปัน เรนคิดถึง” เสียงเด็กชายดังขึ้นมาก่อนตัว ทำให้ปัญญวัฒน์ที่กำลังทานอาหารกลางวันกับเด็กหญิงอิงฟ้าชะโงกหน้าไปมองเด็กชายเรนวิ่งตุ๊บตับเข้ามาในห้องอาหาร

“น้องเรน สวัสดีครับพี่ภาค” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ชายหนุ่มที่เดินตามลูกชายเข้ามา

“สวัสดีค่ะอาภาค” เด็กหญิงยกมือทำความเคารพภาสวร

“ทานข้าวครับพี่ภาคน้องเรน” ปัญญวัฒน์เอ่ยชวนสองพ่อลูก

“กินคับอาปัน เรนไม่เอาผักเอากุ้งเยอะๆ” เด็กชายมองราดหน้าทะเลของอิงฟ้าที่มีทั้งกุ้งและปลาหมึกก่อนหันมาบอกปัญญวัฒน์ก่อนนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างชายหนุ่ม

“พี่รบกวนปันด้วยนะ” ภาสวรบอกชายหนุ่มก่อนนั่งลงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ฝั่งตรงข้าม ความจริงเขาตั้งใจมาชวนปัญญวัฒน์ไปทานอาหารข้างนอก แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งทานกับหลานสาวเขาเลยนั่งทานด้วยเสียเลย

“ได้ครับเดี๋ยวอาตักให้ แต่น้องเรนต้องทานผักด้วยนะครับ” ปัญญวัฒน์หยิบจานมาใส่เส้นใหญ่ก่อนเอาน้ำราดหน้ามาใส่เขาพยายามเลือกแครอทและข้าวโพดอ่อนโดยไม่ลืมกุ้งของโปรดเด็กชาย วันนี้ป้านุชทำราดหน้าเป็นอาหารกลางวันโดยมาเสิร์ฟแยกเส้นกับน้ำราดเพื่อให้พวกเขาจัดการกันเองตามชอบใจ

“ขอบคุณคับ” เด็กชายมองจานราดหน้าตาวาว อาปันตักกุ้งให้เขาเยอะแยะเลย

“นี่ครับของพี่ภาค” ปัญญวัฒน์ส่งจานที่ตักเรียบร้อยให้ชายหนุ่ม

“ขอบคุณครับ”

“พี่ภาคมีอะไรหรือเปล่าครับถึงมาหาผม” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามหลังจากที่ทานอาหารกันอิ่มแล้ว

“น้องเรนคิดถึงปันอยากเจอ พี่เลยพามาหาปัน”

“โชคดีนะที่มาเจอ คือผมกำลังจะออกไปข้างนอกครับ ทำไมพี่ภาคไม่โทรมาก่อน” ปัญญวัฒน์อธิบายให้ภาสวรฟัง ดีนะที่เขาตัดสินใจทานอาหารกลางวันที่บ้านเพราะสงสารป้านุชที่ทำอาหารกลางวันไว้แล้ว แต่กลับไม่อยู่บ้านกันสักคน

“พี่โทรหาปันแล้วแต่ปันไม่รับโทรศัพท์” เมื่อได้ยินที่ภาสวรพูด ปัญญวัฒน์ก็คลำกระเป๋าพบว่าไม่ได้อยู่กับตัว สงสัยจะลืมไว้ข้างบน

“ปันจะไปไหนเหรอ” ภาสวรถามต่อเมื่อเห็นปัญญวัฒน์ไม่พูดอะไร

“ผม...”

“อาปันพาเรนไปด้วยนะ เรนอยากดู นะ น้าๆๆๆ” ปัญญวัฒน์ยังไม่ทันพูดน้องเรนก็วิ่งมาหาพร้อมเขย่าแขนชายหนุ่มไปมา

“อะไรลูก อยากดูอะไร” ภาสวรถามลูกชาย

“ก็ฟ้าบอกว่าอาปันจะพาไปดูการ์ตูน เรนอยากไปด้วย ให้เรนไปด้วยนะ” เด็กชายบอกบิดาก่อนหันมาอ้อนปัญญวัฒน์ต่อ

“อาปันพาไปด้วยได้ครับ แต่น้องเรนต้องขออนุญาตคุณพ่อก่อน”

“พ่อครับ เรนอยากไปกับอาปัน ให้เรนไปนะคับ” เด็กชายหันมาหาภาสวรทันทีที่ปัญญวัฒน์พูดจบ

“ได้ครับ แต่ขอพ่อไปด้วยนะ ให้พี่ไปดูหนังด้วยคนได้ไหม” ภาสวรอนุญาตน้องเรนก่อนหันมาสบตาปัญญวัฒน์ ทำให้เด็กชายเรนเข้ามาเขย่าแขนชายหนุ่มเพื่ออ้อนวอนด้วย

“ให้พ่อไปด้วยนะอาปัน พ่ออยากดูการ์ตูนด้วย”

“ครับๆ งั้นไปเตรียมตัวกัน เดี๋ยวจะไปไม่ทันรอบบ่ายโมง” ปัญญวัฒน์ส่ายหัวไปมา ถ้าอยากจะไปด้วยเขาก็ไม่ว่าอะไร ความจริงเขาเองก็อยากชวนเด็กชายไปด้วยอยู่แล้ว


“อาปัน ฟ้าอยากกินป๊อบคอน” เด็กหญิงกระตุกมือปัญญวัฒน์ก่อนชี้ไปยังเคาน์เตอร์ขายของที่อยู่ไม่ไกลกับทางเข้าโรงหนัง โชคดีที่มาทันรอบหนังทำให้รอไม่นานก็ได้เข้าชม ทำให้พวกเขามายืนรอเรียกเข้าโรงภาพยนตร์

“เรนก็อยากกิน” เด็กชายที่ได้ยินก็ร้องบอกด้วย

“ไปดูซิ เดี๋ยวพ่อซื้อให้ทานด้วยกันนะครับ” ภาสวรบอกเด็กทั้งสองก่อนเดินไปต่อคิว

“ฟ้าอยากได้อันนั้น” เด็กหญิงชี้เซตป๊อบคอร์นขนาดใหญ่ที่มีรูปการ์ตูนที่มาดูกันบนถังพลาสติก

“เรนก็เอาแบบนั้นด้วย” เด็กชายบอกพ่อที่ยืนเข้าคิวอยู่

“ก็ได้ครับซื้อถังเดียวทานด้วยกันนะ” ภาสวรบอกลูกชายเพราะถังมันใหญ่เกินกว่าเด็กคนเดียวจะทานหมด

“ฟ้าอยากได้ถังนั่น” เด็กหญิงรีบบอกความต้องการของตัวเอง กินด้วยกันก็ได้แต่ถังต้องเป็นของเธอ

“พ่อคับเรนก็อยากได้ถัง” เด็กชายเรนเขย่าแขนภาสวรไปมา เขาเองก็อยากได้นะแถมพ่อเขาเป็นคนซื้อ ทำไมต้องแบ่งถังให้ด้วย

“คนละถังจะทานกันหมดเหรอครับ น้องเรนน้องฟ้า” ปัญญวัฒน์หันมาถามเด็กทั้งคู่ เพราะคิวซื้อของใกล้จะถึงแล้ว

“อาปันช่วยฟ้ากินไงคะ” เด็กหญิงช้อนตาอ้อนใส่ปัญญวัฒน์ อาปันใจดีที่สุด

“ของเรนพ่อก็ช่วยกินใช่ไหมคับ” เด็กชายหันมาถามผู้เป็นบิดา เพราะเด็กหญิงเกาะหนึบยึดคุณอาคนโปรดไปแล้ว

“เอาคนละชุดก็ได้ครับพี่ภาค ไม่งั้นเดี๋ยวทะเลาะกัน” ปัญญวัฒน์หันมาพูดกับภาสวรอย่างอ่อนใจ

“งั้นเอารสอะไรกันบ้าง” ภาสวรหันมาถามเด็กๆเมื่อถึงคิว กว่าจะได้ของครบดูจะวุ่นวายไม่น้อย แถมในเซตมีแต่น้ำอัดลม ปัญญวัฒน์จึงซื้อน้ำเปล่าเพิ่มให้เด็กๆอีกคนละขวด เด็กทั้งคู่กอดถังป๊อบคอร์นก่อนเดินจูงมือปัญญวัฒน์และภาสวรไปที่หน้าโรงหนัง

ทันทีที่เดินมาถึงเสียงประกาศภาพยนตร์ที่เข้าฉายที่พวกเขาซื้อตั๋วก็ดังขึ้น ภายในโรงหนังเต็มไปด้วยเด็กและผู้ปกครองที่พามาดูการ์ตูน ภาสวรหันมามองเด็กๆที่นั่งคั่นระหว่างเขากับปัญญวัฒน์อยู่ เด็กทั้งคู่ดูตื่นเต้นมองหน้าจอดูหนังตัวอย่างอย่างสนใจ

“อาปันฟ้ามองไม่ชัด” เด็กหญิงสะกิดอา

“งั้นฟ้ามานั่งกับอามา” เด็กหญิงอิงฟ้ายิ้มกว้างก่อนปีนมานั่งบนตักปัญญวัฒน์ ปกติแล้วตอนที่พ่อพามาดูก็ให้เธอนั่งตักตลอด

“พ่อคับเรนอยากนั่งตักบ้าง” เด็กชายเรนเห็นเพื่อนนั่งบนตักปัญญวัฒน์จึงหันมาบอกบิดา

“ได้ครับ แป๊บนึง” ภาสวรบอกลูกชายก่อนลุกมานั่งที่เด็กหญิงก่อนให้ลูกชายนั่งบนตักตัวเอง โชคดีที่เขาจองแถวหลังสุดจึงไม่รบกวนคนที่นั่งด้านหลัง

“อ้าวพี่ภาค ทำไมมานั่งตรงนี้” ปัญญวัฒน์กระซิบถามชายหนุ่มที่มานั่งติดกับเขา

“พี่ไม่อยากเว้นที่ว่างไว้นั่งติดกันดีกว่า” ภาสวรกระซิบตอบ


“พ่อคับเรนอยากกินไอติม” เด็กชายเรนกระตุกมือภาสวรก่อนบอกความต้องการ หลังจากที่เขาเดินออกมาจากโรงหนังแล้ว

“ทานไหวเหรอครับ” ภาสวรถามลูกชาย เพราะน้องเรนทานป๊อบคอร์นไปเกือบหมดถังคนเดียว โดยที่เขาช่วยทานนิดหน่อย

“ไหวจิ เรนยังกินได้อีก” เด็กชายลูบพุงตัวเองไปมา

“ครับๆ น้องฟ้าสนใจทานไอศกรีมไหมครับ” ภาสวรหันมาถามเด็กหญิงที่เดินตามมากับปัญญวัฒน์

“อยากค่ะ อาปันไปกินไอติมกันนะคะ” เด็กหญิงตอบภาสวรก่อนหันมาชวนปัญญวัฒน์

“อายังอิ่มอยู่เลย น้องฟ้าไม่ช่วยอากินป๊อบคอร์นเลยนะ” ปัญญวัฒน์บ่นหลานสาว เด็กหญิงทานป๊อบคอร์นเพียงเล็กน้อยส่วนที่เหลือเขาต้องจัดการเพราะความที่เสียดาย

“ก็ตอนนั้นฟ้าอิ่มแล้ว แต่ตอนนี้ฟ้าอยากกินไอติมค่ะ” คุณพ่อบอกว่าถ้าเราต้องการอะไรต้องพูดให้ชัดเจน

“เอาน่าปัน ไปทานไอศกรีมกันเถอะ” ภาสวรมองเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู

ปัญญวัฒน์ได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยความอ่อนใจ วันนี้ภาสวรดูจะตามใจเด็กๆเป็นพิเศษไม่ว่าจะพูดอะไรหรือขออะไรได้หมดตามต้องการ ดีนะที่เป็นของกินถ้าเป็นของเล่นเขาคงจะเบรกเสียงแข็งกว่านี้ ปัญญวัฒน์ไม่อยากให้เด็กๆเอาแต่ใจ เมื่อรู้ว่าขอได้ก็จะอยากได้โน่นนี่ไม่หยุด ทำให้ไม่รู้คุณค่าของๆนั้นๆ

ภาสวรนั่งมองเด็กทั้งสองทานไอศกรีม โดยมีปัญญวัฒน์คอยดูแลไม่ให้เลอะเทอะ ลูกชายเขาดูมีความสุขที่ได้มาอยู่กับปัญญวัฒน์แถมชายหนุ่มเองก็ไม่ได้รังเกียจหรือเบื่อหน่ายยามที่เด็กชายอยู่ด้วย

“ฮัลโหล ว่าไง” ปัญญวัฒน์รับโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ

(อยู่ไหนอ่ะ กลับกี่โมง)

“เดี๋ยวกลับแล้ว มีอะไรหรือเปล่า” ปัญญวัฒน์ถามนาวินด้วยความแปลกใจ เขาแน่ใจว่าไม่ได้นัดเอาไว้

(แวะตลาดหน่อยอยากได้อาหารทะเลมาปิ้งย่างเย็นนี้ กูบอกป้านุชเอาไว้แล้ว)
 
“เดี๋ยวนะอย่าบอกว่ามากินกันที่บ้านก..เอ่อบ้านเรา” ปัญญวัฒน์รีบเปลี่ยนสรรพนามเมื่อเห็นพวกเด็กๆมองมา

(ใช่กูโทรขอพี่เปรมไว้แล้ว รีบมานะเดี๋ยวกูไปช่วยลุงชิตจัดโต๊ะก่อน)

“อย่าเพิ่งวาง จะกินกันกี่คนจะได้ซื้อของถูก”

(มีบ้านมึง แล้วก็กูกับไอ้รัน ออ หิ้วเบียร์กระป๋องมา2ถาดด้วย) นาวินสั่งรายการเพิ่มเติม

“เออๆ เดี๋ยวจัดการให้ ไม่รู้ที่ตลาดจะมีของพอหรือเปล่า” ปัญญวัฒน์บ่นอย่างเอือมๆ แม้ว่าเพื่อนจะจัดงานกันฉุกละหุกกันบ่อยแต่เขาไม่เคยชินสักที

“มีอะไรหรือเปล่า” ภาสวรถามปัญญวัฒน์ที่ทำหน้ามุ่ยใส่โทรศัพท์

“เดี๋ยวแวะซื้อของที่ซูปเปอร์ก่อนจากนั้นค่อยไปตลาดสดต่อน่ะครับ พี่ภาคสะดวกไหมครับ” ปัญญวัฒน์ถามภาสวรด้วยความเกรงใจเพราะเขากับน้องฟ้ามารถของภาสวรกัน

“ได้ซิ พี่ไม่มีโปรแกรมไปไหน”

“งั้นเย็นนี้สนใจร่วมปาร์ตี้ของนาวินไหมครับ” ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ปัญญวัฒน์เอ่ยชวนภาสวรเสียเลย

“จะดีเหรอ” ภาสวรรู้สึกลำบากใจเพราะนาวินไม่ได้ชวนเขา

“ไม่เป็นไรครับ เพราะจัดที่บ้านผม” จัดบ้านเขาๆจะชวนใครมาไอ้วินไม่กล้าว่าหรอก

“งั้นพี่กับลูกรบกวนปันด้วยครับ”


*********************
มีใครรออยู่ไหม ตรุษจีนเที่ยวเพลินไปหน่อย
ขอโทษที่ทำให้รอกันค่ะ

และขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกัน

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

น้อง ผญ คนนั้นคือใคร เราอยากรู้

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เอาตอนพิเศษมาฝากกันค่ะ วาเลนไทน์ในแบบฉบับพิเศษของพ่อลูก จะเป็นอย่างไร ลองอ่านกันดูนะคะ


   Special  Valentine

   “พ่อคับ เรนอยากได้ช็อกเลตกับดอกไม้” น้องเรนวิ่งเข้ามาในห้องทำงานพร้อมตะโกนบอก

   “อะไรครับ” ภาสวรก้มมองลูกชายที่วิ่งมายืนติดเก้าอี้ทำงานเขา วันนี้เขาให้คนขับรถไปรับเด็กชายมาส่งที่ทำงานเหมือนอย่างเคย

   “อ๊ะ สวัสดีคับพ่อ” เด็กชายยกมือไหว้ทักทายอย่างนึกได้

   “สวัสดีครับ เมื่อกี้น้องเรนอยากได้อะไรนะพ่อได้ยินไม่ชัด”

   “พุ่งนี้เป็นวันแห่งความรัก ต้องให้ขวัญคนที่รัก”

   “งั้นเหรอครับ แล้วน้องเรนจะให้ใครครับ” ภาสวรเอ่ยถามลูกชายต่อ

   “เรนจะให้ช็อคเลตกับดอกไม้คุนคูกับฟ้า” เด็กชายบอกบิดา คุณครูบอกว่าเขาให้ดอกไม้กับช็อคโกแลตกัน

   “พ่อพาเรนไปซื้อนะ นี่คับเงิน” เด็กชายค้นกระเป๋านักเรียนก่อนหยิบกระปุกออมสินส่งให้บิดา

   “น้องเรนเอามาจากไหนครับนี่” ภาสวรรับกระปุกออมสินอย่างงง เพราะเขาไม่เคยเห็นกระปุกนี่มาก่อน แต่เมื่อพลิกดูที่ข้างกระปุกเห็นว่ามีชื่อลูกชายเขาติดอยู่

   “กระปุกของเรนคุนคูให้หยอดกระปุกทุกวัน”

   “ครับพ่อเข้าใจแล้ว เดี๋ยวทำงานเสร็จแล้วพ่อพาไปนะครับ” ภาสวรบอกเด็กชาย แสดงว่าลูกชายเขาอยากจะไปซื้อของมากถึงขนาดเอากระปุกเก็บเงินมาให้ เมื่อลองเขย่ากระปุกดูพบว่ามีเงินไม่ถึงครึ่งกระปุกด้วยซ้ำเพราะเขาให้เงินติดตัวไปโรงเรียนวันละยี่สิบบาทเท่านั้น



   “น้องเรนจะซื้ออะไรครับ” ภาสวรพาลูกชายมาห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน

   “ช็อคแลตกับดอกไม้” เด็กชายมองสินค้าที่ตั้งโชว์ตาวาว ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์มีช็อคโกแลตมากมายให้เลือกซื้อ ไหนจากสติ๊กเกอร์หัวใจหลายแบบ

   “งั้นเลือกช็อคโกแลตก่อนนะครับ เดี๋ยวพ่อพาไปซื้อดอกไม้”

   “เรนเอานี่ แล้วอันนี้ด้วย เงินจะพอไหมคับ” เด็กชายหยิบช็อคโกแลตกล่องใหญ่หนึ่งที่บรรจุช็อคโกแลตชิ้นเล็กๆหลายชิ้น กับกล่องที่เล็กกว่าอีกหนึ่งกล่องพร้อมลูกอมอีกถุงใหญ่ ก่อนชี้สติกเกอร์ที่อยู่ด้านบนเกินมือจะเอื้อมถึง พร้อมถามบิดาอย่างเป็นกังวล เขาไม่รู้ว่าในกระปุกมีเงินเท่าไหร่จะซื้อของได้ไหม

   “เงินพอครับ” ภาสวรหยิบสติ๊กเกอร์รูปหัวใจส่งให้สองแผ่นเผื่อลูกชายจะไปแปะกับเพื่อนๆ ก่อนลูบหัวลูกชายด้วยความเอ็นดู

   “เท่านี้นะครับ งั้นเราไปจ่ายเงินกัน” ภาสวรถือของให้ลูกชายก่อนเดินไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน

   เมื่อซื้อช็อคโกแลตเสร็จแล้วภาสวรก็พาเด็กชายไปร้านดอกไม้ ในห้างโชคดีที่ยังไม่ปิด พนักงานที่กำลังจัดดอกไม้เงยหน้าทักทายเมื่อเห็นพวกเขาเข้ามา

   “สวัสดีค่ะ สนใจแบบไหนคะ”

   “เอาดอกอะไรครับ” ภาสวรก้มถามลูกชาย

   “เอาดอกไม้สีแดง” เด็กชายเรนชี้ไปยังถังที่ใส่ดอกกุหลาบสีแดงเต็มถัง

   “เอากุหลาบแดงครับ” ภาสวรบอกพนักงาน

   “เอากี่ดอกดีคะ หรือจัดเป็นช่อ หรือจะเป็นดอกเดียวแบบนี้” พนักงานชี้ให้ดูดอกไม้เป็นช่อหลายดอกก่อนชี้ไปยังดอกกุหลาบดอกใหญ่ดอกเดียวในกล่องพลาสติกใส

   “เอาแบบนี้ดีไหมครับ” ภาสวรชี้ดอกเดียวในกล่อง ดูท่าทางจะคงทนไปถึงมือผู้รับโดยไม่บอบช้ำแน่ๆ

   “เอาคับ” เด็กชายพยักหน้าหงึกหงักตอบรับบิดา

   “งั้นเอาแบบนี้ ไม่ทราบว่าจะเก็บได้กี่วันครับ”

   “เกือบอาทิตย์ค่ะ เพราะเรามีกระเปราะใส่น้ำหล่อเลี้ยงไว้ ทำให้ดอกไม้เหี่ยวช้า” พนักงานอธิบายก่อนโชว์กระเปราะพลาสติกใส่น้ำสำหรับติดปลายก้าน

   ภาสวรจ่ายเงินเสร็จก็พาลูกชายกลับบ้าน น้องเรนกอดกล่องดอกกุหลาบไม่ยอมปล่อย พอเขาถามว่าเอาไปให้ใครเด็กชายก็ไม่ยอมบอก


   เช้าวันวาเลนไทน์ภาสวรไปส่งลูกชายที่โรงเรียนเด็กชายวิ่งไปหาครูประจำชั้นที่อยุ่หน้าห้อง

   “สวัสดีคับคุนคู เรนให้คูปา” เด็กชายยื่นช็อคโกแลตชิ้นเล็กที่ในกล่องใหญ่ให้ปาลิดา

   “ขอบคุณครับ อันนี้ครูให้น้องเรนนะ” ปาลิดาส่งช็อคโกแลตแบบแท่งให้เด็กชาย วันนี้เธอเตรียมช็อคโกแลตไว้แจกเด็กในห้องทุกคน

   “สวัสดีค่ะคุณภาค” ปาลิดาเอ่ยทักชายหนุ่มที่เดินตามลูกชายเข้ามา

   “สวัสดีครับคุณครูครับผมขอคุยด้วยสักครู่” ภาสวรเอ่ยขึ้นเมื่อลูกชายเดินเข้าไปในห้องแล้ว

   “ได้ค่ะ” เมื่อหญิงสาวตอบรับภาสวรก็ส่งกระปุกออมสินของลูกชายให้ปาลิดาก่อนพร้อมทั้งเล่าเรื่องให้ฟัง

   “ปาขอบคุณคุณภาคที่เอากระปุกมาให้” ปาลิดาแจกกระปุกออมสินให้เด็กทุกคนตอนต้นเทอมเพื่อสอนการออมเงินโดยแต่ละวันจะให้เด็กๆหยอดกระปุกเก็บเงินกัน แล้วแต่เด็กจะใส่เงินกันบางคนก็หยอดทุกวันบางคนก็หยอดบ้างไม่หยอดบ้าง พอปิดเทอมใหญ่ก็จะให้กลับไปไว้ออมต่อที่บ้าน

   “ผมต้องขอโทษแทนลูกชายด้วย ฝากคุณปาอธิบายกับแกด้วยครับ” ภาสวรขอโทษแทนลูกชาย เขานึกไว้แล้วว่าปาลิดาต้องไม่รู้เรื่องแน่ๆ เขาเชื่อว่าหญิงสาวคงจะสอนให้ลูกชายเขาได้เรียนรู้ เหมือนกับน้องชายของเธอ

   “เด็กๆคะวันนี้คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็นวันวาเลนไทน์  เมื่อวานครูบอกแล้วใช่ไหมคะว่าเป็นวันที่เราแสดงความรักให้กับคนที่เรารักทุกคนไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่ เพื่อนๆคุณครู ซึ่งครูแอบเห็นว่ามีหลายคนได้รับช็อคโกแลต หรือสติ๊กเกอร์หัวใจ และดอกไม้ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ดีที่คนให้ของเหล่านี้ตั้งใจให้เราอย่างจริงใจ แต่ถ้าเราไม่มีเงินพอซื้อของขวัญเหล่านี้ หรือคนที่เรารักมีหลายคนทำให้เงินที่มีไม่พอซื้อ เราสามารถทำเองได้นะคะ อะไรก็ตามถ้าเราตั้งใจทำให้คนที่รักอย่างจริงใจ คนที่ได้รับต้องรู้สึกยินดีที่ได้รับของเหล่านั้นแน่ๆ” เสียงเด็กๆดังขึ้นจนจับใจความไม่ได้ หลายคนตื่นเต้นเพราะเขายังไม่ได้ให้ของขวัญกับใครหลายคน เมื่อคุณครูพูดต่อ เด็กๆจึงตั้งใจฟังเป็นพิเศษ

   “แล้ววันนี้ครูจะมาสอนเด็กๆทำการ์ดเพื่อมอบให้คุณพ่อคุณแม่และคนที่เรารักในวันวาเลนไทน์ค่ะ” ปาลิดาแจกกระดาษให้เด็กๆ สองใบ หน้าแรกมีรูปหัวใจเต็มไปทั้งหน้ากระดาษ ส่วนอีกหน้าว่างเปล่า

   “เรามาระบายสีรูปหัวใจกันนะคะ ส่วนอีกด้านอยากวาดภาพอะไรให้คนที่เรารักวาดเลยค่ะ หรืออยากเขียนความรู้สึกอะไรลงไปก็ได้เหมือนกัน ลองทำดูนะคะ ถ้าใครทำเสร็จแล้วอยากได้กระดาษเพิ่มมาขอครูได้นะ หรืออยากให้ครูช่วยอะไรก็มาบอกครูได้ค่ะ” เมื่อปาลิดาพูดจบเด็กๆก็ลงมือทำการ์ดในแบบฉบับของตัวเองทันที



   ตอนบ่ายหลังเลิกเรียนภาสวรมารับลูกชายที่โรงเรียนเอง ก่อนหน้านั้นเขาได้แวะซื้อของบางอย่างเสียก่อน เมื่อมาถึงโรงเรียน ลูกชายของเขาวิ่งมาหาพร้อมการ์ดและถุงขนมที่ใส่ช็อคโกแลตและลูกอม แถมเสื้อนักเรียนยังเต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจ

   “เรนให้พ่อคับ” เด็กชายยื่นการ์ดที่ทำเองให้ภาสวร

   “ขอบคุณมากครับ พ่อก็มีของให้น้องเรนครับอยู่ในรถ” ภาสวรจูงมือลูกชายไปที่รถ เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็เอื้อมไปหยิบตัวต่อเลโก้ส่งให้ลูกชาย

   “ขอบคุณครับ เรนรักพ่อจัง” เด็กชายกอดกล่องเลโก้ไว้แน่น  เมื่อวานตอนเดินผ่านเขาอยากวิ่งไปดู แต่พ่อบอกต้องไปซื้อของก่อนห้างปิดไม่งั้นเขาก็ซื้อช็อคโกแลตไม่ได้


“อาปัน สวัสดีคับ อาสุนสวัสดีคับ” เด็กชายเรนยิ้มร่าเข้ามาในห้องทำงานของปัญญวัฒน์ทันทีที่มาถึงที่ทำงานพ่อ

   “สวัสดีครับน้องเรน” ปัญญวัฒน์ทักกลับพร้อมอุ้มเด็กชายขึ้นมานั่งที่ตักตัวเอง

   “เรนให้อาปัน” เด็กชายหยิบกล่องดอกไม้ที่บุบไปบางส่วนแต่ดอกไม้ยังสภาพดีพร้อมช็อคโกแลตส่งให้อาปัน

   “ขอบคุณครับ น้องเรนให้อาเนื่องในโอกาสอะไรเอ่ย” ปัญญวัฒน์แกล้งถามเด็กชายเพราะเขาเห็นเสื้อนักเรียนของน้องเรนมีสติ๊กเกอร์แปะหลายดวง

   “วันนี้วันแห่งความรัก คุณคูบอกว่าเราให้ของเพื่อแสดงความรัก”

   “แต่อาปันไม่มีของให้น้องเรนเลยอ่ะ”

   “อาปันก็ให้ช็อคโกแลตเรนก็ได้”

   “แต่อาไม่มีช็อคโกแลตนี่ครับ อาไม่ได้เตรียมไว้” ปัญญวัฒน์กำลังงง

   “นี่ไงๆ” เด็กชายเรนชี้ไปยังกล่องช็อคโกแลตตรงหน้าชายหนุ่ม

   “แต่นี่ของน้องเรนนี่ครับ” กล่องช็อคโกแลตนี้น้องเรนเพิ่งยื่นให้เขา

   “ก็เรนให้อาปันแล้ว ก็ต้องเป็นของอาปัน อาปันก็ให้เรนได้แล้ว” ทันทีที่เด็กชายพูดจบ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น สุนทรีรู้สึกชอบใจความคิดเด็กชาย ส่วนภาสวรที่เดินตามมาแอบฟังอยู่นานรู้สึกขำในความฉลาดแกมโกงของลูกชาย ถึงว่าที่เลือกซื้อช็อคโกแลตยี้ห้อโปรดที่ตัวเองชอบกิน

   “ก็ได้ครับ อาปันให้น้องเรน” ปัญญวัฒน์ส่งช็อคโกแลตคืนให้เด็กชาย

   “เดี๋ยวเรนแบ่งให้กินนะคับ” เจ้าตัวแกะช็อคโกแลตออกมาส่งให้ปัญญวัฒน์ชิ้นนึง ก่อนเดินไปหาสุนทรีพร้อมยื่นให้อีกชิ้นนึง

   “แล้วของพ่อล่ะครับ” ภาสวรเดินเข้ามาพร้อมถามลูกชาย

   “เรนให้การ์ดพ่อแล้วไง แบ่งให้ชิ้นนึงก็ได้” เด็กชายหยิบช็อคโกแลตยื่นให้ภาสวรชิ้นนึง เขาให้การ์ดแล้วยังมาขอเพิ่มอีก แต่พ่อให้ของเล่นเขาเขาแบ่งให้พ่อชิ้นนึงก็ได้

   “ขอบคุณครับ” ภาสวรยิ้มให้ลูกชายก่อนมองไปยังปัญญวัฒน์ที่หยิบกล่องดอกกุหลาบขึ้นมาดู เขาดีใจที่ลูกชายให้ดอกไม้กับชายหนุ่ม ตอนแรกคิดว่าจะเอาไปให้เพื่อนที่ห้องเสียอีก

   “สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับปัน” ภาสวรเอ่ยขึ้นเบาๆพอให้ปัญญวัฒน์ได้ยินพร้อมทั้งยื่นกล่องปากกาที่เตรียมไว้ให้ชายหนุ่มก่อนหันไปมองว่ามีใครเห็นไหม โชคดีที่เด็กชายพูดคุยกับสุนทรีอยู่แถมยังอวดสติ๊กเกอร์ที่ได้ให้ดูอีก

   “สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับพี่ภาค” ปัญญวัฒน์หยิบปากกาสลักชื่อขึ้นมาดูก่อนยิ้มให้ภาสวร เขาไม่ได้เตรียมของขวัญให้ใครเลยในวันวาเลนไทน์ เห็นทีคงต้องหาของขวัญตอบแทนในวันที่ 14 มีนาคมเสียแล้ว

   เสียงหัวเราะของเด็กชายดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศความสุขที่อบอวลไปทั่วห้อง แต่ละคนมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า นี่แหละวันที่หัวใจทุกดวงมีความสุขในวันแห่งความรัก วันแห่งความสุขของทุกคน


******************************

Happy Valentine’s Day

ขอให้ความรักเบ่งบานรอบตัวคุณวันนี้และทุก ๆ วัน สุขสันต์วันวาเลนไทน์


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด