chapter three
น้ำค้างไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของสตาร์บัค
แต่ในมือเขาตอนนี้มีบัตรสมาชิกของสตาร์บัคใหม่เอี่ยม และน้ำค้างก็เติมเงินลงไปในนั้นถึงสองพันบาทเพื่อจะเอาสมุดแพลนเนอร์ของปีนี้อีกด้วย
อืม ถ้าถามว่าสาเหตุของการสมัครสมาชิกสตาร์บัคคือใครก็เดาง่ายมาก ออกจะเฟลๆ นิดหน่อยที่วันนี้คุณฮิมไม่ได้เข้ากะ น้ำค้างอุตส่าห์เตรียมตัวมาสมัครสมาชิกกับคุณฮิมเต็มที่ แต่ก็ผิดเองแหละที่ไม่ได้ทักไปถามก่อน รู้ตัวอีกทีก็มายืนงงๆ อยู่หน้าเคาทน์เตอร์แล้วพร้อมกับบัตรสมาชิกในมือ แค่กลิ่นยังมีอิทธิพลขนาดนี้ ถ้าน้ำค้างเริ่มชอบคุณฮิมมากกว่านี้อีกนิดจะทำยังไงละเนี่ย
“ไงพ่อหนุ่มเลือดร้อน ไหนป่าสนของมึง”
น้ำค้างหันไปยกนิ้วชี้แตะปากตัวเองกับเพื่อนสนิทตัวดีอย่างกิม แน่นอนว่าเพื่อนเขาเป็นโอเมก้า ชีวิตกิมเรียบง่ายเป็นเส้นตรงจนน้ำค้างนึกอิจฉา กิมจบมัธยมปลาย เข้าคณะสถาปัตย์ที่ใฝ่ฝันได้ อีกฝ่ายมีช่วงฮีทแล้ว แต่ด้วยความที่ยังไม่มีเจ้าของเลยกินยากดเอา น้ำค้างเลยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองถูกดึงดูดโดยไอ้เพื่อนตัวเล็กข้างๆ สักเท่าไหร่ แถมอีกฝ่ายยังดูไม่ค่อยใส่ใจเรื่องหาคู่ด้วย มีอัลฟ่าเข้าหาบ้างเป้นครั้งคราวแต่กิมก็ปัดตกทุกราย ออกมาข้างนอกก็ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นตลอด เลยได้อยู่คนเดียวสมใจ น้ำค้างล่ะอยากจะมีชีวิตแสนสงบสุขแบบนั้นบ้าง อะไรที่ทำให้รู้สึกสงบที่สุดในช่วงนี้ก็คงเป็นกลับห้องแล้วผ้าที่ตากไว้แห้งสนิทและไม่ปลิวหายจากระเบียงไปก่อน
“ไม่ได้พูดชื่อสักหน่อย ไหนอะ”
“กิม มึงอย่าเสียงดังดิวะ” น้ำค้างพูดลอดไรฟันเสียงกระซิบ แต่กลับได้รับสีหน้าเอือมระอาของเพื่อนสนิทกลับมา
“กูพูดโทนปกติเลยไอ้น้ำ มึงอะประสาท เขาก็ไม่อยู่”
น้ำค้างรีบลากไอ้กิมออกมาจากแถบเคาทน์เตอร์ เห็นบาริสต้าผู้หญิงที่รับออเดอร์เขาเหมือนจะยิ้มกับตัวเองแล้วก็ใจไม่ดี ว่ากันว่าไม่มีใครในโลกนี้ไม่นินทา เพราะฉะนั้นอย่าหวังเลยว่าคุณฮิมจะไม่แอบเม้าท์เขากับเพื่อนร่วมงาน
“ก็เพื่อนร่วมงานเขาอยู่ไหมล่ะกิม” น้ำค้างว่าแล้วก็เอามือลูบหน้าเสยผมขึ้นไปแบบที่ชอบทำ ไอ้กิมชอบแซวบ่อยๆ ว่าทำแบบนี้ระวังหัวล้านก่อนวัยอันควร แต่น้ำค้างบอกเลยว่าถ้าเสยผมหน้าม้าไอ้กิมขึ้น ก็วัดได้แล้วว่าใครจะต้องซื้อน้ำยาปลูกผมก่อนตอนแก่ (ซึ่งไม่ใช่น้ำค้างแน่นอน)
“มึงต้องทำอะไรเด๋อๆ แล้วไม่บอกกูแน่นอน” กิมหรี่ตา และน้ำค้างยิ้มจืดให้เพื่อน เขาไม่ได้บอกโอเมก้าเพื่อนรักว่าตัวเองไปโกหกว่าเป็นโอเมก้าแถมยังจะเผลอไปกัดคอเขากลางซุปเปอร์อีก
“แค่กูยืนเฉยๆ ต่อหน้าเขาก็เด๋อแล้วกิม”
“ไม่เถียง เพราะเรื่องจริง” กิมหันไปหยิบแก้วลาเต้เย็นของตัวเองที่เพิ่งได้มาดูด “แล้วเป็นไง ริจะจีบอัลฟ่าด้วยกันเอง เก่งนักหรือเราอะ”
“ดูถูกกูเหรอ” น้ำค้างอยากจะเอาขาเตะเพื่อนตัวเองตอนมันยักไหล่ใส่
“โถ่ไอ้น้ำ แค่โอเมก้าช่วงฮีทอยู่แถบๆ มึงหน่อยก็เดินหนีเขาแล้ว” กิมย่นจมูกแล้วก็เลิกคิ้วใส่ “ไก่อ่อนชิบหาย อัลฟ่าภาษาอะไร”
“แล้วทำไมกูต้องดุ คนเราคุยกันดีๆ ก็ได้ปะกิม” น้ำค้างโต้กลับบ้าง เขาล่ะไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นอัลฟ่าจะต้องทำตัวเกรี้ยวกราดวางมาดด้วย ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอก แต่ภาพลักษณ์ความเป็นอัลฟ่าไม่ใช่แค่ที่ทุกคนเหมารวม แต่มันอยู่ในสายเลือดที่จะมีความเป็นผู้นำ ความเป็นใหญ่ การแสดงความเป็นเจ้าของและเจ้าอำนาจ อัลฟ่าบางคนก็มีส่วนนี้เสียเยอะแยะ อย่างคุณฮิมก็พอจะเดาได้ แต่สำหรับน้ำค้าง เขาก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าตัวเองมีเลือดความเป็นอัลฟ่าตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่เขาอยากจะมาร์กรอยคุณฮิมก็เป็นได้ พอนึกถึงทีไรก็อยากจะ...ขอโทษทุกที ให้ตายสิ
“คุยกันดีๆ จะได้แดกไหมล่ะครับคุณน้ำค้าง”
“เห้ย เพิ่งเจอกันเองกิม มึงใจเย็นๆ ดิ”
“น้ำ กูถามจริง ตั้งแต่กูรู้จักอัลฟ่ามาเนี่ย อย่างช้าสุดก็อาทิตย์นึงอะ แล้วก็...” กิมเอามือตบเข้ามากันเสียงดังป้าบแทนความนัยจนคนรอบๆ หันมามองก่อนจะพูดต่อ “ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงฮีทเขาก็เคลมอีกฝ่ายหมดแล้ว”
“มึง คุณฮิมเขาเป็นอัลฟ่า” น้ำค้างอยากจะเดินออกจากสตาร์บัคเต็มทน ทำไมเขาต้องพาไอ้กิมมาด้วยวะ แต่ถ้าเลิกคบมันก็ไม่มีใครคบแล้วเหมือนกันไอ้น้ำ
“อัลฟ่าแล้วไง ถ้ามึงจะเคลมก็เคลมได้เลย” กิมพูดเรียบๆ เหมือนพูดว่าวันนี้อยากกินข้าวผัด ต้องได้กินเลย ก่อนจะทำตาโตเหมือนนึกอะไรได้ “เดี๋ยว หรือมึงรอเขาเคลมมึงวะไอ้น้ำ”
“ไอ้กิม! มึงพูดเหี้ยไรเนี่ย!”
คราวนี้เป็นน้ำค้างเองที่เสียงดัง เรียกสายตาจากฝูงชนได้กลุ่มหนึ่ง กิมทำหน้านิ่งเฉย เหมือนจะบอกทางสีหน้ากลายๆ ว่าใครกันแน่ที่เสียงดัง มึงทำตัวเองทั้งนั้นเลยเพื่อนรัก
“มึง กูยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นไหมวะ” น้ำค้างมองซ้ายขวาแล้วก็หาที่นั่งจนได้ เดือดร้อนกิมต้องเดินไปเอาอเมริกาโนที่เพื่อนยังไม่ยอมหยิบจากเคาทน์เตอร์มาให้แล้วตามไปนั่งมุมอับที่ประจำที่เดิมของน้ำค้าง
“ยังไงเดี๋ยวก็ต้องคิด มึงคิดว่าคุณฮิมเขาจะปล่อยให้มึงแอ๊ะแอ๋ไปเรื่อยๆ เหรอไอ้หนุ่ม เลือดอัลฟ่าเขาแรงกว่ามึงอีก ระวังโดนเคลมก่อน” กิมพูดแล้วก็ยิ้มให้เพื่อนทีนึง ไม่ใช่ยิ้มให้กำลังใจ แต่เป็นยิ้มที่มีเสียงออกมาจากหน้าโดยไม่ต้องพูดว่า อ่อนว่ะ
“มึง เขาบอกจะค่อยๆ กับกูนะ” น้ำค้างนึกถึงคำพูดป่าสนของเขาแล้วก็เริ่มไม่แน่ใจแทน บอกจะค่อยๆ แต่ทั้งสายตาทั้งการสกินชิพสำหรับน้ำค้างคือบอกเลยว่า ไม่ค่อยจะค่อยๆ เท่าไหร่อะครับคุณ
“ค่อยๆ ก็คือ...” กิมแกะฝาเพื่อจะตักวิปครีมที่สั่งเพิ่มพิเศษมา “รู้ตัวอีกทีโดนเขาแดกไม่รู้ตัวแล้วแน่นอน”
“ทำไมมึงขี้ขู่จังวะ”
“ตัวโตกว่าเขาก็หัดทำตัวให้มันโตขึ้นหน่อยไอ้หนุ่มนักรัก”
“เอาตรงๆ ปะกิม ห่างกันแค่โต๊ะกั้นกลิ่นเขายังทำกูเอาตัวเองไม่ค่อยจะอยู่เลย กูอยากจะกัดเขาอย่างเดียวเนี่ย” น้ำค้างสารภาพบาปไปนิดนึง แต่เหตุการณ์ที่แผงขนม ขอไม่พูดถึงแล้วกัน
“เพิ่งเคยเห็นมึงพูดจาแบบนี้” กิมทำหน้าประหลาดใจแบบเสแสร้งสุดๆ “แต่พอเป็นมึงพูดประโยคนี้นะคุณน้ำค้าง ความฮอตลดระดับลงไปครึ่งนึง”
“ก็กูไม่ฮอตไหม” น้ำค้างทำหน้าละเหี่ยใจ เป็นอัลฟ่าดุๆ แล้วยังต้องเป็นหนุ่มฮอตอีกเหรอเนี่ย เหนื่อยแล้วนะ
“ความจริงมึงฮอต แต่มึงแค่ไม่ใส่ใจ” กิมว่าต่อ “ตัวก็สูง กระดูกก็ยาว แขนขาก็พอดี ผิวออกแทนๆ ค่อนเข้มอีก ตอนเจอมึงครั้งแรกกูยังคิดเลยว่ามึงต้องฮอตมาก”
“แล้วตอนนี้อะ?” น้ำค้างถามแบบมีความหวัง (ว่าตัวเองจะฮอตอยู่)
“กูเห็นแฟชั่นเสื้อคลุมกิโมโนมึงกับรองเท้าแตะกับการมาช็อปปิ้งในซุปเปอร์แล้วบอกเลยว่าพ่อ”
“พ่อของลูก?”
“พ่อมึงสิไอ้สัด ใครสั่งให้แต่งตัวแบบนี้”
น้ำค้างถึงกับยิ้มค้างกับคำตอกกลับของเพื่อน ลุคสบายๆ แสนจะคอมฟี่แบบนี้มันดีกว่ากางเกงนักศึกษาตั้งแยะ รองเท้าแตะสิดี สนีกเกอร์เนี่ยซื้อมาใหม่ทีไรก็กัดเท้าเขาตลอด เป็นแค่รองเท้าทำตัวเป็นอัลฟ่าดุๆ อยู่ได้ กัดได้กัดดี
“คุณฮิมก็น้า ชอบอะไรในตัวมึง” กิมส่ายหน้า “แต่ก็ดี ยังมีคนที่ชอบมึงคนนึงในโลก”
“ยังไม่ทันได้จีบเลยกิม”
“เขาจีบมึงจนได้ติ่มซำหลายเข่งแล้วไอ้น้ำ มีแต่มึงอะประดักประเดิดอยู่คนเดียว”
“แล้วต้องทำไง”
“มึงอยากกัดเขานี่ ก็แสดงออกหน่อยซี่ว่าอยากจะเป็นฝ่ายเคลม อยากกินอยู่คนเดียวในใจเขาไม่รู้เรื่องกับมึงหรอกคุณน้ำค้าง”
น้ำค้างบอกเลยว่า งานหิน แต่ถึงหินจะหนักแค่ไหน ปากเขาก็หนักกว่า เพราะถ้าเอาหินทุบปากน้ำค้าง หินน่าจะแตกก่อน
☁
น้ำค้างถ่ายรูปส่งแชทหาคุณฮิม เป็นรูปบัตรสตาร์บัคที่เขาเพิ่งสมัครมาใหม่ อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็หวังว่าคุณฮิมจะมองว่าเขาพยายามจะหาทางเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นบ้าง
hymn: แย่จังครับ ไม่ได้เป็นคนสมัครให้คุณน้ำค้างเลย
น้ำค้างยิ้มกับตัวเอง ไม่ใช่ว่าดีใจที่เขาอยากมาเจอ แต่แอบโล่งอกมากกว่า เขายินดีที่จะเจอคุณฮิมแบบที่นอกเวลางานและไม่มีคนเยอะแยะมากกว่า แต่พอจะชวนทีไรก็กล้าๆ กลัวๆ ทุกที พอแอบไปหาเวลาเขาทำงานก็ดันไม่เจออีก ก็ได้แต่ร้อนรนอยู่คนเดียว สมกับเป็นไอ้น้ำค้างคนขลาดดี
น้ำค้าง: อยากเจอคุณฮิมเหมือนกัน
hymn: สุดสัปดาห์นี้ว่างไหมล่ะครับคุณน้ำค้าง?
น้ำค้างกะพริบตากับข้อความล่าสุด
hymn: สนใจทำอาหารเลี้ยงผมสักมื้อไหมคุณแม่บ้าน :-)
น้ำค้างมองหน้าจออ่านคำชวนของคุณฮิม แต่มืออีกข้างเปิดแล็ปท็อปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้ว ยังไม่ทันได้กดตอบตกลงก็เผลอหันตัวมาเสิร์ชหาเมนูอาหารซะแล้ว จนผ่านไปสิบนาทีนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าตัวเองเปิดข้อความทิ้งไว้โดยยังไม่ได้ตอบ
น้ำค้าง: ได้ครับได้ ขอโทษที่อ่านไม่ตอบนะครับ พอดีผมเสิร์ชหาเมนูอาหารเลยตอนคุณฮิมส่งมา
hymn: คุณน้ำค้างนี่มันแม่บ้านญี่ปุ่นจริงๆ ด้วย 55555 น่ารักจังครับ 55555
น้ำค้างถึงกับยิ้มแหยๆ ให้ตัวเอง ไม่คิดว่าคุณฮิมจะชวนให้เขาทำอาหารให้นี่นา นึกว่าจะชวนออกไปดูหนังหรืออะไรแนวๆ เดตธรรมดาเทือกนั้นซะอีก
น้ำค้าง: ขอบคุณที่ชวนให้ผมทำอาหารนะครับ
hymn: คุณน้ำค้างดูจะไม่ชอบคนเยอะๆ ผมว่าทำอะไรที่ตัวเองสบายใจจะได้รู้จักตัวตนคุณจริงๆ ดีกว่า
คราวนี้น้ำค้างยิ้มกว้างจริงๆ เขาไม่ใช่คนประเภทปาร์ตี้สุดเหวี่ยงคืนวันศุกร์ หรือกินเหล้าเมาเป็นหมา น้ำค้างคิดว่าคนประเภทเขาค่อนข้างน่าเบื่อและจืดชืด แต่ถ้าคุณฮิมยินดีจะเข้าใจและเป็นส่วนหนึ่งของอะไรที่เขาชอบ น้ำค้างก็ยินดีจะให้พื้นที่เป็นพิเศษ
หวังว่าคุณฮิมจะให้พื้นที่พิเศษกับเขาบ้าง
☁
เป็นครั้งแรกที่น้ำค้างพาคนอื่นมาที่ห้องนอกจากไอ้กิม ที่ส่วนมากจะมาปั่นงาน ยืมของ โต้รุ่งอะไรแบบนั้น น้ำค้างไม่ได้รู้สึกอึดอัดถ้าคนจะมาห้องเขา ก็ยังดีกว่าจะต้องออกไปข้างนอกที่คนเบียดเสียด
“ห้องคุณน้ำค้างเนี่ย ไม่ต่างจากที่ผมคิดไว้เท่าไหร่เลยอะ” คุณฮิมพูดขำๆ น้ำค้างเตรียมใจไว้เลยว่าห้องเขาจะมีแต่กลิ่นโปรดของป่าสนดิบชื้น คุณฮิมคงจะทิ้งกลิ่นอายให้เขานึกถึงอยู่สักพัก
“ห้องผมไม่ค่อยมีอะไรหรอกคุณฮิม” น้ำค้างว่าแล้วก็เดินเข้าครัวทันที
“ผมหมายถึงมันเรียบร้อยครับ ห้องผมรกมาก แล้วก็ไม่ได้กลิ่นสะอาดขนาดนี้”
“กลิ่นผมรึเปล่า คุณฮิมบอกผมกลิ่นเหมือนผ้าสะอาดนิ” น้ำค้างพูดเจือขำมาจากตรงเตาแก๊ส คุณฮิมยังคงยืนพิงโซฟามองแผ่นหลังของน้ำค้างที่ยืนตั้งหม้อนู่นนี่นั่นอยู่ วันนี้คุณฮิมใส่เสื้อยืดสีขาวโอเวอร์ไซส์ยัดใส่กางเกงขาสามส่วนเหนือเข่า ก็ดูเป็นอะไรที่สบายๆ ดี
“กลิ่นคุณอ่อนจะตาย” คุณฮิมพูดและน้ำค้างก็ต้องสะดุ้งโหยงตอนคุณฮิมสืบเท้าเข้ามาประชิดด้านหลังเขาไม่ทันบอกอีกแล้ว “ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีล่ะคุณน้ำค้าง”
คุณฮิมขำใหญ่อีกแล้ว แกล้งเขาน่าจะสนุกมากทีเดียว
“คุณฮิม ผมขอเว้นระยะหนึ่งช่วงแขนก็ยังดีเถอะ”
“อะไรขนาดนั้นคุณน้ำค้าง กลัวผิดวินัยสงฆ์เหรอครับ”
คุณฮิมแซว แต่ก็ยอมถอยให้ พอมานั่งพิจารณาดีๆ ท่าทางเขาสองคนมันก็พระกับสีกาจริงๆ นั่นแหละ โดนตัวอะไรกันไม่ได้ขนาดนั้น
“ไหนคุณฮิมบอกจะค่อยๆ ไง”
“ผมก็ค่อยๆ นะ คุณน้ำค้างต่างหากใจร้อน คราวที่แล้วก็จะกัดผมละ”
น้ำค้างหันไปมองก็เห็นคุณฮิมเลิกคิ้วยิ้มๆ แล้วเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางตบๆ ตรงแอ่งชีพจรตัวเองที่เดิม ความอายแล่นขึ้นมาจุกอกน้ำค้าง เลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่เถียงตั้งหม้อต่อไป
“ว่าแต่วันนี้ทำอะไรให้ผมกินอะคุณแม่บ้าน”
“สปาเกตตี้นี่แหละคุณฮิม วันนั้นผมไปซื้อแล้วเส้นยังเหลือเลยเอามาทำต่อครับ”
คุณฮิมพยักหน้าเออออในลำคอ แล้วก็มาเดินวนๆ ดูรอบๆ เขาตอนเขาหั่นหัวหอม ปรุงนู่นนี่ กลิ่นป่าสนแว้บไปมาห่อหุ้มเป็นบรรยากาศรอบตัว เขาว่ากันว่าอัลฟ่ากับโอเมก้าที่กลิ่นเข้ากันได้ดีจะเป็นการจับคู่ที่เหนียวแน่น น้ำค้างเลยอดคิดไม่ได้ว่ากลิ่นเขากับคุณฮิมน่ะ ผสมกันออกมาดีรึเปล่า
“คุณน้ำค้าง มีเน็ทฟลิกซ์รึเปล่าครับ”
“อ๋อ มีครับมี เปิดดูได้เลยคุณฮิม รอผมทำน่าจะเบื่อแย่”
“ไม่เบื่อหรอกคุณ คราวหน้าไว้ผมเลี้ยงกาแฟคืนนะ”
คุณฮิมนั่งเอนตัวลงบนโซฟา ก่อนจะไล่กดรีโมทไปเรื่อย ยกยิ้มเมื่อเห็นน้ำค้างมีแต่ลิสท์รายการทำอาหารแนะนำขึ้นมา
น้ำค้างเดินตามไปนั่งข้างๆ คุณฮิมตรงโซฟาบ้าง ด้วยความที่โซฟาไม่ได้ยาวขนาดนั้น พวกเขาเลยนั่งห่างกันไม่เท่าไหร่ และดูเหมือนคุณฮิมจะกระเถิบเข้ามาติดตัวเขาอีกแล้ว น้ำค้างถึงกับนั่งตัวแข็งตรงแหน่วอีกรอบ
“จีบผมจริงปะเนี่ย”
คุณฮิมยิ้มหวานให้ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนจะทดสอบความอดทนน้ำค้างที่กำลังหมดลงเรื่อยๆ เน็ทฟลิกซ์ในจอทีวีเล่นแต่ตัวเทรลเลอร์หนังค้างไว้กลายเป็นเพียงเสียงรบกวน มีเพียงกลิ่นของอัลฟ่าตรงหน้าเขาที่ลอยตลบอยู่ในประสาทสัมผัส
“ก็จริงน่ะสิคุณฮิม”
“ไม่เห็นเหมือนจะจีบเลยคุณน้ำค้าง”
น้ำค้างตอบไม่ถูก เขาอ่านคุณฮิมไม่ออกอีกแล้ว ในรอยยิ้มนั้นน้ำค้างรู้สึกว่าเขากำลังจะตกหลุมให้กับป่าสนลึกลงไปอีกนิดนึงแล้ว
“คุณน้ำค้างทำหน้าเหมือนอยากจะกินผมอีกแล้ว”
คุณฮิมขยับเข้าไปใกล้อีก ใบหน้าของพวกเขาห่างกันเพียงชั่วลมหายใจที่รินรดใส่หน้ากันและกัน น้ำค้างเห็นรายละเอียดใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน กลิ่นใบไม้ต้นสนและไอเย็นของหมอกลงจัดอยู่ใกล้เพียงใต้จมูกเท่านั้น คุณฮิมจะรู้ไหม ว่าน้ำค้างอยากจะกอดเจ้าตัวกลิ่นนี้เอาไว้ทุกวันตั้งแต่เจอ
เส้นความอดทนในหัวเหมือนขาดดังผึง สมองของน้ำค้างหลุดไปกับกลิ่นระยะประชิดตรงหน้า มือโอบเอาเอวป่าสนของเขาตรงหน้าเข้ามา ใบหน้าโน้มไปจูบกลีบปากรูปหัวใจนั่นดั่งใจคิด น้ำค้างไม่เคยจูบใครมาก่อน ทุกอย่างทำไปตามสัญชาตญาณในร่างกาย อัลฟ่าตัวโตบดกลีบปากอัลฟ่าในอ้อมกอด มือดันคุณฮิมลงไปนอนราบกับโซฟาเพื่อจะจูบให้ถนัดขึ้นเหมือนร่างกายจะสั่งมาว่ายังไม่พอใจ คุณฮิมกัดปากเขาก่อนจะใช้ฟันดึงกลีบปากล่างออกคล้ายจะหยอกที่น้ำค้างโดนปั่นหัวจนไปไม่เป็นแบบนี้ มือยาวที่เต็มไปด้วยกระดูกของคุณฮิมไล่ไปตามต้นคอเขา
“ชักอยากจะกัดคุณน้ำค้างบ้างแล้ว”
คุณฮิมพูดเป็นเสียงกระซิบชิดริมฝีปากเขา น้ำค้างหาได้สนใจไม่ อัลฟ่าตัวโตแต่ไม่ประสายังคงก้มสูดดมและทิ้งจูบชื้นตามสันกรามอีกคน ไล่ระเรื่อยลงไปที่ตรงลำคอ แอ่งชีพจรล่อตาล่อใจให้ก้มลงไปฝังให้จมเขี้ยว
คุณฮิมเหมือนจะรู้ถึงได้ยิ้มแล้วดันหน้าน้ำค้างออกก่อนที่จะได้ทำตามดั่งใจคิด
“กินตรงนั้นไม่ได้นะครับคุณแม่บ้าน”
อัลฟ่าที่ยอมอยู่ใต้อาณัติมาสักพักผลักให้น้ำค้างลุกออกไป และอัลฟ่าตัวโตอย่างน้ำค้างก็ได้แต่ลูบหน้าตัวเอง เอาศอกเท้ากับเข่าแล้วก็สูดหายใจเรียกสติตัวเองให้กลับมาอยู่กับที่ แต่รอบตัวน้ำค้างมีแต่กลิ่นคุณฮิมเต็มไปหมด
น้ำค้างไม่รู้เลยว่าคุณฮิมจะมีอิทธิพลกับเขาขนาดนี้
“จูบเก่งนะครับเนี่ย แน่ใจเหรอว่าไม่เคยคุยกับคนอื่นมาก่อนผม” คุณฮิมใช้นิ้วโป้งปาดคราบวาวบนริมฝีปากตัวเองแล้วก็ถามยิ้มๆ
“ผมจะโกหกคุณฮิมทำไมล่ะครับ” น้ำค้างตอบแล้วเดินไปเทน้ำใส่แก้วให้ตัวเอง
“โกหกว่าเป็นโอเมก้ายังทำมาแล้วเลยคุณ”
“ผมเสียใจกับเรื่องนั้นเป็นพิเศษเลยล่ะคุณฮิม”
“เสียใจที่ผมเป็นอัลฟ่าเหรอคุณน้ำค้าง”
น้ำค้างถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ ไอเสียโขลกใหญ่ ก่อนจะหันมาหาคุณฮิมที่นั่งอยู่ตรงโซฟา
“ไม่ใช่นะคุณฮิม คือ...”
“ไม่ต้องซีเรียสหรอกคุณน้ำค้าง ผมก็พูดไปงั้น” คุณฮิมหัวเราะเหมือนไม่คิดมาก แต่คนที่คิดมากก็คือน้ำค้างเลยเต็มๆ
“คุณฮิม ผมจริงจังนะ ผมไม่ได้เสียดายหรือเสียใจที่คุณฮิมเป็นอัลฟ่าหรืออะไรแบบนั้นเลย ที่ผมโกหกว่าเป็นโอเมก้าเพราะกลัวว่าคุณจะไม่ชอบที่อัลฟ่าด้วยกันอย่างผมเข้าหาตั้งแต่แรกเลยต่างหาก”
คุณฮิมเหมือนกำลังจะตอบอะไรบางอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มขำแทน
“น้ำเดือดจนจะล้นหม้อแล้วครับคุณแม่บ้าน”
เท่านั้นน้ำค้างก็รีบวิ่งกลับไปที่เตาแก๊สทันที
“คุณฮิมเอ่อ...เรื่องผมเป็นอัลฟ่า”
“ไม่ต้องคิดมากแล้วคุณน้ำค้าง ผมพูดไปงั้นจริงๆ จะแหย่คุณเฉยๆ” คุณฮิมส่งยิ้มแบบที่เห็นรอยบุ๋มลงไปสองข้างแก้ม น้ำค้างอยากจะอธิบายต่อ แต่ก็โดนคุณฮิมเดินเอามือมาแปะๆ ที่แก้มเขาเบาๆ แทน
“ไหนสปาเกตตี้คุณล่ะ กินผมอิ่มแล้วจะไม่ให้ผมกินอะไรหน่อยเหรอ”
เป็นครั้งแรกที่น้ำค้างอยู่ในห้องตัวเองแล้วอยากจะกลั้นหายใจตรงนั้น
☁
“มึงปลูกหญ้าในห้องเหรอไอ้น้ำ”
“ห้ะ?”
น้ำค้างที่กำลังจะทาน้ำยาประสานอะครีลิคลงกับชิ้นส่วนหลังคาถึงกับเกือบจะทำร่วงลงโมเดล แต่ดีที่ไอ้กิมมือไวจับมือเขาไว้ก่อน น้ำค้างถึงได้พรูลมหายใจทัน อะไรทำให้เขามาเรียนสถาปัตถ์ทั้งที่เด๋อด๋าขนาดนี้กันนะ
“ห้องมึงเหม็นเขียวมาก กูหลับตาคือเห็นแต่อะไรเขียวๆ แบบหญ้า”
“กูรู้ว่ามึงจมูกดี แต่ไม่นึกว่าจะดีขนาดนี้”
“ป่าสน?”
“อือ เหม็นเขียวก็เหี้ย หอมจะตาย กลิ่นน่าจะติดไปอีกวันนึงเลย” น้ำค้างพูดพร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย มือวางส่วนหลังคาลงกับโมเดล
“หอมกับมึงคนเดียวอะดิไอ้น้ำ แล้วงี้กูจะมาตากแอร์ห้องมึงไงเนี่ย เหม็นชิบหาย”
“ก็ไม่ต้องมา”
“คนที่วิ่งเอาแฟลชไดร์ฟไปร้านเลเซอร์อะครีลิคตอนไฟนอลโปรเจคเทอมที่แล้วที่มึงตื่นสายคือใคร ใครน้า ไหนกูหาไม่เจอเลย ใครวะเนี่ย”
น้ำค้างกอดอก มองไอ้กิมที่เล่นใหญ่มากในการหันไปเปิดเบาะโซฟา มองซ้ายมองขวาว่าใครกันที่ทำให้ ถ้าจะให้พูดตรงๆ คือพวกเขาคบกันอยู่สองคนในคณะ ถ้าไม่ใช่ไอ้กิมก็น่าจะเป็นไอ้โบโบ้ น้องหมาหน้าคณะแล้วล่ะ
“พอเถอะกิม เสียเวลาทำงาน มึงเอาเวลาเล่นใหญ่ไปหาคู่เถอะ เวลามึงฮีทแล้วแดกยากดทีไรสภาพเหมือนผู้หญิงหงุดหงิดเป็นเมนส์ชิบหาย”
“กูอยากอยู่คนเดียว รำคาญ ทำไมต้องมีคนมาวอแวตลอดเวลาด้วย” กิมย่นจมูกตอบ “เหม็นว่ะ”
“อยากไล่มึงออกจากห้อง แต่ลืมไปว่าเรียกมึงมาช่วยต่อโม”
“รองจากป่าสนของมึงก็ต้องรักกูแล้วล่ะไอ้น้ำ อีกนิดก็เหมือนจะเป็นเมียมึงแล้ว”
“กิม กูขนลุก”
กิมยักไหล่ใส่เขา และน้ำค้างก็รู้ว่าเพื่อนปากจัดคนนี้รักสันโดษแค่ไหน คนรอบตัวชอบคิดว่าเขาสองคนเป็นคู่กัน และบางทีกิมก็หาประโยชน์จากน้ำค้างให้เป็นไม้กันหมาอยู่ร่ำไปจนน้ำค้างนึกภาพไม่ออกว่าภาพที่กิมมีอัลฟ่าเป็นของตัวเองเป็นอย่างไร
“แล้ววันนี้พาเขามาห้องนี่คือ...”
น้ำค้างทำโมเดลบันไดหล่นจากมือของจริงเพราะกิมตบมือดังป้าบเสียงดังอีกแล้ว
“ไอ้เหี้ย ตบมือทำไมวะกิม กูตกใจ”
“ก็ถามว่าได้เคลมยัง”
“เคลมอะไร กูทำสปาเกตตี้ให้เขากินแค่นั้นอะ”
กิมทำหน้าเรียบเฉยเป็นเตารีด
“กูว่ามึงเป็นแม่บ้านให้เขาก็น่าจะเหมาะนะ ไม่ต้องจีบแล้ว ให้เขาจ้างเลย”
น้ำค้างถอนหายใจทิ้งอย่างเซ็งๆ ก็คุณฮิมบอกค่อยๆ ก็ค่อยๆ ไง แต่ยังไม่ทันจะได้บ่นอะไรกิมก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ทำให้เขามั่นใจหน่อยว่ามึงจริงจัง อัลฟ่ากับอัลฟ่า ไม่มีอะไรที่แสดงความเป็นเจ้าของได้ถาวรหรอก”
น้ำค้างเก็บเอาคำพูดของเพื่อนไปคิด
“มึงมาร์กเขา แต่เขาจะไปมาร์กคนอื่นก็ได้ เพราะสุดท้ายรอยมาร์กที่คอเขาก็หายอยู่ดี คุณฮิมเขาไม่ใช่โอเมก้า ที่รอยมันจะอยู่จับคู่ไปตลอด มึงอย่าลืม”
แล้วน้ำค้างก็เริ่มเข้าใจ ว่าที่คุณฮิมถามเขาว่าจีบจริงๆ รึเปล่าคืออะไร
“มึงว่าคุณฮิมเขาจะชอบกูบ้างไหมวะ”
“เขาไม่ถือเรื่องที่มึงเป็นอัลฟ่าก็ถือว่าโอเคระดับนึง สำหรับกู” กิมกำลังจะวางโมเดลชิ้นต่อไปลงไป แต่ก็ย่นจมูกก่อนจะจามเสียลูกใหญ่ จนน้ำค้างต้องลุกไปหยิบทิชชู่
“แต่ขอนอกเรื่องหน่อยนะไอ้น้ำ กูไม่ปลื้มกลิ่นเขามากๆ”
“แล้วกูควรทำไง กูไม่ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นให้มึงหรอกนะ กูรักกลิ่นเขา”
“อยากออกค่าโรงแรมให้ว่ะ ไปป้าบกันที่อื่นได้ไหม”
“กูบอกว่ายังไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น!”
“แล้วมึงเป็นเหี้ยไรต้องเสียงดังตลอดเวลากูพูดเรื่องแบบนี้เนี่ย”
น้ำค้างกำลังจะด่ากลับแต่เสียงแจ้งเตือนไลน์ขึ้นเป็นรูปอีโมจิทำเอาเขาพุ่งตัวไปที่มือถือทันที ล่าสุดน้ำค้างก็แค่คุยเรื่อยเปื่อยกับอีกคน ตอนนี้มันก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว เลยพิมพ์บ่นหิวไปตามประสาคนทำงานดึกๆ แล้วปากว่าง
hymn: หิวเหรอคุณน้ำค้าง กินผมเมื่อบ่ายไม่อิ่มเหรอ
น้ำค้างถึงกับเอามือปัดไปโดนส่วนหลังคาที่น้ำยาประสานยังไม่แห้ง และแน่นอนว่า เบี้ยวไปตามระเบียบ
“ไอ้เหี้ยน้ำ มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย”
เสียงกิมโวยวายไม่ได้เข้าหูน้ำค้างเท่าไหร่เพราะคุณฮิมส่งรูปตัวเองยิ้มหวานมาให้ น้ำค้างอยากจะพลีชีพลงตรงนั้น สัมผัสของริมฝีปากอีกคนเมื่อบ่ายกับกลิ่นป่าสนในห้องตอนนี้ทำเอาสติเขาแทบจะเตลิด
น้ำค้างควรจะทำยังไงกับห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ดี
tbc.
คุณเชื่อในเรือไหนกันคะ? 55555555555
ขอบคุณสำหรับฟีทแบคมากๆ เลยนะคะ มีความหมายสำหรับเรามากๆ เลยค่ะ
สำหรับใครที่อยากดูอัพเดทนิยาย หรือพูดคุยกับเรา เราสมัครทวิตไว้นะคะ @hopeniverse_ มาฟอลกันได้ค่า
แล้วก็ฝากเพลงไว้ให้ฟังกันอีกเพลงค่ะ hymn for the weekend - coldplay
feel free to comment and tag
#น้ำค้างกลางป่าสน
thank you