If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 18+_P.1 17Oct2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 18+_P.1 17Oct2018  (อ่าน 3271 ครั้ง)

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 18+_P.1 17Oct2018
« เมื่อ21-07-2018 00:38:26 »

อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



If you O.K.



คุณคิดว่าชีวิตของผมต่อไปนี้จะเป็นอย่างไร? เมื่อ...
1. พ่อส่งผมไปดัดนิสัยที่บ้านนอก
2. เจ้าของบ้านนอกที่ว่าเป็นลูกของเพื่อนสนิทพ่อ
3. น้องชายของมันเป็นอริกันกับผม
4. บุคคลที่กล่าวมานี้ล้วนแต่ติ๊งต๊องที่ยิ่งกว่าติ๊งต๊อง และ
5. มันบ้ายิ่งกว่าบ้าอีก นิยายเรื่องนี้!!!! ผมไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลยครับ อย่าเสียเวลาเลย ไปอ่านเถิด...
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2018 17:36:37 โดย Cakewhans »

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 1+_P.1 21Jul2018
«ตอบ #1 เมื่อ21-07-2018 00:45:17 »


1



แม่ง!

พ่อทำอย่างนี้กับผมได้ยังไง ?

ทำยังไงน่ะเหรอ? ก็ส่งผมมาดัดนิสัยบ้าบอคอแตกอะไรก็ไม่รู้เนี่ยดิ แล้วแถมยังบอกอีกนะถ้าผมไม่สำนึกก็ไม่ต้องกลับบ้าน แล้วยังไงต่อน่ะเหรอ? ก็ส่งผมมาที่...
ที่ไหนวะ ?

ไม่รู้โว้ยยยยยยยยยยยยยย! รู้แต่ว่าที่นี่แม่งบ้านนอกชิบหาย มีแต่ภูเขา มองไปทางซ้ายก็ภูเขา ทางขวาก็ภูเขา สรุปคือไม่ว่าผมจะหันหน้าไปในทิศทางใดก็มีแต่ภูเขาเต็มไปหมด เอาง่ายๆว่าที่นี่แม่งล้อมรอบไปด้วยภูเขาอ่า

คลื่นโทรศัพท์ก็ไม่มี! เอาเป็ด!!!!

ผมหยิบไอโฟนขึ้นมาชูแล้วชูอีกเพื่อหาสัญญาณเรด้า(?) แต่ก็หาได้มีสัญญาณห่าเหวบ้าบอคอแตกอะไรนั่นไม่! สึด แล้วกูพกโทรศัพท์มาทำส้นตีนอะไร หงุดหงิดโว้ยยยยยยยยยยยย หันไปทางซ้ายก็เจอภูเขาเหมือนเดิม เหลือบมองไปทางขวาก็เจอกระเป๋าที่บรรจุข้าวของและสัมภาระต่างๆที่แม่บ้านผมอุตส่าห์จัดเตรียมมาให้วางอยู่ เออ ขอบคุณนะ!

อ้อ! แล้วก็ขอบใจด้วย ที่ไอ้แห้วมันยังอุตส่าห์มีน้ำใจขนออกจากรถมาวางไว้ให้ แล้วก็ด้วยความที่มันเป็นคนดีจัดไงครับ เชื่อฟังและทำตามคำสั่งของพ่อผมทุกอย่าง พอเอาของมาวางให้ผมเสร็จก็บึ่งรถกลับกรุงเทพทันทีเลย เป็นไงล่ะ คนขับรถพ่อผม หึหึ
คือผม ชื่อ โอเค รู้แค่นี้ก่อนละกัน ไม่มีอารมณ์มาแนะนำตัวอะไรตอนนี้ทั้งนั้น! เพราะผมหงุดหงิดมากถึงมากที่สุด - -“
ไหนๆก็ไม่มีคนละ กูขอทีละกัน


“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!” ผมตะโกนสุดเสียงครับ แล้วก็เตะกระเป๋าไปทีนึง หวังจะระบายอารมณ์ แล้วทีนี้ยังไงล่ะ? จากแรงอัดที่ผมส่งออกไปสู่ปลายเท้าจนกระทั่งมันกระทบเข้ากับวัตถุตรงหน้าอย่างจัง ประกอบกับแรงโน้มถ่วงของโลกที่มีอยู่แล้ว(เกี่ยวไรกัน) กระเป๋าผมก็กลิ้งสิครับ เออดี กูจะได้ไม่ต้องหิ้ว!

แต่ทว่า...

ทางข้างหน้ามันเป็นเนินครับ กระเป๋าของผมกลิ้งได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหยุดชะงัก นี่ผมต้องหิ้วของพวกนี้ไปจริงๆเหรอเนี่ย แล้วไอ้แห้วก็นะ อะไรจะเชื่อพ่อกูขนาดนั้น มันจะขับไปส่งกูจนถึงที่หน่อยก็ไม่ได้รึไง? ฟวยยยยยยยย!


คือเรื่องของเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ผมมีเรื่องมีทะเลาะวิวาทกับไอ้เหี้ยเสริฐ(ชื่อโคตรบ้านนอกอ่า แต่หน้าตามัน...ก็ไม่อยากจะยอมรับอ่านะว่ามันก็หน้าตาดี แต่แน่นอนว่าน้อยกว่าผม!) ซึ่งไอ้เหี้ยเสริฐเนี่ย มันเป็นลูกของเพื่อนสนิทพ่อผม แต่ว่าพ่อมันตายแล้วครับ จำได้ว่าก่อนตาย พ่อมันยังฝากฝังให้พ่อผมช่วยดูมันด้วย เอ่อ..ผมรู้แค่นี้แหละนะ และก็ไม่อยากจะรู้ไปมากกว่านี้ด้วย!

...และที่สำคัญผมกับมันก็กัดกันตลอดครับ! เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องมีเรื่องให้ได้ หรืออย่างน้อยๆก็ต้องได้เถียงกันบ้าง ไม่อย่างนั้นจะนอนไม่หลับครับ มันเป็นเรื่องปกติอ่านะ ก็ชิงดีชิงเด่นกันตามประสานั่นแหละ แต่วันนั้นผมดันพลาดไง มีเรื่องกะมันกลางโรงอาหารเลย เป็นไงล่ะ ใจมั้ย? และเท่านั้นยังไม่พอครับ มันดันมีพวกพลเมืองดีปากหมาคาบเรื่องไปฟ้องผู้ใหญ่ในมหาลัย คงจะหมั่นไส้พวกผมกันมานานล่ะมั้ง...

เห้ย! เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ผมบอกว่า ‘พวกผม’ งั้นเหรอ?

เอาใหม่ๆ แก้ๆๆๆ ผม กับไอ้เหี้ยเสริฐ ต่างหาก!

อ่า..ถึงไหนแล้ว? ขอย้อนกลับไปอ่านข้างบนแป๊บ...

อ้อ! ถึงตอนที่พวกมันหมั่นไส้ผม แต่ทำอะไรผมไม่ได้ อ่าหะ  เพราะเห็นอย่างนี้ผมก็ไม่ใช่ขี้ๆนะครับ ศิลปะป้องกันตัวก็เคยเรียน แถมเส้นก็ใหญ่ หึ พวกมันคงหาจังหวะที่จะเล่นงานผมนานแล้วล่ะ แต่ครั้งนี้คงจะสมใจพวกมันแล้ว...

ก็แหม พ่อผมเข้าออกมหาลัยเป็นว่าเล่นเพราะเรื่องผมมาตั้งสามเทอมแล้วนะ และผมเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรด้วยไง เรียนก็งั้นๆ แถมติด F สองตัว กูจะบอกทำไมวะ อันนี้ข้ามไป เออ นั่นแหละ ก็อย่างว่า ผมมันพวกหน้าตาดีไปวันๆ กิจกรรมอะไรก็ไม่ร่วม ที่เข้ามหาลัยได้ก็ใช้เส้นพ่อ ก็พ่อผมรวยอ่า มีไรปะ แล้วก็นั่นแหละครับ ทั้งผมแล้วก็ไอ้เหี้ยเสริฐโดนพักการเรียนไปตามระเบียบ TT
เพราะมึงตัวเดียวเลยไอ้เหี้ยเสิรฐ!(พาล) กูถึงต้องมาอยู่บ้านนอกนี่! แถมยังต้องเดินเข้าบ้านสวนบ้านเสินอะไรนั่นก็ไม่รู้อีกตั้งเป็นกิโล(ไอ้แห้วว่างั้น) อย่าให้กูเจอมึงนะ หน้าขี้เหร่ๆของมึงได้โคตรของโคตรขี้เหร่แน่! เจ็บใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินไปเก็บกระเป๋าที่เพิ่งเตะไป


ปริ๊นๆ

เอ๊ะ! เสียงนี้มัน...แตรรถมอเตอร์ไซด์!!!
ดั่งสวรรค์มาโปรด เสียงนี้ดังมาจากข้างหลังครับ อ่า..ขอบคุณพระเจ้า ผมคงไม่ต้องเดินแล้วสินะ ปริ่มมาก กูพูดเลยยยยยยยย


แต่...


แถ่ดๆๆๆ

ทะ..ทำไมเสียงมันเหมือนจะดับอย่างนั้นล่ะ? และเมื่อรถคันดังกล่าวใกล้เข้ามา...

แม่เจ้าโว๊ยยยยยยยยยยยยยย! นั่นมันเศษเหล็กหรือรถมอ’ไซด์วะน่ะ นี่กูจะฝากชีวิตไว้กับไอ้เศษเหล็กนี่เพื่อเข้าไปบ้านสวน(จำชื่อไม่ได้ เรียกงี้ไปก่อนละกัน) อย่างนั้นน่ะเหรอ?

เสี่ยงไปมั้ยวะ?


“จะไปไหนเหรอ พ่อหนุ่ม?” ทันทีที่..เอ่อ รถ ละกันนะ ให้เกียรติเศษเหล็กพวกนั้นมันหน่อยละกัน อ่า..พอรถนั่นมาจอดข้างๆผม ลุงคนขับก็ถามผมด้วยความใจดี...รึเปล่าก็ไม่รู้!?

เราไม่ควรไว้ใจคนแปลกหน้าไม่ใช่เหรอ? เกิดลุงนี่หลอกผมไปฆ่าหมกศพทำไง ผมยังไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนเลยนะ ยังไม่มีหลานให้พ่อเลย ผมยิ่งเป็นลูกคนเดียวอยู่ด้วย ส่วนแม่นางทั้งหลายที่ผ่านๆมานั้นก็แค่ของเล่นตามประสาเอง (._.) อยู่ดงเหล้า มันก็ต้องเคล้าบุหรี่ แล้วก็คั่วนารี เป็นธรรมดานี่ หึหึ


“ลุงถามทำไมอ่า?” ผมไม่ตอบครับ แต่ย้อนถามแทน

“ก็เห็นว่าข้าวของเยอะแยะ แล้วเดินไปทางนี้ก็คงจะไปบ้านสวนโรโรโนอา โซโรใช่มั้ยล่ะ?” ลุงนั่นถามขึ้นมาอีก แต่เดี๋ยวนะ?

‘บ้านสวนโรโรโนอา โซโร’ ใครเป็นคนคิด แม่งปัญญาอ่อนชิบหายยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมระเบิดหัวเราะออกมาทันทีเลยครับ แม่งเจ้าของมันเป็นเด็กหรือไง เอาชื่อการ์ตูนมาตั้งเป็นชื่อสวน อะไรมึงจะติดวันพีชขนาดนั้น ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

“เอ่อ มีอะไรรึเปล่าพ่อหนุ่ม?” ลุงถามขึ้นอีก ผมต้องหยุดหัวเราะสินะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

“อ๋อ เปล่าครับ ชื่อยาวดี ฮ่าๆๆ”

“ใช่ กว่าลุงจะจำได้ ก็ใช้เวลานานเหมือนกัน นี่ถ้าจำชื่อสวนไม่ได้นี่พ่อเลี้ยงเค้าไม่ให้ทำงานด้วยนา” ลุงนี่บอกผมอีก


อ่า..แสดงว่าเจ้าของบ้านสวนที่พ่อผมให้มาอยู่(ดัดนิสัย)ด้วยนี่ก็คือ สวนของไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนี่น่ะสินะ แล้วไหนบอกเป็นสวนของลูกหลานที่รู้จักและสนิทกันไงวะ? แต่ช่างเถอะ พ่อผมคนรู้จักแม่งทั้งประเทศ!


“ว่าแต่อีกไกลมั้ยอ่าลุง กว่าจะถึงบ้านสวนที่ว่าเนี่ย?” ผมถามลุงดู เพราะดูจากสภาพรถนี่แล้ว มันทำให้ผมอยากที่จะพึ่งพาตัวเองมากกว่าอ่านะ ผมยังไม่อยากจบชีวิตที่นี่ครับ

“อ๋อ จากนี่ไปถึงบ้านพ่อเลี้ยงก็ประมาณหก-เจ็ดโลเลยล่ะพ่อหนุ่ม”

“ผมขอติดรถลุงไปด้วยได้มั้ย?” เปลี่ยนใจทันทีครับ!
กูขออาศัยลุงนี่ดีกว่า แม้จะเสี่ยงก็เถอะ แต่ตั้งหก-เจ็ดโล กว่าจะถึงก็ทุ่มนึงพอดีมั้ง แล้วไหนจะข้าวของนี่อีกล่ะ?


“งั้นก็ขึ้นมาเลยพ่อหนุ่ม” ลุงบอก ซึ่งผมก็ทำตามครับ เกิดแกเปลี่ยนใจขึ้นมาผมก็ซวยสิ ณ จุดๆนี้แล้ว มันก็คงต้องเสี่ยงเอานั่นแหละ ถ้าเกิดลุงแกคิดจะทำอะไรผมล่ะก็ ดูจากรูปพรรณสัณฐานและอายุของลุงแกแล้วผมว่าผมเอาอยู่นะ



ไม่นานผมก็มาถึงที่หมายครับ โดยลุง..ชื่อไรวะ จำไม่ได้(แกยังไม่ได้ถาม!) และเศษเหล็กที่แทบจะเรียกว่ารถไม่ได้นั่น แต่มันก็ยังสามารถพาทั้งผม ลุง แล้วไหนจะสัมภาระพวกนี้ มาถึงจนได้ มึงเจ๋งจริงๆไอ้เหล็ก ฮ่าๆๆ ตั้งชื่อให้แม่งเลย


“คุณบอกว่าจะมาหาพ่อเลี้ยงใช่มั้ยครับ?” ลุงถามขึ้น คือผมคุยกะแกระหว่างทางที่มาน่ะครับ

“อ้อ ครับ” ผมพยักหน้า คือจริงๆแล้วผมไม่รู้หรอกครับว่าพ่อเลี้ยงติ๊งต๊องเจ้าของสวนนี่เป็นใคร รูปร่างหน้าตายังไง แล้วจะใช่คนที่พ่อบอกหรือเปล่า ผมรู้แค่ว่าไอ้แห้วมันมาส่งผมที่นี่แต่ยังไม่ถึงที่นี่ - -“ งงมั้ย? งงเรื่องของคุณ อ่า..และเมื่อถึงแล้วก็ให้ผมโทรบอกพ่ออีกที ผมรู้แค่นี้จริงๆครับ

“งั้นเดี๋ยวลุงไปตามพ่อเลี้ยงก่อนนะครับ คุณรออยู่ตรงนี้ก่อน” ลุงแกบอกก่อนจะเดินไป ความจริงลุงแกจะพาผมเดินเข้าไปด้วยก็ได้นะ แล้วทำไมลุงแกเพิ่งจะมาระแวงผมเอาตอนนี้ล่ะเนี่ย เอากับแกครับ คนแก่ - -“
ระหว่างที่ผมรอลุงไปตามพ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนั่น อ้อ! ลืมเล่าให้ฟังอย่างนึง คือตรงทางเข้าสวนอ่า เรียกว่ายังไงดีล่ะ? เอาเป็นว่าคือก่อนจะถึงที่ผมยืนตรงนี้อ่า มันมีป้ายบอกชื่อสวนด้วย แต่ป้ายนั่นแม่งฮาสัดเลยล่ะ ก็พี่แกเล่นเอารูป โรโรโนอา โซโร ติดหราซะขนาดนั้น ผมงี้ขำจนท้องแข็งอ่า ฮ่าๆๆๆๆ

พอละ!

จบเรื่องปัญญาอ่อนนั่นไว้แต่เพียงเท่านี้ ระหว่างที่ผมรอลุงผมก็หยิบไอโฟนขึ้นมาดูอีกที เห้ย! มันมีสัญญาณโว้ย มิน่าล่ะ พ่อถึงบอกให้ผมโทรหา แสดงว่าพ่อรู้สินะว่าที่นี่มันใช้โทรศัพท์ได้

แต่โทษที ผมหยิ่ง!

ผมยังไม่โทรไปหรอกครับ จะแกล้งให้เป็นห่วงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ผมจะไม่โทรหาพ่อจนกว่าพ่อจะโทรหาผมก่อน หึหึ ผมเก็บไอโฟนเข้าที่เดิมครับ

“นั่นรถลุงหมานนี่หว่า” เสียงใครวะ? ทำไมแม่งคุ้นๆ ผมเลยหันกลับไปดู

“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย/เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย” ทั้งผมและมันต่างร้องออกมาเป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน แม่งมาอยู่นี่ได้ไงวะ?
ไอ้เหี้ยเสริฐ!!!!!!!!!!!!






TBC……………………………………

Talk : ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ เบาสมอง ตลกโปกฮา(มั้ง) 5555555555

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 1+_P.1 21Jul2018
«ตอบ #2 เมื่อ21-07-2018 14:04:08 »

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 1+_P.1 21Jul2018
«ตอบ #3 เมื่อ23-07-2018 19:10:10 »

2



   ไอ้ห่านี่มันมาอยู่นี่ได้ไงวะ?

   “ทำไมมึงมาอยู่นี่” ไวเท่าความคิดครับ ผมถามในสิ่งที่สงสัยมากที่สุดก่อน

   “กูมากกว่ามั้ง ที่ต้องเป็นคนถาม” มันว่า

   “กูถามมึงก่อนนะสัส อย่ากวนตีนได้มั้ย?” ผมว่าพลางมองมันนิ่งๆ

   “กูกวนตีนแล้วจะทำไม?” ดู ดูมันครับ  ยอกย้อนซะขนาดนั้น แล้วจะไม่ให้ผมหมั่นไส้ได้ไงล่ะ แม่ง จัดซักทีดีมั้ย?

   “มึงก็จะได้เจอย่างนี้ไง สัส!”

   พลั่ก!!

   ทันทีที่พูจบ หมัดลุ่นๆที่ถูกปล่อยออกไปเต็มแรง ซัดเข้าที่หน้าหล่อๆของมัน(ซึ่งน้อยกว่าผม) อย่างแรง จนมันต้องเซไป เพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัว

   “เหี้ยเคมึงต่อยกู!” ว่าแล้วมันก็กระโจนเข้าหาผมครับ มาเลย กูไม่กลัวมึงหรอก ไอ้ห่า!

   พลั่ก!!

   ไอ่เชี่ยยยยยยยย คิ้วกู ซัดมาได้นะมึง

   แล้วผมกับมันก็นัวเลยครับ! อ๊ะๆๆ อย่าเพิ่งตีความหมายไปทางที่เสื่อมอย่างนั้น ผมหมายถึงต่างคนต่างซัดกันนัวเลยครับ และขณะที่ผมกำลังง้างหมัดขึ้นและกำลังจะอัดเข้าท้องมันอยู่นั้น...


   ซ่า!!!


   น้ำเย็นๆถูกสาดมาอย่างแรง! แม่งผสมน้ำแข็งหลอดมาด้วยนี่หว่า มิน่า เอาสัด แถมน้ำแข็งยังกระเด็นโดนหน้าผมด้วย เท่านั้นยังไม่พอ น้ำแข็งที่ว่านั่นไหลเข้าไปในเสื้อผมด้วย Kเอ๊ยยยยยยยยย!

   แม่งใครวะ?!?!

   และเมื่อผมกับไอ้เหี้ยเสริฐผละออกจากกัน(?) ผมก็หันไปยังต้นตอของความเปียกนี่ ผมเห็นลุงแกถือกระแป๋งน้ำครับ! ชัดเจนเลยลุง ทำงี้ได้ไง ผมไม่ใช่หมานะ!!!!!

   “กัดกันเหมือนหมาเลยนะ” เชี่ยยยยยยยยยยยยย! กูยังนึกไม่ทันขาดคำ ไอ้คนที่ยืนข้างๆลุงนั่นก็พูดขึ้นมาซะงั้น ว่าแต่ไอ้หมอนี่มันใครกัน? ทำไมหน้าคุ้นๆ..

   ดูๆแล้วท่าทางจะแก่กว่าผมแค่ไม่กี่ปี รูปร่างสูงโปร่ง เพรียว แต่ก็ไม่ถึงกับแห้ง ไว้ผมยาวระต้นคอ แถมดัดปลาย เอ๊ะ หรือ มันงอตามธรรมชาติ? แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นครับ! คือโดยรวมแล้วไอ้ห่านี่มันหล่อ! หล่อเกาหลีเลยล่ะ ไม่ได้ประชดนะ มันหล่อจริงๆ..

   แต่โทษที ถึงยังไงก็ยังน้อยกว่าผมอยู่ดี! หึหึ

   “เปียกหมดเลยลุงหมาน” คราวนี้เป็นไอ้เสริฐครับที่เป็นคนโวยวาย

   “เอ่อ ขอโทษครับคุณเสริฐ แต่ว่าพ่อเลี้ยงบอกให้ลุงทำแบบนี้” ลุง เอ่อ สงสัยชื่อหมาน เอาเป็นว่าลุงหมานนั่นว่า ด้วยสีหน้าที่เกรงใจไอ้เหี้ยเสริฐแบบสุดๆ

   “เฮียผมไม่ใช่หมานะ!” ไอ้เสริฐเปลี่ยนเป้าหมายในการโวยวายทันที

   “อ้าวเหรอ? ก็เห็นกัดกันนี่นา” ไอ้ผมยาวว่า

   แต่เดี๋ยวนะ ผมว่ามันชักจะยังๆอยู่นะ เดี๋ยวขอเรียบเรียงก่อน...

   ลุงหมานบอกว่าพ่อเลี้ยงสั่งให้เอาน้ำมาสาดผมกับไอ้เหี้ยเสริฐ

   ไอ้เหี้ยเสริฐเรียกไอ้ผมยาวว่า ‘เฮีย’ ก็แสดงว่ามันเป็นพี่น้องกัน...

   แต่ลุงหมานดูเคารพไอ้ผมยาว อย่าบอกนะว่า...

   “เอ่อ..เอายังไงดีครับพ่อเลี้ยง” ลุงหมานหันไปถามความเห็นจากไอ้ผมยาว แถมยังเรียกมันว่า ’พ่อเลี้ยง’ ด้วย สรุปก็คือ...

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”  ผมระเบิดหัวเราะออกมาทันทีครับ ที่แท้ไอ้ผมยาวนี่ก็เป็นไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องเจ้าของสวนนั่นเอง คนอะไรปัญญาอ่นชิบหาย คิดได้ไงเอาชื่อการ์ตูนมาตั้งเป็นชื่อสวนของตัวเอง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

   “หัวเราะส้นตีนไร” ไอ้เสริฐครับ มันงงแตกเลยที่อยู่ๆผมก็ระเบิดหัวเราะออกมา

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมยังคงหัวเราะต่อครับ ก็มันตลกนี่นา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

   “หัวเราะแล้วได้ตังค์เหรอ?” อยู่ๆไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนั่นก็ถามขึ้นมาด้วยใบหน้าซื่อๆ ยิ่งมองแล้วยิ่งตลกว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร(แกยังไม่ทันได้หยุดหัวเราะเลยด้วยซ้ำ) มันก็พูดออกมาอีก

   “หัวเราะด้วยคนดิ” มันว่า ก่อนจะ..


   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”


   “...............” เงิบแดกสิครับ พอมันหัวเราะออกมาผมก็ฮากริบเลยสิงานนี้ แม่งมันเต็มรึเปล่าวะ? แต่คิดว่าคงไม่นะ ดูจากชื่อสวนสิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

   “สรุปจะมีใครบอกกูได้รึยังว่าทำไมไอ้ห่าเคถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ไอ้เสริฐโวยวายขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งให้ทุกคนรับรู้ว่า มันยังอยู่ตรงนี้นะ อ่อ โทษที กูนึกว่ามึงตายไปแล้วซะอีก

   “ก็นี่มันลูกอาพินิจไม่ใช่เหรอ?” ไอ้พ่อเลี้ยงนั่นหันไปถามไอ้เสริฐ แต่เห้ย! นั่นมันชื่อพ่อผม

   “เออ แล้วไง?” ไอ้เสริฐถามอีก ก่อนมันจะพูดต่อเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้

   “อย่าบอกนะว่า...”

   “ใช่ มันจะมาอยู่กับเราที่นี่”

   “เหี้ยยยยยยยย/เหี้ยยยยยยยย” เป็นอีกครั้งครับ ที่ทั้งผมและไอ้เสริฐต่างอุทานเรียกชื่อสัตว์ชนิดเดียวกันออกมา

   “ได้ไงวะ?” ผมงงแตกเลย นี่พ่อผมคิดอะไรอยู่ ก็รู้ทั้งรู้นี่นาว่าผมกับไอ้เสริฐเป็นอริกันอ่า แล้วทำไมถึงได้ส่งผมมาหามันล่ะ? โว้ยยยยยยยยยยย กูจะบ้าตาย!

   ผมรีบคว้าไอโฟนที่เพิ่งยัดเข้ากระเป๋าไปเมื่อกี้ออกมาแล้วกดโทรหาพ่อย่างเร่งด่วนเลยครับ ไม่งงไม่งอนมันแล้ว ทิธงทิฐิ ก็ไม่ต้องมงต้องมีมันแล้ว ตอนนี้ผมต้องคุยกับพ่อให้รู้เรื่องก่อน!


   [ตรู๊ดดดด...ตรู๊ดดดด..] เสียงสัญญาณดังขึ้นบ่งบอกให้รู้ว่าโทรติดแล้ว แต่ปลายสายยังไม่รับ และขณะที่ผมรอให้พ่อผมรับโทรศัพท์อยู่นั้น ผมก็ได้ยิน...

   “เอาของมันไปเก็บในบ้านก่อนเลยลุง” ไอ้พ่อเลี้ยงมันสั่งลุงหมานครับ แต่ใครบอกล่ะ? ว่ากูจะอยู่กับพวกมึงที่นี่!

   “ไม่ต้อง” ผมรีบบอก และในขณะเดียวกันนั้นพ่อผมก็รับสายพอดี

   [ถึงแล้วเหรอ ไอ้เสือ?] ใช่! ผมชื่อโอเค แต่พ่อชอบเรียกแบบนี้

   “ถึงนานละ” ผมว่า

   [แล้วทำไมเอ็งเพิ่งจะโทรมาเอาป่านนี้วะ?] พ่อผมถามอีก

   “ก็ผมอยากให้พ่อเป็นห่วงผมอ่า ไม่ได้รึไง?” ผมว่ากลับไป คือจริงๆแล้วผมกับพ่อไม่ได้โกรธเคืองกัน หรือว่าพ่อจะโหดใส่ผมเลยแม้แต่น้อย ยิ่งถ้าพวกคุณคิดว่าทั้งผมแล้วก็พ่อต่างฝ่ายต่างเป็นพวกที่ไม่ยอมกันล่ะก็...


   คิดผิดครับ!

   ผมกับพ่อนี่เหมือนเพื่อนกันมากกว่า สนิทกันมากกกกกกก นี่ถ้าอายุเท่ากันนี่คงพากันเมา หาผู้หญิงฟันเป็นว่าเล่นกันไปแล้ว แต่นี่อายุพ่อแกก็เยอะแล้วไง เลยทำอย่างที่ผมว่าไม่ได้ ถึงจะอยากก็เถอะ  ก็นะ..ผมมันลูกคนเดียวครับ แถมแม่ก็ยังมาเสียตั้งแต่ผมยังเด็กๆอีก พ่อผมเลยเป็นเหมือนทุกอย่างในชีวิตผมเลย แล้วไอ้เรื่องที่พ่อส่งตัวผมมาอยู่ที่นี่อ่านะ คงเพราะอยากจะแกล้งกันมากกว่า ทำไมน่ะเหรอ?

   ก็ดูไอ้เจ้าของสวนติ๊งต๊องนี่สิ!!!!!

   พ่อส่งผมมาให้คนพวกนี้กวนประสาทเล่น โดยที่พ่อไม่ต้องทำอะไรเลย เป็นไงล่ะ บิดาผู้บังเกิดเกล้าของผม!

   [ไอ้ได้น่ะมันก็ได้ พ่อก็ห่วงเองอยู่แล้วนี่หว่าไอ้เสือ] หรา ผมอยากจะตะโกนถามแบบนี้ออกมาดังๆ

   “ห่วงแล้วทำไมถึงส่งผมมาอยู่กับไอ้คนประสาทพวกนี้! แถมไอ้แห้วก็ยังมาส่งผมไม่ถึงที่อีกด้วย” หึหึ ได้ทีกูฟ้องเลยครับ

   [นี่เอ็งเจอเจ้าของสวนเค้าแล้วเหรอวะ?] พ่อผมถาม

   “เจอแล้ว” ผมตอบ

   [เออ เจอแล้วก็ดี พ่อจะได้หมดห่วง อยู่โน่นก็ทำตัวดีๆล่ะ อย่าสร้างเรื่องให้มันมาก ถ้าเกิดว่าทำตัว ดีจะได้กลับบ้านไว] พ่อร่ายมาเป็นชุดโดยไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดบ้างเลย

   “ใครบอกว่าผมจะอยู่ที่นี่ ส่งไอ้แห้วมารับผมเลยนะพ่อ”

   [ฮะ? เอ็งว่าไงนะไอ้เสือ พ่อไม่ค่อยได้ยินเลยว่ะ]
 
   “พ่อ! ได้ยินผมมั้ย? ผมบอกว่าให้ไอ้แห้วมันมารับผม ไม่งั้นก็ส่งตังค์มาให้ผมกลับเองก็ได้” ผมว่า อ้อ ลืมบอกไป ว่าที่พ่อผมส่งมาอยู่ที่นี่อ่า แกไม่ได้ให้ตังค์ผมมาซักกะบาทเดียว แต่ก็ยังดีที่ให้เอาโทรศัพท์มาด้วยได้

   [เห้ย เอ็งพูดไม่รู้เรื่องว่ะไอ้เสือ ฮัลโหล โหลๆๆๆ..ตู๊ดๆๆๆๆๆ] และสายก็ตัดไป...

   ได้ เล่นมุกนี้ใช่มั้ยยยยย เดี๋ยวผมจะทำตัวดีๆอย่างที่พ่อต้องการให้เอง!

หึหึ สนุกแน่งานนี้ แต่ก่อนอื่น ผมต้องเคลียร์กับไอ้พวกนี้ก่อน

“ลูกแหง่จังน้าาาา” ไอ้เสริฐมึงว่ากู! มันคงจะได้ยินที่ผมบอกให้พ่อส่งตังค์ส่งคนมารับผมน่ะสิ

“แล้วมึงล่ะ ดีนักรึไง ในเมื่อมึงก็ยังต้องแบมือขอเงินคนอื่นใช้อยู่เหมือนกัน!” กูไม่ยอมให้มึงแขวะกูฝ่ายเดียวหรอกนะ

“มึง!” มันว่าพร้อมกับจะกระโจนเข้าหาผม มาเลยสิ คนอย่างกูไม่กลัวมึงอยู่แล้ว!

“หยุด!” คราวนี้เป็นไอ้พ่อเลี้ยงครับ ที่เป็นคนลั่นวาจาประกาศิตออกมา

“ลุงหมานขนกระเป๋าของหมาน้อยนี่ไปไว้ในบ้านได้เลย” อ้าวเชี่ยยยยยยยยยย! ทำไมพูดจาควายๆอย่างนี้ล่ะครับ ปากดีทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ ผมเลยมองมันด้วยใบหน้าหาเรื่อง กูไม่เคารพมึงหรอกนะไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊อง ซึ่งมันก็มองผมกลับมาเช่นกัน แต่มองกลับมาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกว่ามันคิดอะไรอยู่กันแน่!

“เอ่อ แล้วพ่อเลี้ยงจะให้ผมเอาไปไว้ที่ห้องไหนเหรอครับ?” ลุงหมานถามขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

“ห้องไอ้เสริฐไง เป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?”

“ได้ไงวะ / Kเหอะ!” ผมกับไอ้เสริฐต่างพูดออกมาพร้อมกัน ประโยคแรกเป็นของมัน ส่วยวลีเสื่อมๆนั่นเป็นขอองผมเองครับ

“ก็บ้านเรามันมีแค่สองห้องนี่นา” ไอ้พ่อเลี้ยงมันว่า

“แล้วทำไมต้องห้องผมล่ะ?”

“แล้วจะให้มันไปนอนไหนล่ะ? คอกหลังสวนหรือไง?” ไอ้พ่อเลี้ยงมันประชดออกมาครับ แต่เดี๋ยวกูว่ารางร้ายเริ่มมาละ...

“ก็ดีเหมือนกันนะเฮีย มันจะได้ช่วยเก็บขี้...”

“บ้านมึงดิ สัด!” ผมพูดขัดขึ้นทันที ก่อนที่มันจะพูดจบประโยคด้วยซ้ำ

“เออ ก็บ้านกูดิ มึงนึกว่าเป็นบ้านใครล่ะ?” มันว่าพลางทำหน้ากวนตีน สงสัยอยากให้ปากนั่นช้ำอีกข้างหนึ่งล่ะมั้ง

“พอ เลิกกัดกันได้แล้ว” ไอ้พ่อเลี้ยงนั่นปรามขึ้นก่อนจะหันมาบอกกับผม

“หมาน้อยมึงนอนกับกูก็แล้วกัน”

เชี่ยยยยยยยย! กูไปเป็นหมาน้อยของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วทำไมกูต้องนอนกับมึงไม่ทราบครับ?

“ทำไมกูต้องนอนกับมึง” ผมถามพร้อมกับจ้องหน้ามัน

“สัด นั่นเฮียกู พูดจาให้เกียรติผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง” คราวนี้เป็นไอ้เสริฐครับที่หันมาว่าผม

“กูจะพูดงี้ ใครจะทำไม?” ผมว่าพร้อมกับเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ซึ่งมันเป็นการกระทำที่กวนตีนที่สุด! ถ้าหากว่าใครอยากตายก่อนวัยอันควรก็ลองไปทำใส่ไอ้พวกนักเลงดูนะ รับรองได้ตายสมใจแน่ครับ

“หยุด!” ไอ้พ่อเลี้ยงว่าอีก กูว่ามึงพูดคำว่าหยุดนี่หลายรอบแล้วนะ

“เลือกเอาว่าจะนอนกับกู หรือไอ้เสริฐ?” มันพูดแค่นั้นครับ แล้วมันก็เดินนำไปเฉยเลย ส่วนไอ้เสริฐก็วิ่งตามพี่มันไปพร้อมกับโวยวายเรื่องที่นอนของผม ว่าทำไมจะต้องให้ผมไปนอนกับมันด้วย เหอะ! กูอยากนอนกับมึงตายเลยแหละ สัด!

กูยอมนอนกับไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนั่นก็ได้วะ!

ใช่ว่ามันจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีให้ผมเลือกเลย...

“สรุปคุณจะไปนอนกับใครครับ ผมจะได้ขนของเข้าไปไว้ถูก” อ้อ!ลุงยังอยู่แฮะ ผมลืมลุงไปได้ไง(เค้าก็อยู่ตั้งนานแล้วล่ะนะเคนะ - -“)

“กับไอ้พ่อเลี้ยงนั่นก็ได้” ผมตอบกลับไป แต่จะว่าไป...ผมยังไม่รู้เลยนี่หว่า ว่าไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนี่ชื่ออะไร?

“เออ ลุง ผมถามไรหน่อยดิ”

“ครับ ว่าไง?”

“พ่อเลี้ยงของลุงเนี่ย ชื่ออะไรอ่า?”

“อ๋อ พ่อเลี้ยงแกชื่อ บรรเจิด ครับ” ลุงหมานแกบอกก่อนจะรีบเดินนำไป สงสัยจะหนัก ก็ข้าวของผมมันน้อยๆซะที่ไหนกันล่ะ แต่เดี๋ยวนะ...

ไอ้พ่อเลี้ยงนั่นชื่อ บรรเจิด เหรอวะ? ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่ชื่อบรรเจิด ส่วนน้องชื่อไอ้เสริฐ และมีชื่อจริงเต็มๆว่าไอ้เหี้ยประเสริฐ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ตลกว่ะ ชื่อพวกมันแม่งไม่ได้เข้ากับหน้าตาเล้ยยยยย ฮ่าๆๆๆๆ


บรรเจิด!!!



TBC……………………….
 


Talk : ฝากติดตามด้วยนะครับ เรื่องนี้เบาสมอง บ้าๆบอๆครับ 5555555

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 2+_P.1 23Jul2018
«ตอบ #4 เมื่อ23-07-2018 21:33:21 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 2+_P.1 23Jul2018
«ตอบ #5 เมื่อ25-07-2018 18:48:08 »

3



   หลังจากที่ขำกับชื่อของไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนั่นแล้ว ผมก็เดินตามลุงหมานแกไปครับ แต่จะว่าไปผมนี่เสียมารยาทจัง ทำไมต้องไปหัวเราะเยาะชื่อคนอื่นเค้าด้วยเนี่ย? แต่ช่างมัน ผมก็เลวงี้แหละ หึๆ

   ตลอดทางที่ผมเดินเข้าไปนี่ มีแต่ต้นไม้ครับ เยอะแยะเต็มไปหมด แต่ก็ใช่ว่าจะทึบอย่างกับป่าดงพงไพร อย่างนั้นไม่ใช่น้า ต้นไม้ตามทางนี่ถึงจะแยะ แต่มันก็ถูกปลูกไว้อย่างเป็นระเบียบอ่า ซึ่งหาดูได้ยากนะ ยิ่งในกรุงเทพฯล่ะก็ อย่าหวังว่าจะได้เห็น

   แต่เอ๊ะ! กูรู้สึกว่ามันเดินไกลไปแล้วนะ เดินมาตั้งนานละ ทำไมยังไม่ถึงซักที ผมเลยรีบเดินเข้าไปใกล้ๆลุงหมานแก

   “อีกไกลมั้ยอ่าลุง?” ผมถามลุงแกครับ

   “ถึงแล้ว นั่นไง” ลุงแกบอก พร้อมกับชี้มือไปทางซ้าย นอกเส้นทาง เห็นบ้านไม้หลังหนึ่งอยู่ แต่...


   แม่เจ้าโว้ยยยยยยยยยยย!

บ้านหลังเบ่อเริ่มเลย! แถมเป็นบ้านไม้อีก แล้วนี่ก็ไม่ใช่แค่ไม้ธรรมดานะครับ เป็นไม้สักทองด้วย ไอ้พ่อเลี้ยงนี่ไม่ธรรมดานี่หว่า แต่ไม่แน่ นี่อาจจะเป็นมรดกตกทอดจากลุงเลิศก็ได้(พ่อมัน) แต่เดี๋ยวนะพ่อมันชื่อเลิศ อย่าบอกนะว่าชื่อจริงจะชื่อ ‘เลิศล้ำ’ อ่า ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮาไปละสาดดดดด พ่อชื่อเลิศล้ำ พี่คนโตชื่อ บรรเจิด น้องชื่อประเสริฐ โอ้ววววววววววว แม่เจ้า!เดี๋ยวคงต้องกลับไปถามพ่อดู ว่าลุงเลิศชื่อจริงๆแกชื่อว่าอะไร

“มึงเดินช้าว่ะ หมาน้อย” ทันทีที่เข้าไปถึง ไอ้พ่อเลี้ยงนั่นก็ทักขึ้นพร้อมกับเอียงหน้ามอง คือมึงคิดว่าทำท่าแบบนี้แล้วน่ารักเหรอสาดดด แล้วที่สำคัญนะ กูไม่ใช่หมาน้อย!

“กูชื่อโอเค” ผมบอกกลับไป

“กูรู้แล้ว ไอ้เสริฐบอกแล้ว”

“เออ รู้ก็ดี แล้วก็ช่วยเรียกชื่อนั่นด้วย” ผมบอกอีก

“ไม่” มันส่ายหน้าครับ

“ทำไม?” ผมถามกลับทันควัน

“ก็มึงเหมือนหมาน้อยอ่า” มันว่าก่อนจะลุกจากโซฟาที่ทำด้วยไม้อีกเช่นกัน(แถมมีการแกะสลักลวดลายด้วย) แล้วก็หันมาบอกผมพร้อมกับชี้มือไปยังห้องๆหนึ่ง

“ห้องกู”

“แล้วทำไมมึงต้องลุกขึ้นด้วย แค่บอกทางกูก็พอมั้ง บ้านแค่นี้กูไม่หลงหรอก” ผมว่า

“นี่หมาน้อยกลัวกูเหรอ?” มันว่าพร้อมกับก้าวเดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆ จนตอนนี้มันแทบจะสิงผมแล้ว นี่ถ้าทำได้แม่งก็คงทำไปแล้วล่ะ

“ใครกลัวมึง สัส” ผมว่าพร้อมกับผลักอกมันแรงๆหนึ่งที มันเซเล็กน้อยครับ แต่จะมากจะน้อยมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับผม หลังจากที่ผลักมันผมก็เดินไปยังห้องที่มันชี้บอกเมื่อก่อนหน้านี้ทันที

“หึหึ..” ผมได้ยินเสียงหัวเราะจังไรๆนั่นตามมา แต่เจ้าของเสียงหาได้ตามมาไม่ เออดี ค่อยโล่งใจหน่อย นี่ผมคิดผิดหรือคิดถูกวะเนี่ย ที่ยอมเลือกที่จะนอนห้องเดียวกันกับไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนี่อ่า ดูท่าทางมันจิตๆไงก็ไม่รู้ แต่ถ้าเลือกนอนกับไอ้เสริฐ อย่างน้อยก็สบายใจได้อย่างหนึ่งละ ว่ามันไม่มีทางทำท่าโรคจิตๆใส่ผมแน่ๆ...


 แต่...แค่ผมเห็นหน้ามันก็อยากจะเอาเท้าลูบหน้ามันจะแย่อยู่แล้ว แล้วนี่จะต้องมานอนด้วยกัน? บรื๋ออออออ ไม่เอาอ่า ผมยังไม่อยากติดคุกเพราะฆ่ามันตายนะ!


ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไป...

ก็ไม่มีอะไรอ่า ก็เหมือนห้องนอนธรรมดาของผู้ชายทั่วไป มีเตียงขนาด เอ่อ..ไม่รู้สินะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน แล้วผมก็ไม่คิดที่จะเอาไม้บรรทัดมาวัดเพื่อบอกคุณหรอกนะ เอาเป็นว่าเตียงห่านี่ใหญ่มากๆ พอ จบ โอเคนะ? เรื่องเตียงจบไป!

ถัดมาก็มีชุดโฮมเธียเตอร์ครบชุด อยู่ตรงปลายเตียงครับ ซึ่งขนาดของหน้าจอมัน.. ก็นะ ผมก็ไม่รู้หรอก แล้วมันใช่เรื่องปะที่ผมจะต้องไปวัดขนาดเพื่อมาบอกพวกคุณเนี่ย เอ๊ะ! ยิ่งบรรยาย ทำไมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโคตรชั่วเลยวะ?

ข้ามๆๆ ช่างมัน ผมก็เลวอย่างนี้แหละ อย่าถือสาเลย!

คือตอนนี้ยังอารมณ์ไม่คงที่อ่านะ ไอ้โจ้(เพื่อนผม) มันยังบอกเลยว่าผมนี่อารมณ์อย่างกับผู้หญิงเป็นประจำเดือนตลอดเวลา สามนาทีสี่อารมณ์ น้อยคนนักที่จะเข้าใจผม แต่ไอ้ห่าโจ้นี่เทพว่ะ ตามอารมณ์กูทันด้วย ฮ่าๆๆๆๆ

เอ่อ...

กูหัวเราะอะไรวะ ครับ ?


Truuuuuuu Truuuuuuu


ผมหยิบไอโฟนลูกรักออกมาดูหลังจากที่มันกรีดร้องสะดีดสะดิ้งและสั่นอย่างบ้าคลั่ง(?)


‘JOJO’


หน้าจอปรากฏชื่อและรูปภาพ(ซึ่งมันเสือกตั้งเอง)ของบุคคลที่ผมเพิ่งนินทามันไปเมื่อสักครู่ ตายยากสาสสสสสส

“ฮัลโหล” ผมรับสาย

[ยังไม่ตายเหรอมึง?] นอกจากจะตายยากแล้วยังปากดีอีกนะมึง สงสัยมึงคงจะไม่อยากตายยากแล้วล่ะมั้ง

“สรรพสัตว์!” ผมให้มันเลือกครับ มึงจะเป็นตัวไหน เชิญเลือกได้ตามสบายเลย

[ขอบคุณ!] ไม่มีสะทกสะท้านซะด้วย

[ตอนนี้มึงอยู่ไหน?] มันถามผมจริงจัง

“ต่างจังหวัด” ผมตอบ ประเด็นคือตอนนี้ผมไม่รู้ไงว่าตัวเองอยู่จังหวัดไหน ก็ตอนที่มาผมหลับนี่

[จังหวัดไหนวะ?] มันถามอีก

“แล้วมึงจะซักกูอีกนานมั้ย สัส กูขาวสะอาดหมดแล้วววววว” ผมว่า

[กูอยากเสือกบ้างไม่ได้ไง๊ สัส] มันว่า

“ได้ เพราะยังไงนิสัยนี้ของมึงมันก็แก้ไม่หาย ก๊ากกกก แต่! ตอนนี้กูไม่มีอารมณ์จะให้มึงเสือกว่ะ กูหงุดหงิด!” ผมบอกกลับไป

[เมนส์มาอีกแล้วเหรอ ฮ่าๆๆๆ] มันหัวเราะเยาะผม

“สัส ถ้ามึงจะกวนตีนกู ก็วางไปเลยไป” ผมว่า

[อ่ะแน่ะ มีงอนด้วย แล้วมึงหงุดหงิดอะไรวะ] แหมมมม ถามมาได้นะมึง มึงลองมาเป็นกูบ้างมั้ยล่ะ

“ก็จะไม่ให้กูหงุดหงิดได้ไง ในเมื่อที่พ่อกูให้มานี่แม่งโคตรกันดารอ่า ที่มึงโทรหากูติดได้นี่ก็บุญโขแล้ว” ผมว่า เอ่อ...แต่จะว่าไปมันก็ไม่ได้ชนบทอะไรขนาดนั้นหรอกนะครับ ออกจะอากาศดีมากด้วยซ้ำ หากแต่ระยะทางกว่าจะมาถึงบ้านนี่มันไกลเกินไปก็แค่นั้นเอง...

ผมมันพวกติดสบายน่ะครับ ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยลำบาก ก็บ้านรวยอ่า จบปะ?
แต่อย่างว่า! ผมหงุดหงิดไง ต้องใส่เอฟเฟค และอะไรหลายๆอย่างประกอบบทพรรณนา(โม้)ของผมให้มันดูรันทดหน่อย เผื่อไอ้โจ้มันจะสงสารแล้วเอาไปทูลเด็จพ่อผมให้รีบเปลี่ยนใจและให้ผมกลับสู่เมืองกรุงโดยไว...

แต่ทว่า...

[เออดีละ มึงจะได้รู้ซะบ้างว่าความลำบากมันเป็นยังไง ฮ่าๆๆ] ดู! ดูมันหัวเราะเยาะผม ไอ้เลววว

“นอกจากจะไม่ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นแล้วมึงยังซ้ำเติมกูอีกนะ ฟวยยย” ผมเลยด่ามันไปครับ

[มึงจะหงุดหงิดไรขนาดนั้นวะไอ้เค บ้านที่มึงอยู่ไม่ดีเหรอ? หรือเป็นกระต๊อบ?] มันถามอีก

“เปล่าหรอก...” ความจริงไอ้บ้านนี่ก็หรูใช้ได้เลยนะ เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน เฟอร์นิเจอร์ก็เพียบ หากแต่ว่าทำด้วยไม้แค่นั้นเอง เหอะ! ไอ้พวกไม่รักษ์โลก! (โอเคมันพาล : ‘Puzzle)

[แล้วทำไมมึงต้องหงุดหงิดด้วยวะ?] ต่อมความเสือกของไอ้โจ้ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง

“ก็บ้านที่กูอยู่นี่มันบ้านของพี่ชายไอ้เหี้ยเสริฐยังไงล่ะ!”

[เหรี้ยยยยยยยยยยย] สัตว์เดรัจฉานสี่เท้าชนิดหนึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากปากขอไอ้โจ้

“เออ มึงยังข้องอยู่มั้ย ว่าทำไมกูถึงหงุดหงิด?” ผมถามกลับไป

[กูเก็ทแล้ว]


พรวดดดดด!


อยู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาโดยเจ้าของห้องนั่นเอง แม่ง ไม่มีมารยาทเลยรึไง ถึงจะเป็นห้องของมึงเองก็เถอะ อย่างน้อยผมก็อยู่ในนี้ มันควรจะเคาะประตูรึเปล่าวะ ?

ผมจ้องหน้ามัน...คนที่เพิ่งเข้ามา

มันมองหน้าผม...พร้อมกับเอียงคอ กูขอให้มึงเป็นโรคพาร์กินสัน!(สันนิบาต)

[ฮัลโหล ไอ้เค ฟังอยู่รึเปล่าวะ?] ปลายสายถามขึ้นเมื่ออยู่ๆผมก็เงียบไป

“เออ เดี๋ยวกูโทรกลับ” ไม่รอให้ปลายสายพูดหรือตอบรับอะไรผมก็กดวางสายทันที

“ทำไมไม่รู้จักเคาะประตูวะ?” ผมเปิดประเด็นหาเรื่องทันที หึหึ เรื่องแบบนี้ผมก็ใช่ย่อยนะ(เรื่องแบบนี้เค้าน่าอวดกันด้วยเหรอวะ? : ‘Puzzle)

“ก็นี่ห้องกู” มันตอบ

“แต่มึงก็รู้นี่นาว่ากูอยู่ในนี้อ่า เกิดมึงทะเล่อละล่าเปิดเข้ามาตอนที่กูกำลังโป๊อยู่จะว่ายังไง?” ผมโวย ไม่รู้ล่ะ เหตุผลอะไรที่พอจะเอามาแถ เอ๊ย เอามาพูดให้ตัวเองดูดีนี่ผมเอาหมดครับ ว่าแต่แถ กับ ยกเหตุผลมาสนับสนุนตัวเองมันต่างกันตรงไหนวะ ?

“หมาน้อยอายเหรอ?” อีกละ มึงถามกูดีๆก็ได้มั้ง มึงจะเอียงคอหาบุพการีมึงเหรอ? แล้วก็เลิกเรียกกูหมาน้อยสักทีเถอะสัส

“กูชื่อโอเค!” ผมตะโกนใส่หน้า เผื่อว่าความดังกว่า 80 เดลซิเบลที่ผมเปล่งออกไปนี่จะออสโมซิสเข้าหัวมันบ้าง

“กูรู้แล้ว ไอ้เสริฐบอกแล้ว” มันพูดซ้ำ ประโยคเดิมเหมือนกับบรรรทัดข้างบนเป๊ะๆ

“รู้แล้วก็เรียกชื่อกูดิ สัส” ยิ่งเห็นหน้ายิ่งหมั่นไส้ ตอนนี้ผมเริ่มจะเกลียดไอ้พ่อเลี้ยงนี่มากกว่าน้องมันแล้วนะ ดูๆแล้วเหมือนมันจะไม่อะไรนะ แต่ไอ้ท่าทางนิ่งๆ บ้าๆบอๆของมันนี่แหละยิ่งโคตรกวนตีนเลย!

“จะเรียกหมาน้อย จะทำไม?”

“ไม่ไหวแล้วววว!”


พลั่ก!


ว่าแล้วผมก็เสยหมัดเข้าที่หน้ามันทันทีเลยครับ เหอะๆ กูหมั่นไส้ อ้อ อย่าแปลกใจว่าทำไมต้องเสย ก็เพราะมันสูงกว่าผมไง(ใครใช้ให้มันเกิดมาเปรตล่ะ) ผมก็เลยต้องช้อนกำปั้นตัวเองขึ้นเพื่อให้มันบรรจบเข้ากับหน้าหล่อเกาหลีของมันนั่นพอดีๆยังไงล่ะ หึหึ

“ขาหน้านี่ก็หนักไม่เบาเลยนะ” คนที่เพิ่งโดนผมเสยหน้าไปว่าพลางจับรอยที่เริ่มแดงบริเวณริมฝีปากของตัวเองพูดขึ้น

“แต่โทษที ปากกูไม่แตกว่ะ” มันเยาะเย้ยผม! กูไม่น่าออมแรงเลยสัส ขออีกทีละกัน!!!!!!


หมับ!


มันที่เหมือนจะรู้ตัวครับว่าผมกำลังจะทำอะไร เลยยกมึงข้างหนึ่งมาจับกำปั้นของผมที่กำลังจะซัดเข้าหน้ามันไว้ได้อย่าพอดิบพอดี แต่ใครจะยอม มืออีกข้างหนึ่งผมก็มีนี่!


หมับ!


มืออีกข้างของผมถูกพันธนาการด้วยมืออีกข้างหนึ่งของมันเช่นกัน

“หึหึ” มันหัวเราะในลำคอพร้อมกับยกยิ้ม

“มึงเคยได้ยินสำนวนนี้มั้ย หมาน้อย...” มันเงียบไป ก่อนจะพูดขึ้นมาอีก

“เล่นกับหมา อยากเลียปากหมา...”





TBC…………………………………………



Talk : จริงๆจะลงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ลืม 555555 คอมเม้นท์ให้ผมด้วยนะครับ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 3+_P.1 25Jul2018
«ตอบ #6 เมื่อ25-07-2018 21:12:30 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 4+_P.1 28Jul2018
«ตอบ #7 เมื่อ28-07-2018 01:08:00 »

4




“หมายความว่ายังไง?” ผมถาม แต่มันไม่ตอบ แถมยังเสือกเลื่อนหน้าขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆอีก


อีกนิดเดียว..


   อีกนิดเดียวเท่านั้น...


   “โอ๊ยยยยยยยยยยยย!” มันร้องขึ้นมาทันทีครับ แล้วก็ปล่อยมือทั้งสองข้างของมันออกจากมือผมแล้วด้วย หึหึ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับไอ้โอเคสุดหล่อ มึงพลาดแล้วล่ะครับ ไอ้พ่อเลี้ยงโรคจิต!

   “เหยียบมาได้นะมึง” มันว่าออกมาอีกพร้อมกับจับเท้าตัวเองไว้ หลังจากที่ผมจงใจเหยียบซะเต็มแรง

   “ก็ใครใช้ให้มึงมารุ่มร่ามกับกูล่ะ สัส” ผมว่า พร้อมกับเบี่ยงตัวออกมาห่างๆมัน อ๊ะๆ ผมไม่ได้กลัวนะ คืออยู่ใกล้แล้วมันอึดอัดอ่า หายใจไม่ค่อยสะดวก..

   “ปากดีฉิบหาย” มันว่าพร้อมกับมองผมนิ่งๆ เหอะ คิดว่ากูกลัวมึงเรอะ?

   “เรื่องของกู” ผมบอกกลับไปพร้อมกับใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเองให้มันดูกวนตีนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

   “กวนตีน” มันว่าพร้อมกับแลบลิ้นใส่ผม นี่มึงโตหรือยางงงงงงงงงงงงง

   “ปัญญาอ่อน” ผมบอกกลับไป

   “..หิว”

   ฮะ? อะไรนะ?

   อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา ไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย ไม่มีเครื่องดนตรีอะไรสักชิ้น! นี่มันเป็นคนยังไงวะ แล้วประเด็นคือ มึงมาบอกกูทำไม? หิวก็เรื่องของมึงสิคร้าบบบบ นี่บ้านมึงนะ

   แต่!...

   จะว่าไปผมก็หิวเหมือนกันนะ เพราะมื้อล่าสุดที่ผมกินไปก็คือมื้อเช้าก่อนออกจากบ้านเพื่อมาที่นี่นั่นแหละ

   “ก็ไปกินสิ” ผมพูดบอก น้ำเสียงอ่อนลง แต่ไม่มีหาง เพราะผมเป็นคนไม่ใช่สัตว์ ว๊ากกกก เอ่อ..แป้กก็ข้ามไป อย่าสนใจ
เอาเป็นว่าผมก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ได้ตะคอกหรือตะโกนแต่อย่างใด เพียงแค่ไม่มีหางเสียงก็เท่านั้น แล้วที่ผมพูดอย่างนี้ไม่ใช่เพราะว่ากลัวหรือเกรงใจอะไรพ่อเลี้ยงโรคจิตนี่หรอกนะ ผมแค่คิดว่า ตอนนี้ผมคงต้องฝากท้องไว้กับอาหารของบ้านมันแล้วล่ะ เพราะถ้ามัวแต่หยิ่งมีหวังได้อดตายแน่ๆ

“เออใช่ๆ ได้เวลาอาหารแล้วนี่หมาน้อย มึงรีบตามมานะ” มันว่าก่อนจะเดินนำออกไปครับ แล้วสรุปนี่คือ มันจะไม่ยอมเลิกเรียกผมว่าหมาน้อยใช่มั้ย?

กูไม่ยอมหรอกนะ ไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊อง!


“วันนี้มีอะไรกินบ้าง?” ผมได้ยินเสียงของไอ้พ่อเลี้ยงนี่พูดถามขึ้น แต่ผมว่าผมลืมอะไรบางอย่างไปนะ...

ไอ้เหี้ยเสริฐ!

ผมลืมสนิทเลยว่ามันก็อยู่ที่นี่ด้วย ผมก็ต้องร่วมโต๊ะอาหารกับมันใช่มั้ย? โว๊ยยยยยย กูอยากจะบ้าตายครับ!

“หมาน้อย มึงนั่งนี่” ไอ้พ่อเลี้ยงเจ้ากี้เจ้าการให้ผมไปนั่งทางฝั่งขวามือมันครับ ซึ่งก็แน่นอนว่ามันนั่งหัวโต๊ะ และซ้ายมือก็เป็นไอ้เสริฐ แม่ง ต้องมองหน้ามันไปกินไปอย่างนี้น่ะเหรอ?

คิดว่าผมจะกินลงปะ ให้ทาย?!?!

“เฮียทำไมต้องให้ไอ้หมาบ้าที่มันชกหน้าน้องเฮียมานั่งร่วมโต๊ะด้วยล่ะ?” ไอ้เสริฐมันเริ่มครับ

“แล้วคิดว่ากูอยากเห็นหน้ามึงนักเหรอ?” ผมก็สวนขึ้นทันที

“ไม่อยากเห็นก็ไสหัวออกไปสิ เสือกอยู่ทำไม” มันว่าอีก

“เรื่องของกู” ผมบอกอย่างไม่ยี่ระ

“หึ ไม่มีที่ไปล่ะสิไม่ว่า..” มันลอยหน้าลอยตาพูด แม่ง มันจะมากเกินไปแล้วนะ..

“ไอ้เหี้ย!” ผมตะคอกใส่หน้ามันทันที

“ทำไม ไอ่สัด” มันก็สวนกลับมา

“หยุด!” คราวนี้เป็นเสียงแข็งๆจากคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะครับ ตะคอกทีหนึ่งนี่ขี้หูกูเต้นระบำจังหวะชะชะช่าหมดแล้ว สาสสส

“กินข้าว เป็นหมารึไงกัดกันอยู่ได้” มันว่าออกมาอีก

“น้องมึงเริ่มก่อนนะ” ผมโยนขี้ทันที

“อ้าวเห้ย มึงโทษกูคนเดียวได้ไง?” ไอ้เสริฐมันไม่ยอมครับ


ปึ่ง!!!


“บอกให้หยุด!” คราวนี้มีลีลาประกอบด้วยครับ เจ็บมั้ยล่ะนั่น ตบโต๊ะแรงซะขนาดนั้น อย่านะครับ! อย่า! อย่าเพิ่งคิดว่าผมเป็นห่วงมัน ไม่ใช่ละ อย่าเพิ่งมโนไปไกล เรื่องของผมมันยังไม่ถึงตอนที่จะมามุ้งมิ้งๆอะไรกันตอนนี้
แต่เดี่ยว! กลับมาก่อน คือตอนนี้ผมอยากจะซัดหน้าไอ้พี่น้องโรคจิตนี่โคตรๆ พวกมึงซักคนน่ะ ใครก็ได้ยื่นหน้ามาให้กูประทับรอยสักทีดิ (พูดเหมือนง่าย - -^ : ‘ Puzzle)

“กินข้าว ถ้าไม่กินกูจะเอาไปเททิ้ง!” ไอ้พ่อเลี้ยงมันบอกเสียงเรียบ ทั้งผมและไอ้เสริฐจำต้องยอมสงบศึกกันไว้ก่อน เพราะว่าแง่งๆใส่กันอีก มีหวังอดกินกันพอดีซึ่งผมทนไม่ได้แน่ๆ เพราะตอนนี้ผมหิวมาก

ผมมองไปยังกับข้าวที่อยู่เบื้องหน้า อันประกอบไปด้วย...

แกงจืดเต้าหู้หมูสับ มันมีผัก เอิ่ม...

ผัดผักคะน้าหมูกอบ..นี่ก็มีผัก เหยดดดดด

แกงเลียงกุ้งสด...ผักแม่งทั้งนั้น เหอๆ

น้ำพริกอะไรไม่รู้…มีทั้งผักสดและผักลวก โฮกกกกกกกกกกกก


ผมตายแน่ๆงานนี้ แม่ง กับข้าวแต่ละอย่างมีแต่ผักทั้งนั้น แล้วทีนี้ผมจะกินข้าวกับอะไรล่ะเนี่ย ในเมื่อผมเป็นคนไม่กินผัก! แล้วถ้าจะให้ผมเลือกกินแต่หมู แต่กุ้งก็ใช่ว่าจะอิ่ม แค่นั้นมันไม่พอยาไส้ผมหรอก ถึงผมจะหุ่นดี แต่ผมกินเยอะนะ

“ทำไม กับข้าวบ้านกูมันพื้นๆจนมึงแดกไม่ได้เลยรึไง?” ไอเสริฐมันแขวะผม เมื่อเห็นว่าผมไม่แตะอะไรเลย ทั้งที่มันและพี่มันเริ่มลงมือกินข้าวกันไปแล้ว อ้อ! ทุกคนเป็นพยานให้ด้วยนะครับ ว่าครั้งนี้คนที่หาเรื่องก่อนคือไอ้เสริฐ

“เสือก!” ผมด่ามันกลับไป

“แดกไม่ได้ก็ไม่ต้องแดก” มันว่าอีกพร้อมกับทำหน้าเยาะเย้ย อย่าบอกนะว่ามันรู้แล้วน่ะ ว่าผมไม่กินผัก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ มีหวังมันต้องแกล้งผมทุกวันแน่ๆ

“แล้วมึงอยากแดกตีนกูแทนข้าวมั้ยล่ะ?” ผมถามกลับไป

“ป้าเพ็ญ!” อยู่ๆไอ้พ่อเลี้ยงก็ตะโกนเรียกใครก็ไม่รู้ครับ

“เห้ยๆ เฮียใจเย็นดิ ผมไม่พูดอะไรแล้วก็ได้ เฮียอย่าเพิ่งให้ป้ามาเก็บเลย ผมยังกินไม่อิ่มเลยนะ” คราวนี้ไอ้เสริฐหันมาพูดบอกกับพี่มัน

“งั้นก็กินไป” มันว่าก่อนจะหันมามองผม

“แล้วทำไมมึงไม่กินวะ หมาน้อย?” มันถาม

“กูไม่หิว” กูโกหก

“แน่ใจนะ?” มันเลิกคิ้ว

“เออ ก็บอกว่าไม่หิวไง!” ตะคอกใส่หลีกเลี่ยงความจริง

“แล้วอย่างนั้นตามออกมาทำไม?” มึงจะมาสงสัยอะไรตอนนี้

“ก็...” กูหิวมากไง ฟายยยยย

“ไม่กินก็ไปอาบน้ำดิ” มันบอกอีก และเพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม ผมก็เลยจำยอมต้องลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปที่ห้องทันที เออ กูไปก็ได้ เพราะถึงนั่งอยู่ต่อยังไงก็มีแต่ไอ้ที่กินไม่ได้อยู่ดี กูขอให้มึงสองคนข้าวติดคอตาย!


“แค่กๆๆ”

“เฮียใจเย็นดิ อ่ะ นี่น้ำ”


เห้ย! แม่ง แท่งว่ะ ศักดิ์สิทธิ์ ชิบ! ตึ่งโป๊ะ!


โอเคครับ ผมไม่มีความสามารถในการเล่นตลกหรือมุกอะไรใดๆได้เลย ก็นะ หน้าตาหล่อๆอย่างผมมันต้องพระเอกเท่านั้นคร้าบบบ หึหึ


อาบน้ำดีกว่า...




‘ความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และอำนาจ ผู้ที่ครอบครองทุกอย่างบนโลกใบนี้ ก็คือราชาโจรสลัด โกล โรเจอร์ คำหนึ่งที่เขาพูดไว้ก่อนตาย ทำให้ผู้คนมุ่งสู่ทะเล…

“ถ้าอยากได้ มาเอาไปสิ ไปหาเอาเลย ฉันเอาทุกอย่างบนโลกไปไว้ที่นั่นหมดแล้ว”
...แล้วชายหนุ่มทั้งหลายก็มุ่งหน้าไปยังแกนไลน์ เพื่อไล่ตามความฝัน โลกได้เข้าสู่ยุคสมัยของโจรสลัดแล้ว’



ทันทีที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกมา ก็เจอเข้ากับ ไอ้พ่อเลี้ยงนั่งจุมปุกกอดหมอนอยู่ที่พื้นหน้าจอทีวี โดยใช้เตียงเป็นพนักพิง เพื่อดู...

วันพีช!

มานั่งดูการ์ตูนเนี่ยนะ นี่มึงอายุเท่าไหร่แล้ว โตรึยัง แล้วทำไมถึงได้มานั่งดูใจจดใจจ่ออยู่อย่างนี้ มึงไม่อายกูเลยรึไงครับ
ผมเข้าใจนะว่าคนเราน่ะ มีสิ่งที่ชอบไม่เหมือนกัน บางคนชอบถ่ายรูป บางคนชอบเที่ยว หรืออย่างผมนี่ก็ชอบรถ ฯลฯ แตกต่างกันไป   เพราะสิ่งที่ชอบของแต่ละคนนั้นก็ล้วนแต่ทำให้เจ้าตัวมีความสุขทั้งนั้น ก็ถ้าไม่มีความสุขแล้วจะชอบจะทำทำไมล่ะ จริงมั้ย?
แต่ก็อย่างว่า ถึงเราจะชอบแค่ไหน มันก็ควรที่จะมีขอบเขตบ้าง ไม่ใช่ซึมซับอะไรนักหนาอย่างไอ้คนนี้ แม่งเกินไปแล้ว อย่างมันน่ะไม่ได้เรียกว่าชอบแล้ว แต่เรียกว่าบ้าเลยยยย

เพราะถ้าไม่บ้าจริง มันคงไม่กล้าตั้งชื่อสวนมันว่า ‘โรโรโนอา โซโล’ หรอก! - -^
   
“มึงอาบเสร็จแล้วเหรอ หมาน้อย?” ไอ้บ้าที่นั่งอยู่ที่พื้นตรงปลายเตียงถามขึ้น แต่สายตาไม่ได้ละออกจากหน้าจอเลยแม้แต่น้อย
   
“กูอาบน้ำนะ ไม่ใช่สร้างห้องน้ำ!” ผมตอกกลับไป หึ หมั่นไส้ แดกข้าวอิ่มแล้วก็มานั่งดูการ์ตูนสบายใจเฉิบเลยนะมึง

   “งั้นกูอาบมั่ง” มันว่าพร้อมกับกดสต๊อบการ์ตูนไว้ แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป อ้าว นี่มึงดูจากซีดีหรอกเหรอ? แต่ช่างเถอะ นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะเรื่องที่สำคัญกว่าคือ...


   กูหิวข้าวโว้ยยยยยยยยยยยยยยย!


   ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง ได้ยินเสียงน้ำที่ไหลลงมาจากฝักบัว แล้วผมจะบอกทำไม?

   ตอนนี้ผมหงุดหงิดมากครับ ง่วงและเพลียมาก จากที่เดินทางมาทั้งวัน มีเรื่องให้อารมณ์เสียตลอด และเหนือสิ่งอื่นใดที่มันกำลังรบกวนจิตใจของผมอยู่ในตอนนี้ก็คือ ความหิว

   ท้องผมมันร้องโครกครากประท้วงไม่รู้กี่สิบรอบแล้ว อยากจะข่มตาให้หลับก็ทำไมได้ ทำไมผมต้องซวยอย่างนี้ด้วยเนี่ยยยย พ่อนะพ่อ ทำไมต้องให้ผมมาอยู่ที่นี่ด้วยก็ไม่รู้ เวลาหงุดหงิดทีไรผมก็ลากพ่อมาพาลด้วยทุกทีอ่าแหละ..
ครับ! ผมรู้ ว่ามันไม่ดี ก็แล้วจะทำไมล่ะ ก็ผมไม่ใช่คนดีอ่า

   ไม่รู้ล่ะ โทรหาไอ้โจ้ดีกว่า!

   ผมหยิบไอโฟนขึ้นมากดค้นหาเบอร์มันก่อนจะโทรออก เสียงสัญญาณดังขึ้นสองครั้งก่อนที่ปลายสายจะรับ

   [โหล ว่าไง] นึกว่าจะต้องให้กูรอนานแล้วซะอีก ว่าแต่ทำไมที่ไอ้โจ้มันเสียงดังจังวะ

   “มึงอยู่ไหนวะ?” ผมถาม

   [กูอยู่ร้าน XYZ ว่ะ] สาสสสสสสส กูอิจฉา

   “มึงไปกับใครวะ” ผมถามขึ้น ต่อมอิจฉาเริ่มทำงาน อยากเที่ยว

   [ก็มากับไอ้เป้ ไอ้ก็อต เนี่ยแหละ มึงว่าอย่างเราใครเค้าจะคบวะ] ไอ้โจ้ว่า เออ ก็จริงของมึง

กลุ่มของผมมีด้วยกันทั้งหมด 4 คนครับ อันประกอบด้วยผม ที่หน้าตาดีมากๆ นิสัยเลวสุดๆ บ้านรวยโคตรๆ หึๆ แล้วต่อมาก็ไอ้โจ้ครับ คนนี้สนิทสุด นิสัยมันก็กวนตีนดีครับ หน้าตาหล่อ แต่น้อยกว่าผมอยู่แล้วล่ะนะ ไอ้นี่มันจะดูเป็นผู้ใหญ่สุดในกลุ่ม คนถัดมาคือไอ้เป้ครับ หล่อ แต่ไอ้นี่แม่งปากหมา แบบปากหมาโคตรๆอ่า ด่าทีกระเทยอายอ่าคิดดู แต่มันจะเป็นคนไม่ค่อยพูดครับ(ด่าอย่างเดียว) แล้วก็ไอ้ก็อตครับ ไอ้นี่จะดูเหมือนเด็กที่สุด หน้าซื่อๆ เอ๋อๆครับ ไม่ค่อยทันคน ผมกับไอ้โจ้ชอบแกล้งมันประจำ แต่ไอ้ห่าเป้ก็จะต้องมาด่าและคอยปกป้องไอ้ก๊อตมันอยู่ทุกทีอ่า เอาง่ายๆว่า ไอ้เป้เปรียบเสมือนบอดี้การ์ดของไอ้ก็อตเลยก็ว่าได้


“ไอ้ก็อตมันก็ยอมไปกับมึงด้วยเหรอวะ?” ผมถามพลางนึกถึงหน้าซื่อๆของมัน

[โดนไอ้เป้ด่าซะขนาดนั้น มันคงปฏิเสธได้หรอก] ไอ้โจ้พูดบอก

   “กูนึกสภาพหน้ามันตอนนั้นออกเลยว่ะ ฮ่าๆๆ” ผมว่า

   [เออ ว่าแต่มึงโทรมามีอะไรรึเปล่า?] มันถาม

   “สัส กูโทรหาไม่ได้ใช่มั้ย?” ผมว่า

   [อย่ามางอน] มันว่า

   “งอนพ่องงงงงงงงงง มึงดิ” ผมด่าเข้าให้ เอาจริงๆ ผมไม่ชอบคำนี้เลย ฟังดูแล้วมันโคตรจะแต๋วแหววเลยว่ะ

   [อ้าวเหี้ยยยย เล่นบิดากูเลยนะสัส แล้วสรุปมึงโทรมาทำไม กูจะไปตื๊ดสาวแล้ว] มึงอย่าทำให้กูอิจฉาไปมากกว่านี้ได้มั้ย

   “กูหิวข้าว..” ผมบอกออกไป รู้ทั้งรู้ว่าบอกไปไอ้โจ้มันก็ช่วยอะไรผมไม่ได้ เผลอๆมันอาจจะหัวเราะเยาะผมด้วยซ้ำ

[แล้วมาบอกกูทำไมวะ มึงไร้สาระมากเลยนะไอ้เค สาวกูมาแล้ว ไว้คุยกัน...ตุ๊ดๆๆๆ] แล้วมันก็ตัดสายผมทันที

   “สัสโจ้ กูแค่จะ...” ผมว่าพลางมองไอโฟนในมือไปด้วย แต่ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาก่อน...

   “แล้วไหนมึงว่าไม่หิวไง หมาน้อย?”








TBC………………………………..




Talk : จะพยายามลงบ่อยๆนะครับ จริงๆอยากลงทุกวันเลย 55555

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 5+_P.1 30Jul2018
«ตอบ #8 เมื่อ30-07-2018 19:37:59 »

5



   ไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหา บนตัวมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวปกปิดร่างกายส่วนล่างเอาไว้ นี่มึงอาบน้ำเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่?

   “มึงพูดเรื่องอะไร?” เอาวะ หน้าด้านทำไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวไปก่อน

   “ทำไมมึงต้องโกหก” มันไม่ตอบครับ แถมยังมีหน้าเดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆอีก
 
   “มึงพูดเรื่องอะไร กูไม่เห็นรู้เรื่องเลย แล้วอาบน้ำเสร็จแล้วทำไมไม่ยอมไปแต่งตัววะ?” ผมว่าพร้อมกับผลักมันให้ออกไปห่างๆ เพราะตอนนี้มันขยับมาใกล้จนแทบจะสิงผมแล้ว

   ร่างสูงยืนนิ่งไม่ไหวติง พร้อมกับจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น แววตาไม่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่

   “อยู่กับกู อย่าดื้อ!”

   



   “รีบแดก กูจะได้ไปดูการ์ตูนต่อ” คนตัวสูงกว่าพูดบอกพร้อมกับเลื่อนจานข้าวที่มีไข่เจียวสีเหลืองอร่ามงามตาและน่ากินมาให้ผม ก่อนที่มันจะเดินกลับไปที่หน้าตู้เย็น หยิบแก้วบนหลังตู้ เปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำ รินใส่แก้ว เก็บเหยือก ปิดตู้เย็น แล้วเดินกลับมาหาผมที่โต๊ะกินข้าวอีกครั้ง

   ผมมองการกระทำของมันด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมมันต้องมาทำอะไรให้ผมถึงขนาดนี้ด้วย เมื่อเย็นมันยังไม่เห็นจะสนใจอะไรเลย อย่าบอกนะว่า...

   “กูไม่ทวงบุญคุณหรอก” แม่งงงงงงงง มึงรู้ความคิดกูได้ไง?

   “เสร็จแล้วก็ปิดไฟด้วยนะ” มันว่าพร้อมกับวางแก้วน้ำไว้ให้แล้วเดินกลับไปยังห้องนอนทันที

   ผมงงไปหมดแล้ว มันแอบใส่อะไรให้ผมกินรึเปล่าวะ? แต่ตอนที่มันเจียวไข่ให้ผมก็มองมันอยู่ตลอดเวลานี่หว่า ไม่น่าเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อ

   ไม่เข้าใจอ่า..

   ไม่เข้าใจตั้งแต่ที่มันบอกเมื่อกี้แล้ว...



   “อยู่กับกู อย่าดื้อ”

   “หมายความว่ายังไง?” ผมถาม แต่มันไม่ตอบครับ นี่มึงคิดจะกวนประสาทกูใช่มั้ย?

   ไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนั่นเอาแต่ใส่เสื้อผ้า ใช่ครับ มันใส่เสื้อผ้าตรงหน้าผมเลยล่ะ โคตรหน้าด้านอ่า คนอะไรก็ไม่รู้ แต่ยังดีที่มันยังรู้จักใส่กางเกงในตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำ ขืนมันใส่ต่อหน้าผมมีหวังนอนไม่หลับแน่

คือ ผมไม่ได้กลัวนะ แต่แบบ.. ยังไงดีล่ะ? ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึง 24  ชั่วโมงดีเลย แถมยังพ่วงตำแหน่งบุคคลที่ผมไม่ชอบขี้หน้าเอาไว้ด้วย ใครมันจะไปอยากเห็นของมันกันล่ะ และถ้าเกิด ‘ไอ้นั่น’ ของมันมีขนาดใหญ่กว่าขึ้นมาล่ะ ผมเสียฟอร์มแย่ ผมไม่อยากรับรู้ หรือ เห็นอะไรทั้งนั้น โอเคปะ?

   แต่ถ้าเป็นสาวๆ ก็คงไม่แน่ เพราะหน้าตาอย่างมันก็หล่อใช่ย่อย หล่อเกาหลีอีกต่างหาก ถึงจะน้อย กว่าผมก็เถอะ สาวมองก็ต้องเหลียวหลังบ้างแหละ!

   “ตามมา” มันว่าพร้อมกับเดินนำออกไป เอ่อ มันใส่เสื้อผ้าแล้วนะครับ

   “ไปไหนวะ?” ผมถาม แต่ก็บ้าจี้เดินตามมันไปนะ ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่า ความเสือกมันมีมาก หึหึ

   ไอ้พ่อเลี้ยงมันพาผมไปที่ห้องครัวครับ แล้วมันก็จัดการเปิดตู้เย็น รื้อๆค้นๆอะไรก็ไม่รู้ แต่ผมเห็นมันหยิบไข่ออกมา ตอกใส่ถ้วยเล็กๆ ใช้ส้อมตีๆ หยิบขวดอะไรไม่รู้แถวๆนั้นเปิดแล้วเทใส่นิดหน่อย หยิบกระทะ ตั้งไฟ อ่า..

กูเริ่มจะเข้าใจละ!

คือมึงหิว แล้วเสือกบอกให้กูออกมาด้วยทำมายยยยยยยยยยย

ไอ่สัส มึงไม่รู้เหรอ ว่าสิ่งที่มึงทำอยู่นี่เป็นการฆ่ากูทางอ้อมมมมม คนยิ่งหิวๆอยู่ แล้วเสือกมาทำอาหารส่งกลิ่นมายั่วน้ำย่อยในกระเพราะกูให้ทำงานหนักยิ่งกว่าเดิมอีกนะ ไอ่ฟรายยยยยย

ผมมองการกระทำของมันจนกระทั่งมันยกจานมาวางตรงหน้าพร้อมกับพูดจาสุนัขไม่รับประทานนั่นแหละ ผมถึงได้เข้าใจอย่างท่องแท้แล้ว ว่ามันทำให้ผมกิน อิน อิน อิน..

เอ่อ..จะแอคโค่เพื่อ?

อ่านะ เรื่องมันก็เป็นประการละฉะนี้แล...





และ ณ ตอนนี้ ผมไม่สนอะไรแล้วทั้งนั้นครับ ไอ้ที่เข้าใจผิดตอนแรกกูขอโทษ ส่วนไอ้ที่ยังไม่เข้าใจก็เก็บเอาไว้ถามทีหลังละกันนะ เพราะตอนนี้ปากกูไม่ว่างงงงง กำลังกินข้าวอยู่คร้าบบบบ

“เออะ..” ผมเรอออกมาขณะที่วางแก้วน้ำลง

อ่า..อิ่มชะมัด

รสชาติอาหารก็ไม่ได้เลิศหรูอะไร ก็ข้าวไข่เจียวอ่าครับ จะให้มันอร่อยประหนึ่งนั่งกินในภัตตาคารได้เช่นไร ผมเก็บแก้วและจานไปล้างครับ ตอนแรกก็กะว่าจะเอาไปไว้ในซิงก์เฉยๆนั่นแหละ แต่ไหนๆมันก็อุตส่าห์ทำให้ผมกินแล้ว ตอบแทนมันซะหน่อย พอจัดการทุกอย่างแล้วผมก็ปิดไฟครับ


พรึ่บ!


ไอ่เชี่ยยยยยยยยยยยยยยย มืดฉิบหายยยย กูก็นึกว่าถ้าปิดแล้วก็คงพอที่จะมีแสงสว่างอะไรสาดส่องหรือลอดเข้ามาได้บ้าง แต่นี่ไม่เลยครับ ไม่มีเลย!

แล้วทำไงล่ะทีนี้ วิ่งสิครับ!

ผมวิ่งกลับเข้าห้องนอนของไอ้พ่อเลี้ยงนั่นทันที มืดๆอย่างนี้จะยืนอยู่ทำฟอสซิล(ซาก)อะไรล่ะครับ เกิดมีแขกไม่ได้รับเชิญโผล่ขึ้นมาจะทำยังไง

“อิ่มแล้วเหรอ?” มันถามขึ้นโดยไม่ยอมละสายตาออกจากหน้าจอเช่นเคยหลังจากที่ผมเปิดประตูห้องเข้าไป และไม่ลืมที่จะทำตัวปกติด้วย เดี๋ยวมันว่าผมป๊อด(ซึ่งผมก็ป๊อดจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องนี้ TT)

“อืม” ผมบอกกลับก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงเลย ฮะฮ้า สบายใจ ท้องอิ่มแล้วหนังตามันก็เริ่มจะหย่อนแล้วล่ะสิ..

อ๊ะๆ อย่าคิดครับ ว่าผมจะกล่าวขอบคุณคนบางคนแถวนี้อ่า ผมไม่บอกหรอก เพราะผมไม่ใช่คนดีไง อิอิ

“มึงยังไม่นอนเหรอ?” ผมถามขึ้น หลังจากที่เหลือบมองไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงฝาผนังซึ่งบ่งบอกว่า ณ ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าๆแล้ว

“ยัง” มันตอบแต่ไม่หันมามองผมเช่นเคย นี่ถ้าทีวีมันท้องได้ ไอ้พ่อเลี้ยงนี่คงมีลูกเต็มบ้าน

“มันดึกแล้วนะ” ผมว่า ไม่ได้เป็นห่วงอะไรหรอกครับ คือเสียงการ์ตูนมันดัง ผมนอนไม่หลับ

“มึงนอนไปก่อนเลย” มันว่า

“เสียงมึงดัง” ผมบอก ซึ่งมันก็ยอมลดเสียงให้ครับ แต่ไม่ยอมปิด เออดี ไอ้ปัญญาอ่อน!

ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วครับ แสงไฟจะแยงตาก็ช่าง ผมนอนได้ เพราะผมเป็นคนเปิดไฟนอนอยู่แล้วน่ะครับ อีกอย่างเสียงการ์ตูนจากที่ไอ้บ้านี่ดูมันก็เบาลงจนแทบจะกลายเป็นเสียงกล่อมที่ดี เพราะงั้นผมจะหลับล่ะนะ...

แต่เดี๋ยว!

ผมลืมไปอย่างหนึ่ง! ถ้าไอ้พ่อเลี้ยงนี่นอน มันจะนอนไหน? คือผมไม่ได้เป็นห่วงมัน แต่เป็นห่วงตัวเองต่างหากครับ ผมไม่ชอบนอนกับใคร คือมันอึดอัดอ่าครับ ขนาดพาสาวมาเอา ผมยังไม่ให้นอนด้วยเลย คือเอาเสร็จก็ส่งกลับอ่าครับ ถ้าสาวเจ้ากลับไหวอ่านะ แต่ถ้าไม่ไหวผมก็ไล่ไปนอนอีกห้องหนึ่งอะไรประมาณนั้น

แต่ดูท่าแล้วผมคงจะสบายแล้วล่ะครับคืนนี้ เพราะบนพื้นตรงปลายเตียงนั้นมีทั้งหมอนที่มันกอดอยู่และหมอนข้างที่มันเอาขาก่าย คาดว่าไอ้พ่อเลี้ยง ไม่สิ ต้องพ่อเลี้ยงบรรเจิด ฮ่าๆๆ (ยังไงกูก็ตลกชื่อมึงอยู่ดีครับ!) ต้องเรียกมันดีๆหน่อย เพราะดูเหมือนเค้าจะเสียสะไปนอนที่พื้นให้แล้วล่ะนะ อะคึ อะคึ

ทีนี้ผมก็หลับได้เต็มตาละครับ!

จาการเดินทางมาทั้งวัน เจอเรื่องไม่เป็นเรื่องมาสารพัด บอกตรงๆว่าเพลียมาก ขอบคุณที่บ้านหลังนี้ยังมีความสะดวกสบายคอยอำนวยอยู่เพราะถ้าเกิดผมเดินทางมาเหนื่อยๆและยังต้องมานอนพื้นแข็งๆอีกล่ะก็ ผมโวยบ้านแตกแน่!

เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆปิดลง จนผมแทบจะไม่รับรู้อะไรแล้ว แสงไฟในห้องที่เปิดอยู่ ผมก็ไม่อาจจะรับรู้ถึงความสว่างไสวของมันได้ เสียงการ์ตูนที่ดังแว่วๆจากในตอนแรกนั้นก็บันดาลหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ และสิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้คือ พื้นที่ข้างๆมันไหวยวบลงก่อนที่ผมจะเข้าสู่ห้วงนิทราจนไม่รับรู้อะไรเลย...




เอกอี้เอ้ก เอ้กกกก.. เอกอี้เอ้ก เอ้กกกก...


เสียงอะไรวะ? คนจะนอน!


เอกอี้เอ้ก เอ้กกกก.. เอกอี้เอ้ก เอ้กกกกกกกก...


โว๊ยยยยยยยยยยยยยยยย! น่ารำคาญ!

ผมลุกนั่งขึ้นมาทึ้งหัวตัวเอง แสงไฟสีส้มจากโคมไฟตรงหัวเตียงช่วยได้มาก มันทำให้ผมง่วงกว่าเดิม! ผมมองไปยังพื้นที่ข้างล่างตรงปลายเตียง...

ว่างเปล่า! ไม่มีแม้แต่หมอนหรือหมอนข้างใดๆ

พอเหลือบมองนาฬิกา เข็มนาฬิกาชี้บอก ว่าตอนนี้เป็นเวลา 5.45 นาฬิกา นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ!

ผมล้มตัวลงนอนอีกคราพร้อมกับซุกตัวเข้ากับผ้าห่มอีกครั้ง เครื่องปรับอากาศไม่ได้ทำงานแล้ว แต่อากาศก็ยังคงเย็นหน่อยๆ คงจะเพราะว่าที่นี่มีต้นไม้มาก และยิ่งอากาศแบบนี้มันทำให้ผมไม่อยากลุก!


เอกอี้เอ้ก เอ้กกกกกกก... เอกอี้เอ้ก เอ้กกกกกก....


เสียงนี้อีกแล้ว! แม่งขันอยู่ได้! มึงเป็นไก่หรือยังไง!?!? (เอ่อ..นั่นไก่นะโอเค - -)

ผมดึงหมอนมาปิดหูหวังว่ามันจะช่วยให้ไม่ได้ยินอะไรเลย หรือได้ยินน้อยลงก็ยังดี


เอกอี้เอ้ก เอ้กกกก เอกอี้เอ้ก เอ้กกกกกกกก


“เออ! กูตื่นก็ได้!!!!” ผมโวยวายขึ้นมาคนเดียวก่อนจะเข้าไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน



“ตื่นแล้วเหรอครับ” ลุงหมานทักขึ้นขณะที่ผมเดินออกมา ซึ่งแกกำลังหิ้วข้าวของเต็มไม้เต็มมือและจะเดินเข้าไปในครัวพอดี

“ครับ” ผมพยักหน้า

“เอ่อ ว่าแต่ไอ้..เอ่อ พ่อเลี้ยงไปไหนเหรอครับ พอดีผมตื่นมาไม่เจอ” ผมถาม แต่ด้วยเพราะความอยากรู้เท่านั้นครับ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงแต่ประการใด

“อ๋อ คงอยู่กับคุณลูฟี่น่ะครับ” ลุงแกตอบพร้อมกับส่งของให้ป้าคนหนึ่งที่เดินออกมารับของพอดี

“อยู่กับใครนะครับ?” ผมถามอีกที นี่ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย?

“คุณลูฟี่ครับ” ชัดเลย! ผมไม่ได้ฟังผิดไปหรือหูฝาด คนห่าอะไรวะ ชื่อลูฟี่ แล้วใครมันก็ช่างตั้งชื่อให้ลูกแบบนั้นนนนนน

“อยู่หลังบ้านน่ะครับ” ลุงแกบอกอีกทีก่อนจะขอตัวไปช่วยป้าคนเมื่อกี้ทำกับข้าว ผมเลยเดินไปที่หลังบ้านตามที่ลุงหมานแกบอกครับ ก็มันไม่มีอะไรทำนี่นา นี่ถ้าอยู่บ้านนะ ตอนนี้ผมยังไม่ตื่นหรอก

อากาศที่นี่ดีมากๆเลยครับ หรือที่อื่นก็ดีเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ เพราะไม่เคยตื่นเช้าหว่า? แต่ช่างมัน รู้แค่ว่าอากาศดีก็พอ แต่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งที่ผมสามารถตื่นเช้าได้(ด้วยเสียงอันน่ารำคาญนั่น)และไม่มีอาการง่วงหลงเหลืออยู่เลย ทั้งที่ความจริงแล้วเมื่อคืนผมก็นอนดึกอยู่เหมือนกัน

คงเพราะหลับสนิทมั้ง แถมผ้าห่มก็อุ่นด้วย...

ผมเดินมาเรื่อย และมองหาพ่อเลี้ยงไปด้วย แต่ก็ไม่ยักจะเห็นอะไรเลย เห็นแต่รั้วเหล็กกั้นไว้เป็นบริเวณกว้างพอสมควร อย่างกับเอาไว้ใช้เลี้ยงอะไรอย่างนั้นแหละ...

แต่เดี๋ยว! เลี้ยงงั้นเหรอ? สวนนี้แม่งมีทั้ง โซโล แล้วยังมีลูฟี่อะไรนี่อีก....

พนันกันได้เลย พันหนึ่งผมเอาบาทเดียว! ผมว่าไอ้ลูฟงลูฟี่อะไรนี่ต้องไม่ใช่คนแน่ๆ!!



“อ้าวหมาน้อย มึงตื่นแล้วเหรอ?” เสียงพ่อเลี้ยงทักผมขึ้นจากข้างหลัง ทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง

ชัดเลย! แม่งไม่ใช่คนจริงๆด้วยยยยยยยยย


เหยดเข้! อะสะปะเห้ๆ ภาษาอะไรของกูวะ แม่งงง กูไม่รู้จะอุทานเป็นอะไรแล้วววววววว คนห่าอะไรวะแม่งเลี้ยง...



“ยีราฟ!!!!!!!!”





TBC…………………………………


ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 6+_P.1 04Aug2018
«ตอบ #9 เมื่อ04-08-2018 23:29:57 »

6



   “ชื่อลูฟี่” มันบอกพร้อมกับยักคิ้วให้ผม แม่เจ้าโว้ยยยย หมอนี่มันไม่ได้บ้าธรรมดาแล้ว แต่โคตรของโคตรบ้าเลย โว๊ยยยย ไม่รู้จะเรียกมันว่ายังไงแล้ว

   “ว่างๆมึงไปเช็คสมองบ้างก็ดีนะ” ผมบอกมันพร้อมกับมองไอ้ตัวขายาวคอยาวข้างมัน นี่พวกมึงสนิทกันขนาดนี้เลยเรอะ?

   “ไม่ต้องเช็คหรอก กูรู้ตัวว่ากูน่ะอัจฉริยะ” เหอะ ไอ้หลงตัวเอง

   “กูหมายถึงเช็คว่าบ้าหรือเปล่า”

   “หมาน้อย มึงพูดจาไม่น่ารักเลยว่ะ จะบอกอะไรให้นะ กูจบปริญญาตรีมาด้วยเกียรตินิยมนะครับ” มันว่าพร้อมกับยักคิ้วเยาะเย้ยผม เหอะ แล้วไง เกียตรินิยมที่มึงว่านั่นมันกินได้หรือไง

   “ใครถาม” ผมกวนตีนกลับไป

   “ไม่มี” มันว่า

   “แล้วมึงจะบอกกูทำไม” ผมกวนมันกลับ

   “มันเป็นประโยคบอกเล่า” มันบอก นี่กูคุยกับคนที่เรียนจบมาพร้อมกับเกียตรินิยมจริงๆ หรือคุยกับเด็กอนุบาลกันแน่วะเนี่ย

   “ปัญญาอ่อน” ผมว่าพร้อมกับส่ายหน้าเหนื่อยใจ

   “ก็ต้องแน่นอนสิ สมองมันมีเพียงแค่เยื่อหุ้มบางๆเท่านั้นแหละนะ จะให้แข็งเหมือนหินได้ไง หมาน้อยมึงนี่มั่วว่ะ” มันว่าพร้อมกับจูงยีราฟ เอ่อ..ลูฟี่ของมันมาใกล้ผมกว่าเดิม

   “เห้ย..” เอามันไปห่างๆ” ผมว่าพร้อมกับเบี่ยงตัวหลับ

   “หมาน้อยกลัวลูฟี่เหรอ?” มันเลิกคิ้วถาม คือผมไม่ได้กลัวครับ แต่แบบยังไงอ่า มันไม่ชินอ่า ถึงไอ้ลูฟี่นี่จะเป็นเพียงแค่ลูกยีราฟก็ตาม(คิดว่านะ เพราะดูจากลักษณะแล้วคงยังไม่ใช่ยีราฟที่โตเต็มวัยน่ะ สูงแค่ประมาณสองเมตรครึ่งเอง) แล้วอีกอย่างถึงผมจะเคยไปเที่ยวสวนสัตว์แต่ก็ไม่เคยที่จะต้องใกล้อะไรขนาดนี้อ่า

   “กูไม่ได้กลัว!” ผมสวนขึ้นทันที เรื่องอะไรให้มันมาว่าผมได้ล่ะ

   “เฮียยยย!” เสียงเรียกจากคนหนึ่งดังมาทางด้านหลัง และผมก็จำเสียงนี้ได้ดีเลยล่ะ ว่าเป็นเสียงใคร หึหึ

   ไอ้เสริฐ!

   “ว่าไง” ไอ้พ่อเลี้ยงมันถามน้องตัวเอง

   “กับข้าวเสร็จแล้ว ผมมาตามเฮียไปกินข้าว” มันบอกพี่มัน

   “เออๆ เดี๋ยวกูพาลูฟี่ไปส่งก่อน มึงพาหมาน้อยเข้าไปก่อนเลย” ไอ้พ่อเลี้ยงว่าพร้อมกับพยักเพยิดหน้ามาทางผม

   “กูไปเองได้!” ผมรีบบอกทันควัน

   “กูก็ไม่อยากเดินไปกับมึงเหมือนกัน!” ไอ้เสริฐว่าแทบจะทันทีที่ผมพูดจบ

   “นี่พวกมึงจะทะเลาะกันหาพระแสงดาบหักอะไรกันนักหนาวะ” พ่อเลี้ยงหันมาว่าพร้อมกับขมวดคิ้ว

   “ก็ไอ้นี่มัน...” ยังไม่ทันที่ไอ้เสริฐจะได้พูดจบ ไอ้พ่อเลี้ยงนี่ก็ไล่น้องไปมันเข้าบ้านไปซะก่อน

   “พอ! กูไม่อยากฟัง มึงเข้าไปก่อนไปเสริฐ”

   “เฮีย..”

   “หรืออยากจะพาลูฟี่ไปส่ง ได้นะ” ไอ้พ่อเลี้ยงว่า

   “ไปก็ได้” ไอ้เสริฐว่าก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน โดยที่ก่อนไปมันไม่ลืมที่จะแอบส่งนิ้วกลางให้ผมโดยที่พี่มันไม่เห็น ไอ้นี่ สงสัยอยากเจอดี

   “มึงมานี่” ไอ้พ่อเลี้ยงหันมาเรียกผมในขณะที่ผมกำลังจะตามเข้าไปในบ้านเพื่อเล่นงานไอ้คนที่ชูนิ้วกลางให้ผมเมื่อครู่

   “ทำไม?” ผมถาม

   “มาช่วยหน่อย” มันบอกพร้อมกับจูงลูฟี่ของมันเดินนำไป

   “ช่วยอะไร?” ผมถามด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมเดินตามมันไปอยู่ดี

   “เราจะไปส่งลูฟี่ที่แกนไลน์” มันตอบแต่ก็ไม่ได้หันมามองหน้าผม

   “มึงว่าไงนะ?” ผมรีบถามทันทีด้วยความตกใจ ในโลกนี้ยังมีคนแบบนี้อยู่ด้วยเหรอวะเนี่ย? แล้วไอ้ที่บอกว่าจบมาพร้อมกับเกียตรินิยมน่ะ มึงคิดว่ากูจะเชื่อเหรอ สาดดดด ไปหลอกเด็กอนุบาลเถอะไป๊!



   แกนไลน์? มึงจะไปตามหาวันพีชเหรอสาดดดดดดด


   “ตามมาเถอะน่า”

   “หา!” ผมร้องออกมา นี่มึงเอาจริงเหรอ?

   ...

   ...

   ...


   “พ่อไปแล้วนะลูฟี่ ห้ามดื้อนะ” ไอ้พ่อเลี้ยงบ้าบอนี่มันบอกกับยีราฟของมันพร้อมกับลูบหลังไปด้วย ประหนึ่งว่าไอ้ตัวสูงนี่เป็นลูกมันอย่างนั้นแหละ

   อ้อ แล้วแกนไลน์ที่มันว่า ก็คือ ใต้ต้นไม้ที่อยู่ในลานกว้างที่มีรั้วกั้นนี่แหละครับ ส่วนที่มันบอกว่าให้ผมมาช่วยก็คือมาช่วยขนอาหารซึ่งคือใบอะไรไม่รู้และหญ้าอีกมากมายมาให้ลูกสุดที่รักของมันที่มีนามว่าลูฟี่นี่แหละครับ

   แล้วถ้าถามว่าทำไม คนอย่างผมต้องมาทำอะไรอย่างนี้ด้วย คำตอบก็คือ...


   “เมื่อคืนกูเจียวไข่ให้มึงกินนะ..”


   ไหนว่าไม่ทวงบุญคุณไง สาสสสสสสส

   ผมก็เลยต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นี่แหละครับ!

   เชอะ ถ้าแขนขาวๆของกูเกิดแพ้ขึ้นมานะ กูเอามึงตายแน่ ทั้งคนทั้งยีราฟเลย คอยดู! คือผมก็ไม่ได้อะไรมากหรอกครับ แต่ก็นะ ถ้าเกิดตัวผมมีรอยด่างพร้อยขึ้นมาล่ะก็สาวๆหายหมดทำไง เรื่องนี้ไม่ได้เลย! ถึงแม้ว่าผมจะหน้าตาดีก็เถอะ แต่ถ้าแขนมีแต่ผื่นแดงๆมันก็ไม่มั่นใจใช่ปะล่ะ

   แต่จะว่าไป ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงเลือกที่จะเลี้ยงยีราฟ คือ มันไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจปะ? เลี้ยงให้เหนื่อยเปล่าทำไม เออ ถ้าเลี้ยงม้า เลี้ยงวัวก็ว่าไปอย่าง หรือจะเป็นแกะ ไม่ก็แพะก็ได้ เวลาทำผิดจะได้มีแพะรับบาป ตึ่งโป๊ะ
เออนั่นแหละ เพราะอย่างน้อย ผมก็คิดว่าไอ้สัตว์ที่ผมยกตัวอย่างมาเนี่ย มันน่าจะมีประโยชน์มากกว่ายีราฟนี่เป็นไหนๆ...
หรือว่ายีราฟมันจะขายได้? แต่ก็ไม่น่าจะใช่ แต่ถึงจะใช่ แล้วใครมันจะซื้อล่ะ แล้วอีกคำถามที่สำคัญเลยก็คือ ถ้าซื้อ แล้วจะซื้อไปทำไม? ซื้อไปไว้ดูเล่นเหรอ?

   ไปดูที่สวนสัตว์ดีกว่าปะ? สะดวกกว่าตั้งเยอะ แถมไม่ต้องเหนื่อยเลี้ยงเองด้วย!


   “ถามจริง มึงนึกยังไงถึงเลี้ยงยีราฟ?” ผมถามพร้อมกับปิดน้ำหลังจากที่ล้างมือเสร็จ

   “เท่ดี ไม่มีใครเหมือน” คงจะมีใครอยากเหมือนอยู่หรอก ไอ้ประสาทททททททท

   “แล้วมันขายได้เหรอ?” ผมถามอีก

   “ไม่ขาย” มันตอบผมทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง และยังไม่ทันที่ผมจะถามต่อว่าทำไม มันก็ตอบมาให้เรียบร้อยแล้วว่า

   “อะไรก็ตามที่เราไม่คิดจะผูกพัน ก็อย่าตั้งชื่อให้มัน แต่กูตั้งชื่อให้มันแล้ว เพราะฉะนั้นกูผูกพัน และกับสิ่งที่กูผูกพันกูไม่มีวันขายและยกให้ใคร!”

   เหยดดดดดดดดด คมเหี้ยๆ

   “เออๆ” ผมพูดอะไรไม่ออกหลังจากที่มันดูจริงจังโคตรๆ ก็เลยได้แต่พยักหน้าเออออไปกับมัน ผมว่าคนอย่างไอ้นี่อ่านะ ไม่ธรรมดาจริงๆ...

   แต่โคตรหลุดโลกเลย!


   “กูหิวแล้ว” มันว่าพร้อมกับเอื้อมมือมาจับแขนผมแล้วเดินนำไป เอ่อ..กูเดินไปเองได้

   “ปล่อย!” ผมว่าพร้อมกับสะบัดมือออก

   “กูบอกว่ายังไง อยู่กับกู อย่าดื้อ” มันบอกแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือออก

   “กูเดินเองได้”

   “...” มันเงียบ ไม่พูดอะไร แล้วก็ไม่ปล่อยผมด้วย จนกระทั่งผมกับมันเดินเข้ามาในตัวบ้านแล้วนี่แหละครับ มันถึงยอมปล่อยมืออกจากแขนผม

   “ทำไมนานจังล่ะเฮีย...หรือว่า มึงสร้างปัญหาอะไรให้พี่กูวะไอ้เค?” ไอ้เสริฐมันถามพี่มัน ก่อนจะหันมามองผมแล้วหาเรื่องด้วยคำถามปัญญาอ่อนๆนั่น

   “เก็บปากหมาๆของมึงไว้กินข้าวเถอะ” ผมบอกพร้อมกับนั่งลง

“ฮะแฮ่ม” ไอ้พ่อเลี้ยงแกล้งกระแอมเพื่อเป็นการเตือนให้ผมกับไอ้เสริฐหยุดกัดกัน ประมาณว่า…
กูนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ พวกมึงอย่าได้ริกัดกัน


ผมเลิกสนใจเสียงนกเสียงกาจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม แล้วหันมาสนใจกับกับข้าวตรงหน้าแทน และสิ่งแรกที่ผมเห็น...


   หมูทอดกระเทียม!

   และอื่นๆอีกสองสามอย่าง แต่ผมไม่สนใจแล้วว่ามันคืออะไรบ้าง แค่มีสิ่งที่ผมกินได้อยู่อย่างหนึ่งก็พอแล้วล่ะ

   “กินเยอะๆนะหมาน้อย เดี๋ยววันนี้มึงต้องใช้พลังงานอีกเยอะ” ไอ้พ่อเลี้ยงว่า

   “หมายความว่ายังไง?” ผมถามแทบจะทันที รับรู้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง ว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองแน่ๆ

   “ก็ทำงานไง” คราวนี้เป็นไอ้เสริฐครับที่ตอบ แต่หน้ามึงนี่วอนตีนกูมากครับ

   “มึงอย่ามาตลก!” ผมว่า

   “แล้วพ่อมึงจะให้มึงมาที่นี่ทำไมล่ะ? ให้มาแดกฟรี อยู่ฟรีงั้นเหรอ?” มันพูดบอกอีกพร้อมกับทำหน้ากวนตีน
 
   “ไอ่สัส!” ผมสบถด่ามันทันทีก่อนจะผลุนผลันลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องนอนของไอ้พ่อเลี้ยงทันที ไม่กงไม่กินมันแล้วข้าว สิ่งที่ผมต้องการที่สุดตอนนี้คือ โทรศัพท์!


ไอโฟนกูอยู่หนายยยยยยยยยย






TBC………………………………………………

แหะๆ อยากอ่านคอมเม้นต์จังเลยยยยยย
ปล.เพียงแค่ 1 คอมเม้นต์ = กำลังใจมหาศาล

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 6+_P.1 04Aug2018
« ตอบ #9 เมื่อ: 04-08-2018 23:29:57 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 3+_P.1 25Jul2018
«ตอบ #10 เมื่อ05-08-2018 08:39:05 »

เปลี่ยนชื่อตอน กับวันที่ที่หัวกระทู้หน่อยนะ เดี๋ยวคนไม่รู้ว่าตอนใหม่แล้ว

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 7+_P.1 06Augl2018
«ตอบ #11 เมื่อ06-08-2018 01:10:26 »

7



   ทันทีที่ผมกลับเข้ามาถึงในห้อง ผมก็ตรงรี่เข้าไหยิบไอโฟนที่ชาร์จแบตอยู่ตรงหัวเตียง แล้วกดโทรออกหาพ่อทันที

   [เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้....]

   โธ่เว้ย! พ่อมาปิดเครื่องอะไรตอนนี้!!

   พ่อคงจะวางแผนกับไอ้พ่อเลี้ยงบ้านี่ตั้งแต่แรกแล้วล่ะสิ หึ! ได้ ในเมื่อพ่อไม่ให้ผมกลับไปง่ายๆ ผมก็จะไม่กลับ คอยดูก็แล้วกัน!


   ผมจัดการต่อสายหาไอ้โจ้ทันที หลังจากที่ความพยายามในการโทรหาพ่อให้ติดนั้นหมดไปแล้ว เสียงสัญญาณดังอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ปลายสายจะรับ


   [ฮัลโหลลลล] ไอ่สัด น้ำเสียงนี่โคตรงัวเงียอ่า นี่มึงยังไม่ตื่นอีกหรือไง

   “ตื่นได้แล้วสัส จะนอนกินบ้านกินเมืองรึไง!” ผมตะโกนใส่โทรศัพท์เผื่อว่าเสียงหล่อๆของผมจะได้ดังไปถึงกระดูกทั่ง กระดูกโกลนในแก้วหูไอ้โจ้มันบ้าง

   [ใครวะ?] มันถามกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

   “นี่มึงรับโทรศัพท์แล้วไม่รู้จักแหกตาดูชื่อคนที่โทรมาเนี่ยนะ?” ผมว่ากลับไปอีก

   [ไอ้เคเหรอ]” มันถามกลับ

   “เออ!”

   [มีไรวะ โทรมาปลุกกูแต่เช้าเลย กูเพิ่งได้นอนเองนะเนี่ย] มันว่า สม ใครใช้ให้มึงเที่ยวล่ะสาสสส คนไม่ได้ไปอย่างกูแม่งอิจฉาชะมัด

   “ถ้าไม่มีกูไม่โทรหรอก” ผมบอก ก่อนจะพูดต่ออีก

   “พวกมึงพากันยกโขยงมาหากูเลย วันนี้ เดี๋ยวนี้ด้วย!”

   [มึงอย่ามาตลก ทำไมกูต้องไปหามึง] มันถามผม ซึ่งฟังจากน้ำเสียงแล้วคงจะตื่นเต็มที่แล้วล่ะนะ

   “เออ กูบอกให้พวกมึงมาก็มาเหอะน่า ไม่รู้ล่ะ ยังไงเย็นนี้พวกมึงต้องถึงที่นี่แล้ว” ผมตัดบท

   [ไอ้คะ…]

   “ถ้าพวกมึงไม่มาก็ไม่ต้องมาเรียกกูว่าเพื่อนอีก” ผมสวนขึ้นทันทีก่อนที่ไอ้โจ้มันจะเรียกชื่อผมเสร็จด้วยซ้ำ

   [ไอ้เค มึงมีเหตุผลหน่อยดิวะ]

   “กูแม่งก็เลวอย่างนี้อยู่แล้วนี่” ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้อะไรที่พอจะตัดพ้อ ประชด หรือห่าเหวอะไรก็ได้ ผมใส่แม่งให้หมด

   [มึงไม่ต้องมาตัดพ้อเลยนะสัด แยกแยะหน่อยระหว่างเรื่องที่กูบอก มันไม่ได้เกี่ยวกับว่ามึงเลวหรือไม่เลวเลยนะ...] ไอ้โจ้มันบอกก่อนจะเงียบไป


   มันเงียบ...

   ผมเงียบ...


   แต่ไม่วาง! ก็บ้านรวยอ่า เดี๋ยวบิลค่าโทรศัพท์มาพ่อก็ให้คนไปจ่ายเองนั่นแหละ

   [...มึงไม่บอกที่อยู่ แล้วพวกกูจะไปหามึงยังไง?] หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่งไอ้โจ้ก็พูดประโยคอันน่าประทับใจออกมา บราโว่!!!!!!!!!!

   แต่ปัญหาคือ...

   “กู..ไม่รู้ว่ะ” ผมบอกกลับไปเสียงอ่อย ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่นาว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แค่ว่ามันบ้านนอกมากๆ ต้นไม้เยอะๆ มีภูเขาล้อมรอบเต็มไปหมด แล้วก็อากาศดีมากๆ

   [อ้าว ไอ้ห่า ให้พวกกูไปหาแต่เสือกไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหนเนี่ยนะ?] ไอ้โจ้มันว่า ก็กูไม่รู้นี่หว่า กูผิดเหรอสัส!

   “มึงใจเย็นดิ อย่าเพิ่งเทศน์นากูตอนนี้ งั้นเดี๋ยวกูเปิด GPS ไว้ก็ได้ มึงก็ดูๆเอาละกัน” ผมบอกเมื่อคิดได้

   [ก็ถ้ามันจะลำบากขนาดนั้นนะเค…] ไอ้โจ้ว่าอย่างเหนื่อยใจ

   “เออน่า อ้อ แต่ก่อนถึงนี่สัญญาณมันจะไม่มีพักนึงนะ จะมีอีกทีก็ถึงบ้านที่กูอยู่นี่เลย มึงแค่ดูจาก GPS ว่ากูอยู่จังหวัดไหนอำเภอไหนก็พอ แล้วจากนั้นก็ถามทางเค้าเอาบอกว่าบ้านสวน โรโรโนอา โซโล เดี๋ยวเค้าก็บอกทางมึงมาเองแหละ เพราะไอ้ชื่อสวนประหลาดๆแบบนี้คงมีที่นี่ที่เดียว” ผมร่ายยาวออกไปเป็นชุด

   [โกหกกูหรือเปล่า ชื่อสวนห่าอะไรแบบนั้นวะ] ไอ้โจ้มันถาม น้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ เออ กูเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันนั่นแหละ

   “เออ นั่นแค่โซโล เดี๋ยวมึงมา มึงก็จะได้เจอทั้งลูฟี่ ทั้งแกนไลน์แน่ๆ” ผมบอกอย่างอ่อนใจ

   [อย่าประชด] มันว่า

   “เดี๋ยวมาถึงมึงก็จะรู้เอง หึหึ”

[งั้นแค่นี้ก่อนละกัน เดี๋ยวกูต้องเตรียมของแล้วไหนจะต้องไปลากไอ้สองตัวนั้นไปด้วยอีก] มันว่าก่อนจะวางสายไป

   คราวนี้แหละมึง สนุกแน่! หึหึ



   ก๊อกๆ

   เสียงเคาะประตูดังขึ้น ซึ่งคาดว่าไม่ใช่เจ้าของห้องแน่ๆที่เป็นคนมาเคาะ เพราะไอ้พ่อเลี้ยงนั่นไม่มีทางมีมารยาทแบบนี้ เพราะงั้นผมจึงลุกไปเปิดประตูครับ และทันทีที่เปิดประตู...

   “พ่อเลี้ยงให้มาตามคุณไปกินข้าวค่ะ” ป้าเมื่อเช้านั่นเองครับ

   หึหึ ไอ้พ่อเลี้ยงให้คนมาตามผมไปกินข้าวอย่างนั้นเหรอ นี่มึงกะจะใช้แรงงานกูจริงๆใช่มั้ย?

   “บอกมันว่าผมไม่กิน!” ผมบอกป้ากลับไป กูหยิ่งครับ!

   “พ่อเลี้ยงบอกว่า ถ้าคุณบอกแบบนี้ พ่อเลี้ยงจะให้คุณไปเก็บอึคุณลูฟี่ค่ะ” ป้าบอกผมอีก หืออ! ไอ้เจิด มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้พ่อเลี้ยงหัวคอวอยอ!

   จะให้คนอย่างโอเคไปเก็บขี้ยีราฟ มึงฝันไปหรือเปล่าคร้าบบบ

   ชาติหน้าตอนบ่ายๆเหอะมึง!


   
   “บอกมันว่าผมไม่ทำ!”

   “ทำไมมึงดื้อจังวะ หมาน้อย?” อยู่ๆไอ้พ่อเลี้ยงมันก็เดินเข้ามา

   “ป้าไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” มันบอกป้า ก่อนจะปิดประตูแล้วกดล็อกทันที

   “มึงจะล็อกห้องทำเชี่ยอะไร?” ผมถามขึ้นทันที

   “กูเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอยู่กับกู...อย่าดื้อ” มันบอกพร้อมกับสาวเท้าเข้ามาหาผมเรื่อยๆ เวลามึงจะพูดบอกอะไร ทำไมต้องเข้ามาใกล้กูด้วยยยยยยยยยย

   “อะ..ออกไปห่างๆกูเลยสัด!” ผมว่าพร้อมกับผลักอกมันออก แต่ไอ้คนตัวสูงกว่าไม่ได้สะทกสะท้านกับพละกำลัง(?)ที่ผมใช้ผลักมันไปเลยแม้แต้นิดเดียว คือ อยู่ใกล้แล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเตี้ยอ่า


...แค่นั้นจริงๆ ...จริงๆนะ


   “กลัว?” มันเลิกคิ้ว พร้อมกับก้าวเดินเข้ามาเรื่อยๆ

   “กูไม่ได้กลัวมึง!” ผมตะโกนใส่หน้า ก็ในเมื่อกูบอกให้มึงออกไปห่างๆแล้วมึงยิ่งขยับเข้ามาใกล้เองทำไมล่ะ

   “ไม่กลัวก็ดี” มันว่าพร้อมกับยื่นหน้ามาใกล้ๆ ไอ้ฟรายยยย แค่มึงเดินเข้ามาหากูเรื่อยๆนี่ก็ใกล้มากพอแล้วนะ นี่มึงยังเสือกยื่นหน้ามาอีกเหรอ

   “กูบอกให้ออกไปห่างๆไงเล่า!” ผมตะโกนอีกครั้ง แต่มันก็ยังหน้าด้านอยู่เหมือนเดิม

   “หึ..” มันส่ายหน้า

   “กูอยากเลียปากหมา...” มะ..มึงว่าไงนะ!

   “ไอ้..อื้อออออ...” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ด่าหรือโวยวายอะไร ไอ้บ้าตรงหน้ามันก็เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิมแล้วจัดการเลียปากผมทันที!

   มันใช้ลิ้นของมันเลียภายในโพรงปากของผม ท่าทางชำนาญใช่เล่น เพราะลิ้นร้อนๆของมันกำลังไล่ต้อนลิ้นของผมที่พยายามหลบหนีอยู่..


   ไอ้เหี้ย!!! นี่มันจูบกูชัดๆ!!!


   “เหี้ย! กัดลิ้นกู!” ได้ผลครับ มันผละออกจากปากผมทันที

   “ใครใช้ให้มึงทำอย่างนี้ล่ะสัด!” ผมสบถด่าออกไปพร้อมกับใช้หลังมือเช็ดปากที่เพิ่ง...เอ่อ ถูกไอ้บ้านี่มันเลีย!


   
   พลั่ก!

   ผมจงใจชนไหล่มันมันอย่างแรงในขณะที่ผมกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ ใช่ครับ! ผมเข้าไปแปรงฟัน!


   ปึง!!

   ปิดประตูกระแทกใส่อีกที เอาให้แม่งพังไปเลย กูรู้ว่ามึงรวย ถ้ามันพังเดี๋ยวมึงก็ซ่อมเองนั่นแหละ

   พอเดินเข้ามาในห้องน้ำก็จัดการบีบยาสีฟันใสแปรง บ้วนปาก เอาแปรงสีฟันที่ใส่ยาแล้วจุ่มน้ำ เอาแปรงสีฟันเข้าปากแล้วก็แปรงๆๆๆๆ

   แม้ว่ายาสีฟันจะมีรสชาติและส่วนผสมของมิ้นท์ซึ่งให้ความรู้สึกเย็น แต่ทำไมผมกลับยังรู้สึกถึงรสสัมผัสอุ่นๆจากลิ้นของมันเมื่อครู่อยู่เลยวะ?


   ไม่นะ!!!



   หลังจากที่ผมแปรงฟันเสร็จ และไล่ความคิดความรู้สึกบ้าๆนั่นออกจากหัวแล้ว ผมก็ออกมาจากห้องน้ำ แต่ปรากฏว่า ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย เออ ไปได้ก็ดี!




   เวลาผ่านไปจนตอนนี้ 10.13 นาฬิกาแล้ว...



   จ้อก..

   ไม่ไหวแล้ว หิวโว้ยยยยยยยยยย

   ผมตัดสินใจเดินออกจากห้องนอนไป ตอนนี้ไม่ว่าจะทิฏิ หรือความหยิ่งอะไร ผมก็ไม่มีเหลือแล้วล่ะ ก็คนมันหิวนี่นา


   พอเปิดประตูออกมา แล้วมองไปรอบๆ...


   บ้านเงียบแฮะ สงสัยจะไม่มีคนอยู่แล้ว งั้นตรงดิ่งไปที่ครัวก่อนเลยละกัน หิวไม่ไหวแล้ว หวังว่าหมูทอดกระเทียมที่เห็นเมื่อเช้ายังคงเหลืออยู่นะ


   “คุณจะกินข้าวเลยมั้ยคะ ป้าจะได้จัดโต๊ะให้” ป้าเมื่อเช้านั่นเองครับ อยู่ๆแกก็โผล่ออกมา

   “เอ่อ..” เอาไงดีวะ ด้านได้ อายอดนะไอ้เค เอาวะ ยอมเสียฟอร์ม ดีกว่าอด!

   “ครับ” ผมบอกกลับพร้อมกับพยักหน้า

   “นั่งรอแป๊บหนึ่งนะคะ” ป้าแกบอก ก่อนจะจัดการหาอาหารให้ผมกิน(ทำไมฟังดูทะแม่งๆ)


   ...

   “อยากได้อะไรเพิ่มมั้ยคะ?” ป้าแกถามผมอีกครั้งขณะที่วางแก้วน้ำลง

   “ไม่ละครับ ขอบคุณมาก” ผมบอก

   “ค่ะ ถ้ามีอะไรก็เรียกป้าได้เลยนะคะ” ป้าแกบอกอีก ใจดีจัง

   “เอ่อ..แล้วมันไปไหนล่ะแล้วล่ะครับ?” ผมถาม คือก็ไม่ได้อยากรู้อะไรหรอกนะ...

   เออ! จริงๆก็อยากรู้นั่นแหละ แต่แค่นิดเดียวนะ นิดเดียวจริงๆ!

   “หมายถึงใครคะ? ถ้าหมายถึงคุณเสริฐ คุณแกเข้าไปธุระในเมืองให้พ่อเลี้ยงน่ะค่ะ” เอ่อ ผมไม่ได้อยากรู้เกี่ยวกับไอ้ห่านั่นเลยนะครับ

   “ไม่ใช่ครับ” ผมว่า

   “อ๋อ..ถ้าหมายถึงพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงแกเข้าไร่ไปกับตาหมานสามีป้าตั้งแต่ตอนที่ออกมาจากห้องตอนที่ไปตามคุณแล้วล่ะค่ะ” ป้าแกว่า

   “ไร่?” ผมขมวดคิ้ว คือรู้นะว่าที่นี่มันเป็นบ้านสวน และก็แน่นอนว่าต้องทำการเกษตรอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่ประเด็นคือผมไม่รู้ไงว่ามันทำอะไร คือจะถามตั้งแต่ทีแรกแล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะมีเรื่องเสียก่อน แล้วล่าสุดยิ่งเป็นเรื่อง...


   นั่นแหละ ไม่อยากพูดถึง!


   “ไร่องุ่นค่ะ”




TBC…………………………………………………


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-08-2018 01:19:46 โดย Cakewhans »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 7+_P.1 06Aug2018
«ตอบ #12 เมื่อ07-08-2018 00:06:37 »

ชอบวันพีชเหมือนพ่อเลี้ยงบรรเจิด  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

พ่อเลี้ยงน่าจะเคยพบเคมาก่อนนะ  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 7+_P.1 06Aug2018
«ตอบ #13 เมื่อ08-08-2018 18:10:50 »

8




   ไร่องุ่นงั้นเหรอ?


   ไอ้พ่อเลี้ยงนี่มันมีอะไรที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอเลยแฮะ คนบ้าๆบอๆอย่างมันเนี่ยนะ จะทำไร่องุ่น? เพราะเท่าที่ผมรู้มา การทำไร่องุ่นนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ คือมันเป็นผลไม้ที่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจกับมันโคตรๆอ่า

   ตอนแรกผมก็ว่าหลังจากที่กินข้าวอิ่มแล้วจะแอบตามไปดูสักหน่อย(ความจริงผมจะแอบตามไปเก็บองุ่นมันกินต่างหาก เพราะผมชอบกินผลไม้มาก) แต่เปลี่ยนใจ ร้อนจะตาย แล้วอีกอย่าง เกิดไปแล้วมันเสือกให้ผมทำงานขึ้นมาจะทำไง ไม่เอาด้วยหรอก สู้อยู่รอพวกไอ้โจ้ที่นี่ดีกว่า

   แต่...

   อยู่เฉยๆแม่งโคตรน่าเบื่อเลย! เพราะไม่ว่าผมจะฟังเพลง เล่นเกม ดูทีวี หรือแม้แต่นอนอยู่เฉยๆก็แล้วก็ตาม มนก็ยังเบื่ออยู่ดีอ่า ครั้นจะให้โทรหาบรรดากิ๊กทั้งหลายแหล่ก็ไม่ได้ เพราะถ้าเกิดคุณเธอเหล่านั้นถามผมว่าอยู่ไหน แล้วผมจะตอบว่ายังไง เอาเป็นว่าให้พวกเธอรู้ว่าผมไปทัวร์ต่างประเทศก็พอ เหอะ! โคตรต่างประเทศเลย!

   ไหนๆก็ว่างแล้ว ขอทำการสำรวจบ้านหลังเบ่อเร่อเท่อแต่ดันมีห้องนอนแค่สองห้องนี่หน่อยละกัน ต่อมเสือกเริ่มทำงานอีกครั้ง!

   ผมเดินออกจากห้องนอนที่ผมสิงสถิตอยู่จนเกือบจะครึ่งค่อนวันโดยไม่ลืมที่จะหยิบไอโฟนลูกรักออกมาด้วย เพราะเผื่อพวกไอ้โจ้มาถึงกันแล้วโทรหา ผมจะได้รู้ ผมเดินสำรวจไปทั่วครับตั้งแต่ชั้นบน(ชั้นห้องนอนนี่แหละ) ห้องตรงข้ามก็เป็นห้องนอนของไอ้เสริฐครับ ความจริงผมก็อยากเข้าไปเสือกอยู่เหมือนกันแหละนะว่าข้างในห้องมันมีอะไรบ้าง แต่มันเสือกล็อกครับ! อดเลย อ้อ แล้วผมรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ?ว่าห้องนี้เป็นห้องนอนมัน ง่ายๆเลยก็คือ...

หนึ่ง บ้านนี้มีแค่สองห้อง ห้องแรกเป็นห้องของไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊อง หรือนั่นก็คือห้องที่ผมนอนนั่นเอง แล้วอีกห้องที่เหลือมันจะเป็นของใครไปไม่ได้เลยนอกจากไอ้เสิริฐ

สอง หน้าประตูห้องมีป้ายเบ่อเริ่มเลยเขียนไว้ว่า ‘ห้องคุณชายเสริฐ’

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าปัญญาอ่อนทั้งพี่ทั้งน้อง


เอ๊ะ! ว่าแต่ทำไมชั้นหนังสือการ์ตูนถึงได้มาตั้งทะเล่อทะล่าอยู่ตรงนี้วะ คือถ้าเดินขึ้นบันไดมา แล้วหันมองไปทางขวาก็จะเจอเลยอ่าครับ อยู่ติดผนังเลย คือขึ้นมาแล้วต้องเดินไปทางซ้ายอย่างเดียวถึงจะเข้าห้องได้ เพราะทางขวามันตันโดยมีไอ้ชั้นวางหนังสือขนาดเท่าประตูห้องนี่ตั้งไว้อยู่ ถามว่ามันตั้งอยู่ตรงนี้แล้วเกะกะมั้ย? ก็ไม่ครับ แต่ว่ามันควรจะอยู่ห้องนั่งเล่น หรือในห้องนอนมากกว่าปะ แบบเวลาจะอ่านก็หยิบมาแล้วนั่งอ่านนอนอ่านได้เลย แต่นี่มันตั้งอยู่ข้างๆบันไดเลยนะ หยิบมาแล้วเดินลงบันไดไปอ่านไปงี้เหรอ มีหวังตกบันไดตายกันพอดี ไอ้เจ้าของบ้านนี่มันคิดอะไรอยู่วะ ไม่เข้าใจเลย

แต่จะว่าไปผมก็ไม่อยากเข้าใจหรอกนะ ดูแต่ละคนสิ ทั้งพี่ทั้งน้อง เต็มๆกันทั้งนั้น เหอะ ไหนๆผมก็เบื่ออยู่แล้ว เอาการ์ตูนมันไปนอนอ่านเล่นดีกว่า มีแต่วันพีชทั้งนั้นเลยวุ้ย ตั้งแต่เล่มแรกยันเล่มล่าสุด ผมว่าถ้าไอ้พ่อเลี้ยงนี่เอาดีทางด้านการ์ตูนนี่แล้วไปแข่งสุดยอดแฟนพันธุ์แท้นะ คงได้รางวัลเพียบอ่า


“กูอ่านถึงเล่มไหนแล้ววะ?” ผมไล่สายตาดูแต่ละเล่มแบบคร่าวๆ เพราะว่าผมเองก็จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองอ่านถึงตอนไหน เล่มที่เท่าไหร่แล้ว เพราะผมก็แค่อ่านบ้าง พอให้รู้ ให้ได้รับความบันเทิง ไม่ได้บ้าจนเข้าขั้นโรคจิตเหมือนไอ้เจ้าของบ้านนี่

 
“แม่งจำไม่ได้โว้ย!” หงุดหงิด!


ปึ่ง!


แอ๊ดดดดด..




เอ๊ะโอววววว..

หลังจากที่ผมระบายความหงุดหงิดด้วยการเตะไอ้ชั้นหนังสือนี่ไปหนึ่งที ก็ปรากฏว่าไอ้ชั้นนี้มันเป็นประตูครับ! และที่สำคัญแม่งเปิดได้!!!

เห้ย! จริงดิ? เหมือนฝันอ่า ล้อกันเล่นหรือเปล่า นี่ไม่ใช่ในหนังนะ ถึงจะได้มีแบบว่าห้องลับอยู่ในบ้านอะไรทำนองนั้นอ่า ไหนลองหยิกตัวเองดูสิ..

“โอ๊ยยย” เจ็บจริงๆด้วย


นี่แสดงว่าผมไม่ได้ฝันไปสินะ บ้านไอ้หมอนี่แม่งมีห้องลับซ่อนอยู่จริงๆด้วย ตื่นเต้นแฮะ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นแฮรี่ แล้วกำลังเปิดประตูเข้าสู่ห้องแห่งความลับยังไงยังงั้นเลย ขณะนี้ต่อมเสือกของผมกำลังทำงานอย่างเต็มรูปแบบครับ กูขอเข้าไปดูหน่อยละกัน หึหึ


ผมเดินเข้าไปข้างใน เอ่อ ขอเรียกมันว่า ‘ห้องลับ’ ละกันนะ นิยายเรื่องนี้จะได้แลดูมีอะไรหน่อย อิอิ ภายในห้องมืดสนิทครับ ไอ้พ่อเลี้ยงนี่มันแอบฆ่าตัดตอนใครแล้วเอาศพมาซ่อนไว้ในนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ บรื๋ออ แอบขนลุกแฮะ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะก็... มึงดังแน่ไอ้เจิด! เพราะหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต้องพาดหัวข่าว ประมาณว่า...


‘หนุ่มหล่อเกาหลี ชื่อไม่เหมาะกับหน้าตา ฆ่าหั่นศพแล้วซุกไว้ในที่พัก!!’


หรือ



‘พ่อเลี้ยงบ้านนอก ซุกศพ หมกไว้ในห้องลับภายในบ้าน’



หึหึ..ว่าแต่ทำไมพาดหัวข่าวมันตลกงั้นวะ? แถมยังแลดูเข้าข้างในด้านหน้าตาของไอ้พ่อเลี้ยงนี่โคตรๆอ่า ผมไม่มีความสามารถในการคิดหัวข้อข่าวเลยหรือไง? แล้วกูเรียนนิเทศทำมายยยยยยยย

ก็นะ แค่คิดก็สนุกแล้ว แล้วคราวนี้ผมก็จะได้ความดีความชอบด้วย ฮะฮ้า เป็นไงล่ะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว คึคึ แต่ทำไมผมถึงไม่ได้กลิ่นเหม็นเน่าอะไรเลยล่ะ?

 ไม่รู้ว่าสวิตช์ไฟอยู่ตรงไหน เพราะงั้นผมเลยคลำๆมือไปแถวๆผนังข้างๆประตู เหมือนอย่างห้องทั่วๆไปอ่านะ ที่สวิตช์ไฟมักจะอยู่ใกล้ๆประตู เพื่อที่เวลาก่อนออกจากห้อง หรือออกจากบ้านไปไหนจะได้ไม่ลืมปิดไฟ เป็นการช่วยโลกประหยัดพลังงานอย่างหนึ่ง



พรึ่บ!!

อ่า..ไฟติดแล้ว

ผมกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง ไล่ตั้งแต่แรกเลยละกันนะ ตรงข้างฝาผนังมีอะไรสักอย่างแขวนอยู่ คล้ายๆใบประกาศนียบัตร หรือ ใบปริญญาอะไรทำนองนั้น และพอผมเข้าไปดูใกล้ๆ...

แม่เจ้าโว้ยยยยยยยยยยยย!

ปริญญาบัตรเกียรตินิยม! คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัย MNU โดยมีชื่อไอ้พ่อเลี้ยงนี่ติดอยู่หราเลย นายบรรเจิด  วิริยะไกรศรีกุล เอาเข้ ของจริงว่ะ ไอ้นี่แม่งไม่ได้โม้ผมจริงๆด้วย แต่ก็แค่เกียรตินิยมอันดับสองแหละวะ เชอะ
ถัดมาเป็นรูปตอนที่มันรับปริญญา ใส่กรอบไว้อย่างดี รูปที่มันรับปริญญานี่ก็มีหลายรูปอยู่เหมือนกันครับ แต่นอกจากนั้นก็ยังมีรูปอื่นๆอีก แต่ส่วนมากจะเป็นรูปที่มันเล่นดนตรีซะมากกว่า มีทั้งรูปเดี่ยว รูปที่มันถ่ายกับเพื่อน แต่ดูแล้วเหมือนรูปสมาชิกในวงของมันมากกว่า เครื่องดนตรีที่มันเล่นรูปร่างคล้ายๆกีตาร์ แต่มีสี่สาย...อ้อ ไอ้นี่มันเล่นเบสสินะ ดูๆแล้วที่นี่ประหนึ่งแกลเลอรี่ส่วนตัวของมันเลยอ่า คิดว่าหล่อนักรึไง เออ มึงหล่อ! แต่น้อยกว่ากู หึหึ


ตรงมุมห้องมีเบสตัวหนึ่งวางอยู่ ตัวเบสเป็นสีน้ำตาลไหม้ครับ เงาๆนิดหนึ่งแล้วก็ค่อยๆไล่มาเป็นสีน้ำตาลเข้ม ส่วนตัวคอของมันไล่มาจนถึงปลายที่ยึดสายเป็นสีขาว ยอมรับครับ ว่าเบสของมันสวยจริงๆ และถัดไปนั้นก็มีเครื่องดนตรีอีกหลายชิ้นหลายอย่างเลย ทั้งกีตาร์ ทั้งกลอง เอาเป็นว่ามีเครื่องดนตรีครบวงเลยก็ว่าได้ นี่มันก็ห้องซ้อมดีๆเลยอ่า ไอ้พ่อเลี้ยงนี่มีหลายมุมที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ

แล้วผมล่ะ?

ผมทำอะไรได้บ้างวะ? ความสามารถก็ไม่มี เรียนก็ไม่เก่ง ได้แต่หน้าตาดีไปวันๆ ฮิ้ววววว ผมไม่ซีเรียสครับ ก็ที่บ้านผมรวยอ่า


ผมเดินเข้าไปดูรูปแต่ละรูปของมันใกล้ๆครับ แล้วก็เกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างหนึ่ง ว่าทำไมสถานที่ที่ในรูปภาพพวกนี้มันคุ้นๆจัง อย่างกับมหาลัยที่ผมเรียนอยู่เลย! เดี๋ยวขอกลับไปดูที่ใบปริญญาของมันแป๊บ ว่ามันจบมาจากไหน...


มหาวิทยาลัย MNU!


เห้ยนี่มันมหาลัยเดียวกันเลยนี่หว่า มิน่าล่ะ ผมถึงว่าทำไมไอ้พ่อเลี้ยงนี่หน้าคุ้นๆ แล้วไหนจะเพื่อนมันแต่ละคนนี่อีก...
อ๋อ กูนึกออกแล้วววววววว โลกมันจะกลมเกินไปแล้ว!




   เมื่อปีที่แล้ว...
   

   วันนี้เป็นวันแรกของสัปดาห์ที่สอง ของการที่ผมมาเป็นนักศึกษาที่นี่โดยใช้อำนาจพ่อ หึหึ รู้สึกเท่จังเลยอ่า ซึ่งความจริงแล้วตอนนี้ผมควรจะอยู่ในห้องเรียนเพื่อเรียนวิชา Principles of Communication Arts หรือที่แปลเป็นไทยว่า ‘หลักนิเทศศาสตร์’ แต่ผมไม่ได้เข้าครับ เหอๆ ก็เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วนี่ครับที่ผมจะเข้าเรียนมั่ง ไม่เข้าเรียนมั่ง ตอนนี้ผมเตร็ดเตร่ไปทั่วสองคนกันกับไอ้โจ้ครับ สำรวจดูว่าคณะไหนมีสาวสวยๆโดนใจบ้างหรือเปล่าเพราะตอนรับน้องผมไม่ได้มา ชั่วจังกู (ไม่สมควรเอาเยี่ยงอย่างนะครับ)

   ตอนนี้ผมและไอ้โจ้อยู่หน้าคณะบริหารครับ คนเดินเข้าออกเยอะพอสมควร บ้างก็นั่งคุยเล่นกัน บ้างก็ทำอะไรไม่รู้เหมือนกับกำลังเตรียมงานอะไรบางอย่างอยู่ แต่ดูๆแล้วพวกนี้ไม่น่าจะใช่เด็กปีหนึ่ง เพราะปีหนึ่งยังไม่น่าจะมีงานอะไรให้ต้องทำไม่ใช่เหรอ? คงจะเป็นพวกปีโตๆล่ะมั้ง


“มึงว่าเค้าทำอะไรกันวะ” ผมหันไปถามไอ้โจ้ที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ได้ข่าวว่ากูก็มากับมึง” ไอ้โจ้ว่า เออ ก็จริงของมันแฮะ

“เหมือนกำลังเตรียมงานอะไรบางอย่างเลยว่ะ” ผมบอกบ้าง

“เห้ย นั่นเด็กปีหนึ่งไม่ใช่เหรอ? มาทำอะไรที่นี่ เวลานี้มันเวลาเรียนไม่ใช่รึไง?” อยู่ๆก็มีใครคนหนึ่งที่หน้าตาดีหน่อยๆ(?) ในกลุ่มที่นั่งทำงานอยู่นั่นหันมาเห็นพวกผมแล้วตะโกนถามทันที ทำอย่างกับว่าเบ่งใส่อย่างนั้นแหละ เหอะ กูไม่กลัวมึงหรอก แต่งตัวก็อย่างกับโจร ชุดนักศึกษาก็ไม่ใส่


“อ้าวน้องครับ เพื่อนผมถามทำไมไม่ตอบล่ะครับ?” อีกคนหนึ่งในกลุ่มถามขึ้นบ้าง ซึ่งไอ้นี่ก็หน้าตาดีเหมือนกัน แล้วก็ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกับไอ้คนแรกเลย ผมกับไอ้โจ้หันมามองหน้ากัน

“ลืมเอาปากมาเหรอ?” คราวนี้เป็นไอ้ผมยาวถามขึ้นครับ แม่งเป็นผู้ชายแต่เสือกไว้ผมยาว คิดว่าเท่ไง๊ ไม่ถูกชะตาว่ะ คือไอ้ผมยาวนี่มันก็ไม่ได้ไว้ยาวอะไรมากหรอก ยาวแค่ประบ่าอ่าครับ แล้วก็ดัดตรงปลาย ทำอย่างผู้หญิงงั้นแหละ หน้าตาก็...หล่ออยู่หรอกนะ ไม่อยากจะยอมรับ แต่น้อยกว่ากู แบร่!

“เสือก!” ผมว่าออกไปทันที

“อ้าวทำไมพูดจาควายๆอย่างนี้ล่ะครับ เพื่อนกูถามมึงดีๆนะ” ไอ้คนแรกที่ทักพวกผมพูดขึ้น

“ไอ้เค” ไอ้โจ้เรียกผมเพื่อปราม คิดว่ามีเยอะกว่าแล้วกูจะกลัวเหรอ?

“น้องคะ น้องไม่ได้เรียนคณะนี้ใช่มั้ยถึงได้ไม่รู้จักกลุ่มพี่ปิงอ่า” ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งทำงานอยู่ด้วยนั่นถามขึ้นมาบ้าง แต่เจ๊นี่ใส่ชุดนักศึกษาแฮะ

“เอ่อ..ไม่ได้เรียนครับ” คราวนี้ไอ้โจ้เป็นคนตอบ

“ว่าแล้วเชียว พวกพี่คนที่ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาเนี่ย เค้าเป็นรุ่นพี่ที่จบแล้ว และกำลังจะรับปริญญาในอีกสองเดือนข้างหน้า เราเรียกพวกพี่เค้าว่า พี่บัณฑิต ค่ะ แล้วถึงพวกน้องจะไม่ได้เรียนที่คณะนี้ แต่ก็ควรที่จะมีมารยาทและให้ความเคารพรุ่นพี่เค้าด้วย นี่พี่เค้าอุตส่าห์มาช่วยงาน ‘เปิดโลกกิจกรรม’ เพื่อน้องๆเลยนะคะ” เจ๊นี่ร่ายยาวให้ผมกับไอ้โจ้ฟัง

“ยังไม่รีบขอโทษอีกเหรอ?” ไอ้ผมยาวว่าพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น

“กูไม่ขอโทษ!” ผมบอกกลับทันที ผมถือคติ ไม่รู้ไม่ผิด

“อ้าวน้อง ทำไมไม่เคารพรุ่นพี่แบบนี้ล่ะคะ เรียนคณะไหนเนี่ย รุ่นพี่ที่คณะไม่สอนรึไง?” ยัยเจ๊คนเดิมว่าอีก

“ปากแบบนี้จัดเลยดีมั้ยน้อง” ไอ้คนแรกที่ทักว่าขึ้น คิดว่ากูไม่กล้ารึไง

“ปากปีจอชิบหาย” ไอ้ผมยาวว่าอีก หืออออ พวกมึงปากดีตายแหละ สัส!

“ไอ้...อุ๊บ!” ผมที่กำลังจะด่าแต่ดันถูกไอ้โจ้รีบปิดปากเอาไว้ก่อน

“ท่าจะกัดเจ็บน่าดู อยากลองว่ะ” ไอ้ผมยาวว่าอีกพร้อมกับเดินเข้ามาหา

“เอ่อ โทษทีครับพี่ ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วย” ไอ้โจ้ว่าพร้อมกับรีบพาผมออกไปจากตรงนั้น เหอะ! คิดว่ามีกันเยอะกว่าแล้วกูจะกลัวเหรอ?

“ไอ้แก๊งปากหมา!” ผมตะโกนด่าพวกมันหนึ่งทีหลังจากที่แกะมือไอ้โจ้ออกจากปากตัวเองได้แล้ว

“ไอ้เค!” ไอ้โจ้ปรามผมอีกครั้งในขณะที่มันก็พยายามลากผมออกมาจากที่ตรงนั้น


...
...
...

“มึงไม่น่าเอาชีวิตบัดซบๆ ของมึงรอดมาได้เลยนะ” ไอ้เป้ว่า

ตอนนี้ผมกำลังนั่งก๊งกันอยู่ที่คอนโดไอ้โจ้ครับ โมโหชิบหาย นี่ถ้าไอ้โจ้ไม่ลากผมมาก่อนนะ ได้มีมวยกันบ้างแหละ

“เออ กูน่าจะปล่อยให้แม่งโดนรุมซะ ปากดีชิบหาย” ไอ้โจ้พูดขึ้นบ้างพร้อมกับยกแก้วในมือขึ้นกระดก

“มึงไม่เห็นเหรอ ว่าพวกมันก็ปากหมาใส่กูอ่า” ผมว่าพร้อมกับยกบ้าง

“ไร้สาระชิบหาย” ไอ้เป้ว่า

“ผมว่าพวกคุณดื่มเยอะกันไปแล้วนะครับ” อยู่ๆไอ้ก็อตที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆไอ้เป้ก็พูดขึ้น นี่กูลืมไปแล้วนะเนี่ย ว่ามึงนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยน่ะ

“อะไรกัน นิดๆหน่อยๆเอง มึงอย่ามาโลกสวย” ผมว่า

“ผมไม่ได้โลกสวยนะครับ ผมแค่เตือน กลัวว่าพรุ่งนี้พวกคุณจะไปเรียนกันไม่ไหว” ไอ้ก็อตบอกอีก

“ไปไม่ไหวก็ไม่ต้องไปสิครับ ฮ่าๆๆๆ” คราวนี้เป็นไอ้โจ้ที่พูดขึ้น หึหึ แสดงความจังไรออกมาแล้วสินะ

“ไม่ได้นะครับ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเปิดโลกกิจกรรม” ไอ้ก็อตรีบพูดขึ้นมา เออ คุ้นๆแหะ คำๆนี้ เหมือนเคยได้ยินใครพูดที่ไหนวะ? อ๋อ...ยัยเจ๊ที่คณะบริหารนั่นเอง ที่เป็นคนพูด จะว่าไปผมก็สงสัยเหมือนกันนะ
มันคืออะไรวะ ไอ้เปิดโลกกิจกรรมเนี่ย ?




TBC………………………




Talk : ฝากคอมเมนต์ด้วยนะครับ

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 9+_P.1 08Aug2018
«ตอบ #14 เมื่อ08-08-2018 18:18:02 »

9



   งานเปิดโลกกิจกรรม


   ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นครับ พวกผมนั่งแหง็กอยู่กับพวกไอ้โจ้ที่โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยครับ ซึ่งความจริงไอ้งานบ้าบอนี่ผมจะไม่มาก็ได้นะ เพราะจากที่ถามไอ้ก็อตเมื่อวานเกี่ยวกับรายละเอียดแล้ว ก็มีเรื่องน่าสนใจอยู่ไม่กี่เรื่องเอง ซึ่งเรื่องน่าสนใจที่ว่าก็คือ...


   หนึ่ง มีการประกวดดาว-เดือน ของแต่ละคณะ

   สอง มีคอนเสิร์ตจากนักร้องของทางมหาวิทยาลัย และศิลปินดังๆ ตามแต่ที่ทางมหาลัยจะมีงบไปจ้างมา โดยนักศึกษาของที่นี่จะเรียกมันว่าวัน Freshy Night

   นี่แหละครับ ประเด็นที่น่าสนใจของงานนี้ ส่วน ไอ้สิ่งที่ไม่น่าสนใจก็คือ การให้เด็กปีหนึ่งทุกคนร่วมทำกิจกรรมต่างๆที่มีตั้งแต่เช้า แล้วช่วงบ่ายก็ให้ทำการเลือกชมรม ว่าจะอยู่ชมรมไหน อะไรยังไงก็ว่ากันไป ความจริงผมจะมาในช่วงเริ่มคอนเสิร์ตเลยก็ได้นะ ไม่น่ารีบมาเลย แต่ไอ้ก็อตน่ะสิ ดันไปรู้จากไหนมาก็ไม่รู้ ว่าถ้าไม่ผ่านชมรม ก็เรียนไม่จบ เพราะถือว่านักศึกษาคนนั้นไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมบ้าบอห่าเหวอะไรก็ไม่รู้


   แล้วไอ้สามตัว อันได้แก่ ไอ้โจ้ ไอ้เป้ และไอ้ก็อต ผู้ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีของงานนี้เลย ก็ทำการลากผมมามอ. ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘กลัวเรียนไม่จบ’ นี่พวกมึงไปขยันเรียนกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่? อ้อ เว้นไอ้ก็อตไว้คน เพราะไอ้นี่มันแลดูขยันหน่อย ถึงมันจะเอ๋อๆก็เหอะ แต่ไอ้ห่านี่ก็เก็บงานให้ทุกครั้งที่พวกผมโดดกัน หึหึ


   “นี่พวกมึงรีบกันเหรอวะ?” ผมถามขึ้นก่อนจะหยิบน้ำเปล่าของไอ้ก็อตที่เพิ่งซื้อมาเปิดแล้วกระดกทันทีด้วยความกระหาย

   “นะ..น้ำของผม” ไอ้ก็อตว่าเสียงแผ่ว

   “ไม่มีปัญญาซื้อแดกเองรึไงวะ” อยู่ๆไอ้เป้ก็หันมาด่าผมเพื่อปกป้องไอ้ก็อตมัน ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้ประจำครับ เวลาที่ผมแกล้งหรือทำอะไรไอ้ก็อตมันอ่า หึหึ แต่มึงก็ได้แค่ด่าล่ะวะ ไอ้เป้ พอดีกูหน้าด้าน

   “มี แต่กูขี้เกียจลุกไป มีไรปะ?” ผมถามพร้อมกับยักคิ้วกวนๆใส่ไอ้เป้

   “หน้าด้านฉิบหาย นี่หน้าคนรึถนนคอนกรีต” ไอ้เป้ด่ากลับมาพลางส่ายหน้าระอา

   “อย่าว่าโอเคเลยครับ เพราะถึงยังไงผมก็กินคนเดียวไม่หมดอยู่ดี ให้โอเคช่วยกินก็ดีแล้ว” ไอ้ก็อตว่าบ้าง

   “แล้วตอนแรกเสือกทำเหมือนหวงทำไม?” คราวนี้ไอ้เป้หันมาว่าไอ้ก็อตครับ

   “ผมแค่ตกใจเฉยๆ ไม่คิดว่าโอเคจะกล้ากินน้ำร่วมกับผม” ไอ้ก็อตอ้อมแอ้มตอบ ไม่กล้าที่จะสบตาไอ้เป้สักเท่าไร

   “กับไอ้แค่น้ำเปล่าขวดเดียว มึงจะเถียงกันให้มันเป็นเรื่องทำไมวะ” ไอ้โจ้คงรำคาญครับ มันถึงได้พูดตัดบทขึ้นมา

   “มึงเลยไอ้เป้” ผมจัดการโยนขี้ทันทีครับ

   “พ่องมึงดิ สัส” โอ้วววว เล่นพ่อกูเลยนะ

   “อ้าวไอ้เป้ มึง...”

   “พอเลยพวกมึง หยุดเห่าหยุดหอนและหยุดกัดกันได้แล้ว” ไอ้โจ้ห้ามทัพก่อนจะพูดต่ออีก “กูว่าตอนนี้พวกเราไปแถวๆหน้าเวทีกันดีกว่า เดี๋ยวไม่มีที่จะยืน เพราะคนแม่งโคตรเยอะ อีกอย่างไม่ได้มีแค่ปีเราปีเดียวด้วยที่มา”

   “แล้วทำไมต้องไปข้างหน้าเวทีด้วยวะ?” ผมถาม

   “นั่นสิครับ เรายืนดูห่างๆก็ได้นี่นา” ไอ้ก็อตว่า

   “ก็วันนี้มันมีวง ZXC มาเล่นด้วย” ไอ้โจ้บอก

   “เห้ย จริงดิ?” ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ เพราะไอ้วง ZXC นี่เป็นวงดนตรีร็อกที่กำลังมาแรงในขณะนี้ และแน่นอนว่าชื่อเสียงนั้นก็ดังใช่ย่อย แล้วมหาลัยกลับจ้างมาเล่นที่งานนี้ได้แสดงว่าไม่ธรรมดาจริงๆ งบของที่นี่จะต้องเยอะน่าดู

   “เออ กูเพิ่งได้ยินเด็ก PR มันพูดกันเว่ย” ไอ้โจ้บอกอีกพร้อมกับยักคิ้วแสดงความมั่นใจ ว่าตัวเองนี่รู้ดี อะไรประมาณนั้น

   “งั้นก็รีบไปดิวะ จะมัวรอช้าอยู่ไย” ผมว่าก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินนำไป ซึ่งพวกมันก็เดินมามาเช่นกัน




   ตอนนี้บริเวณใกล้ๆกับเวทีเต็มไปด้วยบรรดานักศึกษาทั้งหญิงและชาย(รวมถึงกะเทยด้วย)แต่ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงซะมากกว่า กำลังนั่งรอเวลาคอนเสิร์ตเริ่ม หลังจากที่เสร็จสิ้นการประกวดดาวและเดือนไปแล้ว อ้อ! ผมไม่รู้หรอกนะว่าใครได้รางวัลอะไรอ่า เพราะผมว่ามันไม่เห็นจะน่าสนใจเลย แล้วอีกอย่างผมก็เพิ่งเข้ามาด้วยไง ไม่รู้ว่าคนที่มารอพวกนี้มาจากคณะไหนกันบ้าง เพราะคนมันเยอะมากปนกันไปหมดแถมยังแต่งตัวเหมือนกันอีก แยกไม่ถูกหรอกว่าคณะไหนเป็นคณะไหน ถึงแม้ว่าจะมีป้ายชื่อ(อันเบ่อเริ่ม)แขวนที่คอก็ตาม และแน่นอนว่าทั้งกลุ่มของผมมีเพียงแค่ไอ้ก็อตคนเดียวที่บ้าจี้แขวนมา

   “ทำไมมีแต่เพศแม่วะ?” ไอ้เป้เป็นคนถามขึ้น ซึ่งผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวนี้รสนิยมการฟังเพลงของผู้หญิงเค้าเปลี่ยนมาเป็นแนวร็อกๆอย่างนี้กันแล้วเหรอ? หรือจะมาดูวงอื่น เพราะคืนนี้ไม่ได้มีมาแค่วง ZXC อย่างเดียว

   “นั่นดิ” ผมเห็นด้วยกับไอ้เป้

   “กูว่ายืนๆไปเถอะ เดี๋ยวพอเริ่มจริงๆแล้วเราจะเจาะเข้าไปใกล้ๆไม่ได้นะมึง” ไอ้โจ้บอกอีก ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับมันและเดินขยับเข้าไปใกล้ๆมากกว่าเดิม

   “โทษนะ เธอมาจากคณะอะไรเหรอ?” เอาละครับ เป็นไอ้โจ้ที่เริ่มหยิบภาชนะส่วนตัวออกมาใช้(หม้อ) โดยการตอแหลแกล้งถามผู้หญิงผมยาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั่น คือมึงก็อ่านหนังสือออกหรือเปล่าวะ ที่ป้ายนั่นก็เขียนบอกอยู่ว่า “อักษรศาสตร์” แล้วตัวหนังสือก็ใช่ว่าจะเล็กๆ

   “อักษรค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นหันมาตอบแบบงงๆ

   “เหรอๆ ว่าแต่เธอก็มารอดู ZXC เหมือนกันเหรอ?” ไอ้โจ้ชวนคุยต่อ

   “เราไม่อยู่ดึกขนาดนั้นหรอก” หญิงสาวว่า

“หมายความว่าไงเหรอ?” ไอ้โจ้ถามต่อ

“ก็วง ZXC มาตั้งวงสุดท้ายแน่ะ เราว่ามันดึกไปอ่า เราแค่กะจะมาดูวงพี่ปิงเฉยๆ เสร็จแล้วก็กลับเลย” ผู้หญิงคนเดิมตอบยิ้มๆ ไอ้โจ้ก็ยิ้มแหยๆกลับไปให้ก่อนจะหันมาคุยกับผม

“อย่าบอกนะมึงว่าวง ZXC มาปิดท้ายอ่า”

“กูจะไปรู้เหรอ? แล้วที่มึงไปได้ยินเด็ก PR ว่า มันว่าไงบ้างล่ะ?” ผมถามมันกลับไป

“ไม่รู้ว่ะ แค่รู้ว่า ZXC กูก็รีบเอามาบอกพวกมึงเลย” ไอ้โจ้บอก

“โง่ตลอด” ไอ้เป้ด่าออกมาพร้อมกับถอนหายใจ

“เฮ้อออ..” ผมถอนหายใจออกมาบ้าง กูว่าละว่าทำไมพวกผู้ชายมันไม่ค่อยมี



ตึกๆๆๆๆ


“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”

ทันทีที่เสียงกลองถูกตีด้วยจังหวะกระชากอารมณ์เพื่อเข้าถึงดนตรีมันส์ๆดังขึ้น บรรดาผู้หญิงทั้งหลายก็ส่งเสียงกรี๊ดกันขึ้นมาทันที


“สวัสดีคร้าบบบบบบบบบบบบบบบ วู้!”


“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด กรี๊ดๆๆๆๆๆ”


เสียงใครคนหนึ่งตะโกนทักทายใส่มันโครโฟน พร้อมกับเสียงโซโล่กีตาร์ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเบสหนักๆ ที่ถูกบรรเลงด้วยบทเพลง “วัดใจ” ของวง Silly fools ซึ่งมันกระตุ้นอารมณ์และเรียกสายตา(และเสียงกรี๊ด)ได้ดีทีเดียว


   เอาเข้!!!!!!

   นั่นมันพวกไอ้แก๊งปากหมานี่หว่า!!!!

   แม่งขึ้นไปเล่นดนตรีบนเวทีได้ยังไง? โดยเฉพาะไอ้คนผมยาวนั่น แม่งเสือกใส่แว่นอีก มึงคิดว่าหล่อหรือไง สัส เห็นแล้วโคตรหมั่นไส้!!!!!


   ผมหันไปมองหน้าไอ้โจ้ทันทีที่เห็นหน้าทุกคนบนเวลาแล้ว ผมยอมรับเลยว่าไม่อยากอยู่ดูแล้ว ขวางหูขวางตาชะมัด ต่อให้เป็นวงที่เจ๋งกว่า ZXC มาเล่นผมก็ไม่อยู่ดูแน่ๆ ถ้าไอ้พวกนี้มาเล่นเปิดให้แบบนี้ เหอะ เสนียดติดตา!

   แต่ทว่า...

   โชคไม่เข้าข้างผมเลย เพราะตอนนี้บรรดานักศึกษาต่างหลั่งใหลกันเข้ามาหน้าเวทีเต็มไปหมด ซึ่งยากยิ่งสำหรับการหาทางออกไปจากตรงนี้ แม่งเอ๊ยยยยยยยยยย นี่กูจะต้องอยู่ดูมึงไปจบจนการแสดงเหรอเนี่ย? Kเถอะ!

   กูเกลียดแม่งชิบหาย!!!!

   ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะได้เห็นหน้าพวกมึง และเจอะเจอพวกมึงทีเถอะ โดยเฉพาะมึง...

   ไอ้ผมยาว!
   ...





   Truuuuuuuuuuuuuu….

   เสียงไอโฟนลูกรักของผมแผดร้องขึ้น เรียกสติผมให้กลับมายังปัจจุบันทันที ไม่คิดเลยจริงๆว่าไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนั่นจะเป็นคนๆเดียวกับไอ้ผมยาว คิดไม่ถึงเลยจริงๆ นี่ถ้าผมไม่บังเอิญได้เข้ามาที่นี่ผมก็คงไม่รู้ว่าไอ้หมาบ้าที่มันบังอาจมาเลียปากผม คือมัน...คนที่ผมโคตรเกลียด!!!

   “ว่าไงมึง” ผมกรอกเสียงลงไปเมื่อรับสายแล้ว และปลายสายก็คือไอ้โจ้

   [กู..#$@%&*#@^&* จะ..ถึง..แล้วนะ] ทำไมเสียงมึงขาดๆหายๆอย่างงั้นวะ?

   “มึงอยู่ไหนแล้วเนี่ย?” ผมถามมันไปพร้อมกับเดินออกจากไอ้ห้องลับของไอ้บ้านี่ด้วย ไม่อยากจะอยู่นานหรอก เพราะยิ่งเห็นรูปเก่าๆ ยิ่งนึกถึงตอนนั้น แล้วพอนึกถึงก็ยิ่งอยากจะซัดหน้ามัน

   [กูไม่%$*&^#!@...ใจว่ะ] กูไม่แน่ใจว่ะ อย่างนั้นเหรอ? นี่สัญญาณมันจะกากเกินไปแล้วนะ ขาดๆหายๆ บ้านนอกจริงโว้ยยยยย

   “เออๆ กูก็ฟังมึงไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ยังไงมึงก็หาทางมาเองก็แล้วกัน” ผมบอกมันอย่างหงุดหงิด ซึ่งหงุดหงิดเรื่องอะไรนั้นก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก แต่ที่รู้แน่ๆคือเกลียดเจ้าของบ้านมาก!


   แล้วยิ่งนึกถึงตอนที่มัน... โว้ยยยยยยยยยย! นั่นแหละ เกลียดๆๆ


   [เนี่ยกู..อยู่ @#$% ละ..อีก @#!@$^!@#$)*+ โมงก็ถึง.ละ] อะไรของมันวะ หรือประมาณชั่วโมงนึงก็ถึงละ อย่างงี้เหรอ? โว๊ะ กูหงุดหงิดแล้วนะ

   “เออๆ เจอกันเว่ย” แล้วผมก็ตัดสายมันทิ้งทันทีไม่สนใจเสียงของไอ้โจ้ที่มันเหมือนกำลังจะร้องท้วง หรือบอกอะไรสักอย่างนั่นเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะอารมณ์ของผมตอนนี้คือมันไม่คงที่ไปแล้วล่ะนะ(แกเคยอารมณ์คงที่ด้วยเหรอเค? : ‘ Puzzle)


   ...
   ...
   “พี่ไม่ต้องเดินตามผม!” เสียงไอ้เสริฐพูดบอกกับใครสักคนดังขึ้นมาจากข้างล่าง

“พี่อยากช่วยครับ” เสียงผู้ชายอีกคนพูดขึ้น

“แต่พี่เป็นแขก เดี๋ยวผมจัดการให้” เสียงไอ้เสริฐพูดขึ้นมาอีก แต่น้ำเสียงติดจะเริ่มหงุดหงิดแล้ว

คือผมก็ไม่ได้อยากจะเสือกหรืออยากรู้อะไรหรอกนะ แต่ตอนนี้โคตรอยากระบายอารมณ์เลย ขอต่อยหน้าใครหรือได้เตะอะไรสักอย่างเป็นพอ


   ผมเดินลงบันไดไปข้างล่างเพื่อหาเหยื่อ(ผู้เคราะห์ร้าย) ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นไอ้เสริฐ แต่ถ้าเป็นพี่ชายมันจะยิ่งดีโคตรๆเลยล่ะ หึหึ

   “นี่มึงไม่ได้ไปช่วยเฮียกูหรอกเหรอ?” ไอ้เสริฐทักขึ้นทันทีที่เห็นผมเดินลงบันไดไป

   “ไม่” ผมตอบสั้นพร้อมกับหันไปมองผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆไอ้เสริฐ แต่ว่าโทษนะ นี่ผู้ชายจริงๆเหรอ? ทำไมถึงได้แลดูผอมบางและหน้าหวานขนาดนี้วะ? นี่ถ้าผมไม่ได้ยินเสียงที่เขาพูดออกมาเมื่อกี้นี่ผมนึกว่าเป็นทอมซะอีก แล้วไหนจะผมที่ซอยสั้นแต่เรียกว่าทรงอะไรไม่รู้นั่นก็ด้วย คนอะไรหน้าโคตรหวานอ่า

   “อยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น” ไอ้เสริฐพูดบอกกับผมอีก แต่รู้สึกว่ามันจะเน้นตรงคำว่าควายนั่นเป็นพิเศษ

   “แล้วสนใจจะเป็นควายให้กูปั้นมั้ยล่ะ?” ผมก็เน้นกลับไปเช่นกัน คิดว่ากูจะยอมหรือไง ฟายยยย

   “เอ่อ..” เหมือนว่าไอ้ เอ่อ เรียกว่าอะไรดีล่ะ? เอาเป็นว่าไอ้ทอมก็แล้วกันนะ หน้าเหมือนดี ขอเรียกอย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน เออ นั่นแหละ เหมือนว่าตอนนี้ไอ้ทอมนั่นจะถูกละเลยและไม่ได้รับการสนใจ หรือกลัวว่าจะเกิดศึกสงครามควายๆ(?) ระหว่างผมและไอ้เสริฐก็ไม่อาจทราบได้ กำลังพยายามที่จะแสดงว่าตัวเองมีตัวตนอยู่

   “พี่ไปหาเฮียก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไป ขอเคลียร์กับไอ้ปากหมานี่ก่อน” ไอ้เสริฐว่า

   “หึ” ผมหัวเราะขึ้นจมูก คิดว่ากูกลัวเหรอ?

   “แต่พี่ว่า...” ไอ้ทอมกำลังจะโต้แย้ง แต่ก็โดนไอ้เสริฐสกัดดาวรุ่งซะก่อน

   “พี่ภัทร!”





TBC………………………………..



Talk : วันนี้ลงให้สองตอนเลย เพราะว่าเมื่อวานพัซเซิลลืมลงให้


ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 9+_P.1 08Aug2018
«ตอบ #15 เมื่อ24-08-2018 22:32:13 »

10


   
เอ่อ..ไอ้ทอมนั่นหน้าจ๋อยไปเลยอ่า แค่ไอ้เสริฐเรียกชื่อนิดเดียวเอง
   
“พี่แค่ไม่อยากให้เรา...”

“มันเป็นเรื่องธรรมดาพี่” ไอ้เสริฐพูดบอกทั้งๆที่ไอ้ทอมยังพูดไม่จบประโยคดีด้วยซ้ำ


“ไอ้ภัทร!” อยู่ๆไอ้พ่อเลี้ยง ไอ้ผมยาว ไอ้คนที่ผมเกลียด ไอ้ทุกๆอย่างที่รวมกันแล้วเป็ฯมันเนี่ย ก็พูดขึ้นมา นี่มึงมาตั้งแต่ตอนไหน?

อ้อ! และสิ่งที่ผมรู้แล้วตอนนี้อย่างหนึ่งก็คือไอ้ทอมนี่แม่งชื่อภัทรครับ

“เออมึง” ไอ้คนชื่อภัทรทักทายกับไอ้พ่อเลี้ยง ท่าทางสนิทกันน่าดู

“นี่ถ้ากูไม่ให้น้องกูไปรับนี่มึงคงไม่คิดที่จะมาหากูบ้างเลยสินะ” ไอ้พ่อเลี้ยงว่าพร้อมกับนั่งลง

“มึงก็รู้ว่ากูขับรถไม่เป็น” ไอ้ภัทรว่าพร้อมกับลอบมองไอ้ห่าเสริฐ เอ๊ะ ผมว่ามันสองคนนี่ท่าทางแปลกๆแฮะ ไม่สิ ไอ้ภัทรคนเดียวมากกว่าที่แปลก เพราะว่าไอ้เสริฐเหมือนว่าจะยังไม่รู้ตัวว่าไอ้ภัทรแอบมองอยู่ ผมมองมันสองคนสลับกันไปสลับกันมา...

“เอาน้ำมาให้แขกดิ” ไอ้พ่อเลี้ยงหันมาพูดกับผม แล้วทำไมกูต้องทำ?

“กูไม่ใช่คนใช้บ้านมึง!” ผมว่า

“ปากหมาชิบหาย แม่ง!!”

“เสริฐหยุด!” เสียงไอ้พ่อเลี้ยงปราม พร้อมกันกับที่ไอ้ภัทรถลาตัวมาล็อคตัวของไอ้เสริฐที่กำลังง้างหมัดเตรียมจะซัดลงที่หน้าผมไว้อีกที

“กัดกันอยู่ได้ แม่ง!” ไอ้พ่อเลี้ยงว่าออกมาพลางมองหน้าผมกับน้องมันสลับไปสลับมา

“..เออ ลืมไป มึงเป็นหมาน้อยนี่เนอะ” มันว่าพร้อมกับพยักหน้าให้ผม

“เอ่อ..แล้วที่มึงให้เสริฐไปรับกูมานี่ มีอะไรจะให้กูช่วยหรือเปล่า?” เหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะแย่ลงกว่าเดิม ไอ้ภัทรเลยพยายามชวนคุยเพื่อเปลี่ยนเรื่อง เหอะ คนอย่างไอ้เค สิบปีแล้วค่อยแก้แค้นก็ยังไม่สายครับ!

“เออ ใช่” ไอ้ติ๊งต๊องหันไปหาเพื่อนมันทันทีพร้อมกับพยักหน้าหงึกๆ

“กูรู้สึกเหมือนว่าลูฟี่จะท้องเสียอ่า เพราะช่วงนี้ถ่ายออกมาเหลวกว่าปกติเยอะเลย” อ๋อ ที่แท้ก็ตามเพื่อนมาเพื่อฟ้องว่าสัตว์เลี้ยงของมึงขี้แตกเนี่ยนะ? ปัญญาอ่อนว่ะ ทำอย่างกับว่าเพื่อนมึงเป็นหมอสัตว์อย่างนั้นแหละ ถุย!

“อาจจะเป็นเพราะการดูดซึมน้ำในส่วนของลำไส้ใหญ่ผิดปกติ ก็ได้นะ เพราะว่าอาการแบบนี้มันเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุว่ะ” ไอ้ภัทรพูดบอก

เหยดดดดดดดดดด นี่มึงเป็นหมา เอ๊ย หมอหมา เอ๊ะ! แต่...

หมอหมา = สัตวแพทย์ ...ก็ถูกแล้วนี่หว่า

สรุปก็คือไอ้ภัทรนี่เป็นสัตวแพทย์ว่างั้น? เหอะๆ กูไม่อยากจะเชื่อเลยครับ


“งั้นกูว่ามึงรีบไปดูลูกให้กูก่อนดีกว่าว่ะ เกิดลูฟี่เป็นอะไรขึ้นมากูคงขาดใจตาย” เออ รีบๆตายซะได้ก็ดี

“หมาน้อยมึงก็ต้องไปกับพวกกูด้วยนะ” ไอ้พ่อเลี้ยงหันมาพูดบอกกับผมอีกที

“ฝัน!” ผมตอบกลับไปทันที่โดยที่แทบจะไม่ต้องคิด

“ก็บอกแล้วไง อยู่กับกู...อย่าดื้อ” มันว่าพร้อมกับจ้องตามผม จนผมต้องเป็นฝ่ายที่หลบสายตาก่อน คือ ไม่ได้กลัวนะครับ แค่รู้สึกว่า ไม่อยากมองก็เท่านั้นเอง


ปริ๊นนน ปริ๊นนนนนนนน


“เสียงแตรรถใครวะ?” ไอ้เสริฐพูดขึ้น แต่นั่นน่ะสิ รถใครวะ แต่...เห้ย!

“หึหึ” ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะรีบเดินออกไปดูเป็นคนแรก สนุกแน่คราวนี้มึง! ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะมาถึงกันเร็วขนาดนี้

...

“ไงพวกมึง” ผมทักพวกมัน

“ไงเหี้ยอะไร ไกลฉิบหาย” ไอ้โจ้บ่นคนแรกครับ เพราะมันเป็นคนขับรถมา

“ชื่อสวนเค้าแปลกดีนะครับ” ไอ้ก็อตว่าพร้อมกับมองสำรวจไปรอบๆ

“ปัญญาอ่อน” ไอ้เป้ว่าอีก

“นี่แค่น้ำจิ้ม เดี๋ยวมึงจะได้เจออะไรที่มันหลุดโลกอย่างที่มึงคาดไม่ถึงเลยทีเดียวล่ะ” ผมบอก และในขณะเดียวกันนั้น ไอ้พวกบ้าทั้งหลายก็ทยอยกันเดินออกมาดูว่าใครมา

“พวกนี้ใครเหรอ?” ไอ้พ่อเลี้ยงเป็นคนถามขึ้นก่อนคนแรก ตามด้วยน้องมัน

“ไอ้เวรพวกนี้มาที่นี่ได้ไงเนี่ย?”

“มึงสิไอ้ควาย!” ไอ้เป้สวนกลับทันทีครับ ไอ้นี่นอกจากจะปากหมาด่าเจ็บแล้ว มันยังปากไวอีกด้วย ก็บอกแล้วไงครับว่าไอ้เป้ด่าทีนี่กะเทยยังอาย

“เอ่อ..ใจเย็นๆกันก่อนนะครับ” เป็นไอ้ก็อตครับที่พูดไกล่เกลี่ย

“ไอ้นี่มันไอ้ผม..อุ๊บ!” ผมรีบปิดปากไอ้โจ้ไว้ทันทีก่อนที่มันจะทักท้วงอะไร ผมยังไม่อยากให้ไก่ตื่นตอนนี้น่ะ และด้วยความที่ไอ้โจ้มันเป็นเพื่อนกับผมมานานก็เลยพอที่จะรู้บ้างว่าควรทำยังไงหลังจากที่ผมส่งซิกให้มันไปแล้ว

“ยกโขยงกันมาทำห่าอะไรที่นี่วะ?” คราวนี้ไอ้เสริฐเป็นคนแกว่งปากหาสีเองครับ

“มันไม่ใช่เรื่อของมึงรึเปล่าวะ?” ผมว่ากลับไป

“แต่นี่มันบ้านกู!” มันว่า

“แล้วไง?” ผมลอยหน้าลอยตา

“มึง!!!” มันจะกระโจนเข้าหาผม แต่ไอ้ภัทรนั่นก็มาคว้าตัวมันไว้ก่อน

“เพื่อนมึงเหรอหมาน้อย?” คราวนี้เป็นไอ้พ่อเลี้ยงที่ถาม

“เออ!” ผมตอบโดยที่จงใจกระแทกเสียงใส่มัน

“ทำไมต้องเรียกว่าหมาน้อยด้วยล่ะครับ?” ไอ้ก็อตถามขึ้นด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันที่ไอ้พ่อเลี้ยงมันจะได้ตอบ น้องมันก็เสือกเห่าขึ้นมาเสียก่อน

“ก็เพื่อนมึงมันเป็นหมาไง!”

“งั้นมึงก็คงเป็นควายสินะ” ไอ้โจ้ว่ากลับไปบ้าง

“มึงสิไอ้พวกเวร คิดว่ามากันครบฝูงแล้วกูจะกลัวมึงหรือไง” ไอ้เสริฐว่าอย่างไม่ยอม แต่พวกผมก็ไม่ยอมเหมือนกันนะครับ

“อ้าวสัส! ทำไมพูดจาควายๆอย่างนี้ล่ะ?” ไอ้โจ้เป็นคนพูด

“หยุด!!” เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ไอ้พ่อเลี้ยงนี่ห้ามทัพ

“ถ้าพวกมึงจะกัดกันก็ไปกัดกันที่อื่น แต่ว่าต้องไม่ใช่ที่นี่”

“กูไม่ใช่หมา” ผมว่าทันที

“มึงนั่นแหละตัวดีเลยหมาน้อย แอบไปโทรตามเพื่อนมาตอนไหนเนี่ย หืม?” เอาอีกละ เอียงคอมองหน้าอีกละ กูเกลียดท่านี้ของมึง!!!

“เรื่องของกู” ผมบอกแค่นั้นก่อนจะส่งสัญญาณให้เพื่อนผมเดินตามเข้ามาในบ้าน หึหึ ถึงที่นี่จะไม่ใช่บ้านผม แต่กูก็ไม่แคร์อ่าครับ ก็หน้าด้านอ่า มีไรปะ?

“มึงจะให้เพื่อนมาอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?” ไอ้สองพี่น้องนี่มันจะอะไรกับผมนักหนาวะ? (แกนั่นแหละที่เยอะน่ะไอ้เค!)

“เออ” ผมบอกกลับไป

“ขออนุญาตกูยัง?” ไอ้พ่อเลี้ยงว่า นี่นอกจากมึงจะติ๊งต๊องแล้วยังบ้าอำนาจอีกด้วยเหรอวะเนี่ย

“จำเป็นต้องทำ?” ผมมองหน้า

“ก็กูเป็นเจ้าของบ้านนะ” มันว่า

“กูว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันแล้วล่ะ” ว่าแล้วมันก็คว้าข้อมือของผมเดินไปอีกทางหนึ่งทันที เห้ย! กูไม่ใช่นางเองนะ จะได้ให้พระเอกมาฉุดกระชากลากถู(?)แบบนี้อ่า

แต่เดี๋ยวนะ!

ใครเป็นพระเอก? ไอ้บ้านี่น่ะเรอะ? หึหึ เรตติ้งตกชัวร์ๆถ้าเอาไอ้คนสติไม่เต็มอย่างไอ้นี่ไปเป็นพระเอกอ่านะ แต่ถ้าเป็นผมก็ว่าไปอย่าง ว่าแต่ผมนอกเรื่องทำไม?

กลับมาๆ

ตอนนี้ไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนี่ลากผมเข้าห้องเรียบร้อยแล้วครับ อย่าเพิ่งคิดไกลล่ะ ผมแค่หมายความว่ามันพาผมมาที่ห้องนอนเฉยๆ แล้วมันต่างกันตรงไหนเนี่ย? ทำไมผมยิ่งอธิบายมันยิ่งดูล่อแหลมวะ?

เอาใหม่!

คือตอนนี้ไอ้พ่อเลี้ยงนี่น่ะ พาผมมาในที่ลับตาคนแล้ว...

ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันยังทะแม่งๆอยู่วะเนี่ย

เออ เอาเป็นว่าตอนนี้ไอ้พ่อเลี้ยงนี่ลากผมมาในห้องนอน และอยู่กันแค่สองคนก็พอละกันนะ ขี้เกียจอธิบายแล้ว แม่ง หงุดหงิดละ


“ทำไมต้องลากกูมาคุยในนี้ด้วย?” ผมเปิดประเด็นด้วยคำถาม

“ก็ไม่อยากคุยข้างนอกไง” นี่มึงกวนตีนกูเหรอ?

“มี’ไรก็ว่ามา” ผมว่าพลางทำหน้าไม่พอใจแบบสุดๆใส่มัน

“เวลาที่มึงจะพาใครมาน่ะ ก็ควรที่จะบอกกูก่อน” มันว่า เหอะ บอกเพื่อที่มึงจะห้ามไม่ให้เพื่อนกูมาน่ะเหรอ? ฝันไปสิ ใครจะบอกให้โง่

“ทำอย่างกับว่าถ้ากูบอกแล้วมึงจะให้เพื่อนกูมาอย่างงั้นแหละ” ผมประชดมันไป

“ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เห้ย! ทำไมผิดคาดวะ?

“มึงกวนตีนกูปะเนี่ย?” ผมมองหน้ามันเพื่อจับพิรุธ

“กวนตรงไหน กูก็บอกมึงดีๆนี่ไง” ไม่ใช่อ่า ไอ้นี่ต้องเป็นไอ้พ่อเลี้ยงตัวปลอมแน่ๆ

“ทำไมมึงถึงยอมล่ะ?” ผมถามลองเชิง

“ก็ถ้าเพื่อนหมาน้อยมา กูก็จะได้มีคนงานเพิ่มโดยที่ไม่ต้องไปหาจ้างใครไง”

ไอ้สาสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส




TBC……………………………………




Talk : มาอัพแล้วครับ ขอโทษที่หายไปนะครับ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 10+_P.1 24Aug2018
«ตอบ #16 เมื่อ25-08-2018 17:48:13 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 10+_P.1 24Aug2018
«ตอบ #17 เมื่อ26-08-2018 00:03:03 »

11



   กูว่ากูเลวแล้วนะ แต่ไอ้เชี่ยนี่แม่งยังเลวกว่ากูอีกอ่า

   “ฝันไปเถอะ ว่าพวกกูจะช่วยมึง!” ผมตอบกลับ หึ หมั่นไส้ คิดได้ไงว่าจะให้เพื่อนผมไปช่วยงาน คือลำพังผมคนเดียวนี่ก็ไม่ยังไม่ยอมทำอะไรอยู่ละ แล้วคิดเหรอวะ ว่าไอ้พวกนั้นมันจะยอมทำอ่า ไอ้บ้านี่คิดได้ไง


   “กูว่าพวกมึงไม่น่าจะไร้น้ำใจขนาดนั้นหรอกนะ” มันว่าพร้อมกับ...


   อ่ะ ให้ทายว่ามันทำท่ายอดฮิตอะไรใส่ผม ระหว่าง...


   1 ยักคิ้ว....เป็นคำตอบสุดท้าย

   2 เท้าสะเอว...เป็นคำตอบสุดท้าย หรือ

   3 เอียงหน้ามอง...เป็นคำตอบสุดท้าย...???


   ติ๊กต่อกๆๆ  ผมให้เวลาพวกคุณคิด ปิ๊ง! หมดเวลา... ฮ่าๆๆๆ ใช่แล้วล่ะครับ คำตอบท้ายที่ถูกต้องคือ ไอ้การที่มันชอบเอียงหน้ามองผมนั่นแหละ คิดว่าตัวเองน่ารักหรือไง เฮอะ!

   แต่ที่น่าสงสัยคือ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังเล่นเกมคำทายปัญญาอ่อนนี่อยู่เลยวะ? หรือว่าผมจะติดเชื้อบ้าและปัญญาอ่อนมาจากไอ้พ่อเลี้ยงบ้านี่? ไม่นะ!!!

   กลับมาครับ กลับมา!!!!!!


   “ใช่ กูไม่ไร้น้ำใจขนาดนั้นหรอก...” ผมว่าก่อนจะหยุดเว้นวรรค และพอมันจะพูดต่อ ผมก็จัดการพูดสวนขึ้นมาทันที

   “...แต่พวกกูไร้น้ำใจได้มากกว่าที่มึงคิดก็แล้วกัน” ผมยักคิ้ว หึหึ ...รู้สึกสะใจเบาๆ

   “หมาน้อย มึงนี่แม่งพูดไม่รู้เรื่องว่ะ” มันว่าพร้อมกับทำหน้างอใส่ผม คือ...กูเป็นแม่มึงเหรอ? ถึงได้มาทำหน้างอแง ง๊องแง๊งใส่กูเนี่ย

   “หมาน้อยพ่องมึงดิ”

   “พูดไม่เพราะเลยนะมึง” มันว่า

   “แล้วไง” ผมกวนประสาทมันกลับไป เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วย เพิ่มความน่าหมั่นไส้เข้าไปอีก

   “เล่นกับหมา อยากเลียปากหมา..” อยู่ๆ ไอ้พ่อเลี้ยงบ้านี่ก็พูดสำนวนบ้าบออะไรของมันไม่รู้ ซึ่งคาดว่าน่าจะคิดขึ้นมาเอง เพราะอะไรที่จังไรๆแบบนี้ คงไม่มีคนปกติที่ไหนเค้าคิดกันได้หรอก นอกจากคนไม่ปกติอย่างมัน!

   “เลียKอะไร!” ผมสวนกลับไปทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ไอ้ห่าตรงหน้าผมนี่มัน..เอ่อ..เคยเลียปากผม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ เดี๋ยวนี้!

   “อ้าว อยากให้กูเลียตรงนั้นก็ไม่บอก” มันว่า คือแบบ... ไอ่สาสสสสสสสสสสสสส มึงคิดได้ยังไงคร้าบบบ โว้ยยยยยยย กูอยากจะบ้าตายจริงๆ

   “เฮ้ออ!” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆพร้อมกับส่ายหน้าเหนื่อยใจ ก่อนที่จะเดินออกมา แต่ทว่าไอ้โรคจิตนี่กลับมาคว้าแขนผมไว้ก่อน

   “ปล่อย” ผมว่าเสียงเรียบพลางมองหน้า ซึ่งมันก็จ้องผมกลับมาเช่นกัน และเรา เอ่อ ไม่สิ และผมกับมันก็จ้องตากันอย่างนั้น  ทำอย่างกับว่าใครหลบสายตาก่อน คือมึงแพ้!

   ผมกลับมันต่างจ้องตากันไปจ้องตากันมา อย่างไม่มีใครยอมแพ้ คือนี่ถ้ากูเป็นปลากัด แม่งคงท้องไปแล้ว


   ก๊อกๆ


   เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดจังหวะ...เอ๊ะ! นี่ทำไมผมใช้คำที่แบบว่าส่อไปทางนั้นจังเลยล่ะ คือตั้งแต่ ตอนที่แล้วแล้วนะเค
   เออ นั่นแหละ อยู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น  ผมจึงใช้จังหวะนั้นสะบัดแขนออกจากข้อมือของมัน แต่ความจริงผมจะสะบัดออกตั้งแต่แรกก็ได้นะ ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ะ ว่าจะปล่อยให้มันจับอยู่อย่างนั้นทำไม

   “ผมเห็นว่าเฮียเข้ามานานแล้วอ่า ก็เลยมาตาม คือไอ้พี่ภัทรมันจะกลับแล้วด้วยไง” ไอ้เสริฐร่ายยาวออกมาเป็นชุดกับพี่ชายมันโดยทำเป็นไม่สนใจผม เหอะ  คิดว่ากูอยากให้มึงสนใจกูหรือไง สัส!

   “มึงอย่าเพิ่งไป เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” คราวนี้ไอ้พ่อเลี้ยงคว้าข้อมือของผมและจับเอาไว้แน่นเลยครับ เมื่อผมทำท่าว่าจะเดินออกไป ก่อนที่มันจะหันไปพูดกับน้องมัน

   “แล้วลูฟี่กูล่ะ?” ห่วงชิบหาย

   “ก็ผมถึงได้มาตามเฮียออกไปดูนี่ไง” ไอ้เสริฐว่า

   “เออๆ เอ็งพาไอ้ภัทรมันไปที่แกนไลน์ก่อน เดี๋ยวเฮียตามไป ขอเคลียร์กับหมาน้อยให้เสร็จก่อน”

   “หมาน้อยพ่อมึงดิ” เมื่อไหร่แม่งจะเลิกเรียกกูอย่างนี้สักที กูชื่อโอเคโว้ยยยยยยยยยยย

   “พ่อกูตายไปแล้ว” มันตอบหน้าซื่อ นี่มึงกวนตีนกูใช่มั้ย

   “....“ คือ..หมดคำพูดที่จะพูด หรือ ด่าอะไรมันแล้วอ่า คิดดู

   “สรุปคือ ถ้ามึงจะให้เพื่อนมาอยู่ที่นี่ด้วย มึงและเพื่อนมึงทุกคนต้องช่วยกูทำงาน”

   “มึงฝันไปหรือปะ...”

   “ไม่ฝัน” มันสวนทันที ทั้งๆที่ผมยังพูดไม่ทันจบเลยด้วยซ้ำ ผมว่าไอ้นี่มันต้องคิดอะไรชั่วๆอยู่แน่ๆ เพราะท่าทางมันดูจะมั่นอกมั่นใจซะเหลือเกิน

   “ถ้ามึงและเพื่อนไม่ยอมทำงาน...” มันเว้นวรรคประโยคที่พูด พร้อมกับจ้องหน้าผมตรงๆ ก่อนที่จะพูดต่อ

   “มึงก็ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกับกูแล้วล่ะนะ..” มันว่าพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ ไอ้เหี้ย ธรรมดามึงก็ไม่น่าไว้ใจอยู่แล้ว ยังเสือกมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่กูอีก

   “ข้อแลกเปลี่ยนส้นตีน’ไร?” ผมถามทันที คือไม่ได้กลัวนะครับ แต่รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม เพราะของแบบนี้อ่านะ มันต้องรู้เขารู้เราครับ

   “ยังไม่บอก” มันว่าพร้อมกับยักคิ้ว

   “แล้วกูจะรู้ได้ไงว่ามึงจะไม่โกงกู” ผมถามกลับไป ก็นะ คนเราในเมื่ออยู่ท่ามกลางศัตรู มันก็จำเป็นที่จะต้องระวังตัวกันบ้าง จริงมั้ย?

   “คนอย่างกู ไม่เคยโกงใคร” มันพูดบอกน้ำเสียงราบเรียบ คือ นี่มึงกำลังแสดงความจริงใจและสื่อว่าแน่วแน่ใช่ปะ? เอ่อ..ด้วยน้ำเสียงราบเรียบเนี่ยนะ?

   พิลึกดีแท้!

   แต่จะเอาอะไรกับคนอย่างมัยล่ะครับ เลี้ยงยีราฟงี้ แต่เอ๊ะ! พูดถึงยีราฟ แล้วก็ความบ้าบอแบบประหลาดๆของมัน ก็ทำให้ผมฉุกคิดได้อย่างหนึ่งนะ ว่าไอ้พ่อเลี้ยงนี่คงไม่ให้ผมไปหา หรือต้องทำอะไรที่เลวๆ(หมายถึงที่ผิดกฎหมาย อะไรเทือกๆนั้น) เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนหรอกมั้งนะ อย่างมากก็อาจจะให้ซื้ออะไรที่เกี่ยวกับวันพีช มาให้มัน อะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง....หรือเปล่า?

   แต่คิดๆดูแล้ว แลกกับการที่ผมและเพื่อนไม่ต้องทำงาน  มันก็คุ้มอยู่นา..



   “เออ กูตกลง” นี่ผมใจง่ายไปปะ? คือ ผมหมายถึง แบบ ผมตกลงอะไรเร็วไปมั้ย น่ะครับ เห้ย! แล้วทำไมผมต้องมาคอยอธิบายอะไรพวกนี้ด้วยล่ะเนี่ย

   “อืม” มันพยักหน้าครับ

   “เออ” ผมตอบกลับ และกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่..

   “ทำสัญญากันก่อน” มันว่า

   “ฮะ?” ผมร้อง “ฮะ” พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง คือ มึงจริงจังไปมั้ยครับ? กลัวกูเบี้ยวขนาดนั้นเหรอ? ขอโทษนะครับ ถึงผมจะเลว แต่ผมก็ไม่เคยโกงใครหรอกนะ ผมพูดคำไหนคำนั้นครับ แถมออกจะรักษาคำพูดดีด้วยแหละ

   “ก็ทำสัญญากันก่อนไง” มันว่าเสียงอ่อนลง

   “เร็ว” มันว่าพร้อมกับดึงมือผมให้เดินตามไปที่โต๊ะวางของของมัน ที่อยู่ถัดจากตู้เสื้อผ้า ผมมองมันรื้อค้นเหมือนหากระดาษกับปากกาหรืออะไรสักอย่าง

   “นี่กูต้องทำสัญญาบ้าบออะไรนี่จริงๆเหรอเนี่ย?” มันไม่ตอบครับ เพียงแค่พยักหน้าให้ผมเท่านั้น เออเนาะ คนแบบนี้ก็มีด้วย แต่จะว่าไปไอ้นี่มันก็ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครอยู่แล้วนี่หว่า ผมน่าจะชินได้แล้วนะ

   “เดี๋ยวกูเป็นคนร่างข้อตกลงเอง” มันว่าหลังจากที่ได้กระดาษกับปากกาแล้ว ก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิลงตรงนั้นเลย แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมเชิงบอกให้นั่งตามลงไป


กูล่ะปวดจิตกับมึงจริงๆเลย โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

   “เก้าอี้ก็มีรึเปล่าวะมึง?” ผมว่า

   “ก็มันมีตัวเดียว ถ้ากูนั่งเก้าอี้ แล้วหมาน้อยจะนั่งไหนล่ะ พื้นเหรอ?” มันย้อนถามผม

   “กูต่างหากที่ต้องเป็นคนนั่งเก้าอี้ ส่วนมึงน่ะ นั่งพื้นถูกแล้ว” ผมว่า หึหึ

   “นั่งพื้นด้วยกันนี่แหละ แฟร์สุด!” มันว่าพร้อมกับฉุดข้อมือผมให้นั่งตามลงไปกับมันทันที เอ๊ะ วันนี้นี่ผมโดนฉุด โดนจับข้อมือ โดนคว้าแขนกี่ครั้งแล้ว? แม่งงงงงง

   “มึงปัญญาอ่อนว่ะ” ผมว่าขึ้นมา มันอดไม่ได้จริงๆนะที่จะต้องพูดคำๆนี้ออกมาอ่า

   “เออ อย่ามาหลงรักคนปัญญาอ่อนอย่างกูก็แล้วกัน”





TBC……………………………………………….



Talk : นิยายเรื่องนี้ไม่มีแก่นสารอะไรเลยนะครับ อย่าคาดหวังมากเลย ฮาาาาาาาา
อ่านเอาสนุกๆ คลายเครียดๆเนาะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจนะครับ

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 11+_P.1 26Aug2018
«ตอบ #18 เมื่อ27-08-2018 00:06:33 »


12


   “หลงรักพ่องงงงงง มึงดิ” ผมสวนขึ้นทันที แม่งคิดได้ไงวะ ผมเนี่ยนะ จะหลงรักมัน เหอะ!

   “หึหึ..”

   “หึหึเหี้ยไร” ผมว่า หลังจากที่มันหัวเราะขึ้นจมูกพร้อมกับส่ายหน้ายิ้มๆ

   “เปล๊า” มันว่าอีกพร้อมกับยักไหล่ ไอ้ปัญญาอ่อนเอ๊ยยยยยย

   “แล้วไหนล่ะ สัญญา...” ห่าอะไรนั่นน่ะ ผมถามหา พร้อมกับด่าในใจไปด้วย

   “อ่ะ” มันนว่าพร้อมกับยื่นกระดาษที่มันนั่งเขียนขยุกขยิกนั่นมาให้ผม ทั้งสองแผ่น เขียนไวเหมือนกันนี่หว่า ผมรับมาดูแล้วกวาดสายตาไปยังกระดาษในมือ..

   “เหี้ยยยยย!” ผมอุทานออกมาเต็มๆหน้ามันเลย ก็ลายมือมันยิ่งกว่าไส้เดือนมานอนขดขยึกขยือสะอีก กูอ่านแทบจะไม่ออก โว้ยยยยยยยยยยยยย

   “ทึ่งในลายสือไทยของกูล่ะสิ หึหึ” มันว่าพร้อมกับหัวเราะหึหึ นี่ยังจะกล้าอวดอีกเหรอ? ไม่ได้รู้ตัวเลยรึไงว่าลายมือมึงทุเรศซะยิ่งกว่าเด็กอนุบาลซะอีก กูเอาข้างซ้ายเขียนยังสวยกว่ามึงเป็นล้านเล่าเลย ไอ้อ่อนเอ๊ยยยยยยยยยยยย

   “รีบอ่าน แล้วก็เซ็นยินยอมซะ” มันว่าพร้อมกับยักคิ้ว แต่เดี๋ยวนะ ทำไมต้องยินยอมวะ มันใช้ศัพท์ทะแม่งๆว่ะ ผมจึงรีบอ่านเนื้อหาที่ไอ้ปัญญาอ่อนตรงหน้านี่มันร่างขึ้นทันที ทั้งสองแผ่น  ซึ่งเนื้อหาในสัญญาบอกว่า...


   สัญญาฉบับนี้เขียนขึ้นมาเพื่อทำการตกลงเรื่องการอยู่อาศัยร่วมกันของนายบรรเจิด น้องชาย หมาน้อย และเพื่อนของหมาน้อย โดยที่เพื่อนของหมาน้อยจะไม่ได้ทำงาน แต่ต้องมีเงื่อนไข คือ...

1.   หมาน้อยต้องห้ามดื้อ
ซึ่งกระผม หมาน้อย ยินยอม และยอมรับข้อตกลงดังกล่าว และหากกระทำผิดสัญญา ขอให้ผม
ตกนรก และชาติหน้าขอให้ไม่มีไอโฟนใช้ และจะได้รับการลงโทษจาก นายบรรเจิด แต่เพียงผู้เดียว

ลงชื่อ บรรเจิด วิริยะไกรศรีกุล
(นายบรรเจิด วิริยะไกรศรีกุล)
ลงชื่อ................................
(......................................)


...



แค่นี้...?

แถมทั้งสองแผ่นยังเหมือนกันเป๊ะ(ลายมือก็เหี้ยเหมือนกันเป๊ะ) คงจะให้เอาเก็บไว้คนละแผ่นสินะ


“มีแค่ข้อเดียว” อยู่ๆมันก็พูดขึ้น หลังจากที่ผมอ่านจบพอดี อย่างกับว่ากำหนดเวลาไว้แล้วยังไงอย่างนั้น

   “ห้ามดื้อ? แล้วหมาน้อย?” ผมเลิกคิ้วถาม

   “อือ” ซึ่งมันก็พยักหน้ารับ

“กูชื่อโอเค” ผมบอกเสียงเรียบ

“รู้แล้ว ก็หมาน้อยไง” มันยังคงตีมึนใส่ เออ เอากับมันสิ แล้วในสัญญานี่ก็นะ บ้าบอคอแตกอย่างคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ขอให้ตกนรกงี้ ไม่มีไอโฟนใช้งี้ โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย มึงอายุเท่าไหร่กันแล้ว มึงเป็นพ่อเลี้ยงแล้วนะ ปกครองลูกน้องตั้งกี่คนต่อกี่คน แล้วมึงมาติ๊งต๊องอย่างนี้เนี่ยนะ โว้ยยยยยย ไม่รู้จะด่า จะว่ายังไงแล้ว ไอ้ๆๆๆๆ ไอ้ฟักทอง!!!!!!!!

   ใครแม่งได้มันไปทำพันธุ์ นี่โคตรจะโชคร้ายเลย เหอะๆ
   

   “เร็วดิ จะรีบไปแกนไลน์” มันเร่ง ผมที่ไม่รู้จะทำไง(ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า) ก็ได้แต่มองหน้ามันก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วรับปากกาจากมันมาจรดลายเซ็นอันวิจิตรของตัวเองลงไปในสัญญาติ๊งต๊องนี่ เอ้า! เซ็นก็เซ็นวะ!!!
ห้ามดื้อ เดี๋ยวจะถูกลงโทษอย่างนั้นเหรอ? หึหึ คอยดูแล้วกันว่ากูจะดื้อมั้ย? ฮ่าๆๆๆๆ


   “เรียบร้อยแล้ว งั้นก็ปะ” มันว่าพร้อมกับเก็บปากกาและสัญญา(ติ๊งต๊อง)นั่นไว้ที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้าย นี่มึงจะพกติดตัวไปด้วยเรอะ? เออ เอาเถอะ ตามใจมึง ไอ้กระถิน!

   “เร็วดิ” มันเร่งอีก เมื่อเห็นว่าผมยังคงนิ่งอยู่

   “มึงก็ไปดิ” ผมว่า พร้อมกับพับสัญญาในมือตัวเองลวกๆ แล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงไว้ นี่ผมว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองใช่มั้ยเนี่ย ก็มันไม่มีที่เก็บนี่หว่า ไม่ได้มีเจตนาจะพกไปด้วยสักหน่อย

   “ก็กูรอมึง” มันว่าพร้อมกับฉุดข้อมือของผมให้ลุกขึ้นตาม

   “แล้วจะรอกูทำเชี่ยไร” ผมว่าพร้อมกับสะบัดมือมันออก หลังจากที่ลุกยืนขึ้นกับมันแล้ว

   “ก็ไปแกนไลน์ด้วยกันไง”

   “ไม่” ผมว่าใส่หน้ามัน ก่อนจะเดินนำออกมาหาพวกไอ้โจ้

   “กูนึกว่าพวกมึงตายกันไปแล้วซะอีก” ปากดีแบบนี้ ไอ้เป้คนเดียวเลย มันทักขึ้นหลังจากที่เห็นผมเดินออกมา โดยมีไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนั่นตามออกมาด้วย

   “ไอ้สัส” ผมว่าพร้อมกับยกนิ้วกลางให้

   “แล้วสรุปยังไงเนี่ย? จะให้พวกกูอยู่มั้ย?”คราวนี้เป็นไอ้โจ้ที่ถามขึ้นมา

   “ชัวร์” ผมว่าพร้อมกับยักคิ้ว

   “เอ่อ...แล้วพวกผมจะได้นอนกันที่ไหนเหรอครับ?” ไอ้ก็อตถามขึ้น เออ ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลยว่ะ บ้านหลังนี้นี่ก็แม่งปัญญาอ่อนพอกันกับเจ้าของมันเลย หลังโคตรใหญ่ แต่มีห้องนอนแค่สองห้อง ไอ้ขี้งกเอ๊ย!

   “นอนห้องไอ้เสริฐ”

   “เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!” เสียงเรียกหาสัตว์เดรัจฉานมีเกร็ดดังออกมาจากปากของชายหนุ่มทั้งหลาย อันประกอบไปด้วย ผม ไอ้โจ้ และ ไอ้เป้(ยกเว้นไอ้ก็อต) หลังจากที่ไอ้พ่อเลี้ยงมันพูดจบ

   “มึงบ้าปะ?” ผมหันไปว่ามันทันที

   “คิดว่าไม่” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันที หลังจากที่มันพูดจบ เออ กูขอโทษ กูผิดเอง กูไม่น่าถามเลย คือยังไงมึงก็บ้าอยู่แล้วอ่านะ แล้วคนบ้าที่ไหนมันจะยอมรับว่าตัวเองบ้าวะ จริงมั้ย?

   “มึงก็รู้ว่าพวกกูไม่ถูกกัน แล้วจะให้ไปนอนด้วยกันทำส้นตีนอะไรล่ะ” ไอ้เป้ว่าพร้อมกับมองหน้า พร้อมหาเรื่องเต็มที่

   “เป้พูดดีๆสิครับ” ไอ้ก็อตว่า นี่มึงยังไม่ชินความปากหมาของไอ้เป้มันอีกรึไงวะ?

   “มึงเงียบไปเลย” ไอ้เป้หันกลับไปว่าไอ้ก็อต พร้อมกับดึงแก้มไอ้ก็อตมันยืดออก เอ่อ... นะ กูไม่รู้จะพูดอะไรเลยว่ะ เหอๆ

   “ยังไงกันแน่วะ?” ไอ้โจ้ถามขึ้นมาอีก

   “ก็จะยังไงล่ะ ให้ไปนอนห้องไอ้เสริฐไง” ไอ้พ่อเลี้ยงว่า นี่มันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไงวะ ว่าไม่ถูกกัน หรือจะต้องให้พูดภาษายีราฟใส่ ถึงจะเข้าใจ?

   “ก็พวกกูบอกว่า..อุ๊บ!”

   “เดี๋ยวให้เสริฐไปนอนกับไอ้ภัทร” ไอ้พ่อเลี้ยงว่าต่อหลังจากที่เอื้อมมือมาปิดปากผมในขณะที่ยังพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ

   “แล้วเสือกไม่พูดไวๆวะ” ผมว่า หลังจากที่ดึงมือมันออกจากปาก

   “ก็หมาน้อยเคยฟังกูมั้ยล่ะ?” มันว่าพร้อมกับเอียงคอมองผมอีกครา.. จะต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าไม่ชอบท่านี้!!!!!!

   “กูชื่อโอเค!” ผมตะโกนใส่หน้ามัน คือ จะต้องให้กูย้ำอีกกี่ทีว่ากูชื่อโอเค ผมเหนื่อยแล้วนะ!

   “รู้แล้วไง” มันว่า

   “พวกมึงหยุดเถียงกันก่อนได้มั้ย? จะให้พวกกูนอนที่ไหนก็พาไปสักทีสิวะ กูง่วงเต็มทีแล้ว ตอนมานี่แม่งก็ไม่ได้นอนเลย ไอ้โจ้ก็ถามทางอยู่นั่น ทำอย่างกับกูเคยมาอย่างนั้นแหละ รีบๆพาไป กูจะได้เอาของไปเก็บด้วย” ไอ้เป้ร่ายยาวออกมาเป็นหยุด เพื่อยุติการเถียงกันระหว่างผมและไอ้เจ้าของบ้านที่สุดแสนจะหลุดโลกนี่

   “เดี๋ยวกูพาไปเองก็ได้ คืนนี้กูจะไปนอนกับพวกมึงด้วย” ผมว่าพร้อมกับยักคิ้ว แต่ทว่า...

   “ห้องนั้นนอนได้มากสุดแค่สามคน” แม่งขัดอารมณ์ชะมัด

   “กูจะนอน!” ผมสวนกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

   “ไม่ได้” มันก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน

   “ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” คิดว่ากูจะยอมหรือไง?

   “หมาน้อย สัญญาว่าไง?” ไอ้พ่อเลี้ยงปัญญาอ่อนถามขึ้นเสียงเรียบพร้อมกับมองหน้าผมนิ่ง คิดว่ากูกลัวหรือไง? เชอะ! ผมเดินนำขึ้นไป และไม่ลืมที่จะกระแทกไหล่มันอย่างจังด้วยความหมั่นไส้ หึ สะใจเป็นบ้าเลยโว้ยยย


...และทันทีที่มาถึงห้องของไอ้เสริฐ แม่ง เสือกล็อก!


“หึหึ” ไอ้พ่อเลี้ยงมันหัวเราะในลำคอ นี่มึงสะใจใช่มั้ย?

“อ้าว ห้องล็อกนี่ครับ” ไอ้ก็อตว่า คือพวกกูก็ไม่ได้ตาบอดนะก็อต ไม่พูดก็ไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้หรอก คือตอนนี้ผมพาลหมดแหละครับ หมั่นไส้คน!

“งั้นก็ไปนอนเล่นที่ห้องเมื่อกี้กันก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกูจะไปเอากุญแจมาให้” ไอ้พ่อเลี้ยงว่า

“เออ ยังไงก็ได้ แต่ขอให้กูได้นอนก่อนเป็นพอ” ไอ้เป้ว่า ก่อนจะคว้าข้อมือไอ้ก็อตแล้วเดินกลับไปยังห้องเมื่อกี้ ส่วนไอ้โจ้ที่ยืนอยู่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยักไหล่อย่างไม่รู้จะทำอะไรให้ผมแค่นั้น แล้วเดินตามออกไป ตอนนี้จึงเหลือแค่ผมกับไอ้บ้านี่แค่สองคน

“ปะ ไปแกนไลน์กัน” มันพูดขึ้น

“ไม่!” ผมตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไร ใครจะไป ร้อนจะตายชัก เดี๋ยวผิวขาวๆของผมก็ได้ดำหมดพอดี

“ก็จะได้ไปเอากุญแจมาให้เพื่อนมึงไง” ไอ้พ่อเลี้ยงว่าอีก

“มึงก็ไปเอามาเองดิ” ผมว่า พร้อมกับมองหน้ามันไปด้วย...แต่เอ... ถ้าเกิดผมไปเอาเอง...หึหึ

“งั้นกูไปด้วย!”

...

...


“อะไรนะเฮีย!?” ฮะฮ่า น้ำเสียงฟังดูหงุดหงิดใช่เล่น

“ก็อย่างที่บอกไง” พี่น้องคุยกันครับ

“ไม่มีทาง ผมไม่ยอม แล้วยิ่งเป็นไอ้พวก...นี้ ผมยิ่งไม่ยอม!” หึหึ สะใจเป็นบ้าเลยโว้ยยยยย

ผมคิดไม่ผิดเลยจริงๆที่ตัดสินใจออกมากับไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนี่ ยอมร้อนหน่อย แต่แลกกับความสะใจอย่างมากมาย วะฮ่าๆๆ เห็นหน้าไอ้เสริฐตอนหงุดหงิดไม่พอใจแล้วนี่โคตรจะมีความสุขเลย กร๊ากกก


“ไม่นานหรอก” ไอ้พ่อเลี้ยงว่าอีก

“แต่...”

“เสริฐ” ไอ้พ่อเลี้ยงเรียกน้องมันเสียงเรียบ

“...ก็ได้” ฮ่าๆๆๆๆ ในที่สุดมันก็จำยอม แล้วก็หยิบกุญแจห้องส่งให้พี่ชายตัวเอง วู้ววววว สะใจโว้ยยยยยยย ผมเห็นนะว่ามันมองหน้าผมด้วยสายตาอาฆาตด้วย แต่กูไม่สนใจคร้าบบบบบบ ฮ่าๆๆๆๆ

“หมาน้อยยิ้มอะไร?” ไอ้พ่อเลี้ยงถามขึ้น หลังจากที่รับกุญแจจากไอ้เสริฐมา แล้วเก็บไว้ อ้าว มึงไม่ได้จะให้กูหรอกเหรอ???

“เปล๊า..” ผมว่าผมกับยักไหล่ และไม่ลืมที่จะทำหน้าเยาะเย้ยไปใส่ไอ้เสริฐมันด้วย หึหึ

“แต่ผมไม่เข้าใจอย่างหนึ่งว่ะเฮีย” อยู่ๆไอ้เสริฐมันก็ถามขึ้น หลังจากที่หันมาด่าผมโดยไม่ออกเสียงว่า ‘K’ แล้ว

“เรื่อง?” ไอ้พ่อเลี้ยงเลิกคิ้ว

“ทำไมต้องให้ผมไปนอนบ้านพี่ภัทรด้วยล่ะ?”

“แล้วไปนอนบ้านพี่มันไม่ดีตรงไหนเหรอครับ?”




TBC……………………………………………



Talk : ฝากติดตามด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 12+_P.1 27Aug2018
«ตอบ #19 เมื่อ29-08-2018 23:37:13 »

13


   “นั่นดิ” หลังจากที่ไอ้ภัทรพูดจบ ไอ้พ่อเลี้ยงก็ถามต่ออีก

   “ก็...” ไอ้เสริฐมันคงไม่รู้จะตอบอะไรล่ะมั้ง ก็ในเมื่อไอ้ภัทแม่งเล่นจ้องหน้ามันซะขนาดนั้น เหอๆ นี่ถ้าเป็นผมคงตั๊นหน้าไอ้ภัทรไปแล้วล่ะ โทษฐานที่มึงมองหน้ากดดันกู หึหึ ทำไมชั่วจัง คิคิ

   “ว่าไงล่ะครับ?” ไอ้ภัทรถามต่ออีก เอ่อ กูไม่อยากจะอยู่เห็นฉากงอนง้อของพวกมึงหรอกนะ ผมว่าผมไปดีกว่า และขณะที่ผมกำลังจะเดินออกไปนั้น...

   “หมาน้อยจะไปไหน?”

   “เข้าข้างในดิ ร้อนจะตายห่า” ผมว่ากลับไปพร้อมกับเดินออกมาด้วย

   “รอก่อน” ไอ้พ่อเลี้ยงมันว่าพร้อมกับวิ่งตามผมมา

   “มึงจะให้กูรออะไรอีก กูไม่รอ ถ้ามึงอยากรอก็รอไปคนเดียวดิ แล้วเอากุญแจมาให้กู” ผมว่า

   “รอดูลูฟี่ก่อน” มันว่าพร้อมกับหันไปทางลูกมัน

   “กูร้อนนนนนนนน!” ผมตะโกนใส่หน้ามัน และมันก็ดันทำสิ่งที่คาดไม่ถึง ซึ่งนั่นก็คือ...

   
ซ่าาาา...


   “ไอ้เหี้ยยยยยยยย!” ผมโวยวายขึ้นทันที พร้อมกับหลบน้ำจากสายยางที่มันลงทุนเดินไปเปิด เพื่อมาฉีดใส่ผมด้วย โว้ยยยย มึงแกล้งกูใช่มั้ยเนี่ย

   “ด่ากูทำไม?” มันถามพร้อมกับมองหน้าผมนิ่ง คือ มึงยังจะกล้าถามอีกเหรอว่ากูด่ามึงทำไม? ไอ้ควาย!

   “ก็มึงบอกว่าร้อนนี่นา กูก็ฉีดน้ำให้ไง” มันว่าออกมาอีกหน้าตาเฉย

   “ไอ้เชี่ยยยยย!” ผมว่าพร้อมกับเตะเข้าที่ขามันแรงๆหนึ่งที ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในบ้านทันที


   
   
   ...

   “ไอ้เค! / โอเค!” ไอ้โจ้และไอ้ก็อตต่างพร้อมใจกันเรียกชื่อผมด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสภาพของผมตอนเดินเข้ามา

   “เสียงดังไรกันวะ!?” ไอ้เป้โวยวายขึ้นมาทันที เมื่อเสียงของไอ้โจ้และไอ้ก็อตไปรบกวนการนอนของมัน

   “ทำไมมึงเหมือนหมาตกน้ำแบบนี้ล่ะ?” แล้วไอ้เป้มันก็หันมาถามผม หลังจากที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “เออ แม่ง!” ผมว่าพร้อมกับเดินกระแทกเท้าเข้าไปนั่งแทรกระหว่างพวกมัน หึหึ กูไม่ยอมเปียกคนเดียว ฮ่าๆๆๆ พวกมึงต้องเปียกไปกับกูด้วย

   “ไอ้เหี้ยนั่น เอาน้ำฉีดกู” ผมโวยวายต่อทันที

   “แล้วมึงมานั่งแทรกพวกกูทำเหี้ยอะไรวะ” ไอ้โจ้โวยขึ้นมั่ง

   “ผมว่าโอเค น่าจะรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับ” ไอ้ก็อตบอก

   “ถ้าโง่นักก็ปล่อยให้แม่งไม่สบายไปเลย” ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั้ย ว่าปากหมาๆแบบนี้เป็นใคร ตื่นมาเต็มตาแล้วก็ด่ากูเลยนะสาสสสสส

   “เป้อย่าว่าโอเคสิครับ” ไอ้ก็อตหันไปว่าไอ้เป้

   “ทำไมจะว่าไม่ได้ มันเป็นผัวมึงรึไง?” ไอ้เป้เถียงกลับ

   “ทำไมเป้ต้องว่า...”

   “เอาล่ะๆ พวกมึงหยุด!” ไอ้โจ้ว่า ห้ามทัพก่อนที่ไอ้ก็อตมันจะโดนไอ้เป้ฆ่า แล้วหลังจากนั้นมันจึงหันมาทางผม แล้วพูดต่อ

   “มึงรีบไปอาบน้ำอย่างที่ไอ้ก็อตว่าก็ดีนะ เดี๋ยวแม่งไม่สบายอีก เจอร้อน เจอน้ำ แล้วแถมยังกลับเข้ามาเจอแอร์อีก”

   เออ...จริงด้วย! ไอ้โจ้พูดก็ถูก ผมว่าผมรีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่า


   เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องไปอาบน้ำทันที ทิ้งให้ไอ้ก็อตนั่งฟังเสียงบ่นของไอ้เป้และไอ้โจ้ที่พลอยเปียกไปด้วยเพราะผมนั่นคนเดียว หึหึ



   พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็รู้สึกแปลกๆยังไงชอบกล เหมือนว่าหัวมันหนักๆ ตัวมันรุ่มๆยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะไม่สบายเลย เหอะ โดนแดดโดนน้ำแค่นี้ก็จะป่วยเลยงั้นเหรอ? อ่อนแอเกินไปแล้วโว้ยไอ้โอเคคคคคคคคคค

   แต่ก็นะ...คิดไปคิดมาผมว่าดีออก เวลาไอ้พ่อเลี้ยงมันใช้ผมทำอะไรจะได้มีข้ออ้างได้ เพราะถึงแม้ว่ามันกับผมจะทำ
สัญญา(ติ๊งต๊องนั่น)ร่วมกัน แต่ก็ใช่ว่าผมจะไว้มันได้ร้อยเปอร์เซ็นนี่นา จริงมั้ย? โบราณท่านว่า เป็นคนหล่อ ต้องอย่าไว้ใจโจร!  (โบราณนี่คือใคร? คนไหนเหรอ? ที่มันว่าไว้แล้วปัญญาอ่อนซะขนาดนี้อ่า? มันมีด้วยรึ? - -^ :: คนเขียน)



   ไหนๆก็ไหนแล้วนะ นอนพักซักหน่อยจะเป็นไร ว่าแล้วก็งีบหน่อยดีกว่า...z zz ZZ
   ...
   ...
   ...
   “อือออออออออ”

   “หมาน้อย กินยาก่อน”

   “ช่วยจับมันหน่อยดิ”

   “แม่ง ลำบากพวกกูอีก”

   “เป้ก็ช่วยจับโอเคหน่อยสิครับ”

   “เออ แม่ง มึงนี่ก็บ่นกูจังเลย”

   “พวกมึงเลิกเถียงกันก่อนได้ปะ ช่วยกูก่อน ไอ้ก็อตถือแก้วน้ำไว้ ไอ้เป้มึงจับขามันไว้ กันมันดิ้น ส่วนพี่บรรเจิดก็รีบบีบปากมันแล้วเอายายัด แล้วเทน้ำตามลงไปทันทีเลยนะ”

   “ต้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”

   “เออ! ถ้าไม่อยากเห็นแม่งอาละวาดก็ทำตามที่ไอ้โจ้มันบอกเถอะน่า”

   “ก็ได้”

   “เอาละนะ...1 2 3!!!!!!”



   พรึ่บ พั่บๆๆๆ


   “เฮ้ออออออออออออออ...”

   “ช่วยไม่ได้ แม่งอยากกินยายากเอง”

   “ผมว่าโอเคควรจะต้องเช็ดตัวนะครับ”

   “เออๆ แล้วใครจะเป็นคนเช็ด กูไม่เอานะ ไอ้ห่านี่นอนดิ้นจะตาย มึงเลยไอ้ก็อต มึงเป็นคนเสนอความคิด”

   “มึงว่าไอ้ก็อตมันจะสู้แรงไอ้เคไหวเหรอไอ้โจ้?”

   “งั้นก็มึงเลยไอ้เป้”

   “เรื่องงง มึงดิ มึงนอนกับมันบ่อยสุด คงจะชินแรงควายของมัน มึงนั่นแหละ”

   “เดี๋ยวกูทำเอง”

   “แน่ใจนะพี่?”

   “เออ!”



   แปะๆๆ

   “อื้ออออออออออออ” อะไรก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆกูขอครางไว้ก่อนนนนนน


ตอนนี้เหมือนมีคนเอาอะไรมาตบๆหน้า  ใจนึงก็อยากที่จะลืมตาขึ้นไปดูนะ ว่ามันคืออะไร แต่มันก็ทำไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าหัวนี่มันหนักอึ้งเหลือเกิน อย่างกับจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆยังไงยังงั้น มันหนัก มันปวดไปหมด อธิบายไม่ถูก

“แม่งตุ๊ดชิบหาย” เหมือนเสียงไอ้เป้เลย

“เป้อย่าว่าโอเคสิครับ” คล้ายๆเสียงไอ้ก็อต

“ถ้าพี่ไม่เอาน้ำฉีดเพื่อนผม มันก็คงไม่ป่วยงี้หรอก” เหมือนเสียงไอ้โจ้เลย แต่ใช่รึเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามีคนเอามือมาอังๆแถวหน้าผาก แถมมีอะไรเย็นๆมาวนๆถูๆแถวคอด้วย แล้วผมก็ปัดออกด้วยความรำคาญ อย่ามายุ่งกับกู กูจะนอน!

“ก็เพื่อนมึงบอกร้อนนี่นา กูก็ช่วย” นี่เสียง...

“มึงหาเรื่องแกล้งมันมากกว่ามั้งงง” แล้วนี่ก็....

“ทำไมจะต้องแกล้งด้วย ก็ในเมื่อ...” จะเสียงใครก็ช่างเถอะ แต่ที่แน่ๆตอนนี้คือกูทนไม่ไหวแล้วโว้ย!

“กูจะนอนนนนนนนนนนนนนนน!!!!” ตะโกนแม่งเลย ตากูก็ไม่ลืม รำคาญสัส เถียงกันอยู่ได้ จะอะไรนักหนา พอตะโกนออกไปผมก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ซุกหน้าเข้ากับหมอนที่อยู่ข้างๆทันที

“ผมว่าให้โอเคพักผ่อนดีกว่านะครับ”

“อืม เดี๋ยวกูเฝ้าหมาน้อยเอง พวกมึงไปพักเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว” และนั่นก็คือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน...






TBC……………………………………………………..


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 12+_P.1 27Aug2018
« ตอบ #19 เมื่อ: 29-08-2018 23:37:13 »





ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 13+_P.1 29Aug2018
«ตอบ #20 เมื่อ30-08-2018 12:25:25 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 13+_P.1 29Aug2018
«ตอบ #21 เมื่อ03-09-2018 20:37:07 »

14


Bunjerd Talk



   “เช็ดตัวก่อน”

   “อื้ออออออออออออ..” หมาน้อยมันครางพร้อมกับหันหน้าหนีผ้าชุบน้ำที่ผมกำลังจะเช็ดตัวให้มัน หันหน้าหนีเท่านั้นไม่พอนะ มันยังยกมือปัดป่ายไปทั่วอีก เมื่อกี้ก็ตบผมไปแล้วฉาดนึง

   “ตัวมึงร้อน” ผมบอกอีก พร้อมกับพยายามเช็ดตรงลำคอให้มัน

   คือตอนแรกอ่านะ ผมก็ตั้งใจว่าจะเปิดแค่โคมไฟตรงหัวเตียงเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าไฟสีส้มนั่นมันจะทำให้ผมมึนหัวเป็นพิเศษ ผมก็เลยเปิดไฟกลางห้องมันซะเลย! ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าซื้อโคมไฟบ้านั่นมาทำไม แต่เอาเถอะ ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องทำคือเช็ดตัวให้หมาน้อยนี่ เพราะตอนนี้ตัวมันร้อนโคตรๆ

   “อื้ออออออออ..” มันร้องครางอีกพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบ แล้วหันเข้าไปซุกผ้าห่ม คือเหงื่อมึงก็ออกโคตรเยอะเลยอ่า แต่ตัวก็ไม่ยักจะเย็นขึ้น ตรงกันข้าม ตอนนี้ตัวมันร้อนอย่างกับไฟเลย แม้ว่าจะชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ตาม แล้วนอนก็ดิ้น แถมเสื้อผ้าที่ใส่นี่ก็เป็นอุปสรรคต่อการเช็ดตัวของผมซะเหลือเกิ๊นนนนนน...

   จัดการถอดแม่ง!

   และพอลอกคราบหมาน้อยจอมดื้อนี่เสร็จจนเหลือแค่กางเกงในตัวเดียวแล้ว...เอ่อ.. ภาพที่ปรากฏตรงหน้าผม....


   ตัวมันโคตรแดงเลย!!!!!!!


   แต่นั่นไม่ได้น่าตกใจเท่าเรื่องที่ผมกำลังจะบอกนี้เท่าไหร่ คือว่า...ทำไม..เอ่อ...


   คือ...


   ...เอ่อ..


   ทำไม..ผมถึงได้....

   ...

   ...

   อยากจะเอามัน!?


   ใช่! ทำไมอยู่ๆผมก็มีอารมณ์ก็ไม่รู้ แม้ว่าภาพที่เห็นตรงหน้าจะเป็นเพียงแค่ผู้ชายคนนึง(ปากหมาด้วย) หุ่นบางๆ แต่ทว่าเจ้าตัวนั้นเป็นคนขาว แล้วก็ด้วยพิษไข้หรืออะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ตัวมันแดงมากๆ ปากสีพีชเพราะความไม่สบายนั่นก็ด้วย มันทำให้ผมอยากที่จะลิ้มลอง...

   “...มะ..มึง” เสียงแหบๆดังออกมาจากกลีบปากสีสดตรงหน้า ทำเอาผมสะดุ้งเล็กน้อย ผละออกแทบจะไม่ทัน แล้วนี่ผมเข้าไปใกล้มันขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน?!

   “เอ่อ...” แบบนี้ก็แอบไปไม่เป็นเหมือนกันนะ

   “ทำ..หะ..เหี้ยอะไร?” ดูมันสิ ขนาดสภาพเป็นแบบนี้ยังจะปากดีอีกนะ

   “...” ผมไม่ตอบ เพียงแค่มองหน้ามันเท่านั้น แต่สายตาที่หมาน้อยมันใช้มองมานี่สิ..ช่างยั่วยวนกูเหลือเกิน! นี่มันจะรู้ตัวบ้างมั้ยน่ะ ว่าตอนนี้ตาของมันเยิ้มขนาดไหน

   “มึง..มึงจะทำเหี้...อื้อออออ...” เป็นไปตามคาด เสียงของมันถูกกลืนไปโดยผม ผมได้เลียปากหมาน้อยตัวนี้อีกครั้งนึงแล้วสินะ!


   ผมใช้ลิ้นและริมฝีปากของตัวเองละเลียดชิมความหวานจากกลีบปากสีสดตรงหน้า ลิ้นร้อนๆของมันช่วยกระตุ้นให้อารมณ์ของผมแทบระเบิด ด้วยความหมั่นเขี้ยว ผมเลยจัดการขบปากมันไปหนักๆหนึ่งที

   “อื้ออออออ!!” เหมือนว่าหมาน้อยมันจะต่อต้านนะ แต่ทว่าแรงมัน ณ ตอนนี้ ยังไงก็ไม่มีทางที่จะสู้ผมได้..หึหึ

   “โอ้ยยยยยยยย!” ผมร้องออกมาทันทีที่มันกัดปากผม ฉลาดนักนะมึง ไม่มีแรง แต่ใช้สมองให้เป็นประโยชน์โดยสั่งการให้ตัวเองกัดปากผม ฮึ่มๆ

   ตอนแรกก็กะว่าจะแค่จูบอย่างเดียวนะ แล้วค่อยไปช่วยตัวเองต่อ แต่มันทำให้ผมต้องทำเองนะ ช่วยไม่ได้ ยิ่งเห็นตัวมันแดงๆยิ่งอยากจะขย้ำ เอ๊ะ! ผมโรคจิตหรือเปล่า?

   ไม่รู้ล่ะ มาถึงตอนนี้แล้ว อะไรก็ห้ามผมไม่ได้แล้วล่ะ ความหื่นมันครอบงำผมแล้ว...



   “หมากัดปากว่ะ...” ผมพูดแค่นั้นหลังจากที่ผละออกมาเมื่อโดนมันกัด แล้วผมก็ก้มลงไปดูดวิญญาณมันอีกครา


   สารภาพตรงๆเลยนะครับ ว่าตั้งแต่เกิดมา ผมยังไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายคนไหนเลย แต่กับไอ้หมาน้อยตัวนี้...ผมกลับรู้สึกอยาก คือตอนแรกก็ไม่อยากหรอกนะ แต่พออยากเท่านั้นแหละ ผมก็เลยอยากเลย    ผมค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาคล่อมมันอย่างเต็มรูปแบบ โดยที่ไม่ยอมปล่อยให้ปากของมันเป็นอิสระ


   “อะ...ไอ้เหี้ย!!!” หมาน้อยมันผลักผมออกจากตัวมัน และลุกขึ้นจนได้ นี่คงต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยสินะ ดูสิ เหงื่อผุดออกเต็มหน้ามันไปหมด

   “มึงพูดไม่เพราะว่ะ” ผมว่าพร้อมกับเคลื่อนตัวเข้าไปหามันอีกครั้ง

   “จะ..จะทำเชี่ยไร” มันใช้มือยันผมไว้ ไม่ให้ผมเข้าไปใกล้มากกว่านี้

   “ก็น่าจะรู้..” พูดแค่นั้น ผมก็จัดการรวบมือทั้งสองข้างของมันขึ้นเหนือหัวทันที แล้วฉกริมฝีปากตรงหน้าอย่างไม่รอช้า สภาพแบบนี้ ยังไงมันก็ต้านทานผมไม่ไหว


   จะว่าเลวก็ยอม ที่เอาเปรียบมันทั้งๆที่มันไม่สบายแบบนี้...

   ...แต่ใครจะทนไหว?

   


   “อ๊า!!!!” มันร้องขึ้นทันทีที่ผมใช้มืออีกข้างนึงล้วงเข้าไปในกางเกงในของมัน แล้วจัดการกระตุ้นมันด้วยการใช้ปลายนิ้วเกลี่ยตรงปลายนั่น เพื่อทักทายกล่องดวงใจของมัน

   “ไอ้..อะ..ไอ้เหี้ยยยยย” มันกร่นด่าผม แม้ว่าปากของมันจะไม่ว่างดีนัก ยอมรับว่าแม่งเก่งดีจังเลย ขนาดผมกินปากมันอยู่อย่างนี้ ยังหาช่องทางด่าผมได้อ่าคิดดู

   “สัส!!! มึงจะ..ทำ...ทำอะไรกู”

   “...” ผมไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ผละปากออก และเอียงคอมองหน้ามันเท่านั้น ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาลองชิมยอดอกของมันดู

   “อ๊ะ! ไอ้เชี่ยยยย หยุดนะมึง..อ๊ะ..” ...ปล่อยให้เห่าไป โบราณว่า หมา(น้อย)เห่า ไม่กัด

   “อะ..อื้ออออออ อย่า..อย่าบีบ!!!” หมาน้อยร้องห้าม แต่ดูเหมือนว่าเสียงของมันจะไม่ได้เข้าหูของผมเลย หรือว่าโสตประสาทการรับรู้ทางด้านเสียงของผมจะมีปัญหานะ? เพราะเสียงที่ผมได้ยินนั้นมันเหมือนกับว่าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา อีกทั้งมือของผมก็ยังคงบีบๆนวดตรงนั้นของมันอยู่ แถมมีการรูดขึ้นลงให้มันด้วยนะ! 

   “น้องโตแล้ว” ผมว่าพร้อมกับรูดเร็วๆ

   “ไอ้สัส! กะ..กู บอกให้...หยุด!”


   ฟอดดดดดด..

   หอมแก้มไปหนึ่งที ก่อนจะวกกลับมาดูดดุนหน้าอกอีกข้าง และดูเหมือนว่าตอนนี้หมาน้อยมันเริ่มจะโอนอ่อนตามผมแล้วสินะ เพราะแรงขืนจากมือของมันไม่มีแล้ว ผมเลยปล่อยของมันให้เป็นอิสระ แล้วจัดการถอดเสื้อผ้าตัวเอง

   “มึงเป็น..ผู้ชายนะ..สัส”

   “ใช่” ผมพยักหน้า แล้วดึงเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายบนตัวมัน รวดเดียวออก

   “กูก็เป็นผู้ชาย!!!” หมาน้อยตะโกนใส่หน้าผมพร้อมกับรีบเอามือมาปิดตรงนั้นของตัวเอง

   “ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันไง” ผมว่าพร้อมกับจับมือมันออก แล้วคว้าแท่งเนื้อนั้นรูดขึ้นลงด้วยความเร็ว

   “สัส!” ด่าอีกละ ผมเลยจัดการรูดขึ้น รูดลงจนมันเสร็จสมอารมณ์หมาย และจัดการใช้ลูกนับล้านตัวของมันนั่นแหละ เป็นสารหล่อลื่น!

   “แฮ่กๆ..แฮ่ก..” หมาน้อยหลับตาพริ้มพร้อมกับหอบหายใจแรงๆ เอาล่ะนะ มึงถึงแล้วอ่า ต่อไปขอเป็นตากูบ้างละกัน!

   ก็อย่างที่บอกอ่าครับ ว่าผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ และดูๆแล้ว การที่จะมีอะไรกับผู้ชาย มันก็มีแค่ทางนี้เท่านั้นแหละ ผมเอาน้ำรักของมันมาป้ายตรงทางเข้า เพราะดูท่าแล้ว ยังไงก็คงเข้าไปไม่ได้ง่ายๆแน่ๆ อีกอย่างขนาดของผมก็ไม่ใช่น้อยๆ ผมจับน้องชายตัวเองจ่อที่ประตูทางเข้า

   “ยะ...อย่านะมึง” หมาน้อยที่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะโดนทำอะไร ก็โวยขึ้นมา ทั้งๆที่แรงก็ไม่ค่อยจะมี

   “ฮึก!! ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” เสียงดังประมาณ 180 เดซิเบลบวกๆๆ ดังออกมาจากปากของคนที่นอนอยู่ตรงหน้า หลังจากที่ผมดันน้องชายตัวเองเข้าไปแล้วครึ่งนึง

   “ไอ้..แฮ่กๆๆ สัส เอาออกไป!” หมาน้อยพยายามดันผมออก มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมไม่เอาออกไปง่ายๆหรอกนะ เข้าก็โคตรยาก แต่ว่า...แน่นชะมัดเลย

   “ไอ้เหี้ย กูจะ..ฆ่ามะ...เฮือก!!!!” หมาน้อยสะดุ้งทันทีที่ผมตัดสินใจดันน้องชายที่เหลืออีกครึ่งเข้าไปจนสุด

   “โอ้ยยย..ซี๊ด..” หมาน้อยคงจะเจ็บ เพราะมันหลับตาปี๋เลย ใบหน้าเหยเกด้วย แต่กูก็เจ็บเหมือนกันนะ มึงเล่นรัดแน่นซะขนาดนี้อ่า แถมตอดถี่อีกด้วย ผมเลยแช่ไว้ก่อน

   “อย่าเกร็ง” ผมบอกพร้อมกับก้มลงไปดูดปากมัน ตอนแรกมันก็หันหน้าหนีนะ แต่ผมก็ล็อกคอมันไว้ให้รับจูบนี้ แล้วใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่กระตุ้นน้องชายมันอีกครา...

   “อื้มมม..” เสียงครางหลุดออกมาจากปากมันเมื่อผมค่อยๆขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ

   “ยอมกูแล้วเหรอ?” ผมแกล้งถามพร้อมกับแกล้งขยับสะโพกเข้าออกให้เร็วและแรงขึ้นกว่าเดิม

   “อ๊ะ! ไอ้..ไอ้สัส” มันร้องพร้อมกับยกแขนมาโอบรอบคอผมไว้ ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเผลอตัว แต่ไม่ว่ามันจะทำเพราะอะไรผมก็รู้สึกดีนะ

   “ชอบมั้ย?” ผมถามพร้อมกับขยับสะโพกเข้าออกอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มือข้างหนึ่งของผมนั้นก็ปรนเปรอให้มันไปด้วย

   “ไอ้ควายยยยยย” มันด่า ผมเลยแกล้งหยุด หยุดทั้งมือและสะโพก

   “สัส หยุดทำเชี่ยไรเล่า” มันว่าพร้อมกับหน้าแดง ไม่รู้ว่าเพราะพิษไข้หรือเพราะเขินจัดกันแน่ แต่ว่ามันดูน่ารักว่ะ ฮ่าๆๆ

   “ก็มึงไม่ตอบ” ผมว่าพร้อมกับยู่หน้าใส่มัน ยังไม่ได้ขยับต่อ แต่ภายในของมันก็ไม่ยอมหยุดนะ ตอดตุ้บๆ อยู่นั่น จนผมทนแทบไม่ได้ แต่ก็ต้องทน เพราะอยากจะรู้ว่าหมาน้อยมันจะว่ายังไง

   “...”

   “ว่าไง?” ผมถามย้ำอีก และไม่ลืมที่จะเอียงคือมองหน้ามันด้วย

   “ก็..มึงได้กูนะ ไอ้สัส”

   “หืมมมม?” ผมขมวดคิ้ว “มึงก็ได้กูเหมือนกัน นี่ไงของกูก็อยู่ในตัวมึงแล้วนี่ไง หายกัน” ผมว่าพร้อมกับขยับสะโพกเข้าออกหนักๆ

   “อ๊ะ!..อือ..มึง..แม่ง อ๊าา..”

   “กูทำไม?” ซอยถี่ๆ มือก็รูดขึ้นลงไปพร้อมกัน

   “กู กะ...เกลียด..มะ....อื้อออออ” ผมไม่ยอมให้มันพูดประโยคนั้นจนจบหรอกนะ ไม่ชอบ ไม่อยากได้ยิน เลยจัดการดูดวิญญาณมันอีกที แล้วก็กระหน่ำสะโพกเข้าออกอย่างแรง ปากก็จูบอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมให้มันพูด หรือสบถอะไรๆที่ไม่น่ารักออกมาอีกแล้ว

   “อีกนิด...” ผมว่าพร้อมกับเร่งเครื่อง จนในที่สุดมันก็ปลดปล่อยออกมา เต็มมือผมเลย แต่ทว่าผมกลับยังไม่ถึงฝั่ง จึงกระแทกสะโพกเข้าออกหนักๆ ย้ำๆอีกสองสามที จนในที่สุดก็ออกไปแตะขอบฟ้าพร้อมๆกับมัน..

   “เราได้กัน” ผมว่าพร้อมกับหอมแก้มมันไปอีกที และก็คิดว่าคืนนี้มันคงจะอีกยาวไกล...





# 10:46 น.


   ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพราะแสงไฟจากบนเพดานมันแยงตา นี่เมื่อคืน ไม่สิ เมื่อรุ่งสางผมนอนทั้งๆที่ยังไม่ได้ปิดไฟเหรอ? แต่ช่างเถอะ นั่นไม่ได้สำคัญอะไร เพราะผมมีปัญญาจ่ายค่าไฟ ผมหันไปมองคนที่นอนซุกอยู่ข้างๆ แล้วใช้มืออังหน้าผากมันดู ปรากฏว่าตัวยังคงร้อนอยู่ นี่ถ้าเมื่อคืนผมไม่ทำอะไรหมาน้อยมัน วันนี้ก็คงจะหายแล้วสินะ

   “ขอโทษนะ” ผมพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับก้มลงหอมแก้มมันหนึ่งที แล้วลุกขึ้นไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้มัน แต่ก่อนอื่นผมต้องจัดการหาเสื้อผ้าให้ตัวเองใส่ก่อนสินะ เพราะเมื่อคืน หลังจากที่ไปแตะขอบฟ้ารอบสุดท้ายกันแล้ว ผมก็นอนเลย..

   ใช่! นอนมันทั้งอย่างนั้นแหละ ฮ่าๆๆ





TBC……………………………………………………………….

Talk : คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 14+_P.1 03Sep2018
«ตอบ #22 เมื่อ04-09-2018 05:52:15 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 14+_P.1 03Sep2018
«ตอบ #23 เมื่อ04-09-2018 11:44:15 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 14+_P.1 03Sep2018
«ตอบ #24 เมื่อ13-10-2018 21:04:31 »

15

   
   “อื้อออออออ” เสียงของคนที่นอนอยู่ร้องครางออกมาด้วยความรำคาญ หลังจากที่ผมใช้ผ้าชุบน้ำแล้วบิดหมาดๆมาเช็ดตัวมัน

   “อยู่นิ่งๆสิ” ผมบอกพร้อมกับจับตัวมันพลิกขึ้น เพื่อที่จะได้เช็ดตัวให้ทั่ว แต่มันก็ไม่ให้ความร่วมมือเอาซะเลย ฮึ่ม จับปล้ำอีกสักทีดีมั้ย? เสื้อผ้ามัน ผมก็ยังไม่ได้ใส่ให้ด้วยเนี่ย มันน่านัก!!!

   ผมค่อยใช้ผ้าชุบน้ำไล่เช็ดตามตัวมัน ไล่ตั้งแต่ไหล่ลาดลงไปจนถึงแผงอก ทั่วทั้งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยรอยแดงเป็นจ้ำๆ ซึ่งร่องรอยทั้งหมดนั้นมันเกิดจากผม ก็..มันอยากน่ารักเองทำไมล่ะ!?

   “ยกแขนขึ้น” ผมสั่งหมาน้อยมัน ทั้งๆที่เจ้าตัวยังไม่ลืมตา นี่ใครกันแน่เนี่ยที่บ้า?
   
   พรึ่บ!

   อยู่ๆมันก็ลืมตาขึ้นมามองผม ซึ่งผมก็จ้องมันกลับ และมันจะต้องโวยวาย หรือด่าผมแน่ๆ หึหึ

   “...”

   แต่ทว่า...ผิดคาด!!!

   หมาน้อยมันแค่มองหน้าผม แล้วก็หลบตาไปในที่สุด แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ผลักไส หรือทำอะไรเลยทั้งๆที่ผมก็เช็ดตัวให้มันอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะอาย หรือเจ็บอยู่กันแน่ก็เลยไม่มีแรงที่จะต่อต้าน

หรือไม่ก็...

อาจจะโกรธผมมากๆ

“ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่า?” ผมลองถาม เพื่อชวนคุย

“...” เงียบแฮะ


ฟอดดดดด..


ผมเลยก้มลงหอมแก้มมันหนึ่งที ปรากฏว่า มันก็ยังคงนิ่ง และยอมให้ผมหอมด้วย ไม่มีโวยวายซักแอะ เอ่อ..นี่โกรธผมจริงๆใช่มั้ย? ก็ทำไงได้ล่ะ เอาไปแล้วนี่นา อีกอย่างเมื่อคืนมันก็ร้องด้วยนี่ ถึงจะกร่นด่าผมเสียๆหายๆในตอนแรกก็เถอะ ตอนหลังๆมันก็ให้ความร่วมมือดีนี่หว่า

“เอ่อ...” ผมได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มาเริ่มต้นประโยคชวนมันคุยด้วยคำๆนี้ เพราะไอ้คำว่า ‘เอ่อ’ สำหรับผม มันคือการแสดงความไม่มั่นใจ

   “หมาน้อยจะ..?”


   ก๊อกๆๆ


   เสียงเคาะประตูดังขึ้น บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังมีคนมา และขัดจังหวะเป็นที่สุด! ผมจึงเดินลุกออกไปเปิดประตู เพราะว่าเสียงเคาะนั่นมันดังขึ้นอีก ดังแบบถี่ๆเลยแหละครับ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนเคาะจะอารมณ์ดีมากแค่ไหน(ประชด)


   แอดดดดด..


   ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูให้ บุคคลผู้มาเยือน และยังไม่ทันไร...

   “ทำห่าอะไรกันอยู่ เคาะจนมือจะหักแล้ว”

   “เป้พูดเพราะๆสิครับ”

   “ไอ้เคเป็นไงมั่ง?”

   รัวมาเลยนะ แต่ละคนมาเต็ม ยกเว้นไอ้เตี้ยนี่คนนึง เพราะไอ้นี่ดูเอ๋อๆหน่อย ปากคอก็ไม่ได้เราะร้ายอะไรนัก อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันว่าหลงมาอยู่กลุ่มเดียวกับพวกนี้ได้ยังไง

   “หลบดิ” ไอ้คนที่ปากหมาสุดว่า หน้าตาก็โหดดีหรอก แต่ปากแม่งหมา ผมว่าหมาน้อยต้องติดนิสัยมาจากไอ้เป้นี่แน่ๆเลย

   “เป้...”

   “มึงหุบปากไป” ..และก็เป็นเช่นเคย ที่ไอ้เอ๋อ อ้อ ชื่อก็อตสินะ เออ ไอ้ก็อตนี่ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ ไอ้เป้ก็ด่าสวนขึ้นมาก่อน แล้วพอด่าเพื่อนเสร็จ มันก็ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องของผมเฉยเลย แถมชนไหล่ผมอีกต่างหาก

   “ตายยังวะ?” ไอ้เป้มันถามหมาน้อย

   “เห้ยทำไมมึงยังตัวร้อนอยู่วะ เห้ยพี่ ทำไมเพื่อนผมยังไม่หายวะ ปกติกินยามันก็หายแล้วนะ” ไอ้โจ้ถามเพื่อนมันที่นอนห่มผ้าจนจะมิดหัวอยู่แล้ว ก่อนที่จะหันกลับมาถามผม หึหึ หมาน้อยกูคงจะกลัวเพื่อนเห็นรอยต่างๆสินะ เพราะตอนนี้มันยังโป้อยู่..

   “พี่บรรเจิดได้เช็ดตัวให้โอเครึเปล่าครับ?” คราวนี้ไอ้ก็อตหันมาถามผมบ้าง ซึ่งผมก็พยักหน้ารับ

   “มึงสำออยปะเนี่ย?” ไอ้เป้ถามอีก พร้อมกับกระโดดขึ้นเตียงเฉยเลย เห้ยๆ มารยาทน่ะมึงมีบ้างมั้ย?

   “โอเคหนาวเหรอครับ?” ไอ้ก็อต

   “ร้อนจะตายห่า ห่มผ้าทำห่าไรวะ?” ไอ้โจ้ว่าพร้อมกับทำท่าจะดึงผ้าห่มออก แต่ดูท่าแล้วหมาน้อยเองก็พยายามขืนเอาไว้อยู่เหมือนกัน

   “มันไม่สบาย ก็คงจะหนาวล่ะมั้ง” ผมช่วยพูด ซึ่งหมาน้อยมันก็แค่เหลือบมองผมเท่านั้นก่อนจะหันไปหาเพื่อนมัน แล้วก็กระซิบอะไรกันก็ไม่รู้ ซึ่งผมไม่ได้ยิน แล้วจากนั้นเพื่อนมันทั้งสามก็ค่อยๆลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปทันที
ตอนนี้จึงเหลือแค่ผมสองคน...


Bunjerd Talk  End






OK Talk



   หลังจากที่บอกให้พวกมันออกไปแล้ว ผมก็อยากจะหลับอีกครั้งซะเหลือเกิน เพราะตอนนี้ผมโคตรที่จะปวดหัว แล้วก็เจ็บก้นเป็นที่สุด! แต่ว่า...

   ผมยังหลับตอนนี้ไม่ได้!!!

   เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็ไอ้หื่นที่ยืนอยู่ข้างๆเตียงนี่ยังไงล่ะ เกิดมันทำอะไรผมอีกผมจะทำยังไง แค่นี้ก็ระบมหมดแล้ว แม่ง เลว เอาได้แม้กระทั่งคนป่วย มันน่าเจ็บใจนัก แต่ที่เจ็บสุดคือตัวผมเองนี่แหละที่ดันเผลอตัวเผลอใจไปกับมัน ฮึ่ยยยยยยย

   อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ ว่าทำไมเพื่อนผมถึงได้ยอมออกไปง่ายๆ คือพวกผมน่ะจะรู้กันดีครับ ว่าเมื่อใดที่ผมนิ่ง คือผมจริงจังมาก และทุกคนจะรับรู้และทำตามที่ผมบอกทุกอย่าง เพราะถ้าพวกมันไม่ทำ ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เวลาที่ผมไฟติดแล้วน่ะ...

   ยกตัวอย่าง...
มีอยู่ครั้งนึงที่ผมอารมณ์เสียมากๆ แล้วไอ้โจ้มันก็มากวนตีน ซึ่งผมก็เตือนมันไปดีๆแล้ว แต่มันก็ไม่ฟัง สุดท้ายแล้วเป็นยังไงล่ะ? ลูกชายสุดที่รักของมัน Porsche Boxster โดนขูดด้วยฝาน้ำอัดลมน่ะสิ ทั่วทั้งคันเต็มไปด้วยรอย เอาง่ายๆว่าผมเพ้นท์ลายให้รถมันน่ะครับ หึหึ...

ผมไม่ใช่คนดี!!!

แต่ถ้าถามว่าผมโดนเอาคืนมั้ย...?

โดนสิครับ ถามได้ แม่ง ก็ไอ้โจ้มันเสือกเอาเรื่องไปฟ้องพ่อผมน่ะสิ แล้วทีนี้ผมก็โดนยึดบัตรเครดิตไปเลย สามอาทิตย์เต็มๆ พูดถึงแล้วก็เซ็ง
 


   “เจ็บมากมั้ย?” มันถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆ หึ ลองมาโดนกูเสียบดูมั้ยล่ะ? ผมไม่ตอบมันหรอกครับ แต่ปรายตามองเท่านั้น

   “อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย?”

   “...” กูไม่พูดกับมึงหรอก สัส!!!

   “หมาน้อย...” กูชื่อโอเค!!!!!!!!

   “...”

   “...”  พอผมเงียบ มันก็เงียบด้วยครับ ไอ้พ่อเลี้ยงนี่มันไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองหน้าผมเท่านั้น แถมยังเอียงคอด้วย กูไม่ชอบบบบบบบบบบ!


   พรึ่บ!!!!


   “เชี่ยยยยยย!!!!”  ผมร้องอุทานออกมาทันที  ที่อยู่ๆไอ้บ้านี่ก็กระชากผ้าห่มออกจากตัวผม ด้วยความที่มันมีแรงควาย(มหาศาล) บวกกับที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว จึงทำให้ผ้าห่มหลุดติดมือมันไปอย่างง่ายดาย ผมก็เลยรีบคว้าหมอนข้างๆมาปิดตัวในส่วนล่างเอาไว้ แต่ไอ่ห่านี่แม่งก็ยังตามมาดึงออกอีก

   “ไอ้สัส!!!” ด่ามันไปเต็มๆ

   “จะอายอะไร เห็นหมดแล้ว” มันว่า แต่ผมก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร เพียงแค่เอาหมอนใบที่ตัวเองหนุนอยู่มาปิดไว้แทน

   “...” ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับมองมันด้วยหางตา

   “ทำไมมึงไม่พูดกับกูล่ะ?”

   “...” ก็กูไม่อยากพูดไง มีไรมั้ย?

   “ด่ากูก็ได้นะ” ไอ้เลว! ชั่ว! ใจหมา! แย่งควายมาเกิด! ไอ้ปลาดุก! ไอ้ดาวทะเล!!

   “..อื้อออ!!!!!!” ไอ่สัส!!!!! อีกครั้งหนึ่งแล้วเหรอที่ผมโดนมันเลียปากเนี่ย!!! Kเอ๊ยยยยย มันจู่โจมผมด้วยความจาบจ้วง ลิ้นร้อนๆของมันพยายามสอดแทรกเข้ามาในปากของผม และเมื่อผมไม่ยอมเปิดปากให้ แม่งก็บีบปากกูเฉยเลย ไอ่หอยหลอด! กูเจ็บ

   “เหี้ยยยยยย!!!” ผมด่าเข้าให้ ทันทีที่มันปล่อยให้ผมเป็นอิสระ เลือดซิบเลย ควายยย

   “ถ้ากูไม่ทำแบบนี้ มึงก็คงไม่ยอมเปิดปากพูดกับกูสินะ” มันว่าพร้อมกับมองหน้าผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก คล้ายกับกำลังเจ็บปวดอยู่ยังไงยังงั้น เหอะ! คนอย่างมันเนี่ยนะจะรู้จักกับคำว่าเจ็บปวดน่ะ ผมมากกว่ามั้งที่สมควรจะเป็นฝ่ายเจ็บปวดน่ะ เพราะผมโดนกระทำนะ ลืมไปแล้วเหรอ? แม่ง ทั้งเจ็บ ทั้งปวดแสบด้วย เชี่ยเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

   อย่าให้กูลุกไปได้นะมึง กูตั๊นหน้ามึงแหกแน่!

   “เรื่องของกู!!!” ผมตะโกนใส่หน้ามัน หมั่นไส้

   “...” มันเงียบครับ ก่อนที่มันจะพยักหน้า

   “ใช่ เรื่องของมึง..” มันยังคงพยักหน้าอยู่อย่างนั้น ก่อนจะพูดต่ออีก

   “แล้วก็เรื่องของกูด้วย” มันว่า ซึ่งผมก็ขมวดคิ้ว มันจะเรื่องของมันได้ยังไงวะ ปากก็ปากผม จะพูดหรือไม่พูดมันก็เรื่องของผมรึเปล่าวะ?

   “ก็กูได้มึงแล้ว” แล้วมันก็เฉลยข้อข้องใจให้ผม

   “สัส!!! จะพูดทำห่าไรวะ” ผมว่าพร้อมกับหันหน้าหนี ไม่ได้อายนะ แต่ไม่อยากมองหน้า! -///-

   “...กูต้องรับผิดชอบ”

   “กูไม่ต้องการ!!!” ผมสวนขึ้นมาทันที รับผิดชอบบ้าบออะไรกัน ก็แค่ผู้ชายสองคนเอากัน... กูไม่ได้ท้องสักหน่อย!!!!

   “ไม่ได้!” มันสวนกลับมา

   “ทำไมจะไม่ได้ มึงก็แค่ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่นั้นก็จบ” ผมว่า แต่ตอนนี้เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ หงุดหงิดมากๆเลย หัวก็จะระเบิดเอาซะให้ได้เลย

   “เฮ้ออออออออ โอเค! กูยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่ยาก ที่จะให้มึงทำใจ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วจะให้กูทำยังไงล่ะ?” มันว่าพร้อมกับวางผ้าห่มลง

   “ก็ทำอย่างที่กูบอกไง” ผมว่า

   “จะทำแบบนั้นได้ไงล่ะ?” ไอ้นี่แม่งทำไมไม่ยอมวะ กูนะโว้ยที่เป็นคนเสียหายน่ะ มึงประสาทหรือเปล่า ไอ้ติ๊งต๊องงงงงงงง

   “...” ผมเงียบมองหน้ามัน ก่อนจะพูดต่อ

   “ทำไมเมื่อคืน มึงถึงทำแบบนั้น?”

   “..กู....” มันอ้ำอึ้งอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่แปลก เพราะสิ่งที่แปลกก็คือ อะไรดลใจให้ผมถามมันไปอย่างนั้น ผีตัวไหนมาเจาะปากกูให้พูดแบบนั้นนนนนนนน? มันจะทำแบบนั้นด้วยเหตุผลอะไรก็เรื่องของมันสิ กูจะรื้อฟื้นทำมายยยยยยยยยยย

   “...กูเงี่ยน”

   “-_-“ ยังไงไอ้บ้านี่มันก็บ้าอยู่วันยังค่ำอ่านะ เฮ้ออออออ

   “แล้วมึงก็น่ารักด้วย..”

   “!” มึงพูดอะไรออกมา!?!? คือแบบ โว้ยยยยยยย ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแล้ว นอกจากจะบ้า ติ๊งต๊อง ไม่เต็ม ประสาท แถมยังโรคจิตแล้ว แม่งยังหน้าด้านอีกด้วย

   “กูพูดจริงๆนะ” มันว่าอีก

   “เฮ้ออออออออออออ” ผมถอนหายใจออกมายาวๆ หมดคำพูดที่จะพูดแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกผมมันเลยคำว่าเกลียด คำว่าแค้นมาแล้วล่ะ คือมันไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว บอกได้คำเดียวว่า...

   เหนื่อยใจ!

   แล้วก็ปวดหัวมากๆ ปวดตูดโคตรๆ!!!!


   “ไปหาหมอกันเถอะ” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นแล้วก็ลุกพรวดไปที่ตู้เสื้อผ้าทันทีเลย อะไรของมึงอีกวะเนี่ย?

   “อะไรของมึง” ผมถามขึ้นทันทีที่มันเดินกลับมาหาผม พร้อมกับเสื้อผ้าชุดหนึ่ง อย่าบอกนะว่า...

   “มา กูแต่งตัวให้” ว่าแล้วมันก็จัดการแต่งตัวให้ผมเลยครับ ทำอย่างกับกูเป็นตุ๊กตา ไอ้กระเทียมดอง! กูไม่รู้จะด่ามึงยังไงแล้ว จะขัดขืนแม่งก็ไม่ได้ เพราะว่าเจ็บตูด ทำไมชีวิตไอ้โอเคมันช่างโหดร้ายเช่นนี้!?!?




TBC……………………………………………..




ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 15+_P.1 13Oct2018
«ตอบ #25 เมื่อ13-10-2018 21:09:28 »

16


   ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในรถแล้วครับ โดยมีคนขับคือไอ้บ้าปัญญาอ่อนนี่ โดยชุดที่มันเลือกให้ผมใส่ จริงๆจะต้องเรียกว่าบังคับมากกว่าอ่านะ เพราะผมไม่ได้เต็มใจและยินดีปรีดาอะไรกับมันเลยสักนิด! เออ นั่นแหละ ชุดที่ผมใส่ก็คือ เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ทำอย่างกับว่าบ้านเรามันหนาวนักหนาอย่างนั้นแหละ นี่มันมันเมืองไทยนะคร้าบบบบบบบ

    แม่ง ถ้ามึงจะจับกูแต่งตัวแล้วได้มาเป็นชุดแบบนี้อ่านะ มึงจับกูใส่ชุดอวกาศเถอะ สัส ไม่ต้องให้กูได้หายใจหรอก ไอ้ฟายยย

   แต่จะว่าไปชุดนี้ก็เป็นผลดีอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือมันช่วยปกปิดส่วนที่ผมไม่ต้องการให้ไอ้สามตัวเพื่อนผม และใครต่อใครที่ไม่ต้องการได้เห็นรอยแดงๆ อันเป็นผลมาจากการกระทำของไอ้บ้าที่นั่งอยู่ข้างๆนี่! อ้อ แล้วถ้าสงสัยว่าไอ้พวกเพื่อนผมมันไม่สงสัยเหรอ? ที่ผมแต่งตัวแบบนี้ เพราะเพื่อนผมแต่ละคนก็ปากดีๆกันทั้งนั้น(ยกเว้นไอ้ก็อต) หึ.. จะเหลือเหรอครับ


   ‘ร้อนจะตายห่าแต่งตัวอย่างกับบ้านมึงหิมะตก’

   ‘มึงคิดว่านี่คือเกาหลีเหรอ?’



   ประโยคแรกเป็นของไอ้เป้ ผู้ปากหมาสุดในกลุ่ม ส่วนประโยคกวนตีนถัดมาเป็นของไอ้โจ้ครับ ส่วนไอ้ก็อตก็ไม่ทันที่จะได้อ้าปากถามอะไร ไอ้พ่อเลี้ยงติ๊งต๊องนี่มันก็ชิ่งพูดขึ้นมาก่อนว่า “หมาน้อยมันหนาว” แล้วก็ลากผมออกมาเลย มันก็เป็นประการละฉะนี้และครับ.

   “รู้สึกยังไงบ้าง?” ไอ้คนข้างๆมันถามขึ้น แต่ผมก็ไม่ตอบ แค่ชำเลืองมองมันด้วยหางตาก็แค่นั้น

   “จิ๊!” ผมเบือนหน้าหนีและปัดมือมันออกทันทีที่มันเอื้อมมาแตะหน้าผากของผม

   “ตัวยังอุ่นๆอยู่เลย” มันพูด เหอะ กูไม่ตอบมึงหรอก อยากพูดก็พูดไปคนเดียวเหอะ

   “...” เรื่องของกู!!!!!!! ตะโกนด่ามันดังๆในใจ(?)

   “เดี๋ยวต้องให้หมอตรวจให้ละเอียดเลย”

   “...”

   “...”

   พอผมเงียบ มันก็เงียบ..
ก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องฟังเสียงอันน่ารำคาญของมันอีก แต่มันก็อึดอัดชะมัด แถมยังเจ็บตูดโคตรๆด้วย แม่ง แล้วเมื่อไหร่มันจะถึงวะ ไกลก็ไกล แถมไอ้ทางนี่ก็มีแต่หลุมแต่บ่อด้วย รัฐบาลคงลืมไปแล้วมั้งว่าที่นี่ก็เป็นพื้นที่ในประเทศไทยน่ะ ความเจริญถึงยังมาไม่ถึงสักที โว้ยยยยยยยยยย หงุดหงิด! พาลแม่งหมดแหละ


Truuu….. Truuu….

เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้น แต่ทว่า..ไม่ใช่ของผม เพราะผมไม่ได้หยิบติดมืออกมาด้วย งั้นก็แสดงว่าเป็นของไอ้คนข้างๆนี่สินะ

Truuu… Truu…
แล้วแม่งทำไมมันไม่รับวะ?
 
Truuu… Truu…
ยังคงดังอยู่ กูเริ่มหงิดละนะ -*-

Truuuu….

“โว้ยยยยยยยยยย รับสักทีสิ กูรำคาญ!!!!!!!!!!”  เมื่อถึงขีดสุด ผมก็ระเบิดอารมณ์ใส่มันทันที คนยิ่งปวดหัวอยู่ด้วย

“หึ ยอมคุยกับกูแล้วเหรอ?” มันถามพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก นี่มึงแกล้งกวนกวนประสาทกูเหรอ ไอ้หมอยข้าวโพด!!!!!!!!

“มึงเป็นไรมากปะ?” ผมถามเสียงเครียด พร้อมกับจ้องหน้ามันอย่างเอาเป็นเอาตาย

Truu…. Truuu..
ไอ้โทรศัพท์หัวKนี่ก็แผดร้องอยู่นั่นแหละ ไอ้คนโทรมานี่ก็แม่งมีความพยายามดีฉิบหาย เจ้าของเบอร์มันไม่รับมึงก็วางไปดิ หงุดหงิด!

“รับให้หน่อยดิ” มันไม่ตอบคำถามผม แต่ดันเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย เอากับมันสิครับ

“นี่มึงกวนตีนกูเหรอ?”

“รับให้หน่อย”

“ไอ้...” หมดคำด่าแล้วจริงๆ

“เร็วดิ ไม่รับมันก็ร้องอยู่อย่างนั้นแหละนะ”

“แล้วมือมึงไม่มีรึไง ไอ้ควาย” ผมว่าและแอบด่ามันไปด้วย (อย่างนี้ไม่เรียกแอบแล้วมั้ง)

“หมาน้อยพูดไม่เพราะว่ะ เร็วๆดิ ไม่เห็นเหรอว่ากูขับรถอยู่ มันอันตราย” มาเสือกรักชีวิตอะไรตอนนี้

“...”

“เร็วดิ”

“ไอ้สัส!” ด่ามันเพื่อความสะใจส่วนตัวก่อนจะก็กดรับสายและยื่นให้มันพูดในที่สุด นี่กูเริ่มไม่ปกติเหมือนมึงแล้วเหรอวะเนี่ย?

“เอามาใกล้ๆดิ ไม่ได้ยิน” มันว่า ผมจึงชักมือกลับและกำลังจะเปิดสปีกเกอร์โฟนให้(นี่กูเป็นคนดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?) แต่มันก็ดันพูดขึ้นมาก่อน

“ลำโพงแตก เปิดแล้วคุยไม่รู้เรื่อง”

“จิ๊!” เป็นอีกครั้งที่ผมจิ๊ปากใส่มัน แต่ก็ยอมยกโทรศัพท์ไปแนบหูให้มันอยู่ดี โว้ยยยยยยยย ไม่เคยคิดเลยว่าไอ้เคคนนี้จะต้องมาทำอะไรเพื่อใครขนาดนี้ แล้วยิ่งกับไอ้หมาบ้านี่ด้วย ยิ่งแบบ...$%4*$^%&@*%$#@#$%^*()_(&^

“ครับ” มันกรอกเสียงลงไป

“อ๋อ พอดีหมาน้อยมันดื้อน่ะครับ” หมาน้อย? นี่มันกำลังพูดกับใคร? และทำไมถึงพูดถึงผมด้วย? อ้าวเห้ย เกี่ยวไรกับกูวะ เอ๊ะ แล้วนี่ผมยอมรับว่าตัวเองเป็นหมาน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่

“กำลังจะไปโรง’บาลน่ะครับ” มันบอกใครวะ? งงเลยสิกู

“หมาน้อยเจ็บ” หืมมมมม? นี่มึงหมายถึงกูจริงๆใช่มั้ย?

 “ไม่แน่ใจ มันไม่ยอมบอกอ่า” เสียงของไอ้ติ๊งต๊องข้างๆนี่ยังคงเจื้อยแจ้วคุยโต้ตอบกับปลายสายอยู่เรื่อยๆ และด้วยสัญชาตญาณ มันทำให้ผมรู้สึกว่า ยังไงๆเรื่องที่มันคุยอยู่นี่ก็ต้องเป็นเรื่องของผมอยู่วันยังค่ำ แต่ประเด็นคือ...

มันคุยกับครายยยยยยยยยยย

และที่สำคัญคือ ตอนนี้กูเมื่อยมากครับ กูถือโทรศัพท์แนบหูมึงอยู่อย่างนี้นานละนะ แล้วความอดทนกูก็ยิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ด้วยนะ มึงควรที่จะรู้ตัวได้แล้วนะ แต่มันจะไม่อะไรมากไปกว่านี้เลยนะ...

ถ้ามึงไม่เสือกพูดประโยคน่าช็อคโลกของโลกของโลกแตกขึ้นมา!!!!!!!!!!!!!

...

...

...

...
“...ก็ผมกับหมาน้อยมีอะไรกันอ่า”

   “O_O!!!!!!!!!!”

   “มีอะไรกัน ก็นอนด้วยกันไง”

   ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย





TBC………………………….


Talk : อ่านกันยาวๆไปเล้ยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 17+_P.1 15Oct2018
«ตอบ #26 เมื่อ15-10-2018 16:53:37 »

17


   “ก็ใช่ไง ผมก็ผู้ชาย หมาน้อยก็ผู้ชายเหมือนกัน ไม่ได้มีใครเสียหายสักหน่อย” มันว่าต่อ ไอ้สัส มึงพูดมาได้นะว่าไม่มีใครเสียหาย มึงลองมาเป็นกูมั้ยไอ้งวงช้าง ลองมาโดนกระแทกอย่างกูบ้างมั้ยจะได้รู้ว่ามันมีอะไรเสียหายหรือเจ็บปวดอะไรตรงไหนยังไงบ้าง

   “อืมมม..” มันทำท่าคิดพลางหันมามองหน้าผม

   “ก็คงดีมั้ง ร้องลั่นซะขนาดนั้นอ่า อีกอย่าง..”
   
   ตุ้บ!!!

   ไม่รอให้มันพูดจบหรอกครับ พวกคุณลืมไปแล้วเหรอว่าผมคือใคร? นี่ผมโอเคนะ ไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนใจเย็น กูปาโทรศัพท์มันทิ้งข้างหลังเบาะทันทีเลยครับ พังช่างมันไม่ใช่ของผม หึ

   “หมาน้อยทำอะไร ไม่เห็นเหรอว่ากูคุยอยู่”

   “มึงคุยเหี้ยอะไรออกไปล่ะสัส!!!” ผมตะโกนใส่หน้ามัน รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนๆ ทั้งโกรธทั้งอาย แม่ง มันจะพูดเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนอื่นฟังทำไมวะ ในเมื่อผมก็บอกแล้วว่าให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   “กูแค่พูดความจริง”

   “แล้วมันใช่เรื่องมั้ยที่มึงจะต้องเอาเรื่องของกูไปโพนทะนาให้คนอื่นเค้าฟังอ่า” ผมว่าอย่างหัวเสีย

   “ไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย”

   “ไม่ใช่เชี่ยไรมึง ต่อให้มันใช่หรือไม่ใช่มึงก็ไม่ควรที่จะพูดรึเปล่าวะ”

   “ก็กูบอกแล้วไงว่ากูจะรับผิดชอบมึงอ่าหมาน้อย” มันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง เหมือนจะเหนื่อยใจ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องสนใจ จะเหนื่อยจนตายก็เรื่องของมันสิ เหอะ!

   “กูไม่ต้องการ!!!!!!”

   เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดด!!!


   ทันทีที่ผมตะโกนใส่มันจบ ไอ้บ้านี่ก็เกิดอาการคลั่งห่าอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมา อยู่ๆก็หักรถเข้าข้างทาง แล้วก็เหยียบเบรกกะทันหัน ทำให้ผมแทบจะหลุดออกจากเบาะมาเข้าสิงคอนโซลรถ โชคดีที่ผมคาดเบลท์ไว้

   “ไอ้ควา...”

   “ทำไม กูมันน่ารังเกียจมากเลยรึไง มึงถึงไม่ต้องการความรับผิดชอบจากกูเนี่ย ฮะ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ด่ามัน มันก็พูดขึ้นมาก่อน หึ เข้าใจถามดีนี่ ได้! ในเมื่อมึงอยากรู้ กูก็จะตอบให้!!!

   “เออ!!!!!!!”

   “...” มันไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องหน้าผมนิ่งๆเท่านั้น ก่อนจะ...


   บรื๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนน...


   กระชากรถออกไปทันที ตัวผมนี่ก็กระเด็นกลับมาติดเบาะอีกครั้ง โว้ยยยยยยยยยยยย นี่กูไม่สบายอยู่นะไอ้สัส!

   “...”

   “...”

   ตอนนี้ภายในรถเงียบมาก ทั้งผมและมันต่างคนต่างก็ไม่พูด ก็ดี จะได้ไม่รำคาญหู!!!



#บ้านสวนโรโรโนอา โซโร

   หลังจากที่ต่างคนต่างเงียบกันจนไปถึงโรงบาล ไอ้หมาบ้านั่นมันก็ให้ผมไปตรวจอย่างละเอียด ย้ำนะครับ ว่าละเอียดมาก! แทบจะทุกซอกทุกมุม โดยที่มันก็เกิดบ้าอะไรอีกก็ไม่รู้ยืนเฝ้าไม่ห่าง จะบอกว่าแค่หมอคนเดียวผมก็อายจะตายอยู่แล้ว ยังจะต้องมามีไอ้ติ๊งต๊องนี่จ้องอยู่ในทุกกรรมวิธี(?)ในการตรวจอีก แล้วตัวผมมันก็มีแต่รอยแดง โว้ยยยยยยยยยยย อยากจะบ้าตาย สาบานไว้ตรงนี้เลยว่าผมจะไม่ไปเหยียบที่โรงพยาบาลนั่นอีกเป็นครั้งที่สองแน่!

   อายโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

   พอตรวจเสร็จ หมอก็ให้ทามากินครับ ทั้งแก้อักเสบ แก้ปวด แล้วก็ลดไข้ ซึ่งผมเห็นจำนวนยาที่จะต้องกินนี่แบบ แทบจะร้องไห้ ก็คนมันไม่ชอบยาเม็ดนี่หว่า อีกอย่างก็ตั้งหลายเม็ด ดูดิ เพราะมึงคนเดียวเลย ไอ้ประสาทชาติชั่ว กูเกลียดมึงไอ้เชี่ยเจิดดดดดดดดดดดดดดดดด

   “เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วก็กินยานะ แล้วก็...” ทันทีที่เครื่องยนต์ดับสนิท ไอ้คนขับข้างๆนี่ก็พูดขึ้น แต่ผมไม่รอให้มันพูดจบหรอกครับ


ปึ่งงงงงงง!!!!


ผมชิ่งเปิดประตูรถลงก่อน แถมปิดซะเต็มแรงแม่งเลย จากนั้นก็ตรงเข้าบ้านทันทีครับ ง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว รู้สึกเพลียๆยังไงชอบกล

“หมาน้อยกูยังพูดไม่จบเลยมึงอย่า...” มันรีบลงจากรถและตามผมมา แต่ทว่าลุงหมานแกก็เข้ามาคุยกับมันพอดี สีหน้าค่อนข้างเครียดพอสมควร สงสัยจะมีเรื่องซีเรียสล่ะมั้ง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย ทำไมจะต้องสนใจ เข้าบ้านดีกว่า~

   “โอเคเป็นยังไงบ้างครับ” ไอ้ก็อตที่หันมาเห็นผมทันทีทักขึ้น

   “ยังไม่ตายสินะมึง” พอไอ้ก็อตพูดจบ ไอ้ปากหมาเป้ก็ละสายตาจากทีวีละหันมาถามผม

   “เออ” ผมตอบรับกลับไป รู้สึกแปลกๆ อยากนอน

   “กูว่าหน้ามึงซีดๆนะ” ไอ้โจ้ลุกเดินมาหาผม แล้วยื่นมือมาอังหน้าผาก

   “ตัวมึงยังร้อนอยู่เลยนี่หว่า” มันว่า

   “ไปหาหมอยังไงวะ เค้าเป็นหมอเถื่อนรึเปล่า?” ไอ้เป้ถามพร้อมกับหยิบเลย์เข้าปาก สบายเหลือเกินเพื่อนกู

   “กูเพลียว่ะ ขอไปนอนก่อนละกันนะ” ว่าแล้วผมก็เดินตรงไปเข้าห้องทันที แต่ก็ยังได้ยินเสียงพวกมันตะโกนไล่หลังมา

   “พวกมึงไปทำอะไรกันมาใช่มั้ย มึงไม่ได้ไปหาหมอใช่ปะไอ้เค”

   “โอเคครับ โทรศัพท์โอเคร้องด้วย”

   แกร๊กกกกก!

   พอเข้าห้องมาผมก็ปิดประตูแล้วก็ล็อกกลอนทันทีเลยครับ ไม่สนใจหรอกว่านี่เป็นห้องใคร ก็ในเมื่อมันอยากบังคับให้ผมมานอนที่นี่เองทำไม เหอะ! และที่สำคัญคือตอนนี้ผมอยากนอนมาก ไม่ต้องการให้ใครรบกวนเป็นที่สุด แต่ก็นะ ไอ้ห่าเป้แม่งก็แซวมาซะจี้จุดชะมัด!

แต่เอ๊ะ! เมื่อกี้เหมือนไอ้ยินไอ้ก็อตบอกว่าโทรศัพท์ร้อง หมายถึงเครื่องผมมีคนโทรเข้ามาเหรอ? แต่ช่างเถอะเดี๋ยวค่อยดู แล้วอีกอย่าง ถ้าเกิดว่าไอ้คนที่โทรมานั่นมันอยากจะคุยกับผมจริงๆ เดี๋ยวมันก็คงโทรมาอีกนั่นแหละ ตอนนี้ขออาบน้ำหน่อยละกัน ถึงจะรู้สึกหนาวๆก็ตาม เพราะถึงจะหนาวแต่เหงื่อผมก็ออกเยอะมากๆ มันไม่สบายตัวเอาซะเลย อีกอย่างผมไม่ได้อยากได้ชื่อว่าซกมกด้วย!

ถอดเสื้อผ้าออกจนหมดและมายืนมองตัวเองที่หน้ากระจก...

รอยแดงเต็มเลย!!! อีกกี่วันมันถึงจะหายวะ ดูสิเนี่ย หันไปทางซ้ายก็เจอ ทางขวาก็เจอ ยิ่งตรงหน้าอกนี่ยิ่งเห็นชัด มีรอยฟันด้วย!!! โว้ยยยยยยยยยยย ผิวขาวๆของกูต้องเป็นรอยด่างๆเพราะมึงคนเดียวเลย ไอ้พ่อเลี้ยงโรคจิต!!!

ไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จ เพราะว่ารู้สึกหนาวขึ้นมาเลยรีบอาบรีบแต่งตัว แล้วจะได้นอนพัก เพราะตอนนี้หนักหัวมากๆ อีกอย่างที่ก้นก็ยังรู้สึกเสียดๆอยู่ อาจจะไม่เจ็บเหมือนตอนแรกแล้ว แต่ก็เวลาเดินก็มีแปล๊บๆอยู่เหมือนกัน
และทันทีที่ล้มตัวลงนอนบนเตียง...

Truuuu… Truuuu…

ให้มันได้อย่างนี้เซ่!!!!!

“โหล” ผมไม่ได้มองหน้าจอว่าใครเป็นคนโทรมา แต่ก็กดรับแล้วกรอกเสียงลงไปอย่างอารมณ์เสียขั้นสุด

[พูดให้มันดีๆหน่อยสิวะ ไอ้เสือ] ปลายสายว่ากลับมา

“อ้าว พ่อเองเหรอ?”

[เออสิวะ แล้วเอ็งคิดว่าใคร]

“ไม่รู้ ผมไม่ได้สนใจ” ผมว่าออกไป คือไม่ได้อารมณ์เสียใส่บิดาผู้บังเกิดเกล้าหรอกนะ แต่มันง่วงไง และผมปวดหัวเหลือเกิน มันก็เลยพลอยทำให้ผมไม่อยากทำอะไร แม้แต่จะพูดก็ตาม

[เจ็บมากเลยรึไงวะไอ้เสือ] พ่อพูดถึงเรื่องอะไร? อยู่ๆก็มาถามเรื่องเจ็บ ทำไมผมรู้สึกว่ามันทะแม่งๆแล้วล่ะวะ

“พะ..พ่อหมายความว่าอะไรเนี่ย ผมงง” ตีมึนถามไปก่อน แม้สัญชาตญาณมันจะบอกอยู่แล้วก็ตามว่ามันต้องไม่พ้นเรื่องที่เกิดขึ้นแน่ๆ ว่าแต่...ถ้าใช่ แล้วพ่อรู้ได้ยังไง?

อย่าบอกนะว่า...

คนที่ไอ้บ้านั่นคุยด้วยคือพ่อ!!!!!!

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้ว...

[ไอ้เสือ!!!]

“อ่าๆ ครับๆ”

[ข้าเรียกเอ็งตั้งนาน เป็นอะไรรึเปล่า สัญญาณหายรึ?]

“อ่า..ครับ คงงั้น” ผมมุสาอีกแล้ว

[เออ แล้วข้าถามว่าเจ็บมั้ย เอ็งยังไม่ตอบข้าเลยนะ]

“เจ็บอะไรเล่า” ตอนนี้หัวใจเต้นแรงมากๆเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองควรรู้สึกยังไง ไอ้ที่ว่าปวดหัวอยากจะนอนนั้นลืมไปได้เลย ตอนนี้จิตใจมันจดจ่ออยู่กับคำถามของพ่ออย่างเดียวเลย

[ก็เอ็งเจ็บหัวไม่ใช่รึ ไม่สบายไม่ใช่เหรอ] ฟู่ววววววววววว~ เข้าใจแล้ว ไอ้ที่เค้าว่า ว่ายกภูเขาออกจากอกมันเป็นเช่นไร ฮ่าๆๆ

“เดี๋ยวผมนอนพักก็หายแล้วครับ” ผมว่าออกไป พูดเพราะๆบ้าง นานๆครั้ง เพราะเวลาไม่สบายแบบนี้มันรู้สึกอยากอ้อนใครสักคนอ่า จะว่าผมเด็กก็ได้นะ ก็ไม่รู้สิ เวลาป่วยผมก็เป็นแบบนี้แหละ ก็ไม่มีแม่ให้อ้อนแล้วนี่นา..

อย่าดราม่า ผมก็แค่พูดไปงั้นแหละ แค่คิดถึงแม่เฉยๆ แต่เห้ย! ทำไมเหมือนดึงเข้ามาเศร้าอีกแล้วล่ะวะ พอเลย พอๆๆๆๆ

[กินยาด้วยล่ะ จะได้หายเจ็บ] พ่อบอก

“คร้าบบบบบบ รักพ่อนะ” คึคึ เขินว่ะ เชี่ยยยยยยยยยยยย

[ขนลุกว่ะ ฮ่าๆๆ] คราวหน้าไม่พูดละ งอนครับ!

“เมื่อไหร่พ่อจะให้กลับกรุงเทพล่ะ” อ้อนซะเลย หึหึ

[ฮัลโหล โหลๆ เอ๊ะ ทำไมไม่ค่อยได้ยินวะไอ้เสือ] อีกละ มามุกนี้อีกแล้ว ไอ้สัญญาณไม่มีตอนผมพูดถึงเรื่องกลับบ้านเนี่ย

“เปลี่ยนมุกบ้างก็ได้”

[ฮ่าๆๆ เดี๋ยวนี้รู้ทันนะ เท่านี้แหละ พ่อจะไปธุระแล้ว ไว้ค่อยคุยกันนะโว้ย]

“คร้าบๆ”

[เออๆ เป็นเมียเขาแล้วก็ทำตัวดีๆหน่อยละกัน อย่าซ่าให้มากนักล่ะ...ติ๊ด~]

วะ..ว่าไงนะ....

‘เป็นเมียเขาแล้วก็ทำตัวดีๆหน่อยละกัน'

พ่ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ!





TBC…………………………………………

Talk : ตอนนี้สั้นหน่อยนึง

ออฟไลน์ Cakewhans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
    • ' Puzzle
Re: If you O.K. by ' Puzzle +Chapter 17+_P.1 15Oct2018
«ตอบ #27 เมื่อ17-10-2018 17:35:50 »

18


   มะ...หมายความว่ายังไงกันนนนนนนนนนนน

   พ่อพูดแบบนั้นก็แสดงว่า...โอ้ยยยย ไม่อยากจะเชื่อเลย ไอ้ที่ว่ารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกเมื่อกี้ ตอนนี้มันยิ่งกว่าภูเขาอีก โอ้ยยยยยยยยยยย โลกทั้งใบเลยมั้งน่ะ ที่อยู่ในอกผมตอนนี้

   ไม่ได้ๆๆๆ ผมต้องโทรกลับไปหาพ่อแล้วคุยกันให้รู้เรื่อง!

   โทรศัพท์ที่กำอยู่ในมือ ถูกนำมากดเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจ ก่อนจะยกแนบหู และรอฟังเสียงสัญญาณ แต่ทว่า...

   [ยินดีต้อนรับเข้าสู่บริการฝากเลขหมายโทรกลับ.. Welcome to…..]
   

เห้ย!!!! ทำไมเป็นงี้อ่า พ่อปิดเครื่องหนีผมไปแบบนี้ได้ไง!?!?!?!?!?! ลองใหม่ๆ และเมื่อผมเอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง ก็ปรากฏว่าเป็นแบบเดิม พ่อนะพ่อ!!!!!!!! อยากให้ไอ้เคคนนี้งอนมากนักใช่มั้ย... ได้!!!!! งอนครับ งอนมากๆ งอนมากที่สุดด้วย!!!!!!!!!!!!!!!!!!

   “ฮึ่ย!!!!!” ผมสบถออกมาอย่างขัดใจ อยากจะบ้าตาย!!!!!!

แต่เดี๋ยวนะ แล้วทำไม?... ทำไมพ่อถึงไม่ว่าอะไรเลย คือจริงๆแล้วพ่อจะต้องด่า หรือไม่ก็โวยวายสิ ผมเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของพ่อนะ พ่อก็ต้องไม่พอใจบ้างดิ แล้วนี่อะไรอ่า ไม่ว่าอะไรสักคำ แถมยังมีการบอก ‘เป็นเมียเขาแล้วก็ทำตัวดีๆหน่อยละกัน’ อีก นี่มันอะไรกันเนี่ยยยยยยย บอกผมทีสิว่าผมฝันไป!
ไหนลองหยิกแก้มตัวเองดูสิ..

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ผมร้องลั่นออกมาทันที ก็มันเจ็บนี่หว่า ตอนแรกนึกว่าฝันก็เลยเอาซะเต็มแรง แก้มต้องแดงแน่ๆ ไอ้ที่ง่วงนอนเมื่อกี้ก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย ทำไงดีล่ะทีนี้ ปวดหัวก็ปวด ตูดก็แสบ

   “เพราะมึงเลย ไอ้พ่อเลี้ยงโรคจิต! มึงทำให้กูต้องเป็นแบบนี้ แล้วพ่อก็อีกคน พ่อไม่รักผมแล้วรึยังไงนะ!!” ผมโวยวายอยู่คนเดียวครับ พาลแม่งให้หมด

   แต่เรื่องที่ทำผมคาใจมากที่สุด คงจะไม่พ้นเรื่องพ่อ...
ทำไมไม่เห็นพ่อพูดหรือว่าอะไรเลยอ่า ฮือออออออๆๆๆ แล้วอีกอย่างไอ้คนที่มันมาพรากความบริสุทธิ์ทางข้างหลัง(?)ของผมมันก็เป็นผู้ชายนะ แล้วพ่อยอมมันได้ยังไงกัน พ่อรับได้หรือไงกันเล่า!!!! โว้ยยยยยยยย!!!

   แล้วกูจะมาสาวแตกร้องห่มร้องไห้ทำไมกันล่ะเนี่ย ในเมื่อร้องไปมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ตูดก็ไม่หายเจ็บด้วย นึกแล้วแม่งก็แค้น! แค้นๆๆๆๆๆๆ แค้นโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย


เพล้งงงงงง!!!!

ใช่ครับ! ฝีมือผมเอง...

ช่วยไม่ได้ ไอ้โคมไฟนี่อยากอยู่ใกล้ผมทำไม อีกอย่างผมก็ไม่รู้จะระบายอารมณ์ต่างๆนานาที่เกิดขึ้นกับตัวผมนี่ยังไงนี่นา อะไรอยู่ใกล้มือก็ปาทิ้งหมดแหละ! ซึ่งจริงๆแล้วผมไม่ใช่พวกโมโหแล้วทำลายข้าวของนะ(เหรอ) แต่นี่มันไม่ใช่ของของผมไง ผมเลยทำได้ แบร่!!!


ทั่กๆๆๆๆ

เสียงเหมือนฝีเท้าของคนหลายคนกำลังวิ่งขึ้นมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกไหน...

“เฮ้อออออออ...” ผมถอนหายใจออกมายาวๆ

“ไอ้เชี่ยเค มึงเป็นอะไรรึเปล่าวะ” ไอ้เป้ตะโกนมา

“มึง โอเครึเปล่า” ไอ้โจ้ถามอีกพร้อมกับเคาะประตูระรัว
 

ปังๆๆๆๆ

“หมาน้อย เป็นอะไรรึเปล่า เปิดประตูให้กูเข้าไปหน่อย!!!” เสียงของคนที่ผมไม่ได้อยากได้ยินเป็นที่สุดตะโกนดังตามมา..


ปังๆๆๆๆ

“เปิดดิมึง มือกูแดงหมดแล้วเนี่ย” ผมปล่อยให้ข้างนอกนั่นโวยวายอยู่อย่างนั้นแหละ เบื่อ ไม่อยากจะสนใจ ตอนนี้อยากอยู่คนเดียว แต่เสียงเอะอะข้างนอกนั่นก็น่ารำคาญซะเหลือเกิน!

ผมทนไม่ได้จึงลุกขึ้นไปหาหูฟังในกระเป๋า แต่ทว่า...


ฉึก!!!

“Shit! ให้มันได้อย่างนี้สิกู” ผมพึมพำกับความเขลาของตัวเอง ที่ทะเล่อทะล่าไปเหยียบเศษโคมไฟเข้าให้ และในเมื่อเป็นงี้ก็เลยรีบคว้าหูฟังแล้วตรงรี่ไปล้างที่ห้องน้ำ ไม่รู้ว่าแผลลึกหรือเปล่าเพราะไม่ค่อยกล้าดูเท่าไหร่นัก แต่ยอมรับว่าเจ็บพอสมควร และเมื่อเห็นว่าเลือดไม่ค่อยไหลออกมาแล้วก็กะเผลกกลับไปนอนที่เตียง โดยที่ไม่ลืมที่จะดูทางให้ดีๆด้วย(กลัวเจ็บอีกข้าง)


ปังๆๆๆๆๆๆ

“ไอ้เคโว้ยยยยย มึงอย่าเพิ่งรีบตายนะ!!!”

“เป้อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ”

“ทำไม กูก็แบบนี้ มึง..”

“พวกมึงหยุดเถียงกันก่อนได้มั้ยเล่า”

ปังๆๆๆๆๆๆๆ

“เค ไอ้เชี่ยเคโว้ยยยยยยยยยยยยย”


“เฮ้อออออออออออออออออ” ผมถอนหายใจอีกครั้ง หลังจากที่หันไปมองที่ประตู ก่อนจะเสียบหูฟังเข้ากับไอโฟน เปิดเพลงให้ดังเกือบสุด(สุดไม่ได้เดี๋ยวหูแตก) และไม่ลืมที่จะเปิดโหมด Airplane เอาไว้ ตอนนี้ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเจอหน้า หรือคุยอะไรกับใครทั้งนั้น!

ผมปล่อยให้โทรศัพท์นี่มันทำหน้าที่ของมัน ให้มันเล่นเพลงไปเรื่อยๆ ให้เพลงมันดังเต็มโสตประสาทการได้ยินของผม เผื่อว่ามันจะช่วยทำให้ผมลืมบางสิ่งบางอย่าง หรืออาการน้อยใจอะไรก็ไม่รู้นี้ลงได้บ้าง..


แหมะ!!!

น้ำใสๆไหลออกมาจากตาข้างที่ผมตะแคงอยู่... ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะอ่อนแอได้ถึงขนาดนี้ และก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสาเหตุของการอ่อนแอบ้าๆนี่มันมาจากอะไร ผมถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง แล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปรง ตอนนี้มันเจ็บไปหมด...

เจ็บ.. เจ็บมากๆ


แกร็ก!!!

ผมได้ยินเสียงบางอย่าง ขณะที่เพลงจากโทรศัพท์มันหยุดเล่น เนื่องจากจบเพลงพอดี และกำลังจะขึ้นเพลงใหม่ ตอนนี้ผมรับรู้แล้วว่ากำลังมีคนเข้ามา ผมจึงแกล้งหลับและไม่ลืมที่จะกดหยุดเพลงที่หูฟังด้วย เพราะว่าตอนนี้ต่อมเสือกมันกำลังทำงาน คืออยากรู้ว่าพวกมันจะพูดอะไรกันมั่ง (ไหนมันบอกไม่อยากรับรู้อะไรไง : พัซเซิล)

“เชี่ยเค มึงรบกับใครเนี่ยยยยยยย” ไอ้เป้ครับ เห่าคนแรกเลย สงสัยมันจะเห็นอารยะธรรมที่ผมเป็นคนสร้างเองกับมือ

“มึงเป็นไรเนี่ยยยย ผีตัวไหนสิงเพื่อนกูอีกล่ะวะ” ไอ้โจ้พูดติดตลก

“มีเลือดด้วยครับ” ทันทีที่ไอ้ก็อตพูดจบ เตียงฝั่งข้างหลังผมก็ยวบลงทันที (ผมนอนตะแคงหันหลังให้ประตู)


พรึ่บ!!!!!

ผ้าห่มที่ผมคลุมโปรงไว้อยู่ถูกดึงออก โดย.. ใครก็ไม่รู้ครับ กูหลับตาอยู่

“เฮ้อออออ..” แต่เท่าที่ได้ยินเสียงถอนหายใจ ผมก็พอจะเดาได้นะ ว่า ’ควาย’ ตัวไหนมันดึงออก

“ให้มันหลับไปเถอะ เดี๋ยวกูเคลียร์ตรงนี้เอง” ไอ้พ่อเลี้ยงมันพูดขึ้นอีก สงสัยจะบอกกับพวกไอ้โจ้ ไอ้เป้ ก็อต มัน แต่เดี๋ยว! นี่มึงเชื่อด้วยเหรอวะว่ากูหลับอ่า มึงนี่มันควายจริงๆ!!!!!!!!

“แต่กูว่า..” แต่เหมือนจะมีคนฉลาดแฮะ ไอ้โจ้นั่นเองครับที่เป็นคนท้วง แต่แล้วก็เงียบไป ทั้งๆที่ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันทำหน้า หรือส่งซิกอะไรกันยังไงเพราะแสดง(หลับตา)อยู่ แต่ที่รู้ๆคือพวกมันค่อยๆทยอยกันเดินออกไป..
เห้ย!!!!!!! เกิดอะไรขึ้นวะ!?!?!

ใจนี่อยากจะลืมตาขึ้นมาดูมากกกกกกกกกกก แต่ไม่ได้ครับ ไม่ได้! กูหลับอยู่ครับ ต้องเอาให้เนียนๆ แต่ต่อมเสือกกูก็ทำงานดีเหลือเกินนนนนนนนนนนนรร จนกระทั่ง...

ผมรู้สึกโล่งๆที่หู... เนื่องจากหูฟังถูกดึงออก แน่ล่ะครับ ต้องมีคนดึงมันออกชัวร์ๆเลย และคนๆนั้นจะเป็นใครไม่ได้เลย นอกจากไอ้ควายเผือกที่เพิ่งไล่เพื่อนผมออกไปเมื่อกี้นี่!!!! และยังไม่ทันที่ผมจะโวยวาย(ในใจ)จบ...


จุ๊บบบบ..

ก็ต้องช็อคจนเกือบจะหลุดลืมตาขึ้นมาด่าจนถึงโคตรเหง้าเหล่าตระกูล เอาให้แม่งยกมากันทั้งป่าช้าเลยทีเดียว!!!!!!!!!!!!

ไอ้ควายยยยยยยยยยยยยยยยย แม่งขโมยหอมแก้มกูอีก ไอ้เชี่ยยยยยยย ไอ้ๆๆๆๆ ไอ้ครีมทาผิว! ไม่รู้จะด่ายังไงแล้วแม่งเอ๊ยยยยยยยยยยยย

“...กูขอโทษ” เสียงกระซิบบอกประโยคเมื่อครู่ดังขึ้นข้างๆหูผม


ตึกตักๆๆๆๆๆ

ขะ..ขอโทษงั้นเหรอ? ขอโทษเรื่องอะไร? ละ..แล้วหัวใจกูทำไมต้องเต้นเร็วถึงขนาดนี้ด้วยเนี่ยยย

“เจ็บมากมั้ยครับ?” เสียงนุ่มดังขึ้นมาอีก

“...” เอ่อ...ไม่รู้จะตอบยังไง ไม่รู้จะทำตัวยังไงด้วย ก็กูแกล้งหลับอยู่อ่า กูควรจะแกล้งละเมอแล้วตอบคำถามมึงเหรอ อ๋อ เจ็บมากๆเลยครับ แบบนี้เหรอ?

“...” มันไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับเข้ามากอดผมซะเต็มรัก รักกูมากกกกกก มากจนกูหายใจไม่ออกครับ!

“เชี่ย! กูอึดอัด!!!!!” ผมแหกปากทันทีครับ แถมดิ้นด้วย ...เออๆ ก็ได้ๆ จริงผมเขิน

“แกล้งหลับทำไม?” ไอ้หมาตัวโตนี่มันถามพร้อมกับจ้องหน้าผม

“เรื่องของกู!” ผมว่าพร้อมกับผลักมันออก แต่ก็นะ ตัวมันเท่าควาย แถมผมก็ป่วยด้วย จะเอาแรงที่ไหนไปสู้มันได้

“ตัวก็ไม่ร้อนแล้ว ทำไมหน้าแดงล่ะ?” มันถามอีกพร้อมกับเอามึงอังหน้าผากผม

“ปวดหัว” ผมอ้อมแอ้มตอบ ไม่มองหน้ามัน ก็กูเขินอ่า แต่ก็ปวดหัวจริงๆนะ เจ็บตีนด้วย! 

“เจ็บตรงไหน?” มันถามขึ้นอีก

“อะไร?” ผมถามมันกลับ นี่นอกจากมึงจะเป็นบ้าแล้วยังหูตึงอีกเหรอ กูเพิ่งบอกไปหยกๆนะว่าปวดหัว ไอ้นี่ชอบทำผมหงุดหงิดว่ะ

“เลือด” มันว่าอีก ซึ่งแค่นั้นผมก็เข้าใจแต่โดยดีเลยครับ

“...” ผมไม่ได้ตอบมัน แต่ดึงผ้าห่มขึ้นให้พ้นจากตีนตัวเองให้มันเห็น เหยดดดดดดดดดด เลือดเต็มที่นอนเลย! เหอๆ

“ทำไมปล่อยให้เลือดไหลอย่างนี้เนี่ย” มันว่าผมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด กูก็เพิ่งรู้พร้อมมึงนี่แหละ ไอ้แมว!    

“ก็ตอนที่ล้างในห้องน้ำเมื่อกี้มันหยุดแล้วนี่! มึงจะมาด่ากูทำไมล่ะ เจ็บนะ!!!!!!!!” นะ..นั่นผมเป็นคนพูดเหรอ? บอกกูทีครับว่าทำไมเสียงกูมันถึงได้ง๊องแง๊งสาวแตกราวกับว่าจะอ้อนมันยังไงอย่างงั้น?

“ไม่ระวังเล้ยยยยยยย” มันว่าแล้วก็บ่นงึมงำๆอะไรก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือ...

น้ำตากูไหล!!!!!!!!!!!!




TBC………………………………………


Talk : ทำไมโอเคสาวแตกล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด