#3
เช้าวันต่อมาผมต้องมานั่งเป็นนักโทษที่ถูกเพื่อนสองคนมานั่งทำท่ากดดันทั้งที่ผมไม่ได้ทำผิดอะไรสักนิด
“เล่ามาๆอย่าแต่นั่งนิ่งสิคะคุณขวัญ”
“เล่าอะไรละครับฟ้า เราต้องเริ่มจากตรงไหนกัน”
“ตั้งแต่แรกเลย ตอนนี้เพื่อนฟ้าว้อนท์มากค่ะ” ดูต้องการจริงๆครับ ปกติฟ้าจะมาสายกว่านี้ในวันที่ไม่มีเรียนเช้าแต่วันนี้เจ้าตัวดันโทรมาปลุกผมให้มาตั้งแต่เช้าแถมยังลากโชคเพื่อนอีกคนมานั่งฟังด้วยทั้งที่ตาดูเหมือนจะยังไม่ลืมสักเท่าไหร่ เป็นคนที่ห่วงใยเพื่อนมากครับฟ้า
“ก็ตั้งแต่เปิดเรียนมา ทุกวันหลังเลิกเรียนเราจะต้องเดินผ่านสนามบอลไปทางหน้ามอทุกวัน แล้วเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาก็บังเอิญได้คุยกับพี่เขา แค่นั้น แล้วก็บังเอิญมาเจอกันอีกที่โรงอาหารเมื่อวาน ก็อย่างที่เห็นแค่นั้นเอง”
ผมบอกตามที่เล่าให้ครอบครัวฟังในกลุ่มไลน์ที่ม๊าสร้างไว้ตั้งนานแล้ว เพราะมันไม่มีอะไรแปลกก็ไม่รุ้ว่าจะปิดไปทำไม แต่ว่าเมื่อวานป๊ากลับเข้ามาบอกให้ระวังตัวด้วยเพราะพี่เขาน่าจะกำลังสนใจผมอยู่ ผมต้องอธิบายกับป๊าตั้งนานกว่าจะรู้เรื่อง
“คิดเหมือนกูไหมมึง กูว่าเมื่อวานไม่นานจะบังเอิญนะ กูดูจากคลิปแล้ว”
“ตอนเห็นครั้งแรกก็ไม่คิดแต่จำได้ตอนที่เพื่อนพี่อาร์พูด กูว่ามีสิทธิ์”
“ฟ้ากับโชคคิดอะไรกันหรอ เราอยากรู้”
“เพราะน้องขวัญของเราซื่อขนาดนี้จะไม่น่าแกล้งได้ยังไง”
“พูดอะไรเราไม่เข้าใจ แล้วเลิกบีบแก้มเรานะ เจ็บ” ผมยื้อแก้มตัวเองกลับมาแล้วลูบตรงที่โดนฟ้าแกล้งบีบเบาๆ น่าจะขึ้นรอยแดงแน่เลย
“ก็กูกับฟ้าคิดว่าที่พี่มันเขามาใกล้มึงทั้งตอนก่อนหน้าในคลิปกับเมื่อวานที่พวกกูเห็นพวกกูคิดว่าพี่มันต้องกำลังสนใจมึงอยู่แน่นอน”
“ไม่ใช่หรอก ฟ้ากับโชคคิดมากไปแล้ว เราเป็นผู้ชายนะ แล้วที่สำคัญดูเราสิ แบบนี้พี่เขาจะมาสนใจทำไม อย่ามาพูดเหมือนป๊าเราเลย” ผมรีบเถียงเพื่อนทันทีเพราะคิดไปได้ยังไง เหมือนกับป๊าเมื่อคืนเลย
“นี่เล่าให้ที่บ้านฟังแล้วหรอน้องขวัญ”
“อืม เราเล่าให้ที่บ้านฟังเมื่อคืน เพราะเจ้หนึ่งเปิดเจอเลยบอกกับที่บ้านเราเลยเข้าไปอธิบาย แต่ป๊าเราก็พูดเหมือนโชคเลยว่าพี่เขาน่าจะกำลังสนใจเรา แต่เราคิดว่าไม่จริงหลอก ผู้ชายจืดๆแบบเราพี่เข้าแค่ทักทายตามภาษาแหละ”
“มึงต้องเชื่อกูขวัญ สายตาที่พี่เขามองมึงเมื่อวานแทบจะกินมึงเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว”
“บะ บ้า ใครจะกินอะไร กำลังฝันหรอ”
“อู้ย เพื่อนขวัญด่ากูด้วยมึง”
“เขินหรอจ้ะน้องขวัญของเจ้ฟ้าใส”
“เขินอะไรกัน”
“ถ้าไม่เขินแล้วมึงหน้าแดงทำไม”
“หะ หุบปากนะ” ผมรีบปิดหน้าตัวเอง วันนี้ผมว่าเพื่อนไปกี่คำแล้วนะ รู้สึกตัวเองนิสัยไม่ดีเลย
“กูว่าวันนี้มึงน่าจะโชคดีนะไอ้โชค โดนไปสองดอกเต็มๆ”
“กูก็ว่าอย่างนั้น”
“ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ”
“เขินโหดหรอจ้ะ น้องขวัญ”
“ฟ้า ไม่เอาแล้ว เราว่าไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ครืด ครืด เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมแชทเรียกสายตาของเพื่อนสองคนให้หันมามองที่โทรศัพท์ของผมที่วางอยู่บนโต๊ะ
“หืม นี่มันคนที่ทักไปบอกรับแอดเมื่อคืนนี้ ว่าจะถามดันลืม ตกลงใครกัน”
“พี่อาร์”
“แหม อยากจะแหมไปโลกหน้า ไม่สนใจหรอก แล้วนี่การกระทำพวกนี้คืออะไรกันครับเพื่อนขวัญ ไหนขอเสียมารยาทเปิดหน่อยครับเพื่อน” โชคหยิบโทรศัพท์ของผมไปเปิด ผมที่ไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้วเพราะไม่ได้คิดจะมีความลับกับเพื่อเลยปล่อยไป
“ว่าไงมึง พี่เขาทักมาว่าอะไร” ฟ้าทำหน้าสนอกสนใจ แต่โชคไม่ตอบกลับยื่นโทรศัพท์ผมไปให้ฟ้าอ่านแทน ก่อนทั้งสองคนจะยิ้มเจ้าเล่ห์จนผมรู้สึกเสียวสันหลังมากกว่าเดิม
“มะ มีอะไรกันหรอ” ผมรับโทรศัพท์กลับมาดู ก็เป็นข้อความธรรมดาถามเรื่องกินข้าวเช้าเรื่องเรียนทั่วไป ไม่เข้าใจสีหน้าของเพื่อนสองคนเท่าไหร่ว่าแปลกยังไง
“ไม่แปลกใจหน่อยหรอ”
“แปลกยังไงครับฟ้า เราก็ว่าปกติ ที่บ้านเราก็ทักถามแบบนี้บ่อย แถมพวกฟ้าก็ทักถามเรานะ”
“แล้วขวัญว่าสำหรับคนที่ไม่ได้สนิทต้องถามแบบนี้ด้วยหรอครับ”
“โชคช่วยบอกเราเถอะ เราไม่เข้าใจกับสิ่งที่ฟ้ากับโชคกำลังบอกเรา”
“เอาตรงๆนะ พี่เขาทักมาแต่ไม่ได้ว่าเรื่องที่โดนถ่ายรูปคู่กับขวัญทั้งที่ไม่เคยมีใครเจอพี่เขาลงรูปคู่กับใครมาก่อน แถมยังบอกว่าคนอื่นคิดถูกแล้วทั้งที่ทุกคนคิดคือจิ้นขวัญกับพี่เขา ไหนจะยังพวกคำถามพวกนี้อีก ไหนว่ารู้จักกันไม่นานแล้วถามอย่างกับสนิทสนมแบบนี้คืออะไร”
“เราไม่รู้ เราไม่เข้าใจ เราว่าไม่มีอะไรหรอกนะทั้งสองคน เราว่าไปหาข้าวเช้ากินกันเถอะ”
“ขวัญจะตอบพี่เขาไหม” ฟ้าถามแล้วลุกขึ้นเดิน ผมเลยต้องเดินตามเพื่อนทั้งสองคน
“ก็พี่เขาถามเราก็ต้องตอบตามารยาทนะ”
“ขวัญ”
“ว่าไงโชค”อยู่ดีๆโชคที่เดินนำก็หยุดเดินแล้วหันกลับมามองผมที่กำลังจะพิมพ์ตอบ เพราเราเปิดอ่านมานานแล้วมันดูเสียมารยาท
“ขวัญไม่เชื่อใช่ไหมว่าพี่อาร์ของขวัญกำลังสนใจขวัญอยู่”
“ไม่ใช่พี่อาร์ของเรานะ”
“กูว่าขวัญกำลังหลุดประเด็นแล้วว่ะโชค”
“กลับมาเรื่องเดิมก่อนนะขวัญ เอาแบบนี้ ทำตามที่เราบอกเอาเปล่า”
“แต่ว่าถ้ามันไม่ได้เป็นแบบที่โชคว่า เราจะเสียใจนะ”
“หืมยังไงกันคะน้องขวัญ ชอบพี่เขาหรอจ้ะ”
“อะ อืม เราชอบเขินเวลาที่เจอพี่เขา แต่เราไม่รู้ว่าเราชอบพี่เขาหรือเปล่า” ผมกัดปากครุ่นคิดตามอาการตัวเองทุกครั้งที่เจอพี่เขา
“แต่กูเชื่อว่าพี่เขาต้องสนใจมึงขวัญ ลองดูก่อน เชื่อกูสิ” โชคบอกเสร็จก็เดินนำผมไปที่ร้านข้าวก่อนที่จะซื้อข้าวผัดไก่กลับมาที่โต๊ะสองจานเพราะผมต้องเฝ้าโต๊ะ
พอวางจานเสร็จก็นั่งลงข้างผมก่อนจะหยิบโทรศัพท์ผมไปถ่ายรูปแล้วส่งคืนมาให้ผม ภาพที่ส่งไปแทนคำตอบที่ว่าเรื่องกินข้าวเช้าที่พี่อาร์ถามก่อนหน้า เป็นภาพของจานข้าวสองจานที่วางใกล้กันโดยมีแขนของผมกับโชคที่วางใกล้กัน
“แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นหรอโชค” ผมหันไปถามโชคที่ก้มหน้ากินข้าวตัวเอง
“รอไปก่อน เดี๋ยวก็รู้”
ครืด ครืด เสียงแจ้งเตือนจากคนที่โชคพึ่งจะส่งภาพไป
VR Diwalenas: ทานที่โรงอาหารที่ตึกแพทย์หรือครับ
แล้วทานกับใครกันครับ เพื่อนหรือครับ
KK Dumrongeedsakul: ครับผมมาทานที่ตึกคณะ
แล้วก็นั่งอยู่กับโชคครับ
VR Diwalenas: หรอครับ
KK Dumrongeedsakul: ครับ
หลังจากที่ผมตอบไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันหน่วงนิดหน่อยแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ผมส่งโทรศัพท์ให้โชคดู ก่อนที่โชคจะให้ฟ้าดูอีกที
“คิดเหมือนกูสินะ”
“คิด กูว่าน่าจะใช่”
“เราไม่เข้าใจเลยว่าอะไรทำให้ทั้งสองคนคิดแบบนั้น แต่เราว่าไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ พอเถอะ เราไม่อยากจะคิดอะไรมากเกินไปแล้ว “
“ขวัญ แต่พวกกูว่า”
“เอาแบบนี้นะ ถ้าเราได้เจอพี่อาร์ตรงๆเราจะถามให้เลยเอาไหมว่าที่พี่เขาเข้ามาทักมาคุยเพราะอะไร ทีนี้พวกเราจะได้เลิกสงสัยกัน แล้วเราจะได้เข้าใจด้วยว่าต่อจากนั้นเราควรจะทำตัวแบบไหนต่อไป”
“ขวัญ ใจเย็นนะเว้ย พวกกูคิดว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกนะ”
“พอเถอะ เราอิ่มแล้วขึ้นไปเตรียมตัวก่อนนะ” ผมไม่รอฟังเรื่องนี้อีก ผมอดที่จะคิดล่วงหน้าไม่ได้ถึงคำตอบของพี่เขาว่าทั้งหมดเราคิดกันไปเอง มันจะเจ็บขนาดไหนกันนะ เลิกคิดๆ เตรียมตัวเรียนดีกว่า
ไม่นานเพื่อนสองคนก็ตามมา เราไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อเช้า เราเริ่มเรียนก่อนจะทำตัวตามปกติ แรงสั่นในกระเป๋าดึงให้ผมหันไปมองตอนที่เห็นชื่อคนที่ทักมาก็เลือกที่จะปล่อยผ่านเหมือนไม่ได้ยินมันแทน ผมยังไม่อยากจะคุยกับพี่เขาตอนนี้ ผมกลัวว่าจะเผลอทำตัวแย่ๆใส่ ทั้งที่ความจริงพี่เขาได้ผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ
ตลอดทั้งวันผมลืมเรื่องโทรศัพท์ไปจนถึงเวลาเลิกเรียน พวกเราสามคนแยกกันไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ผมเดินมาที่ลานหน้าตึกคณะที่เจ้ไผ่นัดเอาไว้ก่อนเลิกซ้อมเมื่อวาน
มีหลายคนที่มาก่อนหน้าเพราะผมมัวแต่เก็บงานก่อนที่จะออกมาเลยช้ากว่าเพื่อนนิดหน่อย เราเริ่มซ้อมเมื่อเจ้ไผ่มาถึง วันนี้มีการขึ้นท่าใหม่และซ้อมเพลงใหม่คร่าวๆเพื่อจับจังหวะก่อน
ครืด ครืด ครืด เสียงดันรัวเมื่อผมกลับมาที่กระเป่าของตัวเองที่วางเอาไว้บนโต๊ะรวมกับเพื่อนที่เข้าซ้อมคนอื่น พอหยิบออกมาก็พบว่ามีคนกำลังระดมส่งข้อความมา
VR Diwalenas: น้องขวัญครับ
VR Diwalenas: น้องขวัญ
VR Diwalenas: ขวัญครับ
VR Diwalenas: อยู่ไหมครับ
VR Diwalenas: ขวัญครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ
VR Diwalenas: พี่ทำอะไรให้ไม่พอใจหรือครับ
VR Diwalenas: ขวัญครับ
KK Dumrongeedsakul: ผมกำลังซ้อมอยู่ครับ
พึ่งจะได้พักครับ
ผมตอบกลับทันทีที่อ่านจบ พี่อาร์ทักมาตอนช่วงเวลาหลังเลิกเรียนถ้าไม่นับจากที่ส่งมาเมื่อช่วงเที่ยงที่ผมไม่ได้สนใจ
VR Diwalenas: จริงหรือเปล่าครับ
ไม่ใช่ไม่พอใจพี่แล้วกำลังบอกปัดนะครับ
KK Dumrongeedsakul: จริงครับ
***แนบรูปถ่าย***
VR Diwalenas: หน้าตึกคณะแพทย์หรือครับ
KK Dumrongeedsakul: ครับ
VR Diwalenas: แล้วทานอะไรหรือยังครับ
จะสองทุ่มแล้วนะครับ
KK Dumrongeedsakul: ยังเลยครับ
กำลังคิดว่ารอเลิกก่อน
VR Diwalenas: แล้วไม่หิวหรอครับ
KK Dumrongeedsakul: หิวก็ต้องทนครับ
ก็มันปลีกตัวไม่ได้นี่ครับ
เลิกเรียนมาก็ซ้อมเลย
ผมไปซ้อมต่อนะครับ พี่เขาเรียกแล้ว
ผมไม่ได้รอว่าพี่อาร์จะตอบอะไรแต่เลือกทีจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะวิ่งกลับไปซ้อมต่อ มีการเก็บรายละเอียดในเพลงที่ซ้อมเมื่อวานเพราะพรุ่งนี้จะเริ่มเพลงใหม่จริงๆ เจ้ไผ่บอกว่าให้เวลาจำท่าสองวันต่อเพลง ถือว่าโหดพอสมควร แต่ว่าจะมีการทบทวนในตอนใกล้เลิกซ้อมเสมอ
“เอาละ วันนี้พอแค่นี้อีกสิบนาทีจะสองทุ่มแล้ว เดี๋ยวหอน้องจะปิดก่อน พรุ่งนี้เจอกันที่เดิม เวลาเดิมนะ”
“ครับ” พวกผมตอบรับก่อนที่จะเดินกลับมาที่โต๊ะที่วางกระเป๋าไว้ แต่ดูเหมือนจะมีคนมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“กรี๊ด เจ้ขอหวีดแปป ลมอะไรหอบพ่อหนุ่มลึกลับขวัญใจมอแบบคุณน้องวีอาร์มาที่นี่ได้คะ” พี่อาร์ไม่ตอบทันทีแต่ชี้มาที่ผมแทน
“มารอน้องครับ”
“น้องจริงหรือเปล่าจ้ะพ่อคุณ อย่าว่าเลยนะ ขอรูปถวายลูกเรือสักรูปให้ได้หวีดหน่อยนะจ้ะ” พี่อาร์ไม่ได้ตอบอะไรเจ้ไผ่เลยเดินมาถ่ายรูปที่พี่อาร์หยิบกระเป๋าผมติดมือมาแล้วหยุดอยู่ที่ผม ผมที่ยังงงกับการที่พี่เขามาปรากฏตัวตรงนี้ไม่ทันได้สนใจอะไรเลยโดนถ่ายแบบหน้าที่ยังมึนๆไป
“อ่ะ เอารองท้องก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะพาไปกินข้าวแล้วไปส่งที่คอนโด”
“เอ๊ะ ใครบอกพี่ครับว่าผมอยู่คอนโด” ผมที่กำลังจะยื่นมือไปรับของสะดุดกับคำสุดท้ายเลยอดที่จะถามไม่ได้
“ไม่บอกครับ เอาเป็นว่าพี่มีสายแล้วกันครับ” พี่เขาไม่ตอบเปล่ากับเดินมาดันหลังผมให้เดินพร้อมเจ้าตัวไปที่รถครอบครัวสีดำของตนที่จอดอยู่หน้าลาน
ผมเดินขึ้นมานั่งตามที่พี่เขาบอก ก่อนที่จะนึกได้ว่าทำไมเขาไม่ปฏิเสธไปนะ จะมามัวคล้อยตามพี่เขาทำไมกัน พอขึ้นมานั่งผมรีบคาดเข็มขัดทันที เห็นแบบนี้ผมอ่านนิยายมาเยอะนะครับ
“พี่อดคาดให้เลย อุตส่าห์จะสร้างโมเม้นสักหน่อย”
“พอเลยครับ อย่ามาแกล้งผมแบบนี้เลยครับ ผมไม่คล้อยตามหรอกครับ”
“คล้อยหน่อยก็ได้นะครับ นี่ก็จะหมดไร่แล้ว”
“อะไรหมดไร่กันครับ” ผมงงกับคำพูดพี่อาร์ที่กำลังจะออกตัวรถพอสมควร
“ก็อ้อยไงครับ พี่เอามาส่งให้น้องขวัญจนจะหมดไร่แล้ว”
“พี่อาร์ ผมบอกแล้วไงครับ เลิกแกล้งผมได้แล้ว”
“นี่พี่จริงจังนะครับ”
“ผมเห็นแต่พี่แกล้งผม”
“มันอาจจะดูแกล้งสำหรับน้องขวัญ แต่สำหรับพี่ พี่ไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนะครับ”
“พี่อาร์ครับ ผมขอถามพี่อาร์สักคำถามได้ไหมครับ”
“ได้ครับ” ผมคิดว่าถ้ายังไม่ไม่ยอมหยุดการทำตัวหมาหยอกไก่ของพี่อาร์แบบนี้ คงจะเป็นผมเองที่จะแย่
“ที่พี่อาร์เข้ามาพูด มาแกล้งผมแบบนี้ เพราะอะไรกันครับ” ผมมองหน้าพี่อาร์ที่ตอนนี้กำลังติดไฟแดงพอดี
“พี่อ่อยมาหลายครั้งยังไม่รู้ว่าพี่จีบขวัญอยู่อีกหรือครับ”
“อะ อะไร นะครับ” ผมที่ยังประมวลผมไม่เสร็จ แต่พี่อาร์หันกลับไปตังใจขับรถต่อ
“พี่ชอบเราจริงๆนะ มันอาจจะดูเร็วแต่ว่าพี่เห็นเราครั้งแรกก็ชอบเลย ไม่สิ เรียกว่าตกหลุมรักทันทีที่สบตากันดีกว่า”
“พะ พี่อาร์”
“แล้วขวัญละ ยอมให้พี่จีบไหมครับ”
“แต่ว่า”
“เอาเป็นว่าพี่ถือว่าน้องขวัญอนุญาตพี่แล้วนะครับ”
“คือว่า”
“หิวสินะครับ สงสัยขนมปังคงไม่พอ พี่พาไปกินร้านประจำดีกว่านะครับ” ผมที่ยังไม่ตอบอะไรกลายเป็นพี่อาร์พูดเองเออเองทั้งหมด แต่จะว่าไปผมที่เงียบไม่ใช่ว่าไม่พอใจนะครับ แต่มันฟูๆอยู่ในอกจนพูดไม่ออกมากกว่า หน้าที่เห่อร้อนจนได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาที่มองมา งื้ออออออ เขิน
“หึหึ” เสียงหัวเราะยิ่งทำเอาหน้าผมแทบจะระเบิด นี่เป็นความฝันสินะครับ ผมไม่อยากจะตื่นเลย
TBC.