1
แม่ง!
พ่อทำอย่างนี้กับผมได้ยังไง ?
ทำยังไงน่ะเหรอ? ก็ส่งผมมาดัดนิสัยบ้าบอคอแตกอะไรก็ไม่รู้เนี่ยดิ แล้วแถมยังบอกอีกนะถ้าผมไม่สำนึกก็ไม่ต้องกลับบ้าน แล้วยังไงต่อน่ะเหรอ? ก็ส่งผมมาที่...
ที่ไหนวะ ?
ไม่รู้โว้ยยยยยยยยยยยยยย! รู้แต่ว่าที่นี่แม่งบ้านนอกชิบหาย มีแต่ภูเขา มองไปทางซ้ายก็ภูเขา ทางขวาก็ภูเขา สรุปคือไม่ว่าผมจะหันหน้าไปในทิศทางใดก็มีแต่ภูเขาเต็มไปหมด เอาง่ายๆว่าที่นี่แม่งล้อมรอบไปด้วยภูเขาอ่า
คลื่นโทรศัพท์ก็ไม่มี! เอาเป็ด!!!!
ผมหยิบไอโฟนขึ้นมาชูแล้วชูอีกเพื่อหาสัญญาณเรด้า(?) แต่ก็หาได้มีสัญญาณห่าเหวบ้าบอคอแตกอะไรนั่นไม่! สึด แล้วกูพกโทรศัพท์มาทำส้นตีนอะไร หงุดหงิดโว้ยยยยยยยยยยยย หันไปทางซ้ายก็เจอภูเขาเหมือนเดิม เหลือบมองไปทางขวาก็เจอกระเป๋าที่บรรจุข้าวของและสัมภาระต่างๆที่แม่บ้านผมอุตส่าห์จัดเตรียมมาให้วางอยู่ เออ ขอบคุณนะ!
อ้อ! แล้วก็ขอบใจด้วย ที่ไอ้แห้วมันยังอุตส่าห์มีน้ำใจขนออกจากรถมาวางไว้ให้ แล้วก็ด้วยความที่มันเป็นคนดีจัดไงครับ เชื่อฟังและทำตามคำสั่งของพ่อผมทุกอย่าง พอเอาของมาวางให้ผมเสร็จก็บึ่งรถกลับกรุงเทพทันทีเลย เป็นไงล่ะ คนขับรถพ่อผม หึหึ
คือผม ชื่อ โอเค รู้แค่นี้ก่อนละกัน ไม่มีอารมณ์มาแนะนำตัวอะไรตอนนี้ทั้งนั้น! เพราะผมหงุดหงิดมากถึงมากที่สุด - -“
ไหนๆก็ไม่มีคนละ กูขอทีละกัน
“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!” ผมตะโกนสุดเสียงครับ แล้วก็เตะกระเป๋าไปทีนึง หวังจะระบายอารมณ์ แล้วทีนี้ยังไงล่ะ? จากแรงอัดที่ผมส่งออกไปสู่ปลายเท้าจนกระทั่งมันกระทบเข้ากับวัตถุตรงหน้าอย่างจัง ประกอบกับแรงโน้มถ่วงของโลกที่มีอยู่แล้ว(เกี่ยวไรกัน) กระเป๋าผมก็กลิ้งสิครับ เออดี กูจะได้ไม่ต้องหิ้ว!
แต่ทว่า...
ทางข้างหน้ามันเป็นเนินครับ กระเป๋าของผมกลิ้งได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหยุดชะงัก นี่ผมต้องหิ้วของพวกนี้ไปจริงๆเหรอเนี่ย แล้วไอ้แห้วก็นะ อะไรจะเชื่อพ่อกูขนาดนั้น มันจะขับไปส่งกูจนถึงที่หน่อยก็ไม่ได้รึไง? ฟวยยยยยยยย!
คือเรื่องของเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ผมมีเรื่องมีทะเลาะวิวาทกับไอ้เหี้ยเสริฐ(ชื่อโคตรบ้านนอกอ่า แต่หน้าตามัน...ก็ไม่อยากจะยอมรับอ่านะว่ามันก็หน้าตาดี แต่แน่นอนว่าน้อยกว่าผม!) ซึ่งไอ้เหี้ยเสริฐเนี่ย มันเป็นลูกของเพื่อนสนิทพ่อผม แต่ว่าพ่อมันตายแล้วครับ จำได้ว่าก่อนตาย พ่อมันยังฝากฝังให้พ่อผมช่วยดูมันด้วย เอ่อ..ผมรู้แค่นี้แหละนะ และก็ไม่อยากจะรู้ไปมากกว่านี้ด้วย!
...และที่สำคัญผมกับมันก็กัดกันตลอดครับ! เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องมีเรื่องให้ได้ หรืออย่างน้อยๆก็ต้องได้เถียงกันบ้าง ไม่อย่างนั้นจะนอนไม่หลับครับ มันเป็นเรื่องปกติอ่านะ ก็ชิงดีชิงเด่นกันตามประสานั่นแหละ แต่วันนั้นผมดันพลาดไง มีเรื่องกะมันกลางโรงอาหารเลย เป็นไงล่ะ ใจมั้ย? และเท่านั้นยังไม่พอครับ มันดันมีพวกพลเมืองดีปากหมาคาบเรื่องไปฟ้องผู้ใหญ่ในมหาลัย คงจะหมั่นไส้พวกผมกันมานานล่ะมั้ง...
เห้ย! เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ผมบอกว่า ‘พวกผม’ งั้นเหรอ?
เอาใหม่ๆ แก้ๆๆๆ ผม กับไอ้เหี้ยเสริฐ ต่างหาก!
อ่า..ถึงไหนแล้ว? ขอย้อนกลับไปอ่านข้างบนแป๊บ...
อ้อ! ถึงตอนที่พวกมันหมั่นไส้ผม แต่ทำอะไรผมไม่ได้ อ่าหะ เพราะเห็นอย่างนี้ผมก็ไม่ใช่ขี้ๆนะครับ ศิลปะป้องกันตัวก็เคยเรียน แถมเส้นก็ใหญ่ หึ พวกมันคงหาจังหวะที่จะเล่นงานผมนานแล้วล่ะ แต่ครั้งนี้คงจะสมใจพวกมันแล้ว...
ก็แหม พ่อผมเข้าออกมหาลัยเป็นว่าเล่นเพราะเรื่องผมมาตั้งสามเทอมแล้วนะ และผมเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรด้วยไง เรียนก็งั้นๆ แถมติด F สองตัว กูจะบอกทำไมวะ อันนี้ข้ามไป เออ นั่นแหละ ก็อย่างว่า ผมมันพวกหน้าตาดีไปวันๆ กิจกรรมอะไรก็ไม่ร่วม ที่เข้ามหาลัยได้ก็ใช้เส้นพ่อ ก็พ่อผมรวยอ่า มีไรปะ แล้วก็นั่นแหละครับ ทั้งผมแล้วก็ไอ้เหี้ยเสริฐโดนพักการเรียนไปตามระเบียบ TT
เพราะมึงตัวเดียวเลยไอ้เหี้ยเสิรฐ!(พาล) กูถึงต้องมาอยู่บ้านนอกนี่! แถมยังต้องเดินเข้าบ้านสวนบ้านเสินอะไรนั่นก็ไม่รู้อีกตั้งเป็นกิโล(ไอ้แห้วว่างั้น) อย่าให้กูเจอมึงนะ หน้าขี้เหร่ๆของมึงได้โคตรของโคตรขี้เหร่แน่! เจ็บใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินไปเก็บกระเป๋าที่เพิ่งเตะไป
ปริ๊นๆ
เอ๊ะ! เสียงนี้มัน...แตรรถมอเตอร์ไซด์!!!
ดั่งสวรรค์มาโปรด เสียงนี้ดังมาจากข้างหลังครับ อ่า..ขอบคุณพระเจ้า ผมคงไม่ต้องเดินแล้วสินะ ปริ่มมาก กูพูดเลยยยยยยยย
แต่...
แถ่ดๆๆๆ
ทะ..ทำไมเสียงมันเหมือนจะดับอย่างนั้นล่ะ? และเมื่อรถคันดังกล่าวใกล้เข้ามา...
แม่เจ้าโว๊ยยยยยยยยยยยยยย! นั่นมันเศษเหล็กหรือรถมอ’ไซด์วะน่ะ นี่กูจะฝากชีวิตไว้กับไอ้เศษเหล็กนี่เพื่อเข้าไปบ้านสวน(จำชื่อไม่ได้ เรียกงี้ไปก่อนละกัน) อย่างนั้นน่ะเหรอ?
เสี่ยงไปมั้ยวะ?
“จะไปไหนเหรอ พ่อหนุ่ม?” ทันทีที่..เอ่อ รถ ละกันนะ ให้เกียรติเศษเหล็กพวกนั้นมันหน่อยละกัน อ่า..พอรถนั่นมาจอดข้างๆผม ลุงคนขับก็ถามผมด้วยความใจดี...รึเปล่าก็ไม่รู้!?
เราไม่ควรไว้ใจคนแปลกหน้าไม่ใช่เหรอ? เกิดลุงนี่หลอกผมไปฆ่าหมกศพทำไง ผมยังไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนเลยนะ ยังไม่มีหลานให้พ่อเลย ผมยิ่งเป็นลูกคนเดียวอยู่ด้วย ส่วนแม่นางทั้งหลายที่ผ่านๆมานั้นก็แค่ของเล่นตามประสาเอง (._.) อยู่ดงเหล้า มันก็ต้องเคล้าบุหรี่ แล้วก็คั่วนารี เป็นธรรมดานี่ หึหึ
“ลุงถามทำไมอ่า?” ผมไม่ตอบครับ แต่ย้อนถามแทน
“ก็เห็นว่าข้าวของเยอะแยะ แล้วเดินไปทางนี้ก็คงจะไปบ้านสวนโรโรโนอา โซโรใช่มั้ยล่ะ?” ลุงนั่นถามขึ้นมาอีก แต่เดี๋ยวนะ?
‘บ้านสวนโรโรโนอา โซโร’ ใครเป็นคนคิด แม่งปัญญาอ่อนชิบหายยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมระเบิดหัวเราะออกมาทันทีเลยครับ แม่งเจ้าของมันเป็นเด็กหรือไง เอาชื่อการ์ตูนมาตั้งเป็นชื่อสวน อะไรมึงจะติดวันพีชขนาดนั้น ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
“เอ่อ มีอะไรรึเปล่าพ่อหนุ่ม?” ลุงถามขึ้นอีก ผมต้องหยุดหัวเราะสินะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“อ๋อ เปล่าครับ ชื่อยาวดี ฮ่าๆๆ”
“ใช่ กว่าลุงจะจำได้ ก็ใช้เวลานานเหมือนกัน นี่ถ้าจำชื่อสวนไม่ได้นี่พ่อเลี้ยงเค้าไม่ให้ทำงานด้วยนา” ลุงนี่บอกผมอีก
อ่า..แสดงว่าเจ้าของบ้านสวนที่พ่อผมให้มาอยู่(ดัดนิสัย)ด้วยนี่ก็คือ สวนของไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนี่น่ะสินะ แล้วไหนบอกเป็นสวนของลูกหลานที่รู้จักและสนิทกันไงวะ? แต่ช่างเถอะ พ่อผมคนรู้จักแม่งทั้งประเทศ!
“ว่าแต่อีกไกลมั้ยอ่าลุง กว่าจะถึงบ้านสวนที่ว่าเนี่ย?” ผมถามลุงดู เพราะดูจากสภาพรถนี่แล้ว มันทำให้ผมอยากที่จะพึ่งพาตัวเองมากกว่าอ่านะ ผมยังไม่อยากจบชีวิตที่นี่ครับ
“อ๋อ จากนี่ไปถึงบ้านพ่อเลี้ยงก็ประมาณหก-เจ็ดโลเลยล่ะพ่อหนุ่ม”
“ผมขอติดรถลุงไปด้วยได้มั้ย?” เปลี่ยนใจทันทีครับ!
กูขออาศัยลุงนี่ดีกว่า แม้จะเสี่ยงก็เถอะ แต่ตั้งหก-เจ็ดโล กว่าจะถึงก็ทุ่มนึงพอดีมั้ง แล้วไหนจะข้าวของนี่อีกล่ะ?
“งั้นก็ขึ้นมาเลยพ่อหนุ่ม” ลุงบอก ซึ่งผมก็ทำตามครับ เกิดแกเปลี่ยนใจขึ้นมาผมก็ซวยสิ ณ จุดๆนี้แล้ว มันก็คงต้องเสี่ยงเอานั่นแหละ ถ้าเกิดลุงแกคิดจะทำอะไรผมล่ะก็ ดูจากรูปพรรณสัณฐานและอายุของลุงแกแล้วผมว่าผมเอาอยู่นะ
ไม่นานผมก็มาถึงที่หมายครับ โดยลุง..ชื่อไรวะ จำไม่ได้(แกยังไม่ได้ถาม!) และเศษเหล็กที่แทบจะเรียกว่ารถไม่ได้นั่น แต่มันก็ยังสามารถพาทั้งผม ลุง แล้วไหนจะสัมภาระพวกนี้ มาถึงจนได้ มึงเจ๋งจริงๆไอ้เหล็ก ฮ่าๆๆ ตั้งชื่อให้แม่งเลย
“คุณบอกว่าจะมาหาพ่อเลี้ยงใช่มั้ยครับ?” ลุงถามขึ้น คือผมคุยกะแกระหว่างทางที่มาน่ะครับ
“อ้อ ครับ” ผมพยักหน้า คือจริงๆแล้วผมไม่รู้หรอกครับว่าพ่อเลี้ยงติ๊งต๊องเจ้าของสวนนี่เป็นใคร รูปร่างหน้าตายังไง แล้วจะใช่คนที่พ่อบอกหรือเปล่า ผมรู้แค่ว่าไอ้แห้วมันมาส่งผมที่นี่แต่ยังไม่ถึงที่นี่ - -“ งงมั้ย? งงเรื่องของคุณ อ่า..และเมื่อถึงแล้วก็ให้ผมโทรบอกพ่ออีกที ผมรู้แค่นี้จริงๆครับ
“งั้นเดี๋ยวลุงไปตามพ่อเลี้ยงก่อนนะครับ คุณรออยู่ตรงนี้ก่อน” ลุงแกบอกก่อนจะเดินไป ความจริงลุงแกจะพาผมเดินเข้าไปด้วยก็ได้นะ แล้วทำไมลุงแกเพิ่งจะมาระแวงผมเอาตอนนี้ล่ะเนี่ย เอากับแกครับ คนแก่ - -“
ระหว่างที่ผมรอลุงไปตามพ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนั่น อ้อ! ลืมเล่าให้ฟังอย่างนึง คือตรงทางเข้าสวนอ่า เรียกว่ายังไงดีล่ะ? เอาเป็นว่าคือก่อนจะถึงที่ผมยืนตรงนี้อ่า มันมีป้ายบอกชื่อสวนด้วย แต่ป้ายนั่นแม่งฮาสัดเลยล่ะ ก็พี่แกเล่นเอารูป โรโรโนอา โซโร ติดหราซะขนาดนั้น ผมงี้ขำจนท้องแข็งอ่า ฮ่าๆๆๆๆ
พอละ!
จบเรื่องปัญญาอ่อนนั่นไว้แต่เพียงเท่านี้ ระหว่างที่ผมรอลุงผมก็หยิบไอโฟนขึ้นมาดูอีกที เห้ย! มันมีสัญญาณโว้ย มิน่าล่ะ พ่อถึงบอกให้ผมโทรหา แสดงว่าพ่อรู้สินะว่าที่นี่มันใช้โทรศัพท์ได้
แต่โทษที ผมหยิ่ง!
ผมยังไม่โทรไปหรอกครับ จะแกล้งให้เป็นห่วงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ผมจะไม่โทรหาพ่อจนกว่าพ่อจะโทรหาผมก่อน หึหึ ผมเก็บไอโฟนเข้าที่เดิมครับ
“นั่นรถลุงหมานนี่หว่า” เสียงใครวะ? ทำไมแม่งคุ้นๆ ผมเลยหันกลับไปดู
“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย/เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย” ทั้งผมและมันต่างร้องออกมาเป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน แม่งมาอยู่นี่ได้ไงวะ?
ไอ้เหี้ยเสริฐ!!!!!!!!!!!!
TBC……………………………………
Talk : ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ เบาสมอง ตลกโปกฮา(มั้ง) 5555555555