#8
เราสองคนไม่นับเงาทั้งสามเดินทางกันมาจนถึงบ้านร้างที่นัดคนไว้ ตอนนี้ภายในบ้านมีชายชราและเสี่ยวมู่ที่นั่งรออยู่ เมื่อเห็นผมเดินเข้าไปเสี่ยวหมู่รีบออกมาหาผิดกับอีกคนที่เมื่อเห็นว่าผมมากับใครรีบจับเสี่ยวมู่ให้ถอยห่างจากผมทันที
“ใจเย็นก่อนท่านผู้อาวุโส นี่คือพี่ชายของข้า ท่านพี่กงหมินนี่คือคนที่น้องนัดไว้ขอรับ”
“อย่าได้เกรงกลัวข้าไปท่านผู้อาวุโส วันนี้ข้ามาเพราะน้องน้อยต้องการ”
“ขออภัยท่านอาวุโสแล้ว ที่ปล่อยให้ท่านต้องรอนานเช่นนี้”
“มิได้ๆ แล้วที่ท่านกล่าวไว้ ท่านต้องการสิ่งใดกันคุณชายฟาง”
“ดั่งเช่นที่ข้ากล่าวไว้ ตอนนี้ข้าได้ที่ตั้งร้านใหม่แล้ว กำลังเร่งทำความสะอาดอยู่ในยามนี้ ข้าต้องการผู้จัดการร้าน อ่า ข้าหมายถึงผู้ช่วยข้าในการดูแลร้านขอรับ” หลุดคำโลกก่อนอีกแล้ว ถึงจะปรับตัวมากขนาดไหน พอมาเป็นเรื่องที่เคยทำเมื่อสมัยโลกเดิมจะเป็นแบบนี้เสมอ หวังว่าไม่ทันสังเกตกันก็พอนะครับลุงแถไม่เก่ง
“เหตุใดจึงเป็นข้ากันเล่าขอรับ”
“อย่างที่กล่าวไว้ข้าถูกชะตากับเสี่ยวมู่ และข้าต้องการคนที่มีความรู้ที่เชื่อถือได้มาดูแลกิจการขอข้าในยามนี้ ข้าหวังอย่างยิ่งว่าท่านจะเข้าใจที่ข้ากล่าว”
“เช่นนั้นข้าจะตั้งใจทำงานที่ท่านมอบหมายด้วยกำลังที่มีขอรับคุณชาย”
“เรียกขานข้าดั่งลูกหลานเถิดขอรับท่านผู้อาวุโส”
“ขออภัยท่านด้วยคุณชายฟาง ตัวข้าเป็นเพียงชายแก่ธรรมดาเพียงเท่านั้นมิอาจเอื้อมดั่งคำที่ท่านต้องการกล่าวขานต่อผู้น้อย”
“ตัวข้านั้นนับถือท่านเป็นดั่งตาของข้า ท่านตาจักมองผ่านหลานชายตาดำๆผู้นี้เชียวหรือขอรับ”
“มิได้ๆ เอาเถอะหากเป็นความต้องการของท่านข้าย่อมต้องทำตาม”
“ท่านตาของข้าช่างใจดียิ่งนัก”
“เจ้าเองก็เป็นเด็กดียิ่งนักเสี่ยวอวี้ ตัวข้าดีใจแทนบิดามารดาของเจ้ายิ่ง”
“เย้ ข้าจะได้ไปอยู่กับท่านพี่อวี้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ”
“เป็นเช่นนั้นน้องข้า เสี่ยวมู่ท่านนี้เป็นพี่ชายใหญ่”
“ผู้น้อยคาราวะท่านพี่”
“เรียกข้าว่าพี่กงหมินเถิด ต่อไปนี้เจ้าเป็นน้องเล็กแล้ว อย่าได้ดื้อซนเข้าใจหรือไม่”
“ขอรับท่านพี่กงหมิน”
เก็บของที่มีน้อยนิดของทั้งสองคนเสร็จก็พากันกลับมาที่ร้านของผม ตลอดทางเสี่ยวมู่ตื่นเต้นที่จะได้มาอยู่กับผมมากครับ วันนี้ผมต้องพาทั้งสองคนมาให้ท่านพ่อรู้จักเสียก่อน เดี๋ยวจะพาลงอนที่ลูกไม่สนใจเอา
“เสี่ยวเปาท่านพ่ออยู่ที่ร้านหรือไม่”
“นายท่านอยู่ที่ศาลาด้านหลังขอรับ”
“มีแขกหรือ”
“มิใช่ขอรับ เพียงจิบชาเท่านั้น”
“ขอบใจเจ้ามาก”
“มิเป็นไรขอรับนายน้อย”
“ตามข้ามาเถิด” ผมเดินนำพวกเขามาหาท่านพ่อที่อยู่ที่ศาลาเดิมที่ผมพาพี่กงหมินมา
ภาพที่เห็นทำเอาเกิดความรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองในโลกก่อนซ้อนทับกัน ภาพของชายสูงอายุนั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้คนรอบกาย สองขาที่หยุดเดินพลันสั่นไหว
เมื่อชีวิตก่อนลุงก็อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด ถึงจะมีผู้คนล้อมรอบตัวก็ตาม ไม่มีใครที่ลุงจะเอ่ยปากบอกได้ว่าสนิทกันสักคน ถึงจะมีความรู้ความสามารถแต่ก็ยังมีคำว่าเด็กกำพร้าที่คอยตามติดเป็นเงาอยู่ข้างหลังเสมอ ยิ่งแสงที่ส่องมาที่ตัวลุงเข้มมากเท่าไหร่ เงาจะยิ่งชัดมากเท่านั้น
ปมที่ถูกลืมกลับมาทำร้ายตัวเองทุกครั้งที่เห็นคำว่าครอบครัว ลุงไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรลุงถึงถูกทิ้งแบบนั้น ลุงพยายามหาคำตอบกับตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม ลุงผิดอะไรถึงต้องเอามาทิ้งกัน
ลุงอาจจะมีปมในเรื่องครอบครัวก็ได้ถึงรู้สึกดีเมื่อมีคนอยู่รอบกายแบบนี้ ลุงมีความสุขที่ได้มีน้องชาย ลุงหวั่นไหวกับคนที่บอกว่าเป็นพี่ชาย ลุงสนุกที่ได้พูดคุยกับองค์ชายแคว้นหยุน และเหมือนได้เจอเรื่องราวแปลกใหม่เมื่อพบเจอประมุขพรรคมาร
แต่ถ้าถามว่าเพราะอะไรถึงยังให้คนที่หวังในตัวลุงอยู่ข้างกายโดยการให้ความหวังพวกเขาแบบนี้ ไม่ยอมที่จะปฏิเสธออกไป คงเป็นความเห็นแก่ตัวของลุง เป็นความเห็นแก่ตัวของคนที่ไม่เคยรู้จักคำว่าความรัก เพียงเท่านั้น
“น้องอวี้ เจ้าเป็นอะไรไป”
“ข้าเป็นลูกที่อกตัญญูหรือไม่ขอรับท่านพี่กงหมิน ที่ปล่อยให้ท่านพ่อต้องอยู่เพียงผู้เดียวเช่นนี้ ทั้งที่พวกข้าเหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น”
“เด็กดี เหตุใดจึงกล่าววาจาเช่นนั้นกัน” เพราะความเห็นแก่ตัวที่บอกไปทำให้ลุงไม่ปฏิเสธอ้อมกอดในตอนนี้ของพี่ชายที่คิดเกินพี่น้องคนนี้
“อวี้เอ๋อร์เป็นอะไรไปเหตุใดจึงร้องไห้กัน” ผมได้ยินแต่เสียงท่านพ่อที่ถามเจ้าของอ้อมกอดนี้
“มิเป็นอันใดมากขอรับ มีเพียงเด็กน้อยงอแงคนนี้ที่กำลังกล่าวโทษตนเองที่ปล่อยให้ท่านต้องอยู่เพียงลำพัง”
“โธ่ ลูกรัก เหตุใดถึงคิดมากไปเช่นนี้ พ่อมิได้โดดเดี่ยวเช่นที่เจ้าว่า พ่อมีความสุขดียิ่งในทุกวันแต่ที่พ่ออยู่เพียงลำพังในยามนี้เพื่อคิดถึงมารดาของเจ้าเพียงเท่านั้น”
“จริงหรือขอรับ”
“จริงสิ ท่านพ่อเคยโกหกเจ้าหรือไม่อวี้เอ๋อร์ แล้วผู้คนที่มากับเจ้าเป็นใครกัน เหตุไฉนจึงปล่อยให้ยืนคอยเช่นนั้นเล่า”
“ขออภัยขอรับท่านตา ข้าปล่อยให้ท่านรอถึงสองครั้งแล้ว” และที่น่าสงสัยที่สุดในตอนนี้คือลุงมายืนทำเอ็มวีแล้วดราม่าอะไรกัน มันไม่ใช่แนวของลุงสักนิด ลุงไม่กินมาม่า ลุงกลัวความดัน หลบไป
“ไม่เป็นไร อย่าได้คิดมาก เจ้าเป็นบุตรที่ดียิ่งนัก ข้าคิดไม่ผิดที่ติดตามเจ้ามาเช่นนี้”
“เชิญๆ มีเรื่องอันใดกันรึ อ่าเชิญขอรับท่านเสนาหวัง”
“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเป็นเพียงผู้น้อยเท่านั้น เถ้าแก่ฟางอย่าได้เกรงใจกัน”
“จริงขอรับท่านพ่อ ยามนี้ท่านพี่กงหมินเป็นเพียงพี่ชายของข้าเท่านั้น เปรียบดั่งเป็นบุตรของท่านอีกคน เสี่ยวมู่ก็เช่นกันขอรับ”
“จริงรึท่าน เอาเถิด ไหนมาให้ท่านพ่อดูหน้าตาเจ้าเสียเสี่ยวมู่ ว่าแต่ท่านผู้อาวุโสเล่า เหตุใดจึงหลงกลบุตรชายของข้าได้”
“เสี่ยวอวี้เป็นเด็กดี อีกทั้งยังจ้างข้าให้มาช่วยดูแลร้านที่กำลังจะเปิด”
“ขออภัยที่บุตรชายข้ารบกวนท่านแล้ว”
“มิได้ๆ นับเป็นบุญของข้าที่เจอคุณชายน้อยมากกว่า”
“เสี่ยวมู่ๆ เรียกท่านพ่อสิ”
“เอ๋” ฮือ ทำไมถึงทำหน้าตาน่ารักแบบนี้กันนะ ลุงจะไม่ทน
“เรียกขานข้าว่าบิดาอย่างที่อวี้เอ๋อร์กล่าวเถิด เจ้าก็มาเป็นบุตรของข้าดีหรือไม่”
“ได้หรือขอรับ ข้ามีบิดาได้หรือขอรับ”
“พ่อของข้าก็คือพ่อของเจ้าเพราะเจ้าเป็นน้องของข้า”
“ท่านพี่ขอรับ ท่านพ่อ ข้ามีบิดาแล้วจริงหรือ ฮึก”
“โอ๋ ร้องไห้เถิดหากน้ำตาของเจ้ามาจากความยินดี พี่ชายคนนี้จะกอดเจ้าเอง”
“ท่านพี่ โฮ” ลุงไม่ได้ลวนลามนะ ใจลุงบริสุทธ์มาก ลุงรักเหมือนลูกหลานจริงๆนะ เชื่อลุงสิ
“ข้าคงต้องฝากท่านทั้งสองดูแลบุตรของข้าต่อจากนี้แล้ว” ดูเหมือนว่าท่านพ่อของร่างนี้ก็รู้ว่าชายตรงหน้าไม่ธรรมดาเหมือนกันถึงได้ฝากฝังผมแบบนี้
“ด้วยความเต็มใจยิ่งนักเถ้าแก่ฟาง ข้ามีนามว่าหลิว เรียกขานข้าเช่นนั้นเถิด”
“ขอรับท่านหลิว”
พวกเราต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนทำความรู้จักกัน ดูเหมือนท่านพ่อจะเปิดทางให้ท่านพี่กงหมินมากขึ้นนะ ไม่รู้ว่าไปติดสินบนอะไรกันมา หลังจากแยกย้ายพาท่านตาหลิวกับเสี่ยวมู่เข้าห้องพักแล้ว ผมก็เข้ามาในห้องของเซียนอวี้ที่ถูกผมยึดแล้ว ผมเดินไปเปิดหีบทีเก็บพวกของที่จะนำไปขาย
มีสมุนไพรหลายชนิดที่ตากแห้งไว้เพื่อเอาไว้อบทำกลิ่นน้ำมันหอมระเหย ปลอกหมอน ตำราอาหาร ตำราขนมต่างๆที่จะทำขายในร้าน ตำราเครื่องบำรุงผิว สูตรที่จำมาจากโลกก่อนๆ เมื่อตรวจดูจนเสร็จก็เตรียมตัวเข้านอน
ที่นอนครั้งนี้ผมเอานุ่นมายัดมาขึ้นเลยทั้งอุ่นทั้งนิ่ม ผมคิดจะทำขายเหมือนกันครับ มีชาวบ้านที่เข้าไปหานุ่นในป่าออกมาได้ ผมกำลังติดต่อขอซื้อมาทำอยู่แต่ก่อนอื่นคงต้องหาแรงงานที่มากขึ้น การจะจ้างคนทั่วไปน่าจะยาก พวกทาสที่ขายส่วนมากจะเสียเงินในการซื้อที่สูง ทำไงดีนะ
เช้าวันใหม่ยามเหม่า(ตีห้าถึงหกโมงห้าสิบเก้า) ผมลุกจากที่นอนเตรียมตัวเสร็จก็ลงมาด้านล่างทักทายสมาชิกในร้าน ก่อนจะทานมื้อเช้ากับท่านพ่อ เสร็จแล้วชวนท่านตาหลิวกับเสี่ยวมู่มาที่ร้านใหม่พร้อมท่านพ่อด้วย
ร้านเซียน
ที่ร้านในตอนนี้เปลี่ยนจากที่มาเมื่อวานพอสมควร ดูสะอาดเป็นระเบียบมากขึ้น พวกโต๊ะที่จัดวางไว้เป็นโรงน้ำชาเดิม ผมว่าจะย้ายออกไปที่อื่นหรือขายที่บางส่วน เพราะไม่ได้ใช้เท่าไหร่ แล้วเปลี่ยนเงินมาเป็นชั้นวางที่ผมต้องการแทน
“ท่านตาหลิวขอรับ ข้าต้องการพนักงาน อ่า หมายถึงคนงานในร้านอีกสามสี่คน แต่ข้าไม่ต้องการซื้อทาสเพราะข้ามิชอบเท่าใด”
“ท่านไม่ชอบทาสหรือ”
“ไม่ใช่ขอรับ ข้าไม่อยากสนับสนุนการค้าทาสมากกว่า ข้าควรทำเช่นไรดีขอรับ”
“อืม อย่างไรดี”
“ท่านพี่ไม่ลองชวนพวกพี่สาวพี่ชายที่ขอทานกับข้ามาเล่าขอรับ”
“หืม อย่างไรกันเสี่ยวมู่”
“ก็ท่านพี่ไม่ต้องการสนับสนุนทาสท่านก็เปลี่ยนมาช่วยเหลือพวกข้าแทนอย่างไรขอรับ”
“เสี่ยวมู่แต่ขอทานไม่ได้แปลว่าจะมีจิตใจที่ดีในบางคน” ท่านตาหลิวเอ่นแทรกเด็กน้อยของผมทันที
“ข้าจะให้ท่านดูแลเรื่องนี้ดีหรือไม่ขอรับท่านตา ข้าเชื่อว่าท่านต้องดูคนออก”
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปจัดการเรื่องคนงานให้ท่านเอง ท่านต้องการอย่างไร”
“ต้องการทั้งชายและหญิงขอรับ ข้าต้องการคนมาผสมสินค้าเช่นกัน”
“เช่นนั้นขาคงขอตัวก่อน เมื่อเสร็จเรียบร้อยข้าจะรีบกลับมา”
“มิต้องรีบร้อนหรอกขอรับท่านตา เดินทางปลอดภัยขอรับ”
“แล้วบ้านหลังนี้เจ้าจะย้ายมาอยู่เมื่อใดกัน”
“ท่านพ่อพูดเหมือนท่านจะไม่มา”
“พ่อขออยู่ที่ร้านดีกว่า อย่างน้อยพ่อก็มีความสุขที่ได้อยู่ที่นั่น ความทรงจำมากมายของชายแก่เช่นข้ามีมากมายนัก ข้าตัดใจจากมามิได้”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะมาเป็นครั้งคราวหรือมีงานด่วน เช่นนั้นดีหรือไม่ขอรับ ข้าไม่อยากจากท่านนาน”
“เจ้าเองก็โตแล้วใกล้จะสิบห้าปีเหตุใดจึงเป็นเด็กติดพ่อเช่นนี้กัน”
“ก็ข้ามีท่านพ่อเพียงคนเดียวนี่ขอรับ”
“ทำตัวเช่นนี้ไม่อายน้องบ้างหรือไร”
“ไม่อายขอรับ เพราะเสี่ยวมู่เข้าใจข้า จริงหรือไม่เสี่ยวมู่”
“ขอรับท่านพี่”
“เฮ้อ นี่ข้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่ที่ฝากฝังเจ้าเป็นผู้ดูแลเด็กน้อยเช่นเสี่ยวมู่เช่นนี้ แล้วเจ้าจะขายสิ่งใดบ้างเล่าอวี้เอ๋อร์”
“ท่านพ่อ นี่ลูกท่านนะขอรับ ข้าคิดว่าจะขายพวกใบชา ผ้า ชุดแต่งกาย หมอน ฟูก น้ำมันนวด ผงขัดผิว ผงอาบน้ำ”
“เจ้าคิดมาหมดแล้วสินะ”
“ขอรับ ข้าเตรียมไว้แล้ว เหลือเพียงเปิดร้านเท่านั้น”
“แล้วเจ้าจะเปิดร้านเมื่อใดกัน”
“หลังจากที่เตรียมร้านและคนงานเสร็จสิ้นขอรับ”
“ดีๆ เช่นนั้นพ่อคงกลับก่อน พ่อนัดเถ้าแก่อู๋ไว้”
“เช่นนั้นข้าเดินทางดีๆนะขอรับ”
ได้เวลาจัดร้านแล้วครับ ผมให้เสี่ยวมู่ช่วยขยับของเล็กๆน้อยๆ เปลี่ยนห้องทำงานของเจ้าของเดิมให้กลายเป็นห้องทำงานของผมแทน มีทังโต๊ะที่ไว้ออกแบบชุด ไหนจะมุมทดลองน้ำมัน ไหนจะที่เก็บของ ที่ทำบัญชี เขียนตำรา คิดสูตร และอื่นๆ
ผมปล่อยตัวไปกับงานเหมือนโลกเดิมที่บ้างานพอสมควรจนเวลาผ่านไปจนฟ้ามืด ท่านตาหลิวกลับมาพร้อมคนงานชายหญิงเมื่อหลายยามก่อนหน้านี้ ผมสำรวจดูแล้วถือว่าโอเคครับ ผมสอบถามถึงความถนัดของแต่ละคน ก่อนที่จะมอบหมายหน้าที่ ตกลงค่าแรง และงานต่างๆก่อนที่จะพากันกลับมาที่ร้านอาหารแนะนำกับท่านพ่อและเข้านอน วันนี้เหนื่อยมากเลยครับ ถึงไม่มีการใช้แรงงานแต่ใช้สมองก็ล้าเหมือนกัน
TBC.
เรื่องราวหลังครัวปิด
เซียนอวี้ : ในที่สุดข้าก็มีร้านเป็นของตัวเองสักที
ฮุ่ยเอิง : ลูกข้าเติบโตแล้ว น่าภูมิใจยิ่งนัก
ซางไป๋ : เหตุใดข้าจึงไร้บทยาวนานนัก
เซียนอวี้ : คนไม่สำคัญต้องรอต่อไป
ซางไป๋ : .....................
เฟยหลง : ข้าคงเป็นเช่นซางไป๋สินะ
เซียนอวี้ : ....................
ลงเนื้อหา 28/8/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62