39.1 บทส่งท้าย
หลังจากวันที่คนป่วยคืออธิคมย้ายเข้ากรุงเทพฯ โดยทางเฮลิคอปเตอร์
...หนึ่งวันให้หลัง...บนถนนระหว่างอำเภอ...
อาทิตย์ยกเท้าขึ้นเตะล้อรถอย่างอารมณ์เสีย ไม่นึกว่ารถเช่าที่ใหม่เอี่ยมแบบนี้จะมาพยศเอาตอนหัวค่ำขณะที่เดินทางไปสนามบิน เขาโทรศัพท์แจ้งศูนย์เช่ารถ พนักงานบอกว่าจะส่งช่างมาทำการซ่อมแต่ก็ไม่สามารถแจ้งกำหนดเวลาที่แน่นอนแก่เขาได้
อาทิตย์ยกมือขึ้นเท้าสะเอว มองไปรอบๆ เขาอยู่บนถนนที่ตัดผ่านจากอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งประมาณ 45 นาทีหลังจากออกจากอำเภอสอง ถนนเส้นเล็กจากอำเภอหนึ่งไปสู่อีกอำเภอหนึ่งมีรถสัญจรไปมาน้อยมาก โบกรถสองคนแต่ไม่มีคันไหนช่วยได้ ขณะนี้เป็นเวลาใกล้พลบค่ำ อากาศเริ่มเย็น แต่เขาไม่กังวล เขาเพียงแต่อยากไปถึงสนามบินให้ทันเพราะไม่อยากพลาดเที่ยวบินเข้ากรุงเทพฯ และไม่อยากพักค้างคืนที่เชียงใหม่
หากสารวัตรธงรบมาด้วยกัน ธงรบอาจช่วยได้ แม้ท่าทางไม่ค่อยรู้เรื่องรถเท่าไหร่นักแต่ก็น่าจะทำอะไรได้ซักอย่าง สองหัวดีกว่าหัวเดียว แม้ต้องคอยยกมือปิดหูบ้างเป็นระยะแต่ก็ดีกว่าอยู่เหงาๆ คนเดียว
เขาบอกธงรบว่าจะอยู่แพร่ต่ออีกหนึ่งวันและให้ธงรบเดินทางไปกับอธิคมและคชานนท์ คอยดูแลคนป่วยช่วยกัน ความจริงเขาไม่เห็นด้วยที่อธิคมจะย้ายไปกรุงเทพฯ หากอนุภาพมาถึงโรงพยาบาลและพบว่าอธิคมหายไปแล้วคงเสียใจไม่น้อย อนุภาพหายไปทั้งวัน คงมีอะไรบางอย่างที่เห็นเหตุผลส่วนตัวที่ทั้งอธิคมและอนุภาพสองคนเท่านั้นที่รู้กัน เขาอยากจะตามหาอนุภาพนัก แต่ในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าตัวเองเป็นคนนอกแล้ว ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่สองคนนั้นได้ตัดสินใจเถิด
ขณะที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย อาทิตย์รู้สึกตัวทันใดเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์กำลังวิ่งมาใกล้ จุดที่รถเขาจอดเสียเป็นจุดที่ค่อนข้างอันตรายเพราะพ้นโค้งถนนมาไม่ไกล ต้นไม้สองข้างทางขึ้นเบียดกันเป็นแนวยาวไปตามถนน แผ่กิ่งก้านสาขาครึ้ม ยอดไม้สองฝั่งสอบเข้ามากัน ปกคลุมถนนเส้นเล็กๆ ยาวกว่าสองร้อยเมตร ราวกับเป็นอุโมงค์ธรรมชาติอันร่มรื่น
อาทิตย์หันไปมองรถที่พ้นโค้งมาด้วยความเร็วปานกลาง ผู้ขับขี่กะพริบไฟหน้ารถส่งสัญญาณ แล้วชะลอความเร็วก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นโบกเพื่อขอความช่วยเหลือ รถ SUV สีดำคันนั้นจอดลงบนไหล่ถนน ไม่ห่างจากรถเขาเท่าใดนัก
อาทิตย์ภาวนาในใจว่าขอให้คนที่ขับรถสีดำคันนี้ซ่อมรถ หรือมีความรู้เรื่องรถด้วยเถอะ
ประตูเปิด เท้าสวมรองเท้าหนังมันขลับสีดำก้าวลงจากรถ ขากางเกงที่อาทิตย์มองเห็นพ้นจากด้านล่างของขอบประตูรถเป็นกางเกงสีกากีเข้ม
...ตำรวจหรือ?...
ชั่วเสี้ยววินาทีความสงสัยของอาทิตย์ก็หายไปเมื่อคนในรถก้าวออกมายืนบนถนนยืดตัวเต็มความสูง
...ความสูงพอๆ กับสารวัตรธงรบ คนนี้เพรียวกว่านิดหน่อย ใบหน้าขาวสะอาดกว่า แต่คมเข้มไม่แพ้กัน ท่าทางเงียบขรึม อายุน่าจะกลางสามสิบ ก้าวเท้าเป็นจังหวะ ดูมีความมั่นใจ
"รถเสียเป็นอะไรครับ แจ้งบริษัทเช่ารถหรือยังครับ" เสียงทุ้ม เนิบนาบ คล้ายกับคุณตฤณเจ้านายเก่าเขา...
อาทิตย์ยิ้มบางๆ แล้วตอบว่า "แจ้งแล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ช่างจะมาถึง"
"ตรงนี้ค่อนข้างอันตราย พอมือ รถที่พ้นโค้งมาอาจชนรถคุณได้ ต้องขยับไปอีกให้ไกลกว่านี้" นายตำรวจในชุดเครื่องเบียบครึ่งท่อนพูดเสียงเรียบแล้วเดินไปชะโงกหน้าดูที่พวงมาลัย "ความร้อนขึ้นขีดแดง น่าจะเป็นหม้อน้ำเสีย ถ้าแบบนี้ต้องรอช่าง ผมคงช่วยไม่ได้"
"ผมต้องรีบไปสนามบินขึ้นเครื่องเข้ากรุงเทพฯ" อาทิตย์หน้ามุ่ย
"ทิ้งรถไว้ก็ได้ครับ ฝากเขาเอาไว้ พอคนของบริษัทเช่ารถมาก็ให้เขาเอารถกลับไป ที่จริงเขาต้องส่งคันใหม่มาให้คุณ" ตำรวจหนุ่มใหญ่พูดแล้วเอื้อมมือไปเปิดฝากระโปรงรถ ยืนดูครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "สายพานแอร์ขาดด้วย งานหนัก ต้องทิ้งรถอย่างเดียวครับ"
"ผมต้องรอช่างอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้" อาทิตย์บ่น เริ่มหน้าเสีย
"อย่ารอเลยครับ ใกล้ค่ำแล้ว อย่างที่ผมบอก ตรงนี้อันตราย ผมจะลากไปที่อำเภอเวียงเหนือ อีกไม่ไกล ทิ้งรถไว้ที่สถานีตำรวจ คุณโทรบอกบริษัทรถให้ไปรับที่รองสารวัตรสืบสวน ผมจะฝากเรื่องเอาไว้ให้ เดี๋ยวผมไปเอาสายลากรถ" ตำรวจร่างสูงพูดช้าๆ ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ยิ้มบางๆ ให้อาทิตย์
"ขอบคุณครับ คุณ เอ่อ...สารวัตร" อาทิตย์เดายศของนายตำรวจว่าเป็นพันตำรวจตรีเพราะเห็นว่าอายุคงไล่เลี่ยกับธงรบและอธิคม
"พันตำรวจโทอาวุธครับ" นายตำรวจยิ้ม ก้มศรีษะให้เล็กน้อย
"ผมอาทิตย์"
"คุณอาทิตย์" อาวุธทวน ทำหน้าเหมือนคุ้นเคยกับชื่อแล้วเดินกลับไปที่รถของตัวเองเพื่อหาสายลากรถ ปล่อยให้อาทิตย์ยืนนึกว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เขาได้ยินธงรบพูดถึงเพื่อนอีกคนที่ชื่อ ไอ้วุธ คนที่ทำให้อธิคม "เดี้ยง" ยกกำลังสอง
ถ้า "ไอ้วุธ" ของธงรบคือพันตำรวจโทอาวุธคนนี้ อธิคมก็เจอคู่ต่อสู้ที่ค่อนข้างน่าหวั่นใจ เพียงแค่ไม่ถึงห้านาทีที่เขายืนอยู่ใกล้ๆ นายตำรวจผู้นี้เขาก็รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่บอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา
.....
อาทิตย์นั่งสับปะหงกเพราะความง่วงและเหนื่อย คืนที่ผ่านมาเขานอนดึกเพราะโดนธงรงกวนจนอ่อนใจ ครั้นเข้านอนเขาก็หลับได้ไม่เต็มที่เพราะที่นอนไม่สบาย เขาต้องลากผ้าห่มลงมาปูกับพื้นเพราะทนไม่ไหวแต่ธงรบก็ตามลงมานอนด้วย กว่าจะหลับกันได้ก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
"คุณอาทิตย์ครับ"
อาทิตย์ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงียเพราะเสียงเรียกจากคนที่อยู่ข้างๆ และมือที่เอื้อมมาเขย่าตัว ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวามองดูรอบกายแล้วถามขึ้นว่า "ถึงแล้วหรือครับ"
"ใช่ครับ ผมขอโทษ มาเร็วที่สุดแล้ว แต่ไม่ทันเครื่องบิน" อาวุธพูดเสียงนุ่มตามแบบฉบับ
อาทิตย์ถอนหายใจเบาๆ ยอมรับความโชคร้ายที่ตัวเองได้รับ หันไปยิ้มมุมปากให้ผู้ที่ช่วยเหลือเขาจนถึงที่สุดแล้วกล่าวว่า "ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณสารวัตรมากครับ สงสัยผมต้องค้างคืนเชียงใหม่หนึ่งคืนซะแล้ว"
**********
39.2 บทส่งท้าย
ตกเย็นของวันที่อธิคมกลับมามีความสุขมากที่สุด
...ในห้องพักคนป่วยที่ผู้ป่วยและคนดูแลพลอดรักกันอย่างดูดดื่ม...
อธิคมลืมตาขึ้นช้าๆ รู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูเบาๆ เสียงรองเท้ากระทบพื้นเดินตรงมาที่เตียงของเขาช้าๆ
...ทำไมอนุภาพเดินเสียงดัง ปกติเป็นคนเดินเงียบมาก...
"ที่รัก กลับมาแล้วหรือครับ คิดถึงจังเลย" อธิคมอ้อนเสียงหวาน ผงกหัวขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาใกล้ แต่ครั้งเห็นว่าเป็นใครก็ชะงัก วางศรีษะลงไปบนหมอนเช่นเคย
"โทษนะครับที่ทำให้ผิดหวัง" ผู้ที่มาเยี่ยมทำเสียงเข้ม
"กษิดิษฐ์" อธิคมพูดเสียงแผ่วเบา
"ผมมาดูว่าพี่คมอาการหนักขนาดไหน"
"ยังไม่ตายหรอก" อธิคมยังพูดเสียงเบา "ขอบใจกษิดิษฐ์ที่มาเยี่ยม"
"แล้วนี้คนรักไม่มานั่งเฝ้าหรือครับ" กษิดิษฐ์เม้มปาก เสียงสั่น
"เขาไปทานข้าว" อธิคมตอบแล้วหลับตาลงช้าๆ ทำทีเป็นเหนื่อยอยากจะพักผ่อน
กษิดิษฐ์นิ่งไปชั่วครู่ ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้อง จนในที่สุดชายหนุ่มหน้าคมก็พูดขึ้นเสียงขื่นและสั่นพร่ามากกว่าเดิม "มันควรจะเป็นผม ควรจะเป็นผมที่นั่งเฝ้าพี่คมอยู่ตรงนี้ อนุภาพมาจากไหน อยู่ดีๆ ก็มาแย่งพี่คมไป"
"คุณนุไม่ได้แย่ง"
"พี่คมอยู่กับผมอยู่ดีๆ วันหนึ่งพี่ก็หายไปเฉยๆ พี่ใจร้าย ไม่นึกว่าผมจะเสียใจแค่ไหนที่ถูกทิ้ง พี่ไม่คิดหรือว่าคนที่ผิดหวังมันทรมานมาก ถ้าพี่ไม่เจออนุภาพ เราก็คงยังจะรักกันใช่ไหมครับ" กษิดิษฐ์ตัดพ้อ ยืนนิ่งมองอธิคมอยู่ข้างเตียง ตาเริ่มแดงเรื่อเพราะใกล้จะร้องให้เต็มที
"กษิดิษฐ์ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเถอะ ลืมพี่ไปเสีย ตัวเองยังมีโอกาสเจอคนดีๆ กว่าพี่อีกเยอะ"
"พี่ไม่ต้องมาพูดแบบนี้ ประโยคมาตรฐานแบบนี้ไม่ต้องมาพูดกับผมเลย" กษิดิษฐ์เสียงห้วน "คอยดูสิ ผมไม่ได้ อนุภาพกับพี่ก็อย่าคิดว่าจะสมหวัง"
"จะทำอะไร" อนุภาพตาแข็งกร้าว เสียงห้วน
"ผมจะไปทำอะไรได้ แต่พี่กับอนุภาพยังไงก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตราบชั่วฟ้าดินสลายหรอก" กษิดิษฐ์เล่นลิ้น "พี่คม พี่กับเค้าไม่เหมาะกัน พี่ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ พี่รักอนุภาพได้พี่ก็เลิกกับเขาได้ ผมจะคอยดูวันที่พี่ผิดหวัง"
"คงต้องรอนานนะกษิดิษฐ์" อธิคมถอนหายใจ พูดกับกษิดิษฐ์กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฝ่ายนั้นก็ไม่รู้เรื่องและไม่ยอมรับความจริง "แต่ถึงแม้ สมมุติ แค่สมมุตินะ เพราะไม่มีวันที่มันจะเป็นความจริง หากพี่เลิกกับคุณนุเพราะคุณนุทิ้งพี่หรืออะไร คิดหรือว่าพี่จะหวนกลับไปหาเรา"
"พี่คม" กษิดษฐ์น้ำตาร่วงทันใด
"พี่ก็ยังพูดคำเดิม จำที่พี่พูดครั้งล่าสุดได้หรือเปล่า พี่ก็ยังไม่อยากให้เราต้องมองหน้ากันไม่ติด"
"ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่ต่อไปอีกแล้ว พี่คมใจร้าย โหดร้ายที่สุด หัวใจของพี่ทำด้วยอะไร เรากำลังมีความสุขอยู่ดีๆ วันถัดมาพี่ก็หายไปเฉยๆ ไปหาจีบคนใหม่ ไม่นึกถึงหัวใจของผมบ้างเลย" กษิดิษฐ์ตัดพ้อเสียงขื่น น้ำตาเริ่มเอ่อล้นขึ้นมา ในใจนึกถึงอดีต ตอนที่เริ่มคบอธิคมเขาเองก็รู้ดีว่าผู้กองหนุ่มคนนี้เป็นคนเจ้าชู้ ไม่เคยคิดจริงจังอะไรกับใคร แต่ช่วงที่อยู่ด้วยกัน อธิคมทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่พิเศษสุดในโลก ทำให้เขารู้สึกและเชื่อในภาพฝัน และเขาก็ตัดใจไม่ได้ ทำอย่างไรก็ตัดใจจากอธิคมไม่ได้
"กษิดิษฐ์ อดีตก็คืออดีต มันผ่านมาแล้วก็ต้องผ่านไป" อนุภาพพยายามพูดเสียงนุ่มนวลที่สุดทั้งที่กำลังเริ่มอ่อนใจ
"ไม่" กษิดิษฐ์ปฏิเสธทันที "ยังไงพี่คมก็อยู่กลางใจผม ผมลบภาพพี่ออกไปจากใจผมไม่ได้หรอก พี่คม ไม่สงสารผมบ้างหรือ" ชายหนุ่มเล่นบทออดอ้อน
"พี่มีคุณนุแล้ว"
"พี่จะรอให้เลิกกับเขาก่อนหรือ จะรอจนกว่าเวลาผ่านไปนานแล้วเลิกกับเขา พี่จะเสียใจมากกว่านี้ พี่ตัดใจเสียตอนนี้ จะไม่เจ็บปวดมาก" กษิดิษฐ์เริ่มพูดวนไปวนมา ความรู้สึกอันเปราะบาง สับสน ทำให้เขาเริ่มไม่มีเหตุผล
"พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่เลิก" เสียงอธิคมอิดหนาระอาใจยิ่งนัก
"งั้นพี่คมแบ่งเวลาให้ผมบ้าง ผมขาดพี่ไม่ได้ ผมไม่ขออะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว" กษิดิษฐ์ต่อรอง "อย่าให้ขาดจากกันเลย ผมรับรองจะไม่ให้อนุภาพรู้ ขอเวลาเจอกับผมบ้าง แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว นะครับ"
...โอ๊ย ปวดหัว กษิดิษฐ์ทำไมพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ ทำยังกับจะยอมเป็นเมียน้อยของเขายังไงยังงั้น นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้น...
อธิคมกลั้นหายใจ อยากจะมีมนต์วิเศษเสกให้ร่างของตัวเองให้หายวับไป กษิดิษฐ์จะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับเขาอีก
...แล้วนี่คุณนุไปไหน หายไปนานเหลือเกิน ไหนบอกว่าจะไปหาอะไรทานแล้วจะรีบกลับ ไหนบอกว่าจะตีเด็กเก่าทุกคนของเขาให้กระเจิงหากกล้าเข้ามายุ่งวุ่นวาน ไหนบอกว่าจะไม่ยอมอีกแล้ว...
ความคิดของอธิคมได้รับคำตอบ เสียงกุกกักดังขึ้นที่ประตู นายตำรวจยกศรีษะขึ้นจากหมอน พร้อมๆ กับกษิดิษฐ์ที่หันหน้าไปมองคนที่ยืนกอดอกจ้องเขาทั้งสองนิ่ง
"คุณนุ" อธิคมเรียกเสียงแผ่ว รู้สึกโล่งอก
"คนที่อยู่ตรงนี้ควรจะเป็นผม คุณเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็มาแย่งพี่คมไป" กษิดิษฐ์เปิดฉากทันที
"กษิดิษฐ์ หยุดนะ" อธิคมเสียงเข้ม รู้สึกเจ็บใจที่ตัวเองบาดเจ็บไม่มีแรงกระโดดลงจากเตียงไปปิดปากกษิดิษฐ์และปกป้องอนุภาพ
...เดี๋ยวโดนคุณนุจัดการ...
"อยากได้ก็เอาไปสิครับ" อนุภาพพูดเสียงเรียบ เดินเข้ามาใกล้แล้วนั่งลงบนโซฟาไม่ห่างจากเตียงคนไข้ "ถ้าสารวัตรยอมไป อยากได้ก็เอาไป ผมไม่อยากเก็บเอาไว้หรอก"
"อ้าวไหงพูดงั้นล่ะคุณนุ" อธิคมพึมพำ
"คิดหรือว่าจะได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ไม่วันใดก็วันหนึ่งก็ต้องเลิกกัน" กษิดิษฐ์เดินมาที่ปลายเตียง ยืนจ้องอนุภาพ
อนุภาพนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น แต่ถอนหายใจเบาๆ ตามองที่ขวดน้ำเกลือข้างเตียงของนายตำรวจหนุ่มเสน่ห์แรงที่อดีตคนเก่าๆ พยายามจะแย่งคืน
"คุณอนุภาพ ฟังให้ดีนะ ผมยังรักพี่คมอยู่ ไม่ว่าคุณจะรักพี่คมขนาดไหนผมก็ไม่สน ยังไงผมก็จะแย่งพี่คมจากคุณให้ได้" กษิดิษฐ์ประกาศเสียงกร้าวแล้วหันมาหาอธิคม "พี่คม พี่อย่าคิดนะว่าจะครองรักอย่างมีความสุข ผมจะไปรวบรวมเด็กเก่าๆ ของพี่มาช่วยกัน พี่ระวังไว้ให้ดีเถอะ"
กษิดิษฐ์พูดเสร็จก็เดินกระแทกเท้าออกไปจากห้อง ปิดประตูห้องพักคนป่วยดังปัง ทิ้งให้อธิคมและอนุภาพนั่งเงียบอยู่ชั่วขณะ จนในที่สุดอธิคมก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
"ไหนบอกว่าจะลุยเด็กเก่าผมไง" อธิคมต่อว่าคนรัก "ยังมาจะยกผมให้เขาอีก แล้วไม่อยากเก็บผมเอาไว้จริงหรือ น้อยใจนะเนี่ย"
อนุภาพเงียบครู่ใหญ่ แบบที่อธิคมเคยล้อประจำว่า "เข้า silence mode" แล้วนั่งนิ่งเป็นตุ๊กตา คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงทนไม่ได้ หันไปมองคนรักที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
"สารวัตร ยกเว้นกษิดิษฐ์ซักคนก็แล้วกันนะ ที่บอกว่าจะจัดการเด็กเก่า ผมไม่ยุ่งกับกษิดิษฐ์" อนุภาพครางเสียงเบา นั่งห่อตัว คอตก มือสองข้างแผ่อยู่ข้างกาย ทำท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายหยาก
"คุณนุ สู้หน่อยสิ" อธิคมให้กำลังใจ กลั้วเสียงหัวเราะ เพราะรู้สึกขำที่เห็นอนุภาพสิ้นสภาพแบบที่กำลังเป็น
"กษิดิษฐ์ร้ายจริงๆ ถ้าเป็นตัวอิจฉาเหมือนในละครทีวีก็คงปรี่เข้ามาตบผมแล้ว" อนุภาพพูดอย่างอ่อนแรง "ไม่เข้าใจสารวัตรจริงๆ ทำไมครับ ทำไม ทำไมไปยุ่งกับกษิดิษฐ์ตั้งแต่เริ่มแรก"
"ใครจะไปรู้"
"แล้วมองไม่ออกหรือว่าเขาร้าย" อนุภาพถามเพราะอยากรู้จริง
"ตอนแรกๆ ก็เห็นอยู่ว่าเขาท่าทางไม่เบาเหมือนกัน" อนุภาพยอมรับ แล้วเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดเสียงหนักแน่นว่า "แต่คุณนุครับ อย่าไปสนใจเลย ผมรักคุณนุคนเดียว ผมเปลี่ยนไปแล้ว และถ้าเรามั่นคง หนักแน่น ใครก็มาทำอะไรเราไม่ได้"
"หน่วยโจมตีที่นำทัพโดยกษิดิษฐ์ก็ท่าทางไม่ใช่เล่น" อนุภาพพึมพำ แล้วลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างเตียงอธิคม
นายตำรวจหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือของอนุภาพไว้ มองตานิ่ง แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
"ถ้าเรารวมพลังกันสองคน ใครก็มาทำอะไรไม่ได้ คุณนุต้องเข้มแข็งเอาไว้"
อนุภาพพยักหน้า ยืนเงียบ ฟังอธิคมพูดให้กำลังใจ
"ผมขอสัญญาว่าจะทำตัวให้ดีที่สุด ไม่ให้ต้องหึงหวง จะระมัดระวังตัวไม่หลงกลคนมายั่วยวน และไม่ให้ไอ้ธงมาพาไปหาความซวย แต่หากเกิดความเข้าใจผิดอะไร สมมุตินะครับ"
"สมมุติ" อนุภาพทวนคำพูด พยักหน้าตาม
"หากเกิดอะไรเข้าใจผิด ต้องฟังผมก่อนนะ อย่าหนีไป"
"ครับ" อนุภาพรับคำง่ายๆ หากรีบพูดประโยคต่อมา พร้อมยกนิ้วชี้ตั้งตรงขึ้นตรงหน้า เป็นลักษณะการเตือน "หากเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าสารวัตรพลาดแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้นที่จำนนต่อหลักฐานและพยานบุคคล เราก็ขาดกัน"
"ขนาดนั้นเลยหรือ" อธิคมเสียงอ่อย หน้ามุ่ย แววตาของอนุภาพลุกโชน เอาจริง
"และผมก็จะสัญญาว่าจะหนักแน่นและไม่อ่อนแอ ผมผ่านความอ่อนแอจุดนั้นมาได้แล้วและต้องเข้มแข็ง" อนุภาพก้มหน้าลงมาใกล้นายตำรวจหนุ่ม เปลี่ยนเป็นยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
"ใจแข็งด้วย"
"ถ้าง้อหน่อยก็อ่อน"
"ผลัดกันบ้างนะ อย่าให้ผมง้อฝ่ายเดียว" อธิคมเสียงนุ่ม
"ไหนบอกว่าจะง้อผมตลอดไง จำไม่ได้หรือตัวเองเคยพูดว่ายังไงก็จะง้อ จะผิดจะถูกก็จะง้อไว้ก่อน" อนุภาพทวงสัญญา
"มีหลักฐานว่าผมพูดหรือเปล่า" อธิคมทำเสียงท้าทาย
"ไม่มีครับ" อนุภาพตอบเสียงเรียบ "แต่จากนี้ไปผมจะเก็บหลักฐานทุกอย่างให้ละเอียด สารวัตรอย่าพลาดแม้แต่เสี้ยวของรายละเอียดเล็กๆ ก็แล้วกัน"
"งั้นผมง้อทุกครั้งก็ได้ แต่ถ้าง้อก็ให้เลิกงอนโดยไม่มีข้อโต้แย้งนะ" อธิคมกลับคำ ด้วยรู้ว่าอนุภาพเป็นคนละเอียดและความจำดีเป็นเลิศ "แต่ว่าตอนนี้ เรามาจู๋จี๋กันก่อนดีกว่า จำสัญญาของเราได้ไหมที่ว่าจะมีอะไรกันบนเตียงคนไข้ ขอประสบการณ์แรกในชีวิตให้ผมเถอะนะ"
อนุภาพหรี่ตา มองคนไข้ที่คิดอะไรทะลึ่งและทำหน้าออดอ้อนทั้งๆ ที่ตัวเองขยับตัวลุกขึ้นนั่งแทบไม่ได้
"ได้ครับ ถ้าสารวัตรถอดเสื้อผ้าตัวเองและของผมออกได้จนหมดไม่เหลือแต่ชิ้นเดียว ผมก็ไม่ขัดขืน แต่ภายในหนึ่งชั่วโมงทำไม่ได้ ก็รอไปอีกหนึ่งเดือน นี่เป็นการยื่นคำขาด" อนุภาพเสียงเข้ม ทำหน้าตาจริงจัง
"ใจร้าย" อธิคมเบ้ปาก "รู้ๆ อยู่ มายืนข้อเสนอแบบนี้ ใจร้ายที่สุด แล้วทำไมต้องให้รออีก กำหนดเวลาให้รออยู่นั่นล่ะ"
"หรือจะเอาสามเดือน"
"ปีนขึ้นมาเองเลยไม่ได้หรือ" อธิคมอ้อนเสียงหวาน ก่อนจะร้องลั่นโอดโอยเพราะโดนผู้ดูแลคนป่วยทำร้าย คราวนี้อนุภาพเล็งที่เป้าและไม่พลาด มือฟาดเข้าไปเต็มๆ จนอธิคมตัวงอ
"โหดร้ายที่สุด"
"จะไปบอกหมอมาฉีดยาสลบ"
"จะไปไหน มานี่นะคนใจร้าย"
****************
39.3 บ้านริมทะเล
39.4 กรรมตามสนอง
อธิคมนั่งแกะสะเก็ดแผลอยู่บนเก้าอี้หน้าบ้าน พลันต้องสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่วางอยู่ข้างตัวแผดเสียงดังลั่น อนุภาพเป็นคนตั้งระดับความดังของเสียงโดยให้เหตุผลว่าเขาชอบวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ทั่วบ้าน จะได้หาง่ายๆ
ทันทีที่อธิคมคว้าโทรศัพท์มากดรับสาย เสียงคุ้นเคยของธงรบเพื่อนรักก็ดังขึ้นทันทีโดยไม่มีคำทักทายสวัสดีแม้แต่นิด
"""" หิวข้าวแล่ะ