"LOKASUNDER โคตรหล่อตัวพ่อ" =By Pang RY=แจ้งข่าวการอัพนิยาย!!/01.02.2562/
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "LOKASUNDER โคตรหล่อตัวพ่อ" =By Pang RY=แจ้งข่าวการอัพนิยาย!!/01.02.2562/  (อ่าน 9227 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
o18ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

***********************************************




                 “LOKASUNDER โคตรหล่อตัวพ่อ”






Alan Wang (อลัน หวัง)

นายแบบหนุ่มลูกครึ่งอิตาลี-จีน อลันไม่ได้มีดีแค่ความสูง190เซนติเมตร แต่อลันมาพร้อมกับหน้าตาอันหล่อเหลาราวกับประติมากรรมชั้นเลิศ อลันโด่งดังมาจากวงการนายแบบตั้งแต่อายุ20ปี จนตอนนี้อายุก็ปาเข้าไปจน30ปีแล้ว การทำงานของพ่อนายแบบดาวรุ่งราบรื่นดี ชื่อเสียงที่มีก็ไม่ได้ลดลงตามกาลเวลาแต่อย่างใด แต่ชีวิตจะให้ราบรื่นไปเสียทุกอย่างมันก็ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก เพราะพ่อนายแบบดังคนนี้มีทุกอย่างแต่สิ่งที่ขาดก็คือผู้จัดการส่วนตัว! อลันไม่เคยมีผู้จัดการส่วนตัวเกินหนึ่งเดือนได้เลยสักคน ไม่รู้ว่าเพราะความเยอะของอลันที่มีมากไปจนใครๆต่างหวาดกลัวหรือผู้จัดการคนก่อนๆไม่มีความเป็นมืออาชีพที่จะทำงานร่วมกันได้…




Tan (ตาณ)

ตาณเป็นคนช่างฝัน ความฝันที่อยากจะทำมาโดยตลอดตาณก็มุ่งมั่นทำมันจนสำเร็จ แต่เทวดาช่างกลั่นแกล้งกันนัก เพราะแทนที่เด็กหนุ่มจะได้ทำงานร่วมกับแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังของประเทศอิตาลีอย่างที่คาดหวัง ตาณกลับได้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวอย่างเร่งด่วนให้นายแบบรูปหล่อที่หล่อมากจนเหมือนไม่ใช่คนบนโลกนี้! ตาณได้แต่ก้มหน้ารับงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำอย่างจำยอม แต่คนอื่นกลับหารู้ไม่ว่านายแบบคนนี้คือคนที่เด็กหนุ่มชื่นชอบมาโดยตลอด…

             
                                                  By PangRY
---------------------------------------------------------------------------

ได้วันดีคืนดีเปิดเรื่องใหม่แล้วค่าาา  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองที่แต่งแล้ว เรื่องนี้คนเขียนตั้งใจมากอยากแต่งออกมาให้ดีให้คนอ่านประทับใจในทุกตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปในทุกตัวละครที่มีในเรื่องนี้ โปรดติดตามและให้กำลังใจกันไปตลอดนะคะ คอมเม้นท์ติชมหรือให้กำลังใจกันได้น้าา

ปล.ชื่องเรื่อง LOKASUNDER โคตรหล่อตัวพ่อ อ่านว่าโลคาซันเดอร์ มีความหมายว่า หล่อมาก หรือ โคตรหล่อ

-นิยายเรื่องอื่นๆ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66962.0 พี่ครับผมอ่อยอยู่นะ



*ติดตามข่าวหรือการแจ้งเตือนของตอนใหม่ๆได้ที่เพจนี้ได้เลยจ้า https://www.facebook.com/Pang-RY-212258342702450/



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2019 21:37:30 โดย Tariraspang »

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
LOKASUNDER 1

ผมเชื่อว่าทุกคนย่อมมีความฝัน ฝันที่จินตนาการไว้ว่าสักวันเราจะทำให้ได้อย่างที่ใจหวัง และตอนนี้ผมก็ทำมันสำเร็จ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะมีวันนี้วันที่ผมได้ทำงานร่วมกับแบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่ตัวเองชื่นชอบมาตั้งแต่เริ่มสนใจด้านแฟชั่น ผมได้แรงบันดาลใจมากมายจากแบรนด์นี้ มันทำให้ผมค้นพบอาชีพที่อยากทำ เมื่อผมแน่ใจผมก็กล้าที่จะฝันและลงมือทำมันในที่สุด

ผมพยายามตั้งแต่ตอนจบมัธยมต้นที่ไทยต่อมัธยมปลายด้านศิลป์เรียนเสริมด้านแฟชั่นดีไซน์ทุกหลังเลิกเรียน และตั้งมั่นกับตัวเองไว้ว่าอยากต่อมหาลัยต่างประเทศสักที่ที่โด่งดังเรื่องแฟชั่น จนตอนนี้ผมจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นดีไซน์จากมหาลัยชื่อดังของอังกฤษ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เกียรตินิยม แต่ตอนที่ผมเรียนอยู่ผมส่งผลงานเข้าประกวดแทบจะทุกรายการที่อาจารย์ในมหาลัยแนะนำมา และแน่นอนว่าผมได้รางวัลมาเกือบครึ่งจำนวนครั้งที่เข้าประกวดเลยละ เงินรางวัลผมเก็บไว้เป็นค่ากินค่าอยู่เล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองไป เพราะถึงทางบ้านผมที่ไทยจะมีฐานที่ค่อนข้างจัดว่าดี แต่ผมก็ไม่อยากให้พ่อแม่ส่งเงินมามากนักเพราะแค่ค่าเทอมกับค่าหอแต่ละเทอมก็เล่นเอาผมถึงกับใจหวิวเหมือนกัน

“เฮ้! ติน่าทางนี้” เมื่อผมเดินเข้ามาในร้านอาหารที่พวกเพื่อนสนิทของผมนัดกันไว้เสียงของ ‘เจค' เพื่อนชายใจหญิงของผมดังขึ้นจากโต๊ะฝั่งขวาของร้าน ผมหันไปทางต้นเสียงก่อนจะก้าวเท้าเร็วๆ ไปทางโต๊ะตัวยาวที่เพื่อนผมนั่งอยู่ และมีสิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือผมชื่อ ‘ตาณ' ไม่ได้ชื่อติน่าอย่างที่พวกเพื่อนสนิทผมเรียกกันหรอกนะ เรื่องมันมีอยู่ว่าตอนแรกที่รู้จักกันผมบอกว่าชื่อตาณแต่พวกเพื่อนผมบอกว่าชื่อนี้เรียกยาก ขอเรียกติน่าแล้วกันมันเข้ากับหน้าตาน่ารักของผมดี ตอนแรกผมไม่เต็มใจให้เรียกหรอกนะชื่อมันผู้หญิงขนาดนั้น ถึงผมจะไม่ใช่ชายที่ชอบหญิงแต่ผมก็อายเป็นนะ เวลาที่มีใครเรียกชื่อแบบนี้ แต่ในที่สุดก็ยังมาจบที่ชื่อนี้กันเพราะเรียกกันจนติดปากไปแล้ว และผมเองก็เริ่มชิน

“ขอโทษที่มาช้านะ พอดีเพิ่งเก็บของเสร็จน่ะ” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะผมบอกเพื่อนพร้อมกับนั่งลงที่นั่งข้างเจคที่ว่างอยู่

“มาช้าดีกว่าไม่มาจ้ะลูกสาว” เจคพูดตอบผม

“โอเคๆ” ผมพูดยิ้มๆ

“ใจหายเหมือนกันนะเราจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกนานเลยมั้งเนี้ย” 'เจน' เพื่อนสนิทอีกคนของผมพูดขึ้น เจนเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มเพื่อนสนิทผมที่มีอยู่ด้วยกันสามคน เจนเป็นสาวอังกฤษผมทองที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงชนิดที่ว่าผู้ชายหลายคนยังหลบให้ยัยเจน

“เว่อร์มากยัยเจน แกต้องถือคตินี้ไว้นะ ‘อังกฤษกับอิตาลีใกล้กันนิดเดียวเน้อะ’ เข้าใจไหมย่ะ” 'รอสซี่'หนุ่มอิตาเลียนใจสาวอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทผมพูดขึ้น และรอสซี่ที่มีความเป็นหญิงในตัวเยอะที่สุดในกลุ่มเล่นใหญ่บอกเจนพร้อมทำท่าทางมือสองข้างกุมกันไว้แบนที่อก ทำตากระพริบๆเหมือนเพ้อฝันพร้อมกับพูด

ทั้งผมและเจคต่างพากันหัวเราะกับท่าทางของรอสซี่ ส่วนเจนทำท่าทางโบกมือพัดหน้าพัดผมตัวเองไปมาอย่างเชิดใส่ แกล้งไม่สนใจรอสซี่ สองคนนี้นี่มันคู่กัดตลอดกาล แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เห็นสองคนนี้มันชอบงุ้งงิ้งกันอยู่บ่อยๆ นะ อ่อ งุ้งงิ้งกันคุยเรื่องผู้ชายนะครับ ไม่ใช่จีบกันเองหรอก

“ว่าแต่กำหนดเดินทางมะรืนนี้ใช่ไหมติน่า” เมื่อเริ่มหยุดหัวเราะกันแล้ว เจคก็ถามผมเกี่ยวกับการเดินทางไปทำงานที่อิตาลีของผม ส่วนเจนกับรอสซี่กำลังสั่งอาหารกับพนักงานไปโดยไม่ต้องถามความเห็นผมกับเจคเพราะถ้ามาที่ร้านนี้ทีไรเราชอบสั่งเมนูเดิมๆ กันอยู่แล้ว

“ใช่แล้ววันนี้ก็เริ่มเก็บของบางส่วนแล้วละ ของบางส่วนที่ไม่จำเป็นก็จะส่งกลับไทย” ผมบอกเจค

“แล้วเริ่มทำงานเมื่อไหร่ยังไง ทางแบรนด์ได้แจ้งแกรึยัง” เจนที่หันกลับมาร่วมวงสนทนาด้วยถามขึ้น ในกลุ่มเพื่อนของเราตอนนี้มีผมคนเดียวที่ได้งานเร็วที่สุด เพราะผมยื่นโปรไฟล์สมัครงานตั้งแต่เทอมสุดท้ายแล้ว จนผ่านมาถึงตอนนี้ ทางแบรนด์เพิ่งตอบรับใบสมัครงานของผมเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเอง ก่อนที่ฝ่ายบุคคลของแบรนด์จะส่งอีเมลมาถึงผมว่าให้ไปสัมภาษณ์งานที่สตูดิโอย่อยของแบรนด์ที่อยู่ใจกลางลอนดอนเมื่อสามวันก่อน และผลตอบรับของผมก็ดีเกินคาดคิดเพราะหลังจากกลับมาจากการสัมภาษณ์ ตอนเย็นผมก็ได้รับอีเมลอีกฉบับว่า ยินดีต้อนรับเข้าสู่ทีมผู้ช่วยดีไซเนอร์ของแบรนด์ D&P อย่างเป็นทางการ ตอนที่ได้เห็นคำตอบรับเข้าทำงานผมดีใจมากถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ได้เป็นดีไซเนอร์หลัก แต่ด้วยความที่ผมชื่นชอบแบรนด์นี้มาก ขอแค่มีโอกาสได้ทำในตำแหน่งนี้ก็ดีมากแล้วสำหรับผม

“ยังเลย ทางนั้นบอกว่าพอไปถึงอิตาลีแล้วให้ติดต่อไป เดี๋ยวจะแจ้งรายละเอียดงานเองอีกที” ผมตอบก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม เพื่อนทั้งสามคนของผมพยักหน้าเข้าใจกัน ก่อนที่อาหารจะมาเสิร์ฟและเราก็เริ่มทานมื้อเย็นกันอย่างดุเดือดโดยไม่มีการพักเบรกคุยกันอีกจนอาหารเกลี้ยงจาน

ผมไม่ซีเรียสเรื่องการที่บางคนอาจจะมองว่าทำไมทางแบรนด์ไม่แจ้งให้ชัดเจนเรื่องกำหนดวันที่ผมจะเข้าไปทำงาน ทำอย่างนี้บางทีผมอาจจะชวดงานก็ได้ แต่มาถึงจุดนี้ผมมั่นใจในความเป็นมืออาชีพของทางนั้นนะว่าคงไม่ปล่อยผมลอยแพตกงานหรอก แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ผมก็คงขอความเมตตาจากเขาให้เขาหางานให้ผมทำต่อจากนี้ก็ดี เพราะยังไงซะผมก็หอบข้าวหอบของมาถึงอิตาลีแล้ว จะให้กลับอังกฤษหรือไม่แน่อาจเป็นประเทศไทยมือเปล่าผมคงช้ำใจตายแน่ๆ

“เจอกันวันไปสนามบินเลยนะเดี๋ยวฉันมารับเธอ รักเธอนะ” เจนพูดกับผมตอนที่เดินมาส่งผมถึงทางแยกที่จะเลี้ยวเข้าไปในถนนสายที่มีหอพักผมตั้งอยู่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เราไปข้างนอกด้วยกันพวกเพื่อนผมจะมาส่งผมเสมอไม่ว่าจะกลับตอนไหนก็คือเพื่อนผมจะมาส่งหรือเดินมาเป็นเพื่อน ผมเคยถามว่าทำไมถึงผมกลับคนเดียวไม่ได้ละ ผมผู้ชายนะถึงจะไม่แมนเต็มร้อยแต่ก็ยังเป็นผู้ชายไม่เป็นไรหรอก ก็คือผมเกรงใจเพื่อนที่ต้องลำบากเพราะหอของเราอยู่ไกลกันแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ สรุปเลยคือเพื่อนผมเป็นห่วงเพราะผมไม่แมนนี่แหละถึงห่วง หน้าตาผมมันดูน่ารังแก ตัวก็เตี้ยโดนจับไปก็ช่วยตัวเองไม่รอด

ผมยิ้มให้เจนพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ รอสซี่และเจคเข้ามากอดผมพร้อมกันสองคนทำให้ผมหายเข้าไปในอ้อมกอดของผู้ชายตัวใหญ่ๆ สองคน

“แล้วเจอกันนะ” ผมบอกเพื่อนก่อนจะเดินไปตามทางเข้าหอพัก ผมยกมือขึ้นโบกลาเพื่อนตัวเองท่าทางเหมือนเด็ก ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอว่าเหมือนเด็ก เพื่อนผมมันบอกว่าเพราะแขนผมสั้นด้วยส่วนหนึ่งแต่ที่สำคัญเลยคือ…ผมเตี้ย เลยทำให้ผมดูเด็กกว่าเพื่อนก็ฝรั่งโตเร็วผมตามไม่ทัน

ผมกลับถึงห้องตัวเองที่อยู่มาตั้งแต่ผมย้ายมาเรียนมหาลัยที่นี่แรกๆ ผมไม่เคยย้ายหอเลย เพราะหอนี้ดีมาก ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมห้องพักสะอาดไม่กว้างเกินแต่ก็ไม่เล็กเกินไป ผมว่ามันโอเคมากๆ เลยละ แถมหอนี้ยังใกล้กับมหาลัยอีกด้วย เลยทำให้ผมยิ่งชอบเข้าไปอีก แต่ตอนนี้ผมต้องย้ายออกไปแล้ว รู้สึกใจหายเหมือนกันนะความทรงจำมากมายตลอดสี่ปีที่ผ่านมาที่อยู่อังกฤษ ผมบอกเลยว่าผมใช้มันได้คุ้มมาก ผมไม่เคยเสียใจเลยที่ตัดสินใจมาเรียนที่นี่ ผมได้เจอสังคมใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอ ได้เจอเพื่อนที่เราเข้ากันได้ดี ผมมีช่วงเวลาดีๆ ที่อังกฤษมากมายแทบจะเต็มความทรงจำ ผมนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าผมจะคิดถึงที่นี่แค่ไหนเมื่อผมไปอยู่อิตาลี

ในที่สุดวันที่ผมต้องเดินทางไปอิตาลีก็มาถึง เที่ยวบินของผมคือสี่โมงเย็นแต่ตอนนี้เพิ่งบ่ายโมงตรงผมต้องทำเวลาหน่อยเพราะเผื่อเวลารถอาจจะติดด้วย ตอนนี้ผมกำลังเข็นกระเป๋าลากสองใบที่ใหญ่มากเข้าลิฟต์อย่างทุลักทุเลพอสมควร แถมที่หลังผมยังแบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ใส่ของจำเป็นไว้อีก ผมคิดสภาพตัวเองออกเลยว่าต้องเหมือนคนที่กำลังจะโดนกระเป๋าทับแบนแน่ๆ

“เฮ้! ตาณ!” ผมหันไปตามเสียงเรียกชื่อที่ดังมาจากหน้าประตูลิฟต์ ผมยิ้มบางๆให้ผู้ชายตัวสูงที่เรียกผมเมื่อครู่ก่อนที่ผมจะเอื้อมไปกดให้ประตูลิฟต์ค้างรอฝรั่งตัวสูงที่เรียกผม คนตัวสูงเดินเข้ามาข้างในก่อนจะยิ้มหล่อๆ ให้ผมเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน

“คุณจะย้ายออกเหรอเนี้ย” เขาก้มหน้าลงมาถามผม มุมปากเขากระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มของเขาก็ยังเหมือนวันแรกที่เราเจอกันเจ้าเล่ห์ไม่เปลี่ยน

“ครับ ย้ายไปทำงานที่อื่นน่ะ” ผมตอบเขา ก่อนจะยิ้มให้เขานิดหน่อยพอเป็นมารยาท

“โอ๊ะโอ ผมคงคิดถึงคุณแย่เลยตาณ” พอได้ฟังที่เขาพูดขึ้นมา ปฏิกิริยาตอบโต้ของผมมันก็เป็นไปอย่างธรรมชาตินั่นก็คือการที่ผมสะบัดหน้าหนี้เขาทันที ‘อเล็กซ์’ หัวเราะรวนอย่างชอบใจทันทีที่เห็นผมทำอย่างนั้น ใช่แล้วครับผู้ชายตัวสูงที่พูดจากวนประสาทผมอยู่ตอนนี้ชื่ออเล็กซ์หนุ่มอังกฤษตาฟ้า เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของผมแต่เขาจบไปก่อนผมแล้วเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้

อเล็กซ์มีอาชีพนายแบบเต็มตัว ต้นสังกัดของเขาเป็นโมเดลลิงที่มีชื่อเสียงของอังกฤษเลยทีเดียว จากที่ผมเห็นผลงานของอเล็กซ์แล้วหน้าที่การงานของเขาไปได้สวยเลยทีเดียว เนื่องจากส่วนสูงที่มีมากของเขาบวกกับหน้าตานิ่งๆ ดูร้ายกาจของเขาทำให้อเล็กซ์ดูมี

เสน่ห์ในหมู่สาวๆ มาก เขาน่ะฮอตมากผมรู้ แต่ผมก็อดจะรำคาญเขาไม่ได้ที่เขาชอบเข้าหาผมด้วยคำพูดหยอกล้อผม บ่อยครั้งที่เขาไม่ได้แค่พูดแซวผมอย่างเดียวแต่มาพร้อมกับมือปลาหมึกที่ชอบมา ยุ่มย่ามกับแก้มของผม ในใจของผมมันมีประโยคหนึ่งที่ผมแต่งตั้งให้เป็นประโยคประจำตัวอเล็กซ์ด้วยละ ‘คนไม่ใช่หายใจยังผิด’

“ขอบคุณครับที่จะคิดถึง” ผมหันไปตอบอเล็กซ์ตามมารยาท ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆ อยู่ข้างๆ ผม จะอารมณ์ดีไปถึงไหนนะพ่ออเล็กซ์คนเส้นตื้น

ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นล่างสุด ผมลากกระเป๋าออกจากลิฟต์ก่อนอเล็กซ์ ยังเดินไม่พ้นประตูลิฟต์ด้วยซ้ำกลับมีมือดีมาคว้ากระเป๋าทั้งสองใบใหญ่ๆ ของผมไปลากเอง ผมหันไปมองอเล็กซ์อย่างไม่เข้าใจกับการกระทำของเขา

“ผมถือเองครับ ไม่รบกวนคุณดีกว่า” ผมบอกเขาพร้อมเอื้อมมือจะไปถือกระเป๋าเอง แต่ฝ่ายนั้นกลับเบี่ยงมือหลบผม

“ฉันถือให้เอง เธอไม่รู้ตัวหรือไงว่ากระเป๋ามันจะทับเธอเอานะ” พอพูดจบคนตัวสูงก็เดินลากกระเป๋าผมไปโดยไม่รอผมเลย ขาก็ยาวแถมยังเดินเร็วอีกไอ้ฝรั่งนี่

ผมวิ่งตามคนที่ลากกระเป๋าผมไปทางประตูทางออกของหอ พวกเพื่อนๆ ผมมาถึงกันแล้วจอดรถรออยู่ข้างหน้าหอ ไม่ได้เข้ามายกกระเป๋าช่วยผมเพราะหอนี้ระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา คนที่เข้าได้ต้องสแกนบัตรสมาชิกของหอตรงประตูกลางของหอแต่เวลาออกไม่ต้อง

เมื่อวิ่งออกมาถึงข้างนอก ผมเห็นพวกเพื่อนของผมกำลังยืนทักทายกันอยู่ข้างๆ รถของยัยเจน ผมเดินเข้าไปหาก่อนจะทักทายเพื่อนเบาๆ

“อะไรยังไงคู่นี้” ยัยเจนถามผมเสียงไม่เบาไม่ดัง สายตาเชิงหยอกล้อกับรอยยิ้มล้อเลียนของเจนทำให้อเล็กซ์หัวเราะเบาๆ ส่วนผมได้แต่เงียบไม่ได้ตอบอะไรออกไป สำหรับผมกับอเล็กซ์เขาคือคนรู้จักแค่นั้น พูดถึงความสนิทสนมเราก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น ถึงผมจะรู้อยู่เต็มอกว่าเขา ‘จีบ’ แต่ผมก็ให้สถานะสำหรับเขาได้แค่คนรู้จักจริงๆ

“ไม่มีอะไรทั้งนั้น จะไปได้ยัง เดี๋ยวสายนะ” ผมตอบตัดบทเพื่อนสาวตัวเองทันที ผมมองหากระเป๋าของผมไม่เห็นมีสงสัยอเล็กซ์ยัดเข้ารถตั้งแต่มาถึงแล้ว

“โอเคๆ ไปกัน” รอสซี่เป็นคนตอบรับผม ส่วนเจคเดินไปเปิดประตูรถรอให้รอสซี่เข้าไป ผมหันมามองหน้าอเล็กซ์อีกครั้งก่อนจะเอ่ยลาเขา

“ลาก่อนครับ”

“อืมมม เดินทางปลอดภัยนะที่รัก” พอพูดจบอเล็กซ์ก็ก้มตัวลงมาจูบหน้าผากผมอย่างรวดเร็ว โดยที่ผมยังไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ! ย้ำว่าจูบครับจูบเน้นๆ จนผมหน้าหงายเลย ผมมองหน้าอเล็กซ์อย่างโกรธแค้น ไม่ได้ด่าหรือแสดงท่าทีอะไรไปมากกว่านั้น หูผมได้ยินเสียงเจคหัวเราะแว่วๆ มาก่อนที่ผมจะขึ้นรถเพื่อไปสนามบิน

TBC.

มาตอนแรกแล้ว เป็นยังไงกันบ้างคะ? คอมเม้นท์ติชมหรือให้กำลังใจกันได้น้าาา

ปล.อเล็กซ์นางไม่ใช่พระเอกของเราเด้อ อย่าเพิ่งเชียร์นาง 5555







ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
ขอให้งานของน้องตาณราบรื่นน้าาาา

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
LOKASUNDER 2

ผมเดินทางมาถึงอิตาลีตอนสองทุ่มนิดๆ ก่อนจะหาทางออกจากสนามบินขึ้นรถไฟไปที่พัก ใช้เวลาไปนานพอสมควรกว่าจะถึงที่พักที่ผมจองไว้ล่วงหน้าแล้วเวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบจะห้าทุ่มเลยทีเดียว ความรู้สึกเมื่อยล้าก่อตัวขึ้นทันทีที่ผมแตะคีย์การ์ดห้องพักเสร็จ ผมลากกระเป๋าใบใหญ่สองใบเข้ามาให้ห้อง วางเป๋เสร็จเรียบร้อยผมก็ล้มตัวลงนอนที่เตียงทันที สำหรับวันนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะอาบน้ำ จัดของ เก็บเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า หรือทำอะไรแล้ว ตอนนี้ร่างกายผมมันเรียกร้องที่จะพักสายตาอย่างเดียวเลย ฝันดีนะทุกคนผมอ่อนแอเกินกว่าที่จะต่อสู้กับความง่วง

“ผมถึงแล้วครับ ครับ ขอบคุณครับ” ผมวางสายจากฝ่ายบุคคลที่ผมติดต่อเขาไป เนื่องจากทางนั้นเขาได้บอกผมไว้ว่าเมื่อมาถึงอิตาลีแล้วให้ผมติดต่อไป

ตื่นเช้ามาผมก็จัดการกับเสื้อผ้าข้าวของที่ยัดใส่กระเป๋ามาให้เรียบร้อย ข้าวเช้ายังไม่ตกถึงท้องเลยสักนิดแม้ตอนนี้เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้ำเปล่า ผมได้แต่เดินไปกดดื่มน้ำที่ซิงค์ล้างจานซึ่งน้ำสามารถดื่มได้เพราะติดตั้งเครื่องกรองน้ำไว้ในตัวแล้ว ผู้จัดการอพาร์ตเมนท์บอกผมมาแบบนั้น ผมกดส่งข้อความในเมสเสจสั้นบอกเพื่อนๆ ผมที่อังกฤษว่าผมถึงแล้ว ปลอดภัยดีไม่ต้องห่วง ส่วนครอบครัวที่ไทยผมจะเปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อเปิดกล้อง แต่ขอผมอาบน้ำเปลี่ยนชุดลงไปซื้อของและจัดการมื้อเช้าบวกมื้อเที่ยงก่อนแล้วกัน เพราะไม่อย่างนั้นผมได้เป็นลมเพราะหิวจนวูบไปแน่ๆ

ผมเดินออกจากอพาร์ตเมนท์มองซ้ายมองขวาแล้วผมว่าไม่น่าจะรอด จึงได้แต่เปิดแผนที่ในมือถือค้นหาร้านอาหารใกล้ก่อนจะเดินตามแผนที่ไป โชคดีที่ย่านที่ผมพักไม่ไกลจากความเจริญ เพราะทางฝ่ายบุคคลที่ผมไปสมัครงานเขาบอกว่าผมจะได้ทำงานที่มิลาน ซึ่งเป็นเมืองที่เจริญไปเสียทุกด้านเชียวโดยเฉพาะด้านแฟชั่น ผมจึงใช้เงินเก็บส่วนตัวที่มีจ่ายไปเยอะมากกับค่าที่พักในย่านนี้ เล่นเอายอดเงินที่เหลือในบัญชีผมสั่นคลอนเลยทีเดียว

ผมเดินมาถึงร้านอาหารภายในเวลาประมาณห้านาทีหรือไม่ถึงด้วยซ้ำ เพราะขนาดผมไม่เคยมายังรู้สึกได้ว่ามันใกล้มากๆ ข้างร้านอาหารอิตาลีที่ผมเลือกมาทานยังเป็นร้านดอกไม้ที่ข้างในร้านเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ร้านนี้ไม่ได้หรูหรามากนักอาจจะเป็นเพราะการตกแต่งดูเป็นธรรมชาติมาก จัดวางดอกไม้แต่ละชนิดผสมกันมันเป็นการวางที่ไม่ได้ประณีตอะไรมากแต่มันสวยจนผมต้องกดเข้ากล้องมือถือกดถ่ายภาพดอกไม้ของร้านนั้นไว้ รูปออกมาสวยเหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด

ผมอมยิ้มกับตัวเองนิดหน่อย เมื่อคิดว่าผมจะลงรูปนี้ในIGแล้วจะแท็กคนคนหนึ่งที่ผมแท็กเขาในรูปภาพตลอด และอีกอย่างผมไม่เคยถ่ายรูปตัวเองลงเลย ส่วนมากจะเป็นรูปวิวหรือสถานที่อาหารทั่วๆ ไปแล้วแต่สถานการณ์ที่ผมเจอในชีวิตประจำวัน ผมไม่เคยบอกใครเลยแม้แต่เพื่อนตัวเองว่าผมมีดาราที่ชอบในดวงใจเขาก็ไม่เชิงดาราหรอกนะ จะแอบบอกแล้วกันว่าเขาน่ะเป็นนายแบบ ผมรู้สึกใจเต้นแรงแปลกๆ อีกแล้วเมื่อนึกถึงเขาคนนั้น แต่ที่ผมให้ปริศนาไปว่าเป็นนายแบบทุกคนไม่ต้องคิดไปไกลหรอกนะว่าเป็นอเล็กซ์เพราะเขาน่ะไม่ใช่เลยจริงๆ

ผมยังหนักใจกับเขาเลยที่ตามรังควานผมตอนที่ยังเรียนอยู่แม้ว่าตอนที่เขาเรียนจบแล้วจะลดลงไปหน่อยก็เถอะ ที่ผมเลือกที่จะมาทำงานต่างบ้านต่างเมืองก็เพราะได้ออกห่างจากอเล็กซ์เนื่องจากทนรำคาญใจไม่ไหว แต่นี่เป็นส่วนที่ได้เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เพราะเหตุผลหลักคือตอนนี้ผมเรียนจบแล้วผมมีแนวทางเป็นของตัวเองและความฝันที่ผมตั้งใจนั่นคือการได้ทำงานที่รัก ผมเลยเลือกที่นี่เพราะผมใฝ่ฝันและจินตนาการถึงมันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในวันที่ผมเหนื่อยและท้อในการเรียนที่หนักหน่วง และมันก็ได้ผลดีเกินคาด

“ยินดีต้อนรับค่ะ” ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าร้านอาหารเสียงพนักงานผู้หญิงก็พูดต้อนรับลูกค้าด้วยน้ำเสียงไพเราะเป็นภาษาอิตาลี ผมฟังออกนิดหน่อยเพราะเคยเรียนช่วงมาอยู่อังกฤษแรกๆ แต่พักหลังก็ไม่ได้ไปเรียนแล้วเพราะมหาวิทยาลัยเริ่มเรียนหนักขึ้นผมจึงไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก

ผมยิ้มให้เธอเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะสำหรับสองที่นั่งติดหน้าต่าง ตอนกลางวันแดดร้อนๆ ของช่วงฤดูใบไม้ร่วงทำให้ผมเบลอเล็กน้อย แต่อากาศตอนนี้กำลังดีเพราะอากาศในช่วงเดือนนี้เริ่มเย็นลงแล้วถึงแม้จะมีแดดอยู่ก็เถอะ ผู้คนที่นี่และนักท่องเที่ยวเดินผ่านไปมาไม่มากนัก อาจจะเพราะย่านนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยนิยมกันมากนัก

ผมมาอิตาลีช่วงฤดูใบไม้ร่วงของอิตาลี ฤดูนี้เป็นฤดูแห่งพืชผลเลยก็ว่าได้นะ พืชพันธุ์ต่างๆ จะให้ผลผลิตในช่วงนี้ มีดอกไม้สวยๆ ตัวอย่างเช่นร้านดอกไม้เมื่อครู่ และผลไม้อร่อยมากมายให้เลือก ในช่วงเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนธันวาคมอากาศจะเริ่มเย็นแล้ว และใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีสวยงาม ฤดูนี้สภาพอากาศโดยรวมจะคล้ายกับในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่จะไม่เจอฝนบ่อยเหมือนฤดูใบไม้ผลิ จึงเป็นช่วงยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวที่จะมาอิตาลีเลย เป็นช่วงแห่งสีสันที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตลาดผลไม้คึกคัก อีกทั้งอากาศไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป เหมาะแก่การเที่ยวชมทุกเมืองของที่นี่ ไปเที่ยวชายหาดก็มีแสงแดดสดใสเหมาะแก่การไปเล่นน้ำสุดๆ ไปทะเลก็ต้องไปเล่นน้ำใช่ไหมล่ะ ไม่ใช่ไปนั่งโง่ๆ เหมือนที่เขามักพูดกัน

“รับอะไรดีครับ” คราวนี้เป็นพนักงานผู้ชายที่เดินมารับออเดอร์เมนูอาหารจากผม ผมเงยหน้าขึ้นมองพนักงานชายวัยรุ่น ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่ผมเคยอ่านเจอในโลกออนไลน์นะว่าผู้ชายอิตาลีส่วนมากค่อนข้างมีเสน่ห์ และหน้าตาหล่อเหลาตรงสเป็กสาวๆ ผมในตอนนั้นน่ะไม่เชื่อเลยสักนิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่พอมาวันนี้ผมเชื่อแล้ว รู้เรื่องเลยเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้หญิงเลย

ผมสั่งอาหารไปหนึ่งจานและน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ผมนั่งแต่งรูปในมือถือไปพลางๆ รออาหาร ผมกดอัพรูปภาพดอกไม้ในIGส่วนตัวโดยไม่ลืมที่จะแท็กคนนั้นของผม ถึงแม้ว่าผมจะทำอย่างนี้มาเกือบสามปีแล้วแต่เขาก็ไม่เคยแม้แต่กดไลค์รูปผมเลยสักครั้ง ไม่เป็นไรหรอกนะเพราะผมไม่ได้หวังให้เขาอะไรกับแค่รูปภาพธรรมดาอยู่แล้ว ขอแค่เขาเห็นมันก็พอแล้วล่ะ ไม่ใช่ผมมักน้อยหรืออะไรหรอกนะแต่เป็นเพราะว่าทุกวันนี้เส้นทางของผมกับเขามันช่างต่างกัน เหมือนฟ้ากับเหวเลยต่างหากละ

“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารครับ” ผมเงยหน้ายิ้มให้พนักงานรูปหล่อเล็กน้อย ก่อนจะวางมือถือลง และลงมือทานอาหารทันที

ผมเดินออกมาจากร้านอาหารหลังจากมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ผมแวะเข้าร้านดอกไม้ที่อยู่ข้างๆ ร้านอาหารก่อนกลับที่พัก ได้ดอกไม้มาหนึ่งแจกันสวยๆ ที่ทางร้านจัดให้

“มีแฟนหรือยังเรา?” ตอนนี้ผมกำลังนั่งคุยกับครอบครัวผมผ่านสไกป์ พ่อแม่ถามเรื่องการกินอยู่ เรื่องสุขภาพผมเยอะแยะจนผมต้องยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ พ่อแม่ผมเป็นห่วงลูกๆ แบบนี้เสมอ ตั้งแต่ผมมาเรียนอังกฤษวันแรกจนถึงวันนี้พ่อแม่ก็ยังเป็นห่วงผมเหมือนเดิม หรืออาจจะเพิ่มมากขึ้นไปอีกหรือเปล่าไม่รู้ เพราะพ่อผมถามเรื่องแฟนกับผม

“จะมีได้ยังไงครับ ทุกวันนี้ยังไม่มีหนุ่มมาจีบเลย” ผมทำแกล้งผมเสียงเศร้า หน้าเศร้าผ่านจอโน้ตบุ๊ก ที่มีพ่อแม่และพี่ชายผมนั่งอยู่ด้วยกันที่บ้าน ที่ผมกล้าพูดว่าไม่มีหนุ่มมาจีบนี่ก็เพราะผมไม่ได้ปิดบังครอบครัวว่าตัวผมชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้แสดงตัวชัดเจนเกินไปอะไร เพราะยังไงก็ยังเกรงใจพ่อแม่อยู่บ้าง ผมเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ พวกท่านคงคาดหวังที่จะได้อุ้มหลานและเห็นผมมีอนาคตที่ดี แต่เมื่อตัวผมมีความชอบแบบนี้พวกท่านคงต้องค่อยๆ ทำใจและปรับตัว ผมคิดว่าผมโชคดีที่คนในครอบครัวเข้าใจและยอมรับในตัวตนของผม ถึงแม้ว่าผมจะมีหลานให้ไม่ได้แต่ผมจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ลำบากใจอะไรไปมากกว่านี้อีก ผมจะเป็นลูกที่ดีให้สมกับที่พ่อกับแม่รักผม เพราะผมก็รักพ่อกับแม่และพี่ชายมาก ผมเคยบอกพ่อกับแม่แบบนี้ในวันที่ผมตัดสินใจบอกกับครอบครัวผมว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง ผมจำได้ขึ้นใจเลยว่าวันนั้นเป็นที่ผมร้องไห้หนักที่สุดตั้งแต่จำความได้เลย มันเปรียบเหมือนเป็นการภูเขาออกจากอก มันเป็นเรื่องที่ผมปิดบังไว้หลายปี ไม่กล้าที่จะพูดออกไปผมคิดว่าการที่ผมเป็นผู้ชายกลับชอบผู้ชายด้วยกันเองมันเป็นเรื่องที่ผิด กลัวสังคมรับไม่ได้กับสิ่งที่ผมเป็น จนทำให้ผมมีคำว่ากลัวติดอยู่ในใจ จนถึงวันนั้นผมได้กล้าพูดมันออกไปและผมเติบโตผ่านวัยเด็กที่หวาดกลัวในตอนนั้น จนมาถึงตอนนี้ตอนที่ผมมีวุฒิภาวะมากขึ้นโตมากขึ้น เจอผู้คนและสังคมหลากหลาย ผมถึงได้รู้ว่าการที่ผมเป็นผู้ชายแต่กลับชอบผู้ชายมันไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่มันก็ไม่ได้ถูกต้องไปเสียทุกอย่างแค่นั้นเอง ทุกอย่างย่อมมีขอบเขตและทุกคนต้องเคารพในสิทธิของกันและกัน

“ใครมาจีบพี่จะไปเด็ดหัวมันทิ้ง” พี่ชายผมพูดขึ้นบ้างหลังจากที่ปล่อยให้พ่อกับแม่พูดมาเกือบยี่สิบนาที

“พี่ชายโหดจัง อย่างงี้ตาณคงขึ้นคานแน่ๆ เลย”

“หึ ให้มันจริง” ผมอมยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นพี่ชายคนเดียวของผมพูดอะไรทำนองนี้ ปกติแล้วพี่ชายผมเป็นคนปากหนักไม่ค่อยพูด ออกแนวเงียบขรึมมากกว่า แต่ก็เป็นพี่ชายที่ใจดีกับผมเสมอ พี่ชายผมปีนี้ก็อายุยี่สิบเก้าแล้ว แถมยังมีหลานให้พ่อกับแม่เป็นลูกชายฝาแฝดสุดดื้อวัยสี่ขวบอีกต่างหาก แต่พูดมาถึงตรงนี้เรื่องมันก็เศร้านะ เพราะพี่ชายผมกับแม่ของสองแฝดไม่ได้รักกัน เขาสองคนแค่บังเอิญไปเที่ยวเจอกันแล้วมีซัมติ้งด้วยกันแค่นั้น ไม่ได้มีเรื่องความรู้สึกรักชอบกันเข้ามาเกี่ยวเลย แม่ของสองแฝดเธอไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย เธอเพียงแค่บอกพี่ชายผมและบอกว่าถ้าจะให้เธอเก็บเด็กไว้ หลังจากเธอคลอดพี่ชายผมต้องเป็นผู้ปกครองและเลี้ยงเด็กเอง เพราะเธอไม่ต้องการเด็ก จนหลังจากที่เธอคลอดเธอก็ไปอยู่ต่างประเทศกับแฟนใหม่ทันที ส่วนพี่ชายผมก็รับเลี้ยงลูกคนเดียวโดยมีแม่และคุณป้าแม่บ้านช่วยเลี้ยงด้วย เพราะพี่ชายผมก็ทำงานหนักพอสมควรในตำแหน่งท่านประธานของบริษัทการจัดการท่องเที่ยวรายใหญ่ของประเทศ บริษัทนี้เป็นของครอบครัวผมที่ตกทอดกันมารุ่นสู่รุ่นจนมาถึงมือพี่ชายผมบริหาร นอกจากนี้ครอบครัวเรายังมีธุรกิจที่เพิ่งเริ่มเปิดกิจการตอนรุ่นปู่ผมอีกสองสามธุรกิจ เป็นโรงแรมและรีสอร์ตใหญ่ที่มีสาขาตามจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวนิยมไป

“งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้ว่างผมจะสไกป์ไปหาอีก ผมคิดถึงทุกคนเลยนะ ฝากความคิดถึงไปหาหลานที่โรงเรียนด้วยนะ”

“จ้ะ รักษาสุขภาพด้วยนะลูก แม่คิดถึง”

“พ่อก็คิดถึงลูก”

“พี่ก็คิดถึงตาณ” หลังจากที่ทุกคนพูดเสร็จผมเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ผมอยู่ห่างไกลกับครอบครัวจริงๆ ความคิดถึงมันทำให้ผมเข้มแข็งขึ้นแต่ก็แอบอ่อนแอไปพร้อมกันจริงๆ ถึงแม้ว่าครอบครัวผมเพิ่งจะบินมางานรับปริญญาผมเมื่อไม่กี่เดือนก่อนและเราก็ยังมีทริปเที่ยวทั่วอังกฤษแบบครอบครัวด้วยกันเป็นอาทิตย์ ผมก็ยังรู้สึกว่ามันนานเกินไปแล้วที่ผมไม่ได้เจอพวกเขา อยากกอดพ่อแม่ อยากฟัดแก้มยุ้ยๆ ของหลานจัง

“รักทุกคนครับ” ผมยิ้มให้ก่อนจะกดปิดการสนทนา

ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง วิธีนี้มันใช้ได้ผลดีมากสำหรับผม

เมื่อผมจัดของออกจากกระเป๋าเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว ภายในห้องที่พักใหม่ของผมดูดีขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว ได้กลิ่นอายของความเป็นอิตาเลียนขึ้นมาเลยเมื่อผมมองออกไปนอกหน้าต่างจากชั้นสี่ที่ผมพักอยู่ มองเห็นสถาปัตยกรรมตึกราบ้านช่องของที่นี่ในยามค่ำคืนแล้วมันเกิดพลังในใจของผมจริงๆ สวยจนอยากจะออกไปเดินเล่นชมวิวข้างนอก ถ้าไม่ติดว่าผมขี้เกียจเกินกว่าจะก้าวออกจากห้องได้ มีนิสัยเป็นคนขี้เกียจนี่ก็แย่หน่อยนะ เพราะเหมือนคนเหล่านี้จะพลาดอะไรดีๆ หลายอย่างไป ส่วนคนที่กระตือรือร้นก็ยินดีด้วยครับคุณคงไม่พลาดอะไรดีๆ ใช่ไหมล่ะ?

ติ้ง!

ผมละสายตาออกจากวิวตรงหน้าต่างเมื่อเสียงแจ้งเตือนจากมือถือดังขึ้น ผมเดินไปหยิบขึ้นมาดูจนได้รู้ว่าเป็นเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันที่ผมเพิ่งลงรูปไปเมื่อบ่าย



LOKASUNDER _AlanWang ได้แสดงความคิดเห็น:In Italy? 53 วินาที



ผมนิ่งค้างอย่างตกใจเมื่อเปิดอ่านการแจ้งเตือนในIG พ่อนายแบบ เขาถูกใจและคอมเม้นท์ใต้รูปภาพของผม ที่ผมถ่ายรูปดอกไม้ลง ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยแม้แต่จะกดถูกใจรูปผม เห็นบ้างหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ แต่เป็นไปได้ยังไงที่วันนี้เขาข้ามขั้นมาคอมเม้นท์เลย แถวยังถามประมาณว่าในอิตาลีใช่ไหม? หัวใจผมเต้นแรงจนผมกลัวตัวเองจะวูบไป จนต้องยกมือซ้ายขึ้นมากุมทับตรงตำแหน่งหัวใจไว้

ผมควรจะทำยังไงกับอาการของตัวเองตอนนี้ดี หัวใจมันเต้นแรงหน้าเห่อร้อนไปหมด

หัวใจผมตอนนี้นี่มันทำตัวน่าอายจริงๆ เลย







TBC.

ถึงจะมาช้า แต่ก็รักคนอ่านนะ เกี่ยวตรงไหน 555











ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ด้วยความอยากรู้ว่า LOKASUNDER แปลว่าอะไรเลยไปเสิร์ชมา
สรุปแปลว่า หล่อมาก เชื่อแล้วพ่อ หล่อยันชื่อไอจี  :laugh:

ออฟไลน์ BB-c-TOO

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ถามรัวๆ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พระเอกคือใครอ่าาา

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ติดตามจ้า  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
LOKASUNDER 3


หลังจากที่เมื่อคืนพ่อนายแบบคนนั้นคอมเม้นท์ใต้รูปภาพ ผมก็ยังไม่ได้ตอบกลับไป แต่วันนี้ผมจะออกไปเดินเล่นรอบๆ แทน ไปตามสถานที่สวยๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่สักหน่อย เพราะผมคงมีเวลาพักผ่อนอีกหลายวันกว่าฝ่ายบุคคลของบริษัทจะติดต่อมาตามที่พวกเขาได้บอกผมเอาไว้ แผนวันนี้ของผมก็คือเดินเล่นถ่ายรูปสบายๆ

Rrrr Rrrr

เสียงโทรศัพท์มีสายเรียกเข้าของผมดังขี้นขณะที่ผมกำลังนั่งไดร์ผมให้แห้งอยู่ข้างหน้าต่าง

‘รอสซี่’

ขึ้นชื่อมาแบบนี้ก็ทำให้ผมหลุดยิ้มทันทีเลย เพื่อนผมคนอื่นๆ โทรมาเซย์ฮายกันหมดแล้วตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่แล้ว ส่วนรอสซี่เพิ่งมาวันนี้สงสัยคงไม่ว่าง เพราะได้ยินเจนบอกว่ารอสซี่กำลังยื่นใบสมัครงานและเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี

“เซย์ฮายยยย” ผมกดรับสายทักทายเพื่อนสนิทด้วยคำพูดติดปากของผม ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหวีมาหวีผมให้เข้าที่เข้าทาง

(เซย์ฮายเป็นยังไงบ้างจ้ะหนู) เสียงร่าเริงไม่ต่างจากผมเลยนะเนี้ย สงสัยจะได้ยินข่าวดีเร็วๆ นี้ว่ามีงานทำแล้ว ฮ่าๆ ๆ

“สดใสที่สุด ทุกอย่างโอเคมาก” ผมนั่งคุยกับรอสซี่ไปมองวิวสวยๆ นอกหน้าต่างไป

(ก็ดีแล้วย่ะ เที่ยวให้เต็มที่ก่อนทำงานนะ ที่เที่ยวที่ไหนที่ฉันแนะนำไปให้หมด ถ้าไม่หมดคือพลาด) ที่เที่ยว? ผมอยากจะทวนคำนี้กับเพื่อนรักซะเหลือเกิน เพราะส่วนมากที่หนุ่มอิตาเลียนคนนี้แนะนำมาก็เป็นผับบาร์สถานที่เที่ยวกลางคืนเสียมากกว่านะได้ข่าว ซึ่งผมไม่มีทางไปที่แบบนั้นคนเดียวแน่ๆ

“ฉันขอพลาดเองแล้วกัน ขอบายเลยถ้าไม่มีพวกแกไปด้วย” ผมบอกแบบนั้นจากใจจริง เพราะไปสถานที่แบบนั้นมันไม่ปลอดภัยสำหรับผมเลยจริงๆ ผมเคยบอกหรือยังนะว่าผมเป็นคนประเภทดึงดูดเพศเดียวกัน… ที่บอกแบบนี้ก็เพราะส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายที่สนใจผม ส่วนผู้หญิงแทบไม่มีเลย บางครั้งผมยังสงสัยเลยว่าคนเรามีจิตสัมผัสหรือเปล่าที่มองออกว่าใครชอบแบบไหน

(แกเนี้ยน้าา เป็นแบบนี้เมื่อไหร่จะมีแฟน)

“ไม่มีก็อยู่ได้นิ”

(พูดดีไปเถอะแกน่ะ ไม่ใช่แอบชอบใครอยู่แล้วพวกฉันไม่รู้นะ) สะอึกเลย

“บ บ้าน่าจะไปชอบใครได้ล่ะ” ผมพยายามจะไม่เสียงสั่งแล้ว แต่มันห้ามไม่ได้จริงๆ

(แกรู้ตัวป่ะว่าตัวเองโกหกไม่เก่ง) รู้ดีตลอดเพื่อนผม อยากจะตะโกนกลับไปว่า

แกจะรู้ทุกเรื่องไม่ได้นะรอสซี่

แต่ก็ได้เพียงตะโกนอยู่ในใจตัวเองคนเดียว

“เราไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วได้ไหมที่รัก” ผมพยายามพูดเสียงหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้

(ได้แน่นอนอยู่แล้วเพื่อนรัก) ผมไม่เคยรู้สึกหมั่นไส้เพื่อนตัวเองเลยจนมาถึงวันนี้แหละ

“แล้วเรื่องงานของแกล่ะ ไปถึงไหนแล้ว” ผมเปลี่ยนเรื่องถามรอสซี่ ผมรู้นะว่าผมไม่เนียนแต่ตอนนี้ขอเซฟความปลอดภัยของตัวเองก่อนแล้วกันนะ

(คงอีกไม่ถึงเดือนคงเรียบร้อยแล้วล่ะ) รอสซี่ตอบคำถามผม อยากขอบคุณพระเจ้าจริง ๆ ที่รอสซี่ยอมเปลี่ยนเรื่องตาม ไม่อย่างงั้นผมคงโดนสืบสวนจากเพื่อนจนเละแน่เกี่ยวกับคนที่ผมชอบ

“ขอให้แกได้งานนี้ แกจะได้มากลับมาอยู่เป็นเพื่อนฉันแถมได้กลับบ้านเกิดอีก อะไรจะเกินคำว่าสุดยอดได้ขนาดนี้นะ” ผมบอกคนปลายสายอย่างอารมณ์ดี

(ถ้าฉันได้งานนี้จริงๆ สองคนที่เหลืออยู่อังกฤษคงหนีไม่พ้นต้องมาอยู่ที่อิตาลีกันหมดหรอกนะ) ผมกับรอสซี่หัวเราะพร้อมกันอย่างขำขัน สองคนที่เหลือที่หมายถึงก็คือเจนกับเจคเพื่อนซี้ที่ยังไม่ได้งานสองคนนั้น

“มาก็ดีสิครบทีมเลย” ผมยิ้มกว้างเมื่อรู้สึกดีขึ้นกว่าวันแรก ๆ ที่มาที่นี่อย่างน้อยก็มีเพื่อนคุยภาษาอังกฤษได้ล่ะ เพราะผมไม่เก่งภาษาอิตาลีเลยไม่ค่อยกล้าพูดกับคนอื่นนัก

ผมเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเห็นแดดกำลังดีในช่วงสิบโมงเช้า ท้องฟ้าโปร่งมาเชียวผมเช็คอากาศวันนี้แล้วว่าน่าจะประมาณ 20 องศา กำลังดีเลยแหละ

(โอเคๆ ฉันก็หวังไว้อย่างนั้น งั้นแค่นี้ก่อนนะไว้ฉันได้งานนี้แน่ๆ แล้วฉันจะติดต่อไป)

“โอเค ฉันขอให้แกได้งานนี้นะ”

(หวังว่านะ ไปละคิดถึงแก)

“คิดถึงเหมือนกัน ไว้เจอกันนะ”

(ได้เจอแน่ๆ) ผมหัวเราะกับประโยคสุดท้ายของรอสซี่ก่อนจะกดตัดสายไป พอวางสายจากเพื่อนไปแล้วชีวิตผมก็ดูเงียบเหงาไปเลย เห็นทีต่อจากนี้ผมคงต้องปรับตัวอีกเยอะเลยละ เรื่องหลักก็คงจะเป็นความเงียบที่ผมไม่ชอบที่สุด ผมต้องปรับตัวให้ชินก่อนที่ผมจะฟุ้งซ่านไปซะก่อน เคยเป็นกันไหมครับโรคอยู่คนเดียวไม่ได้น่ะ

Rrrr Rrrr

แต่ก่อนที่ผมจะเหงาไปมากกว่านี้ โทรศัพท์ผมที่เพิ่งวางสายจากรอสซี่ไปก็มีสายเรียกเข้าใหม่เข้ามา ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นเพื่อที่ไม่รู้จักก่อนจะกดรับสาย

“Hello” เนื่องจากผมไม่รู้ว่าเบอร์ใครผมจึงใช้ตัวเลือกกลาง ๆ ในการทักทายปลายสาย

(สวัสดีค่ะ ทางเราติดต่อมาจากบริษัทD&P ขอสายคุณตินานนท์ค่ะ) ปลายสายตอบกลับผมเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน สำเนียงที่ใช้เรียกชื่อจริงผมออกคนต่างชาติอย่างชัดเจน

“ครับ ตินานนท์พูดสายอยู่ครับ”

(ค่ะ คุณตินานนท์ดิฉันอยู่ฝ่ายบุคคล ที่ติดต่อมาวันนี้ก็เพื่อแจ้งกำหนดการให้คุณเขามาพบกับฝ่ายบุคคลที่ออฟฟิศของทางบริษัทพรุ่งนี้เเช้าค่ะ)

“ครับ”

(ที่ต้องนัดเข้ามาคุยเร็วกว่ากำหนด ที่แจ้งไว้เนื่องจากว่ามีข้อผิดพลาดบางอย่างที่เราจะต้องแจ้งคุณอย่างโดยด่วนค่ะ)

“ข้อผิดพลาดเหรอครับ” ผมถามเธอกลับไปเมื่อได้ฟังที่เธอพูดจบ ข้อผิดพลาดอะไรกันนี่ผมจะซวยตั้งแต่งานแรกเลยหรือไงเนี่ย

(ใช่ค่ะ เป็นเรื่องที่เราต้องคุยกันให้เข้าใจ แต่ยังไงเอาไว้พรุ่งนี้คุณมาตามนัดที่ดิฉันแจ้งคุณก่อนหน้านี้ตอนสิบโมงเช้าก็จะรู้เองค่ะ) เมื่อได้ยินเธอพูดจบผมก็เผลอพยักหน้ารับรู้ให้ปลายสายที่คุยด้วยอยู่ในขณะนี้

“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณที่สละเวลาครับ”

(เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วค่ะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ)

“ครับ” เมื่อผมเอ่ยจบปลายสายก็ตัดไป ในหัวผมยังกังวลคำว่าข้อผิดพลาดจากเธออยู่ มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะเนี้ย

กว่าที่ผมจะได้ออกจากห้องก็เกือบเที่ยงวันแล้ว ท้องไส้ร้องดังปั่นป่วนเหมือนมีคอนเสิร์ตขนาดย่อม ๆ ในท้องผมเนื่องจากผมหิว ตื่นมาได้กินแค่น้ำเปล่าเอง

ผมเดินออกมาจากอพาร์ตเมนท์เดินไปร้านอาหารที่ผมได้มาเมื่อวานนี้ ก่อนที่จะทำอะไรได้ในตอนนี้ผมต้องกินข้าวก่อนเลย เพราะเวลาผมหิวมากๆ ผมจะรู้สึกเหนื่อยๆ เบื่อๆ อย่างบอกไม่ถูก

“มากี่ท่านครับ” พนักงานร้านอาหารต้อนรับผมด้วยภาษาอิตาลีทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าร้านมา

“หนึ่งครับ” พนักงานเดินนำผมไปที่โต๊ะสำหรับสองคน เป็นโต๊ะเล็กที่อยู่ติดริมหน้าต่าง ถัดจากตัวที่ผมนั่งเมื่อวานมาสามโต๊ะ พนักงานอีกคนเดินเข้ามารับออเดอร์ผมก่อนจะเดินกลับไป ผมนั่งมองนู้นมองนี้ไปเรื่อยระหว่างรออาหารลูกค้าภายในร้านไม่เยอะเท่าไหร่

สักพักพนักงานก็มาเสิร์ฟอาหารโต๊ะผมเป็นพนักงานหนุ่มหล่อที่ผมเห็นเมื่อวาน คนอะไรอยู่ในชุดทำงานยังหล่อเลย ผมสงสัยจังว่าเขาไม่มีพวกแมวมองมาชักชวนเข้าวงการบ้างหรือยังไง หน้าตารูปร่างเขาขนาดนี้ผมว่าไปได้รุ่งในวงการนายแบบหรือนักแสดงเลยล่ะ

“ขอบคุณครับ” ผมเอ่ยขอบคุณเบาๆ เมื่อพนักงานวางจานอาหารลงครับหมดแล้ว ผมติดเป็นนิสัยจนชินแล้วมั้งเนี้ย เรื่องขอบคุณพ่อค้าแม่ค้าหรือพนักงานที่เราใช้บริการเขาน่ะ

“ทานให้อร่อยครับ” พนักงานหนุ่มหล่อเอ่ยจบก็เดินเข้าไปทางหลังร้าน ผมหันกลับมาสนใจอาหารต่อ ก่อนจะจัดการทุกอย่างเข้าท้องในเวลาอันรวดเร็ว

เมื่อเดินออกมาจากร้านอาหารแล้วผมก็เปิดแผนที่ในโทรศัพท์ดูเส้นทางไปซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ เลือกใกล้บ้านไว้ก่อนเลยเพราะผมไม่ชินทาง เดี๋ยวหลง

เมื่อเดินมาถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วผมกดเข้ากล้องถ่ายรูปในโทรศัพท์ก่อนจะยกขึ้นถ่ายหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตและอัพโหลดลงIG ของผมแปะโลเคชั่นพร้อมกับแท็กพ่อนายแบบคนเดิมของผมด้วยแคปชั่นที่ว่า Yes sir. (ครับท่าน) ที่เป็นแคปชั่นนี้ก็เนื่องจากเมื่อวานเขาถามผมในคอมเม้นท์ว่าใช่มิลานหรือเปล่าวันนี้ผมก็เลยมาตอบเขาให้แจ่มแจังเลย แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะได้กดเข้ามาดูหรือเปล่า

หลังจากที่ซื้อของเสร็จแล้วผมก็เดินกลับบ้านโดยที่ไม่ได้แวะที่ไหนต่อเลย แผนที่วางไว้ในตอนเช้าว่าจะเดินชมเมืองรอบๆ ซะหน่อยก็ต้องพับเก็บกลับไปก่อน เพราะหลังจากเดินเลือกของเสร็จผมก็เพลียร่างพังไปแล้ว กว่าจะได้ของครบก็ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงในการเดินเลือกของกินของใช้ที่ขาดเหลือ และตอนนี้ผมเหนื่อยมากเหมือนร่างจะสลาย ความรู้สึกคืออยากทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับไปถึงพรุ่งนี้เช้าเลย แต่ก็ได้แค่คิดยังไงซะหลังจากกลับถึงห้องผมก็ต้องก็ของให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะขยับตัวไปทำอย่างอื่นได้

บางทีผมคิดว่าการที่ได้มาอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเราก็ดีเหมือนกันนะ มันเหมือนเป็นความสบายใจอีกอย่างหนึ่งสำหรับผมเลยล่ะ

แต่ก็…เหนื่อยนิดนึงนะที่ต้องจัดการอะไรให้เรียบร้อยด้วยตัวเองและอาการคิดถึงครอบครัวคิดถึงเพื่อน

แล้วยังไงล่ะ ชีวิตคนเรามันก็ต้องเดินต่อไปสิ ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน อย่าไปกลัว





TBC.

เรื่องนี้หายไปนานเลยกว่าจะมา เหตุผลก็คือไปปั่นอีกเรื่องให้จบนั้นเองค่าาา แต่หลังจากนี้จะมาบ่อยๆ แล้วเด้อ ฝากติดตามกันด้วยนะค่ะ อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนเด้อ และถ้าใครสนใจอยากอ่านนิยายอีกเรื่องที่เราแต่งเดี๋ยวจะแปะลิ้งค์ไว้ให้นะค่ะ
  https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66962.0   (พี่ครับ ผมอ่อยอยู่นะ) END
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2018 10:24:24 โดย Tariraspang »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
กดติดตามจ้า   :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
LOKASUNDER 4


หลังจากที่เมื่อวานทางบริษัทติดต่อผมไปให้มาพบในตอนเช้า และตอนนี้ผมก็มาหยุดอยู่หน้าตึกขนาดกลางมีป้ายติดตรงประตูเข้าว่า D&P Personal company


ผมผลักประตูเข้าไปเห็นมียามยืนอยู่ ก่อนที่ยามคนนั้นจะเดินมาสอบถามผม ผมตอบเขากลับไปว่ามาพบฝ่ายบุคคลตามนัด เขากดลิฟต์ให้ผมก่อนจะบอกทางอีกที ผมไปตามทางที่ยามบอกก่อนจะมาถึงห้องหนึ่งที่เขียนว่าฝ่ายบุคคล ผมเคาะประตูสองทีได้ยินเสียงผู้หญิงตอบรับจากในห้อง


“สวัสดีค่ะ” เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปสายตาผมไปหยุดที่ผู้หญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า สมแล้วที่เป็นฝ่ายบุคคลความรู้สึกที่สบตากับเธอเหมือนย้อนวัยไปเป็นเด็กมอต้นที่โดนเรียกเข้าห้องปกครอง เธอเอ่ยทักผมพร้อมยิ้มมุมปากให้ผมเบาๆ เมื่อผมเดินเข้ามาในห้องก่อนจะผายมือให้ผมนั่งลงที่เก้าอี้รับแขกหน้าโต๊ะทำงานของเธอ


“ขอบคุณครับ” บอกอย่างไม่โกหกเลยตอนนี้ว่าผมเกร็งจนเหงื่อซึมตามไรผมเลยทีเดียว จะบอกว่าเป็นความรู้สึกการสัมภาษณ์งานครั้งแรกก็ไม่ใช่เพราะเมื่อวานเธอเป็นคนแจ้งผมเองว่ามีข้อผิดพลาดบางอย่าง พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็เครียดตามเลย


นี่ผมจะโดนตั้งแต่งานแรกเลย?


“สวัสดีครับ ผมตินานนท์ครับ” ผมสวัสดีเธอเมื่อนั่งลงแล้ว


“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ” น้ำเสียงนุ่มของเธอทำให้ผมยิ้มอ่อนกลับไป


“ครับ”


“ทางเราอยากแจ้งให้คุณทราบเรื่องการรับคุณเข้าทำงานในบริษัทของเรา มีการผิดพลาดเกิดขึ้นนิดหน่อย ทางเราต้องขออภัยคุณด้วยจริงๆ ที่เราไม่สามารถรับคุณเข้าทำงานได้” ผมพูดอะไรไม่ออกเมื่อฟังเธอพูดจบ ผมตั้งใจมากกับการมาทำงานที่นี่ ทุกอย่างผมเตรียมไว้พร้อมแล้วทั้งที่พักที่เช่าไว้แล้วครึ่งปี ทั้งบัตรที่ใช้ขึ้นรถไฟต่างๆ


“…”


“ดิฉันรู้ว่าคุณต้องเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่มันเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถรับคุณเข้าทำงานได้จริงๆ” เธอหยุดพูดเพื่อมองหน้าผม ก่อนจะพูดต่อ


“มีอีกทางหนึ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณในตอนนี้ที่เราจะช่วยได้ก็คือ เรามีงานที่จะแนะนำคุณให้ทำเรื่องเงินเดือน ได้พอๆ กับที่นี่หรือบางทีอาจจะได้มากกว่าที่นี่ด้วยซ้ำ ถ้าคุณสนใจดิฉันจะติดต่อทางนั้นให้”


“งานเกี่ยวกับอะไรครับ” ผมถามเธอเสียงเครียด


“ผู้จัดการนายแบบค่ะ สนใจหรือเปล่า?”


“นายแบบ…ผมขอทราบชื่อนายแบบคนนั้นก่อนจะได้ไหมครับ หรือข้อมูลที่เกี่ยวกับเขาคร่าวๆ ก็ได้ครับ” ผมเอ่ยถามเสียงเครียด ยอมรับว่าผมกังวลมากเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้ ผมไม่ได้คิดจะทำงานแบบนี้มาก่อนเลย ผมต้องการทราบข้อมูลของคนที่จะไปทำงานด้วยก่อนเพื่อการตัดสินใจ


“อลัน หวัง ชื่อในวงการที่เรียกกันก็ โลคาซันเดอร์ เขาดังมากในช่วงนี้ เคยได้ยินชื่อบ้างหรือเปล่าล่ะ” ผมตัวแข็งค้างเมื่อฝ่ายบุคคลเอ่ยจบ อลัน หวัง งั้นเหรอ ทำไมผมจะไม่รู้จักล่ะ ก็คนที่ผมคลั่งไคล้และแท็กเขาในไอจีนั้นก็เป็นเขาอลันที่ผมชอบ เมื่อได้รับข้อมูลของนายแบบที่ผมจะไปเป็นผู้จัดการอย่างนี้แล้ว ใจผมมันก็ไม่ปฏิเสธเลยมันเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เข้าใกล้คนที่ผมแอบปลื้ม แต่มีเรื่องงานมาเกี่ยวแบบนี้ผมคงต้องเก็บอาการไม่ให้เผลอแสดงความแอบปลื้มในตัวเขาออกมา เพราะถ้าเขารู้มีหวังผมได้ร้องไห้กลับไทยแน่ งานอะไรก็ไม่ต้องทำมันล่ะถ้าเป็นแบบนั้นน่ะ


“แล้วถ้าผมตกลง…” ผมพูดออกไปแล้ว การตัดสินใจของผมจะเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้วใช่ไหม? ถึงจะไม่ใช่ผมก็จะพยายามให้มันใช่ เพราะมันเป็นโอกาสที่ดีที่ผมอยากรับมันไว้ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนผมก็จะทำ!


“มาถึงขนาดนี้แล้วไม่ต้องมีถ้าหรอกค่ะ ดิฉันจะให้เบอร์ติดต่อของโลคาซันเดอร์ไว้ และจะส่งที่อยู่ของเขาไปให้ทางอีเมล เขาจะรู้เองว่าคุณมาจากดิฉันและจะเป็นผู้จัดการคนใหม่จองเขา อ้อ! อีกอย่างคือคุณไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาเขาคล่องภาษาอังกฤษและจีน”


เธอพูดจบพร้อมกับยกรอยยิ้มอ่อนๆ ผมควรโล่งใจใช่ไหมที่พ่อนายแบบพูดอังกฤษคล่อง?


“ขอบคุณสำหรับความกรุณาครับ” ผมเกือบยกมือไหว้เธอเหมือนคนไทยแล้วแต่ยั้งมือไว้ทันก่อนจะยิ้มแห้งให้เธอ และผมขอตัวกลับ


“ขอให้ผู้จัดการคนที่12ของนายโชคดีนะอลัน”


ผมได้ยินเสียงของฝ่ายบุคคลพูดอะไรฟังไม่ได้ศัพท์ก่อนที่ผมจะปิดประตูห้องลง


ผมใช้เวลาเดินทางกลับบ้านไปประมาณยี่สิบนาที ทันทีที่ปิดประตูห้องผมก็รีบเดินไปทรุดตัวนอนลงที่พื้นพรมขนเฟอร์หน้าโซฟาทันที เหนื่อยใจสุดอะไรสุด พรุ่งนี้ผมจะรอดไหมเนี้ยยยยย อยากจะกรี๊ดให้พวกยัยเจนกับเจคฟังจริงๆ


Rrrr Rrrr


ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมที่สวมอยู่ออกมาดูว่าใครโทรมา เบอร์ไม่ทราบชื่ออีก


“สวัสดีครับ” ผมกดรับ


“ใช่ตินานนท์รึเปล่า?” น้ำเสียงนิ่ง ๆ ของปลายสายถูกส่งออกมา ผู้ชายสินะ


“ผมเองครับ” ผมตอบปลายสายที่ผมฟังจากเสียงแล้วแน่นอนว่าเป็นผู้ชาย


“ฉันอลันเจ้านายของเธอ”


อะไรนะ!!


อลันเหรอ!


บ้าไปแล้วววว อยากกรี๊ดโว้ยยย แต่ก็ทำได้แค่ในใจเพราะผมต้องรักษาหน้าที่การงานไว้อยู่


“ค ครับ” เสียงสั่นทำไม่เนี้ย หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ นิ่งเข้าไว้ใจเย็นๆ นะตาณ ตั้งสติไม่มีอะไรทั้งนั้นเขาก็แค่ผู้ชายธรรมดา…ที่ผมชอบ


“พรุ่งนี้มาที่บ้านฉันตอนสิบโมงเช้า ห้ามมาเช้ากว่านี้เด็ดขาด” น้ำเสียงทุ้มแบบผู้ชายทั่วไปติดหยิ่ง ๆ หน่อยตามสไตล์ความเป็นโลคาซันเดอร์ของเขา


“รับทราบครับคุณหวัง” ผมแทนนามสกุลเขาแทนที่จะเรียกชื่อเพราะผมไม่รู้ว่าเขาจะซีเรียสเรื่องการเรียกชื่อมาแค่ไหน ผมเลยกันไว้ดีกว่า ผมไม่อยากเสี่ยงโดนเจ้านายใหม่จ้องจะกินหัวตั้งแต่นังไม่เริ่มงานหรอกนะ


“อ้อ! อีกอย่างหนึ่งที่อยากจะสั่งคือซื้อของสดเข้ามาทำอาหารให้ด้วย” จ้า สั่งมาเลยจ้า เพื่อคุณหวังสุดหล่อของผม ผมจะรับทุกอย่างไว้เอง


“คุณหวังอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ?” ผมถามเขากลับเพื่อเป็นแนวทางในการซื้อของสดพวกสำหรับพรุ่งนี้


“ไม่ชอบแครอท นอกจากนั้นได้หมด” ผมจดจำสิ่งที่เขาบอกไว้ในสองเงียบ ๆ


“รับทราบแล้วครับ มีอะไรอีกไหมครับ”


“แค่นี้แหละ” พอพูดว่าแค่นี้จบคุณหวังเขาก็กดตัดสายผมไปอย่างตัดเยื่อใย (ใจ) ไปเลย ดูจากรูปเขาดูหล่อสง่าสูงส่งมากนะ แต่เมื่อผมได้คุยกับเขาเมื่อครู่แล้ว ทำให้รู้อีกอย่างว่านอกจากจะมีความหล่อแล้ว เขายังมีฝีปากที่น่าโดนที่สุดอีกด้วย เป็นคนพูดจาไร้เยื่อใยและเย็นชาต่อ (ใจ) ผมที่สุด


ตาณรับไม่ไหว คุณหวังเขาแบดบอยเกินไปแล้ว มันตรงสเป็กผมเกินไปแล้ว ผมยังอยากทำงานต่อไปนะ ยังไม่อยากโป๊ะแตกตอนเห็นหน้าหล่อ ๆ ของเขาแล้วไปไม่เป็นโว้ยยยย


“ฮือออ แม่ช่วยลูกด้วย พรุ่งนี้เจอหน้าสุดหล่อครั้งแรกจะทำหน้ายังไงดี” ผมนอนดิ้นพูดคนเดียวอยู่กับโทรศัพท์ที่พื้นพรมเหมือนคนไม่เต็ม ผมรู้นะว่าผมทำตัวเหมือนเด็กหนุ่มใส ๆ ที่เพิ่งเคยมีความรัก แต่มันห้ามไม่อยู่จริง ๆ อ่ะ ไหน ๆ ก็อยู่คนเดียวล่ะขอหน่อยล่ะกันเนาะ









TBC.

ฝากน้องตาณไว้ในอ้อมอกทุกคนด้วยน้าาา คอมเม้นท์ติชมหรือให้กำลังใจกันได้นะคะอ่านทุกคอมเม้นท์เลย





ติดตามข่าวสารการอัพนิยายได้ที่เพจนะคะ ไปติดตามกันเยอะๆเด้อ https://www.facebook.com/Pang-RY-212258342702450/


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เป็นงานใหม่ที่..ดูมีเงื่อนงำ   :hao4: :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่าสงสัยนะแบบนี้

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
สนุกดีค่ะ รอติดตาม อย่าทิ้งช่วงนะคะ

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
LOKASUNDER 5


ตอนเช้าของวันที่ต้องไปทำงานวันแรกผมตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า สาเหตุที่ตื่นเช้าขนาดนี้ก็เพราะว่าแทบนอนไม่หลับเลยต่างหากล่ะ เพราะความตื่นเต้นความกังวลของผมมันปนเปกันไปหมดจนความรู้สึกผมมันปั่นป่วน เช้านี้ก็เลยตื่นแต่เช้ามาจิบชาช็อกโกแลตที่ซื้อมาจากห้าง


ผมนั่งข้างหน้าต่างเปิดม่านรับแสงแดดตอนเช้าไปด้วย เพิ่มวิตามินให้ร่างกายสักหน่อยก็ดีนะ พอได้นั่งเงียบ ๆ ผมก็อดคิดถึงบ้านไม่ได้ถ้าผมอยู่บ้านป่านนี้คงยังไม่ตื่นหรือถ้าตื่นแล้ว ผมคงอยู่ในครัวกับแม่ช่วยท่านเตรียมมื้อเช้าให้พ่อกับพี่ชายก่อนที่ทั้งสองจะออกไปทำงาน ตอนเด็กผมเป็นคนติดบ้านมากไม่คิดเลยว่าตอนโตแล้วรู้สึกตัวอีกทีผมมาอยู่ต่างประเทศได้เกือบห้าปีแล้ว ผมนึกถึงตอนที่ผมมาเรียนที่อังกฤษปีแรก ๆ ได้เลยช่วงนั้นคือฟังเพลงเศร้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำโทรคุยกับที่บ้านทุกวันได้คุยทีไรร้องไห้ให้พ่อกับแม่ฟังตลอดจนพ่อบอกให้ผมกลับไปอยู่บ้านเราดีกว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน


แต่ต่อให้เป็นขนาดนั้นผมก็ไม่เคยมีความคิดที่จะกลับเลยสักครั้ง ผมบอกใจตัวเองให้สู้ตลอดไม่ท้อแน่นอน ผมตั้งใจที่จะทำสิ่งที่ผมรักให้สำเร็จให้ได้จนวันนี้ผมทำมันสำเร็จแล้ว ทุกคนต่างร่วมดีใจไปกับผมและผมรู้สึกดีที่มีพวกเขา…ครอบครัวของผม


ถึงจะไม่ได้ทำงานในสายที่ผมเรียนมาแต่มาได้งานนี้ผมก็ว่าดี มันได้อย่างเสียอย่างแล้วแต่ว่าใครจะรับได้ ซึ่งผมรับมันได้เกินร้อยเลยล่ะ เพราะอะไรคงไม่ต้องสงสัยกันแล้วล่ะครับ เหตุผลของผมอาจมีไม่เยอะเพราะใจผมมันตัดสินตั้งแต่ได้ยินชื่อเขาแล้วล่ะ เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วนะ อลัน หวัง…




“แฮ่ก ๆ โอ๊ยเหนื่อย” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ เมื่อมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านบานใหญ่ สองแขนของผมเต็มไปด้วยถุงผ้าที่มีของสดที่ซื้อมาทำอาหารและเก็บเข้าตู้เย็นบ้านคุณชายเขา ที่เหนื่อยหอบขนาดนี้ก็เพราะผมเดินมาบ้านคุณหวัง ด้วยความที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมันอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขาผมเลยเลือกที่จะเดินมา แต่ใครจะคิดล่ะว่าของที่ผมหอบเต็มไม้เต็มมืออยู่นี่จะหนักจนผมเกือบเป็นลมขนาดนี้ รู้อย่างนี้ผมคงซื้อมาน้อย ๆ แล้วค่อยกลับไปซื้อใหม่ก็ดี (?)


กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง


ผมกดออดหน้าประตูบ้านคุณชายหวังก่อนจะตกใจกับเสียงออดที่ผมไม่ค่อยได้ยินใครตั้งเป็นเสียงนี้มาก่อน เขาก็ดูเป็นคนมุ๊งมิ๊งนี้หว่า


แกร๊ก!


เมื่อประตูบ้านเปิดออกผมก็รีบยิ้มกว้างให้คนมาเปิดประตูทันที


โอ้พระเจ้า! ตาผมจะบอดไหมเนี้ย ทำไมออร่าความหล่อของเขามันเรืองแสงแบบนั้นล่ะเนี้ย ผมเกือบจะหยีตาเพราะคิดว่าตัวเขามีแสงส่องออกมาจริง ๆ คุณชายตรงหน้าของผมตอนนี้เขาทั้งสูงจนผมต้องเงยหน้ามองเขา จมูกโด่งได้รูปปากกระจับสีหม่นนิดหน่อย รูปหน้าเทพพระเจ้ากรีกหน้านิ่ง ๆ ของเขาคือสามารถฆ่าผมตอนนี้ได้เลย


“ยืนบื้ออยู่ได้รีบ ๆ เข้ามาได้แล้ว” เมื่อได้ยินเสียงนิ่ง ๆ ถูกส่งออกมาจากปากสีหม่นของเขาแล้ว ผมแทบอยากร้องไห้ให้กับความปากร้ายของเขา แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มโง่ให้เขา ก่อนจะเดินหอบของเข้าประตูบ้านอย่างทุลักทุเลเพราะของเยอะมากและอีกอย่างคือผมจะหมดแรงแขนแล้วหอบของหนัก ๆ พวกนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วด้วย


“ขอบคุณครับ” ผมหันไปบอกเขาเสียงเบาเมื่อเขาปิดประตูตามหลังผมที่เข้ามาแล้ว เจ้าของบ้านไม่พูดอะไรต่อ แต่เอื้อมมือมาช่วยถือของหรือจะเรียกว่ากระชากได้นะ เพราะแรงดึงถุงผ้าไปจากแขนผมนั้นไม่ได้เบาๆ เลย ทำเอาแขนผมที่แดงเป็นรอยสายถุงผ้าอยู่แล้วกลายเป็นรอยถลอกที่ท้องแขนแทนเลือดซิบด้วยแต่ไม่เยอะ ความแสบเล่นงานจนผมเผลอซี้ดปากเสียงเบา จนคนตัวสูงที่เดินนำหน้าผมเข้าไปในตัวบ้านหันมามองพร้อมขมวดคิ้วสงสัยว่าผมเป็นอะไร ผมเอาแขนหลบที่ข้างหลังก่อนจะยิ้มหวานให้เขากลบเกลื่อนสีหน้าเจ็บแสบของตัวเองเมื่อครู่


“ทำอาหารเป็นใช่ไหม?” เมื่อผมเดินตามหลังคุณชายหวังเข้ามาในครัวแล้ว เขาก็ถามผมพร้อมกับวางถุงของลงที่โต๊ะหินอ่อนกลางห้องครัว


“ทำเป็นครับ แต่เป็นอาหารไทย อาหารอิตาเลียนไม่เคยทำเลยครับ” ผมบอกเขาเสียงเบาเนื่องจากกลัวเขาดุ


“ฉันทานได้หมด อาหารจีนก็ได้” คุณชายหวังบอกผมก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไปอย่างหล่อ ๆ


“ครับ…” ผมตอบเขาเสียงเบาในความเป็นจริงคือเหมือนผมตอบตัวเอง เพราะคนที่เดินออกไปคงไม่ได้ยิน


ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อย่างให้กำลังใจตัวเองก่อนจะลงมือหยิบของออกจากถุงเก็บวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้ทำอาหารเข้าที่ให้เรียบร้อย ก่อนที่ผมจะลงมือทำอาหารเช้าที่กินตอนเที่ยงให้คุณชายหวัง


เมนูที่ผมทำคือผัดผักรวมมิตร มีผักหลายชนิดยกเว้นแครอทที่ผมไม่ซื้อมาเพราะเจ้านายคนใหม่ผมไม่ชอบกินมัน อาหารที่ผมทำเป็นอะไรง่ายๆ ที่ทำกินเองได้ที่บ้านเลยนะ ผมตักผัดผักใส่จานเรียบร้อยก่อนจะหันไปตักข้าวสวยที่ผมหุงไว้ก่อนจะทำอาหารใส่จาน


ผมเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยกำลังจะเดินออกไปตามคุณชายมาทานข้าวแต่ขาชะงักไว้ก่อนจะเดินทางอ่างล้างจานเปิดน้ำใส่แผลที่แขนก่อนจะยกมือซ้ายขึ้นถูเลือดที่ตอนนี้แห้งแล้วออกเบาๆ ความแสบเล็กน้อยทำให้ผมต้องหยีหน้าตามไปด้วย


“ทำอะไร” เสียงที่ดังขึ้นเหนือศรีษะของผมทำให้ผมตกใจก่อนจะรีบกุมข้อมือที่มีแผลไว้ไม่ให้เขาเห็น ผมปิดน้ำก่อนจะหันไปประจันหน้ากับคนตัวสูงที่มองมายังผมนิ่งๆ


“ปะเปล่าครับ แค่ล้างมือ” ผมยิ้มให้เขาก่อนจะเบี่ยงตัวออก แต่ยังไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิดคุณชายก็เอื้อมมือมาดึงแขนขวาของผมขึ้นไปดูใกล้ๆ


“อะ เบาครับ” เขาเป็นคนมือหนักที่สุดตั้งแต่ผมรู้จักมาละ เอะอะอะไรก็กระชากไว้ก่อนความนุ่มนวลหาไม่เจอในตัวผู้ชายคนนี้


“แผลนี่ฉันเป็นคนทำหรือ?” เขาคลายมือที่กำข้อมือผมออกเปลี่ยนมากำรอบไว้หลวมๆ แทน


อ่า รู้สึกเหมือนโดนทะนุถนอมยังไงไม่รู้สิ


“ไม่ใช่หรอกครับ ผมซุ่มซ่ามเอง” ผมตอบเขาแต่ไม่ดึงมือออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า ก็ขอหน่อยนะไหนๆ ก็ได้อยู่ใกล้ๆ คนที่ชอบแล้ว ขออ่อยนิดหน่อยก่อนได้ไหมล่ะ รับรองคุณชายหวังไม่รู้ตัวหรอกว่าผมนะคิดอะไรอยู่


“ซุ่มซ่ามเอง? โง่จริงๆ เลยนะ” น้ำเสียงตำหนิผมเล็กน้อยก่อนที่เขาจะดึงกระดาษทิชชู่มาซับน้ำที่แผลผมอย่างเบามือ


“ผมทำเองได้ครับ” ผมบอกเขามือยื่นไปหมายจะเอากระดาษทิชชู่จากมือเขามาเช็ดเอง แต่พอเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงผมก็ทำได้แค่เก็บมือและก้มหน้าหลบสายตาดุๆ ของเขาที่ส่งมาให้ผม


หัวใจผมเต้นแรงจนหน้าและหูผมเริ่มร้อนผมควรกลัวสิที่เขาดุ แต่ทำไมล่ะ ทำไมผมถึงได้ชอบสายตาแบบนั้นทำไมถึงชอบให้เขาดุล่ะ ตาณตั้งสติหน่อยได้ไหม











TBC.

หายไปนานคิดถึงกันบ้างไหมน้อ? คุณชายแกก็ดุเก่งเกรี้ยวกราดเก่งอะไรประมาณเน้! คุณน้องก็ดันชอบให้เขาดุ พอกันเลยยอมแล้วจ้า





*ติดตามข่าวสารการอัพนิยายได้ที่เพจ
https://www.facebook.com/Pang-RY-212258342702450/


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2018 22:36:16 โดย Tariraspang »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คุณชายไม่เหมือนที่คิดไว้เบย..ยยยยยย   :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เกรี้ยวกราดเก่ง

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
LOKASUNDER 6


“ผมไม่เจ็บ ไม่เป็นไรเลยครับ” ผมพยายามที่จะดึงข้อมือออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้าให้ดูนอบน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเกรงใจเขาด้วยส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนหนึ่งคือผมเขินเขาที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้ผม เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกมันเลยทำให้ผมรู้สึกไม่ชินและประหม่าเมื่ออยู่ใกล้เขา

“โกหกอย่างชัดเจน” ผมเม้มปากอย่างจนปัญญาเมื่อได้ฟังสิ่งที่คุณชายหวังพูดออกมาจากริมฝีปากหยักด้วยเสียงราบเรียบติดจะเอือมระอาหน่อยๆ ผมด้วย

“เปล่าโกหกนะครับ” ผมยังไม่หมดความพยายามที่จะต่อสู้ฝีปากกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายและเป็นคนที่ให้เงินเดือนผม...

“ถ้าเธอไม่หยุดต่อปากต่อคำ ฉันจะเอาทิชชู่ยัดปากเธอไว้” เขาเงยหน้าขึ้นมามองตาผมจนผมต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเขา ผมเม้มปากแน่นไม่กล้าพูดอะไรอีก ผมปล่อยให้คุณชายเขาอยากทำอะไรก็เชิญเลยตามสบาย ถ้าพูดอีกมีหวังผมได้กินทิชชู่แทนข้าวเที่ยงแน่ๆ แล้วเขายังมีหน้ามาเรียกผมว่าเธออีก ผมอยากจะบ้าตายนี่ขนาดเพิ่งเจอกันวันแรกนะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าผมจะอดทนกับเขาไปได้ถึงวันไหน

“หึ” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ส่งเสียงหัวเราะอย่างไม่เข้าใจว่าเขาขำอะไร

“คุณควรจะทานข้าวก่อนนะครับ” ผมพูดเสียงเบาไม่สบตาเขา เพราะกลัวว่าคุณชายจะจับทิชชู่ยัดปากผมจริงๆ

“เสร็จแล้วไม่ต้องปิดแผลปล่อยให้มันแห้งไป” พูดจบเขาก็ปล่อยมือผมอย่างไร้เยื่อใยทันทีทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังกำแน่นอยู่แท้ๆ

“ขอบคุณครับ” ผมก้มหัวขอบคุณเขา ก่อนจะถอยออกจากตัวเขาให้ระยะห่างของผมและเขาเหมาะสมมากขึ้น คือเมื่อกี้ใกล้กันจนผมแทบจะควบคุมสติไม่อยู่

“อืม” คุณชายตอบรับในลำคอสั้นๆ ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ทรงสูงที่โต๊ะกลางห้องครัวที่ผมจัดอาหารไว้

“คุณต้องการอะไรอีกไหมครับ” ผมถามเขาเพราะนี่ใกล้เที่ยงแล้วจนผมเริ่มหิว ผมกะว่าจะออกไปหาอะไรแถวนี้ทานรองท้องไปก่อน

“มี ไปตักข้าวแล้วมานั่ง” ผมขมวดคิ้วมองหน้าคนที่นั่งกอดอกมองผมอยู่อย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ทำได้แค่เดินไปตักข้าว เอาช้อนซ่อมมาใส่มาให้เขา ก่อนจะถอยเท้าออกจากโต๊ะอาหาร

“นั่ง” ผมไม่ทำตามที่เขาบอก คุณชายหวังมองหน้าผมนิ่งเมื่อผมไม่ยอมทำตามที่เขาบอก จะให้ผมนั่งได้ไงเล่าผมเกรงใจเขานะ

“นั่งลงดีๆ แล้วทานข้าวซะ อย่าให้ฉันต้องโมโห” ผมกัดริมฝีปากล่างด้วยอารมณ์จำยอมใจ เขามันคนจอมบงการชัดๆ เลย ผมมองหน้าเขานิ่งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วนั่งลงทานข้าวกับเขา

“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ” เมื่อเขาทานข้าวเสร็จแล้วผมจึงวางช้อนลงตาม ก่อนจะเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องงาน คุณชายเขาไม่ตอบผมทันทีแต่เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม

“แฟ้มตารางงานของเดือนนี้วางอยู่ห้องรับแขก” เขาพูดจบก็เดินออกไปเลย มือถือขวดน้ำขวดที่เขาดื่มไม่หมดออกไปด้วย ผมมองตามเขาออกไปจนแผ่นหลังกว้างเลี้ยวเข้าห้องรับแขกไป คนบ้าอะไรวะแค่เดินออกจากครัวยังหล่อ ผมลุกขึ้นเก็บจานไปล้างทำความสะอาดครัวให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปตามทางที่คุณชายเดินออกไปเมื่อครู่ ก่อนจะออกไปผมก้มมองตัวเองที่อยู่ในชุดกางเกงขายาวทรงกระบอกเสื้อยืดสีดำสวมทับด้วยเสื้อโค้ทตัวยาวเท่าหัวเขาสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อโค้ทออกพาดไว้ที่แขน อันที่จริงที่นี่อากาศก็เริ่มเย็นลงแล้วล่ะแต่ก็ไม่ถึงขึ้นจะใส่โค้ทมีแค่ผมนี่แหละที่ใส่ ผมขี้หนาวไงเลยใส่ไว้ก่อนชาวบ้านเขา ผมยกมือขึ้มมาลูบแผลที่ข้อมือเบาๆ อมยิ้มกับตัวเองก่อนจะเดินไปห้องรับแขก

“นั่งสิ” ผมวางเสื้อโค้ทไว้ที่พนักพิงก่อนจะนั่งลงตามที่เขาบอก เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มเอกสารตารางงานของคุณชายขึ้นมาดู ส่วนคุณชายเขานอนเหยียดตัวยาวไปกับโซฟาตัวยาวดูโทรทัศน์ไปด้วย

ผมเปิดดูตารางงานของเขาก่อนจะต้องอ้าปากค้าง งานอะไรของเขาเนี้ยบางวันมีถึงสองงานต่อด้วยตอนเย็น วันหยุดแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ ผมชักเริ่มจะสงสัยแล้วว่าที่คุณชายทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำขนาดนี้เป็นเพราะเขาติดหนี้ร้อยล้านพันล้านใช่ไหมหึ?

“คุณดูทำงานหนัก” ผมพูดขึ้นเสียงเบาหลังจากที่ดูตารางงานคร่าวๆ ของเขาเสร็จ

“ดู? ไม่หรอกฉันทำงานหนักจริงๆ ต่างหาก” เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอเมื่อพูดจบ ผมวางแฟ้มลงที่โต๊ะ ก่อนจะขยับตัวนั่งดีๆ เมื่อเขาหันมาสบตากับผม คือหล่อเกินไปไหมหึ? บางทีผมก็สงสัยนะว่าเขาหล่อขนาดนี้ทำไมไม่ไปเป็นพระเอกหนังให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซะ แต่ก็นะก็ได้แค่สงสัยอ่ะ เพราะตอนนี้ผมไม่กล้าถามเขาหรอก

“หน้าที่ผู้จัดการของผมต้องทำอะไรบ้างครับมิสเตอร์หวัง” ผมเริ่มเข้าเรื่องงานที่จะทำ หลังจากที่รู้สึกเขินปนอึดอัดเมื่อเขาเอาแต่มองผมนิ่ง

“ผู้จัดการ?” เขาทวนเชิงถามผม

“ครับผมต้องทำอะไรบ้างในตำแหน่งผู้จัดการของคุณ”

“จำไม่ได้แฮะว่ารับผู้จัดการ เพราะฉันจัดการเรื่องงานตัวเองได้”

“หมายความว่ายังไงครับ” ผมเริ่มกังวลขึ้นมาแล้วกับคำอธิบายที่เขาบอก

“ฉันแจ้งฝ่ายบุคคลไปว่าขอรับสมัครคนดูแล ดูแลที่หมายถึง…”

“ถึง…” ผมกัดริมฝีปากร่างจ้องหนาเขาที่กำลังจะพูดอย่างใจจดใจจ่อ

“ทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร ซักเสื้อผ้า ติดตามฉันไปทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้ฉันในเรื่องที่มันเกินไปสำหรับฉัน” เมื่อฟังจบผมถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว ส่วนอีกคนที่เป็นเจ้านายผมคือมีท่าทีสบายอกสบายใจอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว แล้วที่เขาบอกผมว่าอะไรที่เกินไปสำหรับเขาน่ะ ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าเกินไปนี่คือ?

“ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ คุณอาจจะไม่พอใจผมเท่าไหร่” ผมบอกเขาเสียงเป็นกังวล

“อย่ากังวล ฉันพอใจกับอะไรที่สดใหม่” ว่าจบพลางยิ้มมุมปากส่งมาให้ผม

“สดใหม่ อะไรที่สดใหม่” ผมไม่เข้าใจ ผมเอียงคอมองเขาอย่างเล็กน้อยพอประมาณเอาองศาที่คิดว่าทำแล้วน่ารักที่สุด

“หึ!” เขาไม่ตอบผมแต่หัวเราะพร้อมกับส่ายหัวเหมือนปลงกับผม แต่ก็เอาเถอะทำงานวันแรกก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แต่ก็ไม่ได้ดีอ่ะนะ



TBC.

ดูสองคนนี้คุยกันแล้วเราให้เดาว่าใครคือคนที่ร้าย?

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เกรงว่าจะร้ายทั้งคู่ 555   o18 o18 o18

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โดนจับกินแน่ๆ

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
LOKASUNDER 7

หลังจากกลับมาจากบ้านของคุณ อลัน หวัง ผมก็สลบไปเลยเพราะเหนื่อยมากเกินไป ทั้งเหนื่อยใจที่ต้องทนมองหน้าหล่อๆ ของเขา ทั้งเหนื่อยในการเดินทางไปกลับบ้านเขา มันเหมือนจะใกล้แต่มันก็แอบไกลเหมือนกันในการเดิน ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนใกล้เช้าผมจึงลุกขึ้นมานั่งอ่านตารางงานของพ่อนายแบบสุดหล่อ พรุ่งนี้เขาไม่มีงานแต่จากที่เห็นในตารางงานแล้วอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์เขาไม่รับงานเลยด้วยซ้ำ หรือจะเป็นอาทิตย์พักผ่อนของเขา? แล้วเขาไม่มีงานอย่างนี้คนดูแลอย่างผมยังต้องไปดูแลเขาอีกอยู่เหรอ?

“เฮ้อออ” ผมนั่งถอนหายใจอยู่บนเตียงก่อนจะล้มตัวนอนลืมตามองเพดานห้องอยู่อย่างนั้น ผมมีนิสัยอีกอย่างที่ชอบทำคือผมจะติดการมองอะไรนานๆ เพราะระหว่างที่ผมจ้องอยู่นั้นสมองผมบางทีก็ว่างเปล่าเหมือนผมต้องการพักสมองกับเรื่องต่างๆ หรือบางทีผมก็คิดอะไรเพลินๆ ระหว่างที่มอง ผมว่ามันเป็นนิสัยที่แปลกแต่ผมก็ทำมันมาตั้งแต่เริ่มคิดอะไรเป็นแล้วนะ

ผมลุกจากเตียงอีกทีตอนเจ็ดโมงครึ่งก่อนจะหอบร่างไปอาบน้ำแต่งตัวไปบ้านเจ้านายคนใหม่ ซึ่งเขาและผมได้ตกลงกันแล้วว่าเวลาเริ่มงานของผมคือเก้าโมงเช้า เป็นเวลาที่ดีเลยสำหรับคนที่กว่าจะออกจากห้องได้อย่างผม

กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง

ผมกดออดหน้าประตูบ้านของอลัน หวัง เมื่อเดินมาถึงวันนี้ผมตั้งใจจะมาคุยเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาอย่างละเอียด เพื่อเป็นแนวทางเล็กๆ น้อยๆ ในการทำงานเป็นผู้ดูแลที่ดีของเขา

ผมยืนรออยู่นานก็ไม่เห็นคุณเจ้าของบ้านมาเปิดประตูสักที หรือเขาจะไม่อยู่บ้านนะ ผมล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก็พบว่านี่เพิ่งจะแปดโมงครึ่ง เขาจะไปไหนแต่เช้าล่ะ?

กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง

ผมลองกดออดอีกทีเผื่อว่าเขายังไม่ได้ยิน ลมพัดเอื่อยๆ ผ่านหน้าผมไปเบาๆ ใกล้หนาวแล้วสินะ ผมผ่อนลมหายใจออกทางปากเบาๆ ในขณะยืนรอเจ้าของบ้านมาเปิดประตู

แกร๊ก

บานประตูถูกเปิดออกเบาๆ ผมอมยิ้มเมื่อเห็นสภาพของคนที่มาเปิดให้

“ยิ้มอะไรของเธอ” ผมรีบหุบยิ้มทันทีที่เขาทัก ผมว่าผมแอบยิ้มนิดเดียวแล้วนะทำถึงยังเห็นอยู่อีก

“ครับ” ผมก้มหัวขอบคุณคนหัวยุ่งที่มาเปิดประตูให้ในสภาพใส่ชุดนอนเสื้อยืดสีดำกางเกงขายาว

“อืม” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะปิดประตูบ้าน

“เพิ่งจะตื่นเหรอครับ” ผมถามเขาในขณะที่เดินตามเขาเข้าไปในบ้าน

“ยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ” ผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะรีบหุบปากเมื่อหันไปสบตากับคนตัวสูงที่มองผมอยู่ ผมจะโดนไล่ออกไหมเนี้ย หัวเราะเจ้านายตัวเองหลายครั้งขนาดนี้

“อารมณ์ดีจังนะ” เขาว่าก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ผมเดินตามเขาเข้าไปเห็นคุณชายยืนกินน้ำอยู่ที่ตู้เย็น ผมวางกระเป๋าที่สะพายมาไว้ที่ตรงมุมเคาน์เตอร์ครัวดึงแขนเสื้อขึ้นมาไว้ที่ข้อศอกเพื่อนจะได้สะดวกในการทำอาหาร

“วันนี้อยากทานอะไรครับ” ผมถามเขาโดยที่ไม่ได้หันไปมองเพราะยุ่งอยู่กับการดึงแขนเสื้อขึ้นให้เสร็จ

“เธอ…อยากทานเธอเป็นพิเศษ” ผมขนลุกเมื่อสัมผัสได้ว่าคนที่ยืนกินน้ำอยู่เมื่อกี้เข้ามาประชิดตัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ เขาก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผมพร้อมกับแตะริมฝีปากลงที่ต้นคอด้านข้างของผมแผ่วเบา

แม่เจ้า! คุณชายเขาทำอะไรของเขาเนี้ยยยย

“ค คุณครับ” ผมเบี่ยงคอหนีจากสัมผัสของเขา ไม่ใช่รังเกียจหรืออะไรนะแต่ผมเขินบวกกับตกใจด้วย ผมควรรู้สึกยังไงดีว่ะเมื่อคนที่ผมแอบปลื้มมาทำอย่างนี้ด้วยอ่ะ ผมควรทำตัวยังไงเขาแค่เล่นๆ กับผมเหรอถึงได้ทำแบบนี้หรือเขาชอบผม ไอ้ที่ว่าชอบผมนี่ยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่เลยเขาเพิ่งเคยเจอผมได้วันเดียวเองนะ

“อลัน เรียกฉันว่าอลัน” พูดจบเขาก็แนบริมฝีปากลงข้างขยับผมอีกครั้ง ผมสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อเริ่มรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองยังไงไม่รู้

“อ อลันปล่อยผม” ผมก้มหน้าบอกเขาเสียงเบา ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังผม

“ไม่ได้กอดแน่นเลยนะทำไมไม่ขัดขืนหน่อยล่ะ” ผมก้มหน้าเก็บความอับอายไว้กับตัวเอง ก่อนจะรีบขืนตัวออกจากวงแขนของเขา ผมไม่น่าเผลอไปกับสัมผัสของเขาเลยจริงๆ ดูสิหัวเราะผมเข้าไป

“โกรธเหรอ ไม่เอาน่า” เขาพูดขึ้นเมื่อผมขืนตัวออกมาได้ ผมก็รีบถอยเท้าไปให้ห่างจากตัวเขาทันที ยังเดินตามผมมาอีก หุบยิ้มสักทีไอ้คุณชายบ้า! ผมมองหน้าคนตัวสูงอย่างเคียดแค้นเมื่อเห็นเขาอมยิ้มกับท่าทีของผม

“…” ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรเขากลับไป ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุยนะ แต่ผมอายเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ โอ๊ยตาย ผมอยากลางานหรือไม่ก็ลาออกไปเลย เลิกชอบเขาไม่ได้ก็ลาออกให้มันจบๆ ไปซะดีไหม

“มานี้มา ทำหน้าอะไรอย่างนั้น” เขาพูดอมยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับคว้าตัวผมไปกอดไว้ กอดที่เหมือนกับผู้ใหญ่กอดปลอบเด็ก เหอะ! คิดว่าต่อไปนี้ผมจะญาติดีกับเขาหรือไง

“เด็กดียิ้มหน่อยสิครับ” เออ! พูดมาซะขนาดนี้หายโกรธก็ได้ว่ะ ผมยกกำปั้นขึ้นมาทุบลงไปที่อกเขาหนึ่งทีเป็นการเอาคืน ก่อนจะซุกหน้าลงกับอกเขา เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นเมื่อผมทำแบบนั้น

“ผมยังโกรธอยู่” ผมบอกเขาเสียงอู้อี้เพราะมุดหน้าลงไปกับอกแน่นๆ ของเขาอยู่

“เดี๋ยวจูบปลอบใจ” ไอ้บ้าเอ้ย!

“อี๋ ใครจะไปอยากจูบกับคุณกัน” ผมเงยหน้าขึ้นมาตอบเขาก่อนจะรีบมุดหน้าลงกับอกเขาเหมือนเดิม เมื่อเขาตั้งท่าจะจูบผมจริงๆ

ความจริงก็…ไม่ใช่ไม่อยากจูบนะ แค่เขินอ่ะเล่นตัวไปก่อนให้ดูมีอะไร หรือไม่มีอะไรนะ?

“เสียดายจังแต่ฉันอยากจูบนะ” ว่าจบคนตัวสูงก็ก้มลงมาหอมหัวผม เออดมเข้าไปหอมเข้าไป คนยังไม่ได้เป็นอะไรกันแท้ๆ แต่ทำตัวประหนึ่งว่าเป็นผัวผมไปแล้ว

“ความจริงคุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับผมนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมบอกเขา

“งั้นต้องเป็นอะไรกันล่ะ ถึงจะทำได้” ผมเม้มปากแน่นเมื่อเขาพูดแบบนั้น

“เป็นแฟน แต่ช่างเถอะคุณไม่ได้ชอบผมซะหน่อย จะเป็นแฟนกันได้ยังไง” ผมตอบในขณะที่เราสองคนยังยืนกอดกันอยู่เหมือนเดิม

“ใช่ ฉันยังไม่ชอบเธอ แต่ก็มีโอกาสที่จะชอบนิ” ผมช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างเบลอๆ เมื่อได้ยินที่เขาพูด

นี่เรียกว่าความสัมพันธ์ที่เริ่มพัฒนาได้รึเปล่า?







TBC.

ขอโทษที่มาช้านะคะ ช่วงที่ผ่านมากิจกรรมเยอะมากเหนื่อยมากเช่นกันคิดอะไรไม่ค่อยออกเลย แต่ตอนนี้ก็ผ่านทุกอย่างมาแล้วโล่งใจแล้วค่ะ อัพต่อได้แล้วววว





























ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เกิดอะไรขึ้น อยู่ๆคุณชายก้อรุก..รุนแรง..งงงงง      o22 o22 o22

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด