{เรื่องสั้น} แด่รัก ตอน อย่าช้อนตามองพี่...พี่ชอบ - อัพเดท - ๑๓.๐๗.๖๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องสั้น} แด่รัก ตอน อย่าช้อนตามองพี่...พี่ชอบ - อัพเดท - ๑๓.๐๗.๖๑  (อ่าน 2948 ครั้ง)

ออฟไลน์ MH18A31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



                                        *************************************************


งานเขียนเรื่องสั้นของเรา
มีนไม่ได้แปลว่าใจร้าย

งานเขียนเรื่องยาวของเรา (ยังไม่จบ)
ตาณที่รักษ์



                                        *************************************************



บรรยากาศกรุงเทพมหานครในสมัยก่อน ขนมหวาน และคนโปรด




[เรื่องสั้น] แด่รัก
อาทิตย์ ลูกแมว
ตอน พี่ชายตัวขาวที่หล่อๆ นะ ของแมวเอง ๑.๑



พุทธศักราช ๒๔๘๗
บ้านหลวงไทยสุวรรณ, กรุงเทพมหานคร


ไก่ในเล้าข้างล่างบ้านขันเสียงดัง แสงสีทองเรืองรองส่องสว่างทั่วหล้า

คนในบ้านตื่นกันนานแล้ว กว่าแม่ไสวกับยายชื่นจะจัดเตรียมของคาวหวานเสร็จเรียบร้อย เวลาก็ล่วงมาเป็นชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้น พอแง้มประตูไม้เมียงมองดู ก็ยังเห็นหมูนอนหลับอุตุบนผืนเสื่อ น้ำลายยืดแล้วยืดอีก ไม่ตื่นเสียที

แมวส่ายหน้าเนือยๆ ก้าวขาเข้าห้อง นั่งลงข้างๆ เอื้อมมือเขย่าหัวไหล่หมู

“หมู หมู ตื่นได้แล้ว”

“อื้อ หอมจังแมว”

ว่าแล้วหมูก็พลิกตัว เอาใบหน้าซุกๆ ที่เอวของแมว กลิ่นหวานๆ อบอวลติดเสื้อผ้า แมวจับคอเสื้อตนดอมดม

จมูกแมวได้กลิ่นหอมเพียงอ่อนๆ พอนึกดูุก็สรุปเอาเอง


คงจะเป็นกลิ่นกระดังงาที่ติดมาตอนบีบกระเปาะเล่นล่ะมั้งนะ


“ลูกแมว ลูกหมูตื่นหรือยังลูก”

เสียงแม่แว่วมาจากข้างล่างบ้าน หมูขานรับแทนน้อง

“หมูตื่นแล้วแม่ เดี๋ยวลงไปครับ!”

ขานตอบเสียงดัง หมูดันกายขึ้นนั่ง ปรือตามองแมว

“อาบน้ำหรือยังแมว”

“แมวอาบแล้ว หมูรีบลุกเหอะ ไปตลาดกันนะ”

แฝดคนพี่อ้าปากหาว เอ่ยเสียงยานคาง

“ตื่นกี่โมงเนี่ย...”

“อือ ตีสามมั้ง”

“โอ๊ย! แค่ฟัง หมูก็อยากจะนอนต่อเผื่อแมวแล้ว!”

หมูร้องโอดโอย แมวหัวเราะ ลุกขึ้นจับข้อมืออีกคน ดึงให้ก้นหมูออกจากเสื่อเสียที

หมูแกล้งงอแงชั่วครู่ ก่อนจะยอมออกไปอาบน้ำอาบท่า แมวพับผ้าห่ม ลุกขึ้นเดินไปรูดผ้าม่านออก เปิดบานหน้าต่างไม้รับลม

สายลมเย็นยามเช้าตรู่พัดโกรก แมวอมยิ้มกางแขนสูดอากาศสดชื่นเข้าปอด

“ลูกแมว”

เสียงแหบคุ้นหูแว่วมา พอมองหาต้นตอของเสียงนั้นเจอ สองมือก็ดันกาย แมวยิ้มเผล่ให้พี่ชายตัวขาวที่ยืนอยู่ข้างนอกบ้าน

“พี่อาทิตย์~ อรุณสวัสดิ์ครับ กางเกงสีดำเข้ากับพี่จัง”

แมวเอ่ยทักชมเซย พลางนึกในใจ


ตัวขาวๆ สะอาดสะอ้าน เหมาะกับเสื้อเซิ้ตสีขาว กางเกงนักเรียนสีดำเหลือเกิน


พี่อาทิตย์คนหล่อของแมวเอง~


คนถูกชมยิ้มหยี สองตาเหลือเพียงหนึ่งขีด อาทิตย์เลื่อนล้อ พอหาที่พิงให้จักรยานได้ ก็แหงนคอมอง เอ่ยขึ้นอย่างรู้กัน

“หมูเพิ่งตื่นล่ะสิ แล้ว...นี่จูเลียตจะให้พี่แหงนคอมอง คุยกับน้องอย่างนี้หรือ หืม?”

แมวชะงักครู่นึง ในหัวนึกถึงโศกนาฏกรรม นิทานปรัมปราของเชกสเปียร์แล้วยิ้มขำ

“พี่อาทิตย์นั่นแหละ ยืนข้างนอก เกาะรั้วคุยกับแมวทำไมเล่า”

“อ้าว นี่พี่ผิดหรือนี่? ฮ่าๆ ๆ”

อาทิตย์หัวเราะว่าต่อ

“พี่เพิ่งออกไปเรียกอาเจ๊กให้ป้าไสวนะ จูเลียตลงมาหาพี่เร็วครับ”

คนบนตัวเรือน หันหลังก้าวเร็ว ลงไปข้างล่างทันใด แต่คงทำเสียงดังเกินไปสักหน่อย พอลงมาปุ๊บก็โดนยายชื่นเอ็ดเลย

“ลูกแมว ลงบันไดดีๆ จะรีบไปไหนนะเราน่ะ”

แมวยืนตรง พนมมือขึ้นไหว้

“ขอโทษครับยาย”

หญิงสูงวัยแต่เนื้อหนังยังคงเหมือนหญิงสาวพยักหน้ารับ เธอเอ่ยบ่น ว่ากล่าวหลานชายไม่จริงจังนัก

“ระวังหน่อย ตกบันไดขึ้นมา กระดูกกระเดี้ยวจะหักเอา”

แม่สไสวออกมาจากครัว ในมือถือถุงย่ามดูหนังๆ เห็นอย่างนั้น แมวจึงรีบปราดเข้าไปช่วย

“ไม่ต้องช่วยแม่หรอก ลูกแมวไปดูหน้าบ้านซิ ตาทิตย์มาหรือยัง”

“พี่อาทิตย์อยู่หน้าบ้านแล้วครับแม่”

“ถ้าอย่างนั้น ลูกแมวถือเถาปิ่นโตไปรอรถเจ๊กกับพี่เขาล่ะกันจ้ะ แม่จะไปดูลูกหมูก่อน ป่านนี้แล้ว เดี๋ยวตาทิตย์เข้าเรียนสายโด่ง”

“เข้าใจแล้วครับ”

แมวจับเถาปิ่นโตบนโต๊ะ หิ้วเดินตามคำพูดของแม่ไสว

เรียวขาก้าวลงจากเรือนไม้หน้าตาแซ่มชื่นสุขใจ

แมวนึกพลางอมยิ้มกริ่ม


อยู่ด้วยกันอย่างนี้...มีความสุขจัง


เดิมทีแมวอาศัยอยู่ที่จังหวัดสุโขทัยบ้านยายชม พ่อแสวงกับแม่สไสว เพิ่งพาแมวหมู และพี่อาทิตย์ ย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ มาอาศัยที่บ้านหลวงของยายชื่นเมื่อหนึ่งปีก่อน

ตอนแรกนึกสงสัย พอถามไถ่ถึงเหตุผล แม่ไสวก็ไม่ได้ปิดบังไว้เป็นความลับแต่อย่างใด

แมวรู้มาว่า แต่ก่อนยายชื่น แม่ของพ่อแสวงไม่ค่อยปลื้มแม่ไสวของแมวนัก เพราะแม่ยากจน เป็นเพียงเด็กกำพร้า ขายขนมหน้าโรงหนังไปวันๆ

แต่โชคดี...มีญาติพี่น้องเกื้อกูลกัน ทางยายชมพี่สาวของยายชื่น ชักชวนให้พ่อกับแม่ไปอาศัยบ้านของเธอที่สุโขทัยนู่น

แมวกับหมูเลยเติบโตมากับพี่อาทิตย์ หลานชายของยายชม


แมวคิดว่ายายชมคงกลัวว่าหลานชายจะเหงาด้วยแหละมั้งนะ


บ้านที่สุโขทัยหลังใหญ่โต แต่ยายชมอยู่กินกับหลานชายแค่สองเดียว แม่บอกแมว บอกหมูว่า...ลูกชายของยายชมตรอมใจที่เมียตายจากเมื่อหลายปีก่อน

สาเหตุเพราะอะไร แมวไม่กล้าเอ่ยถาม

สมัยที่อยู่สุโขทัย ยายชมเคยแซวแมวด้วย บอกว่าแมวพูดชื่อพี่อาทิตย์ได้ก่อนพูดคำว่าแม่เสียอีก

เวลาพี่อาทิตย์อุ้มนะ แมวหลับปุ๋ยเลยล่ะ ยายชมยังบอกอีกว่า ตอนนั้นแม่ไสวงอนลูกชายแก้มป่องเชียว

ลำบากแมวต้องมาทำขนมเปียกปูน ง้อแม่ตนย้อนหลังซะงั้น

ยายชมเป็นคนใจดี ใจดีทั้งแววตา ใจดีทั้งนิสัยเลย

พอยายชมด่วนจากขึ้นสวรรค์ แมวร้องห่มร้องไห้เป็นอาทิตย์

ผิดกับหลานชายคนโตของบ้านไทยสุวรรณ


แมวเห็นพี่อาทิตย์ร้องไห้แค่นิดเดียว นิดเดียวจริงๆ


จนวันที่แมวเลิกร้องไห้งอแง จนวันที่จัดการเรื่องงานศพของยายชมเรียบร้อย

ตกกลางคืนวันหนึ่ง ยามตีหนึ่งเห็นจะได้ แมวตื่นขึ้น เดินผ่านหน้าห้องนอนใหญ่ แมวได้ยินเสียงพี่อาทิตย์กำลังร้องไห้


ร้องไห้งอแงเสียงดังยิ่งกว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าแมวเสียอีก


ยามสายในวันนั้น พออาทิตย์งัวเงียตื่น ก็เห็นขนมโคกะทิของโปรด ถูกจัดใส่ชามวางบนโต๊ะกับข้าว

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แมวให้คำมั่นสัญญากับตัวเอง


จะหัดทำขนมให้เก่งๆ


จะหัดกะปริมาณน้ำตาลให้คนชอบหวานน้อยแม่นๆ


จะไม่ร้องโอดเวลาพี่อาทิตย์อ้อนขอ อยากทานขนมหวานฝีมือตนอีกแล้ว


สัญญานะแมว





เรื่องยาวไม่ปั่น ปั่นเรื่องสั้นซะงั้น 555 บรรยากาศเรื่องอยู่ในสมัย ๒๔๘๗ นะคะ ยังไม่จบ เดี๋ยวมาต่อ ยิ้มๆ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2018 15:26:59 โดย MH18A31 »

ออฟไลน์ MH18A31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
{เรื่องสั้น} แด่รัก
อาทิตย์ ลูกแมว
ตอน ลูกแมวเหมียวตัวตะน้อยนึงกับครึ่งสลึงที่หายไป ๑.๒



แมวกระพริบตา ยืนนิ่งมองตะกร้าสานท้ายรถจักรยานพี่อาทิตย์

มองตะกร้าสลับกับหน้ายิ้มๆ ของญาติคนพี่ไปมา


ลืมนึก


บ้ายอจริงแท้...แมวเอ๊ย


ฟันขาวกัดเนื้อปากล่าง

เพราะพี่อาทิตย์มากระแซะๆ บ่นว่าอยากทานมันสำปะหลังนั่นแหละ

ลืมสนิทเลย

แมวตรึกตรอง คิดใคร่ครวญจริงจัง


อินทนิลจะไม่หกใช่ไหม?


เฮ้อ แมว ลืมนึกไปได้ยังไงนะแมว


โทษคนนั้นเลย


แมวจ้องหน้าพี่ชายตัวขาว

โดนพี่เขาออดอ้อน ยกยอมากี่ปีแล้วล่ะ แมวเลยบ้ายอน่ะสิ

ถ้าหากว่าหกเละเทะกลางทางขึ้นมาคงเหนียวเหนอะแย่ เสียดายวัตถุดิบด้วย แมวตื่นแต่รุ่งสาง มาเตรียมข้าวของ กวนแป้งอยู่คนเดียวตั้งนมนานนะ

และแล้ว...แมวก็ตัดสินใจ ยกเถาปิ่นโต ประคองถือไว้ราวอกนิ่มๆ เดินไปหาพี่เขา


ที่หิ้วตัวปลิวลงมาจากบ้านเมื่อครู่ ใครรู้ ใครเห็น อย่าพรายกระซิบบอกพี่อาทิตย์นะครับ แมวขอ


กลิ่นหอมกรุ่นโซยแตะจมูก อาทิตย์โน้มกายลง ดอมดมรอบกายลูกแมว

“กะทิ?”

แมวยิ้มรับ ถือเถาปิ่นโตส่งให้

“อินทนิลน้ำกะทิอบกระดังงาครับ ของคาววันนี้มีไข่ต้ม ไก่ผัดกระเทียม ผัดผักที่พี่อาทิตย์ทานได้สามอย่าง”

อาทิตย์รับของมาทั้งยังโน้มกายลงต่ำอีกรอบ

“พี่ว่าพี่ชักจะแยกกลิ่นของน้องกับกลิ่นขนมไม่ออกแล้วนะเนี่ย ขอบใจครับ วันไหนป้าไสวไปทำบุญที่วัด ลูกแมวตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวเผื่อพี่ทุกครั้งเลย”

แมวส่ายหน้า

“ตั้งใจต่างหาก”

เอื้อนเอ่ยอย่างนั้น ยิ้มๆ แล้วว่าต่อ

“ปลาย่างวานก่อน ไม่อยู่ท้องหรอก พี่อาทิตย์ทานเก่ง แมวตื่นมาทำไหวก็ทำครับ ของสดๆ ยังไงก็ดีกับสุขภาพมากกว่า”

อาทิตย์ยิ้ม เอื้อมมือลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู

มือหนาเลื่อนลง หมายจะบีบแก้มนิ่มๆ อย่างที่เคยทำ

ปล่อยหัวใจ ให้ความรู้สึกชักนำ ปลายนิ้วเผลอไผลเชิดคางมน นิ้วโป้งแตะโดนเนื้อปากอิ่มเอม...อาทิตย์ยังไม่รู้สึกตัว

แมวกระพริบตาปริบๆ มองข้อมือ

“พี่อาทิตย์?”

เสียงอาเจ๊กเรียกชื่ออาทิตย์ ดังแว่วมาแต่ไกลๆ แมวยังไม่ทันได้พูดจนจบ เสียงเจี๊ยวจ๊าวของลูกหมูก็แทรกแซง ขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

สัมผัสแผ่วหายไป อาทิตย์จัดแจงเถาปิ่นโต วางบนตะกร้าสานท้ายรถจักรยานให้ดีๆ

แมวได้ยินเสียงคล้ายว่าพี่อาทิตย์บ่นอะไรสักอย่างอีกแล้ว


พี่อาทิตย์จอมขี้บ่น


“พี่อาทิตย์บ่นอะ...”

“อาเจ๊กก อาเจ๊กมาแล้วว เร็วๆ สิแมว ขึ้นรถเร็ว!”

แมวช้าไป แมวถามไม่ทัน พี่อาทิตย์เดินไปช่วยแม่ไสวของแมวยกของซะแล้ว


หมูนี่ล่ะก็...ผลักหลังแมวยกใหญ่ ดันๆ ให้ขึ้นไปนั่งด้วยกันให้จงได้ นี่แมวกำลังอยากรู้ว่าพี่อาทิตย์บ่นอะไรอยู่นะ


สองแฝดนั่งรอ รอถุงย่ามบนรถเจ๊ก แมวแบสองมือรอรับ อาทิตย์เอ่ยแล้วค่อยๆ วางของถุงย่ามบนตักน้อง

“หนักหน่อย โอบเอาไว้นะครับ”

“อือ”

แมวยิ้ม ชูสองนิ้ว


สบาย~









จากบริเวณบ้านหลวงของกรมเจ้าท่า แมวว่าตลาดพลูไม่ได้อยู่ไกลกันมากนัก

รถราง รถเจ๊กสวนกันขวักไขว่ แมวหันคอ ตามองตามรถเก๋งเป็นประกาย

แมวชื่นชอบการเดินเที่ยวรอบวงเวียนใหญ่ โดยเฉพาะการเดินในยามเช้า ถึงแม้ว่าผู้คนจะแน่นๆ หนาๆ สักหน่อย ถึงที่จอดรถจะแทบไม่มีอยู่แล้ว


แมวก็ชอบอยู่ดี อยากมาทุกเช้าเลย~


ต้นไม้ใบเขียว มองแล้วสบายสายตา ตึกรามบ้านช่องสวยดูดี ดูสะอาดตา

แมวนึก


ขอให้ปลอดภัยนะ


หันมามองพี่อาทิตย์ที่ขี่จักรยานตามมาตลอดทาง นึกเป็นห่วงนิดๆ

ถึงจุดหมายแล้ว รถเจ๊กลงจอดข้างตลาดพลู แมวเมียงมอง ผู้คนยามเช้าหนาตาเช่นเคย

สองมือยกถุงย่ามส่งให้พี่อาทิตย์ที่รอรับอยู่ ไม่รู้ว่าจักรยานจิงโจ้ของพี่เขาหายไปไหน พี่อาทิตย์ซ่อนของเก่งจังเลย

“ค่อยๆ ลงนะ”

แมวยิ้มเผล่

สองมือของลูกแมวจับหมับที่มือของอาทิตย์ ก่อนจะเหวอตกใจ พอโดนคนพี่รวบปีกขึ้นอุ้ม

“พี่อาทิตย์~ ปล่อยแมวเลยนะ”

กำปั้นมือทุบๆ ไหล่อีกฝ่าย

แมวนึกอย่างขัดอกขัดใจ


พี่อาทิตย์ตบก้นแมวทำไม แมวไม่ใช่เด็กๆ แล้ว


“นี่ลูกแมวเหมียวหลงมาจากไหนเน้อ ตัวตะน้อยนึง ทำไมไม่โตสักทีหืม...”

ลูกหมูเหล่มอง รู้สึกว่าตัวคล้ายจะเป็นอากาศ

จมูกบานแล้ว จมูกบานอีก ลูกหมูเดินไปบีบชั้นไขมันแมวยิกๆ 

แมวตีๆ มือแฝดคนพี่ ว่าเข้าให้

“หมู แมวจั๊กกะจี้นะ”

ลูกหมูไม่สน ยังคงบีบต่อไป

“แม่ครับ แม่ หมูงงมากๆ พี่ทิตย์เขายังอุตส่าห์สงสัยอยู่อีกหรือ ว่าทำไมแมวมันถึงไม่ค่อยโต...”

คนเป็นแม่ฟังลูกพูดแล้วหัวเราะ อมยิ้มล้อเลียน เรียวนิ้วแตะปลายคาง

“โอ๋ที่หนึ่ง”

แฝดคนพี่เอ่ยสมทบ

“ตามใจก็ที่สอง”

นางไสวส่ายหน้าเนือยๆ

“มื้อไหนลูกแมวไม่ค่อยอยากทานข้าว”

ลูกหมูหยิกหลังญาติผู้พี่ จับแฝดน้องลงพื้น แมวได้ที ตีปั้นเอวพี่อาทิตย์เพี๊ยะๆ

“พี่ทิตย์...กระเพาะอาหารไม่ได้ใช้ด้วยกันนะครับ อย่าโอ๋มันนักเลย เสียแมวหมดแล้วเนี่ย!”

อาทิตย์เอ่ยอุบอิบ

 “ไม่ใช่สักหน่อย พี่ทานของลูกแมว ลูกแมวก็ต้องทานของพี่ไง...”

แมวพยักหน้ารัว

“ช่ายๆ”

ลูกหมูหรี่ตา แบะปากใส่

“แถแม่ แถ ที่ต้องผลัดกันทานนะ นั่นขนมหวานล้วนๆ เพราะพี่ทิตย์นะชอบขอให้แมวมันทำนั่น ทำนี่ ก็ต้องช่วยๆ กันทานให้หมดอะแหละ ถูกต้องแล้ว!”

แมวมุ่ยหน้า

“หมูก็ทานนะ ทำไมบ่นๆ ๆ ๆ ล่ะ”

อาทิตย์ยิ้มแหย มองสองฝาแฝดเถียงกันไปมา กระทั่งนางไสวเอ่ยทักหลานชายคนโต สองพี่น้องจึงหยุดการโต้เถียงชะงัก

“ตาทิตย์ แม่ว่าตาทิตย์ไปโรงเรียนเลยดีกว่า ไม่ต้องไปช่วยแม่กับน้องถือของหรอก เนี่ย...ดูสิ อีกแล้วค่ะ”

“หมูหยุด”

“แมวหยุด หมูก็หยุดง่ะ”

“เธอ ดูฝาแฝดคู่นั้นสิ ชื่อลูกหมูลูกแมวหรือ น่ารักเชียว”

“เด็กสองคนนั้น มีผิวสีน้ำตาลสวยจัง เป็นลูก เป็นเหลนบ้านคนมีสะตังหรือเปล่า?”

เสียงกระซิบกระซาบแว่วมา นางไสวอมยิ้ม

พอมีคนชมลูกตน ฟังแล้วก็อดภูมิใจไม่ได้

ลูกหมูกับลูกแมว ลูกชายฝาแฝดของเธอค่อนข้างเป็นจุดเด่น เมื่อยืนอยู่กลางฝูงชนชาวไทย


ถ้าสองฝาแฝดคลับคล้ายกับน้ำตาลทราย หลานทิตย์ก็คงจะเป็นแป้งมันล่ะสินะ


เธอนึกขำๆ เอ่ยปากบอกหลาน

“เอาไงดีล่ะ คนเยอะนะตาทิตย์ แม่เกรงว่าเราจะสาย”

“แม่ครับๆ ให้แมวไปซื้อพัดกับพี่อาทิตย์ดีไหม แมวจำอาแปะได้ อาแปะจำแมวได้”

“ตามที่น้องบอกก็ดีนะครับป้าไสว เดี๋ยวผมอุ้มน้องฝ่าดงคนเอา”

ลูกหมูบ่นอุบ กลอกตาไปมา

“ตามแมว ตามใจแมวอีกแหละ”

นางไสวหัวเราะ พยักหน้าน้อยๆ

“งั้น...ตกลงตามนี้ ถุงย่ามนี่ เดี๋ยวแม่กับลูกหมูถือเอง แม่จะไปซื้อธูปเทียน ของสดอีกหน่อย ตาทิตย์ให้น้องนำทางล่ะกันนะคะ พัดมันไม่หนัก แต่ต้องอาศัยคนมือว่างๆ หิ้วนะ”

อาทิตย์เอ่ยบอกเพื่อความเข้าใจตรงกัน

“เข้าใจแล้วครับ เสร็จธุระแล้ว มาเจอตรงจุดนี้นะครับ”

“จ้ะ ปะ ลูกหมูจูงมือแม่ด้วยค่ะ เดี๋ยวเราหายแว๊บเข้าร้านของเล่นอีก”

“แม่ง่าา”

อาทิตย์มองป้าไสวกับแฝดคนพี่เดินไปอีกทางพลางหัวเราะร่วน นั่งลงยองๆ กางสองแขนอ้ารับ

แมวหน้ายังมุ่ย แมวบ่น

“ไม่ตบก้นแมว”

อาทิตย์ขำ เอ่ยเสียงยานคาง

“ครับๆ ไม่ตบก้นแล้ว มาให้พี่อุ้มเร็ว ร้านอาแปะขายพัดอยู่ทิศไหนเอ่ย?”

แมวโผเข้าหา แล้วหันหน้าทั้งชี้ไปทางด้านหลัง ไม่ได้สังเกตว่าพี่ชายตัวขาวชะงักนิ่งไป

“ทางนี้”

ยานพาหนะตัวสูงไม่ออกตัวเสียที แมวหันมาอมแก้ม เบาลมใส่หูฟู่ๆ

“พี่อา - ทิตย์! ง่วงหรือ?”

อาทิตย์ลูบข้างแก้ม ลูบใบหูแดงๆ เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ท่าทางรนๆ

“ปะ เปล่า ตะวันตกนะ”

“อือ มั้ง แมวไม่รู้ทิศนะ อื้อ~ ม่ายบีบสิครับ”

อาทิตย์เอามือที่บีบจมูกน้องออก ผิวของลูกแมวที่ไม่ได้ขาวนวลผ่อง แต่สีแดงๆ ตรงปลายจมูกก็เห็นชัดในสายตาของคนมอง

“จะไม่พาพี่หลงแน่นะลูกแมว”

“ถ้าแมวพาหลงทาง แมวควักเนื้อซื้อพัดให้พี่อาทิตย์หนึ่งอันเลย”

แมวพูดอย่างมั่นใจ แต่พอสิบนาทีถัดมา...คนพูดก็หน้าสลด

มุมปากพี่ชายตัวขาวยกยิ้ม อาทิตย์หัวเราะในลำคอ

แมวอยากตะโกนให้ลั่นตลาดพลู


อาแปะขายพัดอยูุ่ไหนครับ!


สุดท้าย ในเช้าวันนั้น...แมวก็ต้องจำใจ ควักเนื้อ ควักสะตัง ให้ครึ่งสลึงกับอาแปะไป เพราะความไม่รู้ทิศเหนือ ทิศใต้ของตน

อาทิตย์ยิ้มตาหยี จูงมือน้องกลับมาจุดนัดพบ ในมือโบกพัดที่ได้มาฟรี



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2018 16:57:13 โดย MH18A31 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 
อ่านแล้วนึกถึงรูปถ่ายของยายสมัยสาวๆ  :pig4:

ออฟไลน์ MH18A31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
{เรื่องสั้น} แด่รัก
พระอาทิตย์ ลูกแมว
ตอน ก้อนหินใต้ผ้าห่ม ๒.๑



เดือน ธํนวาคม ๒๔๘๗
บ้านหลวงไทยสุวรรณ, กรุงเทพมหานคร


เสียงอึกทึก ประกายไฟบนท้องฟ้าส่องสว่าง สะท้อนวาบในแววตา ผู้คนหนีกันอลหม่าน ความทรงจำเหล่านั้น แมวจดจำ ไม่ได้ลืมเลือน

กลางดึก แมวลืมตาตื่น ย่องเบาลงบันไดมาข้างล่างบ้าน เพราะได้ยินเสียงรถเก๋งของตาหวาน

เมียงมองเงียบๆ เกรงว่าตนจะยายโดนเอ็ดเข้า

ตาหวาน สามีของยายชื่นไม่ได้กลับมานอนที่บ้านสักพักใหญ่ รวมถึงพ่อแสวงของแมวด้วย


พ่อแสวงกลับบ้านแล้ว


เห็นคนเป็นพ่อปลอดภัยในอกของแมวก็โล่งๆ เปาะนึง แต่ถึงอย่างนั้น แมวก็ยังนึกห่วงตาหวานอยู่ดี

“ลูกแมว”

“เอ๊ะ พี่อาทิตย์”

เสียงแหบๆ และลมหายใจอุ่นสัมผัสแผ่วข้างหู แมวสะดุ้งโหยงนิดหน่อย

“พี่อาทิตย์ล่ะก็...อย่ามากระซิบกระซาบแผ่วๆ ข้างหูแมวสิ”

แมวลูบๆ ติ่งหู ก่อนจะเอียงคอสงสัย พี่อาทิตย์นิ่วหน้า คล้ายว่ากำลังมีเรื่องวิตกกังวล

“ขึ้นห้องเถอะ”

น้ำเสียงแปลกไปไม่เหมือนเช่นทุกครั้ง

แมวพยักหน้า โผเข้าหาอ้อมแขนที่อ้ารับ เรียวแขนเล็กรัดรอบต้นคอหนา ให้พี่ชายตัวขาวอุ้มตนขึ้นนอน

“อึก ตาหวานนะตาหวาน...”

“คุณแม่ทำตามที่คุณพ่อสั่งเสียเถอะนะครับ บ้านหลังนี้...ไม่ปลอดภัยแล้ว”

แม้ว่าจะหันหลังให้ แต่สองหูยังคงได้ยินเสียงแผ่วผ่าน

แมวงับริมฝีปากแน่น ซุกใบหน้ากับไหล่พี่ชาย

ฝ่ามือใหญ่ลูบเรือนผม อาทิตย์อุ้มน้องเดินขึ้นบนบ้าน พาหนีจากทุกสรรพสิ่ง

คนในอ้อมแขนเอื้อนเอ่ยสั่นเครือ

“พี่อาทิตย์ครับ...”

“หืม?”

“พี่อาทิตย์ห้ามใส่ชุดทหาร ห้ามมีดาวประดับบ่าเหมือนพ่อแสวงนะ”

อาทิตย์เงียบอยู่นาน แมวใจเสียแล้ว

“พี่อาทิตย์...”

อาทิตย์บอกน้อง น้ำเสียงหนักแน่นนัก

“พี่สัญญา”

แมวรีบส่ายหน้ารัวๆ

“ไม่ ไม่ต้องสัญญา แมวก็แค่...”


แมวไม่รู้ ไม่รู้ว่าตนอยากพูดสิ่งใด


อาทิตย์ตัดสินใจเปลื่ยนทิศทาง อุ้มน้องเดินเข้าห้องตน แมวหันขวับมองหน้า

“แมวเป็นห่วงหมูนะ”

“ไม่เป็นไร เมื่อครู่นี้พี่ตามเราออกมา ป้าไสวบอกจะนอนเป็นเพื่อนหมูน่ะ”

“หรือครับ...”

“อืม เข้าไปเยอะๆ เดี๋ยวเสียงดังปลุกหมูเปล่าๆ เสื่อไม่พอด้วย”

“อื้อ~ นอนห้องพี่อาทิตย์”

อาทิตย์ลอบยิ้ม ดันบานประตูไม้ออก

เขาก้าวขาเข้าห้อง วางน้องลงกับพื้นนิ่มนวล

“ลูกแมวเข้ามุ้งเลยครับ เดี๋ยวยุงกัดเรา”

แมวแสนว่าง่าย คลานเข่าเข้าไปในมุ้ง ตามองพี่อาทิตย์ที่กำลังรื้อๆ หาบางอย่างในตู้


ไม่ได้เข้ามาตั้งนมนาน


แมวมองโดยรอบ ห้องของพี่อาทิตย์ ข้าวของเยอะกว่าห้องของหมูกับแมวมากๆ ๆ

ไม่เหมือนห้องนอนสักเท่าไหร่

ห้องรกๆ เหมือนที่เก็บของ

อาทิตย์เปิดมุ้งเข้ามาข้างใน ในมือมีหมอนกับผ้าอีกหนึ่งผืน ให้น้องใช้ห่มเนื้อหนัง

แมวมองพี่อาทิตย์จัดแจงหมอนหนุ่น ตบๆ หมอนให้ตนตะแคงนอนข้างตน

แมวนั่งนิ่ง

“ลูกแมวเป็นอะไรไป ไม่อยากนอนกับพี่หรือ...”

คนอายุมากกว่าเอื้อนเอ่ย เห็นน้องดูแปลกๆ ไป ไม่ยอมเอนกายนอนเคียงข้าง

แมวยิ้ม เดินเข่าเข้าหา จัดแจงผ้าสองผืนคลุมร่างของตนกับพี่ชายเพิ่มไออุ่น ทรุดตัวนอนใกล้ๆ

ในอกแมวเจ็บแปร๊ดขึ้นมา


หาคำตอบที่ว่านั้นเจอแล้วล่ะ แมวหาเจอแล้ว


อยากอยู่ด้วยกัน แมวอยากอยู่ด้วยกัน


ไม่ได้เกรงกลัวสงคราม ไม่ได้ถึงต้องขนาดยกมือขึ้นปิดหูเหมือนหมู หมูตัวสั่น ยามได้ยินเสียงหวอร้อง

ถ้ากลัว แมวกลัวการถูกพลัดพรากจากกันเสียมากกว่า

แมวนึก


สิ่งใดบ้างเล่าไม่เที่ยง


นึกๆ ดูแล้ว คิดว่าตอนนี้ยังไม่มี

แมวร้องไห้หนักที่สุดในชีวิต ก็ตอนต้นเดือนธันวาคมที่ผ่าน เมื่อลมหนาวมาเยือน

มาเยือนพร้อมอากาศที่เปลื่ยนแปลงเร็ว

ฝาแฝดคนพี่ของแมวหอบหนัก

คำที่พระอาจารย์เคยบอกไว้ สังขารไม่เที่ยง แมวเข้าใจคำๆ นี้ขึ้นมา ก็ตอนเห็นหมูเริ่มเหนื่อย

โรคหอบแต่กำเนิดของหมู ไม่มียารักษาให้หายขาด

ได้แต่อุ้มหมูไปหาหมอบ้าน ได้แต่เกี้ยกล่อมให้หมูทานยาทุกครั้ง อย่าได้ลืม

แมวเคยบอกไหม ว่าแมวเกลียดอากาศหนาว แมวเกลียดเดือนธันวาคม

อากาศหนาวๆ นั้นทำให้หมูหอบขึ้นง่าย แมวเกลียด

ยิ่งนึกถึง เสียงสะอึกอื้น คล้ายจะร้องไห้ของยายชื้น แมวยิ่งเจ็บในอก

แม้ว่าความยาวจะยังไม่รู้เรื่องแต่อย่างใด แต่บ้านไทยสุวรรณวันพรุ่ง คงมีข่าวร้ายแน่แท้

แมวไม่ค่อยได้เจอตาหวาน เพราะตาหวานงานนอก งานในรุมทึ้ง

แม่ไสวบอกแมวว่า ตาหวานเป็นทนาย ที่ว่าความเก่งที่สุดในนครแล้ว

ได้สินน้ำใจเป็นไร่ เป็นที่ดินมามากมาย

ทั้งเก่ง ทั้งใจดี ดูรักยายชื้นมากๆ ด้วย

แมวยังจดจำ รอยยิ้มของยายชื้น ตอนที่ตาหวานขับรถพายายชื้น พาหมูพาแมว ชมวิวสะพานพระราม ๖ ได้อยู่เลย

ยายชื่นยามนี้...ขาข้างที่หักด้ามเหล็ก เดินไปไหน มาไหนไม่สะดวกอย่างแต่ก่อน ซ้ำยังหวาดกลัวยานพาหนะ ไม่ค่อยกล้าออกนอกบ้าน

มีเพียงตาหวานที่พายายชื้นออกจากบ้านได้

ที่ขาของยายชื้นหัก เป็นอุบัติเหตุ ครั้งที่ยายชื่นวิ่งหนีลูกระเบิดจากฝ่ายสัมพันธมิตรเมื่อ...หนึ่งปีก่อน

“ลูกแมว ลูกแมวครับ”

ซ้อนตามอง สัมผัสอุ่นแตะที่ข้างแก้มแมว

แก้มนิ่มยึดตามแรงหน่อยๆ อาทิตย์บีบแก้มน้อง เอ่ยช้าชัด

“ลูกแมวคิดอะไรอยู่ บอกพี่...ได้ไหม”

แมวชั่งใจ

“พี่อาทิตย์ กลัวอะไรบ้างไหมครับ”

“นั่นสินะ พี่คงกลัว...การอยู่คนเดียว...ล่ะมั้ง”

อาทิตย์ตอบอ้อมแอ้ม


ตนเป็นพี่คนโต ไม่อยากให้น้องนึกเป็นห่วงเลย


ปลายนิ้วก้อยเล็กแตะปลายจมูกเย็นๆ

“พี่อาทิตย์ไม่ได้อยู่คนเดียว”

มุมปากอีกคนยกยิ้ม มือจับนิ้วน้องมากำๆ บีบๆ เล่น

“อย่าเลย อย่าสัญญาอะไรกับใครเลยนะครับ”

แมวหน้างอ

“ไม่เชื่อกันหรือ?”

ฝ่ามือกดหัวน้องจมอก พยายามอธิบายให้คนเด็กกว่าราวสี่ปี เข้าใจเจตนารมณ์ของตน

“ไม่ใช่เลย พี่เพียงแค่ไม่อยาก ไม่อยากให้ลูกแมวสัญญากับพี่เรื่องแบบนี้”

ดวงตาสองคู่สบกัน

“สัญญาที่เดิมพันด้วยชีวิต อย่าสัญญาเรื่องนั้นกับพี่...หรือกับใครเลยนะ”


คล้ายว่าไม่เข้าใจแต่ก็เข้าใจ


เรียวขาก่ายกก ปลายนิ้วลูบไล้แผ่วเบาบนกลีบปากนุ่มนิ่ม

ใบหน้าขาวเจือสีคล้ายดอกครั่งยามแมวตั้งไฟ คั่นเอาแต่น้ำแดงๆ

แววตาคนพี่หยาดเยิ้ม ฝ่ามือเผลอไผลกดต้นคอน้องโน้มลง...เข้าหาไม่รู้ตัว

กระดูกบนลาดไหล่เล็กโดนดอมดม

โดนประทับรอยจูบ รอยจ้ำปรากฏร่องรอย

แมวเลื่อนใบหน้าเมียงมอง กระพริบตาช้าๆ

หัวเข่าสัมผัสถึงไอร้อน ทั้งยังแข็ง...อย่างกับว่าพี่อาทิตย์ซ่อนหินเอาไว้ ซ่อนหินอยู่ใต้ผ้าห่ม

“ลูกแมว...”

ความรู้สึกประหลาดเข้าจู่โจม ใบหน้ากำลังร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

คนไม่เคยเขิน นึกอะไรไม่ออก

เสียงแหบๆ มันกำลัง...ทำแมวขนลุก 

ผลั่ก!

“โอ๊ะ โอ๊ย พี่อา...พี่อาทิตย์ แมวเจ็บนะ”

“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ ขอโทษครับ...”

คนฟังงงหนัก

“ขอโทษเรื่องอะไรหรือ?”

อาทิตย์เงียบ ไม่ตอบคำถาม

แมวขยับกาย เจ็บปั้นสะโพกตอนโดนอีกฝ่ายกระแทกกับผืนเสื่อนิดหน่อย

ไม่เข้าใจ พี่อาทิตย์ไม่ถามไถ่สักคำว่าแมวเจ็บตรงไหน

หางตาเมียงมอง นึกงงงวย ความรู้สึกประหลาดสุ่มอก

แมวพลิกกายนอน มองคนตรงหน้า นิ่วหน้าเอ่ยถาม

“พี่อาทิตย์จะคร่อมแมวอีกนานไหม?”

“...”

อาทิตย์ไม่ตอบ

เจ้าของห้องชอบเปิดหน้าต่างนอน แสงสว่างจากข้างนอก เลยพอมีสาดส่อง ให้แมวเห็นใบหน้าซื้นเหงื่อนั่น


อากาศเย็นขนาดนี้ ร้อนมากหรือ?


แมวนึก แต่เพียงปลายนิ้วแตะโดนคาง ข้อมือเล็กก็ถูกจับ บีบไว้แน่น

“ลูกแมวหลับเถอะ หลับเร็ว”

“แมวจะหลับลงได้อย่างไร...พี่อาทิตย์นอนดีๆ สิ มันน่ากลัวนะ”

คร่อมกัน เป็นเงาทะมึนๆ แบบนี้ ใครจะหลับลงเล่า

อีกมือจับชายเสื้อ หมายจะดึงคนพี่มานอนดีๆ แต่อาทิตย์รีบปัดมือเล็ก

แมวครางแผ่ว

“โกรธอะไรแมว...”

อาทิตย์ส่ายหน้า สองแขนยังกางคร่อม

“เชื่อพี่นะคนดี”

เอ่ยแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามมองแค่ดวงตาซื่อตรง

“ไม่ได้ ไม่ได้”

ดวงตาเผลอไผล เหลือบมองลงต่ำ กวาดสายตาไปทั่ว

“ตอนนี้ลูกแมว...รับพี่ไม่ไหวหรอกครับ”






แมวกับอาทิตย์ห่างกันสี่ปีนะคะ ไม่ได้ห่างกันมากมาย แต่พี่เขาเห็นน้อง โอ๋น้องมาตั้งแต่ใส่ชุดวันเกิดนะ แล้วอย่าแปลกใจเลยค่ะ ทำไมอาทิตย์ถึงพยายามหักห้ามขนาดนั้น แมวอายุ ๑๑ เองเน้ออ แต่ตัวพี่ อารมณ์เรื่องอย่างว่าก็เริ่มรุนแรงไง วัยรุ่นคึกคัก 555

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2018 16:58:19 โดย MH18A31 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่อาทิตย์...รู้นะ คิดอะไรอยู่  :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ MH18A31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
{เรื่องสั้น} แด่รัก
อาทิตย์ ลูกแมว
ตอน หอมหัวหัวหอม ๒.๒



ปลายนิ้วเท้าที่โผล่พ้นจากผืนผ้าห่มเย็นเซียบ

แมวร้องอืออึอในลำคอก่อนจะปรือตา ลืมขึ้นมองแสงสีทองอ่อนๆ

ข้างนอกบานหน้าต่างไม้นั่น ท้องฟ้าเปิดโล่ง นกน้อยร้องจิ๊บๆ แว่วเสียงขับขาน

ไออุ่นกกกอด หางตาชำเลืองมองใบหน้าขาว


หมอนหนุ่นแมวอยู่ไหนเล่า ไยหัวแมวถึงมานอนทับ...อยู่บนแขนพี่อาทิตย์เสียได้


พี่อาทิตย์กำลังนอนหลับปุ๋ยแมวไม่กล้าขยับเลย


ตัวแข็งทื่อกับสัมผัสแผ่วๆ แตะโดน ริมฝีปากหยุ่นอุ่นร้อนแนบข้างขมับ ความร้อนลุกลามคล้ายไฟป่า แผดผ่าวใบหน้าคนเป็นน้อง


หลับไปตอนไหนนะแมว?


กลอกตาไปมา

ยามเช้าความนึกคิดของแมวยังเบลอ

แล้วก็นึกได้...เมื่อสองสามชั่วโมงก่อน กว่าแมวจะกล่อมให้พี่อาทิตย์ลงมานอนตะแคง หลับตาลงเสีย แมวกล่อมอยู่นานเลย


หอมหัวแล้ว หอมหัวอีก


ผลัดกันหอม...เหมือนตอนผลัดกันช่วยทานขนมหวาน

พี่อาทิตย์เคยหอมหัว กล่อมนอนเมื่อตอนแมวยังเล็กๆ แมวเลยทำตาม


สงสัยคงเผลอหลับไปตอนไหนสักตอน


นึกอยากขยับกาย ลงไปแปรงฟัน เข้าครัวทำกับข้าวเช้า แต่พี่อาทิตย์เล่นกกกันไว้อย่างนี้


ไม่อยากให้สะดุ้งตื่น


แมวลุกขึ้นนั่ง ค่อยๆ จับ แขนบนเอวตนวางบนผืนเสื่อ

ขยับกายหันมานั่งมอง เอาผ้าคลุมอก คลุมขา คลุมเท้า พี่อาทิตย์จะได้อุ่นๆ 

ตั้งใจว่าจะออกจากมุ้งไปเงียบๆ แต่อีกคนดันตื่นเสียแล้ว

“ลูกแมว...ไปหนาย...”

“แมวอยู่นี่”

หูได้ยินเสียงแหบงัวเงียตื่น แมวโผล่หัวเข้ามาในมุ้งอีกรอบ ยิ้มหวานๆ

อาทิตย์อ้าปากหาว ดูง่วงเหลือแสน แต่ยังอุตส่าห์ลุกขึ้นมา กระถดก้นหา โน้มหน้าลงจูบปลายจมูกน้อง

“อรุณซาหวาดคับ”


นอนไปแค่ไหนกัน ถึงดูง่วงถึงเพียงนี้


มือจับไหล่หนา ดันกลับไปนอน

“อรุณสวัสดิ์เช่นกันครับ พี่อาทิตย์ง่วงก็นอนต่อเถอะ แมวจะไปทำกับข้าว”

คนพี่ปรือตาแบะปาก ข้อนิ้วถูๆ ขี้ตา ภาพทับขึ้นในหัวแมว

แมวนึกถึง...หมูที่คงจะยังหลับปุ๋ยอยู่อีกห้อง

“พี่อยากทำด้วย พี่ไม่ง่วงแล้ว”

เอ่ยอย่างนั้นแล้วหยีตา ขยี้ยกใหญ่

แมวเลิกคิ้วมอง กลั้นขำ

“พี่อาทิตย์เนี่ยนะ...อยากเข้าครัว?”


พี่อาทิตย์เหมือนหมู


ทานเก่ง อ้อนเก่ง แต่ทำไม่เป็น แถมไม่ค่อยชอบทำด้วย


“พี่เข้าไปช่วย อาจะเป็นตัวถ่วงลูกแมว แต่พี่อยากช่วย ให้พี่ช่วยนะครับ”

ไม่รู้ทำไมถึงต้องบ่ายเบี่ยง หลบสายตาคนเป็นพี่

แมวเอื้อนเอ่ยอ้อมแอ้ม

“ก็ตามใจสิพี่อาทิตย์สิครับ แมวไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

ว่าจบก็คลานเข่า เดินออกจากห้องหับ

พอพ้นหน้าพี่ชายตัวขาว มือกุ้มอก

แมวรู้สึกแน่นๆ อธิบายไม่ถูกเลย


เจ็บอกจัง












ล้างตัวเสร็จแมวก็มาล้างหน้า มือหยิบก้านแปรงไม้ จุ๋มกับผงยาสีฟัน ตาเหลือบมองงูเขียวตัวเล็กบนเพดานห้องน้ำ

ก้มหัวบ้วนน้ำทิ้ง แต่ยังไม่ทันได้เช็ดๆ ใบหน้าให้เรียบร้อย ต้นแขนแมวก็ถูกจับหมับ หิ้วปีกออกจากห้องน้ำ

คนที่ชอบอุ้มแมวตัวลอย มีอยู่คนเดียวนั่นแหละบ้านหลังนี้

“อะไรหรือพี่อาทิตย์?”

อาทิตย์ปั้นหน้าดุใส่ เอ็ดน้อง

“เห็นงูแล้วทำไมไม่เรียกพี่ลูกแมว!”

แมวย่นคอหนี ตาเมียงมองทางห้องน้ำ

“งูเขียวนะครับ ตอนแมวไปบ้านดำที่ตลาดพลู แมวเจองูเขียวตั้งเยอะ ตั้งแยะ เต็มเพดานบ้านดำเลย พวกเขาไม่ทำอะไร...”

พออาทิตย์ฟังน้องอธิบาย ยิ่งนิ่วหน้าเครียด

“มันไม่เหมือนกันนะครับลูกแมว นั่นมันพวกงูจิ้งจกหรือเปล่า แต่ตัวนี้ พี่เห็นปลายหางมันมีสีแดง เขาเรียกว่างูเขียวหางไหม้ มันมีพิษ”

“ต้องจับ?”

“ใช่ครับ เราต้องจับมัน”

อาทิตย์เอื้อนเสียงแผ่ว ตัดพ้อน้องน้อย

“ลูกแมว...พี่ว่าพี่เคยบอกเราแล้ว ก่อนเข้าห้องน้ำ ลูกแมวต้องมองโดยรอบให้ดีๆ เสียก่อน หากเห็นพวกงู...ลูกแมวต้องเรียกพี่”

“แมวขอโทษ”


พี่อาทิตย์อย่าโกรธแมวเลย


รวบมือหนาที่กำหมัดแน่น แมวแกะๆ แงะๆ ออก

อาทิตย์ถอนหายใจ ไม่ยอมกอดน้องเหมือนเคย


บางเรื่องจะมัวแต่โอ๋ลูกแมวไม่ได้


“เข้าใจพี่เถอะ พวกงูนั้นอันตราย บางตัวเราไม่รู้หรอก...ว่ามันมีพิษหรือไม่มีพิษ...”

“แมว...แมวเข้าใจแล้ว”

“เฮ้อ พี่ไม่น่าปล่อยให้ลูกแมวอยู่คนเดียวตอนเช้าๆ เลย นี่แสดงว่าไม่ใช่ตัวแรกที่เจอในห้องน้ำใช่ไหม? เราถึงนิ่งแบบนี้”

“แมวขอโทษ พี่อาทิตย์อย่าโทษตัวเอง”

แมวกดหน้าลงแทบชิดอก


ไม่อยากโปปดเลย


“พี่อาทิตย์อย่าโกรธแมว”

“พี่ไม่ได้โกรธเราเลย ไม่ได้โกรธสักนิด”

อาทิตย์พยายามอธิบาย ขยายความให้เข้าใจตรงกัน

“พี่เป็นห่วง ลูกแมวเข้าใจพี่ผิดไป”

เสียงในอกดังตุบๆ แมวยกมือขึ้นบีบ เสื้อยับยู่ยี่


เสียงดัง


ต้องง้อยังไง...ทำยังไงพี่อาทิตย์ถึงจะกอดแมวเหมือนเคย...


นึกๆ หาหนทาง

และสรรพนามแทนตัว ที่เลิกใช้ไปตั้งแต่ลูกแมวเข้าโรงเรียน ก็ถูกกลับมาใช้อีกครั้ง

“หนูเข้าใจแล้ว…พี่อาทิตย์อย่าเมินหนูเลย...”

ดวงตาซื่อตรงช้อนมอง ทำคนใจแข็ง มือแข็งได้ไม่เท่าไหร่อ่อนยวบ เหลวเป๋วเป็นขี้ผึ้งโดนลนไฟ

“ขออีกที”

แมวแหงนคอ มองใบหน้าขาว งงกับคำพูดกำกวมชั่วครู่ ก่อนจะร้องอ๋อกับตัวเอง

“พี่อาทิตย์คนหล่อของหนู หนูสำนึกผิดแล้ว กอดหนูนะ”

คนน้องโดนอุ้มตัวลอย เสียงแหบแผ่วเบาอยู่ใกล้ๆ

“พี่ว่าคราวนี้…ลูกแมวต้องโดนลงโทษ”

พอไม่มีใครว่ากล่าว ปล่อยปละละเลยหน่อย ลูกแมวไม่เชื่อฟังคำเตือนกัน ดื้อดึงลับหลัง

อาทิตย์คงจะต้องทำตัวเหมือนศาลเตี้ย ลงโทษน้องเสียบ้าง

บทลงโทษของแมวคือการตามหากล่อง...หากล่องมาใส่งูตัวจิ๋วในห้องน้ำ...

แมวยิ้มเผล่

“แมวเห็นกล่องอยู่ใต้เก้าอี้นอนของยายชื้น แมวจะรีบไปหยิบมาให้”

คนพี่คลับคล้ายว่าฟังอยู่ แต่ไม่ยอมปล่อยลูกแมวลงพื้น

ริมฝีปากหยุ่นหอมหัว...หอมซอกคอไปเรื่อย...

แมวนึกบ่น ไม่กล้าขัดใจพี่ชายตัวขาวยามนี้


พี่อาทิตย์จะเอากล่อง แล้วทำไมไม่ยอมปล่อยแมวลงซะทีเล่า


หอมอยู่นั่นแหละ จั๊กกะจี้












ตอนแรกอาทิตย์คิดๆ ไว้ ว่าถึงตนจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้ แต่เข้ามาช่วยน้องหั่นผัก หั่นหมูก็ยังดี

เพียงครู่เดียว จับงงจับงูใส่กล่อง ไปอาบน้ำล้างตัว

อาทิตย์เข้ามาดูในครัวอีกที บนโต๊ะ ทุกๆ อย่าง ถูกจัดเตรียมใส่ชามเล็ก ชามใหญ่เต็มไปหมด

“เก่งขนาดนี้แล้วหรือ”

คนกำลังยืนอยู่หน้ากระทะ ได้ยินเสียงคุ้นหูแว่วลางๆ ก็หันมาหา

“พี่อาทิตย์~ รอข้างนอกก็ได้นะครับ เดี๋ยวหัวเหม็น”

คนพี่ยู่ปาก เดินมามอง

“พี่อยากช่วย วันนี้ลูกแมวทำอะไรบ้างหรือ?”

แมวยิ้ม หยิบพริกแห้งลงกระทะ ผัดคั่วกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ กลิ่นหอมแสบๆ ลอยคลุ้ง

ฮัดเช้ย! แค่กๆ 

พอเจอกลิ่นควันแสบทรวง อาทิตย์ถึงกับสำลัก จามยกใหญ่

ไม่ค่อยได้เข้าครัว อย่างมากก็มีช่วยหั่นของบ้าง แล้วรอจัดจานอย่างเดียว

คนไม่เก่งเรื่องกับข้าวกับปลา ไอแค่กๆ น้ำใสรื้นหางตา

แมวหัวเราะร่วน

“ผัดไก่กับเม็ดมะม่วง ต้มจืดห่อผัดกาด แล้วก็ปลานึ่งครับ พี่อาทิตย์ๆ หยิบหอมหัว เอ่อ...หยิบหอมหัวใหญ่ให้แมวหน่อย”

อีกคนมองมองเห็น...สีแดงเจือจางตรงใบหูลูกแมว

ตะหลิวยังคงทำเสียง กระทบกับกระทะเหล็ก

อาทิตย์ลอบยิ้มกับตัวเอง หันไปหยิบชามที่มีหอมหัวใหญ่หั่นเป็นแว่นส่งให้

แมวรับชามพลางพยักพยิด บุ้ยปากบอก

“หม้อนี้ หม้อต้มจืดครับ ตั้งไฟอีกครู่ เดือดปุๆ อีกหน่อย เดี๋ยวค่อยตักใส่ชามใหญ่”
 
“เข้าใจแล้วครับ ว่าแต่...นี่ไม่มีอะไรให้พี่ช่วยเลยหรือ ลูกแมวทำเร็วจัง”

“หือ แมวว่าไม่เร็วหรอก แมวเตรียมของไว้ตอนกลางดึกคืนวาน ปลาก็นึ่งเอาไว้อยู่แล้ว เหลือแค่โขลกน้ำแสบ”

ยิ่งฟัง คนพี่ยิ่งรู้สึกว่าโคตรมาถ่วงน้อง แต่ถึงอย่างนั้นอาทิตย์ก็ยิ้มเผล่

“ถ้างั้น  พี่โขลกน้ำแสบให้นะ”

หันซ้ายหันขวามองหาครก แมวชี้ๆ ที่ตู้เก็บอาหาร

“ในตู้ชั้นล่างสุดครับ”

คนพูดหรี่ไฟบนเตาลง ทิ้งกระทะ แล้วแว๊บไปหยิบกระเทียมไทยหัวใหญ่ พริกขี้หนู กับน้ำตาลปี๊บใส่ลงครก ตามองพี่ชายตัวขาวโขลกๆ ทำน้ำแสบจิ้มปลานึ่ง อมยิ้มกับท่าทางทุลักทุเล

“พี่อาทิตย์แผ่วแรงลงหน่อยครับ เดี๋ยวครกก็แตกอีกหรอก”

“ไม่แซวพี่สิ นั่นมันตั้งนมนานแล้วนะลูกแมว”

แมวหัวเราะขำๆ


นานๆ ที จะเห็นพี่อาทิตย์ทำหน้างอ


อาทิตย์ทัก

“ลูกแมวทำผัดมะม่วงกับปลานึ่งให้หมูสินะ”

“ใช่ครับ หมอบ้านบอกแมวว่า มะม่วงหิมพานต์กับพวกถั่ว พวกปลา คนหอบทานได้ ไม่แสลง”

“ถ้างั้น ต้มจืดผัดกาดหม้อใหญ่ ก็ของพวกผู้ใหญ่“

“อื้อ!”

มือกลับมาเปิดไฟให้แรงๆ เนื้อไก่ที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เผื่อฟันยายชื่นเคี้ยวไม่ไหว ถูกเทใส่กระทะ เปลวไฟลุกโชน

อาทิตย์ถึงกับผงะ

มือหยิบชามน้ำมันงา ซอสขาวซอยหอย ผัดๆ คลุกเคล้าคล่องแคล่ว

เพียงครู่เดียว กลิ่นมันๆ ก็โชยแตะจมูก

พอข้อศอกแหลมทิ่มเอวคนพี่ อาทิตย์ถึงรู้สึกตัว รีบหันหาจานชาม หยิบมายืนรอ แมวตักกับใส่จานแบ ไอควันไก่ผัดเม็ดมะม่วงลอยละล่อง

ลูกมือสูดกลิ่มหอมแรงๆ

“พี่ว่า...บ้านไทยสุวรรณอดตายกันหมดแน่ ถ้าหากวันไหน ลูกแมวเหมียวตัวตะน้อยนึงของพี่ไม่อยู่บ้าน”

จานผัดไก่กับเม็ดมะม่วงถูกคนพี่ยกไปวางบนโต๊ะกับข้าว แมวตักเอาต้มจืดใส่ชามใหญ่ ค่อยๆ ถือส่งให้

“พูดเกินไป อีกอย่าง...แมวจะไปไหนเล่า”

“พี่พูดจริงๆ บ้านเราไม่มีใครทำกับข้าวเป็นสักคน พี่ยังเคยถามยายชื่นเลย แกบอกพี่ว่าแต่ก่อน ที่บ้านก็ฝากท้องกับตลาดนัด ซื้อเอาลูกเดียวนี่แหละ”

แมวขำฟืด

“ฮึ จริงหรือ?”

“จริงสิ ป่านนี้แล้ว ถ้าให้พี่ออกไปทานกับข้าวนอกบ้าน พี่ว่าพี่คงจะทานไม่ลงเป็นแน่ ติดอก ติดใจฝีมือคนแถวนี้”

แมวยิ้มกริ่ม แก้มเป็นลูก

“ลูกแมวได้ใครมาเน้อ ป้าไสวเก่งทำขนมหวาน ไม่เก่งของคาวแท้ๆ”

“แมวก็ชิมๆ อ่านเอาจากหนังสือยังไงครับ ของบางอย่างไม่มี ก็หาอย่างอื่นแทน มั่วๆ ไป”

“พี่ว่ามันเป็นพรจากสวรรค์ ลูกแมวปรุงอาหารเก่ง หยิบจับ ทำอะไรก็อร่อยไปหมดเลย”

“พี่อาทิตย์ครับ...พอแล้วน่า”


พี่อาทิตย์ช่างยอ


แมวโดนยอมากๆ เข้า เดี๋ยวก็เสียแมวอย่างที่หมูว่าหรอก


มือหยิบรากผักชีที่เหลืออยู่สามต้นหย่อนลงครก โขลกๆ ต่ออีกนิดหน่อย ตักใส่ถ้วย เทผงพริกไทย ปรุงต่อด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทรายแดง

“หืม เพิ่งรู้ น้ำแสบต้องใส่รากผักชีด้วยหรือ?”

มือหยิบช้อน คนๆ น้ำแสบให้รสเข้ากันดี พลางเอ่ยบอก

“สามเกลอให้กลิ่นดีนะครับ”

คนฟัง ฟังแล้วยิ่งงหนัก

“สามเกลอ?”

นิ้วชี้ลงจุ๋มลงถ้วย ชิมรสชาติ มองหน้าคนพี่

“พี่อาทิตย์ไม่รู้จักหรือ? เอ๊ะ แมวลืม” 

ทำกับข้าวอยู่คนเดียว อยู่กับแม่ไสว ตนก็เอานิ้วจิ้ม ชิมรสเป็นเรื่องสามัญธรรมดา

แมวมองหน้าอาทิตย์ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรังเกียจหรือเปล่า

คนน้องก้มหน้า สองมือพนมยกขึ้นไหว้

“ขอโทษครับ แมวสมควรใช้ช้อนชิมดีๆ”

“ลูกแมวคิดอะไรอยู่? พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

“แมวกลัวพี่อาทิตย์รังเกียจมือแมว”

ถึงกับต้องนวดขมับ กับความคิด ความอ่านน้อง

“คิด...คิดไปไกลถึงกรมเจ้าท่าแล้วลูกแมว พี่จะนึกรังเกียจได้อย่างไร ทุกวันนี้พี่ฝากท้องอยู่กับใครเล่า”

แมวเอ่ยเสียงซื่อ

“กับแมว”

“เฮ้อ พี่อยากชิมบ้าง”

มือรีบยกถ้วยว่องไว

“ก็ชิมสิครับ”

อาทิตย์เดาะลิ้นเสียงดัง หัวคิ้วย่นเข้าหา

แมวใจเสีย


ทำไมเล่า แมวพูดอะไรผิดไป


คล้ายว่าระยะนี้...พี่อาทิตย์เดาใจยาก...


เรื่องงูเขียวหางแดงเมื่อครู่ แมวยังรู้สึกผิดอยู่เลย


“แมว...แมวพูดอะไรผิดหรือ?”

“ไม่ แมวไม่เคยผิดครับ พี่เอง...พี่เอง…”

อาทิตย์อ้อมแอ้ม มองตาน้อง

คือ...เดี๋ยวมือพี่เลอะ มือแมวดีกว่า”

“มือแมวหรือ?”

แมววางถ้วย ยื่นสองมือส่งให้

“มือแมว”

“ลูกแมว...”

“ระยะนี้แมวเดาใจพี่อาทิตย์ไม่ค่อยออกเลย”

“...”

“เพราะฉะนั้น พี่อาทิตย์จะเอาอะไรจากแมว เอาเลย แมวไม่อยากใช้มุกเดิมง้อบ่อยๆ”

มือหนาเลื่อนมา รวบจับที่ข้อมือเล็ก

“ทำไมหรือ?”

แมวมองมือข้างที่พี่อาทิตย์จับจุ๋มถ้วยน้ำแสบ แล้วมองใบหน้าขาวงงๆ

“แมวกลัวว่า… พะ พี่อาทิตย์...”

ลิ้นร้อนตวัดเลีย ตามกลืนกินน้ำสีน้ำตาลอ่อนที่ไหลมาจนถึงร่องนิ้ว

ใบหน้าแมวเห่อร้อน นิ้วเท้าจิกกับพื้น

“ยะ อย่าเลีย ไม่ พี่อาทิตย์อย่าเลียหนู อย่า…”

คนน้องดื้อดึง เอามือออก

ความรู้สึกประหลาดลามเลียทั่วร่างกาย

แมวหน้างอ


ขนลุกไปหมดเลย แมวเหมือนหายใจไม่ค่อยออกด้วยเมื่อครู่


“พี่อาทิตย์เลียนิ้วแมวทำไม มัน มันสกปรก...”

“พี่ก็แค่ชิม”

อาทิตย์เอ่ยอย่างนั้น แลบลิ้นไล่เลียริมฝีปากบน

มือยกถ้วย หมายจะเอาไปวางบนโต๊ะกับข้าว

อมยิ้มหน่อยๆ เอื้อนเอ่ยบอกน้องไป

“อ้อ น้ำแสบรสชาติดี ถูกปากพี่มากเลยครับ”






เรื่องนี้สามตอนจบนะคะ แบ่งเป็นหกพาร์ทย่อย และจะมีตอนพิเศษพาร์ทเต็มของอาทิตย์อีกหนึ่งตอน (ถ้าขยัน555)

ขออธิบายย้อนหลังนิดนึง มีคนหลังไมค์มาถามเรา

๑ สลึง คือ ๒๕ สตางค์ 
๒ สลึง คือ ๕๐ สตางค์

เพราะฉะนั้น ครึ่งสลึงของแมวที่ควักซื้อพัดให้อาทิตย์ไป ราคา ๕๐ สตางค์ ค่ะ มันเป็นภาษาพูดของแมวนะ เราลืมอธิบาย เผื่อมีคนเอะใจ สงสัยอีก ไม่แปลกๆ สับสนกับการราคาทองใช่ไหม 555 

น้ำแสบ หมายถึง น้ำจิ้มปลานั่นแหละค่ะ

สามเกลอ หมายถึง พริกไท กระเทียม ผักชี ของสามอย่างนี้เป็นเหมือนผงชูรส ติดครัวคนสมัยนี้ค่ะ ให้กลิ่น ให้รส

ปล. น้ำแสบไม่แสบแล้ว! พี่อาทิตย์แสบกว่า ตอนหน้าอิแม่จะพาแมวหนีเที่ยว!






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2018 16:59:01 โดย MH18A31 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น้องแมวน่าเอ็นดู..พี่อาทิตย์หางเริ่มโผล่แระนะ 555  :hao3:

ออฟไลน์ MH18A31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
{เรื่องสั้น} แด่รัก
อาทิตย์ ลูกแมว
ตอน ยามเหมันต์ใกล้ผ่านพ้น ๓.๑



พุทธศักราช ๒๔๘๘
อำเภอ ปากเกร็ด, กรุงเทพมหานคร



พระตำหนักสง่างาม
ลือนามสวนสมเด็จ
เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา
วัดเก่านามระบือ
เลื่องลือทุเรียนนนท์
งามหน้า ยล ศูนย์ราชการ


เข้าเดือนสอง เหมันต์ใกล้ผ่านพ้น ยามสองโมงแสงแดดเจิดจ้าแต่ถึงอย่างนั้น บรรยากาศโดยรอบ กลับอึมครึม ยามเช้าของที่นี่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เท่าบ้านหลวงของกรมเจ้าท่า

หรือจริงๆ แล้ว ในยามนี้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ไหน บรรยากาศก็คงอึมครึม เงียบเหงาไม่ต่างกัน


แมวคิดถึงโรงเรียน อยากเลิกเล่นซ่อนหา หลบลงหลุมแล้ว


สองสัปดาห์กว่าๆ กับห้องนอนห้องใหม่ ที่แมวต้องนอนอยู่คนเดียว


แมวไม่ชอบเลย


แต่คล้ายว่าพวกผู้ใหญ่ อยากให้หมูกับแมว แยกห้องกันนอนเสียที

กำแพงปูนหนาๆ กระเบื้องมันวาวเย็นฝ่าเท้ายามเหยียบย้ำ

ถูกใจหมูยิ่งนัก

หมูจะวิ่ง หมูจะเดิน เสียงดังแค่ไหน เสียงก็ไม่ไป ถึงหูยายชื้นที่นอนข้างล่างบ้าน

ครัวบ้านหลังนี้กว้างขวาง อย่างกับว่าเอาห้องนอนที่บ้านหลวง ของหมูกับแมว สองห้องมาประกบเข้าด้วยกัน

เครื่องใช้แปลกตา มีเตาอบจากไฟฟ้า และแก๊สที่แมวยังใช้ไม่เป็น

มีเตาแก๊สแบบใหม่

มีโต๊ะยาวๆ ที่พ่อแสวงบอกว่าเจ้านี่เรียกว่า ‘เคาน์เตอร์’ ตัวยาวๆ อยู่กลางห้อง

ห้องนอนทุกห้องมีห้องน้ำอยู่ข้างใน

หมูตื่นเต้นดีใจมาก ตอนแรกแมวก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน

ห้องน้ำสวยมาก กว้างด้วย แต่พอเข้าวันที่สาม

แมวเพิ่งรู้ ว่าตนไม่ชอบพื้นที่กว้างขวาง

แมวกลัวความว่างเปล่าภายในห้องน้ำยามดึกดื่น


ไม่ชอบเลย ไม่อยากนอนคนเดียว


รอบบ้านโลนๆ โล่งๆ คล้ายภูเขาแห้งแล้ง

ไม่มีใบสีเขียวสักใบ ยายชื้นก็บ่นๆ รอให้สงครามจบ ถ้าสงครามจบลงเมื่อไหร่ ยายจะเอาทับทิม เอาเปลวสุริยันมาลงให้เต็มสวน


แมวรู้นะ ว่าตาหวานชอบสีส้มสดใส และแมวก็รู้ด้วยว่า ดอกทับทิมมีสีแดงๆ ส้มๆ
   

ใบหน้าอิดโรย ซีดเซียวเหลือบมองกระจกเงา

เสียงเคาะประตูแว่วเข้าหู แมวชะงัก รีบบ้วนน้ำทิ้ง เช็ดๆ ริมฝีปาก

แฝดคนพี่พอเดินเข้ามา ก็เห็นห้องนอนที่ว่างเปล่า จึงถือวิสะสะเปิดประตูห้องน้ำ สายตาปะทะ เห็นเจ้าของห้องที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยดี

“ชะแว้บ อยู่นี่นี่เอง~ แมวเร็วๆ สิ ทำไมแต่งตัวช้าจังง่ะ”

“อื้อ หมูลงไปบอกทุกคนให้หน่อยว่ารอสักเดี๋ยวนะ”

“โอเค้ๆ เร็วๆ ยายชื้นหน้าจะบูดแล้วง่ะ”

“อื้อ”

พอเห็นหมูวิ่งๆ ออกจากห้องไป แมวก็หยิบเสื้อสูทตัวเล็กสีขาวครีมบนเตียงนอนมาสวมใส่

ขนาดตัวที่ไม่ได้สูงขึ้นจากหนึ่งปีก่อนสักเท่าไหร่ หันซ้ายหันขวา

ตามองในกระจกเงาบนโต๊ะเครื่องแป้งไม้สัก ดูๆ ว่าตนแต่งกายเรียบร้อยดีหรือยัง

เมื่อตอนเช้ามืด แมวออกไปทำบุญใส่บาตรที่วัดบ่อกับพ่อแม่ กับหมู กับพี่อาทิตย์

ตอนเช้าตื่นมาทำกับข้าว แมวยังไม่เป็นอะไรเลย จนกระทั่งกลับถึงบ้าน แมวเริ่มคลื่นไส้ มีอาเจียนนิดหน่อย


คงเพราะไม่ได้นั่งรถเก๋งบ่อยๆ ถึงได้มีอาการอย่างนี้


เขาเรียกว่าอาการเมายานพาหนะ ส่วนใหญ่ที่เป็นกัน ก็เพราะไม่คุ้นชินกับยานพาหนะที่โคลงเคลงไปมา

เถ้าแก่ร้านขายยาบอกแมวมาอย่างนั้น


หวังว่าคงจะไม่เมารถ เมาเรืออีกนะแมว












ร่างของตาหวานเพิ่งเผาไปเมื่อต้นเดือนสอง

กว่าจะเผา แมวรู้สึกว่านาน

จำได้ ตอนที่ยายชมเสีย แค่เพียงกระพริบตา เถ้าอัฐิของยายชม ก็ถูกโปรยจากภูเขาสูง ลอยไปกับลมหมดแล้ว


คล้ายว่าเป็นการบังคับ ให้ตนต้องเลิกร้องไห้งอแงไปด้วย


เช้าวันนี้ บ้านไทยสุวรรณตั้งใจจะนำอัฐิของตาหวาน ไปลอยอังคารที่แม่น้ำเจ้าพระยา

วันนี้ วันฤกษ์ดี ๕ กุมภาพันธ์ เป็นวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่ตาหวานเกิด

ยายชื้นบอกว่าตาหวานเคยขอเอาไว้


...ถ้าหากวันใด วันนึงตนตายจากโลกนี้ไปก่อน ขอให้ตนได้กลับมานอนหลับที่เมืองนนท์…

พ่อแสวงนะ บอกหมูกับแมวว่า พ่อกับตาอพยพมาจากแดนไกล

แต่ตั้งแต่ยังเด็ก พ่อเป็นคนจังหวัดนนท์ อยู่ที่นี่ โตที่นี่

อาศัยเช่าบ้านหลังคาสังกะสีเล็กๆ อยู่ในอำเภอปากเกร็ด

จนตามีงานมีการ จนตากับพ่อย้ายไปอยู่ในพระนคร

จากที่ใครๆ เรียกตาว่า ‘ตาหวานๆ’ พอมั่งมี ตาหวานถูกผู้คนเรียกขานว่า ‘เจ้าขรัว’

เจ้าขรัวดูใหญ่มาก ถึงขั้นฝากลูกฝากเต้าเข้ากรมเจ้าท่าได้


แมวฟังๆ พ่อแสวงเล่าตอนนั้น แอบแก้มป่อง นึกไม่ชอบใจนัก


นี่โกงเขาหรือ?
 

ถึงแม้ว่ายามนี้ อำเภอเมืองนนท์กับอำเภอปากเกร็ด จะถูกโอนรายชื่ออยู่กับฝั่งพระนครแล้ว แมวก็จะเข้าใจต่อไป ว่าตาหวานเป็นคนนนท์ ไม่ใช่คนพระนคร


บ้านหลังนี้คงพอยืนยันได้


อยากทำงาน อยากอยู่ที่นี่ จนแก่เฒ่าเลยสินะครับ

พอลงมาข้างล่างบ้าน แมวก็เห็นว่าทุกคน นั่งรออยู่ในห้องรับแขกกันหมดแล้ว คนมาช้ารีบยกมือขึ้นพนม ขอโทษขอโพย

“ยายชื้น พ่อกับแม่ พี่อาทิตย์ แล้วก็…”

ตามองชายแปลกหน้า เขายิ้มแล้วลุกขึ้นยืน

“ผม กิตติคุณ เป็นอัยยการของรัฐฯ ดำรงตำแหน่งประจำอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย วันนี้ จะมาเป็นพยานในพินัยกรรมของคุณตาคุณครับ คุณจิณณทัต”

“เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณกิตติคุณ”

แมวรีบยกมือไหว้อีกรอบ

“ที่ต้องให้รอ แมว เอ๊ะ ผมขอโทษครับ”

“เจ้าแมว นี่เพื่อนพ่อเอง เพื่อนตาด้วยยังไงเล่า เราก็เคยเจอนะ ตอนเด็กๆ พี่คุณๆ”

ดวงตาซื่อตรงเอียงคอมอง พยายามนึก

“จริงหรือ? แมวจำไม่ได้เลย”

“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เรียกพี่ได้ไหม พี่อายุน้อยกว่าพ่อน้องตั้งหลายปี ว่าแต่...ไอ้มาหา น้องไม่สบายหรือ?”


มาหา?


พ่อแสวงชื่อพ่อแสวงต่างหาก


แมวยังไม่ทันได้พูดอะไร อาทิตย์ก็หันไหล่แมวซะไว ทำเอาวูบๆ ในหัว ขาก็เกือบจะเซล้ม

“จริงด้วย ลูกแมวเป็นอะไร ไหนบอกพี่”

“แมวแค่รู้สึกมึนๆ หัวนิดหน่อย”

นางไสวเอามืออังๆ กับหน้าผาก ข้างแก้มลูก

“ไม่ร้อนนี่น่าแต่ตัวเย็นจัง ลูกแมวคะ หนูปวดหัว ปวดตัวตรงไหนหรือเปล่า?”

“ไม่ครับ แมวไหว แมวไม่เป็นอะไร คงเพราะนานๆ ทีจะนั่งรถ เลยเมายานพาหนะ”

“โธ่คนดี เมารถเก๋งหรือลูก พ่อ แม่ว่าให้ลูกแมวอยู่บ้านเป็นเพื่อนคุณแม่จะดีกว่าไหม ถึงท่าน้ำไม่ได้อยู่ไกล แต่พวกเราต้องนั่งเรือนะ ลูกเมารถเก๋งอย่างนี้ ขึ้นเรือไม่ไหวหรอก”


ยายไม่ไป...ส่งตาหวานหรอกหรือ...


แมวเมียงมองทางรูปถ่ายในกรอบใหญ่ เอ่ยเสียงแผ่ว

“ยายจะไม่ไปจริงๆ หรือครับ แมวว่า ถ้ายาย ถ้าทุกคนไป ตาคงดีใจมาก”

“ครั้งก่อนที่ออกไปทานข้าวนอกบ้านกัน นั่งรถไปไม่เท่าไหร่ ขายายก็บวมเป๋งแล้วนะลูก อย่าทรมานคนแก่เลย”

”พ่อเห็นด้วยกับแม่นะ เจ้าแมวนอนพักอยู่บ้านดีกว่าไหม อยู่เป็นเพื่อนยาย เดี๋ยวพ่อจะรีบไปรีบกลับ เสร็จกิจแล้ว พวกเราค่อยไปดูโรงหนังกัน”

 “จริงนะพ่อ!”

ลูกหมูกระโดดกระเด้งบนโซฟาอย่างลืมตัว แล้วก็ต้องก้มหน้างุด มุดเข้าหาโซฟาตามเดิมแทบไม่ทัน เมื่อเห็นสายตาดุๆ ของยายชื้นปราดมองมา

หมูยิ้มเจื่อน ยกมือไหว้

“หมูขอโทษจ้ะยายจ๋า”

“หัดสำรวมกิริยาบ้างลูกหมู”

“จ้ะยาย”

นายแสวงส่ายหน้าเนือย

ไม่รู้ว่าแม่ตนจะปากไม่ตรงกับใจไปถึงเมื่อไหร่กัน ตนเป็นคนบอกให้พาเด็กๆ ออกไปเที่ยวเองแท้ๆ

ทั้งที่หลงหลานจะตายไป แต่กลับชอบปั้นหน้ายักษ์ใส่เสียนี่   

“ที่จริง การก่อสร้างยังไม่เสร็จดีหรอก แต่ก็คงยังไม่เปิดบริการเร็วๆ นี้นะสิ แต่วะ ลูกพ่อบอกอยากไปเสียอย่าง พ่อพาไปทุกวันก็ยังได้”

ในอกเต้นตุบๆ ตื่นเต้น แต่แมวยังอ้ำอึ้ง


บางทีแมวก็ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรถึงจะดี


ยายชื้นไม่ใช่คนดุ ถึงจะดูเคร่งๆ แต่ไม่ใจร้าย


ยายใจร้ายที่ไหนจะกลั้นใจ ฝืนทน เดินกระเผลกๆ ใช้ไม้สามขา มารับหมูกับแมวที่โรงเรียนทั้งที่ขาตนก็ด้ามเหล็กกันเล่า


บางวันก็ชอบยัดสตางค์ใส่มือหลาน สามบาทบ้าง สิบบาทบ้าง


แมวว่าหมดปี แมวคงซื้อรถได้หนึ่งคัน 


“ลุงแสวง ป้าไสวครับ ถ้าหากให้ลูกแมวอยู่บ้าน ผมขอไม่ไปด้วยได้ไหม เผื่อมีเหตุด่วน หน้าน้องดูไม่ดีเลย บ้านก็มีแค่ยายชื้นอยู่คนเดียว ผมเป็นห่วง”

“เอ้า แล้วทีนี้ ใครจะเป็นคนถือรูปพ่อลุงเล่า ถ้าเจ้าแมวไม่ใช่คนถือก็ต้องเป็นเรานะอาทิตย์ ลุงล่ะกลัวเหลือเกิน ว่าเจ้าหมูมันจะทำรูปพ่อลุงตกแตก”

“โอ๊ยพ่อ เห็นหมูเป็นคนยังไงเนี่ย”

“อ้าว นี่เอ็งเป็นคนรึ พ่อนึงว่าเอ็งเป็นหมู ตัวจะกลิ้งได้อยู่แล้ว”

“พ่อพูดไม่ดูตัวเองง่ะ อีกหนึ่งอาทิตย์มาเจอกัน วัดชั้นไขมันกันไหมละ!”

“จะเอาใช่ไหม ได้ ได้!”

“โอเค้ๆ แมว! รอตัดโบด้วย!”

แมวงุนงง ชี้ตัวเอง


มันใช่เรื่องที่จะมานัดวันแข่ง วัดชั้นไขมันตอนนี้ไหมเล่า


แฝดคนน้องส่ายหน้านึกบ่น แต่ก็ยิ้ม เมื่อเห็นยายชื้นยิ้ม

แม้จะแค่แวบเดียวก็เถอะนะ

“หยุด อาทิตย์ เอาเก้าอี้ล้อมาให้ยายที”

หญิงชราเอ่ยขัด หลานชายคนโตรีบเลื่อนเก้าอี้ล้อตรงมุมห้อง มารอรับ แมวสาวเท้าลงนั่งยองๆ จับขาล้อด้านข้าง คอยป้องกันเผื่อยายชื้นลื่นล้มอีกแรง

“ลูกแมว”

แมวแหงนคอมอง

“ครับ?”

“ถือรูปตาหวานให้ยายหน่อย ถ้าทุกคนไป ตาหวาน...ตาหวานคงจะดีใจมากอย่างที่หลานว่า...”


หลาน


ยายเรียกแมวว่าหลาน


หลานชายคนสุดท้องยิ้มกว้าง

“อื้อ!”

“ถอยไปด้วย จะมานั่งทำไมตรงนี้ เกะกะจริง”





ต่อข้างล่างนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2018 14:59:07 โดย MH18A31 »

ออฟไลน์ MH18A31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0



เป็นเรื่องดีที่การนั่งรถเก๋งครั้งนี้ แมวไม่ทีอาการมึนหัว คลื่นไส้

ยายชื้นนั่งรถคันเดียวกับพ่อแม่

ส่วนหมูกับแมว พี่อาทิตย์ โดนพ่อแสวงไล่มา ให้นั่งรถของคุณกิตติคุณ ไม่สิ พี่คุณ


เพิ่งรู้ว่าเขาไปด้วย


พี่อาทิตย์ก็นั่งหน้ารถเงียบๆ ไม่พูด ไม่จา หมูก็มองหน้ากับแมว จำใจเงียบกันไป

“น้องแมวจำพี่ไม่ได้จริงๆ หรือ?”

จู่ๆ คนขับรถก็เป็นฝ่ายทำลายความอึดอัด

แมวส่ายหน้ารัวๆ

“ขนาดหมูยังจำพี่ไม่ได้ ไปถามอะไรแมวมัน”

กิตติคุณหัวเราะ

“ถ้าน้องหมูจำพี่ได้ พี่คงประหลาดใจโข เพราะคืนวันนั้น วันที่พี่ขอยายชม อาศัยค้างแรมหนึ่งคืน น้องหมูหอบขึ้นครับ นอนปากหวออยู่กลางบ้าน ส่วนพี่ก็ขับรถกลับพระนครก่อนตะวันจะขึ้นเสียอีก น้องยังไม่ตื่นหรอกมั้ง”

“เอ๊ะ นี่ว่าหมูตื่นสายโด่งก้นแยงตูดหรือ?”

แมวเห็นท่าทางไม่ดี ดึงไหล่หมูให้กลับมานั่ง

“หมู”


ตะวันแยงก้น ไม่ใช่ก้นแยงตูด หมูเน้อหมู


หมูไม่สุภาพเลย


“ขอโทษจริงๆ นะครับ แมวจำไม่ได้เลย แต่ปกติ แมวก็ตื่นแต่รุ่งสางเกือบทุกวัน ทำไมถึงไม่เจอพี่คุณเล่า”

“เจอแล้วครับ แต่น้องจำพี่ไม่ได้ต่างหาก”

“เจอตอนไหนหรือ?”

“ตอนนั้นน้องแมวยังเล็กอยู่เลย อืม...พี่เห็นเราออกมากับพี่นี่นะ...”

“พี่? พี่อาทิตย์ครับ แมวเจอกับพี่คุณตอนไหนหรือ?”

“ไม่ชวนคุยกันบนรถลูกแมว ถึงแล้ว หมูไปช่วยพี่ประคองยายชื้นที”

แมวแบะปาก ทำไมเสียงพี่อาทิตย์แข็งๆ อารมณ์บ่จอยมาจากไหนกัน

กลิ่นน้ำคุ้นเคยโชยแตะปลายจมูก

เมียงมองดู จากเจ้าพระยาฝั่งนี้ มองไปไม่เห็นยอดตึกกรมเจ้าท่าเลย

แมวถือกรอบรูปของตาหวานยืนรอ ตามอง หูฟังยายชื้นที่บ่นๆ บอกพี่อาทิตย์กับหมูว่าไม่ต้องมาคอยประคองตนรอบที่สาม และสี่


เข้าใจแล้ว

ตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุ ที่ยายชื้นไม่ค่อยยอมออกไปข้างนอกบ้าน อาจะเป็นเพราะ ไม่อยากให้พวกเราต้องคอยดูแล มาคอยประคอง ลากล้อไปไหนต่อไหนก็เป็นได้

“คุณแม่อย่าหน้าหงิกหน้างอสิครับ เดี๋ยวตาก็ทิ้ง ไปหาเมียผีสาวสวยหรอก”

“เอ๋ ไอ้ลูกคนนี้ ระวังเถอะ ระวังหนุ่มเมืองนนท์ทั้งหลายแล่ จะมาติดฝีไม้ฝีมือ ขนมหวานแม่ไสวเหมือนพวกหนุ่มพระนคร นี่ยังไม่เจียมหรือ กว่าจะจีบเขาติด”

“โอโห! แม่ง่ะ แค่แซวนิดหน่อย อย่าเอาความเป็นจริงมาพูด ให้สะเทือนใจสิ คนยิ่งกลัวๆ อยู่”

“พ่อ พอเถอะ เรือใกล้มาแล้ว ตาทิตย์ มาหาป้าทีลูก”

“ครับ”

แมวถือกรอบรูปนั่งยองๆ ข้างยายชื้น

แม่ไสวเรียกพี่อาทิตย์ หมู เข้าไปทีละคน

แมวรอ มองดู จนหมูเดินออกมา ตนก็รู้ตัว ลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปหา

“นี่ลุ้งของตา มา เอากรอบรูปมาให้แม่ถือก่อน”

แมวมองโถดินเผาเล็กๆ ในมือ นางไสวมองลูกคนเล็กพลางอมยิ้ม

“ลูกแมว ตาเขารักลูกนะ ถึงแม้ว่าแกจะไม่ค่อยมีเวลาให้ อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปนะลูก นี่จ้ะ”

“จดหมายของตา? แมว แมวเปิดตอนนี้ได้ไหมครับ?”

นางไสวพยักหน้า

แมวโอบโถดินเผาใบเล็กแน่น คลี่แผ่นกระดาษเล็กๆ เท่าฝ่ามือออก



จิณณทัต คือผู้ซึ่งมีความประพฤติตามแบบแผน
ตาขอให้เจ้าคงความนอบน้อม ถ่อมตนอยู่อย่างนี้
ตาขอโทษ แต่ตาอยากจะขอเจ้า
ตาขอฝากยายไว้กับเจ้าได้ไหม หลานตา   



“ขอบคุณครับแม่ แมวเก็บไว้นะ”

“จ้ะ ลูกอยากถือรูปตาหวาน อยู่เป็นเพื่อนยายชื้นไหม?”

“ครับ”

แมวส่งโถดินเผาคืน แม่ไสวส่งให้พี่อาทิตย์เป็นคนถือ

แฝดคนพี่ก้าวขาลงเรือ แฝดคนน้องถือกรอบรูปในอ้อมแขน ยืนข้างๆ ยายริมฝั่ง

หมู่เมฆขาว และแสงเรืองๆ สาดส่องทั่วฟ้า

แมวยกมือ ป้องแสงสะท้อนทำตาพร่าเลือน แล้วหวนนึกถึงสุโขทัย บ้านเกิดเมืองนอน

เรือกระแซงขนส่งลำใหญ่ขับผ่าน สายลมโกรก พัดเอาเส้นผมพริ้วไหว

แมวมองทิศ ทางที่เรือกระแซงกำลังตรงไป งับริมฝีปาก พลางนึก


...หรือที่ตาหวานบอกให้อยากมาโปรยอัฐิที่ริมแม่น้ำฝั่งนี้...


สะพานพระราม ๖


แมวชำเลืองสายตามองเสี้ยวหน้ายายชื้น

ภายใต้ใบหน้านิ่ง แมวเห็นข้างในตานั้นวาววับ

กว่าหนึ่งปีที่อยู่บ้านหลวง ณ กรมเจ้าท่า

แมวมีความสุข ไม่เคยมีสักครั้งที่ต้องทุกข์ร้อน แม้กระทั่งยามนี้


นอนหลับให้สบายนะครับตา อย่าได้ห่วงเลย





เห็นสายธารา ไหลล่อง
เพียงแต่มอง หัวให้ปวน
น้ำไหลไป มักไม่ไหลทวน
ชีวิตเราไม่มีหวน
ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เราเกิดมาผูกใจรักกันดีกว่า
เพราะว่าชีวาแสนสั้น
เราอย่าได้เสทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอันสุขใจ
อย่าแตกหักกันเลย
รักไว้ชมเชยคงมั่น
จงผูกพันธ์กันชื่นไจ
ขอจงเป็นเหมือนเช่นนกไพร
ที่เหิรบินคู่กันไป หัวใจคู่กัน






เพลง ลุ่มเจ้าพระยา
คำร้อง แก้ว อัจฉริยะกุล
ทำนอง นารถ ถาวรบุตร

เขียนไปเขียนมา จากวายจะกลายเป็นเรื่องสั้น อิงประวัติศาสตร์ไทยซะแล้ว 555 ขอโทษที่เรื่องสั้นเรื่องนี้มันอัพยิบย่อยนะคะ อ่านเรียงๆ ลงมา คงไม่งงเนอะ

คำขวัญ นนทบุรี ของเก่านะคะ

ปี ๒๔๘๖ ทางราชการสั่งยุบบางอำเภอเพื่อประหยัดงบประมาณ เศรษฐกิจแย่ค่ะ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ อำเภอ ปากเกร็ด อำเภอต่างๆ ที่ถูกยุบ ก็จะถูกโอนชื่อเข้ากับหัวเมืองต่างๆ เช่น ปากเกร็ด เข้ากับพระนคร (กรุงเทพฯ)

 อัยยการ เราไม่ได้เขียนผิดนะ เราเขียนตามหลักการเขียนของคนในปีนั้นๆ ค่ะ

ต้องบอกว่าเรื่องนี้ เราอิงประวัติศาสตร์ อิงข้อมูลแทบทุกอย่างเลย แม้แต่วันเดือนปียิบย่อย ทุกๆ อย่าง อาจะไม่ได้ถูกต้อง ๑๐๐% แต่เราตั้งใจมากๆ ค่ะ

ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ฟิน ก็กลัวคนไม่ชอบ ไม่รอเหมือนกัน แต่เอาเถอะ 555 ขอบคุณคนที่คอมเมนต์ให้ โดยเฉพาะคนที่คอมเมนต์บ่อยๆ เราจะอัพตอนจบกับตอนพิเศษทีเดียว เราจะทอร์คบอกทุกอย่างในตอนพิเศษ นี่หายไปสองวัน ตาพร่าค่ะ จ้องคอมไม่ไหว พักก่อย~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2018 19:56:45 โดย MH18A31 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่คุณนี่ยังไง?? จะจีบแมว หรือจะคู่หมู  :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ MH18A31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
{เรื่องสั้น} แด่รัก
อาทิตย์ ลูกแมว
ตอน แด่รัก อย่าช้อนตามองพี่...พี่ชอบ ๓.๒



สายตาเหม่อมองตลาดศรีข้างทาง

สายมากแล้ว ผู้คนบางตา ไม่วุ่นวายเหมือนยามรุ่งสางตอนที่แมวออกมาจับจ่ายซื้อของทำกับข้าว

แม้ว่าจะอยู่ในช่วงข้าวยากหมากแพง แต่ยังดีที่ตลาดมีแม่ค้า หน้าร้านมีไทยมุง รอซื้อข้าวซื้อของ

ที่นี่ไม่มีกองทัพทหาร ชาวยุ่นเดินสวนขวักไขว่ เหมือนในพระนครหรือจังหวัดที่เป็นหัวขบวนรถไฟ

อำเภอปากเกร็ดไม่ได้อยู่ห่างจากพระนครมากนัก เดินทางง่าย ถนนลื่นๆ

ไม่เหมือนถนนที่สุโขทัย

ตอนย้ายมาอยู่บ้านตายาย กว่าพ่อแสวงจะขับรถ พาพวกเรามาถึงพระนคร พี่อาทิตย์คงเมื่อยตักน่าดู ให้แมวนั่งทับอยู่ตั้งนมนาน สองยามเห็นจะได้

นึกดูแล้ว ความทรงจำของแมว ที่มีตาหวานนั้นสุดแสนจะน้อยนิด

เพียงปีกว่ากับชีวิตในพระนครนั้น...ทำให้เด็กดอยอย่างแมว รู้สึกชอบพอชีวิตริมน่านน้ำ ริมเจ้าพระยาไม่น้อยเลย

แมวรู้วิธีจับกุ้งก้ามกรามแล้วนะ ถึงพี่อาทิตย์จะไม่เคยยอม ให้แมวกระโดดลงน้ำป๋อมแป๋มไปจับก็ตามทีเถอะ

แต่...นอกจากหัดทำกับข้าว หัดทำขนม แมวอยู่บ้านที่พระนคร แมวไม่เคยได้ลำบากสักนิด

ห้าง โรงหนังโอเดี่ยน ตลาดนัดใหญ่ๆ

พระนครมีหลายสิ่งให้ทำ ดูน่าตื่นตา แต่ไม่เหมือนบ้านยายชมอยู่ดี


คิดถึงบ้าน


คงเป็นดั่งคำพูดของคนเฒ่า คนแก่ที่ว่า


อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา


แมวเกิด แมวโตที่สุโขฯ


ทุกวัน แมวกับพี่อาทิตย์มักตื่นแต่รุ่งสาง

ตอนเด็กๆ แมวเป็นคนปลุกพี่อาทิตย์เองกับมือเลย เพราะพี่อาทิตย์ต้องไปโรงเรียน แต่ดันตื่นเช้าบ้าง สายบ้าง

บางคืน แมวเห็นพี่อาทิตย์ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ไม่รู้ทำไม แมวถึงเอ่ยบอก


แมวจะปลุกเอง หลับนะ หลับพร้อมแมว เดี๋ยวแมวปลุกให้ เราจะได้ตื่นพร้อมกันทุกวัน


รอบบ้านยายชมมีผักทานได้เยอะแยะ

ยายชมเป็นคนสอนแมวเก็บผัก เก็บดอกโสน ทั้งยังสอน ให้แมวหัดชิมรสชาติ หัดดมกลิ่นกับข้าว ลองปรุงอาหารตามใจดู

พอแมวกับแม่ไสวทำกับข้าวเสร็จ สายๆ หน่อย หมูถึงตื่น

วิ่งไวๆ ในมือถือตะแกงเหล็ก ปากบ่นหิว ใบหน้ามักเปรอะเปื้อนเขม่า ควันไฟดินปืน บนหัวมีเศษขี้ผง เศษกิ่งไม้ใบหญ้า


หมูโดนเอ็ดแทบทุกวัน ทำไมเนื้อตัวถึงได้มอมแมมแต่เช้านะหมู


บางวัน พี่อาทิตย์ไม่มีเรียน พ่อแสวงมักจะเอาพี่อาทิตย์ออกไปข้างนอกบ้านแต่เช้าตรู่

แมวเลยได้แต่เล่นหมากเก็บ เล่นเม็ดต้อยติ่งกับหมูสองคนหงอยเหงา

หมูกับแมวไม่มีเพื่อนที่อายุเท่าๆ กันเลย แถวบ้าน มีบ้านคนไม่กี่หลังคา

เพราะอย่างนั้น แมวถึงได้นึกถึงพี่อาทิตย์ขึ้นมา

ตอนที่พ่อกับแม่พี่อาทิตย์จากไป ตอนที่ยังไม่มีหมูกับแมว อยู่กับยายชม สองคนยายหลาน พี่อาทิตย์เคยนึกเหงาบ้างหรือเปล่านะ


แมวไม่เคยถามหรอก เพราะตอนนี้...พี่อาทิตย์มีหมูกับแมวแล้ว


แมวจะไม่ให้พี่อาทิตย์ต้องอยู่กับความกลัวในอก


ทุกวัน ชีวิตลูกชาวสวนนั้นไม่ต้องเร่งรีบ

ยามหน้าฝน ในน้ำในนามีปลามากมาย พี่อาทิตย์ลงข่ายให้พ่อแสวงดู แข่งกันจับปลามาปิ้งกิน

หมูชอบขอเล่นด้วย ดูสุขใจ ตอนเห็นมีปลาดิ้นๆ อยู่ในมือ แต่หน้างอ ตอนโดนแมวบอกให้ทานปลาเข้าไปเยอะๆ สิหมู

ยายชมมีบ้านในเมืองสุโขฯ สองหลัง อีกหลังนึงอยู่ที่พื้นข้างล่าง เป็นบ้านปูนสองชั้น ยาวๆ ใหญ่ๆ

ตกเย็น บางวันมีลมพัดแรง

พวกเราต้องลงเขามานอนที่บ้านปูน ยายชมให้เหตุผลว่า วันไหนลมแรง พายุคงจะเข้า นอนบ้านหลังนี้ปลอดภัยกว่า

ที่สุโขทัย ไฟฟ้าไม่ทั่วถึง

ทุกค่ำ ตะเกียงน้ำมันถูกจุดไฟพรื่บ

บางคืน หมูหลับสนิท แมวตื่น เพราะเสียงดังตู้มๆ ติดกัน

แมวเห็นแสงวิบๆ เหนือน่านฟ้ายามกลางดึกบ่อยครั้ง

คนแถวบ้านเรียกสิ่งนั้นว่า ‘เรือบิน’

วันนึง ผู้ใหญ่บ้านมาเยี่ยมบ้านยายชม

บอกให้พวกเรา ขุดหลุมหลบภัยไว้ลึกๆ จะดีกว่า หากมีลูกระเบิดร่วงลงมาจากฟ้า ร่องนามันไม่ช่วยกำบังอะไร

แมวรู้มาตลอด แม้ว่าไม่มีใครเล่าให้ฟังเลยก็ตามที

ต่างจังหวัด คล้ายจะห่างไกล ไม่เกี่ยวพันกับสิ่งที่เรียกว่าสงคราม แต่นั่น...ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะปลอดภัยไปตลอด

แล้วอยู่มาวันนึง ยายชมเริ่มไม่สบาย

พ่อพายายชมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดข้างเคียง

หมออยากให้ยายชมนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ยายชมไม่อยากนอนโรงพยาบาล สุดท้าย ทุกคนก็จำใจต้องตามใจ ให้ยายชมมาพัก นอนที่บ้าน

พอถามพ่อแสวง ยายชมเป็นอะไรหรือ?

พ่อแสวงเอาแต่บอกว่า เดี๋ยวยายชมก็หายดีแล้ว แมวเลยหยุดถามต่อ

กลางดึกคืนนึง มีฝนโปรยๆ พ่อแสวงกลับมาจากโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ที่หน้าบ้านมีแสงไฟหน้ารถสองดวงส่องสว่าง

ไม่ใช่รถพ่อแสวงของแมว

ในวันนั้น แมวถึงได้รู้ รู้ว่าตนมีตากับยายอีกสองคนอยู่ที่พระนคร

‘ตาหวาน’ พ่อแสวงให้แมวเรียกอย่างนั้น

ตาหวานเข้ามาข้างในบ้าน มากับผู้ชายอีกสามคน คนนึงใส่ชุด สีคล้ายๆ พ่อแสวงของแมว

ส่วนอีกสองคน แมวไม่คุ้นตากับเสื้อผ้าของเขาเลย แต่ก็พอจะเดาออก

ในมือเขามีอาวุธด้วย

ทุกครั้งเวลาบ้านมีแขก หน้าที่ของแมวคือเดินไปวางแก้วน้ำ วางขนมของทานเล่น

แต่ตอนนั้น แม่ไสวบอกแมว ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น

แม่ไสวบอกพวกเราว่า แม่จะไปดูยายชม ให้พี่อาทิตย์ พาแมวกับหมูขึ้นห้อง

ทั้งยังย้ำ...ห้ามพี่อาทิตย์ลงมาข้างล่างบ้านเด็ดขาด

แมวไม่เข้าใจหรอก แต่พี่อาทิตย์ไม่ปลอดภัยสินะ

แมวนั่งเงียบ กอดหมูไว้ ไม่ให้พี่อาทิตย์จุดคบตะเกียงน้ำมัน

หมูกลัว หมูเริ่มเหนื่อย เริ่มมีท่าทีว่าหอบจะขึ้น

ยาของหมูอยู่ข้างล่างบ้าน แมวไม่รู้จะทำอย่างไรดี

พี่อาทิตย์ทำท่าจะออกจากห้องไปเอายาเสียเอง


ไม่ อย่าลงไป อย่า


ตัดสินใจดื้อ แมวหนี แมวปิดประตูใส่พี่อาทิตย์เสียงดัง

ได้ยาแล้ว แต่แมววิ่งชนคนๆ นึงเข้า

หูได้ยินเสียงของพ่อกับแม่ดังแว่วมา

น้ำเสียง…คล้ายกับกำลังทะเลาะกัน

แมวจะไปเอายาให้หมู หลบไป! หลบไปสิครับ!

แมวดิ้นหนี โวยวาย


อย่ามาอุ้มนะ คนกำลังรีบๆ


พอรู้สึกตัวอีกที

แมวลืมตาตื่น เห็นหมูยิ้ม ยิ้มอย่างคนสบายดี


ดีใจเหลือแสน


ไม่นาน ยายชมก็เสีย จากแมว จากทุกคน

ตั้งแต่นั้นมา แมวถึงรู้อีกอย่างนึงว่า


แค่ให้หมูทานปลาเยอะๆ ไม่พอหรอก


อย่าทำหมูตกใจ อย่าให้หมูไม่สบายใจ หมูจะแย่


แมวรู้สึกผิดมาก แมวดื้อกับพี่อาทิตย์ด้วย


แมวจะไม่ดื้อแล้ว ต่อไปนี้...แมวจะไม่ให้หมูหอบอีก











“แมว แมว ตื่นๆ ๆ ตื่นเร็ว”

ดวงตาซื่อใสปรือตามอง เห็นหมูยิ้มเผล่

ลูกหมูเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ทำไมง่วง แอบนอนดึกหรือ แมวหลับมาตลอดทางเลย”

“อื้อ ถึงบ้านแล้วหรือ?”

“ช่าย~ ลงรถเร็ว พี่ทิตย์กับไอ้พี่คุณ เดินตูดบิดไปและ”

แมวนิ่วหน้า เตือนหน่อย

“หมู หมูพูดไม่เพราะนะ รู้ตัวไหม”

“โธ่~ แมวง่ะ”

“หมูพูดเพราะๆ สิ จะได้ไม่เอ็ดบ่อยๆ”

“ครับๆ แต่เชื่อสิ ถ้าหมูพูดจาอย่างแมว ไม่มีใครแยกหมูกะแมวออกหรอก...เอ๊ะ…”

เลิกคิ้วสูง

“มองแมวอย่างนั้น?”

“เห้...น่าหนุกดีนี่หน่า”

“อะไรหรือ?”

แมวไม่ไว้ใจสายตาที่หมูกวาดสายตามองตนสักนิด

“มาแข่งกันไหมแมว”

“แข่งอะไร ไม่เล่นพิเรนทร์นะ”

“โธ่แมว แมวดูสิ วันนี้เราสองคนใส่เสื้อผ้าเหมือนกันเลยง่ะ”

ดวงตาหลุบมอง มองเสื้อสีขาวครีมสุภาพ ทั้งตัวใน ทั้งสูทตัวนอก สลับกับกางเกงสีน้ำตาลอ่อนของหมูกับตนไปมา


ก็จริง วันนี้เสื้อผ้าที่แม่ไสวเตรียมไว้ให้ คล้ายกับว่าจงใจจับแต่ง


แต่ถึงอย่างนั้น แมวก็ยังไม่แน่ใจในสิ่งที่แฝดคนพี่กำลังนึกคิด

แมวยิ้ม

“หมูจะแข่งอะไรอีกเล่า”


คราวก่อน แข่งกันปั้นแป้งบัวลอย


ไม่ได้แข่งว่าใครปั้นได้เยอะกว่าหรือสวยกว่าหรอก


เราสองคนแข่งกันให้คนอื่นเดาว่า...บัวลอยชามไหนเป็นของใคร


พี่อาทิตย์โดนหมูกับแมวดึงมาเอี่ยวด้วย ให้พี่อาทิตย์เป็นคนตัดโบ


ตัดเรื่องรสชาติไปเลย เพราะบัวลอยสองหม้อที่แยกแป้งเอาไว้ แมวเป็นคนทำเอง


พี่อาทิตย์ก็ยังอุตส่าห์แยกแป้งออกนะ ว่าชามไหนของแมว นึกแล้วแอบดีใจหน่อยๆ


เอ๊ะ แล้วทำไมต้องแอบเล่า?


แมวงงกับตัวเองเสียจริง


“หมูขอตั้งชื่อเกมนี้ว่า ทายซิใครเอ่ย~ คนไหนเป็นหมู คนไหนเป็นแมวกันน้า~”

คนฟังหัวเราะ


น่าสนุกจัง


“แล้ว...ให้ใครตัดโบ?”

“นั่น อยากเล่นใช่ม้า”

“เอาสิ คนแพ้งดของชอบเจ็ดวัน”

ลูกหมูมุ่ยหน้าทันใด

“โหแมว! มาลูกไม้นี้อีกแล้ว”

“อื้อ เล่นไม่เล่น?”

“เล่น!”


แมวจะชนะ


แมวต้องชนะ











เกมทายใครหมู ใครแมวไม่มีคนตัดโบ

หมูบอกเชื่ออยู่แล้วว่าแมวโกหกไม่เป็น เพราะฉะนั้น

สามนิ้ว หมูกับแมวต้องไขว้สามนิ้วไว้ด้านหลัง

ถ้าถูกจับได้ก็เก็บทีละนิ้ว ใครถูกจับได้สามคน คนนั้นแพ้

ถึงจะหมายมั่น มีแต่คำว่าชนะอยู่ในหัวทั้งสองตัวเลือก พอเอาเข้าจริงๆ แมวกลับคิดไม่ตก


แมวต้องโกหก?


การโปปดนั่นมัน...ไม่ดี ไม่ดีเลย


แต่ว่า...ถ้าแมวชนะ หมูจะทานกับข้าวตามที่แมวบอก


ยกสองมือ กำแน่น


แมวจะชนะ!


“ลูกแมวทำอะไรน่ะ?”


พะ พี่อาทิตย์ มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?


ใจเต้นตุบๆ กลอกตาไปมาอยู่นั่น


พี่อาทิตย์จำแมวได้


ตาเห็นหมูขำกึก นิ้วชี้โบกไปโบกมา แก้มแมวพองลม ไขว้แขนซ้าย เก็บไปหนึ่งนิ้ว


ฮื่อ พี่อาทิตย์บ้าบอ


“จำผิดคนแล้ว!”

ว่าแล้วก็ผลักเอวพี่ชายตัวขาว วิ่งหนีขึ้นบ้าน

อาทิตย์หันไปมองแฝดอีกคนที่ยังยืนอยู่

“เฮ้ย...นี่พี่ทักผิด?”

หมูกลั้นขำ

“พี่อาทิตย์จำแมวไม่ได้จริงๆ หรือ...”

“โธ่…พี่ขอโทษนะครับ คงเป็นเพราะ วันนี้เรากับหมูแต่งตัวคล้ายกันมาก พี่ถึงได้สับสน”

แฝดคนพี่แสร้งทำเอ่ยเสียงงอนๆ ทำแก้มป่องก่อนจะเดินหนีไปอีกคน

“อื้อ~ แมวไม่ทำขนมให้พี่อาทิตย์ทานแล้ว ฮึ”

“เดี๋ยว ลูกแมว! ลูกแมวครับ!”












“แฮ่ก...แฮ่ก...”

แมวถึงกับหอบแฮ่ก เหงื่อไหลข้างขมับ

รู้สึกว่าการวิ่งจากประตูรั้วมาจนถึงประตูบ้าน ช่างแสนเหนื่อย


หมูวิ่งไปวิ่งมาอย่างนี้ตลอดเลยหรือ ไม่เหนื่อยหรือไงกันนะ


“ลูกหมู แม่บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าวิ่งๆ”

นางไสวเอ่ยบ่นเสียงแผ่ว เมื่อเห็นลูกชายตัวแสบวิ่งๆ เข้าบ้านมา

แมวชะงัก


แม่จำแมวไม่ได้?


หรือเพราะว่า ปกติแล้ว แมวไม่เคยวิ่งพล่านอย่างนี้


เลิ่กลั่กไม่กล้าพูด กลัวความลับแตกก็กลัว


ไม่อยากแพ้


ถ้าถูกจับได้ โดนเอ็ดแน่เลย


“พ่อ! มีสายมาจากทางกรมน่ะ”

นางไสวเอ่ยเรียกสามี แมวเห็นพ่อแสวงเดินหน้ามุ่ย เดินออกมาจากห้องรับแขก

ฝาแฝดคนน้องเขย่งเท้าขึ้นมอง มือเกาะขอบโต๊ะ

แม่ไสวกระซิบข้างหูพ่อแสวง ก่อนจะเดินไปอีกทาง

ดวงตาซื่อใสจ้องสิ่งของประหลาดตารูปทรงสี่เหลี่ยม มีตัวเลขอยู่ในวงกลมๆ ด้วย แมวมองสลับกับหน้าคนเป็นพ่อ

“ครับ แสวงถือสายครับ… ครับ… รับทราบครับ หากเสร็จกิจส่วนตัวแล้ว ผมจะรีบไปทันที”


ไปไหนหรือ? แล้วที่บอกจะพาไปดูโรงหนังเล่า?


นายแสวงวางหูโทรศัพท์ เท้าแขนกับโต๊ะมองลูก

“เจ้านี่เขาเรียกว่า ‘เครื่องโทรศัพท์’ น่ะเจ้าแมว”

คนกำลังจ้องๆ สิ่งของประหลาดบนโต๊ะชะงักทันใด แมวอ้ำอึ้ง จะพูดปดก็ไม่กล้า

“พ่อ พ่อจำแมวได้หรือ?”

“พูดอะไร พ่อแม่ที่ไหนจะจำลูกตัวเองไม่ได้กันเล่า?”

“ก็...ก็...”


ก็แม่ไสวจำไม่ได้


นายแสวงเอ่ยดักคอ

“เจ้าหมูชวนเล่นอะไรอีกล่ะสิ”

แมวพยักหน้างึกๆ ถอนหายใจแผ่ว ไขว้มือเก็บอีกหนึ่งนิ้ว

“แข่งทายแมวทายหมูครับ”

นายแสวงเคาะนิ้วกับโต๊ะ

“เจ้าแมว...ฟังพ่อนะ เมื่อตะกี้ที่ลูกมามองๆ เครื่องโทรศัพท์น่ะ ถ้าเป็นเจ้าหมู มันถามพ่อแล้ว มันไม่ยืนเงียบอมพะนำ รอพ่อคุยธุระเสร็จหรอก รายนั้น”

“...แมว แมวพลาดไปนิดเดียว”

“พ่อพูดตรงๆ นะ ลูกสู้เจ้าหมูเรื่องนี้ไม่ได้หรอก ยอมแพ้เถอะ”

“แต่ครั้งนี้ ถ้าแมวชนะ หมูจะไม่ดื้อผักครับ”

“แต่พ่อจับได้แล้ว นี่ก็หมายความว่า ลูกแพ้แล้วสิ?”

“ยังครับ อีกหนึ่งคน”

“ต้องโดนจับได้อีกหนึ่งคน?”

แมวพยักหน้าครางแผ่ว

“อื้อ...”

“พ่อ มัวคุยอะไรกับลูกอยู่ แล้วตาทิตย์กับลูกแมวเล่า เข้าบ้านมาหรือยัง?”

แม่ไสวถือถาดแก้วน้ำออกมาจากครัว แมวรีบปราดเข้าไปถาม

“มีอะไรให้แม-- เอ่อ...ให้หมูช่วยไหมครับแม่”

นางไสวมองลูกชาย กระพริบตาปริบๆ

“อืม...แม่ไม่ควรจับแต่งตัวอย่างนี้สินะ อืมๆ”


อื้อ นิ้วแมวกุดหมดแล้ว


“แมว ขะ ขอโทษครับ แมวโกหก”

“ไม่เป็นไรนะคะ แม่ไม่ได้โกรธหรอก แต่นี่เราเล่นอะไรกันเนี่ย?”

“โธ่ลูกแมว...พี่ขอโทษ...”

แมวหันหลังไปมอง เห็นพี่อาทิตย์เดินตามหลังหมูต้อยๆ เข้าบ้านมา ท่าทางเชื่อสนิทใจว่าตนทักผิดคนจริงๆ

แมวยิ้มขำ

พี่อาทิตย์เดินตามหมู เหมือนพระเอกเดินตามง้อนางเอกในหนังอินเดีย ที่ตาหวานเคยพาแมวไปดูที่โรงเท็กซัสเลย


“อื้อ~ อย่ามาจับนะ ปล่อยแมวเลยพี่อาทิตย์~”

“ลูกแมวก็ยกโทษให้พี่ก่อนสิครับ นะ...”

“ม่าย~”

“นี่อาทิตย์จำลูกไม่ได้หรือ?”

พ่อแสวงก้มหน้ามาถาม แมวส่ายหน้าพลางแบะปาก

“พี่อาทิตย์จับแมวได้คนแรกเลย”

“อ้าว”

“เฮ้ย ไอ้มาหา คุณยายชื้นแกรอนาน เอ๊ะ น้องแมว! เจ็บหรือเปล่า”

บานประตูไม้แบบพับเก็บได้ห้องรับแขก ครึ่งล่างเป็นไม้ทึบ คนข้างในไม่ทันได้มอง จึงผลักออก ชนหลังคนที่ยืนอยู่ข้างนอกอย่างจัง

แมวนวดๆ ปั้นเอว หันไปเอ่ยยิ้มๆ

“ไม่เป็นไรครับพี่คุณ นิดหน่อยเอง”

อาทิตย์ปล่อยแขนลูกหมู มองหน้าแฝดอีกคน

“นี่ลูกแมว...โกหกพี่?”

แมวส่ายหน้าหวอ

“แมวไม่ ไม่ได้...อื้อ...”


พูดไม่ออก


ไม่ พี่อาทิตย์อย่ามองแมวอย่างนั้น


“โอ๊ย นี่มาน้ำเน่ากลางบ้านอะไรกันคะ ลูกแมว ไปยกถาดขนมเร็ว ยายรอนานแล้ว”

“ครับแม่...”

ก้มหน้าซึม เดินเข้าไปหยิบถาดขนมข้างในครัวตามคำที่แม่ไสวบอก

แมวหันไปมองข้างหลัง

ไม่มีใครตามหลังมา

ปกติ...พี่อาทิตย์มักจะเข้ามาในครัว ช่วยแมวถือของ


ไม่น่าเล่นพิเรนทร์เลย...โกรธแมวมากเลยหรือ…


ในครัวมีถาดตะโก้น้อยหน่า ถาดเล็ก ถาดใหญ่ ที่ทำแยกเอาไว้

แต่ก่อนแมวจะได้หยิบอีกถาด เดินถือไปทั้งสองมือ มุมปากยกยิ้ม เงยหน้ามองใบหน้าเจ้าของฝ่ามือคุ้นตา

“พี่อาทิตย์~”

ดวงตาสบกัน ก่อนคนพี่จะหันไปอีกทาง เอ่ยเสียงแข็งทื่อ

“ถาดใหญ่ให้พี่ถือ รีบยกเข้าไปเถอะ เดี๋ยวยายชื้นจะบ่น”

“อื้อ!”


อย่างน้อยๆ พี่อาทิตย์ก็ยังคุยกับแมว


ถึงเสียงจะฟังดูงอนๆ ก็เถอะนะ














อาทิตย์ดันบานประตูพับหนักๆ ออกให้

แมวยิ้มหวานขอบคุณ ก่อนจะเอ่ยขออนุญาตผู้ใหญ่ทุกคนในห้อง

“ขออนุญาตครับ ขออนุญาตนะครับพี่คุณ”

“เชิญครับ อืม...หอมใบเตย”

“ลูกแมว ถาดไหน วางตรงไหน?”

“เอ๊ะ พี่อาทิตย์วางตรงนี้ๆ”

แมววางถาดในมือ แล้วชี้ๆ ให้คนพี่วางข้างๆ

แมวนั่งลง คลานเข่า เลื่อนถาดเล็กให้ยายชื้น

“ขนมตะโก้ครับยาย ตะโก้น้อยหน่า ถาดที่ไม่มีกะทิบนหน้าขนม ของยายนะครับ”

“ส่วนถาดใหญ่ๆ ของทุกคนใช่ไหมแมว”

อีกคนยังไม่ทันตอบ ลูกหมูก็หยิบขนม เอาเข้าปากก่อนใครเพื่อน

“อร่อย~ มีเนื้อน้อยหน่าด้วยง่ะ”

แมวยิ้มแก้มเป็นลูก

“ส่วนถาดใหญ่นี้ ของทุกคนครับ ถ้าอยากได้เพิ่มอีก แมวจะไปหยิบมาให้”

กิตติคุณยิ้ม มือเลื่อนมาหยิบขนมหวานสีเขียวสดสวย

“มีลูกน่ารัก ดูแลยายดีอย่างนี้ พี่เห็นแล้ว อยากมีลูกขึ้นมาเลยนะเนี่ย”

“หาเมียดิ ลูกข้าโตๆ กันหมดแล้ว เอ็งรีบหาเมีย ไว้จะได้มาปั้มลูกแข่ง-- โอ๊ย! แม่ล่ะก็ ตีพ่อทำไม!”

นางไสวหน้าแดงแปร๊ด

“พูดอะไรนะพ่อ พอ!”

“ไหนแม่ไสวบอกพ่อว่า ถ้ายูกๆ เลาโตแย้ว ค่อยว่ากัน-- โอ๊ย! โอ๊ย! แม่จ๋า ช่วยผมด้วยยย”

“สมควร ตีมันให้หนักเลยแม่ไสว นิสัยเสียจริง”

“ไม่ช่วยแล้วยังยุแยงตะแคงรั่วง่ะ!”

“ไม่เอานะพ่อ หมูไม่อยากมีน้อง!”

“เรื่องเอ็ง ก็ข้าอยากปั้ม-- โอ๊ย! แม่!”


เอ่อ...ช่างเถอะ


แมวปลงตก


แมวว่านะ เวลาอย่างนี้ บ้านเงียบๆ ก็ไม่ดีนักหรอก


“เหนียวนุ่มดี นี่น้องแมวทำเองใช่ไหม?”

“เอ๊ะ ใช่ครับ อร่อยไหมเอ่ย?”

แมวหันมาตอบพี่คุณที่เอ่ยปากถาม ถามท่ามกลางความวุ่นวายนั่นแหละ

แล้วแมวก็เห็นพี่อาทิตย์ที่นั่งเงียบ ปากเคี้ยวๆ บางอย่างหนุบหนับ


เงียบทุกครั้ง เมื่อมีขนม...อยู่ในปาก


ก็เพิ่งสังเกตว่าขนมบนถาดใหญ่หายไปเกือบหมดแล้ว

คล้ายว่าอีกคนก็รู้ตัวว่าถูกมอง แต่อาทิตย์ก็ยังหยิบขนมอีกชิ้น หันหนีไปอีกทาง

แมวเอียงคอ


งอนแมว แต่ก็ทานขนมแมว


เดี๋ยวตีเลย


จะงอนก็อย่ามาทานขนมแมวนะ


คนนอกมองแล้วหัวเราะแผ่วๆ

“อืม อร่อยสิ อร่อยมากเลย ไม่หวานเลี่ยน แป้งก็ไม่เหมือนร้านที่พี่ซื้อทานในตลาดพลู ไม่สิ แป้งมันไม่เหมือน ตะโก้เผือกของแม่ไสวด้วยนี่หน่า”

นางไสวหันมาอมยิ้มเอ่ยบอก

“ไม่เหมือนหรอกค่ะคุณกิตติ ตะโก้สูตรนี้ ลูกแมวเขาทำให้ตาทิตย์เขา”

“หือ…หึ พี่น้องบ้านนี้น่ารักดีนะครับ”

“ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้น ไม่ปั้มลูกเพิ่มแล้วนะพ่อ!”

“โธ่แม่ พ่อก็อยากมีลูกสาวตัวเย็กๆ มาพูดคะ พูดขาใส่บ้าง อะไรบ้าง”

“ไม่!”












สุดท้ายก็ไม่ได้ไปดูโรงหนังด้วยกัน

หลังจากเปิดพินัยกรรมของตาหวาน พ่อแสวงบอกติดธุระด่วน ลากพี่คุณไปด้วย บอกคืนนี้น่าจะไม่กลับ

แล้วก็ไม่กลับจริงๆ

ก่อนไป ขอโทษขอโพยยกใหญ่ ส่วนแม่ไสว ก็ไม่ยอมพาไปเสียเอง เพราะห่วงหลายอย่าง

ทั้งยายชื้นที่อยู่บ้านคนเดียว

ทั้งหมูที่เกรงว่าจะหอบขึ้น ถ้าเจอฝุ่นละอองในโรงหนังเข้า

ที่สำคัญ แม่ไสวขอไว้ บอกแมวกับหมูว่าไม่อยากให้พี่อาทิตย์ ออกไปเดินข้างนอกนานๆ นัก

มือกอดหมอนหนุ่นในมือแน่น ตามองโดยรอบก่อนจะปิดไฟ แมวรีบสาวเท้าเดินขึ้นเตียงนอน


ถ้าเปิดประตูห้องน้ำไว้ จะดีกว่าหรือเปล่า?


นึกอย่างนั้นได้ แมวก็สะบัดผ้าห่มออก รีบเดินไปเปิดไฟให้ห้องสว่างๆ


ถ้าหมูรู้ คงถูกบ่นใส่ว่าเด็กเป็นแน่ แต่ให้ทำยังไงเล่า


ก็กลัวนี่หน่า


“แมว ลงไปนอนข้างล่างดีไหมนะแมว”

แมวตัดสินใจอุ้มหมอน ค่อยๆ เปิดประตูห้องออก เกรงว่าจะเผลอทำเสียงดัง ปลุกใครตื่น

ฝ่าเท้าชะงักไป นึกขึ้นได้ว่ายายชื้นนอนอยู่ข้างล่าง


ไม่ดีแน่ ไม่รู้จะไปนอนตรงไหนด้วย


พี่อาทิตย์ยังไม่นอนหรือ?


ดึกดื่นป่านนี้ แสงไฟใต้ขอบประตูห้องนอนอีกฝั่ง ยังส่องสว่าง แมวย่องเบา ลองจับลูกบิดดู


ล็อคอยู่


ฟันเรียงสวยงับเนื้อปาก

เรื่องเมื่อกลางวัน ยังไม่ได้คุยให้เข้าใจตรงกันเลย

ถึงรู้ตัวว่าตนมีส่วนผิดอยู่มาก แต่แมวก็ไม่รู้ว่าจะใช้มุกไหน ง้องอนให้พี่อาทิตย์ใจอ่อน ยอมคืนดีกัน


แกร๊ก


“ลูกแมว?”

บานประตูไม้เปิดออก เจ้าของห้องชะงักไป เมื่อเปิดมาเจอน้องเล็ก ยืนก้มๆ งุดๆ หน้าห้องตน

“แมว แมว...นอนด้วย ขอหนูนอนด้วยคน...นะ...”

อาทิตย์นิ่วหน้า รีบเอื้อมมือมาปิดตาน้องเสียมิด

แมวพยายามแกะๆ เกาๆ มือคนพี่ออก

“อื้อ อย่าปิดตาหนู”

แมวได้ยินเสียงอีกคนพ่นลมหายใจเสียงดัง

“นี่ลูกแมว นอนไม่หลับหรือ?”

“ครับ พี่อาทิตย์ปิดตาแมวทำมาย ปล่อยสิปล่อย”

“ตามใจ...”

พอถูกปล่อย ดวงตาซื่อใสก็เห็นแผ่นหลังพี่ชายตัวขาว เดินฉับๆ เข้าห้องน้ำไป


สงสัยอั้นชิ้งฉ่องไว้แน่ๆ


แมวเดินเข้าห้อง ปิดประตูเบาๆ ฉีกยิ้มปีนขึ้นเตียง

ตาสำรวจรอบๆ นึกดีใจ พี่อาทิตย์ไม่ต้องอยู่ห้องแคบๆ รกๆ แล้ว

หัวหล่นลงหมอนที่อุ้มติดมือมา หนังตาแมวเริ่มหย่อน

นอนห้องตนมาตั้งหลายวัน กว่าจะง่วงก็รุ่งสาง พอย้ายมานอนห้องพี่อาทิตย์ ง่วงเฉยเลย


สงสัยคงต้องขอมานอนด้วยบ่อยๆ


แมวพยายามฝืนเปลือกตา จ้องประตูห้องน้ำ


“พี่อาทิตย์...ชิ้งฉ่องนานจาง หาว~”


แกร๊ก


คนเผลอหลับไปนิดนึงสะดุ้งตื่น ดวงตาสบกับคนตัวเปียกซก

“พี่อา...ทิตย์ อาบน้ำดึกๆ เดี๋ยวก็ม่ายสะบาย”

เสียงยานคางเอื้อนเอ่ย คนพี่มองมาแล้วอมยิ้ม

“ลูกแมวง่วงมากก็หลับเถอะ ไม่ต้องรอพี่หรอก”

“ยังไม่ได้คุยเลย”

อาทิตย์ส่ายหน้าเนือยๆ เช็ดเนื้อเช็ดตัว แล้วเดินขึ้นเตียง แมวพลิกตัว ปรือตามอง

“ถ้าโกรธแมว ก็อย่าทานแมวสิ...พี่อาทิตย์บ้าบอ...”

“ทานแมว? พี่ยังไม่ได้ทานแมวเลยนะครับ สักคำก็ยัง...ลูกแมวปรักปรำพี่หรือ...”

เม้มริมฝีปาก ตาเห็นหน้ายิ้มๆ ของพี่อาทิตย์อยู่ใกล้ๆ คนกำลังง่วงจัดหยีตาถาม

“ปรักปรำคืออะราย?”

“ปรักปรำนะหมายถึง...ลูกแมวให้ร้ายพี่ พูดถึงพี่ในเรื่องไม่เป็นความจริง”

“แมวไม่ได้ให้ย้าย แมวพูดจริงๆ พี่อาทิตย์งอนแมว แต่ยังทานแมวอยู่นั่น บ้าบอ...”

“บ้าบอ?”

“อื้อ บ้าบอ บ้าบอ งอนแล้วอย่ามาทานแมวนะ งอนกลับแล้--”

ลมหายใจร้อนๆ รดผิวเนื้อ มือขยุ้มเสื้ออีกคนไว้แน่น

คล้ายว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น เร็วขึ้น พอลืมตาดูอีกที แมวเห็น...ตาของพี่ชายตัวขาว ที่อยู่ใกล้...แค่นี้

“แฮ่ก หือ...อืออื้อ...”

ถูกปิดปากอีกหน

สมองแมวมึนงง

เรียวขาเล็กเสียดสี

จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่ท้องขึ้นมาซะได้ แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงกับสัมผัสอุ่นๆ ที่แตะข้างลำตัว

เปลือกตาหลุบลงปิดแน่น ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเสื้อตนถูกเลิกขึ้นสูง

“พี่อา พี่อาทิตย์...เจ็บ เจ็บท้อง...”

“เจ็บท้องหรือ?”

“อื้อ ช่วยแมว...ไม่รู้เป็นอะราย...”

อาทิตย์ผละออกนิดหน่อย ตาไล่มอง ก่อนจะถอนหายใจแผ่วๆ มือลูบหัว มองหน้าน้อง

“ลูกแมว พี่ถามอะไรเราสักอย่างได้ไหม?”

แมวปรือตาขึ้น หันหน้ามอง

“หือ?”

“ลูกแมวคิดว่าเราสองคน จูบกัน...ได้หรือเปล่า?”







ที่จริงมันควรจบได้แล้ว ที่จริงเขียนตอนจบไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ที่จริงบอกว่าจะลงตอบจบกับตอนพิเศษของอาทิตย์ไปตอนก่อน แต่นี่เพราะอินี่เขียนเพิ่มค่ะ ขอลากยาวจากที่แพลนไว้นิดนึง แต่เขียนไปเขียนมา อ้าวฉิบ ๒๗ หน้าฮะ ฮื่อ ตอนหน้าจะจบจริงๆ ล่ะค่ะ ขออภัยจริงๆ เราเพิ่งเคยเขียนเรื่องสั้น เรื่องนี้เรื่องที่สองเอง T - T

ปล. สารภาพตามตรงว่าตอนที่แล้ว ตอนแรกเราลงผิดไฟล์ค่ะ ไฟล์ที่ลงไปตอนแรก บอกวันที่บ้านไทยสุวรรณไปลอยอังคารผิด เราแก้วันไปนะคะ   


 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2018 17:26:10 โดย MH18A31 »

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด