[จบแล้ว] WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ - BL
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ - BL  (อ่าน 8609 ครั้ง)

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------  :katai5:



ฝากผลงานด้วยนะคะ :กอด1:

ตื่นสาย ไปเรียน กลับบ้าน ชีวิตของ ‘ไอ้ปุ่น’ ผู้ไม่สนใจสิ่งใดๆ ควรจะมีแค่นี้ไม่ใช่เหรอ?

แล้วทำไมตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับพี่ชาย เขาถึงได้โดนเกย์ สองคนรุมจีบแบบนี้ล่ะ?

เพราะเขาน่ารักเกินไปอย่างนั้นเหรอ?

อะไรคือจุดประสงค์ที่ ‘เซีย’ และ ‘กฤษณ์’ ตามจีบเขากัน?

แล้วทำไมพอเขาคิดจะเอาเซียมาเป็นเมีย ‘จีน’ ที่เป็นพี่ชาย ของเขาต้องตามมาขัดขวางทุกทีด้วย?

ช่างเถอะ.. ถ้าอย่างนั้นเขาจะเปลี่ยนเป้าหมายมาจับกฤษณ์ ไอ้พี่ชายข้างบ้านที่ดูท่าว่าจะรวยคนนี้มาเป็นเมียแทนก็ได้

แต่อ้าว... ไหงตอนขึ้นเตียงคนเป็นผัวอย่างเขาถึงได้ ถูกกระแทกจนใส่จนหัวสั่นหัวคลอนอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ?

นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นกับไอ้ปุ่น ‘คนโคตรแมน’ แน่ๆ


:katai4:
นิยายเรื่องแรก เป็นการแต่งเพื่อฝึกใช้คำ เรียงประโยค และมดสอบตัวเองค่ะ

พล็อตเรื่องเอามาจากนิยายที่เเต่งต่อๆ กันในกลุ่ม เรื่องก็เลยไม่ค่อยมีจุดมุ่งหมายนะคะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2019 20:07:23 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #1 เมื่อ26-07-2018 13:00:15 »

My Wife

เมียข้า!  ใครอย่าแตะ



‘สวัสดีครับ’ ปุ่น เอ่ยทักทาย นั่นคือครั้งแรกที่ได้พบกัน จีน พี่ชายข้างบ้านแนะนำว่าเจ้าตัวเล็กที่แอบอยู่ข้างหลังคือน้องชายที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันนี้

เพียงแวบแรกที่เห็น… ก็ตะลึงลานไปทันใจ ตกหลุมรักเข้าเต็มเปา อยากกอด อยากครอบครองไว้ แล้วทำให้เป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว 

แต่ก็กลัว… กลัวปุ่นจะบอกว่าไม่รักเขา กลัวปุ่นจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับเขา ก็เลยได้แต่เสแสร้ง แกล้งทำเป็นจีบทีเล่นทีจริงอยู่อย่างนั้น …ตัวเขานี่ช่างขี้ขลาดเหลือเกิน…



.................................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 12:44:37 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #2 เมื่อ26-07-2018 13:02:01 »

PROLOGUE





“ติ๊ด!!! ติ๊ด!!! ติ๊ด!!!”

แขนเรียวเล็กโผล่จากผ้านวม เอื้อมไปปิดปุ่มนาฬิกาปลุกที่แผดเสียงดังลั่นบนหัวเตียงอย่างหัวเสีย พลันเมื่อหยิบนาฬิกาที่แผดเสียงก่อนหน้ามาดูเวลา ตาทั้งสองข้างก็สว่างทันที

8.36 นาฬิกา!

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ตื่นสายตั้งแต่เปิดเรียนวันแรกเลยเหรอวะเนี่ย ซวยชะมัด!

เจ้าตัวเล็กรีบพลิกตัวเตรียมลุกขึ้นจะไปอาบน้ำ แต่เอ๊ะ! มองไปกลับไม่เห็นประตูห้องน้ำเหมือนอย่างทุกทีเพราะมีแผ่นหลังกว้างของใครบางคนบังอยู่

ใครวะ?!

สมองหมุนติ้ว พยายามขบคิดเรื่องเมื่อคืน แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ตกลงเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น เขารีบก้มสำรวจตัวเองทันที

ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างมีผ้านวมผืนอุ่นคลุมไว้อย่าง

หมิ่นเหม่ และเมื่อลองเปิดผ้านวมออกดูก็ถึงกับช็อกจนตาเหลือก เพราะเห็นส่วนล่างมันเฉอะแฉะ เหนียวเหนอะไปหมด...

เหี้ยไรเนี่ย?!

สายตาเหลือบไปมองคนที่หลับอุตุข้างๆ อีกครั้งอย่างหวาดระแวงพลางถามกับตัวเองในใจ ผู้ชายคนนี้มันเป็นใคร เข้ามาได้อย่างไร แล้วทำไมถึงมานอนด้วยกันบนเตียง และที่สำคัญมันได้ทำอะไรเขารึเปล่า?!

แต่… ดูจากสภาพช่วงล่าง ก็คง…แล้วนั่นแหละ แต่! มันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้!

“ฟุ่บ” เจ้าคนนิรนามที่นอนหลับอยู่พลิกตัวหงายหน้าขึ้น หัวใจของเขาแทบจะร่วงไปอยู่ตรงตาตุ่ม

ไม่ใช่เพราะตกใจอะไรมากมาย แต่เป็นเพราะตกตะลึงในความหล่อเหลาของอีกฝ่ายต่างหาก โครงหน้าคมเข้มแบบชาวตะวันตก รับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูป และไรหนวดจางๆ บริเวณคางอย่างลงตัว ขับกลิ่นฟีโรโมนเพศชายอันทรงเสน่ห์กำจายคลุ้งเสียจนลมหายใจคนมองติดขัด

“พลั่ก!” เขาจึงถีบเน้นๆ แบบเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้จนคนหล่อตกเตียงไป น่าแปลกที่มันยังไม่ยอมตื่น สาบานเถอะว่ามันไม่ได้ตายไปแล้ว?!

เขาชะโงกไปดูที่ข้างเตียงอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย พอหายเมาขี้ตาแล้วถึงได้รู้ว่า ไอ้คนหล่อที่นอนเหมือนตายอยู่นั้นมันคือพี่ชายที่อยู่บ้านข้างๆ นี่เอง!

“ไอ้พี่กฤษณ์!”

พี่มาอยู่ในห้องนี้ได้ไงวะครับ?!

“เมื่อคืนจำอะไรได้บ้างครับ” จู่ๆ กฤษณ์ที่นอนนิ่งก็ลืมตาโพล่งขึ้นถาม

“หรือว่าเมื่อคืน… พวกเราทำสิ่งที่ไม่สมควรทำลงไป ไม่! ไม่! ไม่! เป็นไปไม่ได้!”

อ๊าก! นี่มันเรื่องบ้าบออะไร

ตอนที่กำลังครวญคร่ำร่ำไห้ ประตูห้องน้ำก็เปิดออกมาพร้อมกับแสงอันเจิดจ้า ตรงหน้าปรากฏหนุ่มรูปงามร่างสูงโปร่งขึ้นมาอีกหนึ่งคน ชายคนนั้นเดินเข้ามาคว้าข้อมือเล็กๆ ของเขาแล้วถามเป็นทำนองเพลงกินตับของพี่เท่ง เถิดเทิงว่า

“♪ ไปเที่ยวกันไหม…จะไปก็รีบไป…♪”

เขารีบสะบัดมือออก หนุ่มรูปงามคนนั้นจึงดึงร่างเล็กของเขาเข้าไปกอด ซ้ำยังจูบและไซ้ที่ซอกคอไม่หยุด ส่งผลให้เขาเสียวแปล๊บขึ้นมาอย่างแปลกๆ

“ไม่ต้องรีบใส่เสื้อผ้าหรอก เดี๋ยวก็ต้องกินตับอยู่ดี” คนตัวสูงบอกก่อนจะจับเขากดลงกับเตียง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็เป็นต้องชะงักไปเพราะเสียงโครกครากที่คำรามมาจากท้องของเขา

“ผมหิวข้าวอะ แหะๆ” เจ้าของท้องที่ร้องคำรามบอกพลางหัวเราะแก้เก้อ

“เด็กอนามัยชะมัด” ว่าพลางเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์

อะไรวะ คนตัวเล็กเริ่มงงว่าตัวเองผิดอะไร นี่ก็บ้านพี่ชายของเขา เป็นใครไม่รู้แล้วยังจะมีหน้ามาว่าเขาอีก

“งั้นกินข้าวกันก่อนก็ได้” ร่างสูงบอกอย่างนั้นก่อนจะลุกลงจากเตียง

“เดี๋ยวสิ นี่พวกนายทั้งสองคนกล้าเมินฉันได้ยังไง” กฤษณ์ ไอ้พี่ชายข้างบ้านเอ่ยถามขึ้นมาด้วยท่าทีหงุดหงิด คงเพราะถูกลืมจึงทำให้อารมณ์เสียขึ้นมาเล็กน้อย

“แล้วทำไมฉันถึงไม่มีบทพูด” อีกหนึ่งเสียงที่คุ้นหูดังขึ้น อา… นั่นพี่ชายของเขาเอง

“พี่จีน! พี่เขยครับ ช่วยผมด้วย ใครไม่รู้มันจะมาฉุดน้องของพี่น่ะ” กฤษณ์ที่ทำท่าไม่พอใจอยู่ก่อนหน้ารีบแจ้นไปฟ้องพี่ชายของคนตัวเล็กด้วยท่าทางโศกเศร้า

“ก็ปล่อยให้เขาฉุดไปสิ” คุณพี่ชายตอบกลับมาทันควัน

อ้าว? นี่น้องชายเอ็งนะเว้ย!

ได้ยินคำตอบอย่างนั้นไม่ใช่แค่คนตัวเล็กเพียงคนเดียวที่จะไม่พอใจ กฤษณ์เองก็เริ่มหน้าตึงแล้วเหมือนกัน

“ทำไมพี่เขยพูดแบบนี้” กฤษณ์เริ่มเปิดประเด็นยืนเถียงกับจีนฉอดๆ ๆ คนตัวเล็กเบือนหน้าไปมองที่หน้าต่างอย่างเซ็งๆ มุมมองนอกหน้าต่างที่แปลกตาไปทำให้นึกแปลกใจจนเผลอเดินแก้ผ้าโทงๆ เข้าไปใกล้

ว้าว… นี่มันชั้นสองนี่นา! แต่บ้านเรามีแค่ชั้นเดียวไม่ใช่เหรอ

ระหว่างที่กำลังทอดมองทัศนียภาพนอกหน้าต่างเพลินๆ หูก็ได้ยินประโยคนี้เข้าเต็มๆ

“จะให้หมอนี่ฉุดไปได้ไง น้องพี่เป็นของผมแล้วนะ!”

โอ๊ะ! ... มิน่าเล่า ช่วงล่างของเราถึงได้มีสภาพนั้น พอคิดได้เช่นนั้นก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที นี่เขาเสร็จไอ้พี่ชายข้างบ้านไปแล้วจริงๆ เหรอ

“ว้ากกก!!!” เขาตะโกนออกมาสุดเสียงอย่างเจ็บปวดใจเพราะรับไม่ได้ แต่แทนที่จะได้ยินเสียงใครต่อว่าหรือตอบกลับมาสักคน กลับได้ยินนาฬิกาปลุกแผดเสียงลั่นจนหนวกหู เขาลืมตาขึ้นมา หอบฮักๆ คว้านาฬิกาปลุกมากดปุ่มปิดเสียงทันที

ฝันไปงั้นเหรอ

เขาหันหน้าไปดูนาฬิกาตรงหัวเตียงที่ระบุเวลา 08.36 นาฬิกา

เวร! คราวนี้ละสายของจริงแล้ว วันนี้มีเรียนคาบเช้าด้วย!

เขากระโดดลงจากเตียง กระโจนเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันอย่างเร่งรีบ

ตรงกระจกปรากฏใบหน้าของหนุ่มน้อยอายุสิบเก้าปีนามว่า ‘วาโย

นิลพรรณ’ หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า ‘ปุ่น’ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู นัยน์ตากลมโตดำขลับล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนยาวกำลังพอดี แก้มนิ่มๆ อิ่มใสขึ้นสีระเรื่อ ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่ม หน้าตาทั้งหมดถอดแบบแม่มาแทบทุกประการ อีกทั้งยังแฝงกลิ่นอายแห่งความไร้เดียงสาทั้งที่น่าจะเลยวัยมาได้สักพักแล้ว

แต่เขาก็ไม่ได้ชอบมันนักหรอกนะ หลายครั้งเลยที่คิดอยากจะมีหน้าตาแมนๆ กว่านี้บ้าง ...สักนิดก็ยังดี

“ฮึย… ฮึย… เพราะไอ้พี่เวรสองตัวนั่นแท้ๆ” ปุ่นบ่นไปพลางสวมกางเกงวอร์มสีเทาอมฟ้าของคณะที่เรียนอยู่ไปพลาง ถ้าไม่เพราะมัวแต่ฝันสยองถึงไอ้พี่พวกนั้นอยู่ เขาก็คงไม่หลับเพลินจนตื่นสายอย่างนี้ มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านสักเท่าไรด้วย

ที่ฝันแบบนี้ก็คงเป็นเพราะเครียดสะสมนั่นแหละ ไอ้พี่ชายข้างบ้านกับไอ้หนุ่มรูปงามผู้มีแสงเจิดจ้าที่ออกมาจากห้องน้ำนั่นมันมีตัวตนอยู่บนโลกนี้จริงๆ แถมยังเกี่ยวพันกับวงจรชีวิตของเขาอย่างสลัดไม่หลุดอีกด้วย

ไอ้พี่ชายข้างบ้านนั่นชื่อ ‘กฤษณ์’ อยู่ข้างบ้านของเขาจริงๆ ส่วนไอ้หนุ่มรูปงามนั่นชื่อ ‘เซีย’ เป็นรุ่นพี่ปี 3 ที่คณะมัณฑนศิลป์ สาขาการออกแบบนิเทศศิลป์ที่เขาเรียนอยู่ ไอ้พี่สองตัวนี้มันตามจีบเขาอย่างกับเป็นงานอดิเรกมาร่วมสองเดือนแล้ว ล่าสุดทั้งสองคนพากันไปดีดกีตาร์ร้องเพลงให้เขาที่กลางโรงอาหารตอนพักเที่ยง ทำเอาอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

ปุ่นสะบัดหัว เลิกคิดถึงความอับอายเมื่อครั้งก่อน เขาชะโงกไปมองหน้าต่างห้องตัวเองที่ยังบ่งบอกว่าเป็นบ้านชั้นเดียวอยู่แล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะวิ่งไปใส่รองเท้าผ้าใบที่ถอดระเกะระกะไว้หน้าบ้าน รีบวิ่งออกจากบ้านไป

ระหว่างที่กำลังยืนล็อกประตูรั้วอยู่ก็รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆ สะกิดอยู่ตรงหัวไหล่อย่างน่ารำคาญ

“อะไรเล่า?!” ปุ่นปัดสิ่งที่น่ารำคาญนั่นออก หันไปมองชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายลูกครึ่งไทย-อเมริกันที่อยู่ในชุดเครื่องแบบนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันอย่างเอาเรื่อง

มากวนกันตั้งแต่เช้าอีกแล้วนะ!

“Morning ครับ คุณแฟนในอนาคต” กฤษณ์ พี่ชายข้างบ้านตัวยักษ์พูดพลางยิ้มทะเล้น “ปะ ขึ้นรถกัน เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ขอโทษนะ ใครเป็นแฟนพี่กัน” ปุ่นแหวใส่อย่างอารมณ์เสีย ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายข้างบ้านคนนี้กับเพื่อนของมัน เขาคงจะนั่งรถเมล์ไปถึงหน้ามหาวิทยาลัยนานแล้ว

“เอาน่า เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง ขึ้นรถเร็วครับ” กฤษณ์ดุนดันหลัง เปิดประตูยัดปุ่นเข้าไปในรถคันหรูแบบไม่ถามไถ่ความสมัครใจสักคำ

ปุ่นนั่งรถไปมหาวิทยาลัยอย่างงงๆ นี่มันวันอะไรกัน?







รถสปอร์ตสีดำเลี้ยวเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัยท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมา แน่ละ... มันจะมีนักศึกษาสักกี่คนกันที่ขับรถแพงหูฉี่อย่างนี้มาเรียน

กฤษณ์ขับรถไปส่งปุ่นถึงหน้าตึกคณะมัณฑนศิลป์ เมื่อประตูรถถูกปลดล็อก ประตูฝั่งที่ปุ่นนั่งอยู่ก็ถูกคนข้างนอกชิงเปิดออกทันที

“เชิญคร้าบ… ที่รัก” หนุ่มรูปงามในความฝันยิ้มหวานพร้อมกับผายมือเชิญ แต่รอยยิ้มหวานละมุนนั่นทำเอาปุ่นขนลุกซู่เลยทีเดียวเมื่อนึกไปถึงความฝันที่ถูกซุกไซ้ซอกคอจนเสียววาบ จึงได้แต่ทำปากพะงาบๆ จะด่าก็ด่าไม่ได้ จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออกอยู่อย่างนั้น

แต่หน้าหวานๆ กับรอยยิ้มที่หวานไม่แพ้กันของคนตรงหน้าก็ทำเอาใจสั่นสะท้านดีเหมือนกัน ไฝเล็กๆ ที่ใต้ตาซ้ายนั่นก็ดูมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก

ปุ่นก้มหน้างุด เดินออกมาจากรถด้วยความเขินอาย ไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า แต่ทว่าจู่ๆ กฤษณ์ก็เดินมาเบียดซ้อนที่ข้างหลัง เซียที่อยู่ตรงหน้าก็รีบเดินเข้ามากระชั้น คนที่ยืนอยู่ตรงกลางอย่างเขาเลยดูตัวเล็กกระจ้อยร่อยไปถนัดตา เมื่อมีคนตัวสูงถึงสองคนมายืนประกบแบบนี้

โอ๊ย…จะเป็นลม แบบนี้มันเหมือนกับแซนด์วิชที่มีตัวเองเป็นไส้เลยโว้ย!

“นี่นายจะทำอะไรน้องปุ่น” กฤษณ์ถาม ขยับดันจนหน้าของปุ่นไปแนบอยู่ตรงซอกคออุ่นๆ ของเซีย “ฉันไม่ยอมปล่อยให้น้องปุ่นตกเป็นของนายง่ายๆ หรอกน่า”

“ก็ทักทายว่าที่แฟนไง หรือแกยังไม่ได้ทักทายล่ะ หืม?” เซียตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ พลางขยับเดินหน้าเข้ามาอีก

อุก… จะแบนแล้วครับพี่ๆ

และอีกอย่าง… อย่าคิดว่าไอ้พี่สองคนนี้มันจะวางมวยกันนะครับ ความจริงแล้วพวกมันฮั้วกันต่างหาก!

เรื่องมันเริ่มตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน พี่ชายบอกให้ปุ่นย้ายมาอยู่ด้วยกันเพื่อประหยัดค่าหอพัก หลังจากอยู่มาได้สองวันพี่ชายก็จัดปาร์ตี้เล็กๆ กับสองคนนี้ที่บ้าน หลังจากวันนั้นที่ได้พบหน้ากัน ไอ้พี่สองคนนี้ก็เริ่มเข้ามาวอแวในชีวิตของเขายิ่งนานวันไปก็ยิ่งหนักข้อขึ้นทุกที โดยเฉพาะกฤษณ์ที่จับเขายัดใส่รถมาส่งที่มหาวิทยาลัยได้ถึงสองครั้งสองคราแล้ว

…ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกนะ ประหยัดค่ารถเมล์ดีเหมือนกันแหละ

“ไปห้องพยาบาลกัน” เซียพูด จากนั้นคนตัวเล็กก็ถูกหิ้วปีกโดยผู้ชายหน้าตาดีทั้งสอง

“จะพาไปห้องพยาบาลทำไม” กฤษณ์ถาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังช่วยเพื่อนหิ้วปีกร่างเล็กไปอย่างงงๆ

“ใช่! จะไปห้องพยาบาลทำไม” ปุ่นถามพลางพยายามขืนตัวเอาไว้ ระหว่างที่กำลังเครียดว่าจะสะบัดให้หลุดจากมือที่ล็อกแน่นเหมือนคีมเหล็กนี่อย่างไร เสียงระฆังต่อชีวิตก็ดังขึ้นมา

“ปุ่น นี่แกมัวเล่นอะไรอยู่ เขาเข้าเรียนกันแล้วนะ” ‘เอเชีย’ เพื่อนสนิทในคณะกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา มือที่พันธนาการแขนทั้งสองข้างไว้จึงได้คลายลง ปุ่นรีบวิ่งไปหาเพื่อนทันที

“ขอบใจมากเอเชีย” ปุ่นยิ้มพลางตบบ่าเพื่อนปุๆ ก่อนหันไปบอกพี่ๆ ทั้งสอง “ผมไปเรียนก่อนนะ พี่เซีย พี่กฤษณ์” จบแล้วก็คว้าแขนเพื่อนเดินลิ่วจากไป

ระหว่างทางก็ได้แต่คิดว่า เมื่อไหร่เรื่องวุ่นวายแบบนี้มันจะจบสิ้นสักทีหนอ? …






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 12:46:03 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #3 เมื่อ26-07-2018 13:21:20 »

“เฮ้อ… ยังไม่อยากกลับบ้านเลยอะ” ปุ่นบิดขี้เกียจแล้วฟุบลงบนโต๊ะอย่างเบื่อหน่ายเมื่อคาบสุดท้ายจบลง “เพิ่งจะบ่ายสองครึ่งเอง”

“เออ… จริงด้วย!” เอเชียโพล่งออกมาเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“หือ?”

“ไปดูหนังที่ห้องฉันไหมล่ะ ฉันเพิ่งเช่าหนังที่แกบ่นว่าอยากดูมาด้วย ถ้าไป… รับรองได้สนุกแน่ๆ”

“จริงดิ? ไป ไปแน่นอน!” ปุ่นตอบรับด้วยตาพราวระยิบระยับ คนชวนเลยเผลอมองความน่ารักจนเกือบเหมือนเด็กไร้เดียงสานั่นจนตาค้าง

ถึงจะอายุสิบเก้าปีแล้ว แต่ปุ่นก็ยังให้บรรยากาศแบบเด็กมัธยมต้นที่ยังไม่รู้ประสีประสาไม่เปลี่ยน ที่เป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะหน้าตาที่ดูเด็กกว่าวัย กอปรกับการไร้ประสบการณ์รักๆ ใคร่ๆ มาตลอดชีวิตก็เป็นได้




หอพักที่เอเชียเช่าอยู่ค่อนข้างเก่า แต่มีดีตรงที่ค่าเช่าห้องนั้นถูกแสนถูก ปุ่นเคยมาเที่ยวห้องเอเชียหลายครั้งแล้ว ในห้องที่อยู่ชั้นแรกนั้นก็มีสภาพขมุกขมัวไม่ต่างไปจากข้างนอกสักเท่าไร

แบบนี้แหละถึงได้อรรถรสในการดูหนังผี! ปุ่นนั่งลงตรงพื้นข้างๆ ปลายเตียง รอเพื่อนสนิทปิดม่าน ปิดไฟในห้องจนมืดสลัวอย่างตื่นเต้น ถึงปุ่นจะกลัวผี แต่ก็ยังชอบดูหนังผีอยู่ดี

“จะเปิดละนะ” เอเชียบอก ในมือถือแผ่นซีดีสีขาว

“เปิดเลย! เปิดเลย!” ปุ่นตะโกนเชียร์ เอเชียยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใส่แผ่นลงในเครื่องเล่นแล้วเขยิบมาข้างๆ เขา

พอภาพสีดำที่จอหายไป จอทีวีขนาดยี่สิบหกนิ้วก็ปรากฏภาพที่ไม่เหมือนกับหนังผีขึ้นมา ภาพผู้ชายสามคนกำลังนัวเนียผู้ชายหน้าหวานที่เปลือยล่อนจ้อน

เฮ้ย!? นี่มันไม่ใช่แล้ว!

ปุ่นเบิกตากว้าง อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง หันไปมองเอเชียที่ทำสีหน้าเฉยเมยเป็นปกติ แล้วจึงชะโงกหน้าเข้าไปดูที่จอทีวีให้ชัดๆ อีกที

ร่างเล็กในจอกำลังถูกผู้ชายสองคนซึ่งตัวโตกว่าซุกไซ้ ผิวขาวๆ เริ่มมีรอย

คิสมาร์กไปทั่ว คนหนึ่งซุกไซ้ซอกคอ คนหนึ่งกำลังดูดดึงหัวนมสีชมพู ขณะที่อีกคนที่ตัวไม่โตนักกำลังค่อยๆ สอดนิ้วจมหายเข้าไปในก้น

“นี่… นี่มัน…?” ปุ่นถึงกับติดอ่าง

คลิปโป๊?!

ตั้งแต่เกิดมาปุ่นเคยดูพวกหนังโป๊และคลิปโป๊เพียงหนเดียวเท่านั้น

ตอน ม.4 ห้องทับสองของเขามีการแจกจ่ายหนังโป๊กันอย่างเอิกเกริก แต่โชคร้าย… หนังและคลิปที่เพื่อนคัดลอกใส่แฟลชไดรฟ์มาให้เขานั้นครึ่งหนึ่งอยู่หมวดข่มขืนและเซ็กซ์หมู่ ปุ่นซึ่งไม่รู้ว่านั่นคือการจัดฉาก เปิดไปเจอสาวน้อยนมโตกำลังถูกผู้ชายหลายคนเวียนเทียนขึ้นทับเข้าก็เกิดอาการรับไม่ได้ และเลิกดูของพวกนี้ไปเลยนับจากนั้น

ถึงตอนนี้จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว แต่ปุ่นก็เลือกที่จะหยิบมังงะติดเรตหรือโดจินโป๊มาช่วยบรรเทาเอามากกว่าหากเกิดอารมณ์เปลี่ยวเหงาขึ้นมา เพราะอย่างน้อยของพวกนี้มันก็มีแค่ภาพกับตัวหนังสือ ไม่ต้องได้ยินเสียงร้องครวญครางที่เหมือนถูกทรมาทรกรรมแบบนั้น

“หน้าคุ้นๆ ใช่ไหมล่ะ” เอเชียถาม ขณะเดียวกันก็วางมือลงบนต้นขาของเพื่อนแล้วเริ่มลูบๆ คลำๆ ผ่านไปสักพัก เมื่อเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาก็เริ่มลงมือหยิกเสียจนปุ่นเจ็บเนื้อ

“โอ๊ย!” ปุ่นร้อง ความเจ็บทำให้ได้สติขึ้นมาจากภาพตรงหน้า เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติ ปัดมือที่หยุบหยับตรงขาอ่อนออกไปอย่างไม่ไยดี ก่อนพิจารณาไปที่ภาพในจอทีวีอีกครั้ง

ยิ่งจ้องใจก็ยิ่งเต้นตึกตัก รู้สึกหวิวๆ ในอกชอบกล หนุ่มตัวบางหน้าหวานคนนั้นช่างดูเย้ายวนและคุ้นตาเหลือเกิน หน้ามันออกจะคล้ายๆ

“พี่เซีย!” ปุ่นตะโกนลั่นจนเพื่อนข้างๆ ตกใจ ยิ่งสังเกตเห็นไฝที่ใต้ตาซ้ายแล้วก็ยิ่งมั่นใจ นั่นคือเซียไม่ผิดแน่!

ส่วนผู้ชายตัวใหญ่อีกคนที่กำลังนัวเนียอยู่แถวซอกคอนั่นก็คงเป็นกฤษณ์... ยิ่งพินิจดูก็ยิ่งเห็นว่าเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น ทั้งจีนที่เป็นพี่ชาย และเอเชียเพื่อนร่วมคณะที่สนิทกันดี

เห็นอย่างนี้แล้วหัวใจดวงน้อยๆ ของปุ่นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ทันที นี่พวกนั้นไปทำอะไรกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วที่มารุมจีบเขาอยู่นี่คืออะไร

“ปุ่น จะไปไหน เข้าห้องน้ำเหรอ” เอเชียถามเมื่อเห็นเพื่อนที่นั่งตาค้างอยู่พักใหญ่ลุกพรวดขึ้นมา

“กลับบ้าน…” ปุ่นตอบ

“หือ?”

“จะกลับบ้าน”

“ทำไม หนังไม่สนุกเหรอ”

สนุกกับเตี่ยเอ็งสิ! ปุ่นถลึงตาใส่เพื่อน

นี่แกไปแอบเล่นสวาทกับไอ้พี่พวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันหะ?!

“เอาน่า… อย่าคิดมากเลย คลิปนี้มันก็ตั้งสามสี่ปีมาแล้ว” เอเชียลุกขึ้นมาเกาะกุมที่ไหล่บางทั้งสองข้าง ปุ่นประจันหน้ากับเพื่อนสนิทอย่างเลี่ยงไม่ได้ ครั้นจะเบี่ยงตัวหนีก็กลัวเพื่อนจะเสียใจ

แค่เพื่อนสนิทไปถ่ายคลิปโป๊ ‘เกย์’ เอง ใจเย็นๆ ไว้ไอ้ปุ่นเอ๊ย...

เกือบสองปีที่คบกันมา เอเชียไม่เคยมีทีท่าว่าจะสนใจเพศเดียวกันแต่อย่างใด ขณะเดียวกันก็ไม่เคยมีทีท่าว่าจะสนใจเพศตรงข้ามด้วยเช่นกัน แต่มันน่าแปลกตรงไหนเล่า! ในเมื่อปุ่นเองก็ไม่เคยสนใจเพศใดๆ เลยเหมือนกัน

แล้วใครจะไปคิดเล่าว่า เอเชียที่ปุ่นคิดว่าน่าจะตายด้านไปแล้วจะมีรสนิยมอย่างนี้?!

“ฉันแค่อยากบอกให้แกระวังๆ ตัวไว้บ้างน่ะเลยเอามาให้ดู นี่ฉันทนเห็นเด็กไร้เดียงสาอย่างแกโดนหลอกฟันไม่ได้หรอกนะ” เอเชียบอกพลางทำท่าเช็ดน้ำตาอย่างน่าหมั่นไส้ ช่างเป็นคนหน้าตายที่กวนส้นตีนเป็นที่สุด!

ปุ่นคิดว่าเอเชียคงอยากให้เขาระวังเซีย ระวังกฤษณ์ ไม่เว้นแม้แต่จีนที่เป็นพี่ชายแท้ๆ และรวมถึง... ตัวเอเชียเองด้วย! นี่เขาไม่ได้เข้าใจผิดไปใช่ไหม?!

แต่เอ? … หรือจะเข้าใจผิดไป

“เข้า...เข้าใจแล้ว” ปุ่นพยักหน้าหงึกหงัก

“เข้าใจอะไรของแก นี่คิดไปถึงไหนแล้วล่ะนั่น” เอเชียยิ้มอ่อนใจ ก่อนจะฉวยกัดไปที่ลำคอขาวๆ ของเพื่อนเบาๆ

“เฮ้ย! ไอ้เชีย!” อารามตกใจ ปุ่นผลักเพื่อนออกทันที มือกุมตรงที่ถูกกัดพลางจ้องมองเพื่อนอย่างตื่นตระหนก “เล่นอะไรวะ” เขาถาม เอเชียหัวเราะเบาๆ ก่อนพูด

“ก็บอกแล้วไงว่าให้ระวังตัว กับฉันแกยังโดนฉวยโอกาสแบบนี้ ก่อนหน้านั้นที่ดูคลิปฉันก็ลองลูบขาแล้ว แต่แกยังไม่คิดใส่ใจอีก จะบอกอะไรให้นะ นั่นน่ะมันเป็นการอ่อยเหยื่อของพวกเกย์อย่างฉันเลยนะเว้ย แล้วกับไอ้พี่สองตัวนั่น ยิ่งไม่ต้องหวังเข้าไปใหญ่ แก เสร็จ แน่ ไอ้ปุ่นเอ๊ย… ฉันฟันธงได้!”

“ก็พวกเราสนิทกันนี่” ปุ่นเถียง “ก็เลยไม่คิดอะไร”

“ตอนนี้ไอ้พี่สองคนนั้นก็สนิทกับแกเหมือนกันแหละน่า นี่...ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ฉันคิดว่าพี่ชายแกก็คงไม่คิดจะช่วยอะไรหรอกนะ”

“....” ปุ่นเงียบ อยากเถียงว่าความจริงแล้วจีนนั้นเป็นพี่ชายที่แสนดีใจจะขาด แต่ก็คร้านจะเถียงในเมื่อเพื่อนด่วนตัดสินใจไปแล้ว

“แต่เรื่องมันก็นานมาแล้วเนอะ ตอนนั้นก็ยังเด็กๆ กันอยู่ด้วย ก็คงคึกคะนองไปเรื่อยแหละ จะว่าเป็นคนไม่ดีก็ไม่ใช่ เพราะฉันเองก็ถ่ายคลิปนั่นด้วยเหมือนกัน…” ประโยคสุดท้ายเบาหวิวเสียจนปุ่นแทบไม่ได้ยิน

“แกเป็นคนดีมากเอเชีย” ปุ่นยิ้มสดใสให้เพื่อน ทั้งที่ในใจก่นด่าไปแล้วหลายสิบตลบ

“แน่นอน” เอเชียตอบรับอย่างหน้าไม่อาย “เท่าที่สังเกตมานาน พี่กฤษณ์ก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร ถึงจะทำเป็นเล่นไปหน่อย แต่แววตาก็จริงใจใช้ได้เลย แล้วที่เอามาให้แกดูเนี่ย นอกจากอยากแฉแล้ว ก็คิดว่าเผื่อว่าวันใดวันหนึ่งแกไปเป็นแฟนกับพี่เขาขึ้นมา มารู้เรื่องคลิปนี้ทีหลังจะรับไม่ได้เอาน่ะ เลยเอามาให้ดูซะตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ไงๆ แกก็ต้องระวังไว้นะ อย่ามัวแต่เอ๋อให้เขามาฉวยโอกาสแบบที่ฉันทำวันนี้ได้ละ ให้ตายสิ… แกนี่ยิ่งไม่ทันคนอยู่ด้วย” ว่าพลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อนใจ

“ก็นะ พูดยากแฮะ เพราะเป็นคนใกล้ตัวด้วยมั้งเลยไม่ค่อยคิดว่าเป็นคนชั่วร้ายอะไร” กลับรู้สึกเหมือนปกติด้วยซ้ำ ถึงจะตกใจบ้างก็ตาม แหงละ! เจอแบบนี้เข้า ใครไม่ตกใจก็บ้าแล้ว

“ชั่วร้ายอะไร คนดีอย่างฉันนี่มีแค่คนเดียวในโลก ไม่ไปส่งนะ เอ้า! เก็บเวอร์จินของแกไว้ให้ดีๆ ล่ะ!” เอเชียว่าพลางตบลงมาที่กลางหลังของปุ่นดัง ‘ป้าบ!’ เล่นเอาจุกจนน้ำตาคลอ

ปุ่นนึกสงสัย ตกลงว่าเอเชียนี่ห่วงเขาจริงๆ หรือแค่อยากแกล้งให้ตกใจเล่นไปเท่านั้นเอง




ปุ่นกลับมาบ้าน บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์นสองห้องนอนสามห้องน้ำของย่าที่ยกให้กับพี่ชายเป็นมรดกตกทอด ตอนแรกย่าก็จะยกให้ปุ่นนั่นแหละ เพราะพี่ชายได้สวนกับที่ดินที่พิษณุโลกจากปู่ไปแล้ว แต่ปุ่นดันบอกไปว่าไม่ชอบบ้านชั้นเดียว ย่าแกเลยงอนแล้วยกให้พี่ชายไป ปุ่นละเสียดายจริงๆ

…รู้งี้ไม่น่าปากพล่อยเลย เผื่อจะเก็บไว้ขายเอาตังค์ได้บ้าง

“เฮ้อ…”

อยู่คนเดียวแล้วมันช่างเงียบเหงา ตอนนี้พี่ชายอยู่ในช่วงท่องเที่ยวหาแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายอย่างไม่มีกำหนดกลับมาพักใหญ่แล้ว บ้านที่ปกติก็ไม่ค่อยจะมีเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวอะไร ตอนนี้ก็ยิ่งเงียบปนหดหู่เข้าไปอีก

“เฮ้อ...” ปุ่นเหวี่ยงกระเป๋าสะพายใบเก่งทิ้งแล้วล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม

พี่จีน... เอเชีย... พี่เซีย... พี่กฤษณ์... ไม่อยากจะเชื่อเลย

ยอดอกสีชมพูของเซียถูกจีนดูดดึง ตรงนั้นของเซียถูกเอเชียเอานิ้วสอดเข้าไป เพียงแค่คิดถึง ร่างกายก็ร้อนผ่าว แก่นกายเริ่มแข็งขืนขึ้นมาภายใต้กางเกงวอร์มและกางเกงชั้นในจนอึดอัดไปหมด...

เขาอยากปลดปล่อย… อยากปลดปล่อยเข้าไปในช่องทางรักของเซีย

“อืม…” มือเลื่อนลงไปนวดเฟ้นที่ช่วงล่าง ขณะเดียวกันก็นึกถึงหน้าของเซียไปด้วย ภาพเซียในคลิปกับเซียคนปัจจุบันซ้อนทับกันจนไม่อาจแยกแยะได้กำลังทำท่ายั่วยวนอยู่ในความคิดของปุ่น

“อึก…” ปุ่นควักแก่นกายออกมา น้ำเชื่อมใสๆ ไหลออกมาจากรูเล็กๆ ตรงส่วนปลายจนแก่นกายและกางเกงในเปียกชุ่ม เขาเริ่มปรนเปรอตัวเอง ไม่นานนักธารสีขาวข้นก็กระเซ็นออกมาไม่หยุด

“อ้า! อึก อ๊ะ… แฮ่ก… แฮ่ก…” ปุ่นเกร็งสะท้านกับการหลั่งที่ค่อนข้างยาวนาน จะว่าไปช่วงนี้เขาก็ไม่ได้ช่วยตัวเองเลย คงไม่แปลกหรอกมั้งที่จะหลั่งออกมาเยอะขนาดนี้

ปุ่นหยิบทิชชูในลิ้นชักหัวเตียงมาเช็ดทำความสะอาดก่อนโยนทิ้งไปที่ถังขยะตรงมุมห้อง แต่ดันปาพลาด ก้อนทิชชูเลยไปตกอยู่ตรงข้างถัง เขาจึงจำต้องลุกขึ้นไปเก็บมันอย่างช่วยไม่ได้

ให้ตายสิ! นี่เรามีอารมณ์เพียงเพราะนึกถึงคลิปนั่นเนี่ยนะ

นี่มันบ้าอะไรกัน

แทนที่จะรู้สึกกลัวหรือนึกรังเกียจกับเรื่องถ่ายคลิปโป๊ เขากลับรู้สึกสิเน่หากับสีหน้าเย้ายวนของเซียเสียนี่

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…พี่เซีย… หรือว่าพี่จะเป็น…รักแรกของผม




เพราะตลอดมาเอาแต่คิดว่าน่ารำคาญจริงๆ ที่โดนวอแวอย่างนี้ เลยไม่ทันได้สังเกตตัวเองมาก่อนเลยว่าเผลอไปสนใจอีกฝ่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ใจมักจะสั่นสะท้านทุกทีที่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหวานๆ นั่น เป็นแบบนี้มานานหรือยังนะ ปุ่นเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน แต่… คลิปเมื่อวานทำให้เขาต้องมานั่งคิดนอนคิดตริตรองดูว่า ตกลงแล้วเขาชอบเซียจริงๆ หรือแค่ถูกใบหน้าหวานๆ ยั่วยวนจนเกิดอารมณ์ไปตามประสาวัยรุ่นเพียงเท่านั้น

แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ นี่เขาชอบเซียไปแล้วอย่างนั้นเหรอ

“ไงปุ่น ทำไมทำหน้าเหมือนอดหลับอดนอนยังงั้นล่ะ” เอเชียเดินมานั่งข้างๆ บนใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มเหมือนเช่นทุกครั้ง ปุ่นมองหน้าเอเชีย ไม่รู้สึกติดใจอะไรกับเรื่องคลิปโป๊เมื่อวานเลยแม้แต่น้อย

“มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยน่ะ” ปุ่นตอบ

“อย่าบอกนะว่าเรื่องคลิปเมื่อวานน่ะ” เอเชียหัวเราะ “ถ้าติดใจเดี๋ยวก๊อบให้สักแผ่นดีไหม แต่อย่าให้พี่ชายแกเห็นล่ะ”

“เอเชีย นี่แกรู้จักกับพวกพี่เขามานานแล้วเหรอ”

“ก็ไม่ได้รู้จักดีอะไร รู้จักกันทางเว็บบอร์ด…” เอเชียหยุดอธิบาย ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่มั่นใจว่าได้ยินกันแค่สองคน “บอร์ดเกย์น่ะ ตอนนั้นนัดกันมาถ่ายคลิปขายทางเน็ต ตกลงกันว่าจะเบลอหน้าทุกคนก่อนลงขาย พวกเราได้แบบต้นฉบับกันมาคนละแผ่น จบแล้วก็แยกย้ายกันไป

มาเจอกันอีกทีก็ที่มหา’ ลัยนี่แหละ โลกกลมดีเนอะ ว่าไหม” เอเชียยิ้มพลางส่ายหน้า

“แล้วตอนนี้ล่ะ ตอนนี้ทำอยู่ไหม” ปุ่นถามอย่างกระวนกระวาย “แล้วตกลงว่าแกนี่เป็นเกย์จริงๆ ใช่ไหม”

“เป็นจริงสิ แกนี่ เบาๆ หน่อยสิ!” เอเชียทำหน้าดุใส่ “เลิกแล้วแหละ จะว่าไปตอนนั้นมันก็แปลกๆ อยู่เหมือนกันนะ…”

เอเชียอธิบายเรื่องที่สงสัยมานานไม่ทันจบอาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามา

ปุ่นเองก็ไม่ได้สนใจอะไรในส่วนนั้นจึงไม่ได้ซักไซ้ต่อ เขาหันไปจดจ่อกับวิชาเรียนที่ชอบจนจบคาบ




“วันนี้ไปดูหนังผีกันไหม”

“ไม่!” ปุ่นปฏิเสธทันควันเมื่อโดนชวน อดระแวงว่าจะถูกหลอกให้ไปดูอะไรแปลกๆ เข้าอีกไม่ได้

“ใจร้าย ถึงฉันจะเป็นเกย์ แต่อย่างแกก็ไม่ใชสเปกฉันสักหน่อย ไม่หลอกไปปล้ำหรอกน่า”

“จ้าๆ กินข้าวกันก่อนไหม เดี๋ยวค่อยกลับ” ปุ่นหันไปชวนเอเชียที่เดินอยู่ข้างๆ เมื่อรู้สึกเหมือนลำไส้มันประท้วงว่าหิว “เที่ยงแล้วด้วย”

“ไปไหนดี โรงอาหาร หรือไปหาอะไรกินข้างนอก”

“เซเว่น” พูดแล้วก็เดินนำหน้าไปแบบไม่ถามความเห็นใคร ช่วยไม่ได้ ก็เขาอยากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำมันกุ้งใส่ไข่ลวกกับลูกชิ้นนี่นา ที่สำคัญต้องเป็นแบบคัพเท่านั้นด้วย ไม่เอาแบบซอง เพราะเขารู้สึกว่าแบบคัพมันอร่อยกว่าแบบซองเยอะเลย

“กินแต่มาม่า มันถึงได้ไม่โตไง”

“หนวกหูน่า ตัวเองโตนักรึไง สูงกว่าแค่ห้าเซนอย่ามาทำเป็นพูด”

ระหว่างที่กำลังนั่งซดน้ำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้วยที่สองอย่างเอร็ดอร่อย หนุ่มรูปงามก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วกล่าวทักทายว่า

“ไง น้องปุ่นสุดที่รัก”

“แค่กๆ ๆ” ปุ่นสำลักทันทีที่เห็นเซียโปรยยิ้มหวานเดินมาหาแถมยังพูดจาได้น่าขนลุกขนพอง การสำลักน้ำต้มยำทรมานจนน้ำหูน้ำตาไหล เอเชียรีบกระวีกระวาดเปิดฝาขวดน้ำมาให้ดื่มแล้วช่วยลูบหลังเป็นการใหญ่ ส่วนตัวต้นเหตุนั้นเอาแต่ยืนขำ

ปุ่นเหลือบมองอย่างเคืองแค้นแล้วก็พานคิดว่า ตัวเองไปชอบคนแบบนี้ได้อย่างไรนะ?!

“สำลักความหล่อของพี่เหรอครับ” เซียที่มานั่งเท้าคางมองอยู่ตรงข้ามถาม ปุ่นที่สำลักจนหน้าตาแดงก่ำหันไปมองอีกฝ่ายตรงๆ อย่างขุ่นเคือง

“ใครว่าล่ะ!”

เซียหัวเราะ ‘ฮะๆ’ พลางยื่นมือมาบีบที่จมูกของปุ่น แต่พอน้ำมูกใสๆ ติดนิ้วไปก็ร้อง ‘หยี’ แล้วเอานิ้วที่เปื้อนไปป้ายบนกระเป๋าของเอเชียที่วางอยู่บนโต๊ะ

“อ้าว? ไอ้พี่นี่” เอเชียว่าเมื่อเห็นเซียทำแบบนั้นกับกระเป๋าของตัวเอง

“เอาน่า น้ำมูกน้องปุ่นไม่น่ารังเกียจหรอก” เซียหันไปยิ้มแห้งให้กับเอเชียที่กลอกลูกตามองบน

ไม่น่ารังเกียจแล้วจะร้องหยีทำไมกันล่ะเฟ้ย?!

ปุ่นรู้สึกว่าตัวเองนี่มันซวยจริงๆ ที่ไปหลงรักคนแบบนี้ได้

“พี่ไปละ มีเรียนคาบบ่าย ไว้ว่างๆ ก็มาเที่ยวห้องพี่บ้างนะครับ ห้อง 405 หอ LY นะ” เซียขยิบตาให้ หน้าที่หายแดงแล้วของปุ่นเลยกลับมาแดงอีกครั้ง ท่ามกลางความเป็นห่วงของเอเชีย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 12:51:30 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #4 เมื่อ26-07-2018 13:22:15 »

ไว้ว่างๆ ก็มาเที่ยวห้องพี่บ้างนะครับ… มาเที่ยวห้องพี่บ้างนะครับ… มาเที่ยวห้องพี่บ้าง… มาเที่ยวห้องพี่… น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนจะเชิญชวนของเซียดังก้องในหัวไม่หยุด

“ว้ากกกก!!!” ปุ่นแหกปากโวยวายอย่างไม่รู้จะเอาอย่างไร จะไปหรือไม่ไปดี

พี่เขาก็แค่ชวนเล่นๆ ไปอย่างนั้นเองละมั้ง แต่ถ้าไปจริงๆ ล่ะ พี่เซียจะทำหน้ายังไง จะดีใจไหมนะ

งื้อ… แค่คิดหน้าก็จะสุกแล้ว บ้าเอ๊ย…

ปุ่นนอนพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่ร่วมชั่วโมง ในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้วว่า วันนี้จะไปหาพี่เซียที่ห้องให้ได้!

ก็แหม… พอรู้ตัวว่าชอบแล้วมันห้ามใจไม่ไหวนี่นา คนมันอยากเจอหน้า แต่คิดว่ารอเย็นๆ หน่อยค่อยไปหาน่าจะดีกว่า เผื่ออีกฝ่ายยังไม่เลิกเรียน




ตกเย็น ปุ่นแต่งตัวหล่อออกมาจากบ้านด้วยความประหม่าและรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนัก

แจ็กเกตสีเหลืองดูสะดุดตาไปไหมนะ กางเกงยีนส์ฟิตไปรึเปล่า เขาคิดวนเวียนอยู่อย่างนี้มาหลายสิบรอบแล้ว

เพราะปกติมักจะใส่แต่กางเกงสแล็กกับกางเกงวอร์ม นานๆ ทีถึงจะใส่กางเกงยีนส์ที่ไม่ค่อยชอบแบบนี้ ก็ย่อมรู้สึกไม่มั่นใจเป็นธรรมดา

วันนี้ใครอย่าทักนะ ยิ่งไม่ค่อยมั่นใจอยู่ด้วย ปุ่นขอในใจ แต่ตอนที่กำลังรีบจ้ำอ้าวผ่านบ้านข้างๆ ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นเพื่อไปรอรถเมล์ที่ป้าย เจ้าของบ้านก็ดันส่งเสียงทักขึ้นมา

“โหว… น้องปุ่น วันนี้แต่งตัวหล่อจะไปเที่ยวไหนเหรอครับ”

ปุ่นหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังรดน้ำต้นไม้ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หนวดเคราหร็อมแหร็มตรงปลายคาง จะมองมุมไหนมันก็มหาโจรชัดๆ ทำไมในฝันเขาถึงเห็นว่าหล่อไปได้นะ คงเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่ได้ตั้งใจสังเกตให้ดีกระมัง

“ยุ่งน่า!” ปุ่นแลบลิ้นใส่ รีบจ้ำเท้าผ่านหน้าบ้านของอีกฝ่ายไป แต่ลึกๆ แล้วก็แอบโล่งใจเหมือนกันที่ถูกชมว่าหล่อแบบนี้ เขาลอบอมยิ้มคนเดียวเงียบๆ

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ปุ่นยืนเคาะประตูหนน้าห้อง 405 ด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เขามานี่เพื่ออะไร ความลังเลเริ่มทำให้ความคิดสับสน

“ก๊อก ก๊อก” เขาเคาะประตูอีกครั้ง หัวใจเต้นแรงจนเผลอคิดว่ามันจะกระดอนออกมาจากอกเสียแล้ว

ประตูห้องเปิดออก หัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง เซียที่ชะโงกหน้าออกมาจากประตูเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ จากนั้นจึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“มาจริงเหรอเนี่ย เข้ามาสิ”

ปุ่นเดินเข้าไปในห้องตามคำเชื้อเชิญ ตอนนี้เซียอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีฟ้าตัวบางราวกับผ้าซีทรูกับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน อวดผิวขาวนวลเนียนน่าลูบไล้ยิ่งนัก

ปุ่นจ้องไปที่สะโพกกลมกลึงของอีกฝ่ายแล้วก็พานนึกไปถึงฉากในคลิป ฉากที่มีนิ้วขยับไปมาในก้นขาวๆ นั่น

อยู่ดีๆ ส่วนกลางของร่างกายก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างน่าโมโห ปุ่นรีบถอดเสื้อแจ็กเกตมาผูกเอวคลุมบัง ‘มัน’ ไว้ แล้วทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“หน้าดูแดงๆ นะ ป่วยรึเปล่า” เซียหันมาถามพลางเดินเข้าใกล้ ทำท่าเหมือนจะยกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผาก ปุ่นรีบเบี่ยงตัวหลบ อีกฝ่ายจึงชะงัก มือค้างอยู่กลางอากาศทั้งแบบนั้น

ขืนให้พี่เซียมาแตะต้องตัวตอนนี้ก็แย่สิ!

“เปล่าครับ พอดีเดินขึ้นบันไดมาเหนื่อยๆ” โกหก นี่มันตั้งชั้น 4 เขาขึ้นลิฟต์มาต่างหากละ

“อ้อ แล้วนี่คิดยังไงถึงมาหาพี่ได้ล่ะ” เซียเอียงคอถาม

น่ารักชะมัด...

“ก็ผมคิดถึงพี่เซียนี่” ปุ่นตอบแบบเคลิ้มๆ หลงเสน่ห์เข้าเต็มเปา “แต่ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันนะ” พอพูดไปแล้วก็เพิ่งมานึกอายเอาเสียดื้อๆ ใบหน้าซับสีเลือดร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“มาแปลกนะเราวันนี้” เซียกระหยิ่มยิ้ม ปุ่นรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาแปลกๆ ตอนที่ร่างสูงโปร่งกำลังย่างสามขุมเข้ามา โทรศัพท์ที่นอนแอ่งแม้งอยู่บนเตียงก็ดังขึ้น บ่งบอกว่ามีสายโทรเข้า เจ้าของโทรศัพท์เลยจำต้องเดินไปรับอย่างช่วยไม่ได้

“เดี๋ยวพี่มา” เซียบอกก่อนออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง ปุ่นนั่งลงบนเก้าอี้ตรงโต๊ะหนังสือ ข้างๆ โต๊ะเป็นเตียงขนาดดับเบิลหลังใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นห้องก็ยังดูกว้างอยู่ดี ข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่มากนักถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ เข้าชุด และลงตัวอย่างมีสไตล์

ระหว่างที่กำลังคิดว่า สมกับเป็นห้องเด็กมัณฑนศิลป์จริงๆ น้า… สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับกล่องถุงยางอนามัยกล่องหนึ่งบนหัวเตียง

ปุ่นชะเง้อมอง ถุงยางอนามัยยี่ห้อคุ้นตาที่เห็นได้ตามเซเว่นอีเลฟเว่นกล่องนั้นมีร่องรอยของการถูกใช้

กับใครกัน…

ใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น ‘เซีย’ กับ ‘ถุงยาง’ เพียงแค่สงสัยว่าถุงยางนี้เอาไว้ใช้กับใคร ภาพคลิปเมื่อคราวนั้นก็ผุดผาดเข้ามาในความทรงจำอย่างไม่ได้เรียกร้อง

อา… ฉากเซียโดนผู้ชายรุมกระทำทางเพศแจ่มชัดขึ้นมา ปุ่นเริ่มหอบหายใจ ส่วนกลางลำตัวที่เกือบจะสงบไปแล้วตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง

นี่มัน… อึดอัดอย่างรุนแรงจนแทบทนไม่ไหว

ทรมานจัง…

“อื้อ…” ปุ่นเผลอหลุดเสียงครางออกมา

ให้ตายเหอะ! นี่เขามีอารมณ์เพียงเพราะนึกถึงคลิปนั่นอีกแล้ว แถมยังเป็นในห้องของเซียที่อยู่ในคลิปอีกด้วย บ้าไปแล้ว!

ไอ้ปุ่นเอ๊ย… แกนี่มันเป็นไอ้หื่นหน้าไม่อายจริงๆ!

ปุ่นรีบเดินตัวงอเข้าห้องน้ำไปอย่างหมดหนทาง จะไม่ให้เอาออกตอนนี้ก็คงไม่ไหว เมื่อเข้ามาแล้วก็รีบปิดประตู ปลดซิปกางเกง และใช้ดัชนีทั้งห้ากอบกุมส่วนที่เหยียดแข็งเต็มตัวอย่างสุดจะทน

“อึก…” เขารีบสาวมือขึ้น-ลงอย่างเร่งรีบเพื่อจะให้จบๆ ไปเสียที แต่ระหว่างที่กำลังไต่ไปถึงจุดสุดยอดนั้น…

ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิด!

“พี่เซีย!” ปุ่นเรียกชื่อคนที่เปิดประตูเข้ามาด้วยความตกใจ หน้าซับสีเมื่อตอนมีอารมณ์ซีดเผือดลงทันตา

ฉิบหาย! ลืมล็อกประตู

“เด็กน้อยแอบมาทำลามกอะไรในห้องน้ำคนอื่นกันเอ่ย” น้ำเสียงเจ้าของห้องฟังดูสนุกไม่ใช่น้อย

ระหว่างที่รู้สึกเหมือนสมองถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาในอวกาศจนสับสนมึนงง เซียก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายแล้วพูดขึ้นว่า

“ทำไมไม่ให้พี่ช่วยล่ะ ทำกันสองคนสนุกกว่าเยอะเลยนะ”

“มะ…” ยังไม่ทันปฏิเสธให้เป็นคำ เซียก็จับหมับมาที่แก่นกายของปุ่นทันที

ไอ้พี่เซีย มือจะไวไปแล้วนะ!

นิ้วเรียวยาวลูบไล้ สลับกับรูดขึ้นรูดลงอย่างเป็นจังหวะ ไม่นานปากแดงๆ ก็ค่อยๆ เข้าครอบครองแท่งร้อนน้อยๆ ไปจนสุดโคน ปุ่นซี้ดปากด้วยความเสียวซ่าน ระหว่างที่กำลังปล่อยตัวปล่อยใจไปกับรสชาติแห่งความหฤหรรษ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน เสียงอันร้อนรนของใครบางคนก็ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของ…

พี่กฤษณ์!

“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเพิ่งๆ ใจร้อนจริงๆ เลยนะนายเนี่ย อ้าวเฮ้ย! ยังไม่หยุดปากอีก ไอ้เซีย! ฉันไม่ยอมแพ้แกหรอกนะ!”

ปุ่นยังไม่ทันหายตกใจดีก็โดนกฤษณ์พุ่งเข้าจู่โจมที่ปากอย่างทันทีทันใด หนวดที่ขึ้นเป็นตอของคนตัวโตกว่าให้สัมผัสระคายตรงปลายคางที่ถูกเสียดสี ลิ้นร้อนชอนไชเข้ามาในโพรงปาก ขณะเดียวกันมือที่กระด้างเล็กน้อยก็ลูบไล้ไปทั่ว

แผ่นอกแบนราบ ปุ่นถูกความวาบหวามเข้าเล่นงานจนแข้งขาสั่นไปหมด

“น้องปุ่นต่างหากละที่ใจร้อน เนอะ?” เซียเงยขึ้นมายิ้มหวานพลางขยิบตาให้ แต่ปุ่นที่ถูกคนตัวโตเชยคางจูบอยู่นั้นไม่อาจเห็นได้

ปุ่นครางเครือในลำคอเมื่อเซียก้มลงดูดดุนที่ส่วนอ่อนไหวอีกครั้ง เขาปลดปล่อยออกมาในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างไม่ทันตั้งตัว ทันทีที่กฤษณ์ถอนจูบ ก็ครางเสียงอ่อยออกมา

“พี่เซีย…”

กฤษณ์ทำหน้าเหยเกทันที

“เฮ้! อย่าเอาความสนใจของน้องปุ่นไปหมดสิ ไอ้บ้านี่”

“บ้าเหรอ คนสุภาพอย่างแกกล้าด่าฉันเรอะ นี่… ถึงแกจะเกือบเคยเป็นผัวฉัน แต่จำไว้นะ วันนี้ฉันจะต้องเป็นผัวน้องปุ่นให้ได้” เซียชูกำปั้นขึ้นสูงอย่างกับมุ่งมั่นในปณิธานที่ตั้งใจไว้แล้ว

“เฮ้ย!” เสียงดุดันอันคุ้นหูดังขึ้น ปุ่นสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อเห็นพี่ชายที่คิดว่าอยู่ระหว่างการท่องเที่ยวทำสีหน้าถมึงทึงเดินเข้ามา

มะ…มาได้ไง

ปุ่นเริ่มงงว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดหรือฝันไปใช่ไหม

“นี่พวกเอ็งสองตัวกำลังทำอะไรกัน?! ไอ้กฤษณ์! ไหนบอกว่าจะขึ้นมาห้ามทัพก่อนไงวะ ไหงไปเข้าร่วมแบบนั้นได้” ‘จีน’ ว่า ปุ่นได้แต่อ้าปากพะงาบๆ

อะไรกัน นี่พี่เอ็งรู้เห็นเป็นใจให้ผู้ชายกินน้องตัวเองงั้นเรอะ?!

‘นี่... ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ฉันคิดว่าพี่ชายแกก็คงไม่คิดจะช่วยอะไรหรอกนะ’ เสียงที่เอเชียเคยเตือนไว้ดังเข้ามาในโสตประสาท เอเชียกล่าวไว้ไม่ผิดจริงๆ เป็น

ปุ่นเองที่หวังในตัวพี่ชายบังเกิดเกล้าสูงเกินไป …ใช่ไหม

จริงเหรอเนี่ย ไอ้พี่บ้า! ฮึก… ปุ่นได้แต่สะอื้นอยู่ในใจ

“ก็ไม่รู้จะทำยังไงนี่ครับ พี่ก็อย่าไปนับไอ้เซียมันก็แล้วกันเนอะ” กฤษณ์เถียง เซียหันไปยิ้มยั่วให้จีนก่อนก้มลงดุนดันที่ปุ่นน้อยต่อ แต่ทั้งปุ่นและปุ่นน้อยในตอนนี้ไม่มีอารมณ์ร่วมใดๆ ทั้งนั้นเมื่อเห็นจีนยืนหน้าซีดสลับกับเขียวคล้ำอยู่ตรงหน้า

“มานี่เลยไอ้ตัวดี! ลืมล็อกห้องอีกแล้วนะ แล้วเมื่อกี้บอกใครเป็นผัวใครนะ” จีนถาม แขนล่ำที่เต็มไปด้วยรอยสักหลากสีสันฉุดแขนเรียวขาวของเซียออกจากห้องน้ำไป

“เยอะจัดจนนับไม่ไหวเลยอะ” ได้ยินเสียงระรื่นของเซียเถียงกับพี่ชายอยู่พักหนึ่งจนกระทั่ง...

“อ๊า! จะ…จีน! ไอ้เลว! เคยบอกแล้วไงว่าอย่าดันเข้ามาทีเดียวแบบนี้ อา… โอ๊ย…”

“ก็เห็นว่าชำนาญ เลยคิดว่าไม่ต้องเตรียมอะไรมากมาย อืม... ยังแน่นอยู่นะ... ผิดคาดเลยแฮะ”

“อ๊ะ…อะ…ไอ้เวรนี่! อย่าเพิ่งขยับสิ อ๊ะ… อา…”

ปุ่นยังคงอ้าปากค้างด้วยความงงงัน ได้แต่ทำตาปริบๆ ฟังเสียงแปลกๆ ของคนสองคนที่ลับตาไปแล้ว

อะไรคือการที่มีเสียงโครมครามปนเสียงหอบกระเส่าดังเล็ดลอดมา ไหนจะบทสนทนาชวนคิดลึกนั่นอีก.... จะใช่... แบบที่เขาคิดไหมนะ...

“โล่งอกไปที…” กฤษณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อ “โชคดีนะที่พี่โทรมาหาไอ้เซียพอดี เลยรู้ว่ามันตั้งใจจะจับน้องปุ่นกินน่ะ ระวังตัวหน่อยสิครับ”

“พี่จีนมาได้ไง แล้วเข้ามากันได้ยังไง...” ปุ่นงึมงำถาม ตอนนี้สติได้หลุดลอยไปยังที่ไกลแสนไกลแล้ว

“ก็ห้องไม่ได้ล็อก ส่วนพี่จีน พี่โทรไปบอกเองแหละครับ โชคดีนะที่ตอนนั้นพี่เขากลับบ้านมาพอดี ก็เลยนั่งรถมาด้วยกัน แต่พี่แกดันใจเย็นรอขึ้นลิฟต์อยู่น่ะสิ พี่ทนรอไม่ไหวเลยวิ่งขึ้นบันไดมาก่อน” กฤษณ์ตอบด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ ก่อนหันมาทำชีกออย่างรวดเร็วจนปุ่นตามอารมณ์แทบไม่ทัน “อยู่กับพี่... แต่ใจลอยไปไหนแล้วครับ หืม... แบบนี้ต้องโดนลงโทษนะรู้ไหม...”

กฤษณ์โน้มตัวลงมาคล้ายว่าจะประทับริมฝีปากกันอีกครั้ง ปุ่นได้สติ ผลักไปที่อกหนาเต็มแรงจนคนตัวโตเซถอยหลังไปครึ่งก้าว ดวงตาสีสว่างที่สั่นระริกของผู้รุกล้ำทำเอาคนผลักรู้สึกผิดขึ้นมา จึงรีบกล่าวขอโทษอีกฝ่าย

“ขอโทษ…”

รอยยิ้มกว้างเข้ามาแทนที่สีหน้าย่ำแย่เมื่อครู่ของกฤษณ์อย่างรวดเร็ว คนตัวโตถามอย่างล้อๆ ว่า

“เด็กบ้า ใจคอคิดจะผลักพี่ให้หัวฟาดพื้นห้องน้ำตายเลยรึไงครับ”

ปุ่นมองไปที่รูปร่างของอีกฝ่ายแล้วก็ลอบบ่นอยู่ในใจ

ตัวอย่างกับหมีควาย ต่อให้ปุ่นโถมใส่ไปทั้งตัวก็รับได้สบายๆ อยู่แล้ว ปุ่น

มองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องแล้วพูดต่อ

“ก็พี่กฤษณ์จะจูบผมก่อนอะ”

“ก่อนหน้านั้นก็จูบไปแล้วนี่ครับ”

“……” ปุ่นพูดไม่ออก หน้าแดงวาบ นั่นมันจูบแรกของเขานี่นา!

ไอ้พี่กฤษณ์! ไอ้พี่ชายข้างบ้านสารเลว! ความบริสุทธิ์ของช่องปากถูกช่วงชิงไปเสียแล้ว!

ปุ่นรู้สึกเสียดายเป็นหนักหนา แต่จะให้โอดครวญไปก็กลัวเสียหน้าเปล่าๆ ถ้าเกิดโดนอีกฝ่ายแซวว่า ‘อายุป่านนี้แล้วเพิ่งจะเคยจูบเนี่ยนะ’ ขึ้นมาคงจะอายจนต้องแทรกแผ่นดินหนีเป็นแน่

“แหม… ทำไมจ้องพี่เหมือนจะกินเลือดกินเนื้ออย่างงั้นล่ะครับ จ้องมากๆ เข้า เดี๋ยวพี่ท้องขึ้นมาต้องรับผิดชอบกันนะ” พูดแล้วกฤษณ์ก็ยิ้มพลางขยิบตาให้

“ไร้สาระ!” ปุ่นสะบัดหน้าพรืด รีบแต่งตัวให้เข้าที่เข้าทางแล้วเดินหน้าง้ำออกจากห้องน้ำไปอย่างไว

ปุ่นพรวดพราดออกจากห้องน้ำ ลืมไปเสียสนิทว่ายังมีอีกสองชีวิตที่ออกมาทำ ‘อะไรๆ’ กันก่อนหน้าแล้ว เขามองพี่ชายสอดใส่คาอยู่ในตัวเซียที่ยกสะโพกโก้งโค้งบนเตียงหลังใหญ่ ปากของเซียถูกมือข้างหนึ่งของจีนล็อกปิดไว้แน่น เสื้อตัวบางของเซียถูกเลิกขึ้นไปถึงอก กางเกงขาสั้นตัวน้อยก็ถูกดึงร่นมาอยู่ตรงช่วงขาอ่อน ในขณะที่เสื้อผ้าบนตัวจีนยังคงอยู่ครบ

หน้าที่แดงมาก่อนหน้าก็ยิ่งแดงและร้อนฉ่าเข้าไปอีก ปุ่นรู้สึกว่าไม่ควรเอาแต่นิ่งเงียบจึงคิดจะเอ่ยปากพูดคุยอะไรสักอย่าง แต่กลับพูดไม่ออกสักคำ

จีนเองก็หยุดนิ่งมองมาที่เขาเช่นกัน ส่วนเซียนั้นคงจะทนไม่ไหวที่คนที่สอดค้างอยู่ในกายไม่ยอมขยับเสียที จึงเริ่มขยับเอวบดเบียดสะโพกเองอย่างไม่เกรงใจสายตาคนดู

‘ตู้ม!’ เสียงคล้ายสมองถูกระเบิดเป็นจุณทีละเล็กละน้อยดังขึ้นในมโนสำนึก ปุ่นอยากจะเดินออกไป แต่ก็ไม่อาจละสายตาจากภาพที่แสนเย้ายวนตรงนี้ได้เช่นกัน เขามองจีนที่ดันสะโพกเซียออกพลางสั่ง ‘หยุดๆ’ แต่ถึงกระนั้นกลับไม่ยอมถอนความเป็นชายออกจากตัวอีกฝ่ายเสียที

และจู่ๆ ภาพตรงหน้าก็ถูกมือใหญ่เข้ามาบดบังจนมืด

“เดี๋ยวผมพาปุ่นไปส่งบ้านเองครับ เชิญต่อกันตามสบายเลย” เป็นเสียง

ของกฤษณ์ที่ฟังแล้วเหมือนจะติดเกรงใจ

“อย่าทำอะไรน้องนะ” เสียงจีนดังส่งท้าย ก่อนที่กฤษณ์จะดุนหลังปุ่นพาออกจากห้องไป ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูถูกปิด ปุ่นก็ดึงมือที่บดบังวิสัยทัศน์ออก

“ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านเอง” กฤษณ์บอกอย่างเป็นห่วงเป็นใย ใจหนึ่งของปุ่นก็นึกอยากปฏิเสธ แต่อีกใจก็อยากรีบกลับบ้านไปจินตนาการภาพที่เห็นเมื่อครู่คนเดียวในห้องไวๆ เลยพยักหน้าตอบรับไปอย่างว่าง่าย

เมื่อเดินออกมาจากหอพักก็พบกับบิ๊กไบก์ของกฤษณ์ที่จอดขวางทางเข้าไว้อย่างนักเลง ปุ่นขึ้นไปนั่งซ้อนอย่างอิดออด เพราะการซ้อนมอเตอร์ไซค์แบบนี้ทำให้ถึงเนื้อถึงตัวกันมากขึ้น

ก็ใช่ว่าปุ่นจะเป็นคนหวงเนื้อหวงตัวอะไร หากอีกฝ่ายไม่ใช่เกย์ เขาก็ไม่มาคิดอะไรที่มันหยุมหยิมอย่างนี้หรอก

“ออกตัวละนะครับ”

“แว้ก!”

ปุ่นร้องทันทีที่รถออกตัว มือรีบคว้ากอดรัดเอวสอบแน่น ทำไมกฤษณ์ถึงได้ขับรถเร็วอย่างนี้

กฤษณ์ไม่ได้รีบพาปุ่นไปส่งบ้าน แต่พามาแวะที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางที่ขึ้นชื่อในซอยก่อน ปากก็บอก ‘กลัวน้องปุ่นจะหิว’ แต่ตัวเองกลับกินเอาๆ อย่าง

ตายอดตายอยาก คนตัวเล็กฮึดฮัดไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทนกลิ่นหอมชวนหิวของเครื่องก๋วยเตี๋ยวไม่ไหว ก้มลงไปกินอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยอีกคน

มื้อนี้กฤษณ์เลี้ยง คนตัวเล็กที่ทำท่าไม่พอใจในตอนแรกอย่างปุ่นกินไปถึงสี่ชาม มากกว่าคนจ่ายเงินเสียอีก เลยโดนแซวมาอย่างอารมณ์ดีว่า ‘มาอยู่กับพี่สิครับ พี่จะเลี้ยงให้อิ่มอย่างนี้ทุกวันเลย’

กว่าจะถึงบ้านก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่าแล้ว อารมณ์อยากจะจินตนาการเรื่องลามกในตอนแรกก็หายไปเสียสิ้น พอหนังท้องตึง หนังตาก็พลอยหย่อนตามไปด้วย ปุ่นเข้าสู่นิทราไปอย่างสบายอารมณ์

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 12:57:54 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #5 เมื่อ26-07-2018 13:23:23 »

2




“ติ๊ด!!! ติ๊ด!!! ติ๊ด!!! ติ๊ด!!! ติ๊ด!!! ติ๊ด!!!” เป็นอีกครั้งหนึ่งที่นาฬิกาปลุกที่น่าสงสารส่งเสียงกรีดร้องอยู่ร่วมชั่วโมง หากมีชีวิตมันคงจะแหกปากว่า ‘ตื่นสักทีสิ เจ้าบ้า! เดี๋ยวก็สายอีกหรอก!’ ไปนานแล้ว

แขนเรียวโผล่จากผ้านวม เอื้อมไปปิดนาฬิกาปลุกที่แผดเสียงดังลั่นบนหัวเตียงเช่นทุกครั้ง พลันเมื่อหยิบนาฬิกาเจ้ากรรมที่แผดเสียงก่อนหน้ามาดูเวลา ตาก็สว่างทันที

08.39 นาฬิกา!

ปุ่นลุกพรวด กระโดดหย็องแหย็งลงจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟัน พอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ ก็ตัดสินใจอาบแบบวิ่งผ่านอย่างรวดเร็ว

ทำไมชีวิตต้องมาวนเวียนกับอะไรซ้ำๆ แบบนี้ด้วยนะ?!

พอเปิดประตูออกมา ก็พบกับกฤษณ์ที่ยืนรออยู่หน้าบ้านพร้อมกับบิ๊กไบก์คันสีดำเข้ากับหมวกกันน็อกที่เจ้าตัวสวมอยู่ นานๆ ทีกฤษณ์ก็ขับเจ้านี่ไปมหาวิทยาลัยเหมือนกัน แต่ถ้าวันไหนที่รับปุ่นไปด้วย กฤษณ์จะใช้รถสปอร์ตคันหรูทุกที นับว่าวันนี้มาแปลกจริงๆ

ปุ่นปรี่เข้าไปหากฤษณ์ที่ตั้งท่าติดเครื่องรถ วันนี้เขาไม่แสดงท่าทีอิดออดอะไรเพราะกลัวเข้าเรียนสาย และทันทีที่ขึ้นไปนั่งซ้อน ก็โดนหยอดโดนแซวเหมือนทุกๆ ครั้งจนนึกเอือมระอา

“กอดแน่นๆ นะครับคุณแฟนในอนาคต” กฤษณ์บอกตอนที่ส่งหมวกกันน็อกมาให้

“ไร้สาระ” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่สุดท้ายก็จำยอมต้องกอดเอวอีกฝ่ายไปจนถึงมหาวิทยาลัยอยู่ดี ขืนไม่กอดก็แย่สิ! พี่ชายข้างบ้านคนนี้ พอเป็นรถมอเตอร์ไซค์แล้วขับซิ่งน่าดูเชียว เมื่อคืนเขาเจอมาเองกับตัว




เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องเรียน ปุ่นผลักประตูเข้าไปก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่เห็นอาจารย์ประจำวิชาอยู่ที่โต๊ะหรือหน้าชั้นเรียนเหมือนทุกครั้งที่เคยมาสาย

หรือว่ายังไม่สาย…

ปุ่นระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทั้งๆ ที่คิดว่าวันนี้คงจะสายอีกแล้วแน่ๆ แต่ก็ยังมาทัน

เอเชียนั่งไหนนะ เขามองหาเพื่อน เห็นเอเชียโบกมือหย็อยๆ อยู่ตรงที่นั่งชั้น 4 จึงเดินขึ้นไปหา

“นึกว่าจะสายซะแล้ว” ปุ่นพูดพลางทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่เพื่อนจองไว้ให้

“ทำไม ตื่นสายอีกแล้วเหรอ” เอเชียถาม

“ใช่ โชคดีที่พี่กฤษณ์บิดมอเตอร์ไซค์มาส่ง ไม่งั้นสายอีกแน่ๆ”

“เหมือนสารถีส่วนตัวเลยเนอะ” เอเชียหัวเราะ

จะว่าไปแล้วก็ควรยกความดีความชอบให้กับกฤษณ์ที่บิดหน้าตั้งมาส่งถึงตึกเรียน แต่ถึงอย่างนั้นตอนที่ลงจากรถมา ปุ่นก็ไม่ได้เอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายสักคำ

รู้สึกผิดนิดๆ แฮะ

“เออนี่ พี่จีนกลับมาแล้วนะ เมื่อวานนี้เอง ตัวเกรียมแดดมาเลย”

“ก็ดีสิ ทีนี้แกก็จะได้กินข้าวครบสามมื้อสักที” เอเชียตอบรับ ไม่สนใจการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแบบกะทันหันของเพื่อนเพราะชินเสียแล้ว

“เนอะ… นี่ฉันก็คิดถึงกับข้าวฝีมือพี่จีนจะแย่แล้ว” ปุ่นยิ้ม ในหัวจินตนาการถึงอาหารฝีมือพี่ชายจนน้ำลายแทบสอ คนที่ทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกหล้ารองจากแม่แล้วก็คือพี่ชายของเขานี่แหละ



ตอนพักเที่ยงที่โรงอาหารแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัย

เซียเดินเข้ามาหาด้วยท่าเดินที่ดูทะแม่งๆ รอยยิ้มหวานๆ บนดวงหน้านั้นก็ดูจะแหยกว่าครั้งไหนๆ ที่ปุ่นเคยเห็นมา

“ทำไมเดินเหมือนเป็ดแบบนั้นล่ะพี่?” เอเชียเอ่ยทักทันทีที่เห็นเซียเดินกระย่องกระแย่งเข้ามา รอยยิ้มของคนถูกถามค้างไปด้วยไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี

ปุ่นหน้าร้อนวูบเมื่อคิดไปว่าเป็นพี่ชายตัวเองที่ ‘จัดหนัก’ เสียจนเซียเดินแทบไม่เป็นแบบนี้ จึงก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวพลางนึกภาพที่ติดตาเมื่อวานไปเงียบๆ

“ปุ่น วันนี้เลิกเรียนกี่โมง”

“หะ? แค่กๆ” ปุ่นสำลัก เพราะไม่รู้ตัวเลยว่าเซียมานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาจิบน้ำแล้วถามอีกครั้ง “พี่เซียว่าอะไรนะ”

“พี่ถามว่าเลิกเรียนกี่โมง”

“วันนี้เลิกห้าโมงเย็น ทำไมเหรอ”

“วันนี้จีนบอกจะมารับ พี่เลิกสี่โมง ว่าจะนัดกินเลี้ยงต้อนรับพี่ชายเรากันน่ะ” เซียบอกก่อนหันไปถามเอเชีย “เอเชียไปไหม”

“ติดงานพิเศษอะพี่ ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน” เอเชียตอบ ทำปากยื่นอย่างนึกเสียดาย

“ขยันจริงๆ” เซียยื่นมือไปขยี้ผมเอเชียที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเอ็นดูในความขยันขันแข็ง



หลังเลิกเรียน ปุ่นกลับบ้านพร้อมกับเซียโดยมีจีนเป็นคนมารับ ระหว่างทางเขาเหลือบมองเซียที่นั่งข้างคนขับเป็นระยะๆ บทสนทนาชวนคิดลึกของทั้งสองคนทำเอาเขาอึดอัดระคนอายแทนอยู่ตลอดทาง

“ก็เล่นเสียบคาไว้อย่างนั้นมันจะเอาตรงไหนไปฟิตให้วะ!” เสียงโวยวายดังพร้อมๆ กับเสียงประตูรถที่ถูกปิดกระแทกดัง ‘ปัง!’ แค่จีนบอกว่า ‘หลวม’ เพียงคำเดียว เซียก็ฟิวส์ขาดอย่างที่เห็น

“ถ้าไม่ชอบก็ขยับเอวออกไปสิ” จีนเดินตามไปติดๆ แม้ปากคออาจจะดูเลาะร้ายไปบ้าง แต่การเดินตามพลางพยายามหาเรื่องคุยด้วยไม่หยุดปากนั้นคือการง้อของพี่ชายเขาละ

ปุ่นนั่งมองคนสองคนที่เดินทะเลาะกันเข้าบ้านไปด้วยความขบขัน ก่อนจะลงจากรถตามไป

หลวมอะไร… เมื่อวานตัวเองก็บอกว่ายังแน่นอยู่แท้ๆ

“พี่จีน ผมไปอาบน้ำก่อนนะพี่!” ปุ่นตะโกนบอกพี่ชายแท้ๆ ที่คาดว่าจะอยู่ในครัว เนื่องด้วยได้ยินเสียงคล้ายข้าวของกระทบกันดังมาจากในนั้น

“ให้พี่ถูหลังให้ไหมครับ” แต่กลับได้ยินเสียงตอบรับจากพี่ชายข้างบ้านที่ดังมาจากในครัวแทน

“เกรงใจ!” ปุ่นแลบลิ้นให้กับอากาศด้วยความเคยชิน แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็นก็ตาม

เมื่อมาลองย้อนคิดๆ ดูแล้ว ก่อนหน้าที่เขาจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ทั้งจีน เซีย และกฤษณ์ก็น่าจะสนิทสนมกันดีอยู่แล้ว จีนที่อายุสามสิบกว่าปีนั้นกลับไม่เคยถูกเซียเรียกว่าพี่เลยสักคำ แสดงให้เห็นถึงความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีระหว่างสองคนนั้น แถมยัง… มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแบบนั้นอีก…

กับกฤษณ์ ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นก็ได้ยินว่าเกือบเป็น ‘ผัว’ เซียด้วยนี่นา? ที่สำคัญคือทั้งเซียและกฤษณ์ต่างก็ตามจีบปุ่นอยู่ แถมจีนเองก็รู้ และ…

ปุ่นเองก็ตกหลุมรักเซียเข้าให้แล้ว… มั้งนะ

“เฮ้อ…” ปุ่นถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่มันยุ่งยากจังเลยน้า… เขาเองก็อยากเป็น ‘ผัว’ บ้างเหมือนกัน ในเมื่อจีนกับกฤษณ์เป็นได้ เขาเองก็ควรได้สิทธิ์นั้นด้วยเช่นกัน



“ปุ่น…ปุ่น…” เจ้าของชื่อปรือตาขึ้นมาช้าๆ สัมผัสบางเบาที่ข้างแก้มทำให้เขาตื่น

พี่จีน… ทำไมหน้าถึงได้เข้มขนาดนี้นะ น่าอิจฉาจัง…

ง่วงจัง…

ปุ่นที่อาบน้ำเสร็จแล้วเผลอหลับไปปรือตาขึ้นมามองหน้าพี่ชาย

“ถ้าไม่ตื่นจะตบแล้วนะ” คนเป็นพี่บอกพร้อมกับเพิ่มน้ำหนักมือลงไปที่แก้มนิ่ม เมื่อเห็นน้องชายจอมขี้เซาหลับตาลงอีกครั้ง

“พี่จีน….”

“ตื่นเร็ว ไปกินหมูกระทะกัน”

หมูกระทะ…

ปุ่นขยี้ตา งัวเงียลุกขึ้นเดินตามพี่ชายไปที่หน้าบ้าน พลันเมื่อเห็นเซียกับกฤษณ์กำลังนั่งย่างหมูกระทะกันอยู่ที่โต๊ะหิน ท้องก็ครวญครางบิดเกลียวจนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

“หมูกระทะ!” ปุ่นแทบจะโผบินเข้าไปที่หน้าเตาราวกับเด็กตะกละ “สุกรึยัง กินได้รึยัง” เขาถามพลางชะเง้อคอมองหมูบนเตา กฤษณ์เจือยิ้มบาง ยื่นจานกับตะเกียบให้กับปุ่นที่นั่งโคลงตัวไปมาอยู่ข้างๆ ท่าทางเหมือนจะอยากกินเต็มที่แล้ว

ทันทีที่ได้ตะเกียบกับจานมา ปุ่นก็ลงมือคีบเนื้ออย่างชำนาญ มือที่ถือตะเกียบอยู่นั้นช่างพลิ้วไหว เนื้อชิ้นแล้วชิ้นเล่าย่างแล้วคีบเข้าปาก เคี้ยวหงับๆ อย่างเอร็ดอร่อย ระหว่างที่จีน เซีย และกฤษณ์เน้นดื่มเบียร์กันมากกว่า นานๆ ทีถึงจะคีบเนื้อคีบผักไปกินแกล้มบ้าง

“อะ น้องปุ่น สักแก้ว” เซียที่แก้มแดงเป็นลูกตำลึงสุกยื่นแก้วที่รินเบียร์จนปริ่มมาให้ ปุ่นหัวเราะแหะๆ ขณะเดียวกันก็ชำเลืองมองพี่ชายว่าจะไฟเขียวไหม

เมื่อจีนพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตแล้วจึงรับแก้วมา ค่อยๆ จิบไปทีละนิดๆ อย่างไม่รีบร้อน ซึ่งกว่าที่เบียร์ในแก้วของเขาจะหมด คนที่ยื่นแก้วมาให้ก็ฟุบคาอกพี่ชายของเขาไปแล้ว

“เดี๋ยวเอาศพไปเก็บก่อนนะ” จีนบอกก่อนลุกขึ้น แบกเซียที่ตัวอ่อนปวกเปียกขึ้นบ่าเข้าบ้านไป คนแบกเองก็เดินเซ บ่งบอกว่าเมาแล้วเช่นกัน

ตอนนี้ข้างนอกจึงเหลือแค่ปุ่นกับกฤษณ์เพียงสองคน บรรยากาศดูอึดอัดขึ้นมาทันตาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“พี่กฤษณ์” ปุ่นเรียกคนที่นั่งข้างๆ

“หือ?” กฤษณ์ก้มมองคนตัวเล็กที่เหมือนมีเรื่องจะพูดด้วย แต่จู่ๆ ก็เงียบไป “มีอะไรครับ”

“เอ่อ… พี่จีนกับพี่เซียนี่ เป็นแฟนกันเหรอฮะ”

“เปล่านี่ อย่าถือสาไอ้เซียมันเลยนะ มันก็แบบนี้แหละ” กฤษณ์ว่าพลางโบกไม้โบกมือไปมาจนเบียร์ในแก้วแทบกระฉอก นี่ก็คงจะเมาแล้วเหมือนกัน

“ไอ้เซียมันทำไมวะไอ้กฤษณ์” จีนถาม เขาเดินกลับมานั่งที่เดิมด้วยท่าทางที่ไม่มั่นคงนัก ปุ่นชักเป็นห่วงแล้วว่าคนที่ถูกแบกเข้าบ้านไปก่อนหน้านั้นได้ถูกเอาไปทุ่มทิ้งไว้ตรงส่วนไหนของบ้านหรือเปล่า จึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อไปดูให้แน่ใจ ปล่อยให้พี่ๆ อีกสองคนนั่งก๊งกันต่อไป

ตอนแรกคิดว่าน่าจะนอนอยู่ที่โซฟา แต่พอเข้ามาแล้วไม่เห็นจึงตัดสินใจเดินไปที่ห้องของพี่ชาย และเมื่อผลักประตูที่เปิดแง้มไว้ ก็เห็นเซียนอนอยู่ข้างในนั้นจริงๆ ปุ่นก้าวเข้าไปหาร่างที่นอนนิ่งนั้นเหมือนโดนมนตร์สะกด

ดวงหน้าขาวได้รูปงดงาม แต่ทว่าก็ให้กลิ่นอายความหล่อเหลาแบบผู้ชายปนอยู่ด้วย ปุ่นนั่งลงที่ข้างเตียง ใช้ปลายนิ้วค่อยๆ ลูบไล้ดวงหน้านั้นช้าๆ อย่างหลงใหล

เซียเป็นคนที่มีเสน่ห์มากจริงๆ

“อืม…” เซียครางออกมา หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันก่อนจะปรือตาหวานเชื่อมขึ้นมา รู้ตัวอีกที ปุ่นก็ถูกอีกฝ่ายกระชากลงมานอนหงายอยู่บนเตียงอย่างงงๆ เสียแล้ว

“ปุ่น… นี่มาให้พี่กินถึงที่เลยเหรอ แบบนี้จีนคงจะโกรธมากแน่ๆ” เซียที่ขึ้นคร่อมร่างของปุ่นไว้พูดก่อนจะก้มลงจูบเขาเสียดูดดื่ม ปลายลิ้นขมปร่าวาดลีลาไปทั่วโพรงปาก ปุ่นพยายามใช้ลิ้นตอบสนอง แต่ก็ดูเหมือนจะไปกันไม่ค่อยได้ น้ำลายจึงไหลเปรอะเปื้อนมากกว่าที่ควรจะเป็น

“จูบห่วยจังเลยนะ คิก” เซียพูดพลางหัวเราะคิกคัก นิ้วเรียวยาวลูบไล้จากคอของปุ่นไปถึงแผงอก ปลายนิ้วขยี้วนอยู่ตรงกลางอกอย่างกับบอกให้รีบรุกเร้า ปุ่นจึงโน้มคออีกฝ่ายลงมาประกบบดจูบอย่างไม่ประสีประสาจนต่างฝ่ายต่างพากันสำลักน้ำลาย กลายเป็นภาพที่ดูขบขันไป

“ผมชอบพี่เซีย!” ปุ่นจ้องเข้าไปในตาของอีกฝ่ายอย่างมุ่งมั่นแล้วสารภาพความในใจออกไป แต่ตัวเองก็ไม่มั่นใจนักหรอกว่า คำว่าชอบที่เอ่ยไปนั้นมันชอบมากมายขนาดไหนและชอบแบบใด เขารู้เพียงแต่ว่าตอนนี้อยากมีอะไรกับคนคนนี้เหลือเกิน จึงได้พูดออกไปแบบนั้น

เซียทำหน้าตะลึงงันไปชั่วขณะ ก่อนยิ้มขื่นและพูดออกมาว่า

“ดี…ดี… ฮึ ถึงพี่มันจะไม่รัก…” แต่พูดเพียงเท่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:00:30 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #6 เมื่อ26-07-2018 13:24:02 »

“พี่เซีย! … อื้ม!” ปุ่นถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อมือของเซียตะปบเข้ามาที่เป้ากางเกงอย่างจัง คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวสะดุ้งโหยงก่อนจะครางเสียงเบา แก่นกายของเขาที่ถูกควักออกมากำลังถูกนวดเฟ้นอย่างหนักมือ

“อื้อ… เบา…เบานิดนึงนะ… พี่เซีย” ปุ่นบอก เป็นประโยคที่แสดงว่าไม่คิดขัดขืน เซียใช้แขนอีกข้างยันตัวขึ้นมายิ้มให้ นัยน์ตาทอประกายวาววับ ทำเอาคนข้างใต้เคลิ้มแล้วเคลิ้มอีกกับรอยยิ้มที่ยากจะบอกความรู้สึกนั้น

ปลายนิ้วเย็นเฉียบลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกไร้ไขมัน ตุ่มไตเล็กๆ ถูกบิดคลึงอย่างหยาบโลน

“อ๊ะ…เจ็บ” ปุ่นร้องออกมาเมื่อเจ้าตุ่มประดับแผ่นอกที่ไม่คิดเคยใส่ใจถูกหยิกพร้อมๆ กันทั้งสองข้าง เขาพยายามผงกหัวขึ้นมามองหัวนมที่น่าสงสารของตนเองที่ถูกแกล้งจนแดงก่ำ แต่ถึงอย่างนั้นกลับแข็งสู้มือทั้งที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยนอกจากความเจ็บ

เซียลากนิ้วจากแผ่นอกไปยังร่องอก ผ่านสะดือ และค่อยๆ เลื่อนต่ำลงไปอีก นิ้วทั้งห้าลูบไล้ส่วนสำคัญที่แข็งตัวไปแล้วกึ่งหนึ่งอีกครั้ง ปุ่นร้องครางเมื่อส่วนปลายถูกเสียดสีอย่างหนักมือ

ผ่านไปสักพักร่างกายของปุ่นก็กระตุกเกร็ง

“อ๊ะ อา… อา…” ปุ่นงอตัว ความเสียวซ่านสีขาวขุ่นออกใสถูกปลดปล่อยจนเปรอะเปื้อนเสื้อของคนเหนือร่างและตัวเขาเอง

ปุ่นยิ้ม ยิ้มดีใจเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ได้ของเล่นถูกใจ มือทั้งสองข้างวางบนท้ายทอยเรียวขาวแล้วออกแรงโน้มลงมาจูบที่ปากและทั่วใบหน้าอย่างรักใคร่ เซียตัวสั่นระริก ดวงหน้าสวยบิดเบี้ยวจนน่าตกใจ

“พี่เซีย… ผมจูบห่วยแตกขนาดนั้นเลยเหรอ” ปุ่นถาม

คล้ายเพิ่งรู้สึกตัว เซียรีบปรับสีหน้ามาเป็นยิ้มระรื่น

“จูบน่ะ เดี๋ยวพี่สอนให้เอง” เซียบอก ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะบนกลีบปากนุ่มนิ่มและแดงก่ำของคนที่นอนอยู่เบื้องล่าง

ระหว่างที่คิดจะโน้มคอเซียลงมาจูบอีกครั้ง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง จีนเดินเข้ามาในห้องท่ามกลางความตกใจของทั้งสองคนที่กำลังพรอดบรรเลงเพลงรักกันอยู่

“ปุ่น กลับห้องไป” จีนสั่งเสียงแข็งแต่ไม่ได้ตวาด ตาสีดำสนิทราวผืนฟ้ายามราตรีคู่นั้นจับจ้องมองไปที่เซียเขม็ง ชวนให้บรรยากาศกดดันจนเสียวสันหลังวาบ

ปุ่นพยักหน้า เก็บส่วนลับ รีบบึ่งออกจากห้องไป เขาไม่ลืมที่จะปิดประตูลงกลอนให้ เพราะคิดเผื่อไปว่าทั้งสองคนในห้องนั้นอยากจะทำกิจกรรมลับตาคนอันดุเดือดกันต่อจากนี้

ตอนเดินออกมาได้ยินเสียงก๋องแก๋งดังมาจากในครัว กฤษณ์คงกำลังล้างจานอยู่ ปุ่นเดินเข้าไปหาอย่างนึกสนุกและอยากหาที่ปลอบใจ เมื่อเห็นสะบักบนแผ่นหลังกว้างกำลังขยับไปมาตรงหน้าซิงก์ล้างจานก็โผเข้าไปตีที่ไหล่ทั้งสองนั้นแล้วร้อง ‘แฮร่!’ ออกมา

“ฮะๆ ๆ” แทนที่จะตกใจ กฤษณ์กลับหัวเราะร่า หมุนตัวมากอดคนแกล้งไว้หลวมๆ

“คนบ้านนี้ใจร้ายกันจังครับ ทิ้งให้แขกล้างจานอยู่คนเดียว”

กลิ่นแอลกอฮอล์โชยเข้าจมูก ปุ่นแหงนคอมองหน้ากฤษณ์ที่ตาหวานเชื่อม สองแก้มแดงระเรื่อเพราะดื่มหนัก

“คิดว่าจะไม่มาหาพี่ซะแล้ว” กฤษณ์พูด

“พี่กฤษณ์เมาแล้ว” ปุ่นดันตัวออกจากอ้อมกอดอุ่นๆ แต่เพียงครู่เดียวไม่รู้อารมณ์ไหน ก็เอียงเข้าไปอิงซบที่อกกว้างอีกครั้ง “อุ่นจัง เหมือนพี่จีนเลย” เขาพึมพำ

สัมผัสเบาๆ เกิดขึ้นบนศีรษะ กฤษณ์กำลังลูบผมของเขา คนตัวเล็กหลับตา ซุกหน้าเข้าหาอกอุ่น ใช่แล้ว… เขาอยากอ้อน อยากหาที่ปลอบใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้

เมื่อครู่... ปุ่นถูกไล่… พี่ชายไล่เขาออกมาจากห้อง ถึงจีนจะเป็นคนหน้าโหด ดูใจร้าย แถมชอบดุในบางครั้ง แต่จีนก็ไม่เคยให้บรรยากาศชวนกดดันจนน่ากลัวขนาดนั้นมาก่อนเลย

เหมือนจะถูกโกรธเข้าให้แล้ว…

พี่ไม่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อนเลย…

ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแล่นริ้วเข้ามาในอกจนเต็มตื้อ แทบจะล้นออกมาทางดวงตาทั้งสองข้าง ปุ่นก็แค่อยากเป็นผัวของเซียบ้าง ทำไมจีนที่เป็นถึงพี่ชายต้องห่วงก้างขนาดนั้นก็ไม่รู้

“เด็กติดพี่” กฤษณ์พึมพำ มือใหญ่ขยี้ผมคนตัวเล็กเสียยุ่ง ปุ่นเงยหน้าขึ้น ทำปากยื่นมองไปอย่างเคืองๆ แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรนอกจากก้มลงซุกที่แผงอกกว้างต่อ และไม่นานก็ถามออกมาว่า

“พรุ่งนี้พี่กฤษณ์มีเรียนไหม”

“พรุ่งนี้วันอาทิตย์ พี่ว่างครับ” กฤษณ์ตอบ

“อื้อ…”

“โถ่… พี่ก็นึกว่าจะชวนเที่ยว”

“เดี๋ยวดูก่อน เผื่อขี้เกียจ”

“เอาแต่ใจจังครับ”

“ฮึ!”

“เอาเลยครับ พอใจเมื่อไหร่ก็มาได้เลยครับ องค์หญิง”

กฤษณ์หัวเราะอ่อนใจให้กับความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย แต่พรุ่งนี้ไม่มีธุระอะไรเป็นพิเศษจึงตกปากยอมรับไป คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาตะโกนเรียกตั้งแต่ไก่โห่อย่างนี้

“พี่กฤษณ์! พี่กฤษณ์! พี่ชายข้างบ้านสุดหล่อออ!!!”

“อะไรกันเนี่ย” เจ้าของบ้านเดินออกมาเปิดประตูรั้วต้อนรับแขกที่ตะโกนเจื้อยแจ้วอยู่หน้าบ้าน คงเพราะเพิ่งถูกรบกวนจากการนอนโทนเสียงจึงต่ำกว่าปกติ “ทำไมมาเช้าขนาดนี้ล่ะครับน้องปุ่น” เขาถาม

“ผมนอนไม่หลับทั้งคืนเลย” ปุ่นตอบเสียงอ่อย

“งั้นเข้าบ้านก่อน” กฤษณ์บอกพลางหาวหวอดใหญ่ เมื่อพาปุ่นเข้ามาในบ้านแล้วจึงเอนตัวลงนอนบนโซฟาหนังสีเข้มตัวยาว นิ้วโป้งกับนิ้วชี้กดคลึงตรงหว่างคิ้วที่ขมวดมุ่นเพื่อคลายปวด

“คือพี่กฤษณ์ ผมมีเรื่องสงสัยเต็มไปหมดเลยอะ คิดไปคิดมาทั้งคืน คิดแล้วก็นอนไม่หลับ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ผมคงต้องอดนอนไปตลอดชีวิตแน่ๆ” ปุ่นนั่งยองๆ ลงกับพื้นข้างโซฟาที่กฤษณ์นอนอยู่ ปากก็พร่ำบ่นอย่างโอเวอร์แอ็กติ้งจนกฤษณ์แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นปุ่นมีกิริยาแบบนี้มาก่อน

“คิดอะไรเหรอครับ” กฤษณ์ถาม

“ตอนแรกก็คิดว่า ทำยังไงถึงจะได้พี่เซียมาเป็นเมียได้สักทีนะ แล้วก็คิดว่าทำไมพี่จีนต้องมาขัดคอตลอดด้วยตอนที่ผมกับพี่เซียกำลังจู๋จี๋กัน แล้วที่สำคัญเลย ทำไมพี่สองคนถึงต้องมาแกล้งจีบผมด้วย”

กฤษณ์หัวเราะให้กับคำถามที่รัวใส่

“ทำไมน้องปุ่นถึงอยากกดเซียนักล่ะครับ กดพี่ดีกว่านะ พี่ยอม”

ปุ่นกลอกลูกตา พ่นลมออกปากดัง ‘ฟู่’ อย่างเบื่อหน่าย เขาเบ้ปากพลางพูดต่อ

“ใครจะไปอยากกดพี่ คือผมดูคลิปที่พวกพี่ xxx กันมาจากเอเชีย มันเลยทำให้ผมรู้ตัวว่าผมชอบพี่เซียน่ะ”

ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มเล็กน้อย แต่หากดวงตาสีอ่อนจางนั้นไม่ได้ยิ้มตาม

“ไปดูของแบบนั้นได้ยังไงกัน หะ? เด็กลามก” กฤษณ์ว่าพลางยื่นมือไปดึงจมูกของปุ่นที่นั่งยองอยู่ตรงพื้น แต่พอโดนข่วนแขนไปหลายทีเข้าก็ยอมคลายมือ

“ใครกันแน่ที่ลามก คนถ่ายคลิปพวกนั้นมากกว่ามั้งที่ลามกน่ะ” ปุ่นว่าพลางแยกเขี้ยวใส่

“ไม่ได้ลามกสักหน่อยครับ เพื่อนทางเน็ตขอให้ช่วยทั้งที พี่ก็ต้องทำสิครับ”

“เหรอ ช่างเหอะไม่อยากรู้ ว่าแต่พี่กฤษณ์มีไหม คลิปนั่นน่ะ ผมอยากดูจนจบ” ปุ่นกะพริบตากลมโตปริบๆ อย่างจงใจจะอ้อน เมื่อตอนนั้นเอเชียบอกจะก๊อบปี้ให้ก็ดันไม่ได้ใส่ใจอยากได้ แต่คิดว่ากฤษณ์เองก็น่าจะมีเก็บไว้เหมือนกัน

“พี่ทิ้งไปตั้งนานแล้ว อย่าลืมบอกให้เพื่อนเอาไปเผาด้วยล่ะ เดี๋ยวพี่ชายเรารู้ขึ้นมาจะเหวี่ยงเอา”

“ไหนพี่กฤษณ์บอกว่าพี่จีนกับพี่เซียไม่ได้เป็นอะไรกันไง แล้วทำไมพี่จีนต้องหึงด้วย”

“นั่นสิเนอะ”

“พี่จีนหวงก้าง! ผมน่ะอยากเป็นแฟนพี่เซียใจจะขาด ผมจะดูแลทะนุถนอมไม่ทำรุนแรงแบบพี่จีนแน่ คิดว่างั้นนะ” เจ้าตัวเล็กนั่งแหมะลงกับพื้นแล้วบ่นกระปอดกระแปด ทำหน้าง้ำหน้างอ แต่เผลอแป๊บเดียวก็เปลี่ยนสีหน้าเสียแล้ว “ว่าแต่พี่กฤษณ์ พี่บอกทีสิว่าทำไมพวกพี่ถึงมาจีบผม พนันอะไรกันไว้รึเปล่า”

ปุ่นถาม

“ถ้าพี่บอกต้องให้พี่จูบนะ” กฤษณ์ต่อรอง สองแก้มและใบหูดูเหมือนจะอมชมพูขึ้นมาหน่อยๆ

“ไม่!” ปุ่นปฏิเสธ

“งั้นไม่บอก”

“พี่กฤษณ์ใจร้าย”

“ใครกันแน่ที่ใจร้ายครับ”

“ก็ได้ แต่… แค่นิดเดียวนะ”

กฤษณ์ยิ้มบางพลางพยักหน้า หลับตาแล้วถึงเล่าความหลังอย่างรวบรัด

“วันนั้นพี่จีนเมามาก พี่เลยแกล้งถามไปว่า น้องชายน่ารักจังขอจีบได้ไหม พี่แกก็บอกว่า ได้สิ ถ้าจีบติดจะยอมให้จับแกกดเลย แบบขำๆ น่ะ เท่านั้นเอง เซียก็ทำท่าเหมือนไม่พอใจขึ้นมา บอกว่าจะเอาด้วยเหมือนกัน หลังจากนั้นเรื่องมันก็เป็นแบบที่เห็นนี่แหละครับ”

“หา? ที่ตามจีบผมกันนี่คืออยากกดพี่จีนกันเหรอ” ปุ่นถามอย่างเสียสูญ “ไม่นะ ห้ามกดพี่ของผมนะ!” เจ้าตัวขยี้ผม ตะโกนออกมาอย่างรับไม่ได้

จะมากดพี่จีนเหรอ ไม่ยอมหรอก! ข้ามศพไอ้ปุ่นคนนี้ไปก่อนเถอะ!

“ใจเย็นนะ พี่ไม่ได้อยากกดพี่จีนสักหน่อย”

“จริงนะ”

“จริงแท้แน่นอน เอาเป็นว่าพี่เล่าจบแล้ว มาให้พี่จูบซะดีๆ”

“อะไรกัน สั้นแค่เนี้ยนะ”

“ก็เรื่องมันมีแค่นี้นี่ครับ”

“ฮึ!” ปุ่นเค้นเสียงขึ้นจมูก ก่อนลุกขึ้นยืนกอดอกแล้วสั่งอย่างเจ้ายศเจ้าอย่าง “จะจูบก็ลุกสิ”

กฤษณ์ดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที ปุ่นเลยกระแทกตัวนั่งลงข้างๆ อย่างไม่พอใจ รู้สึกขาดทุนอย่างไรก็ไม่รู้

“ขอโทษนะครับ” กฤษณ์บอก หลังมือไล้ที่ข้างแก้มนวลช้าๆ ก่อนเชยจะคางให้หันมาหาบรรจงทาบทับริมฝีปากจนแนบสนิท

“อือ…” ปุ่นครางในลำคอ รู้สึกถึงสัมผัสระคายเคืองนิดๆ จากหนวดเคราของอีกฝ่ายที่ทิ่มผิว เขาหลับตาปี๋ ปล่อยให้ปลายลิ้นของอีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาในโพรงปากอย่างนุ่มนวลและยาวนาน จนแทบจะขาดออกซิเจนถึงได้ครางอึกอักออกมาอย่างแผ่วเบา สองมือเริ่มขัดขืนดันอกกว้างให้ออกห่าง แต่กฤษณ์กระชับอ้อมกอดแน่นและบดจูบกลับมาแนบแน่นกว่าเก่า ในที่สุดอาการต่อต้านของปุ่นก็เริ่มอ่อนลง เขารู้จักปรับลมหายใจและจูบตอบตามความต้องการของอีกฝ่าย

ร่างบอบบางถูกกดให้นอนบนโซฟาอย่างโอนอ่อนผ่อนตาม กฤษณ์ผละริมฝีปากออก เป็นร่างเล็กเองที่พยายามกดคอหนาให้โน้มลงมาเพื่อประทับจูบกันอีกครั้งอย่างโหยหา ลิ้นของกฤษณ์รุกล้ำเข้ามาอีกครั้งและลึกขึ้น ปุ่นอ้าปากรับเอาไว้ มือที่กระด้างเล็กน้อยนั้นลูบไล้ดวงหน้าและเส้นผมของปุ่นไม่หยุดมือ เป็นการสัมผัสอ่อนโยนจนรู้สึกราวกับเป็นที่รัก

ริมฝีปากผละออกอีกครั้ง คราวนี้ยกมือขึ้นปิดปากปรามคนตัวเล็กที่ดูเหมือนสติหลุดลอย ทำท่าจะงับจูบอีกเอาไว้

“อี้อิด…” พี่กฤษณ์… ปุ่นเรียกทั้งที่ถูกปิดปาก ปลายลิ้นเล็กแลบแตะฝ่ามือที่พันธนาการไว้อย่างแผ่วเบา ยั่วยุอารมณ์จนกฤษณ์ครางเสียงต่ำในลำคออย่างอดกลั้น

“พอแล้วครับ ไหนบอกแค่นิดเดียวไง หือ?” กฤษณ์เตือนสติ คนที่เหมือนล่องลอยวูบไหวอยู่ระหว่างความจริงกับความฝันจึงได้สติขึ้นมา กะพริบตากลมโตปริบๆ ด้วยความตกใจ

“เอ่อ... ผม…” สองแก้มร้อนผ่าวและแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย “ผมลืมตัว ก็พี่กฤษณ์จูบเก่งอะ” ปุ่นหาข้อแก้ตัว

“พี่ก็ลืมตัวเหมือนกัน” กฤษณ์พูด รอยยิ้มอ่อนโยนรับกับดวงหน้าหล่อเหลาสีแดงก่ำพาให้ใจสั่นไหว ปุ่นมองอย่างเคลิบเคลิ้ม ตาโตเป็นประกายวาววับ

โอ้บักสีดา! … ความจริงแล้วพ่อหนุ่มตัวยักษ์ที่อยู่ข้างบ้านเขาหล่อถึงขนาดนี้เชียวหรือ ทำไมที่ผ่านมาเขาถึงไม่สังเกตให้ดีนะ

“แย่แล้ว” กฤษณ์ส่ายหน้าพลางลุกขึ้นนั่ง สายตาทอดมองไปอย่างไร้จุดหมายเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ปุ่นลุกขึ้นมองตามเสี้ยวหน้านั้นอย่างสนอกสนใจ ครั้นอยากจะลองจิ้มไปที่เคราสากๆ นั่นดูสักที กฤษณ์ก็พึมพำขึ้นมา

“น้องปุ่นชอบไอ้เซีย…”

อ๊ะ!

ปุ่นรีบเก็บมือ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงตกใจเช่นนั้น

“พี่กฤษณ์….”

“ทำไมถึงได้ยั่วเก่งอย่างนี้นะเจ้าตัวเล็กนี่” กฤษณ์หันมาขย้ำแก้มนิ่มทั้งสองข้างของปุ่นอย่างสนุกมือ ทั้งยืดทั้งบีบจนปุ่นเจ็บขึ้นมาจริงๆ

“งื้อ... เอ็บอ๊ะ” เจ็บนะ

กฤษณ์จ้องมองปุ่นที่โดนยืดแก้มแล้วก็หลุดหัวเราะพรืดออกมา พอโดนหัวเราะมากๆ เข้า ปุ่นก็ชักรู้สึกไม่สนุกขึ้นมาเหมือนกัน ฝ่ามือที่สากนิดๆ นั่นลูบแก้มให้ทีสองทีคล้ายให้คลายเจ็บก่อนผละออกไป

ปุ่นจ้องกฤษณ์ตาแป๋ว รู้สึกชอบแววตาอบอุ่นของอีกฝ่ายที่มีตัวเองสะท้อนอยู่ข้างในเหลือเกิน แต่พอโดนหันหลบตาอีกครั้งก็รู้สึกเหงาๆ ขึ้นมาพิกล

“ถ้ามีเซียอยู่ด้วยคงจะดีกว่าสินะ” กฤษณ์พูดพลางขยี้ผมของปุ่นก่อนจะลุกขึ้น เดินหนีขึ้นบันไดไป

ปุ่นไม่เข้าใจว่าทำไมกฤษณ์ถึงถามแบบนั้น ต้องการประชดประชันที่เขาชอบเซียอย่างนั้นเหรอ ทำไมใครๆ ถึงได้เอาแต่หวงเซียกันนะ

“เหอะ!”

คอยดูเถอะ ไอ้ปุ่นคนนี้จะต้องเป็นผัวพี่เซียให้ได้เลยคอยดู ไม่ยอมให้ใครมาขวางหรอก!



“น้องปุ่น… ตื่นได้แล้วครับ…” เจ้าของชื่อปรือตาขึ้นมาช้าๆ เพราะสัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้ม

พี่จีน? …

“ตื่นครับตื่น” คนปลุกเพิ่มน้ำหนักมือลงไปที่แก้มนิ่มจนคนหลับอยู่จำต้องลืมตาขึ้นมาเพราะความเจ็บเล็กๆ

“พี่… พี่กฤษณ์เหรอ”

“นี่บ้านพี่แล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะครับ” กฤษณ์ตอบ

“ง่วงจัง… เมื่อคืนได้นอนไปนิดเดียวเอง” คนตัวเล็กลุกขึ้นมาขยี้ตาพลางบอกเสียงอ่อยอย่างน่าสงสาร

“กินข้าวก่อนครับ เดี๋ยวค่อยนอนต่อ” กฤษณ์บอกพลางหยิบจานข้าวไข่ดาวที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างโซฟามาให้

“แม็กกี้” ปุ่นเรียกร้องหาซอสถั่วเหลืองคู่บุญของเจ้าไข่ดาว

“เดี๋ยวเอามาให้ครับ องค์หญิง”






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:01:26 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #7 เมื่อ26-07-2018 13:26:11 »

3


“สรุปว่าองค์หญิงปุ่นก็หลับไป แล้วตื่นมากินข้าวเช้า จากนั้นก็หลับไปอีก แล้วก็ตื่นมากินข้าวกลางวัน แล้วก็หลับต่ออีกรอบก่อนจะกลับบ้านตัวเอง” เอเชียสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เพื่อนเล่าให้ฟังพลางส่ายหน้าช้าๆ ปุ่นรู้สึกราวกับถูกท่าทางนั่นตำหนิว่าไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย

“ก็คนมันง่วงนี่นา”

“แล้วเมื่อเช้าก็ยังให้พี่เขามาส่งอีก ทั้งๆ ที่คณะบัญชีปี 3 ไม่มีเรียนวันจันทร์แท้ๆ”

“พี่กฤษณ์อยู่คณะบัญชีเหรอ”

“อะไร นี่แกไม่รู้เหรอ นั่น ‘เเกริค เกรย์’ หนึ่งใน ‘สามหนุ่มฮอต’ ของคณะบัญชีเชียวนะเว้ย” เอเชียพูด พอจ้องไปที่ตาใสแจ๋วของเพื่อนแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ “เอาเถอะ แล้วนี่จะเอายังไงต่อ” เขาถาม

ใครกัน… สามหนุ่มฮอต พี่กฤษณ์เนี่ยนะ ปุ่นทำหน้าไม่เชื่อ

“ก็ไม่เอายังไงหรอก ทำไมเหรอ”

เอเชียส่ายหน้าอีกครั้งแล้วพูดว่า

“ปุ่น ฉันว่าพี่กฤษณ์ดูจะเหมาะกับแกมากกว่าพี่เซียอีกนะ”

“หะ? พี่กฤษณ์เหรอ ไม่เห็นน่ากดเลยสักนิด แถมยังอ่อนโยน... ไม่ ไม่ใช่สิ รู้สึกเหมือนพี่ชายมากกว่า ประมาณนั้นแหละมั้ง” ปุ่นทำท่าครุ่นคิดก่อนเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่แกเถอะ ทำไมวันนี้หน้าซีดๆ วะ” ปุ่นจ้องไปที่ใบหน้าของเพื่อนเขม็ง เอเชียเป็นคนผิวสีน้ำผึ้ง ตอนนี้หน้ากลับขาวซีดอย่างกับใช้รองพื้นผิดเบอร์ แต่เพื่อนคนนี้ไม่ได้มีรสนิยมแต่งหน้าทาแป้งแบบนั้น เลยเป็นห่วงว่าจะไม่สบายเอามากกว่า

“รู้สึกเหมือนช่วงนี้จะโดนผีอำบ่อยๆ น่ะ” เอเชียว่าพลางนวดขมับ “เลยนอนไม่ค่อยพอ”

ปุ่นพยักหน้า เรื่องผีๆ กับเด็กหอนี่เป็นของคู่กันจริงๆ เมื่อตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยใหม่ๆ เขาย้ายจากบ้านพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัดมาอยู่หอพัก พ่อกับแม่ก็บอกให้ไหว้บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางให้เรียบร้อยก่อนนอน สุดท้ายแล้วเขาก็ลืม แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีเหตุการณ์แปลกประหลาดอะไรเกิดขึ้น

“ลองไหว้เจ้าที่เจ้าทางดูรึยัง” ปุ่นถาม

“ไหว้แล้ว สวดมนต์ก็สวดแล้ว พระก็คล้อง ชักอยากจะย้ายหอแล้วสิ แต่ก็ไม่มีเงินค่ามัดจำ เฮ้อ… หอนี้ราคาถูกสุดแล้วด้วย” เอเชียฟุบลงกับโต๊ะอย่างอิดโรย

ปุ่นลูบหลังเพื่อนเบาๆ พลางเหม่อมองไปที่จอโพรเจกเตอร์สีขาวว่างเปล่าที่หน้าห้อง

อาจารย์ยังไม่มาสักที… เหมือนวันนี้จะมาเช้าเกินไป…



ดวงอาทิตย์ลอยอยู่เหนือศีรษะ แผดความร้อนออกมาราวกับจะเผาสิ่งมีชีวิตเบื้องล่าง ปุ่นใช้กระเป๋าสะพายข้างใบโปรดบังใบหน้าให้พ้นจากแสงแดด เดินมุ่งจากป้ายรถเมล์ไปที่ประตูรั้วบ้านของตัวเอง

จีนส่งไลน์มาบอกปุ่นว่าตัวเองติดธุระข้างนอกออกมารับไม่ได้ แถมยังเร่งเร้าให้เขากลับบ้านไปดูอาการเซียที่นอนป่วยอยู่ในห้องของตัวเองอีก

ทันทีที่เข้าบ้านมา สิ่งแรกที่เขาคิดจะทำคือเข้าไปดื่มน้ำเย็นๆ ในครัวให้ชื่นใจ จากนั้นค่อยเข้าไปดูอาการของเซียในห้อง แต่พอเอาเข้าจริงกลับต้องเดินเข้าไปดูอาการของคนป่วยในห้องของพี่ชายก่อนเป็นอันดับแรก เพราะรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงจีนคำรามให้ไปเฝ้าเซียไวๆ อยู่ข้างหู

ห่วงเหลือเกินนะ น่าหมั่นไส้จริงๆ

คนป่วยที่คิดว่าคงจะนอนซมกำลังกึ่งนอนกึ่งนั่งดูการ์ตูนในทีวีอย่างใจจดใจจ่อ ถึงขนาดที่มีคนเปิดประตูเข้ามาแล้วยังไม่รู้สึกตัว

“พี่เซีย” ปุ่นเรียก เจ้าของชื่อหันมามองด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนรีบหยิบรีโมตมาเปลี่ยนช่องเป็นรายการโปรโมตอาหารเสริมที่มีสรรพคุณขั้นเทพ

“อกฟู รูฟิต ลดตกขาว กลิ่นน้องสาวสดชื่นนะคะท่านผู้ชม ใช้แล้วรับรองคุณสามีหลงหัวปักหัวปำค่า” เสียงพิธีกรสาวในจอทีวีบรรยายสรรพคุณของอาหารเสริม แน่นอนว่าคงเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับสาวๆ

ปุ่นไม่สนใจรายการทีวีหรืออาการร้อนรนของอีกฝ่าย เขาเดินไปนั่งที่ข้างเตียง ใช้มืออังสัมผัสแก้มเนียนซึ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเพราะพิษไข้สะสม

“ตัวยังร้อนๆ อยู่เลย พี่เซียกินข้าวกินยารึยัง” ปุ่นถามเมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิร้อนผ่าวที่ผิวแก้ม

“เพิ่งกินไปเอง” เซียตอบพลางยิ้มบาง พยักหน้าไปที่ถ้วยกับแก้วน้ำบนโต๊ะข้างหัวเตียงที่ทิ้งร่องรอยของการถูกกินเอาไว้ คนที่เตรียมของพวกนี้ไว้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจีน “บางทีเราก็ดูคล้ายพี่ชายเหมือนกันนะ”

“เหมือนพักนี้ใครๆ ก็ดูคล้ายพี่จีนไปหมดเลยเนอะ นี่ผมเองก็เพิ่งรู้สึกว่าพี่กฤษณ์คล้ายพี่จีนอยู่เหมือนกัน”

“กฤษณ์เหรอ ไม่เห็นเหมือนเลย”

“ว่าแต่… ผมกับพี่จีน พี่เซียชอบใครมากกว่ากัน” จู่ๆ ก็ถามออกไป ปุ่นกลั้นใจรอฟัง น่าแปลกตรงที่ยังไม่ทันได้รับคำตอบ ก็รู้สึกถึงความผิดหวังที่ยังมาไม่ถึงเสียแล้ว

เซียผินหน้าหลบไปด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ

“พี่…พี่ขอโทษ…”

อา… อย่างนี้เองสินะ ปุ่นยิ้มเยาะให้กับตัวเองก่อนถาม

“ถ้าพี่เซียรักพี่จีน… แล้วพี่จะมาจีบผมทำไม” น้ำตาหยดแหมะลงสองแก้มด้วยความผิดหวังระคนขุ่นเคืองใจ เกิดมายังไม่เคยรู้สึกสนใจใครได้ขนาดนี้มาก่อน เซียเป็นคนแรกที่เขารู้สึกชอบ รู้สึกอยากรัก (มั้งนะ?) และอยากมีสัมพันธ์ด้วย (อันนี้มั่นใจ!)

เจ็บใจ! เจ็บใจชะมัด! ไม่ได้เจ็บใจที่โดนหลอกหรืออกหักอะไรแบบนั้น แต่เจ็บใจที่จะไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองสิ่งที่อุตส่าห์เฝ้าปรารถนาต่างหาก!

ผมอยากได้ อยากได้พี่เซียเป็นเมีย อยากให้พี่มานอนอยู่ใต้ร่าง แล้วครวญครางชื่อปุ่น… ปุ่น… ของผม

เร็วเท่าความคิดต่ำทรามในข้างต้น คนตัวเล็กกว่าโผขึ้นคร่อมเป้าหมาย กดบ่าทั้งสองข้างไว้แล้วประกบจูบอย่างตะกรุมตะกราม อีกทั้งยังสะเปะสะปะเต็มกลืน

ทันทีที่ถอนจูบอันไม่น่าอภิรมย์ออก ลมหายใจร้อนผะผ่าวของคนป่วยก็ปะทะเข้าที่ผิวหน้า

“น้องปุ่น…” เซียหอบหายใจ คงเพราะมีไข้จึงทำให้เหนื่อยหอบง่ายและไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด “พี่ขอโทษ…จริงๆ นะ พี่ขอโทษ… เพราะพี่อิจฉาน้องปุ่น พี่กลัว… พี่ไม่ดีเอง…” เซียพูด น้ำตาไหลพราก

“ผมขอนะพี่ แค่ครั้งเดียวเอง…”

ตอนนั้นเองที่ปุ่นถูกกระชากจนตัวลอยหวือมานั่งอยู่ข้างเตียงอย่างงงงัน

“ไม่ได้นะปุ่น คนนี้ไม่ได้…” เป็นเสียงคำรามต่ำของจีน ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ จีนกอดไหล่น้องชายไว้แน่น รั้งเข้าไปจนหลังแนบชิดกับอกกว้างที่กระเพื่อมค่อนข้างแรงของตัวเอง

“พี่จีน… ผมแค่… ขอแค่ครั้งเดียวนะ” ปุ่นขอกับพี่ชาย

“ไม่ได้…”

“ทำไม ทีกับคนอื่นยังได้ แล้วทำไมพี่ถึงจะแบ่งน้องบ้างไม่ได้?!” ปุ่นขึ้นเสียงอย่างเอาแต่ใจ น้ำตาไหลพราก ไม่ได้สังเกตสีหน้าเจ็บปวดของคนป่วยที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่ตรงหัวเตียง “ผมก็แค่อยากลองบ้าง ขอแค่ครั้งเดียวก็เท่านั้นเอง…” น้ำเสียงของเขาสั่นเครืออย่างน่าสงสาร ทั้งที่พูดขอเรื่องน่ารังเกียจแบบนั้น

“ของของพี่ทุกอย่างพี่ให้เราได้ แต่ตัวนี้พี่ขอ… นะปุ่น” เสียงกระซิบร้องขอของพี่ชายที่ข้างหูทำเอาปุ่นใจอ่อนยวบยาบ “แต่ถ้าปุ่นรักไอ้เซียจริง… ก็ดูแลมันดีๆ ล่ะ”

“รัก? ...” ปุ่นทวนคำ พอได้ยินซุ่มเสียงกระซิบจากพี่ชายจึงฉุกคิดได้ทันทีว่าตัวเองไม่ได้รัก เขาชอบหน้าตาและรอยยิ้มของเซียก็จริง แต่ไม่ได้ชอบถึงขนาดที่จะคบกันจริงจังเป็นเวลายืดยาวได้ ใช่แล้ว… เขาแค่อยากทำแบบนั้นกับเซีย อยากเห็นสีหน้าของเซียแบบตอนอยู่ในคลิปอีกครั้ง

“พี่จะยอมถอย”

“ไม่… ไม่ใช่นะ ผมคิดว่า… ผมอยากเห็นหน้าพี่เซียตอนโดนเอาน่ะ มั้งนะ?” ปุ่นเองก็ยังสับสนอยู่เล็กน้อย แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้รักเซียอย่างแน่นอน ไอ้ที่เคยบอกว่าอยากจะทะนุถนอมอะไรนั่นก็แค่พูดอวดดีไปอย่างนั้นเอง

ปุ่นหันไปมองหน้าเซีย น้ำตาคลอตรงขอบตากับสีหน้าที่แทบจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งอยู่รอมร่อนั้นไม่ได้ทำให้เขาเห็นใจหรือรู้สึกสงสารเลย ตรงกันข้าม… เขากลับอยากเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวมากกว่านี้ของอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ ใช่แล้ว… เขาไม่ได้รักคนคนนี้จริงๆ เขาแค่…

ปุ่นหันไปกระซิบความปรารถนาให้พี่ชายฟังด้วยเสียงอันแผ่วเบา เมื่อจีนได้ยินแล้วก็เบิกตากว้าง

…จากนั้นจึงพยักหน้า



จีนขึ้นเตียง ขยับเข้าไปใกล้เซียด้วยสีหน้าเรียบเฉย เซียจ้องมองปลายเท้าของตัวเองที่อยู่ภายใต้ผ้านวมสีตุ่น น้ำตาร่วงพราวหยดแล้วหยดเล่า จีนจับใบหน้าหวานให้หันมาทางตนเองแล้วจูบซับน้ำตาให้ จากขอบตาล่าง โหนกแก้ม แก้ม เรื่อยลงมาจนถึงปากบางที่สั่นระริก จากนั้นริมฝีปากก็เข้าประกบบดเบียดกันอย่างดูดดื่มราวกับจะหลอมริมฝีปากให้เป็นหนึ่งเดียวกัน น่ากลัวว่าคนป่วยที่ถูกจูบจะขาดอากาศหายใจไปเสียก่อน แต่ผิดคาด เซียกลับครางเสียงขึ้นจมูกอย่างพอใจอยู่หลายครั้ง

มือใหญ่ของจีนเริ่มลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกแผ่นราบ เซียสะดุ้งน้อยๆ ทุกครั้งที่มือใหญ่เฉียดผ่านยอดอก พอตุ่มไตที่ดันเสื้อเนื้อบางขึ้นมาเป็นเนินนูนเล็กๆ ถูกสะกิดก็สะดุ้งโหยง บิดกายไปมา ครางเสียงหวานได้อย่างน่าดูชม

ปุ่นที่ขยับมานั่งอยู่ตรงมุมขวาของเตียงจ้องมองบทรักที่เริ่มทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตาไม่กะพริบ หนังสดที่ฉายอยู่ตรงหน้าชัดเจนราวกับไม่ใช่เรื่องจริง ทั้งคู่สอดประสานกันราวกับเขาที่นั่งดูอยู่เป็นเพียงอากาศธาตุไร้ซึ่งตัวตน



สมใจแล้ว… แถมยังรู้สึกเหมือนได้แก้แค้นที่ถูกหลอกไปในตัว

ปุ่นมองเซียที่หายใจรวยรินแล้วก็อดรู้สึกผิดบาปขึ้นมาไม่ได้ ทั้งที่เซียเป็นไข้แต่เขาก็ยังขอให้พี่ชาย ‘เอาพี่เซียแรงๆ ให้ผมดูทีนะ’ แบบนั้นได้ลงคอ

ความงดงามที่แสนเศร้าในดวงหน้าและแววตาหวานทำให้เขาหลงมัวเมา พี่ชายเองก็คงเหมือนกัน แต่มากกว่าความหลงใหล น้ำเสียงและแววตาของจีนยามสัมผัสเซียล้วนเต็มไปด้วยความรักใคร่และอ่อนโยน ถึงแม้การกระทำที่แสดงให้เขาดูจะรุนแรงเพียงใดก็ตาม

หลังจากได้ดูบทรักอันร้อนแรงระหว่างจีนกับเซียแล้วปุ่นถึงได้เข้าใจ

เซียรักจีน

จีนเองก็รักเซียเช่นกัน

รักกันจนปุ่นที่นั่งดูอยู่รู้สึกผิดจนหมดอารมณณ์พิศวาสไปเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าสองคนนั้นจะรู้ไหมว่าต่างฝ่ายต่างก็รักกัน …เพราะถ้าหากรู้ เรื่องราวมันคงไม่ออกมาวุ่นวายแบบนี้

“ขอโทษนะพี่จีน ที่ขอให้ทำอะไรหยาบคายแบบนั้น” ปุ่นอิงซบที่บ่ากว้างของพี่ชายที่กำลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับคนที่สลบไสลไปแล้ว

“เพราะเป็นเราพี่เลยยอมหรอก พี่รักปุ่นนะ แล้วพี่ก็ไม่อยากเสียไอ้หมอนี่ไปด้วย แต่อย่าไปเล่าให้ใครฟังล่ะ” ว่าแล้วก็เขกมะเหงกใส่หัวน้องชายตัวดีอย่างแรง

“รู้แล้วน่า ขี้งก!” ปุ่นบ่นพลางลูบหัวตัวเองป้อยๆ จีนเลยประเคนมะเหงกอีกลูกหนึ่งให้

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาแบ่งกันได้นะว้อย”

“ก็รู้แล้วไง” ปุ่นทำปากยื่น มือทั้งสองข้างกุมไว้ที่ศีรษะเพื่อกันภัยมะเหงกที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก

“แล้วทำไมไม่ชอบไอ้กฤษณ์มันมั่งล่ะ เราน่ะเอาแต่ใจ เหมาะสมกับคนใจดีแบบนั้นมากกว่า อย่างตอนที่มันรู้ว่าเราไปห้องไอ้เซีย มันก็โทรมาโหยหวนกับพี่ใหญ่ น้ำเสียงจะเป็นจะตายจนพี่นึกว่าเราถูกรถเมล์ทับหรือตกบันไดหัวฟาดพื้นไปแล้วซะอีก”

รถเมล์ทับกับตกบันไดเนี่ยนะ เราไม่ได้เซ่อซ่าขนาดนั้นซะหน่อย

“งั้นเหรอ” ปุ่นทำท่าครุ่นคิด เอเชียก็บอกว่าเขาเหมาะกับกฤษณ์มากกว่าเหมือนกัน พอโดนพี่ชายพูดซ้ำแบบนี้เข้าก็ชักลังเล...หรือตัวเขาจะเหมาะกับพี่ชายข้างบ้านตัวโตคนนั้นจริงๆ

ตอนนั้น… ตอนที่ถูกกฤษณ์จูบก็รู้สึกดี เคลิบเคลิ้มจนตัวแทบลอยหวิวเลยทีเดียว อา…พอนึกถึงแล้วผิวหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ เสียอย่างนั้น

“ไอ้เด็กใจง่าย” จีนบ่นพึมพำ

“งั้นผมไปบ้านพี่กฤษณ์นะ” บอกแล้วก็ผลุนผลันออกจากห้องไปราวกับบินได้ จีนมองแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอา

น้องชายคนนี้ จะให้เรียกว่าใจง่าย หรือยังเด็กเกินไปที่จะรู้จักความรักดี…



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:03:04 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #8 เมื่อ26-07-2018 13:28:57 »

4



ประตูและหน้าต่างของบ้านข้างๆ ปิดสนิท บ่งบอกว่าตอนนี้คงไม่มีคนอยู่ในนั้น ปุ่นนั่งอยู่ที่เก้าอี้หินหน้าบ้านตัวเอง คอยชะเง้อมองเจ้าของบ้านข้างๆ ที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน

กฤษณ์ไปไหน เอเชียบอกว่าคณะบัญชีปี 3 ของกฤษณ์ไม่มีเรียนวันจันทร์ งั้นก็น่าจะกลับบ้านมาตั้งแต่ส่งปุ่นเสร็จแล้วนี่นา

นั่งรอได้ประมาณสิบนาทีก็เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ดูคุ้นตาคนหนึ่งจอดรถมอเตอร์ไซค์แล้วเดินมาเปิดประตูรั้วบ้านข้างๆ ปุ่นรีบตะโกนเรียก ‘พี่กฤษณ์! พี่กฤษณ์!’ เจ้าของชื่อได้ยินก็ถอดหมวกกันน็อกออกแล้วหันมามอง

“อ้าว? น้องปุ่น คิดถึงพี่เหรอครับ” กฤษณ์ถาม ปกติแล้วปุ่นมักจะแหวกลับทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเงียบจนกฤษณ์ทำหน้าแปลกใจ

“คงงั้นแหละ” ปุ่นตอบ “เดี๋ยวผมไปบ้านพี่กฤษณ์นะ” พูดแล้วก็ปีนข้ามรั้วไม้ความสูงประมาณเอวที่ใช้กั้นอาณาเขตระหว่างบ้านทั้งสองไปอย่างทุลักทุเล พอข้ามมาได้ก็ทำหน้าภูมิใจนักหนา บอกว่า ‘ทีหลังผมจะใช้ทางนี้แหละมาหาพี่กฤษณ์’

กฤษณ์ยิ้มพลางพยักหน้าให้ จากนั้นจึงเข็นรถไปเก็บ แล้วไขกุญแจ เปิดประตูเชิญแขกเข้าบ้าน

“มาหาพี่มีธุระอะไรรึเปล่า อย่าบอกนะว่าจะมากินแล้วนอนอีกน่ะ”

ปุ่นหน้าแดงวาบเมื่อถูกจี้ใจดำ

“เปล่าสักหน่อย ว่าแต่พี่กฤษณ์เหอะ วันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเพิ่งกลับเอาป่านนี้ล่ะ ผมชะเง้อรอพี่ตั้งนานแน่ะ” ว่าพลางรั้งแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเอาไว้

กล้ามแน้นแน่น สงสัยจะไปเข้ายิมมา

“เอ่อ… พี่ไปเที่ยวห้องเพื่อนมาน่ะครับ” กฤษณ์ละล่ำละลักตอบ ปุ่นคิดว่าคงเป็นเพราะอากาศร้อน กฤษณ์ถึงได้เหงื่อแตกพลั่กและดูลุกลี้ลุกลนขนาดนี้

ซะที่ไหนเล่า! ถ้าไปห้องเพื่อนจริง ทำไมต้องทำท่าทางมีพิรุธเหมือนถูกเมียจับได้ว่าแอบมีอีหนูซ่อนไว้แบบนี้?!

เหอะ! นี่คงไปนอนกับเด็กในสังกัดมาสิท่า คิดได้อย่างนั้นก็เริ่มพิสูจน์กลิ่นหาหลักฐาน ปุ่นดมฟุดฟิดไปตามเนื้อตามตัวของกฤษณ์

เพราะนักสืบตัวเล็กมีส่วนสูงอยู่แค่บ่าของผู้ต้องหา ระดับจมูกจึงอยู่ที่รักแร้พอดี ตอนดมเลยรับกลิ่นโคโลญจน์ปนกลิ่นเหงื่อเข้าไปเต็มๆ รูจมูก

“มีกลิ่นน้ำหอม” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นจ้องมองกฤษณ์เขม็ง

“กลิ่นโคโลญจน์พี่เองครับ พอเถอะครับน้องปุ่น” น้ำเสียงของกฤษณ์ติดจะขอร้อง นั่นเลยยิ่งทำให้น่าสงสัยเข้าไปอีก ปุ่นขยับเข้าไปดมให้ใกล้ๆ อีกนิด แต่กลับถูกกฤษณ์ดันบ่าทั้งสองข้างให้ออกห่างทันที ปุ่นทั้งโกรธทั้งตกใจ กำลังอ้าปากจะกล่าวโทษอีกฝ่าย แต่จำต้องชะงักไปเมื่อเงยขึ้นมาแล้วเห็นวงหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ

ว้าว! ว้าว! ว้าว! ปุ่นกู่ร้องในใจอย่างตื่นเต้น รู้สึกเหมือนกับมีบางอย่างที่ซาบซ่านแวบเข้ามาในอกจนเนื้อตัวสั่นสะท้านไปชั่วขณะ

ยิ่งจ้องใจก็ยิ่งเต้นตึกตัก รู้สึกหวิวๆ ในอกชอบกล เป็นอาการเหมือนกับครั้งที่เห็นคลิปเซียตอนนั้นไม่มีผิด ไม่สิ… มากกว่านั้นด้วยซ้ำ

รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเพลงพรมลิขิตลอยเข้ามาในหัวเลยแฮะ

“คือพี่… พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” คนตัวโตพูดแล้วก็ละล่ำละลักวิ่งขึ้นบันไดไป ปุ่นยิ้มขึ้นมาอย่างนึกสนุก นั่งลงที่โซฟาตัวยาว ตัวเดียวกับที่โดนกฤษณ์กดจูบ (อย่างเต็มใจ) ไปเมื่อวานนี้

และพอนึกย้อนไป ผิวหน้าก็เกิดอาการร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

เฮ้อ… ก็มันรู้สึกดีมากๆ เลยนี่นา…



กฤษณ์อาบน้ำเสร็จแล้วจึงได้ลงมา มือข้างหนึ่งขยี้ผมที่ยังเปียกหมาดๆ พลางสะบัดหน้าไปมา ดูแล้วเหมือนสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวโตๆ ไม่มีผิด

“ขอโทษที่ให้รอนะครับ คือแบบพี่เหนียวตัวม้ากมาก” กฤษณ์บอก

“ฮึ ไปทำอะไรมาล่ะถึงได้เหนียวตัว”

“ก็ขับรถตากแดดมาไงครับ”

เอาเถอะ ถึงปุ่นจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่อยากจะถามซักไซ้อะไรต่อแล้ว อีกอย่างเขากับกฤษณ์ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเสียหน่อย มาทำเป็นจับผิดอย่างนั้นอย่างนี้คงน่ารำคาญแย่

“แล้วน้องปุ่นล่ะครับ ติดใจอาหารฝีมือพี่รึไง ถึงได้มาหาน่ะ” กฤษณ์เดินมานั่งข้างๆ

“ติดใจจูบต่างหากละ”

เช้าไข่ดาว เที่ยงไข่เจียว เย็นไข่ต้ม ปุ่นนึกถึงเมนูอาหารที่กฤษณ์ทำให้กินเมื่อวานนี้แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ไปเอาความมั่นใจจากไหนมาคิดว่าเขาจะติดใจอาหารที่เด็กเจ็ดขวบยังทำได้แบบนั้น

“จูบ?” กฤษณ์ทำหน้าเหลอหลา ปุ่นเองก็อายนิดๆ เหมือนกันที่พูดออกไป แต่พอได้เห็นคนตัวโตกว่าตกใจจนหน้าเหวอแล้วก็รู้สึกชอบใจจนอยากจะแกล้งต่อ

“พี่กฤษณ์จูบเก่งมากเลยครับ” ปุ่นพูดพลางช้อนตามอง น้ำเสียงก็แสนออดอ้อน วิธีนี้เขาใช้กับพี่ชายแล้วได้ผลทุกครั้ง “ขอจูบอีกทีได้ไหมครับ” ขยับเข้าไปใกล้จนแทบจะนั่งเกยตักของอีกฝ่าย

“ดะ…ได้เหรอครับ”

ปุ่นยิ้มหวานให้เป็นคำตอบ กฤษณ์สูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งทีก่อนค่อยๆ โน้มลงมาประทับริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ อย่างขัดเขินของเขา

รู้สึกจั๊กจี้แถวๆ ปลายคางพร้อมกันกับสัมผัสที่คล้ายถูกดูดเม้มริมฝีปากอยู่หลายครั้งก่อนที่ลิ้นจะสอดเข้ามา ลิ้นอวบหนาของกฤษณ์เหมือนจะมีรสหวานๆ ของน้ำตาลติดอยู่ ปุ่นสงสัยในความหวานนั้นจึงลองดูดลิ้นชิมรสของอีกฝ่ายไปอย่างไม่ประสาอยู่หลายครั้ง

ระหว่างที่เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบแสนหวาน ตรงท้องน้อยก็ให้รู้สึกปั่นป่วนชาวาบขึ้นมาจนต้องเกร็งต้นขาด้านในเขม็ง

“อือ… ดะ…เดี๋ยว” ปุ่นหน้าแดงก่ำ รีบขืนตัวออกห่าง จากที่คิดจะแกล้งกลับถูกกำราบเสียอยู่หมัดในจูบเดียว

“หายใจไม่ทันเหรอครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนกระซิบข้างหูอย่างเป็นห่วงทำเอาใจเต้นแรง หัวใจของปุ่นตอนนี้กำลังเต้นโครมครามเหมือนตอนเด็กๆ ที่โดนแม่จับได้ว่าแอบขโมยกินเค้กวันเกิดของพี่ชายไม่มีผิด

“เปล่า… แค่รู้สึกแปลกๆ พอก่อนเนอะ หนวดมันทิ่มอะ” ปุ่นตอบเสียงอ้อมแอ้ม เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแค่จูบก็ทำให้เกิดอารมณ์ได้ขนาดนี้

ใครๆ ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นเหรอ ถ้าเกิดอารมณ์ได้ง่ายๆ แบบนี้ทุกคนก็คงแย่น่ะสิ นี่คงเป็นเพราะพี่กฤษณ์นั่นแหละที่จูบเก่งเกินไป ปุ่นคิดอย่างนั้น

กฤษณ์ลูบไปมาที่คางสากๆ ของตัวเองก่อนพูด

“น้องว่าไงพี่ก็ว่าตามนั้นครับ” พูดจบก็ขยี้ผมของปุ่นเบาๆ เหมือนที่จีนชอบทำ แต่ปุ่นกลับรู้สึกถึงความต่างออกไป เพราะอะไรเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าตัวเองคงจะสนใจพี่ชายข้างบ้านคนนี้เข้าให้แล้ว

แหม… อกหักได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ได้เป้าหมายใหม่แล้ว ทำใจได้เก่งนะเราเนี่ย ปุ่นนึกชมตัวเองในใจ

“พรุ่งนี้ผมไม่มีเรียน มาหาอีกได้ไหม” ปุ่นถาม ใช้ท่าไม้ตายสายตามองช้อนกับน้ำเสียงออดอ้อนพิฆาตอีกครั้ง

“ดะ…ได้สิครับ”

เมื่อคราวที่จีบเซีย เขารีบและรุกหนักเกินไป แต่อีกฝ่ายก็ใช่ย่อยที่ไหน ทั้งยั่ว ทั้งด๊วบแท่งน้อยให้จนเขาได้ใจ แต่สุดท้ายดันตกเป็นของพี่ชายไปเสียอย่างนั้น! คิดแล้วก็อดเสียดายไม่ไหว

แต่คราวนี้แหละ… เขาจะใช้หน้าตาน่ารักๆ ที่แม่ให้มาให้เป็นประโยชน์ เขาจะออดจะอ้อนให้อีกฝ่ายหลง ให้รัก ให้ตายใจ แล้วค่อยจับกินไม่ให้เหลือซากเลยคอยดู

ปุ่นหันไปมองคนที่ตัวโตกว่าอย่างพินิจพิจารณา

อืม… รูปร่างหน้าตาแบบหนุ่มลูกครึ่ง ขนตาค่อนข้างยาวเลยทีเดียว ถึงจะไม่สวยถูกใจแต่ก็หล่อเหลาใช้ได้ แต่มองๆ ไปก็ดูทึ่มๆ อยู่หลายส่วนเหมือนกันแฮะ

พอถูกมองนานๆ เข้ากฤษณ์ก็หน้าแดงก่ำจนน่าขัน อีกทั้งติ่งหูก็แดงระเรื่อ ปุ่นเห็นแล้วใจเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ

แม่งน่ารักว่ะ! ปุ่นตัดสินใจได้ทันทีว่าจะเอากฤษณ์นี่แหละเป็นเมีย! คอยดูนะ ผมจะเป็นผัวพี่กฤษณ์ให้ได้เลย

“ทำไมจ้องเหมือนจะกินพี่อย่างนั้นล่ะครับ เขินนะ” กฤษณ์พูดพลางเกาแก้มแก้เก้อ

“ก็อยากกิน” ปุ่นเผลอหลุดความคิดออกไป

“ครับ?!”

“ขะ... คือหิวแล้ว อยากกินข้าว” ปุ่นแก้ตัวได้อย่างทันท่วงที

เฮ้อ… รอดตัวไป

“อ๋อ… วันนี้ก็คงเมนูไข่เหมือนเดิมนะครับ ในตู้เย็นพี่มีแต่ไข่น่ะ ไม่คิดว่าจะมีแขกมาหาเลยไม่ได้ซื้ออะไรมาด้วย”

“ไม่เป็นไร อยากกินไข่พี่กฤษณ์พอดีเลย” ปุ่นเผลอปากอีกครั้ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:09:15 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #9 เมื่อ26-07-2018 13:29:29 »

“หือ?” กฤษณ์ก้มหน้า ใช้นิ้วชี้ถูจมูกตัวเองไปมา ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง “พูดอย่างนี้พี่คิดลึกแย่เลยนะครับ”

“ผมหมายถึง จะกินไข่ที่บ้านพี่กฤษณ์นี่แหละ” ปุ่นแก้ตัวอีกครั้ง คราวนี้ทำได้ลื่นไหลกว่าเดิม

“อื้ม พี่รู้ว่าน้องปุ่นไม่ได้คิดอะไรหรอก พี่ไม่ดีเอง อย่าคิดมากเลยครับ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเต็มความสูง “เอาไข่ดาว ไข่เจียว หรือไข่ต้มดีครับ” กฤษณ์ถาม

“มีให้เลือกแค่สามชอยส์เองเหรอ”

“หรือจะเอาไข่ตุ๋น ไข่น้ำ ข้าวห่อไข่พี่ก็ทำได้นะ ยังพอมีหมูกับแคร์รอตเหลืออยู่”

“งั้นเอาไข่ดาวก็แล้วกัน เร็วดี ขอแบบไม่ค่อยสุกนะ เอาแบบไข่แดงเยิ้มๆ”

“OK”

พออีกฝ่ายคล้อยหลังไปแล้ว ปุ่นก็ตั้งใจว่าจะเดินสำรวจบ้าน ‘ว่าที่ภรรยา’ สักหน่อย

เป็นบ้านสองชั้นแบบโมเดิร์นเหมือนกับบ้านทั่วไปไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่บ้านสองชั้นก็เป็นหนึ่งในความฝันของปุ่นตั้งแต่เด็กๆ แล้ว

ปุ่นฝันอยากมีบ้านสองชั้น มีห้องนอนส่วนตัวที่ชั้นบน เวลาเบื่อๆ ก็จะได้ออกมาเหม่อมองทิวทัศน์ที่ริมระเบียง แต่จนแล้วจนรอดฝันนั้นก็ไม่เป็นจริงสักที

ตอนปี 1 ที่ย้ายไปอยู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย ปุ่นได้ห้องที่อยู่ชั้นแรกเพราะชั้นบนเต็มหมด พอตอนนี้ย้ายมาอยู่กับพี่ชายที่บ้านหลังเก่าของย่าก็เป็นบ้านชั้นเดียวอีก ทั้งๆ ที่บ้านข้างๆ ต่างก็เป็นบ้านสองชั้นด้วยกันทั้งนั้น

ถ้าได้กฤษณ์เป็นเมียเมื่อไหร่ ปุ่นคิดว่าจะย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เพื่อเติมเต็มความฝัน

อีกอย่างว่าที่ภรรยาของเขาคนนี้น่าจะมีฐานะดีพอตัว ดูจากรถสปอร์ตและบิ๊กไบก์ที่ขับไปส่งเขาที่มหาวิทยาลัย รองเท้าที่ใส่ก็ล้วนดูดีมียี่ห้อ อีกทั้งเสื้อผ้าที่เหมือนจะธรรมดาๆ แต่แค่เขาดูก็รู้แล้วว่าเป็นผ้าเนื้อดีนั่นอีก เดาว่าทั้งหมดคงต้องเป็นของแบรนด์เนมแน่ๆ …แบบนี้มีเขามาอยู่ด้วยอีกหนึ่งคนก็น่าจะเลี้ยงได้สบายๆ อยู่แล้ว

ปุ่นพยักหน้ากับตัวเอง ในหัวผุดคิดเรื่องเกาะเมียกินขึ้นมาทันใด

มีบ้านสองชั้น รวย จูบเก่ง แถมยังน่ารัก อื้อหือ! ครบเครื่อง ชักอยากเห็นสีหน้ากับเสียงครางตอนทำเรื่องอย่างว่าเสียแล้วสิ

นี่รูปใคร

ปุ่นมองรูปขนาดประมาณกระดาษเอห้าที่วางอยู่บนชั้นโชว์ ภาพคนทั้งสามกอดคอกันอย่างสนิทสนม ผู้ชายข้างซ้ายและผู้หญิงตรงกลางดูลักษณะแล้วน่าจะเป็นชาวต่างชาติ ส่วนผู้ชายทางด้านขวานี่น่าจะเป็นกฤษณ์

พอไม่มีหนวดแล้วหล่อเชียว ปุ่นยิ้มให้กับกฤษณ์ในรูป

“ดูอะไรอยู่เหรอครับ” กฤษณ์ที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ถาม ปุ่นหันไปมองขวับเพราะตกใจ

“พี่กฤษณ์อะ! มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” ปุ่นบ่น กฤษณ์หัวเราะพลางถาม

“ขอโทษครับ ว่าแต่ดูอะไรอยู่เหรอ นี่รูปพี่นี่นา”

“สองคนนี้ใครอะ” ปุ่นถามพลางชี้ที่รูป

“ไหน นี่แม่พี่เอง ส่วนนี่ก็พี่ชาย” กฤษณ์บอก ชี้ไปที่รูปผู้หญิงตรงกลางและผู้ชายฝั่งซ้ายตามลำดับ แบบนี้เลยเหมือนปุ่นอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายไปโดยปริยาย ...แล้วปุ่นก็ดันชอบด้วยสิ

“แม่เป็นฝรั่ง มิน่าละ จมูกพี่กฤษณ์ถึงได้โด๊งโด่ง ตัวก็ใหญ่ ผมกับตาก็สีอ่อนด้วย” ปุ่นแหงนหน้าขึ้นมอง “หล่อดี” แล้วก็หัวเราะคิกคัก

รู้สึกว่าท่าที่เหมือนโอบกอดจากข้างหลังกลายๆ จะแน่นขึ้นมา

“พี่ชายพี่เป็นดาราด้วยนะ รู้จักไหม”

ปุ่นมองไปที่ผู้ชายฝั่งซ้ายมือในรูป ผมสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีเขียวดูคุ้นหน้า ขนาดคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องแวดวงดาราอย่างเขายังรู้จัก แต่…ดันจำชื่อไม่ได้นี่สิ

“ใช่คนที่เล่นหนังเรื่องธอร์แมนไหม สนุกมาก บู๊กระจาย อ๊ะ! งั้นพี่ชายพี่กฤษณ์ก็เป็นดาราฮอลลีวูดดิ”

“ใช่ครับ พี่เขาชื่ออีคอน เกรย์ ที่บ้านเรียกอิฐน่ะ เป็นคนดีนะแต่ชอบแกล้งพี่ แถมเรื่องหาคู่นอนนี่แย่มาก แย่งของพี่ตลอด น่าปวดหัวจนแม่ต้องตามคุมเลยละ พี่เลยต้องอยู่ที่นี่คนเดียวเลย น่าสงสารชะมัด” กฤษณ์เล่าแล้วก็หัวเราะเบาๆ ฟังแล้วคงไม่ได้โกรธเคืองพี่ชายสักเท่าไร

“แล้วชื่อจริงพี่กฤษณ์ล่ะ ใช่กฤษณ์ไหม” นอกจากรู้ว่าเป็นพี่ชายข้างบ้านที่น่าจะอาศัยอยู่คนเดียว เรียนคณะบัญชีปี 3 (ที่เพิ่งรู้มาจากเอเชีย) แล้ว ปุ่นก็ไม่รู้อะไรอีกเลย

“สนใจด้วยเหรอครับ พี่ชื่อแกริค เกรย์ แม่พี่น่ะเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน รักเมืองไทยมากก็เลยอยากให้ลูกมีชื่อเล่นแบบไทยๆ ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครรู้นะว่าพี่ชื่อกฤษณ์ คนในครอบครัวเท่านั้นแหละถึงจะรู้ เพราะพี่เรียนที่อเมริกา เพื่อนๆ ก็เรียกกันว่าแกริคทั้งนั้น พอมาเรียนต่อที่นี่ พี่ก็แนะนำตัวว่าชื่อแกริคแค่อย่างเดียว อีกอย่างพี่เป็นลูกเสี้ยวนะครับ ไม่ใช่ลูกครึ่ง”

แกริค เกรย์ที่เอเชียพูดถึงคือชื่อจริงของพี่กฤษณ์หรอกเหรอเนี่ย …นึกว่าชื่อแก๊งซะอีก

“ลูกเสี้ยว” ปุ่นสงสัย

“พ่อพี่เป็นคนไทยน่ะครับ แม่พี่ก็ลูกครึ่งไทย”

“อ้อ… แต่ก็ดีจังเนอะที่ผมรู้ว่าพี่กฤษณ์ชื่อกฤษณ์” ถึงจะรู้มาจากพี่จีนก็เถอะ “ว่าแต่พี่จีนรู้ได้ไงอะ”

อย่าบอกนะว่าไปแอบกุ๊กกิ๊กกันถึงได้รู้น่ะ!

“แม่พี่บอกน่ะครับ ตอนย้ายมาใหม่ๆ พี่จีนเขาอาสามาช่วยขนของ คงเพราะเห็นแม่กับพี่ขนของเข้าบ้านกันแค่สองคน ตอนนั้นก็เลยได้รู้ว่าเป็นคนที่เคยถ่ายคลิปด้วยกันมาก่อนด้วย”

แหม… พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติเชียวนะ ถ่ายคลิปน่ะ

“อ้อ” ปุ่นพยักหน้าก่อนถามต่อ “พี่กฤษณ์อยู่เมืองนอกมาตลอดเลยเหรอ พูดไทยชัดจัง แล้วทำไมพี่ถึงมาเรียนต่อที่ไทยล่ะ”

“ตอนเด็กๆ พี่ก็เคยเรียนอยู่เมืองไทยพักหนึ่งนะ จนถึงห้าขวบได้มั้ง แถมที่เมืองนอก ตอนอยู่บ้านแม่ก็ให้พูดไทยตลอด ที่พี่ย้ายมาก็เพราะเบื่อพี่อิฐน่ะ ชอบแย่งแฟนพี่ แล้วก็ชวน Swinging1 อยู่เรื่อย พี่กลัวจะติดโรคเอาน่ะสิ” กฤษณ์หัวเราะร่วน ส่วนปุ่นไม่เข้าใจหรอกว่า ‘Swinging’ ที่ว่านั่นคืออะไรจึงได้ถามคำถามต่อไป

“แล้วพี่กฤษณ์ไม่คิดถึงแม่กับพี่บ้างเหรอ แล้วพ่อพี่กฤษณ์ล่ะอยู่ที่เมืองนอกด้วยรึเปล่า”

“คิดถึงสิ แต่มีน้องปุ่นมาอยู่ด้วยแบบนี้ก็หายเหงาแล้วแหละครับ”

“บ้าน่า…”

“ส่วนพ่อ… หย่ากันตั้งนานแล้ว พ่อพี่เป็นคนไทย ส่วนพ่อของพี่อิฐเป็นชาวอิตาลี นี่… อยากรู้เรื่องพี่ขนาดนี้ เตรียมตัวจะมาเป็นสะใภ้บ้านนี้รึไงกันครับ หืม?”

“ไม่ใช่สักหน่อย!”

จะมาเป็นลูกเขยบ้านนี้ต่างหากละ!

ได้ยินปุ่นปฏิเสธทันควันแบบนี้ กฤษณ์ก็มีสีหน้าผิดหวัง

“ข้าวเสร็จแล้วไปกินกันเถอะ”

“อืม” ปุ่นพยักหน้า รู้สึกว่าดีจังที่มีคนมาคอยเอาอกเอาใจแบบนี้

ทั้งอ้อมกอดอุ่น แผงอกกว้าง และเสียงทุ้มต่ำที่แสนอ่อนโยน ตอนแรกคิดว่าจะคล้ายๆ กับพี่ชายเสียอีก แต่พอได้ลองสัมผัสอีกครั้งถึงรู้ว่าให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปอย่างบอกไม่ถูก มันฟูๆ ฟ่องๆ เหมือนสายไหม แถมยังชวนจั๊กจี้หัวใจเหมือนมีอุ้งเท้าของแมวน้อยมาตะกุยอีกต่างหาก

มีความสุขชะมัดเลย…

มีบ้านสองชั้น หน้าตาดี รวย จูบเก่ง เขินน่ารัก ดูรักครอบครัว และมีพี่ชายเป็นถึงดาราฮอลลีวูด โพรไฟล์ดีอย่างนี้จะให้ปล่อยไปได้อย่างไร แบบนี้มันต้องจับให้อยู่หมัดสลัดไม่หลุด

เซ็กซ์ดีไม่ดีไม่ได้อยู่ที่ขนาด ส่วนสูงไม่มีผลในแนวราบ ไม่แน่… ปุ่นอาจจะงาบกฤษณ์เป็นเมียสำเร็จก็ได้ ใครจะรู้…






---------------------------------------------------------------------------

1 Swinging ในที่นี้หมายถึง การแลกคู่นอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:10:41 โดย wattana »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
« ตอบ #9 เมื่อ: 26-07-2018 13:29:29 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #10 เมื่อ26-07-2018 13:33:58 »

5



หลังจากนั้น วันที่ปุ่นคิดจะเอากฤษณ์มาเป็นเมียผ่านไป อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะลงตัวขึ้น เอเชียเลิกส่ายหน้าเอือมระอาหรือตำหนิปุ่นเมื่อรู้ว่ากฤษณ์ไปส่งที่มหาวิทยาลัยในวันที่คณะบัญชีปี 3 ไม่มีเรียน จีนยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสีหน้าดูเปี่ยมสุขขึ้น เซียเลิกตามจีบตามเย้าปุ่น ตอนนี้หันมาสนิทกับเขาราวกับเป็นพี่สะใภ้ และกฤษณ์นอกจากจะคอยเป็นสารถีไปส่งมหาวิทยาลัยในยามเช้าแล้ว ทุกวันนี้ยังปฏิบัติกับเขาราวกับเป็นคนรัก เผลอทีไรชอบเข้ามากอดมาคลอเคลีย แต่ถึงอย่างนั้นพอถูกรุกกลับบ้างกลับละล่ำละลักหน้าแดงหูแดงทำตัวไม่ถูกทุกครั้งไป

แถมเดี๋ยวนี้ ว่างเมื่อไหร่ปุ่นมักจะชอบไปขลุกอยู่ที่บ้านข้างๆ ทุกที เลยได้รู้ว่าอาหารฝีมือกฤษณ์นั้นอร่อยสมราคาคุยจริงๆ โดยปกติแล้วกฤษณ์มักจะออกไปทานข้าวนอกบ้านเลยไม่ค่อยซื้ออะไรมาติดตู้เย็นมากนัก แต่ตอนนี้มีคนตัวเล็กมาฝากท้องไว้อีกหนึ่งคน พี่ชายข้างบ้านคงจะซื้อวัตถุดิบมาแช่จนเต็มตู้เย็นแล้วกระมัง

ปุ่นนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง วันนี้ไม่มีคาบเรียนเขาจึงนอนส่องเฟซบุ๊กของกฤษณ์ที่ขอมาเมื่อสองวันก่อนอยู่ทั้งวัน

เขาคิดว่ากฤษณ์คงไม่ปิดบังเรื่องที่ตัวเองเป็นเกย์ เพราะเมื่อปีก่อนยังมีการตั้งสถานะคบหาเป็นแฟนกับผู้ชายอย่างโจ่งแจ้งอยู่เลย แต่ตอนนี้ทางสะดวก กฤษณ์ตั้งสถานะโสดมาได้สักพักหนึ่งแล้ว

ตัวเล็ก ปากแดง หน้าตาแฉล้มแช่มช้อย ปุ่นมองรูปคนที่กอดรัดเอวสอบ

ของกฤษณ์อย่างสนิทสนม

พี่แกคงชอบอะไรสไตล์นี้สินะ

ทั้งที่คนในรูก็จัดได้ว่าหน้าตาสวยพอๆ กับเซีย แต่ปุ่นกลับไม่รู้สึกสนใจเลยสักนิด ในสายตาเขา จะอย่างไรเซียก็มีเสน่ห์มากกว่าอยู่ดี

นี่สินะที่เขาเรียกว่าสวยแต่ไร้ซึ่งเสน่หา

ปุ่นลุกขึ้นมาส่องกระจก ตัวเล็ก ตาโต หน้าตาน่ารัก ถึงผมจะกระเซิงไปนิด ผิวดูไม่เด้งฉ่ำวาวแบบคนในรูป แถมขอบตายังดำคล้ำเพราะดูอนิเมะจนดึก แต่อย่างไรๆ ก็ยังน่ารักอยู่ดี

อื้ม.. น่ารัก พอคิดเข้าข้างตัวเองเสร็จสรรพก็กระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงต่อ พลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี

นิ้วเรียวสไลด์จอมือถือ เลื่อนผ่านจำพวกภาพหมู่ ภาพคู่กับผู้หญิง และแท็กชวนเที่ยวจากเพื่อนในเฟซบุ๊กที่ส่องอยู่ไปอย่างไม่ใคร่สนใจนัก สักพักก็ไปสะดุดตากับภาพภาพหนึ่งเข้า

เป็นภาพคู่เกือบเต็มตัว ผู้ชายที่ถ่ายด้วยกันยังคงเป็นคนเดิมที่ตั้งคบกัน มือใหญ่โอบเอวบางนั่นไว้อย่างแนบชิด คนตัวเล็กที่ถูกโอบอยู่นั้นหันหลังอยู่ เผยให้เห็นสะโพกงอนงาม คงเพราะเอวนั้นเล็กมากด้วยจึงทำให้ก้นดูใหญ่กว่าความจริง

ปุ่นลุกขึ้นมาส่องกระจกอีกครั้ง คราวนี้หันหลังแล้วเหลียวมามองที่ก้นของตัวเองผ่านกระจก

ไม่ไหวๆ จะมองอย่างไรก็เป็นหุ่นของเด็กผู้ชายธรรมดาๆ เท่านั้น

ปุ่นทิ้งตัวลงนอนอย่างผิดหวังเล็กน้อยกับก้นเล็กๆ ของตนเอง เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก็พบว่าบ่ายโมงแล้ว จึงคิดจะโทรหากฤษณ์เพื่อถามว่าวันนี้จะกลับกี่โมง

รอสายได้ไม่นานก็มีคนรับ แต่เสียงกลับไม่ใช่คนที่โทรหา

[ฮัลโหล ตอนนี้ไอ้แกริคไม่ว่างรับสายครับ]

ใคร ใครรับสาย ตอนที่กำลังงงงันอยู่ก็ได้ยินเสียงตะโกนว่า ‘ไอ้แกริค คนที่ชื่อนองพุนอะไรเนี่ยโทรมา N-o-n-g-P-u-n’ พร้อมทั้งสะกดคำให้ฟัง เจ้าของเครื่องคงจะเมมเบอร์เขาไว้ในชื่อ Nong Pun แน่ๆ

ปุ่นต่างหากละ น้องปุ่น ปุ่นเถียงอยู่ในใจ

[ฮัลโหล น้องปุ่นเหรอครับ โทรมานานรึยังครับ] คราวนี้เป็นเสียง

ของกฤษณ์ที่ฟังดูร้อนรนชอบกล

“พี่กฤษณ์เลิกเรียนกี่โมงน่ะ แล้วจะกลับบ้านเมื่อไหร่” เลือกไม่ตอบคำถาม แต่ถามเรื่องที่ตัวเองอยากรู้ในตอนแรกไป ส่วนเรื่องใครเป็นคนรับโทรศัพท์นั้น คิดว่าค่อยถามทีหลังจะดีกว่า ปุ่นเก็บอารมณ์คุกรุ่นไว้ในใจ

[เลิกเรียนแล้ว กำลังจะกลับเดี๋ยวนี้แหละครับ]

“โอเค งั้นผมไปรอที่หน้าบ้านพี่กฤษณ์นะ เร็วๆ ล่ะ” พูดจบก็ตัดสายทิ้งไป ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ต่อรองอะไร



ราวครึ่งชั่วโมงกฤษณ์ก็กลับมาถึงบ้าน ปุ่นที่ข้ามรั้วมานั่งรอที่หน้าบ้านของอีกฝ่ายอยู่ก่อนแล้วลุกขึ้นชี้หน้าพลางตำหนิว่า

“พี่กฤษณ์ ช้าอะ!”

กฤษณ์โยนกุญแจบ้านให้ปุ่นไปไข แล้วเข็นบิ๊กไบก์เข้าไปเก็บในโรงจอดรถพลางโอดครวญ

“โหย… ก็รถมันเยอะนี่ครับ”

ปุ่นไขกุญแจแล้วเข้าไปนั่งรอที่โซฟาในบ้าน วางกุญแจไว้ตรงโต๊ะตัวเตี้ยข้างหน้าโซฟา

“งอนอะไรอีกล่ะครับ” กฤษณ์ถามพลางนั่งลงข้างๆ พร้อมส่งน้ำเย็นๆ ที่รินใส่แก้วมาให้ ปุ่นรับแก้วมาวางไว้ที่โต๊ะข้างหน้าโซฟาแล้วว่า

“ก็เห็นพี่กลับช้า” แล้วหันไปดมหากลิ่นผิดปกติบนตัวของอีกฝ่าย จากนั้นจึงเค้นเสียง ‘ฮึ!’ ออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อไม่ได้กลิ่นใดๆ เลยนอกจากกลิ่นเหงื่อจางๆ จากร่างสูง

วันนี้ไม่ได้ใส่โคโลญจน์? ... ไม่น่าใช่

กฤษณ์ที่ชอบละล่ำละลักยามถูกปุ่นรุกใส่กลับเจ้าเล่ห์กว่าที่คิดงั้นเหรอ

ปุ่นรู้ตารางเรียนของกฤษณ์มาจากเอเชีย ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าเอเชียไปหามาจากไหน คงจะมีคนรู้จักเรียนอยู่คณะบัญชีปี 3 กระมัง และเพราะเหตุนี้เขาจึงรู้ว่า นี่มันเลยเวลาเลิกเรียนของกฤษณ์มาเกือบสองชั่วโมงแล้ว!

ทุกครั้งที่กฤษณ์กลับบ้าน มักจะมีกลิ่นหอมที่อ้างว่าเป็นกลิ่นโคโลญจน์ของตัวเองติดตัวมาด้วยเสมอ ปุ่นรู้ดีว่ามันไม่ใช่ เพราะตอนเช้าที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์อีกฝ่ายไปมหาวิทยาลัยเขาเองก็แอบดมจนเต็มปอด กลิ่นโคโลญจน์ในตอนเช้าไม่ได้มีกลิ่นหวานๆ แบบน้ำหอมของผู้หญิงเหมือนตอนขากลับจากมหาวิทยาลัยเลยสักนิด!

“มีอะไรรึเปล่า…” กฤษณ์ถามเสียงเบาหวิว

“พี่กฤษณ์อาบน้ำมาเหรอ ที่ห้องของคนที่รับโทรศัพท์ใช่ไหม”

“เอ๋? อ๋อ.. ใช่ครับ! ห้องของเพื่อนที่ชื่อเพชรน่ะครับ”

เพชรไหนไม่รู้จักเฟ้ย!

“ช่างเถอะ พรุ่งนี้เช้าโทรมาปลุกด้วยละกัน” ปุ่นบอกเช่นนี้เพราะไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี เขาคิดว่าไว้สัมพันธ์คืบหน้าเมื่อไหร่ค่อยบีบเค้นหาความจริงก็ยังไม่สาย

อีกไม่นานหรอก…

“เอ๋?” กฤษณ์ร้องเสียงสูง “เดี๋ยวสิครับ! พี่ยังไม่มีเบอร์น้องเลย”

ปุ่นเลยให้เบอร์กฤษณ์ไป ระหว่างข้ามรั้วกลับไปบ้านของตัวเอง เสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้น

‘Garrick ได้เพิ่มคุณเป็นเพื่อนจากหมายเลขโทรศัพท์’

คืนนั้น ปุ่นไลน์ถามเอเชียเรื่องเพื่อนของกฤษณ์ที่ชื่อเพชร เอเชียยืนยันกลับมาว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มของกฤษณ์จริงๆ แถมยังด่าลงท้ายมาอีกว่า ‘ไอ้บ้า! นี่แกไม่รู้จักเดือนมหา’ ลัยได้ไงวะ?!’

ดูรูปคนชื่อเพชรที่เอเชียส่งมาให้แล้ว ปุ่นก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นคนที่ใช้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงอย่างนั้น …แต่ก็ไม่แน่ มันอาจจะเป็นความชอบส่วนตัวก็ได้ ใครจะรู้



เช้าวันถัดมา กฤษณ์โทรมาปลุกตามคำสั่ง พร้อมทั้งขับรถไปส่งที่มหาวิทยาลัยเหมือนอย่างเคย เพราะอีกไม่กี่วันก็จะสอบกลางภาคแล้ว ปุ่นจึงไม่เก็บความขุ่นเคืองที่มีต่อกันมาคิดมาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแอบให้ความหวังและกระชับความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายอยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส

วันนี้หลังเลิกเรียน ปุ่นนัดทำงานกลุ่มที่หอพักของเพื่อนในคณะ งานนี้เป็นงานสุดท้ายก่อนสอบ ถ้าทำได้ดีมันจะเป็นคะแนนเสริมช่วยให้เกรดดีขึ้น ตอนเย็นเมื่อกลับบ้านมาแล้วเขาจึงขอพี่ชายไปค้างที่หอเอเชีย พร้อมเก็บเสื้อผ้ารวมทั้งข้าวของที่จำเป็นติดไปด้วย แต่เย็นวันนั้นจีนไม่ว่างไปส่ง เขาจึงจำต้องหอบกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นรถเมล์ไปหอพักเองอย่างเซ็งๆ

ทั้งห้าคนมารวมตัวกันที่ห้องของหัวหน้ากลุ่ม ประกอบด้วย เขากับเอเชีย ‘แนน ริน และพลอย’ เพื่อนผู้หญิงในคณะมัณฑนศิลป์ สาเหตุที่มาอยู่กลุ่มเดียวกันนั้นเป็นเพราะตอนอาจารย์บอกให้แบ่งกลุ่มพวกเขาได้นั่งอยู่ใกล้ๆ กันพอดีก็แค่นั้น แนนเป็นหัวหน้ากลุ่มที่มีความสามารถทุกคนจึงไว้วางใจมาก หลังคุยเล่นกันเพื่อผ่อนคลาย ออกหาอะไรกินเพื่อเป็นพลังงานจนหนำใจแล้วจึงเริ่มแบ่งหน้าที่กันหาข้อมูล

อาจารย์บอกว่า เพราะพวกเราเรียนสาขาการออกแบบนิเทศศิลป์ นอกจากเนื้อหาของข้อมูลจะต้องสมบูรณ์แล้ว รูปแบบงานนำเสนอก็ต้องทำออกแบบมาให้สมกับเป็นเด็กนิเทศศิลป์ด้วย เพราะเหตุนี้เอง พวกเขาจึงเสียเวลาช่วยกันออกแบบรูปแบบสไลด์ในพาวเวอร์พอยต์อยู่นาน

จนตีหนึ่งถึงได้ยอมแยกย้ายกลับที่พักของตัวเอง ตกลงกันว่าพรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ ค่อยมาทำต่อให้เสร็จ

งานกลุ่มแล้วเสร็จในคืนวันถัดมา พวกเขาดูผลงานที่ทำร่วมกันซ้ำไปซ้ำมาอย่างพอใจ หลังจากซ้อมพรีเซนต์กันจนมั่นใจแล้วถึงได้แยกย้ายกลับที่พักไปนอนด้วยความอ่อนล้า แต่แล้วปุ่นกลับต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะรู้สึกอึดอัดและเย็นวาบแถวๆ ซอกคอ

เจ็บ… จั๊กจี้จัง…

ปุ่นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เขาเห็นผู้ชายที่ไม่คุ้นหน้านั่งทับอยู่ตรงช่วงเอว ซ้ำร่างกายยังไม่มีแรงจะกระดิกกระเดี้ย

“อ๊ากกก!!!” ปุ่นกรีดร้องสุดเสียง พอขยับกายได้แล้วจึงฟาดฝ่ามือตบไปเต็มแรงเสียจนผู้ชายคนนั้นกลิ้งตกเตียง

“โอ๊ย… ปุ่น” เป็นเสียงของเอเชียที่ดังขึ้นพร้อมกับไฟในห้องที่ถูกเปิดสว่าง

ปุ่นมองเพื่อนที่ยืนกุมแก้มตัวเองอยู่ตรงสวิตช์ไฟ

“เอเชีย?”

“นอนดิ้นเหรอ” เอเชียถาม

“บ้า! ก็แกขึ้นมาทับฉัน ฉันก็ตกใจน่ะสิ”

“ฉันนอนของฉันอยู่ดีๆ ไปขึ้นทับแกตอนไหนวะ เจ็บ…” เอเชียพูดไปพลางนวดแก้มไปพลาง

“หรือว่าจะละเมอ?” ปุ่นกับเอเชียพูดพร้อมกัน พลันพูดจบก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ขนแขนลุกชัน ทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เอเชียโผร่างกระโดดขึ้นเตียงไปกอดปุ่น ปุ่นเองก็กอดกลับ ต่างฝ่ายต่างกอดกันแน่น

“จะ..จะชะ…ชะ…ใช่ผีที่แกเคยบอกไหมวะ ที่แกเคยบอกว่าโดนอำน่ะ ตอนมันนั่งทับ ฉันว่าหน้ามันไม่…เหมือนแกเท่าไรเลย แกต้องโดนมันสิงแล้วแน่ๆ” ปุ่นพูดติดอ่าง ตัวก็สั่นงกเงิ่น

“ไม่รู้ดิ แต่พักนี้ฉันเองก็ละเมอบ่อยๆ เหมือนกัน อาจจะ…” เอเชียหยุดพูด หันมามองหน้าปุ่นก่อนจะเปลี่ยนเรื่องสนทนา “นอนต่อดีกว่าเนอะ พรุ่งนี้มีพรีเซนต์เช้าด้วย”

ปุ่นพยักหน้า จากนั้นพวกเขาก็หลับไปทั้งที่ไฟในห้องยังเปิดสว่างโร่ เจอแบบนี้เข้า ใครมันจะไปกล้าปิดไฟนอน



รุ่งเช้า ปุ่นตื่นขึ้นมาเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยอย่างไม่แจ่มใสนัก เพราะเมื่อคืนกลัวจนนอนไม่ค่อยหลับ ตอนนี้จึงง่วงเหงาหาวนอนและปวดหัวจี๊ดๆ เป็นที่สุดตรงคอที่โดนกัดก็เป็นรอยจ้ำสีแดงหลายรอยจนต้องกลัดกระดุมถึงเม็ดบนเพื่อปิดเอาไว้

“นี่คงไม่ได้แกล้งกันแบบคราวที่แล้วหรอกนะเว้ย” ปุ่นที่ยืนส่องกระจกอยู่ว่า

“บ้านแกสิ!” เอเชียแหวกลับทันที “ตอนนั้นฉันกัดแค่เบาๆ ไม่ได้ทิ้งรอยอะไรไว้สักหน่อย แต่ก็ขอโทษแหละที่นอนละเมอไปกัดแกเข้า”

“นั่นนอนละเมอหรือโดนสิง หน้าแกดูบวมมากเลยนะตอนนั้นน่ะ…” พูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกหลังคอเย็นวาบจึงยกมือขึ้นลูบ

“บวมสิ! ก็แกเล่นตบมาซะขนาดนั้น” เอเชียเดินเบียดเข้ามาส่องกระจก ตรวจดูแก้มซ้ายที่ดูเหมือนจะบวมขึ้นมาหน่อยๆ “ดีนะที่แกแรงน้อยเลยเห็นรอยไม่ค่อยชัด”

“ขอโทษ… แต่หมายถึงเมื่อคืนต่างหากละที่ว่าบวม”

ถึงเมื่อคืนจะมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น แต่วันนี้งานกลุ่มของพวกเขาได้รับคะแนนสูงสุดในชั้นปี สร้างความภาคภูมิใจแก่พวกเขาเป็นอย่างมาก ปุ่นอารมณ์ดีจนเลิกคิดถึงเรื่องเมื่อคืน รีบโทรไปอวดกฤษณ์แล้วตบท้ายให้พาไปเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวทันที




“ตรงคอนั่นรอยอะไร” กฤษณ์ถามเสียงขุ่น ปุ่นยกมือขึ้นลูบรอยนั้นด้วยท่าทีไม่อินังขังขอบ

“ผีกัด” ตอบแล้วก็ก้มหน้าก้มตาส่องเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ ‘Garrick Grey’ ต่อเพื่อเป็นการฆ่าเวลาระหว่างรอก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ

“อ๋อ…” กฤษณ์ลากเสียงยาวราวกับประชดประชัน “ที่ไม่กลับบ้านวันสองวันนี่คือไปให้ผีกัดมาเหรอครับ”

“ผมไปทำงานกลุ่มมาต่างหากละ ส่วนรอยนี่เพื่อนมันนอนละเมอมากัดเอา เจ็บนะเนี่ย” ปุ่นตอบคนที่นั่งจับผิดอย่างหงุดหงิดน้อยๆ ในใจ คนกำลังอารมณ์ดีๆ อยู่เชียวมาหาเรื่องกันได้

“น้องปุ่นไม่ระวังตัว มองยังไงมันก็รอยจูบชัดๆ” เสียงราวกับตัดพ้อ “พี่เป็นห่วงนะครับ”

“หึงละสิ?”

“หึง…” กฤษณ์พูดเสียงเบาหวิว ทั้งแก้มและติ่งหูแดงระเรื่อ “แต่จะทำอะไรได้...”

…โคตรน่ารักเลยว่ะ ทั้งๆ ที่ตัวโตออกขนาดนี้ แต่กลับให้ความรู้สึกว่าน่ารักไปเสียได้

“งั้น... ลองแสดงความเป็นเจ้าของดูดีปะ” ปุ่นถามพลางจ้องมองเข้าไปในตาของอีกฝ่าย มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างมีเลศนัย ระหว่างที่กฤษณ์อึ้งงันไปชั่วครู่ ก๋วยเตี๋ยวสองชามใหญ่ก็ถูกเด็กเสิร์ฟเอามาวางตรงหน้า

“แสดงความเป็นเจ้าของเหรอครับ ได้เหรอ” กฤษณ์ถามพลางเหลือบมองปุ่นที่กำลังตักพริกใส่ก๋วยเตี๋ยว นั่นช้อนที่สามเข้าไปแล้ว

“แน่สิ” ปุ่นพยักหน้า “ตั้งคบกันในเฟซเป็นไง”

“อ๋อ... เอาสิครับ แต่คบแล้วก็อย่านอกใจพี่นะ” กฤษณ์คลี่ยิ้มกว้าง ปุ่นมองแล้วก็เผลอเคลิ้มไปชั่วขณะ คิดว่า พี่กฤษณ์นี่หล่อจังเลยน้า…

“พี่กฤษณ์นั่นแหละ อย่านอกใจผมก็แล้วกัน”

เย็นวันนั้นเฟซบุ๊กชื่อ Garrick Grey ตั้งสเตตัสเป็นแฟนกับวาโย นิลพรรณ มีคอมเมนต์หลักร้อยและคนกดไลก์กดแสดงอารมณ์อีกมากมายจนปุ่นตกใจ

เขาไม่คิดว่ากฤษณ์จะดังขนาดนี้



“เฮ้ยปุ่น! ไปเป็นแฟนกับพี่กฤษณ์ตอนไหนเนี่ย เร็วจริงๆ เลยนะ” เอเชียถามพลางนั่งลงข้างๆ ปุ่นที่กำลังอ่านทบทวนวิชาที่จะสอบเช้านี้ เมื่อวานพี่กฤษณ์ส่งเขากลับบ้าน เมื่อคืนเลยไม่ได้ไปติวกับเอเชีย ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีห้องสอบก็จะเปิดให้นักศึกษาเข้าไปประจำที่แล้วด้วย

“เมื่อวาน ตั้งคบในเฟซเฉยๆ ยังไม่ได้เป็นอะไรกันหรอกมั้ง” ปุ่นตอบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:14:05 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #11 เมื่อ26-07-2018 13:34:49 »

“ดังใหญ่แล้วนะเว้ย นี่เขาหากันใหญ่ว่า ‘วาโย นิลพรรณ’ นี่คือใคร แถมแกยังตั้งหน้าโพรไฟล์เป็นรูปปิ๊กกาจูอีก เด็กเอ๊ย…”

“เออ… โคตรตกใจเลยเมื่อวาน แจ้งเตือนเด้งทั้งคืนเลย บางคนถึงกับอิน-

บ็อกซ์มาถามว่าไปเป็นแฟนกับแกริคตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วย” ปุ่นทำหน้าเหยเกเหมือนจะร้องไห้

“เห็นที่พี่กฤษณ์ไปตอบคอมเมนต์ที่หาว่ามาตั้งคบหลอกๆ ไหม ‘นี่แฟนผมจริงๆ ครับ’ เฮ้ย… โคตรหล่อเลยว่ะ” เอเชียพูดพร้อมกับดัดเสียงให้ใหญ่ตรงประโยคที่ว่า ‘นี่แฟนผมจริงๆ ครับ’ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“บ้าละ” ปุ่นแก้มแดงระเรื่อ รีบเสไปคุยเรื่องอื่น “คืนนี้ไปติวห้องแนนกันไหม บอกพวกแนนไว้แล้วว่าจะไปค้างด้วย”

“แล้วแนนโอเคเหรอ นี่พวกเราเป็นผู้ชายนะ”

“โอเคสิ ฉันบอกว่าพวกเราเป็นเกย์ แล้วรินกับพลอยก็จะมาค้างด้วย ฉันไม่นอนห้องแกแล้วนะ กลัวผี”

“เอาสิ ว่าแต่แกเป็นเกย์ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย อ๊ะ... อาจารย์เปิดห้องแล้ว ไปกันเถอะ”

“นั่นสิ”

เอเชียกับปุ่นลุกขึ้น หยิบบัตรนักศึกษาที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเพื่อใช้แสดงตัวก่อนเข้าห้องสอบ

ถ้าอยากได้ผู้ชายมาเป็นเมียแบบนี้ก็คงต้องเป็นเกย์แล้วละมั้ง

ไม่เป็นไร ยอม!



สิ้นสุดการสอบวันสุดท้าย

ช่วงเวลาสุดโหดผ่านพ้นไปแล้ว อ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำมาหลายคืน พลังงานถูกใช้ไปเกือบหมดสิ้น ปุ่นอยากกลับบ้าน ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มๆ เต็มแก่ แต่จีนที่บอกจะมารับดันติดธุระ (อีกแล้ว) วันนี้ปุ่นไม่อยากขึ้นไปนั่งสัปหงกบนรถเมล์ จึงกะว่าจะไปขอกฤษณ์ติดรถกลับบ้านด้วยคน

‘ว่าแต่พี่กฤษณ์สอบอยู่ที่ตึกไหนล่ะ’ เขาหันไปถามเอเชีย

เอเชียพาปุ่นมาที่หน้าห้องที่กฤษณ์สอบอยู่ ตอนที่กำลังหันรีหันขวางหาที่นั่งอยู่ก็ได้ยินเสียงคนเรียกขึ้นมา

“เอเชีย ทางนี้ๆ” ผู้ชายรูปร่างมาดแมนคนหนึ่งตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงเล็กแหลมที่ฟังดูแล้วเหมือนจงใจทำ เอเชียพาปุ่นไปหาผู้ชายคนนั้นที่นั่งอยู่กับผู้หญิงหน้าตาสะสวยอีกคนหนึ่ง ตรงนั้นมีเก้าอี้ว่างอยู่อีกสองที่พอดี

“นั่งก่อนค่ะน้องๆ” ผู้ชายคนนั้นกล่าวอย่างมีจริตจะก้านก่อนเสริมว่า “อย่าตกใจในไรหนวดของพี่นะคะ ช่วงนี้สอบ ไม่มีเวลามาดูแลหนังหน้าอันบอบบาง”

ได้ยินแล้วปุ่นก็แทบจะปล่อยขำพรืดออกมา การคบกับเพศที่สามทำให้อารมณ์ดีแบบนี้นี่เอง

“ปุ่น นี่พี่ชัยกับพี่ใหม่” เอเชียแนะนำ

“อ๊ายยย!” จู่ๆ ผู้ชายที่ถูกแนะนำตัวว่าชื่อ ‘ชัย’ ก็กรีดร้องขึ้นมา “ชายนี่ย่ะ! พี่ชายนี่!” พร้อมแนะนำชื่อเสียงเรียงนามใหม่

“สวัสดีครับ” ปุ่นกล่าวทักทายพลางพยายามกลั้นขำอย่างสุดความสามารถ

“นี่น้องปุ่นที่เล่าให้ฟังใช่ไหม หน้าตาน่ารักมากเลย เห็นแล้วอยากอดอยากฟัดอยากรัดชะมัดเลยอ้า! ...” ‘ใหม่’ พูดพลางตบอกตัวเองเบาๆ ทำท่าเหมือนคนหัวใจจะวายเสียให้ได้

“ขอบคุณครับ” ปุ่นกล่าวขอบคุณเบาๆ รู้สึกเคอะเขินเหมือนกันที่มีผู้หญิงสวยๆ มาชมต่อหน้าแบบนี้

“คราวนี้ไอ้แกริคเปลี่ยนแนวเว้ย!” ‘ชายนี่’ ทำท่าตกอกตกใจก่อนถาม “นี่น้องแอ๊บแมนอยู่รึเปล่าคะ”

“เปล่านี่ครับ เอ่อ… แล้วพี่กฤษณ์ พี่แกริคล่ะครับ ยังไม่ออกมาเหรอ”

ปุ่นถามพลางมองไปที่ประตูห้องสอบ

“ยังเลยน้อง แต่พวกพี่สองคนน่ะเทพมาก แข่งกันออกเร็วตลอดแหละ เนอะ” ใหม่ตอบด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ชายนี่ก็เชิดหน้าอย่างภาคภูมิด้วยเช่นกัน

“ฉันขอตารางเรียนพี่กฤษณ์ของแกมาจากพวกพี่เขานี่แน่ะ” เอเชียบอก

“เมื่อวานเห็นตั้งเป็นแฟนกันในเฟซ ใช่น้องไหม” ใหม่ถาม ปุ่นพยักหน้าพลางตอบ ‘ครับ’

“ดีแล้วค่ะ ขืนไม่รีบเดี๋ยวตุ๊ดบัญชีจะลากลงไปกินในน้ำซะก่อน ไม่ใช่พี่ค่ะ น้องปุ่นอย่ามองพี่อย่างนั้นสิคะ” ชายนี่โบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวันเมื่อเห็นสายตาคมกริบของปุ่นมองมา ใหม่สะกิดแขนของปุ่นแล้วเริ่มอธิบาย

“คืออย่างนี้น้อง ปกติแล้วไอ้แกริคมันชอบตุ๊ดชอบกะเทยตัวเล็กๆ น่ะ มันบอกว่าดูนุ่มนิ่มอ่อนหวานเหมือนผู้หญิงเหมือนรักแรกของมันดี แต่มันไม่ชอบผู้หญิงไง ชะนีอย่างพี่ก็เลยนก ทีนี้ตอนปี 2 มันก็ไปคบกับตุ๊ดที่ชื่อตาน้อย คือพวกพี่ไม่ชอบตุ๊ดนางนี้มากๆ นางเคยแย่งแฟนน้องชายพี่ พี่เลยแค้นฝังหุ่น แบบตอนนั้นโคตรดีใจเลยเนอะที่เลิกกันได้” ชายนี่พยักหน้าสนับสนุนคำพูดของเพื่อน “ที่เลิกกันก็เพราะนางไปได้ผู้ชายใหม่ หน้าตาหล่อใสกว่า อ๊ปป้ากว่า ไฮโซกว่า แต่ตอนนี้คงเลิกกันแล้วมั้ง นางถึงได้กลับมาวอแวไอ้แกริคแบบนี้ พี่เห็นแล้วรำคาญลูกตามาก… แฟนพี่ที่อยู่ก๊วนเดียวกับไอ้แกริคก็ไม่ค่อยชอบนางนะ เห็นบอกว่านางชอบอ่อยผู้ชายไปทั่ว นิสัยก็โอ๊ย… อวดร่ำอวดรวย ชอบเอาหน้า” ใหม่ร่ายยาว ส่วนปุ่น

สติลอยไปไกลตั้งแต่ได้ยินคำว่ากฤษณ์ชอบตุ๊ดแล้ว

“เอ่อ… คนที่ชื่อตาน้อยที่พี่ว่านี่ ได้ใช้น้ำหอมกลิ่นหวานๆ ไหมครับ”

ปุ่นถามเมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าขากลับจากมหาวิทยาลัยทีไร กฤษณ์ชอบมีกลิ่นแบบนี้ติดตัวมาทุกที

“พี่ไม่รู้หรอกว่ามันใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร แค่หน้ายังไม่อยากจะชายตาแลเลย ขืนได้กลิ่นน้ำหอมของมันอีก พี่คงกินข้าวไม่ลงไปหลายวันแน่ๆ” ใหม่ตอบอย่างฉุนเฉียว คงจะเกลียดเข้ากระดูกดำจริงๆ

“พูดถึงก็มาเลยค่ะ โน่นไง” ชายนี่วาดนิ้วชี้ไปทางหน้าห้อง ปุ่นหันไปมองก็เห็นผู้ชายตัวเล็กๆ ก้นใหญ่ๆ คนหนึ่งกำลังด้อมๆ มองๆ อยู่ตรงประตู คงกำลังมองหากฤษณ์ผ่านกระจกตรงประตูอยู่กระมัง

เป็นคนคนเดียวกับในรูปที่ถ่ายคู่กับกฤษณ์ และที่กฤษณ์ตั้งคบเมื่อปีที่แล้วในเฟซบุ๊ก

คนที่มีก้นใหญ่ๆ คนนั้น…

ปุ่นเผลอลดมือลงไปลูบที่สะโพกของตัวเองแล้วก็คิดว่า แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปสู้เขาได้วะ

“อย่าทำหน้าเหมือนยอมแพ้อย่างนั้นสิคะ” ชายนี่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สู้ๆ นะคะเกย์ ตุ๊ดกับชะนีเอาใจช่วยอยู่”

ชายนี่กับใหม่ชูกำปั้นพลางจ้องมาที่ปุ่นเขม็ง ราวกับจะส่งพลังนักสู้อันเปี่ยมล้นมาให้

“ลุยเลยปุ่น พี่กฤษณ์ออกมาแล้ว” เอเชียตีมาที่แขนของเขา พอหันไปมองที่หน้าห้องสอบ ก็เห็นกฤษณ์ออกมาแล้วจริงๆ แถมคนที่ชื่อตาเล็กตาน้อยอะไรนั่นยังเข้าไปคล้องแขนทำท่าออเซาะแล้วเรียบร้อย

“น่าหมั่นไส้มากค่ะ ชายนี่ทนเห็นไม่ได้” ชายนี่กัดผ้าเช็ดหน้าลายหัวใจพร้อยพลางทำท่าร่ำไห้

“ไปสิ” เอเชียเร่ง ปุ่นลุกขึ้นอย่างฮึกเหิม รีบวิ่งไปหากฤษณ์ ครั้นเมื่อใกล้ถึงจุดหมายก็เหมือนสะดุดกับอะไรบางอย่างเข้าจนเสียหลัก เคราะห์ดีที่กฤษณ์รับไว้ทัน เขาจึงโผล้มไปในอ้อมอกกว้างเต็มแรง

“เป็นอะไรไหมครับ” กฤษณ์ถาม

“ขอโทษ…” ปุ่นพูดเสียงเบาหวิว พอหันไปมองตรงโต๊ะที่ตัวเองจากมา เห็นเอเชียและรุ่นพี่อีกสองคนชูนิ้วโป้งให้ หน้าก็พลันแดงระเรื่อขึ้นมา

สาบานได้เลยว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำมารยาสาไถยใส่แต่อย่างใด แต่… ผลออกมาอย่างนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

“น้องปุ่น? นี่มาหาพี่เหรอครับ” กฤษณ์ถาม สีหน้าดูมีความคาดหวังจน

ปุ่นนึกอยากแกล้ง แต่ตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะทำแบบนั้นเท่าไรเพราะคู่แข่งหัวใจยังอยู่ใกล้ๆ

ตอนนี้ยังแกล้งแหย่ให้พี่กฤษณ์เสียใจไม่ได้ ขืนพี่แกงอนแล้วประชดไปควงคนที่ชื่อตาน้อยนั่นขึ้นมาจะแย่เอา ปุ่นวิเคราะห์อย่างใช้ตัวเองเป็นบรรทัดฐาน

“ใช่ วันนี้ผมกลับด้วยคนนะ” ปุ่นพูดพลางช้อนตาขึ้นมองอย่างออดอ้อน

“ไม่มีปัญหาครับ”

“เอ่อ… ถ้ากฤษณ์ไม่ว่าง ตาน้อยนั่งรถเมล์กลับเองก็ได้นะ” ตาน้อยพูดขึ้นมาอย่างน่าสงสาร ทำหน้าตาอ้อยส้อยสลดหดหู่

“ไม่เป็นไร กฤษณ์เอารถยนต์มา เดี๋ยวกฤษณ์ไปส่งตาน้อยที่คอนโดฯ ก่อนก็ได้ แค่นี้เอง” กฤษณ์พูด ปุ่นลอบเบ้ปาก

รู้สึกขัดหูขัดใจอย่างไรชอบกลตอนได้ยินตาน้อยเรียก ‘กฤษณ์’ ทั้งๆ ที่ชายนี่กับใหม่ก็เรียกแกริคแท้ๆ แต่หมอนี่กลับเรียกกฤษณ์ เรียกชื่อที่มีเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้

ไหนบอกว่าไม่บอกใครว่าชื่อกฤษณ์ไงล่ะ?!

ปุ่นรู้สึกว่ายอมไม่ได้ เอเชียเองก็เรียกกฤษณ์ว่าพี่กฤษณ์ตามเขาเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้สึกขัดแต่อย่างใด แล้วยังไอ้ประโยค ‘กฤษณ์เอารถยนต์มา’ อะไรนั่นอีก น่ารักตายละ กฤษณ์อย่างนั้น กฤษณ์อย่างนี้

“พอดีเลย ผมจะได้แวะหอเอเชียไปเอาเสื้อผ้าด้วย ที่หอซอย S” ปุ่นบอก

“แต่ตาน้อยอยู่ซอย M นะ” ตาน้อยพูดแทรก “กฤษณ์ไม่ต้องไปส่งตาน้อยให้เสียเวลาก็ได้”

โว้ย! ซอย S กับ ซอย M มันอยู่ติดกันแค่นี้เองไหม?!

ไม่เข้าใจเลยว่าจะทำท่าทางดราม่าน่าสงสารไปทำไม พี่ชายข้างบ้านของเขาไม่ได้ลำบากลำบนขนาดนั้นหรอก

“เสียเวลาอะไร นี่สอบเสร็จแล้ว ปิดเทอมแล้ว เวลาเหลือเฟือ” กฤษณ์บอกอย่างร่าเริง เหมือนกับพยายามจะปลอบใจคนเศร้า

ก็ปิดแค่สิบกว่าวันเองเหอะ

“เอาอย่างนี้นะ กฤษณ์ไปส่งน้องเขาก่อนดีกว่าไหม ให้น้องเขาเก็บเสื้อผ้าไว้ จะได้ไม่เสียเวลากฤษณ์” คนชื่อตาน้อยเสนอความคิด

กับอีแค่เก็บเสื้อผ้ามันจะเสียเวลาอะไรนักหนา ของทุกอย่างเก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อยหมดแล้วเหอะ

“อืม…” กฤษณ์ทำท่าครุ่นคิด “คือหมายถึงทิ้งให้น้องปุ่นเก็บเสื้อผ้าที่หอเพื่อน ระหว่างนั้นกฤษณ์ก็ไปส่งตาน้อย”

“อื้ม ซอย S ถึงก่อนซอย M ด้วย”

ถึงก่อนถึงหลังก็ต้องวกกลับรถถนนใหญ่อยู่ดี บ้านไม่ได้ผ่านแถวนั้นสักหน่อย

“ตกลงกันก่อนเนอะว่าจะเอายังไง เดี๋ยวผมไปหาเอเชียก่อน” ปุ่นว่าพลางโบกไม้โบกมืออย่างเซ็งๆ เดินไปหาเพื่อนอย่างเหนื่อยหน่าย ลำพังแค่รู้ว่ากฤษณ์ชอบตุ๊ดก็ช็อกโลกแล้ว ยังจะต้องมาช็อกกับมารยาสาไถยแบบนางร้ายในละครไทยหลังข่าวอีก

“ไหวนะคะน้อง” ชายนี่ถามอย่างร้อนรนเมื่อเห็นปุ่นเดินมาหาที่โต๊ะโดยทิ้งสองคนนั้นให้อยู่กันตามลำพัง

“ไม่ไหวก็หาใหม่พี่” ปุ่นกลอกลูกตา ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ไม่คิดจะตัดใจง่ายๆ หรอก อย่างไรเสียกฤษณ์ก็ต้องเป็นของเขา! ของเขาคนเดียวเท่านั้น!

“ต๊าย! อย่าเพิ่งยอมแพ้สิคะ”

“สู้ๆ น้อง” ใหม่ให้กำลังใจ เอเชียพยักพเยิดหน้าให้ปุ่นเมื่อเห็นกฤษณ์เดินมาหา

“น้องปุ่น ปะ” กฤษณ์ชวน

“ตกลงกันเรียบร้อยแล้วเหรอ” ปุ่นถาม

“ครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งน้องปุ่นที่หอเพื่อนก่อน ให้น้องปุ่นเก็บเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ระหว่างนั้นพี่จะไปส่งตาน้อยที่ส่งคอนโดฯ”

เดี๋ยวๆ ๆ นี่หมายความว่าจะทิ้งผมไว้ แล้วตัวเองก็ไปมุ้งมิ้งกับแฟนเก่าสองคนน่ะเหรอ

เอเชียเห็นท่าไม่ดี ลุกขึ้นมากอดคอปุ่นแล้วถาม

“งั้นฉันขอติดรถไปด้วยคนนะปุ่น ได้ไหมพี่ ผมจะได้ไปช่วยปุ่นเก็บเสื้อผ้าด้วย เผื่อพี่ไป ‘นาน’ ปุ่นจะได้ไม่เหงา” เขาเน้นคำว่านานเป็นพิเศษเพราะจงใจประชดประชัน

“ไม่ ‘นาน’ หรอกครับ ถ้ากลัวนานนักเดี๋ยวพี่ไปช่วยเก็บด้วยก็ได้” กฤษณ์ตอบกลับอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“ก็ดีครับ” เอเชียยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

พอถึงเวลาไปส่งทุกคนจริงๆ กฤษณ์กลับขับเลยซอย S แล้วเลี้ยวเข้าซอย M ไป คงจะส่งตาน้อยกลับคอนโดฯ ก่อน

ตาน้อยทำสีหน้างงงัน หันไปถามเจ้าของรถว่า

“มาส่งตาน้อยก่อนเหรอ”

ปุ่นกับเอเชียที่นั่งอยู่เบาะหลังลอบยิ้มให้กันเงียบๆ ปุ่นยิ้มอย่างสะใจเป็นพิเศษ …ว่าที่เมียของเขาคนนี้ ใครก็ห้ามแตะ!

ที่สำคัญนอกเหนือจากชัยชนะที่ป้องกันไม่ให้กฤษณ์ได้อยู่กับ ‘แฟนเก่า’ สองต่อสองได้ในครั้งนี้ ปุ่นยังรู้ตัวเจ้าของกลิ่นน้ำหอมหวานๆ นั่นแล้ว เป็นตาน้อยอย่างที่คิดไม่ผิด ยิ่งนั่งอยู่ในรถด้วยกันแบบนี้ ยิ่งได้กลิ่นอบอวลชัดเจนจนน่าเวียนหัว

ครั้นเมื่อถึงหอที่เอเชียพักอยู่ กฤษณ์ก็เดินตามติดปุ่นแจ เอเชียท่าทางอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องยอมให้คนนอกที่ไม่สนิทเข้ามาในห้องของตนเอง ปุ่นเห็นกฤษณ์ที่หิ้วกระเป๋าให้หันไปปรายตามองเอเชียปราดหนึ่งเหมือนประเมินศัตรูคู่อาฆาต พอออกจากหอมาก็ถามทันที

“ช่วงสอบน้องปุ่นนอนค้างที่นี่เหรอครับ กับคนคนนั้น”

“ไม่ใช่หรอก ไปนอนกับเพื่อนคนอื่นนู้น แต่กลับมาอาบน้ำที่นี่ คือเพื่อนที่ไปนอนค้างด้วยเขาเป็นผู้หญิง แล้วก็ไปค้างกันหลายคนเลยกลัวอาบน้ำช้ากัน” ปุ่น

อธิบายให้กฤษณ์หายเคลือบแคลง

เอเชียนั้นประหนึ่งกามเทพ ไม่ใช่ศัตรูหัวใจสักหน่อย

“อ๋อ”

“รู้แล้วก็เลิกหึงด้วย”

“ก็คนมันหึงนี่ครับ แล้วนี่สอบเสร็จไม่ไปฉลองกับเพื่อนเหรอ”

“ไม่อะ พวกผมฉลองกันตอนสอบไฟนอลทีเดียวเลย อีกอย่างเอเชียจะกลับบ้านด้วย”

“ถ้างั้นไว้ไปกับพี่นะครับ แต่ไม่รู้ว่าจะฉลองเมื่อไหร่ ยังไม่ได้นัดกันเลย”

“ผมไม่รู้จักใครสักหน่อย จะไปทำแมวอะไร”

“รู้จักพี่คนเดียวก็พอแล้วนี่ครับ”

“บ้า…” ปุ่นตีไปที่ต้นแขนของอีกฝ่ายที่ยิ้มร่า

ศัตรูหัวใจของเขาไม่ใช่เกย์ ไม่ใช่ทั้งผู้ชาย และไม่ใช่ทั้งผู้หญิง แต่เป็นเพศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยากที่จะเลียนแบบได้

‘นุ่มนิ่มอ่อนหวานเหมือนผู้หญิง’ แถมยัง ‘ก้นใหญ่’ ยากไป… ถ้าแค่ตัวเล็กหน้าตาน่ารักก็ยังพอไหว แบบนี้ลักษณะภายนอกคงสู้ไม่ได้แน่ๆ

เห็นที… เขาจะต้องรีบรวบหัวรวบหางกฤษณ์ให้ได้โดยไวเสียแล้ว คิดได้อย่างนั้น ปุ่นก็คลี่ยิ้มเย็นยะเยือก




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:15:55 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #12 เมื่อ26-07-2018 13:35:51 »

6


“ปุ่น ปิดเทอมแล้วเหรอ” จีนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ถามปุ่นที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่กับพื้น

“อื้ม ปิดสิบกว่าวัน ทำไมเหรอ”

“ก็เปล่า… เห็นเราไม่ไปเรียน แล้วพื้นมันสะอาดนักรึไง ถึงลงไปนอนยังงั้นน่ะ”

“สะอาดสิ ก็พี่จีนถูแล้วเมื่อเช้า แล้วอ่านอะไรอยู่เหรอ อย่าบอกนะว่าอ่านผลงานตัวเองอยู่น่ะ” ปุ่นถาม ลุกขึ้นเดินไปเท้าแขนที่พนักพิงโซฟาจากด้านหลัง จีนเหลียวหลังมามองแล้วตอบว่า

“ผลงานเพื่อนนักเขียนที่ประสบอุบัติเหตุน่ะ ทางสำนักพิมพ์จะให้พี่ลงเขียนในโพรเจกต์ฟลาวเวอร์แทน เลยส่งผลงานมาให้ศึกษาดูก่อน”

“โพรเจกต์ฟลาวเวอร์ คราวนี้พล็อตเรื่องเกี่ยวกับอะไรอะ”

“เป็นนิยายบอยเลิฟน่ะ ความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย บ.ก.บอกว่าทีมห้าคนมีพี่เป็นผู้ชายอยู่คนเดียว ส่วนเกี่ยวกับอะไรพี่เองก็ยังไม่ได้คุยกับนักเขียนคนอื่นเหมือนกัน ยังไม่เห็นหน้ากันด้วยซ้ำ”

“ความรักผู้ชายกับผู้ชาย” ปุ่นเห็นจีนมีท่าทีสบายๆ ก็นึกสงสัย ผลงานส่วนใหญ่ของจีนจะเป็นแนวสืบสวนสอบสวน ไม่ก็แนวลึกลับขนหัวลุก ไม่ยักเคยเห็นจำพวกรักหวานแหววเลยสักครั้ง แล้วอย่างนี้พี่ชายเขาจะเขียนได้เหรอ เขาอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ ถ้างานของพี่ชายขายไม่ออก ก็เท่ากับไม่มีอะไรกินเลยนะ!

“ก็ท้าทายดี พี่เองก็เป็นเกย์อยู่แล้วด้วย น่าจะมีข้อมูลอ้างอิงเยอะอยู่”

ปุ่นพยักหน้าเข้าใจความคิดของพี่ชาย เห็นท่าทางมั่นใจแบบนี้แล้วเขาก็สบายใจ คิดไปว่าคงไม่อดตายแล้วแหละ แต่ถ้าถึงวันที่ต้องอดอยากขึ้นมาจริงๆ ว่าที่ภรรยาข้างๆ บ้านของเขาก็ยังอยู่ จะต้องกลัวอะไรเล่าเนอะ

“พี่จีน ถามอะไรอย่างหนึ่งได้ปะ”

“ว่ามา”

“มีเซ็กซ์ครั้งแรกกับผู้ชายนี่ต้องทำยังไง”

“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่า… ตั้งสเตตัสคบกันวันเดียวก็จะเอากันแล้วน่ะ!?” จีนขึ้นเสียงทันควัน ทำเอาปุ่นตกใจ

“ไม่ได้เหรอ…” ปุ่นทำตาละห้อย พูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออย่างน่าสงสาร จีนกระแอมเบาๆ ก่อนพูดว่า

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร โตแล้วดูแลตัวเองได้ แค่ตกใจว่าทำไมเร็วอย่างนี้ หืม?” พร้อมกับยื่นมือมาดีดที่หน้าผากของน้องชายตัวดีดัง ‘ป๊อก’ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ็บอะไร

“ก็กลัวคนอื่นคาบไปกินนี่นา พี่จีนไม่รู้อะไร เมื่อวานผมเจอแฟนเก่าพี่กฤษณ์ด้วย คนอะไรไม่รู้สุดยอดมารยาเลย ผมกลัวถ่านไฟเก่ามันจะคุอะ!” ปุ่นพูดแล้วก็ทำปากเบ้ ใครจะยอมให้เหยื่ออันโอชะของตนถูกฉกไปได้ง่ายๆ กัน ฝันไปเถอะ!

“แฟนเก่า? ใช่คนที่ชื่อตาเล็กตาน้อยอะไรนั่นรึเปล่า”

“ใช่ พี่จีนรู้จักเหรอ เล่ามาให้หมดเลยนะ” ปุ่นปีนขึ้นมาบนพนักพิงโซฟา ข้ามไปนั่งข้างๆ จีนแล้วหรี่ตามองพี่ชายเหมือนเป็นการเร่ง ‘ให้เล่ามาไวๆ’

“ไอ้กฤษณ์มันเคยพามากินเหล้าด้วยครั้งหนึ่ง หน้าตาสวยใช้ได้เลยนะ” จีนเริ่มเล่า

“ว่าไงนะ”

“แต่น้อยกว่าน้องของพี่นิดนึง” แล้วก็หัวเราะน้อยๆ “ดูแล้วใช้ย่อยเลย ขนาดไอ้กฤษณ์มันนั่งอยู่ยังแกล้งเมาเซมาซบอกพี่ได้ คิดแล้วก็ขนลุกไม่หาย พี่ไม่ได้มีรสนิยมยังงั้นสักหน่อย”

“ก็ไม่ได้ต่างจากเกย์เท่าไรเลย”

“พี่ชอบแบบแมนๆ หน่อยน่ะ”

“พี่เซียแมนตายละ”

“ไอ้ตัวนั้นเป็นข้อยกเว้น”

“จ้าๆ ยอม แล้วพี่จีนรู้ได้ไงล่ะว่าเขาแกล้งเมา”

“ก็ไม่ได้โง่นี่”

“จ้า แหม… ตอบง่าย แล้วพี่กฤษณ์เขาไม่รู้รึไงว่าแฟน ไม่สิ แฟนเก่าเขาขี้อ่อยขนาดนั้น ขนาดพี่ใหม่ยังบอกเลยว่าเพื่อนก๊วนเดียวกับพี่กฤษณ์ไม่ค่อยชอบเพราะเจ้าตัวอ่อยผู้ชายไปทั่วนี่แหละ”

“ไอ้นั่นมันทึ่มจะตายจะไปรู้อะไรล่ะ”

“หา? พี่กฤษณ์อะนะ ผมคิดว่าเป็นพวกเจ้าเล่ห์กลับกลอกซะอีก”

“มันจะเอาตรงไหนไปกลับเอาตรงไหนไปกลอกวะ เท่าที่รู้จักกันมาไม่เห็นว่ามันจะเป็นคนแบบนั้นเลย ก็ไม่แปลกหรอกถ้ามันจะโดนแฟนสวมเขาเอาน่ะ แล้วเราล่ะ แฟนก็ไม่เคยมีมาก่อน แถมหน้าตาก็ซื่อบื้อออกอย่างนี้ จะเอามารยาอะไรไปสู้แฟนเก่าเขาได้”

“ผมจะใช้กำลังเข้าสู้ศัตรู แล้วจับกดเหยื่อ” บอกพลางทำสีหน้ามุ่งมั่น “บอกวิธีมีเซ็กซ์ครั้งแรกมาเถอะ ไม่เชียร์น้องแล้วยังหลอกด่าอีก” ปุ่นตีไปที่ต้นแขนของพี่ชายตัวดี คนโดนตีหัวเราะ ‘ฮะๆ’ อย่างชอบใจ

จีนพูดสบประมาทน้องชายอีกครั้งก่อนจะบอกขั้นตอนการมีเซ็กซ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายให้ฟังแบบพอหอมปากหอมคอ จากนั้นจึงให้ไอดีไลน์ของเซียไว้ เผื่ออยากถามเรื่องการอ่อยผู้ชายต่อด้วย ...ช่างเป็นพี่ชายที่แสนดีจริงๆ

‘พี่เซีย นี่ปุ่นเองนะ’

‘พี่จีนให้ไลน์มาถามว่าอ่อยผู้ชายยังไงให้ได้กิน’

‘พี่จีนบอกเรื่องแบบเนี้ย พี่เซียเก่งนักแหละ!’

อ่านแล้ว 18.34

ไม่รู้ว่าเซียจะทำหน้าอย่างไรตอนอ่าน แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนไลน์จากโทรศัพท์ของจีน จีนหัวเราะร่วนแล้วหันมาบอกปุ่นว่า ‘ไอ้เซียไลน์มาด่า’

หลังจากเงียบไปประมาณสิบนาที เซียก็ตอบกลับมาว่า

‘เดี๋ยวพี่ไปหา’




“ทำตัวให้ดูดีอยู่เสมอ หน้าตาสดใส ขอบตาไม่คล้ำ ผมเผ้าไม่กระเซิงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน แถมยังเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มแบบนี้ ปล่อยโทรมมากๆ เข้า ต่อให้หน้าตาน่ารักขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก

พี่แนะนำให้ไปหาแตงกวาหรือมะเขือเทศมาฝานบางๆ แล้วโปะหน้าทิ้งไว้สักสิบถึงสิบห้านาที นานกว่านั้นก็ได้ แล้วก็หัดสครับผิวเอาสิ่งสกปรกออกซะบ้าง” เซียพูดไปพลางแปะแผ่นมะเขือเทศที่ฝานจนบางเฉียบบนหน้าของปุ่นไปพลาง ผ่านไปสิบกว่านาทีก็ไล่เขาไปอาบน้ำ บอกให้เขาสครับผิวและหมักผมด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองขนมาจากหอ กว่าจะอาบน้ำเสร็จจึงกินเวลาไปเกือบชั่วโมง เมื่อออกมาจากห้องน้ำปุ่นก็ถูกเซียจับมาเล็มแต่งผมให้อีกเล็กน้อย

“แค่อาบน้ำก็เหนื่อยแล้ว พี่เซียทำแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ” ปุ่นถามเซียที่กำลังไดร์ผมให้ เซียทำหน้าแหยพลางตอบว่า

“ก็ไม่หรอก บางทีก็ขี้เกียจละนะ เอาละ แห้งแล้ว ผมลื่นเชียว” พูดแล้วก็หยิบหวีมาสางผมให้อีกนิด

“โห!”

ปุ่นมองตัวเองที่สะท้อนในกระจก ดูน่ารักสดใสขึ้นเป็นกอง บอกไม่ถูกเหมือนกันว่านอกจากผมหน้าที่สั้นลงแล้วมีตรงไหนอีกบ้างที่เปลี่ยนไป แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกว่าเปลี่ยนไปมาก ออร่าจับเลยทีเดียว

“น่ารักละซี่ ดูน่ามองขึ้นเยอะเลยใช่ไหมล่ะ” เซียมองปุ่นผ่านกระจกแล้วพยักหน้าอย่างภูมิใจในผลงานตัวเอง

“น้องใครวะเนี่ย น่ารักเชียว” จีนพูดขึ้นมาอย่างเสแสร้งแกล้งตกอกตกใจ เดินมาโอบเอวเซียจากด้านหลัง ปุ่นมองภาพสะท้อนของสองคนนั้นผ่านกระจกแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้ รู้สึกอยากให้กฤษณ์มาโอบกอดตนแบบนี้บ้างเหมือนกัน

“จากนั้นก็อ้อนนิดอ่อยหน่อยตามแบบน้องปุ่นเลย รับรองร้อยทั้งร้อยไม่รอด” พูดจบก็ขยิบตาให้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ตัดใจ ปุ่นคงจะหน้าแดงแจ๋ไปแล้ว “ยิ่งกฤษณ์มันชอบน้องปุ่นอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องทำอะไรให้มากความ ความจริงแค่นอนอยู่บนเตียงแล้วกวักมือเรียก มันก็บินถลามาหาแทบไม่ทันแล้ว” พูดจบก็หัวเราะอย่างถูกใจ

“เอ้า! พร้อมแล้วก็ไปเสียตัวซะ ถ้าโดนฟันแล้วทิ้งขึ้นมา พี่จะไปกระทืบมันให้” จีนพูดพลางตบมาที่หลังของปุ่นดัง ‘ป้าบ!’ ปุ่นซี้ดปากด้วยความเจ็บ พยายามเอามือลูบหลังที่แสบๆ คันๆ

ใครจะไปเสียตัวกัน จะไปชิงเอกราชต่างหากละ! แต่เอ… ถ้าชิงเอกราชได้ก็เท่ากับเสียเวอร์จินด้วยนี่นา...

ช่างเถอะ อย่าคิดให้มากความเลย

“เดี๋ยวเถอะ” เซียหันไปตีมือจีนแล้วหันมาลูบหลังให้ปุ่น “กฤษณ์มันไม่ใช่คนแบบอย่างนั้นหรอก”

น่าเชื่อตายละ!

ไหนจะเรื่องถ่ายคลิป ไหนจะกลิ่นน้ำหอมจากแฟนเก่านั่นอีก ที่บอกไม่ใช่คนอย่างนั้นหรือเป็นคนทึ่มอะไรนั่น ฟังดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพเมื่อหวนคิดไปถึงประเด็นเก่าๆ

ปุ่นพยักหน้าเอออออยู่ฝ่ายเดียวก่อนจะออกจากบ้าน เขาข้ามรั้วไปที่บ้านข้างๆ เมื่อเปิดประตูเข้ามากลับไม่พบใครทั้งที่หน้าต่างก็เปิดไว้ ประตูก็ไม่ได้ล็อก และยังได้ยินเสียงดังตูมตามลั่นบ้านเหมือนมีคนเปิดหนังแอ็กชันด้วยลำโพงสเตริโอชุดใหญ่

“พี่กฤษณ์!” ปุ่นตะโกนเรียก เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมาจึงเดินตามเสียงอึกทึกขึ้นไปที่ชั้นบน ต้นเสียงออกมาจากประตูบานหนึ่งที่ปิดไม่สนิท เมื่อผลักประตูเข้าไปก็พบกับกฤษณ์ที่นอนเอกเขนกดูดีวีดีอยู่บนเตียงอย่างสบายใจเฉิบ ฉากระเบิดในจอทีวีขนาดใหญ่ทำให้รู้ว่าเป็นหนังแอ็กชันอย่างที่คิดไว้จริงๆ ซ้ำยังเป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษอีกต่างหาก ปุ่นจึงหมดความสนใจไปโดยปริยายเพราะไม่เก่งด้านภาษานัก (ฟังไม่ค่อยออก)

“พี่กฤษณ์” ปุ่นเรียก กฤษณ์หันมามอง รีบหยิบรีโมตขึ้นมาหรี่เสียงแล้วถาม

“น้องปุ่น มีอะไรรึเปล่าครับ” ที่ไม่ตกใจคงเพราะชินเสียแล้วกับการวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านแบบนี้ของคนตัวเล็ก

ครั้งแรกที่ปุ่นได้เข้ามาในห้อง อย่างแรกที่ทำคือเดินลิ่วไปที่นอกระเบียง หลังจากทอดมองออกไปได้สักพักหนึ่งก็พูดขึ้นมาอย่างเซ็งๆ ว่า ‘เห็นแต่บ้านคนอะ แถมร้อนอีกต่างหาก เฮ้อ…’ แล้วจึงเดินกลับเข้าห้องมา

“เห็นไม่อยู่ข้างล่างเลยขึ้นมาดู” ปุ่นตอบ

“อ๋อ โทษทีครับ พี่ดูหนังอยู่ มาดูด้วยกันสิ” กฤษณ์ชวนพลางตบที่นอนตรงข้างตัวเองปุๆ ปุ่นพยักหน้าแล้วคลานขึ้นไปนั่งตรงตำแหน่งนั้นอย่างว่าง่าย

“ขอภาษาไทยได้ไหม”

“OK งั้นเดี๋ยวพี่กดเริ่มใหม่ให้นะ เดี๋ยวดูไม่รู้เรื่อง” กฤษณ์บอกก่อนจะกดเปลี่ยนภาษาและกดให้หนังเริ่มเล่นใหม่ตามที่พูดไว้อย่างกระตือรือร้น

“สนุกไหม” ปุ่นถามพลางขยับเข้าไปใกล้ คนถูกถามกลั้นใจไปเสี้ยววินาทีก่อนตอบ

“…สนุกครับ” กฤษณ์ทำหน้าทำตาเหมือนกับคนที่กำลังอดทนกับอะไรบางอย่าง คงกำลังคิดผิดที่ให้ปุ่นมานั่งข้างๆ แบบนี้กระมัง ปุ่นเองก็ใช่ย่อยที่ไหน เห็นกฤษณ์มีสีหน้าเช่นนี้ก็เบียดตัวเป็นการใหญ่

“จะว่าไปเราก็เป็นแฟนกันแล้วนี่เนอะ แต่ผมยังไม่เคยบอกรักพี่เลยนี่นา ‘ไอเลิฟยู’ นะพี่กฤษณ์” พูดแล้วก็ยิ้มเผล่พลางอิงศีรษะซบที่ต้นแขนของคนข้างๆ อย่างเขินๆ เห็นกฤษณ์ดูหนังเวอร์ชันภาษาอังกฤษเลยคิดวิธีบอกรักแบบนี้ขึ้นมาได้

…นี่ก็เป็นแผนการอ่อยอย่างหนึ่งเหมือนกัน

ความจริงแล้วคำว่าไอเลิฟยูที่พูดออกไปนั้น สำหรับปุ่นแล้วมันไม่น่าอายนักหรอกเมื่อเทียบกับคำว่า ‘ผมรักพี่’ ที่เป็นภาษาไทย ถึงแม้จะมีความหมายอย่างเดียวกันก็ตาม แต่สำหรับกฤษณ์ที่เติบโตมาในเมืองนอก คำคำนี้อาจจะให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปก็เป็นได้

พี่กฤษณ์จะรู้สึกยังไงนะ ปุ่นแหงนหน้าจ้องมองกฤษณ์ที่ทั้งหน้าทั้งหูแดงระเรื่อตาแป๋ว วูบหนึ่งเขาสัมผัสได้ว่าตัวของอีกฝ่ายสั่นระริก

เมื่อกฤษณ์ก้มมองมา สายตาก็ประสานกันพอดี จนปุ่นที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเกิดอาการเคอะเขิน กฤษณ์ขยับตัวเปลี่ยนท่าทางเล็กน้อยก่อนโน้มหน้าลงมา

“อะ” พลันเห็นหน้าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ปุ่นก็หลับตาปี๋เพราะคิดว่าจะถูกจูบเสียแล้ว

“I love you too...baby.” กฤษณ์กระซิบที่ข้างหู ช่างเป็นเสียงนุ่มทุ้มที่ชวนให้ใจสั่นหวิว พูดคำที่มีความหมายอย่างเดียวกัน แต่กลับให้ความรู้สึกลึกซึ้งมากกว่าหลายร้อยเท่า “จะว่าไป วันนี้น้องปุ่นดูน่ารักกว่าปกตินะครับ ตัดผมมาสินะ น่ารักมากเลย ...แบบนี้ก็ยิ่งชอบมากเข้าไปอีกสิ แย่แล้ว…”

ได้ยินอย่างนั้นปุ่นก็ยิ่งใจเต้นไม่เป็นส่ำ กฤษณ์พึมพำว่า ‘แย่แล้ว ไม่ไหวแล้ว…’ ก่อนพรมจูบมาที่ขมับ เปลือกตา แก้ม ไล่ลงมาจนถึงริมฝีปาก จากนั้นจึงเข้าครอบครอง รู้ตัวอีกที… จูบยิ่งดูดดื่มจนแทบไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เป็นครั้งที่สี่ที่ได้จูบกัน ถ้าไม่นับจูบแรกที่บรรยากาศไม่ค่อยดีนักแล้ว ที่เหลือปุ่นก็เป็นต้องเคลิ้มแทบละลายเพราะรสจูบเสียทุกทีไป

มือใหญ่ที่กระด้างนิดๆ ลูบไล้ไปมาที่ต้นแขน ลูบจนขนลุกซู่ …ตอนนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา

ปุ่นที่กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่สะดุ้งโหยง กฤษณ์ผละออกมาลูบศีรษะของเขาอย่างปลอบประโลม หยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมารับสาย

“Hi …อืม…ไปแน่ ไม่เป็นไรหรอก” เพียงเท่านั้นก็วางสายไป “เพื่อนโทรมาบอกมีปาร์ตี้กันคืนนี้ ไปกับพี่นะครับ ชวนเพื่อนหรือพี่หรือน้องรหัสไปด้วยก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปรับให้” กฤษณ์บอกพร้อมกับจับที่แก้มนิ่ม ลูบไล้ไปมาเบาๆ อย่างรักใคร่

ปุ่นเอียงหน้าซบฝ่ามือใหญ่แล้วบอกว่า

“ผมไม่มีพี่รหัสตั้งแต่ปี 1 แล้ว พี่อุปถัมภ์กับน้องรหัสก็โดนรีไทร์ไปหมดแล้วด้วย”

ตอนถึงช่วงหาตัวพี่รหัส พอรู้ว่าตัวเองไม่มีสายรหัสเลยทั้งพี่ ปู่ย่า ตายาย ราวกับเป็นรหัสต้องคำสาป พี่รหัสของเอเชียซึ่งเป็นผู้หญิงตัวอ้วนๆ หน้าดุๆ ก็บอกให้เขาขอเธอเป็นพี่อุปถัมภ์ นั่นเลยทำให้เขาได้รู้จักกับเอเชียและเริ่มคบกันเป็นเพื่อน เทอมต่อมาพี่อุปถัมภ์ก็ถูกรีไทร์ เพราะอะไรนั้นเขาเองก็ไม่ได้สนใจ แต่ก็รู้สึกเสียดายนิดๆ เหมือนกันเพราะพี่อุปถัมภ์เป็นคนใจดีกว่าที่คิด

ได้ยินปุ่นพูดแบบนั้นกฤษณ์ก็ทำหน้าราวกับเป็นเรื่องน่าเสียดายหนักหนา เขาพูดออกมาอย่างปลอบประโลม

“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพี่จะเป็นพี่อุปถัมภ์คอย Take care น้องเอง”

“ก็แล้วแต่” ปุ่นตอบอย่างไม่ใส่ใจ

จะอย่างไรก็ตาม ปุ่นไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ชีวิตการเป็นเด็กมหาวิทยาลัยของเขาช่างเรียบง่ายและไม่มีอะไรหวือหวา ออกแนวจืดชืดเกินไปด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ไปมหาวิทยาลัย เขาก็แค่เข้าเรียนกับเข้าร่วมกิจกรรมตามตารางแล้วก็กลับบ้านนอนเพียงเท่านั้น จะว่าไปกิจกรรมรับน้องที่ปี 2 เป็นผู้รับผิดชอบในปีนี้ เขาก็ไปเข้าร่วมแค่ครั้งเดียว แค่ไปดูหน้าน้องรหัสสุดสวย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ข่าวว่าน้องสุดสวยถูกเชิญออกไปเสียแล้ว ส่วนถูกเชิญออกเพราะอะไรนั้น เขาเองก็ไม่ได้สนใจอีกเช่นกัน ทุกวันนี้เด็กปี 1 ในคณะหลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นรุ่นพี่

“งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” กฤษณ์ทำท่าจะลุกขึ้น แต่ถูกปุ่นรั้งแขนไว้

“เดี๋ยว”

“ครับ?”

“ผมมีอะไรจะถาม ได้ไหม”

“ได้ครับ แต่ไม่รู้จะตอบได้รึเปล่านะ”

“ต้องได้สิ พี่เคยเป็นแฟนกับคนที่ชื่อตาน้อยใช่ไหม” เป็นคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็อยากฟังจากปากเจ้าตัวมากกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:17:54 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #13 เมื่อ26-07-2018 13:36:28 »

ก็ลองบอกว่าไม่ใช่ดูสิ!

“ครับ เพื่อนพี่บอกมาเหรอ”

“อืม… เลิกขาดกันแล้วแน่นะ ไม่ใช่ว่ายังแอบไปมุุ้งมิ้งด้วยกันอยู่ล่ะ สารภาพมาให้หมดนะ ถ้าสารภาพตอนนี้สัญญาว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าสืบรู้เองละก็ จะโกรธมากๆ!”

ได้เวลาที่ปุ่นต้องสอบปากคำหาความเป็นจริงแล้ว แหม่... รอมานานเหมือนกันนะเนี่ย

“น้องปุ่นหึงพี่เหรอครับ ฮ่า! ดีใจที่สุดเลย” กฤษณ์กอดปุ่นหมับพลางพึมพำ ‘ดีใจจัง ดีใจจัง’ ไม่หยุด

“อื้อ… พอแล้ว เล่ามาก่อน” ปุ่นตบหลังคนตัวโตกว่าที่เอาแต่กอดรัดไม่หยุด กอดแน่นเสียจนเขาอึดอัด

“ฟังแล้วจะไม่โกรธจริงๆ นะครับ” กฤษณ์ถามเสียงอ่อยอย่างไม่มั่นใจ

“อื้อ!” ปุ่นพยักหน้าอย่างแรงพลางจ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง หน้าตาเหมือนเด็กที่งอนไปแล้วกว่าครึ่งส่วนแบบนี้ ที่บอกว่าจะไม่โกรธนั่นดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิดเดียว

“ตอนนี้กลับมาเป็นเพื่อนธรรมดาๆ กันแล้วครับ ก่อนหน้านั้นก็มี Sex เอ่อ… มีมุ้งมิ้งด้วยบ้างนิดหน่อย แต่ก็หลายอาทิตย์แล้วนะครับ ตั้งแต่ได้จูบกับน้องปุ่นครั้งแรกไปก็ไม่ได้นอนด้วยกันแล้ว …นอนด้วยไม่ได้แล้วครับ เพราะพี่มัวแต่คิดเรื่องของน้องปุ่นเกินไป คิดจนมันไม่มีอารมณ์กับใครแล้ว ขอโทษครับ…

จำวันที่ปุ่นมาที่บ้านพี่หนสองได้ไหม ที่น้องปุ่นเข้ามาดมตัวพี่ วันนั้นพี่ไปห้องตาน้อยมาครับ แต่แค่จูบก็ยังทำไม่ได้ ในหัวพี่มีแต่น้องปุ่นวนเวียนอยู่เต็มไปหมด นอกจากปุ่นพี่ก็ไม่อยากไป เอ่อ… มุ้งมิ้งกับใครแล้ว ขอโทษจริงๆ นะครับที่คิดอะไรแบบนี้” กฤษณ์พรูคำสารภาพ มันเป็นทั้งการสารภาพบาปและสารภาพความในใจที่มีต่อปุ่นออกมาพร้อมกัน ปุ่นได้ฟังแล้วก็หน้าแดงเห่อ ทั้งโกรธทั้งเขินอายระคนกันไปหมด เขาตีไปที่ต้นแขนของอีกฝ่ายอย่างแรงเสียจนเจ็บมือตัวเอง

“มันน่านัก! เพราะแบบนี้เองสินะตอนนั้นถึงได้ดูลุกลี้ลุกลนนัก”

“โอ๋… อย่าโกรธเลยนะครับ ขอโทษครับ จะไม่ทำอีกแล้ว ดูสิ มือแดงหมดเลย” กฤษณ์รีบดึงมือเล็กๆ ข้างนั้นมาเป่าให้หายเจ็บ “ก็ตอนนั้นน้องปุ่นไม่สนใจพี่เลยนี่ครับ ตาน้อยเขาเข้ามาพอดี พี่ก็ต้องหาที่ระบายบ้าง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…” เขาบอกเสียงอ่อย

“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย!” ปุ่นสะบัดหน้าพรืด

“ขอโทษครับ…”

“แล้วตอนนี้ล่ะ ตอนนี้ผมก็สนใจพี่แล้วใช่ไหม”

แถมสนใจมากๆ เลยด้วย

“ครับ ก็เป็นแฟนกันแล้วนี่นา เอ่อ... เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมครับ”

“ใช่! เราเป็นเเฟนกันแล้ว!” ไอ้พี่บ้านี่ “พี่ห้ามนอกใจเด็ดขาดนะ ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวผมไปเอาโทรศัพท์ที่บ้านก่อน” ปุ่นรีบไล่เมื่อเห็นคนตัวเขื่องทำท่าจะกอดรัดอีกครั้ง

“เดี๋ยวพี่จอดรถรอที่หน้าบ้านน้องปุ่นนะครับ”

“อือ”

ปุ่นกลับบ้านมาขอพี่ชายไปปาร์ตี้กับกฤษณ์ จีนอนุญาตพร้อมทั้งกำชับเรื่องปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ปุ่นสามารถดื่มได้อย่างเป็นห่วง

เบียร์ห้าขวดกับเหล้าผสมโซดาอีกสี่แก้ว นั่นคือลิมิตของปุ่นซึ่งได้มาจากจีนที่ชวนไปดื่มตอนอายุครบสิบแปดปี จีนจดปริมาณที่เขาดื่มไป และแปะเมโมไว้ที่ตู้เย็นให้เขาอ่านในเช้าวันถัดมาหลังจากที่เมื่อคืนเมาจนจำอะไรแทบไม่ได้ เขาสัญญากับพี่ชายว่าจะไม่ดื่มเกินลิมิตนี้เป็นอันขาด



ที่ที่กฤษณ์พามาเป็นบ้านหลังใหญ่ราวกับคฤหาสน์ในละครทีวี สวนหน้าบ้านถูกประดับประดาด้วยริบบิ้น ลูกโป่งหลากสีและอื่นๆ จนดูสมกับเป็นงานปาร์ตี้ ในงานนั้นมีวัยรุ่นหลายคน บ้างกำลังยืนคุยกัน บ้างกำลังย่างบาร์บีคิว บ้างก็กำลังหัวเราะกันเจี๊ยวจ๊าว ในมือของหลายๆ คนถือแก้วที่มีน้ำสีสันสดใสอยู่ภายใน

ระหว่างทางที่กฤษณ์เดินจูงมือปุ่นเข้าไปในบ้าน มีคนเข้ามาทักทายไม่ขาดสาย กฤษณ์จึงทักกลับไปบ้างนิดๆ หน่อยๆ

ในบ้านนั้นค่อนข้างมืด พื้นที่จัดงานคือห้องโถงขนาดกว้างชั้นล่างที่ถูกประดับด้วยลูกโป่ง และลูกบอลไฟกะพริบซึ่งเหมือนเป็นจุดเด่นของงาน อีกทั้งยังเปิดเพลงแดนซ์ รวมแล้วให้บรรยากาศคล้ายๆ กับผับแถวมหาวิทยาลัยที่ปุ่นเคยไปเที่ยวกับพี่ชาย

“คนเยอะจัง” ปุ่นกุมมือใหญ่แน่น นอกจากงานบายเนียร์ของรุ่นพี่ที่คณะและปาร์ตี้เล็กๆ ของพี่ชายแล้ว ปุ่นก็ไม่เคยเข้าร่วมงานสังสรรค์ตอนกลางคืนแบบนี้มาก่อนจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

“มีคนจากคณะอื่นมาด้วยครับ เดี๋ยวพี่พาไปแนะนำตัวกับพี่รหัสพี่นะครับ” พูดแล้วกฤษณ์ก็พาปุ่นเดินแหวกคนจำนวนหนึ่งที่เต้นอยู่กลางห้องโถงไปหาผู้ชายสามคนตรงมุมห้อง สองคนที่ตัวใหญ่ๆ กำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่โซฟาเดี่ยวสีแดงเข้ม ส่วนอีกคนที่ค่อนข้างผอมกำลังนั่งดูโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โซฟาตัวยาวอีกตัวที่อยู่ติดกัน

“พี่โยสวัสดีครับ ผมพาแฟนมาแนะนำ นี่น้องปุ่น เป็นแฟนแล้วก็เป็นน้องอุปถัมภ์ของผมด้วย” กฤษณ์แนะนำ ปุ่นผงกศีรษะให้อย่างเก้ๆ กังๆ พลางแล้วกล่าวสวัสดี

“สวัสดีครับคนสวย พี่ชื่อโยนะ” ผู้ชายที่ชื่อ ‘โย’ ยกแก้วเบียร์ในมือขึ้น กล่าวทักทายปุ่นด้วยสายตาและรอยยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างกับคนเจ้าชู้ คงเพราะเริ่มเมาด้วยแล้วตาจึงดูลอยๆ และเยิ้มหวาน ให้ความรู้สึกเหมือนคนเจ้าชู้เข้าไปอีก

“คนสวยอะไร น้องเขาไม่ใช่แบบนั้นครับพี่” กฤษณ์รีบปราม โยคงคิดว่าปุ่นเป็นแบบที่กฤษณ์ชอบกระมังถึงได้เรียกปุ่นว่าคนสวยอย่างนั้น

“อ้าวเหรอ สวัสดีไอ้น้อง หน้าตาน่ารักนะเราน่ะ” โยรีบเปลี่ยนท่าที เห็นแบบนี้แล้วปุ่นก็สบายใจขึ้น จะอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย ชมว่าน่ารักได้ แต่ให้มาเรียกว่าคนสวยนี่มันรู้สึกทะแม่งๆ ชอบกล

“นี่อยู่คณะอะไรล่ะ ทำไมมาเป็นน้องอุปถัมภ์ไอ้แกริคมันได้ พี่รหัสตัวเองไม่มีเหรอไง” โยถาม

“คณะมัณฑนศิลป์ครับ ส่วนพี่รหัสโดนรีไทร์ไปแล้ว” ปุ่นตอบ “ก็ไม่ได้อยากเป็นสักหน่อยน้องอุปถงอุปถัมภ์อะไรนั่น”

“เออแปลกดี มีน้องอุปถัมภ์ข้ามคณะด้วย พี่เป็นพี่รหัสไอ้แกริค อย่างนี้ก็ถือว่าน้องเป็นหลานพี่ด้วยนะ” โยหัวเราะยกใหญ่ คนข้างๆ อีกคนก็พลอยหัวเราะไปด้วย

“พี่ชื่อ ‘กบ’ นะ เป็นเพื่อนกับไอ้แกริคมันแหละ แล้วนี่จะยืนอยู่ทำไมล่ะ ไอ้

แกริคแกก็ชวนน้องมานั่งเร็วดิ” ผู้ชายใส่แว่นที่ถูกห้อมล้อมด้วยบรรยากาศคนดีคนหนึ่งแนะนำตัวแล้วพยักพเยิดไปตรงที่ว่างของโซฟาตัวยาวที่มีผู้ชายตัวผอมสูงคนหนึ่งนั่งอยู่

“ผมชื่อ ‘ใบตอง’ นะ อยู่ปี 1 คณะแพทย์” ผู้ชายคนนั้นแนะนำตัวแล้วขยับหลบเข้าไปจนติดอีกฝั่งหนึ่งของโซฟาเพื่อให้ปุ่นกับกฤษณ์เข้าไปนั่ง

“ฉัน… ไม่สิ พี่ชื่อปุ่น อยู่ปี 2 คณะมัณฑนศิลป์นะ” ปุ่นยิ้มให้กับใบตอง

“งั้นก็พี่ปุ่นสิเนอะ”

“กบ!” กฤษณ์ส่งเสียงแข่งกับดนตรี เรียกเพื่อนที่นั่งอยู่ค่อนข้างไกล “เพชรไม่มาเหรอ!” เขาตะโกนถามข้ามหัวปุ่นกับใบตองไป

“ไม่มา! กลับบ้านน่ะ!” กบตะโกนกลับมา

“แล้วแฟนนายล่ะ?!” กฤษณ์ถามถึงใหม่ แฟนสาวสวยของกบ

“มาด้วย! แต่อยู่กับไอ้ชัยน่ะ!”

ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว กฤษณ์ โย กบ และใบตองต่างพากันชวนปุ่นที่ไม่คุ้นกับงานคุยเป็นระยะๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ จากที่ปุ่นคิดว่าคงจะน่าเบื่อแน่ๆ จึงสนุกขึ้นมา ยิ่งได้ฤทธิ์จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นตัวช่วยด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีเรื่องสนทนากันไม่หยุดปากจนรู้สึกว่าคุยกันถูกคอ โยที่เมาจนพูดอ้อแอ้แล้วยังเอ่ยปากชมไม่หยุดว่า ‘ปุ่นนี่ช่างเหมาะสมกับน้องรหัสของกูจริงๆ’

“ดื่มเก่งเนอะ” ใบตองเอ่ยชม

“ไม่เท่าไรหรอก เพิ่งจะห้าแก้วเอง” ปุ่นตอบพลางรับแก้วจากใบตองที่กบรินเบียร์มาให้ เขาต้องคอยนับปริมาณที่ตัวเองดื่มไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เผลอดื่มเกินลิมิต

“เดี๋ยวพี่มานะ อยู่กับพวกพี่ๆ เขาไปก่อน” กฤษณ์บอกปุ่นแล้วลุกขึ้นเต็มความสูง

“ไปไหน” ปุ่นถาม

“ห้องน้ำครับ เดี๋ยวมา”

ผ่านไปประมาณสิบนาที เมื่อเห็นว่ากฤษณ์ยังไม่กลับมาปุ่นก็เริ่มชะเง้อหา

“เบื่อเหรอ ออกไปสูดอากาศข้างนอกกันก่อนไหม” กบชวน ปุ่นพยักหน้าและลุกขึ้นเดินตามไปอย่างว่าง่าย เพราะบรรยากาศคนดีที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัวของกบแท้ๆ ปุ่นจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่ไว้ใจได้

ตอนนี้ฟ้าข้างนอกเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทแล้ว แต่เห็นดาวเพียงสองสามดวงแต้มประดับอยู่เท่านั้น ปุ่นมองหากฤษณ์ไปเรื่อยๆ ปล่อยให้กบยืนคุยกะหนุงกะหนิงกับผู้หญิงที่เข้ามาจีบไป

แล้วปุ่นก็ได้เห็นคนที่บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำเมื่อสิบนาทีก่อนกำลังยืนคุยอยู่กับแฟนเก่า รู้สึกเลือดขึ้นหน้า ปุ่นปรี่เข้าไปหาทั้งคู่ทันที

เพราะกฤษณ์หันหน้ามาทางนี้พอดีจึงเห็นเขา

“น้องปุ่น” กฤษณ์ยิ้ม รีบเดินเข้ามาหาเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองมีความผิด

“กำลังจะเอาน้ำส้มไปให้เลยครับ เห็นดื่มเยอะแล้ว กลัวจะเมา” กฤษณ์ยื่นแก้วน้ำส้มให้ ปุ่นรับแก้วมาแล้วถาม

“ไหนว่าจะไปห้องน้ำยังไงล่ะ”

“ก็พอดีเจอตาน้อย ตาน้อยทะเลาะกับแฟนมา ไม่สบายใจเลยมาขอปรึกษากับพี่น่ะครับ” กฤษณ์บอกเสียงอ่อย

“ไอ้พี่กฤษณ์ โคตรซื่อบื้อเลยว่ะ”

เขามาอ่อย ไม่รู้รึไง

“อย่าหึงเลยนะครับ พี่กับตาน้อยเป็นแค่เพื่อนกันแล้วจริงๆ ตอนนี้พี่กฤษณ์มีแค่น้องปุ่นคนเดียวนะครับ” กฤษณ์บอก สองมือลูบไล้เส้นผมนุ่มๆ ของปุ่น สายตาที่ก้มมองมาดูไร้การเสแสร้งจนปุ่นต้องยอมเชื่อใจในที่สุด

“คุยได้อีกแค่แป๊บเดียวนะ เดี๋ยวผมจะไปรอที่พี่กบตรงโน้น” ปุ่นชี้ไปตรงกบที่ยังคุยกับสาวไม่เลิกแล้วเดินจากไปทั้งที่ไม่เต็มใจนัก

“ไปไหนมาเหรอปุ่น” กบผละจากสาวหันมาถามเขา ผู้หญิงที่ยืนคุยด้วยกันคนนั้นจึงขอตัวไปหาเพื่อน

“ไปหาพี่กฤษณ์มาครับ พี่แกริคน่ะ” ปุ่นตอบพลางยกน้ำส้มขึ้นจิบ

“เจอแล้วเหรอ”

“ครับ เห็นคุยกะหนุงกะหนิงอยู่กับแฟนเก่านู้นแน่ะ” พูดแล้วก็แค่นเสียง ‘เหอะ’ ออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

“อ้าว? แล้วทำไมไม่ไปอยู่เป็นก้างขวางคอไว้ล่ะ ตาน้อยมันยิ่งอ่อยเก่งอยู่ด้วย แถมยังหน้าสวยจนพี่เองยังเคยหวั่นไหวเลยนะ”

ปุ่นยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มอึกใหญ่ราวกับกำลังซดเหล้าย้อมใจ ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าคนที่ชื่อตาน้อยเป็นคนอย่างไร จะมีก็แต่ไอ้ทึ่มบางคนเท่านั้นแหละที่ไม่รู้

“ไม่เป็นไร ผมเชื่อใจพี่กฤษณ์” พูดพลางจ้องไปที่สองคนนั้นตาเขม็ง พอมีใครมายืนขวางสายตา ปุ่นก็จะเขยิบออกมาเพื่อให้มองสองคนนั้นได้ชัดๆ

“ขนาดนี้ก็เดินไปหาเจ้าตัวเขาเถอะ เขาไม่รู้ตัวเลยเนอะว่าถูกมองอยู่ เล่นจ้องซะขนาดนั้น” กบที่คอยเขยิบตามพูดพลางกลั้วขำ

“ก็มองกดดันให้รู้ตัวสักทีไง” ปุ่นพูดพลางนวดกระบอกตาไปด้วย

พอจ้องนานๆ เข้าก็ชักปวดหัวแฮะ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เยอะจนชวนให้มึนงงเหลือเกิน…

“มึนๆ ง่วงๆ ยังไงไม่รู้ ผมกลับไปนั่งกับใบตองก่อนนะ ฝากแก้วด้วย” ปุ่นยื่นแก้วให้กบแล้วเดินกลับเข้าไปข้างใน ได้ยินเสียงกบตะโกนบอกอะไรสักอย่าง แต่เขาฟังไม่รู้เรื่อง

แปลกจัง…

ทั้งที่ดื่มไปไม่เยอะแต่กลับรู้สึกมึนเหมือนจะเมาเสียแล้ว ราวกับกะโหลกถูกเหวี่ยงไปมาจนสมองหมุนติ้ว อีกทั้งยังง่วงงุนจนแทบจะฝืนทนไม่ไหว ปุ่นรู้สึกว่าตัวเองนั้นเดินโซเซเหลือเกิน… โซเซจนชนคนอื่นเขาไปทั่ว ปากจึงพยายามเอ่ย ‘ขอโทษ ขอโทษครับ’ ไปตลอดทาง

เราจะไปไหนกันนะ… กลับไปนั่งกับใบตอง ไปหาพี่กฤษณ์ จำไม่ได้แล้ว…

ตอนนั้นเองหูที่ได้ยินเสียงอื้ออึงมาตลอดทาง ก็เหมือนจะได้ยินเสียงคนพูดว่า ‘พี่กฤษณ์’ อยู่ข้างๆ

พี่กฤษณ์… ใช่… ไปหาพี่กฤษณ์นี่เอง… พี่เซียบอกว่าอ้อนนิดๆ อ่อยหน่อยๆ พี่กฤษณ์ก็หลงแล้ว …แล้วเราจะอ่อยยังไงดีนะ...จะอ่อยยังไงดี...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:19:07 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #14 เมื่อ26-07-2018 13:37:43 »

เหมือนฝัน




ร้อน… ร้อนมาก… ร่างทั้งร่างร้อนดั่งถูกเพลิงแผดเผา ตรงนั้นก็ทั้งเจ็บทั้งปวดจนแทบทนไม่ไหว …เหมือนใกล้จะปริแตกเต็มที

เขาได้ยินเสียงตัวเองครวญครางราวกับสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ กระทั่งถูกมือที่ให้สัมผัสกระด้างเล็กน้อยของใครบางคนเข้ามาฟอนเฟ้น พิษร้อนที่โหมทั่วร่างกายก็คล้ายจะทุเลาลง ตรงที่ปวดหนึบก็พลันรู้สึกดีขึ้นมา

เขาพยายามปรือตาขึ้นมองหลายครั้ง เห็นกฤษณ์เป็นเพียงภาพเลือนรางราวกับความฝัน แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้รู้สึกวางใจ จึงเรียกร้องขอสัมผัสจากอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อคลายพิษที่เร่าร้อนนั่น แต่ยังไม่พอ เขายังต้องการอีก… ยังต้องการมากกว่านั้นอีก…

เมื่อพูดความปรารถนาออกไป ร่างกายก็พลันสั่นสะท้านอย่างไม่ที่เคยเป็นมาก่อน ราวกับมีบางอย่างคืบคลานเข้ามาในร่าง รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายชำแรกเข้ามาอย่างแผ่วเบา แต่… ทุกอย่างก็ช่างล่องลอยและเลือนรางเหลือเกิน



“อือ…” คนตัวเล็กครางออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างไม่ใคร่สบายตัวนัก ก่อนค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นตา

“พี่กฤษณ์…” ปุ่นเรียกหาคนที่ฝันถึง พลันเมื่อยันกายขึ้น ศีรษะก็ปวดหัวจี๊ดจนต้องฟุบหน้าลงไปบนหมอน ครวญครางเพราะความปวดที่เหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ให้ได้ “ปวดหัว…”

ปุ่นฝัน… ฝันว่าถูกกฤษณ์โอบกอดอย่างเร่าร้อน… อ่อนโยน… ทั้งทรมานทั้งรัญจวนเสียจนประคองสติไว้ไม่อยู่ จำอะไรแทบไม่ได้

แต่นั่นเป็นเพียงความฝันจริงๆ น่ะหรือ... เขาเลิกผ้าห่มที่คลุมกายออก เมื่อผิวเปลือยเปล่าสัมผัสความเย็นเข้าขนก็ลุกซู่

นี่มัน? ... ปุ่นก้มมองรอยสีชมพูราวกับกลีบกุหลาบบนแผ่นอกแล้วก็ตะลึงงัน

ไม่ได้ฝันไป?!

พอพยายามจะคิด ความปวดก็ถาโถมเข้ามา ปุ่นนวดที่ขมับทั้งสองอย่างแรงเพื่อหวังให้ความปวดทุเลาลง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

“พลั่ก!”

“Damn it! 2 ไอ้สารเลว! ไอ้เวรตะไล! Go to hell! 3 ไอ้พวกพ่อแม่ไม่สั่งสอน!”

หลังจากเสียงที่เหมือนมีอะไรบางอย่างถูกกระแทก ก็เป็นเสียงคำรามลั่น

ของกฤษณ์ ปุ่นที่กำลังตะลึงงันรีบใช้ผ้าห่มคลุมกาย พยุงตัวลุกขึ้นหมายจะออกไปดูที่มาของเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังมาจากนอกห้อง เขากัดฟันทนกับความปวดหัวที่ไม่ยอมหยุดเสียทีพลางลุกขึ้นไปเปิดประตู

เมื่อเปิดประตูออกมาถึงได้รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ชั้นบน เสียงโวยวายดังขึ้นอีกครั้งที่ชั้นล่าง เขาเดินไปที่ริมระเบียงทางเดินแล้วก้มลงดู

ข้างล่างคือห้องโถงที่ใช้จัดงานปาร์ตี้ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าปาร์ตี้เลิกแล้วหรือยัง เขาเห็นไฟทุกดวงเปิดสว่าง คนในงานพากันยืนล้อมเป็นวงกลม ตรงกลางของวงมีผู้ชายอยู่สองคน คนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวงนั้นต่างชะเง้อมองอย่างใคร่รู้ บ้างขึ้นมาตามบันได บ้างอยู่บนระเบียงทางเดินเพื่อเฝ้าดูสถานการณ์

เล่นเสือล้อมวัวกันอยู่เหรอ

มีใครบางคนที่ชั้นล่างมองและชี้มาที่ปุ่น คนอื่นๆ ก็ต่างพากันสนใจไปตามๆ กัน ไม่นานนักทุกสายตาก็จับจ้องมาที่เขาอย่างสนอกสนใจ

“อะ…อะไร” ปุ่นงงงัน กระชับผ้าห่มที่คลุมกายไว้แน่น คิดไปว่าเพราะตัวเองออกมาสภาพนี้กระมังทุกคนถึงได้พากันมอง “พี่กฤษณ์…อยู่ไหน” เขาร้องเรียกหา น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อ สถานการณ์แปลกๆ แบบนี้ไม่ชอบเลย…

พี่กฤษณ์ไปอยู่ที่ไหน แล้วนี้มันเรื่องบ้าบออะไรกัน

“น้องปุ่น”

ปุ่นหันไปตามเสียงเรียก เห็นกฤษณ์กำลังยืนหอบเหนื่อยอยู่ตรงหน้า ปุ่นโผเข้าไปกอดแบบไม่สนใจว่าผ้าที่คลุมกายอยู่นั้นจะหลุดหรือไม่ เขาได้ยินเสียงกฤษณ์ที่รีบเข้ามารับตัวเขาร้อง ‘เหวอ!’ อย่างตกอกตกใจ

“มีเรื่องอะไรกันเหรอพี่กฤษณ์” ปุ่นถาม แอบร้องไห้กระซิกๆ ในอ้อมอกกว้าง

“กลับบ้านกันนะครับ ไว้พี่จะเล่าให้ฟัง” กฤษณ์บอก มือใหญ่ที่ให้สัมผัสกระด้างนิดๆ ลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าอย่างปลอบประโลม “กลับบ้านกันเถอะ”



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:20:47 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #15 เมื่อ26-07-2018 13:38:48 »

ไม่รู้เพราะเหตุอะไร อยู่ดีๆ เจ้าตัวเล็กถึงได้มาสนอกสนใจในตัวเขา ทางนั้นเข้ามายั่วเย้า ยอมให้กอด… ให้จูบ… ให้ใกล้ชิด… ให้สัมผัส… ถึงจะรู้สึกเหมือนถูกปั่นหัวเล่นอยู่บ้าง

แต่ความสัมพันธ์ก็เป็นไปอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้… ปุ่นเป็นบอยเฟรนด์ของเขาแล้ว เขาสัญญาว่าจะรัก…รัก…รัก… จะไม่มีวันทำให้ปุ่นต้องร้องไห้เสียใจ

…ก็ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น จนตอนนี้ก็ยังถอนตัวไม่ขึ้น และก็ไม่คิดจะปีนขึ้นมาจากบ่อหลุมลวงอันแสนหวานนี้ด้วย…





7



พอเริ่มดื่มก็เริ่มยิ้มง่ายขึ้น พูดมากขึ้น ซ้ำนั่งยกเท้าขึ้นวางพาดบนหัวเข่าอีกข้างพลางกระดิกเท้ายิกๆ เหมือนพี่ชายของเจ้าตัวไม่มีผิด ถึงจะดื่มค่อนข้างช้า แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะเมาเอา แต่อีกใจหนึ่งก็อยากเห็นเจ้าตัวเล็กนี่เมาเหมือนกัน …คิดว่าคงจะน่ารักน่าดู

กฤษณ์มองคนตัวเล็กที่นั่งกระดิกเท้าอยู่ข้างๆ นอกจากหน้าตาที่น่ารักแล้ว ก็ไม่มีส่วนไหนตรงกับอุดมคติของเขาอีกเลย เขาชอบโฮโมเซ็กชวล4 ตัวเล็กที่มีความอ่อนหวานของเพศหญิงผสมอยู่ในตัว แต่เจ้าตัวเล็กนี่ดันคล้ายบอยที่แสนเอาแต่ใจเสียมากกว่า น่าแปลก… ที่เขาดันตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ถูกคิวปิดแผลงศรใส่กลางใจอย่างจังตั้งแต่ได้สบตา แถมนานวันไป… ยิ่งได้รู้จัก ก็ยิ่งรักจนถอนตัวไม่ขึ้นเข้าไปอีก

รู้สึกเหมือน You’ re the one that I have been waiting for all life.5 ไม่มีผิด

“เดี๋ยวพี่มานะ อยู่กับพวกพี่ๆ เขาไปก่อน” กฤษณ์บอกปุ่นก่อนลุกขึ้นเต็มความสูง

“ไปไหน”

“ห้องน้ำครับ เดี๋ยวมา”



ตอนออกมาทำธุระส่วนตัว กฤษณ์เจอกับตาน้อย ตาน้อยเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องแฟนหนุ่มคนใหม่กับเขา คุยกันได้ประมาณสิบนาทีก็เห็นเจ้าตัวเล็กเดินอาดๆ เข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดฤทธิ์ ทำท่าทางอย่างกับจิ๊กโก๋หน้าปากซอยเข้ามาไถตังค์อย่างไรอย่างนั้น กฤษณ์เห็นท่าไม่ดีรีบอธิบายเหตุการณ์ทุกอย่างให้ฟังทันที

“ไอ้พี่กฤษณ์ โคตรซื่อบื้อเลยว่ะ”

ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงถูกว่าแบบนั้น ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรหรอก ตรงกันข้ามเลยต่างหาก โดนหึงแบบนี้… กฤษณ์รู้สึกดีต่อใจเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ไม่ชอบการถูกหึงหวง การแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แต่พอได้เป็นแฟนกับปุ่นแล้ว ไม่ว่าจะถูกหึง ถูกโกรธ หรือถูกตี เขาก็พอใจทั้งนั้น

“อย่าหึงเลยนะครับ พี่กับตาน้อยเป็นแค่เพื่อนกันแล้วจริงๆ ตอนนี้พี่กฤษณ์มีแค่น้องปุ่นคนเดียวนะครับ” สองมือใหญ่ลูบเส้นผมของร่างเล็กพลางก้มมองอย่างรักใคร่ เขารักเจ้าตัวเล็กนี่เหลือเกิน

“คุยได้อีกแค่แป๊บเดียวนะ เดี๋ยวผมจะไปรอที่พี่กบตรงโน้น” ปุ่นชี้ไปตรงกบที่ยืนคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วก้าวขาเรียวๆ จากไป กฤษณ์คิดจะตามไปด้วย แต่ถูกตาน้อยรั้งไว้เสียก่อน

พูดถึงตาน้อย ตาน้อยเป็นโฮโมเซ็กชวลที่หน้าสวยจนแทบแยกเพศไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง ตัวเล็ก รูปร่างบอบบาง สะโพกผายอย่างได้สัดส่วน กิริยาอ่อนหวาน ท่าทางกระตุ้งกระติ้งบ้างเล็กน้อย และดูน่าทะนุถนอมตรงตามแบบแฟนในฝันของเขาทุกประการ

กฤษณ์เคยคบกับคนคนนี้ แต่ก็เลิกรากันแล้วเพราะอีกฝ่ายไปเจอคนที่ดีกว่า ไม่ได้ผูกใจเจ็บอะไร หลังเลิกกันแล้วช่วงหนึ่งยังเคยเป็นเซ็กซ์เฟรนด์กันด้วยซ้ำ

ไอ้ที่กลับมาเป็นเซ็กซ์เฟรนด์กันนั้นก็ใช่ว่าผูกพันอะไร แค่รู้สึกว่าเรื่องเซ็กซ์เข้ากันได้และถูกสเปกดีก็เท่านั้น

ปกติแล้วกฤษณ์ไม่เคยสนใจหรอกว่าคนคนนั้นจะเป็นผัวใครเมียใครหาก

อีกฝ่ายยินยอมพร้อมใจด้วยแล้ว อันที่จริง… รสนิยมการหาคู่นอนของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าพี่ชายเลยสักนิด จะบอกว่าติดนิสัยแย่ๆ มาจากพี่ชายก็ย่อมได้

“กฤษณ์ ในเมื่อแฟนเขาก็ให้เวลาแล้ว ช่วยอยู่กับตาน้อยต่ออีกนิดเถอะนะ”

“เอ่อ…” กฤษณ์รู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย แต่ประโยคถัดมานี่เองที่ทำให้เขาใจอ่อนจนต้องอยู่ฟังต่อ

“ซันเขาซ้อมตาน้อย เขาลงไม้ลงมือกับตาน้อยตลอดเลย” ตาน้อยบอกด้วยเสียงอันสั่นเครือ

‘ซัน’ คือแฟนใหม่ของตาน้อย กฤษณ์เพิ่งรู้จากกบที่โทรมาบอกด้วยความเป็นห่วงเมื่อตอนหัวค่ำว่าแฟนของตาน้อยเป็นเจ้าของบ้านที่ใช้จัดปาร์ตี้ในคืนนี้

กฤษณ์ยืนรับฟังปัญหาหัวใจของตาน้อยเงียบๆ เห็นปุ่นจ้องมองมาไม่วางตาก็ร้อนใจอยากกลับไปหาเสียให้ได้ แต่พอละสายตาหันไปดูตาน้อยที่ร้องไห้เพียงประเดี๋ยวเดียวปุ่นก็หายไป เหลือเพียงกบที่ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่คนเดียวแล้ว

คงจะกลับไปหาพวกพี่โยแล้วมั้ง

“กฤษณ์” ตาน้อยเรียก จู่ๆ ก็ซวนเซ ทำท่าเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้ กฤษณ์ตกใจรีบเข้าไปประคองร่างอรชรไว้ด้วยความเป็นห่วง

“ตาน้อย… เป็นอะไรรึเปล่า”

“ตาน้อยเวียนหัว กฤษณ์ส่งตาน้อยกลับคอนโดฯ ทีนะ ตาน้อยไม่อยากอยู่แล้ว แค่เห็นบ้านของซัน… ตาน้อยก็กลัวจนจับใจแล้ว”

“แต่…”

“กฤษณ์…” ตาน้อยช้อนตามองมาอย่างน่าสงสาร กฤษณ์กลืนคำปฏิเสธลงคอแล้วพาตาน้อยไปที่รถ

กฤษณ์ขับรถไปแค่หน้าปากซอยก็จอด ก่อนจะลงไปโบกแท็กซี่ให้ ตาน้อยเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด กฤษณ์กล่าวขอโทษขอโพยอีกฝ่ายที่ไม่สามารถไปส่งได้อย่างรู้สึกผิด แต่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเขาเองก็อยากกลับไปหาปุ่นแล้วเหมือนกัน

ตอนที่ขับรถมาถึงหน้าบ้านของแฟนตาน้อยโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นโยที่โทรมา

“ครับ กะ…”

[ไอ้แกริค มึงอยู่ไหน?! น้องปุ่น! น้องปุ่นของมึงแย่แล้ว!] โยส่งเสียงโวยวาย ฟังดูร้อนรนและเร็วรัวจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์

“เกิดอะไรขึ้นกับปุ่น?!” กฤษณ์เริ่มใจคอไม่ดี ด้วยความตกใจจึงเผลอตะโกนอย่างร้อนรนกลับไปเช่นกัน

[มึงอยู่ไหนล่ะ?! มึงอยู่ไหน?! มึงบอกกูมาก๊อน!]

“ผมอยู่ที่งานนี่แหละ ที่หน้าบ้าน”

[มีคนบอกว่ามึงออกไปกับแฟนเก่า!]

“ไปส่งเรียกแท็กซี่ที่หน้าปากซอยแค่นี้เอง ตาน้อยเขาอาการไม่ดี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับน้องปุ่นของผมล่ะ พี่บอกมานะว่าปุ่นเป็นอะไร?!”

[แล้วไป กูก็นึกว่าไประลึกความหลังกัน เดี๋ยวกูให้ไอ้ตองออกไปรับ มึงขึ้นมาดูสภาพเองก็แล้วกัน] ว่าแล้วโยก็ตัดสายไป

กฤษณ์ลงมาจากรถ รู้สึกกระวนกระวายและร้อนใจเป็นหนักหนา หันซ้ายมองขวามองหารุ่นน้องชื่อใบตองที่โยบอกให้ออกมารับ

ไม่นานนักใบตองก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากบ้าน เมื่อเห็นกฤษณ์แล้วก็หยุดหอบหายใจฮักๆ พลางกวักมือเรียก กฤษณ์รีบวิ่งไปหาทันที

“ปุ่นอยู่ไหนตอง น้องปุ่นอยู่ไหน” กฤษณ์ถามพลางเขย่าแขนเรียวเล็กของใบตอง

“พี่ปุ่นอยู่ข้างบนครับ” ใบตองบอกก่อนรีบนำทางไป

เมื่อเข้ามาในบ้านแล้ว กฤษณ์พบว่าข้างในนี้มีบรรยากาศชวนกดดันแปลกๆ แทบไม่มีกลิ่นอายของงานปาร์ตี้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหลงเหลือ ไร้เสียงเพลง ไฟทุกดวงในห้องโถงและชั้นบนถูกเปิดสว่าง ทุกคนต่างทำท่าเหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่

“ห้องนี้ไม่มี ลองไปดูที่โรงรถรึยัง?!” ใหม่ เพื่อนร่วมคณะบัญชีตะโกนมาจากชั้นบน

“ดูแล้ว!” ใครคนหนึ่งที่อยู่ข้างล่างตะโกนตอบ

“เกิดอะไรกันครับ” กฤษณ์ถามตอนกำลังเดินขึ้นบันไดไปด้วยความฉงน

“พี่ปุ่นโดนมอมยาครับ ทุกคนกำลังตามหาตัวคนร้ายอยู่”

“” What?!”

“พี่เขาอยู่ในห้องนี้แหละครับ” ใบตองหันมามองหน้าก่อนจะผลักประตูห้องเข้าไป กฤษณ์เผลอกลั้นหายใจตอนที่ประตูกำลังถูกเปิดออก

กฤษณ์เห็นปุ่นนอนตะแคง บิดเร่าๆ อย่างทรมานอยู่บนเตียง หน้าแดงแจ๋ เหงื่อแตกพลั่ก สองมือบีบคลึงที่เป้ากางเกงพลางคราง ‘ร้อน…ร้อน…’ ไม่หยุด …ดูแล้วทั้งน่าสงสารทั้งน่ารักเย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก ส่วนปลายเตียงนั้นมีโยกับกบที่ยืนมองอยู่ตาไม่กะพริบ ใบตองเห็นดังนั้นก็กระแอมเบาๆ ให้พี่ๆ ทั้งสองคนได้รู้ตัว

“ปุ่น! Oh no…” กฤษณ์ตรงไปที่เตียง รวบแขนทั้งสองข้างที่อยู่ตรงส่วนล่อแหลมเอาไว้ ประคองร่างเล็กที่บิดเร่าขึ้นมาแนบอกพลางถาม “ใครมันทำแบบนี้”

“ไม่รู้ กำลังหาตัวอยู่ นี่โชคดีนะที่ไอ้ชัยกับไอ้ใหม่มันมาเห็นซะก่อน ไม่งั้นน้องปุ่นมึงเสร็จไอ้ห่าพวกนั้นไปแล้ว และถ้าขืนมึงมาช้ากว่านี้ พวกกูก็ไม่รู้ว่าจะเอาไงดีเหมือนกัน…” โยที่ยืนหน้าแดงก่ำพูด ไม่รู้ว่าหน้าที่แดงนั้นเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าหรือเพราะภาพอันรัญจวนของคนบนเตียงกันแน่ “สภาพไม่รู้สึกตัวแบบนี้น่าจะโดนมอมยาแล้วก็โดนยาปลุกเซ็กซ์แบบพวกยาเสียสาว แมลงวันสเปนด้วยละมั้ง กูก็ไม่ค่อยรู้จัก” เขาพูดต่อ

Spanish fly6… คงจะเป็นอย่างนั้น

ยาจำพวกนี้มักจะทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศอย่างรุนแรง ควบคุมตัวเองไม่ได้ และออกฤทธิ์นานถึงหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้กฤษณ์รู้สึกว่าคิดถูกจริงๆ ที่ไม่ไปส่งตาน้อยที่หอ เพราะเวลาไป-กลับหอกับที่นี่นั้นร่วมหนึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว

“แต่ที่พูดนี่ เหมือนรู้จักเลยดีเนอะ” ใบตองพูดเหน็บขึ้นมาลอยๆ โยจึงบ่นอุบอิบ

“มีน้ำแข็งไหมครับ” กฤษณ์ถามพลางกระชับกอดแน่น รู้สึกได้ถึงผิวกายร้อนผะผ่าวของร่างเล็กที่ทะลุผ่านเนื้อผ้าออกมา

ถ้าปุ่นโดนยาปลุกเซ็กซ์ การให้แช่น้ำเย็นๆ ก็น่าจะพอช่วยบรรเทาได้



“จะเอาน้ำแข็งมาทำไม นั่นแฟนมึง มึงก็ใช้ตัวมึงช่วยปลดเปลื้องสิ” โยพูด

ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นอย่างน่าชัง “งั้นพวกกูไปละนะ” ว่าแล้วล็อกคอกบที่ยืนตาค้างอยู่ปลายเตียงออกจากห้องไป

“น้องปุ่นแม่งโครตยั่วเลยว่ะพี่โย” เสียงกบดังมาก่อนที่ประตูห้องจะถูกปิดลง การพูดจาผิดกับรูปลักษณ์คนดีที่เป็นอยู่ลิบลับ แต่เพื่อนเขาก็มีนิสัยแบบนี้แหละ

“น้องปุ่น…” กฤษณ์ก้มมองคนในอ้อมแขนให้ชัดๆ “ทรมานมากไหมครับ” เขาถาม

“ทรมาน… ร้อน… เจ็บ…เจ็บตรงนั้น” ปุ่นตอบ ตาแดงระเรื่อปรือขึ้นน้อยๆ มองมา กฤษณ์ผละออกไปหารีโมต กดลดอุณหภูมิแอร์หวังให้คนครวญว่าร้อนได้ทุเลาลง จากนั้นจึงกลับมานั่งที่เตียงอีกครั้ง

“พี่ถอดเสื้อให้นะครับ” แต่ไม่ใช่แค่เสื้อ กฤษณ์ถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นของปุ่นออก ไม่เว้นแม้แต่กางเกงในขาสั้นตัวน้อยแล้วปล่อยทิ้งลงข้างเตียงไป ร่างเล็กที่บิดไปมานั้นเปลือยเปล่า ผิวขาวนวลที่เผยสู่สายตานั้นชุ่มเหงื่อและแดงระเรื่อ

ความเย้ายวนของปุ่นทำเอากฤษณ์หายใจไม่ทั่วท้อง มือไม้สั่นขึ้นมานิดๆ อย่างห้ามไม่อยู่ เขาตั้งสมาธิได้เพียงห้าวินาทีก็ตัดสินใจใช้ฝ่ามือลูบไล้จากใบหน้า ลำคอ เรื่อยมาจนถึงส่วนสงวนของอีกฝ่าย นิ้วยาวลูบไล้ช้าๆ ตรงส่วนปลายที่ฉ่ำเยิ้ม ก่อนกอบกุมความเร่าร้อนที่เครียดเขม็ง ฟอนเฟ้นจนร่างเล็กยกสะโพกแอ่นหยัดอย่างยากจะทานไหว กฤษณ์ก้มพรมจูบไปตามแผ่นอกแบนราบ ทิ้งรอยกลีบกุหลาบสีชมพูทุกครั้งที่ริมฝีปากจรดบนผิวนุ่ม

“ดี… อื้ม… อา…” ปุ่นครางอย่างพอใจ ปรือตาชุ่มฉ่ำหวานเยิ้มขึ้นมอง สะโพกเล็กสั่นสะท้าน ร่างกายกระตุกทีสองทีก่อนปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาเต็มฝ่ามือใหญ่ แต่ตรงที่เครียดเขม็งของเจ้าตัวเล็กก็หาได้อ่อนตัวลงไม่

“อีก… อยากได้อีก… มากกว่านี้… อยากได้มากกว่านี้” ปุ่นเร่งเร้า สะโพกเล็กๆ ส่ายไปมาอย่างเชิญชวน

กฤษณ์ก้มมองใบหน้าแดงก่ำที่บิดเบี้ยวเพราะความกระสันรัญจวนจากฤทธิ์ยา ขอบตาและเปลือกตาก็แดงเสียยิ่งกว่าผิวหน้า อีกทั้งน้ำลายยังไหลจากมุมปาก …ช่างเป็นภาพที่เย้ายวนชวนให้ลุ่มหลง เขาเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ โน้มตัวลงจูบหนักๆ ที่ริมฝีปากอิ่มของร่างเล็กสองครั้งอย่างอดใจไม่ไหว ก่อนจะเคลื่อนตัวลงไปฝังใบหน้าลงบริเวณท้องน้อยของอีกฝ่าย ไล้เลียตั้งแต่ส่วนหน้าไปจนถึงก้อนนุ่มหยุ่นทั้งสอง

กฤษณ์ค่อยๆ ประคองต้นขานุ่มนิ่มทั้งสองข้างขึ้น ดันลงไปจนสะโพกเล็กนั้นลอยหลาอยู่ตรงหน้า เขาใช้ลิ้นเปียกชื้นไล้เลียรอบจีบปิดสนิทจนชุ่มก่อนพยายามแทรกลิ้นเข้าไป

“อา… อา… อื้อ…” ปุ่นครางเสียงหวานไม่ขาดสาย

อึก…

กฤษณ์ตกใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาหรือเพราะร่างกายของอีกฝ่ายอ่อนนุ่มอยู่แล้วกันแน่ ลิ้นหนาจึงชำแรกเข้ามาหยอกล้อกับผนังด้านในได้อย่างง่ายดายนัก

“อื้ม! อ๊า…” ร่างของปุ่นสั่นสะท้าน แก่นกายสั่นระริก ปลดปล่อยออกมาอีกครั้งในปริมาณไม่ต่างจากเดิมนักแล้วแน่นิ่งไป

“สบายตัวแล้วนะครับ” กฤษณ์หยิบทิชชูตรงหัวเตียงมาเช็ดทำความสะอาดคราบต่างๆ จัดแจงท่านอนสบายๆ และห่มผ้าให้กับเจ้าตัวเล็กที่นอนนิ่ง ทุกอย่างที่ทำไปนั้น นอกเหนือจากอยากให้อีกฝ่ายได้สบายตัวแล้ว ยังมีความปรารถนาเบื้องลึกของตนซ่อนอยู่ด้วย เพราะเหตุนี้เองส่วนกลางร่างกายของเขาถึงได้ปวดหนึบเช่นนี้

เขาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ความอดทนของตัวเองมันจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินถึงเพียงนี้

“พี่ขอโทษนะครับ…” กฤษณ์กัดฟันกรอด ตัดสินใจเลิกผ้าห่มที่ห่มให้กับร่างเล็กไปเมื่อก่อนหน้านี้ออก แล้วขึ้นคร่อมที่หน้าท้องของอีกฝ่าย เขาปลดซิป ควักแท่งเนื้อร้อนที่แข็งตัวเต็มที่ของตัวเองออกมาขยับขึ้น-ลงอย่างรีบเร่ง

ถึงจะรู้สึกผิดก็ตาม แต่ตัวเขานั้นไม่ใช่พระอิฐพระปูน ไม่สามารถทนนิ่งเฉยอยู่ได้หรอกเมื่อเห็นคนที่รัก ที่ปรารถนามาเปลือยล่อนจ้อน ร้องครวญรัญจวนใจต่อหน้าเช่นนี้

“ฮ่า… น้องปุ่น…” ตอนใกล้ถึงจุดหมาย กฤษณ์บังคับทิศทางให้ปลดปล่อยออกมารดที่แผ่นอกแบนราบของคนข้างใต้

“ขอโทษนะครับ” เขาดึงทิชชูออกมาเกือบหมดกล่องเพื่อเช็ดทำความสะอาด เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจึงห่มผ้าห่มผ่อนให้กับร่างเล็กอีกครั้ง ก้มลงจูบหนักๆ ที่แก้มและริมฝีปากอิ่มอีกอย่างละที แล้วคิดว่าจะลองลงไปดูเหตุการณ์ที่ข้างล่างสักหน่อย เนื่องด้วยได้ยินเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวปนกรีดร้องมาระยะหนึ่งแล้ว



กฤษณ์มองลงมา เห็นคนในงานปาร์ตี้หลายคนกำลังยืนตีวงล้อมอยู่ข้างล่างก็นึกแปลกใจ

หรือจะเป็นไอ้นั่นนะ… ไอ้ที่เรียกว่ามอญซ่อนผ้าน่ะ

“แกริค! พวกเราจับตัวคนที่วางยาแฟนแกได้แล้ว” ชายนี่ หนุ่มใจสาวตัวใหญ่ เพื่อนร่วมคณะบัญชีวิ่งขึ้นบันไดมาหาแล้วฉุดลากกฤษณ์ลงมาที่ข้างล่าง พาเข้ามาตรงกลางวงล้อม กฤษณ์มองผู้ชายสองคนในวงที่คาดว่าน่าจะเป็นคนร้าย แต่สองคนนี้ตัวเตี้ยกว่าเขาอยู่โข วูบหนึ่งจึงเผลอคิดไปว่าไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร แต่หนึ่งในนั้นกลับพูดออกมาว่า

“ไง… คุณแฟนสินะ เด็กแกนี่เด็ดชะมัดเลยว่ะ ครางไม่หยุดเลย”

กฤษณ์เหมือนได้ยินเสียงเส้นสติชอร์ตกันดัง ‘เปรี๊ยะๆ’ อยู่ในโสตประสาท เขาง้างแขนขึ้น ชกไปที่ใบหน้ายิ้มเยาะนั่นทันที

เสียงหมัดกระทบเนื้อดัง ‘พลั่ก!’ คนถูกต่อยทรุดลงไปนอนโอดโอยกับพื้น โชคดีแค่ไหนแล้วที่กฤษณ์ยั้งมือไว้ทัน ไม่ได้ต่อยไปเต็มแรง

“Damn it! ไอ้สารเลว! ไอ้เวรตะไล! Go to hell! ไอ้พวกพ่อแม่ไม่สั่งสอน!” กฤษณ์คำรามลั่น นึกเสียดายจริงๆ ที่ไม่สนใจเรียนคำด่าภาษาไทยจากพี่ชายมาให้มากกว่านี้

“แกริค! พอ! พอได้แล้ว มันยังไม่ได้ทำอะไรแฟนแกจริงๆ หรอก เรากับใหม่เข้ามาเห็นก่อน” ชายนี่รีบเข้ามาห้ามพลางสอดแขนเข้ามาทางใต้รักแร้ ล็อก

ลากกฤษณ์ออกมานอกวง

“ห้ามทำไมวะไอ้ชัย! กำลังมันเลย โด่…” โยโวยวาย ชายนี่หันไปมองตาเขียวขวับแล้วว่า

“เรียกหนูว่า ‘ชายนี่’ ด้วยนะคะพี่โย ไม่งั้นหนูตบหน้าหันแปดสิบทิศจริงด้วย” พูดจบโยกับชายนี่ก็ทะเลาะกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวโดยมีกบเป็นกรรมการคอยห้ามมวยอยู่ใกล้ๆ

“พี่แกริค พี่ปุ่นฟื้นแล้ว!” ใบตองสะกิดแขนกฤษณ์ ชี้ไปที่ระเบียงทางเดิน ปุ่นที่ห่อหุ้มตัวเองด้วยผ้าห่มสีขาวกำลังยืนมองอยู่บนนั้น กฤษณ์รีบวิ่งขึ้นไปหาทันทีที่เห็น

“น้องปุ่น” เขาเรียกพลางหอบเหนื่อย ปุ่นหันมามอง สีหน้านั้นเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เจ้าตัวรีบโผร่างเข้ามากอดเขาไว้แน่น กฤษณ์ร้อง ‘เหวอ!’ พลางรวบทั้งตัวคนทั้งผ้าห่มที่เกือบจะหลุดร่วงเอาไว้ ผ้าที่หลุดไปครึ่งหนึ่งนั้นเผยให้เห็นลาดไหล่และแผ่นหลังขาวเนียน

“มีเรื่องอะไรกันเหรอพี่กฤษณ์” ปุ่นถาม ตัวสั่นเทาในอ้อมกอดของเขา

“กลับบ้านกันนะครับ ไว้พี่จะเล่าให้ฟัง” กฤษณ์บอก มือใหญ่ลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าอย่างปลอบประโลม “กลับบ้านกันเถอะ



ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที ภายในงานก็กลับมาคึกคักดังเดิม ผู้ร้ายทั้งสองถูกโย กบ ใหม่ และชายนี่นำตัวไปสอบปากคำ ณ ห้องใดห้องหนึ่งของบ้านหลังใหญ่หลังนี้ กฤษณ์พาปุ่นไปใส่เสื้อผ้าในห้องนอนที่เคยใช้บำบัดอาการจากยาปลุกเซ็กซ์ไปเมื่อก่อนหน้านี้ ส่วนตัวเองก็จัดการเก็บกองทิชชูบนเตียงทิ้งลงถังขยะ

ระหว่างทางกลับบ้าน ต่างฝ่ายต่างเอาแต่นิ่งเงียบ ปุ่นไม่ถามอะไรกฤษณ์เองก็ไม่กล้าเล่าให้ฟัง เลยชวนให้บรรยากาศดูขัดเขินแปลกๆ จนกระทั่งถึงที่หมายแล้ว บรรยากาศนั้นก็ยังไม่ยอมจางหายไปสักที

“ปุ่น” กฤษณ์เรียกคนที่กำลังไขกุญแจรั้ว คนถูกเรียกเหลียวหลังมามอง จากนั้นจึงหลบตาไปอย่างขวยเขิน

“ขะ…ครับ” ปุ่นส่งเสียงตอบรับ ไม่ยอมหันมาสบตา

“Have a good dream.” กฤษณ์คลี่ยิ้มบาง เจ้าตัวเล็กพยักหน้ารับหงึกๆ รีบร้อนเปิดประตูรั้วเข้าบ้านไป

So adorable7… กฤษณ์ยิ้มอยู่คนเดียวราวกับคนบ้า รู้สึกอยากจะจับเจ้าตัวเล็กมาฟัด มากัดๆ เคี้ยวๆ แล้วกลืนลงท้องให้มันจบๆ ไปเสียตั้งแต่คืนนี้เลย

วันต่อมา กฤษณ์ไลน์ไปหาเจ้าตัวเล็กเกือบสิบข้อความ ‘ปวดหัวไหมครับ’ ‘รู้สึกไม่ดีตรงไหนรึเปล่า’ ‘มียากินรึเปล่าครับ’ ‘ตื่นรึยัง’ ‘กินข้าวรึยังครับ’ ‘อยากเจอ…’ แต่ข้อความทั้งหมดนั้นไม่ถูกอ่าน

ตกบ่าย ข้อความของเขาถูกอ่านเสียที ปุ่นตอบกลับมาด้วยสติกเกอร์ OK เพียงรูปเดียวเท่านั้น

กฤษณ์คิดว่าปุ่นคงจะอายจนไม่กล้ามาพบหน้าตนแล้วกระมัง

ระหว่างที่กำลังนั่งห่อเหี่ยวใจ ปุ่นก็กระโดดข้ามรั้วมาหา เจ้าตัวเล็กส่งเสียงเรียก ‘พี่กฤษณ์!’ ลั่นบ้าน กฤษณ์รีบวางโทรศัพท์ในมือ ลุกพรวดไปหาผู้มาเยือนทันที เขาคิดว่าถ้าตัวเองมีหางคงจะกระดิกยิกๆ อย่างดีอกดีใจแล้วแน่ๆ

“โทษที พอดีผมเพิ่งตื่นเลยเพิ่งเห็นไลน์พี่อะ” ปุ่นก้มหน้าก้มตาบอก ถึงน้ำเสียงจะเป็นปกติแต่กลับไม่กล้าสบตา แก้มสองข้างก็สุกปลั่ง กฤษณ์ทั้งเอ็นดูทั้งนึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่กล้าสบตากับตัวเองอีกแล้วจึงได้พรั่นพรึงอยู่ในใจ

ทำไงดี...

“เมื่อคืน… น้องปุ่นจำอะไรได้บ้างไหมครับ” เพราะคิดอยากจะขจัดความขัดเขินนี้ออกไปไวๆ กฤษณ์จึงเริ่มเปิดประเด็นถาม ไม่รู้เลยว่าตัวเองอาจจะคิดผิดไปก็

ได้

ปุ่นได้ยินคำถามก็หน้าแดงแปร๊ด อ้อมแอ้มตอบเสียงเบาหวิว

“ก็... ดื่มกับพวกพี่โย พอหลังจากที่คุยกับพี่กฤษณ์ที่ข้างนอกก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว …รู้สึกเหมือน…จะเมามาก”

“ไม่เมามากหรอกครับ น้องปุ่นโดนมอมยา …ยาปลุก Sex ด้วย” กฤษณ์บอกอย่างไม่อ้อมค้อม

“หา? ใคร ทำไม” ปุ่นเงยหน้าขึ้นมองกฤษณ์ทันที อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง เพราะเหตุนี้เองพวกเขาถึงได้สบตากันสักที

อย่าหลบหน้าพี่อีกเลยนะครับ กฤษณ์พูดในใจ

“เมื่อเช้าพี่โยโทรมา บอกว่าแฟนของตาน้อยทำน่ะครับ พี่เองก็ไม่รู้จักหน้าเหมือนกัน แต่พี่โยบอกว่าเป็นคนเดียวกับที่พี่ต่อยไปเมื่อคืน มันบอกว่าที่ทำไปเพราะหมั่นไส้พี่ ขอโทษจริงๆ นะครับ เป็นเพราะพี่แท้ๆ เชียว”

ตลอดมากฤษณ์รู้เพียงว่าแฟนใหม่ของตาน้อยชื่อซัน แต่ก็ไม่เคยได้พบหน้า เรียกว่าไม่สนใจอยากจะรู้จักก็ได้ เพราะคนที่เขาเคยนอนด้วยคือตาน้อย จึงไม่แปลกอะไรนี่ที่เขาจะไม่รู้จักหน้าค่าตาแฟนหนุ่มของอีกฝ่าย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:33:49 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #16 เมื่อ26-07-2018 13:39:34 »

กฤษณ์ก็เพิ่งจะเคยเห็นหน้าหมอนั่นไปเมื่อคืนนี้นี่แหละ แถมยังจำไม่ได้ด้วยเพราะดันประเคนหมัดให้ไปก่อนที่จะมองหน้าชัดๆ

“พี่กฤษณ์ไม่ผิดสักหน่อย แต่เอาจริงๆ นะ ผมสงสัยแฟนเก่าพี่มากที่สุด แต่ก็รู้ไม่ว่าเขาทำยังไงนี่สิ” ปุ่นเอียงคอครุ่นคิด

“จะว่าไป กบก็มาถามเรื่องที่พี่คุยอยู่กับตาน้อยเมื่อคืนเหมือนกันนะครับ เหมือนจะหาเบาะแส ที่จริงทุกคนสงสัยกันหมดเลย แต่เราไม่มีหลักฐาน แต่ถ้าน้องปุ่นจะเอาเรื่อง พี่ก็จะตามให้ถึงที่สุดครับ”

“ช่างเถอะ จะแจ้งตำรวจก็น่าอาย แต่อย่าให้มีอีกครั้งก็แล้วกัน ผมจะกระโดดถีบขาคู่เลยคอยดู” พูดพลางถกแขนเสื้อขึ้นอย่างเอาเรื่อง กฤษณ์หัวเราะพรืดก่อนพูดว่า

“แฟนพี่โหดจังเลยครับ”

ปุ่นส่งเสียง ‘ฮึ’ ในลำคอก่อนจะเปลี่ยนท่าที ถามขึ้นมาอย่างอายๆ

“เอ่อ… จริงสิ จะว่าไปแล้วเป็นพี่กฤษณ์ใช่ไหมที่มา… เอ่อ… มา ‘นั่น’ กับผมน่ะ” เจ้าตัวเล็กเกาแก้มอย่างเก้อเขิน กฤษณ์รู้สึกเหมือนอากาศตรงนี้จะกลายเป็นสีชมพูไปได้ง่ายๆ เลยเชียว ไอ้บรรยากาศขัดๆ เขินๆ นี่มันอะไรกันนะ

“ใช่ครับ แต่พี่ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยนะครับ แค่ใช้ปากกับใช้มือ” กฤษณ์ชูมือขึ้นโชว์แบบแสดงความบริสุทธิ์ใจเต็มที่

“อ้าว?” ปุ่นกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าเหมือนแปลกใจ “…มือ…งั้นเหรอ” เขาถามอย่างงุนงง

“ปากด้วย…” กฤษณ์ตอบพลางใช้นิ้วชี้เกาที่จมูกตัวเองเบาๆ อย่างติดเป็นนิสัย ตอนนึกถึงเรื่องอีโรติกทีไร เป็นต้องเอามือมาจับ มาถู มาเกาที่จมูกทุกทีเพราะกลัวเลือดกำเดาจะไหลเอา

สาเหตุของเรื่องนี้มาจากประสบการณ์หน้าร้อนในวัยเจ็ดขวบ วันนั้นครอบครัวของกฤษณ์พากันไปเที่ยวทะเลแถวภาคตะวันออกของไทย แต่เพราะอากาศร้อนอบอ้าวเสียจนหมดอารมณ์เล่นน้ำ กฤษณ์จึงได้แต่นั่งกินน้ำแข็งไสอยู่ริมชายหาด ทอดมองคลื่นทะเลอันระยิบระยับเพราะแสงแดดส่องกระทบที่ค่อยๆ ซัดเข้าหาชายฝั่ง ตอนนั้นเอง ช้างน้อยงวงเล็กๆ ก็มาปรากฏตรงหน้า และกระแทกเข้าหน้าอย่างจัง กฤษณ์โดนเด็กเอเชียผิวขาวเหลืองตัวแห้งๆ คนหนึ่งวิ่งชนแล้วล้มทับจนเขาหงายท้องอย่างน่าอาย น้ำแข็งไสสีแดงหกกระจายเต็มเสื้อเชิ้ตลายดอกสีฟ้า ช้างน้อยนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายแปะอยู่ตรงปากอย่างพอดิบพอดี เจ้าเด็กนั่นรีบลุกขึ้นพลางพูดว่า ‘ซอร์รี่’ เพียงคำเดียว แล้ววิ่งหนีหายไปอย่างไว เขายังไม่ทันได้มองหน้าด้วยซ้ำ

…กลิ่นหอมจางๆ เหมือนแป้งเด็กนั่นยังติดอยู่ที่ปลายจมูก สัมผัสนุ่มนิ่มก็ยังติดตรึงอยู่ที่ริมฝีปาก อีกทั้งความเล็กน่ารักนั่นก็ยังตราตรึงอยู่เต็มสองตา… หลังจากนิ่งงันอยู่เกือบสิบวินาที เลือดกำเดาสีแดงสดก็ไหลทะลักออกมาจากรูจมูกทั้งสองข้าง ไม่รู้ว่าสาเหตุนั้นเป็นเพราะอากาศที่ร้อนเกินไป หรือเพราะถูกกระแทกเข้าอย่างแรงกันแน่ แต่กฤษณ์ก็คิดว่านั่นเป็นเพราะตัวเองเผลอไปคิดเรื่องลามกๆ เข้า เลยทำให้เลือดกำเดาไหลทะลักออกมาอย่างนั้น

จากนั้นเป็นต้นมา เวลาเผลอไปคิดเรื่องลามกๆ ทีไร เขาเป็นต้องเอามือมาสัมผัสที่จมูกทุกที ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นมาเลือดกำเดาจะไม่เคยไหลอีกเลยก็ตาม

“ล่ะ…แล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกแปลกๆ ที่ก้นด้วยล่ะ” ปุ่นที่อ้ำอึ้งอยู่นานถาม

อึก! กฤษณ์หน้าแดงวาบ เจ้าตัวเล็กนี่ช่างถามอะไรออกมาได้น่ารักน่าชังเสียจริง!

รู้สึกเหมือนเลือดกำเดาจะไหลเลยแฮะ… กฤษณ์บีบที่ปีกจมูกแน่น เสียงที่ตอบออกมาจากนี้จึงขึ้นจมูก

“ลิ้นครับ ใช้ลิ้นแหย่เข้าไปด้วย!”

เท่านั้นเอง ปุ่นก็ซบหน้าลงกับฝ่ามือเล็กๆ ของตัวเอง กฤษณ์เห็นท่าทางไม่ดี จึงเรียกชื่อของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

“ปุ่นครับ…”

“ไม่มีอะไร แค่อาย…อายจะตายอยู่แล้ว” ปุ่นส่ายหน้าพลางบอกเสียงอู้อี้ ตอนนี้กฤษณ์เองก็รู้สึกอายไม่แพ้กัน หน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ สีแดงนั้นลามไปยันหูทั้งสองข้าง

“ขอโทษครับ”

“ก็แค่ลิ้นเอง ไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ปุ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมากล่าวลา “ผมกลับละนะ” พูดจบก็วิ่งปร๋อไปที่รั้วกั้นอาณาเขตราวกับแมวที่โดนสุนัขไล่ เจ้าตัวหันมองกฤษณ์ที่ยืนอยู่หน้าประตูอีกครั้งก่อนรีบปีนข้ามรั้วกลับบ้านของตัวเองไปอย่างทุลักทุเล

คงจะอายมาก… แต่ถ้าไม่อายก็คงจะแปลก ปุ่นน่ะหน้าบางจะตายไป

เอาเถอะ เดี๋ยวก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม กฤษณ์คิด แต่ก็เหมือนจะคิดผิดไป



หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงจะไลน์คุยกันทุกวัน แต่ปุ่นก็ยังคงหลบหน้าหลบตา กฤษณ์ที่คิดมาตลอดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้จริงจังอะไรกับสัมพันธ์นี้ตั้งแต่แรกก็อดที่จะร้อนใจไม่ได้ ชักไม่มั่นใจแล้วว่าปุ่นยังอยากมาเจอหน้าเขาอีกไหม แถมอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเรียนแล้วด้วย นี่เขาจะยังมีโอกาสได้ไปส่งปุ่นที่มหาวิทยาลัยอีกไหมนะ

เหงาเหลือเกิน… ทั้งๆ ที่อยู่คนเดียวมาตั้งนานแล้วแท้ๆ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกเหงารุนแรงขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ตอนนี้นี่สิ… แค่ไม่ได้เห็นหน้าปุ่นวันเดียวกลับรู้สึกอ้างว้างเกินบรรยาย

ไม่แน่ว่า… เราอาจจะโดนน้องปุ่นเบื่อแล้วก็ได้ กฤษณ์อยากจะร้องไห้ ในตอนนี้เขามีแต่ความหวาดหวั่นไม่มั่นใจ

‘คิดถึงจังครับ อยากเจอหน้า…’ กฤษณ์ส่งไลน์ไปหาปุ่น เพียงไม่กี่วินาที โทรศัพท์ก็ส่งเสียงแจ้งเตือน เขารีบจิ้มเข้าไปอ่าน แต่กลับเป็นไลน์จากตาน้อย

‘วิชาอาจารย์ทศมาสที่ให้ลงทะเบียนเรียนใหม่กฤษณ์ลงเซคไหนเหรอ’

‘ตาน้อยลงเซค A นะ’

กฤษณ์จึงลงเซค B ไป ปกติแล้วช่วงนี้ไม่ใช่เวลาที่นักศึกษาจะมาลงทะเบียนเรียนเสียหน่อย นี่มันเป็นช่วงเวลาของการเพิกถอนวิชาทางอินเทอร์เน็ตต่างหาก ตัวเขาที่ไม่จำเป็นต้องเพิกถอนวิชาอะไรจึงลืมไปเสียสนิทว่า วิชาของอาจารย์ทศมาสจะแบ่งเป็นสองเซค เนื่องด้วยความไม่สะดวกทางด้านสุขภาพบางประการของอาจารย์ผู้สอนในปลายภาคนี้ นักศึกษาคณะบัญชีปี 3 ที่มีเรียนกับท่านจึงต้องลงทะเบียนเรียนใหม่

กฤษณ์จำได้ว่าเซค A เรียนวันศุกร์เหมือนเดิม ส่วนเซค B เรียนวันจันทร์ เขาคาดว่าเพื่อนในคณะน่าจะเลือกลงเรียนเซค A กันเป็นส่วนใหญ่ เพราะวันจันทร์นั้นปกติแล้วจะไม่มีเรียน อีกทั้งวันศุกร์ก็ยังมีเรียนวิชาอื่นในช่วงเช้าอยู่

ลงทะเบียนเรียนเสร็จแอปพลิเคชันไลน์ก็ส่งเสียงแจ้งเตือนขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นปุ่นที่ไลน์ตอบมา

‘คิดถึงเหมือนกัน’

‘นี่ไงหน้า เห็นบ่นว่าอยากเห็น อิๆ’

พร้อมแนบรูปหน้าที่ยิ้มจนแก้มปริของตัวเองมาด้วย

‘เปิดเรียนไปด้วยคนน้า รอรับด้วย เวลาเดิม’

กฤษณ์หัวเราะลั่น ส่งสติกเกอร์ OK กลับไป เขาจ้องรูปในโทรศัพท์ด้วยความคิดถึง บอกอยากเห็นหน้าก็ได้เห็นจริงๆ แต่เฮ้อ… นี่เขาต้องรอจนหมดวันหยุดเลยเหรอ

รูปนี้… แอบเอาไปใช้ตอนช่วยตัวเองดีกว่า กฤษณ์อมยิ้มจนแก้มปริ



และแล้ววันนี้… วันที่รอคอยก็มาถึง เวลา 07.30 นาฬิกา ปุ่นในชุดวอร์มสีเทาอมฟ้าเดินออกมาจากบ้าน ส่งยิ้มหวานๆ มาให้ จากนั้นจึงขึ้นซ้อนบิ๊กไบก์คันเก่งของกฤษณ์ที่จอดรออยู่หน้าบ้าน

น้องปุ่น…

ทันทีที่ได้เห็นหน้า ความรู้สึกยินดีอย่างสุดจะหาใดเปรียบก็พวยพุ่งขึ้นมาในอก กฤษณ์ผลิยิ้มอย่างละมุนละไมภายใต้หมวกกันน็อก

“ทีหลังพี่กฤษณ์จอดรอที่หน้าบ้านพี่นะ จะได้ไม่ต้องถอยรถมา” ปุ่นบอก กฤษณ์ตกปากรับคำ

“OK ครับ ว่าแต่วันนี้กลับกี่โมงครับ” กฤษณ์ถามพลางยื่นหมวกกันน็อกให้ ปุ่นรับมาสวม ปฏิกิริยาทุกอย่างกลับมาเป็นปกติไม่มีขัดเขิน กลับมาเป็นปุ่นคนเดิมแล้ว

“กินข้าวเสร็จก็น่าจะเที่ยงพอดี พี่กฤษณ์เลิกพร้อมกันเหรอ แต่เอ… ปกติพี่ไม่มีเรียนวันนี้นี่”

ฟังจากน้ำเสียง กฤษณ์คิดว่าภายใต้หมวกกันน็อกนั่น ปุ่นคงกำลังทำหน้าแปลกใจอยู่แน่ๆ

“ใช่ครับ พี่ลงเรียนเซคใหม่แล้ว ยังไงก็มารอพี่ที่โรงจอดรถตึก C นะครับ”

“ได้”

กฤษณ์ขับรถไปส่งปุ่นที่มหาวิทยาลัยเหมือนอย่างเคย ทั้งๆ ที่วันนี้ปุ่นไม่ได้ตื่นสาย แต่เขาก็เลือกที่จะขับรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งมีความคล่องตัวและถึงจุดหมายได้เร็วกว่ารถยนต์เพียงเพราะต้องการอะไรบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ในยามเช้า

อะไรบางอย่างที่ชวนให้ซาบซ่านหัวใจ…

หลังจากปุ่นลงจากรถไป สัมผัสตรงเอวที่โดนกอดยังคงร้อนผะผ่าว กฤษณ์ยิ้มอย่างสุขใจ เพียงเท่านี้แหละที่เขาต้องการ

…สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ จากคนที่รัก…



“อ้าวแกริค นี่เราอยู่เซคเดียวกันเหรอเนี่ย” ชายนี่ถามตอนเห็นกฤษณ์เดินขึ้นบันไดมา หนุ่มตัวใหญ่ใจสาวรีบวิ่งเข้ามาควงแขนของเขาทันที

“แล้วใหม่ล่ะ” กฤษณ์ถามเมื่อไม่เห็นใหม่กับชายนี่อยู่ด้วยกันอย่างทุกที

“ไปทำเรื่องขอขยายเซคกับแฟนน่ะ มันสองตัวมัวแต่เที่ยวจนลืมลงทะเบียน เซคเต็ม สมน้ำหน้าเนอะ แต่เราเองก็ยังเกือบลืมเลย”

“อ้าว? กบก็ลงไม่ทันเหมือนกันเหรอ” กฤษณ์ถามถึงเพื่อนร่วมก๊วนซึ่งเป็นแฟนกับใหม่ ชายนี่พยักหน้า

“แต่รู้สึกว่าไอ้เพชรจะลงเซค B เหมือนพวกเรานะ นี่พวกแกไม่ได้นัดกันเหรอว่าจะลงเรียนเซคไหน”

“อ้อ… ลืมน่ะ ปกติตอนมิดเทอมมหา’ ลัยเราไม่มีลงทะเบียนเรียนนี่เนอะ” ก็พอรู้ว่าตาน้อยลงเซค A เขาก็รีบลงเซค B ทันที จึงไม่ทันได้นัดแนะ ถามไถ่อะไรกับใคร “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยววิชาอื่นก็ได้เจอกันอยู่ดี”

อย่างน้อยเพื่อนในกลุ่มสามคน ก็มีเพชรคนหนึ่งละนะที่ลงเซคเดียวกัน แล้วก็ยังมีชายนี่ ผู้มีบุญคุณที่ช่วยปุ่นให้รอดพ้นจากเงื้อมมือมารอยู่ด้วยอีกคน

“จริงสิ ฉันขอบคุณอีกครั้งนะที่ช่วยน้องปุ่นไว้ Thank you so much.”

“แหม... ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง” ชายนี่ทำท่าเอียงอายแบบที่ขัดกับรูปร่างหน้าตา จากนั้นก็ตีมาที่ต้นแขนของกฤษณ์ดัง ‘ปึก!’

“อุ่ก!” กฤษณ์ร้อง คิดว่าตอนโดนปุ่นตีไม่เห็นเจ็บแบบนี้เลย



วันศุกร์ ถึงวันนี้จะไม่มีคาบของอาจารย์ทศมาสในช่วงบ่ายแล้ว แต่ก็ยังมีเรียนคาบเช้าอยู่ดี กฤษณ์ฝากกุญแจบ้านไว้ที่ปุ่น เนื่องด้วยเจ้าตัวร้องอยากดูหนังกับชุดเครื่องเสียงอันดังกระหึ่มในห้องของเขา

ความสัมพันธ์ของกฤษณ์กับปุ่นตอนนี้กำลังราบรื่นอย่างถึงขีดสุด ปุ่นดูมีทีท่าจริงจังกับเขามากขึ้น อีกทั้งยังขี้หึง ชอบจับผิดเป็นที่หนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้น่ารำคาญอะไร ตรงกันข้าม เขารู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายให้ความสนใจถึงขนาดนี้

หึงพี่เยอะๆ สิครับ สนใจพี่ให้เยอะกว่านี้ กฤษณ์เรียกร้องในใจทุกวัน

ปุ่นไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่กฤษณ์เคยคบมา ไม่เคยร้องอยากได้เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ไม่เคยบอกว่าอยากเจอกับพี่ชายของเขาที่เป็นดาราดัง เขาไม่เคยมีแฟนนิสัยแบบนี้มาก่อน นั่นเลยทำให้รู้สึกเกร็งขึ้นมานิดๆ เหมือนกันเวลาที่อยู่กับอีกฝ่าย

ครั้งแรกที่ถูกปุ่นรุกหาด้วยท่าทีหึงหวง ตอนนั้นอีกฝ่ายเข้ามาดมฟุดฟิดแล้วบอกว่าบนตัวเขานั้นมีกลิ่นน้ำหอม ตอนนั้นเขาปฏิเสธไปว่านั่นเป็นกลิ่นโคโลญจน์ของตัวเองอย่างคนมีชนักติดหลัง จะไม่ให้กระสับกระส่ายได้อย่างไรกันเล่า ก็ในเมื่อวันนั้นเขาเพิ่งไปที่ห้องตาน้อยเพื่อทำเรื่องอย่างว่ามา แต่ก็อย่างที่เคยสารภาพให้ปุ่นฟังไป ‘แค่จูบก็ยังทำไม่ได้’ เป็นเพราะหน้าของเจ้าตัวเล็กนั่นแหละที่ลอยหลาเข้ามาในหัวจนน่าปวดใจ และอีกอย่าง กลิ่นน้ำหอมนั่นก็คงติดมาจากตาน้อยที่ชอบเข้ามาควงแขนเขาบ่อยๆ ด้วย

มีอยู่วันหนึ่งตอนกำลังนั่งรออาหารที่ใหม่กับชายนี่อาสาไปซื้อมาให้ ตาน้อยเดินเข้ามาหาแล้วแกล้งฉีดน้ำหอมใส่ที่เสื้อของเขา ตอนนั้นเขาอ้าปากค้างตะลึงงันจนเพื่อนยังต้องตกใจ ในหัวคิดเป็นตุเป็นตะไปว่าเจ้าตัวเล็กเดินเข้ามาดมหากลิ่นแปลกปลอมเหมือนทุกครั้ง แต่พอได้กลิ่นน้ำหอมที่เข้มข้นระดับนี้เข้าก็โกรธจัดจนควันออกหู จากนั้นก็ตะโกนออกมาว่า ‘เกลียดพี่กฤษณ์ที่สุดเลย!’ แล้ววิ่งร้องไห้จากไป ไม่กลับมาพบเขาอีกเลย…

จินตนาการได้ดังนั้นก็รีบสะบัดมือตาน้อยที่เกาะแขนอยู่ออก ลุกขึ้นเขย่าตัวเพื่อนชื่อเพชรที่นั่งอยู่ใกล้ๆ โวยวายขอให้เพื่อนกลับหอ เพราะตัวเองจะขอเข้าไปอาบน้ำแล้วยืมเสื้อนักศึกษามาใส่ ตาน้อยที่ถูกกฤษณ์ทิ้งไปดื้อๆ ก็ได้แต่ทำหน้า

งงงันอย่างไม่เข้าใจ

“กลับมาแล้วคร้าบ!” กฤษณ์ตะโกนตอนเปิดประตูบ้านเข้ามา ปกติแล้วมักจะต้องพบกับความเงียบงัน ...แต่ไม่ใช่กับวันนี้

“ยินดีต้อนรับคร้าบพี่กฤษณ์สุดหล่อ…” เสียงสดใส่อันคุ้นหูตอบรับกลับมาอย่างกวนๆ ปุ่นที่นั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาลุกขึ้นมา กฤษณ์ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงประตูอย่างรู้ชะตากรรม เจ้าตัวเล็กมองเขาปราดหนึ่งก่อนเริ่มดมหากลิ่นแปลกปลอมบนตัวเหมือนอย่างทุกที

“มีกลิ่นน้ำหอม อย่าบอกนะว่า…”

“ว่าตาน้อยเขาเข้ามาควงแขนครับ ตลอดมาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน” กฤษณ์ชิงสารภาพ เมื่อเห็นปุ่นหรี่ตามองมาอย่างไม่เชื่อจึงพูดเสริม “พี่ไม่ได้โกหกจริงๆ นะครับ อย่างที่เคยบอก เลิกเป็น Sex friend กันนานแล้ว”

เป็นเรื่องจริงที่กฤษณ์พยายามตัดขาดจากตาน้อยแล้ว โดยให้เหตุผลว่าเพราะแฟนของตาน้อยนั่นแหละหมั่นไส้เขามากจนถึงกับทำให้ปุ่นต้องตกอยู่ในอันตรายแบบนั้น แต่ตาน้อยกลับร้องห่มร้องไห้บอกจะเลิกกับแฟน ขอแค่ให้กลับมาเป็นเพื่อนแบบเนื้อแนบเนื้อเหมือนเก่าก็พอแล้ว

เจอมุกน้ำตานองหน้าแบบนี้เข้ากฤษณ์ก็ถึงกับจนปัญญา ถึงพยายามจะเลี่ยงขนาดไหนอีกฝ่ายก็ยังตามมาเกาะแกะ ติดหนึบได้อยู่ดี เขาก็อยากจะว่าแรงๆ กลับไปเหมือนกัน แต่ติดอยู่ที่ตอนนี้ยังไม่กล้า เขายังไม่อยากทำร้ายจิตใจใคร

“ฮึ! แล้วทำไมไม่อาบน้ำมาให้เรียบร้อยเหมือนคราวนั้นล่ะ” ปุ่นเชิดหน้าหน้าถาม

“ขี้เกียจแวะหอเพื่อนครับ อยากกลับมาหาน้องปุ่นไวๆ” กฤษณ์ที่ไม่รู้ว่านั่นคือการพูดประชดตอบอย่างซื่อๆ

“หอเพื่อน? ปกติพี่กฤษณ์ไปอาบน้ำที่หอเพื่อนประจำเหรอ ใคร คนไหน ชื่ออะไร” ปุ่นถาม ในดวงตานั้นมีแววอำมหิตปรากฏขึ้นทันใด

“ใจเย็นๆ น้า พี่เคยไปอาบที่ห้องเพชรตอนที่ตาน้อยแกล้งฉีดน้ำหอมใส่แค่ครั้งเดียวเอง พี่กลัวน้องปุ่นจะโกรธนี่ครับ …จริงๆ นะ”

“เพชรอีกแล้ว อ้อ… นั่นมันเพื่อนในกลุ่มพี่ใช่ปะ แหะๆ ลืม” ปุ่นหัวเราะแห้งๆ พลางใช้นิ้วชี้เกาที่ศีรษะของตัวเองเบาๆ

“ใช่ครับ นี่ดังจนน้องปุ่นรู้จักเลยเหรอครับ”

แอบหึงเหมือนกันนะ

“ก็เป็นถึงเดือนมหา’ ลัย จะไม่รู้จักได้ไงล่ะ แถมยังรู้อีกว่าพี่กฤษณ์น่ะ ปล่อยให้แฟนเก่าเกาะหนึบอยู่เกือบทุกวัน”

“ก็…” ไม่ทันได้พูดให้จบคำด้วยซ้ำ ปุ่นก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า

“ทำไมไม่ปฏิเสธให้มันจริงๆ จังๆ ไปเลยล่ะ เลิกใจอ่อนได้แล้ว พี่กฤษณ์น่ะเป็นของผมนะ มาปล่อยให้คนอื่นเกาะแกะง่ายๆ แบบนี้ผมโกรธจริงๆ นะ เลิกซะเลยดีไหม”

กฤษณ์ร้อง ว้าก! ในใจก่อนพูดออกมาว่า

“ขอโทษครับ จากนี้ไปจะพยายามให้ดีขึ้น อย่าเลิกนะ อย่าเลิกกันเลยนะครับ”

“เอาเถอะ ให้มันได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน” พูดจบก็มองมาด้วยแววซุกซน ก่อนจะพูดต่อว่า “…ผมเจอหนังโป๊ในห้องพี่กฤษณ์ด้วยแหละ”

กฤษณ์หน้าแดงวาบ เจ้าตัวเล็กนี่ซนจริงเชียว หนังโป๊ที่ซ่อนไว้หลังโทรทัศน์ถูกเจอจนได้ ทีหลังต้องเปลี่ยนที่ซ่อนให้ดีๆ กว่านี้แล้ว

“ของฝากจากเมืองนอกของพี่ชายน่ะครับ” ถึงเขาจะเมลไปบอกให้ซื้อมาฝากก็เถอะ

“โรคจิต”

“อะไรกันครับ ธรรมดาจะตาย จำพวก Cute boy8 Lady boy9 Twinks10 แค่นี้เอง”

ไม่ใช่พวก Rape11 Threesome12 Bondage13 and discipline14 อะไรแบบนี้สักหน่อย กฤษณ์เริ่มถูที่ปลายจมูก

“ไม่เห็นจะ…” ปุ่นที่กำลังเถียงจู่ๆ ก็เงียบไป

ฮั่นแน่ะ…

“ดูแล้วใช่ไหมครับ” กฤษณ์ยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า

“อื้อ!” ปุ่นพยักหน้าอย่างแรง หน้านั้นแดงแปร๊ดจนอดที่จะเข้าไปหอมเพราะความเอ็นดูเสียไม่ได้ กฤษณ์ก้มลงไปหอมฟอดใหญ่แล้วพูดว่า

“น่ารักที่สุดเลย”

“บ้า” เจ้าตัวเล็กว่าพลางกุมแก้มข้างที่ถูกหอมไว้อย่างเอียงอายแล้วพูดขึ้นมาอย่างกระฟัดกระเฟียด “ไว้วันหน้ามาเอาคืนแน่ เตรียมตัวไว้ให้ดีเหอะ”

“ตั้งตารอเลยครับ” กฤษณ์ยิ้มร่า

“งั้นผมขอยืมหนังโป๊แผ่นนั้นก่อนนะ จะเอาไปศึกษา”

“What the…?!”

จะเอาไปศึกษาอะไรครับ?!



--------------------------------------------------------------

4 โฮโมเซ็กชวล หมายถึง คนที่รักชอบเพศเดียวกัน

5 You’ re the one that I have been waiting for all life. ในที่นี้แปลว่า คุณคือคนที่ฉันรอคอยมาทั้งชีวิต

6 Spanish fly เป็นยาปลุกเซ็กซ์ชนิดหนึ่ง รู้จักกันในชื่อแมลงวันสเปน

7 So adorable ในที่นี้แปลว่า น่ารัก ใสซื่อ ใช้กับคนหรือสัตว์ที่มีขนาดเล็ก

8 Cute boy ในที่นี้แปลว่า หนุ่มน่ารัก

9 Lady boy ในที่นี้แปลว่า กะเทย

10 Twinks ในที่นี้หมายถึง ผู้ชายผิวขาว ตัวเล็ก ผอมบาง หรือผอมสูง

11 Rape แปลว่า การข่มขืน

12 Threesome ในที่นี้หมายถึง การมีเพศสัมพันธ์ร่วมกันสามคน

13 Bondage แปลว่า ความเป็นทาส ในที่นี้หมายถึง การมีเพศสัมพันธ์แบบผูกมัดบุคคลที่ร่วมเพศด้วย และทรมานให้เกิดอารมณ์ทางเพศประหนึ่งเป็นทาส

14 discipline แปลว่า วินัย, การฝึกฝน, การลงโทษ ในที่นี้หมายถึง การร่วมเพศแบบซาดิสม์/ มาโซคิสม์ มีฝ่ายคุมและฝ่ายถูกควบคุม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 13:34:29 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #17 เมื่อ26-07-2018 13:40:23 »

8


ปุ่นนั่งดูหนังโป๊ในโน้ตบุ๊กอย่างเคร่งเครียด ฝ่ายรับตัวผอมสูงไว้ผมยาวสลวยคล้ายผู้หญิงกำลังร้องครวญคราง ‘Oh yes… Oh fuck…’ ยามถูกฝ่ายรุกหุ่นเตี้ยล่ำจ้วงแทงจากด้านหลัง

“หยึ๋ยจัง” ปุ่นปิดฝาพับโน้ตบุ๊กลง เมื่อจินตนาการถึงกฤษณ์ยามร้อง ‘Oh yes…Oh yes…’ ขึ้นมาแล้วขนก็ลุกชัน ที่ต้องมานั่งทนดูอยู่อย่างนี้ก็เพื่อศึกษาเทคนิคเอาไว้ใช้ในสถานการณ์จริงเท่านั้น มิได้ชื่นชอบแต่อย่างใด

ตอนแรกเลย เขาตั้งใจจะรวบหัวรวบหางกฤษณ์ให้ได้ก่อนเปิดเรียน แต่แผนกลับพังไม่เป็นท่าเพราะดันเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาจนไม่กล้าสู้หน้าไปพักใหญ่

เขาโดนวางยา! หนำซ้ำยังเป็นยาปลุกเซ็กซ์ แล้วคนที่มาช่วยปลดเปลื้องให้ก็คือกฤษณ์ที่เขาหมายมั่นปั้นมือจะเอามาเป็นเมีย! ถึงจะจำอะไรไม่ค่อยได้แต่ก็

อับอายเป็นยิ่งนัก วันต่อมาเขามารวบรวมความกล้าไปหาอีกฝ่ายที่บ้าน แต่พอได้รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรกับก้นน้อยๆ ของตัวเองไปนักความกล้าก็พลันเหือดหาย เขารีบดิ่งวิ่งหนีกลับบ้าน หลบหน้าหลบตาไปจนกระทั่งเปิดเทอม

ตั้งใจจะไปเป็นผัว แต่ดันถูกทะลวงก้นก่อน ความเสียวซ่านเมื่อตอนนั้นยังคงซาบซ่านอยู่ในส่วนลึกของร่างกาย เพียงแค่นึกถึงความรู้สึกนั้น ใจก็เต้นตึกตัก ร่างกายพลันร้อนวาบเสียแล้ว

เอาละ วันนี้แหละ!

“สู้ๆ!” ปุ่นกำหมัดแน่น กู่ร้องให้กำลังใจตัวเองเบาๆ ขั้นตอนการมีเซ็กซ์ระหว่างเพศเดียวกันเขาก็ถามมาจากพี่ชายแล้ว ช่วงที่หลบหน้าหลบตาไปก็หาอ่านข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตมามากมาย อีกทั้งของที่จำเป็นอย่างเจลหล่อลื่นกับถุงยางอนามัยก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว

วันนี้แหละ! เขาจะเผด็จศึก พิชิตก้นแน่นๆ ของกฤษณ์ให้จงได้!

ปุ่นพนมมือขึ้นสวดนะโมสามจบ แล้วตามด้วยคาถา ‘เสริมให้โชคดีมีลาภผล’ ที่หามาจากอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ตัวเอง

“อุเย อะเย อุอากะสะ” ทั้งหมดสิบเก้าจบตามอายุอย่างมุ่งมั่น และตามด้วยคาถา ‘เมตตามหานิยม’ ที่หามาจากอินเทอร์เน็ตอีกเช่นกัน เพื่อบันดาลให้เป้าหมายบังเกิดความรักความเมตตายอมให้เขากดโดยง่าย “นะเมตตา โมกรุณา พุทธปรานี ธายินดี ยะเอ็นดู นะโมพุทธธายะ นะมะอะอุ”

ขอให้ทุกอย่างราบรื่นเป็นไปได้ด้วยดีด้วยเถิด… เพี้ยง!

ปุ่นตระเตรียมข้าวของออกศึกใส่กระเป๋าสะพายใบเก่งก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องด้วยเท้าขวา ก้าวเท้าออกจากบ้านด้วยเท้าขวาตามคำแนะนำจากอินเทอร์เน็ตที่ว่าไว้ ‘จงก้าวเท้าขวาก่อนเท้าซ้าย จะนำความโชคดีมาให้’ เมื่อข้ามรั้วมาถึงบ้านอีกฝั่ง เขาก็หยุดไหว้ศาลพระภูมิของบ้านหลังนั้นพลางอธิษฐานขอให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย

ปุ่นสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ตอนกำลังจะก้าวเท้าขวาเข้าบ้านของกฤษณ์ไป จิ้งจกก็พลันตกลงมาตรงหน้าดัง ‘แปะ!’

เจ้าจิ้งจกตัวอ้วนนอนหงายท้องแอ่งแม้งอยู่ตรงธรณีประตู ปุ่นชักใจคอไม่ดี

จิ้งจกตกตรงหน้าเขาว่าเป็นลางไม่ดี …ใช่ไหมนะ

ว่าแต่ตายรึยังเนี่ย

เมื่อลองใช้เท้าสะกิดดู เจ้าจิ้งจกตัวอ้วนก็พลิกตัวกลับ คลานดุ๊กดิ๊กจากไปอย่างรวดเร็ว ที่นอนนิ่งอยู่นานนั้น อาจเป็นเพราะจุกที่ตกลงมาจากที่สูงก็เป็นได้

กลับดีไหมนะ...

ระหว่างที่กำลังสองจิตสองใจ กลับดี… ไม่กลับดี… หูก็แว่วยินเสียงจิ้งจกที่เกาะอยู่บนขอบประตูร้องทักขึ้นมา

โบราณว่าจิ้งจกร้องทักก่อนออกจากบ้านถือเป็นลางไม่ดี แต่นี่เรากำลังจะเข้าบ้านนี่นา ...คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง คิดได้ดังนั้นก็ก้าวเท้าเข้าไปทันที โดยไม่รู้ตัวสักนิดว่าก้าวเท้าซ้ายนำมาก่อน

“พี่กฤษณ์!” ปุ่นตะโกนเรียกหา กฤษณ์ที่อยู่ในครัวได้ยินเสียงก็รีบออกมาต้อนรับ

“น้องปุ่น พี่ทอดเฟรนช์ฟรายส์เสร็จพอดีเลย มากินด้วยกันสิครับ”

“กิน!” ปุ่นบอกแล้วพุ่งตัวเข้าไปในครัวราวกับสายฟ้าแลบ

“ว้าว! มีเค้กด้วย เค้กช็อกโกแลต!” คนตัวเล็กส่งเสียงแหลมดังมาจากในครัว “น่ากิน!” พลางจ้องมองเค้กช็อกโกแลตขนาดสองปอนด์ตาเป็นมัน

“กินได้เลยครับ” เจ้าของบ้านที่ตามเข้าครัวมาทีหลังคลี่ยิ้ม หยิบมีดพลาสติกที่ใช้สำหรับตัดเค้กมาตัดแบ่งใส่จานให้เสร็จสรรพ คนตัวเล็กรีบเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งรอทันที

ปุ่นตักเค้กเข้าปากคำโต ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับเมื่อลิ้นได้ลิ้มรสชาติความหอมหวาน

“อื้ม! อะอ่อย!”

“อย่าพูดตอนที่มีของกินเต็มปากสิครับ” กฤษณ์คลี่ยิ้มอ่อนโยน นั่งมองปุ่นกินเค้กอย่างมูมมามอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเอ็นดู

“พี่กฤษณ์ซื้อเค้กมาทำไมอะ วันเกิดใครรึเปล่า” ว่าแล้วก็ตักเค้กเข้าปาก

“ไม่ได้ซื้อครับ พี่อบเอง อยากกินเอง ไม่ใช่วันเกิดใครหรอก” กฤษณ์บอกพร้อมกับตัดแบ่งเค้กใส่จานมากินบ้าง

“จริงเหรอ?! อร่อยมากเลย” แล้วก็ตักเค้กเข้าปาก

“ถ้าชอบจะทำให้กินเท่าที่ต้องการเลยครับ”

“อื้อ!” ปุ่นพยักหน้าหงึกๆ สองแก้มตุ้ยอย่างกับแฮมสเตอร์ที่ชอบตุนอาหารไว้ข้างกระพุ้งแก้ม เขากะว่า เดี๋ยวกินเค้กให้อิ่มก่อน ค่อยกินคนทำเค้กตามก็ไม่สาย “เอี๋ยวอินอิ่มแอ๊ว…”

“กลืนก่อนครับ”

ปุ่นกลืนเค้กที่อยู่ข้างแก้มลงคอเอื้อกใหญ่ กฤษณ์กลัวเค้กจะติดคอเอาจึงรีบรินน้ำมาให้ ปุ่นจิบน้ำไล่เค้กลงคอแล้วพูดต่อ

“เดี๋ยวกินอิ่มแล้วขึ้นไปดูหนังห้องพี่กฤษณ์กันนะ”

ผมจะได้จัดการพี่ได้สะดวกๆ อิๆ

“มีเรื่องไหนอยากดูเป็นพิเศษไหมครับ เมื่อวานพี่เพิ่งเช่าหนังเรื่องใหม่มาด้วยสองเรื่อง”

“ไว้ขึ้นไปแล้วจะบอก” ปุ่นหัวเราะคิกคัก มุมปากยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์




ที่ห้องนอน ปุ่นนั่งขัดสมาธิกินเฟรนช์ฟรายส์อยู่บนเตียงอย่างเอร็ดอร่อย แทบไม่สนใจหนังที่เจ้าของห้องเปิดไว้ และลืมจุดประสงค์ของตัวเองที่มาที่นี่ไปเสียสนิท

“กินปีกไก่ทอดไหมครับ” กฤษณ์ที่ถือถาดใส่ปีกไก่ทอดสีน้ำตาลน่ากินเข้ามาในห้องถาม ท่าทางตอนวางถาดลงตรงหน้าปุ่นราวกับเป็นพ่อบ้านหนุ่มสุดเท่

“ขอบคุณครับ!” ปุ่นน้ำลายสอ ดวงตาเป็นประกายวิบวับ

“นี่ยังไม่อิ่มอีกเหรอครับ” กฤษณ์ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูแปลกใจ ทั้งเค้กทั้ง

เฟรนช์ฟรายส์ที่คนตัวเล็กกินไปนี่ไม่ใช่น้อยๆ แล้วตอนนี้ยังจะมาต่อด้วยปีกไก่ทอดอีก คงกำลังสงสัยว่า ‘กินเยอะขนาดนี้ เอาไปเก็บไว้ตรงไหนกันนะ’ อยู่เป็นแน่

“อิ่มแล้ว…” ปุ่นบอกเสียงอ่อย ทำปากยื่น ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วก้มมองปีกไก่ทอดกับเฟรนช์ฟรายส์ที่เหลืออยู่ตาละห้อย กฤษณ์หัวเราะพลางยื่นมือไปขยี้ผมคนตะกละอย่างเอ็นดู

“ดูทำหน้าทำตาเข้าสิ ไว้ค่อยกินอีกทีหลังก็ได้นี่ครับ” บอกแล้วก็ยกของทั้งหมดตรงหน้าปุ่นออกจากห้องไป ปุ่นชะเง้อมองอย่างเสียดาย มือลูบท้องที่ป่องขึ้นมานนิดๆ ของตัวเอง พลางคิดว่า ช่างจุอาหารได้น้อยเสียจริง

“หาว…” ปุ่นหาวหวอดใหญ่ พอหนังท้องตึงก็พลอยดึงหนังตาให้หย่อนตาม รู้สึกง่วงงุนอย่างถึงที่สุด ปุ่นนั้นเป็นคนกินง่ายนอนง่าย กินอิ่มก็นอนหลับได้ทันที

ง่วงจัง…

เขาหยิบผ้าห่มที่พับไว้ตรงปลายเตียงมากอด เอนกายลงนอนแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว



“ปุ่น นี่อะไรครับ” กฤษณ์ชูกระเป๋าสะพายขึ้นโชว์ พอคว่ำลง ทั้งขวดเจล

หล่อลื่น และถุงยางอนามัยก็ตกลงมา เจลหล่อลื่นที่ถูกบรรจุไว้ในขวดทรงกระบอกกลิ้งขลุกๆ มาหยุดอยู่ตรงเท้าของปุ่น “คิดจะทำอะไรกันครับ” กฤษณ์ถาม

“เอ่อ… คือ” ปุ่นอ้ำอึ้งไม่กล้าบอกความจริง ใจเต้นแรงจนลมหายใจติดขัด

“เป็นเด็กไม่ดีอย่างนี้ต้องโดนลงโทษนะครับ” กฤษณ์เดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว ทีละก้าว ปุ่นตัวแข็งทื่อ ขยับหนีไปไหนไม่ได้ ได้แต่มองคนตัวโตกว่าใกล้เข้ามาอย่างลุ้นระทึก แต่แล้ว… สติก็พลันแจ่มใสขึ้นมา

หือ? ปุ่นมุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน ลืมตามองหลอดไฟบนฝ้าเพดานสีขาวแล้วลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ

ฝัน?

ดันฝันว่าถูกกฤษณ์พบข้าวของเผด็จศึกในกระเป๋าแล้วเดินเข้ามาใกล้อย่างคุกคามเสียได้ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นฝันดีหรือฝันร้าย เพราะทั้งในฝันและตอนตื่นมาต่างไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรที่ถูกรุกแบบนั้น

จริงด้วย… กระเป๋า ปุ่นนึกถึงจุดประสงค์ของตัวเองขึ้นมาได้ กระเป๋าของเขายังอยู่บนโต๊ะในครัว หวังว่ากฤษณ์ยังไม่ได้เปิดมันดูหรอกนะ

ปุ่นลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วลงไปข้างล่าง เห็นกฤษณ์นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาตัวยาว ช่วงข้อเท้าลงมานั้นยาวเกินโซฟาจนโผล่พ้นออกมาข้างนอก

“พี่กฤษณ์” ปุ่นเรียก กฤษณ์ละสายตาจากโทรศัพท์มามอง

“ครับ?”

“ผมหลับไปนานไหม” ปุ่นถาม กฤษณ์มองที่โทรศัพท์อีกครั้งแล้วตอบ

“ไม่นานครับ ราวๆ ครึ่งชั่วโมงได้” เนื่องจากเห็นปุ่นยืนมองมาด้วยสีหน้าลำบากใจจึงได้ถามต่อว่า “มีอะไรรึเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย”

ปุ่นที่กำลังครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าจะชวนให้อีกฝ่ายมีเซ็กซ์ด้วยอย่างไรดีสะดุ้งโหยง ตอบกลับอย่างละล่ำละลั่ก

“ปะ...เปล่า… ไม่มีอะไร”

“หิวเหรอครับ”

ปุ่นส่ายหน้า ในหัวก็คิดว่า หรือจะชวนตรงๆ เลยดี... แล้วก็ตัดสินใจได้ว่า ชวนเลยดีกว่า

“พี่กฤษณ์ คือว่านะ…” ปุ่นอ้ำอึ้ง กฤษณ์ก็เงียบรอฟัง “มะ…มีเซ็กซ์กันไหมครับ?!” พูดจบหน้าก็พลันร้อนวูบ ปุ่นแก้มแดงแจ๋ ก้มมองปลายเท้าด้วยความกระดากอาย

พูดไปแล้ว! พูดไปแล้ว!

“ว่าไงนะครับ?!” คนโดนชวนถามเสียงดัง ตาทั้งสองข้างเบิกกว้างด้วยความตกใจ

“มาดึ๊บๆ กันไหมฮะ”

“เพียะ!” เสียงฝ่ามือใหญ่ตบลงบนแก้มทั้งสองข้างของตัวเอง กฤษณ์กำลังทดสอบว่านี่ไม่ได้ฝันไป เมื่อรู้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงแล้ว ตัวก็สั่นระริกขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ปุ่นมองภาพนั้นด้วยความเป็นห่วง

“พี่กฤษณ์…”

“จะดีเหรอครับ” กฤษณ์ถามเสียงเบาหวิว ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งกดที่ปีกจมูกจนแดงระเรื่อ ปุ่นพยักหน้ารับหงึกหงักอย่างน่ารัก เห็นแบบนั้นกฤษณ์ก็ปราดเข้ามากอดร่างเล็กเอาไว้ จากนั้นจึงช้อนตัวขึ้นมา อุ้มด้วยท่าอุ้มแนวนอนแบบอุ้มเจ้าหญิง ปุ่นถึงกับอุทานเสียงหลงเพราะเท้าลอยหวือจากพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ขึ้นห้องนะครับ” กฤษณ์บอก หมุนตัวเตรียมก้าวเท้าขึ้นบันได

“เดี๋ยว!” แต่ถูกขัดเสียก่อน คนถูกอุ้มดิ้นแด่วๆ พลางร้องขอให้ปล่อยลงก่อน กฤษณ์ทำหน้างง แต่ก็ยอมปล่อยปุ่นลงแต่โดยดี

“ปุ่น…” คนตัวโตก้มหน้าเรียกเสียงอ่อย ในดวงตาฉายแววผิดหวังชัดเจน ปุ่นเขย่งปลายเท้า แหงนหน้าขึ้นจูบที่ปลายคางสากของอีกฝ่ายแล้วบอกว่า

“เดี๋ยวไปเอาของในครัวก่อน แป๊บเดียวเอง” แล้วก็หายวับเข้าไปในครัว เพียงเดี๋ยวเดียวก็ถือกระเป๋าสีฟ้าวิ่งกลับมา โถมเข้าใส่ร่างสูงเกือบเต็มแรง คนตัวเล็กอิงซบอกกว้างพลางถูไถหน้าไปมาบอกให้ ‘อุ้มหน่อย’ อย่างออเซาะ

“ขึ้นห้องกันครับ” กฤษณ์บอกอีกครั้งก่อนจะโน้มตัวลงมามอบจูบดูดดื่มลึกล้ำจนคนถูกจูบหายใจแทบไม่ออก เมื่อถอนจูบออกมาก็อุ้มร่างเล็กเดินขึ้นชั้นบนไป



ปุ่นถูกวางลงบนที่นอนอย่างช้าๆ กฤษณ์โน้มตัวลงมาคร่อมร่างเล็กของเขาเอาไว้ บรรยากาศล่อแหลมในห้องนอนเริ่มมีเฉดสีเข้มขึ้น ปุ่นใจเต้นระรัว ตัวสั่นเทา ตื่นเต้นจนมือเท้าเย็นเฉียบ มองคนตัวโตที่อยู่เหนือร่างกำลังจ้องเข้ามาในดวงตาของเขาอย่างลึกซึ้ง ภายในดวงตาคู่นั้นวูบไหวราวกับมีเพลิงแห่งราคะลุกโชนอยู่

จะโดนแล้ว! …เอ๋… ไม่ใช่สิ!

สงสัยเลือดในร่างกายจะสูบฉีดแรงเกินไปเลยทำให้สมองเริ่มเบลอๆ ปุ่นเริ่มสับสนว่าขั้นตอนต่อไปจะต้องทำอย่างไร เทคนิคและวิธีการมีเซ็กซ์เบื้องต้นที่อ่านมาตลอดหนึ่งสัปดาห์เริ่มตีกันในหัวจนมั่วไปหมด

“พี่กฤษณ์… ผมไม่รู้ว่ากับผู้ชายต้องทำยังไงอะ” ปุ่นบอก

“เคยแต่กับผู้หญิงเหรอครับ” เสียงของคนถามสั่นเล็กน้อย ดูแล้วกฤษณ์เองก็คงจะประหม่าเหมือนกัน แต่แบบนี้กลับทำให้ปุ่นรู้สึกสบายใจขึ้นมาก อย่างน้อยก็ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ตื่นเต้น เพราะแบบนั้นน่ะ มันดูไม่เท่เอาเสียเลยน่ะสิ!

“ไม่เคย” ปุ่นตอบ กฤษณ์ระบายลมหายใจออกเบาๆ คลี่ยิ้มบางๆ ให้แล้วก้มลงจูบที่ขมับของเขา

“ไม่เป็นครับ น้องปุ่นนอนเฉยๆ ก็พอแล้ว” ริมฝีปากคนพูดแนบชิดกับใบหน้าคนฟัง น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ก็แฝงไว้ซึ่งความร้อนเร่า ปุ่นคิดว่าอีกฝ่ายจะยอมตกเป็นของตัวเองง่ายดายขนาดนี้เชียวหรือจึงได้ถาม

“พี่กฤษณ์ยอมเหรอ ง่ายจัง”

คนฟังทำหน้างงเล็กน้อยก่อนบอก

“ไว้วันหลังน้องปุ่นทำเป็นแล้ว พี่จะให้จัดการเองเลยครับ”

“พี่กฤษณ์ใจดีจัง” ปุ่นกล่าวชมด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความปลาบปลื้มตื้นตันใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 14:13:56 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #18 เมื่อ26-07-2018 13:41:16 »

“พร้อมนะครับ” กฤษณ์กระซิบเสียงแผ่วเบาก่อนเริ่มดูดเม้มกลีบปากอิ่มอย่างอ้อยอิ่ง เพราะประหม่าปุ่นจึงตกใจกับสัมผัสชวนจั๊กจี้จากตอหนวดของอีกฝ่าย ทว่าอึดใจต่อมาก็เป็นต้องส่งเสียงครางในลำคอ แก่นกายกลางหว่างขาที่ยังไม่ทันได้แตะต้องเริ่มสั่นระริกขึ้นมา

“…อือ…อื้อ….”

แย่แล้ว… จูบมันแปลกๆ

จูบนั้นเริ่มรุกเร้าร้อนแรง ไม่เนิบนาบ อ่อนโยนเหมือนที่ผ่านมา

ไอ้ที่ดูตื่นเต้นตอนแรกนั่นมันหายไปไหนหมดเล่า?! ไอ้หลอกลวง!

แม้จะส่งเสียงประท้วงเท่าไร ริมฝีปากก็ยังไม่ได้รับอิสระ หนำซ้ำลิ้นของอีกฝ่ายยังแหวกว่ายเข้ามาหยอกล้อกับลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดาน ไล้ไปตามแนวหลังฟันทั้งบนและล่างตามลำดับ ความปรารถนาที่ติดขึ้นมาแล้วในตอนแรกก็ยิ่งทวีคูณ สะโพกเล็กเริ่มส่ายไปมาทั้งที่พยายามฝืนไว้ ปุ่นตีแขนเตะขา ดิ้นพล่านพลางร้องประท้วงในลำคอให้ดังขึ้นกว่าเดิม

“อื้อๆ ๆ ๆ!”

….จะจูบเก่งเกินไปแล้วนะ ไอ้พี่กฤษณ์!

“ขอโทษ… หายใจไม่ทันเหรอครับ” ริมฝีปากอุ่นขยับมายังข้างแก้ม เสียงที่เอ่ยพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ รินรดผิวแก้ม ยิ่งทำให้แกนกลางของปุ่นสั่นระริก คับพองอยู่ภายใต้ร่มผ้า

“ตรง…ตรงนี้มันอึดอัด” ปุ่นบอก หน้าแดงจัด เขินอาย แต่ตรงกันข้ามกับการกระทำ เขาเลื่อนมือทั้งสองข้างลงไปจับที่ขาหนีบ ยกสะโพก โชว์ตรงเป้ากางเกงที่โป่งนูนขึ้นมา และเมื่อถูกมือใหญ่สัมผัสเข้าก็คราง ‘อา!’ ออกมา

แม้จะมีเนื้อผ้าขวางกั้น แต่ยังรู้สึกได้ว่ามือนั้นนวดเฟ้นไปตามรูปร่างที่แข็งตัว ไม่นานนักกางเกงวอร์มสีดำเนื้อนิ่มก็ถูกดึงร่นลงมาที่ขาอ่อนพร้อมกับกางเกงในขาสั้นอย่างง่ายดาย

ปุ่นโดนกฤษณ์จ้องมองไม่วางตา ในขณะที่มือซึ่งสากนิดๆ ของอีกฝ่ายกำลังเสียดสีกับส่วนปลายที่ฉ่ำเยิ้ม อารมณ์วาบหวามแล่นซ่านไปทั่วจนสมองขาวโพลนในทันที

“อ๊ะ…อา… พี่กฤษณ์….” เมื่อใช้เสียงอันสั่นเครือเรียกก็ถูกจูบอย่างเร่าร้อนและดูดดื่มอีกครั้ง

ระหว่างที่กระหวัดลิ้นตอบรับกับปลายลิ้นของอีกฝ่าย ฝ่ามืออุ่นๆ ก็ล้วงเข้ามาทางชายเสื้อ ลูบไล้ที่แผ่นอกแบนราบ คลึงปลายนิ้วกับยอดอกทั้งสองข้างสลับกันไปมาจนมันเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง

“อึก…”

ไอ้หัวนมบ้านี่! ทั้งๆ ที่กับพี่เซียตอนนั้นก็มีแต่ความเจ็บแท้ๆ

กฤษณ์เริ่มใช้ริมฝีปากปลุกเร้าตุ่มไตของร่างเล็กไปพร้อมกับใช้ปลายนิ้วที่กระด้างเล็กน้อยสัมผัสที่ส่วนอ่อนไหวอย่างเร่งเร้า

“ไม่ อา… หยุด…” สัมผัสจากปลายลิ้นอุ่นร้อนที่ไล้เลียทำให้ปั่นป่วนเสียวซ่านไปถึงเส้นประสาท ยอดอกที่ถูกเลียทั้งสองข้างชูชัน เห็นได้ชัดแม้อยู่ใต้เสื้อยืด

“แต่ตรงนี้เป็นถึงขนาดนี้แล้วนะครับ” มือที่กอบกุมส่วนอ่อนไหวอยู่ออกแรงบีบเค้นเบาๆ คล้ายต้องการให้ปุ่นได้รู้สึกถึงความตื่นตัวที่เป็นอยู่

“อึก! …แต่มันจะออกแล้ว…” ปุ่นส่ายหน้าไปมา

“ไม่เป็นไรครับ ปล่อยออกมาเลย”

“ไม่เอา… อยาก…อยากปล่อยตอนเข้าไปข้างใน”

“…เข้าใจแล้วครับ” กฤษณ์หยุดมือที่เล้าโลม ปุ่นจึงหายใจหายคอได้คล่องขึ้น

“เจลหล่อลื่นกับถุงยางอยู่ในกระเป๋า”

“ครับ เตรียมมาถึงขนาดนี้เลยนะครับ” กฤษณ์พยักหน้า ล้วงกล่องถุงยางอนามัยสีชมพูเข้มกับขวดเจลหล่อลื่นโทนสีเดียวกันออกมาจากกระเป๋า ปุ่นคิดว่าอีกฝ่ายคงเข้าใจที่ตัวเองพูดและรู้ลำดับขั้นตอนเป็นอย่างดีจึงได้แต่นอนตัวสั่นน้อยๆ รออยู่เฉยๆ ไม่กล้าเข้าไปยุ่งตามประสาคนไม่มีประสบการณ์

แต่เหมือนกฤษณ์จะเข้าใจอะไรผิดไป เจ้าตัวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตอนแกะกล่องถุงยางอนามัย ปลดซิปควักแท่งเนื้อที่แข็งได้ที่ของตัวเองออกมา ฉีกซองสีชมพูแล้วนำถุงยางจากซองนั้นมาสวม

ใหญ่โฮกฮาก!

ปุ่นเห็นความใหญ่ยาวนั่นก็ตกตะลึงพรึงเพริดจนพูดไม่ออก กฤษณ์ใช้นิ้วบีบตรงปลายกระเปาะของถุงยางอนามัย จากนั้นจึงใช้อีกมือหนึ่งจับถุงยางมาสวมตรงปลายอวัยวะเพศแล้วรูดขอบที่ม้วนอยู่ด้านนอกลง ดูรวดเร็ว ช่ำชองจนมองแทบไม่ทัน

“โอ๊ะ!” ตอนนั้นเองถุงยางอนามัยที่กฤษณ์กำลังสวมก็ฉีกขาด “พี่ใส่ไซซ์นี้ไม่ได้หรอกครับ” กฤษณ์บอกอย่างรู้สึกผิด ปุ่นที่อึ้งงันไปชั่วครู่จึงได้สติ เอ่ยขึ้นมาอย่างลนลานว่า

“พี่กฤษณ์ไม่ต้องใส่หรอก… หะ? ถุงยางมีไซซ์ด้วยเหรอ” และถามออกไปด้วยความไม่รู้

ปุ่นรู้จากการเข้าค่าย ‘วัยใสใส่ใจเรื่องเพศ’ ตอน ม.6 ว่า ถุงยางอนามัยมีความทนทานและความยืดหยุ่นสูงมากจากการทดลองโดยการเป่าและนำมาใส่น้ำ เขาจึงเข้าใจมาตลอดว่า ถุงยางอนามัยนั้นผลิตมาเพียงขนาดเดียวก็สามารถใช้ได้กับอวัยวะเพศทุกขนาด เพราะวัสดุที่ใช้ทำถุงยางนั้นมีความยืดหยุ่นอันไร้เทียมทาน

สรุปว่าเขาเข้าใจผิดไปสินะ

กฤษณ์ก้มลงไปหอมแก้มปุ่นฟอดใหญ่แล้วกล่าวด้วยเสียงน้ำดีใจสุดขีด

“ขอบคุณครับ!”

ปุ่นกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ คงเพราะถูกเล้าโลมมานานด้วยสมองจึงเริ่มประมวลผลช้าและพร่าเลือนแปลกๆ

“ก็พี่กฤษณ์ไม่ต้องใส่ไง”

ก็คนที่ใส่ต้องเป็นผมไม่ใช่เหรอ...

“เข้าใจแล้วครับ” กฤษณ์ก้มจูบที่เปลือกตาหนึ่งครั้งก่อนจะลุกนั่ง ถอดกางเกงกับกางเกงในของปุ่นออก หยิบหมอนมารองที่ใต้สะโพก จับขาให้แยกออกจากกัน แล้วจึงบีบเจลมาป้ายตรงร่องสะโพกที่เปิดโล่ง นิ้วชุ่มชื้นไปด้วยเจล

ของกฤษณ์สอดแทรกเข้ามาอย่างกะทันหัน ปุ่นใจหายวาบ ในช่องท้องหดเกร็งด้วยความตกใจ

ปุ่นคิดว่ากฤษณ์คงจะเข้าใจอะไรผิดไปแล้วแน่ๆ!

“อย่า!” ปุ่นร้องห้ามเสียงหลง เขาดิ้นพล่าน แต่ถูกอีกฝ่ายที่นั่งแทรกกลางจับท่อนขาข้างหนึ่งเอาไว้จึงไม่สามารถเบี่ยงสะโพกหนีได้ จุดที่ไม่เคยถูกสัมผัสมาก่อนในชีวิตกำลังถูกนิ้วที่บุกรุกเข้ามาควานลึก ปุ่นพยายามเบ่งสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาให้ออกไปอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่สิ่งนั้นกลับเข้ามาได้ลึกกว่าเดิม “ไม่ใช่! ผิดแล้ว! อย่า… ไม่ใช่ยังงั้น!”

“ใจเย็นๆ ครับ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง” กฤษณ์กระซิบเสียงนุ่มที่ข้างหูก่อนที่ใบหูข้างนั้นจะถูกขบเบาๆ ลิ้นอ่อนนุ่มไล้เลียติ่งหูจนเปียกชื้น มือใหญ่ของอีกข้างที่เหลืออยู่ช่วยปลุกเร้าส่วนอ่อนไหวที่เกือบจะอ่อนตัวไปแล้วให้กลับมาแข็งขืน

“อุก… ฮ่า… อ๊ะ” เสียงหวีดร้องเมื่อครู่เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงครางที่แสดงถึงความอึดอัด ร่างของปุ่นสั่นสะท้าน เสียงเปียกแฉะที่สะท้อนเข้ามาในโสตประสาททำเอาเขาแทบจะร้องไห้ออกมา

กฤษณ์เพิ่มนิ้วเข้าไปอีก ความกลัวแผ่ซ่านจนปุ่นน้ำตาคลอ แต่กลับรับรู้ได้อย่างเลือนรางว่าตรงท้องน้อยเกิดอารมณ์ และค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหฤหรรษ์อย่างช้าๆ

แย่แล้ว… ตรงนั้นมัน!

“อ๊า! ตรงนั้น! ตรงนั้น!” เหมือนปลายนิ้วยาวจะไปแตะโดนอะไรบางอย่างข้างในตัวเข้า ปุ่นหวีดร้องเสียงหลง ความเสียวแล่นซ่านไปทั่วกายไม่เว้นแม้แต่ปลายนิ้ว เขายกสะโพกขยับเข้าหานิ้วเองอย่างบ้าคลั่ง “ลึกอีก… เข้ามาให้ลึกกว่านี้ อา!!!” แล้วก็ถึงฝั่งฝันไป

กฤษณ์ตาค้างกับปฏิกิริยานั้น เอ่ยด้วยเสียงอันแหบพร่าว่า

“ลึกกว่านี้ก็ไม่ใช่นิ้วแล้วละครับ” แล้วจึงหยิบเจลหล่อลื่นมาชโลมอวัยวะเพศที่เต้นตุบๆ ของตัวเองจนชุ่ม

ปุ่นที่เพิ่งเสร็จสมอารมณ์หมายนอนหอบหายใจ ตาลอยเพราะความสุขสมที่ได้รับเมื่อครู่ยังไม่ทันจางหาย แต่พอเห็นคนที่อยู่เหนือร่างจ้องมองมาด้วยสีหน้าเหมือนตาแก่ตัณหากลับเข้าก็ตกใจ เท้ากระตุกยันไปที่ส่วนชี้เด่ตรงหว่างขาของอีกฝ่ายอย่างฉับพลันทันที

“อุก!” เป็นเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนที่เจ้าของเสียงจะหงายหลัง ลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายบนเตียง “โอ๊ย! … อ๊าก… อึก… ฟู่… ฟู่… ฟู่…” กฤษณ์พยายามระบายลมหายใจออกทางปากหวังบรรเทาความเจ็บ มือทั้งสองข้างกุมกล่องดวงใจที่น่าสงสารแน่น

“เหอะ!” ปุ่นมองแล้วก็ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างสะใจก่อนสะบัดหน้าหนี พลิกตัวนอนคว่ำเพราะทนดูสภาพอันน่าอดสูของแฟนตัวเองต่อไปไม่ได้

…ตอนนี้กฤษณ์กำลังถูกเมินอย่างสิ้นเชิง

ปุ่นคิดทบทวนเรื่องของตัวเองกับแฟนหนุ่มอีกที แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เขาตระเตรียมทุกอย่างมาอย่างดีเพื่อหวังงาบไอ้พี่ชายข้างบ้านลงท้อง สุดท้ายไหงกลายเป็นเขาเองที่เกือบถูกกินเสียเล่า!

มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ศักดิ์ศรีความเป็นชายของเขาป่นปี้ไม่มีชิ้นดีแล้ว!

เพราะไอ้พี่กฤษณ์คนเดียวเลย ไอ้เราก็นึกว่าจะยอมให้กดง่ายๆ แท้ๆ เห็นท่าทางทึ่มๆ แต่ร้ายกาจนักนะ!

“น้องปุ่น… พี่ทำอะไรไม่ถูกใจตรงไหนเหรอครับ” กฤษณ์ที่หายเจ็บแล้วถามเสียงเครือ หยิบผ้าห่มมาคลุมปิดแก้มก้นใสที่มีผดแดงประดับอยู่สามเม็ดของคนที่นอนคว่ำอยู่

“จะไปไหนก็ไปเลยไป!” ปุ่นเอ่ยปากไล่อย่างอารมณ์เสีย กฤษณ์ที่ยังไม่ทันได้ปลดปล่อยสักครั้งนั่งตาแดงเรื่อกับความใจดำของร่างเล็ก

“แต่นี่ห้องพี่นะครับ…” กฤษณ์พึมพำอย่างน่าสงสาร

เออ… ลืม แต่ใครจะไปสนกันล่ะ?!

ปุ่นลุกพรวดขึ้นมานั่ง ตั้งใจจะจ้องอีกฝ่ายอย่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟันก่อนด่า แต่สายตาดันไปสะดุดกับความมโหฬารตรงหว่างขาเสียก่อน

“เอามันเก็บไปสักทีสิ” ปุ่นชี้ นึกสงสัยว่าถีบไปเสียขนาดนั้นแล้วทำไมมันยังไม่ยอมคอพับอ่อนตัวลงไปอีก

“ก็มันเก็บไม่ลงนี่ครับ” กฤษณ์ทำหน้าหงอย ดูแล้วเหมือนกับสุนัขตัวโตที่ถูกเจ้าของดุจนหูลู่หางตกไม่มีผิด มองๆ ไปแล้วก็ชักสงสาร แต่ปุ่นยังทำใจแข็ง

“ไม่รู้แหละ เอามันออกไป” ปุ่นยืนกรานพร้อมกับเมินหน้าหนี กฤษณ์ได้แต่ทำตาละห้อยเหมือนสุนัขที่กำลังอ้อนเจ้าของ มือกอบกุมส่วนที่เครียดเขม็งแล้วค่อยๆ ขยับ

“อึก…”

“เฮ้ย! ไอ้พี่กฤษณ์ อะไรเนี่ย?! จะช่วยตัวเองก็เข้าห้องน้ำไปสิ!” ปุ่นร้องโวยวาย พยายามดันคนตัวโตกว่าให้ลงจากเตียงพลางชี้นิ้วไปที่ห้องน้ำ

“พี่ทนไม่ไหวแล้วครับน้องปุ่น อา…” ฝ่ายกฤษณ์ดูเหมือนจะหน้ามืดไปเสียแล้ว

ปุ่นผลักเต็มแรง คนที่หน้ามืดตามัวอยู่ร้อง ‘โอ๊ะ?’ เสียการทรงตัว ร่วงตกจากเตียงไปเสียงดัง ‘โครม!’

“ไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนี้!!!” ปุ่นคำรามลั่น

“ครับๆ” แรงกระแทกทำให้กฤษณ์ได้สติรีบลุกขึ้นมา วิ่งเข้าห้องน้ำอย่างลุกลน

ฝ่ายปุ่นรีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมอย่างลนลาน สายตาอดชำเลืองมองไปที่ประตูห้องน้ำอีกรอบหนึ่งไม่ได้ รู้สึกวุ่นวายใจเหลือจะกล่าว ได้แต่แบกความอับอายแล้วบึ่งออกจากห้องไป เนื่องจากกระวนกระวายมากไป ตอนกระโดดแผล็วข้ามรั้วกั้นจึงเสียหลักจนล้มพรืด ลงไปนอนแบ็บบนสนามหญ้าบ้านตัวเองอย่างสวยงาม มันช่างน่าเจ็บใจนักเชียว!

“โอย… เจ็บ….” ปุ่นครางเสียงเบา ลุกขึ้นมาถูหัวเข่าทั้งสองข้างที่กระแทกกับพื้นหญ้า เดินโขยกเขยกเข้าบ้านไป ความรู้สึกช็อกปนหดหู่ถาโถมเข้ามาเกาะกินใจอย่างรุนแรง ภาพนั้นยังติดตาไม่จางหาย

ทำไม… ทำไม…ไอ้พี่กฤษณ์มันถึงได้…

เมื่อมาถึงห้องตัวเองก็รีบปิดล็อกประตูแล้วสบถออกมาเสียงดังลั่น

“บัดซบนัก! ไอ้พี่กฤษณ์บ้า! ทำไมของมันแม่งใหญ่จังวะ?! เจ็บใจโว้ย!!! ...”

ปุ่นกระโดดขึ้นเตียง ต่อยหมอนระบายแค้นเป็นการใหญ่ เขารึอุตส่าห์ศึกษาขั้นตอนการมีเซ็กซ์ระหว่างเพศเดียวกันมาเสียดิบดี กะว่าจะไปจับไอ้พี่ชายข้างบ้านกินทั้งตัวไม่เหลือให้ใครได้กลิ่น แต่กลับ… (ฮื่อ…)

เอาเถอะ… วันพระไม่ได้มีหนเดียว เขาจะต้องวางแผนใหม่ให้ดีๆ และหาโอกาสพิชิตก้นอีกฝ่ายอีกครั้งให้ได้ก่อนสอบไฟนอลนี้!

จะทำให้ไอ้พี่กฤษณ์มาระทดระทวยอยู่ใต้ร่างแล้วตอกหนักๆ เลยคอยดู

“สู้โว้ยยย!!!” ปุ่นตะโกนลั่นห้องเพื่อปลุกกำลังใจตัวเอง

“ตะโกนอะไรนักหนาว่ะไอ้ปุ่น?!” เสียงด่าของพี่ชายดังทะลุเข้ามาในห้องนอน ปุ่นเงียบ หยิบหมอนข้างสีชมพูที่มีหู แขน ขา และหน้าตาคล้ายแมวที่จีนเคยซื้อให้มาต่อยแทนหมอนใบเมื่อครู่

นี่แน่ะ! นี่แน่!

จะว่าไป …ยังไม่ได้กินปีกไก่ทอดเลยนี่นา พลันนึกถึงตรงนี้จิตใจก็ฟีบแฟบห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 14:15:51 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #19 เมื่อ26-07-2018 13:42:04 »

9





จะว่าอย่างไรดีล่ะ อาหารที่พี่ชายทำมันก็อร่อยนะ แต่จิตใจของเขาในตอนนี้นี่สิ มันแหลกสลายไปหมดแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจจะมาสนใจแกงฉู่ฉี่ปลาหมอ ไข่ลูกเขย ผัดผักรวมมิตร หมูทอดกระเทียมพริกไทยที่อยู่ตรงหน้านี่หรอก

ประหวัดคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่พลาดท่าเสียที จิตใจก็ดูเหมือนจะแหลกสลายกลายเป็นผุยผงยิ่งกว่าเดิม พานให้นึกโกรธไอ้ร่างกายไม่รักดี! ไอ้ก้นทรยศ! ที่แค่ถูกเล้าโลมนิด เอานิ้วแหย่เข้าไปหน่อย ก็รู้สึกดีจนคราง ‘อร๊างๆ’ พวยพุ่งความสุขสมออกมาอย่างน่าอายเสียแล้ว ยังมีไอ้หัวนมกระจิริดนี่อีก อันก็แค่นิดเดียว แต่เสียวได้เสียวดีนักนะ!

“พี่อิ่มแล้วนะ” จีนบอกปุ่นที่เคี้ยวข้าวหยำแหยะ ทำหน้าเหมือนอาหารที่เขาทำไม่อร่อยอย่างนั้นแหละ

“อื้อ” ปุ่นตอบรับอย่างขอไปที

หลังจากได้กินอาหาร จิตวิญญาณที่เหนื่อยล้าก็เริ่มมีความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อล้างจานชามเสร็จ ปุ่นที่อนาทรร้อนใจกับเรื่องบนเตียงก็รีบเข้าไปปรึกษาเรื่องอย่างว่าในห้องนอนของพี่ชายอย่างกระตือรือร้นทันที

“พี่จีนๆ พี่มีวิธีเด็ดๆ ใช้เล้าโลมคู่นอนของตัวเองปะ เอาแบบที่โดนแล้วสลบเหมือด ตาค้าง ตาลอยไปเลยน่ะ” ปุ่นที่นอนเอกเขนกถาม จีนที่นั่งเอนหลังพิงพนักหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ น้องชายกระแอมไอก่อนตอบ

“เรื่องแบบนี้น่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่าย…” แต่พูดไม่ทันจบก็ถูกขัดเสียก่อน

“อ๊ะ! ร้อยท่าอะไรน่ะ” ปุ่นพูดโพล่งออกมาเมื่อเหลือบไปเห็น ‘ตำรากามสูตรร้อยท่า’ ที่วางอยู่บนหัวเตียง เขาหยิบมาเปิดดูแล้วถาม “แล้วไอ้เล่มที่ชื่อ ‘สามหมื่นท่าพิสดารพิชิตจุดสุดยอด’ นั่นหายไปไหนแล้วล่ะ พี่จีนทำครบทุกท่าแล้วเหรอ”

“อย่าเข้าใจผิดนะเว้ย นั่นผะ…”

“เข้าใจผิดอะไร! ผมรู้! ผมเคยเห็น! มีรูปโป๊ด้วย!” ปุ่นเถียงขึ้นมาด้วยเสียงอันแหลมปรี๊ด

“เงียบปากไปเลยไอ้ปุ่น! เอ็งจะแหกปากขัดขึ้นมาทำไมวะ คนยังพูดไม่ทันจบ” จีนหยิบหมอนขึ้นมาโปะใส่หน้าน้องชายตัวดี ปุ่นเองก็รีบยึดจับหมอนนุ่มใบนั้นเอาไว้แบบไม่คิดอ่อนข้อให้

“ทำไมวะไอ้พี่ หรือจะเอา?”

จากนั้นสงครามหมอนระหว่างสองพี่น้องก็เริ่มขึ้น นี่มันคือศึกสายเลือด!

ตอนที่กำลังฟาดหมอนกับพี่ชายอย่างเมามัน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ แถมส่งเสียง ‘แอ๊ด…’ ยานยาวอย่างน่าขนหัวลุก เซียที่ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรมาอย่างไรกำลังยืนแสยะยิ้มตรงประตูที่เปิดออกบานนั้น

“เห?” ปุ่นมองเซียเดินเข้ามาในห้อง ที่มุมปากของเซียกระตุกยิ้มน้อยๆ อย่างไม่ชอบมาพากล ชวนให้บรรยากาศสยองแปลกๆ

“จีนชอบท่ายากๆ ท่าเยอะๆ แบบนี้เองสินะ...” เซียเอียงคอถาม ตาเรียวเบิกกว้างเล็กน้อย ปุ่นรู้สึกว่านั่นมันไม่ได้น่ารักเลยสักนิด! จีนเองก็น่าจะคิดแบบเดียวกัน

“เฮ้ย! อย่าเข้าใจผิดนะเว้ย” จีนส่ายหน้า ถดตัวหนีจนหลังชนกับพนักหัวเตียง เซียที่กำลังยิ้มยั่วเย้าย่างสามขุมเข้ามาหา ส่วนปุ่นค่อยๆ ขยับลงจากเตียงเงียบๆ อย่างรู้งาน

“มัวแต่ดูของแบบนั้นจะได้ประโยชน์อะไรล่ะ” นิ้วมือเรียวขาวเริ่มปลดกระดุมบนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวบางของตัวเองออกทีละเม็ด…ทีละเม็ด... เผยให้เห็น

แผ่นอกขาวแบนราบและยอดอกสีชมพูสวย “สู้มาลองของจริงเลยไม่ดีกว่าเหรอ”

“…” จีนทำหน้าปั้นยาก กลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่เมื่อถูกร่างโปร่งบางขึ้นคร่อม ขนาดปุ่นเองยังเผลอกลืนน้ำลายตามไปด้วยเพราะความเย้ายวนอันไม่มีที่สิ้นสุดของคนที่คร่อมร่างพี่ชายอยู่

“ปุ่นจะได้เรียนรู้ภาคปฏิบัติเลยไง…”

โอ้ มาย ก๊อดดด… ปุ่นถึงกับขนลุกชันด้วยความยินดี

เซียหันมามองปุ่น ถึงแม้ว่าปากนั้นจะยกยิ้มแต่สายตาที่มองมานั้นช่างเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจจนรู้สึกได้ คงจะเป็นความรู้สึกนั้นสินะ ความรู้สึกที่เรียกว่า ‘หึงหวง’ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายคือน้องชายสายเลือดเดียวกันกับคนรัก เซียยังแสดงอาการหึงหวงออกมาให้เห็นชัดเจนได้ ความรักนี่ช่างทำให้คนดีๆ กลายเป็นคนไร้เหตุผลได้จริงๆ

ขณะเดียวกันนั้นจีนก็ได้เบนสายตาอันแสนอำมหิตมองมาที่ปุ่นซึ่งเป็นน้องชายบังเกิดเกล้าเล็กน้อย

ชิ! นี่คิดจะไล่กันทางสายตาเหรอไอ้พี่ชาย ปุ่นเมินหน้าหนีพลางเช็ดเหงื่อที่แตกพลั่กเพราะแรงกดดันจากคนทั้งสอง คราวนี้เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังถูกคาดโทษอย่างนี้นะ

“พี่เซียมาได้ไง มีธุระอะไรรึเปล่า” ปุ่นถาม

“นั่งรถเมล์มาหาด้วยความคิดถึงน่ะสิ” น้ำเสียงของคนตอบช่างดูประชดประชัน “ก็เห็นใครบางคนบอกมีเรื่องอยากปรึกษา” พร้อมปรายตามองคนที่อยู่ใต้ร่าง มือไม้ทั้งสองข้างยังไม่ยอมอยู่สุข ลูบไล้ไปทั่วลำคอระหง แผงอก หน้าท้อง ลามไปยันเป้ากางเกงที่โป่งนูนนิดๆ ของตัวเอง

“ไอ้ปุ่น! รีบออกไปเลย!” จีนเอ่ยปากไล่น้องชายแล้วหันมาด่าคนที่อยู่เหนือร่าง “มันเสี้ยนนักรึไง?! ไอ้เซีย!” พร้อมกระชากผมอีกฝ่ายให้ลงมานอนแหมะบนที่นอนอย่างง่ายดาย ก่อนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมร่างที่นอนแหมะนั้นเสียเอง

“เอาให้ถึงใจนะที่รัก” เซียหัวเราะคิกคัก

“ส่วนเอ็ง… จะยอมเดินออกจากห้องไปดีๆ หรือจะให้เตะตูดอัญเชิญออกไป?! ไอ้คุณปุ่น!” จีนมองน้องชายที่ยืนนิ่งตาเขียวปั๊ดก่อนจะเอ่ยปากไล่ ‘ชิ่วๆ’ ใส่เหมือนหมูเหมือนหมาก็ไม่ปาน

“ไอ้พี่ขี้งก!” ปุ่นทำปากบู้ ถอนหายใจด้วยความเสียดายปนขุ่นเคืองเล็กน้อย เรื่องที่อยากปรึกษาก็ยังไม่ทันได้รับคำตอบ หนังสดที่คิดว่าจะได้ดูอีกครั้งก็อด น่าเสียดายจริงๆ





ราวๆ 07.30 นาฬิกา

ท้องฟ้าวันนี้เป็นสีเทาๆ ทึมๆ คล้ายฝนจะตก ปุ่นที่เสียเชิงชายไปเมื่อวานแถมยังนอนไม่พอเพราะเสียงรบกวนที่ดังมาจากห้องของพี่ชายเมื่อคืนกำลังเดินออกมาจากบ้านด้วยความห่อเหี่ยวใจ ในหัวอกมันเจ็บแปล๊บราวกับถูกบีบ สีของท้องฟ้าวันนี้ช่างเหมือนกับสีจิตใจของเขาจริงๆ

“น้องปุ่น ทำไมไม่ตอบไลน์พี่เลยล่ะครับ” กฤษณ์ในชุดวอร์มสีส้มแสบตาของคณะบัญชีทำหน้าเซื่องซึมเดินเข้ามาหา

“ไม่ได้ดู”

“แล้วทำไมเมื่อวานถึงหนีกลับไปก่อนล่ะครับ พี่ทำอะไรให้ไม่ถูกใจรึเปล่า”

“พอดีรู้สึกไม่สบายนิดหน่อยน่ะ” ปุ่นอ้อมแอ้มตอบพลางเร่งฝีเท้าไปยังบิ๊กไบก์ที่จอดอยู่ตรงหน้าบ้านของอีกฝ่าย เมื่อถึงแล้วก็รีบหยิบหมวกกันน็อกตรงเบาะมาสวมเพื่อหนีหน้าทันที

“รีบไปเถอะ เร็วๆ” ปุ่นเร่งเร้า กฤษณ์ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเหงาๆ

กฤษณ์ขับรถไปส่งปุ่นที่มหาวิทยาลัยเหมือนอย่างเคย บ่ายนี้กฤษณ์บอกว่ามีกิจกรรมชมรมจึงอาจจะไม่ได้กลับบ้านพร้อมปุ่นผู้ซึ่งไม่ใส่ใจด้านกิจกรรมใดๆ

ปุ่นเองก็ไม่คิดจะรอด้วยเหมือนกันจึงพยักหน้าบอกว่าจะนั่งรถเมล์กลับบ้านเอง

ความจริงแล้วปุ่นก็ไม่ถึงกับไม่เข้าร่วมกิจกรรมของชมรมเลย แต่ชมรม

‘รักการอ่าน’ ที่เขาอยู่นั้นเป็นชมรมสบายๆ ที่เน้นพบปะกันเพื่ออ่านหนังสือที่ห้องสมุดเป็นส่วนใหญ่ อาจมีช่วยงานบรรณารักษ์บ้างเป็นครั้งคราว หรือใครจะแค่มายืมหนังสือแล้วกลับก็ไม่ว่ากัน ซึ่งมันก็เหมาะกับคนแบบปุ่นมากจริงๆ

“ห้องยังไม่เปิดเหรอ” ปุ่นถามเอเชียที่ยืนพิงราวระเบียงทางเดินตรงหน้าห้อง ในมือถือกล่องนมรสช็อกโกแลตที่ยังไม่เจาะอยู่หนึ่งกล่อง

“อือ…” เอเชียพยักหน้าก่อนแซว “แหม่…เดี๋ยวนี้มาเช้าตลอดเลยนะ พี่กฤษณ์มีดีอะไรน้าปุ่นถึงเลิกตื่นสายได้”

ได้ยินแบบนั้นแก้มของปุ่นก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูทันที เขาตอบออกมาอย่างเขินๆ

“ก็กลัวพี่เขารอเลยเกรงใจ จะให้ตื่นสายได้ไง”

“น่ารักจริงๆ นะ” เอเชียยิ้มบางพลางเขย่ากล่องนม ใช้หลอดเจาะแล้วดูดทั้งที่สีหน้ายังเจือยิ้มอยู่

“วันนี้ดูอารมณ์ดีๆ นะ”

“เมื่อคืนหลับสบายน่ะ”

“อ้อ นี่ๆ ขอถามไรอย่างดิ”

“อะไรล่ะ”

“ตอนทำอะไรกันน่ะ จะทำยังไงให้พี่กฤษณ์ครางเรียกปุ่นจ๋า ปุ่นจ๋าอยู่ใต้ร่างได้วะ”

เอเชียแทบจะพ่นนมออกจากปาก โชคดีที่กลืนทัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสำลักจนไอแค่กๆ อยู่ดี

“ครางอยู่ใต้ร่างแกเนี่ยนะ!”

“อื้อ!”

“ ‘ปุ่นจ๋า ปุ่นจ๋า’ น่ะเหรอ”

“อื้อ!”

เห็นปุ่นพยักหน้าอย่างหนักแน่นถึงสองครั้งสองคราเอเชียก็ถึงกับนวดขมับ เพื่อนของเขานี่ช่างคิดอะไรเกินตัวเสียจริง

“ก็ลองออนท็อปดู” เอเชียบอก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเจ้าคนที่มีความรู้เรื่องเพศเทียบเท่ากับเด็กประถมคนนี้จะรู้จักคำว่าออนท็อปไหม

“ออนท็อป?” เป็นดังคาด ปุ่นที่ไม่รู้ความหมายของคำคำนี้เอียงคอทำหน้างุนงง เอเชียลอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนบอกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เป็นปกติ

“อือ… ก็ลองขอพี่เขาดู” พูดจบอาจารย์ก็พาภารโรงมาไขกุญแจเปิดห้องพอดี เอเชียกับปุ่นจึงเลิกคุยเรื่องนี้กันไป

คิดจะกดชาวบ้านยังเร็วไปสิบชาติน่าไอ้เปี๊ยก!





วันนี้ทั้งวันปุ่นแทบไม่มีสมาธิเรียนเลย ในหัวมันเอาแต่จะคิดว่าคืนนี้จะต้องออนท็อปและทำให้กฤษณ์ร้องครวญขอความเมตตาให้จงได้! พอจบคาบเขาจึงรีบไลน์ถามกฤษณ์ว่า ‘อยู่ไหน กลับด้วยสิ’ ทันที

กฤษณ์ตอบกลับมาว่า ‘อยู่สนามฟุตบอลเก่าครับ แต่พี่ติดกิจกรรมอยู่นะ’

ปุ่นบอกลาเอเชียแล้วรีบมุ่งหน้าไปที่สนามฟุตบอลเก่า แต่นึกขึ้นได้ว่าตารางเรียนวันนี้มีกิจกรรมชมรม ต้องโผล่หน้าไปให้สมาชิกชมรมเห็นสักหน่อยเลยแวะเข้าไปยืมหนังสือสองเล่มที่ห้องสมุดก่อน

บริเวณสนามฟุตบอลเก่าหญ้าโคตรรก ขยะก็เยอะ ปุ่นเห็นผู้ชายสิบกว่าคนกำลังช่วยกันกำจัดวัชพืชอย่างขะมักเขม้น บ้างใช้เครื่องตัดหญ้า บ้างใช้กรรไกรตัด บ้างใช้มือถอน ส่วนพวกผู้หญิงช่วยกันเก็บขยะ เก็บเศษหญ้า ยืนถือร่ม คอยพัดคอยซับเหงื่อ บริการน้ำดื่มและเกลือแร่ให้กับพวกผู้ชายที่ใช้แรงงานท่ามกลางแดดเปรี้ยง

“น้องปุ่นคร้าบ!” ได้ยินเสียงมาแต่ไกล ปุ่นมองกฤษณ์ที่วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา กฤษณ์เหงื่อโซมกาย มือที่สวมถุงมืออยู่นั้นข้างหนึ่งถือกรรไกรตัดหญ้า ข้างหนึ่งถือหมวกฟาง ปุ่นมองอย่างเคลือบแคลง

“พี่กฤษณ์อยู่ชมรมอะไรน่ะ” ปุ่นถาม

“ชมรม Rotary ครับ เน้นทำพวกจิตอาสา” กฤษณ์ตอบพลางยกแขนเสื้อขึ้นซับเหงื่อตรงหางคิ้วที่ทำท่าจะย้อยเข้าตา

“ตัดหญ้าด้วย?”

“ครับ ก็แล้วแต่ว่าจะมีอะไรให้ทำ ตัดหญ้า ทาสี พี่ชอบงานที่ออกกำลังเยอะๆ น่ะครับ”

ปุ่นพยักหน้า ที่กล้ามแน่นๆ นี่ไม่ได้เข้ายิมสินะ มาถูกใช้แรงงานอยู่ที่

มหา’ ลัยนี่เอง

“ตัวก็ออกสูง ทำไมไม่เข้าชมรสบาสล่ะ ได้ออกกำลังเหมือนกันนี่” ปุ่นถาม

“ก็พี่สนใจเรื่องจิตอาสานี่ครับ” กฤษณ์ตอบ “เข้าร่มดีกว่านะ แดดแรง”

กฤษณ์พาปุ่นเข้ามานั่งตรงบันไดเตี้ยๆ หน้าอาคารเก่าหลังหนึ่ง อาคารนี้มีสองชั้น ขนาดไม่ใหญ่นัก เมื่อก่อนน่าจะเคยเป็นโรงอาหารของมหาวิทยาลัย ได้ข่าวว่าที่นี่จะถูกทุบทิ้งเพื่อสร้างอาคารใหม่มาเป็นปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังเห็นเป็นอาคารร้างอยู่สภาพเดิม

ปุ่นกวาดสายตามองไปที่สนามฟุตบอลอย่างเชื่องช้าปราดหนึ่งก่อนพูด

“ผู้หญิงเยอะเนอะ” น่าจะราวๆ ยี่สิบคนได้ และปุ่นคิดว่านี่ยังไม่ใช่จำนวนที่แท้จริงของสมาชิกชมรมนี้

“ไม่เกี่ยวกับพี่นะครับ” กฤษณ์โบกมือเป็นพัลวัน

“ตุ๊ดก็เยอะนะ ตาน้อยไม่อยู่เหรอ”

“ไม่ได้อยู่ชมรมนี้ครับ ทำไม หึงเหรอครับ” กฤษณ์ยิ้มอย่างเป็นต่อ

“เปล่า ก็แค่พิจารณดู พี่กฤษณ์ไม่กล้านอกใจผมหรอก” ปุ่นทำหน้ายียวน หันไปยิ้มอย่างเป็นต่อกว่า “แล้วจะเสร็จเมื่อไหร่”

“วันนี้ไม่เสร็จหรอกครับ ไว้มาทำต่อวันที่มีกิจกรรม หรืออาจนัดกันมาทำตอนว่างๆ ก็ได้”

“งั้นจะกลับเมื่อไหร่”

“น่าจะเย็นๆ ทำไมเหรอครับ น้องปุ่นมีธุระอะไรอยากให้พี่ไปส่งรึเปล่า”

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอก งั้นเดี๋ยวผมนั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่ตรงนี้นะ”

กฤษณ์พยักหน้าก่อนถาม

“หิวน้ำไหมครับ”

ปุ่นส่ายหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากจากกระเป๋าสะพายสีฟ้าใบใหม่ ส่วนใบเก่า …ลืมทิ้งไว้ที่บ้านข้างๆ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อย่าไปพูดถึงมันเลย

“งั้นพี่ไปตัดหญ้าต่อนะครับ” กฤษณ์บอก ถือกรรไกรตัดหญ้าตรงไปที่สนามฟุตบอล

เหลือเชื่อเลย สมาชิกชมรมเกือบสามสิบคน ไม่มีใครอู้มานั่งหลบแดดเป็นเพื่อนปุ่นเลยสักคนเดียว ขยันกันจริงๆ นั่น… มีผู้หญิงบางคนลงไปช่วยพวกผู้ชายถอนหญ้าแล้ว น่านับถือ… น่านับถือ…

ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า การมาของปุ่นเหมือนจะทำให้หลายคนสนใจ โดยเฉพาะหญิงสาวและชายหนุ่มตุ้งติ้งทั้งหลาย ปุ่นเห็นคนพวกนั้นชอบหันมองทางนี้แล้วหันกลับไป แถมยังทำท่าเหมือนกระซิบกระซาบอะไรกัน แต่ก็พอเดาได้ว่าคงจะเกี่ยวกับเรื่องที่เขาเป็นแฟนกฤษณ์

อา… พอมองนานๆ หน้าจะมืดเอาแฮะ แดดจ้าเกินไป ปุ่นจึงเลิกมอง หันมาสนใจโทรศัพท์แทน เขาใช้นิ้วโป้งแตะที่แอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก เข้าไปส่องที่เพจ

อนิเมะแปลไทยเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้ตามข่าวพอดี

จะมีเรื่องใหม่ๆ มาไหมนะ

ในขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะดูอนิเมะเรื่องอะไรดี ก็ฉุกคิดเรื่องออนท็อปขึ้นมาได้

ไอ้การออนท็อปนี่เขาต้องทำกันยังไงนะ ต้องทำขนาดไหนพี่กฤษณ์ถึงจะครางออกมาได้ คิดได้อย่างนั้นก็กดออกจากแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กแล้วเข้า

แอปพลิเคชันโครมทันที พิมพ์ข้อความลงในช่องค้นหา ‘ออนท็อปคืออะไร?’

รอไม่ถึงสามวินาทีเพราะอินเทอร์เน็ตสี่จีพลัสไวมาก รายการที่ค้นหาก็ปรากฏที่หน้าจอ ปุ่นกวาดสายตาอ่านคร่าวๆ ‘ออนท็อป…แปลว่าอะไร???’

‘ออนท็อปแปลว่าอะไร?’ ‘ออนท็อป คือ อะไร’ ‘ออนท็อปคืออะไรเหรอ?’ เขาเลือกกดเข้าลิงก์ ‘ออนท็อปคืออะไรเหรอ?’ จากเว็บบอร์ดชื่อดังไป สมาชิกที่ตั้งกระทู้คำถามนี้พิมพ์ค่อนข้างยาวเขาจึงขี้เกียจอ่าน ได้แต่ใช่นิ้วปัดหน้าจอไปเรื่อยๆ จนถึงส่วนของกระทู้แนะนำที่มีหัวข้อค่อนข้างยาว ‘18+ เมื่อคืนเราออนท็อปให้แฟน แฟนครางลั่นห้องแล้วบอกชอบมากๆ ขอร้องให้พรุ่งนี้ทำอีกนะ’ เป็นกระทู้จากสมาชิกที่ใช้ชื่อ ‘ขมิบให้ขาด’

โอ๊ะ! อันนี้ดีๆ ออนท็อปยังไง ไหนดูหน่อยสิ

ยังไม่ทันได้กดเข้าไปอ่านฝนก็ดันปรอยลงมา ปุ่นลุกเข้าไปหลบฝนข้างในอาคาร เงยหน้าขึ้นมองฝนที่ตกลงมาเป็นระยะๆ ไม่หนาเม็ดมากนัก แต่เพียงครู่เดียวเสียง ‘อู้’ ก็ดังมาพร้อมกับเมฆสีดำทะมึนก้อนใหญ่ จากนั้นฝนก็เทลงมาราวฟ้ารั่ว เหล่าสมาชิกชมรม Rotary รีบวิ่งมาหลบในอาคารร้าง พวกผู้หญิงวี้ดว้ายกันระงม กฤษณ์ที่ใส่หมวกฟางเดินมายืนข้างๆ ปุ่นแล้วยิ้มแหยให้

“จู่ๆ ก็ตกลงมาได้” กฤษณ์บอก

“เอาละ! เอาละ!” ผู้หญิงรูปร่างเจ้าเนื้อคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา สมาชิกชมรมที่บ่นกันเซ็งแซ่จึงได้เงียบลง “วันนี้พอแค่นี้ละกัน แยกย้ายกันกลับบ้านได้” พอเธอบอกสมาชิกชมรมก็พากันหัวเราะถามประมาณว่า ‘ฝนตกขนาดนี้จะกลับบ้านยังไงล่ะ’

“นั่นหัวหน้าชมรมครับ เห็นหน้าดุแบบนี้ใจดีมากเลยนะ” กฤษณ์ชี้ไปที่ผู้หญิงเจ้าเนื้อคนนั้น ปุ่นมองแล้วก็นึกถึงพี่อุปถัมภ์ที่มีรูปร่างคล้ายๆ กันขึ้นมา หน้าดุแต่เป็นคนเฮฮา ดูแล้วเป็นคนจริงใจ

“ดูเป็นคนเก่งเนอะ เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกสักทีเนี่ย” ปุ่นหันไปมองฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสายอย่างหงุดหงิด ตรงที่ใช้หลบฝนกันอยู่เป็นใต้ถุนอาคารที่เปิดโล่ง ทำให้ไม่สามารถกำบังลมและละอองฝนที่พัดสาดเข้ามาได้ กฤษณ์ใช้ตัวเองยืนบังลมให้กับร่างเล็ก

ไม่ถึงห้านาทีฝนก็เริ่มซาและหยุดตกไปเสียดื้อๆ สมาชิกชมรมช่วยกันเก็บของ กฤษณ์เองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องนำกรรไกรและเครื่องตัดหญ้าไปเก็บที่อาคารภารโรงพร้อมกับเพื่อนอีกสามคน จากที่นี่ไปอาคารภารโรงมีระยะทางค่อนข้างไกล ราวครึ่งกิโลเมตรได้ ปุ่นจึงบอกว่า ‘จะไปรอที่โรงจอดรถตึก A ที่พี่กฤษณ์จอดรถไว้นะ’ เพราะคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องไปช่วยเก็บของด้วยเสียหน่อย

แถวๆ โรงจอดรถข้างตึก A มีเซเว่นอีเลฟเว่นอยู่ ระหว่างรอกฤษณ์ ปุ่นก็เข้าไปหาอะไรกินรองท้อง และเมื่อกฤษณ์มาถึง ครัวซองต์ชิ้นที่สี่ในมือของเขาก็หมดพอดี





พอถึงบ้าน ปุ่นรีบกินข้าวกินปลา อาบน้ำอาบท่า และประแป้งจนตัวหอมฉุย เสร็จแล้วจึงตะโกนบอกพี่ชายที่อยู่ในห้องว่า ‘คืนนี้จะไปนอนค้างที่บ้านพี่กฤษณ์นะ!’ อย่างอารมณ์ดี

วันนี้… ปุ่นคนโคตรแมนจะเผด็จศึกกฤษณ์อีกครั้ง!

ตอนเดินออกมาจากบ้านเห็นกฤษณ์กำลังยืนตากผ้าอยู่ตรงราวข้างรั้วจึงเอ่ยถามอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะถามอะไร

“พี่กฤษณ์กินข้าวยัง”

“ยังครับ น้องปุ่นล่ะ”

“กินแล้ว …แล้วนั่น ตากชุดที่ใส่วันนี้เหรอ ทำไมมีหลายตัวจังล่ะ” ถามพร้อมกับมองกางเกงในสีเลือดหมูที่อีกฝ่ายถืออยู่ตาไม่กะพริบ

“ครับ ไหนๆ ก็ซักแล้วก็เลยซักพร้อมกันเลยดีกว่า หวังว่าฝนคงจะไม่ตกลงมาอีกนะ” คนพูดเงยหน้า หยีตามองท้องฟ้ายามบ่ายที่มีดวงอาทิตย์แผ่แดดแรงจ้า

“อ๋อ… งั้นเดี๋ยวผมไปรอที่ห้องนะ” ปุ่นบอกก่อนปีนรั้วข้ามไปที่บ้านของอีกฝ่าย และพอคนตัวเล็กคล้อยหลังเดินเข้าบ้านไป กฤษณ์ก็ลงมือตากผ้าที่เหลืออยู่อย่างเร่งรีบทันที






กฤษณ์เปิดประตูเข้ามาในห้อง มองหน้าปุ่นตัวน้อยที่ใช้นัยน์ตาใสกระจ่างชม้ายมองมาที่เขา

“พี่กฤษณ์ วันนี้มาดึ๊บๆ กันเถอะ” ปุ่นเอ่ยชวนอย่างออดอ้อน

“เอ่อ…”

“อยากทำต่อจากเมื่อวานน่ะ” คนตัวเล็กที่อยู่บนเตียงพูดพลางช้อนตาขึ้นมองอย่างหวานฉ่ำ ได้ยินเสียงหวานๆ ชวนร่วมเตียงแบบนี้หน้าของกฤษณ์ก็พลันแดงซ่าน เขากระอึกกระอักถามไม่เต็มเสียงด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ

“น่ะ…แน่…แน่ใจนะครับ”

ปุ่นพยักหน้าแล้วตอบ

“อื้อ! พรุ่งนี้ไม่เรียน เพลียได้”

“แต่ถุงยาง… มันไม่มี”

ปุ่นส่ายหน้าไปมา

“ก็ไม่ต้องใช้ไง”

ถุงยางจำเป็นอะไรล่ะ ก็แค่ป้องกันโรคติดต่อ แล้วเขาก็มั่นใจว่า กฤษณ์ที่แข็งแรงดีคนนี้ไม่มีทางเป็นโรคติดต่อร้ายแรงอะไรอย่างแน่นอน ปุ่นมองโลกแบบใสๆ แต่มันคงเป็นอันตรายแน่หากคิดไปนอนกับคนอื่น เพราะใช่ว่าคนที่เป็นโรคติดต่อจะแสดงอาการออกมาให้เห็นภายนอกทุกคนไป โดยเฉพาะตอนเริ่มเป็นระยะแรกๆ ด้วยแล้ว

“คราวนี้คงไม่หนีแบบคราวที่แล้วอีกนะครับ”

ปุ่นพยักหน้าอย่างมั่นใจ

“ถ้าพี่สัญญาว่าจะให้ผมออนท็อปน่ะนะ” ปุ่นยิ้มเขินๆ กฤษณ์พยักหน้า รีบเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ ปุ่น นัยน์ตาสีอ่อนฉายวาวคมปลาบ

เห็นท่าทางกระตือรือร้นแบบนั้นของกฤษณ์แล้วคนตัวเล็กก็หน้าแดงวาบ แต่เพราะเหตุการณ์เสียเปรียบเมื่อวานยังฝังลึกในจิตใจ จึงได้เอ่ยสำทับอีกว่า

“ผมไม่อยากโดนกดหรอกนะ เห็นผมไม่เป็น พี่ก็อย่าเอาเปรียบผมละกัน”

“พี่จะให้น้องปุ่นอยู่ข้างบนตามที่สัญญาไว้แน่นอนครับ ไม่เข้าใจอะไรเดี๋ยวพี่สอนเอง”

พลันได้ยินคำว่า ‘อยู่ข้างบน’ ในใจของปุ่นก็รู้สึกลิงโลดอย่างหาใดเปรียบ นึกไม่ถึงเลยว่ากฤษณ์จะสอนให้รู้จักคำว่า ‘ออนท็อป’ จนกระจ่างแจ้งแจ่มจันทร์ ศักดิ์ศรีความเป็นชายของปุ่นถูกทำลายจนไม่เหลือ แม้แต่วิญญาณก็ถูกสูบไปจนสิ้น วันนั้นกลายเป็นปุ่นเองที่เสียท่า ถูกจับกินจนไม่เหลือซาก






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 14:21:59 โดย wattana »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
« ตอบ #19 เมื่อ: 26-07-2018 13:42:04 »





ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #20 เมื่อ26-07-2018 13:42:59 »

10
[/b]





อากาศในห้องเย็นสบาย เครื่องปรับอากาศถูกปรับไว้ให้อยู่ในอุณหภูมิที่พอดีสำหรับเขา แต่ถึงอย่างนั้นบริเวณแผ่นหลังก็ยังมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมออกมาไม่หยุด

ประหม่าอย่างกับเป็นครั้งแรกไปได้!

กฤษณ์ยกฝ่ามือถูท้ายทอยอย่างตึงเครียด ดีใจเหมือนกันที่ปุ่นดูหนักแน่นเหมือนเตรียมใจมาแล้วผิดกับเมื่อวานนี้ แต่ก็เพราะเหตุการณ์เมื่อวานไม่ใช่เหรอที่ทำให้เขากลัวจนเกร็งเสียขนาดนี้?!

กลัว…กลัวทำให้น้องปุ่นเจ็บ กลัวทำให้น้องปุ่นไม่พอใจอีก

หัวใจเต้นแรงจนอึดอัดในทรวงอก นี่มันตื่นเต้นยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก ประสบการณ์ก็มีตั้งมากมาย แต่ทำไมพออีกฝ่ายเป็นปุ่น เขาถึงได้ทำตัวเงอะงะ

โง่งมอย่างกับคนขี้ขลาดทุกทีไปได้นะ

“จะไม่หนีพี่ไปอีกจริงๆ นะครับ” กฤษณ์เอ่ยถามปุ่นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ปุ่นได้ยินแล้วก็หัวเราะพรืดออกมา

น่าสมเพชชะมัดเลยเรา!

“ไม่หนีจริงๆ สัญญาเลย เอ้า!” ปุ่นยิ้มอ่อนโยนแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าของเขาที่ขาดความมั่นใจ กฤษณ์ยื่นนิ้วสั่นๆ ไปเกี่ยวนิ้วก้อยเล็กๆ นั่นไว้ก่อนก้มลงจรดริมฝีปากที่หลังมือของอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง

…จิตใจสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ กฤษณ์เงยหน้าขึ้นมองปุ่นอย่างลึกซึ้ง ถ่ายทอดคำขอบคุณทั้งหมดออกมาจากดวงตาสีอ่อนจางแล้วกล่าวว่า

“ขึ้นมานั่งบนตักพี่นะครับ”

ปุ่นพยักหน้า ขยับขึ้นมานั่งบนตักของเขาอย่างว่าง่าย บนกายมีกลิ่นแป้งเด็กโชยอ่อน

หอม…

กฤษณ์ไม่เคยคิดมาก่อนว่ากลิ่นแป้งเด็กก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้ ไม่ใช่สิ… ต้องพูดว่าสิ่งที่ปลุกเร้าอารมณ์ของเขาคือเจ้าตัวเล็กที่มีกลิ่นแป้งเด็กติดตัวถึงจะถูก

เมื่อท่านั่งได้องศาที่ถนัดถนี่แล้วกฤษณ์ก็เริ่มประกบจูบแบบหนักหน่วง นำทางลิ้นเล็กๆ ที่พยายามตอบสนองอย่างสะเปะสะปะให้อยู่ถูกทิศถูกทาง ปุ่นครางอื้ออึงอย่างพึงพอใจอยู่ในลำคอ

กฤษณ์คิดมาตลอดว่ารสจูบของเขากับปุ่นน่ะเข้ากันได้ดี ถึงแม้จะดูไม่ประสา แต่เจ้าตัวเล็กก็ตอบสนองจูบของเขาได้ดีทุกครั้งที่จูบกัน เขาจูบกลีบปากนุ่มๆ นั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้เบื่อ รู้สึกไปเองว่าน้ำลายของปุ่นมีรสหวานอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ มือที่หยาบนิดๆ จากการทำงานจิตอาสาเป็นประจำลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังที่สะท้านเบาๆ อยู่เนืองๆ ผ่านเนื้อผ้าบางเบาที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ จนในที่สุดเสื้อยืดสีแดงก็ถูกถอดไป แม้แต่กางเกงขาสั้นและกางเกงในก็ถูกถอดตามไปด้วยจากการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีของร่างเล็ก

“อื้ม… ลูบ…อีก…” ปุ่นครวญขอเสียงกระเส่าทันทีที่ริมฝีปากผละออกจากกัน ดูท่าเจ้าตัวเล็กจะชอบให้กฤษณ์ลูบไล้ไปตามผิวกาย กฤษณ์ใช้มือไล้ขึ้นไปตามชายโครงของร่างเล็ก นิ้วโป้งแตะบนเม็ดเล็กๆ ที่ชี้แหลมนูนเด่นออกมาจากแผ่นอกราบเรียบ เจ้าของหน้าอกสะท้านเฮือก แผ่นหลังกระตุกแอ่นโค้งเป็นเส้นสวยพร้อมกับอุทานเสียงหวาน

“อ๊ะ! อื้อ… ดะ…เดี๋ยวพี่กฤษณ์ ผมต้องออนท็อปนะ” เจ้าตัวเล็กพยายามควบคุมสติขึ้นประท้วง

“ครับ ก็ On อยู่นี่ไง” กฤษณ์ตอบก่อนก้มชิมยอดอกที่ถูกนิ้วคลึงจนเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ปุ่นทำตาหลุกหลิกเหมือนพยายามประมวลความคิดที่สับสน สถานการณ์แบบนี้คงกำลังคิดว่า ‘ท่ามันแปลกๆ อยู่นะ’ แต่ก็ไม่สามารถฉุกคิดอะไรไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว เนื่องด้วยถูกคนตัวใหญ่เล้าโลมเสียจนสติพร่าเลือน

“จะ… อะ…อ้า… ออนยังไง”

“อย่าใจร้อนสิครับ Baby”

กฤษณ์ปลดซิปกางเกงที่สวมอยู่ ควักแก่นกายแท่งใหญ่ที่แข็งขืนออกมา แท่งเนื้อร้อนของเขากำลังสัมผัสกับแท่งเนื้อน้อยๆ ของร่างเล็กที่นั่งอยู่บนตัก ปุ่นก้มมองพลางทำตาปริบๆ อย่างน่ารักน่าใคร่ กฤษณ์จึงเชยคางให้เงยขึ้นมาแนบสนิทริมฝีปากกันอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ได้ใช้มือซ้ายเอื้อมไปหยิบขวดเจลหล่อลื่นของคนบนตักที่ลืมไว้เมื่อวานมาเปิดฝา เทเจลให้ไหลไปตามร่องสะโพกของปุ่น

“อย่าเกร็งนะครับ” กฤษณ์บอกก่อนเริ่มใช้ปลายนิ้วลูบไล้รอยจีบด้านหลังของปุ่นเบาๆ บริเวณผิวนุ่มรอบๆ ช่องทางกำลังถูกเคล้นคลึงอย่างนุ่มนวล ปุ่นสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที

“อื้อ…” เสียงครางรื่นหูออกมาจากปากของเจ้าตัวเล็ก คงเป็นเพราะร่างกายนี้เคยได้รู้จักกับรสชาติความหฤหรรษ์มาแล้ว ในตอนนี้จึงอ่อนไหวไวต่อความรู้สึกยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ

“ไม่เอา…” ปุ่นทำท่าจะยกสะโพกหนีสัมผัส ตอนนั้นเองนิ้วที่ชุ่มเจลหล่อลื่นได้เริ่มรุกคืบเข้าไปแล้ว คนตัวเล็กเกร็งสะท้านไปทั้งร่าง “อย่า… นิ้ว… อย่าขยับนิ้ว”

ซอกเนื้ออันคับแคบถูกนิ้วยาวที่งองุ้มหมุนคว้านไปทั่ว น้ำตาอุ่นๆ ไหลลงมาตามแก้มที่สุกปลั่ง กฤษณ์ใช้ริมฝีปากพรมจูบเช็ดน้ำตาที่เค็มปะแล่มๆ ให้พลางกระซิบปลอบด้วยเสียงอันแสนอ่อนโยน

“อย่าร้องไห้เลยนะครับคนเก่งของพี่”

ปลายนิ้วช่ำชองถูกเพิ่มเป็นสองนิ้ว กดเน้นย้ำเบาๆ บริเวณปากทางเข้า ส่งผลให้ปุ่นครางเสียงหวาน หอบหายใจระรัว ฝังใบหน้าลงกับบ่ากว้างแล้วครางไปบ่นไปเสียงอู้อี้

“อ้า… ขี้โกง… อื้ม…ขี้โกงนี่น่า… ตรงนั้นอีก… อา… ตรงนั้นแหละ”

“อีกนิดนะครับ ตรงนี้เริ่มนุ่มลงแล้ว” นิ้วยาวทั้งสามนิ้วถูกสอดแทรกเข้าไปในช่องทางลับที่กระตุกตอดไม่ว่างเว้น ความจริงกฤษณ์ติดใจมาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลิ้มสัมผัสตรงส่วนนี้แล้วว่า ‘มันช่างตอบรับและยืดหยุ่นราวกับไม่ใช่ครั้งแรก’ หากปุ่นไม่บอกเป็นเชิงว่าตัวเองไร้ประสบการณ์เมื่อวานนี้ เขาคงเข้าใจผิดไปว่านี่เป็นร่างกายที่คุ้นชินกับความหฤหรรษ์อย่างดีแล้วเป็นแน่

แต่ไม่ว่าจะไร้เดียงสาหรือเร่าร้อน ปุ่นก็ยังเป็นคนที่เขารักมากที่สุดอยู่ดี

เมื่อแน่ใจว่าช่องทางอันแสนบอบบางเปิดรับพอแล้วจึงค่อยๆ พาร่างเล็กเอนหลังลงนอน กฤษณ์นำส่วนที่เครียดเขม็งของตัวเองมาสัมผัสกับรอยหยักอ่อนนุ่ม เพียงแค่ใช้ส่วนปลายถูไถเบาๆ ปุ่นก็สะดุ้งด้วยความหวาดหวั่น เมื่อเริ่มพยายามเบียดแทรกเข้าไปข้างในปุ่นก็ถดกายหนีทันที กฤษณ์จับเอวบางยึดไว้มั่นจนเจ้าตัวเล็กไม่อาจขยับหนี แล้วดำดิ่งลงไปในช่องทางเร้นลับ

“…อ๊า! ... พี่กฤษณ์…” ปุ่นร้องเรียกชื่อเขาด้วยเสียงสั่นกระเส่า เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ช่วยโหมไฟแห่งความปรารถนา

“อา…” กฤษณ์เองก็ครางเสียงพร่า

แน่นมาก… เขาประจักษ์แล้วว่าข้างในของปุ่นช่างโอบรัดคับแน่นสมกับเป็นครั้งแรกจริงๆ ส่วนนั้นของเขากำลังครูดถูไปกับผนังเนื้อเยื่ออ่อนไหวภายในร่างกายของเจ้าตัวเล็กอย่างหาญกล้า และดูเหมือนว่ามันจะขยายตัวขึ้นมาด้วย

“เจ็บ พี่กฤษณ์…ผมเจ็บ…” ปุ่นร้องไห้ น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลอาบแก้ม ทำได้เพียงส่ายหน้าประท้วง กฤษณ์เห็นแล้วก็พลันใจอ่อน ถอนแก่นกายออกมาชโลมเจลจนชุ่มโชกแล้วสอดกลับเข้าไปใหม่ สอดคาค้างไว้อย่างนั้นอยู่สักพักเพื่อให้ร่างเล็กได้ปรับตัว

กฤษณ์อยากให้ปุ่นรู้สึกดีอย่างถึงที่สุดกับเซ็กซ์ที่เขามอบให้ เขาไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กต้องเจ็บหนัก จึงพยายามระมัดระวังอยู่ทุกความเป็นไปอย่างอดทนอดกลั้น

“ไม่ไหวแล้ว… อึดอัด ไหนบอกจะให้ออนท็อปไงล่ะ” ปุ่นถามด้วยใบหน้าที่มีน้ำตานอง กฤษณ์ก้มลงใช้ปลายลิ้นเช็ดน้ำตาให้อย่างใจเย็น นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีเซ็กซ์กับคนที่ไร้ประสบการณ์ และเป็นครั้งแรกเลยที่เขาใส่ใจกับคนที่นอนด้วยถึงขนาดนี้

เพราะตลอดมาเคยนอนแต่กับคนที่ ‘เป็นงาน’ จึงไม่จำเป็นต้องมาทำอะไรใจเย็นแบบนี้

“ไม่รู้สึกดีสักนิดเลยเหรอครับ” กฤษณ์ถาม ทั้งที่มั่นใจจากอาการตอดรัดของปุ่นว่าเจ้าตัวต้องรู้สึกดีแน่ๆ แล้วเชียว

“ก็…ดี…” ปุ่นพยักหน้าหงึกหงัก “แต่มันเจ็บ”

“ลองดูอีกทีสิครับ ไม่เจ็บแล้วเห็นไหม” ใช้น้ำเสียงราวกับกำลังหลอกล่อเด็กเล็กๆ เพื่อปลอบโยน กฤษณ์ไล้เลียติ่งหูของอีกฝ่ายจนเปียกชื้น ใบหูของ

ปุ่นค่อนข้างแข็ง แม่เคยบอกเขาว่าใครที่หูแข็ง ตอนเด็กๆ มักดื้อและเลี้ยงยาก แสดงว่าตอนเด็กๆ ปุ่นก็คงจะดื้อไม่เบา

กฤษณ์ใช้มือหนึ่งบีบคลึงยอดอกที่ไวต่อการสัมผัส อีกมือหนึ่งเลื่อนลงไปลูบไล้ส่วนอ่อนไหวที่มีน้ำหวานฉ่ำเยิ้มออกมาจากส่วนปลาย พลางขยับสะโพกใส่เนื้ออ่อนที่รัดแน่น

“อื้อ… ขี้โกง… ไหนสัญญากันแล้วไง อ๊า! ...” พอกฤษณ์เสือกกายเข้าไปลึกขึ้น ปุ่นก็ครางออกมาเสียงหวานเป็นพิเศษ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน ข้างในก็บีบรัด กระตุกถี่ยิบคล้ายจะไปถึงฝั่งฝัน แต่ก็ยังออกแรงประท้วง

“ออนท็อป! อา… ออนท็อปสักที!” ร่างเล็กที่บิดเร้าไปมาหวีดโวยวาย

So hot… อยาก On top จริงๆ สินะ ครั้งแรกเร่าร้อนได้ขนาดนี้เชียว

“ได้ครับ” กฤษณ์รับคำ ค่อยๆ เอนกายลงนอนราบพร้อมๆ กับใช้มือช่วยประคองแผ่นหลังให้ปุ่นลุกขึ้นนั่งบนตัวทั้งที่กายยังคงเชื่อมประสานกันอยู่

“อึก!” ร่างเล็กเชิดหน้า ร่างกายกระตุกเกร็ง ข้างในตัวตอดรัดไม่หยุด สองมือเล็กๆ นั่นพยายามยันหน้าท้องแข็งแรงเอาไว้อย่างเป็นที่พึ่ง

“On top แล้ว รู้สึกยังไงบ้างครับ” กฤษณ์ถามอย่างหยอกเย้า รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าตัวเล็กน่ะเกือบจะเสร็จอยู่รอมร่อแล้ว

“หา? ... ออนท็อปแล้วเหรอ” เจ้าตัวเล็กทำหน้าฉงนก่อนกัดฟันตอบสั้นๆ “ก็เฉยๆ!”

ปากแข็งได้น่ารักจริงๆ แถม On top แบบนี้… วิวดีสุดๆ!

กฤษณ์กระแทกสวนเข้าไปในช่องทางที่ถูกแผ่ขยายจนตึง ปุ่นตอบรับด้วยการกระตุกเกร็งเป็นจังหวะเดียวกันกับการเคลื่อนไหวของเขาพร้อมกับครางลั่น เจ้าตัวเล็กที่พยายามอดทนอดกลั้นไว้ได้ปลดปล่อยนำหน้าไปก่อนแล้ว แรงบีบรัดในช่วงสุดท้ายก็ทำเอากฤษณ์เกือบจะถึงจุดหมายด้วยเช่นกัน

“ไม่ไหวแล้ว… อือ…” ปุ่นครางเสียงอ่อย ทิ้งศีรษะลงกับไหล่ของกฤษณ์ดัง ‘กึก’ อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง กฤษณ์ประคองร่างเล็กให้เป็นฝ่ายลงนอนราบอีกครั้ง เขานั่งคุกเข่า ถอดเสื้อยืดสีขาวที่ชื้นเหงื่อของตัวเองเขวี้ยงทิ้งไป ก่อนยกสะโพกเล็กที่สอดแก่นกายคาไว้ขึ้นมาเบาๆ แล้วโถมกระแทกใส่ไม่ยั้ง

…รู้สึกดีจนแทบระเบิด

“รัก…รักน้องปุ่นที่สุดในโลกเลยครับ อา… ทนไม่ไหวแล้ว”

รักจนจะตายอยู่แล้ว…

กฤษณ์หอบใจหายถี่กระชั้น ความแข็งแกร่งของเขาที่เสียดสีอยู่ภายในกำลังหลั่งรินธารแห่งความสุขสมจนล้นปรี่ ช่องทางรักอันแสนบอบบางของปุ่นเปียกชุ่ม

“รู้สึกดีที่สุดในชีวิตเลยครับ” กฤษณ์คลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนก้มลงจูบที่กลีบปากนุ่มอย่างรักใคร่ เขาพรมจูบไปทั่วใบหน้าอย่างแผ่วเบาก่อนถาม

“อยาก On top อีกครั้งไหมครับ”

ปุ่นที่กำลังปรือตาเยิ้มฉ่ำหวานได้ยินคำถามก็ถลึงตาใส่ทันที พลางกล่าวปฏิเสธว่า ‘ไม่!’

So adorable… น่ารักจริงๆ เชียว

“งั้นเรามาลองท่าอื่นกันอีกนะครับ” กฤษณ์ยิ้มบาง ลงมือนวดคลึงแท่งน้อยที่อ่อนตัวของปุ่นแล้วเริ่มขยับสะโพกช้าๆ ค่อยๆ ละเลียดเสียดสีกับเนื้ออ่อนนุ่มภายในของคนรักอีกครั้ง เจ้าตัวเล็กได้แต่ครวญครางและบิดเร้าไปมากับความเสียวซ่านที่เขาบรรจงสรรค์สร้างให้จนเกือบเช้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 14:54:10 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #21 เมื่อ26-07-2018 13:43:32 »

05.25 นาฬิกา โทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้ส่งเสียงร้องเตือนเหมือนทุกๆ วัน กฤษณ์ที่กำลังนอนมองใบหน้าของคนรักยามหลับใหลโดยอาศัยแสงไฟสลัวๆ ตรงหัวเตียงสะดุ้งโหยง ลุกขึ้นมาปิดเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียงอย่าง

ลนลานเพราะกลัวคนที่นอนหลับอยู่จะตื่นขึ้นมา แต่พอเห็นคนขี้เซายังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นก็โล่งใจ

เมื่อวานปุ่นบอกว่าวันนี้ไม่มีเรียน เขาเลยอยากให้อีกฝ่ายพักผ่อนได้เต็มที่

“Morning kiss” กฤษณ์ก้มลงจูบเบาๆ ที่แก้มนวล ปิดสวิตช์ไฟที่หัวเตียง ก่อนลงไปทำอาหารเช้าและเก็บเสื้อผ้าที่ตากทิ้งไว้เมื่อวานมาแขวนในตู้เสื้อผ้า เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจึงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปมหาวิทยาลัย

กฤษณ์ผิวปาก แต่งตัวอย่างอารมณ์ดีอยู่หน้ากระจกตู้เสื้อผ้า คนที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวเบาๆ ได้ยินเสียงสวบสาบของเครื่องนอนบนเตียงเสียดสีกัน เหมือนปุ่นจะตื่นแล้ว

“น้องปุ่น” กฤษณ์เดินไปที่เตียง มองร่างเล็กที่กำลังหยีตาสู้กับแสงสว่างยามเช้าที่ส่องลอดม่านตรงหน้าต่างเข้ามาด้วยความเป็นห่วง มือใหญ่ลูบศีรษะอย่างแผ่วเบาแล้วปัดผมหน้าออก ฝ่ามือหนาทาบทับกับหน้าผากของคนรักแล้วกล่าวอย่างโล่งใจ “ดูเหมือนจะไม่มีไข้นะครับ”

“พี่กฤษณ์ ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ” เจ้าตัวเล็กจ้องหน้ากฤษณ์เขม็ง มือทั้งสองข้างกำผ้าห่มแน่น ใบหน้าอิดโรยนั่นฉายแววไม่พอใจอยู่เล็กน้อย คงจะโกรธที่เมื่อคืนเขาเผลอทำจนเกือบเช้า

“จะลุกเหรอ มา พี่ช่วยพยุงดีกว่าครับ” กฤษณ์รีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยพยุงแขนเมื่อเห็นปุ่นกัดฟันกรอด พยายามลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล “พี่ทำข้าวต้มกุ้งไว้ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จเราลงไปกินกันนะครับ”

“ไม่ต้อง ผมบอกว่า ‘เรามีเรื่องต้องคุยกัน’ ” ปุ่นย้ำอีกครั้งพร้อมกับขัดขืนการให้ความช่วยเหลือของคนตัวโตกว่า

ความจริงเมื่อตอนตีสามที่จำยอมต้องตัดใจจากร่างเล็กที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงเต็มกลืน กฤษณ์ได้เช็ดทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม พร้อมทั้งควักเอาบรรดาน้ำเชื้อจำนวนมากมายจนน่าตกใจที่ปล่อยไว้ในตัวของปุ่นออกมาหมดแล้ว แต่อย่างไรเสียก็คงไม่สดชื่นเท่ากับการได้อาบน้ำ เมื่อเห็นปุ่นไม่มีไข้ เขาก็อยากให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำให้สบายตัว

“พี่ว่าอาบไปคุยไปก็ได้นี่ครับ” พูดจบก็ก้มลงจูบที่หางตา ไล่ตามแนวไรผมไปจนถึงหน้าผากอย่างแผ่วเบา ปุ่นคราง ‘อื้อ’ ออกมาพลางทำสีหน้าเคลิบเคลิ้มเหมือนแมวที่ถูกลูบ

“ก็ได้…”

กฤษณ์ช่วยพยุงร่างเล็กอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีการขัดขืน แต่เมื่อลุกขึ้นนั่งได้ปุ่นก็ทำหน้าเหยเก พร้อมกับครางออกมาอย่างเจ็บปวด

“โอ๊ย… เจ็บอ้า… เจ็บจัง”

“ขอโทษ… พี่จับแขนแรงไปเหรอครับ” กฤษณ์ถามพลางหยิบหมอนมารองหลังให้

“แรงน่ะใช่ แต่ไม่ใช่เมื่อกี้ มะ…เมื่อคืนต่างหากละ” ปุ่นหน้าแดงแจ๋

“อ๋อ… ขอโทษนะครับ แบบเสียงครางน้องปุ่นมัน… เอ่อ… เร้าอารมณ์สุดๆ พี่เลยควบคุมตัวเองไม่ได้ คงจะเผลอตัวทำนานไปหน่อยสินะครับ ไว้ครั้งหน้าพี่จะปรับปรุงตัวเองให้ใจเย็นกว่านี้” กฤษณ์พูดพลางทำหน้าสำนึกผิด ปลายนิ้วชี้ยกขึ้นมาถูที่ปลายจมูกอย่างเคยชิน

“หา?! ยังจะมีครั้งหน้าอีกเหรอ” ปุ่นโพล่งถามออกมา กฤษณ์เห็นแล้วก็อดเอ็นดูเสียไม่ได้ ยื่นมือใหญ่ไปประคองใบหน้าเล็กขึ้นมาพรมจูบแก้มสองข้างที่สุกปลั่งเพื่อตอบแทนความน่ารัก

น้องปุ่นของพี่ So cute ที่สุดในจักรวาล! ...

“น่ารักอะไรยังงี้ นี่ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะยั่วพี่อยู่หรอกนะครับ หือ”

“บะ…บ้า… เปล่าสักหน่อย ปล่อยนะ” ปุ่นก้มหน้าหนีอย่างเอียงอาย “ผมไม่อาบน้ำแล้ว อยากนอนต่อมากกว่า”

“ก็ได้ครับ พี่ไม่กวนแล้ว แต่อย่าลืมลุกขึ้นมากินข้าวกินยาด้วยนะครับ ข้าวต้มอยู่ในครัว ส่วนยาแก้ปวดลดไข้พี่วางไว้บนหลังตู้เย็น กินยาดักไว้เผื่อมีไข้หรือปวดจนทนไม่ไหวขึ้นมานะครับ”

“เข้าใจแล้ว…”

“แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำเองไหวแน่นะ”

“ไหว… พี่กฤษณ์ไปเรียนเถอะ”

“ถ้าไม่ไหวพี่ช่วยอาบให้ก่อนก็ได้นะ”

“ก็บอกว่าไหวไง” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเริ่มติดรำคาญ

“เอ่อ… ถ้ายังไงก็โทรหาพี่ได้นะครับ”

“โอเค ไปสักทีเถอะน่า เดี๋ยวก็สายจนได้!” ปุ่นขึ้นเสียง กฤษณ์หน้าหงอยทันทีที่ถูกดุ จำยอมเดินคอตกออกจากห้องไปอย่างน่าสงสาร





กฤษณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะนั่งฟังอาจารย์บรรยายการสอน วันนี้ตาน้อยมาสายเลยหมดโอกาสที่จะมาจับจองที่นั่งข้างๆ เขา นั่นทำให้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

แต่จะว่าไป พักนี้ตาน้อยก็เริ่มเข้ามาเกาะแกะเขาน้อยลงแล้ว อาจจะยอมแพ้ ตัดใจได้แล้วกระมัง

น้องปุ่น…

ในใจมันพลอยแต่จะเรียกหาอีกฝ่ายไม่หยุด เมื่อวานเขาทำตัวตะกรุมตะกราม ไม่รู้จักบันยะบันยังราวกับเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งจะรู้จักความสุขจากเซ็กซ์

ตอนแรกๆ ก็พอควบคุมตัวเองได้อยู่หรอก แต่พอได้ปลดปล่อยไปรอบหนึ่งแล้ว ความยับยั้งชั่งใจมันก็เหมือนจะถูกปลดปล่อยตามไปด้วยเสียอย่างนั้น ร่างกายของปุ่นยอดเยี่ยมมาก หอมหวานจนเขาอดใจไม่ไหว เลยชมชิมอย่างหื่นกระหายไปเสียหลายยก ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะหมดสติเต็มที เขาคงจะต่อจนถึงเช้า ไม่แน่ว่าเช้าวันนี้อาจจะไม่มาเรียนด้วยก็ได้

กฤษณ์เคยคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนเซ็กซ์จัด จริงอยู่ว่าตอนช่วงเข้าสู่วัยรุ่นเขาได้ทำมันอย่างหนักทุกวัน แต่พอเริ่มโตขึ้น การได้ระบายออกสักสองสามครั้งก็ทำให้สบายตัว หมดความร้อนรุ่มไปง่ายๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำเสียหลายครั้งให้เปลืองแรงหรอก …ก็เรื่องแบบนี้น่ะ ตอนอยู่เมืองนอกเขาทำมาจนเกินพอดีแล้ว แต่ก็ใช่ว่าตอนนี้จะเป็นคนที่เบื่อเรื่องเซ็กซ์หรือตายด้านอะไร

เฮ้อ… ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าตัวเล็กนั่นแหละที่ทำให้เขาเกิดอาการ ‘เซ็กซ์จัด’ แบบนั้นได้ ใครใช้ให้เซ็กซี่ขนาดนั้นกันเล่า! ทั้งเสียงคราง ลมหายใจ ริมฝีปาก หัวนม ยอดน้อยๆ ที่ชูชัน และตรงนั้นที่โอบรัดเขาแน่น …ทุกสัดส่วนมันเย้ายวนชวนมอง ชวนให้ลุ่มหลงไปหมด

น้องปุ่น… น้องปุ่น… น้องปุ่น… ในหัวมีแต่น้องปุ่นเต็มไปหมดเลย

อา… พอนึกถึงเรื่องเมื่อวาน บริเวณท้องน้อยก็ราวกับมีไฟสุมขึ้นมา

เหวอ! ไม่เอาสิ อย่าไปนึกถึง นี่มันเวลาเรียนนะ!

แต่… ถ้ากลับไปแล้วได้จัดอีกสักยกสองยกก็ดีสิ กฤษณ์นั่งถูจมูกตัวเองไปมา เช้านี้ไม่มีสมาธิกับการเรียนเอาเสียเลย เรื่องที่เพื่อนข้างๆ ชวนคุยก็ลอยเข้าหูซ้ายออกหูขวาจนหมด พอจบคาบเรียนจึงรีบเก็บของ กล่าวร่ำลาเพื่อนสนิททั้งสองคนทันที

“กบ เพชร ไปก่อนนะ”

“เออๆ แล้วไม่ไปกินข้าวกินปลาก่อนรึไง” กบถาม

“ไม่กิน วันนี้รีบ แฟนรออยู่บ้านน่ะ ว่าจะแวะร้านยาก่อนด้วย” กฤษณ์ตอบพลางยิ้มเผล่ เมื่อคืนเขาหักโหมไปหน่อย ‘ตรงนั้น’ ของเจ้าตัวเล็กคงจะบอบช้ำไปหมดแล้วแน่ๆ จะต้องซื้อยาไปทาให้สักหน่อย

“แหมๆ เพื่อนกู หลงเด็กจนหัวปักหัวปำเลยนะ” เพชรแซวพลางทำหน้าทะเล้นอย่างมีเสน่ห์สมกับที่เป็นเดือนมหาวิทยาลัย “ว่าแต่ชุดนักศึกษากูน่ะ เอามาคืนด้วย”

“เออ… ลืมไปเลย”

“เอาไปนานกูคิดค่าเช่านะ”

“มึงก็อย่าไปแกล้งมันน่า” กบหันมาปรามเพื่อน

ตอนที่เพื่อนสนิททั้งสามคนกำลังพากันเดินออกจากห้องเรียน ตาน้อยก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า ขวางทางกฤษณ์ไว้ แล้วเงยขึ้นมามองด้วยแววตาเจือเศร้า

“กฤษณ์…” ตาน้อยเรียกเสียงแผ่ว

“ตาน้อยมีธุระอะไรกับไอ้แกริคมันรึเปล่า มันกำลังรีบไปหาแฟน” เพชรถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา แสดงความรังเกียจออกมาบนใบหน้าจนหมด กบเห็นดังนั้นก็รีบดึงเพื่อนขี้ใจร้อนให้ออกมาห่างๆ แต่ยังอยู่ในระยะที่ได้ยินเสียงสนทนาจากคู่รักเก่าได้ชัดเจน

“คือ… ตาน้อยยังรักกฤษณ์อยู่นะ ตาน้อยพยายามตัดใจแล้ว แต่...แต่ตาน้อยทำไม่ได้” พูดไปน้ำตาก็ไหลไป ตาน้อยหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเป็นระยะๆ “ตาน้อยรักกฤษณ์มากจริงๆ ตาน้อยรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เรากลับมารักกันเหมือนเก่า แต่อย่างน้อย ตาน้อยก็อยากให้กฤษณ์เปิดโอกาสให้ตาน้อยได้เป็นเพื่อนสนิท เพื่อนรู้ใจบ้างเถอะนะ ให้ตาน้อยได้เป็นส่วนเล็กๆ ในชีวิตของกฤษณ์ก็พอ” เลดี้บอยตรงหน้าพรั่งพรูคำที่กลั่นกรองอย่างดีออกมายาวเหยียด กฤษณ์ที่เงียบฟังอยู่นานพรูลมหายใจออกเบาๆ แล้วกล่าวว่า

“อย่าดีกว่าครับ เราเป็นแค่เพื่อนร่วมคณะร่วมสถาบันกันก็พอแล้ว”

“แต่ตะ…”

“กฤษณ์มีแฟนแล้วนะ” กฤษณ์บอกเสียงเฉียบขาด แสดงใบหน้าอันขึงขังชวนกดดันให้เห็นจนอีกฝ่ายพูดอะไรไม่ออก

“…” ตาน้อยตกตะลึง แม้แต่น้ำตาที่ไหลเอาๆ เมื่อครู่ก็ยังหยุดไหล

“กฤษณ์ไม่อยากให้คนรักของกฤษณ์ไม่สบายใจ เราอย่ายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยนะ” กฤษณ์บอกทิ้งท้ายก่อนเดินจากตาน้อยไป เพื่อนสนิทสองคนที่แอบฟังอยู่ไม่ไกลร้อง ‘เยส’ เบาๆ ชูนิ้วโป้งให้ด้วยสีหน้าปีติยินดี ในใจคงกำลังคิดว่า ‘ให้มันได้อย่างนี้สิ เพื่อนกู’ อยู่แน่ๆ

กฤษณ์คิดว่า การคบกับตาน้อยนั้นนำมาซึ่งปัญหา แม้จะเป็นแค่เพื่อนก็ตาม อีกทั้งตาน้อยยังเป็นผู้ต้องสงสัยเพียงหนึ่งเดียวในความคิดของเขาเรื่อง ‘วางยาน้องปุ่น’ อีก ใจจริงแล้วเขาอยากจะตัดขาดกับตาน้อยอยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ก็กลัวพูดแรงไปแล้วจะกลายเป็นการทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายเปล่าๆ

แต่วันนี้เขาก็ได้พูดออกไปแล้ว ถึงจะไม่ใช่ถ้อยคำที่รุนแรง อีกทั้งยังมีความหมายเหมือนข้อความเก่าๆ ที่เคยพูดกับอีกฝ่ายมาแล้วก็ตาม แต่ครั้งนี้เขาได้เปลี่ยนน้ำเสียงและท่าทีให้ดูเย็นชาขึ้นกว่าเดิมด้วย หวังว่าตาน้อยคงจะเลิกยุ่งกับเขาอย่างเด็ดขาดเสียที

“ตาน้อยไม่เชื่อหรอกว่ากฤษณ์จะไม่รักตาน้อยแล้ว!” ตาน้อยตะโกนไล่หลัง สังเกตเห็นเพชรชูนิ้วกลางมาให้ก็ไม่พอใจเข้าไปใหญ่ เขายิ่งอารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เช้าแล้วด้วย!

น่าเสียดาย… ตอนนั้นเขาไม่น่าเลิกกับกฤษณ์เลยจริงๆ หลังจากคบซ้อนมานานจนมั่นใจว่าคบไฮโซนั้นสุดแสนจะเลิศเลอ มีเงินจับจ่ายใช้สอยเยอะกว่า แถมยังได้เชิดหน้าชูตาในวงสังคม แต่ที่ไหนได้ ไอ้หมอนั่นมันก็แค่ลูกแหง่ติดพ่อดีๆ นี่เอง!

เป็นแฟนกันได้สี่เดือน ฝ่ายนั้นก็ถูกพ่อที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกยึดทั้งรถทั้งบัตรเครดิตข้อหาใช้เงินเปลืองและทำตัวออกนอกลู่นอกทาง เขารึอุตส่าห์แกล้งทำตัวดีให้พ่อฝ่ายนั้นเห็นใจอยู่นานก็มิได้นำพา ถึงจะไม่ชอบใจ แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้เลิกกัน เพราะถ่านไฟเก่ากับกฤษณ์มันไม่ยอมคุสักที!

มีก้างขวางคอชิ้นใหญ่เป็นคุณพ่อแบบนั้น สู้กลับมาต่อกรกับก้างชิ้นเล็กที่เกาะแกะกฤษณ์อยู่ไม่ดีกว่าเหรอ

ที่สำคัญ ไอ้เด็กมัณฑนศิลป์ที่คบกับกฤษณ์คนนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่กฤษณ์ชอบเลยด้วยซ้ำ มันเป็นผู้ชาย! หรือต่อให้เป็นเกย์จริงก็ดูไม่มีจริตจะก้านหรือความอ่อนหวานอะไรเลยสักนิด …ดูท่าแล้วเรื่องเซ็กซ์ก็ไม่น่าจะทำให้กฤษณ์พอใจได้ด้วย กฤษณ์น่ะเป็นหนุ่มหัวนอก ไม่ได้สนใจเรื่องความบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไรหรอก เรื่องนี้เขาเจอมาเองกับตัว

ตอนมีอะไรกันกับกฤษณ์ครั้งแรก เขาแสร้งทำเป็นกลัว ทำตัวไร้เดียงสาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะชอบ แต่ที่ไหนได้ กฤษณ์กลับมองมาด้วยสีหน้าเหมือนยุ่งยากใจ เขาพอเดาความคิดที่ออกมาทางสีหน้าของอีกฝ่ายได้จึงรีบบอกไปว่า ‘ล้อเล่นน่า’ แล้วเป็นฝ่ายโผตัวเข้าไปจูบเริ่มเกมเสียเอง เท่านั้นแหละ… กฤษณ์ก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว เข้ากอดรัดโรมรันอย่างหนักหน่วงทันที

ฮึ! รสนิยมความชอบมันฝืนกันไม่ได้หรอก… คอยดูเหอะ อีกไม่นานกฤษณ์จะต้องกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน! อีกไม่นานหรอก…

แต่การรอกฤษณ์กลับมาตายรังอย่างมั่นอกมั่นใจในครั้งนี้ก็เป็นอันต้องสูญเปล่า ตาน้อยผู้มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ตัวเองจะต้องมาผิดหวังแบบนี้




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 15:09:54 โดย wattana »

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #22 เมื่อ26-07-2018 13:44:06 »

 o13 o13 o13

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #23 เมื่อ26-07-2018 13:44:37 »

12





เมื่อเช้า ปุ่นลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงในสภาพปวดเมื่อยสุดบรรยาย ระบมอ่อนล้าไปหมดทุกสัดส่วน โดยเฉพาะที่เอวและสะโพก ลำพังแค่ขยับตัวน้ำตาก็จะไหลแล้ว บ้าจริง…

จะไม่ให้เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ในเมื่อถูกกระทั้นใส่จนหัวสั่นหัวคลอนอยู่ตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ของเมื่อวาน ยันเกือบรุ่งสางของวันนี้

ออนท็อปบ้าบออะไร?! ออนท็อปไม่ใช่ว่าได้อยู่ข้างบนแล้วกระทุ้งเอาๆ หรอกเหรอ ทำไมเขาถึงได้ถูกกระทุ้งใส่อยู่ฝ่ายเดียวล่ะ น่าเจ็บใจนัก! ออนท็อปนี่มันแปลว่า ‘การถูกกระทุ้งอยู่ข้างบน’ งั้นเองสินะ

พลาดซะแล้วสิเรา ถูกสูบวิญญาณไปจนหมดเรี่ยวแรงเลย

แต่ว่า… ทำไมตอนถูกเสียบเข้ามาในก้นมันถึงได้รู้สึกดีแทบทะลักทลายขนาดนั้นนะ อย่างกับหลุดลอยไปอยู่อีกโลกหนึ่งแน่ะ …มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ตรงก้นนี่มันวิเศษขนาดนี้เลยเหรอ...

ชอบจัง… หือ? ไม่ได้สิ ไอ้พี่กฤษณ์ต้องเป็นเมียเขาไม่ใช่เหรอ แบบนี้มันผิดๆ ๆ!

ย้อนไปเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ ปุ่นได้แต่นอนจ้องเขม็งไปยังกฤษณ์ที่กำลังผิวปาก แต่งตัวอย่างอารมณ์ดีอยู่ตรงกระจกหน้าตู้เสื้อผ้าด้วยความหมั่นไส้

แหม… หน้าตาแช่มชื่นเชียวนะ ไม่ปวดไม่เมื่อยบ้างเลยรึไง

พอขยับตัวจะลุกนั่งกฤษณ์ก็หันมาเรียก ‘น้องปุ่น’ แล้วรีบเดินเข้ามาอังหน้าผากดูว่าตัวร้อนไหมอย่างเป็นห่วงเป็นใย แต่ปุ่นคาดโทษไว้แล้ว จะไม่มีทาง

ใจอ่อนกับการกระทำแค่นี้หรอก

พอบอกไปอย่างขุ่นเคืองว่า ‘พี่กฤษณ์ ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ’ อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ พูดถึงเรื่องกินข้าวอาบน้ำไปนู้น พูดอย่างเดียวยังพอว่า ดันพูดไปจูบหน้าจูบตาเขาไปเสียอีกแน่ะ ให้ตายสิ… เขายิ่งแพ้ทางความอ่อนโยนแบบนี้อยู่ด้วย รู้ตัวไหมว่าทำแบบนี้แล้วตัวเองน่ารักขนาดไหนน่ะ

โธ่… หายโกรธก็ได้

จากนั้นไม่นาน ปุ่นก็เอ่ยปากไล่พ่อคนอ่อนโยนที่เป็นห่วงจนเข้าขั้นเซ้าซี้ให้ไปมหาวิทยาลัยสักที พอพ่อคนอ่อนโยนถูกดุเข้าก็ทำหน้าหงอยเดินจากไปอย่างน่าสงสาร ทำเอาเขารู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ เหมือนกัน

ชิ! ไม่ต้องมาตีหน้าเศร้าเลย ก็พี่นั่นแหละที่ทำให้ผมต้องทำแบบนี้ ไอ้คนใจร้าย

ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้ยินเสียงบิ๊กไบก์ของกฤษณ์ออกตัวที่หน้าบ้าน เจ้าตัวคงจะกินข้าวกินปลาก่อนจึงค่อยไปมหาวิทยาลัย

…ยังง่วงอยู่เลยแฮะ นอนต่ออีกนิดดีกว่า

ปุ่นหาวหวอดใหญ่ ค่อยๆ ขยับตัวลงนอนอย่างลำบากยากเข็ญ หยิบหมอนที่กฤษณ์ให้รองหลังเมื่อก่อนหน้ามาหนุน มือเล็กเอื้อมไปหยิบหมอนอีกใบที่อยู่ข้างๆ มากอด ดมกลิ่นของเจ้าของหมอนที่แทรกซึมอยู่ตามเส้นใยผ้า หมอนใบนี้เป็นใบที่กฤษณ์ใช้หนุนนอนเมื่อคืน หรืออาจจะหนุนอยู่ทุกคืนด้วยก็ได้ ใบที่ปุ่นนอนหนุนอยู่ก็เช่นกัน ยังมีกลิ่นของกฤษณ์ซึ่งตอนนี้ปะปนกับกลิ่นเขาติดอยู่

ปุ่นนอนนึกถึงภาพเหตุการณ์ผิดพลาด น่าอาย …แถมยังรู้สึกดีแล้วก็หลุดยิ้มออกมา แก้มทั้งสองข้างสุกปลั่งแดงระเรื่อ

พี่กฤษณ์… แม่งโคตรแซ่บเลย

เมื่อตอนใช้ท่าออนท็อปปุ่นน้ำตาไหลพราก บดบังม่านตาจนทัศนียภาพพร่าเลือน สติจมอยู่กับความเจ็บหนึบปนเสียวซ่าน ไม่ทันได้มองใบหน้าอันหล่อเหลา

ของกฤษณ์ให้ชัดสักเท่าไร แต่พอถูกจับให้เอนตัวนอนหงาย ทุกอย่างถึงได้แจ่มชัดขึ้นมาในสายตา สีหน้ายามมีอะไรกันของกฤษณ์มันช่างเร้าใจสุดๆ! ทั้งเสียงครางทุ้มต่ำอันแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ ลมหายใจอันหนักหน่วง เหงื่อที่ผุดซึมขึ้นมาตามผิวหนัง และร่างกายที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้องดงาม ปุ่นบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในความทรงจำอย่างหลงใหลพลางคิดว่า นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าความเซ็กซี่แบบลูกผู้ชาย

ขี้โกงนี่นา… มาทำให้ชอบมากขึ้นไปอีก ปุ่นดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดใบหน้าอันร้อนเห่อของตัวเอง

ขณะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียงก็ดังขึ้น ปุ่นขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

ใครมันโทรมาตั้งแต่เช้าวะ

ปุ่นค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นคลานช้าๆ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่กฤษณ์ลืมไว้ เหงื่อเย็นๆ เริ่มชื้นตามหน้าผาก ช่วงเอวและสะโพกระบมอ่อนล้าอย่างหนัก แค่คลานแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ห่างแค่หนึ่งช่วงตัวยังลำบากลำบนได้ถึงขนาดนี้

“เฮ้อ…” คนตัวเล็กถอนหายใจเมื่อเอื้อมมือถึงโทรศัพท์ เขานอนคว่ำคุดคู้อยู่อย่างนั้น ไม่สนใจจะกดรับโทรศัพท์ที่พยายามหยิบมา

ก่อนจะไปบอกว่า ‘ถ้ายังไงก็โทรหาพี่ได้นะครับ’ เสียดิบดี แต่ดันลืมโทรศัพท์ทิ้งไว้บ้านเนี่ยนะ?!

เชื่อเขาเลย… นี่ถ้าเราเกิดมีไข้ตัวร้อน เจ็บปวดเจียนตายขึ้นมาแล้วจะโทรหาใครได้ล่ะ ปุ่นฟึดฟัดในใจโดยลืมคิดถึงพี่ชายแท้ๆ ที่ยังอยู่บ้านข้างๆ ไปเสียสนิท

โทรศัพท์ในมือหยุดส่งเสียงแล้ว แต่เพียงครู่เดียวก็ส่งเสียงเรียกขึ้นมาอีก คนตัวเล็กที่นอนท่าเดียวกับเต่าเงยหน้าจากที่นอนขึ้นมามองจอโทรศัพท์

ทานอย? ... ตาน้อย…

ที่จอโทรศัพท์ปรากฏชื่อ ‘Tanoi’ เป็นสายเรียกเข้า

แฟนเก่าคนสวยของไอ้พี่กฤษณ์! ปุ่นลุกนั่งพรวด ลืมความเจ็บปวดเคล็ดขัดยอกทั้งหมดบนร่างกาย ใบหน้าอิดโรยเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งแทบจะทันที

ไอ้พี่กฤษณ์โว้ย! แฟนเก่าโทรมาโว้ย! ...

ถึงจะตะโกนเรียกในใจไปกฤษณ์ก็คงไม่กลับมา ปุ่นจึงถือวิสาสะรับสายแทนอย่างเดือดดาล

[ฮัลโหลกฤษณ์] เสียงแหลมเล็กหวานจ๋อยพุ่งเข้ามาเสียดหูทันทีที่รับสาย ปุ่นเบ้ปาก ดัดเสียงให้ทุ้มแล้วตอบ ‘อืม…’ กลับไป แต่อันที่จริงตอนนี้เสียงเขาเองก็ค่อนข้างแหบอยู่แล้ว ไม่จำเป็นดัดเลย คงเป็นเพราะเมื่อคืนครางมากไปแน่ๆ

[กฤษณ์ ที่ซอยตาน้อยไม่มีรถตู้ไปมหา’ ลัยเลย กฤษณ์ช่วยเข้ามารับตาน้อยที่หน้าหอหน่อยได้ไหม] น้ำเสียงหวานๆ ฟังดูสิ้นหวังราวกับเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นที่พึ่งสุดท้ายของชีวิต ปุ่นเดาะลิ้นหนึ่งทีก่อนว่า

“ก็นั่งวินไปเองสิ วินแถวซอยก็มีไม่ใช่เหรอไง”

[…นั่นใครน่ะ แล้วกฤษณ์อยู่ไหน]

“พี่กฤษณ์ไปมหา’ ลัยตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ฝากมือถือไว้ที่แฟนสุดเลิฟ เพราะกลัวคนโรคจิตจะโทรมาวอแวแต่เช้าน่ะ พี่เขาขยะแขยง บรื๋อ…”

พูดจบทางปลายสายก็ส่งเสียงร้องแหลมปรี๊ดอย่างไม่พอใจสุดขีดออกมา

ปุ่นรีบกดวางสายแทบไม่ทัน

สมน้ำหน้า ถึงไอ้พี่กฤษณ์จะโง่ แต่แฟนมันไม่ได้โง่นะเว้ย! ปุ่นแลบลิ้นใส่จอโทรศัพท์ ความง่วงงุนเมื่อก่อนหน้าหายวับไปจนหมดสิ้น พอตื่นตัวเต็มที่แล้วก็นึกอยากอาบน้ำขึ้นมา

ร่างเล็กก้าวลงจากเตียงราวกับคนแก่ที่ต้องมีคนคอยประคอง จะก้าวเท้าเดินแต่ละทีก็เจ็บสะท้านช่วงล่างไปหมด เพิ่งรู้ตัวตอนเดินนี่เองว่าขาแทบจะไม่มีแรงเลย

จะลุกก็โอย… จะนั่งก็โอย… ปุ่นพลันนึกถึงบทปลงสงสารที่ย่าชอบฟัง

รู้งี้น่าจะให้ไอ้พี่กฤษณ์มาช่วยอาบ เขาคิดขณะปล่อยให้น้ำจากฝักบัวไหลลงมาชำระล้างร่างกาย ตอนน้ำไหลผ่านร่องสะโพกไป ก็รู้สึกแสบๆ แถวรอยจีบที่บอบช้ำขึ้นมา เมื่อลองเลื่อนมือไปแตะเบาๆ

“ซี้ด…”

แสบ…

ตรงส่วนนั้นของปุ่นมีรอยแผลฉีกขาดเล็กน้อย พอหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่พับอยู่ตรงอ่างล้างหน้ามาซับดูก็พบว่ามีเลือดติดมาด้วย ถึงจะแค่นิดเดียว แต่เห็นแล้วยังอดตกใจไม่ได้

แหกแล้วสิเรา! แง! ...

ปุ่นมั่นใจ นี่เป็นข้อพิสูจน์อย่างดีเลยว่ากฤษณ์ไม่มีสรีระเหมาะสมที่จะเป็นฝ่ายรุกเข้ามา เพราะเจ้าสิ่งที่ใหญ่เกินหน้าตาเกินตานั่นมันทำให้เขาต้องได้แผล!

ปุ่นกัดฟันกรอด หอบสังขารออกมาจากห้องน้ำในสภาพล่อนจ้อน เจอผ้าขนหนูแขวนอยู่ก็หยิบมาใช้แล้วแขวนไว้ที่เดิม ตอนเดินมาถึงหน้าตู้เสื้อผ้าได้ก็กระหยิ่มยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ

เสื้อผ้าแบรนด์เนมของไอ้พี่กฤษณ์ ปุ่นเลื่อนเปิดประตูตู้

วันนี้แหละ เขาจะยึดเสื้อแบรนด์เนมของอีกฝ่ายสักตัว ถือเป็นค่าเรียกขวัญเล็กๆ น้อยๆ เขาจำได้ว่ากฤษณ์ชอบใส่เสื้อยืดสีขาว จึงเลือกหยิบเสื้อยืดคอกลมสีขาวตัวหนึ่งออกมา

เนื้อผ้าบางเบา นิ่มสบาย มีกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม แค่ลองสัมผัสดูก็รู้แล้วว่าของดี ไหนขอดูหน่อยสิว่าแบรนด์อะไร

ห่าน…

ห่านคู่? …

เสื้อยืดที่กฤษณ์ชอบใส่บ่อยๆ คือเสื้อตราห่านคู่ที่หาซื้อได้ตามเซเว่นอีเลฟ-เว่นและห้างสรรพสินค้าทั่วไปนี่เอง ไม่ใช่ของแบรนด์เนมแพงหูฉี่อย่างที่ปุ่นคิดไว้

ทำไมค่าทำขวัญของเขาถึงได้ถูกอย่างนี้นะ?!

ห่านคู่ก็ห่านคู่วะ อย่างน้อยไอ้พี่กฤษณ์มันก็ชอบใส่ ปุ่นสวมเสื้อยืดตัวนั้นอย่างเซ็งๆ เสื้อที่ขนาดพอดีตัวยามกฤษณ์สวมใส่ พอมาอยู่บนตัวเขาแล้วหลวมโคร่งเคร่งเหมือนกับเด็กประถมที่เอาเสื้อพ่อมาใส่ ขับเน้นรูปร่างของเขาให้ดูเล็กลงไปอีก

นี่เขาสูงตั้ง 167 เซนติเมตรเชียวนะ!

ไอ้พี่กฤษณ์แม่งสูงเท่าไหร่กันวะ

คงเพราะพี่มันหุ่นดีละนะ ใส่อะไรแม่งก็ดูเท่ไปหมด ปุ่นเดาะลิ้น นึกอิจฉาอีกฝ่ายอยู่ในใจ และยิ่งทำให้รู้สึกอยากครอบครองเข้าไปอีก

ความรู้สึกของปุ่นตอนนี้ กฤษณ์คือคนที่สมบูรณ์พร้อม… ก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าไปหลงใหลอีกฝ่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ปุ่นถอนหายใจออกมาเบาๆ เดินกะเผลกๆ ไปที่เตียง ค่อยๆ นั่ง แล้วเอนกายลงนอนอย่างเป็นลำดับขั้นตอน ความง่วงงุนเข้ามาจู่โจมอีกครั้ง คนตัวเล็กหลับลึกไปอย่างรวดเร็วเพราะความอ่อนเพลีย รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นเจ้าของห้องนั่งมองอยู่ข้างเตียงแล้ว

กลับมาแล้ว…

ฝ่ามือใหญ่ทาบอยู่ที่หน้าผากของเขา เมื่อเห็นเขาตื่นแล้วก็ถามอย่างห่วงใย

“ตัวอุ่นๆ นะครับ ปวดหัวไหม”

“นิดๆ” ปุ่นตอบเสียงแหบแห้ง รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบายเล็กน้อย ไม่ได้หนักหนาอะไร

“กินข้าวอาบน้ำรึยังครับ”

“ยังไม่ได้กิน แต่อาบแล้ว …พี่กฤษณ์ เลือดผมออก”

“หา? ตรงไหน?! ตรงไหนครับ” กฤษณ์โพล่งถามออกมาเสียงดังด้วยความเป็นห่วง กวาดสายตามองไปทั่วตัวปุ่นซ้ำไปซ้ำมาราวกับจะหาเลือดที่ปุ่นพูดถึง

“ก็ตรงก้นไงละ!” ปุ่นทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ ยังมีหน้ามาถามอีกนะว่าตรงไหน ก็ตรงที่ถูกทารุณกรรมอยู่ทั้งคืนไงเล่า!

“อา… พี่ขอดูแผลหน่อยสิครับ”

“ไม่เอา… อาย…” ปุ่นหน้าแดงซ่าน รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอย่างเหนียมอาย ถึงเมื่อคืนจะดึ๊บๆ กันไปแล้ว แต่เขาก็ยังมียางอายอยู่เยอะเลยนะ!

“พี่ซื้อยาทามาให้ครับ เดี๋ยวพี่ทาให้นะ จะได้หายเจ็บไวๆ” กฤษณ์พูดตะล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เดี๋ยวทาเองได้”

“อย่าดื้อสิ เดี๋ยวพี่ก็จับล็อกแขนทาให้เลย อาจจะเจ็บกว่าเดิมก็ได้นะครับ” คราวนี้อีกฝ่ายขู่เสียงนุ่ม คนที่ทำท่าเหนียมอายอยู่เมื่อครู่จึงเปลี่ยนมาถลึงตาใส่อย่างอาฆาตมาดร้ายทันที

“ไอ้พี่กฤษณ์!”

“พี่จะทาเบาๆ …นะครับ พี่ไม่แกล้งหรอก ให้พี่ดูแผลหน่อยเถอะครับ” กฤษณ์ทำหน้าทำตาออดอ้อน ใจปุ่นแทบอ่อนในทันที พักหลังๆ มานี่ เขามักเห็นคนตัวเขื่องคนนี้ทำอะไรก็ดูน่ารักน่าชังไปเสียหมด รู้สึกแพ้ทางชะมัดเลยน้า…

“เบาๆ นะ” ปุ่นบอก ค่อยๆ พลิกตัวนอนคว่ำแล้วฝังหน้าลงกับหมอนเพื่อข่มความอาย กฤษณ์ดึงผ้าห่มลงไปถึงช่วงข้อพับ เผยให้เห็นก้นกลมๆ เล็กๆ ทันทีเพราะเสื้อตัวใหญ่ที่เจ้าตัวใส่อยู่นั้นเลิกขึ้นไปกองตรงเอวจนหมด ไม่เหลือไว้ปิดบังส่วนสะโพกเลย

“เมื่อวานไม่ทันได้สังเกต ผดที่ก้นของน้องปุ่นเพิ่มมาตั้งสามเม็ดแน่ะ ไว้คราวหน้าพี่จะซื้อยากับแป้งเด็กมาทาให้นะครับ” กฤษณ์บอกพลางลูบรอยผื่นแดงที่แก้มก้นข้างขวา ก่อนใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งแหวกดูจุดที่ซ่อนเร้นอยู่

บริเวณรอยหยักส่วนบนดูบวมช้ำมากกว่าส่วนอื่นๆ กฤษณ์หยิบตลับยาที่เพิ่งซื้อมาจากร้านยาตอนกลับจากมหาวิทยาลัยมาเปิดฝา ควักเนื้อยาออกมาอย่างไม่เสียดาย ในใจก่นด่าตัวเองไปด้วย โทษตัวเองที่สะเพร่าตอนเช็ดตัว ไม่สังเกตให้ดีๆ ว่าเจ้าตัวเล็กมีแผล โทษตัวเองที่มีเซ็กซ์อย่างไม่บันยะบันยังทั้งที่เป็นครั้งแรกของเจ้าตัวเล็กแท้ๆ

ถ้าร่างกายของปุ่นไม่ยืดหยุ่นตอนรับได้ดีแบบนั้น แผลอาจจะฉีกขาดมากกว่านี้ก็ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโกรธตัวเอง

นิ้วยาวป้ายเนื้อยาลงบนกลีบที่บอบช้ำ ร่างเล็กสะดุ้งจนก้นกระดก

“ซี้ด… แสบอะ”

“ใกล้เสร็จแล้วครับ” นิ้วลูบวนเนื้อยาไปรอบๆ อย่างแผ่วเบา ร่างเล็กสั่นสะท้านเล็กน้อยเพราะความแสบปนเสียว ครางออกมาอย่างห้ามไม่ไหว

“อา… เสร็จยัง”

“ใกล้เสร็จแล้วครับ เก่งมาก” กฤษณ์ชมพร้อมเก็บตลับยาใส่กระเป๋า ก่อนจะหยิบแผ่นปลาสเตอร์บรรเทาปวดออกมา ปุ่นได้กลิ่นหอมเย็นๆ จากปลาสเตอร์จึงถาม

“หอม แผ่นยาบรรเทาปวดเหรอ”

“ใช่ครับ เดี๋ยวพี่แปะให้นะ” ปลาสเตอร์ยาแผ่นใหญ่สองแผ่นถูกแปะลงที่บริเวณเนินสะโพกทั้งสองข้าง “เสร็จแล้วครับ” กฤษณ์บอก ปุ่นเปลี่ยนมานอนตะแคง จ้องหน้ากฤษณ์เขม็ง สองแก้มยังคงแดงระเรื่อ

“เจ็บ” ปุ่นบอก ตอนนั้นเองที่กฤษณ์เหลือบไปเห็นรอยช้ำบนหัวเข่าทั้งสองข้าง

“ทำไมหัวเข่าช้ำ ไปทำอะไรมาครับ” กฤษณ์ถาม

“ล้ม”

“ซุ่มซ่ามจังครับ”

ก็เพราะใครกันเล่า! ปุ่นคิดในใจ ไม่ใช่เพราะหนีจากตอร์ปิโดของอีกฝ่ายเมื่อวานซืนเหรอไง เขาถึงได้รีบร้อนจนสะดุดล้ม

“มันเจ็บจริงๆ นะ ที่ตูดน่ะ”

“พี่ขอโทษครับ เจ็บมากไหม” มือใหญ่ทั้งลูบทั้งสางผมที่ยุ่งเหยิงให้อย่างรักใคร่ โธ่เอ๊ย… เพียงเท่านี้ใจของปุ่นก็สั่นระรัวเสียแล้ว

“มาก” ความจริงก็เจ็บแค่นิดๆ ละนะ ปวดเอวมากกว่าอีก “ทีหลังไม่ทำแล้วนะ สลับกันบ้างสิ”

“สลับ?” กฤษณ์ทำหน้าแปลกใจ

“ก็มันเจ็บนี่นา” …ถึงจะรู้สึกดี (มาก) ก็เถอะ “พี่กฤษณ์ชอบให้ผมเจ็บตัวเหรอ” ปุ่นถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เว้าวอนอย่างน่าสงสาร

“ไว้ทำบ่อยๆ เข้าก็ไม่เจ็บแล้วครับ”

“หา? พี่กฤษณ์ไม่สงสารผมบ้างเหรอ” ปุ่นทำหน้าเหยเกเหมือนจะร้องไห้ พยายามอย่างยิ่งที่จะบีบเค้นน้ำตาให้ออกมา ไอ้น้ำตาบ้านี่ แค่ออกมาคลอเบ้าหน่อยก็ยังดี ทำไมมันถึงยากเย็นอย่างนี้นะ?!

“พอชินก็ไม่เจ็บแล้วครับ”

“ไม่ชินหรอก ไอ้นั้นของพี่มันใหญ่เกินไป”

“ขะ…ของพี่ขนาดมาตรฐานครับ” กฤษณ์ปฏิเสธ หน้าและใบหูแดงวาบกับคำกล่าวหาที่เป็นจริง

“ไม่เอาด้วยหรอก ผมไม่อยากโดนกดแล้วนี่!”

“กดอะไรกันครับ สมยอมต่างหาก ออนท็อปอีกด้วย”

“ผมหมายถึง… ก็ผมอยากให้พี่เป็นของผมแบบเต็มตัว ผมอยากเป็นผัวพี่กฤษณ์อะ” คนตัวเล็กน้ำตาเอ่อคลอ เยส! ในที่สุดก็บีบน้ำตาออกมาได้สักที กฤษณ์เลิกคิ้วขึ้นสูง เบิกตากว้าง ก่อนหัวเราะออกมา

“พี่เป็นของปุ่นไปตั้งนานแล้วครับ ทั้งตัวและหัวใจของพี่เลยด้วย” กฤษณ์บอก มือใหญ่กุมมือเล็กขึ้นมาแนบที่อกกว้าง สัมผัสจังหวะการเต้นของหัวใจ “ถ้าน้องปุ่นอยากเป็นผัว พี่ก็จะเป็นเมีย ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยว่าจะอยู่บนหรืออยู่ล่าง”

“พี่กฤษณ์…”

“ตอนนี้พี่เป็นเมียน้องปุ่นเต็มตัวแล้วนะครับ”

คนตัวเล็กที่นอนอยู่ตาเป็นประกาย ดีใจอย่างสุดซึ้ง ซาบซึ้งใจจนถึงขีดสุด

พี่กฤษณ์ยอมเป็นเมียเราแล้ว

ความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีความเป็นชายอันน้อยนิดที่เคยถูกทำลายไปกลับมาเพิ่มพูนจนล้นปรี่

“พี่กฤษณ์น่ารักที่สุดในโลกเลย!” ปุ่นลุกพรวดขึ้นมากอดคอกฤษณ์ไม่ปล่อย ความเจ็บปวดอะไรก็หลงลืมไปจนหมดสิ้น

“น้องปุ่นของพี่ก็น่ารักครับ”

“ปะ! กินข้าวกัน หิวแล้ว” มือเล็กตบลงบนบ่าของกฤษณ์ดัง ‘ป้าบ!’ คนเป็น ‘สามี’ ลุกลงจากเตียง เดินส่ายอาดๆ ออกจากห้องไปอย่างห้าวหาญ กฤษณ์อมยิ้มจนแก้มปริก่อนเดินตามไป

“อ้อนี่ พี่กฤษณ์ เมื่อเช้าลืมโทรศัพท์ไว้ใช่ไหม” ปุ่นเหลียวหลังมาถามตอนกำลังเดินลงบันได กฤษณ์เห็นคนตัวเล็กมีสีหน้าบึ้งตึง แถมยังเดินไม่ค่อยสะดวกนักจึงรีบเข้ามาช่วยประคอง

“เหรอครับ” ว่าแล้วก็หัวเราะ ‘แหะๆ’ “พี่จำได้แต่ว่าลืมตากผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดตัวให้น้องปุ่นไว้ในห้องน้ำน่ะครับ”

“แฟนเก่าพี่โทรมาน่ะ” ปุ่นบอกเสียงเรียบ พยายามไม่แสดงออกว่ากำลังไม่พอใจ ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังหึง คนอย่างไอ้ปุ่นกำลังหึง! เสียหน้าชะมัด!

…ความจริงแล้วปุ่นไม่เคยรู้ตัวเลยว่า ตัวเองนั้นเป็นคนขี้หึงเพียงใด ช่วยไม่ได้ ก็ในเมื่อเขาไม่เคยมีแฟนมาก่อนนี่นา

กฤษณ์ประคองร่างเล็กมาที่ครัว เลื่อนเก้าอี้ออกมาให้นั่ง ตอนนั่งปุ่นร้อง ‘โอย…’ ออกมาเบาๆ ด้วยความระบม

“น้องปุ่นหน้าบึ้งด้วย เป็นแบบนี้เพราะหึงพี่ใช่ไหมครับ” กฤษณ์ถามพลางยิ้มกริ่ม

“ใครบอก!” ปุ่นปฏิเสธเสียงสูงทันควัน “เจ็บตูดต่างหากละ หน้าเลยบึ้ง”

กฤษณ์หัวเราะร่วนพลางบอก ‘ครับๆ’ หน้าที่งออยู่แล้วของปุ่นก็เลยยิ่งงอง้ำเข้าไปอีก

“ขำนักรึไง”

“ก็น้องปุ่นทำตัวน่ารักนี่ครับ”

“แล้วทำไมต้องขำด้วยล่ะ”

“โอ๋… อย่างอนสิครับ เดี๋ยวพี่ไปอุ่นข้าวต้มมาให้นะ กินข้าวแล้วจะได้กินยา” กฤษณ์ตัดบทต่อล้อต่อเถียงกับคนตัวเล็กที่กลายร่างเป็นลูกแมวพองขน ขู่ฟ่อๆ เขาเดินไปอุ่นข้าวต้มกุ้งที่เคาน์เตอร์ครัว ทิ้งให้ปุ่นนั่งทำปากอูฐรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว

“ไปเลย ทำหน้าที่ให้สมกับเป็นเมียหน่อย” ปุ่นว่าพลางนึกสงสัย หลังจากได้กันแล้วทำไมตัวเองถึงดูเสียเปรียบแปลกๆ อย่างนี้นะ …แต่ก็อาจจะคิดมากไปก็ได้

บางทีคนเป็นผัวก็ต้องยอมหยวนๆ ให้เมียบ้างแหละเนอะ





ไม่กี่วันหลังจากแผลสมานตัวจนหายดี ปุ่นก็กลับมาทำหน้าที่ ‘สามีที่แสนดี’ บนเตียงจนเสียงแหบแห้ง ผ่านไปเช่นนี้สองสามวัน ร่างกายที่อ่อนไหวไวต่อความรู้สึกเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เริ่มคุ้นชินเหมือนที่กฤษณ์เคยบอกไว้ เมื่อไม่เจ็บแล้ว ความวาบหวามก็ยิ่งทวีคูณ สามารถรับรู้ถึงความเสียวซ่านได้มากขึ้น ปุ่นชักเริ่มติดใจ ที่เคยคิดว่าเสียเปรียบแบบแปลกๆ อะไรนั่นก็โยนทิ้งไป หันมาดื่มด่ำกับความสุขสมตรงหน้าดีกว่า

การกำหนดปริมาณการมีเซ็กซ์คือ หากวันถัดมามีเรียน พวกเขาจะทำกันแบบพอหอมปากหอมคอ แต่หากไม่มีเรียนแล้ว ฝ่าย ‘ภรรยา’ จะทำแบบ ‘จัดเต็ม’ เสียจนฝ่ายสามี ‘ลุกไม่ขึ้น’ เสียทุกทีไป

สุดท้ายแล้ว… ก็เป็นปุ่นนี่เองที่เสียเปรียบแบบแปลกๆ กับเรื่องบนเตียง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 15:15:34 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #24 เมื่อ26-07-2018 13:47:30 »

13

คนมักพูดกันว่า ‘ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ’ ปุ่นก็ไม่ค่อยจะเห็นความแตกต่างสักเท่าไรหรอกว่ามันผ่านไปเร็วหรือช้าประการใด คงเพราะทุกวันนี้มีความสุขดีอยู่แล้วกระมังจึงไม่ได้สนใจคำเปรียบเปรยที่เหมือนความสุขจะจบลงไปได้ง่ายๆ แบบนั้น

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทนได้ผ่านไปแล้ว (เย้!) เมื่อวานเป็นวันสอบวันสุดท้าย ปุ่นนัดเอเชียกับพวกแนนไว้ว่าวันนี้จะไปกินหมูกระทะเพื่อเป็นการฉลองสอบเสร็จกัน แต่จะไปค้างที่ห้องแนนต่อก็ไม่ได้เพราะหมดธุระเรื่องติวหนังสือแล้ว เมื่อคืนเขาเลยต้องอยู่ค้างที่ห้องพักผีสิงของเอเชียหนึ่งคืนด้วยความ

ขื่นขมระคนหวาดกลัว

ไม่รู้ว่าผีที่เคยเห็นเมื่อคืนนั้นจะโผล่มาอีกเมื่อไหร่

คืนนี้พวกเขาฉลองกันแบบเรียบง่ายที่ร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากหอที่เอเชียพักมากนัก นั่งวินมอเตอร์ไซค์ออกไปสิบห้าบาทก็ถึงที่หมายแล้ว พวกเขาเริ่มกินกันตั้งแต่สองทุ่มกว่าๆ จนเกือบสี่ทุ่มจึงพากันแยกย้าย ปุ่นกลับไปที่หอพักกับเอเชีย เก็บกระเป๋าแล้วโทรให้กฤษณ์มารับกลับ

ปุ่นนั่งกอดกระเป๋าใบโตอยู่ตรงบันไดหน้าหอพัก มีเอเชียช่วยนั่งตบยุงเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ

ประมาณ 23.00 นาฬิกา กฤษณ์ขับรถสปอร์ตมาจอดตรงหน้า คนตัวโตลงมาจากรถโดยไม่เอ่ยทักทายอะไร หันไปมองเอเชียด้วยสายตาคมกริบปราดหนึ่ง ก่อนดึงกระเป๋าที่ปุ่นกอดอยู่โยนเข้าไปในรถคันหรูแล้วเข้าไปนั่งรอในรถ ปิดประตูดัง ‘ปัง!’

ปุ่นมองหน้าเอเชียเลิ่กลั่ก เขาบอกลาเพื่อน

“ไว้เจอกันตอนเปิดเทอมนะ” แล้วรีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับด้วยความตกใจผสมงงงวย

พี่กฤษณ์แม่งเป็นบ้าอะไรวะ

ทันทีที่ลงจากรถ ปุ่นก็ถูกคนตัวโตกว่าอุ้มพาดบ่าพาขึ้นห้องไป ปุ่นคิดว่าคงเป็นเพราะช่วงสอบกินเวลาตั้งเกือบหนึ่งอาทิตย์ หลายวันมานี้คงจะอัดอั้นมากภรรยาถึงได้ปรนนิบัติสามีอย่างดุเดือดเช่นนี้

แต่ขอโทษเถอะ! ไอ้ที่โดนคืนนี้น่ะ หากเทียบกับที่ผ่านมาแล้วยังต้องยกกำลังสิบแล้วคูณสองเข้าไปอีก ทำอย่างกับตายอดตายอยากมาสักสิบชาติแน่ะ!





“พี่ไปมหา’ ลัยก่อนนะครับ วันนี้ที่ชมรมจะเลี้ยงส่งรุ่นพี่ปี 4 กัน” กฤษณ์พูดพร้อมจูบเบาๆ ที่แก้มซ้ายขวา

จะไปไหนก็ไปเหอะ ปุ่นคิดในใจ แต่ตอบกลับไปว่า

“ไปดีมาดี” เขาปรือตาขึ้นมาแล้วหลับต่อ ถึงตอนนี้จะไม่เจ็บเวลามีอะไรกันแล้ว แต่ถ้าหักโหมเกินไปแบบเมื่อคืน อาการปวดเมื่อยย่อมตามมาเป็นธรรมดา

เมื่อคืนตอนกำลังเริ่มทำหน้าที่สามีที่แสนดีให้กับภรรยาที่ดูเหมือนจะอดอยากปากแห้งมานาน ฝ่ายภรรยาก็พูดขึ้นมาว่า ‘รู้ตัวไหมครับว่าทำผิด หนีไปเที่ยวกับหนุ่มอื่นต้องถูกลงโทษนะครับ’

ปุ่นเลยเข้าใจว่าเพราะเหตุใดคนรักในวันนี้ถึงได้ดูฉุนเฉียวนัก ที่แท้ก็ลมเพชรหึงนี่เอง เอาเถอะๆ เรื่องนี้เขาก็เป็นฝ่ายผิดเองจริงๆ นั่นแหละ

ง้อสักหน่อยดีกว่า ปุ่นนึกอยู่ประเดี๋ยวหนึ่งก่อนพูดออกมา

‘ถ้าเป็นไปได้ ก็ช่วยทำอย่างอ่อนโยนด้วยนะครับ’ พร้อมชม้ายตามองด้วยสายตาหยาดน้ำผึ้ง

‘ขอปฏิเสธครับ’ นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของกฤษณ์ ก่อนที่ปุ่นจะถูกจู่โจมราวกับเป็นเหยื่อตัวน้อยที่ไร้ทางสู้ …คืนนั้นกฤษณ์กลายร่างเป็นสัตว์ป่าไปโดยสมบูรณ์แบบ ไม่ฟังคำทัดทานอ้อนวอนใดๆ จากเขาเลย

แต่… ก็ถึงใจดีเหมือนกัน

รู้สึกดีเป็นบ้าเลย…

“ตื่นสายจริงๆ นะ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบมาอย่างล้อๆ ปุ่นที่ยังหลับไม่สนิทดีสะดุ้งโหยงทันที

พี่กฤษณ์ยังไม่ไปอีกเหรอ ไม่ใช่!

เสียงนั้นไม่ใช่ของกฤษณ์ ถึงจะฟังดูคล้ายกันมากก็ตาม

“ตื่นรึยังเนี่ย” อีกฝ่ายพึมพำพร้อมยื่นมือมาปัดปอยผมตรงแก้ม ปุ่นค่อยๆ พลิกตัวหันมามองต้นเสียงอย่างหวาดหวั่น ที่เห็นคือชายหนุ่มหน้าตาคมสันที่ไม่รู้จักกำลังยืนอยู่ข้างเตียง

ปุ่นถึงกับพูดไม่ออก จับต้นชนปลายไม่ถูก มองชายหนุ่มคนนั้นส่งยิ้มยั่วเย้ามาให้

รูปลักษณ์แบบชาวยุโรป ผิวสีแทน ผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ นัยน์ตาสีเขียว มีไฝเล็กๆ ที่แก้มซ้าย อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพี่ชาย ดูคุ้นๆ หน้าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

“ฉันเป็นพี่ชายของแกริค ชื่อ ‘อีคอน’ เธอล่ะ” ชายหนุ่มที่ชื่ออีคอนพูดภาษาไทยชัดแจ๋ว แต่หากเทียบกับกฤษณ์แล้วยังฟังดูแปร่งๆ หูอยู่บ้าง “ยินดีที่ได้รู้จัก” อีกฝ่ายยื่นมือมาตรงหน้า

“ฮะ?” ปุ่นรีบลุกขึ้นนั่ง ส่งผลให้ผ้าที่ห่มอยู่ลงมากองที่ตัก เผยผิวนวลเนียนที่ผ่านสงครามรักอันหนักหน่วงเมื่อคืนให้เห็น บริเวณแผ่นอกบางและรอบยอดอกถูกประดับด้วยรอยจูบและรอยฟันนับไม่ถ้วน

ผู้มาเยือนเบนสายตาจากหน้ามามองที่หน้าอกของปุ่นตาไม่กะพริบแล้วอุทาน ‘Wow’ ออกมาด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม ปุ่นหน้าแดงซ่าน รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงคอทันที รู้สึกใจคอไม่ดีชอบกล

“พี่กฤษณ์ไปมหา’ ลัยแล้ว” ปุ่นบอก ที่เห็นว่าหน้าคุ้นๆ นั้นเพราะอีกฝ่ายเป็นพี่ชายของกฤษณ์นั่นเอง แถมยังเป็นดาราฮอลลีวูดที่แสดงนำในหนังที่ปุ่นเคยดูมาแล้วด้วย

“ ‘กฤษณ์’ งั้นรึ น่าสนุกนี่” อีกฝ่ายเก็บมือที่ยื่นมากลับไป ยกยิ้มที่มุมปาก โชยกลิ่นอันตรายออกมารอบตัว หากเปรียบกฤษณ์เหมือนหมาบ้านตัวใหญ่ที่เป็นมิตร ผู้เป็นพี่ก็คงเปรียบเหมือนหมาป่าอันตรายดีๆ นี่เอง

“เอ่อ… ผมชื่อปุ่น” เหมือนเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้แนะนำตัว ปุ่นเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปบ้าง อีกฝ่ายหัวเราะออกมา จับมือเขาเขย่าๆ พลางบอก

“ฉันชื่อ ‘อิฐ’ นะ”

“ครับ พี่กฤษณ์เคยเล่าให้ฟัง” ปุ่นยิ้มแหยๆ ให้ตามมารยาท ทำไมต้องมาเจอกันในสภาพนี้ด้วยนะ ระหว่างที่ยังจับมือกันอยู่ อิฐก็ถือโอกาสนี้โน้มตัวลงมามองหน้า ‘เด็กใหม่ของน้องชาย’ ให้ชัดๆ อีกที

“ฉันก็อยากอยู่เล่นด้วยหรอกด้วยนะ แต่หิวข้าวชะมัดเลย ขอตัวลงไปหาอะไรกินก่อนนะ Baby” พูดจบก็ถือวิสาสะจูบลงมาที่มุมปากของปุ่นอย่างรวดเร็วก่อนรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไป

ก็เข้าใจนะว่าเป็นการทักทายแบบเมืองนอก แต่… พี่กฤษณ์โว้ย! ผัวโดนลวนลาม! ปุ่นตะโกนฟ้องในใจพลางถูมุมปากตัวเองเป็นการใหญ่ ใครบนโลกจะดีใจที่ถูกดาราฮอลลีวูดอย่างอีคอน เกรย์จูบก็ช่าง แต่ไม่ใช่ไอ้ปุ่นคนนี้อย่างแน่นอน!

เมื่อถูกรบกวนการนอนแบบนี้แล้วปุ่นก็ตื่นเต็มตา หมดอารมณ์จะนอนต่อ เขาลุกลงจากเตียง ตรงไปยังห้องน้ำ เปิดฝักบัวรอให้น้ำอุ่นๆ ไหลรดร่างกาย

บนชั้นที่ใช้วางผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายมีของจำพวกสบู่ก้อน สบู่เหลว แชมพู ครีมนวด และผลิตภัณฑ์สำหรับล้างจุดสงวนที่ชาวสีม่วงนิยมใช้วางอยู่ ผลิตภัณฑ์ล้างจุดสงวนขวดสีทองเป็นสูตรอ่อนโยน มีกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ กฤษณ์เป็นคนซื้อมาให้ แต่แน่นอนว่าหลังจากที่ใช้ตรงนั้นซึ่งไม่ใช่อวัยวะเพศมาร่วมรักแล้ว การดูแลย่อมมีมากมายกว่าการใช้สบู่ล้างเพียงผิวเผิน

…ลำบากเนอะว่าไหม เป็นรับนี่มันยากจัง

ตอนแรกๆ ปุ่นก็สงสัย …เพราะเขาเป็นสามีใช่ไหม ถึงต้องทำมาอะไรลำบากลำบนถึงเพียงนี้

ขณะใช้น้ำอุ่นที่ไหลจากฝักบัวล้างฟองออก ในหัวก็หวนนึกถึงครั้งแรกที่อาบน้ำด้วยกัน วันนั้น… หลังจากที่เซ็กซ์จบลงแล้ว เขาถูกกฤษณ์อุ้มเข้ามาในห้องน้ำ ยอมให้อีกฝ่ายอาบน้ำให้อย่างว่าง่ายราวกับแมวเชื่องๆ กฤษณ์หยอกเอินตรงกลีบนุ่มของเขาที่เผยอออกน้อยๆ อย่างเชิญชวน และสอนวิธีการทำความสะอาดตรงส่วนนั้นให้อย่างลามกเป็นที่สุด …สุดท้ายก็เป็นต้องต่อกันอีกยกที่ห้องน้ำ และไปจบอีกรอบที่บนเตียง เขาได้แต่พร่ำบอกว่า ‘ไม่ไหวแล้ว… ไม่มีอะไรจะออกแล้ว…’ อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ทำไปตั้งมากตั้งมายแล้วแท้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับแรงดีไม่มีตกอย่างเหลือเชื่อ

สักวันเขาคงได้ตายคาเตียงแน่ๆ …ตายอย่างสุขสมในอ้อมอกกว้าง…





ตั้งแต่มีความสัมพันธ์ครั้งแรกกันไป ปุ่นก็มาค้างที่บ้านหลังนี้เกือบทุกวัน เขาเอาเสื้อผ้าของตัวเองมาเก็บไว้ตั้งมากมาย แต่เสื้อยืดคอกลมสีขาวของกฤษณ์เป็นตัวที่เขาชอบมากที่สุด

ปุ่นเลือกหยิบเสื้อยืดคอกลมสีขาวที่ชอบมาสวม แต่คงไม่ดีแน่ถ้าให้พี่ชายของอีกฝ่ายมาเห็นในสภาพนี้ เขาจึงค้นกางเกงขาสั้นของตัวเองมาใส่ด้วย แล้วก็รู้สึกว่ายุ่งยากชะมัดเลย... ตอนอยู่กับกฤษณ์เขาใส่แค่เสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงในตัวน้อยก็ได้แท้ๆ ไม่ชอบใจเอาเสียเลย

ตอนเดินลงบันไดมาข้างล่าง ปุ่นเห็นพ่อดาราหนุ่มกำลังนั่งกินข้าวต้มใส่เห็ดหอมอยู่ตรงโซฟา ยิ่งไม่ชอบใจเข้าไปอีก คนตัวเล็กพรูลมหายใจออกจากปากดัง ‘ฟู่…’ อย่างเซ็งจิต

“สวัสดีน้องสะใภ้!” อีกฝ่ายเอ่ยทักทายเสียงใส วางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะตัวเตี้ยตรงหน้า

“น้องเขยต่างหากละ! ยูโน้ว น้องเขย” ปุ่นเดินมาหยุดตรงข้ามกับอีกฝ่าย มีโต๊ะตัวเตี้ยคั่นกลาง เขากอดอก เชิดหน้า มองหนุ่มฝรั่งตัวโตที่นั่งเอกเขนกตรงโซฟาตัวยาวด้วยแววตาหาเรื่องพลางคิดในใจ มาดิๆ

“น้องเขย” อิฐเลิกคิ้ว ทำหน้าฉงน

“ใช่” ปุ่นทำหน้าภูมิใจ แอ่นอกเสียจนเจ็บแปล๊บที่ช่วงหลัง

โอย… ลืมไปว่าเมื่อคืนถูกจัดหนัก

นัยน์ตาของอิฐทอยิ้มอย่างนึกสนุก มองคนตัวเล็กที่พยายามทำตัวกร่าง เหมือนคิดว่าตัวเองตัวใหญ่เสียเต็มประดา

“คุณน้องเขยอยากรู้เรื่องอะไรสนุกๆ เกี่ยวกับภรรยาสมัยอยู่ที่อเมริกาไหมล่ะครับ เดี๋ยวพี่สะใภ้คนนี้จะเล่าให้ฟังเอง”

“อยาก!”

ปุ่นตอบแทบจะทันทีที่อิฐถามจบ ลืมมาดที่อุตส่าห์เก๊กมานาน รีบนั่งลงข้างๆ อีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้น ทำตัวราวกับปลาน้อยแสนซื่อที่ยอมติดเบ็ดง่ายๆ อิฐหัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่ ก่อนเล่าความหลังเก่าให้ฟังอย่างถึงพริกถึงขิง

โอ้ มาย ก๊อด… ไอ้พี่กฤษณ์มันประสบการณ์โชกโชนอย่างที่คิดจริงๆ

เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจนจบแล้วตาของปุ่นก็เป็นประกายวิบวับ เอ่ยขอบคุณพี่สะใภ้แสนดีจากใจจริง

“ข้าน้อยขอบพระคุณท่านพี่มาก!” พร้อมทำมือคารวะแบบหนังจีนกำลังภายในที่เคยดูมา ฝ่ายอิฐก็หัวเราะ ‘ฮ่าๆ ๆ!’ เสียงดังลั่น ทำตัวอย่างกับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ในหนังม้วนเดียวกันกับปุ่น

… ใครจะไปรู้เล่าว่า สองคนนี้จะเคยดูหนังจีนเรื่องเดียวกัน




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 15:20:23 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #25 เมื่อ26-07-2018 13:48:19 »

14





Time flies when you are having fun.15

คนมักพูดกันว่า ‘ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ’ กฤษณ์เพิ่งจะรู้ซึ้งถึงความหมายนั้นไม่นานมานี้นี่เอง

พอถึงช่วงสอบปลายภาค เจ้าตัวเล็กหอบผ้าหอบผ่อนไปนอนค้างที่หอเพื่อนเพื่อติวหนังสือ หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ที่ต้องแยกจากปุ่น ไม่ได้พบหน้า ไม่ได้พูดคุย

ปุ่นบอกไม่อยากติดต่อกันตอนสอบเพราะกลัวจะทำให้เสียสมาธิอ่านหนังสือ

I miss you… เขาคิดถึงอีกฝ่ายอยู่แทบทุกวินาที ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะคิดแบบเดียวกันไหม หรือมีแต่เขาที่คิดถึงจนเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ฝ่ายเดียว

“ไอ้แกริค คืนนี้ไปลอยกระทงด้วยกันปะ กูเหงาว่ะ ไม่มีเพื่อนไป ไอ้กบมันไปกับแฟนแล้วอะ”

“เราก็อยากไปเหมือนกัน แกริคไปด้วยกันนะ ใหม่แม่งทิ้งกันเลยอะ”

เพชรกับชายนี่ที่มาติวหนังสือก่อนสอบที่บ้านของกฤษณ์ชวนพร้อมพูดถึงกบกับใหม่ที่ไปเที่ยวงานลอยกระทงกันตั้งแต่หัวค่ำ ไม่ได้มาร่วมวงติวด้วยกันในคืนนี้

“ไม่ไปหรอก” กฤษณ์ตอบพลางก้มหน้าก้มตาเก็บจานที่เคยใส่แพนเค้กที่บัดนี้เหลือเพียงจานเปล่า แม้แต่เศษแผ่นแป้งก็ไม่เหลือให้เห็น

โดยปกติแล้วกฤษณ์มักจะติวหนังสือกับตาน้อย แต่เพราะตอนนี้เขาตั้งใจตัด

ขาดจากกันแล้ว เพื่อนๆ ในคณะที่สนิทกันดีจึงมาช่วยติวให้ โดยแลกกับแพนเค้กนุ่มๆ ชุ่มน้ำผึ้งหอมๆ ฝีมือของเขาคนละจานทุกวัน …แต่เอาเข้าจริง กลับฟาดกันไปคนละตั้งสามจานต่อวัน แถมพักหลังๆ ยังมาอาศัยกินข้าวฟรีที่บ้านเขาด้วย

เรื่องกฤษณ์เก่งงานบ้านงานครัวนั้นในวงเพื่อนสนิทต่างรู้กันดี

“ทำไมมหา’ ลัยถึงต้องมีสอบพรุ่งนี้ด้วยนะ ไม่รู้รึไงว่าคืนนี้มันมีลอยกระทง ลอยกระทงที่หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!” ชายนี่บ่นกระปอดประแปด เพชรพยักหน้าพลางฮึมฮัมในคอบอก ‘นั่นสิๆ’ อย่างเห็นด้วย

คืนนี้เป็นวันลอยกระทง แต่หลายคณะเลยที่มีสอบพรุ่งนี้เช้า คณะบัญชีกับคณะมัณฑนศิลป์เองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

“น้องปุ่นของมึงยังเช็กอินที่สวนสนุกเลย มึงจะไม่ไปหน่อยเหรอ เผื่อได้เจอกันไง” เพชรพูดพลางยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้กฤษณ์ดู กฤษณ์เห็นเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อวาโย นิลพรรณ โพสต์รูปตัวเองที่ถ่ายคู่กับเพื่อนอีกสี่คนพร้อมติดแท็กชื่อเพื่อน

เช็กอินอยู่ที่สวนสนุกแถวๆ มหาวิทยาลัย “คืนนี้ที่สวนสนุกเปิดให้เล่นโต้รุ่งเลยนะเว้ย ไปกันเถอะ” เพชรเอ่ยสำทับ

กฤษณ์มองรูปถ่ายคนทั้งสี่ที่กอดคอกันยิ้มสดใส หนึ่งในนั้นคือเพื่อนหน้านิ่งท่าทางกวนตีนที่ชื่อเอเชีย ส่วนอีกสามคนนั้นเป็นผู้หญิง หนังตาของเขาเริ่มกระตุกหงึกๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ไปกันเถอะ คืนนี้อยากนอนเร็วๆ อยากเก็บแรงไว้พรุ่งนี้น่ะ” กฤษณ์ยิ้มหวาน แต่ในดวงตามีแววอำมหิตจนเพชรกับชายนี่เห็นแล้วยังต้องเหงื่อตก

กลับมา… พี่จะคิดบัญชีให้ถึงใจเลยคอยดู





วันคิดบัญชีเกิดขึ้นเมื่อคืน เวลาประมาณ 22.30 นาฬิกา ปุ่นโทรให้กฤษณ์ไปรับที่หน้าหอพักแห่งหนึ่ง เป็นหอที่เอเชียพักอยู่นั่นเอง กฤษณ์เคยเข้ามาแล้ว และรู้ดีว่าทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน แต่ให้ตายสิ! มองหน้าตาเฉยเมยของหมอนั่นทีไร เขาเป็นต้องหมั่นไส้และหวาดระแวงขึ้นมาทุกที

ก็น้องปุ่นของเขาน่ารักตั้งขนาดนี้ จะไม่ให้ระแวงได้อย่างไรไหว

หลังจากอุ้มร่างเล็กที่เบาหวิวขึ้นมาบนห้องนอนแล้ว พิธีการลงทัณฑ์ก็เริ่มขึ้น กฤษณ์คิดบัญชีหนี้แค้นเรื่องสามีสุดที่รักหนีไปเที่ยวลอยกระทงไม่บอกกล่าวบวกด้วยเรื่องที่ปล่อยให้เจ้ามังกรทอร์นาโดน้อยต้องเปลี่ยวเหงาอยู่หลายวันแบบทบต้นทบดอก คืนนั้นเขาจงใจทรมานเจ้าตัวเล็กให้ครวญครางออกมาเสียงดังเป็นพิเศษ เขาใช้ยางรัดผมลายน่ารักที่ซื้อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะมัดไว้ตรงโคนส่วนอ่อนไหวของปุ่นจนบวมเป่ง ปุ่นที่ทรมานเพราะไม่สามารถปลดปล่อยได้ส่งเสียงวิงวอน ร้องขอให้ปล่อยสักทีซ้ำไปซ้ำมาอย่างน่าสงสารจนสุดท้ายได้เสร็จแห้ง16 ไปเอง

เมื่อการลงทัณฑ์จบลง ปุ่นทำฮึดฮัดหันหน้าหนีอย่างแง่งอน แต่ก่อนจะพลิกตัวหันหนีไปกลับกระซิบออกมาว่า ‘ถึงใจดีเหมือนกันแฮะ’ เสียอย่างนั้น

แล้วคนหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยตัณหาแรงกล้าอย่างเขาหรือจะทนไหว

‘ไปจำคำพูดนี้มาจากไหนกันครับ’ กฤษณ์ถามก่อนโผขึ้นคร่อมร่างเล็กอีกครั้งอย่างหื่นกระหาย เขาทำอีกหลายครั้งจนรุ่งเช้า และพอตอนสายๆ ก็ต้องไปมหาวิทยาลัยเพื่อเลี้ยงส่งรุ่นพี่ปี 4 ที่ชมรม Rotary ทั้งที่ยังไม่ได้หลับเลยสักงีบ ความเหนื่อยล้าสะสมที่นอนไม่พอมาตลอดช่วงสอบเริ่มออกฤทธิ์ ถึงจะง่วงแทบตายก็โทษใครไม่ได้ในเมื่อคืนนี้เขาหื่นเอง





ตอนกลับบ้านมา กฤษณ์ได้ยินเสียงคนหัวเราะลั่น เสียงนั้นฟังแล้วคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบกับพี่ชายของตัวเองกำลังนั่งหัวเราะราวกับคนบ้า โดยมีเจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังมองด้วยแววตาเลื่อมใส

นี่มันเรื่องบ้าอะไร พี่มาได้ยังไง กฤษณ์สงสัย

“ปุ่นครับ” กฤษณ์เรียก เมื่อเจ้าของชื่อหันมามอง พี่ชายหยุดหัวเราะแล้วจึง

ถาม “พี่อิฐมาที่นี่ทำไม แม่ล่ะ มาด้วยไหม”

“ทำไมถามอะไรใจร้ายอย่างนั้นล่ะ ฉันก็มาเที่ยวน่ะสิ ส่วนแม่กำลังยุ่งๆ อยู่กับร้านใหม่ ไม่ได้มาด้วยหรอก” อิฐหันมาตอบน้องชายก่อนหันกลับไปถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ “ปิดเทอมแล้วใช่ไหมล่ะ พรุ่งนี้ไปเที่ยวทะเลกันไหม ค้างคืนหนึ่ง แต่หาที่พักกันเองนะ”

“อื้อ!” ปุ่นพยักหน้าแรงๆ เป็นคำตอบ ดีอกดีใจจนออกนอกหน้า กฤษณ์เห็นแล้วก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“พรุ่งนี้เหรอครับ” กฤษณ์ถามเสียงแข็ง ความขุ่นเคืองพาดทับอยู่บนใบหน้าเป็นสีดำคล้ำ ในใจทั้งหึงหวงทั้งนึกกลัว ในอกอึดอัดแน่นตื้อจนเหมือนจะหายใจไม่ออก

เขาไม่มีอะไรจะไปสู้กับพี่ชายได้ ไม่เคยสู้ได้เลย พี่ชายที่อยู่ในวัยสามสิบต้นๆ หน้าตาคมเข้มกว่า กล้ามเนื้อเห็นเป็นรูปร่างสวยงามชัดเจนกว่า อีกทั้งยังเป็นดาราดังที่ใครๆ ต่างฝันถึง

ถ้าพี่คิดจะแย่งปุ่นไป… เราคงสู้ไม่ได้อีกตามเคย…

เมื่อก่อนที่ยังอยู่บ้านหลังเดียวกัน อิฐมักจะแกล้งโดยการโปรยเสน่ห์ใส่แฟนของกฤษณ์เสมอ เป็นแบบนี้มาตลอดไม่ว่ากี่คนต่อกี่คน ขอเพียงแค่อิฐเอ่ยปากก็เป็นต้องหลงเสน่ห์ ยอมขึ้นเตียงด้วยง่ายๆ เหมือนกันไปหมด แต่เขาก็ยังหวัง… หวังว่าปุ่นจะต่างไปจากคนเหล่านั้น

“อยากไปเหรอครับ” กฤษณ์ถาม เดินไปที่โซฟาแล้วนั่งแทรกกลางระหว่างอิฐกับปุ่น ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ก่อนจึงต้องขยับออกให้ห่างกันมากกว่าเดิม

“อยากดิ” ปุ่นตอบ

“ก็ดีนะครับ ถือว่าไปเดตกันด้วย” กฤษณ์พูดพลางแสร้งยิ้มอย่างจริงใจกับคนรัก ฝ่ายคนรักที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรยิ้มกว้าง ดวงตาดำขลับนั่นเป็นประกายเจิดจ้าด้วยความดีใจ

“ไปเดต ผมจะได้ไปเดตกับพี่กฤษณ์ ขอบคุณมากนะพี่สะใภ้!” ปุ่นกุมมือใหญ่ของกฤษณ์แน่นพลางกล่าวขอบคุณอิฐทั้งที่ไม่หันไปมองหน้า กฤษณ์ค่อยโล่งใจเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กให้ความสนใจตนเองมากกว่าพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

“จะขอบคุณฉัน แต่เอาแต่จ้องหน้าน้องชายฉันเนี่ยนะ” อิฐบ่นพึมพำ ปุ่นหันไปมอง กล่าวขอบคุณอีกครั้งแล้วถามต่อว่า

“ชวนเพื่อนไปได้รึเปล่าพี่สะใภ้”

พี่สะใภ้? ... กฤษณ์สงสัย ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่

อิฐพยักหน้าพลางตอบ

“ได้ ฉันเหมารถบัสปรับอากาศไว้”

“งั้นชวนกันไปเยอะๆ เลยเนอะ พี่กฤษณ์” ปุ่นอิงซบศีรษะที่ต้นแขนล่ำพลางช้อนตาขึ้นมอง กฤษณ์เจือยิ้มบางพลางตอบ

“OK งั้นเราไปเก็บเสื้อผ้ากันดีกว่าครับ …Don’ t flirt with him. He’ s mine.17” กฤษณ์พูด สองประโยคสุดท้ายที่เป็นภาษาบ้านเกิด เขาหันไปมองพี่ชายด้วยสายตาคมปลาบก่อนจะลุกขึ้น พาปุ่นไปเตรียมเสื้อผ้าสำหรับวันพรุ่งนี้

อิฐอึ้งงันไปชั่วขณะก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

“Finally found someone best.18” เขาพึมพำ มองสองคนที่พากันจูงมือเดินจากไป





“ปุ่นครับ กางเกงตัวนั้นสั้น ห้ามเอาไป” ทุกครั้งที่กางเกงขาสั้นถูกมือเล็กหยิบออกมาจากตู้เสื้อผ้า จะมีเสียงทุ้มๆ นุ่มๆ คอยแหวขัดขึ้นมาเสมอ ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ ‘เจ็ด’ เข้าไปแล้ว “มันสั้นครับ” กฤษณ์พูดสำทับ กางเกงขาสั้นสีเหลืองสะท้อนแสบตาตัวนั้นจึงถูกปุ่นปาไปรวมอยู่กับกองเสื้อผ้าบนเตียงที่คนตัวใหญ่กำลังเลือกอยู่

กฤษณ์มอง มือใหญ่หยิบกางเกงตัวนั้นขึ้นมาแล้วปากลับที่ตู้เสื้อผ้า ไปโดนที่หลังของปุ่น

“อะไรนักวะพี่ ไม่ต้องเอามันไปแล้ว ไม่ต้องใส่ก็ได้มั้ง แก้ผ้าแม่งเลย” ปุ่นที่

ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้ากำลังเดือดปุดๆ บ่นกระปอดกระแปดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก

“นั่นก็ห้ามครับ” กฤษณ์ตอบกลับด้วยท่าทีสบายๆ ระหว่างที่กำลังพับกางเกงยีนส์ขายาวไปด้วย “ว่าแต่น้องปุ่นนี่ไม่ค่อยมีกางเกงยีนส์เลยนะครับ ทำไมมีแต่กางเกงวอร์ม”

“ก็ผมชอบใส่”

“โอเค งั้นเอาตัวนี้ไป” กฤษณ์หยิบกางเกงวอร์มสีดำตัวหนึ่งขึ้นมาจากกองเสื้อผ้า

“ไม่เอามันร้อน จะใส่ตัวนี้” ปุ่นหยิบกางเกงสีน้ำตาลตัวหนึ่งขึ้นมาโชว์ หลังจากเพ่งมองอยู่ชั่วอึดใจ กฤษณ์ก็บอกว่า

“มันสั้น”

“ไม่สั้น พ้นเข่าขึ้นมาแค่นิดเดียวเอง” ปุ่นเถียง

“ดื้อ” กฤษณ์บอกห้วนๆ น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเล็กน้อย

“ใครกันแน่ที่ดื้อ” ปุ่นยังตั้งหน้าตั้งตาเถียงอย่างสนุกปาก กฤษณ์คิดว่าตัวเองทำหน้าจริงจังแล้วนะ ทำไมไม่กลัวเกรงกันบ้างเลย

“ถ้ายังไม่ฟัง พี่จะทำให้ลุกจากเตียงไปเที่ยวไม่ได้เดี๋ยวนี้แหละ” เขาลุกขึ้นไปบีบไหล่ของเจ้าตัวเล็กที่ยืนตัวแข็งทื่อ เหงื่อแตกพลั่กอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า นวดเฟ้นเบาๆ คล้ายให้คลายจากความปวดเมื่อยและกระซิบถาม “ดีไหม”

ปุ่นส่ายหน้าขวับๆ แล้วบอกเสียงอ่อย

“ผมอยากไปเที่ยวทะเลครับ”

กฤษณ์พยักหน้าอย่างพอใจ ย้ายกลับไปนั่งพับเสื้อผ้าบนเตียงตามเดิม จากนั้นจึงเลือกหยิบกางเกงเลสีโอลด์โรสที่ขายาวถึงตาตุ่ม กับเสื้อมัดย้อมหลากสีที่แขนยาวเกือบถึงข้อมือขึ้นมาโชว์แล้วบอกว่า

“อะนี่ พี่เลือกให้ ดูเข้ากับชายหาดดี”

“โห! พี่จะให้ผมใส่แบบนี้ไปทะเลจริงๆ เหรอ?!” ปุ่นเบ้ปาก “มันร้อนนะพี่”

“ไม่ใส่ก็ไม่ต้องไป เลือกเอาครับ ใส่แบบนี้แหละ พี่หวง ไม่อยากให้ใครมองผิวเนียนๆ ของปุ่น อีกอย่าง ผิวจะได้ไม่เสียด้วยไงครับ เอ๋… หรือพี่ต้องทำรอยจูบไว้ตั้งแต่น่องขึ้นไปดีนะ น้องปุ่นถึงจะได้ยอมใส่กางเกงขายาวสักที” กฤษณ์พูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์แบบหาได้ยาก

“ก็ได้ แต่พี่ต้องพาผมไปเลี้ยงอาหารทะเลนะ ผมจะกินปูเผา กุ้งเผา หมึกย่าง หอยเชลล์อบชีส หอยนางรมสดเอาแบบสดมากๆ เลยด้วย แล้วก็ปลาราดพริก แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียว แลกกับที่ยอมอบเซาน่า ผมจะกินให้พี่ล้มละลายเลยคอยดู”

ปุ่นต่อรองด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด พูดจบก็แลบลิ้นเล็กๆ ออกมา

“ได้เลยครับ ตัวเล็กแค่นี้ ให้พี่เลี้ยงไปตลอดชีวิตเลยก็ยังได้” กฤษณ์ยิ้มอย่างเอ็นดู

การเลือกเสื้อผ้าไปเที่ยวทะเลจึงจบลงด้วยประการฉะนี้





ตอนสายๆ ของอีกวันหนึ่ง ที่หน้าบ้านของกฤษณ์มีรถบัสปรับอากาศแปดล้อสองชั้นขนาดห้าสิบที่นั่งจอดอยู่ นั่นเป็นรถที่อิฐจองไว้เพื่อใช้ในทริปนี้ แต่ว่า… มันถึงกับต้องใช้รถบัสสองชั้นเลยเหรอ

กฤษณ์เดินสะพายกระเป๋าเป้สีดำออกมาจากบ้านพร้อมกับอิฐ วันนี้เขาถูกอิฐคะยั้นคะยอให้ใส่ชุดแบบเดียวกัน เริ่มด้วยรองเท้าหูหนีบยี่ห้อยอดฮิตอย่างช้างดาว กางเกงสีน้ำตาลอ่อนขาสั้นประมาณเข่า เสื้อเชิ้ตสีเหลืองประดับด้วยลายดอกสีส้มสดใส แว่นกันแดดฉาบปรอทสีออกเขียว และปิดท้ายด้วยหมวกสานปีกกว้าง

…แต่งตัวอย่างกับจะไปเล่นน้ำสงกรานต์ กฤษณ์ไม่เข้าใจ ทำไมทุกครั้งที่ไปทะเลพี่ชายต้องใส่เสื้อลายดอกด้วย

“น้องปุ่น” กฤษณ์เรียก เห็นปุ่นที่ใส่เสื้อผ้าที่ตนเองเลือกให้เมื่อวานยืนนิ่ง หน้างอง้ำเป็นม้าหมากรุกอยู่ข้างๆ เอเชียก็พอเข้าใจ

ที่หน้าบ้านของกฤษณ์มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญปรากฏตัวอยู่

เพราะอิฐบอกว่าจะเดินทางโดยใช้รถบัสปรับอากาศ และเพราะรถบัสนั้นมีหลายที่นั่ง จะไปกันแค่สามคนแล้วเว้นที่นั่งให้ว่างไว้มากมายก็คงวังเวงชอบกล เขากับปุ่นจึงได้ชวนคนอื่นๆ มาด้วยอีกหลายคน ปุ่นชวนจีน เอเชีย เซีย แนน ริน และพลอย ส่วนกฤษณ์ชวนกบ เพชร โย ชายนี่ ปีใหม่ และใบตอง ถ้ารวมอิฐ คนขับ และผู้ช่วยคนขับด้วยทั้งหมดก็สิบเจ็ดคน

แล้วคนที่สิบแปดที่ยืนหน้าสลอนอยู่นี่ล่ะ ใครเป็นคนชวน

ใครชวนตาน้อยมาล่ะเนี่ย

เพราะเหตุนี้เอง ปุ่นถึงได้มีสีหน้าไม่พอใจสุดฤทธิ์ และทันทีที่กฤษณ์เรียก เจ้าตัวเล็กก็หันมามองหน้าเขาด้วยสายตาคมกริบจนคนถูกมองเสียวสันหลังวาบ กฤษณ์ยิ้มแหยพลางส่งสายตาทำนองว่า ‘พี่ไม่รู้เรื่องนะครับ’ กลับไปแต่ปุ่นไม่เข้าใจ

“กฤษณ์” ตาน้อยเรียกพลางเดินเข้ามาหา สีหน้าประดับรอยยิ้มหวานเชื่อม กฤษณ์หันไปมอง ยังไม่จะได้ถามไถ่ว่าใครเป็นคนชวนมาปุ่นก็ปรี่เข้ามาเกาะที่แขนอย่างว่องไว เกาะอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งขึ้นรถไปแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังกอดแน่นเข้าไปอีกตอนที่เห็นตาน้อยมานั่งตรงเบาะหน้า กฤษณ์นี้ยิ้มร่าเลยที่ถูกหึงอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้

พอรถขับมาได้ราวครึ่งชั่วโมง ตาน้อยก็ลุกขึ้น เดินเซแล้วล้มมานั่งที่ตัก

ของกฤษณ์เข้าอย่างพอดิบพอดี ทันทีที่ตาน้อยกล่าวขอโทษ ปุ่นก็พูดออกมาว่า

“พี่กฤษณ์ ทำไมไม่เอาที่เท้าแขนลงมากั้นไว้ล่ะ มาเปลี่ยนที่นั่งกันเดี๋ยวนี้เลยนะ พี่มานั่งตรงหน้าต่างนี่มา”

กฤษณ์เลยได้นั่งข้างหน้าต่างไปตลอดการเดินทาง ตัวปุ่นก็เล็กแค่นี้ แต่กลับนั่งกินที่เบียดเข้ามาจนเขาแทบหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวไปกับหน้าต่าง และพอหันมาอีกที คนข้างๆ ก็หึงจนหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว

อย่างกับเด็กแน่ะ กฤษณ์ยิ้มพลางเช็ดน้ำลายที่มุมปากของปุ่นให้

เวลาถูกปุ่นหึงทีไร มักจะดีใจจนเนื้อเต้นทุกที เขาชักไม่มั่นใจแล้วว่าตัวเองยังปกติดีหรือเปล่า ไม่แน่…อาจจะเป็นโรคจิตอ่อนๆ ไปแล้วก็ได้



-------------------------------------------------

15 Time flies when you are having fun. ในที่นี้หมายถึง ช่วงเวลาแห่งความสุขมันผ่านไปเร็วเสมอ

16 เสร็จแห้ง ในที่นี้หมายถึง การถึงจุดสุดยอดโดยไม่หลั่ง (Dry orgasm)

17 Don’ t flirt with him. He’ s mine. ในที่นี้แปลว่า อย่าจีบเขาเชียวนะ เขาเป็นของผม

18 Finally found someone best. ในที่แปลว่า ในที่สุดก็เจอคนดีๆ สักทีนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 15:22:58 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #26 เมื่อ26-07-2018 13:48:59 »

15





นั่งรถประมาณสองชั่วโมงครึ่งก็ถึงที่หมาย ทะเลสีฟ้าครามทอดยาว เกลียวคลื่นสะท้อนแสงแดดส่องประกายระยิบระยับ ปุ่นยืนมองจนตาพร่า

หลังจากคนขับหาที่จอดรถได้แล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปหาที่พักค้างแรม โดยก่อนแยกย้าย อิฐซึ่งเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเรื่องยานพาหนะการเดินทางครั้งนี้ก็ได้บอกนัดทุกคนให้มารวมตัวกันที่หน้าโรงแรมแพรวพราวในวันพรุ่งนี้เวลา 08.00 นาฬิกาเพื่อเดินทางกลับ ส่วนวันนี้ใครใคร่ทำอะไรหรืออยากไปไหนก็เชิญตามอัธยาศัย

ปุ่นและกฤษณ์เข้าพักที่โรงแรมดาวดาษซึ่งอยู่ข้างๆ โรงแรมแพรวพราว เนื่องด้วยกฤษณ์บอกว่าไม่อยากพักโรงแรมเดียวกับพี่ชาย ปุ่นไม่ได้สนใจอะไรในส่วนนั้น แค่คิดว่ากฤษณ์นี่หึงเขากับพี่ชายตัวเองน่าดูเลย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำเรื่องอะไรให้น่าหึงเลยแท้ๆ

“จะเล่นน้ำหรือไปหาอะไรกินกันก่อนดีครับ” กฤษณ์ถาม

“ไปกินก่อนดีกว่า” ปุ่นตอบพลางลูบท้องป้อยๆ “เมื่อเช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยด้วย”

กฤษณ์จึงพาปุ่นเดินมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนชายหาดไม่ไกลจากที่พักมากนัก พวกเขาเลือกโต๊ะริมสุดที่สามารถมองออกไปแล้วเห็นทิวทัศน์สีฟ้าครามได้ชัดเจน

“ที่นี่จะอร่อยไหมอะ” ปุ่นกระซิบถามคนตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนมองไปรอบๆ ร้านด้วยสายตาเคลือบแคลง ร้านค่อนข้างใหญ่ การจัดร้านธรรมดาเหมือนร้านทั่วๆ ไป แต่ที่สำคัญคือแทบไม่มีคนเลย นอกจากโต๊ะของเขาแล้วก็มีลูกค้าอีกแค่สามโต๊ะเท่านั้น

“มองรอบร้านเชียวนะครับ ก็ต้องอร่อยสิครับพี่ถึงได้พามา” กฤษณ์ว่าพลางใช้สองนิ้วคีบจมูกของปุ่นส่ายไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว “ร้านนี้พี่มากับครอบครัวทุกครั้งที่มาเที่ยวที่นี่เลยนะครับ ช่วงกลางคืนโน่นคนถึงจะเยอะกว่านี้”

“ไม่รู้ละ จะกินให้พุงกางเลยคอยดู” ปุ่นแยกเขี้ยวใส่ เมื่อเห็นพนักงานถือสมุดเล่มเล็กกับปากกาเตรียมจดออร์เดอร์เดินเข้ามาถามว่า ‘รับอะไรดีคะ’ ปุ่นก็หยิบสมุดเมนูอาหารเก่าๆ ที่เคลือบมันด้วยแผ่นพลาสติกใสขึ้นมากวาดสายตามองแล้วเจื้อยแจ้วรายการอาหารออกมาราวกับท่องสูตรคูณ

“เอากุ้งเผา ปูเผา หมึกย่าง หอยนางรมสด น้ำจิ้มหอยนางรมขอแซ่บๆ นะครับ …แล้วก็หอยเชลล์อบชีส ต้มจืดสาหร่ายรวมมิตรทะเล …ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ปลาหมึกนึ่งมะนาว แล้วก็…ปูผัดผงกะหรี่ …ลาบปลาแค้ …ปูนิ่มทอดกระเทียมพริกไทย” ทุกครั้งที่หยุดพูดคือกำลังพลิกหน้ากระดาษหาเมนูที่สนใจ

หลังจากพนักงานเดินไปแล้วกฤษณ์จึงได้ถาม

“น้องปุ่น สั่งไปเยอะขนาดนั้นจะกินหมดเหรอครับ นี่ไม่ใช่ว่าคิดจะแกล้งพี่หรอกนะ”

“ผมเปล่านะ นี่หิวจริงๆ พี่กฤษณ์ไม่เชื่อกันเหรอ น้อยใจจัง…” ปุ่นทำหน้าหงอย หันมากะพริบตากลมโตปริบๆ ให้กฤษณ์อย่างคนถูกกล่าวหา กฤษณ์เห็นเข้าก็รีบกล่าวเอาใจ

“เชื่อครับพี่เชื่อ น้องปุ่นอยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่เลยครับ พี่กดเงินมาเยอะ” คนพูดตบกระเป๋ากางเกงปุๆ ได้ยินดังนั้นมุมปากของปุ่นก็พลันยกโค้งขึ้น

ฮึ… มีเมียรวยก็ดียังงี้แหละ

หอยนางรมสดแช่น้ำแข็งคืออย่างแรกที่ถูกเอามาเสิร์ฟ จากนั้นก็ตามด้วยกุ้งเผา ปูผัดผงกะหรี่ ปูนิ่มทอดกระเทียมพริกไทย และอื่นๆ ตามมาอีกเรื่อยๆ ด้วยเวลาอันรวดเร็ว คงเพราะมีลูกค้าน้อยด้วยอาหารถึงได้ทำเสร็จไวเช่นนี้

ปุ่นมองบรรดาอาหารตรงหน้าแล้วก็เหงื่อตก สีหน้าฉายความกังวลออกมาชัดเจน

สั่งไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย กินไม่หมดละเสียดายแย่

“อาหารมาแล้วนะครับ” กฤษณ์เอ่ยขึ้นมา ปุ่นที่อึ้งงันชั่วขณะจึงได้สติ หยิบช้อนขึ้นมาตักหอยนางรมใส่จาน

“น่ากินทุกอย่างเนอะ” ปุ่นยิ้มแห้ง ตักน้ำจิ้ม หอมแดงเจียว และเด็ดยอดกระถินมากินเคียงกับหอยนางรมสดๆ พลันเมื่อได้ลิ้มรส ตาก็โตขึ้นมาทันที “อื้ม! อร่อยอะ” ปุ่นโพล่งออกมา รีบเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงคอเพื่อพูดต่อ “น้ำจิ้มอร่อยมาก แซ่บมาก หอยนางรมก็อวบอ้วน สดสุดๆ หวานฉ่ำ”

ปุ่นชอบกินหอยนางรมตัวอ้วนๆ แบบนี้ที่สุดเลย!

เห็นทำท่าอร่อยขนาดนั้นกฤษณ์ก็อยากลองชิมขึ้นมาบ้าง เขาตักหอยนางรมขึ้นมา ใส่น้ำจิ้ม หอมแดงเจียว และใบกระถินเลียนแบบที่ปุ่นเคยทำ และทันทีที่เข้าปาก

“เผ็ดจังครับ” กฤษณ์รีบยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ แก้มสองข้างอมชมพูนิดๆ ปุ่น

มองแล้วก็อดรู้สึกว่า น่ารักจริงๆ นะเมียคนนี้ ไม่ได้

“น้ำจิ้มเผ็ดมากเลยครับ” กฤษณ์พูดต่อ

“กินน้ำจิ้มกุ้งเผาปูเผาแทนก็ได้ น่าจะเผ็ดน้อยกว่า” ปุ่นบอกพลางตักน้ำจิ้มซีฟู้ดขึ้นมาชิม “อื้ม ถ้วยนี้ไม่ค่อยเผ็ด” แล้วหยิบน้ำจิ้มถ้วยนั้นมาวางตรงหน้ากฤษณ์

“พี่กินหอยนางรมไม่คอยเป็น พี่แกะกุ้งกินดีกว่า เดี๋ยวพี่แกะเปลือกกุ้งให้นะครับ” กฤษณ์บอกพลางหยิบกุ้งเผาสีส้มขึ้นมาแกะเปลือก “พี่ชอบกินมันตรงหัวกุ้งมากเลยละครับ”

ปุ่นพยักหน้าหงึกหงัก

“ผมก็ชอบ พี่กฤษณ์แกะปูด้วยน้า ปูตัวใหญ่น่ากินมากเลย”

“ได้ครับ” กฤษณ์ตอบรับ เทียวแกะกุ้งแกะปูใส่จานปุ่นสลับกับจานตัวไปเป็นระยะๆ จนกุ้งกับปูหมดถาด

บรรดาอาหารบนโต๊ะถูกคนตัวเล็กจัดการไปมากกว่าครึ่ง กฤษณ์เห็นแล้วยังอดทึ่งไม่ได้ เขามองปุ่นที่นั่งมองอาหารที่เหลืออยู่พลางทำปากยื่น ถือช้อนกับส้อมค้าง ทำท่าจะตักจานนู้นทีจานนี้ทีแต่ก็ไม่ได้ตัก

“ถ้าอิ่มก็ไม่ต้องฝืนครับ” กฤษณ์บอก

“ก็มันเสียดายนี่นา ห่อกลับบ้านได้ไหมอะ” ว่าแล้วก็ถอนหายใจดัง ‘เฮ้อ’ อย่างเสียดายเป็นที่สุด

“กินมากเดี๋ยวจุก เล่นน้ำทะเลไม่ได้นะครับ”

“ก็ได้” ปุ่นยอมตัดใจ มองอาหารที่เหลืออยู่ตาละห้อย

ขอโทษนะ เจ้าอาหารที่แสนอร่อยทั้งหลาย มาคราวหน้าฉันสัญญาว่าจะสั่งแต่พอประมาณ ไม่กินทิ้งกินขว้างแบบนี้





“ป้าครับ เช่าห่วงยางราคาเท่าไรครับ” ปุ่นถามแม่ค้าที่นั่งเฝ้าห่วงยางอยู่ใต้ร่มสนามคันใหญ่ พลางชี้ไปที่ห่วงยางขนาดใหญ่

“อันนี้หกสิบบาทจ้ะ” คนขายตอบ

“พี่กฤษณ์เอาไหม หรือจะเล่นด้วยกันดี” ปุ่นหันไปถามฤษณ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ สงสัยวันนี้แฟนของเขาจะเท่จัด สาวๆ ที่เดินผ่านถึงได้เหลียวหลังมองกันนัก

“เอาห่วงเดียวครับ พี่ไม่เล่นหรอก” กฤษณ์ตอบ

“เอาห่วงเดียวครับ” ปุ่นบอกคนขาย หยิบห่วงยางมากลิ้ง แล้ววิ่งตามห่วงยางที่กลิ้งไป กฤษณ์ควักกระเป๋าเงินออกจากกระเป๋ากางเกงมาจ่ายเงินให้แม่ค้า เพราะจ่ายแบงก์ร้อยไปจึงต้องรอเงินทอนอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้เงินทอนแล้วก็รีบวิ่งตามปุ่นไปทันที

“รอด้วยครับ” เขาตะโกนเรียกคนตัวเล็กที่กำลังลากห่วงยางลงน้ำ “อย่าไปเล่นไกลนักนะครับ พี่จะรออยู่ตรงนี้”

“รู้แล้วน่า” ปุ่นว่าพลางลากห่วงยางให้ออกห่างจากหาดทราย กฤษณ์นี่พูดเหมือนเขาเป็นเด็กเล็กๆ ไปได้ เรื่องแค่นี้เขารู้หรอกน่า

ปุ่นเดินไปจนระดับของน้ำสูงถึงอกแล้วจึงเกาะห่วงยาง ปล่อยตัวให้ไหลไปตามกระแสคลื่นอย่างสบายอารมณ์

โธ่… เผลอนึกถึงครั้งสุดท้ายที่มาเที่ยวทะเลจนได้

ครั้งสุดท้ายที่มาทะเลคือเมื่อตอนอายุหกขวบ วันนั้นแดดก็แรงเหมือนอย่างวันนี้ ปุ่นที่ใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวกำลังเกาะห่วงยางโต้คลื่นทะเลตรงน้ำตื้นๆ

อยู่ดีๆ จีนก็เอาถุงพลาสติกใส่น้ำมายัดใส่ในกางเกงในของเขา

‘แมงกะพรุน! ไอ้ปุ่น แมงกะพรุนมุดเข้าไปใน กกน. แล้ว!’ จีนตะโกนลั่น

ปุ่นตกอกตกใจ รีบถอดกางเกงพร้อมกับกางเกงใน วิ่งแก้ผ้าร้องไห้จ้าหมายจะไปหาแม่ที่นั่งกินส้มตำกับพ่ออยู่บนหาดทราย รู้ตัวอีกทีก็ชนเข้ากับเด็กฝรั่งคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนหาดจนล้มคะมำไปแล้ว ตอนนั้นได้แต่บอก ‘ซอร์รี่’ แล้ววิ่งจากไป ไม่รู้เหมือนกันว่าคนคนนั้นได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า

น่าอายชะมัด คิดถึงตอนนั้นขึ้นมาทีไรเป็นต้องรู้สึกอับอายขึ้นมาทุกที ปุ่นหน้าร้อนฉ่า เกาะห่วงยางโต้คลื่นทะเลเงียบๆ

“เฮ้! ปุ่น!”

ได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นหู ปุ่นหันไปมองที่หาดทรายหาตัวคนเรียก เห็นเอเชียยืนโบกมือหย็อยๆ อยู่ข้างๆ อิฐที่กำลังยกขวดน้ำแร่ขึ้นดื่ม และข้างๆ ตัวของอิฐนั้นมีตาน้อยยืนอยู่ด้วย

ปุ่นเบนสายตาไปมองกฤษณ์ที่นั่งทับรองเท้าแตะ เฝ้ารอเขาไม่ไกลจากที่พวกเอเชียยืนอยู่นัก

“มาทำไมตอนนี้” ปุ่นพึมพำ รีบพาตัวเองและห่วงยางที่เกาะอยู่ขึ้นบกโดยมีคลื่นลมทะเลเป็นตัวช่วยส่งให้ถึงที่หมายเร็วขึ้น

คนกำลังเล่นน้ำเพลินๆ เลย

เขาทิ้งห่วงยาง รีบเดินไปหากฤษณ์ที่นั่งยิ้มแฉ่ง มองที่พี่ชายตัวเองที่กำลังคุยกะหนุงกะหนิงกับเอเชีย ตอนที่อิฐก้มไปหอมแก้มเอเชียดัง ‘ฟอด’ ก็หัวเราะ ‘แหะๆ’ ออกมาราวกับคนปัญญาอ่อน คงจะเบาใจที่เห็นว่าเอเชียไม่เป็นศัตรูหัวใจอีกต่อไป

“ขำอะไรอยู่คนเดียว” ปุ่นถามพลางเดินเข้าใกล้ เขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเพื่อนสนิทไปรู้จักกับอิฐได้อย่างไร แต่ตอนนี้ยังไม่สบโอกาสจะถามเพราะต้องคอยระวังแมวขโมยมาคาบปลาย่างตัวใหญ่ไปกิน

แถมไอ้แมวตัวนั้นก็อยู่ใกล้ๆ นี่เอง… ปุ่นหันไปมองตาขวางใส่ตาน้อยปราดหนึ่งก่อนโบกมือให้กับเอเชียที่ยืนกุมแก้ม หน้าแดงอย่างน่าเอ็นดู แหม… เพิ่งรู้ว่ามันก็มีมุมน่ารักๆ แบบนี้ด้วยเหมือนกัน

“พอแล้วเหรอครับ” กฤษณ์ถามพลางยืนขึ้นเมื่อเห็นปุ่นมายืนอยู่ตรงหน้า

“พอแล้วก็ได้” ปุ่นตอบ กอดแขนแข็งแรงของคนรักไว้แน่น ตราบใดที่เขายังอยู่ ตาน้อยนั่นไม่มีโอกาสได้มาแสดงบทบาทตัวอิจฉาหรอก

ผัวคนนี้จะทำหน้าที่พิทักษ์เมียแสนทึ่มทื่อเอง

“กฤษณ์…” ตาน้อยเรียกเสียงหวานจ๋อย เดินบิดร่างอันอ้อนแอ้นของตนเองมาหา ยื่นมือทำท่าจะจับแขนอีกข้างที่ว่างอยู่ของกฤษณ์ แต่ก็ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นทรายเสียก่อน

“โอ๊ย… เจ็บ อะไรมันทิ่มเท้าตาน้อยก็ไม่รู้ กฤษณ์ช่วยที” ตาน้อยพูดเสียงเครือ มองมาที่กฤษณ์ด้วยสายตาเว้าวอน น้ำตาปริ่มขึ้นมาที่ขอบตาอย่างน่าสงสาร

“…” ปุ่นมอง เผลอคลายมือออกจากแขนแกร่ง ตาน้อยสวยจริงๆ ถึงจะไม่ใช่แบบที่เขาชอบก็เถอะ แล้วไอ้น้ำตานั่นอีก มันเรียกมาได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเชียวเหรอ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นไม่ได้นะ อิจฉาว้อย!

“ไหน ขอเราดูหน่อยว่าถูกตำตรงไหน” กฤษณ์รีบนั่งลงอย่างเป็นห่วงปนตกใจ เอื้อมไปจับเท้าเปลือยขาวที่เปื้อนทรายมาปัดเพื่อตรวจดูบาดแผล อิฐกับเอเชียรีบเดินเข้ามาใกล้ๆ เพื่อดูเหตุการณ์

“อ้า! ซี๊ด… กฤษณ์เบาๆ หน่อย…” ตาน้อยสะดุ้ง ครางเสียงกระเส่าเบาๆ ปุ่นที่ยืนกอดอกด้วยอารมณ์ขุ่นมัวสังเกตเห็นใบหูของคนรักแดงระเรื่อขึ้นมาก็เดือดปุดๆ ในใจ

หน็อยแน่! ไอ้พี่กฤษณ์!

“ขอโทษ เจ็บเหรอ เราว่าไปล้างขาดีกว่านะ” กฤษณ์บอกอย่างเป็นห่วง

“ทำไมกฤษณ์ถึงแทนตัวเองว่าเราล่ะ ไม่แทนตัวเองว่ากฤษณ์เหมือนเมื่อก่อนแล้วเหรอ เพราะคุยกับเราแล้วกฤษณ์ไม่สบายใจใช่ไหม” ตาน้อยตีหน้าเศร้า น้ำใสๆ ไหลเผาะๆ ออกจากดวงตาราวกับสั่งได้

“เปล่านะ เรากับตาน้อยก็ยังเป็นเพื่อนร่วมสถาบันกันอยู่ไง”

“ช่างเถอะ เราเข้าใจ แต่กฤษณ์กลับมาพูดหมือนเดิมก็ได้นะ” ตาน้อยยกแขนขึ้นเช็ดน้ำตา “กฤษณ์พาเราไปล้างแผลหน่อยนะ”

“โน้น” ปุ่นพูดแทรกขึ้นมาพลางหันหน้าโบ้ยไปที่ทะเล “น้ำทะเลเยอะแยะ ลงไปสิ ลงไปทั้งตัวเลยนะ” เขาพูดประชดประชัน

“แก!” ตาน้อยโพล่งออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ถลึงตาใส่ปุ่นจนลูกตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า แต่เพียงแวบเดียวก็รีบเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นเศร้าหมอง “น้ำทะเลมันสกปรก ถ้าแผลติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง เราไม่…”

“เอ้านี่น้ำแร่” ปุ่นฉวยขวดน้ำมาจากมือของอิฐแล้วโยนไปที่ข้างๆ ตัวตาน้อยอย่างไร้มารยาท เสียงขวดน้ำที่ตกกระทบกับผืนทรายทำให้อีกฝ่ายตกใจจนหวีดร้อง ‘ว้าย!’ ออกมาเบาๆ พลางผวาตัวเข้ากอดกฤษณ์เอาไว้

“น้องปุ่นครับ” กฤษณ์หันไปปรามคนตัวเล็ก สายตาที่แฝงแววตำหนินั่นทำให้ปุ่นเกิดอาการไม่พอใจ ทำเอาเส้นเลือดแถวขมับเต้นตุบๆ ขึ้นมา

“ก็เวทนา เห็นว่าต้องล้างแผลด้วยน้ำสะอาดก็เลยรีบหามาให้ไง ได้ยินบ่นว่าอะไรนะ เดี๋ยวแผลติดเชื้อแล้วจะกลายเป็นซอมบี้ไล่กินผู้ชายใช่ไหม น่ากลัวจังเนอะ”

“ปุ่น…” กฤษณ์พยายามปรามอีกครั้ง

“รู้น่าว่าชื่อปุ่น เรียกอะไรนักหนา” ปุ่นตอบกลับไปเสียงขุ่น กฤษณ์อ้าปากค้างไปทันใด และถ้าหากไม่ได้คิดไปเองแล้วละก็ เขาเห็นตาน้อยกำลังอมยิ้มอยู่ด้วย

คิดเหรอว่าตัวเองจะชนะน่ะ อ่อนหัด!

“พี่กฤษณ์…” ปุ่นเรียกเสียงหวานเลียนแบบตาน้อย นัยน์ตาใสกระจ่างชม้ายมองไปที่กฤษณ์แล้วกล่าวต่อว่า “ขึ้นห้องกันเถอะ เหนียวตัวอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว” พูดจบก็เดินจากไปช้าๆ หูพยายามฟังเสียงฝีเท้าที่จะตามหลังมาในไม่กี่อึดใจนี้

“น้องปุ่น รอพี่ด้วยครับ”

เป็นดังคาด เมื่อฝากฝังตาน้อยไว้ให้อิฐดูแลแล้วกฤษณ์ก็วิ่งเหยาะๆ ตามหลังปุ่นมาจริงๆ

“ไม่ไปดูคนเจ็บแล้วเหรอ” ปุ่นถามอย่างแง่งอน

“ให้พี่อิฐดูแล้วครับ อีกอย่าง กุญแจห้องอยู่ที่พี่นะครับ”

เรื่องนั้นน่ะรู้อยู่แล้วน่า

“ถ้ากุญแจอยู่ที่ผม พี่ก็คงจะไม่ตามมาสินะ”

“ใครว่าล่ะครับ โธ่… ทำไมแฟนพี่ขี้หึงจังเลย” กฤษณ์ยิ้ม พูดพลางกางแขนซ้ายขึ้นมากอดคอปุ่นเอาไว้

“มันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย พี่รับได้ไหมล่ะ”

“พี่ชอบที่สุดเลยละครับ”

ปุ่นแหงนหน้ามองคนรักยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวที่เรียงตัวสวยแล้วก็พลอยสุขใจ คนของเขา อย่างไรเสียก็เป็นคนของเขา ไม่คิดให้ใครมาแย่งไปได้ง่ายๆ หรอก

ปุ่นเข้าไปในห้องน้ำที่ถูกกั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วน ถอดเสื้อผ้าที่ยังเปียกหมาดๆ กองไว้กับพื้นแล้วเปิดฝักบัว ตอนยื่นศีรษะหาน้ำที่ยังไม่อุ่นดีก็ได้ยินเสียงดัง ‘ปัง’ เขาเหลียวไปมองด้วยความตกใจ เห็นร่างอันใหญ่โตของกฤษณ์ยืนเปลือยท่อนบน ท่อนล่างนุ่งผ้าขนหนูยาวประมาณหัวเข่าอยู่ตรงประตูห้องน้ำ

ลืมล็อกประตูห้องน้ำนั่นเอง…

เพราะที่ห้องนอนมีห้องน้ำส่วนตัว จึงติดนิสัยไม่ชอบล็อกประตูเวลาเข้าห้องน้ำ

ปุ่นกลั้นหายใจ จ้องมองกฤษณ์ปลดผ้าขนหนูที่นุ่งอยู่แขวนไว้บนราวที่ติดกับแผ่นกระเบื้อง

ร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าย่างสามขุมเข้ามา ปุ่นก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวจนแผ่นหลังชนเข้ากับผนังแผ่นกระเบื้องเย็นเฉียบ น้ำอุ่นวาดเส้นโค้งลงมาจากหัวฝักบัว ร่างของกฤษณ์ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าดูใหญ่ล่ำสันกว่าเดิมเมื่ออยู่ในห้องน้ำแคบๆ

“พี่อาบด้วยคนนะครับ” นัยน์ตาสีอ่อนจางจ้องมองมา เรียกอาการสั่นสะท้านจากแผ่นหลังบาง ปุ่นคว้าฝักบัวด้วยมือข้างหนึ่งแล้วฉีดละอองน้ำใส่ไปที่ช่วงล่างของอีกฝ่าย

“นี่แน่ะ ทำไข่ลวกกันพี่กฤษณ์” ปุ่นหัวเราะชอบใจ

“ทะลึ่งน่า” กฤษณ์พูดพลางคว้าฝักบัวมาเสียบไว้ที่เดิม ก่อนหยิบขวดครีมอาบน้ำสีฟ้าขวดเล็กๆ ที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้มาเปิดฝาแล้วเทลงฝ่ามือจนหมดขวด ฝ่ามือเต็มไปด้วยของเหลวลูบไล้บนแผ่นอกของร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า เฉียดผ่านตุ่มไตนุ่มหยุ่นไปมา สบู่เหลวถูกตีเป็นฟอง อีกมือหนึ่งก็โอบเอวบางไว้ ดึงเข้ามาใกล้ไม่ยอมให้ถอยหนี

“อ๊ะ…” ปุ่นส่งเสียงในลำคอ กฤษณ์ลูบไล้ฟองสบู่ไปทั่วคล้ายต้องการทำความสะอาดให้ แต่สัมผัสนั้นออกเชิงลามก ปลุกเร้าให้ส่วนอ่อนไหวกลางลำตัวสั่นระริก

“พี่กฤษณ์… ยังไม่ได้สระผมเลย” ปุ่นทักท้วง กฤษณ์หยิบขวดแชมพูสีเหลืองมาเปิดฝา เทใส่ศีรษะของคนตัวเล็กพรวดเดียวหมดขวด บนศีรษะและเส้นผมของ

ปุ่นมีทรายติดอยู่ กฤษณ์ต้องใช้แชมพูอีกขวดของตัวเองมาสระผมให้อีกรอบจึงจะหมด

“น้องปุ่นทำเสียบรรยากาศหมด” คนตัวโตบ่นอุบขณะใช้ฝักบัวล้างฟองออก นิ้วยาวที่กำลังสางเส้นผมเลื่อนลงลูบไล้ท้ายทอย เรื่อยไปตามแนวกระดูกสันหลัง เนินสะโพก แล้วหยุดหยอกเหย้าตรงรอบจีบ บดขยี้แผ่วเบา ส่งปลายนิ้วผลุบเข้าไปอย่างง่ายดาย เขาก้มหน้าพลางส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ข้างหู

“ตรงนี้นุ่มเชียวนะครับ” พูดจบก็เชยปลายคางเล็กให้ขึ้นมาประกบจูบ นิ้ว

ของกฤษณ์คืบเข้ามาบดขยี้จุดไวสัมผัสภายใน ความหฤหรรษ์แล่นซ่านไปตามไขสันหลังถึงเส้นประสาท วาบวับเข้าในหัวใจ มือเล็กเกาะไหล่ตรงหน้าแน่น เขย่งปลายเท้าหนีนิ้วยาวที่รุกเข้ามา

“ไป… อ้า…ที่เตียง” ปุ่นผละจากจูบ ร้องบอกเสียงกระเส่า

“แต่ตรงนี้เริ่มแข็งขึ้นมาแล้วนะครับ” กฤษณ์บอก มือเกาส่วนอ่อนไหวที่เกือบแข็งตัวเต็มที่แล้วของปุ่นเบาๆ อย่างหยอกเย้า “เอาออกสักครั้งจะสบายตัวกว่านะครับ”

“อื้อ…” ปุ่นครางเมื่อส่วนนั้นถูกหยอกเย้า ตัวสั่นสะท้าน ก้มมองเบื้องล่างอย่างพยายามอดกลั้น เห็นส่วนอ่อนไหวอันแสนซื่อตรงของตัวเองกำลังชูชันเต็มที่ หากส่วนนั้นของกฤษณ์ก็เช่นกัน ตื่นตัวชูชันทั้งที่ไม่ทันได้ทำอะไรทั้งนั้น เห็นแล้วก็ชวนให้ส่วนลึกในร่างกายเต้นตุบๆ ร่ำร้องว่าต้องการสิ่งนั้นเข้ามาเติมเต็ม

นิ้วที่งองุ้มเป็นตะขอควานไปทั่ว ปุ่นเริ่มส่งเสียงครวญครางดังขึ้น เล็บที่ตัดสั้นมนจิกบนเนื้อบ่ากว้าง แค่นิ้วอย่างเดียวยังไม่พอ… อยากได้อันที่ใหญ่ๆ กว่านี้…

“ขอเข้าไปได้ไหมครับ” กฤษณ์ถามเสียงแหบพร่า ลมหายใจอุ่นๆ อุณหภูมิเท่าๆ กับน้ำจากฝักบัวกระทบที่ใบหู ชวนให้ปุ่นปั่นป่วนใจ อยากให้อีกฝ่ายใส่เข้ามาในตัวไวๆ

“ได้…” ปุ่นตอบ นัยน์ตาดำขลับฉ่ำเยิ้มช้อนขึ้นมองใบหน้าคมสัน นิ้วถูกถอนออก ร่างเล็กถูกจับให้หันหน้าไปทางผนังกระเบื้อง มือเล็กเท้ากระเบื้องเพื่อทรงตัวเมื่อขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้น ช่วงอกถูกวงแขนแกร่งโอบกอด กฤษณ์ย่อตัวลง ขยับสะโพกช้าๆ แก่นกายอันใหญ่โตบดเบียดไปมาที่ปากทางเข้า

ได้ยินเสียง ‘ผลุบ’ เบาๆ เมื่อชิ้นส่วนอันใหญ่โตนั้นเสียดแทงเข้ามาในช่องทางที่คุ้นชิน รอยจีบที่ขยายออกอย่างไม่น่าเชื่อกำลังเต้นระริก โอบรัดสิ่งนั้นด้วยความยินดี ที่ยอดอกข้างขวากำลังถูกปลายนิ้วโป้งที่หยาบนิดๆ ทั้งคลึงทั้งเขี่ยจนแข็งเป็นไต

“เจ็บไหม” กฤษณ์ถาม เมื่อปุ่นตอบว่า ‘ไม่เจ็บ’ ก็เริ่มขยับสะโพกเข้าออก ส่วนนูนที่แสนอ่อนไหวภายในถูกเสียดสีไปมา ปุ่นกรีดร้อง ช่วงขาสั่นสะท้านจนแทบหมดแรงยืน เหลือไว้เพียงการพยุงของคนตัวใหญ่ที่ซ้อนหลังอยู่จึงยังทรงตัวไว้ได้

“อะ อ้า… ดี…อื้ม…”

“อา… ยังพอยืนไหวอยู่ไหมครับ”

“อื้อ… ไหว… ไม่เป็นไร”

“จะขยับแรงขึ้นนะครับ”

“อือ…” ปุ่นพยักหน้าจากนั้นก็… “อ้า! พี่กฤษณ์ เบาหน่อย… อือ… ดะ… เดี๋ยวไอ้ที่กินไปเมื่อเพลก็ออกมาหรอก”

ได้ยินเช่นนั้นกฤษณ์ก็หยุดขยับอย่างฉับพลันทันใด เขาถามอย่างเป็นห่วงว่า

“น้องปุ่นปวดเหรอครับ ปวดมากไหม จะต้องกินยารึเปล่า พี่ไม่พกยามาด้วยสิ”

“เปล่า ไม่ได้ปวด แต่เผื่อไว้ก่อน ก็พี่เล่นกระแทกมาซะขนาดนี้นี่”

“ฮึ่ม พี่ก็ตกใจ แต่… ถึงน้องปุ่นจะปวด พี่ก็ไม่รังเกียจหรอกนะครับ” พูดจบก็เริ่มขยับสะโพกอีกครั้ง กระแทกแรงๆ เน้นๆ เพื่อเป็นการลงโทษคนตัวเล็กที่ทำเสียบรรยากาศ

เสียงร้องไม่เป็นภาษาสะท้อนก้องในห้องน้ำ ปะปนกับเสียงเนื้อที่กระทบกันเป็นจังหวะและเสียงเปียกแฉะ ปุ่นกรีดร้อง ครวญครางกับความเสียวซ่านถึงขีดสุด แก่นกายสั่นระริกมีหยาดใสไหลเยิ้มไม่หยุด

“ฮ่า… ปุ่น…. พี่ปล่อยข้างในได้ไหมครับ” กฤษณ์ถามเสียงพร่า ปุ่นพยักหน้าหงึกหงัก การขยับจากข้างหลังจึงเร็วและแรงขึ้น ไม่นานหยาดหยดขาวขุ่นก็พุ่งทะลักออกจากปลายแก่นกายของร่างเล็ก สาดรดบนกระเบื้องลายโลมา

“อา…” กฤษณ์ครางเสียงต่ำ ร่างของปุ่นกระตุกเฮือกเมื่อรู้สึกถึงของเหลวร้อนลวกหลั่งรินอยู่ภายใน กฤษณ์ค่อยๆ ถอนแก่นกายที่ยังขึงขังออกช้าๆ หยาดหยดความปรารถนาไหลเยิ้มออกมาจากช่องทางที่เปิดเผยอน้อยๆ

กฤษณ์ใช้นิ้วล้วงเข้าไปในช่องทางที่ยังไม่คืนรูปเดิมในทันที งอนิ้วควักเอาน้ำเชื้อที่เหลือออกมา ปุ่นครางเสียงเบาเหมือนแมวน้อยขี้อ้อน ข้างในกระตุกตอดราวกับต้องการอีกครั้ง

“อีกครั้งนะครับ” กฤษณ์กระซิบที่ข้างหู

ปุ่นถูกกอดอีกครั้งในห้องน้ำ จากนั้นจึงถูกอุ้มไปที่เตียง

แสงไฟโทนสีเหลืองอมส้มที่เปิดไว้ในห้องสะท้อนผิวพรรณให้ดูนวลตา บรรยากาศที่เปลี่ยนไปสร้างอารมณ์ให้ตื่นตัวได้ไม่น้อย ถึงจะไม่ใช่โรงแรมหรูหราอะไรแต่ห้องหับก็สะอาดสะอ้านเรียบร้อยดี

ขณะกำลังแลกจูบดื่มด่ำกัน โทรศัพท์ของกฤษณ์ที่วางไว้ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งก็ดังขึ้น แต่เจ้าของเครื่องคร้านจะเดินไปรับ จึงปล่อยให้มันดังต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเงียบไปเองในที่สุด




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 15:27:13 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #27 เมื่อ26-07-2018 13:49:39 »

16









เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาได้ตาน้อยก็เขวี้ยงโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงอย่างหัวเสีย

สิบสาย! เขาโทรไปหากฤษณ์ถึงสิบสายแต่ไม่มีคนรับ เมื่อตอนบ่ายที่แกล้งเจ็บเท้ากฤษณ์ก็ไม่ยอมอยู่เฝ้า ทิ้งเขาไปหาไอ้เด็กนั่นต่อหน้าต่อตา

ไอ้สิ่งที่คิดว่าง่ายกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เขาหรืออุตส่าห์มั่นอกมั่นใจว่าอย่างไรกฤษณ์ก็ต้องกลับมาตายรัง แต่หนึ่งวันผ่านไป หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป จวบจนครบเดือนเข้าแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แวว กฤษณ์เมินเฉยต่อเขาราวกับเป็นเพื่อนร่วมคณะธรรมดาๆ ดังที่เคยกล่าวไว้จริงๆ

เขาเหนื่อย กฤษณ์ดูลุ่มหลงเด็กนั่นมากจนไม่มีที่ให้เขาเข้าไปแทรก อยากถอดใจจะแย่แล้ว แต่ถ้าถอดใจตอนนี้แผน ‘เที่ยวทะเลเนรมิตถ่านไฟเก่าให้ลุกโชน’ ที่อีคอนอุตส่าห์เปิดทางให้ก็เป็นอันต้องสูญเปล่า

เขาผิดเองที่ไม่ได้รุกเข้าหากฤษณ์เหมือนอย่างเคยหลังจากที่เจอกับอีคอนแล้ว เขาโง่เองที่ดันคิดว่าตัวเองจะจับดาราหนุ่มมากประสบการณ์อย่างอีคอน เกรย์ได้

ทำไมอีคอนถึงช่วยเขา เขาเองก็เคยคิด แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายแค่ทำตามอำเภอใจไปเท่านั้นเอง

ตาน้อยครุ่นคิด เขาทำต้องให้กฤษณ์กับเด็กนั่นแตกคอกันเสียก่อน กฤษณ์เป็นคนไม่ชอบให้ใครมาทำตัวเป็นเจ้าของ เขาก็ต้องทำให้ปุ่นที่ดูขี้หึงคนนั้นหวาดระแวง ให้หึงจนเดือดดาล ให้อาละวาดออกมา แม้ว่าเขาอาจจะโดนทำร้ายร่างกายบ้างก็ตามที

แต่งานนี้เขายอมเจ็บตัว!

ถึงเวลาต้องใช้ไอ้นั่นแล้วสินะ





เวลา 08.00 นาฬิกา ทุกคนมารวมตัวที่หน้าโรงแรมแพรวพราวตามนัดหมาย รถบัสปรับอากาศสองชั้นคันใหญ่เปิดประตูรอผู้โดยสารขึ้นไปนั่ง เมื่อทุกคนประจำที่กันครบแล้วล้อจึงหมุน รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากโรงแรม ผู้ช่วยคนขับเปิดเพลงแดนซ์มันๆ ที่ชั้นล่าง ตรงตามข้อตกลงที่อิฐตั้งไว้ว่า ‘ถ้าอยากเมา อยากมัน อยากแดนซ์ก็ให้ทำที่ชั้นล่างเท่านั้น ส่วนชั้นบนมีไว้สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการพักผ่อน’

ปุ่นรู้สึกล้าที่ช่วงสะโพกและขาเล็กน้อยจากกิจกรรมโต้รุ่งที่ทำร่วมกันกับคนรัก รถเคลื่อนตัวได้ไม่ถึงสิบนาทีก็อ้าปากหวอ หลับปุ๋ยคาหมอนรองคอที่พกติดตัวมาด้วย

ที่ชั้นล่างกำลังแดนซ์กันอย่างเมามัน จีนและโยที่เมาเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ก่อนใครเพื่อนกำลังปีนโซฟา ถอดเสื้อเหวี่ยงไปมาตามจังหวะเพลง ระหว่างที่เซีย เพชร กบ และใบตองนั่งจิบไวน์ชิลๆ กันที่โซฟา ในห้องเดียวกับที่จีนและโยเมาปลิ้น พวกสาวๆ อย่างใหม่ แนน ริน และพลอยที่อยู่นอกห้องก็กำลังโยกย้ายกันอย่างสุดเหวี่ยง ใครมีท่าเด็ดอะไรก็งัดออกมาโชว์ สะบัดศีรษะไปมาตามจังหวะเพลงจนผมเผ้ายุ่งกระเซิง

ที่ชั้นบน ชายนี่ที่เป็นตุ๊ดรักสงบกำลังนั่งอ่านนิยายประโลมโลก เอเชียนั่งสัปหงกซ้ายทีขวาทีจนอิฐที่นั่งข้างๆ ทนไม่ไหว ช่วยประคองใบหน้าให้ศีรษะอิงมาที่บ่ากว้างของตนเองแล้วหลับตาลงตาม

ปุ่นตื่นขึ้นมาตอนรถจอดเติมน้ำมันที่ปั๊ม เขาชวนกฤษณ์ที่นั่งข้างๆ ลงไปซื้อของกินที่เซเว่นอีเลฟเว่น แต่คลาดกันเพียงเดี๋ยวเดียว ตาน้อยก็มายืนคุยกับกฤษณ์เสียแล้ว

นี่มันเหมือนกับปลาย่างที่มีแมวคอยจ้องตาเป็นมันไม่มีผิด!

“พี่กฤษณ์!” ปุ่นตะโกนเรียก กฤษณ์โบกมือร่ำลาตาน้อยแล้ววิ่งเหยาะๆ เข้ามาหาด้วยสีหน้าแช่มชื่น

“คุยอะไรกัน” ปุ่นถาม

“ไม่มีอะไรครับ เขาแค่มาลา และนี่น้ำตาหยดสุดท้ายของเขา พี่ต้องดื่มให้หมดครับ” กฤษณ์ตอบพลางยกขวดสปาย-มอสคาโต้ โกลด์ให้ดู

“เชื่อตายละ กินไปคนเดียวเถอะ”

หลังจากขึ้นมาบนรถ ความหึงหวงก็พ่ายแพ้ให้กับกิเลส จีนกับอิฐถือขวดไวน์แดงดูมีราคาขึ้นมา ตะโกนเรียกปุ่นเย้วๆ ให้ลงไปแดนซ์กันที่ข้างล่าง ชายนี่กับเอเชียก็ลงกันไปหมดแล้ว เหลือแต่กฤษณ์กับเขาเท่านั้นที่ยังอยู่ชั้นบน

ไวน์ขวดนั้นดูท่าจะรสชาติดี หากได้ชิมสักทีคงจะเป็นบุญลิ้น ปุ่นเลียปากแผล็บก่อนหันไปชวนพลางเขย่าแขนคนข้างๆ ที่นั่งหาวหวอดๆ

“พี่กฤษณ์ ลงไปเต้นข้างล่างกันเถอะ”

“ตามสบายเลยครับ พี่ง่วงมากเลย” กฤษณ์ตอบพลางหาวหวอดใหญ่

“โอเค” ปุ่นไม่รอช้า รับขวดไวน์จากมือพี่สะใภ้แล้วลงไปข้างล่างพร้อมกันทันที

…ใครจะคิดเล่าว่า ขึ้นมาอีกทีปลาย่างจะถูกแมวขโมยกินเสียแล้ว ปุ่นเห็นตาน้อยกำลังขึ้นควบบนตัวกฤษณ์อย่างไร้ยางอาย ครางซี้ดซ้าดเสียงบาดหู

มือเล็กๆ กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนขึ้นมา ทั้งเดือดทั้งร้อนจนแทบกระอักเลือด ปุ่นยืนอยู่มุมนี้เห็นเพียงศีรษะของกฤษณ์และใบหน้าของตาน้อย ไม่รู้เลยว่าแฟนตัวเองนั้นกำลังทำสีหน้าเช่นไร

“กฤษณ์… พอ…พอได้แล้ว… อ๊า…” ตาน้อยครางลั่น ขยับโยกย้ายอยู่บนตักหนา ส่วนใหญ่ขึงสอดแทรกอยู่ในกาย “ไม่นะ… ไม่! อ๊ะ…อา… ตาน้อยก็รักกฤษณ์เหมือนกัน ปล่อยเข้ามาเลย… ปล่อยเข้าเยอะๆ”

ตาน้อยกรีดร้องอย่างรัญจวนเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อแท่งเนื้อในกายกระตุกหงึก ฉีดน้ำเชื้ออุ่นๆ ทิ้งไว้ภายใน เขาแสร้งทำเป็นเพิ่งเงยหน้าขึ้นมาเห็นปุ่นแล้วตกใจ

ลนลานจนแทบทำอะไรไม่ถูก

“แย่แล้ว…” ตาน้อยพูดเสียงดังฟังชัด ก่อนก้มกระซิบกระซาบบางอย่างที่หูของกฤษณ์ ดึงกางเกงของตัวเองที่ถอดร่นไปถึงขาอ่อนให้เข้าที่เข้าทางแล้วลุกกลับไปนั่งที่เดิม

ปุ่นตั้งสมาธิ ควบคุมตัวเอง เดินดุ่มๆ กลับที่นั่ง เหลือบมองนางแพศยาที่แกล้งหลับอยู่ตรงเบาะข้างหน้าที่นั่งของตัวเอง

คิดเหรอว่าแผนตื้นๆ อย่างนี้จะหลอกเขาได้ เขายอมรับแล้วว่าตัวเองขี้หึง แต่ก็ไม่ได้หึงจนหน้ามืดตามัว ไม่คิดวิเคราะห์ว่าอะไรเป็นอะไรนะโว้ย กลับกันคนที่สิ้นคิดน่าจะเป็นอีกฝ่ายที่ทำอะไรโง่ๆ แบบนี้มากกว่า ปุ่นรู้สึกสงสารระบบประสาทในหัวตาน้อยมากๆ

หน็อยแน่… คิดจะใช้แผนแอบเล่นชู้ จงใจให้เราจับได้แบบคาหนังคาเขางั้นรึ ไม่หลงกลหรอกโว้ย! ...

“พี่กฤษณ์” ปุ่นเรียกก่อนนั่งลงที่เบาะข้างๆ มองคนตัวใหญ่ขมวดคิ้ว กัดฟันกรอดๆ เหมือนกำลังฝันร้าย เขาลองตบหน้าซ้ายทีขวาทีจนแก้มคนโดนตบแดงเถือก ศีรษะเอียงไปโขกกับหน้าต่างดัง ‘ปึ้ก!’ แต่กฤษณ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

หลับจริง หลับเหมือนหมีควายถูกยิงยาสลบเลย ปุ่นลูบมือที่ใช้ตบหน้าแฟนตัวเองจนเจ็บป้อยๆ

“ปุ่น…” คนหลับละเมอออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

“สมน้ำหน้า” ปุ่นหันไปว่าเสียงเบา เมื่อสายตาไปปะเข้ากับกางเกงที่ยังไม่ได้รูดซิปและคราบน้ำเมือกสีขุ่นออกใสที่เปรอะอยู่ตรงเสื้อแถวๆ หน้าท้องของคนรักก็ทำเอาโมโหจนเกือบร้องตะโกนลั่น แต่โชคดีที่เขาเคยฝึกนั่งสมาธิมาหลายครั้งตอนมัธยมจึงพอควบคุมตัวเองได้

หยุบหนอ… พองหนอ… ปุ่นท่องในใจ หันไปตบๆ ที่แก้มของกฤษณ์อีกทีสองที

“อือ…” คนตัวโตรู้สึกตัวขึ้นมา เกาแก้มข้างที่ถูกตบเมื่อกี้แกรกๆ เขาหันมามองหน้าปุ่นด้วยตาปรือๆ แล้วถามเหมือนคนลิ้นพันกันว่า

“เมื่อกี้น้องปุ่นแอบหอมแก้มพี่เหรอครับ”

ใครหอม ตบต่างหากล่ะเฟ้ย! ปุ่นหรี่ตามองคนรักอย่างจับผิด ก่อนชี้ไปที่เป้ากางเกงของอีกฝ่ายแล้วบอก

“รูดซิปก่อนเถอะ”

“หือ?” กฤษณ์เลิกคิ้ว ก้มมองที่เป้าของตัวเองอย่างสับสน พอเห็นว่ากางเกงเปิดอยู่ก็เกาศีรษะอย่างงุนงง

“รูดสิ รูดสักที” ปุ่นเร่งเร้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองแล้วเกาหัวแกรกๆ ไม่ยอมลงมือรูดซิปสักที

“รูด… รูดอะไรครับ” กฤษณ์หันมาถามพลางกำมือหลวมๆ แล้วรูดขึ้นรูดลงประกอบ ท่าทางมึนงง สับสนเหมือนคนเมา

“ซิป” ปุ่นตอบ มองอีกฝ่ายอย่างเซ็งๆ กฤษณ์ร้อง ‘อ้อ’ แล้วจัดการรูดซิปตัวเอง

“ปวดหัว… ปวดหัวจัง ง่วง… แต่ก็ปวดหัว” กฤษณ์บ่นซ้ำไปซ้ำมา ปุ่นเห็นท่าไม่ดีจึงไลน์ไปหาเอเชีย

‘เหมือนเมียฉันถูกวางยาว่ะ แกช่วยหาผ้าเย็นมาให้ที ขอเยอะๆ’

‘แล้วก็ยาแก้ปวดด้วย’

เอเชียตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ‘ได้’

ไม่ถึงสิบนาทีเอเชียก็ถือกระติกทรงสี่เหลี่ยมใบเล็กๆ มาให้ ข้างในกระติกมียาพาราเซตามอลหนึ่งแผงและผ้าเย็นอยู่ประมาณสิบห้าผืน

“ขอบใจ” ปุ่นกล่าวขอบคุณ เอเชียบอก ‘ไม่เป็นไร สบายมาก’ ก่อนกลับลงไปที่ชั้นล่าง

“เอ้านี่ ยาแก้ปวด” ปุ่นยื่นยาแก้ปวดกับขวดน้ำที่เสียบไว้ตรงที่วางแก้วหลังเบาะข้างหน้าให้กับคนที่บ่นว่าง่วงว่าปวดหัว เขาคอยช่วยแกะพลาสติกที่ห่อผ้าเย็นออก ยื่นให้กฤษณ์ใช้ประคบที่กระบอกตาและใบหน้าเพื่อให้ตาสว่างไปตลอดทาง

จวบจนรถเลี้ยวเข้าไปในซอย M และเริ่มชะลอความเร็วลงเมื่อใกล้ถึงคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง ตาน้อยลุกขึ้น เอื้อมหยิบกระเป๋าบนชั้นวางของลงมาสะพายไว้ที่หัวไหล่ข้างซ้าย เดินนวยนาด ยักย้ายส่ายสะโพกไปที่ประตูเพื่อเตรียมลงจากรถ

จังหวะที่รถจอดสนิทแล้ว ปุ่นรู้สึกว่าเท้าทั้งสองของตัวเองเบาหวิว เขาวิ่งตามไป เมื่อได้ระยะที่เหมาะสม สองมือยันเบาะ สองเท้ากระโดดถีบไปที่แผ่นหลังตรงหน้าเต็มแรง ตาน้อยที่ถูกถีบประคองตัวไว้ไม่อยู่ เซเสียหลักกลิ้งตกบันได ถลาลงสู่พื้นลาดยางหน้าคอนโดฯ ไปอย่างสวยงาม

จำไว้ซะ! ภาษามวยปล้ำเขาเรียกดรอปคิก! เมียข้าใครอย่าแตะเฟ้ย!

กฤษณ์มองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วก็อ้าปากเหวอ พูดอะไรไม่ออก ตรงเบาะหลังสุดมีผู้ช่วยคนขับที่แสนว่างงานเพราะถูกผู้โดยสารแย่งหน้าที่ดีเจไป

ลุกขึ้นมาตบมือเสียงดังอย่างชื่นชม แสดงความสะใจออกมาจนออกนอกหน้าเพราะเขาเห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าตุ๊ดหน้าขาวปากแดงนางนั้นเป็นคนลักหลับพ่อหนุ่มฝรั่งสุดหล่ออยู่เพียงฝ่ายเดียว ไม่มีการให้ความร่วมมือใดๆ จากพ่อหนุ่มฝรั่งเลย

ตาน้อยที่ลงไปนอนแหมะอยู่บนพื้นร้องโอดโอย โหยหวนเพราะความเจ็บ คิดไม่ถึงเลยว่าปุ่นจะถีบมาแบบไม่เกรงใจสายตาใครแบบนี้

กฤษณ์ตื่นมาในช่วงเวลาที่เขากำหนดไว้จริง ตอนที่ขึ้นควบลักหลับอยู่ก็เห็นกฤษณ์ปรือตาขึ้นมาร้องว่า ‘อย่า…’ อย่างง่วงงุนครั้งหนึ่ง จึงยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกว่าอีกฝ่ายคงจะเริ่มได้สติแล้ว แต่ไอ้เด็กนั่นไม่ได้เข้ามาจู่โจมเขาทันทีที่เห็นเรื่องอย่างนั้น อีกทั้งยังไม่โวยวายอะไรใส่กฤษณ์เลยสักคำ ถือว่าผิดคาดไปมากจริงๆ

คงจะเก็บอารมณ์ไว้ไปทะเลาะที่บ้านละมัง …ก็ดี เราจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว เดี๋ยวพวกมันก็ทะเลาะกันเอง ไม่นานหรอก… ตาน้อยคิดแบบนั้นมาตลอดทาง จวบจนกระทั่งมานอนหน้าทิ่มอยู่ตรงนี้นี่แหละถึงได้รู้ว่าตัวเองคิดผิดไปหมดเกี่ยวกับไอ้เด็กบ้านั่น!

“กรี๊ดดด!!! อี฿@$$^ (_+) *^&%! @!!!!!” ตาน้อยลุกขึ้นมากรีดร้องเสียงบาดแก้วหูเมื่อพบว่าไม่มีใครลงมาดูอาการบาดเจ็บของตน แม้แต่กฤษณ์ก็ยังไม่ลงมา! เขาบริภาษคำด่าหยาบคายใส่ปุ่นอย่างเกรี้ยวกราด ยิ่งเห็นรถค่อยๆ แล่นออกห่างไปอย่างไม่สนใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นแล้วก็ยิ่งกรีดร้องออกมาเสียงดังขึ้น ตะโกนด่าว่าคนขับและคนบนรถบัสอย่างสาดเสียเทเสียจนคนแถวนั้นหันมามองด้วยความตกใจปนใคร่รู้

ปุ่นระบายลมโทสะที่จุกอกมานานออกช้าๆ เฮ้อ… สงสัยต้องไปหัดทำสมาธิใหม่ อุตส่าห์อดทนไว้ตั้งสองชั่วโมงแล้วเชียว





หลังจากรถบัสแล่นผ่านไปได้ไม่กี่อึดใจตาน้อยถึงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ไอ้เด็ก

มัณฑนศิลป์ที่เขาเคยสบประมาทนั้นมันเป็นปีศาจ! ไม่เหมือนกับผู้หญิง ตุ๊ด หรือสาวประเภทสองที่เคยสู้รบตบมือด้วยกันมาก่อน ใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนเข้าสู้ด้วยไม่ได้ แถมไอ้บ้านั่นยังเล่นใช้ส้นเท้าจัดการปัญหาแบบโครมเดียวจบอีก ไอ้คนซาดิสต์!

ตาน้อยเข็ดขยาด ชาตินี้ขอลาขาด ถึงกฤษณ์จะเป็นสุภาพบุรุษสุดทึ่มที่มี

โพรไฟล์ดีเลิศขนาดไหนเขาก็ขอผ่าน ไม่อยากโดนถีบจนหน้าทิ่มอีกแล้ว ดีไม่ดีถีบมาแบบนี้คอเขาอาจจะหักก็ได้ ถึงตายเชียว!

“โอ๊ย… ไม่นะ… คางฉัน…” แผลตรงส่วนอื่นๆ ที่ไม่อยู่บนหน้าเขาไม่สน

ตาน้อยผู้ห่วงใยใบหน้าของตัวเองเป็นที่สุดกุมแผลถลอกที่ปลายคางเบาๆ ก่อนรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพาย กดโทรหาแฟนคนปัจจุบันบอกให้พาไปโรงพยาบาลด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นอย่างมิได้เสแสร้ง เขาเจ็บแผลจริงๆ!

สำหรับตาน้อยแล้ว ถ้าตอนนี้ยังไม่คิดเปลี่ยนแปลงทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ชาตินี้ก็คงจะไม่หนีพ้นนรกภูมิแน่ๆ





ตอนลงจากรถมากฤษณ์ถามว่า “ไปกระโดดถีบตาน้อยทำไมครับ มันอันตรายนะ”

ปุ่นไม่ตอบแต่กลับหัวเราะลั่นเหมือนคนเสียสติ กฤษณ์รู้สึกกลัวขึ้นมาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เขาเล่าว่า

“ตอนหลับบนรถพี่ฝันร้ายด้วยละครับ ฝันว่าถูกปีศาจหน้าตาน่ากลัวข่มขืน พี่ขยับตัวไม่ได้เลย พยายามร้องเรียกให้น้องปุ่นช่วยตั้งหลายครั้ง น้องปุ่นก็ไม่มา”

ปุ่นได้ยินดังนั้นก็ขำต่อจนท้องคัดท้องแข็ง ก็ไอ้ตัวที่ข่มขืนกฤษณ์น่ะมันไม่ใช่ปีศาจหน้าตาน่ากลัวอะไร แต่เป็นแฟนเก่าหน้าตาสะสวยตรงสเปกของอีกฝ่ายต่างหากเล่า

กฤษณ์เกาหัวแกรกๆ แล้วถามอีกครั้ง

“ตกลงแล้วน้องปุ่นถีบตาน้อยทำไมครับ ตอนพี่หลับมันเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า”

“พี่กฤษณ์โดนลักหลับน่ะ” ปุ่นตอบ ก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง กฤษณ์ทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ปุ่นมั่นใจว่าฤษณ์ต้องโดนมอมยาตัวเดียวกับที่เขาเคยโดนเมื่องานปาร์ตี้มิดเทอมอย่างแน่นอน แต่จะกล่าวหาลอยๆ ก็คงไม่ได้ เขาจึงเก็บสปายขวดที่ตาน้อยมอบให้กฤษณ์มาให้ใบตองตรวจหาสารปนเปื้อนในห้องแล็บของมหาวิทยาลัยด้วย





เช้าวันต่อมา ใบตองเอาผลตรวจมาให้ที่บ้านกฤษณ์ เครื่องดื่มในสปายขวดนั้นมี Benzodiazepine ซึ่งออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทส่วนกลาง มีผลทำให้ง่วงนอนผสมอยู่ เป็นสารตัวเดียวกับที่อยู่ในน้ำส้มที่ปุ่นดื่มไปเมื่องานปาร์ตี้ แต่หากว่าแก้วของปุ่นนั้นมี Spanish fly D5 ที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศผสมอยู่ด้วย

ย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนงานปาร์ตี้ หลังจากรู้ว่าปุ่นถูกมอมยา กบผู้ถูก

ปุ่นฝากให้ถือแก้วไว้ก็รีบส่งต่อแก้วใบนั้นรวมทั้งเก็บแก้วใบอื่นๆ ที่ปุ่นเคยจับให้กับใบตองทันที เท่าที่กบจำได้ แก้วใบนั้นกฤษณ์เป็นคนมอบให้ แต่คนที่พาปุ่นขึ้นห้องไปนั้นกลับเป็นแฟนของตาน้อยกับคนใช้อีกหนึ่งคน จึงตั้งสมมติฐานความน่าจะเป็นได้ว่า ตาน้อยอาจเป็นคนรินน้ำส้มผสมยาแก้วนั้นให้กฤษณ์ เมื่อกบลอง

ถามกฤษณ์ มันก็เป็นจริงตามนั้น

แต่ยังติดใจอยู่อย่างหนึ่งคือ น้ำส้มแก้วนั้นตาน้อยต้องการให้กฤษณ์หรือ

ปุ่นดื่มกันแน่ เพราะกฤษณ์บอกว่าตาน้อยเป็นคนรินให้ดื่มเพื่อให้สร่างเมา แต่กฤษณ์ไม่เมาจึงเอาไปให้ปุ่นดื่มแทน

ใบตองกับกบบอกข้อมูลดังกล่าวแก่ปุ่นเพียงผู้เดียว ส่วนกฤษณ์… พวกเขาไม่อยากทำร้ายจิตใจคนที่ชอบมองโลกในแง่ดีคนนี้ จึงตัดสินใจปล่อยให้พ่อพระวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์อันสดสวย ไม่รับรู้ถึงความจริงอันแสนโหดร้ายนี้ต่อไป

จนกระทั่งวันนี้ ตาน้อยได้ใช้แผนมอมยาอีกครั้ง ถึงปุ่นจะกระโดดถีบขาคู่ให้ไปเป็นการตอบแทนแล้ว แต่จะไม่ให้บอกความจริงก็คงไม่ได้ จากนี้ไปกฤษณ์ควรจะระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้

‘พี่ก็เคยสงสัย แต่มันเป็นเรื่องจริงเหรอครับเนี่ย คนเราใจร้ายกันได้ขนาดนี้เลยเหรอครับ’ กฤษณ์ถามเมื่อได้รับฟังข้อเท็จจริงทั้งหมด ทำหน้าราวกับเห็นโลกกำลังถล่มตรงหน้าก็ไม่ปาน ‘มิน่าละ กินไปแค่ขวดเดียวแต่กลับเมา’

ปุ่นไม่คิดจะเอาผิดตาน้อย ไม่สิ… ตอนแรกก็คิดจะพาพี่ชายไปรุมเตะสักสองสามป้าบอยู่เหมือนกัน แต่ถูกใบตองห้ามไว้จึงได้เปลี่ยนแผน เขาใช้โทรศัพท์มือถือของกฤษณ์ส่งหลักฐานพร้อมแนบคำอธิบายทั้งหมดไปทางไลน์ของตาน้อยถือเป็นการแก้เผ็ดเล็กๆ น้อยๆ และทันทีที่ข้อความเหล่านั้นถูกอ่าน ไลน์

ของกฤษณ์ก็ถูกตาน้อยบล็อกทันที

เหอะ! ยอมปล่อยไปได้ ถือซะว่าโปรดสัตว์เอาบุญก็แล้วกัน แต่แค่ครั้งนี้ เท่านั้นนะ ถ้ามีครั้งหน้าปุ่นเอาตายแน่

เมื่อใบตองที่นำหลักฐานมาให้ขอตัวกลับไปแล้ว กฤษณ์ก็เข้ามากอดเอวของปุ่นจากด้านหลังแล้วพูดว่า

“พี่นี่โง่จริงๆ นะครับ คนร้ายอยู่ใกล้ตัวแท้ๆ”

“มันก็จริง” ปุ่นพยักหน้าหงึกหงัก “แต่ไม่เป็นไรหรอก ผัวคนนี้จะดูแลเมียเอง” พูดพลางเหลียวหลังหันมองไปที่ใบหน้าของคนรัก เลยถูกคนข้างหลังดูดริมฝีปากจนเกิดเสียงดัง ‘จุ๊บ’

“งั้นตอนนี้… เมียคนนี้อยากอาบน้ำมาก …ผัวที่น่ารักจะช่วยสงเคราะห์ไหมครับ” กฤษณ์ถาม ทุกช่องว่างของคำพูดคือริมฝีปากของปุ่นกำลังถูกดูดดึง

พวกเขายืนจูบกัน ลืมนึกถึงแขกอีกคนที่ยังอยู่ในบ้านไปเสียสนิท อิฐที่หิ้วกระเป๋าเดินทาง อีกมือหนึ่งถือกล่องของขวัญลงมาจากบันไดหยุดมองน้องชายกับน้องเขยที่ยืนจู๋จี๋กันอยู่หน้าโซฟา

“Finally found someone best.” เขาพูดเบาๆ วางกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษแก้วสีชมพู ผูกด้วยริบบิ้นสีขาวไว้ที่บันไดแล้วเดินออกจากบ้านไปอย่างเงียบเชียบ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 15:29:52 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: [END] WARNING เมียข้า! ใครอย่าแตะ
«ตอบ #28 เมื่อ26-07-2018 13:51:31 »

EPILOGUE



ปุ่นนั่งขัดสมาธิ มองกล่องของขวัญสีหวานบนเตียง เขาเจอมันวางอยู่ตรงบันได การ์ดที่แนบมาเขียนไว้ว่า ‘Savour happiness while you can.19’ และลงท้ายไว้ว่า ‘Later on… Ekon’ ถึงจะอ่านท่อนแรกไม่ออก แต่ชื่อที่ลงท้ายนั่นแสดงว่าของขวัญกล่องนี้เป็นของพี่สะใภ้อย่างแน่นอน แต่จะเป็นของขวัญสำหรับใครก็ไม่อาจรู้ได้ กลัวว่าอิฐอาจจะลืมวางไว้ อยากจะไปถามให้แน่ใจอีกฝ่ายก็ไม่อยู่เสียแล้ว

คงวางไว้ให้พี่กฤษณ์ละมั้ง

“พี่กฤษณ์ ผมอยากแกะของขวัญอะ!” ปุ่นตะโกนบอกกฤษณ์ที่กำลังอาบน้ำ

“พี่ไม่พูดด้วย พี่งอน น้องปุ่นเจอกล่องของขวัญแล้วก็ลืมพี่เลย” เสียง

ของกฤษณ์ดังออกมาจากห้องน้ำ คนตัวโตกำลังงอนเหมือนเด็กๆ เพราะปุ่นไม่ยอมเข้าไปอาบน้ำด้วย

“งั้นผมแกะละนะ” ปุ่นไม่สนใจจะง้อ ลงมือแกะริบบิ้นและกระดาษห่อของขวัญออกอย่างไม่บรรจง เปิดกล่องมาก็พบกับเดรสสีขาว เมื่อหยิบเดรสออกมาก็พบกับชุดชั้นในลายลูกไม้สีขาวและถุงน่องในกล่องอีก

คงไม่ใช่ของพี่กฤษณ์ละ อาจจะเป็นของสาวคนไหนของพี่สะใภ้ละมั้ง ปุ่นคิดอย่างนั้นจนกระทั่งเจอกับการ์ดอีกใบที่อยู่ในกล่อง

‘มอบให้กับน้องเขยสุดน่ารัก’

หา?! …

เขาควรจะทำอย่างไรกับของพวกนี้ดี เขาไม่ได้มีรสนิยมแต่งหญิงเสียด้วยสิ จะบอกว่าเกลียดเลยก็ยังได้

“น้องปุ่นจะไม่ง้อพี่หน่อยเหรอครับ” กฤษณ์เดินโทงๆ ออกมาจากห้องน้ำ มีเพียงผ้าขนหนูพาดบ่า ปุ่นนึกสงสัยว่าทำไมไม่เอามานุ่ง จะยืนเปลือยโชว์หุ่นล่ำๆ ไปเพื่ออะไร

…หรือว่านี่คิดจะอ่อยกัน

“ไปนุ่งผ้านุ่งผ่อนก่อนไป” ปุ่นโบกมือไล่ แต่คนตาไวกลับเดินมานั่งตรงข้ามแล้วถามด้วยตาที่เป็นประกาย

“น่ะ…นั่นชุดใครเหรอครับ”

“พี่อิฐบอกให้ผมเป็นของขวัญ” ปุ่นตอบ พอเงยขึ้นมาเห็นแววตาแพรวระยิบระยับจึงพูดต่อว่า “ผมไม่ใส่หรอกนะ”

เท่านั้นเอง คนตัวโตที่อยู่ตรงหน้าก็มีสีหน้าเศร้าหมอง ไหล่กว้างๆ ลู่ลงด้วยความผิดหวัง กฤษณ์คงจะมีรสนิยมชมชอบให้คนรักแต่งหญิง มิเช่นนั้นแล้วคงไม่ชอบตุ๊ดหรือสาวประเภทสองหรอก

“พี่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ปุ่นจะใส่ชุดพวกนั้น ขอโทษจริงๆ นะครับที่พี่หวัง ก็พี่นะ… เริ่มรู้ตัวว่าชอบผู้ชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงตั้งแต่อายุห้าขวบเลยละครับ พออายุสิบสามพี่ก็เป็นแฟนกับเกย์ที่ชอบแต่งหญิงคนหนึ่ง พอเลิกกันแล้วพี่ก็มาคบกับอีกคน ตลอดมา… พี่ไม่เคยคบกับผู้ชายจริงๆ หรือเกย์ที่ไม่ออกสาวเลยครับ” กฤษณ์เล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟังพอสังเขปอย่างน่าสงสาร และตบท้ายด้วยประโยคขอร้องที่พูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกชวนหลงใหลอย่างที่สุด “ถ้าเป็นได้… พี่ก็อยากเห็นน้องปุ่นแต่งหญิงให้ดูสักครั้งครับ”

ปุ่นได้ฟังแล้วก็สะท้านในใจ เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังบ้าง

“ส่วนผมน่ะ ดันมีความทรงจำไม่ดีเกี่ยวกับการแต่งหญิงน่ะสิ ตอนสี่ขวบผมเคยถูกพี่จีนจับแต่งตัวเป็นผู้หญิง” เขาเงียบไปเหมือนกำลังทำใจที่จะเล่าต่อ กฤษณ์จ้องเข้าไปในดวงตาอย่างลึกซึ้ง ยื่นมือไปกุมมือเล็กไว้หลวมๆ แล้วพูดว่า

“ไม่ต้องฝืนใจเล่าก็ได้ครับ พี่เข้าใจ”

ปุ่นส่ายหน้า แล้วเล่าต่อ

“ที่บ้านจะไปเที่ยวสวนสนุกกัน แต่พี่จีนบอกว่าถ้าไม่ยอมนุ่งกระโปรงจะไม่ให้ไปด้วย ผมก็เลยต้องใส่ชุดเด็กผู้หญิง สีชมพูทั้งชุด กระโปรงฟูๆ มีปีกข้างหลังเหมือนชุดนางฟ้า แล้วพอไปสวนสนุกไอ้พี่จีนมันก็จะพาผมเข้าบ้านผีสิง ผมไม่กล้าเข้าเลยรออยู่ข้างนอกกับแม่ แต่รอแป๊บเดียวผมก็ร้องไห้เพราะกลัวผี ไม่นานก็มีเด็กแต่งตัวเป็นซูเปอร์แมนคนหนึ่งเข้ามาคุยด้วย แต่ผมไม่กล้าตอบเพราะไม่รู้จะพูดยังไง กลัวเขาจับได้ว่าแต่งหญิงแล้วจะโดนล้อ แต่สุดท้ายแม่ก็บอกเขาจนได้ว่าผมเป็นผู้ชาย แม่นะแม่ ไม่น่าเลย… แถมพอไอ้พี่จีนออกมาแล้วยังมาเปิดกระโปรงผมโชว์ยืนยันคำพูดของแม่อีก ถึงตอนนั้นจะยังเด็กแต่ผมก็จำมันได้แม่นเลย มันฝังใจมาก คิดๆ แล้วก็อยากจะเอาหัวมุดดินตายซะเดี๋ยวนี้เลย” เล่าจบหน้าก็สุกพอดี

ปุ่นซุกหน้าเข้าไปในชุดกระโปรงสีขาวที่ถืออยู่อย่างอับอาย

“น้องปุ่น…” กฤษณ์เรียก ปุ่นเริ่มบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย เงยขึ้นมามองอีกทีก็เห็นคนรักกำลังใช้ฝ่ามือเช็ดน้ำตาเสียแล้ว เรื่องที่เขาเล่ามันซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอ

“พี่กฤษณ์ร้องไห้ทำไม” ปุ่นถาม สองมือประคองใบหน้าอันเป็นที่รัก

“จูบพี่หน่อยนะครับ ให้รู้ว่าพี่ไม่ได้ฝันไป” กฤษณ์ร้องขอ ปุ่นเคลื่อนตัวเข้าหาก่อนแนบสนิทริมฝีปาก กฤษณ์เป็นฝ่ายเริ่มสอดลิ้นเข้ามาก่อน ปุ่นจึงพยายามจูบตอบอย่างเก้ๆ กังๆ ตามแนวทางที่อีกฝ่ายวางมา จนถึงตอนนี้เขาก็ยังจูบเก่งสู้คนตัวโตคนนี้ไม่ได้สักที

โอเค ยอมก็ได้ เสียงนี้ผุดขึ้นมาในหัวระหว่างที่จูบกัน

ผมจะยอมแต่งหญิงเพื่อพี่กฤษณ์ก็ได้ ปุ่นคิด

และหากวันใดปุ่นได้รู้ว่าเพราะเหตุใดกฤษณ์ถึงร้องไห้ วันนั้นเขาก็คงต้องตกตะลึงในพรมลิขิตที่ชักพาพวกเขาให้มาพบกันอย่างแน่นอน

- จบ -

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ  :katai4:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2018 15:32:34 โดย wattana »

ออฟไลน์ wattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ  :pig4:

สามารถติดการรวมเล่มได้ที่เพจ facebook ชื่อ Lissala (https://th-th.facebook.com/Lissala-413065629115183/)
ค่า

ในเล่มจะมีตอนพิเศษเพิ่มมาอีก 2 ตอนค่ะ ชื่อตอน

- GOOD BROTHER กับ

- DISPLAY LOVE


:bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2018 14:05:51 โดย wattana »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด