“เฮ้อ” ถึงจะถอนหายใจ สุดท้ายคุณน้าสุดเท่ของผมก็ยอมกินจนได้ “เธอก็กินด้วยสิ”
“รู้แล้วน่า” ว่าแล้วก็ตักเข้าปากตัวเองบ้าง ง่ำๆ อร่อยยยย~
จากนั้นผมก็ป้อนพี่เติร์ดและป้อนตัวเองสลับกันไปเรื่อยๆ จนโจ๊กหมดถ้วย กลายพี่เติร์ดอิ่มกว่าผมอีกมั้ง แหมมม แย่งผมไปหลายคำเลยนะครับ ไหนใครบอกว่าไม่หิววะ
เฮ้อออ อิ่มแล้วก็อยากนอน งั้นผมขอเอนตัวนอนบนตักคุณเจ้าหน้าที่หน่อยละกันนะ ดูท่าจะสบายหัวเพราะเขาเป็นพ่อหมีนุ่มของผม หึๆ
พี่เติร์ดดูแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร หนำซ้ำยังมีการลูบหัวผมไปมาอีกต่างหาก โหยยย สบายจัง
“สนุกมั้ย”
“สนุกมากเลยครับ ขอบคุณนะพี่เติร์ด เป็นประสบการณ์ใหม่ที่หาได้ยากจริงๆ” ผมตอบตามตรง
“ถ้าสนุกก็ให้รางวัลฉันหน่อยสิ”
“…”
พี่เติร์ดใช้นิ้วชี้เคาะที่ข้างแก้ม เล่นเอาผมเห็นแล้วต้องกลอกตา เฮ้อออ เล่ห์เหลี่ยมเขามีว่ะคนนี้ คนแก่นี่มันแพรวพราวจังโว้ยยย
แต่... ยอมก็ได้ อิๆ
ผมรีบลุกขึ้นมาหอมแก้มเขาเต็มแรง แต่ทว่าคนตัวใหญ่กลับล็อกตัวผมไว้และโน้มตัวลงมาจู่โจมจูบผมแบบไม่ให้ทันตั้งตัว โหยยยยยย เห็นมั้ยเล่า เลื้อยเก่งยิ่งกว่างูที่กัดผมอีกกกก
แต่ก็เขินเหมือนเดิมอะแหละ ฮือๆๆๆ
ผมบุ้ยปากมองเสี้ยวหน้าคนหล่ออย่างผู้แพ้ ฮึ่ยยย อยากงับคางเขาจัง มันเขี้ยวว
“พี่เติร์ดครับ”
“ครับ” คุณเจ้าหน้าที่ยื่นหน้ามาตามเสียงเรียก ส่วนมือน่ะเหรอ... เหอะ ยังกอดผมไม่เลิกรา!
“อย่าลืมมาส่งผมกับคุณยายกลับกรุงเทพน้า”
“เธอกลับวันไหนนะ”
“ที่บ้านส่งรถมารับวันศุกร์นี้ครับ”
จู่ๆ คุณเจ้าหน้าที่ก็หน้าเสีย เล่นเอาผมแอบใจหายตาม “วันนั้นฉันมีคุยงานกับผู้ใหญ่”
“อ้อ…”
“เธอกลับวันถัดจากนั้นไม่ได้เหรอ” ผมไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ น้ำเสียงนั้นมันมีความร้องขอแฝงอยู่ตะหงิดๆ
“ไม่ได้จริงๆ ครับ วันนั้นต้องส่งคุณยายเข้ารักษาตัว ป๊าผมคุยกับอาหมอที่เป็นเพื่อนเขาไว้แล้ว”
“นั่นสินะ...” พี่เติร์ดบีบรัดอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม แต่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดสักนิดเดียว “อะไรวะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ เหรอเนี่ย”
หืม? พอพี่เขาพูดแบบนี้แล้วผมรู้สึกแปลกๆ ชอบกล “อ้าว? เรายังเจอกันที่งานแต่งน้าโปรดนี่ครับ?”
พี่เติร์ดนิ่งไปอีกรอบเมื่อถูกถามถึงเรื่องนั้น อ้าว ยะ...อย่าบอกนะ
“ยังไงพี่เติร์ดก็จะไม่ไปงานแต่งน้าโปรดหรอครับ?”
ดูเหมือนว่าคุณเจ้าหน้าที่ค่อนข้างหนักใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้ “ฉันน่าจะไปไม่ได้จริงๆ”
“เพราะพี่แพรไปจะงานนั้นด้วย?” แล้วไหนเขาบอกว่าลืมเขาไปแล้วไง...
พี่เติร์ดพยายามส่งภาษากายเพื่อบอกให้ผมใจเย็น และผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกโมโหกับเรื่องนี้ขึ้นมา
“ฟังก่อน ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกฟีฟ่า วันนั้นฉันมีงานจริงๆ”
“…”
“คนอื่นลาไปงานแต่งกันเยอะ ฉันเป็นหัวหน้าพวกเขา ฉันต้องยอมอยู่ที่นี่จะได้ไม่ดูน่าเกลียด”
“แค่วันเดียวเอง” ผมสวนออกไป
“ฟีฟ่า...”
“ไปกับผมไม่ได้จริงๆ เหรอ”
“เธอเข้าใจฉันนะ”
สิ้นประโยคนั้น เราสองคนก็เงียบกันไปสักพัก ผมกับพี่เติร์ดมองหน้ากันขณะที่มีลมเย็นๆ พัดผ่านร่างกายเราทั้งสองคนไป
เฮ้อ รู้สึกเสียใจยังไงก็ไม่รู้
“เธอโกรธฉัน?”
ผมพยายามจะยิ้ม แต่มันไม่ได้จริงๆ ผมไม่อยากทำให้พี่เติร์ดหนักใจเลย
“ถ้ามันเป็นเหตุผลนั้นผมเข้าใจได้ครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมาจ้องอีกฝ่าย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้ก้มหน้าไปตั้งแต่ตอนไหน
พี่เติร์ดเชยคางผมขึ้นมา บ้าเอ๊ย เห็นหน้าเขาแล้วอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเฉยยยย
“ฉันเลือกแล้วว่าจะต้องอยู่ที่นี่ เธอเข้าใจฉันใช่มั้ย”
“เข้าใจครับ” ผมรู้ดีว่าเขากำลังบอกว่าเพราะหน้าที่การงาน มันทำให้เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่ได้ ซึ่งก็จริง ผมคงต้องเกลียดตัวเองไปตลอดชีวิตแน่ๆ ถ้าพี่เติร์ดต้องมาเลือกผมและทิ้งทุกอย่างที่นี่
ชีวิตผู้ใหญ่นี่มันบัดซบจริงๆ เลยเนอะ
แล้วเราทั้งคู่ก็เงียบอีกครั้ง คราวนี้เงียบจนได้ยินเสียงแมลงร้องอื้ออึ้งไปทั่วทั้งป่า ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของแต่ละฝ่าย พี่เติร์ดสวมกอดผมไว้แน่นและจมศีรษะเข้ากับไหล่ผม แม้ไม่ต้องพูดอะไรแต่ผมกลับรับรู้ความรู้สึกที่อยู่ในใจของอีกฝ่ายได้เต็มๆ
“บางทีฉันก็อยากลองเป็นคนเห็นแก่ตัวดูบ้างเหมือนกันนะ” คำพูดนั้นเล่นเอาผมตกใจ “พี่เติร์ด..."
ผมรับรู้ความเสียใจเต็มๆ พรั่งพรูออกมาจากลมหายใจของอีกฝ่าย มันทำให้ผมสะอึกจนอยากจะร้องไห้ ทว่าสุดท้ายกลับร้องไม่ออก เหมือนกับว่ามันจุกอยู่แค่ที่คออะไรทำนองนั้นเลย
“ฉันก็ไม่อยากให้เธอกลับไปเหมือนกัน” “…”
เสียงพี่เติร์ดสั่นมาก มันไม่ใช่เสียงสะอึกสะอื้นแบบคนร้องไห้ แต่มันคือน้ำเสียงของคนที่เสียใจมากๆ จนเก็บไม่ไหวจนต้องระเบิดความรู้สึกออกมา
“ชั่วชีวิตฉันเต็มใจทำเพื่อคนอื่นมาเยอะมาก ไม่เคยคิดจะร้องขออะไรเลย” “…”
“แต่วันนี้ฉันแม่งอยากทำทุกวิธี... วิธีบ้าบอแค่ไหนก็ได้แค่ให้เธออยู่ด้วยกันตรงนี้... ขอแค่อย่างเดียวแล้วฉันจะไม่สนบ้าอะไรอีกทั้งนั้น” “…”
“ตอนที่ฉันเจ็บเพราะโดนยิงแม่งยังไม่ทรมานเท่านี้เลย” แขนทั้งสองข้างโอบรัดผมแน่นกว่าเดิม
“ฉันยินดีดูแลสัตว์ในป่า แต่ฉันก็อยากมีเธออยู่ข้างๆ ด้วยนี่วะ!” “พี่เติร์ด...” ผมตัดสินใจพลิกตัวมองหน้าอีกฝ่าย พี่เติร์ดขมวดคิ้วเป็นปมยุ่ง ท่าทางเหมือนเด็กหนุ่มกำลังขัดอกขัดใจที่พ่อไม่ซื้อฟิกเกอร์ราคาแพงให้ตามคำขอ
คนตัวสูงพยายามฝืนยิ้มออกมา “ฉันงอแงกับเธอได้ใช่มั้ย แค่กับเธอคนเดียวก็ยังดี”
“ครับ พี่งอแงกับผมได้ ไม่มีปัญหาเลย”
“อย่าถือสาฉันนะ แค่มันรู้สึกมากจนไม่ไหวเท่านั้นเอง”
ปัญหาของผมมันเล็กน้อยลงไปเลยเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่เติร์ดระเบิดออกมาทั้งหมดนั้น... ทางเดียวที่ทำได้คือผมต้องไม่ทำให้เขาหนักใจเพิ่มขึ้นมากกว่านี้
“เราอุตส่าห์ดั้นด้นมาเจอกันถึงที่นี่ได้ ผมว่าระยะทางไม่น่าเป็นปัญหาหรอกมั้งครับ”
“หึ” ข้าราชการหนุ่มลูบหัวผมไปมา “เธอว่าอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่แล้ววว เดี๋ยวปิดเทอมผมก็มาที่นี่อีก”
“แต่ยายเธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วนะ”
เฮ้อ เข้าใจอะไรยากจริงๆ คุณน้าคนนี้ “ผมก็จะมาอยู่กับพี่ไง”
“จริงเหรอ”
ผมถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป เขาดูมีความหวังขึ้นมาทันตาเลย
“ก็... ถ้าพี่อนุญาตให้ผมค้างได้ และก็ไม่รบกวนการทำงานของพี่อะนะ”
“ฉันยินดี”
“แต่ยังไงก็ช่วยโทรหาผมบ่อยๆ นะครับ”
“ฉันคงคิดถึงเธอจะแย่ เตรียมรับสายฉันให้ดีๆ แล้วกัน”
พี่เติร์ดปัดเส้นผมที่ตกมาปรกหน้าให้ผม ไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ ว่าเขากำลังทำท่าทางถ่อมตัวเป็นหนุ่มข้าราชการแสนเจียมตัวเหมือนตอนที่ผมมาที่นี่ใหม่ๆ ไม่มีผิด
“หรือเธออยากให้ฉันทำเรื่องย้ายไปเชียงใหม่มั้ย?”
ผมผงะไปทันที “ทำไมพี่ต้องทำอย่างนั้นด้วยครับ”
“ไม่รู้สิ ฉันอาจจะลองดู ไม่ก็...”
“ผมหมายถึงทำไมพี่ต้องทำเพื่อผมขนาดนั้นด้วยล่ะ?”
“…”
“ผมไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวขนาดนั้นหรอกนะครับ คนที่นี่ยังต้องการพี่มากกว่านะ”
“ก็ถูกของเธอ” พี่เติร์ดเม้มปาก ดูเหมือนเข้าจะเข้าใจสิ่งทีี่ผมพูดดี “ถึงฉันจะต้องการเธอ แต่ถ้าฉันทิ้งที่นี่ไปพวกสัตว์จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้”
“ถูกต้องแล้วครับ” ผมยิ้มหวาน “เพราะฉะนั้นผมจะมาช่วยพี่เลี้ยงพวกมันที่นี่เอง ไม่ต้องไปหาผมถึงที่โน่นหรอก คิกๆ”
คุณเจ้าหน้าที่โอบกอดร่างกายผมอีกรอบ ผมยังคงไม่เลิกยิ้มขณะที่ซบลงบนแผงอกแข็งแกร่งของอีกฝ่าย แต่สุดท้ายความรู้สึกหน่วงนิดๆ กลับตีขึ้นมาในใจจนต้องหลุดทำหน้าเศร้า เฮ้อออ เหมือนกับว่าในขณะที่ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างเพราะเขา พี่เติร์ดก็ได้มีโอกาสย้อนไปสู่วัยหวานอีกครั้งด้วยความรักจากผมเช่นกัน
“ขอบคุณที่เป็นเด็กดีนะครับ”
“ขอบคุณที่พี่ดีกับผมเหมือนกันนะ” ผมจะไม่ยอมให้พี่เติร์ดสละอะไรหลายๆ เพื่อผมอีกแล้วจริงๆ ครับ มันจะเป็นผมเองนี่แหละที่จะทำทุกอย่างเพื่อเทียบเท่ากับเขาให้ได้ อาจจะยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่สักวัน... วันที่ผมเติบโตมากกว่านี้ เพราะสิ่งที่เราทั้งสองคนกำลังรู้สึกอย่างในขณะนี้ มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง
ผมรักพี่เติร์ดมากๆ ครับ ปิดเทอมนี้สนุกมาก มันเหมือนกับการได้เข้าไปหลงในป่าที่สุดท้ายกลับสนุกมากจนไม่อยากออกมาอีกเลย
ได้รู้ว่าเขารักผมขนาดนี้ ผมยิ่งรักเขามากขึ้นกว่าเดิมอีกสิบเท่าเห็นจะได้
“จะทำอะไร” พี่เติร์ดผงะไปเมื่ออยู่ดีๆ ผมก็ลุกขึ้นนั่งคร่อมตักของเขา “เฮ้ย ถอดเสื้อทำไมฟีฟ่า”
ผมยิ้มฉีกยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้า ถึงแม้ท่อนบนจะเปลือยเปล่าผมกลับไม่รู้สึกหนาวสักนิด เพราะได้รับไออุ่นจากร่างกายคนตรงหน้าเต็มๆ มันทั้งแข็งแรง ปลอดภัย เหมือนทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขาไม่เปลี่ยนไปเลย
“นอนดูดาวกันมั้ยครับ”
หึๆ อึ้ง ถึงกับอึ้งไปเลยครับ พี่เติร์ดเลิกคิ้วข้างหนึ่งทันทีเมื่อได้ยินแผนการแสนซุกซนจากผม ตอนแรกเขาทำทีจะปฏิเสธนะ แต่อยู่ๆ ก็กลืนน้ำลายเม้มปากไม่พูดอะไรออกมา แหม่ คนเรามันจะอดกลั้นได้จริงๆ เร้อออ
“นี่คือวิธีสงบศึกของเธอหรือไง”
“แล้วได้ผลมั้ยล่ะครับ?” ผมเอียงคอถาม
พี่เติร์ดส่ายหัวกับความเป็น ‘ฟีฟ่า’ ของผม แต่สุดท้ายเขาแค่หยิบเสื้อจากมือผมไป ก่อนจะค่อยๆ เอามันไปใกล้จมูกและสูดดมอย่างกับมันเป็นน้ำหอมราคาแพง พี่เติร์ดช้อนตามองผมอีกครั้ง และนั่นมันทำให้ผมแก้มส้มเพราะความเขิน เหวอออ ทำอย่างกับกลิ่นของผมปลุกความดิบเถื่อนของแกให้ลุกโชนออกมาอีกครั้งยังไงยังงั้นเลยอะ
“ก็ดี... เวลานี้ดาวยังไม่เยอะเท่าไหร่หรอก”
เอ่อ... สะ สายตาแบบนี้ คิดผิดคิดถูกวะเนี่ยกู
พี่เติร์ดโยนเสื้อตัวนั้นทิ้งไปและหันมาจับตัวผมพลิกนอนหงายลงกับผ้าที่ปูรองอยู่แทน โอ้โห... จากมุมนี้ผมสามารถเห็นทั้งดาวเห็นทั้งหน้าพี่เติร์ดเลย เลือกไม่ถูกจริงๆ ว่าผมควรตื่นตาตื่นใจกับสิ่งไหนก่อนดี
แต่เวลานี้... คงต้องเป็นคุณเจ้าหน้าที่ของผมแหละเนอะ
ผมไม่รอให้เขาเริ่มจัดการดึงพี่เติร์ดลงมาจูบด้วยตัวเอง ตอนแรกคนด้านบนดูเกร็งๆ แปลกใจอยู่บ้าง แต่สุดท้ายเมื่อทุกอย่างเข้าที่เขาก็ตอบรับจังหวะของผมด้วยความละมุนนุ่มนวลเหมือนเช่นเคย ในที่สุดก็กลายเป็นผมเองที่เคลิ้มไป ฉากสุดท้ายที่รับรู้ก็คือมือใหญ่ๆ ที่สอดเข้ามาที่ท้ายทอยเพื่อปลอบโยน
“ฉันรักเธอ”
ผมไม่แน่ใจจริงๆ ว่านั่นคือเสียงของพี่เติร์ดหรือว่าผมหูแว่วไปเอง เพราะมันช่างอ่อนโยน นุ่มนวล ฟังแล้วระรื่นหูจนเผลอคิดว่าฝันไป...
แต่ผมไม่ได้ฝันนี่นา ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่ผ่านมาคือเรื่องจริง พิสูจน์แล้วด้วยสัมผัสอันหนักแน่นของชายคนนี้ ผู้ที่กำลังทำให้ผมมีความสุขและรับรู้ถึงความรักจากเขาได้เต็มเปี่ยม ให้สมกับที่คืนนี้อาจเป็นคืนสุดท้ายที่มีแต่เราสองคน
TBC แวะทอร์กซักนิดครบ 100% แล้วคร้าบบบ ฮี่ๆ
ดีใจจังที่ส่งน้องมาถึงวันนี้ ขอบคุณที่ัทั้งคู่ได้สอนอะไรกันและกันน้า
มาเจอกันใหม่ตอนหน้านะครับผม จุ้บ
ฝากคอมเม้นท์ ถูกใจ พูดคุยได้ที่ #ฤดูหลงป่า
หรือ facebook และ twitter เสิร์ช 'theneoclassic' ครับ ^^