01:20 AM
ขวัญพัฒน์: ตายยัง
เขมินทรา: ไม่ถามหมารับใช้ของมึงล่ะว่าทำอะไรกับกู
ขวัญพัฒน์: มิสเตอร์ทีเขาจัดการตามเหมาะสม แล้วมึงก็ยังไม่ตาย จะโวยวายทำไม
เขมินทรา: ไอ้พี่เหี้ย มึงทักมาหาเรื่องกูใช่ไหม
ขวัญพัฒน์: เปล่า กูมีข้อเสนอ
เขมินทรา: คิดว่ากูจะรับข้อเสนอมึงเหรอ คนที่ไม่เคยช่วยกูอย่างมึงอะ
ขวัญพัฒน์: ข้อเสนอของกูมึงคงอยากรับจนตัวสั่นแน่
เขมินทรา: ว่ามาสักที
ขวัญพัฒน์: เปลี่ยนตัวกับกู
เขมินทรา: ห้ะ?
ขวัญพัฒน์: ตามนั้น
เขมินทรา: มึงเป็นบ้าอะไรไอ้สัดพี่ อย่าบอกนะว่าจะให้กูไปล่อเป้า มึงนี่มันเป็นพี่ที่ระยำที่สุดในโลกเลยไอ้ขวัญ มึงกะฆ่ากูให้ตาย
ขวัญพัฒน์: กูเกลียดมึงไอ้ขิม แต่ไม่เคยคิดจะฆ่า ไม่เหมือนมึงที่ป่วนกูจนประสาทจะกิน สำเหนียกตัวเองก่อนจะว่ากู
เขมินทรา: ไม่อยากเถียงกับคนอย่างมึง แล้ว...มึงจะให้กูทำอะไร
ขวัญพัฒน์: ไม่ต้องทำอะไร เป็นอย่างที่มึงเป็นนั่นแหละ ส่วนกูจะลองเป็นมึงดูบ้าง
เขมินทรา: มึงทะเลาะกับพี่ธนิกใช่มั้ย
ขวัญพัฒน์: เสือก
เขมินทรา: ไอ้ขวัญ มึงยื่นโอกาสให้กูเองนะ แล้วถ้ามึงต้องเสียใจ จะมาโทษกูไม่ได้
ขวัญพัฒน์: มึงก็มีความสุขดูบ้าง แล้วถ้ามึงได้โอกาสนั้น กูก็แค่ต้องยอมรับ
เขมินทรา: มึงเป็นไรมากมั้ย ทำดีกับกูอย่างกับจะหลอกกูไปฆ่า
ขวัญพัฒน์: มึงจะเอาไม่เอา ตอบมาคำเดียว
เขมินทรา: เออ แล้วเมื่อไหร่
ขวัญพัฒน์: พรุ่งนี้เย็น เตรียมข้อมูลของมึงไว้ให้กู
เขมินทรา: แล้วของมึงล่ะ
ขวัญพัฒน์: ไม่มี มึงเป็นมึงอย่างที่เป็น ไม่ต้องสวมรอย แล้วก็หาที่ปลอดภัยให้กู ขอการรักษาความปลอดภัยสูงสุด คอนโดฯ พ่อเลี้ยงมึงมีหลายโครงการ เลือกที่มันใกล้บริษัทพี่นิกให้กูด้วย
เขมินทรา: มึงเรื่องมากจังวะ
ขวัญพัฒน์: กูจะตายไม่ได้ มึงเข้าใจมั้ย
เขมินทรา: แล้วถ้ากูโดนสอยระหว่างที่เป็นมึงอยู่ล่ะ
ขวัญพัฒน์: ถือว่าฟาดเคราะห์ ไปรอกูที่นรกก่อนละกัน
เขมินทรา: อยากด่าทั้งหมดที่อยู่ในใจแต่ก็ขี้เกียจพิมพ์ สรุปว่ากูตกลง
ขวัญพัฒน์: อืม พรุ่งนี้เจอกันตอนเย็น
เขมินทรา: พี่
ขวัญพัฒน์:?
เขมินทรา: ขอบใจที่ช่วยไว้แล้วก็เรื่องพี่ธนิกด้วย
ขวัญพัฒน์: เออ
ผมวางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้อง การหยิบยื่นโอกาสให้เขมินทราไม่ได้อยู่ในหัวของผมตั้งแต่แรกเพราะความจริงผมก็แค่เห็นแก่ตัวอยากลองเสี่ยงดู ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงติดอยู่ในใจของผมไปตลอดชีวิต แต่ผมก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีที่ควรทำ ผมไม่ควรเล่นกับความรู้สึก เพราะไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบไหนก็ต้องมีคนเจ็บ ทว่าผมต้องการความชัดเจน ผมจะได้รู้ว่าควรเดินหมากต่ออย่างไร ในเมื่อผมไม่ได้มีแค่อดีตอย่างเขมินทราที่ต้องก้าวข้าม แต่ยังมีคุณนิ่มที่เป็นปราการด่านหน้าและคุณธนิษฐาที่เป็นปราการหลัก ผมจึงต้องเลือกวิธีนี้และอย่างน้อยหากว่าผลลัพธ์ออกมากลายเป็นผมที่เจ็บ ไอ้น้องนรกนั่นคงมีความสุขเหมือนคนอื่นๆ ได้บ้าง
ผมน่ะ...ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ผมเยียวยาตัวเองได้ดีกว่าคนอื่น
ผม...ยิ้มเก่ง
อีกอย่าง...นอกเหนือจากเรื่องนี้ผมก็อยากจะรู้ว่าชีวิตของเขมินทราเป็นแบบไหน อยากรู้ว่าคนที่หน้าเหมือนผมอีกคนใช้ชีวิตมาอย่างไรและอยากรู้ว่าหากลองก้าวออกจากเซฟโซนของขวัญพัฒน์ ผมจะได้เจอโลกอย่างที่ขวัญพัฒน์ไม่เคยได้เจอไหม ผมคิดว่าผมไม่ได้ห่วงใยไอ้แฝดนรกของผมหรอก ความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันก็ไม่น่าจะมี คงเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่อยากรู้จัก อยากเข้าใจมากกว่าล่ะมั้ง
ก๊อกๆ ๆ
ประตูห้องนอนถูกเคาะเบาๆ ก่อนจะถูกเปิดเข้ามา ผมเหลือบตามองไปที่ประตูก็เห็นคุณธนิกที่สวมเพียงแค่กางเกงนอนขายาวตัวเดียว เขาก้าวยาวๆ มาที่เตียงในขณะที่ผมทำทีไม่สนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเพื่อเบนสายตาออกจากกล้ามอกแน่นๆ ของเขา
“พี่นอนไม่หลับถ้าไม่ได้นอนกับขวัญ ขอพี่นอนด้วยคน” เขาพูดแบบนั้นก่อนจะล้มตัวนอนข้างๆ ผม แล้วแขนยาวทั้งสองข้างก็ดึงผมเข้าไปกอด
“หลายคืนที่ผ่านมายังนอนได้” ผมว่าเขา ดิ้นขัดขืนให้รู้ว่าไม่ได้เต็มใจให้กอด
“นอนได้แต่ไม่หลับ” เขาแย้ง กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น “ยิ่งคืนนี้...ยิ่งหลับไม่ลง”
ผมหยุดนิ้วที่กำลังไถหน้าจอ ก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วหันหน้าไปพูดกับเขาอย่างจริงจัง “นอนเถอะครับ”
“แต่ขวัญโกรธพี่”
“ผมแค่เหนื่อย ไม่ได้โกรธอะไรเลย”
หรือต่อให้โกรธผมก็ไม่ได้โกรธเขา ผมโกรธตัวเองมากกว่าที่หลุดการควบคุม
“ไม่ได้โกรธงั้นก็เชื่อใจกันได้ไหม”
คำว่าเชื่อใจควรใช้กับคนที่รักกัน ไม่ใช่กับคนที่บอกรักเขาฝ่ายเดียวอย่างผม
ผมไม่ได้ให้คำตอบ แต่เลือกหลับตาลง ตอนนี้วิธีหนีที่ดีที่สุดก็คือหนีไปอยู่ในความฝัน ฝันที่แม้จะเจอเขาอยู่ที่นั่น แต่ก็เป็นเขาที่จับมือผมไว้แน่นและยิ้มหัวเราะไปด้วยกัน ไม่ใช่เขาที่เต็มไปด้วยพันธนาการและลังเลที่จะมีความสุขไปด้วยกันกับผม
เช้าตรู่ของอีกวันไม่ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยความสดใส คำพูดที่บอกว่าพอตื่นเช้ามาแล้วทุกอย่างจะโอเคมันไม่เป็นจริงตามนั้น ผมตื่นมาอย่างเดียวดายบนเตียงที่มีร่องรอยว่าเคยมีใครอีกคนนอนอยู่ข้างๆ ทว่าพอควานมือหาก็พบเพียงแค่ที่นอนเย็นชืด คุณธนิกไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ ผมจัดการธุระส่วนตัวแล้วลงมาข้างล่างก็ไม่เจอ ไม่มีข้อความอะไรบอกไว้
ดีเนอะ...นึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา
ผมเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบนมกล่องใหญ่มาเทใส่แก้วพร้อมกับฉีกซองขนมปังไส้ถั่วแดง อาหารเช้าของผมง่ายๆ แค่เท่านี้ แต่ในขณะที่กำลังมีความสุขกับถั่วแดงหวานๆ เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมสนทนาก็ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูพลางขมวดคิ้วเพราะชื่อบัญชีที่ไม่คุ้นเคยส่งรูปมาให้ มันดูผ่านการแจ้งเตือนไม่ได้ถึงต้องตัดใจวางขนมปังแล้วเข้าดูอย่างจริงจัง
หวังว่าคงไม่ใช่รูปเรียกน้ำยามเช้าที่เคยมีคนในกรุ๊ปไลน์หนังชีวิตส่งมาให้ผมดูหรอกนะ ไม่อย่างนั้นได้ฮึ่มแต่เช้าแน่
07:30 AM
X: Send a photo.
X: Send a photo.
X: Send a photo.
X: Send a photo.
X: มีความสุขในนรกดีไหม ขวัญพัฒน์
เข้าใจความรู้สึกของการถูกตบจนหน้าชาก็ตอนนี้ แม้ว่าผมจะไม่เคยถูกตบเลยก็ตาม แต่มันชาจริงๆ รูปแรกที่คุณธนิกกับคุณนิ่มนั่งยิ้มให้กันในร้านข้าวต้มยามเช้าเหมือนมือซ้ายของ X ฟาดลงบนหน้าผม รูปที่สองที่คนทั้งคู่กำลังวิ่งออกกำลังกายด้วยกัน เหมือนมือขวาซัดเข้าที่ใบหูจนได้ยินเสียงวิ้งและอีกสองรูปที่คนสองคนกำลังยิ้มอย่างมีความสุขด้วยกันเหมือนหมัดหนักๆ เข้าที่สันกรามทั้งสองข้าง
ขวัญพัฒน์: นรกวันนี้ดีทีเดียวครับ อากาศกำลังร้อนได้ที่ น้ำในกะทะทองแดงก็อบอุ่นดีพอควร
X: แล้วต้นงิ้วล่ะจ๊ะ หนามยังแหลมคมอยู่มั้ย
ขวัญพัฒน์: มาปีนด้วยกันสิครับ จะได้รู้ ว่าแต่คุณ X เป็นบ่าวจากเรือนคุณหลวงที่ไหนครับเนี่ย
X: อะไร
ขวัญพัฒน์: ช่างยุแยง เสี้ยมเก่ง ผมชื่นชมมาก ฝีมือถ่ายรูปก็ดี๊ดี ชัดทุกรูป อย่างกะจ้างช่างภาพมาแอบถ่ายตัวเอง มุมดีเหลือเกิน
X: ปากดีเข้าไปเถอะมึง
ขวัญพัฒน์: ก็ปากดีแบบนี้ไง พี่นิกก็เลยติดใจ ว้าาา แย่จัง เมื่อคืนก็ซมซานกลับมาซุกเราทั้งคืน คงมีคนนอนแห้งเหี่ยวอยู่แน่เลยยย
X: ร่าน!
ขวัญพัฒน์: เฮ้อออ ไอ้เราก็ว่าเราเด็ดพอตัวนะ เอวก็พลิ้ววว
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
X: มึง!!! มึงต้องไม่ตายดี!
ขวัญพัฒน์: อกแตกตายไปเลยเด้อ ถ้ามีรูปอนุบาลแค่นั้นอย่ามาอวด กูไม่สะเทือน ดูรูปกูก่อนสิ จะเก็บเอาไปเป็นกรณีศึกษาก็ได้นะ ไม่หวง ไม่เห็นหน้าสักรูปแต่คงรู้นะว่ารอยสักแบบนั้นมีพี่นิกสักคนเดียว ลิมิเต็ดมากผัวคนนี้ รักกกเพราะกล้ามแน่นและแซ่บมาก
X: มึงมันร่าน มั่ว! น้องมึงก็อีกคน ไอ้แฝดนรก! กูจะส่งพวกมึงไปอยู่ด้วยกันที่นรก หลุดจากคนน้องก็มาคนพี่ พวกมึงมันสัมภเวสี ชอบลักกินของชาวบ้าน
ขวัญพัฒน์: แล้วไง อย่างน้อยกูกับน้องก็ได้กิน แล้วมึงล่ะ ได้กินเขาหรือยัง หรือว่าแห้งจนใยแมงมุมขึ้นแล้ว
ขวัญพัฒน์: ว่าไงคุณนิ่ม มึงได้กินหรือยัง
X: มึงพูดอะไรของมึง
ขวัญพัฒน์: ถ้าไม่ใช่คุณนิ่มก็เพื่อนคุณนิ่มเหรอหรือคนรู้จักคุณนิ่มหรือองครักษ์พิทักษ์ใจคุณนิ่ม เอ๊ะๆ ๆ ยังไงดี
ขวัญพัฒน์: แต่ไม่ว่ามึงจะเป็นใคร กูบอกไว้ตรงนี้ พี่นิกไม่แต่งงานกับใครหน้าไหนทั้งนั้น เขาเป็นของกู
ขวัญพัฒน์: ของกู
ขวัญพัฒน์: ของกู
ขวัญพัฒน์: ของกู
ขวัญพัฒน์: ของกู
ขวัญพัฒน์: ของกู
ขวัญพัฒน์: ของกู
ขวัญพัฒน์: ของกู
ขวัญพัฒน์: ของกู
ขวัญพัฒน์: ของกู
ขวัญพัฒน์: อ้าว...ไม่อ่านเลย บล็อกแล้วเหรอ ขี้ขลาดจังวะ
ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากร้ายใส่ใคร แต่สถานการณ์ทุกอย่างมันบังคับ ผมชอบความสงบ ไม่วุ่นวาย โกรธแค้นใครก็ไม่เคยทำได้นาน ปกติผมก็ปล่อยเบลอไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมอยู่เฉยให้ใครรังแก
ขวัญพัฒน์: พี่นิก อยู่ไหน
ขวัญพัฒน์: ออกไปทำไมไม่บอก
ขวัญพัฒน์: เป็นผีเหรอ แว๊บไปแว๊บมา
ขวัญพัฒน์: กินโจ๊กกับว่าที่เจ้าสาวเสร็จแล้วก็มาคุยกันหน่อย
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
ขวัญพัฒน์: นอนเปลือยรออยู่นะครับ
ผมวางโทรศัพท์มือถือแล้วหยิบขนมปังไส้ถั่วแดงขึ้นมากินต่อ รูปที่ผมส่งไปนั้นผมถ่ายไว้นานแล้ว ทำใจกล้านานเลยแต่คิดว่าคงได้ใช้ แล้วก็ใช่จริงๆ ถ้าเรียกผีต้องจุดธูป งั้นการเรียกคุณธนิกก็ต้องใช้รูปหื่นกามแบบนี้แหละ
คุณธนิก: ลบรูปซะน้องขวัญ
คุณธนิก: ทำอะไรไม่คิดอีกแล้วนะ ถ้ามีคนแฮคเครื่องขึ้นมารูปเราคงว่อนเน็ต
ขวัญพัฒน์: ว้าว ตอบแล้ว
คุณธนิก: ทำแต่เรื่องที่พี่คาดไม่ถึงนะเรา แล้วใครถ่ายให้
ขวัญพัฒน์: ใครสักคนที่พี่นิกไม่รู้จัก ใครสักคนที่อาจจะได้ตัวผมเหมือนที่พี่นิกได้
คุณธนิก: พี่จะโกรธแล้วนะขวัญ ทำไมทำแบบนี้วะ
ขวัญพัฒน์: คิดว่าผมไม่โกรธเหรอตอนนี้ พี่ไประรื่นกับเขาแล้วไม่บอกผมสักคำ
คุณธนิก: รู้ได้ยังไง
ขวัญพัฒน์: ไม่สำคัญหรอก แล้วถามแบบนี้พี่นิกคิดจะปิดผมเหรอ
คุณธนิก: พี่ไม่อยากทะเลาะด้วยนะขวัญ อย่างี่เง่าให้มาก
ขวัญพัฒน์: โอ้โห...ถึงกับต้องแคปหน้าจอเก็บไว้เตือนใจตัวเองเลย
คุณธนิก: ขอโทษครับ พี่หงุดหงิด
ขวัญพัฒน์: พี่นิกยังไม่ตอบคำถามผม
ขวัญพัฒน์: ทำไมถึงไม่บอกว่าไปกับเขา เขีียนโน๊ตไว้ก็ได้ โพสอิทก็มีอยู่ในห้อง ไลน์ก็มีไม่พิมพ์บอกไว้ล่ะ
ขวัญพัฒน์: หรือตอนเช้าสมองไม่ทำงาน ปล่อยเขาลากเขาจูงไปไหนก็ได้
คุณธนิก: นิ่มมาหาที่บ้านแล้วพี่จะมีเวลาบอกเราตอนไหน นี่ก็เพิ่งได้มือถือคืน
ขวัญพัฒน์: อะไรวะ ยอมเขาอะไรขนาดนั้น ทีผมจะยุ่งกับมือถือพี่ พี่ยังไม่ยอม แต่ทำไมเขาทำได้
คุณธนิก: ขวัญ พี่กำลังจะแต่งกับเขานะ มันเป็นเรื่องที่เขาทำได้ สิทธิ์ของเขา
ขวัญพัฒน์: รู้ครับ ไม่ต้องย้ำ
ผมถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมาอย่างแรง เจ็บแปลบที่ใจแต่หัวร้อนมากกว่า สิทธิ์ของเขาเหรอวะ งั้นสิทธิ์ของผมก็คงมีแค่ตอนที่อยู่กันสองคนแค่นั้นใช่ไหม
เวรเอ้ย! ผมเลือกทางนี้เองแท้ๆ แต่เสียการควบคุมอีกแล้ว
คุณธนิก: เรื่องเมื่อคืนก็ยังไม่ได้เคลียร์ ตอนนี้จะทะเลาะกับพี่อีกเหรอขวัญ ทีละเรื่องมั้ย ไหนบอกจะมีความสุขด้วยกันไง
ขวัญพัฒน์: แล้วผมเลือกอะไรได้บ้างครับ มีสิทธิ์เหมือนคุณนิ่มเหรอ
คุณธนิก: ขวัญมีสิทธิ์ทุกอย่าง แต่พี่ขอให้ใจเย็นลงหน่อย เมื่อก่อนขวัญเป็นเด็กน่ารักกว่านี้
ขวัญพัฒน์: ยิ้มแห้งเลย น่ารักหรือหน้าโง่ก็แยกไม่ออกแล้ว ดีที่มีคนด่าผมว่าหน้าโง่บ่อยๆ ก็เลยรู้ตัว
ขวัญพัฒน์: เจ็บดีนะครับ รักคนอย่างพี่นิกเนี่ย
ขวัญพัฒน์: แล้วเอาไงครับ จะกลับมาหาผมมั้ย
คุณธนิก: ตอนเย็นนะ พี่จะส่งนิ่มกลับบ้านแล้วเข้าบริษัทเลย
ขวัญพัฒน์: ฟีลลิ่งชู้รักมาเต็มอะ เจอกันตอนพี่เงี่ยน พี่เหงา พี่ว่างงี้เหรอ
คุณธนิก: ถ้าไม่หยุดประชดพี่ พี่จะไม่คุยกับขวัญแล้วนะ
คุณธนิก: ไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะครับ
ขวัญพัฒน์: ผมชักอยากทุบสถานีรถไฟทิ้งแล้วเปลี่ยนมันเป็นสนามบินแล้วสิ
ขวัญพัฒน์: พี่ไม่รู้หรอกครับว่าคนอย่างผมถ้าหมดความอดทนแล้วจะเป็นยังไง
ขวัญพัฒน์: พี่จะขึ้นเครื่องบินไปกับคนอื่นก็ได้ แต่บอกผมก่อน ผมคือคนสำคัญของพี่ไม่ใช่เหรอ แล้วมองไม่เห็นหัวผมแบบนี้ พี่รู้นะครับว่าผมมีปัญญาซื้อเครื่องบินไปชนกับพี่ได้
ขวัญพัฒน์: อย่าบังคับให้ผมต้องทำแบบนั้นเลย เพราะผมยังอยากเป็นขวัญพัฒน์ที่น่ารักของพี่
คุณธนิก: ขวัญขู่พี่เหรอ ปีกกล้าขาแข็งอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ขวัญพัฒน์: ทิ้งคุณนิ่มไว้ที่นั่นแล้วกลับมาหาผมครับพี่นิก
ขวัญพัฒน์: เพราะถ้าพี่ไม่มาตอนนี้ ผมจะไม่อยู่คุยกับพี่แล้วนะ
ผมก็ขู่ไปอย่างนั้น ทำจริงจังไม่ได้สักอย่าง แต่ที่ว่าจะไม่อยู่คุยแล้วผมพูดจริง เพราะเย็นนี้ต้องส่งไม้ต่อให้เขมินทรา ฉุกละหุกไปหน่อย ถึงอย่างนั้นมันจะผ่านไปด้วยดี ที่ห่วงก็มีแค่ว่าผมดันสร้างเรื่องปากดีกับ X ไปซะได้ ไม่รู้ไอ้น้องโง่มันจะโดนลูกหลงไปด้วยมั้ย แต่คนอย่างมันคงไม่ตายง่ายๆ ว่าแต่ตอนนี้ผมควรทำอะไรต่อ นอกจากนั่งเคี้ยวขนมปังไส้ถั่วแดงโง่ๆ ที่กินมาเป็นชาติแล้วก็ยังไม่หมดลูกนี้ ผมควรทำอะไรอีก...
สมองมันตื้อๆ เบลอๆ ภาพตรงหน้าพร่าเลือน ตอนเด็กคงไม่ค่อยได้กินปลาผมถึงได้ไม่ฉลาดสักที แค่...น้ำตาก็ยังควบคุมไม่ได้ ไส้ถั่วแดงหวานๆ ถึงได้เค็มไปหมด
ทำยังไงน้ำตาจึงจะหยุดไหล...
นอกจากเช็ดมันออกจากใบหน้าแล้วผมทำอะไรได้บ้าง
พออยู่คนเดียวแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาดื้อๆ ถ้าน้าลีอยู่ผมคงบอกน้าว่าไม่ไหว ถ้าไอ้หลงอยู่ผมคงบ่นกับมันทุกเรื่องที่อยู่ในใจและถ้าไปหาไอ้แนนตอนนี้ได้ ผมคงจะกอดมันแน่นๆ แล้วร้องไห้กับอกกว้างๆ ของมัน
แต่ผมสู้อยู่คนเดียว เหนื่อยจนแทบไม่ไหวแล้ว
“ขวัญ” เสียงเรียกของคุณธนิกทำให้ผมรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้า กลืนก้อนสะอื้นลงคอ ก้มหน้าอยู่อย่างนั้นจนแน่ใจว่าไม่มีน้ำตาสักหยด
“มาเร็วดีนะครับ” ผมยิ้มให้เขา แต่สีหน้าของเขาดูไม่ยินดีกับรอยยิ้มของผม
“ร้องไห้ทำไม” เหมือนเป็นคำถามโง่ๆ ที่ทำให้หัวใจของผมเหนื่อยมากขึ้น เขาเหมือนเด็กที่ตบหัวผมจนผมร้องไห้แล้วถามผมว่าร้องไห้ทำไม คำตอบชัดอยู่แล้วแต่ก็ยังถาม ผมจึงไม่ตอบ
แต่ในขณะที่คิดว่าพอเถอะ ผมควรพอสักที อ้อมกอดของเขาก็กลายเป็นตัวฉุดผม
“ไหวมั้ย” และแค่เขาถาม
แค่นี้เอง...ผมก็พร้อมจะตอบเขากลับไปว่า “ไหวครับ”
“รู้ไว้นะ ไม่มีใครสำคัญไปกว่าขวัญนะครับ”
ยกเว้นแม่ของพี่
“อย่าคิดมาก”
ผมทำไม่ได้
“เชื่อใจพี่”
ผมทำไม่ได้
“เข้าใจพี่”
ผมทำไม่ได้
“แล้วก็รอพี่นะครับ”
ผมยิ้มให้เขา “ครับ”
“พี่จะกลับไปหาขวัญที่สถานีรถไฟแล้วเราจะขึ้นรถไฟไปด้วยกัน”
โกหก ก็แค่คำโกหก
“ครับ นึกว่าจะต้องเผาสถานีรถไฟทิ้งซะแล้วสิ”
“อย่านะครับเด็กดื้อ ไม่งั้นเราจะรอพี่ที่ไหนล่ะ บอกว่ารอแล้วก็ต้องรอนะขวัญ ห้ามผิดคำพูด”
“ถ้าจะมีใครผิดคำพูด คนนั้นจะไม่ใช่ผมแน่นอนครับ”
ตอนที่ผมกำลังท้อ ตอนที่ผมกำลังเหนื่อย แต่เขา...มาทันเวลาทุกที
ไฟแช็คกับน้ำมันเชื้อเพลิงในมือของผมจึงถูกโยนทิ้งไป
ชานชาลาแห่งนั้นจึงยังคงมีขวัญพัฒน์ในร่างโง่ที่ผมทิ้งไว้ตรงนั้นตามเดิม
..................To be Continue.......................
ถึงร้ายก็รักนะเกเรยังไงก็รักนะ