บทที่ 9 ครึ่งๆ กลางๆ
Charit @Charitpedd
อิจฉาตัวเองเนอะ
ตื่นมาก็ได้เห็นคุณก่อนใครเลย
#พี่แช่มได้กล่าวไว้
ขี้ขิงสุดๆ ไปเลย
ผมอิจฉาเขามากกว่าเขาอิจฉาตัวเองอีก
เอ๊ะ....หรือจะไม่อิจฉาดี
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอเนี่ย” ผมมองร่างโปร่งที่ยังไม่ได้สติบนเตียงของตัวเอง เขาจะนอนนานเกินไปแล้วนะ
ตอนนี้เกือบเที่ยงแล้วและพี่ก้องยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสักนิด ผมควรปลุกหรือปล่อยให้เขานอนไปแบบนี้ดีนะ ใจนึงก็อยากให้นอนเยอะๆ อีกใจก็อยากให้ตื่นเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำหน้ายังไงถ้ารู้ว่าเมื่อคืนได้นอนที่ห้องผม จะบ่น จะด่า จะอาละวาดไหมนะ หรือว่าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็กลับไปเงียบๆ ผมเลื่อนหน้าไปใกล้คนที่หลับอยู่ก่อนจะเกลี่ยแก้มใสนั่นเบาๆ
ถึงเขาจะเหมือนพี่หอม
แต่พี่ก้องก็ยังคงเป็นพี่ก้อง
ผมลุกออกมาจากเตียงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง วันนี้วันหยุด ตอนแรกพวกเพื่อนๆ ชวนผมไปทะเลด้วย ไปปลอบใจที่อกหัก แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะไปดีไหม มันนัดว่าจะไปกันเย็นนี้อะครับ ถ้ารวมผมด้วยก็มีอยู่สี่คน แก๊งค์ผมมันจะเป็นอะไรที่โคตรน่ารำคาญ ผมถือว่าเป็นคนที่สงบปากสงบคำที่สุดแล้ว เป็นขั้วต่างของไอ้เนย ไอ้เวรนั่นคือเงียบไม่เป็น
เงียบได้สัก 5 นาทีคือเก่งที่สุด
รองลงมาจากไอ้เนยก็จะเป็นไอ้ภัทร รายนั้นจะพูดน้อยลงมานิดนึง ส่วนคนสุดท้ายก็จะเป็นไอ้ฟรังก์ มันก็จะเงียบลงมาหน่อย แต่โดยรวมเพื่อนทั้งสามคนของผมก็คือพูดมากขั้นสุด ไม่รู้เหมือนกันว่าทนอยู่กับพวกมันได้ยังไง ลองนึกถึงเวลามันเถียงอะไรกันสักอย่างแล้วมันก็จะพูดๆ ๆ ๆ กันไม่หยุดสิ แล้วบางทีก็ตีกันเหมือนเด็กๆ ด้วย แล้วคนห้ามจะเป็นใครล่ะถ้าไม่ใช่ผม
พอดุมากๆ ก็ชอบงอน
ใช่ครับ นั่นเพื่อนผมเอง
ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำสักพักใหญ่ก่อนจะเดินออกมาในสภาพที่มีผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวแค่ผืนเดียว พี่ก้องยังคงหลับอยู่ ใจคอจะไม่ตื่นเลยใช่ไหมเนี่ยะ ผมเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่แล้วยืนเช็ดหัวอยู่อย่างนั้น คอนโดฯ ผมอยู่ชั้น 14 มันก็เลยทำให้ได้เห็นวิวเมืองกรุงสวยๆ อะนะ แต่ผมก็มีฟีลอยากเห็นวิวป่าเขาอยู่เหมือนกัน เนี่ยะ เรียนจบเมื่อไหร่ว่าจะหนีพ่อไปสร้างบ้านอยู่ในป่า
นี่คิดจริงจังเลยนะ
“บวร”
ผมหันไปตามเสียงเรียก “ตื่นแล้วเหรอครับ”
“ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” คนเพิ่งตื่นถามพลางยกมือกุมขมับตัวเอง ปวดหัวสิท่า ก็ไม่แปลกหรอก เล่นเมาซะขนาดนั้นอะ
“พี่เมามาก ผมก็เลยพาพี่กลับมาด้วย เท่านั้นเองครับ”
“งั้นก็ขอบใจละกัน” พี่ก้องบอกก่อนจะลุกออกมาจากเตียงแต่ก็เซจนล้มลงไป อะไรของเขาล่ะนะ
ผมหลุดออกมาทันที “ทำอะไรของพี่น่ะครับ” ว่าแล้วผมก็เดินมาพยุงเขาขึ้น
“ไม่เคยเมาหนักๆ จนตื่นมาแล้วปวดหัวงั้นเหรอ”
“เคยครับ แต่ไม่เซจนล้มแบบนี้”
“ปกติผมก็ไม่ล้ม” เจ้าตัวเอ่ยพลางเบือนหน้าหนีผม “นี่เป็นครั้งแรก”
“งั้นเหรอครับ”
“อืม ผมอยากกลับหอ”
“แค่เดินยังเซเลย อยู่ที่นี่ให้หายมึนก่อนก็ได้นะครับ”
“ผมไม่อยากรบกวน”
“ผมยังไม่ทันพูดเลยว่าพี่รบกวน อย่าไปคิดแบบนั้นเลยนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินไปแต่งตัวที่หน้าตู้เสื้อผ้า ในหัวก็กำลังตัดสินใจเรื่องไปทะเลเย็นนี้
ผมเหลือบมองร่างโปร่งเป็นระยะๆ ผ่านกระจก เขานั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ไม่ขยับตัวเลยด้วยซ้ำไป คงคิดอะไรอยู่ล่ะมั้ง ก็อาจจะเป็นเรื่องของเราในคืนนั้นก็ได้ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงชอบสภาพเพิ่งตื่นของพี่ก้องจัง อาจเพราะปกติเขาเป็นคนที่ดูเนี้ยบอยู่ตลอดล่ะมั้ง ผมเขาไม่เคยฟูแบบนี้เลยสักครั้ง ไหนจะหน้าสดๆ ที่เพิ่งตื่นนั่นอีก ดูดีชะมัด ผมอยากรู้เหมือนกันนะว่าถ้าพี่หอมตื่นขึ้นมา สภาพเขาจะเป็นแบบนี้รึเปล่า
ก็คงทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละนะ
พอแต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินไปนั่งลงบนเตียงใกล้ๆ พี่ก้อง เจ้าตัวหันมองผมนิ่งๆ อยู่แบบนั้น อะไหนดูซิว่าใครจะจ้องตาใครได้นานมากกว่ากัน ดวงตาคมสีดำสนิทนั่นมีเสน่ห์อย่างมากถึงที่สุด ถ้าถามถึงความแตกต่างระหว่างความเป็นฝาแฝดของเขา สายตานี่แหละที่น่าจะแบ่งออกได้ชัดเจนเหมือนกัน คนตรงหน้าผมจะดูดุกว่ามาก นี่คิดเหมือนกันนะว่าถ้าจ้องไปสักพัก เขาจะต่อยผมตาแตกรึเปล่า
พี่ก้องจะแบดขนาดนั้นไหมนะ
“มองผมขนาดนั้น”
“พี่ก็มองผมเหมือนกัน”
“ก็คุณมองก่อน”
“ใช่” ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ “.....คงเพราะพี่น่ามองมั้งครับ”
“ผมไม่ได้น่ามองสักนิด” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะพิมพ์อะไรไม่รู้ยุกยิกๆ
“พรุ่งนี้พี่หยุดไหมครับ”
“ถามทำไม”
“ไป....ทะเลกันไหมครับ”
พี่ก้องละจากโทรศัพท์ขึ้นมามองผม “....ชวนผม”
“ใช่ เผื่อพี่อยากไปพักผ่อนหรือเปลี่ยนบรรยากาศก่อนสอบไฟนอลบ้าง แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ เพราะนอกจากผมก็มีเพื่อนๆ ผมไปด้วย”
“งั้นคุณไปกับเพื่อนไม่ดีกว่าเหรอ”
“ก็แค่อยากลองไปกับคนที่ไม่ใช่เพื่อน....สักครั้งน่ะครับ”
“.....”
“ว่าไงครับพี่ก้อง....จะไปหรือไม่ไป”
[จบบันทึกพิเศษ : บวร]
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะน้องหอม”
“หงุดหงิดใจ”
“หงุดหงิดใจเรื่องอะไร”
“ไอ้ก้อง”
“ข้าวก้องทำไม”
“อยู่ดีดีมันก็นึกครึ้มอยากไปทะเลเฉยๆ ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็เมาแล้วก็โทรมาพูดอะไรไม่รู้เรื่อง แถมยังติดต่อกลับไม่ได้อีก หอมว่าทั้งหมดนี่มันแปลกๆ อะ”
แปลกมากๆ เลยด้วย
ผมนั่งมองข้อความในไลน์ที่ไอ้น้องเวรมันส่งมาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน อะไรทำให้คนที่ไม่ชอบทะเลไปทะเลได้วะ ร้อยวันพันปีข้าวก้องไม่เคยคิดอยากไปทะเลด้วยซ้ำเพราะมันไม่ชอบลมทะเล ไม่ชอบเสียงคลื่น ไม่ชอบการที่ทะเลกว้างใหญ่เกินไปจนคาดเดาอะไรไม่ได้ ปกติแล้วถ้าไม่ไปเพื่อทำงานก็อย่าหวังเลยว่ามันจะไป เนี่ยะ พอเป็นแบบนี้ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ กับข้อความไลน์ที่เจ้าตัวทักมาบอก
ไปกับใครวะ
“คิ้วจะชนกันอยู่แล้วนะ” นิ้วเรียวจิ้มตรงกลางระหว่างคิ้วผม “แปลกมากขนาดนั้นเชียว”
“แปลกสิพี่แช่ม ข้าวก้องไม่ชอบทะเลแต่อยู่ดีดีก็ไปทะเล หอมว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ”
“ก็อาจจะอยากไปเฉยๆ ก็ได้”
“แต่มันก็แปลกอยู่ดี”
“เอาเถอะน่ะ อย่าไปคิดอะไรให้มันวุ่นวายใจเลย ดูสิ คุณเฉลิมมองน้องหอมใหญ่แล้วนะ”
ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวเจ้านกอ้วนเบาๆ “คุณเฉลิมก็สงสัยเหมือนหอมใช่ไหมล่ะ”
“คุณเฉลิมบอกเปล่า”
“พี่รู้ได้ไงว่าคุณเฉลิมบอกแบบนั้น”
“เพราะพี่เลี้ยงคุณเฉลิมมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ ไง พี่ฟังภาษานกรู้เรื่อง น้องหอมไม่รู้เหรอ เนอะๆ คุณเฉลิมเนอะ”
พรึ่บบบบ
“จ้า เข้ากันดีนักนะ” ผมมองคุณเฉลิมที่กางปีกกว้างเหมือนรับคำในสิ่งที่พี่แช่มพูด มันน่าฟัดซะจริงๆ เลยนะเจ้าอ้วนนี่น่ะ
ผมมองร่างสูงที่ลุกไปหยิบหนูแช่แข็งในตู้เย็นออกมาป้อนให้คุณเฉลิม นี่เกือบจะ 5 โมงเย็นแล้วครับและผมก็รู้สึกหิวแล้วด้วย น่าจะเป็นเพราะกินไปแค่ข้าวเช้าล่ะมั้ง ผมกะว่าถ้าพี่แช่มป้อนอาหารคุณเฉลิมเสร็จ ผมจะชวนเขาไปหาอะไรกิน หลายวันมานี้ผมขลุกอยู่แต่กับเขา ไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องตัวเองเลย แต่เชื่อไหมว่าต่อให้เรานอนอยู่ข้างกัน พี่แช่มเขาก็ไม่ทำอะไรผมเลยนะ
เต็มที่คือแค่นอนกอดเท่านั้นเอง
เพราะเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอเขาก็เลยไม่คิดอยากจะคลอเคลียผม ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ตอนที่ไปกาญฯ ด้วยกันเขายังจูบผมเลยนะ จูบครั้งนั้นเป็นจูบแรกและจูบเดียวที่เกิดขึ้นระหว่างเรา เขาไม่คิดจะจูบผมอีกเลยอะ ทำไมวะ ปากผมไม่น่าจูบหรือเขาอยากจะให้เกียรติผมโดยการไม่ทำอะไรเกินเลยจนกว่าเราจะคบกันอย่างนี้น่ะเหรอ
หื้มม.มม....แค่คิดก็ห่อเหี่ยวแล้ว
ผมชอบการสกินชิพนะ ยิ่งถ้าได้ทำกับคนที่ชอบมันก็มีความสุขป้ะวะ แต่จะบอกไปตรงๆ ว่าพี่แช่มทำแบบนี้ๆ ๆ กับหอมสิมันก็เขินไปอะ จะเป็นฝ่ายเริ่มก็เงอะงะไม่รู้เรื่องอีก ลองไปถามคนที่โชกโชนในด้านนี้อย่างไอ้ขุนหรือไอ้หยัมดีไหมนะ พอนึกคำตอบออกเลยว่ามันจะมาในรูปแบบไหน หรือว่าผมควรจะอดทนและรออย่างใจเย็น ถ้าพี่แช่มอยากวอแวผมก็ค่อยให้เขาทำตามใจอย่างงี้
แล้วถ้าเขาไม่อยากทำล่ะ
ฮืออ.อ.อ...เบะปากแล้ว
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“เปล่า”
“เปล่าอะไรล่ะ” พี่แช่มบีบแก้มผมเข้าหากัน “พี่เห็นน้องหอมทำหน้าเป็นเป็ดอยู่”
“อื้อออ.อ....หอมก็แค่สงสัย”
“สงสัยอะไรหืม”
“พี่แช่มไม่คิดอยากจะแบบ....”
เขาหรี่ตามองผม “แบบอะไร”
“ก็แบบ....” ผมทำปากจู๋ใส่เขาแวบนึงก่อนจะหันมองไปทางอื่น พี่แช่มจะรู้เรื่องในสิ่งที่ผมสื่อไหมนะ อาจจะไม่เพราะว่าเขาเป็นประเภทไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“หันหนีพี่ทำไม”
“ก็พี่อื้อออ..อ.อ....” จังหวะที่ผมหันกลับมาร่างสูงก็เลื่อนริมฝีปากเข้ามาทาบทับกับปากผม
พี่แช่มกดจูบลงมาหนักๆ ก่อนจะย้ายขึ้นมาคร่อมผมไว้ สัมผัสอุ่นๆ ที่ได้รับมานี่มันทำให้รู้สึกดีจริงๆ ผมเปิดปากรับลิ้นร้อนให้เข้ามาด้านใน ร่างสูงสอดลิ้นเข้ามาคลอเคลียหยอกเย้าไล่กับลิ้นผมอยู่อย่างนั้น มือเรียวลูบเบาๆ อยู่แถวสะโพก ตอนนี้เริ่มหายใจติดขัดยังไงก็ไม่รู้ ทำไมมันเป็นจูบที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนสูบวิญญาณออกไปด้วยเลยวะ
อื้ออ.อ.อ.อ....จะตายไหมเนี่ย
ร่างสูงถอนจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะมองผมอยู่อย่างนั้น รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หน้าร้อนมาก แต่มันอาจจะไม่ร้อนเท่ากับสายตาที่กำลังมองผมอยู่ก็ได้ พี่แช่มจะรู้ตัวไหมนะว่าการมองของเขาทำให้ผมรู้สึกเขินจนตัวแทบแตกมากแค่ไหน นิ้วเรียวไล้ริมฝีปากของผมเบาๆ ก่อนที่ใบหน้าคมจะเลื่อนลงมาจูบอีกครั้ง อื้มมม.ม.ม....ทำไมพอได้จูบแล้วถึงจูบไม่หยุดเลยล่ะพ่อคุณ
เกินไปแล้วน้า
ผมนอนนิ่งๆ ปล่อยให้พี่แช่มทำตามใจ หมดแรงจะขัดขืนโดยสิ้นเชิง คนที่อยู่ด้านบนยังคงตักตวงความหวานไม่ยอมหยุด ยิ่งสัมผัสวาบวามที่อยู่ใต้เสื้อนี่อีก พี่จะไล้มือไปทั่วแบบนี้ไม่ได้นะ ผมไม่เคยถูกทำมากถึงขนาดนี้เลย ไม่รู้ด้วยว่ามันจะจบลงที่ตรงไหน คนขี้เมาจะไม่หยุดแล้วทำต่อไปจนถึงขั้นสุดเลยรึไงนะ
แบบนั้นผมต้องตายแน่ๆ
พี่แช่มไล่จูบมาตามซอกคอผม “หายใจแรงจังเลยล่ะหืม....”
“พี่....พี่ไม่เข้าใจหอมหรอก”
“หึ...” ใบหน้าคมขยับมามองผมในระดับเดียว “ใครกันที่อยากให้พี่จูบ”
“พี่ทำมากกว่าจูบอีก”
“พี่ทำอะไร”
“ก็ทำเหมือน....จะกินหอมเข้าไปทั้งตัว”
“ก็น่ากินอยู่”
“พี่แช่ม” ผมทำแก้มป่องใส่เขา เจ้าตัวหัวเราะชอบใจก่อนจะก้มลงมาจุ๊บหน้าผากผมเบาๆ
“หิวไหม ไปหาข้าวกินกัน”
“พี่ก็ลุกออกไปสิ” สิ้นเสียงผม ร่างสูงก็ลุกออกไปก่อนจะดึงให้ผมลุกตาม ใจยังเต้นแรงมากอยู่เลย แอร์ในห้องก็เย็นนะแต่เหงื่อนี่ออกไม่หยุด
เกินไปแล้ว
ผมมองพี่แช่มที่ดูอารมณ์ดีหยิบโน่นหยิบนี่ใส่กระเป๋า ใช่สิ สูบพลังชีวิตผมไปตั้งเยอะหนิ เมื่อกี๊ผมคิดจริงจังเลยนะว่าถ้าเขาไม่หยุดไว้แค่จูบมันจะเป็นยังไง ถ้าสมมุติว่าเขาทำมันจริงๆ ผมก็คงจะ....อื้อออ.อ..อ...คิดอะไรเนี่ยะข้าวหอม พอเลยพอ หยุดทุกความคิดเอาไว้ตรงนี้และเปลี่ยนไปคิดซะว่าจะกินอะไรดี ขืนชักช้าอีกผมน่าจะเป็นฝ่ายโดนกินแทนข้าวแน่ๆ
ดูสายตาที่พี่แช่มมองมาสิ
“อย่ามองแบบนั้นสิ” ผมลุกออกจากเตียงก่อนจะหยิบกระเป๋ากับกุญแจรถ
“มองแบบไหน”
“พี่ก็รู้ตัวเองดีว่าใช้สายตาแบบไหนมองหอมอยู่” ว่าแล้วผมก็เดินนำเขาออกมาจากห้อง
“น้องหอมคิดไปเองรึเปล่า”
“ไม่ได้คิดไปเองเถอะ แล้วนี่พี่จะกินอะไร”
“พี่กินได้ทุกอย่างที่น้องหอมอยากกิน” ร่างสูงบอกก่อนจะยิ้มแป้นออกมา น่าบีบแก้มนัก รอยยิ้มแบบนี้อย่าให้ใครเห็นเชียว ไม่งั้นเขาคงหลงรักกันจนหัวปักหัวปรำ
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
“งั้น....กินปิ้งย่างเนอะ”
“ตามใจจ่ะ”
ชอบจริงๆ เลยคนตามใจเนี่ย
***
“หอมจะกินชิ้นนั้นอะ”
“ของพี่”
“ให้หอมไม่ได้เหรอ”
มือเรียวคีบเนื้อใส่ปาก “เอาสิอะ อยากกินก็ต้องกินจากปากพี่เท่านั้น”
“ขี้โกง” มากๆ เลยด้วย
พี่แช่มนี่โคตรพี่แช่มจริงๆ
ผมทำหน้ามุ่ยใส่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มันน่านัก นี่ไม่ใช่เนื้อชิ้นแรกที่ผมเป็นคนปิ้งแต่พี่แช่มเป็นคนแย่งไปกินนะ มันน่าจะเป็นชิ้นที่สามร้อยห้าสิบได้ละ ผมน่ะอยากเอาตะเกียบตีขาเขาให้แตกมากเลย เรื่องอื่นพอยอมได้แต่เรื่องเนื้อย่างมันยอมไม่ได้ป้ะวะ นี่เรื่องใหญ่ระดับชาติเลยนะครับ ก็ถือว่ายังดีที่ผมไม่ได้หิวจนหน้ามืด ไม่งั้นคงได้เกิดเหตุฆาตกรรมกันในร้านปิ้งย่างแล้วล่ะ
รอดตัวไปนะพี่แช่ม
ตอนนี้เกือบ 1 ทุ่มแล้วครับ เราสองคนนั่งกินกันมาสักพักพลางพูดเรื่องงานของคณะที่ต้องรับผิดชอบต่างๆ นานา จะว่าไปนี่ก็ใกล้สอบไฟนอลแล้ว เดี๋ยวต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือ เมื่อวานซืนผมส่งแผนงานการไปค่ายอบรมให้เพื่อนขุนไปแล้วล่ะครับ มันน่าจะแก้แล้วก็เอาส่งอาจารย์วิชัยไม่เกินอาทิตย์นี้ ขอให้ผ่านด้วยเถอะ เพราะถ้าไม่ผ่านก็ต้องมาไล่แก้อีกรอบซึ่งมันต้องกระทบต่อการอ่านหนังสือสอบของผมแน่ๆ
ข้าวหอมจริงจังกับการสอบมากเลยนะครับ
“น้องหอม”
“หืม....”
“หลังสอบไฟนอล เราไปเที่ยวกันไหม”
“เที่ยวที่ไหน”
“ที่ไหนก็ได้ที่น้องหอมอยากไป พี่จะพาไป” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะคีบเนื้อมาใส่ในจานผม
“พี่จะว่างพาไปได้เหรอ”
“ว่างสิ พี่พูดเองขนาดนี้ก็แปลว่าต้องพาไปได้”
ผมพยักหน้ารับเบาๆ “งั้นเดี๋ยวหอมคิดก่อนละกันว่าจะไปไหน เออพี่แช่ม พี่รู้แล้วใช่ไหมว่าค่ายอบรมของโยธาปีนี้มันไปช่วงก่อนเปิดเทอม”
“รู้แล้วและค่อนข้างหงุดหงิดมากเลย พี่จะไม่ได้เจอน้องหอมตั้ง 10 วันแน่ะ”
“ก็ปี 4 แล้วหนิ ช่วงที่หอมไม่อยู่ก็ทำตัวดีดีนะ” ผมยิ้มหวานให้คนขี้เมาที่กำลังทำหน้ามุ่ยอยู่ “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“พี่ต้องคิดถึงน้องหอมจนตายแน่ๆ เลย”
“เว่อร์น่ะ คิดถึงก็โทรหาหอมก็ได้ ปีนี้เขาไม่ยึดโทรศัพท์แล้วนะเพราะว่าเมื่อปีก่อนมีใครก็ไม่รู้หลงทาง”
“เอาจริงๆ มันเป็นแผนของพี่เอง ไงล่ะครับ เพราะแผนอันเฉียบแหลมของชริต น้องๆ ในปีนี้ก็เลยได้ใช้โทรศัพท์” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะยักคิ้วให้ แหมๆ ๆ ๆ กล้าพูดเนอะว่าเป็นแผน
ตัวเองเด๋อด๋าเองแท้ๆ
ผมคีบเนื้อเข้าปากพลางนึกถึงเหตุการณ์ไปค่ายที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว วันที่มีกิจกรรมต้องหาของเนี่ยะ พี่แช่มเขาหลงทางครับ ไม่มีใครหาตัวเจอแล้วก็ติดต่อไม่ได้ ที่ผมรู้เรื่องนี้เพราะว่าตอนนั้นเจ้าหน้าที่ของทางค่ายเขาประกาศให้ฟังว่ามีคนหลงทางและก็ให้พวกเรารวมกลุ่มกันไว้ ตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่าใครที่หลงทาง นึกว่าเป็นน้องปี 1 ด้วยซ้ำแต่ที่ไหนได้ล่ะ
เนี่ยะ ไม่ให้เรียกว่าเด๋อด๋าแล้วจะให้เรียกว่าอะไร
ตอนที่รู้ว่าพี่แช่มหายไป ผมก็เป็นห่วงเขามากเลยนะ โชคดีที่หาตัวเจอ คนขี้เมาเดินหลงไปจนถึงหน้าถ้ำค้างคาวแน่ะ แล้วมีการมาเล่าให้ฟังด้วยนะว่าตัวเองไปผจญภัยมาอย่างโน้นอย่างนี้ ผมก็ตีมือเขาไปแล้วก็บอกว่านั่นไม่ใช่การผจญภัยแต่มันเป็นเพราะเขาหลงทาง เจ้าตัวก็ทำเป็นเนียนเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย ขนาดเวลาผ่านมาจะปีนึงเขายังไม่ยอมรับเลยว่าตัวเองหลง แล้วตอนนี้ก็มาบอกว่ามันเป็นแผน
แผนที่หน้าสิ
“น้องหอม” มือเรียวเลื่อนมากุมมือผมไว้ “ช่วงที่ห่างกัน.....อย่าปล่อยให้ใครมายุ่มย่ามกับตัวเองรู้ไหม”
“ใครมันจะมายุ่มย่ามกับหอม”
“มันก็มีอยู่ ถ้าสมมุติว่ามีคนมาวอแวก็มาบอกพี่เลยนะ”
“พี่จะทำไมหืม....”
“พี่จะเตะเข้าให้”
“เตะคนที่มาวอแวหอมอะนะ”
“เตะน้องหอมนี่แหละ” เขาทำหน้าเหี้ยมใส่ “ปล่อยให้คนอื่นมาวอแวตัวเองได้ไง”
ผมตีมือพี่แช่มแรงๆ “พี่กล้าทำหอมเหรอ” เดี๋ยวนี้มีคิดจะเตะผมด้วย ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้วนะชริต
“ล้อเล่นน่ะจ่ะ ใครจะกล้าทำน้องหอมล่ะเนอะ” เจ้าตัวเอ่ยพลางยิ้มแฉ่งให้ผม “อิ่มยัง จะได้ไปกัน”
“อิ่มละ เช็กบิลเลย” ผมบอกก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูไลน์ที่เพิ่งส่งมา
ข้าวก้องส่งรูปดาวบนท้องฟ้ามาครับ รูปลังเบียร์แล้วก็มือมันที่ชูนิ้วกลางใส่ทะเล อีเลว ไปทำมือแบบนั้นใส่ทะเลได้ยังไง เดี๋ยวกลับถึงหอเมื่อไหร่ผมจะโทรไปด่ามัน แล้วนี่กินเบียร์เป็นลังเลยเหรอวะ งั้นแปลว่าที่ผมสงสัยว่ามันไม่ได้ไปคนเดียวก็ชัดเจนแล้วล่ะ สงสัยเหมือนกันนะว่าคนแบบไหนถึงทำให้ข้าวก้องยอมไปทะเลได้ เรื่องนี้ต้องสืบให้รู้ เราจะปล่อยผ่านไปไม่ได้เพราะว่าเราอยากเสือกไง
อันนี้ยอมรับแบบจริงใจเลยครับ
หลังจากที่เช็กบิลเสร็จพี่แช่มก็ลากผมออกมาจากร้าน เดี๋ยวต้องไปซื้อของใช้เข้าหอด้วยเพราะว่ามันหมดแล้ว ถือว่าเป็นการเดินย่อยไปในตัวด้วยก็แล้วกัน พี่แช่มเลื่อนมือจับมือผมเอาไว้ ชอบนะครับที่เขาไม่สนสายตาที่คนอื่นมองเลย ผมรู้นะว่าเดี๋ยวนี้เรื่องเพศมันเปิดกว้างมากขึ้น แต่มันก็ยังมีเหมือนกันคนที่มองมาทางเราโดยใช้สายตาแปลกๆ ยอมรับว่ามันค่อนข้างน่าหงุดหงิด
แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากช่างมันนะครับ
ผมเคยถามพี่แช่มว่าไม่รู้สึกแปลกๆ เหรอเวลามีคนมองตอนที่เดินจับมือผม เขาบอกว่าช่างมัน เขาแคร์แค่ผม เขาไม่ได้แคร์คนอื่น เพราะแบบนั้นมันก็เลยเป็นเรื่องปกติที่เราจะจับมือกันเวลาไปไหนมาไหน เคยคิดด้วยนะว่าถ้าคนที่บ้านมาเห็นผมเดินจับมือกับพี่แช่มแบบนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมไม่รู้เลยว่าพ่อกับแม่จะโอเคไหม ผมไม่เคยบอกพวกเขาเรื่องพวกนี้เลย
ยังไม่คิดจะบอกตอนนี้ด้วย
“แช่ม....ใช่แช่มรึเปล่า”
ผมหันไปมองตามเสียงก็พบกับป้าคนนึง “เขาเรียกพี่แช่มอะ” ทันทีที่ผมบอกแบบนั้นร่างสูงก็หันไปมอง
“คุณนายสร้อย” ดวงตาคมมองคนตรงหน้านิ่งๆ ป้าคนนี้เขาเป็นใครกันนะ รู้จักพี่แช่มด้วยแฮะ
“เธอดูดีขึ้นนะ” เขามองคนที่อยู่ข้างๆ ผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “หายดีแล้วงั้นเหรอ”
หายดีเหรอวะ
“ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ” เจ้าตัวเอ่ยเสียงเรียบ ผมไม่เคยเห็นพี่แช่มทำหน้าแบบนี้มาก่อนเลย มันให้ความรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้
“ถ้าหายดีแล้วก็ดีนะ แล้วนี่เรียนถึงชั้นไหนแล้วล่ะ”
“ปี 4 แล้วครับ”
“จะว่าไป ฉันก็ไม่ได้เจอเธอนานเหมือนกันนะตั้งแต่ตอนนั้น ฉันเคยไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลแต่หมอบอกว่าเธอไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย ฉันเสียใจกับเธอนะที่ต้องเสียชะ....”
“ขอบคุณนะครับ” พี่แช่มพูดขัดขึ้นมาก่อนจะยิ้มบางๆ “ผมมีธุระต้องไปทำต่อเพราะงั้นขอตัวก่อน” สิ้นเสียงพูด ร่างสูงก็หันหลังให้ทันที
“ฉันยังอยากได้ที่ดินตรงนั้นอยู่นะ ถ้าเธอคิดว่าการอยู่ตรงนี้มันดีกว่า เธอติดต่อฉันมาได้เสมอ”
พี่แช่มหันกลับไปมองก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ “ผมไม่คิดจะขายที่ของพ่อหรอกครับ” ว่าแล้วเขาก็จูงมือผมออกมาจากตรงนั้นทันที
สถานการณ์วายป่วงเมื่อกี๊มันคืออะไรกันวะ ฟังจากที่พวกเขาพูดกันมันก็พอปะติดปะต่อเรื่องได้อยู่หรอก ป้าคนนั้นคือคนที่อยากได้ที่ดินตรงบ้านพี่แช่มแน่นอน เรื่องที่เขาถามว่าหายดีแล้วมันอาจจะเกี่ยวกับโรคจิตเวชที่พี่แช่มเป็น แล้วไอ้เรื่องที่หมอบอกว่าไม่รู้สึกตัวล่ะ แล้วเรื่องที่เสียอะไรไปสักอย่างนั่นมันคืออะไรวะ พี่แช่มไม่น่าพูดขัดก่อนเลย เกือบจะได้รู้เรื่องแล้วแท้ๆ
น่าตีซะจริง
ต่อให้ผมอยากตีเขาแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คงไม่เหมาะ สีหน้าของพี่แช่มแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน มือเขาก็สั่นยังไงก็ไม่รู้ อาการดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย พอเป็นแบบนั้นผมก็แลยตัดสินใจลากร่างสูงแวะที่ร้านขายไอศกรีม
“กินติมกัน”
“.....”
“พี่แช่มจะกินอันไหน” ผมเอ่ยถามแต่เขาก็ไม่ตอบ “งั้นหอมเลือกให้เอง เอาอันนี้กับอันนี้ครับ” พอสั่งไอศกรีมเสร็จผมก็รับรู้ได้ถึงน้ำหนักที่หัวไหล่ตัวเอง
ผมยกมือลูบหัวร่างสูงเบาๆ เขาคงรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊ล่ะมั้ง สิ่งที่ป้าเขาพูดออกมามันคงมีอิทธิพลต่อพี่แช่มพอสมควรเลย เขาถึงได้ซึมแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร ต่อให้ใครมาทำให้เขาซึม ผมก็จะทำให้เขากลับมายิ้มให้ได้
“ขอบคุณครับ” ผมรับไอศกรีมมาก่อนจะส่งให้พี่แช่ม “ของพี่”
“.....”
“ต้องกินนะ จะได้รู้สึกดีขึ้นไง” ผมจ่อที่ปากเขา
“อยากกินเหล้า”
“ไม่ได้นะ ตัวเองบอกว่าจะเลิกแล้วก็สั่งหอมให้ช่วยห้ามด้วย เพราะงั้น....ล้มเลิกความคิดที่อยากกินเหล้าไปเลย เนี่ยะ กินไอติมแทนไปซะ”
“พี่รู้สึกไม่ค่อยดีเลยอะ”
“แล้วพี่รู้ใช่ไหมว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น” ผมยกมือขึ้นไปกุมแก้มเจ้าตัว “หอมไม่รู้ว่าสิ่งที่ป้าคนนั้นพูด ทำให้พี่รู้สึกแย่แค่ไหน แต่พี่จะจมอยู่กับมันไม่ได้”
“....”
“ขนาดเวลามันยังเดินต่อไปเรื่อยๆ เลย.....แล้วพี่จะอยู่ที่เดิมไปทำไม”
“นั่นสินะ” พี่แช่มคลี่ยิ้มให้ผมก่อนจะก้มลงเลื่อนมาจุ๊บปากผม “ขอบคุณนะครับที่ทำให้พี่คิดได้”
ตึกตัก
ผู้ชายคนนี้นี่มันจริงๆ เลย
ผมยกมือตีไหล่เขา “พี่จุ๊บหอมกลางห้างเลยนะ” ไม่คิดจะแคร์สายตาใครเลยรึไงพ่อหนุ่ม นั่นจุ๊บนะไม่ใช่จับมือ นั่นมันจุ๊บ!!!!
“ก็น่าจุ๊บอะ” เขาเอียงหัวมาใกล้หัวผม “แต่ถ้าน้องหอมไม่โอเค เราค่อยกลับไปจุ๊บกันที่หอก็ได้นะ”
“ไม่ต้องเลยนะ” ผมตีเขาอีกทีก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง เมื่อกี๊ยังซึมอยู่เลยแท้ๆ ทำไมถึงกลับมาบ้ากามไว้นักล่ะ เขาเป็นไบโพล่าร์รึเปล่าวะเนี่ย
ถึงภายนอกจะดูเหมือนไม่เป็นไรแต่ภายในนั้นไม่อาจรู้ได้เลย ตอนนี้เขายังดีอยู่แต่ไม่รู้นะครับว่าหลังจากนี้จะดาวน์อีกไหม ผมไม่อยากเห็นเขาซึมหรือทำหน้าเศร้าแล้วก็เหม่อมองท้องฟ้าอีกแล้ว มันคงจะดีนะถ้าผมได้รับรู้สักครึ่งนึงในสิ่งที่พี่แช่มกำลังเผชิญอยู่ อย่างน้อยผมจะได้เข้าใจเขามากขึ้นอีกนิดก็ยังดี แต่ก็แย่หน่อยที่ผมไม่รู้อะไรเลยและก็ไม่รู้ด้วยว่าจะได้รู้เรื่องทุกอย่างวันไหน
อา...หน่วงเฉยเลยว่ะ
ผมหันไปมองร่างสูงพลางยิ้มบางๆ ให้ มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปทวิตเตอร์ ความรู้สึกหนึบหนับใจเมื่อกี๊ต้องเอาออกไปให้ไวที่สุด เพราะว่าต่อให้เก็บเอาไว้ในหัวมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากจะทำให้รู้สึกแย่เปล่าๆ ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันก็ยังดี ขอแค่ผมอดทนรออีกหน่อย แล้วก็ขอแค่ให้วันที่พี่แช่มพร้อมจะบอกทุกอย่างมาถึงเร็วๆ ก็พอ
ขอแค่เท่านี้จริงๆ
Kh. @KhH22_luc
เพราะคุณสำคัญ....เราถึงยังอยู่ตรงนี้
#CloverBad
TBC.
สวัสดีค่ะชาลมาส่งแช่มหอมแล้ว ขอโทษด้วยที่หายไป 3 อาทิตย์เลยสำหรับเรื่องนี้นะคะ ตอนนี้ยังไม่ได้แก้คำผิดนะ แต่เดี๋ยวจะไล่แก้ให้นะคะ
วันเป็นวันสงกรานต์ ก็ขอให้มีความสุขกับช่วงเทศกาลครอบครัวนะคะ เดินทางปลอดภัยกันด้วยน้า สำหรับเรื่องของแช่มหอมก็ต้องติดตามกันต่อไป กุมใจกันเอาไว้ให้ดีๆ นะคะ เพราะว่ามันใกล้ช่วงมรสุมจริงๆ จังๆ แล้ว
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th นะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ