Monday is so boring
03
“ไอ้ตินเร็วๆ ดิ กูหิวข้าวแล้วเนี่ย”
“แปปดิเก็บของอยู่เนี่ย ข้อสอบก็ยากจัง มึงก็เร่งอยู่ได้”
คนถูกเร่งมุ่ยหน้าพลางกับยัดปากกาดินสอรวมถึงบัตรประชาชนเก็บใส่กระเป๋าอย่างเร็วพลัน ใครจะไปคิดล่ะว่าการสอบมิดเทอมของมหาลัยจะหินเอาเรื่อง เล่นโยนคำถามสามสี่ข้อกับกระดาษเปล่าๆ มาแบบนี้ก็แถจนมือหงิกเลยน่ะสิครับ
“เป็นไรของมึงอ่ะ ตอนแรกเห็นเร่งเชียว”
“......”
“นิน”
“…..”
“ไอ้นิน!”
เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกฝ่ามือที่ขนาดไม่ต่างกันแตะเข้าที่ไหล่...ไม่สิ ต้องเรียกว่าตบดังป้าบเลยต่างหาก ชนินญ์หันหลังไปส่งสายตาดุใส่เฌอตินเพื่อนรัก แต่ทำได้ไม่นานก็ต้องรีบเบือนสายตากลับไปยังห้องสอบข้างๆ ตามเดิม
“เป็นไรอีก เหม่อจัง”
“ติน...คนนั้น”
“คนไหน?” เฌอตินชโงกมองไปตามเรียวนิ้วของเพื่อนชาย “ผมยาวๆ เซอร์ๆ อ่ะนะ?”
“ทำไมเขาดูดีจัง...”
ชนินญ์รู้สึกเหม่อลอย เสื้อช็อปสีน้ำตาลของคณะถ้าเดาไม่ผิดน่าจะสถาปัต เรือนผมหยิกนิดๆ ประบ่าคล้ายกับศิลปินติสท์ๆ ซักคน ส่วนสูงที่น่าจะสูงกว่าเขาซักหน่อยจนน่าซบ ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจถึงเต้นแรงขนาดนี้...พ่อบอกว่า หัวใจคนเรามักไม่ได้เต้นตึกตักแบบนี้ตลอดเวลานักหรอก เว้นเสียแต่ว่า...
เราจะเจอคนที่ชอบ
“ชอบหรอ?”
“...อื้อ”
เด็กชายตอบไปอย่างล่องลอย เขาแทบไม่ได้ยินเสียงที่เฌอตินถามเลยแม้แต่นิด มันคล้ายกับประสาทสัมผัสทั้งหมดถูกปิดการใช้งานจนเหลือเพียงแต่ประสาทด้านการมองเห็นด้านเดียวที่ยังคงจ้องมองไล่ตามแผ่นหลังสมส่วนนั่นค่อยๆ จางหายไปเรื่อยๆ
ยอมรับเลยว่ารสนิยมของเขาคือชอบผู้ชาย และนั่นก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากับเฌอตินคบกันอยู่แค่สองคน เพราะเราต่างก็ชอบผู้ชายเหมือนกัน... ทว่าไม่ใช่ผู้ชายทุกคนซะหน่อยที่เราจะรู้สึกสนใจ แหงสิ...คนอย่างเราๆ ก็มีสเปคเหมือนกันนะ และสเป็คของชนินญ์ก็คือ..
หนุ่มเซอร์
“เปิดเทอมมาได้ไม่กี่เดือนก็ปิ๊งหนุ่มซะละ”
“อย่าให้กูแซวมึงมั่งนะติน” ชนินญ์ชี้นิ้วดุเพื่อนรักราวกับกำลังกำความลับของอีกฝ่ายไว้เช่นเดียวกัน
“โอเคร เราจะไม่ล้อกันเนอะ”
“ให้มันได้อย่างนี้” คนพูดพยักหน้าพอใจ “อ๊ะ! ต้องไปดูรายชื่อ”
ว่าเสร็จชนินญ์ก็ปรี่เข้าไปดูแผ่นกระดาษที่แปะไว้บนประตูห้องสอบห้อง1417ที่อยู่ข้างๆ โห...เป็นนักศึกษาถาปัตจริงๆ ด้วย แถมยังมีตั้งเกือบสามสิบคนแน่ะ แสดงว่าเด็กถาปัตที่ว่าน่าจะยกขโยงกันลงเรียนวิชาเสรีของนิเทศกันตรึมเลยแฮะ
เดี๋ยวนะ...ปีสี่? งั้นก็แสดงว่าเป็นรุ่นพี่น่ะสิ มิหนำซ้ำยังแก่กว่าตั้งสามปีเลยหรอ แต่ไม่เป็นไร อายุไม่ใช่อุปสรรคซักหน่อย...หมายความว่าคนเราจะคบกันได้ต้องไม่สนเรื่องอายุต่างหาก
มันต้องมองกันที่ใจสิ
แต่เห้ย!! นี่เขาฝันเฟื่องไปไกลถึงขนาดนั้นเชียว ชนินญ์ทะเลาะกับตนเองอยู่คนเดียว...หยุดคิดเลยไอ้นิน...นี่คนที่เพิ่งจะรู้จักแค่ไม่กี่นาทีเองนะ ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไอ้นินเอ๊ย
เมื่อออกจากห้วงความฝันได้ เด็กหนุ่มก็หลุดถอนหายใจ...นึกๆ ดูแล้วมันก็ยากเอามากๆ เลยแฮะที่เราจะเข้าไปอยู่ในใจของใครซักคนได้ คงจริงอย่างที่พ่อบอก...ความรักมันไม่เคยง่ายเลย...
ทำไมรู้สึกท้อตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้วล่ะ...
“ถ่ายรูปรายชื่อทำไมวะ?”
“ติน!” ชนินญ์ตบบ่าเพื่อนรักพร้อมจ้องมองด้วยสายตามุ่งมั่นโดยไม่ได้สนใจคำถามอีกฝ่ายแม้แต่นิด
“หะ...หา?” คนฟังชะงักเล็กน้อย อะไรของมัน อยู่ดีๆ ก็ทำท่าจริงจังซะงั้น
“มึงต้องช่วยกูหาเฟสพี่เขาให้เจอ!”
สุดจะจนปัญญา
ขนาดนักเขียนชื่อดังอย่างเฌอตินณาราผู้ที่สามารถหาเรฟเฟอร์เรนซ์อิมเมจนิยายได้ทุกคนตามใจนึกยังแห้วเป็นหมา ชนินญ์ไม่รู้ว่าทำไมพี่ถาปัตคนนั้นถึงไม่เล่นโซเชียลอะไรซักกะอย่าง
อย่าว่าแต่เฟสหรือไอจีเลย ความบังเอิญให้เห็นหน้ากันอีกซักครั้งก็ยังไม่มี สงสัยทฤษฏีแรงดึงดูดคงเป็นแค่หลักการหลอกเด็ก เพราะต่อให้เขาอยากจะดึงดูดพี่คนนั้นยังไง หากถ้าแรงดึงดูดจากอีกฝ่ายไม่รุนแรงมากพอ...ความสัมพันธ์ของเราก็คงริบหรี่
ชนินญ์คนนก...
“นิน พี่คนนั้นเขาใช่คนรึเปล่าอ่ะ ทำไมกูหาไม่เจอเลย”
“มึงนี่ก็…”
เด็กหนุ่มฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม้หินอ่อนใต้ต้นมะขามต้นใหญ่ข้างคณะ พวกเขาหามาทั้งอาทิตย์แล้วนะ นี่ขนาดคณะอยู่ใกล้กันก็ไม่ยักกะเจอเลย ตกลงวันนั้นเขาไม่ได้ตาฟาดไปใช่ไหมเนี่ย...
“ลองเปลี่ยนเป้าหมายเป็นพี่กีฬาดูไหม กูเห็นพี่เขาก็สนใจมึงเหมือนกันมะ”
“มึงไม่เอาล่ะ พี่เขาก็ดูท่าสนใจมึงเหมือนกันนี่” ชนินญ์สวนกลับ
“มึงก็รู้ว่ากู...”
“เฮ้อ...กูก็คงเหมือนกันแหละมั้ง ดันลบภาพพี่เขาไม่ออกซะงั้น โคตรนิยาย”
ชนินญ์หลุดถอนหายใจอีกเฮือก สงสัยครั้งนี้จะถอนดังเกินไปจนไอ้เพื่อนรักต้องเอาฝ่ามือมาอังลม บางทีเฌอตินก็เป็นคนแปลกๆ ด้วยความที่จินตนาการมันล้ำลึก เจ้าตัวเลยชอบทำท่าทางพิลึก อย่างเอามือมาจับแก้มเวลาเขากินข้าว หรือจ้องมองเวลาเขางีบหลับ สงสัยจะเป็นวิธีการเก็บข้อมูลสำหรับเขียนนิยายของมันล่ะมั้ง...
“จ้างนักสืบป่ะ”
“ต้องขั้นนั้นเลยมั้ย”
“ก็กูหาไม่เจออ่ะ”
“มึงดูติดใจกับการหาไม่เจอจริงๆ เนอะ”
“แหงดิ ปกติมึงให้กูหาคอนแทคใครกูก็หาเจอหมด แล้วทำไมพี่คนนี้ไม่เจอนะ”
ชนินญ์ส่ายหน้าในความเว่อร์ของเพื่อนรัก ถึงเขาจะแอบปลื้มพี่ถาปัตคนนั้น แต่ก็ไม่ได้โหยหาถึงขนาดต้องจ้างนักสืบซะหน่อย... จริงๆ ก็อยากจ้างอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่า...เสียดายตังค์ แล้วก็...เขิน
เขินอะไรวะนิน ยังไม่ได้เจอกันเลย
“...ได้ครับ เดี๋ยวผมส่งรายชื่อไปให้นะ ครับ...ทั้งสามสิบคนนั่นแหละ”
“เห้ยๆ ไอ้ติน ทำอะไรเนี่ย”
เด็กหนุ่มเขย่าแขนเพื่อนรักเมื่อหันไปเห็นว่าอีกฝ่ายที่กำลังยกหูโทรศัพท์คุยกับใครซักคน
อย่าบอกนะว่า…
“จ้างนักสืบไง”
“เชี่ยยยย!!” ชนินญ์อ้าปากหวอพร้อมอุทานเสียงหลง “มันแพงงง สามสิบคนจะกี่แสนวะนั่น”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจ่ายให้”
“เห้ย เงินแสนเลยนะเว้ย มึงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ติน กูไม่เอานะติน!!”
ชนินญ์รีบคัดค้าน ต่อให้รู้อยู่เต็มอกยังไงว่าเฌอตินเพื่อนรักเป็นมหาเศรษฐี แต่เขาก็ไม่ใจกล้าหน้าด้านขนาดเอาเงินเพื่อนมาจ้างนักสืบให้ไปค้นหาคอนแทคของคนที่แอบชอบหรอก
“ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลังสามปีรวดไง”
“มันจะต้องรวยอะไรขนาดนั้น”
“เอาน่านิน ไหนๆ กูก็จ้างไปแล้ว มึงไม่เอาก็เสียของนะ”
ชนินญ์มองค้อนเพื่อนรักด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อย ก็ไม่คิดหรอกว่ามิตรภาพตอนซัมเมอร์สมัยมอสามที่เมกาจะทำให้เราสนิทกันมาถึงตอนนี้ เพราะเขาก็กลับมาต่อไฮสคูลที่ไทย ส่วนเฌอตินก็ยังคงอยู่ที่นั่นตามเดิม
“บลูฮาวายแก้วนึงครับ”
“พวกพนักงานชอบหายหัวไม่รับแขกเหมือนเดิมเลยเนอะ”
ประโยคแรกที่ได้คุยกันทำเอาเขาหุบยิ้มไม่หยุด...หากเป็นการแอบลอบยิ้มลับหลังพี่เจ้าของร้านคนนั้น เซอร์ไม่พอ ยังเป็นเจ้าของร้านเหล้าอีก ทำไมพี่ถึงได้คูลขนาดนี้นะ
“เรียกพี่เพิร์ทก็ได้”
“ครับ พี่เพิร์ท...”
ขนาดชื่อยังคูลเลย นี่เขาแอบชอบคนคูลขนาดนี้ไปได้ยังไงกัน ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่เด็กชายกากๆ คนนึงจังเลยล่ะ แถมไอ้นิสัยยิ้มไม่หยุดก็ไม่รู้ดันแสดงออกมาตอนไหนบ้าง กลัวเหลือเกิน...กลัวว่าพี่เพิร์ทจะรู้ความลับ ความลับที่มีคนแอบชอบ เพราะถ้าเป็นงั้น...
พี่เพิร์ทคงไล่เขาออกจากร้านแน่ๆ
[ให้กูไปนั่งเป็นเพื่อนเปล่า กูไปนั่งเขียนนิยายเงียบๆ ได้นะ]
“ไม่ต้องเลย ถ้ามึงมาพี่เขาก็ไม่แวะมาคุยกับกูอ่ะดิ”
[ร้ายว่ะนิน กูยืมคาแรคเตอร์มึงแปป]
“จะทำอะไรก็ทำ แล้วไม่ต้องโทรมาเวลานี้อีกเข้าใจป่ะ”
[ใช่สิ]
“อย่ากวนตีนครับน้องเฌอติน แค่นี้แหละ ส่วนเรื่องเงินเดี๋ยวไว้กูช่วยเรื่องมึงกับพี่...”
[อ๊ะ ไม่ต้องเลย แค่นี้นะ!]
กลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ชนินญ์มักจะต้องมานั่งชิวตรงโต๊ะมุมสุดของมันเดย์จนร้านปิดไปแล้ว ยิ่งพักหลังๆ พี่เพิร์ทดันชอบแวะมาคุยด้วยบ่อยๆ จนหัวใจเหมือนถูกชาร์จด้วยไฟฟ้าที่ไม่มีวันหมด
เขาเคยคิดนะว่าพี่เพิร์ทจะแอบชอบเขาอยู่บ้างหรือเปล่า หากแต่พอลองมองดูสถานการณ์รอบๆ กลับต้องหลุดขำแห้งๆ คนเดียว ก็เล่นมาทุกวันขนาดนี้ แถมมันเดย์ยังมีลูกค้าน้อยขนาดนี้ จะแปลกอะไรกันที่พี่เจ้าของร้านจะอยากทำความรู้จักเพื่อตีสนิทให้มาอุดหนุนตลอด
ช่างมันเถอะนิน...อย่างน้อยก็ได้คุยกับคนที่แอบชอบ
“พี่ว่าจะจ้างรีทัชรูปให้หน่อยอ่ะ ใกล้รับปริญญาแล้ว”
“ได้ครับ พี่สะดวกบรีฟงานทางโทรศัพท์หรือนัดเจออ่ะ?”
ปกติชนินญ์มักจะไม่ค่อยมามันเดย์ในวันจันทร์ซักเท่าไหร่หรอกเพราะพ่อชอบแวะมาหา แล้วก็พาไปกินข้าวรวมถึงขนมอร่อยๆ กันสองคน เขาเลยถือโอกาสนี้เดย์ออฟไปหนึ่งวันในตัว คิดๆ ดูก็ดีเหมือนกัน...หัวใจจะได้พักผ่อนบ้าง
เว้นเสียแต่วันนี้ที่พี่รหัสมัยมัธยมติดต่อจ้างกะทันหันให้รีทัชรูปสำหรับงานรับปริญญาปลายปี เขากะว่าจะทำให้ฟรีแหละ ยังไงก็พี่น้องกันนี่เนอะ อีกอย่าง...เขาอยากมาเจอพี่เพิร์ทด้วย ถึงแม้จะได้เจอแปปเดียวเพราะตอนเย็นต้องรีบกลับไปกินข้าวกับพ่อ และถึงแม้พรุ่งนี้หรือวันอื่นๆ ก็ยังจะได้เจอเหมือนเดิมก็ตาม
“น้องขาประจำคะ พอดีพี่เพิร์ทเรียกให้ขึ้นไปพบน่ะค่ะ น้องสะดวกขึ้นไปไหมเอ่ย”
“ผมหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ ห้องข้างบนนะ เดินขึ้นบันไดไปก็เจอเลย”
ชนินญ์ไม่รู้ว่าทำไมพี่เพิร์ทถึงเรียกให้เขาขึ้นไปหาที่ห้องข้างบนนั้น นี่เราสนิทกันถึงขนาดเขาห้องกันได้เลยหรอ หรือพี่เพิร์ทคิดจะจ้างงานอะไรเขารึเปล่าหว่า ต้องใช่แน่ๆ ...เพราะเขาก็ชอบยกคอมมาเนียนทำงานทุกวันเพื่อที่จะได้แอบส่องพี่แก
จริงๆ ก็มีงานทำแหละ คือเขารับงานรีทัชรูปมาทำแก้เขินน่ะ ขืนมานั่งเล่นคอมเฉยๆ คงได้โป๊ะแตกเขาซักวัน อาจด้วยเหตุนี้ล่ะมั้งคุณพี่รหัสถึงติดต่อมาให้ช่วยรีทัชรูป
ส่วนที่พี่เพิร์ทเรียกให้ขึ้นไปหานั้น...เอาวะ อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าคุณพี่รหัสจะมา ขึ้นไปหาซักหน่อยคงไม่เป็นไร...พี่เพิร์ทคงจะมีธุระด่วนจริงๆ อีกอย่างก็...เขาอยากแอบดูห้องทำงานของพี่เพิร์ทด้วย
ก๊อก! ก๊อก!
“เข้ามาเลยครับ”
เสียงพี่เพิร์ทหรอ? ทำไมถึงไม่คุ้นเลยล่ะ ชนินญ์ขมวดคิ้วพลางกับเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่ใส่ใจหลังคำอนุญาต ทว่าภาพตรงหน้าที่เห็นกลับทำเอาคนมองแทบล้มทั้งยืน
พี่เพิร์ทกับพี่เด็กเสิร์ฟกำลังจูบกัน...
อย่างนี้เองหรอกหรอ สองคนนี้เป็นแฟนกันหรอกหรอ นี่เขาหลงรักคนมีเจ้าของมาตลอดหรอกหรอ...
“พะ...พี่เพิร์ท”
“นะ...น้องนิน มันไม่ใช่แบบที่น้องคิดนะ!”
“ผมคงมารบกวน...”
ชนิญไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะจัดการความรู้สึกของตนเองยังไง รู้เพียงแค่ว่าเขาเดินออกมาจากห้องๆ นั้นอย่างเร็วพลันราวกับได้ตัดตัวตนออกจากโลกใบนี้ชั่วคราว...
ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ทำไมถึงรู้สึกจุกอกขนาดนี้ล่ะ? มันไม่แฟร์ชะมัดเลย เขายังไม่ได้รักพี่เพิร์ทเลยนะ...เขาก็แค่...แอบชอบพี่เพิร์ท แล้วก็แค่...มีความสุขเวลาได้คุยกับพี่เพิร์ท
นี่เขาอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยหรอ...
“ฮึก...”
ร้องไห้ออกมาเฉยเลยชนินญ์ ทำไมถึงอ่อนแอขนาดนี้ล่ะ เด็กหนุ่มยกแขนหนึ่งข้างปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะย่ำฝีเท้ารีบตรงยังลานจอดรถอย่างรวดเร็ว เรื่องงานไว้ค่อยนัดคุยทีหลังก็แล้วกัน วินาทีนี้เขาคงไม่สามารถทนให้ใครเห็นสภาพห่วยๆ ของตนเองได้
ถ้าเป็นเฌอตินคงไม่พ้นถูกอีกฝ่ายหยิบเรื่องนกๆ นี้ไปเขียนเป็นนิยายอีกแหง ส่วนถ้าเป็นพี่เพิร์ทคงถูกไล่ออกจากร้านโทษฐานคิดไม่ซื้อกับพี่พ่อค้า แย่ว่ะนิน...ทำไมการแอบรักใครซักคนมันถึงทรมานขนาดนี้
ถ้าเขาสามารถรีทัชความรู้สึกร้ายๆ ที่กำลังเป็นอยู่ออกไปได้ก็คงดี...
“มึงทำเหี้ยอะไรของมึงเนี่ยย!!” เพิร์ทยกมือปาดป้ายริมฝีปากอย่างขนลุกหลังถูกไอ้เด็กเวรจุมพิต
“นั่นไง น้องเขาชอบพี่จริงๆ ด้วย”
“ชะ...ชอบเหี้ยอะไร” ชายหนุ่มว่าตะกุกตะกัก
“พี่...ถ้าคนปกติเห็นคนจูบกันเขาคงแซวหรือทำหน้าล้อๆ ไม่ใช่วิ่งหนีไปแบบนั้น” คนที่ถูกผลักจนล้มลงไปกับพื้นยันตัวขึ้นพลางปัดเช็ดร่างกายเล็กน้อย “พี่เชื่อผมดิ น้องนินต้องชอบพี่แน่ๆ”
เพิร์ทกำหมัดแน่น เขาไม่รู้ว่าวินาทีนี้ตนเองควรทำอะไร เพราะเมื่อกี้สีหน้าของน้องนินเห็นได้ชัดว่าเจื่อนเอามากๆ น้องจะเข้าใจผิดหรือเปล่า...น้องจะเกลียดเขาหรือเปล่า
“ยัง...ยังไม่ตามไปอีก”
“ตะ...ตาม ทำไมวะ”
“ไปอธิบายไงโว้ยยยย จะให้น้องเขาเข้าใจผิดอย่างนี้เรอะ”
“ก็มึงเป็นคนทำให้เข้าใจผิดไม่ใช่รึไง!!”
“ยัง...ยังไม่ไปอีกคุณเจ้านาย”
“อ...เออ! ไปแล้ว”
เพิร์ทก้าวขาจนแทบจะวิ่งเพื่อมุ่งไปยังลานจอดรถ เขาไม่รู้หรอกว่าน้องนินกำลังจะไปไหน แต่ถ้าให้เดาน้องคงอยู่ที่นั่น ไม่รู้สิ...เขามีเซนส์ล่ะมั้ง หรือบางทีอาจเป็นเพราะหัวใจที่กำลังเต้นตึกตักคล้ายกำลังบอกทาง
ใช้เวลาไม่นานก็ตามทันเด็กหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มหวาน
ร่างสมส่วนโผเข้าไปหยุดยืนพร้อมกับอ้าแขนกั้นไม่ให้รถมอเตอร์ไซคันสีเหลืองเคลื่อนออกจากลานได้ เพิร์ทมาทันเวลาพอดี ทันเวลาพอที่จะทำให้เจ้าของหมวกกันน็อคหยุดชะงัก หากแต่ไม่ยอมเปิดใบหน้า
“พะ...พี่เพิร์ท...มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เปิดหมวก...ก่อนดีไหม”
“ไม่ดีกว่า...ผมรีบ”
เพิร์ทยิ่งกำหมัดแน่นขึ้นไปอีก เขารับรู้ได้แน่ชัดเลยว่าตนเองแคร์ความรู้สึกของน้องมาก ถึงแม้จะไม่รู้ว่าในเวลานี้น้องกำลังเป็นอะไร
“ถอดได้มั้ย…นะ น้องนิน”
น้องชะงักเล็กน้อยคล้ายกับใช้ความคิด ก่อนจะค่อยๆ ดึงหมวกสีดำอันใหญ่ออกจากศีรษะ ริมฝีปากบางสวยเม้มแน่นเข้าหากันราวกับตื่นกลัว รอยยิ้มอันสดใสที่เคยมีจางหายไปจนหมด และที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ...
น้องร้องไห้...
“ผม...ขอโทษ ผมทำไม่ได้จริงๆ ฮึก”
“นะ...น้องนิน เป็นอะไร ทะ...ทำไมต้องร้อง”
เพิร์ทรีบปรี่เข้าไปจับตามเนื้อตัวเด็กชายที่กำลังสะอื้นไห้ ยอมรับเลยว่าเขาทำอะไรไม่ถูก ยิ่งโดยพื้นฐานเป็นคนป๊อดๆ อยู่ด้วยแล้ว พอมาเห็นคนที่ตนเองแอบชอบกำลังยืนร้องไห้เสียใจ ก็ยิ่งเหมือนร่างกายสูญเสียการควบคุม เขาอยากปลอบน้อง อยากกอดน้องเหลือเกิน....
แต่ติดตรงที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน
“...ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ตะ...แต่ ให้พี่อยู่ข้างๆ ได้ไหม” เพิร์ทพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
เขาทำได้มากสุดก็เพียงแค่แตะไหล่ปลอบปะโลมด้วยแรงเบาบาง
“ฮึก ผม...ผมจะบอก”
ชนินญ์พยายามกลั้นน้ำตา เพราะเขาอดทนเก็บความรู้สึกต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ต่อให้รู้อยู่เต็มอกว่าพี่เพิร์ทกับพี่เด็กเสิร์ฟเป็นแฟนกัน...แต่อย่างน้อย ก็ขอให้เขาได้บอกความรู้สึกของตนเองเป็นครั้งสุดท้าย เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่มันเดย์จะกลายเป็นแค่ความทรงจำของสองเรา...
“ผมชอบพี่…”
แยกไม่ออกว่ามันเป็นความรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างดีใจหรือตกใจ เพิร์ทไม่คิดว่าสิ่งที่ตนเองคาดหวังมาทั้งหมดจะกลายเป็นจริง เขาไม่ได้หูฝากไปอย่างนั้นหรอกหรอ น้องยิ้มหวานชอบเขา...อย่างงั้นหรอกหรอ
“น้องนิน...”
“…ผมขอโทษ” เด็กชายก้มหน้างุดราวกับรู้สึกผิด
“ขะ...ขอโทษทำไม”
“ผมไม่อยากทำให้พี่ลำบากใจ”
“ถ้าเราขอโทษพี่ พี่ก็คงต้องขอโทษเราเหมือนกัน”
เพิร์ทยกมือเกาแก้มเก้อๆ ตอนนี้โครงสร้างทั้งหมดในหัวใจดันถูกพังทลายลงด้วยคำพูดเพียงคำเดียว คำพูดที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยิน แต่ไม่เป็นไร...เขาเต็มใจให้มันพัง หากมันจะพังด้วยฝีมือของน้องนิน
“เพราะพี่ก็...ชอบน้องนิน”
“พะ...พี่เพิร์ท” เด็กหนุ่มยิ่งก้มหน้างุดมากขึ้นไปอีก “มะ....ไม่ต้องมาพูดให้ผม ฮึก...ดีใจเลย”
“พี่พูด...จริงๆ”
เพิร์ทกลืนน้ำลายดังเอื้อกก่อนจะรวบรวมความกล้าอันน้อยนิดเอื้อมมือไปจับฝ่ามือน้อยๆ ขึ้นมากุมไว้อย่างนุ่มนวล โว้ยยยย จับไปจนได้ แถมมือน้องยังโคตรนิ่ม นี่น่ะหรอมือของคนที่แอบชอบ มันนิ่มสะจนเขาอยากจับไปทั้งวัน ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เขาไม่เคยต้องอดทนฝืนอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย
หากแต่เป็นการฝืนที่สุขใจชะมัด
“……”
“ยะ...อย่าเงียบสิ พี่ใจคอไม่ดี”
“ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไร…”
มันเหมือนฝัน คนที่ตามหามาตลอด คนที่เฌอตินเสียตังเกือบแสนเพื่อจ้างนักสืบ คนที่เขามานั่งเฝ้าทุกวันจนร้านปิด คนที่เขาลงทุนรับงานพิเศษเพื่อจะได้หาอะไรทำให้อยู่ใกล้ๆ
คนนั้นที่จู่ๆ ก็กลายมาเป็น...คนที่ชอบเรา
“ฮือ พี่พูดจริงๆ ใช่มั้ย” คนน้องยกมือปิดหน้า
“อะ...อื้อ พี่ชอบเรา...ชอบจริงๆ”
เพิร์ทรู้สึกหน้าแดงเมื่อต้องสารภาพความรู้สึกเป็นครั้งที่สอง ไม่วายก็ต้องหลุดยิ้มให้ความน่ารักของน้อง นี่น้องก็เขินเขาเหมือนกันใช่มั้ย...เขินเพราะรู้สึกเหมือนกับเขาใช่มั้ย
“แล้ว...เราควรทำอะไรต่อดีครับ” ชนินญ์ค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นมองร่างที่สูงกว่าเล็กน้อย
“กะ...ก็” เพิร์ทเกาแก้มด้วยนิ้วชี้พลางหลบสายตาเมื่อถูกเด็กชายที่แก้มแดงจากการร้องไห้ถามอย่างน่าเอ็นดู “ต่อไป...พี่ก็คงต้อง...จีบเรา”
“จีบจริงใช่มั้ย”
“จีบจริงๆ”
“งั้นผมจะไม่มาร้านพี่ทุกวันแล้วนะ”
“ดะ...ได้ไงล่ะ” เพิร์ทคิ้วตก “พี่ก็...เอ่อ...คิดถึงแย่ดิ”
ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทางเก้อกระดาก ถ้าไอ้ลูกน้องรู้มันคงล้อเขาไม่เลิกว่าพูดจาหวานๆ ก็เป็นด้วย ก็นะ...ความรักมักเปลี่ยนให้เรากลายเป็นคนที่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเสมอแหละ เขาเคยอ่านผ่านหนังสือซักเล่ม
และข้อความนั้นก็แน่ชัดในวันนี้...
“ผมจะไม่มาเฝ้าพี่แล้ว มันทำให้ผมดูใจง่ายอ่ะ เพราะงั้นเราต้องเปลี่ยนกันบ้างนะครับ”
“พูดแบบนี้แปลว่าให้จีบใช่มั้ย”
ชนินญ์หลุดยิ้มหวาน ถึงแม้จะมีคราบน้ำตาเปรอะเลอะนิดๆ หากแต่รอยยิ้มอันมีเสน่ห์กลับเปรอเลอะกว่า บางทีคงถึงเวลาที่ต้องซื้อของขวัญวันเกิดย้อนหลังสามปีซ้อนให้เฌอตินเพื่อนรักเหมือนกัน
“ผมรอให้พี่จีบตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้ว”
==============================END==============================
To Be Continued in >>> I was sick on Tuesday
จบแย้วค่า เรื่องสั้นเรื่องแรกของเก๊า ไม่เคยเขียนแต่อยากลองดูแหะๆ ถ้าขาดความละเอียดอะไรบางอย่างไปก็แนะนำได้น้า พลอตอาจจะไม่ลึกเท่าไรเน้อออ
ปล. คอมเม้นติชมได้ คอมเม้นให้กำลังจัยเค้าก็ได้ ><
ปล2. ฝากแฮชแท็ก #วันเมาๆกับร้านเหล้าทั้งเจ็ด ในทวิตเตอร์ด้วยจย้าา