เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]  (อ่าน 307381 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อย่าโกรธน้องมากนะหมอเต้ สงสารคีรี ทำขนาดนี้ โดนโกรธนี่หมาป่วยเลยนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13 ให้หมอวิน

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
พ่อคุณหมอเต้ไม่ใช่ว่าน้องไม่เคยเข้าหาตรงๆ ทำแล้วแต่ยูจำไม่ได้เอง5555555555555

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ความกะล่อนของเด็กดอย

หลบหลีกให้ได้ตลอดนะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ดูจากการปลงๆของหมอเต้แล้ว
รอดูเล่นใหญ่ใส่คีรีตอนโป๊ะแตกดีกว่า
คีรีคงต้องโดนจัดหนักซะบ้าง อิอิ

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
อยากให้น้องคีรีบอกหมอเต้ไปตรงๆจัง

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
หมอเต้ต้องไม่ใจร้ายกับน้องคีรีนะครับ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
รักเอย..คีรี รุกได้หน้าซื่อตาใสมากกกได้แต่ร้องอิเด็กบร้าาาา พี่หมอเต้จะรอดไปได้สักกี่น้ำาาา   :hao7:

ความสงสัย..โป๊ะแตก!คาดอยแน่เจ้าเด็กดอย
 :laugh:


ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
มันดูไม่จริงใจอ่ะนู๋คีรีีคนหื่น รีบๆบอกความจริงเลย  ฮึ่ย อึดอัดแทน

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตอนขึ้นดอยต้องเจอกันแน่ๆ อยากรู้คีรีจะดิ้นยังไง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
« ตอบ #699 เมื่อ: 04-01-2019 06:03:49 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ใกล้แล้วๆ แล้วโป๊ะแตกแล้ว

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ยิ่งยืด คราวนี้จะมีคนร่วมจับโป๊ะอีกมากมาย 555 รีบไปเป็นพันธมิตร​กับพิงค์โดยไวเถอะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ใกล้โป๊ะแตกแล้วล่ะเราว่า เดาดูก็น่าจะวันวิ่งธงขึ้นเขาเนี่ยแหล่ะที่โปีะจะแตก
เพราะคีรีต้องถือป้ายด้วยไม่ใช่เหรอไงค่ะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คีรีควรบอกหมอเต้ไปเลย เราว่าหมอเต้รับได้อยู่แล้ว แต่คีรีก็กลัวไปก่อนไง

ออฟไลน์ Destiny

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องงง ไม่ต้องกลัวโป๊ะหรอกลูกก ผิดแค่ไหนพี่เต้ก็อภัยได้  :กอด1:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ความลับของนายใกล้จะแตกแล้วนะคีรี 

รีบเคลียร์ด่วน :ling1:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องเด็กดอยโป๊ะจนไม่รู้จะโป๊ะยังไงแล้ว 5555555

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ดูท่า ถ้ารู้ความจริงคงโกรธ แต่คงไม่โกรทมากพราะหมแเต้ดูปลงมาก โถ้พึ่งสึกจากวัดไหนมาละทิต 5555

คิรีเด็กผู้โป็ะแตกได้ทุกอีพี นับวันยิ่ฝงน่ากลัว หื่นไม่เพรงใจอายุเล้ยยยยย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
หมอเต้ปลงจริงๆอ่ะ เขาดูเข้าใจสิ่งที่ผ่านมา 55555555555555
รับน้องขึ้นดอยจะโป๊ะแตกหรือจะหนีได้อีก  :hao7:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ยังไงละทีเนี่ยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เดือนอิงดอย Chapter 14 : ความสงสัย [020119]
« ตอบ #709 เมื่อ: 08-01-2019 16:36:08 »





ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 15 : ความโลกกลม


เมื่อถึงวันจันทร์ คีรีกับเพื่อนๆ มีเรียนแต่เช้า ทั้งกลุ่มจึงมานั่งสุมหัวกินมื้อเช้าด้วยกันที่โรงอาหารคณะ ช่วงนี้พวกเขาคงจะได้อาศัยโรงอาหารคณะไปอีกสักพักใหญ่ๆ เพราะกลัวว่าถ้าไปกินที่อื่นก็อาจจะเจอแจ็กพ็อตแก๊งพี่ภูพิงค์เอาได้

คีรีถือชามใส่โจ๊กมาวางลงบนโต๊ะ เขานั่งลงแล้วละเลียดกินโจ๊กในชามไปช้าๆ ระหว่างนั้นก็ยกมือขึ้นจับคอเสื้อกระพือเล็กน้อย พอให้เพื่อนๆ เอะใจทัก

หลังกระพืออยู่พักใหญ่ก็มีสักคนเอะใจจนได้ “คีรี ที่คอติดพลาสเตอร์ไว้ทำไมวะ”

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นสัมผัสลำคอพลางยักคิ้วและยิ้มมุมปาก “ถนอมรอยรักไว้ไม่ให้โดนแดดไง”

เพียงแค่นั้นทั้งกลุ่มก็แตกฮือ โผเข้าหาเขากันเป็นพัลวัน “ไหนๆ รอยอะไรวะ เอามาดูหน่อยเว้ย!”

“รอยหยิกรึเปล่า!”

“รอยข่วนเหรอ!”

“หรือจริงๆ แล้วเป็นรอยตีนวะ! นี่ตกลงมึงก้าวหน้าหรือถอยหลังลงเหววะเนี่ย!”

คีรีส่งนิ้วกลางให้รัวๆ “ใครเขาเหยียบกันที่คอวะ คอหักพอดี” ก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ก็คืบหน้าไปนิดหน่อยเว้ย แต่ว่าแม่ง เกิดมากูไม่เคยพยายามอ่อยใครมากขนาดนี้มาก่อนเลยว่ะ แถมอ่อยแล้วไม่ค่อยจะได้เรื่องอะไรเลยด้วย”

“นายเป็นผู้ชายนะเว้ย วิธีอ่อยที่เคยใช้กับผู้หญิง จะใช้กับหมอเต้ได้ไงวะ”

“เออ เรารู้น่ะ”

พวกเพื่อนๆ มองคีรีไปแล้วก็นึกขำ “โถ ไอ้เสือลายหลุด กลายเป็นลูกแมวแล้วมึงน่ะ”

เด็กหนุ่มเอนตัวเกยคางลงบนท่อนแขนของตนที่พาดอยู่บนโต๊ะ “กูยอมเป็นได้สารพัดสัตว์เลยเว้ย ขอแค่ให้หมอเต้หันมามองกูบ้างก็พอ”

“พูดซะน่าสงสารเลยมึง” ฟลุคเอื้อมมือไปลูบศีรษะเพื่อนปลอบใจ “แต่เข้าใกล้หมอเต้ได้ขนาดนี้ ก็แปลว่าเขาเปิดใจให้มึงมากขึ้นแล้วนะ มึงควรเริ่มคิดไว้บ้างว่าจะบอกความจริงเขายังไง”

ยุ้ยพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ในเมื่อตอนนี้นายก็ได้อยู่ในสายตาหมอเต้แล้ว นายก็ไม่จำเป็นต้องปลอมตัวอีกต่อไปนะ”

“แต่... เป็นแบบตอนนี้กำลังดีอยู่เลย” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อย

“ถ้านายไม่พูดความจริงกับเขาทั้งหมด ก็ถือว่าไม่จริงใจนะ อย่าปล่อยไว้นาน มันไม่ดีหรอก” เจนี่พูดเสริม

คีรีนิ่งอึ้ง สลดลงไปกว่าเดิมอีก “อืม... เรารู้”

“ในเมื่อคิดจะคบกันจริงจัง มึงก็ควรหาโอกาสดีๆ แล้วบอกความจริงไปซะ อธิบายเหตุผลให้หมอเต้ฟัง เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงจะเข้าใจบ้างล่ะ” ปิ๊กตบไหล่เพื่อนเบาๆ

“อือ กูจะพยายาม”

เพื่อนๆ พากันผงะ “เชื่อฟังแบบนี้ไม่คุ้นเลยว่ะ อะไรสิงร่างมึงวะ”

“กูก็แค่... อยากจะพยายามทำทุกอย่างให้ถึงที่สุดต่างหาก” เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจยาว



เมื่อวันศุกร์วนเวียนมาถึงอีกครั้ง ทันตแพทย์หนุ่มทั้งสองหน่อก็ขับรถจากลำพูนไปเชียงใหม่ตามปกติ วันนี้รวินท์เป็นคนขับ โดยใช้รถออดี้สปอร์ตของเขาเอง เนื่องจากรถเขาจอดเฉยๆ อยู่สักพักใหญ่ๆ แล้ว อยากให้มันได้ยืดเส้นยืดสายบ้าง

“รถมึงได้ยืดเส้นยืดสาย แต่กูเนี่ยไม่” เตชิตพึมพำ

“สัส ที่นั่งข้างหน้ามันก็ไม่ได้ต่างจากรถมึงมากมะ ถ้ามันแคบนักก็เอาหัวห้อยออกไปนอกรถนู่น” รวินท์หันไปต่อว่า “วันนี้จะไปดูพิงค์กะกูมั้ย หรือมึงมีแพลนแล้ววะ”

คนถูกถามทำหน้าเซ็งๆ ก็เพราะน้องๆ คนอื่นๆ ติดประชุมเชียร์ด้วยเช่นกัน แซนดี้ก็ต้องช่วยงานคณะ ส่วนคีรีก็เงียบไปตั้งแต่เที่ยง อีกฝ่ายส่งข้อความมาบอกเขาว่าเสร็จงานตอนบ่ายแล้วจะรีบโทรมาหา ไอ้เขาก็ไม่อยากแกร่วอยู่คนเดียวซะด้วย “อืม... ไปก็ได้”



ขณะเดียวกันนั้น คีรีกำลังลองชุดที่จะใส่ในวันงานพร้อมกับนักศึกษาคนอื่นๆ ที่จะเดินร่วมในขบวนเปิดงานอยู่ที่อาคารองค์การนักศึกษา ส่วนเพื่อนทั้งสี่คนช่วยรุ่นพี่ทำกิจกรรมอยู่ที่คณะของตัวเอง พวกเขาบอกไว้ว่าจะตามมาดูชุดของคีรีทีหลัง

ชุดของเด็กหนุ่มเป็นเครื่องแต่งกายแบบล้านนา ข้างในใส่เสื้อผ้าฝ้ายคอจีนสีเขียวแมลงทับ โจงกระเบนสีเลือดหมู มีเสื้อคลุมผ้าไหมตัวยาวสีเลือดหมูทอลายสีทองอย่างละเอียด ส่วนตรงสาบเสื้อ ปลายแขนเสื้อและชายเสื้อคลุมเป็นลวดลายสีทองล้วน บนศีรษะมีผ้าคาดสีโทนแดง ชุดของเขาคล้ายกับเดือนมหาวิทยาลัยที่จะถือป้ายเดียวกันอีกฝั่ง ส่วนเด็กสาวที่จะเดินคู่กันใส่เสื้อผ้าฝ้ายแขนกระบอกเข้ารูป นุ่งผ้าซิ่นทอตีนจกสีเลือดหมู มีผ้าแพรผืนยาวคล้องคอ

คีรีจ้องมองเด็กหนุ่มรุ่นพี่ที่มาช่วยใส่เสื้อผ้าให้เขาอย่างไม่วางตา เห็นว่ามาจากคณะวิจิตรศิลป์ แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ดูจะเชี่ยวชาญมากจนเขารู้สึกทึ่ง นุ่งโจงกระเบนให้เขาเสร็จภายในหนึ่งนาที เร็วกว่าที่เคยให้คนในศูนย์พัฒนาอาชีพของคุณตานุ่งให้เสียอีก ตอนที่อีกฝ่ายหันไปคุยกับเพื่อนเรื่องดีไซน์ของชุดก็คิดว่าน่าจะมีความรู้ทั้งเรื่องผ้าชนิดต่างๆ กับการแต่งกายแบบล้านนาทั้งแบบเก่าและแบบประยุกต์อยู่ไม่น้อย รุ่นพี่คนนี้นี่จะเทพไปไหน

รุ่นพี่ซึ่งกำลังจัดผ้าโพกศีรษะอยู่เงยหน้าขึ้นเตรียมจะพันผ้าให้ ทว่าสบตากับคนที่จ้องเขาอยู่เขม็งพอดี เขาจึงรีบดึงมือกลับ เอาผ้าปิดหน้าแล้วบิดตัวไปมา “ว้าย! อย่าจ้องพี่มากสิคะ! พี่เขินนะ!”

คีรีหัวเราะ “ขอโทษทีครับ ผมกำลังทึ่งพี่อยู่น่ะ พี่เก่งชะมัดเลย ผมเคยแต่งชุดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะ แต่ไม่เคยเห็นใครคล่องเท่าพี่มาก่อนเลยครับ”

“เรียกพี่แซนดี้สิคะ” เจ้าของชื่อยกมือขึ้นหยิกแก้มเด็กหนุ่มรุ่นน้องเบาๆ “แหม คนหล่อเนี่ย ปากหวานเนอะ~”

“โห พี่แซนดี้คนน่ารักชมผมตรงๆ แบบนี้ ผมก็เขินเหมือนกันนะครับ”

“ว้าย~ เดี๋ยวไม่ปล่อยกลับคณะนะคะ แล้วน้อง...” แซนดี้หันไปหยิบโพยกระดาษขึ้นมาส่องดู “นะ-คิน? ใช่มั้ยคะ”

“เรียกคีรีก็ได้ครับ”

“แหม ทีแรกก็สงสัยอยู่นะว่าใครมาถือป้ายคู่กับเดือนมหาลัย ไม่เคยเห็นหน้าน้องคีรีมาก่อนเลยน่ะ รอดสายตาไปได้ไงก็ไม่รู้”

“พี่ไม่น่าเคยเห็นผมหรอก ผมขี้อายจะตาย ปกติก็อยู่แต่ในคณะอะครับ”

แซนดี้หัวเราะร่วน ขี้อายยังไงวะทั้งทำท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ย ทำตาหวานใส่ไม่พอยังพูดจาหยอดเขาฉอดๆ ไอ้เด็กนี่มันมินิพี่วินชัดๆ เลย “มาๆ ย่อตัวลงนิดนึงนะ เดี๋ยวพี่พันผ้าโพกหัวให้”

คีรีทำตามอย่างว่าง่าย “พี่แซนดี้ทำงานกับชุดแบบนี้บ่อยเหรอครับ”

“อือ เวลาคณะไหนมีงานอะไรต้องใส่ชุดพื้นเมืองพี่ก็มาช่วยตลอด”

“ใจดีจังเลยนะครับ”

“ไม่หรอกๆ พี่ชอบด้วยแหละ แต่ปีนี้ถือว่าพี่แต่งตัวให้น้องช้ากว่าทุกปีเลยนะคะ เพราะเสื้อผ้าหรูอลังของสปอนเซอร์ต้องระวังให้ดีๆ หน่อย แต่ก็ดีใจที่ได้จับผ้าสวยๆ แบบนี้สักครั้ง”

“พี่แซนดี้ชอบผ้าแบบนี้เหรอ”

“ใช่ พี่ชอบมากเลย ก็เลยเลือกเรียนออกแบบทางนี้โดยเฉพาะ แล้วแม่พี่ก็สะสมผ้าไทยด้วย เห็นมาแต่เด็กก็เลยซึมซับฝังใจน่ะ”

“โห สุดยอด! เอาไว้พี่แซนดี้ไปดูผ้าที่คุณตาผมสะสมบ้างสิ คุณตาผมได้คุยกับพี่ต้องมันส์จนลืมวันลืมคืนแน่ เพราะชอบผ้าไทยมากเหมือนกัน”

“คนบ้า~ จะชวนไปดูตัวก็บอก” แซนดี้หัวเราะร่วนพร้อมกับตีแขนเด็กหนุ่มไปเบาๆ

“ผมพูดจริงนะ คุณตาเคยบ่นๆ อยู่ว่าอยากได้ผู้ช่วยที่ดูผ้าเก่งๆ เพราะในศูนย์ฯ ของคุณตามีผ้าเยอะมาก แล้วยิ่งพี่แซนดี้เรียนออกแบบทางนี้ด้วย ยิ่งดีเข้าไปใหญ่”

แซนดี้ขมวดคิ้ว แล้วยื่นหน้าเข้าไปสบสายตากับเด็กหนุ่มรุ่นน้อง “ศูนย์ฯ?”

“คุณตาผมทำศูนย์พัฒนาอาชีพให้ชาวเขาน่ะพี่ ของโรงแรม XXX ไง เคยได้ยินชื่อมั้ยครับ”

“ฮะ!?” คนถูกถามหันกลับไปหยิบโพยที่มีรายชื่อผู้เข้าร่วมขบวนเปิดงานขึ้นมาส่องอีกครั้ง พอเห็นนามสกุลก็ร้องอ๋อออกมาได้ แต่ว่าเขาได้ยินคนพูดกันว่ารุ่นน้องคนนี้เป็นเด็กเส้น เป็นหลานของสปอนเซอร์ เส้นใหญ่มากเลยได้มาถือป้ายนำขบวนมหาวิทยาลัย แถมหยิ่งสุดๆ ไปเลยนี่หว่า ไม่เห็นเหมือนที่คนอื่นพูดกันเลยแฮะ

“พี่แซนดี้?”

เจ้าของชื่อจ้องมองเด็กหนุ่มรุ่นน้องอีกครั้ง จ้องจากศีรษะลงมาจดปลายเท้าแล้วกลับขึ้นไปยังศีรษะอีกรอบ

หน้าตาแบบนี้หุ่นแบบนี้ต้องใช้เส้นมาเดินถือป้ายด้วยเหรอวะ เขาว่าหล่อกว่าไอ้น้องที่เป็นเดือนมหาวิทยาลัยมหาศาล

“ทำไมพี่แซนดี้ทำหน้าแปลกๆ”

“ตกใจนิดหน่อย ได้ยินเขาว่ากันว่าน้องคีรี...” อ้าว หลุดปากอีกกู! แซนดี้รีบยกมือขึ้นมาปิดปาก “ขอโทษค่ะ!”

คีรียิ้มบางพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “อ๋อ ได้ยินว่าผมหยิ่งใช่มั้ย ใครๆ ก็ว่าแบบนั้น เพื่อนในกลุ่มผมยังเคยคิดเลย”

“ไม่รู้ทำไมเนอะ พี่ว่าน้องคีรีน่ารักจะตาย”

“คงเพราะผมไม่ค่อยพูดกับใคร”

“อ้าว ทำไมล่ะ ก็เห็นพูดฉอดๆ นี่”

“ปกติแล้วก็ไม่ค่อยคุยกับคนที่ไม่รู้จักหรอก เพราะผมพูดเหน่อ ผมอาย”

ท่าทางเขินๆ ของเด็กหนุ่มทำให้แซนดี้หัวเราะออกมาอย่างรู้สึกเอ็นดู “ก็ไม่เหน่อนะ นานๆ ทีจะหลุดเสียงเพี้ยนเป็นบางคำเท่านั้น แต่ก็ไม่เหมือนสำเนียงคนเหนือเลย แล้วทำไมถึงกล้าพูดกับพี่ล่ะเนี่ย”

“เพราะผมประทับใจพี่มากน่ะสิ ไม่เคยเจอใครเก่งแบบพี่เลยจริงๆ นะ แล้วพี่ก็ดูใจดีมากด้วย”

“แหม ปากหวานโคตร ขยันหยอดจั๊ง~ แต่ก็ขอบใจมากนะ พี่ปลื้มมากเลยเนี่ย” แซนดี้ยิ้มกว้าง

“ผมพูดจริงๆ ผมขอเบอร์พี่แซนดี้หน่อยนะ อยากให้พี่ได้พบคุณตาสักครั้ง จะได้เห็นผ้าสวยๆ ของศูนย์ฯ อีกเยอะเลยน้า”

“อื้อ เอาก็เอา พี่ก็ปฏิเสธคนหล่อไม่ลงหรอก” พอแลกเบอร์โทรศัพท์กันเสร็จ แซนดี้ก็เลยขอเด็กหนุ่มถ่ายรูปเซลฟี่คู่กันไว้ด้วย “วันนี้แค่ลองชุด เดี๋ยววันจริงใส่เครื่องประดับครบเซตพี่จะขอถ่ายรูปด้วยอีกรอบ ต้องหล่ออลังไปสามโลกแน่นอน”

หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จ แซนดี้ก็กดเปิดภาพที่ถ่ายไว้ให้คีรีดู ขณะที่ใช้นิ้วเลื่อนภาพ ความนิ้วเบียดก็ทำให้เขากดผิด เปิดรูปตัวเองที่เคยถ่ายคู่กับรวินท์ขึ้นมา

คีรีชะงักกึก หัวใจร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม ก่อนจะนึกขึ้นมาได้รางๆ เหมือนว่าหมอเต้จะเคยบอกว่าสนิทกับน้องที่อยู่คณะวิจิตรศิลป์คนหนึ่ง


ฉิบหาย! ไม่จริงน่ะ! นี่มันจะจุดไต้ตำตอไปมั้ยวะ!


ขณะที่คีรียืนหน้าซีดมือสั่นอยู่ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของแซนดี้ก็ดังขึ้น อีกฝ่ายกดรับสาย คุยสักพักแล้วก็วางสายไป จากนั้นก็หันมาคุยกับคีรีต่อ

“เดี๋ยวพี่ถ่ายรูปชุดเก็บไว้หน่อยนะคะน้องคีรี” แซนดี้ขมวดคิ้ว “เอ๊ะ เป็นอะไรรึเปล่า พี่ว่าหน้าน้องดูตื่นๆ นะ”

คีรีส่ายหน้ารัว “เปล่า... เปล่าครับ” ทว่าหลังจากนั้นก็ซีดหนักลงไปอีกเมื่อจู่ๆ ก็มีรุ่นพี่สองคนในเสื้อชอปสีน้ำเงินเปิดประตูห้องออกผางและยืนจังก้าอยู่ที่ตรงประตูนั้น 


“แซนดี้~ดี้~ดี้~” สองหนุ่มร้องเรียกแบบมีเสียงเอ็คโค่ต่อท้ายเองให้เสร็จ


เจ้าของชื่อหันขวับไปทางคนเรียกพร้อมกับโบกมือให้ “ไอ้พิงค์ ไอ้ขิง กูอยู่นี่~นี่~นี่~”

คีรีชะงักค้าง อยากแกล้งตาย อยากสลายตัวไปเป็นอากาศธาตุเสียเดี๋ยวนั้น ชื่อพิงค์นี่ ชัดเต็มสองรูหูเลย ฉิบห้ายย~

ภูพิงค์เดินอาดๆ เข้ามาในห้องพร้อมกับขิง ตรงเข้าไปหาแซนดี้ แล้วส่งข้าวกล่องในถุงใสให้ “เอ้า แล้วคืนนี้อย่ากลับดึกนักนะเว้ย”

แซนดี้รับถุงข้าวมา พอดีว่าภูพิงค์กับขิงออกไปซื้อข้าวกล่องให้สตาฟฟ์เชียร์วันนี้ก็เลยแวะเอาเข้ามาให้เขาด้วย เพราะห่วงว่าเขาจะทำงานเพลินจนไม่กินข้าวน่ะสิ “อือๆ ขอบใจว่ะ”


เมื่อภูพิงค์สบตากับเด็กหนุ่มรุ่นน้องในชุดพื้นเมืองที่ยืนทำหน้าเหมือนเจอผีอยู่ด้านหลังแซนดี้ก็เลิกคิ้วขึ้น “เฮ้ย อีแซนดี้ มึงวางยาน้องเขาเปล่าวะ ดูสีหน้าไม่ดีเลยอะ” เขาเดินอาดๆ เข้าไปถาม “เป็นอะไรรึเปล่าน้อง นั่งก่อนมั้ย”

คีรีพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เหงื่อตก มือเย็นเฉียบ ที่เขาตกใจกลัวจนหัวแทบโกร๋นอยู่แบบนี้เพราะเพื่อนสนิทเขาทั้งสี่คนกำลังจะมาหาเขาที่นี่ งานนี้นอกจากจะโป๊ะแตกแบบไม่ได้ทำใจไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาอาจจะโดนรุ่นพี่รุมโทรมด้วย

“ไม่...ไม่เป็นไรครับพี่”

“ชุดรัดไปเหรอ” แซนดี้เดินเข้ามาเอามือสอดเข้าไปในเข็มขัดดู

“สัส! นี่มึงแต๊ะอั๋งน้องเขาชัดๆ! สมควรที่เขาจะทำหน้าสะพรึงเหมือนเห็นผีแบบนี้อะ!” ภูพิงค์ต่อว่าทันที

“นี่มันหน้าที่กูเว้ย! มึงเห็นกูเป็นยังไงเนี้ยะ!”

ขิงหันมองไปภายในห้อง แล้วหรี่ตามองแซนดี้ “แหมๆ มึงนี่ก็เลือกแต่งตัวให้น้องที่หล่อสุดในห้องเลยน้าาา สัสเพื่อน”

“บ่าฮ่านี่ พวกมึงว่างมากเหรอ มานี่เพื่อหาเรื่องกูชัดๆ!”

ในระหว่างที่รุ่นพี่ทั้งสามมัวแต่เถียงกัน กลุ่มเพื่อนคีรีก็เปิดประตูแล้วชะโงกหน้าเข้ามาในห้อง โชคดีที่พวกเขาทันเห็นภูพิงค์และใบหน้าตื่นๆ ของเพื่อนจึงรีบปิดประตูใส่ตีนหมาถอยไปตั้งหลักกันก่อน

คีรีถอนหายใจยาว หัวใจเต้นแรงเหมือนเพิ่งไปวิ่งมาราธอนมาหมาดๆ


“ชุดสวยดีว่ะ ปีนี้แม่งอลังโคตร”


เด็กหนุ่มหันขวับไปทางต้นเสียง แล้วก็เห็นว่าภูพิงค์กำลังจ้องมองมาที่เขา

“นี่ขนาดยังไม่ได้ใส่เครื่องประดับครบชุดนะเว้ย วันจริงจะอลังกว่านี้อีกมึง” แซนดี้โม้ให้เพื่อนของตัวเองฟัง

“โห น่าเสียดาย วันจริงถ่ายรูปมาให้ดูด้วยละกันว่ะ” ขิงตอบ

“น้องคีรี นี่พิงค์กับขิงเพื่อนพี่เอง อยู่วิดวะปีสี่” แซนดี้แนะนำให้ แล้วหันไปทางเพื่อนตน “นี่น้องคีรี อยู่บริหาร”

ภูพิงค์ขมวดคิ้ว “หืม? คีรี? บริหาร?” ดวงตาจับจ้องเด็กหนุ่มรุ่นน้องเขม็ง

“คะ...ครับ” คีรีกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เขาประสานสายตากับภูพิงค์ พลางนึกย้อนไปถึงคำพูดของเพื่อน


ถ้าหากเขากล้าพอที่จะไปทำความรู้จักกับพี่ภูพิงค์


ถึงตอนนี้พี่เขาจะยังไม่รู้ แต่เขาก็อยากจะแนะนำตัวเองไว้ เผื่อว่าสักวันหนึ่ง...

เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดลึกพร้อมกำมือแน่น “พี่ภูพิงค์ครับ”

เจ้าของชื่อหรี่ตาลงเล็กน้อย “มีอะไร”

“ผมชื่อนคินทร์ ภูมิพัฒน์ธนากุล อยู่บริหารปีสองนะครับ”

ภูพิงค์นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบรับเสียงขรึม “อือ”

“ผม...อยากรู้จักพี่มากเลยนะครับ”

“งั้นเรอะ” ภูพิงค์ตอบ แล้วต่างคนต่างก็จ้องตากันอยู่อย่างนั้น

แซนดี้กับขิงหันมองเด็กหนุ่มรุ่นน้องที หันมองเพื่อนตัวเองอีกทีอย่างงงๆ ไม่มั่นใจว่าทั้งคู่จ้องกันแบบจะกินเลือดกินเนื้อ หรือจ้องแบบจะสารภาพรักกันกันแน่

“เฮ้ย คุณน่ะ...” เสียงข้อความเข้าในโทรศัพท์ของภูพิงค์ดังขึ้นขัดจังหวะ เขาจึงยกโทรศัพท์ขึ้นกดดู จากนั้นก็หันไปทางแซนดี้กับขิง “พี่วินมาแล้ว จะได้เวลานัดประชุมเชียร์แล้วด้วย ต้องรีบกลับคณะล่ะ ”

“เออๆ ไปเหอะ”

ภูพิงค์หันไปทางเด็กหนุ่มรุ่นน้อง “ผมไปนะ”

คีรีพยักหน้า “โชคดีครับพี่ แล้วเจอกันนะครับ”

“อือ แล้วเจอกัน”


หลังจากภูพิงค์และขิงรีบรุดเดินออกไป แซนดี้ก็หันไปถาม “มีอะไรกับไอ้พิงค์รึเปล่า”

“ไม่มีนี่ครับ ทำไมเหรอ”

“ก็เห็นจ้องกันแบบ... เหมือนจะนัดต่อยกันหลังเซเว่นปิด”

คีรีหัวเราะกลบเกลื่อน “เหย แค่ทำความรู้จักกันนิดเดียวเองพี่”

“อือๆ งั้นเรามาถ่ายรูปกันต่อเนอะ” แซนดี้หันไปเตรียมกล้อง ใช้เวลาถ่ายภาพอยู่สักพัก สลับหันไปจดข้อมูลที่นึกขึ้นได้ลงบนแบบชุด เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่จึงวางดินสอลง “เอาล่ะ เปลี่ยนชุดได้แล้วล่ะ เดี๋ยวพี่ช่วยถอดนะ” เขาค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกให้ทีละชิ้น แล้วนำไปแขวนไว้ในถุงคลุมเสื้อผ้าอีกที

กว่าจะเสร็จก็ยืนจนเมื่อย แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้บ่นอะไร พอถอดโจงกระเบนกับเสื้อออกแล้วก็เปลี่ยนใส่ชุดนักศึกษาเช่นเดิม

“เดี๋ยวเสาร์หน้าเจอกันนะคะ”

“ครับ ขอบคุณพี่แซนดี้มากครับ แล้วเอาไว้ผมจะโทรนัดพี่อีกทีนะ”

“โอเคค่า”    

จากนั้นคีรีก็ก้าวฉับๆ ออกจากห้องไปหาเพื่อนสนิทที่หลบมุมรอเขากันอยู่ แต่พอไปถึงกลับเหลืออยู่แค่สองหนุ่ม “เจนี่กับยุ้ยไปไหนวะ”

“รอนานจัดอะดิ หิวน้ำก็เลยไปซื้อน้ำ” ปิ๊กตอบ

“โทษทีๆ ชุดมีรายละเอียดเยอะน่ะ”

“แล้วเป็นไงมาไงวะไอ้คีรี ทำไมพี่ภูพิงค์ถึงมาอยู่กับมึงได้วะ”

เจ้าของชื่อนั่งลงกับเพื่อนๆ “พี่คนที่แต่งตัวให้กู เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ภูพิงค์ว่ะ”

“เย้ย! โลกกลมฉิบหาย! เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ พวกกูตกใจหัวแทบหงอก!” ฟลุคเอ่ยขึ้นพลางหันมองไปรอบๆ อย่างหวาดๆ

“กูนี่หงอกไปหลายเส้นเลย ตกใจสัสๆ” คีรีถอนหายใจหนักๆ “ตอนแรกก็กลัวฉี่แทบเล็ด แต่พี่ภูพิงค์ดูไม่น่ากลัวอย่างที่คิดว่ะ”

“แหงดิ มึงไม่ได้เจอเขาตอนหวงหมอวินนี่!”

“ถึงกูจะหวาดๆ อยู่บ้าง แต่กูก็แนะนำตัวเองกับพี่เขาไปนะ พี่เขาคงงงอยู่เหมือนกัน” เด็กหนุ่มหัวเราะเจื่อนๆ “บางทีสักวัน เมื่อกูไม่ต้องปิดบังตัวกูแล้ว กูอาจจะมีโอกาสเข้าไปขอคำปรึกษาจากเขา”

เพื่อนทั้งสองยกมือขึ้นลูบศีรษะลูบหลังให้ “โอ๋ๆ อย่าเพิ่งคิดมากเว้ย ก็ดีนะ ยังไงก็ถือว่าได้แนะนำตัวกับพี่เขาแล้วอะ อีกอย่างนะ ถึงพี่เขาจะดุฉิบหาย แต่กูว่าพี่เขาดูเป็นคนตรงๆ น่าจะคุยด้วยง่ายกว่าหมอวินมหาศาล”

คีรีถอนหายใจยาว “อือ กูก็คิดงั้น”

สักพักยุ้ยกับเจนี่ก็ถือถุงใส่ขวดน้ำกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาร่วมวงด้วย “มาแล้วๆ”

“ทำไมทำหน้าตื่นๆ เจอพี่ภูพิงค์มาอีกรึไงวะ” ฟลุคเอ่ยถาม

เจนี่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นโชว์ภาพเตชิตกับรวินท์นั่งคุยกันหนุงหนิงอยู่ที่ใต้ตึกวิศวะให้เพื่อนรักดู “ไม่ใช่เว้ย เพราะนี่ต่างหาก หมอวินกับหมอเต้อยู่ที่คณะวิดวะเว้ย!”

คีรีเลิกคิ้วขึ้น “หมอเต้!” เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา ลุกเดินไปตรงที่ไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมามากนัก แล้วจึงกดโทรศัพท์ไปหาทันตแพทย์หนุ่ม



ฝ่ายเตชิตกำลังนั่งเท้าคางอยู่กับโต๊ะ สายตาทอดมองไปยังจุดที่พวกนักศึกษาประชุมเชียร์กันอย่างเซ็งๆ ไอ้น้องพิงค์เพิ่งกลับมาจากซื้อข้าว มาถึงก็เข้ามารับหน้าที่พี่ว้ากเลย เขาไม่อยากจะยอมรับ แต่เวลาแบบนี้ไอ้น้องพิงค์ก็ดูเท่ดีจริงๆ นั่นละ แล้วก็น่าหมั่นไส้มากด้วย เมื่อชำเลืองมองไปยังคนข้างกัน ก็ยิ่งหมั่นไส้จนต้องเบ้ปาก ไอ้วินเพื่อนรักของเขาน่ะเหรอ ตาเป็นรูปหัวใจทั้งสองข้างเลยเชียว

“แหม รักเด็กหลงเด็กเนอะมึงอะ”

“ปากว่างก็แทะโต๊ะไปสิมึง”

“กูไม่ใช่ปลวกมะ”

เสียงหัวเราะคิกคักของสาวๆ ดังมาแว่วๆ เตชิตเริ่มรู้สึกว่ามีคนเดินผ่านไปผ่านมากขึ้น พอหันมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าใต้ตึกมีนักศึกษาสาวๆ ที่มาจากไหนกันนักก็ไม่รู้นั่งอยู่มากมาย

“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้วิน”

“เออ เรื่องปกติแหละ เดี๋ยวคงมีลือกันว่ามึงมาติดใจเด็กวิดวะแถวนี้แหงๆ”

“น่าสนเหมือนกันนะ เจ้าถิ่นแนะนำหน่อยดิ”

“เจ้าถิ่นพ่อง” รวินท์ส่งสายตาดุๆ ใส่

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ เตชิตหยิบขึ้นมาดู อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกเดินไปหลบมุม แล้วกดรับสาย “ว่าไง ว่างแล้วเหรอ”

“ครับ เพิ่งเสร็จงาน ผมไปหาคุณเตชิตได้มั้ย ตอนนี้อยู่ที่ไหนน่ะครับ”

“อยู่คณะวิดวะในมหาลัยกับไอ้วินน่ะ จะมาหาผมมั้ยล่ะ”

“โห ผมไม่กล้าเข้าไปหรอก คุณเตชิตออกมาหาผมหน่อยนะครับ” คีรีพูดเสียงอ้อน

“เดี๋ยวแป๊บนะ” ทันตแพทย์หนุ่มเดินกลับไปหาเพื่อนรัก เพราะวันนี้เขาไม่ได้เป็นคนขับรถมาก็เลยต้องถามเจ้าของรถก่อน แต่ยังทันไม่ได้เอ่ยปากถาม อีกฝ่ายก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เอารถไปได้ เพราะอย่างไรก็จะรอกลับพร้อมกับภูพิงค์อยู่แล้ว “คุณอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวผมไปรับ”

“ผมรอที่หน้าคลินิกได้มั้ย”

“อือ โอเค”

“เดี๋ยวผมไปถึงจะรีบโทรบอก แล้วคุณเตชิตค่อยขับรถออกมานะครับ”

“อืม เดี๋ยวเจอกัน”

พอเตชิตเดินกลับไปที่โต๊ะก็เห็นว่าเพื่อนรักจ้องมองตนเองเขม็ง เขาหลบสายตา หุบยิ้มเก๊กหน้าก่อนจะพูดเบาๆ “ขอบใจที่ให้ยืมรถเว้ย”

“เออ ปกติกูก็ยืมรถมึงเหมือนกัน เรื่องแค่นี้...” รวินท์กลอกตาไปมา แล้วกระแอมเบาๆ “อย่าทำรถกูเลอะล่ะ ในเก๊ะมีถุง...”

“สัส! แค่นัดเจอกันเฉยๆ เว้ย!”

“แหม กูยังไม่ได้พูดเลยว่าถุงอะไร อาจจะถุงอ้วกหรือถุงขยะก็ได้มั้ยวะ”

“ไอ้เวร แล้วมึงมีถุงอะไร”

“มึงคิดว่าคนอย่างกูจะมีถุงอะไรในรถล่ะวะ ก็เหมือนรถมึงแหละ”

“ถุงผ้าลดโลกร้อนเหรอวะ”

“ไอ้เหี้ย! ถุงยางสิวะ! ใช้แล้วทิ้งด้วยนะเว้ย ไม่ต้องใส่คืนที่เดิม”

เตชิตส่ายหน้าไปมา “มึงนี่น้า!”

รวินท์หัวเราะร่วน “ถ้าคืนนี้จะไม่กลับก็เมสเสจมาบอกด้วยเว้ย”

“กลับสิวะ จะให้กูไปนอนใต้สะพานที่ไหนล่ะ”

นั่งคุยกันไปสักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เตชิตรีบกดรับสาย พูดคุยกับคนในสายสั้นๆ จากนั้นจึงลุกขึ้น

รวินท์ส่งกุญแจรถให้เพื่อนรักอย่างรู้งาน “ไปดีมาดี”

เตชิตยิ้มมุมปากพลางเอื้อมมือไปกุมมือที่ถือกุญแจอยู่ “เป็นห่วงกูใช่มะ”

“ห่วงรถโว้ย”

“ปากไม่ตรงกับใจเลยว่ะ” เตชิตรับกุญแจมา โบกมือลาแล้วรีบรุดเดินออกไป



ทันตแพทย์หนุ่มขับรถออกจากมหาวิทยาลัยไปช้าๆ มุ่งหน้าไปยังคลินิก เมื่อไปถึงก็ขับรถไปจอดที่ด้านหลังก่อน แล้วเดินวนมาทางด้านหน้า ระหว่างทางที่เดินมาก็เห็นเด็กหนุ่มรูปร่างคุ้นตาในเสื้อผ้าฝ้ายพื้นเมืองกับกางเกงยีนยืนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก เขากำลังจะร้องเรียก แต่พอเห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังยืนคุยกับชาวต่างชาติสองคน เขาจึงเดินเข้าไปสังเกตการณ์ใกล้ๆ กะว่าถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องจะได้เข้าไปช่วย และถ้าได้เห็นใบหน้าของคีรีตอนเขินๆ ทำอะไรไม่ถูกก็คิดว่าคงจะน่ารักดี

ทว่าสถานการณ์ดูจะไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ชาวต่างชาติถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ ดูเหมือนจะถามทางไปที่ไหนสักแห่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้บ่อยๆ ส่วนที่แปลกก็คือคีรีนั่นละ เด็กหนุ่มพูดคุยกับชาวต่างชาติทั้งสองเป็นภาษาอังกฤษได้ฉะฉาน สำเนียงบริติชเสียด้วย พูดคล่องอย่างกับคนที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาเป็นเวลานานอย่างไรอย่างนั้น ท่าทางและสีหน้ามั่นใจตอนพูดดูเท่เอามากๆ มากกว่าตอนที่อยู่กับเขาเป็นกอง อย่างกับคนละคน


อะไรกันวะ? ไอ้เด็กตรงนั้นมันใครกันแน่เนี่ย? นี่เป็นอีกร่างเหรอ? จะว่าเพราะเคยเรียนหรือทำงานโรงแรมเลยพูดภาษาได้ก็... แต่พูดเก่งมากเลยนะ


เตชิตขมวดคิ้ว คิดไปพลางว่า ไอ้เด็กคนนี้นี่จะทำให้เขาแปลกใจได้อีกกี่เรื่องกันนะ มาถึงตอนนี้ นอกเหนือจากว่าเด็กหนุ่มเป็นญาติกับเลดี้กาก้า ก็คงไม่มีอะไรให้เขาตกใจอีกแล้วแหละ



*TBC*


ก็มีอะไรเหลือให้โป๊ะอีกไม่เยอะแล้วล่ะนะเด็กดอย 555555 สู้ๆ อิอิ

แต่ยังไงเด็กดอยก็ตกแซนดี้มาเป็นพวกได้แบบงงๆ แล้วละนะคะ บุคคลสำคัญ ผู้จุดประกายให้น้องภูกับพี่วินจากภูสอยเดือนเลยนะเนี่ยยยย~

แถมยังได้รู้จักกับพี่พิงค์แล้วด้วย ก้าวหน้าๆๆๆ

มารอดูกันนะคะว่าตอนหน้าจะมีอะไรโป๊ะอีก กินโป๊ะแตกกันจนเบื่อล่ะ กว่าเด็กดอยจะได้กลับร่างเดิม 55555

ขอบคุณคนอ่านทุกคน ขอบคุณทุกๆ กำลังใจมากๆ ค่า รักนะคะ  :mew1:

ปล. ในส่วนของการซ้อมขบวน เครื่องแต่งกาย สถานที่และบุคคลที่อ้างถึงจากในเรื่อง ฮัสกี้มโนขึ้นมาทั้งหมดทั้งสิ้นนะคะ



ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
คีรีเตรียมคำตอบบไว้ดีๆนะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...เด็กดอยได้พี่แสนดีเป็นพวกเลยนะ  อิอิ

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
โป๊ะกว่านี้ ก็จมดินแล้วจย้าาาา รีบหาทางสารภาพเถ๊อะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :laugh:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
5555 ญาติกะเลดี้กาก้า

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ค่อยๆแตกดีนะ นี่ยังแอบลุ้นอยู่เลยว่าพี่หมอเต้จะมาเห็นเด็กดอยยืนพิงBM อยู่หรือเปล่า เพราะไม่รู้จักรถหมอวิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2019 19:20:57 โดย snowboxs »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :laugh:



 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
พ่อยอดขมองอิ่มมมม
โป็แล้วโป๊ะอีก คือถ้ารู้ความจริงหมดแต้ไม่โกรธแล้วละ ถ้ามันจะโป๊ะบ่อยขนาดนี้

ว่่าแต่เด็กดอยขี้อวดเว่อร์ แค่รอยจูบอวดจางงงงงง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด