ทันตแพทย์หนุ่มยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่พอจะขยับออกห่าง เด็กหนุ่มก็คว้าแขนเขาไว้
“คุณเตชิต”
“ทำไมอีก”
คีรีรีบลุกขึ้น ถลาเข้าไปหา แล้วโอบกอดอีกฝ่ายไว้จากทางด้านหลัง “อย่าโกรธผมเลยนะครับ”
“ผมไม่ได้โกรธ จะโกรธทำไม แล้วจะมากอดผมไว้อีกทำไมวะเนี่ย”
“ฟังผมก่อนนะ” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงอ่อย “ที่ผ่านมาผมไม่เคยคบใคร ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยจริงจังกับใครเลย จนกระทั่งได้พบคุณ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”
ทันตแพทย์หนุ่มหัวเราะเสียงขึ้นจมูก “หึ แล้วผมจะเชื่อคุณได้เรอะ ในเมื่อไม่เคยจริงจังกับใคร แล้วทำไมถึงจะคิดจริงจังกับผม”
“ก็เพราะผมรักคุณไง คุณเตชิตครับ ผมไม่เคยเข้าหาใครก่อน ไม่เคยไล่ตามใคร คุณเตชิตเป็นคนแรกที่ผมเข้าหาและขอให้ผูกปิ่นโตกับผมนะครับ คุณเป็นคนเดียวที่ผมบอกรัก ผมจริงจังกับคุณมากนะ”
เตชิตชำเลืองมองคนที่โอบกอดเขาอยู่อย่างเพลียๆ เขาไม่ค่อยเชื่อที่เด็กหนุ่มพูดหรอก ถึงหน้าตาจะดูซื่อๆ แต่ดูจากการกระทำแล้ว ท่าจะโชกโชนไม่แพ้เขากับไอ้วินเลย
“ผมกับคุณยังรู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่เลยนะ จู่ๆ คุณก็บอกรักผมแล้ว”
“คนเราต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจคำว่ารักเหรอครับ มีใครกำหนดไว้ด้วยเหรอ” น้ำเสียงของคีรีเคร่งขรึม บ่งบอกถึงความจริงจังของเขา “ผมประทับใจในความดุ ความใจดี และความน่ารักของคุณ แค่ได้พบคุณแวบแรกแวบเดียวใจมันก็เอาแต่คิดถึงคุณ คิดถึงทุกวินาที พอได้เข้าใกล้คุณหัวใจก็เต้นแรงเป็นบ้าเป็นหลัง ผมอยากเห็นรอยยิ้มของคุณ อยากเป็นคนรักษามันไว้ อยากทำให้คุณเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างเพื่อคุณ สำหรับผมเหตุผลพวกนี้มันก็มากพอที่จะทำให้รู้ว่าผมรักคุณเข้าแล้ว และรักมากๆ ด้วย”
เด็กหนุ่มกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น จนไม่มีช่องว่างระหว่างตัวเขากับอีกฝ่าย “ที่สำคัญ ตั้งแต่ได้พบคุณ ผมก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใครอีกเลย ผมไม่อยากทำเรื่องอย่างว่ากับคนอื่น ไม่มีอารมณ์กับใคร นอกจากคุณเท่านั้น”
ทันตแพทย์หนุ่มพูดไม่ออก เขาปล่อยให้คนอ่อนวัยกว่ากอดเขาไว้เช่นนั้น
คีรีซบใบหน้าลงบนหัวไหล่ของคนในอ้อมแขน พอเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งนิ่ง เขาก็ค่อยๆ จดปลายจมูกโด่งลงตรงซอกคอ ซุกไซ้ ไล้ไปมาอย่างเชื่องช้าสลับแนบจูบลงไปเบาๆ
“คีรี”
“ครับ”
“ไอ้นั่นคุณทิ่มตูดผมอยู่”
“ก็ผมไม่ได้ใส่กางเกงในอะครับ”
“ไม่เกี่ยวกับกางเกงในมั้ยวะ มันเป็นที่คุณนี่แหละ!”
“แล้วจะให้ผมทำยังไงอะ ก็ความรักมันอัดอั้น คุณไม่ยอมทำกับผมนี่”
เตชิตหันไปดุ “คุณก็ทำไปคนเดียวสิวะ ไปห้องน้ำเลยไป!”
“ไปคนเดียวผมกลัวอะ คุณเตชิตไปด้วยกันหน่อยสิครับ”
ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ “งั้นก็ทำตรงนี้แหละ จะทำอะไรก็เชิญตามสะดวกเลย ผมจะไปรอข้างหน้าเต็นท์ก็แล้วกัน”
“ข้างนอกมันมืดนะครับ คุณไม่กลัวเหรอ”
“ไม่กลัวเว้ย! ผมกลัวคุณนี่แหละมากกว่า!” เตชิตเอื้อมมือไปเปิดเต็นท์ออก แล้วก็ต้องชะงัก เพราะดูเหมือนว่าเต็นท์ข้างๆ จะปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้ว ทางด้านนอกมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินเพียงแค่เสียงน้ำจากแม่น้ำเท่านั้น ทำให้เขาต้องหดมือถอยกลับเข้ามานั่งที่เดิม
เวรกรรมอะไรของกูหนอ!
“เฮ้ย! คีรี!” เตชิตหันขวับเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายขยับเข้ามานั่งชิดกับเขาทางด้านหลัง แล้วซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังตน
“ผมไม่ไหวแล้ว...อะ...ครับ”
เสียงแหบแห้งปนเสียงหอบหายใจของคนอ่อนวัยกว่าเป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มนั่งนิ่งเป็นก้อนหิน ไอ้เด็กเวรนี่ กำลังทำร้ายตัวเองอยู่ที่ข้างหลังเขาเหรอวะ!
“อะ... อา... คุณเตชิต”
กูอยากจะบ้า!
หัวใจของเตชิตพาลเต้นรัวแรงไปกับเสียงที่ได้ยินด้วย ราวกับว่าเด็กหนุ่มมาหอบหายใจอยู่ที่ข้างหู เขาพนันได้เลย ไอ้เด็กนี่จงใจให้เขาได้ยินแน่ๆ
“คุณเตชิต... ผมรักคุณ”
เด็กหนุ่มครางชื่อของเตชิตออกมาเป็นระยะ เขาแนบจูบหนักๆ ลงไปบนแผ่นหลัง ส่วนมือก็ทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขให้ตัวเอง
“ใกล้เสร็จรึยังวะ”
“ยัง...ยังครับ” คีรีใช้มืออีกข้างโอบกอดทันตแพทย์หนุ่ม ก่อนจะลูบเคล้นไปบนแผ่นอกและหน้าท้องอย่างเชื่องช้า
เตชิตก้มลงมองตามฝ่ามือนั้น จะขยับหรือขัดเด็กหนุ่ม เขาก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เสร็จสักที
“หัวใจคุณเต้นแรงจัง”
มีเด็กโรคจิตมาทำเรื่องแบบนี้ใส่ ถ้าไม่เต้นแรงเขาก็คงนั่งนานจนกลายเป็นฟอสซิลไปแล้วโว้ย!
“คุณเตชิต ผมอยากได้ยินเสียงคุณอะ เรียกชื่อผมหน่อยได้มั้ย”
ทันตแพทย์หนุ่มโวยวาย “ไม่เอาเว้ย! คุณช่วยทำให้มันเสร็จๆ ไปสักทีได้มั้ยวะ!”
“คุณเตชิต อา... เกรี้ยวกราดอีกนิดสิครับ”
“คีรี!” อ้าว เวร! เรียกชื่อไอ้เด็กบ้านี่จนได้!
เจ้าของชื่อไม่พูดอะไรอีก แต่หอบเสียงกระเส่า
เตชิตพยายามข่มใจ หากเมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มในตอนที่ครางเรียกชื่อเขาเช่นนี้แล้ว ร่างกายก็ร้อนๆ ขึ้นมาชอบกล ฝ่ามือของเด็กหนุ่มกดเคล้นลงสู่ที่ต่ำลงไปเรื่อยๆ พอไปหยุดอยู่ตรงส่วนไวสัมผัสกลางร่างเขา ตัวเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง
“คีรี เดี๋ยว...”
พอทันตแพทย์หนุ่มหันหน้ามาหา คีรีก็จูบปิดริมฝีปากตรงหน้า กระชับเข้าหาอย่างดึงดันเอาแต่ใจ ทว่าก็อ่อนโยนชวนให้คล้อยตาม พร้อมกับสอดมือเข้าไปในกางเกงของอีกฝ่าย
ฉิบหายแล้วกู... เตชิตอยากจะหยุด แต่ก็รู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อ เขากำลังจะหมดความอดทนในไม่ช้า
คนอ่อนวัยกว่าละริมฝีปากออกมาเล็กน้อย “ผมรักคุณนะครับ”
เส้นความอดทนของทันตแพทย์หนุ่มขาดผึง เขาหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม ก่อนจะยกแขนขึ้นล็อกคออีกฝ่ายไว้ “ไอ้เด็กเวรเอ๊ย คุณเป็นคนเริ่มนะ รับผิดชอบทำให้เสร็จด้วย”
คีรียิ้มมุมปาก เขาบดจูบริมฝีปากของทันตแพทย์หนุ่มแทนคำตอบ สอดลิ้นเข้าไปกวาดต้อนลิ้นอุ่นอย่างกระหาย มือกุมส่วนไว้สัมผัสของอีกฝ่ายไว้แล้วขยับช้าๆ จนมันขยายตัวเต็มที่
หยาดน้ำใสไหลล้นออกมาจากมุมปากของทั้งสองโดยที่ริมฝีปากยังไม่ยอมแยกออกห่าง ฝ่ามือของเด็กหนุ่มร้อนผ่าวราวกับไฟ
รู้สึกดีฉิบหายเลยแม่ง! ทันตแพทย์หนุ่มครางในลำคอเบาๆ เขาซุกไซ้ใบหน้าลงตรงซอกคอของคนอ่อนวัยกว่า จูบเม้มอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์
เด็กหนุ่มกดเตชิตให้เอนหลังลงนอน ก่อนจะตามเข้าไปบดจูบริมฝีปากของคนใต้ร่างอย่างหนักหน่วง เขาดึงกางเกงของตัวเองลงมาครึ่งสะโพก จับส่วนที่พองโตเต็มมือแนบชิดไว้ด้วยกันกับของทันตแพทย์หนุ่ม จากนั้นก็ปรนเปรอความสุขไปพร้อมกัน
เมื่อคนบนร่างละริมฝีปากออก เตชิตก็กัดริมฝีปากสลับหอบหายใจหนักๆ ในศีรษะมึนไปหมด หัวใจของเขาเต้นโครมครามอยู่ในอก
“อย่ากัดปากสิครับ เดี๋ยวเป็นแผลนะ” คีรีกระซิบชิดเรียวปากที่เขาจูบจนเห่อบวม
“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำให้เสร็จซะทีเถอะน่ะ”
“ใจร้อนจัง” คนอ่อนวัยกว่าอมยิ้ม เขาอยากเห็นสีหน้าของหมอเต้ตอนนี้ชะมัด คงจะน่าฟัดกว่าในยามปกติไปอีกร้อยเท่า เขาเผยอริมฝีปากหายใจ กระชับฝ่ามือแน่นไปพร้อมกับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น จากนั้นจึงไล่พรมจูบลงไปตามลำคอ
เมื่ออารมณ์พุ่งขึ้นสูงเต็มที่ ทันตแพทย์หนุ่มเกร็งไปทั้งร่าง เขาจิกมือลงบนหัวไหล่ของคนอ่อนวัยกว่า ก่อนจะหลุดครางออกมาเบาๆ “อา... อะ!” แต่จู่ๆ เด็กหนุ่มก็จูบปิดริมฝีปากไว้แน่น บดจูบอย่างรุนแรงและไม่ยอมให้เขาส่งเสียงใดๆ ออกมาอีก
คีรีรอให้ทันตแพทย์หนุ่มก้าวผ่านจุดสูงสุดของอารมณ์ไปก่อนจึงถอนริมฝีปากออก เขาจ้องมองใบหน้าในเงามืด ฟังเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย มือข้างที่ว่างกดคลึงไปบนผิวเนื้ออุ่นๆ อีกชั่วครู่จึงปลดปล่อยตามออกมา
เสียงหอบหายใจของทั้งสองคนดังประสานกัน นัยน์ตาสบกันในความมืดมิด
เตชิตร้องฉิบหาย! ฉิบหาย! แล้วก็ฉิบหาย! อยู่ในใจ ริมฝีปากยังคงเผยอหอบ ขณะมือควานไปหาเป้ที่วางไว้ภายในเต็นท์ “เอ่อ ในเป้มีทิชชู ช่วยผมคลำหาเป้ที”
สองหนุ่มควานหากระเป๋าเป้กันอยู่สักพัก กว่าจะได้กระดาษทิชชูมาเช็ดมือก็ทุลักทุเลเต็มที
“นอนกันเถอะ” พอเช็ดมือได้ เตชิตก็ตัดสินใจปิดสวิตช์ตัวเองเพื่อหนีคำถามทั้งหมดจากตัวเขาและเด็กหนุ่มไปก่อน
“คุณเตชิตครับ” คีรีเอนตัวลงนอนข้างกัน
“อะไรอีก”
“ขอผมกอดหน่อยได้มั้ย”
ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจยาว “จะทำอะไรก็เชิญ”
คนอ่อนวัยกว่าวางมือโอบเอวอีกฝ่าย พร้อมกับยกศีรษะขึ้นบอก “ราตรีสวัสดิ์นะครับ” ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปจูบแก้มของทันตแพทย์หนุ่มเบาๆ
“เออๆ” เตชิตหมดแรงจะเถียง จะดิ้น จะต่อสู้ เขากลัวใจตัวเองมากกว่าแล้วตอนนี้
เช้าสักทีเถอะโว้ย~ เขาไม่น่าหลวมตัวค้างในเต็นท์เดียวกันกับไอ้เด็กเวรนี่เลย!
แสงอาทิตย์ในตอนสายทอดผ่านช่องว่างเข้ามาภายในเต็นท์ ฉาบไล้สองร่างที่นอนกอดกันกลมอยู่ใต้ผ้าห่ม เตชิตลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อได้ยินเสียงเด็กวิ่งเล่นกันดังแว่วมาจากทางด้านนอก แต่พอเห็นว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มอยู่ใกล้แค่คืบ เขาก็รีบผละออก แล้วลุกขึ้นนั่ง ทว่าแขนของอีกฝ่ายยังกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปดึงหูคนอ่อนวัยกว่า “ไม่ต้องมาลีลา ผมรู้ว่าคุณตื่นแล้ว”
“โห จะปลุกให้หวานๆ หน่อยก็ไม่ได้” คีรียกศีรษะขึ้นย้ายไปนอนหนุนตักของคนที่นั่งอยู่
เตชิตกระดกขารัวๆ “ไม่ต้องมาทำเนียน” เขาเอื้อมมือไปควานหาโทรศัพท์มือถือมากดดูเวลา ซึ่งในโทรศัพท์มีข้อความของเพื่อนรักส่งมาบอกด้วยว่าเย็นนี้จะซื้อของกินที่เขาชอบมาให้จากเชียงใหม่ เขาจึงยิ้มออกมาอย่างลืมตัว พลางพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
คนอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้ว พอเห็นท่าทางดีอกดีใจของอีกฝ่ายก็คิ้วกระตุก เขาลุกขึ้นนั่งทำหน้าตาบอกบุญไม่รับ พร้อมกับยกมือขึ้นเกาศีรษะ
ทันตแพทย์หนุ่มชำเลืองมอง แต่ก็ไม่ใส่ใจกับท่าทางงอนๆ ของเด็กหนุ่ม พอกดส่งข้อความแล้วก็เงยหน้าขึ้นบอก “ไปล้างหน้าแปรงฟันกันเหอะ” เขาคว้าแปรงสีฟัน ยาสีฟันและโฟมล้างหน้าลุกออกไปจากเต็นท์ จากนั้นก็ยืนบิดขี้เกียจ
ทว่าคนที่อยู่ในเต็นท์ไม่ยอมตามออกมา เขาจึงชะโงกหน้ากลับเข้าไปเรียก “นี่คุณ...!” เตชิตเบิกตากว้าง เมื่อคนอ่อนวัยกว่าพุ่งเข้ามาแนบจูบริมฝีปากเขา “ยังไม่ได้แปรงฟันเลยเว้ย!” ทันตแพทย์หนุ่มโวยวาย ขณะที่ผลักศีรษะเด็กหนุ่มให้ออกห่าง
“ถ้าแปรงฟันแล้วจูบได้ใช่มั้ยครับ”
“คุณนี่มัน...” เตชิตไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่าแล้ว เขาฉุดแขนคีรีให้ออกมาจากเต็นท์ ก่อนจะสังเกตเห็นรอยสีแดงช้ำที่บนลำคอและตรงซอกคอของเด็กหนุ่ม
ฉิบหาย หลักฐานมัดตัวชัดเจนเลย!
คีรียังไม่รู้ตัว เขาสอดมือเข้าไปเกาในเสื้อแล้วบิดขี้เกียจ
ทันตแพทย์หนุ่มเบือนหน้าหนี “ไปกันเหอะ”
ขณะที่กำลังแปรงฟัน ตอนแรกคนอ่อนวัยกว่าก็หลับหูหลับตาแปรงไปเรื่อยๆ แต่พอก้มลงล้างหน้า เงยขึ้นมาเห็นเงาตัวเองในกระจกก็สังเกตเห็นรอยช้ำที่บนลำคอ เขายกมือขึ้นสัมผัส พลางยื่นใบหน้าเข้าไปส่องดูใกล้ๆ กระจก “โอ้โห! เพิ่งเคยมีรอยแบบนี้ครั้งแรกนะเนี่ย!” จากนั้นก็หันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่คนที่ยืนอยู่ข้างกัน
“ก็แค่อารมณ์พาไป น่าปลื้มมากมั้ยล่ะ” เตชิตพูดอย่างเซ็งๆ
แต่คีรีทำเป็นไม่สนใจ เพราะถือว่าอย่างน้อยหมอเต้ก็มีอารมณ์กับเขาล่ะวะ เขาขยับเข้าไปกระแซะคนที่ยืนอยู่ข้างกันแล้วพูดเสียงอ้อน “นี่เป็นสัญญาผูกปิ่นโตใช่มั้ยครับ”
“แปลว่าถ้ารอยหายไปก็หมดสัญญางั้นสิ”
คำตอบที่ได้รับกลับมาเป็นผลให้รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของเด็กหนุ่มทันควัน เขาขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง “ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยกัดแรงๆ ให้เลือดออก ให้มันเป็นแผลเป็นทีเถอะครับ”
“จะบ้ารึไง” ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นผลักไหล่คนอ่อนวัยกว่าออกไปเบาๆ “ผมพูดเล่นเท่านั้น”
“รวมถึงผูกปิ่นโตด้วยมั้ยครับ” คีรีจับมือของทันตแพทย์หนุ่มไว้ “คุณจะใช้ผมเป็นที่ระบายอารมณ์แทนหมอวินก็ได้ ผมทนได้ ผมยอมคุณได้ทุกอย่าง”
เตชิตส่ายหน้าไปมา “ไปกันใหญ่แล้วคุณ คุณก็คือคุณ ไอ้วินก็คือไอ้วินมั้ยวะ ไม่มีใครแทนใครได้หรอก อีกอย่างนะ ผมบอกเป็นครั้งที่ร้อยแล้วว่าไอ้วินกับผมเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
คีรียกมือของทันตแพทย์หนุ่มขึ้นมาแนบจูบ “คุณเตชิต... ผมขอแค่โอกาสให้ได้ใกล้ชิดกับคุณบ้าง แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว”
ทันตแพทย์หนุ่มหยุดกึก ประสานสายตากับดวงตาสีน้ำตาลที่ฉายแววจริงจัง ยอมรับว่าใจอ่อนยวบๆ พ่ายแพ้ต่อการอ้อน น้ำเสียง คำพูดหวานๆ การกระทำและสายตาของเด็กหนุ่มที่สะสมแต้มมาตลอดคืนแบบสุดๆ ไปเลย แม่งเอ๊ย! เขาถอนหายใจออกมาหนักๆ “ตอนนี้ผมเองก็ไม่ได้คบกับใคร ถ้าการผูกปิ่นโตของเรา ไม่รวมเรื่องอย่างว่า ไม่รวมเรื่องเงิน เราผูกปิ่นโตกันไปก่อนก็ได้ แต่ถ้าวันไหนคุณเบื่อ อยากจบความสัมพันธ์แบบนี้ ก็บอกผมตรงๆ ละกัน ถ้าไม่อยากจะพูดก็แค่คืนเงินร้อยบาทสุดท้ายนั้นมา ผมขอให้มันจบลงก่อนที่คุณจะมีคนอื่นนะ”
“คุณไม่มีวันได้เงินร้อยบาทนั่นคืนแน่ สำหรับผม ไม่มีทางที่ผมจะอยากจบความสัมพันธ์นี้กับคุณหรอก ไม่มีวันที่จะมีคนอื่นด้วย”
“แน่ใจเร้อ”
“แน่ใจครับ แต่...ไอ้ตรงไม่รวมเรื่องอย่างว่าเนี่ย... แล้วทำแบบเมื่อคืนบ้างได้มั้ยล่ะครับ” คีรีพูดเสียงอ้อน พยายามใช้สายตาลูกสุนัขของเขาให้เป็นประโยชน์
เตชิตพ่นลมหายใจออกมายืดยาวอีกครั้ง “ถ้ามันเป็นความพอใจของทั้งสองฝ่ายล่ะก็นะ”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง แล้วจูบซ้ำลงไปบนหลังมือของทันตแพทย์หนุ่มอีก “ผมรักคุณนะครับ”
ใจอ่อนจนไม่รู้จะอ่อนยังไงแล้วกู ถ้าโดนกล่อมนานกว่านี้ มีหวังได้ผูกปิ่นโตของจริงแน่!
เตชิตเสหลบตาพลางรีบดึงมือกลับ “กลับไปเก็บของกันเหอะ” เขาเดินนำออกไปช้าๆ ที่จริงก็คิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับคีรีแบบตอนนี้ก็มีความสุขดีนะ แต่เหมือนยังมีอะไรค้างคา อาจเป็นเพราะเขายังไม่รู้จักเด็กหนุ่มดี มีหลายอย่างที่เขาไม่อาจเชื่ออีกฝ่ายได้อย่างสนิทใจ นั่นทำให้เขาพยายามยั้งตัวเองไว้ ไม่ให้ถลำลึกมากไปกว่านี้
*TBC*เมอรี่คริสต์มาสค่ะทุกคนนนน /อ้าแขนกระจายฟามสุข ฮิๆๆๆ
เท่าที่จำได้ ตั้งแต่ฮัสกี้ลงนิยายเรื่องก่อนๆ หน้ามา พอถึงวันคริสต์มาสทีไรได้ลงตอนที่มีดราม่าทู้กกกกที มีคริสต์มาสนี้นี่ล่ะ หวานสุดๆ หยุดไม่อยู่ไปเร้ยยยย~ หวังว่าคงเป็นของขวัญที่ถูกใจทุกคนกันนะคะ
ผูกปิ่นโตกันก็แล้ว (แบบมึนๆ) สองคนนี้จะเป็นยังไงต่อไป ติดตามกันต่อปีหน้าค่ะ 555555
ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากๆ ค่ะ อยู่ด้วยกันไปนานๆ เดินทางกับเด็กดอยและหมอเต้ไปด้วยกันจนจบเรื่องนะคะ คนอ่านที่น่ารักทุกคนคือของขวัญที่ดีที่สุดของฮัสกี้เลย รักทุกคนนะคะ จุ๊บบบบ 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจตลอดปี 2018 แล้วก็ขอฝากตัวล่วงหน้าไว้สำหรับปี 2019 ด้วยเลย อย่าลืมกันน้า~ รักกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมได้ไม่เกี่ยงนะคะ ฮิ้ววว~
ปล. ใครไปเที่ยวปีใหม่ก็ขอให้เที่ยวสนุกนะคะ เที่ยวเผื่อฮัสกี้ด้วยน้า~