ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) เริ่มการปรับปรุงเนื้อหาครั้งที่1 28/5/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) เริ่มการปรับปรุงเนื้อหาครั้งที่1 28/5/62  (อ่าน 9416 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แน่ะ.........ลุง อ่อย กงหมินแล้ว    :o8: :impress2:

จีนโบราญ ------- โบราณ

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#8

เราสองคนไม่นับเงาทั้งสามเดินทางกันมาจนถึงบ้านร้างที่นัดคนไว้ ตอนนี้ภายในบ้านมีชายชราและเสี่ยวมู่ที่นั่งรออยู่ เมื่อเห็นผมเดินเข้าไปเสี่ยวหมู่รีบออกมาหาผิดกับอีกคนที่เมื่อเห็นว่าผมมากับใครรีบจับเสี่ยวมู่ให้ถอยห่างจากผมทันที

“ใจเย็นก่อนท่านผู้อาวุโส นี่คือพี่ชายของข้า ท่านพี่กงหมินนี่คือคนที่น้องนัดไว้ขอรับ”

“อย่าได้เกรงกลัวข้าไปท่านผู้อาวุโส วันนี้ข้ามาเพราะน้องน้อยต้องการ”

“ขออภัยท่านอาวุโสแล้ว ที่ปล่อยให้ท่านต้องรอนานเช่นนี้”

“มิได้ๆ แล้วที่ท่านกล่าวไว้ ท่านต้องการสิ่งใดกันคุณชายฟาง”

“ดั่งเช่นที่ข้ากล่าวไว้ ตอนนี้ข้าได้ที่ตั้งร้านใหม่แล้ว กำลังเร่งทำความสะอาดอยู่ในยามนี้ ข้าต้องการผู้จัดการร้าน อ่า ข้าหมายถึงผู้ช่วยข้าในการดูแลร้านขอรับ” หลุดคำโลกก่อนอีกแล้ว ถึงจะปรับตัวมากขนาดไหน พอมาเป็นเรื่องที่เคยทำเมื่อสมัยโลกเดิมจะเป็นแบบนี้เสมอ หวังว่าไม่ทันสังเกตกันก็พอนะครับลุงแถไม่เก่ง

“เหตุใดจึงเป็นข้ากันเล่าขอรับ”

“อย่างที่กล่าวไว้ข้าถูกชะตากับเสี่ยวมู่ และข้าต้องการคนที่มีความรู้ที่เชื่อถือได้มาดูแลกิจการขอข้าในยามนี้ ข้าหวังอย่างยิ่งว่าท่านจะเข้าใจที่ข้ากล่าว”

“เช่นนั้นข้าจะตั้งใจทำงานที่ท่านมอบหมายด้วยกำลังที่มีขอรับคุณชาย”

“เรียกขานข้าดั่งลูกหลานเถิดขอรับท่านผู้อาวุโส”

“ขออภัยท่านด้วยคุณชายฟาง ตัวข้าเป็นเพียงชายแก่ธรรมดาเพียงเท่านั้นมิอาจเอื้อมดั่งคำที่ท่านต้องการกล่าวขานต่อผู้น้อย”

“ตัวข้านั้นนับถือท่านเป็นดั่งตาของข้า ท่านตาจักมองผ่านหลานชายตาดำๆผู้นี้เชียวหรือขอรับ”
“มิได้ๆ เอาเถอะหากเป็นความต้องการของท่านข้าย่อมต้องทำตาม”

“ท่านตาของข้าช่างใจดียิ่งนัก”

“เจ้าเองก็เป็นเด็กดียิ่งนักเสี่ยวอวี้ ตัวข้าดีใจแทนบิดามารดาของเจ้ายิ่ง”

“เย้ ข้าจะได้ไปอยู่กับท่านพี่อวี้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ”

“เป็นเช่นนั้นน้องข้า เสี่ยวมู่ท่านนี้เป็นพี่ชายใหญ่”

“ผู้น้อยคาราวะท่านพี่”

“เรียกข้าว่าพี่กงหมินเถิด ต่อไปนี้เจ้าเป็นน้องเล็กแล้ว อย่าได้ดื้อซนเข้าใจหรือไม่”

“ขอรับท่านพี่กงหมิน”

เก็บของที่มีน้อยนิดของทั้งสองคนเสร็จก็พากันกลับมาที่ร้านของผม ตลอดทางเสี่ยวมู่ตื่นเต้นที่จะได้มาอยู่กับผมมากครับ วันนี้ผมต้องพาทั้งสองคนมาให้ท่านพ่อรู้จักเสียก่อน เดี๋ยวจะพาลงอนที่ลูกไม่สนใจเอา

“เสี่ยวเปาท่านพ่ออยู่ที่ร้านหรือไม่”

“นายท่านอยู่ที่ศาลาด้านหลังขอรับ”

“มีแขกหรือ”

“มิใช่ขอรับ เพียงจิบชาเท่านั้น”

“ขอบใจเจ้ามาก”

“มิเป็นไรขอรับนายน้อย”

“ตามข้ามาเถิด” ผมเดินนำพวกเขามาหาท่านพ่อที่อยู่ที่ศาลาเดิมที่ผมพาพี่กงหมินมา

ภาพที่เห็นทำเอาเกิดความรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองในโลกก่อนซ้อนทับกัน ภาพของชายสูงอายุนั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้คนรอบกาย สองขาที่หยุดเดินพลันสั่นไหว

เมื่อชีวิตก่อนลุงก็อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด ถึงจะมีผู้คนล้อมรอบตัวก็ตาม ไม่มีใครที่ลุงจะเอ่ยปากบอกได้ว่าสนิทกันสักคน ถึงจะมีความรู้ความสามารถแต่ก็ยังมีคำว่าเด็กกำพร้าที่คอยตามติดเป็นเงาอยู่ข้างหลังเสมอ ยิ่งแสงที่ส่องมาที่ตัวลุงเข้มมากเท่าไหร่ เงาจะยิ่งชัดมากเท่านั้น

ปมที่ถูกลืมกลับมาทำร้ายตัวเองทุกครั้งที่เห็นคำว่าครอบครัว ลุงไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรลุงถึงถูกทิ้งแบบนั้น ลุงพยายามหาคำตอบกับตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม ลุงผิดอะไรถึงต้องเอามาทิ้งกัน

ลุงอาจจะมีปมในเรื่องครอบครัวก็ได้ถึงรู้สึกดีเมื่อมีคนอยู่รอบกายแบบนี้ ลุงมีความสุขที่ได้มีน้องชาย ลุงหวั่นไหวกับคนที่บอกว่าเป็นพี่ชาย ลุงสนุกที่ได้พูดคุยกับองค์ชายแคว้นหยุน และเหมือนได้เจอเรื่องราวแปลกใหม่เมื่อพบเจอประมุขพรรคมาร

แต่ถ้าถามว่าเพราะอะไรถึงยังให้คนที่หวังในตัวลุงอยู่ข้างกายโดยการให้ความหวังพวกเขาแบบนี้ ไม่ยอมที่จะปฏิเสธออกไป คงเป็นความเห็นแก่ตัวของลุง เป็นความเห็นแก่ตัวของคนที่ไม่เคยรู้จักคำว่าความรัก เพียงเท่านั้น

“น้องอวี้ เจ้าเป็นอะไรไป”

“ข้าเป็นลูกที่อกตัญญูหรือไม่ขอรับท่านพี่กงหมิน ที่ปล่อยให้ท่านพ่อต้องอยู่เพียงผู้เดียวเช่นนี้ ทั้งที่พวกข้าเหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น”

“เด็กดี เหตุใดจึงกล่าววาจาเช่นนั้นกัน” เพราะความเห็นแก่ตัวที่บอกไปทำให้ลุงไม่ปฏิเสธอ้อมกอดในตอนนี้ของพี่ชายที่คิดเกินพี่น้องคนนี้

“อวี้เอ๋อร์เป็นอะไรไปเหตุใดจึงร้องไห้กัน” ผมได้ยินแต่เสียงท่านพ่อที่ถามเจ้าของอ้อมกอดนี้

“มิเป็นอันใดมากขอรับ มีเพียงเด็กน้อยงอแงคนนี้ที่กำลังกล่าวโทษตนเองที่ปล่อยให้ท่านต้องอยู่เพียงลำพัง”

“โธ่ ลูกรัก เหตุใดถึงคิดมากไปเช่นนี้ พ่อมิได้โดดเดี่ยวเช่นที่เจ้าว่า พ่อมีความสุขดียิ่งในทุกวันแต่ที่พ่ออยู่เพียงลำพังในยามนี้เพื่อคิดถึงมารดาของเจ้าเพียงเท่านั้น”

“จริงหรือขอรับ”

“จริงสิ ท่านพ่อเคยโกหกเจ้าหรือไม่อวี้เอ๋อร์ แล้วผู้คนที่มากับเจ้าเป็นใครกัน เหตุไฉนจึงปล่อยให้ยืนคอยเช่นนั้นเล่า”

“ขออภัยขอรับท่านตา ข้าปล่อยให้ท่านรอถึงสองครั้งแล้ว” และที่น่าสงสัยที่สุดในตอนนี้คือลุงมายืนทำเอ็มวีแล้วดราม่าอะไรกัน มันไม่ใช่แนวของลุงสักนิด ลุงไม่กินมาม่า ลุงกลัวความดัน หลบไป

“ไม่เป็นไร อย่าได้คิดมาก เจ้าเป็นบุตรที่ดียิ่งนัก ข้าคิดไม่ผิดที่ติดตามเจ้ามาเช่นนี้”

“เชิญๆ มีเรื่องอันใดกันรึ อ่าเชิญขอรับท่านเสนาหวัง”

“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเป็นเพียงผู้น้อยเท่านั้น เถ้าแก่ฟางอย่าได้เกรงใจกัน”

“จริงขอรับท่านพ่อ ยามนี้ท่านพี่กงหมินเป็นเพียงพี่ชายของข้าเท่านั้น เปรียบดั่งเป็นบุตรของท่านอีกคน เสี่ยวมู่ก็เช่นกันขอรับ”

“จริงรึท่าน เอาเถิด ไหนมาให้ท่านพ่อดูหน้าตาเจ้าเสียเสี่ยวมู่ ว่าแต่ท่านผู้อาวุโสเล่า เหตุใดจึงหลงกลบุตรชายของข้าได้”

“เสี่ยวอวี้เป็นเด็กดี อีกทั้งยังจ้างข้าให้มาช่วยดูแลร้านที่กำลังจะเปิด”

“ขออภัยที่บุตรชายข้ารบกวนท่านแล้ว”

“มิได้ๆ นับเป็นบุญของข้าที่เจอคุณชายน้อยมากกว่า”

“เสี่ยวมู่ๆ เรียกท่านพ่อสิ”

“เอ๋” ฮือ ทำไมถึงทำหน้าตาน่ารักแบบนี้กันนะ ลุงจะไม่ทน

“เรียกขานข้าว่าบิดาอย่างที่อวี้เอ๋อร์กล่าวเถิด เจ้าก็มาเป็นบุตรของข้าดีหรือไม่”

“ได้หรือขอรับ ข้ามีบิดาได้หรือขอรับ”

“พ่อของข้าก็คือพ่อของเจ้าเพราะเจ้าเป็นน้องของข้า”

“ท่านพี่ขอรับ ท่านพ่อ ข้ามีบิดาแล้วจริงหรือ ฮึก”

“โอ๋ ร้องไห้เถิดหากน้ำตาของเจ้ามาจากความยินดี พี่ชายคนนี้จะกอดเจ้าเอง”

“ท่านพี่ โฮ” ลุงไม่ได้ลวนลามนะ ใจลุงบริสุทธ์มาก ลุงรักเหมือนลูกหลานจริงๆนะ เชื่อลุงสิ

“ข้าคงต้องฝากท่านทั้งสองดูแลบุตรของข้าต่อจากนี้แล้ว” ดูเหมือนว่าท่านพ่อของร่างนี้ก็รู้ว่าชายตรงหน้าไม่ธรรมดาเหมือนกันถึงได้ฝากฝังผมแบบนี้

“ด้วยความเต็มใจยิ่งนักเถ้าแก่ฟาง ข้ามีนามว่าหลิว เรียกขานข้าเช่นนั้นเถิด”

“ขอรับท่านหลิว”

พวกเราต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนทำความรู้จักกัน ดูเหมือนท่านพ่อจะเปิดทางให้ท่านพี่กงหมินมากขึ้นนะ ไม่รู้ว่าไปติดสินบนอะไรกันมา หลังจากแยกย้ายพาท่านตาหลิวกับเสี่ยวมู่เข้าห้องพักแล้ว ผมก็เข้ามาในห้องของเซียนอวี้ที่ถูกผมยึดแล้ว ผมเดินไปเปิดหีบทีเก็บพวกของที่จะนำไปขาย

มีสมุนไพรหลายชนิดที่ตากแห้งไว้เพื่อเอาไว้อบทำกลิ่นน้ำมันหอมระเหย ปลอกหมอน ตำราอาหาร ตำราขนมต่างๆที่จะทำขายในร้าน ตำราเครื่องบำรุงผิว สูตรที่จำมาจากโลกก่อนๆ เมื่อตรวจดูจนเสร็จก็เตรียมตัวเข้านอน

ที่นอนครั้งนี้ผมเอานุ่นมายัดมาขึ้นเลยทั้งอุ่นทั้งนิ่ม ผมคิดจะทำขายเหมือนกันครับ มีชาวบ้านที่เข้าไปหานุ่นในป่าออกมาได้ ผมกำลังติดต่อขอซื้อมาทำอยู่แต่ก่อนอื่นคงต้องหาแรงงานที่มากขึ้น การจะจ้างคนทั่วไปน่าจะยาก พวกทาสที่ขายส่วนมากจะเสียเงินในการซื้อที่สูง ทำไงดีนะ

เช้าวันใหม่ยามเหม่า(ตีห้าถึงหกโมงห้าสิบเก้า) ผมลุกจากที่นอนเตรียมตัวเสร็จก็ลงมาด้านล่างทักทายสมาชิกในร้าน ก่อนจะทานมื้อเช้ากับท่านพ่อ เสร็จแล้วชวนท่านตาหลิวกับเสี่ยวมู่มาที่ร้านใหม่พร้อมท่านพ่อด้วย

ร้านเซียน

ที่ร้านในตอนนี้เปลี่ยนจากที่มาเมื่อวานพอสมควร ดูสะอาดเป็นระเบียบมากขึ้น พวกโต๊ะที่จัดวางไว้เป็นโรงน้ำชาเดิม ผมว่าจะย้ายออกไปที่อื่นหรือขายที่บางส่วน เพราะไม่ได้ใช้เท่าไหร่ แล้วเปลี่ยนเงินมาเป็นชั้นวางที่ผมต้องการแทน

“ท่านตาหลิวขอรับ ข้าต้องการพนักงาน อ่า หมายถึงคนงานในร้านอีกสามสี่คน แต่ข้าไม่ต้องการซื้อทาสเพราะข้ามิชอบเท่าใด”

“ท่านไม่ชอบทาสหรือ”

“ไม่ใช่ขอรับ ข้าไม่อยากสนับสนุนการค้าทาสมากกว่า ข้าควรทำเช่นไรดีขอรับ”

“อืม อย่างไรดี”

“ท่านพี่ไม่ลองชวนพวกพี่สาวพี่ชายที่ขอทานกับข้ามาเล่าขอรับ”

“หืม อย่างไรกันเสี่ยวมู่”

“ก็ท่านพี่ไม่ต้องการสนับสนุนทาสท่านก็เปลี่ยนมาช่วยเหลือพวกข้าแทนอย่างไรขอรับ”

“เสี่ยวมู่แต่ขอทานไม่ได้แปลว่าจะมีจิตใจที่ดีในบางคน” ท่านตาหลิวเอ่นแทรกเด็กน้อยของผมทันที

“ข้าจะให้ท่านดูแลเรื่องนี้ดีหรือไม่ขอรับท่านตา ข้าเชื่อว่าท่านต้องดูคนออก”

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปจัดการเรื่องคนงานให้ท่านเอง ท่านต้องการอย่างไร”

“ต้องการทั้งชายและหญิงขอรับ ข้าต้องการคนมาผสมสินค้าเช่นกัน”

“เช่นนั้นขาคงขอตัวก่อน เมื่อเสร็จเรียบร้อยข้าจะรีบกลับมา”

“มิต้องรีบร้อนหรอกขอรับท่านตา เดินทางปลอดภัยขอรับ”

“แล้วบ้านหลังนี้เจ้าจะย้ายมาอยู่เมื่อใดกัน”

“ท่านพ่อพูดเหมือนท่านจะไม่มา”

“พ่อขออยู่ที่ร้านดีกว่า อย่างน้อยพ่อก็มีความสุขที่ได้อยู่ที่นั่น ความทรงจำมากมายของชายแก่เช่นข้ามีมากมายนัก ข้าตัดใจจากมามิได้”

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะมาเป็นครั้งคราวหรือมีงานด่วน เช่นนั้นดีหรือไม่ขอรับ ข้าไม่อยากจากท่านนาน”

“เจ้าเองก็โตแล้วใกล้จะสิบห้าปีเหตุใดจึงเป็นเด็กติดพ่อเช่นนี้กัน”

“ก็ข้ามีท่านพ่อเพียงคนเดียวนี่ขอรับ”

“ทำตัวเช่นนี้ไม่อายน้องบ้างหรือไร”

“ไม่อายขอรับ เพราะเสี่ยวมู่เข้าใจข้า จริงหรือไม่เสี่ยวมู่”

“ขอรับท่านพี่”

“เฮ้อ นี่ข้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่ที่ฝากฝังเจ้าเป็นผู้ดูแลเด็กน้อยเช่นเสี่ยวมู่เช่นนี้ แล้วเจ้าจะขายสิ่งใดบ้างเล่าอวี้เอ๋อร์”

“ท่านพ่อ นี่ลูกท่านนะขอรับ ข้าคิดว่าจะขายพวกใบชา ผ้า ชุดแต่งกาย หมอน ฟูก น้ำมันนวด ผงขัดผิว ผงอาบน้ำ”

“เจ้าคิดมาหมดแล้วสินะ”

“ขอรับ ข้าเตรียมไว้แล้ว เหลือเพียงเปิดร้านเท่านั้น”

“แล้วเจ้าจะเปิดร้านเมื่อใดกัน”

“หลังจากที่เตรียมร้านและคนงานเสร็จสิ้นขอรับ”

“ดีๆ เช่นนั้นพ่อคงกลับก่อน พ่อนัดเถ้าแก่อู๋ไว้”

“เช่นนั้นข้าเดินทางดีๆนะขอรับ”

ได้เวลาจัดร้านแล้วครับ ผมให้เสี่ยวมู่ช่วยขยับของเล็กๆน้อยๆ เปลี่ยนห้องทำงานของเจ้าของเดิมให้กลายเป็นห้องทำงานของผมแทน มีทังโต๊ะที่ไว้ออกแบบชุด ไหนจะมุมทดลองน้ำมัน ไหนจะที่เก็บของ ที่ทำบัญชี เขียนตำรา คิดสูตร และอื่นๆ

ผมปล่อยตัวไปกับงานเหมือนโลกเดิมที่บ้างานพอสมควรจนเวลาผ่านไปจนฟ้ามืด ท่านตาหลิวกลับมาพร้อมคนงานชายหญิงเมื่อหลายยามก่อนหน้านี้ ผมสำรวจดูแล้วถือว่าโอเคครับ ผมสอบถามถึงความถนัดของแต่ละคน ก่อนที่จะมอบหมายหน้าที่ ตกลงค่าแรง และงานต่างๆก่อนที่จะพากันกลับมาที่ร้านอาหารแนะนำกับท่านพ่อและเข้านอน วันนี้เหนื่อยมากเลยครับ ถึงไม่มีการใช้แรงงานแต่ใช้สมองก็ล้าเหมือนกัน

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ในที่สุดข้าก็มีร้านเป็นของตัวเองสักที
ฮุ่ยเอิง : ลูกข้าเติบโตแล้ว น่าภูมิใจยิ่งนัก
ซางไป๋ : เหตุใดข้าจึงไร้บทยาวนานนัก
เซียนอวี้ : คนไม่สำคัญต้องรอต่อไป
ซางไป๋ : .....................
เฟยหลง : ข้าคงเป็นเช่นซางไป๋สินะ
เซียนอวี้ : ....................



ลงเนื้อหา 28/8/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2019 12:17:52 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#9

   เมื่อคืนผมได้รับจดหมายจากท่านซางไป๋เรื่องที่จะมาค้าขายอยู่ที่แคว้นนี้ จากในจดหมายท่านซางไป๋ยังบอกผมอีกว่าเป็นเพราะว่าตัวท่านซางไป๋เป็นเพียงองค์ชายลำดับที่สองเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังชื่นชอบการค้าขายเลยหาเรื่องพาตัวเองออกจากเกมการเมืองของแคว้นมาที่แคว้นเซียน และดูเหมือนว่าในพี่น้องทั้งหมดท่านซางไป๋จะเป็นคนเดียวที่ไม่ถูกเพ่งเล็งในตำแหน่งรัชทายาทด้วย

และยังสอบถามเรื่องการย้ายที่อยู่มาที่แคว้นนี้ด้วย ผมเลยเปิดตำราการปกครองและกฎอาญาของแคว้นนี้เรื่องการเข้ามาของชนแคว้นอื่น ไม่มีข้อมูลที่แน่นอน ในห้องของเซียนอวี้ในตอนนี้มีตำรามากมายกองเต็มไปหมด

เพราะตัวลุงเป็นคนชอบอ่านมาตั้งแต่โลกก่อนเลยเอานิสัยมาด้วยกลายเป็นเจอตำราอะไรก็หามาอ่านจนหาที่เก็บไม่ได้แล้วต้องกองไว้นอกหีบก่อน ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ วรยุทธ์ การศึก การเมืองการปกครอง ความรู้รอบตัว ไปจนถึงหนังสือเตรียมสอบของพวกจองวนก็มีครับ
 
เช้าวันนี้ลุงเลยถามคนติดตามที่เป็นคนของท่านพี่กงหมินว่าวันนี้เขาจะไปที่ไหน เพราะอยากจะสอบถามถึงการเข้าออกของคนต่างแคว้นว่าจะเป็นเหมือนโลกก่อนไหมที่ต้องมีพวกเอกสารหรือพาสปอร์ต ได้ความว่าวันนี้ท่านพี่กงหมินจะมาเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ แต่ฝากมาบอกว่าเลิกแล้วจะไปหาที่ร้านเซียนเอง

“ท่านพ่อขอรับวันนี้ลูกส่งสูตรอาหารให้พ่อครัวจางแล้ว ลูกไปดูร้านเซียนนะขอรับ”

“ไปเถิด หากมีเรื่องอันใดพ่อจะให้เด็กไปตาม”

“ขอรับท่านพ่อ”


ร้านเซียน

ตอนนี้ที่ร้านกำลังไปด้วยดีเลยครับ ชั้นล่างวางขายพวกใบชา สมุนไพร ขนม และสุรา แต่ไม่มีนั่งทานนะครับ เป็นแบบซื้อกลับเท่านั้น ส่วนชั้นสองจะวางขายพวกผ้าครับ ทั้งผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนลายต่างๆ รวมถึงฟูกนอนด้วย ชั้นสามเป็นน้ำมันต่างๆ เกลือสปาขัดผิว สมุนไพรบำรุงผิว ผงขัดตัว ผงอาบน้ำ น้ำมันบำรุงผม ของที่นำมาทำทั้งหมดเอามาจากชาวบ้านโดยตรงที่บ้าน โดยให้มู่ตานกับจี้อันที่เป็นคนในร้านไปรับมาเอง ไม่เสียค่านายหน้า ค่าที่ หรืออะไร มีเพียงค่าแรงเท่านั้น

ลุงเอาความรู้ด้านการค้ามาจากลูกค้าที่เข้ามาติดต่องานเรื่องการลงทุนที่บริษัทที่โลกก่อน ทุกวันนี้ที่เห็นว่าลุงดูร่าเริงในร่างนี้ทำตัวสมวัย อ้อนคนนั้นคนนี้แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ลุงอยู่คนเดียว ลุงจะทำตัวตามเดิม คิดอ่านเหมือนเดิม พูดจาแบบเดิม และมีหลายครั้งที่ลุงหลุดเอาตัวตนเดิมออกมา ดีที่ไม่มีใครคิดอะไรมากนัก

ลุงไม่อยากที่จะลืมตัวตนของตัวเองว่าเคยเป็นใคร ถ้าการเกิดใหม่ที่โลกนี้โดยไม่มีความทรงจำเดิมหรือเกิดมาเป็นทารกไม่ได้มาแย่งร่างกายใครแบบนี้ ลุงอาจจะมีความคิดอย่างคนปกติทั่วไปได้ แต่เพราะความทรงจำวัยทำงานยังอยู่ เต็มไปหมด

ลุงยังคิดถึงเรื่องราวจากโลกเดิม ยังมีตัวตนของตัวเองที่ชื่อลูกหนู การที่มีคนมารักในโลกนี้ก็เป็นเพียงรักที่ตัวฟางเซียนอวี้ เจ้าของร่างนี้เพียงเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าลุงเป็นใคร ไม่มีใครรู้ และเหมือนกันไม่มีใครที่รักลุงที่เป็นลุง ทุกสิ่งที่ทำคือการตอบแทนเพียงเท่านั้น ความเห็นแก่ตัวที่ว่าก็คงเป็นจริง  เพราะคงเป็นความเห็นแก่ตัวที่ว่าจะขอเก็บความรักของทุกคนที่มีให้เซียนอวี้คนก่อนมาเป็นของตัวเองแบบนี้

ลุงไม่รู้ว่าวิญญาณของลุงจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน จะมีชีวิตอีกนานแค่ไหน แต่ลุงสัญญากับเจ้าของร่างนี้แล้วว่าจะทำให้พ่อของเขามีความสุขและตัวเองมีความสุขให้ได้ก่อน คนที่เคยตายมาแล้วไม่คิดที่จะหวังอะไรอีกแล้วครับ

“คุณชายขอรับ ท่านเสนาหวังมาแล้วขอรับ”

“ขอบคุณท่านมากท่านตาหลิว” เสียงเรียกของชายตรงหน้าเรียกสติที่หลุดลอยคิดไปไกลให้กลับมาที่เดิม ณ  ตอนนี้ลุงจะมาคิดถึงตัวเองที่เป็นลูกหนูไม่ได้ ลุงยังอยู่ในที่ที่ใครก็สามารถมองเห็นแบบนี้ ถ้าไม่อยากให้ใครสงสัยลุงไม่ควรแสดงตัวตนออกมา ถึงจะไม่มีใครได้รู้จักแต่ลุงก็ดีใจที่ความโดดเดี่ยวยังเป็นเพื่อนคนสำคัญของลุงเสมอมา

ลุงเดินคิดเรื่องจดหมายของท่านซางไป๋มาตลอดทางเพื่อคิดคำถามที่จะไม่ทำให้ท่านพี่กงหมินผิดใจกับท่านซางไป๋ไปซะก่อนจะเจอกัน ลุงว่ามันดีมากนะครับถ้าท่านซางไป๋สามารถทำการค้าที่นี่ได้เพราะจะง่ายต่อวัตถุดิบที่จะทำอาหารในร้านอาหารฟาง อีกทั้งมีเครื่องเทศที่สามารถนำมาทำน้ำมันวางขายที่ร้านเซียนด้วย

“คนบอกข้าว่าเจ้าต้องการพบข้าเช่นนั้นหรือ”

“ขอรับ น้องอยากปรึกษาเรื่องการค้าและการตั้งถิ่นฐานของชาวต่างแคว้นขอรับ”

“องค์ชายซางไป๋สินะ”

“ส่วนหนึ่งขอรับ”

“เช่นนั้นพี่ขอถามเรื่องที่เจ้าไปที่หอนางโลมฮวาเมื่อสามวันก่อนได้หรือไม่” ใช่ครับลุงไปหาพี่อิงฮวามาครับ หลังจากที่เปิดร้านเซียนได้ไม่นานท่านพี่อิงฮวาก็ส่งคนมาเรียกเรื่องเปิดร้าน

“น้องไปพูดคุยเรื่องการค้าที่ทำร่วมกันขอรับ พี่อิงฮวาแจ้งแก่น้องว่าหาที่ตั้งร้านได้แล้วขอรับ อีกสัปดาห์ถึงสามารถเปิดร้านได้ น้องเลยนำสินค้าไปให้พี่อิงฮวาทดลองใช้ อีกทั้งยังนำสินค้าที่เตรียมขายแก่พี่อิงฮวาไปด้วยเลยใช้เวลานานเพราะต้องทำการทดสอบขอรับ”

“มันคือสิ่งใดของที่ต้องทำการทดสอบที่เจ้าว่า” หน้านิ่งมาก่อนเลยครับ

“คือ ท่านพี่ห้ามโกรธน้องนะขอรับ”

“หากยังช้าพี่จะโกรธ” ดูท่าจะรู้เรื่องแต่อยากจะฟังจากปากลุงมากกว่าสินะ

“เป็นน้ำมันที่ไว้ใช้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดขณะร่วมรักกันขอรับ” เงียบกริบมีแต่เสียงใบไม้ที่ปลิวไปมา สีหน้าท่านพี่กงหมินดูครึ้มลงไปเยอะพอสมควร

“ทดสอบ”

“เป็นนางโลมและนายโลมที่กำลังจะรับแขกขอรับ ที่อาสาทดสอบให้ ก่อนที่จะนำผลมาบอกแก่น้องที่นั่งพูดคุยอยู่กับพี่อิงฮวาและท่านจิว อ่าน้องหมายถึงท่านจิวเฟยขอรับ” ไม่ต้องรอให้ถามจบรับรู้ได้ว่าต้องรีบอธิบายครับ

“เหตุใดที่เจ้าไปที่หอถึงต้องพบบุรุษผู้นั้นเสมอกัน”

“ท่านพี่รู้จักใช่หรือไม่ขอรับ”

“ใช่ แต่มาเรื่องที่เจ้าคิดค้นสิ่งนั้นเถิด ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถจับตัวยากแต่การขายสิ่งนั้นมันใช่หรือที่เด็กแบบเจ้าจักทำ”

“ท่านพี่มันเป็นเพียงหนึ่งในจำพวกน้ำมันบำรุงผิวที่ร้านข้าขายเท่านั้นขอรับ”

“พี่จะลงโทษเจ้าเช่นไรกันอวี้เอ๋อร์ที่ทำเรื่องเช่นนี้”

“ท่านพี่ขอรับ มันเป็นเพียงสินค้าเท่านั้นนะขอรับ มันแปลกตรงไหนกันขอรับที่จะค้าขาย”

“มันไม่แปลกหากคนที่คิดคือผู้ที่ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นพวกนางโลมหรือนายโลม แต่เป็นเจ้าที่เป็นเพียงเด็กเท่านั้น อวี้เอ๋อร์ เจ้ามีอายุเท่าใดกันบอกข้ามาสิ ถึงรู้เรื่องเช่นนี้ได้ขนาดนี้” มาเป็นชุดเลยครับ

แกะหมดทุ่งแล้วครับ ลืมคิดไปว่าที่นี่ถึงจะคล้ายจีนโบราญแต่กฎเกณฑ์อายุก็ไม่เหมือนไปหมด ที่นี่หากไม่สิบหกจะถือเป็นเด็กครับแล้วผมที่ยังแค่สิบสี่ การเข้าหอว่าแปลกแล้วแต่การคิดเรื่องแบบนี้น่าจะแปลกจนสังเกตได้ ถึงว่าตอนที่เสนอขายพี่อิงฮวากับท่านจิวถึงมองหน้าแบบนั้นกัน พลาดครับ

“คือ คือน้อง” แล้วลุงจะหาทางไปต่อยังไงกันละครับ

“เอาเถอะพี่จะไม่คาดคั้นเรื่องที่เจ้าคิดมัน แต่หลังจากนี้หากเจ้าคิดสิ่งใดที่มันเกินกว่าอายุ จงจำไว้ว่ามันอันตราย หากมีผู้ใดที่ไม่รู้จักและคิดร้ายเจ้าจะได้รับอันตราย เข้าใจหรือไม่”

“ขอรับ น้องขออภัยท่านพี่ด้วย” หงอยสิครับ บอกแล้วไงครับว่าบางครั้งที่ผมคิดอะไรได้ก็มักจะลืมว่ามันมากเกินไปที่ร่างเด็กนี้จะทำได้

“แล้วเจ้าต้องการปรึกษาสิ่งใดกับข้ากัน”

“เรื่องกฎการคงอยู่ของชาวต่างแคว้นขอรับ น้องศึกษาตำราหลายเล่มก็ไม่สามารถตอบได้ว่าหากมีผู้เข้ามาจากต่างแคว้นต้องการตั้งถิ่นฐานจักทำเช่นใด อีกทั้งเรื่องการค้าของชาวต่างแคว้นด้วย” ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องครับ ถ้าช้าอาจจะโดนดุอีกก็ได้ ลุงไม่ได้กลัวหรอกนะ

“เฮ้อ มันเป็นเรื่องที่พวกข้าต่างหาช่องทางจัดการอยู่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตั้งแต่สิ้นสุดสงครามครั้งก่อนเมื่อร้อยกว่าปีมีผู้คนหลั่งไหลกันเดินทางไปอาศัยอยู่ต่างแคว้นมากมาย พวกข้าไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีมากเพียงใด อีกทั้งมีการลอบเข้ามาเพื่อสืบข่าวสารในพระราชวังมากมาย พวกข้าไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ไม่แปลกหากจะไม่มีผู้ใดสนใจศึกษาในเรื่องนี้อีกเลย”

“แล้วเหตุใดจึงไม่ออกกฎให้ชาวต่างแคว้นที่เข้ามาลงชื่อเพื่อรับใบผ่านเข้าเมืองเล่าขอรับ” เหมือนพาสปอร์ตไงครับ

“อย่างไร” ท่านพี่กงหมินมีท่าทีสนใจมากครับ มันจะเกินเด็กไปไหมครับครั้งนี้ แต่ถ้าไม่ทำท่านซางไป๋ก็ไม่สามารถมาลงทุนได้ ลุงก็จะขาดวัตถุดิบอีก อืม เอาเถอะ ต้องลองเสี่ยงไปกับมันสักครั้ง

“ทุกครั้งที่มีการเข้าเมืองให้ตรวจสอบผู้เข้ามา หากเป็นชาวเมืองให้แสดงหยกของเมืองที่มีในทุกคนตามที่ข้าศึกษามาขอรับ แต่หากเป็นคนต่างแคว้นก็จะไม่มีใช่หรือไม่ขอรับ เช่นนั้นเราก็สามารถตรวจได้ หลังจากนั้นก็ออกใบอนุญาตผ่านเข้าเมืองแบบชั่วคราวให้ เราจะสามารถสำรวจได้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่บ้างที่เป็นคนต่างแคว้นที่เข้าเมืองมาในแต่ละวัน”

“จริงดั่งเช่นที่เจ้าว่า เหตุใดพวกข้าถึงมองข้ามเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้กัน เช่นนั้นไปกันเถิด”

“ไปที่ใดขอรับ”

“ไปเฝ้าฮ่องเต้เพื่อหารือเรื่องนี้กัน”

“เอ๋ แต่น้อง” ไม่ฟังหรอกครับ ผมก็พึ่งจะรู้ว่าเวลาที่ท่านพี่กงหมินตั้งใจกับงานไม่ยอมฟังกันแบบนี้


พระราชวัง ห้องทรงอักษรองค์ฮ่องเต้

“ถวายพระพรพะยะค่ะ”

“ตามสบายเถิด พวกเจ้ามีเรื่องอันใดกับเจิ้นหรือ ถึงได้ขอเข้าเฝ้าด่วนเช่นนี้”

“ข้ากับน้องอวี้จะมาพูดคุยกับท่านเรื่องชาวต่างแคว้น” เอิ่ม กระตือรือร้นก็ดีครับ ถ้าผมเป็นเจ้านายก็ชอบ แต่การรีบร้อนแบบนี้มันก็เกินไปครับ ถ้าฮ่องเต้ไม่ว่างหรือมีแขกจะไม่เป็นการเสียมารยาทเอาหรอครับ โธ่

“นั่งก่อนๆ มาว่า เรื่องอันใดกัน” เข้าใจแล้วครับว่าทำไมคบกันได้

“อธิบายอีกรอบเลยน้องอวี้”

“อ่า ขอรับ ที่แคว้นเซียนของเราจะมีการมอบป้ายหยกให้กับทารกทุกคนเพื่อยืนยันว่าเป็นคนของแคว้น เช่นนี้เราก็สามารถแยกคนของแคว้นเราได้แล้วอย่างหนึ่ง อย่างที่สองที่กระหม่อมเสนอ คือการร่างหนังสืออนุญาตผ่านเข้าเมืองพะยะค่ะ”

“เช่นนั้นเราจะได้สิ่งใดจากการทำเช่นนั้นกัน”

“ในการร่างหนังสือนี้ทางราชสำนักจะมีส่วนได้สองส่วนคือหนึ่ง ในครั้งแรกที่ผ่านด่าน ต้องจ่ายสิบอีแปะเพื่อการผ่านเข้ามา สองในกรณีที่หนังสือที่พกหมดอายุสัญญาที่ตกลงไว้แล้วไม่ต่อทางราชสำนักสามารถเรียกเก็บเงินเป็นสิบเท่าของของครั้งแรกคือหนึ่งร้อยอีแปะเพื่อต่อสัญญาใหม่อีกครั้งพะยะค่ะ”

“อืม ดียิ่ง ท่านกงกงตามราชเลขามาให้เจิ้นโดยเร็วที่สุด”

“น้อมรับพระบัญชาพะยะค่ะ”

“คุณชายฟางช่างฉลาดเฉลียวยิ่งนัก มีสิ่งอื่นอีกหรือไม่ที่ต้องการแจ้งแก่เรา”

“คือว่า”

“บอกไปเถิด ฮ่องเต้รู้เรื่องที่เจ้านับเป็นสหายกับองค์ชายแคว้นหยุนเช่นกัน”

“กระหม่อมมีความประสงค์ที่จะค้าขายกับท่านซางไป๋พะยะค่ะ แต่เมื่อกระหม่อมศึกษาเรื่องการค้าของต่างแคว้นกลับไม่เจอในเรื่องนี้ “

“เพราะยังไม่สามารถแก้ไขในเรื่องต่างแคว้นได้เลยยังไม่เปิดให้มีการค้าจากคนต่างแคว้นมากนัก ที่เห็นตอนนี้เป็นผู้ที่เข้ามาตั้งร้านหลายปีก่อน”

“เช่นนั้นกระหม่อมขอเสนอสักอย่างได้หรือไม่พะยะค่ะ”

“หืมเอาสิ เจิ้นอยากรู้ว่าคุณชายฟางจะมีความคิดที่น่าสนใจอย่างไรต่อ”

“เมื่อเราทำสามารถนับจำนวนคนต่างแคว้นได้แล้ว กระหม่อมจึงอยากให้มีการร่างหนังสือการค้าของคนต่างแคว้นด้วยเช่นกันพะยะค่ะ”

“ทำอย่างไร แล้วราชสำนักจักได้สิ่งใด” เข้าเส้นเลือดมากครับ เอะอะก็ถามแต่ราชสำนักได้อะไร

“ก่อนอื่นเมื่อผ่านเข้ามาแล้วจะสามารถเข้ามาทำการค้าได้แต่ต้องเป็นการค้าครึ่งเดียวเท่านั้น”

“อย่างที่น้องอวี้ร่วมลงทุนกับแม่นางอิงฮวาใช่หรือไม่”

“ขอรับท่านพี่กงหมิน”

“แล้วอย่างไรต่อ”

“ครึ่งหนึ่งในที่นี้คือการเช่าพื้นที่การค้าจากเราพะยะค่ะ ทางเราจะได้ส่วนแบ่งในการเช่าให้แก่ราชสำนักหนึ่งส่วนในทุกการค้า ยกตัวอย่าง ท่านพี่กงหมินให้ท่านซางไป๋เช่าจวนหนึ่งหลังทำการค้า ท่านซางไป๋ต้องจ่ายท่านพี่กงหมิน และหักส่วนหนึ่งของค่าเช่าให้แก่ราชสำนักพะยะค่ะ”

“หักส่วนหนึ่งแก่เรา”

“พะยะค่ะ อย่างเช่นท่านพี่กงหมินเรียกเก็บค่าเช่าท่านซางไป๋เดือนละหนึ่งร้อยอีแปะ ท่านซางไป๋ต้องจ่ายท่านพี่กงหมินหนึ่งร้อยอีแปะและจ่ายแก่ราชสำนักอีกสิบอีแปะ เช่นนี้พะยะค่ะ”

“โอ้ จดไว้ๆท่านราชเลขา เพียงเท่านี้ทางเราก็สามารถแก้ปัญหาที่ค้างคามานานอีกทั้งยังได้ส่วยด้วยเช่นกัน คุณชายฟาง เจ้าสนใจมาเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์เราหรือไม่”

“พระอาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมขอปฏิเสธพะยะค่ะ”

“เหตุใดจึงไม่ยอมรับเล่า”

“กระหม่อมเป็นเพียงเด็กที่ยังไม่บรรลุ อีกทั้งมีกิจการที่ต้องดูแล เพียงการสนทนาเป็นครั้งคราวเช่นนี้ย่อมได้พะยะค่ะ”

“แต่เรา”

“หากน้องอวี้ไม่ต้องการเหตุใดท่านต้องเซ้าซี้กันเล่า”

“ท่านพี่ขอรับ”

“เอาเถิด เช่นนั้นมีสิ่งใดต้องการสนทนาก็เข้ามาหาเราได้เสมอ คิดเสียว่าเราเป็นพี่ชายของเจ้าเถิด”

“เป็นพระกรุณาแก่กระหม่อมแล้วพะยะค่ะ”

เป็นอีกครั้งที่ความสงสัยที่ตกตะกอนถูกกวนให้ขุ่น เรื่องที่มาของแม่ร่างนี้ที่ยิ่งค้นยิ่งคิดมากเท่าไหร่ยิ่งดูเลือนรางมากเท่านั้น ทั้งยังความลับของร่างนี้อีก ไหนจะท่านพ่อของร่างนี้ที่ไม่อยากให้เกี่ยวข้องกับราชสำนักมากเกินควร

และยิ่งสายตาของฮ่องเต้ในครั้งนี้ที่ดูเหมือนจะมีอะไรแอบแฝงอีกทั้งการเชิญชวนคนที่พบกันสองครั้งนับญาติแบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ ลุงคิดไว้อยู่แล้วว่าการที่ลุงมาอยู่ในร่างนี้ย่อมต้องมีเรื่องราวอะไรบางอย่างที่ถูกกำหนดมาให้ทำ

“ได้ข่าวเรื่องร้านของเจ้ามีเครื่องบำรุงผิวอีกทั้งผม ฮองเฮาตรัสกับพี่หลายครา ไว้เสี่ยวอวี้ว่างก็เข้ามาสนทนากับนางเถิด”

ถึงจะยังสงสัยแต่ก็ต้องเก็บความคิดไปก่อน ช่างรวดเร็วมากครับเรียกแทนตัวว่าพี่แทนผมว่าน้องคล่องเหมือนเรียกกันมานาน ดูเหมือนว่ากลับบ้านครั้งนี้คงต้องหาหนังสือราชวงศ์มาตรวจสอบอะไรบางอย่างก่อนแล้วละครับ

“พะยะค่ะ”

“เช่นนั้นข้ากับน้องขอตัวลา”

“ดูท่าเจ้าจะหวงน้องเกินไปแล้วกระมัง เหตุใดจึงรีบนักเล่าสหายรัก”

“หึ กลับเถิดเรายังต้องไปจัดการเรื่องขององค์ชายซางไป๋อีกมิใช่หรือ”

“เอ๋ อ่า ขอรับ เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลาพะยะค่ะ”

“เอาเถิด เดินทางปลอดภัย”

เดินออกมาจากห้องทรงอักษรตลอดทางท่านพี่กงหมินเงียบมาตลอด แม้กระทั่งบนรถม้าในตอนนี้ ไม่รู้ว่าคิดเรื่องอะไรอยู่

“ท่านพี่กงหมินคิดสิ่งใดอยู่หรือขอรับ”

“เหตุใดเจ้าถึงตอบรับว่าเป็นน้องชายฮ่องเต้กัน”

“หืม ก็น้องไม่อยากขัดพระประสงค์นี่ขอรับ อีกอย่างมันก็ดีกับตัวน้องนี่ขอรับ”

“แต่เจ้ามีพี่แล้ว”

“องค์ฮ่องเต้อยากให้ข้าเป็นน้อง แล้วท่านเล่าขอรับอยากให้ข้าเป็นเพียงน้องเท่านั้นเหมือนกันหรือไม่”

“ก็ข้า จริงสิ”

“เลิกคิดมากได้แล้วขอรับ อีกไม่นานจะถึงร้านน้องแล้ว”

“เพราะเจ้าชอบให้ความหวังข้าเช่นนี้อย่างไร ข้าจึงปีนออกมาจากหลุมที่เจ้าขุดไม่ได้เสียที” สะอึกไปกับคำว่าชอบให้ความหวังจากปากท่านพี่กงหมิน ดูท่าจะเป็นจริงที่ผมชอบให้ความหวังคนอื่นแบบนี้

“ท่านกล่าวสิ่งใดหรือขอรับ” เพราะไม่อยากคิดมากไปเลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินดีกว่า

“ไม่มีสิ่งใด เพียงคิดอะไรไปเท่านั้น”

“ขอรับ เช่นนั้นลงกันเถิดขอรับ”

“อืม” เพราะชอบที่จะให้ความหวังทั้งที่ยังแค่หวั่นไหว ผมคงเป็นคนบาปมากเลยสินะครับ เฮ้อ


TBC.



เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ลุงเป็นคนบาป2018
กงหมิน : เจ้าพูดภาษาใดกัน
เซียนอวี้ : น้องเพียงกล่าววาจาไปเรื่อยขอรับ
กงหมิน : เป็นเช่นนั้น
เซียนอวี้ : ขอรับ (ยิ้มใสซื่อ)


ลงเนื้อหา 30/8/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2019 13:00:41 โดย minibearsecret »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สายตาฮ่องเต้แปลกๆ แปลกเรื่องไนนะ
ไม่ใช่สนใจลุงแบบนั้นอีกคนนะ   :-[
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#10

   หลังจากวันที่เข้าเฝ้าฮ่องเต้ มีจดหมายส่งมาจากท่านซางไป๋เรื่องการเดินทาง ที่อีกไม่กี่วันจะมาถึง ตอนที่บอกท่านพ่อเรื่องของฮ่องเต้ ท่านพ่อดูตกใจมากเหมือนมีอะไรมากกว่านั้นแต่เปลี่ยนท่าทางไปและบอกว่าเป็นบุญเป็นวาสนาอะไรมากมายที่มีผมเป็นลูกท่าน ถึงแม้ท่านพ่อจะบอกว่าในวังมีแต่คนที่คบไม่ได้แต่ก็ไม่แปลกหากจะมีคนที่คอยหนุนหลังเราเป็นคนใหญ่คนโต

“ท่านพ่อขอรับ ยามนี้ยามเซิน(บ่ายสามโมงถึงสี่โมงห้าสิบเก้า)แล้ว แต่ลูกพึ่งคิดอาหารใหม่ขึ้นมาได้เลยอยากมาให้ท่านพ่อได้ลองชิมขอรับ”

“มันคือสิ่งใดกัน”

“มันมีชื่อเรียกว่า ตำไทย ขอรับ”

“ตำไทย”

“ขอรับ เป็นการนำผลมู่กวา(มะละกอ)มาสับเป็นเส้นแล้วปรุงรสด้วยน้ำยำสูตรของลูก ท่านพ่อลองทานดูขอรับ”

“รสชาติประหลาดยิ่งนัก แต่กลับหยุดไม่ได้”

“ลูกบอกแก่พ่อครัวจางแล้วของรับ เห็นพ่อครัวจางว่าจะจัดเข้าเป็นอาหารท่านเล่นอีกอย่าง”

“ดีๆ ช่วงนี้เจ้าได้พักผ่อนหรือไม่”

“ลูกสบายดีขอรับ ไม่ได้เหนื่อยหรือทำงานหนักเกินไป”

“อย่าฝืนเล่าหากเหนื่อยล้า เจ้ายังเด็กนัก จงใช้ชีวิตเยี่ยงเด็กตามอายุเจ้าเถิด อย่างได้คิดมากไป ชีวิตคนเราใช้ไปตามที่ควรเป็นเสีย”

“เราสามารถชีวิตตามที่ควรอย่างไรหรือขอรับท่านพ่อ”

“ใช้ชีวิตตามที่ใจปรารถนา ตามหน้าที่ ตามวัย”

“ตอนนี้ข้าก็ใช้ชีวิตตามที่ควร”

“ส่วนหนึ่งเท่านั้น”

“อย่างไรกันขอรับ”

“วัยของเจ้าในตอนนี้ควรที่จะได้ศึกษาอย่างบุตรตระกูลอื่น เพียงศึกษาและอยู่บ้านในวันหยุดเพื่อพักผ่อน มิใช่ทำการค้าไม่มีเวลาพักเยี่ยงนี้  ถึงพ่อจะภูมิใจที่เจ้าฉลาดยิ่งและขยันทำงาน แต่ในฐานะบิดา หากเห็นเจ้ามีความสุขตามวัยย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ”

“ท่านพ่อขอรับ ยามนี้ลูกมีความสุขดีขอรับ มีครอบครัว มีกิจการที่มั่นคง มีสหายที่ช่วยเหลือ แม้ว่ามันจะดูไม่เหมาะแก่วัยของข้า แต่เป็นทางที่ข้าชอบยิ่งนักท่านพ่อ ท่านอย่าได้โทษตนเอง ท่านเป็นบิดาที่ดีที่สุดที่ข้าพบเจอมา ข้ามิได้คิดมากอันใด”

“อวี้เอ๋อร์ เจ้เหมือนกับมารดาของเจ้ายิ่งนัก นางก็เป็นเช่นนี้ นางมักจะทำตามที่ใจตนต้องการเสมอ ไม่สนฐานะของตน ไม่สนอายุ มีเพียงใจเท่านั้นที่นางต้องการจะทำ” เรื่องของแม่เซียนอวี้นี้ เป็นครั้งแรกที่พ่อของเขาพูดออกมาให้ได้ยิน

“ท่านพ่อ”

“ไม่แปลกหากเจ้าจะไม่รู้จักหน้าตาและนิสัยมารดาตนเอง มารดาชองเจ้านางเสียเมื่อเจ้าอายุเพียงสี่ปีเท่านั้น  นางเป็นคนดี นางขยัน กล้าได้กล้าเสีย มุทะลุ ไม่แปลกที่บิดานางจะโกรธเช่นนั้นเมื่อนางตบแต่งกับข้าหาใช่บุรุษที่ครอบครัวนางหาให้” ท่านพ่อหยุดพูดก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกำลังรำลึกความหลัง ตั้งแต่ผมลืมตาในร่างนี้ เรื่องราวของมารดาของเซียนอวี้ไม่ปรากฏสักนิดเหมือนมีเรื่องราวเพียงนิดเท่านั้นในความทรงจำที่ถูกม่านหมอกปกคลุม

มีหลายครั้งที่ผมมักจะสงสัยในตัวของเซียนอวี้คนนี้เช่นกัน ทั้งเรื่องพลังทั้งเรื่องหน้าตา และเพราะอะไรถึงต้องเป็นร่างนี้ที่ผมเข้ามาอาศัยแบบนี้  เรื่องราวที่เหนือธรรมชาติที่น้อยคนจะรับมันได้เมื่อเผชิญกับตัวแบบผม คนธรรมดากลับมีพลังในการมองเห็น โลกที่เปลี่ยนไปจนเกินที่จะคาด และความต้องการของคนที่บงการเรื่องราวในครั้งนี้ ทุกอย่างมีข้อสงสัยในตัวของมันเอง

ในอีกสองวันต่อมาท่านซางไป๋ได้เดินทางมาถึงแคว้นเซียนแล้ว และมาพักที่ร้านเซียนของผมแทนร้านอาหารฟาง ผมบอกคนในร้านให้ดูแลรับรอง่านซางไป๋ไปก่อนเพราะติดงานที่ร้านอาหารฟาง เพราะว่าช่วงนี้คนมักจะมาเพื่อซื้อตำไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะที่ไหนส้มตำก็ยังขายดี อันนี้ลุงยืนยัน

ร้านเซียน

“ท่านเดินทางมาไกลท่านควรจะไปพักผ่อน มิใช่มาเดินตามข้าเยี่ยงนี้ ท่านซางไป๋”

“ไม่ได้พบเจอหน้าเจ้าหลายวัน คิดถึงข้าบ้างหรือไม่”

“ท่านเป็นสหายข้า ข้าย่อมคิดถึงท่านเป็นธรรมดา”

“ใจร้ายยิ่งนัก ข้าคิดถึงเจ้ามากเหตุใดถึงไปไม่ถึงใจเจ้า”

“ไหนท่านกล่าวว่าตัวข้านั้นเป็นเพียงแค่สหายของท่านกันขอรับ”

“เจ้าก็รู้ว่าข้ากล่าวเพื่อเข้าใกล้เจ้าเพียงเท่านั้น”

“มันอาจจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเพียงเท่านั้น เมื่อลมพัดผ่านก็เลือนรางไป” คนเราจะรักกันตั้งแต่แรกได้จริงหรอครับ

“ไม่รับความรู้สึกข้าไม่ว่า แต่หากมาดูถูกใจข้าเช่นนี้ ข้าเสียใจยิ่ง”

“ท่านโกรธ”

“ย่อมโกรธ”

“เช่นนั้นก็เชิญท่านโกรธไปเถิด” เพราะความสงสัยของผมทำให้ใจดวงนี้เริ่มที่จะหวาดระแวง
“ฟางเซียนอวี้!!!”

“มีเรื่องอันใดกัน” เสียงของบุคคลที่สามแทรกเข้ามาพอดีก่อนที่ท่านซางไป๋จะเหวี่ยงอารมณ์มากกว่านี้ ผมผิดสินะที่ถามไป ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะดูถูกความรู้สึกของใคร แต่เพราะอิจฉาที่คนอื่นรับรู้และเข้าใจในความรู้สึกนั้นมากกว่าตัวเอง

“ตกลงกันเถิดข้าขอตัว”

“เซียนอวี้ ข้ากำลังโกรธเจ้าอยู่นะ”

“ข้าก็กำลังจะไปให้พ้นหน้าท่านอย่างไรเล่า”

“เจ้าจะไม่ขอโทษที่ดูถูกความรู้สึกของข้าเช่นนี้หรือ”

“องค์ชายซางไป๋ ข้าของถามท่านได้หรือไม่ ข้าควรยินดีที่ถูกบุรุษเช่นกันมาเกี้ยวเช่นนั้นหรือ ข้าควรดีใจที่คนที่บอกว่าตัวข้าเป็นสหายมาพูดจาเช่นนั้นหรือ และข้าควรดีใจที่พวกท่านกล่าวว่าชมชอบข้าทั้งที่ไม่รู้จักข้าสักนิดเพียงเท่านั้นหรือ ข้าผิดเช่นนั้นหรือที่จะหวาดระแวง หากผิดที่จะตั้งคำถาม ข้าขออภัยที่ทำให้องค์ชายเช่นท่านไม่พอพระทัย หากท่านยังไม่พอใจจงลงโทษข้าเถิดที่เสียมารยาทกับท่าน องค์ชาย” ผมค่อมตัวคารวะตามทำเนียม ก่อนจะหมุนตัวออกมา

ไม่เข้าใจว่าแค่ถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้น หากมันผิดมากเกินไปก็ต้องขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำให้ขุ่นเคืองใจกัน ถึงมันอาจจะดูแรงไปที่ถามคล้ายกับดูถูกความรู้สึก แต่คนที่ไม่เคยมีความรักต้องการความแน่ใจในความรู้สึก ผิดมากไปหรือที่อยากถาม  และถ้าการพูดคุยในเรื่องแบบนี้มันลำบากใจ ไม่ผิดใช่ไหมที่ผมจะไม่อยากคิดถึงมันอีกต่อไป

“ทะเลาะกับใครมาเล่า จึงทำหน้าเยี่ยงนั้น” ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งแต่ยังหนากว่าตัวผมในตอนนี้มาก ใบหน้าที่หล่อเลาปนสวยพร้อมผมสีดำสนิทจนหน้ากลัว ผมไม่เคยพบเจอชายตรงหน้านี้มาก่อนทำไมทักเหมือนรู้จักกัน

“ท่านเป็นผู้ใดกัน เหตุใดจึงทักทายเช่นคนรู้จัก”

“เราพบกันหลายครา ไม่แปลกที่เจ้าจะไม่รู้จักร่างจริง”

“ท่านคือ ท่านจิวเฟยหลงหรือขอรับ” ไอดำจากกระแสปราณที่ดำมืดไม่แปลกที่ผมจะรู้จักเพราะมีคนเดียวที่ผมเคยเห็นมัน

“ดีใจที่เจ้าจำได้”

“มีเรื่องอันใดกันถึงมาพบข้าด้วยร่างนี้”

“ข้าได้วันหยุดจึงออกมาเดินเล่นและหาข่าว จำได้ว่าร้านเจ้าอยู่แถวนี้จึงมาดู ว่าแต่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกับเจ้าหรือ”

“เฮ้อ เพียงเรื่องน้อยนิดเท่านั้น”

“ต่อให้น้อยจนมองไม่เห็นหากเป็นเรื่องของเจ้าข้าย่อมอยากรู้”

“ท่านเกี้ยวข้า”

“ย่อมใช่”

“เหตุใดจึงเกี้ยวกัน”

“ไม่มีเหตุผล ข้าเพียงรู้สึกเท่านั้น เพียงคราแรกที่พบหน้า”

“ท่านจักกล่าวว่าชมชอบข้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ”

“ย่อมได้”

“ไม่คิดว่าแค่ความรู้สึกชั่วคราวหรอกหรือ” คล้ายกันกับคำถามของซางไป๋ที่ทำให้ทะเลาะกัน

“เจ้าอาจจะคิดเช่นนั้นได้ แต่ข้ามั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง”

“เหตุใดจึงไม่โกรธ”

“โกรธสิ่งใด”

“ที่ข้าถามท่านเช่นนั้น”

“ไม่มีสิ่งใดที่ต้องโกรธ ไม่แปลกหากเจ้าจะแคลงใจในความรู้สึกของคนที่เกี้ยวทั้งที่พบหน้าไม่กี่ครา”

“หึ ท่านเป็นคนที่น่ากลัว แต่อยู่ด้วยกลับสงบใจ”

“ดีใจที่เจ้าคิดเช่นนั้น หากไม่รับความรู้สึกของข้าในเชิงคนรัก เก็บข้างไว้ข้างกายในฐานะมิตรสหายข้าก็ยอม”

“หวังน้อยเหมือนท่านพี่กงหมินยิ่งนัก”

“มีคนรักที่มีเสน่ห์ มิแปลกหากต้องใจกว้างเช่นแม่น้ำ” 

ผมได้แต่ยิ้มบางกับความคิดของคนตรงหน้า หวังน้อยนะ ไม่รักยังไงก็ขอให้ได้อยู่เคียงข้างเท่านั้น คนที่ดีแบบนี้ ผมไม่กล้าที่จะทำร้ายจิตใจหรอกครับ แต่จะให้รักก็ยังไม่กล้าอยู่ดี ความสัมพันธ์แบบนี้ มันเรียกว่าอะไรกัน

“เซียนอวี้” เสียงท่านซางไป๋เรียกผมดังขึ้น จากทางที่ผมเดินออกมา ตอนนี้ผมกับท่านเฟยหลงอยู่ที่บริเวณลานหินหน้าบ้านพักหลังร้านเซียน ส่วนท่านซางไป๋กับท่านพี่กงหมินกำลังเดินตามออกมาจากตัวบ้าน

“ว่าอย่างไร”

“ข้าขอโทษ”

“เรื่องอันใด”

“ที่โกรธเจ้า”

“ไม่ผิดหากท่านจะโกรธ ข้าอาจจะทำให้ท่านโกรธมากกว่านี้หากยังอยู่ข้างกายในวันหน้า”

“ข้ายอม เพียงได้ยืนข้างกายเจ้า ไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม”

“เหตุใดพวกท่านจึงยึดมั่นเช่นนี้กัน ข้าเป็นเพียงเด็กชายอายุสิบสี่ปีเท่านั้น คนที่ยิ่งใหญ่เช่นพวกท่านเหตุใดจึงมาสนใจข้ากัน” นี่เป็นคำถามที่ผมอยากถามทั้งสามคนมานานแล้วครับ ทำไมถึงต้องมาสนใจ หรือว่ารู้จักและสนใจร่างนี้มาก่อนหน้าที่ผมจะมาอาศัยก่อนแล้ว หากเป็นเรื่องจริงผมคิดว่าคงต้องปล่องพวกเขาไปเพราะในตอนนี้คนที่พวกเขายึดมั่นไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว

“เพียงครั้งแรกที่พบหน้า สายตาของข้าก็ไม่อาจละไปจากเจ้า เช่นเดียวกับอีกสองท่าน” ท่านซางไป๋พูดก่อนที่สองคนจะพยักหน้าตาม

“พวกท่านเคยพบข้ามาก่อนหน้านี้หรือไม่”

“อย่างไรกัน”

“ท่านพี่กงหมิน เราสองพบกันคราแรกที่ร้านในวันที่ท่านมาสั่งอาหารจริงหรือไม่”

“เป็นเช่นนั้น”

“ท่านซางไป๋ เราพบกันคราแรกที่ข้าสั่งของท่านใช่หรือไม่”

“ย่อมใช่”

“ท่านเฟยหลง เราพบกันคราแรกที่หอนางโลมฮวาครานั้นใช่หรือไม่”

“ถ้านับการพูดคุยย่อมใช่ แต่หากพบหน้าคราแรก ก่อนหน้านั้นเป็นวันที่เจ้ายืนส่งองค์ชายซางไป๋ที่หน้าร้าน นั่นคือคราแรกที่ข้าเห็นเจ้า”

“พวกท่านไม่ได้พบข้าก่อนหน้านั้นใช่หรือไม่”

“ไม่ มีอันใดหรือ”

“ไม่มีขอรับ เพียงถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้น”

“อย่างไร”

“ไม่มีอะไรหรอกขอรับ ว่าแต่ท่านพี่กงหมินพูดคุยเรื่องร้านกับท่านซางไป๋เสร็จแล้วหรือ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะยิ่งพูดจะยิ่งเข้าตัวมากขึ้น สรุปว่าพวกเขารู้จักฟางเซียนอวี้ที่มีผมอาศัยอยู่ในตอนนี้ ไม่ได้พบเจอกันก่อนหน้านี้ แล้วแบบนี้ผมจะต้องทำยังไงต่อไปดีกับความรู้สึกที่พยายามทิ้งตัวเป็นตะกอนในใจตอนนี้

“ยังมิได้พูดคุยสิ่งใด”

“เช่นนั้นตามข้ามาเถิด ไปพูดคุยที่ห้องทำงานของข้ากัน”

“ว่าแต่ท่านคือจิวเฟยหลงเช่นนั้นหรือ”

“ขอรับ”

เสียงพูดคุยทำความรู้จักของสามคนด้านหลังให้ความรู้สึกเหมือนบรรดาเมียๆทำความรู้จักกันหลังย้ายบ้านใหม่เลยครับ บ้าไปแล้วนี่ลุงคิดอะไรกัน

ย่านการค้า เขตท่าเรือ

เราสี่คนเดินทางมาตามที่พี่กงหมินบอกเพื่อมาสำรวจร้านค้าท่านซางไป๋จะเช่าทำการค้าต่อจากนี้ ตัวร้านมีสองชั้น คาดว่าชั้นบนน่าจะเป็นที่พัก ด้านล่างที่ชั้นแรกเป็นโถงโล่งๆไม่มีอะไร คิดว่าท่านซางไป๋น่าจะต้องหาชั้นมาใส่เพื่อตั้งสินค้าแล้วละครับ

บริเวณชั้นบนเป็นอย่างที่คิดครับมีห้องแบ่งออกเป็นห้าถึงหกห้อง มีห้องนอนอยู่สองห้อง มีห้องทำงาน นอกนั้นเป็นห้องโล่งๆเท่านั้น พี่กงหมินบอกว่าเดิมทีเป็นบ้านสายรองของสกุลหวังของเขาแต่ว่าเจ้าของบ้านย้ายออกไปอยู่บ้านใหญ่อีกแห่งเลยขายต่อไว้

ผมไม่ได้สนใจเรื่องราคาเช่าของทั้งสองคน ผมเดินออกจากร้านของซางไป๋มาที่ท่าเรือ เห็นว่ามีขนมเรียงรายเยอะแยะเลยอยากจะลองบ้าง เผื่อว่าจะมีไอเดียคิดเมนูใหม่ออกมาได้เพิ่มจากเดิมทีอยู่ในสมุดบันทึกของตัวเองที่เก็บใส่หีบไว้ที่ห้องนอน

หลังจากที่สังเกต ผมคิดว่าบ้านของผมหลังร้านเซียนน่าจะเป็นที่นัดพบของพวกเรามากกว่า เพราะว่าที่นอนหลักของผมก็ยังเป็นที่ร้านอาหารที่ผมลืมตาขึ้นมาอยู่ดี  ผมไม่อยากทิ้งให้พ่อของร่างนี้ต้องอยู่คนเดียว เลยคิดว่าเทียวไปเทียวมาเอาง่ายกว่า

“ใจลอยไปถึงที่ใดกับถึงทำเอาแก้มเลอะเช่นนี้”

“ท่านตามข้ามาหรือ ท่านเฟยหลง”

“เมื่อใดที่เจ้าจะเรียกขานข้าดั่งท่านกงหมินเสียที”

“ท่านต้องการเช่นนั้นหรือ”

“ต้องการ รู้หรือไม่ว่ายามที่เจ้าเรียกข้าว่าท่านเฟยหลงทำเอาใจข้าเจ็บยิ่งนัก”

“กล่าวเกินไปแล้วขอรับ”

“เช่นนั้นเรียกข้าว่าพี่เฟยหลงเถิด ข้าอายุมากกว่าเจ้าหลายปี”

“ก็ได้ขอรับท่านพี่เฟยหลง”

“แล้วกินอย่างไรให้เลอะกัน”

“หมดหรือยังขอรับ” ผมเช็ดแก้มตัวเองตามที่พี่เฟยหลงบอก แต่แทนที่เขาจะตอบกลับเลื่อนหน้าเข้ามาเลียคราบเลอะบนแก้มผมแทน

“ทะ ท่านทำอะไรกัน”

“เช็ดแก้มให้เจ้าอย่างไรเล่า”

“เหตุใดไม่บอกตำแหน่งแก่ข้ากัน”

“อย่างไรก็สะอาดเช่นกัน”

“ท่านกินเต้าหู้ข้านะขอรับ”

“แล้วแปลกตรงไหนกันที่ข้าจะกินเต้าหู้เจ้า ในเมื่อข้ารอเวลากินมากกว่าเต้าหู้ของเจ้าเสียอีก”

“ลามก”

“เจ้าคิดไปเอง”

“ฮึ่ย” ดีนะครับที่เราเดินกลับมาที่ร้านแล้วเลยเป็นช่วงที่คนน้อยจนไม่มีใครสังเกตเห็นภาพเมื่อกี้ ผมยังไม่อยากจะบอกหรอกนะครับ ว่าหวั่นไหวกับพวกเขาจริงๆ  บ้าจริงใจลุงจะบางเกินไปแล้ว

“เหตุใดจึงทำสีหน้าเช่นนั้นเล่าน้องพี่”

“ท่านพี่กงหมินขอรับ ท่านพี่ต้องเอาคืนให้น้องนะขอรับ ท่านพี่เฟยหลงกินเต้าหู้น้อง”

“หืมเช่นนั้นให้พี่ทำเช่นไรกัน”

“ตามที่ท่านพี่ต้องการเลยขอรับ” ผมส่งสายตาสะใจที่มีคนหนุนหลังเป็นชายคนนี้ไปให้คนที่ทำผมอาย

ฟอด!!!!

“เอ๊ะ” ผมเอามือกุมแก้มตัวเองที่ถูกขโมยหอมจากคนข้างกาย

“อยู่ใกล้เจ้าไม่แปลกที่พวกข้าชมชอบการกินเต้าหู้ของเจ้า”

ฟอด!!!

“เช่นกัน”

“ทะ ท่านซางไป๋นี่ท่าน”

“ข้าอายุมากกว่าเรียกข้าเช่นพวกเขาเถิด”

“พวกท่านร่วมมือกันใช่หรือไม่ ข้า ข้าจะ ข้าจะไปฟ้องเสี่ยวมู่”

ทำอะไรไม่ได้ก็รีบหนีออกมา คอยดูนะ กลับร้านเซียนจะฟ้องเสี่ยวมู่ให้มาเอาคืนคอยดู

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : พวกท่านช่างโหดร้ายยิ่งนัก ชอบทำร้ายจิตใจข้า
ซางไป๋ : หากการกินเต้าหู้เจ้าเป็นการทำร้ายจิตใจเจ้า การทำมากกว่านั่นเล่าจะเรียกว่าอันใด
กงหมิน/เฟยหลง : เป็นเช่นนั้น
เซียนอวี้ : เสี่ยวมู่ พี่ชายโดนทำร้าย
เสี่ยวมู่ : พวกท่านเล่นอะไรกันหรือ
เซียนอวี้ : โธ่ ผ้าขาวของพี่อวี้
เสี่ยวมู่ : …………..

ลงเนื้อหา 4/9/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2019 14:00:47 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 รอวันลุง ถูกกิน   :o8: :-[ :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#11

   วันนี้เป็นอีกวันที่เงียบสงบสำหรับผมในโลกแห่งนี้ เช้าๆการเดินออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ผมคุ้นชิน เมื่อวานอยู่จัดการสินค้าทดลองวางขายจนดึกเลยฝากเงาไปบอกท่านพ่อไว้ว่าจะนอนที่ร้านเซียนก่อน วันนี้พอตื่นมาก็มาเดินเล่นรับอากาศยามเช้า ก่อนที่คนอื่นๆจะตื่น

จะว่าไป ผมนำเงินมาสร้างห้องพักให้กับคนงานที่ร้านด้วยครับ อยู่ในรั้วเดียวกันแต่อยู่ในพื้นที่ของบ้านด้านหลังที่ว่างอยู่  บริเวณลานหน้าบ้านในตอนนี้มีหมอกลอยอยู่จางๆ สายตาผมไปสะดุดอยู่ที่บริเวณโคนต้นไม่ใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไรเหมือนกัน

“เจ้ามาจากที่ใดกันเจ้างูน้อย” เป็นงูเขียนครับ ตัวไม่ใหญ่มาก สมัยอยู่โลกก่อนผมเคยเลี้ยงงูไพธ่อนมาก่อนครับเลยไม่กลัวงูเล็กๆแบบนี้ แถมดูเหมือนมันจะหิวโซอยู่มาก

“หิวใช่หรือไม่ ว่าแต่งูเขียวกินอะไรกัน”เพราะไม่มีคนอยู่พูดภาษาโลกเดิมคงไม่มีใครได้ยินอยู่แล้ว
 
ผมหยิบเจ้างูน้อยเข้ามาในอ้อมแขนก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านอีกครั้ง  เจ้างูพอเห็นขนมที่วางอยู่บนโต๊ะก็เลื้อยหนีลงไปเอาดื้อๆ สงสัยจะกินขนม แต่ว่างูกินขนมหรอครับ

ผมเพ่งมองจนเห็นไอสีทองเข้มยิ่งกว่าไอของท่านพี่ซางไป๋ที่เป็นสีทองปนขาว ลอยออกมาจากตัวเจ้างูคลุมล้อมไว้ ไม่ธรรมดา เป็นเรื่องง่ายที่จะมองออกว่างูตัวนี้เป็นมากกว่างู ดูจากไอนั้น มันไม่ใช่กระแสปราณแบบที่ผมเคยเห็นมาก่อนและสีทองมีเพียงเชื่อสายมังกรเพียงเท่านั้นที่มีได้ แต่ก็เป็นไอสีขาวปนทองเท่านั้น แปลว่าเจ้างูตัวนี้

แต่ถึงจะรู้ว่าเจ้างูตัวนี้ไม่ธรรมดาแต่ผมว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้เรามาเจอกันแบบนี้ แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะมาร้ายจากเจ้างูที่นอนมองหน้าผมหลังจากที่กินเสร็จ

“อืม ไหนๆเจ้าก็มาอยู่ด้วยกัน ต่อไปข้าเรียกเจ้าว่า อืมงูเขียว สีเขียว อ่า ลวี่เซ่อและกัน เจ้ามีสีเขียวเจ้าชื่อลวี่เซ่อนะ” หัวที่ขยับไปมาของมันผมตีความว่าตกลงแทนละกัน อากาศกำลังดีแต่เพราะว่าผมติดการอาบน้ำเช้าเย็นไม่แปลกหากมาที่นี่ผมยังทำแบบเดิมอยู่

ผมเดินมาที่ถังอาบน้ำขนาดกลางที่มีน้ำอยู่ภายใน คาดว่าคนในร้านน่าจะมาเตรียมไว้ให้เพราะเห็นว่าวันนี้ผมอยู่ที่นี่ ผมวางเสี่ยวลวี่ไว้บนหัวก่อนจะถอดชุดนอนออกจนหมด ในห้องนี้มีแค่ผมกับเจ้างูเท่านั้นไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเห็น ผมเอาเจ้างูเข้ามาอาบน้ำด้วย ตอนแรกก็ขัดขืนอยู่หรอกครับ แต่พอโดนลูบไปมาเรื่อยๆก็คล้อยตาม ทำหน้ามีความสุขออกมาจนสังเกตได้

เมื่อเสร็จก็พากันออกมาเช็ดตัว ตอนที่ผมแต่งตัวผมเห็นว่าสายตาของเจ้างูน้อยมองมาที่ผมตลอด ผมไม่ได้สนใจมากนักเลยแต่งตัวต่อไป จนกระทั่งได้เวลางาน ผมมาทำงานพร้อมเจ้างูมีหลายคนเข้ามาทัก บ้างว่าอันตราย บ้างให้เอาไปปล่อย และบ้างว่าให้ฆ่าทิ้งเสีย ผมไม่ตอบอะไรไปยิ้มกลับเท่านั้น คนเหล่านั้นก็ได้แต่มองหน้าแล้วกลับไปทำงานตนเอง

ตอนที่พามันมาเจอท่านพ่อ ท่านก็บอกแค่ว่าจะเลี้ยงก็ได้ แต่อย่าทิ้งขว้างเด็ดขาด เพราะสัตว์ก็มีหัวใจของมัน ท่านพ่อเป็นคนดีมากเลยครับ เข้าใจความคิดของเขาเสมอและคอยสนับสนุนในเรื่องที่ดีงาม

และแล้วก็ผ่านมาสามวันแล้วที่ผมตัวติดกับเจ้างูน้อยตัวนี้ ผมคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันผมไปแล้ว จนมาวันนี้ วันที่ผมพบกับแขกที่ไม่ได้นัดหมายที่มาดักรออยู่ที่ร้านพร้อมหน้ากันทั้งสามคน และผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ท่านพี่เฟยหลงฝึกมาหรือเปล่า พอเห็นหน้าเสี่ยวลวี่ก็ถึงกับชักดาบแบบนี้

“วางดาบของท่านลงเสีย อย่ามาชักดาบในบ้านของข้าเช่นนี้”  ผมตกใจมากที่อยู่ๆมาจ่อปลายดาบใส่เด็กผมแบบนี้

“มันเป็นปีศาจ”

“ท่านว่าอย่างไรนะท่านเฟยหลง” ท่านพี่กงหมินรีบถามเมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมปล่อยเจ้างูออกจากอ้อมแขน

“เซียนอวี้ ปล่อยมันมาให้พวกข้าจัดการเถิด หากมันอยู่ใกล้เจ้าอาจเกิดอันตรายได้”

“ท่านมิต้องกล่าวอันใดให้มากความท่านพี่ซางไป๋ เสี่ยวลวี่เป็นของข้า เหตุใดต้องปล่อยให้พวกท่านมาทำร้ายเขากัน”

“ไม่ดีแน่ เซียนอวี้อาจถูกมนต์ร้าย”

“ข้ามิได้ถูกมนต์ใดๆทั้งนั้นท่านพี่เฟยหลง และเสี่ยวลวี่ก็มิได้เป็นปีศาจ”

“ข้ามองเห็นไอวิญญาณของมันเหตุใดเจ้าจึงไม่เชื่อกัน”

“ข้าของยืนยันว่าเสี่ยวลวี่มิใช่ปีศาจ”

“อวี้เอ๋อร์เหตุใดจึงเถียงท่านเฟยหลงกัน เจ้ายังเด็กนักไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของปีศาจหรอก”

“พวกท่านคิดว่าข้าโง่งมถึงเพียงนั้นเลยหรือถึงมองไม่ออกว่าสิ่งใดคือปีศาจ”

“เจ้ากล่าวดั่งรู้ว่ามันมิใช่ปีศาจจริง”

“ใช่ ข้ารู้ เหตุใดพวกท่านไม่สังเกตบ้างหรือว่าทำไมข้าถึงรู้ว่าพวกท่านเป็นผู้ใดท่านพี่ซางไป๋ ท่านพี่เฟยหลง  พวกท่านปลอมตัวได้แนบเนียน ตบตาผู้คน แต่คราแรกที่พบหน้าข้า ข้ากับมองเห็นตัวตนของพวกท่าน  และท่านพี่กงหมิน ท่านมิสงสัยหรือว่าเหตุใดข้าจึงรู้ว่าท่านตาหลิวมีวิชา”

“พวกข้าไม่สามารถจับกระแสปราณของเจ้าได้ หากแต่ยังคงความแคลงใจไว้แต่มิได้เก็บมาใส่ใจนัก เช่นนั้นช่วยแจ้งแก่พวกเราเถิดในความลับของเจ้า”

“เพราะข้าไว้ใจพวกท่านจึงได้บอกมัน ความลับของข้า คือไม่มีสิ่งใดสามารถลวงหลอกสายตาของข้าได้แม้แต่วิชาแปลงกายก็ตาม” ทุกอย่างดูเงียบลงเมื่อผมพูดจบ สายตาของทั้งสามคนมองมาอย่างสงสัยแต่ก็ปรากฏความดีใจกับความลับที่ผมยอมบอกไป

“แล้วที่เจ้าว่ามิใช่ปีศาจ”

“ขอรับท่านพี่กงหมิน ในคราแรกที่พบเจอน้องเพียงสงสัยในพฤติกรรมของเสี่ยวลวี่เพียงเท่านั้น ต่อมาจึงลองใช้ดวงตามองจนเห็นไอที่ลอยวนอยู่รอบกายของเสี่ยวลวี่ ไอที่มีสีเดียวกับท่านพี่ซางไป๋แต่เข้มข้นกว่ามากจนน่าสงสัย”

“เหมือนกับข้ารึ แล้วเจ้ามองเห็นสิ่งใดกัน”

“กระแสปราณขอรับ แยกเป็นการฝึกวิชาของแต่ละคน อย่างท่านพี่กงหมินเป็นสีขาวเข้ม ท่านพี่เฟยหลงสีดำเข้ม และท่านพี่ซางไป๋สีขาวปนทอง”

“เหตุใดจึงปนทองกัน”

“เพราะท่านพี่ซางไป๋เป็นเชื้อพระวงศ์อย่างไรเล่าขอรับ”

“เช่นนั้นเจ้างูตัวนี้”

“มิเหมือนขอรับ เพราเสี่ยวลวี่เป็นสีทองเพียงอย่างเดียว อีกทั้งมีความเข้มของสีที่สูง ยิ่งเข้มยิ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของปราณในแต่ละคน”

 หลังผมพูดจบบรรยากาศรอบกายของเราต่างเปลี่ยนแปลงราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกดดันพวกเราอยู่ ไอความเย็นที่เริ่มปกคลุมจนรู้สึกได้ สถานการณ์ตอนนี้ชักจะไม่ปกติซะแล้วครับ

“ข้ามิแปลกใจอันใดแล้วว่าลิขิตสวรรค์ที่ท่านผู้เฒ่าจันทราแจ้งแก่ข้าคือสิ่งใด ชะตานำพาให้ข้าได้ลงมาที่โลกมนุษย์แห่งนี้เพื่อชดใช่ความผิดที่ทำต้นท้อสวรรค์เสียหาย บทลงโทษที่จะคงอยู่ในร่างของงูน้อยเช่นนี้จนกว่าจะมีคนที่ถูกผูกชะตาด้วยด้ายแดงมาแก้ไขให้กลับมาดังเดิม”

เสียงที่ดังขึ้นจากเบื้องหลังของผมจนต้องหันกลับไปมอง ชายตรงหน้าที่อยู่ในอาภรณ์สีเขียวอ่อนที่ดูสบายตา ผิวพรรณรูปลักษณ์คล้ายบัณฑิตมากความรู้ ดูสง่างามและทรงอำนาจ แต่แฝงความซุกซนในดวงตายามที่สบกัน

“ท่านเป็นผู้ใดกัน” เสียงท่านพี่ซางไป๋เรียกถามคนตรงหน้าของผมในตอนนี้

“เสี่ยวลวี่ ไม่ใช่สิ ข้ามีนามว่าลวี่หลง เป็นเทพมังกรจากเบื้องบน” ไม่ผิดไปจากที่ผมคิดเอาไว้สักเท่าไหร่

“เทพมังกร” สามคนด้านหลังผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะพบเจอเทพสักองค์ลงมาที่ดินแดนแห่งนี้เพื่อพบปะกับเหล่ามนุษย์เดินดินธรรมดา

“เหตุใดเจ้าจึงดูไม่ตกใจกันเซียนอวี้หรือว่าที่เจ้าบอกกล่าวก่อนหน้านั้นทำให้รับรู้ตัวตนของข้า”

“เพราะตลอดสามคืนท่านแอบลอบเข้ามานอนกับข้าทั้งที่ข้าก็จัดที่นอนให้ท่านแล้วทุกคราก่อนนอน”

“หืม อะแฮ่ม ถึงท่านจะเป็นเทพก็ตาม แต่การมาแอบนอนเตียงเดียวกับอวี้เอ๋อร์ของเราเช่นนี้ ขอจงอธิบายมาเสียก่อนที่กระบี่ของข้าจะมุ่งไปโดนร่างกายของท่านเอา”

“อะ เอ่อ คือ ข้าขอภัยพวกท่านทั้งสามที่กระทำการเช่นนั้น แต่เพราะต้องการแก้คำสาปการนอนอยู่บนเตียงเดียวกันครบสามวันจะทำให้คำสาปเสื่อมลงจนกลับร่างได้ ข้ามีเหตุผลที่กระทำ พวกท่านโปรดจงเข้าใจ อย่างไรเสียเราก็เป็นพวกเดียวกันมิใช่หรือ”

“หยุดกล่าววาจาที่ทำให้ข้าต้องเสียอารมณ์ไปยิ่งกว่านี้เถิด หากจะทำความรู้จักกันก็ไปเสีย ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับพวกท่าน หึ”

ยิ่งเห็นยิ่งขัดหูขัดตา ทั้งคำว่าด้ายแดงก็แล้วยังมาคำพูดที่ดูเหมือนจะต้อนรับสมาชิกเข้าบ้านแบบนี้อีก พอนึกๆไปวันแรกที่เจอกันผมแก้ผ้าต่อหน้าเจ้างูไป หนอยไอ้สายตาที่มองตามในตอนนั้นไม่ใช้สงสัยแต่เป็นลวนลามสินะ ตกลงท่านเป็นเทพจริงหรือไม่ท่านเทพมังกร

หลังจากวันนั้นไม่ว่าผมจะไปที่ไหนก็จะมีท่านเทพไปด้วยเสมอ เห็นแบบนั้นแต่เอาเข้าจริงท่านเทพก็เป็นคนที่ขี้อายพอสมควรครับ โดนผมมองหน้าตรงๆไม่เกินห้าวิก็อายจนหน้าแดงไปหมด ไม่แปลกที่ผมจะชอบแกล้งท่านเทพเพื่อระบายความแค้นที่แอบมองผมอาบน้ำแบบนั้น

ผมแนะนำกับทุกคนว่าท่านเทพเป็นสหายที่เดินทางมาหาและพักอยู่ร่วมกันอย่างไม่มีกำหนดกลับ แต่บอกความจริงกับท่านพ่อ ท่านพ่อเพียงหันมามองที่หน้าของท่านเทพก่อนจะถอนหายใจแล้วแสดงสีหน้าโล่งใจออกมา พอถามก็ตอบแต่ว่าดีใจที่เป็นเพียงสหายเท่านั้น ถึงจะงงแต่สายตาของท่านพ่อก็ทำเอาขนแขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด
เซียนอวี้ : ข้าไม่รู้มาก่อนว่าท่านพ่อจะเป็นหนุ่มวาย
ฮุ่ยเอิง : อวี้เอ่อร์ขอแค่เจ้ามีความสุขพ่อก็เข้าใจในความรักของพวกเจ้าทั้งหมดทุกคน
เซียนอวี้ : ท่านกล่าวสิ่งใดกัน ข้าหามีคนรักไม่
ฮุ่ยเอิง : กล่าวเช่นนี้มิกลัวว่าทั้งสี่คนด้านหลังจักเสียใจหรือ
เซียนอวี้ : ข้าไม่เข้าใจคำของท่านนัก ..........(หันมองคนด้านหลังสี่คน)

ลงเนื้อหา 6/9/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2019 14:28:49 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอิ่มมมม........เพิ่มมาอีกคนแล้ว เป็นสี่คน  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 736
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ minibearsecret

  • ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็ฟินเวลาผู้ชายได้กันนะ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
    • Minibear_Secret Writer
#12

   ยามซื่อ(เก้าโมงถึงสิบโมงห้าสิบเก้า)วันนี้ผมมีเรื่องต้องเข้าวังครับ เพราะองค์ฮ่องเต้มีรับสั่งเรียกผมไปเข้าเฝ้า ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้มีเรื่องอะไรอีกรึเปล่า แต่หลายวันก่อนผมก็ไปเข้าเฝ้าองค์ฮองเฮามาแล้วครับ เอาของไปขายด้วย ใช้วิชาการตลาดเต็มที่ครับ

พอได้เวลารถม้าก็มารับถึงหน้าร้านเลยครับ ผมนั่งรถม้ามาได้ไม่นานก็เข้ามาถึง ตามจริงผมต้องลงเดินตั้งแต่หน้าประตูวังชั้นแรกเพราะไม่มียศศักดิ์อย่างขุนนางที่เข้าได้ถึงชั้นกลางหรือเชื้อพระวงศ์ที่เข้าได้ถึงชั้นใน แต่เพราะองค์ฮ่องเต้สั่งไว้ว่าต่อจากครั้งนั้นผมคือน้องของพระองค์มียศเทียบเท่าอ๋องท่านหนึ่งก็เลยสบายเข้ามาถึงชั้นในไม่ต้องเดิน

ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับการยอมรับง่ายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเพราะอะไรก็ตามแต่ผมว่าน่าจะเกี่ยวกับเซียนอวี้หรือเจ้าของร่างนี้ครับ เพราะความลับมากมายที่รอค้นหายังมีอีกมากมาย ไหนจะสายตาของฮองเฮาที่มองผมวันที่เข้าเฝ้าด้วย

ไม่ใช่สายตามุ่งร้ายหากแต่เป็นสายตาเดียวกันกับฮ่องเต้ สายตาที่แสดงออกว่าดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง ถึงจะไม่เข้าใจมากนัก แต่อีกไม่นานความลับต่างๆต้องถูกเฉลย เพราะดูเหมือนจะมีจุดเชื่อมโยงที่ผมค้นเจอมากพอสมควร

“ถวายพระพรพะยะค่ะ”

“เฮ้อ ข้าไม่รู้ว่าจักกล่าวเช่นไรให้เจ้าเลิกทำเช่นนี้ แต่เอาเถอะตามที่เจ้าสะดวกใจเถิด”

“มิบังอาจพะยะค่ะ หากไม่ทำเช่นนี้จะเกิดเป็นที่ครหาในตัวพระองค์เอาได้”

“ช่างเถิด วันนี้เจิ้นเรียกเจ้ามาเพื่อปรึกษาปัญหาภัยแล้งที่มีมาเนิ่นนานและปัญหาน้ำท่วมด้วย แต่ตามมาเจิ้นไปที่ศาลาริมบึงเถิด เรื่องที่คุยอาจจะเครียดเกินไป ควรผ่อนคลายด้วยบรรยากาศสักนิดคงจะดี”

“พะยะค่ะ”

วันนี้มีเพียงแค่ผม ฮ่องเต้และท่านราชเลขาสามคนเท่านั้น ดีแล้วครับถ้าท่านพี่กงหมินอยู่ตรงนี้ผมคงไม่เป็นอันทำอะไรหรอก เอาแต่หยอดแบบสุภาพ พยายามไม่หวั่นไหวแล้วนะครับ ใจลุงมันบางเกินไปแล้วตั้งแต่มาอยู่โลกนี้

“เมื่อยามหน้าน้ำก็มีมากเกินจะใช้ยามหมดหน้าน้ำก็ขาดแคลนจนขัดสนเกิดความทุกข์ไปทั่วแคว้น เจิ้นจนปัญญาเลยอยากจะลองถามความคิดเห็นของเจ้าเผื่อจะได้เรื่องมากขึ้น”

“อีกหนึ่งเดือนจะเข้าสู่ช่วงน้ำหลากแล้ว หากเราสามารถชะลอการไหลของน้ำและเปลี่ยนเส้นทางเพื่อกักเก็บน้ำไว้ เมื่อยามถึงหน้าแล้งเราจะมีแหล่งน้ำและสายน้ำที่ไหลตลอดปีพะยะค่ะ”

“ที่เจ้าพูดมาคือสิ่งใดกัน ทำได้ด้วยหรือ”

“ได้พะยะค่ะ ประการแรก เราควรขุดบ่อกักเก็บน้ำเพื่อเก็บไว้ใช่ยามแล้ง ประการสองคือการสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อลดการไหลของน้ำให้เหมาะแก่การใช้น้ำของชาวบ้านและลดการเกิดน้ำหลากพะยะค่ะ”

“ขุดบ่อ สร้างฝาย อย่างไรกัน”

“การขุดบ่อคือการขุดหลุมขนาดใหญ่ที่บริเวณพื้นที่ที่สะดวกต่อการใช้สอยของทุกคน โดยการนำน้ำมาใส่เป็นการต่อท่อเพื่อเปลี่ยนน้ำจากทางน้ำให้มาที่บ่อที่ขุดไว้เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในภายหน้าพะยะค่ะ ส่วนการสร้างฝาย คือการนำไม้ไผ่และหินมากั้นทางน้ำ”

“กั้นทางน้ำหรือ แล้วจะช่วยได้อย่างไร”

“เมื่อเราสามารถลดการไหลของน้ำแล้วจะทำให้ไม่เกิดอุทกภัยกับหมู่บ้านใต้น้ำ อีกทั้งยังสามารถชะลอการไหลของน้ำให้ไม่หมดก่อนจะถึงหน้าแล้งพะยะค่ะ”

“ท่านราชเลขาเข้าใจหรือไม่”

“ยังไม่กระจ่างเท่าใดพะยะค่ะ แต่พอจะนึกออกอยู่บ้างพะยะค่ะ”

“ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยจะร่างแบบสักครู่เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจดีหรือไม่ขอรับ”

“กงกงนำกระดาษแลหมึกมาให้เจิ้นที”

“พะยะค่ะ”

“เชิญเลยน้องอวี้ พี่จะฝนหมึกให้เจ้าเอง”

“ฝ่าบาทให้กระหม่อมทำเถิดพะยะค่ะ”

“อย่าเลยท่านกงกง เจิ้นเต็มใจทำให้น้องชายของเจิ้น เร็วเถิด เจิ้นอยากจะเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดเสียแล้วน้องอวี้”

“พะยะค่ะ”

มันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่จะมาใช้ฮ่องเต้ฝนหมึกให้แบบนี้ครับ แต่จะขัดใจไปก็ใช่เรื่อง เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปก่อน หลังจากนี้ชื่อของผมคงดังขึ้นมากกว่าเก่าแน่ครับ ในเมื่อครั้งก่อนที่พระองค์แจ้งกลางที่ประชุมเรื่องการแก้ปัญหาคนต่างแคว้นแล้วบอกว่าผมเป็นคนคิดแถมยื่นสถานะน้องชายให้อีก

หลายเสียงต่างก็ห้ามแต่จะขัดใจได้ยังไง และเพราะเป็นแค่พี่น้องละมั้งครับถึงไม่มีใครเอาเรื่องอะไรมาก อีกทั้งดูเหมือนคนจะดูออกว่าคนที่คิดมากกว่าพี่น้องเป็นท่านอัครมหาเสนาบดีอีกด้วยทำเอาคนไม่กล้าพูดอะไรต่อ ปล่อยเลยตามเลยมา เลยกลายเป็นเรื่องปกติไปเมื่อใครก็ตามในวังเจอหน้าผมต้องทำความเคารพแบบอ๋องกินเมืองทั่วไป แม้ว่าผมจะเป็นเด็กอายุสิบสี่เท่านั้นก็ตาม ชีวิตใหม่ของลุงนี่ยิ่งใหญ่ดีจริง

ภาพที่ผมร่างออกมาเป็นการวางไม้ในแนวขวางลำธารและมีหินก้อนเรียงกันภายในเพื่อลดแรงปะทะของสายน้ำเมื่อเกิดการไหลของน้ำที่รุนแรงยามน้ำหลาก ต่อมาเป็นการต่อไม่ไผ่เพื่อส่งน้ำจากแหล่งน้ำจากยอดเขาเพื่อปล่อยน้ำลงมาที่บ่อที่ขุดไว้เพื่อเก็บน้ำ

ผมอธิบายตามส่วนต่างๆจนฮ่องเต้ ราชเลขา และท่านกงกงที่นั่งฟังต่างเข้าใจ และกล่าวชมในเรื่องนี้ มีการคัดลอกเอกสารอีกแผ่นเก็บไว้เพื่อส่งต่อให้แก่ขุนนางที่เกี่ยวข้อง ผมไม่หวงถ้ามีคนจะนำสิ่งนี้ไปทำบ้าง

เพราะการทำแบบนี้มีแต่ช่วยเหลือคน แถมเป็นความคิดที่มาจากโลกเก่า ผมจะหวงไปก็ใช่ที่เพราะคนที่คิดไม่ใช่ผม ผมก็แค่ทำตามเข้าเอาเหมือนกัน คล้ายกับอาหาร ไม่แปลกที่ผมจะขายสูตรอาหารบางชนิดเพื่อเป็นตำราแก่คนที่สนใจในด้านนี้ ผมไม่หวงวิชาเพราะว่าพวกนี้ ยิ่งมีคนรู้ยิ่งเป็นเรื่องดี

“เจ้าไม่สนใจตำแหน่งอ๋องจริงหรือ”

“ขอพระองค์ทรงพิจารณาใหม่เถอะพะยะค่ะ ตัวกระหม่อมเป็นเพียงบุตรชายชาวบ้านเพียงเท่านั้นหาได้มีสายเลือดมังกรเช่นพระองค์ไม่ เพียงพระองค์ออกปากรับกระหม่อมเป็นน้องชายก็เป็นพระกรุณาอย่างถึงที่สุดแล้วพะยะค่ะ อย่าได้มอบตำแหน่งเช่นนั้นกับกระหม่อมเลยพะยะค่ะ”

“ไม่มีผู้ใดขัดใจเรา”

“หากพระองค์ยังคงมีพระประสงค์จะมอบตำแหน่งอ๋องให้กับกระหม่อม กระหม่อมคงขอบังอาจกราบทูลว่าอย่าได้พบเจอกันอีกต่อไปพะยะค่ะ”

“เพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ ไม่แปลกที่กงหมินมอบใจให้แก่เจ้าและเจิ้นก็เป็นอีกคนที่หลงใหลในเสน่หาของเจ้าด้านวาจาเช่นกัน ถึงบังคับเจ้าให้เป็นน้องเช่นนี้ อย่าได้หนีไปจากกันเลย พี่ต้องการตอบแทนเจ้าเพียงเท่านั้น เอาตามที่เจ้าสะดวกใจเถิดไม่เป็นอ๋องก็ไม่เป็น แต่อย่าลืมว่าเจ้ามีศักดิ์เช่นอ๋องตามที่เจิ้นกล่าวไป ขอจงเข้าใจ”

“น้อมรับบัญชาพะยะค่ะ”  ถึงจะรับปากไปแต่ติดตรงคำว่าตัวเซียนอวี้มีศักดิ์เป็นอ๋องอย่าลืม นี่อาจเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องบันทึกไว้เพื่อหาข้อพิสูจน์ต่อไป

หลังจากนั้นก็ตกลงที่จะลงสำรวจพื้นที่เพิ่มเริ่มการสร้างฝายและบ่อน้ำ กำหนดการอีกสามวันเดินทาง ผมเลยมาบอกท่านพ่อก่อนเพราะเป็นการเดินทางครั้งแรกด้วยที่ต้องไปนอนค้างแรมนอกบ้านตั้งแต่ตื่นมาในร่างนี้

“ท่านพ่อ ยามข้าไม่อยู่ดูแลสุขภาพด้วยขอรับ แล้วลูกจะรีบกลับมา”

“ดูแลตัวเองเถิด อย่าได้ห่วงพ่อเลย เจ้าต่างหากที่เดินทางย่อมต้องน่าเป็นห่วงยิ่งกว่าพ่อที่อยู่บ้านเช่นนี้ อย่าได้นำตัวเองไปสู่อันตรายเพียงเท่านี้ที่พ่อต้องการจากเจ้า”

“ลูกจะดูแลตัวเองและรักษาร่างกายตัวเองจนครบกลับมาหาท่านขอรับ ไม่กี่วันข้าจะกลับมาขอรับ ยามนี้คงต้องไปจัดการร้านในช่วงที่ไม่อยู่ก่อน เย็นนี้ข้าจะกลับมาทานมื้อเย็นกับท่านนะขอรับท่านพ่อ”

“เช่นนั้นพ่อจะรอที่บ้าน”

“ขอรับ”

ร้านเซียน

“เหตุใดเจ้าจึงไม่ไปบอกข้าเรื่องที่จะเดินทางไปกับองค์ฮ่องเต้”

“ท่านพี่ซางไป๋ ในเมื่อข้าไม่บอกท่านก็รู้แล้วข้าจะบอกแก่ท่านอีกทำไมกัน”

“ข้าจะไปด้วย”

“ท่านจะไปด้วยเพื่ออันใดกัน ในตอนนี้ท่านเป็นเพียงองค์ชายที่เข้ามาทำการค้าที่แคว้นนี้เพียงเท่านั้น หาได้เกี่ยวข้องกับการเสด็จครั้งนี้ไม่”

“แต่ข้าเป็นห่วงเจ้า”

“ท่านพี่กงหมินก็ไปนะขอรับ”

“ทำไมเจ้าจึงไว้ใจกงหมินยิ่งนักเล่า”

“แล้วเหตุใดข้าต้องไม่ไว้ใจในตัวของพวกท่านด้วยเล่าขอรับ”

“วาจาของเจ้าทำเอาข้าสู้ไม่ได้เสมอ”

“ข้าไปช่วยงานนะขอรับ ไม่ได้หนีไปเที่ยวเสียหน่อย อีกอย่างไว้ทุกอย่างสงบเราค่อยนัดกันไปเดินเล่นดีหรือไม่ขอรับ”

“สองคนหรือ”

“ทุกคนขอรับ ข้าไม่อยากมีปัญหาภายหลัง”

“ไปกับข้าสองคนมีปัญหาอย่างไร”

“แล้วการที่ข้าไปกับท่านพี่กงหมินท่านยังมิพอใจแต่ท่านยังต้องการไปกับข้าเพียงสองคนเช่นกัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นขอรับ”

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าผิดเองทั้งที่เตือนตนเองเสมอว่าพวกเราจะไม่ทะเลาะกัน”

“มนุษย์ทุกคนย่อมมีความต้องการเป็นพื้นฐานต่อการดำรงชีวิตให้ก้าวเดินต่อไปในแต่ละวันเสมอ ไม่แปลกหากจะมีเสี้ยวความคิดสักคราที่เห็นเพียงความคิดตนเอง เพียงแต่เราย่อมเตือนตัวเองเสมอในสิ่งที่เคยคิดเท่านั้นว่าสมควรแก่การกระทำในสิ่งนั้นหรือไม่ ข้าหวังว่าท่านจะเลิกโทษตนเองที่คิดต่อพวกเขาที่เหลือในวันนี้ ข้าขอตัว” ไม่ใช่การชี้แนะ การสั่งสอนหรือการปลอบ แต่มันเป็นคำกล่าวธรรมดาเท่านั้น อยู่ที่คงฟังจะรับสารที่สื่อไปได้มากน้อยเท่านั้นก็เท่านั้น

ไม่นานท่านพี่ซางไป๋ก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม คอยกวนคอยหยอดผมเสมอตลอดวัน จนกระทั่งยามเย็นมาถึงผมกลับมาที่ร้านอาหารฟางเพื่อกินข้าวและพักผ่อนที่นี่

เวลาผ่านไปจนถึงวันเดินทาง ไม่แปลกที่วันนี้ท่านพี่เฟยหลงและท่านพี่ซางไป๋จะมาส่งผมด้วยเช่นกันส่วนท่านเทพมังกรก็กลับเขาไปก่อนล่วงหน้าแล้วครับ ดูเหมือนว่าที่นั่นจะมีเรื่องอะไรสักอย่างให้กลับไปทำก่อน และจะกลับมาอีกครั้งหลังจากผมกลับมาพอดี ส่วนม้าที่ผมขี่วันนี้เป็นม้าของท่านพี่เฟยหลงที่หามาให้เมื่อนานวันก่อนเพื่อเป็นของขวัญและสอนขี่เรียบร้อย

วันนี้ท่านพี่กงหมินมาในชุดคุณชายธรรมดาเพราะง่ายต่อการเดินทางและดูเด็กกว่าที่คิด ท่านพี่ซางไป๋มาในชุดขาวตามเดิม ท่านพี่เฟยหลงยังมาในชุดดำตัดกับท่านพี่ซางไป๋เสมอ

ส่วนตัวของผมวันนี้มาในชุดสีฟ้าอ่อน ผมชอบชุดสีเรียบๆแบบนี้ครับ ใส่แล้วสบายตา แต่ก็เปื้อนง่ายเหมือนกันแต่ก็ถือว่าเหมาะแก่การใส่รับเสด็จอย่างในตอนนี้ละนะครับ

ตามจริงผมต้องเดินทางไปที่วังเพื่อออกมากับขบวนเสด็จแต่ฮ่องเต้กลับอ้างเหตุผลว่าเป็นทางผ่านหน้าร้านให้ผมรอที่ร้านสะดวกกว่า ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์เรื่องอะไรรึเปล่าและเมื่อบอกท่านพ่อ แม้จะเสี้ยวเวลาแต่ก็จับได้ว่าท่าทีของท่านแปลกไป แต่กลับมาเป็นดังเดิม ผมว่าท่านพ่อน่าจะรู้เรื่องอะไรมากกว่าที่คิดแล้วครับ

ขบวนเสด็จในวันนี้เป็นแบบเรียบง่ายมีเพียงการขี่ม้าของฮ่องเต้ ท่านราชเลขา ท่านพี่กงหมิน ท่านแม่ทัพและผม ส่วนทหารอื่นๆก็ขี่ม้าตามอีกที

“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆปีพะยะค่ะ” ชาวบ้านและพวกเราที่รออยู่คุกเข่าถวายความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อฮ่องเต้ลงจากหลังม้าแล้ว

“ลุกขึ้นเถิด”

“ขอบพระทัยพะยะค่ะ” ชาวบ้านต่างลุกขึ้นแต่ยังเว้นระยะห่างเอาไว้เสมอเพราะมีทหารที่คอยดูแลความเรียบร้อยเดินตรวจตรา

“ท่านนะ อะแฮ่ม เถ้าแก่ฟางวันนี้ข้าขอพาบุตรชายของท่านไปช่วยงานสักครา ขออภัยที่ไม่ได้มาแจ้งแก่ท่านก่อนทำการตกลง” คำที่หายไปคือท่านน้าหรือเปล่าครับ ทำไมฮ่องเต้เรียกท่านพ่อว่าท่านน้ากัน ดูเหมือนจะรู้จักกันแต่เล่นละครใส่กันสินะครับ

“มิบังอาจพะยะค่ะ กระหม่อมเสียเองที่เป็นเกียรติที่มีบุตรได้ช่วยเหลือแผ่นดินนี้”

“เอาเถิด อย่าได้เสียเวลาอีกเลย ข้าจะดูแลบุตรของท่านอย่างดี เพราะถือว่าบุตรชายท่านเปรียบเหมือนน้องชายของข้าเช่นกัน ขอท่านวางใจ”

“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”  ท่านพ่อเหลือบสายตาแปลกๆมาที่ผมอีกครั้ง

“ท่านพ่อ ตามตัวขอรับ เพียงพี่ชายจริงแท้ขอรับ” ผมเดินเข้าไปกระซิบท่านพ่อเพราะท่านคงไม่ดีใจแน่ถ้าหากเป็นมากกว่านั้นแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงดูกังวลเมื่อได้ยิน

“เป็นเช่นนั้นดีแล้ว” ดูเหมือนว่าประวัติของร่างนี้จะไม่ธรรมดานะครับ หวังว่าผมคงไม่ได้เป็นญาติอะไรกับฮ่องเต้หรอกนะครับ ท่านพ่อของร่างนี้ถึงทำหน้าตากังวลเมื่อฟังคำของฮ่องเต้แบบนั้น

“ข้าขอตัวลาท่านพ่อเท่านี้ ลูกจะรีบกลับมาขอรับ” ผมบอกลาท่านพ่ออีกครั้งกอดท่านแล้วเดินไปที่ม้าที่พี่เฟยหลงจับไว้

“ข้าจะรีบกลับมาขอรับ” ผมกอดท่านพี่ซางไป๋และท่านพี่เฟยหลงก่อนจะโหนตัวขึ้นม้าตามที่เรียนมาก่อนจะพาม้าเข้าไปรวมในขบวนหลังจากเรียบร้อยก็ออกเดินทาง

“ข้าชักจะอยากเปลี่ยนใจมาเป็นคนส่งเจ้าแทนเสียจริง”

“อย่าได้กล่าววาจาราวน้อยใจอย่างนั้นเลยขอรับท่านพี่กงหมิน ท่านได้มากกว่ากอดจากน้องไปแล้วมิใช่หรือขอรับ ท่านพี่” ผมพูดหยอกท่านพี่กงหมินที่หน้าแดงไปแล้วหลังจากที่ฟังจบ บังคับม้าหนีไปคู่ท่านแม่ทัพแทนข้างผมแล้ว

“ช่างเป็นเด็กที่ดื้อซนเสียจริง หากกงหมินสหายข้าระงับตนเองไม่ได้อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้าเลยน้องชาย”

“ท่านกล่าวหนักไปแล้วขอรับ ข้าเพียงกล่าวตามจริงนี่ของรับ”

“เจ้าเข้าหอกันแล้วหรือ”

“ถึงจะกล่าวว่ามากกว่าการกอดก็ไม่ได้แปล- ข้าหมายถึงก็ไม่ได้บ่งบอกว่าต้องเป็นเช่นที่ท่านกล่าวมาขอรับ ข้าหมายถึงการหอมแก้มการจูบ เท่านั้น”

“เช่นนั้นเจ้าก็จูบกับกงหมินแล้ว”

“เรื่องในมุ่งไม่ใช่เรื่องที่คนนอกต้องเข้ามายุ่งสหายข้า”

“หึ ข้าจะไปฟ้องเถ้าแก่ฟางว่าเจ้าล่วงเกินบุตรชายเขา”

“เจ้านี่มัน”

“พอเถิดขอรับ ข้าว่าพวกเร่งเดินทางเถิดขอรับ หากมืดค่ำเสียก่อนถึงที่พักจะลำบากได้” 

การพูดจาแบบนี้ก็เป็นฮ่องเต้อีกครับที่ต้องการบอกว่าคุยกันเมื่อไม่เป็นทางการให้คุยกันอย่างธรรมดาพอ ถึงจะปฏิเสธไปแต่ก็โดนบังคับอยู่ดี หากไม่เรียกตามที่ต้องการต้องรับตำแหน่งอ๋องแทน ดูเหมือนจะยังไม่จบกับเรื่องนี้นะครับ

แถมทุกครั้งที่ได้เจอกันผมรู้สึกว่าสายตาที่มองมาของฮ่องเต้มีความลับบางอย่างที่ปิดไว้อยู่เสมอ แต่เพราะยังไม่เกี่ยวกับผมมากนักถึงแม้ผมจะสงสัยจนหาคำตอบไปมากแล้ว แต่ตอนนี้ผมย่อมไม่อยากจะหาเรื่องใส่หัวให้หนักเกินไป ถึงยังไงร่างที่อยู่ในตอนนี้ก็เป็นแค่เด็กละครับ ลุงแบบผมก็ย่อมต้องปล่อยไป

ผ่านไปจนเย็นเราต้องเข้าพักที่จวนของท่านเจ้าเมืองเพื่อออกเดินทางในตอนเช้าอีกวันเพราะจะได้เริ่มงานได้ทันที วันนี้เมื่อจัดการตัวเองเสร็จหลังจากทานมื้อเย็นแล้วเริ่มทำการประชุม งานครั้งนี้ แบ่งคนออกไปขุดบ่อส่วนหนึ่งและตามไปทำฝายอีกส่วนจากคนที่เจ้าเมืองหามา

หลังจากที่ประชุมเสร็จต่างก็แยกย้ายออกไปห้องพักของใครของมัน ผมที่เดินมาถึงที่ห้องก็ต้องตกใจเพราะมีแรงกอดจากด้านหลัง เพราะมัวแต่คิดเรื่องงานจนลืมระวังตัวเองไป

“ท่านเข้ามาในห้องน้องเช่นนี้จะถูกครหาได้ท่านพี่กงหมิน อีกทั้งหากสามคนนั้นรู้ท่านจะต้องโดนบ่นเป็นแน่”

“ข้าอยากกอดเจ้าเหมือนที่เจ้ากอดพวกเขาเช่นกัน ไม่เช่นนั้นข้าจะน้อยใจ ไม่สงสารพี่หรือ”

“อย่าได้กล่าวเช่นนั้นหากท่านยังคงกอดน้องอยู่เช่นนี้ เมื่อได้แล้วก็ควรปล่อยน้องเถิด วันนี้เดินทางไกลน้องเพลียยิ่งนัก อยากรีบพักผ่อน”

“อยากให้ท่านพี่คลายเหนื่อยให้หรือไม่น้องอวี้”

“ไม่ขอรับ น้องเกรงใจ ท่านควรกลับไปก่อนที่ข้าจะไม่พูดกับท่าน หรือท่านต้องการให้เป็นเช่นนั้นกัน”

“พี่ยอมแล้ว เมื่อใดถึงเวลาพี่จะไม่ปล่อยเจ้าออกจากอ้อมกอดจนฟ้าสางข้ามวันเลยเชียว จะกกกอดเจ้าจนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง”

“หยุดกล่าววาจาที่ทำให้ข้าต้องคิดหาทางไปจากท่านเช่นนั้นเสียขอรับ “

“กลัวหรือ พี่ไม่รุนแรงกับเจ้าหรอกน้องอวี้”

“น้องง่วงแล้ว ขอให้ท่านกลับไปพักเช่นกันเถิดขอรับ”

“ช้าก่อนน้องอวี้-” ผมรีบปิดประตูขัดไม้หนีทันที จะบ้าตาย ไอ้หนุ่มไม่เกรงใจลุงเลย แล้วก็การมาหากันจำเป็นต้องพกท่อนซุงมาด้วยหรือ ที่พูดมาหากเป็นเรื่องจริงคงต้องรักษาตัวนานเลยทีเดียว บ้าไปแล้วนี่ลุงกำลังคิดเรื่องอะไรกัน

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ไม่นะ ลุงคิดอะไรออกไป ไม่จริง ลุงรับไม่ได้ ลุงไม่ควรทำตัวแบบนี้  ไม่จริง
ทุกคน : ...............................................


ลงเนื้อหา 11/9/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2019 15:03:16 โดย minibearsecret »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
หนุ่ม ๆ มะรุมะตุ้มเต็มไปหมด

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด