This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ / ตอนที่ 27 (End) [6/05/62] P.5  (อ่าน 38805 ครั้ง)

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ

สารบัญ
(ความรักนี้มีกามเทพ)
ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3
ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6
ตอนที่ 7   ตอนที่ 8   ตอนที่ 9
ตอนที่ 10  ตอนที่ 11  ตอนที่ 12
ตอนที่ 13  ตอนที่ 14  ตอนที่ 15
Special#1.Valentine
ตอนที่ 16   ตอนที่ 17  ตอนที่ 18
ตอนที่ 19  ตอนที่ 20   ตอนที่ 21
ตอนที่ 22  ตอนที่ 23  ตอนที่ 24
ตอนที่ 25 ตอนที่ 26  ตอนที่ 27 (End)

-----------------------
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย ได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann  (#ความรักนี้มีกามเทพ)
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2019 11:36:06 โดย sira_nann »

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอน 1   

   หญิงสาวผิวขาวตาโต สวยสะดุดตา ยืนหน้าบอกบุญไม่รับ ทำให้ผู้มาใหม่ยิ้มแหยๆ ก่อนเอ่ยขึ้น

   “พี่ปา ปันขอโทษ”

   “มาสายนะเรา นัดพี่ไว้กี่โมงคะคุณปัญญวัฒน์” ประโยคนั้นทำให้ชายหนุ่มที่มาใหม่หัวเราะออกมาเก้อๆ

   “รถติดมาก แถมไม่มีแท็กซี่เลยอ่ะ อย่าโกรธปันเลยนะพี่ปา ปันขอโทษ” ชายหนุ่มผิวขาว ตาโต ปากแดง สูง 177 ซม ค่อนข้างผอม ยืนเกาะแขนอ้อนวอนพี่สาวให้หายโกรธ เป็นภาพที่เรียกรอยยิ้มให้กับคนที่พบเห็นได้ไม่ยาก

   “ไม่เป็นไร พอดีมีเด็กที่ผู้ปกครองยังไม่มารับอยู่คนนึง” ปาลิดาที่ตอนนี้หน้าบูดอยู่ แม้ว่าจะดีขึ้นกว่าตอนแรกพบแล้วก็ตาม

   “โห นี่มัน 5 โมงกว่าแล้ว ยังมีคนสายกว่าปันอีกเหรอเนี่ย” ปัญญวัฒน์พยายามพูดติดตลกให้พี่สาวขำ แต่ดูเหมือนว่าพี่สาวจะไม่ขำด้วย เขาควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้พี่อารมณ์เสียเพิ่มขึ้นอีก

   “แล้ว ไหนลูกศิษย์พี่ปา”

   “นั่งอยู่ที่ชิงช้าทางโน้นไง” ชายหนุ่มมองตามมือพี่สาวที่ชี้ไปที่เด็กชายตัวน้อยนั่งเงียบๆอยู่ที่ชิงช้าโดยไม่แกว่งไกว

   “พี่ชวนไปทานขนมก็ไม่ยอมไป ปันมาก็ดีแล้วช่วยพี่หน่อย” ปัญญวัฒน์พยักหน้าก่อนเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งบนชิงช้าใกล้ๆเด็กน้อย

   ปาลิดามองชายหนุ่มตรงหน้า ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังเป็นเด็กชายตัวน้อยของเธอเสมอ ภาพชายหนุ่มที่พูดจ๋อยๆโดยมีเด็กชายยื่นมือมาปิดปากอย่างจะขอแย่งพูดบ้าง ทำให้หญิงสาวขบขันแกมแปลกใจ

   “ฝากน้องเรนไว้กับปันแป๊บนึงนะ พี่ขอเข้าไปเก็บของ แล้วจะรีบออกมา” ปาลิดาพูดกับน้องชายเมื่อเห็นทั้งคู่เดินไปนั่งที่ม้าหิน ปัญญวัฒน์พยักหน้ารับคำเสียงที่สั่งราวกับเขาเป็นลูกศิษย์อีกคน

   “น้องเรนครับอยู่กับพี่ปันก่อน อย่าดื้อกับพี่นะครับ เดี๋ยวครูมา” เสียงคล้ายๆปลอบโยนหันมาพูดกับเด็กชายแก้มแดงใสที่ตอนนี้นั่งบนตักน้องชายเธออย่างสนิทสนม ปาลิดามองเด็กชายเรนที่พยักหน้าหงึกๆเลียนแบบชายหนุ่มตรงหน้าได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนก็อดหัวเราะไม่ได้

   “เอ นี่ครูต้องฝากพี่ปันไว้กับน้องเรน หรือจะฝากน้องเรนดูแลพี่ปันดีเนี่ย”

   “เดี๋ยวน้องเรนดูแลพี่ปันเองครับ” เด็กชายเรนบอกคุณครูอย่างแข็งขัน ทำให้ปัญญวัฒน์อดที่จะฟัดร่างป้อมๆอย่างมันเขี้ยว ทำให้เด็กชายส่งเสียงกรี๊ดๆหัวเราะอย่างสนุกสนาน

   ปาลิดามองภาพนั้นก่อนที่จะยิ้มออกมา ดูท่าเธอไม่ต้องเป็นห่วงทั้งคู่แล้ว เพราะเด็กชายเรนที่ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้า ดูเหมือนว่าจะถูกชะตากับน้องชายเธอเสียมากๆเลยทีเดียว

   ปัญญวัฒน์มองนาฬิกาข้อมืออดที่จะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้ นี่มันหกโมงเย็นแล้ว น้ำผลไม้และขนมหวานบนโต๊ะที่พี่สาวเขายกมาก็หมดไปแล้ว เด็กชายเรนก็ง่วนกับกระดาษและสีไม้กล่องใหญ่ ชายหนุ่มจึงเลี่ยงมานั่งข้างพี่สาว

   “พี่ปา น้องเรนต้องอยู่เย็นๆแบบนี้บ่อยเหรอ”

   “ก็เป็นบางครั้ง แต่ว่าทุกครั้งที่มาช้า คุณพ่อน้องเรนก็โทรมาบอกนะ” ปาลิดากระซิบบอกน้องชายก่อนที่ชะงัก เมื่อเห็นเด็กชายเรนถือกระดาษวาดรูปเดินมานั่งตักปัญญวัฒน์

   “พี่ปันค๊าบ ดูรูปที่เรนวาดสิครับ” ปัญญวัฒน์ยกร่างเล็กๆนั่งให้เรียบร้อย ก่อนก้มลงมองกระดาษในมือเด็กชาย

   ”ไหนครับ โอ้โห สวยจังเลย น้องเรนวาดเก่งจังครับ” เสียงตื่นเต้นทำให้เด็กชายตาเป็นประกายด้วยความยินดี

   “นี่เรนคับ” นิ้วป้อมๆชี้ไปตามรูป

   “นี่คุณพ่อ” ปัญญวัฒน์มองตามไปยังรูปผู้ชายใส่ชุดสีดำแขนยาว น่าจะเป็นเสื้อสูท

   “นี่คุณแม่ครับ” ภาพผู้หญิงผมยาวใส่ชุดสีชมพู แม้จะดูผิดส่วนแถมมีรอยลบมากมาย ดูก็รู้ว่าเด็กชายตั้งใจวาดรูปนี้เป็นพิเศษ

   “คุณแม่น้องเรนสวยจังเลยครับ” เด็กชายยิ้มรับคำชม ก่อนที่จะลงจากตักวิ่งกลับไปยังกองกระดาษและกล่องสีที่วางระเกะระกะอยู่

   “เดี๋ยวเรนวาดให้พี่ปันด้วยนะครับ” เด็กชายบอกก่อนก้มหน้าวาดภาพต่อ

   “ปกติ น้องเรนไม่ค่อยคุยกับใครแบบนี้หรอกนะ” ปาลิดาหันมาพูดกับน้องชาย ปัญญวัฒน์หันมามองพี่สาวด้วยความประหลาดใจ

   “ไม่น่าเชื่อ ดูแล้วไม่น่าเป็นเด็กเก็บตัวนี่นา” ปาลิดามองเด็กชายที่ดูจะมีความสุขกับการวาดภาพเป็นหนักหนา

   “เท่าที่พี่รู้ ดูเหมือนน้องเรนจะมีปัญหาเรื่องการเข้ากับผู้อื่น เพราะแกไม่มีแม่ แล้วพ่อก็ดูยุ่งๆ”

   ปัญญวัฒน์นิ่งไปเมื่อรู้ความจริงข้อนี้ สายตาที่มองเด็กชายดูเหมือนว่าจะอ่อนโยนเพิ่มมากขึ้น

   “น้องเรนยังโชคดีที่ยังมีพ่อเหลืออยู่” ไม่เหมือนกับเขา ที่ไม่เหลือทั้งพ่อและแม่แล้ว ประโยคหลังนี่เขาได้แต่คิดในใจ แต่ดูเหมือนว่าพี่สาวของเขาจะเข้าใจ ปาลิดาโอบกอดน้องชายคนเดียวไว้ราวกับปลอบประโลม ปัญญวัฒน์คงหวนคิดถึงตัวเอง ตอนที่พ่อกับแม่พวกเราประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ปัญญวัฒน์เพิ่งจะเข้า ม.1 ส่วนตัวเธอขึ้น ม.6 โชคดีที่พี่ชายของพวกเราเรียนจบ ปริญญาโทจากต่างประเทศกลับมาพอดี แม้จะขรุขระบ้างแต่ พี่ชายของเธอก็บริหารงานของทางบ้านและดูแลพวกเรามาตลอด จนตอนนี้น้องชายคนเล็กก็เรียนจบปริญญาตรี

“ปันโชคดีกว่าน้องเรนตรงที่อายุมากพอที่จะเข้าใจการสูญเสีย แต่น้องเรนยังเด็ก ขาดแม่แถมพ่อยังไม่ค่อยมีเวลา เด็กวัยนี้ต้องการความรัก ความอบอุ่นและการเอาใจใส่ของพ่อแม่มากนะ” ปาลิดาบอกน้องชาย ช่วงวัยแรกเกิดถึงอายุเจ็ดปีแรกเป็นช่วงเวลาที่เด็กต้องการความรักและการดูแลของพ่อแม่เป็นที่สุด

   “....”

“เด็กเป็นผ้าขาว แต่บางครั้งก็มีเรื่องเศร้าที่คาดไม่ถึงซ่อนอยู่” ปาลิดาลูบหัวปลอบน้องชาย เมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่งเงียบไป

“ปา ปัน นี่ยังไม่กลับอีกเหรอ” เสียงทักทายที่มาจากด้านหลังทำให้ทั้งคู่หันไปมอง

“แล้วพี่เปรมล่ะ ปาคิดว่ากลับไปพร้อมน้องฟ้าแล้ว”

“พี่เพิ่งประชุมเสร็จ ส่วนน้องฟ้าพลอยพากลับบ้านไปแล้วเห็นว่าจะแวะไปบ้านคุณตาคุณยาย พวกท่านอยากเอาหลานไปนอนด้วย แล้วเราไปสัมภาษณ์งานเป็นยังไงบ้าง” เปรมณัชบอกน้องสาวก่อนหันมาถามน้องชายคนเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน ความจริงเขาก็กำลังจะกลับบ้านแล้วถ้าไม่เห็นรถน้องสาวที่ยังจอดอยู่ทั้งที่บอกว่าจะไปทานข้าวกับน้องชายคนเล็ก เขาจึงเดินมาหา
เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอด เรียกความสนใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะเด็กชาย ที่ทิ้งข้าวของตรงหน้าแล้ววิ่งออกไปยังรถที่จอดอยู่ ภาพชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ที่โอบอุ้มเด็กชายเรนไว้ในอ้อมแขน ก่อนที่จะก้มหอมแก้มยุ้ยๆนั่น ทำให้ปัญญวัฒน์ตาโตด้วยความตกใจ

เด็กชายดิ้นออกจากอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ ก่อนที่จะกึ่งลากกึ่งจูงผู้เป็นพ่อเข้ามาใกล้ๆ คุณครูและชายหนุ่มอีกสองคนยืนอยู่ ปาลิดาและปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ทักทาย ชายหนุ่มก็ยกมือรับไหว้พร้อมทั้งไหว้เปรมณัชที่ดูอายุมากกว่า เปรมณัชก็รับไหว้เขาเช่นเดียวกัน

“ขอบคุณคุณครูที่ช่วยดูแลนายเรน แล้วต้องขอโทษคุณครูด้วยที่มาช้าไปมากเลยทีเดียว” ภาสวรเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจครูประจำชั้น อนุบาลหนึ่ง

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“เรนเป็นเด็กดีคับ” เด็กชายแย่งพูดทันควัน ก่อนเดินไปจับมือของปัญญวัฒน์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาว

“ไม่เชื่อ พ่อลองถามพี่ปันดูสิคับ เรนช่วยคุณครูดูแลพี่ปันแถมยังเล่นเป็นเพื่อนพี่เค้าด้วยคับ” คำพูดของเด็กชาย ทำให้ปัญญวัฒน์อยากหายวับไปจากตรงนี้

ภาสวรหันไปมองคนตัวเล็กที่ยืนก้มหน้านิ่งแล้วอดที่จะขำไม่ได้

“น้องเรนช่วยคุณครูดูแลพี่คนนี้ด้วยเหรอครับ” เสียงที่กลั้วหัวเราะของภาสวรทำให้ปัญญวัฒน์หน้าแดง ไม่มีอะไรน่าขำเลย คนตัวเล็กกว่าอดที่จะพาลไม่ได้

“งั้นผมขอลากลับก่อนนะครับ น้องเรนสวัสดีคุณครูก่อนเร็ว” เด็กชายยกมือไหว้ลาคุณครู พร้อมโบกมือลาให้เพื่อนเล่นตัวโต

“เป็นอะไรเรา คิดถึงเพื่อนเล่นตัวน้อยเหรอ เอาน่าพรุ่งนี้วันหยุดไปเล่นกับน้องฟ้าซิ ” เปรมณัชเอ่ยแซวน้องชายที่ทำหน้าหงอยตอนที่รถพ่อน้องเรนแล่นออกไป

“นั่นสิเป็นอะไร เจอหน้าหนุ่มหล่อถึงกับเงียบไปเลย” ปาลิดาเอ่ยแซวน้องชายอย่างขำๆ แต่ปัญญวัฒน์ยังคงทำหน้าตาหงอยๆอยู่

“ใช่ที่ไหนล่ะพี่ปา” ปัญญวัฒน์ถอนหายใจ จริงอยู่ที่ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับไปจัดว่าหน้าตาและท่าทางดีมากๆ แต่ที่เขาอึ้งไม่ใช่เรื่องนี้

“พี่ปา ทำไมโลกมันกลมจังเลยพี่” เสียงที่เอ่ยอย่างปลงๆของน้องชายทำให้พวกพี่ๆมองหน้ากันอย่างงงๆ

เปรมณัชมองน้องชายที่ทำหน้าอย่างจะเป็นจะตายอย่างสงสัย หากแต่ยังไม่ทันเอ่ยถาม ปัญญวัฒน์ก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“ปัน น่าจะไม่ได้งานที่เพิ่งไปสัมภาษณ์มาแล้วอ่ะ”

“อ้าว ทำไม” เสียงของพี่สาวและพี่ชายพูดขึ้นมาพร้อมกัน คราวนี้พวกพี่ๆของชายหนุ่มเริ่มงงขึ้นมาจริงๆ

“ก็ ปันไปสัมภาษณ์งานที่บริษัท... แล้วถ้าได้ปันจะได้เป็นผู้ช่วยคุณภาสวรเจ้าของบริษัทคนนี้แหละ”

ปัญญวัฒน์มองหน้าพวกพี่ๆที่ทำท่าเหมือนไม่เชื่อ

“ปันถึงบอกไง ว่าโลกมันกลมน่ะ”

“เอาน่าอย่าเพิ่งคิดมาก ไหนๆเราก็อยู่กันพร้อมหน้าพี่น้องแล้ว ไปหาอะไรกินดีกว่า เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” เปรมณัชตบบ่าน้องชายเบาๆเพื่อปลอบใจ

“อ้าว แล้วอย่างนี้พลอยไม่รอพี่เปรมทานข้าวเหรอ” ปาลิดาเอ่ยถาม

“อ๋อ พลอยพาน้องฟ้าไปทานกับคุณตาคุณยายแล้ว คราวนี้เหลือพวกเรา 3 คนนี่แหละ”

“ได้ค่ะ งั้นไปรถพี่เปรมเลยแล้วกัน เดี๋ยวรถปาจอดทิ้งไว้ที่โรงเรียน” ปาลิดาบอกก่อนเก็บข้าวของเดินไปยังที่จอดรถ
ร้านอาหารขนาดใหญ่ผู้คนพลุกพล่านทำให้ปัญญวัฒน์รีบเดินตามพี่ชายเข้าไปในร้าน

“คนเยอะจังเลย” ปาลิดาที่เดินตามมาทีหลังเอ่ยออกมา

“ร้านนี้ดังมากเลยนะ อาหารก็อร่อย พาลูกค้ามาประจำ” เปรมณัชยื่นเมนูที่พนักงานมาวางก่อนเดินออกไปให้น้องๆดู

“ขาหมูเยอรมันร้านนี้อร่อย ปลาที่นี่ก็สดนะ” พี่ชายตัวโตเมื่อเห็นน้องชายตัวเล็กก้มมองเมนู

“พี่เปรมสั่งเลย ปันทานได้หมด เมนูแนะนำนี่น่าทานหลายอย่างเลยอ่ะ” ปัญญวัฒน์พลิกดูภาพอาหารน่าอร่อยชวนน้ำลายสอ

“แล้วปาล่ะสนใจทานอะไร” เปรมณัชหันมาถามน้องสาวที่มองเมนูหน้าปิ้งย่าง

“กุ้งเผาค่ะ ดูน่ากิน” หญิงสาวเอ่ยถึงของโปรด

เปรมณัชกวักมือเรียกพนักงานในร้าน ก่อนสั่งอาหารหลายอย่าง พร้อมเบียร์สดและน้ำมะพร้าวให้น้องทั้งสอง

“ปัน ถ้าหางานไม่ได้ ไปเรียนต่อปริญญาโทไหม หรือไม่ก็มาช่วยพี่ทำงาน” เปรมณัชเอ่ยขึ้นระหว่างที่รออาหาร เขาอยากให้น้องชายเรียนต่อ ดูอย่างปาลิดา จบปริญญาตรีทางด้านคุรุศาสตร์ ยังต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศทางด้านจิตวิทยาเด็ก

“ปันไม่รู้เรื่อง ไอที แถมงานที่โรงเรียนยิ่งแย่ไปกันใหญ่ แล้วอีกอย่างปันไม่รู้เรียนต่ออะไร” ปัญญวัฒน์ส่ายหัวปฏิเสธ เขาจบเศรษฐศาสตร์มาคงไปทำงานเกี่ยวกับดูแลระบบคอมพิวเตอร์ไม่ได้ ไหนจะงานที่โรงเรียนก็ไม่ได้เรียนครูมาเหมือนกัน

“ปันรู้ไหม ทุกๆที่คนที่จบเศรษฐศาสตร์ทำงานได้ ขนาดที่บ้านยังใช้เศรษฐศาสตร์เลยนะ น่าจะเคยได้เรียนนะ เศรษฐศาสตร์ในครัวเรือน” ปาลิดาบอกเมื่อเห็นว่าน้องชายปฏิเสธ

“ถูก ปันสามารถมาดูแลฝ่ายการเงินและบัญชีบริษัทได้ หรือไม่ก็อยู่ฝ่ายวางแผน ทำได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่ว่าเราจะทำไหม ส่วนเรื่องเรียนต่อ ค่อยๆดูไปว่าเราสนใจด้านไหน จะเรียนอะไรพี่ไม่ห้ามหรอก” เปรมณัชเอ่ยขึ้น ความจริงน้องชายเขาไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองไปหางานที่อื่นทำก็ได้ หรือถ้าน้องของเขาสนใจทำธุรกิจของตัวเองเขาก็สนับสนุน

“ปันอยากหาประสบการณ์ดูก่อน นะพี่เปรมนะ ขอปันสมัครงานดูก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ปันจะมาช่วยพี่นะ”

“เออๆ ไอ้ขี้อ้อนเอ๊ย” เปรมณัชขยี้ผมน้องชายเบาๆ

“ปาชักสงสัยแล้วซิ ว่าปันเป็นน้องชายพี่เปรมหรือลูกชายคนโตของพี่เปรมกันแน่ ตามใจจัง” ที่ปาลิดาสงสัยก็ไม่แปลก เพราะพลอยลดาภรรยาเขาก็เคยแซวเขาเหมือนกัน อาจเพราะอายุห่างกัน 12 ปี พอพ่อแม่เสียเขาต้องมาดูแลน้องๆ ปาลิดาไม่น่าห่วงเท่าปัญญวัฒน์ เพราะด้วยวัยรุ่น ช่วงต่อต้านทำให้เขาใส่ใจน้องเป็นพิเศษ โชคดีที่น้องชายเขาไม่เกเร อาจเพราะกลุ่มเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก แถมพ่อแม่เป็นเพื่อนกัน บ้านก็อยู่ใกล้กัน ลูกเลยเรียนที่เดียวกัน จะว่าไปช่วงแรกๆที่เสียพ่อแม่ไป ก็ได้พวกเพื่อนพ่อแม่ช่วยดูแลและสอนงานเขา จะว่าไปพลอยลดาเองก็เป็นเพื่อนสนิทกับปาลิดา และเป็นพี่สาวของวรภัทร เพื่อนสนิทปัญญวัฒน์ อีกด้วย


*********************
สวัสดีค่ะ
ฝากนิยายเรื่องแรกด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2018 13:07:19 โดย sira_nann »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

เราลุ้นว่าจะได้งานนะ อิอิ

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
น้องคนเล็ก ที่พี่ๆ รุมรัก >< แต่น้องเล็กของบ้านคงน่าจะได้งานแหละค่ะ
เขาว่าโลกใบนี้มันกลม เนาะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 2

“อาปัน อาปัน” ปัญญวัฒน์ดึงผ้าห่มคลุมถึงศีรษะ ใครกันมาเอะอะแต่เช้า

ปัง ปัง

“อาปัน ตื่นได้แล้วค่า” เสียงตบประตูพร้อมเสียงตะโกนเรียกดังขึ้นไม่ลดละ

“อื้อ” ปัญญวัฒน์ลุกขึ้นมานั่งอย่างงงพยายามสลัดความง่วงออกไป ก่อนหรี่ตามองนาฬิกาปลุกที่วางบนโต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียง เจ็ดโมงห้าสิบ! นี่มันวันเสาร์จะรีบตื่นไปไหนกัน

“อาปัน ตื่นหรือยังคะ”

“ตื่นแล้ว ตื่นแล้วจ้า” ปัญญวัฒน์ไปเปิดประตูก่อนหันหลังเดินกลับไปล้มตัวนอนคว่ำบนเตียง

“อาปัน น้องฟ้าหิวแล้ว” เด็กหญิงอิงฟ้าปีนขึ้นบนเตียงเขย่าแขนปัญญวัฒน์เบาๆ

“อ้าว แล้วคุณพ่อคุณแม่เราล่ะไปไหน” ปัญญวัฒน์ถามโดยไม่ยอมลืมตาขึ้น

“รอ อยู่ข้างล่างเมื่อไหร่จะลุกสักที” เสียงห้าวๆดังขึ้นแทนที่เสียงเล็กๆของหลานสาว ทำให้ปัญญวัฒน์ลืมตาหันไม่มอง

“ไอ้ภัทร มึ- เออ มาทำไมแต่เช้า” ปัญญวัฒน์เกือบหลุดคำพูดที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าเด็กหญิง หลานสาวเป็นคนช่างจำ เคยได้ยินที่เขาคุยกับเพื่อนแล้วเอาไปพูดกับพ่อและแม่ ทำให้เขาเจอพวกพี่ๆบ่นไปหลายวัน

“เมื่อคืนน้องฟ้านอนที่บ้าน เราโดนปลุกตั้งแต่เช้าขอให้พากลับบ้าน นายก็ตื่นได้แล้วมีปาท่องโก๋กับโจ๊กด้วย” วรภัทรเองก็ยังไม่ชินที่จะคุยกับเขาต่อหน้าหลานสาวเหมือนกัน

“โห นี่ไปตลาดมาแล้วด้วย”

“เปล่า ป้านุชกับพี่แก้วเพิ่งออกไปซื้อ เร็ว พวกพี่ๆรอทานข้าวเช้าอยู่” วรภัทรบอก แค่ตื่นพาหลานสาวมาส่งบ้านแล้วกะว่าจะกลับไปนอนต่อ แต่พี่สาวของเขาบอกว่าให้รอทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนเพราะเพิ่งบอกให้ป้านุชซึ่งเป็นแม่บ้านและพี่แก้ว ผู้เป็นหลานสาวไปตลาดซื้อโจ๊กกับปาท่องโก๋เจ้าอร่อยที่เขาชอบกินมาให้

“เออ ไม่เกินสิบนาที เดี๋ยวอาปันอาบน้ำแล้วจะรีบตามลงไป” ปัญญวัฒน์คุยกับเพื่อนก่อนที่จะก้มบอกหลานตัวน้อย

“ค่ะ อาปันรีบมาเร็วๆนะคะ น้องฟ้าจะรอไม่แอบกินก่อนค่ะ” เด็กหญิงอิงฟ้ายิ้มกว้างตอบก่อนลงจากเตียงเดินตามน้าชายออกไป

หลังจากที่ทานอาหารเช้าแล้วปัญญวัฒน์ว่าจะกลับขึ้นไปนอนต่อ แต่วรภัทรดันลากเขามาที่บ้านของศรัณที่อยู่ไม่ไกล หลังจากที่ทราบว่าอีกฝ่ายอยู่บ้านเพิ่งกลับมาจากการเข้าเวร โดยไม่ลืมที่จะโทรปลุกนาวินให้มาสมทบด้วย หมู่บ้านที่พวกเขาอยู่เป็นโครงการของบริษัทพ่อนาวินมีทั้งบ้านและที่ดินเปล่าขาย ซึ่งมีเพื่อนๆของเจ้าของโครงการมาซื้อและจับจองกัน หนึ่งในนั้นคือพ่อของเขา ซื้อบ้านและที่ดินเปล่าเพิ่มอีก 2 แปลง เผื่อสำหรับลูกที่สร้างครอบครัวของตัวเองจะได้อยู่ใกล้กัน พี่ชายของเขาก็ปลูกบ้านในที่ที่ติดกับบ้านของพ่อแม่ แม้วันนี้ท่านไม่อยู่แล้วแต่เขากับพี่สาวก็ยังอยู่บ้านเดิม

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมตื่นเช้ากันจัง” นาวินที่เพิ่งมาถึงเอ่ยถามขึ้นก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟารูปตัวแอลหัวแทบชนเจ้าของบ้านที่นอนอยู่ก่อน

“มะรืนนี้กูจะบินไปเรียนแล้ว พวกมึงไม่คิดอยากจะเจอกูเลยเหรอ”

“อย่าเพิ่งดราม่าไอ้ภัทร กูเพิ่งลงเวรมาตาจะปิดอยู่แล้ว” ศรัณขัดขึ้นก่อนที่วรภัทรจะคร่ำครวญไปมากกว่านี้

“ได้ข่าวว่ามึงไปแค่ 6 เดือนไม่ใช่เหรอ” นาวินอดที่จะแขวะเพื่อนตัวเล็กไม่ได้

“ไอ้ปัน เมื่อวานไปสัมภาษณ์งานเป็นไงบ้าง” คำถามของนาวินทำเอาปัญญวัฒน์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เพื่อนๆฟัง พร้อมทั้งสรุปว่าเขาอาจจะปิ๋วบริษัทนี้ไปแล้ว

“มึงใจเย็นก่อน เขาอาจจะรับมึงเข้าทำงานก็ได้นะ เห็นว่าสนิทกับลูกเขาไง”

“ช่วยได้มากเลยนะไอ้ภัทร เด็กสามขวบนี่นะ” ปัญญวัฒน์กุมขมับเพื่อนเขาคิดได้ไงว่าใช้เส้นเด็กสามขวบเข้าทำงานได้

“เฮ้ย ไม่แน่นะ มึงอาจได้งานก็ได้ มีเยอะไปได้งานเพราะถูกชะตา” ศรัณคุณชายหมอที่นอนเหยียดยาวเอ่ยขึ้น

“ไอ้รัน แน่ใจนะว่ามึงเรียนหมอรักษาคนน่ะ” นาวินท้าวแขนหันมามองเพื่อนที่คบมาตั้งแต่เด็กอย่างไม่เชื่อถือ

“กูเรียนมาทางด้านรักษาคน แต่เรื่องแบบนี้เชื่อไว้ก็ไม่เสียหายหรอก ดูแม่กูซิขนาดทำบุญโรงพยาบาลยังไปหาพระดูวันทำพิธี จะว่าไปก็แม่มึงนั่นแหละที่พาไปไอ้วิน” ปัญญวัฒน์อดที่จะขำศรัณไม่ได้ ทั้งๆที่บ้านมันเป็นหมอตั้งแต่พ่อ พี่ชาย ตัวมันและตอนนี้น้องมันก็เรียนหมออยู่ปี 3 ไม่น่าจะมาแนวนี้ได้เลย

“แม่กูเขาชอบทางนี้ แต่ว่ามึงนี่ซิ ไหนบอกว่าเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ไง” นาวินเองก็ยอมรับแม่ของเขาเองก็ไม่ต่างจากแม่เพื่อน สมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน

“ถ้าหางานทำไม่ได้ ปันสนใจเรียนต่อไหม เดี๋ยวเราจะดูยูให้” เสียงหวานๆเรียกความสนใจจากทุกคนให้หันไปมอง คนที่อยู่ในโทรศัพท์ของวรภัทร คือ นาราน้องสาวฝาแฝดของนาวินที่ตอนนี้ไปศึกษาในระดับปริญญาโทที่อเมริกา เธอคือสาวสวยหนึ่งเดียวในกลุ่มของเรา

“เราเองก็อยากเรียนต่อนะนา แต่ไม่รู้จะต่อทางด้านไหนดี เลยว่าจะหางานทำหาประสบการณ์ก่อนที่จะเรียนต่อน่ะ” ปัญญวัฒน์บอกในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจจะทำ ตัวเขาเองไม่เหมือนนาราที่รู้ว่าตัวเองตัองการอะไร

“ค่อยๆคิดค่อยๆหา อย่ากดดันตัวเองมากนัก เกรดของปันก็สูงอยู่เดี๋ยวบริษัทอื่นก็เรียกตัวไปสัมภาษณ์เองแหละ เดี๋ยวเราขอตัวไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้มีนัดแต่เช้า” พูดจบเจ้าตัวก็ตัดสายไป ทำเอาเพื่อนๆได้แต่มึน

“เราเองก็คิดแบบเดียวกับนา ค่อยๆหางานไป ไม่ต้องรีบ” วรภัทรพยายามปลอบใจ ความจริงแล้วปัญญวัฒน์จบออกมาด้วยเกียรตินิยมอันดับสองไม่ยากที่จะหางานทำ


                                                             ---- a little cupid ----


“อาปัน หนูอยากกินติม” เด็กหญิงอิงฟ้ามองหน้าปัญญวัฒน์ด้วยความหวัง

“ได้ค่ะ แต่ต้องทานข้าวก่อนนะคะ น้องฟ้าอยากทานอะไร” ปัญญวัฒน์ถามเด็กหญิงตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากบ้านนัก

“เอาอันนี้ก็ได้” ปัญญวัฒน์มองตามที่เด็กหญิงชี้ เซตอาหารญี่ปุ่นสำหรับคุณหนู เขาจึงพาเด็กหญิงเข้าไปในร้าน หลังจากที่สั่งอาหารแล้ว ปัญญวัฒน์มองเด็กหญิงอิงฟ้าที่กำลังระบายสีอย่างตั้งใจ

“อาปันขา คุณแม่จะเป็นอะไรไหมคะ” เด็กหญิงหันมาถามอาหลังจากที่ระบายสีเสร็จแล้ว

“เดี๋ยวเย็นนี้คุณแม่ก็กลับมาแล้วค่ะ คุณแม่เหนื่อยนิดหน่อย” ปัญญวัฒน์ตอบพลางลูบผมหลานสาวไปด้วย หลังจากที่กลับมาจากบ้านศรัณ ชายหนุ่มเจอเด็กหญิงนั่งเล่นตุ๊กตากับพี่แก้ว พอเห็นเขาก็วิ่งเข้ามากอดบอกว่าแม่ไม่สบายล้มลงขณะที่ทำขนม พ่อของเธอจึงรีบพาไปหาหมอ เมื่อเขาโทรไปสอบถามพี่ชาย ก็ได้รับข่าวดีว่าเด็กหญิงอิงฟ้ากำลังจะมีน้อง พี่ชายขออย่าเพิ่งบอกหลานให้แม่ของเด็กหญิงมาบอกเอง ปัญญวัฒน์เห็นหลานดูซึมๆจึงชวนมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าฆ่าเวลาดีกว่านั่งจับเจ่าอยู่ที่บ้าน


 “เอาสองเล่มนี้นะ” เด็กหญิงพยักหน้า พร้อมทั้งหยิบหนังสือนิทานและสมุดระบายสีที่เลือกไว้ส่งให้ผู้เป็นอาไปคิดเงิน
 
“งั้นไปกันเลย” หลังจากที่ทานอาหารเสร็จปัญญวัฒน์พาหลานสาวมาร้านหนังสือก่อนที่จะพาไปกินไอศกรีมตามสัญญา

“พี่ปัน” เสียงเล็กๆเรียกชื่อเขา ทำให้ปัญญวัฒน์หันไปมอง ร่างป้อมๆกลมๆวิ่งโถมเข้ามาหา

“น้องเรน มายังไงครับ” ปัญญวัฒน์จับร่างป้อมเอาไว้ ก่อนเงยหน้ามองหา เห็นภาสวรกำลังเดินตรงมา

“เรนมากินอายติม พี่ปันไปกับเรนน้า”

“นี่อาปันของเรา ตัวเป็นใครกัน” ก่อนที่ปัญญวัฒน์จะพูดกับเด็กชาย เด็กหญิงอิงฟ้าก็ดึงมือของเขาให้ห่างออกมา

“เราชื่อเรน เป็นเพื่อนกับพี่ปัน” เด็กชายเรนมองเด็กหญิงมัดแกละที่อยู่ตรงหน้าก่อนเข้ามาเกาะแขนปัญญวัฒน์อีกข้างอย่างไม่ยอมแพ้

“สวัสดีครับคุณภาสวร” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ทักทายชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้ พลางสะกิดหลานสาว ซึ่งเด็กหญิงเองไม่ทำให้ผู้เป็นอาเสียหน้า

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับคุณปัน แล้วนี่ใครกันเอ่ย” ภาสวรทักทายชายหนุ่มก่อนหันมาทักทายเด็กหญิงตัวน้อย

“หนูชื่ออิงฟ้าค่ะเป็นหลานอาปัน แล้วคุณลุงเป็นใครคะ” เด็กหญิงเงยหน้าถามผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้า

“ลุงชื่อภาคเป็นพ่อน้องเรนครับ น้องเรนครับพ่อบอกแล้วอย่าวิ่งไงครับ ถ้าพลัดหลงกับพ่อจะทำยังไง” ภาสวรนั่งคุกเข่าเพื่อจะได้อยู่ในระดับเดียวกับเด็กๆก่อนบอกเด็กหญิงแล้วหันมาดุลูกชาย เขาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

“เรนแค่อยากมาหาพี่ปัน” เด็กชายเรนพูดเสียงอ่อยพร้อมทั้งเข้ามากอดพร้อมซบลงบนไหล่อ้อนผู้เป็นพ่อ

“อยากมาหาพี่ปันก็ต้องบอกพ่อ เดี๋ยวพ่อพามาเอง เข้าใจไหมครับ” ภาสวรบอกลูกชาย

“คับ”

“แล้วนี่คุณกับน้องอิงฟ้ามาเที่ยวกันเหรอครับ” เมื่อคุยกับลูกชายจนเข้าใจดีแล้ว ก็หันมาสนใจปัญญวัฒน์ที่ยืนอยู่

“อาปันพาหนูมากินติมค่า” เด็กหญิงอิงฟ้าตอบคุณลุงตรงหน้าแทน

“งั้นไปทานด้วยกันไหม”

“จะดีเหรอครับ คือผมเกรงใจ” ปัญญวัฒน์อยากไปทานกับหลานสาวสองคนมากกว่า

“พี่ปัน ไปกันนะ” เด็กชายเรนคว้ามือปัญญวัฒน์ไปจับพร้อมฉุดให้ไปกับเขา

“ไปเร็ว เด็กๆอยากกินไอติมจะแย่แล้วใช่ไหมคะน้องอิงฟ้า”

“ค่ะ” เด็กหญิงรีบตอบก่อนจูงมืออาให้เดินตามเพื่อนใหม่ไป

เด็กชายเรนกับเด็กหญิงอิงฟ้ากำลังมีความสุขกับการจ้วงตักไอศกรีมถ้วยโปรด ดูทั้งคู่จะเข้ากันได้ดีทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เด็กหญิงตัวน้อยตั้งป้อมหวงเขากับเพื่อนใหม่

“น้องฟ้าอายุเท่าไหร่แล้ว” ภาสวรที่เลือกดื่มกาแฟแทนที่จะเป็นไอศกรีมเหมือนปัญญวัฒน์และพวกเด็กๆถามขึ้น หลังจากที่เห็นปัญญวัฒน์หยิบกระดาษทิชชู่เช็ดลงไปบนปากเล็กๆของเด็กหญิงแถมยังเผื่อแผ่ไปยังลูกชายของเขาเพื่อลบคราบช็อกโกแลตออก

“สามขวบเจ็ดเดือนครับ”

“อ่อนกว่าน้องเรนสองเดือน นี่คงอยู่ชั้นเดียวกัน” ภาสวรเอ่ยขึ้นเพราะเขาเจอปัญญวัฒน์ที่โรงเรียนคงมารับหลานสาวเพื่อนร่วมชั้นของลูกชาย

“ชั้นเดียวกันแต่คนละห้อง น้องฟ้าอยู่ห้องครูอวยพรครับ” ปัญญวัฒน์บอกเพราะพี่ชายของเขาอยากให้ลูกสาวอยู่กับครูคนอื่นมากกว่าผู้เป็นอา

“อ้าวเหรอ ผมคิดว่าเรียนอยู่ห้องเดียวกัน”

“พ่อครับเรนอยากกินอีก” เด็กชายสะกิดบอกพ่อของตนก่อนมองถ้วยไอศกรีมของเด็กหญิงด้วยสายตาแวววาว

“วันนี้ทานสองก้อนแล้วครับ ไว้วันหลังพ่อพามาทานใหม่นะครับ” ภาสวรบอกลูกชายตัวน้อยที่ตอนนี้ปัญญวัฒน์กำลังใช้ทิชชู่เช็ดคราบสีน้ำตาลเข้มที่อยู่บนปากเล็กๆออก

“วันหลังทานใหม่” ปากก็พูดทวนคำของบิดาแต่สายตาก็จับจ้องไอศกรีมของเพื่อน ดูเหมือนว่าเด็กหญิงจะรู้ตัวจึงรีบทานไอศกรีมของตนให้หมดไวๆ

“น้องฟ้าไม่ต้องรีบครับ เดี๋ยวสำลัก” ปัญญวัฒน์บอกเด็กหญิง เมื่อเห็นหลานสาวทานหมดเขาจึงเช็ดคราบไอศกรีมออกให้พร้อมส่งน้ำให้เด็กหญิงดื่ม

“เดี๋ยวคุณไปไหนต่อ”

“ผมจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์ฯก่อนกลับบ้านครับ” ปัญญวัฒน์บอก เนื่องจากเขาไลน์ไปบอกพี่ชายว่าพาน้องฟ้ามาเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้า เปรมณัชเลยฝากซื้อสตอเบอรี่กับกีวีให้ภรรยา

“น้องเรนครับจะไปซื้อของกับพี่ปันและน้องฟ้าไหมลูก” ภาสวรหันมาถามลูกชายที่ตอนนี้กำลังเล่นกับเพื่อนใหม่

“ไปคับ”

“งั้นน้องเรนเดินออกไปรอพ่อกับพี่ปันก่อนนะครับเดี๋ยวพ่อไปจ่ายตังค์เขาก่อน” ภาสวรบอกพร้อมส่งมือของเด็กชายให้ปัญญวัฒน์

“นี่ครับค่าไอศกรีมของน้องฟ้ากับผม” ปัญญวัฒน์ยื่นสตางค์ไปให้ชายหนุ่ม

“ไม่เป็นไร วันนี้ผมเลี้ยงคราวหน้าคุณค่อยเลี้ยงผม” ภาสวรบอกก่อนเดินไปที่แคชเชียร์ ปัญญวัฒน์เองไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่จูงพวกเด็กๆออกไปยืนรอนอกร้าน


 “น้องเรนสวัสดีอาปันซิเราจะกลับกันแล้ว” ภาสวรบอกเด็กชายหลังจากที่เดินมาส่งปัญญวัฒน์และเด็กหญิงอิงฟ้าที่รถ

“ดีคับ” เด็กชายเรนยกมือไหว้ก่อนวิ่งเข้ามากอดชายหนุ่มที่พ่อตัวเองบอกว่าให้เรียกอาเหมือนที่เด็กหญิงอิงฟ้าเรียก

“ขอบคุณคุณภาคที่มาส่งครับ บายๆน้องเรน” ปัญญวัฒน์กอดเด็กชายแน่นๆอีกครั้งก่อนผละออก

“สวัสดีค่ะคุนอาภาค” เด็กหญิงอิงฟ้ายกมือไหว้สวัสดีภาสวร ตัวเธอเองก็โดนปัญญวัฒน์บอกให้เรียกภาสวรใหม่หลังจากที่รู้ว่าชายหนุ่มอ่อนกว่าพี่ชายเขาเกือบห้าปี

“บ๊ายบาย อาปัน บ๊ายบายน้องฟ้า” เด็กชายเรนโบกมือให้ทั้งคู่ก่อนที่พ่อของเขาจะพาเดินไปที่รถของตน เขาดีใจที่ตอนนี้เขาเป็นพี่แล้ว พ่อบอกว่าเขาอายุมากกว่าเด็กหญิงอิงฟ้า เขาจึงเป็นพี่ส่วนอิงฟ้าเป็นน้อง เด็กหญิงอิงฟ้าโบกมือให้เด็กชายก่อนปัญญวัฒน์จะสตาร์ทรถออกไป


************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย ได้ที่
Facebook : Sira_nann
Twitter : @Sira_nann

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2018 12:58:55 โดย sira_nann »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:
ช่วยใส่ตอนให้หน่อยนะ

เรื่องที่มีเด็กๆนี่น่ารักจริง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2018 13:06:27 โดย Billie »

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
ได้งานแน่นอน แต่ตำแหน่งอะไรนี่ต้องมาดูกันนนน 55555

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
น่ารักดีมีเด็กๆด้วยคงเป็นกามเทพจับคู่ให้ิซินะ ติดตาม :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 3

“คุณคะ เชิญเข้าไปข้างในได้เลยค่ะ” ปัญญวัฒน์หายใจเข้าหายใจออกยาวๆเพื่อเรียกความมั่นใจ เมื่อวานเขาได้รับโทรศัพท์ให้เข้ามาที่บริษัท

ภาพชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสูทอยู่ท่ามกลางแฟ้มเอกสารกองมหึมาที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบทั้งสองฝั่งโต๊ะทำงาน ทำให้ปัญญวัฒน์รู้สึกตัวเล็กและหวาดหวั่นไม่ได้

“เชิญนั่งครับ” เสียงห้าวๆเอ่ยปาก ก่อนที่จะส่งยิ้มให้เมื่อเห็นว่าเป็นใคร

ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้คนตรงหน้าก่อนที่จะส่งยิ้มตอบออกไป ภาสวรมองชายหนุ่มที่วันนี้ดูดีกว่าวันก่อนนิดหน่อย

“ดูจากคุณสมบัติคุณแล้ว ผมคิดว่าคุณไม่น่ามีปัญหาในการทำงาน” ภาสวรเงยหน้าพูดกับปัญญวัฒน์หลังจากที่พลิกแฟ้มประวัติของชายหนุ่ม ดวงตาคมซ่อนแววยิ้มขันเอาไว้ภายใต้ท่าทีเรียบเฉยเมื่อเห็นปัญญวัฒน์ทำตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“วันที่1คุณมาเริ่มทำงานได้เลย” ภาสวรเอ่ยต่อก่อนกดโทรศัพท์เรียกเลขาให้พาปัญญวัฒน์ไปแผนกบุคคล เพื่อชี้แจงรายละเอียดและข้อตกลงในการทำงาน

ปัญญวัฒน์เดินออกจากบริษัทด้วยความรู้สึกงงๆอยู่ไม่หาย


---- a little cupid ----


“อย่างงี้ต้องฉลอง” นาวินตะโกนบอกอย่างยินดีทันทีที่เขาบอกว่าได้งานทำแล้ว พูดจบก็วิ่งไปในครัว

“เห็นไหม กูว่าแล้วว่ามึงต้องได้งาน” วรภัทรตอนนี้อยู่ฝรั่งเศสได้วีดีโอคอลมาพูดคุยหลังจากรู้ว่าวันนี้พวกเขานัดกันที่บ้านนาวิน

“ต้องขอบคุณน้องอะไรนะที่ทำให้แกได้งานนี้” ศรัณที่วันนี้ไม่มีเวร แถมพรุ่งนี้ยังได้หยุดก็ไม่พลาดที่จะมาสังสรรค์กัน

“น้องเรน พวกมึงไม่คิดบ้างเหรอว่ากูได้งานเพราะตัวกูไม่ใช่ใช้เส้นเด็ก” ปัญญวัฒน์อดที่จะโวยไม่ได้ที่พวกเพื่อนๆคิดว่าเขาได้งานเพราะบารมีเด็กน้อย

“เราเชื่อในตัวปันนะ ปันของนาเก่งอยู่แล้ว” หญิงสาวคนเดียวที่ฝาแฝดตัวเองคอลไปหาเอ่ยขึ้น ตอนนี้นาราตาปรือพร้อมที่จะหลับได้ทุกเมื่อเพราะที่เธออยู่เวลาห่างกันสิบสองชั่วโมงเท่ากับว่าที่นั่นอยู่ราวๆตีสี่

“เออ เราว่านาไปนอนต่อเหอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน” ปัญญวัฒน์เอ่ยขึ้นด้วยความสงสารเพื่อน

“งั้นเราไปนอนต่อนะ โชคดีนะปัน รัน บายภัทร” หญิงสาวโบกมือลาเพื่อนก่อนตัดสายไป

“เฮ้ย แดดล่มแล้วย้ายไปที่สระว่ายน้ำกัน” นาวินที่เดินออกมาพร้อมเหล้านอกขวดหนึ่ง นี่มันต้องไปจิ๊กเหล้าพ่อมาอีกแน่นอน

“พึ่งสี่โมงเย็นจะรีบไปไหนวะ” ศรัณมองออกไปข้างนอกก่อนหันมามองหน้าเจ้าของบ้าน นี่มันกะจะเมาตั้งแต่หัววันใช่ไหม

“เอาน่า นี่กูสั่งคนขับรถออกไปซื้อหมู ไก่ แล้วก็อาหารทะเลแล้ว ทำหมูกระทะกินกัน”

“ดูมึงว้อนมากเลยนะ” ศรัณหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด

“เออ ฉลองอยากกิน มีอะไรไหม กูอยากมาหลายวันแล้ว หาเพื่อนกินเหล้าไม่ได้ โชคดีที่มีเรื่องไอ้ปัน กูเลยอ้างได้” ปัญญวัฒน์ได้แต่ส่ายหัวในความคิดของเพื่อน เขาคิดว่าเพื่อนจะปรารถนาดี ที่แท้มีเบื้องหลังซะงั้น

“มึงจะด่ากูก็พูดมาเลย ไม่ต้องทำหน้าเหยียดกูแบบนั้น” นาวินบ่นก่อนที่จะเดินนำไปที่สระว่ายน้ำ ซึ่งตอนนี้คนงานได้เคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว

“ความจริงออกไปกินข้างนอกก็ได้นะ ไม่เห็นจะต้องวุ่นวายแบบนี้” ปัญญวัฒน์รู้สึกสงสารคนงานในบ้านเพื่อน เพราะนาวินเล่นจัดใหญ่จัดเต็มราวกับเลี้ยงคนเป็นสิบ ทั้งๆที่มีแค่พวกเขาสามคน

“กินที่นี่แหละดีแล้ว วันนี้พ่อแม่กูไม่อยู่”

“แน่ใจนะว่ากินกันแค่สามคน” ศรัณเริ่มรู้สึกว่างานมันชักจะใหญ่ขึ้นทุกที

“เออ เดี๋ยวครอบครัวพี่กูก็มาแจม ไอ้ปันมึงโทรไปชวนพี่ๆมึงมาด้วยซิ มึงด้วยไอ้รัน กูสั่งของมาเยอะเลย” นาวินบอก ไอ้นี่มันเตรียมการมาดี จนพวกเขายากจะปฏิเสธ

เสียงพูดคุยสนุกสนานดังขึ้นไม่ได้มีแค่พวกเขาสามคน ตอนนี้ทัพฟ้า พี่ชายนาวินพร้อมทั้งภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนกำลังพูดคุยกับพลอยลดาและเปรมณัช ซึ่งได้ขนเบียร์มาลังใหญ่มาร่วมด้วย ปาลิดาเองก็กำลังช่วยปิ้งบาบีคิวที่แม่บ้านจัดเตรียมไว้ โดยมีศรุต คู่หมั้นหนุ่มที่คอยช่วยอยู่ไม่ห่าง คู่นี้กำลังเตรียมงานแต่งงานที่จะมาถึงอีกไม่กี่เดือน

“อาปันคะ หนูอยากกินกุ้ง” เด็กหญิงอิงฟ้าที่ทิ้งพ่อกับแม่ที่กำลังคุยเรื่องน่าเบื่อสำหรับเด็กมานั่งกับอาเอ่ยขึ้น

“มันยังร้อนอยู่ค่ะ รอแป๊บนึงนะเดี๋ยวอาแกะให้ เอาหมูก่อนไหม” ปัญญวัฒน์บอกเด็กหญิง เขาเพิ่งไปเอาอาหารที่เตาย่างมา แถมวงหมูกระทะที่โต๊ะเขาเริ่มชะลอ พวกหมู ไก่ ปลาหมึกที่สุกนั้นเต็มกระทะไปหมด จนเขาต้องเอามาวางบนจานก่อนที่จะไหม้

“เอาปาหมึก” ปัญญวัฒน์จัดการหั่นปลาหมึกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนเอาใส่จานให้หลานสาว เพื่อให้เด็กหญิงจิ้มกินเอง

“เอานี่พี่ปิ้งมาเผื่อ” ปาลิดายกจานบาบีคิวมาวางบนโต๊ะพวกเขา

“ขอบคุณครับพี่ปา ตอนนี้เริ่มอืดๆกันแล้ว” ศรัณขอบคุณพี่สาวเพื่อนที่ตอนนี้เป็นคู่หมั้นของพี่ชายเขา

“น้องฟ้าเอาบาบีคิวไหม อันนี้ไม่เผ็ด” ปาลิดาหันมาถามหลานสาว

“ยังค่ะ หนูรอกุ้ง”

“เหรอคะ งั้นเดี๋ยวอาแกะให้” ปาลิดาแกะกุ้งวางบนจานเด็กหญิง

“พี่ปา ไปทานเถอะครับเดี๋ยวปันดูหลานเอง พี่รุตมองมาหลายรอบแล้ว” ปัญญวัฒน์ยิ้มบอกเมื่อเห็นศรุตที่เฝ้าเตาย่างมองพี่สาวเขาอยู่นานแล้ว

“จ้า เดี๋ยวพี่เอากุ้งมาเพิ่มให้นะ” ปาลิดาบอกก่อนเดินออกไป

กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็ดึกมากแล้ว เปรมณัชได้พาครอบครัวกลับไปตั้งแต่หัวค่ำเพราะใกล้ถึงเวลานอนของเด็กหญิง ทัพฟ้ากับภรรยาก็กลับไปพร้อมกัน ปาลิดาและศรุตเพิ่งกลับไปหลังจากช่วยเก็บของไปบ้างแล้ว ส่วนพวกเขาสามคนยังนั่งชิลๆกินดื่มกันต่อ ปัญญวัฒน์กับศรัณกะกันไว้ว่าจะนอนที่นี่


---- a little cupid ----


เช้าวันแรกหลังจากที่รายงานตัวได้บัตรพนักงานเพื่อสแกนเข้างานแล้ว ทางฝ่ายบุคคลก็นำปัญญวัฒน์ขึ้นมาชั้นสามสิบ ชั้นนี้แตกต่างจากชั้นอื่นทั่วไป นอกจากจะอยู่บนสุดแล้ว ยังดูเงียบเหงามาก คราวที่แล้วที่มาเขายังไม่สังเกตมัวแต่ตื่นเต้น นอกจากเลขาที่โต๊ะทำงานอยู่หน้าห้องแล้วคนอื่นก็อยู่ในห้องทำงานเมื่อมองผ่านกระจกใสที่เป็นผนังด้านหนึ่งก็เห็นคอกกั้นด้วยพาทิชั่นสูง จนแทบไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างใน ชั้นนี้มีห้องทำงานอยู่สามห้องกับห้องประชุมและห้องรับรองอีกอย่างละห้อง

“คุณดาคะ พี่พาน้องมาส่งค่ะ” พนิดาส่งยิ้มให้ผู้มาใหม่

“ขอบคุณค่ะคุณรส เดี๋ยวดาจัดการต่อเองค่ะ”

“ตั้งใจทำงานนะเรา” รสลินหันมายิ้มให้เขาก่อนเดินออกไป

“คุณปัญญวัฒน์ นี่ห้องทำงานของคุณค่ะ นี่ login ที่ทางไอทีเตรียมไว้ให้ เข้าไปเปลี่ยนพาสเวิร์ด ข้างหลังนั่นเป็นเอกสารเก่าๆลองอ่านดูนะ มีอะไรสงสัยถามพี่ได้ค่ะ พี่ชื่อพนิดาเรียกพี่ดาก็ได้ วันนี้คุณสุนทรีคนที่จะสอนงานคุณเข้ามาตอนบ่าย” พนิดาแนะนำน้องใหม่คร่าวๆ ในล็อคที่นั่งเขามีพาทิชั่นเตี้ยแบ่งระหว่างโต๊ะทำงานสองตัว ฝั่งหนึ่งเป็นของเขา อีกฝั่งคงจะเป็นของผู้ร่วมงานอีกคน ด้านหลังโต๊ะทั้งสองมีตู้ใส่เอกสารวางเรียงยาวใต้หน้าต่าง ผนังทั้งสองด้านเต็มไปด้วยตู้เอกสารขนาดใหญ่ทั้งสองด้าน

“ขอบคุณครับพี่ดา พี่เรียกผมว่าปันก็ได้ครับ” ปัญญวัฒน์ยิ้มตอบคุณเลขา

“จ้า มีอะไรเรียกพี่ได้นะน้องปัน” หญิงสาวบอกก่อนเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

ปัญญวัฒน์นั่งดูเอกสารในแฟ้มอย่างเพลิดเพลินก่อนที่หญิงสาวท้องแก่จะเดินเข้ามา เธอได้ยิ้มให้ชายหนุ่มพร้อมทักทาย

“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อสุนทรี เรียกพี่สุนก็ได้เนอะ”

“สวัสดีครับ พี่สุน ผมชื่อปัญญวัฒน์ เรียกปันได้ครับ” ปัญญวัฒน์ยืนขึ้นพร้อมยกมือไหว้หญิงสาวตรงหน้า

“น้องปัน พี่มีเวลาสอนงานให้เดือนกว่าๆ ก่อนที่จะลาคลอด”

“ครับ”

“งั้นเรามาเริ่มกันเลย” สุนทรีบอกพร้อมยื่นแฟ้มข้อมูลให้ชายหนุ่ม



“เอ่อ ขอโทษนะคะ” เสียงทักทายดังขึ้นทำให้ปัญญวัฒน์ที่กำลังศึกษาข้อมูลที่สุนทรีเงยหน้าขึ้นมามอง

“ค่ะ พี่ดามีอะไรหรือเปล่าคะ” สุนทรีเอ่ยถามพนิดาที่เดินเข้ามา

“พอดีคุณภาคมีประชุมงานด่วน เลยอยากฝากน้องเรนไว้กับปันก่อนได้ไหมคะ” พนิดาพูดอย่างเกรงใจ เธอไม่เข้าใจทำไมเจ้านายถึงอยากให้น้องใหม่อย่างปัญญวัฒน์ดูแลลูกชาย

ปัญญวัฒน์หันไปมองสุนทรีอย่างเกรงใจ เพราะห้องนี้เขาใช้ร่วมกันกับหญิงสาว ครั้นเมื่อสบตาเห็นเธอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนจะยิ้มออกมาแล้วพยักหน้ารับ เขาจึงหันไปทางหญิงสาวอีกคน

“ได้ไหมคะ” พนิดาถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทางของคนในห้อง

“ได้ค่ะพี่ดา เดี๋ยวสุนจะช่วยดูด้วย” เป็นสุนทรีที่เอ่ยขึ้นแทน เธอเข้าใจว่าชายหนุ่มคงเกรงใจเธอจึงไม่กล้าพูดอะไร แม้ว่าจะแปลกใจอยู่บ้าง

เมื่อสุนทรีอนุญาต ปัญญวัฒน์จึงเดินตามพนิดาไปรับเด็กชายเรน เลขาคนเก่งเคาะประตูห้องประธานบริษัทเมื่อได้ยินเสียงตอบรับจึงเปิดประตูเข้าไป ภาพผู้ชายตัวโตพยายามปลอบเด็กชายตัวน้อยที่นั่งกอดอกเม้มปากทำให้ปัญญวัฒน์อดที่ยิ้มไม่ได้

“สวัสดีครับคนเก่ง” ปัญญวัฒน์เอ่ยทักเด็กชายหลังจากที่ยกมือไหว้ภาสวรแล้ว

“อาปัน อาปันจริงๆด้วย” ทันทีที่เห็นชายหนุ่ม เด็กชายเรนก็โผมากอดปัญญวัฒน์ไว้อย่างยินดี

“ผมฝากด้วยนะ ไม่ยอมกลับบ้านท่าเดียว” นี่ซินะที่มาของท่ากอดอก

“ครับ เดี๋ยวผมดูแลน้องเรนเอง น้องเรนครับไปนั่งเล่นที่ห้องอากันดีไหม” ปัญญวัฒน์บอกภาสวรก่อนจะหันมาชวนเด็กชายไปห้องของตน

เด็กชายเรนคว้ากระเป๋านักเรียนที่บิดายื่นให้ก่อนเดินตามปัญญวัฒน์ออกไปท่ามกลางความแปลกใจของพนิดา ปกติแล้วเมื่อมาที่บริษัทเด็กชายจะไม่ยอมไปกับใคร จะเกาะติดบิดาแจ

“อาปัน อาปันมาหาเรนเหรอ” เด็กชายถามขึ้นเมื่อเดินออกจากห้อง

“ก็ไม่เชิงครับ พอดีอามาทำงานอยู่ที่นี่”

“ทำงาน คุณพ่อก็เอาแต่ทำงาน” น้ำเสียงที่ไม่พอใจของเด็กชายทำให้ปัญญวัฒน์ต้องหยุดแล้วคุกเข่าลงให้อยู่ระดับเดียวกับน้องเรน

“น้องเรนครับฟังอานะครับ คุณพ่อต้องทำงานหาเงินมาซื้อขนมซื้อของเล่นให้น้องเรนไงครับ” ปัญญวัฒน์โอบกอดเด็กชายเอาไว้ ทำไมเขาจะไม่รู้เมื่อตอนเด็กๆเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ต้องทำงาน โชคดีที่มีพี่ๆที่เล่นด้วยทำให้คลายเหงายามพ่อกับแม่ไม่อยู่

“น้องเรนไม่อยากอยู่คนเดียว ฮึก...” ตาที่เริ่มแดง เสียงสะอื้นของเด็กชายทำให้ปัญญวัฒน์กอดเจ้าตัวแน่นเข้าไปอีก

“ไม่ร้องนะครับคนเก่งของอาปัน ตอนนี้น้องเรนอยู่กับอาปันไงครับ น้องเรนอยากทำอะไรอยากเล่นอะไรครับ เราไปเล่นกันดีกว่า” ปัญญวัฒน์ปลอบเด็กชายก่อนที่จะอุ้มเข้าไปที่โต๊ะทำงานของตน

“น้องเรนครับ สวัสดีอาสุนหรือยังครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยทัก เมื่อวางเด็กชายลงบนพื้นแล้วน้องเรนเดินผ่านมาที่โต๊ะเขาโดยไม่สนใจสุนทรีที่นั่งอยู่ในห้องอีกคน

“สวัสดีครับ” เด็กชายมองหน้าปัญญวัฒน์ที่จ้องเขาอยู่ก่อนหันไปยกมือไหว้ค้อมศรีษะลงต่ำแบบที่คุณครูสอน เพื่อทักทายหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะข้างๆชายหนุ่ม

“สวัสดีจ้าน้องเรน” สุนทรีเอ่ยทักเด็กชาย เธอเคยพบน้องเรนหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยได้พูดคุยกัน

“อาปัน อาสุนทำไมพุงใหญ่จัง” เด็กชายที่เห็นหญิงสาวที่เดินเข้ามายืนติดพาทิชั่นจึ่งหันมาถามปัญญวัฒน์อย่างแปลกใจ

“อากำลังจะมีน้องจ้า” สุนทรีตอบเด็กชายแทนชายหนุ่ม

“น้อง”

“น้องคือเด็กตัวเล็กๆไงครับ” ปัญญวัฒน์บอกเมื่อเห็นเด็กชายเรนทำหน้างง

“แล้วทำไมน้องถึงอยู่ในพุงล่ะ”

“น้องยังตัวเล็กอยู่ค่ะ อ๊ะ น้องเรนลองจับดูไหม น้องคงชอบน้องเรนดิ้นใหญ่เชียว” สุนทรีบอกพลางเดินมายังโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม พร้อมชักชวนให้เด็กชายมาสัมผัสท้องของตน

น้องเรนมองหน้าปัญญวัฒน์เมื่อเห็นชายหนุ่มพยักหน้าก็เดินไปจับท้องหญิงสาวอย่างกล้าๆกลัวๆ

“โอ๊ะ พุงหยับได้ด้วย” เด็กชายปล่อยมือก่อนมายืนข้างชายหนุ่ม

“น้องกำลังทักทายน้องเรนไงครับ” ปัญญวัฒน์บอกพลางลูบศรีษะเด็กชายเบาๆ

“จิงเหรอ แล้วน้องชื่ออาไรอ่ะ”

“อายังไม่ตั้งชื่อเลย รอน้องออกมาก่อนครับ” สุนทรีบอกเด็กชาย ความจริงแล้วน้องเรนก็เป็นเด็กน่ารัก พูดจาดี ผิดจากที่เคยได้ยินมาว่าเด็กน้อยไม่เอาใคร แผลงฤทธิ์ยามที่ไม่ได้ดั่งใจ

“แล้วเมื่อไหร่น้องจาออกมาคับ”

“อีกเดือนกว่าๆก็ออกมาแล้ว เอาไว้น้องโตเดี๋ยวอาพามาเล่นด้วยนะครับ” สุนทรีบอก เธอมองเด็กชายที่จับจ้องท้องของเธอด้วยความเอ็นดู

“จิงนะ สัญญาแล้วนะ” เด็กชายเงยหน้ายิ้มให้สุนทรี ดวงตาเป็นประกาย เขาดีใจที่จะมีเพื่อนเล่นเพิ่ม

ปัญญวัฒน์มองเด็กชายที่เริ่มเปิดใจกับคนอื่นด้วยความยินดี พี่สาวของเขาบอกว่าเด็กเหมือนผ้าขาว เป็นหน้าที่ผู้ใหญ่อย่างเราที่จะแต่งแต้มผ้าขาวให้มีสีสันและลวดลายที่สวยงาม ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเด็กชายไปเจออะไรมา แต่เขาก็อยากลบรอยหม่นหมองบนผ้าผืนนี้ให้จางลงไปบ้างแม้จะเล็กน้อยก็ยังดี



************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพด้วยค่ะ

สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann
Twitter : @Sira_nann

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ชอบตวามสัมพันธ์ของเพื่อน ครอบครัว

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 4

ภาพชายหนุ่มที่กำลังวิ่งวุ่น เรียกรอยยิ้มให้แก่ภาสวร ปัญญวัฒน์มาทำงานได้เกือบสามอาทิตย์แล้ว ใกล้วันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัททำเอาหลายแผนกวุ่นวายรวมทั้งปัญญวัฒน์เองมีงานที่ต้องจัดสรรมากมายเพราะตัวสุนทรีใกล้คลอดแล้วทำให้ลงไปคลุกคลีมากไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรับบทหนักไปโดยปริยาย

ปัญญวัฒน์สามารถจัดระบบงานให้เป็นระเบียบอย่างไม่น่าเชื่อ จนสุนทรีเองเอ่ยชมเพื่อนร่วมงานคนใหม่ให้ฟังอยู่บ่อยๆ รอยยิ้มที่กว้างขวางนั่นอีกไม่ว่างานจะหนักหรือเบาก็ไม่จางหายไป ทำให้ใครต่อใครต่างหลงรักและเอ็นดูเจ้าตัวอยู่ไม่น้อย ภาสวรคลี่ยิ้มออกมาอีกนิดเมื่อคิดถึงลูกชาย เด็กชายเรนที่ไม่นิยมสุงสิงกับใคร รวมถึงการอาละวาดอย่างหนักเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ดูเหมือนจะถูกรอยยิ้มและความแจ่มใสของปัญญวัฒน์ลบช่องว่างบางอย่างในใจของเด็กชาย ที่แม้แต่เขาก็ไม่อาจทำได้

ตอนนี้เด็กชายเรนติดปัญญวัฒน์แจ จากการนั่งรอในห้องทำงานของเขาจากเย็นยันค่ำ กลับมานั่งเล่นกับปัญญวัฒน์ แถมชายหนุ่มยังมีกิจกรรมให้ลูกชายเขาช่วยทำอย่างสนุกสนาน จนเขาอดที่จะเกรงใจไม่ได้

“ถ้าน้องเรนมากวนบอกผมได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ” ภาสวรเคยบอกสุนทรีกับปัญญวัฒน์แบบนั้น

“ไม่กวนเลยคุณภาค น้องเรนน่ารักค่ะ” เป็นสุนทรีที่บอกเขา พร้อมทั้งปัญญวัฒน์ที่พยักหน้ารับกับคำพูดของสุนทรีนั่นอีก ทำให้เขาโล่งใจไปเปราะนึง

“คุณภาคคะคุณลูกพีชกับคุณแมนสรวงมาขอพบค่ะ ตอนนี้กำลังขึ้นมา” เสียงเรียกของเลขาทำให้ภาสวรรู้สึกตัว

“เดี๋ยวเชิญพวกเธอที่ห้องรับรองแล้วกัน” เขาบอกก่อนเดินเข้าไปห้องทำงานตัวเอง


---- a little cupid ----


“นี่ ฉันเห็นลูกพีช นิชาดา แล้วออกไปกับท่านประธาน”

“เขาอาจไปคุยงานกันก็ได้”

“ถ้าไปคุยงานทำไมไม่พาพี่ดาไปด้วย เมื่อกี้ฉันเจอพี่ดาซื้อกาแฟอยู่ด้านล่าง”

“หรือว่าเขากำลังคบกันอยู่”

เสียงสนทนาที่พูดคุยจากโต๊ะที่ไม่ห่างกันในฟู้ดคอร์ทชั้น 3 ของตึก แม้ว่าไม่สนใจก็ได้ยิน ลูกพีช นิชาดา นางเอกดาวรุ่ง ของวงการตอนนี้เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าตัวใหม่ของบริษัทจะเปิดตัวในวันพรุ่งนี้

“ปัน เดี๋ยวพี่ลงไปข้างล่างนะ อยากกินโกโก้” สุนทรีบอกเมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว

“เดี๋ยว ผมไปด้วยครับ อยากได้โกโก้เหมือนกัน” ปัญญวัฒน์บอกก่อนเอาจานของตัวเองและสุนทรีไปเก็บที่วางจาน



“อาปัน เรนคิดถึง” เสียงเด็กชายร่างเล็ก ป้อมๆกลมๆที่ดังขึ้นมาก่อนเห็นตัว ทำให้ปัญญวัฒน์เงยหน้าจากคอมพิวเตอร์

“สวัสดีครับน้องเรน ลืมอะไรไปหรือเปล่า”

“สวัสดีครับอาปัน อาสุน” เด็กชายรีบยกมือไหว้ปัญญวัฒน์กับสุนทรีก่อนจะหันมายิ้มประจบชายหนุ่ม

“สวัสดีค่ะน้องเรน” สุนทรีเอ่ยทักเด็กชาย

“น้องเรนไปหาคุณพ่อมาหรือยังครับ” ปัญญวัฒน์ถามเด็กชาย เพราะหลายครั้งที่น้องเรนแวะมาหาเขาโดยไม่ไปหาบิดาก่อน

“ไปแล้วคับ บอกคุนพ่อแล้วว่ามาหาอาปัน”

“ดีครับ น้องเรนเก่งมากครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยชม

“งั้นเราไปเล่นกันนะ” เด็กชายเดินมาฉุดมือปัญญวัฒน์เพื่อให้ไปเล่นด้วย

“วันนี้อาปันยังทำงานไม่เสร็จเลย น้องเรนวาดรูประบายสีไปก่อนนะครับ เดี๋ยวอาปันทำงานเสร็จอาปันเล่นด้วย”

“ไม่เอา ไม่ทำงาน น้องเรนจาเล่น อาปันต้องเล่นเดี๋ยวนี้” เด็กชายเริ่มไม่พอใจ ใครๆก็ไม่ว่าง พ่อก็เอาแต่ทำงานไม่ว่างอยู่กับเขา อาปันคนโปรดไม่เคยขัดใจยังไม่ว่างอีก

“น้องเรนครับ รออาแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวอาทำงานเสร็จอาเล่นด้วย” ปัญญวัฒน์พยายามปลอบเด็กชาย

“ไม่เอา ต้องเดี๋ยวนี้ แงๆ” เมื่อคุณอาคนโปรดไม่ตามใจ เด็กชายเรนก็ลงไปดิ้นอาละวาด ท่ามกลางความตกใจของสุนทรีและปัญญวัฒน์

สุนทรีพยายามจะเข้ามาปลอบเด็กชายแต่ปัญญวัฒน์ยกมือห้ามไว้ จนเธอทนไม่ไหวต้องเดินออกไปนอกห้อง พนิดาเองพอรู้เรื่องก็รีบไปตามภาสวรที่คุยงานอยู่ออกมาดู

“น้องเรน อาปันไม่ว่างไปกับพ่อก่อนไหมครับ” ภาสวรพยายามเข้ามาอุ้มลูกชาย แต่เด็กชายก็ไม่ยอมยิ่งดิ้นยิ่งอาละวาดจนเขาต้องยอมแพ้

“ไม่เอา เรนจะเล่นกับอาปันเดี๋ยวนี้”

“เอ่อ ...” ภาสวรหันไปหาปัญญวัฒน์ที่นั่งทำงานนิ่งโดยไม่สนใจลูกชายของเขาที่แผดเสียงร้องดังจนใครๆระอา

“น้องเรนครับ เหนื่อยเมื่อไหร่บอกอานะครับ” พูดจบปัญญวัฒน์ก็นั่งทำงานต่อโดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องของลูกชายเขา เป็นเขาเสียอีกพยายามปลอบและขู่ลูกชาย แต่เด็กชายเรนก็ไม่ยอมจนเขาต้องล่าถอยออกจากห้องไป

ภาสวรพยายามมาด้อมๆมองๆด้วยความเป็นห่วงสลับกับพนิดา ส่วนตัวสุนทรีเองนั่งทำงานต่อไม่ไหวจนต้องออกมานั่งลุ้นกับภาสวรและพนิดานอกห้อง เสียงของเด็กชายช่างบีบหัวใจเธอหรือเกิน ปัญญวัฒน์ช่างใจแข็งนักที่ทำหน้าเฉยเมยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น

เด็กชายตัวกลมที่ร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนค่อยๆเดินตุ๊บตั๊บเข้ามาหาปัญญวัฒน์ที่นั่งทำงานเฉย ทำให้คนที่อยู่นอกห้องที่แอบดูพากันโล่งใจและสงสัยว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไรต่อ

ปัญญวัฒน์อุ้มร่างป้อมๆเล็กๆขึ้นมานั่งบนตักพลางโอบกอดไว้อย่างปลอบโยนแล้วลูบหลังอย่างแผ่วเบา โดยปล่อยให้เด็กชายสะอื้นฮักน้อยอกน้อยใจนั้นนั่งสงบสติอารมณ์ ดวงตาที่ยังฉ่ำด้วยน้ำตาตวัดมองหน้าชายหนุ่มอย่างตัดพ้อ

“อามีเวลาสิบนาที เราลงไปซื้อไอศกรีมกันนะครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยก่อนที่จะจูงมือเด็กชายลงไปร้านสะดวกซื้อด้านล่างของตึก
ภาสวรมองตามทั้งคู่ที่เดินหายเข้าไปในลิฟท์ด้วยความงง เขาไม่คิดเลยว่าปัญญวัฒน์ที่ดูร่าเริง ไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร มีอะไรก็เอาแต่ยิ้มนั้น จะเอาเรื่อง มากกว่าที่ใครจะนึกถึงมากนัก

‘น้องเรนเจอคู่ปรับที่สูสีเข้าให้แล้ว’ ภาสวรอดที่จะยิ้มกับความคิดของตน



“ปันจะกลับหรือยัง” ภาสวรถามเมื่อชายหนุ่มพาลูกชายเขามาส่งที่ห้องทำงาน

“ครับ”

“เย็นนี้ว่างไหม ไปทานข้าวเย็นที่ห้าง P กัน” ภาสวรเอ่ยชวน เขาอยากตอบแทนปัญญวัฒน์ที่ดูแลลูกชายของเขา

“ไม่เป็นไรครับ คุณภาคไปทานกับน้องเรนเถอะครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยอย่างเกรงใจ

“น้องเรนชวนอาปันไปทานข้าวกับเราด้วยดีไหม” ภาสวรก้มลงถามลูกชาย

“ดีคับ อาปันไปนะไปด้วยกัน” เด็กชายเข้ามาเกาะแขนดวงตาเว้าวอนจนชายหนุ่มอดที่จะใจอ่อนไม่ได้

“ไปด้วยกันเถอะ คุณดาไปด้วย พรุ่งนี้มีงานเปิดตัวที่ห้าง P ผมอยากเข้าไปดูสถานที่”

“ครับ ได้ครับ” ในเมื่อมันเป็นงานปัญญวัฒน์ก็ยากจะปฏิเสธ



“เราจะจัดบูทไว้ทางเข้าห้าง มีการแจกผลิตภัณฑ์ให้คนที่เดินผ่านไปมาชิม ส่วนทางเวทีด้านในก็จัดบูธบริการผลิตภัณฑ์ให้ผู้มาร่วมงานชิมเหมือนกัน ...” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์กำลังอธิบายงานคร่าวๆให้พนิดากับปัญญวัฒน์ฟังคร่าวๆ ตอนที่ออกจากบริษัทมานั้นเขาได้ขับรถส่วนตัวโดยมีพนิดานั่งมาด้วย ส่วนภาสวรนั้นมากับลูกชาย ตอนแรกนั้นเด็กชายจะมากับเขาแต่ติดที่ต้องนั่งเก้าอี้เด็ก กว่าจะเกลี้ยกล่อมกันได้เล่นเอาอ่อนใจไปตามๆกัน

“ทางห้างให้เราขนของเข้ามาตอนห้างปิดแล้วค่ะ ตอนนี้ดิฉันให้รออยู่ที่บริษัทก่อน” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ตอบภาสวรที่เพิ่งมาถึงไม่นาน

“ดูแลสวัสดิการให้ดีนะ ขาดเหลืออะไรบอกการเงินได้เลย ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่นี่กันกี่คน” ภาสวรย้ำกับผู้จัดงานครั้งนี้

“กลับไปแล้วบางส่วน ตอนนี้เหลืออยู่ 3 คนค่ะ”

“โอเค งั้นไปทานข้าวกัน คุณดาจองโต๊ะเรียบร้อยแล้วนะ” ภาสวรเอ่ยชวนฝ่ายประชาสัมพันธ์ก่อนหันมาถามเลขาของตัวเอง

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ไปได้เลย” พนิดาบอกโชคดีที่ทางร้านมีห้องสำหรับวีไอพีว่างอยู่

ร้านที่พนิดาจองไว้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น มีผู้ร่วมโต๊ะทั้งหมดเจ็ดคน ตอนแรกๆปัญญวัฒน์และเตชินผู้ช่วยฝ่ายประชาสัมพันธ์ยังเกร็งๆที่ต้องร่วมโต๊ะกับประธานบริษัท แต่เพราะความเป็นกันเองของภาสวรและความน่ารักช่างพูดช่างคุยของเด็กชายทำให้ลดความประหม่าลงได้

“ตามสบายเลยนะทุกคน” ภาสวรบอกกับทุกคนเมื่ออาหารเริ่มมาเสิร์ฟ

“อาปัน นั่นอะไรคับ” เด็กชายถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเปิดถ้วยเล็กๆตรงหน้า

“ไข่ตุ๋นครับ น้องเรนเอาไหม อร่อยนะลองดู” ปัญญวัฒน์ถามเมื่อเห็นเด็กชายสนใจ เซตอาหารที่เขาสั่งมีไข่ตุ๋นมาด้วย

“อืม หย่อยๆ” เด็กชายยิ้มตาหยีเมื่อลองกินไข่ตุ๋นที่ปัญญวัฒน์ป้อนให้

“อร่อยก็กินอีก เป่าก่อนนะครับระวังร้อน” ชายหนุ่มยกถ้วยไข่ตุ๋นให้เด็กชายพลางบอกเมื่อเห็นน้องเรนรีบตักไข่ตุ๋นเข้าปาก

ภาสวรยิ้มกับภาพลูกชายเขาที่ตอนนี้แทบจะหายใจเข้าหายใจออกเป็น ‘อาปัน’ ไปเสียแล้ว ไม่ว่าอาปันจะทำอะไรน้องเรนจะสนใจอยากมีส่วนร่วมไปหมด


---- a little cupid ----


“สวัสดีค่ะน้องฟ้า เป็นอะไรคะ หือ งอนอาปันเรื่องอะไร” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามหลานสาวที่กำลังดูการ์ตูนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น กว่าเขาจะกลับถึงบ้านก็สามทุ่มแล้ว แล้วทำไมเด็กหญิงยังอยู่บ้านนี้ ทำไมยังไม่กลับบ้านนอน แถมพอเจอหน้าเขายังสะบัดหน้าหนีอีก

“อาปันลืมน้องฟ้า” น้ำเสียงแง่งอนของหลานสาวทำให้ปัญญวัฒน์ส่งของที่หิ้วเข้ามาให้พี่แก้วแล้วเข้าไปนั่งข้างๆเด็กหญิง

“ทำไมว่าอาอย่างนั้นล่ะ อาไม่ได้ลืมน้องฟ้าเสียหน่อย”

“ก็อาปันเล่นกับนายนั่นทุกวันไม่มาหาหนูเลย”

“นายนั่น”

“ก็นายเรนนั่นไงล่ะ บอกว่าเจออาปันทุกวัน” เสียงน้อยอกน้อยใจของหลานสาว ทำให้ชายหนุ่มอดจะยิ้มไม่ได้ วันนี้เป็นวันอะไรนะถึงเจอเด็กน้อยแผลงฤทธิ์ใส่

“อาไปทำงานค่ะ แล้วน้องเรนเขาไปรอคุณพ่อที่ทำงานเพื่อกลับบ้านไงครับ”

“นั่นแหละ อาปันใจร้าย” เด็กหญิงอิงฟ้าเม้มปาก กอดอกแน่นมองอาหนุ่มอย่างโกรธๆ

“อ้าวๆ ใครใจร้ายคะ ปันกินอะไรมาหรือยัง” เสียงของปาลิดาเอ่ยถามน้องชาย เมื่อเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น วันนี้หลานสาวอ้อนขอมานอนที่บ้านนี้ พี่ชายเธอก็เห็นดีด้วยเพราะพลอยลดาแพ้ท้องหนักมาก

“ทานแล้วครับ แล้วพี่ปาล่ะทานข้าวเย็นหรือยัง”

“ทานแล้ว พร้อมพลอยกับน้องฟ้า น้องฟ้าเป็นอะไรคะ” ปาลิดาบอกน้องชายก่อนเดินเข้าไปนั่งข้างๆหลานสาว

“อาปันใจร้าย ทิ้งหนูไปเล่นกับเรนทุกวัน”

“เอาแล้วไง อาปันโดนหลานงอน” ปาลิดาบอกน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ตั้งแต่มาถึงบ้านเด็กหญิงก็เอาแต่ถามถึงปัญญวัฒน์ว่าเมื่อไหร่จะกลับ แม้ว่าเธอจะบอกว่าอาปันกลับดึก ก็เอาแต่พูดว่าจะรออาปันไม่ยอมขึ้นข้างบนไปนอนจนเธอขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยลงมาจัดการหลานสาว

“น้องฟ้าครับ อาปันไม่ได้ทิ้งหนูนะ อาต้องไปทำงาน กลับมาถึงก็มืดแล้วน้องฟ้าก็เห็น เอาไว้วันหยุดอาจะอยู่เล่นกับน้องฟ้าทั้งวันเลยดีไหม อย่าโกรธอานะครับ ดีกันนะ” ปัญญวัฒน์พยายามงอนง้อเด็กหญิง

“ใช่ค่ะน้องฟ้าหายโกรธอาปันนะคะ ดูซิอาปันเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ น้ำยังไม่ได้อาบเลย ไม่สงสารอาปันเหรอคะ” ปาลิดาพยายามช่วยพูดเกลี่ยกล่อมให้น้องชาย อีกทั้งเลยเวลานอนของหลานสาวแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่ตื่นไปโรงเรียน

“อาปันสัญญาแล้วนะว่าวันหยุดจะอยู่เล่นกับหนู”

“ครับ อาสัญญา ไปนอนกับอาปาได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าตื่นมาอามีเค้กช็อกโกแลตให้ทาน ตื่นสายอดกินไม่รู้ด้วยนะ ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กหญิง ก่อนกลับเขาแวะร้านขนมร้านโปรดของหลานสาวซื้อขนมมาหลายอย่างฝากพวกพี่ๆและหลาน

“จิงเหรอ อาปาเราไปนอนกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้มีเค้กหย่อยๆ อาปันกู๊ดไนท์” เด็กหญิงรีบฉุดอาสาวขึ้นข้างบน พลางโบกมือราตรีสวัสดิ์ให้แก่อาหนุ่ม

“เฮ้อ...” ปัญญวัฒน์ถอนหายใจ เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็ก ดีนะที่ซื้อเค้กติดมือมาด้วย ไม่งั้นเรื่องคงจะไม่จบง่ายๆ



************
สวัสดีค่ะ
ช่วงต้นเรื่องอาจเรื่อยเฉื่อยอยู่บ้าง อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันและขอขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ

สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann
Twitter : @Sira_nann


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

เด็กๆน่ารัก

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 5

กลุ่มคนมากมายรายล้อมรอบงานจนน่าตกใจ ป้ายไฟของดาราที่ถูกเชิญมาโปรโมทสินค้าปรากฏชื่อให้เห็น เพราะว่างานนี้มีสองพรีเซ็นเตอร์เป็นดาราขวัญใจละครเพิ่งจะออนแอร์มาร่วมงานจึงไม่แปลกที่คนจะเยอะ ปัญญวัฒน์ยิ้มอย่างยินดีที่การโปรโมทดูเหมือนจะได้ผล

เหล่าพริ๊ตตี้ประจำซุ้มได้แจกกาแฟรสชาติใหม่ให้คนมาร่วมงานชิมกัน กิจกรรมซุ้มด้านหน้ามีเล่นเกมแจกของที่ระลึกทำให้คนแออัดเป็นพิเศษ เมื่อใกล้เวลาทางฝ่ายจัดงานให้สัญญาณกิจกรรมเล่นเกมเริ่มเร่งปิดท้ายเพื่อจะให้ผู้คนสนใจในกิจกรรมหลักของวันนี้

พิธีกรมืออาชีพออกมาทักทายหน้าเวทีก่อนเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ ลูกพีช นิชาดา กับ ลม ไอรา นักร้องนักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง ภายใต้สโลแกน ยิ้มรับวันใหม่กับกาแฟถ้วยโปรด หลังจากพูดคุยบนเวทีพอหอมปากหอมคอ ทางพิธีกรได้เชิญ ภาสวร สุธาภิวัฒน์ ประธานบริษัทกล่าวเปิดงานก่อน ภาพยนตร์โฆษณาเปิดฉายให้ผู้ร่วมงานได้ดู

ปัญญวัฒน์มองภาสวรที่นั่งพูดคุยกับเหล่าผู้บริหารอยู่ด้านหน้าด้วยความโล่งใจ งานวันนี้เปิดตัวได้อย่างงดงาม ทำเอาฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่เหน็ดเหนื่อยจัดงานยิ้มแก้มปริ ส่วนตัวเขาทางสุนทรีได้ให้มาสังเกตเปิดหูเปิดตาในงาน แม้จะเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆก็อดจะรู้สึกปลื้มใจไม่ได้ ที่มีคนสนใจและตอบรับผลิตภัณฑ์ใหม่มากมาย

“น้องลูกพีชคะ มานี่เร็วลูกไปขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่เร็วๆ” เสียงแหลมๆด้านหลังทำให้ปัญญวัฒน์หันไปมอง ก่อนจะเลี่ยงเดินไปทางหลังเวที

“คุณภาคคะ เมนี่พาน้องลูกพีชมาขอบคุณค่ะ อุ๊ย คุณพสุธา ก็มาด้วย”

“สวัสดีครับคุณแมนสรวง คุณลูกพีช” ชายหนุ่มที่ชื่อพสุธาเอ่ยทัก

“เรียกเมนี่ ว่าเมนี่ค่ะ บอกหลายหนแล้วนะคะ” เมนี่ผู้จัดการดาราตีแขนล่ำๆของพสุธาเบาๆ

“ง่า ครับๆ” พสุธารับคำเบาๆก่อนจะขยับตัวให้ห่างผู้จัดการของนิชาดาที่กำลังเกาะแขนเขาอยู่



“ปัน ไอ้ปัน” เสียงทักดังขึ้น ทำให้ปัญญวัฒน์มองหา ก่อนเห็นเพื่อนสนิทยิ้มร่าเดินเข้ามา

“ไอ้วิน มาไงวะ มึงไม่ทำงาน”

“ทำดิวะ ขืนไม่ทำพ่อกูเอาตาย ว่าแต่มึงเหอะมาทำไรที่นี่” นาวินถามเพื่อน

“กูก็มาทำงาน นี่ไงงานเปิดตัวกาแฟตัวใหม่ของบริษัท สนใจชิมป่ะ เดี๋ยวไปหยิบให้”

“ไม่อ่ะ กูสนทางโน้นมากกว่าเขามุงอะไรกันวะ” นาวินพยักหน้าไปยังกลุ่มคนที่มารวมตัว จะว่าบริษัทไอ้ปันแจกกาแฟฟรีคนก็ไม่น่าจะเยอะขนาดนี้

“อ๋อ ดารา พรีเซ็นเตอร์กาแฟตัวใหม่น่ะ มึงน่าจะรู้จักนะ” ปัญญวัฒน์บอก

“ใครวะ สวยป่ะ”

“มีสองคนทั้งสวยทั้งหล่อเลย” ปัญญวัฒน์ยิ้มกริ่มกับความดี้ด้าของเพื่อน จะว่าไปนาวินก็หล่อระดับเดือนมหาวิทยาลัย แถมรวยอีกตังหาก มีสาวๆเข้าหามากมาย แต่เพราะความเจ้าชู้ควงไปเรื่อยไม่จริงจังกับใคร ทำให้ชื่อเสียงออกจะติดลบมากอยู่

“ไหน มึงพากูไปหน่อยดิ” เฮ้อ พูดถึงคนสวยไม่ได้เลย หูกระดิกเลยนะไอ้วิน

“เดี๋ยวนะ มึงบอกว่าทำงาน แล้วทำไม...  ตกลงนี่มึงอู้อยู่ใช่ไหม” ปัญญวัฒน์รีบดักคอเพื่อน มึงจะอู้อย่าลากกูไปด้วยเดี๋ยวกูจะซวย

“ไม่ได้อู้เว้ย กูนัดลูกค้าบ่ายสอง อีกตั้งนาน”

“นี่เพิ่งบ่ายโมง ผิดวิสัยมึงนะ ถ้าให้กูทายลูกค้าเป็นผู้หญิง” ปกตินัดกับนาวิน ถ้าไม่ไปปลุกมันถึงบ้านก็สายตลอด

“มึงอย่าพูดมากน่า เสียเวลาไปๆเร็ว” พูดจบนาวินก็ลากปัญญวัฒน์ไปยังกลุ่มคนที่กำลังถ่ายรูปกับศิลปินคนโปรดอยู่



“อ้าวไอ้วิน มาทำไรที่นี่”เสียงทักดังขึ้นทันทีที่เห็นหน้าเขา นาวินกับปัญญวัฒน์รีบยกมือไหว้พี่รหัสของนารา แฝดคนละฝาของนาวิน

“โหพี่ลม ผมคิดว่าใครก่อม๊อบอยู่ตรงนี้เลยเข้ามาดูสักหน่อย” นาวินฉีกยิ้มให้ไอราก่อนจะศอกกลับปัญญวัฒน์ที่ตอนนี้ยิ้มระรื่นที่หลอกเขาได้

“ยังกวนตีนเหมือนเดิมเลยนะ นั่นปันใช่ไหม” ไอราเอ่ยถามเขาเคยเจอเด็กกลุ่มนี้บ่อยๆ ปัญญวัฒน์พยักหน้าตอบ

“เออ น้องรหัสกูเป็นไงบ้างหายเงียบไปเลย” ไอราถามต่อ เขารู้ว่านาราไปเรียนต่อทันทีหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรี

“สบายดีครับพี่”

“เออ คุณลมเดี๋ยวถ่ายภาพหมู่ก่อนก็เรียบร้อยแล้วครับ” ผู้จัดการเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ ความจริงงานของชายหนุ่มเสร็จแล้วสามารถกลับได้เลย แต่พอเห็นแฟนคลับที่มารอกัน ทำให้เจ้าตัวปลีกเวลามาเซอร์วิสบรรดาแฟนคลับ

“เดี๋ยวขอตัวก่อนนะ แล้วคุยกัน” ไอราโบกมือให้รุ่นน้องก่อนเดินไปหากลุ่มแฟนคลับที่นั่งรอถ่ายภาพกับเขา

“มึงไม่ต้องยิ้มเลยไอ้ปัน ไหนวะสาวสวย กูยังไม่เห็นเลย” นาวินโวยวายขึ้นทันทีที่แยกออกมา

“น้องปันอยู่นี่เอง” พนิดาเดินเข้ามาชายหนุ่มอย่างเร่งรีบ ทำให้นาวินชะงักหยุดโวยวายเพื่อนทันที

“ครับ พี่ดา มีอะไรหรือเปล่าครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว

“พี่จะมาบอกว่า งานเสร็จแล้ว คุณภาคอนุญาตให้กลับบ้านได้เลย ไม่ต้องเข้าออฟฟิตต่อ เจอกันวันอังคาร ขอให้สนุกกับวันหยุดยาวนะน้องปัน เดี๋ยวพี่ไปบอกคนอื่นต่อ” พูดจบหญิงสาวก็รีบเดินไปหาพัชรีฝ่ายประชาสัมพันธ์ทันที นี่ถ้าพนิดาไม่ทักเขาก็ลืมไปแล้วว่าอาทิตย์นี้มีวันหยุดยาว

“งั้นมึงก็ว่างแล้วดิ” คำพูดของนาวินทำให้ปัญญวัฒน์อดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้ หวังว่าเพื่อนคงไม่ลากเขาไปทำอะไรแปลกๆนะ

“อืม ก็ตามนั้น”

“งั้น มึงพากูไปส่องสาวหน่อยดิ”

“สาวที่ไหน มึงลืมไปหรือเปล่าว่ามีนัดลูกค้าน่ะ” ปัญญวัฒน์บอกเผื่อเพื่อนจะเปลี่ยนใจ

“โห อีกนาน พรีเซ็นเตอร์สาวสวยของมึงน่าสนใจกว่า อยู่ไหนทางไหน” ปัญญวัฒน์ได้แต่ปลงลองนาวินตั้งใจแล้วเขาคงเปลี่ยนใจมันไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้ดาราสาวกลับไปแล้ว

“นั่นไง ลูกพีช นิชาดา พรีเซ็นเตอร์กาแฟรสชาติใหม่ของบริษัทกู คู่กับพี่ลม” ปัญญวัฒน์รู้สึกแปลกใจที่ดาราสาวกับผู้จัดการยังคุยกับเหล่าผู้บริหารอยู่ตรงโซนหน้าเวที ทั้งๆที่งานเสร็จสิ้นไปเกือบชั่วโมงแล้ว

“นึกว่าใคร กิ๊กพี่พงศ์นั่นเอง” คำพูดของนาวินทำเอาปัญญวัฒน์หันมามองเพื่อนอย่างแปลกใจ

“หมายความว่าไงวะ กิ๊กพี่พงศ์”

“มึงไม่รู้รู้เหรอ ไปอยู่ไหนมาวะปัน”

“อยู่ไหน ก็อยู่บ้านถัดจากมึงสามหลังไง ไอ้บ้า นี่กูจำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องเลยไหม กูไม่เหมือนมึงนี่ต้องรู้ทุกเรื่อง มึงน่าจะเรียนนิเทศสายข่าวมากกว่าวิศวกรรมโยธานะ” แสนรู้จริงๆ คำพูดหลังไม่ได้พูดออกมาได้แต่เก็บไว้ในใจ เพราะขนาดตัวนาวินสูงกว่าเขาเกือบสิบเซ็น ขืนพูดไม่เข้าหูโดนมันเตะกลางห้าง อาจได้ลงข่าวสังคมอับอายขายขี้หน้าแน่ๆ

“เออ กูลืมไป วันๆมึงไม่อ่านหนังสือก็เลี้ยงหลาน ถ้ามึงอยากรู้กูจะเล่าก็ได้ แต่มึงต้องเลี้ยงเหล้ากู” นั่นไงเพื่อนตัวดีหางโผล่มาแล้ว

“กูไม่อยากรู้แล้ว มึงไปทำงานของมึงเหอะ ป่านนี้ลูกค้ามารอแล้วมั้ง”

“เออ ไปแล้ว เย็นนี้กูจะลากไอ้รันไปด้วย” พูดจบนาวินก็โบกมือเดินขึ้นบันไดเลื่อนไป ทิ้งให้ปัญญวัฒน์ยืนงงว่าตัวเองไปรับปากเพื่อนตัวดีนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่


---- a little cupid ----[/center]


รถญี่ปุ่นคันไม่ใหญ่มากแล่นมาจอดในโรงเรียนเอกชนชื่อดังแผนกอนุบาล ปัญญวัฒน์คว้าถุงขนมก่อนที่จะลงจากรถวันนี้เลิกงานเร็วทำให้เขามีโอกาสมารับเด็กหญิงอิงฟ้า จะบอกว่าชายหนุ่มเอาใจหลานสาวคนเดียวก็คงไม่ผิด เพราะไม่อยากให้หลานตัวน้อยงอนเขาอีก

ภาพเด็กอนุบาลนอนกลางวันเรียงกันเป็นแถวเรียกรอยยิ้มให้แก่เขา ปัญญวัฒน์เดินไปห้องที่ปาลิดาเป็นครูประจำชั้นอยู่ เด็กนอนหลับเป็นส่วนใหญ่มีไม่กี่คนที่ยังไม่หลับ ครูพี่เลี้ยงประจำห้องจะคอยดูแลให้เล่นเงียบๆไม่รบกวนการนอนของเพื่อนร่วมห้อง ชายหนุ่มโบกมือให้พี่สาวผ่านประตูหน้าห้องก่อนจะเดินเลี่ยงมานั่งคอยตรงม้านั่งหน้าประตู สักพักปาลิดาก็เดินออกมา

“ทำไมมาได้ล่ะ”

“วันนี้เปิดตัวกาแฟตัวใหม่ เสร็จงานไวเลยว่าจะมารับน้องฟ้า”

“ก็ดีนะ เมื่อวานงอนอาปันเสียยกใหญ่”

“นี่ไงซื้อขนมมาเอาใจหลาน” ปัญญวัฒน์ชูถุงขนมให้พี่สาวดู

“ทำไมเยอะอย่างนี้ล่ะ ของน้องฟ้าคนเดียวเหรอ”

“พี่ปากับน้องเรนด้วย ว่าแต่อีกนานไหมกว่าเด็กจะตื่น”

“ใกล้แล้ว เด็กๆจะถูกปลุกตอนบ่ายสาม เล่นอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็เลิกเรียน ผู้ปกครองมารับแล้ว เอาพวกเค้กไปแช่ตู้เย็นก่อนดีไหม มาพี่จัดการให้” ปาลิดาคว้าถุงขนมจากน้องชายไปหลังพูดจบ

“เอ่อ เมื่อตอนเที่ยงเพื่อนพี่เอาบัตรนี่มาให้ เผื่อเราสนใจพาน้องฟ้าไปเที่ยว” ปาลิดาส่งบัตรสวนน้ำสี่ใบ

“บัตรผู้ใหญ่สองเด็กสอง พี่ปาสนใจไปกับปันไหม ไปค้างพัทยาสักคืนเปลี่ยนบรรยากาศ”
 
“ขอดูก่อนนะ ช่วงนี้พี่ต้องเตรียมงานแต่งงาน ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ไม่ไปชวนพวกเพื่อนเราล่ะ” ปาลิดาไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ ช่วงนี้เธอต้องเข้าคอร์สเจ้าสาว

“ไม่รู้พวกมันจะไปหรือเปล่า วันหยุดไอ้รันคงอยากนอนมากกว่า ส่วนไอ้วินมันคงอยากไปกับสาวๆมากกว่าจะมาช่วยดูหลาน นี่ถ้าภัทรยังอยู่ก็ดีมันคงยอมไปด้วย” ปัญญวัฒน์อดที่จะคิดถึงเพื่อนสนิทที่ไปเรียนต่อไม่ได้

“ถ้าไม่อยากไปก็เอาไปให้พวกพี่ที่ทำงานซิ เผื่อเขาจะพาลูกไปเที่ยว” ปาลิดาแนะนำน้องชาย ถ้าปัญญวัฒน์ไม่ไปจะทิ้งบัตรไปก็เสียดายสู้ให้คนอื่นที่เขาอยากได้ดีกว่า ส่วนพ่อแม่เด็กหญิงอิงฟ้า ช่วงนี้กำลังวุ่นวายกับงานที่บริษัท ไม่รู้จะไปได้ไหม

“อาปัน” เสียงเรียกอย่างยินดีทันทีที่เห็นหน้าผู้เป็นอาที่ห้องรับรอง ร่างเล็กที่เพิ่งตื่นนอนล้างหน้าทาแป้งเสียหอมฟุ้งจนปัญญวัฒน์อดที่จะหอมแก้มยุ้ยๆไปเสียหลายฟอด

“ขอบคุณนะครับ” ปัญญวัฒน์ขอบคุณครูพี่เลี้ยงที่พาหลานสาวมาส่ง

“น้องฟ้าหิวหรือยัง อามีขนมเดี๋ยวมาทานกันนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามหลานสาวทันทีที่ครูเดินออกไป เด็กหญิงยังไม่ทันตอบอะไร ประตูก็เปิดอีกรอบ

“น้องเรนอยู่กับอาปันที่นี่ก่อนนะครับ ถ้ามีคนมารับเดี๋ยวคุณครูมาตาม” ปาลิดาจูงเด็กชายมาส่งให้ปัญญวัฒน์

“อาปัน มาหาเรนเหยอ” เด็กชายเอ่ยถามหลังจากยกมือไหว้ชายหนุ่มแล้ว

“อาปันมารับเราหรอก” เด็กหญิงหญิงฟ้าค้านก่อนที่จะเดินไปแทรกกลางระหว่างอาหนุ่มกับเด็กชาย

“อามาหาทั้งคู่ครับ น้องฟ้าน้องเรนเป็นเพื่อนกันต้องรักกันนะครับ มีอะไรต้องแบ่งปันกัน เข้าใจไหม” ปัญญวัฒน์บอกทั้งคู่

“คับ/ค่ะ” เด็กทั้งสองรับคำอย่างหงอยๆที่โดนตำหนิ

“มาทานขนมกันดีกว่านะ มีเค้กช็อคโกแลตของโปรดใครนะ” ปัญญวัฒน์ชักชวนเด็กๆเมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มอึมครึม

“เรนคับ/ฟ้าค่ะ” เด็กสองคนรีบยกมือแย่งกันตอบด้วยใบหน้าที่สดใสกว่าเดิม

“มีให้ทั้งคู่เลย มาครับมานั่งกันก่อน” ปัญญวัฒน์วางจานขนมกับกล่องนมตรงหน้าเด็กทั้งสอง ทั้งคู่ตาวาวเมื่อเห็นของโปรด
หลังจากที่ทานขนมเสร็จแล้วเด็กทั้งคู่ก็ชักชวนไปเล่นที่สนาม ทำให้ปัญญวัฒน์ต้องย้ายตัวเองไปนั่งรอที่ข้างสนามเด็กเล่นด้วย

“อ้าวคุณภาค สวัสดีครับ” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ภาสวรอย่างตกใจ เขากำลังมองเด็กๆเล่นเพลินๆก่อน ภาพถูกบดบังด้วยคนตัวโต

“คุณมารับหลานเหรอ” ภาสวรถือวิสาสะนั่งข้างชายหนุ่มที่กำลังมองหลานสาวของตัวเองเล่นกับลูกชายเขา

“ครับ คุณภาควันนี้มารับเองเลยนะครับ” ปกติแล้วภาสวรให้คนมารับลูกชายไปที่บริษัทก่อน
 
“วันนี้งานเรียบร้อยแล้วเลยมารับน่ะ”

“เอ่อ ช่วงวันหยุดนี้คุณภาคจะพาน้องเรนไปเที่ยวไหนไหมครับ” ปัญญวัฒน์ตัดสินใจถามขึ้น หลังจากที่ทบทวนอยู่นาน เขาอยากพาเด็กชายไปเที่ยวกับหลานสาวเขาด้วย

“ไม่นะ พอดีผมนัดผู้ใหญ่ไว้พรุ่งนี้ คุณมีอะไรหรือเปล่า” ภาสวรถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของชายหนุ่ม

“คือ พรุ่งนี้ผมจะพาหลานสาวไปเที่ยวสวนน้ำ กะว่าจะค้างที่พัทยาคืนหนึ่งแล้วค่อยกลับ ผมอยากขออนุญาตพาน้องเรนไปเที่ยวด้วยได้ไหมครับ” เขารู้ว่าภาสวรคงลำบากใจถ้าจะให้ลูกชายไปเที่ยวกับเขาตามลำพัง ตอนแรกเขาก็จะชวนเจ้านายด้วย แต่ภาสวรติดธุระ ครั้นเห็นเด็กชายแล้วเขาอดที่จะสงสารไม่ได้เลยลองถาม อยากให้ไปสนุกด้วยกัน

“คุณจะเอาเด็กสองคนอยู่เหรอ” ภาสวรถามกลับ

“ผมชวนแม่น้องฟ้าไปด้วย แล้วยังมีเด็กที่บ้านไปอีกคน ตอนเย็นพี่ชายผมก็จะตามไปด้วยครับ” ปัญญวัฒน์อธิบาย ชายหนุ่มได้โทรไปชวนพี่ชายกับพี่สะใภ้แล้ว พี่ชายเขาติดงานช่วงเช้าแต่ก็จะตามไป ส่วนพี่สะใภ้อยากไปเปลี่ยนบรรยากาศด้วยเลยเสนอตัวจองที่พักอย่างเร่งด่วน

“คุณพ่อคับสวัสดีคับ/สวัสดีค่ะคุณอา” เสียงเด็กสองคนที่วิ่งมาหาภาสวรทันทีที่เห็นว่านั่งอยู่กับปัญญวัฒน์

“สวัสดีครับเด็กๆ น้องเรนครับอาปันเขาชวนน้องเรนไปเที่ยวพรุ่งนี้น้องเรนอยากไปไหม” ภาสวรเอ่ยทักเด็กๆ ก่อนหันมาคุยกับลูกชาย

“ไปๆ เรนไปด้วย” ไม่ว่าอาปันจะพาไปไหน เขาอยากไปหมด

“ไปไหนกันคะอาปัน” เด็กหญิงอิงฟ้าเงยหน้าถามอาทันที

“พรุ่งนี้อาจะพาไปเที่ยวทะเล ไปสวนน้ำไปไหมคะ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กหญิง

“ไปซิ อาปันบอกแล้วจะอยู่กับฟ้า”

“ใช่ค่ะ แล้วตกลงคุณภาคจะอนุญาตไหมครับ” ปัญญวัฒน์ตอบหลานสาวก่อนหันมาถามเจ้านายที่มองเขาอยู่

ภาสวรมองลูกชายเขาก่อน แววตาของเด็กชายมองเขาอย่างออดอ้อน ไหนจะชายหนุ่มที่มองมาอย่างขอร้อง เขาจะไม่ใจอ่อนได้อย่างไร

“ถ้าน้องเรนอยากไป ผมก็อนุญาตพรุ่งนี้ผมไปส่งน้องเรนที่บ้านคุณแต่เช้า”

“ขอบคุณครับ พรุ่งนี้เราไปเที่ยวด้วยกันนะน้องเรน” ปัญญวัฒน์เอ่ยกับเด็กชายอย่างยินดี

ความจริงคนที่ต้องขอบคุณคือเขาไม่ใช่ปัญญวัฒน์ ตั้งแต่ที่รู้จักชายหนุ่มมา ปัญญวัฒน์ได้ทำอะไรหลายอย่างให้ลูกชายเขา ทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด

--------------------
ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
คุณภาคควรไปด้วย อิอิ

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 6

เช้าวันเสาร์ช่างดูสดใสนัก เด็กหญิงอิงฟ้าดูตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวทะเลตื่นเช้ากว่าปกติ หลังจากที่ล้างหน้าอาบน้ำโดยที่ไม่มีใครบอก แม้แต่ส้มที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กหญิงยังต้องแปลกใจ หลังจากที่เสร็จธุระของตัวเองแล้ว ก็วิ่งไปบ้านที่บรรดาอาๆอยู่ ป้านุชที่กำลังเตรียมอาหารในครัวอดที่จะชะโงกมาดูเด็กหญิงที่วิ่งผ่านเข้ามาในบ้าน

ปัง ปัง

“อาปัน ตื่นได้แล้ว” เสียงทุบประตูห้องพร้อมเสียงเล็กๆตะโกนเรียกอา ทำเอาปาลิดาที่เพิ่งตื่นนอน เปิดประตูออกมาดู

“น้องฟ้าตื่นเช้าจัง นี่เพิ่งหกโมงกว่าๆเองนะ” ปาลิดาเอ่ยทักหลานสาวอย่างเอ็นดู

“ใช่ เพิ่งจะหกโมงเอง” ปัญญวัฒน์ที่เพิ่งตื่นเปิดประตูออกมาดู

“นี่อาบน้ำเตรียมพร้อมแล้วด้วย” ปาลิดาอดที่จะแซวหลานตัวน้อยไม่ได้ ปกติแล้วกว่าที่เด็กหญิงจะตื่นอาบน้ำไปโรงเรียนนั้น ทำเอาพี่เลี้ยงและพ่อแม่อ่อนใจกับความขี้เซาของเจ้าตัว

“อาปัน ไปอาบน้ำซิคะ จะได้ไปกัน” เด็กหญิงเขย่าแขนของปัญญวัฒน์ พร้อมดันชายหนุ่มให้กลับเข้าห้องไปอาบน้ำ

“โห อีกตั้งชั่วโมงกว่าๆ จะรีบไปไหนเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นเบาๆ แต่ก็ยอมที่จะเข้าห้องไปเตรียมตัว


รถเก๋งคันโตสีดำมันเป็นเงา ขับผ่านกำแพงที่กั้นเป็นแนวยาวบ่งบอกว่าบ้านแต่ละหลังนั้นพื้นที่กว้างขวางขนาดไหน เด็กชายเรนมองดูข้างทางอย่างตื่นเต้น วันนี้คุณอาคนโปรดจะพาเขาไปเที่ยว

“ใกล้ถึงหรือยังคับ” เด็กชายหันมาถามบิดาที่กำลังขับรถอยู่

“ใกล้แล้วครับ ดีใจซิเราตื่นแต่เช้าเลย” ภาสวรรู้สึกขำลูกชาย เมื่อคืนกว่าจะนอนหลับได้ก็ดึกมากแล้ว แถมยังตื่นเองโดยไม่ต้องปลุกอีก ลูกชายเขาไม่เคยตื่นเต้นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ

“ใช่คับ เรนจะไปเที่ยวกับอาปัน”

จีพีเอสบอกพิกัดว่าถึงบ้านของปัญญวัฒน์แล้ว ภาสวรมองป้ายตรงประตูรั้วเมื่อเห็นว่าตรงกับที่ชายหนุ่มบอกจึงขับเข้าไปด้านใน
เสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้านทำให้เด็กหญิงอิงฟ้าวิ่งจู๊ดออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว พอดีกับที่ภาสวรเปิดประตูลงมา

“เรนๆ อ๊ะสวัสดีค่าคุณอา” เด็กหญิงอิงฟ้าตะโกนเรียกเพื่อน แต่เมื่อเห็นภาสวรจึงยกมือไหว้

“สวัสดีครับคุณภาค น้องเรน” ปัญญวัฒน์ที่เดินตามหลานสาวมายกมือไหว้ชายหนุ่ม พร้อมเอ่ยทักเด็กชายที่บิดากำลังปลดคาร์ซิตพร้อมอุ้มออกมา

“สวัสดีคับอาปัน” เด็กชายยกมือไหว้ปัญญวัฒน์

“มาผมช่วย ทานอะไรมากันหรือยังครับ เชิญข้างในก่อน” ปัญญวัฒน์เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าของเด็กชายก่อนเอ่ยชวนให้เข้าไปในบ้าน

เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ที่จอดรถที่อยู่ระหว่างบ้านสองหลังนั้นด้านหลังเป็นสระว่ายน้ำที่เชื่อมบ้านทั้งสองเข้าด้วยกัน โต๊ะทานข้าวนั้นตั้งอยู่ในสุด ผนังทั้งสองด้านเป็นประตูกระจกบานใหญ่ ด้านนึงสามารถมองวิวสระว่ายน้ำด้านนอกส่วนอีกด้านจะเห็นทะเลสาบขนาดใหญ่ด้านล่าง ภาสวรถือโอกาสที่เจ้าของบ้านคุยกับลูกชายของเขาชะโงกหน้าออกไปตรงระเบียงด้านหลังบ้าน ด้านล่างจะเป็นสวนหย่อม มีต้นไม้ ดอกไม้ปลูกอย่างสวยงามไปถึงแนวทะเลสาบ รั้วทางด้านหลังไม่สูงมากนักถ้าเทียบกับด้านหน้าบ้าน ทางระเบียงนี้เชื่อมต่อกับประตูครัว แม่บ้านยกชามข้าวต้มหอมฉุยทำให้เขารู้สึกหิวขึ้นมา

“คุณภาคทานข้าวต้มด้วยกันนะครับ” ปัญญวัฒน์ออกมาเรียกชายหนุ่มที่ชื่นชมบรรยากาศรอบบ้านอยู่

“ครับ ขอบคุณมาก” ภาสวรบอกก่อนที่จะเดินตามชายหนุ่มมาที่โต๊ะทานข้าว

“ข้าวต้มปลา ทานได้ไหมครับ” ปัญญวัฒน์เลื่อนชามข้าวต้มไปตรงหน้าภาสวรก่อนเอ่ยถาม ถ้าชายหนุ่มทานไม่ได้ เขาจะให้ป้านุชทำอย่างอื่นให้แทน

“ได้ๆ ผมทานได้” ภาสวรตอบ ปกติแล้วตอนเช้าเขามักจะทานกาแฟแก้วเดียวด้วยซ้ำ

“เอ่อ บ้านคุณสวยมาก ใครออกแบบให้กัน” ภาสวรเอ่ยถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ เพราะที่เขาขับรถผ่านบ้านแต่ละหลังต่างกัน ผิดจากหมู่บ้านอื่นๆที่แบบบ้านเหมือนๆกันทั้งหมู่บ้าน แม้ว่าหมู่บ้านนี้แบบบ้านต่างกันแต่ก็ดูกลมกลืนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
 
“สถาปนิกโครงการของหมู่บ้านครับ พ่อผมซื้อที่ดินพร้อมให้ทางโครงการออกแบบและสร้างให้ ตอนแรกมีบ้านหลังนี้หลังเดียว พอพี่ชายผมจะแต่งงานก็ให้บริษัทนี้ออกแบบและสร้างให้เข้ากัน” ปัญญวัฒน์อธิบาย ความจริงแล้วหมู่บ้านนี้เป็นโครงการของบริษัทลุงกองทัพพ่อของนาวินที่นำที่ดินมาพัฒนาจัดสรรแบ่งขายให้พวกเพื่อนๆ นอกจากพ่อของเขาก็มีนายทหารยศใหญ่หลายนาย เพราะลุงกองทัพเคยรับราชการทหาร ก่อนที่จะลาออกมาดูแลบริษัทของครอบครัวเพราะปู่ย่าของนาวินท่านแก่มากแล้ว แถมอาของนาวินก็แต่งงานไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศอีก ตอนนี้เพื่อนรุ่นเดียวกันยศนายพลกันหมดแล้ว

“สวัสดีค่ะ คุณภาค” ปาลิดายกมือไหว้ทักทาย

“สวัสดีครับคุณครู” ภาสวรมองหญิงสาวอย่างแปลกใจ ก่อนยิ้มออกมาเมื่อนึกได้ว่าเธอเป็นพี่สาวของปัญญวัฒน์

“สวัสดีคับ คุณคู ทำไมคูปาอยู่ที่นี่ล่ะ คูปาจะไปเที่ยวด้วยเหรอคับ” เด็กชายเรนถามปาลิดาอย่างแปลกใจ

“ครูอยู่ที่นี่กับอาปันไงครับ ครูติดธุระคงไปเที่ยวกับน้องเรนไม่ได้ น้องเรนไปกับอาปันนะครับ” ปาลิดาบอกเด็กชายก่อนหันไปทางภาสวร

“คุณภาคตามไปก็ได้นะคะ เผื่อเปลี่ยนใจบอกให้ปันจองที่พักเพิ่ม จะได้ไปเที่ยวพักผ่อนกับน้องเรน” ปาลิดาเอ่ยชวนภาสวรอีกครั้ง เธอรู้จากน้องชายว่าเขาติดงาน แต่ก็อยากให้เด็กชายมีโอกาสเที่ยวกับพ่อ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำช่วงวัยเด็ก

“ผมขอดูก่อนนะครับ ยังไงผมฝากน้องเรนด้วยนะ” ประโยคสุดท้ายภาสวรหันมาพูดกับปัญญวัฒน์

“ครับจะดูแลอย่างดีเลย”


ทริปไปทะเลที่ตอนแรกปัญญวัฒน์จะพาเด็กสองคนไปเที่ยวสวนน้ำกลับกลายไปเที่ยวกันเป็นครอบครัวใหญ่ นอกจากพลอยลดาแม่ของเด็กอิงฟ้าแล้วยังมีตากับยายของเด็กหญิงด้วย แถมคุณยายของเด็กหญิงยังชวนเพื่อนที่สนิทกันไปด้วย ทำให้ทริปนี้ไปกันสิบสี่คนรถตู้สองคัน คันหนึ่งเป็นของผู้สูงวัยที่จะไปที่พักโดยไม่แวะที่ไหน ส่วนอีกคันเป็นของปัญญวัฒน์กับเด็กๆเพราะพวกเขาจะแวะสวนน้ำก่อนจะไปสมทบกันที่บ้านพัก

ปัญญวัฒน์มองวิวข้างทางก่อนละสายตาเหลียวมองผู้ร่วมทาง เด็กๆที่พากันตื่นแต่เช้าพอขึ้นรถได้สักพักก็หลับกันทั้งคู่ ส่วนผู้ร่วมทางที่คาดไม่ถึงสองคน นาวินกับศรัณที่ยึดเบาะนอนยาวมาจากบ้าน ตอนที่เขาเปิดประตูรถมาเจออดที่จะตกใจไม่ได้ พอสอบถามศรัณบอกแม่บังคับมาส่วนนาวินนั้นอยากไปสวนน้ำด้วยสาวๆคงจะเยอะดี

“คุณปันครับใกล้ถึงแล้วนะครับ” เสียงพี่เก่งคนขับรถบ้านนาวินเอ่ยขึ้น

“ครับพี่ เดี๋ยวผมปลุกพวกนี้เอง” ปัญญวัฒน์รับคำก่อนหันมาปลุกเด็กๆและเพื่อนสนิทตัวเอง

“เมื่อวานมึงเบี้ยวเลี้ยงเหล้ากู ออกค่าเข้าให้ด้วย” นาวินตะโกนบอกจากเบาะด้านหลัง

“เออๆ ไอ้รันจะไปด้วยไหมปลุกมันดิ” ปัญญวัฒน์บอก เพราะเขาเรียกหลายรอบแล้วไม่มีเสียงตอบรับจากเพื่อนเลย
หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพวกเราก็เดินเข้ามายังสระน้ำที่มีเครื่องเล่นมากมายรายล้อมอยู่ วันนี้คนค่อนข้างเยอะเพราะว่าเป็นวันหยุด ปัญญวัฒน์เลือกที่นั่งใกล้สระเด็ก ส่วนนาวินและศรัณพอเห็นเพื่อนได้ที่นั่งแล้วก็วางของไว้ใกล้ๆก่อนขอตัวแยกไป

“เฮ้อ เดี๋ยวไอ้วิน นัดเวลากันก่อน เจอกันกี่โมง” ปัญญวัฒน์รีบเรียกเพื่อนทั้งสองก่อนที่จะเดินหายไป

“ตอนนี้สิบโมงกว่า เอาเป็นอีกสิบนาทีเที่ยงเจอกัน ตอนเที่ยงเดี๋ยวไปหาอะไรอร่อยๆกินก่อนเข้าที่พักโอเคไหม” นาวินถามความเห็น เวลาชั่วโมงกว่าๆเด็กๆน่าจะเพียงพอต่อการเล่นน้ำ

“อืม ได้” ปัญญวัฒน์รับคำ ก่อนหันมาสนใจเด็กๆ

“น้องฟ้าน้องเรนครับ เล่นกันอยู่เฉพาะบริเวณนี้นะครับ อย่าไปทางโน้นเด็ดขาด แล้วถ้าจะไปไหนนอกจากที่อากำหนดต้องมาบอกอากับพี่ส้มก่อน ตกลงไหมครับ”

“คับ /ค่ะ” ทั้งคู่รับคำก่อนพากันไปเล่นน้ำ

“คุณปันเอาน้ำอะไรไหมคะ เดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้” พี่เลี้ยงของเด็กหญิงอิงฟ้าเอ่ยถาม เพราะของที่เตรียมมามีขนมกับน้ำเปล่าเท่านั้น

“เอาน้ำส้มให้เด็กๆ พี่ส้มตามสบายเลยนะ นี่ครับเงินเผื่อพี่จะซื้ออะไรทาน” ปัญญวัฒน์ส่งเงินให้พี่เลี้ยง

“นี่ค่ะคุณปัน” พี่ส้มส่งแก้วน้ำผลไม้ปั่นมาให้ พร้อมเงินทอน ปัญญวัฒน์รับแต่แก้วน้ำเงินทอนนั้นเขายกให้

“โห ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย” ปัญญวัฒน์ถามขึ้นเมื่อเห็นน้ำผลไม้สี่ถึงห้ากล่อง ขนมขบเคี้ยวอีกมากมาย นี่ไม่รวมน้ำผลไม้ปั่นของเขา และอีกแก้วของพี่เลี้ยง

“พี่ซื้อเผื่อคุณวินกับคุณรันด้วย กลัวขนมที่เตรียมมาจะไม่พอ” ส้มบอกอย่างอายๆ ปัญญวัฒน์อดที่จะยิ้มไม่ได้ พี่ส้มกับพี่แก้วดูจะชอบเพื่อนเขาเอาใจกันเป็นพิเศษโดยเฉพาะวรภัทร เสียดายที่เจ้าตัวไม่อยู่เลยไม่มาด้วยกัน

“ครับ เดี๋ยวก็หมด พอขึ้นจากน้ำคงหิวซกกันมา” ปัญญวัฒน์บอกอย่างรู้ทัน เขาไม่รู้มาก่อนว่าเพื่อนจะมาด้วยเลยไม่เตรียมขนมมาเผื่อโชคดีที่พี่ส้มคิดถึงเรื่องนี้

“คุณปัน ไม่ไปเล่นน้ำล่ะคะ เดี๋ยวพี่ดูเด็กๆให้” ส้มอาสา เธออยากให้ชายหนุ่มไปสนุกกับเพื่อนๆบ้าง

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมดูหลานเล่นดีกว่า”

“อาปัน ฟ้าอยากเล่นอันนั้น” นั่นไงยังไม่ขาดคำ เด็กทั้งสองก็วิ่งมาหาพร้อมชี้ไปยังเครื่องเล่นสำหรับเด็ก

“ได้ครับ เดี๋ยวอาพาไป พี่ส้มครับผมฝากของด้วยนะครับ” ปัญญวัฒน์หันมาบอกพี่เลี้ยงก่อนเดินจูงมือทั้งคู่ไปเล่นเครื่องเล่น
หลังจากที่เด็กๆเล่นจนพอใจแล้วก็วิ่งมาหาพร้อมบ่นหิว ปัญญวัฒน์ส่งแซนวิสกับน้ำผลไม้ให้ เมื่อมองเวลาใกล้ถึงเวลานัดแล้ว

“ทานแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเราไปทานข้าวกัน” ปัญญวัฒน์บอกเด็กๆ

“เราจะมาเล่นน้ำกันอีกไหม” เด็กชายเรนถามขึ้น เขายังติดใจอยากเล่นน้ำอีก

“เราคงไม่กลับมาที่นี่ แต่จะไปทะเลแทน น้องเรนไปเล่นน้ำทะเลต่อดีไหมครับ”

“ดีคับ”

“งั้นเดี๋ยวเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน” ปัญญวัฒน์ชวนเด็กชายไปเปลี่ยนชุดเมื่อเห็นเด็กหญิงอิงฟ้าเปลี่ยนชุดเดินกลับมาพร้อมพี่เลี้ยงแล้ว

รอไม่นานนาวินกับศรัณก็ตามมา ทันทีที่ออกจากสวนน้ำนาวินก็บอกเส้นทางไปยังร้านอาหารกับพี่คนขับรถ สวนอาหารริมทะเลคนเต็มร้านอาจเพราะเป็นช่วงเที่ยง โชคดีที่พอมีที่ว่าง ทำให้เราได้โต๊ะนั่งกัน อาหารทะเลสดมากราคาไม่แพงอย่างที่คิด เด็กๆก็ทานได้เยอะสงสัยจะเสียพลังงานไปมาก

บ้านพักริมทะเลเป็นบ้านพักตากอากาศของพ่อนาวิน ใหญ่โตแถมยังอยู่ไม่ไกลโรงแรมชื่อดังที่ครอบครัวนาวินเป็นหุ้นส่วนอีก ปัญญวัฒน์เคยมากับเพื่อนๆไม่กี่ครั้งตอนปิดเทอม

“มาแล้วเหรอเด็กๆ สนุกกันไหม” วสันต์ถามหลานสาวที่วิ่งเข้ามาหาทันทีที่เห็นหน้า

“สนุกค่ะ แต่ฟ้าอยากเล่นน้ำทะเลอีก”

“แดด ยังร้อนอยู่ค่ะ เดี๋ยวไปนอนกลางวันตื่นมาค่อยเล่นดีกว่านะ” พลอยลดาบอกลูกสาว

“น้องเรนครับไปนอนกลับอาปัน ตื่นมาค่อยไปเล่นนะครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยกับเด็กชายที่มองทะเลด้วยความตื่นเต้น
ปัญญวัฒน์พาเด็กชายมาด้านบน ห้องพักมีห้าห้อง โดนจับจอง เหลือห้องสุดท้ายปัญญวัฒน์พักกับเด็กชายเรน เตียงขนาดคิงไซส์นอนสองคนสบาย ชายหนุ่มเดินไปดึงม่านให้เปิดออกประตูกระจกบานใหญ่สามารถเดินออกไปที่ระเบียงที่เชื่อมต่อกัน

“หูย” เด็กชายเรนที่วิ่งมาเกาะประตูมองทะเลตาวาว

“ไปอาบน้ำก่อนนะ เมื่อกี้ยังไม่ได้อาบเลย จะได้นอนสบาย” ปัญญวัฒน์เปิดกระเป๋าหาชุดเปลี่ยนให้เด็กชายก่อนจะพาไปอาบน้ำ

ช่วงบ่ายหลังจากที่ตื่นนอนแล้วเด็กๆก็รบเร้าให้ปัญญวัฒน์พาไปเล่นน้ำ เมื่อเห็นว่าแดดเริ่มตก ชายหนุ่มจึงพาไปเล่นน้ำทะเลที่ชายหาดหน้าบ้าน โดยมีส้มตามมาช่วยด้วย

“ไม่เล่นน้ำแล้วเหรอครับน้องเรน” ปัญญวัฒน์ถามเด็กชายที่นั่งก่อกองทรายไม่ไปเล่นกับเด็กหญิงอิงฟ้าที่ตอนนี้วิ่งไล่จับกับศรัณที่ตามมาเล่นกับเด็กๆด้วย

“เรนไม่ชอบ แสบตา” เมื่อกี้โดนน้ำทะเลสาดเข้ามายังแสบไม่หาย

“ไหนครับขออาปันดูหน่อย หายหรือยัง ไปล้างน้ำไหม” ปัญญวัฒน์รีบเข้ามาดูเด็กชายเห็นตาแดงๆเลยนึกเป็นห่วง

“หายแล้วคับ” ปากบอกว่าหายแต่มือที่เต็มไปด้วยทรายกำลังจะยกไปขยี้ตา ทำให้ปัญญวัฒน์รีบจับมือไว้อย่างรวดเร็ว

“อย่าครับ มือสกปรก ไปล้างก่อนดีกว่า ไปครับอาพาไป” ปัญญวัฒน์ฉุดมือเด็กชายให้ลุกขึ้นตามเขาไปในบ้าน

“อ้าว ไม่เล่นน้ำกันแล้วเหรอ” เสียงทักที่ดังขึ้นหน้าบ้าน ทำให้ทั้งคู่หันไปมอง

“พ่อ”


***************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ


ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 7

“พ่อ” เด็กชายเรนเรียกเสียงดังก่อนจะวิ่งไปหาภาสวรที่ยืนอยู่หน้าบ้าน

ปัญญวัฒน์อมยิ้ม เด็กยังไงก็เป็นเด็ก เด็กชายเรนดีใจมากที่เห็นบิดา เข้าโผกอดอย่างคิดถึง พูดคุยกับภาสวรไม่หยุดปาก ก่อนจะเดินจูงมือเข้ามาหาเขา พอรู้ว่าปัญญวัฒน์พาเด็กชายมาล้างมือล้างหน้าจึงพาไปเอง

“ว่าไงไอ้ปัน พ่อตัวจริงมา พ่อตัวสำรองเลยตกกระป๋อง” นาวินแหย่ปัญญวัฒน์ เมื่อเห็นเด็กชายที่เกาะติดเพื่อนเขาตั้งแต่เช้าตอนนี้ไปเกาะติดกับพ่อตัวจริงแทน

“แบบนี้ดีแล้ว” ปัญญวัฒน์รู้ว่าลึกๆแล้วเด็กชายอยากมาเที่ยวกับพ่อมากกว่าเขาที่เป็นคนอื่น

“อาปันคับ ไปเดินเล่นกัน” เด็กชายเรนวิ่งตุ๊บตั๊บโผเข้ามาหาชายหนุ่ม

“เดินอยู่แถวนี้แหละ ไปด้วยกันไหม” ภาสวรช่วยลูกชายพูดกับปัญญวัฒน์อีกแรง

“ไปเถอะปัน อีกนานกว่าจะถึงมื้อเย็น” นาวินเห็นท่าทางของเด็กชายอยากให้เพื่อนเขาไปด้วยเป็นอย่างมากเลยอดจะช่วยพูดไม่ได้

“ก็ได้ครับ” สายตาเว้าวอนของน้องเรนทำให้ปัญญวัฒน์ตอบตกลง

“กลับมาให้ทันมื้อเย็นกันนะ” นาวินโบกมือให้เด็กชายที่เดินจูงมือภาสวรและเพื่อนของเขาคนละข้าง

ภาสวรพาลูกชายกับปัญญวัฒน์เดินมาถึงโรงแรมชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักมาก ชายหาดหน้าโรงแรมมีลูกค้าของโรงแรมค่อนข้างหนาตาจนภาสวรกุมมือลูกชายไว้แน่นเพราะกลัวจะพลัดหลงกัน

“ไอ้ภาคมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงทักดังขึ้นจากด้านบน ทำให้ภาสวรหันไปมอง

“อ้าว ไอ้ดิน” ภาสวรทักพสุธาที่กำลังเดินลงบันไดมาที่ชายหาด

“สวัสดีคับ อาดิน” เด็กชายเรนยกมือไหว้เพื่อนบิดาทำให้ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ชายหนุ่มเช่นกัน

“สวัสดีครับน้องเรน” พสุธาเอ่ยทักลูกชายเพื่อนพร้อมทั้งพยักหน้าทักทายชายหนุ่มแปลกหน้า

“มาดูแลโรงแรมหรือมาเที่ยว” ภาสวรเอ่ยถาม

“ทำงานซิวะ แล้วแกจะอยู่กี่วัน พักห้องไหน” ภาสวรยังไม่ทันบอกเพื่อนสนิทว่าเขาพักอยู่ที่ไหน เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นทำให้ต้องหันไปมอง

“คุณภาคๆ จริงๆด้วยบังเอิญจังค่ะ”

“คุณลูกพีชมาทำงานเหรอครับ” ภาสวรเอ่ยถามหญิงสาวที่เดินเข้ามาเกาะแขนเขาอย่างยินดี

“เปล่าค่ะ ลูกพีชมาพักผ่อน คุณภาคก็มาเที่ยวเหมือนกันใช่ไหมคะ อุ๊ยตาย น่ารักจังเลย ชื่ออะไรครับ พี่ชื่อลูกพีชค่ะ” นิชาดากรีดร้องเมื่อเห็นเด็กชายที่จับมือภาสวรอยู่อีกข้าง ทำให้เด็กชายผลักจากบิดามาเบียดตัวเข้ากับขาปัญญวัฒน์

“สวัสดีพี่เขาก่อนครับน้องเรน” ปัญญวัฒน์สะกิดเด็กชายที่ยืนเกาะขาเขาอยู่ น้องเรนเงยหน้ามองชายหนุ่มก่อนหันไปยกมือไหว้หญิงสาวปากสีแดงอย่างหวาดๆ

“ชื่อน้องเรนเหรอคะ มาให้พี่กอดหน่อย” นิชาดาเอื้อมมือมาหาเด็กชาย ทำให้น้องเรนหลบไปด้านหลังของปัญญวัฒน์พร้อมกับกอดขาชายหนุ่มไว้แน่น

“สงสัยแกคงจะอายน่ะครับ” ภาสวรที่เห็นอาการของลูกชายรีบแก้ตัวแทน เขากลัวว่าเด็กชายจะกรีดร้องเมื่อไม่ได้ดังใจ

“จริงเหรอคะ ลูกพีชตกหลุมรักแกแล้วซิคะ” นิชาดาแสดงออกว่าชอบเด็กชายเอามากๆ และพยายามเอาใจน้องเรน แต่เด็กชายไม่สนใจ

“คุณลูกพีชมาคนเดียวเหรอครับ” พสุธาเองเห็นท่าทีหลานชายจึงรีบเข้ามาแทรก เขาเคยเห็นอิทธิฤทธิ์ของเด็กชายมาก่อน เลยไม่อยากเสี่ยงให้แขกของโรงแรมตัวเองแตกตื่น

“มากับเพื่อนค่ะคุณดิน” นิชาดาส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม

“นั่นเพื่อนคุณลูกพีชหรือเปล่าครับ ท่าทางคงยืนรอนานแล้ว เดี๋ยวผมขออนุญาตเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารเย็นคุณลูกพีชกับเพื่อนที่ให้เกียรติโรงแรมเรานะครับ” พสุธาดึงความสนใจของหญิงสาวไปที่ผู้หญิงอีกคนที่เมียงมองมาได้ครู่ใหญ่แล้ว ก่อนจะพาหญิงสาวกลับเข้าไปในโรงแรม โดยทิ้งให้ภาสวรรับกับมือลูกชายที่เตรียมจะแผลงฤทธิ์

“น้องเรนหิวหรือยังครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเด็กชายที่ทำหน้าบึ้งอยู่

“...”

“รู้สึกว่าวันนี้มีปูนึ่ง กับกุ้งเผาด้วยนะ อาปันว่าเรารีบกลับกันดีกว่านะ เดี๋ยวน้องฟ้าเหมาหมด” ปัญญวัฒน์แหย่เด็กชายต่อเมื่อเห็นว่าน้องเรนไม่ตอบ

“...”

“น้องเรนไม่ไป งั้นอาปันไปก่อนนะ อาปันหิวแล้ว” เมื่อเด็กชายไม่ยอมตอบ ปัญญวัฒน์เองก็ทิ้งไพ่ตาย

“ไม่นะ น้องเรนไปด้วย” เด็กชายรีบคว้ามือปัญญวัฒน์ไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินกลับไป

“งั้นเรากลับกันนะครับ” ปัญญวัฒน์สบตาภาสวรก่อนพาเด็กชายเดินกลับบ้านพัก ท่ามกลางความโล่งใจของภาสวรที่ลูกชายไม่อาละวาดอย่างที่คิด



“น้องเรน ไปอาบน้ำก่อนครับ” ปัญญวัฒน์เรียกเด็กชายที่กำลังวิ่งไปที่เตียงให้มาหา ตลอดมื้อเย็นเด็กชายเรนเกาะติดปัญญวัฒน์แจ ไม่สนใจบิดาอย่างตอนแรกที่เจอหน้า ทำให้คนที่บ้านพักอดที่จะแปลกใจไม่ได้

“เดี๋ยวผมจัดการลูกเอง” ภาสวรบอกชายหนุ่มก่อนจะเข้ามาช่วยลูกชายถอดเสื้อผ้า

“ไม่ เรนจะให้อาปันอาบให้” เด็กชายบอกผู้เป็นพ่อ ก่อนคว้ามือปัญญวัฒน์ไปที่ห้องน้ำ ชายหนุ่มได้แต่ส่งสายตาขอโทษขอโพยก่อนจะตามเด็กน้อยเข้าไป ทำให้ผู้เป็นพ่ออดที่จะถอนใจในความแง่งอนของลูกชายไม่ได้

“น้องเรนง่วงหรือยัง ไปนอนนะครับ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชายหลังจากแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้ว

“ปันไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมดูน้องเรนเอง” ภาสวรบอกชายหนุ่มก่อนหยิบหนังสือนิทานออกมาเตรียมไว้

“ครับ”

“นั่นปันจะไปไหน” ภาสวรเอ่ยถามเมื่อเห็นปัญญวัฒน์หยิบกระเป๋าออกมาแล้วเดินไปที่ประตูห้อง

“คุณภาคนอนห้องนี้กับน้องเรน เดี๋ยวผมไปนอนกับเพื่อนอีกห้อง” ปัญญวัฒน์บอกก่อนเปิดประตู

“ไม่สิ อาปันนอนกับเรน ไม่นอนที่อื่น” เด็กชายที่กำลังจะนอนพอเห็นว่าอาคนโปรดไม่นอนด้วยก็ลุกพรวดเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

“นอนด้วยกันที่นี่แหละ ที่นอนใหญ่พอที่จะนอนสามคนได้”

“เอ่อ...”

“มาเร็วดึกแล้วน้องเรนจะได้นอนเสียที” ภาสวรพูดแบบนี้ทำให้ปัญญวัฒน์ต้องวางกระเป๋าพาเด็กชายมานอนที่เตียง

“คุณภาคไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวผมอ่านนิทานให้น้องเรนเอง จะฟังนิทานเรื่องไหนดีครับ” ปัญญวัฒน์หันมาบอกภาสวร ก่อนหยิบหนังสือนิทานไปให้เด็กชายเลือก

“อันนี้ครับ”

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...” เมื่อเห็นว่าลูกชายนอนฟังนิทานที่ปัญญวัฒน์อ่านให้ฟังอย่างโดยดี ภาสวรจึงเดินไปอาบน้ำได้อย่างสบายใจ

“เอาอีก อันนี้ๆ” เสียงของเด็กชายบอกพลางยื่นหนังสือนิทานอีกเล่มไปให้ปัญญวัฒน์

“ยังไม่นอนอีกเหรอน้องเรน มาพ่ออ่านให้ฟังเอง ให้อาปันไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ภาสวรที่อาบน้ำเสร็จอดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่ลูกชายยังไม่หลับ แถมเรียกร้องจะฟังนิทานเพิ่มอีก

“เรนอยากให้อาปันอ่านให้ฟังอีก”

“ให้อาปันไปอาบน้ำก่อนนะจะได้มานอนกอดน้องเรนดีไหมครับ” ภาสวรเกลี่ยกล่อมบุตรชาย

“ก็ได้คับ อาปันอาบเร็วๆนะ เรนรอ”

“ครับ” ปัญญวัฒน์รับคำเด็กชายก่อนส่งหนังสือนิทานที่น้องเรนเลือกไว้ส่งให้ผู้เป็นพ่อ




“หลับแล้วเหรอครับ” ปัญญวัฒน์ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จย่องมาดูเด็กน้อย เห็นผู้เป็นพ่อกำลังจัดผ้าห่มให้ลูกชายจึงกระซิบถาม

“งั้นผมไปนอนห้องโน้นนะครับ” ปัญญวัฒน์รีบบอกเมื่อเห็นภาสวรพยักหน้าให้

“อ้าว ไม่นอนด้วยกันเหรอ” ภาสวรหลุดปากถามออกไป

“อื้อ อาปันกอดๆ” เสียงเล็กๆของเด็กชายที่คิดว่าหลับแล้วทำให้ผู้ใหญ่ตกใจ ภาสวรรีบตบขาลูกชายเบาๆเพื่อกล่อมให้นอน แต่เด็กชายตาปรือมองไปยังปัญญวัฒน์พร้อมยื่นมือไปหา

“ครับๆ มากอดกัน” ปัญญวัฒน์อดที่จะใจอ่อนกับเด็กชายไม่ได้ จนต้องมานอนเคียงข้างอีกด้านบนเตียงให้น้องเรนตะแคงข้างเข้ามากอด โดยเอาหน้ามาซุกที่อกเขา ก่อนจะค่อยๆสงบลง

“นอนด้วยกันที่นี่เถอะ น้องเรนต้องการปัน ปันจะทิ้งน้องเรนได้ลงเหรอครับ” ภาสวรเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จนปัญญวัฒน์ยากที่ปฏิเสธ

“ครับ”

“กู๊ดไนท์ครับปัน” ภาสวรเอ่ยขึ้นก่อนปิดไฟกลางห้อง

“กู๊ดไนท์ครับคุณภาค”

“พี่ภาค”

“ครับ” ปัญญวัฒน์ตอบรับอย่างงงๆ

“ปันเรียกพี่ ว่าพี่ภาค”

“แต่..”

“ไหนเรียกพี่ภาคซิ” ภาสวรไม่ยอมปล่อยชายหนุ่มไปง่ายๆ

“พี่ภาค” ปัญญวัฒน์ยอมเรียกแต่โดยดี เพราะถ้าเถียงกันต่อเดี๋ยวน้องเรนจะตื่นเสียก่อน

“เด็กดี” ภาสวรเอื้อมมือไปลูบหัวปัญญวัฒน์เบาๆ ทำให้ชายหนุ่มนอนตัวเกร็งอยู่พักใหญ่ก่อนค่อยๆผ่อนลมหายใจแล้วหลับตาลง

**********************
โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :-[

มาต่อแล้ว :pig4: :L2:
ก็จะหวานๆหน่อยนะ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น่ารักกันทั้งครอบครัวเลย

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ติดตามจ้า

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 8

ปัญญวัฒน์รู้สึกตัว ดวงตาปรือเหลือบมองไปที่หัวเตียงด้วยความเคยชินก่อนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่วางทับอยู่บนเอว คงจะเป็นน้องเรน ชายหนุ่มคิดก่อนจะค่อยพลิกตัวไปหาเด็กชาย

“อื้อ “ เสียงที่ดังขึ้นพร้อมลมหายใจที่เป่ารดที่ต้นคอทำให้ปัญญวัฒน์ชะงัก ชายหนุ่มค่อยๆเลิกผ้าห่มดูแขนที่โอบเขาไว้ พบว่าไม่ใช่แขนของเด็กชายแน่ๆ ปัญญวัฒน์จึงค่อยๆยกแขนนั้นออกจากตัว ก่อนลุกออกจากเตียงแล้วสอดหมอนไปให้อีกคนกอดไว้

ภาสวรนอนหนุนแขนตัวเองข้างหนึ่งส่วนอีกข้างกอดหมอนหนุนของปัญญวัฒน์ ส่วนเด็กชายเรนนั้นนอนดิ้นไปอยู่ปลายเตียง ปัญญวัฒน์กลัวว่าจะตกเตียงไปเสียก่อนจึงอุ้มเด็กน้อยไปนอนที่ๆว่างด้านหลังบิดา

ใกล้หกโมงเช้าแล้วคงจะนอนต่ออีกไม่ไหว ปัญญวัฒน์เลิกม่านดูพบว่าพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น เขาจึงเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเอง เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงออกไปเดินชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า


“น้องปันตื่นเช้าจัง” แพรชมพู คุณยายของเด็กหญิงอิงฟ้าเอ่ยทักลูกชายของเพื่อนสนิท

“แม่แพรก็ตื่นเช้านะครับ”

“คนแก่ก็อย่างงี้แหละนอนไม่ค่อยหลับ แล้วน้องปันจะออกไปไหนล่ะ”

“ไปเดินเล่นที่ชาดหาดครับ พระอาทิตย์กำลังขึ้นเลย” ปัญญวัฒน์บอกพร้อมชูกล้องที่เขาพกติดตัวมาให้คุณแพรชมพูดู ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเป็นสีส้มทองสวยแล้ว

“จ้า รีบไปเถอะเดี๋ยวไม่ได้รูปสวยๆ” แพรชมพูมองตามหลังปัญญวัฒน์ไปเธอเอ็นดูชายหนุ่มราวกับเป็นลูกชายอีกคนก็ว่าได้ ปัญญวัฒน์อ่อนกว่าลูกชายคนเล็กของเธอไม่ถึงสองเดือน แต่ดูเหมือนจะโตเป็นผู้ใหญ่กว่าวรภัทรมากนัก


แสงแดดยามเช้าส่องผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาภาสวรปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยก่อนกระชับหมอนในมือเข้ามาหาตัว ก่อนกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับสมองให้ทำงานตามปกติ ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นมานั่งเมื่อเห็นว่าในอ้อมกอดเขาเป็นหมอนที่ปัญญวัฒน์ใช้หนุนนอน เมื่อมองไปรอบๆเจอบุตรชายที่นอนหมิ่นเหม่เกือบจะตกเตียงอีกด้านหนึ่ง ภาสวรค่อยๆช้อนตัวลูกชายให้เข้ามานอนที่กลางเตียงก่อนลุกขึ้นไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ

“ฮือ อาปัน พ่อ อยู่ไหน” เด็กชายเรนที่รู้สึกตัวตื่นเหลียวมองหาใครก็ไม่เห็นร้องตะโกนขึ้นมา

“ตื่นแล้วเหรอครับ อาปันอยู่นี่” เสียงเปิดประตูพร้อมทั้งเสียงทักของผู้เข้ามา ทำให้ภาสวรชะงักเปลี่ยนใจกลับไปอาบน้ำต่อ

“อาปันไปไหนมา” เด็กชายตัดพ้อ เมื่อตื่นมาไม่เห็นใคร

“อาปันลงไปข้างล่างมาครับ น้องเรนจะนอนต่อไหม”

“ไม่ เรนจะไปกับอาปัน” เด็กชายบอกพลางลุกลงจากเตียง

“รอเดี๋ยวนะครับ ตอนนี้คุณพ่ออยู่ในห้องน้ำ เดี๋ยวน้องเรนอาบน้ำก่อนค่อยลงไป” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชาย เมื่อเห็นเจ้าตัวจะเปิดประตูออกไปด้านล่าง

ภาสวรเปิดประตูจากห้องน้ำ ก็พบว่าลูกชายเขาดูการ์ตูนหัวเราะคิกคักอยู่กับปัญญวัฒน์

“อรุณสวัสดิ์ ปัน น้องเรน เมื่อกี้ใครร้องครับ” ภาสวรเอ่ยทัก

“อรุณสวัสดิ์ครับ” ปัญญวัฒน์เงยหน้าจากแท็บแล็ตทักทายกลับ

“เรนคับ” เด็กชายชูมือขึ้นยอมรับ

“น้องเรนร้องทำไมครับ พ่ออยู่ในห้องน้ำ”

“ก็เรนไม่รู้นี่” เด็กชายพูดอย่างหงอยๆ

“ไม่รู้ก็ต้องหาครับ ไม่มีใครทิ้งน้องเรนให้อยู่คนเดียว เพียงแต่เขาต้องไปทำอย่างอื่นน้อง เรนแค่ลุกจากเตียงออกไปหานะครับ”
 
“คับ”

“งั้นคนเก่งของพ่อไปอาบน้ำกัน” ภาสวรบอกพลางหยิบผ้าเช็ดตัวเดินตามลูกชายเข้าไปในห้องน้ำ

 “วันนี้ปันจะกลับกี่โมง” ภาสวรถามชายหนุ่มที่กำลังแต่งตัวให้ลูกชายเขา

“พวกคุณลุงคุณป้ากับพี่ๆจะกลับพรุ่งนี้ แล้วคุณภาคจะกลับเมื่อไหร่” ปัญญวัฒน์บอกก่อนที่จะถามภาสวรกลับ เขาไม่แน่ใจว่าภาสวรจะอยู่ต่อไหม

“ลืมแล้วบอกให้เรียกพี่ภาค พี่ว่าจะกลับช่วงสายๆ แล้วปันจะกลับพร้อมพี่หรือจะกลับพรุ่งนี้” ภาสวรท้วงติง ที่ปัญญวัฒน์ไม่ยอมเรียกเขาเหมือนที่บอกไว้เมื่อคืน

“กับด้วยกันจิ” เด็กชายที่แต่งตัวเสร็จบอก พร้อมเขย่าแขนปัญญวัฒน์ให้สนใจตัวเอง

“น้องเรนกลับกับคุณพ่อไงครับ เดี๋ยวอาปันกลับกับคุณยายแพร”

“ไม่เอา มาด้วยกันก็กับด้วยกัน พ่อกับพุ่งนี้พ้อมอาปัน” เด็กชายเรนบอกบิดาพลางกอดอกเวลาไม่ได้ดังใจ

“พรุ่งนี้คุณปู่คุณย่ามาเราต้องไปรอรับนะ น้องเรนไม่คิดถึงคุณย่าเหรอครับ” ภาสวรพยายามเกลี้ยกล่อมลูกชาย

“แต่เรนอยากอยู่กับอาปัน” เด็กชายอยากไปเที่ยวกับคุณอาคนโปรดต่อไม่อยากกลับบ้านก่อน

“งั้นอาปันกลับพร้อมน้องเรนก็ได้ครับ” ปัญญวัฒน์บอก เขาไม่อยากให้ภาสวรหนักใจที่ลูกชายดึงดันที่จะอยู่ที่นี่ต่อกับเขาจนผิดนัดกับผู้ใหญ่ที่บ้าน

“เย้ อาปันกับพ้อมเรน” เด็กชายดีใจจนวิ่งไปรอบๆปัญญวัฒน์

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จภาสวรก็พาลูกชายกับปัญญวัฒน์ล่ำลาผู้ใหญ่ที่ยังอยู่เที่ยวต่อกลับกรุงเทพ ตอนขามานั้นเขาตัดสินใจอยู่นานกว่าจะโทรหาคุณครูประจำชั้นของลูกชายเพื่อถามที่พัก กะว่าถ้าทางปัญญวัฒน์ไม่สะดวกเขาจะไปพักโรงแรมคนเดียว ให้ลูกชายได้สนุกกับคุณอาคนโปรด แต่ปาลิดาได้ให้เบอร์โทรศัพท์เปรมณัช เพราะชายหนุ่มตั้งใจที่จะมาเที่ยวกับครอบครัวอยู่แล้ว หลังจากนัดแนะกัน เขาได้ขับรถไปรับพี่ชายปัญญวัฒน์ที่บริษัทก่อนจะขับรถมาที่บ้านพัก

“แวะมาหายายบ้างนะน้องเรน” นาตยากอดเด็กชายไม่ยอมปล่อย น้องเรนน่ารักอยากให้ลูกของทัพฟ้าที่กำลังจะคลอดออกมามาดูโลกอีกไม่ถึง 3เดือนน่ารักแบบนี้บ้าง

“น้องเรนมาให้ยายกอดหน่อย” แพรชมพูกอดเด็กชายบ้าง เด็กชายเป็นขวัญใจเหล่าบรรดาผู้สูงวัยแค่วันเดียวได้ใจเหล่าบรรดาคุณตาคุณยายกันหมด

“สวัสดีคับคุณยาย บ๊ายบายคับ” น้องเรนยกมือไหว้แถมโบกมือลาอีกครั้งก่อนขึ้นรถไป

“สวัสดีครับ ขอบคุณมากครับที่ชวนผมกับลูกมาเที่ยวด้วย” ภาสวรเองก็ยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ที่มาส่งที่รถอีกครั้ง

“จ้า ไว้เจอกันใหม่นะพ่อภาค” แพรชมพูโบกมือลาพ่อลูกสุธาภิวัฒน์

ขากลับภาสวรได้เพื่อนร่วมทางคนใหม่จากเปรมณัชเป็นปัญญวัฒน์ ดูเหมือนลูกชายเขาจะพออกพอใจเพื่อนร่วมทางคนนี้เหลือเกินชักชวนให้ไปนั่งที่ข้างหลังกับตัวเอง

“อาปันนั่งข้างหน้ากับคุณพ่อดีกว่า อาจะได้บอกทางไปสวนสัตว์ด้วยไงเดี๋ยวคุณพ่อขับเลยนะ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชาย หลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้วว่าวันนี้ภาสวรว่างกลับไปถึงกรุงเทพตอนค่ำๆก็ได้ ปัญญวัฒน์เลยชวนชายหนุ่มแวะสวนสัตว์เปิด ที่ขับผ่านตอนขามา ซึ่งภาสวรเองก็ตกลงเพราะลูกชายเขาอยากไปมากเมื่อปัญญวัฒน์พูดถึง

“ก็ได้คับ” เมื่อเด็กชายตกลงเรื่องที่นั่งได้แล้ว ภาสวรจึงขับรถออกมาจากบ้านพักได้


ออกจากที่พักได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงสวนสัตว์เปิดก่อนจะเข้าสวนสัตว์ปัญญวัฒน์ขอแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมเครื่องดื่มโชคดีปั้มน้ำมันที่แวะนั้นมีขนาดใหญ่ภาสวรซื้อไก่ทอดและแฮมเบอเกอร์จากแบรนดังติดไปเผื่อด้วย

หลังจากซื้อบัตรแล้วภาสวรตัดสินใจขับรถตัวเองเข้าไป ก่อนเข้าภาสวรแวะซื้ออาหารสัตว์ให้ลูกชายที่ร้องขอว่าจะเอาไปสัตว์กิน ปัญญวัฒน์จัดการให้เด็กชายมานั่งข้างหน้ากับตัวเองเพื่อดูสัตว์และวิวได้สะดวก

“น้องเรนครับ นั่นละมั่ง เห็นไหมครับนอนอยู่นั่น” ปัญญวัฒน์ชี้ให้เด็กชายดูสัตว์ที่อยู่ทางด้านเขา ภาสวรเลยชะลอรถเพื่อให้ลูกชายดูได้ถนัดๆ

 “ป้ายบอกทางลงเดินไปบ่อฮิปโป น้องเรนจะลงไปดูไหมลูก” ภาสวรเอ่ยถามลูกชายที่พยายามชะโงกหน้าไปดูทางด้านสระน้ำ

“ไปคับ” เด็กชายพยักหน้าอย่างตื่นเต้น จนปัญญวัฒน์อดที่จะหอมแก้มป่องๆไม่ได้

“ใส่หมวกก่อนครับ แดดร้อน” ภาสวรสวมหมวกให้ลูกชายที่ปัญญวัฒน์จูงอยู่

แม้จะเห็นฮิปโปไม่ชัดแต่เด็กชายเรนก็พอใจ พอภาสวรขับรถไปต่อ พบเพนกวินกำลังจะได้เวลาจัดแสดงเดินโชว์ ภาสวรจึงรีบจอดรถพาลูกชายไปดู

“นั่นๆเรนจับได้ไหม” เด็กชายเงยหน้าถามบิดาเมื่อเห็นเพนกวินเดินเรียงออกมาเป็นแถว

“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวมันจิกเอา” ภาสวรรีบห้ามลูกชาย

หลังจากโชว์เพนกวินจบก็พาไปดูยีราฟ ม้าลาย ซึ่งอยู่ในรั้วกั้นเห็นได้อย่างชัดเจน ยิ่งทำให้เด็กชายตื่นเต้นมากขึ้น

“นั่นตัวอาไร” เด็กชายเรนชี้ไปยังสัตว์ที่ยืนสองขา

“เมียร์แคทครับ น้องเรนจะลงไปให้อาหารมันไหม” ภาสวรบอกลูกชายเมื่อเห็นหลายๆคนกำลังให้อาหารอยู่

“เอาคับ” เมื่อรถจอด เด็กชายแทบวิ่งไปเกาะรั้วดูกันเลย

“นั่นๆนกสีชมพู” เด็กชายชี้ไปยังคอกนกฟรามิงโก้ที่อยู่ไม่ไกล

“นกฟรามิงโก้ครับ” ปัญญวัฒน์อธิบายเด็กชายที่เกาะคอกจ้องมองนกสีชมพูอย่างตื่นเต้น

“มาพ่อถ่ายรูปให้” ภาสวรบอกเมื่อเห็นลูกชายชอบนกฟรามิงโก้มาก

หลังจากที่ผลัดกันถ่ายภาพให้อาหารนกจนพอใจแล้ว ภาสวรก็พามายังกรงนกขนาดใหญ่มีนกหลากหลายชนิดที่นี่น้องเรนกับปัญญวัฒน์ให้อาหารนกอย่างสนุกสนาน

“น้องเรนนั่นนกยูง กำลังรำแพนสวยเชียว” ปัญญวัฒน์ชี้ให้เด็กชายดู

“ที่นี่มีนกเยอะเลยนะ” ภาสวรเอ่ยขณะถ่ายรูปนกหายากแปลกๆไว้เพื่อเก็บไปให้ลูกชายดูทีหลัง

“ใช่ครับ ที่นี่ร่มรื่นมากเลย ทางด้านโน้นเหมือนน้ำตกเลย” ปัญญวัฒน์ชี้ไปอีกด้านที่มีต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ แถมมีน้ำตกจำลองสามารถเดินเข้าไปข้างในได้ด้วย

“หิวหรือยังน้องเรน เที่ยงกว่าแล้ว” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว

“แวะทานข้าวก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยไปดูต่อ” ภาสวรบอกก่อนขับรถหาที่นั่งพักทานอาหาร

“พ่อมีไก่ทอดกับแฮมเบอเกอร์ น้องเรนทานอะไรครับ” ภาสวรเอ่ยถามลูกชายเมื่อได้ที่นั่งแล้ว

“เอาไก่คับ” ภาสวรส่งกล่องไก่ทอดให้เด็กชาย

“มีเบอเกอร์ไก่กับปลา ปันทานอะไร หรือจะทานไก่กับน้องเรน” ภาสวรถามชายหนุ่มที่กำลังง่วนแบ่งไก่ให้น้องเรนอยู่

“อะไรก็ได้ครับ”

“ไม่มีนะอะไรก็ได้เนี่ย” ปัญญวัฒน์อยากแหมออกมาดังๆ ไม่คิดว่าภาสวรจะกวนแบบนี้

“ปลาก็ได้ครับคุณ.. พี่ภาค” ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ทันทีที่เห็นสายตาดุๆของภาสวร

“น้องเรนไม่ต้องรีบครับเดี๋ยวติดคอ” ปัญญวัฒน์บอกเด็กชายที่กัดน่องไก่อย่างเอร็ดอร่อย

“ปันก็ทานด้วยซิอย่ามัวแต่ดูน้องเรน” ภาสวรบอกชายหนุ่มที่กำลังดูแลลูกชายเขาอยู่

“ครับ” ปัญญวัฒน์หยิบแฮมเบอเกอร์มาทานพลางมองน้องเรนไปพลาง เขากลัวว่าเด็กชายจะทำเลอะเทอะ เพราะท่าทางเอาไก่จิ้มซอสดูน่ากลัวว่าซอสจะหยดเปื้อนเสื้อผ้า


หลังจากทานอาหารเสร็จ ภาสวรพาทั้งคู่ไปดูสิงโตขาวให้อาหารช้าง เด็กชายดูจะกล้าๆกลัวๆจนปัญญวัฒน์ต้องอุ้มไว้ กลัวที่จะเอื้อมมือส่งอาหารให้งวงช้าง เพราะก่อนหน้านี้เด็กชายเห็นช้างเอางวงยกนักท่องเที่ยวเพื่อถ่ายรูป จนภาสวรต้องช่วยส่งให้

“ช้างตัวใหญ่จัง”

“ครับ น้องเรนกลัวเหรอลูก” ภาสวรที่รับเด็กชายมาอุ้มแทนเอ่ยถาม

“ไม่คับ” เขาแค่กลัวมันจับแค่นั่นเอง

“เก่งมากครับ เดี๋ยวพ่อจะขับรถวนไป เราจะไม่ลงจากรถแล้วนะครับ” ภาสวรมองแผนที่ในมือ โซนต่อไปน่าจะดูอยู่บนรถได้ไม่ต้องลง

“คับ”

ภาสวรขับรถผ่านกระทิง ฝูงกวางที่เดินไปมา สองอาหลานชี้ชวนกันดูอย่างตื่นเต้น ยิ่งผ่านโซนลิง หมีโคล่า จิ้งโจ้ เด็กชายร้องบอกขอให้เขาพาลงไปดูใกล้ๆ จนภาสวรใจอ่อนพาไปดูหมีโคล่าที่เกาะต้นไม้นอนหลับไม่ไปไหน ส่วนจิ้งโจ้นั้นกำลังขุดทรายอยู่ไม่สนใจว่าใครมาดูมันเลย หลังจากนั้นก็ขับผ่านหุบเขาเสือ เสือเองก็หลบร้อนไปนอนอยู่ใต้ต้นไม้ เมื่อผ่านหุบเขาเสือก็กลับมาจุดเริ่มต้น

“จบแล้วกลับบ้านเลยนะครับ”

“คับ” น้องเรนที่ตอนนี้เปลี่ยนไปนั่งด้านหลังรับคำเบาๆระหว่างรอปัญญวัฒน์ไปซื้อน้ำ

“นี่ครับกาแฟ น้องเรนเอาน้ำส้มไหมครับ” ปัญญวัฒน์ที่กลับมานั่งในรถยื่นแก้วกาแฟที่ซื้อมาให้ภาสวร พร้อมทั้งส่งน้ำส้มให้เด็กชาย

“ขอบคุณคับ” น้องเรนยกมือไหว้ชายหนุ่มก่อนคว้าแก้วน้ำไปดื่ม


เสียงเจื้อยแจ้วสองเสียงดังมาในรถตั้งแต่ออกจากสวนสัตว์ทำให้ภาสวรรู้สึกบอกไม่ถูก ‘ มันเหมือนครอบครัว ‘ ความคิดนั้นดูออกจากแปลกใหม่สำหรับเขาจนน่าตกใจ ภาสวรออกจะแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันทำไมเขาคิดแบบนั้นกัน ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอด จนเสียงที่ดังมาตลอดทางเงียบหายไป ภาสวรจึงหันไปดูทั้งก็พบว่าอาหลานหลับหมดแรงกันไปทั้งคู่แล้ว ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นมุมปากใครกันนะที่บอกจะนั่งคุยเป็นเพื่อนเขาจนถึงกรุงเทพ

***************
ขอบคุณค่ะที่ติดตามกัน

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ค่อยเป็นค่อยไป

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 9

จากวันที่ได้ไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวและน้องเรนกับภาสวรผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว สุนทรีรุ่นพี่ที่ทำงานของปัญญวัฒน์ลาคลอด พรุ่งนี้จะออกจากโรงพยาบาล ปัญญวัฒน์จึงขออนุญาตภาสวรพาเด็กชายเรนไปเยี่ยม ภาสวรเองก็อนุญาตพร้อมทั้งตามมาด้วย

“สวัสดีครับพี่สุน” ปัญญวัฒน์เอ่ยทักรุ่นพี่

“สวัสดีคับอาสุน”

“สวัสดีค่ะน้องเรนน้องปัน สวัสดีค่ะคุณภาค” สุนทรียกมือไหว้เจ้านายหนุ่ม

“น้องผู้หญิงหรือผู้ชายคับ” เด็กชายสนใจเด็กทารกที่นอนอยู่ข้างเตียง

“ผู้หญิงค่ะชื่อน้องไอซ์” สุนทรีบอกเด็กชาย

“อ๊ะ ไม่ได้ครับ ถ้าจะจับน้องต้องไปล้างมือก่อน เดี๋ยวอาพาไป” ปัญญวัฒน์รีบคว้ามือเด็กชายเอาไว้ก่อนที่จะถึงตัวทารก

“ผมซื้อของใช้สำหรับเด็กอ่อนมาให้แล้วนี่ชุดเด็กคุณดาฝากมาให้ แล้วนี่ของรับขวัญหลาน” ภาสวรวางของทั้งหมดที่ชั้นข้างเตียงใกล้ๆของของบำรุงร่างกายที่ปัญญวัฒน์เอามาฝากหญิงสาว

“ขอบคุณมากค่ะคุณภาค” สุนทรียกมือไหว้ชายหนุ่มก่อนรับถุงเล็กๆมาเปิดดูพบว่าเป็นกำไรข้อเท้าเด็ก

“อาสุนเรนขอจับมือน้องนะคับ” เด็กชายเอ่ยขอสุนทรีตามที่ปัญญวัฒน์บอก อาปันบอกว่าจะจับน้องต้องขออนุญาตอาสุนก่อน

“ได้ครับ” เมื่อสุนทรีอนุญาตเด็กชายจึงเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูน้องที่กระบะใสชิดเตียงคนไข้ได้ถนัด

“เบาๆนะลูกเดี๋ยวน้องเจ็บ” ภาสวรบอกลูกชาย

“น้องตัวเล็กจัง” เด็กชายหันมาบอกพ่อและปัญญวัฒน์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา

“ครับน้องตัวเล็กนิดเดียวน้องเรนต้องทำเบาๆนะครับเดี๋ยวน้องเจ็บ” ปัญญวัฒน์บอกน้องเรน

“คับ ทำไมน้องต้องพันตัวใส่ถุงมือ” เด็กชายเอ่ยหน้าถามสุนทรีที่นอนมองทารกอยู่

“น้องหนาวครับ” ภาสวรบอกแทนสุนทรีที่กำลังคิดว่าจะอธิบายเด็กชายว่าอย่างไรดี

“วันนี้เรากลับก่อนไหมลูก น้องง่วงนอนแล้วอาสุนจะได้พักด้วย” ภาสวรหันมาคุยกับเด็กชายที่เฝ้ามองน้องไม่ห่าง

“ผมกลับก่อนนะ” ภาสวรบอกลูกน้องพร้อมสะกิดลูกชายให้ลาสุนทรี

“สวัสดีคับ”

“ผมไปก่อนครับ สวัสดีครับพี่สุน” ปัญญวัฒน์เอ่ยลาหญิงสาวก่อนเดินตามภาสวรออกมาจากห้อง

“อ้าวไอ้ดินมาทำไรที่นี่วะ” ภาสวรเอ่ยทักพสุธาที่เดินมาเจอกันโดยบังเอิญ

“มาคุยกับลูกค้า แล้วมึงล่ะ”

“มาเยี่ยมลูกน้องเขาเพิ่งคลอดลูกที่นี่ น้องเรนสวัสดีอาดินหรือยัง”

“สวัสดีคับอาดิน” เด็กชายยกมือไหว้เพื่อนพ่อ ปัญญวัฒน์เองก็ยกมือไหว้เพื่อนภาสวรเช่นกัน

“สวัสดีครับแล้วนั่น” พสุธามองไปยังชายหนุ่มที่เขาพบหน้าหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่มีใครแนะนำสักที

“นี่ปัน ปันนี่ดินเพื่อนผม” ภาสวรแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน

“สวัสดีครับ” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้พสุธาอีกรอบ

“สวัสดีครับ ทานข้าวเย็นกันหรือยัง ไปหาอะไรกินกันไหม” พสุธาเอ่ยชวนทุกคน

“เอาซิ กินที่ไหนกันดี” ภาสวรตอบรับคำชวนเพื่อน

“ร้าน...ไหมอยู่ไม่ไกลจากนี่”

“โอเค เจอกันที่ร้านนะ” ภาสวรบอกพร้อมเดินจูงลูกชายโดยมีปัญญวัฒน์เดินตามไปที่รถ

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วภาสวรมาส่งปัญญวัฒน์ที่บ้าน โดยก่อนหน้านี้ชายหนุ่มให้คนขับรถปัญญวัฒน์กลับมาที่บ้านเรียบร้อยแล้ว

“สวัสดีครับพี่ภาค บ๊ายบายน้องเรน” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ลาภาสวรก่อนลงจากรถ พร้อมทั้งโบกมือให้เด็กชายที่นั่งด้านหลังด้วย

“บ๊ายบาย อาปัน” เด็กชายเรนโบกมือลาชายหนุ่มก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป

---- a little cupid ----

“น้องปันสนิทกับน้องเรนจังนะคะ” พี่แป๋วฝ่ายประชาสัมพันธ์เอ่ยทัก

“น้องเค้าน่ารักดี” ปัญญวัฒน์บอก ตั้งแต่สุนทรีลาคลอดปัญญวัฒน์ลงมาทานอาหารกลางวันคนเดียว มีโอกาสร่วมโต๊ะกับฝ่ายประชาสัมพันธ์แล้วแต่ว่าจะเจอกันหรือไม่ เพราะเคยทำงานร่วมกันจึงคุ้นเคยกันบ้าง อย่างวันนี้เขาได้ร่วมโต๊ะกับฝ่ายประชาสัมพันธ์สามคน

“น้องเรนก็น่ารักดีค่ะ แต่ร้ายเหลือรับเลย วันก่อนคุณลูกพีชมาเจอคุณภาคกับน้องเรน อยู่ดีๆน้องเรนก็อาละวาด จนน้องลูกพีชหน้าเสียไปเลย”

“ใช่ๆ คุณภาคใจดีเกินไป จนน้องเรนได้ใจ จะเสียเด็กอยู่แล้ว” พี่สาวสำทับขึ้น

“ดีนะที่คุณภาคไม่พาไปพบลูกค้า ถ้าน้องเรนอาละวาดขึ้นมาอาจจะเสียลูกค้าไม่รู้ตัว” พี่ตวงพูดขึ้นบ้าง

ปัญญวัฒน์ฟังพวกพี่ๆฝ่ายประชาสัมพันธ์คุยกันอดที่จะถอนใจไม่ได้ ชายหนุ่มคิดถึงคำพูดของปาลิดาขึ้นมา

 ‘น้องเรนเป็นเด็กที่จิตใจดีแต่ความรู้สึกโหยหาความรักทำให้พฤติกรรมของเด็กชายออกจะเรียกร้องไปบ้าง คุณภาคที่รักและดูแลลูกแค่ไหน หากแต่บางเรื่อง คุณภาคก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่า จริงๆแล้วเด็กชายต้องการสิ่งใด’

“พี่ว่ามันแปลกอยู่นะ ที่น้องเรนเข้ากับน้องปันได้ดี” เสียงของพี่แป๋วทำให้เขารู้สึกตัว

“แปลกยังไงครับ” ปัญญวัฒน์เอ่ยถาม เขารู้สึกว่ามันปกติไม่เห็นแปลกอะไร เด็กๆปกติแล้วเข้ากับทุกคนได้ง่ายอยู่แล้ว ถ้าเข้าหาพวกเขากันดีๆ

“อาจเพราะน้องปันเป็นผู้ชายไงล่ะเธอ” พี่สาวพูดขึ้น ทำให้คนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย

“คืองี้ พี่สังเกตมาหลายหนแล้ว น้องเรนจะอาละวาดผู้หญิงที่มาเข้าใกล้คุณภาค” พี่สาวอธิบายเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของปัญญวัฒน์

“ใช่คงหวงพ่อแน่ๆ” พี่ตวงออกความคิดเห็น

ปัญญวัฒน์ได้แต่ฟังพวกพี่พูดกัน หลังจากทานอาหารเสร็จก็แยกขึ้นมาทำงานปกติ แต่ชายหนุ่มอดที่จะคิดถึงคำพูดพวกพี่ๆไม่ได้ เขาเองก็เคยเจอน้องเรนอาละวาดแต่ก็ไม่หนักหนาอะไร แต่การที่อาละวาดผู้หญิงที่เข้าใกล้ภาสวรนั้นเขาไม่เคยเห็นน้องเรนทำเลย กับคุณเลขาน้องเรนก็พูดคุยปกติ หรือแม้แต่สุนทรีเองน้องเรนก็พูดคุยเล่นด้วย ปัญญวัฒน์ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้

“อาปันน้องไม่น่าเป็นผู้หญิงเลย” ปัญญวัฒน์นึกถึงคำพูดของเด็กชายที่เขาพาไปเยี่ยมสุนทรีกับน้องไอซ์

“ทำไมล่ะครับ”

“หึ ผู้หญิงน่าเบื่อ น่ารำคาญ” เด็กชายเรนเม้มปากกอดอกแน่น

“อ้าว ถ้าผู้หญิงน่าเบื่อแล้วน้องเรนมาหาอาสุนทำไมครับ” ปัญญวัฒน์ถามอย่างแปลกใจ

“อ๊ะ ไม่ใช่ อาสุนน่ารักซิ เรนหมายถึงคนอื่น” ปัญญวัฒน์เองก็ไม่ได้ถามเพราะภาสวรเรียกทั้งคู่เสียก่อน

เอาไว้กลับบ้านไปค่อยไปเล่าให้ปาลิดาฟังเผื่อ พี่สาวของเขาจะช่วยวิเคราะห์เคสแบบนี้ให้ฟังบ้าง

---- a little cupid ----

ห้องอาหารจีนในโรงแรมห้าดาวที่ตกแต่งได้มีเอกลักษณ์มาก โดยนำเอาหลักฮวงจุ้ยผสมผสานกับความโมเดิร์นมองแล้วสวยทุกมุม ทำให้ปัญญวัฒน์มองไปรอบๆอย่างชอบใจ พวกเขาตัดสินใจที่จะนั่งริมกระจกเพื่อสามารถดูวิวกรุงเทพจากมุมสูงได้ วันนี้ปาลิดาชวนพวกเขามาชิมอาหารเพื่อใช้เลี้ยงแขกในงานแต่งงาน เผอิญว่าที่เจ้าบ่าวติดธุระกะทันหัน ว่าที่เจ้าสาวเลยบ่นไม่มีใครช่วยทาน

“ถ้ามาทานมื้อเย็นคงจะฟินกว่านี้” พลอยลดาเอ่ยขึ้นหลังมองวิวด้านนอกแล้ว

“ทำไงได้เขานัดเวลานี้นี่ เอาไว้ชวนพี่เปรมมาใหม่ซิ” ปาลิดาแหย่เพื่อนสนิทที่ปัจจุบันเป็นพี่สะใภ้ของเธอ

“ปันจะสั่งอะไรเพิ่มก็ได้นะ พลอยด้วย” ปาลิดาบอกหลังจากที่บริกรมารับออเดอร์เครื่องดื่มแล้ว

“ชุดที่นำมาให้ลองชิมก็เยอะแล้วจะทานกันหมดเหรอพี่ปา” ปัญญวัฒน์แย้งขึ้นมา พวกเขามากันสามคน กว่าพวกที่เหลือจะตามมา อาหารแปดอย่างจะทานหมดไหมเนี่ย

“พี่สั่งจานเล็กเอาไว้ลองชิม เดี๋ยวพี่เปรมก็จะตามมาด้วยใช่ไหมพลอย ส่วนสองคนนั้นมาถึงเมื่อไหร่ค่อยสั่งใหม่”

“อืม ใกล้ถึงแล้วล่ะ แล้วพี่รุต ไม่ตามมาจริงๆเหรอ” พลอยลดาเองก็กลัวว่าจะทานไม่หมดเหมือนกัน

“พี่รุตบอกไม่แน่ใจ เพราะติดคนไข้ด่วน ไม่รู้จะเสร็จกี่โมง” ปาลิดาหน้ามุ่ย ที่ว่าที่เจ้าบ่าวโดนเรียกตัวด่วน ทั้งๆที่นัดกันเสียดิบดี เธอเข้าใจ เวลานี้เธอสบายดีแต่คนที่ทำให้ศรุตถูกเรียกตัว มีภาวะเสี่ยงความเป็นความตายกว่าเธอหลายเท่า

“เอาน่าจะเป็นเมียหมอต้องเข้าใจ คิดในแง่ดีแสดงว่าพี่รุตเก่งคนถึงต้องการตัวไง” พลอยลดาปลอบใจเพื่อนสนิท

“เราเข้าใจนะ แต่ก็ห่วง พี่รุตเอาแต่ห่วงคนไข้จนบางทีลืมที่จะห่วงตัวเอง วันๆหนึ่งบางทีได้ทานข้าวแค่มื้อเดียว”

“ถ้าพี่รุตมาไม่ทัน พี่ปาสั่งอาหารไปให้ที่โรงพยาบาลก็ได้นี่ครับ” ปัญญวัฒน์บอกพี่สาว เขาเชื่อว่าศรุตเองก็คงดีใจที่ได้เจอปาลิดาเหมือนกัน

“เราเห็นด้วยกับปันนะ” พลอยลดาเองก็สนับสนุน ทำให้ปาลิดายิ้มกว้างมากกว่าเดิม ก่อนหยิบเมนูมาเปิดดูว่าจะสั่งอะไรไปให้คนรักทานดี

รอไม่นานอาหารที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟ ทำให้ทั้งสามคนตาโต มองหน้ากันด้วยความตกใจ

“แน่ใจนะพี่ปาว่านี่จานเล็กแล้ว” ปัญญวัฒน์ถามขึ้นด้วยความตกใจ ถ้านี่จานเล็กแล้วตอนเสิร์ฟในงานจานเท่าไหนกัน แถมเขายังสั่งติ่มซำมาทานเพิ่มอีก

“พี่ก็งงเหมือนกัน เดี๋ยวถามบ๋อยดูก่อน ว่าเสิร์ฟผิดโต๊ะไหม” ปาลิดาเองก็งง ทั้งติ่มซำและอาหารสี่อย่างบนโต๊ะ พวกเขาสามคนกินก็อิ่มท้องแทบแตกแล้ว แถมยังเหลือที่ยังไม่มาเสิร์ฟอีกสี่อย่าง นี่ยังไม่รวมของหวานเลยนะ

หลังจากที่สอบถามพนักงานแล้ว ปริมาณอาหารที่เสิร์ฟขนาดเท่าวันงาน ทำเอาพวกเขาสามคนกุมขมับ ก่อนที่ปัญญวัฒน์ตัดสินใจโทรศัพท์เร่งเพื่อนอีกสองคนที่ยังมาไม่ถึงให้รีบมาไวๆ พร้อมทั้งภาวนาไม่ให้ทุ้งคู่เบี้ยวนัดพวกเขา

“เป็นไงปัน วินกับรันว่าไง” ปาลิดาถามน้องชายทันทีที่วางสายแล้ว

“ไม่เกินครึ่งชั่วโมงครับพี่ ไอ้วินกำลังไปรับรันที่เพิ่งตื่น เดี๋ยวขึ้นทางด่วนมา ถ้ารถไม่ติดแป๊บเดียวถึง” คำตอบของปัญญวัฒน์ทำให้พลอยลดาโล่งใจ แถมตอนนี้เปรมณัชที่เพิ่งวางสายจากเธอก็เดินเข้ามาในห้องอาหารพอดี

“วินกับรันจะมาถึงกี่โมง” เปรมณัชเอ่ยถามน้องๆ หลังจากที่ฟังภรรยาเล่าให้ฟังประกอบมองอาหารบนโต๊ะ พวกเขาสี่คนคงทานไม่หมดแน่ๆ

“ไอ้วินกับไอ้รัน ถ้ารถไม่ติดก็ครึ่งชั่วโมงก็ถึง” ปัญญวัฒน์บอกพี่ชายตอนนี้แค่เห็นอาหาร เขาก็พาลจะอิ่มขึ้นมาแล้ว

“วันงานจะมีแต่อาหารจีนอย่างเดียวเหรอ” เปรมณัชมองอาหารบนโต๊ะอย่างขัดใจ เพราะส่วนตัวแล้วเขาไม่ชอบอาหารจีนสักเท่าไหร่

“งานช่วงกลางวันค่ะที่เป็นแบบนี้ เพราะคุณแม่ท่านรีเควสมา ส่วนตอนกลางคืนจะมีเป็นซุ้มอาหารให้เลือก” ปาลิดาแจกแจง เปรมณัชได้แต่พยักหน้ารับ งานช่วงกลางวันแขกเป็นผู้ใหญ่เสียส่วนมาก ส่วนตอนค่ำก็เป็นเพื่อนฝูงของบ่าวสาว อาจพ่วงคู่ค้าหุ้นส่วนบริษัททั้งสองฝั่ง

ไม่นานเกินรอเพื่อนซี้อย่างนาวินกับศรัณก็มาสมทบ ทั้งคู่มองอาหารแปดอย่างที่อยู่บนโต๊ะพร่องไปไม่มากเท่าไหร่ด้วยความยินดี เนื่องจากตื่นสายทำให้ยังไม่ทานอะไร ตอนนี้หิวโซมาก พวกเขาประมาทนอนเพลินจนมาสายเลยเวลานัด โชคดีที่พวกพี่ๆไม่ต่อว่าอะไร

“เอาน้ำอะไร เดี๋ยวสั่งให้” ปัญญวัฒน์เอ่ยถามเผื่อเพื่อนเขาอยากดื่มอย่างอื่นนอกจากน้ำชา

“เบียร์ได้ไหมพี่เปรม” นาวินหันมาถามพี่ชายเพื่อน

“แต่วันเลยเหรอวิน อยากดื่มก็สั่งเลย เอาติ่มซำเพิ่มไหม” เปรมณัชเอ่ยแซวก่อนเรียกบริกรมาสั่งเครื่องดื่มให้น้องๆ

“เฮ้ย นั่นมันพ่อน้องเรนนี่นา” นาวินที่สั่งเครื่องดื่มและอาหารที่ตัวเองต้องการเพิ่มเติมเอ่ยขึ้นหลังจากมองไปรอบๆร้าน ทำให้ทั้งโต๊ะเงยหน้าหันไปมองที่ประตูทางเข้าที่คนทั้งคู่เดินผ่านไป

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินคุยไปหัวเราะไปกับดาราสาวดาวรุ่ง ที่ดูอย่างไรก็หล่อสวยสมกัน ทำให้ปัญญวัฒน์รู้สึกใจหายขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ

“มากับยัยลูกพีชได้ยังไง” พลอยลดาเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ เพราะหญิงสาวเคยมากิ๊กกั๊กกับน้องชายเธอมาก่อน

“ก็คุณลูกพีชเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทคุณภาคไง” นาวินตอบแทนเพราะเขาเคยเห็นทั้งคู่ตอนงานเปิดตัวมาก่อน

“หึ มุกเดิมๆ” พลอยลดาแบะปาก

“เอาน่า อย่าไปยุ่งเรื่องของเขาเลย โมโหมากๆเดี๋ยวลูกเป็นเด็กขี้โมโหนะ” เปรมณัชปลอบภรรยาให้ใจเย็นลง

“แค่คิดพลอยก็สงสารน้องเรน ยัยนี่ใช่จะดีเด่อะไร” พลอยลดาหงุดหงิด อาหารมื้อนี้กร่อยลงจากที่กำลังทานอย่างอร่อยแท้ๆ

“แต่พี่เชื่อนะว่าคุณภาคไม่ใช่คนโง่ เดี๋ยวคงสลัดหลุดออกไปจนได้แหละ”

“ไม่แน่นะพี่เปรม ขนาดพี่พงศ์ไอ้ภัทรยังต้องยื่นมือมาช่วยเลย” นาวินเอ่ยขึ้นอย่างขำๆ เมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทตัวเล็กวีนแตกจนนิชาดากระเจิงไป

“วินไม่รู้เหรอ ว่าความจริงแล้วพงศ์จัดการเองได้ไม่ต้องถึงมือภัทรหรอก” เปรมณัชเอ่ยอย่างขำๆ เขารู้จักพงศ์กรดี รายนั้นเห็นอะไรเป็นเรื่องสนุกไปหมด ออกจะชอบใจด้วยซ้ำที่ทำให้น้องชายและพี่สาวปรี๊ดแตกยื่นมือจัดการให้โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องทำเอง

“อ้าวที่ไอ้ภัทรทำก็เปล่าประโยชน์ดิพี่” นาวินเอ่ยออกมานี่ถ้าวรภัทรรู้คงเม้งแตกพี่ชายตัวเองอีกรอบเป็นแน่

บทสนทนาเปลี่ยนไปโดยเปรมณัชและนาวินทำให้บรรยากาศดีขึ้น เสียงหัวเราะที่หายไปกลับมาอีกครั้ง อย่างน้อยความโหวงเหวงในใจก็บรรเทาเบาบางลงไปบ้าง


****************************

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ

ตอนหน้าเจอกันหลังปีใหม่นะคะ

Merry Christmas and a Happy New Year

ขอให้มีความสุข สนุก สมหวังทุกสิ่ง


Sira_nann

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด