★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★ You are my Galaxy ★ [บทส่งท้าย ]27-03-62 ★ P.3 THE END  (อ่าน 16938 ครั้ง)

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


You are my galaxy

Status : On air

Start 18/06/61
End 06/09/61


สามารถพูดคุยกันได้ทางทวิตเตอร์โดยใช้แฮชแท็ก #กาแล็คซี่สีชมพู  ค่ะ :)

ผลงานที่ลงจนจบแล้ว : มุจลินท์

ติดตามข่าวสารได้ทางด้านล่างค่ะ
FB  https://www.facebook.com/banoffypienovel/
Twit @banoffypiie
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2019 21:33:01 โดย Banoffypie.novel »

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Prologue - บทนำ ] 19-06-61
«ตอบ #1 เมื่อ19-06-2018 09:26:03 »

Prologue

   ตั้งแต่ธัชธรรม์จำความได้เขาก็มีน้องชายหนึ่งคน เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มและผิวขาวจัดแตกต่างกับเขาที่ผิวแทนออกไปทางเข้มด้วยซ้ำ รูปร่างเราสองคนไล่เลี่ยกันจนเขาถึงอายุสิบขวบ ส่วนสูงเขาก็เริ่มสูงพรวดพราดจนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม่บอกเขาว่าน้องชายอ่อนแอและพัฒนาการช้าต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และสอนให้เขาดูแลน้องให้ดีนั่นคือหน้าที่ของพี่ชายคนโต เขารับคำและคอยดูแลน้องชายคนเล็กมาตลอด เขาและใบบุญอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เด็กหนุ่มจะเป็นคนพาน้องชายไปส่งที่โรงเรียนและรับกลับแทนมารดาที่ทำงานบริษัททุกวัน บางวันเขาก็จะพาน้องชายไปเดินเล่นที่สนามเด็กเล่นบ้างในบางวัน

   ใบบุญอายุสิบขวบแต่ว่าความคิดและการกระทำมักเหมือนเด็กอายุเจ็ดขวบ ในบางครั้งเขาก็ไม่อยากจะเชื่อแม่หรอกว่าน้องพัฒนาการช้า เพราะถ้าเป็นเรื่องความจำ ใบบุญจดจำได้ดีไม่แพ้เขาเลย น้องชอบอ่านหนังสือภาพและฟังเพลงเหมือนเขา เพราะแม่บอกว่าดนตรีบำบัดจะช่วยให้น้องได้ผ่อนคลาย สำหรับเขาแล้วดนตรีมันก็เหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายเขาไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะบิดาบังเกิดเกล้าที่เป็นอดีตนักดนตรี ซึ่งปัจจุบันแยกไปมีครอบครัวใหม่คอยสอนเขาเล่นกีต้าร์ก็เป็นได้ ทุกครั้งที่เขาได้จับเครื่องดนตรี ธัชธรรม์จะมีความสุขเสมอ

   วันนี้เขาพาใบบุญออกมาเล่นที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้านเพราะมารดาโทรมาบอกเขาว่าจะกลับดึก อีกอย่างปีนี้เขาก็อายุสิบสองแล้ว เพิ่งขึ้นชั้นมัธยมฯแม้จะเบื่อกับการดูแลน้องขนาดไหนแต่เขาก็ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็ก แม่บอกว่าการเป็นผู้ดูแลมันอาจจะเหนื่อย แต่ให้ลองนึกถึงใจเขาใจเรา ถ้าเขาเป็นแบบใบบุญแล้วไม่มีใครสนใจเขาบ้าง เขาจะรู้สึกอย่างไร ธัชธรรม์มีน้องชายอยู่คนเดียวเขาก็อยากดูแลให้ดีที่สุด

   “ใบบุญ”

“จ๋า”

“อย่าไปเล่นตรงนั้นนะ” เขาชี้ไปที่กองทรายที่เด็กชายบรรจงปั้นขึ้นมาด้วยความตั้งใจ ถัดออกไปจนสุดทางมีท่อระบายน้ำที่ถูกเปิดทิ้งไว้ เขาคิดว่าคงเพราะเมื่อวานมีอาสาสมัครเข้ามาลอกท่อในหมู่บ้านอาจจะลืมปิดเอาไว้ เด็กสิบสองขวบอย่างเขายังรู้เลยว่ามันอันตรายแค่ไหน

“หนู หนูไม่ได้ไป หนูจะอยู่ตรงนี้” ใบบุญชี้ที่ที่เจ้าตัวอยู่ยืน ถัดจากเขาไปประมาณห้าก้าว เด็กชายกำลังก่อกองทรายกองใหม่เป็นรูปปราสาท รูปดาว และรูปปลาหมึก เขามองน้องชายพลางหันไปยังอีกฟากที่เพื่อนในวัยเดียวกันกำลังเตะฟุตบอลอยู่

“เสร็จหรือยัง พี่จะพาไปส่งบ้าน”

“ยังจ้ะ ขอหนูอีกแปบนึงนะ.. ใกล้แล้ว”
“เร็วๆนะใบบุญ” เขาคอยดูแลน้องตามคำสั่งของแม่ แม่บอกว่าน้องไม่เหมือนเด็กคนอื่น เขาเห็นแม่พาน้องไปพบแพทย์อยู่หลายครั้ง และต้องคอยกระตุ้นพัฒนาการอยู่เสมอ ส่วนเขามีหน้าที่คอยดูแลอย่าปล่อยให้คลาดสายตา

“พี่ธัชจะไปไหนจ้ะ” เด็กชายถามเสียงใสเพราะเห็นพี่ชายชะเง้อคอมองไปทางอื่นอยู่นานแล้ว ถ้าพี่ธัชไม่อยากเล่นอยู่ที่นี่เขาก็อยากจะชวนพี่ชายไปเล่นที่อื่นดูบ้างเหมือนกัน

“ไปเตะบอลกับเพื่อนน่ะ”

“หนูไปด้วยได้ไหม”

“เราไปก็เล่นไม่เป็นหรอก” เขาบอก พลางเท้าคางมองน้องชายที่ส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นมาให้ “มีแต่คนตัวใหญ่ๆทั้งนั้น” พวกรุ่นพี่เขาจับทีมเล่นกันน่าสนุกเขาก็อยากจะไปแจมด้วยอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่า..

“พี่ธัชก็ตัวใหญ่นะ ตัวใหญ่เท่านี่เลย” ใบบุญกางแขนทั้งสองข้างออกกว้าง ฉีกยิ้มสดใส

“เห็นพี่เป็นยักษ์หรือไง” เด็กหนุ่มหัวเราะ “เราน่ะตัวเล็กเกินไปต่างหาก”

“หนูกินข้าวทุกวันเลย กินเยอะกว่าพี่ธัชด้วย”

“กินก็ตัวเท่านี้อยู่ดี” เขามองน้องชายและตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่เจ้าตัวแสบกลับไม่ยอมลุก ยังนั่งเล่นอยู่  “เอาล่ะจะกลับบ้านกันได้หรือยัง”

“ก็ได้ก็ได้ กลับบ้านแล้ว” ใบบุญยอมแพ้ ลุกขึ้นทั้งที่ในใจยังอยากจะเล่นต่ออีกนิด เพราะว่านานๆทีพี่ธัชจะพาออกมาข้างนอก แม่ก็ไม่ยอมให้เขาไปไหนมาไหนเองคนเดียวเพราะเป็นห่วงกลัวเขาจะหลง ทั้งๆที่เขาน่ะจำทางได้หมดนะ!

“ไม่งอแงนะ”

“ไม่งอแง เดี๋ยวพี่ธัชก็พาหนูมาเล่นอีก” เขายิ้มแป้น โผเข้าไปเกาะแขนพี่ชาย “หนูรู้ๆ”

“รู้ทันจริงๆ” ทั้งขำทั้งเอ็นดูเหลือเกิน “เช็ดมือเช็ดขาให้หมดนะ ทรายเกาะหมดแล้ว”

“หมดหรือยังอ่า” เจ้าตัวทำท่าสะบัดออก ทั้งปัดทั้งเช็ดไปหมดทั้งตัว

“มาใกล้ๆนี่มา” คนเป็นพี่เรียกน้องเข้าไปหาแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดเศษทรายที่ยังติดอยู่ตามตัว

“พี่ธัชใจดีจัง” เด็กชายยิ้มแก้มปริ ใบบุญเปรียบพี่ธัชเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่เลยล่ะ “กลับไปบ้านนะ ใบบุญจะยกเค้กให้พี่ธัชหนึ่งชิ้นเลย”

“เก็บไว้กินเถอะน่า พี่ไม่แย่งใบบุญหรอก”

“แต่ใบบุญ..”

“ไอ้ธัช” ธัชธรรม์หันหลังไปตามเสียงเรียกทันที เด็กชายตัวเล็กรีบวิ่งไปหลบหลังพี่ชาย

“ครับพี่” เขายกมือไหว้รุ่นพี่มอปลายที่โตกว่าเขาเกือบสี่ปี แม้ขนาดตัวจะโตไม่ห่างกันมากแต่เขาก็ไม่อยากมีปัญหา ส่วนมือจับจูงคนตัวเล็กเอาไว้ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ทีมกูขาดคน มึงไปช่วยเล่นหน่อย” อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงในโรงเรียน เดินไปทางไหนคนก็รู้จักต้องเข้ามาทักทาย ธัชธรรม์อดจะตื่นเต้นในใจไม่ได้ ถึงใจจะอยากตอบรับแค่ไหน เขาก็ปล่อยน้องชายไปไม่ได้หรอก

“ผะ.. ผมไม่ว่าง”

“ไม่ว่างของมึงคือทำอะไร? เมื่อไหร่มึงจะเลิกโอ๋น้องมึงสักที ไอ้เด็กปัญญาอ่อนเอาไปเก็บในบ้านไป๊” รุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้าประชิด ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้เด็กชายที่ซุกหน้าเข้ากับช่วงอกพี่ชาย “เอามาก็เป็นภาระมึงเปล่าๆ ไปเล่นกับพวกกูนี่กว่าน่า”

“ผมกำลังจะกลับ” ธัชธรรม์ได้ยินแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที อยากจะพาใบบุญกลับบ้านเดี๋ยวนี้แต่อีกฝ่ายก็มีพรรคพวกเยอะเหลือเกิน

“มึงแน่ใจนะว่าจะปฎิเสธพวกกู” เสียงหัวเราะดังขึ้นระงม “ปล่อยให้มันกลับบ้านเอง หรือน้องมึงเป็นง่อยจริงๆวะหว่ายยย ไอ้ง่อย ไอง่อย ไอ้เด็กปัญญาอ่อน ปัญญาอ่อน”

“…” เขากำหมัดแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ ไม่อยากให้อารมณ์ชั่ววูบทำให้เรื่องทุกอย่างมีปัญหา ใบบุญกระตุกเสื้อเขาอยู่หลายที

“พี่ธัชจ๋า” ดวงตากลมเริ่มคลอหน่วยไปด้วยน้ำตา เขาเห็นแล้วลูบหัวน้องชายเบาๆ

“ไม่มีอะไรหรอกใบบุญ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนกว่าเมื่อครู่ ฝั่งคนโตกว่าที่ล้อมรอบเดินเข้ามาประชิดอีกก้าวอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องได้ธัชธรรม์ไปกับพวกเขา

“อีกหน่อยเดี๋ยวมึงก็ปัญญาอ่อนแบบน้องมึงแน่ๆ” พวกมันหัวเราะเสียงดังลั่น “ไอ้พี่น้องปัญญาอ่อน!”

“พี่ธัชหนูกลัว” ใบบุญจะร้องไห้อยู่แล้ว ไม่เคยโดยใครเข้ามาหาเรื่องแบบนี้มาก่อน เด็กชายขาสั่นพั่บๆแทบจะล้มลงไปกองกับพื้นแต่เขาพยุงเอาไว้

“ใบบุญฟังพี่นะ เรากลับบ้านไปก่อนได้ไหม” เขาตัดสินใจก่อนที่อะไรๆจะแย่ไปมากกว่านี้ หันไปบอกน้องชายแต่ใบบุญส่ายหัวรัวๆทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“แต่หนู อยากกลับพร้อมพี่ธัช”

“เชื่อพี่นะ” เขาลูบหัวเด็กชาย แตะที่หลังเบาๆก่อนที่ใบบุญจะหันหลังวิ่งไปทางกลับบ้าน ธัชธรรม์รู้ว่าน้องเขาจำทางกลับบ้านได้และสนามเด็กเล่นที่นี่ก็ไม่ได้อยู่ไกลบ้านมากนัก มองจนน้องวิ่งหายไปลับตาเขาถึงได้เดินเข้ากลุ่มไป อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ต้องทนเห็นใครมาว่าน้องชายของเขา

ช่วงหัวค่ำที่เขากลับถึงบ้านเด็กชายนั่งคุดคู้อยู่ที่มุมทางขึ้นบันได พอได้ยินเสียงเขาเรียกก็รีบกระโจนเข้ามาหา เขาจูงน้องชายไปที่ครัว เอาข้าวกล่องเข้าไมโครเวฟพร้อมทั้งอุ่นร้อนให้ ใบบุญไม่ได้ถามอะไรเขาเพียงแต่ซึมไปถนัดตา เจ้าตัวกินเสร็จก็เข้าห้องนอนไประบายสีจนผล็อยหลับไป มีเพียงเค้กหนึ่งชิ้นที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือเขาเท่านั้น

เค้กที่ใครบางคนสัญญาว่าจะให้..

+++

ธัชธรรม์ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการตัดสินใจเมื่อวานจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาได้รับการยอมรับจากกลุ่มรุ่นพี่ ได้เข้าร่วมแก๊งค์เพื่อนที่เป็นที่รู้จักของโรงเรียน ได้เป็นที่สนใจของใครๆ มันช่างรู้สึกแปลกใหม่ และรู้สึกดีเหลือเกิน.. เด็กชายในวัยสิบสองปีรู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างทางที่ไปโรงเรียนเขามักจะถูกรุ่นพี่หันมาโบกไม้โบกมือให้และเข้ามาทักทายอยู่เสมอ ในระหว่างช่วงพักกลางวันโรงเรียนเขาซึ่งแบ่งออกเป็นแผนกประถมฯและมัธยมฯมักจะมีเวลาพักที่ไม่ตรงกัน แต่ในปีนี้กลับให้พักพร้อมกันหมด ใบบุญจึงชอบมาหาเขามานั่งกินข้าวด้วย เพื่อนในห้องเขาคุ้นชินจนหมดแล้วเพราะเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถมฯ หลังจากที่เขาเข้ากลุ่มใบบุญถูกสั่งห้ามไม่ให้มาหาเขาอีก เขาไม่อยากเห็นน้องโดนแกล้งหรือพูดถึงในทางเสียหาย เด็กชายพยักหน้าเข้าใจและไม่เคยโผล่มาหาเขาอีกเลย

ธัชธรรม์รู้สึกไม่ดีเลยที่ทำแบบนี้ ใครต่อใครถามถึงใบบุญแต่เขาก็ได้แต่ตอบแบบขอไปที คิดว่าอย่างไรใบบุญก็ดูแลตัวเองได้ในระดับหนึ่ง เขาไม่จำเป็นต้องดูแลใกล้ชิดขนาดนั้นด้วยซ้ำ

 “ไอ้ธัชนั่นน้องมึงหรือเปล่าน่ะ” เขามองไปยังเด็กชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่คนเดียว เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกเช่นเคยและเขาได้แต่ทำเป็นหูทวนลม “เห็นแล้วขัดลูกตาจริงๆว่ะ”

“อะ เอ่อ”

“มีน้องแบบนี้กูว่าอย่ามีเลย” ถึงใบบุญจะเป็นอย่างไรตัวเขาก็ไม่เคยว่าน้องตัวเองเลยสักครั้ง ต้องมานั่งฟังคนอื่นพูดจาแบบนี้ ความอดทนเขาก็มีขีดจำกัด

“มันเลือกไม่ได้หรอกนะพี่” เขาตอบ “ไม่มีใครเลือกเกิดได้หรอก”

“กูรู้ ก็แค่มึงทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นไม่รู้จักมัน แค่นี้ก็ไม่มีใครรู้แล้ว” เขาเองก็รู้ว่าใบบุญและเขาหน้าตาไม่เหมือนกันสักนิด แทบไม่มีใครเชื่อว่าเป็นพี่น้องกันด้วยซ้ำ แต่เขาก็เมินเฉยกับคนพูดคนอื่นมาตลอด จนกระทั่งวันนี้วันที่เขากำลังจะมีสังคมใหม่

ทำเป็นไม่รู้จัก ทำเป็นไม่สนใจ..

เขาคิดอยู่ในใจ ไม่กล้าทำอย่างที่ใครบอก.. ได้แต่เฝ้ามองเด็กชายตัวน้อยที่เขาคอยเฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็ก อยู่ห่างๆ เจ็บแปลบในใจเหลือเกินที่ทำได้แค่มอง ตกเย็นต้องแอบมารับน้องชายกลับบ้านทุกวัน เขาใช้ชีวิตแบบนี้จนกระทั่งขึ้นชั้นมอสาม วันที่ป้าพลอยกลับเข้ามาอยู่ในบ้านอีกครั้ง เดิมทีป้าพลอยแต่งงานและไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศๆนานจะแวะเข้ามาเยี่ยม เขาเองก็ไม่ได้เจอกับป้าพลอยตั้งหลายแล้ว กระพุ่มมือไหว้เสร็จก็เดินเข้าครัวไปจัดเตรียมของว่างมาให้

“ทับทิม แกยังเอาไอ้เด็กนั่นอยู่ในบ้านอีกหรือ” หญิงสาววัยกลางคนสวมชุดเดรสยาวสีเหลืองอ่อนเอ่ยถามมารดาเขา ทับทิมออกมานั่งต้อนรับพี่สาว ใบหน้าอิดโรยเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ ช่วงหลังมานี้เธอโหมงานหนักเพราะต้องบริการงานที่บริษัทด้วยตนเอง

“พี่พูดอะไรน่ะ เดี๋ยวลูกมาได้ยินจะทำยังไง”

“ไอ้ใบบุญน่ะหรือ มันจะไปรู้เรื่องอะไร เด็กเอ๋อแบบนั้น” พลอยไพรินพูดติดตลก ยกเล็บที่ทาสีครีมอ่อนขึ้นมาดู จะว่าไปเธอก็ไม่เห็นไอ้เด็กนั่นตั้งนานแล้วเหมือนกัน

“พี่พลอย” ทับทิมเอ่ยเสียงเครียด ลำพังแค่งานเธอก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว พี่สาวตัวดียังเข้ามายุ่งย่ามในชีวิตของเธอได้อีก ทั้งๆที่คิดว่าจะหนีพ้นและไม่อยากจะเอามารับรู้อีก

“แกเลิกฝันลมๆแล้งๆถึงสมบัติจากพ่อกับแม่มันเถอะ เด็กผีแบบมันไปอยู่บ้านไหนก็ล่มจมทั้งนั้น” หญิงสาวพูด น้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไร ต่างจากสีหน้าของทับทิมที่เริ่มซีดเผือด 

“หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่พลอย” ทับทิมเริ่มขึ้นเสียง เธอเริ่มจะโกรธพี่สาวเธอแล้วจริงๆ “ใบบุญไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย พี่ไปว่าหลานมันทำไม” เด็กชายที่เธอเฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่เด็ก รักประหนึ่งลูกชายในไส้

“ทำไมฉันจะว่ามันไม่ได้” พลอยไพรินก็ไม่ยอม ดวงตากลมลุกวาวขึ้นมาทันที “ไม่ใช่เพราะมันหรือไง ผัวแกถึงได้หนีไปมีเมียน้อย เพราะคิดว่ามันเป็นลูกชู้”

“ไม่จริง พ่อของเจ้าธัช เราเลิกกันด้วยดี ไม่ใช่อย่างที่พี่พูดเลยสักนิด” ทับทิมไม่ได้อยากจะทะเลาะเลย แต่เธอต้องปกป้องใบบุญเอาไว้ “เขาก็ยังส่งเสียลูกอยู่ตลอด”

“แต่มันก็จะได้เงินมากกว่านี้ ถ้าแกไม่เอาไอ้เด็กกาลกิณีนั่นเข้ามา” หญิงสาวแค่นเสียง ตั้งแต่วิฑูรย์หย่ากับน้องสาวเธอก็ไม่กล้าบากหน้าไปขอเงินน้องเขยอีก ลำพังเงินจากสามีจะไปพอยาไส้อะไร “เด็กบ้าอะไรพ่อแม่โดนฆ่าตายแต่ตัวเองยังรอดมาได้” ธัชธรรม์ชะงักกึก ถาดในมือสั่นจนแก้วน้ำแทบจะร่วงลงพื้น หมายความว่ายังไง?

ใบบุญไม่ใช่น้องชายของเขาหรอกหรือ?

“พี่พลอย มันจะมากไปแล้วนะ ทิมไม่ยอมให้พี่ว่าลูกเสียๆหายๆแน่”

“มันจริงหรือแม่ เรื่องที่..” เขาวางถาดลงกับโต๊ะ หันไปถามมารดาตัวเอง เมื่อกี้เขาไม่ได้หูฝาดแน่ๆ ป้าพลอยบอกเองว่าใบบุญไม่ใช่น้องชายเขา แล้วเป็นลูกใคร..

ลูกชู้.. ?

สาเหตุที่พ่อต้องเลิกกับแม่ ต้องย้ายออกจากบ้านไปเป็นเพราะใบบุญงั้นหรือ..

“จริงน่ะสิ มันไม่ใช่น้องแกแท้ๆ แม้แต่เศษเสี้ยวก็ไม่ใช่” พลอยไพรินจีบปากจีบคอ เรื่องใส่ไฟนี่เธอถนัดนัก น้องสาวเธอก็ไม่มีสิทธิ์เถียงด้วย “ถ้าไม่ใช่เพราะมัน พ่อแกก็ไม่ทิ้งแกกับแม่ไปหรอก”

“ทำไมแม่ต้องโกหกธัชด้วย” เด็กหนุ่มในวัยสิบห้าปีหันไปถามมารดา เขาโกรธที่แม่โกหก โกรธที่ต้องมารับหน้าที่ดูแลคนที่ไม่มีความผูกพันธ์แม้แต่สายเลือด คนที่ทำให้เขาต้อง.. ขาดพ่อ

“ยังไงใบบุญก็คือน้องหนูนะลูก” ทับทิมอึ้ง เมื่อลูกชายสุดที่รักตัดพ้อ เธอไม่มีแม้แต่คำตอบจะอธิบาย เพราะทุกอย่างมันยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องรับรู้..

“ผมไม่ยอมรับ! ไม่รับว่ามันเป็นน้อง!” เขาตะโกนทั้งน้ำตา “ผมเกลียดมัน!” โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้มีแต่น้ำตาเป็นคำตอบแห่งความเสียใจ เสียงพูดข้างล่างดังจนใบบุญที่นอนอยู่สะดุ้งตื่น ค่อยๆลงบันไดเดินออกมาดู เด็กชายเห็นแม่ร้องไห้ก็ตกใจ แม่เงื้อมือขึ้นจะตีพี่ชายเขาแต่ก็ค้างเอาไว้ในอากาศ เด็กชายปิดตาไม่กล้ามองดู แม่ไม่เคยตีพวกเขาเลยสักครั้ง

แล้วทำไม ทำไม..

“ธัชธรรม์!”

เด็กหนุ่มขบกรามแน่น พยายามข่มความรู้สึกทั้งหลายเข้ามาประดังจนเขาต้องสงบสติอารมณ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเถียงแม่ แม่ที่ลำบากเลี้ยงเขามาคนเดียว เขาไม่อยากให้แม่เหนื่อย ไม่อยากให้แม่ต้องป่วย ได้แต่คิดทุกครั้งว่าถ้าพ่อยังอยู่ยังคอยดูแลพวกเขาเหมือนทุกครั้งก็คงจะดี แม่จะได้ไม่ต้องออกไปทำงาน มีเวลาดูแลเขามากกว่านี้ ทุกอย่างกลับตารปัตรเป็นเพราะมัน

เพราะมันคนเดียว..

+++

จากวันนั้นทุกอย่างมันก็เริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆ เขาทำเป็นไม่สนใจเด็กชายที่ตอนนี้ขึ้นชั้นมอหนึ่งและย้ายมาเรียนตึกเดียวกันกับเขา ธัชธรรม์ทำเป็นไม่รู้จักไม่สนใจ ทำเหมือนเด็กชายไม่มีตัวตน แม้ว่าใบบุญจะพยายามเข้าหาเขาอย่างไรก็ตาม เขาก็จะทำเหมือนมันไม่มีค่าให้มองเสียด้วยซ้ำ แม่ไม่พูดกับเขาเรื่องใบบุญอีกและไม่บังคับให้เขาต้องดูแลเด็กไม่สมประกอบนั่น เขามีเวลาไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ไปร้องเพลงคาราโอเกะ ไปเรียนดนตรีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

เขามักเห็นใบบุญอยู่บ้านคนเดียว ถึงจะเริ่มออกไปข้างนอกได้แต่ก็ไม่เคยออกไปเลยสักครั้งถ้าไม่มีเขาหรือแม่พาไป เด็กชายอุดอู้อยู่แต่ในห้อง นอกเสียจากเขากลับบ้านถึงจะเสนอเข้ามาหา เขามองมันด้วยหางตาก่อนจะเมินเฉย

“พี่ธัช” ใบบุญย่องเข้ามาใกล้เขา ตอนที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสือ “นี่เค้กที่ธัชชอบกินไงจ้ะ” เค้กสตรอเบอร์รี่ชิ้นโตของโปรดเขาจริงๆนั่นแหละ เพียงแต่เห็นคนเอามาให้เขาก็คลื่นไส้ไม่อยากจะกิน

“เอาออกไปไกลๆ กูไม่กิน”

“พี่ธัช.. ทำไมล่ะ” เด็กชายร้องถาม ยกถ้วยขึ้นมาดม “มันยังไม่เสียสักหน่อย” เขาเพิ่งซื้อมาเองนะ!

“กูบอกให้ออกไปไกลๆไง” ธัชธรรม์กดเสียงต่ำจนเด็กชายสะดุ้ง ใบบุญไม่เคยโดนพี่ชายดุมาก่อนจึงตกใจมาก น้ำตาร่วงเผาะเป็นสาย ถือถ้วยขนมเอาไว้กับอก


“ฮึก พี่ธัชพูดดีๆกับหนูดีๆก็ได้นี่จ้ะ”

“ใครเขาจะอยากไปพูดดีกับมึง ไอ้เด็กปัญญาอ่อน” เขาพูดโดยไม่มองหน้าด้วยซ้ำเลยไม่เห็นสายตาของเด็กชายที่มองมาอย่างเสียใจ ใบบุญสะอื้นไห้ ทั้งชีวิตมีแค่แม่กับพี่ธัชเท่านั้น

“ฮึก.. ฮือ” เขากลั้นเสียงไม่ไหว ปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่น “พี่ธัชว่าหนูทำไม พี่ธัชไม่รักหนูแล้วหรือ”

“เหอะ” เขาตวัดสายตามอง พลางขมวดคิ้วแน่น “ไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก แล้วก็ไม่ต้องมานั่งรอ รำคาญ!”

“ฮึก ฮือ”

“อย่าเสียงดัง อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง!” เขาขึ้นเสียง “ถ้าว่างมากก็ออกไปซื้อของมาซะ” เขาเขียนยุกยิกลงในกระดาษที่ฉีกออกมาจากสมุด วาดแผนที่คร่าวๆจากบ้านไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ธัชธรรม์รู้ว่าใบบุญรู้จักเพียงแต่ไม่เคยไปเอง ส่วนมากแม่จะขับรถพาไป ถึงตะไม่ไกลมากแต่ทางเดินก็ซับซ้อนน่าดู เด็กชายเช็ดน้ำตาก่อนจะรับกระดาษมาดู เขาไม่เข้าใจแผนที่เลยสักนิด แต่คิดว่าถ้าถามทางก็น่าจะไปถึงได้

“แล้วพี่ธัชจะมารับหนูไหม”

“เออ” เขาแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะพลิกหนังสือไปหน้าต่อไป ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมาก็แล้วกัน! “เดี๋ยวไปรับ” ใบบุญพยักหน้าด้วยความดีใจก่อนวิ่งไปหยิบกระเป๋าเงินของตัวเอง มองดูใบรายการมีนมสดกับไข่ไก่ เขาซื้อได้อยู่แล้ว เดินไปเรื่อยๆตามทางที่พี่ชายเขียนเอาไว้โพย แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งหลง จนเขาต้องถามทาง ไม่น่าเลยรู้งี้ออกมาเดินเล่นบ่อยๆก็ดี

สองขาเริ่มล้าเมื่อเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงจุดหมาย ใบบุญไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาไกลเท่าไหร่ คิดว่าไม่ต้องไปซื้อถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตแค่แวะเซเว่นแถวนี้พี่ธัชจะว่าไหม ในใจก็นึกกลัวไม่อยากให้พี่ชายนึกโกรธอีก ถ้าหากซื้อไปไม่ถูกใจเขาไม่อยากโดนพี่ชายดุ จู่ๆท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มลมกรรโชกแรงจนต้นไม้โยกไหว เม็ดฝนเริ่มร่วงเปาะแปะกระทบหลังคาเสียงดัง ใบบุญรีบสาวเท้าเดินหาที่หลบแต่ก็ไม่ทัน สายฝนโปรยปรายพร้อมแสงแลบแปรบปราบ ใบบุญนึกเกลียดท้องฟ้าก็วันนี้

เขากลัว กลัวจับใจ

“พี่ธัช พี่ธัชอยู่ไหนจ้ะ” เด็กชายในชุดนักเรียนเสื้อขาวและกางเกงสีน้ำเงิน กำลังเสียงร้องสะอึกสะอื้น ผิวหน้าขาวจัดขึ้นสีแดงจากการร้องไห้ เขายกมือปาดน้ำตาเรียกร้องหาพี่ชาย.. พี่ชายแสนดีของเขา “ฮึก.. ฮือ พี่ธัช”

   สายฝนพร่างพรายลงมาในช่วงเย็นย่ำ ร่างเล็กเปียกปอนจนหมด ผมเรียบลู่และดวงตาช้ำแดงก่ำ เขาใช้สองเท้าวิ่งเข้าไปหลบในเครื่องเล่นสไลเดอร์สีสันสดใสที่ตั้งตระหง่าน มือเล็กลูบหน้าลูบตาสลัดน้ำออกจนหมดนั่งคุดคู้พิงเพียงลำพัง ปากเล็กสั่นระริกจากความหนาวพร้อมพึมพำเรียกหาใครบางคน

   ที่เขาไม่มีวันหันมาสนใจ..
   
+++

(ต่อด้านล่างค่ะ )
   


ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Prologue - บทนำ ] 19-06-61
«ตอบ #2 เมื่อ19-06-2018 09:29:41 »

(ต่อจากด้านบนค่ะ)

ธัชธรรม์มองเด็กชายที่นอนหอบหายใจอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงก่ำจากพิษไข้ ใบบุญไม่สบายจากการตากฝนเป็นเวลานาน กว่าจะไปพบเจ้าตัวนอนสลบอยู่ในสนามเด็กเล่นก็เป็นเวลาตอนเช้า กว่าแม่จะรู้และช่วยเขาออกตามหาก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว คราวแรกที่เจอแม่จะให้ใบบุญแอดมิทอยู่โรงพยาบาลด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวไม่ยอม อยากกลับมานอนที่บ้าน อยากอยู่ใกล้ๆเขา เด็กหนุ่มวางถ้วยข้าวต้มลง เตรียมผ้าขนหนูผืนเล็กที่ชุบน้ำมาหมาดๆค่อยๆบรรจงเช็ดตัว เขาคุ้นชินกับการดูแลใบบุญมานานแล้วจึงทำได้อย่างคล่องแคล่ว

   “พี่ธัช.. หนูขอโทษ”

“หุบปากไปซะ ใครสั่งให้พูด”

“ฮึก ฮือ พี่โกรธหนูหรือ”

“กินข้าวเสร็จแล้วก็กินยานอนซะ ไม่ต้องไปเดินเพ่นพ่านที่ไหนอีก” เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอน หนังสือที่อ่านไปก็ไม่เข้าหัวเลยสักนิด ถ้าแม่รู้ว่าเขาเป็นคนสั่งให้ใบบุญออกไปซื้อของ เขาคงโดนดุไปแล้วแต่เจ้าตัวกลับปิดปากเงียบไม่บอกแม่ว่าออกไปไหน

“จ้ะ ก็ได้” เด็กชายพยักหน้า “พี่ป้อนหนูได้ไหม”

“มีมือก็กินเอาเอง” เขาตอบก่อนจะเห็นใบบุญทำหน้าจ๋อย ใบหน้าน่ารักยับยู่แทบจะจมไปกับเตียง เจ้าตัวครางเสียงแผ่ว แม้ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอม

“จ้ะ”

ธัชธรรม์เริ่มจับสังเกตุได้ ต่อให้เขาจะพูดจาแย่ๆหรือทำตัวไม่ดีอย่างไรแต่ใบบุญก็ไม่เคยโมโหใส่เขาเลยสักครั้ง เจ้าตัวเหมือนมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เขา ขอแค่ได้เจอเขาก็พอ เขานึกรำคาญรอยยิ้มหวานนั่นแปลกๆ มันทำให้เขารู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเขาเกลียดใบบุญก็เป็นได้ ตอนนี้ธัชธรรม์เตรียมสอบเข้ามอสี่ เขากำลังสอบชิงทุนไปเรียนที่ต่างประเทศ จากเกรดเฉลี่ยและผลการเรียนภาษาอังกฤษทำให้เขามีสิทธิ์สูงมากที่จะได้ทุนนี้ เด็กหนุ่มตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนัก และงดกิจกรรมทุกชนิด

ใบบุญมีหน้าที่ส่งข้าวส่งน้ำและเตรียมอาหารให้เขา เด็กชายเริ่มโตขึ้นและเริ่มหยิบจับทำอะไรด้วยตนเองเพราะไม่มีเขาคอยดูแลอีก ข่าวกระจายไปทั่วโรงเรียนว่าเขาลงแข่งขันและเป็นตัวเก็งในครั้งนี้ มีคนต้องการทุนนี้หลายคน เขาไม่รู้ว่าใครไปปล่อยข่าวกันแน่ เขาไม่อยากให้ใครรู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการทุนนี้

หลังจากนั้นเขาไม่ได้ไปเข้ากลุ่มกับรุ่นพี่อีก พยายามปลีกตัวออกห่างมาและตั้งใจเรียนติวเข้มภาษาอังกฤษอย่างหนัก เขาได้ใบบุญคอยอยู่เป็นเพื่อน ทำให้เขาไม่รู้สึกกดดันจนเกินไป เจ้าตัวจะแวะมาหาเขาที่ห้องสมุดมานั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อนและกลับบ้านพร้อมกัน ต่อให้เขาไม่อยากพูดด้วยแต่เด็กชายก็พยายามหาเรื่องมาพูดคุยกับเขาจนได้

“พี่ธัชหิวอะไรไหมจ้ะ”

“ไม่กินแล้ว พอแล้ว จะอ่านหนังสือ”

“แต่พี่ธัชอ่านนานแล้วนะจ้ะ ตาจะเสียเอานะ”

“ช่างมันสิ”

“โถ่ ทำไมพี่ธัชดื้อแบบนี้ล่ะ” เด็กชายหัวเราะคิกคัก “แต่ก่อนยังว่าใบบุญดื้อ เดี๋ยวนี้ดื้อแทนไปแล้วหรือจ้ะ”

“รออยู่นี่เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อน” ธัชธรรม์ไม่อยากสนใจจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินลิ่วไปเข้าห้องน้ำ ใบบุญมองตามหลังพี่ชายจนลับตาแล้วหันกลับมาทำการบ้านตัวเองต่อ

“ไอ้ธัช เดี๋ยวนี้หายหัวนะมึง” เขาถูกกระชากไหล่เอาไว้ จิ๊ปากอย่างไม่พอใจก่อนจะหันไปมองคนที่ที่เพิ่งมาใหม่ “เดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วนี่หว่า ไม่ต้องมาพึ่งบารมีอะไรพวกกูแล้ว”

“พี่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง” เขาถาม ไม่อยากจะสนใจเรื่องไร้สาระ เขายอมรับว่าเมื่อก่อนยังเด็ก ยังตามใครไม่ทัน ตอนนี้เขาโตพอที่จะแยกแยะและคบคนแล้ว

“มึงถอนตัวไปซะ ทุนนี้กูจะเอา”

“ของแบบนี้มันวัดกันที่ความสามารถไม่ใช่หรือไง” เขาตอบ จ้องหน้าไม่ยอมหลบสายตา ถ้าหากจะอยากได้ก็เอาสามารถมาสู้กัน

“ถ้ามึงไม่ยอมถอยออกไปดีๆ มึงโดนแน่” เขาโดนผลักจนกระเด็นไปถูกกำแพงห้องน้ำ เสียวแปลบที่ไหล่แต่ก็ไม่เท่าเจ็บใจพวกมัน เรื่องอะไรที่เขาจะยอม!

   ก่อนวันสอบแข่งขันสามวันจู่ๆเขาก็ถูกเรียกเข้าห้องปกครอง มีคนแจ้งกระเป๋าเงินหายและเจออยู่ที่ใต้ลิ้นชักเขาในห้องเรียน ตั้งแต่เช้าธัชธรรม์แทบจะไม่ได้เข้าไปแตะต้องของในลิ้นชักด้วยซ้ำ เพราะเขามาถึงก็เข้าห้องสมุดไปอ่านหนังสือตลอด เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าไปในห้องเรียน ต้องมีใครเอามันมาใส่ไว้ใต้โต๊ะเขาตั้งแต่เย็นของวันก่อนแน่ๆ

   “ผมไม่ได้ขโมยจริงๆนะครับ”

“แต่หลักฐานอยู่ที่เธอนะธัช ครูเสียดายเธอจริงๆ”

“ผมไม่ได้ทำ!” ถ้าเขายอมรับ เขาต้องโดนตัดสิทธิ์สอบชิงทุนแน่ ถ้าให้เดาว่าเป็นฝีมือใครก็คงจะเดาได้ไม่ยากนัก นี่มันบัดซบจริงๆ พวกมันกะจะเหยียบให้เขาจมดินชัดๆ ประวัติเขาไม่เคยมีด่างพร้อยอย่างน้อยถ้าหากสอบไม่ติดก็ยังสามารถไปสอบเข้าโรงเรียนที่ชื่อเสียงในกรุงเทพฯได้ แต่นี่…

“ผมเป็นคนทำเองครับคุณครู”

“ใบบุญ?” ผู้มาใหม่ทำให้เขาหันไปมอง เด็กชายร่างผอมในชุดนักเรียนที่กำลังเดินเข้ามายืนข้างๆเขา

“ผมเห็นว่าเป็นของใครก็ไม่รู้ ก็เลยเก็บเอาไว้ที่ตัวเอง แต่ก็กลัวหายเลยไปฝากพี่ธัชเอาไว้ครับ”

“หมายความยังไง นี่เธอ?”

“พี่ธัชมาถึงโรงเรียนก็ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ไม่มีทางที่จะเข้าไปที่ห้องเรียนในตอนเช้าๆแน่ครับ” ใบบุญตอบฉะฉานไม่เหมือนเด็กที่พูดอ้ำอึ้งเหมือนเคย ราวกับเด็กปกติ?

“แล้วเธอ?”

“เป็นผมเองที่เอาไปใส่ไว้ในลิ้นชักของพี่ธัชครับ”

“ทำไมเธอทำแบบนี้ เธอคิดจะตัดสิทธิ์พี่ชายตัวเองหรือ?” คุณครูขมวดคิ้ว เตรียมจะขึ้นเสียง “เธอรู้ไหมว่ากำลังทำอะไร เหอะ เด็กอย่างเธอ..” คุณครูกำลังง้างปากพูดต่อ กำลังจะยกคำด่าทอที่ใครต่อใครต่อต่างก็พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติกับใบบุญเหมือนทุกครั้ง ธัชธรรม์เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคมเข้มสำดำสนิทนั้นแดงก่ำจนดูไม่ออกว่ากำลังร้องไห้หรือกำลังโกรธกันแน่

“พี่ธัชไม่ผิดนะครับคุณครู” เสียงของใบบุญดูเหมือนใกล้จะร้องไห้อยู่แล้ว จนคุณครูต้องชะงักไป

“คราวนี้ฉันจะปล่อยไป แต่เธอ.. ใบบุญ เจอของแล้วไม่ส่งคืนเจ้าของก็ไม่ต่างอะไรกับขโมย!” ดันแว่นตาขึ้นก่อนจะพูดเสียงดัง “ฉันจะเรียกผู้ปกครองมาพบแล้วทำทัณฑ์บนเอาไว้ คงต้องคุยกันหน่อยว่าต้องส่งเธอไปเรียนที่ไหนดี ให้เหมาะสมกับเด็กพิเศษอย่างเธอ” ใบบุญเงยหน้ามอง เขาไม่อยากย้ายโรงเรียน แต่ก็ต้องทนก้มหน้าฟังคำดุต่อไป ธัชธรรม์ตัวสั่นสะท้านมองคนที่แบกความผิดแทนแล้วพูดอะไรไม่ออก มันจุกมันแน่นอกไปหมด

ทำแบบนี้เพื่ออะไร?

   เขาได้ทุนไปเรียนต่อที่อเมริกาดังคาด แม่ดีใจกับเขาและอยากให้เขามีอนาคตที่ดี เขาร่ำลาเพื่อนๆและเตรียมตัวในการไปเรียน ศึกษาวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ จากที่เขาได้ยินมาหลังจากนี้ใบบุญจะถูกย้ายไปเรียนที่อื่นเพราะปัญหาเรื่องการปรับตัวและพัฒนาการช้า แม่ไม่ได้ว่าอะไรและพร้อมจะดูแลใบบุญทุกวิถีทาง แม่บอกว่าถ้าหากโรงเรียนนี้เขาไม่ต้องการ เราก็ไปเรียนที่โรงเรียนอื่นก็ได้

   ธัชธรรม์ไม่เจอใบบุญอีกเลยเหมือนอีกฝ่ายหลบหน้าเขาไม่ต้องการเจอหน้าเขาอีกแล้ว แตกต่างจากเขาที่อยากเจอ อยากขอโทษอยากพูดอะไรก่อนที่เขาจะไปจากที่นี่ เขายืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องใบบุญ เขารู้สึกเหมือนว่ามันผ่านมานานมากแล้วที่เขาไม่ได้พูดดีๆกับน้องชายคนนี้เลยสักครั้ง เด็กชายเปิดประตูออกมาก้มหน้าไม่พูดไม่จา

   “ไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่”

“พี่ธัช”

“อะไร”

   “พี่ธัชรักใบบุญบ้างไหมจ้ะ” เสียงแหบพร่าเล็กน้อยเอ่ยถามเขา เสียงช่างเบาราวกับจะปลิดปลิว เจ้าตัวค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นระริกและแดงก่ำ จมูกน้อยๆขึ้นสีช้ำราวกับผ่านการร้องไห้อย่างหนัก

“ไม่รักและจะไม่มีวันรัก” เขาตอบไปอย่างใจนึก ไม่ได้คิดว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร ไม่รักก็คือไม่รักสำหรับเขาแล้ว ถ้าหากตัดใครออกไปจากชีวิต เขาก็ไม่มีวันกลับมามองหน้าได้อีก แต่เห็นแก่ว่าใบบุญช่วยเหลือเขา คำขอโทษที่เคยนึกไว้ว่าจะพูดถูกกลืนหายไป มีเพียงแต่คำว่าไม่รักและจะไม่มีวันรักออกมาเพียงเท่านั้น เด็กชายหลั่งน้ำตาเงียบๆยืนมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ มันแตกต่างจากสายตาเมื่อครั้งใบบุญมองเขามาอย่างทุกที มันเสียดแทงใจ มันทำให้เขารู้สึกว้าวุ่นบอกไม่ถูก ริมฝีปากแดงของคนตรงหน้ายกยิ้มราวกับสมเพชกับชีวิตตัวเองเหลือก่อน ค่อยๆพูดประโยคเชื่องช้า 

“ถ้าวันนั้นมาถึง ถ้าพี่รักใบบุญเข้าแล้วจริงๆ แล้วพี่จะต้องเสียใจ..”
   
+++

ประโยคสุดท้ายยังคงก้องอยู่ในหัวเขา ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นเพราะความฝันที่วนเวียนเหมือนติดค้างมานาน แต่มันนานเหลือเกิน นานจนตอนนี้เขาจำหน้าคนที่พูดไม่ได้ซะแล้ว.. มันช่างเจ็บปวดในใจแปลกๆ เขาดึงรั้งเสื้อยืดลงทาบทับกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอน ส่องกระจกเช็คยามเช้า ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมสีดำและผิวแทนอย่างคนเอเชีย ดวงตาเรียวรีสีดำสนิทวาววับเขาส่ายหัวให้กับอาการเมาแฮงค์ที่เมื่อวานดื่มกับเพื่อนจนหนัก เมาเป๋จนแทบดูไม่ได้ อาจเป็นเพราะเขาดื่มมากไป ถึงได้ฝันประหลาดอีกแล้ว

เขาไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวมาหลายปีแล้ว ใช้ชีวิตเรียนจนจบไฮสกูลและซุ่มทำเพลงกับเพื่อนในวงการจนเริ่มพอมีชื่อเสียง สั่งสมประสบการณ์ในการทำเพลงอย่างที่เขาชอบ จนกระทั่งเขาขอทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ในที่สุด แต่ดูเหมือนว่าความฝันตั้งรกรากในต่างแดนจะต้องจบลงเพราะแม่บังเกิดเกล้ามีคำสั่งลากตัวเขากลับไทย เขาเองไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำหน้าอย่างไรหากเจอคนๆนั้น คนที่ทำให้เขาต้องฝันถึงมาตลอดหลายปี..

ใบบุญ..
 
   



TBC


ขอฝากน้องใบบุญกับพี่ธัชด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ
คุยได้กันที่ #กาแล็คซี่สีชมพู นะคะ
รัก  :mew1: :mew2: :กอด1:

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Prologue - บทนำ ] 19-06-61
«ตอบ #3 เมื่อ19-06-2018 10:16:43 »

น้องใบบุญไม่ร้องน้าไม่ร้อง พี่ธัชไม่รักไม่เป็นไร มาๆเดี๊ยวพี่พาไปหาแฟนใหม่นะ ๕๕๕๕๕๕๕

ออฟไลน์ junlifelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Prologue - บทนำ ] 19-06-61
«ตอบ #4 เมื่อ19-06-2018 10:19:59 »

พี่ธัชใจร้ายยยยย สงสารน้องใบบุญ

ออฟไลน์ lovebear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Prologue - บทนำ ] 19-06-61
«ตอบ #5 เมื่อ19-06-2018 10:27:56 »

ใจนึงก็เกลียดพี่ธัชที่ร้ายกับน้อง

แต่อีกใจไม่การเกลียดกลัววันนึงน้องจะร้ายกับพี่ธัชบ้าง

แต่ชอบๆๆๆๆๆๆๆ +1เลยจ้าเรื่องนี้ มาต่อไวไวนะครับ คุณบานอฟฟี่พาย

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 1 ] 21-06-61
«ตอบ #6 เมื่อ21-06-2018 14:43:50 »

Rhyme : 1

ธัชธรรม์เชื่อเสมอว่าการได้ใช้ชีวิตในสิ่งที่ตัวเองรัก มันจะมีความสุขกับกว่าการถูกบังคับให้อยู่ในกรอบที่มีแต่คนชี้นำ เขาต้องขอบคุณมารดาที่ให้เขาได้ใช้เวลาไขว่คว้าความฝัน เขาในวันนั้นและเขาในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างมากมายจริงๆ

ชายหนุ่มใช้เวลาร่ำลาเพื่อนฝูงและออกไปปาร์ตี้ติดกันทุกวันเป็นเวลาสองอาทิตย์ เขาร่ำลาเพื่อนในกลุ่มและรับปากว่าจะกลับมาแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันยากแค่ไหน อย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าจะเรียนจบ ให้ตายเถอะ เขาคงคิดถึงชีวิตที่นี่ชะมัด หลังจากที่เขาจบไฮสกูลและดื้อแพ่งกับมารดาไม่ยอมกลับประเทศไทย เขาก็ได้เฮนรี่และคู่หูตัวโตอย่างเคนและอเล็กซ์ช่วยหางานพิเศษให้ทำ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการรวมกลุ่มเพื่อทำตามฝันของเขา.. เขาชอบเขียนเพลงและทำมิกซ์ บางครั้งก็ไปร้องเพลงเปิดหมวกอยู่บ้าง กว่าเพลงที่พวกเขาร่วมทำกับเพื่อนจะเริ่มเป็นที่รู้จักก็ใช้เวลาเป็นปีด้วยซ้ำ

   เริ่มมีนักร้องเชิญเขาไปร้องร่วม ถึงจะเป็นเพียงนักร้องที่ไม่มีชื่อเสียงโด่งดังแต่มันก็ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น เขารู้ว่าตัวเองยังต้องฝึกฝนและหาประสบการณ์อีกเยอะ แต่ภาระหน้าที่จากทางบ้านเขาก็ไม่สามารถที่จะละทิ้งได้ เขาเป็นห่วงมารดาที่อายุมากขึ้นทุกวัน ไหนจะต้องดูแลน้องชายไม่สมประกอบอีกคน ถ้าเขาขืนยังอยู่ที่นี่ต่อไปไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง

   “แล้วเจอกัน!”

“ไว้นายลืมเจสสิก้าได้ อย่าลืมพาคนใหม่มาอวดพวกเรานะ” เคนยิ้ม ก่อนจะแท็กมือกับเขา เรากอดกันด้วยมิตรภาพที่สั่งสมมานาน เชื่อเถอะว่าถ้าเรามีเพื่อนที่อยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัว มันก็ผูกพันมากเลยล่ะ

“ฝันไปเถอะ” เขาแยกเขี้ยวใส่ เมื่อไหร่พวกบ้านี่จะเลิกล้อเรื่องแฟนเก่าเขาสักที เฮนรี่หัวเราะเสริมอย่างชอบใจก่อนจะตบไหล่เขา

“ขอให้นายมีความสุข ธัช”

“ขอบใจ ว่างๆอย่าลืมมาเที่ยวประเทศไทยนะ”

“ไปแน่เพื่อน ถ้าแกเลี้ยงฉัน ฮ่าๆ”

“ไปตายไป! อเล็กซ์” ทุกคนหัวเราะก๊ากเมื่อเขาหันไปด่าเพื่อนอีกคน เขาโบกมือลา จดจำความทรงจำดีๆเอาไว้ “See you again!”

ได้เวลาที่กลับไปสู่โลกความเป็นจริงสักที

นั่งเครื่องมาเกือบสิบสองชั่วโมง สภาพตอนนี้เขาเพลียเต็มทน เสียงดังจอแจจากผู้คนรอบข้างทำให้เขาอดจะรำคาญไม่ได้ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ปลดกระเป๋าเป้ลงจากไหล่ เขาถอดแว่นกันแดดสีดำสนิทพลางมองไปบริเวณจุดนัดพบโดยรอบ เสื้อแจ็คเก็ตสีเหลืองที่สวมมาถูกถอดออกทันที ไปอยู่ต่างประเทศมาเกือบห้าปีใช่ว่าเขาจะไม่ลืมความโหดร้ายของภูมิประเทศบ้านเกิด เขาหมุนโทรศัพท์ไอโฟนไว้ในมือ เมื่อเห็นแม่ส่งข้อความผ่านไลน์มาบอกเขาว่าจะให้คนมารับ และคนที่กำลังมารับเขาก็คือคนที่เขาดันอยากเจอเสียด้วย..

   ใบบุญ..

   เขายืนรออยู่เกือบสิบนาทีแต่ก็ไม่มีวี่แวว เห็นแม่ส่งคอนแทคทางไลน์มาให้เขาจึงแอดไปอัติโนมัติ เพราะเห็นว่าจะต้องติดต่อกันหรอกเขาถึงยอมแอดไปก่อน ตั้งแต่ที่เขามาเรียน เขาและใบบุญก็ไม่เคยคุยกันเลยสักครั้ง เราเหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว

   ‘Hey! อยู่ไหนแล้ว?’

   ไม่มีเสียงรับจากปลายสายจริงๆ มีแต่ความเงียบจนเขาอดทนไม่ไหวต้องส่งสติ๊กเกอร์หมีแทงเข่าไปหนึ่งตัว นี่ กล้าเมินเขาได้ยังไง!

   ‘พี่ถึงแล้วหรือครับ’ หมอนั่นรีบส่งข้อความมาทันทีที่เขาส่งสติ๊กเกอร์ไป

   ‘เออสิ’

   ‘งั้นรอแปบนะ ผมกำลังวนหาที่จอดรถ’

   ‘เร็วๆเลย’

   เขาจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ กำลังนึกคำด่าเป็นภาษาไทยสมองยังไม่ทันได้ประมวลเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเสียงเรียกโทรเข้าจากไลน์ของเด็กหนุ่มที่ในภาพเป็นรูปกีตาร์โปร่งและหมาพันธ์โกลเต้นกำลังนอนหมอบอยู่ข้างๆ เขาไม่ได้สนใจมากไปกว่านั้น พอเห็นว่าเป็นชื่อใบบุญก็รีบกดรับสายทันที เสียงดังทะลุออกมาจากโทรศัพท์จนเขาหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

   “พี่อยู่ตรงไหน ผมหาไม่เจอ” เสียงหอบหายใจดังถี่ เจ้าตัวคงกำลังจะวิ่งตามหาเขาไปทั่ว

   “อยู่ตรงทางออก”


   “เจอแล้ว!”
   ธัชธรรม์หันไปด้านหลังตามเสียง เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำลังนั่งยองๆกับพื้นราวกับเหนื่อยจัด ผิวขาวจัดตัดกับเสื้อยืดแขนสั้นสีเทาและกางเกงผ้ายืดสีน้ำตาล ทรงผมชี้โด่ชี้เด่เหมือนกับรังนกดูยุ่งๆปิดหน้าปิดตา แว่นตากลมโตสีดำสนิท แล้วนั่นอะไร ใส่รองเท้าแตะมารับเขา ยังกล้าออกจากบ้านมาทั้งที่สภาพแบบนี้เขาล่ะเชื่อเลยจริงๆ

   เขานึกถึงดวงหน้าขาวและดวงตากลมโตคู่สวยที่ชอบมองเขาด้วยสายตารักใคร่ เสียงหวานเจื้อยแจ้วที่ชอบเข้ามาออเซาะ หยอกล้อให้เขาได้แกล้ง และใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่มองเขาอย่างตัดพ้อ ใจเขาสั่นกระตุกทุกครั้งที่ต้องนึกถึง บางครั้งเขาก็นึกถึงขึ้นมาเฉยๆ ไม่รู้ทำเหมือนกัน.. แต่พอเขาได้เจอใบบุญอีกครั้ง กลับกลายเป็นไอ้เด็กทึ่มแสนเชยที่ดูไม่ประสีประสาไปเสียได้ นี่เขาคงจะขาดหวังมากเกินไปจริงๆ

   “จะกลับบ้านกันได้หรือยังครับ” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ ท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด “มีอะไรให้ผมช่วยไหม?”
“มีกระเป๋าอีก2ใบ แค่นี้แหละ” เขาพยักเพยิดไปด้านหลัง ของที่ขนกลับมาได้ก็มีแค่เสื้อผ้า ส่วนเครื่องดนตรีบางชิ้นก็คงต้องใช้วิธีส่งมาแทน ใบบุญพยักหน้าแล้วรีบไปช่วยถือ

“พะ พี่เป็นยังไงบ้าง”

“สบายดี”

“ระ หรือครับ ดีจังเลยนะ” เด็กหนุ่มเกาหัวแกรกๆพร้อมยิ้มแห้งให้

“ไม่ต้องพูดมาก รีบเดินนำไปได้แล้ว” เขาเดินตามแผ่นหลังที่ก้มงองุ้มเล็กน้อย แค่ท่าทางการเดินก็ขัดหูขัดตาเขาเสียเหลือเกิน เขาจับไหล่บางเอาไว้ ส่วนอีกมือทาบทับไปที่กลางแผ่นหลังก่อนจะดัดให้เด็กหนุ่มเหยียดหลังตรง

“โอ๊ย เจ็บ!”

“เดินกับกู อย่ามาเดินหลังงอแบบนี้”

“ขะ ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มเบ้ปากด้วยความเจ็บก่อนจะก้มหน้ารับคำ

“แล้วนี่ทำไมผมไม่รู้จักไปตัด” เอื้อมมือจะไปเปิดหน้าผาก แต่เด็กหนุ่มก็โยกตัวหลบเขาทันจนได้ “แม่ไม่บอกหรือไงวะ”

“ก็บอกอยู่ครับ” เขาตอบพี่ชายเสียงเบา “แต่ว่าผมชอบแบบนี้”

“มันจะเสียสายตา” เขาแอบเสียดายดวงตาคู่สวยขึ้นมานิดหน่อย พอพูดอย่างนั้น เด็กหนุ่มก็สะดุ้งตัวขึ้นมาทันที เขามองอย่างงุนงง หรือว่าเขาพูดอะไรผิดไป

“พี่เป็นห่วงผมหรือ”

‘พี่ธัชเป็นห่วงใบบุญหรือจ้ะ’

แวบหนึ่งที่เขานึกถึงคำพูดและการแทนตัวอย่างสนิทสนม ตอนนี้ใบบุญแทบจะไม่กล้าเข้าใกล้เขาด้วยซ้ำ เจ้าตัวเดินออกห่างแถมยังหลบตาอีก เขามีอะไรน่ากลัว? บางครั้งเขาก็อยากจะพูดคุยกับคนตรงหน้าดีๆสักครั้งแต่ก็ติดทิฐิในใจ สมองสั่งการว่าคนๆนี้คือตัวโชคร้ายที่ทำให้ครอบครัวเขาต้องแตกแยก

“ไม่มีทาง” พูดแล้วก็เดินกระแทกไหล่เด็กหนุ่มออกไปอีกทาง ใบบุญกำหัวไหล่ มองชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ สายตาที่มองแผ่นหลังกว้างนั้นยังคงตัดพ้อ.. ว่าเมื่อไหร่จะเลิกจงเกลียดจงชังเขาเสียที!

“เดี๋ยวสิครับ รอผมด้วย”

“Shit!”

บรรยากาศในรถเงียบสงบมีเพียงเสียงลมหายใจของชายหนุ่มที่กำลังงีบอยู่ทางเบาะด้านหลัง เด็กหนุ่มมองผ่านกระจก ใบหน้าที่เขาคิดถึงมาตลอดดูคมเข้มขึ้น คิ้วดกดำที่พาดอยู่เหนือดวงตาเรียวรีสีดำสนิท ผมสีดำธรรมชาติที่ตัดเข้าทรงอย่างดี ผิวแทนเข้มและลาดไหล่กว้าง เสื้อยืดแบรนด์เนมพอดีตัวที่รัดรึงจนเห็นกล้ามเนื้อสมส่วน กางเกงยีนส์สีเทาพอดีตัวและรองเท้าสนีกเกอร์สีน้ำเงินสด

หล่อกว่าในรูปอีกแน่ะ..

ใบบุญเหลือบมองอยู่หลายครั้งจนต้องตั้งสติให้ตั้งใจขับรถ ในใจฟองฟูดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่ก่อนเขาต้องคอยส่องอินสตราแกรมพี่ธัช ทั้งติดตามแฟนเพจวงดนตรีและตามงานสมัยที่ชายหนุ่มกำลังเริ่มมีชื่อเสียง ได้เห็นพี่ธัชมีความสุขกับชีวิตที่กำลังไปได้สวยเขาก็ดีใจแล้ว ถึงแม้ว่าความเป็นจริงชายหนุ่มจะไม่เคยแยแสหรือสนใจเขาเลยก็ตาม แค่ได้มองอยู่ไกลๆก็มีความสุขแล้วจริงๆ

ขอแค่ได้รักอยู่ตรงนี้..

รถจอดสนิทในเขตรั้วบ้านแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังคงนอนหลับอยู่ เขาลงจากรถไปเปิดประตูด้านที่ธัชธรรม์กำลังนอน ไม่กล้าชะโงกหน้าเข้าไปใกล้แต่เรียกเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยิน เขาเอื้อมมือไปเขย่าตัวคนที่กำลังหลับสบาย โยกหน้าเข้าไปเรียกใกล้ๆเผื่อว่าจะได้ยินเสียง

“พี่ธัช ถึงบ้านแล้วนะ” เขานึกเห็ฯใจคนที่เดินทางเหนื่อย ถ้าเข้าไปนอนในบ้านคงจะสบายกว่านี้

“อืม..” ชายหนุ่มสะบัดมือเขาออก เขาจึงคว้าไหล่ไว้แน่นก่อนจะเขย่า

“ตื่นได้แล้วนะครับ” จู่ๆร่างเขาก็เซเข้าไปทับธัชธธรม์ มือหนาดึงเขาเข้าไปใกล้จนใบหน้าเราแทบจะชิดกันอยู่แล้ว “เหวอออออ”

“เฮ้ย” ชายหนุ่มตกใจดึงออกแรงผลักเขาออกมาอีกที ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องเจ็บตัว!

“โอ๊ยยย” เขากุมสะโพกเพราะล้มก้นกระแทกอย่างจัง เวรเอ๊ย แว่นกระเด็นไปไหนอีก

“ทีหลังอย่ามาปลุกอีก” เสียงกดต่ำพร้อมกับแววตาไม่สบอารมณ์ ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะขี้โมโหได้ขนาดนี้ ไม่รู้ไปกินรังแตนมาจากไหน! ถ้าไม่ปลุกแล้วจะให้ทำอย่างไร คนบ้าเอ๊ย!

“คะครับ ขอโทษครับ” ขบฟันแน่นเพราะความเจ็บ รีบเข้าไปขนของท้ายรถเข้าไปในบ้าน มารดาเขาได้ยินเสียงเอะอะจึงออกมาดู

“ธัช มาถึงแล้วหรือลูก” ทับทิมปราดเข้าไปหาลูกชายคนโต เพิ่งได้เจอตัวจริงๆในรอบหลายปี ลูกชายเธอโตมากเหลือเกิน “เหนื่อยไหม? เข้าบ้านมาก่อนเร็วลูก”

“งั้นผมเอากระเป๋าพี่ไปเก็บข้างในนะครับ”

“เอามานี่” ธัชธธรรม์กระชากออกจากมือคนตัวเล็ก “ตัวแค่นี้จะหิ้วไหวหรือไง”

“อ่ะ เอ่อ” เขายืนนิ่งอึ้ง แค่กระเป๋าล้อลากมันก็ไม่ได้เกินความสามารถเขาหรอกนะ

“รีบเข้ามา”

“ครับ….”

ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปยังบ้านที่แสนอบอุ่นที่เขาไม่ได้เหยียบย่ำเข้ามาเกือบห้าปี ภายนอกยังคงเหมือนเดิม สีที่หลุดลอกมันถูกทาสีทับเมื่อต้นปี ส่วนด้านในมีการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ เขาเห็นจากรูปถ่ายที่มารดาเป็นคนส่งมาให้ดู ข้าวของเครื่องใช้เรียบง่าย สะอาดสะอ้าน ให้บรรยากาศของความเป็นบ้านแตกต่างจากหอพักที่เขาอยู่อย่างสิ้นเชิงจริงๆ

นี่สินะ.. บ้าน

“แม่ทำอาหารเอาไว้พอดี เดี๋ยวลองชิมอาหารไทยหน่อยก็แล้วกัน” ทับทิมจับจูงลูกชายเดินไปนั่งพักโซฟาสีครีมเบาะนุ่มที่เธอซื้อมาใหม่เพราะเป็นสีที่ลูกชายคนโตชอบ เธออยากจะเอาใจใส่ให้กับลูกชายที่ห่างจากอกแม่ไปเสียนาน

“ผมกินไม่เยอะนะ ปวดหัว” เขาบอก

“งั้นรีบกินข้าวกินยาไปนอน ใบบุญไปช่วยหาข้าวหาปลาให้พี่เขาหน่อยสิลูก”

“ครับแม่” เขาพยักหน้าก่อนจะกุลีกุจอเข้าครัวไปเตรียมตั้งโต๊ะอาหาร เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กหายเข้าไปในครัว ทับทิมหันมามองธัชธรรม์ เธอเอื้อมไปจับมือของลูกชาย

“คราวนี้กลับมาอยู่กับแม่นะ” เสียงแผ่วของมารดาทำให้เขาหันมาสบตา “ธัช..”

“ครับ”

“ไม่โกรธน้องแล้วนะลูกนะ”

“มันไม่ใช่น้องผม!” เขาตวัดเสียงเข้ม ก่อนจะรู้สึกตัวว่ากำลังโมโหจึงบอกมารดาโดยไม่ยอมสบตาอีก “แม่อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยครับ”

“ธัช.. แม่ขอร้อง” ทับทิมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่ลูกชายก็ยังไม่ยอมลงให้ เธอเสียใจจริงๆ “น้องไม่มีใครแล้ว อย่าทิ้งน้องเลยนะลูก”

“เสร็จแล้วนะครับ เราจะกินกันเลยไหม” เด็กหนุ่มเดินเข้ามาตาม เห็นมารดากำลังคุยธุระหน้าตาเคร่งเครียดก็รู้สึกว่าตัวเองเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า จึงได้ส่งยิ้มแห้งไปให้

“กินเลยๆ เดี๋ยวแม่กินด้วย” ซับน้ำตาที่คลออยู่จนเหือดแห้ง ก่อนจะลุกขึ้นเรียกธัชธรรม์ให้ไปทานข้าวด้วยกัน “ใบบุญก็มากินด้วยนะ หนูผอมเกินไปแล้ว”

“จ้ะแม่ รอแปบนะจ๊ะ”

ธัชธรรม์มองตามร่างบางที่หายเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงหลุบตามองมือหนาของตัวเองเพียงเท่านั้น เด็กชายตัวน้อยที่เขาอุ้มขึ้นคอ คอยอาบน้ำให้แต่งตัวให้ ถึงจะไม่ได้คุยกันนานแล้วแต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามันมีอะไรขาดหายไป ไม่ว่าจะเพราะด้วยเหตุผลอะไรที่เขาไม่อยากจะนึกถึง เขาไม่อยากจะไปขุดคุ้ย ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว..

“มันก็ดูปกติ ไม่ได้ดูเหมือนแต่ก่อน”

“น้องดีขึ้นแล้ว ตอนนี้เรียนกีตาร์อยู่” ทับทิมตอบ “อย่าเรียกน้องแบบนั้น..”

“กีตาร์?”

“น้องเห็นธัชชอบเล่นก็เลยอยากเล่นบ้าง มาขอแม่ไปเรียนตั้งแต่ก่อนลูกไปเรียนต่ออีก” เธอตอบ หลังจากได้ดนตรีเข้ามาเยียวยาบาดแผลทางจิตใจดูเหมือนเด็กชายตัวน้อยจะดีขึ้น เธอจึงยอมให้ลูกเข้าโรงเรียนมัธยมอีกครั้ง ใบบุญสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กปกติ แม้จะไม่ชอบสุงสิงกับใครก็ตาม

“เหอะ”

“ถือว่าแม่ขอนะลูกนะ” เธอขอร้อง นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เธอยังเป็นห่วง ไม่มีคนดูแลใบบุญไม่ได้..

“ผม..” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน คว้าข้อมือบางของมารดาขึ้นจูง ไม่อยากได้ยินเรื่องราวของคนอื่นอีก “เราไปกินข้าวกันเถอะครับ”

“ธัช..”

“ผมรักแม่นะครับ” เขาพูดแค่นั้นก็รีบเดินไปที่โต๊ะอาหาร ไม่อยากเห็นสายตาของมารดาอีก

เขาไม่อยากจะใจอ่อน..

เด็กหนุ่มคอยเหลือบมองพี่ชายตัวโตที่กำลังกินข้าวอยู่ตรงหน้า แค่พี่ธัชอยู่ใกล้ๆเขาก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ไม่รู้จะวางสายตาไปไว้ตรงไหนดี เขาอิ่มตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่อยากลุกไปไหน ได้นั่งมองแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ใบบุญเห็นแม่ทานเสร็จแล้วเขาจึงเดินออกไปเตรียมสละลอยแก้วมาให้มารดาเป็นของหวาน และทำเผื่อธัชธรรม์อีกถ้วยหนึ่ง

“น่าทานจริงๆ” รับจากลูกชายคนเล็กมาก็ชมเปราะ เลื่อนไปให้ธัชธรรม์อีกถ้วย “กินสักหน่อยนะลูกนะ”

“ครับแม่” เขาไม่อยากขัดใจมารดา รับมาวางไว้ตรงหน้า แต่มือยังไม่ละไปจากจานหลัก “ช่วงนี้งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างครับ”

“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกจ้ะ เข้าที่เข้าทางมาได้สามปีแล้ว” เธอพูดพลางอมยิ้ม ได้คนไว้ใจมาช่วยงานแบ่งเบาภาระได้เยอะทีเดียว หลังจากหย่าขาดกับสามีเธอก็ต้องประคับประครองคนเดียวมาโดยตลอด ตอนนี้บริษัทก็ดำเนินไปได้ด้วยดี

“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับแม่”

“ถ้าธัชเอ่ยปากขนาดนี้ ถ้าเบื่องานที่ทำเมื่อไหร่ก็มาช่วยแม่ทำงานก็แล้วกัน” เธอหยอกเย้า ทับทิมไม่เคยบังคับให้ลูกชายต้องมาช่วยงานเลยสักครั้ง อยากให้เขาได้ทำงานที่ตัวเองรักมากกว่า

“ผมยังไม่เบื่อหรอก ผมแค่ไม่อยากให้แม่ทำงานหนักอีกแล้ว” เขาตอบเสียงหนักแน่น ถ้าหากเขาได้เข้าไปช่วยมารดาบริหารงานบ้าง ได้เรียนรู้งานบ้างคงจะดีไม่น้อย

“แม่ไม่เหนื่อยเลย ขอแค่มีใบบุญกับธัช แม่ไม่เหนื่อยเลยสักนิด”

“แม่..” เด็กหนุ่มครางเครือ หันไปหามารดา “ใบบุญรักแม่นะจ๊ะ”

“เป็นพี่น้องกัน ดูแลกันเอาไว้ดีๆ” เธอเอ่ยย้ำ ลูบหัวลูกชายคนเล็ก “อย่าให้แม่ต้องเสียใจ เข้าใจไหม” มองหน้าลูกชายคนโตที่เรียบเฉย เขาเอ่ยออกมาเสียงเบา

“ครับ..”

หวังว่าเขาจะทำให้มารดาได้..

ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 1 ] 19-06-61
«ตอบ #7 เมื่อ21-06-2018 14:45:46 »

ต่อจากด้านบนค่ะ


ใบบุญช่วยพี่ชายยกของขึ้นห้องนอนชั้นบนอย่างตั้งอกตั้งใจ ต่อให้จะโดนธัชธรรม์ส่งสายตาไล่แค่ไหนเขาก็ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น สองมือลากกระเป๋าล้อเลื่อนขึ้นบันไดบ้าน ค่อยๆเข็นเข้าห้องนอนของชายหนุ่ม ด้านในมีเตียงห้าฟุตและโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือ ทุกอย่างยังคงสภาพเหมือนเดิมทุกอย่างตั้งแต่ที่ชายหนุ่มย้ายออกไป เขายืนเก้ๆกังๆกำลังจะออกจากห้องแต่ก็ไม่รู้ว่าพี่ชายต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า ความจริงเขาก็อยากอยู่ต่อสักนิด

“พี่ธัชจะให้ผมช่วยอะไรไหม”

“ช่วยออกไปจากห้องกู แค่นี้แหละ” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ พอลับหลังมารดาเขามักจะได้ประโยคแสบๆคันๆจากธัชธรรม์ตลอด

แค่นี้เขาทนได้!

“ก็ได้ครับ” เขาพยักหน้าเดินคอตกเตรียมจะออกจากห้อง แต่เห็นหน้าหงอยแล้วก็คิดถึงเด็กชายใบบุญตัวเล็กขึ้นมา ชายหนุ่มถอนหายใจ

“งั้นขอน้ำเปล่าขวดหนึ่งแล้วกัน”

“ดะ ได้ครับ งั้นรอแปบนะพี่” เด็กหนุ่มใบหน้าเปลี่ยนมาเป็นสดใสทันทีราวกับมีหูและหางงอกออกมา ชายหนุ่มเดินออกมาพิงขอบประตูมองเด็กหนุ่มที่เพิ่งวิ่งลงบันไดไป

ทำไมเขาชอบนึกถึงไอ้เด็กนี่ตลอด.. สงสัยจะเจ็ทแลคแน่ๆ

เด็กหนุ่มนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ในห้องของธัชธรรม์ เขามองชายหนุ่มกำลังแปะโปสเตอร์บนผนังเป็นรูปนักร้องคนโปรดของชายหนุ่มอย่าง Eminem เขามองไปเรื่อยพลางหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าก่อนจะช่วยพับและเอาใส่ไม้แขวนเสื้อเรียงเอาไว้ เขาจำเสื้อตัวนี้ได้ เคยเห็นชายหนุ่มตอนใส่ไปออกคอนเสิร์ตเล็กๆกับ Jacky แร็ปเปอร์หนุ่มผิวสีที่มีชื่อเสียงสุดๆ

“เรียนเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มถาม ใบบุญหันไปมองพลางเบิกตาโพลง เก็บอาการดีใจเอาไว้แทบไม่มิด

“ก็ดีครับพี่”

“เรียนที่ไหนล่ะ” ธัชธรรม์หยิบของใช้มาจัดวาง เขาเปิดเพลงจากชาแนลยูทูปที่เขาชอบคลอเบาๆ พลางโยกหัวตามจังหวะเพลง เด็กหนุ่มที่นั่งมองยิ้มแก้มแทบปริ.. เท่ชะมัด

“โรงเรียนมัธยมแผนกดนตรีครับ”

“ก็ดีนี่ แล้วเล่นอะไรล่ะ”

“ก็.. เอกร้องครับ”

“หื้ม? ไม่ยักรู้ว่ามึงร้องเพลงได้” ชายหนุ่มหันไปมอง แต่เขารีบก้มหน้าไม่กล้าสบตา ขนาดใส่แว่นเอาไว้แล้วก็ยังสบตาตรงๆไม่ได้เลย เขาไม่คิดเลยว่าจะชอบธัชธรรม์ขนาดนี้..

“แต่ก่อนก็ชอบร้องบ่อยๆครับ”

“งั้นก็ดี หาอะไรที่ชอบทำ”

“คะ ครับ” อย่างน้อยพี่ธัชก็เริ่มพูดดีๆกับเขาบ้างแล้ว.. เด็กหนุ่มนั่งจัดห้องไปเรื่อยจนเพลินเวลา หันไปมองพี่ชายอีกที เจ้าตัวก็นั่งฟุบอยู่ข้างเตียงซะแล้ว ในมือยังมีกระดาษจดเป็นภาษาอังกฤษด้วยลายมือยึกยือที่เขาอ่านไม่ออก คงจะเป็นเนื้อเพลงที่ธัชธรรม์ชอบเขียนตอนเวลาว่าง เขามักจะเห็นชายหนุ่มอัพเดตเรื่องราวชีวิต บางครั้งก็ก่นด่าโชคชะตาผ่านทางโซเชี่ยลอยู่เสมอ แต่ส่วนมากที่เขาเห็นจะเป็นพี่ชายเขาในโหมดปาร์ตี้พร้อมสาวๆผมบอนด์รายล้อมมากกว่า

เขาคลานเข่าเข้าไปใกล้เพ่งดูใบหน้าคมคร้ามที่ได้แต่เฝ้ามองผ่านหน้าจอตลอดเวลาห้าปี เสียงลมหายใจแผ่วเบาดังสม่ำเสมอ ใบบุญยิ่งขยับเข้าไปใกล้

หน้าตาดีจริงๆ..

เขามองอย่างพินิจพิเคราะห์ให้สมกับที่หายคิดถึง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูป ตอหนวดเขียวครึ้มที่กำลังขึ้น กล้ามเนื้อกำยำที่อยู่ภายใต้เสื้อกล้ามตัวเล็กนั่น ให้ตายเถอะ ปาร์ตี้ได้ทุกวันแต่ก็ยังดูแลตัวเองดีขนาดนี้ เขาล่ะนับถือธัชธรรม์จริงๆ มือขาวเอื้อมไปแตะไล้ที่ผิวแก้มสาก เลื่อนลงมาที่ริมฝีปากคู่สวยที่กำลังยกยิ้มขึ้นน้อยๆราวกับกำลังอยู่ในห้วงฝันดี

รัก…

อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่ารักอย่างไรกันแน่ รักเหมือนพี่น้องที่ปราศจากความใคร่ใดๆ หรือรักอย่างหนุ่มสาวที่ต้องการความสัมพันธ์ลึกซึ้ง รู้แต่ว่าสายตาของเขามองได้แค่เพียงคนตรงหน้าเท่านั้น..

‘ไม่รักและจะไม่มีวันรัก’

ยังจดจำประโยคนั้นได้ขึ้นใจ เพราะเขาเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว หรือเป็นเพราะรังเกียจที่เขาไม่ปกติ เขายังเด็กนักกับคำว่ารัก ถึงได้ถามประโยคนั้นไป บ้าบอสิ้นดี เพราะสำหรับเขาแล้ว หากรักก็คือรัก..

มันคงจะไม่มีวิธีใดที่จะทำให้หนทางของเรามันมาบรรจบกันได้แล้วใช่ไหม

“พี่ธัช หนูคิดถึงพี่จังเลยจ้ะ พี่คิดถึงหนูบ้างไหม..” หยดน้ำตาเกลือกกลิ้งลงแก้มขาว เด็กหนุ่มกลั้นเสียงสะอื้นไห้ “อย่าเกลียดหนูเลยนะ..”

เด็กหนุ่มประครองแก้มของพี่ชาย ก้มลงแตะริมฝีปากทาบทับแผ่วเบา ส่งกระจายความอุ่นร้อนที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก เขามองชายหนุ่มด้วยความรักใคร่ ดีแค่ไหนที่รักคนตรงหน้าได้อย่างไม่ผิดศีลธรรม

ถึงจะโดนเกลียด เขาก็ยอม..

+++

เด็กหนุ่มเข้ามาในห้องนอนเปิดคอมพิวเตอร์ฟังเพลงคลอเบาๆแล้วตวัดกระเป๋านักเรียนขึ้นมา หยิบหนังสือเรียนออกจากระเป๋ามากองรวมกัน ตอนนี้เขาเรียนจบชั้นมอปลายแล้วและกำลังเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเกี่ยวกับดนตรีที่เขาชอบ เด็กหนุ่มนั่งจัดของอยู่ไม่นานก็ลุกขึ้นไปเปิดแอร์คว้าหนังยางมามัดจุกผมม้าที่ปิดหน้าปิดตา ดวงตากลมโตสีน้ำตาลคู่สวยรับกับคิ้วสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากบางสีชมพูเข้ม ใบบุญหันซ้ายหันขวามองตัวเองในกระจก เด็กหนุ่มใบหน้ารูปไข่เครื่องหน้าเกลี้ยงเกลาและลักยิ้มข้างแก้ม เขาแค่นยิ้ม หันไปมองนาฬิกาที่แขวนผนังห้อง

สามทุ่ม..

อีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาทำงาน

เขารีบจัดกระเป๋าหยิบเสื้อผ้ายัดใส่เข้ากระเป๋านักเรียนแทนหนังสือที่รื้อออกมา หยิบอุปกรณ์ที่ต้องใส่ทำงานยัดใส่อย่างรีบเร่ง มัวแต่ดีใจที่ธัชธรรม์กลับบ้านจนลืมไปเลยว่าวันนี้มีคิวเล่นที่บาร์ของรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เด็กหนุ่มเปิดประตูออกนอกห้องยังคงได้ยินเสียงดีดกีตาร์ออกมาจากอีกฟากของประตูห้อง

 “You can try and read my lyrics off of this paper before I lay ’em But you won’t take the sting out these words before I say ’em Cause ain’t no way I’mma let you stop me from causing mayhem When I say I’mma do something I do it”
เสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับเครื่องประกอบจังหวะอย่างกีตาร์โปร่งกลับทำให้ดนตรีจังหวะหนักของนักร้องคนโปรดเปลี่ยนเป็นละมุนนุ่มลื่นขึ้นมาได้ แตกต่างจากคลิปที่เขาเห็นธัชธรรม์ร้องแร็ปหนักแน่น ประโยคคมกริบจนเขายังอดชื่นชมไมได้

ใจอยากจะยืนฟังชายหนุ่มร้องเพลงอีกสักพักแต่เวลาที่กระชั้นชิดทำให้เขาไม่อาจรั้งรอได้นาน เด็กหนุ่มเผลอลงเท้าหนักยามหมุนตัวลงบันได คนที่กำลังร้องเพลงอยู่ชะงักกึก ต้องหยุดร้องเพลงแล้วลุกออกมาเปิดประตูห้องดูว่าเสียงอะไร ธัชธรรม์ส่ายหัวคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาด เมื่อกี๊เขาได้ยินเหมือนมีคนวิ่งลงบันไดบ้านทั้งๆที่ดึกขนาดนี้แล้วแท้ๆ

มองไปยังอีกฟากของห้องซึ่งเป็นห้องของใบบุญ หมอนั่นปกติก็แทบไม่จะพูดจาอะไรกับใครอยู่แล้ว อีกอย่างต่อให้จะทำอะไรเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว คิดว่าเขาอยากกลับไปดูแลหมอนั่นเหมือนตอนเป็นเด็กหรือยังไง

ไม่มีทาง!

ธัชธรรม์เริ่มติดต่อกับเพื่อนและรุ่นพี่ที่รู้จักกันสมัยเรียนไฮสกูล นับว่าโลกกลมมากเมื่อปัจจุบันอีกฝ่ายก็เป็นเจ้าของผับและค่ายเพลงเล็กๆที่ไทย เขาอยากจะกลับมาทำเพลงอีกครั้ง ถึงมันจะไม่ได้เหมือนเมื่อสมัยก่อนที่เขาเคยทำกับเพื่อนก็ตาม แต่มันก็น่าสนใจที่จะลองและเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ชายหนุ่มเริ่มลงมือเขียนเพลงอีกครั้ง..

+++

วันนี้รถติดกว่าที่เขาคิดทำให้เขาเผื่อเวลามาทำงานสายไปเกือบครึ่งชั่วโมง เด็กหนุ่มลงจากรถมอเตอร์ไซค์คนเก่ง ถอดหมวกกันน็อค คว้ากระเป๋าเป้แล้วรีบวิ่งเข้าไปหลังร้าน ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะโดนเฮียบ่นขนาดไหน เขายกนิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากให้พนักงานที่กำลังเดินวุ่น เมื่อไม่เห็นเจ้าของร้านบริเวณนี้เขาก็แทบจะโล่งอก รู้สึกรอดตายไปอีกวัน

ร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งนี้เป็นของรุ่นพี่ที่เขาเคยไปช่วยงานเมื่อสมัยเรียนมอห้า พอเรียนจบมอปลายเขาก็เลยขอทำงานพิเศษแลกกับค่าขนม โชคดีที่เฮียเมตตารับเขาไว้ช่วยงาน เขาถึงได้มีเงินมาผ่อนเจ้าลูกชายมาใช้ขี่ไปไหนมาไหนได้

“ไอ้ไบร์ท!” ชายหนุ่มร่างสูงตะโกนลั่น ก่อนจะชี้นิ้วไปที่เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินตัวลีบเข้ามา “มาสาย กูหักเงินมึงดีไหมเนี่ย”

“เฮียกิตอย่าหักผมเลยคร้าบ” ยกมือกระพุ่มไหว้ผู้ใหญ่หน้ายักษ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาก่อนแล้วกัน ซวยจริงๆทำไมเมื่อกี๊มองไม่เห็นนะ “รถติดจริงๆนะพี่ ผมไม่ได้โกหกเลย”

“กูเห็นมึงเช็คอินที่บ้านเมื่อสองชั่วโมงก่อน มีงานอะไรทำไมไม่บอก จะได้เอาคิวให้คนอื่น”

“ขอโทษจริงๆครับ ต่อไปจะไม่สายแล้วครับเฮีย”

“รีบไปทำงาน ค่าเสียเวลาก็เขียนเพลงมาให้กูสักเพลงก็แล้วกัน” เขาแค่นยิ้ม มองไอ้เด็กหน้ากวนทำหน้าบิดเบ้ กิตติไม่คิดเลยว่าเด็กเนิร์ดที่เขาเห็นตั้งแต่คราวแรก ทรงผมยับยุ่งแถมยังแต่งตัวเชยระเบิดจะมีมือมากขนาดนี้ แถมพอเอามาจับเจียระไนกลับเหมือนเพชรที่คลุกอยู่ในโคลนตม ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้เสียมิด

“ผมไม่คุ้มเลยนะครับบบบบ”

“ไปได้แล้ว!”

ดุชิบหาย

เขาเข้าไปวางกระเป๋าหลังร้าน ผมสีดำถูกเซ็ตขึ้นใหม่และฉีดสเปย์ย้อมให้เป็นน้ำตาลทอง คอนแท็คเลนส์ถูกสวมแทนกรอบแว่นตาอันโต ห่วงเงินที่เจาะอยู่ริมฝีปากล่างค่อยทำให้ใบหน้าขาวจัดถูกลดทอนความหวานลงไปได้หลายส่วน เสื้อกล้ามสีขาวถูกสวมทับด้วยแจ็คเก็ตยีนส์และกางเกงขาเดฟขาดๆวิ่นๆที่พี่กิตเห็นก็อดจะถามทุกครั้งไม่ได้ ทำไมไม่มีใครเข้าใจว่ามันเป็นแฟชั่นบ้างนะ! เขาหยิบมาร์สผ้าสีดำมาคาดปาก ติดนิสัยไม่ชอบใครมองหน้าตัวเองตรงๆ

 “มาแล้วหรือวะ” ไอ้มังกรเดินเข้ามากอดคอ มันเป็นเพื่อนที่เรียนพิเศษด้วยกันกับเขาเมื่อสองปีก่อน ตั้งแต่นั้นมาก็เลยสนิทกัน “ไปๆ ถึงเวลาของมึงแล้ว”

“เออ วันนี้ขอแค่เที่ยงคืนพอนะ” เขาบอก ตั้งแต่นี้ใบบุญไม่อยากจะทำงานดึกแล้ว เดี๋ยวตื่นสายแล้วจะไม่ได้เจอธัชธรรม์ แต่เรื่องอะไรจะให้บอกไอ้เพื่อนตัวแสบนี่ตรงๆล่ะ

“ทำไมวะ”

“กู…” เขาอึกอัก ไม่รู้จะตอบยังไง “เออน่า พรุ่งนี้มึงมาแทนกูแล้วกัน”

“อะไรของมึงวะ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเกาหัวแกรก “เดี๋ยวนี้มีลับลมคมในนะมึงอะ”

“พอ.. กูไปละ”

เขาสวมเฮดโฟนสีดำเข้ากับหูก่อนจะขึ้นไปยืนหน้าเครื่องเล่นเซ็ตมาตรฐานที่ใช้ในคลับ ลงมือเทสต์เสียงอยู่อีกสักครู่ ก่อนจะเริ่มเปิดเพลง เหล่าบรรดานักเที่ยวยามราตรีกำลังโบกมือโยกย้ายส่ายสะโพกไปมา แสงไฟหลากสีจากสปอร์ตไลท์ส่องไปทั่วบริเวณ จังหวะเพลงและบีทหนักหน่วงรวมกับเพลงที่เอามามิกซ์เป็นจังหวะเร็วที่จะทำให้ความร้อนในฟลอร์จะต้องแผดเผาให้ไฟลุก

“Everybody push your hands up!”

รูปร่างสูงโปร่งที่กำลังสแคลชมือไม่หยุด โยกตัวไปตามจังหวะเพลง จนกระทั่งเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ตัวโปรดไหลร่นลงมาที่ไหล่ข้างขวา โชว์ไหล่ขาวเนียนกลมกลึง เหงื่อเป็นเม็ดผุดขึ้นขึ้นตามลำคอขาวผ่อง แสงไฟที่ส่องวูบวาบยิ่งทำให้ผิวขาวจัดที่เคลือบน้ำดูมีสเน่ห์เย้ายวน เขาโยกหัวด้วยความเมามันส์แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่เริ่มกระหายน้ำ จนทนไม่ไหวต้องกระชากผ้าคาดปากสีดำออก ห่วงเงินที่ห้อยอยู่ริมฝีปากส่องแสงแวววาว ทุกคนด้านล่างแตกฮือแถมยกมือถือขึ้นมาถ่าย DJ ชื่อดังที่ไม่เคยมีใครได้เห็นหน้าค่าตามากนัก ใบหน้าหวานแสยะยิ้ม เผลอกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย ยกไมค์ขึ้นจ่อปาก

‘อาจจะเคยได้ยินแต่ผมก็อยากจะชิน ถ้าอยากรู้จักกันจริง ผมบอกตรงนี้ว่าไม่อยากจะรักใคร.. ไม่ยอมให้ใครเข้ามาในหัวใจ yeah ขอกันตรงนี้บางทีพูดไม่ตรงกับใจ..’

“เชี่ย โคตรเด็ด” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ชั้นสองมองลงมาด้วยสายตาวิบวับ เขาอยากจะมาดูให้เห็นกับตานานแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้จะเจอของดีอย่างที่ทุกคนว่าไว้จริงๆ

“อย่ายุ่งนะมึง เด็กพี่กิตเขา” เพื่อนเขาเอ่ยปราม พลางมองไปยังคนที่กำลังอยู่บนเวที จังหวะมันส์จนต้องสั่นขาตาม ทุกคนต่างถูกตรึงไว้ด้วยเวทมนต์แห่งเสียงดนตรี

“จริงหรือวะ แม่งโคตรได้เลยว่ะ”

“ไม่รู้ไปหามาจากไหน แต่โคตรดังเลยคนนี้.. นักร้องคนใหม่ของค่ายเลยล่ะ” ชายหนุ่มยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นจิบ มองไปยังร่างบางด้วยความคิดบางอย่าง

ทำยังไงถึงจะได้คนคนๆนี้มาเป็นของเขา..
+++

ธัชธรรม์วางกีตาร์ลงบนเตียงเขาปิดเพลงที่เปิดทิ้งเอาไว้ก่อนจะรับโทรศัพท์ ตั้งแต่กลับมาเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างนอกจากจัดห้องแล้วก็เขียนเพลงนิดหน่อย เห็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่ยังติดต่อกันอยู่โทรเข้ามาคงจะเป็นเรื่องชวนเที่ยวอีกเหมือนเดิม อีกฝ่ายเป็นนักศึกษากำลังจะขึ้นปีสาม ส่วนเขาที่มาเรียนทีหลังต้องมาเป็นรุ่นน้องมันซะได้ ไอ้ฮันเตอร์..

“ว่าไงมึง”

“เออ ทำอะไรวะ มาถึงไทยแล้วเงียบเลยนะมึง” เสียงเพลงดังลั่นมาตามสายโทรศัพท์สมแล้วที่เป็นเจ้าพ่อคาสโนว่า

“อยู่บ้าน พักผ่อน จะให้กูไปไหนล่ะ ยังไปไหนไม่ถูกหรอกตอนนี้” อีกฝ่ายพอได้ยินเขาตอบก็หัวเราะเสียงดัง
“ให้กูไปรับไหม”

“มึงจะพากูไปไหน?”

“เออน่า รับรองว่ามึงต้องชอบ”

“ได้ งั้นขอกูแต่งตัวอีกแปบนึง” เขารับปาก เริ่มคิดในหัวว่าจะใส่ชุดอะไรดี มองนาฬิกาข้อมือเป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว “บ้านกูอยู่ซอยเดิมนะ มึงจำได้ใช่ไหม?”

“จำได้ครับคุณชายยยยยยยย”

“ให้ไว!”

ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหลังจากที่วางสายโทรศัพท์ไป รถยนต์บีเอ็มสีขาวก็จอดหน้าบ้านเขา ชายหนุ่มลงจากรถโบกมือให้เขา เขาพยักหน้าก่อนจะขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว วศินไม่พูดอะไรมากออกรถทันที เขาเอนหลังพิงเบาะมองไปตามถนนหนทางยามค่ำคืน เขาอยู่บ้านทั้งวันก็เริ่มจะเบื่อ ออกไปข้างนอกก็ดีเหมือนกัน

“เห็นอยากฟอร์มทีมทำเพลงขึ้นมาใหม่” วศินยักคิ้วให้เขา เขาหรี่ตามองมัน “กูมีคนเด็ดๆแนะนำมึงสนใจปะ”
“ใครวะ เด็ดๆที่มึงว่า”

“เป็น DJ หน้าตาดี หุ่นอย่างเด็ด” มันโวยวายเสียงดังดูจะถูกใจเป็นพิเศษ “โคตรแซ่บ! เพื่อจะฟีจเจอริ่งไงเพื่อน”

“กูอยากได้rapperเจ๋งๆสักคนมาช่วยทำเพลง” เขาตอบเสียงเรียบ ลองมันบอกฟีจเจอริ่งเขาจะไปคิดอะไรได้นอกจาก มันอยากหิ้วไปกกใจจะขาดอย่างที่มันชอบทำ “ถ้าได้แล้วค่อยมาคุยกัน”

“เท่าที่ได้ฟัง กูว่าโอเคเลย เห็นว่าน้องเขาเคยไปทำงานกับค่ายของเฮียกิต”

“KT record?”

“อืม เป็นไงน่าสนใจปะ” มันควักโทรศัพท์ออกมาให้เขาดู “นี่ไงคลิปน้องเขาที่แฟนคลับอัพโหลดลง” เขารับมาดูอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะเสียงกรี๊ดดังมากเขาเลยได้ยินเสียงไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

“คนบ้าอะไรทำไมต้องปิดหน้าปิดตา”

“มึง นี่คลิปล่าสุดเลย โอ๊ย กูชอบเขาจัง” ไอ้ฮันเตอร์ทำเสียงระริกระรี้ เขาล่ะหมั่นไส้มันจริงๆ “น้องน่ารักว่ะ”

“อืม..” เขาเสียบหูฟังเข้ากับโทรศัพท์แล้วตั้งใจฟังดีๆ “ก็ใช้ได้ไรม์คมดี” เขามองใบหน้าไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เพราะความละเอียดกล้องยังไม่มากพอ แต่ดูจากรูปร่างแล้วเป็นคนที่มี sex appeal ไม่เบาเลยทีเดียว

“เป็นไงน่าสนใจใช่ปะ มึงไปจีบหน่อยสิคนนี้ บอกเลยกูทุ่มไม่อั้น!” มันพูดอย่างอารมณ์ดี คนอย่างธัชธรรม์เลิกคิ้วขึ้นมาน้อยๆรู้สึกประหลาดใจกับเพื่อนที่ใจกล้าขนาดนี้ เขาเริ่มจะอยากรู้จักคนคนนี้ซะแล้วสิ

“เขาชื่ออะไรนะ”

“ไบร์ท aka Galaxy-B”


TBC

Aka = also know as = เป็นที่รู้จักในชื่อ

เจอกันตอนหน้าค่ะ


ออฟไลน์ ppseiei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 1 ] 21-06-61
«ตอบ #8 เมื่อ23-06-2018 11:45:23 »

หมั่นไส้นังพี่ธัช ตีๆๆๆๆ
แต่ว่าน้องไบรทททททททท์ แซ่บเว่ออออ :hao7:
ชอบค่ะ ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 1 ] 21-06-61
«ตอบ #9 เมื่อ05-07-2018 11:30:32 »

อ๊ากกกกกก ใบบุญสายอ๊อง แต่ไบร์ทนี่เฟียตนะทำให้อีพี่หลงเยอะเลยไบร์ทแล้วค่อยเฉลยตัวว่าเราคือใบบุญ

อย่าไปยอมใจอ่อนยกโทษให้ง่ายๆนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 1 ] 21-06-61
« ตอบ #9 เมื่อ: 05-07-2018 11:30:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lovebear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 1 ] 21-06-61
«ตอบ #10 เมื่อ05-07-2018 11:35:01 »

คือดีอ่ะหน่องพายไม่เคยไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยอ่ะ

ชอบในคาเร็กเตอร์นายเอกนะครับ มีสองบุคคลิก ไบร์ทสู้เขานะ

ให้ใบบุญสู้ตอนนี้ท่าจะรอดยาก พี่ธัชเจอทีแทบจะกินหัวน้อง

น้องอยู่เฉยๆก็ชอบไปหงุดหงิดใส่น้อง ไม่เข้าใจเลย ทำไมชอบร้ายกับน้อง

อย่าหลงรักน้องบ้างนะจะให้น้องร้ายกลับบ้างคอยดู

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 2 ] 05-07-61
«ตอบ #11 เมื่อ05-07-2018 21:05:29 »

Rhyme 2

   เด็กหนุ่มไขกุญแจเข้าบ้านด้วยความเงียบเชียบก่อนจะเดินอ้อมเข้าด้านหลังบ้าน ประตูเล็กที่ห้องครัวเป็นทางลับที่เขามักจะเอาไว้ใช้ขึ้นห้องตอนกลางคืนหลังจากทำงานพิเศษเสร็จ บรรยากาศรอบด้านมืดไปหมดเขาจะต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทะลุจากห้องครัวผ่านห้องรับแขกเพื่อขึ้นไปชั้นสอง ใบบุญกอดกระเป๋าเป้ไว้แน่น พยายามก้าวขากว้างๆไม่ให้ชนเข้ากับสิ่งของขวางทาง ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่บ้านกับมารดาแค่สองคน และไม่อยากเจอพี่ชายในสภาพนี้ด้วย 

   กึก!

   “โอ๊ย!” เขายกขาขึ้นกระโดดเหยงๆหลังจากเตะเข้าที่โต๊ะกินข้าวเข้าไปเต็มแรง เด็กหนุ่มสูดปากอยากจะร้องไห้ ทำไมต้องมาซุ่มซ่ามตอนนี้ด้วยนะ!

   “ใคร?”

   พี่ธัช?

   เขาปิดปากอัตโนมัติย่อตัวลงกับพื้นอย่างกับเป็นทหารพรานที่กำลังหลบหนีข้าศึก แสงไฟจากห้องน้ำที่อยู่ถัดออกไปจากห้องครัวทำให้เขาเห็นร่างสูงกำลังยืนโงนเงนเดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างนั้นยืนนิ่งไม่ไหวติงก่อนร่วงลงกับพื้นดังตึง! เขาตกใจรีบวิ่งไปเปิดไฟให้สว่าง กลิ่นเหล้าคละคลุ้งเหม็นจนเขาต้องบีบจมูกกลั้นหายใจ มองชายหนุ่มที่ล้มนอนลงกับพื้นแล้วใช้มืออีกข้างเขี่ยคนตัวโต ถ้าให้เดาก็คงไปเมามาจากข้างนอกแน่ๆ เขาเขย่าธัชธรรม์เบาๆ

   “พี่ธัช พี่ขึ้นไปนอนข้างบนเถอะครับ”

   “อือ” ชายหนุ่มยกมือปัดก่อนจะตะคอกเสียงดัง “อย่ามายุ่ง” เขาหน้าตึงไปทันทีแต่ก็ยังไม่หยุดความพยายาม ค่อยๆประคองคนตัวโตให้ลุกขึ้น ถ้ามานอนพื้นเย็นๆแบบนี้มีหวังไม่สบายกันพอดี

   “ค่อยๆลุกนะครับ”

   “อย่า.. ยุ่ง” ชายหนุ่มหรี่ตามามองเขาอีกรอบ ก่อนจะสะบัดมือทิ้งออกอย่างไม่ไยดี เขาขบฟันแน่น ยังรู้สึกเจ็บแปลบจากแรงสลัดเมื่อครู่ เมื่อไหร่จะชินกับท่าทีรังเกียจของคนๆนี้สักที

   เดี๋ยวก็ปล่อยให้นอนกับพื้นเย็นๆแบบนี้ซะให้เข็ด ไอ้บ้าเอ๊ย!

   “งั้นก็นอนตรงนี้ไปเลย ไอ้พี่เฮงซวย!”

   “ฮึก เจส.. อย่าทิ้งไอไป”

   “….”

   “ฮือ..”

“ผมควรจะสะใจพี่หรือสมเพชตัวเองดีวะเนี่ย” เขาเขี่ยแก้มขาวของตัวเองเบาๆ “รออยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มวิ่งปราดขึ้นไปบนห้องนอน โยนกระเป๋าเข้าที่ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนอย่างรวดเร็ว และย่องลงบันไดมาด้วยความไว ใบบุญมองคนตัวโตนอนแอ้งแม้งอยู่ที่เดิม เขาเข้าไปใกล้สอดแขนธัชธรรม์พาดคอตัวเองก่อนจะยกด้วยแรงทั้งหมดที่มี เขายอมรับว่าแอบปลื้มหุ่นหนาล่ำบึกของธัชธรรม์อยู่หรอก แต่เจอแบบนี้กระดูกเขานี่แหละที่จะหักแทน คนหรือหมีควาย!

“หนังก็ไม่ได้กิน ยังเอากระดูกมาแขวนคอ!” เขาบ่นอุบ กว่าจะลากเจ้าหมีตัวยักษ์ขึ้นไปข้างบนได้ เขาวางธัชธรรม์ไว้หน้าประตูห้อง นวดไหล่ตัวเองจนคลายความปวดเมื่อยแล้วผลักประตูห้องเข้าไปเปิดไฟ หันมามองคนตัวโตที่ยังนอนแบ็บอยู่หน้าห้อง “ทำดีแค่ไหนเขาก็ไม่เคยจะเห็นค่าซะทีสิน่า”

   เขาวางชายหนุ่มลงบนเตียงนอน ดูจากสภาพแล้วน่าแอบถ่ายรูปเอาไว้แบล็คเมล์ซะให้เข็ด เด็กหนุ่มยืนมองอย่างจนปัญญา ท้ายที่สุดก็แพ้ใจตัวเองเดินเข้าไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำสะอาด ค่อยๆเช็ดไปตามเนื้อตัวแผ่วเบา เผื่อเวลานอนชายหนุ่มจะได้สบายตัว สังเกตเห็นเสื้อผ้าเลอะคราบอาเจียนเป็นดวง เขาก็รู้แล้วว่าทำไมถึงได้กลิ่นแรงขนาดนี้ เดินไปตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อนอนและกางเกงขาสั้นที่ชายหนุ่มใส่เป็นประจำออกมา มือขาวลงมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแค่สองเม็ดเท่านั้น แผงอกกำยำก็ปรากฎสู่สายตา เขาไม่ได้อยากจะมองแต่อยู่ตรงหน้าจะให้เบือนสายตาหนีก็คงแปลกๆ เขาดึงชายหนุ่มขึ้นนั่งถอดเสื้อออกจากตัว บิดผ้าให้หมวดแล้วเช็ดตัวอีกครั้งก่อนจะสวมเสื้อยืดให้ เหลือส่วนล่างที่ยังเลอะเทอะ..

   “เอาไงดีวะเนี่ย” ในเมื่อบริสุทธิ์ใจไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว ก็อย่าได้รอช้าเลย “ขอโทษนะครับ” เขาปลดกางเกงยีนของชายหนุ่มออกและสวมกางเกงนอนขาสั้นให้แทน ถ้าธัชธรรม์ตื่นมาตอนนี้คงไม่ต้องบอกเลยว่าเขาจะโดนข้อหาอะไร

   “เจส.. อย่าทิ้งผมไป” เขามองชายหนุ่มด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ยิ้มขื่นให้กับตัวเอง

   “ผมไม่เคยคิดจะทิ้งพี่อยู่แล้ว”

   “เจส..”

   “…” มองใบหน้าที่มักจะเฉยชากับเขามาตลอดบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด มือหนายกขึ้นไขว่คว้าในอากาศ เสียงร้องเรียกราวกับจะขาดใจ ใครกันนะ ที่มีอิทธิพลถึงขนาดนั้น ใครคนนั้นที่เขาคงไม่มีวันได้เป็น..

   น่าอิจฉาชะมัด..

    “ผมไปก่อนดีกว่า..” หมุนตัวกำลังจะเดินกลับห้องแต่แรงดึงทำให้เขาหงายหลังตึงลงไปนอนบนเตียง หันไปมองก็เห็นมือของพี่ชายกำลังกำเสื้อเขาแน่น “พี่ธัช!”

   “เจส.. อยู่กับผม” เขาโดนดึงเข้าไปกอด เสียงพร่ำร้องดังก้องอยู่ข้างหู นี่มันอะไรกัน.. จะให้เขารู้สึกยังไง เขาควรรู้สึกยังไงกัน “ขอร้อง..”

   “พี่ธัช ปล่อยผมก่อน” เขาดันตัวออก ชายหนุ่มเมามากและคงทำอะไรไม่ทันคิด เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากได้ยินถ้อยคำอ้อนวอนจากปากคนที่เขารัก “ให้ผมไปเถอะ ปล่อยผมไป”

   “ไม่ ไม่ปล่อย”

   “ผมไม่ใช่เจสสิก้าของพี่นะ”

   “เจส ฮึก..”

   “แม่งเอ๊ย” เขาอยากจะร้องไห้จริงๆ แรงกอดกระชับจากคนตัวโตกว่าทำให้เขาแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย ความอุ่นร้อนของผิวกายที่ส่งผ่านเข้ามามันทำให้เขารู้ว่าคนคนนี้ยังอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ให้เขาได้รักได้มองเห็น ไมได้อยู่ห่างไกลเหมือนที่แล้วมา แต่เขา.. ก็มีหัวจิตหัวใจ มีความรู้สึกไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ ขอร้อง.. อย่ามองข้ามเขาได้ไหม

   “อยู่ด้วยกันนะ.. เจส”

   “…”

   “อย่าทิ้ง.. เลย”

   “ผมจะอยู่กับพี่..” ใบบุญมองหน้าชายหนุ่มแล้วยิ้มทั้งน้ำตา จะมีอะไรทุกข์ใจไปกว่าเห็นคนที่เรารักเจ็บปวดอีก ถ้าหากเขาจะปลอบโยนและทำให้ธัชธรรม์หายจากฝันร้ายและผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ ต่อให้เขาจะต้องเจ็บปวดแค่ไหน..

   เขาก็ยินดี..

   รุ่งเช้าธัชธรรม์รู้สึกปวดร้าวไปทั้งแขนเหมือนมีของหนักมาทับจนกระดุกกระดิกตัวไม่ได้ ปวดหัวจี๊ดจนลืมตาแทบไม่ขึ้นเขาจำไม่ได้แล้วว่าหลังจากฮันเตอร์พาเขามาส่งที่บ้านหลังจากไปฉลองต้อนรับเขากลับเมืองไทยกับกลุ่มเพื่อนที่มหาวิทยาลัยของฮันเตอร์ จากนั้นเขาเป็นยังไงบ้าง จำได้เลือนลางว่าเขาถูกสาวๆในกลุ่มคะยั้นคะยอให้ดื่มจนเขาอ้วกออกมาจนได้ ดวงตาสีดำกระพริบตาถี่ๆไล่แสงแดดที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง ปรับโฟกัสอยู่สักครู่ แขนซ้ายชาดิกจนเหน็บชาไปหมด

   กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มถูไถเข้าที่หัวไหล่พร้อมใบหน้าขาวพิงอยู่ เขามองใบหน้าที่คุ้นเคยแล้วต้องเบิกตาโพลงร้องออกมาเสียงดัง จนคนที่หลับอยู่สะดุ้งตื่น นี่ใบบุญมาอยู่ที่เตียงเขาได้อย่างไร!

   เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?

   “มึงมานอนที่นี่ได้ยังไง” เขาลุกขึ้นนั่ง ขมวดคิ้วแน่น มองเด็กหนุ่มที่เพิ่งตื่นลุกขึ้นนั่งตาม

   “พี่ธัชนั่นแหละ ไม่ยอมให้ผมกลับห้อง”

   “ไม่จริง” เขาพูดเสียงแข็ง

   “พี่ธัชเมามาก ถ้าผมไม่พาขึ้นมานอนบนห้อง คงได้นอนอยู่หน้าห้องน้ำ” เขาไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม รู้สึกหนักตาอย่างไรไม่รู้ “ผมพูดจริงๆไม่ได้โกหกด้วย”

   “ไม่.. จริง” เขารู้สึกปวดหัวชะมัด เมื่อคืนจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ “มึงทำอะไร.. อาบน้ำให้กู?”

   “แค่เช็ดตัว ผมไม่ได้ทำอะไรเลย จริงๆ” เขาโบกมือไปมา เห็นชายหนุ่มหน้าซีดเผือดก็รู้สึกหน่วงหนึบในใจ ไม่เห็นจะต้องรังเกียจกันขนาดนี้เลย

   “ทีหลังอย่ามายุ่งอีก” ธัชธรรม์กดเสียงเข้มมองเด็กหนุ่มที่ไม่ยอมลุกออกไปจากเตียงนอนเสียที

   “ผม.. ผมทำไม่ได้หรอก”

   “มึงออกไปเลย ออกไปจากห้องกูเร็วๆ” เขาดันคนตัวเล็กกว่าให้ลุกขึ้น เสื้อใส่นอนเลิกขึ้นสูงจนเห็นผิวขาวจั้วะของอีกฝ่ายเต็มตา เขาเบือนหน้าหนี “ใบบุญ กูบอกให้มึงออกไป”

   “อือ ผมรู้แล้วครับ” เขาลุกขึ้นยืน ทั้งๆที่ยังตื่นไม่เต็มตา รู้สึกตาหนักๆชอบกล คงเพราะเมื่อคืนเขานอนร้องไห้จนหลับไปแน่ๆ เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาออกจากห้องไม่หันหลังกลับไปมองพี่ชายที่กำลังยืนมองจนกระทั่งประตูห้องปิดลง ชายหนุ่มมองเสื้อผ้าตัวเองแล้วก็ตกใจ เพราะมันไม่ใช่ชุดเดียวกับเมื่อวาน ยกแขนเสื้อขึ้นดมก็ไม่มีกลิ่นเหม็นเลยสักนิด มีเพียงกลิ่นตัวอ่อนๆของอีกฝ่ายที่ติดอยู่ตามเนื้อผ้าเท่านั้น จู่ๆก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกับใบบุญ แถมยังนอนกอดเด็กนั่นอีก.. เขากุมขมับนึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนแต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก เหลือบมองลูกชายที่โป่งพองอยู่ในกางเกงนอนเป็นปกติธรรมชาติในยามเช้า ไม่สิเป็นเพราะคนตัวนิ่มที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเมื่อคืนต่างหาก

   เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่..

+++

   เด็กหนุ่มในชุดนอนเปิดประตูห้องตัวเองเข้าไปทิ้งตัวลงบนที่นอน นอนเหลือบมองนาฬิกาข้างฝาผนังที่บอกเวลาแปดโมงเช้า เขายังรู้สึกง่วงอยากจะนอนต่ออีกสักนิด แต่เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นจนเขาเอาหมอนมาปิดหู ใบบุญตัดสินใจลุกขึ้นไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นกดรับ เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทโทรมาหาแต่เช้า ถ้าไม่ได้มีธุระด่วนละก็ มีเรื่องกันแน่ไอ้มังกือ!

   “ไบร์ท เอ๊ย ใบบุญ” เสียงหัวเราะดังออกมาตามสาย จากที่ง่วงเมื่อครู่ได้ตื่นเต็มตาก็คราวนี้

   “อะไร” เขากัดฟันกรอด ชื่อไบร์ทก็แค่ชื่อเล่นที่เขาตั้งไม่ให้ใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาเท่านั้น เด็กหนุ่มไม่ชอบให้ใครเรียกนอกเหนือจากเวลางาน คนที่รู้ว่าเขาเป็นใครก็มีแต่มังกรและเฮียกิต

“ทำไมโหดอย่างนี้วะ” เสียงตัดพ้อดังออกมาตามสาย “ช่วยเป็นน้องใบบุญแบบใสๆหน่อยดิ” เขาเบือนหน้าไปอีกทาง ถ้าอยู่ใกล้คงได้แจกบาทาสักที เรื่องกวนขอให้บอก

“กวนตีนน่าไอ้มัง”

“มังกร”

“ไอ้มัง”

“เออ กูจะไม่เรียกชื่อมึงผิดแล้ว” อีกฝ่ายพูดเสียงอ่อน เพราะรู้ว่าเถียงกลับไม่ได้ “กูมีอะไรจะให้มึงดูด้วย!”

“อะไร?”

“ละมุนบอย”

“อะไรวะ”

“เดี๋ยวกูส่งลิ้งค์ให้ในไลน์นะ โคตรเด็ด” เสียงมันดูตื่นเต้นจนเขาเริ่มแปลกใจ คงไม่ใช่ส่งคลิปผีมาหลอกเขาอีกนะ เขาด่าจริงๆด้วย!

“ไม่เกี่ยวกับกูใช่ปะ”

“มึงเปิดคอมเลย!” พอได้ยินมันพูดแบบนี้เขายิ่งเริ่มตะหงิด ลุกขึ้นเดินข้ามกองเสื้อผ้าที่ระเกะระกะเต็มพื้น นั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ด้วยใจจดจ่อ คอมพิวเตอร์ค่อยๆรันหน้าจอขึ้นมา “เปิดยังวะ”

“ใจเย็นๆดิวะ มึงพูดซะกูตื่นเต้นเลย ถ้าไม่เด็ดนะน่าดู” เขาตอบ ใช้มือลูบหน้าลูจาให้ตื่นเต็มที่ คว้าแว่นตากรอบหนาขึ้นมาสวมด้วยความคุ้นเคย

“เออดิ เด็ดจริงๆ แล้วมึงจะเข้าร้านเฮียอีกเมื่อไหร่”

“อีกสักสองวันแล้วกัน กูยังอยากเขียนเพลงใหม่อีกหน่อย”

“น่าจะมาวันนี้ มาช่วยกู” มังกรทำเสียงงอแง มันเป็นถึงนักร้องชื่อดังประจำค่ายแต่ชอบให้เขาไปช่วยงานตลอด เห็นเขาเป็นอะไรกัน!

“ช่วยทำไมวะ ระดับมึงเนี่ยนะ เอาไม่อยู่”

“มันไม่ใช่อย่างนั้น..” อีกฝ่ายพูดพร้อมเสียงดังก็อกแก๊กเหมือนพิมอะไรอยู่ “เปิดหรือยัง ลิ้งค์อยู่ในไลน์นะเว้ย”

“เออๆ ใจร้อนจริงๆ” เขานั่งเซ็ง กว่าจะบูทเครื่องติด กว่าเขาจะเปิดเข้าโปรแกรมได้ ไอ้มังกรก็เร่งเขายิกๆ ถ้าไม่เด็ดนะมึง มึเรื่องแน่ เขารีบกดเปิดเข้าไปดูลิ้งค์ที่มันส่งมาให้ทันที เป็นคลิปที่อัพโหลดลงยูทูปถ่ายจากมุมชั้นสองของผับแห่งหนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน บนเวทีก็เป็นเขาที่กำลังคว้าไมค์มาร้องเพลงอย่างเมามันส์

เด็กหนุ่มปากค้าง มองตัวเองที่กำลังกระชากหน้ากากที่ปิดไว้เกือบครึ่งหน้าออก เขาอยากจะสบถออกมาเป็นคำหยาบแต่ยั้งปากไว้ทัน ไอ้มังกรหัวเราะกร๊ากอยู่ในสาย นี่คือสิ่งที่จะให้เขาดูงั้นหรือ โอ๊ย เขาอยากจะบ้าตาย “ชิบหาย ตายห่า!”

“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยมึง” มังกรกลั้นขำ “มึงรู้ไหมว่ารูปมึงว่อนทั่วไปทั้งโซเชี่ยลแล้ว อยากปิดหน้าปิดตาดีนัก ฉายาละมุนบอยไม่ได้มาเล่นๆ”

“ละมุนบ้าอะไรล่ะ กู.. เห้อ ทำไงดีวะเนี่ย” เขาทึ้งหัว มองตัวเองในคลิปแล้วอยากจะร้องไห้ เด็กหนุ่มบหน้าหวานฉ่ำกำลังกระโดดโยกไปตามเพลง เสียงตะโกนคลอเพลงตามดังลั่นจนเขายังตกใจ

“ไม่ต้องทำยังไงหรอก กูบอกเฮียแล้ว เดี๋ยวคงเข้าไปจัดการให้”

“ลำบากเฮียอีกแล้ว” เขากุมขมับ “เข้าไปร้านกูต้องโดนด่าอีกแน่ๆ” เดือดร้อนเฮียต้องมาคอยจัดการให้เขาทุกครั้ง เพราะเขาไม่พร้อมและไม่อยากจะเป้นจุดสนใจเหมือนอย่างคนอื่น เฮียยินดีที่จะไม่บอกใครว่าเขาเป็นใครมาจากไหน

“เฮียไม่ด่าหรอกมีแต่อยากเจอมึง เพราะลูกค้าจองโต๊ะเต็มไปยันอาทิตย์หน้าแล้ว!”

“หา!”

“มึงนี่ฮอตจริงๆ” มังกรพูดแล้วหัวเราะเสียงดัง “เย็นนี้ถ้าว่างก็เข้ามาหาหน่อยแล้วกัน ไปแดกข้าวกัน!”

“ได้ๆ ยังไงเดี๋ยวกูโทรหาอีกที” ใบบุญถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากดวางสายจากเพื่อนสนิทเสร็จเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เมื่อคิดว่าตอนนี้ที่บ้านมีเพียงเขาและธัชธรรม์อยู่ด้วยกันสองคนก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“พี่ธัชมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่มีอะไรก็เคาะไม่ได้หรือ”

“เปล่าๆพี่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” เขาหน้าม้าน รู้สึกหน้าร้อนเมื่อเห็นสายตาคมปริบจ้องมองตรงๆ พลังทำลายล้างของคนตัวโตทำเอาเขาต้องหลบตาจริงๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะอยากมาคุยกับเขา แล้วนี่อะไรอีก.. ไม่สร่างเมาหรือยังไง

“หิวข้าว”

“ห้ะ อะไรนะครับ”

“กูหิวข้าว” ชายหนุ่มพูดทั้งที่ใบหน้าเรียบเฉย แต่คนฟังที่ยืนทำตาปริบๆดวงตาเป้นกระกายวิบวับ “ไปทำอะไรให้กินหน่อย”

“อ้อ ได้ครับ.. งั้นรอเดี๋ยวนะพี่” เขาผลุบเข้าห้องไปในห้องนอนรีบโกยเสื้อผ้าที่วางไว้ลวกๆใส่ตระกร้าให้เรียบร้อย เกาหัวยุ่งพร้อมสวมแว่นตาอันโตออกมาในชุดเดิม เดินออกมาก็ยิ้มแป้นให้ชายหนุ่มก่อนจะเดินลงบันไดลงไป ธัชธรรม์สังเกตแผ่นหลังบอบบางและการเดินของใบบุญ เขาหรี่ตามองสะโพกกลมกลึงภายใต้กางเกงนอนขาสั้น ขาเรียวยาวที่โผล่พ้นขอบกางเกงเป็ฯสีน้ำนมสวย แตกต่างจากผิวสีแทนปทางเข้มของเขา

ท่าเดินก็ปกติ ไม่ได้เดินกะเผก หรือบ่นว่าเจ็บอะไร

“เฮ้ย พี่” เขากำลังเดินลงบันไดอยู่ดีๆก็สะดุ้งโหยง ชายหนุ่มคว้าหมับเข้าที่เอวเขา หันไปถลึงตาใส่ชายหนุ่ม “เล่นบ้าอะไรเนี่ยครับ ตกใจหมด ถ้าตกบันไดไปจะทำยังไง”

“ขอโทษที” ชายหนุ่มดึงมือตัวเองกลับ พลางลอบมองสีหน้าเด็กหนุ่ม เห็นอีกฝ่ายพยายามหลบหน้าหลบตาเขาก็รู้สึกสงสัย หรือว่าจะมีอะไรปิดบัง “ไม่สบายหรือเปล่า”

“ไม่นะ ผมก็ปกติดี” เขาบืนบันหนักแน่น เห็นธัชธรรม์นิ่งเงียบไป

“อืม” ชายหนุ่มผละออกจากเขาทันที ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร เขามองแล้วชักจะหงุดหงิด เดินเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นหยิบผักหยิบเนื้อสัตว์ออกมาลงมือหั่นด้วยความโมโห

คนบ้าอะไร เดี๋ยวผีเข้าผีออก ทำตัวไม่ถูกแล้วนะเว้ย

เขามัวแต่สาละวนอยู่หน้าเตาจนไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครเดินเข้ามายืนใกล้ๆ กว่าจะรู้สึกตัวก็เห็นเงาที่ทาบทับอยู่ด้านหลัง เกือบตกใจแล้วไหมล่ะ “อ๊ะ พี่ธัช ทำไมไม่ไปนั่งรอล่ะครับ”

“อยากมาดูว่าจะทำอะไร” เขาเหล่มองเด็กหนุ่ม ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังกระทะ “กลัวกินไม่ได้”

“ผมทำเองออกจะบ่อย ทำไมจะกินไม่ได้”

“ก็ทำไปสิ จะดู”

ทำแบบนี้จะไม่เชื่อกันใช่ไหม ได้ เดี๋ยวจะได้รู้กัน..

ชายหนุ่มยืนมองเด็กหนุ่มกำลังทำอาหารด้วยความกระฉับกระเฉง หยิบนั่นนี่ด้วยความเคยชินเป็นธรรมชาติ เสียงกระทะร้อนฉ่าตามด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาจนเขาท้องบิดมวนด้วยความหิว คนร่างเล็กวก่ากำลังตั้งใจทำอาหารอย่างเต็มที่ ปกติเด็กหนุ่มเป็นคนทำอาหารให้มารดาทานทุกวันอยู่แล้ว เพราะอยากช่วยแบ่งเบาภาระ ไม่อยากให้มารดาจ้างแม่บ้านมาให้สิ้นเปลือง เรียวขาที่โผล่พ้นกางเกงนอนขาสั้นขาวจั๊วะตัดกับสีกางเกงชัดเจน สะโพกขยับไปมาดูแล้วเพลินตา..

ธัชธรรม์ชะงักกึกรีบดึงสายตากลับมา เขามองเพลินจนมองไปถึงไหนต่อไหน อันที่จริงไม่ได้อยากจะเข้ามาใกล้เด็กนี่เท่าไหร่ เขาแค่อยากพิสูจน์ว่าเมื่อคืนเขาทำอะไรกับใบบุญไปหรือเปล่า เลยจงใจเข้าไปใกล้ชิด นอกจากจะรู้ว่าหมอนั่นไม่ได้เป็นอะไรแถมยังเผลอมองด้วยสายตาแปลกๆไปซะได้ เขาเดินหันหลังกลับไปนั่งโต๊ะ เสียงร้องดังลั่นออกมาจากครัวจนเขาต้องรีบกลับเข้าไปดู เขาเห็นเด็กหนุ่มกำลังกุมมือตัวเองแน่น ร้องโอดโอยเสียงดัง

“โอ๊ย! เจ็บๆๆๆ”

“เป็นอะไร เจ็บตรงไหน” เขารีบปิดเตาแก๊ส คว้ามือที่เด็กหนุ่มกุมเอาไว้ออกมาดู แต่เจ้าตัวส่ายหน้าไม่ยอมให้เขาดูท่าเดียว

“ไม่เป็นไรพี่ธัช แค่น้ำมันกระเด็นอะ” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อน สะบัดมือที่เป็นรอยวงสีแดงไปมา ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ “ไม่ต้องห่วงหรอก”

“แดงขนาดนี้ไม่เป็นอะไรได้ไง ไปนั่งพักเลยไม่ต้องทำแล้ว” เขารู้สึกหงุดหงิดจะดึงใบบุญไปนั่ง แต่เด็กหนุ่มฝืนตัวเอาไว้

“แต่ ผมยังทอดไก่ไม่เสร็จเลย”

“ไม่กินแล้ว กินเท่าที่ทำก็พอ” เขาพูดเสียงเข้ม เจ้าเด็กนี่ยังมาทำหน้าเหมือนเขาไปบีบคออีก “ไปทายา”

“ไม่เป็นไรครับ”

“กูบอกให้ไป” ต้องให้ขึ้นเสียงถึงจะพยักหน้ายอมทำตามที่เขาบอก

“ก็ได้ครับ ใม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลย” เขาตอบเสียงเบา เดินเข้าไปในห้องครัวอีกฝั่ง มีตู้ยาเล็กๆติดอยู่บนผนังบ้าน หยิบยาทาออกมาก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ในครัว กำลังจะเปิดฝายาออกมาทาก็ถูกแย่งไปก่อน

“เดี๋ยวช่วย” คนตัวโตนั่งลงยองๆตรงหน้าเขา

“ไม่เป็นไรครับ” เขาเอื้อมมือจะไปหยิบหลอดยาออกมาจากมือชายหนุ่ม ได้อยู่ใกล้ๆบ่อยเกินไปแบบนี้มันไม่ดีต่อหัวใจเขาหรอกนะ ธัชธรรม์หลบได้ทัน เขาเปิดฝายาก่อนจะบีบออกมา

“อย่าดื้อ”

“ผมทำเองได้”

“ใบบุญ”

“….” เด็กหนุ่มก้มหน้างุด รู้สึกหัวใจพองโตเหลือเกินที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขา “ก็ได้ครับ” ยื่นมือขาวออกไป อีกฝ่ายทายาให้บริเวณที่เป็นรอยแดง ทันทีที่ได้สัมผัสเขาก็รู้สึกได้ว่าความรู้สึกตัวเองมันเอ่อล้นมามากมายขนาดไหน จู่ๆก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ชะมัด

“เป็นอะไร” ธัชธรรม์ขมวดคิ้ว มองคนตัวเล็กกว่าที่จมูกแดงก่ำ “ร้องไห้ทำไม”

“ปะ เปล่า ผมไม่ได้ร้อง”

“กูทาเจ็บหรือ แล้วแบบนี้เจ็บไหม” ธัชธรรม์ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่คว้ามือขาวขึ้นมาทายาให้แผ่วเบา ราวกับย้อนเวลากลับไปช่วงเวลาที่ยังคงสวยงามสำหรับเขา

“ไม่เจ็บ..”

“งั้นก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว กูไม่ชอบ” ลุกขึ้นเดินออกไปเตรียมกับข้าว ยกวางมาบนโต๊ะจนเรียบร้อย เขาเข้ามาตามเด็กหนุ่มที่ยังนั่งซึมกะทืออยู่ หลังงองุ้มที่กำลังหันหลังให้เขาช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน “จะกินไหม”

“กะ กิน”

“จะกินก็รีบมา” เด็กหนุ่มเดินตามเขาออกไปที่โต๊ะอาหาร นั่งลงเงียบๆ ไม่พูดไม่จา กินไปได้ครึ่งนึงก็ลุกขึ้นจะเอาจานไปล้าง รู้สึกอิ่มตื้อไปหมด ไม่อยากกินอะไรด้วยซ้ำ เดินกลับมาก็เจอชายหนุ่มทัก “อิ่มแล้ว?”

“ครับ”

“ไปเอาของหวานมากิน”

“ผมไม่หิว”

“ไปหยิบมา” ธัชธรรม์กดเสียงเข้ม เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นไม่พูดจา ก่อนจะเดินเข้าไปห้องครัว ยกมือมองตรงข้อมือที่โดนน้ำมันกระเด็นใส่หลังจากทายาแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกเจ็บ มีเพียงแค่รอยแดงเท่านั้น เขาหยิบขนมปังออกมาทาแยมวางเรียงใส่จาน “นี่ครับ”

“กินซะสิ” เขาพยักเพยิด ไม่ได้ให้ใบบุญหยิบมาเพราะอยากจะกินเอง แต่เจ้าเด็กนี่กินข้าวไปนิดเดียวแล้วจะมีแรงหรือไง

“ไม่หิว”

“ใบบุญ อย่าดื้อ” เขาขมวดคิ้ว มองเด็กหนุ่มที่ยืนก้มหน้า “พี่บอกว่าอะไร”

“…”

“คราวนี้เป็นอะไรอีก ร้องไห้อีกแล้ว”

“.. พี่ไม่ได้เกลียดผมหรือ” เขาเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา รู้สึกสับสนในใจไปหมด มันรู้สึกดีอยู่หรอกที่ธัชธรรม์เข้ามาทำดี เข้ามาช่วยดูแล กลับไปช่วงที่เรายังคุยกัน แต่นี่มันไม่ใช่ความรักแบบที่เขาต้องการ..

“…”

“ผม ไม่รู้พี่ต้องการอะไร” เขากลั้นเสียงสะอื้น “ผม.. ผม” กำปลายเสื้อแน่น ไม่ยอมสบตาชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ธัชธรรม์ยกมือจะลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนแต่ก็ชะงักค้างเอาไว้ เขาเก็บมือกลับ มองเด็กตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เพราะความเกลียด ความโกรธมันบดบังความรู้สึกดีๆไปหมดแล้ว

“เลิกร้อง คิดไปก็เท่านั้น ความจริงไม่มีทางเปลี่ยนไปได้หรอก”

“ถ้าเกลียดกันก็อย่ามาทำดีกับผมเลย ฮึก ฮือ” เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงกับพื้น

“….” ธัชธรรม์พูดอะไรไม่ออก เขาลุกออกมาจากโต๊ะอาหารปล่อยให้คนตัวเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น ใบบุญจมอยู่ในความคิดตัวเองกับคำว่าความจริงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ ธัชธรรม์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง จู่ๆร่างกายก็ชะงักอยากจะเดินลงไปข้างล่าง ไปทำอะไร ไม่รู้ เขาทำตัวไม่ถูก แต่เขาไม่ชอบเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายเลย เขาถอนหายใจ.. พูดกับตัวเองในใจ

เกลียดก็คือเกลียด…

+++

(ต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 2 ] 05-07-61
«ตอบ #12 เมื่อ05-07-2018 21:09:27 »

(ต่อจากด้านบนค่ะ)


ชายหนุ่มร่างสูงลงจากรถยนต์ส่วนตัว ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เขาเดินผ่านเข้าไปในผับที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน แจ็คเก็ตสีดำสวมทับกับเสื้อยืดลายกราฟฟิคสีขาว กางเกงยีนสีดำสนิท ธัชธรรม์ไปยังโต๊ะVIPชั้นสองที่เพื่อนเขาจองเอาไว้ ในหัวสมองครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มันรบกวนจิตใจเขามาตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเพื่อนเขาชวนออกมาแฮงค์เอ้าท์ข้างนอก เขาถึงได้ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตายังติดตาเขาอยู่เลย ฮันเตอร์นั่งลงข้างๆมองเพื่อนที่เหมือนคิดอะไรอยู่ด้วยความสงสัย

“เป็นอะไรวะ หน้าตาเหมือนมีปัญหาอะไรในใจ” เขายกมือเรียกบริกรให้มาที่โต๊ะ มองเพื่อนที่ยังคงเหม่อลอยแล้วขัดใจ “มึงอกหัก?”

“ไม่มีอะไร กูแค่คิดอะไรเพลินๆ”

“มาถึงนี่แล้วมึงยังจะคิดอะไรอีก นั่นๆสาวๆโต๊ะนั่นเด็ดชิบหาย” เขามองไปยังโต๊ะด้านล่าง สาวสวยกำลังเกาะกลุ่มพูดคุยกัน ธัชธรรม์ไม่ได้มองตามเพื่อน เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น

“เออ เด็ดจริง”

“เห็นไหม เชื่อกู วันนี้มึงต้องได้กลับไปสักคนแน่” ฮันเตอร์กะตือรือร้นเป็นพิเศษ หันมามองเขาตาใส “กูติดต่อให้เอาไหม” สายตาแพรวพราวของชายหนุ่มจ้องมองไปยังโต๊ะด้านล่างที่ประกอบไปด้วยสาวๆใส่ชุดน้อยชิ้น ยิ่งเพลงเปิดคลอโยกย้ายไปกับเสียงเพลง ชายหนุ่มก็ยิ่งมองเพลินตา รีบสะกิดเพื่อนที่นั่งซึมกะทือให้รีบไปดู

“อืม..”

เสียงเพลงเริ่มดังขึ้นทุกคนจับจ้องไปที่เวที วันนี้ที่ผับคึกคักเป็นพิเศษ เพราะเมื่อวานมีDJชื่อดังมารับงานร้องประจำที่นี่ เขาและธัชธรรม์หมายมั่นปั้นมืออยากจะมาเจอไบร์ทเป็นพิเศษ แต่ดูเหมือนวันนี้จะแห้วเพราะดันเป็นนักร้องหนุ่มอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทกับDJหน้าหวานคนนั้น มังกรโบกมือให้สาวๆพลางถือแก้วเหล้าปรี่ไปที่โต๊ะสาวสวยที่ฮันเตอร์เล็งไว้ตอนแรก หลังจากที่ยืนคุยกันอยู่สักพักเขาก็เห็นว่ามีการแลกไลน์กัน

“อะไรวะ โดนหมาคาบไปแดกเฉยเลย” ฮันเตอร์กัดฟันกรอด มองดูเหยื่อที่หลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา

“มึงนั่งมองแบบนี้ เขาคงจะมาประเคนถึงที่หรอก”

“หงุดหงิด แม่งเป็นใครวะ”

“ก็น่าจะดาวเด่นของที่นี่มั้ง” เขาเห็นหน้าเด็กหนุ่มแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ หมอนั่นเป็นนักร้องเบอร์ต้นๆของที่นี่

“หมั่นไส้ว่ะ”

“ไก่อ่อนเอ๊ย แน่จริงก็ไปจีบแข่งกับมันสิ” เขาหัวเราะ เพิ่งเคยจะเห็นเพื่อนหัวเสียเรื่องถูกแย่งผู้หญิงเป็นครั้งแรก
“เออได้!” เขาพูดทีเล่นทีจริงแต่เพื่อนเขามันดันเอาจริงซะได้ “เดี๋ยวกูมานะ” เขาส่ายหัวให้ไอ้เพื่อนตัวดีที่เสนอหน้าไปโต๊ะสาวๆกลุ่มนั้นซะแล้ว ส่วนไอ้หัวเทาเดินขึ้นไปบนเวทีจับไมค์ขึ้นร้องเพลง เสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม เขานั่งฟังพร้อมกับโยกหัวตามไปด้วย 

ฝีมือไม่เบา..

ธัชธรรม์นั่งจิบเหล้าพร้อมกับมองไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็ไปปะทะกับชายหนุ่มที่นั่งโต๊ะเยื้องกับเขา ใบหน้าขาวซีดดวงตาเรียวรีสีดำสนิท ผมซอยยาวระต้นคอสีดำสนิทต่างจากเขาที่ผมสั้นเซ็ตทรง อีกฝ่ายยกแก้วเป็นเชิงทักทาย เขายกแก้วทักทายและดึงสายตากลับ นั่งอยู่สักพักก็มีหญิงสาวแวะเวียนมาพูดคุยด้วย แต่ชายหนุ่มไม่สนใจบอกปัดและมองเพื่อนที่กำลังหัวเราะร่วนอยู่ในกลุ่มสาวสวยด้านล่าง ส่วนนักร้องแร็ปเปอร์ก็ปล่อยเพลงออกมาจนเขาต้องหันกลับไปฟัง เสียงกรี๊ดของสาวๆและผู้คนที่ทยอยเข้ามาอย่างแน่นขนัดทำให้เขารู้ได้ทันทีว่า แฟนคลับและคนที่ติดตามงานมีเยอะจนน่าตกใจ 

“แม่ง โคตรเด็ด ทำไมไม่ไปกับกูว้า”

“นั่งอยู่ตรงนี้ก็เพลินๆดี เออมึงรู้จักไอ้โต๊ะนั้นไหม แม่งมองหน้ากูมาสักพักละ” ฮันเตอร์หันซ้ายหันขวาไปมอง แล้วก็เบือนกลับมาหาเขา

“ไอ้โชกุน?”

“มึงรู้จัก” เขาทำเนียนมองไปทางอื่น แต่ยังพูดถึงคนที่โต๊ะเยื้องเขาไปไกลนัก ไอ้ฮันเตอร์ทำหน้าเหมือนกลืนยาขมไม่อยากจะพูดถึงเท่าไหร่

“เดือนมหาลัย ปีกู!”

“นี่มึงหล่อน้อยกว่ามันหรือ” เขาหัวเราะ มองเพื่อนที่ทำหน้าอารมณ์เสีย

“ไอ้สัด! แม่งยัดชัวร์ โกงผลคะแนน”

“เรื่องแค่นี้ต้องโกงด้วย?”

“บ้านแม่งโคตรรวย อย่าไปยุ่งกับแม่งเลย” ไอ้ฮันเตอร์ทำเสียงฮึดฮัด ยกแก้วเหล้าขึ้นกรอกปาก ดูท่ามันจะไม่ชอบโชกุนเอามากๆ

“เออ แล้วนี่มึงจะกลับหรือยัง”

“ทำไมรีบกลับอะ ยังไม่ทันเมาเลย” ไอ้ฮันเตอร์ท้วง เริ่มออกอาการถ้าหากเขาไม่อยู่เป็นเพื่อน “หรือว่ามึงห่วงใคร ใครรออยู่ที่บ้าน”

“เปล่า” เขาปฏิเสธทันที ไม่ได้ห่วงใครสักหน่อย มีแค่ใบบุญอยู่ที่บ้าน หมอนั่นดูแลตัวเองได้ไม่เห็นต้องให้เขาเป็นห่วงสักหน่อย “ไม่มีอะไรอย่างที่มึงคิดหรอกน่า”

“เออ อย่าเพิ่งกลับแล้วกัน” ชายหนุ่มพยายามรั้งเพื่อน เมื่อครู่ที่ลงไปตกสาวก็ไม่ได้มาสักคน วันนี้มันเป็นวันไม่ดีของเขาเลย “สรุปว่าน้องไบร์ทไม่มาว่ะ กูถามวงในละ”

“ไม่มาก็ไว้วันหลัง ดูมึงอยากได้คนนี้จังเลยนะ”

“โอ้โห ถ้ามึงเจอนะ อย่างงี้ๆ” ฮันเตอร์ยกนิ้วโป้งขึ้นมา เขาเบะปาก ทีเรื่องแบบนี้ไม่เคยจะพลาด เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว

“กูว่าเพื่อนเขาก็เจ๋งดี ชื่ออะไรนะ มังกร?” เขายกแก้วขึ้นดื่ม

“อืม กูเคยอยากจะชวนอยู่ แต่แม่งตกหญิงเก่งกว่ากูหมั่นไส้ว่ะ”

“ไปๆ ไปดีลมาให้ได้”

“มึงจะเอา?”

“ตอนนี้ได้ใครก็ดีกับเราทั้งนั้น” เขายิ้มแต่มันไปไม่ถึงดวงตา “ถ้ามังกรมา ไบร์ทก็ต้องมา มึงเชื่อกูสิ”

“เออว่ะ กูลืมคิดไปเลย งั้นมึงรอกูแปบนะ” เขามองเพื่อนตัวเองวิ่งลงไปชั้นล่างด้วยความเร่งรีบ หมดมาดคุณชายทันที ธัชธรรม์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกา เกือบเที่ยงคืนแล้วไม่รู้หมอนั่นจะนอนไปหรือยัง..

+++

“ฮัดเช้ย!”

“เป็นหวัดหรือวะ อย่ามาใกล้กูนะ”

“กร มึงนี่เว่อจริงๆ กูแค่จามมันคัดจมูกเฉยๆ” เขานั่งลงบนโซฟาภายในห้องพักหลังเวที ใบบุญขี่มอเตอร์ไซค์มาจากบ้านเพราะเพื่อนตัวดีมันชวนออกมากินข้าว “เสร็จงานแล้วหรือวะ คนยังเยอะๆอยู่เลยนะ” ตอนนี้เขาเริ่มหิวข้าวแล้ว อุตส่าห์หิ้วท้องมารอตั้งนานแต่ลูกค้าเยอะเกินไป

“เยอะเพราะมารอดูมึงไง โอ้โห ฮอตจริงๆ” มันตบบ่าเขาเบาๆ ทำหน้าปลาบปลื้มจนน่าหมั่นไส้

“พูดมาก เสร็จงานแล้วก็กลับ กูหิวข้าว” เขาลูบท้อง มัวแต่นอนแต่งเพลงในห้องจนลืมกินข้าว ไม่อยากจะลงไปห้องครัวให้เจอหน้าคนที่เกลียดยิ่งกว่าอะไรดี เด็กหนุ่มกระชับแว่นตาให้เข้าที เสยผมยุ่งๆอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองไปด้านหลัง เขาไม่ได้แต่งตัวเหมือนมาทำงานเหมือนทุกทีเพราะไม่อยากให้ใครจำได้ ยังไงลุคนี้ของเขาก็ดูจืดจางไม่เป็นจุดสนใจของใครอยู่แล้ว ยิ่งพูดท้องก็ยิ่งหิว วันนี้เขาจะไปกินก๋วยเตี๋ยวหน้าเป็ดเจ้าเด็ดให้ได้เลย

“ได้ๆ จะเลิกงานละ จะกินอะไรบอก”

“ต้องอย่างนี้สิเพื่อน”

“เรื่องกินต้องบอกน้องใบบุญจริงๆ”

“ขอโทษนะครับ” พงกเขาชะงัก หันไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่เข้ามาใหม่ ผมสีน้ำตาลไหม้และใบหน้าขาวดูสะอาดสะอ้านราวกับเป็นคุณชายจากตระกูลไหนสักแห่ง ใบบุญหันไปมองผู้มาใหม่ก่อนจะรีบเนียนเข้าไปหลบหลังเพื่อน มังกรทำหน้างุนงง ห้องนี้ไม่ใช่ห้องที่จะมีใครเข้ามาได้ง่ายๆสักหน่อย หมอนี่เป็นใคร?

“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ที่นี่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า”

“เอ่อ คือ ผมขอแนะนำตัวก่อน” ชายหนุ่มกระแอมไอ รู้สึกหน้าม้านเล็กน้อยที่โดนย้อนถาม “พี่ชื่อฮันนะครับ จะเรียกฮันเตอร์ก็ได้ พี่เป็นเจ้าของค่ายเพลงเล็กๆ ที่กำลังฟอร์มทีมอยู่ สนใจอยากร่วมงานกับน้องกรครับ”

HIL Record ?

มังกรรับนามบัตรมาอ่านแล้วขมวดคิ้ว เขาคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินเฮียพูดถึงว่าเป็นค่ายน้องใหม่ที่กระเป๋าหนักไม่เบา แต่เด็กหนุ่มยังไม่เคยเห็นศิลปินที่ออกกับที่นี่ หรือทำเพลงอะไรออกมาให้ได้ยินเลย ค่ายน้องใหม่แบบนี้ เขาก็ไม่อยากจะเสี่ยง ชายหนุ่มส่งนามบัตรให้ใบบุญที่เกาะเขาแน่นหนึบ เด็กหนุ่มรับไปอ่านก่อนจะมองหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่อีกครั้ง

“ตอนนี้ที่ค่ายกำลังทำผลงานอะไรอยู่หรือครับ” เด็กหนุ่มถามเสียงเบา ท่าทางไม่มั่นใจ “อะเอ่อ ผม ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัวของมังกรน่ะครับ”

“อ่อ ตอนนี้เรากำลังทำเพลงใหม่ กำลังอยากได้แร็ปเปอร์เจ๋งๆที่มีผลงานมาร่วมงานด้วย” ชายหนุ่มขายของเต็มที่ ฉีกยิ้มกว้างยามอธิบาย “ส่วนศิลปินตอนนี้ที่อยู่กับเราก็มี KJ พอจะรู้จักไหมครับ”

นี่มัน.. พี่ธัช? ไม่ใช่หรือ..

“เอ่อ” มังกรทำหน้าฉงน เขายอมรับว่ารู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก ส่วนเพื่อนเขาทำหน้าตกตะลึงไปแล้ว “มีอะไรอ่อวะ”

“ตกลงครับตกลง”

“เห้ย ตกลงซี้ซั้วได้ยังไง เดี๋ยวเฮียก็มาแหกอกหรอก” เขามองหน้าใบบุญอย่างไม่เข้าใจ

“เราไมได้เซ็นสัญญากับเฮียสักหน่อยก็แค่ไปช่วยงานเขา ไม่เป็นไรหรอกน่า”

“แต่มึงจะไว้ใจง่ายๆได้ยังไง” มังกรทำหน้ายู่ ถึงมันจะน่าสนใจก็เถอะ แต่ก็ช่วยคิดหน่อยไม่ได้หรือยังไงเล่า

“เอาเถอะ กูขอร้อง” เห็นทำหน้าอ้อนวอนเขาก็อดใจอ่อนไม่ได้

“ขอดูรายละเอียดงานก่อนนะครับ” มังกรถอนหายใจ ก่อนจะหันไปตอบฮันเตอร์ที่ยืนฉีกยิ้มอยู่

“ได้เลย งั้นพี่ขอเบอร์ติดต่อหรือไลน์เอาไว้หน่อยนะครับ” ฮันเตอร์ระริกระรี้รีบเข้ามายื่นโทรศัพท์แลกไลน์ “ดีใจมากๆเลยหวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันนะครับ”

“ครับ ยังไงผู้จัดการผมคงติดต่อไปอีกที” มังกรยิ้มให้

“เอ่อ ถ้ายังไงน้องกร อยากได้เพื่อนร่วมงานที่คุ้นเคย จะชวนน้องไบร์ทมาด้วยก็ได้นะครับ” ทันทีที่จบประโยคพวกเขาสองคนก็มองหน้ากัน “คือเพื่อนพี่ KJ น่ะครับ อยากร่วมงานกับน้องไบร์ทมาก รับรองว่าจะต้องเป็นคู่ที่แร็ปแบทเทิลที่มันส์สุดๆแน่นอน”

หมายความว่ายังไง อยากได้!?

พี่ธัชเนี่ยนะ!




TBC.







   


ออฟไลน์ lovebear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 2 ] 05-07-61
«ตอบ #13 เมื่อ14-07-2018 12:01:27 »

ใบบุญจะได้เจอกับพี่ธัชแล้ว เขาจะได้ร่วมงานกันจริงๆแล้วใช่ไหมครับ

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 2 ] 05-07-61
«ตอบ #14 เมื่อ14-07-2018 12:25:59 »

พี่ธัชทำไมยังใจร้ายกับน้องหล่ะ น้องไม่ได้อะไรผิดเลย

ทำไมต้องดุน้อง อย่าแอบหลงรักน้องไบร์ทนะ จะให้ใบบุญจัดการ

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 3 ] 24-07-61
«ตอบ #15 เมื่อ24-07-2018 23:23:32 »

Rhyme 3

เด็กหนุ่มลืมเรื่องที่ฮันเตอร์เข้ามาติดต่อไปเสียสนิทเพราะกำลังตื่นเต้นดีใจกับผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เป็นไปตามที่หวังไว้ ในที่สุดเขาได้เป็นนักศึกษาคณะดุริยางคศิลป์ ส่วนธัชธรรม์ก็ไม่น้อยหน้า ยื่นคะแนนจนได้เข้าเรียนคณะเดียวกับเขาเช่นกัน ทับทิมดีใจมากจึงจัดงานเลี้ยงเล็กๆที่บ้าน มีลูกชายคนเล็กคอยเป็นลูกมือช่วยทำอาหารและไปจ่ายตลาด เด็กหนุ่มหั่นเนื้อสัตว์แต่ดันใจลอยคิดเรื่องอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนถูกมารดาดุและไล่เข้าไปเตรียมโต๊ะอาหาร ตั้งแต่คราวนั้นเขาก็ไม่ได้เจอหน้ากับธัชธรรม์ตรงๆอีก อีกฝ่ายอยู่แต่ในห้องส่วนตัว หลังจากทานมื้อเย็นก็จะออกไปข้างนอกกับเพื่อนแทบทุกวัน เขาทำได้เพียงแค่มอง อบู่บ้านเดียวกันแต่ใช้ชีวิตเหมือนต่างคนเป็นแค่คนแปลกหน้า บางวันเขายังคงออกไปทำงานพิเศษที่ผับอยู่บ้าง บางวันก็เลือกจะแต่งเพลงอยู่ที่ห้อง

เส้นทางของเขาและธัชธรรม์ไม่มีวันบรรจบได้จริงๆ

มังกรตอบรับเรื่องที่จะเข้าร่วมโปรเจ็คทำเพลงของฮันเตอร์ อันที่จริงเป็นเพราะเขาคะยั้นคะยอมากกว่า อยากอยู่ใกล้ชิด อยากจะดันทุรังทำในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ ในที่สุดคนที่อยู่ไกลแสนไกลอย่างธัชธรรม์ก็กลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง ต่อให้เกิดอะไรขึ้นเขายอมทั้งนั้น ขอแค่ได้มองอยู่ตรงนี้..

“ทานเยอะๆนะลูก”

“แม่ก็ด้วย อย่ามัวแต่ตักให้พวกผมสิ”

“เห็นลูกๆกินกันอร่อยแม่ก็อิ่มแล้ว” มารดาตักยำวุ้นเส้นให้เขาจนพูนจาน ส่วนธัชธรรม์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่กินเงียบๆ เขาเห็นชายหนุ่มเขี่ยหัวหอมออกจากจานเหมือนเคย นึกขำในใจแต่ก็เก็บอาการ ใช้สายตาที่อยู่ภายในแว่นกรอบหนาชำเลืองมอง ผมสั้นสีดำสนิทยุ่งเล็กน้อย ใบหน้าคมคร้ามและหนวดที่เริ่มขึ้นตอเล็กน้อยรวมกับขอบตาดำคล้ำไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้าเขาลดน้อยลงเลยสักนิด เขารู้ว่าชายหนุ่มออกไปเที่ยวกลางคืนทุกวัน ไม่รู้จะด้วยสาเหตุอะไรแต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ

“แม่ครับ ธัชมีเรื่องจะขอ” เขาวางช้อนลง มองมารดาด้วยท่าทีจริงจัง “ธัชอยากออกไปอยู่หอ”

“ทำไมล่ะ บ้านเราก็ไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยนี่” ทับทิมมองลูกชาย ก่อนจะเหลือบไปยังลูกชายคนเล็กที่ดูตกใจเล็กน้อย “แล้วน้องล่ะ ธัชไปอยู่คนเดียวแล้วจะทิ้งน้องเอาไว้หรือ”

“น้องดูแลตัวเองได้อยู่แล้วครับ ไม่เห็นต้องให้ผมดูแลเลย” ชายหนุ่มตอบ ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มลอบกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกประหลาด หรือว่าสาเหตุที่ธัชธรรม์ไม่อยากอยู่บ้าน มันเป็นเพราะเขา..

“ยังไงแม่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ยิ่งเราไม่ได้มาอยู่ไทยนานแล้วด้วย ปรับตัวได้แล้วหรือ”

“ก็ไม่ได้ยากอะไรนะครับ ผมปรับตัวได้ แม่ไม่ต้องห่วง”

“แต่แม่ไม่อยากให้ธัชทิ้งน้อง แม่เคยคุยกับธัชแล้วไงลูก”

“แต่แม่..”

“เราจะเลิกพูดเรื่องนี้อีก” ทับทิมเม้มปากไม่มองหน้าลูกชายคนโตที่มองด้วยแววตาตัดพ้ออีก บรรยากาศตอนนี้ที่ควรจะชื่นมื่นกลับอึมครึมจนเขาต้องเอื้อมมือไปโอบมารดาเอาไว้ มองไปทางธัชธรรม์ที่มีแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไมไ่ด้ เขาท้อเหลือเกิน ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป จะยิ่งมีแต่ความเกลียดชังให้กัน..  เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ไม่รู้เลยจริงๆ

“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวนะครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หมุนตัวกลับออกไป

“ธัช”

        “ผมจะทำอย่างที่แม่ต้องการ แต่ถ้าแม่อยากให้ผมทำดีกับมันเหมือนเดิมล่ะก็.. บอกเลยว่าไม่มีทาง” เขาตอบทั้งที่ยังยืนหันหลังให้อยู่ เด็กหนุ่มเผลอกำมือแน่นจนเจ็บไปหมด แต่น่าแปลกที่ตอนนี้มันไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น

           แม้จะน้ำตาตกใน.. ข้างในโหวงเป็นโพรงแทบจะไร้ความรู้สึก

           เป็นเพียงตัวอะไรสักอย่างที่ถูกมองข้าม

 เวลาภายไปไม่นานก็เข้าสู่ช่วงเดือนสิงหาคม เริ่มมีกำหนดการปฐมนิเทศนักศึกษาและกิจกรรมที่จะทำก่อนเข้าสู่ช่วงเปิดเรียนจริงๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวและกางเกงสแล็คสีดำถูกนำมาจัดวางบนเตียง เขารีดอย่างเรียบร้อยด้วยความตั้งใจ เตรียมเนคไทอย่างดี ทุกอย่างถูกระเบียบเป๊ะจนคนที่นอนมองอยู่ร้องฮึดฮัดด้วยความขัดใจ มังกรเบะปาก เมื่อเห็นชุดนักศึกษาของเพื่อนสนิท ส่วนเขาน่ะหรือ เป็นเสื้อนักศึกษาแขนสั้นสีขาวปล่อยชายรุ่ยร่ายแถมยังสวมรองเท้าผ้าใบสีฉูดฉาด ที่ใครเห็นแล้วต้องหันกลับมามองอีกรอบแน่

     ผิดระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า

           “ทำไมไม่แต่งแบบไบร์ทล่ะ กูชอบนั้นมากกว่าอะ” มังกรเริ่มงอแง นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงเขา เขาตีมือมันที่เข้ามายุ่งย่ามกับเสื้อผ้าเขา

           “ไม่เอาอ่ะ กูไม่อยากเด่น ไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับกูเยอะแยะ กูรำคาญเข้าใจไหม” เขาตอบยืดยาวพลางมองเพื่อนที่เดาะลิ้นอย่างขัดใจ

           “มีของดีก็ไม่รู้จักโชว์ ขี้คร้านคนจะเดินตามมึงเป็นพรวน”

           “พอเหอะ นิสัยกูเป็นยังไงมึงก็รู้”

           “คร้าบ กูล่ะเชื่อเลยจริงๆ” เขาลุกขึ้นนั่ง “มีแต่คนเขาอยากเด่นอยากดัง พรีเซ้นท์ตัวเองกัน ส่วนมึงกลับอยากจะปกปิดตัวเองเอาไว้ ทำแบบนี้คนอื่นจะไม่มองว่ามึงเนิร์ดหรือ”

           “เขาจะมองยังไงก็ช่างเขา กูแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุข ไม่ใช่คนรุมล้อมเหมือนไบร์ท”

           “เสียดายชิบหาย แต่กูก็เคารพตัดสินใจของมึง” เขาถอนหายใจ “อยากเห็นมึงประกวดเดือน”

           “พอเลย ตัวกะเปี้ยกอย่างกูจะไปสู้อะไรเขา” เขาหัวเราะพลางหรี่ตามองเพื่อนสนิท อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่ามันมีแผนการจะลากเขาไปประกวด งานใหญ่ขนาดนั้นเขาไม่มีทางเข้าไปยุ่งแน่

           “กูเบื่อคนถ่อมตัวจริงๆ อย่างมึงเนี่ยนะเรียกเตี้ย” มังกรมองคนสูงโปร่งแล้วเบะปากอีกรอบ ถึงเขาจะตัวไล่เลี่ยกันแต่ความฮอตของเขาสู้เด็กหนุ่มตัวขาวจั้วะตรงหน้าไม่ได้เลย

           “มึงไปประกวดเองสิ เดี๋ยวกูเป็นหน้าม้าให้” ใบบุญพูดติดตลก ขยิบตาให้เพื่อนสนิท

           “ไม่คุยกับมึงละ อารมณ์เสีย” เขาตัดสินใจลุกขึ้นยืน เดินออกไปยืนริมหน้าต่าง รถยนต์สีดำมันปลาบแล่นออกมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาเดินลงมาเปิดประตูบ้าน ใบหน้าคมคร้ามสีแทนยามโดนแสงอาทิตย์ยามเช้า น่ามองจนแทบละสายตาไม่ได้ “นั่นใครวะ พี่ชายที่มึงเคยเล่าให้กูฟังหรือ”

           “อือ เรียนคณะเดียวกันนี่แหละ” ใบบุญเดินตามเพื่อนมาดู พอเห็นว่าเป็นใครเขาก็ถอนหายใจยาว

           “พี่มึงหล่อฉิบหาย..  หน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลยว่ะ” เขาได้ยินแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดเพราะยังเคืองที่อีกฝ่ายทำหน้าตาเฉยเมยใส่เขาอยู่ได้ “แล้วไม่ไ่ปเรียนด้วยกันหรือวะ”

           “ไม่อะ เขาเกลียดกูจะตาย” ตอบได้แค่นั้น ก็ผละไปแต่งตัวต่อ ชุลมุนวุ่นวายกันอยู่อีกสักพักเขาถึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจออกไปเรียน มังกรเพิ่งจะย้ายบ้านมาอยู่แถวนี้ได้ไม่นานนัก ทำให้พวกเขาเจอกันบ่อยมากขึ้น มังกรเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อจัด คิ้มคมและดวงตาเรียวรีคู่สวย ผิวขาว นิสัยร่าเริงขี้เล่นทำให้เขาเป็นคนที่ป็อบในหมู่เพื่อนเสมอ แตกต่างจากเขาที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร

เขาใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีก็มาถึงที่หมาย รีบเข็นมอเตอร์ไซค์ไปจอดหน้าคณะ แต่ในวันปฐมนิเทศที่เต็มไปด้วยนักศึกษาใหม่แบบนี้ ทำให้ไม่มีแม้แต่ทางเดินด้วยซ้ำ ในเมื่อไม่มีที่จอดรถเขาจึงต้องวนรถไปจอดที่คณะแพทย์ฯซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

           ใบบุญไม่ได้รีบเพราะให้มังกรนำไปก่อนแล้ว ทันทีที่เขามาถึงลานคณะ เขาก็เห็นมังกรโบกไม้โบกมือให้ ข้างๆมีรุ่นพี่กำลังยืนรอรับน้องๆพร้อมด้วยตีกลองประกอบเพลง ฟังแล้วสนุกสนานน่าดู.. แต่เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย ไม่อยากเป็นจุดเด่นให้ใครสนใจ ต่างกับใครบางคนที่ไม่ว่าจะมองทางไหนก็ต้องเห็นอยู่ในสายตาเสมอ ผู้ชายร่างสูงในชุดนักศึกษายืนเด่นเป็นสง่า จนใครต่างก็ต้องเหลียวมองไม่วางตา

ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนก็เปล่งประกายราวกับพระอาทิตย์

ศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่งที่เขาได้แต่มองอยู่ขอบนอกของจักรวาล.. ไม่มีวันได้เข้าใกล้

“น้องใบบุญ” เขาสะดุ้ง หันไปเจอรุ่นพี่ในชุดเสื้อยืดกางเกงเล มีป้ายชื่อแขวนอยู่แต่เขาไม่ทันได้มอง ดูแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่สันทนาการของคณะ

“คะ ครับ” เขาทำหน้าเหรอหราใส่ไม่เข้าใจว่าเรียกเขาทำไม รู้จักกันก็ไม่ใช่ “พี่มีอะไรหรือครับ”

“มังกรบอกให้น้องไปนั่งตรงนั้นน่ะ” ชายหนุ่มยิ้มแป้น ชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ใต้อาคาร “ไม่ต้องตื่นเต้นนะ พี่ๆใจดีทั้งนั้น”

“ครับพี่” เขาพยักหน้า กำลังจะเดินไปทางที่เพื่อนอยู่แต่ก็โดนดักเอาไว้ เด็กหนุ่มแอบขมวดคิ้วนิดหน่อย เขามักจะชอบชักสีหน้าเวลาไม่พอใจเพราะไม่มีใครเห็นใบหน้าภายใต้แว่นตาสีดำหนาเตอะอันนี้

“เรียกพี่เบย์ก็ได้ อยู่ปี2 เอกดนตรีตะวันตกนะ”

“คะครับ สวัสดีนะครับ” เขายกมือไหว้อีกรอบ ไม่กล้าสบตา อีกฝ่ายหัวเราะร่วน ไม่รู้จะตลกอะไรนักหนา

“มารยาทดีจริงๆเลยเรานเนี่ย ไปๆนั่งตรงโน้นดีกว่า” เขาพงกหัวรับคำก่อนจะรีบเดินลัดเลาะฝูงชนไปหาที่นั่งข้างเพื่อน ทิ้งชายหนุ่มเมื่อครู่ให้เป็นที่สนใจของผู้คนต่อไป

“ทุกคนดูเฟรนด์ลี่เนอะ” มังกรตื่นตาตื่นใจ แจกยิ้มไม่หยุด มันจะรู้ไหมว่าเป็นจุดสนใจของคนอื่นมากเกินไปแล้ว เขาไม่ชอบเลย “พี่ๆน่ารักกันมากเลย”

“อย่าทำตัวเด่นให้มันมากนัก” เขาห้ามปราม หรี่ตามองมันอย่างตำหนิ


“เอ้า ก็บุคลิกกูเป็นแบบนี้ ไม่ได้นั่งหน้านิ่งเหมือนมึงได้เป็นวันๆนะ”

“เออ งั้นกูไปนั่งที่อื่น” เขาถอนหายใจ

“ไม่เอา อยู่กับกู!” เตรียมจะลุกขึ้นแต่ก็โดนมันรั้งเอาไว้เลยต้องนั่งลงอยู่ที่เดิม

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาดูโดดเด่นอีกคนกำลังยืนแจกน้ำเปล่าให้กับน้องๆที่เริ่มทยอยเข้ามาในห้องประชุม เขาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มหัวยุ่งที่นั่งทำหน้ามุ่ยสวมแว่นตาที่ปิดบังใบหน้าไปเกือบครึ่งทำให้เขาอดจะสงสัยไม่ไ่ด้ว่าจริงๆแล้ว น้องคนนี้มองเห็นเขาหรือเปล่า เขายื่นขวดน้ำไปข้างหน้า ใบบุญและมังกรชะงักก่อนจะไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อม ฮันเตอร์ยิ้มให้ก่อนจะมองหน้ามังกรอย่างสงสัย เหมือนเขาเคยเจอที่ไหนมาก่อน อาจเป็นเพราะมังกรในตอนนี้เรียบร้อยทำให้เหมือนเด็กนักศึกษาทั่วไปมากกว่ายามที่เจ้าตัวใส่ชุดไปเที่ยวแบบจัดเต็ม

“เหมืิอนพี่จะคุ้นหน้าน้องมาก่อน”

“ไม่ครับ ไม่ ไม่คุ้นแน่นอน” เขาจำหน้าฮันเตอร์ได้แม่น ไม่คิดว่าจะมาเจออีกฝ่ายที่คณะเสียได้

“พี่ไม่คุ้นเราหรอก แต่พี่คุ้นคนนี้ น้องชื่ออะไรหรือครับ” ฮันเตอร์เลยผ่านใบบุญไปทางมังกรที่กำลังดูดน้ำเปล่า เด็กหนุ่มเหลือบมองรุ่นพี่ที่มาถามชื่อก็รู้สึกตงิดแปลกๆ

ถ้าเป็นมุกจีบก็คงจะเก่าไปหน่อยนะ..

“กร” มังกรหันไปตอบแอบตกใจนิดหน่อยที่คนตรงหน้าดูเด็กลงเมื่ออยู่ใชุดศึกษา ปกติเจอในผับก็แต่งตัวเหมือนป๋าเตรียมมาหิ้วเด็กซะขนาดนั้น ใครจะไปรู้ว่ากำลังเรียนอยู่ล่ะ เด็กหนุ่มเมินหน้าหนีไม่อยากจะพูดกับฮันเตอร์ เขารู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้ว

“พี่ชื่อฮันนะครับ เรียกฮันเตอร์ก็ได้” ชายหนุ่มยิ้มทะเล้น แววตาเป็นกายราวกับเจอของเล่นที่ถูกใจ “น้องกรแล้วนี่คือ” เหลือบมองป้ายชื่อที่ห้อยคอของเด็กหนุ่มที่ทำตัวเป็นอากาศ ไม่หือไม่อือไม่สนใจอะไร เขาตอบรุ่นพี่เสียงเบา

“ใบบุญครับ ชื่อใบบุญ”

“อ๋อ น้องใบบุญ เอ๋ นี่ไม่ใช่น้องไอ้ธัชหรอกหรือ”

“อ่า เอ่อ ก็”

“ไอ้ธัช ไอ้ธัช!” ชายหนุ่มหันไปกวักมือเรียกเพื่อนตัวเอง “มีน้องมาเรียนด้วยทำไมไม่บอกวะ กูจะได้ช่วยดูแล” ชายหนุ่มเบนสายตามามองทางเขาก่อนจะขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย นัยย์ตาไร้ความรู้สึกยามมองเขา มันทั้งเจ็บทั้งทรมานยิ่งกว่าถูกเข็มทิ่มแทง

“มันเป็นบ้าอะไรของมัน มาทำหน้าบึ้งใส่อีก” ฮันเตอร์เกาหัวแกรก หันมาให้ยิ้มให้เขาที่นิ่งเงียบไป “มีอะไรก็บอกพี่ได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณครับ” เขายกมือไหว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะผละออกไป กลุ่มสาวๆที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขารีบเข้ามาจับจองที่นั่งใกล้ๆ เขาลอบสังเหตสีหน้าแล้วคงมีคำถามอยากจะถามเรื่องชายหนุ่มทั้งสองคนที่เข้ามาป้วนเปี้ยนเมื่อครู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มให้และพยักหน้าเบาๆ ในครรลองสายตามีเพียงชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนๆด้วยความสนุกสนาน

เขากลับบ้านคนเดียวเพราะมังกรจะไปกินบุพเฟ่ต์กับเพื่อนในคณะต่อ ใช้เวลาไม่นานมังกรก็ได้เพื่อนใหม่หลายคนส่วนเขาที่ได้แต่ยิ้ม และขอแลกไลน์กับเพื่อนในคณะเท่านั้น เขาตอบแค่บางคำถามที่อยากจะตอบ คิดซะว่าแค่มาเรียน มีเพื่อนแค่มังกรก็พอแล้ว

เด็กหนุ่มจอดมอเตอร์ไซค์ที่ประจำที่มารดาจะไม่มีทางเห็น เมื่อเห็นว่าบ้านถูกปิดเงียบเขาจึงเดินขึ้นไปบนห้องตามปกติ เขาวางกระเป๋าเป้สีดำลงบนเตียงหยิบเอกสารชี้แจงเรื่องหลักสูตรและใบจ่ายค่าเทอมออกมาดู เทอมนี้เขาตัดสินใจจะเอาเงินเก็บที่ไปทำงานพิเศษมาใช้ ส่วนเงินของมารดาที่เขาได้มา เขาก็เก็บไว้ในบัญชีอย่างนั้น เขาปลดเนคไทออกและเดินออกไปยืนหน้ากระจก เด็กหนุ่มใบหน้าขาวซีดสวมแว่นตาทรงโตกำลังจ้องเขาตอบ เขากวาดเส้นผมหยักศกสีดำขึ้นไปเหนือหน้าผากเนียน หยิบหนังยางขึ้นมามัดจุกอย่างที่ชอบทำเป็นประจำเวลาอยู่คนเดียว ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนสุกสกาวสดใส ยามคลี่ยิ้มจะเห็นฟันขาวเรียงกันเป็นระเบียบสวย เขาถอนหายใจ จมจ่อมกับความคิดเพียงลำพัง

เด็กหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวเสร็จและจะลงไปกินข้าวในครัวก็ต้องชะงักเหมือนเห็นธัชธรรม์ในชุดนักศึกษาปล่อยชายเสื้อและกางเกงยีนส์ขาเดฟที่เรียบไปกับเรียวขายาวดูเท่อย่างที่ใครต่างก็ออกปากชม เขาชะงักกึกก่อนจะเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นโดยไม่พูดอะไร มีเพียงความเงียบช่วยสื่อสารกันและกันเท่านั้น หัวใจเขาเต้นรัวเร็วจนกลัวใครอีกคนจะได้ยินด้วยซ้ำ

เต้นเบาๆหน่อยเถอะ!

“เดี๋ยวจะไม่อยู่บ้าน ล็อคบ้านดีๆด้วย” ชายหนุ่มพูดกับเขาแค่นั้นก่อนจะเดินออกไป เขายกน้ำขึ้นดื่มมองหันกลับไปก็เหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า

เสียงรถยนต์ออกตัวไปแล้ว..

เดินไปส่องมองขอบหน้าต่างดูรถยนต์ที่แล่นออกไป ถึงจะอยากรู้ว่าชายหนุ่มไปไหนไปทำอะไรแต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอ่ยถาม ได้แต่เข้าแอคเค้าท์ที่ตั้งขึ้นมาอย่างลับๆ เพื่อส่องรูปชายหนุ่มโดยเฉพาะ ที่ที่เขาจะเป็นแฟนคลับได้อย่างเต็มที่

KJ

เด็กหนุ่มทิ้งลงบนโซฟากดลอคอินเข้าอินสตราแกรมลับที่กดฟอลชายหนุ่มเอาไว้เพียงคนเดียว สไลด์ดูรูปพร้อมกับอมยิ้มไปด้วย รูปเมื่อสามวันก่อนเป็นรูปชายหนุ่มกำลังเอียงหน้าหลบกล้องเหมือนเป็นรูปแอบถ่ายเห็นเพียงเสี้ยวหน้า และเสื้อแจ็คเก็ตสีครีมที่ตัดกับผิวสีเข้มของเขา.. โคตรเซ็กซี่ชะมัด

ส่วนรูปเมื่อวานเป็นรูปในผับที่เขาไม่รู้ว่าที่ไหน เป็นรูปคู่ที่ถ่ายกับเพื่อนที่ชื่อฮันเตอร์ เขาเม้มปากแน่นเมื่อเห็นผู้หยญิงมากหน้าหลายตาคอมเม้นท์ให้เยอะแยะมากมายและชายหนุ่มก็ใจดีที่จะคอยตอบทุกคนอย่างใจเย็น เขาเองไม่มีแม้แต่ไม่กล้าแม้แต่จะคอมเม้น ได้แค่เพียงกดไลค์ไปเท่านั้น

คิดถึง

มองรูปแล้วก็แอบอมยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้านอนกลิ้งอยู่บนโซฟาอยู่ดีๆ จู่ๆโทรศัพท์ก็ส่งเสียงเรียกเข้า เขาไม่อยากจะรับสายใครทั้งนั้นเพราะอยากพักผ่อนเต็มที อีกอย่างเขาก็ไม่อยากจะฟังมันมาบ่นเรื่องนั่นนี่ เขาอยากนอน! ปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังจนดับไปหลายรอบ ไลน์ก็เด้งแจ้งเตือนขึ้นไม่หยุดจนเขาทนไม่ไหวต้องกดเข้าไปอ่านจนได้

‘ใบบุญ มาที่ผับเดี๋ยวนี้เลย’ เห็นข้อความแล้วเขาก็ส่ายหัว เรื่องอะไรจะออกไป ไหนๆเฮียกิตก็ให้เขาหยุดได้หลายวันเขาจะขอนอนพักผ่อนอยู่บ้านให้สบายใจไปเลย หึๆ

‘ม่ายยยย กูจะนอน’ ใบบุญกดส่งข้อความพร้อมสติ๊กเกอร์กระต่ายคลุมโปงกำลังจะกดถ่ายเซลฟ์ฟี่ตัวเองนอนกอดหมอนข้างไปเย้ยเพื่อน แต่มือก็ไปโดนแจ้งเตือนที่อีกฝ่ายส่งมาเสียก่อน

Dragon.k sent a photo
เขากดเปิดเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ มันคือรูปชายหนุ่มที่เขาคุ้นหน้าเป็นอย่างดีกำลังร้องเพลงอยู่บนเวที แสงไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องไปตามเนื้อผิวสีสวย เขามองรูปธัชธรรม์อย่างตกตะลึงก่อนจะมือลั่นกดเซฟอัตโนมัติ ให้ตายเถอะ รูปนี้มันโคตรเซ็กซี่ไปเลย!

‘ตกลงจะมาไม่มา หืม? เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่มึงกับเฮียรู้จักกันด้วย แถมยังดังน่าดู ถ้ามึงมาช้า อดแน่!’

‘มึง’

‘อะไร สรุปจะมาไหม’

‘มีแบบเป็นคลิปวิดีโอปะ’

‘ไอ้…..’

(ต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 3 ] 24-07-61
«ตอบ #16 เมื่อ24-07-2018 23:25:30 »

(ต่อจากด้านบนค่ะ)

เด็กหนุ่มจอดมอเตอร์ไซค์คู่ใจที่หน้าผับเหมือนอย่างเช่นเคย เขาไม่ไ่ด้มาที่ผับเป็นอาทิตย์แล้วเพราะเตรียมพร้อมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และเขาก็ไม่ชอบความวุ่นวายตั้งแต่ที่คลิปถูกอัพโหลดลงโซเชี่ยลครั้งนั้น เขาได้ฉายาใหม่ว่าละมุนบอย แถมยังมีกลุ่มแฟนคลับเป็นของตัวเองอีก แบบนี้ยิ่งน่าขนลุกเข้าไปใหญ่ เขาไม่ชินกับเรื่องแบบนี้เลยสักนิด แต่วันนี้เขาจะต้องไปดูธัชธรรม์แสดงบนเวทีด้วยตาตัวเองสักครั้งให้ได้

เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเรือนผมสีน้ำตาลทองถูกเซ็ทอย่างดี สวมเสื้อกล้ามและทับด้วยแจ็คเก็ตสีม่วงอ่อน กางเกงยีนส์ขาดตรงเข่าเป็นรูขนาดใหญ่ โชว์ผิวขาวจั้วะตัดกับแสงไฟ เขาเดินไปที่หลังร้าน กำลังจะทักทายเพื่อนที่ยืนคุยกับเฮียอยู่แต่ ชายหนุ่มร่างสูงเดินผ่านตัดหน้าเขาก่อน จนเขาต้องโยกตัวหลบไปอีกทาง.. นี่มันพี่ธัชนี่..

“แล้วนี่รู้จักกันหรือยัง”

“ก็รู้จักกันแล้วครับ ใช่ไหมพี่ธัช” ชายหนุ่มทำหน้างงเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเคยเห็นมังกรร้องเพลงอยู่บนเวทีและดูการแสดงมาพอสมควรจึงรู้โปรไฟล์อีกฝ่ายได้ไม่ยากจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

“อืม”

“แล้วนี่ไบร์ทมันจะมาไหม”

“เห็นว่าจะมานะเฮีย เดี๋ยวขอโทรตามก่อน” เขาเม้มปาก ไอ้มังกรบอกเฮียแล้วหรือว่าเขาจะมา คิดว่าจะมาดูธัชธรรม์ไม่ได้บอกว่าจะมาคุยมาเจอหน้าจังๆแบบนี้สักหน่อย ไม่รู้แหละ จะว่าเขาใจเสาะก็ได้ เขากลัว กลัวว่าอีกฝ่ายจะจำได้นี่นา..

อย่าโทรมานะมึง

เขาล้วงโทรศัพท์ในกระเป่าแต่ก็ไม่ทัน เสียงมันดังลั่นเพียงพอที่จะทำให้คนหันมายังจุดที่่เขายืนหลบอยู่ มีอยู่สองทางคือเงียบต่อไปหรือเดินออกไปตอนนี้เลย เขากลัว กลัวจริงๆ กลั้นหายใจรอลุ้นแต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาเรื่อยๆราวกับมีคนกำลังเดินมาทางนี้

“สงสัยจะหูแว่ว” เสียงของมังกรดังอยู่ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่ก่อนจะกลับไปที่เดิม เขาหมุนตัวค่อยๆเดินย่องออกมา หยิบฮู้ดขึ้นมาสวมปิดบังใบหน้าก่อนจะกลืนออกไปท่ามกลางนักท่องเที่ยวยามราตรี ใบบุญเดินหลบเข้ามาในโซนVIP ล้วงบัตรสมาชิกให้พนักงานดูก่อนจะเดินเข้าไปจับจองที่นั่ง เขาเลือกโต๊ะที่สามารถเห็นบนเวทีได้ชัดเจน เรียกบริกรมาสั่งเหล้าเอาไว้หนึ่งขวด จิบเบาๆอยู่ในมุมที่ไม่มีใครสนใจ โทรศัพท์ในกระเป๋าเขายังคงสั่นไม่หยุด เขาอยากจะด่าเพื่อนตัวเองจริงๆ เรียกบริกรมาสั่งเหล้าเพิ่มให้หายโมโห สายตาก็จับจ้องไปที่เวทีรอชายหนุ่มขึ้นไปร้องเพลงอีก เสียงเรียกทักทำให้เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเห็นแค่ช่วงล่างของอีกฝ่าย

“เอ่อ ตรงนี้มีคนนั่งไหมครับ จะขอนั่งด้วยได้ไหม พอดีมันเต็มหมดแล้ว”

“ได้ครับได้” เขาตอบ แต่ไม่ได้มองคนที่มาใหม่ให้ละเอียด สายตามองไปที่เวที ยกแก้วขึ้นจิบถึงเห็นว่าคนที่กำลังจะนั่งลงตรงหน้าเขาก็คือ.. ธัชธรรม์

ไอ้…

แทบจะพ่นน้ำสีอำพันออกมาเป็นฟองได้แต่ทุบอกสองสามทีก่อนจะกลืนลงคอจนแสบไปหมด ชายหนุ่มอีกคนที่เมื่อครู่ที่เขาไม่ได้สนใจหันมาถามด้วยความเป็นห่วง ทำไมเมื่อกี๊เขาถึงไม่ได้มองหน้าพวกนั้นให้ชัดๆกัน ไม่อย่างนั้น เขานี่แหละที่เป็นคนไปเอง!

ซวยจริงๆ!

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”

“เปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร” เขาลุกขึ้นพยายามตั้งคอให้ตรง ความมึนจากแอลกอฮอล์ทำให้เขาเสียการทรงตัวเล็กน้อย “เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มยอมทิ้งแก้วเหล้าที่ยังดื่มไม่หมดไว้ตรงนั้น ด้วยความเคยชินและความร้อนจากเหล้าทำให้เขาสะบัดฮู้ดออกจากหัว ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆเขาอ้าปากค้างทำหน้าตกใจเหมือนเคยเจอเขามาก่อน เด็กหนุ่มรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยเพราะกระดกเข้าไปเพียวๆหลายแก้ว ใบหน้าขาวจัดขึ้นสีแดงระเรื่อน่ามอง สายตาปรือฉ่ำหวานเยิ้มอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชั่วครู่รู้สึกเหมือนถูกจับจ้องจึงหันไปมองคนตัวโตที่กำลังจ้องเขาเขม็ง

ธัชธรรม์จ้องกลับอย่างไม่วางตาราวกับเจอของเล่นถูกใจ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มขึ้น เป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เหลือร้ายทีเดียว ใบบุญเชิ่ดหน้าขึ้นก่อนจะยิ้มให้กลับ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ความกล้าเขาเพิ่มขึ้นทบทวี จากที่เคยหลบสายตาไม่เคยจ้องมองตรงๆสักครั้ง กลับกล้าส่งสายตาร้อนแรงให้ ชายหนุ่มยกยิ้ม เขาชูแก้วขึ้นราวกับเชื้อเชิญ

“ไม่ดื่มเป็นเพื่อนด้วยกันหน่อยหรือ” ชายหนุ่มเอ่ยทัก เขาค่อยๆเดินไปหยุดข้างชายหนุ่ม ไม่มีใครละสายตาไปจากใครทั้งนั้น เหมือนแม่เหล็กที่ต่างขั้วพร้อมจะดูดเข้าหากันตลอดเวลา เขาก้มลงจับไหล่หนาหยอกเย้าเขี่ยแก้มสากของชายหนุ่มเบาๆ บรรยากาศเจือไปด้วยกลิ่นอายอันตราย เด็กหนุ่มก้มลงกระซิบจนปลายจมูกเขาคลอเคลียใบหูสีเข้ม

“ถ้าอร่อย.. จะลองคิดดูก็แล้วกัน” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเชิ่ดตัวยืนตรงเดินผ่านไปทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ธัชธรรม์ยกยิ้มรู้สึกใจเต้นรัวอย่างน่าประหลาด

“มึงว่าน้องเขาหน้าคุ้นๆไหม เหมือนกูเคยเห็นที่ไหน แต่กูนึกไม่ออก”

“หึ มึงนึกต่อไปแล้วกัน.. เดี๋ยวกูมา” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันไปมองแผ่นหลังบอบบางที่เพิ่งเดินจากไป
“เห้ย โหย เอาจริงหรือวะ” ฮันเตอร์ทำหน้าเหวอ มองเพื่อนตัวเองหมุนตัวตามเด็กหนุ่มคนนั้นไป “เอ.. หน้าเหมือนใครวะ”

ธัชธรรม์เดินหลบเหล่านักท่องเที่ยวยามราตรีที่กำลังสนุกสนานกับเสียงเพลงบนเวที สายตาเขายังคงจับจ้องไปที่แผ่นหลังโปร่งบางของเด็กหนุ่มที่เจอเมื่อครู่ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกถูกชะตาขนาดนี้ แค่เพียงได้สบตาคู่สวยคู่นั้นราวกับความรู้สึกเบื้องลึกในจิตใจมันถูกตีตื้น โหยหาอะไรบางอยา่ง อาจจะเป็นสัญชาตญาณที่กำลังกู่ร้องในใจอย่างเช่นตอนนี้ก็ได้ เขาอยากรู้เหลือเกินว่าเป็นเพราะอะไร..

เขาอยากได้..

ใบบุญสั่นสะท้านไปทั้งตัว มือที่อยู่ข้างตัวกำหมัดแน่นพยายามสงบสติอารมณ์จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขาไม่น่าเปิดช่องโหว่เลย ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาทำแบบนั้น เขาต้องทำยังไงก็ได้ที่ไม่ให้ธัชธรรม์รู้ว่าเขาเป็นใคร เด็กหนุ่มเดินฝ่ากลุ่มคนเข้าไปห้องพักหลังเวที อยากจะทักทายมังกรก่อนจะปลีกตัวกลับบ้าน เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้ว..

“เพิ่งมาหรือไง” มังกรทักเขา ก่อนจะเดินมาตบไหล่ ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มาเล่นกับมันได้แต่ทำหน้ายู่ใส่

“อืม” เขาพยักหน้า นั่งลงบนโซฟา

“พี่ธัชไปไหนแล้วก็ไม่รู้ มาช้าขนาดนี้ อดไปนะมึง” มังกรบอก เพราะเขาเห็นว่าเพื่อนสนิทคนนี้ชอบเพลงชายหนุ่มมาก ถึงจะอยู่บ้านเดียวกันแต่มังกรก็ไม่รู้สาเหตุที่ทั้งสองคนไม่พูดคุยกัน

“ไม่เห็นเป็นไร ได้เห็นจากในคลิปก็พอใจแล้ว” เขาพูดไปอย่างนั้นแต่ในใจเสียดายเป็นบ้า

“มึงนี่มัน...”

“เดี๋ยวกูกลับแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนมึงก็อย่าให้มันดึกมากนัก” เขาลุกขึ้นยืน คิดว่าถ้ายังไม่หายมึนหัวคงจะต้องได้นั่งแท็กซี่กลับบ้านแน่ๆ

“อือ หรือจะกลับพร้อมกูไหมล่ะ หน้ามึงแดงๆนะ ไปทำอะไรมา”

“มะ ไม่นี่” เขาส่ายหัว หลบตาเพื่อนที่จ้องมาอย่างจับผิด “จะเอาหน้าเข้ามาใกล้ทำไมเนี่ย”

“กลิ่นเหล้าหึ่งเลย ไหนบอกไม่ชอบกิน”

“เอาน่า กร นานๆที อย่าจุกจิกไปเลย” เขาไม่อยากจะฟังมันบ่นเลยจริงๆ

“ไหนๆมาแล้วก็ไปร้องสักเพลงไป” มังกรทำหน้าเจ้าเล่ห์ เขาส่ายหัววืด “อยากเห็นร้านเฮียระเบิดว่ะ”

“ไม่เอามึง ไม่ๆ กูจะกลับแล้ว แค่แวะมาบอก.. ว่าจะกลับ”

“อ้าวพี่ธัช สวัสดีครับ” เขาสะดุ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าชายหนุ่มจะ.. ตามมา ไม่หรอกน่า อาจจะมาหามังกรก็ได้ เขาเบี่ยงตัวหันไปมองเล็กน้อยก่อนจะดึงสายตากลับ รู้สึกร้อนที่แผ่นหลังเหมือนมีคนกำลังจ้องอยู่ “พี่ธัชจะร้องเพลงอีกไหม เอาอีกหน่อยน่า แฟนคลับพี่เยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย”

“คงไม่เท่าน้องไบร์ทหรอกครับ”

“โหย คนนี้โคตรฮอตเลยนะพี่ ”

“มังกร!”

“ไม่สนใจร้องเพลงด้วยกันหน่อยหรือ” เขาถลึงตาใส่เพื่อนที่หัวเราะคิกคัก กำลังจะอ้าปากบอกว่าไม่แต่คนที่ยืนอนยู่ด้านหลังก็พูดขึ้นมาก่อน

“คงมีบางคนแถวนี้ไม่กล้าหรอก”

“ใครไม่กล้า” เขาตวัดสายตาหันไปมองคนตัวโตกว่า

“ไม่รู้เหมือนกัน” ธัชธรรม์ยักไหล่

“จะลองก็ได้นะ.. ” เขาหันไปเผชิญกับดวงตาสีดำคมกริบที่มองเขาอยู่นานแล้ว แสงไฟสลัวหลากสีจากด้านนอกส่องผ่านเรือนร่างใหญ่โตตรงหน้า เขาเห็นสันกรามของอีกฝ่ายชัดเจน กลิ่นอายบุรุษเพศชัดเจนจนเขาต้องใจสั่นราวกับผู้ล่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อตัวน้อย และพร้อมจะขย้ำให้แหลกคามือ แต่เขาไม่ใช่กระต่ายน้อยแสนดีที่จะปล่อยให้ราชสีห์ขย้ำอย่างง่ายดายเสียด้วยสิ “..ถ้าคิดว่าแน่” เขายื่นมือเรียวยาวออกไปแตะแผงอกที่ร้อนระอุ มันกระเพื่อมขึ้นลงถี่ขึ้นราวกับกำลังกักเก็บอารมณ์เอาไว้ภายใน ภูเขาไฟลูกนี้พร้อมจะระเบิดหรือยังนะ

“งั้นเราลองดูกันสักตั้ง”

มังกรมองสองคนตรงหน้าที่จ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร อันที่จริงเขาแค่อยากจะแกล้งเพื่อนให้อายม้วนต้วนมากกว่าแต่กลับกลายเป็นว่าเสือดาวหนุ่มกำลังรุกไล่พ่อสิงโตเจ้าป่าอย่างไรอย่างนั้น เขาแอบอมยิ้ม ปกติใบบุญจะไม่ชอบมองหน้าใครตรงๆแบบนี้เท่าไหร่นัก 

“งั้น.. เดี๋ยวไปเตรียมเพลงให้นะครับ” มังกรหันหลังกลับไปเตรียมดนตรีให้สองคนนี้พูดคุยกันไปก่อน มังกรหมายมั่นปั้นมือ หรือว่าเขาจะลองจับคู่สองคนนี้ดูดีไหมนะ..

“จะมองหน้าอีกนานไหม” เขาถามธัชธรรม์ พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่ในใจมันเต้นจนแทบระเบิดอยู่แล้ว

“อยากมอง หรือมองไม่ได้?” อีกฝ่ายได้ยินก็ยักคิ้วพร้อมกับส่งรอยยิ้มพิฆาต ใบบุญเดินเข้าไปประชิดมากขึ้น อีกฝ่ายไม่หลบถอยเขาสักนิด อยากจะลองของเขาสินะ..

“ผมน่ามองขนาดนั้นเลยหรือ” แตะไปยังแผงอกแข็งแกร่ง “คนอย่างคุณมีสาวๆมาให้เลือกจนตาลายอยู่แล้ว”

“แต่ก็ไม่มีใครทำให้ดึงดูดใจได้เท่านี้” ธัชธรรม์ก้มลงหยอกเย้าแก้มขาว ใบบุญหน้าแดงก่ำบริเวณที่โดนแตะร้อนจนเขาต้องเม้มปากแน่น แทบจะทรงตัวไม่อยู่ สายตาของชายหนุ่มตรึงอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่มีจิลสีเงินติดอยู่

“หึ คุณปากหวานแบบนี้กับทุกคนเลยหรือเปล่า” เขาเงยหน้าขึ้น โน้มตัวชายหนุ่มลงมาและตวัดริมฝีปากข้างแก้มสาก เอาคืนที่เมื่อครู่ทำให้เขาเกือบหัวใจวาย

“ขึ้นเวทีได้เลยนะครับ” มังกรโผล่ออกมาก่อนที่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านี้ เขาผละออกจากกัน เด็กหนุ่มเดินไปรับไมค์จากเพื่อนสนิทที่ทำหน้ายิ้มกริ่ม คอยดูเถอะ หลังจากวันนี้เขาต้องคิดบัญชีกับมังกรแน่!

จังหวะที่ขึ้นเป็นเพลงฮิตที่ร้องตามกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง เขายกไมค์ขึ้นจ่อริมฝีปาก ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเสียงเพลงเหมือน ชายหนุ่มที่เดินตามเข้ามาร้องตามเสียงที่เป็นเอกลักษณ์คลอไปตามราวกับเป็นเพลงคู่ เขารู้สึกขัดใจเล็กน้อยเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยจังหวะให้เขาได้ร้อง เสียงกรี๊ดดังขึ้นกว่าเสียงดนตรีจนเขาตั้งสมาธิร้องคลอไปตามทำนอง อีกฝ่ายหันมามองเขาแล้วยกยิ้ม จู่ๆเพลงก็ตัดขึ้นทำนองใหม่..

‘ไม่อยากจะไปรบกวนให้มากมายแต่เด็กมันเหงาจะให้ทำไงได้ งอแงจะคิด จะคิดถึงแต่เธอ เวลาไม่เจอก็เบลอจนเพ้อเจ้อ อยากคุยอยากเจอถ้าเธอไม่ว่าอะไร..’

‘......’

‘อย่าเพิ่งหนีกันไปได้ไหม อยู่กับฉันนานๆได้ไหม ตอนเนี้ยไม่มีใคร I’m so lonely you know That I need you my babae’ สายตาคมกริบจ้องมาพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ ทำเอาลมหายใจเขาสะดุดไปวูบหนึ่ง เสียงร้องคลอไปตามทำนองจนกระทั่งเพลงจบ ทำนองขึ้นเป็นจังหวะจนเขาชิงร้องขึ้นมาก่อน ระหว่างที่ร้องสายตาก็จ้องกลับไปยังสิงโตหนุ่มที่กำลังพร้อมจะพุ่งเข้ามาขย้ำ เสียงกรี๊ดจากด้านล่างเวทีดังกระหึ่ม 

‘ไม่คิดจะคบใครจริงจังเพราะไม่อยากทำร้ายใครและไม่ได้คิดว่าตัวเองดังหรือว่าเป็นคนหลายใจ ก็ฉันแค่ใจร้าย ฉันแค่ใจร้าย ทุกวันก็เตือนตัวเองในใจ อย่าไปทำร้ายคนอื่น..’

ถ้าไม่อยากเจ็บก็อย่าเข้ามา..

เขาเตือนแล้วนะ

เขามองชายหนุ่มไม่วางตา พร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันไปโบกมือให้แฟนคลับที่กำลังตะโกนเรียกด้านล่าง ทันทีที่จบเพลงธัชธรรม์รีบดึงข้อมือเขาลงจากเวทีทันที กึ่งวิ่งกึ่งจูงก่อนจะมาหยุดตรงมุมที่ไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาเท่าไหร่นัก

ท่อนแขนแข็งแรงกักเขาเอาไว้ไม่ให้ไปไหน ริมฝีปากสีแดงฉ่ำคลี่ยิ้ม ดวงตากลมสีน้ำตาลคู่สวยเหลือบชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ถึงจะอยู่บ้านเดียวกันแต่ก็น้อยนักที่จะได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ กลิ่นน้ำหอมเจือจางลอยอยู่ในอากาศยามปลายจมูกเกลี่ยแก้มใส เขาตัวแข็งเกร็งแต่ไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน มีเพียงสายตาที่วูบไหวพียงชั่วครู่เท่านั้น นิ้วเรียวยาวที่แต้มสีดำสนิทที่ปลายเล็บลากลงที่แผงออกหนาไปยังหนาหน้าท้องหนั่นแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เขาแอบลอบเห็นอีกฝ่ายกลืนน้ำลาย จนต้องแอบอมยิ้ม ที่รีบผลุนผันออกมาคงไม่ใช่เพราะว่ากำลัง ทนไม่ไหวหรอกนะ..

“หัวเราะอะไร”

“เปล่า แค่ขำคนขี้เขิน” เด็กหนุ่มยกยิ้มหวาน จนคนมองตาพร่าไปชั่วขณะ จับจ้องไปยังเด็กหนุ่มร่างบางที่ดูยังไงก็ไม่มีแรงขึดขืนเขาได้เลย ธัชธรรม์ชอบวนเวียนอยู่แถวแก้มใส มันนุ่มเสียจนเขาอยากจะงับสักที

“ใครเขิน ผิดคนแล้วมั้ง” เขาตอบ ระยะห่างกันไม่ถึงคืบจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน 

“ใครบางคน ที่มองจนตาเชื่อมนี่ไง”

“หึ พูดเก่ง”

“อย่างอื่นก็เก่งนะ หรือจะลอง..” เด็กหนุ่มยิ้มเย้า ดึงปกคอเสื้อแจ็คเก็ตของอีกฝ่ายให้โน้มลงมา ก่อนจะงับริมฝีปากคู่สวยเบาๆ อีกฝ่ายชะงักไปนิดเมื่อคนตรงหน้าจู่โจมไม่ทันตั้งตัว ธัชธรรม์สอดลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปทักทายจนเด็กหนุ่มสั่นสะท้านหันเอียงศีรษะให้ให้รับจูบได้อย่างถนัดถนี่ ต่างฝ่ายรุกไล้ดูดดึงจนเกิดเสียงหยาบโลน เด็กหนุ่มถอนจูบเชื่องช้า ใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากอีกฝ่าย “พอก่อนดีกว่า”

“ทำไม” เขาพูดเสียงแหบพร่า มือหนาสอดเข้าไปกอดเอวได้รูปของเด็กหนุ่ม ก้มลงกดจูบที่ซอกคอขาวจนเกิดรอบสีกุหลาบเบาบาง ธัชธรรม์ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเป็นได้ขนาดนี้ เขารู้แค่เพียงเขาจะปล่อยคนตรงหน้านี้ไปไม่ได้เด็ดขาด   
“ก่อนที่อะไรๆ.. จะย้อนกลับมาไม่ได้”

“….” ธัชธรรม์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “จะไม่มีทางเสียใจกับสิ่งที่ตัดสินใจแล้วเป็นอันขาด” เขาเกลี่ยเส้นผมของเด็กหนุ่ม สบสายตาหวานที่เขารู้สึกชอบเหลือเกิน

“มันจะเป็นแค่ความสัมพันธ์ชั่วคืน ที่ต้องลืมตลอดไป” ชายหนุ่มนึกทบทวนคำในใจแม้จะตะโกนว่า ‘ไม่’ กี่พันครั้งก็ไม่ยอมเอ่ยปากพูดออกไป เขาไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายจะลืมเขาได้ลง.. เขาไม่มีทางยอมรับแน่

“….”

“ถ้าคุณรับได้..” เขายกมือโอบรอบคอชายหนุ่ม อีกฝ่ายแข็งเกร็งด้วยความอดทน ใบบุญกระซิบเสียงแผ่วเบาข้างใบหูเชื่องช้า.. ในเมื่ออยากจะเล่นกับไฟดีนัก “ก็ลองดู..”


TBC
 


ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 4 ] 12-09-61
«ตอบ #17 เมื่อ12-09-2018 12:55:02 »

Rhyme 4
[/b]

   บรรยากาศโดยรอบถูกตัดขาดจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง ความร้อนจากร่างกายที่เสียดสีผ่านเนื้อผ้ายิ่งทำให้รู้สึกหลอมละลาย ร่างสูงโปร่งทว่าบอบบางกว่าหอบหายใจถี่ มือขาวกำเสื้อแจ็คเก็ตอีกฝ่ายแน่น สายตาพร่ามัวไปหมดเพราะถูกช่วงชิงลมหายใจหนักหน่วงและ..เนิ่นนาน

   “ฮื้อ” ใบบุญพยายามสะบัดใบหน้าหนี ฝ่ามือหนากระชับที่ต้นคอเขาเอาไว้ ริมฝีปากถูกละเลียดชิม ลิ้นอุ่นชื้นไล้ไปตามแนวริมฝีปากเกี่ยวกับห่วงสีเงินที่เจาะอยู่ ก่อนจะออกแรงดึงจนเด็กหนุ่มครางเครือ ส่วนอ่อนไหวคัดเกร็ง ขาสั่นไร้เรี่ยวแรง

   “ไหนว่าเก่ง..” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูหลังจากปล่อยให้คนตัวเล็กกว่าเป็นอิสระ สอดมือหนาเข้าไปใต้เสื้อและแตะไล่ไปตามแนวกระดูกสันหลัง ใบบุญสั่นสะท้านไปทั้งตัวขบกรามแน่น

   สู้คนตรงหน้าไม่ได้จริงๆ..

   ได้ยินคำดูถูกจากคนตรงหน้าความกล้าก็เพิ่มขึ้นมาทบทวี สองมือบางสอดเข้าไปใต้แจ็คเก็ตสีดำ ไล้ไปตามแนวซิกแพคสวย บรรจงใช้ริมฝีปากกดจูบไปตามแนวแผงอก ธัชธรรม์เซไปข้างหลังเล็กน้อย ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อสัมผัสวาบหวามที่ถูกปรนเปรอ สายตาสะดุดไปที่ยอดอกสีอ่อนที่อยู่ภายใต้เสื้อกล้ามสีขาว ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก ดันร่างเล็กกว่าติดกำแพงพร้อมสอดท่อนขาแข็งแรงเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายหลุดหนีไปไหน ใบบุญตาลายจนเริ่มทรงตัวไม่อยู่ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆวนเวียนอยู่บริเวณจมูก มือขาวดันแผงออกหนาให้ออกไปก่อน อีกฝ่ายเลิกคิ้วมองอย่างไม่ค่อยพอใจ

“จะหยุด?”

“มะ ไม่!”

“ทางนี้ก็ไม่คิดจะหยุดเหมือนกัน”

“ฮื้อ” เขาถูกอีกฝ่ายปล้นจูบอีกครั้ง ความรู้สึกเสียดสีที่ยอดอกแล่นปราดไปทั่วร่าง เด็กหนุ่มครางเครือไม่ได้ศัพท์ ดวงตาหวานฉ่ำมองใบหน้าที่คิดถึงมานานแสนนาน ธัชธรรม์เคลิบเคลิ้มไปกับแววตาที่มองเขาอย่างแสนรักใคร่จนแทบจะอดทนไม่ไหว เอื้อมมือตบไปที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังคว้าซองพลาสติกสีเงินขึ้นฉีก ใบบุญเบิกตาโพลง พูดเสียงสั่น “คุณจะทำอะไร”

“มาขนาดนี้แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ“

“....”

“หรือว่าไม่กล้า?”

“ใครบอกว่าไม่กล้า” เด็กหนุ่มเลียมุมฝีปากก่อนจะโน้มลำคออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ชิด บรรจงมอบจูบอ่อนหวานให้ชายหนุ่มที่แทบจะบ้าคลั่ง ธัชธรรม์ตอบรับจูบอย่างเต็มใจ เขารับรู้ได้ทันทีว่ามันหวานและเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง..

“อย่ามาท้ากันนะ”

“หึ กลัวจะติดใจน่ะสิ” ชายหนุ่มคลอเคลียแก้มใสจนอารมณ์ร้อนรุ่มพลุ่งพล่านจนเริ่มทนไม่ไหว เขาออกแรงเล็กน้อยดึงมือเด็กหนุ่มให้ออกจากที่นี่เร็วที่สุด ยัดคนตัวเล็กกว่าเข้าไปนั่งรถยนต์ส่วนตัวก่อนจะขับออกไปอยา่งรวดเร็ว แต่ไม่อาจเล็ดรอดสายตาของใครบางคนที่แอบมองอยู่ตลอดไปได้ เขาเก็บมือถือที่บันทึกภาพบางอย่างลงใส่กระเป๋า ครุ่นคิดภาพตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

+++

แผ่นหลังบอบบางเอนลงบนเตียงนุ่มก่อนถูกโถมทับด้วยร่างสูงใหญ่ ริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบไปตามซอกคอขาวไล่ลงมาแผงอกขาวจัด ตวัดรัดรึงยอดอกอ่อนนุ่มที่กำลังชูชันด้วยความเสียวซ่าน เสื้อผ้าถูกปลดออกและโยนออกไปอย่างรวดเร็วมีเพียงเสียงหอบหายใจดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ใบบุญกำผ้าห่มแน่น เขาพยายามกลั้นเสียงหลังจากถูกปรนเปรอจนแทบเสร็จ
สม ส่วนอ่อนไหวถูกรูดรั้งขึ้นลงจนสั่นสะท้าน ดวงตาคลอไปหยาดน้ำ มันพร่ามัวไปหมดเห็นเพียงเงาเลือนลางของคนตรงหน้า มือขาวปัดป่ายไปตามกล้ามเนื้อหนั่นแน่นของชายหนุ่ม

“ไบร์ท..” ธัชธรรม์มองคนตัวขาวที่กำลังหอบหายใจถี่ ผิวขาวเนียนกระทบกับแสงไฟที่ส่งผ่านมาจากหน้าต่างช่างทำให้เขามัวเมาแทบถอนตัวไม่ขึ้น ไม่รู้ว่าอีกคนเป็นเทวดามาจุติจำแลงกายหลอกล่อเขาหรืออย่างไร “ไหวนะ..” เขาเห็นอีกฝ่ายจะถึงฝั่งฝันอยู่หลายครั้งเพียงแค่เขาสัมผัสก็สั่นสะท้านไปทั้งกาย เหมือนคนไม่เคยมีเซ็กซ์มาก่อน แตะโดนตรงไหนก็อ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟ

จะเป็นไปได้ยังไง..

“อื๊อ..” เสียงครางหวานดังขึ้นเมื่อถูกขบเม้มไปตามร่างกาย “ช้าหน่อย..” เสียงหอบหายใจพร้อมเสียงสะอึก ฝ่ามือขาวถูกยกขึ้นมาปิดหน้าปิดตา ต่อให้จะปิดไฟจะมืดสนิทเขาก็ยังปอดแหกไม่กล้าอยู่ดี ในเมื่อมันเลยเถิดมาขนาดนี้

จะหยุดหรือไปต่อ

“พร้อมนะ” นิ้วหนาถูกสอดเข้าช่องทางที่ไม่ใช่ทางสำหรับร่วมรัก อาการตึงและเจ็บพุ่งพล่านจนถึงแกนสมอง เขารู้ว่ามันจำเป็นต้องถูกตระเตรียมก่อน และนี่ก็เป็นครั้งแรกของเขา..

“...” คำว่าไม่ถูกกลืนลงคอเมื่อดวงตาคมสีดำสนิทที่จ้องมองเขาตอนนี้ร้อนแรงแทบจะแผดเผาเขาจนเป็นจุล เป็นสายตาที่เขาเฝ้ามองอยากจะให้ธัชธรรม์.. มองมาตลอด..

ถึงวันนี้จะถูกมองเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ใบบุญก็ตาม..

   “เจ็บไหม” เขากดเสียงต่ำ สะกัดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง ทันทีที่แทรกผ่านช่องทางที่ปิดสนิท ชายหนุ่มรู้สึกแปลกๆกับสัมผัสที่มันคับแน่นไปหมด “อย่าบอกนะว่าไม่เคย..”

“เงียบน่า..”

“ไบร์ท”

“หุบปาก!” เขาดึงรั้งต้นคอของชายหนุ่มเข้ามาแนบชิด สองขาตวัดรัดเข้าช่วงเอวสอบ ส่วนอ่อนไหวกำลังแข็งเกร็งและปล่อยน้ำคัดหลั่งออกมาเยอะมากกว่าปกติ เพียงแค่ธัชธรรม์สัมผัสแผ่วเบาคนใต้ร่างก็กระตุกเฮือกและปลดปล่อยออกมาจนได้ เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแน่นไม่กล้าสบสายตากับใครอีกคน

“โอเคใช่ไหม”

“อะ..อะไร”

“ถ้าจะใส่เข้าไป”

“…..”

“ว่ายังไงครับ… ไบร์ท”

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ มองแววตาของคนตรงหน้าที่มีความปรารถนาซุกซ่อนอยู่ ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นไบร์ท ไม่ใช่ใบบุญที่พี่ธัชเกลียดอีกต่อไป ได้.. ก็ได้

จะยอมเป็นให้ได้ทั้งนั้น..

“จะรออะไรอยู่ล่ะ..” ยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะรั้งคนตัวโตให้เข้ามาใกล้ แกนกายของอีกฝ่ายแข็งเกร็งพร้อมที่จะเริ่มบรรเลงบทรักให้ลุกเป็นไฟ เขาเลียริมฝีปากเชื่องช้าเอียงคอให้รับจูบได้ถนัด แลกเปลี่ยนความร้อนผ่านการจูบ และปลุกเร้าอารมร์ผ่านการสัมผัส เขาถูกดันให้นอนราบไปกับเตียง สองขาอ้ากว้างออก มองชายหนุ่มที่แทบจะอดทนไมไหวเขาก็หัวเราะคิก

“หัวเราะอะไร”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“อย่ามายั่วกันจะดีกว่า” ธัชพุ่งเข้าประชิดคนตัวเล็ก พาดเรียวขายาวขึ้นบ่า จดจ่อแกนกายที่พรั่งพร้อมสู่ช่องทางที่บีบรัดโอบล้อมทุกทาง เขากัดฟันออกแรงบดเบียดเข้าไปจนสุดเส้นทาง มันทั้งอุ่นร้อนและคับแน่นมากกว่าเซ็กซ์ครั้งไหนๆที่เขาเคยสัมผัส เหงื่อเม็ดโตหยดลงบนแผงอกขาวที่กำลังหอบหายใจ ใบบุญยิ้มหวาน เป็นรอยยิ้มที่เขาอยากจะมอบให้คนตรงหน้าสักครั้ง.. มือเรียวขาวยกขึ้นเช็ดเหงื่อให้อีกฝ่ายแผ่วเบา

“พี่ธัช..”

“เมื่อกี๊เรียกว่าอะไรนะ”

“อื๊อ ธัช.. อย่าทำแรงสิ” เขาใช้มือดันไปยังหน้าท้องแน่นตึง สัมผัสโดนอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวเข้าออกในตัวเขา เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก รู้สึกจุกเสียดเหลือเกิน “เบาก่อน”

“นายเป็นใครกันแน่..”

“….”

“ไบร์ทไง” เขายิ้ม เกลี่ยนิ้วไปตามแผ่นอกหนา 

ตัวตนที่ใครต่อใครต่างก็ต้องการ..

“หึ..” ธัชธรรม์รู้สึกไม่สบอารมณ์ โดยที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ชายหนุ่มออกแรงกระแทกเข้าออกจนคนตัวเล็กสั่นระริก มือเกาะเกี่ยวจิกรึ้งตามแรงอารมณ์จนเนื้อเขาแทบหลุด

“ฮื่อ ยะอย่า ตรงนั้นมัน”

“ชอบใช่ไหม”

“ยะหยุดก่อน พอก่อน” เมื่อรู้ว่าตรงไหนสัมผัสไวเป็นพิเศษ จะถูกเน้นย้ำลงไปซ้ำจนเขาแทบจะหยุดหายใจ มันมากเกินไป เขาจะตายเพราะสำลักความสุขอยู่แล้ว..

“จะยั่วไปไหนวะ” จับคนตัวเล็กกว่าพลิกคว่ำชันเข่ากับเตียงก่อนจะเข้าทาบทับ ตอกย้ำอัดแน่นตัวตนแสดงความเป็นเจ้าของให้แทรกซึมเข้าไปถึงจิตวิญญาณ แหวกเนินเนื้อกลมกลึงก่อนจะใส่แรงโจนจ้วง เตียงไม้แข็งแรงไหวกึกตามแรงที่ถาโถมหนักหน่วง ฝ่ามือหนากระชับสะโพกขาวโยกตัวเข้าออกตามแรงอารมณ์ เขาเห็นคนตัวขาวกระตุกกึกมือกำผ้าปูที่นอนจนเส้นเลือดขึ้นเป็นทางยาว

“อ๊า.. มะ ไม่ไหว” ใบหน้าหวานส่ายไปมาบนหมอนสีครีม แรงขบริมฝีปากที่กำลังกลั้นเสียงครางได้กลิ่นเลือดขมปร่า ความรู้สึกเหมือนถูกดึงให้ขึ้นที่สูงก่อนจะระเบิดความต้องการออกมาพรั่งพรู “อื้อออออออ”

“ไบร์ท” เสียงเรียกชื่อหลังจากเซ็กซ์ที่ผ่านพ้นไป กลิ่นอายตลบอบอวลยั่วยวนให้ชายหนุ่มที่เพิ่งสุขสม อยากจะลิ้มลองของหวานตรงหน้าอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นรอยช้ำบวมแดงที่ช่องทาง มันขึ้นสีช้ำและมีสีเลือดเจือจาง มองคนที่กระดิกตัวแทบไม่ไหว เขาช่วยประครองให้ลุกขึ้นนั่ง จ้องเข้าไปในแววตาสั่นระริกที่พยายามหลบตาเขาอยู่

“อะ อืม”

“ทำไมไม่บอก” เขาไล้ไปตามเรียวขาขาว ก่อนจะหยุดที่สะโพกอวบอิ่ม อีกฝ่ายกระเถิบหนี “ว่าเป็นครั้งแรก”

“ไม่จำเป็น” เด็กหนุ่มเชิดหน้าขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืนหยิบเสื้อยืดที่ถูกโยนออกไปมาสวมทับ ทันทีที่ขาแตะพื้นก็แทบร่วงลงไปนอนเล่น ธัชธรรม์มองภาพตรงหน้า น้ำขุ่นข้นสีขาวไหลย้อนลงมาเปียกฉ่ำเป็นทางยาว เรียวขาขาวขึ้นสีช้ำเป็นรอยมือเขาเต็มไปหมด ผิวหมอนี่แค่จับนิดจับหน่อยก็เป็นรอยไปหมด เด็กหนุ่มก้มลงมองหยาดน้ำรักที่หยดเปื้อนกับพื้น เม้มปากแน่นใบหน้าขาวขึ้นสีแดงก่ำ

มะ เมื่อกี๊ไม่ได้ใส่ถุงหรือ

เด็กหนุ่มหน้าม้านจ้องชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงเขม็งอยากจะด่าแต่ก็พูดอะไรไม่ออก ทำท่าฟึดฟัดก่อนจะเดินกะเผกเข้าห้องน้ำ ธัชธรรม์มองตามดูว่าอีกคนจะทำอะไร เพิ่งเจ็บตัวมาแท้ๆยังจะซ่าอีกนะ

“จะไปไหน”

“ห้องน้ำ” ตวัดสายตาไม่พอใจใส่ตัวต้นเหตุ เขาเห็นกับตาว่าธัชธรรม์พกถุงยางมาด้วย แล้วทำไมไม่ใช้ พกไว้ดูเล่นหรือไง!

“ถ้าจะอาบน้ำ..ค่อยอาบด้วยกัน แต่ตอนนี้..” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินเข้าไปคว้าคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอด พรมจูบข้างแก้มขาวที่กำลังแดงระเรื่อ เจ้าตัวดิ้นอยู่ในอ้อมกอดเขาอยู่สักพักถึงจะยอมอยู่เฉยๆ “ขออีกรอบ”

“อะ..” อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะอ้าปากขยับขึ้นลง พูดตรงขนาดนี้จะให้เขาทำยังไงได้เล่า!

“ไม่ตอบก็ถือว่าตกลงนะ” เขายิ้มมุมปาก อุ้มลูกแมวตัวน้อยขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง นิ้วโป้งหนาเกลี่ยแก้มขาวนวล ริมฝีปากสีเชอร์รี่บวมเป่งเพราะฝีมือเขา ชายหนุ่มเลื่อนตัวเข้าไปหยอกล้อกับห่วงสีเงิน เด็กหนุ่มโยกหน้าหลบหนีไม่ให้มายุ่งกับปากเขาอีก

“ไม่เอา ไม่เล่นแล้ว”

“เล่นที่ไหน เอาจริงต่างหาก” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวบางที่แทบจะปิดเรือนร่างขาวผ่องไม่มิด ดวงตากลมโตหลุบมองที่พื้นก่อนจะเลื่อนมือขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่ม คราวนี้ธัชธรรม์เบาแรงและอ่อนโยนกว่าเดิม คืนนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่บนปุยนุ่น ลิ้มรสความสุขที่ปรารถนามาทั้งชีวิต

มีความสุขเหลือเกิน..

“พะ พี่ธัช..” น้ำตาไหลรินอาบแก้ม มันเป็นความรักที่เต็มไปด้วยความทุกข์ปะปนไปกับความสุขที่ไม่มีวันจับต้องได้ ต่อให้จะต้องเปลี่ยนเป็นอีกคน ถ้าหากธัชธรรม์ต้องการ

เขายอม..

สุดท้ายฉันก็พ่ายแพ้ แพ้ให้ใจตัวเองที่ไม่เคยหยุดรักเธอ
   สุดท้ายฉันยังรอคอยเธอเสมอ แม้จะเนิ่นนานซักเพียงไหน
   เธอยังคงมีผลต่อหัวใจ ไม่หายรักเธอได้สักที…...


(ต่อด้านล่าง)
   

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 4 ] 12-09-61
«ตอบ #18 เมื่อ12-09-2018 12:56:50 »

(ต่อจากด้านบน)

ธัชธรรม์ตื่นขึ้นมาในความมืด เขากวาดแขนออกไปข้างเตียงที่ว่างเปล่า ผ้าห่มถูกพับไว้ปลายเท้าอย่างดี เขากุมขมับรู้สึกศีรษะหนักอึ้งปวดหนึบไปหมด มองเสื้อผ้าตัวเองที่วางระเกะระกะที่พื้นแต่กลับไม่มีของอีกคน รู้สึกประหลาดใจจึงลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ เปิดไฟก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดู ทุกสิ่งทุกอย่างว่างเปล่าราวกับที่นี่มีเพียงเขาอยู่คนเดียว ชายหนุ่มเปิดไฟในห้องมองสภาพห้องที่เละเทะแทบจะดูไม่ได้ เขาไม่ได้ฝันไปแน่ เมื่อคืน.. ไม่สิ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ มีใครอีกคนแสดงบทรักที่ไม่ประสีประสากับเขา แถมเขาเองก็ยัง.. เผลอทำรุนแรงเพราะยั้งตัวเองไม่ได้

   ร่องรอยบนเตียงนอนที่ยับยู่ยี่มีคราบน้ำคัดหลั่งที่เปียกชื้นเป็นวง แต้มอยู่บนผ้าปูที่นอนเป็นหลักฐานชั้นดีว่าเขาไม่ได้ฝันไปคนเดียวแน่ บนโต๊ะข้างเตียงมีกระดาษและเงินจำนวนหนึ่งวางอยู่ เขาหยิบขึ้นมาอ่านก่อนจะขยำทิ้งแล้วปาลงพื้นทันที
   ‘สำหรับค่าห้องครับ-ไบร์ท’

   ธัชธรรม์โมโหถึงขีดสุด เขารีบสวมเสื้อผ้าออกนอกห้องถามประชาสัมพันธ์ด้านล่างก็ไม่เห็นเด็กหนุ่มที่เขาตามหาออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากำหมัดแน่น คิดจะฟันเขาแล้วทิ้งน่ะหรือ.. ฝันไปเถอะ!

   เด็กหนุ่มปวดร้าวไปทั้งตัวไม่ว่าจะพลิกตะแคงซ้ายหรือขวาความปวดร้าวจากช่วงล่างก็แล่นขึ้นมายังกระดูกไขสันหลังจนแทบไม่อยากจะกระดิกตัวไปไหนทั้งนั้น นอนกัดฟันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นนั่ง หยิบยาแก้ปวดและน้ำเปล่ากรอกเข้าปากก่อนจะมุดร่างม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่ม เสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้นอีกระลอก แต่ด้วยฤทธิ์ง่วงงุนจากยาทำให้เขาไม่สามารถจะปรือตาขึ้นมามองได้อีกแล้ว

   “แม่บอกว่ามึงไม่สบาย” เสียงที่คุ้นเคยคือเสียงของมังกรพร้อมแรงยวบข้างตัว ทำให้เขามั่นใจว่าเป็นเพื่อนสนิทที่ตอนนี้เขาไม่อยากเจอมันมากที่สุด “ไปทำอะไรมาทำไมสภาพมึงเป็นแบบนี้ห้ะ?”

   “อย่าเสียงดังได้ไหม คนจะนอน”

   “ใบบุญ!”

   “โอ่ย กูไม่สบายนะ ให้กูนอนเถอะ” เขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง เอามือปิดหูอีกชั้น

   “มึงจะบอกกูดีๆ หรือให้กูหาอะไรมาง้างปาก” อีกคนเริ่มส่งเสียงดังขึ้นด้วยความโมโห “บอกกูมาเดี๋ยวนี้!”

   “เมื่อคืนกูเมา ก็เลยไข้ขึ้น” เขาตอบเสียงแผ่ว “กินเยอะไปหน่อย มึงก็เห็น” โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มแค่ดวงตากลมโตใสแจ๋วที่หวังจะช่วยให้ความโกรธของเพื่อนคลายลง

   “มันใช่หรือ มึงแน่ใจหรือวะ” น้ำเสียงมันดูโมโห โกรธจัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนที่ผ้านวมที่เขาห่มอยู่จะถูกกระชากออก พร้อมรอยจ้ำที่แดงพร้อยไปทั้งร่าง “แล้วนี่มันอะไร?”

   “กร มันไม่มีอะไรจริงๆ” เขาคว้าผ้าห่มกลับมาที่เดิม รู้สึกตกใจที่เพื่อนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

   “กูไม่โอเคกับเรื่องนี้จริงๆนะ”

   “แต่กูโอเค.. กู สบายมาก”

   “กูรู้ว่ามึงชอบเขา แต่มึงจะ..” ชายหนุ่มแทบจะทึ้งหัวตัวเอง “รู้ไหมทำแบบนี้เขาก็ไม่ได้รักมึงขึ้นมาหรอกนะ” ทำไมเขาจะไม่รู้กิตติศัพท์ของธัชธรรม์ คาสโนว่าตัวพ่อขนาดนั้นจะมาจริงจังอะไรกับน้องชายต่างสายเลือดตัวเองที่เกลียดแสนเกลียดขนาดนี้ เขาล่ะปวดหัวกับความสัมพันธ์ของคู่นี้จริงๆ

   “เพราะกูรู้ไง ไม่ว่ายังไงเขาก็คงไม่.. รัก”

   “มึงมีค่ามากกว่าที่จะต้องเอาตัวไปแลก” มังกรอยากจะตีให้เนื้อเขียวแต่ก็ทำเพื่อนไม่ลง “ใบบุญ.. กูเป็นห่วงมึงนะ”
   “กูตัดสินใจแล้ว มึง.. เชื่อใจกูเถอะนะ” มังกรไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากถอนหายใจและเดินไปหยิบผ้าสะอาดมาเช็ดตัวให้เพื่อน อย่างไรวันนี้ใบบุญก็คงไม่มีแรงไปเรียนแน่ มั่นใจว่าอาการของเพื่อนดีขึ้นเขาก็ขอตัวไปเข้าเรียนก่อน แล้วบอกกับใบบุญว่าจะเข้ามาหาอีกทีตอนเย็นหลังเรียนเสร็จ ลาแม่กำลังจะออกจากบ้านก็เห็นชายหนุ่มเดินสวนเข้ามา อีกฝ่ายมองหน้าเขาเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านไป

   เขาชักจะเกลียดขี้หน้าไอ้คนขี้เก็กขึ้นมาแล้วสิ..

   ธัชธรรม์มาถึงบ้านตอนแปดโมงเช้า เตรียมจะอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนก็เจอมารดาอยู่ในครัวแทนที่จะเป็นไอ้เด็กติ๋มนั่นเหมือนทุกที ทับทิมกำลังต้มโจ๊กให้ลูกชายคนเล็กที่นอนซมเป็นไข้ เมื่อวานก็ยังดีๆอยู่แท้ๆ ไม่รู้ไปโดนแดดโดนฝนที่ไหนมาถึงได้ไข้ขึ้นสูงขนาดนั้น จะพาไปหาหมอก็ไม่ไป เธอล่ะกลุ้มใจจริงๆ

   “วันนี้แม่หยุดหรือครับ”

   “จ้ะ น้องไม่สบายน่ะ ไม่มีคนดูแล แม่เป็นห่วง”

   “หรือครับ”

   “จะไปเรียนแล้วหรือลูก ทานโจ๊กรองท้องก่อนไปนะ” ทับทิมง่วนกับการเตรียมอาหาร แรงกอดจากด้านหลังทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย

   “แม่ อย่าโหมงานหนักเลยนะครับ ผมอยากให้แม่พักบ้าง” เสียงออดอ้อนจากลูกชายคนโตที่ไม่ได้เห็นมากนัก ทำให้เธออมยิ้มเล็กน้อย

   “แม่ก็พักตลอดนั่นแหละ”

   “พักตลอดที่ไหน เห็นวิ่งไปวิ่งมาไปต่างจังหวัดตลอดเลย”

   “ได้ไปต่างจังหวัดก็เหมือนได้ไปเที่ยวนั่นแหละ”

   “อย่าฝืนตัวเองมากไปเลยนะครับ” เขาก้มลงหอมแก้มมารดาหนึ่งฟอด “ถึงพ่อจะไม่อยู่ แต่ยังมีผม”

   “แม่รู้จ๊ะ พ่อธัชของแม่โตเป็นหนุ่มแล้ว” หันกลับไปมองสบตาลูกชายที่หล่อนรักยิ่งกว่าอะไรบนโลกใบนี้ ลูกที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ “แม่ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วสิเนี่ย”

   “ผมก็ยังเด็กในสายตาแม่เสมอ”

   “ถึงเวลาที่ธัชต้องโตแล้วนะลูก” ทับทิมลูบกระหม่อมลูกชาย จากเด็กชายตัวเล็กในวันนั้นจนถึงวันนี้กว่าที่เธอจะเลี้ยงขึ้นมาโตได้ขนาดนี้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ “ไม่มีแม่ ก็ยังเหลือธัชคอยดูแลน้อง”

   “ครับ” เขารับคำ แต่ยังไม่ปล่อยอ้อมกอดจากมารดา

   “น้องถามหาลูกตลอด เลิกโกรธเลิกเกลียดน้องเถอะนะ”

   “ผมขอไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วจะลงมาทานข้าวนะครับ” ก้มลงหอมแก้มมารดาแล้วรีบเดินปลีกตัวออกมา หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงใครบางคนที่เขาชังน้ำหน้ามันนัก ประตูห้องอีกฟากฝั่งยังคงปิดสนิทเหมือนดิม เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเปิดประตูห้องตัวเองเข้าไปจัดการชำระล้างร่างกาย รู้สึกแสบจนต้องนิ่วหน้าเมื่อรอยข่วนจากเล็บเป็นทางยาวเต็มแผงอกโดนน้ำ ทำให้เขาอดคิดถึงบทรักเมื่อคืนไม่ได้ คิดสะระตะได้อยู่ไม่นานก็เปลี่ยนเรื่องคิดไปเรื่อยเปื่อย

   ชายหนุ่มกำลังจะออกจากบ้านไปเรียน เขาเห็นแม่เดินลงมาจากด้านบนถือถ้วยใบเล็กวางบนถาดไม้ เขารีบเข้าไปช่วยยกประครองเอาไปเก็บในครัว ยกของมาเยอะขนาดนั้นถ้าตกบันไดไปจะทำอย่างไร

   “ผมบอกให้จ้างแม่บ้าน แม่ก็ไม่เคยเชื่อเลย”

   “ทำกันเองได้น่า อยู่กันแค่นี้เอง”

   “แม่ดื้อกว่าธัชอีกนะ”

   “ฮื้อ ไอ้ลูกคนนี้ว่าแม่หรือ” ทับทิมเอื้อมมือไปหยิกแก้มลูกชายที่ตอนนี้ตัวสูงใหญ่เหมือนพ่อไม่มีผิด

   “ผมไปเรียนแล้วนะครับ”

   “จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะ” เขาโบกมือให้มารดาที่ยิ้มแฉ่งเดินเคียงข้างออกมาส่งเขาที่หน้าประตูบ้าน รถยนต์สีขาวเคลื่อนตัวออกจากบ้านก่อนจะถึงมหาวิทยาลัยในเวลาไม่นานนัก

   ธัชธรรม์ตรงไปที่ห้องเรียนทันที วันนี้เปิดเรียนวันแรกเขาไม่อยากไปสายให้เป็นจุดเด่น ถึงเขาจะเป็นจุดเด่นอยู่แล้วก็เถอะ ห้องเรียนในวิชานี้บรรจุได้เกือบสามร้อยคน เขามาเลทไปเกือบสิบห้านาทีมีเพียงที่นั่งแถวหน้าเท่านั้นที่เหลืออยู่ ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งไม่ได้สนใจใคร จนกระดาษถูกส่งต่อมาเรื่อยๆจนถึงเขา ถึงได้เห็นรายละเอียดของวิชานี้ว่าจะต้องทำงานอะไรบ้าง เขาไม่ค่อยชินกับระบบการเรียนที่ไทยเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ผู้ชายที่นั่งข้างเขาสะกิดให้หันไปมอง หมอนั่นอธิบายว่าอาจารย์ให้จับคู่ทำงานส่งเดือนหน้า และทุกคนมีคู่หมดแล้ว ขาดอีกคนหนึ่งที่ขาดเรียนไป เขาพยักหน้ารับไม่ค่อยสนใจไอ้เรื่องจับคู่เท่าไหร่ งานแบบนี้เขาทำเองคนเดียวก็ได้

   “เออธัช เห็นว่ารุ่นพี่ตามหาอยู่น่ะ”

   “ใคร” เขาหันไปถาม หลังจากนั่งเรียนไปได้สักพักแล้ว ไอ้หมอนี่ก็ชวนเขาคุยตลอดจนเขาต้องหันไปทำหน้าเข้มใส่ ดูหน้าตาคุ้นๆเหมือนว่าจะได้รับเลือกเป็นประธานรุ่นด้วย แต่เขาจำชื่อไม่ได้น่ะสิ ช่างมันเหอะ

   “พี่ฮันเตอร์”

   “อ่อ ขอบใจ” เขาลุกขึ้นยืนกำลังจะเดินไปหาอาจารย์เพื่อเช็คชื่อ อาจารย์แจ้งงานให้เขาฟังอีกรอบเรื่องงานที่จะมีส่งเพราะเห็นเขาเข้าห้องช้ากว่าคนอื่นและบอกชื่อคนที่เขาจะต้องทำงานด้วย

   “คู่ของเธอ เดี๋ยวนะคนที่ไม่มาวันนี้ ใบบุญ ตฤณตะวานิช นามสกุลเหมือนกันเป็นญาติกันหรือ”

   “ครับ”

   “งั้นดีเลย ไปทำงานมาแล้วกัน ฝากบอกเพื่อนให้ส่งใบลาด้วยนะ เรียนที่มหาลัยมันไม่เหมือนที่โรงเรียนนะจะบอกให้” เขาพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกนอกห้อง ได้ยินเสียงเรียกชื่อเขาแต่ก็ไม่ได้สนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือที่สั่นมาได้สักพักเปิดออกดู เป็นไอ้ฮันเตอร์ที่จิกเขาไม่หยุด จนเขาต้องพิมตอบด้วยความโมโห

   ‘อยู่ไหนนนนน เลิกเรียนยังวะ’

   ‘เออ เพิ่งเรียนเสร็จ วุ่นวายจริงๆ’

   ‘เดี๋ยวรออยู่ใต้ตึกคณะนะมึง ไปกินข้าวกัน’

   ‘เออ รออยู่นั่นแหละ’

   เขาเก็บมือถือยัดลงกระเป๋าเสื้อก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจุดที่นัดหมายกับเพื่อนเอาไว้ ชายหนุ่มร่างสูงผมสีน้ำตาลอ่อนจัดทรงอย่างดียกมือทักทายเขาแต่ไกล ข้างๆกันนั้นมีชายหญิงในชุดนักศึกษาที่กำลังห้อมล้อมฮันเตอร์ต่างก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว เขาไม่ได้สนใจอะไรเดินเข้าไปใกล้มันที่ส่งยิ้มกวนโอ๊ยให้

   “หิวข้าว” เขาพูดได้แค่นั้นก็เดินตัวปลิวออกมา ธัชธรรม์ไม่ค่อยชอบเสวนาพาทีกับคนที่ไม่สนิทคุ้นเคย ใครก็คิดว่าเขาเป็นคนโลกส่วนตัวสูงบ้าง ขี้รำคาญบ้าง แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยสนใจ

   “เฮ้ย รอก่อนดิ”

   “จะมาก็รีบตามมา”

   “ตกลงนี่กูมารอเจอมึงแค่ทักแล้วก็เดินหนีกูไปเลยหรือวะ” ไอ้ฮันเตอร์เดินตามเขาจนหอบเหนื่อย

   “กูเห็นมึงคุยกับเพื่อนอยู่ไม่อยากกวน อีกอย่างเดี๋ยวที่นั่งเต็ม” เขาหมายถึงที่นั่งในโรงอาหารตอนกลางวัน แย่งชิงกันยิ่งกว่าสงครามเสียอีก

   “นึกว่าไม่อยากคุยกับกู เพราะว่า.. ไม่อยากให้กูซักไซร้เรื่องที่เมื่อคืนมึงหายไปทำอะไรมา” น้ำเสียงหยอกเย้าทำให้เขาหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย จะพูดอะไรกันแน่….

   “ทำอะไร”

   “ไอ้เสือร้าย!” มันกระโดดกอดคอเขาจากด้านหลังจนตัวเขาเซไปข้างหน้า “มึงเดินตามน้องไบร์ทออกไปร้องเพลงด้วยกัน หายไปด้วยกันอย่าคิดนะว่ากูไม่เห็น”

   “มีหลักฐาน?”

   “เออ!” เขาจัดการเปิดรูปให้มันดูซะเลย ถึงจะมืดไปหน่อยแต่ก็พอจะเห็นได้ชัดว่าเป็นใคร “นี่ไง แหกตาดูซะ!”

   “ถ่ายขนาดนี้ไม่เดินเข้ามาดูเลยล่ะ” เขาแขวะ

   “เอ้า! ไอ้นี่” แรงรัดจากผู้ชายตัวโตที่ขนาดตัวไม่ต่างกันมากทำให้เขาเหมือนจะล้ม แล้วดูสายตาคนอื่นที่เขามอง ไอ้เพื่อนเวร! “บอกกูมาเลย มึงได้น้องเขาหรือยัง”

   “ยุ่งไม่เข้าเรื่องน่าไอ้ฮัน” เขาสะบัดมันออกไปจากตัว รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “มึงบอกกูมาดีกว่าว่ากูจะติดต่อน้องไบร์ทได้ยังไง” ฮันเตอร์เกาหัวแกรก มองเพื่อนอย่างจับผิดหรือว่าเมื่อวานมันจะแห้ววะ!

   “ก็เพื่อนสนิทเขาไง น้องมังกรปี1”

   “ทำไมกูไม่เคยเห็น” เขารู้ว่ามังกรคือเพื่อนสนิทของไบร์ท แต่เขาไม่ยักรู้ว่าหมอนั่นก็เรียนที่เดียวกับเขาด้วย
   “ถามจริง.. มึงเคยสนใจอะไรบ้าง”

   “กูอยากคุยกับเด็กที่ชื่อมังกร” เขาบอก

   “แล้วเมื่อกี้มึงเรียนห้องเดียวกับน้องเขา ไอ้โง่เอ๊ย” ฮันเตอร์ทำท่าโวยวาย หมดมาดคุณชายไปตั้งนานแล้ว
   “ระดับมึงต้องหาคอนแทคน้องเขาให้กูได้แน่” ธัชธรรม์ยิ้ม “คุณชายฮัน..”

   “มึงก็พูดเกินไป.. เดี๋ยวขอเวลากูสักสิบนาทีนะ” มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย ส่วนเขาหย่อนก้นลงที่นั่งเตรียมกินข้าวช่วงพักกลางวัน ชายหนุ่มยกยิ้มส่ายหัวให้กับเพื่อนสนิท

   เรื่องบ้ายอต้องขอให้บอก..
   
+++

   ธัชธรรม์ไม่ได้รับคำตอบอะไรจากมังกรแม้แต่น้อย อีกฝ่ายยืนยันที่จะไม่ขอติดต่อเพื่อนให้ และตอนนี้อีกฝ่ายบอกเขาได้แค่ว่าไบร์ทกำลังพักผ่อนและไม่ต้องการให้ใครรบกวน เขารู้สึกหน้าชาไปเล็กน้อยที่เจอคำพูดแบบนั้น ทำเอาเขาเหมือนไอ้โง่ที่ถูกฟันแล้วทิ้งต้องมาเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างไรอย่างนั้น โอเค.. มันเป็นเรื่องที่สมยอมกันทั้งสองฝ่ายและเราทั้งคู่ก็โตพอที่จะมีเซ็กซ์บนความรับผิดชอบได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้มั่นใจเท่าไหร่ว่าเมื่อคืนเขาได้ใช้คอนด้อมที่พกติดตัวไปหรือเปล่า..
   แย่ชะมัด เขาหยุดนึกถึงเด็กนั่นไม่ได้เลย..

   บ้านเดี่ยวหลังเดิมในความทรงจำตั้งแต่เด็กของเขาไมได้ดูเก่าหรือแตกต่างไปจากวันวานเลยสักนิด เขาคิดว่าคงเป็นเพราะแม่รักที่นี่มากและไม่อยากจะเห็นมันเก่าจนผุพังสลายไป เพราะเป็นที่ที่มีแต่ความทรงจำที่เต็มไปด้วยความรักของครอบครัว ธัชธรรม์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านที่เคยมีแต่เสียงหัวเราะ มันเงียบเหงาและอ้างว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่..

   ปกติถ้าหากเขากลับบ้านมักจะเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กกว่าเขาเกือบคืบ สวมชุดกางเกงเลเสื้อยืดหรือไม่ก็กางเกงขาย้วยกับเสื้อเก่าๆ คอยกวาดและทำความสะอาดส่วนต่างๆภายในบ้าน ผมเผ้าสีดำสนิทที่ดูยุ่งเหยิงตลอดเวลาบดบังใบหน้าไปเกือบครึ่ง ไหนจะแว่นอันโตที่ทำให้ดูเฉิ่มเชยย้อนยุคนั่นอีก เขาเห็นแล้วหงุดหงิดลูกตาทุกครั้ง แต่วันนี้กลับไม่มีภาพที่เขาเห็นจนชินตา จนนึกขึ้นได้ว่าหมอนั่นกำลังไม่สบายและนอนซมเป็นไข้อยู่ที่ห้อง เขาเห็นโน๊ตของมารดาแปะไว้ที่หน้าตู้เย็นว่ามีของว่างอะไรบ้างหากเขากลับบ้านมาแล้วไม่เจอใคร ดูเหมือนว่าแม่เขาจะออกไปช้อปปิ้งตามประสาได้สักพักแล้ว และคนที่แม่เป็นห่วงนักหนาก็คงจะหายดีแล้วล่ะมั้ง

   ชายหนุ่มเดินขึ้นห้องตัวเองกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อไป เขาเปิดกระเป๋าเป้หยิบชีทเรียนออกมาดูว่ามีการบ้านอะไรที่ต้องส่งบ้าง เมื่อเห็นกระดาษที่อาจารย์ฝากมาให้คนป่วยที่กำลังนอนซม เขาก็นึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อย คว้าจับชีทและกระดาษใบนั้นก้าวออกไปเคาะห้องฝั่งตรงข้าม ประตูไม่ได้ล็อคอย่างที่คิด ชายหนุ่มผลักเข้าไปช้าๆก่อนจะปะทะกับความเย็นจากแอร์ นึกบ่นในใจว่าป่วยขนาดนี้ยังเปิดแอร์เข้าไปได้ยังไง ธัชธรรม์ตั้งใจจะเอากระดาษไปวางไว้บนโต๊ะหนังสือแล้วเดินออกไปแต่เสียงร้องเรียกแผ่วเบาก็ทำให้เขาชะงักเสียก่อน

   “แม่.. หนูหิวน้ำ”

   “….”

   “ขอดื่มน้ำหน่อยได้ไหมครับ”

   “…” เขาไม่ตอบยืนมองก้อนขยุกขยุยในผ้าห่ม ก่อนที่ก้อนกลมสีดำจะโผล่ออกมาเล็กน้อย ผิวขาวเผือดเนียนละเอียดกว่าที่เขาเคยสังเกต หากมองใกล้ๆจะเห็นเป็นเส้นเลือดชัดเจน

   คนบ้าอะไรขาวชะมัด….

“พี่ธัช.. อือ”

“…..”

“หนูขอโทษ..” เหมือนเสียงบ่นละเมอมากกว่าจะพูดให้เขาได้ยิน ชายหนุ่มยืนพินิจใบหน้าขาวในความทรงจำล้ำลึก ดวงตากลมโตสีน้ำตาลใสสุกกาวคู่นั้นที่มองเขาเสมอมา สองมือเล็กป้อมที่คอยดังเสื้อเขาเอาไว้เสมอ เสียงพูดเจื้อยเจี้ยวจำนรรจาที่ชาวยให้เขาไม่เคยจะเหงาได้เลยสักวัน เขาเอื้อมมือเข้าไปใกล้คนป่วยหวังจะเกลี่ยเส้นผมที่รกหูรกตานั่นให้ออกไป จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่เคยเพ่งพิจารณาดวงหน้าของคนตัวเล็กอย่างจริงจังเลยสักครั้ง

“หิว.. หนูหิว” คนป่วยพลิกกลับไปอีกทางก่อนจะจมหายไปในกองผ้าห่ม เขาชะงักมือก่อนจะดึงกลับอย่างรวดเร็ว ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะสนใจใคร่รู้เรื่องของใบบุญไปทำไม เขาส่ายหัว ละทิ้งความคิดอันฟุ้งซ่านก่อนจะเปิดประตูออกไปด้วยความเงียบเชียบ

“เกือบไปแล้ว..” เด็กหนุ่มเด้งตัวขึ้นมาบนเตียง คว้าแว่นที่วางเอาไว้ขึ้นมาสวม รีบเดินไปล็อคประตูห้อง หัวใจเต้นโครมครามราวกับมันกำลังจะเด้งออกมาจากอก เขารู้สึกตัวตอนเห็นเงามือของใครสักคนกำลังเอื้อมเข้ามาใกล้ จากกลิ่นน้ำหอมที่เขาคุ้นเคย ก็รู้ทันทีว่าคือธัชธรรม์ไม่ผิดแน่

เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง อาการไข้ลดลงแล้วหลังจากได้นอนพักผ่อน แต่ความเจ็บแสบทางช่องทางด้านหลังมันทรมานกว่าที่เขาคิดมากนัก แถมรอยดูดดึง รอยขบกัดตามตัวเยอะกว่าที่เขาคิดจนเขารู้สึกอายจริงๆ ใบบุญอ่านไลน์ของมังกรบอกว่ากำลังจะมาที่นี่ ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงสูดกลิ่นน้ำหอมที่ยังเจือจางอยู่ในอากาศ วันนี้เขาขอทำตัวขี้เกียจสักวันอยากนอนอยู่ในห้องที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาไปอีกนานๆ

KJ_tat post a photo

นิ้วกดเข้าไปที่แอปพลิเคชั่นอัตโนมัติทันทีที่ขึ้นแจ้งเตือน อิสตราแกรมค่อยๆโหลดรูปขึ้นเป็นไหล่ขาวเปลือยเปล่าของผู้ชายที่แต้มด้วยขี้แมลงวันสองจุดเล็กๆ และรอยสักมินิมอลเป็นรูปพระจันทร์เล็กๆตรงหัวไหล่ทำเอาเขาเบิกตาโพลง เปิดเสื้อมองหัวไหล่ข้างซ้ายตัวเองที่มีรอบสักเหมือนในภาพไม่มีผิดเพี้ยน ใบบุญอ่านแคปชั่นภาษาอังกฤษใต้ภาพซ้ำไปซ้ำมา..

Don’t leave me, pls

ได้โปรดอย่าไปจากฉัน

อ่านซ้ำๆจนขอบตาเริ่มร้อนผ่าวอีกระรอก เขาไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงกันแน่ ดีใจที่อีกคนมองเห็นเขาอยู่ตรงนี้ หรือจะเสียใจที่โดนมองผ่านเป็นคนอื่น.. ตัวตนที่ถูกปฏิเสธอย่างเขามันช่างทรมานเหลือเกิน อย่างที่ใครเคยว่าไว้ เจ็บยิ่งกว่าร่างกายก็คือหัวใจที่มันพังยับเยิน 



TBC


ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 4 ] 12-09-61
«ตอบ #19 เมื่อ13-09-2018 05:34:23 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 4 ] 12-09-61
« ตอบ #19 เมื่อ: 13-09-2018 05:34:23 »





ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 5 ] 13-09-61
«ตอบ #20 เมื่อ13-09-2018 12:51:44 »

Rhyme 5



            ตึก! ตึก!



เด็กหนุ่มหอบหายใจถี่รัว เขาใช้เวลาวิ่งขึ้นอาคารเรียนชั้นสี่อย่างรวดเร็วก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปในคลาสวิชาทฤษฎีดนตรีตะวันตกได้ทันเวลาก่อนจะถูกอาจารย์ล็อกห้องเสียก่อน เขาเดินตัวลีบไปด้านหลังสุดซึ่งมีเพื่อนสนิทนอนฟุบกับโต๊ะเรียน ค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะวางกระเป๋าเป้ลงข้างตัว ใบบุญนวดขมับเบาๆเพราะรู้สึกมึนหัว เมื่อคืนเขาเผลอนั่งแต่งเพลงจนดึกดื่นรู้ตัวอีกทีก็หลับคาโต๊ะหนังสือจนเผลอตื่นสายอีกแล้ว ยังโชคดีที่เขามาเรียนทัน



ขืนขาดมากไปกว่านี้คะแนนเขาคงจะไม่เหลือ..



   “กร อาจารย์สอนถึงไหนแล้ว” เขาหันไปสะกิดเพื่อนที่ยังคงนอนนิ่ง ความหวังเดียวที่เขามีกลับพังทลายลงตรงหน้า จะฝากผีฝากไข้ได้ไหมเนี่ยห้ะ!



   “อือ ง่วง”



   “ให้มาเรียนไม่ใช่ให้มาหลับ” เขาสะกิดจนกว่ามันจะตื่น หูก็คอยฟังอาจารย์บรรยายไปด้วย ชีทที่เขาหอบหิ้วมาจากบ้านถูกกางออกจนเต็มโต๊ะเรียน ปากกาสีไฮไลท์ถูกรื้อออกมาพร้อมเตรียมจะเรียนเต็มที่ แต่ดูเพื่อนเขาสิยังจะมานอนอีก!



   “ก็มันง่วงนี่ เมื่อคืนกว่าจะเลิกตั้งตีสอง”



   “อย่ารับงานวันที่มีเรียนเช้าสิ”



   “ของีบหน่อยน้าาา”



   “เออ” เขากลับไปสนใจอาจารย์ที่กำลังสอน สายตาพลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผมสั้นซอยสีดำสนิทที่เซ็ทอย่างดีกำลังนั่งเท้าคาง อยู่ข้างหน้าเขาไปอีกสามแถว หัวใจเต้นระรัวขึ้นมารอบ เขามองกรอบหน้าสมบูรณ์แบบอย่างไม่รู้เบื่อ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่เคยไปผับในฐานะไบร์ทอีกเลย เขายอมรับว่ายังไม่อยากเจอ ไม่อยากนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขายอมรับว่าตัวเองก็เผลอไผล ยินยอมพร้อมใจ ไม่ใช่ความผิดของธัชธรรม์เลยสักนิด



   หัวสมองไม่รักดีดันรื้อความทรงจำที่เกิดขึ้นออกมาได้ไม่รู้จบ ช่วงไหล่หนาที่เขาจิกแน่นจนได้กลิ่นเลือด ความรู้สึกตึงเจ็บราวกับร่างกายจะฉีกออกมาเป็นชิ้นๆยังคงจำฝังใจ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่จ้องมองเขาอย่างหลงใหล ทุกประสาทสัมผัสเขาตื่นตัว แทบจะย้อนกลับไปคืนนั้นอีกครั้ง



   ไม่ ไม่ ไม่ ห้ามนึกถึงอีก!



   เขาส่ายหัวพรืดก่อนจะก้มหน้าจดตามที่อาจารย์สอน บังคับตัวเองไม่ให้เผลอไปมองธัชธรรม์อีก “นักศึกษาอย่าลืมส่งงานด้วยนะคะ” หลังจากอาจารย์เช็คชื่อเสร็จก็เริ่มทวงถามงาน คราวที่แล้วที่เขาป่วยธัชธรรม์เป็นคนเก็บงานเอาไว้ให้เขา และทำจนเสร็จก่อนจะเอามาให้เขาดูว่าใช้ได้ไหม ใบบุญรู้สึกอิ่มเอมใจข้างในลึกๆ เขาเขินอายตอนชายหนุ่มเข้ามาคุยยิ่งกว่าตอนจูบกันครั้งแรกซะอีก



   ให้ตายเถอะ เขานึกบ้าอะไรเนี่ย



   “ให้มาเรียน ไม่ใช่ให้มามองผู้ชาย” เสียงกรวีร์ดังอยู่ข้างหู เจ้าตัวปัดผมไม่กี่ทีก็เข้าทรงเหมือนเดิม ผมสีน้ำตาลอ่อนสวยเข้ากับใบหน้าขาวเป็นอย่างดี ดวงตาเรียวรียาวตามประสาคนมีเชื้อจีน จมูกโด่งสวยเข้ารูปกับเครื่องหน้ามันช่างเหมาะเจาะเสียจริง ไม่รู้ว่าชายหนุ่มยอมลดตัวมาเป็นเพื่อนกับคนเฉิ่มเชยอย่างเขาได้ยังไง



   “นอนไปเลยไป!”



   “ไม่นอนแล้ว กวนมึงสนุกกว่าเยอะ”



   “จะดีมาก ถ้ามึงช่วยกูจดที่อาจารย์สอนนะกร”



   “กูฟังเอา ไม่จดหรอก”



   “เออ กูจะรอดูตอนสอบนะ!” พวกเขาเถียงกันอยู่สองคนเพราะด้านหลังไม่มีใครนั่งอยู่ ส่วนคนอื่นๆที่เริ่มเข้ามาเรียนก็จับกลุ่มกันแล้ว ส่วนเขาอยู่กับมังกรสองคนไม่ได้ไปสุงสิงกับใครมากนัก เรียนเสร็จก็ไปหาข้าวกินที่โรงอาหาร บางครั้งก็ไปหาที่งีบหลับในห้องสมุด ช่วงแรกของการเปิดเทอมเขามีเพียงกิจกรรมในคณะเท่านั้น ทำให้หลังจากเลือกเรียนในช่วงเช้าแล้วเขาจะต้องรออยู่ในมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมในช่วงเย็นซึ่งเป็นกิจกรรมซ้อมร้องเพลงที่รุ่นพี่จะเข้ามาพบปะพูดคุยทำความรู้จักกัน เขาเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เจอรุ่นพี่คนอื่นๆ



“เขาน่าจะเลือกดาวเดือน”



“มึงว่าใครจะได้”



“พี่ธัชของมึงไง”



“ไม่น่า..” เขานึกจากอุปนิสัยโลกส่วนตัวสูงของพี่ชาย ชายหนุ่มน่าจะปฏิเสธอย่างแน่นอน อีกอย่างธัชธรรม์ก็มีเพื่อนสนิทเป็นถึงรุ่นพี่ปีสามอย่างพี่ฮันเตอร์ ถ้าหากเขาไม่ยอมสักอย่างใครจะทำอะไรได้



“กูลงเลยพันนึง พี่ธัชมึงได้แน่”



“กูว่าคนที่น่าจะได้” เขาจับคางคุร่นคิด “มึงนี่แหละ!” ใบบุญยิ้มอย่างหมายมาด ถึงจะไม่ได้รู้จักใครมากมาย แต่ก็รู้ดีว่ามีคนอยากเข้าหาชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้มากแค่ไหน กรวีร์เป็นถึงนักร้องที่มีผลงานมากมาย ทำไมใครจะไม่อยากรู้จักกันล่ะ!



“ไอ้ ไม่เอาโว๊ย!”



“มาพนันกันไหมล่ะ”



   “เออ ใครแพ้เลี้ยงหมูกะทะ!”



   “ดีล!”



   พวกเขานั่งคุยเล่นกันอยู่ตรงใต้คณะ สลับกันเดินไปซื้อขนมมาแบ่งกันกิน พอนึกถึงแบบนั้นแล้วก็คิดถึงช่วงเรียนมัธยมอยู่เหมือนกัน เพราะเขาและมังกรจะชอบปลีกตัวออกมาแอบกินขนมกันอยู่เสมอ



            “ใจคอจะไม่ทักกันเลยหรือครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นหู ทำให้เด็กหนุ่มชะงักจากการงับขนมปังแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดนักศึกษากำลังส่งยิ้มให้เขา ดูจากการแต่งตัวที่เนี้ยบไปทุกกระเบียดนิ้ว เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆก็ขนานนามเรียกพี่ฮันเตอร์ว่าคุณชาย



           “พี่ฮัน สวัสดีครับ”



           “ดีใจจังเลยที่จำพี่ได้” หิรัญยิ้มหวาน “ถ้าไอ้ธัชมันบอกพี่สักนิดว่าเรามาเรียนด้วย พี่จะได้ช่วยดูแล” ฮันเตอร์เป็นเพื่อนธัชธรรม์มาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นจึงจำเขาได้แม่น เด็กหนุ่มหัวเราะแหะๆ รู้สึกไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้เลย



“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็โตแล้วดูแลตัวเองได้”



“โตขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยจริง” เขายิ้ม ยังจำภาพเด็กชายตัวเล็กที่ชอบติดตามพี่ชายไปไหนมาไหนได้อยู่เสมอ หิรัญกำลังจะเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมเหมือนอย่างที่ทำตอนเด็กๆ ใบบุญโบกหัวหลบ ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะ เขาเบนสายตาไปมองกรวีร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา



“เราสองคนสนิทกันหรือ”



“ไม่ ไม่เลยครับ ผมก็เพิ่งรู้จักกัน.. เนอะมังกร” ใบบุญหันไปยิ้มแห้งให้เพื่อนที่เริ่มจะแสดงอาการว่าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ เขาใช้ศอกกระทุ้งไปเบาๆ อีกฝ่ายทำหน้าเอือมระอาใส่เขาก่อนจะพยักหน้า



“อืม”



“ว่าไงครับน้องกร เรียนเป็นยังไงบ้าง” หิรัญหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งหน้าบูด ตอนนี้เขาได้เห็นมังกรชัดๆไม่ใช่ที่เห็นจากจากคลิปในยุทูปหรือบนเวทีเหมือนอย่างเคย เจ้าตัวดูเหมือนเด็กมอปลายมากกว่าเด็กมหาวิทยาลัยเสียอีก ใบหน้าที่ดูไม่สนใจเขากลับยิ่งทำให้เขาอยากจะเข้าใกล้



“ก็ดี”



“ทำไมเมินพี่แบบนั้นละครับ ยังโกรธที่พี่เอาเบอร์เราให้ไอ้ธัชมันหรือ” หิรัญหัวเราะขำตามประสาชายหนุ่มอารมณ์ดี กรวีร์เบะปากใส่โดยที่ชายหนุ่มไม่เห็น เขาไม่อยากจะคุยกับเพื่อนของธัชธรรม์เลยสักคน หมอนี่กล้าเอาเบอร์เขาให้ธัชธรรม์ได้ยังไง หมอนั่นถึงได้โทรมาตามหาไบร์ทอยู่หลายวัน ให้ตายเขาก็ไม่มีวันบอก!



“ผมเบื่อจะคุยกับคุณ! ไอ้ใบบุญ ไปที่อื่น!” กรวีร์ยืนเต็มความสูง เขาดึงข้อมือเพื่อนให้ลุกขึ้น ใบบุญกำลังเค้ยวขนมปังกก็ต้องรีบกลืนก่อนจะหันไปมองรุ่นพี่



“อะ เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับพี่ฮัน” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนจะถูกกึ่งลากกึ่งจูงออกไปอีกทาง ชายหนุ่มยืนกอดอก มองรุ่นน้องที่แสดงอาการไม่พอใจ เขายกยิ้มที่มุมปาก รู้สึกพออกพอใจเหลือเกิน ได้แหย่กรวีร์วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี



“ทำไมต้องโมโหด้วยเล่า”



“จะให้พูดไหมว่าเกลียดขี้หน้ามันขนาดไหน แล้วต้องมาทำเพลงด้วยกันอีก” กรวีร์บ่นอุบ เขาลากเพื่อนออกมานั่งหลังคณะ “กูน่าจะพามึงออกไปไกลๆ ไม่น่าให้เจอพวกมันเลย”



“ใจเย็นๆก่อน พี่เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกน่ากร อย่าอคติกับพี่เขานักเลย”



“เข้าข้างกันนัก ก็ไม่ต้องมาคุยกันเลย”



“เปล่าสักหน่อย” ใบบุญเอนหัวไปพิงไหล่ลาดหนาของเพื่อน “ไม่อยากให้กรดูไม่ดีในสายตารุ่นพี่ ยังไงเขาก็เป็นรุ่นพี่เรานะ”



“ก็ได้ ทีหลังจะควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้ก็แล้วกัน”



“ขอบคุณนะกร ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันมาเสมอเลย”



“มึงเป็นเพื่อนกูนะ เลิกงอแงได้แล้ว”



“ก็คนมันซึ้งอะ ถ้ามึงไม่ซึ้งก็ไม่ต้องมาแซว”



“เอ้า ไอ้นี่ ไปหาขนมกินไป” เขาลากมันออกมาจนมันต้องยอมทิ้งขนมในมือ รู้สึกสงสารเลยกะว่าจะพาไปร้านขนมอีกรอบ “เดี๋ยวต้องมาซ้อมร้องเพลงตอนสี่โมง ว่างเยอะขนาดนี้วันหลังกูไม่อยู่รอที่มหาลัยแล้วนะ กลับไปนอนแล้วค่อยมายังทัน”



“จ้ะๆ ไม่ต้องบ่น”



กรวีร์พาเขาไปร้านขนม ได้ซาลาเปามาแบ่งกินกันสองคน เขาออกความคิดไปเดินเล่นตามคณะต่างๆ สำรวจดูมหาวิทยาลัย ตัดสินใจนั่งรถรางไปตามเส้นทาง ได้มองสถานที่แปลกตามันก็ช่วยให้เขาผ่อนคลายได้เยอะเหมือนกัน

“จะว่าไปเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้วนะ”



“มอห้าที่แอบแม่ไปทะเลด้วยกัน โดนบ่นจนหูชาเลย ไม่เอาด้วยหรอก” กรวีร์ไหวไหล่



“ใครให้มึงป่วยจนไข้ขึ้นเล่า เขาเลยรู้หมดเลย”



“ก็ลงน้ำมันสนุกนี่หว่า”



“ไปไกลๆเลย” เขาทำหน้าบูด ก่อนจะเขยิบหนี คราวนั้นเขาโดนบ่นแถมยังโดนตัดค่าขนมอีก



“ง่า อย่าทิ้งเค้านะตัวเอง”



เสียงหัวเราะครืนดังลั่นจนเขาต้องทุบไหล่ของอีกฝ่ายให้หยุดหัวเราะสักที หลังจากเที่ยวเล่นกันจนพอใจเขากลับมาที่คณะเหมือนเดิม เพื่อนในรุ่นเขากำลังยืนจับกลุ่มรอคอยเวลาที่จะได้เข้าซ้อมร้องเพลง เวลาสี่โมงเย็นคือเวลาเลิกเรียนของรุ่นพี่อีกสักพักก็คงจะได้เริ่มสักที ใบบุญปลดกระเป๋าเป้ลงจากหลัง เอาไปวางกองรวมกับของเพื่อนคนอื่น



“ใบบุญ มึงเอามารวมกับกูนี่”



“อะไร”



“เอามาผูกกับของกูแบบนี้ มันจะได้ไม่หายไง”



“ไม่หายหรอกน่า”



“ไม่ได้ ใบนี้กูซื้อมาแพง”



“ตามใจมึงก็แล้วกัน” เขาขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมันแล้ว “กูไปนั่งรอตรงนั้นนะ” กรวีร์พยักหน้าเข้าใจก่อนที่เขาจะหมุนตัวไปนั่งตรงม้าหินอ่อน ข้างๆเขาเป็นกลุ่มเพื่อนผู้หญิงหน้าตาสะสวยกำลังพูดคุยกัน เด็กหนุ่มไม่รู้จะทำอะไรก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย



“เห็นว่าพี่ธัชจริงๆแล้วต้องเรียนปี3 แต่ไปเรียนอยู่ต่างประเทศมา” เสียงพูดดังเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆจนเขาต้องเหลือบมอง ผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวจัดกำลังยืนคุยไม่ไกลจากเขานัก



“เป็นเราคงไม่กลับมาแล้วอะ”



“เห็นกลับมาเพราะต้องมาอยู่กับแม่นะ มีแม่คนเดียวเขาก็ต้องกลับมาอยู่กับครอบครัวสิ”



“แต่พี่เขาโคตรหล่ออะ น่าจะได้เป็นเดือนปีเรานะ”



“แต่มังกรก็หล่อ เราชอบฟังเพลงเขามากเลย”



“เราเป็นแฟนคลับเขาตั้งแต่เขาออกเพลงใหม่ๆ เพราะเนอะ” เขานั่งฟังแล้วก็อมยิ้มไปด้วย รู้สึกดีที่เพื่อนมีแฟนคลับแถมยังเป็นเพื่อนในคณะซะด้วย



   “มังกรมีแฟนหรือยังนะ”



   “ก็ไม่เห็นเขายุ่งอะไรกับใครนะ เห็นมีเพื่อนที่ไปไหนมาไหนบ่อยๆด้วยกันคนหนึ่ง” เขาแอบสะดุ้งเล็กน้อย เพื่อนคนนั้นที่ว่าก็คือเขาแน่นอน



   “เราขอไอจีมังกรหน่อย”



   “ได้ๆ แปบนะ อุ๊ย นั่นไงมังกรยืนตรงนั้นไง” เขามองไปตามนิ้วที่ชี้ไปของหญิงสาว กรวีร์กำลังมองซ้ายมองขวา คงจะมองหาเขาอยู่แน่ๆ พอสบตากันหมอนั่นก็เดินตรงมาที่เขายืนอยู่ทันที เขาได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดอยู่ข้างๆหู ให้ตายเถอะแฟนคลับหมอนี่มีอยู่ทุกที่จริงๆ



   “มานั่งอะไรตรงนี้เนี่ย”



   “มันร่มดี” เขาตอบ ก่อนจะเขยิบให้เพื่อนนั่งลงข้างๆ



   “วิวดีด้วย” หันไปมองเพื่อนที่ทำสายตากรุ้มกริ่มใส่ จนกระทั่งสายตาเลื่อนไปเจอกับใครบางคนที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ พร้อมกับชายหนุ่มอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิท ทุกสายตาของคนที่อยู่บริเวณนั้นจับจ้องไปที่ธัชธรรม์เป็นตาเดียว ราวกับถูกดึงดูด



   “พี่ฮันกับพี่ธัชอะแก.. มาแล้วๆ”



   “แกถ่ายรูปให้หน่อย”



   “หล่อมาก พี่ฮันขาวมากอะ”



   “มันหล่อตรงไหน ไม่เห็นจะหล่อเลย” กรวีร์เบือนสายตาแล้วหันมาบ่นอุบอิบกับเขา



   “พี่ฮันน่ะหรือ คนนี้หล่อมานานแล้ว” เขายืนยันคำพูดอีกคน จนกรวีร์ยู่ปากไม่พอใจ



   “ยังจะมาชมมันให้กูได้ยินอีก”



   “ฮ่าๆ”



   นั่งคุยกันอีกสักพักก็ประกาศเรียกรวมตัวกันที่ลานคณะ เขาเดินเข้าไปรวมกลุ่มก่อนจะฟังรุ่นพี่ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ รุ่นพี่ชวนคุยเรื่องเรียนว่าแต่ละเอกจะต้องเรียนอะไรบ้าง เขาและมังกรเลือกเอกร้อง รุ่นพี่บอกว่าจะต้องเก็บชั่วโมงการแสดงให้ครบถึงจะจบหลักสูตรนั่นหมายความว่าเขาจะต้องมีการจัดแสดงดนตรี ฟังแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นทุกคนจึงตั้งใจฟังกันอย่างดี



“พี่อยากให้เราช่วยกันเลือกเพื่อนเรามาประกวดดาวเดือน” รุ่นพี่ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เดินออกมายืนข้างหน้า มังกรบอกว่าพี่จีนเป็นดาวคณะปีที่แล้ว “ซึ่งเราจะจัดประกวดในงานกีฬาเฟรชชี่ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้านะคะ”



“ใครชอบใครคิดว่าคนไหนเหมาะสม สามารถเขียนชื่อลงในกระดาษโหวตมาเลยนนะคะ” พี่จีนยิ้มหวาน “เดี๋ยวนี้เขาทันสมัยแล้ว เดี๋ยวทำเปิดโหวตให้ในกลุ่มไลน์แล้วเราเข้าไปโหวตกันนะคะ อีกสิบนาทีนะ” ทุกคนพยักหน้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือกัน



“มีใครบ้างคะที่เราอยากจะเสนอ”



“ธัชค่ะ”



“พี่ธัชเลยหรอคะ” พี่จีนยิ้มก่อนจะหันไปซุบซิบกับพิธีกรชายอีกคน “ได้ค่ะพี่ธัชนะคะ มีใครอยากเสนอเพื่อน หรืออยากจะเสนอตัวเองก็ไม่ว่ากันนะคะ”



“มังกรค่ะ”



“น้องมังกร อยู่ไหนคะ ยกมือหน่อยค่ะ โอ้โห แฟนคลับน้องเยอะมากๆเลย” ทุกคนหันมามองชายหนุ่มที่นั่งข้างเขาเป็นตาเดียว ส่วนเขานั่งตัวลีบไม่ได้ออกปากออกเสียงอะไร



“ครับ” กรวีร์ยกมือ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร เจ้าตัวทำเหมือนเป็นเรื่องปกติมาก ส่วนเขากำลังนิ่งอึ้งอยู่เพราะทันทีที่มังกรยกมือขึ้น เสียงกรี๊ดก็เริ่มดังขึ้นมาทันที



“อยากเสนอใครอีกไหมคะ”



“เมษา?” พี่จีนเริ่มซาวด์เสียงจากคนในห้อง “น้องเมษายกมือหน่อยค่า”



“โอ้โห ปีนี้มีแต่น้องๆที่มีความสามารถจริงๆ” พี่จีนพูดเสียงหวาน ก่อนจะเริ่มลิสต์รายชื่อผู้เข้าร่วมประกวดทีละคน เพื่อให้ทีมงานใส่ชื่อก่อนจะเริ่มโหวต



“พี่ขอน้องผู้หญิงบ้างนะคะ”



ในขณะที่รุ่นพี่กำลังพูดคุยอยู่เขาก็เห็นธัชธรรม์ลุกขึ้นออกไปข้างนอก เจ้าตัวใบหน้าซีดเซียวจนเขารู้สึกแปลกใจ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งใบบุญจึงตัดสินใจขอรุ่นพี่ออกไปเข้าห้องน้ำก่อนจะค่อยๆเดินตามชายหนุ่มไป ร่างสูงไปหยุดอยู่ใต้ต้นไม้หลังคณะ เป็นโซนพักผ่อนเงียบสงบที่ไม่ค่อยมีใครเข้ามามากนัก เขาเดินเข้าไปใกล้ธัชธรรม์.. นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่ข้างนอกแล้วเขาจะได้ทักธัชธรรม์เหมือนอย่างที่คนอื่นทำบ้าง เหมือนจะรู้สึกตัวว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มจึงหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็แสดงอาการไม่พอใจออกมาทันที



“มีอะไร”



“ปะ เปล่า แค่ออกมาเข้าห้องน้ำ” เขาตอบเสียงแผ่ว ลอบมองชายหนุ่มตรงหน้า “พี่ธัชเป็นอะไรหรือเปล่า ผมเห็นพี่หน้าตาซีดๆ ไม่สบายหรือ”



“อย่ามาทำเหมือนเป็นคนรู้จัก.. กูไม่ชอบ”



“เข้าใจแล้วครับ” เขาพยักหน้ารับคำ รู้สึกปวดหนึบในใจอย่างบอกไม่ถูก แค่ทักก็ยังไม่มีสิทธิ์เลยหรือ..



“ไม่ต้องมามองอย่างนั้น.. ทำไม ไม่พอใจอะไร” ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กกว่าที่ยืนห่อไหล่จนเสียบุคลิก ใบหน้าก้มงุดจนแทบชิดอก ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็รู้สึกขัดหูขัดตาบอกไม่ถูก แวบหนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นกายแบบนี้..



จะเป็นไปได้ยังไง..



“เปล่า ไม่มีอะไรนี่ครับ”



“สายตามันฟ้อง” ชายหนุ่มแค่นเสียง เขาโยนบุหรี่ในมือทิ้งก่อนจะใช้เท้าขยี้จนมันดับไป “อยากเรียกร้องความถูกต้องให้ตัวเองหรือ”



“ผมเปล่า” เขาส่ายหน้าพรืดพร้อมกับโบกมือไปมา “ผมแค่อยากจะบอกพี่ว่า.. ไม่ว่าพี่จะเกลียดผมด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ผมก็ยังรู้สึกกับพี่เหมือนเดิม”



“เก็บความรักจอมปลอมของมึงเอาไว้คนเดียวเถอะ” เขาขมวดคิ้วแน่น มองเด็กหนุ่มด้วยแววตาไม่เป็นมิตร “กูไม่มีน้องอย่างมึง”



“พี่ธัช”



“....”



“ใบบุญไม่เคยโกรธที่พี่ใจร้ายเลยนะ” เขาละล่ำละลัก ไม่รู้ทำไมเขาถึงอยากบอก บอกทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเก็บอยู่ในใจ เขาอยากจะอยู่ในสายตาของชายหนุ่มสักครั้ง “แค่พี่ธัชอย่าไล่ใบบุญไปเลยได้ไหม”



“กูเกลียดคือเกลียด ไม่เข้าใจที่พูดหรือไง”



“แต่หนู หนู..” เก็บกักคำว่ารักกลืนลงไป รู้ทั้งรู้ว่าพูดออกไปผลลัพ์มันจะเป็นอย่างไร เขาตอนนี้ไม่ใช่ไบร์ทที่ชายหนุ่มหลงใหลนักหนา ไม่ใช่.. เลยสักนิด



“ฟังนะ ไม่มีพี่ธัชคนเดิมอีกต่อไป เลิกหวังลมๆแล้งๆว่ากูจะกลับไปญาติดีกับมึงอีก” เขาใกล้หมดความอดทนเต็มที สะบัดไล่ความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไปจากหัว ใบหน้าขาวยิ่งซีดหนักเข้าไปอีกเมื่อถูกเขาตะคอกใส่ “แค่สงสาร.. จำไว้!”



“….” ใบบุญปล่อยให้น้ำตาไหลลงอย่างเงียบงัน สะกดกลั้นอารมณ์เสียใจที่ทะลักทะลายออกมาไม่หยุด กลั้นเสียงสะอึกสะอื้นเอาไว้ในอก เขาก้มหน้าก้มตาเดินกลับไปที่เดิม ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำจนเบลอมองพื้นแทบไม่เห็น เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว ไม่กล้าสู้หน้ากลับไปหาธัชธรรม์อีก



โดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา..



ไร้คุณค่า ไร้ราคาใดๆ



ความรักมักเล่นตลกกับหัวใจ รักคนที่ไม่ควรจะรัก ทำไมมันถึงได้ทรมานแบบนี้..





ใบบุญมองตัวเองในกระจก ใบหน้าขาวซีดเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา จมูกจิ้มลิ้มขึ้นสีแดงก่ำ เขาถอดแว่นตาวางลงข้างก็อกน้ำ ก้มตัวลงรองน้ำใส่ฝ่ามือก่อนจะเช็ดหน้าเบาๆ ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนคลอหน่วยไปน้ำสีใส สูดน้ำมูกก่อนจะล้วงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับใบหน้าจนแห้ง เขาคิดได้ว่าจะต้องเข้าซ้อมร้องเพลงที่คณะ จึงพาร่างกายอ่อนล้าของตัวเองมาที่หน้าห้องประชุม เด็กหนุ่มคิดใคร่ครวญ เขาออกมานานมากและไม่อยากตอบคำถามว่าเป็นอะไร ใบบุญจึงตัดสินใจนั่งรออยู่ใต้คณะแทน รออยู่ได้เกือบครึ่งชั่วโมง เขาก็เห็นกรวีร์เดินหน้าบึ้งออกมา

กรวีร์เห็นเพื่อนกำลังนั่งเหม่ออยู่ที่ม้าหินอ่อนก็รีบตรงปรี่เข้าไปหา เขาอยากจะบ่นใบบุญเหลือเกินที่ปล่อยให้เขาต้องเผชิญหน้ากับรุ่นพี่อยู่คนเดียว โดยเฉพาะหิรัญเห็นเขาเป็นตุ๊กตาหรือยังไงคิดอยากจะให้ทำอะไรก็ทำ ขัดใจชะมัด!

“ทำไมตามึงบวมๆ ไอ้ใบบุญ”

“อือ อย่ายุ่งน่า ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” เด็กหนุ่มเหลือบมองคนตัวสูงที่มาหยุดยืนตรงหน้า ทันทีที่เห็นกรวีร์เขาก็อยากจะโผเข้าไปกอดจริงๆ

“ไม่ให้ยุ่งได้ยังไง หน้าเละเทะขนาดนี้” ชายหนุ่มล้วงทิชชูออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาย่อตัวเล็กน้อยพยายามใช้ของในมือซับน้ำตาของใบบุญที่ร่วงเผาะออกมาเป็นสายน้ำ “จมูกแดงแปร๊ดเลย”

“อือ อย่ามอง”

“ไม่มองไม่ได้ ร้องไห้ขนาดนี้จะให้กูอยู่ดูเฉยๆหรือไง”

“กูอาย ไม่อยากให้มึงเห็นตอนกูสภาพไม่ดี”

“เห็นมาตั้งเยอะแล้วจะอายอะไร”

“กร ที่นี่ไม่เหมือนที่โรงเรียนเก่าเรานะ”

“ช่างมันสิ กูแคร์ที่ไหน” เขาลูบหัวเด็กขี้แยที่สูดน้ำมูกไม่หยุด ยังจดจำภาพครั้งแรกที่เจอกันได้อยู่เลย ถ้าหากไม่มีใบบุญเขาเองก็คงไม่มาถึงจุดนี้หรอก “เช็ดหน้าเช็ดตาให้ดีแล้วเข้าห้องไปซ้อมร้องเพลงต่อ” แค่คิดว่าจะต้องเจอสายตาที่มองมาด้วยความรังเกียจของธัชธรรม์แล้ว เขาก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ

“มะ ไม่เอา ไม่เข้าแล้วไม่ได้หรือ”

“อย่างอแงน่า”

“นะ กรนะ วันนี้ไม่อยากเข้าไปแล้ว”

“ถ้ากูรู้ว่า ปล่อยให้มึงอยู่กับพี่มึงแล้วจะเป็นแบบนี้ กูจะไม่ยอมให้มันเข้าใกล้มึงแน่ๆ”

“พี่ธัชไม่ผิดหรอก” เขาขบริมฝีปากแน่น “เป็นกูเองแหละ ที่แส่ไม่เข้าเรื่อง”

“มึงจะโทษตัวเองอีกนานไหม” เขาถอนหายใจ “ใบบุญ กูก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องมันเป็นยังไง แต่มึงอย่าลดคุณค่าตัวเองอีกเลย ถือว่ากูขอ”

“กู…”

“เอางี้ ไม่เป็นไร” เขาดันคนตัวเล็กกว่าให้ยืนขึ้น ตบไหล่เพื่อนเบาๆ ใบบุญยืนขึ้นเต็มความสูง เขาสูดจมูกแล้วมองกรวีร์ด้วยความสงสัย “กูจะหาแฟนให้มึงเอง!” 

   “ไอ้บ้า ไม่เอา!”

   “มึงต้องทำให้เขาเสียดาย ที่เขาไม่เลือกมึง”

“ไม่นะ ไม่เอาแบบนั้น” เขาดึงแขนกรวีร์เอาไว้ก่อนจะส่ายหน้าพรืด ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาเพื่อนสนิทที่มองมา “พี่ธัชเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

“ใครวะ” กรวีร์เกาหัวแกรก คนอย่างธัชธรรม์ถึงจะมีข่าวกับผู้หญิงไปทั่วแต่เขาก็ไม่เคยเห็นจะคบใครเป็นจริงเป็นจังสักที ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มกลับไทยมายิ่งไม่มีข่าวหลุดรอดออกมาเลยสักนิด

เดี๋ยวนะ..

 “อือ” เขาหลุบตามองพื้น “พี่ธัชชอบไบร์ท”

“นั่นไง นั่นนนไง!” เขาเบิกตาโพลง จับไหล่เพื่อนแล้วเขย่าไปมา “มึงก็คือบะ..”

“ห้ามพูดนะ!” เด็กหนุ่มตะครุบริมฝีปากเพื่อนไว้แน่น เกือบไปแล้วไงล่ะ!

“อื้ออออออออ อ่อยอ่อน(ปล่อยก่อน)” กรวีร์ยกมือยอมแพ้ บทจะแรงเยอะขึ้นมาเขาก็สู้ใบบุญไม่ได้จริงๆ เด็กหนุ่มส่งสายตาห้ามปรามก่อนจะลดมือลง คนตัวโตกว่าบ่นอุบ “เจ็บหน้าไปหมดแล้วเนี่ย”

“ใครใช้ให้พูดเสียงดังเล่า”

“ก็คนมันตกใจนี่หว่า ใครจะไปคิดว่าไอ้ เอ๊ย พี่ชายมึงจะติดใจน้องไบร์ทได้”

“ไบร์ทก็คือไบร์ท กูก็คือกู”

“ไม่ใช่แล้ว มึงคิดอย่างนี้ไม่ได้” เขาเห็นใบหน้างอง้ำแล้วก็คิดไล่เรียงว่าเกิดอะไรขึ้น นี่คงจะนอยธัชธรรม์มาอีกแล้วสิท่า “มึงก็คือมึง ไบร์ทก็คือมึง มึงก็คือไบร์ท.. กูสรุปให้นะ คือพี่ธัชชอบมึง”

“แต่เขาไม่รู้ว่ากู…” ได้ยินอย่างนั้นก็เหมือนหัวใจถูกบีบรัด ธัชธรรม์ชอบไบร์ทจริงๆ แต่กับเขามันไม่ใช่เลย “กูไม่ใช่คนที่เขาจะมารักได้เลย.. ฮึก” มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาเป็นคนที่ธัชธรรม์เกลียดยิ่งกว่าอะไรดี

“ไม่เอา ไม่ร้อง”

“ฮึก ฮือ”

“ไป กลับบ้าน เดี๋ยวกูไปส่ง”

“พี่เขาปล่อยแล้วหรือ”

“ปล่อยไม่ปล่อยไม่รู้แหละ ไปกลับบ้าน” กรวีร์จับไหล่เขาเอาไว้ “คืนนี้มึงไปนอนบ้านกูก็แล้วกัน”

“อะ อืม” เขารีบซุกเข้าหากรวีร์ทันทีเมื่อเห็นสายตาคมกริบของคนที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้ ชายหนุ่มรู้สึกตกนิดหน่อยแต่ไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่กระซิบกระซาบกันอยู่สองคน “มึง กูไม่อยากเจอเขา”

“งั้นมึงก็กอดกูไว้แบบนี้แหละ” เขาโอบใบบุญเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะพาเดินไปที่รถยนต์ ท่ามกลางสายตาของคนในคณะที่กำลังแอบมอง บางคนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปยืนซุบซิบกันเสียงดัง

ธัชธรรม์กัดฟันกรอดมองแผ่นหลังบอบบางที่ถูกตะกรองกอดผ่านหน้าเขาไป เด็กหนุ่มเผลอสบตากับเขาชั่วครู่ก็เบือนหน้าหนี ชายหนุ่มร้องเหอะก่อนจะขมวดคิ้ว ต่อหน้าเขาทำเป็นระริกระรี้อยากให้เขาสนใจ พอมีคนอื่นเข้ามาใหม่ก็รีบจับเอาไว้สินะ

สำออยสิ้นดี!


(ต่อด้านล่าง)




ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 5 ] 13-09-61
«ตอบ #21 เมื่อ13-09-2018 12:53:49 »

(ต่อจากด้านบน)



   ภาพที่กรวีร์โอบกอดเขาถูกกระจายไปในโซเชี่ยลอย่างรวดเร็ว ใบบุญไม่คิดมาก่อนว่าใบหน้าเฉิ่มเชยของตัวเองจะมีแต่คนพูดถึงและอยากเห็นใบหน้าเขาขนาดนั้น ส่วนใหญ่ที่เลื่อนเจอจะเป็นคอมเม้นท์ก่นด่าจากแฟนคลับของกรวีร์ บ้างก็บอกว่าเขาไม่เหมาะสม บ้างก็ว่าเขาจ้องจะจับนักร้องหนุ่มเอาไว้เป็นของตัวเอง เขาโยนโทรศัพท์ทิ้งลงกับเตียง ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน หยุดคิดความคิดฟุ้งซ่านต่างๆที่ถาโถมเข้ามา ตอนนี้เขาต้องทุ่มเทให้กับงานเพลงและการเรียนถึงจะถูก

   “มึงโอเคนะ”

“กูไม่เป็นไรหรอกน่า เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย” เขาไหวไหล่ก่อนจะกระชับเป้สะพายหลังให้เข้าที่ ช่วงนี้กรวีร์ขับรถมารับเขาไปเรียนทุกวัน เพราะไม่อยากให้เขาเหนื่อยและกันไม่ให้เขาเจอธัชธรรม์ กลับกลายเป็นว่ายิ่งกรวีร์เข้าใกล้เขาเท่าไหร่ ข่าวซุบซิบก็เริ่มหนาหูมากขึ้น ขืนเป็นแบบนี้จะไม่เป็นผลดีต่องานเพลงแน่ๆ

เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ว่ากรวีร์ถูกเสนอชื่อให้เป็นเดือนคณะ ส่วนธัชธรรม์ไม่เข้าร่วมกิจกรรมประกวดนี้ และชายหนุ่มก็มีอิทธิพลมากพอที่จะปฏิเสธไม่ให้คนอื่นเข้าไปยุ่งย่ามกับชีวิตส่วนตัว ผลตกมาที่เพื่อนสนิทเขา กรวีร์จะต้องเข้ารับการฝึกซ้อมการแสเงเพื่อแข่งขันในเดือนหน้า เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้พาตัวเองออกมาก่อนที่ข่าวจะไปไกลมากกว่านี้ เสียงไลน์ดังขึ้นรัวๆจนเขาต้องหยิบมาเปิด เห็นไหมว่านึกถึงเมื่อไหร่ก็ต้องมา ตายยากจริงๆ

‘ใบบุญ อยู่ไหน’

‘วันนี้กูจะกลับเองนะ’

‘รอก่อน วันนี้กูซ้อมเต้น ไม่เย็นมากหรอก เดี๋ยวไปส่ง’

‘เกรงใจว่ะ ตั้งใจซ้อมนะเว้ย’          

   ใบบุญเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เขาตัดสินใจนั่งรถประจำทางกลับบ้านสักวัน กำลังจะเดินออกจากใต้ตึกคณะในช่วงหกโมงเย็นที่เริ่มพลบค่ำ เขาก็เห็นเพื่อนผู้หญิงสองคนกำลังยกของกันอยู่ ลองเดินเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายเห็นเขาก็ชะงักเล็กน้อย

   “เดี๋ยวเราช่วยนะ” เขายิ้ม เข้าไปช่วยถือของทันที ผู้หญิงตัวเล็กสองคนไม่น่าจะยกไหวอยู่แล้ว

   “ขอบใจนะ” อีกฝ่ายยิ้มอวดฟันขาวให้เขา “เราชื่อแฟง นี่เพื่อนเราชื่อหมิว”

   “เราชื่อใบบุญนะ”

   “อ้อ” แฟงทำหน้าเหมือนนึกออก ก่อนจะยิ้มให้เขา “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ๊ะ” เขามีเพื่อนในคณะนับคนได้ เพราะนิสัยพูดไม่เก่งทำให้เขาไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปทักทายใครๆ ไม่เหมือนมังกรที่มักจะยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ

   “ทำไมทำกันสองคนล่ะ อันนี้รุ่นพี่ให้เราช่วยกันทำนี่นา” เขานึกขึ้นมาได้ว่ารุ่นพี่ให้ทำป้ายชื่อสำหรับห้อยคอเอาไว้ จะได้เรียกชื่อกันถูก

   “ไม่มีใครว่างน่ะ” แฟงหันไปมองกล่องนับสิบ มันเป็นกล่องใส่ป้ายชื่อสำหรับห้อยคอ “เหลือเรากับหมิว พรุ่งนี้ต้องเสร็จด้วย ไม่งั้นต้องโดนรุ่นพี่ว่าแน่ๆ”

   “งั้นเราช่วยนะ ต้องทำอะไรบ้าง” เขาอาสา ปลดเป้วางกับพื้นก่อนจะเข้าไปช่วยยกกล่องที่ยังถูกวางแอ้งแม้งเกะกะไปตามทางเดิน

“เอาเชือกร้อยเข้าที่แผ่นป้ายจ๊ะ ไม่ยาก”

“ได้ๆ เดี๋ยวตรงนี้เราจัดการให้นะ”

“ขอบคุณมากเลยนะ เดี๋ยวเราไปเก็บของก่อนแล้วจะมาช่วยนะ”

“ครับ”

ใบบุญช่วยยกลังลงจากรถกระบะจนเสร็จเรียบร้อย ของทุกอย่างก็ถูกกองรวมอยู่ที่ใต้ตึกคณะ แฟงบอกกับเขาว่าจะต้องขนเข้าไปในห้องสโมสรของรุ่นพี่ เพราะได้ขอใช้สถานที่เอาไว้แล้ว เขาพยักหน้ารับ ช่วยกันยกด้วยความทุลักทุเลเข้าไปในห้องทึบที่อยู่อีกด้านของตึก เหงื่อหลั่งเต็มแผ่นหลังจนเปียกชุ่ม เขาไม่คิดว่าของมันจะเยอะขนาดนี้ แต่ในเมื่อรับปากจะช่วยก็ต้องช่วยให้เสร็จ

“หมิวจะโทรบอกต้าก่อนนะ” หญิงสาวพูดถึงชื่อเพื่อนอีกคนที่เขาจำได้ว่าเป็นประธานรุ่นที่เพิ่งได้คัดเลือกกันไป เด็กหนุ่มพยักหน้า เขาใช้มือปิดจมูกเพราะฝุ่นในห้องเยอะเหลือเกิน ดูไม่เหมือนห้องที่จะใช้ประชุมของรุ่นพี่เลยสักนิด

“ได้ๆ เดี๋ยวเรารอตรงนี้นะ”

“มาช่วยแฟงทำตรงนี้ก็ได้จ้ะ”

“เอาสิ” เขานั่งขัดสมาธิถกแขนเสื้อจนถึงข้อศอก ค่อยๆตัดเชือกแล้วร้อยใส่ป้ายพลาสติกที่รุ่นของเขาจะต้องใช้สวมคอเพื่อทำกิจกรรมรับน้อง “แบบนี้ใช่ไหม”

“ใช่ๆ”

เขาไม่ใช่คนพูดเก่งอะไรได้แต่อมยิ้มฟังเพื่อนพูดกันสองคนแล้วนั่งทำงานต่อไป จนกระทั่งเขารู้สึกปวดหลังขึ้นมาจึงยกนาฬิกาขึ้นมาดู เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้วแต่งานตรงหน้ายังไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ กัดฟันข่มความเหนื่อยล้าของร่างกาย บิดขี้เกียจไปพลางนวดไปพลาง เขาใช้สายตาจ้องจนล้าไปหมด

“พักเถอะแฟงเดี๋ยวเราทำเอง”

“แต่มันยังเหลืออยู่อีกเยอะเลยนะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจัดการเอง”

“ขอบคุณนะใบบุญ” เขาให้เพื่อนอีกสองคนกลับไปพัก ส่วนตัวเองนั่งทำงานต่อ รู้สึกปวดหนึบที่ข้อมือแต่ต้องอดทนเพราะอยากให้งานเสร็จเร็วๆ ความอ่อนล้าของร่างกายที่นอนน้อยเป็นทุนเดิมยิ่งทำให้เขารู้สึกเพลียมากกว่าปกติ รู้ตัวอีกทีภาพตรงหน้าก็เคลื่อนตัวรวดเร็ว ราวกับโลกใบนี้กำลังหมุนเหวี่ยงเป็นวงกลม..



“อ้าว” ชายหนุ่มร่างสูงเบือนหน้าไปมองห้องที่เปิดประตูทิ้งเอาไว้ด้วยความสงสัย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมห้องนั้นถึงเปิดประตูทิ้งไว้ กำลังจะเดินเข้าไปปิดก็เห็นเด็กหนุ่มกำลังนอนฟุบอยู่บนกล่องลังสีน้ำตาล เขาปัดฝุ่นที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศเดินเข้าไปแตะไหล่คนที่กำลังนอนแน่นิ่ง “น้องใบบุญ?”

หิรัญขับรถเข้ามาในคณะตอนเกือบสี่ทุ่มเพราะไอ้ตูมตามเหรัญญิกประจำรุ่นดันลืมกระเป๋าเงินเอาไว้ในห้องสโมสร เขาเลยกลายเป็นสารถีจำเป็น ขับรถเข้ามาเอาของแทนเพื่อนที่กำลังเมาเต้นแร้งเต้นกาอยู่ที่ร้านเหล้าละแวกมหาวิทยาลัย ธัชธรรม์ตามเขามาด้วยเพราะไม่อยากอยู่ในร้านนาน เขายืนสูบบุหรี่อยู่ข้างรถรอเพื่อนสนิทออกมาจากตึกสักที

“ไอ้ธัช ไปออกรถเลย!” เสียงตะโกนดังลั่นพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงที่อุ้มใครบางคนอยู่ในอ้อมกอด ธัชธรรม์หันขวับไปตามเสียง เขารีบสาวเท้าเข้าไปดูก่อนจะเห็นใบหน้าซีดเซียวของเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยดี

ใบบุญ..

“นี่มันอะไรกันเนี่ย”

“กูไม่รู้”

“ไปโรงพยาบาลก่อน” มือหนาแตะแก้มขาวซีด เขารู้ดีกว่าใครว่าใบบุญไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก เท่าที่จำได้มารดาเป็นคนพาใบบุญไปหาหมอแทบจะทุกอาทิตย์ แต่เขาไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคนตรงหน้าป่วยเป็นอะไรกันแน่ ดวงหน้าขาวซีดในความทรงจำที่ทอดมองเขาด้วยแววตารักใคร่ยังคงตราตรึงติดอยู่ในใจเสมอ

หรือว่าจะเป็นโรคร้ายแรง..

“เออได้! มึงอะไปขับรถ” หิรัญไล่เพื่อนตัวเองที่กำลังจับมือเด็กหนุ่มไว้แน่น เขาล่ะอยากจะขำให้ฟันร่วง ต่อหน้าด่าเขาว่าเขาสารพัด พอทีอย่างนี้ทำเป็นลนลาน ทำตัวไม่ถูกเลยสิมึง เขาประครองเด็กหนุ่มขึ้นไปบนรถ ลอบมองใบหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนสนิทที่เหยียบคันเร่งจนเขาต้องหาที่เกาะเอาไว้ “ขับดีๆหน่อยสิวะ”

“กูขับดีได้แค่นี้แหละ”

“ใจเย็นๆ ใบบุญจะต้องไม่เป็นอะไร”

“มึงไปเจอมันที่ไหน”

“ในห้องเก็บของ”

“ไปทำอะไรในนั้นวะ” เขาสบถออกมาเป็นคำหยาบ รู้สึกหงุดหงิดไปหมดทุกอย่าง

“กูไม่รู้เหมือนกัน เหมือนน้องกำลังทำป้ายชื่ออยู่” เขานึกถึงสภาพห้องเก็บของในนั้นแล้วก็รู้สึกขมคอ ทั้งฝุ่นทั้งกลิ่นเหม็นอับ เป็นห้องที่ไม่มีใครเข้าไปตั้งนานแล้ว “หรือว่ามีพี่คนไหนสั่ง ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่อง”

“ไปลากไอ้คนที่มันสั่งมาคุยกับกูหน่อย”

“ใจเย็นก่อน” หิรัญปรามเพื่อนที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ “น้องอาจจะมาช่วยเพื่อนทำก็ได้”

“แล้วมึงเจอใครไหม”

“ไม่เจอ น้องอยู่คนเดียว”

“ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมา กูไม่เอาพวกแม่งไว้แน่”

“เหอะ เกิดจะรักน้องขึ้นมาเชียว” หิรัญจี้ใจดำอย่างจัง จนชายหนุ่มตวัดสายตามองด้วยความไม่พอใจ

“กูเลี้ยงมันมากับมือ.. ป้อนข้าวป้อนน้ำยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม คนที่จะทำให้มันร้องไห้ได้” เขาแค่นหัวเราะ ปลายเท้าเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานไปข้างหน้า “มีแค่กูเท่านั้น”





TBC

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ พายทยอยเอามาลงให้วันละตอนนะคะ





ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 5 ] 13-09-61
«ตอบ #22 เมื่อ14-09-2018 08:54:34 »

ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 6 ] 16-09-61
«ตอบ #23 เมื่อ16-09-2018 10:32:22 »

Rhyme 6

   “ฮึก..แง พี่ธัช” เสียงร้องไห้จ้าของเด็กชายดังลั่น ร่างเล็กก้นจ้ำบ้าลงกับพื้น สองมือที่เปรอะเปื้อนขยี้ตาไม่หยุด ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็วิ่งออกมาจากในบ้าน วงหน้าได้รูปคมเข้มและคิ้วดกหนาขมวดแน่น

   “ใบบุญ! ไปทำอะไรมาห้ะ?”

   “หนูเจ็บจังเลย” เด็กชายชี้ไปที่รถไอติมที่กำลังแล่นผ่านไป หลังจากกินข้าวเสร็จใบบุญก็ได้ยินเสียงกระดิ่ง เด็กชายตัวเล็กวิ่งออกมาเกาะหน้าประตูบ้านก่อนจะรีบวิ่งสาวเท้าเข้าไปใกล้ แต่ดันสะดุดกับพื้นเสียก่อน เสียงร้องไห้จ้าดังขึ้นสุดเสียง จนพี่ชายคนโตที่กำลังล้างจานสะดุ้ง เผลอแปบเดียวน้องชายตัวเล็กของเขาก็มาพร้อมกับแผลถลอกที่หัวเข่า ธัชธรรม์ลูบหัวด้วยความรักใคร่ ย่อกายลงดูแผลที่เลือดไหลซิบ เขาเป่าลมใส่แผลและใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเลือดที่ไหลออกมาเบาๆ

“ไม่ต้องร้องแล้ว พี่เป่าให้แล้วไม่เจ็บแล้ว เช็ดน้ำตาซะ”

“ฮึก ฮือ”

“ไม่เชื่อพี่หรือ”

“หนูเชื่อพี่ธัช”

“ทำไมทำตาละห้อยแบบนั้น อยากกินไอติมหรือ” เขามองเจ้าตัวเล็กที่ทำหน้าตาละห้อยน่าสงสาร ใครใช้ให้วิ่งออกมาไม่ทันดูแบบนี้กันเล่า มันน่าตีให้เข็ดเลยจริงๆ

“ยะ อยาก”

“งั้นขี่หลังพี่”

“พี่จะพาหนูไปซื้อหรือ” ใบบุญถามตาแป๋ว เสียงร้องไห้ชะงักทันทีเหมือนได้ยาวิเศษ

“พาไปทำแผลต่างหาก” เขาย่อกายลงให้เด็กขึ้นทาบทับ เจ้าลูกแมวลุกขึ้นยืนแล้วทิ้งตัวลงบนแผ่นหลังเขาอย่างจัง “เสร็จแล้วเราค่อยปั่นจักรยานไปร้านขนมกัน.. ดีไหม?”

“ดีครับ” ทั้งน้ำตาและขี้มูกถูกเช็ดโดยหลังเสื้อของพี่ชายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เสียงพูดอู้อี้ดังไม่ได้ศัพท์แต่ธัชธรรม์กลับได้ยินมันชัดเจน “หนูรักพี่ธัชที่สุดเลย”

   เด็กชายซุกใบหน้านุ่มนิ่มเข้าที่แผ่นหลังกว้างของพี่ชาย สองมือเล็กป้อมเกาะที่ไหล่หนา ความรู้สึกอ้างว้างและความเจ็บปวดมลายหายไปทันที ความอบอุ่นแผ่ซึมลึกในหัวใจดวงน้อย เขาเจ็บแผลที่หัวเข่าเหลือเกินแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้มีความสุขขนาดนี้

   “ใบบุญ..” เขาปวดหนึบไปทั้งร่าง เหมือนร่างกายหนักอึ้งราวกับมีหินมาถ่วงเอาไว้ เปลือกตาค่อยๆยกขึ้นเชื่องช้า แสงไฟจากหลอดนีออนทำเอาเขาแสบตาไปหมด “ใบบุญ”

   “อะ อืม” ปรับโฟกัสได้ แต่เสียงที่พูดออกมาแหบแห้งเหลือเกิน เขามองชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังยืนอยู่ข้างเตียง นี่เขาฝันไปหรือเปล่าถึงได้ตื่นมาเจอชายหนุ่มตรงหน้า “พี่ธัช”

   “เออ กูเอง”

“ทะที่นี่คือ..” เขาพยายามดันตัวลุกขึ้นนั่ง นึกไม่ออกว่าตัวเองมาที่นี่ได้ยังไง

“โรงพยาบาล” ธัชธรรม์มองคนป่วยที่หน้าซีดแล้วตอบเสียงแข็ง “ไอ้ฮันไปเจอเป็นลมอยู่ในห้องเก็บของ”

“เป็นลม?” เขาเนี่ยนะ..

   “หมอบอกร่างกายอ่อนเพลียมาก นอนให้น้ำเกลือสักพักก็กลับบ้านได้ ถามจริงๆเถอะเข้าไปทำอะไรในนั้น” ธัชธรรม์ยืนกอดอก ใบบุญเหลือบมองใบหน้าและเห็นว่าเขากำลังขบกรามอยู่

   โกรธอะไรอีก..

   “อะเอ่อ”

   “ธัช มึงอย่าเพิ่งรีบถามน้องมันเลย ให้น้องพักก่อน” เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากอีกฟากของห้อง หิรัญในชุดนักศึกษาอีกคนกำลังลุกขึ้นเดินมาหาเขา ใบบุญยกมือไหว้อย่างคุ้นชิน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่..

   “มึงนี่ขัดขวางตลอด กูไม่ทำอะไรมันหรอก”

   “ผมไปช่วยเพื่อนในรุ่นทำป้ายชื่อ” เขาตอบเสียงเบา เล่าถึงความจริงที่เกิดขึ้น เขายังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน! “รุ่นพี่สั่งให้ทำนี่ครับ”

   “กูเปล่า” หิรัญส่ายหน้าวืด พร้อมกับโบกมือไปด้วย ธัชธรรม์หันไปส่งสายตาอำมหิตให้เพื่อน ก่อนจะหันไปถามคนตัวเล็กที่ยังหน้าซีดอยู่ “กูไม่รู้เรื่องงงงง”

   “เพื่อนคนไหน มีเพื่อนกับเขาด้วยหรือไง” ชายหนุ่มแค่นเสียง มองคนป่วยที่เผลอกำผ้าห่มแน่น

   “มะ มีสิครับ ก็เพื่อนชื่อแฟงกับหมิว”

   “มึงรู้จักไหมวะ” ชายหนุ่มหันไปถามหิรัญ

   “รุ่นน้องมีเป็นร้อย ใครจะไปจำได้วะ” หิรัญพยายามนึกก็นึกไม่ออก ถ้าเขาจำชื่อรุ่นน้องเป็นร้อยได้หมดทุกคนภายในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ก็บ้าแล้ว “แต่ก็นะ ไม่เห็นจำเป็นต้องเข้าไปห้องนั้นเลย”

   “นั่นเป็นห้องสโมสรไม่ใช่หรือครับ” เขาตอบเสียงแผ่ว

   “ใช่ที่ไหนเล่า” หิรัญอธิบาย ในฐานะที่ตัวเองเป็นคณะกรรมการสโมสรและได้ทำงานกับรุ่นพี่ปีสี่มาตลอด เขายืนยันนอนยันได้เลย “นั่นมันห้องเก็บของ ใครเขาจะเข้าไปทำอะไรในนั้นนานๆ ฝุ่นเยอะจะตาย”

   “เอ่อ ผมไม่รู้”

   “กูขอเตือนนะ เลิกอยู่ใกล้ไอ้มังกรมันซะ” ธัชธรรม์พูดเสียงเข้ม คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก

   “อ้าว เขาเป็นเพื่อนกันถ้าไม่ให้อยู่กับเพื่อนแล้วจะให้ไปอยู่กับใคร” หิรัญมองแล้วไม่สบอารมณ์ ในโลกนี้คงมีมันคนเดียวที่พูดจาเหมือนจะกินหัวน้องตัวเอง “กับมึงหรือไง?”

   “กับใครก็ได้” ชายหนุ่มไหวไหล่ทำเหมือนไม่สนใจ ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้หิรัญหมั่นไส้มากขึ้นอีกเท่าตัว

   “งั้นเอาน้องมาอยู่กับกู”

   “ไม่ได้” ธัชธรรม์ตอบแทบจะทันที จนชายหนุ่มอีกคนร้องเหอะออกมาเสียงดัง ไม่รู้จะด่ามันยังไงดี

   “อะไรวะ ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอนี่ก็ไม่ได้” หิรัญแค่นยิ้ม มองหน้าเพื่อนสนิทอย่างกวนๆ “หวงหรือวะ”

“ทำไมกูจะต้องไปห่วงไอ้เด็กนี่ด้วย.. ไร้สาระ” พูดจบ ชายหนุ่มก็เดินหันหลังออกนอกห้องไปเสียอย่างนั้น หิรัญแทบจะอ้าปากค้าง บทมันจะหนีก็หนีไปเสียดื้อๆ

ไอ้คนไม่ยอมรับความจริง ไอ้มนุษย์ซึนเอ๊ย!

“อะ อ่าว เห้ย.. กลับมาก่อน”

“ผมกลับบ้านได้หรือยังครับพี่ฮัน” หิรัญกำลังจะก้าวตามเพื่อนออกไปแต่ก็ต้องชะงักเสียก่อน เขาหันไปมองเด็กหนุ่มร่างบางที่ใบหน้าซีดเผือด

“เอ่อ เดี๋ยวไอ้ธัชคงมารับใบบุญกลับบ้านไปด้วย นอนพักไปก่อนนะ”

“คะ ครับ”

“ไม่ต้องห่วงนะ ถึงมันจะดูเลวๆไปบ้าง ปากหมาไปนิด แต่พี่ว่ามันก็เป็นห่วงใบบุญนะ”

“ฮะๆ ฟังดูแปลกๆนะครับ” เขาหัวเราะแห้ง ยิ้มขื่นให้กับตัวเอง “เกลียดยังไงก็คือเกลียด พี่ธัชก็แค่สงสารผมมากกว่า”

“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ” หิรัญนึกฉงน ไม่คิดว่าทั้งสองจะบาดหมางกันลึกขนาดที่ว่าเกลียดกันได้

“จะกลับกันได้หรือยัง” ธัชธรรม์เปิดประตูเข้ามาถาม ยืนมองเด็กหนุ่มที่หลบสายตา “เดินไหวไหม? หรือจะสำออยให้ไอ้ฮันมันอุ้มกลับไปดี”

“ไม่ด่าน้องสักวัน มึงจะตายไหมเนี่ย กูอุ้มกลับเองก็ได้” ธัชธรรม์ส่งสายตาคมมองตวัดมามองเขาทันที ชายหนุ่มหัวเราะแหะก่อนจะตอบไป “กูล้อเล่นน่ะ”

“ผมกลับเองได้ครับ ไม่ต้องรบกวนใคร”

“ปีกกล้าขาแข็งนักนี่ อยากกลับเองก็เชิญเลย”

“ใบบุญกลับกับพวกพี่เถอะ อย่าไปฟังมันเลย” หิรัญยิ้ม “เดี๋ยวพี่ไปส่งเราที่บ้านเอง แม่รออยู่อย่าทำให้ต้องเป็นห่วงเลยนะ”

“ก็ได้ครับ”

เขาพยักหน้ารับ เหลือบมองไปยังชายหนุ่มอีกคนที่ยังทำหน้าโกรธ ฝ่ายนั้นยืนกอดอกทำท่าท่างไม่สบอารมณ์จนเขาชักกลัว คนตัวเล็กกว่าขยับตัวจะลงจากเตียง อาการมึนหัวทำเอาเขาปวดหัวหนึบขึ้นมาอีกรอบ ไวเท่าความคิดก่อนที่เขาจะร่วงหล่นลงไปนอนเล่นที่พื้น อ้อมกอดหนาช้อนตัวเขาขึ้นได้ทัน กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยเจือจางปะปนกับกลิ่นบุหรี่ร้อนผ่าวทำเอาเขาใจเต้นระรัว มือขาวเกาะเสื้ออีกฝ่ายไว้จนแน่น

“ยังไม่หายแล้วปากดีบอกว่าหายแล้ว” เสียงดุของชายหนุ่มทำเอาเขาสะดุ้ง ใบบุญอยู่ในอ้อมกอดของธัชธรรม์แม้เขาจะกลัวก็ยังใจเต้นแรงไปด้วย

“ขะ ขอโทษครับ”

“ไปนอนพักอีกตื่นแล้วค่อยกลับ ไม่ต้องรีบ” เสียงดุลดความเข้มลง ก่อนจะประคองเขาให้นอนราบลงไป “ถ้าไปป่วยที่บ้านจะวุ่นวายอีก”

“ครับ”

“ดุจนน้องตัวลีบแล้ว ไอ้ห่าธัช” หิรัญตกใจเหมือนกัน เขาคิดว่าตัวเองอยูใกล้ใบบุญมากกว่าก็ยังไม่ทันเพื่อนสนิทที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“มึงอย่ามายุ่ง กูดูแลเองได้”

“เต็มปากเต็มคำเลยนะ”

“ไปไกลๆกูเลย”

“ไม่! เดี๋ยวมึงทำอะไรน้องขึ้นมา”

“สรุปมันเป็นน้องมึงแล้วใช่ไหม” ธัชธรรม์มองตาขวาง หิรัญเริ่มคิดซะแล้วว่าตกลงไอ้เพื่อนเขาคนนี้มันเกลียดน้องตัวเองจริงๆหรือว่ามันหวงจนเกินขนาดกันแน่!

“ถ้ามึงไม่เอาก็เอาน้องมาให้กูซะ”

“F**k off!”

เด็กหนุ่มนอนซุกอยู่ในผ้าห่มของโรงพยาบาล เขาได้ยินเสียงเสียงทุ่มเถียงของธัชธรรม์และหิรัญก็รู้สึกนึกขำ มองขวดน้ำผลไม้ที่วางเรียงอยู่ข้างเตียงคนไข้ รอยยิ้มจุดขึ้นที่ริมฝีปาก เมื่อเห็นในมือของชายหนุ่มยังมีถุงจากซุปเปอร์มาร์เก็ตถือเอาไว้ เขาค่อยๆหลับตาลง ความง่วงงุนจากฤทธิ์ยาและอาการอ่อนล้าทำให้เขาล่องลอยอยู่ในภวังค์อีกครั้ง ก่อนภาพตัดเขารู้ถึงฝ่ามือหนาที่แตะวางลงบนหน้าผาก ยิ่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคยความอบอุ่นก็แผ่กระจายไปทั่วหัวใจ

“แม่งเอ๊ย ตัวร้อนอีกต่างหาก” ชายหนุ่มสบถ “ไข้ขึ้นอีกแล้ว ทำไมมันป่วยบ่อยจังวะ”

“เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้น้องเอง มึงถอยไปดิ” หิรัญโผล่หน้าเข้าไปใกล้ เขาลองแตะหน้าผากใบบุญดูเหมือนจะไข้ขึ้นจริงๆด้วย “ยืนบื้อทำไมไปตามพยาบาลมาสิ”

“ไอ้ฮัน มึงถอยไปเลย ไอ้รากกล้วย” ธัชธรรม์ดึงเพื่อนตัวเองออกมา “กูทำเอง”

เขาง่วงเหลือเกินไม่ทันได้ยินว่าชายหนุ่มพูดอะไรต่อ เขาเกร็งร่างเล็กน้อยส่ายหัวไม่ให้ใครเข้ามาแตะต้องร่างกายเขาได้ ดวงตากลมฉ่ำปรือพยายามจะมองแต่แว่นสายตาเขาถูกถอดเอาไปวางไว้ที่ไหนไม่รู้ ภาพมันถึงได้มัวไปหมด มองอะไรไม่ชัดเจนเท่าไหร่

“นอนไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง” หิรัญปลอบเด็กหนุ่มที่เริ่มออกอาการงอแง พิษไข้ทำให้ใบหน้าขาวซีดแดงก่ำ

“ไม่เช็ดตัว.. นะ” เขาร้องขอ

“ไม่เช็ดตัวแล้วจะหายได้ไง ไข้ขึ้นอีกแล้วนะ”

“ไม่เอา”

“ใบบุญ อย่าดื้อ..” คราวนี้เป็นพี่ชายที่แทรกเข้ามาใกล้

“ฮึก ฮือ”

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ..” ประตูห้องถูกเปิดขึ้น ดูเหมือนว่าพยาบาลที่เขาไปตามจะมาแล้ว มันคงจะดีกว่าที่พวกเขาจะทำเอง “ญาติคนไข้รบกวนรอด้านนอกนะคะ เดี๋ยวจะเช็ดตัวให้คนไข้ค่ะ”

“ครับ”

ธัชธรรม์กับหิรัญผละออกจากเตียงปล่อยให้พยาบาลจัดการเช็ดตัวให้คนป่วย หลังจากจัดการจนเสร็จเรียบร้อยแล้วคนป่วยถูกปลุกให้ขึ้นมากินยา และเป็นอันได้ข้อสรุปว่าใบบุญจะต้องแอดมิทอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างน้อยหนึ่งคืน ชายหนุ่มให้หิรัญกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้ามาให้ใหม่ ส่วนเขากดสายโทรหามารดา บอกว่าเขาจะเป็นคนเฝ้าใบบุญเอง ทับทิมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ลูกชายคนโตเอ่ยปากทั้งๆที่ผ่านมาไม่เคยคิดจะเข้าใกล้หรือเกี่ยวข้องกับใบบุญเลยสักครั้ง เธอหวังว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทำให้ทั้งสองกลับมาเป็นเหมือนเดิม

“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”

“แม่ไปเฝ้าน้องแทนดีกว่าไหมลูก”

“ไม่เป็นไรครับ แม่พักผ่อนเถอะ” เขาตอบ “รบกวนแม่เตรียมเสื้อผ้าให้ที เดี๋ยวให้ฮันเตอร์เข้าไปเอาให้นะครับ”

“ถ้าน้องตื่นให้น้องโทรหาแม่หน่อยนะลูก”

“ครับแม่ รักแม่นะครับ”

เขาวางสายโทรศัพท์จากมารดา ก่อนจะเบนสายตาทอดมองไปยังคนตัวเล็กที่นอนหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียง รูปร่างสูงโปร่งทว่าบอบบางเมื่อรวมกับผิวขาวจัดถ้าไม่ได้สวมชุดโรงพยาบาลสีฟ้าอ่อน มองแล้วเหมือนใบบุญจะกลืนไปกับเตียงด้วยซ้ำ เขายกมือแตะหน้าผากคนป่วยอีกรอบ เมื่อสักครู่หลังจากที่ทานยาลดไข้เข้าไปดูเหมือนความร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายจะลดลง เขาเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้มองคนป่วยที่หายใจเข้าสม่ำเสมอ

โตขนาดนี้แล้วหรือ…

เขาใช้นิ้วชี้แตะไปยังข้อมือบางที่มีสายน้ำเกลือเจาะเข้าที่หลังมือ เส้นเลือดสีเขียวจัดดูชัดเจนจนน่ากลัว เขายกท่อนแขนตัวเองขึ้นมอง ผิวสีแทนเข้มตัดกับผิวขาวจัดของอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตอนเด็กเขาเคยสงสัยมานานแล้วว่าทำไมผิวของเขาและใบบุญถึงได้ต่างกันขนาดนี้ มารดาและบิดาเขาเป็นคนผิวขาวเหลืองค่อนไปทางผิวแทนทั้งคู่ ไม่ใช่ผิวขาวจัดเช่นนี้

ข้อมูลที่เขาได้รับรู้ ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดจะหาความจริง ถ้าหากใบบุญเป็นลูกของชายชู้ที่ว่า เขาก็น่าจะหาข้อมูลของผู้ชายคนนั้นได้ไม่ยาก เมื่อมารดาเอาแต่ปฏิเสธอย่างเดียว คนที่จะให้ข้อมูลเขาได้ก็มีเพียง คุณป้าของเขาเท่านั้น น่าแปลกที่เขาติดต่อคุณป้าไม่เคยได้ราวกับหายตัวไป มีเพียงการโทรมาทางโทรศัพท์นานๆครั้งว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ส่วนเอกสารข้อมูลพวกใบเกิดและเอกสารทะเบียนราษฏ์ของใบบุญ ถูกเก็บซ่อนอย่างมิดชิด

ราวกับกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง

นึกเหตุผลไม่ออกว่าเรื่องราวทั้งหมดเชื่อมโยงกันอย่างไร สรุปแล้วใบบุญเป็นน้องชายที่สืบสายเลือดเดียวกับเขาหรือไม่ หรือเป็นใครก็ไม่รู้ที่เข้ามาด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ น้องชายที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กมีความลับปิดบังซ่อนเร้น หรือเห็นเขาเป็นเพียงไอ้โง่ที่วิ่งตามหาความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนคนบ้า ความรู้สึกเหมือนถูกหักหลังจากคนที่รักมาตลอด

รักแล้วใช่ว่าจะเกลียดไม่ได้..

“พะ พี่ธัช..”

“ว่าไง”

“หิวน้ำ”

“ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง เดี๋ยววูบอีกหรอก”

“อื้อ ดีขึ้นแล้ว” เขารับแก้วน้ำจากชายหนุ่มไปดื่ม ดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังเป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแต่ภาพที่เขาเห็นตรงหน้า ธัชธรรม์ยังอยู่ในชุดนักศึกษาเหมือนเดิม “พี่ธัชกลับบ้านก็ได้นะ ผมอยู่คนเดียวได้”

“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” สายตาคมดุตวัดมองอย่างไม่พอใจอีกครั้งจนเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก “กูจะอยู่จะไปก็เรื่องของกู ดูแลตัวเองให้หายเถอะ ไม่ต้องมายุ่ง”

“คะครับ”

“กินเสร็จแล้วก็นอนลงไป อย่าซนไม่เข้าเรื่อง”

“ครับ”

“ยังจะมองอีก บอกให้นอนลงไป”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

“เออ รู้ว่าโตแล้ว ถ้าดูแลตัวเองได้กูคงไม่มายืนหัวโด่ตรงนี้หรอก”

“ครับ” เขาก้มหน้างุด “ขอโทษครับ”

“แม่บอกว่าตื่นแล้วโทรหาด้วย” ธัชธรรม์ยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้ “เอาของกูไปใช้ก่อน ของมึงแบตหมดไปแล้ว”

“ครับ”

“เดี๋ยวกูมา รออยู่ที่นี่ ห้ามไปไหน” เขาพยักหน้าเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะเปิดประตูห้องออกไป ใบบุญมองโทรศัพท์ในมือด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ภาพหน้าจอเป็นรูปชายหนุ่มกำลังร้องเพลงบนเวที เป็นภาพที่เขาเคยกดเซฟเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ใบบุญกดเข้าไปที่ปุ่มโทรออกแล้วกดโทรหามารดาทันที รออยู่ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ

“แม่..”

“ใบบุญ? ดีขึ้นหรือยังลูก” 

“ดีแล้วครับ ไข้ลดลงบ้างแล้ว”

“ตอนแรกพี่ชายหนูเขาบอกว่า หนูแค่เพลียสะสม แล้วทำไมถึงไม่สบายได้ล่ะลูก” ทับทิมถามด้วยความเป็นห่วง หลายปีให้หลังมานี้ใบบุญไม่ค่อยจะเจ็บป่วยเท่าไหร่ เธอจึงวางใจอีกครั้ง “อาทิตย์ก่อนก็เพิ่งป่วยไป แม่เป็นห่วงแล้วนะ”
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ ต่อไปจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้”

“แล้วพี่ธัชล่ะลูก”

“ออกไปข้างนอกครับ เดี๋ยวคงมา”

“พี่เขาว่าอะไรหนูหรือเปล่า บอกแม่ได้นะ แม่จะไปผลัดแทนพี่เขา”

“มะ ไม่ครับ ไม่ได้ว่าอะไร” เขาตอบมารดา ก่อนจะเลือกถามคำถามที่เขาตะขิดตะขวงใจมานาน เขาขบริมฝีปากแน่น “เอ่อแม่.. ผมถามอะไรแม่หน่อยได้ไหมครับ”

“อะไรหรือจ๊ะ”

“พ่อกับแม่จริงๆผมคือใครหรือครับ” ใบบุญกำผ้าห่มไว้แน่น หัวใจเต้นระรัวอย่างบอกไม่ถูก เขารู้มาตั้งหลายปีแล้วว่าตัวเองไม่ใช่ส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ ชื่อผู้ให้กำเนิดเขาใบใบสูติบัตรทั้งสองคนก็ไม่ใช่พ่อแม่ของเขาในปัจจุบัน อันที่จริงแล้ว เขาเป็นใครกันแน่ “ผมอยากรู้..”

“พี่ธัชถามอะไรหนูหรือเปล่า” เขาจับกระแสน้ำเสียงของมารดาได้ว่าสั่น แต่เขาอยากรู้คำตอบของเรื่องทั้งหมดจริงๆ

“ไม่ครับ ไม่ได้ถาม อันที่จริง ผมก็อยากรู้มานานแล้ว”

“….”

“แม่ครับ ผมไม่อยากให้พี่ธัชเกลียดมากไปกว่านี้แล้ว” น้ำตาคลอจนอยากจะร้องไห้ เขาเหมือนคนไร้ตัวตนมากขึ้นไปทุกที “แม่บอกความจริงกับผมได้ไหม..”

“เสร็จหรือยัง ทำไมยังไม่นอนอีก” เสียงเปิดประตูพร้อมเสียงทักของธัชธรรม์จนเขาหันไปมอง ใบบุญรีบปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลอยู่รอมร่อ เขาไม่อยากให้เป็นที่ผิดสังเกต

“ค่อยคุยกันนะครับแม่.. พี่ธัชมาแล้ว ครับ สวัสดีครับ” เขามองคนที่เพิ่งเข้ามาในห้อง ชุดนักศึกษาถูกเปลี่ยนเป็นชุดลำลองสบายๆแล้ว คงจะไปอาบน้ำมาแล้ว เขายื่นโทรศัพท์คืนธัชธรรม์ ค่อยๆมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม “ขอบคุณนะครับที่ให้ยืม”

“อืม นอนได้แล้ว”

“แล้วพี่จะนอนยังไง”

“กูนอนของกูได้แล้วกัน”

“ไม่ไปข้างนอกหรือครับ” เขาถาม ปกติธัชธรรม์มักจะมีงานร้องเพลงตามอีเว้นท์หรือบางครั้งก็ไปขลุกอยู่ในสตูดิโอของหิรัญมากกว่า นานๆทีเขาถึงจะเจอชายหนุ่มอยู่บ้านสักครั้ง

“พูดมาก จะนอนไม่นอน” ชายหนุ่มเริ่มไม่สบอารมณ์อีกครั้ง เดินไปปิดไฟก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา “กูปิดไฟแล้วนะ นอน!”

“ครับ”

“ป่วยแล้วพูดมากชิบหาย”

“ไม่ป่วยก็พูดครับ แต่พี่ไม่เคยฟัง”

“อย่ามายอกย้อน ไอ้เด็กบ้านี่” ธัชธรรม์ตอบ ก่อนเสียงบ่นงึมงำของชายหนุ่มจะหายไป เด็กหนุ่มมองแผ่นหลังกว้างในความมืด นึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเขาแค่คนเดียวที่รู้สึกอย่างนั้นก็ตาม..

“พี่ธัช.. นอนแล้วหรือครับ”

“….”

“ขอบคุณนะครับ”

“….”

“….”

“เออ”


ใบบุญตื่นแต่เช้าเพราะโดนปลุกให้ลุกขึ้นมากินยา ร่างกายที่ร้อนผ่าวหลังจากที่ได้พักผ่อนเต็มที่เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาก ดวงตากลมสีน้ำตาลสุกใสลอบมองชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังนอนตะแคงอยู่บนโซฟาไม่ห่างจากเตียงคนไข้ที่เขานอนมากนัก เขามองใบหน้าคมคร้ามของชายหนุ่มที่นอนนิ่งสนิท หันไปมองนาฬิกาใกล้ถึงเวลาเรียนเต็มที ในใจนึกลังเลเขาไม่อยากให้ธัชธรรม์ต้องมาขาดเรียนเพราะเขา ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณ ไม่อยากจะฟังคำพูดค่อนแคะจากอีกฝ่ายอีกแล้ว

เด็กหนุ่มก้าวลงจากเตียงพร้อมสายน้ำเกลือ เขาแตะไปที่ผิวเนื้อของธัชธรรม์เบาๆ อีกฝ่ายลืมตาขึ้นอัตโนมัติจนเขาตกใจแทบตาย เกือบหัวใจวายตายแล้วไหมล่ะ โธ่เอ๊ย!

“พี่ธัช ไม่ไปเรียนหรือครับ” เขาถามอีกฝ่ายที่กระพริบตาปริบๆ ริมฝีปากสวยขยับเชื่องช้า ก่อนที่ดวงตาคมจะเหลือบมองมาที่เขา

“ไม่ไป” เขาลุกขึ้นนั่งจัดผมให้เข้าทรง มานอนต่างที่แล้วเขารู้สึกนอนหลับไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่แถมยังปวดหลังอีกต่างหาก “หายแล้วหรือไงถึงมาเดินซ่า ขึ้นไปอยู่บนเตียงเดี๋ยวนี้เลย”

“แต่ว่า….”

“รีบๆหายจะได้กลับไปเรียน”

“ผมหายแล้ว”

“แน่ใจ?”

“จริงๆ ไม่เชื่อถามพี่พยาบาลก็ได้” เขาโบ้ยไปที่คนอื่นทันที ก็กินยาไปตั้งเยอะแถมยังนอนพักตั้งนาน ไม่ได้รู้สึกมึนหัวเหมือนเมื่อวานแล้วด้วย “จริงๆนะครับ”

“พูดมากขนาดนี้ไม่น่าจะหายนะ”

“ไม่ว่าผมสักวันจะเป็นอะไรไหมครับ” เขาอยากจะตะครุบปากตัวเองที่เผลอพูดอะไรก็ไม่รู้ออกไป อีกฝ่ายจ้องเชาเขม็งแทบจะกินหัวอยู่แล้ว

ฮือ น่ากลัว

“กูว่ามึงตอนไหน” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเดินตรงมาที่เตียง เขากระเถิบจนชิดผนังทันที “ไหนลองพูดมาสิ.. ใบบุญ”

“อะไรนิดหน่อยก็ว่า.. ก็ดุไปหมด พูดดีๆไม่เป็นหรือครับ” คนตัวเล็กไม่กล้าสบตา พูดอุบอิบในลำคอจนอีกฝ่ายต้องเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ เขาอยากจะกัดลิ้นตายมันตรงนี้ ออกไปห่างๆได้ไหม!

“เป็น แต่ไม่อยากพูด”

“ผมคุยกับพี่มากไปคงจะลำบากใจ ผมไม่คุยก็ได้” เขาสะบัดหน้าหนี อยู่ๆในอกมันก็ร้อนผ่าว รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะไปน้อยใจอะไร แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ เขาไม่อยากจะมาเสียน้ำตาให้โดนสมน้ำหน้าสักหน่อย เด็กหนุ่มรีบมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม พลิกตัวหนีธัชธธรม์

“อืม”

“ผมดีขึ้นมากแล้ว พี่กลับบ้านเลยก็ได้จะได้ไม่ต้องลำบากมาดูแลผม” เขาพูดเสียงเบา ไม่ยอมหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ยังยืนอยู่ที่เดิม แต่เงาสูงของชายหนุ่มยังคงทาบลงมา

“ไม่หายแล้วยังซ่า” มือหนาแตะเข้าที่หน้าผากขาวนวล ใบบุญสะดุ้งเฮือกหลับตาปี๋ “ไข้ลดลงแล้วนี่.. อย่าดื้อให้มันมากนักจะได้ไหม ห้ะ?” เสียงดุพร้อมสัมผัสอุ่นจากฝ่ามือยังคงทิ้งความร้อนเอาไว้ คนป่วยหน้าร้อนผ่าวแทบจะมุดตัวหนีเข้าไปในผ้าห่ม เมื่อกี๊เขาฝันไปหรือเปล่า ยกมือบีบแก้มตัวเองเบาๆจนรู้สึกเจ็บ

ไม่ ไม่ใช่ความฝัน..

“…”
“คราวนี้ไม่เถียงแล้วล่ะ” ธัชธรรม์ยืนกอดอก เขามองเด็กหนุ่มที่ดิ้นอยู่ในผ้าห่มอย่างนึกสงสัย ไม่รู้เป็นอะไรของเขา

“จะคุยกับกูดีๆได้ไหม ออกมาจากผ้าห่มได้แล้ว”

“ไม่! ผมไม่อยากคุยด้วยแล้ว” ขืนโผล่หน้าไปตอนนี้ได้รู้กันพอดีว่าเขาเขินแค่ไหน “ผม.. ผมอยากนอนพัก”
ฮือ ไอ้มังกรช่วยด้วย.. เขินจะตายอยู่แล้ว

“กล้าปฏิเสธหรือ” แค่อีกฝ่ายไม่สนใจเขาก็รู้สึกหงุดหงิด อยากจับตัวเด็กหนุ่มขึ้นมาเขย่าแล้วถามเหตุผล แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่สบายและต้องการพักผ่อน คราวนี้เขาจะยอมอ่อนข้อให้ก็ได้ “จะคุยไม่คุย”

“ไม่!”

ไอ้เด็กดื้อ!

“ใบบุญ” เขาถอนหายใจและผ่อนเสียงเบาลง ธัชธรรม์ใช้เสียงที่มีเสน่ห์ของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เขาพูดเสียงนุ่มข้างหู “กล้าดื้อกับพี่หรือครับ” อีกฝ่ายโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม ใบหน้าแดงก่ำมองเขาอย่างตกตะลึง ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ยังซีดอ้าพะงาบเหมือนเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

“….”

“เห้ย ทำไมหน้าแดงอย่างนั้นล่ะวะ”

ฮือ ใครก็ได้พาใบบุญออกไปจากตรงนี้ที..



(ต่อด้านล่าง)





ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 6 ] 16-09-61
«ตอบ #24 เมื่อ16-09-2018 10:34:17 »

(ต่อจากด้านบน)

   ใช้เวลานอนพักอยู่ที่บ้านอีกวันเขาถึงได้มาเรียนได้ปกติ แม่บอกเขาว่าร่างกายเขาอ่อนแอตั้งแต่เด็กไม่อยากให้เขาโหมทำงานมากเกินไปนัก ทับทิมกำชับให้ลูกชายคนโตของบ้านดูแลน้องเล็กให้ดี เขาได้แต่พยักหน้ารับคำของแม่ไม่ได้สนใจสายตาของธัชธรรม์ที่มองมาไม่หยุด เขารีบจ้วงข้าวใส่ปาก ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนวิ่งปร๋อขึ้นไปแต่งตัวเตรียมไปเรียนตอนเช้า เหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารก็ยังมองเขาไม่หยุด 

มองทำไม ไม่เคยเห็นคนหรือไง..

อยากจะถาม แต่เก็บเอาไว้ในใจดีกว่า..

“เดี๋ยวไปเรียนด้วยกัน” เขาตกตะลึงเป็นรอบที่สองของสัปดาห์ เมื่อชายหนุ่มร่างสูงที่ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็โซแดมฮอตสุดๆอย่างธัชธรรม์กำลังชวนเขานั่งรถไปเรียนด้วยกัน เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ากระชับแว่นไม่ให้ไหลลงมาจากดั้งจมูก วันนี้มันมีสุริยุปราคา หรืออุกกาบาตที่ไหนจะพุ่งชนโลกหรือเปล่า?

“อ้าว ยืนบื้ออะไร จะขึ้นไม่ขึ้นฮะ?”

“ขึ้นๆครับ” สุดท้ายก็ยังปากหมานเหมือนเดิม!

“วันนี้เป็นอะไรหรือครับ”

“ใครเป็นอะไร”

“ก็ จู่ๆ” เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงจริงๆ “พี่ถึงชวนผมไปเรียนด้วยกัน” เสียงในรถเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้น เขาเกร็งไปทั้งตัวกลัวทำรถหรูเปื้อน ไม่อยากโดนด่าจนหูแฉะหรอกนะ

“เรียนวิชาเดียวกัน ก็ไปด้วยกัน”

“คะครับ”

“ทำไม มีปัญหา?” ธัชธรรม์เริ่มขึ้นเสียงแข็ง เขาไม่สบอารมณ์เวลาใบบุญทำเป็นไม่สนใจเขา ยิ่งเห็นใครเข้ามาวุ่นวายเขาก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ อย่างไอ้เด็กนี่มันจะไปทันอะไรใครได้ หน้าตาซื่อๆเซ่อๆแบบนี้คงไม่วายโดนหลอก ชายหนุ่มหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมจะต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่เขาเกลียดนักหนา อยากผลักไสให้ไปไกลสายตา แต่อีกใจมันก็เป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก

เขาคงติดไข้มาจากไอ้เด็กนี่แน่ๆ

“มะ ไม่มีครับ” เด็กหนุ่มส่ายหัวพรืด ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์หาเพื่อนให้มาหาเร็วๆ “อ๊ะ เดี๋ยวผมขอลงตรงข้างหน้านะครับ”

“แต่มันเดินไกล”
“ไม่เป็นไรครับ”


“กลัวใครเข้าใจผิดหรือไง”

“หา?”

“กูถามว่ากลัวใครเข้าใจผิดหรือไง”

“ไม่ใช่สักหน่อย พี่พูดอะไรของพี่เนี่ย”

“ได้ งั้นลงไปเลย มึงลงไปเดี๋ยวนี้เลย” ได้ยินเสียงแข็งของชายหนุ่ม ใบบุญรีบเปิดประตูรถออกไปไม่ทันได้มองทางจนโดนมอเตอร์ไซค์เฉี่ยว คนตัวเล็กกลิ้งลงไปนอนกับพื้น ดีที่กระเป๋าเป้ใบใหญ่รองรับเอาไว้ทำให้ไม่กระแทกกับพื้นมากนัก ธัชธรรม์หันไปเห็นก็ตกใจเขารีบเปิดประตูรถออกไปดูเด็กหนุ่ม

“อูย” เขาคลำก้นป้อยๆ ไม่อยากจะนึกสภาพเวลานั่งเรียนเลยว่ามันจะเจ็บแค่ไหน

“เป็นอะไรมากไหม เจ็บตรงไหนบ้าง”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรจริงๆ”

“เดี๋ยวพาไปทำแผล”

“นิดหน่อยครับ ล้างน้ำทายาแปบเดียวก็หาย”

“พี่ธัชคะ ยุ่งอยู่หรอเปล่าคะ พอดีว่ารถจีนเป็นอะไรก็ไม่รู้ รบกวนพี่ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะ” เขากำลังทุ่มเถียงยื้อยุดกับธัชธรรม์เรื่องไม่ไปโรงพยาบาล หญิงสาวหน้าตาสะสวยที่เขาจำได้ว่าเป็นดาวคณะปีสองเดินแทรกเข้ามาถามด้วยความร้อนรน เธอชี้ไปที่รถยนต์ที่ขึ้นควันพวยพุ่งจอดอยู่ไม่ไกล ทั้งคู่ชะงักก่อนจะหันไปคุยกับคนมาใหม่

“ไม่ว่าง” ธัชธรรม์ตอบแทบจะทันที เขาอยากจะรู้นักว่าใครปล่อยข่าวเขาเจ้าชู้จีบหญิงไปทั่วกัน ถึงได้มีสาวๆเข้ามาข้องแวะเขาไม่หยุด ใบบุญอ้าปากค้างไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกล้าปฏิเสธกันตรงๆขนาดนี้ ดูเหมือนดาวคณะคนนี้จะเหวอไปเลยเหมือนกัน


“พี่ธัช ไปช่วยพี่จีนเถอะ ผมไม่เป็นอะไร”

“เรื่องของกู มึงอย่ามาบงการ”

“ถือว่าผมขอร้อง”

“ใบบุญ!”

“นะพี่ธัช” ใบบุญพูดเสียงเบา ชายหนุ่มกำข้อมือเขาแน่นจนเจ็บไปหมด เขาไม่อยากให้ธัชธรรม์ต้องมาลำบากใจ เขาไม่ได้เป็นอะไรมากอยู่แล้ว “ไปเถอะ”

“ดีจริงๆ กล้าไล่กูไปหาคนอื่น” เขามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะเม้มปากแน่น พยักหน้ารับคำ “ก็ได้ๆ” ธัชธรรม์เดินไปอีกทางก่อนจะจัดการรถยนต์ของหญิงสาวด้วยการเช็คเบื้องต้นและโทรหาช่าง เด็กหนุ่มยืนมองอยู่ห่างๆเขาเห็นชายหนุ่มกำลังพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าสดใส จัดการจนเรียบร้อยทั้งสองจึงขึ้นรถยนต์สีขาวก่อนจะขับเคลื่อนตัวออกไป เขามองจนลับสายตา ไม่รู้ว่าเผลอกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อตั้งแต่เมื่อไหร่

ไม่เห็นเจ็บเลยสักนิด

ได้เห็นอีกฝ่ายได้อยู่กับใครที่คู่ควร.. แบบนี้มันก็ดีแล้วนี่นา



TBC



ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 6 ] 16-09-61
«ตอบ #25 เมื่อ17-09-2018 00:46:00 »

สงสารใบบุญญญญ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 6 ] 16-09-61
«ตอบ #26 เมื่อ17-09-2018 04:07:44 »

อยากตีพี่ธัชชชช  :ling1:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 6 ] 16-09-61
«ตอบ #27 เมื่อ17-09-2018 16:55:31 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 7 ] 25-10-61
«ตอบ #28 เมื่อ25-10-2018 12:39:31 »

Rhyme 7

“ไอ้เด็กอวดดี” ชายหนุ่มพึมพำในลำคอก่อนจะกำพวงมาลัยแน่นจนฝ่ามือหนาขึ้นเส้นเลือดปูดโปน ขบกรามด้วยความโมโหรู้ตัวอีกทีก็ขับรถมาถึงหน้าคณะแล้ว ธัชธรรม์ไม่รู้ว่าตนเองอารมณ์เสียเพราะอะไร นับวันเขาก็ยิ่งทำตัวไร้เหตุผลมากขึ้นไปทุกที

เพราะไอ้ใบบุญแท้ๆ

“พี่ธัชว่าอะไรนะคะ จีนได้ยินไม่ค่อยชัดน่ะค่ะ”

“พี่บอกว่าถึงคณะพอดีเลย” ชายหนุ่มยิ้มหวานแต่รอยยิ้มกลับไม่ขึ้นไปยังดวงตา “งั้นพี่ส่งเราตรงนี้นะ พี่มีธุระต้องไปทำต่อ” เขาปลดล็อกประตูก่อนจะผายมือไปทางอีกฝั่ง หญิงสาวหน้าม้านไปทันทีไม่คิดว่าโอกาสที่ได้มาง่ายๆกลับไม่สามารถที่จะสานความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มคนนี้ได้เลย ริมฝีปากสีชมพูอ่อนฉ่ำวาวเม้มแน่นสนิท เธอกำมือแน่นเพราะความตื่นเต้น ใช่สิ แค่ได้อยู่ใกล้ธัชธรรม์ เป็นใครก็ต้องตะลึงในความหล่อร้าย เธอเป็นถึงดาวคณะที่มีชื่อเสียง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเมินเธอ

“คือ..จีน คือว่า”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“จีนอยากจะขอไลน์พี่ธัชไว้ได้ไหมคะ”

“อ้อ” เขาร้อง ปรายตามองหญิงสาวที่บิดตัวแล้วบิดตัวอีก เขาเดาะลิ้น ไม่คิดจะสนใจเรื่องชู้สาวมานานแล้ว แต่ถ้ามีบ้างมันก็แค่สีสันในชีวิตเท่านั้น

ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป..

เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะเปิดแอปพลิเคชั่นสีเขียว หญิงสาวรับมือถือไปจับด้วยความดีใจ กดชื่อไอดีตัวเองลงไปอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตสีดำสนิทประกายระยิบระยับ ขนตางอนเป็นแพสวยสั่นไหวน้อยๆ ดูแล้วช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกิน หญิงสาวพงกหัวเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะผลักประตูรถออกไป

“เดี๋ยวสิครับน้องจีน” เขาเหลือบมองเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ ระยะจากสายตาต้องเห็นว่ารถเขาจอดอยู่ตรงนี้แน่ ชายหนุ่มยิ้มหวานเรียกหญิงสาวที่ทำหน้าตาสงสัย “จะไม่ให้รางวัลพี่หน่อยหรือครับ” นิ้วชี้เรียวยาวชี้ไปที่แก้มซ้ายของตัวเอง สายตาคมจ้องมองเหยื่อตัวน้อยตรงหน้า กลิ่นอายและบุคลิกหล่อร้ายมันทำให้หญิงสาวใจสั่น โน้มตัวลงไปจุมพิตที่แก้มสากของชายหนุ่ม

“จีนไปก่อนนะคะ แล้วจะทักไปค่ะ”

“บายครับ” ธัชธรรม์โบกมือก่อนจะลงจากรถ เขาหันไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ ใบบุญกำลังจับข้อศอกซ้ายของตัวเองเอาไว้ รู้สึกปวดหนึบเพราะแรงล้มเมื่อกี๊ จนเขาต้องโทรบอกกรวีร์ว่าจะขึ้นไปเช็คชื่อที่ห้องแล้วจะไปศูนย์พยาบาลเลยขอให้กรวีร์เก็บชีทเรียนให้เขาด้วย เงยหน้ามองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฉากบาดตา หญิงสาวโน้มตัวลงหอมแก้มของธัชธรรม์อยู่ตรงหน้า วินาทีนั้นใจเขาแทบหล่นไปที่ตาตุ่ม มันเจ็บแปลบเข้าที่กลางอกอย่างบอกไม่ถูก ดวงตากลมเบิกโพลงอยู่หลังแว่นตากลมหนาขุ่น เด็กหนุ่มกำมือแน่น เขาก้มหน้างุดไม่ยอมหันไปมองใครบางคนที่กำลังจ้องมาทางนี้

เจ็บจนหายใจไม่ออก..

“จะไปไหน” ธัชธรรม์ร้องทักเด็กหนุ่มที่กำลังเดินผ่านหน้าเขาไป ใบบุญชะงักก่อนจะหันมาเชื่องช้า เขาลอบสังเกตเห็นใบหน้าขาวของเด็กหนุ่มซีดเซียวกว่าเมื่อเช้าเสียอีก

“พี่ธัชมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“คนอย่างกูต้องมีอะไรด้วยหรือถึงจะคุยกับมึงได้” เริ่มไม่สบอารมณ์เมื่ออีกฝ่ายไม่สบตาเขา แถมยังยืนเว้นระยะห่างเหมือนเขาเป็นเชื้อโรค เขามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมเผ้ายุ่งเหยิงเนื้อตัวสภาพเลอะเทอะไปทั้งตัวจนดูแทบไม่ได้ “สภาพแบบนี้มึงจะไปเรียนเนี่ยนะ กูว่าต้องให้แม่พามึงไปทำประกันชีวิตหน่อยละ”

“ผมจะเป็นจะตายแล้วมันไปหนักหัวพี่ตรงไหน” ใบบุญไม่พอใจเหมือนกันที่โดนถากถาง ทุกครั้งที่เขาเก็บงำหรือไม่โต้เถียงเพราะเขาไม่อยากทำตัวไม่น่ารักให้ธัชธรรม์ไม่พอใจ แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร ผู้ชายคนนี้ก็ไม่เคยคิดจะสนใจความรู้สึกของเขาอยู่แล้ว

รักที่มีแต่น้ำตา..

“มึงกล้าเถียง?”

“ถอยไป!” เขาโมโหจนหน้ามืด ยอมรับว่าหึงธัชธรรม์กับหญิงสาวคนเมื่อกี้ เขาเผลอพูดเสียงดังจนแทบตะคอกด้วยซ้ำ ชายหนุ่มมองเขาตาเขม็งเส้นเลือดโผล่ตรงข้างขมับ เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธจัด ถ้าเขาเป็นตัวซวย.. ตัวโชคร้าย ก็เลิกวุ่นวายกับเขาสักที

“ใบบุญ!”

“อย่ามายุ่งกับผม!” เขาตะคอกใส่อีกคน มือไม้สั่นระริกไปหมด เป็นครั้งแรกที่เขาอยากจะร้องไห้ออกมาตรงนี้ “ปล่อยผมไปสักทีได้ไหม”

“กูวุ่นวายกับชีวิตมึงมากไปอย่างนั้นสินะ”

“….”

“อย่าสำคัญตัวผิดมากนักเลย” เขาเงียบ อีกฝ่ายเดินเข้ามาประชิด “เพราะแม่ขอร้อง กูถึงได้เข้าใกล้มึง”

“ที่พี่เป็นห่วงก็เพราะแม่หรอกหรือ” เขาถาม รู้สึกสะอึกในลำคอ มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกราวกับโดนน้ำเย็นสาดจนชาดิกไปทั้งตัว ที่ธัชธรรม์พาเขาไปโรงพยาบาล ช่วยดูแลมาส่งเขา ก็เพราะว่าแม่ขอร้อง..

“ใช่.. ที่กูทำลงไปก็เพราะเห็นแก่แม่”

“งั้นพี่ก็ไม่จำเป็นต้องมาห่วงผมแล้วล่ะ” เขากลั้นเสียงสะอื้น ยกมือเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม รู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกินที่คิดว่าเขารู้สึกดีกับเราบ้างแล้ว “ผมดูแลตัวเองได้”

“ปากเก่งนักนะมึง” ธัชธรรม์มองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังขู่ฟ่อ ถ้าเป็นลูกแมวก็คงกำลังกางเล็บพร้อมจะข่วนเขาเต็มที่ สภาพเด็กหนุ่มตอนนี้เสื้อนักศึกษาหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกงแถมยังเลอะเทอะไปหมด ตรงข้อศอกมีเลือดไหลอาบจนเปียกชุ่ม แผลใหญ่ขนาดนั้นแต่ไม่บอกเขาว่าเจ็บสักคำ ธัชธรรม์คว้าข้อมือน้องชาย ต่อให้มันดื้อแค่ไหนเขาก็จะต้องพามันไปหาหมอให้ได้

“ปล่อยผมนะ” เจ้าตัวดิ้นพล่าน จะอ้าปากงับแขนเขาอยู่หลายรอบ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาและใบบุญทะเลาะกันนับครั้งได้ ต่อให้จะโมโหแค่ไหน ใบบุญก็จะเชื่อฟังเขา ยอมฟังเขาทุกอย่าง ทั้งๆที่ควรเป็นอย่างนั้น..

เวลามันทำให้คนเปลี่ยนไปได้จริงๆ

“พี่ธัช นี่มันเรื่องอะไรกัน ปล่อยเพื่อนผมเดี๋ยวนี้นะ” กรวีร์รู้สึกเอะใจถึงได้เดินออกมาตามหาเพื่อน ถึงได้เห็นใบบุญกับธัชธรรม์กำลังฉุดกระชากกันอยู่ เขากลอกตามองบน ถ้าไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องที่โตมาด้วยกันเขาคงคิดว่าเป็นคู่แฟนงี่เง่าที่ตีกันเช้าเย็น

ไอ้คู่นี่เอาอีกแล้ว..

“ไอ้กร กูไม่อยากจะแตะต้องมันหรอกนะ สกปรก!” ธัชธรรม์ปล่อยมือจนอีกฝ่ายเซไปหากรวีร์ ชายหนุ่มเช็ดมือข้างตัว ร้องเหอะออกมาก่อนจะผลุนผลันเดินเข้าตึกคณะไปอย่างรวดเร็ว ใบบุญมองตามทั้งน้ำตา อยากจะร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง

“มึงเป็นยังไงบ้าง ทำไมสภาพมึงเละแบบนี้วะเนี่ย” กรวีร์กันมามองเพื่อนเต็มตาถึงได้ตกใจ เยินขนาดนี้เขาไม่เรียกโดนเฉี่ยวแล้ว เขาประคองเพื่อนไปที่รถยนต์ของตัวเองก่อนจะพาไปส่งที่ศูนย์พยาบาล เด็กหนุ่มนั่งสะอึกสะอื้นไม่หยุด

“ฮึก ฮือ”

“เจ็บมากเลยหรอวะ” เขาถาม นั่งทำแผลอยู่ไม่นานใบบุญก็ออกมานั่งพักข้างนอก เจ้าหน้าที่ให้ยาแก้ปวดมากินเพราะแผลขนาดใหญ่ แถมยังต้องมาล้างแผลทุกวันด้วย ซวยจนไม่รู้จะซวยยังไงจริงๆ

“เจ็บ เจ็บมาก”

“ทำแผลเสร็จตั้งนานแล้วแม่งยังร้องไห้ไม่หยุด มึงเจ็บอยู่หรอ” เขาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ จงใจถามคำถามจี้ใจดำจนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตากลมสีน้ำตาลแดงช้ำไปหมด

“เจ็บจริงๆมึง กูเจ็บตรงนี้” เด็กหนุ่มทาบมือลงที่อกข้างซ้าย หัวใจยังคงเต้น เขายังหายใจอยู่ แต่มันปวดร้าวบาดลึกยิ่งกว่าใครจะรู้ เป็นเขาเองที่เห็นแก่ตัวไม่อยากจะรับรู้ว่าธัชธรรม์จะมีใคร

“ใบบุญ มึง” กรวีร์มองเพื่อนแล้วก็รู้สึกสงสาร ครั้งแรกที่รู้ว่าใบบุญชอบใครเขาก็คิดว่ามันเป็นไปแทบไม่ได้ “นานแค่ไหนแล้ววะที่เป็นแบบนี้ มึงชอบเขามาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“กูไม่รู้” เขาส่ายหัว แค่นึกถึงน้ำตาก็ไหลออกมา “กูรู้สึกไม่โอเคเลยจริงๆ”

“เดี๋ยวกูจะพามึงไปคลายเครียดเอง” เขาตบบ่าเพื่อน

แล้วมึงจะได้รู้ว่าผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก!

+++

แสงไฟระยิบระยิบราวกับหมู่ดาวพร่างพรายอยู่เหนือหัว แต่ในสถานที่นี้มันคือแสงจากหลอดไฟเล็กๆที่ประดับประดาอยู่ในสถานบันเทิงชื่อดังใจกลางเมือง ผู้คนแน่นขนัดตั้งแต่หัวค่ำเพราะระบบจองที่นั่งล่วงหน้าทำให้เหล่านักท่องเที่ยวยามราตรีที่จะเข้ามาเปิดโต๊ะภายในวันนี้จะต้องเป็นระดับ VIP ขึ้นไป ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโต๊ะชั้นสองในมุมที่สามารถเห็นเวทีเล็กๆด้านล่างได้ เขาขยับแก้วเหล้าสีอำพันไปมาจนเสียงน้ำแข็งกระทบดังแกร๊ง ท่วงท่าสง่างามเมื่อประกอบกับใบหน้าคมเข้มที่พระเจ้าบรรจงแต่งปั้นมาอย่างพอดิบพอดีทำให้สาวๆที่อยู่บริเวณใกล้เคียงลอบส่งสายตาเชิญชวนอยู่ไม่ขาด

ดวงตาคมกริบจ้องมองร่างบางที่กำลังโยกย้ายเรือนร่างอยู่บนเวที เสียงทรงพลังก้องกังวาลจนเขาไม่อาจละสายตาได้เลย มันตราตรึงใจราวกับเขาคุ้นเคยมันมาก่อน วงหน้าขาวแย้มยิ้ม ดวงตากลมสุขสกาวกำลังมองลงมาเบื้องล่างและกวาดขึ้นไปมองด้านบน ใบบุญก่อนจะชะงักเมื่อเห็นธัชธรรม์กำลังจ้องมอง ร่างสูงหนาในชุดเสื้อแจ็คเก็ตมีฮู้ดและกางเกงยีนธรรมดา ยังไม่อาจปกปิดเสน่ห์ที่แผ่กระจายมาพร้อมกับฟีโรโมนที่ดึงดูดผู้คนได้ เด็กหนุ่มหันหน้าหนีรีบปรับสีหน้าให้เข้าที่ ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับแฟนคลับที่มาออหน้าเวที

“ไม่ไปหาล่ะ เด็กมึงนี่” หิรัญดันข้อศอกไปทางเพื่อนที่จ้องมองคนบนเวทีตาหวานฉ่ำ ส่วนตัวเขาได้แต่นั่งเขี่ยแก้วเหล้าไปเรื่อย เพราะไม่มีอารมณ์อยากจะมาเที่ยวแต่เพื่อนเขามันลากมาจนได้

“ยังไม่ถึงเวลา”

“เออ ระวังเหอะหมาจะคาบไปแดก!” เขาพูดเสียงดัง อยากเห็นมันโดนน้องไบร์ททิ้งจริงๆ

“เอาเวลามาด่ากูไปหาเด็กของมึงเถอะ” ธัชธรรม์ปรายตามอง ก่อนจะส่ายหัวไปมา

“กูไม่มี กูโสด” หิรัญอยากจะวิ่งขึ้นไปคว้าไมโครโฟนประกาศมันเสียตอนนี้ว่าเขาอ้างว้างมานานแค่ไหน “ใครจะใจเริงเหมือนมึงล่ะ อ่อยเขาไปทั่ว” เขาแขวะเพื่อนที่ยังทำหน้ามึนอยู่นั่น

“กูไม่เคยอ่อยใคร”

“น้องจีนป่าวประกาศไปทั่ว ว่ามึงจีบเขา ไอ้ธัชเอ๊ย” ดาวคณะคนสวยก็ยังเสร็จมันจนได้ ข่าวกระจายไปเร็วมาก อีกหน่อยต้องมีศึกชิงนายกันเกิดขึ้นแน่นอน

“แค่คุยกันเฉยๆ ไม่มีอะไร”

“แต่น้องเขามีไง ปวดกบาลจริงๆ ไม่อยากจะคิด อีกหน่อยต้องมีผู้หญิงมาวิ่งไล่จับมึงอีกแน่” เขาไม่อยากจะคิดสภาพ ชื่อเสียงความดังมันมาพร้อมกับปัญหาจริงๆ

“กูไปหาไบร์ทก่อนนะ”

“เออ ไปไกลๆเลยมึงอะ” ธัชธรรม์ปลีกตัวออกมาจากหิรัญที่ยังบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เขาค่อยๆลัดเลาะผ่านผู้คนจนเข้ามาเกือบถึงเวที คนตัวเล็กในชุดสูธอ่อนสีดำกากเพชรระยิบระยับ เมื่อโน้มตัวลงมาคุยหยอกล้อกับแฟนคลับ ผิวขาวน้ำนมก็โผล่พ้นออกมาจากเสื้อ จนกระทั่งยอดอกสีอ่อนโผล่วับแวม แสงไฟสะท้อนเข้ากับโลหะสีเงินเป็นวงกลมที่เจาะเข้าที่ยอดอกสีสวย ชายหนุ่มขมวดคิ้วเขาเข้าไปยืนใกล้ๆจนอีกฝ่ายเบือนหน้าหนีไม่สนใจ

คิดจะเมินกัน?

เขายืนคุมเชิง มองผู้คนเริ่มเบียดกันเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มมากขึ้น สต๊าฟออกมาส่งสัญญาณว่าให้กลับเข้าไปด้านในได้แล้ว แต่ดูเหมือนความชุลมุนจะมีมากกว่าที่คิด เมื่อมีมือใครสักคนโผล่พรวดเข้ามากระชากเสื้อนักร้องคนเก่ง ร่างเล็กไม่ทันตั้งตัวจึงไปตามแรงดึงจนหน้าคว่ำร่วงจากเวที

“ไบร์ท!” เขายื่นมือเข้าไปคว้าเด็กหนุ่มได้ทันก่อนจะร่วงลงมายังแฟนคลับที่รอทึ้ง ชายหนุ่มใช้ร่างสูงใหญ่คุ้มกันคนตัวเล็กที่กำลังตกใจไม่ให้ใครเข้ามาถึงตัวได้ “เป็นอะไรไหม” ใบบุญเงยหน้ามองไปตามเสียงเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ตกใจรีบถอยห่าง

“ปล่อยผม” เขานิ่วหน้าเมื่อข้อศอกที่ยังปวดแปลบกระแทกเข้ากับแผงอกของชายหนุ่ม

“เจ็บตรงไหน” เขาตัดสินใจช้อนคนตัวเล็กขึ้นอุ้ม ใบบุญทำหน้าเหวอ เกาะเกี่ยวตัวเองเอาไม่ให้หล่นแทบไม่ทัน ทุกสายตาจับจ้องเป็นตาเดียว พร้อมทั้งแหวกทางออกเมื่อเห็นธัชธรรม์ เสียงฮือฮาดังมากขึ้นกว่าเดิมพร้อมเสียงซุบซิบที่ดังมาเป็นระยะ

“คุณ!”

“อยู่เฉยๆน่า” เขาปล่อยคนตัวเล็กลงบนโซฟา พลิกซ้ายพลิกขวาเมื่อไม่เห็นมีบาดแผลตรงไหนจึงนั่งลงข้างๆ ใบบุลอบกลืนน้ำลายรีบกระเถิบถอยห่างจากชายหนุ่ม

“หายไปไหนมา” ธัชธรรม์ถาม เขาจ้องเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งหลังตรงเหม่อมองไปทางอื่น กล้ามากทั้งๆที่เขายังอยู่ตรงนี้แต่ยังเมินกันได้!   

“ทำไมผมต้องบอกคุณ” ใบบุญเชิ่ดหน้า ใช้ดวงตาคู่สวยมองกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “หรือว่าคุณอยากให้ผมรับผิดชอบเรื่องคืนนั้น เราก็วินวินทั้งคู่ ผมไม่ได้ซีเรียสอะไร”

“ทั้งๆที่เป็นครั้งแรกน่ะหรือ” ชายหนุ่มตอกย้ำ ใช้เสียงแหบพร่าและร่างกายหนั่นแน่นโน้มตัวเข้ามาคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนี ไม่อยากสบสายตาอันตรายนั่น แม้ร่างกายจะต่อต้านแค่ไหนแต่หัวใจกลับอ่อนปวกเปียกราวกับเทียนไขโดนไฟลน

อันตรายจริงๆ


(ต่อด้านล่าง)




 
 
 



ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
Re: ★ You are my Galaxy ★ [Rhyme : 7 ] 25-10-61
«ตอบ #29 เมื่อ25-10-2018 12:40:40 »

(ต่อจากด้านบน)


“ถ้าคิดจะเอาเรื่องนั้นมาผูกมัดผม.. เชิญคุณกลับไปใช้มุกเก่าๆกับผู้หญิงของคุณเถอะ” เขาบอกตามตรงก่อนจะจุดยิ้มหวาน เท้าแขนกับโซฟาเอียงคอเล็กน้อย ลำคอขาวผ่องที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อสีดำสนิทยิ่งขลับให้เสน่ห์เย้ายวนของคนตรงหน้าเพิ่มมากขึ้น “ผมขอตัวนะครับ..อ๊ะ”

มือหนาคว้าลำคอขาวผ่อง และอีกข้างใช้ตระกรองกอดด้วยอ้อมแขน กดเอวบางเข้ากับตัว คนตัวเล็กกว่าส่งเสียงอู้อี้เมื่อริมฝีปากถูกกวาดคว้านด้วยลิ้นอุ่นร้อน ลมหายใจปัดป่ายใกล้ชิด อุณหภูมิรอบตัวคล้ายกับจะร้อนขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มดันแผงอกหนาเอาไว้ ยิ่งเบียดร่างกายให้ออกจากการถูกเกาะกุมเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะยิ่งไปเพิ่มเชื้อไฟให้คนตรงหน้ามากขึ้นเท่านั้น

“หยุดนะ” ใบบุญพูดเสียงเบา เริ่มหอบหายใจยากลำบากเพราะถูกสูบลมออกไปจนแทบตั้งตัวไม่ทัน

“อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะลืมกันได้จริงๆ”

“มีใครเคยบอกไหมว่าคุณหลงตัวเองเป็นบ้า”

“ไม่มีนะ” เขาเลิกคิ้ว ทำหน้างุนงง “ผมหลงตัวเองตอนไหน ผมหลงแค่คุณต่างหาก..”

“อื้อ! คุณธัช!” ริมฝีปากสวยคู่นั้นที่ชอบพ่นคำหยาบคายใส่ก้มลงมาดูดดึงเนื้ออ่อนยิ่งลิ้นสากแตะลากไล้ที่ห่วงเงิน ใบบุญกระตุกเฮือกความเสียวแล่นพล่านไปทั้งร่างกาย

“แค่นี้ก็จะไม่ไหวแล้ว”

“คุณรู้ได้ยังไง”

“คุณสั่นไปทั้งตัวเลย เอางี้ ผมไม่แกล้งคุณดีกว่า” เขายิ้ม ก่อนจะถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกจนเหลือแค่เสื้อมกล้ามตัวบางติดตัว “เพราะผมจะทำจริง”

“คุณ ไอ้บ้า! ปล่อยนะ ผมตะโกนจริงๆด้วย” เขารู้ว่าห้องพักไม่ได้ล็อคแต่ก็ใช่ว่าใครจะเข้ามาได้ง่ายๆ เพราะมีการ์ดคุมอยู่หน้าตลอดเวลา ถ้าทำอะไรกันในนี้เสียงได้เล็ดลอดออกไปข้างนอกแน่

“ใครๆเขาก็รู้ว่าคุณกับผมเป็นอะไรกัน”

“มั่วที่สุด ผมไปเป็นอะไรกับคุณตอนไหนมิทราบ”

“เป็นตั้งแต่คืนนั้นแล้ว” ธัชธรรม์พูดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เขาทั้งอึ้งทั้งงงไปหมด “หรือว่าคุณไม่กล้าที่จะยอมรับ?” ชายหนุ่มตวัดเอวของอีกคนให้เข้ามาใกล้ ใบหน้าแดงเห่อร้อนทำเอาธัชธรรม์หัวเราะหึในลำคอ ภาพที่ใครต่อใครเห็นบนเวทีกับตัวจริงที่อยู่กับเขาช่างแตกต่างกันเหลือเกิน

“ทำไมจะไม่กล้า!”

“งั้นคุณก็มาเป็นแฟนผมซะสิ”

“ได้! เห้ย คุณพูดบ้าอะไรเนี่ย” ใบบุญตกตะลึง มองชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ “นี่มันจะไปกันใหญ่แล้วนะ!”
“สมยอมกันทั้งสองฝ่ายๆ แฟร์ดี”

“แล้วผู้หญิงของคุณล่ะ! นี่อย่าจับอะไรมั่วซั้วนะ” เขาตีมืออีกฝ่ายเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรยุบยับที่สะโพก เขาล่ะปวดหัวกับพ่อปลาหมึกตัวนี้จริงๆ!

“ผมไม่คิดจริงจังกับใครอยู่แล้ว” ธัชธรรม์เกลี่ยแก้มขาวของอีกฝ่าย ยอมรับอย่างแมนๆว่าถูกใจไบร์ทอย่างถอนตัวไม่ขึ้น มันมีความรู้สึกบางอย่างที่เขาคุ้นเคยและอยากค้นหา “ยกเว้นคุณ”

“ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง เหอะ”

“การกระทำเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้” สายตาร้อนแรงที่ส่งมามันดึงดูดให้เขาจ้องมองอยู่นานสองนานจนลืมไปว่ามันอันตรายแค่ไหน!

“ปล่อยผมนะคุณ.. อ๊ะ” เขาถูกช่วงชิงจูบอีกครั้งคราวนี้ลิ้นร้อนฉ่าไม่ยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระ กวาดต้อนเอาลมหายใจและเพิ่มแรงดูดดึงจนเขาเริ่มตาพร่ามัว มือขาวจับเข้าที่ไหล่ลาดหนาและออกแรงจิกเมื่อถูกยอดอกถูกบีบเค้นจนเขาต้องนิ่วหน้า “อย่านะคุณ ที่นี่ไม่ได้!”

“ไม่มีใครเข้ามาหรอกน่า”

“ไอ้ลามก!”

“ถ้ายังไม่หยุดพูด เดี๋ยวจะให้พูดไม่ได้เลย” ธัชธรรม์ขยี้ยอดอกสีชมพูอ่อนของอีกฝ่ายจนสีมันเข้มขึ้น ใบบุญเชิดหน้าขึ้นอย่างอดทนไม่ไหวก่อนจะเผลอส่งเสียงร้องครวญครางอย่างน่าอายออกมา มือขาวรีบตะครุบริมฝีปากตัวเองเอาไว้

“คุณมันโรคจิต!”

“หึ ผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” เขาก้มลงฝากรอยช้ำเอาไว้ที่ซอกคอขาว ทั้งขบเม้มและออกแรงกัดเล็กน้อยจนคนตัวเล็กส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสงสาร มือที่ว่างฟ้อนเฟ้นไปตามเนื้อขาวนวลที่นุ่มนิ่มไปหมด เขาแตะไล่ลงไปยังกางเกงที่คับพองเพราะความตื่นตัวบางอย่างแล้วก็ต้องจุดยิ้มหัวเราะ “ร่างกายยังพูดความจริงมากกว่าปากคุณอีก”

“ก็คุณ! อื้อ!”

“แยกขาออก” เขากระซิบข้างหู เอนร่างบางลงไปนอนแผ่บนโซฟารูดซิบกางเกงออกมาจนเห็นชั้นในสีขาว ดูแล้วน่ารักไม่เหมาะกับลุคเซ็กซี่ของอีกฝ่ายสักนิด “แบบนั้นแหละเด็กดี”

“ฮื่อ ไม่เอา”

“มันจะไม่เจ็บเหมือนครั้งที่แล้วแน่ๆ”

“ไม่จริง”

“ไม่เชื่อใจงั้นหรือ”

“ผมไม่เชื่อคุณหรอก คุณมันจอมหลอกลวง”

“คราวนี้พี่จะทำเบาๆ” เขาปลอบโยนเด็กขี้แยที่เริ่มสะอื้นไห้ไม่หยุด เด็กหนุ่มแอ่นอกขึ้นมาเมื่อถูกปนเปรอจนตาลาย ราวกับร่างกายกำลังถูกแผดเผา มันร้อนรุ่มจนอยากจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกไปให้หมด “ไม่ต้องกลัวนะ”

ใบบุญไม่คิดว่าธัชธรรม์จะอ่อนโยนได้ขนาดนี้ เขารู้ว่าชายหนุ่มก็มีมุมแบบนี้บ้างเหมือนกันแต่เขาก็ไม่เคยเห็นมานานแล้ว มือขาวสอดเข้าที่กลุ่มผมดำสนิท ธัชธรรม์ป้อนจูบให้เขาไม่ขาดส่วนมือที่ว่างก็พยายามตระเตรียมช่องทางของเขาให้พร้อม ตอนนี้ใบบุญรู้สึกเหมือนยอดอกเขากำลังจะขาด เขาหายใจถี่รัว เหมือนจะขาดใจตายให้ได้

“ไม่ต้องเกร็งนะ พี่เข้าไม่ได้”


“อะ อื๊อ” เขารู้สึกแปลกๆจนต้องส่งเสียงร้อง อีกฝ่ายจูบซับที่ข้างแก้มเขาไม่หยุด

“ไบร์ท.. ” ชายหนุ่มเรียกเขา “ผ่อนคลายหน่อย” สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและทะนุถนอม ซึ่งใบบุญคงไม่มีวันจะได้รับ แค่คิดน้ำตามันก็พาลจะไหลออกมาอีกรอบ

“ฮึก ฮือ”

“ไม่ร้อง” มือที่ว่างของชายหนุ่มจัดการปลดเสื้อสูทสีดำออก เผยยอดอกสีสวยที่กำลังแข็งเกร็งเพราะแรงอารมณ์ เขาก้มลงดูดดึงใช้ฟันแข็งแรงขบกัดจนคนตัวเล็กสั่นกระตุกไปทั้งตัว เสียงร้องเรียกที่เต็มไปด้วยความต้องการยิ่งทำให้ธัชธรรม์ออกแรงมากขึ้นจนตุ่มไตสีสวยเคลือบไปด้วยน้ำชุ่มชื่นแวววาว ชายหนุ่มไล่ลงมาที่ท่อนแขนบาง ใบบุญเบ้หน้าเบาๆด้วยความเจ็บเขาสูดปากไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมา

“ตรงนี้เป็นอะไร” เขาทำหน้างุนงง เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกเหมือนพันด้วยผ้าอะไรสักอย่างนูนขึ้นมาเล็กน้อย

“ปล่อยผมไปเถอะ” เขาวางทับมือตัวเองลงบนมือหนาก่อนจะค่อยเลื่อนมือธัชธรรม์ออก อยู่ๆก็รู้สึกตัวชาวาบ เขาไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากพี่ชายรู้ว่าเขาเป็นใคร มันจะเกิดอะไรขึ้น เขายังไม่พร้อม..

“ทำไมล่ะ เจ็บตรงไหน บอกพี่สิ” ชายหนุ่มดูตกใจมาก ถามเขาด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก “ล้มเมื่อกี๊ใช่ไหม?”

“ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น” ริมฝีปากอุ่นร้อนยังคลอเคลียที่แก้มขาวไม่ห่าง เด็กหนุ่มตั้งสติไม่ตัวเองหลงใหลไปกับความวาบหวามนั่น ธัชธรรม์แตะลิ้นลากไล้ลงมาตามซอกคอขาวหอมกรุ่น สูดดมกลิ่นกายหอมอ่อนๆเข้าไปเต็มปอด เขาบดเบียดร่างกายแน่นหนั่นของตัวเองทาบทับลงไปเชื่องช้า ราวกับสัตว์ผู้ล่าที่กำลังเขมือบเหยื่อ

“โกรธอะไรพี่?”

ปึง!

“อ้าว ทำไมผมเข้าไม่ได้ล่ะครับ” เสียงโวยวายหน้าประตูของกรวีร์ ทำให้เขาสะดุ้งเฮือกรีบผละออกมาจากชายหนุ่มเขาแอบลอบถอนหายใจก่อนจะดึงเสื้อขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อย สมเพชตัวเองชะมัด แค่ธัชธรรม์เข้ามาใกล้นิดหน่อยก็อ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว นี่มันอันตรายจริงๆ

“ผม…” เขาพูดเสียงเบา “อยากกลับแล้ว”

“อย่างน้อยให้พี่ติดต่อเราได้บ้าง”

“ผมไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับใคร”

“แล้วพี่ล่ะ..” ดวงตาคมเข้มจ้องมอง ติดตรึงไม่ให้เขาหลีกหนีไปไหนได้เลย “ไบร์ทก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยใช่ไหม”

“ผม..”

“อ้าว ไบร์ท พี่ธัช?” เสียงผลักประตูเข้ามาทำให้ทั้งคู่หันไปมองผู้มาใหม่ กรวีร์เกาหัวแกรกทำหน้างุนงงสงสัย เขามองไปยังเพื่อนสนิทที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือ เขาไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นอยู่กับธัชธรรม์เขาก็รู้สึกหม่ะนไส้ขึ้นมาทุกที “เมื่อกี๊เห็นเฮียบอกว่าหน้าเวทีมีปัญหานิดหน่อย ก็เลยรีบมาเลยเนี่ย มึงไม่เป็นอะไรใช่ไหม” กรวีร์มองด้วยสายตาเป็นห่วง เขารู้ว่าใบบุญช่วงนี้ร่างกายอ่อนแอ เขาเลยกังวลมากเป็นพิเศษ

คนบ้าอะไรเข้าโรงพยาบาลเหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2

“ไม่เป็นไร กลับเถอะ” เด็กหนุ่มดันตัวขึ้นจากโซฟา ร่างบางเกือบจะเซไปอีกทางเพราะร่างกายไม่ค่อยมีแรง

“ไบร์ท เดี๋ยวก่อน เรายังคุยกับพี่ไม่รู้เรื่องเลย”

“ผมไม่คุย” เขาตวัดเสียงเข้ม ไม่ยอมหันหน้าไปมองด้วยซ้ำ “เลิกยุ่งกับผมได้แล้ว”

“ว้าว เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย” กรวรีร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ชายหนุ่มยอมรับว่าหมั่นไส้ธัชธรรม์สุดๆ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพ่อหนุ่มซุปเปอร์สตาร์ของวงการแรปรู้ว่าคนที่ตัวเองตามหาตามจีบเอาเป็นเอาตายคือน้องชายตัวเองที่เกลียดนักหนามันจะเป็นยังไง

แค่คิดก็มันส์แล้ว.. หึ!

“เกี่ยวสิ ไบร์ทเป็นแฟนพี่”

“หา” กรวีร์แหกปากไม่พอยังพูดพร้อมทำตาโต ในที่สุดธัชธรรม์ก็พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ เขามองเพื่อนตัวเองที่หน้าซีดไปเรียบร้อย “ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับพี่ธัช”

“กร!!” ใบบุญหันไปถลึงตาใส่เพื่อนที่ยังล้อเลียนไม่เลิก

“มึงเขินหรือวะไบร์ท” กรวีร์ได้ทีก็แซวเพื่อนใหญ่ หัวเราะท้องคัดท้องแข็งไม่เลิก

“ผมขอร้อง คุณอย่าพูดอะไรมั่วๆออกมาอีกนะ!” เขาหันไปบอกชายหนุ่ม ดูเหมือนว่าธัชธรรม์ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ รีบสาวเท้าเข้ามาใกล้ เขาเบี่ยงตัวหลบไม่ยอมให้แตะตัวเขาได้อีกแล้ว

“พี่พูดจริงๆ”

“แต่ผมไม่เอาคุณเป็นแฟนแน่”

“พี่ไม่ยอมแพ้หรอก”

“คุณ!!” เขาเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วนะ

“เราก็มาดูกันว่า คนอื่นจะเชื่อพี่หรือจะเชื่อไบร์ท” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาอยากจะทุบคนตรงหน้าเหลือเกิน!

“คุณขู่ผม?”

“พี่ไม่ได้ขู่สักหน่อย พี่แค่ทำในสิ่งที่ใจพี่ต้องการ”

“ใจเย็นๆนะครับทุกคน ค่อยๆคุยกัน” กรวีร์เข้าไปแทรกกึ่งกลาง เมื่อเห็นเพื่อนโมโหหน้าแดงก่ำไปหมด เขารู้ว่าใบบุญไม่อยากเข้าใกล้ธัชธรรม์เพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้ความจริง

“กร กูจะกลับแล้ว”

“มึงแน่ใจนะว่าคุยรู้เรื่องแล้ว ถ้าพี่เขามาตามหามึงอีกจะให้กูตอบยังไง”

“ไม่ต้องบอกอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาด้วย!”

“อ้อ” กรวีร์เดาะลิ้น ก่อนจะหันไปยิ้มแฉ่งให้ “ตามนี้นะครับพี่ธัช” ชายหนุ่มเริ่มคิ้วกระตุก เขาจะไม่ชอบขี้หน้ากรวีร์ก็วันนี้แหละ

กวนตีนชะมัด

“ไบร์ท”

“เราไม่ควรจะรู้จักกัน คุณเลิกยุ่งวุ่นวายกับผมเถอะ” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือเขาเอาไว้ก่อนจะจับจูงออกไปจากห้อง “โอ๊ย ปล่อย”

“ขอยืมตัวเพื่อนแปบนะ”

“ไม่ต้องรีบคืนนะพี่” กรวีร์โบกมือลา มองสองคนที่เดินผ่านหน้าเขาไป ใบบุญหันมองหน้าอย่างขอความช่วยเหลือ เขาได้แต่ถอนหายใจ การจะแส่เข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่น โดนเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ชอบอยู่แล้ว แล้วยิ่งเขารู้ว่าใบบุญก็ชอบธัชธรรม์ขนาดไหน ชายหนุ่มส่ายหัวตัวเขาเองก็จนปัญญาเหมือนกัน

เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง!

   ตอนนี้ใบบุญกำลังอารมณ์พุ่งขึ้นถึงขีดสุด ธัชธรรม์อุ้มเขาออกมาทั้งอย่างนั้น จนใครต่อใครที่เห็นต่างมองเป็นเรื่องปกติ ปกติบ้าอะไรกัน แทนที่จะช่วยห้ามปรามกลับยิ้มกรุ้บกริ่มกันไปหมด ขนาดเฮียยังไม่สนใจแถมยังให้เขารีบไปกับธัชธรรม์เร็วๆด้วย เขามาทำงานนะ ไม่ช่วยลูกน้องในสังกัดตัวเองแบบนี้มันบ้าที่สุด ไอ้เฮีย!

“ผมไม่ใช่สิ่งของที่คุณจะจับโยนไปไหนมาไหนก็ได้นะ” เขาขบฟันแน่น อยากจะข่วนหน้าธัชธรรม์เหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายมีร่างกายใหญ่โตและสามารถจะล็อคเขาไว้ได้ด้วยมือข้างเดียว บางทีเขาอาจจะทุบชายหนุ่มสักทีแล้วก็วิ่งหนีไป

ดูเหมือนมันจะเป็นความคิดที่ยากไปนิด เพราะตอนนี้เขากำลังอยู่บนรถสองต่อสองกับชายหนุ่ม!

“รู้น่า พี่ก็ไม่ได้จับโยนเราสักหน่อย พี่อุ้ม”

“ไอ้!”

“พูดเพราะๆหน่อยสิครับ เดี๋ยวโดนทำโทษนะ” ธัชธรรม์หันมายิ้มกรุ้มกริ่มใส่ เขารู้สึกดีที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก ยิ่งเวลาแก้มขาวมันพองเพราะความโกรธเขาก็อยากจะเข้าไปบีบสักทีว่ามันจะนิ่มอย่างที่คิดเอาไว้ไหม

“เลิกเล่นลิ้นได้แล้ว! ผมจะกลับ จอดรถให้ผมลงเดี๋ยวนี้” เขางอแง ทำหน้าบูดบึ้ง นี่เขากำลังโมโหนะ หัวเราะอยู่ได้! โมโหชิบหายเลยแม่ง!

“นั่งพักให้ใจเย็นๆก่อน” ชายหนุ่มจอดรถข้างทาง มองออกไปด้านหน้าเป็นเชิงสะพานข้ามแม่น้ำ นับว่าเป็นจุดชมวิวที่เหมาะแก่การพาคู่รักมาชื่นชมทีเดียว แต่เขาไม่ใช่ และเขาไม่อยากจะอยู่ใกล้ธัชธรรม์มากไปกว่านี้แล้ว!

ก่อนที่มันจะถลำลึกจนเกินไป..

“ไม่! ผมจะตะโกนให้คนช่วย ชะ อื้อ!” ธัชธรรม์ช้อนใบหน้าคนตัวเล็กเอาไว้ก่อนจะป้อนลิ้นร้อนพร้อมทั้งขบเม้มไปทั่ว อีกฝ่ายดิ้นขลุกขลักอยู่สักพักก่อนจะยอมอยู่นิ่งๆให้เขารังแกได้เต็มที่

“เด็กดื้อก็ต้องถูกทำโทษ”

“นี่มันในรถนะคุณ เดี๋ยวคนมาเห็นจะทำยังไง นี่ อย่ามาจับนะ” ใบบุญตีมือปลาหมึกที่วนเวียนอยู่แถวสะโพก ไม่รู้ว่าไปตายอดตายอยากมาจากไหน เจอเขาทีไรเป็นต้องจับกลืนลงท้อง

“มันร้อนขนาดนี้แล้ว ให้พี่ช่วยดีกว่า” ชายหนุ่มหมายถึงแก่นกายร้อนที่พองตัวอยู่ภายใต้กางเกงของอีกฝ่าย ใบบุญหน้าม้านเมื่อถูกชายหนุ่มจับได้ เขาพยายามปัดป้องเต็มที่แต่เมื่อถูกกระตุ้นยังจุดอ่อนไหว ร่างกายที่แข็งขืนมันก็ค่อยๆลดการต้านทานลง

“อื้อ อย่า”

“กลัวคนเห็นหรือ ตื่นเต้นกว่าปกติใช่ไหม”

“คุณมันโรคจิต!” เขาตะคอกทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ การถูกจับผิดในเรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขาอยากจะยอมรับทั้งๆที่ความจริงมันทนโท่อยู่ตรงหน้าหรอก-----โว๊ย เขาอยากจะบ้า!

“พี่รู้ว่าไบร์ทชอบ”

“ผมไม่เคยพูดสักคำ อ๊ะ อย่านะ ปล่อยก่อน” เด็กหนุ่มเริ่มดิ้น เมื่อซิปถูกรูดลงจนสุด มือหนาคว้าแก่นกายร้อนเอาไว้ก่อนจะรูดรั้งด้วยแรงช้าสลับเร็ว ใบบุญเบ้หน้าเพราะความรู้สึกแปลกๆเริ่มแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย เขายอมรับอย่างแมนๆว่าเคยช่วยตัวเองเพราะนึกหน้าของธัชธรรม์ พออีกฝ่ายมาทำให้เขาแบบนี้ บอกตรงๆมันแทบจะเสร็จตรงนี้เดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ

อาการนักละไอ้ใบบุญ..

“อย่าดิ้นสิ อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำอะไรกันหรือไง”

“แฮ่ก ฮื่อ.. ปล่อยผม” เขาร้องเสียงพร่า ไม่ได้รู้ตัวเองสักนิดว่าท่าทางและสายตาที่ฉ่ำปรือแบบนี้มันยั่วให้ชายหนุ่มอดกลั้นมากแค่ไหน

“พี่ปล่อยแน่.. ตอนที่ไบร์ทเสร็จนะ”

“เดี๋ยว! ทำอะไรเนี่ย” เขาร้องลั่นเมื่อเห็นธัชธรรม์กำลังก้มลงใช้ริมฝีปากครอบครองตัวตนเขาไปจนหมด นี่มันบ้าไปแล้ว! “มันสกปรกนะคุณ เงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย! อ๊ะ อ๊า ฮึก อย่า มัน อึก” เขาร้องไม่เป็นภาษาอีกฝ่ายไม่หยุดให้เขาเลย มันน่าโมโหที่สุด!

“มันรู้สึกดีไหม”

“ตะตรงนั้น”

“ตรงไหน” เขาถามย้ำ เมื่อใช้ลิ้นร้อนลามเลียไปบริเวณส่วนอ่อนไหวก็เห็นคนตัวเล็กกระตุกเฮือก เขายิ้มก่อนเร่งลงมืออีกครั้ง

“ฮื่อออออออ” นิ้วมือเรียวยาวเคลื่อนเข้าไปจับกลุ่มผมสีดำของชายหนุ่มทั้งสองข้าง เขาไม่สามารถขยับสะโพกไปไหนได้เพราะถูกแรงหนักของอีกฝ่ายกดทับเอาไว้ ตอนนี้ใบบุญรู้สึกเหมือนจะตาย เขาจะตายแล้วใช่ไหม.. “มะไม่เอาแล้ว”

“ไม่ได้หรอกมาถึงขั้นนี้แล้ว” ธัชธรรม์หัวเราะแผ่วเบา “เด็กดีต้องเชื่อฟังพี่นะ”

‘เด็กดีต้องเชื่อฟังพี่นะครับ ใบบุญ’

‘ถ้าหนูเป็นเด็กดี พี่ธัชจะพาหนูไปกินขนมใช่ไหม’

‘ใช่ กินให้พุงแตกไปเลยดีไหม’

‘ไม่เอาพุงแตก ใบบุญกลัว’


‘ก็ได้ๆ งั้นกินแต่พอดี แต่ว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความลับของเราสองคน ห้ามบอกแม่นะ’

‘ได้ฮะ ความลับของเราสองคน ใบบุญสัญญา.. จะเป็นเด็กดี’

ใบบุญดึงตัวเองกลับจากความคิดที่ชอบดึงให้เขาจมลงไปในความรู้สึกเก่าๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่บนปุยเมฆนุ่มนิ่ม เด็กหนุ่มตาปรือฉ่ำหวาน เอนร่างกายไปตามเบาะรถยนต์ที่ถูกปรับจนสุด เขาเหลือบมองก้อนกลุ่มผมสีดำที่ขยับขึ้นลง นี่เขาฝันไปหรือเปล่า ธัชธรรม์กำลัง เอ่อ กำลัง..

“อย่าทำแบบนี้”

“ทำไมล่ะ”

“มันสกปรก ไม่เอา ออกไปก่อน” เด็กหนุ่มร้องถามเสียงผะแผ่ว “นะ”

“พี่เต็มใจ พี่อยากจะทำ”

“แต่..”

“ไม่มีแต่ทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลอะไร” ชายหนุ่มยิ้ม ค่อยๆตะล่อมเจ้าลูกแมวจอมดื้อให้เชื่อฟังเขาแต่โดยดี อีกฝ่ายกำลังมึนงงจากสิ่งที่เขาปนเปรอไปเมื่อครู่ ยังไม่มีสติเต็มร้อย “ค่อยๆแยกขาออกนะ”

“อะ อื้ม” ใบบุญร้องคราง “มันรู้สึกดี.. อึก”

“เห็นไหมพี่บอกแล้ว” ธัชธรรม์ยังคงทำให้อีกฝ่ายสบายใจด้วยการพูดปลอบโยน “ถ้าไบร์ทผ่อนคลายมันจะยิ่งดีกว่านี้”

“อย่าโกหกผม..”

“พี่ไม่มีทางโกหกหัวใจตัวเอง” อยู่ดีๆน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ..

“ฮึก ฮือ”

“ไม่ร้องนะคนดี..” ธัชธรรม์เกลี่ยหัวตา ค่อยๆซับน้ำตาอย่างแผ่วเบาให้คนตัวเล็ก ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกแปลกประหลาดกับคนตรงหน้า มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยคลับคล้ายคลับคลาราวกับเคยรู้จักมาเนิ่นนาน นิสัยเย่อหยิ่งที่เข้าใกล้แล้วจะเปลี่ยนเป็นคนละคน ขี้แย แถมยังปากแข็ง เหมือนเขาไม่มีผิด.. ธัชธรรม์ชะงักกึก เวลานี้เขาดันไปนึกถึงน้องชายนอกคอกที่เขาไม่คิดจะเหลียวแล มองเป็นก้อนฝุ่นที่เกะกะสายตา

ไม่ใช่หรอกมั้ง.. มันจะเป็นไปได้ยังไง

เขายังจดจำสายตาคู่นั้นได้เสมอ ดวงตากลมโตสน้ำตาลเข้มที่มองมาทางเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะพบเจอกับอะไรก็ตาม เขาก็มั่นใจว่าจะเด็กตัวอ้วนกลมคนนั้นจะวิ่งเข้ามา แม้จะไม่มีเรี่ยวแรงจะไปต่อกรกับใครได้ ต่อให้คนทั้งโลกจะก่นด่าเขามากมายเท่าไหร่

‘หนูจะอยู่ข้างพี่ธัชเอง’

   “คุณ..” ธัชธรรม์หลุดออกจากพะวัง เขามองเดกหนุ่มที่กำลังทอดกายอยู่ตรงหน้า “มันรู้สึกแปลกๆ”

“ตรงนี้หรือ”

“อื้อ” ใบบุญเบิกตาโพลงเมื่อถูกสัมผัส “อะ อะไรน่ะ” เด็กหนุ่มตัวสั่นระริกเมื่อช่องทางเล็กแคบถูกบุกรุกด้วยนิ้วอุ่นร้อน ดวงตากลมรื้นไปด้วยหยาดน้ำสีใส เมื่อความเจ็บแสบถูกแปรเปลี่ยนเป็นความสุขสม เสียงครางเครือดังออกมาริมฝีปากคู่สวย ธัชธรรม์ค่อยๆนำพาให้อีกฝ่ายไต่อารมณ์ไปพบกับความรู้สึกเสียวซ่าน เขาจุดยิ้มมองเรือนร่างขาวโพลนที่กำลังยั่วเย้าเป็นที่สุด คราบน้ำสีใสที่มุมปากทำให้เขาก้มลงไปชิมความหวาน ใช้ลิ้นอุ่นร้อนกวัดกวาดดูดดึงจนมือขาวต้องกำแน่นเข้าที่ไหล่หนา มือที่ว่างของเขายังไม่หยุดทำงาน ดุนเข้าดันออกปรับสภาพร่างกายให้พรั่งพร้อมจะรับความใหญ่โตของเขาได้

“ชอบไหม” เขากดจูบที่ข้างแก้มก่อนยกเรียวขาขาวให้พาดที่ลาดไหล่หนา เขาขบเม้มไปตามน่องขาเรียวที่ไร้เส้นขน ยิ่งเนื้ออ่อนตรงท่อนขาเขาใช้ลิ้นดุนดันพร้อมทั้งดูดจนขึ้นเป็นสีกุหลาบจ้ำไปหมด

“อย่าทำรอยนะ”

“ทำสัญลักษณ์ว่าพี่เป็นเจ้าของ ไม่ดีหรือ”

“คิดว่าคุณทำได้อยู่คนเดียวหรือไง” เด็กหนุ่มคว้าลำคอของอักฝ่ายโน้มลงก่อนจะดูดดึงจนเกิดเสียงน่าอาย ใบบุญไม่สนใจถ้าหากธัชธรรม์อยากจะแสดงความเป็นเจ้าของกับเขา เขาก็จะทำบ้างเหมือนกัน

“ทำตรงนี้กลัวคนอื่นไม่เห็นหรือไง”

“คนอื่นก็จะได้รู้ไง คุณน่าจะชอบ”

“ร้ายจริงๆ” เขายิ้ม ชักนิ้วที่กำลังคาเอาไว้ออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพรั่งพร้อมที่จะเป็นของเขาแล้ว ลูบไล้ท่อนแข็งแกร่งที่พร้อมจะสู้รบ ใบบุญไม่กล้าเหลือบมองสักนิด เขาอายเกินกว่าจะมองได้ “ผ่อนคลายนะ”

“อะ อืม” รู้สึกแน่นตึงกว่าความเจ็บก่อนท่อนร้อนจะถูกดันเข้ามา ธัชธรรม์ป้อนจูบให้เขาไม่ขาด ไม่ให้เขาไปเพ่งนึกถึงส่วนล่าง ช่วยให้เขาผ่อนคลายมากขึ้น สองขาเรียวยาวตวัดรัดเอวสอบที่กำลังเสือกไสตัวตนเข้าไปจนสุด เสียงครวญครางผะแผ่วดังขึ้นเป็นระลอกเมื่อถูกจุดอ่อนไหว เขาก้มลงจูบซับเหงื่อให้คนตัวเล็ก

“แน่นชิบ”

“อ๊ะ อื้อ”

“จับพี่เอาไว้”

“อึก อ๊ะ”

“ไม่เจ็บนะ”

“ไม่เจ็บ แต่มัน..” เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำเมื่อเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาร้อนแรง ผิวกายเสียดสีกันจนเกิดความร้อน มีเหงื่อชื้นแฉะ เขาหลุบตาลง จนเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวเข้าออก “ฮื่อ..”

“ทำไมหน้าแดงแบบนั้น ร้อน?” ขายหนุ่มเสียงแหบพร่า กำลังสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้ทำรุนแรงเกินไปนัก “หรือว่าเขินกันแน่”

“ปละเปล่า อ๊ะ..” ดันแผงอกหนากำยำของคนตรงหน้าเอาไว้ “ช้าหน่อยได้ไหม”

“อะไรนะ พี่ไม่ได้ยิน” มือหนาเลื่อนลงไปหยอกเย้าจุดอ่อนไหวที่กำลังแข็งตัวของเขา ใบบุญร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ไม่เคยชินกับเรื่องแบบนี้สักที ยิ่งเห็นคนตรงหน้าเขินอายแทบจะม้วนตัวเองเป็นก้อนนุ่น เขารีบดึงดันเข้าออกอย่างรวดเร็ว ก้มลงประกบปากส่งความหวานเมื่อกำลังจะไปถึงฝั่งฝัน เด็กหนุ่มกระตุกเฮือกสั่นระริกไปทั้งตัวผวาเข้ากอดธัชธรรม์แน่น

“อื๊อ”

“เลอะเทอะไปหมดเลย” เขากอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ไม่ยอมทอดถอนออกไปจากร่างกายของคนตัวเล็ก “ถอดเสื้อได้ไหมพี่จะเช็ดตัวให้”

“มะไม่เป็นไร” ใบบุญตอบ เขาดึงดันไม่ยอมจะถอดเสื้อออกเพราะไม่อยากให้ธัชธรรม์เห็นแผลที่ข้อศอก เขาไม่อยากตอบคำถาม ไม่อยากเห็นสายตาอบอุ่นแปรของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นสายตาเกลียดชังอย่างที่เขาเคยเจอ

เขากลัว..

“อย่าดื้อน่า”

“คุณก็อย่าดื้อ!” เขาใช้สองมือกระชากใบหน้าหล่อเหลาลงมาก่อนจะป้อนจูบหวาน เป็นการปิดปากและให้หยุดเรื่องที่จะพูดซะ! “พูดมากจริงๆ”

“ถ้าพูดมากแล้วโดนแบบนี้พี่ก็อยากจะพูดทั้งวัน” เสียงหัวเราะดังออกมาจนเขาอยากจะมุดหน้าลงกับพื้น ให้ตายเถอะ ไม่มียางอายเลยใช่ไหม!

“บ้า!”

“ให้พี่ช่วยแต่งตัวไหม”

   “หยุดความคิดน่ารังเกียจของคุณซะ” เขาพูดโดยไม่ปรายตามองคนข้างๆเลยสักนิด ค่อยๆสวมเสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อย ธัชธรรม์ได้แต่มองและอมยิ้ม

“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มมันทำให้เขาอยากจะทุบให้ใบหน้าหล่อๆนั่นมีแผลซะบ้าง ธัชธรรม์เดินลงไปจากรถ เขาหยุดยืนที่สะพานข้ามแม่น้ำ แสงไฟระยิบระยับส่องประกายของตึกสูงในยามค่ำคืนมันช่างงดงามแข่งกับแสงดาวบนท้องฟ้าเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้ เขายืนสูดอากาศจนพอใจ ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม

“คุณ..”

“ว่าไง?”

“เราไปโรงแรมกันได้ไหม”

“ได้สิ”

เด็กหนุ่มมองคนตัวโตที่นอนสลบไสลไม่ได้สติ คาดว่าอีกฝ่ายคงจะเหนื่อยกับการซ้อมดนตรีและทำเพลงใหม่กับหิรัญแน่ๆ เขาแตะลากไล้ไปตามสันจมูกโด่งสวย ริมฝีปากคู่นี้ที่พร่ำบอกว่า ‘รัก’ เขาตลอดทั้งคืน ธัชธรรม์ยอมเปิดเผยความรู้สึกและตัวตนให้เขารู้จัก ชายหนุ่มยังคงเป็นผู้ชายที่น่าทึ่งสำหรับเขาเสมอ ผู้เป็นพลังและแรงบันดาลใจให้เขาทำสิ่งที่รัก

‘พี่รักไบร์ทนะ’

‘คุณมันใจง่าย’

‘พี่ไม่อยากจะทรมานตัวเองมากกว่า ชีวิตคนเรามันสั้นนะ พี่คิดหรือพี่รู้สึกอะไรก็อยากบอกไปเลยดีกว่า’

‘คุณชอบผมเพราะอะไร’

   ‘เหมือนพี่เจอใครสักคนที่พี่คุ้นเคยกับเขาเหลือเกิน มันไม่มีเหตุผลมากมายนักหรอก ถ้าเราจะรักใครสักคนจริงๆ’

‘ผมเนี่ยนะ จะไปเหมือนใครในชีวิตคุณได้’

‘หลังจากนี้ก็ช่วยรับพี่ไว้ในชีวิตสักคนได้หรือเปล่า’

ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงด้วยกลิ่นบุหรี่ที่ธัชธรรม์ชอบสูบ มันลอยเคว้งคว้างกระจายกลืนไปกับกลิ่นเอกลักษณ์ของการร่วมรัก เขาหอบหายใจและหมดแรงจากกิจกรรมไปกี่รอบไม่อาจจะนับมันได้ครบถ้วน แต่จูบรสบุหรี่ยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น เซ็กซ์ที่เกิดขึ้นเพราะเขายินยอมและพร้อมใจให้มันดำเนินไปตามอารมณ์และความรู้สึกที่ตรงกัน มันคือการร่วมรัก..

แต่รักที่เกิดจากการหลอกลวงและปิดบังตัวตนที่แท้จริง เขาไม่นับว่ามันเป็นความรักหรอก

มันคือการเห็นแก่ตัว..

เขาเกลี่ยไล้ไปตามกรอบหน้าได้รูปสวย เขาชอบผิวแทนสีเข้มของชายหนุ่มเหลือเกิน ใบหน้าที่นอนหลับสนิทดูไร้พิษสงราวกับเด็กน้อย เขาปรารถนามาตลอดชีวิตว่าอยากจะมีโอกาสได้เคียงข้างชายหนุ่มในฐานะอื่นที่ไม่ใช่น้องชาย มันคงจะเป็นได้แค่ความฝันที่ตื่นมาแล้วก็ลืม เป็นได้แค่ควันจากบุหรี่ที่ลอยเจือจางและหายไปจากอากาศ เป็นได้แค่ซินเดอเรลล่าที่ถึงเวลาเที่ยงคืนก็ต้องไป จางหายไปตลอดกาล..

ทิ้งไว้แค่ความทรงจำบางเบาที่พร้อมจะปลิดปลิวไปได้ทุกเมื่อ เขาพยายามบังคับไม่ให้น้ำตามันไหล เขารู้ว่าตัวเองร้องไห้เยอะเกินไปแล้ว แต่อย่างน้อยมันก็เป็นน้ำตาของความสุข

“ใบบุญก็รักพี่ธัชเหมือนกัน”

ลาก่อน..



TBC.

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด