อรุณสวัสดิ์ครับ ขอบคุณนะครับสำหรับความเห็นทุกรี คำติชม คำขู่จะทำร้าย และกำลังใจ
แต่ เอ ดูๆ ไป คนอ่านก็ค่อนข้างซาดิสม์เหมือนกันนะเนี่ย
ขอบคุณคุณ Thanagorn ที่เอากลอน "ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน" มาให้อ่านนะครับ
คนที่ ตกอยู่ในวังวนแห่งรักที่จักตัดใจเท่าไหร่ก็หาทำได้ไม่ เท่านั้นจะรู้ซึ้งดี
รักทำให้นักบวชกลายเป็นเสื้อร้าย
รักทำให้เสือร้ายกลายเป็นแมวเหมียว
รักทำให้ไข่เจียวกลายเป็นต้นยำ
รักทำให้ส้มตำกลายเป็นแกงจืด
จริงหรือเปล่า๊น๊า อยากรู้นัก
บทที่ 26 ครับ จะรักใครเกลียดใครก็เลือกเอาตามสบายนะครับ แต่ขอให้เอาผู้เขียนไว้ในหมวด "คนที่ผู้อ่านรัก" นะ
26
เวลาใกล้เที่ยง อนุภาพขับรถผ่านโรงพยาบาลของอำเภอสอง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนที่ตรงไปยังที่ว่าการอำเภอเพื่อเลี้ยวขวาตรงไปยังสถานีตำรวจ ชายหนุ่มชะลอรถเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อนุภาพเหลือบไปมอง รู้สึกแปลกใจที่เห็นธงรบโทรมา
...สงสัยอธิคมโทรไปปรับทุกข์กับธงรบ และเล่าเรื่องของเมื่อวานนี้หรือรวมถึงเรื่องของวันนี้ที่เขาจะไปคุยกับอธิคม ธงรบคงโทรมาช่วยเชียร์เพื่อน หว่านล้อมเขาให้กลับไปคืนดีกับอธิคม...
อนุภาพอมยิ้ม คิดในใจว่าอธิคมกับธงรบคงรักกันมาก มีอะไรช่วยกันตลอด แม้จะพากันหาเรื่องใส่ตัว แต่ก็กอดคอกันแก้ปัญหาจนสำเร็จทุกครั้งไป
...แล้วอาวุธล่ะ มีเรื่องกับอธิคมแบบนี้ ยังจะเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่อีกหรือเปล่า ธงรบจะพลอยโกรธอาวุธไปกับอธิคมด้วยหรือไม่...
ไม่ทันที่อนุภาพจะได้คิดอะไรต่อ เขาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายของธงรบ เตรียมฟังเสียงร่าเริงที่ชอบพูดเล่นก่อนจะเข้าเรื่องเวลาที่โทรศัพท์มาหาเขา
"คุณนุ ผมอยู่แพร่แล้วนะ คุณนุฟังดีๆ นะ ผมไม่ได้พูดเล่น" เสียงธงรบราบเรียบ
"ผู้กองมีอะไรหรือครับ" อนุภาพถาม
"สารวัตรครับ ผมเลื่อนยศแล้ว" ธงรบแก้ยศให้ถูก
อนุภาพกำลังจะอ้าปากพูดแสดงความยินดี หากธงรบรีบพูดต่อว่า
"ผมโทรมาเรื่องอธิคมเพื่อนผม คุณนุคือว่า..."
"สารวัตรอธิคมให้สารวัตรธงรบโทรมาหรือหรือว่าตั้งใจโทรมาเอง" อนุภาพเปลี่ยนน้ำเสียงเข้มขึ้น ชักจะนึกฉุนเพื่อนที่แสนดีคนนี้
"เปล่า ผมไม่ได้อยากจะโทรมา โอ๊ะไม่ใช่ๆ จริงๆ ผมก็อยากจะโทรหาคุณนุอยู่หรอก แต่...เอ่อ...ไม่อยากจะโทรหาเรื่องนี้ คุณนุครับ ไอ้คม..."
อนุภาพเงียบ รอฟังว่าธงรบจะพูดอะไรต่อ ในใจก็คิดว่า อุตส่าห์ทำเสียงจริงจัง ธงรบจะเล่นอะไรอีก
"ไอ้คม...เอ่อ...คุณนุ ฟังให้จบก่อนนะ อย่าวางสายเด็ดขาด ผมพูดจริงๆ นะ ไม่ได้ล้อเล่น ไอ้คมถูกยิง"
...อธิคมถูกยิง!
...เสียงธงรบจริงจังมาก ไม่ได้ล้อเล่น แต่หากธงรบแกล้งพูด ก็ถือว่าทำได้แนบเนียนมาก...
"เมื่อคืนมันพาทีมเฉพาะกิจไปดักซุ่มการขนยาเสพติด นั่งซุ่มนอนซุ่มข้ามวันข้ามคืน พวกนั้นไหวตัวทัน เลยเกิดปะทะกัน สงสัยยิงกันโป้งป้าง คนร้ายตายสี่ศพ ตำรวจเจ็บไปสามนาย ไอ้คมก็โดนด้วย ท่าทางหนักพอควร เอ๊ย ไม่หนักเท่าไหร่ครับ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลสอง คุณนุ...คุณนุ...ทำไมเงียบไป" ธงรบส่งเสียงเรียก
อนุภาพนิ่ง...ตามองไปข้างหน้า เห็นไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่ประสาทเขายังไม่สั่งการให้เคลื่อนรถออกตามสัญญาณไฟ หูแว่วๆ ได้ยินเสียงบีบแตร พร้อมๆ กับเสียงของธงรบยังดังเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์
...โรงพยาบาล ต้องไปโรงพยาบาล โรงพยาบาลอยู่ที่ไหน อธิคมอยู่ที่โรงพยาบาล อธิคมถูกยิง...
อนุภาพมือไม้สั่น ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป มือขยับมาเปลี่ยนเกียร์ ยกเท้าที่วางอยู่บนเบรกเพื่อออกรถ แต่รถก็ไม่ขยับ เสียงแตรรถคันที่จ่ออยู่ด้านหลังคันของเขาดังลั่น อนุภาพขยับเปลี่ยนเกียร์อีก คราวนี้รถเคลื่อนแต่ถอยหลัง แตรรถคันที่อยู่ข้างหลังยิ่งดังถี่มากกว่าเดิม อนุภาพรู้สึกตัว เหยียบเบรกอย่างแรงด้วยสัญชาตญาณ
ชายหนุ่มหายใจเข้าออกแรงๆ พยายามรวบรวมสติ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก อนุภาพอยากเอื้อมมือไปรับแต่ก็ทำไม่ได้ มือไม้เขาสั่นไปหมด เขากำลังพยายามขยับรถ เขารับโทรศัพท์ตอนนี้ไม่ได้
ในที่สุดเขาก็เคลื่อนรถออกจากที่ได้ทันก่อนที่ไฟจราจรจะเปลี่ยนเป็นไฟแดงอีกครั้ง อนุภาพขับรถตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆเหมือนไร้จุดหมายปลายทางทั้งที่ในใจบอกว่าต้องไปโรงพยาบาล ในที่สุด ชายหนุ่มจอดรถข้างทาง หายใจเข้าออกแรงๆ อีกครั้ง นิ่งอยู่ครู่ใหญ่จึงตั้งสติได้
...อธิคมถูกยิง อีกไม่กี่นาทีเขาก็จะไปพบอธิคมและคุยเรื่องความสัมพันธ์ที่ครบกำหนดสามเดือนซึ่งแม้จะย่นเวลาเข้ามา 9 วันแต่ก็ถือว่าครบสามเดือน...
สามเดือนที่ผ่านไป และวันนี้เขาได้ตัดสินใจแล้ว...
ไม่นานอนุภาพก็ถึงโรงพยาบาล ทันทีที่จอดรถ ชายหนุ่มวิ่งตรงเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน ถามหาสารวัตรอธิคม แต่พยาบาลบอกว่าย้ายไปที่ห้องผ่าตัดแล้ว และทันทีที่อนุภาพถึงหน้าห้องผ่าตัด เขาก็เห็นร่างของอาวุธยืนคุยกับหมอคนหนึ่ง
อาวุธหันมาเห็นอนุภาพ นายตำรวจก้มศรีษะให้หมอร่างใหญ่คนนั้นแล้วเดินเข้ามาหาเขา ใบหน้าของอาวุธเรียบนิ่ง ร้อยช้ำแดงๆ บนโหนกแก้มยังเห็นได้ชัด ปากเจ่อตอนนี้มีรอยช้ำเช่นกัน
"คุณนุ ไม่ต้องห่วง อธิคมอยู่ในห้องผ่าตัด หมอกำลังช่วยอยู่" อาวุธกล่าวเสียงเรียบ ใบหน้าเคร่งขรึม
"สารวัตร" อนุภาพพึมพำเสียงเบา ไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากเรียกอธิคม
"ผมกำลังตามหมอทหารเพื่อนรุ่นพี่อีกคนของผมมาช่วย คุณนุไว้ใจได้ อธิคมจะต้องปลอดภัย นั่งลงก่อนนะครับ" อาวุธปลอบ "ผมจะไปคุยเรื่องหมอกับเรื่องห้องผู้ป่วยที่ตึกหน้าซักครู่ คุณนุคอยอยู่ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวผมกลับมา"
อาวุธเดินจากไป ปล่อยให้อนุภาพยืนนิ่งอยู่คนเดียว ตามองประตูห้องผ่าตัด พยายามนึกถึงภาพที่กำลังเกิดขึ้นในนั้น
ไม่นาน อนุภาพได้ยินเสียงรองเท้ากระทบพื้นหินขัดของโถงทางเดินจึงหันไปมอง ธงรบเดินเข้ามาใกล้ๆ ใบหน้าราบเรียบ ตรงเข้ามาจับมืออนุภาพบีบให้กำลังใจ แล้วปลอบชายหนุ่มไม่ให้เป็นห่วง พูดคล้ายๆ กับที่อาวุธพูด
อนุภาพนั่งลงบนเก้าอี้ รู้สึกราวกับหมดแรงเหมือนวิ่งมาไกลเป็นสิบๆ ตาหันไปมองประตูห้องผ่าตัดเป็นระยะ สลับกับการมองผนังเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด
"คุณนุ อาวุธเขารู้จักคนเยอะ นี่ก็กำลังตามแพทย์ทหารอีกคนมาช่วย คนนี้เก่งมาก รับรองว่าไอ้คมไม่เป็นอะไร"
...ทำไมต้องปลอบเขามากขนาดนี้ แสดงว่าอธิคมอาการหนักเช่นนั้นหรือ...
อนุภาพถอนหายใจอย่างอึดอัด ตาเพ่งมองที่ประตูห้องผ่าตัดอย่างกระวนกระวาย
"แล้วย้ายได้หรือเปล่าครับผู้กอง โรงพยายาลเล็กๆ แบบนี้จะดีหรือ"
"อืม ถ้าหมอเก่งก็ไม่น่าเป็นห่วงครับ อีกอย่าง เขาคงไม่อยากเสี่ยงย้ายคนเจ็บ" ธงรบตอบ "คุณนุ ผมว่าไปนั่งที่ระเบียงข้างนอกดีกว่า อากาศจะได้ถ่ายเท หน้าซีดเหมือนจะเป็นลมแล้วนี่ เขาเพิ่งเข็นไอ้คมเข้าไปได้สิบกว่านาทีเอง คงอีกนานกว่าจะผ่าตัดเสร็จ"
"ผู้กอง สารวัตรจะเป็นอะไรหรือเปล่า"
ธงรบลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้อนุภาพ พูดกับชายหนุ่มเบาๆ "คุณนุ อธิคมไม่เป็นอะไรหรอก มันอยากอยู่กับคุณจะแย่ มันไม่ยอมไปไหนหรอก นี่ก็เร่งให้ผมมาแพร่ไวๆ มาช่วยให้ผมพูดกับคุณนุ และมาช่วยต่อยปากอาวุธ ผมนั่งเครื่องบินมาเลยนะ ไม่นึกว่ามันจะต้อนรับผมแบบนี้"
อนุภาพหันไปมองธงรบที่ทำหน้านิ่ง ใบหน้าของสารวัตรคนใหม่ดูแปลกไปยามทำหน้าเคร่งขรึม ดูไม่เหมือนธงรบ แต่ที่ยังเหมือนอยู่คือน้ำเสียงและลักษณะการพูด
"อ้อ อีกอย่าง ผมเลื่อนยศแล้ว ห้ามเรียกว่าผู้กองเด็ดขาดนะ ลำพังอาทิตย์เรียกคนเดียวผมก็เหลือจะทน"
"ครับสารวัตร"
"สับสนหน่อยนะคุณนุ มีสารวัตรในชีวิตสามคน เวลาเรียกก็หันไปมองหน้าหน่อยก็แล้วกัน จะได้รู้ว่าเรียกคนไหน" ธงรบพูดเสร็จแล้วหันไปมองทางเดิน กางแขนออกโอบไหล่อนุภาพ
"คุณนุ เชื่อผม ไอ้คมไม่เป็นอะไรหรอก มันมีกำลังใจดีแบบนี้ คมมันต้องดีใจมาก คนที่รักมันมานั่งเฝ้าหน้าห้องแบบนี้ ไอ้คมสู้ตาย เอ๊ย ไม่ใช่ สู้สุดชีวิต"
อนุภาพหันไปมองธงรบ ทำหน้าเหมือนจะดุสารวัตรหนุ่มที่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานยังมาพูดเล่นอยู่ได้ แต่ก็อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเกือบจะขำ อาวุธช่างเหมือนกับสมบัติ เวลาเครียดๆ นั้นทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้
...เหมือนอธิคม เวลาเครียดๆ เรื่องงาน แม้อธิคมกวนเขาให้ปวดประสาทเพิ่มอีกแต่ก็มีความรู้สึกขำๆ ปนอยู่ด้วย รู้สึกสบายใจ รู้สึกมีความสุข...
แบบนี้ไม่ใช่หรือที่เขาต้องการ สบายใจและมีความสุข เหมือนครั้งตอนที่รักกับธนาภพ
--บ้าจริงๆ ทำไมเขายังนึกถึงธนาภพอยู่อีกเล่า
...อนุภาพ พอเสียที คืนที่ผ่านมาได้ตัดสินใจแล้ว...
--ตัดสินใจหรือ เขาควรจะได้คุยกับอธิคมวันนี้ตอนเที่ยงเพื่อตัดสินใจร่วมกัน แต่นี่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด กลับไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้
สมบัติบอกว่าให้เก็บคนเก่าไว้ในส่วนหนึ่งของความทรงจำ จริงอยู่ คนรักคนแรกของเราคงไม่จางหายไปจากใจ ทำยังไงก็คงไม่หายไปได้ แต่ที่ที่เขาอยู่ ไม่ควรจะมายุ่งกับที่ของคนปัจจุบัน ไม่ควรให้ใครเป็นเงาของกันและกัน
คืนที่ผ่านมา เขาตัดสินใจโทรศัพท์คุยกับสมบัติ แม้จะอยู่ไกลถึงออสเตรเลียและเวลาต่างกัน สมบัติก็นั่งคุยกับเขาจนดึกดื่น คำพูดของเพื่อนรุ่นพี่ยังดังก้อง
...นุ จะรอให้สิ่งที่เราต้องการหายไปก่อนหรือถึงจะเสียดายตามหลัง แล้วจะฉายหนังเรื่องเดิมอีกหรือไง นุกำลังจะเป็นธนาภพนะรู้ตัวไหม ต้องให้เสียไปก่อนแล้ววิ่งตามคว้า พอเวลาผ่านไปแล้วมองย้อนกลับมาอดีตก็เอาแต่เสียใจว่า ตอนนั้น น่าจะทำอย่างนั้น น่าจะทำอย่างนี้...
"คุณนุก็ต้องสู้ด้วยนะ" ธงรบกระซิบข้างหู ปลุกอนุภาพขึ้นจากภวังค์
อนุภาพมองหน้าธงรบนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ แล้วหลุบตาลงมองแขนกำยำของนายตำรวจหนุ่มที่โอบไหล่เขาเพื่อให้กำลังใจอยู่ ธงรบยิ้มแล้วดึงมือกลับ ลุกขึ้นบิดตัวแล้วพยักหน้าให้อนุภาพลุกตาม
"ไปเถอะคุณนุ ไปนั่งข้างนอกกัน นี่คงอีกหลายชั่วโมง ตอนนี้ผมขอรับผิดชอบดูแลคุณนุเอง จะทะนุถนอมเอาไว้รอเพื่อนรักของผม"
"ผู้กอง" อนุภาพเรียกธงรบเสียงเข้ม
"มาซิครับ ตามมาสิ" ธงรบยื่นมือมาทำท่าจะดึงแขนอนุภาพ หากอีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบแล้วรีบเดินหนีไป
"นี่ก็เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกันนะ นี่รีบมาจนผมยังไม่ได้กินเบรดฟาสท์เลย หิวชิบ...เอ๊ย หิวจริงๆ ถึงคุณนุไม่ค่อยหิว แต่ก็ไปนั่งเป็นเพื่อนผมหน่อยเถอะ" ธงรบเดินตาม พูดไม่หยุด "กินคนเดียวมันไม่อร่อย"
อนุภาพมาหยุดยืนที่ระเบียงด้านหน้า กอดอก ตามองออกไปนอกอาคารสองชั้นของโรงพยาบาล นึกในใจว่าเขาคงไม่น่าจะมีเวลาคิดกังวลอะไรมากมายเพราะธงรบอยู่ใกล้ๆ ก็คงชวนคุยจนเหนื่อย แต่ถึงแม้ไม่คุยตอบ สารวัตรธงรบก็คุยคนเดียวให้เขาฟัง เหมือนๆ กับมีเครื่องเล่น mp3 เปิดทิ้งเอาไว้
"อาวุธมาโน่นแล้ว" ธงรบมาหยุดยืนข้างอนุภาพ มือล้วงกระเป๋า มองลงไปยังลานหน้าอาคาร
ทั้งสองรอจนอาวุธเดินขึ้นมาหา ธงรบจึงพูดกับเพื่อนว่า "อ้าว หน้าไปโดนอะไรมาวุธ เจ็บไหมเนี่ย"
"เจ็บ" อาวุธตอบสั้นๆ แล้วหันไปพูดกับอนุภาพ "แพทย์ทหารรุ่นพี่ผมมาถึงแล้วครับคุณนุ กำลังเข้าไปช่วยผ่าตัด"
"อีกกี่นาทีเสร็จ" ธงรบถาม
"ไม่น่าจะเกิน..." อาวุธชะงัก มองหน้าของอนุภาพที่มองเขาอยู่อย่างรอฟังคำตอบ "เอ่อ...ก็คงอาจจะ...ซักสองชั่วโมงนิดๆ"
"ฮื่อ ก็พอทน" ธงรบพยักหน้าทำเป็นเข้าใจ
...สี่ชั่วโมงเกือบถึงห้าเชียวหรือวะ...
ธงรบบ่นในใจ เพราะเขารู้ว่าอาวุธไม่ได้ให้คำตอบที่แท้จริง เขารู้จักอาวุธดี เวลาทำอะไรเพื่อนเขาคนนี้ไม่ใช่คนลังเล อาวุธตัดสินใจเด็ดขาด และหากอาวุธถูกถามและเริ่มคำตอบด้วยคำพูดอะไรแบบนี้ต้องคูณสองเข้าไป อาวุธแทบไม่เคยพูดว่า "เอ่อ...ก็คง...บางที" หรือ "อาจจะ" เพราะเมื่อใดที่พูด ก็หมายความว่าไม่มั่นใจและเผื่อเวลาไว้สองเท่า
คราวนี้อาวุธไม่มั่นใจ พอๆ กับที่อาวุธสับสันเรื่องของตัวเองกับอนุภาพ อะไรแบบนี้ นานทีปีหนจะเกิดขึ้นสักครั้ง อย่างน้อยก็ตั้งแต่กลับจากต่างประเทศและแฟนเสียชีวิต
...เฮ้อ พ่อคนเก่ง คราวนี้จะแก้ปัญหายังไง...หัวใจคนนี่ทำไมมันซับซ้อนแบบนี้ อะไรที่ไม่เคยเป็นก็มาเป็นไปได้ เขาก็คนหนึ่งล่ะ เจอเข้ากับตัวถึงได้รู้...
อาวุธบอกว่าจะไปคุยกับแพทย์เรื่องห้องพักคนป่วยอีกครั้ง แล้วต้องไปสถานีตำรวจเพื่อสอบถามเรื่องคดีแล้วแวะไปทำธุระอะไรบางอย่าง
"คุณนุอยู่กับธงรบนะครับ"
"เออน่า ไม่ต้องห่วง จะไปไหนก็ไปเถอะ คุณนุตัวแค่นี้ ข้าดูแลได้" ธงรบไล่
"พูดให้กำลังใจคุณนุนะธงรบ" อาวุธสั่งแล้วแยกตัวไป
"แหม ยังกะผมพูดดีไม่เป็น" ธงรบบ่นตามหลัง ในใจคิดว่า นี่อาวุธคงปรามไม่ให้เขาพูดเรื่องรักสามเส้างั้นสิ ขนาดนี้แล้ว ยังไม่วายทำตัวเป็นผู้กำกับ
"อาวุธเขาเก่งครับ ขนาดไม่ใช่ตำรวจเจ้าของท้องที่ยังยุ่งกับตำรวจที่นี่ได้ คนเก่งของ DSI ก็แบบนี้ล่ะ เก่งไปซะทุกอย่าง" ธงรบพูดยิ้มๆ มองตามหลังร่างสูงที่เดินตรงไปที่รถ "แต่ไอ้คมก็เก่งนะครับคุณนุ รายนั้นเก่งเรื่องจับผู้ร้าย ถ้านับหัว ไอ้คมชนะขาด"
"แล้วสารวัตรธงรบเก่งกว่าหรือเปล่าครับ ผมนึกว่าสารวัตรธงรบจะชนะสารวัตรอธิคม" อนุภาพอดถามประชดไม่ได้
...เอ๊ะ คุณนุ หมายความว่ายังไงเนี่ย...
"ถ้าเรื่องจับผู้ร้ายไม่สู้มันหรอก แต่เรื่องดื่มเหล้า ไม่มีใครล้มผมได้อยู่แล้ว"
ธงรบชวนอนุภาพคุยจนเวลาผ่านไปนานพอสมควร ในที่สุดธงรบก็วกเข้ามาเรื่องทานอาหารอีกครั้ง และเซ้าซี้ให้อนุภาพไปนั่งเป็นเพื่อนทานอาหารให้ได้ ชายหนุ่มจึงยอมเดินตามสารวัตรคนใหม่ไปที่ร้านอาหารหน้าโรงพยาบาล
อนุภาพนั่งรออย่างกระวนกระวาย ตามองไปที่โรงพยาบาลอยู่เรื่อยๆ จนธงรบต้องพูดให้เขาหายกังวล ส่วนอนุภาพก็บ่นว่าทำไมอธิคมถึงพลาดถึงขนาดนี้
"ตอนที่ขับรถไล่จับคนร้ายที่แยกเกษตรฯ สารวัตรวิ่งลงไปจับคนร้ายโดยที่ไม่ใส่เสื้อกันกระสุนด้วยซ้ำ บ้าระห่ำจริงๆ ไม่คิดว่าจะโดนยิงสวนมาหรือยังไงก็ไม่รู้"
"ไอ้คมมันเป็นยังงั้นล่ะครับ มีแฟนตำรวจก็ต้องเผี่อใจไว้หน่อย มากกว่าคนทั่วๆ ไป เรามันคนพันธ์พิเศษ" ธงรบเสริม
"ไม่คิดหรือยังไงว่าคนอื่นเขาก็ห่วง" อนุภาพพึมพำ
"คุณนุห่วงมันด้วยหรือ" ธงรบโพล่งออกมา
อนุภาพอึ้ง คำพูดของธงรบกระทบใจเขาอย่างมาก
...ห่วงสิ เขาห่วงอธิคมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อคืนที่อธิคมเดินคอตกกลับไปที่รถแล้วขับออกไปทั้งที่ยังมึนๆ เพราะฤทธิ์เหล้าและอารมณ์เสียใจ เขากลัวว่าอธิคมจะประสบอุบัติเหต หรือตามไปมีเรื่องกับอาวุธ แต่เขาไม่นึกว่าอธิคมจะออกไปจับโจรผู้ร้าย ทำงานเคร่งเครียดทั้งคืน สภาพแบบนั้นจะไปเสี่ยงได้ยังไง ไหนจะผู้ใต้บังคับบัญชาที่เขาต้องสั่งการ ที่สำคัญ หากเกิดมีตัวประกันล่ะ
"คุณนุ ผมรู้ว่ามันลำบากใจ แต่ถามใจตัวเองนะครับ ไอ้ผมจะพูดอะไรมากก็ไม่ได้ พูดไปก็เหมือนด่าตัวเองเพราะผมก็ไม่ใช่คนมีเชื่อเสียงดีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ นี่เท่าใดนัก แต่ผมก็พูดง่ายๆ แบบของผมล่ะว่า เพราะรัก เราก็ต้องเปลี่ยน แม้มันจะยากก็ต้องพยายาม"
พูดจบ ธงรบก็กัดริมฝีปากของตัวเองเพราะเกิดไม่แน่ใจว่าตัวเองพูด "เข้าหู" หรือเปล่า ด้วยรู้ตัวอยู่ว่าเป็นคนปากไม่ดีเท่าไรนัก
อนุภาพนิ่งไปจนธงรบรู้สึกอึดอัด เขาไม่เคยเห็นอนุภาพนั่งนิ่งเงียบเป็นหุ่นยนต์แบบนี้ เคยได้ยินอธิคมพูดถึงอนุภาพบ้างว่าแฟนเพื่อนเขาชอบเข้าโหมดนิ่งเงียบอยู่สองกรณีคือเวลาโกรธ กับเวลากังวลใจ ธงรบภาวนาว่าที่อนุภาพนิ่งอยู่ตอนนี้ขอให้เป็นกรณีที่สองเถอะ
"คุณนุ ผมขอกินจานที่สามนะ"
อนุภาพยังนั่งเงียบ ตามองไปที่ป้ายชื่อโรงพยาบาล ธงรบทนไม่ไหว สะกิดจนชายหนุ่มรู้สึกตัว และทันทีที่รู้สึกตัว อนุภาพควักกระเป๋าธนบัตรออกมาเพื่อจ่ายเงิน
"ยังไม่อิ่มครับ ขอกินอีกจานนะ" ธงรบยิ้มกว้าง อนุญาตทานอาหารจานที่สามต่อเหมือนอธิคม "คือว่าผมเดินทางมาไกล หิวมากๆ"
...ถึงไม่เดินทางมาไกลก็หิวมากทุกที...อนุภาพนึกว่าธงรบในใจ แล้วพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะพูดว่า "ผ่าตัดนี่ต้องใช้เวลาสองชั่วโมงเลยหรือครับสารวัตร"
"โธ่คุณนุ ผ่าคนนะครับ ไม่ใช่ผ่ากบ" ธงรบตอบ...ตอบแบบที่อาทิตย์ต้องขมวดคิ้วแล้วบ่นว่า พูดน่าตบปาก
"สารวัตร" อนุภาพหน้ามุ่ย เวลาอนุภาพฉุนธงรบ อย่างมากก็เรียกชื่อด้วยน้ำเสียงเข้มๆ
"โอ๊ะ ขอโทษครับ ผมพูดไม่ทันคิด" ธงรบทำหน้าเสียใจ "แต่คุณชายอาวุธเขาบอกอย่างนั้นก็ต้องเชื่อเขาครับ คุณนุอย่ากังวลไปเลย สองชั่วโมงที่รอนี่ ผมไม่ปล่อยให้เหงาหรอก"
...คงเหงาได้หรอก อยู่กับธงรบ อยู่กับอธิคม เคยเหงาได้ที่ไหน มีแต่จะหาอะไรมาอุดหู...
--อธิคม เขาคิดถึงอธิคมเหลือเกิน อยู่ใกล้แค่นี้ เพียงประตูห้องผ่าตัดกั้น เพียงแค่เอื้อม แต่เขาก็คว้าตัวอธิคมไม่ได้
ภาพทุกอย่างชัดขึ้น อะไรหลายอย่างชัดขึ้น ความคิดของอนุภาพชัดเจนขึ้น อธิคมก็คงรู้สึกเช่นนี้เมื่อย้ายมาที่แพร่
...อยู่ใกล้ แต่กอดไม่ได้
...อยู่ใกล้ แต่คว้าไม่ได้
...จะคว้า หรือจะปล่อยให้หลุดลอย คนสองคนเท่านั้นที่จะตัดสินใจด้วยกัน
...เที่ยงวันนี้คือเวลาที่เขาควรจะได้มานั่งคุยกับอธิคมเรื่องความสัมพันธ์ นี่ก็ใกล้เที่ยง คำตอบที่จะเกิดขึ้นหากเขาได้นั่งคุยกับอธิคมจริงๆ จะเป็นเช่นไร เมื่อเทียบกับตอนนี้ที่อธิคมเกิดถูกยิงและนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด
...ใครต้องกลายมาเป็นคนเฝ้ารอคำตอบ...อธิคมหรือเขา?...
เดี๋ยวต่อนะ ระบบไม่ให้โพสต่อครั้งยาวเกินไป